พิมพ์หน้านี้ - #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Loverouter ที่ 03-06-2018 07:29:09

หัวข้อ: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2018 07:29:09
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


หมายเหตุจากผู้แต่ง

นิยายเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน สถานที่ เนื้อเรื่องถูกแต่งขึ้นทั้งหมดจากจินตนาการของผู้แต่ง อาจจะมีคำไม่สุภาพบ้างนิดหน่อยในการแทนตัวของตัวละครหรือคำเขียนที่ผิดเพี้ยนจากคำที่ถูกต้องไปบ้าง เพื่อแสดงอารมณ์ของตัวละครในบทสนทนา แต่จะพยายามให้น้อยที่สุดนะคะ และหากเนื้อเรื่องตอนใดของนิยายเรื่องนี้ไปคล้ายคลึงชื่อใคร สถานที่ใด เรื่องใดก็ตามต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย แต่รับรองว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดมาจากจินตนาการผู้แต่งล้วนๆค่ะ ขอให้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

---------------------


นิยายเรื่องอื่นๆของผู้แต่ง



ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.0)

รักวุ่นดีปีโป้ช่วยลุ้น ภาค 1 และ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45546.0)

จนกว่ารักจะทักทาย (18+) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47582.0)

เคลียร์คิวหัวใจเอาไว้ให้ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52203.0)


ซีรีส์ชาวเกาะ
ปรุงรักให้ลงล็อก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58932.0)
ปลดล็อกให้ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64395.0)
เพลงรักที่หายไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.0)


มนตราแห่งมายัน
ภาค วสันตวิษุวัต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69992.0)
ภาค ครีษมายัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70879.0)


เรื่องสั้น
ผู้โชคดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70401.0)



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)


---------------------



หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2018 07:30:33
สารบัญ เพลงรักที่หายไป

[เรื่องมหัศจรรย์] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3840560#msg3840560) , [คืนที่ดาวเต็มฟ้า] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3841825#msg3841825) , [เพ้อ] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3842698#msg3842698) , [ทั้งรู้ก็รัก] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3843760#msg3843760) , [อากาศดีๆ] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3844519#msg3844519) , [สบตา] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3846313#msg3846313) , [เพียงแต่วันนั้น] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3848228#msg3848228) , [แค่คนอีกคน] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3848757#msg3848757) , [Home] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3850384#msg3850384)
[อยากจะมีเธอ] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3855066#msg3855066) , [เพราะผูกพัน] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3855629#msg3855629) , [ซักกะนิด] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3863236#msg3863236) , [คนไม่มีสิทธิ์] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3868196#msg3868196) , [กาลครั้งหนึ่ง] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3870012#msg3870012) , [ยังยิ้มได้] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3880401#msg3880401) , [ต่อให้ใครไม่รัก] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3887290#msg3887290) , [Endless story] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3893696#msg3893696) ,
[รักเดียวใจเดียว] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3903128#msg3903128) , [ที่ว่าง] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3913842#msg3913842) , [ห่วงหา] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3916404#msg3916404) , [ทุกคนเคยร้องไห้] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3922200#msg3922200) , [เรามีเรา] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3942527#msg3942527) , [ตอนจบ] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.msg3956787#msg3956787)

โปรย

ชีวิตในรั้ว Soleil International University ที่มีทั้งชมรมสาววายจอมยุ่งที่รักเชียร์ให้ผู้ชายทั้งโลกมารักกัน ชมรมกล่องดนตรีสายซึนที่โลกส่วนตัวสูงเท่ายอดตึกใบหยก ชมรมขนนกที่ชอบล้วงแคะแกะเกาเรื่องชาวบ้าน ชมรมกีฬาที่สาวๆ หนุ่มๆ ต้องปาดน้ำลายยามสมาชิกชมรมมาออกกำลังกายกลางแจ้ง และอีกมากมายที่จะมาสร้างสีสันในเรื่อง #เพลงรักที่หายไป

รวมถึงเรื่องราวของหนูด้วงและเพื่อนพ้องชาวแกงค์ The zoo ในวัยมหา'ลัย ประกอบไปด้วย หนูด้วง สิงโต นกฮูก เม่นและน้องเกล รวมถึงศัตรูตัวร้ายอย่างส้มโอและองุ่นก็มารวมกันอยู่ที่นี่ ทุกคนอยู่ในวัยที่กำลังค้นหาตัวเองและค้นหาความหมายของคำว่า 'รัก'

..รักในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป...

รักครั้งแรกที่แสนบริสุทธิ์ รักที่เฝ้ารอ  รักแรกพบที่ทำให้เหมือนตกอยู่ในความฝัน รักเพราะใกล้ชิด รักเพราะเหงา รักเขาข้างเดียวตลอดมาโดยที่อีกฝ่ายรับรู้ และ ไม่รับรู้ รักที่สมหวัง รักที่ผิดหวัง แอบรักเพื่อน และรักเพราะคิดว่ามันคือรัก

เรื่องราวของนิยายเรื่องนี้จะถูกถ่ายทอดไปพร้อมกับบทเพลงเก่าๆ บางเพลงเราอาจจะไม่เคยได้ยิน บางเพลงอาจจะหายไปกับกาลเวลา แต่ทุกบทเพลงก็เหมือนความรัก มันมีหลายรูปแบบ บางครั้งมันทำให้เราร้องไห้ได้ง่ายๆ บางครั้งมันทำให้เรายิ้มได้ บางเพลงกว่าเราจะได้ค้นพบว่ามันเป็นเพลงที่เรารัก มันก็ใช้เวลานานเหลือเกิน 


**เรื่องนี้เป็นภาคแยกของหนูด้วง เด็กน้อยน่ารักในเรื่อง ปรุงรักให้ลงล็อก และ ปลดล็อกให้ความรัก ผู้แต่งเชิญชวนว่าให้อ่านสองเรื่องที่กล่าวมาก่อนตามลำดับ จะพาให้คุณอินกับเรื่องนี้มากขึ้น แต่ถึงท่านอยากอ่านเรื่องนี้ก่อนก็รู้เรื่องค่ะ

.
.
.
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2018 13:58:17
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์
ศิลปิน Sofa


Soleil International University

‘อรุณสวัสดิ์นักศึกษาใหม่ทุกคน ขอต้อนรับเข้าสู่มหาวิทยาลัยนานาชาติโซเลย ทุกเช้าแบบนี้พบกับผมอีกเช่นเคย..ดีเจเวนส์’

‘ส่วนดิฉัน..ดีเจมาเมย ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาทุกท่านที่ได้ก้าวเข้ามาสู่มหา’ลัยในฝันแห่งนี้ ขอแค่น้องมีความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความฝันและทำมันให้เป็นความจริง ทุกอย่างไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ที่นี่ จริงไหมคะเวนส์’

‘จริงครับมาเมย ได้ข่าวว่าปีนี้มีน้องใหม่หน้าตาน่ารักทั้งนั้น ผมก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้’

‘จริงค่ะ ปีนี้คงจะคึกคักขึ้นมากเพราะทางมหา’ลัยของเราเปิดให้มีคณะวิชาสาขาต่างๆ เพิ่มขึ้นหลายคณะ ชมรมในมหา’ลัยต่างๆ ก็เลยเพิ่มมากขึ้นไปด้วย พูดแล้วก็อยากรู้ว่าจะมีคนมาสมัครเข้าชมรมขนนกของพวกเรามากขนาดไหนนะคะเวนส์’

‘ชมรมเรานี่เน้นหน้าตานะ ดูจากพวกเราสองคนได้ ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับ แต่เป็นที่รู้กันดีว่าชมรมขนนกของเราเต็มไวมาก น้องๆ ปีหนึ่งอย่าช้าเด็ดขาด แล้วอย่าลืมติดตามรายการแสงใหม่แห่งโซเลยประจำปีนี้กันให้ดีนะครับ วีเจจ๋าจะพาไปรู้จักน้องใหม่ที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ’

‘แล้วจะติดตามชมได้ยังไงบ้างคะคุณเวนส์’

‘รายการแสงใหม่แห่งโซเลยจะเปิดให้รับชมในตอนเที่ยงทางสื่อโทรทัศน์ของทางมหา’ลัยนะครับ’

‘แล้วก็อย่าลืมติดตามคอลัมน์สะกิดดาวในเว็บเพจของพวกเราด้วยนะคะ แต่ตอนนี้มาเมยขอเปิดเพลงต้อนรับน้องใหม่ทุกคนดีกว่าค่ะ มาเมยอยากบอกว่าการที่เราทุกคนได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะด้วยความใจตั้งใจหรือเรื่องบังเอิญก็ตาม มันคือ..เรื่องมหัศจรรย์ค่ะ’

..
.   

“เพลงเพราะดีจังเลย ขำอะไรหนูด้วง” นกฮูกฟังเพลงที่รุ่นพี่ดีเจจากชมรมขนนกเปิดผ่านทางวิทยุกระจายเสียงของมหา’ลัยเพื่อต้อนรับเด็กปีหนึ่งอยู่เพลินๆ ก็ต้องมาสะดุดกับเสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนสนิทที่เดินมาคู่กัน

“ขำชื่อพี่เขาอะ คนอะไรชื่อเวรกับหมามุ่ย”

“มาเมย ไม่ใช่หมามุ่ย แล้วพี่อีกคนก็ชื่อเวนส์ ไม่ใช่เวร” คนที่เข้ามาขัดความขำของหนูด้วงก็คือน้องเกลที่เดินนำอยู่ข้างหน้า

“เจ๋ง นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกันคงคิดว่าน้องเกลเป็นรุ่นพี่ปีสี่” คนที่เดินข้างน้องเกลเอ่ยแซว

“เม่น นายว่าเราหน้าแก่เหรอ”

“เฮ้ย ไม่ใช่นะ หมายถึงเหมือนคนอยู่ที่นี่มานาน รู้ลึก รู้จริง รู้ละเอียด” เม่นรีบอธิบายก่อนจะโดนเพื่อนสาวงอนใส่

“แล้วไป ไม่ได้รู้แค่นั้นนะ ยังรู้อีกว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกันด้วย”

“เจ๋ง!!” คราวนี้ทั้งเม่น หนูด้วงและนกฮูกอุทานขึ้นมาพร้อมกัน ต่างรู้สึกทึ่งในข้อมูลที่น้องเกลได้มา

น้องเกลทำหน้าภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุด เธอเป็นหญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม The Zoo เป็นกลุ่มที่มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนด้วยกันคือ หนูด้วง สิงโต นกฮูก เม่นและเธอ..’ไนติงเกล’ แต่ละคนล้วนมีชื่อเล่นเป็นสัตว์ด้วยกันทั้งนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม ทุกคนสนิทสนมกันมากเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถม จนเข้ามหา’ลัยแล้วก็ยังเรียนอยู่ที่เดียวกันเพียงแต่ต่างคณะกันเท่านั้น

“สิงโตมันหายไปไหน” เม่นถามเพราะปกติแล้วถ้าหนูด้วงอยู่ตรงไหนสิงโตจะต้องอยู่ที่นั่นเสมอ

“ไปหาอาจารย์ เห็นว่าทางมหา’ลัยจะให้เข้าชมรมฟุตบอล” นกฮูกเป็นฝ่ายตอบ

“เจ๋ง รับรองได้เป็นตัวจริงแน่ คนอะไรเล่นกีฬาเก่งไปทุกอย่าง”

“แต่เล่นหมากเก็บแพ้เรา” หนูด้วงรีบแย้ง เพื่อนทุกคนได้แต่อมยิ้มเพราะรู้ดีกันว่าสิงโตแกล้งแพ้หนูด้วงต่างหาก

“แล้วจะเข้าชมรมอะไรกัน เราว่าจะเข้าชมรมขนนก อยากเป็นนักข่าว”

“เหมาะกับน้องเกลนะ” นกฮูกสนับสนุน

“ชมรมอะไรก็ได้ที่มีสาวๆ น่ารัก” เม่นพูดพลางมองไปรอบๆ ตัว รู้สึกว่าที่นี่มีแต่คนน่ารักเต็มไปหมด

“นกฮูกต้องเข้าชมรมทันตะแน่เลย ใช่ไหม” น้องเกลหันมาถาม

“ไม่ เราจะเข้าชมรมบาริสต้า” นกฮูกส่ายหน้าก่อนจะตอบแต่น้องเกลอ้าปากค้างกับชมรมที่นกฮูกเลือก

“โห มีด้วยเหรอ” หนูด้วงทำหน้าตื่นเต้นเพราะตัวเองยังไม่รู้เลยว่าที่นี่มันมีชมรมอะไรบ้าง

“มีสิ หนูด้วงได้อ่านหนังสือแนะนำมหา’ลัยบ้างรึยังเนี่ย” น้องเกลถามเพราะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยสนใจอะไรนอกจากเสียงเพลงเท่านั้น

“ยังเลย มันมีชมรมดนตรีไหม” หนูด้วงถามเสียงอ่อย ทั้งที่โดนน้องเกลทำเสียงดุใส่มาตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่ชินสักที

“มันก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่มันก็มีหลายชมรม ชมรมดนตรีคลาสสิก ชมรมดนตรีไทย ชมรมขับร้อง ชมรมละครเวที ชมรมแต่งเพลง แต่หนูด้วงต้องชอบอันนี้แน่เลย ชมรมกล่องดนตรี” น้องเกลร่ายยาวให้ฟังเพราะอ่านรายละเอียดมาแทนหนูด้วงหมดแล้ว

“กล่องดนตรีเหรอ มันต่างจากอันอื่นตรงไหนเหรอ” หนูด้วงเอียงคอถาม

“เฮ้อ ว่าแล้วเชียวว่าต้องถามแบบนี้ มันคือชมรมดนตรีอิสระ คล้ายๆ พวกโลกส่วนตัวสูง แต่เขามีกิจกรรมให้คนในชมรมสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้นะ แต่ทำงานในร้านของรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว มีไปเปิดหมวกหาเงินเข้าชมรมด้วยนะ”

“เอาๆๆ จะเข้าอันนี้” หนูด้วงตาเป็นประกายเมื่อได้ฟัง

..หมับ..

“ไม่ได้ น้าพญาสั่งมาว่าห้ามให้หนูด้วงไปไหนคนเดียว ยิ่งเป็นตอนกลางคืนยิ่งไม่ได้” คนที่วางมือบนหัวของหนูด้วงพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“มาถึงก็ขัดเลย หนูด้วงโตแล้วนะ” นกฮูกเถียงแทน

“ยังไม่โต” สิงโตเถียงกลับ

“ชมรมบาริสต้าก็ให้ไปทำงานที่ร้านของรุ่นพี่ได้เหมือนกัน หนูด้วงไปกับเรา ไม่ได้ไปคนเดียว แปลว่าไปได้” นกฮูกกอดอกเมื่อรู้สึกได้เปรียบ

“ก็ได้ก็ได้ อย่าเถียงกัน เราไม่เข้าชมรมนั้นก็ได้” หนูด้วงถอนหายใจเพราะไม่อยากให้เพื่อนเถียงกัน ที่สำคัญไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง

“เป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกันแน่” นกฮูกบ่นสิงโตจบก็เดินนำไป รู้สึกหงุดหงิดที่สิงโตชอบทำตัวเป็นเจ้าของหนูด้วงตั้งแต่ ป.1ยันปี 1

“อ๊ะ! ลืมเลยว่ามัมฝากให้เอาของไปให้น้าตวง เดี๋ยวเรามานะ” หนูด้วงวิ่งตัวปลิวออกไปโดยไม่ฟังคำทัดทานของสิงโตเลย

“รักษาระยะห่างบ้างดิวะเพื่อน” เม่นตบบ่าสิงโตก่อนจะเดินตามนกฮูกไป

สิงโตได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ว่าตัวเองเป็นห่วงหนูด้วงเกินกว่าเหตุ แต่เขาจำเหตุการณ์ในอดีตได้เป็นอย่างดี แม้ตอนนั้นเขาจะเป็นแค่เด็กชั้นประถม แต่วันที่เขาปล่อยให้หนูด้วงละสายตาไปจนโดนคนอื่นกลั่นแกล้งมันทำให้เขานึกตำหนิตัวเองตลอดมา ที่ทำให้จำฝังใจมากที่สุดคือหนูด้วงหนีหายออกไปจากโรงเรียน เขาวิ่งตามหาทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนจนเหมือนคนบ้า จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลหนูด้วงให้ดีที่สุด

“น้องสิงโตอยู่นี่เอง!! พวกพี่ตามหาแทบตาย อ้าว..จะหนีไปไหน กลับมาก่อน พวกเรารีบไปล้อมน้องสิงโตเอาไว้ให้ได้ เร็ว!”

รุ่นพี่สองสามคนวิ่งเข้ามาหาสิงโตเพื่อที่จะขอร้องให้เขายอมสมัครเป็นเดือนของคณะ เขาได้ยินเสียงเรียกก็รีบเผ่นไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันทีเพราะไม่อยากประกวดอะไรบ้าบอนั่น อยากจะตามหนูด้วงไปแต่ฝ่ายนั้นวิ่งเร็วอย่างกับลมกรด สุดท้ายก็ตัดสินใจหนีกลับไปที่ชมรมฟุตบอลก่อนเพราะไม่อยากโดนรุมด้วยคนที่ไม่คุ้นเคย


...


หนูด้วงยกมือไหว้ท้องฟ้าเมื่อวิ่งหนีออกมาจากกลุ่มได้ไกลพอสมควร กลัวบาปที่พูดปดเพื่อนไปจึงต้องไหว้เทวดาเพื่อขอโทษ มัมๆ ไม่ได้ฝากอะไรมาให้น้าตวงแต่หนูด้วงไม่อยากให้เพื่อนเถียงกันเรื่องของตัวเอง อีกอย่างหนึ่งคืออยากจะมาแอบดูชมรมกล่องดนตรีที่น้องเกลเล่าให้ฟังสักหน่อยว่าเป็นยังไง

“ก็แค่มาแอบดูเฉยๆ หนูไม่ได้สมัครหรอก ดูเฉยๆ จริงๆ” หนูด้วงพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปยังชมรมกล่องดนตรี

สิ่งปลูกสร้างกลางเก่ากลางใหม่ตรงหน้าสร้างมาจากไม้ทั้งหลัง แถมมันยังตั้งอยู่ด้านหลังสุดของมหา’ลัยแห่งนี้ กว่าจะเดินมาถึงก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกันเพราะมันต้องเดินขึ้นเขามา

ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า ‘ต้องเดินขึ้นเขามา’

มหาวิทยาลัยนานาชาติโซเลยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ตั้งอยู่บนเกาะแสงแดดซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เกาะนี้อยู่ไม่ไกลจากเกาะใบไม้ครามสักเท่าไหร่ ตัวมหาวิทยาลัยก่อสร้างอยู่บนเนินเขาและมีภูเขาโอบล้อมเอาไว้เป็นลักษณะครึ่งวงกลม คนที่ก่อตั้งมหา’ลัยแห่งนี้คือคนเดียวกับที่ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลพันแสงและโรงเรียนมัธยมใบไม้คราม นั่นก็คือ ‘น้าตวง’ หรือ ‘ตะวัน’ ของหนูด้วงนั้นเอง

หนูด้วงรู้มาว่าน้าตวงหันมาทุ่มเทให้กับธุรกิจการศึกษาเพราะใจรัก น้าตวงอยากจะเสนอรูปแบบการศึกษาแบบใหม่โดยไปดูตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาหลายๆ ประเทศแล้วนำมาใช้กับที่นี่ เน้นให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะปฏิบัติได้ดีเท่ากับทฤษฎี เมื่อเด็กเลือกสายการเรียนที่จะใช้เป็นอาชีพในอนาคตก็มั่นใจได้ว่าทุกคนพร้อมจะลงมือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อจบออกไป เมื่อชื่อเสียงของมหา’ลัยแห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จัก จึงมีทั้งเด็กไทยและเด็กต่างชาติมาสมัครเข้าเรียนกันมากมาย

ครอบครัวของหนูด้วงก็สนับสนุนให้มาเรียนต่อที่นี่แทนที่จะไปเรียนที่เมืองนอก นอกจากจะมีน้าตวงเป็นเจ้าของแล้วที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีความปลอดภัยสูง ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คืออยู่ในสายตาของปู่ย่าตายายพ่อแม่ลุงป้าน้าอาและทุกคนในครอบครัวใหญ่ของหนูด้วง ซึ่งก็ต้องยอมทำตามมติของครอบครัวทั้งที่ใจอยากจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ

...ก็ที่ประเทศอังกฤษ...ที่มีคนสำคัญของหนูด้วงอยู่ที่นั่น

“มีใครอยู่ไหมฮะ”

หนูด้วงเดินเข้าไปในบ้านไม้ยกพื้นขนาดกลางก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมชมรมนี้ถึงได้ชื่อว่ากล่องดนตรี นอกจากเครื่องดนตรีหลายชนิดที่วางเต็มพื้นที่แล้วก็ยังมีกล่องดนตรีหรือ music box วางเรียงอยู่ในตู้โชว์เต็มไปหมด หนูด้วงรีบพาตัวเองไปยืนส่องเจ้ากล่องดนตรีด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราะมันคือของที่หนูด้วงสะสมอยู่เช่นกัน

“ว้าว..สวยๆ ทั้งนั้นเลย อยากรู้จังมีเพลงอะไรบ้าง ขอดูหน่อยนะครับ” หนูด้วงเอื้อมมือไปหยิบกล่องดนตรีจากในตู้โชว์ออกมาดู

“ขออนุญาตใครรึยัง”

“อ๊ะ!” หนูด้วงตกใจเสียงที่ดังมาจากข้างหลังเลยเกือบทำเจ้ากล่องดนตรีหลุดมือ ดีว่าเจ้าของเสียงที่ทำให้ตกใจช่วยยื่นมือมาประคองมันเอาไว้ “ขอโทษครับ หนูไม่ได้ตั้งใจ” หนูด้วงรีบบอกก่อนจะหันหน้าไปมองอีกฝ่าย

‘บนโลกนี้ มีคนเป็นล้านคน ทุกคนมีเป็นล้านใจ ฉันก็ไม่ใช่ใคร ก็แค่คนหนึ่ง’

ไม่รู้ทำไมหนูด้วงถึงได้พูดอะไรไม่ออกเมื่อสบตาคนที่สูงกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้เวลาไปกี่วินาที หรือกี่นาที เอ๊ะ..หรือเป็นชั่วโมงแล้ว รู้แต่ว่าร่างกายขยับไม่ได้ โชคดีที่ใจยังเต้นอยู่ ที่รู้เพราะมันเต้น..ตึกตัก..ตึกตัก...อยู่ในอก

“เด็กปีหนึ่งเหรอ ชื่ออะไร”

‘โลกเราดูช่างกว้างใหญ่ ท้องฟ้าดูช่างกว้างไกล เธอแปลกใจบ้างไหม’

“ฆ่าหมกป่าเลยดีไหม ถามไม่ตอบ”

‘มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เกิดขึ้นจริงจริง หรือฝันไป ที่เรานั้นได้พบกันที่บนโลกนี้’

“ชื่อหนูด้วง พยัคฆ์ นฤวิทย์มณีรัตน์ภูมิเทพ คณะดุริยางคศิลป์ ชอบร้องเพลง มีน้องชายชื่อน้องด้าว ชอบ...ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน จะฆ่าใครหมกป่าเหรอครับ ฆะ ฆะ ฆ่าหนูเหรอ หนูยังตายไม่ได้นะ หนูยังไม่ได้ทำพินัยกรรมเลย”

หนูด้วงกำลังจ้องมองดวงตาคมคู่นั้นอยู่เพลินๆ คำว่า ‘ฆ่า’ มันทำเอาหลุดจากภวังค์แทบไม่ทัน

"หึ...ตลกแบบนี้ไม่ฆ่าก็ได้”

“เฮ้ออออออ” หนูด้วงถอนหายใจเสียงดังด้วยความโล่งใจ

“ถ้าตายก็สงสารคนทำพวงหรีด นามสกุลยาวกว่าผ้าบังสุกุลอีกมั๊ง”

“ไม่ยาวเท่าผ้าบังสุกุลหรอก นามสกุลหนูเขียนแล้วแค่นี้แต่ผ้าบังสุกุลยาวเท่านี้ อย่าเถียงหนู หนูมีพ่อเป็นพระนะ” หนูด้วงกางนิ้วให้เท่าความยาวของนามสกุลตัวเองก่อนจะอ้าแขนออกให้ยาวเท่าผ้าบังสุกุลที่เคยเห็นมา

“หึหึ...แล้วมาทำอะไรที่นี่”

“มาส่อง เอ้ย มา...”

‘ไม่รู้จะพูดมันอย่างไร หมดทั้งหัวใจที่ฉันมี ฉันเชื่อว่าสิ่งนี้ คือ..เรื่องมหัศจรรย์ ที่เราได้พบกัน’

“มาสมัครเข้าชมรมนี้ครับ หนูจะต้องสมัครกับใคร” ทั้งที่ก่อนหน้านี้หนูด้วงว่าจะแค่เข้ามาดูเฉยๆ แต่เมื่อถูกคนแปลกหน้าถามมาก็ตอบกลับไปโดยไม่ลังเล

“เล่นเครื่องดนตรีอะไรเป็นบ้าง”

“ก็...กลองแต๊ก กลองยาว อืม...อ๋อ หนูเคยเป่าใบไม้เป็นเสียงเพลงได้ ให้หนูแสดงความสามารถให้ดูไหม แต่หนูเป่าได้เพลงเดียวนะ เพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ เพลงอื่นเป่าแล้วไม่เวิร์คเลย”

“หึหึ...นี่เรียกว่าความสามารถพิเศษเหรอ”

“แล้ว...พี่เป่าใบไม้เป็นเพลงได้ไหม” หนูด้วงคิดว่าเขาน่าจะอายุมากกว่าเลยถือวิสาสะเรียกเขาว่าพี่ นึกในใจว่าพี่คนนี้เส้นลึกจัง หัวเราะทั้งทีก็ได้ยินเสียงแค่..หึ..นิดเดียวเอง

“......”

“ได้ไหม”

“...ไม่ได้...”

“นั่นไง มันใช่ว่าจะทำได้ทุกคนหรอกน้าาาา มันจึงเป็นความสามารถพิเศษของหนู”

“หึหึ...พิเศษก็พิเศษ ใบสมัครอยู่บนโต๊ะ กรอกทิ้งเอาไว้แล้วกัน เดี๋ยวประธานชมรมก็คงมา”

“พี่ไม่ใช่ประธานชมรมหรอกเหรอ”

“อืม”

“ก็ได้ก็ได้ หนูไปกรอกเอาไว้ก่อน แล้วต้องทิ้งนามบัตรเอาไว้ด้วยไหมฮะ”

“หึหึ...”

“หนูล้อเล่น” หนูด้วงหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินไปหยิบใบสมัครมานั่งกรอก

เมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์ดังลอยมาเบาๆ จากมุมห้องหนูด้วงก็เลยแอบชำเลืองดู เห็นพี่คนนั้นนั่งเกากีต้าร์อยู่ คุ้นว่าจะเป็นเพลงที่พี่ดีเจเวนกับพีดีเจหมามุ่ยกำลังเปิดต้อนรับน้องปีหนึ่งเปิดอยู่

‘เรื่องมหัศจรรย์’

หนูด้วงแอบลอบสังเกตหน้าตาของอีกฝ่าย เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ผมข้างหน้ายาวมาปรกตา ปลายผมด้านหลังก็ยาวละลำคอ หุ่นพี่เขาก็เท่ห์สุดๆ ที่สำคัญคือหนูด้วงอิจฉาความสูงของเขามากๆ

‘นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาเวลาที่สัมผัสผ่านสายทองแดงเบาๆ มันดูนุ่มนวลชวนฝันจริงๆ’

หนูด้วงสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจากกีต้าร์จนได้สบตากันอีกครั้ง เมื่อไม่รู้จะทำยังไงเลยส่งยิ้มไปให้แก้เก้อ พอฝ่ายนั้นยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ ตัวเองถึงได้นิ่งเป็นหุ่นยนต์อีกครั้ง

‘ฉันเชื่อว่าสิ่งนี้ คือ..เรื่องมหัศจรรย์ ที่เราได้พบกัน’



(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป โปรยนิยายสั้นๆ ถึงสั้นมาก 03/06/61 อัพเต็มเย็นนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2018 14:05:40
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


“พี่นโมมานานรึยังครับ” เสียงคนที่ก้าวเข้ามาใหม่ทำให้หนูด้วงหลุดจากภวังค์อีกครั้ง

“เพิ่งมา กีต้าร์ตัวนี้ใช่ไหมที่จะให้พี่เอาไปซ่อม”

“ใช่ครับ แล้วก็กล่องดนตรีของพี่ขายได้ตั้งหลายอัน ผมไม่เห็นพี่มาเอาเงินไปสักที”

“กล่องดนตรีนั่นขายเหรอครับ” หนูด้วงได้ยินก็ดีใจจนเสียมารยาทพูดแทรกขึ้นมา

“เพื่อนพี่เหรอ” ทำนุถามรุ่นพี่ที่จบไปหลายปีอย่างงงๆ ไม่ทันเห็นว่านอกจากพี่นโมแล้วยังมีคนอื่นอยู่ในชมรมด้วย

“เขาบอกว่าเขาชื่อหนูด้วง พยัคฆ์ นฤวิทย์มณีรัตน์ภูมิเทพ อยู่คณะดุริยางคศิลป์ มีน้องชื่อด้าว ชอบร้องเพลง จะมาสมัครเข้าชมรมของนาย” นโมเป็นฝ่ายตอบแทนหนูด้วง

“โอ้โห ยาวมาก” ทำนุร้องออกมา

“นามสกุลใช่ไหม” นโมถามรุ่นน้องพลางขำ

“ไม่ใช่ หมายถึงพี่อะ พูดยาวมาก ปกติพี่พูดแทบจะนับคำได้”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” หนูด้วงหัวเราะออกมาเมื่อพี่ที่ชื่อ ‘นโม’ ถูกแซวแทนนามสกุลของตัวเอง

“หึ...ดูท่าจะเส้นตื้น เหมาะกับชมรมของนายดี” นโมยกยิ้มน้อยๆ

“ชมรมของผมก็เคยเป็นชมรมของพี่มาก่อน แปลว่าน้องเขาเหมาะกับพี่เหมือนกัน”

“หึหึ”

“ตกลง พี่รับน้องเข้าชมรม” ทำนุตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดนาน

“เย้ ขอบคุณครับพี่ทำนุบำรุง” หนูด้วงรีบยกมือไหว้ประธานชมรม

“บำรุงชื่อพ่อพี่”

“อุ่ย” หนูด้วงยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยกมือไหว้อีกรอบ

“แล้วนี่คือพี่นโม รุ่นพี่ของเราที่จบไปแล้ว ผู้ก่อตั้งชมรมนี้ แล้วก็เป็นเจ้าของร้านกล่องดนตรีที่ให้คนในชมรมเราไปร้องเพลง ได้เงินด้วยนะ ฝากเนื้อฝากตัวเอาไว้”

“สวัสดีครับพี่นโม หนูนึกว่าพี่จะเป็นเจ้าของร้านทำผมเสียอีก”

“ทำไม” ทำนุทำหน้างง

“ก็ นโม..ตัดสระ”

“หึ...หึหึหึ” นโมหลุดขำมากกว่าเดิม

“นั่นมัน นะโมตัสสะ!! ก๊ากกกกกก เออ ได้ๆ มุกนี้ได้ชอบ โอเค เดี๋ยวเย็นนี้จะมีการเปิดรับสมัครเด็กปีหนึ่งเข้าชมรม ถือว่าพี่รับน้องหนูด้วงมาเป็นคนในชมรมแล้ว เรามาช่วยพี่ในตอนเย็นก็แล้วกัน” ทำนุหัวเราะ

ทำนุไม่ได้ขำมุกแต่ขำท่าทางคนเล่นมุกต่างหาก ขนาดพี่นโมสายมึนยังหลุดขำได้แปลว่าไม่ธรรมดา แถมยังแทนตัวเองว่าหนูตลอดอย่างนั้นหนูอย่างนี้ เขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินเด็กผู้ชายแทนตัวเองแบบนี้ คิดว่าถ้าในชมรมมีคนอย่างหนูด้วงมาวนเวียนอยู่ก็คงสดใสดี ปกติมีแต่พวกห่ามๆ โผงผาง ถ้าพวกนั้นได้มาเจอน้องหนูด้วงคนนี้ก็คงชอบใจไม่ต่างจากเขาเหมือนกัน

“แล้วไม่มีเรียนเหรอ” นโมถามคนที่ยังยืนยิ้มกว้างไม่หุบ

“เฮ้ย หนูลืมไปเลย เจอกันตอนเย็นฮะพี่ทำนุลูกพ่อบำรุง แล้วเจอกันอีกครั้งนะฮะพี่นโม” หนูด้วงหันมาโบกมือให้รุ่นพี่ทั้งสองคนก่อนจะโกยหน้าตั้งออกไปจากชมรมเพราะเลยเวลาเข้าเรียนคลาสแรกแล้ว

‘คือเรื่องมหัศจรรย์ ที่ฉันได้รักเธอ คือเรื่องมหัศจรรย์ที่สุด ที่ฉันเคยได้เจอ เธอ..คือเรื่องมหัศจรรย์’   

“พี่นโม พี่นโม!!”

“ว่า...” นโมถามทำนุเมื่อสายตาละจากแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไป

“พี่รู้จักเด็กคนนี้มาก่อนเหรอ”

“ทำไม”

“....เปล่าครับพี่....”

ทำนุลังเลใจแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ถามเพราะมันอาจจะแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ถ้าเขาจำไม่ผิด..เขาเคยเห็นกล่องดนตรีชิ้นแรกที่พี่นโมทำขึ้นมาด้วยตัวเอง ใต้ฐานกล่องดนตรีสลักคำว่า ‘พดด้วง’ เอาไว้ มันคงเอามาโยงกันแทบไม่ได้หากทำนุไม่เห็นสายตาของพี่นโมเวลาที่มองที่เด็กคนนั้น

...มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ...





คอลัมน์สะกิดดาว

วันนี้เราจะมาแนะนำน้องใหม่สุดแสนจะเพอร์เฟคที่ทุกคนต้องจับตามอง ปีนี้ไม่ธรรมดาเพราะคนที่เราเลือกมาคุณสมบัติดีงามกว่าทุกๆ ปีและมีหลายคนด้วยกัน หน้าตาคงไม่ต้องพูดถึง ถ้าลองติดโผของสะกิดดาว เราเรียกพวกเขาว่าเป็นเทพบุตรหรือนางฟ้าได้เลยทีเดียว มาๆ อย่ารอช้า ทุกคนมาทำความรู้จักกับพวกเขาได้เลย

เบอร์ 1 นายรัตติ นรากันต์ ชื่อเล่น..นกฮูก คณะทันตแพทย์

สอบเข้ามาด้วยคะแนนที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศและทำลายสถิติของคณะ ตัวเล็กน่ารักน่าฟัน เอ้ย..น่าไปนอนให้ช่วยดูแลรักษาฟัน บอกได้คำเดียวว่าเก่งไม่พอ อนาคตต้องเป็นคุณหมอที่แซ่บจนต้องร้องซี๊ด สะกิดดาวคอนเฟิร์ม

เบอร์ 2 นายราชันย์ อุดมเทพสกุล ชื่อเล่น..สิงโต คณะบริหารธุรกิจ

หล่อ รวย มาดเข้ม เก่งกีฬาทุกประเภท หุ่นดีชนิดนายแบบคลีโอต้องร้องโอ้โหยอมแพ้ ต้องสะสมแต้มบุญมาตั้งแต่ชาติที่แล้วถึงจะได้ใกล้ชิดผู้ชายสมบูรณ์แบบคนนี้ จบแล้วอยากจ้างมาบริหารใจต้องใช้อะไรช่วยบอกหน่อยจ้า

เบอร์ 3นางสาวเกวลิน ศิรเกล้า ชื่อเล่น..ไนติงเกล คณะนิเทศศาสตร์
หน้าตาจิ้มลิ้มจนหนุ่มๆ อยากเอานิ้วไปจิ้มที่หัวใจ สาวมาดมั่นผู้มาพร้อมกับข้อมูลมากมายและมั่นหมายว่าจะเป็นเหยี่ยวข่าวสาวที่เริ่ดที่สุดในปฐพี ระวังเอาไว้ให้ดีเพราะน้องเกลคนนี้จะเข้าไปสืบในหัวใจคุณโดยไม่รู้ตัว

เบอร์ 4 นางสาวพิชชา วรรณเมชานนท์ ชื่อเล่น..น้ององุ่น คณะนิเทศศาสตร์
สาวหน้าหมวยและรวยมากกกกกก เสื้อผ้าหน้าผมเรียกได้ว่ายกแบรนด์เนมมาไว้บนตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า สวย เฉี่ยว เปรี้ยว ไม่มีใครเกิน แต่หนุ่มๆ ต้องพยายามหน่อยนะ แอบมีพรายกระซิบว่าเธอคือหวานใจของคุณเบอร์ 2 เขาค่ะ อุ๊ปส์...

เบอร์ 5 นายเมธัญ คุณวุฒิ ชื่อเล่น...เม่น คณะวิศวกรรมศาสตร์
ว้ายๆๆๆ ระวังโดนหนามเม่นทิ่มแทงนะคะทุกคน หล่อร้ายกาจ เจ้าชู้นิดๆ กระล่อนหน่อยๆ ยิ้มโปรยเสน่ห์จนสาวเคลิ้ม เจ้าของสโลแกน...ผมเจ๋ง... โฆษณาตัวเองแบบนี้เกินจริงรึเปล่าคะ อย่างนี้ดิฉันต้องขอไปลองค่ะแล้วจะมาบอก

เบอร์ 6 นางสาวมิกิ พงษ์จรัญ ชื่อเล่น...มิกิ สาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น คณะมนุษย์ศาสตร์
เจ้าแม่วิกตอเรียคนใหม่แห่งโซเลย ผิวขาวจั๊วะ เอวคอด สะโพกมน ขายาวสวย รวยเสน่ห์สุดๆ สัดส่วนเป๊ะมากค่ะ ต่อให้ดิฉันคายอวัยวะภายในร่างกายออกมาจนหมดก็คงไม่ได้หุ่นแบบน้องมิกิแน่ๆ เลย ได้ข่าวว่าหนุ่มๆ โซเลยเตรียมกดโหวตให้จนมือเป็นระวิงแล้วจ้า

เบอร์ 7 นายพยัคฆ์ นฤวิทย์มณีรัตน์ภูมิเทพ ชื่อเล่น...หนูด้วง คณะดุริยางคศิลป์
นามสกุลที่ว่ายาวยังไม่เท่าความน่ารักของเจ้าของนามสกุลเลยค่ะ ขนตาย๊าวยาวจนดิฉันอยากยืมมาทำพัด ที่แน่ๆ หนุ่มน้อยคนนี้ไม่ธรรมดา พูดได้ถึง 5 ภาษา แถมยังเป็นทายาทของตระกูลภูมิเทพ ตระกูลที่ร่ำรวยแบบใช้เงินจนถึงชาติหน้าก็ไม่หมด เท่านั้นยังไม่พอค่ะ คุณพ่อเป็นถึงนักวิจารณ์อาหารคอลัมน์ยอดนิยมที่คนรู้จักทั้งประเทศ มีคุณพ่อทูนหัวเป็นเชฟชื่อดังอีกต่างหาก ปู่ย่าตายยายพี่ป้าน้าอาก็ล้วนแต่มีฐานะที่ดีมากถึงมากที่สุดและหน้าตาทุกคนก็ดีมากถึงมากที่สุดด้วยเหมือนกันนะจ๊ะ ฉายาของหนุ่มน้อยที่สะกิดดาวแอบรู้มาคือ..หนูด้วงผู้วิเศษ..แต่จะวิเศษยังไงต้องคอยติดตามกันต่อไปค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะ นี่แค่ประวัติคร่าวๆ ของเหล่าดาวดวงใหม่เท่านั้น อย่าลืมโหวตให้คะแนนดาวดวงใหม่กันด้วยนะคะ รักใครเชียร์ใครก็โหวตเลยค่ะ แล้วติดตามคอลัมน์สะกิดดาวเอาไว้ให้ดี เราจะมีอะไรมานำเสนอให้เด็ดมากกว่าทุกปี เราจะซอกแซกล้วงแคะแกะเกาทุกเรื่องของชาวโซเลย

‘เพราะความลับของคุณคืองานของเรา’

.....

“เจ๋ง พวกเราติดโผดาวดวงใหม่กันทั้งกลุ่มเลย” เม่นอ่านข้อความในคอลัมน์สะกิดดาวให้เพื่อนๆ ฟังในแคนทีนของมหา’ลัย

“มียัยองุ่นติดโผด้วย แหวะ” น้องเกลเบ้ปากใส่ศัตรูคู่อาฆาต

“พรายตัวไหนมันไปกระซิบมั่วๆ ว่าเป็นหวานใจเราวะ เดี๋ยวแม่งต้องให้แอดมินเพจลบข้อมูล ถ้าไม่ลบจบไม่สวยแน่” สิงโตคำรามด้วยความหงุดหงิด

‘องุ่น’ เคยเรียนที่โรงเรียนอนุบาลพันแสงเหมือนกับทุกคนในแกงค์ The zoo พี่ชายขององุ่นคือ ‘ส้มโอ’ มีนิสัยอันธพาลชอบทำตัวกร่างเพราะคิดว่าพ่อแม่ของตัวเองคอยให้ท้าย ครั้งหนึ่งองุ่นเคยมีเรื่องกับน้องเกลและหนูด้วง ฝ่ายนั้นไปฟ้องพี่ชายให้มาจัดการแทนเมื่อตัวเองสู้ไม่ได้ แต่แล้วพี่ชายขององุ่นก็โดนหนูด้วงเตะผ่าหมากเข้าให้จนลงไปกองกับพื้น พ่อแม่ของส้มโอจะมาเอาเรื่องหนูด้วง แต่พอฝ่ายนั้นรู้ว่าหนูด้วงคือหลานของนายพญาภูมิเทพก็ถอยร่นกลับไปแทบไม่ทัน

ที่พีคสุดคือพ่อกับแม่ของส้มโอและองุ่นย้ายลูกของตัวเองไปเรียนที่อื่นแบบกลางคัน ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพ่อกับแม่ของทั้งคู่ถึงรีบย้ายทั้งที่ส้มโออยู่ชั้น ป.6 แล้ว ปกติส้มโอก็แกล้งคนที่อ่อนแอกว่าเสมอแต่ก็ไม่เคยเห็นว่ามีใครจะทำอะไรส้มโอได้ นักเรียนทุกคนในโรงเรียนพันแสงจึงรู้สึกดีใจที่คนอย่างส้มโอย้ายไปเสียได้ ยกเว้นเพื่อนๆ ในแกงค์ The zoo เท่านั้นที่รู้ว่าเพราะอะไร

“เออ ได้ข่าวว่าไอ้ส้มโอมันก็เรียนอยู่ที่นี่นะ” เม่นรีบบอก

“จริงดิ หนูด้วงต้องอยู่ใกล้ๆ เรา อย่าไปไหนคนเดียวรู้ไหม แล้วเมื่อเช้าหายไปไหนมา เห็นบอกว่าเข้าคลาสสาย ไปคุยกับครูตะวันมาใช่ไหม”” สิงโตได้ยินเรื่องส้มโอก็นึกเป็นห่วงหนูด้วง ขนาดตอนเด็กๆ ส้มโอยังร้ายกาจ โตมาคงไม่พ้นทำตัวกร่างอย่างเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“หนูด้วง...”

“หนูด้วง...”

“หนูด้วง!!”

“อะ...อะไร ตะโกนทำไม ตกใจ” หนูด้วงสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนๆ ตะโกนเรียกชื่อตัวเอง

“ก็เหม่ออยู่นั้นแหละ พวกเราเรียกตั้งนาน” น้องเกลบ่น

“คิดถึงน้องด้าวอยู่” หนูด้วงรีบแก้ตัว

“ทำไมไม่เอาน้องด้าวมาด้วยล่ะ” นกฮูกถาม

“เอามา อยู่นี่ไง” หนูด้วงก้มลงมองหาเป้ แต่ว่า... “เฮ้ย น้องด้าวหาย!! หายไปไหน”

“ไปลืมเอาไว้ที่ไหนอีกแล้ว โก๊ะประจำเลย” สิงโตยีผมหนูด้วงอย่างขำๆ การลืมนั่นนี่หรือทำอะไรเปิ่นๆ เป็นเรื่องปกติของหนูด้วงในสายตาของเพื่อนๆ ไปเสียแล้ว

“สงสัยลืมเอาไว้ที่ชมรมกล่องดนตรี” หนูด้วงนึกขึ้นมาได้ว่าวางเป้เอาไว้ตอนกรอกใบสมัคร

“ไปทำอะไรที่ชมรมนั้น” สิงโตถามเสียงเข้ม

“ไปสมัครมาใช่ไหม” นกฮูกถามเสียงใส

“อือ” หนูด้วงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะลอบมองสิงโตด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

“เฮ้อ ดื้อเป็นที่หนึ่ง อยากเข้าก็เข้า แต่ถ้าต้องไปทำงานด้วยต้องไปขอทุกคนที่บ้านเอาเองนะ” สิงโตรู้ว่าห้ามหนูด้วงไม่ได้ก็เลยตามใจ มือหนาลูบผมหนูด้วงอีกครั้งอย่างอ่อนใจ เขาคิดว่าอย่างมากก็คงได้แค่อยู่ในชมรม น้าพญาไม่มีวันอนุญาตให้หนูด้วงออกไปทำงานกลางคืนแน่ๆ สิงโตมั่นใจ

...
..
.

“กรี๊ดดดด ฉันบอกแล้วว่าเขากิ๊กกัน”

เสียงกรีดร้องเบาๆ ดังขึ้นในมุมหนึ่งไม่ไกลจากที่แกงค์ The zoo นั่งกันอยู่ หญิงสาวสี่ห้าคนกำลังแอบถ่ายรูปสิงโตกับหนูด้วงกันอย่างเมามัน พอเห็นสิงโตลูบศีรษะของหนูด้วงก็อดส่งเสียงดีใจออกมาไม่ได้

“นั่นสิ โอ้ย ใจบางไปหมดแล้ว สมกันมาก”

“สาววายอย่างเราได้เจอคู่ไอดอลแล้ว ถ่ายรูปสิแก เร็วๆ ตอนลูบหัวกันนี่แหละ แล้วติดแท็กว่า..สิงด้วง..นะแก ถ่ายดิ ถ่ายๆ”

“ปีนี้ชมรมโอนลี่วายเราต้องชนะชมรมเลิฟนอร์มอลแน่ๆ โอ้ย..ขอบคุณฟ้าที่ประทานน้องสิงโตกับน้องหนูด้วงมาให้โอนลี่วายแห่งโซเลยนะเจ้าคะ”

“เฮ้ยแก ถึงจะมีคู่จิ้นแล้วแต่เรื่องสั้นของเรายังไม่มีพล็อตเลยนะ เอาไงดี จะประกวดชนะพวกมันไหมเนี่ย”

“ต้องหามือที่สามที่ช่วยให้เนื้อเรื่องมันเข้มข้น”

“เอาใครดีวะ”

“เอากูไหม” เสียงแหบเอ่ยขึ้นท่ามกลางกลุ่มรุ่นพี่ปีสามที่เป็นสาววายเต็มขั้น

“โอ!!”

“เออ กูจะช่วยเป็นตัวร้ายในนิยายของพวกมึงให้ รับรองสนุกแน่”

ส้มโอส่งยิ้มร้ายไปที่หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารัก ไม่ได้เจอกันนานแต่เขาไม่เคยลืมอีกฝ่ายเลย จากที่คิดว่าเกลียดฝังใจ ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะมาทวงความแค้นคืน โดยเฉพาะไอ้สิงโตที่มันมาต่อยเขาจนฟันหน้าหักไปถึงสองซี่ พอรู้ว่าทั้งคู่มาเรียนที่นี่เขาก็ดีใจที่จะได้สะสางกันเสียที แต่มาวันนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว พอได้เห็นรอยยิ้มจากเด็กด้วงนั่นอีกครั้งก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยลืมคนๆ นี้ได้เลย

โปรดติดตามตอนต่อไป

มาแล้วค่ะ หนูด้วงมาแล้ววววว ฝากเนื้อฝากตัวปี้จ๋าทุดคนเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือไม่ต้องใช้วุ้นแปลภาษาแล้ว คอยดูพัฒนาการของหนูด้วงไปเรื่อยๆ นะคะ ไหนๆ ก็เฝ้าดูมาตั้งแต่เดินเตาะแตะ มาช่วยลุ้นความรักของเด็กน้อยกัน

สำหรับท่านที่เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ เลิฟแนะนำว่าไปอ่าน ปรุงรักให้ลงล็อก ต่อด้วย ปลดล็อกให้ความรัก ก่อนนะคะ จะได้อินและฟินมากๆ อิอิ เชิญชวนค่ะ ขอบคุณพี่จ๋าทุกคนที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ   

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)




หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 03-06-2018 14:34:07
ก็แย่ละ โอดอุ้น หรือ นโม กันละทีนี้
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 03-06-2018 15:11:40
โอดอุ้น นโม สิงโตคล้องจองมากๆๆแต่ต้องพี่โอดอุ้นเท่านั้น
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 03-06-2018 15:54:54
แล้วจะมีพี่โอบอุ่นไหม :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 03-06-2018 17:04:24
เปิดเรื่องมาหนูด้วงฮอตมาก ทั้ง สิงโต ส้มโอ มโน  แต่เราคิดถึงแต่พี่โอบอุ้มนะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 03-06-2018 18:48:25
ตอนนี้จิ้นไม่ถูก แต่อยากให้ในแก๊งค์มีคู่ทุกคน 

หนูด้วงเสน่ห์แรงมาก แค่ตอนแรก ก็มีพี่นโม  ส้มโอ มาเพิ่มอีก รวมสิงโต และสุดท้ายพี่โอบอุ้ม


ว่าแต่พี่โอบอุ้มชื่อจริงว่าอะไร เราจำไม่ได้แล้ว 555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-06-2018 18:51:38
แล้วพี่โอบอุ้มละค๊าาาาา
หรือว่าจะดราม่าน้ำตาท่วม งื้อออ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2018 19:28:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-06-2018 17:21:52
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 04-06-2018 19:14:29
หนูด้วงจะคู่ใครดี แต่ละคนดีงามไปหมด คู่ใครก็ได้ขอให้หนูด้วงมีความสุข รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-06-2018 20:16:01
เครียดเลยค่ะ ไหนจะสิงโต ปี้โอดอุ้น พี่นโมอีกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 05-06-2018 16:22:33
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า
ศิลปิน ปราโมทย์ วิเลปะนะ

คลาสเรียนในวันแรกไม่มีอะไรมากนัก อาจารย์ให้นักศึกษาทุกคนแนะนำตัวเอง ให้เล่าถึงความฝันและเป้าหมายพร้อมกับโชว์สิ่งที่ตัวเองถนัด หนูด้วงได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่อยู่หลายคน แต่ละคนมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีด้วยกันทั้งนั้น ส่วนหนูด้วงเลือกการขับร้องเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ทางครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เลือกเรียนทางนี้ มีเพียงคุณตาพยนต์เท่านั้นที่อยากให้หนูด้วงเรียนด้านบริหารจะได้นำไปสานต่อในธุรกิจของครอบครัว แต่เมื่อหนูด้วงยืนยันที่จะเรียนคณะนี้คุณตาก็เลยต้องตามใจ

การได้ก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสนุกมากกว่าที่คิดเอาไว้ ถึงแม้เพื่อนๆ ที่รู้จักกันตั้งแต่ชั้นประถมและมัธยมจะตามมาเรียนที่นี่กันหลายคน แต่หนูด้วงก็ยังแอบกังวลเรื่องการต้องพบเจอกับผู้คนใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ที่ผ่านมาตัวเองอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ สังคมเดิมๆ เลยมีความกังวลเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

‘หนูด้วงต้องหัดออกมาจากเซฟโซนบ้าง มาทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ แต่ต้องเรียนรู้ด้วยความระมัดระวังนะครับ’

เพราะคำสอนของพี่โอบอุ้มจึงทำให้หนูด้วงตัดสินใจสมัครเข้าชมรมกล่องดนตรีแทนที่จะเลือกตามเพื่อนสนิทเหมือนอย่างทุกครั้ง ทั้งที่ชมรมเกี่ยวกับดนตรีมีมากมาย แต่ที่นี่แหละที่หนูด้วงคิดว่าเหมาะกับตัวเองมากที่สุด

“ทำไมต้องเป็นชมรมนี้” คำถามจากนกฮูก

“พี่โอบอุ้มเคยไปร้องเพลงเปิดหมวกหาเงินช่วยผู้ประสบภัย เราอยากทำบ้าง น้องเกลบอกว่าชมรมนี้มีจัดกิจกรรมนี้ด้วย ถ้าเราได้ทำจะได้มีเรื่องไปเล่าให้พี่โอบฟัง”

“ว่าแล้วเชียว”

“ว่าแล้วเชียวอะไร”

“พี่โอบอุ้มไง เป็นคำตอบสุดท้ายของหนูด้วงเสมอ”

“เชื่อพี่โอบอุ้มไม่ดีเหรอ” หนูด้วงเอียงคอถามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ไม่ดี แต่เราแค่สงสัย”

“สงสัยอะไร”

“หนูด้วงไม่ได้เจอพี่โอบอุ้มมาตั้งสิบกว่าปีแล้วนะ พี่เขาเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างก็ไม่รู้ จำหน้าเขาได้รึเปล่าเหอะ เราว่าพี่เขาคงไม่กลับมาแล้วแหละ”

“พี่เขาเหมือนเดิมกับเรานะ เราก็เขียนอีเมล์หาพี่โอบอุ้มทุกวัน พี่โอบอุ้มก็ตอบเราทุกวัน ถึงไม่ได้เจอกันแต่เราก็รู้เรื่องกันและกันตลอด”

“มันไม่น่าแปลกเหรอ ในยุคสมัยที่การสื่อสารติดต่อกันง่ายมากแต่กลับคุยผ่านอีเมล์อย่างเดียว แอพในโทรศัพท์ก็มีที่คุยแบบเห็นหน้าได้แต่ทำไมพี่โอบอุ้มถึงไม่ยอมคุยแบบนั้น พี่เขากลัวอะไร เราว่าหนูด้วงตัดใจเถอะ อย่ารอพี่เขาอีกเลย”

“ตัดใจจากอะไร พี่น้องตัดกันไม่ได้หรอก เราเชื่อว่าพี่โอบจะต้องมีเหตุผลแต่เหตุผลนั้นคงบอกเราไม่ได้”

“แล้วทำไมไม่ไปหาพี่โอบที่อังกฤษล่ะ”

“ยุงพญาไม่ให้ไป”

“ทำไม”

“ไม่รู้ดิ”

“แล้วหนูด้วงไม่อยากรู้เหรอว่าทำไม ทำไมยุงพญาไม่ให้ไป ทำไมพี่โอบไม่ยอมให้เห็นหน้า ปกติเป็นเจ้าหนูขี้สงสัยมาตลอดนะ”

“ก็ได้ก็ได้ ยอมรับว่าสงสัย เคยถามยุง ยุงก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องไป แล้วเราไม่กล้าถามพี่โอบหรอกว่าทำไมไม่ยอมให้เราเห็นหน้า พี่โอบว่าไงเราก็ว่างั้น”

“ถามจริง หนูด้วงคิดกับพี่โอบแค่พี่ชายเหรอ”

หนูด้วงนิ่งไปอึดใจ นกฮูกไม่ได้ถามคำถามแบบนี้เป็นครั้งแรก เคยถูกเพื่อนสนิทคนนี้ถามมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยตอบกลับไปสักครั้ง แต่ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะตอบ

“ไม่รู้ คิดแบบไหนได้อีก”

“เราก็ไม่รู้ ไม่เคยมีทั้งพี่แล้วก็ไม่เคยมีความรัก” นกฮูกส่ายหน้า

“ทำยังไงจะรู้ได้” หนูด้วงถามพลางถอนหายใจ

“ถ้าหนูด้วงเจอคนอื่นที่ทำให้รักได้ก็แปลว่าไม่ได้รักพี่โอบแบบแฟนล่ะมั๊ง”

“แด๊ดดี้บอกว่าแฟนคือคนที่ไม่ปล่อยมือจากกัน อยู่เคียงข้างกัน แต่เราไม่ได้จับมือแล้วก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างพี่โอบ”

หนูด้วงพยายามคิดว่าตัวเองใช้คำว่า ‘แฟน’ กับพี่ชายที่อยู่ไกลกันได้หรือเปล่า มัมกับแด๊ดเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ หนูด้วงชอบขี่ตู่ว่าพี่โอบอุ้มเป็นแฟนของตัวเอง ใครถามก็จะตอบแบบนี้ทุกครั้ง หนูด้วงไม่เคยสนใจความหมายของมัน รู้แต่ว่าแด๊ดดี้เป็นแฟนกับมัม พี่พายเป็นแฟนกับพี่เมี่ยง ยุงพญาเป็นแฟนกับอาน้อง พี่ก้านก็เป็นแฟนกับน้าตวง ทุกคนเป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะได้ผู้ชายสักคนมาเคียงข้าง หนูด้วงก็อยากให้เป็นพี่โอบอุ้มเท่านั้น

นกฮูกฟังแล้วอธิบายถึงความรักในแบบที่เคยอ่านเจอมาจากหนังสือเล่มหนึ่งบ้าง

“แฟนคือคนที่เรารักเขาแล้วเขาก็รักเราต่างหาก คนที่ทำให้เราใจเต้นทุกครั้งที่ได้สบตา ถ้าได้กอดกันแล้วหน้าจะร้อนผ่าว แล้วก็ถ้า...”

“ถ้าอะไร”

“ถ้าได้นอนด้วยกันจะเหมือนบินได้”

“บินได้เลยเหรอ” หนูด้วงทำตาโต

“อือ ก็เขาว่ามาแบบนั้นนะ”

“นกฮูกว่าเรามีแฟนผู้ชายหรือมีแฟนผู้หญิงดีกว่า”

“ไม่สำคัญหรอก ขึ้นอยู่กับว่าใครทำให้เราหัวใจเต้นแรงมากกว่า”

“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเรารักใครไปรึยัง”

“.......”

“.......”

“ลองถามพี่โอบแล้วกัน”

“ลองถามพี่โอบแล้วกัน”

ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันหลังจากที่เอาแต่มองหน้ากันอยู่นานเพราะไม่รู้ตอบยังไง แล้วก็พากันหัวเราะเพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นพี่โอบที่เป็นคำตอบสุดท้ายเหมือนเดิมอยู่ดี

“เราไปที่ชมรมก่อนนะ พี่ทำนุให้เราไปช่วยต้อนรับคนที่มาสมัครเข้าชมรม จะไปตามหาน้องด้าวด้วย” หนูด้วงดูเวลาก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวไปที่ชมรมของตัวเองอีกครั้ง

“ไม่รอสิงโตเหรอ” นกฮูกถาม

“ต้องรอด้วยเหรอ”

“อ้าว ก็เห็นสิงโตบอกว่าจะไปกับหนูด้วงด้วย”

“ฝากนกฮูกรอแทนเราก็แล้วกัน ถ้าสิงโตไม่รู้จะไปไหนก็ฝากเอาไปด้วย เราไปนะ”

“เดี๋ยวสิหนูด้วง ของแบบนี้มันฝากกันได้ด้วยเหรอ หนูด้วง!!”

หนูด้วงหันมายิ้มให้นกฮูกก่อนจะโบกมือให้ ไม่ได้สนใจคำทักท้วงเพราะอยากจะไปเจอกับสมาชิกคนอื่นๆ ในชมรมเร็วๆ  ตั้งใจไปก่อนเวลาเพราะถ้ามีคนมาสมัครเยอะๆ จะได้ช่วยพี่ทำนุต้อนรับเพื่อนใหม่ ถึงแม้ตัวเองจะเป็นสมาชิกใหม่เหมือนกันแต่ก็ถือว่าได้รับมอบหมายจากรุ่นพี่แล้วก็ต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่

...

กว่าจะวิ่งขึ้นมาถึงชมรมกล่องดนตรีก็เล่นเอาหนูด้วงยืนหอบอยู่หน้าประตูพักใหญ่ เมื่อรู้สึกหายเหนื่อยแล้วก็เปิดประตูเข้าไปทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงที่สดใส “สวัสดีฮะทุกคนทุกคน หนูมาแล้ว”

...ภาพที่คิดไว้...

สมาชิกในชมรมต่างกำลังพูดคุยและชวนกันร้องเพลงด้วยความสนุกสนาน รุ่นพี่ต้อนรับรุ่นน้องด้วยความอบอุ่น มีความชุลมุนเล็กน้อยเนื่องจากคนมาสมัครเต็มไปหมด

...ภาพแห่งความจริง....

“มาแล้วเหรอน้องหนูด้วง” ทำนุเดินมาจากทางด้านหลังของชมรม เมื่อเห็นสมาชิกคนใหม่มาถึงเลยเอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง

หนูด้วงมองหน้าทำนุก่อนจะมองไปยังที่ผู้ชายแปลกหน้าอีกสามคนที่นั่งก้มหน้าจดจ่ออยู่กับเครื่องดนตรีของตัวเอง แต่ละคนดูไม่สนใจว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาด้วยซ้ำ ภายในชมรมก็เงียบจนแทบได้ยินเสียงแมงมุมชักใยอยู่ ที่ต้องเปรียบถึงแมงมุมเพราะตามมุมเพดานห้องมีใยแมงมุมกระจายอยู่เต็มไปหมด

“สวัสดีฮะพี่ทำนุ สวัสดีฮะทุกคนทุกคน” หนูด้วงเอ่ยทักทายอีกรอบเพราะพวกเขาอาจจะไม่ได้ยิน

“พวกมึง น้องมันทักอย่าเสียมารยาท น้องหนูด้วง...สามคนนี้เป็นสมาชิกในชมรมของเรา เป็นรุ่นพี่ปีสามกับปีสี่” ทำนุหันไปตำหนิเพื่อนก่อนจะหันมาพูดกับหนูด้วง

‘ตีด ติด ติ๊ววว’ เสียงรี๊ดกีต้าร์ไฟฟ้าจากชายหนุ่มผมยาวถึงกลางหลังดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ สักพักก็ได้ยินเสียงเบสและเสียงอิเล็กโทนจากพี่อีกสองคนดังขึ้นมาพร้อมกัน หนูด้วงได้แต่มองตาปริบๆ เพราะยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“ไอ้ป้ายมันบอกว่าสวัสดีน่ะหนูด้วง แต่มันติสท์ มันเลยทักด้วยเสียงกีต้าร์” ทำนุส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะอธิบายให้หนูด้วงฟัง

“เด็ดเด็ด!!” หนูด้วงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น เพิ่งรู้ว่าใช้เครื่องดนตรีทักทายกันได้ด้วย

“ส่วนไอ้แปะกับไอ้กาดมันเลยเอาบ้าง ทักทายด้วยเบสและอิเล็กโทน อย่าไปถือสานะ พวกมันกวนๆ แบบนี้แหละ” ทำนุรีบอธิบายให้น้องใหม่ของชมรมฟัง

หนูด้วงล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบใบไม้ขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากเพื่อเป่าทักทายทุกคนกลับบ้าง

‘แป๊ด แปด แป้ดดดด’

รอยยิ้มสดใสค่อยๆ จางหายไปเมื่อสิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบงัน แต่เพียงเสี้ยวนาทีเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ทั้งสี่คนก็ดังขึ้นมาจนหนูด้วงตกใจ

“กูบอกพวกมึงแล้วว่าน้องมันฮา” ทำนุหัวเราะจนตัวงอ

“เฮ้อ ขำชิบหาย เออๆ กูชอบ” ป้ายปรบมือให้หนูด้วง

“ความสามารถพิเศษตามที่กรอกเอาไว้จริงๆ เป่าใบไม้เนี่ย ฮ่าๆ” แปะรู้สึกว่าชมรมกล่องดนตรีไม่มีเสียงหัวเราะแบบนี้มานานมากแล้วจริงๆ

“ยินดีต้อนรับนะน้องด้วง เป่าเก่งใช้ได้” กาดเดินเข้ามายื่นมือให้หนูด้วง

“เวลาเป่าทำปากจู๋แบบนี้นะฮะ” หนูด้วงนึกว่าพี่คนนี้อยากได้ใบไม้ไปลองเป่าจึงรีบส่งให้พร้อมกับห่อปากให้ดู

“คือ...พี่จะจับมือแสดงความยินดี” กาดมองใบไม้ในมือก่อนจะยิ้มแหยๆ แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาอีกรอบ หนูด้วงเห็นพี่ทุกคนหัวเราะก็เลยหัวเราะตามบ้าง กว่าจะได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการก็ต้องรอให้ทุกคนขำจบเสียก่อน

คนแรกที่แนะนำตัวคือพี่กาด ชื่อจริงว่าประกาศ อยู่ปี 3 อยู่คณะเดียวกับหนูด้วงและพี่ทำนุ พี่กาดเล่าว่าเขาเกิดในวันที่ตรงกับวันที่พระนเรศวรประกาศอิสรภาพพอดีพ่อแม่เลยตั้งชื่อนี้ให้ หนูด้วงแอบคิดในใจว่าโชคดีที่ไม่ได้เกิดตรงกับวันที่กรุงศรีถูกตีเมือง ไม่อย่างนั้นพี่กาดคงได้ชื่อกรุงแตกแน่ๆ

ส่วนพี่อีกสองคนเป็นคู่แฝดกัน ก็คือพี่ป้ายกับพี่แปะ ชื่อจริงของพี่แฝดคือชยกรกับธนกร เรียนอยู่ปีสี่ปีเดียวกับพี่ทำนุ ทั้งคู่อยู่คณะศิลปกรรม เป็นคู่แฝดที่หน้าตาเหมือนกันมาก แต่ก็มีวิธีจำง่ายๆ คือพี่ป้ายผมยาวพี่แปะผมสั้น พี่ป้ายชอบเก๊กมาดเข้ม ส่วนพี่แปะดูเป็นคนขี้เล่น

“หนูว่าพี่สามคนน่าจะอยู่คณะนิเทศฯ เอกโฆษณามากกว่า”

“ทำไม” ทั้งสามคนถามขึ้นพร้อมกัน

“ก็ถ้าพี่ไปยืนรวมกัน ก็เป็น...แปะป้ายประกาศ” หนูด้วงพูดแล้วก็ปิดปากขำอยู่คนเดียว เมื่อไม่เห็นว่ามีใครหัวเราะตามจึงหยุดหัวเราะแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ไปแทน

“ฮ่าๆๆๆ” แล้วทำนุก็เป็นคนที่หัวเราะออกมาก่อน

“กูไม่เคยนึกถึงมุกนี้มาก่อนเลย” แปะมองหนูด้วงอย่างทึ่งๆ ก่อนจะขำตามทำนุไปอีกคน

“เด็กแสบ” กาดขำพลางตั้งฉายาให้หนูด้วงเสร็จสรรพ

“แล้วพี่นโมว่าไงเรื่องรับสมาชิกใหม่” ป้ายพยายามกลั้นขำเพราะไม่อยากให้เสียลุคศิลปินผมยาวสุดเซอร์

“เจอกันแล้ว พี่เขาไม่ได้ว่าอะไร” ทำนุบอกกับเพื่อน

“ดีเลย งั้นขอต้อนรับหนูด้วงเด็กแสบสู่ชมรมกล่องดนตรี” แปะปรบมือให้หนูด้วงอีกครั้ง

“ขอบคุณพี่ทุกคนทุกคนที่รับหนูเข้าชมรมครับ” หนูด้วงยกมือไหว้จนครบ

“นึกว่าปีนี้จะมีผู้หญิงมาสมัครเข้าชมรมกับเขาบ้าง กลายเป็นเจ้าเด็กนี่ไปได้ยังไงกัน” ป้ายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้มลงไปสนใจกีต้าร์ในมือของตัวเองต่อ

“หนูว่าเดี๋ยวก็มีมาสมัคร เรารีบจัดโต๊ะรอรับสมัครกันเถอะครับ” เมื่อครู่ตอนที่หนูด้วงเดินผ่านชมรมต่างๆ เห็นเด็กปีหนึ่งเริ่มทยอยกันไปสมัครตามความสนใจของตัวเอง ชมรมที่มีนักศึกษาไปต่อแถวยาวที่สุดคือชมรมละครของคณะนิเทศฯ แต่ชมรมอื่นๆ ก็มีคนสนใจไม่น้อยเหมือนกัน

“เราปิดรับสมัครแล้ว” ป้ายบอกสั้นๆ

“ห๊ะ...หนูมาช้าไปเหรอครับ” หนูด้วงก็ว่าตัวเองมาก่อนเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“ไม่ช้าหรอก แต่พวกมันบอกว่าปีนี้รับคนเดียวพอ” ทำนุอธิบายต่อ

“คนเดียวเองเหรอครับ” หนูด้วงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“อืม ไม่ชอบคนเยอะแยะ คนเยอะแล้วเรื่องมาก แค่นี้วงพวกเราก็ครบแล้ว” กาดอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นน้องใหม่ทำหน้าสงสัย

“ก็ยังดีที่มีเพื่อนอีกคน ไหนละครับคนที่รับเข้ามาใหม่” หนูด้วงมองหาสมาชิกใหม่คนเดียวที่ว่า จนสายตาทั้งสี่คู่มองตรงมาที่ตัวเองอีกครั้ง

“ก็เราไง มากรอกใบสมัครไว้เองแท้ๆ” เจ้าของเสียงที่ให้ความกระจ่างแก่หนูด้วงพูดพลางเอาตุ๊กตาเอเลี่ยนมาวางบนศีรษะกลมๆ ของคนขี้สงสัย

“น้องด้าว อยู่นี่เอง ไปเที่ยวไหนมาบอกพี่หนูด้วงสิ” หนูด้วงคว้าน้องด้าวลงมาจากหัวก่อนจะกอดรัดด้วยความดีใจ แต่ก็นึกสงสัยว่าพี่นโมเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้ยินเสียงเลย

“สรุปว่ามันแสบหรือมันไม่เต็มวะ” แปะถามอย่างขำๆ เมื่อเห็นหนูด้วงพูดกับตุ๊กตาหน้าตาประหลาดเหมือนมันเป็นสิ่งมีชีวิต

“เด็กมันมีจินตนาการ เหมาะแล้วที่จะอยู่กับพวกเรา” ป้ายอมยิ้มเมื่อเห็นความสดใสของสมาชิกใหม่

“ก็หนูมาสมัครตอนสายๆ ตอนนี้มันเย็นแล้วหนูก็ไม่ใช่สมาชิกใหม่ไง”

“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ” แปะหันไปถามคู่แฝดของตัวเอง ซึ่งอีกฝ่ายได้แต่ยกยิ้ม

“แล้วพี่นโมพาน้องด้าวไปไหนมา” หนูด้วงถามผู้ที่พาน้องด้าวกลับมาหาตัวเอง

“แถวนี้” นโมตอบสั้นๆ

“พี่นโม เมื่อไหร่ร้านพี่จะปรับปรุงเสร็จ พวกผมคันมือไปหมดแล้ว” กาดเป็นฝ่ายถามเพราะไม่ได้เล่นดนตรีมาเกือบเดือน

“อีกสองวันเปิด แต่วันนี้พวกมึงไปลองเครื่องดนตรีใหม่ที่กูสั่งมาก่อน”

“วู้! ได้เลยพี่”

“ร้านอยู่ไกลไหมครับ” หนูด้วงยืนฟังอยู่ก็รู้สึกสนใจ อยากขอตามไปด้วยแต่ก็กลัวจะเสียมารยาทเพราะเพิ่งจะรู้จักกัน

“อยู่ริมทะเล ร้านโคตรสวยอะ มีกล่องดนตรีเยอะกว่าที่นี่อีก” ทำนุพูดจบก็เห็นดวงตาของคนถามเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที

“ยิ่งปรับปรุงใหม่นะ สวยแบบวินเทจสุดๆ บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ” แปะบรรยายต่อ ดวงตาใสๆ ของหนูด้วงยิ่งเป็นประกายหนักกว่าเดิม

“ช่วงหัวค่ำเป็นช่วงน้ำทะเลเริ่มขึ้น จะได้ยินเสียงคลื่นเบาๆ ได้กลิ่นไอทะเลด้วย” กาดนึกอยากแกล้งเลยยั่วบ้าง ซึ่งหนูด้วงก็ยังไม่เอ่ยขอตามไป เอาแต่กัดริมฝีปากเอาไว้พร้อมกับดวงตาที่เปิดเผยว่าอยากจะขอไปด้วยจะแย่แล้ว

“สงสัยยั่วไม่ได้ผลว่ะพวกเรา จิตแข็งกว่าหน้าตา” ทำนุกระซิบกระซาบเพื่อนเมื่อเห็นว่าหนูด้วงยังคงไม่พูดอะไร ยังคงยืนทำตาเป็นประกายอยู่อย่างเดิม

“หมาล่าโคตรอร่อย”

“หนูขอไปด้วยนะ นะๆๆ ให้หนูไปด้วยนะ หนูจะไม่ทำตัวดื้อ หนูสัญญา” สิ้นคำของนโมหนูด้วงก็กระโดดเข้าไปเกาะแขนเจ้าของร้านแล้วอ้อนวอนสุดชีวิต

“ต้องเอาของกินมาล่อสินะ” กาดยืนขำ

“แม่ง พวกเราบรรยายแทบตาย พี่นโมมาสั้นๆ ปิดจ็อบเลย” ป้ายส่ายหน้าด้วยความเซ็งที่เท่ห์ได้ไม่เท่ารุ่นพี่ในตำนาน

“แต่วันนี้น้องปีหนึ่งต้องเข้าประชุมกับอาจารย์ประจำหอพักไม่ใช่เหรอ” ทำนุถามหนูด้วง

“จริงด้วย...หนูลืม อดเลย พวกพี่มาทำให้หนูอยากกินหมาล่า” หนูด้วงห่อไหล่พร้อมกับบ่นออกมา

“หรือจะโดด” แปะออกความเห็นเพราะว่าตัวเองเคยทำมาก่อน

“ไม่ได้ไม่ได้” หนูด้วงรีบส่ายหน้าเพราะถ้าโดดการประชุมน้าตวงจะต้องรู้แน่ๆ ถ้าน้าตวงรู้ยุงพญาก็จะรู้ ยุงพญารู้มัมก็จะรู้ มัมรู้แด๊ดดี้ก็จะรู้ แด๊ดดี้รู้คุณย่าพลอยก็จะรู้ คุณย่าพลอยรู้ปู่ช้วนก็จะรู้ แล้วถ้าปู่ช้วนรู้ตัวเองต้องโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ ปู่ช้วนเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่ตามใจหนูด้วง

“งั้นเดี๋ยวพี่ถ่ายรูปหมาล่ามาฝากก็แล้วกัน” กาดยังคงแกล้งต่อ

“พี่อ่า...” หนูด้วงทำหน้าบูด

“หรือรอให้ประชุมเสร็จแล้วมารับ” แปะเสนอ

“ได้เหรอ” หนูด้วงตาเป็นประกายอีกครั้ง

“พรุ่งนี้ค่อยไป” นโมบอกสั้นๆ เป็นอันสิ้นสุดบทสนทนาในเรื่องนี้

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเสียงอ่อยเมื่อรู้ว่าต้องรอไปในวันพรุ่งนี้แทน รู้สึกว่าตัวเองหนีไม่พ้นคำว่า ‘รอ’ สักที

“มารับน้องใหม่กันดีกว่า” ทำนุเปลี่ยนเรื่อง ชักชวนให้เข้าพิธีรับน้องใหม่ของชมรมเพราะสงสารที่แกล้งจนน้องเล็กของชมรมหน้าหงอย

“คนล่าสุดที่ทำการรับน้องก็คือไอ้กาดเมื่อสองปีที่แล้วโน้น นึกว่าจะต้องเฉาตายเพราะนั่งมองกันเองซะแล้ว” แปะถอนหายใจ

แปะยอมรับว่าแปลกใจเหมือนกันที่ทุกคนยอมรับหนูด้วงเข้าชมรมง่ายๆ เป็นที่รู้กันว่าชมรมของตัวเองไม่ค่อยง้อใคร ไม่เคยของบจากทางมหา’ลัย เงินทุกบาทที่ใช้จ่ายในชมรมมาจากพี่นโมทั้งสิ้น การที่จะรับใครเข้ามาก็ต้องเห็นพ้องต้องกัน เลือกจากทัศนคติ ฝีมือ นิสัย เอาง่ายๆ คือต้องถูกชะตาสมาชิกทุกคน แต่ครั้งนี้ทำนุบอกว่าพี่นโมเป็นคนตัดสินใจ มันเล่าให้ฟังว่าพี่นโมไม่ได้พูดแต่มันมองตาพี่นโมก็รู้ว่าอยากรับเด็กคนนี้เข้าชมรมแน่ๆ มันเลยเป็นคนพูดแทน ตอนที่รู้..ทั้งเขา ป้ายและกาดก็ยังนึกเซ็งอยู่ว่าทำไมไม่รอถามความเห็นกันบ้าง แต่แล้วเขาก็ได้คำตอบและหายเซ็งเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เจอกับสมาชิกใหม่คนนี้ด้วยตัวเอง

“มีรับน้องด้วยเหรอฮะ หนูชอบ” หนูด้วงรู้สึกตื่นเต้น

“มี ต้องวิ่งขึ้นลงเขาสิบรอบ”

“ก็ได้ก็ได้”

“ต้องทำความสะอาดชมรมทุกวันติดต่อกันหนึ่งอาทิตย์”

“ก็ได้ก็ได้”

“ต้องไปยืนที่ลานดาว ลานใหญ่กลางมอ แล้วร้องเพลงสามเพลงติดๆ โดยห้ามดื่มน้ำ”

“ก็..ก็ได้ก็ได้”

“ต้องแก้ผ้าวิ่งลงไปในทะเลแล้วตะโกนว่า...ข้าคือสมาชิกชมรมกล่องดนตรี”

“หนูรู้แล้วว่าทำไมไม่มีคนมาสมัครชมรมนี้” หนูด้วงพยักหน้าหงึกๆ เพราะเพิ่งเข้าใจว่าทำไมคนในชมรมนี้ถึงน้อยเหลือเกิน

“ไงล่ะมึง โดนเด็กมันย้อนเข้าให้แล้ว ฮ่าๆๆๆ” ทำนุยืนหัวเราะแปะที่กำลังทำปากพะงาบพะงาบเพราะพูดไม่ออกอยู่

“ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” ป้ายแกล้งถามต่อ

“หนูทำก็ได้” หนูด้วงยอมตกลงเพราะอยากจะอยู่ชมรมนี้จริงๆ

“ดี! มันต้องเด็ดขาดแบบนี้ถึงจะเป็นเพื่อนกันได้” กาดเดินไปตบบ่าหนูด้วงพร้อมกับกลั้นขำที่แกล้งหนูด้วงได้

“แต่เพื่อนกันเขาไม่มองก้นกันหรอกฮะ หนูจะแก้ผ้าลงทะเลก็ได้ แต่พวกพี่ห้ามอยู่ดูด้วย” หนูด้วงพูดจบกาดก็กลั้นขำไม่อยู่

“โอ้ยพอแล้ว ไม่แกล้งแล้ว กลั้นขำจนเมื่อยปากไปหมด มันน่ารักนะเด็กคนนี้” กาดเอื้อมมือเตรียมจะไปกอดคอน้องเล็กคนใหม่ของชมรมแต่ก็ต้องวืดเพราะนโมดึงตัวหนูด้วงออกมาแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ทรงสูงที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องแทน

“พวกมึงไปเตรียมตัวได้แล้ว ทำให้เสร็จๆ กูจะรีบกลับ เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” นโมทำท่ารำคาญแบบไม่จริงจังเพราะรู้ดีว่ารุ่นน้องพวกนี้เอ็นดูหนูด้วงถึงได้แกล้งไม่เลิก

ป้ายคว้ากีต้าร์ของตัวเองไปยืนอยู่บนเวทีเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับเก้าอี้ที่หนูด้วงนั่งอยู่ แปะสะพายเบสตามไป ส่วนกาดมือคีย์บอร์ดก็ไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเองเช่นกัน ทำนุเดินเข้าไปนั่งที่ตำแหน่งมือกลองแล้วเริ่มลองเทสเสียงเครื่องดนตรี

“ในฐานะที่น้องหนูด้วงเป็นเด็กน่ารัก เดี๋ยวพวกพี่จะร้องเพลงให้ฟังแทนการรับน้องโหดๆ แล้วกัน” ทำนุพูดกับหนูด้วง

“ไม่ต้องวิ่งสิบรอบแล้วเหรอฮะ”

“อืม”

“ไม่ต้องทำความสะอาดชมรมแล้วเหรอฮะ”

“อืม”

“ไม่ต้องไปร้องเพลงที่ลานดาวแล้วเหรอฮะ”

“อืม”

“ไม่ต้องแก้ผ้าลงทะเล...”

“เออ!!” รุ่นพี่ทั้งห้าคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน

“ก็ได้ก็ได้ ไม่ถามแล้ว” หนูด้วงยิ้มแห้งๆ แล้วเอามือปิดปากน้องด้าวเอาไว้ ก่อนจะนั่งตัวตรงเพื่อตั้งใจฟังเพลงที่รุ่นพี่จะร้องให้ฟัง

‘ปล่อยให้ใจเข้าข้างตัวเองทุกที ว่าจะมีเธออยู่กับฉัน แม้วันนี้จะยังไม่มีวันนั้น ก็จะฝันจะเฝ้ารอ
เพราะคำว่ารัก จะมีให้เธอเท่านั้น ในใจฉันไม่มีที่ว่างให้ใคร อยากให้วันพรุ่งนี้ เธอรับรู้และเข้าใจ
ที่ว่ามีใคร ที่พร่ำเพ้อ’


เหมือนว่าภายในห้องนี้กลายเป็นจักรวาลที่มืดมิดทันทีที่เสียงนุ่มๆ ของพี่นโมถ่ายทอดมาถึง โดยเฉพาะดวงตาที่หนูด้วงกำลังมองจ้องอยู่มันเหมือนดวงดาวสองดวงที่กำลังส่องแสงท่ามกลางความมืดมิด หนูด้วงไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้เลย ทั้งเนื้อเพลง ท่วงทำนองและจังหวะดนตรีให้ความรู้สึกถึง ‘การคิดถึง’ ใครสักคน ได้ฟังแล้วอยากจะหลับตานึกถึงคนสำคัญ แต่หนูด้วงก็ไม่อาจจะทำได้เพราะสายตาตรงหน้าสะกดให้ต้องมองกลับไป 

‘คืนที่ดาวเต็มฟ้าฉันจินตนาการเป็นหน้าเธอ ละเมอไปไกล มองไม่เห็นเป็นดาว
จันทร์ที่ดูสดใสนั้นเป็นดั่งใจเธอหรือเปล่า หากมันเป็นจริง จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ’


..คนที่ทำให้เราใจเต้นทุกครั้งที่สบตา..นกฮูกบอกแบบนั้น

ตึกตัก..ตึกตัก...

‘แม้ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ไหน ขอฝากใจไปถึงหน่อย ใจดวงนี้อาจยังมีค่าน้อย แต่จะคอยเพียงรักเธอ’

ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้หนูด้วงคิดไปถึงคนไกล คนสำคัญที่ยังสำคัญเสมอ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองยังสำคัญสำหรับเขาหรือเปล่า แด๊ดดี้เคยบอกว่าบางครั้งที่เราไม่ลืมใครบางคนเพราะเราใช้หัวใจจำ ถ้าเราคิดถึงเขาทุกวันทุกวัน เขาจะอยู่กับเราเสมอ แล้วถ้าเขาไม่ได้คิดถึงเราอย่างที่เราคิดถึงเขา เราจะหายไปจากใจของเขาในสักวันใช่ไหม ถ้าความคิดถึงมาจากฝ่ายนี้ฝ่ายเดียวจะช่วยทำให้คนทางโน้นไม่ลืมคนทางนี้ได้หรือเปล่า นี่เป็นเรื่องที่หนูด้วงยังคงสงสัยเสมอมา

(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 05-06-2018 16:25:00
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

‘คืนที่ดาวเต็มฟ้าฉันจินตนาการถึงหน้าเธอ ละเมอไปไกล มองไม่เห็นเป็นดาว
จันทร์ที่ดูสดใสนั้นเป็นดั่งใจเธอหรือเปล่า หากมันเป็นจริง จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ’


ถ้าพระจันทร์เป็นเหมือนหัวใจพี่โอบอุ้มก็ยังดี...เพราหนูด้วงยังได้เห็นมัน

‘หากมันเป็นจริง จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ’

ตึกตัก...ตึกตัก...

เมื่อพี่นโมยกยิ้มน้อยๆ หนูด้วงต้องแอบทาบมือกับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ไม่รู้ว่าที่ทำแบบนั้นเพราะอยากให้มันเต้นเบาลงหรือว่าอยากแน่ใจว่ามันเต้นแรงกว่าปกติ

“เพราะจนตะลึงเลยใช่ไหมล่ะหนูด้วง” กาดถามเมื่อเห็นหนูด้วงนั่งนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบเพลง

“หนูด้วง...” แปะเรียกชื่อคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่

“เด็ด...เด็ดเด็ด..เพราะสุดๆ” หนูด้วงรีบปรบมือให้ทุกคนในวงหลังจากที่พาตัวเองหลุดออกมาจากดวงตาคู่นั้นได้แล้ว

“อะนี่..ของขวัญรับน้องจากพี่ทุกคน” ทำนุเดินออกมาหยิบถุงสีน้ำตาลเล็กๆ ยื่นให้หนูด้วง

ของที่อยู่ในถุงคือสร้อยเงินที่มีจี้เป็นรูปกล่องดนตรีสลักคำว่า musicbox เอาไว้ด้วย หนูด้วงเอาสร้อยมาวางทาบที่คอและพยายามจะติดตะขอเพราะมันไม่ได้ยาวพอที่จะสวมคอได้ แล้วสร้อยในมือก็ถูกนโมคว้าไปใส่ให้แทนท่ามกลางความเงียบของทุกคนในห้อง

“เก็บรักษาให้ดี ถ้ามันหายก็ต้องลาออกจากชมรม” นโมบอกก่อนจะเดินไปหยิบกีต้าร์โปร่งมาสะพายหลัง

“ขอบคุณครับ” หนูด้วงรีบบอก

“กูกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้าน” นโมหันไปบอกคนอื่นๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“พี่เขาคงเอ็นดูหนูด้วง ถือว่าโชคดีมากเลยนะ ปกติพี่นโมไม่ยอมร้องเพลงง่ายๆ แล้วก็ไม่รับใครเข้าชมรมง่ายๆ เหมือนกัน” ทำนุลูบผมหนูด้วงเบาๆ เพราะรุ้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่ต่างกัน

“ใช่ แล้วปกติก็ไม่เข้ามอมาด้วยตัวเองแบบนี้ สงสัยพี่เขาจะเบื่อพวกเราแน่เลยว่ะ เลยอยากได้แบบสดใสๆ มาในชมรมบ้าง” กาดยืนยันเพราะคิดว่าหนูด้วงโชคดีจริงๆ

“เดี๋ยวหนูมานะ” หนูด้วงบอกกับทุกคนในห้องก่อนจะวิ่งออกไป เมื่อเปิดประตูออกมาได้หนูด้วงก็ป้องปากตะโกนสุดเสียงหวังให้คนที่เดินไปไกลแล้วได้ยิน “หนูจะรักษามันอย่างดี พี่ได้ยินไหม หนูจะไม่มีวันทำสร้อยหาย!!!”

ขนาดอยู่ไกลพอสมควรนโมยังเห็นว่าหนูด้วงหน้าแดง คงเพราะฝ่ายนั้นพยายามตะเบ็งเสียงให้เขาได้ยิน เขาพยักหน้าให้ก่อนจะหันหลังกลับแล้วยกมือขึ้นแทนคำตอบรับ หนูด้วงเห็นก็กระโดดชูมือชูไม้ดีใจที่จะได้เป็นสมาชิกชมรมกล่องดนตรีโดยสมบูรณ์ จากที่เคยกังวลว่าจะเข้ากับคนอื่นได้ยาก ตอนนี้หนูด้วงรู้สึกสบายใจและดีใจที่สุด เพราะนอกจากเพื่อนสนิทแล้วยังมีคนที่ใจดีกับหนูด้วงมากขึ้นอีกตั้งห้าคน

“กรี๊ดดด นั่นพี่นโมในตำนานใช่ไหมแก แกถ่ายเอาไว้ทันไหม โอ้ย จะเป็นลม นานๆ พี่เขาจะมาที่มอสักที หล่อทะลุพุ่มไม้เข้ามาเลยแก”

“เฮ้ย ฉันมัวแต่ตกอยู่ในออร่าความเท่ห์ของพี่เขา ลืมกดอัดเลยแก”

“ปัดโธ่เอ้ย แกพลาดได้ไงวะ ดูดิ ฉันได้ไอเดียคนที่จะมาเป็นมือที่สามได้แล้วแท้ๆ”

“อ้าว แกไม่เอาไอ้โอมันแล้วเหรอ”

“ไม่เอาหรอก มันนิสัยไม่ดี ฉันไม่อยากให้เรื่องสั้นของเรามีคนนิสัยไม่ดี”

“แล้วมันจะโมโหพวกเราเปล่าว่ะ มันยิ่งชอบพาลอยู่ด้วย”

“ไม่สน ร้ายมาร้ายกลับ พวกเรามันสายวายที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีโว้ย”

“ฮ่าๆ ก็จริง เออแก...ว่าแต่ฉันมีคำถามจะถาม”

“อะไรอีก”

“แกว่า...ให้ใครเป็นพระเอกดีวะ น้องสิงโตหรือพี่นโม”

“เออ...เลือกไม่ถูกเลย น้องสิงโตก็หล่อ พี่นโมก็โคตรเท่ห์ เอาไงดีวะแก”

“งั้นเราเอาไปให้สมาชิกโหวตดีกว่า สิงด้วงหรือโมด้วงดี”

“เฮ้ย แกๆ หนูด้วงกำลังยิ้ม ยิ้มหวานด้วย แกกดถ่ายเร็วเข้า เร็วดิ โอ้ย...น่ารักอะไรแบบนั้นลู๊กกกก”

“เออๆ กดถ่ายแล้ว อย่าเขย่าแขนฉันสิวะ ภาพไหวหมดแล้ว”

“ไม่ว่าจะสิงด้วงหรือโมด้วง ปีนี้พวกเราต้องชนะเลิฟนอร์มอลแน่ฉันมั่นใจ”

“มาทำอะไรกันเหรอครับ”

“ถ่ายหนังสั้นอยู่”

“ถ่ายเรื่องอะไรเหรอครับ”

“ยังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่จะดันให้ดังสุดๆ ไปเลย”

“เจ๋ง...แล้วพวกพี่ไม่อยากถ่ายผมบ้างเหรอครับ”

“เฮ้ย!!! น้องเม่น”

สองสาวที่กำลังถ่ายหนูด้วงอยู่ตกใจจนกล้องเกือบหล่นจากมือเมื่อคนที่ยืนถามอยู่ข้างหลังคือเพื่อนสนิทของหนูด้วง ชมรมสาววายของพวกเธอทำการบ้านมาอย่างดีจนรู้จักทุกคนรอบตัวหนูด้วงหมดแล้ว ที่เธอเลือกหนูด้วงมาเป็นตัวเอกเพราะสืบรู้มาว่าครอบครัวของหนูด้วงเต็มไปด้วยกลิ่นอายความวายสีชมพู พวกเธอเลยมั่นใจว่าหนูด้วงต้องได้ความวายแบบหวานละมุนมาจากคนในครอบครัวด้วยแน่ๆ แต่ที่หนักใจคือยังไม่รู้ว่าใครจะได้เป็นพระเอกของหนูด้วง เป็นเหตุให้ทุกคนในชมรมต้องผลัดกันตามติดชีวิตหนูด้วงกันอยู่นั่นเอง

“เจ๋ง พี่รู้จักผมด้วย”

“ระ...เรา เราขอตัวก่อนนะคะ” สองสาวรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปเพราะกลัวว่าจะโดนยึดกล้องซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ของชมรมโอนลี่วาย

“อ้าว ไปกันหมดเลย สงสัยเราจะไม่น่ารักเท่าหนูด้วง” เม่นเกาท้ายทอยก่อนจะยักไหล่แล้วเดินออกไปหาเพื่อนสนิท

เม่นมาหาหนูด้วงเพราะสิงโตสั่งให้มา อันที่จริงสิงโตจะมาด้วยตัวเองแต่โดนรุ่นพี่ที่คณะรุมขอให้สิงโตยอมเป็นเดือนคณะจนไม่สามารถออกมาจากวงล้อมได้ บอกตรงๆ ว่าเขาไม่เข้าใจเพื่อนสนิทคนนี้สักเท่าไหร่ เคยถามว่ามันเป็นเกย์รึเปล่ามันก็ปฏิเสธ แต่มันก็ตามติดหนูด้วงแจจนใครต่อใครก็เข้าใจว่ามันแอบหลงรักหนูด้วง ส่วนสิ่งที่ทำให้เม่นสับสนเพราะเวลาที่เม่นชวนสิงโตไปเที่ยวกับเด็กโรงเรียนสตรีในเมือง สิงโตก็ไม่เคยปฏิเสธเหมือนกัน แถมมันยังดูเหมือนผู้ชายปกติที่ชอบผู้หญิงเหมือนตัวเขา

“อ้าวน้องเม่น มาสมัครชมรมนี้เหรอ” หนูด้วงเห็นเพื่อนสนิทเดินมาก็แปลกใจ

“เราขึ้นปีหนึ่งแล้ว เป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้เลิกเรียกเราว่าน้องเม่นเสียที” เม่นรู้สึกอายเวลาที่โดนหนูด้วงเรียกตัวเองว่าน้องเม่น

“ก็มันชินอะ”

“มันไม่แมน”

“ก็ได้ก็ได้ ไอ้เม่น” หนูด้วงยอมตามใจเพื่อน

“เจ๋ง หนูด้วงพูดคำหยาบเป็นด้วย”

“เปล่านะ นกฮูกบอกว่า ไอ้..ไม่ใช่คำหยาบ แต่..มันหยาบเหรอ” หนูด้วงเริ่มลังเล

“ไม่หยาบก็ไม่หยาบ ว่าแต่ตกลงเข้าชมรมนี้แล้วแน่ๆ ใช่ไหม”

“อือ มันดีมากเลยไอ้น้องเม่น เราชอบ”

“เอ้า! เหมารวมทั้งไอ้ทั้งน้องเลยนะ ว่าแต่ขอไปดูข้างในได้ไหม”

“ได้มั๊ง พี่เขาปิดรับสมัครแล้วแหละแต่ไม่ได้ห้ามคนเข้าไป” หนูด้วงเอียงคอครุ่นคิด

“งั้นยังไม่เข้าไปดีกว่า ไปเถอะ เรามารับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน คนอื่นๆ คงรอแล้ว เดี๋ยวไปประชุมสาย” เม่นไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับพื้นที่ส่วนตัวของหนูด้วงมากไปเลยเปลี่ยนใจที่จะไม่ทำตามคำขอของสิงโต

“ก็ได้ก็ได้ ขอเข้าไปบอกพี่ๆ เขาก่อนว่าจะกลับ เดี๋ยวเรามา” หนูด้วงยิ้มสดใสให้เม่นก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในชมรม

นอกจากสาวๆ กลุ่มโอนลี่วายจะคอยตามติดหนูด้วงแล้ว อีกมุมหนึ่งไม่ไกลส้มโอก็มาแอบดูหนูด้วงอยู่เช่นกัน ตอนนี้ส้มโอมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของหนูด้วงในตอนนี้ก็ทำเอาเลือดลมสูบฉีดเหมือนได้เจอคนที่แอบหลงรักมานาน จากที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชาย แต่ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าคนที่ชอบและอยากได้มาเป็นแฟนดันเป็นคนที่ไม่อยากยอมรับนั่นเอง


...


ถึง Aubeoomแอดจีเมล์ดอทคอม
เรื่อง ข่าวสั้นทันโลกของหนูด้วงประจำวันนี้


   ‘สวัสดีฮะพี่โอบ พอดีวันนี้หนูเพิ่งเลิกประชุมเรื่องหอพักเลยมารายงานข่าวช้ากว่าทุกวัน จริงๆ หนูมีเรื่องมาเล่าให้พี่ฟังเยอะเลยแต่ว่ามันเยอะจนนึกไม่ออก ฮ่าๆ ที่แน่ๆ หนูกับน้องด้าวเป็นนักศึกษาปีหนึ่งเต็มตัวแล้วนะฮะ หนูโตแล้วนะ เดินออกมาจากเซฟโซนอย่างที่พี่โอบสอนหนู แล้ววันนี้หนูก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะเลย หนูได้เข้าชมรมกล่องดนตรีด้วย ที่ชมรมนี้เขาจะพาไปร้องเพลงเปิดหมวกเหมือนที่พี่โอบทำด้วยนะฮะ หนูตื่นเต้นมากอยากไปร้องเพลงเปิดหมวกเหมือนพี่โอบ แล้วเขาก็มีร้านอาหาร เขาอาจจะให้หนูไปร้องเพลงเป็นงานอดิเรกด้วย เจ้าของร้านเขาชื่อพี่นโม เป็นรุ่นพี่ที่จบไปหลายปีแล้ว แต่หน้าเขาอ่อนมากเลย ถ้าไม่บอกหนูก็นึกว่าเขายังเรียนอยู่ หนูอยากไปร้องเพลงที่ร้านพี่นโมมากๆ แต่เขายังไม่ได้ชวนหนูหรอก หนูซ้อมดีใจล่วงหน้าเอาไว้ก่อน แล้วหนูยังไม่ได้ขออนุญาตทุกคนทุกคนเลย คนอื่นยังไม่เท่าไหร่ แต่ป๊าของพี่โอบนี่แหละเป็นด่านที่ยากที่สุด แต่หนูคิดเอาไว้แล้วว่าหนูจะต้องขออาน้องก่อน ถ้าอาน้องอนุญาตนะ ยุงพญาก็ต้องอนุญาตเหมือนกัน จริงไหมฮะ แฮ่ๆ แล้วพี่โอบอยากให้หนูร้องเพลงให้คนอื่นฟังไหม ถ้าพี่โอบไม่อยากให้หนูไปหนูไม่ไปก็ได้ หนูจะไม่ดื้อกับพี่โอบ (แต่เขายังไม่ได้ชวนหนูเลย พี่โอบว่าเขาจะชวนหนูไหม) วันนี้หนูคงเขียนมาแค่นี้ก่อนเพราะว่าแกงค์ The zoo รอกินขนมอยู่ หนูอยากมาส่งคลิปที่หนูร้องเพลงให้พี่ฟังก่อน เพลงนี้หนูไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่รุ่นพี่ที่ชมรมร้องต้อนรับหนู หนูว่ามันเพราะดีเลยหัดร้องตอนเข้าประชุม (อย่าฟ้องมัมนะฮะว่าหนูไม่ตั้งใจฟังอาจารย์) หนูอยากให้พี่ได้ฟัง มันชื่อว่าเพลง...คืนที่ดาวเต็มฟ้านะฮะ’


หนูด้วงแนบไฟล์คลิปเพลงคืนที่ดาวเต็มฟ้าที่ตัวเองร้องไปกับเมล์ก่อนจะกดส่ง นั่งรอเมล์ตอบกลับจากอีกฝ่ายอยู่นานจนนึกแปลกใจ ปกติพี่โอบจะส่งกลับมาภายใน 5 นาที แต่หนูด้วงรอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววการตอบกลับ สุดท้ายก็ตัดสินใจปิดคอมแล้วอุ้มน้องด้าวเดินลงไปหาเพื่อนๆ ที่นั่งรออยู่ใต้หอพัก

“มาช้าจัง ส่งเมล์หาพี่โอบอยู่เหรอ” นกฮูกถาม

“อืม” หนูด้วงตอบด้วยเสียงหงอยๆ จนเพื่อนทุกคนสังเกตเห็น

“มานี่ จะพาไปดูอะไร” สิงโตจับมือของหนูด้วงแล้วพาจูงออกจากหอพักไป

“สิงโต จะพาหนูด้วงไปไหน รอด้วยสิ” น้องเกลกับนกฮูกพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะรีบเดินตามสิงโตออกไป

สิงโตพาหนูด้วงมานั่งเล่นที่สนามฟุตบอลของมหา’ลัย เขาชวนเพื่อนทั้งสามคนเอนตัวลงนอนกับหญ้านุ่มๆ แล้วบอกให้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ว้าววว สวยจัง” น้องเกลถึงกับตะลึงในความสวยงามของท้องฟ้ายามราตรี

“เราอยู่ในเกาะกลางทะเล แถมยังอยู่บนเขา ท้องฟ้าที่นี่เลยมืดกว่าในเมือง พระจันทร์กับดวงดาวเลยสวยแบบนี้” นกฮูกยอมรับว่าสิ่งที่เห็นอยู่มันสวยจนไม่อยากละสายตาจริงๆ

“สบายใจขึ้นไหม” สิงโตถามหนูด้วง

“อืม ขอบใจนะที่พามาดูอะไรสวยๆ แบบนี้” หนูด้วงหันไปยิ้มให้สิงโต

“มีอะไรไม่สบายใจเล่าให้พวกเราฟังได้นะหนูด้วง” น้องเกลเอื้อมมือมาจับมือของหนูด้วงที่ยังว่างอยู่

“เราไม่ได้ไม่สบายใจหรอก คิดถึงบ้านเฉยๆ” หนูด้วงรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาจริงๆ ไม่เคยห่างจากครอบครัวเลย รอบตัวเคยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีแต่ความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ พอได้มาอยู่ตามลำพังเลยรู้สึกเหงา และยิ่งเหงาหนักมากเมื่อพี่โอบอุ้มตอบเมล์ช้า

“ทุกคน หนีมาอยู่นี้ก็ไม่บอก ไหนว่าจะนัดปาร์ตี้ขนมหวานกันไง ทิ้งขนมเอาไว้ที่โต๊ะแต่ตัวหายกันไปหมด” เม่นวิ่งตามหาเพื่อนๆ จนเจอ ยืนหอบไปบ่นไปเพราะไม่มีใครยอมทิ้งข้อความบอก โทรหาก็ไม่มีใครรับสายสักคน

“แล้วทำไมไม่โทรมาถามล่ะ” น้องเกลถาม

“ไม่มีใครรับสักคน”

“อ้าว เออ ปิดเสียงเอาไว้ตอนประชุมแล้วลืมเปิดเสียง” นกฮูกนึกขึ้นได้เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“แล้วหิ้วอะไรมา เราได้กลิ่นหอมๆ” หนูด้วงลุกขึ้นมานั่งก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดเหมือนแมว

“ของใครก็ไม่รู้ ฝากมาให้หนูด้วง วางเอาไว้บนโต๊ะเลยหยิบติดมือมา” เม่นยืนถุงให้หนูด้วง

“หมาล่านี่” หนูด้วงเปิดถุงที่บรรจุหมาล่าหลายไม้ก็พอจะเดาออกว่ามาจากไหน แต่ไม่มั่นใจว่าใครในชมรมที่เอามาให้ มันยังร้อนอยู่และส่งกลิ่นตลบอบอวลจนเพื่อนทุกคนต้องลุกมาดูบ้าง

“น่ากินมาก แต่คงเผ็ดน่าดู” น้องเกลกลืนน้ำลายเพราะมันหอมยั่วยวนเหลือเกิน

“อือ เผ็ดแต่อร่อยมากเลย รสชาติเหมือนที่มัมทำเลย” หนูด้วงได้ชิมแล้วรู้สึกอึ้งเพราะมันอร่อยเหมือนได้กินฝีมือของนับตังค์

“มีโน้ตด้วย อ่านสิว่าใครให้มา” สิงโตถาม

หนูด้วงหยิบกระดาษโน้ตมาดู ในกระดาษไม่ได้มีข้อความอะไรเลยมีแต่วาด เป็นรูปการ์ตูนตุ๊กตาเอเลี่ยนและมีลูกศรชี้ไปที่มือของตุ๊กตา หนูด้วงส่งถุงหมาล่าให้สิงโตถือก่อนจะอุ้มน้องด้าวมานั่งตักแล้วกดไปที่มือของน้องด้าว     

‘ปล่อยให้ใจเข้าข้างตัวเองทุกที ว่าจะมีเธออยู่กับฉัน แม้วันนี้จะยังไม่มีวันนั้น ก็จะฝันจะเฝ้ารอ เพราะคำว่ารัก จะมีให้เธอเท่านั้น ในใจฉันไม่มีที่ว่างให้ใคร อยากให้วันพรุ่งนี้ เธอรับรู้และเข้าใจ ที่ว่ามีใคร ที่พร่ำเพ้อ คืนที่ดาวเต็มฟ้าฉันจินตนาการเป็นหน้าเธอ ละเมอไปไกล มองไม่เห็นเป็นดาว จันทร์ที่ดูสดใสนั้นเป็นดั่งใจเธอหรือเปล่า หากมันเป็นจริง จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ แม้ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ไหน ขอฝากใจไปถึงหน่อย ใจดวงนี้อาจยังมีค่าน้อย แต่จะคอยเพียงรักเธอ’

“เสียงใครร้อง แถมยังอัดใส่น้องด้าวมาด้วย” นกฮูกถามด้วยความสงสัย

“อ้าว หนูด้วง ร้องไห้ทำไม” เม่นถามด้วยความตกใจ

“คิดถึงมัมเหรอ” สิงโตลูบผมหนูด้วงเบาๆ

“คงคิดถึงบ้านมากๆ เคยอยู่กับครอบครัวใหญ่ๆ คงจะเหงาสินะหนูด้วง” น้องเกลถอนหายใจสงสารเพื่อน

“เรา....” หนูด้วงเงยหน้าขึ้นมาแล้วพยายามเช็ดน้ำตา

เพื่อนทั้งสี่คนขยับเข้ามาใกล้หนูด้วงเพราะอยากปลอบโยน รอฟังคำระบายจากหนูด้วงด้วยความตั้งใจ

“เรา...เราเผ็ด”

“เฮ้อ.......” เสียงถอนหายใจดังมาจากเพื่อนสนิททั้งสี่คน

หนูด้วงรีบหยิบหมาล่ามาแจกจ่ายให้เพื่อนได้กิน แล้วค่ำคืนที่ดาวเต็มฟ้าก็มีพระจันทร์ที่ดูสดใสช่วยเป็นสักขีพยานว่า...หมาล่ามันเผ็ดจนแกงค์ The zoo น้ำตาไหลพรากได้จริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วหมาล่าถุงนี้มันไม่ได้ทำร้ายหนูด้วงให้มีน้ำตา

...หนูด้วงแค่โดนความคิดถึงมันทำร้ายแค่นั้นเอง...   

‘จันทร์ที่ดูสดใสนั้นเป็นดั่งใจเธอหรือเปล่า หากมันเป็นจริง จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ’

โปรดติดตามตอนต่อไป

โอ้ยหนอออออ แม่ยกปี้โอดอุ้นอย่าเพิ่งรวมตัวมาฆ่าเลิฟนะ 5555 รอลุ้นกันไปก่อน เดากันไปก่อน ใสๆ ไม่ดราม่ารับประกัน แต่เด็กวัยใสมันต้องมีฮอร์โมนว้าวุ่น มีหลายอารมณ์กันบ้าง ลองย้อนกลับไปสิ ตอนเราเรียนเราก็อินไปกับทุกสิ่งรอบตัวเนอะ มาๆ เราไปสมัครกลุ่มโอนลี่วายกันเถอะ 5555 ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เดี๋ยวคำผิดที่ตกหล่นจะกลับมาแก้ให้นะคะ

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 05-06-2018 19:43:30
หนูด้วงไม่ใช่เด็กแสบ แต่เป็นเด็กที่จินตนาการสูงไปหน่อย  คนในชมรมกล่องดนตรี เจอหนูด้วงตั้งชื่อใหม่ให้ เล่นเอาฮา

ทั้งพี่ทำนุบำรุง  และ แปะป้ายประกาศ
ี่
พี่นโม กับพี่โอบอุ้มน่าจะรุ่นเดียวกัน  หรือเป็นคนเดียวกัน เพราะหนูด้วงก็ยังไม่เคยเห็นหน้าพี่โอบอีกเลย ตั้งแต่พี่โอบไปเรียนต่อ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-06-2018 20:01:56
แอบใจไม่ดี​จริงๆ​ ค่ะ ลึกๆ แล้วก็อยากให้หนู​ด้วง​เปิดโลกให้กว้าง แต่อีกใจเขาก็รักกันมานาน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 05-06-2018 20:38:57
พี่มโนกับพี่โอบอุ้มจะใช่คนเดียวหรือเปล่านะ ถ้าใช่ก็จะได้เชียร์แบบบไม่กั๊ก

หนูด้วงยังน่ารักเหมือนเดิมเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-06-2018 21:55:49
เรายังเชียร์สิงโตอยู่นะ อย่าทำให้สิงโตเสียใจเลย เราเศร้าอะ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-06-2018 23:06:57
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 06-06-2018 00:33:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 06-06-2018 22:41:10
หนูด้วงน่ารักเสมอต้นเสมอปลายเลย
พี่นโมคือใคร? พี่โอบหายไปไหนละเนี้ยะ
รีบๆออกมาทำคะแนนได้แล้ว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 07-06-2018 02:29:33
ถึงตอนนี้รู้ว่าหนูด้วงยังไม่ได้เห็นหน้าพี่โอบ มานานเป็นสิบปี และทุกคนดูปิดบัง
และพี่นโมเป็นรุ่นพี่ที่จบไปนานแล้ว การกระทำของพี่นโมเหมือนพี่รู้จักน้องด้าว
คิดว่าพี่นโมกับพี่โอบน่าจะเป็นคนเดียวกัน
ถ้ามีพี่นโมอยู่ด้วยไม่ห่วงว่าหนูด้วงจะโดนใครทำร้าย
เดาว่าที่ยุงพญาไม่ให้หนูด้วงเห็นหน้าพี่โอบน่าจะเป็นว่า เมื่อหนูด้วงโตจะได้เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงที่หนูด้วงมีให้พี่โอบเพราะอะไร เราเดาไปเรื่อย

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 07-06-2018 13:05:20
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 3 เพ้อ
ศิลปิน เบิร์ดกะฮาร์ท


ถึง ND.superhero@จีmailดอทcom
เรื่อง ขอแสดงความยินดีให้กับผู้วิเศษและน้องด้าวของเขา

            พี่ขอโทษนะครับที่มาตอบช้า คงไม่งอนพี่ใช่ไหม เด็กดีของพี่โตแล้วจริงๆ แถมยังร้องเพลงเพราะขึ้นเยอะเลยนะ พี่โอบฟังเป็นรอบที่สิบแล้ว และคิดว่าคืนนี้จะฟังจนกว่าจะหลับไปเลย อยากให้เสียงของผู้วิเศษเป็นคนกล่อมพี่นอน พี่จะได้ฝันดีเห็นดวงดาวและพระจันทร์

            ส่วนเรื่องที่หนูด้วงอยากไปร้องเพลงที่ร้านของรุ่นพี่ พี่โอบอยากให้หนูด้วงขออนุญาตแด๊ดดี้กับมัมด้วยนะครับ ส่วนพี่โอบสนับสนุนหนูด้วงทุกอย่างที่ทำให้หนูด้วงมีความสุข แต่หนูด้วงก็ต้องดูแลตัวเองให้สมกับที่บอกว่า..หนูโตแล้ว โอเคไหม?

            ตอบแทนที่หนูด้วงร้องเพลงให้พี่โอบฟัง พี่โอบก็เลยเล่นเปียโนมากล่อมหนูด้วงเหมือนกัน อากาศบนเขาตอนกลางคืนคงจะหนาว อย่าลืมใส่ถุงเท้าและห่มผ้าด้วยนะครับผู้วิเศษของพี่

                                                                                                                      'คิดถึงซ้ำมาซ้ำไป'

                                                                                                                                  Aube

...

“เป็นอะไรหนูด้วง เห็นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นานแล้ว ยังเผ็ดหมาล่าอยู่อีกเหรอ” นกฮูกเดินมานั่งที่เตียงของหนูด้วง เห็นอีกฝ่ายนอนคว่ำเอาขาไปทางหัวนอนแล้วจ้องจอโน้ตบุ๊กไปด้วยย่นคิ้วไปด้วยอยู่นานสองนาน

“ก็พี่โอบอะสิ เล่นเปียโนส่งมาให้เรา แล้วไม่ยอมบอกชื่อเพลง มีแต่ทำนองแบบนี้แล้วเราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นเพลงอะไร ไม่เคยได้ยินเลย แต่มันเพราะมากเลย นกฮูกฟังดูสิ” หนูด้วงพยายามใช้แอพค้นหาเพลงแต่ก็หาเพลงนี้ไม่เจอเลยต้องระบายให้รูมเมทอย่างนกฮูกฟัง

“อืม เพราะจริงด้วย พี่โอบเล่นเปียโนเก่งจัง เอ...มันอาจจะเป็นเพลงที่พี่โอบแต่งเองก็ได้นะ” นกฮูกช่วยเพื่อนคิด

“จริงด้วย เดี๋ยวเราโหลดเก็บในมือถือดีกว่า”

“ยิ้มได้แล้วเหรอ แสดงว่าที่ร้องไห้ไม่ได้เผ็ดหมาล่าใช่ไหม”

“ก็เผ็ดนะ...” หนูด้วงอ้อมแอ้มตอบเพื่อนไป

“สารภาพมาเลย”

“ก็ได้ก็ได้ เราแค่น้อยใจที่พี่โอบตอบเมล์ช้า แต่พอมาคิดดูแล้วเราเป็นคนส่งเมล์ไปผิดเวลาเอง พี่เขาคงรอจนรอไม่ไหว”

“แล้วใครเป็นคนร้องเพลงใส่น้องด้าวมา เล่ามาเลยนะ”

“หาวววว”

“ไม่ต้องมาง่วงเลย”

“เราง่วงจริงๆ อ๊ะ..เราลืมเลยว่าได้เวลาคุยกับทุกคนทุกคนแล้ว” หนูด้วงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้รายงานตัวกับคนในครอบครัวจึงรีบเปิดโปรแกรมไลน์ในเครื่องมือสื่อสารขนาดหน้าจอ 12.9 นิ้ว เลือกกรุ๊ปไลน์ที่รวมสมาชิกทุกคนในครอบครัว

กรุ๊ป ‘นี่ด้วงไงจะใครล่ะ

เสียงสัญญาณการต่อสายดังแค่ชั่ววินาทีก็มีการตอบรับจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นนกฮูกทำท่าจะลุกออกไปจากเตียงจึงดึงมือให้มานอนข้างกัน ตอนนี้ในจอปรากฏช่องสี่ช่อง ช่องแรกมีภาพแด๊ดดี้กับมัมกำลังปรับองศาหน้าจอกันอยู่ ช่องที่สองมีภาพอาน้องนั่งตักยุงพญาอยู่ ส่วนช่องที่สามปรากฏภาพสมาชิกในร้านมีคุณอนันต์ที่พยายามเบียดกันออกกล้องจนหนูด้วงขำ ช่องสุดท้ายเป็นหน้าของตัวเองกับนกฮูกที่กำลังทำหน้าทะเล้นใส่กันอยู่

‘ไงครับ น้ารอตั้งนาน กะว่าอีกสองนาทีถ้าไม่ต่อสายมาน้าจะนั่งเรือไปหาถึงเกาะเลย’ คนแรกที่กดตอบรับก็คือพญา เขากำลังนึกห่วงที่หลานไม่คอลไลน์มาหาเสียที

‘เว่อร์มากลุง หลานมันก็ต้องทำกิจกรรมบ้าง อ้าว...สวัสดีครับนกฮูก’

นกฮูกยกมือไหว้ครอบครัวของหนูด้วงทุกคนก่อนจะนึกขำ ครอบครัวของหนูด้วงยังคงเป็นครอบครัวใหญ่ที่น่าอบอุ่นเสมอ และเห็นว่าคนที่ชอบดุยุงพญาก็เห็นจะมีแต่มัมนับตังค์ของหนูด้วงคนเดียวนี่แหละ

“หนูเพิ่งประชุมกับอาจารย์ประจำหอพักเสร็จครับ อาจารย์บอกเรื่องกฎต่างๆ ให้ฟัง”

‘แล้วชอบที่นั่นไหม ได้เจอเพื่อนใหม่บ้างรึยัง’ มีคุณถามลูกชาย

“ชอบมากเลยฮะแด๊ด หนูมีเพื่อนใหม่แล้ว เลือกชมรมแล้วด้วย ชมรมนี้รับหนูคนเดียวเลยนะ หนูเก่ง”

‘ชมรมอะไร’ พญาถาม

“กล่องดนตรีฮะ”

‘แสดงว่าหนูด้วงร้องเพลงให้เขาฟัง เขาเลยติดใจรับหนูด้วงคนเดียวเลยใช่ไหมครับ’ เทียมฟ้าถามขึ้นมาบ้าง

“หนูยังไม่ได้ร้องเพลงโชว์เลย หนูแค่เป่าใบไม้ให้เขาดู เขาก็เลยรับหนู”

‘ไอ้ที่เคยเป่าเหมือนเสียงตดเนี่ยนะ’ ช้วนยังคงจำเสียงเป่าใบไม้ของหนูด้วงได้ไม่ลืม เพราะเจ้าตัวป่วนชอบมาเป่าใส่หูให้ทายว่าคือเพลงอะไรอยู่ทุกวี่ทุกวัน ซึ่งช้วนไม่เคยตอบถูกเพราะได้ยินแต่แป๊ดๆๆ เท่านั้น

“ปู่อะ” หนูด้วงทำหน้าตูมที่โดนดูถูกความสามารถพิเศษ

‘อะๆๆ ข้าไม่ว่าเอ็งก็ได้ เจ้าด้วง...ที่นั่นมีของกินอร่อยขายบ้างไหม’ ช้วนพยายามดันแกงค์เด็กเสิร์ฟออกไปให้พ้นจอเพราะอยากคุยกับหลานนานๆ

‘พี่ช้วนอย่าดันพวกเราสิคะ พวกเราก็อยากคุยกับหนูด้วงบ้าง คิดถึงจะแย่แล้ว’ มานีตัดพ้อเพราะแทบจะเบียดเข้ามาคุยกับหนูด้วงไม่ได้ อันที่จริงได้เวลาเลิกงานแล้วแต่ยังไม่มีใครกลับเพราะรอเจอหนูด้วงก่อน

‘ก็ได้ก็ได้ เอาแบบนี้ ทุกคนทุกคนอยากคุยกับหนู หนูจะจัดตารางสลับวันให้เอาไหมฮะ วันจันทร์คุยกับแด๊ดกับมัมๆ วันอังคารคุยกับยุงกับอาน้อง วันพุธคุยกับปู่ช้วนกับย่าพลอย วันพฤหัสคุยกับพี่ๆ ทุกคน วันศุกร์ก็คุยกับคุณตา น้าเยียแล้วก็น้องไหม วันเสาร์คุยกับปู่อัฐย่านับแล้วก็อาเฟื้อง ส่วนวันอาทิตย์คุยกับพี่พายพี่เมี่ยง’

‘ไม่เอาแบบนั้น กว่าน้าจะได้คุยอีกทีต้องรอเป็นอาทิตย์เลยดิ’ พญารีบปฏิเสธ

‘จริงด้วย เอาเป็นว่าคุยแบบนี้แหละ’ คราวนี้นับตังค์เห็นด้วยกับพญา

‘ทุกคนควรปล่อยให้หนูด้วงได้มีพื้นที่ของเขาบ้าง เขากำลังไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เขาได้ใช้ชีวิตวัยเรียนกับเพื่อนๆ กับอาจารย์ เอาเป็นว่าคุยอาทิตย์ละสามวันก็พอ ที่เหลือหนูด้วงก็อัพเดทข่าวในเฟสบุ๊กก็แล้วกัน นอกจากว่ามีเรื่องจะปรึกษาหรืออยากคุยกับใครเป็นการส่วนตัวก็ค่อยโทรมา’ มีคุณเป็นคนตัดสินใจแทนทุกคน ซึ่งพญาอยากจะเถียงใจจะขาดแต่ก็ต้องยอมเงียบเพราะตกลงกันแล้วว่าจะให้สิทธิ์มีคุณในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ของหนูด้วงก่อนใคร

“ไม่ต้องห่วงนะฮะ หนูจะอัพเดทถี่ๆ ให้หายคิดถึงกันไปเลย”

‘ก็ได้ก็ได้’ เสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้ามดังขึ้นมาพร้อมกันจนหนูด้วงต้องหันไปหัวเราะกับนกฮูก

‘ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ถ้าอยากกลับบ้านก็รีบบอกนะ ย่าจะไปรับ’ คุณพลอยประดับบอกกับหลาน นึกใจหายเหมือนกันที่หลานโตขึ้นทุกวัน มันแปลว่าเธอก็แก่ลงทุกที จะได้มีเวลาอยู่กับหลานอีกนานสักแค่ไหนกัน

“ครับคุณย่า หนูจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด นกฮูกก็ช่วยดูแลหนูด้วย ใช่ไหมนกฮูก”

“ใช่ครับ ผมจะช่วยดูแลหนูด้วงอย่างดี ที่นี่ปลอดภัย ถึงบนเกาะนี้จะมีชุมชนอยู่แต่ว่าเป็นชุมชนตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่จบจากที่มหา’ลัยโซเลยถึงจะได้สิทธิ์เช่าพื้นที่บนเกาะเปิดร้านค้าหรือเปิดบริษัทตามสาขาอาชีพของตัวเอง น้าตวงก็รับรองว่าที่นี่มีความปลอดภัยสูงมาก ที่สำคัญ...คนที่ยุงพญาส่งมากระจายอยู่เต็มเกาะเลย ผมศึกษามาแล้วครับ” นกฮูกให้รายละเอียดจนทุกคนนึกอึ้งในความเป๊ะของว่าที่ทันตแพทย์คนนี้

‘ก็...แค่ห่วงหลานนิดหน่อยเอง’ พญาตอบอ้อมแอ้มเมื่อถูกจับได้ว่าส่งไอ้ก้านและลูกน้องของตัวเองอีกหลายคนมาอยู่บนเกาะแสงแดดด้วย

‘โอเค ไปพักเถอะ ดึกแล้ว’ มีคุณเห็นว่าหนูด้วงกับนกฮูกควรจะนอนได้แล้วเลยตัดบท

“บายๆ นะฮะทุกคนทุกคน หนูคิดถึงทุกคนมากๆ บัยบาย บัยบาย น้องด้าวมาบัยบายทุกคนก่อน” หนูด้วงคว้าน้องด้าวมานั่งหน้าจอ ส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะกดตัดสาย

เมื่อหนูด้วงวางสายไปแล้วพญาก็แอบเปลี่ยนชื่อไลน์กรุ๊ป ‘หนูด้วงจะเทพวกเราไหม’ พอพญาวางไอแพดลงนับตังค์ก็แอบมาเปลี่ยนชื่อกรุ๊ปอีกรอบ ‘พยัคฆ์โตแล้วรู้ยัง’



“สรุปว่าเรื่องน้องโอบพี่จะทำยังไง พี่จะปล่อยให้ลูกไปอยู่เองตามลำพังแบบนั้นเหรอ มันก็นานแล้วนะ ยังไม่หายโกรธน้องโอบอีกเหรอครับ” เทียมฟ้าถามพญาหลังจากที่คุยกับหนูด้วงเสร็จแล้ว

“ไม่ได้โกรธ แต่จะให้พี่ทำไง ก็เขาเลือกของเขาเอง”

“พี่จำไม่ได้เหรอ พี่เป็นคนบอกให้เขาใช้ชีวิตให้เต็มที่เท่าผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้เอง เขาจะได้ไม่สับสนว่าตัวเองรู้สึกยังไง”

“ทำไมพี่จะจำไม่ได้ แล้วผลเป็นไงล่ะ น้องไม่ต้องพูดอีกแล้ว ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”

“แต่น้องมั่นใจว่าน้องโอบรักหนูด้วง”

“ถ้ารัก มันไม่ทำแบบนี้หรอก”

“พี่มั่นใจได้ยังไงว่าทุกอย่างมันเป็นอย่างที่เราคิด”

“ก็ในเมื่อเจ้าอุ้มมันไม่เปิดปากพูดแล้วจะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง หลักฐานทุกอย่างก็รองรับขนาดนั้น”

“ถึงจะเป็นอย่างที่เราคิดแต่คนเรามันพลาดกันได้นะครับ พี่น่าจะเป็นคนที่เข้าใจน้องโอบมากที่สุดว่าการได้รับโอกาสมันมีความหมายต่อชีวิตยังไง”

“คนที่ให้โอกาสไม่ใช่พี่”

“ใช่ครับ คนที่ให้โอกาสไม่ใช่พี่ แต่ถึงเวลาจริงพี่ก็อย่าเป็นคนตัดโอกาสลูกก็แล้วกัน”

“แล้วมึงจะงอนกูทำไมเนี่ย” พญาเห็นเทียมฟ้าเดินหน้างอไปแล้วก็เกาหัว คุยกันเรื่องนี้ทีไรเป็นต้องงอนเขาทุกที

“น้องไม่ได้งอน”

“มึงงอน”

“ไม่ได้งอน”

“มึงงอนกูแน่ๆ”

“น้องไม่ได้งอนแต่หงุดหงิด พี่ไม่ช่วยลูก น้องสะเทือนใจ” เทียมฟ้ายังคงทำหน้างอไม่เลิก พญาจึงต้องดึงอีกฝ่ายมากอด

“มึงคิดว่ากูไม่รักเจ้าอุ้มมันรึไง”

“น้องรู้ว่าพี่รัก แต่พี่ทำทุกอย่างให้มันง่ายได้”

“ไม่ได้หรอก หนูด้วงไม่ได้มีแค่เรานะน้อง เขาเป็นดวงใจของทุกคน เพราะฉะนั้นพี่ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเจ้าอุ้มมันรักหนูด้วงจริง มันต้องพาความรักนั้นกลับมาด้วยตัวเอง”

“น้องยิ้มอยู่” เทียมฟ้ารีบบอกเพราะรู้สึกว่าคนรักของตัวเองดูเท่ห์ขึ้นทุกวันทุกวัน

“มึงบ้ารึเปล่า เดี๋ยวงอนเดี๋ยวยิ้ม” พญาแกล้งต่อว่าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มคนขี้งอน

“ถ้าน้องจะบ้าก็เพราะพี่ ความผิดพี่ ไม่ใช่ความผิดน้องสักหน่อย”

“เฮ้อ เกิดเป็นไอ้พญาช่างน่าสงสาร หลานก็จะเท แฟนก็กล่าวหา ต้องพาไปปรับทัศนคติกันหน่อยแล้ว” พญาคลายอ้อมกอดออกมาอุ้มเทียมฟ้าไปที่ห้อง ‘วังของเรา’ เพื่อจัดการคนแสนงอนคนนี้ให้หลาบจำ

....

ก็อกๆๆ

“เดี๋ยวเราไปเปิดเอง” นกฮูกบอกเมื่อเห็นว่าหนูด้วงกำลังเก็บของที่วางเกลื่อนเตียงเพื่อเตรียมตัวจะนอน

“ขอนอนด้วยนะ มันนอนไม่หลับ กลัวผีอะ” คนที่เดินเข้ามาในห้องคือเม่นกับสิงโต ทั้งสองคนอุ้มหมอนมาคนละใบพร้อมกับยืนทำหน้าอ้อนวอนเจ้าของห้องทั้งสองคน

“เตียงเล็กนิดเดียวจะนอนยังไงหมด” นกฮูกถาม

หอพักของทางมหา’ลัยให้พักได้ห้องละสองคน นกฮูกได้เป็นรูมเมทกับหนูด้วง สิงโตกับเม่นก็เป็นรูมเมทกันและห้องของทั้งคู่ก็อยู่ติดกับห้องของหนูด้วงและนกฮูก ส่วนน้องเกลพักที่หอพักหญิงกับน้องมิกิ ทางมหา’ลัยไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่หอพักของทางมหา’ลัย แต่ช่วงเทอมหนึ่งมีกิจกรรมแทบจะทุกวัน ทุกคนเลยตัดสินใจว่าจะพักอยู่ในมหา’ลัยไปก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

“ไม่รู้แหละ ขอนอนด้วย” สิงโตเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของหนูด้วงหน้าตาเฉย

“ก็ได้ก็ได้ แต่ให้คืนนี้คืนเดียวนะ” หนูด้วงทำท่าอ่อนใจ

น้องเม่นรีบเดินไปนอนบนเตียงของนกฮูกเช่นกันเพราะกลัวอีกฝ่ายไล่ให้กลับห้อง

“โอ้ย แต่ละคนโตแต่ตัวจริงๆ” นกฮูกบ่นแต่ก็นึกขำเพราะรู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นโรคกลัวผีขึ้นสมองจริงๆ

“ไม่ต้องกลัวผีหรอก ห้องนี้มีน้องด้าวคุ้มครองอยู่” หนูด้วงพูดจบก็เดินไปสวมถุงเท้าก่อนจะเดินกลับมานอนข้างสิงโต โดยเอาน้องด้าวมานอนคั่นเอาไว้ตรงกลาง

“โชคดีนะสิงโต” เม่นเห็นน้องด้าวหันมาทางสิงโตก็นึกสงสารเพื่อนสนิทจับใจ นึกในใจว่า...ที่น่ากลัวกว่าผีก็คือน้องด้าวนี่แหละ

“ฝันดีนะทุกคนทุกคน” หนูด้วงบอกเพื่อนก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มจนมิดถึงคอตามคำสั่งของพี่โอบ

นกฮูกเดินไปปิดไฟห้องก่อนจะกลับมานอนที่เตียง แย่งผ้าห่มกับเม่นอยู่พักใหญ่ก่อนจะขู่ว่าถ้าอีกฝ่ายยังนอนม้วนผ้าห่มกับตัวแบบนี้จะให้ไปนอนคนเดียวที่ห้องเม่นถึงยอมคืนผ้าห่มให้ สักพักความมืดและความเงียบก็ทำให้นกฮูกกับเม่นเริ่มผล็อยหลับกันไป

“ฝันดีนะหนูด้วง” สิงโตอมยิ้มก่อนจะขยับตัวเข้าไปนอนใต้ห่มผ้าผืนเดียวกับหนูด้วง แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองคงจะฝันดีในคืนนี้แน่แล้ว
 
หนูด้วงยังไม่หลับแต่ไม่ได้ยินที่สิงโตพูดเพราะใส่หูฟังอยู่ เจ้าตัวกำลังเคลิบเคลิ้มกับเสียงเปียโนที่พี่โอบส่งมาให้ฟัง นึกในใจว่าพรุ่งนี้จะต้องรู้ให้ได้ว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร แล้วจู่ๆ หน้าของพี่นโมก็ลอยมา แค่นั้นรอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นในความมืด

‘จริงสิ เดี๋ยวเอาเพลงนี้ไปถามพี่นโมดีกว่า พี่นโมต้องรู้แน่ๆ’

...พี่โอบคือคำตอบสุดท้ายของหนูด้วงเสมอ... นกฮูกเคยบอกเอาไว้

‘แต่ถ้าพี่โอบไม่ยอมตอบล่ะ หนูจะถามพี่นโมก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม’ หนูด้วงได้แต่คิดในใจแล้วก็นอนฟังเพลงจนหลับตามเพื่อนๆ ไป

...


วันนี้หนูด้วงมีเรียนคลาสเช้าตั้งแต่แปดโมงและเรียนยาวไปถึงเที่ยง ส่วนในช่วงบ่ายว่างไม่มีเรียน ส่วนเพื่อนในกลุ่มมีเรียนช่วงบ่ายกันหมด เมื่อไม่รู้จะทำอะไรเลยตั้งใจว่าจะไปทำความสะอาดที่ชมรมเพราะเห็นว่าที่นั่นมีแต่ใยแมงมุมเต็มไปหมด

“จะไปที่ชมรมเหรอ” คนที่เข้ามาทักก่อนคือส้มโอ

“ถามเราเหรอ”

“จำพี่ไม่ได้เหรอ พี่โอไง ส้มโอ พี่ชายองุ่น”

หนูด้วงทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะทำท่านึกได้ “อ๋อ ไอ้พี่ส้มโอ อุ่ย..” พอรู้ว่าเผลอปากเรียกอีกฝ่ายว่า ‘ไอ้’ ก็รีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้

“ไม่เป็นไร เรียกไอ้ก็ได้ จะได้ดูสนิทสนมกันดี” แม้ตาข้างขวาของส้มโอจะกระตุกทันทีที่อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่า ‘ไอ้’ แต่ก็พยายามจะไม่หงุดหงิด

“หนูไม่ได้ตั้งใจ” หนูด้วงยกมือไหว้เพราะถึงยังไงส้มโอก็เป็นถึงรุ่นพี่ปี 3

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ถือ พี่เองก็ต้องขอโทษที่เคยแกล้งหนูด้วงนะ ตอนนั้นพี่ยังเด็ก” ส้มโอเอามือมาจับมือของหนูด้วงเอาไว้เพราะอยากรู้ว่าหากได้จับมือคู่นี้แล้วใจจะเต้นแรงไหม ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาตรงกับที่ใจคิด

“ตอนนี้ไม่ทำตัวเลวแล้วใช่ไหม” หนูด้วงถามไปแบบซื่อๆ คราวนี้ตาข้างซ้ายของส้มโอกระตุกขึ้นมาบ้างเมื่อได้ยินคำว่า ‘เลว’

“ไม่เลวแล้ว”

“ดีใจด้วยนะฮะที่ได้เป็นคนดี หนูขอตัวก่อน” หนูด้วงดึงมือของตัวเองออกจากการถูกจับกุมเอาไว้

“พี่พาไปส่งที่ชมรมนะ มันไกล เผื่อไปเจอคนไม่ดี” ส้มโอถือวิสาสะจูงมือหนูด้วงไป

“พี่รู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ชมรมอะไร”

“พี่รู้ทุกเรื่องของคนที่พี่สนใจ ว่าแต่มือของหนูด้วงนิ่มจัง” ส้มโอยกยิ้มที่หนูด้วงยอมให้จูงมือ

“ไม่ใช่มือหนูหรอก”

“เฮ้ย!! ไอ้ตัวประหลาดนี่มันยังอยู่อีกเหรอวะ” ส้มโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อมองกลับมาแล้วกลายเป็นว่าตัวเองจับมือตุ๊กตาเอเลี่ยนอยู่

“ฮ่าๆๆๆ”

เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจนส้มโอตากระตุก คราวนี้กระตุกทั้งซ้ายขวาสลับกันระรัว เวลาถูกคนอื่นทำให้หงุดหงิดทีไรตามักจะกระตุกเสมอ เมื่อสะกดอารมณ์ให้เย็นลงได้และกำลังจะหันไปแกล้งตัดพ้อที่หนูด้วงหัวเราะตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่หนูด้วงที่หัวเราะอยู่

“พวกมึง หัวเราะเยาะกูเหรอ” ส้มโอชี้ไปทางกลุ่มสาวๆ ชมรมโอนลี่วายอย่างอาฆาต เมื่อเห็นว่าสาวๆ กลุ่มนี้ยืนหัวเราะตัวเองอยู่

“อ๊าว!! คนขำก็ต้องหัวเราะ จะให้ร้องไห้เหรอ” ‘จุ้มจิ้ม’ อดีตประธานใหญ่กลุ่มโอนลี่วาย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศฯ เอกภาพยนตร์เป็นคนพูดขึ้นมา

“ปากดีแบบนี้ ถึงเป็นผู้หญิงกูก็ตบได้นะ” ส้มโอเดินกร่างเข้าไปหากลุ่มสาวๆ

“กล้าทำออกกล้องก็เอาสิ ตอนนี้กำลังถ่ายทอดสดอยู่ด้วย” คราวนี้ ‘มิ้ง’ รองประธารชมรมเบนกล้องวีดีโอไปที่ส้มโอ

“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ” ส้มโอกัดฟันด้วยความโกรธ สุดท้ายก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปเพราะขืนอยู่ต่อคงอดทนต่อไปไม่ได้ ตอนนี้ส้มโอยังไม่อยากให้หนูด้วงกลัวตัวเอง

“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะลูก” จุ้มจิ้มเดินเข้ามาทักถามหนูด้วงด้วยความเอ็นดู

เธอกำลังมาดูตัวหนูด้วงตามคำบอกเล่าของรุ่นน้องจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดี ใจไม่ชอบส้มโอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าส้มโอชอบทำตัวกร่างและอวดร่ำอวดรวย เป็นอันธพาล เธอเลยไม่อยากให้มายุ่งกับหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ แม้ปีนี้เธอคิดวางมือให้น้องๆ มาสานต่อในกิจกรรมของชมรมเพราะเธอใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่เธอก็ยังอดห่วงน้องๆ ในชมรมเกี่ยวกับการเข้าแข่งขันหนังสั้นในปีนี้ไม่ได้ ได้ยินเรื่องหนูด้วงมาหลายหนจึงอยากจะเจอตัวจริง พอได้เจอแล้วเธอฟันธงได้เลยว่า...นี่แหละคือนายเอกเพชรแท้แห่งโอนลี่วาย

“หนูโอเคครับแม่”

“เอ่อ..”

“หนูล้อเล่นครับพี่คนสวย” หนูด้วงเห็นอีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าลูกเลยแกล้งเรียกอีกฝ่ายว่าแม่กลับไป

“ใจบางเป็นกระดาษสาเลยฉัน” จุ้มจิ้มยกมือมาทาบอกตัวเองเมื่อโดนหนูด้วงอ้อน

“เห็นแล้วใช่ไหมพี่จิ้มว่าหนูด้วงคือสุดยอดเคะที่เราตามหามานาน”

“เคะคืออะไรฮะ หนูเหมือนกบเหรอ” หนูด้วงเลิกคิ้วเอียงคอถามด้วยความสงสัย ยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเพราะเข้าใจไปว่ารุ่นพี่สาวๆ กลุ่มนี้คิดว่าตัวเองเหมือนเคโระ

“น่ารักแบบนี้จะไปเหมือนกบได้ยังไง อ้อนเก่งแบบนี้เหมือนแมวมากกว่า” มิ้งรีบแก้ความเข้าใจผิดของหนูด้วง

“เมี๊ยว” เพื่อนในกลุ่มส่งเสียงรับ

“จิ้มลิ้มเหมือนนกตัวน้อยๆ”

“จิ๊บๆ”

“น่าบีบเหมือนน้องหมากระเป๋า”

“บ็อกๆๆ”

“นุ่มนิ่มเหมือนกระต่ายขนปุย”

“....แก กระต่ายมันร้องไงวะ”

“มันคงร้อง กระต๊าย กระต๊ายยยย มั๊งฮะ” หนูด้วงเห็นบรรดาพี่สาวรับส่งมุกกันเลยอยากร่วมด้วย

“ฮ่าๆๆ น่ารักแล้วยังตลก ครบ ครบจริงๆ” มิ้งชมหนูด้วงไม่ขาดปาก เล่นเอาหนูด้วงเขินจนหุบยิ้มไม่ได้

“เอาเป็นว่า..พวกพี่ทุกคนยินดีที่ได้รู้จักน้องหนูด้วงนะคะ” จุ้มจิ้มยิ่งรู้สึกเอ็นดูหนูด้วง

“ยินดีเช่นกันฮะ ถ้างั้นหนูขอตัวก่อน” หนูด้วงแจกยิ้มให้ทุกคนใจระทวยเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปที่ชมรม

“น่ารักเนอะ เอาล่ะ!! ปีนี้พี่จะกลับมาช่วยพวกเราอย่างเต็มที่ แต่ดูท่าทางไอ้โอมันจะมาเป็นตัวร้ายในเรื่องสั้นเราแน่ๆ พวกเราต้องพิทักษ์หนูด้วงให้ดีนะ ส่วนพระเอก...พี่ขอเจอตัวจริงทั้งคู่ก่อนแล้วจะช่วยตัดสินใจอีกที มา!! บูมก่อนแยกย้าย” จุ้มจิ้มบอกกับรุ่นน้องก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อให้ทุกคนจับ

“โอลี่วายโอนลี่วิน เฮ้!!!” สาวๆ ให้กำลังใจกันเสร็จแล้วจึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง


(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 07-06-2018 13:10:00
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


หนูด้วงมาถึงชมรมกล่องดนตรีก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน แต่ว่าประตูชมรมก็ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ นึกในใจว่าทุกคนคงกำลังติดเรียนกันอยู่ เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะมาทำความสะอาดชมรมให้ก็เลยลงมือจัดการทำทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา

ถึงแม้อยู่บ้านจะไม่ค่อยได้หยิบจับอุปกรณ์ทำความสะอาดแบบนี้สักเท่าไหร่แต่หนูด้วงก็เคยช่วยมัมทำอยู่บ้าง ไม้กวาดด้ามยาวถูกเลือกมาใช้กวาดหยากไย่ตามมุมห้อง ฝุ่นผงเริ่มร่วงหล่นลงมาจนหนูด้วงจามไปหลายรอบ ลองดึงคอเสื้อขึ้นมาบังจมูกเอาไว้แต่ฝุ่นก็ยังร่วงลงมาเยอะจนกลัวว่าจะเข้าตา เจ้าตัววางไม้กวาดลงแล้วพยายามเดินหาอะไรมาใส่ป้องกัน

“ชมรมดนตรีมันจะมีแว่นตาได้ไงเนอะ” หนูด้วงพึมพำกับตัวเองก่อนจะเหลือบมองไปเห็นอะไรบางอย่าง “อันนี้แหละน่าจะช่วยได้”

แล้วพลาสติกที่เอาไว้ใช้แรปอาหารก็ถูกนำมันพันตัวน้องด้าวเอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกฝุ่น ไม่เพียงแต่น้องด้าวเท่านั้นที่ต้องป้องกัน หนูด้วงกลัวว่าอาการภูมิแพ้จะกำเริบก็เลยเอามาแรปมาพันรอบหน้าตัวเองเช่นกัน เมื่อหาวิธีป้องกันตัวเองเสร็จแล้วก็ไปจัดการทำความสะอาดต่อ

ขณะที่กำลังขะมักเขม้นเอาหยากไย่ออกจู่ๆ ก็มีมือมือหนึ่งเอื้อมมาจากทางด้านหลังแล้วเอาพลาสติกออกจากหน้าของหนูด้วง ยังไม่ทันที่จะได้หันไปมองหน้ากากอนามัยก็ถูกสวมลงมาบนใบหน้าของหนูด้วงแทน ไม่เพียงเท่านั้น...ไม้กวาดในมือยังถูกแย่งไปอีกด้วย อยากจะหันหลังกลับไปมองแต่ร่างกายของตัวเองอยู่ระหว่างแขนทั้งสองข้างของคนที่เดินมายืนซ้อนด้านหลัง สุดท้ายเลยได้แต่หันหน้าไปอย่างเดียว

ตึกตัก...ตึกตัก...

มันใกล้มาก ใกล้จนหนูด้วงได้กลิ่นหอมๆ ที่มาจากตัวของพี่นโม

“พันซะแน่นเลย คิดได้ยังไง” นโมดุหนูด้วงก่อนจะถอยหลังออกหนึ่งก้าวเพื่อให้หนูด้วงเดินออกมาจากมุมห้องได้

“หนูกลัวฝุ่นเข้าจมูกกับตาฮะ”

“แต่ไม่กลัวขาดอากาศตาย” นโมเลิกคิ้วถาม

“ก็ถ้าใกล้หายใจไม่ออก หนูก็ดึงพลาสติกออกไง” หนูด้วงตอบไปตามตรง คงไม่มีใครปล่อยให้ตัวเองขาดอากาศตาย ซึ่งคำตอบทำให้นโมอึ้งไปเหมือนกัน

“เราไปเช็ดตู้ใส่อุปกรณ์ พี่จะกวาดผงพวกนี้ให้เอง เป็นภูมิแพ้แล้วยังจะทำอีก”

“พี่รู้ได้ไงว่าหนูเป็นภูมิแพ้”

“ก็ได้ยินเราจามตั้งหลายที ยังจะมองหน้าอีก ไปเช็ดตู้”

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงห่อไหล่เมื่อโดนดุ แต่เดินไปได้สามก้าวก็หันกลับมาใหม่ “แล้วพี่ไม่กลัวน้องด้าวหายใจไม่ออกเหรอฮะ ไม่เห็นพี่ห่วงมันเลย”

“หึหึ...” นโมไม่ตอบได้แต่ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงห่อไหล่อีกรอบเมื่อนโมมองไปที่ตู้กระจก เหมือนจะบอกให้รู้ว่า ‘ไปเช็ดตู้!’

หลังจากที่ช่วยกันทำความสะอาดจนภายในชมรมดูดีต่างจากตอนแรกราวฟ้ากับดินแล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปนั่งรับลมที่ม้านั่งด้านหลังชมรม หนูด้วงเพิ่งจะรู้ว่าด้านหลังของชมรมมีแอ่งน้ำตื้นๆ อยู่ด้วย น้ำใสจนเห็นพื้นด้านล่าง แถมบริเวณรอบๆ ยังปลูกดอกไม้สีสันสวยงามเอาไว้ด้วย บรรยากาศมันเหมือนธารน้ำหลังบ้านของตัวเอง ซึ่งเป็นสถานที่โปรดที่หนูด้วงชอบไปนั่งเล่นบ่อยๆ

“ลมเย็นมากเลย สวยมากๆ แสดงว่าที่นี่มีน้ำตกใช่ไหมฮะพี่นโมถึงได้มีแอ่งน้ำ”

“น่าจะมีมั๊ง ไม่เคยขึ้นไป พื้นที่ข้างบนโน้นเขายังไม่ให้ขึ้นไป” นโมยื่นขวดน้ำเปล่าแช่เย็นให้หนูด้วง หนูด้วงรับมาแล้วเอาขวดน้ำเย็นเจี๊ยบไปแตะที่แก้มของคนที่นั่งข้างๆ

“เย็นไหม” หนูด้วงถามพลางขำเพราะคนข้างๆ สะดุ้งเมื่อโดนความเย็น

“หึหึ...กวนล่ะ”

“พี่เปิดให้หนูหน่อย” หนูด้วงไม่ชอบบิดขวดน้ำเพราะตอนเด็กๆ เคยออกแรงบิดจนถูกฝาขวดน้ำบาดมือ

“เปิดให้แล้ว” นโมตอบไปสั้นๆ หนูด้วงเลิกคิ้วแล้วลองหมุนฝาดู ปรากฏว่าฝาขวดเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

“ขอบคุณฮะ” หนูด้วงยิ้มก่อนจะยกขวดขึ้นมาดื่ม ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยจะระวังทำให้น้ำหกไหลจากมุมปากลากลงไปยังลำคอและแผ่นอก ผ้าเช็ดหน้าผืนบางถูกนำมาซับน้ำให้แทบจะทันที

“เลอะเทอะจริง” นโมส่ายหน้าก่อนจะเช็ดน้ำให้

“ก็พี่นโมเอามาแต่ขวด ไม่เอาหลอดมาให้หนูนี่นา” หนูด้วงยกแขนเสื้อมาเช็ดที่ปาก

“เฮ้อ แขนเสื้อสกปรกไหม” นโมถอนหายใจก่อนจะถามเสียงเข้ม

“หนูขอโทษ” หนูด้วงไหล่ตกอีกตามเคย วันนี้โดนพี่นโมดุตั้งหลายครั้งแล้ว แอบคิดว่าถ้าเป็นพี่โอบอุ้มคงจะยิ้มแล้วก็สอน คงไม่ทำมาดเข้มแบบนี้ แต่ถ้าถามว่าโกรธไหมที่โดนพี่นโมดุ น่าแปลกที่หนูด้วงกลับรู้สึกดี “จริงด้วย!!!” พอนึกถึงพี่โอบอุ้มขึ้นมาหนูด้วงก็นึกได้

“แค่กๆๆๆ” นโมตกใจที่จู่ๆ หนูด้วงก็ตะโกนออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขากำลังดื่มน้ำอยู่เลยสำลักออกมาด้วยความตกใจ หนูด้วงวางขวดในมือของตัวเองลงแล้วรีบลูบหลังให้พี่นโมยกใหญ่

“หนูแค่มีคำถามนิดหน่อย แต่เพิ่งนึกออกฮะ” หนูด้วงกลัวถูกดุอีกเลยรีบอธิบาย

“ว่า”

“หนูอยากรู้ว่าเพลงนี้มันคือเพลงอะไร มันมีแต่ทำนองนะฮะ”

“ไหนเอามาลองฟังก่อน”

หนูด้วงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะเปิดเพลงให้พี่นโมฟัง ระหว่างที่กำลังไล่หาเพลงอยู่พี่นโมก็ดึงเอาหูฟังไปแล้วจัดการใส่หูตัวเองข้างหนึ่ง ใส่ที่หูของหนูด้วงอีกข้างหนึ่ง เมื่อสายหูฟังมันตึงจึงขยับมานั่งใกล้ๆ จนไหล่แนบชิดกัน

ตึกตัก...ตึกตัก... 

หนูด้วงกดเปิดเพลงให้พี่นโมฟัง ฟังได้ไม่นานพี่นโมก็เอามือมาเลื่อนที่หน้าจอเพื่อให้เพลงกลับไปเริ่มต้นใหม่

‘อยากจะรู้..ใจ..ทำไมรักเธอ ได้แต่เพ้อไป ด้วยใจเรียกหา แรกที่พบ..เพียงสบตา ก็หลงรักเหมือนดังว่า..จะขาดใจ’

ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...

‘ตราบวันนี้..ใจ..ก็ยังละเมอ หวาดกลัวเธอ ใจจะร้างรา ภาพเธอยิ้ม..ยังติดตา อยากจะได้เพียงเธอมา..เป็นดวงใจ’

เสียงของพี่นโมที่ร้องตามเสียงเปียโนของพี่โอบอุ้มไปทำให้หัวใจของหนูด้วงเต้นแรงกว่าปกติ

‘ยังใฝ่ฝัน ถึงวัน ที่สุขสันต์และสุดสดใส ยิ้มละไม ขวัญใจให้สุขอุรา สุขหนักหนา แม้ว่าเราสองจะอยู่แห่งไหน สุขเกินใคร เมื่อได้อยู่ใกล้เธอ’

เนื้อเพลงมันเพราะจับจิตหรือว่าเสียงเปียโนมันเพราะจับใจถึงทำให้หนูด้วงเคลิบเคลิ้มได้ขนาดนี้ คงต้องเป็นเพราะทั้งสองอย่างแน่ๆ

‘ยังใฝ่ฝันถึงวันที่เราสองคน สุขเหลือล้น จนใครใครอิจฉา ด้วยได้รักเจ้างามตา ด้วยความรักชุบชีวา..เราสองคน’

“เพ้อ” นโมตอบสั้นๆ

“อืม” หนูด้วงยังคงจมดิ่งกับเพลงจนไม่ทันได้ยิน

“เพลงเก่ามากแล้ว ไม่ยักรู้ว่าเราชอบเพลงเก่าแบบนี้” นโมเห็นหนูด้วงเหม่ออยู่เลยเอามือไปจับศีรษะของหนูด้วงให้หันมาฟังตัวเองพูด เมื่อหนูด้วงหันมาสบตาก็ระบายยิ้มให้

‘ภาพเธอยิ้ม..ยังติดตา อยากจะได้เพียงเธอมา..เป็นดวงใจ’

“ชื่อเพลงอะไรฮะ”

“เพ้อ”

“ก็มันเพราะ เสียงพี่ก็เพราะ เสียงเปียโนก็เพราะ”

“ไม่ได้ว่า แต่บอกชื่อเพลง...เพ้อ”

“ยังใฝ่ฝัน ถึงวัน ที่สุขสันต์และสุดสดใส ยิ้มละไมขวัญใจให้สุขอุรา สุขหนักหนา..แม้ว่า..เราสองจะอยู่แห่งไหน สุขเกินใคร เมื่อได้อยู่ใกล้เธอ” หนูด้วงร้องออกมาเป็นเพลงที่ได้เพิ่งฟังจากคนข้างๆ

“เก่งนี่ จำเนื้อได้แล้ว แค่ฟังครั้งเดียวเอง”

“หนูชอบ หนูชอบเพลงนี้”

“อืม”

“ร้องให้หนูฟังอีกรอบได้ไหม”

“อืม”

หนูด้วงกดเปิดเพลงอีกครั้งเพื่อให้พี่นโมเริ่มต้นร้อง คราวนี้หนูด้วงพยายามร้องคลอตามไปด้วย ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่นั่งอยู่ตรงนี้ รู้แต่เปิดเพลงนี้วนซ้ำไปซ้ำมาจนสามารถร้องได้ทั้งเพลง กำลังคิดว่าหัวใจมันไม่ได้เต้นตึกตักเท่าตอนแรกแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดมันไปรวมตัวกันอยู่ตรงปลายนิ้วก้อยแทน ปลายนิ้วเล็กๆ ของตัวเองที่บังเอิญแตะไปโดนปลายนิ้วก้อยของพี่นโม

ตึกตัก...ตึกตัก...

แต่สุดท้ายหัวใจของหนูด้วงก็กลับมาเต้นแรงอยู่ดีเมื่อปลายนิ้วของพี่นโมขยับมาวางทับนิ้วก้อยของหนูด้วงเอาไว้ พอหันไปมองพี่นโมอีกฝ่ายก็กำลังจ้องมองมาอยู่เหมือนกัน สายตาสบกันอยู่นานจนหนูด้วงคิดว่าหัวใจของตัวเองกำลังจะหยุดเต้น

“หนูลืมเอาพลาสติกออกให้น้องด้าว น้องด้าวจะตายไหม!! เดี๋ยวหนูมานะฮะ”

หนูด้วงพูดจบก็ลุกพรวดพราดออกมา วิ่งกลับเข้ามาในชมรมได้ก็ยืนพิงกำแพงแล้วยกมือทาบอกเอาไว้ คิดในใจว่าขืนปล่อยให้ตัวเองมองตาพี่นโมอยู่อาจจะเป็นลมไปก็ได้ แต่แล้วหนูด้วงก็แทบเป็นลมไปจริงๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่า...

“บรรยากาศก็ดี”

“ดนตรีก็เพราะ”

“น้ำใสๆ กลายเป็นสีชมพู”

“ยิ่งดูก็ยิ่ง...เพ้อ”

“พะ...พะ..พี่ทำนุแปะป้ายประกาศ!!”

หนูด้วงถึงกับเข่าอ่อนเมื่อเห็นว่าท่านพี่ทั้งสี่ยืนเรียงเป็นหน้ากระดานพร้อมกับระบายยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่หนูด้วงเห็นแล้วรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวไปหมด

“พี่ห้ามยิ้ม” หนูด้วงรีบบอกเสียงดังเพราะอายจนทำหน้าไม่ถูก

“เอ้า!! ห้ามกันแบบนี้ได้เหรอด้วยเหรอวะ” แปะถามพลางขำ

“ปากก็ปากพี่นะครับน้องหนูด้วง” ทำนุแกล้งหนูด้วงบ้าง

“ถ้าไม่อยากเห็นก็ต้องหลับตา” ปกติป้ายไม่เคยแกล้งใคร แต่กับเด็กคนนี้มันก็อดไม่ได้จริงๆ

“พวกมึงนี่ชอบแกล้งเด็ก” นโมเดินตามเข้ามาบ่นรุ่นน้องทั้งสี่คน

“แกล้งที่ไหนกัน พวกเราออกจะเอ็นดูเจ้าหนูจอมแสบ” กาดพูดไปขำไปเพราะหนูด้วงยังหน้าแดงไม่เลิก

“น้องมันมาทำความสะอาดให้ ขอบคุณน้องมันรึยัง” นโมเอ่ยถาม

“ขอบคุณคร้าบบบบ” ทั้งสี่คนยกมือไหว้หนูด้วงจนหนูด้วงไหว้กลับไปแทบไม่ทัน

“ไหว้พระเถอะลูก หนูไม่ได้กล่าวเอง แต่ย่าทวดของหนูกล่าว หนูก็เลยกล่าวแทนย่าทวด”

“อุ๊วะ...ฮ่าๆๆ พี่นโมดูเอา ใครมันกวนใครกันแน่” แปะหัวเราะชอบใจ

“เอากีต้าร์มาให้แล้ว เปลี่ยนคอกับสายให้ใหม่ กลับล่ะ” นโมตัดบทก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋า

“หนูขอไปที่ร้านด้วยได้ไหมฮะ หนูไม่มีเรียนแล้ว” หนูด้วงตัดสินใจเอ่ยปากขอเพราะอยากไปที่ร้านกล่องดนตรี

“ยังไม่ได้กลับไปที่ร้าน” นโมตอบสั้นๆ

“อ้าว แล้วพี่จะไปไหน” หนูด้วงลืมตัวถือวิสาสะถามออกไป

“ไปรับลูก”

“......” หนูด้วงมองตานโมเหมือนไม่เข้าใจจนนโมต้องพูดซ้ำ

“จะไปรับลูกชาย จะไปไหม” นโมถาม

“ไป....ฮะ” หนูด้วงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงตอบรับไปง่ายๆ ทั้งที่หัวใจมันเต้นแผ่วลงเหมือนจะไม่สบาย

“น้องด้าว” นโมพูดพลางไปมองไปที่ตุ๊กตาเอเลี่ยนของหนูด้วง

“ลืมเลย” หนูด้วงนึกขึ้นได้รีบเดินไปแกะพลาสติกออกจากตัวน้องด้าวแล้วอุ้มเดินมาหานโม

“พวกมึงตามไปตอนเย็นก็แล้วกัน จะแวะพาเด็กๆ แล้วก็เจ้าหนูจำไมไปกินไอติมก่อน แทนคำขอบคุณที่มาทำความสะอาดชมรม” นโมหันไปพูดกับรุ่นน้องทั้งสี่คนที่เอาแต่ยกยิ้มกันอยู่

“พาไปกินพิซซ่าด้วยเลยก็ได้ครับพี่ พวกผมไม่รีบ” กาดพูดจบก็ผายมือให้

“หึหึ..เออ” นโมหัวเราะในลำคออย่างเคยก่อนจะเดินออกไป

หนูด้วงหันมาไหว้รุ่นพี่ทั้งสี่คนก่อนจะเดินตามนโมไปด้วยหัวใจที่มันหวิวๆ ไม่รู้ว่ตัวเองเป็นอะไร รู้แต่ว่ามันไม่ยอมหายโหวงเหวงสักที


โปรดติดตามตอนต่อไป


งานเข้าคนแต่งงงงง แม่ยกปี้โอด แม่ยกสิงโต
แม่ยกส้มโอ(มีเหรอ) จะมาลงหวายเลิฟไหมที่ให้พี่นโมมาแรง
เอาน่า ตอนแรกๆ ปมก็มาบ่อยๆ แบบนี้ทุกเรื่อง ชินกันยังงงง
แต่จงมั่นใจในเรือของคุณต่อไป เราเป็นกำลังใจให้เรือไม่ล่ม
แต่เดี๋ยวนี้คนอ่านเก่งใหญ่แล้วนะ เดาอะไรกันเก่งแบบนี้ 
ท้าวแสนปมถึงกับปาดเหงื่อ เอาซี้ๆ เดาได้เดาไป
ใครเดาถูกทุกปมเดี๋ยวทำของแจกเลย อิอิ แต่ขอบอกว่าอย่าเครียดกันนะคะ อ่านให้บันเทิง
นิยายเลิฟแฮปปี้เอนดิ้งจะตาย (แต่ก่อนแฮปปี้ก็กำหมัดกันไปก่อน) 555555
มาลงถี่กว่าปกติ แต่ละตอนเลยไม่ยาวมากนะคะ ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันค่ะ


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-06-2018 19:35:59
คืือไงเนี่ย พี่โอบคือพี่นโมรึป่าวลุ้นให้เป็นคนเดียวกัน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-06-2018 21:06:40
สับสนไปหมดแล้ววววว เชียร์พี่โอดอุ้นเสมอออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-06-2018 23:04:43
ฮือๆๆสิงโตเราหมดหวังแล้วอ่า เรียกว่าหมดหวังตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย  :hao5: แต่ยังใงก็อยากให้สิงโตมีความสุขนะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-06-2018 00:24:57
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 08-06-2018 05:48:54
พี่โอบกับพี่นโม รวมกันเป็นหนึ่ง หนูด้วงตอนนี้สงสารหนูด้วง ใจมันโหวงเนอะ คนที่ทำให้ใจเต้นมีลูกแล้ว พี่นโมจะมีลูกกี่คนนะ พี่โอบพาความรักกลับมาให้ได้นะคะ  รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-06-2018 07:38:31
หนูด้วงยังน่ารักน่าเอ็นดูแสบแบบไร้เดียงสา
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 08-06-2018 09:57:33
แอบสงสัย พี่นโมรู้ได้ไงว่า หนูด้วงเป็นภูมิแพ้ และดูจะรู้จักน้องด้าวดีด้วย  แสดงว่าพี่นโมอาจเป็นพี่โอบที่กลับมาอยู่ไทยแล้ว แต่ไม่กลับไปอยู่บ้าน เพื่อค้นหาตัวตนจริงๆ ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับหนูด้วง   แล้วหนูด้วงเองก็รู้สึกใจเต้นตึกๆ กับพี่นโมด้วย 

ตอนนี้เป็นแม่ยกให้กับพี่โอบและพี่นโม เลือกไม่ถูก  ส่วนสิงโตกับเม่น แล้วแต่นกฮูกเลือกเลยว่าจะเอาคนไหนยกให้ 
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 09-06-2018 14:12:22
เพลงรักที่หายไป
ตอนที่ 4
ทั้งรู้ก็รัก
ศิลปิน ชรัส เฟื่องอารมณ์  ขับร้องใหม่ กบ ทรงสิทธิ์


เจ้าของรถโฟล์คเต่าสีแดงต้องหันมามองหน้าคนที่นั่งมาด้วยเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบมาตลอดทาง ทั้งที่อีกฝ่ายขอตามมาเองแต่ทำเหมือนถูกบังคับให้มาด้วยกัน นโมตัดสินใจเปิดวิทยุแล้วหมุนหาคลื่นไปยังสถานีโปรด

“ดีจัง” จู่ๆ คนที่เงียบมานานก็พูดขึ้นมา

“อะไรดี”

“ไม่ต้องอยู่ในทะเลก็มีคลื่นได้ด้วย”

“หึหึ” นโมนึกขำ พอหายเงียบก็ป่วนขึ้นมาเลย

“เอาเพลงนี้ หนูอยากฟังเพลงนี้ ท่าทางจะเพราะ”

“เพิ่งจะขึ้นอินโทรเอง รู้ได้ไงว่าเพราะ”

“หนูเก่ง”

“หึหึ ครับเก่ง”

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีคู่ใจ ไยถึงไม่ลืมเธอ เพราะด้วยเหตุใด ใจฉันยังพร่ำเพ้อ เฝ้าละเมอ ไม่ลืม...แม้วันคืนเดือนผ่าน
ใจฉันยังรำพึงถึงเธอ สิ่งที่เคยสัมผัส ยังจำยึดมั่น ตราตรึง..ยังฝังอยู่กลางใจ’


“ชื่อเพลงอะไรฮะ”

“ทั้งรู้ก็รัก”

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีเจ้าของ มองฉันได้แต่มอง ถึงจะอย่างไร มันก็เป็นสุขใจ สุขชั่วคราว ก็ยัง ก็ยัง...ยังดีเสียกว่า ใจฉันต้องมลายเพราะตรม หยุดระทมขมขื่น เก็บเอาความหวานชื่น จุนเจือ...ความรักแก่ดวงใจ’

“ทำไมพี่รู้จักทุกเพลงเลย”

“พี่เก่ง”

“หึหึ” หนูด้วงหัวเราะในลำคอเลียนแบบนโมบ้าง

   ‘รักนั้นยังอยู่เต็มหัว ใจ ไยนะทำไมถึงคงอยู่ จิตใฝ่ฝันถึงเธอ ไม่ลืมเสียที เต็มเปี่ยมด้วยความรักเธอ’

“อยากกินอะไร เดี๋ยวพาไปเลี้ยง”

“ได้หมดฮะ”

   ‘รู้ รู้ ใจฉันมันก็รู้ ยังฝืนสู้ความจริง แม้จะห้ามใจ ใจฉันทำไม่รู้ เบื่อฝืนใจต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ ตัวฉันต้องยินยอมแพ้พ่าย ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’

 “ราดหน้า”

“ไม่เอา หนูเพิ่งกินไปเอง”

“ผัดไทย”

“ไม่เอา”

“หึหึ..ไหนบอกได้หมดไง”

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีเจ้าของ มองฉันได้แต่มอง ถึงจะอย่างไร มันก็เป็นสุขใจ สุขชั่วคราว ก็ยัง ก็ยัง...ยังดีเสียกว่า’

“ให้หนูเลือกเหรอ”

“อืม”

   ‘แม้จะห้ามใจ ใจฉันทำไม่รู้ เบื่อฝืนใจ...ต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ ตัวฉันต้องยินยอม แพ้พ่าย’

“มีผัดโมร็อกโคไหม”

“หึหึ อยากกินก็จัดให้” นโมยกยิ้ม เห็นอีกฝ่ายเริ่มยิ้มแย้มก็เบาใจขึ้น

“ทั้งรู้ก็รัก”

“.........”

“เพลงนี้เพราะดีเนอะ”

“อืม ทั้งรู้ก็รัก”

   ‘ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’


นโมขับรถเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มันถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาและไม้ใหญ่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวชอุ่มจากต้นไม้ใบหญ้าไปทั่วบริเวณ บ้านแต่ละหลังออกแบบเรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ ให้อารมณ์รีสอร์ทมากกว่าเป็นบ้านจัดสรรเหมือนอย่างในเมือง แค่ดูก็รู้ว่าแต่ละหลังราคาคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

รถของนโมขับเข้ามาภายในหมู่บ้านและมาจอดอยู่ที่ประตูรั้วขนาดใหญ่พร้อมกับเล่าให้หนูด้วงฟังว่าที่นี่คือโรงเรียนนานาชาติซอเลย เป็นโรงเรียนในเครือของมหา’ลัยโซเลย ที่มาสร้างภายในหมู่บ้านเพราะบ้านของอาจารย์ตะวันเจ้าของโรงเรียนและเจ้าของมหา’ลัยที่หนูด้วงเรียนอยู่ก็ปลูกอยู่ที่นี่ด้วย หนูด้วงจึงรับรู้ว่าบ้านพักของน้าตวงอยู่ที่นี่นั่นเอง

ยังไม่ทันที่นโมจะลงจากรถประตูรั้วก็เปิดออก เด็กน้อยสองคนวิ่งตรงมาที่รถพร้อมกับเกาะขอบหน้าต่างแล้วพยายามเขย่งตัวขึ้นเพราะต้องการมองเข้ามาตรงที่หนูด้วงนั่งอยู่

แฝด’....เด็กน้อยทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน หนูด้วงคิดว่าพี่นโมมีลูกคนเดียวเสียอีก 

“นาโมเปิดประตูให้หม่อนหน่อย”

“วันหลังอย่างวิ่งออกมาแบบนี้อีกนะคะน้องไม้น้องหม่อน ดูสิคะ คุณครูวิ่งตามไม่ทันเลย” หญิงสาววัยกลางคนเดินตามออกมา น้ำเสียงเหมือนจะดุแต่รอยยิ้มใจดีปรากฏอยู่บนใบหน้า ถึงจะรู้ว่าที่นี่ไม่ได้ให้คนนอกเข้ามาแต่ก็ต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่อยู่ประจำที่โรงเรียน มีเพียงไม่กี่คนที่ผู้ปกครองอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้

“สวัสดีคุณครูก่อน” นโมเปิดกระจกรถฝั่งที่หนูด้วงลงก่อนจะบอกลูกชายทั้งสองคน

“สโนไวท์ ไม้ๆๆ นาโมพาสโนไวท์มา” เด็กน้อยแก้มกลมๆ พูดกับคู่แฝดของตน

เด็กชายใบไม้กอดอกแล้วมองหนูด้วงเหมือนจะประเมินอะไรในใจ พอเห็นหนูด้วงส่งยิ้มมาให้ก็เข่าอ่อนลงจนเสียการทรงตัวไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็หันหลังให้หนูด้วงแล้วไปยกมือสวัสดีคุณครูแทน ส่วนน้องหม่อนเห็นพี่ชายของตัวเองไม่สนใจสิ่งที่บอกก็ทำหน้ายู่ก่อนจะหันไปสวัสดีคุณครูเช่นกัน เมื่อคุณครูเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนแล้วน้องไม้ถึงหันกลับมาพูดกับนโม

“นาโม ตรงนั้นที่นั่งของไม้” น้องไม้ไม่ยอมขึ้นไปนั่งด้านหลัง ยังคงกอดอกแล้วพูดลอยๆ ขึ้นมา

“แต่ไม้มาที่หลัง สโนไวท์นั่งก่อนนะ อย่าเสียมารยาทกับแขกสิ” น้องหม่อนที่ขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อยแล้วก็ชะโงกหน้ามาเตือนพี่ชาย

“ก็ได้ก็ได้ พี่หนูด้วงจะไปนั่งข้างหลังให้นะ แต่ว่าถ้านั่งข้างหน้าต้องเอาน้องด้าวนั่งตักด้วยเพราะน้องด้าวไม่ยอมไปนั่งข้างหลัง” หนูด้วงชูตุ๊กตาเอเลี่ยนให้เด็กน้อยนัยน์ตาคมดู ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นน้องด้าวก็ตกใจจนต้องถอยหลังไป

“หึหึ..” นโมลอบขำในความเจ้าเล่ห์ของหนูด้วง

“นาโม” น้องไม้เรียกพ่อของตัวเองเสียงเบาเพราะเริ่มกลัวตุ๊กตาหน้าตาประหลาดตัวนี้

“เอาแบบนี้ ไปนั่งข้างหลังทั้งสามคน ให้น้องด้าวนั่งข้างหน้าคนเดียว ตกลงไหม” นโมถาม

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเปิดประตูลงมาแล้วเอาน้องด้าวนั่งที่เบาะ จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างหลังกับน้องหม่อน

น้องไม้มองน้องด้าวอยู่นาน ในที่สุดก็รีบเดินไปนั่งข้างหลังเหมือนกัน แต่ก็ยังวางท่านั่งกอดอกตัวตรงและหันหน้าไปมองทางหน้าต่างแทน ส่วนน้องหม่อนขยับมานั่งชิดหนูด้วงพร้อมกับนั่งจ้องหน้าแล้วส่งยิ้มให้ตลอดเวลา

“พี่อย่าเพิ่งไป” หนูด้วงพูดกับนโมเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะออกรถ เมื่อนโมมองผ่านกระจกส่องหลังมาหนูด้วงก็ชี้ไปที่น้องด้าว “คาดเข็มขัดให้น้องด้าวด้วยฮะ”

“มาคาดเองสิ” นโมยกยิ้มน้อยๆ

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยก่อนจะโน้มตัวไปคาดเข็มขัดให้ตุ๊กตาของตัวเอง เสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมตัวจะกลับมานั่งอย่างเดิมแต่นโมแกล้งออกรถแล้วเบรคเบาๆ หนูด้วงเกือบหัวทิ่มไปข้างหน้า ดีที่คว้าพนักเบาะนั่งฝั่งคนขับพร้อมกับกอดคนขับเอาไว้แน่น

“นาโมขับรถดีๆ สิ” น้องไม้ที่นั่งกอดอกหลังตรงอยู่ดีๆ ก็หงายหลังเงิบไปเหมือนกันจนต้องหันมาเตือนพ่อ

“โทษที ขามันลั่น..หึหึ” นโมกลั้นขำ

“จะกอดนาโมอีกนานไหม” น้องไม้ถามหนูด้วง

“อุ่ย...มือมันลั่นเหมือนกัน” หนูด้วงรีบกลับลงมานั่งที่เดิมแล้วยิ้มแหยๆ ตอนนี้แก้มของหนูด้วงเป็นสีชมพูแข่งกับแก้มของน้องหม่อนแล้ว

“หนูหิวแล้วนาโม” น้องหม่อนร้องท้วงเพราะรู้ดีว่าเวลานี้คือเวลาที่จะได้ไปกินของอร่อย

“ครับๆ จะพาไปกินเดี๋ยวนี้แหละ” นโมหันมายิ้มให้ทั้งสามคนผ่านกระจกส่องหลัง


...


ใบไม้กับใบหม่อนเป็นฝาแฝดเพศชายที่หน้าตาไม่ได้เหมือนกันจนแยกไม่ออก นโมเล่าให้หนูด้วงฟังว่าทั้งคู่อายุ 7 ขวบแล้วและกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมหนึ่ง น้องไม้สูงกว่าน้องหม่อนเล็กน้อย แม้จะดูผอมกว่าแต่เป็นเด็กแข็งแรง ค่อนข้างหัวแข็งพอสมควร ส่วนน้องหม่อนจะเป็นเด็กเจ้าเนื้อตัวกลม แก้มอิ่มแต้มด้วยสีชมพูทั้งสองข้าง เป็นเด็กขี้อ้อน ขี้สงสาร แต่ใบหม่อนขี้โรคและป่วยบ่อยๆ น้องไม้เกิดก่อนน้องหม่อนเพียงไม่กี่นาทีแต่ก็ชอบทำตัวเป็นพี่ที่คอยปกป้องน้องเสมอ

“ทำไมน้องสองคนเรียกพี่ว่านาโมฮะ ทำไมไม่เรียกพ่อ แด๊ดดี้หรือป๊า” หนูด้วงถามพลางมองเด็กสองคนที่กำลังยืนเกาะตู้ไอศกรีมเพื่อเลือกรสชาติกันอยู่

“พี่อยากให้เขารู้สึกว่าพี่เป็นเพื่อนมากกว่าเป็นพ่อ แต่ก่อนเขาพูดไม่ชัด เรียกนโมเป็นนาโมจนติดปาก”

“เก๋ดี เอาไว้หนูกลับไปเรียกมัมกับแด๊ดว่าน๊าบบบบตังกับมีคูมมมมบ้างดีกว่า” หนูด้วงพูดจบก็หัวเราะคิกคัก

“หึหึ...”

“อ๊ะ หนูฝากน้องด้าวก่อนนะฮะ จะไปเลือกไอติมบ้าง” หนูด้วงส่งน้องด้าวให้นโมก่อนจะวิ่งไปเกาะตู้ไอศกรีมบ้าง นโมมองไปแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

ช่วงระหว่างทานข้าวและของหวาน หนูด้วงก็ชวนเด็กน้อยทั้งสองคนคุยเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ เอาเรื่องตลกมาเล่าบ้าง เอาเรื่องสนุกๆ ที่ตัวเองเคยฟังมาเล่าบ้าง น้องหม่อนรู้สึกชื่นชอบหนูด้วงมากขึ้น ส่วนน้องไม้ที่วางมาดใส่ก็เริ่มพูดคุยด้วยแต่ก็ยังวางท่าอยู่บ้าง ยิ่งพอหนูด้วงโชว์ความสามารถของน้องด้าวเวอร์ชั่นใหม่ที่นอกจากจะอัดเสียงได้แล้วยังเป็นกล้องโพลารอยด์ได้อีกด้วย พอกดปุ่มถ่ายรูปตรงหัว ไม่นานรูปก็ออกมาทางปากของน้องด้าว จากทีแรกที่เด็กแฝดรู้สึกกลัว ตอนนี้น้องด้าวกลายมาเป็นพี่ชายคนสนิทของทั้งคู่ไปแล้ว รวมถึงหนูด้วงด้วยที่เด็กแฝดเริ่มจะให้ความเป็นกันเอง

“ทำไมเรียกพี่หนูด้วงว่าสโนไวท์ล่ะ ผิวพี่หนูด้วงขาวมากเหรอฮะ” หนูด้วงถามน้องหม่อน

“ก็พี่เหมือนสโนไวท์” น้องหม่อนตอบ

“ทำไมชื่อหนูด้วง ตัวก็โตแล้ว จะเป็นหนูได้ยังไง” น้องไม้ถามบ้าง

“แล้วน้องไม้ตัวนิ่มแบบนี้ ทำไมชื่อไม้ล่ะ” หนูด้วงจิ้มไปที่แก้มของน้องไม้แล้วย้อนถามกลับ

“ชื่อใบไม้” น้องไม้หน้าแดงก่อนจะตอบสั้นๆ

“งั้นต้องเกาะแขนพี่หนูด้วงเอาไว้นะ!!” หนูด้วงแกล้งทำหน้าตาตื่น

“ทะ..ทำไม” น้องไม้ตกใจตามไปด้วย

“ใบไม้มันปลิวได้ไง” หนูด้วงพูดจบหัวเราะ ส่วนน้องไม้กับน้องหม่อนได้แต่มองหน้ากันไปมาแต่ไม่ได้ขำตามไปด้วย

“ถ้าพายุมาไม้ต้องเกาะอะไรแน่นๆ เลยนะ” น้องหม่อนรีบเตือนฝาแฝดของตัวเอง

“นาโม...” น้องไม้หน้าเสียเพราะเชื่อว่าตัวเองจะปลิวได้จึงหันไปฟ้องพ่อ

“พี่หนูด้วงล้อเล่น” หนูด้วงเห็นเด็กทั้งสองเริ่มกลัวก็รู้สึกผิด แค่จะเล่นมุกแท้ๆ แต่ดันไปทำให้เด็กกลัว ตอนนี้หน้าของหนูด้วงเจื่อนมากๆ

‘แชะ!!’ เสียงชัตเตอร์ดังมาจากตัวของน้องด้าว

“ฮ่าๆๆๆ ตลกจริงๆ ด้วยหม่อน”

“สโนไวท์ทำหน้าบู้บี้เลยไม้”

สรุปว่าเด็กทั้งสองคนแกล้งให้หนูด้วงตกใจจนทำหน้าตาตลกแล้วก็เอาน้องด้าวมากดถ่ายรูปเอาไว้

“นา...โม.....” คราวนี้หนูด้วงหันไปฟ้องพี่นโมบ้างเพราะเป็นฝ่ายถูกเด็กแฝดแกล้ง

“หึหึ....ฮ่าๆๆๆๆ” นโมพยายามกลั้นขำ แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้หัวเราะตามลูกๆ ไปด้วยเพราะหน้าของหนูด้วงตอนงอนมันน่าขำจริงๆ

“ก็ได้ก็ได้ ขำก็ได้ ฮ่าๆ” หนูด้วงเห็นทุกคนหัวเราะก็เลยตัดสินใจหัวเราะตามไปด้วย

“อาหารมาแล้ว มากินกันก่อน” นโมเลิกขำแล้วสั่งให้ทุกคนมากินข้าวให้เรียบร้อยก่อน

“ถ้าเป็นแด๊ดดี้ของหนูนะ หนูไม่มีทางได้กินไอติมก่อนข้าวแน่ๆ” หนูด้วงเล่าให้นโมฟังเรื่องของตัวเองบ้าง

“ทำไม”

“หนูก็ไม่รู้” หนูด้วงไม่ยอมเล่าความจริง

“ทุกคนมีวิธีการสอนลูกแตกต่างกัน ถ้าพี่เป็นแด๊ดดี้ของหนูด้วงก็คงไม่ให้กินไอติมก่อนหรอก”

“อ้าว ทำไมฮะ”

“เพราะหนูด้วงคงจะกินของหวานก่อนของคาวแล้วปวดท้องมั๊ง”

“พี่รู้ได้ไง” หนูด้วงทำตาโต

“ก็ส่วนใหญ่เด็กๆ จะเป็นแบบนั้น”

“แล้วไม้กับหม่อนไม่เป็นเหรอฮะ”

“ไม่เป็น กินได้” น้องไม้เป็นคนตอบแทนพ่อ

“ดีจัง อยากแข็งแรงเหมือนน้องไม้น้องหม่อนบ้าง” หนูด้วงชมจากใจเพราะตัวเองเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กๆ

“น้องหม่อนกินได้ทุกอย่าง” น้องหม่อนคุยโวบ้าง

“อ๊ะ ไหนพี่ว่าจะพาหนูไปกินอาหารโมร็อกโคไง ทำไมกลายเป็นเนื้อทอดกระเทียมราดข้าว” หนูด้วงถามเมื่ออาหารของตัวเองมาเสิร์ฟตรงหน้า แต่เนื้อทอดกระเทียมก็เป็นอาหารจานโปรดของหนูด้วง แค่เห็นและได้กลิ่นท้องก็ร้องประท้วงแล้ว

“ก็เนี่ยแหละโมร็อกโค”

“หื้อออ” หนูด้วงมองไปที่จานข้าวของตัวเองแล้วส่งเสียงประหลาดใจ

“ก็เนี่ย...เนื้อโคกับวัวมันก็เหมือนกัน ก่อนมันจะตายมันเป็นนักร้องเพลงร็อกที่ไปโมหน้ามาใหม่ ก็โมร็อกโคแล้วไง” นโมตอบก่อนจะยักคิ้วให้หนูด้วง

“หนูเกือบขำแล้ว พยายามอีกหน่อยนะฮะ” หนูด้วงพูดหน้าตายก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

“หน้าแตกเลยนาโม” น้องไม้ถอนหายใจที่พ่อของตัวเองเล่นมุกแป๊ก

“ฮ่าๆๆๆ” น้องหม่อนเป็นคนที่หัวเราะออกมาอยู่คนเดียว

“มีน้องหม่อนรักพ่ออยู่คนเดียว” นโมเอามือไปยีผมใบหม่อน

“หม่อนขำที่นาโมพูดอะไรก็ไม่รู้ วัวร้องเพลงร็อกไม่ได้สักหน่อย มันต้องเป็น มอร้องโค เอ้ย..โคร้องมอ” ใบหม่อมพูดจบคราวนี้ทั้งหนูด้วงทั้งน้องไม้ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ปล่อยให้นโมทำหน้าเซ็งอยู่คนเดียว


...

เมื่ออิ่มท้องกันแล้วนโมก็พาเด็กๆ กับหนูด้วงกลับมาที่ร้านกล่องดนตรี ส่วนบ้านที่นโมและเด็กแฝดอาศัยอยู่ถูกปลูกเยื้องไปทางด้านหลังของร้านกล่องดนตรี เป็นบ้านสองชั้นขนาดกลางสไตล์วินเทจ สร้างจากไม้เป็นส่วนใหญ่ บริเวณโดยรอบปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ใหญ่และไม้ประดับ

“สวยจัง” หนูด้วงกวาดสายตาสำรวจไปทั่วก่อนจะเอ่ยปากชมหลังจากที่นโมพามาที่บ้านก่อนเพราะร้านยังไม่เปิด

“พี่สโนไวท์ไปที่ห้องนอนของหนูนะ หนูมีของเล่นเยอะแยะเลย” น้องหม่อนรีบเดินมาจูงมือของหนูด้วง

“เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้ใครขึ้นไปที่ป้อมปราการของเราไง” น้องไม้รีบท้วงน้องชาย

“แต่ว่า...” ใบหม่อนดูลังเลเพราะอยากอวดของเล่นให้หนูด้วงดู

“พี่หนูด้วงรอที่นี่ก็ได้ น้องหม่อนเอาของเล่นลงมาเล่นข้างล่างดีกว่าเนอะ” หนูด้วงไม่อยากให้เด็กทั้งสองคนเถียงกัน

“ไปทำการบ้านก่อนแล้วค่อยลงมาเล่น” น้ำเสียงของนโมไม่ได้ดุสักนิดแต่เด็กน้อยทั้งสองคนก็รีบทำตามอย่างว่าง่าย จะว่าไปก็ไม่แปลกใจหรอก ขนาดตัวเองยังต้องทำตามเหมือนกัน เสียงของพี่นโมมีอำนาจยังไงก็ไม่รู้

หนูด้วงเดินดูรูปถ่ายต่างๆ ที่แขวนตามผนัง ส่วนใหญ่เป็นรูปน้องไม้กับน้องหม่อนในช่วงอายุต่างๆ พยายามมองรูปถ่ายครอบครัวเพราะอยากเห็นแม่ของเด็กทั้งสองคนแต่ก็ไม่มีภาพผู้หญิงปรากฏอยู่เลยสักภาพ จนสายตาไปหยุดอยู่ตรงรูปภาพสองรูปที่อยู่ภายในกรอบไม้เดียวกัน เป็นรูปเส้นยุ่งๆ สีดำกับสีฟ้า

“มันสวยเหรอฮะ” หนูด้วงหันมาถามเจ้าของบ้านเพราะรูปถูกใส่กรอบอย่างดี


(https://www.img.live/images/2018/06/09/115bf00.jpg)


“มันสวยสำหรับพี่”

“คงต้องใช้จินตนาการสูงมากๆ ในการรับชม” หนูด้วงพูดแล้วก็หัวเราะก่อนจะเดินไปดูภาพอื่นๆ ต่อ

“เดินเล่นไปก่อนนะ พี่ขอตัวไปดูเจ้าแฝดก่อน”

นโมเดินออกมาหยุดยืนที่ปลายบันได ชะโงกมองไปที่หนูด้วงอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาเดินขึ้นมาถึงห้องไม้กับหม่อน ทั้งคู่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาสอนให้เด็กทั้งสองคนช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็กๆ นอกจากว่าทั้งคู่จะทำไม่ได้จริงๆ เขาถึงยื่นมือเข้าไปช่วย เมื่อน้องหม่อนเห็นนโมเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปกอดแล้วอ้อนถาม

“พี่สโนไวท์เป็นสโนไวท์ของนาโมใช่ไหม”

“ใช่ดีหรือไม่ใช่ดีนะ” นโมแกล้งถาม

“ดีจ้า หม่อนชอบพี่สโนไวท์”

“ไม่ใช่หรอก” น้องไม้ทำหน้าเข้ม

“ไม้ดูสิ ใช่นะ” น้องหม่อนคลายกอดออกแล้ววิ่งไปหยิบรูปในลิ้นชักของตัวเองมายื่นให้น้องไม้ดู

“ไม่เห็นจะเหมือน ในรูปสโนไวท์ตัวเท่าๆ เราเอง แล้วสโนไวท์ก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย” น้องไม้เหลือบมองดูคนในรูปแล้วยังยืนยันตามเดิม

 “ไปแอบขโมยของพ่อมาอีกแล้วใช่ไหมน้องหม่อน” นโมถามเมื่อเห็นว่าของของตัวเองมาอยู่ในลิ้นชักของใบหม่อน

“ก็น้องหม่อนชอบเอาไว้ดูก่อนนอน นาโมไม่โกรธนะ ไม่โกรธน้องหม่อนนะ” น้องหม่อนรีบกลับไปกอดนโมอีกรอบ

“ไม่ได้โกรธ แต่พ่อกำลังสอนหนู หนูต้องขออนุญาตเจ้าของก่อนถึงจะหยิบมา เข้าใจไหมครับ”

“เข้าใจครับ น้องหม่อนคืนให้นาโมก็ได้” น้องหม่อนยื่นรูปคืนให้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นเพื่อรีบทำการบ้านให้เสร็จ กลัวว่าถ้าชักช้าแล้วพี่หนูด้วงจะกลับบ้านเสียก่อน

นโมรับรูปคนสำคัญมายัดใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะนั่งลงข้างเด็กทั้งสองคนแล้วสอนการบ้านให้


(https://www.img.live/images/2018/06/09/12.jpg)

มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 09-06-2018 14:16:28
ต่อจากด้านบนค่ะ


หนูด้วงเห็นนโมกับเด็กๆ ยังไม่ลงมาสักทีก็เลยตัดสินใจออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เดินเรื่อยเปื่อยไปถึงร้านกล่องดนตรี มองจากข้างนอกเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนร้านขายของที่ระลึกมากกว่าร้านขายอาหาร ด้านหน้ามีกระจกบานใหญ่ที่มองเข้าไปเห็นด้านในตัวร้านได้ โมบายและดอกไม้กระถางเล็กๆ ห้อยสลับกันตรงราวไม้ระแนงเหนือหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ประตูไม้สีเขียวมีกระดิ่งทองเหลืองเก่าๆ ห้อยอยู่

หนูด้วงเดินไปตรงสนามหญ้าด้านข้างร้าน มีเตาบาบีคิวเหมือนของปู่ช้วนตั้งอยู่ เดาว่าต้องเอาไว้ปิ้งหมาล่าแน่ๆ พอมองเลยไปทางด้านหลังร้านก็เห็นครัวเปิดโล่งขนาดย่อม หนูด้วงไม่ได้เดินเข้าไปดูเพราะอยากเข้าไปตอนได้รับอนุญาตแล้ว เมื่อไม่มีอะไรให้ดูเลยเดินมาที่หน้าร้านแทน

ร้านกล่องดนตรีมีเพียงถนนเล็กๆ ที่คั่นระหว่างร้านกับหาดทรายเอาไว้ ลมทะเลพัดมาจนผมของหนูด้วงพลิ้วไหวไปตามแรงลม อากาศที่นี่ดีไม่แพ้กับที่เกาะใบไม้ครามเลยแต่ความวุ่นวายน้อยกว่าเพราะไม่ได้เป็นเกาะที่เน้นเรื่องการท่องเที่ยว น้าตวงเคยเล่าให้ฟังว่านักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วนใหญ่คือมาดูโรงเรียนและมหาวิทยาลัยให้บุตรหลาน เพราะที่นี่มีเพียงที่พักแห่งเดียวคือแสงแรกรีสอร์ท อยู่เลยร้านพี่นโมไปพอประมาณและราคาที่พักต่อคืนของที่นั่นแพงมากๆ ที่หนูด้วงรู้เพราะมัมกับแด๊ดเคยพามาพักตอนที่มาดูมหา’ลัยให้หนูด้วง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยเลือกจะไปเที่ยวที่เกาะใบไม้ครามมากกว่าเพราะมีความสะดวกสบายในราคาที่ถูกกว่าและสถานที่ท่องเที่ยวก็มีเยอะกว่า

หนูด้วงเดินข้ามถนนไปยังชายหาด เดินเท้าเปล่าสัมผัสกับเม็ดทรายละเอียดอย่างอ้อยอิ่ง จนไปถึงชิงช้าที่ผูกเชือกโยงกับก้านไม้ใหญ่เอาไว้ ขนาดของมันนั่งได้ถึงสองคน

“ชิงช้าเหมือนของที่บ้านเลย” หนูด้วงเห็นแล้วก็อดนึกถึงชิงช้าในสวนหลังบ้านของตัวเองไม่ได้

“พี่หนูด้วง น้องหม่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว” เสียงเล็กๆ ร้องเรียกจนหนูด้วงต้องหันไปมอง

“อย่าวิ่ง น้องหม่อนอย่าวิ่ง...เดี๋ยวล้ม” หนูด้วงร้องเตือน จู่ๆ ภาพในความทรงจำก็ลอยเข้ามา คำพูดที่พี่โอบอุ้มมักจะเตือนหนูด้วงแบบนี้เสมอ ‘อย่าวิ่งครับหนูด้วง เดี๋ยวล้ม’

“น้องหม่อนนึกว่าพี่หนูด้วงแอบกลับไปแล้ว”

“ไม่เรียกว่าพี่สโนไวท์แล้วเหรอ” หนูด้วงเดินข้ามกลับมาจูงมือใบหม่อนไปที่ชิงช้า

“น้องหม่อนคืนสโนไวท์ให้นาโมไปแล้ว”

“พ่อน้องหม่อนชอบเล่นสโนไวท์เหรอ” หนูด้วงกระซิบถาม

“นาโมไม่ได้เล่น นาโมเก็บเอาไว้ นาโมบอกว่าเก็บเอาไว้ในนี้ก็มีความสุข” ใบหม่อมเอามือมาทาบกับอกให้หนูด้วงดู “น้องหม่อนอยากมีความสุขเลยขโมยสโนไวท์นาโมมาบ่อยๆ แต่นาโมหวง”

“เอาไว้พี่หนูด้วงซื้อตุ๊กตาสโนไวท์ให้น้องหม่อนเอาไหม”

“ไม้ไม่ชอบให้หม่อนเล่นตุ๊กตา ไม้บอกว่าเป็นผู้ชายต้องเล่นปืน เล่นจอมยุทธ เอาผ้าห่มมาผูกเป็นชุด แล้วกระโดดวิชาตัวเบาลงมาจากเตียง แต่หม่อนไม่ชอบ เหนื่อยจะตาย” ใบหม่อนนินทาพี่ชายให้หนูด้วงฟัง

“แปะมือ” หนูดวงยกมือให้ใบหม่อมมาสัมผัสเพราะตัวเองก็ไม่ชอบเหนื่อยเหมือนกัน “พี่หนูด้วงก็ไม่ชอบเหนื่อย ชอบกิน”

“แปะมือ” คราวนี้ใบหม่อนยกมือขึ้นมาให้หนูด้วงแปะกลับบ้างเพราะชอบกินเหมือนกัน

นโมยืนมองอยู่ที่หน้าบ้านก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ อยากยืนมองภาพแบบนี้ไปนานๆ แต่สุดท้ายก็ต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วมองคนที่เดินมาเกาะชายเสื้อของตัวเองแทน

“น้องหม่อนชอบไว้ใจคนอื่นง่ายๆ” ไม้ยืนบ่น ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุแค่ 7 ขวบเท่านั้นเอง

“น้องหม่อนคงรู้ว่าพี่หนูด้วงเป็นคนดี ไม้ไม่ชอบพี่เขาเหรอ” นโมถามลูกชาย

“ก็...เขาจะมาแย่งนโมไปไหม” ใบไม้ถามเสียงเบา

“ไม่หรอก พี่หนูด้วงไม่เคยแย่งของใคร มีแต่จะเข้ามาเติมความสุขให้ทุกคน”

“นาโม...”

“หื้ม”

“พี่หนูด้วงคือสโนไวท์ใช่ไหม”

“อยากให้ใช่ไหมล่ะ”

“ก็....ก็...ก็ถ้าเขาไม่มาแย่งนาโมไป ให้ใช่..ก็ได้”

“หึหึ...ตัวแสบ” นโมยีผมใบไม้เบาๆ ก่อนจะจูงมือลูกชายที่แข็งนอกอ่อนในคนนี้ข้ามไปหาหนูด้วงและใบหม่อน

นโมกับใบไม้กำลังยืนมองหนูด้วงกับใบหม่อนนั่งหลับตานิ่งด้วยความสงสัย ทั้งคู่ไม่ยอมลืมตาจนกระทั่งใบไม้พูดโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ทำอะไรกัน”

“นาโม...ไม้...พี่หนูด้วงบอกหม่อนว่าพี่หนูด้วงกำลังฟังเสียงทะเลร้องเพลง หม่อนเลยทำบ้าง”

“เป็นไปไม่ได้” น้องไม้ส่ายหน้าแต่ก็อยากรู้ว่าทะเลมันร้องเพลงได้จริงไหม

“หม่อนก็ไม่ได้ยิน” ใบหม่อนสารภาพ พยายามหลับตาฟังแต่ก็ไม่เห็นจะได้ยิน

“พี่ก็ไม่ได้ยิน” หนูด้วงหันมาบอก

“อ้าว” เสียงนโมกับน้องแฝดเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“ก็ถึงตั้งใจฟังอยู่ไง” หนูด้วงพูดแล้วหัวเราะออกมา

“ให้นาโมร้องเพลงให้ฟังสิ” น้องไม้พูดแต่ไม่ยอมมองหน้าหนูด้วง

“ไม้ต้องชอบพี่หนูด้วงแล้วแน่ๆ เลย” ใบหม่อนกระซิบที่หูของหนูด้วงเบาๆ

“ทำไมเหรอ” หนูด้วงสงสัยจึงกระซิบถามกลับไป

“ก็ปกติไม้จะหวงนาโมมากๆ แต่นี่ให้นาโมร้องเพลงให้พี่หนูด้วงฟังด้วย”

“เย้” หนูด้วงร้องตะโกนออกไปจนน้องแฝดตกใจ “ขอโทษนะ พี่หนูด้วงดีใจที่จะได้ฟังคนร้องเพลง เพราะดูแล้วทะเลมันคงไม่ยอมร้องเพลงให้ฟังแน่ๆ”

“ให้หนูด้วงร้องดีกว่า อยากรู้ว่ามีความสามารถพอมาร้องเพลงที่ร้านไหม”

“ก็ได้ก็ได้ ถ้างั้นน้องไม้มานั่งที่ชิงช้ากับน้องหม่อน พี่หนูด้วงจะวอร์มเสียงก่อน” หนูด้วงลุกออกมาแล้วให้ใบไม้ไปนั่งแทน จากนั้นตัวเองก็ออกไปวิ่งเหยาะๆ ที่ผืนทรายพร้อมกับทำปากเหมือนเป็ด เอามือแตะที่กระพุ้งแก้มแล้วเป่าลมออก

“ตลก” ใบหม่อนแอบปิดปากขำ หันไปมองคู่แฝดตัวเองก็เห็นว่ากลั้นขำอยู่ ส่วนพ่อก็หัวเราะ ‘หึหึ’ เหมือนเดิม

“เรือออออออออ เรืออออออออ เรืออออออออ” หนูด้วงกระดกลิ้นลากคำว่าเรือยาวๆ คราวนี้น้องแฝดส่งเสียงหัวเราะออกมาดังๆ เพราะกลั้นไม่ไหว

หนูด้วงเห็นเด็กๆ หัวเราะก็ยิ่งสนุกเลยทำให้ดูยกใหญ่ แต่พอสายตาของตัวเองเลื่อนไปเจอสายตาคู่ที่ปกติก็ทำให้ใจเต้นแรงอยู่แล้ว ยิ่งเห็นภาพพี่นโมกำลังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆ ลมทะเลพัดปลายผมของเขาให้สะบัดไปมาก็ยิ่งทำให้หนูด้วงใจเต้นหนักกว่าเดิม

“เรือแตกแล้ว” เสียงของไม้ดังขึ้นเรียกสติของหนูด้วงให้กลับมา

“ไหน เรือแตกที่ไหน” หนูด้วงรีบหันมองไปที่ทะเล

“เรือของ...ของพี่หนูด้วงไง” ทีแรกใบไม้ก็รู้สึกขัดเขินที่ต้องเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา

“หื้อ...” หนูด้วงเลิกคิ้วแทนคำถาม

“ก็พี่หนูด้วงบอกว่า..เรืออออออออออออ อยู่ดีๆ ก็เงียบไป” ใบหม่อนกระดกลิ้นให้ดู แต่กระดกมากไปหน่อยน้ำลายจึงไหลออกมา

“ฮ่าๆๆ หม่อนน้ำลายยืดแล้ว” ไม้ชี้ไปที่น้องชายของตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมา

“นาโม...” ใบหม่อนอายเลยเดินลงจากชิงช้าไปหาพ่อ นโมอุ้มใบหม่อนขึ้นมากอดพร้อมกับลูบศีรษะให้

“พี่โอบ...” หนูด้วงเผลอครางชื่อออกมาเมื่อเห็นภาพนโมกอดใบหม่อน

“ร้องเพลงให้ฟังได้ไหม” ใบไม้หันมาถามหนูด้วง

“ได้สิ” หนูด้วงยิ้มเมื่อใบไม้ชี้ให้หนูด้วงมานั่งข้างๆ ตัวเองแทนใบหม่อน

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีคู่ใจ ไยถึงไม่ลืมเธอ เพราะด้วยเหตุใด ใจฉันยังพร่ำเพ้อ เฝ้าละเมอ ไม่ลืม...แม้วันคืนเดือนผ่าน
ใจฉันยังรำพึงถึงเธอ สิ่งที่เคยสัมผัส ยังจำยึดมั่น ตราตรึง..ยังฝังอยู่กลางใจ

   รู้ รู้ เธอนั้นมีเจ้าของ มองฉันได้แต่มอง ถึงจะอย่างไร มันก็เป็นสุขใจ สุขชั่วคราว ก็ยัง ก็ยัง...ยังดีเสียกว่า ใจฉันต้องมลายเพราะตรม หยุดระทมขมขื่น เก็บเอาความหวานชื่น จุนเจือ...ความรักแก่ดวงใจ’


หนูด้วงร้องเพลงที่เพิ่งฟังมาในรถให้ทุกคนได้ฟัง เสียงใสๆ บวกกับบรรยากาศสบายๆ ทำให้ทุกคนเคลิบเคลิ้มตามกันไป เสียงเพลงจากหนูด้วงสะดุดลงนิดหนึ่งเมื่อพี่นโมเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วไกวชิงช้าให้ หยุดร้องไม่นานก็เริ่มตั้งสติแล้วร้องเพลงต่อ มือของพี่นโมไม่ได้จับโดนเชือกของชิงช้า แต่วางอยู่บนมือของหนูด้วงที่กำเชือกชิงช้าอยู่ หนูด้วงไม่รู้ว่าพี่เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ หนูด้วงว่าตัวเองกำลังจะร้องเพลงผิดคีย์เพราะเสียงสั่นไปหมด จนกระทั่งนโมช่วยร้องประสานให้

   ‘รักนั้นยังอยู่เต็มหัว ใจ ไยนะทำไมถึงคงอยู่ จิตใฝ่ฝันถึงเธอ ไม่ลืมเสียที เต็มเปี่ยมด้วยความรักเธอ’

ตึกตัก...ตึกตัก...

   ‘รู้ รู้ ใจฉันมันก็รู้ ยังฝืนสู้ความจริง แม้จะห้ามใจ ใจฉันทำไม่รู้ เบื่อฝืนใจต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ ตัวฉันต้องยินยอม แพ้พ่าย ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’

เมื่อทั้งคู่ร้องเพลงจบใบไม้กับใบหม่อนก็ปรบมือขึ้นพร้อมกัน หนูด้วงลุกขึ้นยืนหลังจากที่นโมเอามือออกจากมือของตัวเองแล้ว

“ไม้ไปเล่นทรายได้ไหมนาโม”

“หม่อนไปด้วยนะ”

“อืม อย่าลงน้ำลึกนะ”

“เย้” เมื่อพ่ออนุญาตน้องแฝดก็พากันวิ่งไปที่ชายหาดเพื่อเล่นก่อปราสาททรายกัน

“เก่งนะ จำเนื้อเพลงได้แล้ว แน่ใจว่าเพิ่งฟังครั้งแรกในรถ” นโมหันมาพูดกับหนูด้วง

“ฮะ ครั้งแรก”

“ความจำดีนะเรา” นโมอดไม่ได้ยื่นมือไปวางบนศีรษะของหนูด้วง

“มีคนเคยชมหนูว่าเก่งเพราะจำชื่อปลาทุกตัวที่หนูเลี้ยงเอาไว้ได้ตั้งแต่สี่ขวบ หนูท่องสูตรคูณถึงแม่ยี่สิบสี่ได้ตั้งแต่ปอหนึ่ง หนูจำบทละครเวทีเรื่องสโนไวท์ได้เพียงแค่ได้อ่านมันหนเดียว หนูจำภาพใครบางคนได้ทั้งที่เขาหายไปจากชีวิตของหนูตั้งหลายปี” หนูด้วงเงยหน้ามาพูดกับนโมทั้งที่มือของอีกฝ่ายยังวางบนศีรษะของตัวเอง

“แล้วจำอะไรได้อีก” เสียงนุ่มๆ ถามกลับ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายน่าจะจำเขาได้ตั้งแต่แรกเห็นพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าทำไมหนูด้วงถึงได้ทำเป็นจำเขาไม่ได้ เขาเองก็สับสนว่าที่ตัดสินใจกลับมาแบบนี้มันถูกต้องหรือไม่จึงไม่ได้พูดออกไป สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างมันพ่ายแพ้ให้กับคำว่า ‘คิดถึงสุดหัวใจ’   

หนูด้วงยกมือขึ้นมาจับมือของอีกฝ่ายออกจากศีรษะของตนเอง แต่ไม่ได้ปล่อยมือเขาออก..ยังคงจับเอาไว้แบบนั้น

“พี่ไม่คิดถึงหนูเหรอ” หนูด้วงถามพร้อมกับน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ

“ไม่คิดถึงจะกลับมาเหรอ”

“แล้วทำไมไม่มาหาหนู”

“พี่มาแล้วไงครับ”

“แต่...แต่พี่...” หนูด้วงอยากจะถามเรื่องของใบไม้กับใบหม่อนแต่มันพูดไม่ออก

“ให้พี่กอดได้ไหม”

“หนูรอให้พี่มากอดมาตั้งสิบห้าปี สี่สิบวัน สิบสามชั่วโมงกับอีกยี่สิบสองนาทีแล้ว ตอนนี้ยี่สิบสามนาทีแล้วฮะ” หนูด้วงยกนาฬิกาข้อมือที่โอบอุ้มเคยให้ไว้ขึ้นมาดู ถึงมันจะเริ่มเก่ามากแล้วแต่หนูด้วงก็ดูแลรักษามันอย่างดี

โอบอุ้มคว้าตัวหนูด้วงมากอดก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหล คนที่อยู่ในอ้อมกอดรีบกอดพี่โอบอุ้มจนแน่นไม่ต่างกัน กลัวว่านี่จะคือฝันไป กลัวว่ามันไม่ใช่ความจริง

หนูด้วงจำพี่โอบอุ้มได้ตั้งแต่แรกเห็น รู้ทั้งรู้ว่าเขากลับมาแต่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปกอด ได้แต่ลังเลใจว่าเขามีเหตุผลอะไรถึงต้องทำเป็นคนอื่น จนกระทั่งพี่โอบอุ้มพามาบ้าน มาดูข้าวของที่หนูด้วงเคยให้เอาไว้ ทุกอย่างยังอยู่ครบและถูกรักษาเอาไว้อย่างดี มั่นใจว่าเขาพามาเพื่อให้หนูด้วงแน่ใจแล้วว่าเขาพร้อมจะเป็นโอบอุ้มไม่ใช่พี่นโมอีกต่อไป

   ‘รักนั้นยังอยู่เต็มหัว ใจ ไยนะทำไมถึงคงอยู่ จิตใฝ่ฝันถึงเธอ ไม่ลืมเสียที เต็มเปี่ยมด้วยความรักเธอ’

“ทำไมพี่ต้องชื่อนโม” หนูด้วงถามหลังจากที่พากันร้องไห้จนใบไม้กับใบหม่อนต้องวิ่งเข้ามาดู โอบอุ้มต้องบอกกับลูกว่าผงเข้าตาหนูด้วงและเข้าตาของตัวเองด้วยเด็กน้อยทั้งสองคนถึงได้เลิกสนใจแล้วไปเล่นต่อ แต่ตอนนี้โอบอุ้มพาทุกคนกลับมาที่บ้านและให้ฝาแฝดไปอาบน้ำล้างทรายออกจากตัวจึงมีเวลาอยู่กับหนูด้วงตามลำพัง

“นโมคือชื่อเงินสมัยศรีวิชัย เหมือนเงินพดด้วง พี่ก็อยากจะมีชื่อเหมือนหนูด้วง แต่ที่บ้านของน้าตังมีแต่ชื่อสกุลเงินไปหมดแล้ว”

“ชื่อรูปีไง”

“หึหึ” โอบอุ้มหัวเราะก่อนจะถามกลับไป “ตกลงจำพี่ได้ตอนไหน”

“ก็ไม่ได้มั่นใจหรอกฮะ แต่ความรู้สึกมันบอก มันสับสันเพราะพี่โอบไม่เคยดุหนูด้วย”

“พี่ไปดุเราตอนไหนกัน”

“ตั้งหลายตอน” หนูด้วงทำหน้างอ

“นั่นเขาเรียกว่าห่วง” โอบอุ้มพูดพลางจ้องตาอีกฝ่าย เล่นเอาหนูด้วงเขินจนต้องมองเพดานแทน

“บ้านนี้ไม่มีหยากไย่เนอะ”

“พี่ขอโทษนะที่ทำแบบนี้”

“ไม่เป็นไร แค่กลับมาก็พอแล้ว”

“ไม่โกรธพี่แน่นะครับ”

“อือ ก็พี่โอบเคยบอกหนูเองว่าเอาเวลาที่โกรธมาทำเรื่องที่ดีต่อใจดีกว่า”

“งั้นอะไรที่ดีต่อใจ” โอบอุ้มถาม แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อหนูด้วงสวมกอดตัวเองอีกครั้ง

“ทุกคนทุกคนต้องดีใจที่พี่กลับมา”

“พี่ยังไม่อยากบอกใคร” เสียงของโอบอุ้บดูเครียดจนหนูด้วงต้องเงยหน้าไปมอง

“ก็ได้ก็ได้ หนูก็จะไม่บอกใคร”

“ขอบคุณนะผู้วิเศษของพี่” โอบอุ้มนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เจ้าหนูจำไมอย่างหนูด้วงไม่ยอมถามถึงเหตุผลอะไรเลย น้องเอาแต่กอดเขาไว้แบบนั้นจนเขาอยากจะทำอย่างที่ใจต้องการเหลือเกิน แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเพราะเขาต้องรอ...

เสียงโทรศัพท์ของหนูด้วงดังมาจากในครัว เจ้าของโทรศัพท์เพิ่งนึกได้ว่าเอาไปวางไว้ตอนที่เดินดูรอบบ้าน ยังอยากจะกอดพี่โอบอุ้มอยู่อย่างนี้แต่ก็ต้องผละไปด้วยความจำใจ จนกระทั่งกดรับสายหนูด้วงก็เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน

‘หนูด้วง!!!!!!!!!! ทำไมไม่รับโทรศัพท์ของพวกเราสักคน อยู่ที่ไหน บอกมานะ หายไปไหน ทำไมเป็นเด็กดื้อแบบนี้ บอกมาเร็วๆ เลยนะว่าอยู่ที่ไหน!!!!’

เสียงของสิงโต นกฮูก น้องเม่นและน้องเกลโวยวายผ่านโทรศัพท์จนลำโพงแทบแตก หนูด้วงได้แต่หันไปยิ้มแหยๆ ให้โอบอุ้มที่เพิ่งเดินตามเข้ามา รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทำให้เพื่อนๆ เป็นห่วง แล้วเจ้าตัวก็แอบเดินไปหยิบถุงพลาสติกมาขยำใกล้ๆ โทรศัพท์ให้ดังเหมือนมีคลื่นแทรก

“ฮัลโหล สัญญาณไม่ดีเลย ฮัลโหลๆ เราสบายดี อยู่กับพี่นโม แต่สัญญาณไม่ดีเลย ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว ฮัลโหลๆ แล้วเจอกันนะทุกคนทุกคน”

“หึหึ...”

โอบอุ้มส่ายหน้าเมื่อเห็นความแสบของหนูด้วง เด็กน้อยในวันวานโตแล้วจริงๆ หลายอย่างในตัวของหนูด้วงและของเขาเองอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความรู้สึกในหัวใจ เขาปล่อยให้มันผ่านมานานมาก เขาเสียเวลาให้กับความทุกข์ทรมานจนพลาดทำเรื่องที่ดีต่อหัวใจ จากนี้ไปเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ใจต้องการ ขอแค่โอกาสเท่านั้น

โอบอุ้มจับข้อมือของหนูด้วงขึ้นมาแล้วปลดนาฬิกาเรือนเก่าที่ตัวเองเคยให้อีกฝ่ายออก หนูด้วงทำท่าจะท้วงแต่ก็ชะงักไปเพราะมีนาฬิกาเรือนใหม่เข้ามาแทนที่ โอบอุ้มกดตั้งเวลาให้พลางคิดในใจ

‘หนูด้วงรอเขามาตั้งสิบห้าปี สี่สิบวัน สิบสามชั่วโมง ตอนนี้คงจะเป็นสิบสี่ชั่วโมงได้ ต่อจากนี้ไป...เขาจะเป็นฝ่ายรอหนูด้วงบ้าง’

“เริ่มต้นกันใหม่นะ”

“ก็ได้ก็ได้”

     ‘ตัวฉันต้องยินยอม แพ้พ่าย ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’

โปรดติดตามตอนต่อไป

พี่จ๋าทุกคนหายหน่วงกันรึยังงงงง โอบอุ้มรีเทิร์ทแล้ววววว แม่ยกชนแก้ววววว
ขอบคุณน้องหนิงมากนะคะที่ช่วยพิสูจน์อักษรให้ รู้ว่างานหนักเพราะพักนี้มีปัญหาทางการพิมพ์มากๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านเช่นกันที่ส่งกำลังใจให้ทุกช่องทาง ช่วงนี้มีแรงใจแรงสมองดีอัพถี่จนแปลกใจตัวเอง
ขอทบไว้เผื่อตอนสมองตันใจท้ออาจช้าไปบ้าง จะได้หยวนๆ ให้เลิฟนะคะ ฮ่าๆ รักทุกคนนนนน
เอารูปบ้านพี่โอบมาให้จินตนาการกันค่ะ เครดิต HODGES


(https://www.img.live/images/2018/06/09/119.jpg)

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 09-06-2018 15:03:06
พี่โอบกลับมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-06-2018 15:16:42
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-06-2018 15:34:38
เพิ่งเห็น :ling3: ปกติไม่พลาดนิยายคุณ loverouter พี่โอบเเสนเท่ boyfriend material มากๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 09-06-2018 15:48:56
เจอกันแล้ว :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-06-2018 16:44:43
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 09-06-2018 17:11:47
หนูด้วงตั้งแต่เล็กจนโต เป็นหนูด้วงที่ดีต่อใจเราเสมอ ความน่ารัก ความฉลาด สมแล้วที่เป็นดวงใจของทุกคนทุกคน

ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของพี่โอบที่จะทำให้ทุกคนทุกคน รอบตัวหนูด้วงยอมรับ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-06-2018 20:02:29
กรี๊ดพี่โอบอุ้ม. อิอิ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 09-06-2018 20:14:37
ดีใจแทนหนูด้วงด้วยที่พี่นโมก็คือพี่โอบ    พี่โอบกลับมาแล้ว ด่านต่อไปพี่โอบต้องพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าจะสามารถดูแลหนูด้วงได้  ว่าแต่น้องใบไม้กับใบหม่อนเป็นลูกพี่โอบจริงเหรอ  แล้วแม่เด็กไปไหน

บ้านพี่โอบน่าอยู่มาก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 09-06-2018 23:33:51
ซึ้ง  :mew6:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-06-2018 16:33:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-06-2018 19:25:12
โล่งอกไปหนึ่งเปราะว่าคงไม่มีรักสามเศร้า
แต่ท่าทางยุงพญาต้องตีพี่โอบอุ้มแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 10-06-2018 23:51:28
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 5 อากาศดีๆ
ศิลปิน Nursery Sound ขับร้องใหม่ วันวิสา จีนแข


‘อรุณสวัสดิ์ชาวซอเลยทุกท่าน พบกันอีกแล้วนะคะกับดีเจมาเมย วันนี้ดีเจเวนส์ขอลาหยุดหนึ่งวันเนื่องจากโดนไข้หวัดรับประทานไปแล้ว ตอนนี้อากาศกำลังเย็นลงเรื่อยๆ ชาวซอเลยทุกท่านก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วย มาต้อนรับวันใหม่ที่สดใสกับเพลงนี้กันดีกว่าค่ะ อากาศดีๆ มาเมยขอให้ทุกท่านเจอแต่เรื่องดีๆ สุขสดชื่นตลอดวันเลยนะคะ’

   ‘ไม่รู้ว่าเธอ..ตอนนี้อยู่แห่งไหน เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ อยากมี เธอนอนกอดแนบกาย’

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศ ช่างแสนดี อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้’

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

   ‘น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำฟ้าเพิ่งผ่านไป เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ อยากให้ เธอได้มาชื่นชม’

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี อยากให้ เธอมาอยู่ตรงนี้’



“น้องเกลว่านะ..วันนี้หนูด้วงดูจะอารมณ์ดีมากกว่าเพลงที่พี่มาเมยเปิดอีก ทุกคนว่าไหม”

“เมื่อคืนนี้ก็อาการหนักพอกัน” นกฮูกกระซิบเพื่อนๆ

“เมื่อคืนทำไมเหรอ” สิงโตถามด้วยความสนใจ แล้วนกฮูกก็เริ่มเล่าให้ทุกคนฟัง

...
..
.

หลังจากกลับมาจากบ้านพี่นโม หนูด้วงไม่ยอมเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังมากนัก บอกแค่ว่าไปดูที่ฝึกงานมา พี่นโมให้หนูด้วงไปร้องเพลงที่ร้าน แล้วหนูด้วงก็ขออนุญาตมัมกับแด๊ดแล้ว

พอกลับมาถึงห้องหนูด้วงก็เข้าไปอาบน้ำแต่หัววัน ผิดจากทุกทีที่นกฮูกต้องคอยไล่ไปอาบน้ำ จากนั้นหนูด้วงก็เอาโน้ตบุ๊ก ไอแพดและโทรศัพท์มากองเต็มเตียง เปิดเพลงรักฟังพร้อมกับฮัมเพลงตามไปตลอดเวลา นั่งกดโทรศัพท์แล้วก็เอาแต่ยิ้ม เปิดไอแพดแล้วก็หัวเราะคิกคัก พอเดินผ่านนกฮูกทีก็เดินแวบมาหอมแก้มนกฮูกเฉยเลย แล้วก็หัวเราะ เป็นแบบนี้ตลอด กระทั่งเช้านี้ก็ยังเป็น เดินมากอดเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วก็หัวเราะ

.
..
...

“เจ๋ง ถ้าเมื่อคืนเราไปนอนที่ห้องนกฮูกนะ ต้องโดนหนูด้วงหอมแก้มแน่เลย เสียดายจริงๆ” เม่นพูดเชิงหยอก แต่คนที่ทำหน้าเก้อเขินกลับกลายเป็นสิงโต

“คงดีใจที่ได้ไปทำงานพิเศษ ปกติไม่เคยมีอิสระขนาดนี้” สิงโตคาดเดาพลางยิ้มตามไปด้วยเมื่อมองไปที่หนูด้วงแล้วเห็นฝ่ายนั้นเอาแต่ยิ้ม

“แต่น้องเกลว่าไม่ใช่ เหมือนคนมีความรักมากกว่า”

“ทำไมน้องเกลคิดแบบนั้น” เม่นถาม

“ก็ดูที่จานข้าวสิ” น้องเกลพูดจบทุกคนก็หันไปดู

ข้าวไข่เจียวตรงหน้าของหนูด้วงก็เป็นข้าวไข่เจียวปกติ เพียงแต่ว่าที่มันไม่ปกติเพราะหนูด้วงเอาซอสมะเขือเทศมาบีบเป็นรูปหัวใจสองดวงแล้วก็เอาแต่ยิ้มให้เหมือนว่าไข่เจียวมันมีชีวิต

“เจ๋ง เหมือนคนมีความรักจริงด้วย” เม่นเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของน้องเกล

“กับใคร นกฮูกบอกเรามา” สิงโตถามเสียงเข้ม

“จะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็ถามสิ” อันที่จริงนกฮูกว่าตัวเองพอจะรู้แต่ไม่อยากพูดเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนูด้วง

“น้องหนูด้วง มีคนฝากขนมครกมาให้ครับ” ทำนุเห็นหนูด้วงนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนจึงเดินเข้ามาหาพร้อมกับวางกระทงใส่ขนมครกไว้ตรงหน้า

“สวัสดีฮะพี่ทำนุ ทุกคนทุกคน นี่คือพี่ทำนุ รุ่นพี่คณะเรา แล้วก็เป็นประธานชมรมกล่องดนตรีด้วย” พอหนูด้วงแนะนำเสร็จทุกคนก็ยกมือไหว้ทำนุ

“ยินดีที่รู้จักน้องๆ นะครับ อยากจะอยู่คุยด้วย แต่พี่ต้องขอตัวก่อน วันนี้มีรวมรับน้องปีหนึ่ง อย่าลืมไปรวมตัวที่ลานดาวนะ แล้วอย่าลืมกินขนมครกล่ะหนูด้วง คนฝากมากำชับว่าให้กินข้าวก่อนของหวาน” ทำนุพูดจบก็ลูบผมหนูด้วงเบาๆ

“ขอบคุณฮะ” หนูด้วงได้ยินแล้วยิ้มกว้าง

“น่ากินมากเลย” น้องเกลชะโงกหน้ามาดูขนมครกร้อนๆ ตรงหน้าของหนูด้วง

“ไม่ได้ไม่ได้” หนูด้วงรีบเลื่อนกระทงขนมครกออกห่างเพื่อน

“ขี้หวงอะ” น้องเกลบ่น

“อันนี้ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวเราซื้อขนมให้น้องเกลใหม่นะ” หนูด้วงอมยิ้มรอบที่ล้านก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปขนมครกเอาไว้

“รู้ไหม เขาบอกว่าขนมครกย่อมาจาก..คนรักกัน” นกฮูกเคยอ่านเจอมาว่า ‘ครก’ รวบมาจากคำย่อ ค.ร.ก คนรักกัน แต่มันก็แค่เรื่องเล่าขำๆ

“จริงเหรอ” หนูด้วงทำตาโตก่อนจะจ้องมองขนมครกแล้วหน้าแดง จากนั้นก็รีบจัดการกินข้าวไข่เจียวให้หมดเพราะจะได้กินขนมคนรักกันไวๆ

“อ้าว สิงโต จะไปไหนอะ ยังกินข้าวไม่หมดเลย” เม่นถามเพื่อนสนิทเมื่อเห็นอีกว่าอีกฝ่ายลุกออกไปจากโต๊ะโดยไม่พูดไม่จา

“เดี๋ยวก็หาย” นกฮูกพูดกับน้องเม่นเบาๆ เพราะรู้ดีว่าสิงโตเป็นอะไร

   ‘ไม่รู้ว่าเธอ..ตอนนี้อยู่แห่งไหน เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ อยากมี เธอนอนกอดแนบกาย’

ได้ฟังเพลงที่พี่ดีเจมาเมยเปิดอยู่ยิ่งทำให้หนูด้วงคิดถึงเจ้าของขนมครก เมื่อวานนี้ตอนที่พี่โอบมาส่งหนูด้วง พี่โอบบอกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะมาที่มหา’ลัยทุกวันเพราะจะเข้ามาช่วยน้าตวงทำงาน หนูด้วงดีใจมากเพราะจะได้เห็นหน้าพี่โอบบ่อยๆ ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจเหตุผลของพี่โอบแต่หนูด้วงเชื่อมั่นในพี่ชายคนนี้เสมอ ถึงพี่โอบจะมีน้องแฝดแล้วก็ไม่เป็นไร หนูด้วงก็จะรักและช่วยดูแลน้องแฝดด้วย น้องปลาทั้งตู้หนูด้วงก็เคยรับเป็นแม่มาแล้ว ถึงแม้มันจะทยอยตายก็ตาม แต่คราวนี้หนูด้วงจะเลี้ยงน้องแฝดให้ดีที่สุด

“นกฮูก ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” เมื่อเพื่อนคนอื่นๆ ไปเข้าเรียนกันหมดแล้ว เหลือแต่นกฮูกกับหนูด้วงที่มีคลาสเรียนตอนสายๆ หนูด้วงเลยเอ่ยปากชวนนกฮูกให้ไปกับตัวเอง

“ไปไหนเหรอ” นกฮูกละสายตาจากหนังสือเล่มโตมาที่เพื่อนแทน

“เอาน่า” หนูด้วงไม่ยอมบอกแต่จูงมือนกฮูกให้ตามตัวเองไป

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี อยากให้เธอมาอยู่...ตรงนี้’

หนูด้วงพานกฮูกเดินมาที่ตึกวิชาการ พยายามจะชะเง้อมองเข้าไปด้านในเผื่อว่าจะเห็นพี่โอบอุ้มอยู่ในนั้น นกฮูกก็พลอยชะเง้อตามไปด้วยทั้งที่ไม่รู้ว่าหนูด้วงมาที่นี่ทำไม

“มาหาน้าตวงเหรอหนูด้วง”

“เปล่าหรอก อากาศตรงนี้มันสดชื่นดี” หนูด้วงพูดแล้วก็อมยิ้ม

“เหรอ” นกฮูกขยับแว่นตาออกก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาของหนูด้วง

“อะไรเล่านกฮูก” หนูด้วงไม่ได้อยากปิดเพื่อนสนิทคนนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าอะไร

“เฮ้ยแก!! นั่นพี่นโม วันนี้แต่งตัวโคตรหล่ออะแก” เสียงผู้หญิงเรียกชื่อนโมดังขึ้น

หนูด้วงได้ยินคำว่า ‘นโม’ ก็รีบหันหลังไปมองตามเสียงทันที แล้วหัวใจของหนูด้วงก็เต้นแรงอีกรอบ พี่โอบอุ้มใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแถมยังผูกเนคไทน์มาด้วย ผมก็ตัดใหม่ เรียกว่าหล่อเป๊ะทุกองศาจนหนูด้วงแทบทำหนังสือในมือหล่น

“คนนี้เองเหรอพี่นโม หล่อแบบนี้นี่เองถึงเป็นตำนานของซอเลย” นกฮูกพูดกับหนูด้วงเมื่อได้เห็นนโมชัดๆ

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

หนูด้วงอยากจะโบกมือทักทายแต่ก็ต้องอดใจเอาไว้เพราะพี่โอบไม่ได้เดินมาคนเดียว คนที่เดินมากับพี่โอบคืออาจารย์ที่ปรึกษาของหนูด้วงเอง พอเห็นสายตาของคนอื่นมองไปที่พี่โอบด้วยความชื่นชมก็อยากจะตะโกนบอกทุกคนว่านี่คือพี่ชายของตัวเอง แล้วก็อยากจะเดินเข้าไปจับมือของพี่โอบเอาไว้ อยากไปยืนข้างๆ ให้พี่โอบโอบหัวไหล่ด้วย

“เป็นอะไรหนูด้วง ทำไมทำหน้ามุ่ยเชียว”

“เหรอ เราหน้ามุ่ยเหรอ” หนูด้วงตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันเมื่อนกฮูกทัก

“ก็ใช่น่ะสิ”

หนูด้วงยังไม่ได้พูดอะไรกับนกฮูกต่อเพราะพี่โอบกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ แม้พี่โอบกำลังพูดคุยอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของหนูด้วงแต่สายตากลับจ้องมองมาที่หนูด้วงตลอดเวลา ช่วงจังหวะที่กำลังจะเดินผ่าน หนูด้วงก็แอบขยิบตาใส่พร้อมกับส่งยิ้มไป พอเห็นพี่โอบยกยิ้มกลับมาให้ก็ปิดปากหัวเราะอยู่คนเดียว

“ไปกันเถอะ” เมื่อพี่โอบเดินหายเข้าไปในห้องพักอาจารย์แล้วหนูด้วงก็ชวนนกฮูกกลับทันทีเพราะถือว่าภารกิจส่งความคิดถึงประสบความสำเร็จแล้ว

“เดี๋ยวก่อน เราว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ” นกฮูกสังเกตอาการของเพื่อนรักมานานจนแน่ใจแล้วที่ตัวเองคิดเอาไว้ไม่ผิดแน่ๆ

“อ๊ะ เดี๋ยวเราไปเรียนสาย” หนูทำเป็นมองนาฬิกา แต่พอเห็นนาฬิกาที่พี่โอบให้มาแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้อีก

“คบกับพี่นโมแล้วเหรอ” นกฮูกถามโพล่งขึ้นมา

“นกฮูก!!” หนูด้วงหุบยิ้มแทบไม่ทัน รีบจูงมือนกฮูกออกมาให้ไกลจากตรงนั้น

“โอ้ย ทำไมต้องพามาไกลขนาดนี้ด้วย” นกฮูกบ่นเมื่อหนูด้วงพาเดินมาถึงชมรมกล่องดนตรี

“ก็เรื่องนี้จะพูดให้ใครได้ยินไม่ได้” หนูด้วงกระซิบกระซาบเพื่อน

“แล้วจะกระซิบทำไม ชมรมของหนูด้วงนี่อยู่แถวกลางป่าแล้วมั๊ง ถ้าจะมีใครได้ยินก็คงเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วล่ะ”

“เจ้าป่าเจ้าเขาก็ไม่อยากให้ได้ยิน” หนูด้วงแกล้งทำเสียงเครียดก่อนจะยิ้มแห้งๆ เมื่อเพื่อนไม่ตลกด้วย

“สรุปว่าไง” นกฮูกทวงถามอีกรอบ

“ยังไม่ได้คบกันหรอก แต่ก็แบบไงล่ะ...เราไม่ได้จะปิดนกฮูกนะ แต่เราก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ามันจะเรียกว่าอะไร” หนูด้วงพูดไปตามที่รู้สึก

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” นกฮูกถาม

“เกิดอะไร หมายความว่ายังไงเหรอ” หนูด้วงตกใจเพราะคิดว่านกฮูกรู้เรื่องของพี่โอบ นกฮูกเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางทีอาจจะรู้แล้วก็ได้

“แบบ ไปจูบกับพี่นโมมารึเปล่า”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ!!” หนูด้วงรีบปฏิเสธ

“เมื่อคืนนี้หนูด้วงแชทกับพี่นโมใช่ไหม”

“ก็ใช่”

“แล้วคนที่เอาขนมครกมาให้คือพี่นโมใช่ไหม”

“ก็..คงใช่”

“แล้วคนที่ทำให้หนูด้วงอยากจะยิ้มทุกเวลาคือพี่นโมใช่ไหม”

“ก็..ใช่”

“เขาทำให้หนูด้วงลืมพี่โอบไปชั่วขณะรึเปล่า”

“ไม่นะ ก็...คิดถึงเท่ากันเลย” ถ้าหนูด้วงไม่รับปากพี่โอบเอาไว้ก็คงจะบอกกับนกฮูกไปแล้ว แต่หนูด้วงไม่อยากผิดสัญญากับพี่โอบจึงจำต้องปิดปากเรื่องนี้เอาไว้

“แต่หนูด้วงกำลังทำตัวเหมือนคนมีความรัก”

“ยังไง เหมือนยังไง” หนูด้วงไม่ได้ใสซื่อจนไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง แต่ก็คิดแย้งว่าที่มีความสุขอยู่ตอนนี้เพราะพี่โอบกลับมาแล้วต่างหาก หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ต้องรอดูต่อไปให้แน่ใจ

“ที่ผ่านมาเราเคยสงสัยนะ หนูด้วงไม่เคยแสดงออกว่าหลงรักใครเลย สิงโตรู้สึกยังไงกับหนูด้วง หนูด้วงก็รู้แต่หนูด้วงก็ไม่หวั่นไหว แถมยังไม่เจอพี่เขามาสิบกว่าปี ซึ่งมันก็นานมากนะ แล้วตอนนั้นหนูด้วงน่าจะเด็กเกินที่จะรู้จักความรัก จนทำให้เราเกือบเชื่อแล้วว่าหนูด้วงกับพี่โอบคือคู่ที่ถูกลิขิตมาเพื่อกัน”

“แล้ว...” หนูด้วงเอียงคอนึกสงสัย 

“จนหนูด้วงมาเจอพี่นโม หนูด้วงกำลังหวั่นไหวกับพี่นโม ทุกอย่างมันดูเป็นสีชมพูใช่ไหม”

“ต้นไม้ก็ยังสีเขียวนะ” หนูด้วงมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาตอบเพื่อนสนิท

“ยังจะเล่นมุก” นกฮูกดีดหน้าผากเพื่อนที่ชอบทำเป็นเล่นไปเรื่อย

“เรายังไม่แน่ใจจริงๆ ว่าความรู้สึกที่มีในตอนนี้คือชอบพี่นโมแบบไหน แต่เขาทำให้เราใจเต้นแรง เขาทำให้เรายิ้มได้ อยากเจอบ่อยๆ” หนูด้วงลูบหน้าผากก่อนจะพยายามนึกถึงความรู้สึกของตัวเอง

“แล้วคิดว่า...เขาจะทำให้บินได้ไหม” นกฮูกแหย่เพื่อน

“นกฮูก!!” หนูด้วงหน้าแดงเพราะเข้าใจความหมายที่เพื่อนสนิทถาม

“แต่ถ้าหนูด้วงจะชอบพี่นโมเราก็เอาใจช่วยนะ บอกตรงๆ ว่าเราไม่อยากให้หนูด้วงปิดใจตัวเองเพื่อรอพี่โอบอุ้ม เพราะนั่นมันอาจจะไม่ใช่ความรัก”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” หนูด้วงอยากให้นกฮูกผู้รอบรู้วิเคราะห์ให้ฟัง

“ที่หนูด้วงเคยเล่าให้เราฟังว่าตอนเด็กๆ เคยถูกพี่เลี้ยงทำร้ายจนกลัวไปทุกอย่าง กลัวเสียงดัง กลัวคนมาทำร้าย กลัวคนแปลกหน้า อาจเป็นสาเหตุให้หนูด้วงไม่เปิดใจให้คนที่ไม่คุ้นเคย แต่กับพี่โอบที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก เขาอาจจะเป็นเหมือนพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองจนหนูด้วงอาจจะคิดว่านั่นคือความรัก” นกฮูกก็แค่คาดเดาเพราะที่ผ่านมาหนูด้วงไม่ค่อยเปิดใจให้คนที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาในโลกส่วนตัวสักเท่าไหร่ จนกระทั่งมาเจอพี่นโมคนนี้

   ‘น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำฟ้าเพิ่งผ่านไป เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ อยากให้ เธอได้มาชื่นชม’

15 ปีอาจจะเป็นเวลาที่นานมาก แต่หนูด้วงจำทุกอย่างได้ชัดเจน ไม่ว่าจะน้องปลาที่ตายไปทีละตัวจนหนูด้วงไม่อยากเลี้ยงปลาอีกเพราะไม่อยากสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุกเรื่องในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกในวันที่ต้องจากกับพี่โอบอุ้ม แม้กระทั่งเรื่องของดาวเรือง หนูด้วงไม่เคยลืมเรื่องของตัวเองเลย

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี อยากให้ เธอมาอยู่ตรงนี้’     

15 ปีที่ผ่านมา ท้องฟ้าเปลี่ยนไปได้เสมอ บางวันก็สดใสบางวันก็มืดมน พระอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำให้แดดร้อนเหมือนกันทุกวัน พระจันทร์เต็มดวงบ้างแอบซ่อนในก้อนเมฆบ้าง ดอกไม้ในสวนหย่อมก็ถูกพี่ขมิ้นผลัดเปลี่ยนให้ยามมันเหี่ยวเฉา อากาศแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสำหรับหนูด้วงคือการรอคอย...รอคอยให้พี่โอบอุ้มกลับมา

“ก็อาจจะเป็นแบบที่นกฮูกบอก ตอนนี้เราอาจจะไม่รู้จักความรักแบบคนรัก...แต่เราว่าเราจะต้องรู้จักในสักวัน” หนูด้วงคิดตามที่เพื่อนบอก

พี่โอบคือพื้นที่ที่ปลอดภัยในชีวิตของหนูด้วงจริงๆ เป็นเหมือนแสงสว่างคอยบอกทางให้หนูด้วงเสมอ ความหมายของคำว่ารักอะไรนั่นมันอาจจะเกินความเข้าใจ หนูด้วงไม่อาจกำหนดคำนิยามให้มันได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเองเมื่อ 15 ปีที่แล้วหรือเป็นหนูด้วงในตอนนี้ คนเดียวที่หนูด้วงอยากให้อยู่ข้างๆ คนเดียวที่อยากให้จับมือตัวเองเอาไว้แน่นๆ ก็คือพี่โอบอุ้ม พี่โอบอุ้มก็คือพี่นโม

...ทั้งคู่คือนายราชสีห์ ภูมิเทพ ของ นายพยัคฆ์ นฤวิทย์มณีรัตน์ภูมิเทพคนนี้เท่านั้น คนที่หนูด้วงคิดถึงจนสุดหัวใจ...


มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 10-06-2018 23:53:57
ต่อจากด้านบนค่ะ

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

“แต่เราไม่แปลกใจหรอกหากหนูด้วงจะหวั่นไหวกับพี่นโม พี่เขาคือตำนานของที่นี่”

“ตำนานเหรอ...เราก็เชื่อนะ เพราะพี่เขาเป็นคนละเอียดมากเลย”

“คนละตำไหมหนูด้วง ไปเล่นตรงโน้นเลยไป” นกฮูกถอนหายใจเมื่อโดนแจกมุกอีกรอบ

“ฮ่าๆ ไม่เล่นมุกก็ได้ก็ได้ ไหนเล่าให้เราฟังหน่อย” หนูด้วงรีบเข้ามาโอบกอดเพื่อนตัวเล็กเอาไว้

“พี่เขาไปแข่งเปียโนระดับชาติเลยนะ ชนะที่หนึ่งเลย สร้างชื่อเสียงให้ซอเลย หล่อ เท่ห์ เรียนเก่ง”

“สุภาพ นอบน้อม อ่อนโยน ใจดี...” หนูด้วงเผลอบรรยายข้อดีของพี่โอบ แถมยังทำหน้าเคลิ้มล่องลอยไปจนนกฮูกต้องสะกิดเตือน

“ทำไมรู้จักเขาดีจัง มีอะไรปิดบังเราอยู่ใช่ไหม”

“ก็ ก็ ก็....” หนูด้วงอ้ำอึ้ง ได้แต่อ้าปากพะงาบพะงาบเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

“ก็คนที่เป็นตำนานใครๆ ก็ต้องรู้จักทั้งนั้น” เสียงทุ้มเป็นฝ่ายตอบแทนหนูด้วง

“พี่ป้าย!!” คนที่ตกใจไม่ใช่หนูด้วงแต่เป็นนกฮูกที่ดีดตัวเองขึ้นมาจากบันไดชมรมทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงที่พูดแทรกเข้ามา

“อ้าว นกฮูกก็รู้จักพี่ป้ายด้วยเหรอ” หนูด้วงทำหน้างง และยิ่งงงหนักเมื่อเห็นนกฮูกหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เรารีบไปก่อนนะ เดี๋ยวเข้าคลาสสาย” นกฮูกคว้าตำราเรียนเล่มหนาแล้วรีบเดินหนีไป

“นกฮูก รอเราด้วย นกฮูก!! สวัสดีฮะพี่ป้าย เจอกันป้ายหน้านะฮะ หนูไปเรียนก่อน”

“อืม” ป้ายพยักหน้าให้

“เดี๋ยวก่อน หนูมีคำถาม”

“อะไรอีกเจ้าตัวแสบ”

“พี่อยู่ที่นี่นานแล้วเหรอฮะ”

“ก็นานพอจะได้ยินว่าหนูด้วงคบกับพี่นโมอยู่” พอป้ายพูดจบหนูด้วงก็เซถอยหลังจนป้ายต้องขำแอคติ้งการตกใจของหนูด้วง

“หนูไม่ได้พูดว่าคบกับพี่นโมสักหน่อย”

“ไม่ได้บอกทางคำพูด แต่บอกด้วยอาการ”

“หนูมีเรียนเหมือนกัน หนูไปก่อนนะฮะ” หนูด้วงเตรียมตัวจะเผ่นเพราะรู้สึกร้อนตัว แต่โดนอีกฝ่ายดึงเป้สะพายหลังเอาไว้ก่อน

“ความรักมันก็เหมือนอากาศดีๆ ในหน้าร้อน ถ้าไม่รีบบอก..มันจะหายไปอย่างรวดเร็วนะ”

“เดี๋ยวนี้เขามีเครื่องปรับอากาศกันแล้ว แต่ควรปรับยี่สิบห้าองศาเพื่อสิ่งแวดล้อม หนูไปนะฮะ”

แล้วหนูด้วงก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ป้ายได้แต่ยืนหัวเราะพลางคิดในใจว่า...มาดเท่ห์ๆ กับคำคมของเขาใช้ไม่ได้กับเจ้าตัวแสบนี่จริงๆ โชคดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ฉายาใหม่ว่า ’พี่ป้ายคำไม่คม’ แน่ๆ

...

หนูด้วงกลับมาถึงคณะทันเวลาพอดี เมื่อมาถึงชั้นเรียนของตัวเองก็เห็นว่ามีเปียโนตัวหนึ่งตั้งอยู่หน้าชั้นเรียน เพื่อนคนอื่นๆ จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ หนูด้วงหันซ้ายหันขวามองหาที่นั่ง จนมีเพื่อนคนหนึ่งเรียกให้หนูด้วงมานั่งด้วยกัน เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ชื่อแก้ว หน้าตาน่ารักดีและดูท่าทางเป็นมิตร

“วันนี้อาจารย์จะสอนเรื่องการเข้าถึงอารมณ์เพลง จะมีรุ่นพี่มาช่วยเล่นเปียโนให้ด้วย”

“เหรอ ดีจัง” หนูด้วงตอบแก้วแต่ก็สังเกตเห็นว่าเพื่อนๆ คนอื่นมองมาที่ตัวเองแล้วซุบซิบอะไรกันสักอย่าง

“อย่าไปสนใจเลย ก่อนที่หนูด้วงจะมาเขาเลือกดาวเดือนคณะกัน แล้วรุ่นพี่เลือกหนูด้วงไปเป็นเดือนคณะ”

“หื้อ”

“หนูด้วงไม่ได้ไปสมัครหรอกเหรอ” แก้วถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะไม่รู้เรื่องอะไร

“ไม่ได้สมัคร”

“เนี่ย..คนอื่นๆ ก็เลยพากันคิดว่าหนูด้วงใช้เส้น รุ่นพี่ถึงได้เลือกเลย ปกติต้องใช้คะแนนโหวต”

“เราไม่รู้เรื่องเลย เส้นอะไร เราไม่มีเส้น”

“ไม่ต้องปิดเราหรอก ทุกคนรู้หมดแล้วว่าหนูด้วงคือหลานเจ้าของมหา’ลัย”

“เดี๋ยวจบคลาสแล้วเราไปขอสละสิทธิ์เอง” หนูด้วงรู้สึกหนักใจ

เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาเสียงพูดคุยในห้องก็เงียบไป แต่เงียบได้ไม่นานเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นมาแทนเพราะคนที่เดินตามอาจารย์เข้ามาคือพี่นโม หนูด้วงรีบยืดตัวตรงและรู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากคนอื่นๆ อาจารย์แนะนำนโมให้กับนักศึกษาในคลาสได้รู้จักก่อนจะให้นโมแสดงการเดี่ยวเปียโนให้ทุกคนได้ฟัง

ปลายนิ้วที่พลิ้วไหวบนคีย์บอร์ดสร้างความไพเราะและสะกดคนในห้องให้คล้อยตามท่วงทำนอง แม้จะไม่มีเสียงขับร้องแต่ทุกคนก็มีอารมณ์ร่วมตามไปอย่างง่ายดาย ท่วงท่าที่ดูสง่างามยิ่งสะกดให้ทุกสายตามองด้วยความชื่นชม จนปลายนิ้วสัมผัสคีย์บอร์ดตัวสุดท้ายให้รู้ถึงการเสร็จสิ้น เสียงปรบมือจากคนในห้องก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน

หนูด้วงรู้อยู่แล้วว่าพี่โอบเล่นเปียโนเก่งเพียงแต่ไม่เคยเห็นกับตา เคยได้ยินเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ แนบมากับเมล์ที่พี่โอบส่งให้ วันนี้หนูด้วงมีความสุขและอยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้ อยากมองพี่โอบอุ้มแบบนี้ไปนานๆ

“เอาล่ะ ใครอยากจะลองมาร้องเพลงกับเปียโนให้เพื่อนๆ ฟังเป็นตัวอย่างการเข้าถึงอารมณ์เพลง” อาจารย์ถามนักศึกษา

“คนนี้ตัวท็อปของเอกวอยซ์เลย เรียนร้องเพลงมาตั้งแต่สามสี่ขวบ พ่อแม่ก็เป็นนักดนตรี” แก้วเล่าให้หนูด้วงฟังเมื่อ ‘ปูลม’ อาสาไปร้องเพลงเป็นคนแรก

“คงต้องร้องเพราะมากแน่ๆ เลยเนอะ” หนูด้วงมองตามไป ปูลมเป็นผู้หญิงที่ดูมั่นใจในตัวเอง

เสียงร้องของปูลมไพเราะมากจนหนูด้วงขนลุก สมแล้วที่ได้เป็นตัวท็อปของเอก เพลงสากลที่ปูลมเลือกร้องก็ดูอลังการมาก ผสานกับฝีมือของพี่โอบอุ้มด้วยแล้วหนูด้วงยิ่งขนลุกไปกันใหญ่ จนกระทั่งปูลมร้องเพลงจบเพื่อนๆ ก็ปรบมือให้

“ขออีกคนนะ นายพยัคฆ์มาร้องซิ” อาจารย์เรียกชื่อหนูด้วงแทนที่จะเลือกคนที่ยกมือ

“หนู เอ้ย ผมเหรอครับ” หนูด้วงถามเพราะไม่แน่ใจ คนเก่งกว่าหนูด้วงมีหลายคนเลยไม่คิดว่าอาจารย์จะเลือกตัวเอง

“เรานั่นแหละ” เมื่ออาจารย์ยืนยันหนูด้วงเลยต้องเดินออกไปที่หน้าชั้น

“จะร้องเพลงอะไร” โอบอุ้มถามหนูด้วงก่อนจะยิ้มให้ ทีแรกหนูด้วงก็คิดไม่ออก แต่พอเห็นรอยยิ้มของพี่โอบก็เลยตัดสินใจได้

“อากาศดีๆ ฮะ” สิ้นคำตอบของหนูด้วงก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆ หัวเราะ

“ทำไมถึงเลือกเพลงนี้” อาจารย์ถามหนูด้วงเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์เลือกเพลงไทยที่ฟังง่ายๆ มากกว่าการอยากโชว์เพลงที่ให้พลังการร้องเหมือนอย่างปูลม

“เพราะความรักก็เหมือนอากาศดีๆ ในหน้าร้อน ถ้าเราไม่รีบบอกออกไปมันจะหายไปในพริบตาฮะ”

“วู้ คมสุดๆ”

“วี๊ดวิ๊วววว”

“เยี่ยมเลย”

“เอาล่ะๆ เงียบได้แล้ว แล้วตั้งใจฟังเพื่อนร้อง” อาจารย์รีบยกมือขึ้นห้ามเสียงเชียร์จากบรรดาลูกศิษย์คนอื่นๆ

“หึหึ” โอบอุ้มหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเริ่มบรรเลงทำนองเพลงที่หนูด้วงต้องการ

   ‘ไม่รู้ว่าเธอ..ตอนนี้อยู่แห่งไหน เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ อยากมี เธอนอนกอดแนบกาย’

ตอนที่พี่โอบยังไม่กลับมา หนูด้วงเฝ้ารอเวลาและอธิษฐานเสมอ ขอให้พี่โอบไม่เหงา หนูด้วงยังมีครอบครัวใหญ่ มีน้องด้าว น้องปลา น้องม้าและเพื่อนๆ แต่พี่โอบไม่มีใคร หนูด้วงอยากไปกอดให้พี่โอบอุ่นเวลามีลมหนาว

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้า ก็เริ่มบาน อากาศ ช่างแสนดี อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้’

   ช่วงเวลาที่หนูด้วงเติบโตมาได้พบเจออะไรหลายอย่าง ได้พบเพื่อนใหม่ ได้พบการสูญเสียของรัก ได้รับความรักและได้รับความเกลียดชัง แต่หนูด้วงบอกกับตัวเองว่าชีวิตยังมีพี่โอบเสมอ และสักวันพี่โอบจะกลับมาอยู่ตรงนี้...ข้างๆ กาย

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

หนูด้วงรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเก่ง แต่หนูด้วงจะไม่หยุดพยายาม เพราะคนเล่นเปียโนเก่งๆ อย่างพี่โอบจะได้มีคนมาช่วยร้องเพลง เพลงนั้นจะได้สมบูรณ์

   ‘น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำฟ้าเพิ่งผ่านไป เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ อยากให้ เธอได้มาชื่นชม’

และที่หนูด้วงเลือกเพลงนี้มาร้อง หนูด้วงไม่ต้องการรับคำชมจากใคร หนูด้วงแค่อยากร้องให้พี่โอบฟัง แค่พี่โอบชอบก็พอแล้ว

   ‘เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’
   
หนูด้วงร้องเพลงจบแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงปรบมือ ที่ไม่ได้ยินไม่ใช่เพราะไม่มีใครปรบมือให้ เสียงปรบมือดังเกรียวกราวกว่าตอนที่ปูลมร้องจบเสียอีก แต่หนูด้วงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่กับพี่โอบอุ้มตามลำพังในห้องนี้ อยากเดินเข้าไปกอดและอยากเดินเข้าไปถูกกอด สายตาที่จ้องมองไปมันแทนคำพูดนับล้านคำในใจของหนูด้วง...แต่พี่โอบจะเข้าใจรึเปล่านะ

“ขอบใจมากพยัคฆ์ เอาล่ะ อาจารย์อยากให้นักศึกษาทุกคนกลับไปเขียนความรู้สึกตอนที่ได้ฟังเพลงที่เพื่อนทั้งสองคนร้องในวันนี้ เรารู้สึกอย่างไรตอนที่ได้ฟัง บรรยายตามความรู้สึกจริงที่ได้สัมผัส ทุกคนปรบมือให้นโมด้วยที่มาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ในวันนี้” อาจารย์ผายมือไปที่โอบอุ้ม อีกฝ่ายโค้งให้ทุกคนก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์ จากนั้นก็เดินออกไป

“หนูขอไปห้องน้ำได้ไหมครับ” หนูด้วงถามอาจารย์ เมื่อได้รับคำอนุญาตก็รีบเดินออกจากห้องเรียนไป

หนูด้วงมองหาพี่โอบไม่เจอแล้วขนาดว่าเดินตามออกมาติดๆ ตัดสินใจลองเดินไปที่ห้องน้ำชาย พอเปิดประตูเข้าไปได้ข้อมือของหนูด้วงก็ถูกดึงจนต้องเดินตามแรงดึงมาถึงห้องน้ำด้านในสุด เมื่อประตูห้องน้ำถูกปิดดีแล้วร่างของหนูด้วงก็ถูกโอบกอดเอาไว้ทันที

“พี่โอบ”

“หนูด้วงอยากให้พี่กอดไม่ใช่เหรอ”

“พี่อ่านใจได้ด้วยเหรอ อ๊ะ..หนูลืมไปว่าพี่ก็เป็นผู้วิเศษ”

“หนูด้วงต่างหากเป็นผู้วิเศษ”

“ก็ได้ก็ได้ หนูเก่ง หนูจะเป็นผู้วิเศษ” หนูด้วงหัวเราะคิกคัก

โอบอุ้มรู้สึกว่าตัวเองทรมานมากกว่าตอนที่อยู่คนเดียวที่เมืองนอกเสียอีก อยากจะดับเสียงหัวเราะของคนในอ้อมกอดด้วยริมฝีปากแต่ก็ต้องสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ แต่แล้วโลกก็แทบหยุดหมุนเมื่อริมฝีปากนุ่มๆ มาทาบทับที่ริมฝีปากของเขาก่อน

‘หนูด้วงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผู้วิเศษคนนี้กำลังก่อพายุลูกโตแล้วเสกให้มันมาทำลายความอดทนของโอบอุ้มจนใกล้จะพังทลายลง’

“หนูยังจูบไม่เป็น แต่สักวันหนูจะจูบให้เก่งให้ได้” หนูด้วงพูดจบก็จุ๊บไปที่ปากของโอบอุ้มอีกรอบก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำแล้ววิ่งออกไป

โอบอุ้มถึงกับต้องทิ้งตัวไปพิงกำแพงห้องน้ำก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเพื่อลดทอนความปั่นป่วนทั้งกายและใจ หนูด้วงโตแล้วจริงๆ แถมยังเป็นเด็กแสบอย่างที่กาดมันว่าไว้จริงๆ ด้วย

...

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกคนต้องมารวมตัวกันเพื่อเข้าประชุมเรื่องพิธีรับน้อง รุ่นพี่เริ่มแจกกำหนดการต่างๆ ในแต่ละวันให้ น้องใหม่ทุกคนจะได้วนไปเจอรุ่นพี่ทุกคณะเพราะทางมหา’ลัยอยากให้นักศึกษาทำความรู้จักกันเพื่อสร้างฐานในการทำธุรกิจในอนาคต มีกฎว่าจะไม่มีการรับน้องแบบรุนแรงหรือพิสดาร จะใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียนแค่วันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนพิธีการรับน้องก็แล้วแต่รุ่นพี่แต่ละคณะจะคิดกันเองแต่ก็จะอยู่ในการดูแลของอาจารย์ประจำคณะนั้นๆ

จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้ดาวและเดือนของแต่ละคณะออกมาโชว์ตัวและแนะนำตัวเอง หนูด้วงตกใจเพราะลืมไปขอสละสิทธิ์ เมื่อถูกประกาศชื่ออยู่สามรอบจึงจำต้องเดินออกไป โชคดีที่มีสิงโตรวมอยู่ในกลุ่มเดือนคณะด้วยหนูด้วงถึงรู้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้น

“กลัวเหรอ” สิงโตถามเมื่อเห็นหนูด้วงสีหน้าไม่ดี

“เราไม่อยากเป็น”

“แล้วเป็นได้ไง”

“เพื่อนคนหนึ่งบอกว่ารุ่นพี่เลือก เราเพิ่งรู้วันนี้”

“มานี่” สิงโตจูงมือของหนูด้วงเดินออกมาจากกลางลาน กลุ่มชมรมโอนลี่วายส่งเสียงกรี๊ดจนทุกสายตาต้องหันไปสนใจ

“สิงโต ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปบอกรุ่นพี่ทีหลังก็ได้” หนูด้วงเห็นคนมองเยอะก็เลยพยายามดึงมือออก

“บอกเดี๋ยวนี้แหละ เราไม่ชอบให้ใครมาบังคับหนูด้วง”

“แต่สิงโตกำลังทำอยู่นะ” สิ้นคำของหนูด้วงสิงโตก็หยุดชะงัก สุดท้ายก็ยอมปล่อยข้อมือของหนูด้วง

“ขอโทษนะ” สิงโตรู้สึกแย่จนคราวนี้หนูด้วงเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจับมือของสิงโตแทน

“ไป กลับไปที่ลานกันก่อน เราคือแก๊งค์เดอะซู เราต้องรับผิดชอบหน้าที่ของเรา อย่าให้ใครว่าเอาได้” หนูด้วงชูกำปั้นขึ้นมาสิงโตถึงได้ยิ้มออก

แล้วเสียงกรี๊ดก็กลับมาดังอีกครั้งเมื่อหนูด้วงจูงมือสิงโตกลับเข้ามาในลาน การแนะนำตัวก็เลยได้เริ่มต้นขึ้น การเดาะบอลของสิงโตเรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุด โดยเฉพาะตอนสิงโตถอดเสื้อ เล่นเอาสาวๆ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันระรัว และเช่นเคย...ความสามารถพิเศษของหนูด้วงคือการเป่าใบไม้ เป็นการแสดงที่เรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุด หลายชมรมมาตามเก็บภาพของหนูด้วงเอาไว้ รวมถึงส้มโอก็ด้วย จนกระทั่งสมาชิกชมรมกล่องดนตรีเดินเข้ามาแล้วมายืนล้อมหนูด้วงเอาไว้

“ปีนี้กลุ่มชมรมกล่องดนตรีจะเป็นวงที่เล่นปิดงานปาร์ตี้รับน้องให้ ซึ่งพี่นโมจะมาเป็นแขกรับเชิญช่วยเล่นกีต้าร์เพื่อรับขวัญน้องใหม่ทุกคน” ทำนุเป็นคนประกาศข่าวเรื่องงานปาร์ตี้ที่ทุกคนรอคอย

“กรี๊ดดดดด พี่นโมคือที่สุด”

“ปีนี้คือดีเวอร์ๆ”

“เราจะเตรียมเพลงมาให้ทุกคนได้แดนซ์จนขาหลุดไปเลยครับ แต่ก็จะเตรียมเพลงรักหวานๆ เผื่อมีใครอยากบอกรักกัน” แปะเดินมาพูดต่อจากทำนุอีกที

“กรี๊ดดด บอกรักพี่แปะได้ไหมคะ”

“แล้วนี่...” ป้ายเดินมาเอามือวางลงบนศีรษะของหนูด้วงก่อนจะเก๊กมาดเข้มแล้วดึงโทรโข่งในมือแฝดของตัวเองมาพูดต่อ “นี่คือสมาชิกใหม่ของวงเดอะบ็อกซ์ ใครแตะน้องผมมีเจ็บ”

“กรี๊ดดดดพี่ป้าย โคตรคูลลลล เท่ห์สัสๆ”

“ใจบาง ใจเปื่อย ใจเป็นรูไปหมดแล้ว หนูรักผู้ชายผมยาวค่ะ”

“รีบไปทำข่าวหนูด้วงเยอะๆ ปกติชมรมนี้ไม่รับใครง่ายๆ แสดงว่าเด็กคนนี้ต้องมีดีแน่นอน” จ๋าสั่งรุ่นน้องให้ไปหาข้อมูลของหนูด้วงเพิ่มมากขึ้น เพราะหนูด้วงติดโผสะกิดดาวของชมรมขนนกเหมือนกัน ปีนี้เป็นปีที่น่าจับตามองจริงๆ ในความรู้สึกของเธอ

“หนูไม่ใช่ทุเรียน แตะแล้วไม่เจ็บหรอกฮะ” หนูด้วงตะโกนใส่โทรโข่งบ้าง ป้ายถึงกับเข่าอ่อนไปเล็กน้อยเพราะเจอมุกเด็กแสบทำลายมาดเข้มของตัวเองไปอีกดอกแล้ว

เสียงหัวเราะดังไปทั่วลาน หนูด้วงเห็นคนอื่นหัวเราะก็เลยหัวเราะตามบ้าง หัวเราะจนตาหยีแก้มป่อง โอบอุ้มแอบมองดูอยู่มุมหนึ่งก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้

‘เคยน่ารักอย่างไรก็ยังคงน่ารักอย่างนั้นเสมอ แล้วจะไม่ให้รักได้ยังไงกัน...ผู้วิเศษของพี่’


โปรดติดตามตอนต่อไป


หนูด้วงรุกพี่เขานะลู๊กกก ถ้าพี่เขาตบะแตกขึ้นมาหนูจะไม่ไหวนะลูกกกก 5555 หนูด้วงของเราโตแล้วจริงๆ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ มาแบบสั้นๆ แต่ถี่ๆ แหะๆๆ


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 11-06-2018 04:32:08
หนูด้วงรุกหนักไปไหมลูก :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 11-06-2018 06:30:59
หนูด้วงเป็นเด็กแสบที่น่ารักที่สุด ความเจ้าเล่ห์ ที่ทำให้หลงรัก ละมุนมาก หนูด้วงอ่อนโยนที่สุด พี่โอบบอกน้องเรื่องแฝดเถอะ สงสารน้อง จะได้หายสงสัย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-06-2018 06:36:40
ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ
เข้ามากรี๊ดดดดดดดดด ปูเสื่อก่อน
คิดถึงหนูด้วง ..
รอป้างานซาแป๊บนึงนะลูก เดี๋ยวมาตามติดชีวิตหนู

คิดถึง คิดถึง คิดถึงน้าาาาาาาาด้วงน้าาาาา
o18

อดใจไม่ไหว ... วางงานมาอ่านจนจบแล้วค่ะ
น่ารักมาก และเดาออกเลยว่า พี่นโมคือพี่โอบ
มั่นใจว่า คุณคนเขียนไม่เทพี่โอบหรอก
แล้วก็จริง
หนูด้วงน่ารักเช่นเดิมนะคะ ชอบจัง ...
จะเป็นเรื่องที่เกาะติดแบบ real time แน่นอน

ป.ล. มีคำผิดนะคะ เอาเท่าที่เห็นก่อนนะคะ
คำแรก คำว่า เท่ห์ เห็นใช้อยู่ในหลายประโยคมาก
คำนี้คือ ถ้ามี ห์ มาจากคำว่า เทห, เทห์, เท่ห์ จะแปลว่า "ตัว" หรือ "ร่างกาย"
ปกติจะเห็นแค่ใช้เฉพาะกับคำว่า เทห์ฟากฟ้า เท่านั้น (ซึ่งก็ยังไม่ใช้ เท่ห์ อยู่ดี)

แต่ถ้า เท่ ที่หมายถึง มาดเท่ แต่งตัวเท่ ดูเท่ดี ...
จะสะกด เท่ เท่านั้นค่ะ คือไม่มี ห์ ค่ะ

ส่วนที่น่าจะพิมพ์พลาด ที่เห็นมี 2 จุดค่ะ
ตอนที่ 1 'จริงคะ ปีนี้คงจะคึกคักขึ้นมาก ... '
จริงค่ะ 
ตอนน่าจะ 4 มั้งคะ
ที่ว่า... กับคำคมของเขาใช่ไม่ได้กับเจ้าตัวแสบนี่จริงๆ
น่าจะเป็น ใช้ ... ใช้ไม่ได้     นะคะ

แล้วจะตามติดค่า  :bye2:
 
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-06-2018 10:01:58
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 11-06-2018 11:32:46
หนูด้วงน่ารักกกกกกกก
แอบสงสารสิงโต
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-06-2018 11:43:36
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 11-06-2018 11:47:22
หนูด้วงจะรุกไม่ได้นะ  เพราะหนูด้วงรอรับความรักจากพี่โอบอย่างเดียวก็พอ
ตอนนี้อยากให้สมญาหนูด้วงว่า  "หนูด้วงมุกเยอะ"  หนูด้วงผู้ทำให้คนรอบข้างอารมณ์ดี ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย

นกฮูกกับพี่ป้ายมันอะไร ยังไง นกฮูกเด็กเรียน กับพี่ป้ายหนุ่มเซอร์

-----------------------------------
ขอบคุณคนเขียนที่มายาวๆ และมาถี่ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
 
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-06-2018 12:30:50
น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-06-2018 12:57:03
สิงโตจะมีคู่ไหมๆๆๆ เรือเราล่มแล้วจริงๆ555ก็นะพายอยู่คนเดียวเลยโดนพายุจากพี่โอบอุ้มซัดสะคว่ำเลย มันเศร้าใจ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-06-2018 13:40:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 11-06-2018 13:53:10
เฮ้อออ โล่งอก พี่โอดอุ้น มาแล้ววว อยากให้สิงโต คู่กับน้องเกล สงสารสิงโต  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-06-2018 14:28:34
แอบอ่านมาหลายเรื่อง มาเม้นแล้วจ้า
ชอบแก็งค์สวนสัตว์มาก
โดยเฉพาะหนูด้วงจอมแสบ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 11-06-2018 21:56:12
คิดถึงหนูด้วงปู้วิเฉดกับพี่โอดอุ้นทีฉุด แงงงงงงงงงงง
อยากรู้เหตุผลต่างๆมากเลย อยากรู้ด้วยว่าเด็กแฝดเป็นลูกพี่โอบจริงมั้ย

 แต่ไม่ว่ายังไงหนูด้วงก็รักพี่โอบและพี่โอบก็รักหนูด้วงอยู่ดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-06-2018 23:49:48
หนูด้วงเอ้ยยยยยย เอ็นดูเบอร์แรงมาก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-06-2018 20:17:57
พี่นโม=พี่โอบแน่นวล พี่โอบทำ ผญ ท้องแน่ๆ แล้วยุงรู้เลยโกรธ พี่โอบเลยพาลูกกลับมาอยู่ คอยดูหนูด้วงห่างๆ เพื่อพิสูจน์ให้ยุงเห็นว่ารักน้องจริใ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-06-2018 20:52:25
หนูด้วงรุกพี่เค้าขนาดนี้ ถ้ายุงพญารู้ต้องอกแตกตายแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-06-2018 22:04:29
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 14-06-2018 12:36:21
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 6 สบตา
ศิลปิน แอนเดรีย สวอเรช


หนูด้วงแอบถอนหายใจเพราะนึกเสียดายที่พี่โอบอุ้มกลับไปก่อน พี่เขาต้องรีบกลับไปรับใบไม้กับใบหม่อน แล้วก็ต้องรีบกลับไปทำธุระที่ร้านด้วย ทั้งที่อยากจะขอตามไปด้วยแต่ก็ต้องอยู่ทำกิจกรรมรับน้องให้เสร็จ

“วันนี้มีตลาดนัดที่ชายทะเล เราไปกันไหม” น้องเกลชวนเพื่อนทุกคนเพราะเห็นจากใบปลิวที่มีคนเอามาแจก
มีทุกวันศุกร์ใช่ไหม เราก็ได้ใบปลิวมาเหมือนกัน” นกฮูกนึกขึ้นได้เลยหยิบใบปลิวที่ได้รับแจกขึ้นมาอ่านบ้าง

“ไปดิ เอารถเราไป หนูด้วงอยากไปไหม” สิงโตเห็นหนูด้วงเอาแต่เขี่ยข้าวเลยพยายามจะชวนคุย พยายามจะสบตาอีกฝ่ายแต่หนูด้วงก็ไม่เคยมองกลับมาสักที

“เจ๋ง ไปๆ ได้ข่าวว่าร้านที่พี่ป้ายทำงานอยู่แถวนั้นด้วย เราแม่งโคตรชอบพี่ป้ายเลย อย่างเท่” ประโยคนี้ของเม่นมีผลต่อเพื่อนสนิทถึงสองคน คนแรกก็คือหนูด้วงที่หายหงอยทันทีที่ได้ยิน คนที่สองก็คือนกฮูก

“ไปเลยไหม จะได้ไปหาอะไรกินที่ตลาดนัด” หนูด้วงวางช้อนด้วยท่าทางกระตือรือร้น

“ชอบพี่ป้ายเหรอ” สิงโตถามหนูด้วงตรงๆ แต่คนที่สะดุ้งคือนกฮูก

“ชอบสิ เขาเป็นรุ่นพี่ในชมรม นิสัยดีนะ” หนูด้วงก็ตอบสิงโตไปตรงๆ

“เราจะหัดเล่นกีต้าร์” สิงโตพูดลอยๆ ซึ่งทุกคนพอจะเข้าใจในความหมายที่สิงโตจะสื่อออกมายกเว้นคนที่สิงโตต้องการให้รู้

“ดีเลย เดี๋ยวเราหัดด้วย เราก็ชอบกีต้าร์ แต่เราชอบเปียโนมากกว่า” หนูด้วงนึกถึงเสียงเปียโนที่พี่โอบเล่นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ยิ่งนึกไปถึงตอนที่ตัวเองอาจหาญไปจุ๊บพี่โอบก่อนก็ยิ่งระบายยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

“งั้นไปกันเลยเหอะเดี๋ยวจะค่ำ ถึงวันนี้จะเป็นวันศุกร์แต่ก็ไม่ควรกลับเข้าหอดึกเกินไป” น้องเกลมองดูนาฬิกา แม้ช่วงวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์อาจารย์จะอนุญาตให้กลับเข้าหอพักดึกได้ แต่เธอพักที่หอหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มเลยไม่อยากกลับขึ้นหอคนเดียวตามลำพัง

“ชวนน้องมิกิไปด้วยสิน้องเกล” เม่นทำเสียงอ้อนเพราะตอนนี้กำลังตามจีบรูมเมทของน้องเกลอยู่

“เธอก็ไปชวนเองสิ แล้วก็เอารถของตัวเองพาน้องมิกิไปนะ รถของสิงโตนั่งไม่หมดหรอก” น้องเกลสรุปให้เสร็จสรรพ

“ก็ได้ก็ได้ งั้นน้องเกลไปกับเราไหม มิกิจะได้มีเพื่อน” เม่นเลียนแบบคำพูดติดปากของหนูด้วง เห็นน้องเกลพยักหน้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้องมิกิ เมื่อพูดคุยแล้วอีกฝ่ายตอบรับ เม่นกับน้องเกลจึงขอตัวแยกไปรับน้องมิกิก่อน

“รอตรงนี้นะ เราจะไปเอารถ จอดเอาไว้หน้าหอพัก”

“เดินไปพร้อมกันก็ได้” หนูด้วงทำท่าจะลุกไปแต่สิงโตจับบ่าของหนูด้วงให้นั่งลงอย่างเดิม

“ไม่เป็นไร รอนี่แหละ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” สิงโตบอกกับหนูด้วงและนกฮูกก่อนจะเดินตามเม่นกับน้องเกลไป

“หนูด้วง” นกฮูกเรียกเพื่อนที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์แล้วก็ยิ้ม

“หื้ม”

“หนูด้วงน่าจะบอกสิงโตไปนะว่าหนูด้วงรู้สึกยังไง เรารู้ว่าหนูด้วงรู้ว่าสิงโตคิดยังไง” นกฮูกนึกสงสารสิงโตเหมือนกัน เคยคิดว่าหนูด้วงคงรักใครไม่ได้อีกนอกจากพี่โอบอุ้ม สิงโตเองก็คงจะรู้ในจุดนี้ถึงได้ไม่สารภาพความรู้สึกกับหนูด้วงเสียที คงจะมีความหวังว่าหากพี่โอบอุ้มไม่กลับมา อย่างน้อยสิงโตก็ยังได้ใกล้ชิดกับหนูด้วงไปเรื่อยๆ แต่ในที่สุดหนูด้วงก็เจอคนที่ทำให้หนูด้วงใจเต้นได้มากกว่าพี่โอบอุ้ม

“เรารู้ แล้วเราก็บอกสิงโตด้วยการกระทำมาตลอดสิบสองปีนะ คนที่ไม่รับรู้คือสิงโตต่างหาก” หนูด้วงยิ้มน้อยๆ ให้นกฮูก

“เราเข้าใจหนูด้วงนะ แต่เราก็เข้าใจคนที่ได้แต่เป็นฝ่ายแอบมองคนอื่นฝ่ายเดียวเหมือนกัน บางทีการได้ยินความรู้สึกจากอีกฝ่ายตรงๆ มันช่วยทำให้ตัดใจได้เร็วขึ้น” นกฮูกลอบถอนหายใจเพราะรู้ดีว่าการแอบรักคนอื่นมันเป็นอย่างไร

“มัมๆ เคยสอนเราว่าเราห้ามความรู้สึกคนอื่นไม่ได้หรอก เขาอยากจะรักก็ต้องให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขารู้สึก มันเป็นสิทธิ์ของเขา สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ...ทำยังไงให้สิงโตรู้ว่าการได้ยืนข้างๆ กันไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักก็ได้”

“ดีจัง พ่อกับแม่เราไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้เลย เราต้องหาอ่านเอาเองจากหนังสือ” นกฮูกนึกอิจฉาหนูด้วงที่มีคนคอยให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง

“นกฮูกก็ปรึกษามัมๆ ได้นะ โทรหาทุกคนได้เลยเดี๋ยวเราจดเบอร์ไว้ให้ ถ้าอยากได้มุกขำๆ ให้โทรหาปู่ช้วน ถ้าอยากได้แง่คิดดีๆ แบบผู้ใหญ่ต้องโทรหาแด๊ดดี้ ถ้าอยากได้แง่คิดแบบฮาร์ดคอร์ไม่ง้อคนฟังต้องโทรหามัมๆ ถ้าอยากได้มุกไว้อ้อนแฟนก็ต้องโทรหาพี่พายกับพี่เมี่ยง ถ้าอยากรู้เรื่องศาสตร์มืดต้องโทรหายุงกับพี่ก้าน แต่ถ้า...” หนูด้วงเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาเขี่ยกันไปมาเพราะไม่รู้จะพูดต่อว่ายังไงดีไม่ให้น่าเกลียด

“ถ้าอะไร..พูดต่อสิ”

“ถ้าอยากเก่งเรื่องแบบ...งั้นอะ ต้องโทรหาอาน้อง อาน้องสอนละเอียดยิบเลย เทคนิคเพียบ”

“เรื่องนั้น เรื่องไหนเหรอ” นกฮูกยังไม่เข้าใจ

“ก็เรื่อง...ทำยังไงให้แฟนไปไหนไม่รอดไง” หนูด้วงกระซิบเบาๆ เพราะตัวเองก็รู้สึกเขินเหมือนกัน

“ฮ่าๆๆ เรื่องแบบนี้ต้องปรึกษาด้วยเหรอ อ่านเอาก็ได้ มีให้ดูด้วย” นกฮูกขำเพื่อนสนิท

“มีให้อ่านด้วยเหรอ มีให้ดูด้วยเหรอ ว้าววว” หนูด้วงตื่นเต้นกับความรู้ใหม่

“มันก็มีนะ แต่หนูด้วงยังเด็ก อย่าอ่านอย่าดูเลย”

“แต่เราอายุเท่ากันนี่นา”

“เด็กก็คือเด็ก อย่าดื้อ” นกฮูกจิ้มที่หน้าผากของหนูด้วงก่อนจะเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเพราะเห็นรถของสิงโตขับเข้ามาแล้ว

“เราโตแล้วนะ” หนูด้วงพยายามจะบอกนกฮูก แต่เพื่อนเดินนำไปแล้วจึงได้แต่ทำหน้างอแล้วพึมพำคนเดียวก่อนจะเดินตามไป “ฮึ่ย..เราโตแล้วเหอะ จูบกับพี่โอบแล้วด้วย ไม่อยากจะคุย”

รถสปอร์ตหรูของสิงโตที่มาจอดรับหนูด้วงกับนกฮูกดึงดูดทุกสายตาที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองด้วยความสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มขององุ่นกับคนในชมรมขนนก ยิ่งเห็นสิงโตลงมาเทคแคร์หนูด้วงก็ยิ่งทำให้คนแถวนั้นเริ่มตั้งหัวข้อสนทนากันสนุกปาก

“ตกลงสองคนนั่นเป็นแฟนกันจริงๆ เหรอองุ่น” ‘หน่อย’ เพื่อนสนิทขององุ่นเอ่ยถาม

“ไม่ใช่หรอก สิงโตแมนจะตาย เคยมีแฟนผู้หญิงแต่ก็เลิกกันแล้ว ส่วนหนูด้วงใครๆ ก็รู้ว่าไม่แมน เป็นเกย์กันทั้งบ้านเลยด้วย” องุ่นตอบเพื่อน สายตายังคงจับจ้องแต่สิงโตไม่วางตา

“จริงดิ แต่จะว่าไปหนูด้วงก็ไม่มีท่าทางเหมือนกระเทยเลยนะ ถึงจะดูไม่แมนเหมือนสิงโตแต่ก็น่ารักดี”

“โอ้ยหล่อนไปอยู่ไหนมา สมัยนี้ชายรักชายไม่ได้มีแต่กระเทยแบบฉันนะยะ แล้วฉันฟังธงเลยว่าสองคนนั้นชอบกันแน่ๆ” ‘เบสท์’ สาวประเภทสอง...เพื่อนสนิทอีกคนขององุ่นวางยาทาเล็บลงก่อนจะจีบปากจีบคอพูดให้เพื่อนฟัง

“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ” องุ่นยังคงเถียงเพราะมั่นใจว่าสิงโตเป็นชายแท้

“แล้วมาดูกัน ว่าแต่พวกหล่อนจะไปตลาดนัดไหม”

“ไปสิ ได้ข่าวว่าวงเดอะบ็อกซ์ไปเปิดหมวกด้วย ฉันชอบพี่กาด จะไปเปย์ให้เต็มหมวกเลย” หน่อยพูดพลางยิ้ม

“ฉันจองพี่ป้ายนะยะ แต่เอาพี่แปะก็ได้ ถึงไม่เซอร์เท่าแต่หน้าตาเหมือนกันฉันก็โอเค” เบส์พูดจบก็หันไปหัวเราะกับหน่อย ส่วนองุ่นได้แต่ขัดใจที่สิงโตไม่ยอมตอบข้อความของตัวเองที่เพิ่งส่งไปหา

หลังจากที่องุ่นกับพี่ชายต้องย้ายออกจากโรงเรียนอนุบาลพันแสงไปเรียนในตัวเมืองเพราะพ่อกับแม่ของเธอกลัวอิทธิพลของพญาซึ่งเป็นน้าของหนูด้วง ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อกับแม่ต้องกลัวขนาดนั้น จนโตพอที่จะรู้เรื่องอะไรต่ออะไรได้แบบผู้ใหญ่ถึงเข้าใจว่าเธอกับพี่ชายไม่ควรไปวอแวกับหนูด้วงจริงๆ

จากวันนั้นมาองุ่นกับพี่ชายก็ไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยประถมอีกเลย จนเมื่อช่วงเทอมหนึ่งของชั้น ม.6 เธอได้เจอกับสิงโตและเม่นโดยบังเอิญที่ห้างสรรพสินค้า สิงโตจำเธอไม่ได้แต่เธอกลับจำสิงโตได้ดีเพราะเขาโดดเด่นมาตั้งแต่ประถม ช่วงนั้นเธอกับสิงโตได้ไปเดทกันอยู่หลายครั้งจนสิงโตรู้ว่าเธอคือน้องของพี่โอจึงหายไปและไม่ยอมติดต่อเธออีกเลย มาเจอกันในมหา’ลัยคราวนี้เธอหมายมั่นว่าจะต้องสานสัมพันธ์กับเขาอีกครั้งให้ได้


กลุ่มของหนูด้วงมาถึงตลาดนัดเลียบชายหาด ทุกคนพากันตื่นตาตื่นใจกับข้าวของที่มีทั้งชาวบ้านและนักศึกษามาตั้งร้านขาย อย่างเช่นกลุ่มเด็กศิลปกรรมนำผลงานของตัวเองมาขาย เด็กคหกรรมก็มาออกร้านขายอาหารและขนมเหมือนกัน ที่สำคัญคือมีคนจากที่อื่นข้ามมาเที่ยวที่เกาะนี้ด้วย

“เห็นว่าจะมีเรือเที่ยวพิเศษพาคนนอกมาเที่ยวเฉพาะวันศุกร์กับเสาร์” น้องเกลอ่านรายละเอียดมาจึงมาเล่าให้เพื่อนฟังต่อ

“น้าตวงคงอยากให้นักศึกษาได้โชว์ผลงานของตัวเอง พวงกุญแจสวยอะ ขอไปดูก่อนนะ” หนูด้วงเห็นพวงกุญแจรูปเปียโนก็รีบปรี่เข้าไปดูทันที

“ชอบเหรอ ขายยังไงครับ” สิงโตถามพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา

“เราจ่ายเอง” หนูด้วงรีบห้าม

“น้องมิกิอยากได้ไหมคะ” เม่นหยิบสร้อยข้อมือลูกปัดขึ้นมาถามว่าที่แฟนในอนาคต อันที่จริงทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่ชั้น ป.1 แต่เพิ่งจะมามีใจให้กันก็ตอนเข้ามหา’ลัยนี่เอง

“น้องเกลก็อยากได้ค่ะคุณเม่น” น้องเกลแซวเพื่อนสนิท

“ไม่ต้องจ่ายหรอก ให้น้องๆ ไป ถือว่าเป็นของขวัญจากพี่นะ” คนใจป๋าสายเปย์ที่แท้จริงเดินเข้ามาทัก คนคนนั้นก็คือ ‘พี่ป้าย’ ผู้ที่เท่ทุกท่วงท่านั่นเอง

“ร้านของพี่ป้ายเหรอฮะ” หนูด้วงถามพร้อมกับแสดงความชื่นชมอย่างออกนอกหน้าจนสิงโตนึกหงุดหงิด

“อืม ก็ให้พวกน้องๆ ในคณะมันทำมาส่ง มันจะได้มีรายได้พิเศษกัน”

“เจ๋ง เท่แล้วยังเท่มากอีกด้วย” คราวนี้เม่นยิ่งเห็นป้ายเป็นไอดอลหนักกว่าเดิม

“เลือกเอาเลย” พอป้ายอนุญาตแล้วทุกคนก็เลือกของกันไปคนละอย่างยกเว้นนกฮูกที่ยืนมองเงียบๆ

“ขอบคุณมากเลยนะครับ”

“ขอบคุณค่ะพี่ป้ายสุดเท่”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงวงพี่จะไปเล่นเปิดหมวกที่หน้าร้านพี่นโม สงสัยวันนี้จะได้นักร้องคนใหม่ของวงมาร่วมแจม โอเคไหม”

“โอเคฮะ!!...แต่พี่นโมไม่ได้ชวนหนู” ทีแรกหนูด้วงก็ดีใจแต่พอนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ถูกชวนก็ทำหน้าหงอยลงทันที

“พี่เขาก็ไม่รู้ว่าพวกพี่จะมาเปิดหมวกกันวันนี้ พอดีอยากลองเครื่องดนตรีใหม่เลยเพิ่งตัดสินใจเล่นกัน งอนเหรอเด็กน้อย” ป้ายโยกศีรษะหนูด้วงเบาๆ

“หนูโตแล้วนะ พี่ป้ายชอบพูดเหมือนนกฮูกเลย” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยเพราะโดนบอกว่าเป็นเด็กรอบที่สอง

“อะ...อะไรนะ” นกฮูกสะดุ้งเพราะได้ยินแค่ว่า ‘พี่ป้ายชอบนกฮูก’

“ก็นกฮูกบอกว่าเราเป็นเด็ก พี่ป้ายก็ด้วย”

“ไปดูร้านอื่นกันเถอะ” สิงโตตัดบทเพราะคิดว่าหนูด้วงแอบชอบป้าย

“เอางี้ เราขอพาน้องมิกิไปเดินเล่นก่อน แล้วไปเจอกันตรงที่เปิดหมวก” เม่นเสนอเพราะอยากจะไปสวีทกับน้องมิกิตามลำพัง

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเก็บพวงกุญแจใส่กระเป๋าก่อนจะชะเง้อมองไปทางร้านกล่องดนตรี

“ไปเดินดูทางนั้นกัน” น้องเกลจูงมือของหนูด้วงให้เดินไปที่ร้านขายกระเป๋าไหมพรม สิงโตก็รีบเดินตามไปทันที ส่วนนกฮูกกำลังจะเดินตามเพื่อนไปก็ถูกเรียกเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อน” ป้ายเรียกคนตัวเล็กที่ใส่แว่นตาหนา เมื่อเห็นอีกฝ่ายสะดุ้งก็อดขำไม่ได้

“ครับ”

“ไม่เห็นเราเลือกเลย ไม่ชอบเหรอ” ป้ายถามเพราะนกฮูกเป็นคนเดียวที่ไม่เดินเข้ามาเลือกของเหมือนเพื่อนๆ

“ชะ...ชอบครับ แต่เลือกไม่ถูกเลยไม่เลือก”

“อันนี้แล้วกัน พี่เลือกให้” ป้ายยื่นสร้อยคอที่เป็นรูปนกฮูกให้

“ขอบคุณครับ” นกฮูกยกมือไหว้ก่อนจะรับมา ใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

“ดีใจด้วยนะที่ได้เรียนทันตะสมใจ”

“พี่...จำผมได้..เหรอครับ” นกฮูกเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย พยายามควบคุมอาการเพราะกลัวว่าสายตาที่บ่งบอกความดีใจจะลอดผ่านแว่นตาไปให้คนตรงหน้ารับรู้

“จะจำไม่ได้ได้ไง หน้าต่างห้องเราตรงกัน เงยหน้าไปทีไรเห็นเรานั่งอ่านหนังสือทุกคืน”

“อ๋อ ครับ” นกฮูกตอบสั้นๆ อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่านกฮูกตั้งใจนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะนั้นเพราะรู้ว่าเจ้าของห้องตรงกันข้ามจะกลับมาในเวลานั้นทุกวัน

“ถ้าพี่ไม่ทักก่อนก็คงทำเป็นไม่รู้จักพี่สินะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ...คือ...ผมสายตาสั้น บางทีก็มองไม่ชัด” นกฮูกรีบแก้ตัว

“เหรอ” ป้ายถือวิสาสะดึงแว่นออกมาจากหน้าของนกฮูกแล้วมาสวมที่หน้าของตัวเองแทน “โห สั้นเท่าไหร่เนี่ย”

“พี่อย่าใส่เลยครับ เดี๋ยวจะปวดหัว ขอคืนเถอะครับ” นกฮูกรู้สึกว่าถ้ายังอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้อีกนิดหัวใจคงจะกระดอนออกมานอกอกแน่ๆ

“ถ้าแว่นมันไม่ชัด งั้นต้องมองใกล้ๆ แบบนี้” ป้ายถอดแว่นออกแล้วยื่นหน้าของตัวเองมาใกล้ๆ นกฮูก

“พี่...” นกฮูกตกใจจะถอยหลังแต่ป้ายดึงแขนเอาไว้ จากนั้นก็เอาแว่นตาสวมกลับไปให้นกฮูกก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ต่อไปจะได้จำพี่ได้” ป้ายยิ้มให้นกฮูก

“ขอบคุณนะครับสำหรับสร้อย ขอตัวก่อนครับ” นกฮูกรีบหันหลังวิ่งออกไปตามหาเพื่อนๆ แต่สุดท้ายสองขาก็พามาหยุดยืนที่ริมทะเล สองมือก็กุมที่อกข้างซ้ายเอาไว้ ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือกังวลใจดี

..แค่ได้สบตาพี่เขาก็ทำให้ความรู้สึกที่นกฮูกพยายามจะลบมันให้หายไปกลับมาอีกครั้งและครั้งนี้ดูท่าว่าจะรุนแรงกว่าเดิม..



เมื่อสมาชิกแก๊งเดอะซูเดินเล่นและซื้อข้าวของกันจนได้ของเต็มไม้เต็มมือแล้วก็พากันเดินมาที่หน้าร้านกล่องดนตรี หนูด้วงเห็นรุ่นพี่ในชมรมอยู่กันครบก็รีบเข้าไปหา ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็เดินไปหาที่นั่งจับจองเอาไว้เพราะคนเริ่มมานั่งรอกันเยอะขึ้น

กาดเห็นกลุ่มเพื่อนของหนูด้วงมากันหลายคนเลยไปหยิบเสื่อในร้านออกมาปูให้ทุกคนได้นั่ง ไม่ลืมที่จะหยิบถุงขนมมาให้เพื่อนๆ ของหนูด้วงได้นั่งทานระหว่างรอ ทันทีที่ได้สบตากับน้องเกล กาดก็นิ่งค้างไปนาน จนน้องเกลเลิกคิ้วมองมากาดถึงได้หัวเราะเขินๆ แล้วรีบเดินกลับไปหาสมาชิกในวง   

สิงโตเห็นหนูด้วงเข้าไปคุยกับกลุ่มรุ่นพี่ด้วยความสนิทสนมก็รู้สึกใจหายแปลกๆ เมื่อก่อนหนูด้วงไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับคนที่ไม่คุ้นเคยเลยสักครั้ง แต่วันนี้ทุกอย่างมันดูเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าหนูด้วงกำลังเดินไกลออกไปจากเขาทุกทีทุกที

“อย่าคิดมาก” นกฮูกพูดขึ้นมาหลังจากที่ลงมานั่งข้างๆ สิงโตแล้ว

“เราไม่ควรคิดมากเหรอ” สิงโตถามกลับ

“แล้วที่ผ่านมาทำไมไม่พูดออกไป” ที่นกฮูกถามสิงโตไปเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ที่ถามเพราะอยากตอกย้ำคำตอบนั้นกับสิงโตมากกว่า อยากให้เพื่อนยอมรับความเป็นจริงว่าหนูด้วงไม่ใช่ตุ๊กตาที่สิงโตจะเก็บเอาไว้กับตัว

“รอมั๊ง”

“ถ้ารอแล้วไม่เจ็บก็ตามใจ” นกฮูกไม่ได้พูดเพื่ออยากให้สิงโตเจ็บ คราวนี้นกฮูกพูดเพื่อตอกย้ำกับตัวเองต่างหาก

“นั่งด้วยคน วงกำลังจะเล่นแล้ว” หนูด้วงวิ่งกลับมาหาเพื่อนๆ นกฮูกขยับให้หนูด้วงนั่งข้างสิงโต

“แล้วไม่ไปร้องเพลงให้วงเหรอ” สิงโตถามก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย แค่ได้นั่งใกล้ๆ ก็ยังดี ถึงจะมีระยะห่างแต่ยังมองเห็นได้แบบนี้ก็ยังดี

“คงยัง อยากดูพี่ๆ เขาก่อน” หนูด้วงตอบแต่สายตามองไปยังคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากในร้าน ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้างดูสง่าในที รูปหน้าดูลงตัวไปหมด

“พี่หนูด้วง น้องหม่อนมาแล้ว” ใบหม่อนเห็นหนูด้วงก็ตะโกนเรียก สักพักใบไม้ก็เดินตามออกมา

“มานั่งกับพี่หนูด้วงเร็วๆ” หนูด้วงกวักมือเรียกเด็กน้อยทั้งสองคน

“รู้จักเหรอ ฝาแฝดนี่นา” น้องเกลถามเมื่อเห็นหนูด้วงทักทายเด็กทั้งสองคนอย่างสนิทสนม

“ลูกชายพี่นโม”

“ห๊ะ!!”

“อะไรนะ!!”

“เจ๋ง!!”

“จริงดิ!!”

“จริงก็ได้ก็ได้ ตกใจใจตกพร้อมกันขนาดนี้กรุณาเก็บใจกลับเข้าที่ด้วยนะฮะเพื่อนๆ” หนูด้วงนึกขำสีหน้าของเพื่อนแต่ก็เข้าใจเพราะตอนที่ตัวเองรู้ก็ตกใจไม่ต่างกัน

“หนูด้วง...ทำไมไม่เห็นเล่าเลย แล้ว...” นกฮูกกระซิบถาม ในเมื่อพี่นโมมีลูกแปลว่าพี่เขาเป็นชายแท้จึงสงสัยว่าหนูด้วงกับพี่นโมรู้สึกอย่างไรต่อกันกันแน่

“พี่ฝากเด็กๆ ด้วยนะ” โอบอุ้มจูงคู่แฝดมาส่งหนูด้วงก่อนจะเดินกลับไปที่วง เด็กน้อยทั้งสองคนยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่

“น่ารักมากเลย ชื่ออะไรครับ” น้องมิกิเอ่ยถามพลางลูบแก้มน้องใบหม่อน

“แก้มยุ้ยๆ นี่ชื่อใบหม่อน ส่วนสุดหล่อคนนี้ชื่อใบไม้” หนูด้วงเป็นคนแนะนำ   

“น้องหม่อนก็หล่อ” ใบหม่อนรีบท้วง

“ใบหม่อนน่ารัก ไม่ได้หล่อ” น้องไม้หันไปพูดกับน้อง

“ทำไมไม้ต้องหล่อคนเดียวด้วยล่ะ” น้องหม่อนหน้างอ

“ไม่ต้องเถียงกัน เป็นแฝดกันก็น่ารักและหล่อเหมือนกันนั่นแหละ มานั่งตักพี่” หนูด้วงรีบตัดสินให้ก่อนเด็กน้อยจะเถียงกันมากกว่านี้

“น้องหม่อนจะนั่งตักพี่หนูด้วง” ใบหม่อนพูดพร้อมรีบลงไปนั่งตักของหนูด้วงก่อน ทิ้งให้น้องไม้ยืนหน้าตึงเพราะอยากนั่งตักหนูด้วงเหมือนกัน

“มานั่งตักพี่ไหมครับ” สิงโตถาม

“พี่เขาชื่อสิงโต แข็งแรงเหมือนกัปตันอเมริกาเลยนะ” หนูด้วงหว่านล้อมน้องไม้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยทำตัวสนิทกับใครง่ายๆ

“คิดงั้นเหรอ” สิงโตยิ้มกว้างก่อนจะหันมาถามหนูด้วงด้วยความดีใจ

“นั่งก็ได้” น้องไม้ตัดสินใจนั่งตักของสิงโต ส่วนน้องด้าวก็เลยต้องไปนั่งตักของนกฮูกแทน


มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 14-06-2018 12:40:17
ต่อจากด้านบนค่ะ

สักพักเสียงของทำนุก็ดังผ่านไมโครโฟนเพื่อบอกให้ทุกคนรับรู้ว่าการแสดงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว “เพลงนี้เป็นเพลงเก่าที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยฟัง แต่ผมว่าทุกคนคงจะต้องเคยผ่านความรู้สึกนี้ ผมเชื่อว่าสักครั้งในชีวิตเราต่างต้องเคยภาวนาอยากให้ใครบางคนสบตาเรา เพราะคำบางคำมันดันไปชัดเจนที่ดวงตามากกว่าจะพูดออกไป พบกับเพลงนี้จากพี่นโม...สบตาครับ”

‘เธอเคยรู้ไหมว่าใคร เฝ้ามองตามแต่เธอไปทุกแห่ง เก็บเธอเป็นแรงให้ใจทุกวัน เก็บไว้มานาน’

เสียงนุ่มๆ จากคนสำคัญของหัวใจสะกดสายตาของหนูด้วงได้เหมือนเคย วันนี้พี่นโมเล่นกีต้าร์โปร่ง นั่งไขว้ห้างบนเก้าอี้ทรงสูง ปลายนิ้วยาวพลิ้วไหวกับสายกีต้าร์ให้สัมผัสล่องลอยได้เหมือนกับตอนสัมผัสคีย์บอร์ดจากเปียโน ถ้าให้ปลายนิ้วนั้นมาสัมผัสที่เส้นผมเบาๆ หนูด้วงคงนอนฝันดีทั้งคืน

‘หาก...ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ฉันจะบอกกับเธอให้รู้ใจ สบตากับฉันลึกลงข้างใน ก็จะเข้าใจความหมาย’

แม้นกฮูกพยายามจะมองไปที่คนอื่นๆ ในวง แต่สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่หนุ่มผมยาวคนเดิมอยู่ดี สายตาที่เรียบนิ่งและท่าทางที่เข้มขรึมยามได้จับเครื่องดนตรีที่ชอบมันยิ่งทำให้เจ้าตัวดูโดดเด่น แต่ถึงเขาจะยืนอยู่เฉยๆ ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นเขาก็โดดเด่นสำหรับนกฮูก พี่ป้ายคงไม่รู้ว่าต่อให้แว่นนกฮูกจะไม่ชัดแค่ไหน...แต่พี่ป้ายก็ยังชัดเจนในความทรงจำของนกฮูกเสมอ

‘เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร’

เม่นเองก็ไม่สามารถละสายตาออกจากน้องมิกิได้เลย ใครจะไปคิดว่าเพื่อนในวัยเยาว์จะกลายมาเป็นคนที่ทำให้หัวใจเต้นเพียงแค่ได้มอง ความรู้สึกมันซึมซับแบบช้าๆ แต่ค่อยๆ ชัดเจน รวมไปถึงพี่ประกาศที่แอบลอบมองหญิงสาวที่ดูมั่นใจตัวเองอย่างน้องเกลนั้นก็รู้สึกอินไปกับบทเพลงนี้ด้วยเช่นกัน

‘เห็นเธอมานานรู้ไหม ไม่เคยมองใครที่ไหน ขอเพียงสักครั้งแค่หันมา สบตาครั้งเดียว...ก็พอ’

คนที่อินที่สุดกับบทเพลงนี้เห็นจะเป็นสิงโต ถ้อยความหมายจากเนื้อเพลงทุกคำมันยิ่งตอกย้ำว่าตัวเองเฝ้ารอคนที่นั่งข้างๆ ให้หันมาสบตาสักครั้ง 12 ปีที่ผ่านมาสิงโตรู้ตัวดีว่าเงาในดวงตาของหนูด้วงมีแต่พี่ชายคนสำคัญ เขาเคยคิดมาตลอดว่าหากหนูด้วงมองมาสักครั้ง เขาจะสารภาพทุกสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีเลย...ไม่มีเลยสักครั้งที่ดวงตาคู่นั้นจะหันมา

‘เพียงบอกฉันด้วยสายตา คิดยังไงบอกมาให้รู้บ้าง ไม่หวังให้เธอต้องเดินร่วมทาง แค่เธอเข้าใจ’

ทุกครั้งที่เหงาและรู้สึกโดดเดี่ยว โอบอุ้มจะบรรเทาความอ้างว้างนั้นด้วยการร้องเพลง เขาอ้อนวอนขออะไรก็ได้ ได้โปรดช่วยให้เสียงเพลงดังไปถึงคนสำคัญที่อยู่อีกฟากฟ้า เฝ้าหวังว่าจะได้ร้องเพลงพร้อมกับสบตาที่ดูใสบริสุทธิ์คู่นั้นเสมอ ยามที่เด็กน้อยเอียงคอมองมาแล้วทำท่าทางจดจ่อรอฟังรอเพลงที่เขาร้องและรอเต้นเพื่อสร้างความสุข มันก็ทำให้เขามีความสุขได้มากมายจริงๆ วันนี้เขาสมใจแล้ว...แม้เด็กน้อยคนนั้นจะเติบโตมากกว่าแต่ก่อน แต่ดวงตาที่มองมายังคงแสดงถึงความตั้งใจที่จะฟังเขาทุกถ้อยคำ

หนูด้วงเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่พร้อมจะฟังเขาเสมอแล้วเขาล่ะ...พร้อมจะบอกหนูด้วงหรือยัง

‘อยากให้เธอรู้ใจ อยากให้อยู่เป็นแรงของใจ เก็บความรู้สึกที่ดีมากมาย เก็บไว้ให้เธอคนเดียวเรื่อยไป’

มันไม่สำคัญเลยจริงๆ ว่าผู้ชายตรงหน้าจะผ่านอะไรมา มันไม่สำคัญเลยว่าเขามีเหตุผลอะไรที่หายไป ขอแค่ได้อยู่ใกล้กัน ขอแค่ได้จับมือเดินเคียงกันไป ได้อยู่เป็นแรงใจให้กันและกัน ขอแค่พี่โอบอุ้มกลับมาก็พอแล้ว แค่นั้นเองที่หนูด้วงต้องการ ต่อให้พี่โอบจะมีลูกอีกคนก็ตาม หนูด้วงก็จะอยู่เป็นกำลังใจให้พี่โอบ จะช่วยพี่โอบดูแล ขอแค่...

‘อย่ามีเมียมาอีกก็พอ’ คิกๆๆๆ

“พี่หนูด้วงขำอะไร” น้องหม่อนเงยหน้ามาถาม

“ไม่มีอะไรฮะ” หนูด้วงตอบน้องหม่อนแต่สายตามองไปที่พี่โอบแล้วก็แอบขยิบตาให้อีกฝ่าย พอพี่โอบยกยิ้มกลับมาหนูด้วงก็มองซ้ายมองขวาแล้วส่งจูบกลับไปให้อีกรอบ

แปะส่งจูบกลับมาเพราะนึกว่าหนูด้วงส่งจูบมาให้ตัวเอง หนูด้วงรีบส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นมาทำเป็นเครื่องหมายกากบาททันที เล่นเอาแปะทำหน้าเซ็งๆ เพราะนึกว่าจะมีแฟนคลับอย่างคนอื่นเขาบ้าง


ผู้คนเริ่มทยอยมานั่งฟังเพลงจากวงเดอะบ็อกซ์เพิ่มมากขึ้น เงินในหมวกเต็มไปหลายรอบจนหนูด้วงต้องพาเด็กๆ ไปช่วยถือหมวกรอรับเงินบริจาค จากวงดนตรีวงเล็กๆ ตอนนี้ชาวแก๊งเดอะซูผลัดกันมาช่วยร้อง ร้องเพี้ยนบ้าง ร้องดีบ้างแต่ก็สร้างความสนุกสนานให้กับคนฟังได้พอสมควร ช่วงที่สิงโตลุกขึ้นมาร้องเพลง กลุ่มนักศึกษาสาวๆ พากันเอาเงินมาทำเป็นพวงมาลัยไปคล้องให้ บางคนใจกล้าคว้าคอสิงโตให้โน้มลงมารับจูบ เล่นเอาสิงโตส่งไมค์คืนแล้วเดินหัวเสียกลับเข้าไปนั่งแอบในร้านกล่องดนตรีทันที


หนูด้วงเห็นว่าตะวันเริ่มจะตกดินแล้วเลยพาเด็กๆ กลับเข้าไปรอในบ้าน เด็กแฝดจับหนูด้วงทาหน้าขาวและทาปากสีแดง เอาผ้าขนหนูมาผูกคอให้แทนผ้าคลุม มัดผมของหนูด้วงเป็นจุกแล้วเอาผ้าขาวม้าของพ่อมาต่อให้เป็นผมยาวๆ เอากระบองเป่าลมมาทำเป็นดาบเพื่อที่จะให้หนูด้วงเล่นบทบาทสมมุติเป็นจอมยุทธ์ด้วยกัน

“ไม้...หม่อน...พี่หนูด้วงตายหลายรอบแล้วนะฮะ ยังจะให้ฟื้นอีกเหรอ” หนูด้วงบ่นกระปอดกระแปดเพราะเริ่มจะเหนื่อยกับการต้องกระโดดวิชาตัวเบาไปมาอยู่หลายรอบ

“พี่ไม่เก่งเลย” น้องไม้บ่นกลับไปบ้าง

“ไม่เก่งก็ได้ก็ได้ ยอมแพ้แล้ว” หนูด้วงยกมือยอมแพ้แรงเด็ก โดนทั้งน้องไม้เอากระบองเป่าลมฟาด โดนทั้งน้องหม่อนมานั่งทับจนอ่วมไปหมด

“ตายแล้ว น้องไม้น้องหม่อน ทำไมแกล้งพี่เขาแบบนั้นคะ” ‘ป้าประนอม’ แม่บ้านที่ช่วยโอบอุ้มดูแลบ้านและดูแลเด็กแฝดรีบเข้าไปช่วยอุ้มใบหม่อนที่นั่งทับตัวหนูด้วงออกให้

“เย้ ท่านแม่นางป้าประนอมแห่งวังมังกรหยกมาช่วยแล้ว” หนูด้วงยกมือดีใจ

“หนูรู้จักป้าด้วยเหรอคะ” ประนอมถามด้วยความประหลาดใจ ตัวเธอรู้จักหนูด้วงดีเพราะเธอเห็นมาตั้งแต่ยังเล็ก ได้เจอกับหนูด้วงหลายครั้งก็จริงแต่ตอนนั้นหนูด้วงยังเล็กมากเลยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำเธอได้

“ป้าประนอมเป็นแม่ของพี่หนอมไงฮะ”

“โถ จำป้าได้จริงๆ ด้วย”

“ป้ามาอยู่กับพี่โอ..เอ่อ พี่นโมนานแล้วเหรอฮะ”

“ค่ะ พอดีเห็นประกาศรับคนดูแลเด็กกับช่วยทำงานบ้าน ป้าว่างไม่มีอะไรทำเลยมาสมัคร”

“แล้วยุงพญารู้ไหมฮะว่าป้ามาอยู่ที่นี่ ปกติป้าไปทำความสะอาดให้ที่บ้านคุณตาไม่ใช่เหรอฮะ”

“อ๋อ เอ่อ...”

“ป้ามาแล้วเหรอครับ ผมฝากพาเด็กๆ ขึ้นนอนด้วยนะครับ ผมจะพารุ่นน้องไป...” โอบอุ้มพูดค้างเอาไว้เพราะเพิ่งเห็นสภาพของหนูด้วง

“ห้ามขำหนูด้วย” หนูด้วงรีบบอก

“หึหึ..” โอบอุ้มพยายามจะกลั้นขำ

“ได้ค่ะคุณนโม เดี๋ยวป้าจัดการต่อให้ ไปกันเถอะเด็กๆ เดี๋ยวป้าเล่านิทานให้ฟังนะ”

“นาโม...ให้พี่หนูด้วงนอนกับน้องหม่อนได้ไหม” ใบหม่อนรีบเข้ามาอ้อนพ่อ

“เอาไว้ให้พี่หนูด้วงไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่พี่เขาก่อนนะครับ ไม่ดื้อนะ เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะกลับมานอนกอดไม้กับหม่อนนะ โอเคไหม”

“คร้าบบบบ” ไม้กับหม่อนตอบพร้อมกันแต่ก็ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้หนูด้วงด้วย

“ถ้าหนูขอมัมกับแด๊ดได้ พี่จะให้หนูมาค้างกับพี่ได้จริงเหรอฮะ” หนูด้วงถามด้วยความดีใจ

โอบอุ้มไม่ได้ตอบแต่จูงมือหนูด้วงเดินเข้ามาในห้องน้ำ จากนั้นก็ยกตัวหนูด้วงขึ้นมานั่งตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วดึงทิชชูมาช่วยเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย ทำเหมือนที่ทำให้ครั้งทุกสมัยเจ้าตัวแสบยังเด็กๆ

“จะลบออกไหม” โอบอุ้มไม่กล้าออกแรงเพราะกลัวอีกฝ่ายเจ็บ

“ถ้ายุงรู้นะต้องหัวเราะเยาะหนูแน่ๆ อาน้องเคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ ก็แต่งหน้ายุงกับพี่ก้านจนเหมือนลิเกไปเลย”
“รู้ตัวใช่ไหมว่าเราน่ะตัวแสบ”

“หนูแค่ซนเพราะหนูเป็นเด็กฉลาดต่างหาก”

“หึหึ...” โอบอุ้มเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำแล้วบรรจงเช็ดหน้าให้หนูด้วงด้วยความทะนุถนอม

ตึกตัก...ตึกตัก...

ใบหน้าของพี่โอบอยู่ใกล้หนูด้วงเพียงนิดเดียวใจมันเลยร้องประท้วงอยู่ในอก ใกล้จนเห็นคิ้วสีเข้ม ขนตาที่ยาวไม่แพ้กับของตัวเอง แต่ดวงตาเรียวยาวจนหนูด้วงเผลอตัวยกมือขึ้นมาลูบที่หางตาของพี่โอบเบาๆ

โอบอุ้มเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย สบสายตากันอยู่นาน แล้วโอบอุ้มก็วางผ้าขนหนูลงก่อนจะเท้าแขนลงบนเคาน์เตอร์

“เมื่อเช้ารู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” โอบอุ้มถาม

“ที่หนูจุ๊บๆ พี่เหรอฮะ”

“อืม”

“ก็หนูตอบแทนที่พี่บอกรักหนูไง”

“พี่ไปบอกรักหนูตอนไหน” โอบอุ้มขยับตัวเข้าไปหา

“ก็พี่ให้ขนมคนรักกันกับหนูไงฮะ”

“หื้ม” โอบอุ้มทำหน้างงๆ

“ก็ ขนมครกไง นกฮูกบอกว่ามันคือขนมคนรักกัน”

“หึหึ...พี่ว่าไม่ใช่นะ”

“อ้าว แล้วมันคืออะไร คอรอกอ คนรักกัน ก็ถูกแล้ว”

“คอรอกอ คนรุกเก่งต่างหาก ถ้าพี่ทนไม่ไหวหนูจะแย่นะครับ” โอบอุ้มขู่ไม่จริงจัง

“ไม่แย่หรอก นกฮูกบอกว่า...ถ้าคนที่เรารักจูบเรา เราจะบินได้”

“หึหึ..”

“พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอฮะ”

โอบอุ้มไม่ได้ตอบ เอาแต่จ้องหน้าของหนูด้วงอยู่นานเหมือนเคย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเอียงคอทำหน้าสงสัยก็เริ่มจะหมดความอดทน ไม่รู้ว่าเจ้าตัวแสบจะรู้บ้างไหมว่าตัวเองยั่วยวนเก่งแค่ไหน

'เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร'

“งั้นหนูลองอีกรอบแล้วกัน”

ความอดทนของโอบอุ้มพังทลายลงเมื่อริมฝีปากนุ่มนิ่มของหนูด้วงทาบทับลงมา เมื่อทนไม่ได้อีกต่อไปก็ส่งลิ้นอุ่นเลียไปที่รอยแยกของริมฝีปากและแทรกเข้าไปทักทายอีกฝ่ายด้วยความแผ่วเบา

หนูด้วงทำตาโตเพราะตกใจกับสัมผัสแปลกใหม่ก่อนจะหลับตาลงและโอบรอบคอของพี่โอบอุ้มเอาไว้ ปลายเท้าเกร็งจนตะคริวแทบกินเพราะมันซาบซ่านจนขนลุกไปทั้งตัว อย่างที่อาน้องบอกจริงๆ ว่าจูบลึกซึ้งจากคนที่เรารักมันทำให้เราวาบหวิวและใจสั่น ทีแรกหนูด้วงไม่เข้าใจว่าจูบที่ลึกซึ้งคืออะไร แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันคือการทักทายกันระหว่างน้องลิ้นกับน้องลิ้น เมื่อเข้าใจแล้วหนูด้วงก็ต้องทักทายตอบกลับไปบ้างเพื่อไม่ให้เสียมารยาทเจ้าบ้านที่ดี

โอบอุ้มรู้สึกแปลกใจเมื่อหนูด้วงตวัดปลายลิ้นของตัวเองต้อนปลายลิ้นของเขากลับมา แถมยังขบเม้มที่ริมฝีปากของเขาอีก เจ้าตัวแสบจูบเป็นได้ยังไงกัน!!

“หนูไม่เก่งเหรอฮะ” หนูด้วงเอียงคอถามเมื่อโอบอุ้มถอนจูบออก

“จูบเป็นได้ยังไง” โอบอุ้มถามเสียงเข้ม

“....ก็...ก็หนูจูบตามพี่โอบ” หนูด้วงหน้าเสียเพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด

“อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นนะ...นะครับ” โอบอุ้มดึงตัวหนูด้วงมากอด

“หนูไม่ทำกับคนอื่น”

“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามหนูด้วงด้วยซ้ำ” โอบอุ้มรู้สึกเกลียดตัวเองที่เอาแต่ใจ หึงบ้าบอจนหนูด้วงหน้าเสีย

“มีสิฮะ พี่มีสิทธิ์ ต่อให้พี่ไม่ห้ามหนูก็จะไม่ทำแบบนี้กับใคร”

“พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ขอโทษจริงๆ”

“หนูยกโทษให้ทุกอย่างทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม หนูยกโทษให้” หนูด้วงยิ้มให้อีกฝ่าย เป็นรอยยิ้มที่เยียวยาหัวใจของโอบอุ้มได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณครับผู้วิเศษของพี่”

“สรุปว่าหนูจูบเก่งไหม”

“เก่ง”

“เย้...หนูเก่ง”

“ตัวแสบ” โอบอุ้มอดไม่ได้ต้องทดลองจูบคนเก่งอีกสักรอบเพื่อความมั่นใจ

โลกของสิงโตเหมือนว่าจะพังทลายลงเดี๋ยวนี้เมื่อเขาเข้ามาเห็นหนูด้วงจูบกับผู้ชายที่มีลูกแล้วถึงสองคน ที่ผ่านมาเขายอมเป็นคนนอกสายตา ขอได้อยู่ดูแลหนูด้วงแม้ว่าในหัวใจของหนูด้วงจะเก็บแต่ผู้ชายที่ชื่อโอบอุ้มเอาไว้เพียงคนเดียว ยินดีที่จะรอ รอจนกว่าหนูด้วงจะทำใจได้ว่าพี่โอบอุ้มไม่กลับมาแล้วมองมาที่เขาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วในสายตาของหนูด้วงก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ชายที่ชื่อสิงโตคนนี้อยู่ดี

‘เห็นเธอมานานรู้ไหม ไม่เคยมองใครที่ไหน ขอเพียงสักครั้งแค่หันมา สบตาครั้งเดียว...ก็พอ’    


เกาะใบไม้คราม

“น้อง ไปสอนอะไรหลานวะ”

“สอนอะไร”

“อย่ามาทำซึนใส่พี่ เมื่อวานพี่แอบฟังอยู่ ได้ยินว่าจูบๆ หนูด้วงไปจูบอะไรกับใคร สารภาพมา” อันที่จริงพญาตั้งใจจะถามเทียมฟ้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่พอจะอ้าปากถามอีกฝ่ายก็เข้ามานัวเนียจนได้เรื่อง กว่าจะจัดการเจ้ากระต่ายจนหมดแรงก็ปาไปเกือบเช้า

“ก็น้องมีหน้าที่สอนเพศศึกษาให้หนูด้วง”

“ใครไปแต่งตั้งตำแหน่งนี้ให้คุณครับคุณชายน้อง”

“ทำไมล่ะ พี่จะบอกว่าน้องไม่มีสิทธิ์สอนหนูด้วงใช่ไหม”

“อ้าวๆ หาเรื่องงอนใส่กูอีก มานี่เลยไอ้แสบใหญ่ พี่ถามดีๆ นะครับ น้องไปสอนอะไรหลาน เล่าให้พี่ฟังหน่อย” พญารีบเปลี่ยนน้ำเสียงเพราะถ้าทำให้คุณชายหม่อมงอนจะเป็นเรื่องใหญ่

“ก็หลานมาถามว่าจูบมันมีกี่แบบ น้องก็แค่สอนไป เด็กมาถามเราแบบนี้ก็ดีกว่าเขาไปศึกษาเอาเองนะครับ เรื่องพวกนี้เราจะทำเป็นเรื่องต้องห้ามไม่ได้ ปัญหาสังคมเชียวนะ เพราะไม่ได้รับความรู้ที่ถูกต้องถึงได้ท้องกันโครมๆ น้องก็แค่อยากช่วยหลาน ช่วยสังคม”

“แล้วหนูด้วงมันท้องได้เหรอ”

“ถึงท้องไม่ได้แต่ก็ต้องป้องกัน เดี๋ยวกลับมาเที่ยวนี้น้องจะสอนหนูด้วงใส่ถุงยาง”

“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกมั๊ง” พญาสะดุ้งกับการอยากเป็นครูของคนรัก

“ทำไม อย่าบอกนะว่าหึงแม้กระทั่งหลาน”

“ไม่ใช่แบบนั้น แต่พี่ว่า...หนูด้วงมันคงไม่ได้จิ้มใครหรอก” พญาพูดไปขำไป

“พี่พญา!! พี่แขวะน้องใช่ไหม น้องก็ไม่ได้จิ้มใครเหมือนกันนะ”

“อ้าวๆๆ ไม่ต้องมางอนกู ถ้ามึงลองไปจิ้มใครกูเอาตาย”

“ขี้หึงนะเรา” เทียมฟ้ายกยิ้มก่อนจะหอมแก้มพญาแรงๆ แล้วก็เดินผิวปากออกจากห้องไป

“กูว่ามันต้องเป็นไบโพล่าร์แน่ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”

“น้องได้ยินนะ ว่าน้องเป็นไบโพล่าร์เหรอ” เทียมฟ้าตะโกนเข้ามา

“ได้ยินอะไร หูหาเรื่อง พี่บอกว่ามีแฟนยั่วเก่งคงต้องกินไวอาก้าเสียแล้ว” พญารีบตะโกนกลับไปก่อนจะพรูลมหายใจ นึกในใจว่าเจ้ากระต่ายมันต้องจบจากโรงเรียนสอนเป็นสายลับแน่ๆ นอกจากจะบู้เก่งแล้ว ฝีมือการจับผิดยังไม่มีใครเกินคนรักของตัวเองเลยจริงๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป

สิงโตอย่าเสียใจไปนะ มาซบอกพี่มามะ วันนี้ยังไม่ใช่วันของหนูนะลูก
แต่เดี๋ยวคู่แท้ของหนูก็ปรากฏ..พี่มั่นใจ ความรักในวัยว้าวุ่นมันก็เป็นแบบนี้ค่ะคุณผู้อ่าน
ส่วนปี้หนูด้วนศิษย์อาน้อนของเราก็...ค.ร.ก.จริง!! ยั่วเยสเปเชียลฉุดๆ 5555
ขอบคุณที่ติดตามและมาคอมเมนท์กันทุกช่องทาง ขอบคุณที่ช่วยเตือนคำผิดด้วยนะคะ
ถ้าอย่างไรแท็กว่า #หนูด้วง เวลาเขียนถึงในทวิตให้ด้วยก็จะกราบงามๆ
เลิฟจะได้ตามไปอ่านได้ด้วย รักๆๆๆ ขอให้มีความสุขกับชาวแก๊งทุกแก๊งนะคะ


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 14-06-2018 14:25:05
ที่ปรึกษาหนูด้วงแต่ละด้านไว้ใจได้ทุกคน รับรองถูกต้อง ตรงตามความต้องการ โดยเฉพาะเรื่องเพศศึกษา ปรึกษาอาน้องถูกต้องที่สุด

กลุ่มชมรมกล่องดนตรี ดูจะหาคู่ได้ทุกคนแล้ว ขาดแต่พี่ทำนุ และพี่แปะ  ใครจะมาดามใจ  ส่วนกลุ่มเดอะซู  ขาดก็แต่สิงโตที่ยังหาคู่ไม่ได้  ยังไงก็อย่าเป็นส้มโอ หรือเชอรี่ก็แล้วกัน 555

ตอนนี้อยากรู้ในส่วนของพี่โอบว่าทำไมถึงเปลี่ยนเป็นพี่นโม เพราะสงสัยตั้งแต่บอกว่าพี่โอบเป็นตำนานของ ม.โซเลย แสดงว่าพี่โอบกลับมาเมืองไทยนานแล้วแน่
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-06-2018 16:43:18
ฮือเราเสียใจเราเจ็บแทนสิงโต :o12: :o12: :o12: หวังทั้งที่รู้ว่าไม่มีหวังนี่มันเจ็บนะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-06-2018 18:10:37
 :L2: :pig4: :L2:


 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 14-06-2018 18:21:01
พี่โอดอุ้นมีลูกเพราะจะพิสูจน์อะไรหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 14-06-2018 18:21:38
สิงห์โตไม่ต้องเสียใจลูก ดูยุงไว้ก็ได้ แต่ก่อนยุงก็รักพี่นับตังค์ มากๆๆ ตอนนี้เป็นไงหลงอาน้อน จนเข้าชมรมคนกลัวเมียไปแล้ว ถ้าไม่มีใครมาใหม่ พี่ทำนุคู่กับสิงห์โตก็ได้อยู่นะ  หนูด้วงแสบเล็กอาน้อนแสบใหญ๋  หนูด้วงได้อาจารย์ดี เก่งทุกศาสตร์ เด็ดเด็ด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-06-2018 19:01:17
หนูด้วงที่ปรึกษาหนูเด็ดๆ ทั้งนั้น
โดยเฉพาะอาน้อง ถูกคนจริงๆ ไม่เชื่อถามยุง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 14-06-2018 22:10:40
ที่ปรึกษาหนูด้วงแต่ละคน สุดยอดมากๆ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-06-2018 01:06:54
ขอโฟกัสไปที่นกฮูกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 6 สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-06-2018 09:14:40
สิงโตสักวันก็จะมีคนที่ใช่ของตัวเองเข้ามา เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งลุงพญาเคยชอบนับตังค์แล้วอกหักจนมาเจอคุณชายน้องไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-06-2018 12:44:18
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น
ศิลปิน แอนนา โรจน์รุ่งฤกษ์


โอบอุ้มให้หนูด้วงชวนเพื่อนๆ ทุกคนไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านกล่องดนตรีก่อนจะกลับหอ แม้ทุกคนจะกินขนมจุกจิกกันจนอิ่มแล้วแต่หนูด้วงก็อ้อนให้เพื่อนๆ อยู่กินด้วยกันก่อนเพราะยังอยากใช้เวลากับพี่โอบอุ้มให้นานที่สุด

“เมื่อเย็นไม่ได้กินข้าวเลยนี่ เอาแต่เขี่ยเล่น ตอนนี้เลยหิวใช่ไหม” น้องเกลถามเชิงบ่น

“ก็ตอนนั้นมันไม่หิว แต่ตอนนี้มันหิวสุดๆ” หนูด้วงลูบท้องของตัวเองเพื่อยืนยันคำพูด

“ไปกินสิ” สิงโตเดินมาวางมือบนไหล่ของหนูด้วงแต่สายตามองจ้องไปที่โอบอุ้มตลอดเวลา

“สิงโตน่ารักที่สุด” หนูด้วงยิ้มกว้างเมื่อเพื่อนรักตอบรับคำชวน

“น่ารักแล้วทำไมไม่รัก” สิงโตพูดจบบรรยากาศโดยรอบก็เงียบกริบ “ล้อเล่น” สิงโตโอบไหล่ของหนูด้วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย

“ไปกันเถอะ ชักจะหิวเหมือนกัน พี่นโมเลี้ยงใช่ไหมครับ ผมจะได้กินให้ท้องแตกเลย” เม่นรีบเปลี่ยนบรรยากาศ

“จัดไป” โอบอุ้มยักคิ้วให้เม่น

“แล้วพี่ไม่พาลูกไปเหรอครับ” สิงโตเน้นคำว่าลูก

“เขาทานกันแล้ว”

“แล้วเขาจะอยู่กับใครล่ะครับ อ๋อ..คงอยู่กับแม่ แล้วแฟนพี่อยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมอยากไปสวัสดีเสียหน่อย” สิงโตถามเองตอบเองเสร็จสรรพ เพื่อนในกลุ่มต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะปกติสิงโตไม่ใช่คนพูดมากขนาดนี้

“ผมเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่พวกเขาเกิด” โอบอุ้มตอบคำถามไปตรงๆ

หนูด้วงมองหน้าโอบอุ้มทันทีที่ได้ยิน คำถามที่หนูด้วงเองก็อยากจะถามแต่ไม่กล้า ถึงจะเดาออกว่าพี่โอบอาจจะเลิกรากับแม่ของน้องแฝดแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าพี่โอบจะต้องเลี้ยงน้องแฝดคนเดียวมาตั้งแต่เกิด พอได้รู้ก็รู้สึกสงสารโอบอุ้มและน้องแฝดสุดหัวใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมพาเพื่อนๆ ไปกินก๋วยเตี๋ยวเองก็ได้ครับ พี่จะได้ดูแลลูกของพี่ ไม่อยากรบกวน”

“น้องมีปัญหาอะไรกับพวกพี่หรือเปล่าครับ” ป้ายเป็นฝ่ายถาม จนกระทั่งโอบอุ้มแตะที่แขนของป้ายเพราะไม่อยากให้มีปัญหากัน

“สิงโต ถ้านายไม่หิวก็กลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันพาหนูด้วงกลับเอง” เม่นรีบตัดบทก่อนเพื่อนสนิทจะทำบรรยากาศให้เสียไปมากกว่านี้

“ไม่เป็นไร ถ้าสิงโตไม่กินเรากลับเลยก็ได้” หนูด้วงมองหน้าสิงโตแล้วยิ้มให้

“ไปเถอะ” สิงโตถอนหายใจก่อนจะดันตัวหนูด้วงให้เดินไป

ร้านก๋วยเตี๋ยวที่โอบอุ้มชวนทุกคนมากินไม่ได้ขายแค่ก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียว แต่ขายอาหารทุกอย่างที่เป็นเส้น เจ้าของร้านสนิทสนมคุ้นเคยกับสมาชิกวงเดอะบ็อกซ์เป็นอย่างดีเนื่องจากเป็นลูกค้าขาประจำกันอยู่ ‘พี่เปิ้ล’ ชายหนุ่มรูปร่างท้วมซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ‘คนมีเส้น’ เองก็อุดหนุนหมาล่ากับบาร์บีคิวที่ร้านกล่องดนตรีเป็นประจำเหมือนกัน

“โอ้โห วันนี้มากันเยอะเลย นั่งก่อนๆ” พี่เปิ้ลออกมาต้อนรับทุกคนด้วยตัวเอง

“นี่พี่เปิ้ลเจ้าของร้าน ใจดีมีเมตตาแต่อย่ากวนบาทาจะโดนดี” แปะแนะนำเจ้าของร้านให้น้องๆ ได้รู้จัก น้องทุกคนยกมือไหว้พี่เปิ้ลโดยพร้อมเพรียง

“เจ๋ง มีสโลแกนประจำตัวด้วย” เม่นยกนิ้วให้พี่เปิ้ล

“มึงนั้นแหละจะโดนคนแรกไอ้แปะ” พี่เปิ้ลยิ้มให้เม่นก่อนจะชี้หน้าแปะ

“ผมหิวแล้ว มีอะไรที่สั่งปุ๊ปได้กินปั๊ปบ้างครับพี่เปิ้ล” แปะยังคงกวนบาทาเจ้าของร้านต่อ

“อากาศไงมึง สั่งปุ๊ปก็อ้าปากโกยเข้าไป กูไม่คิดเงินด้วย แต่ถ้ามึงไม่อยากโกยอากาศเข้าปากกูจะเตรียมโลงเอาไว้ให้เพราะมึงเป็นลูกค้าระดับสูง”

“สูงเท่าไหนหรือพี่” แปะยังทำหน้าทะเล้นถามต่อ

“เท่าเมรุ สูงพอไหมมึง”

“ฮ่าๆๆ โดนเลยจริงๆ”

บรรดาน้องๆ หัวเราะขำที่พี่แปะโดนพี่เปิ้ลจัดให้จนได้ แต่โอบอุ้ม ทำนุ ป้ายและกาดได้แต่ยิ้มน้อยๆ เพราะรู้กันดีว่าสองคนนี้เป็นคู่ปรับกันตลอดกาล พี่เปิ้ลเองก็จบมาจากมหา’ลัยซอเลยเหมือนกัน ติดใจบรรยากาศของที่นี่ พอจบก็เลยมาเปิดร้านอยู่ ไม่ยอมกลับกรุงเทพบ้านเกิด

“เออๆ ผมยอมแพ้พี่แล้ว สั่งเลย น้องๆ รีบสั่งก่อนเจ้าของร้านจะความดันขึ้น” แปะรีบส่งรายการอาหารแจกน้องๆ ทุกคน

“พี่เปิ้ล ผมเอาเส้นใหญ่ ใส่ตำลึง เอาน้ำตกนะ เครื่องในเอาแต่หัวใจ ไม่ใส่ชูรสครับ” ทำนุสั่งเมนูโปรด

“ไอ้ป๊อป ของไอ้นุลึงใหญ่ตกใจไม่ชู” เปิ้ลตะโกนบอกลูกน้องที่เป็นผู้ช่วยอีกต่อ

“โธ่พี่เปิ้ล...หมดกัน ผมยังเตะปี๊บดังนะ” ทำนุยิ้มแห้งๆ เมื่อน้องๆ พากันหัวเราะเมนูย่อของตัวเอง

“ผมเอาเส้นเล็กแห้งใส่ไข่ออนเซนด้วย” แปะสั่งบ้าง

“ของไอ้แปะไข่เล็กและแห้ง”

“ก๊ากกก”

“ของผมเส้นใหญ่ใส่ทุกอย่าง ขอน้ำเขียวแต่ไม่ใส่น้ำแข็งครับพี่เปิ้ล เสียงแหบต้องงดของเย็นๆ” กาดสั่งเสียงเบาด้วยความนอบน้อมเพราะกลัวโดนเล่นงานจากเจ้าของร้าน

“ของไอ้กาดใหญ่ทุกอย่างแต่เขียวและไม่แข็ง”

“จบ จบกัน” กาดเอามือปิดหน้าเมื่อเห็นน้องเกลหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล

“จะสั่งอะไร” โอบอุ้มหันมาถามหนูด้วงที่นั่งหน้าตื่นอยู่

“หนูไม่กล้าสั่งเลยฮะ” หนูด้วงกระซิบกลับ

“แล้วหนูอยากกินอะไร บอกพี่สิ พี่สั่งให้” โอบอุ้มอยากจะหอมแก้มคนที่นั่งข้างๆ ใจจะขาด ท่าทางกระซิบกระซาบทำปากขมุบขมิบมันน่ารักจนแทบอดใจไม่ไหว

“หนู นกฮูกแล้วก็น้องเกลอยากกินอุด้งแกงกระหรี่ แต่ไม่กล้าสั่ง” หนูด้วงพยายามพูดให้เบาที่สุด แต่พอดีพี่เปิ้ลหันมามองแล้วอ่านปากของหนูด้วงออกเลยตะโกนสั่งให้

“ตรงนี้กระหรี่สาม อ่อ..เส้นอุด้งนะ”

“พี่เปิ้ลอ่า!!!” หนูด้วง นกฮูกและน้องเกลตะโกนโวยวายขึ้นพร้อมกัน

“ไอ้ป้าย มึงไม่ต้องวางมาดเข้ม จะเอาแบบเดิมไหม” พี่เปิ้ลถาม

“ผมไม่กิน” ป้ายรีบบอก

“พี่ป้ายชอบทานอะไรครับ ผมจะได้ทานบ้าง อยากเท่เหมือนพี่” เม่นรีบถาม ป้ายทำท่าจะห้ามพี่เปิ้ลแต่ไม่ทันแล้ว

“ของไอ้ป้าย หมี่ดำน้ำขลุกขลิก เด็ดและเผ็ชชชชขั้นสุด” พี่เปิ้ลออกสำเนียงฝรั่งโชว์

“เจ๋ง อะไรเด็ดครับพี่ป้าย” เม่นทำหน้าชื่นชมไอดอลของตัวเองอย่างที่สุด

“มันชอบกินถั่วงอกเด็ดหัวออกน่ะ” แปะเป็นฝ่ายอธิบายเพราะตอนนี้ป้ายยกมือมากุมขมับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แค่การสั่งอาหารในร้านคนมีเส้นของพี่เปิ้ลก็ทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดเมื่อครู่กลับกลายมาเป็นความสนุกสนานอย่างง่ายดาย รสมือของพี่เปิ้ลทำให้ทุกคนลืมความอิ่มที่มีก่อนหน้านี้ไปสิ้น แต่กว่าที่ทุกคนจะได้กินก็ต้องรอหนูด้วงเดินวนถ่ายรูปอาหารจนครบทุกจานเพราะเจ้าตัวแสบบอกว่าต้องถ่ายส่งไปให้ปู่ช้วนดูว่าที่นี่มีอะไรน่ากินบ้าง

สิงโตแอบลอบสังเกตหนูด้วงกับนโมตลอดเวลา แม้ทั้งคู่ไม่ได้แสดงออกว่ามีใจให้กันผ่านท่าทางแต่สายตานั้นมันกลับชัดเจน มันทำให้สิงโตมีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่าตัวเองด้อยกว่าผู้ชายคนนั้นตรงไหน หนูด้วงเพิ่งจะเจอกับผู้ชายคนนี้ไม่กี่วันเองแต่กลับตกหลุมรักเขาง่ายๆ แล้วพี่โอบอุ้มคนที่เคยรอคอย คนที่สิงโตต้องฟังชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตั้ง 12 ปี หนูด้วงลืมได้แล้วอย่างนั้นเหรอ

‘ได้เพียงพบกัน ดังฝันวันวาน พ้นวันผ่านเนิ่นนานฝันลอย ได้เพียงนึกกลัว มัวคิดมัวคอย ฝันเคยใกล้นั้นจึงไกลกัน’

“เพลงนี้ชื่อเพลงอะไร” เพลงที่พี่เปิ้ลเปิดมันโดนใจของนกฮูกเขาอย่างจัง แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยอยากรู้

‘วันนั้น เพียงแต่วันนั้น บอกเขาไปเหมือนใจ บอกว่ารักนี้มีไว้เพียงไร เขาคงอยู่รู้ใจเราจริง’

สิงโตเองก็ไม่ต่างจากนกฮูก เนื้อเพลงมันตอกย้ำให้เขารู้สึกปวดหนึบอยู่ข้างในหัวใจ รู้สึกเคว้งคว้างใจหายคล้ายว่าของที่เคยอยู่ใกล้ๆ และเคยเห็นอยู่ตลอดเวลากำลังจะหายไป

‘ได้เพียงฝันไป ไม่คิดลองทำ ทั้งที่เคยฝันมาเหมือนใจ กลับไม่คว้ามันให้รู้กันไป ทิ้งโอกาสฝันจึงไกลเกิน’
 
“เพียงแต่วันนั้น” โอบอุ้มเป็นคนตอบ

“หนูชอบ” หนูด้วงหันไปยิ้มให้โอบอุ้ม

สิงโตไม่อยากเห็นภาพตรงหน้าเลยก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวในชามของตัวเองต่อไปแบบเงียบๆ มันผิดที่เขาเองที่โยนโอกาสของตัวเองทิ้งไป ผิดเองที่ไม่เคยสารภาพกับหนูด้วงว่าตัวเองคิดอย่างไร แม้ว่าจะโดนปฏิเสธก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสพูดออกไปเหมือนอย่างตอนนี้

“สิงโต เราให้เทมปุระ ของโปรดของสิงโต” หนูด้วงคีบเทมปุระมาวางในชามของสิงโต

“ทำไมหนูด้วงไม่กิน” สิงโตถามเสียงเบา

“อะไรที่เราให้สิงโตได้ เรายินดีนะ”

“อืม...ขอบใจนะ” สิงโตคีบเทปุระมากินแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

‘วันนั้น เพียงแต่วันนั้น บอกเขาไปเหมือนใจ’

...มันคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วจริงๆ...

...

เมื่ออิ่มท้องกันแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันกลับ น้องเม่นพาน้องมิกิไปส่งพร้อมกับน้องเกล ส่วนหนูด้วงกับนกฮูกก็กลับพร้อมสิงโตตามเดิม แม้ใจของหนูด้วงอยากจะอยู่ต่อแต่ก็ต้องตัดใจ แต่ในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันหยุดก็แอบอ้อนให้พี่โอบมารับตั้งแต่เช้าเพราะอยากมาเล่นกับน้องแฝด โอบอุ้มตอบตกลงเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ หนูด้วงไม่ต่างกัน 

หลังจากที่โอบอุ้มกับป้ายออกมายืนส่งรุ่นน้องขึ้นรถกลับกันไปหมดแล้วป้ายก็หันมาพูดกับโอบอุ้ม

“ถ้าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิง ผมต้องนึกว่าเป็นแม่ของเจ้าแฝดแน่ๆ”

“หึหึ...”

“พี่จะไม่ถามผมเหรอว่าทำไมผมถึงคิดแบบนี้”

“ถ้าอยากพูดก็พูด”

“ใบหม่อนหน้าเหมือนหนูด้วงมาก ปาก ตา จมูก”

“เหมือนเหรอ”

“ผมว่าเหมือน”

“ไม่เหมือนหรอก เจ้าแฝดดื้อกว่าเยอะ”

“พี่พูดอย่างกับรู้จักหนูด้วงมานานแล้ว”

“แล้วมึงกับนกฮูกล่ะ”

“พี่สังเกตด้วยเหรอ ผมนึกว่าพี่จะมองแต่หนูด้วง”

“หึหึ เห็นเงียบๆ เก็บทุกรายละเอียดเลยนะ”

“ไม่ต้องถึงกับสังเกตหรอกพี่นโม มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าพี่ชอบหนูด้วง”

“นกฮูกเป็นเด็กดีนะไอ้ป้าย” โอบอุ้มไม่ได้ตอบเรื่องของตัวเองแต่พูดลอยๆ ขึ้นมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่ร้าน ปล่อยให้ป้ายยืนล้วงกระเป่าทำเท่อยู่หน้าร้านตามลำพัง

“ก็เพราะเขาเป็นเด็กดีไง” ป้ายถอนหายใจ พึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินตามโอบอุ้มไป   

‘บอกว่ารักนี้มีไว้เพียงไร เขาคงอยู่รู้ใจเราจริง’

...

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo กำลังรู้สึกปลื้มใจกับนาฬิกาเรือนใหม่

3 นาที. Soleil International University.

ชีวิตเดิม คนเดิม กับเวลาใหม่ที่กำลังเริ่มต้น

พญา ผู้ยิ่งใหญ่ , คุณแปะแฝดท่านป้าย Thebox และคนอื่นๆ อีก 54 คน กำลังถูกใจโพสต์ของคุณ


Nightingale Thezoo : ถึงหอแล้วเหรอ จะนอนรึยัง

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : ยังเลยน้องเกล อิ่มอยู่ ขอย่อยก่อน

Porcupine อย่าเติมNหลังR Thezoo : เจ๋งงงง สวยอะ ปกติเห็นใส่แต่เรือนเก่า

พญา ผู้ยิ่งใหญ่ : ใครซื้อให้

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : หนูม่ายยยยบอก

มีตัง คือ มีคุณกับนับตังค์ : ถึงกับยอมถอดเรือนเก่า?

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : หาวววววว ง่วงดีกว่า

พญา ผู้ยิ่งใหญ่ : ต้องสืบ เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ สืบกันมะ มีตัง คือ มีคุณกับนับตังค์

มีตัง คือ มีคุณกับนับตังค์ : ไม่ต้องยุ่งเรื่องของหลาน ไปกล่อมแฟนนอนนะลุง พญา ผู้ยิ่งใหญ่

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : อิอิอิ หนูรักมัมที่ซู๊ดดด

พญา ผู้ยิ่งใหญ่ : เพื่อนไม่รัก หลานก็ไม่รัก ไปนอนก็ได้

Porcupine อย่าเติมNหลังR Thezoo : แต่ผมรักยุงนะครับ ยุงคือไอดอล

พญา ผู้ยิ่งใหญ่ : เจ้าเม่นพูดดี เอาเลขที่บัญชีมา

Porcupine อย่าเติมNหลังR Thezoo : เกรงใจ...เดี๋ยวหลังไมค์ไปนะครับ 5555

พ่อคุณของแม่คุณ : อย่าลืมถ่ายรูปของกินมาลงบ้างนะเจ้าด้วง

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : ถ่ายเอาไว้เพียบเลยฮะปู่ พรุ่งนี้หนูส่งให้นะ อร่อยสุดยอด

Mink OnlyYYYYY : รีเควสรูปได้เหรอคะ ถ้างั้นพี่มิ้งขอรูปหนูด้วงเยอะๆ เลยนะคะ หรือจะรูปคู่กับน้องสิงโตก็ได้

ฮอนกฮูกตาไม่โต Thezoo : หนูด้วง ไปอาบน้ำ!!

ป้ายพี่ไอ้แปะ Thebox : ดุจังครับ ฮอนกฮูกตาไม่โต Thezoo

คุณแปะแฝดท่านป้าย Thebox : แน่นแน่!

Pragad ไม่ใช่ปลากัด Thebox : แน่นแน่!

Tumnu Thebox : แน่นแน่!

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : อีโนไหมฮะพี่ๆ หายแน่นแน่ๆ คลายกรด ลดแน่นเฟ้อ (ส่งรูปอีโนรสส้ม)

Nightingale Thezoo : มันมาจากคำว่า ‘นั่นแน่’ ค่ะหนูด้วง เขาแซวคนสองคนกันอยู่ค่ะหนู

Pragad ไม่ใช่ปลากัด Thebox : น้องเกลเก่งจังครับ

คุณแปะแฝดท่านป้าย Thebox : แน่นแน่!

Porcupine อย่าเติมNหลังR Thezoo : แน่นแน่!

Tumnu Thebox : แน่นแน่!

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : แน่นแน่! นกฮูก แน่นแน่ น้องเกล แน่นแน่ แน่นแน่ แฮร่

ฮอนกฮูกตาไม่โต Thezoo : ไปอาบน้ำ 1 ไปอาบน้ำ 2 ไปอาบน้ำ 3

หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo : ย๊ากก ไปแล้วก็ได้ก็ได้ หนูไปก่อนนะทุกคนทุกคน แน่นแน่!

Namo CanonInD : หึหึ...

Mink OnlyYYYYY : กรี๊ดดดด พี่นโมมีเฟสบุ๊กนี่นา เรื่องนี้ต้องประกาศ

VJja Feathergroup : OMG พี่นโม

หนูด้วงยิ้มกว้างเมื่อเห็นพี่โอบมาคอมเมนต์ในเฟสบุ๊กของตัวเองด้วย แม้จะมาแค่ ‘หึหึ’ ก็มีความสุขแล้ว เพิ่งจะตามแอดกันครบทุกคนก็ตอนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ แต่ในเฟสบุ๊กของพี่โอบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย นอกจากลงเพลงทุกวัน หนูด้วงกำลังจะเปิดฟังเรียงไปเรื่อยๆ เพราะอยากรู้ว่าพี่โอบฟังเพลงอะไรบ้าง แต่ตัวเองก็ดันมาลงรูปนาฬิกาที่พี่โอบให้เสียก่อน ลงแค่ไม่กี่นาทีมีคนมากดไลค์ แถมยุงพญายังมาคอมเมนต์สงสัยอีก หนูด้วงเลยไม่กล้าพิมพ์อะไรเยอะกลัวถูกจับได้ โชคดีที่มัมกับเพื่อนๆ มาช่วยกันคอมเมนต์พานอกเรื่องไป ยุงพญาถึงได้เงียบไป

“โห นกฮูกดูดิ พี่โอบพิมพ์มาแค่หึหึแต่คนกดไลค์เยอะกว่าเราอีก” หนูด้วงเห็นคนมากดไลค์พี่โอบเยอะก็อยากอวดเพื่อน หันไปพูดกับนกฮูกแต่อีกฝ่ายเงียบไปพอหันไปมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งอมยิ้มอยู่กับโทรศัพท์ หนูด้วงเลยเดินเข้าไปหาพร้อมพูดว่า ‘แน่นแน่’ เสียงดัง

“อะไร” พอได้ยินคำว่า ‘แน่นแน่’ นกฮูกเลยต้องรีบละสายตาจากโทรศัพท์มายังคนที่ส่งเสียงแทน

“นกฮูกชอบพี่ป้ายใช่ไหม” หนูด้วงถามตรงๆ

“ไปอาบน้ำ..สี่...” นกฮูกเริ่มนับต่อเพราะถ้าถึงห้าเมื่อไหร่หนูด้วงจะโดนนกฮูกจี้เอวไม่หยุด

“โหย ก็ได้ก็ได้ ก็เราอยากรู้อ่า เวลาอยากรู้มันคันในหัวใจนะรู้ไหม สบู่อะไรก็ฟอกไม่หาย” หนูด้วงเดินไปบ่นไปจนนกฮูกต้องแอบขำ

“แปลก พักนี้ไม่เห็นเขียนเมล์หาพี่โอบเลย” นกฮูกนึกสงสัยเพราะปกติเพื่อนสนิทจะใช้เวลาสามสี่ชั่วโมงแชทกับพี่ชายคนสำคัญผ่านเมล์ แล้วก็ไม่เคยใช้โทรศัพท์พิมพ์ จะมานอนพิมพ์คอมแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงจนนกฮูกต้องเตือนให้ไปอาบน้ำทุกที

“สงสัยหนูด้วงจะตกหลุมรักพี่นโมจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วจริงๆ”

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้นกฮูกเลิกคิดถึงเรื่องหนูด้วงกับพี่นโม เมื่อเปิดประตูออกก็พบว่าสิงโตมายืนอยู่พร้อมกับถือหมอนมาด้วย

“ขอนอนด้วยคน”

“แล้วเม่นล่ะ”

“มันคอลไลน์คุยกับมิกิเสียงดัง เปิดไฟสว่างด้วย นอนไม่หลับเลย”

“เข้ามาสิ” นกฮูกเอี้ยวตัวออกเพื่อให้สิงโตเดินเข้ามา

“หนูด้วงอาบน้ำเหรอ”

“อืม”

“นอนนะ” สิงโตพูดจบก็เดินไปนอนที่เตียงของหนูด้วง

นกฮูกยังไม่ทันจะพูดอะไรอีกฝ่ายก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วหลับตาเหมือนจะบอกว่ายังไม่อยากคุยอะไรทั้งสิน เมื่อหนูด้วงออกมาจากห้องน้ำก็เลิกคิ้วประหลาดใจ พอเห็นนกฮูกมองมาด้วยสายตากังวลก็เลยส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่เป็นไร

หลังจากที่นกฮูกปิดไฟในห้องนอนแล้ว หนูด้วงก็แอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดไลน์เพื่อจะส่งข้อความไปหาคนที่คิดถึง

DAr
หลับรึยังฮะ
Ling
ยัง แล้วเราทำไมยังไม่นอน จะเที่ยงคืนแล้วนะ
DAr
หนูจะบอกว่าหนูลืมของเอาไว้ที่บ้านของพี่
Ling
อ้าว ลืมอะไรเอาไว้
DAr
ความคิดถึงฮะ แฮร่
Ling
หึหึ...
DAr
พรุ่งนี้หนูไปเอา
Ling
ให้พี่เก็บให้หนูดีกว่า เดี๋ยวหนูไปทำหล่นที่อื่น
DAr
ก็ได้ก็ได้ เก็บให้ดีนะฮะ พรุ่งนี้มารับหนูเร็วๆ นะ หนูมีอะไรจะบอก
Ling
ต้องบอกพรุ่งนี้เหรอ
DAr
ใช่แล้ว
Ling
ตกลงครับท่านผู้วิเศษ นอนได้แล้ว
DAr
ฝันดีนะฮะ ฝันถึงหนูด้วงนะ เอ้ย ด้วยนะ แฮร่
Ling
ทุกวัน ซ้ำมาซ้ำไป ฝันดีครับเด็กน้อยของพี่

หนูด้วงอ่านข้อความสุดท้ายซ้ำมาซ้ำไปก่อนจะหัวเราะให้เบาที่สุดเพราะกลัวเพื่อนได้ยิน แค่ชื่อไลน์ที่แอบตั้งให้ตัวเองกับพี่โอบก็ทำให้มีความสุขแล้ว DAr ที่เป็นชื่อของตัวเองก็มาจาก D...ด้วง A...โอบ R...โรแมนติก ส่วนชื่อของพี่โอบ Ling ก็มาจาก L...เลิฟ เติม ing เข้าไปแปลว่ากำลังรักกัน เอาสองคำมารวมกันก็จะเป็น Darling สุดที่รักที่รักที่สุด

“คึคึคึ” หนูด้วงแอบหัวเราะอีกครั้งอย่างมีความสุขก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่เดิมแล้วหลับตาลง

หนูด้วงนอนเงียบไปพักใหญ่สิงโตก็ลอบถอนหายใจ ค่อยๆ ชะโงกหน้ามาดูว่าหนูด้วงหลับจริงหรือเปล่า เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหายใจสม่ำเสมอก็เลยขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ เพื่ออยากมองหน้าให้ชัดๆ แม้ในห้องจะมืดแต่มันก็มีแสงจากด้านนอกลอดเข้ามาให้พอมองเห็น

นกฮูกยังไม่ได้หลับ เมื่อได้ยินเสียงขยับจากเตียงข้างๆ จึงลืมตาขึ้นมาดู เห็นเงาลางๆ ของสิงโตกำลังทำเหมือนว่าจะจูบหนูด้วง ใบหน้าของสิงโตกำลังเคลื่อนเข้าใกล้หนูด้วงเข้าไปทุกที นกฮูกทนไม่ไหวกำลังจะลุกไปเตือนสติสิงโตในการกระทำที่ไม่ควร แต่สุดท้ายนกฮูกก็ต้องโล่งใจเมื่อสิงโตไม่ได้ทำอย่างที่คิดแต่กลับลุกขึ้นยืนหยิบหมอนแล้วเดินออกไปจากห้องแทน ไม่ใช่นกฮูกคนเดียวที่แอบลอบถอนหายใจ หนูด้วงเองก็ลืมตาขึ้นมาแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน

‘ต้องเสียใจ ใครเล่าทำ เพราะเพียงเรา ปล่อยรักไป ไม่เอ่ยคำ’


หลังจากที่อ่านคอมเมนต์ต่างๆ ในเฟสบุ๊กของหนูด้วงแล้วพญาก็ต่อสายหาก้านเพราะต้องการสอบถามอะไรบางอย่าง

“ครับนาย” ก้านรีบตอบรับเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา

“ตกลงเจ้าอุ้มมันบอกมึงรึยัง”

“ยังครับนาย”

“ทำไมมันปากแข็งนักวะ จะต้องเป็นความลับอะไรนักหนา”

“นาย นายไม่เชื่อใจคุณโอบเหรอครับ”

“มันบอกกับกูว่ามันรักหนูด้วง แต่มันก็ดันมีลูกกลับมาด้วย โอเค...จะมีลูกติดมากูไม่ได้ว่าอะไร แต่กูถามอะไรมันก็ไม่พูด แล้วกูจะรู้ได้ยังไงว่าที่ผ่านมามันพลาดหรือมันยังสับสน”

“แต่ผมว่าคุณโอบรักนายน้อยนะครับ”

“กูก็รู้ว่ามันรัก แต่มันไม่พอสำหรับกู”

“นายกลัวว่าคุณโอบกลับมาเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองรักนายน้อยในฐานะอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายได้หรือเปล่าใช่ไหมนาย”

“มึงเป็นอีกคนที่รู้ว่าตอนเด็กๆ เจ้าอุ้มมันมีปมพอๆ กับหนูด้วง อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ กูรู้ว่าหนูด้วงคือโลกทั้งใบของมันที่มันไม่อยากเสียไป แต่กูก็ไม่อยากให้มันใช้ความรักของหนูด้วงพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเอง”

“ผมอยากให้นายเชื่อมั่นในตัวคุณโอบเหมือนตอนที่นายเห็นคุณโอบครั้งแรก ผมจำสายตาของนายได้ดี นายเลือกที่จะเป็นพ่อให้คุณโอบเพราะมั่นใจว่าคุณโอบเป็นเด็กดี สายตาของคุณโอบที่มองนายก็ยังเหมือนเดิม”

“แล้วทำไมมันถึงบอกกูไม่ได้ว่าไปทำใครท้อง เฮ้อ...เอาเถอะ มึงคอยดูแลทั้งคู่ให้กูด้วย”

“ครับนาย”

“ดูแลเจ้าแฝดให้ดีด้วย”

“ไม่ต้องห่วงครับนาย ผมจะทำหน้าที่แทนนายให้ดีที่สุด”


มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-06-2018 12:47:31
ต่อจากด้านบนค่ะ


พญาวางสายก่อนจะถอนหายใจอีกรอบ นึกย้อนไปถึงอดีตวันที่ได้พบเจอกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

...
..
.


เด็กน้อยวัยห้าขวบเนื้อตัวมอมแมม ใส่เสื้อตัวใหญ่ที่เก่าและขาดจนไม่น่าเรียกว่าเป็นเสื้อผ้าได้ กำลังเดินเร่ขายพวงกุญแจให้กับนักท่องเที่ยวในบริเวณแหล่งร้านอาหารที่มีคนมาทานเยอะๆ

“ไป ไปขายที่อื่น” เถ้าแก่ร้านข้าวต้มไล่เด็กน้อยให้ไปไกลๆ ร้านเพราะกลัวว่าลูกค้าจะรังเกียจความสกปรก

“ช่วยผมซื้อหน่อยครับ สามพวงร้อยครับ”

“ไม่เอา” หญิงสาวคนหนึ่งทำหน้ารังเกียจและทำสีหน้าไม่พอใจ

เด็กน้อยมองตะกร้าพวงกุญแจในมือด้วยแววตาเศร้าโศก ถ้าขายไม่หมดก็ไม่ได้กลับ แถมยังถูกตีอีกด้วย สองเท้าเปล่าเดินย่ำพื้นที่เปียกแฉะไปเรื่อยๆ ไปหยุดยืนมองรถเข็นขายลูกโป่งที่มีสีสันสวยงามสะดุดตา รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นเพียงแวบเดียวก่อนจะจางหายไปแล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในร้านอาหารที่พญานั่งอยู่

“ออกไปเลย มาอีกแล้ว” แม้จะสงสาร แต่พนักงานในร้านก็ต้องรีบมาไล่เด็กน้อยให้ออกไป ร้านนี้เป็นร้านที่คนมีเงินส่วนใหญ่มานั่งทานจึงไม่เหมาะหากปล่อยให้เด็กเนื้อตัวมอมแมมเดินเข้าไป

“ผมขอขายนิดเดียวครับ”

“ไม่ได้ ไปๆ” พนักงานดันอกเด็กน้อยให้ถอยออกไป จนกระทั่งไปชนกับแขกที่กำลังจะเดินเข้ามา

“ไอ้เด็กเวร!! เหยียบรองเท้าขาวๆ ของกูดำหมดเลย”

“ขอโทษครับ” เด็กน้อยรีบยกมือไหว้

“ไปกินร้านอื่นเถอะค่ะคุณ” หญิงสาวที่มาด้วยเห็นสภาพของเด็กน้อยก็ไม่พอใจเลยชวนคนรักเปลี่ยนร้าน

“โธ่เอ้ย ออกไปเลย” พนักงานร้านหงุดหงิดที่เด็กน้อยทำให้เสียลูกค้าจึงผลักเด็กน้อยอย่างแรงจนตะกร้าพวงกุญแจหล่นกระจัดกระจาย

สองมือเล็กๆ รีบหยิบพวงกุญแจขึ้นมาเช็ดกับเสื้อจนครบ เมื่อเห็นพนักงานร้านทำท่าจะเข้ามาไล่อีกรอบก็รีบวิ่งออกไป พื้นถนนมีน้ำเจิ่งนองเพราะฝนเพิ่งซาทำให้เด็กน้อยลื่นล้ม พวงกุญแจที่เพิ่งจะทำความสะอาดก็ตกลงไปเปรอะเปื้อนน้ำสีดำบนถนน ยังไม่ทันจะได้ลุกด้วยขาของตัวเองร่างผอมบางก็ถูกกระชากขึ้นมาจนตัวลอย

“ไอ้สัตว์เอ้ย เปื้อนแบบนี้แล้วจะขายได้ยังไง มึงรู้ไหมว่ากูต้องขาดทุนเท่าไหร่” ไม่พูดเปล่า มือหนาตบเข้าไปที่ใบหน้าน้อยๆ จนหันไปตามแรงมือ

“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เด็กน้อยกุมใบหน้าที่เจ็บปวด สั่นไปทั้งตัวเพราะความกลัว

“กูอุตส่าห์ให้มึงมาขายของ ไม่ต้องไปนั่งขอทานอย่างเก่า พรุ่งนี้มึงกลับไปนั่งขอทานที่สะพายลอยอย่างเดิมเลยไอ้เด็กเวร”

“อย่าให้ผมไปนั่งบนนั้นเลยฮะ ผมขอขายของนะฮะ ผมไม่อยากขอทาน”

“ฮ่าๆ มึงจำใส่กะโหลกเอาไว้เลย ชีวิตมึงไม่พ้นขอทานหรอก มึงมันเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ กูให้ข้าวให้น้ำให้ที่นอนก็บุญแล้ว”

“ผมไม่ขอทาน” เด็กน้อยส่ายหน้าพร้อมกับพนมมือ

“กูไม่ใช่คนขี้สงสาร” ฝ่ามือหน้าตบไปที่หัวของเด็กน้อยจนร่างเล็กๆ หน้าคว่ำลงไปนอนราบกับพื้น เนื้อตัวสั่นเทาแต่ไม่มีน้ำตาสักหยด

“มึงมันเก่งแต่รังแกเด็ก”

“นายพญา!!”

“กูว่ากูเลวแล้วนะ เจอมึงนี่กูแทบกราบ”

“ผมแค่...แค่ต้องทำมาหากินครับ”

“จะเรียกมึงว่าเหี้ยกูยังสงสารเหี้ยเลย ไอ้ก้าน ไอ้หนอม...” พญาพยักหน้าให้ลูกน้องของตัวเอง ทั้งสองคนเดินเข้าไปหา ‘ไอ้สามารถ’ ด้วยท่าทางดุดัน

“นายพญา ผมขอโทษ ผมไม่นึกว่าในเมืองนี่ก็เป็นเขตของนายด้วย ผมจะรีบพาไอ้เด็กนี่ไปไกลๆ อย่าทำอะไรผมเลยนะนาย”

“หึ...กูไม่ได้หากินแบบมึงหรอก ที่กูจะสั่งสอนมึงเพราะอยากให้มึงรู้ว่าคนที่ไม่มีทางสู้เขารู้สึกยังไง”

“ผมไหว้ล่ะนาย อย่าทำผมเลยนะ”

“กูไม่ใช่คนขี้สงสาร” พญาพูดจบก็เดินเข้าไปหาเด็กน้อยที่ยังนอนนิ่งอยู่บนถนนเพราะไม่กล้าลุก ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสามารถ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พญานึกสงสารแต่อย่างใดเพราะความสงสารทั้งหมดมาหยุดอยู่ที่เด็กน้อยคนนี้แล้ว

เขาเคยเจอเด็กน้อยคนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เด็กคนนี้คงจำเขาไม่ได้ ในวันนั้นเขานึกว่าไอ้สามารถเป็นพ่อของเด็กคนนี้เขาถึงไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยตอนที่เห็นว่ามันกระชากลากคอเสื้อเด็กน้อยคนนี้อย่างไม่ปราณีเลยสักนิด เขาไม่ได้เอะใจเพราะสังคมทุกวันนี้มันเน่าเฟะ พ่อแม่รังแกลูกมีให้เห็นเต็มไปหมด คิดแล้วก็นึกเสียใจ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
 
“เอาไงต่อครับนาย” ก้านเดินกลับเข้ามาหาเจ้านายก่อนจะมองเด็กน้อยด้วยความเวทนา

“ลุกขึ้นมา” พญาพูดกับเด็กน้อย เขาไม่ได้ช่วยประคองแต่อยากให้เด็กคนนี้ลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง
 
เด็กน้อยมองพญาด้วยความลังเล ไม่ใช่ว่าจำเขาไม่ได้ เขาคือคุณน้าใจดีที่เคยให้เงินสองพันบาทเพราะเหมาซื้อหมากฝรั่งไปในวันนั้น แต่เพราะเขาสั่งให้ลูกน้องไปทำร้ายน้าสามารถ เด็กน้อยกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นมายืนตัวสั่นตรงหน้าของคนที่ดูน่าเกรงขาม ไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าคนนี้จะตบตีเหมือนน้าสามารถหรือเปล่า ที่ผ่านมาโดนทำร้ายจนระแวงว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ทำดีกับตัวเองอีกแล้ว
 

“ชื่ออะไร”

“ไม่มีชื่อ”

“ไม่มีได้ไง ปกติไอ้หมอนั่นมันเรียกเราว่ายังไง” พญาบุ้ยใบ้ไปทางสามารถที่นองกองอยู่กับพื้น

“ไอ้สัตว์ เรียกผมว่าไอ้สัตว์ครับ”

ทีแรกพญาก็สะดุ้งนึกว่าเด็กน้อยคนนี้ด่าตัวเอง แต่พอรู้ว่าไอ้สามารถเรียกเด็กน้อยคนนี้ว่าไอ้สัตว์ก็นึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก จึงสบถออกมา

“ไอ้สัตว์เอ้ย!!!”

“ครับ” เด็กน้อยนึกว่าพญาเรียกตัวเองจึงตอบรับ พญากับไอ้ก้านต้องกลั้นขำ แต่ในใจก็นึกชื่นชมเด็กคนนี้ที่ยังคงความสุภาพเอาไว้ทั้งที่ตัวสั่นงันงก 

“โอบอุ้ม ชื่อโอบอุ้มก็แล้วกัน” พญานึกชื่อนี้ขึ้นมาได้

“โอบ...อุ้ม” เด็กน้อยทวนคำก่อนจะเงยหน้ามองพญาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความดีใจ

“อยากไปอยู่กับกูไหม”

“ไปครับ” เด็กน้อยตอบโดยไม่คิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ทั้งที่กลัวคนแปลกหน้ามาทำร้ายแต่ก็อยากไปกับเขาคนนี้

“มึงจะต้องโอบตัวเองเวลาไม่มีใคร แล้วก็อุ้มตัวเองออกมาจากความเจ็บปวดที่มึงเคยเจอ กูเปลี่ยนอดีตให้มึงไม่ได้แต่กูจะให้อนาคตกับมึงนะเจ้าอุ้ม” พญารู้ดีว่าการไม่มีแม่อยู่คอยดูแลเป็นยังไง มันโดดเดี่ยวแค่ไหน

“นาย...”

“อะไรวะไอ้ก้าน”

“นายโคตรพระเอกเลย”

“ที่ผ่านมากูไม่ใช่พระเอกเหรอวะไอ้ก้าน” พญาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะถามลูกน้องของตัวเอง

“โธ่นาย ก็..ก็” ไอ้ก้านไม่อยากโกหกแต่ก็รู้ดีว่าขืนพูดความจริงไปคงจะถูกยันโครมลงไปกองกับพื้นเหมือนไอ้สามารถแน่ๆ

“เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ครับ” โอบอุ้มเงยหน้ามองพญาด้วยแววตาที่แสนจะเทิดทูน คำพูดซื่อๆ ของเด็กน้อยทำให้พญาอดภูมิใจเล็กๆ ไม่ได้ ไม่เคยมีใครชมเขาด้วยความจริงใจ ไม่เคยมีสายตาของใครมองเขาด้วยความหวังแบบนี้มาก่อนเลย

“พูดดี!! กูจะรับมึงเป็นลูกบุญธรรม กูจะทำให้คนอื่นรู้ว่าถึงกูมันเลว แต่ลูกของกูจะต้องเป็นคนดี เป็นราชสีห์ ราชสีห์ ภูมิเทพ ไปโว้ยไอ้ก้าน!! ไปจัดการหาซื้อข้าวของเสื้อผ้าให้เจ้าอุ้ม”

“ครับนาย!!”

.
..
...


พญายกยิ้มเมื่อนึกถึงอดีต อดีตที่เกือบจะลืมไปแล้วว่าตนเองรู้สึกอย่างไรยามที่เห็นแววตาของเด็กน้อยคนนั้น นี่คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตที่เขาคิดว่าตัวเองทำเรื่องที่ถูกต้อง ตอนนี้จึงได้แต่หวังว่าราชสีห์ตนนั้นกำลังทำในเรื่องที่ถูกต้องอยู่เช่นกัน
 

หนูด้วงลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้าพร้อมกับเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวบางส่วนใส่กระเป๋าเป้ใบโปรด ไม่ลืมที่จับน้องด้าวแต่งตัวให้ดีด้วยเพราะวันนี้จะเป็นวันแรกที่ร้านของพี่โอบเปิดให้บริการ หนูด้วงโทรไปขอแด๊ดดี้กับมัมว่าจะไปค้างบ้านของรุ่นพี่ โทรไปขอตั้งแต่ตีห้าเพราะกลัวว่าหากขอตอนสายๆ อาจจะเจอกับยุงพญาเวลามากินกาแฟที่ร้านของมัมแล้วตัวเองจะอดไป ซึ่งทั้งสองคนถามรายละเอียดของรุ่นพี่ก่อนจะอนุญาต หนูด้วงรู้สึกผิดเหมือนกันที่ต้องปิดบังแต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ

นกฮูกเพิ่งจะตื่น เห็นหนูด้วงตื่นแต่เช้าก็ทำหน้าประหลาดใจ ยิ่งเห็นกระเป๋าเป้ที่วางข้างตัวก็นึกสงสัยเลยอดถามไม่ได้

“จะไปไหนแต่เช้า”

“ไปร้านพี่โอ....เอ่อ พี่นโม จะไปค้างเพราะวันนี้ร้านเปิดวันแรก เราขอมัมกับแด๊ดแล้ว” หนูด้วงตอบละเอียดเพราะรู้ว่านกฮูกต้องเป็นห่วง

“มัมกับแด๊ดอนุญาตด้วยเหรอ”

“อือ”

“แปลก”

“แล้วนกฮูกจะไปเที่ยวที่ร้านของพี่นโมไหม”

“ไม่รู้สิ เปิดกี่โมง”

“อืม น่าจะบ่ายๆ แต่ปิดห้าทุ่ม นกฮูกอยากไปเป็นบาริสต้าไม่ใช่เหรอ ไปฝึกงานไหม เราจะบอกพี่นโมให้”

“ขายเหล้าด้วยรึเปล่า”

“ไม่ขาย เห็นพี่นโมว่ามีแต่เครื่องดื่มแบบม็อกเทล กาแฟ ของทานเล่นต่างๆ เราก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าร้านเป็นยังไง ยังไม่เคยเห็นเลยถึงอยากไปเห็น ไปไหม”

“ไปก่อนแล้วกัน ถ้าอ่านหนังสือเสร็จอาจจะตามไป”

“โอเค งั้นเราลงไปก่อนนะ ได้เวลานัดแล้ว”

“อืม ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วยนะ”

“ไปนะคุณหมอ” หนูด้วงเดินไปหอมแก้มนกฮูกก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี

“เที่ยวหอมใครต่อใครแบบนี้ ไม่ใช่หนูด้วงทำไม่ได้นะ” นกฮูกบ่นพลางขำแต่เพราะรู้ว่าหนูด้วงโตมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรัก การกอดการหอมของหนูด้วงจึงเป็นแค่การแสดงความรักตามปกติเท่านั้นเอง

หนูด้วงทำหน้าตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าพี่โอบเอารถมอเตอร์ไซด์มารับแทนน้องโฟล์คเต่าสีแดง ถ้าซ้อนมอเตอร์ไซด์ก็จะได้กอดและซบพี่โอบไปด้วย แต่พอมองมาที่น้องด้าวเจ้าตัวก็ทำหน้ายุ่งเพราะว่าน้องด้าวจะต้องคั่นกลาง คิดแล้วหนูด้วงรีบเอาน้องด้าวผูกไว้กับเป้

“ไม่ต้องกลัวตกนะ พี่หนูด้วงผูกแน่นหนา อาจจะเสียวนิดๆ”

“นึกว่ายังไม่ตื่นเสียอีก” โอบอุ้มทักเมื่อเห็นหนูด้วงตื่นลงมารอก่อนเวลา

“หนูโตแล้วนะ ไม่ตื่นสายแล้ว” หนูด้วงคุยโวก่อนจะเดินลงไปหา

“แล้วไหนว่ามีอะไรจะบอกพี่”

“คิดถึง”

“หึหึ...มาใส่หมวกก่อน” โอบอุ้มนึกขำคนขี้อ้อนก่อนจะหยิบหมวกกันน็อกมาใส่ให้

“มีชื่อของหนูด้วย” หนูด้วงดีใจที่มีชื่อของตัวเองบนหมวกกันน็อก

“มีของน้องด้าวด้วย” โอบอุ้มเอื้อมมือไปหยิบหมวกกันน็อกอันเล็กที่วางอยู่ในตะกร้าหน้ารถมาให้หนูด้วง

“เด็ดเด็ด น่ารักมาก หนูใส่ให้น้องด้าวก่อนนะ” หนูด้วงหัวเราะร่าเมื่อรู้ว่าพี่โอบนึกถึงน้องด้าวด้วย

“จับดีๆ นะ” โอบอุ้มบอกหลังจากที่หนูด้วงขึ้นมานั่งซ้อนท้ายตัวเองแล้ว

“จะจับให้แน่นเลยฮะ”

เจ้าสองล้อสีฟ้าอ่อนแล่นไปด้วยความเร็วช้าจนถึงช้ามากแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่นั่งบนมันหงุดหงิด กลับกัน...ยิ่งทำให้ทั้งสองคนมีเวลาใกล้ชิดและรับอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่ โอบอุ้มยังไม่ได้พาหนูด้วงไปที่บ้านแต่มาแวะที่ร้านอาหารเช้าก่อน ซึ่งพอลงจากรถได้หนูด้วงก็คล้องแขนโอบอุ้มแล้วทำท่าทางลุกลี้ลุกลนทันที

“เป็นอะไร”

“หนูเห็นพี่ก้าน ทำไงดี”

“แล้ว...” โอบอุ้มทำหน้างงๆ

“ก็ถ้าพี่ก้านเอาไปบอกยุง ยุงต้องถามหนูแน่เลยว่าพี่เป็นใคร”

“จริงด้วย ทำยังไงดี”

“หนูต้องปลอมตัวก่อน พี่โอบบังให้หนูแป๊ปหนึ่งนะฮะ” หนูด้วงหลบไปอยู่ด้านหลังของโอบอุ้มก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้ของตัวเอง ทำอะไรขยุกขยิกอยู่พักใหญ่ถึงได้เดินมายืนข้างๆ โอบอุ้มตามเดิม

“เฮ้ย...ฮ่าๆๆๆๆๆ” โอบอุ้มหลุดขำเสียงดังเมื่อเห็นหนูด้วงใส่วิกผมปลอมสีเหลืองสด ใส่แว่นกันแดดสีดำที่มีรูปแตงโมขนาดใหญ่ติดที่กรอบแว่น แถมยังเอาเสื้อคลุมลายมังกรยาวถึงข้อเท้ามาใส่อีกด้วย

“พี่อย่าขำสิ นี่เรื่องเครียดนะ”

“โอเค มันเครียดมากเลย” โอบอุ้มพยายามกลั้นขำ

“จะเดินผ่านพี่ก้านแล้ว พี่ทำหน้าขรึมๆ เอาไว้นะฮะ” หนูด้วงกระซิบกระซาบ

“สวัสดีครับนายน้อย พี่ก้านว่าวันนี้แต่งตัวดูเกรี้ยวกราดมากเลยนะครับ” ก้านเดินเข้ามาทักหนูด้วง

“อ้าว จำหนูได้ไง ทำไมอ่า หนูยังจำตัวเองไม่ได้เลยนะ” หนูด้วงมองตัวเองผ่านประตูกระจกของร้าน

“โธ่ พี่ก้านเลี้ยงนายน้อยมาตั้งแต่เดินเตาะแตะ เห็นเงายังจำได้เลย”

“โหย อุตส่าห์ปลอมตัว อ๊ะ!! แล้วพี่ก้านมาที่นี่ทำไม มาหาน้าตวงเหรอฮะ แน่นแน่!!”

“ครับ มาหาคุณตวง” ก้านตอบพลางมองไปที่โอบอุ้ม

“คือ นี่เพื่อน เอ้ย รุ่นพี่ของหนูเอง รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว แบบรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของร้านกล่องดนตรี แบบร้านกล่องดนตรีที่หนูจะไปร้องเพลง แบบแต่หนูขอมัมแล้วนะ แบบพี่เขาเป็นคนดี แบบ...”

“สวัสดีครับคุณโอบ พานายน้อยมาทานอาหารเช้าเหรอครับ” ก้านพูดแทรกขึ้นมาเพราะเกรงว่านายน้อยของตัวเองจะคอแห้งที่ต้องหาเหตุผลเป็นร้อยมาอธิบายให้ฟัง

“อะ..อ้าววว พี่ก้านรู้เหรอฮะว่านี่คือพี่โอบ” หนูด้วงทำหน้าเลิ่กลั่ก

“รู้ครับ”

“อ้าว แล้วพี่โอบรู้ไหมฮะว่าพี่ก้านรู้ว่าเป็นพี่โอบเป็นพี่โอบที่ไม่ใช่พี่นโมที่พี่โอบแอบเป็นอย่างที่คนอื่นเข้าใจว่าเป็นพี่นโมไม่ใช่พี่โอบ”

“กวนแล้วเจ้าตัวแสบ” โอบอุ้มยีผมหนูด้วงเบาๆ

“ไอ้ก้านล่ะปวดหัวกับนายน้อยจริงๆ” ก้านส่ายหน้าในความทะเล้นของหนูด้วง

“ก็พี่ก้านกับพี่โอบอยากมาแกล้งหนูก่อน ไหนพี่โอบว่าไม่ให้บอกใครไงฮะ”

“ถึงพี่ไม่บอกพี่ก้าน น้าตวงก็ต้องบอกอยู่ดี” เมื่อโอบอุ้มอธิบายหนูด้วงก็พยักหน้าคล้อยตาม

“แล้วพี่ก้านจะบอกยุงไหมฮะ” หนูด้วงทำสีหน้ากังวล ถึงจะรู้ว่าหากพี่ก้านรู้ยุงพญาก็อาจจะรู้ แต่ที่ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะรู้ก็คือเรื่องของน้องแฝด ยุงพญาจะต้องไม่ยอมให้หนูด้วงคบกับพี่โอบแน่ๆ หากรู้ว่าพี่โอบมีภรรยาและลูกแล้ว

“ไม่ต้องกังวลครับนายน้อย ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะครับ พี่ก้านขอตัวไปรับคุณตวงเข้าเมืองก่อน”

“ขอบคุณครับพี่ก้าน” โอบอุ้มยกมือไหว้ก้านแต่หนูด้วงเดินเข้าไปกอดก้านก่อนจะยกมือไหว้

“หนูมีความสุขมากเลยฮะพี่ก้าน” หนูด้วงยิ้มน้อยๆ ก้านยิ้มตอบก่อนจะขอตัวไป

“แล้วพกชุดพวกนี้มาทำไม” โอบอุ้มพาหนูด้วงมานั่งในร้าน สั่งอาหารทานกันแล้วถึงถามอย่างขำๆ

“ก็จะเอามาเล่นจอมยุทธ์กับน้องไม้น้องหม่อนไงฮะ”

“โดนทับไม่เข็ดเหรอ”

“ไม่เข็ด สนุกดี น้องไม้น้องหม่อนตัวเล็กทับไม่เจ็บ แต่ถ้าพี่โอบทับคงเจ็บ”

“แค่กๆๆๆ” โอบอุ้มสำลักกาแฟทันทีที่ได้ยิน

“ค่อยๆ กินสิฮะ”

“แล้ว...ขนอะไรมาอีก”

“เสื้อผ้า คืนนี้หนูจะมาค้างกับพี่ หนูขอแด๊ดดี้กับมัมๆ แล้ว”

“เทอมสองย้ายมาอยู่กับพี่ไหม”

“มาฮะ หนูอยากอยู่กับพี่ทุกวันทุกวัน”

“จะพากันดื้อไหมนะ สามแสบ” โอบอุ้มยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงเวลาที่หนูด้วงจะได้มาอยู่ด้วยกัน

“หนูจะเป็นแม่ให้น้องแฝดเอง”

“แค่กๆๆๆ” โอบอุ้มสำลักกาแฟรอบสอง

“พี่อย่ารีบดื่มสิ เห็นไหม เสื้อเปื้อนหมดแล้ว” หนูด้วงขมวดคิ้ว ปกติตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกพี่โอบดุเวลากินอะไรแล้วเปื้อนเสื้อผ้า แต่วันนี้พอได้เป็นฝ่ายดุพี่โอบบ้างเลยทำหน้าตาขึงขังจริงจัง

“ขอโทษครับพี่หนูด้วง” โอบอุ้มเริ่มคิดว่าตัวเองไม่ควรดื่มกาแฟตอนอยู่กับหนูด้วง สงสัยจะได้สำลักจนหมดแก้ว

“น้องแฝดชอบกินอะไรบ้างฮะ หนูจะได้สั่งไปให้”

“น้องไม้ไม่ชอบกินผักสีเหลืองและชอบกินไส้กรอกคลุกน้ำปลาเหมือนหนูด้วง น้องหม่อนชอบกินแพนเค้กราดน้ำผึ้งกับปลาทูทอดคลุกข้าวเหมือนหนูด้วง”

“เย้ ดีจัง ชอบและไม่ชอบเหมือนหนู”

“ขอบคุณนะที่รักเด็กทั้งสองคน”

“สาม..พี่ด้วย หนูรักพี่ด้วย”

“พี่ก็รักหนู”

เจ้าตัวแสบจะรู้ไหมนะว่าพี่โอบอุ้มอยากจะขี่รถกลับบ้านแล้วจับท่านจอมยุทธ์ในชุดมังกรมาจัดการซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำได้แค่อดทนแล้วส่งยิ้มไปให้ แค่ได้มองดูหนูด้วงกินแพนเค้กด้วยความเอร็ดอร่อยก็มีความสุข แค่ได้เห็นรอยยิ้มก็ทำให้โลกที่เคยโดดเดี่ยวของตัวเองเต็มไปด้วยความอบอุ่น อยากใช้ชีวิตที่มีหนูด้วงกับใบไม้และใบหม่อน ต่อให้ต้องเหนื่อยยากหรือไม่มีใครเข้าใจก็ไม่เป็นไร คนไม่สมบูรณ์คนนี้แค่อยากสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง แค่หนูด้วงเข้าใจและอยู่เคียงข้างเขาก็พอแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป

          อย่ากังวลเรื่องดราม่านะคะ เลิฟตัดสินใจแต่งเรื่องในวัยมหา’ลัยนี้ทั้งที่ห่างไกลตัวพอควรแล้วเพราะอยากนึกถึงช่วงเวลานั้นอีกครั้ง วัยนี้เป็นวัยที่กำลังอยู่ในช่วงข้ามจากเด็กมาเป็นผู้ใหญ่ บางคนได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ ได้มีโอกาสตัดสินในเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง ได้ลองผิดลองถูก ได้เจอความรักในรูปแบบผู้ใหญ่ ในขณะเดียวกันก็กลับมาทำตัวเป็นเด็กเวลาที่ต้องเผชิญความผิดหวัง ทุกอย่างมันคือบทเรียนของการก้าวเดินไปข้างหน้า

                  มิตรภาพในวัยนี้ก็สำคัญ เป็นได้ทั้งเพื่อนแท้และศัตรู เลิฟอยากให้ทุกคนสนุกกับเรื่องที่พวกเขาต้องเจอและก้าวข้ามไปด้วยกัน ไม่ว่าใครจะคู่กับใครมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิต เวลาจะบอกเองว่าตรงไหนคือพื้นที่ของเราและใครคือคนที่ใช่ ลองนึกย้อนไปนะคะ กว่าเราจะได้เจอใครสักคนที่ใช่มันไม่ง่ายเลย บางมุมมันคือเรื่องที่เลิฟอาจจะได้เคยเห็นมันผ่านชีวิตจากคนรอบตัวของเลิฟเอง

                 ...บางคนผ่านเข้ามาเพื่อเป็นกำลังของใจ แต่บางคนก็ผ่านมาเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้กับความเจ็บปวด...


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 18-06-2018 14:18:53
สงสารพี่โอบมาก กว่าจะมีวันนี้ได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะ อะไรที่เป็นความสุขของตัวเอง โอบอุ้มมันเข้าหาตัวเองนะพี่โอบ
สารภาพว่าแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำของออฟฟิศ ตอนอ่านเจอคำว่า "ไอ้สัตว์"
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-06-2018 14:21:35
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-06-2018 14:54:00
อยากรู้ว่า 2 แฝดเกิดขึ้นมาได้ยังไงพี่โอบไปมีเมียแล้วเลิกกันหรืออะไรยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 18-06-2018 15:00:54
ฮากับการสั่งอาหารของร้านพี่เปิ้ล   และชอบการตั้งชื่อแทนตัวระหว่างหนูด้วงกับพี่โอบ หวานมากๆ 

สงสารโอบในช่วงวัยเด็ก แต่โชคดีของโอบที่ได้พญามาช่วยไว้ได้ทันและรับเป็นพ่อบุญธรรม

เราว่าทุกคนในครอบครัวหนูด้วงคงรู้ว่าพี่นโมคือโอบ  ถึงได้ยอมให้หนูด้วงมาค้างกับโอบได้
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-06-2018 16:37:47
สนุกมาก  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-06-2018 19:36:24
สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-06-2018 19:45:33
 :man1:

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 18-06-2018 20:25:25
สั้นจังงง (ใครจะว่ายาว เราว่าสั้นก็เราคิดถึน) ฮืออออ สงสาร พี่โอบ เมื่อไหร่จะมีความสุขจริงๆสักที
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 18-06-2018 22:04:41
ชีวิตพี่โอบในวัยเด็กน่าสงสารมาก(T___T)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 18-06-2018 23:17:36
ชอบจัง ลุงพญา :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 18-06-2018 23:38:38
พี่โอบ น้องด้วง ยังน่ารักเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 19-06-2018 05:42:36
สงสารสิงห์โต ขอให้น้องเจอคนที่ใช่เร็วๆนะ น้องจะได้เป็นเพื่อนรักของหนูด้วง อย่างมีความสุข หนูด้วงก็ห่วงเพื่อน  ในแบบหนูด้วง ชอบชื่อของทุกคนที่ตั้งไว้แชทกัน กินกันไม่ลง แต่ชอบของหนูด้วงที่สุด มันน่ารัก หนูด้วงพี่น้องด้าว

ยุงพญาเท่ มาก รู้เกือบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องทำไมถึงมีน้องแฝด ส่งพี่ก้านมาดูแลอีก ยุงหล่อที่สุด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 19-06-2018 19:02:15
เพลงรักที่หายไป
เพลงพิเศษ...แค่คนอีกคน
ศิลปิน ปราโมทย์ วิเลปะนะ


ผมคือนายราชันย์ อุดมเทพสกุล ลูกชายคนเดียวของตระกูล เกิดมาบนกองเงินกองทองและไม่เคยรู้จักคำว่าผิดหวัง พ่อกับแม่บอกว่าเงินมันซื้อความสุขให้เราได้ ท่านทำงานอย่างหนักเพราะคิดว่าเงินจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของครอบครัวดีขึ้น ผมไม่เถียงเลยว่าผมสุขสบายเพราะเงินทองที่พ่อกับแม่หามา แต่มันสุขสบายแค่ทางกาย มันไม่เคยช่วยให้จิตใจของผมมีความสุขได้เลย เงินใช้ไม่ได้กับความรัก...และผมกำลังรู้จักกับคำว่าผิดหวัง

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร เมื่อคืนผมเกือบจะทำในสิ่งที่ผิดพลาดอีกครั้งในชีวิต รู้ว่าทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังพาลเวลาที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ของสำคัญที่ผมเฝ้าทะนุถนอมอย่างหวงแหนมาตลอด 12 ปี กำลังถูกใครก็ไม่รู้คว้าไปอย่างง่ายดาย มันเลยทำให้ผมโกรธ โกรธตัวเองที่ไม่ดีพอจะรักษาของสิ่งนั้นเอาไว้ได้ ผมอิจฉาที่ผู้ชายคนนั้นที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลยก็ได้หัวใจของหนูด้วงไป

12 ปีที่แล้ว เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งอุ้มตุ๊กตาเอเลี่ยนเข้ามาในห้องเรียน เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันมุ่งความสนใจไปที่เจ้าตุ๊กตาหน้าตาประหลาดตัวนั้น แต่ผมกลับสนใจแววตาใสบริสุทธิ์ของคนที่อุ้มเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นมากกว่า จากวันนั้นเป็นต้นมาสายตาของผมก็ไม่เคยมองไปที่ใครอีกเลย เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่มองโลกในแง่ดีช่วยทำให้ผมกลายเป็นคนใจเย็นลงได้ เขาไม่เคยตักเตือนหรือสั่งสอนผมว่าควรทำตัวยังไง ไม่เคยต่อว่าหรือมีคำพูดที่ทำให้ผมเสียใจ มีแต่อยู่ข้างๆ เวลาผมท้อใจ ปลอบใจผมด้วยรอยยิ้มและแววตาที่จริงใจเสมอ

...หนูด้วงรักเพื่อนทุกคน ใส่ใจเพื่อนทุกคนและก็ให้ทุกคนเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น...

ถึงจะเป็นได้แค่เพื่อนผมก็มีความสุข อย่างน้อยผมยังได้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแลกัน เพราะแบบนี้ผมถึงไม่อยากให้หนูด้วงหายไปไหน อยากให้อยู่ข้างๆ ถึงจะรู้เต็มอกว่าหนูด้วงมีคนสำคัญอยู่ในใจและเฝ้ารอการกลับมาของเขาคนนั้น ผมก็ยินดีที่จะรอหนูด้วงเหมือนกัน 

...15 ปีที่หนูด้วงรอคนสำคัญคือ 12 ปีที่หนูด้วงกลายมาเป็นคนสำคัญของผม แต่ผมกลับพ่ายแพ้ให้คนที่ได้เจอหนูด้วงแค่ 2 วัน...

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันร้อนรุ่มและเสียใจ ผมน้อยใจที่หนูด้วงมองข้ามความรักของผมไป ผมคิดจะเรียกร้องสิ่งที่ผมควรจะได้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ดีใจที่ผมไม่ได้ทำลงไป ผมไม่ได้จูบหนูด้วงอย่างที่คิดจะทำ เกือบจะทำลายทุกอย่างลงไปเพียงเพราะอยากเรียกร้องในสิ่งที่ไม่เคยเป็นของตัวเอง

Fukurou : นายรักหนูด้วงหรือรักตัวเอง ถ้ารักหนูด้วง ทำไมถึงไม่ดีใจที่หนูด้วงกำลังมีความสุข

ข้อความที่นกฮูกส่งมาให้ผมทางไลน์ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด นอกจากจะผิดต่อหนูด้วงแล้วยังทำให้เพื่อนผิดหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้รู้สึกอึดอัด รู้สึกเสียใจและตำหนิตัวเอง ผมตัดสินใจขับรถออกจากหอพัก แวะซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะไปนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่ริมทะเล

...มีคนบอกว่าเวลาอกหักให้ทะเลช่วยเยียวยา ผมก็หวังว่ามันจะได้ผล...

ผมดื่มเบียร์รวดเดียวหมดไปสี่กระป๋อง เริ่มรู้สึกมึนๆ เลยเอนหลังลงนอนกับพื้นทราย นึกถึงตอนที่ได้นอนมองดูดาวข้างๆ หนูด้วง บางทีก็อิจฉาเจ้าตุ๊กตาเอเลี่ยนตัวนั้นที่ได้อยู่กับหนูด้วงตลอดเวลา นี่ผมกำลังเริ่มเมาหรือว่าอาการอกหักมันหนักจนเกินเยียวยากันแน่ถึงกับอิจฉาน้องด้าวแบบนี้

‘คงหวังสูงเกินไปจะให้เธอให้ความสำคัญ ชีวิตชั้นมันเพียงฝุ่นดิน เพียงสักครั้งสักคราแค่เธอมาทักทายให้ได้ยิน มองแล้วยิ้มให้กันก็ดีแล้ว บอกกับตัวเองให้ฝันแค่พอประมาณ แค่ให้พอชื่นใจ บอกเอาไว้ ว่าควรพอแค่นี้...’

เสียงเพลงทำให้รู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวที่นี่ เมื่อชันตัวลุกขึ้นมองหาต้นตอของเสียงก็เห็นเงาลางๆ นั่งอยู่ไม่ไกลจากผม ยอมรับว่าตกใจเพราะเงาที่เห็นรูปร่างคล้ายกับหนูด้วงมาก ผมขยี้ตาก่อนจะมองไปอีกครั้ง ผมแน่ใจว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชาย หุ่นผอมบางและตัวพอๆ กับหนูด้วงเลย

‘แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา’

ผมตัดสินใจลุกเดินไปหาอย่างมีความหวัง หวังว่าหนูด้วงอาจจะรู้ว่าผมกำลังทุกข์ใจและมาหาเพื่อยิ้มให้ผมเหมือนทุกที

“หนูด้วง เอ่อ...ขอโทษครับ” ผมแตะไหล่เขาจนเขาหันมาผมถึงรู้ว่าไม่ใช่หนูด้วงอย่างที่ผมหวังให้เป็น

“ไม่เป็นไร”

แม้บริเวณนี้จะไม่มีแสงไฟแต่แสงจันทร์ส่องสว่างพอสมควร ผมจึงเห็นใบหน้าของคนที่ผมทักผิดได้ค่อนข้างชัดเจน

...ใบหน้ารูปไข่ ดวงตารียาว จมูกโด่งมนรับกับริมฝีปากบาง มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อยจนดูเหมือนคนที่กำลังยิ้มตลอดเวลา แต่แววตากลับเศร้าจนเห็นได้ชัด ผิวขาวมากและผมคิดว่าคงจะนุ่มมือถ้าได้สัมผัส...

“อายุเท่าไหร่ถึงซื้อเบียร์ได้” เขาถามผม ทำเหมือนผมเป็นเด็กทั้งที่เขาดูเด็กกว่าผมอีก

“ยี่สิบแล้ว นายล่ะอายุเท่าไหร่” ผมย้อนถาม จริงอยู่ว่าผมเพิ่งเป็นนักศึกษาปี 1 นั่นเพราะผมเข้าเรียนตอนอนุบาลช้าไป 2 ปี

“ยี่สิบสาม”

“ไม่จริงอะ”

“แล้วแต่จะคิด” เขาย้อนผม คุยกับผมแต่ไม่ยอมมองหน้า เอาแต่เหม่อมองไปที่ทะเลอย่างเดียว ผมตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“ชื่ออะไร”

“ตะโก้” เขาตอบ นึกว่าจะไม่ยอมตอบเสียอีก

“ชื่อน่ากิน น่าอร่อย” ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมพูดแบบนั้นออกไปกับคนที่เพิ่งรู้จัก อีกฝ่ายหันมามองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะยกยิ้ม

“อกหักมาเหรอ” เมื่อโดนจี้ใจดำผมเลยถอนหายใจ

“เพลงอะไร ที่เปิดฟังอยู่” ผมไม่ได้ตอบเขาแต่เปลี่ยนเรื่องแทน เพลงมันโดนใจผมดี

‘แค่คนอีกคนเป็นอีกคน คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ’

“แค่คนอีกคน”

‘คนรอบๆ ตัวเธอ แต่ละคนเค้าช่างดูดี มีพร้อมแล้วที่เธอต้องการ มองแล้วฉันเข้าใจ ได้แค่คอยเฝ้าดูและรับฟัง วันไหนที่เธอเจอคนที่รัก’

“เคยอกหักไหม” ผมถาม ถึงเขาจะบอกว่าอายุเยอะกว่าแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากเรียกเขาว่าพี่

“เคย”

“เจ็บไหม”

“ไม่เจ็บเท่าคนที่เรารักตายหรอก”

ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบ มิน่าแววตาของเขาถึงได้ดูเศร้าหนัก แล้วผมก็ได้ย้อนคิดว่าความเจ็บปวดของคนแต่ละคนมันแตกต่างกัน ผมว่าผมเจ็บมากแล้วที่กำลังจะเสียคนที่ผมรักให้คนอื่นไป แต่คนข้างๆ ผมเขาจะเจ็บขนาดไหนที่ไม่มีวันจะได้เห็นคนรักของตัวเองอีกเลย

“คนเราตายแล้วไปไหนกันนะ” เขาถามผม

“ยังไม่เคยตายเสียด้วย” ผมตอบไปตรงๆ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ

“ขอเบียร์สักกระป๋องได้ไหม” เมื่อเขาขอผมเลยยื่นกระป๋องเบียร์ที่เหลือให้

“เป็นนักท่องเที่ยวหรืออยู่ที่เกาะนี้”

“มาเที่ยว”

“คนเดียว”

“อืม คนเดียว เขาเคยอยากมาแต่ไม่มีโอกาสได้มา เลยมาเที่ยวแทนเขา”

“อยากร้องไห้ไหม” ผมถามไปตรงๆ

“อยาก แต่ไม่ร้องหรอก ไม่อยากให้เขาห่วง”

คำตอบของตะโก้ทำให้ผมพูดไม่ออก หนูด้วงคงจะห่วงผมแบบนี้ไม่ต่างกัน ถึงจะรักผมแบบคนรักไม่ได้แต่ผมรู้ว่าหนูด้วงห่วงผม ผมคงรักตัวเองอย่างที่นกฮูกคิด เห็นแก่ตัวจนลืมนึกถึงความรู้สึกของหนูด้วง ผมควรจะยินดีและอยู่เคียงข้างหนูด้วงอย่างที่เคยเป็นมากกว่าทำตัวแย่ๆ แบบนี้ 

“เคยทำอะไรผิดพลาดไหม” ผมถาม เป็นคำถามที่อยากให้สักคนปลอบว่าคนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

“เราทำร้ายพี่ชายของตัวเองเพียงเพราะอิจฉาที่ใครๆ ก็รักเขา ทำร้ายเพื่อนจนเพื่อนต้องมาตาย ทำเรื่องชั่วๆ เพราะไม่อยากให้คนอื่นมีความสุข สุดท้ายคนที่เรารักก็ยอมสละชีวิตของตัวเองเพียงเพื่อให้คนเลวอย่างเรามีลมหายใจ”

ผมไม่อยากจะเดาเลยว่าคนที่กำลังพูดถึงตัวเองอยู่ในตอนนี้มีบาดแผลในใจขนาดไหน ไม่คิดว่าเจ้าของใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์จนผมไม่เชื่อว่าเขาแก่กว่านั้นผ่านความโหดร้ายของชีวิตมาอย่างที่เจ้าตัวเล่า เพราะถ้าผมเป็น ผมคงมานั่งนิ่งๆ อยู่แบบนี้ไม่ได้ บางทีอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้ว

“อยากตายก็ตายไม่ได้ เขาอยากให้มีชีวิตอยู่เลยต้องอยู่”

“เขาคงอยากให้โก้อยู่อย่างมีความสุขมากกว่าคิดแบบนี้” ไม่รู้ว่าสงสารหรือรู้สึกยังไงผมถึงเรียกเขาแบบสนิทสนม อยากให้เขาปลอบ..กลับต้องมาปลอบเขาแทน แต่มันก็ทำให้ผมหายเสียใจเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะ

“จะสุขได้ยังไงในเมื่อเขาไม่อยู่” คราวนี้ตะโก้หันมามองหน้าผม ริมฝีปากบางยกยิ้มขัดกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า

“นั่นสิ จะสุขได้ยังไงในเมื่อไม่มีเขาอยู่” ผมถอนหายใจ

“ไปที่ห้องเราไหม” ตะโก้ถามผม

“ไปสิ” ผมตอบรับไปอย่างง่ายดาย

...

ห้องหรูหราขนาดใหญ่ของแสงแรกรีสอร์ตคือที่พักของตะโก้ เตียงขนาดใหญ่กำลังรองรับร่างกายเปลือยเปล่าของผมและเขา ผิวของตะโก้เนียนนุ่มอย่างที่ผมคาดเอาไว้จริงๆ ถึงอีกฝ่ายจะตัวเล็กแต่รูปร่างดีสมส่วน สะโพกกลมกลึงนั้นยั่วยวนให้ผมเคล้นคลึงไม่รู้เบื่อ อารมณ์ของผมเตลิดอย่างง่ายดายเพียงแค่เราเริ่มต้นแนบริมฝีปากต่อกัน

ผมดูดกลืนร่างกายทุกส่วนของอีกฝ่ายจนเป็นรอยแดง ใบหน้าตะโก้เริดขึ้นพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆ ติ่งไตสีหวานถูกผมปลุกปั่นและขบเม้มอยู่นานจนมันเริ่มบวม แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความพึงพอใจผมจึงไม่ได้ลดความเร้าร้อนลง ปลายลิ้นของผมยังคงสาละวนกับยอดอกและหน้าท้องแบนราบ เจ้าของร่างบางบิดเร้าพร้อมกับดันหัวของผมให้ลงต่ำ

ส่วนอ่อนไหวของตะโก้ถูกผมครอบครอง ผมละเลงความเร้าร้อนให้จนอีกฝ่ายบิดเกร็งร่างกายเราวกับคนถูกทรมานอย่างแสนสาหัส เสียงครางกระเส่าจนผมนึกสงสาร แต่ความสงสารของผมคือการออกแรงดูดกลืนมากกว่าเดิม มากจนตะโก้ต้องเหยียดสะโพกขึ้นสุดตัวเพื่อลดความเสียวซ่านให้บรรเทาลง

จนกระทั่งอีกฝ่ายพลิกตัวมาอยู่บนตัวของผม แววตาเศร้ามองรูปร่างผมก่อนจะยิ้มให้ สองมือที่กอบกำความกำยำของผมพร้อมกับรูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะ จากนั้นริมฝีปากบางก็ดูดกลืนส่วนอ่อนไหวของผมบ้าง ผมยอมรับว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดาเลย สามารถทำให้ผมคล้อยตามได้ ผมได้แต่หลับตารับความสุขนั้นแล้วพรูลมหายใจ ปลายนิ้วของผมเสยเข้ากลุ่มผมเส้นเล็กๆ ที่นุ่มมือของตะโก้ก่อนจะขยุ้มและกดตามแรงขึ้นลงของอีกฝ่าย

ผมตัดสินใจดึงอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนที่ตัวเองจะบรรลุถึงจุดหมาย ดึงร่างบางให้ขึ้นมาคร่อมอยู่บริเวณใบหน้าของผม บั้นท้ายอิ่มลอยอยู่ตรงหน้า ผมไม่รอช้าที่จะทาบริมฝีปากเข้าหาเพื่อส่งลิ้นร้อนเข้าไปฉกชิมส่วนท้ายนั้นตามแรงอารมณ์ที่กำลังโหมกระพือ

ตะโก้ใช้หัวเตียงเป็นหลักยึดเมื่อผมตวัดปลายลิ้นไปตามร่องแคบ ร่างกายสั่นเทาด้วยความทรมาน เสียงครวญครางดังขึ้นตามแรงอารมณ์

“ไม่ไหวแล้ว”

อีกฝ่ายบอกก่อนจะถอยร่นลงมาทาบทับตัวของผม ผิวเปลือยเปล่าถูไถตัวผมช้าๆ อย่างเชิญชวน ริมฝีปากบางจูบไล้ทั่วตัวของผม จากนั้นเขาก็หยิบถุงยางมาจัดการใส่ให้ก่อนจะขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวของผมอย่างเดิม

ตะโก้กัดริมฝีปากเมื่อค่อยๆ กดทับบั้นท้ายลงบนแกนกายของผม ยังไม่ทันที่ผิวกายเราจะแนบชิดกันผมก็ยกตัวขึ้นไปกระแทกจนอีกฝ่ายต้องกัดริมฝีปากแน่นจนมันเป็นสีแดงเข้ม เสียงเนื้อกระทบกันดังเป็นจังหวะเนิบนาบสม่ำเสมอ มือบางกดที่หน้าท้องแกร่งของผม เผลอลูบไล้ที่กล้ามท้องจนอารมณ์ของผมยิ่งปะทุมากขึ้น ยิ่งรุ่มร้อนก็ยิ่งสวนสะโพกเข้าหาร่างบางนั้นหนักหน่วงเท่าทวีคูณจนเสียงเนิบนาบนั้นถี่แรงแข่งกับเสียงลมหายใจของเราสองคน

ผมพลิกอีกฝ่ายลงไปนอนราบกับที่นอนก่อนจะยกขาเรียวยาวขึ้นพาดที่บ่าของตัวเอง ร่างกายที่ยังสอดประสานกันอยู่เริ่มขยับเข้าหากัน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหลับตาพริ้ม ริมฝีปากบางเผยอออกเพื่อส่งเสียงคราง อารมณ์ของผมยิ่งโหมแรง นี่ไม่ใช่เซ็กส์ครั้งแรกของผมและคิดว่าไม่ใช่ครั้งแรกของตะโก้เหมือนกัน แต่ผมยอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ผมกระแทกกายเข้าหาเขาตามแรงอารมณ์ อัดแน่นเท่าไหร่ผมใส่ไม่ยั้ง ร่างกายของอีกฝ่ายกระตุกถี่แสดงอาการตอบรับความสุขสม จนกระทั่งทุกอย่างมาถึงจุดหมายปลายทาง ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนผมถึงกับต้องสูดปากและกระแทกกระทั้นตัวเข้าหาเขาจนหมดแรงกำลังที่มี ผมทิ้งตัวลงไปทาบทับร่างบางเอาไว้ก่อนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้า

“พี่ปลา...โก้คิดถึงพี่ปลา”

ผมได้ยินเขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะหลับสนิทไปทั้งที่แกนกายของผมยังอยู่ในร่างกายของเขา ผมจูบที่หน้าผากของตะโก้เบาๆ จนเห็นรอยยิ้มบางๆ ผมอดยิ้มตามเขาไม่ได้ ถึงเขาอาจจะจินตนาการเห็นผมเป็น ‘พี่ปลา’ ของเขาผมก็ยินดี ผมอยากตอบแทนเขาเพราะอย่างน้อยในวันที่ผมทุกข์ใจคนแปลกหน้าคนนี้ก็ทำให้ผมคิดได้

‘มองแล้วฉันเข้าใจ ได้แค่คอยเฝ้าดูและรับฟัง วันไหนที่เธอเจอคนที่รัก บอกกับตัวเองให้ฝันแค่พอประมาณ แค่ให้พอชื่นใจ บอกเอาไว้ให้ว่าควรพอแค่นี้...’

‘ผมจะต้องยินดีกับความสุขของหนูด้วง ผมยอมเสียหนูด้วงให้กับคนที่เขารักดีกว่าต้องเสียเขาไปตลอดกาลแบบที่ตะโก้เสียคนที่เขารักไป’

ผมไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้....ระหว่างผมกับผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าเหมือนเดิมหรือกลายมาเป็นคนที่เยียวยาความรู้สึกให้กันและกันต่อไป แต่ผมก็หวังว่าเขาจะรู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก

...ถึงเราสองคนจะเป็นแค่คนอีกคนสำหรับใครคนนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาจะยังอยู่ในใจของเราตลอดไป...

‘แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา แค่คนอีกคน เป็นอีกคน คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ’

….

สมแล้วกับที่ชื่อว่าแสงแรกรีสอร์ตเมื่อแสงตะวันสาดส่องเข้ามาทาบทับใบหน้าของผมตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ขนาดว่าเช้าแล้วคนที่ผมนอนกอดเอาไว้ทั้งคืนกลับไม่อยู่บนเตียงแล้ว ผมลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว เมื่อออกมาก็เห็นโน้ตแผ่นเล็กๆ วางเอาไว้ที่กางเกงของผม

‘ไปใส่บาตรนะ ขอบคุณสำหรับเบียร์และเซ็กส์ที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี’

ผมยิ้มแล้วเก็บโน้ตใส่กระเป๋า มองไปรอบๆ ห้องแล้วต้องยอมรับว่ารีสอร์ตแห่งนี้หรูหราสมราคาจริงๆ เคยมาพักพร้อมกับพ่อตอนที่มามอบตัวเข้าเรียนมหา’ลัย ค่าห้องต่อคืนไม่ใช่น้อยๆ แต่ดูจากข้าวของแล้วตะโก้คงไม่ได้พักที่นี่แค่คืนสองคืน แปลว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนมีฐานะที่ดีมากคนหนึ่ง

ส่วนเซ็กส์เมื่อคืนผมก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่คิดจะนอนกับใครก็นอน ตัวผมเองก็เหมือนกัน แต่ที่มันลงเอยแบบนั้นได้อาจเพราะเราทั้งคู่คงอยากได้รับการเยียวยาหัวใจที่กำลังมีความทุกข์อยู่พอดี

“นี่คงเป็นพี่ปลาสินะ”

ผมถือวิสาสะหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาดู ชายหนุ่มในรูปหน้าตาดี คิดแล้วก็นึกสงสารตะโก้อยู่เหมือนกันที่ต้องเสียคนรักไป แต่อีกใจก็นึกไม่ออกว่าตะโก้จะเคยร้ายกาจอย่างที่พูดออกมาได้ยังไงเพราะดูท่าทางแล้วไม่น่าใช่คนแบบนั้น ผมวางกรอบรูปลงที่เดิมเพราะโทรศัพท์ของตัวเองดัง หยิบขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะกดรับ

“ว่าไงหนูด้วง”

‘ตื่นรึยัง’

“ตื่นแล้ว หนูด้วงอยู่ที่ไหน”

‘อยู่บ้านพี่นโม’

“อืม”

‘คืนนี้ร้านของพี่นโมเปิดวันแรก เราจะได้ร้องเพลงด้วยนะ สิงโตจะมาไหม’

“อยากให้เราไปรึเปล่า เราอาจจะงี่เง่าเหมือนเมื่อคืนก็ได้”

‘อยากให้มาสิ’

“โอเค เราจะไป”

‘สิงโต’

“หื้ม”

‘สิงโตจะงี่เง่าอีกกี่วันก็ได้ แต่อย่าไปไหนไกลนะ’

“อืม”

‘ขอบคุณนะ’

“หนูด้วง”

‘ฮะ’

“อย่าดื้อกับพี่เขานะ แต่ถ้าเขาไม่ตามใจหนูด้วงก็กลับมาเรา เราจะตามใจหนูด้วงทุกอย่างเลย”

‘ฮ่าๆ ก็ได้ก็ได้ เจอกันคืนนี้นะ’

“ครับผม”

ผมรู้สึกว่าในหัวใจที่เคยเคว้งคว้างมันถูกเติมเต็ม ถึงจะไม่ได้เป็นคนสำคัญของใจก็ยังได้เป็นคนสำคัญของผู้วิเศษอยู่ดี ถ้าผมไม่คิดเดินหนีออกไปเองที่ข้างๆ ของหนูด้วงก็ยังเป็นของผมได้เสมอ หนูด้วงให้ผมเข้าไปอยู่ในใจของเขาไม่ได้แต่ไม่เคยไล่ผมให้ออกไปไกลตัว ผมเกือบจะทำผิดพลาดอีกแล้ว โชคดีที่มันแค่ ‘เกือบ’ เท่านั้น

ลมหายใจถูกทอดถอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันคือความสบายใจ แม้จะยังเหลือร่องรอยความเจ็บแต่มันคงจะต้องหายไปในไม่ช้านี้ ผมหยิบกระดาษโน้ตที่ยังว่างเปล่าขึ้นมาเขียนแล้วแปะเอาไว้ที่โคมไฟราคาแพงก่อนจะเดินออกจากห้องพักสุดหรูไป

....

เมื่อตะโก้กลับเข้ามาถึงห้องพักคนแปลกหน้าที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อก็ไม่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยฝันถึงพี่ปลามานานมาก จู่ๆ ก็ฝันว่าพี่ปลาอยากให้ตะโก้มาเที่ยวที่นี่ ถึงได้ตัดสินใจมา แล้วก็นึกตำหนิตัวเองที่มาใจง่ายเข้าจนได้ นอกจากเหตุผลที่บอกว่าจะไปใส่บาตรให้พี่ปลาแล้ว ที่หายออกไปตั้งแต่เช้าเพราะไม่อยากเจอหน้าคนที่มีอะไรด้วยเมื่อคืนนี้ ตั้งแต่ที่พี่ปลาเสียชีวิตไปตัวเองก็ไม่เคยมีอะไรกับใครอีกเลย นึกเสียใจที่มีอะไรกับคนอื่นในวันครบรอบวันตายของพี่ปลา แถมยังพล่ามพูดเรื่องของตัวเองให้เขาฟังอีก เพราะแบบนี้...เพราะเป็นคนไม่ดีแบบนี้พี่ปลาถึงได้ไม่อยากอยู่ด้วย อยากร้องไห้แต่ก็ต้องอดทน ต้องมีลมหายใจเพื่ออยู่ชดใช้ทุกอย่างที่เคยทำพลาดมา

ความเจ็บปวดไม่เคยจางหายไปไหนเลยแม้จะผ่านไปกี่ปี รอยยิ้มเสแสร้งถูกส่งออกไปเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจ นานจนลืมไปว่ายิ้มที่ออกมาจากใจมันเป็นยังไง จนกระทั่งได้อ่านข้อความสั้นๆ บนกระดาษโน้ตที่แปะอยู่บนโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงนอน

‘ตะโก้อร่อยจริงๆ ด้วย แล้วก็...เรารู้แล้วว่าคนสำคัญของตะโก้ชื่อพี่ปลา แต่อยากให้ตะโก้รู้เอาไว้นะ เราชื่อ...สิงโต ถึงเราว่ายน้ำไม่เก่ง แต่เราว่าเราสามารถทำให้ตะโก้ยิ้มได้ นั่นไง...ยิ้มอยู่ใช่ไหมล่ะ’ 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ตอนพิเศษในมุมของสิงโตนะคะ แม่ยกพี่สิงโตหายหน่วงรึยังเอ่ย
ถ้าใครเป็นคนอ่านขาประจำของเลิฟจะรู้เลยว่า
คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในชีวิตของสิงโตมาจากไหน
จำกันได้ไหม ตะโก้กับน้ำปลา ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ทักทายกันด้วยนะ เขาเหงา
เจอกันตอนหน้าในเพลงรักที่ 8 นะคะ

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-06-2018 19:22:19
เซอร์ไพร้ซ์มากๆๆๆๆไม่คิดว่าตะโก้ (อาจจะ)ได้เป็นนายเอกของสิงโต

เรื่องของตะโก้นี่ดาร์คมาก ดราม่าแอบรักข้างเดียวของสิงโตเป็นเด็กอนุบาลไปเลยอ่ะ

แต่น่าจะสนุกเข้มข้นเหมือนเดิมนะคะ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 19:25:22
กรี๊ดดดด เด๋อมากก็ว่ามีเรื่องใหม่หรอ ทำไมมีเพลงพิเศษอะไร

แง้งง พลาดมากค่ะ  กดแจ้งเตือนทันทีทันใด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-06-2018 19:46:28
OMG!!!สิงโตกินตะโก้^^ :hao6:
ดีใจด้วยกับทั้งคู่ ต่างมาเยียวยากันและกัน ได้แซ่บไรเบอร์นี้555 :pighaun:
รอติดตามตอนต่อไปจ้า
ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 1 เรื่องมหัศจรรย์ 03/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 19:48:23
กรี๊ดๆๆ ตายแล้วๆ เสน่ห์แรงจริงๆนะหนูด้วง แต่ว่านะเราอ่านไป

น้ำตาก็พาลจะคลอไป ฮือ อารมณ์อ่อนไหวง่ายละเกิน

อ้อนะจากก้อด้ายก้อด้ายที่เราติดจากหนูด้วง คงจะมีอีกคำละนะ

คือเจ๋งนี่แหละ 555 เอ้อนะว่าแต่พี่นโมคือใครนะ ทำไมถึง

เหมือนจะรู้จักหนูด้วงล่ะ โอ้ยๆ ส้มโอจะทำอะไร!
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 19-06-2018 19:58:14
เย้เย้ ตะโก้เป็นคู่สิงโต ก็ได้ก็ได้ เพราะตะโก้น่ารักอยู่ :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 2 คืนที่ดาวเต็มฟ้า 05/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 20:10:38
เอ~ พี่นโมนี่จะเกี่ยวข้องอะไรกับโอ้บอุ้มหรือเปล่านะ

โอ้ยๆ พอฟังเพลงละก็น้ำตาคลออีกแล้ว  ทำไมบ่อน้ำตาตื้นจัง



หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-06-2018 20:17:48
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 3 เพ้อ 07/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 20:29:10
 :katai1: เกิดอะไรขึ้นกับโอบอุ้ม  :hao5: น้องขอออกมาใช้ชีวิต

ของตัวเองใช่ไหม มาค้นหาว่าตัวเองรักหนูด้วงจริงไหมใช่เปล่า

ถ้างั้นพี่นโมก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนๆเดียวกันกับโอบอุ้ม



กรี๊ดดดด โอ้ยยย ร้องไห้แล้ว ฮือออ นโมคือโอบอุ้มจริงๆด้วย

รูปที่ใส่กรอบนั้นอ่ะ ฮือ หนูด้วงวาดให้โอบอุ้มก่อนกลับไป

เรียนต่อครั้งนั้นในเรื่องของพญากับคุณน้อง :m15:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 4 ทั้งรู้ก็รัก 09/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 20:56:19
 :o12: ใจร้ายยย  สุดท้ายนโมคือโอบอุ้มจริงๆ ฮือ ดีใจ  :sad11:

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-06-2018 21:05:00
พอนึกถึงเรื่องราวของน้ำปลาก็อยากร้องให้อีกแล้วแต่ก็ยังดีใจที่ตะโก้จะมีความสุขถึงจะเชียร์ตะโก้กับอีกคน(หลังจากพี่ปลาตายนะ)มาพูดถึงสิงโตเราเชียร์สิงโตกับหนูด้วงก็จริงแต่ไม่เคยคิดหวังให้แย่งชิงหนูด้วงมาจากพี่โอบอุ้มนะแต่เป็นเพราะเราอยากให้สิงโตมีความสุขไม่รู้ทำไมเหมือนกันอาจจะเป็นเพราะคำพูดของสิงโตที่พูดถึงหนูด้วงว่า"คนนี้เราจอง"ก็ได้มั้งเลยคาดหวังมาตลอดแต่ก็ดีใจนะถ้าระหว่างสิงโตกับตะโก้จะเยียวยาซึ่งกันและกันและมีความสุขได้
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 5 อากาศดีๆ 11/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 21:20:39
อุ้ยตาย ว้ายกรี้ดดด มีไปจุ๊บปงจุ๊บปากพี่เขาด้วย

ระวังตัวดีๆนะเราอ่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ สบตา 14/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 21:37:18
แหมะ ไม่อยากจะบอกเลยว่าเพลงชอบเราทั้งนั้นเลย

มีแค่เพลงสองเพลงที่ไม่เคยฟัง  :o8:
----------------------------------------------------
ว้ายๆๆ ยังไงๆคะพี่ป้าย~ คิดอะไรก็นกฮูกของเราหรือเปล่า

เพราะนกฮูกของเราน่ะคิดอยู่นะคะ 555 ตอนนี้เป็นตอนเดียว

ที่เราไม่รู้สึกน้ำตาคลอเลย แม้จะมีตอนที่สิงโตมาเห็นฉากจูบนั้นก็เถอะ 555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-06-2018 21:46:13
อืม ตะโก้กับสิงโต จำได้ว่าตาบวมไปกับเรื่องพี่ปลา
สงสัยต้องไปอ่านซ้ำอีกที 55555555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 22:17:05
เอ้า ตะโก้~ โอ๋ๆ กอดๆน้า :sad11:  เอ่อ..... กำลังเศร้าอยู่ดีๆ

หาทิชชู่แทบไม่ทัน  :pighaun:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 7 เพียงแต่วันนั้น 18/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-06-2018 22:18:21
อ้าว ยุงพยาก็รู้อล่วนี่นาว่าโอบอุ้มกลับมาแล้ว มิน่าล่ะถึงไม่ให้

หนูด้วงเห็นหน้าหรือทำอะไรๆที่ให้เห็นหน้าเห็นตากัน

เอ่อ... อห อดีตของโอบอุ้มน่าสงสารอ่ะ :hao5:

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 19-06-2018 22:35:41
ดีใจที่สิงโตคิดได้  :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 20-06-2018 02:51:05
ดีจัง :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 20-06-2018 07:03:48
 :katai2-1:
คิดถึงหนูด้วงจริง ๆ
ขำหนูด้วยที่ว่า ... น้องลิ้นทักทายกับน้องลิ้น
แล้วเลยต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี
ฮาอะ ฮาตลอดเลย

ส่วนพี่สิงโต ... ได้เจอ "ตะโก้"
ว้าว ว้าววววววววว  ดีใจมาก ๆ
ตะโก้สายดาร์คข้ามน้ำข้ามทะเลมาเกาะนี้
พี่น้ำปลา ... ดลใจมาให้น้องเจอสิงโตแน่เลย
เฮ้ออออออออ สบายใจกับสิงโต หายห่วงตะโก้แล้ว



หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 20-06-2018 09:10:12
ดีใจกับสิงโตที่ทำใจได้กับหนูด้วง ถึงไม่ได้หัวใจของหนูด้วง แต่ได้เป็นคนข้างกายที่หนูด้วงคอยมองอยู่เสมอก็พอใจแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นพี่ปลาหรือสวรรค์กำหนดให้มาเจอกันระหว่างสิงโตกับตะโก้ แต่ก็คงทำให้ทั้งคู่คอยเยียวยาระหว่างกันได้ว่าคนที่เรารักยังคอยมองและให้กำลังใจอยู่เสมอ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-06-2018 15:00:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 20-06-2018 18:10:17
สิงห์โต ทำได้แล้ว ได้เพื่อนสนิท และกำลังจะได้แฟน

สารภาพ อ่านตอนพี่น้ำปลาไม่จบ สงสาร แต่คิดว่าหลังจากนี้จะกลับไปอ่านอีกรอบ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 22-06-2018 17:29:43
สิงโตได้กินตะโก้แล้วอิ่มอกอิ่มใจเลยสินะ
งานนี้มีหลายคู่ให้ลุ้นแล้ว ทั้งพี่โอบน้องด้วง พี่ป้ายน้องเม่น น้องสิงโตพี่ตะโก้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-06-2018 19:46:39
ดีใจกับสิงโตจะมีคู่แล้ว
หนูด้วงเป็นเพื่อนคนสำคัญของสิงโตเสมอ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ แค่คนอีกคน 19/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 22-06-2018 20:38:38
รักน้องด้วงกับแฟมิลี่มากๆๆ ตามไปย้อนอ่านเรื่องของแด๊ดกับมัม ยุงพยากับอาน้อนมาจนตาแฉะ น่ารักทุกคนเลยยย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 23-06-2018 05:54:40
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 8 HOME
ศิลปิน Michael Buble


โอบอุ้มและหนูด้วงแวะทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยและซื้อกลับมาฝากใบไม้กับใบหม่อนด้วย ป้าประนอมมาทำความสะอาดบ้านให้ตั้งแต่เช้าเลยช่วยเฝ้าน้องแฝดให้ระหว่างที่โอบอุ้มไปรับหนูด้วง เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้านปรากฏว่าน้องแฝดยังไม่ตื่นเลยสักคน เห็นว่ายังไม่มีใครตื่นโอบอุ้มเลยพาหนูด้วงมาที่ร้านก่อน

“น่ารักจัง”

หนูด้วงชอบการตกแต่งร้านของพี่โอบ มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าเป็นร้านเสียอีก ถ้าไม่บอกว่าร้านนี้มีอาหารหรือเครื่องดื่มขายก็คงไม่มีใครรู้ มองจากข้างนอกคงนึกว่าบ้านอยู่อาศัย ถ้าเข้ามาข้างในทุกคนต้องคิดว่าเป็นร้านขายของฝากให้นักท่องเที่ยว

หนูด้วงมองไปทางด้านซ้าย เห็นเคาน์เตอร์ยาวอยู่ติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มีเก้าอี้ทรงสูงเรียงไว้หกตัว ถ้าเลือกนั่งตรงนี้ก็สามารถมองผ่านบานกระจกออกไปเห็นวิวทะเลได้ ถัดมาทางด้านหลังเคาน์เตอร์อีกทีเป็นพื้นไม้ยกสูง มีโต๊ะญี่ปุ่นเรียงรายอยู่บนนั้นหลายตัว เบาะรองนั่งสีพาสเทลหวานถูกวางอยู่รอบโต๊ะญี่ปุ่นอีกที มีหมอนอิงใบโตวางกระจัดกระจาย มุมนี้ตกแต่งเหมือนห้องนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่น มีโปสการ์ดเสียบเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นรูปทิวทัศน์บนเกาะแสงแดดกับรูปกล่องดนตรี

ส่วนทางด้านขวาของประตูทางเข้าเป็นเวทีขนาดที่พอจะวางเครื่องดนตรีได้ครบและไม่แออัด เครื่องดนตรีจัดวางเป็นระเบียบไม่มีสายไฟวางเกะกะให้ดูรกรุงรัง ถัดจากเวทีไปก็เป็นเคาน์เตอร์ผสมเครื่องดื่ม เมื่อมองเข้าไปด้านในสุดของร้านจะเห็นตู้โชว์กระจกสูงประมาณเอวที่มีกล่องดนตรีวางโชว์อยู่ด้านในเต็มไปหมด มันน่ารักจนหนูด้วงต้องรีบเดินเข้าไปดู

“พี่ทำเองหมดเลยเหรอฮะ”

“อืม”

“หนูชอบมากเลย ชิ้นแรกที่พี่ส่งมาให้หนูมันพังแล้วนะฮะ หนูไม่กล้าบอกพี่ น้องเม่นหยิบไปเล่นแล้วทำหล่น หนูงอนน้องเม่นไปตั้งสองชั่วโมง”

“ดีแล้วที่หนูไม่โกรธเพื่อนนาน ของพังมันซ่อมได้ แต่ความเสียใจมันซ่อมยาก ถ้าหนูด้วงโกรธน้องเม่นนานๆ มันอาจจะเกิดรอยร้าวในมิตรภาพ พี่ว่า...”

“จิตใจมันซ่อมยากกว่าสิ่งของ หนูจำที่พี่โอบสอนหนูได้” หนูด้วงทวนคำสอนของพี่ชาย ยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทรงสูงและเหม่อมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า “พี่โอบ”

“ครับ”

“ทำไมพี่ถึงพูดกูมึงกับพวกพี่ทำนุแปะป้ายประกาศ หนูไม่เคยได้ยินพูดโอบพูดแบบนั้นมาก่อน” เจ้าหนูจำไมยังคงเท้าคางมองตรงไปยังทะเลแต่ก็เริ่มตั้งคำถาม

“พวกมันบังคับ มันบอกว่าความสุภาพของพี่ทำให้พวกมันเครียด” โอบอุ้มเดินมานั่งข้างๆ คนช่างสงสัย

“ถ้าพูดหยาบแล้วจะหายเครียดเหรอฮะ” หนูด้วงเอียงคอมองมาพร้อมกับขมวดคิ้ว สักพักถึงคลี่ยิ้มออกมา

“ยิ้มแบบนี้รู้เลยคิดอะไรอยู่ ไม่มีทางหรอก” โอบอุ้มเห็นแววตาระยิบระยับของเจ้าตัวแสบก็รู้เลยว่าฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่

“นะฮะ หนูอยากได้ยิน”

“หนูไม่ชอบให้พี่พูดดีๆ ด้วยรึไง หื้ม..”

“ชอบ แต่หนูอยากลองดูว่าถ้าพี่พูดคำหยาบกับหนูจะเป็นยังไง นะๆๆ”

“ไม่เอา”

“พี่ไม่สงสารหนูเหรอ ถ้าหนูอยากฟังแล้วไม่ได้ฟังหนูจะไข้ขึ้น” หนูด้วงทำตาอ้อน กล้าอ้างเหตุผลที่เชื่อไม่ได้เลยสักนิด

“หึหึ” โอบอุ้มขำพลางส่ายหน้า

“พี่โอบ...”

“กูไม่พูดกับมึงหรอก” โอบอุ้มพูดจบหนูด้วงก็เบิกตาโต อาการอ้อนเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง สักพักก็ไหล่ก็ลู่ลงแล้วยิ้มแห้งๆ

“ดีแล้วที่พี่จะไม่พูดคำหยาบกับหนู หนูไม่ชอบ”

“หึหึ” โอบอุ้มอยากจะหัวเราะแต่ก็กลั้นเอาไว้ รู้ดีว่าหนูด้วงไม่ชอบความรุนแรงหยาบคาย ไม่ชอบการทะเลาะด่าทอเสียงดังหรือการทำให้ตกใจแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นอยากจะลองฟังเขาเลยตามใจจะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ

“พี่โอบ”

“ครับ”

“ทำไมพี่ถึงกลายเป็นตำนานของมหา’ลัยโซเลยฮะ พี่มาเป็นรุ่นพี่ที่นี่ได้ยังไง”

“ที่จริงพี่มาช่วยน้าตวงบริหารที่นี่แต่พี่ไม่อยากแต่งตัวเป็นผู้บริหาร พี่เลยใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีดำให้พอดูสุภาพเวลาที่เข้าไปในมหา’ลัย พอพี่มาเปิดชมรมกล่องดนตรี ทุกคนนึกว่าพี่เป็นนักศึกษารุ่นแรก พี่ก็เลยเนียนเป็นนักศึกษาไปจริงๆ”

“พี่เรียนบริหารแล้วทำไมถึงมาเปิดชมรมกล่องดนตรี อ๋อ พี่เล่นเปียโนเก่ง ประกวดชนะด้วย”

“พี่ไม่ได้เปิดเพราะพี่ชอบ” โอบอุ้มปฏิเสธ หนูด้วงหันกลับมามองหน้าของพี่โอบ สักพักก็ทำตาโต

“เพื่อหนูเหรอ”

“อาน้องบอกว่าหนูชอบร้องเพลง” โอบอุ้มจับคางของหนูด้วงส่ายไปมาเบาๆ

“งั้นหนูต้องไปบอกพี่ทำนุแปะป้ายประกาศว่าหนูคือผู้ก่อตั้งชมรมที่แท้จริง” หนูด้วงพูดจบก็หัวเราะร่วน

“เดี๋ยวให้แปะกับป้ายมันทำรูปปั้นของหนูไปตั้งหน้าชมรมเลยดีไหม” โอบอุ้มหยอก เสียงหัวเราะของหนูด้วงทำให้โอบอุ้มรู้สึกสดชื่น โดยเฉพาะเวลาที่ฝ่ายนั้นหัวเราะจนตาหยีมันดูน่ารักจนไม่อยากละสายตาไปทางอื่น

“พี่โอบฮะ”

“ครับ”

“พี่ต้องเลี้ยงนอนแฝดคนเดียว พี่เหนื่อยไหม”

“เหนื่อย เหนื่อยมาก”

“พี่น่าจะโทรหาหนู หนูจะได้ไปช่วย หนูเก่งนะ หนูเคยใส่แพมเพิร์สให้น้องหมาของพี่มานีกับพี่มีนา หนูเคยรีดนมวัวด้วย”

“ถ้าพี่โทรตามหนู หนูจะมารีดนมของพี่เหรอเจ้าตัวแสบ” โอบอุ้มกำลังจะหัวเราะในลำคอเหมือนเคยแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหนูด้วงหันมาแล้วใช้สองมือทาบมาที่หน้าอกของเขา

“แบนแบบนี้รีดไม่ได้หรอก แต่ถ้าพี่อยากลองหนูทำให้ก็ได้ก็ได้”

“ไม่ต้องเลย หยุดๆ” โอบอุ้มรีบเอามือของหนูด้วงออกก่อนที่อีกฝ่ายจะรีดนมเขาให้ดูจริงๆ พอเห็นคนข้างๆ หัวเราะคิกคักก็อดไม่ได้ โน้มตัวไปหอมที่หัวทุยๆ หนึ่งที

“พี่โอบ”

“ครับผม”

“ช่วงที่หนูอยู่ชั้นประถม พี่กลับมาหาหนูทุกปีใช่ไหม” คำถามนี้ทำให้โอบอุ้มอึ้งไปนาน สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับ

“ทำไมถึงรู้ทั้งที่พี่ไม่เคยแสดงตัวให้หนูเห็น”

“ก็หนูเก่ง” หนูด้วงระบายยิ้มกว้างจนโอบอุ้มต้องยิ้มตาไปด้วย

หนูด้วงแค่คาดเดาว่าคนใจดีที่หนูด้วงได้เจอทุกปีต้องเป็นพี่โอบแน่ๆ ที่ยังไม่แน่ใจเพราะฝ่ายนั้นชอบปลอมตัวมาในแบบต่างๆ จากนั้นมาหนูด้วงก็เลยหัดปลอมตัวเหมือนกัน แต่ปลอมทีไรคนในครอบครัวก็จับได้ทุกที

“พี่อยากกลับมาหาหนู หนูคือบ้านของพี่ บ้านที่พี่อยากกลับมาทุกลมหายใจ ขอโทษที่กลับมาช้าและก็...ขอโทษที่ไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียว”

หนูด้วงหันกลับไปมองทะเลเหมือนเดิม เงียบไปสักพักใหญ่หนูด้วงก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ยาว ขยับตัวมานั่งประจันหน้ากับโอบอุ้ม แล้วดึงโอบอุ้มให้มาซบที่อกของตัวเอง

“หนูไม่ชอบการรอคอย การรอคอยมันทำให้เราทรมาน แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หนูเศร้า เรื่องเดียวที่ทำให้หนูไม่มีความสุขคือคิดว่าพี่จะทรมานขนาดไหนที่ต้องอยู่คนเดียว หนูยังมีทุกคนทุกคนแต่พี่ไม่มีใคร เพราะฉะนั้นเรื่องที่พี่มีน้องแฝดไม่ได้ทำให้หนูทุกข์ใจมากไปกว่าคิดว่าพี่จะอยู่ยังไงคนเดียวตั้งสิบห้าปี หนูรู้ว่ายุงพญาให้พี่ไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ พี่จะได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วพี่ต้องการอะไร แล้วหนูจะโกรธพี่ได้ยังไง พี่ก็ไม่ควรโกรธตัวเอง”

โอบอุ้มฟังแล้วแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ คนเดียวที่เข้าใจเขาเสมอมาคือคนเดียวที่กำลังปลอบโยนเขา ทั้งที่มือของหนูด้วงก็สั่นเทาแต่ก็ยังทำว่าเข้มแข็ง หนูด้วงของเขาเข้มแข็งเสมอ เขายังจำวันที่หนูด้วงยืนส่งเขาที่ท่าเรือได้ดี ในวันนั้นเจ้าตัวน้อยไม่ยอมให้เขาเห็นน้ำตาเลยสักหยด   

“คือพี่.....” โอบอุ้มอยากจะบอกเหตุผล อยากจะพูดกับคนตรงหน้า แต่บางสิ่งบางอย่างมันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะพูดออกไป

“พี่โอบ” หนูด้วงเห็นโอบอุ้มเงียบไปก็พอเข้าใจ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าลำบากใจจริงๆ พี่โอบคงจะบอกตัวเองกับยุงพญาแล้ว ยุงพญาเป็นเหมือนผู้ให้ชีวิต ไม่มีวันที่พี่โอบจะมองยุงพญาเป็นคนอื่น หนูด้วงรู้ดีว่าต่อให้ต้องตายแทนยุงพญาพี่โอบก็ทำได้

“ครับ”

“พี่รักแม่ของน้องแฝดไหม”

“ไม่ใช่รักแบบที่พี่รู้สึกกับหนู”

“แล้วพี่รู้สึกกับหนูแบบไหน”

“รักหมดหัวใจ” คำตอบของโอบอุ้มสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของหนูด้วงอีกครั้ง

“แล้วเขา...จะกลับมาไหม”

“ไม่...เขาจะไม่กลับมา”

“พี่จะไม่ไปไหนอีกใช่ไหม”

“พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”

“ถ้างั้นเราเริ่มต้นกันใหม่นะ เราสี่คน ครอบครัวของเรา” หนูด้วงคลายวงแขนที่โอบรัดโอบอุ้มเอาไว้แล้วเปลี่ยนไปคล้องคออีกฝ่ายแทน พอเห็นพี่โอบตาแดงๆ ก็รีบแลบลิ้นให้

“หึหึ...” โอบอุ้มขำความทะเล้นของหนูด้วง เขารั้งเอวขอดให้ขยับเข้ามาชิดตัวเอง

“ปู่ช้วนบอกว่าเห็นใครตาแดงให้แลบลิ้นใส่”

“แต่ป๊าสอนพี่ว่า...ใครมาแลบลิ้นใส่เราให้จูบ” โอบอุ้มพูดจบหนูด้วงก็ยืดตัวตรงแล้วกะพริบตาปริบๆ

“ฮ่อๆ โอเค ไม่มีกลิ่น จูบได้” หนูด้วงหันไปพ่นลมใส่มือตัวเองแล้วถึงได้อนุญาต

“ฮ่าๆๆ” คราวนี้โอบอุ้มกลั้นขำไม่อยู่จริงๆ

“หนูจริงจังนะ” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นพี่โอบขำ อาน้องสอนว่าเรื่องจูบเป็นเรื่องสำคัญ ปากของเราไม่ควรมีกลิ่นเพราะอีกฝ่ายอาจจะหมดอารมณ์ได้ แล้วตัวเองก็เพิ่งกินข้าวมาก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา โชคดีที่พกหมากฝรั่งรสราสเบอร์รี่เอาไว้และเคี้ยวดับกลิ่นมาก่อนแล้ว

“อยากให้พี่จูบเหรอ”

“อื้อ” หนูด้วงพยักหน้ารัวๆ

“พี่มีคำถาม” คราวนี้โอบอุ้มขอเป็นเจ้าหนูจำไมบ้าง

“หนูจะตอบพี่ทุกข้อเลย”

“หนูรักพี่แบบไหน”

“มีตัวเลือกไหม”

“ไม่มี เพราะพี่อยากให้หนูตอบจากความรู้สึกของตัวเอง”

“ยากจัง อืม...” หนูด้วงเอียงคอทำท่าครุ่นคิด

“คิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร พี่รอได้ หนูด้วงยังรอพี่ได้ตั้งหลายปี” โอบอุ้มไม่อยากเร่งเร้าอีกฝ่าย หนูด้วงอาจจะต้องการเวลาให้แน่ใจว่าคิดกับเขาเกินกว่าความเป็นพี่ชายกับน้องชายหรือเปล่า ที่มาอ้อนเขาทุกวันนี้เพราะนิสัยของหนูด้วงเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่แล้ว แล้วหากฝ่ายนั้นยังไม่ได้คำตอบเขาก็ไม่อยากล่วงเกินให้มากไปกว่านี้อย่างที่รับปากกับป๊าพญาเอาไว้

“ก็พี่เป็นทุกอย่างของหนู หนูไม่รู้จะตอบยังไงได้หมด” คำตอบของหนูด้วงสร้างความสุขให้โอบอุ้มเป็นอย่างมาก มากจนต้องลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายโอบกอดหนูด้วงบ้าง

“ผู้วิเศษของพี่จะน่ารักไปแล้วนะ” โอบอุ้มลูบผมของหนูด้วงด้วยความเอ็นดู

“หนูรักพี่ทุกแบบเลย แต่รักแบบไหนที่จะจึ๊กกาดุ๋งกันได้”

“อะไรคือจึ๊กกาดุ๋ง” โอบอุ้มเลิกคิ้วขึ้น

“ก็...ก็...แบบนี้ฮะ” หนูด้วงเอามือป้องที่หูของพี่โอบก่อนจะบอกความหมาย

“หึหึ..ฮ่าๆ ไปเอาศัพท์แบบนี้มาจากไหน” โอบอุ้มทั้งขำทั้งทึ่งเจ้าตัวแสบที่มากระซิบบอกเรื่องบนเตียงกับเขา

“หนูได้ยินยุงพญาชวนอาน้องไปจึ๊กกาดุ๋งบ่อยๆ แต่ถ้าเป็นแด๊ดดี้นะ ก็จะบอกมัมว่า...เราไปคั่วกลิ้งกันเถอะ ถ้าเป็นปู่ช้วนก็จะมีรหัสลับว่า...แม่คุณจ๋าเราไปนวยนาดกันดีไหม แล้วถ้าเป็นพี่พายนะ...”

“พอแล้วครับหนูด้วง พี่เข้าใจที่หนูบอกแล้ว” โอบอุ้มทั้งเอ็นดูและมันเขี้ยวความช่างจดช่างจำ รู้สึกว่าในความใสบริสุทธิ์ของเจ้าตัวดีมีความยั่วยวนซ่อนอยู่จนเขาแทบทนไม่ได้หลายต่อหลายครั้ง คงเพราะจดจำเอาพฤติกรรมของคนใกล้ตัวมารวมไว้จนหมด

“สรุปว่าถ้าหนูกับพี่จะจึ๊กกาดุ๋งกันได้ เราต้องรักกันแบบไหน”

“ก็คงแบบแฟน แบบคนรัก แบบคู่ครอง แบบที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนตาย”

“เอาแบบนี้ หนูชอบอยู่ด้วยกันตลอดไป หนูรู้สึกกับพี่แบบนี้” หนูด้วงรีบบอก

โอบอุ้มยกยิ้มก่อนจะคลายอ้อมกอดออกจากตัวของหนูด้วง อุ้มอีกฝ่ายลงมาจากเคาน์เตอร์สูง จากนั้นตัวเองก็คุกเข่าลงแล้วล้วงกระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบแหวนวงเล็กๆ ที่เก็บเอาไว้มานานออกมา

“ถ้าหนูด้วงมั่นใจว่าอยากอยู่กับพี่แบบแฟน แบบคนรัก แบบคู่ครองที่เอ่อ...ที่จะจึ๊กกาดุ๋งกันได้ เป็นแฟนพี่นะครับ”

“เป็นฮะ หนูอยากเป็น” หนูด้วงตอบรับทันทีแบบไม่ต้องคิด ยิ้มกว้างก่อนจะยื่นมือไปให้ เมื่อโอบอุ้มสวมใส่ให้แล้วก็รีบยกนิ้วขึ้นมาดู แหวนเงินเรียบๆ ที่ทำให้หัวใจของหนูด้วงพองโต มันคับนิดหน่อยแต่หนูด้วงชอบมันมาก ความรู้สึกดีใจที่มันเอ่อล้นเสียจนไม่รู้ว่าจะต้องยิ้มกว้างขนาดไหนที่จะบอกถึงคำว่า ‘ดีใจมากๆๆๆ’ ได้

“มันคับเพราะว่าพี่ซื้อเอาไว้นานมากแล้ว แล้วพี่จะไปขยายให้นะครับ ตอนนี้หนูเป็นคนมีเจ้าของแล้วนะผู้วิเศษ” โอบอุ้มลุกขึ้นมาหอมตรงหน้าผากของหนูด้วงเบาๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้คำตอบจากหนูด้วงเร็วขนาดนี้ รู้สึกว่าตัวเองได้รับของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ฝันที่เคยคิดว่ามันอาจจะไม่มีวันเป็นจริงมันเป็นจริงแล้วในตอนนี้

“ผู้วิเศษมีผู้พิเศษแล้ว เย้” หนูด้วงชูมือดีใจ

“พยัคฆ์รักราชสีห์มากไหม” โอบอุ้มถาม

“หนูยักปี้โอดอุ้นมาดฉุดๆ” หนูด้วงพูดแล้วก็ขำที่ตัวเองเลียนแบบตัวเองในวัยเยาว์

“ปี้โอดก็ยักหนูด้วน” โอบอุ้มล้อเลียนหนูด้วงกลับบ้าง

“คิกๆๆ แต่ดีนะที่ยุงพญาตั้งชื่อพี่ว่าราชสีห์”

“ทำไมถึงว่าดี”

“ก็ถ้าพี่เป็นเสือมันเป็นลางไม่ดี เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่เสือกับสิงโตอยู่ถ้ำเดียวกันได้ แล้วก็มีลูกกันได้ คิกๆๆ”

“สรุปว่าชอบพี่หรือชอบสิงโต” โอบอุ้มแกล้งถามเสียงเข้ม

“อ๊ะ...จริงด้วย หนูรู้จักตั้งสองสิงโตนี่นา” หนูด้วงทำท่าครุ่นคิดอีกรอบ

“หึหึ...” เสียงหัวเราะที่เหมือนมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ของพี่โอบทำให้หนูด้วงรีบสวมกอดคนตรงหน้าเอาไว้

“หนูรักสิงโตชีวจิตคนนี้”

“หื้ม” โอบอุ้มไม่เข้าใจมุกของหนูด้วง

“ก็พี่มีลูกชื่อใบไม้กับใบหม่อน แปลว่าพี่ไม่กินเนื้อ รักสุขภาพสุดๆ หนูชอบ”

“ใครว่าพี่ไม่กินเนื้อ”

โอบอุ้มมองตาหนูด้วง เขาอยากจะกินคนขี้อ้อนคนนี้จะแย่อยู่แล้ว จะมีใครที่คิดมุกซับซ้อนซ่อนความน่ารักได้อย่างผู้วิเศษคนนี้อีกไหม น่ารักจนอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากลงไปดื่มด่ำกับรสราสเบอรี่หวานๆ อย่างไม่รู้เบื่อ ต่อให้หนูด้วงกินน้ำพริกกะปิมาโอบอุ้มก็คิดว่ามันหอมหวานอยู่ดี

การที่ได้รู้ว่าหนูด้วงรู้สึกตรงกันมันทำให้โลกที่เคยไร้ความหวังพลันสว่างไสวในพริบตา ความเหนื่อยยากที่ผ่านมาหลายปีมลายหายสูญไปสิ้น สมแล้วที่คนในอ้อมกอดมีฉายาว่าหนูด้วงผู้วิเศษ ผู้วิเศษที่เสกทุกอย่างรอบตัวของโอบอุ้มให้ดูเป็นสีชมพู

“เกือบบินได้เลย” หนูด้วงพึมพำออกมาเมื่อพี่โอบถอนริมฝีปากออก ใจเต้นแรงและร้อนผ่าวที่ใบหน้า

“อยากบินได้เหรอ” พูดจบโอบอุ้มก็ช้อนตัวหนูด้วงขึ้น ออกแรงชูแขนให้สูงสุด ถึงหนูด้วงจะโตแล้วแต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยของเขาเสมอ นึกสงสัยเหมือนกันว่าผู้วิเศษกินเก่งแต่ทำไมตัวถึงเบาขนาดนี้

“วู้ๆ พี่อย่าปล่อยหนูนะ” หนูด้วงกางแขนออกทำราวกับว่ากำลังบินอยู่ ตอนเด็กๆ พี่โอบก็ชอบอุ้มแบบนี้เสมอ

“นาโม พี่หนูด้วง เล่นอะไรกัน ให้น้องหม่อนเล่นด้วยคนนะ” เสียงเจื้อยแจ้วของใบหม่อนแว่วมาตั้งแต่หน้าประตูร้าน

“ตื่นแล้วเหรอ” โอบอุ้มวางหนูด้วงลงก่อนจะอุ้มใบหม่อนขึ้นมาแล้วชูให้สูงแบบที่ทำกับหนูด้วง เจ้าของแก้มยุ้ยหัวเราะชอบใจแล้วส่งเสียง ‘ปรื้นๆ’ เหมือนกำลังขับเครื่องบิน

“อยากเล่นไหม” หนูด้วงเห็นน้องไม้เดินตามเข้ามาทีหลังแล้วมองโอบอุ้มกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองด้วยความสนใจ

“ไม่” ใบไม้กอดอกแล้วทำเป็นไม่สนใจ

หนูด้วงตัดสินใจช้อนตัวของน้องไม้ขึ้นมาอุ้ม แต่พอต้องยกแขนชูขึ้นสูงกลับทำไม่ได้ ออกแรงยกจนหน้าแดง สุดท้ายก็ยอมแพ้วางน้องไม้ลง

“ฮ่าๆ เห็นไหม น้องไม้อ้วนกว่าน้องหม่อนแล้ว” ใบหม่อนได้ทีหัวเราะพี่ชายบ้าง ปกติจะโดนพี่ชายบ่นว่าตัวเองอ้วนกว่าเสมอ

“ไม้ไม่ได้อ้วนแต่พี่หนูด้วงอ่อนแอ” ใบไม้รีบหันไปโทษหนูด้วงทันที

“ก็ได้ก็ได้ พี่หนูด้วงอ่อนแอเอง ต่อไปพี่หนูด้วงจะออกกำลังกายทุกวันทุกวัน คราวนี้จะชูน้องไม้ให้ถึงฟ้าเลย” หนูด้วงทุบแขนตัวเองเพราะน้องไม้หนักกว่าที่คิด

“พี่หนูด้วงลองอุ้มน้องหม่อนนะ น้องหม่อนเบากว่าน้องไม้แน่ๆ นาโมยังยกน้องหม่อนได้เลย” ใบหม่อนรีบเข้ามาหาหนูด้วงหลังจากที่โอบอุ้มวางตัวเองลงที่พื้นแล้ว

“ห๊า...เอ่อ...พี่หนูด้วงว่า....เรามาเล่นเดินแบบกันดีกว่า พี่หนูด้วงเอาของเล่นมาเยอะ” หนูด้วงยิ้มแหยๆ เพราะน้องหม่อนตัวกลมว่าน้องไม้เยอะเลย กลัวน้องหม่อนจะเสียใจหากตัวเองอุ้มไม่ขึ้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องจนโอบอุ้มลอบขำ

“ก็ได้ก็ได้” เสียงของฝาแฝดดังขึ้นพร้อมกัน

หนูด้วงหันมามองโอบอุ้มก่อนจะหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ตอนนี้แม้กระทั่งฝาแฝดก็ติดโรคพูดซ้ำของหนูด้วงเข้าแล้วเหมือนกัน

...

เมื่อใบไม้กับใบหม่อนทานอาหารเช้าเสร็จแล้วตามคำสั่งของโอบอุ้ม ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะได้เล่นเดินแบบกับพี่หนูด้วงเสียที ทั้งสองคนตื่นเต้นเมื่อเห็นชุดสีสันสดใสกับเครื่องแต่งหน้าแบบเด็กๆ ที่พี่หนูด้วงขนมาให้เล่น ปกติอยู่กับโอบอุ้มทั้งสองคนจะได้เล่นระบายสีหรือไม่ก็ตัวต่อเลโก้แค่นั้น ไม่เคยได้เล่นอะไรสนุกๆ แบบนี้

ส่วนโอบอุ้มเลี่ยงมานั่งประเมินงานให้ตะวันและปล่อยให้ทั้งสามคนเล่นกันให้เต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสามคนก็ยังอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา การได้เห็นรอยยิ้มของหนูด้วงและน้องแฝดมันทำให้เขามีความสุขจนไม่อยากละสายตาไปไหน

“พี่โอบ ชื่อจริงๆ ของน้องแฝดชื่อว่าอะไรบ้างฮะ” หนูด้วงตะโกนถามโอบอุ้มเพราะจะประกาศชื่อนายแบบที่ต้องออกมาเดิน

“ไทกอนกับไลเกอร์ ”

“โห...ไทกอน ภูมิเทพ ไลเกอร์ ภูมิเทพ ชื่ออินเตอร์สุด มีสไตล์มากๆ เด็ดๆ” หนูด้วงยกนิ้วให้โอบอุ้ม

ไม่รู้ว่าคิดเข้าข้างตัวเองไหมที่พี่โอบตั้งชื่อน้องแฝดแบบนี้ เพราะมันคือชื่อที่เรียกลูกที่เกิดจากการผสมพันธุ์กันระหว่างราชสีห์กับพยัคฆ์ ต่อให้ไม่ใช่เหตุผลนี้หนูด้วงก็จะเข้าข้างตัวเองอยู่ดี คิดแล้วก็แอบอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาจัดการทำหน้าที่พิธีกรเรียกนายแบบทั้งสองคนออกมาเดินโชว์ต่อ

สรุปว่าโอบอุ้มไม่ได้ทำงานต่อเพราะมัวแต่ขำกับชุดที่หนูด้วงและน้องแฝดใส่ ทั้งสามคนเดินวนไปวนมารอบตัวเขาราวกับเป็นแคทวอล์ก ไม่รู้ว่าตัวเองได้แฟนหรือได้ลูกมาเพิ่มอีกคน หนูด้วงยังพกของเล่นพวกนี้มาเล่นที่หอแปลว่ายังมีหัวใจที่รักความสนุกแบบเด็กๆ ไม่เปลี่ยน เสียงหัวเราะร่วนจากสองแฝดยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าได้เพื่อนเล่นที่ถูกใจ นานมากแล้วเหมือนกันที่โอบอุ้มไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของใบไม้กับใบหม่อน

“อ๊ะ พี่โอบ มัมส่งข้อความมาบอกว่าให้คอลไลน์ มัมๆ กับแด๊ดดี้อยากคุยกับรุ่นพี่ของหนู” หนูด้วงเดินหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับยื่นไอแพดให้พี่โอบดู

“ทำไงดี” โอบอุ้มแกล้งทำเป็นตกใจแต่ความจริงแล้วโอบอุ้มรู้ดีว่าทั้งสองคนน่าจะรู้ว่าหนูด้วงขอมาค้างกับใคร

วันที่โอบอุ้มย้ายกลับมาที่เมืองไทยเขาได้เจอกับนับตังค์และมีคุณแล้ว เขาไปกราบขอโทษทั้งสองคนโดยไม่ได้บอกเหตุผลว่าขอโทษในเรื่องอะไร ทั้งคู่ก็ไม่ได้ถามและยังบอกกับเขาว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม อยากให้เขาคิดว่าที่นี่คือบ้านและพร้อมจะต้อนรับเขากลับมาเสมอ เขารู้สึกตื้นตันและดีใจที่ทั้งคู่ไม่ได้โกรธที่เขาหายหน้าไปและทำให้หนูด้วงต้องรอ ส่วนเรื่องของหนูด้วง ทั้งคู่บอกว่าให้หนูด้วงเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ว่าหนูด้วงจะเลือกทางไหนทุกอย่างก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เรื่องน้องแฝดจะไม่มีผลอะไรกับทุกคนในครอบครัวหากหนูด้วงเลือกที่จะคบหากับเขาในฐานะคนรัก 

“คิดออกแล้ว” หนูด้วงดีดนิ้วก่อนจะหรี่ตาลง เจ้าตัวแสบส่งยิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มที่โอบอุ้มรู้สึกกังวลเหลือเกิน

ผ่านไป 10 นาที หนูด้วงถึงได้คอลไลน์ไปหานับตังค์ เมื่อปลายทางกดตอบรับหนูด้วงก็รีบส่งเสียงทักทายทันที

“สวัสดีฮะแด๊ดดี้ สวัสดีฮะมัม น้องไม้น้องหม่อนสวัสดีแด๊ดดี้กับมัมๆ ของพี่หนูด้วงก่อน”

“สวัสดีครับ” น้องแฝดที่มานั่งเบียดอยู่บนตักของหนูด้วงยกมือไหว้คนที่อยู่ในจอไอแพดอย่างว่าง่าย

“ลูกชายของรุ่นพี่ที่หนูเล่าให้ฟัง น่ารักไหม” หนูด้วงรีบแนะนำ

‘น่ารัก บอสมาดูดิ เหมือนหนูด้วงตอนเด็กๆ เลย’ นับตังค์เอียงหน้าจอไอแพดให้คนที่นั่งข้างๆ ดู

“เขาหล่อจัง” น้องหม่อนจิ้มนิ้วป้อมๆ ไปที่มีคุณแล้วเงยหน้ามาพูดกับหนูด้วง

‘เห็นไหม เด็กมักพูดความจริง’ นับตังค์ยักคิ้วให้มีคุณ

“น้องหม่อนหมายถึงแด๊ดดี้นะมัม” หนูด้วงรีบบอก เสียงหัวเราะของมีคุณลอดออกมาให้ได้ยิน

“แต่คนนี้น่ารัก” น้องไม้ชี้ไปที่นับตังค์แล้วหันไปพูดกับใบหม่อนบ้าง

“คราวนี้น้องไม้ชมมัมฮะ” หนูด้วงรีบบอกอย่างเอาใจเมื่อเห็นมัมมองแด๊ดดี้ตาขวาง

‘แล้วไหนรุ่นพี่ของหนูด้วงที่ชื่อนโม’ มีคุณถามแทรกเข้ามา

หนูด้วงระบายยิ้มก่อนจะหันไอแพดไปทางโอบอุ้ม เสียงของนับตังค์กับมีคุณดังลอดมาว่า ‘เฮ้ย’ จนหนูด้วงกับน้องแฝดต้องชะโงกหน้ามาดูในจอว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทางโน้น จนได้เห็นนับตังค์กับมีคุณกำลังปิดปากกลั้นขำจนตัวสั่น

มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 23-06-2018 05:58:33
ต่อจากด้านบนค่ะ

หนูด้วงหันมายิ้มให้โอบอุ้มที่นั่งหน้าตึงอยู่เพราะโดนสไตล์ลิสต์มือหนึ่งอย่างหนูด้วงละเลงมาสก์ทาหน้าสีดำ เว้นไว้แค่รอบดวงตากับริมฝีปาก ตอนนี้พี่โอบไม่สามารถขยับอวัยวะบนใบหน้าหรือพูดได้เลย ไม่เพียงแค่นั้น...วิกสีเหลืองสดใสอันเดียวกับที่หนูด้วงใส่ปลอมตัวตอนนี้ถูกสวมอยู่บนศีรษะของโอบอุ้มและยังถูกเพิ่มเติมด้วยโบว์สีแดงจุดดำอันใหญ่อีกด้วย

โอบอุ้มยกมือสวัสดีแต่ไม่สามารถขยับปากทักทายได้ อีกฝั่งยกมือโบกให้รู้ว่าไม่เป็นไร ทั้งคู่ก็พูดไม่ได้เหมือนกันเพราะว่ายังกลั้นขำกันอยู่

“หนูกำลังเล่นเดินแบบกันอยู่” หนูด้วงหันไอแพดกลับมาที่ตัวเอง

‘มัมว่าเราไปเป็นภาระพี่เขารึเปล่าเนี่ย’ นับตังค์ถาม

“หนูเป็นภาระของพี่ไหมฮะ” หนูด้วงหันมาถามโอบอุ้ม เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าก็ยิ้มออก “พี่เขาบอกว่าไม่เป็นภาระฮะมัม”

‘แล้วอย่าซนจนพี่เขาปวดหัวนะ ดูแลตัวเองด้วย’ มีคุณสอนลูกชาย

“หนูโตแล้วนะแด๊ดดี้” หนูด้วงทำหน้ามุ่ย

‘โอเค โตก็โต แล้วจะค้างกี่คืน’

“แด๊ดให้ได้กี่คืน” หนูด้วงตาเป็นประกาย จนกระทั่งมีคุณชูหนึ่งนิ้วรอยยิ้มเลยจางลง

‘สงสารนกฮูก จะให้เพื่อนนอนคนเดียวได้ยังไง’ มีคุณบอกถึงเหตุผล

“ก็ได้ก็ได้ แต่หนูมาทุกอาทิตย์ได้ไหมฮะ นะฮะ” หนูด้วงทำหน้าอ้อน โอบอุ้มรีบสะกิดเจ้าตัวแสบเพราะเกรงใจนับตังค์กับมีคุณ

“ให้พี่หนูด้วงมาค้างกับน้องหม่อนบ่อยๆ ได้ไหมครับ น้องหม่อนเหงา” ใบหม่อนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา สองมือกลมๆ กอบกุมกันไว้แล้วยกมาชิดคาง ทำท่าอ้อนวอนจนดูน่าสงสาร

‘ก็ได้ก็ได้ ให้มาค้างคืนวันศุกร์กับเสาร์ก็แล้วกัน โอเคไหม’ นับตังค์แพ้ทางเด็กขี้อ้อนอยู่แล้วเลยเป็นฝ่ายอนุญาตเอง

“เย้” ใบหม่อมชูมือชูไม้ดีใจ ซึ่งนับตังค์กับมีคุณต่างก็มองหน้ากันเพราะเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนหนูด้วงราวกับพิมพ์เดียวกัน

“น้องไม้จะดูแลพี่หนูด้วงไม่ให้ซนเองครับ” ใบไม้พูดจริงจังราวกับเป็นผู้ใหญ่

‘ขอบคุณนะครับน้องไม้ แด๊ดคงต้องวางสายก่อนนะ มีนักเรียนมารอเรียนทำอาหารกับมัมๆ เขาแล้ว เอาไว้พาเด็กๆ มาเที่ยวบ้านเรานะหนูด้วง’ มีคุณบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น

“ฮะ บัยบายๆ” หนูด้วงอยากไปกอดขอบคุณแด๊ดดี้กับมัมๆ ที่ใจดีกับตัวเองเสมอ รู้สึกดีใจที่ทั้งคู่ยอมให้อิสระอย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่าถ้าหนูด้วงเข้ามหา’ลัยเมื่อไหร่จะให้ใช้ชีวิตนักศึกษาให้เต็มที่ ขอแค่บอกกล่าวว่าจะไปที่ไหนกับใครเท่านั้นเอง

หนูด้วงวางไอแพดลงแล้วชูไม้ชูมือดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีแถมยังได้มาค้างกับพี่โอบอุ้มทุกอาทิตย์ด้วย หนำซ้ำตอนนี้ตัวเองยังได้เป็นแฟนกับพี่โอบแล้ว รู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันที่ดีจริงๆ หนูด้วงก้มลงมาหอมแก้มน้องแฝดแทนคำขอบคุณที่ช่วยอ้อนแทนให้ก่อนจะหันไปยิ้มกับพี่โอบอุ้ม แต่แล้วหนูด้วงกับน้องแฝดก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันมาเห็นหน้าของนายแบบกิตติมศักดิ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ 

...ก็ตอนนี้มาสก์สีดำบนใบหน้าของโอบอุ้มมีรอยร้าวไปทั่ว จะให้ทำไงได้ในเมื่อเขาก็ดีใจเหมือนกันที่หนูด้วงจะได้มาค้างกับเขาทุกอาทิตย์ แถมทั้งสามคนก็ดูเข้ากันได้ดีจนอดยิ้มตามหนูด้วงและน้องแฝดไม่ได้ มาสก์มันเลยแตกยับและลอกหลุด  กระดำกระด่างจนดูน่ากลัวกว่าน้องด้าวไปแล้ว...

...

หลังจากที่โดนหนูด้วงจับแปลงร่างและเล่นกันทั้งวัน ตอนนี้น้องแฝดพากันหลับสนิทบนฟูกหนาที่ปูอยู่ในห้องนั่งเล่น ผู้นำทีมก็ไม่ต่างกัน นั่งสัปหงกอยู่ใกล้ๆ เด็กทั้งสองคน โอบอุ้มละงานที่ทำอยู่เพื่อไปหยิบหมอนใบใหญ่มาวางข้างน้องแฝดแล้วประคองตัวของหนูด้วงให้นอนลง คนถูกกวนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปกอดใบหม่อนที่นอนอยู่ข้างๆ เขาเห็นแล้วอดไม่ได้จึงโน้มตัวลงไปหอมที่หน้าผากของทั้งสามคนก่อนจะลุกไปทำงานที่ค้างเอาไว้ต่อให้เสร็จ

เมื่อได้นอนกันเต็มอิ่มก็เหมือนกับได้ชาร์จพลัง หนูด้วงตื่นมาช่วยพนักงานในร้านของพี่โอบติดเตาถ่านสำหรับปิ้งบาร์บีคิวและหมาล่าอยู่บริเวณหน้าร้านด้วยความขะมักเขม้น พี่โอบซื้อถ่านอัดแท่งแบบไร้ควันมาใช้ในร้านเพราะไม่อยากให้เกิดมลภาวะ ส่วนน้องไม้กับน้องหม่อนช่วยกันเก็บเศษใบไม้ที่สนามหญ้าหน้าร้านใส่ถุงขยะ พี่โอบไม่ได้ห้ามเพราะรู้ว่าตัวเองกับน้องแฝดอยากมีส่วนร่วมในร้านนี้ด้วย

“โอ้โห ขยันแบบนี้ท่าทางจะได้เงินเดือนสองต่อใช่ไหมตัวแสบ” กาดเพิ่งมาถึงร้าน เห็นหนูด้วงนั่งเขี่ยถ่านอยู่ก็แวะทัก

“หนูเป็นเด็กฝึกงาน จะต้องเริ่มทำทุกหน้าที่ให้เก่งไงฮะ” หนูด้วงยกมือปาดเหงื่อจนแก้มกับหน้าผากมีรอยดำ

“พี่ว่ารอกินมากกว่ามั้ง” ทำนุเดินตามกาดเข้ามาที่หลัง เห็นท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ในการติดเตาของหนูด้วงก็นึกเอ็นดู

“อันนั้นมันแน่อยู่แล้วฮะ” หนูด้วงไม่ปฏิเสธ ที่รีบติดเตาตั้งแต่ร้านยังไม่ทันเปิดเพราะว่าอยากชิมก่อนนี่แหละ

“ไอ้แปะกับไอ้ป้ายมารึยัง” ทำนุถาม

“มานานแล้วฮะพี่ทำนุลูกพ่อบำรุง กำลังซ้อมเพลงกันอยู่”

“ไม่ต้องต่อชื่อพ่อพี่ก็ได้นะตัวแสบ แล้วเราไม่ไปซ้อมกับวงเหรอ”

“ก็หนูรอคนมาสาย”

“นั่นไงพี่นุ โดนเด็กถอนหงอกให้แล้ว” กาดพูดไปขำไป

“สายแค่สองนาทีเอง” ทำนุแก้ตัว

“ตอนนี้สายเจ็ดนาทีแล้ว” หนูด้วงยกนาฬิกาขึ้นมาดู

“ดูมัน ถ้าขาไม่ก้าวเข้าประตูร้านมันคงจับเวลาต่อ ไปเลยไอ้กาด...ให้ไว ตกลงเรารับรุ่นน้องหรือรุ่นพี่มาเข้าวงวะ” ทำนุแกล้งบ่นไปอย่างนั้นแต่ก็รีบเข้าไปในร้านเพราะมาสายกว่าทุกคนจริงๆ

หนูด้วงติดเตาสำเร็จในที่สุด พนักงานที่โอบอุ้มจ้างมาอาสาทำต่อให้เพราะหนูด้วงต้องเข้าไปซ้อมร้องเพลงกับวงแล้ว ด้วยความรีบเลยไม่ทันได้เช็ดหน้าตาตัวเองให้ดี เห็นทุกคนในวงอมยิ้มก็สงสัยอยู่แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพลงที่จะร้องส่วนใหญ่เป็นเพลงเก่าๆ ยุค 80 และ 90 ทั้งไทยและสากล หนูด้วงซ้อมมาหลายเพลงและร้องได้ดี ทุกคนในวงยอมรับว่าหนูด้วงมีพรสวรรค์และมีพรแสวงที่ดี ร้องได้ถูกคีย์และมีอารมณ์ร่วมกับบทเพลง รวมถึงการท่องจำเนื้อเพลงที่ไม่เคยฟังมาก่อน หนูด้วงสามารถร้องตามได้แม้เพิ่งฟังเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง

ระหว่างที่กำลังซ้อมกันอยู่ก็มีหญิงสาวสองคนในชุดบิกินี่เดินเข้ามาเลือกดูกล่องดนตรีในร้าน แม้ท่อนล่างจะมีผ้ามัดย้อมผูกเอวมาก็จริงแต่หนูด้วงก็ไม่เห็นว่ามันจะช่วยปิดบังอะไรได้ ที่น่าขัดใจที่สุดคือทั้งสองนางพยายามยั่วยวนพี่โอบด้วยการเท้าแขนกับตู้โชว์จนหน้าอกหน้าใจจะหลุดออกมานอกชุดว่ายน้ำอยู่รอมร่อ

“หนูขอพักก่อน” หนูด้วงหันไปบอกคนในวงก่อนจะเดินหน้าตูมไปยืนข้างโอบอุ้ม

“พนักงานคนใหม่เหรอคะนโม” หญิงสาวในชุดว่ายน้ำทูพีชสีแดงเอ่ยถาม เห็นหน้าหนูด้วงเปื้อนคราบดำดูมอมแมมก็ส่งยิ้มเหยียดๆ ไปให้

“ไม่ใช่พนักงานครับ” โอบอุ้มมองหนูด้วงแล้วยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบคำถามของลูกค้า

“ลองดูอันนี้ สวยนะฮะ” หนูด้วงใช้นิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนเงินสวมอยู่ชี้ไปที่กล่องดนตรีที่มีตุ๊กตาเด็กผู้ชายสองคนยืนจับมือกัน

“ก็สวยนะคะ แต่ไม่ชอบตุ๊กตาผู้ชายคู่ ชอบแบบตุ๊กตาคู่บ่าวสาวมากกว่า คุณนโมช่วยเลือกให้หน่อยสิคะ คราวที่แล้วเราซื้อไปเป็นของฝาก ถูกใจผู้รับมากเลยต้องมาอีก” คราวนี้หญิงสาวอีกคนเป็นฝ่ายตอบ ไม่ตอบอย่างเดียวยังเอื้อมมือมาวางบนมือของโอบอุ้มอีกต่างหาก

“น่าเสียดายจังฮะ คนทำเขาชอบตุ๊กตาผู้ชาย เลยมีแต่ผู้ชายคู่กัน...ใช่ไหมฮะ” หนูด้วงเงยหน้าไปถามโอบอุ้ม ถามพลางเอามือเสยผมเพื่อจะอวดแหวนบนนิ้วอีกรอบ

“ครับ” โอบอุ้มตอบและพยายามกลั้นขำคนขี้หวง

“คุณป้าไม่ชอบเด็กผู้ชายเหรอฮะ” เสียงใสดังมาจากด้านหลัง สองสาวหันไปมองก็เห็นเด็กน้อยแก้มยุ้ยยืนเอามือไขว้หลังอยู่

“โถ ชอบสิครับ ถ้าตุ๊กตาจะน่ารักแบบหนูนะ” หญิงสาวชุดแดงก้มลงมาหยิกแก้มน้องหม่อนเบาๆ เหมือนจะเอ็นดู แต่อันที่จริงไม่พอใจตั้งแต่ถูกเรียกว่าป้า ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้คือลูกชายของหนุ่มที่เธอให้ความสนใจคงจะไล่ให้ไปไกลๆ แล้ว

“แล้วตุ๊กตาแบบนี้ชอบไหมครับ” น้องไม้เดินออกมาจากประตูหลังร้านพร้อมกับยื่นน้องด้าวให้สองสาวในระยะประชิด

“ว้าย ตกใจหมดเลย ตัวอะไรเนี่ย” สองสาวตกใจ ผงะถอยหลังทันทีที่เห็น

“ของขวัญวันเปิดร้านครับคุณป้า” น้องไม้ดึงรูปโพลารอยด์ที่กดถ่ายเมื่อครู่ออกมาจากตัวน้องด้าว ยืนพัดจนรูปชัดขึ้นก็ส่งให้หญิงสาวทั้งสองคน

“นิกกี้ขอตัวไปเล่นน้ำทะเลก่อนนะคะ แล้วจะมาเลือกของใหม่ตอนที่...สะดวกกว่านี้” นิกกี้มองน้องไม้ตาเขียวก่อนจะหันไปส่งตาหวานให้โอบอุ้มแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย ก็รูปโพลารอยด์ที่น้องไม้ส่งมาให้คือรูปใบหน้าของพวกเธอตอนกำลังตกใจ มันน่าเกลียดมากๆ จนรับไม่ได้ ช่วงที่เดินผ่านเวทีเกิดเสียการทรงตัวเล็กน้อยเพราะรองเท้าส้นตึกที่สูงเกือบ 6 นิ้วมันพลิก

เสียงกลองจากทำนุดัง ‘ตึ่งโป๊ะ’ ประกอบภาพหญิงสาวเข่าอ่อนเหมือนตลกกำลังตบมุกพอดี หนูด้วงกับน้องแฝดหลุดขำเสียงดังจนได้เห็นสายตาเขียวปั๊ดของสองสาวอีกรอบ

“แกล้งลูกค้าได้เหรอครับ” โอบอุ้มถามน้องไม้เสียงเข้มจนเด็กน้อยต้องเบรกการขำดัง ‘เฮือก’

“หนูไม่เห็นว่าน้องไม้จะแกล้งลูกค้าตรงไหนเลยฮะ” หนูด้วงแก้แทนให้

“อย่าให้ท้าย” โอบอุ้มทำเสียงเข้มใส่หนูด้วงด้วย

“น้องไม้จะเอาของขวัญให้ลูกค้าต่างหากนาโม” ใบหม่อนช่วยแก้แทนพี่ชายฝาแฝดเหมือนกัน จนเห็นสายตาดุของพ่อถึงได้หน้าจ๋อย

“ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ” โอบอุ้มหันไปพูดกับใบไม้

“น้องไม้ตั้งใจแกล้งคุณป้าครับ” ใบไม้ที่ยืนนิ่งในตอนแรกยอมสารภาพแบบเสียงดังฟังชัด

“ทำไม” โอบอุ้มถาม

“พี่....อย่าดุน้องเลยฮะ” หนูด้วงหน้าเสีย ไม่เคยเห็นโอบอุ้มในมุมนี้มาก่อน ตอนที่เคยดุหนูด้วงก็ยังไม่ดุเท่าตอนนี้เลย

“เพราะเขาจะมาแย่งนาโมไป” สิ้นคำตอบของเด็กน้อยทุกคนในร้านก็เงียบกันหมด ยกเว้นใบหม่อนที่กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

โอบอุ้มเดินออกมาหาลูกชายก่อนจะย่อตัวลง ดึงใบไม้และใบหม่อนเข้ามาใกล้ๆ มองหน้าลูกทั้งสองคนนิ่งจนน้องแฝดเริ่มน้ำตาคลอ

“พ่อบอกแล้วว่าไม่มีใครจะมาแย่งพ่อไป แล้วพ่อก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น พ่อได้กลับมาบ้านแล้ว ที่นี่ก็คือบ้านของไม้และหม่อนเหมือนกัน”

“แต่เขามาหานาโมบ่อยๆ เขาบอกกับน้องหม่อนว่าเขาจะมาเป็นแม่ให้น้องหม่อน” ใบหม่อนฟ้องเสียงสั่น

“ไม่ได้ไม่ได้! นึกจะมาเป็นแม่ก็เป็นได้เหรอ แค่พูดแบบนั้นก็เป็นได้เหรอ จะเป็นแม่ได้ต้องหัดเลี้ยงปลา หัดเลี้ยงม้า หัดใส่แพมเพิร์ส แล้วก็รีดนมวัวให้เป็นก่อน ถ้าเขามาอีกพี่หนูด้วงจะจัดการให้นะ!!”

ใบไม้กับใบหม่อนสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ พี่หนูด้วงก็เอากำปั้นทุบที่มือของตัวเองแล้วทำเสียงเข้มกว่าพ่อนาโม แต่พอได้ยินว่าพี่หนูด้วงจะช่วยจัดการให้ทั้งคู่ก็ยิ้มออก ยิ่งแอบเห็นว่าพ่อกำลังลอบยิ้มก็ใจชื้นขึ้น

“โอ้โห โหมดดุของเด็กแสบน่ากลัวแฮะ” แปะกระซิบคู่แฝดของตัวเอง

“โหมดดุหรือโหมดหวง” ป้ายนึกขำ

“เอาล่ะ ถึงจะมีเหตุผลแต่ก็ถือว่าทำผิดนะครับ เราสองคนเด็กกว่า ทำแบบนั้นมันเหมือนเด็กก้าวร้าว ไปเข้ามุม” โอบอุ้มกลับมาทำท่าเข้มเหมือนเดิมหลังจากที่เสียอาการไปเพราะความน่ารักของหนูด้วง

“พี่อ่า” หนูด้วงหน้างอที่โอบอุ้มยืนยันจะลงโทษน้องแฝด

“เราก็ไปเข้ามุมกับเจ้าแฝดด้วย อยากให้ท้ายกันดีนัก” โอบอุ้มลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วชี้ไปที่มุมร้าน

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงยอมโดนเข้ามุมเป็นเพื่อนน้องแฝดเพราะน้องแฝดอุตส่าห์ช่วยทำให้ผู้หญิงที่มาเกาะแกะพี่โอบกลับไป

“เดี๋ยวก่อน” โอบอุ้มเรียกเอาไว้

หนูด้วงหยุดชะงักแล้วหันมาเอียงคอมองคนเรียก นึกสงสัยว่าจะโดนทำโทษอะไรอีก จนโอบอุ้มเดินเข้ามาแล้วเอาทิชชูเช็ดคราบดำให้อย่างเบามือ หน้าที่งอถึงได้ค่อยๆ เปลี่ยนไป ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองไปยังดวงตาที่ดูมุ่งมั่นตรงหน้าอย่างหลงใหล ดวงตาคู่นี้ที่ทำให้หนูด้วงรู้สึกปลอดภัยเสมอ เมื่อโอบอุ้มเช็ดหน้าให้สะอาดดีแล้วก็ชี้ไปที่มุมร้านต่อ

“ไป เราไปเข้ามุมกัน ตอนเด็กๆ พี่หนูด้วงโดนบ่อย ไม่ยาก สนุกด้วย” หนูด้วงชักชวนน้องแฝดอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อครู่

“เข้ามุมมันสนุกตรงไหนเหรอน้องไม้” น้องหม่อนถามพี่ชายด้วยความสงสัย

“พี่หนูด้วงต้องมีอะไรสนุกให้ทำในมุมห้องแน่ ไปกัน” น้องไม้ก็ตอบคำถามของน้องชายไม่ได้ รู้แต่ว่าตั้งแต่มีพี่หนูด้วงเข้ามาก็มีแต่เรื่องสนุก เมื่อถูกเชิญชวนก็เลยตามไปโดยไม่ลังเลเลย

ระหว่างที่หนูด้วงกับน้องแฝดกำลังนั่งหันหน้าเข้ามุมร้านอยู่ โอบอุ้มก็เดินไปบนเวทีแล้วบอกกับสมาชิกในวงถึงเพลงที่ตัวเองจะร้องในคืนนี้ การซ้อมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เสียงอินโทรเพลงที่กำลังบรรเลงให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่เมื่อโอบอุ้มเริ่มถ่ายทอดเนื้อร้องกลับให้ความรู้สึกถึงความเหงา หนูด้วงจึงฟังทุกถ้อยคำอย่างตั้งใจ

‘Another summer day Is come and gone away In Paris and Rome But I want to go home
อีกวันหนึ่งในฤดูร้อนที่เข้ามาและผ่านพ้นไปในปารีสและโรม แต่ฉันกลับรู้สึกอยากกลับบ้านเหลือเกิน’

‘Maybe surrounded by A million people I Still feel all alone I just want to go home Oh I miss you, you know
แม้จะรายล้อมด้วยผู้คนนับล้าน แต่ฉันก็ยังอยากจะกลับบ้าน ฉันคิดถึงเธอนะ รู้ไหม’


จากที่โดนทำโทษให้นั่งหันหน้าเข้ากำแพง ตอนนี้หนูด้วงขอขัดคำสั่งเพื่อหันกลับมามองคนร้อง สายตาของอีกฝ่ายมองมาที่หนูด้วงอยู่ก่อนแล้ว ต่างสบตากันราวกับเป็นการสื่อสารแทนคำพูดทุกคำที่โอบอุ้มอยากจะบอกคนสำคัญให้รับรู้

And I've been keeping all the letters that I wrote to you Each one a line or two ‘I'm fine baby, how are you?’
ฉันยังคงเก็บจดหมายที่ตั้งใจจะเขียนส่งไปให้เธอ มันอาจจะแค่หนึ่งหรือสองบรรทัด ด้วยคำว่า ‘ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะ’

Well I would send them but I know that it’s just not enough My words were cold and flat And you deserve more than that
ฉันน่าจะได้ส่งมันไป แต่เพราะรู้ว่ามันยังดีไม่พอ ตัวหนังสือเหล่านั้นมันดูไร้ความรู้สึก ราบเรียบเกินไป เธอสมควรได้รับอะไรที่มากกว่านั้น


น้องแฝดหันมาดูพ่อตามพี่หนูด้วง รู้สึกเคลิ้มไปกับบทเพลง ทั้งสองคนลุกมานั่งเบียดบนตักของหนูด้วงเพราะอยากเห็นพ่อนโมชัดๆ เจ้าของตักวาดมือไปโอบเด็กทั้งสองคนเอาไว้ เด็กน้อยเลยถือโอกาสกอดแขนของพี่หนูด้วงคนละข้างและเอนตัวพิงอกเพื่อฟังพ่อร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์

Another aeroplane  Another sunny place I'm lucky I know But I want to go home I've got to go home
ได้ก้าวสู่เครื่องบินอีกลำ ได้อยู่ในสถานที่ที่อบอุ่น ฉันอาจจะเป็นคนโชคดี...ฉันรู้ แต่ฉันอยากกลับบ้าน ฉันอยากกลับบ้านเหลือเกิน

Let me go home I'm just too far from where you are I want to come home
ให้ฉันกลับบ้านเถอะ ฉันอยู่ห่างไกลจากเธอเหลือเกิน ฉันอยากจะกลับบ้าน


...

บทเพลง Home ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งเมื่อร้านกล่องดนตรีเปิดให้บริการ แม้จะไปฟังไปแล้วในรอบซ้อมแต่หนูด้วงก็ยังอยากจะฟังพี่โอบร้องอีกจึงลากเก้าอี้ทรงสูงมานั่งตรงหน้าเวที

ตอนนี้ในร้านกล่องดนตรีไม่ได้มีแค่สมาชิกในร้านเท่านั้น ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งภายในร้าน ลูกค้าประจำจะรู้ดีว่าร้านนี้ไม่ได้เน้นขายอาหาร จะมีแค่ของกินเล่นกับเครื่องดื่ม หนักท้องสุดก็เป็นพวกบาร์บีคิว หมาล่า แซนด์วิชและแฮมเบอร์เกอร์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะมาเพื่อฟังเพลงเพราะๆ เพลงรักเก่าๆ ที่หาฟังได้ยาก บวกกับการตกแต่งร้านให้ดูเหมือนบ้าน ลูกค้าที่มาจึงนั่งร่วมโต๊ะกันได้เหมือนกับเคยสนิทกันมาก่อน บ้างก็มาแลกเปลี่ยนความคิดพูดคุยกันเหมือนเพื่อน มีทั้งวัยไล่เลี่ยกันและต่างวัยกัน เสียงนุ่มๆ ของโอบอุ้มก็ขับกล่อมให้เคลิบเคลิ้มไปด้วย   

And I feel just like I'm living someone else's life It's like I just stepped outside When everything was going right
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตของใครก็ไม่รู้ ฉันเลือกที่จะออกไปข้างนอกนั่น ขณะที่ทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย
 
And I know just why you could not come along with me But this was not your dream but you always believe in me
และฉันเองก็รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ได้เดินมากับฉัน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ความฝันของเธอ แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นในตัวฉันเสมอมา


ร้านนี้โอบอุ้มตั้งใจสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเพศไหน อายุจะมากหรือน้อย เป็นคนภาคไหนหรือชนชั้นใดก็ตาม ทุกคนจะเป็นเหมือนคนในครอบครัวเมื่อก้าวเข้ามาในร้านกล่องดนตรี

Another winter day has come and gone away And even Paris and Rome And I want to go home
อีกวันหนึ่งในฤดูหนาวที่เข้ามาและผ่านพ้นไปในปารีสและโรม ฉันก็ยังอยากกลับบ้าน


Let me go home I've had my run Baby, I'm done I gotta go home
ขอให้ฉันได้กลับบ้าน ฉันมีสิ่งที่ต้องทำนะที่รัก แต่ฉันพอแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน

Let me go home It will all right I'll be home tonight I'm coming back home
ขอให้ฉันได้กลับบ้านเถอะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย  คืนนี้ฉันจะกลับบ้าน ฉันกำลังจะกลับบ้านแล้ว


ความเหงา ความเหน็ดเหนื่อย ความทุกข์ใจ ที่เคยเกิดขึ้นตลอด 15 ปี มันถูกทิ้งเอาไว้ในที่ๆ เขาจากมา โอบอุ้มรู้แล้วว่าความสุขในชีวิตหาได้จากที่นี่เท่านั้น เขาจะไม่ไปไหนอีกแล้ว

...เพราะโอบอุ้มได้กลับบ้านแล้ว...
 

โปรดติดตามตอนต่อไป

มาแล้วค่า ส่วนเพลงพิเศษที่อยากให้มาลงเรื่อยๆ จะพยายามนะคะ พี่สิงโตแซ่บบบบเนาะ 55
แต่รอดูพ่อคนสุภาพ ถ่อมตน อ่อนโยนอย่างพี่โอดอุ้นก่อนเถอะ เขาอั้นมานาน
แล้วน้องก็ยั่วเก่งจริงพี่เขาทนไม่ไหวเมื่อไหร่ กิสสสสส เอาทิชชูอุดตะหมูกรอ
ขอบคุณน้องหนิงที่ช่วยตรวจคำผิดให้ทุกตอนเลยนะคะ ขอบคุณทุกคนด้วยที่ยังอยู่ด้วยกัน
...รัก...
 

 Home - Michael Buble (Thai Translate)
Credit Translate : aelitaxtranslate.com


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Madpinkie ที่ 23-06-2018 06:53:29
อยู่ๆก็จะมารีดนมพี่เขาเหรอหนูด๊๊๊๊๊๊๊วงงงงง


พี่โอบ....ถึงบ้านแล้วนะ หลังจากนี้ก็ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ รักเรื่องนี้จังเลยยย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 23-06-2018 07:04:45
ทำไมน้องแฝดถึงเหมือนหนูด้วงไปได้นะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-06-2018 07:10:33
ขอบคุณค่ะ. น้องด้วงน่ารักมากที่สุด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-06-2018 08:22:18
รอเขารีดน้ำ... เอ๊ยรีดนมกันอยู่นะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-06-2018 08:51:05
บ้านของพี่โอบ  ก็ที่มีหนูด้วงกับแฝด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 23-06-2018 09:49:00
รอว่าเมื่อไรพี่โอบจะตบะแตกสักที  เพราะคนอ่านถือทิชชูรอไว้นานแล้ว 555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-06-2018 10:15:18
น้องแฝดน่าจะได้รับความหนูด้วงติดตัวเยอะแล้วหล่ะ
เอ็นดูๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-06-2018 10:40:32
 น้องแฝดไม่ใช่ลูกของพเยีย หรือของตำลึงทองใช่ไหม (จำชื่อไม่เเม่น)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 23-06-2018 11:39:11
เป็นตอนที่อิ่มใจมากค่ะ
อ่านแล้วอบอุ่น ... และหนูด้วงน่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ


-- จ่ายค่าอ่านเป็นการพิสูจน์อักษรให้นะคะ --
-------------------------------------------------

โอบอุ้มพูดจบหนูด้วงก็ยืดตัวตรงแล้วกระพริบตาปริบๆ
กะพริบ    (คำว่า กระพริบ ไม่มีค่ะ)

โอบอุ้มทั้งเอ็นดูและหมั่นเขี้ยวความช่างจดช่างจำ
มันเขี้ยว    (ถ้าหมั่น จะเป็น หมั่นไส้)

ติดเตาถ่านสำหรับปิ้งบาบีคิวและหมาล่าอยู่
หนักท้องสุดก็เป็นพวกบาบีคิวหมาล่า
บาร์บีคิว

“หนูเป็นเด็กฝึกงาน จะต้องเริ่มทำทุกหน้าให้เก่งที่ไงฮะ”
หน้าที่  สลับที่กันอยู่นะคะ

“พี่ว่ารอกินมากกว่ามั๊ง”
มั้ง     (ม ม้า ไม่มีคำว่า มั๊ย นะคะ ต้องใช้ไม้โทเสมอค่ะ)

ตกลงเรารับรุ่นร้องหรือรุ่นพี่มาเข้าวงวะ
รุ่นน้อง
edit --- คำว่า วะ ถูกต้องแล้วค่ะ
วะ ใช้ถาม / ว่ะ ออกเสียง หวะ ใช้ตอบ


ทั้งสองนางพยายามพยายามยั่วยวนพี่โอบ
ซ้ำกันรึเปล่าคะ   (น่าจะไม่ใช่บริบทเดียวกับ ก็ได้ก็ได้ ของหนูด้วง)

จะหลุดออกมานอกชุดว่ายน้ำอยู่มะรอมมะร่อ
คำนี้ ใช้ "รอมร่อ" เพราะอ่านว่า รอมมะร่อ  อยู่แล้วค่ะ
(จึงไม่มีคำสะกดว่า มะรอมมะร่อ ในพจนานุกรมค่ะ)

หนูด้วยแก้แทนให้
หนูด้วง

“โอ้โห โหมดดุของเด็กแสบน่ากลัวแหะ”
แฮะ - คือ คำประกอบท้ายคำเพื่อเน้นความให้หนักแน่นขึ้น
ถ้า แหะ, แหะ ๆ คือ เสียงคนหัวเราะหรือทำเสียงดังเช่นนั้น เช่น เขาไม่พูดอะไรได้แต่แหะ ๆ

ส่วนใหญ่จะมาเพื่อฟังพลงเพราะๆ
เพลงเพราะ ๆ


ช่วยแก้ให้นะคะ เพราะรักเรื่องนี้มาก
แต่ถ้าเคืองขุ่นใจและคิดว่าก้าวก่ายเกินไป ก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ
และจะไม่ทำอีก (จะเป็นเด็กดีแบบหนูด้วงเลย)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 23-06-2018 11:55:13
ไม่เคืองเลยค่ะ ดีใจมากๆๆๆๆๆๆ ที่ช่วยตรวจทานให้ ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เอาอีกๆๆๆ ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 23-06-2018 14:09:47
ไม่เคืองเลยค่ะ ดีใจมากๆๆๆๆๆๆ ที่ช่วยตรวจทานให้ ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เอาอีกๆๆๆ ชอบค่ะ

ดีใจจัง ...
ถ้าเจอจะบอกมานะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 23-06-2018 15:46:28
หนูด้วงเด็กแสบของพี่ๆ สงสารน้องไม้น้องหม่อน อยากให้ได้ไปเจอยุงพญา เร็วๆ จะได้รวมเป็นครอบครัวใหญ่ พี่หนูด้วกับแฝดน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 23-06-2018 16:12:17
รักตัวละครทุกตัวเลย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-06-2018 18:39:17
 :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-06-2018 22:22:08
หนูด้วง~~ เด็กดีรักจังลูก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-06-2018 06:12:22
กลับมาแล้วว เพลงรักไม่หายไปแล้ว
หนูด้วงเป็นเด็กดีมาก น้องจิตใจดีมาก
และก็เติบโตมาให้พี่โอบอุ้มได้อุ่นใจ

ทุกคนรู้หมดแล้ว รอแค่โอบบอก

ทีมเพื่อนน่ารักมากค่ะ ไม่ทิ้งกันเลย
สงสารสิงโตนะ แต่จะเจอคนที่ใช่แล้ว

ทีมทำนุแปะป้ายประกาศคือฮามาก เด็ดเด็ด
ความรั่วนี้ไม่มีตก ไม่มีขาด และทุกคนชอบหนูด้วง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 8 Home 23/06/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-06-2018 15:18:54
 :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-07-2018 04:03:16
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ
ศิลปิน ป้อม เกริกศักดิ์


“พี่นโมครับ หมาล่ากับบาร์บีคิวหมดแล้ว วันนี้ลูกค้ามาอุดหนุนเยอะมากเลยนะครับ” พนักงานในร้านมาแจ้งให้โอบอุ้มได้รู้ว่าอาหารบางรายการไม่มีเหลือแล้ว

“ของหมดหลายอย่างเลย วันนี้คงปิดเร็วกว่าปกติ เหนื่อยกันหน่อยนะ ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้”

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ อยากให้ขายดีแบบนี้ทุกวัน”

พนักงานทุกคนรู้ดีว่าที่ผ่านมาร้านไม่ค่อยมีรายได้มากสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาใช้บริการแต่เป็นเพราะพี่นโมใจดี ลูกค้าบางรายมานั่งเอาบรรยากาศ นั่งเป็นชั่วโมงแต่สั่งเครื่องดื่มเพียงแก้วเดียวพี่นโมก็ไม่ว่า ถ้าเป็นผู้สูงอายุมานั่งฟังเพลงก็บริการเครื่องดื่มให้ฟรีอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นพนักงานทุกคนก็ได้เงินเดือนครบแถมยังมีเบี้ยขยันให้อีก พนักงานที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาที่ต้องการหาเงินไปด้วยเรียนไปด้วย ทุกคนอยู่กันเหมือนพี่น้องมากกว่าเจ้านายกับลูกจ้าง

“ก็ดูพนักงานเสิร์ฟแต่ละคนสิคะ จะไม่ให้ลูกค้าเยอะได้ไง” ‘นิล’ ชี้ไปที่กลุ่มรุ่นน้องที่มาช่วยเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม นิลเป็นเพื่อนสนิทของเปิ้ล เธอจบคหกรรมฯ พอเรียนจบก็ทำงานอยู่ที่แสงแรกรีสอร์ตและมารับงานพิเศษเป็นแม่ครัวให้ที่ร้านกล่องดนตรีในช่วงเย็น

“ผมก็ว่าแบบนั้นแหละ กลุ่มดาวเด่นทั้งนั้น” พนักงานมองไปแล้วก็นึกเห็นด้วย

“เพื่อนของหนูด้วงเขาอยากมาช่วย” โอบอุ้มห้ามแล้วแต่ทุกคนอยากจะช่วยเลยตามใจ

“น้องสิงโตท่าจะเป็นขวัญใจรุ่นพี่ หล่อมาก สเป็กนิลเลย” นิลชื่นชมสิงโตออกนอกหน้าจนโดนแซวว่าคิดไม่ซื่อกับเด็ก

โอบอุ้มยกยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ได้เอ่ยปากแซวนิลเหมือนคนอื่น เมื่อมองไปก็เห็นว่าหนูด้วงกำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่นมุกอยู่บนเวที เจ้าตัวแสบสร้างเสียงหัวเราะให้กับลูกค้าในร้านแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมาจนนิลและพนักงานในร้านแปลกใจกับภาพที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยๆ จากเจ้าของร้านคนนี้

“พี่อยู่เอกอิ๊งเหรอฮะ” หนูด้วงถามลูกค้าที่นั่งโต๊ะเสริมติดหน้าเวที

“ใช่ค่ะ”

“งั้นพี่มาดูมาดูเด็กปั้นของหนู อิงลิชจ๋าน้องไม้น้องหม่อนมาแล้ว” หนูด้วงผายมือให้เด็กน้อยทั้งสองคนเดินขึ้นมาบนเวที

“น้องหม่อนชื่อน้องหม่อน แต่คนนี้ชื่อน้องไม้ น้องไม้เป็นพี่น้องหม่อน” น้องหม่อนแนะนำตัวเองและพี่ชายฝาแฝด เมื่อได้ยินเสียงปรบมือก็ยิ้มกว้าง

“พี่หนูด้วงจะถามศัพท์ภาษาอังกฤษนะ มาตอบโชว์พี่ๆ เขาหน่อย”

“ไม่ยาก” น้องไม้กอดอกแล้วทำมาดเข้ม ส่วนน้องหม่อนไม่ได้สนใจคำถามแต่มองลูกชิ้นกุ้งทอดที่พนักงานถือผ่านเวทีไป ทุกคนเห็นแล้วก็พากันนึกเอ็นดูน้องแฝด

“พระภาษาอังกฤษว่ายังไง” หนูด้วงถามคำถามที่ได้นัดแนะซักซ้อมกับน้องหม่อนมาแล้ว

“มั้ง เอ็มโอเอ็นเค ไม่ยาก” น้องไม้เป็นฝ่ายตอบพร้อมกับสะกดให้เสร็จสรรพเพราะสติของน้องหม่อนเพิ่งจะกลับมาจากลูกชิ้นกุ้ง

“เก่งมาก แล้วพระเครื่องล่ะ” หนูด้วงถามต่อ

“มอเตอร์มั้ง” คราวนี้น้องหม่อนแย่งตอบบ้าง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากลูกค้าเจ้าตัวกลมก็ยิ้มกว้าง ส่วนแฝดผู้พี่ได้แต่ทำตาโตเพราะไม่เข้าใจ

“พระนอน” หนูด้วงถามอีก

“ง่วงมั้ง” น้องหม่อนตอบเสร็จทำนุก็ตีกลองตบมุกให้

“พระจำวัด”

“กลัวลืมมั้ง”

“พระบิน”

“ไม่กลับมาแล้วมั้ง”

“พระ...” หนูด้วงยังไม่ทันถามให้จบน้องไม้ก็แย่งไมค์จากน้องหม่อนมาพูดแทรก

“เล่นอะไรไม่รู้ บาปแล้วมั้ง”

“ฮ่าๆๆๆ”

เสียงหัวเราะของลูกค้าดังขึ้นพร้อมกัน หนูด้วงได้แต่ยิ้มแหยๆ เมื่อโดนน้องไม้ทำหน้าดุใส่ ส่วนน้องหม่อนโค้งแล้วโค้งอีกเมื่อได้ยินเสียงปรบมือจากทุกคน มุกคาเฟ่ที่พี่หนูด้วงสอนทำให้คนหัวเราะได้น้องหม่อนก็ดีใจ น้องแฝดไม่เคยได้ออกมาที่ร้านตอนกลางคืนเลยสักครั้ง ครั้งนี้พี่หนูด้วงขออนุญาตให้พ่อนโมถึงยอมให้ทั้งคู่ออกมาได้ มีโอกาสได้มาเห็นบรรยากาศสนุกสนานแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่กฎก็คือ...น้องแฝดจะได้มาอยู่ที่ร้านแบบนี้แค่ครึ่งชั่วโมง เฉพาะคืนวันศุกร์กับคืนวันเสาร์เท่านั้น   

“หนูด้วงน่ารักนะคะพี่นโม นิลไม่เคยเห็นน้องแฝดดูมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย” นิลมองไปแล้วยิ้มตาม

“อืม น่ารัก” โอบอุ้มตอบรับจนนิลกับพนักงานที่ได้ยินต่างพากันประหลาดใจรอบสอง

“พี่นโม...พี่ชอบหนูด้วงเหรอ” นิลถามไปตรงๆ

“ใช่” โอบอุ้มละสายตาจากหนูด้วงและน้องแฝดมามองคนถาม

“ชอบแบบไหน...” ด้วยความอยากรู้นิลจึงพลั้งปากถามต่อ พอถามไปแล้วก็หน้าเสียเพราะมันเสียมารยาท

“คนรัก หนูด้วงคือแฟนพี่เอง”

คราวนี้นิลและพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นพากันอ้าปากค้าง มองไปทางเจ้าของร้านทีมองไปที่หนูด้วงที มองสลับไปมาด้วยความตกใจ เพราะนโมมีลูกแล้วทุกคนจึงไม่คิดว่านโมจะชอบผู้ชายด้วยกัน แต่พอทุกคนได้เห็นสายตาของนโมที่มองไปยังหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักที่กำลังขับกล่อมเพลงให้ลูกค้าต่อจากการแสดงตลกคาเฟ่ไปก็เข้าใจ สายตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมอย่างเปิดเผย ทุกคนเริ่มเชื่อในสิ่งที่นโมพูดออกมาว่าหนูด้วงคือคนรัก


‘เธอคนนี้ที่ใจฉันหา เธอคนนี้ที่มากับฝัน เหมือนดังดวงตะวัน ให้ฉันพบหนทางสดใส’


“ไม่ได้เหรอ” โอบอุ้มหันกลับมาถามทุกคนเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ

“ไม่ใช่ไม่ได้ แค่คิดไม่ถึงค่ะ” นิลก็ตอบกลับไปตรงๆ


‘ให้มีคนนับร้อยพัน ฉันไม่ต้องการใครๆ แค่เพียงคนเดียว ที่ฉันต้องการคือเธอ’


“ทำไม” โอบอุ้มถามรุ่นน้องแต่สายตายังคงมองไปที่เวที

“ก็พวกเรานึกว่าพี่ชอบผู้หญิง ว่าแต่น้องแฝดจะยอมเหรอคะ ที่ผ่านมาไม่เคยยอมให้ใครเข้าใกล้พี่เลย”

“พี่เชื่อว่าน้องแฝดจะรักหนูด้วง”


‘อยากจะมีเธอ ฉันอยากจะมีเธอ เก็บไว้ในใจอย่างนี้ เธอเป็นเหมือนเวลาวันคืนที่ดี ที่ฉันไม่เคยพบเจอ
อยากจะมีเธอ ฉันอยากจะมีเธอไม่ขอมีใครคนไหน วันพรุ่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ฉันจะมีเพียงเธอ คนเดียว’



“เหมือนที่พี่รักใช่ไหม” นิลถามพลางยิ้ม

“อืม”


‘เธอเท่านั้น ที่เป็นเหมือนฝัน เธอเท่านั้น ที่ใจเสาะหา ขอให้วันเวลา หยุดไว้เพื่อรักเธอตลอดไป’


หนูด้วงร้องท่อนสุดท้ายจบก็หันมายิ้มให้โอบอุ้ม เป็นที่รู้กันสองคนว่าเพลงสุดท้ายนี้หนูด้วงตั้งใจร้องให้พี่โอบฟัง ภาพของพี่โอบที่ยืนยิ้มน้อยๆ สองมือล้วงกระเป๋า ไหล่กว้างตั้งตรงพร้อมกับส่งสายตาที่ดูอบอุ่นมาให้นั้นเป็นภาพที่คุ้นตา แม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหนหนูด้วงก็ไม่เคยลืม ตอนเด็กๆ จะต้องวิ่งเข้าไปหาแล้วร้องขอให้อีกฝ่ายอุ้ม อยากซบที่อกกว้างแล้วใช้สองมือโอบรอบคอเอาไว้ให้อุ่นใจว่าได้เจอที่พักพิงที่ดีที่สุด ตอนนี้ก็อยากทำเหมือนตอนเด็กๆ แต่ก็ทำไม่ได้จึงได้แต่ส่งยิ้มหวานไปให้แทน

“หนูด้วง” นกฮูกมาสะกิดให้หนูด้วงดูสิงโตหลังจากที่หนูด้วงลงมาจากเวทีแล้ว

“ทำไมเหรอ” หนูด้วงเห็นสิงโตยืนคุยกับผู้ชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง ท่าทางดูสนิทสนมดี

“สงสัยจะได้เจอคนมาดามอกแล้ว”

“นกฮูกว่าเขาเป็นคนดีไหม” หนูด้วงรู้สึกว่าแววตาคนที่ยืนคุยกับสิงโตดูเศร้าแม้จะมีรอยยิ้มแต้มที่ใบหน้าก็ตาม

“ไม่รู้สิ”

“เราอยากให้สิงโตมีความสุข แล้วนกฮูกล่ะ มีคนดามใจรึยัง” หนูด้วงถามพลางมองไปที่พี่ป้าย

“ยังไม่เคยอกหัก ไม่ต้องหาคนดามหรอก” นกฮูกรีบเบนสายตาไปทางอื่นเมื่อป้ายเงยหน้าแล้วมองมาที่ตัวเองพอดี

“ไม่หาคนมาดามใจ หาคนมาดูแลใจก็ได้ แถวๆ นี้ก็ดีนะ”

“ไม่ต้องมาชงเลย มาคุยเรื่องนี้ดีกว่า”

“เรื่องอะไร”

“พี่นโมคือพี่โอบอุ้มใช่ไหม” สิ้นคำถามของนกฮูกหนูด้วงก็เบิกตาโต

“นกฮูก..คือ...คือ”

“โอเค รู้คำตอบแล้ว แค่นั้นแหละไม่ต้องอธิบายหรอก” นกฮูกไหวไหล่เพราะได้คำตอบเรื่องที่สงสัยแล้ว

“ทำไมฉลาดแบบนี้อ่า” หนูด้วงไหล่ลู่ลงเพราะไม่เคยปิดบังนกฮูกได้สักเรื่องหนึ่ง

“เราไม่ได้ฉลาดหรอก แต่หนูด้วงไม่เนียน ทำอะไรก็จับได้หมด”

“จริงเหรอ สงสัยต้องฝึกวิทยายุทธ์ให้มากกว่านี้”

“เราไม่บอกใครหรอกไม่ต้องห่วง ว่าแต่พรุ่งนี้ต้องไปแบบเดิมอีกใช่ไหม”

“อืม”

“แล้วจะบอกพี่โอบว่ายังไง” นกฮูกถามเพราะคิดว่าหนูด้วงใสซื่อเกินกว่าจะมีความลับกับใคร

“บอกว่าไปกับทำธุระกับนกฮูกไง”

“ทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ เขาเป็นแฟนของหนูด้วงแล้วนะ”

“ไม่ได้ไม่ได้ เรื่องนี้เราไม่อยากบอกใครจริงๆ”

“โอเค สรุปคืนนี้นอนค้างที่นี่ใช่ไหม มีถุงยางรึยัง”

“มีแล้ว เฮ้ย ยังไม่มี ยังไม่ใช้หรอก นกฮูกอ่า...”

“ฮ่าๆ ล้อเล่น แต่ก็อย่าประมาท คนรักกันอยู่ใกล้กันมันอาจจะอดใจไม่ได้ ยิ่งพี่นโม เอ้ย พี่โอบอยู่ห่างจากหนูด้วงตั้งหลายปี อาจจะทบต้นทบดอกก็ได้นะ หนูด้วงไม่ทันพี่โอบหรอก”

“เรียกพี่นโมนั่นแหละดีแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาแซวเราเลย”

“อายเหรอ ฮ่าๆ” นกฮูกจิ้มแก้มแดงๆ ของเพื่อนรัก

“ไม่ได้อายสักหน่อย แล้วนกฮูกกลับหอยังไง สงสัยสิงโตจะไม่ได้กลับหอแล้วแน่เลย” หนูด้วงเห็นสิงโตเดินจูงมือใครคนนั้นออกไปจากร้านเลยนึกห่วงเพื่อน น้องเม่น น้องมิกิและน้องเกลก็ขอตัวกลับไปแล้ว

“เดี๋ยวมีคนไปส่ง”

“แน่นแน่!”

“พรุ่งนี้เจอกันที่ท่าเรือนะ” นกฮูกรีบหันหลังเดินออกไปยืนเล่นอยู่ที่หน้าร้านก่อนที่หนูด้วงจะแซวมากไปกว่านี้ ปล่อยให้หนูด้วงยืนปิดปากหัวเราะคิกคักที่ทำให้นกฮูกอายคืนได้บ้างตามลำพัง

“น้องหนูด้วง มาถ่ายรูปกันนะคะ” กลุ่มพี่มิ้งเข้ามาดึงหนูด้วงไปถ่ายรูปด้วย

หนูด้วงได้ยินเสียงคนในกลุ่มของพี่มิ้งบ่นเรื่องที่สิงโตไปควงคนอื่นให้ได้ยินก็ยิ้มแห้งๆ เพราะรับรู้มาว่าพี่ๆ กลุ่มนี้จับคู่ให้หนูด้วงกับสิงโตเป็นแฟนกัน เมื่อไปถ่ายรูปเสร็จแล้วกลุ่มพี่ๆ ชมรมโอนลี่วายก็ขอตัวกลับเพราะร้านกำลังจะปิด ลูกค้าคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกลับเช่นกัน

หนูด้วงเดินไปบอกกับโอบอุ้มว่าจะกลับเข้าไปในบ้านก่อน เห็นพี่นิลกับรุ่นพี่พนักงานคนอื่นๆ ในร้านส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ก็ได้แต่ยิ้มตอบ จนได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกนมาหนูด้วงถึงกับชะงักพร้อมกับหน้าแดงก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไปทันที

“ฝันดีนะอาซ้อ”

“หึหึ พวกมึงอย่าไปแซว” โอบอุ้มหัวเราะก่อนจะกลับเข้าไปในร้านเพื่อเคลียร์บัญชีของวันนี้ให้เสร็จเร็วๆ อยากจะกลับบ้านไปนอนกอดหนูด้วงแล้ว คืนนี้คงเป็นคืนที่มีความสุขที่สุดในรอบ 15 ปี คิดแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองหัวเราะสิ้นเปลืองมากๆ ตั้งแต่ได้กลับมาเจอผู้วิเศษคนนี้ ส่วนสมาชิกในวงคนอื่นๆ ขอนั่งดื่มกันต่อโอบอุ้มก็ไม่ได้ว่าอะไร

...

หนูด้วงกลับขึ้นมานั่งพิมพ์ข้อความไลน์ทักทายทุกคนในครอบครัวตามปกติ นึกโล่งใจที่วันนี้ยุงพญาไม่ว่างมาคุยด้วยไม่อย่างนั้นคงจะโดนถามว่าอยู่ไหน ถึงแม้มีเรื่องต้องปิดบังแต่ก็ไม่อยากโกหกถ้าถูกถาม เลี่ยงได้ก็อยากจะเลี่ยง เมื่อคุยเสร็จแล้วก็เดินออกมาดูน้องแฝดที่ห้อง ทั้งคู่นอนหลับไปแล้ว ป้าประนอมก็เพิ่งขอตัวกลับตอนที่หนูด้วงกลับเข้ามาในบ้าน

“น้องไม้ชอบนอนกอดอกเหรอเนี่ย”

หนูด้วงเห็นแล้วนึกขำ นึกสงสัยว่านอนท่านี้มันไม่เมื่อยบ้างรึไง พอหันมาเห็นท่านอนของน้องหม่อนยิ่งขำหนักกว่าเก่า น้องหม่อนนอนกางแขนกางขาอ้าซ่า ปากยังเคี้ยวจับๆ สองแก้มกลมดูเหมือนจะแดงระเรื่อตลอดเวลา ทั้งคู่เป็นฝาแฝดที่ดูแตกต่างกันมากจริงๆ ถ้ามีสิ่งที่เหมือนกันก็คืออาการหวงคุณพ่อนั่นเอง

“ให้พี่หนูด้วงมาเป็นครอบครัวด้วยคนนะ พี่หนูด้วงจะใจดีตลอดไปเลย” หนูด้วงกระซิบน้องแฝดเบาๆ

“ก็ได้ก็ได้....น้องหม่อนให้น้องไม้สองอันก็ได้” น้องหม่อนพูดขึ้นมาจนหนูด้วงสะดุ้งตกใจ จนเห็นน้องหม่อนเอานิ้วไปดูดจึงรู้ว่าอีกฝ่ายละเมอ หนูด้วงค่อยๆ ดึงนิ้วน้องหม่อนออกจากปากก่อนจะห่มผ้าให้เพราะเจ้าของผ้าห่มถีบมันออกจนหล่นไปกองกับพื้น ส่วนน้องไม้นอนตัวตรงเรียบร้อยราวกับเป็นทหาร

“ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ” โอบอุ้มไม่เห็นหนูด้วงอยู่ที่ห้องจึงเข้ามาดูที่ห้องของน้องแฝด แล้วก็เจอหนูด้วงอยู่ที่นี่จริงๆ

“หนูรอพี่”

“รอพี่...รออาบน้ำกับพี่” โอบอุ้มทวนคำก่อนจะเลิกคิ้วแทนการถาม

“ใช่ ก็หนูขี้เกียจอาบเอง”

“หึหึ” โอบอุ้มหัวเราะก่อนจะเดินไปหอมน้องไม้กับน้องหม่อน จากนั้นก็เดินมายื่นมือให้หนูด้วง

“ไม่อาบได้ไหม แอร์มันเย็นตัวก็แห้งแล้ว” หนูด้วงอ้อน

“ไม่ได้ครับ” โอบอุ้มไม่ใจอ่อน โน้มตัวไปดึงมือหนูด้วงให้ลุกยืนก่อนจะจูงกลับไปที่ห้อง

เมื่อเดินมาถึงห้องนอนของโอบอุ้มหนูด้วงก็รีบวิ่งกระโดดขึ้นไปนอนที่เตียง ดึงผ้าห่มมาห่มเรียบร้อย โอบอุ้มยืนกอดอกมองเจ้าตัวแสบที่ม้วนตัวกับผ้าห่มก่อนจะคิดว่าจะจัดการยังไงดี

“พี่จะฟ้องแด๊ดดี้ของหนูด้วง” โอบอุ้มรู้ดีว่ามีคุณเป็นคนรักความสะอาดมากและหนูด้วงก็กลัวมีคุณดุเรื่องความสกปรกมากเช่นกัน

“ถ้าหนูเป็นหวัดจะทำยังไง”

“ถ้าหนูด้วงเป็นเกลื้อนเพราะสกปรกพี่ไม่รู้ด้วยนะ เหาอาจจะมาขึ้นผมด้วย” 

“ไม่เอา หนูไม่เอาเหา หนูอาบน้ำก็ได้” หนูด้วงรีบผุดลุกมาจากที่นอนเพราะมีความหลังฝังใจเรื่องเหาอยู่

“รีบไปอาบนะครับ”

“อาบด้วยกัน” หนูด้วงชวน

โอบอุ้มยืนอึ้งไป ครั้งแรกที่บอกว่ารออาบด้วยกันก็คิดว่าหนูด้วงพูดเล่น แต่พอพูดอีกครั้งชักไม่มั่นใจ ถึงตอนเด็กๆ จะอาบน้ำด้วยกันบ่อยแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กกันแล้ว ถึงจะตกลงคบกันเป็นแฟนแต่มันเร็วเกินไป เขาไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับป๊า หนูด้วงอาจจะไม่คิดอะไรเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันและก็โตมาด้วยกัน แต่สำหรับเขา บอกตรงๆ ว่าเขาคิดแน่ๆ คนที่ตัวเองรักมาแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันแบบนี้ใครจะไปทนได้

“หนูด้วงไปอาบก่อนนะ”

“งั้นหนูไม่อาบ”

“อาบเองไม่ได้แบบนี้พี่ต้องถอดเสื้อผ้าให้ด้วยไหมเจ้าตัวยุ่ง” โอบอุ้มคิดว่าหนูด้วงอาจจะแกล้งตัวเองอยู่จึงลองแกล้งกลับไปบ้าง

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงขยับเข้าไปยืนตรงหน้าพี่โอบ

“เอาจริงดิ” โอบอุ้มเริ่มคิดว่านี่คงไม่ใช่การล้อเล่นจากหนูด้วงเสียแล้ว

“จริงฮะ ตอนนี้หนูขี้เกียจสุดๆ” หนูด้วงขยับเข้าไปใกล้อีกก่อนจะชูมือสองข้างขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายถอดเสื้อให้

โอบอุ้มตัดสินใจถอดเสื้อให้คนตรงหน้า สีหน้าของหนูด้วงยังคงเป็นปกติ แถมยังหาวโชว์เขาอีก ดูท่าฝ่ายนั้นจะไม่ได้คิดอะไรมากมาย คงอยากอ้อนให้ทำให้เหมือนตอนยังเด็ก แต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่ากำลังทำให้พี่ชายคนนี้หายใจไม่ทั่วท้อง

“หนูง่วงแล้ว” หนูด้วงหาวอีกรอบเมื่อเห็นว่าโอบอุ้มนิ่งไปอีก

โอบอุ้มลอบถอนหายใจก่อนจะจัดการถอดกางเกงและปราการด่านสุดท้ายชิ้นน้อยให้เจ้าตัวแสบออกจนหมด ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนอยู่เบื้องหน้าในระยะประชิด ใจของเขาเต้นรัวยิ่งกว่าเสียงกลองของทำนุแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ หนูด้วงยืนมองเขาตาปริบๆ เหมือนจะบอกว่า ‘ถอดเสื้อผ้าของพี่สิฮะ หนูง่วงแล้ว’ เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนจะจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดเช่นกัน

“ไป อาบน้ำกัน” หนูด้วงคลี่ยิ้มก่อนจะจูงมือโอบอุ้มเข้าไปในห้องน้ำหน้าตาเฉย

นี่ถ้าไม่ใช่หนูด้วง โอบอุ้มคิดว่าตัวเองคงกำลังถูกมอมเมาให้ต้องเสียตัวอยู่แน่ๆ แต่หนูด้วงผู้แสนบริสุทธิ์ของเขาคงไม่ได้คิดอะไรไปไกลขนาดนั้น มันเลยทำให้เขาต้องนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจว่าให้อดทน

หนูด้วงยื่นฟองน้ำถูตัวให้โอบอุ้มก่อนจะเดินไปยืนใต้ฝักบัว โอบอุ้มเดินตามไปยืนซ้อนด้านหลังก่อนจะกดสบู่เหลวลงก้อนฟองน้ำหนานุ่ม เมื่อหนูด้วงเปิดน้ำให้รินรดตัว แผ่นหลังขาวเนียนก็เริ่มเปียกชุ่ม หยดน้ำใสไหลลงไปยังบั้นท้ายกลมมนตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่บางสิ่งบางอย่างของคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังมันกลับสวนแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นมา มันคงเป็นไปตามแรงปรารถนาของมนุษย์ที่ไม่สามารถฝืนมันได้

“สบู่หอมจัง” หนูด้วงยกแขนของตัวเองขึ้นมาดม

“หอม หอมมาก” โอบอุ้มเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ใต้มนต์สะกดของผู้วิเศษ อยากดึงร่างที่เล็กกว่าตรงหน้ามากอดเอาไว้แล้วกดจูบให้สมใจ

“หอมเนอะ พี่ดมสิ” หนูด้วงหันกลับมายกแขนให้โอบอุ้มดม แต่ร่างกายของตัวเองไปชนกับอะไรบางอย่างของพี่ชายจนทำให้ต้องก้มลงไปมอง

“คือ...” โอบอุ้มไม่รู้จะอธิบายยังไง คิดว่าเจ้าหนูจำไมต้องมีคำถามแน่ๆ แต่เขาคิดผิด

หนูด้วงยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าไปมองพี่โอบ หยดน้ำจากฝักบัวตกกระทบไปที่ใบหน้าของพี่ชาย มันไหลลู่ลงมาตามเส้นผมและร่างกาย หนูด้วงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำที่ใบหน้าออกให้ก่อนค่อยๆ ลากมือลงมาที่ทาบแผ่นอกกว้าง สองมือที่ช่วยกวาดหยดน้ำออกยิ่งสร้างความปั่นป่วนให้เจ้าของร่างสูงหนักกว่าเดิม

“หันหลังไป พี่จะถูหลังให้” โอบอุ้มพยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน

“หนูไม่ขี้เกียจแล้ว หนูจะอาบน้ำให้พี่ดีกว่าฮะ”

หนูด้วงแย่งฟองน้ำในมือของโอบอุ้มมาลูบตัวให้พี่ชาย ลูบไล้ให้ตั้งแต่คอ บ่าและแผ่นอกอย่างเบามือ ครีมฟองเนื้อนุ่มสีขาวถูกละเลงไปทั่วร่างกายกำยำ สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่หน้าท้อง ใบหน้าของหนูด้วงเริ่มแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเกิดจากอุณหภูมิของน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเพราะอุณหภูมิจากร่างกายที่กำลังไต่สูงขึ้นกันแน่

“หนูด้วง...อย่า” โอบอุ้มสะดุ้งมือหนูด้วงทิ้งฟองน้ำในมือแล้วเอื้อมมาสัมผัสส่วนอ่อนไหวของเขาแทน

“ไม่ได้เหรอ หนูไม่ใช่แฟนของพี่เหรอฮะ”

“ใช่ แต่ว่า..”

“หนูรู้ว่ายุงพญาไม่ให้พี่ล่วงเกินหนู ยุงพญาห้ามพี่แต่ยุงพญาไม่ได้ห้ามหนู”

“เอ่อ...มันก็ใช่ แต่ไม่เป็นไร พี่ทนได้”

“แล้วทำไมพี่ต้องทน พี่ทนมามากแล้ว” หนูด้วงขยับมือของตัวเองช้าๆ

โอบอุ้มไม่รู้จะพูดยังไง ทั้งอยากขอบคุณที่หนูด้วงอยากให้ตัวเขามีความสุข ทั้งอยากจะลงโทษเด็กแสบที่ดื้อดึงดันจนทำให้เขายิ่งทรมาน ไม่รู้ว่าเด็กน้อยของเขาไปเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหน พอคิดแล้วเขาก็จับข้อมือของหนูด้วงให้หยุดเคลื่อนไหว

“ไปเรียนรู้มาจากไหนครับ”

“หนูโตแล้ว หนูเก่ง”

“ทำกับตัวเองบ้างรึเปล่า”

“พี่ถามอะไร หนูเขินนะ” หนูด้วงหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันที โอบอุ้มเลิกคิ้วนึกขำกับอาการคนตรงหน้า ที่เอามือมาจับของเขากลับทำหน้าตาเฉย พอถามตรงๆ กลับไปบ้างอีกฝ่ายดันเขินจนหน้าแดง

“พี่ขอบคุณนะที่อยากให้พี่มีความสุข แต่พี่รอได้จริงๆ พี่อยากให้เรามีความสุขไปพร้อมกัน”

“พี่ว่าหนูดื้อไหมฮะ” หนูด้วงถาม

“ดื้อ”

“ใช่ หนูดื้อ”

หนูด้วงพูดจบก็ขยับมือของตัวเองต่อ แถมยังเร่งจังหวะกว่าเดิม โอบอุ้มถึงกับต้องกัดกรามเพื่อสะกดอารมณ์รุนแรงที่กำลังแล่นพล่านอยู่ภายใน มือน้อยๆ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้พี่โอบมีความสุข โอบอุ้มตัดสินใจเอื้อมมือไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวของคนดื้อบ้าง ร่างบางสะดุ้งและกัดริมฝีปากแน่นเมื่อโดนมืออุ่นสัมผัส มันเหมือนมีกระแสไฟแล่นไปทั่วโดยเฉพาะเจ้าส่วนที่อยู่ในมือของพี่โอบอุ้ม

สองสายตาสบกันอยู่นานเหมือนจะแข่งกันกลายๆ ว่าใครจะทนไม่ได้ก่อนกัน ร่างบางเริ่มอ่อนแรงจนต้องซบหน้ากับอกของคนที่เป็นพี่ แต่มือน้อยก็ยังไม่ยอมแพ้ เสียงครางแผ่วเบาเริ่มหลุดรอดออกมาจากคนตัวเล็กกว่า ต่างฝ่ายต่างนำพาความสุขให้กันและกัน จังหวะมือที่เร่งเร้าขึ้นยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องน้ำร้อนระอุ สุดท้ายทั้งคู่ก็เหยียดเกร็งตัวเพื่อปลดปล่อยความสุขสม ลมหายใจของทั้งสองคนถูกพรั่งพรูออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน

โอบอุ้มเชยคางของหนูด้วงให้เงยขึ้นมาก่อนจะโน้มตัวไปกดจูบ เด็กดื้อรั้นแทบจะยืนไม่อยู่ ดีว่าได้มือของโอบอุ้มรั้งเอวเอาไว้ให้ร่างบางนั้นชิดแนบกับตัว จูบที่ดื่มด่ำถูกยุติลงเพราะโอบอุ้มกลัวว่าหนูด้วงจะไม่สบายจากการอาบน้ำที่นานเกินไป

“ถึงกับอ่อนแรงเลยเหรอ” โอบอุ้มกระเซ้า

“มันเด็ด เด็ดๆ” หนูด้วงรู้สึกว่าตัวเองยังลอยคว้างในอากาศอยู่

“สรุป เคยทำให้ตัวเองไหม” โอบอุ้มกระซิบถาม

“พี่โอบอ่า...” หนูด้วงเอาหน้าผากของตัวเองโขกไปที่แผ่นอกของโอบอุ้มเบาๆ ทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำไป

“เดี๋ยว ยังอาบน้ำไม่เสร็จเลยเจ้าตัวดี มา...พี่ล้างสบู่ออกให้ก่อนครับ”

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงกลับมายืนให้โอบอุ้มอาบน้ำให้และหาวโชว์อีกรอบทั้งที่เมื่อครู่ยังดูตื่นตัวอยู่เลย

โอบอุ้มส่ายหน้าพร้อมกับลอบขำ เดาว่าหนูด้วงคงได้อาจารย์ดีสอนมา นึกจะจู่โจมเขาก็ลงมือแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัว แล้วดูเจ้าตัวแสบ...นี่เขาแค่ช่วยให้ฝ่ายนั้นถึงจุดหมายไปแบบเบาๆ เจ้าตัวยังดูระทดระทวย ถ้าเขาตบะแตกขึ้นมาเมื่อไหร่เด็กน้อยของพี่โอบอุ้มคนนี้จะไหวไหมนะ คิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ ถ้าถึงวันนั้นเมื่อไหร่...ต่อให้ไม่ไหวเขาก็คงไม่ปล่อยให้หนูด้วงมาหาวโชว์แบบนี้แน่นอน

“พี่โอบอุ้มก็โตแล้วเหมือนกันนะครับเด็กน้อย โตแล้วก็ดุมากด้วย” โอบอุ้มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผู้วิเศษ

“ดุเหรอ หนูชอบ” หนูด้วงยกยิ้ม


‘อยากจะมีเธอ ฉันอยากจะมีเธอ เก็บไว้ในใจอย่างนี้ เธอเป็นเหมือนเวลาวันคืนที่ดี ที่ฉันไม่เคยพบเจอ
อยากจะมีเธอ ฉันอยากจะมีเธอไม่ขอมีใครคนไหน วันพรุ่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ฉันจะมีเพียงเธอ คนเดียว’


มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-07-2018 04:09:59
ต่อจากด้านบนค่ะ


‘ความสุข’ หนูด้วงเพิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวันนี้เอง การได้นอนมองหน้าของพี่โอบแบบใกล้ๆ ได้นอนในผ้าห่มผืนเดียวกัน การได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่โอบ มันทำให้รู้สึกว่าแค่มองไปที่เพดานแล้วเห็นน้องจิ้งจกเกาะอยู่ก็ทำให้ยิ้มได้ นี่แหละคือความสุขแน่ๆ

“นอนไม่หลับเหรอครับ ไหนว่าง่วงไง” โอบอุ้มถามคนในอ้อมกอดที่นอนยุกยิกไปมา

“หนูกำลังคิดท่านอนในแบบของเราอยู่ พี่โอบกอดหนูแบบนี้เมื่อยไหม”

“ก็เมื่อยนิดหน่อย”

“งั้นลองแบบนี้ พี่โอบกอดหนูใหม่ เมื่อยไหมฮะ” หนูด้วงพลิกตัวหันหลังเพื่อให้โอบอุ้มลองกอด

“ตอนนี้ไม่เมื่อย แต่นอนนานๆ ก็คงเมื่อย”

“ว้า งั้นลองไม่ต้องกอดดูนะฮะ แต่นอนชิดกันแบบนี้ ดีไหมฮะ” หนูด้วงพลิกมานอนหงาย ขยับตัวให้ชิดกับอีกฝ่าย

“พี่อยากกอดหนูด้วง เมื่อยพี่ก็ทนได้”

“ไม่ได้ไม่ได้ หนูไม่อยากให้พี่เมื่อย”

“แล้วจะนอนยังไงดี”

“งั้นลองแบบนี้นะฮะ ดีไหม” หนูด้วงกลิ้งขึ้นมานอนอยู่บนตัวของโอบอุ้มแล้วดึงมือของโอบอุ้มให้มากอดตัวเองเอาไว้

“ก็ดีนะ หนูชอบไหม” โอบอุ้มถามกลับ

“หนูก็ชอบ” หนูด้วงระบายยิ้มก่อนจะซบหน้ากับอกของพี่โอบแล้วหลับตาพริ้ม

“ฝันดีนะครับผู้วิเศษของพี่” โอบอุ้มดึงผ้าห่มมาคลุมก่อนจะสอดมือเข้าไปกอดตัวหนูด้วงเอาไว้อีกครั้ง

“ฝันดีฮะผู้พิเศษของหนู” หนูด้วงจูบที่คางของโอบอุ้ม น้ำเสียงเริ่มอู้อี้เหมือนคนง่วงเต็มทน

ไม่นานคนที่มานอนอยู่บนตัวของโอบอุ้มก็หลับสนิทไป โอบอุ้มหอมที่ผมนุ่มก่อนจะค่อยๆ พลิกตัวเพื่อให้หนูด้วงลงไปนอนบนที่นอนดีๆ รู้ว่าอีกฝ่ายแค่อยากใช้เวลาที่มีให้เต็มที่จึงอ้อนไปสารพัด อ้อนจนหลับคาอกเขาไปเลย

‘ความสุข’ โอบอุ้มได้รับรู้ถึงความหมายของคำๆ นี้แล้ว ต่อให้จิ้งจกบนเพดานกลายเป็นตุ๊กแกที่เขากลัวจับหัวใจมาตั้งแต่เด็กๆ เขาก็คงยิ้มได้เพราะตอนนี้ข้างๆ เขามีผู้วิเศษแล้ว ทุกอย่างไม่น่ากลัวอีกแล้ว นี่แหละคือความสุขแน่ๆ

‘อยากจะมีเธอ ฉันอยากจะมีเธอ เก็บไว้ในใจอย่างนี้ เธอเป็นเหมือนเวลาวันคืนที่ดี ที่ฉันไม่เคยพบเจอ
อยากจะมีเธอ ฉันอยากจะมีเธอ ไม่ขอมีใครคนไหน วันพรุ่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ฉันจะมีเพียงเธอ...คนเดียว’

...

ภาพที่หนูด้วงคิดเอาไว้ว่าเมื่อตื่นเช้ามาคือตัวเองยังคงนอนอยู่บนตัวของพี่โอบพร้อมกับวงแขนอันอบอุ่นของพี่โอบนั้นยังคงกอดรัดตัวเองเอาไว้ แต่เมื่อตื่นมาจริงๆ ก็พบว่าตัวเองนอนกินที่กินทางกางแขนกางขาจนพี่โอบเหลือที่นอนคือตรงริมเตียงแค่นิดเดียว พอเห็นว่าคนข้างๆ ยังไม่ตื่นเลยแอบหยิบโทรศัพท์มาไลน์หาอาน้อง

Dar
อาน้องตื่นรึยังฮะ
YourRabbit
ตื่นแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่า
Dar
หนูจะมาส่งข่าวว่าที่หนูมาปรึกษาอาน้อง มันดีมากเลยฮะ
YourRabbit
เหรอ อืม...สรุปว่าที่มาถามอาน้อง ถามไปให้นกฮูกหรือถามให้ใครครับ
Dar
ให้นกฮูกสิฮะ ก็แบบ...นกฮูกฝากมาบอก

YourRabbit
แล้วนกฮูกอยากถามอะไรอาอีกไหม
Dar
ก็...นกฮูกฝากถามว่า ถ้าอยากให้แฟนทำอะไรมากกว่านี้ ต้องทำยังไงต่อฮะ
YourRabbit
แฟนของนกฮูกเขาคงเป็นสุภาพบุรุษเลยไม่อยากทำอะไรมากไปกว่านั้นมั้งครับ
Dar
ใช่เลยฮะ สุภาพบุรุษสุดๆ แต่หนูก็อยากให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์
YourRabbit
หนูอยาก?
Dar
อ๋อๆ หนูหมายถึงนกฮูกอยากไงฮะอาน้อง
YourRabbit
บอกนกฮูกว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน แฟนของนกฮูกคงรอเวลาที่เหมาะสม ที่เขาไม่ทำมากไปกว่านั้นไม่ได้แปลว่าความรักมันจะไม่สมบูรณ์ เขาอาจจะรักเรามากจนอยากทะนุถนอมเราก็ได้
Dar
ฮะ หนูจะรอก็ได้ก็ได้ เอ้ย หนูจะบอกให้นกฮูกรอก็ได้ก็ได้
YourRabbit
ว่าแต่นกฮูกควรมีถุงยางติดตัวเอาไว้ด้วยนะ เผื่อบรรยากาศมันพาไป เดี๋ยวอาน้องจะส่งตัวอย่างให้ดูพร้อมกับวิธีใช้ เผื่อหนูด้วง เอ้ย เผื่อนกฮูกจะซื้อติดเอาไว้ ไม่ว่าจะรักแค่ไหนก็ต้องใช้ เข้าใจไหมครับ
Dar
ฮะ งั้นแค่นี้ก่อนนะฮะ ฝากจุ๊บๆ ยุงพญาด้วย
YourRabbit
ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะ


หนูด้วงวางโทรศัพท์ลงก่อนจะพลิกตัวกลับมา เห็นพี่โอบกำลังมองมาก็แอบตกใจเล็กน้อยเพราะกลัวพี่โอบจับได้ว่าตัวเองไปเรียนวิชามัดใจคนรักจากอาน้อง

“แชทกับใครแต่เช้าเลย” โอบอุ้มถาม

“กับอาน้องฮะ เมื่อคืนยุงพญากับอาน้องไม่ว่างคุยเลยมาทักกันตอนเช้าแทน” หนูด้วงไม่ได้โกหกแต่แค่ไม่ได้พูดทั้งหมด

“ทำไมหนูตื่นเช้า”

“พอดีตอนสายๆ หนูต้องไปธุระกับนกฮูก ไปไม่นานฮะ แล้วหนูจะรีบกลับมา”

“ให้พี่ไปด้วยไหม”

“พี่ต้องรอจัดการเรื่องร้านไม่ใช่เหรอฮะ หนูไปไม่นานหรอก หนูจะรีบกลับเพราะหนูอดคิดถึงพี่ไม่ไหว” หนูด้วงขยับตัวมาให้โอบอุ้มกอด

“อ้อนจริงๆ นะเรา”

“หนูอ้อนเก่ง” หนูด้วงยิ้มรับคำชม

“งั้นดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ”

“ฮะ พี่ตื่นแล้ว งั้น...ไปอาบน้ำกันไหม” หนูด้วงส่งสายตาเป็นประกายไปให้อีกฝ่ายจนโอบอุ้มอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“อาบน้ำเฉยๆ หรืออาบแบบเมื่อคืน” โอบอุ้มกระชับกอดก่อนจะแกล้งถาม

“แบบเมื่อคืนก็ได้ หนูชอบ”

“ตัวแสบ” โอบอุ้มฟัดแก้มหนูด้วงด้วยความเอ็นดู นึกในใจว่าความตรงไปตรงมาของหนูด้วงมันช่างปั่นป่วนอารมณ์ของเขาได้ดีจริงๆ

“ไม่ได้เหรอ” หนูด้วงเอียงคอถาม

“จัดให้ครับ” โอบอุ้มยกยิ้มก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้คนขี้อ้อนแล้วพาไปอาบน้ำให้แต่โดยดี

...

โอบอุ้มมาส่งหนูด้วงที่ท่าเรือเพราะนกฮูกมารออยู่แล้ว กำชับทั้งคู่อีกครั้งว่าให้ดูแลตัวเองให้ดี หลังจากนั้นเขาก็ขับรถไปหาตะวันที่หมู่บ้าน เจอพี่ก้านกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่จึงเดินเข้าไปทักทาย

“น้าตวงตื่นรึยังครับพี่ก้าน”

“ตื่นแล้วครับ แต่คงกำลังโยคะอยู่”

“ผมเอางานมาให้น้าตวงตรวจ”

“เข้าไปได้เลย แล้วทานข้าวเช้ามารึยัง” ก้านถาม

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“คุณโอบ พี่ว่ามันถึงเวลาที่คุณโอบต้องบอกนายพญาแล้วนะครับ”

“ผมทำไม่ได้จริงๆ ครับพี่ก้าน ผมขอโทษ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ พี่เข้าใจคุณโอบ แต่พี่ไม่อยากให้คุณโอบกับนายพญามาผิดใจกัน”

“ผมเชื่อว่าป๊าจะเข้าใจผม”

“ตามใจคุณโอบก็แล้วกัน แต่มีอะไรที่อยากให้พี่ช่วยคุณโอบอย่าได้เกรงใจเลยนะ พี่เต็มใจช่วย”

“แค่นี้พี่ก้านกับน้าตวงก็ช่วยผมมากจนผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วครับ”

“คนงานมาส่งต้นไม้พอดี คุณโอบเข้าไปในบ้านได้เลย พี่ขอตัวไปดูคนงานก่อน”

“ครับพี่ก้าน”

โอบอุ้มอยู่คุยกับตะวันไม่นานก็ต้องขอตัวกลับเพราะว่าจะต้องกลับไปดูแลน้องแฝดแทนประนอมที่ขอลาหยุดครึ่งวัน เมื่อเดินออกไปถึงหน้าบ้านก็เห็นคนงานคนหนึ่งกำลังเดินเซไปเซมา เขารีบเข้าไปช่วยรับกระสอบดินเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะล้ม

“ขอบคุณครับ” คนงานรีบกล่าวขอบคุณเพราะว่าเมื่อครู่รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา ร่างกายของเขาไม่แข็งแรงตั้งแต่ถูกทำร้าย แต่ทำยังไงได้ในเมื่อต้องหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

“ไม่เป็นไรครับ” โอบอุ้มยกกระสอบดินไปวางให้ที่โคนต้นไม้ก่อนจะเดินออกไปที่รถ

“ใช่แน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ” คนงานมองตามโอบอุ้มจนอีกฝ่ายขึ้นรถแล้วขับออกไป

ถึงจะนานมากแค่ไหนก็ตาม คนอย่างสามารถมั่นใจว่าเขาจำเด็กน้อยคนนี้ได้ไม่มีวันลืม แม้จะโตเป็นหนุ่มแล้วแต่เขาคิดว่าต้องใช่ ขอให้รู้แน่ชัดว่าเป็นคนเดียวกัน เขาจะได้เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองเสียที

...

หลังจากที่หนูด้วงไปทำธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ชวนนกฮูกแวะซื้อของเล่นและขนมไปฝากน้องแฝดก่อนจะกลับ นกฮูกไม่รู้หรอกว่าหนูด้วงไปที่ไหน หนูด้วงจะให้นกฮูกมารอที่ห้างสรรพสินค้าทุกครั้ง ส่วนเจ้าตัวก็จะหายไปประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วถึงจะกลับมา เมื่อถามแล้วหนูด้วงไม่ยอมบอกก็เลยเลิกถาม คิดว่าเพื่อนคงมีเหตุผลที่ไม่บอก นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่หนูด้วงปิดบังเพื่อนอย่างเขาได้อย่างมิดชิด ทีแรกก็นึกว่าจะเป็นเรื่องของพี่โอบอุ้ม แต่นี่หนูด้วงก็ปิดบังพี่โอบอุ้มด้วยเหมือนกัน นกฮูกคิดไม่ออกจริงๆ ว่าหนูด้วงหายไปทำอะไรทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน

“ไหนว่าจะแวะซื้อของเล่น แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้” นกฮูกถามเมื่อหนูด้วงจูงมือของตัวเองมาหยุดอยู่ตรงชั้นที่วางขายถุงยางอนามัย

“อาน้องบอกว่าให้ซื้อเก็บเอาไว้”

“หนูด้วงไปปรึกษาอาน้องว่ายังไง หรือบอกให้อาน้องรู้แล้วว่าคบกับพี่โอบอยู่”

“เปล่า คือ...แหะๆ เราบอกว่าเราปรึกษาแทนนกฮูกอ่า”

“หนูด้วง!!”

“ขอโทษฮะ” หนูด้วงรีบยกมือไหว้เพื่อนรัก จนอีกฝ่ายถอนหายใจแล้วพยักหน้าหนูด้วงถึงยิ้มออก

“แล้วจะเลือกยังไง” นกฮูกไม่ได้โกรธแค่ตกใจ แต่พอมาคิดแล้วก็เดาได้ว่าอาน้องคงไม่เชื่อแน่ว่าหนูด้วงมาปรึกษาแทนตัวเอง ขนาดนกฮูกยังจับได้ อาน้องก็คงจับผิดหนูด้วงได้เช่นกัน

“อาน้องส่งตัวอย่างพร้อมรายละเอียดมาให้ดู”

“ไหนดูสิ โห สุดยอด บอกละเอียดมาก แล้วเลือกขนาดถูกเหรอ” นกฮูกถามก่อนจะหันไปมองหน้าของหนูด้วง หนูด้วงยิ้มเขินๆ ก่อนจะเล็งกล่องสี่เหลี่ยมหลากสีที่วางเรียงอยู่บนชั้น

“น่าจะอันนี้” หนูด้วงเลือกมาหนึ่งอัน

“น่ะ...น่ะ...หนูด้วง”

“อะไร”

“นั่นมันขนาดใหญ่สุดเลยนะ” นกฮูกตาโตเมื่อดูรายละเอียดบนกล่อง

“ไม่ได้เหรอ” หนูด้วงเอียงคอถามเพื่อนรัก

“เราจะไปรู้ได้ไง ไม่เคยเห็น” นกฮูกหน้าแดงไม่ต่างกัน แถมยังเดินหนีหนูด้วงไปยืนไกลๆ อีกต่างหาก

“ก็ว่าได้แหละ งั้นเราเอาทุกสีเลยนะ มีแบบปุ่มด้วยนะนกฮูก ว้าววว มีกลิ่นราสเบอร์รี่ด้วย เจ๋ง” หนูด้วงตะโกนพูดกับเพื่อนจนคนอื่นๆ หันมามอง

“หนูด้วง!!” นกฮูกอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ก่อนที่หนูด้วงจะพูดอะไรเสียงดังออกมาอีกจึงจำต้องรีบเดินกลับมาจูงมือเพื่อนรักให้ออกมาจากบริเวณนั้นทันที

...

หนูด้วงกับนกฮูกกลับมาถึงเกาะในตอนบ่าย โอบอุ้มพาน้องแฝดมารับทั้งคู่ที่ท่าเรือ จากนั้นก็พาไปทานส้มตำด้วยกัน วันนี้นกฮูกจะอยู่ที่ร้านกล่องดนตรีจนถึงค่ำๆ เพราะจะมาเรียนผสมเครื่องดื่มหลากชนิดกับพี่นิลด้วย วันอาทิตย์พี่นิลได้หยุดงานประจำจึงนัดนกฮูกกับรุ่นน้องอีกสองคนให้มาเรียนพร้อมกัน

“นาโม ลาบเผ็ดจังเลย น้องหม่อนจะพ่นไฟอยู่แล้ว” ใบหม่อนเอามือพัดที่ปากเพราะอยากลองกินลาบที่พี่หนูด้วงสั่งมา

“ยิ่งกินน้ำจะยิ่งเผ็ด เดี๋ยวสั่งผลไม้มาให้ดีกว่า” โอบอุ้มเตือนเมื่อเห็นน้องหม่อนดื่มน้ำแก้วที่สามแล้ว

“เดี๋ยวก็ปวดท้อง แล้วกินเลอะเทอะตลอด” น้องไม้บ่นน้องชายก่อนจะหยิบทิชชูมาเช็ดปากที่แดงเจ่อให้เบาๆ หนูด้วงกับนกฮูกอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นความอ่อนโยนของน้องไม้

“ปากแดงเหมือนทาลิปสติกไหมน้องไม้” น้องหม่อนทำปากจู๋ให้พี่ชายฝาแฝดดูก่อนจะหัวเราะออกมา

“ทะเล้น” น้องไม้ว่าน้องหม่อนเหมือนผู้ใหญ่ว่าเด็ก

“น้องไม้ชอบดุน้องหม่อน” น้องหม่อนเริ่มงอนแต่พี่ชายก็ยังทำเฉย

“พี่มีหมากฝรั่ง ลองเคี้ยวแก้เผ็ดไหม” หนูด้วงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่ได้เอาลงมา อยู่ในรถ” นกฮูกรีบบอกเพราะไม่ได้หยิบถุงขนมที่ซื้อลงมาด้วย

“ผลไม้มาพอดี กินฝรั่งนี่ก่อนนะ” นกฮูกจะจิ้มฝรั่งส่งให้น้องหม่อนแต่น้องไม้ชิงจิ้มชมพู่ส่งให้น้องชายของตัวเองเสียก่อน

“น้องหม่อนชอบชมพู่” น้องไม้พูดลอยๆ น้องหม่อนปรบมือดีใจที่ได้กินของโปรด นกฮูกกับหนูด้วงจึงได้รู้ว่านี่คือการง้อของน้องไม้นั่นเอง

เมื่อทานอาหารกันเสร็จโอบอุ้มก็พาทุกคนกลับบ้าน ระหว่างทางจู่ๆ น้องหม่อนก็ส่งเสียงดีใจจนทุกคนต้องหันมามอง ยกเว้นโอบอุ้มที่ขับรถอยู่

“นาโม...พี่หนูด้วงซื้อหมากฝรั่งมาฝากน้องหม่อนเยอะแยะเลย มีตั้งหลายสี รสอะไรบ้าง น้องหม่อนขอกินเลยได้ไหม นะนาโม น้องหม่อนอยากกินรสนี้ก่อน” น้องหม่อนหยิบกล่องหมากฝรั่งที่ว่ายื่นไปด้านหน้ารถ

“เฮ้ย!!! น้องหม่อน ไม่ใช่ครับ อันนั้นไม่ใช่ของน้องหม่อน คือ คือ...อันนั้นของนาโม” หนูด้วงตกใจเมื่อน้องหม่อนหยิบกล่องถุงยางขึ้นมา นกฮูกเองก็ตกใจไม่แพ้กัน รีบหยิบถุงขนมของเด็กๆ มายื่นให้แทน

“แต่...ของนาโมน่ากินกว่า” น้องหม่อนมองถุงขนมในมือของนกฮูกกับของในมือตัวเองสลับไปมาก่อนจะบอกเสียงอ่อยๆ

“ทำไงดี” หนูด้วงตกใจจนนึกหาทางออกไม่ทัน

“หึหึ ฮ่าๆ” โอบอุ้มอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมา ทุกคนในรถต้องหันไปมองเพราะไม่เคยเห็นโอบอุ้มหัวเราะเสียงดังมาก่อนเลย

“นาโมขำอะไร” น้องไม้ถาม

“คืออันนั้นมันไม่ใช่ขนมครับ มันคือของใช้ผู้ใหญ่ เห็นรูปข้างกล่องไหม มันมีรูปคนทิ้งขยะด้วย แปลว่ามันไม่ควรกิน” โอบอุ้มจำต้องแก้ไขสถานการณ์นี้ไปก่อน

“จริงด้วย น้องหม่อนเกือบกินขยะไปแล้ว” น้องหม่อนทำท่าโล่งอกพร้อมกับรีบเอากล่องสีแดงสดในมือคืนให้นกฮูกและหยิบถุงขนมในมือของนกฮูกมาถือแทน

“ตัวป่วน” โอบอุ้มพูดเบาๆ กับหนูด้วง พยายามกลั้นขำและตั้งใจขับรถต่อ

หนูด้วงหันไปยิ้มแหยๆ ให้นกฮูกที่ยังหน้าตาตื่นไม่หาย แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาสงสัยของน้องไม้ที่มองมาก็ยิ้มเจื่อนๆ อีกรอบ จนกระทั่งมือของโอบอุ้มมายีผมของตัวเองเบาๆ หนูด้วงถึงได้ยิ้มออก พี่โอบคงรู้ว่าหนูด้วงกำลังนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ระวังจึงอยากปลอบใจ ก็คงมีพี่โอบที่รับรู้เสมอว่าหนูด้วงกำลังรู้สึกยังไง แล้วแบบนี้จะไม่ให้หนูด้วงรักพี่โอบมากๆ ได้ยังไง ว่าแล้วหนูด้วงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโพสต์รูปลงในเฟซบุ๊ก เป็นรูปสัตว์สองตัวคือสิงโตกับเสือขาวหยอกล้อเล่นกันอยู่พร้อมกับพิมพ์ข้อความลงไป


หนูด้วงพี่น้องด้าว พูดชัดแล้ว Thezoo กำลังรู้สึกเป็นที่รัก
1 นาที. Kho Sangdad

กฎของเสือคือห้ามหลงรักเหยื่อเด็ดขาด แต่เนื้อคู่ไม่ใช่เหยื่อ..รักได้ แฮร่!
 


โปรดติดตามตอนต่อไป

อาการป่วยกลับมากำเริบเลยหายไปหลายวัน วันนี้เลยมาชดเชยให้ด้วยฉากสยิวกิ้วสั้นๆ 555
หนูด้วงของเรารุกเก่งจริงๆ พี่โอบจะไม่ไหวแล้วนะคะทุกคน
แล้วนกฮูกบอกหนูด้วงไม่ทันพี่โอบ เลิฟว่าไม่รู้ใครไม่ทันใครนะคะ 555
ขอให้มีความสุขกับเพลงรักตอนนี้นะคะ อย่าไปกลัวปม เพื่ออรรถรสสสส
กลับมาแก้คำผิดที่หลุดรอดทีหลังนะคะ ตีสี่แล้ว ตาจะปิด แหะๆ
ขอบคุณคุณ Meen2495 และน้องหนิงที่ช่วยตรวจคำผิด
ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเลิฟทุกคนท่านเลยนะคะที่ยังอยู่ด้วยกัน
...รัก...
   


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 03-07-2018 09:42:46
หนูด้วงอย่ายั่วพี่โอบบ่อย แถมยังซื้อมาทุกสี ทุกกลิ่นอีก หนูด้วงไม่บอกนกฮูกไปล่ะว่าวัดขนาดมากับมือจะไม่รู้ได้ไง 555

 
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-07-2018 10:19:27
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-07-2018 10:49:16
หนูด้วงศิษย์อาน้อง มือใหม่หัดยั่ว
ที่ปรึกษาดีจริงๆ พี่โอบจะอดทนได้นานแค่ไหน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-07-2018 12:36:41
หนูด้วงไม่ใสซะเเล้วลูก

ขอบคุณที่นำเพลงเก่าที่ชอบมากๆกลับมาให้ ลืมไปแล้ว เหมือนได้เจอชีวิตวัยรุ่นอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 03-07-2018 15:46:08
ตายยย แล้วว หนูด้วงงง แอบหื่นนะเรานะเรา อ่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 03-07-2018 18:21:31
หนูด้วงสุดหื่น แล้วนี้มีความลับอะไรกับพี่โอบเนี่ย   :katai1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-07-2018 19:44:22
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 04-07-2018 06:07:06
น้องหนูด้วงตัวแสบ ลำพังตัวเองไม่มีใครชี้นำหนูดัวงก็ฉลาดและแสบนำอยู่แล้ว ตอนนี้มีอาน้องเป็นครู ขอให้พี่โอบทำใจค่ะ

หนูด้วงแอบไปสืบเรื่องน้องแฝดรึเปล่า สามารถ จะทำร้ายหนูแฝดไหมนะ ตัวร้ายรุ่นนี้ดูร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 04-07-2018 15:31:41
เพลงรักที่หายไป
เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน
ศิลปิน สมิทธ์ – เชน
(นกฮูก)

‘ผมเสพติดความสมบูรณ์แบบ’

ผมจะเรียกพฤติกรรมของตัวเองแบบนี้ได้ไหม

“เจ๋ง ทุกคนมาดูดิ นกฮูกต้องวางดินสอให้มีระยะห่างเท่ากันตลอดเลย ไม่ใช่แค่ดินสอนะ ทุกอย่างเลย ใครไปขยับก็ไม่ได้”

“ดูนกฮูกสิ แค่เอาพิซซ่าใส่ไมโครเวฟยังต้องเล็งกล่องให้อยู่ตรงกลางพอดีเลย วันนี้น้องเกลจะได้กินไหมนกฮูก”

“ทำไมนกฮูกต้องเรียงแพนเค้กให้ซ้อนกันพอดีด้วยล่ะ มันจะอร่อยกว่าเหรอ ขอเราชิมบ้าง”

“เฮ้ย! นกฮูก นี่มันในซุปเปอร์มาร์เก็ตนะ ทำไมต้องไปเรียงผักให้เขาด้วย มันไม่ใช่หน้าที่เรานะ”

ผมตอบคำถามของเพื่อนๆ ไม่ได้ รู้แต่ว่าทำแล้วมันสบายใจ ผมชอบให้ทุกอย่างเป็นระเบียบและมีระยะห่างที่พอดี ช่วงแรกเพื่อนๆ ก็คงอึดอัดใจกับนิสัยของผม แต่สุดท้ายทุกคนก็เริ่มทำอะไรให้เป็นระเบียบเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นผมเสียเวลาทำสิ่งเหล่านั้นเอง

ทุกคืนก่อนนอนผมจะไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ ข้าวของทุกอย่างบนโต๊ะถูกจัดวางเหมือนเดิม ไม่ว่าขนาดของหนังสือที่ต้องเรียงจากเล่มใหญ่ไปจนถึงเล่มเล็กสุด สันของหนังสือจะต้องอยู่ในระนาบเดียวกัน ปากกา ดินสอหรือดินสอสีถูกแยกประเภท ดินสอจะถูกเหลาจนแหลมและต้องมีขนาดเท่ากัน โทนสีของสิ่งของก็ต้องไล่เฉดกัน นั่นคือตัวอย่างความพอดีของผม แต่มันคงเกินความพอดีของคนอื่นๆ

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมมานั่งอยู่ตำแหน่งนี้ทุกคืนก่อนนอน

ผมแค่อยากเห็นใครบางคนก่อนที่ผมจะหลับตาลงเพื่อรอเริ่มต้นวันใหม่ วันใหม่ที่ก็ใช้ชีวิตแบบเดิมวนไป ชีวิตที่รักษาระยะห่างเพื่อความสมบูรณ์แบบ

พ่อกับแม่ของผมเป็นหมอทั้งคู่ ท่านไม่ได้กดดันว่าผมจะต้องเป็นหมอเหมือนท่าน แต่ผมอยากเป็นในสิ่งที่ท่านเป็นเพราะท่านคือแบบอย่างที่ดี แล้วทำไมผมจะต้องเดินไปในทิศทางอื่น

ชีวิตของผมเกือบจะสมบูรณ์แบบอย่างที่ผมวาดฝันเอาไว้ มีเพียงเรื่องเดียวที่ผมไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์ได้...คือเรื่องของใครคนนั้น

เขาคือคนที่อยู่บ้านข้างๆ ห้องของเขาอยู่ตรงกันข้ามกับห้องของผม หน้าต่างห้องของเราตรงกันและห่างกันไม่ถึงสามเมตร ใกล้ขนาดที่ว่าถ้าจะปีนมาหากันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ผมเห็นเขาทุกคืนแต่เขาคงไม่เคยเห็นผม นั่นเพราะหน้าต่างของเขาไม่เคยปิดม่าน...ซึ่งต่างจากผม นอกจากเสพติดความสมบูรณ์แบบแล้ว ผมอาจจะเป็นพวกถ้ำมองก็ได้

“ป้าย พ่อบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าให้คิดดีๆ จะไปเรียนศิลปะอะไรนั่นพ่อว่ามันไม่มั่นคง ไหนจะเรื่องเป็นนักดนตรีอะไรนั่นอีก ดูอย่างลูกคุณหมอสิ แกทำไมไม่เอาอย่างเขาบ้าง”

ประโยคเดิมๆ ของคุณลุงเจตที่ตำหนิลูกชายดังมาให้ผมได้ยินเป็นประจำจนผมแทบจะท่องตามได้ แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงลูกชายของคุณลุงตอบกลับเลยสักครั้ง เงียบ...เป็นความเงียบที่คงยั่วโมโหผู้ที่เป็นพ่อไม่น้อย ดูได้จากเสียงกระแทกประตูที่ดังขึ้นทุกครั้งเมื่อคุณลุงเจตเดินออกจากห้องของลูกชายตัวเองไป

เขาคิดอะไรอยู่...ทำไมเขาไม่บอกความต้องการของตัวเองไป ลุงเจตน่าจะเข้าใจ ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

ผมพยายามแหวกผ้าม่านของผมมากกว่าเดิมเพราะรู้ดีว่าหลังจากที่เขาโดนตำหนิ เขาจะปีนหน้าต่างออกมานั่งบนหลังคาเรือนไม้ประดับแล้วสูบบุหรี่ระบายอารมณ์ เขาจะใส่แค่กางเกงยีนส์เพียงตัวเดียว ผมแอบสงสัยในใจว่าเขาไม่หนาวรึไงกัน อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ใบหน้าเรียบเฉยที่เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิทนั้น...กำลังคิดอะไรอยู่

“ฮัลโหล พรุ่งนี้ที่เดิมเหรอครับ ได้ครับ”

เขารับโทรศัพท์ ผมได้ยินทุกถ้อยคำ เขามักจะมีนัดหมายกับปลายสายเสมอ อาจจะเป็นเพื่อนหรือไม่ก็...คนรัก

ผมค่อยๆ ละสายตาจากเขา ม่านของผมที่เผยอเพียงเล็กน้อยถูกปิดให้สนิทอย่างเดิม ก็แค่นี้เอง ชีวิตของผม ชีวิตยามค่ำคืนของนกฮูก

....

วันนี้เป็นวันเสาร์ เพื่อนนัดกันไปดูหนังแต่ผมปฏิเสธเพราะอยากไปที่ห้องสมุดของจังหวัดมากกว่า ผมอยู่มัธยมปลายแล้ว อีกปีเดียวก็จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถึงมั่นใจว่าสอบติดมหาวิทยาลัยที่ต้องการแต่ผมอยากทำคะแนนให้สูงที่สุด ผมไม่ได้อยากให้ใครมาชื่นชม แค่คิดว่าจะทำอะไรทั้งทีก็ควรทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง

ผมใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดจนเย็น ขณะที่กำลังยืนเรียงหนังสือในชั้นให้เป็นระเบียบ คนที่มาใช้บริการคงเสียบเก็บส่งๆ จนผมรู้สึกรำคาญสายตา ต้องจัดเรียงใหม่ตามตัวอักษร เวลาคนมาค้นหาจะได้ง่ายขึ้น เผอิญว่าสายตาเหลือบไปเห็นเจ้าของห้องตรงกันข้ามกับผมมานั่งอ่านหนังสืออยู่ เขาไม่ได้อ่านที่โต๊ะเหมือนคนอื่นๆ แต่มานั่งอ่านบนพื้นในซอกเล็กๆ ด้านในของห้องสมุด เป็นบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยอีกต่างหาก

“มันไม่มืดเหรอครับ ซอกก็แคบ น่าอึดอัด” ผมเอ่ยถาม

“เป็นนกฮูกไม่ชอบความมืดเหรอ” เขาถามผมกลับ

“แล้วพี่ไม่ใช่นกฮูก ถ้าอย่างนั้นมานั่งตรงนี้ทำไม” ผมย้อนถามกลับไปอีกรอบ

“พี่ชอบความมืด ยิ่งมืดมากๆ ยิ่งดี”

เราไม่ต้องทำความรู้จักกันเพราะเราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านเราอยู่ติดกัน พ่อแม่ของเราสองคนก็สนิทสนมกันดี พี่เขาชื่อป้าย มีน้องชายฝาแฝดชื่อแปะ แต่พี่แปะเป็นคนอารมณ์ดีและมักจะเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายผมก่อนเสมอ ส่วนพี่ป้ายจะเป็นคนเงียบๆ บางทีผมว่าพี่เขาเงียบจนเกินไป

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมไม่รู้จะชวนพี่เขาคุยอะไรต่อ ผมก็ไม่ใช่คนคุยเก่ง ที่สำคัญคือผมไม่อยากเผลอแสดงอาการให้เขารู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา

ห้องสมุดในตอนนี้เงียบมากเพราะไม่มีใครใช้บริการแล้ว เหลือแต่พี่บรรณารักษ์ที่สนิทกับผมพอสมควร พี่เขารู้ว่าผมชอบมาเรียงหนังสือให้เลยปล่อยให้ผมทำแม้จะใกล้เวลาที่ปิดทำการแล้ว

“นกฮูก พี่ฝากเฝ้าห้องหน่อยนะ วันนี้ท้องเสีย สงสัยยำมะม่วงทำพิษ”

ผมพยักหน้าให้แทนคำตอบรับ หนังสือเล่มสุดท้ายถูกเก็บเข้าชั้นเรียบร้อย ผมไม่รู้ว่าพี่ป้ายกลับไปหรือยัง แอบหวังสัก 10 เปอร์เซ็นต์ว่าพี่เขาจะชวนกลับบ้านด้วยกัน แต่คิดว่าอีก 90 เปอร์เซ็นต์น่าจะเป็นไปได้มากกว่า

‘ซี๊ดดดด อืมมมม’

ผมได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากซอกเล็กๆ ที่พี่ป้ายนั่งอ่านหนังสือ ขาของผมก้าวเดินตามเสียงไปและไปหยุดอยู่ในชั้นหนังสือข้างๆ มือของผมหยิบเอาหนังสือในชั้นออกหนึ่งเล่มเพื่อจะได้เห็นว่าต้นตอของเสียงเกิดขึ้นเพราะอะไร

ผมเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ใบหน้ากำลังจดจ่ออยู่ที่ส่วนกลางของฝ่ายชาย เธอกำลังดื่มด่ำกับส่วนนั้นราวกับว่ามันเอร็ดอร่อยจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก ผมไม่รู้จักเธอ แต่ผมรู้จักเขา ‘พี่ป้าย’

ผมยืนอึ้งและก้าวขาไม่ออก นานจนกระทั่งได้ยินเสียงพี่บรรณารักษ์เรียกหาผม ผมเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทางตกใจเล็กน้อยแต่พี่ป้ายดึงเธอขึ้นมาแล้วดันตัวเธอไปชิดกำแพง จากนั้นพี่เขาก็เดินเข้าไปประกบ ผมไม่ได้ดูต่อ รีบเดินออกมาหาพี่บรรณารักษ์เพราะกลัวว่าเขาจะเดินมาตรงนี้ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงอยากปกป้องคนสองคนที่ทำอะไรน่าอายแบบนั้น

ผมคุยอยู่กับพี่บรรณารักษ์ครู่ใหญ่จนพี่ป้ายกับผู้หญิงคนนั้นเดินออกมา ผมไม่ได้หันไปมองพี่เขาเลย เห็นแต่แผ่นหลังตอนที่เขาเดินออกไป

“สงสัยมาทำอะไรบ้าๆ ในนี้แน่เลย พี่ขอไปดูความเรียบร้อยหน่อย”

“ผมไปดูให้ครับ พี่รีบเก็บของดีกว่าจะได้ปิดห้องสมุด” ผมรีบบอกก่อนจะเป็นฝ่ายเดินกลับไปที่ซอกมืดนั่น

ภาพเมื่อครู่ยังคงฉายชัดในหัวของผม ใจของผมเต้นรัว เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน ทำไมพี่เขาถึงไม่กลัวคนจับได้ ผมถามตัวเองว่าถ้าเป็นผม ผมจะกล้าทำแบบนั้นไหม

‘Friend service’

ผมหยิบนามบัตรที่ตกอยู่ นามบัตรสีดำสนิทและมีรูปนกฮูกอยู่ตรงกลาง มันมีไอดีไลน์และเว็บไซต์พิมพ์อยู่บนบัตร ผมตัดสินใจเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกไปบอกพี่บรรณารักษ์ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

“ไปกินไอติมกันไหม” คนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้วยืนรอผมอยู่ที่หน้าห้องสมุด แถมยังเอ่ยปากชวนผมไปกินไอศกรีม เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก

“ครับ” แล้วผมก็ตอบรับอย่างง่ายดาย

พี่เขาพาผมนั่งรถสองแถว มาลงแถวๆ ตลาด พาผมเดินมาถึงร้านไอศกรีมเล็กๆ ที่ซ่อนตัวในตรอกลึก ร้านนี้ตกแต่งน่ารักมากจนผมอดคิดถึงเพื่อนๆ ไม่ได้ เพื่อนสนิทในกลุ่ม The zoo ของผมชอบหาร้านขนมกิน ยิ่งตกแต่งน่ารักยิ่งชอบ

“คิดถึงเพื่อนเหรอ เอาไว้พามาสิ” พี่เขาเป็นฝ่ายชวนผมคุย

“พี่รู้ได้ไงว่าเพื่อนผมชอบ”

“ก็ได้ยินเวลาคุยกัน”

ผมอึ้งไปนิดหน่อย ลืมไปว่าผมเองยังได้ยินเวลาคุณลุงเจตหรือพี่แปะเข้ามาคุยกับพี่ป้ายในห้อง พี่เขาก็คงได้ยินเหมือนกัน บ้านของเราสองคนเกือบจะเป็นบ้านแฝดเพราะแต่เดิมเจ้าของบ้านทั้งสองหลังเป็นพี่น้องกันจึงปลูกติดกันมาก แล้วพ่อของผมกับพ่อของพี่ป้ายก็มาซื้อต่อพร้อมกับตกแต่งใหม่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“พี่ชอบกินรสไหน” ผมถามพี่ป้ายหลังจากที่พนักงานเอาเมนูมาให้ดู

“กะทิ”

“แก่จัง” ผมยิ้มเมื่อได้ยินไอศกรีมรสโปรดของพี่เขา

“เกี่ยวตรงไหน”

“รสโบราณ โรยถั่วกับนมด้วยไหม”

“ชอบ” พี่เขาตอบสั้นๆ เพราะกำลังพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์อยู่

“เอารสกะทิโรยถั่วกับนมสดสองที่ครับ” ผมสั่งพนักงาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่เขา

เมื่อพี่เขาสนใจแต่โทรศัพท์ผมก็เลยไม่ได้ชวนคุย พนักงานเอาช้อน แก้วน้ำและทิชชูมาวางให้ ผมเห็นว่ามันเอียงเรียงไม่เป็นระเบียบจึงจัดทุกอย่างใหม่ วางจนได้องศาและระยะห่างที่สวยงามแล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมา พี่เขากำลังเท้าคางมองผมอยู่พร้อมกับริมฝีปากที่ยกยิ้มน้อยๆ

“มันสบายตา” ผมบอกทั้งที่พี่เขาไม่ได้ถาม

“อืม สบายตาเวลามอง” พี่เขาพูดตอบกลับมา ผมได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ

“ผู้หญิงคนนั้นแฟนพี่เหรอ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกล้าถาม

“เพื่อน”

คำตอบของพี่ป้ายยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ เพื่อนกันทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ

“แล้วนกฮูกมีแฟนรึยัง”

“ยัง”

“ไม่อยากมีเหรอ”

“ผมยังเด็กอยู่เลย”

“เด็กดี” พี่เขาชมผม

“พี่มีแฟนไหม” ผมถามเขาบ้าง

“อยากมี แต่ไม่มี”

“ถ้าพี่อยากมีทำไมถึงไม่มี” ผมถามเพราะสงสัยจริงๆ พี่ป้ายเป็นคนหน้าตาดี หาแฟนได้ง่ายๆ ไม่เหมือนผมที่หน้าตาธรรมดา ใส่แว่นหนา ตัวก็เล็ก ไม่อยากใช้คำว่าเตี้ยเพราะมันสะเทือนใจ

“มาตรฐานพี่สูงมั้ง”

“แอบชอบคนสวยเหรอครับ” ผมแซว

“เปล่า ชอบคนดี ดีจนไม่อยากชอบ”

คำตอบของพี่ป้ายทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จนกระทั่งไอศกรีมมาตั้งตรงหน้าเราสองคนถึงได้กินกันเงียบๆ เงียบจนมาถึงหน้าบ้านของเราสองคน พี่เขารอส่งผมเข้าบ้าน พอผมกลับเข้าบ้านแล้วพี่เขาถึงได้เดินเข้าบ้านเขาเช่นกัน

......

‘หาก...ว่าเธอเคยเหงาใจ เมื่อเธอคิดถึงใคร จะรู้ว่าปวดร้าว...หรือเปล่า
หาก...ว่าเธอเคยรักใครและเธอต้องเสียใจ จะรู้และเข้าใจ...ถึงฉัน’


เสียงเพลงจากห้องตรงกันข้ามลอยมาให้ได้ยิน ผมแอบแหวกม่านดูก็เห็นว่าพี่ป้ายกำลังออกกำลังกายอยู่ในห้องพร้อมกับเปิดเพลงเสียงดัง น่าแปลกที่เป็นเพลงช้าแทนที่จะเป็นเพลงเร็วสร้างความคึกคักในการออกกำลังกาย

‘ในความผูกพัน นั้นเจ็บปวด แค่คิดถึงกัน ก็ทรมาน’

ผมลองพิมพ์เนื้อเพลงใส่ลงในช่องค้นหา แล้วชื่อเพลงนี้ก็ปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอคอม ‘เพราะผูกพัน’ ผมลองค้นหาเนื้อเพลง เมื่อเจอก็นั่งไล่อ่านทุกตัวอักษร เนื้อหามันดูเจ็บปวด ยิ่งได้ยินเสียงเพลงที่ลอยมาจากห้องตรงข้ามผมยิ่งสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด หรือว่าพี่เขากำลังแอบรักใครแล้วผิดหวัง

‘สักวัน เธออาจจะเข้าใจ เธออาจจะรู้ใจ ในสิ่งที่ฉันเป็นอยู่
สักวัน เธอขาดคนรักไป เธออาจจะได้รู้ แล้วเธอจะเข้าใจเป็นอย่างดี’


ผมแหวกม่านดูอีกครั้งก็เห็นว่าพี่เขาออกมานั่งสูบบุหรี่อยู่ที่หลังคาเรือนไม้ประดับแล้ว ผมตัดสินใจหยิบนามบัตรสีดำที่เก็บได้ในห้องสมุดขึ้นมาแล้วพิมพ์ตามเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่บนบัตร อยากรู้ว่านามบัตรนี้เป็นของพี่ป้ายหรือเปล่า

บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกตกใจ มันคือเว็บไซต์ที่ให้บริการคลายเหงา มือของผมสั่นพอๆ กับหัวใจ

ผมหยิบโทรศัพท์สำรองอีกเครื่องหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้ใช้แล้วแอดไอดีไลน์ตามนามบัตรไป ผมเห็นพี่ป้ายคาบบุหรี่พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สักพักไลน์ของผมก็ถูกกดรับเป็นเพื่อน นามบัตรนี้เป็นของพี่ป้ายแน่แล้ว ผมไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือรังเกียจเมื่อรู้ความจริง ผมแค่ไม่เข้าใจ พี่เขามีความสุขกับการได้ทำสิ่งนี้อยู่จริงๆ น่ะหรือ

Nightman
สวัสดีครับ

พี่เขาทักผมมาก่อน ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่งข้อความกลับไป

Mr.perfect
สวัสดีครับ
Nightman
ต้องการใช้บริการอะไรครับ
Mr.perfect
มีบริการอะไรบ้างครับ
Nightman
ตามในเว็บเลยครับ เข้าไปดูก่อน อยากทราบรายละเอียดอื่นค่อยไลน์มาถามครับ

ผมวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเข้าไปดูในเว็บไซต์อีกครั้ง ในนั่นมีรายการให้เลือก ทั้งไปกินข้าว ดูหนัง ไปร้องคาราโอเกะ แต่ไม่เห็นมีบริการอย่างที่พี่ป้ายทำกับผู้หญิงคนนั้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความอีกครั้ง

Mr.perfect
มีบริการอื่นนอกเหนือจากในเว็บไหมครับ
Nightman
คุณเป็นผู้ชาย ต้องการอะไรนอกเหนือจากนั้นเหรอครับ
Mr.perfect
เพื่อนนอน

ผมกดส่งข้อความไปแล้วก็เอามือมาทาบหัวใจของตัวเอง ผมกำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นสิทธิ์ของพี่เขาว่าจะเลือกอนาคตของตัวเองยังไง ผมไม่น่าเข้าไปยุ่งกับงานพิเศษของเขา ที่สำคัญ...ผมทำเพราะอยากรู้หรือทำเพราะอยากลอง

Nightman
ราคาสูงนะครับ
Mr.perfect
เท่าไหร่

‘หาก....ว่ามีใครซักคน ที่เธอเคยทุ่มเทและรักเขาอย่างฉันรักเธอ
หาก...ตัดใจจากเขาไปและเธอต้องเสียใจ เธอคงจะเข้าใจ...ถึงฉัน’


ผมใจเต้นเมื่อต้องรอคำตอบ เสียงเพลงยังคงเล่นวนซ้ำๆ ผมรอนานจนผมต้องแอบแหวกม่านไปดูพี่เขาอีกครั้ง ผมเห็นพี่เขาต่อบุหรี่อีกมวนและเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จนบุหรี่เกือบหมดมวนพี่เขาถึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์

Nightman
ผมไม่รับงานที่ต้องการเพียงเซ็กส์
Mr.perfect
ผมเหงา

ผมตัดสินใจพิมพ์สิ่งรู้สึกลงไปหลังจากที่ได้อ่านข้อความของพี่ป้าย

Nightman
เหงาเพราะอะไร
Mr.perfect
อืม...คงเพราะผมแอบหลงรักใครบางคนแต่เขาไม่เคยมีผมในสายตา
Nightman
ทำไมไม่ลองบอกเขาไป
Mr.perfect
เรารู้จักกัน ผมไม่อยากให้ความรู้สึกของผมทำให้เรากลายเป็นคนไม่รู้จักกัน
Nightman
ถ้านอนกับผม คุณจะตัดใจจากเขาได้เหรอ คุณจะมีความสุขขึ้นหรือเปล่า
Mr.perfect
คงไม่
Nightman
แล้วทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้
Mr.perfect
ผมแค่อยากแบ่งปันความเหงาให้ใครสักคน

คราวนี้พี่ป้ายเงียบไปอีก ผมไม่ได้แหวกม่านดู สายตาของผมนั่งจ้องจอโทรศัพท์เพื่อรอคำตอบ พี่เขาเงียบไปนานจนผมคิดว่าพี่เขาคงปฏิเสธที่จะรับงานนี้ ผมถอนหายใจและเตรียมตัวเข้านอน จนได้ยินเสียงข้อความตอบกลับดังมาถึงได้รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

Nightman
ร้านไม้ขีด บ่ายโมง ไปถึงร้านแล้วบอกกับพนักงานว่ามาหาไนท์แมน เขาจะพาไปรอที่ห้อง
Mr.perfect
คิดค่าบริการเท่าไหร่ครับ
Nightman
ค่าบริการ = ความเหงาของคุณ

‘สักวัน เธออาจจะเข้าใจ เธออาจจะรู้ใจ ในสิ่งที่ฉันเป็นอยู่
สักวัน เธอขาดคนรักไป เธออาจจะได้รู้ แล้วเธอจะเข้าใจเป็นอย่างดี’


ผมไม่ได้คิดมาก่อนว่าถ้าพี่เขาตอบตกลงผมจะทำยังไง ผมทำตามที่หัวใจมันสั่งเลยไม่ได้ใช้สมองไตร่ตรองสักนิดเดียว คนเสพติดความสมบูรณ์แบบและชอบวางระยะห่างที่พอดีอย่างผมกำลังทำลายระยะห่างและความสมบูรณ์แบบลง เพียงเพราะผมอยากให้คนที่ป้ายสัมผัสในมุมมืดคนนั้นเป็นตัวเอง ผมยอมทำเรื่องที่น่าอายนี้เพียงเพราะอยากแบ่งปันความคิดถึง ความทรมานจากการ ‘คิดถึง’ ที่ผมต้องอยู่กับมันทุกวันทุกคืน

....

ในที่สุดผมก็มายืนอยู่ที่หน้าร้านไม้ขีดไฟ เป็นร้านขายของเก่าที่คนในจังหวัดรู้จักกันดี ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงกล้ามา การตัดสินใจในครั้งนี้มันอาจจะพังชีวิตของผมเลยก็ได้

“มาดูของเหรอครับ” พนักงานคนหนึ่งเดินมาถามผม

“มาหาไนท์แมนครับ”

“อ๋อ ตามมาเลย” พนักงานมองผมด้วยแววตาประหลาดใจ

พี่ป้ายอาจจะไม่เคยรับลูกค้าที่เป็นผู้ชายมาก่อน ผมไม่รู้ว่าพี่ป้ายสนิทกับพนักงานคนนี้แค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สงสัยอะไรเลย ได้แต่เดินนำผมขึ้นไปชั้นบนของร้าน พาผมมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องที่ทาสีดำแล้วส่งกุญแจห้องให้ผม ผมไขกุญแจเข้าไปก็ได้ยินเสียงเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง เป็นเพลงเดียวกับที่พี่ป้ายเปิดเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ใจของผมเต้นรัว คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าพี่ป้ายรู้ว่าลูกค้าคนนั้นคือผมพี่เขาจะตกใจขนาดไหน

“มาแล้วเหรอเด็กดี” เสียงของพี่ป้ายทำให้ผมต้องหันไปมอง

“พี่รู้ว่าเป็นผมเหรอ” ผมประหลาดใจเพราะพี่เขาไม่มีท่าทีตกใจเลย

“เพิ่งรู้ตอนที่เห็นว่าเรามายืนทำหน้าสับสนอยู่ที่หน้าร้าน” พี่ป้ายมองไปทางหน้าต่างเหมือนจะบอกให้ผมรู้ว่าพี่เขาเห็นจากตรงนั้น

ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี เกร็งจนต้องยืนนิ่งๆ แล้วพี่ป้ายก็เดินมาจูงมือของผมมานั่งที่โซฟาผ้ากำมะหยี่สีดำสนิท ส่งน้ำมะพร้าวปั่นให้พร้อมกับจานขนม

“ผมไม่หิว” ผมบอกพี่เขา

“เดี๋ยวจะไม่มีแรง”

“พี่...คือ...” ผมทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนจนหายใจแทบไม่ออก

“ให้เปลี่ยนใจ”

ผมมองหน้าพี่ป้าย รอยยิ้มแบบที่ผมแอบชื่นชมมาตลอดถูกส่งมาจนใจผมสั่น ผู้ชายคนนี้คือผู้ชายที่ผมรู้สึกสบายใจที่ได้มอง ทั้งที่เนื้อตัวของเขาไม่มีระเบียบอะไรเลย ผมก็ยาว แต่งตัวปอนๆ แม้เขาคือสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ในสายตาของผม แต่เขากลับเป็นคนที่เติมเต็มหัวใจของผมได้มากกว่าสิ่งใดๆ

“ผมเหงา” ผมตอบกลับไป

“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ” พี่เขาถามอีกครั้ง ผมพยักหน้า

แล้วพี่เขาก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ นิ้วเรียวยาวของพี่ป้ายเกลี่ยอยู่แถวใบหน้าของผมและมาหยุดตรงท้ายทอย ปลายนิ้วลูบไล้ที่ท้ายทอยเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหลับตารับสัมผัสที่อ่อนโยน จนกระทั่งพี่เขาฝังจมูกมาที่ลำคอผมถึงได้สะดุ้ง สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากปลายลิ้นที่ลากจากคอขึ้นมาถึงคาง พี่เขาใช้ปลายนิ้วดันท้ายทอยของผมพร้อมกับแทรกปลายลิ้นเข้ามาที่ริมฝีปาก

จูบครั้งแรกของผม...จากผู้ชายที่ผมแอบรัก

ระหว่างที่ผมตกอยู่ใต้อำนาจของจุมพิต ความเยียบเย็นจากปลายนิ้วของพี่ป้ายก็ล้วงเข้ามาสัมผัสติ่งเล็กๆ ภายใต้เสื้อของผม แค่พี่เขาขยับปลายนิ้วหมุนคลึงเบาๆ ผมก็แทบทรงตัวไม่อยู่

“ให้เปลี่ยนใจ” พี่เขากระซิบที่หูของผม

“ไม่ครับ ไม่เปลี่ยน” ผมตอบกลับไปก่อนที่สติของผมจะกระจัดกระจายจนพูดไม่รู้เรื่อง

แล้วตัวของผมก็ถูกดันลงไปนอนราบบนโซฟาตัวใหญ่ เสื้อยืดสีขาวของผมถูกพี่เขาเลิกขึ้นมาจนพ้นศีรษะ เขาใช้เสื้อพันข้อมือทั้งสองของผมเอาไว้ด้วยกันพร้อมกับดันมันไปอยู่เหนือศีรษะ เมื่อปลายนิ้วของพี่ป้ายลูบเข้าที่ข้างลำตัว ผมถึงกับต้องบิดกายไปมา เสียงครางของตัวเองที่ไม่คิดว่ามันจะหลุดลอดออกมาก็ปรากฏให้ได้ยิน

ตอนนี้ผมไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวเลยสักชิ้น ได้ยินเสียงของพี่ป้ายบอกว่าสีผิวของผมตัดกับโซฟาดีจัง ผมไม่กล้ามองหน้าพี่เขา ได้แต่หลับตา จนยอดอกของผมได้สัมผัสกับความชื้นแฉะผมถึงเข้าใจได้ว่าตอนที่ใจจะขาดมันเป็นยังไง ยิ่งตอนที่พี่เขาใช้ฟันขบแล้วดึงมันขึ้นมาช้าๆ ผมต้องส่งเสียงร้องออกมาเพราะกลัวว่าความทรมานที่อัดแน่นจะแผดเผาร่างกายให้มอดไหม้

นั่นไม่ใช่ความรู้สึกจะขาดใจจริงๆ อย่างที่ผมคิด เพราะเมื่อปลายลิ้นของพี่เขาเปลี่ยนจุดหมายมาถึงส่วนกลางลำตัว มือทั้งสองข้างของผมเริ่มเป็นอิสระจากเสื้อยืดที่พันธนาการเอาไว้ พี่เขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชำนาญ มือของผมรั้งที่ศีรษะของพี่ป้ายโดยอัตโนมัติ ไม่รู้ว่าทำพี่เขาเจ็บหรือเปล่าเมื่อเผลอไปขยำกลุ่มผมของพี่เขายามที่ร่างกายมันรู้สึกอยากจะบีบรัดใครสักคน

ลมหายใจติดขัด ร่างกายร้อนผ่าว ปวดหนึบและสุขสม ตัวเริ่มเบาเหมือนจะล่องลอยและอยากส่งเสียงร้องเมื่อทุกอย่างมันมาถึงจุดที่อยากปลดปล่อย พี่ป้ายยังไม่ยอมถอนริมฝีปากแม้ผมจะพยายามดันศีรษะพี่เขาออกจากส่วนนั้นเท่าไหร่ก็ตาม

...ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ไหวแล้ว...

“ภารกิจลุล่วงแล้วเด็กดี” พี่ป้ายยอมถอนริมฝีปากออก พี่เขาเช็ดริมฝีปากของตัวเองก่อนจะหยิบทิชชูแผ่นใหม่มาเช็ดส่วนอ่อนไหวให้ผม

ผมลุกขึ้นมานั่งแล้วพรูลมหายใจ ใจมันยังไหววูบไม่หาย แต่พอพายุอารมณ์มันพัดผ่านไปผมก็ทำหน้าไม่ถูก ทุกอย่างคือครั้งแรกของผม จูบแรก การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ถึงมันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่ผมได้เรียนรู้ทุกอย่างครั้งแรกจากผู้ชายที่ผมแอบหลงรักคนนี้

“หายเหงาไหม” พี่ป้ายถามผม

“ครับ” ผมพยักหน้า ยังไม่กล้ามองหน้าพี่เขา

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่อยากให้เราเป็นเด็กดี”

“แล้ว...พี่ทำแบบนี้ทำไม ต้องการเงินเหรอครับ” ผมตัดสินใจถามกลับไปบ้าง

“เปล่า”

“ทำไม”

“ไม่รู้สิ”

“พี่ทำเพราะเหงาเหมือนผมหรือเปล่า”

พี่ป้ายไม่ได้ตอบแต่เดินลุกไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้ผม จากนั้นพี่เขาก็เดินไปจุดบุหรี่มาสูบ สายตาของพี่เขาดูว่างเปล่าจนผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้สัมผัสถึงคำว่าสูญเสีย

“รักใครก็ลองไปบอกเขาดู จะได้ไม่ต้องเหงา” พี่ป้ายพูดกับผม

ผมลุกเดินไปหาพี่เขา ดึงบุหรี่ออกจากปากพี่ป้ายแล้วเป็นฝ่ายจูบพี่เขาก่อน จูบไม่เป็นแต่อยากให้พี่เขารู้ความในใจ เราจูบกันเนิ่นนานจนพี่ป้ายเป็นฝ่ายจับไหล่ผมแล้วดันออกเบาๆ

“กลับบ้านนะ เป็นเด็กดีอย่างที่เคยเป็น เป็นทันตแพทย์ให้ได้ พี่เป็นกำลังใจให้”

“ผมรักพี่ ผมแอบรักพี่มานานแล้ว” ผมตัดสินใจบอกออกไปอย่างที่พี่ป้ายแนะนำ

พี่เขานิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะยิ้มออกมา แต่พี่เขาก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว ได้แต่ดับบุหรี่แล้วจูงมือของผมให้เดินลงมาด้านล่าง ผมมองหน้าพี่เขาเหมือนจะรอฟังว่าผมควรทำยังไงต่อไป แล้วผมก็ได้รับคำตอบเป็นความเงียบ

“ผมกลับก่อนนะครับ”

เหมือนโลกจะแตกสลาย ความเงียบคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ผมถูกปฏิเสธแล้ว เวลาอกหักมันเป็นแบบนี้เอง

ทรมาน...เจ็บจนหายใจไม่ออก กลับไปร้องไห้ ร้องจนเหนื่อย ร้องจนหลับ แล้วมันก็จะผ่านไป

....

ผมไม่ได้เจอกับพี่ป้ายอีกเลย เว็บไซต์ของพี่เขาก็ปิดไปแล้ว ผมได้แต่มองชื่อไลน์ ‘Nightman’ ทุกคืนโดยที่ไม่ได้กดส่งข้อความไป ตอนนี้ห้องตรงกันข้ามของผมมีม่านสีดำสนิทมาปิดเอาไว้จนผมไม่สามารถเห็นเจ้าของห้องนั้นได้อีกแล้ว

‘มันคงจบแล้วกับรักครั้งแรกของผม’

ผมกดเปิดเพลงในคอมฯ เพลงที่ผมชอบฟังมันมากที่สุด ‘เพราะผูกพัน’

มาถึงตอนนี้ผมทำได้อย่างที่ตั้งใจแล้ว ผมสอบติดคณะที่ตั้งใจด้วยคะแนนที่สูงที่สุด เพื่อนรักทุกคนยังอยู่กันครบและพวกเราก็สนิทกันมากกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมีใครรู้เรื่อง ‘ความไม่สมบูรณ์แบบ” ของผม

ชีวิตวัยรุ่นที่สดใสกำลังเริ่มต้นที่นี่ เรื่องในอดีตมันก็คือความทรงจำ มันคงนอนหลับสนิทอยู่ในหัวใจ จนกระทั่งผมได้กลับมาเจอพี่ป้ายอีกครั้ง ความทรงจำที่หลับใหลอยู่ได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว

แต่ผมได้เรียนรู้แล้วว่าความผิดหวังมันเป็นยังไง บอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันกลับไปรู้สึกแบบนั้นอีก...เพราะผมได้รับวัคซีนแล้ว

‘ในความผูกพัน นั้นเจ็บปวด แค่คิดถึงกัน ก็ทรมาน สักวัน...เธออาจจะเข้าใจ เธออาจจะรู้ใจ ในสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ สักวัน..เธอขาดคนรักไป เธออาจจะได้รู้ แล้วเธอจะเข้าใจเป็นอย่างดี’   
 

โปรดติดตามตอนต่อไป

มาแบบสั้นๆ ชีวิตวัยเรียนก็เป็นแบบนี้
ไม่มีใครได้อะไรสมใจไปทุกเรื่อง แต่อย่าหมดศรัทธาในรักนะคะ
ทุกอย่างจะมาเมื่อถึงเวลาเอง สักวันต้องเป็นวันของเรา เย้
...รัก...
 
 


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)




หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-07-2018 16:24:26
ความรักมันก็แบบนี้ รักครั้งแรก บางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง แต่ไม่เคยเสียใจที่ได้รัก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 04-07-2018 18:28:45
พี่ป้าย ผู้ชายลึกลับ นกฮูก สงสารนะ ขอให้มีความสุข
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 04-07-2018 19:01:58
ไม่ใช่พี่ป้ายก็ชอบน้องเหรอ หรือเราคิดไปเอง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-07-2018 20:22:13
"เธอเป็นคนเข้าใจยาก หรือเพราะเราไม่พยายามทำความเข้าใจ" การคิดว่าน้องดีเกินไปมันเป็นการทำลายโอกาสทั้งของน้องและของตัวเองนะป้าย ลองดูสักครั้งมันจะเป็นไรไป  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-07-2018 21:54:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-07-2018 03:27:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-07-2018 09:11:01
 :sad11: คู่หลักสายฮา คู่รองสายหน่วง สงสารใครดี
พี่ป้าย หรือ น้องฮูก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-07-2018 11:49:56
 :mew2:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 05-07-2018 17:50:36
เป็นกำลังใจให้กับทั้งคู่  นกฮูกยังเด็กเพิ่งเข้าปี1 ยังมีเรื่องให้เรียนรู้อีกเยอะ ส่วนพี่ป้ายคงยังหาว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ ระหว่างรักแบบน้องข้างบ้าน หรือรักแบบคนรัก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-07-2018 17:59:28
เรื่องนี้ ทุกคู่มีปม มีเงื่อนงำเป็นของตัวเองสินะ~~~
รออ่าน รอคลายปมไปด้วยกันนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 06-07-2018 22:49:35
 :-[ หนูด้วงงงงงงงงงงงงงงง
อะไรจะขนาดนั้นลูก ป้าจะเป็นลม 5555+
แก่แดดได้เนียนมากกกกกก อ้างเพื่อนได้แบบอาน้องไม่รู้เลยเนอะตัวแสบ
แล้วถุงยางนั่น ซื้อไปทำบอลลูนเหรอลูก
เยอะอะไรปานนั้น 5555+

-------------------
มีคำผิดตอนของพี่หนูด้วงนะคะ
แต่เฉพาะคำทับศัพท์ จะปล่อยผ่านก่อน
มีหลายคำเลย เช่น บาบีคิว (ต้องเป็น บาร์บีคิว) เฟสบุ๊ก (ต้องเป็น เฟซบุ๊ก)
ขอแก้เฉพาะคำไทยก่อนนะคะ
-------------------
อิงลิชจ๋าน้องไม้น้องหม่อมาแล้ว
น้องหม่อนอนกางแขนกางขาอ้าซ่า
ฃื่อน้องหม่อนผิดนะคะ

โอบอุ้มพยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน
พลุ่งพล่าน

“ถึงกับอ่อนแรงเลยเหรอ” โอบอุ้มกระเส้า
กระเซ้า

“แต่...ของนาโมน่ากินกว่า” น้องหม่อมองถุงขนมในมือของนกฮูก
เหมือนว่าแก้แล้ว แต่ลืมลบ ม ออกไปนะคะเนอะ..

.
.

------------------- :hao4:
ในส่วนของนกฮูก ... หน่วงจิตเลยค่ะ
ยังไม่ได้อ่านละเอียด กลัวสะอื้น 5555+
เดี๋ยวตั้งหลักเรื่องปรับเวลาในไทยได้แล้ว จะมาอ่านทวนนะคะ

....
ตอนนี้ ขอไปนอนขำกับหนูด้วงงงงงงงงงง ตัวแสบสุดก่อนค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 9 อยากจะมีเธอ 03/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-07-2018 05:53:50
กรี๊ดดดดดดด   :o12:  :pighaun: หนูด้วงลูก!

ชอบตรง ไม่ได้หรอ แล้วเอียงคอชม้อยชม้ายชายตาถามนี่ล่ะ

ส่วนน้องหม่อนลูก  :laugh:  หมากฝรั่งอันนั้นมันกินไม่ได้  :laugh:

 :angry2: :beat: สามารถ! แกจะมาทำอะไรโอบอุ้มอีก

แกทำตัวเองทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-07-2018 06:07:16
 :monkeysad: ต่างฝ่ายต่างชอบกันแน่ๆ  :o12: :sad4:

ตอนแรกแค่คิดว่าจะน้ำตาคลอ บ้าเอ้ย ไหลเป็นทางเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ เพราะผูกพัน (นกฮูก) 04/07/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 16-07-2018 13:31:06
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 21/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 21-07-2018 16:20:09
เพลงรักที่หายไป

เพลงที่ 10 ซักกะนิด
ศิลปิน ทาทายัง


หลังจากกลับมาถึงบ้าน หนูด้วงรีบขึ้นมาบนห้องนอนเพื่อจะหาที่เก็บกล่องถุงยางอนามัยที่ตัวเองเหมาซื้อมา หนูด้วงกลัวว่าน้องแฝดจะมาเห็นแล้วจะเกิดคำถามอีก ไม่รู้ว่าเด็กทั้งคู่จะยอมรับได้แค่ไหนที่พ่อของตัวเองจะมารักกับผู้ชายด้วยกัน รู้ดีว่าเด็กขนาดน้องแฝดต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับความรักแบบนี้ ก็เหมือนกับที่ตัวเองก็เคยสับสนมาก่อน ตอนนี้หนูด้วงถึงได้อยากให้เด็กทั้งคู่รักตัวเองให้ได้ก่อนที่จะรู้ความจริง

“ทำอะไรครับ” ระหว่างที่ให้น้องแฝดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะโอบอุ้มจะพาทั้งคู่ไปเล่นน้ำทะเล เขาเลยเดินตามหนูด้วงเข้ามาในห้องนอนก่อน

“หนูจะซ่อนของ ไม่อยากให้น้องแฝดมาเห็นอีก”

“มาคุยกันก่อน” โอบอุ้มดึงหนูด้วงให้มายืนใกล้ๆ รั้งเอวคอดเอาไว้แล้วกดจูบที่หน้าผาก

“หนูขอโทษนะครับที่ไม่ระวัง” หนูด้วงเสียงอ่อย

“พี่ไม่ได้จะตำหนิ พี่แค่อยากถามว่าหนูจะซื้อมาทำไมเยอะแยะครับ”

หนูด้วงไม่รู้จะตอบว่ายังไงเลยได้แต่หน้าซุกไปที่อกของพี่โอบ วันนี้สมองมันดันตันเอาเสียดื้อๆ คำถามอะไรก็ดูจะตอบยากไปหมด

“ตอบไม่ได้เหรอ งั้นพี่เปลี่ยนคำถาม”

“ดีฮะ” หนูด้วงเงยหน้ามายิ้มเมื่อไม่ต้องตอบคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้

“คิดว่าพี่ควรใช้ของพวกนี้สักกี่วันดีถึงจะหมด หนึ่งวันหรือสองวัน” โอบอุ้มหยอกเย้า

หนูด้วงทำตาโตเมื่อได้ยินคำถาม จากที่ซุกอกของพี่โอบอยู่ก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วเทกล่องถุงยางอนามันออกมาจากถุงหูหิ้ว นิ้วเรียวเล็กเริ่มจิ้มไปที่กล่องถุงยางที่ละกล่อง ปากบางขมุบขมิบนับจำนวน

“มีตั้งสามสิบห้าอัน หนูมาค้างได้แค่วันศุกร์กับเสาร์ แปลว่าเรามีเวลาแค่สองวัน อืม...ถ้าใช้สักวันละห้าอันก็ตกอาทิตย์ละสิบอัน สามสี่อาทิตย์ก็คงหมดฮะ” หนูด้วงยิ้มร่าเมื่อคราวนี้มีคำตอบให้พี่โอบแล้ว

โอบอุ้มอมยิ้มหลังจากได้ยินคำตอบ เขาเดินไปนั่งข้างๆ เชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาตนเอง หนูด้วงโตขึ้นและกล้าที่จะแสดงออกอย่างเปิดเผยในสิ่งที่คิด น้องพยายามจะแสดงให้เขารู้ว่าพร้อมจะใช้ชีวิตกับเขาในแบบคนรัก เขาเองก็พร้อมแล้วถึงได้กลับมา แต่เขาไม่อยากรีบร้อนถึงขั้นนั้น ตัวอย่างของความรีบร้อนมีให้เห็นแล้วในอดีต ซึ่งมันทำให้เขาต้องอยู่ห่างจากหนูด้วงถึง 15 ปี ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาต้องพิสูจน์ให้ป๊าพญาเห็นว่าเขาดูแลตัวเองได้และพร้อมที่จะดูแลหนูด้วงได้เช่นกัน

“เราคงยังไม่ทำอะไรถึงขั้นนั้น”

“พี่ไม่ต้องการหนูเหรอ” หนูด้วงใจเสียที่โอบอุ้มเลี่ยงที่จะมีอะไรกับตัวเองอยู่เรื่อย

“พี่ต้องการหนูมากกว่าสิ่งใด แต่เราสองคนต้องพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่เห็นก่อนว่าเราจะพากันไปในทางที่ดี หนูด้วงเพิ่งจะอยู่ปีหนึ่ง หน้าที่ของหนูคือเรื่องเรียนนะครับ”

“หนูก็เรียนหนังสือแล้วก็เรียนรู้เรื่องรักกับพี่ด้วยไงฮะ หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วหนูก็สัญญาว่าจะเป็นคนรักที่ดีให้พี่ แล้วก็เป็นมัมๆ ที่ดีให้น้องแฝดด้วย” หนูด้วงยกมือขึ้นคล้องคอพี่โอบก่อนจะทำหน้าอ้อน

น้ำเสียงที่ออดอ้อนบวกกับแววตาที่ดูอ่อนหวานของหนูด้วงทำให้โอบอุ้มอยากจะลืมคำมั่นสัญญาที่ให้กับพญาเอาไว้ อยากจะจับร่างเล็กตรงหน้าให้นอนราบและประทับจูบไปทั้งตัว แต่ถ้าเขารักษาคำมั่นให้กับคนที่เปรียบเหมือนดั่งพ่อไม่ได้ เขาก็คงจะรักษาสัญญาที่ให้กับคนอื่นๆ ไม่ได้เช่นกัน เขาถือว่าการรักษาคำพูดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนควรจะมี

“อืม...ถ้าอย่างนั้นพี่จะกอดหนู จะจูบหนู จะอาบน้ำให้หนูแค่นี้ก่อนก็ได้ก็ได้ หนูรู้ว่าพี่ไม่อยากผิดคำสัญญากับยุง พี่มาดูมาดู วันหมดอายุของถุงยางยังอีกตั้งนาน ก็เก็บเอาไว้ก่อนเนอะ” หนูด้วงรีบเปลี่ยนบรรยากาศเพราะคิดว่าตัวเองกำลังทำให้พี่โอบหนักใจ

“ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะครับคนดี หนูด้วงรู้เอาไว้นะ พี่รักหนูมาก รักมากกว่าชีวิตของพี่อีก” โอบอุ้มจูบที่หน้าผากของหนูด้วงแม้ใจอยากจะทำมากกว่านี้

“หนูก็อยากบอกพี่ว่าหนูรักพี่มากกว่าชีวิตของหนู แต่หนูตัวเล็กกว่าพี่ เดี๋ยวพี่จะว่าหนูรักพี่น้อยกว่า งั้นเอาแบบนี้ หนูรักพี่มากกว่าชีวิตของพี่ที่รักหนู” หนูด้วงพูดจบก็หอมหน้าผากของอีกฝ่ายบ้าง จากนั้นก็หอมแก้ม หอมจมูก หอมคางก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากของพี่โอบ สองริมฝีปากบดเบียดกันช้าๆ จนได้ยินเสียงน้องแฝดดังขึ้นที่ด้านนอกจึงยอมแยกออกจากกัน

“เก็บเอาไว้ก่อนนะครับผู้วิเศษ ถ้าถึงเวลาที่พี่จะใช้เมื่อไหร่ พี่อาจจะใช้วันละสิบอันเลย” โอบอุ้มกระซิบที่หูของหนูด้วง

“ก็ได้ก็ได้ เอากลิ่นราสเบอร์รี่ก่อนนะฮะ หนูชอบ” หนูด้วงหัวเราะคิกคักก่อนจะรีบหยิบกล่องถุงยางอนามัยใส่ถุงแล้วเอาไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าของพี่โอบ

ส่วนโอบอุ้มได้แต่ลอบขำ เขาเดาว่าเจ้าตัวแสบคงคิดว่าการมีอะไรกันสิบรอบมันคงจะสนุกเหมือนตอนได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกอยู่แน่ๆ ถึงได้ไม่มีท่าทีวิตกกังวลอะไรให้เห็นเลย เขามั่นใจว่าน้องคงไปปรึกษาเรื่องพวกนี้กับอาน้อง การกระทำหลายอย่างของหนูด้วงมันเหมือนที่อาน้องแสดงกับป๊า เด็กน้อยของพี่โอบคงอยากทำให้พี่โอบรัก เจ้าตัวไม่รู้ไงกันนะว่าแค่นี้พี่โอบก็รักจนไม่รู้จะรักได้มากกว่านี้อย่างไรแล้ว

......
[/b]

ช่วงเวลาความสุขผ่านไปเร็วมาก หนูด้วงได้แต่ถอนหายใจเมื่อพี่โอบบอกว่าจะไปส่งที่หอพัก แม้หนูด้วงพยายามอ้อนว่าขอกลับดึกกว่านี้อีกนิดแต่พี่โอบก็ไม่ยอมเพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ พี่โอบบอกว่าหนูด้วงจะต้องไปทบทวนเรื่องการเรียนบ้าง น้องแฝดก็ดูเหมือนจะงอแงเมื่อรู้ว่าหนูด้วงต้องกลับ แต่พอเห็นสายตาเข้มๆ ของพ่อนาโมก็เลยได้แต่ทำหน้าอาลัยอาวรณ์

“วันนี้ก็เล่นน้ำกันจนตัวเปื่อยแล้ว เอาไว้พี่หนูด้วงจะฝากของเล่นมาให้อีก ห้ามดื้อ ห้ามงอแงกับนาโมนะ” หนูด้วงรีบเข้ามาปลอบน้องแฝดทั้งที่ตัวเองก็อยากจะงอแงบ้างที่ต้องกลับ

“พอวันศุกร์พี่หนูด้วงต้องรีบมาหาน้องหม่อนเลยนะ” ใบหม่อนเข้ามากอดหนูด้วง

“ก็ได้ก็ได้ แล้วน้องไม้จะคิดถึงพี่หนูด้วงไหม” หนูด้วงถามเด็กชายที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ที่ริมประตูรั้ว

“เดี๋ยวก็ได้เจอกันนะน้องหม่อน อย่างอแง” น้องไม้ไม่ตอบหนูด้วง แต่หันไปทำน้ำเสียงจริงจังกับน้องหม่อนให้ดูว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไร

“พี่หนูด้วงกลับก่อนนะ” หนูด้วงดึงน้องหม่อนมาหอมก่อนจะเดินไปหอมน้องไม้บ้าง

“วันศุกร์มาไวๆ ก็แล้วกัน” น้องไม้พูดเบาๆ ทำหน้าเขินจนหนูด้วงอดไม่ได้ต้องหอมแก้มคนปากแข็งอีกรอบ

“นกฮูกมาพอดี พี่ให้น้องแฝดนั่งรถไปส่งหนูที่หอด้วยได้ไหมฮะ” หนูด้วงเห็นเพื่อนสนิทเดินมาเพื่อที่จะกลับไปยังหอพักพร้อมกัน เห็นว่าพี่โอบต้องเอารถยนต์ไปส่งอยู่แล้วเลยอยากอยู่กับน้องแฝดอีกสักหน่อย แค่ช่วงเวลานั่งรถไปส่งก็ยังดี

“อืม” โอบอุ้มพยักหน้า

“เย้” น้องหม่อนตะโกนร้องชูมือชูไม้ดีใจ ส่วนน้องไม้ไม่พูดไม่จารีบเดินขึ้นไปนั่งบนรถก่อนใคร

“ปากแข็งเหมือนยุงพญาจริงๆ” หนูด้วงนึกขำน้องไม้

“น้องหม่อนก็เหมือนหนูด้วง” นกฮูกนึกถึงเพื่อนรักสมัยอยู่ประถมก็เห็นว่าไม่ต่างจากน้องหม่อนเลย ระหว่างนั้นเหลือบเห็นสีหน้าแปลกๆ ของพี่โอบ ทำไมพี่โอบต้องดูตกใจเมื่อพูดถึงความคล้ายของน้องแฝดกับหนูด้วงและยุงพญา เขาเริ่มนึกสงสัยเกี่ยวกับน้องแฝดขึ้นมาทันที

“ไปกันเถอะ” โอบอุ้มรีบชวนทุกคนขึ้นรถเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว

......
[/b]

เสียงตามสายจากชมรมขนนกดังขึ้นในช่วงเช้าเหมือนอย่างทุกๆ วัน เพลงจังหวะสนุกสนานที่ดีเจเวนส์เปิดสร้างความคึกคักสดใส กลุ่มเดอะซูของหนูด้วงก็มารวมตัวกันที่โรงอาหารเหมือนอย่างเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือหลายสายตาในโรงอาหารต่างจับจ้องมาที่กลุ่มจนทุกคนประหลาดใจ ยกเว้นก็แต่น้องเกลที่รู้สาเหตุของการตกเป็นเป้าสายตาในครั้งนี้

ประเด็นก็คือ หนูด้วงและสิงโตถูกพูดถึงในคอลัมน์สะกิดดาว เนื่องมาจากหนูด้วงลงรูปในเฟซบุ๊กเป็นรูปเสือกับสิงโตที่ยืนอยู่คู่กันพร้อมกับข้อความที่เหมือนจะบอกความในใจ กลุ่มสาววายพากันมากันกดไลค์กดแชร์ตั้งแต่เมื่อคืน จากที่คิดว่าคู่นี้คงไม่ได้ชอบกันอย่างที่จิตนาการเอาไว้ ตอนนี้คู่จิ้น ‘สิงห์ด้วง’ ก็กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ส่วนคอมเมนต์ก็มีทั้งบวกและลบ ซึ่งคนที่แสดงออกว่าไม่ชอบก็คือกลุ่มสาวๆ ที่แอบชื่นชมสิงโตอยู่นั่นเอง

“ทำไมถึงลงรูปนี้” สิงโตถามหนูด้วงเพราะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหนูด้วงจะสื่ออะไร

“คือ...คือ...” หนูด้วงยิ้มแห้งๆ รู้สึกพลาดและลืมคิดไปว่าเพื่อนสนิทก็ชื่อสิงโต แต่ก็บอกเพื่อนไม่ได้ว่าตัวเองหมายถึงชื่อจริงของพี่โอบกับของตัวเอง ซึ่งก็คือราชสีห์กับพยัคฆ์

“ลงรูปผิดใช่ไหม” นกฮูกแกล้งถามนำทาง

“เออ ใช่ๆ เราลงรูปผิด” หนูด้วงรีบเออออตามนกฮูก

“แล้วจะลงรูปอะไร แล้วที่บอกว่า เนื้อคู่ไม่ใช่เหยื่อ หลงรักได้ หมายถึงใคร” น้องเกลถามต่อ

“คือ...คือ...” หนูด้วงหาคำตอบไม่ได้จึงได้แต่อ้ำอึ้งพร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากนกฮูก

“พี่นโมคือพี่โอบใช่ไหม” คราวนี้สิงโตเป็นฝ่ายถาม

“เฮ้ย! รู้ได้ไงอ่า” หนูด้วงตกใจที่ถูกเพื่อนจับได้อีกแล้ว

“เจ๋ง สรุปว่าที่เราสงสัยกันเป็นจริงใช่ไหม” เม่นดีดนิ้วเมื่อเห็นท่าทางของหนูด้วง

“ทำไมถึงได้รู้กันหมดเลยล่ะ” หนูด้วงไหล่ห่อคอตกเมื่อถูกทุกคนจับได้

“ก็เรารู้ว่าหนูด้วงไม่ใช่คนรักใครง่ายๆ จู่ๆ จะมารักคนที่เพิ่งเจอกันมันไม่น่าใช่นิสัยของหนูด้วงไง” น้องเกลตอบพร้อมกับยกยิ้มที่เดาถูก

“เฮ้อ โล่ง” สิงโตถอนหายใจจนทุกคนต้องหันมามอง

“โล่งอะไร” เม่นถามเมื่อเห็นสิงโตยิ้มได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำเหมือนจะเป็นจะตายที่หนูด้วงทำท่าว่าชอบพี่นโม

“ก็ถ้าเป็นพี่โอบเราสบายใจ ดีใจด้วยนะหนูด้วงที่ไม่ต้องรอคอยอีกแล้ว” สิงโตยีผมหนูด้วงเบาๆ

ถึงสิงโตจะยังรู้สึกเจ็บแต่ก็รู้สึกสบายใจอย่างที่พูดไป หนูด้วงรอพี่ชายคนนี้มานานมาก เพราะเขารับรู้ถึงความรักที่หนูด้วงมีให้พี่โอบ เขาถึงไม่เคยสารภาพความในใจออกไป พอเห็นหนูด้วงมาชอบพี่นโม เขาถึงรู้สึกเจ็บหนักเพราะคิดว่าตัวเองถูกมองข้ามและไม่เคยอยู่ในสายตา ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคนที่เกิดมาคู่กันย่อมไม่แคล้วคลาดจากกัน     
 
“ขอบคุณนะสิงโต” หนูด้วงดีใจที่สิงโตแสดงความยินดีให้กับความรักของตัวเอง เผลอเอนตัวไปซบที่แขนเพื่ออ้อนเพื่อน จนได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นถึงได้รู้ว่าพี่ๆ กลุ่มโอนลี่วายเฝ้ามองอยู่

“งานเข้าแน่” นกฮูกถอนหายใจ

“ไม่เป็นไรหรอก ให้คนอื่นคิดว่าเราชอบเพื่อนสนิทอย่างสิงโตดีกว่าให้คิดว่าเราไปชอบคนอื่น พี่โอบไม่หึงสิงโตหรอก” หนูด้วงคิดในแง่บวก

“หึง” เสียงเข้มๆ ดังมาจากด้านหลังพร้อมกับกล่องขนมครกที่ถูกนำมาวางตรงหน้าของหนูด้วง

“พี่โอะ...เอ้ย พี่นโม หนู...หนู” หนูด้วงตกใจเพราะไม่คิดว่าพี่โอบจะหึงตัวเอง

“บอกแล้วว่างานเข้า” นกฮูกนึกขำเพื่อนรักที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะพี่โอบเดินหนีไปแล้ว อุตส่าห์ส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าพี่โอบเดินมาแต่หนูด้วงไม่ยอมสนใจ

“ต้องไปง้อ” หนูด้วงรีบลุกขึ้นยืนทันทีจนเพื่อนๆ ต้องดึงมือเอาไว้ก่อน

“จะไปง้อยังไง คนเยอะแยะ” น้องเกลถามเมื่อเห็นว่าหลายสายตายังจับจ้องมาที่กลุ่มของตัวเองอยู่

“ก็ไปดักรอที่มุมมืด พอพี่โอบเดินผ่านก็จับจูบเลย เราไปก่อนนะ แฟนเรางอน เราต้องไปง้อ” หนูด้วงพูดจบก็ออกตัววิ่งเร็วจี๋ตามพี่โอบไปจนเพื่อนๆ รั้งเอาไว้ไม่ทัน

“เจ๋ง ฮ่าๆๆ หนูด้วงของเราโตแล้วจริงๆ” เม่นนั่งหัวเราะชอบใจที่เห็นพัฒนาการด้านความรักของผู้วิเศษประจำกลุ่ม

สิงโตเห็นแล้วก็อดขำตามไม่ได้ อาการเจ็บของคนอกหักมันทุเลาลง แต่เขาไม่แน่ใจว่าที่ความเจ็บมันเบาบางลงเพราะยอมรับเรื่องหนูด้วงได้หรือเพราะใครอีกคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตกันแน่ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมใบหน้าเศร้าๆ ของใครคนนั้นถึงได้ลอยเข้ามาในหัวแทบจะตลอดเวลา แค่คิดถึงก็อยากไปหา แต่ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะคิดถึงตัวเองอย่างที่ตัวเองกำลังคิดถึงบ้างหรือเปล่า

......
[/b]

สรุปว่าภารกิจง้อพี่โอบยังไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เพราะว่าหนูด้วงหาตัวพี่โอบไม่เจอ ไม่ว่าจะไปตามหาที่ห้องวิชาการหรือที่ชมรมกล่องดนตรีก็ไม่เจอตัว สุดท้ายก็ต้องกลับไปเข้าคลาสเรียนก่อน

“หนูด้วง เราจองที่ให้แล้ว” แก้วเห็นหนูด้วงเดินเข้ามาก็รีบโบกมือให้

“ขอบใจนะ”

“หนูด้วง จำการบ้านที่อาจารย์ให้เขียนถึงความรู้สึกเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์เพลงตอนที่ได้ฟังหนูด้วงกับปูลมออกไปร้องเพลงได้ไหม”

“อือ จำได้ เราก็ส่งไปแล้ว ทำไมเหรอ” หนูด้วงเห็นสีหน้าของแก้วไม่ดีเลยนึกสงสัย

“คือ...เราเป็นคนเรียบเรียงการบ้านของเพื่อนๆ ไปส่งอาจารย์ แล้ว...เราก็เจอแผ่นกระดาษพวกนี้แทรกเอาไว้ด้วย ไม่รู้ใครทำ”

หนูด้วงรับกระดาษสามสี่แผ่นจากมือของแก้วมาดู ข้อความที่ถูกพิมพ์ลงในแผ่นกระดาษมันทำให้หนูด้วงยิ้มไม่ออกเพราะมันมีแต่ข้อความต่อว่าหนูด้วงเต็มไปหมด หนูด้วงเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องแต่ก็เดาไม่ออกว่าใครที่เกลียดตัวเองถึงขนาดนี้

“ชอบทำตัวแอ๊บแบ้วหนูอย่างนั้นหนูอย่างนี้..ทุเรศ ทำเป็นเด่นทั้งที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย โชคดีที่ได้อยู่กลุ่มคนเก่งๆ ถึงได้มีคนรู้จัก หน้าตาก็ไม่เห็นจะดีเหมือนเพื่อนในกลุ่ม เป็นเด็กเส้นใครๆ ถึงคอยเอาใจ สอบเข้าได้เพราะใช้เงิน ไม่เหมาะสมกับสิงโต” หนูด้วงอ่านคำวิจารณ์ตัวเองในกระดาษก็ได้แต่ถอนหายใจ

“คงมีคนอิจฉาหนูด้วง อย่าไปใส่ใจเลยนะ เราว่าหนูด้วงมีความสามารถ ร้องเพลงได้อารมณ์สุดๆ ดีกว่าปูลมตั้งเยอะ”

“เราไม่เห็นจะมีอะไรให้คนมาอิจฉาเลย” หนูด้วงรู้สึกไม่ดี ไม่อยากให้ใครมาเกลียดตัวเอง

“ทำไมจะไม่มี หนูด้วงน่ารัก แฟนก็หล่อ”

“หื้อ” หนูด้วงทำตาโต ไม่คิดว่าแก้วจะรู้เรื่องของพี่โอบด้วย

“สิงโตไง” แก้วกระซิบ

ทีแรกหนูด้วงจะปฏิเสธเรื่องของสิงโตแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา มันคงไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายใครต่อใครถึงเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ทำได้แต่ถอนหายใจและอยากให้จบคลาสไวๆ อยากไปหาเพื่อนๆ อยากไปหาพี่โอบกับพี่ๆ สมาชิกชมรมกล่องดนตรี เพราะหนูด้วงไม่อยากอยู่ในที่ๆ มีคนเกลียดตัวเองแบบนี้เลย หนูด้วงไม่ชอบเลยจริงๆ

จบคลาสแล้วหนูด้วงก็ยังไม่ได้ไปหาคนที่อยากเจออย่างที่ตั้งใจเอาไว้ รุ่นพี่ในคณะพาน้องปีหนึ่งไปเลี้ยงข้าว จากนั้นหนูด้วงก็ต้องเข้าเรียนต่อ พอจบคลาสบ่าย น้องปีหนึ่งก็ต้องไปนั่งรวมกันที่ลานดาวเหมือนเดิม เย็นนี้จะมีการคัดดาวและเดือนคณะออกให้เหลือผู้เข้าชิงแค่ 6 คนสุดท้าย เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 3 คน

“เราลืมไปบอกพี่ๆ เรื่องที่จะสละสิทธิ์เข้าประกวดเดือนคณะเลย” หนูด้วงเพิ่งจะนึกขึ้นได้แต่ก็คงสายไปเพราะรุ่นพี่คงจะหาคนมาประกวดแทนหนูด้วงไม่ทัน

“ก็ขึ้นๆ ไปแสดงเถอะ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต” นกฮูกตบบ่าเพื่อนรักก่อนจะเดินออกไปนั่งที่หน้าเวทีรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ

“วันนี้ต้องโชว์ความสามารถอีก แล้วหนูด้วงจะทำอะไร” สิงโตถาม ส่วนตัวเขาก็คงจะเดาะบอลโชว์ตามเดิม

“ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ก็คงร้องเพลงแหละ” หนูด้วงพูดไปก็มองหาพี่โอบไปด้วย
“ต้องขึ้นเวทีแล้ว ไปกันเถอะ” สิงโตจูงมือของหนูด้วงขึ้นไปด้านบน

เสียงกรี๊ดดังขึ้นเหมือนเคยเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจูงมือกันขึ้นมา หนูด้วงไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นเพราะตอนนี้ตัวเองเห็นแล้วว่าพี่โอบนั่งอยู่กับพี่ๆ วงเดอะบอกซ์ รวมถึงพี่เปิ้ลกับพี่นิลด้วย

“วันนี้เป็นรอบรองชนะเลิศการประกวดเดือนดาวคณะ เรามีรุ่นพี่ยุคบุกเบิกของโซเลยมาเป็นกรรมการร่วมตัดสินด้วย เดี๋ยวจ๋าจะแนะนำให้รู้จักทีละคนนะคะ”

วีเจจ๋าซึ่งเป็นพิธีกรบนเวทีทำหน้าที่แนะนำรุ่นพี่ที่จบไปแล้วแต่ละคนให้รุ่นน้องได้รู้จัก พอเอ่ยถึงชื่อของโอบอุ้มก็เรียกเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดได้ดังมากกว่าคนอื่นๆ จากนั้นก็ถึงเวลาที่น้องปีหนึ่งที่เป็นตัวแทนดาวและเดือนของแต่ละคณะต้องออกมาโชว์ความสามารถกันอีกครั้ง

หนูด้วงไม่ได้สนใจใครเลยเอาแต่มองไปที่พี่โอบและพยายามจะโบกมือให้แต่ฝ่ายนั้นก็มัวแต่คุยกับเพื่อนๆ หนูด้วงอยากให้มองมาสักนิดหนึ่งหนูด้วงจะได้มีกำลังใจ แต่จนแล้วจนรอดพี่โอบก็ไม่ได้มองมาสักที จนกระทั่งถึงตาของหนูด้วงที่จะต้องออกไปแสดงโชว์บ้าง

“วันนี้น้องพยัคฆ์จะมาแสดงความสามารถอะไรคะ” พิธีกรสัมภาษณ์หนูด้วงก่อนการแสดง

“ร้องเพลงฮะ”

“แล้วจะร้องเพลงอะไรคะ”

“อุ่ย...หนูจะร้องเพลงอะไรดี...” หนูด้วงเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยแม้กระทั่งเพลงที่จะร้อง

“ฮ่าๆ มุกใช่ไหมคะ” พิธีกรหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบของหนูด้วง แต่พอเห็นหนูด้วงอึ้งไปนานก็เริ่มหน้าเสีย มองไปทางด้านข้างเวทีก็เห็นว่ารุ่นพี่คณะดุริยางค์ฯ กำลังทำหน้าเลิ่กลั่กกันใหญ่

“รู้แล้วฮะ เอาเพลงซักกะนิดของพี่ทาทา หนูจะง้อแฟน” หนูด้วงพูดออกไมค์เสียงดังฟังชัด คำตอบของหนูด้วงเรียกเสียงฮือฮาและเสียงกรี๊ดจากคนที่นั่งอยู่ด้านล่างจนพิธีกรต้องทำมือให้ทุกคนหยุดส่งเสียง

“โอ้โห ชัดเจนดีมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นมาฟังน้องพยัคฆ์ร้องเพลงง้อแฟนกันนะคะ บอกได้ไหมคะว่าแฟนอยู่ตรงไหนพี่จะได้ช่วยลุ้นไปด้วย”

“บอกไม่ได้...หนูหวง แหะๆ หนูล้อเล่น มันเป็นความลับฮะ” หนูด้วงกระซิบแต่มือยังถือไมค์อยู่เลยกลายเป็นว่ากระซิบออกไมค์โดยทั่วถึงกันหมด

“โอเค ความลับก็ความลับ เรามาเอาใจช่วยให้น้องง้อแฟนสำเร็จก็แล้วกันนะคะ” พิธีกรหัวเราะก่อนจะดูสัญญาณทีมงานเพราะตอนนี้กำลังหาคาราโอเกะเพลงซักกะนิดมาเปิดให้หนูด้วงร้องกันจ้าละหวั่น เมื่อทีมงานบอกว่าพร้อมแล้วทางพิธีกรจึงบอกให้หนูด้วงแสดงโชว์ได้

ทำนองเพลงสนุกสนานทำให้บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น หนูด้วงเริ่มขยับร่างกายให้เข้ากับจังหวะของดนตรี เรื่องร้องเรื่องเต้นขอให้บอกหนูด้วงถนัดนัก 

‘ฉันคิดถึงเธอทุกวัน เปรียบขนาดประมาณเมฆใหญ่ ฉันคิดถึงเธอทุกวัน เปรียบขนาดประมาณรถไฟ
ก็ชอบเธอ ก็เลยบอก เรื่องจริงจึงไม่ยอมเก็บไว้ สนามบอลที่ว่าใหญ่ แต่ใจเราให้เธอยิ่งกว่านี้ ดูให้ดีสิเยอะนะ’

หนูด้วงเริ่มร้องและทำท่าประกอบเพลงไปด้วย มือไม้เหยียดอ้าออกกว้างเพราะต้องการให้พี่โอบเห็นว่าความรักของตัวเองใหญ่เท่าเมฆก้อนโตและหัวใจของตัวเองก็กว้างกว่าสนามบอลเสียอีก

‘ฉันคิดถึงเธอเท่าไร ใหญ่กว่าตึกที่มันสูงชัน ฉันนั้นรักเธอเท่าไร ใหญ่ขนาดประมาณพระจันทร์
ก็ชอบเธอ ก็เลยบอก เรื่องจริงจึงไม่ยอมเก็บไว้ สนามบอลที่ว่าใหญ่ แต่ใจเราให้เธอยิ่งกว่านี้ ดูให้ดีสิเยอะนะ’

ท่าเต้นส่ายก้นไปมาของหนูด้วงดูน่ารักปนตลกจนเรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือตามจังหวะจากคนในลานดาว แถมตอนนี้เพื่อนๆ ที่ร่วมประกวดหลายคนกระโดดเข้ามาร่วมวงเต้นด้วยกันเป็นที่สนุกสนาน ยกเว้นกลุ่มขององุ่นและเพื่อนสนิทที่เอาแต่ยืนเฉย

‘บอกว่ารักซักกะนิด ซักกะนิด ลิตเติ้ลบิท แค่นี้ก็พอ ลิตเติ้ลบิท ลิตเติ้ลมอร์
ขอน้ำตาล เติมหัวใจหน่อย อย่างงี้ มันค่อยดีหน่อย หนึ่งคำ ไม่ต้องมีมาเยอะ
บอกว่ารักซักกะนิด ซักกะนิด ลิตเติ้ลบิท แค่นี้ก็พอ ลิตเติ้ลบิท ลิตเติ้ลมอร์
ขอน้ำตาล เติมหัวใจหน่อย อย่างงี้ มันค่อยดีหน่อย หน่อยนึง ไม่ต้องมีมาแยะ แพะ ยังฟังเข้าใจเลย’

หนูด้วงเต้นยึกยักพร้อมกับกะพริบตาปิ๊งๆ ไปทางพี่โอบ พอจบเพลงก็วาดมือออกพร้อมกับชูนิ้วสามนิ้วที่เป็นสัญลักษณ์แทนคำว่ารักไปให้พี่โอบอีกด้วย เมื่อเห็นพี่โอบหัวเราะใจก็พองโต ในที่สุดก็ง้อพี่โอบได้สำเร็จ ด้วยความดีใจเลยหันไปกระโดดกอดสิงโต คราวนี้เสียงกรี๊ดดังลั่นลานดาวหนักกว่าเดิม

“ที่แท้แฟนของหนูด้วงก็คือน้องสิงโตนั่นเอง” พิธีกรเดินเข้ามาแซว

“ไม่ใช่ฮะ ไม่ใช่” หนูด้วงตกใจที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด

“ไม่ต้องเขินค่ะ ทั้งจับมือ ทั้งกอดกันขนาดนี้ ดูพี่ๆ ชมรมโอนลี่วายสิคะ กรี๊ดจนจะเป็นลมกันอยู่แล้ว”

“ไม่ใช่ฮะ แฟนหนูคนนั้น” หนูด้วงรีบชี้นิ้วไปทางพี่โอบ

แต่เมื่อทุกคนหันไปดูตามที่หนูด้วงชี้ก็ชะงักนิ่ง หนูด้วงเห็นพี่พิธีกรทำหน้าแหยๆ ก็สงสัยเลยหันไปมองบ้าง

“อุ่ยยยย” หนูด้วงตกใจเมื่อมองไปก็ไม่เห็นพี่โอบแล้ว ส่วนคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งตรงที่นิ้วของตัวเองชี้ไปกลับเป็น...พี่เปิ้ล!!

“ฮ่าๆๆๆ เออๆ หนูด้วงเด็กกูเอง” พี่เปิ้ลตะโกนขึ้นมาก่อนจะหัวเราะชอบใจยกใหญ่

“ขอตัวก่อนนะฮะ” หนูด้วงรีบลงจากเวทีไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากใครๆ ไม่รู้ว่าพี่โอบหายไปไหน เมื่อกี้ยังนั่งยิ้มให้อยู่เลย หนูด้วงกลัวพี่โอบจะงอนอีกรอบที่ตัวเองเผลอไปกอดสิงโตเลยต้องรีบไปตามหา

เมื่อหนูด้วงวิ่งลงไปจากเวทีแล้วองุ่นก็แอบยิ้มเหยียดไล่หลังไปเมื่อเห็นว่าแฟนของหนูด้วงคือผู้ชายรูปร่างท้วมแถมยังหน้าตาธรรมดา เธอกับเพื่อนหันมาหัวเราะให้กันเพราะหลงคิดว่าจะรสนิยมของหนูด้วงจะสูงกว่านี้

“พยัคฆ์”

“ฮะ” หนูด้วงวิ่งมาถึงหน้าตึกคณะก็จำต้องหยุดวิ่งเมื่อโดนอาจารย์เรียกขึ้นมาก่อน

“อาจารย์จะรบกวนเธอสักหน่อย เด็กคนอื่นๆ เข้ากิจกรรมกันหมด”

“ได้ฮะ” หนูด้วงรับคำแม้ใจจะล่วงหน้าไปตามหาพี่โอบแล้ว

“เธอไปซื้อของตามใบสั่งนี่ให้อาจารย์หน่อยนะ ไปกับนายโอฬาร เขาอาสาขับรถไปให้”

“เอ่อ...” หนูด้วงหันไปเห็นส้มโอที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ชักไม่อยากไปแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธอาจารย์

“เธอมีธุระอื่นรึเปล่า” อาจารย์เห็นสีหน้าของหนูด้วงเลยเอ่ยถาม

“เดี๋ยวหนูไปซื้อของให้อาจารย์ก่อนก็ได้ฮะ”

“ผมจะรีบไปรีบกลับครับอาจารย์” ส้มโอบอกอาจารย์ก่อนจะหันมายิ้มให้หนูด้วง อาจารย์ท่านนี้เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของส้มโอจึงไหว้วานให้ส้มโอไปทำธุระให้ แต่ส้มโอเห็นหนูด้วงวิ่งมาแต่ไกลแล้วเลยรบกวนให้อาจารย์ช่วยสั่งให้หนูด้วงไปกับตนเอง โดยอ้างว่าหนูด้วงคือคนรักของตัวเองและกำลังงอนอยู่ อาจารย์ก็เลยตกลง

“ขับรถดีๆ นะ รบกวนหน่อยเถอะ พรุ่งนี้อาจารย์ต้องใช้ประกอบการสอนแต่ไม่ว่างไปซื้อเองจริงๆ ขอบใจทั้งสองคนมากเลยนะ”

เมื่ออาจารย์ไปแล้วส้มโอก็ผายมือให้หนูด้วงเดินไปที่รถคันหรูของตัวเอง หนูด้วงมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครเลยที่จะชวนให้ไปเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้ทุกคนคงอยู่ที่ลานดาวกันหมด สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นรถไปกับส้มโอเพราะคิดว่ารีบซื้อให้เสร็จจะได้รีบกลับ


มีต่อด้านล่างค่ะ
[/b]
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 21/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 21-07-2018 16:24:46
ต่อจากด้านบนค่ะ
[/b]

ในตลาดของชุมชนมีร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนร้านใหญ่อยู่ หนูด้วงเข้าไปเลือกของตามรายการที่อาจารย์เขียนมาให้แต่ยังขาดอีกสองสามอย่าง เจ้าของร้านบอกว่าให้รอเพราะเดี๋ยวจะมีล็อตใหม่มาลงที่ร้านอีกหลายอย่าง หนูด้วงจึงจำเป็นต้องรอ อยากจะโทรหาพี่โอบแต่ส้มโอก็นั่งจ้องตัวเองตาไม่กระพริบแถมยังเดินตามตลอด หนูด้วงเลยส่งข้อความไปให้พี่โอบแทน

DAr
พี่โอบฮะ
Ling
ว่าไงครับ หนูอยู่ไหน
DAr
พี่โอบนั่นแหละอยู่ที่ไหน หนูตามหาก็ไม่เจอ
Ling
พี่ไปเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีหนูก็หายไปแล้ว
Dar
อ้าว หนูก็นึกว่าพี่โอบงอนหนู หนูเลยวิ่งตามหา ตั้งใจว่าจะไปจูบให้หายงอนสักหน่อย แฮร่
Ling
หึหึ...
DAr
ตอนนี้หนูออกมาซื้อของให้อาจารย์ฮะ ซื้อเสร็จจะรีบกลับไปเลย
Ling
ที่ไหน กับใคร
DAr
ที่ร้านเครื่องเขียนในตลาดชุมชนฮะ มากับรุ่นพี่ที่อาจารย์เขาใช้ให้มากับหนู
Ling
ให้พี่ไปรับไหมครับ
DAr
ไม่เป็นไรฮะ แต่...
Ling
แต่อะไร
DAr
พี่ไม่งอนหนูแน่นะ
Ling
ไม่งอนครับ แต่หึงครับ ถ้าไปกอดใครง่ายๆ อีก พี่จะตีก้นหนู
DAr
คึคึ...อย่าตีแรงนะฮะ หนูจะเจ็บ
Ling
ทะเล้น เดี๋ยวพี่ต้องไปรับน้องไม้กับน้องหม่อนแล้วไปเปิดร้าน คงไม่ได้เจอกัน ถ้าไงหนูด้วงถึงมอแล้วโทรหาพี่นะครับ
DAr
พี่โอบ วันนี้หนูขอไปค้างกับพี่โอบไม่ได้เหรอฮะ
Ling
ไม่ได้ครับ เอาไว้มาวันศุกร์นะ
DAr
แค่คืนเดียวเอง ไม่ได้เหรอฮะ
Ling
ไม่งอแงนะครับผู้วิเศษ หนูรับปากมัมกับแด๊ดไปแล้ว ไม่ผิดสัญญานะครับ
DAr
ก็ได้ก็ได้ ตอนนี้หนูก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็จิตใจห่อเหี่ยวมากๆ หนูบอกเฉยๆ
Ling
หึหึ...รับทราบครับ พี่โอบคิดถึงหนูด้วงนะครับ
DAr
หนูหายห่อเหี่ยวแล้วก็ได้แต่ก็ยังถอนหายใจอยู่
Ling
พี่โอบรักหนูด้วงนะครับ
DAr
เย้ หนูไม่ถอนหายใจแล้วก็ได้ก็ได้ หนูก็รักพี่โอบและก็คิดถึงมากๆ เหมือนกันฮะ

หนูด้วงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะกดส่งสติกเกอร์หัวใจดวงใหญ่ไปให้พี่โอบ พอเงยหน้ามาเห็นสายตาจับผิดของส้มโอก็เลยหุบยิ้ม ส้มโอเดินเข้ามาหาหนูด้วงก่อนจะถาม

“หนูด้วงหายโกรธพี่รึยังที่เคยแกล้ง”

“ก็พี่บอกว่าพี่เป็นคนดีแล้ว หนูก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วฮะ”

“ถ้าอย่างนั้นก่อนกลับพี่ขอให้หนูด้วงไปกินข้าวกับพี่สักมื้อได้ไหม”

“ไม่ดีกว่าฮะ เราต้องรีบเอาของไปให้อาจารย์”

“แสดงว่าหนูด้วงยังไม่ไว้ใจพี่ อย่าระแวงพี่เลย พี่ถูกน้าของหนูด้วงลงโทษแล้ว เข็ดแล้วครับ” ส้มโอแกล้งตีหน้าเศร้า

“ก็ได้ก็ได้ แต่รีบกินรีบกลับนะฮะ อาจารย์รออยู่” หนูด้วงนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบตกลง ที่ยอมไปกินข้าวด้วยเพราะนึกสงสารส้มโอกับองุ่นอยู่เหมือนกันที่ต้องถูกย้ายโรงเรียนไปเพราะถูกยุงพญาขู่

“ขอบคุณนะที่เปิดใจให้พี่ เรื่องของที่อาจารย์สั่งซื้อไม่ต้องกังวล พี่จ้างให้คนเอาไปให้อาจารย์แล้ว” ส้มโอยกยิ้มก่อนจะตีหน้าซื่อเมื่อหนูด้วงมองกลับมา

ส้มโอพาหนูด้วงมายังตึกแถวที่อยู่ในซอยลึกใกล้ๆ ตลาด ที่นี่เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนของรุ่นพี่ที่สนิทกัน เขามาเปิดร้านหลังจากที่เรียนจบจากมหา’ลัยโซเลย เมื่อเจ้าของร้านเห็นส้มโอพาหนูด้วงเข้ามาในร้านก็ยิ้มน้อยๆ ให้ เป็นอันรู้กันว่าถ้าส้มโอพาใครมาที่นี่ด้วยจะต้องจบลงที่ห้องพักด้านบนของร้านทุกครั้ง

“หนูด้วงสั่งเลยครับ อร่อยทุกอย่าง”

“พี่สั่งก็แล้วกัน หนูกินได้หมด”

“โอเค งั้นรอสักครู่นะครับ” ส้มโอลุกไปคุยกับเจ้าของร้านสักพักถึงได้เดินกลับมา

ไม่นานอาหารอิตาเลี่ยนที่ขึ้นชื่อของร้านก็ถูกมาวางตรงหน้าของหนูด้วงพร้อมกับไวน์หนึ่งขวด หนูด้วงปฏิเสธที่จะดื่มไวน์แต่พอถูกส้มโอคะยั้นคะยอมากๆ ก็เลยเลิกปฏิเสธ ส้มโอแอบลอบยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกรินให้หนูด้วงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหมดขวด

“หนูด้วงดื่มไวน์เก่งจัง” ส้มโอเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อไม่เห็นทีท่าว่าหนูด้วงจะเมา

“อยากให้หนูเมาเหรอ” หนูด้วงถาม

“ปะ...เปล่า พี่แค่นึกว่าหนูด้วงคออ่อน เอ้ย! หมายถึง นึกว่าไม่เคยดื่มมาก่อน”

“เอาอีกขวดก็ได้นะ อร่อยดี”

“ได้เลยครับ” ส้มโอคิดว่าลองได้กินอีกขวดหนูด้วงต้องเมาพับแน่ๆ จึงรีบสั่งมาให้อีก

เสียงอาเจียนในห้องน้ำดังอยู่พักใหญ่ ไม่นานคนในห้องน้ำก็เดินโซเซออกมาพร้อมกับทำหน้าพะอืดพะอม เจ้าของร้านเดินเอาผ้าเย็นมาส่งให้ส้มโอเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องของตัวเองเริ่มเมาจนต้องไปอาเจียนอยู่หลายรอบ

“หนูฝากดูแลพี่ส้มโอด้วยนะฮะ หนูต้องกลับแล้ว” หนูด้วงบอกกับพี่เจ้าของร้าน

“หนูด้วง ไม่ต้องกลับหรอก นอนกับพี่นะ นอนที่นี่แหละ มันดึกแล้ว” ส้มโอพยายามจะรั้งหนูด้วงเอาไว้

“ไม่ดีกว่า ยังไม่ดึกเท่าไหร่แค่ทุ่มเดียวเอง ขอบคุณพี่โอที่เลี้ยงของอร่อยแล้วก็ไวน์นะฮะ หนูไปก่อนนะพี่ตั้ม” หนูด้วงหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วยกมือไหว้เจ้าของร้านก่อนจะเดินออกจากร้านไป

เมื่อหนูด้วงเดินออกมานอกร้านแล้วก็จัดการโทรหาพี่โอบ พออีกฝ่ายรับหนูด้วงก็แกล้งทำเสียงอ้อแอ้ใส่ไปตามสาย

“พี่โอบ หนูม่ายหวายล้าววว”

“หนูด้วง...ทำไมเสียงอ้อแอ้แบบนั้น หนูเมาเหรอ”

“ม่ายเมา เอิ้ก” หนูด้วงแกล้งเรอใส่เพื่อให้สมจริง

“อยู่ที่ไหน” เสียงของโอบอุ้มเข้มขึ้น

“หนูอยู่ที่หนายน้า อ๋อๆ หนูอยู่ในจายพี่โอบงายฮะ”

“หนูด้วง...อยู่ที่ไหน พี่จะไปรับ”

“หนูอยู่ตรงตลาด หนูง่วงจัง ม่ายหวายแล้ว”

“หนูด้วง พี่จะไปรับ นั่งรออยู่หน้าตลาดนะ”

“มาเร็วๆ นะฮะ หนูคิดถึงพี่โอดอุ้นที่ซู้ดดดด”

หนูด้วงยิ้มให้โทรศัพท์เมื่ออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว รู้ดีว่าจะต้องโดนพี่โอบดุแน่ๆ แต่มันก็คุ้มถ้าได้นอนค้างกับพี่โอบ เจ้าตัวเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเพื่อไปนั่งรออยู่ที่หน้าตลาด แต่ยังไม่ทันไปถึงไหนก็โดนส้มโอคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน

“หนูด้วง อย่ากลับเลยนะ ค้างกับพี่เถอะ มันดึกแล้ว อันตราย”

“พี่นั่นแหละไปค้างกับรุ่นพี่ของพี่เถอะ เมาแบบนี้ขับรถไม่ได้หรอก”

“หนูด้วงก็ขี่พี่ เอ้ย ขับให้พี่ไง”

“ไม่ดีกว่า”

“นะครับ” ส้มโอพยายามตื้อ จนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากมุมมืด

แฮ่...แฮ่...โฮ่ง!!!

“เฮ้ย ไอ้ห่า หมาที่ไหนมาเห่าวะ” ส้มโอสบถ

แฮ่.... หมาสีดำตัวใหญ่ก้าวออกมาจากเงามืด หนูด้วงกับส้มโอเห็นเขี้ยวสีขาวของมันก่อนตัวมันเสียอีก มันขู่และแยกเขี้ยวใส่จนทั้งคู่สะดุ้ง หนูด้วงรีบก้มลมไปผูกเชือกรองเท้าผ้าใบของตัวเองให้กระชับ

“หนูด้วงคิดจะวิ่งหนีหมาเหรอ พี่ว่าเราวิ่งไม่ทันหมาหรอก ทำไงดี ถ้าโดนกัดรับรองว่าเนื้อแหว่งแน่ๆ” ส้มโอหน้าซีดเมื่อเห็นเชียวแหลมๆ ของเจ้าสุนัขตัวใหญ่ที่ยืนขู่อยู่ตรงท้ายซอย

“จะวิ่งทันหมาไหมหนูไม่รู้หรอก แต่ถ้าหนูวิ่งเร็วกว่าพี่หนูก็รอดแล้ว ไปก่อนนะฮะ ขอให้โชคดี” พูดจบหนูด้วงก็สับขาวิ่งออกตัวไปอย่างเร็วจี๋แบบไม่เห็นฝุ่น ทิ้งให้ส้มโอยืนตาเหลือกอยู่เพียงลำพัง

“ดะ..ดะ...เดี๋ยวสิหนูด้วง รอพี่ด้วย ย๊ากกก” พอได้ยินเสียงเจ้าหมาตัวใหญ่เห่าอีกรอบส้มโอก็วิ่งหนีไปทันทีโดยไม่ทันเห็นว่าที่คอของเจ้าหมามีโซ่ล่ามเอาไว้อยู่กับเสา

ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีโอบอุ้มก็ขับรถมาถึงหน้าตลาด เขาเห็นหนูด้วงนั่งอยู่ที่ร้านขายน้ำเต้าหู้ ซึ่งพอหนูด้วงเห็นรถของโอบอุ้มขับมาจอดก็เดินเข้ามาหา เจ้าตัวแสบเดินเป๋ไปเป๋มาจนเข้ามานั่งในตัวรถ โอบอุ้มไม่ได้พูดอะไรแต่ขับรถออกไปเลย ส่วนคนแกล้งเมาก็นั่งพิงกระจกรถก่อนจะเอนมาพิงที่ไหล่ของโอบอุ้มแทน กลิ่นไวน์ถูกส่งผ่านมาทางลมหายใจ ริมฝีปากอิ่มแดงเข้มบ่งบอกให้รู้ว่าคงดื่มไปไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าทำไมหนูด้วงถึงต้องดื่มมากขนาดนี้

“เดินลงไหวไหม” โอบอุ้มถามเมื่อขับรถกลับมาถึงบ้าน

“ม่ายหวาย” หนูด้วงส่ายหน้า

“น่าตีนัก” โอบอุ้มบ่นพึมพำก่อนจะเดินอ้อมไปอุ้มเจ้าตัวแสบ

หนูด้วงโอบกระชับรอบคอของพี่โอบแน่นเมื่อถูกอุ้ม ใบหน้าซุกกับอกแล้วแอบอมยิ้ม อาน้องเคยเล่าให้ฟังว่าแกล้งเมา พอเมาแล้วยุงพญาก็เอาใจทุกอย่าง หนูด้วงก็เลยลองเอาวิธีนี้มาใช้กับพี่โอบบ้าง นอกจากเมาแล้วก็ต้องอ้อนเยอะๆ จะได้ไม่โดนตีอย่างที่พี่โอบขู่เอาไว้

“พี่รู้ว่าหนูไม่ได้เมาจริง”

“อ๊ะ!” หนูด้วงร้องขึ้นมาถูกโอบอุ้มตีที่ก้นเบาๆ จนเห็นสายตาอบอุ่นที่มองมาถึงได้ยิ้มกว้าง

“บอกเหตุผลมาครับ” เสียงดุเข้มต่างจากสายตาทำให้หนูด้วงหุบยิ้มแทบไม่ทัน ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้แล้วเริ่มเล่าทุกอย่างตามความจริง

“หนูไม่อยากให้เขาเกลียดหนูแล้วก็ต้องมีศัตรูอีก” หนูด้วงบอกเหตุผลสุดท้ายให้พี่โอบได้รู้

“แล้วถ้าหนูถูกมอมจนเมาจริงๆ มันคุ้มเหรอครับ”

“หนูไม่เมาหรอกฮะ ยุงพญาสอนหนูให้รู้จักเอาตัวรอด หนูลองมาหมดแล้ว ทั้งเหล้า ทั้งเบียร์ ทั้งไวน์ ยาดองก็เคยนิดหน่อย”

“หนูกำลังประมาท ครั้งนี้โชคดี แต่มันคงไม่ทุกครั้งไป”

“หนูขอโทษนะฮะ พี่โอบอย่าโกรธหนูนะ หนูจะไม่ทำแบบนี้แล้วก็ได้”

“แล้วทำไมต้องแกล้งเมา”

“ก็หนูอยากมาค้างกับพี่โอบนี่ฮะ”

“ทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ หนูกำลังผิดคำพูด มันอาจจะทำให้แด๊ดดี้กับมัมของหนูไม่เชื่อใจหนูอีก”

“หนูขอโทษ พี่โอบไปส่งหนูกลับหอพักก็ได้ก็ได้” หนูด้วงรู้สึกเสียใจที่ทำให้พี่โอบผิดหวัง รีบลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับ จนกระทั่งข้อมือถูกรั้งเอาไว้

“พี่คงปล่อยกลับไม่ได้ เด็กดื้อจะต้องโดนลงโทษ” เสียงของโอบอุ้มเข้มจนหนูด้วงต้องหันมามอง

“ลงโทษยังไงฮะ หนูจะเจ็บไหม” หนูด้วงถามเสียงสั่นเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของอีกฝ่าย รีบมองไปทั่วห้องว่าพี่โอบแอบเก็บไม้เรียวเอาไว้หรือเปล่า

“หึหึ...เดี๋ยวก็รู้ครับ” โอบอุ้มยกยิ้มก่อนจะเดินไปเกี่ยวกระเป๋าออกจากไหล่ของหนูด้วงแล้ววางมันลงกับพื้น

ร่างเล็กกว่าถูกพามานอนที่เตียง จากที่หวั่นว่าจะถูกไม้เรียวฟาดก้นที่ทำตัวไม่ดี ตอนนี้ใจของหนูด้วงสั่นไหวกว่าเดิม ก็สายตาของพี่โอบมันดูพร้อมจะฟาดหนูด้วงมากกว่าไม้เรียวเสียอีก ริมฝีปากอยากจะยิ้มออกมาเมื่อแผนพิชิตใจแฟนที่เลียนแบบอาน้องกำลังสัมฤทธิ์ผล แต่ด้วยความที่หนูด้วงกลัวว่าจะไม่สมจริงจึงต้องกลั้นยิ้มเอาไว้แล้วเบนสายตาไปทางอื่นแทน

“ก็ได้ก็ได้ หนูพร้อมถูกลงโทษแล้วฮะพี่โอบ” หนูด้วงพูดเบาๆ ใจก็เต้นตึกตัก จนกระทั่งได้ยินเสียงของพี่โอบหัวเราะถึงได้รู้ว่าตัวเองถูกแกล้งให้ใจสั่นเสียแล้ว
 

โปรดติดตามตอนต่อไป

แอบมาเงียบๆ เอามาหย่อนให้หายคิดถึงสักตอนหนึ่งก่อน

อาจจะมีคำผิดที่หลุดรอด เดี๋ยวจะกลับมาแก้ให้เมื่อหาเจอนะคะ

เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ลงถี่เหมือนเดิม ใครอยากรออ่านรวดเดียวก็ได้น้า

เลิฟจะมาอัพรัวๆ ให้หลังจากแต่งจบแล้วค่ะ

หรือถ้ามีคนคิดถึงมากๆ ก็อาจจะมาหย่อนให้บ้าง

อย่าว่ากันน้า เลิฟไม่อยากรีบเกินไปจนมันหมดสนุกค่ะ

...รัก...   



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 21-07-2018 16:46:23
เย้ๆหนูด้วงมาปี้คิดถึงหนูด้วงที่สุด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Madpinkie ที่ 21-07-2018 16:53:58
โอ๊ะ..ตกใจไม่นึกว่าเจอตอนใหม่ ...หนูด้วงนี่เจ้าเล่ห์นักน๊าาา
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 21-07-2018 17:02:26
อืม เรื่องน้องแฝดนี่น่าสงสัยจริงๆแหละ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-07-2018 20:53:08
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-07-2018 21:42:57
หนูด้วงงงง ทำไมเจ้าเล่ห์งี้ลูก ส่วนส้มโอนี่คงไม่หยุดแค่ครั้งนี้แน่เลย

ไหนจะยัยองุ่นเน่านั่นอีก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 21-07-2018 22:18:03
หนูด้วงเด็กเจ้าเล่ห์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-07-2018 23:45:37
 :z1:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 22-07-2018 00:23:01
หนูด้วงฉลาด+เจ้าเล่ห์เลยแฮะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: blingsmay ที่ 22-07-2018 00:41:28
หนูด้วงน่าตีมากเว่ออ พี่โอดอุ้นลงโทษหนักๆได้เลยยยย :-[
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-07-2018 12:57:05
หนูด้วงงงงงงงงงง
ใครสั่งใครสอนเนี่ย ... มีการตั้งใจนับ จัดสรรปันส่วน!!!!
555555   ท่าว่าพี่โอบจะรับศึกหนักนะเนี่ย

ส่วนเรื่องที่เกือบถูกมอม
หนูด้วงรอดมาได้นับว่า เก่ง
แต่คนเรา พลาดกันได้เสมอ หนูด้วงต้องระวังมากกว่านี้นะ
อย่าเปิดช่องย่องไปไหนคนเดียวโดยไม่บอกใครก่อนอีกนะ
เดี๋ยวป้าจะฟ้องมัม แด๊ด อาน้อง และยุง!!!
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 22-07-2018 14:58:06
ลูกศิษย์​อาน้อน​ ต้องไม่ ธรรมดาแน่นอน อันนั้น งานนี้ จะได้ใช้ถุงยางหรือเปล่า สงสัยแล้วสิ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-07-2018 15:54:33
อาน้อนจะต้องภูมิใจในตัวศิษย์เอก  :hao7:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-07-2018 18:14:17
น่ารักและเจ้าเล่ห์จริงๆเจ้าหนูด้วง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 10 ซักกะนิด 20/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 25-07-2018 16:10:24
หนูด้วงได้วิชาที่เก่งในแต่ด้านครบทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 31-07-2018 13:16:17
เพลงรักที่หายไป
เพลงพิเศษ คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม)
ศิลปิน ฮิวโก้

เสียงอ้อแอ้ของหนูด้วงที่โทรมาหาผมทำให้ผมอยากจะหายตัวไปหาน้องได้เดี๋ยวนั้นอย่างผู้วิเศษจริงๆ สมองกับใจของผมมันพุ่งไปหาน้องแล้วด้วยความเป็นห่วง ถึงจะรู้ว่าคนของป๊าคอยดูแลน้องอยู่ทั่วเกาะแต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ยอมรับว่าโกรธที่น้องไม่รีบกลับหอพักเมื่อเสร็จธุระอย่างที่บอกผมเอาไว้ แต่พอได้เห็นหน้าเจ้าตัวยุ่งอารมณ์โกรธทั้งหมดมันหายไปไหนก็ไม่รู้ ยิ่งท่าทางแกล้งเมาเดินเซไปเซมามันทำให้ผมอยากจะจับมากอดมาจูบให้อีกฝ่ายหายเมาดิบเสียจริงๆ น้องคงไม่รู้ว่าตัวเองตอนเมาจริงๆ เป็นอย่างไร นั่นจึงทำให้ผมจับได้ว่าน้องแกล้ง คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกไปถึงเมื่อสองปีก่อน


...
..
.



“จะดีเหรอพี่ ให้หนูด้วงลองกินเหล้าขาวแบบนี้ถ้าพี่ตังรู้น้องว่าตายหมู่แน่ๆ” ผมได้ยินอาน้องถามป๊าหลังจากที่ป๊าสั่งให้พี่ก้านเอาเหล้าขาวมาให้หนูด้วงลองกิน
 
วันนี้ป๊าพญากับอาน้องจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้หนูด้วงล่วงหน้าหนึ่งวันเพราะว่าในวันพรุ่งนี้หนูด้วงจะอยู่กับครอบครัวใหญ่ จากนั้นน้องก็จะไปนั่งปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อสองคืนเหมือนอย่างทุกปี ป๊าใช้งานวันเกิดของหนูด้วงเป็นงานเลี้ยงประจำปีของพนักงานไปในตัว ผมเลยอาศัยคนเยอะๆ เข้ามาอยู่ในงาน แต่งตัวให้เหมือนว่าเป็นลูกจ้างของโต๊ะจีน ใส่หน้ากากอนามัยก็ไม่มีใครจับพิรุธได้
 
“ฝึกเอาไว้ ต่อไปอยู่ไกลหูไกลตาจะได้ดูแลตัวเองเป็น กินเพื่อการเรียนรู้ไม่ได้กินเพื่อให้ติด” ป๊าตอบอาน้องไป ส่วนหนูด้วงก็นั่งจ้องแก้วเหล้าขาวตาเป็นประกาย น้องเป็นคนอยากรู้ไปเกือบทุกเรื่อง ยิ่งโตก็ยิ่งมีแต่คำถาม
 
“มันเหมือนสไปรท์ไหมฮะ” ผมได้ยินน้องถามป๊าก็แอบลอบยิ้มอยู่ภายใต้หน้ากากสีขาว
 
“ก็ลองดูสิ” ป๊าพยักหน้าให้หนูด้วงลองดื่ม
 
“อึ๋ย ไม่อร่อยเลย หนูไม่ชอบ” หนูด้วงทำหน้าเหยเก
 
“ไม่ชอบก็ดีแล้ว แต่หัดเอาไว้ เผื่อมีใครมามอมจะได้ไม่เมาง่ายๆ” ป๊ารินเหล้าขาวใส่แก้วของน้องอีก
 
“ใครจะมามอมเหล้าหนู มีแต่ยุงนั่นแหละ” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยจนผมต้องแอบลอบยิ้มอีกรอบ
 
“เรียนรู้เอาไว้ก่อน หนูด้วงน่ารักขนาดนี้มันก็ต้องมีคนอยากมอมเหล้าบ้างแหละ จริงไหมวะไอ้ก้าน”
 
“จริงครับนาย เรียนรู้เอาไว้เถอะนายน้อย สมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น” พี่ก้านรับคำป๊าก่อนจะหันไปพูดกับหนูด้วง
 
“ก็ได้ก็ได้ หนูจะหัดเรียนรู้ทุกเรื่อง ยุงอย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน ถ้าหนูจบมอหกเมื่อไหร่ต้องให้หนูหัดยิงปืนด้วย”
 
“ไม่ลืมน่า เอาชน!!”
 
งานเลี้ยงก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ผมได้แต่แอบลอบมองน้องอยู่ไกลๆ เดินเฉียดเข้าไปใกล้ๆ บ้างเวลาเอาถังน้ำแข็งไปเสิร์ฟ ริมฝีปากและแก้มของน้องเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังใจสู้ชนแก้วกับป๊าต่อ น่าแปลกใจ...น้องคอแข็งกว่าที่ผมคิด ป๊าเคยให้ผมลองตอนที่กลับมาเมืองไทยครั้งแรก แค่สองสามแก้วผมก็พับคาโต๊ะไปเลย ป๊าดูจะชอบอกชอบใจที่น้องไม่ได้อ่อนแอ ผมรู้ว่าป๊าห่วงน้องและคิดว่าตัวเองไม่สามารถอยู่ดูแลน้องได้ตลอดไป ป๊าถึงอยากให้น้องรู้จักทุกด้านของชีวิต อาน้องเคยบอกกับผมว่าป๊ากลัวเวรกรรมที่เคยทำให้ใครต่อใครเสียใจจะตามสนอง กลัวกรรมนั้นมาลงที่หนูด้วงจึงพยายามทำทุกอย่างให้หนูด้วงรู้จักทั้งด้านมืดและด้านสว่างของคน
 
“เริ่มเมาแล้ว คอแข็งกว่าที่คิด” ป๊าพูดกับอาน้องหลังจากที่หนูด้วงลุกไปเต้นอยู่หน้าเวที
 
“หนูด้วงหัวอ่อนก็จริงแต่เป็นเด็กที่เข้มแข็งนะ พี่อย่ากังวลไปหน่อยเลย”
 
“น้องก็รู้ว่าหนูด้วงเป็นคนคิดบวก ไว้ใจคนง่าย ใจอ่อน พี่กลัวว่าหนูด้วงจะไปเจอคนแบบอีดาวเรืองอีก พี่ไม่อยากให้หลานโดนใครทำร้าย แค่คิดก็ทนไม่ได้แล้ว"
 
“หนูด้วงเขาต้องมีชีวิตของตัวเอง เขาต้องได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พี่จะเฝ้าหลานเอาไว้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะครับ”
 
“พี่รู้ว่าตลอดไปไม่ได้ แต่ขอนานที่สุดก็แล้วกัน”
 
“น้องรักพี่ คืนนี้น้องจะรักพี่ให้พี่หายใจหายคอไม่ทันเลย”
 
“มึงนี่นะ...ยั่วเก่งจริงๆ”
 
“แล้วชอบไหมล่ะ”
 
“ชอบดิ ไปเว้ยไอ้ก้าน เตรียมพาหนูด้วงกลับบ้าน กูง่วงแล้ว”
 
ผมเห็นป๊ากับอาน้องยังหวานกันเหมือนเดิมก็อดยิ้มไม่ได้ ทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก ผมดีใจที่ป๊ามีความสุข ผมจะทำให้หนูด้วงมีความสุขได้อย่างป๊าทำให้อาน้องไหม อาจจะไม่ดีเท่าแต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด
 
ผมละสายตาจากป๊าไปมองหนูด้วงต่อ ตอนนี้ตาของน้องหวานเยิ้มจนผมอยากจะเดินไปอุ้มออกมาจากกลุ่มหนุ่มๆ ลูกหลานพนักงานของป๊า ถึงจะรู้ว่าเด็กพวกนั้นโตมากับหนูด้วงและไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเพื่อนผมก็ไม่ชอบใจอยู่ดี แม้ท่าเต้นของน้องออกแนวจิ๊กโก๋มากกว่ายั่วยวนแต่ผมก็ไม่อยากให้น้องไปยืนให้ใครต่อใครรายล้อม ถึงจะหวงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองอยู่อย่างนี้
 
“จะไม่เข้าไปจริงๆ เหรอ” พี่ก้านเดินเข้ามาหาผม
 
“ครับ”
 
“แล้วน้องแฝดอยู่กับใคร ไว้ใจได้เหรอ”
 
“ไว้ใจได้ครับ พรุ่งนี้ผมก็คงต้องกลับเลย แค่อยากเอาของขวัญมาให้หนูด้วง”
 
“คุณโอบ พี่ว่า...”
 
“ผมรู้ครับว่าพี่ก้านเป็นห่วง แต่ผมขอลองทำอย่างที่ผมตั้งใจก่อน ผมบอกป๊าไม่ได้จริงๆ”
 
“คุณโอบดื้อเหมือนนายไม่มีผิด แต่ก็เอาเถอะ ขอแต่ว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ ต้องบอกพี่ คุณโอบไม่ได้ตัวคนเดียวนะครับ...จำเอาไว้”
 
“ขอบคุณมากครับพี่ก้าน ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ลำบากใจ” ผมเห็นพี่ก้านลอบถอนหายใจก็รู้สึกผิด ผมทำให้พี่ก้านต้องคอยโกหกป๊าให้ ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่หนักหนามากสำหรับคนที่ซื่อสัตย์ต่อป๊าอย่างพี่ก้าน
 
“พี่ไม่ลำบากอะไรหรอก คุณโอบต่างหากที่ลำบาก ในเมื่อเลือกแล้วก็ต้องอดทนนะครับ อยู่ทางนี้พี่จะคอยดูแลนายและหนูด้วงให้”
 
“ครับ”
 
“เดี๋ยวนายคงจะพานายน้อยกลับไปนอนแล้วล่ะ ท่าทางจะไม่ไหวแล้ว นี่กุญแจบ้านครับ คุณโอบรีบไปรอก่อนนายจะกลับ”
 
“ขอบคุณครับพี่ก้าน ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
 
พี่ก้านตบบ่าเพื่อให้กำลังใจผมสองสามทีก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงาน ผมได้กุญแจบ้านแล้วก็รีบออกจากงานเพื่อไปรอหนูด้วงที่บ้านพักหลังสำนักงาน ตอนนี้ป๊ายกบ้านหลังนั้นให้หนูด้วง ส่วนป๊ากับอาน้องก็กลับไปอยู่บ้านกับคุณปู่พยนต์เพราะท่านอยู่เพียงคนเดียว อาพเยียแต่งงานมีครอบครัวแล้วจึงย้ายไปอยู่ที่เพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของโรงแรมแทน


...

ผมมาถึงบ้านก็ขึ้นไปแอบอยู่ด้านบนของตู้อควาเรียมในห้อง ‘ใต้ชาหมุด’ หรือห้องใต้สมุทร ห้องนี้เป็นห้องที่ป๊าสร้างขึ้นมาให้หนูด้วงโดยเฉพาะ อันที่จริงห้องนี้ป๊าตั้งชื่อว่าวังของเรา แต่หนูด้วงก็จับเปลี่ยนชื่อให้เสร็จสรรพ นึกถึงวันวานแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ น้องชอบเขียนมาเล่าให้ผมอ่านเสมอเรื่องน้องปลาตัวใหม่ๆ ที่ซื้อมาเลี้ยง
 
ผมได้ยินเสียงอาน้องกับป๊าคุยกันที่นอกห้องจึงได้รู้ว่าทุกคนกลับมาแล้ว สักพักทั้งคู่ก็ประคองน้องเข้ามาในห้องใต้สมุทรที่ผมแอบอยู่ อาน้องบ่นป๊าเรื่องที่ปล่อยให้หนูด้วงเมาทั้งที่น้องเพิ่งจะอยู่มัธยมปลาย ทั้งคู่เถียงกันแบบไม่จริงจัง จบลงด้วยการที่ป๊าจับอาน้องจูบ เสียงอาน้องถึงได้เงียบไป จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้อง ผมได้ยินเสียงป๊าสั่งให้พี่ถนอมเฝ้าหนูด้วงให้ดี แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท...นั่นแปลว่าถึงเวลาที่ผมรอเสียที
 
ผมลงมาด้านล่างแล้วแอบเปิดประตูไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว จากนั้นผมก็เดินไปเอากะละมังใส่น้ำพร้อมผ้าผืนเล็กมาเพื่อจะเช็ดตัวให้หนูด้วงที่นอนหลับตาอยู่ กลิ่นเหล้าควรจะฟุ้งทั่วห้องแต่แปลกที่กลิ่นตัวของน้องกลับชัดเจนกว่า
 
“หนูม่ายชอบเหล้า ม่ายอาหร่อย” หนูด้วงพึมพำออกมา
 
“พี่ไม่อยากให้หนูกินเลยรู้ไหม” ผมพูดตอบกลับไปทั้งที่รู้ว่าน้องคงไม่มีสติจะรับรู้ว่าผมกลับมาอยู่ข้างๆ แล้ว
 
“หนูโตแล้ว” น้องพลิกตัวหนีผ้าที่ผมพยายามจะเช็ด
 
“จะโตยังไงก็เป็นแค่หนูด้วงสำหรับพี่เสมอ” ผมค่อยๆ เกี่ยวคางน้องกลับมาแล้วเช็ดใบหน้าให้อย่างเบามือ
 
“หนูโตแล้ว...” หนูด้วงยังพึมพำคำเดิม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกลับไปน้องก็พึมพำออกมาอีก “หนูโตแล้ว...ทำไมพี่ไม่กลับมาสักที”
 
ผมหยุดชะงักเมื่อน้ำตาของน้องไหลออกมาทั้งที่เจ้าตัวยังหลับตาอยู่ น้องพึมพำแต่ว่าหนูโตแล้วซ้ำมาซ้ำไปจนผมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามออกมาด้วย ความเหงาที่ผมเคยคิดว่ามันกัดกินหัวใจของผมยังไม่เท่าน้ำตาของน้อง มันเหมือนน้ำกรดที่กำลังกัดเซาะหัวใจของผมให้มลายหายไป ยิ่งน้องร้องไห้ หัวใจของผมก็เหมือนจะหยุดเต้น
 
“พี่ขอโทษนะหนูด้วง พี่ขอโทษ”
 
ผมไม่มีคำอธิบายใดๆ นอกจากคำว่าขอโทษ ที่ผ่านมาถึงเราสองคนจะคุยกันทุกวันแต่มันก็เป็นแค่ตัวอักษร น้องไม่เคยงอแงหรือแสดงถ้อยคำตัดพ้อให้ผมได้รับรู้เลยสักครั้ง จนบางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าน้องอาจจะค่อยๆ ลืมพี่คนนี้ไปแล้วก็ได้ แต่เมื่อได้เห็นน้ำตาของน้องในวันนี้ผมถึงได้กระจ่างชัดว่าน้องไม่เคยลืมผมและยังคงรอผมอยู่
 
ผมปลดเสื้อผ้าน้องออกจนหมด น้องคงหนาวจึงได้งอเข่าขึ้นมากอด ถ้าน้องไม่เมาจนหลับสนิทก็คงกำลังเขินอายผมอยู่แน่ๆ ที่โดนผมจับแก้ผ้าจนหมดแบบนี้ ถามว่าผมรู้สึกอะไรไหมผมก็ต้องรู้สึกเป็นธรรมดา ร่างเปลือยเปล่าตรงหน้านี้เป็นร่างกายของคนที่ผมรัก ผิวของน้องก็ขาว เนื้อก็นิ่มลื่นมือ ผมอยากจะตีตราจองเอาไว้ทุกพื้นที่แต่ก็รู้ดีว่ายังไม่มีสิทธิ์
 
ผมละสายตาจากน้องไม่ได้ ใจมันเต้นและร่างกายก็ตื่นตัวไปหมด จนกระทั่งน้องขดตัวมากกว่าเดิมผมจึงรีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้น้องรู้สึกสบายก่อนจะสวมชุดนอนให้ นึกถึงวันที่ได้อาบน้ำให้หนูด้วงเป็นครั้งแรก น้องชวนผมคุยเจื้อยแจ้วและแสดงออกว่ามีความสุขมากที่มีผมเข้ามาในชีวิต ป๊าบอกว่าน้องไม่มีเพื่อนในวัยใกล้เคียงกันและเล่าอดีตที่น่าสงสารของน้องให้ผมฟัง ป๊าอยากให้ผมเป็นพี่ที่ดี ช่วยดูแลปกป้องน้องในวันที่ป๊าไม่อยู่ คำขอของป๊าไม่ได้หนักหนาสำหรับผมในวันนั้น แต่มันเป็นเรื่องหนักใจสำหรับผมในวันนี้ ถ้าผมไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชายที่ดี ถ้าผมอยากเป็นคนรักที่ดี ป๊าจะยอมรับได้ไหม ผมจะได้รับโอกาสนั้นหรือเปล่า
 
ผมคว้าข้อมือบางของน้องขึ้นมา มันไม่เหลือเค้าของข้อมือที่เคยอวบอูมในวัยเยาว์เลย นิ้วของน้องเรียวยาว เล็บยาวเกินปลายนิ้วจนผมต้องเดินไปหยิบกรรไกรตัดเล็บมาจัดการตัดให้ ขนตาของน้องยังงอนหนาเหมือนเดิม เปลือกตาบวมนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ของเหล้าขาวหรือเพราะน้องร้องไห้ ผมนั่งมองเพลินอย่างไม่รู้เบื่อ เห็นดวงตาของน้องกระตุกสองสามรอบ อาจจะกำลังฝันร้าย ผมใช้ปลายนิ้วลูบเบาๆ จนมันสงบนิ่งเหมือนเดิม ผมลากปลายนิ้วมาเกลี่ยที่ปลายผมของน้อง ผมน้องยาวละต้นคอ น้องเคยเล่าว่าปกติน้าตังจะเป็นคนตัดผมให้น้องเสมอ ตัดหน้าม้าบ้าง ตัดรองทรงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะตัดสั้น จนผมบอกน้องไปว่าอยากให้น้องไว้ผมระต้นคอบ้างคงจะน่ารักดี จากนั้นมาน้องก็ไม่ได้ตัดผมสั้นแบบรองทรงอีกเลย
 
“หนูร้อน มัมๆ เปิดแอร์เย็นๆ ให้หน่อยฮะ” น้องขยับตัวพร้อมกับบ่นพึมพำแล้วถีบผ้าห่มออก
 
ผิวแก้มและผิวกายน้องยังคงแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ของเหล้า ผมปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้ต่ำลงนิดหน่อยก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้น้องอีกครั้ง จะโตแค่ไหนแต่การชอบถีบผ้าห่มออกก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่ดีแล้วที่น้องยังเหมือนเดิม ผมอยากให้น้องเป็นเหมือนเดิม เป็นหนูด้วงของพี่โอบอุ้ม
 
ติ๊ดๆๆ ติ๊ดๆๆ
 
เสียงตั้งเตือนจากมือถือของผมดังทำให้รู้ว่าอีก 5 นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว ผมเดินออกจากห้องไปไม่นานและกลับมาพร้อมกับเค้กก้อนเล็กๆ จุดเทียนที่ปักอยู่บนเค้กก่อนจะปิดไฟ จนเข็มนาฬิกาทั้งสองอันเดินมาถึงเลข 12 พร้อมกัน ผมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้น้องและอธิษฐานแทนอีกฝ่ายที่กำลังหลับสบายเพราะอุณหภูมิในห้องเริ่มเย็นกว่าเดิม
 
ฟู่!
 
เทียนดับไปจากแรงป่าของผม แสงสีฟ้าจากตู้อควาเรียมส่องสว่างภายในห้องจึงไม่ได้มืดสนิท เจ้าตัวยุ่งยังคงหลับสนิทอยู่ ผมวางเค้กลงและโน้มตัวไปจูบที่แก้มแดงๆ นั้นให้เบาที่สุด ไม่รู้ว่าน้องอยากอธิษฐานอะไร ผมจึงอธิษฐานไปว่าขอให้น้องสมหวังในสิ่งที่หวัง ผมหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมมาวางเอาไว้ข้างจานเค้ก จากนั้นก็เดินไปหยิบกีต้าร์ของผมเองที่ทิ้งเอาไว้ที่นี่เพราะอยากให้น้องหัดเล่น มันได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจนเหมือนของใหม่ เมื่อตั้งสายปรับคีย์ดีแล้วก็เริ่มบรรเลงมันเบาๆ แค่พอให้เสียงเพลงนี้ขับกล่อมน้องให้หลับสบาย


‘อยากรู้ ใจเธอมีฉันหรือเปล่า อยากรู้ ว่าเธอได้ยินบ้างไหม
ก็เสียงใจมันบอก ว่ารักเธอมากมาย ร่ำร้องเรียกภายในใจเท่านั้น
ก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องการให้เธอเสียใจ
แค่คนๆ เดียว ไม่มีค่าเท่าไร กลัวฉันไปทำลายหัวใจเธอ
ฉันมันคนไม่มีสิทธิ์ ถ้าคิดรักเธอจะผิดไหม
ขอช่วยทำให้ฉันมั่นใจ ว่าเธอคือคนนั้น...ที่ฉันรอ
ไม่รู้ ต้องทนอีกนานเท่าไร ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรทำเช่นไร ให้เธอรู้ความในใจ...ว่ารักเธอ
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรทำเช่นไร ให้เธอรู้ว่าในใจ...ฉันรักเธอ’

ผมเล่นและร้องวนไปจนจบเพลง เวลาของผมก็น้อยลงเรื่อยๆ ผมตัดสินใจเอากีต้าร์ไปเก็บและเดินมากลับมานั่งข้างน้อง ลูบใบหน้าอีกฝ่ายเพราะอยากจดจำเวลาที่มีค่านี้เอาไว้ให้มากที่สุด
 
“พี่โอบ หนูหนาวแล้ว”
 
ผมตกใจนึกว่าน้องตื่นมาเห็นผมแต่น้องแค่ละเมออออกมาเท่านั้น แค่นี้ก็ทำให้ผมดีใจที่น้องยังละเมอออกมาเป็นชื่อของผม น้องจะไม่หนาวได้ยังไงในเมื่อเจ้าตัวถีบผ้าห่มออกอีกรอบ พอห่มผ้าก็คงร้อนผิว แต่พอไม่ห่มก็คงจะหนาวจากลมเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาศ ผมตัดสินใจลงไปนอนและสวมกอดน้องเอาไว้จากทางด้านหลัง แต่แล้วน้องก็พลิกตัวมาซุกในอ้อมกอดของผมแทน
 
“อุ่นจังเลยฮะ” น้องยังคงพึมพำต่อ ผมอมยิ้ม น้องเหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ น่ารักน่าทะนุถนอม ผมแอบหอมที่หน้าผากของน้องเพราะอดใจไม่ได้
 
‘รัก’ ผมรักหนูด้วง รักมาก อยากจะได้กอดน้องทุกคืน อยากจะตื่นมาเจอทุกเช้า อยากจะปกป้องดูแล ผมไม่รู้ว่าผมจะยังมีสิทธิ์นั้นไหม แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะไม่ขออยู่ไกลน้องอีกแล้ว ผมจะกลับบ้าน บ้านของผมคือหนูด้วง
 
...ไม่ว่าน้องจะต้อนรับผมในฐานะอะไร...ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไร....
...ขอแค่ได้ดูแลน้องแบบนี้ ถ้าไม่มีสิทธิ์จะได้ความรักกลับมา ขอแค่ได้ดูแลก็ยังดี....
 
“พี่รักหนูนะ รักหนูมากกว่าชีวิตของพี่ พี่ขอโทษกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น มันอาจจะทำให้หนูต้องเสียใจ อาจจะทำให้หนูรู้สึกผิดหวัง แต่สักวันหนูจะรู้ว่าหัวใจของพี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว ขอเวลาพี่อีกสักนิด ไม่รู้ว่าหนูจะยังรอพี่ไหวไหม แต่ไม่ว่าหนูจะรอหรือไม่รอ พี่ก็จะรักหนูเพียงคนเดียว...ผู้วิเศษของพี่โอบ”
 
คืนนั้นผมไม่ได้หลับ ได้แต่นอนกอดหนูด้วงจนได้เวลาที่ไม่อยากให้มาถึง ผมได้แต่ถอนหายใจและก้มลงไปจูบที่แก้มน้องอีกครั้งก่อนจะต้องเดินทางกลับ แต่การกลับไปในครั้งนี้คือกลับไปเพื่อที่จะกลับมา...แล้วผมจะไม่ไปไหนอีก
 
“สุขสันต์วันเกิดนะครับหนูด้วง”



...
..
.


“พี่มองหน้าหนูนานแล้วนะฮะ พี่จะไม่จูบหนูจริงๆ เหรอ”
 
เสียงท้วงของหนูด้วงทำให้สติของผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เจ้าตัวดีรู้ว่าผมจะทำโทษแต่ก็ไม่มีสลด ยังคงยั่วยวนท้าทายอารมณ์ของผมอยู่แบบเดิม ผมพยายามจะหาเหตุผลให้กับตัวเองว่าถ้าผมไม่ยอมทำอะไรกลับไปบ้าง หนูด้วงอาจจะแกล้งเมาหรือพาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อให้ผมแสดงความรักต่อเขาอีก แต่มันก็เป็นเหตุผลที่โทษหนูด้วงจนเกินไป เอาเป็นว่าผมไม่ขอมีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ขอทำอย่างที่อยากทำ...คือการได้ลงโทษเจ้าตัวยุ่งให้รู้เสียบ้าง
 
“ทำให้ราชสีห์โกรธมันอันตรายนะ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูน้องก่อนจะงับเบาๆ จนน้องต้องหดคอหนี
 
“พี่จะโกรธความรักที่หนูมีต่อพี่ลงเหรอฮะ” อีกฝ่ายทำหน้าอ้อนจนใจของผมอ่อนยวบหนักกว่าเดิม แต่ก็ต้องรักษามาดเอาไว้ก่อน
 
“พี่ควรโกรธหรือไม่ควรโกรธดีนะ” ผมถาม
 
“หนูก็ต้องเลือกแบบไม่ควรโกรธอยู่แล้ว” หนูด้วงรีบตอบ
 
“อืม งั้นไม่โกรธก็ได้ ไม่โกรธก็ไม่ต้องลงโทษ”
 
“พี่จะลงโทษหนูแบบไหนฮะ” เจ้าหนูจำไมเริ่มมีคำถามอีกแล้ว
 
“แบบนี้” ผมก้มลงไปงับติ่งหูน้องอีกรอบก่อนจะเลียช้าๆ ลากปลายลิ้นมาจนถึงซอกคอหอมๆ จากนั้นก็ซุกไซ้ก่อนจะจูบย้ำๆ หลายที
 
“อืม...มมม”
 
“ชอบเหรอ” ผมถาม
 
“ถูกลงโทษนะฮะ จะไปชอบได้ไง แต่ว่าผิดก็ต้องรับผิด พี่ต้องลงโทษหนูอีกฮะ” หนูด้วงเจื้อยแจ้วพร้อมกับหลับตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นรับปลายจมูกของผมอีก ผมอยากจะหัวเราะความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวแสบ
 
“แล้วก็แบบนี้” ผมเลิกปลายเสื้อของหนูด้วงขึ้น ใช้ปลายนิ้ววนรอบเจ้าก้อนเนื้อนุ่มๆ สีชมพูหวานจนมันแข็งชัน เห็นฝ่ายแอ่นอกขึ้นและกัดริมฝีปากก็รู้ว่าอารมณ์คงใกล้เตลิดแล้ว
 
“เป็น..การลง..โทษที่...ทรมานสุดๆ เด็ดๆ” ขนาดฝ่ายนั้นขนลุกไปทั้งตัวก็ยังพูดให้ผมขำ ผมอยากจะบอกอาน้องเหลือเกินว่าลูกศิษย์ของอาน้องร้ายกาจมากๆ คนที่ทรมานสุดๆ เป็นผมต่างหาก
 
“ตกลงจะให้พี่โกรธหรือไม่ให้พี่โกรธครับ” ผมดึงเสื้อน้องลงแล้วทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมบ้าง
 
“โกรธคืนหนึ่งก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยหาย” เจ้าตัวทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบ
 
“หึหึ พี่ว่าพี่ไม่โกรธแล้วดีกว่า”
 
“ก็ได้ก็ได้ พี่จะไม่โกรธหนูแล้วก็ได้ งั้นพาหนูไปอาบน้ำนะ ร้อนจัง ร้อนๆๆๆ”
 
“หนูด้วงไม่ได้เมานะครับ หนูก็ไปอาบเองสิ”
 
“ไม่เอา แขนหนูสั้น ถูหลังไม่ถึง” หนูด้วงโอบกอดรอบคอผมแน่นไม่ยอมปล่อย ไหนว่าแขนสั้น
 
“เรานี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ พี่จะพาไปอาบน้ำก็ได้ แต่ต้องรับปากพี่ก่อน”
 
“ได้เลยฮะ”
 
“อย่าพาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก พี่ไม่ชอบ”
 
“ได้ฮะ หนูจะไม่ทำสิ่งที่พี่ไม่ชอบ”
 
“กอดสิงโตได้ แต่อย่าบ่อย”
 
“โอเคฮะ”
 
“ข้อสุดท้าย”
 
“ว่ามาเลยฮะ”
 
“ยั่วพี่ให้น้อยๆ หน่อย”
 
“ก็ได้ก็ได้ ไม่ยั่วก็ไม่ยั่ว” หนูด้วงพูดจบก็งับปากของผมแถมยังเม้มอยู่นาน
 
“ไหนว่าจะไม่ยั่วไงครับ”
 
“ก็ไม่ได้ยั่ว หนูแค่อ่อย” หนูด้วงพูดจบก็หัวเราะชอบใจ ผมเห็นรอยยิ้มสดใสของคนที่ผมรักหมดหัวใจก็อดจะยิ้มตามออกมาไม่ได้
 
“พี่รักหนูนะ”
 
“หนูก็รักพี่”
 
“เรื่องน้องแฝด ถ้าหนูด้วงอยากรู้...”
 
“ถ้ามันยังไม่ถึงเวลาพี่ยังไม่ต้องบอกหนูก็ได้ฮะ ไม่ว่าการมีน้องแฝดจะเกิดจากอะไรมันไม่สำคัญแล้ว หนูรักพี่ แล้วหนูก็รักน้องแฝด มีพี่อยู่ด้วยกันแบบนี้หนูมีความสุข แต่ตอนนี้ความสุขมันเพิ่มขึ้นเพราะมีน้องแฝด ต้องขอบคุณพี่มากกว่าที่ทำให้หนูมีความสุขมากกว่าเดิม”
 
“หนูน่ารักแบบนี้ไงพี่ถึงรักจะตายอยู่แล้ว” ผมหอมแก้มของหนูด้วงหลายทีจนอีกฝ่ายหัวเราะร่วน
 
“อาบน้ำเสร็จมาเล่นพ่อแม่ลูกกันนะ แบบตอนเด็กๆ” หนูด้วงเอ่ยชวน
 
“คงเล่นไม่ได้ น้องแฝดหลับไปแล้ว น้องด้าวก็ไม่อยู่ เหลือแต่พ่อกับแม่” ผมยีผมหนูด้วงที่ชวนเล่นเป็นเด็ก
 
“เล่นได้ ลูกไม่มี พ่อกับแม่ก็ต้องทำลูกไงฮะ”
 
“หึหึ...แล้วถ้าไม่มีลูกสักทีจะทำยังไง”
 
“ก็ทำเรื่อยๆ จนกว่าจะมีไงฮะ หลวงพ่อบอกว่า…วายเมเถว ปุริโส ยาว อุตฺถสฺส นิปฺปทา”
 
“แปลว่าอะไร”
 
“เกิดเป็นคนควรพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จฮะ ไปฮะ ไปอาบน้ำแล้วมาทำลูกกัน”
 
“หึหึ...ฮ่าๆๆ” ผมกลั้นขำไม่ได้อีกต่อไป เจ้าตัวยุ่งเห็นผมหัวเราะก็เอียงคอแล้วหัวเราะตาม น่ารักครับ เป็นภาพที่น่ารักมากที่สุด ผมหัวเราะได้บ่อยและมากขึ้นตั้งแต่ได้กลับบ้าน บ้านที่มีหนูด้วงรออยู่ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว น้องแฝดก็หัวเราะและดูมีความสุขมากเช่นกันตั้งแต่หนูด้วงก้าวเข้ามาในชีวิตพวกเรา
 
ชีวิตวัยเยาว์ของผมและหนูด้วงมันเหมือนกับนิทานเศร้าเล่มหนึ่ง ผมเชื่อว่าเราสองคนไม่มีใครลืมเรื่องในอดีต ถึงเราจะเด็กมากแต่ความเจ็บปวดนั้นมันยังชัดเจนในใจ เราสองคนถูกทำร้ายร่างกายจนระแวงไปหมดว่าจะมีคนมาทำให้เจ็บ ในวันนั้นเราสองคนต้องร้องไห้โดยที่ไม่รู้ว่าจะเหลียวหาใครที่จะช่วยพาเราหนีไปจากวังวนนี้
 
...อยู่กับความหวาดกลัว อยู่กับฝันร้ายทุกคืน...
 
นับว่าเป็นโชคดีที่เราทั้งสองคนมีคนมาช่วยฉุดเราออกจากความเจ็บปวดนั้น เราโชคดีที่ได้รับความรักและการเยียวยาจิตใจจากคนดีๆ เราโชคดีที่ได้เริ่มต้นใหม่ ได้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะเราสองคนเคยรู้ว่าความทุกข์จากการไม่เป็นที่ต้องการมันเป็นยังไงเราจึงเห็นคุณค่าของการได้รับโอกาส ชีวิตเราคล้ายกัน ผมกับหนูด้วงจึงเหมือนโลกทั้งใบของกันและกัน เราสองคนต่างอยากปกป้องดูแลหัวใจให้กันและกัน นิทานเศร้าเล่มนั้นมันจบไปแล้ว ถึงเวลาที่ผมและหนูด้วงจะสร้างเรื่องราวใหม่ให้กับตัวเอง
 
เพราะมือของป๊าที่ยื่นมาในวันนั้นทำให้ผมมีวันนี้ ผมบอกกับตัวเองว่าผมยินดีทดแทนบุญคุณของป๊า ชีวิตของผม...ผมให้ป๊าได้ ไม่ว่าอะไรก็ตามถ้าเพื่อป๊าและทุกคนในครอบครัวภูมิเทพแล้วผมยินดีทำ สำหรับผมแล้ว..หนูด้วงคือหัวใจและชีวิตและป๊าพญาก็คือคนที่ทำให้ผมได้มีชีวิตและหัวใจ เพราะเหตุนี้ผมถึงอยากให้น้องแฝดได้รับโอกาสอย่างที่ผมเคยได้รับ สองมือของผมจะปกป้องหนูด้วงและเลี้ยงดูน้องแฝดให้ดีที่สุด ผมจะทำให้พวกเขามีความสุขเท่าที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำได้
 
“หนูอยากให้พี่หัวเราะเยอะๆ หนูรักเสียงหัวเราะของพี่” หนูด้วงบอกกับผมในขณะที่เราอาบน้ำด้วยกัน
 
“ถ้าอยากให้พี่หัวเราะเยอะๆ หนูด้วงต้องอยู่กับพี่ตลอดชีวิตนะ”
 
“ก็ได้ก็ได้ฮะ ตลอดชีวิต ตลอดไป”
 

โปรดติดตามตอนต่อไป

มาหย่อนให้หายคิดถึง เดี๋ยวจะตามมาแก้คำผิดที่รอดสายตานะคะ
มันเพ่งจนมึนไปหมดแล้วววว
...รัก...
 
 
[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 31-07-2018 14:19:12
หนูด้วงงงงง 55555   :fox2: :a1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 31-07-2018 15:18:24
 :-[ หนู่ด้วงไม่ยั่ว....แค่อ่อย น่าเอ็นดูและจริงๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 31-07-2018 15:58:37
 :pighaun: :teach:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 31-07-2018 18:10:19
หนูด้วงไม่ต้องอ่อย พี่โอบไม่ทิ้งไปไหนแน่

หนูด้วงไม่อยากรู้ แต่คนอ่านอยากรู้ว่าน้องแฝดเกิดมายังไง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 31-07-2018 19:15:36
หนูด้วงไม่ได้ยั่ว หนูแค่อ่อยยยย
น้องรู้กกกกกกกกก
อยากเห็นคนพี่ตบะแตกเลยนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 31-07-2018 19:43:28
ตอนนี้สงสัยว่าน้องแฝดเป็นลูกของลุงพญาหรือเปล่า พี่โอบย้ำบ่อยเลยว่าทำเพื่อป๊าได้ทุกอย่าง เอ๊ะๆๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-07-2018 21:04:50
 :z1:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 31-07-2018 21:28:41
ก็ได้ก็ได้หนูไม่ยั่วก็ได้หนูแค่อ่อย
หนูด้วงลู้กกกก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-07-2018 21:46:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 31-07-2018 23:06:57
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 31-07-2018 23:42:43
หนูด้วงสายอ่อย :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 01-08-2018 00:19:17
หนูด้วงจอมอ่อย   :mew3:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-08-2018 07:22:30
หนูด้วงลูกกกกกกก ไม่ยั่วก้ออ่อยงี้หรอ
พี่โอบคือต้องพระอิฐพระปูนเบอร์แรง 555555555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-08-2018 08:17:18
อาน้องต้องภูมิใจในตัวลูกศิษย์​อย่างหนูด้วงสุดๆ แน่ 555 แต่ยุงพญาคงแทบกระอักเลือด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-08-2018 15:52:16
หนูด้วงสมกับเป็นลูกศิษย์อาน้อง​ แซ่บเวอร์
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-08-2018 23:34:23
55555 ร้ายนักนะหนูด้วง คนตัวเล็กเจ้าเล่ห์เหลือเกิน
จะเป็นหนูได้ยังไง ในเมื่อรักราชสีห์ขนาดนี้

โอบทำไมถึงคิดว่าป๊าจะไม่รู้ ส่งคนตามติดหนูด้วงขนาดนี้
ชอบความรู้ทันของโอบมากค่ะ และชอบความทะเล้นของหนูมาก

หนูไม่ยั่วเนาะ แค่อ่อย แต่มันต่างกันยังไงหรอ สงสัยเลเวลตำ่กว่า

อยากรู้ว่าที่นกฮูกสะกิดใจเรื่องแฝดน่ะ คืออะไร
รอคู่ป้ายนกฮูกด้วยค่ะ อยากรู้ว่าคนเหงาจะมาลงเอยไหม
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 04-08-2018 02:22:18
 :-[ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงพิเศษ..คนไม่มีสิทธิ์ (โอบอุ้ม) 31/07/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 04-08-2018 10:21:04
อ่านแล้วขำกับท่าแกล้งเมา
พี่โอบแม่นมากจริง ๆ กับทุกก้าวของหนูด้วงจอมเจ้าเล่ห์

แล้วยังอ่อยซะกระจ่างแจ้งขนาดนั้น
ยุงรู้เข้า ... โอ๊ยยยยย ไม่อยากคิดถึงหัวร้อน ๆ ของยุง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 04-08-2018 16:53:46
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง
ศิลปิน แสตมป์ ft. ปาล์มมี่


“อะไรนะหนูด้วง!” ต้นเหตุที่ทำให้นกฮูกต้องส่งเสียงตกใจออกมาก็เพราะเพิ่งรู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อวานนี้จากหนูด้วงนั่นเอง เมื่อคืนวานหนูด้วงแค่ส่งข้อความมาบอกว่าจะค้างกับพี่โอบแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับนกฮูกเลย จนกระทั่งเช้านี้เพื่อนตัวดีถึงได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง รวมไปถึงเรื่องที่เจ้าตัวพยายามจะพิชิตใจพี่โอบด้วย

“ฮ่าๆๆๆ” สิงโตเป็นคนแรกที่หัวเราะออกมาหลังจากที่เพื่อนคนอื่นกำลังอึ้งเรื่องเล่าติดเรทจากผู้วิเศษของกลุ่ม

“ขำอะไรสิงโต” น้องเกลถามด้วยความสงสัยทั้งที่หน้าตัวเองยังแดงเพราะเขินที่หนูด้วงไปยั่วพี่โอบแบบนั้น

“ขำเด็กแก่แดด” สิงโตตอบพลางเอามือไปยีผมหนูด้วง

“เจ๋งสุด” เม่นได้ฟังก็นึกทึ่งที่หนูด้วงพยายามจะทำให้พี่โอบตบะแตก

“ชมเราเหรอ” หนูด้วงยิ้มกริ่ม

“ไม่อะ เราชมพี่โอบ อดทนได้ยังไง เป็นเราคงจับหนูด้วงกินไปแล้ว”

“เม่น!!!!” ทุกคนพร้อมใจกันส่งเสียงเข้มๆ ไปให้เม่น

“นกฮูกอย่าทำหน้าดุสิ เราผิดไปแล้ว เราขอโทษนะ” หนูด้วงหันไปเห็นนกฮูกยืนกอดอกหน้าเข้มก็ยิ้มแห้งๆ

“เขาแฟนกันนะนกฮูก” เม่นนึกว่านกฮูกจะดุเรื่องหนูด้วงไปยั่วพี่โอบ

“ถึงจะดูแก่แดดแต่มันก็ธรรมดาของคนรักกัน” สิงโตเห็นด้วยกับเม่น

“อยากจะเอาก้านมะยมมาตีก้นให้หลาบจำ แต่จะว่าไปหนูด้วงก็โตแล้ว ก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง” น้องเกลครุ่นคิดก่อนจะสรุปว่าเห็นด้วยกับน้องเม่นและสิงโต

“ไม่ใช่เรื่องนั้น เราหมายถึงเรื่องไอ้โอ ทำไมถึงใจกล้าไปกับมันสองต่อสอง แล้วทำไมไม่โทรมาบอกเพื่อนว่ามันคิดมอมเหล้า”

“เออใช่ ทำไมไม่โทรบอกเพื่อน จำไม่ได้รึไงไอ้โอมันทำอะไรเอาไว้” น้องเกลเสียงเขียวใส่หนูด้วงทันที

“ถ้าพลาดท่าขึ้นมาจะทำยังไง” สิงโตถามเสียงเข้ม

“หนูด้วงผิดมากที่ชะล่าใจ” น้องเม่นหน้าขรึมลงทันทีที่พูดเรื่องส้มโอ

“อ้าว ไหงโกรธเรากันหมด ขอโทษฮะทุกคนทุกคน เราจะไม่ทำอีกแล้ว ยกโทษให้เรานะ นะๆๆๆ” หนูด้วงแทบจะปรับอารมณ์ไม่ทัน เมื่อกี้ยังเข้าข้างกันอยู่เลย ตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนข้างมาทำหน้าดุใส่หนูด้วงกันหมด สุดท้ายเลยต้องใช้โหมดอ้อนให้เพื่อนหายโกรธ

“ต่อไปนี้ไปไหนต้องส่งข้อความมาบอกนะ ถึงหนูด้วงจะโตแล้วแต่เราทุกคนก็ห่วงอยู่ดี” น้องเกลเห็นดวงตาออดอ้อนของหนูด้วงก็อดใจอ่อนไม่ได้

“เราจะไม่ฟ้องยุงพญาก็ได้ ยกเว้นให้ครั้งหนึ่ง” เม่นเองก็อดใจอ่อนไม่ได้เหมือนกัน

“แล้วสิงโตกับนกฮูกล่ะ” หนูด้วงถามอีกสองคนที่ยังยืนกอดอกหน้าเข้มอยู่

“เอาไงดีสิงโต” นกฮูกไม่ได้โกรธหนูด้วงจริงจังหรอก แต่ก็อยากให้หนูด้วงรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง ขนาดตอนเด็กๆ ส้มโอยังร้ายกาจทำหนูด้วงเสียน้ำตามาแล้ว โตขึ้นคิดว่ามันต้องร้ายกว่าเดิมแน่ๆ

“เย็นนี้หนูด้วงต้องไปเล่นบอลกับเรา ต้องพาไปออกกำลังกายจะได้ไม่มีเวลาไปซนที่ไหน ดีไหมทุกคน” สิงโตถาม

“ดี!!” ทุกคนตอบรับ

“มันเหนื่อยนะ!!” หนูด้วงทำตาโตเมื่อถูกบังคับให้ไปวิ่งแย่งลูกบอล เป็นกีฬาที่ไม่ชอบเอาเสียเลย

“จะเล่นไม่เล่น” เพื่อนทุกคนถามขึ้นพร้อมกัน

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเสียงอ่อย กำลังอยู่ในโหมดสำนึกผิด แต่พอเพื่อนเดินเข้ามารุมกอดถึงได้ยิ้มออก คิดในใจว่าลงไปวิ่งๆ ในสนามนิดหน่อยค่อยชิ่งไปหาพี่โอบก็ได้

“แล้วก็ไม่ต้องคิดแวบไปไหนเลยนะ พี่โอบแอบบอกให้เราให้ดูหนูด้วงให้ดี” นกฮูกบอกจบก็ใช้สองนิ้วชี้มาที่ตาของตัวเองก่อนจะชี้ไปที่ตาของหนูด้วง เป็นสัญลักษณ์ว่าจะไม่มีวันให้หนูด้วงคลาดสายตาได้เลย

“วัยรุ่นเซ็งเลย” หนูด้วงเห็นเพื่อนรู้ทันจึงทำท่าประจำตัว นั้นก็คือท่าคอตกไหล่ลู่จนเพื่อนทุกคนแอบขำ

“วันนี้พวกพี่ๆ กล่องดนตรีเขาจะมาเล่นบอลด้วย นัดกระชับมิตร ไม่ต้องกลัวว่าไม่ได้เจอพี่โอบหรอกนะ รับรองว่ามีถอดเสื้อโชว์กล้ามท้อง” สิงโตรู้ใจว่าหนูด้วงคิดอะไรอยู่เลยบอกให้เพื่อนได้ดีใจ

“จริงเหรอ เย้ งั้นเราจะดูให้เต็มตาเลย เอ้ย!! เราจะเล่นให้เต็มที่เลย” หนูด้วงได้ยินก็เบิกบานขึ้นมาทันที

“อย่าให้หนูด้วงเป็นผู้รักษาประตูนะ” เม่นแย้งขึ้นมา

“ทำไมล่ะน้องเม่น” หนูด้วงเลิกคิ้ว กำลังจะขอเล่นตำแหน่งนี้อยู่พอดีเลยจะได้ไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อย

“ก็ถ้าเจอพี่โอบบุกมาท่าทางจะยอมเสียประตูง่ายๆ ฮ่าๆๆ”

“เม่น!!” เมื่อโดนเพื่อนหันมาค้อนใส่โดยพร้อมเพรียงกันอีกรอบเม่นถึงได้เอามืออุดปากตัวเอง

“แยกย้ายกันไปเรียนดีกว่า แล้วเจอกันที่สนามบอลตอนเย็นเลยแล้วกัน” น้องเกลเห็นว่าได้เวลาเข้าคลาสแล้ว อีกอย่างช่วงพักกลางวันก็ไม่ตรงกันคงไม่ได้เจอตอนทานข้าวเลยนัดเจอช่วงเย็นแทนเลย ซึ่งทุกคนตอบตกลงแล้วก็แยกย้ายกันไปที่คณะของตัวเอง

...

คลาสเช้าวันนี้อาจารย์พิชิตไม่ได้เข้าคลาสแต่ให้อาจารย์คนใหม่มาสอนแทน อาจารย์ท่านนี้ยังดูหนุ่มและก็หน้าตาดีจนลูกศิษย์สาวๆ แอบชื่นชมกันยกใหญ่ วันนี้อาจารย์ไม่ได้เข้ามาเพียงคนเดียวแต่พาชายหนุ่มคนหนึ่งมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษด้วย เขาจะมาสาธิตให้นักศึกษาในคลาสได้เรียนรู้เรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเครื่องดนตรี หนูด้วงรู้สึกคุ้นหน้าแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน หน้าตาพี่เขายังดูเด็กอยู่เลย แต่อาจารย์บอกว่าพี่เขาอายุมากกว่าพวกเราและเล่นไวโอลินได้ไพเราะมาก

“หน้าตาน่ารักดี ตัวเล็กนิดเดียวเองเนอะ” แก้วชวนหนูด้วงคุยถึงแขกรับเชิญพิเศษ

“เหมือนเคยเจอที่ไหนแต่นึกไม่ออก” หนูด้วงยังคงพยายามนึกอยู่ ทีแรกนึกว่าพี่โอบจะมาเป็นแขกรับเชิญอีกเหมือนคราวที่แล้วแต่กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคนนี้แทน

“สวัสดีครับ พี่ชื่อตะโก้นะ อันที่จริงพี่เริ่มเล่นไวโอลินได้ห้าปีเท่านั้นเอง พี่ชายฝาแฝดของพี่เขาเล่นเก่งกว่าพี่มาก เขาเป็นครูสอนให้พี่เล่นอีกที ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ”

“พี่มีแฟนรึยังครับ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยนะนายชาตรี” อาจารย์ส่งเสียงเตือนแบบไม่จริงจังเพราะรู้ว่าเป็นการหยอกเย้าให้บรรยากาศมันครื้นเครง

“มีแล้วครับ” ตะโก้ตอบพลางยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าจนหนูด้วงสัมผัสได้

“เอาล่ะ นักศึกษาทุกคนตั้งใจฟังให้ดี ลองดูว่าเราได้ฟังแค่เสียงไวโอลินแบบไม่มีเนื้อร้องแล้วเราเข้าถึงความรู้สึกของผู้ถ่ายทอดได้แค่ไหน เสียงดนตรีให้อะไรกับเรา แล้วเราได้อะไรมาจากเสียงดนตรีบ้าง เริ่มได้เลยครับ” อาจารย์กล่าวกับนักศึกษาก่อนจะหันไปพูดกับแขกรับเชิญ

ตะโก้หยิบไวโอลินขึ้นมาเตรียมพร้อม อาจารย์เดินไปหยิบกีต้าร์โปร่งมาเพื่อช่วยเล่นคลอเบาๆ นักศึกษาทุกคนตั้งใจฟังเพราะรู้ว่าอาจารย์คงให้การบ้านเป็นการเขียนความรู้สึกหลังจากที่ได้ฟังเหมือนของที่อาจารย์พิชิตให้ไว้คราวที่แล้ว บางคนก็นั่งหลับตาเพื่อซึมซับกับเสียงดนตรี

ส่วนหนูด้วงเอาแต่นั่งจ้องหน้าของชายหนุ่มรูปร่างผอมบางที่กำลังเริ่มสีไวโอลิน ตัวเขาผอมบางมาก ดวงตาก็เศร้า แต่เพียงแค่โน้ตท่อนแรกเริ่มขึ้นก็สัมผัสได้ถึงพลังของความคิดถึง ความเศร้า ความสุข เส้นสายที่ถูกเสียดสีจนออกมาเป็นเสียงเพลงบรรเลงมันให้ความรู้สึกได้มากมายจนยากที่จะบรรยายได้หมด ตอนนี้ทุกคนภายในห้องเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หนูด้วงไม่รู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไร แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือน้ำตาของตัวเองที่มันไหลออกมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ไม่รู้จักเพลงนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเนื้อเพลงที่แท้จริงสื่อสารถึงอะไร แต่หนูด้วงรู้สึกได้ว่าคนที่กำลังเล่นไวโอลินอยู่กำลังมีความสุขบนความเจ็บปวด มันปะปนกันไปหมด โชคดีที่หยิบมือถือมาถ่ายคลิปเอาไว้ทัน อยากจะเอาไปให้พี่โอบได้ฟังเพื่อถามถึงชื่อเพลง

เสียงเพลงจบลงแล้วแต่ภายในห้องยังเงียบเหมือนเดิม จนได้ยินเสียงขอบคุณของแขกรับเชิญทุกคนถึงได้หันมามองหน้ากัน ไม่ใช่แค่หนูด้วงเท่านั้นที่ร้องไห้ แก้วเองก็กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาอยู่ เพื่อนอีกหลายคนก็ไม่ต่างกัน

“ทุกคนคงได้เห็นแล้วว่าดนตรีก็คือการสื่อสารในรูปแบบหนึ่ง บางทีต่อให้มีเสียงร้องที่ไพเราะก้องกังวานแต่มันจะไร้ประโยชน์ถ้าหากเสียงดนตรีมันเข้าไปไม่ถึงหัวใจคนฟัง ผู้ร้องเองก็ต้องเข้าใจในตัวโน้ต เข้าใจถึงทุกเส้นเสียงและหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียว การบ้านในวันนี้คือให้นักศึกษาเลือกเพลงที่ต้องการจะร้องมาหนึ่งเพลง แล้วไปเลือกเครื่องดนตรีเพียงหนึ่งชิ้นมาประกอบ จะเล่นเองหรือให้ใครเล่นให้ก็ได้ แต่ขอให้สื่อสารออกมาให้ได้ดีที่สุด ขอบคุณตะโก้มากนะครับที่มาช่วยถ่ายทอดให้ทุกคนได้ฟัง”

“ยินดีครับพี่เกลือ เอ้ย...อาจารย์” ตะโก้เผลอตัวเรียกชื่อเล่นของพี่ชายที่รู้จักกัน อันที่จริงพี่เกลือสนิทกับพี่ชายฝาแฝดของตะโก้ รู้มาว่าเขาออกจากวงการเพลงแล้วแต่ไม่คิดว่าจะมาเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ตะโก้ได้เจอโดยบังเอิญเขาเลยออกปากเชิญให้ตะโก้มาช่วยเล่นไวโอลินให้นักศึกษาได้ฟัง

“พี่ตะโก้ฮะ” หนูด้วงตะโกนเรียกชื่อของตะโก้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกไปจากห้อง

“ครับ” ตะโก้หันมามองหนูด้วงพร้อมกับเพื่อนๆ ทุกคนในห้องที่หันมาสนใจว่าหนูด้วงเรียกแขกของอาจารย์เอาไว้ทำไม

“ช่วยเล่นไวโอลินให้หนูได้ไหมฮะ” หนูด้วงก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้ารบกวนคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน มันไม่ใช่นิสัยของหนูด้วง แต่คิดว่าหากพลาดโอกาสในการร้องขอครั้งนี้อาจจะไม่ได้มันอีก หนูด้วงได้บทเรียนมาว่าถ้าต้องการอะไรควรจะบอกออกไป การรอคอยโอกาสให้กลับมาหามันอาจจะไม่มีเป็นครั้งที่สอง

“ได้ครับ” ตะโก้ยิ้มให้และตอบรับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ยืนชูมือชูไม้เรียกตัวเองเอาไว้ ปกติตะโก้ไม่ใช่คนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นนัก ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ตอบรับคำขอจากน้องคนนี้ง่ายๆ

“ขอบคุณฮะ” หนูด้วงยิ้มกว้างเมื่อคำขอเป็นผล

“มีอะไรต้องการอีกไหมครับคุณพยัคฆ์” อาจารย์ถามพลางยิ้ม

“ไม่มีแล้วครับอาจารย์เกลือ” หนูด้วงถือวิสาสะเรียกชื่อเล่นอาจารย์บ้างก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์แล้วนั่งลง

“สุดยอดเลยหนูด้วง เป็นเราคงไม่กล้าขอ” แก้วหันมาชูนิ้วให้หนูด้วง

“มันคือความกลัวในความกล้า” หนูด้วงกระซิบบอกเพื่อนคนเดียวในชั้นเรียนที่ยอมคุยกับตัวเองดีๆ คนอื่นถึงจะไม่ได้มาทำตัวร้ายใส่แต่ก็ไม่ค่อยมาคุย บางคนก็นินทาให้ได้ยิน แต่หนูด้วงก็ทำใจเอาไว้แล้วว่ามีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดา

“คืออะไร”

“ก็เลียนแบบวงดนตรีวงหนึ่งไง ที่ชอบตั้งชื่อเพลงย้อนแย้งกันเอง ไกลแค่ไหนถึงใกล้ ความเงียบที่ดังที่สุด แตกต่างเหมือนกัน แบบนี้ไง”

“แล้วของหนูด้วงมันหมายถึงอะไร ความกลัวในความกล้า”

“กลัวที่จะพลาดโอกาสเลยกล้าที่จะร้องขอ ไงล่ะ...คมกริบ” หนูด้วงชมตัวเองก่อนจะหัวเราะเสียงใส จนได้ยินเสียงกระแอมจากอาจารย์ถึงได้ยิ้มแหยๆ ทั้งคู่หยุดคุยกันแล้วตั้งใจฟังอาจารย์ต่อไป

...

อากาศในวันนี้ร้อนอบอ้าวมากกว่าทุกวัน หนูด้วงเดินเหงื่อตกมานั่งรวมอยู่กับเพื่อนในคณะหลังจากที่จบคลาสเรียนสุดท้ายแล้ว จากที่คิดว่าจะได้ไปที่สนามบอลแต่ปรากฏว่ารุ่นพี่กักตัวเอาไว้ให้ทำกิจกรรมของคณะต่อ ซึ่งกิจกรรมที่รุ่นพี่ทำนั้นคนที่โดนเรียกออกมาบ่อยสุดก็คือหนูด้วง ทั้งเต้นทั้งร้อง ทั้งโดนแกล้งสารพัด แต่เป็นการแกล้งออกแนวไปทางขำขันเสียมากกว่า ในใจของหนูด้วงไม่อยากโดนเรียกสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะไม่อยากร่วมกิจกรรมกับรุ่นพี่ แต่หนูด้วงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบหน้าของเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตอนเลิกคลาสอาจารย์ให้จับกลุ่มก็ไม่มีใครเรียกหนูด้วงไปเข้ากลุ่มด้วยเลย จนแก้วต้องเป็นคนพาหนูด้วงเข้าไปขอร้องเพื่อนที่ยังขาดคนถึงได้มีกลุ่มอย่างคนอื่นเขา

“ยิ่งทำท่าอยากกลับพวกพี่เขาก็ยิ่งไม่ปล่อย” แก้วกระซิบบอกหนูด้วงอย่างเบื่อๆ อากาศมันร้อนจนเหงื่อชุ่มกันไปทุกคน อยากจะกลับไปอาบน้ำพักผ่อนก็ไม่ได้กลับกันสักที

“ร้อนเหรอ เราพัดให้นะ” หนูด้วงหยิบแผ่นกระดาษมาพัดให้แก้ว

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องทำให้เรา” แก้วรีบห้าม

“ทำไมล่ะ”

“คือ...”

“ทำไมเหรอ บอกเราได้นะ มีอะไร”

“มีคนมาบอกเราว่าน้าของหนูด้วงเป็นมาเฟีย แล้วก็ส่งลูกน้องมาคอยตามดูแลหนูด้วงตลอดเลย มันจริงหรือเปล่า” แก้วถามเสียงเบาก่อนจะมองไปรอบๆ

“ไม่จริงหรอก พูดกันไปเรื่อย แก้วเชื่อเหรอ” หนูด้วงถอนหายใจ

“อย่าคิดมากเลย” แก้วเห็นหนูด้วงมีสีหน้าไม่สบายใจเลยตัดบทไปเพราะเห็นใจ

ข่าวลือเรื่องของหนูด้วงมีมาให้ได้ยินตั้งแต่ก้าวเข้ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่วันแรก หนูด้วงอาจจะไม่ได้ดูโดดเด่นที่สุดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของหนูด้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แล้วตัวของหนูด้วงเองก็เป็นที่รักใคร่ของรุ่นพี่และอาจารย์ทุกคน คนที่ดูโดดเด่นที่สุดในชั้นปีอย่างสิงโตก็มักจะอยู่ใกล้เพื่อนสนิทคนนี้ไม่ห่าง จึงอาจทำให้มีคนอิจฉาและหมั่นไส้หนูด้วงได้ไม่ยาก

“น้องๆ คงอยากจะกลับที่พักกันแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ ถ้าใครตอบคำถามของพี่ได้ พี่จะให้กลับ” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนบอก หนูด้วงกับแก้วจึงหยุดคุยแล้วตั้งใจฟังคำถามให้ดี

“ใครจะไปตอบได้” แก้วบ่นหลังจากได้ยินคำถาม

“นั่นสิ” หนูด้วงเองก็ตอบไม่ได้สักข้อเพราะเป็นคำถามอะไรเอ่ยแบบที่พวกตลกเขาเล่นกัน

หนูด้วงนั่งชะเง้อมองไปนอกหอประชุมบ่อยๆ จนกระทั่งนกฮูกส่งข้อความภาพมาให้ดูว่าทุกคนมารวมกันที่สนามบอลครบแล้ว ส่งรูปพี่โอบอุ้มกำลังวิ่งวอร์มอยู่ในสนาม แถมด้วยรูปน้องแฝดที่มานั่งเชียร์ด้วย หนูด้วงเห็นแล้วแทบจะถลาออกจากห้องประชุมไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำได้แค่คิด แล้วจู่ๆ ความคิดก็บรรเจิด หนูด้วงถอดรองเท้าของตัวเองเอาขึ้นมาวางไว้บนศีรษะ แก้วหันมาเห็นก็ตกใจ กำลังจะถามแต่เสียงของรุ่นพี่ดังแทรกขึ้นมาก่อน

“ทำอะไรหนูด้วง!!” สิ้นคำถามของรุ่นพี่หนูด้วงก็ยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นตอบแบบเสียงดังฟังชัด

“เอารองเท้ามาวางบนหัวฮะ หนูตอบคำถามของพี่ได้แล้ว หนูกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมฮะ”

เสียงหัวเราะดังขึ้นในหอประชุมเมื่อได้ยินคำตอบของหนูด้วง ทำนุที่ยืนอยู่ในกลุ่มรุ่นพี่ถึงกับปรบมือให้ในความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวแสบ ส่วนรุ่นพี่ที่เสียทีให้กับหนูด้วงถึงกับกุมขมับแล้วโบกมือไล่ให้กลับได้ หนูด้วงยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคนก่อนจะรีบหอบหิ้วของออกไปจากหอประชุมของคณะก่อนที่จะโดนกักตัวต่อ

ใช้เวลาเพียงไม่นานหนูด้วงก็วิ่งมาถึงสนามบอล ตอนนี้เกมการแข่งขันเริ่มไปได้ห้านาทีแล้ว หนูด้วงขึ้นมานั่งบนอัฒจันทร์ข้างนกฮูกกับน้องแฝด ถัดไปก็เป็นน้องเกลกับน้องมิกินั่งอยู่

“พี่หนูด้วงดูนาโมสิ นาโมของน้องหม่อนวิ่งเร็วมาก” น้องหม่อนรีบชวนหนูด้วงคุยทันทีที่เห็นหน้า

“เดี๋ยวพี่หนูด้วงจะลงไปเล่นเหมือนกัน น้องหม่อนกับน้องไม้จะเชียร์พี่หนูด้วงไหม”

“พี่หนูด้วงวิ่งไม่ทันนาโมหรอก” น้องไม้หันมาบอก

“โห พี่หนูด้วงเป็นแชมป์วิ่งสามขาเลยนะ”

“พี่หนูด้วงมีสามขาเลยเหรอ ไหนอีกขา น้องหม่อนไม่เคยเห็นเลย” เจอคำถามซื่อๆ ของน้องหม่อนหนูด้วงถึงไปต่อไม่ถูก นกฮูกนั่งขำที่เจ้าหนูอะไดอย่างหนูด้วงโดนเอาคืนบ้าง

“ทำไมพี่ผู้หญิงคนนั้นต้องคอยวิ่งเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดให้นาโมด้วย” น้องไม้ชี้ไปนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่คอยวิ่งเอาผ้าเอาน้ำไปให้โอบอุ้มทุกครั้งที่เกมหยุด

“นั่นสิ!” หนูด้วงกับน้องหม่อนพูดขึ้นพร้อมกัน แถมน้ำเสียงยังแสดงออกว่าหวงพี่โอบไม่ต่างกันเลย

“อย่างกับแฝดสาม” นกฮูกมองน้องแฝดกับหนูด้วงแล้วก็พึมพำออกมา

“ไปนกฮูก เราไปลงเล่นกัน” หนูด้วงชวนนกฮูก

“ไม่เอา ทำไมเราต้องไปด้วย หนูด้วงก็ไปคนเดียวสิ” นกฮูกรีบปฏิเสธ

“ไปเป็นเพื่อนกันนะๆๆ”

“ไม่เอา”

“เรายอมขัดห้องน้ำให้สามวันเลย”

“ไม่”

“ห้าวันเลย”

“ตกลง”

“เย้”

ในที่สุดหนูด้วงก็ลากนกฮูกให้ไปเปลี่ยนชุดแล้วมารอเปลี่ยนตัวอยู่ที่ข้างสนามจนได้ เสียงน้องหม่อนตะโกนเชียร์พี่หนูด้วงพร้อมกับส่ายเอวกลมๆ ไปมาเป็นที่น่าเอ็นดูให้คนที่ได้เห็น สักพักกรรมการก็ให้เปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ หนูด้วงกับนกฮูกอยู่ทีมเดียวกับสิงโตและเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ซึ่งโอบอุ้ม กาด แปะและป้ายอยู่ทีมตรงกันข้าม

“ไหวเหรอ” ป้ายเดิมมาประกบนกฮูกแล้วถาม

“เดี๋ยวก็รู้ครับ” นกฮูกตอบแต่ไม่ยอมมองหน้าป้าย

“พี่ไม่ต้องออมมือให้หนูนะ เพราะหนูเก่ง” หนูด้วงเดินไปประกบพี่โอบพร้อมกับคุยโว

“ครับผู้วิเศษ” โอบอุ้มยิ้มขำ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อนักศึกษาสาวคนเดิมก็วิ่งเอาขวดน้ำมาให้อีก

“น้ำค่ะพี่นโม”

“พี่กินจนจุกแล้วครับ พอก่อนดีกว่าครับน้องฟาง” โอบอุ้มตอบพลางยิ้มให้

“หนูกินเอง หนูหิว” หนูด้วงคว้าขวดน้ำมาดื่มจนหมดขวดแล้วส่งคืนให้หญิงสาว

“เดี๋ยวก็วิ่งไม่ไหวหรอก” โอบอุ้มยีผมของหนูด้วง

“กายไม่พร้อมแต่ใจพร้อมฮะ” หนูด้วงรีบดันหลังพี่โอบให้เข้าไปในสนามเพราะไม่อยากให้อยู่ใกล้ผู้หญิงที่ชื่อฟางคนนี้


มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 04-08-2018 16:57:07
ต่อจากด้านบนค่ะ


เกมแข่งขันในสนามเป็นไปอย่างสนุกสนาน หนูด้วงวิ่งเร็วจนทุกคนนึกทึ่ง แต่ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนก็ถูกโอบอุ้มแย่งลูกบอลไปได้อยู่ดี ส่วนนกฮูกแม้จะวิ่งแย่งบอลจากป้ายจนแก้มแดงไปหมดแต่ก็ไม่ท้อ แม้อากาศจะร้อนมากแต่ทุกคนก็ยังเล่นกันอย่างเต็มที่ จบครึ่งแรกแต่ก็ยังไม่มีฝั่งไหนทำแต้มได้จึงยังเสมอกันอยู่

“หนูด้วงวิ่งโคตรเก่ง” กาดเอ่ยชมระหว่างนั่งพักครึ่งกันอยู่

“หนูด้วงวิ่งเก่งตั้งแต่ประถมแล้ว เรื่องโกยขอให้บอก” สิงโตพูดพลางขำ

“แต่ก็ไม่ทันนาโม นาโมเก่งกว่า” น้องไม้เข้ามาบีบไหล่ให้พ่ออย่างเอาใจ

“นาโมแย่งลูกบอลพี่หนูด้วงอยู่นั่นแหละ เป็นผู้ชายต้องเสียสละนะนาโม” น้องหม่อนยื่นน้ำให้หนูด้วงพร้อมกับหันไปบ่นพ่อของตัวเอง

“ช่ายยยย แต่พี่ก็เป็นผู้ชายนะฮะน้องหม่อน” หนูด้วงลากเสียงก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็รู้สึกดีที่น้องหม่อนเข้าข้างตัวเอง แม้จะแปลกๆ กับประโยคของน้องหม่อนก็ตาม

“ก็หนูบอกพี่เองว่าไม่ให้ออมมือให้ไง หรือไม่จริง” โอบอุ้มย้อนถาม

“ไม่ต้องออมก็ได้ เดี๋ยวครึ่งหลังนะ หนูจะทำประตูเอง” หนูด้วงยังคงคุยโวทั้งที่เมื่อยขาแทบวิ่งไม่ไหวแล้ว

“พี่นโมคะ ผ้าเย็นค่ะ” ฟางเดินเข้ามายื่นผ้าเย็นให้คนที่เธอแอบชอบ ถึงจะอึ้งไปที่รู้ว่าเขามีลูกแล้ว แต่พอรู้จากคนอื่นๆ ว่าพี่นโมเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเธอก็รีบอาสาเข้ามาช่วยดูแลให้ทีมนักกีฬาให้ 

“ขอบคุณครับ” โอบอุ้มรับมาก่อนจะเหลือบมองไปที่หนูด้วง ซึ่งฝ่ายนั้นทำหน้ามุ่ยตั้งแต่เห็นฟางเดินเข้ามาแล้ว

“คุณหมอไหวไหมครับ” ป้ายถามนกฮูกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเลือดสูบฉีดจนหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศที่สุกเต็มที่

“คนอยู่ตั้งหลายคนแต่พี่ป้ายถามนกฮูกคนเดียวเหรอฮะ” หนูด้วงหันมาถามรุ่นพี่

“เอ้า เรามาพาลอะไรกับพี่” ป้ายนึกขำเพราะรู้ว่าหนูด้วงประชดที่ฟางเอาใจแต่พี่นโมคนเดียว

“ไม่งอแงครับ” โอบอุ้มบอกพร้อมแกะผ้าเย็นออกแล้วเอามาเช็ดหน้าให้หนูด้วง ซึ่งมันทำให้หน้าที่บึ้งตึงเมื่อครู่ของหนูด้วงเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่งได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

“ฟางเอาให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ฟางมองหนูด้วงด้วยความไม่พอใจก่อนจะลุกออกไป

“น้องไม้ไม่ชอบพี่คนนั้น”

“น้องหม่อนก็ด้วย”

“พี่ก็ด้วย” หนูด้วงพูดตามเด็กๆ ก่อนจะหันไปแท็กมือกับน้องแฝด

“ไม้กับหม่อนขึ้นไปนั่งอยู่กับพี่เกลนะครับ ห้ามไปไหนนะ หนูด้วง...เราไปวิ่งวอร์มกันดีกว่า” โอบอุ้มตัดสินใจลุกขึ้นแล้วฉุดมือของหนูด้วงให้ลุกขึ้นก่อนที่ฟางจะเดินกลับมา เขาไม่อยากให้หนูด้วงกับน้องแฝดงอแงไปมากกว่านี้

“นาโมสู้ๆ” น้องไม้ตะโกนเชียร์

“พี่หนูด้วงสู้ๆ” น้องหม่อนก็ตะโกนเชียร์หนูด้วงบ้างก่อนจะกลับขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์อย่างเดิม

“เป็นอะไรครับ” โอบอุ้มถามเมื่อเดินลงมาถึงสนามแล้ว

“ถ้าพี่ยิ้มให้เขาแบบนั้นอีกหนูจะลงโทษพี่ หนูไม่ชอบ หนูจะโกรธ หนูจะทำตาเขียว หนูจะทำปากยื่น หนูจะหึงขั้นร้ายแรงแล้วด้วย!!” หนูด้วงขู่ หวังให้พี่โอบรู้ว่าตัวเองกำลังจะโกรธมากๆ แล้ว

“หึหึ หึงทำไมครับ พี่รักหนูคนเดียว”

“แต่พี่ยิ้มให้เขา”

“พี่แค่ยิ้ม แต่กับหนูพี่จูบ เห็นไหม ปากของพี่เป็นของหนูนะ”

“ก็จริง” หนูด้วงคิดตามก่อนจะยิ้มออกมา

“ถ้าหนูทำประตูได้ พี่จะให้จูบเป็นรางวัล ดีไหม”

“ดีสุดๆ พี่โอบเตรียมปากเอาไว้ให้ดีเลยฮะ” หนูด้วงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก่อนจะทำท่าสับขาวิ่งอย่างเอาจริงเอาจังโชว์ทุกคน

แล้วเกมกระชับมิตรครึ่งหลังก็ดำเนินต่อไป แต่ในคราวนี้การเล่นกลับเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าครึ่งแรก ทีมน้องปีหนึ่งต่างก็ใช้กลเม็ดต่างๆ มาทำคะแนนให้ฝ่ายตัวเองทำประตูให้ได้ ทีมรุ่นพี่ก็ไม่แพ้กัน กติกาที่เคยมีก็กลายเป็นปล่อยให้เล่นตามใจสมกับที่เป็นเกมแห่งมิตรภาพ

“พี่ป้าย ปล่อยนะ” นกฮูกร้องโวยวายเมื่อป้ายเอามือมาล็อกคอเอาไว้ไม่ให้วิ่งแย่งบอลได้

“ไม่ปล่อย ไม่อยากปล่อยแล้ว” ป้ายกระซิบที่หู

“เขาให้แย่งลูกนะฮะ ไม่ใช่มาแย่งหัวใจกัน” หนูด้วงวิ่งมาแซวก่อนจะแย่งลูกบอลจากป้ายไป

“หนูด้วงส่งมา” สิงโตตะโกนบอก โอบอุ้มได้ยินก็วิ่งเข้ามาแย่งลูกจากขาของหนูด้วงไป

“ฮึ่ยยย โดนแย่งอีกแล้ว” หนูด้วงเจ็บใจที่โดนพี่โอบแย่งลูกบอลไปได้อีก

สิงโตยืนขำที่หนูด้วงลงไปทุบพื้นหญ้าอย่างเจ็บใจที่โดนแย่งบอลไปได้ เขาดูออกว่าพี่โอบตั้งใจแกล้งป่วนหนูด้วง พี่ป้ายก็เหมือนกัน ถึงเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่ป้ายกับนกฮูกแต่ก็พอจะรับรู้ได้ความพิเศษที่ทั้งคู่มีให้กัน ปกติสิงโตไม่เคยเห็นนกฮูกทำตัวเป็นเด็กๆ เพื่อนคนนี้ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ชอบความสมบูรณ์แบบ ถ้าโดนเล่นผิดกติกาแบบนี้นกฮูกคงไม่มีวันยอมง่ายๆ แต่นี่เขาเห็นพี่ป้ายเอามือยันหัวนกฮูกเอาไว้บ้าง เนียนมากอดเอวเอาไว้บ้าง ดึงเสื้อบ้าง แต่ก็ไม่เห็นว่าเพื่อนสนิทที่เคยชอบความถูกต้องจะต่อว่าอีกฝ่ายเลยสักนิด แถมยังโกงกลับเหมือนกัน เขายืนเท้าเอวมองเพื่อนรักทั้งสองคนโดนป่วนอย่างขำๆ จนสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งอยู่ด้านบนของอัฒจันทร์ แม้จะไกลแต่เขาจำได้ดี คนที่ทำให้เขาคิดถึงได้ตลอดวัน ใบหน้านั้นมองมาที่เขาและส่งยิ้มให้

“อ้าว สิงโตจะไปไหน” เม่นตะโกนเรียกเพื่อนก่อนจะยืนเกาหัวเมื่อตัวทำแต้มวิ่งออกไปนอกสนามโดยไม่บอกไม่กล่าว   

“ทำอะไรหนูด้วง” ส่วนนกฮูกก็ร้องถามเมื่อเห็นหนูด้วงถอดเสื้อออก

“มันต้องใช้ไม้เด็ด” หนูด้วงโยนเสื้อออกไปไว้ข้างสนาม

“เจ๋ง” เม่นถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อหนูด้วงวิ่งโชว์ผิวขาวๆ กลับเข้าไปในสนามบอล

เสียงเฮดังขึ้นเมื่อหนูด้วงวิ่งแย่งลูกบอลมาได้ในที่สุด นกฮูกตัดสินใจสวมกอดเอวของป้ายเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้แย่งบอลจากหนูด้วงได้ นักบอลทีมปีหนึ่งที่เหลือก็ช่วยวิ่งเข้าไปกันทีมรุ่นพี่เพื่อเปิดทางให้หนูด้วงเลี้ยงลูกได้อย่างสะดวก จนวิ่งมาถึงใกล้ประตูของอีกฝ่ายโอบอุ้มถึงได้เห็นผิวขาวๆ ของหนูด้วงในระยะใกล้ๆ สายตาก็มองไปยังจุดเล็กๆ สีชมพูสองจุดบนร่างของอีกฝ่าย แม้จะเคยเห็นจนชินแล้ว แต่ผิวที่ชุ่มเหงื่อและความร้อนส่งให้หน้า หู คอของหนูด้วงแดงระเรื่อไปหมด ติ่งไตเล็กๆ นั่นก็สีเข้มขึ้นกว่าเดิม หนูด้วงยักคิ้วให้กับแผนเด็ดของตัวเองก่อนจะยักไหล่น้อยๆ ใช้โอกาสช่วงที่พี่โอบมัวแต่ยืนมองตัวเองนิ่งเฉยหลบหลีกและเตะบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

ยังไม่ทันที่กองเชียร์จะได้ดีใจ จู่ๆ สายฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย กลุ่มกองเชียร์วิ่งหนีฝนกันจ้าละหวั่น ส่วนทีมบอลน้องปีหนึ่งกรูกันเข้ามาอุ้มหนูด้วงแล้วส่งเสียงเฮแข่งกับสายฝน กรรมการเป่านกหวีดพักเกมชั่วคราวเพราะฝนตกลงมาอย่างหนัก เมื่อทุกคนปล่อยหนูด้วงลงมายืนแล้วก็เริ่มวิ่งหนีฝน มือของหนูด้วงถูกดึงออกมาจากกลุ่ม คนที่ดึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่โอบอุ้ม ซึ่งฝ่ายนั้นถอดเสื้อของตัวเองมาสวมใส่ให้หนูด้วงแล้วแบกขึ้นบ่าก่อนจะพาออกจากสนามไป

“จะทำให้พี่ทนไม่ได้ไปถึงไหนกัน” โอบอุ้มถามหลังจากที่พาหนูด้วงมาหลบฝนในมุมหนึ่งใต้อัฒจันทร์แล้ว

“แล้วพี่จะทนทำไม ที่เราทนกันมายังไม่พอเหรอฮะ”

“หนูมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าเป็นพี่”

“คนที่หนูอยากให้เป็นเจ้าของหนูคือพี่คนเดียวมาตลอด”

“คืนนี้พี่จะไม่ทนแล้วนะครับ”

“ก็ได้ก็ได้ คราวนี้หนูจะไม่ขัดขวางการทำประตูของพี่แล้วฮะ เราจะอยู่ทีมเดียวกัน”

“แสบจริงๆ”

“รักหนูไหม”

“รักครับ”

“หนูก็รักพี่ รักสุดๆ”

‘กาลครั้งหนึ่ง การพบใครคนหนึ่งทำให้ฉันสุขใจ กาลครั้งหนึ่ง ทุกช่วงเวลาเราเคยมีกันใกล้ ๆ
แต่กาลครั้งหนึ่ง สุดท้ายไม่จบตรงชั่วนิรันดร์เสมอไป กาลครั้งหนึ่ง ชีวิตเลือกเส้นทางให้เรามีอันต้องไกล’


ส่วนนกฮูกถูกเพื่อนในทีมที่วิ่งหลบฝนชนจนล้ม แว่นตาหลุดกระเด็นไปที่พื้น ฝนที่ตกยิ่งทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย จนกระทั่งมีมือของใครบางคนมาสวมแว่นตาให้ มือเดียวกันนั้นจับมือของนกฮูกให้ลุกขึ้นแล้วพาวิ่งฝ่าสายฝนออกมา มือของคนที่เคยปล่อยให้นกฮูกต้องอยู่กับความไม่เข้าใจและก็ยังคงไม่เข้าใจเขามาจนถึงตอนนี้

“ทำยังไงดี เปียกหมดเลย” ป้ายอยากจะเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าของนกฮูกออกให้ แต่เพราะเสื้อผ้าของตัวเองไม่สะอาดก็กลัวจะทำให้อีกฝ่ายเปื้อนมากกว่าเดิมจึงพยายามมองหาผ้าสะอาดมาเช็ดให้ แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อนกฮูกถอดแว่นออกแล้วโผเข้าไปซบที่อกของเขา ใบหน้าของนกฮูกกำลังเช็ดอยู่กับเสื้อเปื้อนเหงื่อที่เขาคิดว่ามันไม่สะอาดอย่างไม่รังเกียจ

“ก็แค่เช็ด” เมื่อนกฮูกเช็ดน้ำฝนออกจนพอจะมองได้แล้วจึงสบตาอีกฝ่ายก่อนจะตอบ

“ทำไมไม่ใส่คอนแทคจะได้ไม่ต้องพะวงกับแว่นตา กี่ครั้งแล้วที่ทำแว่นหล่น แล้วร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจะลงมาเล่นฟุตบอลทำไม ถ้าหอบกำเริบจะทำยังไง แล้วดูดิ๊...ตัวก็เปียก ผมก็เปียก เดี๋ยวพี่ไปหาผ้าแห้งมาเช็ดให้ก่อน” ป้ายบ่นยาวแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่นกฮูกดึงมืออีกฝ่ายเอาไว้

“แค่คำว่าเป็นห่วง”

“.........”

“พูดแค่ว่าเป็นห่วงก็พอ”

“อืม พี่เป็นห่วง”

‘เรื่องราวของฉันเดินต่อไป จากตรงนั้น ไกลสุดไกล เหมือนจะไกลจนลืมว่าเคยเกิดสิ่งเหล่านี้
แต่ในวันที่ฝนร่วงจากฟ้า วันที่มองหาใครก็ไม่มี วินาทีนั้นจะมีบางอย่างที่สำคัญ เกิดในใจฉัน’


ขณะเดียวกันบนอัฒจันทร์ ตะโก้กำลังหลับตาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นรับน้ำฝนที่ตกลงมา ใครบางคนบนฟ้าอาจจะกำลังบอกอะไรบางอย่าง ตะโก้อยากตั้งใจฟังเผื่อจะได้ยิน แต่เม็ดฝนที่ตกลงมากระทบใบหน้าไม่ได้ทำให้ตะโก้รับรู้ได้เลยว่าคนบนนั้นอยากบอกอะไร คงมีแต่ความเงียบเหมือนเคย ความเงียบที่ยังคงลงโทษให้รู้สึกเดียวดาย จู่ๆ สายฝนที่ตกมากระทบใบหน้าก็หายไปเป็นเหตุให้ตะโก้ต้องลืมตาขึ้นมาดู เสื้อของใครบางคนถูกกางบังสายฝนให้ ตะโก้ไม่ได้ยินคนบนฟ้า ได้ยินแค่เสียงของคนตรงหน้า เจ้าของเสื้อที่ปกป้องตะโก้จากสายฝน

“ให้เราเป็นอีกคนในชีวิตของตะโก้ไม่ได้เหรอ”

“ใครที่เข้ามาในชีวิตเรามักจะเจอแต่เรื่องแย่ๆ มักจะไม่มีความสุข”

“เป็นไปไม่ได้หรอก”

“ทำไม”

“ก็ตั้งแต่เราเจอตะโก้ เรามีความสุข”

“.....”

“เขามองโก้อยู่บนฟ้า แต่ให้เรามองโก้อยู่บนพื้นดิน พื้นเดียวกัน มองเห็นกัน”

“เราคงรักใครไม่ได้อีก”

“ไม่เป็นไร โก้รักเขาไป เราจะรักโก้เอง”

‘เรื่องราวชีวิต เดินต่อไป จากตรงนั้น ไกลสุดไกล เหมือนจะไกลจนลืมว่าเคยเกิดสิ่งเหล่านั้น แต่ในคืนเหน็บหนาว เกินจะต้านทาน คืนที่ความเหงาเข้ามาฉับพลัน คืนนั้นจะมีความรู้สึกพิเศษและสำคัญ ปรากฏในใจฉัน’

เสียงสายฟ้าที่ฟาดลงมาให้ได้ยินอยู่ไกลๆ จากที่ไหนสักแห่ง มันเกิดขึ้นพร้อมกับจุมพิตของคนทั้งสามคู่ สายฝนที่เทลงมาอย่างหนักเป็นเหมือนม่านที่ช่วยกั้นให้ทั้งคนทั้งหกคนจมอยู่ในโลกส่วนตัว บางคนรับรู้ได้ถึงการสิ้นสุดของการรอคอย บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจกับความรู้สึกที่เกิด บางคนอาจจะยังสับสนในหนทางของชีวิต แต่ที่เข้าใจได้คือรู้สึกดีๆ มันก่อตัวขึ้นโดยที่ไม่อาจต้านทาน

บางครั้งความรักมันไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่รอเวลาที่เราจะค้นเจอ มันอาจจะเกิดขึ้นจากคนเพียงเดียวหรือไม่ใช่ก็ได้ เราเองที่ต้องรอและให้โอกาสกับเวลา แต่อย่างน้อยการรอคอยจะไม่สูญเปล่า ความรักทำให้รู้ว่าถ้ามันได้เกิดขึ้นแล้ว...ทุกนาทีนั้นก็แสนจะพิเศษ

‘ฉันจะอยู่ โดยที่รู้ว่าทุกนาทีนั้นแสนพิเศษ ฉันจะทำทุกๆ สิ่งให้เธอภูมิใจเมื่อได้เห็น เธออยู่ตรงนั้นสบายดีไหม ฉันอยู่ตรงนี้เป็นเหมือนเดิม คิดถึงเธอทุกวัน หากชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน กาลครั้งหนึ่ง...สักวันเราคงได้พบกัน’

...

ฝนยังคงตกอยู่แต่ก็เบาบางลงกว่าเดิม กลุ่มของหนูด้วงก็มานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ร้านกล่องดนตรี รวมถึงตะโก้ด้วย โอบอุ้มเอาเสื้อผ้ามาให้ทุกคนผลัดเปลี่ยนและให้พนักงานชงโกโก้ร้อนมาแจก คนที่ดูจะดีใจที่สุดเห็นจะเป็นน้องหม่อนเพราะพ่อยอมให้กินถึงสองแก้ว เสียงเจื้อยแจ้วของน้องแฝดที่ถกเถียงกันดังมาให้ได้ยินเรื่อยๆ สายตาของคนบางคู่ก็แอบลอบมองกันไปมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งหนูด้วงอ่านข้อความในโทรศัพท์แล้วถึงส่งเสียงตะโกนบอกทุกคน

“สุดสัปดาห์นี้ขอเชิญทุกคนไปที่เกาะใบไม้ครามนะฮะ วันเกิดคุณตา ยุงพญาจะปิดโรงแรมเลี้ยง ให้หนูพาเพื่อนๆ และพี่ๆ ทุกคนทุกคนไปด้วย”

“เจ๋ง ไปๆๆ ไปด้วยกันนะมิกิ” เม่นรีบหันมาชวนคนรัก

“ไม่รู้จะมีงานถ่ายแบบหรือเปล่า ขอดูก่อนนะ” มิกิยังไม่รับปาก ทำเอาเม่นหน้าหงอยไปเลย

“น้องหม่อนไปได้ไหม” น้องหม่อนรีบเดินเข้ามาหาโอบอุ้มเพราะกลัวตัวเองอดไป

“ไปได้ พี่จะพาไป” หนูด้วงรีบตอบ

“พี่ขอดูก่อนนะ” โอบอุ้มไม่ตอบรับจนน้องหม่อนหน้าจ๋อย คิดว่าคงไม่ได้ไปแน่ๆ

“ยุงบอกให้หนูพาพี่ไปด้วย”

“ไปเถอะครับ มันอาจจะถึงเวลาแล้ว” นกฮูกเป็นคนพูดขึ้นมา ทุกคนมองหน้าโอบอุ้มสลับกับหน้าของนกฮูกเพราะไม่เข้าใจว่าถึงเวลาอะไร

“มีอะไร นกฮูกรู้อะไร” หนูด้วงถาม

“เราไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าหนูด้วงหรอก แต่แค่เดา เพราะฉะนั้นอย่าให้เราพูดในสิ่งที่เราไม่แน่ใจดีกว่า” นกฮูกตอบเพื่อนไปตรงๆ ซึ่งหนูด้วงเข้าใจดี อะไรที่นกฮูกยังไม่แน่ใจก็จะไม่พูด แต่หนูด้วงคิดว่านกฮูกจะต้องเดาถูก เพื่อนคนนี้เป็นคนฉลาดและมักจะมองอะไรออกเสมอ

“ว้า ทำให้อยากแล้วจากไป” เม่นบ่น

“โก้ไปไหม” สิงโตหันมาถามตะโก้

“ต้องไปสิ พี่โก้ต้องช่วยหนูทำการบ้าน พี่รับปากหนูแล้วนะ” หนูด้วงชิงพูดแทนตะโก้เพราะรู้ว่าสิงโตอยากให้ตะโก้ไปด้วย แม้ในใจยังนึกถึงคำพูดของตะโก้ในคลาสเรียนที่เจ้าตัวบอกว่ามีคนรักแล้ว หนูด้วงกลัวสิงโตจะผิดหวังและต้องเสียใจ

“อะไร ไปรู้จักกันได้ยังไง” สิงโตรีบถาม

“เราก็ว่าแล้วว่าทำไมคุ้นหน้าพี่โก้ ที่แท้ก็...หึหึหึ” หนูด้วงเลียนแบบเสียงหัวเราะของพี่โอบ

“รู้ไปทุกเรื่องนะเจ้าแสบ” พี่แปะเดินมาจิ้มหน้าผากของหนูด้วงเบาๆ

“พี่แปะก็ต้องไปนะ ทุกคนด้วย ห้ามปฏิเสธนะฮะ หนูอยากให้ทุกคนได้กินอาหารฝีมือมัมๆ ได้ไปเที่ยวบ้านหนู ใครไม่ไปจะให้น้องด้าวเข้าฝันทุกคนเลย”

“น้องไม้ไปก็ได้ก็ได้” คนที่ตอบรับก่อนคือน้องไม้ ทั้งที่ไม่รู้ว่านาโมจะไปไหม แต่เพราะกลัวโดนน้องด้าวเข้าฝันเลยรีบตอบรับก่อน

“น้องหม่อนล่ะ” หนูด้วงหันมาถามน้องหม่อนที่ยังคงยืนหน้าจ๋อยๆ

“น้องหม่อนตามใจนาโม”

“แต่บ้านของพี่หนูด้วงมีคุณตู้เย็นใหญ่เท่าบ้านเลยนะ” หนูด้วงวาดแขนออกให้กว้างที่สุด น้องหม่อนเงยหน้าไปสบตาพ่อ ดวงตาเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา อยากจะไปใจจะขาดแต่ก็กลัว จนเห็นพ่อพยักหน้าให้จึงรีบพยักหน้าตอบรับรัวๆ แล้วเข้าไปกอดหนูด้วงด้วยความดีใจ

“น้องหม่อนไปด้วยนะ น้องหม่อนจะไปช่วยดูแลคุณตู้เย็นของพี่หนูด้วงเอง”

“มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ” โอบอุ้มพูดกับหนูด้วงเบาๆ

แม้หนูด้วงจะไม่เข้าใจแต่ก็ดีใจที่พี่โอบยอมกลับไปเจอยุงพญาแล้ว หนูด้วงรู้ดีว่าทุกคนในครอบครัวจะต้องรักน้องแฝดอย่างแน่นอน ครอบครัวใหญ่ของหนูด้วงผ่านอะไรมาเยอะมาก และทุกคนก็จบทุกปัญหาด้วยความรักที่มีต่อกัน หนูด้วงเชื่อว่าการกลับไปคราวนี้ทุกอย่างจะต้องลงเอยด้วยดี คงมีอีกหนึ่งเรื่องที่หนูด้วงต้องไปจัดการก่อนจะกลับไปที่เกาะ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หนูด้วงหวังว่ามันจะลงเอยด้วยดีเช่นกัน


โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ มาลงเร็วบ้างช้าบ้างสลับกันไปเนอะ 555
เดี๋ยวจะตามมาแก้คำผิดที่รอดสายตาค่ะ
...รัก...
 
 

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-08-2018 18:09:28
 :laugh: หนูด้วงตัวเเสบ  น่าเอ็นดู
เข้าใจหาวิธีทำประตู
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-08-2018 18:12:53
มันถึงเวลาแล้วจริงๆ   เวลาอะไรก็ไม่แน่ใจต้องรอตอนต่อไป  :katai2-1:

อยากเห็นครอบครัวใหญ่มาอยู่พร้อมหน้า คิดถึงลุงพญา น้อง มีคุณ นับตัง :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 04-08-2018 18:45:35
ทำไมน้องแฝดกับหนูด้วงหน้าเหมือนกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-08-2018 18:46:08
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 04-08-2018 19:28:08
ถึงเวลาจะได้เจอยุงแระ
อิอิ

คำผิด อ่านผ่าน ๆ เจอคำเดียวนะคะ
ตรงพี่โอบเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน

พลัดเปลี่ยน —- ต้องแก้เป็น
ผลัดเปลี่ยน   นะคะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 04-08-2018 19:55:38
รักหนูด้วงและผองเพื่อน น้องแฝด พี่นโมด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-08-2018 00:01:07
 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-08-2018 02:47:22
 :o12: อ่านเห็นชื่อตะโก้ทีไรละน้ำตาคลอทุกที  :sad4:

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-08-2018 06:02:46
หนูด้วงทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งแสบ ทั้งน่ารัก :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-08-2018 09:18:44
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-08-2018 09:33:31
โธ่เอ้ยยย ต้องเริ่มต้นให้จริงจังแล้วนะ โอบอุ้ม
ไม่ใช่ว่าลุงไม่รู้ แค่ไม่อยากให้วุ่นวาย

เด็กน้อย ดูน้องหม่อนสิ จะไปเฝ้าคุณตู้เย็นหรอ
น้องไม้ติดอาการหนูด้วงมาบ้างแล้ว อย่าพึ่งโตเกินไปนะลูก

แล้วหนูด้วงซ่อนอะไร ทำไม่ต้องไปจัดการ
แล้วที่ไปทุกเดือน ไปทำไรหรอ

ตะโก้เอ้ยย ชีวิตไม่ดิ้นก็ต้องดิ้นต่อไปนะ อย่าพึ่งยอม
สิงโตก็จะอยู่เคียงข้างเหมือนกัน

ว้าวววว ป้ายนกฮูกกลับมาหากันแล้ววว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 05-08-2018 10:05:41
ดีใจกับทั้ง 3 คู่  โดยเฉพาะนกฮุูกกับพี่ป้าย และสิงโตกับตะโก้

ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ มันต้องเป็นของขวัญวันเกิดที่พิเศษมากๆ สำหรับครอบครัวภูมิเทพ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-08-2018 11:39:02
มันก็จริงนะ เมื่อถึงเวลาของมันเรื่องราวต่างๆมันก็จะลงตัวของมันเอง มันอยู่ที่เราว่าจะเป็นคนรอที่ดีหรือไปเร่งมันให้ผิดเพี้ยนไป
เราดีใจที่สิงโตหัวเราะกับเรื่องราวของหนูด้วงได้อย่างมีสุข
ดีใจที่พี่ป้ายก็ตัดสินใจกับเรื่องราวของตัวเองได้ในที่สุด
ดีใจที่ทุกคนกำลังจะมีความสุข  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-08-2018 08:35:01
พี่โอบสู้ๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 06-08-2018 22:14:30
รอทุกๆคนคิดถึงนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-08-2018 16:36:10
ดีใจที่สิงโตมีความสุขไปกับหนูด้วง แต่ก็หึงตะโก้แทนพี่ปลาหน่อยนึง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-08-2018 20:38:37
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-08-2018 14:30:13
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิมะลิ ที่ 16-08-2018 08:26:31
ปักไว้ก่อน งานเยอะ เดี๋ยวมาหาหนูด้วงวันหลัง❤❤
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 11 กาลครั้งหนึ่ง 04/08/61 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 21-08-2018 18:10:08
หนูด้วงเด็กแสบน่ารักเสมอ จิตใจอ่อนโยน ตอนหน้าน้องแฝดจะได้เจอยุงแล้ว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-08-2018 21:19:58
เพลงรักที่หายไป

เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้

ศิลปิน พลพล


“พี่โอบยังใจแข็งอยู่อีกเหรอ” นกฮูกเห็นหนูด้วงถอนหายใจเป็นรอบที่สิบจึงอดถามออกไปไม่ได้

“อือ พี่โอบบอกว่าถึงจะต้องการเราแค่ไหนแต่ก็รับปากยุงเอาไว้ แล้วนกฮูกคิดดูนะ ถึงยุงจะใจดีกับเรา แต่ยุงก็เข้มงวดกับพี่โอบ ถ้ายุงไม่ยอมให้พี่โอบทำอะไร พี่โอบก็คงไม่จัดหนักเราแน่”

“ถามจริงๆ นะ ทำไมถึงอยากให้พี่โอบจัดหนัก คือ...หนูด้วง ต้องการมากเหรอ ไม่กลัวเจ็บเหรอ” คราวนี้นกฮูกกระซิบถามเบาๆ

“กลัว”

“อ้าว”

“จริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออยากให้พี่โอบมีความสุข คนรักกันมันก็ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” หนูด้วงกระซิบถามนกฮูกบ้าง ซึ่งฝ่ายที่ถูกถามนั่งนิ่งไปนานก่อนจะตอบ

“บางทีแค่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขเสมอไปหรอก แล้วมันก็ไม่ใช่คำตอบของความรักด้วย”

“นกฮูกเคยมีอะไรกับพี่ป้ายไหม”

“นะ นะ หนูด้วง!” นกฮูกผงะถอยหลังจนเกือบตกเก้าอี้เมื่อถูกเพื่อนสนิทถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ตกใจแรงแบบนี้มีแน่ๆ เลย”

“นี่เราคุยเรื่องหนูด้วงกับพี่โอบอยู่นะ” นกฮูกโวยวายเมื่อจู่ๆ หัวข้อที่คุยดันกลายมาเป็นเรื่องของตัวเองเสียอย่างนั้น

“มันเจ็บไหม” หนูด้วงดึงนกฮูกให้กลับมานั่งใกล้ๆ แบบเดิมก่อนจะถามถึงสิ่งที่อยากรู้ต่อ

“ไม่”

“ไม่เจ็บเหรอ”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น!” นกฮูกหน้าแดงจนคิดว่าถ้าหนูด้วงยังถามตรงๆ แบบนี้ต่อ มีหวังความอายคงได้แผดเผาใบหน้าของตัวเองแน่ๆ

“ถามนกฮูกไม่สนุกเลย สู้ถามอาน้องก็ไม่ได้”

“นี่...เรื่องแบบนี้มันพูดว่าสนุกง่ายๆ ได้ด้วยเหรอ”

“ถ้าไม่สนุกทำไมใครๆ ก็ชอบทำกัน”

“โอ้ย เราจะบ้าตาย ไปอ่านหนังสือในห้องสมุดดีกว่า” นกฮูกก็รู้ว่าหนูด้วงเป็นคนขี้สงสัยมาตั้งแต่เด็กๆ แต่จะสงสัยทุกเรื่องแบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะสงสัยแล้วมาซักไซ้เอากับเขา

“อ้าว หนีเราไปเฉยเลย แล้วเราจะถามใคร” หนูด้วงเห็นนกฮูกเดินหนีไปก็ถอนหายใจอีกรอบ จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทอีกคนเดินมาก็ดีใจที่ไม่ต้องเหงา “อ๊ะ! สิงโตมาพอดีเลย ทางนี้สิงโต” หนูด้วงโบกมือเรียก

“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว” สิงโตวางกระเป๋าลงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงกันข้ามกับหนูด้วง

“ไปเรียนกันหมด เราไม่มีเรียนแล้ว อาจารย์ยกคลาสอะ แต่ขี้เกียจกลับหอ สิงโตล่ะ มีเรียนอีกรึเปล่า”

“ไม่มีแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหม”

“เอาสิ”

“ไปกินข้างนอกดีกว่า เบื่อข้าวในมอ”

“แล้วสิงโตอยากไปกินที่ไหน”

“ไปตลาดกัน”

“ก็ได้ก็ได้ เราขอไลน์บอกพี่โอบก่อนนะ” หนูด้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ สักพักถึงเงยหน้ามายิ้มให้สิงโต “ไปได้ พี่โอบไม่หึง”

‘น่ารักไม่เปลี่ยน’ สิงโตแค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกไป ทำได้แค่อมยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วยีผมของหนูด้วงเบาๆ

......

ยานพาหนะที่พาทั้งสองคนไปที่ตลาดไม่ใช่รถหรูของสิงโต หากแต่เป็นรถตุ๊กตุ๊กที่เสียงท่อไอเสียดังจนผู้โดยสารทั้งสองต้องตะโกนคุยแข่งกับเสียงของมัน

“รถดีๆ มีไม่ชอบนะเจ้าหนูอะได” สิงโตบ่นคนตัวเล็กกว่า

“มันไม่ได้อรรถรส นั่งแบบนี้รับลมธรรมชาติ เห็นวิวสองข้างทางชัด แถมยังได้กลิ่นทะเลด้วย ลองดมสิ” หนูด้วงชี้ชวน

“ไม่เห็นจะได้กลิ่นทะเล มีแต่กลิ่นหอมของหนูด้วงมากกว่าอีก” สิงโตพูดเบาๆ

“อะไรนะ” หนูด้วงตะโกนถามเพราะไม่ได้ยิน

“ไม่มีอะไร” สิงโตตอบเพราะไม่อยากให้หนูด้วงอึดอัดใจ เขาบอกกับฝ่ายนั้นไปแล้วว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่ควรคิดอะไร แต่การหลงรักใครสักคนมาตั้งสิบกว่าปี มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดใจได้ง่ายๆ

“ชวนพี่ตะโก้มากินข้าวด้วยกันไหม”

“เขาไม่อยู่หรอก เห็นว่าเข้าตัวเมือง”

“เสียดายจัง” หนูด้วงทำหน้าเสียดายจนสิงโตเห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้

ทีแรกสิงโตก็คิดว่าจะชวนตะโก้มาด้วย แต่มาคิดอีกทีเขาก็อยากไปกินข้าวกับหนูด้วงตามลำพังบ้าง อยากมีเวลาได้ใกล้ชิดกับหนูด้วงให้มากอีกสักหน่อย เพราะจากนี้ไปโอกาสแบบนี้คงไม่ได้มีมาบ่อยๆ เขาเลยต้องโกหกหนูด้วงไปว่าตะโก้ไม่อยู่ รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันแต่ก็อยากทำอะไรตามใจตัวเองสักวัน

เพราะเมื่อคืนนอนน้อย สาเหตุก็เพราะมัวแต่ยั่วพี่โอบจนโดนจัดการแบบเบาๆ ไปสามสี่รอบ เมื่อมานั่งรถให้ลมปะทะใบหน้าเข้าความง่วงจึงก่อตัวขึ้นช้าๆ จากที่ชวนสิงโตคุยไม่หยุดปาก ตอนนี้หนูด้วงก็เริ่มปรือปรอยแทบฝืนลืมตาไม่อยู่ ร่างกายเริ่มโอนเอนไปมา สัปหงกอยู่หลายรอบ สุดท้ายความง่วงก็ชนะ หนูด้วงเผลอหลับไปจนได้

สิงโตเห็นว่าเพื่อนรักนั่งเงียบไปจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นหลับไปแล้วก็นึกขำ จังหวะนั้นศีรษะของหนูด้วงเอนไปจนเกือบจะชนด้ามเหล็กที่ยึดตัวรถกับหลังคา มือหนารีบเอื้อมไปกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ศีรษะของหนูด้วงกระแทกกับของแข็งนั่น

“ขับช้าๆ หน่อยพี่” สิงโตบอกคนขับรถตุ๊กตุ๊ก

เมื่อรถชะลอความเร็วลง สิงโตก็ดันศีรษะของหนูด้วงให้เอนมาทางตัวเองเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตกรถ แต่แล้วคนตัวเล็กกว่า กลับเอนตัวลงนอน สิงโตต้องรีบขยับลงไปนั่งกับพื้นแล้วใช้มือรองศีรษะอีกฝ่ายแทนหมอนเพื่อให้หนูด้วงนอนได้สบายขึ้น

“แฟนเหรอน้อง เอาใจน่าดู” คนขับตุ๊กตุ๊กมองผ่านกระจกส่องหลังก่อนจะเอ่ยแซว

“เพื่อนครับ”

“ทำดีด้วยแบบนี้อีกหน่อยก็ได้เป็นแฟน ไม่ต้องอายพี่หรอก สมัยนี้เขารับได้กันหมดแล้ว”

“ความรักไม่ใช่รางวัลของการทำดี มีคนเคยบอกไว้ พี่เคยได้ยินไหม” สิงโตพูดเบาๆ ได้เพราะรถชะลอความเร็วลงแล้ว ที่สำคัญเขาไม่อยากให้หนูด้วงตื่น

“เอาน่า อย่าถอดใจ พี่ยังเชื่อว่าความรักแพ้ความดี”

“ผมเจอคนที่ต้องดูแลแล้วครับ”

“เหรอ แล้วรักคนนั้นรึเปล่า”

“คิดว่า..”

“คิดว่ารักเหรอ งั้นอย่ารักเลย ความรักไม่ต้องคิดแค่รู้สึก จะทำเขาเจ็บเปล่าๆ เราเจ็บเพราะแอบรักคนที่รักไม่ได้ ยังดีกว่าไปทำคนอื่นเจ็บเพราะคิดว่าจะรักเขาได้นะน้อง ไม่มีใครอยากเป็นตัวแทนใครหรอก”

“ผมอาจจะเป็นตัวแทนใครบางคนสำหรับเขาก็ได้”

“เขาร้องขอหรือทำให้น้องรู้สึกว่าเป็นตัวแทนใครบางคนเหรอ”

“เปล่าครับ ผมอาสาเอง”

“งั้นยิ่งไม่สมควรเพราะเขาไม่ได้ต้องการ ที่ตรงนั้นของเขาอาจจะไม่มีใครแทนได้ จะเจ็บทั้งสองคนนะ คนที่รู้ว่ารักใครไม่ได้กับคนที่ไม่รู้ว่าจะรักใครมาเจอกัน พังสิน้อง”

สิงโตไม่ได้ตอบ ได้แต่คิดว่าพี่คนขับรถตุ๊กตุ๊กคันนี้ไม่ธรรมดา ทั้งความคิดหรือคำพูดคำจาให้ข้อคิดอะไรเขาได้หลายอย่าง แถมหน้าตาท่าทางของพี่เขาก็ดูดีจนไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นแค่คนขับรถรับจ้าง เขาไม่ได้ดูถูกว่าคนทำอาชีพนี้จะต้องดูไม่ดี เพียงแต่พี่คนนี้ดูดีจนผิดสังเกตจริงๆ เขาเลิกสนใจเรื่องคนขับรถตุ๊กตุ๊ก แล้วหันไปมองคนที่หลับสนิทอยู่ด้วยความรู้สึกยากเกินบรรยาย สุดท้ายเมื่อรู้แก่ใจว่าทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอยู่ในสถานะเพื่อนจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาแทน

เมื่อมาถึงตลาดแล้วสิงโตถึงได้ปลุกหนูด้วง อีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งขยี้หูขยี้ตาแล้วทำหน้ามุ่ยแต่ยังไม่ยอมลงจากรถ สิงโตก็ไม่กล้าเซ้าซี้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิด ยืนรอจนกระทั่งหนูด้วงหายจากอาการสะลึมสะลือแล้วเจ้าตัวถึงได้ยอมลงมา เขาจ่ายค่ารถเพิ่มให้เป็นค่าเสียเวลารอ แต่พี่คนขับรับมาเท่าที่บอกราคาเอาไว้ตั้งแต่แรก เมื่อได้รับค่าจ้างแล้วพี่เขาก็ขับออกไป

“กินอะไรดี” สิงโตถาม

“น่ากินไปหมดเลย” เมื่อเจอของกินเข้าคนขี้เซาก็ตาสว่างขึ้นทันที

“อนุญาตให้กินเต็มที่ เราเลี้ยงเอง”

“เราก็อยากกินทุกร้านนะ แต่เราอ้วนขึ้นเยอะเลย เมื่อวานนี้พี่โอบบีบพุงเราเล่นด้วย”

“มีพุงด้วยเหรอ ไหนดูสิ” สิงโตแกล้งทำท่าจะเปิดเสื้อของอีกฝ่ายแต่โดนเจ้าของเสื้อฟาดที่มือเข้าก่อน หนูด้วงไม่ใช่คนอ้วน แต่ก็ไม่ได้ผอมบางเหมือนตะโก้ รายนั้นผอมบางจนเขากลัวว่าจะปลิวไปตามลม

“กินส้มตำนะ” หนูด้วงตัดสินใจเลือกร้านได้ในที่สุด

“ได้ครับคุณหนูด้วง”

สิงโตนึกขำคนบ่นว่าอ้วนแต่ดันสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะอย่างกับว่ามีคนกินสักห้าหกคนได้ แต่สิงโตไม่ได้แปลกใจเพราะที่ผ่านมาหนูด้วงก็สั่งแบบนี้ทุกที และภาระหนักที่ต้องกินทุกอย่างให้หมดก็ตกที่เขาทุกทีเหมือนกัน

“มองเราอยู่ได้ เดี๋ยวกินไม่ทันเรานะ” หนูด้วงจิ้มน่องไก่ย่างแล้วยื่นให้สิงโต

“โอ้โห เสียสละน่องไก่ให้เราเลยเหรอ” เพราะปกติแล้วหนูด้วงชอบกินน่องไก่ย่างมาก ถ้าไปกินส้มตำกันเมื่อไหร่เป็นต้องแย่งส่วนนี้ก่อนทุกที

“ก็หมดแล้วสั่งใหม่ได้ สิงโตเลี้ยงไง เราจำได้ว่าสิงโตรวย” หนูด้วงยิ้มก่อนจะยักไหล่ไปมาเพราะว่าได้กินของอร่อยถูกใจ

“ใช่เรารวย แต่น้อยกว่าหนูด้วงเยอะ ไหนจะมรดกคุณปู่อนันต์ ไหนจะของแด๊ดดี้มีคุณ ของมัมนับตังค์ โดยเฉพาะมรดกของยุงพญานี่ก็นับไม่ไหวแล้ว”

“เราไม่อยากได้มรดก”

“แปลก ส่วนใหญ่มีแต่คนอยากได้กันทั้งนั้น”

“เราไม่อยาก เพราะเราไม่อยากให้ใครจากเราไปไหนอีกแล้ว เรายอมเป็นคนจนมีแต่ตัวแล้วเกาะทุกคนกินดีกว่า”

สิงโตได้ยินแล้วก็อึ้งไป เขาลืมนึกไปว่าหนูด้วงเปราะบางเรื่องครอบครัว ถึงจะรู้ว่าทุกวันนี้หนูด้วงมีครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ แต่ถึงยังไงก็ไม่มีใครอยากถูกพรากจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดทั้งนั้น หลายคนอาจจะคิดว่าหนูด้วงไม่ใช่คนที่ซับซ้อน มีอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมด แต่สิงโตคิดว่าในรอยยิ้มที่ร่าเริงของอีกฝ่ายอาจจะซ่อนอะไรในใจเอาไว้ก็เป็นได้

“กลัวเสียเราไปด้วยใช่ไหม” สิงโตถาม

“ก็ใช่น่ะสิ”

“เราจะไม่ไปไหนหรอก” สิงโตยิ้มให้หนูด้วง

“ถ้าจะต้องไปกับคนที่สิงโตรักก็ไปได้ แต่ต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าทำให้เราห่วง”

“ครับคุณหนู”

“เปลี่ยนใจแล้ว เอาน่องไก่คืนมา”

“อ้าว ไหงงั้นล่ะ”

“ก็ไม่ยอมกินสักที ของอร่อยต้องรีบกิน”

ทั้งคู่นั่งเถียงเรื่องน่องไก่กันโดยไม่ทันสังเกตว่ามีพนักงานในร้านส้มตำคนหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่ โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินสิงโตพูดว่าหนูด้วงคือทายาทของพญายิ่งเรียกความสนใจให้ฝ่ายนั้นเป็นอย่างมาก

“พี่ครับ แถวนี้มีห้องว่างให้เช่าบ้างไหมครับ เป็นบ้านก็ได้” หนูด้วงถามพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งมาถาม

“หนูด้วงจะเช่าไปทำไม”

“เผื่อหนีออกจากบ้านไง” หนูด้วงพูดติดตลก

“มีครับ มีบ้านว่างให้เช่าอยู่ท้ายซอย” พนักงานคนที่มองหนูด้วงเมื่อครู่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาตอบ

“ขอบคุณมากครับ” หนูด้วงกล่าวขอบคุณก่อนจะหันมาพูดกับสิงโต “เดี๋ยวเข้าไปดูกันนะ”

“เอาจริงเหรอ” สิงโตคิดว่าหนูด้วงพูดเล่น

“สิงโตรีบไปไหนรึเปล่า”

“เปล่า”

“งั้นรีบกินจะได้ไปดูกัน”

“ผมพาไปได้นะ” พนักงานที่แนะนำบ้านเช่ารีบอาสา

“พี่สามารถ ยังไม่เลิกงานเลยนะ พี่จะไปได้ไง” พนักงานเสิร์ฟท้วงติงพนักงานรุ่นพี่

“เถ้าแก่ไม่รู้หรอก พาคุณหนูสองคนนี้ไปแป๊บเดียว”

“ไม่ต้องหรอกครับ เราไปกันได้ ไม่รบกวน” สิงโตตัดบทเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจคนที่ชื่อสามารถ

“ไม่รบกวนหรอกครับ” สามารถก็เริ่มไม่ชอบหน้าสิงโตอยู่เหมือนกัน

“ไม่เป็นไรครับ พวกเราไปกันเองดีกว่า” หนูด้วงเห็นสิงโตเริ่มหงุดหงิดเลยเป็นฝ่ายปฏิเสธอีกรอบ

“งั้นก็ตามใจครับ” สามารถพยายามข่มอารมณ์ หันมายิ้มให้หนูด้วงก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ

“ไม่น่าไว้ใจ” สิงโตพูดกับหนูด้วงหลังจากที่สามารถเดินออกไปไกลแล้ว

“อาจจะเป็นลูกน้องของยุงก็ได้”

“เออ ก็จริงนะ หรือจะให้เขาพาไป” สิงโตลืมนึกไปว่ายุงพญาส่งลูกน้องมาคอยดูแลหนูด้วงหลายคน

“ไม่เอา เราไม่อยากให้ยุงรู้”

“ทำไม”

“สิงโตมาดูมาดู เราจะกินขนมจีนแบบดูดเส้นรวดเดียวเลย” หนูด้วงไม่ยอมตอบแต่ดูดเส้นขนมจีนในจานส้มตำให้สิงโตดูแทน ส่วนสิงโตเห็นความทะเล้นของหนูด้วงจึงลืมเค้นเอาคำตอบที่สงสัยไปเช่นกัน

......

ทั้งสองคนกลับมาถึงมหาวิทยาลัยพร้อมกับซื้อของกินมาฝากเพื่อนเต็มไม้เต็มมือ เม่นโอดครวญที่เพื่อนทั้งสองคนไปเที่ยวตลาดโดยไม่ยอมรอตัวเอง แต่เมื่อเห็นลูกชิ้นปลาทอดของโปรดที่หนูด้วงซื้อมาฝากจึงหยุดคร่ำครวญ นอกจากสมาชิกในกลุ่ม The zoo แล้ว หนูด้วงยังโทรชวนแก้วเพื่อนร่วมคณะมากินด้วยกัน

ทุกคนในกลุ่มเริ่มคุ้นเคยกับแก้ว ยิ่งรู้ว่าแก้วคือเพื่อนคนเดียวที่คอยช่วยเหลือหนูด้วงทุกคนจึงแสดงความเป็นมิตรด้วย แก้วทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มคนดังของมหา’ลัย โดยเฉพาะสิงโตที่คนส่วนใหญ่คาดว่าจะได้เป็นถึงเดือนของมหา’ลัย ซ้ำยังเป็นคนที่เข้าถึงยากมากๆ อีกด้วย

“มาด้วยกันได้ไง” หนูด้วงเห็นว่านกฮูกเดินเข้ามาพร้อมกับตะโก้พอดีจึงเอ่ยทัก

“เจอกันที่ลานดาวพอดี” นกฮูกเป็นคนตอบ

“ไปเที่ยวในเมืองมาเหรอฮะพี่โก้” หนูด้วงถามต่อ

คนถูกถามมองไปทางสิงโตที่ยืนหน้าเสียอยู่ ก่อนจะหันกลับไปพยักหน้าให้หนูด้วง หนูด้วงรีบดึงมือของตะโก้มานั่งข้างตัวเองก่อนจะยื่นถุงทอดมันปลากรายให้

“สิงโตบอกว่าพี่โก้ชอบทาน หนูเลยซื้อมาฝาก ยังร้อนอยู่เลยฮะ”

“ขอบคุณนะ” ตะโก้ยิ้มบางๆ ให้หนูด้วงก่อนจะมองไปทางสิงโตอีกครั้ง

“ไปคุยกันหน่อย” สิงโตตัดสินใจคว้าข้อมือของตะโก้ให้ลุกขึ้น ก่อนจะออกแรงดึงอีกฝ่ายให้เดินตามออกไป

“มีอะไร ทำไมดูแปลกๆ” นกฮูกมองตามไปก่อนจะถามด้วยความสงสัย

“หรือพี่โก้จะงอนที่สิงโตไปกับหนูด้วง” น้องเกลเดา

“เราว่าพี่โก้ไม่ใช่คนขี้หึงนะ แต่ถ้าคนนั้นอะ...ใช่” นกฮูกคิดต่างจากน้องเกลก่อนจะบุ้ยใบ้ไปยังคนที่กำลังจะเดินเข้ามา

“พี่นโม หนูอยู่ตรงนี้ คิดถึงหนูไหม” หนูด้วงโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนจะตะโกนถามเสียงดัง

“เจ๋ง หายไปตลาดแค่สามชั่วโมงก็อ้อนกันแล้ว” เม่นขำหนูด้วง ตั้งแต่เป็นแฟนกับพี่โอบแล้วก็รู้สึกจะอ้อนหนักข้อขึ้นทุกวัน

“หนูด้วงเป็นแฟนกับพี่นโมเหรอ” แก้วนั่งฟังอยู่เงียบๆ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะแอบถามน้องเกล

“ใช่ แล้วสิงโตก็กำลังจีบพี่ตะโก้” คำตอบของน้องเกลทำให้แก้วประหลาดใจเป็นอย่างมาก ใครต่อใครก็คิดว่าหนูด้วงเป็นแฟนของสิงโต ส่วนพี่นโมก็มีข่าวซุบซิบว่าแต่งงานและมีลูกฝาแฝด ทำไมพี่เขาถึงมาคบหากับหนูด้วงได้ แล้วสิงโตไปคบหากับพี่ตะโก้ตอนไหนทั้งที่พี่ตะโก้เพิ่งจะมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่คณะได้ไม่กี่วัน

“เหมามาหมดตลาดรึยัง” โอบอุ้มถามคนขี้อ้อนเมื่อเห็นถุงของกินวางเต็มไปหมด

“เกือบแล้วฮะ มีของฝากของพี่โอบกับน้องแฝดด้วย พี่จะไปรับน้องแฝดกี่โมง หนูไปด้วยนะ”

“แต่วันนี้ต้องกลับมานอนหอนะครับ” โอบอุ้มดักคอเอาไว้ก่อน

“ห้ามเก่งอะ” หนูด้วงทำหน้างอ

“ไม่งอแงนะหนูด้วง” ประโยคนี้พี่โอบไม่ได้พูด แต่เป็นเม่น นกฮูก และน้องเกลที่พูดออกมาแทบจะพร้อมกัน

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเห็นเพื่อนรู้ทันเลยถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

“เออ รู้กันยังว่าวันศุกร์มอปิดนะ” น้องเกลนึกขึ้นได้จึงรีบบอกเพื่อนๆ

“อ๋อ ที่มีประกาศว่าทางมอถูกขอใช้สถานที่ในการประชุมเกี่ยวกับการศึกษาอะไรสักอย่าง ใช่ไหม” เม่นเองก็พอจะรู้อยู่บ้างแต่ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด

“อืม”

“อ๊ะ งั้นเราก็ไปเกาะใบไม้ครามกันได้ตั้งแต่วันศุกร์สิ” หนูด้วงดีใจที่จะได้กลับบ้านหลายวัน

“เออใช่ เจ๋งเลย อยากไปเล่นเจ็ทสกี” เม่นเห็นดีด้วย

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-08-2018 21:22:59
ต่อจากด้านบนค่ะ


“ดีจัง ทุกคนได้กลับบ้าน” แก้วเห็นคนอื่นจะได้กลับบ้านก็รู้สึกเหงา ครอบครัวของตัวเองย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพกันหมด ต่อให้มีวันหยุดยาวเธอก็ไม่ได้กลับเพราะมันสิ้นเปลืองค่าใช่จ่าย เธอเข้ามาเรียนที่นี่เพราะได้รับทุนจึงจำเป็นต้องประหยัดให้มาก

“ไปเที่ยวบ้านเราไหม” หนูด้วงชวนแก้ว

“ได้เหรอ”

“ได้สิ เราเพื่อนกัน”

“ไป ขอไปด้วยนะ ขอบคุณนะหนูด้วง”

“ไม่เป็นไร อยากให้ทุกคนไปเที่ยวบ้านเราอยู่แล้ว ไปวันพฤหัสตอนเย็นเลยดีกว่า เดี๋ยวโทรบอกยุงก่อน”

“ถามคนอื่นก่อนสิ อย่าใจร้อนครับ” โอบอุ้มรีบห้ามเพราะไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ติดธุระอะไรหรือเปล่า

“จริงด้วย งั้นน้องเม่นไปถามมิกินะ น้องเกลไปถามพี่กาด ส่วนนกฮูกไปถามพี่ป้าย คนที่เหลือเราถามเอง” หนูด้วงแจกแจงหน้าที่ให้เพื่อนเสร็จสรรพ

“ทำไมต้องให้เราไปถามด้วย!” นกฮูกกับน้องเกลพูดขึ้นมาพร้อมกัน แถมทั้งคู่ยังหน้าแดงไม่ต่างกันอีกด้วย

“อ้าว ไม่ได้เหรอ” หนูด้วงทำหน้างงๆ มองหน้าเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมา

“ก็ได้ก็ได้” เพื่อนทั้งสองคนพูดพร้อมกันอีก

“ก็คนเป็นแฟนกันก็ต้องเป็นคนโทรสิ” หนูด้วงพูดต่อ

“นะ นะ หนูด้วง!” นกฮูกรีบเอามืออุดปากของหนูด้วงเอาไว้

“ไม่ใช่นะหนูด้วง บ้าจริง เราไปห้องน้ำก่อนนะ” น้องเกลหน้าแดงจนเหมือนลูกตำลึง โวยวายใส่หนูด้วงก่อนจะเดินหนีไป

“อู๋ อูด อิด เอ๋อ” หนูด้วงหันไปถามพี่โอบทั้งที่ยังโดนปิดปากอยู่

“หนูด้วงพูดไม่ผิดหรอกครับ แค่พูดเร็วไปหน่อย เพราะใครบางคนยังไม่ยอมตกลงรับพี่เป็นแฟนเลย” คนที่ตอบไม่ใช่โอบอุ้มแต่ว่าเป็นป้ายที่มาทันได้ยินพอดี

“อ๋อ อ๊กอูก ใอ แอ็ง ไอ่ ออม เอ็น แอน อี้ อ้าย อี่เอง” หนูด้วงพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะยิ้มผ่านดวงตาไปให้เจ้าของมือที่ปิดปากตัวเองเอาไว้

“พี่ป้ายไม่ต้องพูดมากเลยนะ” นกฮูกขู่

“ดุจังครับ กลัว” ป้ายยกมือขึ้นเพื่อบอกให้รู้ว่ายอมแล้ว

“อ่อย อือ ไอ้ แอ้ว” หนูด้วงกะพริบตาปริบๆ อ้อนเพื่อนรักให้ปล่อยมือ

“ห้ามแซวนะ” นกฮูกรีบกำชับเพื่อนรักก่อนจะยอมเอามือออก

“ก็ได้ก็ได้ ไม่แซวว่านกฮูกกับพี่ป้ายเป็นแฟนกันแล้วก็ได้”

“หนูด้วง!”

“พี่โอบช่วยหนูด้วย คุณหมอฟันนกฮูกจะถอนฟันหนูทิ้งแน่ๆ” หนูด้วงวิ่งไปหลบที่หลังของโอบอุ้ม ส่วนแก้วได้ยินหนูด้วงเรียกพี่นโมว่าพี่โอบก็แปลกใจ แต่เดาว่าหนูด้วงคงพูดผิด

“ก็หนูไปแหย่เพื่อนก่อนทำไมครับ ไปรับน้องแฝดกันดีกว่า” โอบอุ้มชวนเพราะเห็นว่าได้เวลาที่น้องแฝดจะเลิกเรียนแล้ว

“พี่โอบฮะ”

“ครับ”

“ถึงพี่ไม่ใช่หมอฟัน แต่ฟันหนูได้นะ” หนูด้วงพูดจบก็ขำกับมุกของตัวเอง หัวเราะร่วนอยู่นานจนเริ่มสัมผัสได้ว่ารอบตัวเงียบไปหมด พอหันไปมองก็เห็นว่าทุกคนอ้าปากค้างกันเป็นแถวเลยเอ่ยถามขึ้น “อ้าว มุกนี้ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้!” เสียงดังฟังชัดของทุกคนทำเอาหนูด้วงสะดุ้ง ยกเว้นโอบอุ้มที่เอายืนขำ

“อุ่ย ไปกันเถอะฮะพี่โอบ มุกหนูไม่ฮาจริงๆ ด้วย” หนูด้วงรีบดึงมือพี่โอบให้เดินออกมาก่อนจะถูกทุกคนรุมบ่นจนหูชา

......

สรุปว่าเมื่อหนูด้วงสอบถามแต่ละคนแล้วก็พบว่าทุกคนสามารถเดินทางไปเกาะใบไม้ครามได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ของวันพฤหัสฯ เมื่อถึงวันที่ทุกคนรอคอย เรือยอร์ชลำหรูที่มีตัวอักษรที่ข้างเรือว่า ‘วังของเรา’ ก็มาจอดลอยลำอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งของเกาะแสงแดด สมาชิกทุกคนที่จะเดินทางไปยังเกาะใบไม้ครามมารวมตัวกันที่ท่าเรือจนเกือบครบ ยกเว้นก็แต่สิงโตและตะโก้ ก้านลำเลียงคนที่มาถึงแล้วนั่งเรือเล็กจากฝั่งไปขึ้นเรือยอร์ชเพราะหาดของที่นี่ตื้นเกินกว่าที่จะนำเรือใหญ่เข้ามาได้

“นายบอกว่าให้ทุกคนพักเที่ยวบนเรือหนึ่งคืนก่อน ผมเตรียมที่นอนให้ครบทุกคน บนดาดฟ้ามีทั้งอาหารและเครื่องดื่มจัดเอาไว้ให้พร้อมหมดแล้วครับ อาหารและขนมเป็นฝีมือของคุณนับตังค์ทั้งหมดเลยครับ เดี๋ยวคนขับเรือจะพาขับชมพระอาทิตย์ตกดินที่กลางทะเล แล้วดึกๆ ค่อยตกหมึกกัน” ก้านบอกกับทุกคน

“เจ๋งสุดๆ เรือสวยมากเลยครับน้าก้าน อาหารก็ต้องอร่อยจนพุงแตกแน่ๆ” เม่นยกนิ้วให้

“เรียกพี่ก้านก็พอครับ” ก้านยิ้มแหยๆ เพราะยังไม่อยากแก่

“หนูด้วง เรือนี่เป็นของที่บ้านหนูด้วงเหรอ” แก้วยังตะลึงกับความหรูหราของเรือยอร์ชไม่หาย เคยเห็นแต่ในนิตยสาร ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง

“ของยุงพญา ยุงซื้อลำใหม่เพราะลำเก่ามันเล็กไป ยุงบอกเรามีครอบครัวใหญ่แล้วต้องเพิ่มขนาด”

“ใหญ่กว่านี้ก็เรือสำราญแล้ว แค่นี่ก็อลังการมากจนอยากย้ายมาอยู่ถาวรเลย ข้างล่างมีห้องนอนด้วยนะ ห้องโถงก็กว้าง แต่งสวยสุดๆ ปูพรมสีขาว เครื่องอำนวยความสะดวกมีทุกอย่าง ห้องน้ำหรูอย่างกับในโรงแรมห้าดาวเลย” น้องมิกิไปสำรวจมาหมดแล้วจึงรีบเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง

“ขอลงไปดูหน่อยนะ” แก้วตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่ได้

“เอาสิ” หนูด้วงเห็นเพื่อนมีความสุขก็ดีใจ

“น้องหม่อนกับน้องไม้จองห้องนอนได้ไหมพี่หนูด้วง เตียงนุ่มมากๆ เลย น้องหม่อนแอบไปกระโดดเล่นมาแล้ว”

“ได้สิ พี่หนูด้วงยกห้องให้น้องไม้กับน้องหม่อนเลย”

“เพราะในห้องมีคุณตู้เย็นมากกว่า” น้องไม้แซวน้องชายของตัวเอง

“น้องไม้ก็อยากนอนห้องนั้นเพราะคุณโทรทัศน์เหมือนกันแหละ” น้องหม่อนรีบเถียง

“ไม่ต้องเถียงกัน พี่หนูด้วงยกให้ทั้งคุณโทรทัศน์ ทั้งคุณเตียง แล้วก็คุณตู้เย็นด้วย”

“งั้นเราสองคนขอลงไปนอนเล่นที่ห้องเลยนะนาโม”

“ได้ครับ แต่อย่ากวนใจคุณตู้เย็นจนหมดตู้นะ เดี๋ยวจะกินข้าวเย็นแล้ว”

“น้องหม่อนกวนใจนิดเดียวก็ได้” เด็กน้อยชูนิ้วให้ดูว่าจะกินของในตู้เย็นเพียงนิดเดียว เมื่อเห็นพ่อพยักหน้าให้จึงรีบพากันลงไปด้านล่าง

“สิงโตกับพี่ตะโก้มาแล้ว” น้องเกลเห็นเรือลำเล็กพาทั้งสองคนมาพอดีจึงร้องทัก

“ทำไมพี่ตะโก้ตาแดงๆ” หนูด้วงไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีปัญหาอะไรกัน หลังจากวันที่ไปตลาดสิงโตก็หายหน้าจากกลุ่มไปเลย โทรไปถามก็บอกแค่ว่ามีธุระส่วนตัวต้องทำ พี่ตะโก้เองก็เหมือนกัน หนูด้วงเพิ่งจะเห็นทั้งสองคนก็วันนี้นี่เอง

“อย่าถาม เผื่อเขาไม่สะดวกจะตอบ” โอบอุ้มเตือนเพราะอยากให้เป็นเรื่องส่วนตัวของสิงโตและตะโก้

“เอาของลงไปเก็บข้างล่างดีกว่าฮะ แล้วขึ้นไปกินบาร์บีคิวบนดาดฟ้ากัน” หนูด้วงทำตามที่พี่โอบบอก ตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรแม้จะเป็นห่วงทั้งคู่มากก็ตาม ได้แต่เอ่ยชวนทุกคนเมื่อสิงโตพาตะโก้ขึ้นมาบนเรือยอร์ชแล้ว

ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงตะวันสะท้อนผิวน้ำทะเลจนเกิดประกายระยิบระยับ อาหารอร่อย แถมยังมีดนตรีเพราะๆ ให้ฟัง ทำให้ทุกคนรู้สึกเพลิดเพลินเหมือนได้เที่ยวอยู่บนเรือสำราญที่มีทุกอย่างครบครัน

“สุดยอดเลย ทั้งวิว ทั้งอาหาร เหมือนฝันเลย” มิกิรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ยกเลิกงานถ่ายแบบแล้วมาเที่ยวกับเพื่อนๆ แทน

“เพลงก็เพราะ” แก้วชมก่อนจะร้องเพลงคลอตามพี่ป้ายกับพี่แปะ ทั้งสองคนหอบเอากีต้าร์มาเล่นให้ทุกคนได้ฟังด้วย

“น้องหม่อนอยากเล่นน้ำทะเลจังเลยพี่หนูด้วง” น้องหม่อนชะโงกหน้าไปดูผืนน้ำเบื้องล่าง

“เอาไว้ไปเล่นที่เกาะ ตรงนี้น้ำลึกมาก” หนูด้วงรีบดึงน้องหม่อนกลับมานั่งตักเพราะกลัวน้องหม่อนตกเรือ

“นาโมบอกว่าบ้านของพี่หนูด้วงมีน้ำพุร้อนด้วย” น้องไม้ถามด้วยความสนใจ

“มี เดี๋ยวพี่หนูด้วงพาไปเล่น”

“บ้านของหนูด้วงคงรวยมากๆ ” แก้วได้ยินคนอื่นๆ พูดกันมานานว่าหนูด้วงเป็นคุณหนูแล้วฐานะทางบ้านก็ดีมากๆ

“บ้านเรารวยความรักมากกว่าแก้ว” หนูด้วงพูดตามที่คิด

“หนูด้วงญาติเยอะ ขอบอกว่าหน้าตาดีทั้งนั้น เป็นบอยแบนด์แห่งเกาะใบไม้ครามเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะยุงพญา เท่โคตรๆ” เม่นคุยโอ่ถึงไอดอลในดวงใจ

“ยุงพญาที่เขาว่าเป็นมาเฟียนะเหรอ อุ้ย...เราขอโทษนะหนูด้วง” แก้วเผลอพูดออกไป เมื่อรู้ว่าปากไวไปจึงรีบขอโทษเพื่อน

“มาเฟียหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าใครรังแกหนูด้วงต้องย้ายไปอยู่นอกโลกโน้น” เม่นยังฟุ้งไม่หยุด

“เกินเรื่องไปมากนะน้องเม่น” หนูด้วงรีบแย้ง

“โธ่ หนูด้วง บอกไม่ให้เรียกว่าน้องเม่น ความแมนหายไปหมด จากเม่นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีหนามแหลมคม เรียกน้องเม่นจนดูเป็นแมวเหมียวตัวน้อยเลย” เม่นโอดครวญกับชื่อเล่นที่หนูด้วงเรียกจนติดปาก ท่าทางหงอยๆ ของเม่นทำให้น้องมิกิและเพื่อนๆ ทั้งขำทั้งสงสาร

บนดาดฟ้าเรือลำหรูมีเสียงหัวเราะดังมาไม่ขาด บางคนก็ยังคงสาละวนลิ้มรสอาหารที่อร่อยถูกปากแบบที่ไม่เคยได้กินที่ไหนมาก่อน บางคนก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องชุดที่จะใส่ไปในงานวันเกิดคุณตาของหนูด้วง เพราะรู้มาว่างานนี้ถือเป็นงานที่ใหญ่ระดับภาคเลยทีเดียว บางคนก็นั่งเล่นเกมออนไลน์กันอย่างออกรสโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาชื่นชมวิวทิวทัศน์รอบๆ บางคนก็จมอยู่กับตัวเอง บางคนก็เฝ้าบอกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ครั้งหนึ่งได้มาใช้ชีวิตแบบไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้

ช่วงเวลานั้นเสียงจากหีบเพลงที่เริ่มต้นบรรเลงทำนองเพลงก็ดังมาจากมุมหนึ่งของเรือ แต่นั่นก็ยังไม่สามารถเรียกความสนใจจากคนที่อยู่บนดาดฟ้าได้ ป้ายหยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่นประสานเมื่อเดาได้ว่าเสียงจากหีบเพลงนั้นคือเพลงอะไร แต่ถึงตอนนี้ทุกคนก็ยังสนใจแต่เรื่องที่ตัวเองกำลังทำ จนกระทั่งเสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยบทเพลงผ่านไมโครโฟนออกมาทุกคนถึงได้หันมาสนใจ คนที่มีอาการตกใจมากที่สุดก็คือโอบอุ้ม
 
‘หลายครั้งที่ชีวิตเจอกับปัญหา ทำให้ใจเธออ่อนล้าลงบ้างไหม ฉันถามด้วยความรัก ถามด้วยความห่วงใย ไม่ได้ดูถูกเธอ’

“ป๊า”

‘หวังแล้วก็ผิดหวัง มาตั้งกี่ครั้ง เธอก็ยังอยู่ตรงนี้...ไม่จากไป ฉันรู้มันยากนัก ที่รัก ฉันนั้นขอบใจเธอเหลือเกิน’

พญาเดินมาพร้อมกับเทียมฟ้า เขากำลังร้องเพลงที่ลูกชายชอบ เขาจำได้เพราะโอบอุ้มมักจะร้องเพลงนี้ใส่เครื่องอัดแล้วฝากพเยียมาให้เขาฟังเสมอ ในวันที่เขาเหนื่อยและเจอกับปัญหาหนักๆ เจอแต่คนสบประมาทและดูถูกว่าเขาเกิดมาก็หนักแผ่นดิน วันที่เขายังไม่ได้เจอเทียมฟ้า วันที่เขายังไม่เจอหนูด้วง วันที่เขายังไร้ความหวังและไม่รู้คุณค่าของการมีลมหายใจในแต่ละวัน ก็ได้เสียงเพลงจากลูกบุญธรรมคนนี้ที่คอยเยียวยาและปลอบโยนเขาเสมอ คนห่ามๆ ที่ดูเลวร้ายอย่างเขาต้องแอบร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้

‘เหนื่อยหน่อยนะ อยู่กับฉัน เมื่อสิ่งที่ฝันนั้นมันไม่ง่ายเลย แหละวันนี้ฉันรู้ ต้องเหนื่อยหนักกว่าที่เคย แต่เธอก็ยังยิ้มได้’

พญายอมรับว่าเขาไม่เคยแสดงความรักแบบพ่อลูกให้กับโอบอุ้มเลย เขาเจอเด็กคนนี้ถูกทารุณจนทนดูไม่ได้ถึงได้รับมาเป็นลูกบุญธรรม ตอนนั้นเขาคิดแต่เพียงว่าอยากให้เด็กคนนั้นรู้จักสู้คน อยากให้ลุกเดินด้วยตัวเองได้อย่างมั่นคง อยากให้เติบโตไปเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องทุกข์ทนจากการต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวัง เขาไม่เคยแสดงความอ่อนโยนหรือแสดงความเป็นห่วงให้เด็กน้อยคนนั้นได้เห็นเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากทำ แต่เป็นเพราะเขาทำไม่เป็น เขาเองก็ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนหรือความห่วงใยจากคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อเหมือนกัน ส่วนคนที่เคยมอบสิ่งเหล่านั้นให้ก็จากเขาไปนาน จนเขาลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปหมดแล้ว

วันนี้เขาอยากถามลูกชายคนนี้ว่า...เหนื่อยไหม ผิดหวังไหมที่ต้องเป็นลูกของป๊าคนนี้

โอบอุ้มลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาพญากับเทียมฟ้า เมื่อไปถึงตัวผู้มีพระคุณของชีวิตเขาก้มลงไปกราบที่เท้าของคนทั้งคู่ ไหล่ที่สั่นเทาคงทำให้ทุกคนรับรู้ได้ว่าเขากำลังร้องไห้อยู่

“ขอโทษครับป๊า ผมขอโทษครับ”

พญาส่งไมค์ให้เทียมฟ้าก่อนจะโน้มตัวลงไปจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของโอบอุ้มแล้วดึงฝ่ายนั้นให้ลุกขึ้นมาพร้อมกับสวมกอด

“ป๊าผิดเองที่บอกให้อุ้มไปพิสูจน์ตัวเอง ป๊าอยากรู้ว่าเราจะมีความอดทนและดูแลตัวเองได้มากแค่ไหน ถึงจะดีใจที่เห็นเราเข้มแข็งอย่างที่ใจหวัง แต่ลึกๆ ป๊ายังอยากเป็นที่พึ่งพิง อยากช่วยแก้ปัญหา ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่อยากอยู่ในทุกช่วงชีวิตของคนที่เป็นลูกหรอกนะ ถ้ามันไม่ไหว ถ้ามันเหนื่อย กลับบ้านเรานะเจ้าอุ้ม”

“ขอบคุณครับป๊า ผมอยากกลับบ้านเสมอ ไม่มีสักครั้งที่ผมจะไม่คิดถึงป๊ากับทุกคน แต่ผมก็อยากให้ป๊ารู้ว่าผมดูแลน้องได้ ผมอยากให้ป๊ามั่นใจว่าไว้ใจคนไม่ผิด”

“ไม่มีสักครั้งเหมือนกันที่ป๊าไม่ไว้ใจเรานะเจ้าอุ้ม ต่อให้เราไม่ยอมพูดอะไร ป๊าก็ยังมั่นใจว่าเรามีเหตุผลที่ดีเสมอ ก็ยอมรับว่ามีโมโหบ้าง แต่ตอนนี้ไม่โมโหแล้ว แล้วไหนหลานของป๊า” พญามองไปรอบๆ จนเห็นเด็กฝาแฝดคู่หนึ่งเกาะแขนของหนูด้วงแน่นและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“น้องไม้ น้องหม่อน มาหาคุณ...คุณลุง” โอบอุ้มเรียกลูกชายฝาแฝดให้เดินมาหาแล้วแนะนำพญาให้เด็กน้อยรู้จัก ทั้งสองคนยกมือไหว้แต่ก็ยังมีท่าทีหวาดระแวงอยู่

“ลุงเลิงอะไร ป๊าไม่กลัวแก่หรอกน่า ป๊าต้องเป็นปู่สิ มึงก็ต้องเป็นย่านะน้อง” พญาอดไม่ได้หันไปกระเซ้าคนรักที่ยืนตาแดงอยู่ข้างๆ

“น่ารักมากเลย ชื่อน้องไม้กับน้องหม่อนเหรอครับ มาให้พี่น้องกอดหน่อยนะ” เทียมฟ้าย่อตัวลงแล้วอ้าแขนออก เด็กทั้งสองลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปให้เทียมฟ้ากอด

“มึงจะไม่ยอมแก่ไม่ได้นะน้อง ว่าแต่มาขอปู่กอดมั่ง” พญาย่อตัวลงพร้อมกับอ้าแขนออกบ้าง แต่เด็กน้อยทั้งสองคนรีบซุกหน้ากับอกของเทียมฟ้า

“บอกแล้วว่าให้โกนหนวด” เทียมฟ้าหันไปบ่นคนรัก

“ปู่มีของเล่นเยอะเลยนะ ไม่สนใจเหรอ” พญาหว่านล้อมแต่ก็ยังไร้ผล แล้วคนที่เดินลงมานั่งตรงหน้าของพญาก็คือหนูด้วง

“หนูกอดเอง หนูรักยุงมากเลย ยุงเท่มากเลยฮะ ยุงใจดีมากเลย ยุงทำให้หนูซาบซึ้งใจ หนูจะรักยุงมากๆ หนูจะไม่งอแง ไม่ดื้อ หนูจะไม่งอนยุงแล้ว” หนูด้วงร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วโผเข้าหาพญาจนอีกฝ่ายเกือบหงายหลัง

“เฮ้อ อ้อนเก่งจริงๆ น้าก็รักหนูมากนะหนูด้วง” พญาลูบผมหลานรักด้วยความเอ็นดู

“น้องหม่อนกอดคุณปู่ด้วยก็ได้” น้องหม่อนเห็นหนูด้วงกอดพญาเลยเลิกลังเลแล้วโผตัวไปกอดพญาบ้าง คราวนี้พญารับน้ำหนักไม่อยู่ หงายหลังลงไปนอนราบกับพื้นโดยมีหนูด้วงและใบหม่อนทับจนเกือบมิด

“นาโม น้องไม้จะกอดยังไง ล้มลงไปกันหมดแล้ว” น้องไม้กระซิบถามพ่อ

“ล้มทับได้เลยครับ” โอบอุ้มขำทั้งน้ำตาเมื่อน้องไม้กระโดดลงไปทับตัวพญาอีกคน

“โอ้ย กระดูกจะหัก” พญาบ่นอุบหลังจากที่ถูกดึงให้ลุกขึ้นมาจากกองแห่งความรักแล้ว

“ให้พี่ก้านเอาเค้กขึ้นมาเลยนะ” เทียมฟ้ากระซิบถามพญา เมื่อพญาพยักหน้าเทียมฟ้าก็ทำสัญญาณบอกให้ก้านรู้

เค้กก้อนโตถูกก้านกับลูกน้องช่วยกันยกขึ้นมา เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ดังขึ้นโดยมีหนูด้วงเป็นคนร้องนำ โอบอุ้มทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเค้กถูกยกมาวางตรงหน้าของตัวเอง

“ของผมเหรอ” โอบอุ้มถามพญา

“จำไม่ได้เหรอ วันนี้เมื่อหลายปีก่อน เราสองคนเจอกันครั้งแรก วันนั้นป๊าเห็นอุ้มมองดูลูกโป่งตาไม่กะพริบเลย มองแล้วก็ยิ้ม คงจะอยากได้ ป๊าไม่รู้วันเกิดจริงๆ ของอุ้ม ถือเอาวันที่อุ้มตัดสินใจไปอยู่กับป๊าคือวันเกิดของเราเลยก็แล้วกันนะเจ้าอุ้ม สุขสันต์วันเกิดนะลูก” พญาพูดจบก็มีลูกโป่งหลากสีลอยขึ้นบนฟ้า

“ฮือ หนูรักยุงจัง หนูร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไม่ไหวแล้ว แก้วมาร้องแทนที เราขอร้องไห้แป๊บนึง” เสียงของหนูด้วงดังออกไมค์จนทุกคนต้องกลั้นขำทั้งที่กำลังซึ้งใจกับความรักของพญาและโอบอุ้มอยู่

“มานี่ครับ” โอบอุ้มเดินไปจูงมือของหนูด้วงให้มายืนอยู่ตรงหน้าเค้กก้อนโต พร้อมกันนั้นก็อุ้มน้องไม้ขึ้นมา หนูด้วงเห็นเลยรีบอุ้มน้องหม่อนขึ้นมาบ้าง “อธิษฐานในใจแล้วเป่าพร้อมกันนะ” โอบอุ้มบอกหนูด้วงและน้องแฝด

“น้องหม่อนขอให้นาโมมีความสุข และขอให้คุณเค้กก้อนนี้อร่อยมากๆ ด้วยเถิด”

เสียงอธิษฐานของน้องหม่อนคงจะดังมากไปหน่อย ทุกคนบนดาดฟ้าจึงได้ยินกันถ้วนทั่ว ต่างก็พากันกลั้นขำและเอ็นดูในความน่ารักของเด็กน้อย

หลายคนไม่เคยเห็นพญามาก่อนจึงไม่รู้ว่าเป็นใครในทีแรก แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็พอจะรู้ว่าพญาคือน้าของหนูด้วงและเป็นพ่อของพี่นโม ส่วนพี่นโมมีอีกชื่อก็คือโอบอุ้ม รวมถึงพี่นโมและหนูด้วงน่าจะรู้จักกันมาก่อนหน้านี้นานแล้ว ความรักของสองคนไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น เรื่องราวมันคงซับซ้อนเกินกว่าที่คนนอกอย่างพวกเขาและพวกเธอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่มีใครคิดอยากจะรู้มากไปกว่าร่วมซาบซึ้งและตื้นตันไปกับสิ่งที่เห็น

เทียมฟ้าเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปหยิบไมโครโฟนขึ้นมาร้องเพลงที่พญาร้องค้างเอาไว้ ถึงจะรู้ตัวว่าร้องเพลงเพี้ยนและพญาก็เคยสั่งห้ามว่าอย่าไปร้องเพลงให้ใครฟัง แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

‘ไม่คิดจะยอมแพ้ เราก็ไม่แพ้ แค่เพียงทางที่ไม่มีดอกไม้ให้ก้าวเดิน ขุนเขาหรือขวากหนาม ด้วยรักมันคงไม่ยากเกิน ที่จะเดินไปให้ถึงปลายทาง’


 
โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ มาลงเร็วบ้างช้าบ้างสลับกันไปเนอะ 555
เดี๋ยวจะตามมาแก้คำผิดที่รอดสายตาค่ะ
...รัก...
 

 
[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 29-08-2018 22:06:19
ซึ่งจนน้ำตาไหลเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 29-08-2018 22:10:00
อยากรู้อ่ะอยากรู้มากๆน้องสองคนเป็นลูกพี่โอดอุ้นจริงๆหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-08-2018 22:11:02
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-08-2018 22:50:43
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 29-08-2018 22:56:30
มาแล้ว มาแล้ว  น้อนหนูด้วนกับพี่โอดอั้น  แล้วก้อ  เท่ห์มากมากเลยยุงพญา   :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 29-08-2018 23:01:06
ส่งการบ้านก่อนนะคะ :mew1:
...
...
และภาระหนักที่ต้องกินทุกอย่างให้หมกก็ตกที่เขาทุกทีเหมือนกัน
หมด

“เถ้าแก่ไม่รู้หรอก พาคุณหนูสองคนนี้ไปแป๊ปเดียว”
แก้วมาร้องแทนที เราขอร้องไห้แป๊ปนึง
แป๊บ

ตั้งแต่เป็นแฟนกับพี่โอบแล้วก็รู้สึกจะอ้อนนักข้อขึ้นทุกวัน
หนักข้อ

หนูด้วงกระพริบตาปริบๆ อ้อนเพื่อนรักให้ปล่อยมือ
วันนั้นป๊าเห็นอุ้มมองดูลูกโป่งตาไม่กระพริบเลย
กะพริบ

“งั้นเราสองขอลงไปนอนเล่นที่ห้องเลยนะนาโม”
ตกคำว่า คน รึเปล่าคะ

เมื่อเห็นพ่อหยักหน้าให้จึงรีบพากันลงไปด้านล่าง
พยักหน้า

แล้วขึ้นไปกินบาบีคิวบนดาดฟ้ากัน
บาร์บีคิว

แสงตะวันสะท้อนผิวน้ำน้ำทะเลจนเกิดประกายระยับระยับ
สะท้อนผิวน้ำทะเล // ระยิบระยับ

จนกระทั่งเสียงทุ่มนุ่มเอื้อนเอ่ยบทเพลงผ่านไมโครโฟนออกมาทุกคนถึงได้หันมาสนใจ
เสียงทุ้ม

พญาอดไม่ได้หันไปกระเส้าคนรักที่ยืนตาแดงอยู่ข้างๆ
กระเซ้า

เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ดังขึ้นโดยมีหนูด้วงเป็นคนร้องนำ
หนูร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ไม่ไหวแล้ว
แฮปปี้เบิร์ธเดย์

ส่งเท่าที่อ่านผ่าน ๆ เจอก่อนนะคะ
ขอซับน้ำตาก่อน ... ซึ้งยุงมากมายตอนนี้
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-08-2018 23:06:41
ต้นร้ายปลายดีนะ โอบอุ้ม

รอเฉลยตัวละครปริศนา
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-08-2018 23:34:03
อย่างน้อยในเรื่องแย่ๆก็ยังมีเรื่องดีๆให้เกิดร้อยยิ้ม  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 30-08-2018 00:12:32
 อบอุ่นมากๆ:pig4: :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 30-08-2018 02:14:13
ดีใจกับพี่โอบอุ้มและเด็กๆด้วยจ้ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 30-08-2018 05:52:42
น้ำตาไหลเลย ดีใจกับพี่โอบ ซึ้งใจกับยุง เท่มากยุง ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 30-08-2018 08:47:48
เข้ามาน้ำตาซึมไปกับพี่โอบและยุง   แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะพี่โอบ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-08-2018 09:04:38
ซึ้งมากกกกกก​  ยุงพญาเท่มาก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 30-08-2018 11:21:30
ดีใจกับพี่โอบด้วย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-08-2018 00:00:58
 :man1:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 31-08-2018 01:13:26
สิงโต vs ตะโก้...ไม่นะเลิฟ....สงสารทั้งคู่ผิดหวังมาเยอะแล้ว ให้เค้าได้เจอเรื่องดีๆเลิฟๆกันเนอะ...นะเลิฟน๊าาา
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-08-2018 07:27:00
ดีงามจริงๆ ได้มาปรับความเข้าใจกันแบบนี้
ส่วนสิงโต กะพี่ตะโก้ คิดถึงใจกันและกันให้มากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 31-08-2018 09:11:09
เพิ่งเจอว่ามีเรื่องหนูด้วง ยังคงอบอุ่น ยิ้มทั้งน้ำตาได้จริงๆ ตอนเล็กๆ น่ารักยังไงโตมายิ่งน่ารัก แสบอีก
   :L1:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-08-2018 09:50:26
 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 31-08-2018 10:31:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-08-2018 15:18:35
อ่านทันแล้วเย้
หนูด่วน เฮ้ย หนูด้ววงน่ารักไม่เปลี่ยน
พี่โอบอุ้มก็เลยรักไม่เปลี่ยน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 31-08-2018 16:01:26
ทุกคนน่ารักไม่เปลี่ยนเลย อย่าให้อะไรมาทำร้ายหนูด้วงเลยนะ
อยากให้น้องมีความสุขกับพี่โอบจริงจังราบรื่นปลอดภัย
ตอนนี้ซึ้งมากก ดีใจที่ยุงวางฟอร์มซักทีเย้
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 31-08-2018 17:47:38
น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 31-08-2018 22:39:48
ทั้งหัวเราะและร้องไห้ ซึ่งงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-09-2018 02:10:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

เวนกำ   ตอนเห็นชื่อคนแต่ง กับเรื่องใหม่  ก็บุ๊คมาร์คไว้แต่ยังไม่อ่าน

พอมีอัพเดตตอนล่าสุด เห็นชื่อ หนูด้วง โอบอุ้ม  ก็อ่าวววววว

นี่ตรูพลาดอะไรไป?  มัวแต่คอยชื่อเรื่อง "หนูด้วงโกทูสคูล" อยู่นั่นแหละ

ป.ล. ตอนที่นกฮูกเอะใจเกี่ยวกับนิสัยและท่าทางของเด็กแฝดใบไม้ใบหม่อน  ข้าพเจ้าขอเดาว่า....

เด็กแฝดเป็นเด็กหลอดแก้ว เกิดจากการโคลนนิ่ง คนที่เป็นที่รักที่สุดของโอบอุ้ม  เพราะใบไม้เหมือนยุงพญา ในขณะที่ใบหม่อนเหมือนหนูด้วง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-09-2018 10:22:32
แอบซึ้งยุงกับพี่โอบจนน้ำตาไหลตามเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-09-2018 09:15:53
พี่นโมคือพี่โอบที่พลาดไปมีลูกกับผู้หญิงอื่น เลยไม่กลับมาหาหนูด้วงรึเปล่าคะ??
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-09-2018 10:27:47
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-09-2018 18:32:41
อบอุ่นและน่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-09-2018 19:14:28
พี่โอบพูดว่า อยากให้โอกาสแฝด แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อพญาได้ คงไม่ใช่ว่าแฝดเป็นลูกพญาหรอกนะ มันต้องมีอะไรมากกว่าการยอมเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-09-2018 19:43:39
สงสัยว่าแฝดต้องเกี่ยวข้องกับยุงพญาแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 12 ยังยิ้มได้ 29/08/61 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 10-09-2018 23:49:58
โอ๊ยยยบบลุ้นๆ รอตอนต่อไปจร้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 15-09-2018 13:01:45
เพลงรักที่หายไป

เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก
ศิลปิน Project H ( B5 version)


8 ปีที่แล้ว

 
“รู้แล้วค่ะพ่อ เยียใกล้จะจบแล้ว อะไรนะคะ จะให้เยียแต่งงาน คุณเชนเขายังไม่ได้ขอเยียสักหน่อย ห๊ะ...นี่เขามาขอเยียกับพ่อแล้วเหรอคะ จริงเหรอคะพ่อ ค่ะ อีกประมาณสามเดือนเยียถึงจะกลับได้ค่ะพ่อ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
 
พเยียวางสายจากนายหัวพยนต์พร้อมกับทอดถอนใจ ข่าวที่ได้รับรู้มันคือสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอด เธอควรจะดีใจที่ได้ยินว่าคนรักของเธอพาผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอเสียที แต่สาเหตุที่ทำให้พเยียต้องมาถอนหายใจก็เพราะอีกไม่กี่วันเธอจะต้องให้กำเนิดทารกแฝดในครรภ์แล้ว ซึ่งเธอจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะพ่อและคุณเชนคนรักของเธอ
 
“คุณปู่โทรมาเหรอครับ”
 
“อืม คุณเชนเขาพาผู้ใหญ่มาสู่ขออาแล้ว โอบ...คือ...”
 
“อาเยียไม่ต้องกังวลหรอกครับ อีกไม่กี่วันทุกอย่างก็จะจบแล้ว”
 
พเยียมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความสับสน สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมาเพราะความกดดันที่เกิดขึ้นในใจ เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดทั้งหมดแต่กลับโยนภาระให้กับเด็กอายุ 20 ปีอย่างโอบอุ้ม เรื่องราวมันเกิดจากเธอน้อยใจคุณเชนที่ใส่ใจแต่งาน ไม่ยอมขอเธอแต่งงานสักที เธอจึงหนีเขามาเรียนต่อทางด้านแฟชั่นดีไซน์ที่อังกฤษเพราะอยากให้เขารู้ว่าหากต้องขาดเธอจะเป็นยังไง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยบินมาหาเธอเลยสักครั้ง เขาเพียงแค่โทรศัพท์มาหาและส่งของขวัญราคาแพงมาให้แทน สำหรับเขาแล้วทุกนาทีคืองาน เขาคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หน้าตาก็ดี ฐานะก็มั่นคง ไม่เจ้าชู้หรือมีเรื่องผู้หญิงมาทำให้พเยียต้องเสียใจ ที่สำคัญพเยียรักเขามาก มันจึงทำให้พเยียตัดขาดเขาไม่ลงแม้เขามักจะเลือกงานมากกว่าตัวเธอ
 
ในคืนนั้น...ขณะที่เธอออกไปดื่มเพื่อประชดคนรักที่ไม่ยอมมาหาเธอตามที่เธอร้องขอ เผอิญได้เจอกับคนรักเก่าที่เลิกรากันไปหลายปี เธอเป็นคนบอกเลิกผู้ชายคนนี้เอง เพราะเขาทำตัวหลักลอย ใช้ชีวิตไปวันๆ แบบหาสาระอะไรไม่ได้ เขาบอกว่าเขาตัวคนเดียวและไม่มีภาระอะไรให้ห่วงจึงไม่จำเป็นต้องขวนขวายอะไร เธอจึงไม่อยากฝากชีวิตเอาไว้กับคนอย่างอามิราน แต่เมื่อได้กลับมาเจออีกครั้ง ได้คุยและรื้อฟื้นความหลังกัน สุดท้ายเธอกับเขาก็ไปจบลงที่เตียง และคืนนั้นเธอก็ไม่ได้ป้องกัน
 
หลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งท้องพเยียก็เอาแต่ร้องไห้เหมือนคนบ้า อนาคตสวยหรูที่วาดหวังเอาไว้กับคุณเชนคงจะต้องจบลง แค่คิดว่าพ่อจะต้องโกรธและผิดหวังแค่ไหนเธอก็แทบไม่อยากจะหายใจ ชีวิตจะต้องพังเพราะความผิดพลาดเพียงแค่คืนเดียว สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะเอาเด็กออก ถึงจะรู้ว่ามันบาป แต่คนอย่างพเยีย ภูมิเทพ จะไม่ยอมให้ตัวเองถูกสังคมนินทาไปจนชั่วชีวิต
 
“อีกไม่กี่วันอาก็คลอดแล้ว อาจะเป็นอิสระ” คำว่า ‘อิสระ’ ที่โอบอุ้มเอ่ยออกมายิ่งเหมือนเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของพเยีย
 
“โอบจะดูเด็กทั้งสองคนเพียงคนเดียวได้ยังไง โอบยังเรียนอยู่เลย”
 
“ผมทำได้ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลพวกเขาเอง”
 
“แล้วถ้าพี่รองถาม...”
 
“ผมไม่มีวันทำร้ายอาเยียหรอกครับ”
 
“โอบ...อากลัว” พเยียกุมขมับและร้องไห้อีกรอบ
 
คืนวันที่เธอตัดสินใจเอาเด็กออก หากโอบอุ้มกลับมาไม่ทันเธออาจจะเสียชีวิตไปพร้อมกับเด็กแฝดทั้งสองคน ยาทำแท้งเถื่อนที่เธอแอบซื้อมาทำให้เธอปวดท้องอย่างหนัก เลือดเริ่มไหลออกมาจากช่องคลอด พเยียหายใจไม่ออกและไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว โชคดีที่โอบอุ้มกลับมาทันเวลา หลานรีบพาเธอไปโรงพยาบาล ตัวเธอและเด็กแฝดยังคงปลอดภัย เธอยังจำวันนั้นได้ดี โอบอุ้มนั่งร้องไห้และอ้อนวอนให้เธอเก็บเด็กเอาไว้ พร้อมกับคำรับปากว่าจะดูแลเด็กแฝดด้วยตัวเอง จะไม่บอกใครเรื่องนี้ และจะไม่กลับไปที่เมืองไทยจนกว่าเธอจะมีชีวิตได้อย่างที่ต้องการแล้ว
 
“พวกเขาจะไม่รู้ ผมรับปากอาแล้วว่าผมจะไม่กลับไทยจนกว่า...จนกว่าชีวิตครอบครัวของอาเยียจะมั่นคง และวันที่ผมกลับไป พวกเขาจะเป็นลูกชายของผม ลูกของผมเท่านั้น เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับอา”

“เธอเลือกเด็กสองคนนี้มากกว่าหนูด้วงได้จริงเหรอโอบ”

“หนูด้วงจะเข้าใจผม”
 
....
..
.
 
‘ฉันรู้เธอไม่สบายใจ ฉันรู้มีใครมากมายนั้นมองเธอผิด สิ่งที่เธอคิดไม่มีใครเห็นและเข้าใจ ถึงแม้ว่าใครจะยังไง ถึงแม้ว่าใครต่อใครไม่ให้โอกาส ในวันที่แพ้ที่เธอทำพลาด จะวันไหนฉันอยากจะขอให้เธอเข้าใจ ต่อให้ใครไม่รัก ต่อให้ใครไม่สน แต่อยากจะขอให้เธออดทน ไม่ต้องไปหวั่นไหว ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม ว่าฉันนั้นรักเธอ’
 
“พี่โอบมาอยู่นี่เอง” หนูด้วงเดินตามหาเจ้าของวันเกิด จนกระทั่งมาเจอโอบอุ้มกำลังลูบผมน้องแฝดที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง
 
“พี่ลงมากล่อมเจ้าแฝด”
 
“หนูได้ยินพี่ร้องเพลงกล่อมน้องแฝด ชื่อเพลงอะไรฮะ เพราะดี”
 
“ต่อให้ใครไม่รัก”
 
‘ฉันรู้ว่าเธอพยายาม และรู้ว่าเธอนั้นทำด้วยความตั้งใจ สิ่งที่เธอคิดนั้นช่างยิ่งใหญ่ ได้ยินไหม อยากให้เธอรู้และเธอเข้าใจ ต่อให้ใครไม่รัก ต่อให้ใครไม่สน แต่อยากจะขอให้เธออดทน ไม่ต้องไปหวั่นไหว ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม...ว่าฉันนั้นรักเธอ’
 
หนูด้วงร้องทวนท่อนท้าย ถึงจะแอบยืนฟังอยู่เพียงรอบเดียวก็จำได้เช่นเคย รู้สึกชอบความหมายของเพลง
 
“จำเก่งจริงๆ”
 
“เอาไว้ร้องกล่อมหนูบ้างนะ หนูชอบ”
 
“แบบหนูไม่ต้องร้องเพลงกล่อมหรอก พี่แค่เกาหลังให้ก็หลับแล้ว”
 
“ก็เกาไปด้วยร้องเพลงกล่อมด้วยไงฮะ”
 
“หนูอยากเป็นลูกของพี่มากกว่าเป็นแฟนเหรอ”
 
“หนูอยากเป็นทุกอย่างของพี่”
 
“หนูก็เป็นทุกอย่างของพี่อยู่แล้ว แต่ไม่ให้เป็นลูก พี่ไม่อยากเข้าคุก”
 
“ถ้าพี่ติดคุก หนูจะเป็นผู้คุมขังเอง เดี๋ยวหนูยืมกุญแจมือของอาน้องมาใช้”
 
“ทะเล้นจริง” โอบอุ้มนึกขำคนปากกล้า ถึงเวลาจริงขอให้กล้าแบบนี้เถอะ
 
“พี่...หนูเตรียมของขวัญเอาไว้ให้พี่ด้วยนะ แต่ยังให้ตอนนี้ไม่ได้ หนูต้องรอให้ทุกคนอนุมัติก่อน”
 
“ต้องมีการอนุมติด้วยเหรอ”

 
หนูด้วงไม่ได้ตอบแต่ยื่นหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนกอดน้องแฝด พินิจพิจารณาเด็กน้อยทั้งสองคนก่อนจะหันไปมองหน้าของโอบอุ้ม

 
“น้องแฝดหน้าไม่เหมือนพี่เลยสักคน มีแต่คนบอกว่าน้องหม่อนหน้าเหมือนหนู”
 
“คงเพราะพี่คิดถึงหนูด้วงมากๆ น้องหม่อนเลยหน้าเหมือนหนูไงครับ”
 
“คิดถึงหนูตอนที่กำลังทำ...แบบนั้นกับเขาเหรอฮะ”
 
“หึหึ งั้นมั้งครับ”
 
“งี้พี่ก็คงคิดถึงยุงพญาด้วยใช่ไหม น้องไม้ถึงหน้าเหมือนยุง”
 
“โธ่หนูด้วง” โอบอุ้มคิดว่าถ้าตัวเองกำลังดื่มน้ำคงจะต้องสำลักออกมาแน่ๆ
 
“พี่โอบ”
 
“ครับ”
 
“กอดหนูหน่อย”
 

เมื่อถูกเจ้าตัวยุ่งอ้อนโอบอุ้มจึงต้องลงไปนอนเบียดอยู่บนเตียงด้วยอีกคน ฝ่ายนั้นซุกตัวเข้าหาเพื่อให้เขากอดได้สะดวก เขาไม่รู้ว่าหนูด้วงคิดอะไรอยู่ รู้แต่ว่าคนขี้อ้อนดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก
 

“คิดอะไรอยู่ครับ”
 
“หนู...หนูอยากอยู่กับพี่ตอนที่พี่ต้องทุกข์ใจ ตอนนั้นพี่เหนื่อยมากไหม ตอนนั้นพี่เหงามากไหมฮะ”
 
“ทำไมจู่ๆ มาพูดเรื่องนี้อีก”
 
“ก็หนูเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเลย ปล่อยให้พี่ต้องเหงา”
 
“ใครบอก หนูเป็นคนรักที่ดีที่สุดเลยนะ”
 
“จริงเหรอฮะ”
 
“จริงสิ หนูอุตส่าห์รอพี่ หนูอดทน หนูไม่เคยมีใคร หนูไว้ใจและเชื่อใจพี่ หนูอภัยให้พี่ หนูเข้าใจพี่ มันดีที่สุดเลยรู้ไหม”
 
“ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม ว่าฉันนั้นรักเธอ”
 
“รับทราบครับ”
 
“หนูก็รักน้องแฝดเหมือนลูก”
 
“พี่รู้ครับ”
 
“หนูจะไม่ดื้อกับพี่”
 
“ดีมากเลยครับ”
 
“หนูจะหัดทำกับข้าว”
 
“น่ารักมากครับ”
 
“หนูจะตั้งใจเรียน แล้วมาช่วยพี่ดูแลกิจการ”
 
“เยี่ยมที่สุดครับ”
 
“หนูจะเป็นภรรยาที่ดี”
 
“.......”
 
“หนูจะทำให้พี่มีความสุขจนต้องร้องขอชีวิต หนูจะทำให้พี่ครวญครางแล้วก็หอบแฮกๆ”
 
“......”
 
“หนูจะ....อุปส์”
 
เตียงนุ่มยวบยาบเมื่อโอบอุ้มคว้าเอวคนช่างจำนรรจาขึ้นมานอนทาบทับอยู่บนร่างกายของตัวเอง เขาใช้ริมฝีปากบดเบียดริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่ายและสอดปลายลิ้นรุกไล่จนคนช่างจ้อไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้อีก มีเพียงดวงตากลมโตที่ตื่นกว้าง แต่เพียงครู่เดียวก็หลับพริ้มลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม
 
คำที่คุยโม้โอ้อวดว่าจะทำให้พี่โอบร้องขอชีวิตเป็นอันพับไปเมื่อถูกอีกฝ่ายใช้ลิ้นกวาดต้อนไปทั่ว แม้พักหลังจะถูกพี่โอบจูบอยู่บ่อยๆ แต่หนูด้วงก็ยังขนลุกได้ทุกครั้ง หนูด้วงคิดว่า ถึงแม้จุมพิตของพี่โอบมันอ่อนโยนแต่ทว่ามันร้อนแรงเหลือเกิน
 
ตะ ตะ ตะ ตุ๊กแก! ตะ ตะ ตะ ตุ๊กแก!
 
สองร่างผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงตุ๊กแกดังมาจากด้านนอก ไม่เพียงแต่หนูด้วงกับโอบอุ้มเท่านั้นที่ตกใจ น้องแฝดก็ยังสะดุ้งสุดตัว หนูด้วงรีบลุกขึ้นมานั่งแล้วตบที่อกของน้องแฝดเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ จนทั้งคู่เคลิ้มหลับอย่างเดิม หันไปเห็นพี่โอบนั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ เลยต้องหันมากอดปลอบบ้าง พี่โอบเป็นคนที่กลัวตุ๊กแกมาก ใจหนึ่งก็นึกสงสาร อีกใจก็อยากให้พี่โอบกลัวตุ๊กแกไปแบบนี้ หนูด้วงจะได้กอดปลอบพี่โอบบ่อยๆ
 

“พี่! สงสารน้องโอบ พี่นิสัยไม่ดีเลย” เทียมฟ้าฟาดพญาเต็มแรงเมื่อฝ่ายนั้นแกล้งเลียนเสียงตุ๊กแกเพื่อให้โอบอุ้มกับหนูด้วงแยกจากกัน
 
“มือหรือตีนวะเนี่ย ชอบความรุนแรงนะเราอะ”
 
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”
 
“ก็มันยังไม่ถึงเวลา หนูด้วงต้องเข้าห้องแถลงการณ์ก่อน”
 
“ยังจะมีห้องนั่นอยู่อีกเหรอ หนูด้วงโตแล้วนะ”
 
“เอาน่า โตยังไงก็ยังเด็กในสายตาของพวกเราอยู่ดี”
 
“แล้วพี่จะนั่งตากลมทำตัวเป็นตุ๊กแกไปแบบนี้จนเช้าจริงๆ เหรอครับ น้องไม่เอาด้วยหรอกนะ”
 
“อ้าวๆ ไหนว่ารักพี่ ไม่คิดจะทิ้งพี่ไปไหนไง”
 
“ก็มันเสียเวลา จริงๆ น้องตั้งใจว่าจะชวนพี่เล่นคุณหมอกับพยาบาลในเรือของเรา แต่พี่คงไม่อยากเป็นหมอฉีดยาให้น้องแล้ว คงอยากจะเป็นตุ๊กแกมากกว่า น้องไปนอนดีกว่า”
 
“หมอเหรอวะ มีฉีดยาด้วย จิ๊ๆๆ มึงนี่นะ” พญาส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจเมื่อโดนคนรักมายั่วให้อยากแล้วจากไป อยากจะตามอีกฝ่ายไปแต่อีกใจก็กังวลว่าหนูด้วงจะยั่วยวนป่วนอารมณ์จนเจ้าอุ้มทนไม่ได้เหมือนกัน นึกบ่นในใจว่าหนูด้วงยิ่งโตยิ่งแสบ แล้วโชคก็เข้าข้างคนหวงหลานเมื่อลูกน้องคนสนิทของตัวเองเดินมาพอดี “ไอ้ก้าน มึงมานี่เร็ว”
 
“นายมานั่งทำอะไรตรงนี้”
 
“มึงมานี่ มึงแอบดูหนูด้วงกับเจ้าอุ้มเอาไว้นะ ถ้าเจ้าอุ้มของขึ้นเมื่อไหร่มึงต้องทำตัวเป็นตุ๊กแก เข้าใจไหม กูไปล่ะ”
 
“ตุ๊กแกอะไรครับนาย แล้วนั่นนายจะไปไหน”
 
“ไปเป็นหมอโว้ย ดอกเตอร์พญาผู้ยิ่งใหญ่ ฮ่าๆๆ” พญาหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีก่อนจะรีบเดินตามคุณพยาบาลเทียมฟ้าไปติดๆ ทิ้งให้ก้านนั่งเกาหัวแกรกๆ เพราะไม่รู้ว่าการทำตัวเป็นตุ๊กแกมันต้องทำยังไง
 
.......
 
ในที่สุดเรือยอร์ชลำหรูก็พาทุกคนมาถึงท่าเรือของเกาะใบไม้ครามในช่วงสายของวันใหม่ มีคุณสั่งให้คนงานเอารถกระบะสองคันมารับเด็กๆ ไปที่ร้านก่อน คืนหนูด้วงและเพื่อนๆ จะไปตั้งแคมป์ค้างคืนบนผาฟ้าคราม กลุ่มเพื่อนสนิทของหนูด้วงคุ้นเคยกับที่นี่ดีเพราะทุกคนศึกษาอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยม ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่เคยมาที่นี่ ต่างก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามที่ได้เห็น
 
ช้วนและคุณพลอยประดับรอต้อนรับทุกคนอยู่ที่ร้านมีคุณอนันต์ โดยปกติหนูด้วงไม่ค่อยมีเพื่อนมาเที่ยวบ้านสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่หน้าเดิมๆ ตั้งแต่ไปเรียนมหา’ลัยก็ดูเหมือนโลกของหนูด้วงจะกว้างมากขึ้น รับรู้จากที่เจ้าตัวโทรมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ เมื่อรู้ว่าหนูด้วงจะพาเพื่อนใหม่มาเที่ยวบ้าน อาหารคาวหวานในวันนี้จึงถูกจัดเตรียมต้อนรับให้อย่างเต็มที่
 
แต่ก่อนที่หนูด้วงจะพาเพื่อนๆ พี่ๆ ไปทานของอร่อยก็พาทุกคนไปไหว้คุณย่าละม่อม รวมถึงพี่ๆ พนักงานในร้านก่อน ทุกคนคือครอบครัวใหญ่ที่หนูด้วงให้ความนับถือเปรียบเสมือนญาติแท้ๆ เมื่อแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันแล้วจึงพาทุกคนมาทานข้าว เห็นทุกคนเอร็ดอร่อยกับรสชาติอาหารก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เจ้าตัวทำหน้าที่บรรยายที่มาของอาหารแต่ละอย่างด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของคนในครอบครัว คนที่ดูมีความสุขที่สุดเห็นจะไม่พ้นน้องหม่อนที่กินจนเดินแทบไม่ไหว เมื่ออิ่มท้องกันแล้วทั้งหมดจึงเดินทางขึ้นไปยังที่พักบนผาฟ้าคราม
 
“ญาติของหนูด้วงเยอะจริงด้วย อาหารก็อร่อยมากเลย เกาะนี้เป็นของหนูด้วงทั้งเกาะเลยเหรอ” แก้วเคยได้ยินเรื่องของหนูด้วงมาก่อน ข่าวลือเรื่องฐานะของหนูด้วงมีความจริงไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำเมื่อแก้วได้มาเห็นทุกอย่างกับตา
 
“ก็เกือบทั้งเกาะนะ” น้องเกลเป็นคนตอบ
 
“เดี๋ยวถ้าแก้วเจอพี่พายนะ รับรองตะลึง” เม่นรู้ดีว่าถ้าใครได้เจอออร่าความหล่อของพี่พายพัดต้องหลงใหลแน่ๆ
 
“หล่อมากเลยเหรอ อยากเจอแล้ว” แก้วทำท่าตื่นเต้น
 
รถกระบะสองคันขับมาถึงบริเวณที่จอดรถบนผาฟ้าคราม ทุกคนต่างก็หิ้วสัมภาระของตัวเองแล้วเดินเท้าต่อไปอีกไม่ไกล เมื่อไปถึงจุดหมายต่างก็ตะลึงกับความสวยงามตรงหน้า ด้านขวาเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารของนับตังค์ ด้านซ้ายเป็นร้านกาแฟของใบเมี่ยง ส่วนด้านหน้าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเกาะแห่งนี้ เลยไปทางด้านข้างของร้านกาแฟก็คือบ่อน้ำพุร้อน บรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้น
 
“มัมๆ หนูมาแล้ว คิดถึงหนูไหม” หนูด้วงทิ้งเป้ที่ถือลงแล้ววิ่งเร็วจี๋ไปหานับตังค์ เจ้าตัวแสบโถมตัวไปกอดจนอีกฝ่ายแทบลมทั้งยืน ดีที่มีคุณเดินเข้ามาสวมกอดนับตังค์จากด้านหลังเอาไว้ทัน
 
“แล้วไม่คิดถึงแด๊ดดี้เหรอ” มีคุณถามลูกชาย
 
“คิดถึงฮะ หนูคิดถึงทั้งมัมทั้งแด๊ดเลย มาหอมแบบพัดลม” หนูด้วงพูดจบก็หอมแบบพัดลม เป็นการหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสามคน คนอื่นๆ เห็นก็ทั้งขำทั้งเอ็นดู
 
“นั่นเหรอ มัมของหนูด้วง” แก้วถามน้องเกล
 
“ใช่”
 
“แล้วแม่แท้ๆ ของหนูด้วงล่ะ”
 
“เราจะไม่พูดเรื่องส่วนตัวของหนูด้วงแล้วนะ ถ้าอยากรู้ไปถามหนูด้วงเอาเองก็แล้วกัน” น้องเกลปรามแก้วที่ทำท่าอยากรู้เรื่องของหนูด้วงมากจนเกินพอดี
 
“เราขอโทษนะ” แก้วหน้าเสีย
 
“นี่ถ้าพี่เกิดเร็วกว่านี้นะ จะจีบมัมของหนูด้วง สเป็กเลย” ป้ายเป็นคนที่พูดขึ้นมาพร้อมกับเหลือบไปมองนกฮูกที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
“แต่สเป็กของน้าตังคงไม่ใช่แบบมึงหรอกไอ้ป้าย” ทำนุแขวะป้ายกลับ ป้ายเห็นนกฮูกแอบหัวเราะก็เอามือไปยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งไปหมด
 
“สวัสดีครับทุกคน” พายพัดกับใบเมี่ยงเดินออกมาจากร้านกาแฟเพื่อทักทายเพื่อนๆ ของหนูด้วง
 
ประกายวิบวับเกิดขึ้นเมื่อแสงแดดทอลงมาตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่พอดี คนหนึ่งก็สูงยาวเข่าดี ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนศิลปินเกาหลี ส่วนคนตัวเล็กที่ยืนข้างๆ เป็นเจ้าของยิ้มที่ทำให้ใจเต้นได้ง่ายๆ ดวงตาเรียวสุกใสทอประกายเจิดจ้า ช่างน่ามองไม่ต่างกัน ทั้งคู่เหมือนภาพฝันที่ดูล่องลอยจนเอื้อมไม่ถึง
 
“โคตรหล่อเลย” แก้วเพ้อออกมาเมื่อเห็นพายพัด
 
“โคตรน่ารักอะ” แปะก็เพ้อออกมาเช่นกันเมื่อเห็นใบเมี่ยง
 
“หนูก็น่ารัก” หน้าของหนูด้วงโผล่แทรกเข้ามาในเฟรมสายตาของเพื่อนๆ และพี่ๆ ทุกคนถึงกับสะดุ้งแล้วหลุดออกมาจากภาพความฝัน “ทำไมอะ หนูไม่น่ารักเหรอ” หนูด้วงเอียงคอถามเมื่อเห็นทุกคนถอนหายใจ
 
“ตัวแสบ” แปะกับทำนุจิ้มไปที่หน้าผากของหนูด้วงเบาๆ พร้อมกัน
 
“หนูน่ารักไหม” หนูด้วงหันไปถามโอบอุ้มแทน
 
“น่ารักครับ” พอโอบอุ้มตอบหนูด้วงก็ยิ้มกว้าง
 
“หนูด้วง พาทุกคนเอาของไปไว้ที่เต็นท์ได้เลย เลือกกันเอาเองนะจะนอนตรงไหน พี่ขมิ้นจัดการให้หมดแล้ว แล้วมีเสื้อหนาวกันมารึเปล่า กลางคืนบนนี้จะหนาวมากนะ” นับตังค์นึกห่วงกลัวเด็กๆ จะไม่สบาย
 
“หนูบอกให้ทุกคนเตรียมมาแล้วฮะ”
 
“ใบไม้ ใบหม่อน มาสวัสดีคุณ...” โอบอุ้มลังเลไม่รู้ว่าจะให้น้องแฝดเรียกญาติผู้ใหญ่ของหนูด้วงว่าอย่างไรดี ถึงน้าตังและน้าคุณจะเคยเจอน้องแฝดตอนที่คุยไลน์กับหนูด้วงมาก่อน แต่ตอนนั้นโอบอุ้มไม่ได้ระบุว่าให้เด็กๆ เรียกท่านทั้งสองคนว่าอย่างไร
 
“น้าไม่เป็นปู่นะ” นับตังค์รีบบอก เริ่มเข้าใจช้วนแล้วว่าตอนตัวเองแกล้งเรียกช้วนว่าปู่มันรู้สึกยังไง
 
“ไม่เป็นปู่ก็ต้องเป็นลุงไง ต้องเป็นลุงตัง ลุงตังหรือยุงตังดี” พญาหัวเราะชอบใจที่ได้เอาคืนนับตังค์บ้าง
 
“ก็ได้ก็ได้ เป็นยุงดีกว่าเป็นปู่” นับตังค์รีบตอบรับ
 
“พี่หนูด้วงบอกว่า ยุงตังมีคุณตู้เย็นใบใหญ่มากๆ” น้องหม่อนไหว้ทุกคนเสร็จก็รีบเข้าไปถาม
 
“นี่มันหนูด้วงชัดๆ บอสดูสิ” นับตังค์ลูบผมน้องหม่อน
 
“จำได้แล้ว นี่พี่สุดหล่อที่เราคุยในไลน์ใช่ไหมนาโม” น้องไม้ชี้ไปที่มีคุณก่อนจะหันมาโอบอุ้ม
 
“ใช่แล้วครับ” มีคุณเป็นฝ่ายตอบ
 
“โห ทำไมบอสได้เป็นพี่อะ ตังจะเป็นพี่บ้าง น้องไม้..มานี่มา มามองหน้าพี่ให้ดี พี่ก็หน้าตาดีนะ” นับตังค์ย่อตัวลงแล้วจับแก้มของน้องไม้ให้มาจ้องหน้าตัวเอง
 
“พี่ก็หล่อ แต่พี่คนนั้นหล่อกว่า” น้องไม้ยังยืนยัน
 
“ก็ได้ก็ได้” นับตังค์ไม่อยากบังคับหลาน แต่พอเห็นมีคุณลอบยิ้มก็นึกเซ็ง
 
“แต่น้องหม่อนว่ายุงตังน่ารัก ตัวก็ห๊อมหอม น้องไม้มาดมสิ” น้องหม่อนรีบชักชวนพี่ชายฝาแฝด เมื่อน้องไม้มายืนใกล้ๆ นับตังค์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
 
“ไปกับพี่ตังดีกว่า จะพาไปดูขนมหอมๆ หอมกว่าตัวพี่อีก” เจ้าของกลิ่นหอมรีบหว่านล้อมเด็กน้อยให้ไปด้วยกัน อดมันเขี้ยวไม่ได้เลยหอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองคนฟอดใหญ่ เล่นเอาน้องไม้หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
 
“น้องแฝดต้องมนต์มัมๆ ซะแล้ว” หนูด้วงเห็นน้องไม้และน้องหม่อนยอมไปกับนับตังค์ง่ายๆ แถมจูงมือนับตังค์ไม่ปล่อย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าทั้งสองคนติดใจมัมๆ เข้าให้แล้ว
 
“เจ้าอุ้ม พาเพื่อนกับน้องๆ ไปเดินเล่นรอบๆ ก่อนก็ได้ ส่วนหนูด้วงมากับน้า” พญาเอ่ยก่อนจะเดินมาโอบไหล่ของหนูด้วง
 
“แต่หนู...” หนูด้วงอยากไปกับพี่โอบ แต่ก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องแถลงการณ์แล้วจึงตอบรับแต่โดยดี “ก็ได้ก็ได้”


มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อใหใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 15-09-2018 13:04:57
ต่อจากด้านบนค่ะ

 
สมัยหนูด้วงยังเยาว์วัย มีคุณ นับตังค์ พญา เทียมฟ้า พายพัด และใบเมี่ยงมีข้อตกลงกันว่าจะไม่ตามใจหนูด้วงพร่ำเพรื่อ หากหนูด้วงอยากได้อะไรจะต้องเข้าห้องแถลงการณ์เพื่อมาบอกข้อดีและประโยชน์ของสิ่งที่อยากได้ ถ้ามีคนยกมือให้ผ่านเกินครึ่ง คำขอนั้นถือว่าได้รับการอนุมัติ ส่วนใหญ่คนที่ยกมือให้ผ่านทุกเรื่องที่หนูด้วงขอก็คือพญา
 
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่หนูด้วงจะต้องเข้าห้องแถลงการณ์ และหัวข้อที่หนูด้วงอยากขออนุมัติจากทุกคนก็คือ ‘หนูอยากตกเป็นของพี่โอบอุ้ม’ อดีตเด็กน้อยในวัยเยาว์กำลังยืนอยู่กลางห้องโดยมีสายตาทั้ง 6 คู่มองมา เจ้าตัวกระแอมเล็กน้อยก่อนจะสูดหายใจลึกๆ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง
 
“หนูชื่อนายพยัคฆ์ นฤวิทย์มณีรัตน์ภูมิเทพ เป็นนายแล้ว ไม่ใช่เด็กชายแล้วนะฮะ” หนูด้วงเริ่มต้นคำแถลงการณ์ด้วยการใช้วัยวุฒิของตัวเองมานำเสนอ
 
“ไม่ผ่าน” พญารีบบอก
 
“หลานยังไม่ได้ขอ! ลุงอย่าเยอะ” นับตังค์หันไปดุพญา
 
“โธ่ น้องตัง ก็รู้อยู่แล้วว่าหนูด้วงจะขออะไร” พญาโอดครวญ
 
“ยุงอย่าผิดกฎสิฮะ ไม่งั้นหนูจะงอนยุงสามเดือนเลย” หนูด้วงทำหน้ามุ่ย
 
“เออๆ พูดมา ยังไงก็ไม่ให้ผ่าน” พญากอดอกพร้อมกับทำหน้าเข้ม
 
“พูดมาเลยหนูด้วง” เทียมฟ้าขยิบตาให้หนูด้วง พอพญาหันมามองเทียมฟ้าก็แกล้งตีหน้าตาย
 
“พี่โอบอุ้มเป็นคนดี” หนูด้วงเริ่มบอกข้อดี เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแย้งจึงพูดต่อ “หนูก็คบกับพี่โอบอุ้มเป็นแฟนแล้ว แล้วเราก็จูบกันแล้ว”
 
“เจ้าอุ้มมันเริ่มใช่ไหม” พญาถาม
 
“ไม่ใช่ฮะ หนูเริ่มเอง”
 
“แต่เจ้าอุ้มก็จูบตอบ” พญายังคงยอกย้อนกับหลาน
 
“ไม่ใช่ฮะ พี่โอบแค่เอาปากของพี่โอบผลักปากหนู ผลักกันไปก็ผลักกันมา” เหตุผลของหนูด้วงเล่นเอาทุกคนหลุดขำ ยกเว้นพญาที่ยังอึ้งกับคำแก้ตัวของหนูด้วงอยู่
 
“แต่แด๊ดว่าหนูยังเด็กไปรึเปล่าครับ ถึงน้องโอบจะเป็นคนดีแต่มันไม่เกี่ยวกับการที่หนูจะมีอะไรกัน หน้าที่ของหนูคือตั้งใจเรียนให้จบก่อน ดูแลตัวเองให้ได้ก่อน จริงไหม” มีคุณถาม
 
“ก็จริงก็จริง แต่คนเราก็สามารถทำได้หลายหน้าที่นี่ฮะ แล้วหนูก็รับปากว่าจะดูแลตัวเองไม่ให้ท้องแน่นแน่”
 
“แถเก่งจริงๆ” พญาพึมพำ
 
“การมีอะไรกันมันเจ็บนะ” นับตังค์ลองขู่หลาน
 
“เจ็บที่กายแต่สุขที่หัวใจ ไม่งั้นมัมๆ คงไม่ยอมให้แด๊ดคั่วกลิ้งแน่นแน่ฮะ”
 
“เห็นไหมล่ะ ชอบทำให้หนูด้วงเห็น” นับตังค์เขินจนต้องระบายออกด้วยการหยิกมีคุณ ส่วนคนถูกหยิกไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บ เอาแต่หัวเราะชอบใจ
 
“ผมให้ผ่าน คนรักกันต้องอยากเป็นของกันและกัน มันคือการบอกรักผ่านภาษากาย” พายพัดยกมือให้ผ่าน
 
“เมี่ยงก็...ให้ผ่าน”
 
“ไม่ให้ผ่าน เพิ่งจะเรียนอยู่ปีหนึ่งเอง” พญายังยืนยันเจตนารมณ์ของตัวเอง
 
“น้องให้ผ่าน” เทียมฟ้าก็ให้ผ่าน เท่ากับว่าเหลืออีกแค่เสียงเดียวหนูด้วงก็จะได้รับการอนุมัติ
 
“ยังไม่ให้ผ่านดีกว่า รอไปอีกสักปีก่อน นะครับคนเก่ง” นับตังค์แสดงความคิดเห็นบ้าง
 
“พี่คุณว่าไงครับ” ใบเมี่ยงหันไปถามพี่ชาย
 
“คนรักกัน เรื่องนั้นมันเป็นแค่ส่วนประกอบ แด๊ดรู้ว่าหนูด้วงอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์ แต่หนูไม่ควรเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้และไม่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จนเกินไป” มีคุณพูดกับหนูด้วง เด็กน้อยเริ่มน้ำตารื้นเมื่อคิดว่าคำขอครั้งนี้อาจจะถูกปฏิเสธ
 
“หนูกับพี่โอบเรารอกันมานานแล้วนะฮะ พอเราเจอกันเราก็อยากใกล้ชิดกันมากๆ แด๊ดดี้อาจจะคิดว่าหนูให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นมากเกินไป ที่จริงแล้วหนูให้ความสำคัญกับทุกอย่างที่เป็นพี่โอบ เมื่อเกิดความต้องการหนูก็อยากให้มันเป็นไปแบบที่คนรักกันควรทำต่อกัน จริงๆ แล้วพี่โอบจะทำอะไรหนูก็ได้ แต่ก็ไม่ทำเพราะรับปากยุงเอาไว้ ถึงจะยั่วพี่โอบแค่ไหนก็รู้ว่าพี่โอบจะไม่ทำ หนูเกลียดการรอคอย แต่หนูก็จะรอคอยเพื่อทุกคนก็ได้ก็ได้ฮะ” หนูด้วงหันหลัง ทำท่าเช็ดน้ำตา
 
“ตังเปลี่ยนใจแล้ว ให้ผ่าน” นับตังค์ไม่ได้คิดจะห้ามแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่อยากแกล้งหนูด้วงแค่นั้น พอเห็นหลานมีน้ำตาและร้องไห้จนตัวสั่นก็สงสารจนจับหัวใจ
 
“แด๊ดก็ให้ผ่าน”
 
“อ้าว..” พญาเห็นทุกคนให้ผ่านหมดก็อ้ำอึ้ง พอเห็นหนูด้วงหันมาพร้อมกับดวงตาเศร้าที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาก็ใจหาย สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้า “ผ่านก็ผ่าน”
 
“สรุปว่าคำขอของหนูด้วงได้รับการอนุมัติ” เทียมฟ้าเป็นคนสรุป
 
“เย่ หนูจะได้เป็นของพี่โอบแล้ว ขอบคุณฮะอาน้องที่ให้หนูยืมน้ำตาปลอม หนูไปก่อนนะฮะ ต้องไปเตรียมตัวให้ดี มัมไม่ต้องห่วงนะฮะ ต่อให้เจ็บ หนูก็จะทน เย่” หนูด้วงชูมือชูไม้รีบวิ่งออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ในห้องจะเปลี่ยนใจ
 
“น้อง!” พญาหันมาส่งเสียงดุคนรัก
 
“น้องสงสารหลาน พี่ยังมีอะไรกับน้องทุกคืนเลย แล้วจะไปห้ามหลานทำไม”
 
“ทุกคืนเลยเหรอ” นับตังค์ทำตาโต
 
“ผมก็กินอุ๋งอุ๋งทุกคืน” พายพัดหันมาบอกนับตังค์บ้าง
 
“โห บอส ไม่ต้องมามองหื่นๆ แบบนั้นเลย คืนเว้นคืนแบบเดิมก็จะตายแล้ว ตังพาน้องไม้น้องหม่อนไปเที่ยวข้างล่างดีกว่า” นับตังค์ทำท่าขนลุกก่อนจะรีบเดินตามหนูด้วงออกไป
 
“สอนหลานดีนักนะ กลับบ้าน มึงจะต้องโดนลงโทษ” พญาแกล้งทำหน้าเกรี้ยวกราดใส่เทียมฟ้า
 
“ยอม”
 
เจอคำตอบสั้นๆ และหน้าอ้อนๆ ของเทียมฟ้า พญาจึงได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ เขารู้ว่าโอบอุ้มเป็นคนดีและสามารถฝากหนูด้วงเอาไว้ได้ แต่คนมันหวงหลานและมองว่าหลานยังเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำเลยทำใจไม่ค่อยได้ เด็กสองคนนั้นก็มีความทุกข์มามากพอแล้ว มันคงถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้พวกเขาได้สร้างครอบครัวของตัวเองเสียที
 
...

 
พญากลับมาถึงบ้านก็พบว่านายหัวพยนต์รอเขาอยู่แล้ว พอจะเดาออกว่าพ่อต้องการจะพูดเรื่องอะไร เขาบอกให้เทียมฟ้าเอาของว่างที่ได้มาจากร้านมีคุณอนันต์ไปให้แม่บ้านในครัวเพราะอยากคุยเรื่องนี้กับนายหัวพยนต์ตามลำพัง
 
“เจ้าโอบกลับมาแล้วใช่ไหม สรุปว่ามันยอมบอกไหมว่าเด็กนั่นลูกใคร” นายหัวพยนต์ไม่รอช้า เปิดประเด็นที่ต้องการจะพูดทันที
 
“จะลูกใครก็ไม่สำคัญหรอกครับ ผมรับเด็กนั่นเป็นหลานแล้ว”
 
“แล้วเรื่องหนูด้วงล่ะ”
 
“เด็กมันรักกัน ผมอนุญาตให้เขาคบกันแล้ว”
 
“ว่าไงนะ! เจ้าโอบมันไปแอบมีลูกมีเมียแล้วนะ พ่อไม่ได้คิดจะต่อว่าอะไรในเรื่องนี้ ยังเคยคิดจะให้มันสร้างทายาทให้ภูมิเทพด้วยซ้ำ แกบอกฉันว่าถ้ามันจะรักกับหนูด้วงให้ฉันยอม ฉันก็ทำใจยอมรับให้ได้ แต่ในเมื่อมันมีอะไรกับผู้หญิงได้แปลว่ามันไม่ใช่เกย์ แล้วแกจะให้มันกลับมาคบกับหนูด้วงอีกรึ แกนึกยังไงห๊ะพญา เอาหลานไปประเคนให้มัน พ่อรับไม่ได้ จะรู้ได้ไงว่ามันมาคบกับหนูด้วงเพราะรัก ไม่ใช่เพราะเงิน พ่อรู้สึกผิดหวังในตัวเด็กคนนั้นจริงๆ”
 
“พ่อจะไม่รู้จักคำว่าผิดหวังถ้าเลิกคาดหวังในตัวคนอื่นเสียที ที่ผ่านมาพ่อเคยผิดหวังในตัวเองไหม ถ้าพ่อเคยผิดหวังในตัวเองแล้วจะไม่ให้คนอื่นพลาดเลยรึไง เจ้าอุ้มมันลูกผม ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจหรือผิดหวังในตัวมัน ผมจะเข้าใจและภูมิใจในตัวมันเอง”
 
“เรามันอายุเยอะแล้ว ไม่มีใครอยู่กับหนูด้วงได้ตลอดไป แกมั่นใจแล้วเหรอว่าเจ้าโอบจะทำหน้าที่นี้แทนแกได้”
 
“ผมเองก็เคยเป็นคนเลวในสายตาพ่อมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ ทุกคนควรได้รับโอกาส”
 
“แกจะพูดเรื่องเก่าทำไม”
 
“พ่อรู้ไหม ผมเคยตามหาความสุขมาตลอดชีวิต ไอ้ที่ทำตัวเลวๆ ใช้เงินเป็นเบี้ย เพราะผมอยากรู้ว่าความสุขมันเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอย่าเที่ยวเสียเวลาค้นหาความสุข ความสุขไม่ได้มีไว้หาแต่มันต้องสร้างขึ้นมาเอง ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าอุ้มมันจะดูแลหนูด้วงได้ดีเท่าที่พ่อต้องการไหม แต่ผมเชื่อว่าทั้งสองคนจะมีความสุข ความสุขที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกัน พรุ่งนี้ก็วันเกิดของพ่อแล้วนะ พ่อเลิกมองหาความสุขแล้วสร้างมันเถอะ” พญาเห็นสีหน้าของนายหัวพยนต์อ่อนลงก็คิดว่าคำพูดของเขาจะเตือนสติของพ่อได้ เขาอยากให้พ่อปล่อยวางและเลิกคาดหวังในตัวของใครอีก
 
“คุยอะไรกันอยู่คะ ท่าทางเครียดเชียว” พเยียเดินเข้ามาเห็นพ่อกับพี่ชายคุยกันจบพอดี แต่ท่าทางของทั้งคู่ดูเคร่งเครียดจนอดถามไม่ได้
 
“ไม่มีอะไร แล้วน้องไหมไปไหน” นายหัวพยนต์ปฏิเสธก่อนจะถามถึงหลานสาว
 
“อยู่กับคุณเชนค่ะ นี่เยียเอารายชื่อแขกมาให้ แขกผู้ใหญ่มากันเยอะเลย”
 
“พี่เยีย สวัสดีครับ” เทียมฟ้าเดินนำเด็กรับใช้ที่ถือของว่างมาให้นายหัวพยนต์กับพญาพอดี เมื่อเห็นพเยียมาจึงสั่งให้เด็กไปเอาของว่างมาเพิ่ม
 
“น่าทานจัง เยียว่าจะให้ตังทำขนมให้แขกวีไอพีด้วย”
 
“ใครเหรอครับ”
 
“ก็มีแขกผู้ใหญ่หลายคน อ่อ...มีคุณลิลิตอดีตดาราดัง แล้วก็ลูกชายเพื่อนสนิทของคุณพ่อที่เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกค่ะ พี่รองจำได้ไหม เคยเจอกันตอนเด็กๆ”
 
“คนหน้าตาดีกว่ากู กูจำไม่ได้”
 
“จำไม่ได้แล้วรู้ได้ไงว่าเขาหน้าตาดีกว่า แอบส่องเฟซบุ๊กเขาใช่ไหมล่ะ” พเยียเบ้ปากใส่พี่ชายของตัวเอง
 
“ว้าว พี่โขนก็มาด้วยเหรอครับ น้องชอบเขามากเลย ดาราในดวงใจ”
 
“น้อง เกินเรื่องไปมาก” พญาปรามคนรัก
 
“ไม่ต้องมาหึง ทีพี่ไปส่องเฟซบุ๊กคนอื่นล่ะ” เทียมฟ้าย้อนจนพญาไม่กล้าเถียงต่อ 
 
“อ่อ แล้วก็จะมาบอกพี่รองว่าเยียจัดการห้องพักให้เพื่อนๆ หนูด้วงเรียบร้อยแล้วนะคะ”
 
“ให้เจ้าโอบกับหนูด้วงมานอนที่บ้านเราก็ได้” นายหัวพยนต์ลดอคติลงและคิดว่าตัวเองควรจะปล่อยวางจริงๆ แต่ทันทีที่เอ่ยชื่อโอบอุ้ม พเยียก็ทำรายชื่อในมือตกลงพื้น แถมยังทำท่าจะเป็นลมจนพญาต้องมาประคองเอาไว้
 
“พาพี่เยียมานั่งก่อนดีกว่า” เทียมฟ้ารีบเดินไปจัดที่นั่งให้
 
“คงไม่ได้ค่อยได้กินข้าวกินปลา เอาแต่บ้างานตามผัว ผอมลงไปตั้งเยอะ” พญาบ่นน้องสาว เขารู้ดีว่าพเยียพยายามสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับวงศ์ตระกูล อยู่บนความคาดหวังของพ่อ แต่บางทีมันก็มากจนเกินไปจนเขานึกห่วง
 
“เยียคงอดนอนมากไปหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ ว่าแต่...น้องโอบกลับมาแล้วเหรอคะ” พเยียพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
 
“อืม วันนี้เด็กๆ ค้างกับน้องตัง พรุ่งนี้ถึงมาพักที่โรงแรม”
 
“แล้ว...” พเยียอยากถามถึงเด็กแฝด แต่เธอก็กลัวจนไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมา
 
“แล้วอะไร”
 
“ไม่มีอะไรค่ะ เยียว่าเยียกลับก่อนดีกว่า คุณเชนต้อนรับแขกของคุณพ่ออยู่ที่โรงแรมเพียงคนเดียวชักจะห่วง”
 
“แกขับรถมาเองรึเปล่า” นายหัวพยนต์ถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะสีหน้าของลูกสาวยังดูไม่ดีเท่าไหร่
 
“เปล่าค่ะ นายอ่ำขับรถมาให้ เยียไปก่อนนะคะ”
 
พเยียรีบร้อนออกไปจนเทียมฟ้ารู้สึกผิดสังเกต แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่คิดเรื่องของน้องแฝดกับท่าทีของพเยีย เป็นเรื่องที่เทียมฟ้าสงสัยมาพักใหญ่ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจเลยไม่คิดที่จะพูดเรื่องนี้กับพญา
 
‘ใบไม้ ใบหม่อน ใบไหม คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมครับพี่เยีย’

 .......

อ่ำไม่ได้ขับรถพาเจ้านายกลับโรงแรมเพราะถูกสั่งให้ขับมาที่ร้านมีคุณอนันต์ เขาขับมาถึงนานแล้วแต่คนออกคำสั่งยังนั่งนิ่งอยู่บนรถ กำลังจะเอ่ยปากถามว่าต้องการให้เขาลงไปสั่งอะไรแทนไหม แต่จู่ๆ ท่าทางที่นิ่งเฉยก็เจ้านายก็เปลี่ยนไป ทำให้อ่ำต้องมองตามสายตาของคุณพเยียเพราะอยากรู้ว่าเจ้านายกำลังสนใจสิ่งใด สิ่งที่เห็นก็คือเด็กตัวน้อยสองคนกำลังเดินตามคุณนับตังค์อยู่ตรงหน้าร้านมีคุณอนันต์
 
“น้องไม้...น้องหม่อนล้ม” แฝดคนน้องเดินสะดุดเชือกรองเท้าของตัวเองจนล้มลง ปากร้องเรียกพี่ชายที่เดินนำหน้าเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่รอ
 
“อ้าว มาๆ เดี๋ยวพี่ช่วย” นับตังค์เป็นฝ่ายที่จะเดินไปอุ้มน้องหม่อนขึ้นมา แต่น้องไม้ยกมือห้ามเอาไว้
 
“นาโมสอนว่าล้มแล้วให้รู้จักลุกเอง”
 
“แต่น้องหม่อนไม่ลุกไม่ไหว” น้องหม่อนน้ำตาซึมที่พี่ชายไม่ยอมช่วย พเยียซึ่งมองดูอยู่ในรถรู้สึกเจ็บแปลบที่อก
 
“เจ็บตรงไหน” ท่าทีที่เมินเฉยในตอนแรกเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นน้ำตาของน้องชาย เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้น้องและลูบผมปลอบเบาๆ
 
“ไม่ได้เจ็บ”
 
“แล้วทำไมลุกไม่ขึ้น”
 
“น้องหม่อมอิ่มจนลุกไม่ไหว”

 
นับตังค์อดไม่ได้ที่จะขำ นึกในใจว่าน้องหม่อนช่างเหมือนหนูด้วงไม่มีผิด อยากจะเข้าไปช่วยแต่ก็รอดูว่าเด็กทั้งสองคนจะดูแลกันยังไง

 
“วันหลังกินให้มันพอดีนะ ต่อไปถ้าล้มตอนอยู่คนเดียวจะทำยังไง” น้องไม้พยายามประคองน้องชายร่างอวบของตัวเองให้ลุกอย่างทุลักทุเล
 
“น้องหม่อนจะไม่อยู่คนเดียว น้องไม้ห้ามทิ้งน้องหม่อนนะ นะๆๆ”
 
“อือ” พี่ชายพยักหน้าแล้วจับมือที่อวบอูมของน้องชายฝาแฝดเอาไว้
 
“ต่อให้ใครไม่รัก ต่อให้ใครไม่สน แต่อยากจะขอให้เธออดทนไม่ต้องไปหวั่นไหว ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม...ว่าน้องหม่อนรักน้องไม้นะเออ” น้องหม่อนร้องเพลงที่นาโมร้องให้ฟังบ่อยๆ อย่างอารมณ์ดี
 
น้องไม้ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อได้ยินน้องหม่อนเปลี่ยนเนื้อเพลง พี่ชายจูงมือน้องชายที่ขี้อ้อนและกินจนเดินแทบไม่ไหวให้เดินตามนับตังค์ต่อไปโดยไม่บ่นอะไรน้องชายอีก ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องเพลงให้สบายใจ ทนรำคาญความอารมณ์ดีของน้องชายก็ดีกว่าต้องมาเห็นน้ำตา
 
ส่วนพเยียมองภาพตรงหน้าแล้วร้องไห้ออกมาไม่หยุด อยากเข้าไปกอดเด็กน้อยทั้งสองคน เด็กที่เธอใจร้ายทิ้งไปได้ลงตั้งแต่พวกเขาลืมตา เด็กน้อยทั้งสองคนที่เกิดมาก็ไม่ได้ดื่มนมคนที่ขึ้นว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเลยสักหยด เธอรู้ดีว่าต่อให้ร้องไห้จนต้องตายไป ความรู้สึกผิดนี้ก็จะตามหลอกหลอนเธอไปจนถึงนรก   

โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า แก้บทหลายรอบ มาช้าหน่อยแต่มาชัวร์ค่ะ 555
เดี๋ยวจะตามมาแก้คำผิดที่รอดสายตาค่ะ ตักเตือนกันได้เลยนะคะทุกคนทุกคน
...รัก...   
 
[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 15-09-2018 13:53:35
เฮ้อ  :เฮ้อ:  แอบถอนหายใจเบาเบา  ตอนนี้มีทั้งสุขปนเศร้า น้ำตาคลอเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 15-09-2018 14:18:05
คุณชายน้องนี่สุดยอดจริงๆ  ทั้งช่างสังเกตุเจ้าแผนการ หนูด้วงได้รับมายังไม่ครบนะนั่น

ตอนหน้าพเยียคงจะได้เจอลูก พยนต์คงจะเห็นหน้าน้องไม้ น้องหม่อน จะไม่สงสัยก็แปลกนะ

รอจอนต่อไปนะคะ ชอบๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2018 14:24:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-09-2018 14:59:17
ขอบคุณค่ะ
หนูด้วงแสบน่ารักมาก
โอบอุ้มเป็นคนเข้มแข็มยอดเยี่ี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-09-2018 15:23:15
นึกว่าตาฝาดที่เห็น คิดถึงหนูด้วง ครอบครัวนี้น่ารัก อบอุ่นเสมอ  :กอด1:
เรื่องแฝดนิว่าแล้วไม่ผิดคาด สงสารคุณพเยียค่ะ สู้ๆ นะค่ะ :3123:

    :L2:  :pig4:   :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 15-09-2018 18:58:55
ตามที่เราคิดเลยแล้วพเยียจะบอกใครๆอย่างไรนะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 15-09-2018 19:13:56
หนูด้วงเป็นคนรักที่ดีที่สุดสำหรับพี่โอบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-09-2018 19:37:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

หง่ะ   ตอนแรกสุดก็แอบเดาไว้ว่า  สองแฝดน่าจะเป็นลูกของอาเพยีย  แต่ดันมาถูกหลอกด้วยข้อมูลว่าอาเพยีย  แต่งงานมีครอบครัวมีลูก   เลยตัดประเด็นออกไป   แต่ด้วยความที่สองแฝดคล้ายหนูด้วงกับยุงพญา  เลยเอาเป็นว่าเด็กในหลอดแก้วโคลนนิ่งแล้วกัน  เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่โอบอุ้มรักสุดหัวใจ  ด้วยความคิดถึงจึงโคลนนิ่งซะเลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 15-09-2018 20:04:13
ความจริงเปิดเผยแล้ว สงสารแม่น้องแฝด ตอนนี้น้องแฝดยังไม่รู้เรื่อง คนรอบตัวทำให้น้องมีความสุข อยากให้น้องมีความสุข ตลอดไป เมื่อรู้ความจริงขอให้น้องเข็มแข็งและให้อภัยแม่ เพื่อความสุขของน้องทั้งสอง รักน้องแฝด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-09-2018 20:12:22
  :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-09-2018 21:29:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-09-2018 21:37:35
 มันให้ความรู้สึกหลากหลายบอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังใง แต่มันคุ้มค่าที่ได้อ่าน  :กอด1: เราเชื่อว่าทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดีเด็กๆน่ารักใครๆก็ต้องรัก
ป.ล.หัวข้อแถลงการณ์ช่างใหญ่หลวงนัก  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-09-2018 21:49:42
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:


 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2018 21:53:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 15-09-2018 22:45:41
ฟังคำแถลงการณ์ของหนูด้วงแล้ว  เป็นเราก็ให้ผ่านแน่นแน่  เพราะมีกุนซือดีอย่างอาน้อง

และแล้วความจริงเรื่องน้องแฝดก็เปิดเผย  ถ้าพเยียจะยอมรับความจริงและเปิดเผยให้พญาและเทียมฟ้ารู้ อาจจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ เอาใจช่วยพเยีย และโอบอุ้ม

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 15-09-2018 23:35:35
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-09-2018 07:43:24
55555 แผนสูงกันทั้งหนูด้วง อาน้อง เกรียนไม่มีใครเกิน
ดูสิ คำแถลงการณ์ทำเอาพากันสงสารแบบเนียน ๆ

แล้วดีใจเกินเบอร์ไปละนะหนูด้วง ไม่ค่อยออกตัวแรงเลย

โอบอุ้มเป็นคนดีและซื่อตรงมาก รับปากแล้ว ไม่ทำให้ผิดหวัง
จนป๊าต้องตามมาเซอร์ไพรส์กันเลย ซึ้งมาก ซับน้ำตารัว ๆ
แล้วหนูด้วงได้บัตรผ่านแบบนี้ พี่โอบจะจัดให้น้องไหม

อื้อหืออ น้องไม้น้องหม่อน น่ารักมาก ดูน้องหม่อนอ้อนน้องไม้ ตลก
สงสารเด็กน้อย ความหน้าเหมือนนี้ อีกไม่นานคงได้เปิดเผย
แถมพเยียยังมีอาการไม่ปกติด้วย

แล้วสิงโตตะโก้มีอะไรหรือเปล่าน่ะ ความอยากรู้กำเริบค่ะ
ใครเป็นคนขับรถตุ๊กตุ๊ก มาดดีจนสิงโตยังสงสัย
แล้วให้ข้อคิดสิงโตได้ดีเลยด้วย หวังว่าจะช่วยได้นะคะ

แก้วมาดีใช่ไหม เจอน้องเกลตอบไป หงายเงิบเลย

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 16-09-2018 13:05:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-09-2018 14:26:10
น่ารักอ่ะ มีการขอมติการเสียตัวด้วย :mew4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 16-09-2018 14:52:53
เรื่องน่ารักอ่ะ  ชอบจัง   :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 17-09-2018 12:53:22
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องของน้องด้วง เนื้อเรื่องผูกกันได้ดีมากเลย

พเยียจะยอมบอกความจริงไหมเนี่ย พญารู้เรื่องแล้วจะเป็นยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-09-2018 17:44:57
คุณชายน้อง แหลมคมตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงตอนนี้เลยนะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-09-2018 18:07:38
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-09-2018 16:55:17
ได้รู้ซะทีว่าแฝดเป็นลูกของใคร
และก้อดีแล้ว ที่ได้พี่โอบในตอนนั้น
และก้อดีแล้ว ที่เยียจะต้องชดใช้โดยการรู้สึกผิด...
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 19-09-2018 18:51:20
คุณชายน้องต้องตามสืบแล้วเค้นเอาจากพี่โอบแน่ๆ เข้าใจพเยีย แต่มันก็ใจร้ายกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องเกินไป น้องแฝดน่ารักขนาดนี้ นับถือใจพี่โอบเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 20-09-2018 00:56:56
นี่ก็คิดว่ายุงไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนรึเปล่า โธ่ ขอโทษนะยุง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก 15/09/61 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-09-2018 23:34:25
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-09-2018 16:41:55
เพลงรักที่หายไป

เพลงพิเศษ 14 Endless story
ศิลปิน YUNA ITO
(หนูด้วง & โอบอุ้ม)


(หนูด้วง)
 
‘หนูกำลังจะตกเป็นของพี่โอบ’

หนูได้รับคำอนุมัติจากทุกคนแล้วฮะ หนูยอมรับว่าหนูดีใจมากที่เรื่องราวของหนูและพี่โอบได้รับการยอมรับจากทุกคนเสียที โดยเฉพาะยุงพญา บุคคลที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของพี่โอบ เป็นคนเดียวที่ชี้เป็นชี้ตายให้กับพี่โอบได้ หนูเข้าใจเหตุผลของยุงและก็เข้าใจพี่โอบเหมือนกัน

พี่โอบไม่เคยเล่าเรื่องในวัยเด็กให้หนูฟัง แต่หนูรู้ว่าพี่โอบรู้เรื่องในวัยเด็กของหนูทุกเรื่อง หนูก็อยากรู้เรื่องของพี่โอบบ้าง ต้องไปอ้อนวอนพี่ก้านอยู่นานถึงยอมเล่าให้หนูฟัง

‘พี่เคยเห็นคุณโอบเดินขายของอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นพี่ก็นึกว่าเป็นลูกของไอ้สามารถ แต่ผิวพรรณหน้าตาไม่ได้มีส่วนคล้ายกันเลย พี่เคยได้ยินมาว่าไอ้สามารถมันไปลักพาตัวคุณโอบกับเด็กๆ อีกหลายคน ตอนนั้นตำรวจก็ทำอะไรมันไม่ได้เพราะมีคนหนุนหลังมันอยู่ จนมันย้ายมาหากินแถวเกาะของเรา นายพญาจึงให้พี่คอยตามดูมันอยู่ห่างๆ หลายครั้งที่คุณโอบโดนไอ้สามารถทำร้ายร่างกาย เด็กตัวแค่นั้นโดนทุบโดนตี บางทีตบหัวจนล้มคว่ำไปกับพื้น พี่เคยเข้าไปปรามมันหลายทีแต่มันไม่สนใจ ได้ยินมาว่ายิ่งมีใครเข้าไปเตือนมัน มันจะยิ่งใช้ความรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์กับเด็กที่มันดูแลอยู่ คงเป็นโชคดีของคุณโอบหรือไม่ก็ชะตาลิขิตเอาไว้ นายพญาไปเจอตอนที่คุณโอบถูกทำร้ายอยู่พอดี แถมยังรู้สึกถูกชะตาจนให้พวกพี่ไปจัดการไอ้สามารถแล้วพาคุณโอบมาดูแล ไม่แค่คุณโอบเท่านั้น เด็กอีกหลายคนที่มันกดขี่ก็ได้รับความช่วยเหลือด้วย’

หนูฟังแล้วยอมรับว่ารู้สึกหม่นหมองในใจ ภาพของพี่ดาวเรืองที่เคยทำร้ายหนู หนูยังไม่เคยลืมเลยสักวัน แล้วพี่โอบจะจำฝังใจเหมือนอย่างหนูรึเปล่า แต่ต่อให้พี่ดาวเรืองทำร้ายหนู บางครั้งเธอก็ยังโอบกอดหนู ร้องไห้ขอโทษหนู เธอยังแสดงความอ่อนโยนต่อหนูอยู่บ้าง แต่กับผู้ชายที่ชื่อสามารถคนนั้นคงไม่อ่อนโยนต่อพี่โอบแน่ๆ พี่โอบจะเจ็บปวดแค่ไหน ลึกๆ หนูก็หวังว่าพี่โอบจะลืมมันไป

‘รู้ได้ยังไงว่ากับพี่โอบแล้วมันคือความรัก ความรักที่ไม่ใช่แบบพี่น้อง’

มัมเคยถามหนู หลายๆ คนก็เคยถามหนู หนูยังเคยถามตัวเองบ่อยครั้ง

หนูอยากเป็นน้องของพี่โอบ พี่ชายที่ช่วยหนูจากการจมน้ำในวันแรกที่เราได้เจอกัน พี่ชายที่เข้ามาถึงตัวหนูก่อนใครทุกครั้งที่หนูล้ม พี่ชายที่มีคำปลอบโยนให้หนูสบายใจ ในขณะเดียวกันหนูก็อยากให้พี่โอบกอดหนู อยากให้ริมฝีปากของพี่โอบจูบหนูเพียงคนเดียว อาน้องบอกว่า...การกระทำแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่น้องชายกับพี่ชายเขาทำกัน

งั้นหนูไม่เป็นน้องชายก็ได้ก็ได้ หนูจะเป็นแฟนของพี่โอบ เพราะพี่โอบจะได้จูบหนูเพียงคนเดียว

‘ครั้งแรกมันเจ็บนะ’

มัมกับยุงพญาชอบขู่หนูอยู่บ่อยๆ ถึงหนูจะยิ้มสู้แต่หนูก็กลัวเป็นนะ ขู่หนูอยู่ได้ แต่ต่อให้กลัวแค่ไหนหนูก็จะตกเป็นของพี่โอบ แด๊ดดี้เคยสอนเสมอว่า ‘คนเราต้องมีความมุ่งมั่น ต้องรู้จักวางแผน ต้องรอบคอบค้นคว้าหาข้อมูล ตระเตรียมความพร้อม แล้วงานที่หวังจึงจะประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น’

ได้เลยฮะแด๊ดดี้ หนูจะมุ่งมั่นที่จะตกเป็นของพี่โอบ หนูจะวางแผนให้ดี หนูจะรอบคอบและค้นคว้าหาข้อมูล หนูจะตระเตรียมร่างกายให้พร้อม แล้วทุกอย่างจะได้ประสบความสำเร็จอย่างที่แด๊ดดี้สอน

สิ่งแรกที่หนูต้องทำ...

‘หนูด้วง! นกฮูก! ทำอะไรกันเนี่ย’

สิงโตโวยวายเมื่อเห็นหนูกับนกฮูกเอาหนังโป๊ที่สิงโตซ่อนไว้มานั่งดู หนูจำได้ว่าไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนเพราะกำลังตื่นตระหนกกับภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า ผู้ชายสองคนที่โรมรันพันตูจนแยกไม่ออก บทรักที่เร้าร้อนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วพี่โอบจะดุดันเหมือนคนในจอภาพไหม หนูต้องส่งเสียงดังๆ อย่างเขารึเปล่า หนูพยายามจดจำข้อมูลที่กำลังค้นคว้าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

‘ไม่อ่อนโยนเลย ไม่เห็นจะน่าดูตรงไหน ไปกันเถอะหนูด้วง เราว่ามันไม่สมจริง ก็แค่นักแสดง’

นกฮูกบอกแบบนั้น หนูก็สงสัยว่านกฮูกรู้ได้ยังไงว่ามันไม่สมจริง หรือนกฮูกจะเคยเห็นของจริงมาแล้ว ใช่แน่ๆ นกฮูกต้องมีข้อมูลดีๆ ที่ปิดบังหนูอยู่ ใช่แน่ๆ...

‘ดีใจไหมที่ทุกคนอนุญาตแล้ว อาน้องจะบอกอะไรให้นะ ครั้งแรกอย่าง่ายเกินไปนัก ให้มีอะไรยากๆ บ้าง’

ทำไม ‘ครั้งแรก’ มันจะต้องมีอะไรที่หนูต้องกังวลเต็มไปหมด แล้วพี่โอบจะตื่นเต้นเหมือนหนูไหมนะ ถึงหนูจะไม่ใช่ครั้งแรกของพี่โอบ แต่หนูเป็นผู้วิเศษเชียวนะ หนูว่า...พี่โอบก็ต้องตื่นเต้นบ้างแหละ

“หัวเราะอะไรอยู่คนเดียวหนูด้วง” นกฮูกแหวกผ้าใบเต็นท์เข้ามา คงเห็นหนูยังไม่นอนเลยเข้ามาทัก

“นกฮูก ตกใจหมดเลย เรากำลังคิดอะไรเพลินๆ แล้วทำไมนกฮูกยังไม่นอน ไหนว่าเมาแล้วไง”

“แกล้งเมาไปอย่างนั้นแหละ ไอ้ที่ว่าคิดเพลินๆ แล้วยิ้มจนตาเยิ้ม มันต้องเรื่องทะลึ่งแน่ๆ ใช่ไหม แล้วนั่นอะไรน่ะ”

“แผนที่”

“แผนที่อะไร”

“ก็วันนี้เราจะตกเป็นของพี่โอบแล้ว อาน้องบอกว่าต้องทำอะไรให้ยากๆ เราเลยทำแผนที่”

“ด้วยการให้พี่โอบตามหาอะนะ”

“อือ มันง่ายไปเหรอ” หนูเริ่มกังวล นกฮูกแย่งแผนที่จากมือของหนูไปดูก่อนจะหัวเราะ

“ฮ่าๆ ไม่ง่ายหรอก เรายังดูไม่ออกเลย ขืนเดินตามเส้นที่หนูด้วงวาด ถึงเช้าก็คงไม่ได้เจอกันหรอก”

ขนาดคนฉลาดอย่างนกฮูกยังบอกว่าดูไม่ออก แล้วถ้าพี่โอบหาหนูไม่เจอล่ะ หนูก็จะอดตกเป็นของพี่โอบ พอคิดแล้วก็เหงื่อแตก รีบแย่งเอาแผนที่คืนมาแล้วเอาปากกาสีแดงวงตรงจุดหมายสุดท้ายที่ตัวเองตั้งใจไปซ่อนตัวจนหนา พร้อมกับเขียนอะไรลงไปด้วยนิดหน่อย หนูหวังว่าพี่โอบจะเข้าใจคำใบ้ของหนูนะ

 “นกฮูก...”

“ว่าไง”

“มันจะเจ็บมากไหม”

“นึกว่าจะไม่กลัว”

“อย่าขำสิ ใครจะไม่กลัวบ้าง แต่เราไม่อยากให้พี่โอบรู้ว่าเรากลัว เดี๋ยวพี่โอบก็ไม่กล้าทำอะไรอีก”

“เราก็ไม่รู้ บางคนก็ว่าเจ็บ บางคนก็ว่าดี แต่กับคนที่รัก เราว่ามันคงดีจนลืมเจ็บ”

“จริงด้วย ขอบใจนะ เราต้องไปซ่อนตัวแล้ว พี่โอบลงไปส่งน้องแฝดที่บ้านมัม ต้องรีบทำภารกิจให้เสร็จก่อนพี่โอบจะกลับขึ้นมา”

“ยังมีภารกิจอื่นอีกเหรอ”

“อื้อ เราจะเป็นหนูด้วงคนยากไง”

“ฮ่าๆ ยากมากๆ งั้นเราไปนอนดีกว่า ขอให้เป็นคืนที่ดีสมกับที่รอคอยนะหนูด้วง” นกฮูกอวยพรก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไป

นอกจากความยากที่อาน้องสอนแล้ว มัมยังสอนอีกว่าอย่าถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อนหมด ให้เหลืออะไรติดตัวไว้บ้าง จะได้ดูไม่แก่แดดจนเกินไป พอหนูถามมัมกลับไปว่า...ตอนมัมตกเป็นของแด๊ดดี้ มัมใส่อะไรเอาไว้ เผื่อคำตอบของมัมจะช่วยให้หนูคิดออกว่าต้องใส่อะไร มัมตอบหนูมาว่า...มัมใส่ต่างหู

แต่หนูไม่ได้เจาะหูนี่นา แล้วหนูจะใส่อะไรดี?

เมื่อมองไปรอบๆ สุดท้ายก็ต้องเอาสิ่งใกล้ตัวที่สุด จากนั้นหนูก็แค่รอคอย พี่โอบจะหาหนูเจอไหมนะ หนูตื่นเต้นที่สุดที่สุดเลยฮะ



(โอบอุ้ม)

หลังจากให้ใบไม้กับใบหม่อนกินจนอิ่มและเล่นอยู่กับกลุ่มพี่ๆ จนดึกพอประมาณ ผมลงไปส่งน้องแฝดที่บ้านของน้าตัง ทั้งน้าตังกับน้าคุณบอกว่าอากาศบนผามันหนาวมาก กลัวว่าเด็กๆ ทนความหนาวเย็นไม่ไหวแล้วจะไม่สบาย น้องแฝดเองก็ดูจะติดน้าตังมาก สำหรับใบหม่อนผมยังไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่ แต่กับใบไม้ที่ไม่เคยยอมไปไหนกับใครง่ายๆ ก็ยังยอมตกลงแต่โดยดี ผมก็รู้สึกอุ่นใจและโล่งใจที่เห็นว่าเด็กทั้งสองเป็นที่รักของใครหลายๆ คนที่นี่

อากาศบนผาฟ้าครามหนาวมากอย่างที่น้าตังเตือนเอาไว้ ยิ่งพอข้ามเส้นเวลาที่บ่งบอกถึงวันใหม่ อุณหภูมิก็ดูจะลดลงจนผมนึกห่วงหนูด้วงที่นอนอยู่ในเต็นท์ตามลำพัง ต่อให้มีเสื้อกันหนาวแต่กังวลว่าจะเอาไม่อยู่

สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจเมื่อมาถึงเต็นท์ก็คือความว่างเปล่า หนูด้วงไม่ได้นอนหลับอยู่อย่างที่ผมคิดเอาไว้ มีเพียงกระดาษหนึ่งใบวางอยู่ที่หมอน ผมหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเปิดไฟฉายที่พกติดตัวมาด้วย บนกระดาษถูกวาดเป็นเส้นระโยงระยางเต็มไปหมด น้องคงวาดแผนนี้เพื่อให้ผมค้นหาอะไรสักอย่าง ผมคงดูไม่ออกว่าจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนถ้าไม่มีปากกาสีแดงวงรอบจุดนั้นเอาไว้ มีตัวหนังสือตัวเล็กๆ กำกับว่า ‘หนูอยู่ตรงไหนน้า หนูอยู่ตรงนี้รึเปล่าน้า’

“หึหึ” ผมหลุดขำเพราะคำใบ้ที่น่ารักของน้อง

ผมเดินตรงไปยังโรงเรียนสอนทำอาหารของน้าตังซึ่งเป็นจุดที่หนูด้วงวงสีแดงเอาไว้ ประตูโรงเรียนไม่ได้ล็อก และข้างในค่อนข้างมืด มีดวงไฟดวงเล็กๆ ที่เปิดทิ้งเอาไว้ให้พอเห็นทางเดินลางๆ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปดูในห้องนอนขนาดเล็กที่น้าตังทำเอาไว้สำหรับพักในช่วงกลางวันเป็นอันดับแรก แต่ผมไม่เจอหนูด้วงที่นั่น ลองเดินไปดูในห้องเรียนที่น้าตังเอาไว้สอนก็ยังไม่พบ เหลือที่สุดท้ายก็คือครัวใหญ่ บอกตรงๆ ว่าผมชักจะตื่นเต้นเหมือนกันว่าเจ้าหนูอะไดของผมคิดจะทำอะไร

ในที่สุดผมก็เจอน้องในห้องนี้จริงๆ ในห้องไม่ได้มืดขนาดที่มองไม่เห็นอะไร แต่ก็ไม่ได้สว่างจนเห็นทุกอย่างชัดเจน น้องนอนขดตัวหันหลังให้ผมอยู่บนเคาน์เตอร์ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ผมรีบเดินเข้าไปหาเพราะอากาศมันเย็นมาก แต่น้องกลับมานอนอยู่บนแผ่นสแตนเลสแบบนี้ คงไม่ต้องบอกว่าผิวบางๆ จะได้รับความเย็นจากแผ่นสีเงินนั่นขนาดไหน

“หนูด้วง ทำไมมาหลับอยู่ตรงนี้” ผมพยายามจะปลุกน้อง ไม่รู้ว่ารอผมนานแค่ไหน ผมก็มัวแต่คุยอยู่กับน้าคุณจนเพลิน

“พี่โอบหาหนูเจอแล้ว” หนูด้วงพลิกตัวแล้วลุกมานั่งขยี้ตา ก่อนจะพึมพำเบาๆ ตามประสาคนที่ยังโดนความง่วงเข้าครอบงำอยู่

“ต่อให้หนูไม่ทิ้งคำใบ พี่ก็ต้องหาหนูให้เจอ แล้วนี่หนูแต่งตัวอะไรครับ” ผมยังมองไม่ถนัดเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ รู้แต่ว่าการแต่งกายของหนูด้วงไม่ปกติ

“หนูขอไปล้างหน้าก่อนนะฮะ” เมื่อหนูด้วงบอกผม ผมจึงอุ้มน้องให้ลงมาเพราะเคาน์เตอร์เพราะมันสูงพอสมควร กลัวว่าอีกฝ่ายยังไม่หายง่วงแล้วจะพลิกตกเอาได้

ผมเลิกคิ้วมองตามหนูด้วงไปด้วยความสงสัย แผ่นหลังของหนูด้วงเปลือยเปล่า ด้านหน้าห้อยอะไรเอาไว้เป็นก้อนๆ ส่วนด้านล่างที่ว่าแปลก ถ้าผมเดาไม่ผิดผมว่ามันเป็นกุนเชียงหรือไม่ก็ไส้กรอกที่น้องเอามาห้อยไว้ที่เอว ด้วยความอยากรู้ผมจึงเดินไปเปิดไฟ พอหนูด้วงหันมาผมถึงได้เห็นอีกฝ่ายเต็มตา คราวนี้ผมยอมรับเลยว่ากลั้นไม่อยู่จริงๆ ผมไม่เคยหัวเราะได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย หัวเราะจนอีกฝ่ายวิ่งเข้ามาแล้วโผกอดผมเอาไว้

“พี่โอบอย่าหัวเราะหนูนะ”

“แล้วหนูแต่งตัวแบบนี้ทำไมครับ”

“ก็...มัมบอกว่าครั้งแรกไม่ควรโป๊หมด ให้มีอะไรสักอย่างปกคลุมร่างกายเอาไว้บ้าง หนูไม่ได้เตรียมมาก่อน ก็เลย..”

“เลยเอาขนมปังมาทำยกทรง แล้วก็เอาไส้กรอกมาร้อยเป็นกระโปรงเหรอครับ” ผมถามพลางกลั้นขำ

“ก็ตรงนี้มันไม่มีอะไร ถ้าเอาผักมา หนูกลัวว่ามันจะเหี่ยวก่อนพี่โอบเจอหนู” หนูด้วงพูดพลางทำหน้ามุ่ย

“ดูสิ เปื้อนตัวหมดแล้ว มา...พี่ถอดให้ อากาศหนาว เช็ดตัวก็พอ”

“ยังไม่ต้องเช็ดก็ได้”

“ทำไมครับ”

“ก็...ก็...”

“หื้ม”

“พี่ไม่อยากกินขนมปังกับไส้กรอกเหรอฮะ”

ผมรู้ว่าน้องกำลังจะสื่ออะไร ผมยื่นชั่งใจอยู่พักหนึ่งจนเห็นว่าดวงตาของน้องดูหวั่นไหว เจ้าตัวคงกำลังลุ้นว่าผมจะหยุดหรือไปต่อ น้าตังเล่าให้ผมฟังแล้วเรื่องที่น้องไปขออนุญาตจากทุกคน ต่อน้องไม่ต้องทำอะไรให้ ผมก็รักเขาจนหมดหัวใจ น้องหยิบยื่นความรักความหวังดีให้ผมเท่าที่คนๆ หนึ่งจะทำให้เห็นได้ ผมต้องใช้คำไหน ต้องทำยังไงที่จะบอกกับน้องว่าผมรักเขามากจนขาดเขาไม่ได้

“ถ้าพี่ไม่อยาก คือ...หนู”

ผมตอบคำถามด้วยการช้อนตัวเขาขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์อีกครั้ง ขนมปังสองก้อนที่ห้อยคอของน้องอยู่ถูกผมดึงออก ตุ่มไตสีหวานคู่นั้น เมื่อมันสัมผัสกับอากาศเย็นเข้าก็ชูชัน ดูคล้ายทับทิมเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ที่กลางอก มือของผมลูบไปที่ข้างลำตัวของน้องอย่างแผ่วเบาจนน้องเกร็งและเริ่มกัดริมฝีปาก

“อ้าว หยุดทำไมฮะ” หนูลืมตาขึ้นมาจากความเคลิบเคลิ้มเมื่อเห็นผมหยุดสัมผัสตัวเขา

“หนูไม่ควรเอาของกินมาเล่น ถ้าน้าตังรู้จะโกรธ”

“จริงด้วย” หนูด้วงหน้าเสียเขาเคยเล่าว่ามัมกับแด๊ดดี้จะสอนให้รู้คุณค่าของของกินเสมอ แต่ผมรู้ว่าน้องคงคิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาใช้ในแผนการตกเป็นของผม จึงเลือกเอาของใกล้ตัว

“เราต้องช่วยกันกินให้หมด ทิ้งไม่ได้”

“ก็ได้ก็ได้ฮะ”

หนูด้วงหยิบขนมปังขึ้นมาบิกิน ส่วนผมก็เอื้อมมือไปปลดเชือกที่เอวของน้อง ระหว่างนั้นอดไม่ได้จึงคลอเคลียอยู่แถวซอกคอหอมๆ ผิวของหนูด้วงนุ่มลื่นจนไม่อยากถอนตัวเองออกมา

“พี่จะเอาไส้กรอกไปล้างแล้วแช่เก็บเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้เราต้องจัดการมันให้หมด” ผมรู้ว่าให้น้องกินหมดนี่คงไม่ไหว รับผิดชอบแค่ขนมปังสองก้อนนั้นก็คงแทบจุก โชคดีที่ไส้กรอกถูกหุ้มด้วยถุงพลาสติกอีกทีจึงไม่เปื้อนอะไร

“พี่โอบมาช่วยหนูกินด้วยนะ” น้องอ้อนผม ผมจัดการเก็บไส้กรอกเสร็จแล้วจึงหยิบแยมในตู้เย็นติดมาด้วย

“หนูชอบแยมราสเบอร์รี่” หนูด้วงท้วงเมื่อผมหยิบแยมส้มมา

“แต่พี่ชอบแยมส้มนี่ครับ หนูจะให้พี่ช่วยกินไม่ใช่เหรอ”

“ก็ได้ก็ได้ อ๊ะ!”

เมื่อแยมส้มเย็นเฉียบถูกป้ายไปที่เม็ดทับทิมคู่นั้น น้องถึงกับสะดุ้งและส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมา ผมลอบยิ้มก่อนจะหยิบขนมปังในมือน้องมากัดหนึ่งคำ จากนั้นผมก็จัดการเลียแยมส้มของโปรดตรงตำแหน่งที่ผมป้ายเอาไว้ ใช้ปลายลิ้นละเลียดกวาดเนื้อแยมจนเกลี้ยง แถมยังอ้อยอิ่งอยู่กับติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาท้าทายสายตา

“พี่โอบ...ไหนว่า..ของกินไม่ให้เอามาเล่นไงฮะ...อื้ออ” น้องระบายลมหายใจแรง แต่ก็ยังไม่วายเถียงผม

“พี่ไม่ได้เล่นครับ พี่กินอยู่”

“หนูเปิดเพลงเอาไว้ดีกว่า สร้างบรรยากาศ” หนูด้วงกดรีโมทเปิดเพลง น้องคงกลัวเสียงตัวเองดังเล็ดลอดออกไป ท่าทางจะเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดี ผมนึกขำการเตรียมพร้อมของน้อง และผมก็ตื้นตันกับสิ่งที่น้องทำเพื่อผม


มีต่อด้านล่างค่ะ

V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-09-2018 16:43:04
ต่อจากด้านบนค่ะ


หนูด้วงเอาขนมปังที่เหลือมาป้ายแย้มบ้าง น้องคาบมันเอาไว้ที่ปากก่อนจะยื่นหน้ามาหาผม ผมโน้มใบหน้าไปหาคนช่างยั่ว ใช้ปลายลิ้นผลักขนมปังเข้าไปในปากของน้อง แต่ก็กลัวว่าน้องจะเคี้ยวไม่ถนัดเลยใช้ลิ้นและริมฝีปากช่วยบดขยี้ให้ ไม่รู้ว่าน้าตังทำแยมส้มอร่อยเกินไปรึเปล่า รู้แต่ว่าผมหยุดชิมไม่ได้เลย

“ใกล้หมดแล้วฮะ” น้องโอบรอบคอผม ใบหน้าและตัวของน้องซับสีเลือดจนน่าเอ็นดู

“แยมนี่ก็จะหมดแล้ว” ผมใช้นิ้วป้ายแยมส้มที่เหลืออยู่ในขวดแล้วยื่นนิ้วไปให้น้อง

“หนูชอบแยมส้มแล้วฮะพี่โอบ” หนูด้วงครอบริมฝีปากมาที่นิ้วของผมพร้อมกับดูดเลียช้าๆ น้องชิมเนื้อแยมจากนิ้วของผม ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย


‘หากคุณยังไม่เปลี่ยนใจ ฉันก็อยากอยู่เคียงข้างคุณ ในคืนนี้ เหนื่อยที่ต้องทำเป็นเข้มแข็ง ทั้งที่ฉันก็ยังเด็ก ทุกนาทีฉันเอาแต่คิดคุณ ที่รัก’


เพลงเริ่มบรรเลงไป ผมก็เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ คนเราต้องใช้ความอดทนแค่ไหนกันที่จะต้องอดใจไม่ให้ตะกละตะกลามกินของที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าทั้งที่เรากำลังหิวใจจะขาดแบบนี้ น่ากินกว่าแยมส้มก็หนูด้วงคนนี้เอง

ขนมปังสองก้อนถูกเราสองคนช่วยกันกิน ผมช่วยกินแยมที่เปื้อนตามร่างกายน้องจนไม่เหลือให้เห็น น้องบิดกายไปมาเพราะสะท้านกับสิ่งที่ผมปรนเปรอให้ อากาศที่หนาวเย็นก่อนหน้านี้ไม่รู้หนีหายไปทางไหน ผมรู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย เชื่อว่าน้องก็รู้สึกเหมือนกัน

ผมดันตัวของน้องให้นอนราบลงบนเคาน์เตอร์ เมื่อขนมปังชิ้นสุดท้ายถูกผมจัดการจนหมด ถึงเวลาที่ผมจะได้กินคนแสนซนคนนี้เสียที ปราการด่านสุดท้ายตัวจิ๋วของน้องถูกผมถอดออกอย่างรวดเร็ว น้องหลบสายตาของผมเมื่อส่วนอ่อนไหวมันแข็งขืนท้าทายสายตา

สำหรับผมแล้ว เรือนร่างของน้องดูสวยงามเหลือเกิน ผิวขาวนุ่มนิ่มน่าบีบไปทุกส่วน อกที่แบนราบ...แต่เมื่อผมเอื้อมมือไปเคล้นคลึงก็เกิดเนิ่นเนื้ออิ่มนูน มันช่างยั่วอารมณ์ของผมให้ตื่น ยอดอกสีหวานก็หวานเกินจะทอดถอน ดื่มด่ำเท่าไหร่ก็ไม่พอ โดยเฉพาะหนูด้วงตัวน้อยกลางลำตัวที่ดูสะอาดสะอ้าน มันทำให้ผมเกิดความปรารถนาอย่างรุนแรง ต่อให้เห็นเป็นล้านครั้งก็ไม่มีเลยสักครั้งที่ผมไม่อยากสัมผัส


‘ที่พูดได้ตอนนี้คือ...ฉันคิดถึงคุณ มันยากเหลือเกินที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปว่า...ฉันขอโทษ’


“พี่โอบ หนูไม่กลัวเจ็บ”

น้องกระซิบบอกผมทั้งที่ตัวสั่นไปหมด ทำไมผมจะไม่รู้ว่าน้องกำลังกลัว เพราะรู้...ผมเลยไม่กล้า ผมกลัวว่าตัวเองจะเผลอทำอะไรรุนแรง ผมกลัวว่าน้องจะกลัวผม

“ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ เอาแค่ที่เราเคยทำก็พอ”

“ไม่เอา หนูจะตกเป็นของพี่โอบ ถ้าพี่โอบไม่ทำ หนูจะให้สิงโตทำ”

“.....”

“หนูไม่ได้ขู่ด้วย”

“หนูอยากทำให้พี่หึง”

“แล้วสำเร็จไหมฮะ”

“สำเร็จครับ”

ผมใช้สองมือบีบไปที่บั้นท้ายของน้องและนวดเฟ้นจนน้องเผลอตัวยกสะโพกขึ้นมา ผมจัดการหนูด้วงน้อยทันทีที่มันลอยเด่นอยู่ตรงหน้า น้องถึงกับสูดปากแล้วกำเส้นผมของผมแน่น รสหวานจากแยมส้มยังสู้รสหวานตามธรรมชาติของน้องไม่ได้เลย และยิ่งน้องดิ้นรนด้วยความทรมานผมก็ยิ่งดื่มด่ำหนักหน่วง อยากให้น้องรู้ว่าไม่ควรทำให้ผมหึงแบบนี้

“ไม่ทำให้พี่หึงอีกนะครับ” ผมหยุดดื่มด่ำส่วนอ่อนไหวของน้องเพื่อแกล้งให้น้องทรมานเข้าไปอีก

“หนูจะมีอะไรกับสิงโต” ผมโดนแกล้งคืนอีกแล้ว

“พี่เตือนแล้วนะ”

“หนูจะให้สิงโตจูบหนู จูบไปทั้งตัวเลย อ๊ะ!”

ผมพลิกตัวน้องให้นอนคว่ำโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว เนิ่นเนื้อขาวที่บั้นท้ายถูกผมบีบเคล้นอย่างแรงจนมันแดงไปหมด แทนที่น้องจะร้องอ้อนวอนกลับส่งเสียงพึงพอใจ น้องกำลังทำให้ผมทนไม่ได้

“หนูอยากเป็นของพี่โอบ”


‘ไม่ใช่เพื่อใครอื่น แต่เพื่อคุณแล้ว อยากจะร้องเพลงนี้’


น้องหันมาบอกกับผม แก้มของน้องเป็นสีแดงปลั่ง แววตาฉ่ำเยิ้ม รอยยิ้มน้อยๆ ถูกส่งมา ทั้งหมดนั่นทำให้ใจของผมเต้นแรง ผมแยกขาน้องออกพร้อมกับจัดการสำรวจพื้นที่สำคัญ น้องครวญครางราวกับคนจะขาดใจ ถดกายหนีด้วยความสะท้าน  แต่มือแกร่งของผมยึดสะโพกของน้องเอาไว้มั่น แถมยังดุนดันปลายลิ้นเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม น้องคงทรมานมากๆ ถึงได้ครวญครางดังแข่งกับเสียงเพลง ผมสำรวจจนพอใจถึงได้พลิกตัวน้องให้หันกลับมา

“หนูแน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าทนได้”

“ฮะ”

'ไม่ใช่เพื่อใครอื่น ไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน เพลงนี้มีไว้เพื่อคุณเท่านั้น'

ผมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกบ้าง น้องลุกลงมายืนตรงหน้าผมแล้วพรมจูบผมไปทั้งตัว ดูเอาเถอะครับ ไม่รู้ว่าไปฝึกมาจากไหน แรกๆ ก็ดูจะงกๆ เงิ่นๆ แต่หนูด้วงเรียนรู้ได้ไว มาถึงตอนนี้ก็ทำเอาผมแทบจะขาดใจเหมือนกัน เด็กน้อยของผมโตแล้วจริงๆ

“หนูด้วง...” ผมเรียกน้องเพราะน้องกำลังจะทำให้ผมมาถึงปลายทาง ผมยังไม่อยากให้ถึงจุดนั้น

“อู๋อูดไอ่ไอ้”

ผมแทบหลุดขำ ต้องดันศีรษะน้องออกมาจากส่วนสำคัญของผมแล้วดึงให้เจ้าตัวลุกขึ้นมา

“พี่รักหนูมากรู้ไหม” ผมเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของน้อง ผมขาดน้องไม่ได้ ผมกลัว กลัวว่าจะมีอะไรมาทำให้เราสองคนต้องจากกัน


'เรื่องราวของเรามันจะไม่มีวันสิ้นสุด มันจะส่องประกายอยู่อย่างนั้น เป็นสิ่งที่ฉันอยากบอกคุณเสมอ ไปตลอดกาล’


“พี่ก็บอกรักหนูสิฮะ หนูพร้อมแล้วจริงๆ” น้องยิ้มให้ผมก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นมาหอมแก้มผม

“ตามสั่งครับ....ผู้วิเศษ”

ผมจับน้องหันหลัง โอบตัวน้องเอาไว้ก่อนจะแทรกกายเข้าหา น้องเองก็โอบรัดแขนของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ผมสงสารน้องที่น้องต้องพยายามทำว่าไม่เป็นไร น้องยังคงพูดอยู่ตลอดว่าน้องไม่กลัว ผมไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงอยากให้ตัวเองตกเป็นของผมขนาดนี้ ผมรู้แค่ว่าน้องไม่ใช่คนที่คิดแต่เรื่องอย่างว่า ถึงน้องจะชอบทำเป็นทะลึ่งตึงตังแต่ก็แค่อยากให้ทุกคนยิ้มได้เท่านั้น


'ความทรงจำเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกัน ไม่เคยลบเลือนและยังคงอยู่’


“ไม่ไหวบอกพี่นะครับคนเก่ง”

“สบายมากฮะ อ๊ะ!”

“หึหึ”

“พี่โอบแกล้งหนู” น้องหันมาทำหน้าย่นใส่ผมเมื่อผมแกล้งดันสะโพกเข้าไปชนบั้นท้ายของน้องแรงๆ เห็นปากยู่ยื่นแล้วอดไม่ได้ ผมเลยขโมยจูบเพื่อให้น้องลืมความเจ็บ


‘‘ความอบอุ่นที่เคยได้จางหายไปแล้ว ฉันแน่ใจ แต่ความอ่อนโยนของเธอยังแพร่กระจายมายังที่หน้าอกนี้...จนเจ็บปวด’’


ในที่สุดร่างกายของเราสองคนหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมเริ่มขยับกายจนหนูด้วงต้องขยับตาม เราสองคนเคลื่อนไหวร่างกายสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน เปรียบเหมือนวงดนตรีที่กำลังบรรเลงเพลงไพเราะสักเพลง มีทั้งคนร้องนำและคนที่บรรเลงตาม มาถึงตอนนี้เพลงหวานละมุนที่บรรเลงก่อนหน้าเริ่มจะเปลี่ยนเป็นเพลงที่มีจังหวะหนักเน้น ผมไม่สามารถอ่อนโยนกับหนูด้วงได้อีกต่อไป

ร่างบางของหนูด้วงถูกร่างกายที่แข็งแกร่งของผมกระแทกกระทั้นเข้าหาจนเจ้าตัวส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน บางช่วงที่ผมหยุดเพราะกลัวน้องจะเจ็บ น้องกลับดันกายเข้ามาหาผมเอง ไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหน เพลงรักของเราบรรเลงจบไปไม่รู้กี่เพลงต่อกี่เพลง ผมดื่มด่ำกับความสุขจนลืมวันและเวลา ทุกพื้นที่ของครัวถูกผมใช้บอกรักหนูด้วงไปจนคุ้มค่า ให้สมกับการรอคอยที่เนิ่นนาน ถ้านี่คือการบอกรัก ผมว่าเท่าไหร่มันก็ยังไม่พอ 


‘ฉันคิดถึงคุณ มือที่เราเคยกุมกันเอาไว้ อย่าปล่อยให้หลุดออกจากกันนะ’


เมื่อภารกิจตกของผมบรรลุเป้าหมาย ผมอุ้มน้องไปนอนที่ห้องพักเมื่อน้องบอกผมว่าน้องเดินไม่ไหว ผมนึกเห็นใจเพราะว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องหมดแรง เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้จนอีกฝ่ายสบายตัว ผมนั่งมองหน้าน้องและไม่สามารถห้ามริมฝีปากของตัวเองให้หุบยิ้มได้


‘ถ้าหากเป็นจริงขึ้นมา อีกครั้ง เพื่อคุณแล้ว ไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน อยากจะร้องเพลงนี้’


น้องเองก็นอนมองหน้าผม แต่ครู่เดียวน้องก็ร้องไห้ออกมา ร้องสะอึกสะอื้นจนผมตกใจ


“เจ็บเหรอครับ พี่ขอโทษนะครับที่ไม่อ่อนโยนกับหนู พี่ขอโทษ” ผมรีบลุกมากอดน้องเอาไว้ นึกเสียใจที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

“ไม่ใช่ฮะ หนูไม่ได้เจ็บ”

“ถ้าอย่างนั้นหนูร้องไห้ทำไม บอกพี่ได้ไหม”


น้องยังคงร้องไห้อยู่อีกพักใหญ่ ใจของผมมันร้อนรนไปหมด ไม่รู้ว่าเผลอไปทำอะไรให้น้องต้องเสียใจ


“หนูรู้ว่าพี่เป็นคนรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ” หนูด้วงเช็ดน้ำตาและกลับมาสวมกอดผมอย่างเดิม “หนูรู้ว่าถ้าพี่ได้หนูแล้ว พี่จะไม่มีวันทิ้งหนูไปไหนอีกแล้ว พี่จะต้องรับผิดชอบชีวิตของหนูไปจนหนูตายเลย ใช่ไหมฮะ” น้องเงยหน้ามามองผมทั้งน้ำตา

“โธ่ หนูด้วง หนูอยากมีอะไรกับพี่เพราะแบบนี้เหรอครับ”

“หนูกลัว หนูกลัวเขาจะมาเอาพี่กลับไป หนูสัญญาว่าจะช่วยดูแลน้องแฝดแทนเขาให้ได้ พี่อย่าไปไหนไกลๆ อีกนะฮะ หนูไม่มีพี่ไม่ได้ หนูจะต้องร้องไห้จนหนูตายไปแน่ๆ”

“โธ่ หนูด้วงของพี่ ไม่ร้องแล้วนะ พี่จะไม่ไปไหนอีก พี่ก็ขาดหนูไม่ได้ พี่รักหนูยิ่งกว่าตัวพี่เองนะ”

ผมอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้น้ำตาซึมไปพร้อมกับหนูด้วง ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมคิดว่าตัวเองโชคดีมากแค่ไหนแล้วที่ป๊ามาเจอผมและดึงผมขึ้นมาจากนรกแห่งนั้น แต่วันที่ผมถูกส่งไปอยู่ที่อังกฤษคนเดียว ในความรู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องถูกทำร้ายอย่างเดิม ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้เลย หลายต่อหลายครั้งที่ผมแอบคิดว่าถ้าผมตายไปผมอาจจะเจอความสุขที่แท้จริง ผมต้องมาเป็นภาระให้ป๊า ป๊าต้องมาส่งเสียผมทั้งที่ผมเป็นใครก็ไม่รู้ อาพเยียก็ต้องคอยมาช่วยดูแลผมโดยไม่ได้รังเกียจว่าผมเป็นแค่ขอทานข้างถนน ตระกูลภูมิเทพเป็นผู้ชุบชีวิตใหม่ให้ ผมได้รับลมหายใจและต้องอยู่เพื่อทดแทนบุญคุณของคนให้โอกาสผม ตอบแทนทุกคนที่หยิบยื่นชีวิตใหม่

แต่ก็เป็นชีวิตที่ยังไม่ค้นพบความหมายของคำว่า ‘ความสุข’

หนูด้วงเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมรู้ถึงคุณค่าของลมหายใจ ผมเริ่มกลัวความตาย ผมเริ่มกลัวการพลัดพราก ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ ผมเริ่มรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ไปเพื่ออะไร ผมค้นพบความสุขเมื่อได้มองเด็กน้อยคนหนึ่งเติบโตขึ้น ผมเริ่มหวงและห่วงว่าความสุขจะหายไป สิบกว่าปีที่ทำให้น้องต้องรอ ที่ทำให้น้องต้องเสียใจ ผมเองก็เหมือนตายทั้งเป็น

พอมาถึงวันนี้ วันที่ผมได้กอดน้องอย่างที่รอคอยมาตลอด ผมมีความสุขมาก มากที่สุดตั้งแต่จำความได้ แต่ความกลัวการถูกพลัดพรากที่ฝังอยู่ในใจก็เริ่มคืบคลานกลับเข้ามา ผมเริ่มกลัวว่าผมจะต้องสูญเสียความสุขที่มี กลัว...แต่บอกใครไม่ได้ น้องเหมือนจะรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร น้องนำพาความเข้มแข็งมาปลอบประโลมให้ผมสบายใจ น้องเติมเต็มความรักให้ผมอย่างเต็มที่ น้องทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยจากโลกมืดที่ฝังอยู่ในหัวใจ

ผมเคยคิดว่าตัวเองรู้เรื่องของน้องทุกเรื่อง แต่เอาเข้าจริงผมไม่รู้เลย ผมไม่รู้เลยว่าน้องเองก็ยังกลัวความสูญเสียไม่ต่างอะไรจากผมเลย เด็กน้อยที่เคยถูกพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก กำลังร้องไห้เพราะกลัวผมจากเขาไปเช่นกัน

“บอกรักหนูทุกวันนะฮะ หนูจะรอฟังทุกวัน”

“ตามสั่งครับ ผู้วิเศษ พี่รักหนูด้วงมากๆ รักทุกวันทุกวัน”


‘เรื่องราวที่ไม่มีวันจบ กับความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด
บอกฉันที่ซิว่าทำไม คอยอยู่ตรงนี้...เพื่อบอกฉันตลอดไป’ 


โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
แขกรับเชิญก็ยังไม่ได้ออกในที่สุด ยกไปตอนหน้าอีกแล้ว 55555555
เดี๋ยวจะตามมาแก้คำผิดที่รอดสายตาค่ะ ตักเตือนกันได้เลยนะคะทุกคนทุกคน
...รัก...
   

แปลเนื้อเพลง Endless story : แปลไปทั่ว


 
[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 29-09-2018 17:01:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2018 17:16:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-09-2018 18:22:40
 :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 29-09-2018 19:19:24
เอ็นดูหนูด้วง พยัคฆ์น้อยแต่ถูกราชสีห์หม่ำไปแล้ว  :mew4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-09-2018 19:51:12
 :L1: :man1: :L1:



 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 29-09-2018 20:08:21
ช่างคิดจริงๆเลยลูกกก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-09-2018 20:11:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

จำไม่ได้แล้วว่าใครคือแขกรับเชิญ?

ส่วนมาม่าคงยังต้องมีเสริฟ เพราะเจ้าสามารถยังวนเวียนอยู่  แต่ไอ่สามารถจะไปเสริฟให้ใครนี่สิ  น่าคิด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-09-2018 20:51:50
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 29-09-2018 20:52:56
 :mew1:  ทุกคนควรรู้ความจริง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-09-2018 21:48:07
ได้รับการอนุมัติแล้ว​ หนูด้วงศิษอาน้อง
มันต้องไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 30-09-2018 00:21:54
 :hao5: :hao5: รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-09-2018 01:09:49
ยอมเป็นของพี่ เพราะรู้ว่าพี่จะรับผิดชอบ
และไม่ทิ้งน้องไปไหนอีก ช่างคิดเนอะลูก
น่าเอ็นดูจัง  o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-09-2018 02:45:22
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-09-2018 08:35:00
55555 เขียนแผนที่แบบนี้ เขียนบอกเลยง่ายดี
หนูด้วงได้ตกเป็นของพี่แล้ว ทวงถามด้วยว่าพี่จะไม่ทิ้งกัน
มีความผูกมัดเบาๆ ถึงจะรู้ว่าพี่ไม่ทิ้งไปไหน แต่ความไม่มั่นใจก็มีบ้าง
ทะเล้นไปอีก เอาของกินไปผูกตัว ให้มัมทำโทษเลย

โอบอุ้มคือคนที่มั่นคงที่สุดแล้ว พี่อยู่ต่อได้แบบมีความสุข
เพราะมีหนูเข้ามาในชีวิตนะ ป๊าคือคนให้โอกาสและชีวิต

อื้อหือ จัดหนักจัดเต็มกันไปอีก อย่าลืมไปทำลายหลักฐานกันด้วยนะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 30-09-2018 12:54:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-09-2018 16:32:54
แอบบอกหนูด้วงได้ไหมว่าพี่โอบไม่เคยมีใคร  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 01-10-2018 03:04:26
หนูด้วงมาแล้ว น่ารักมากๆเลย
นี่ว่าความลับเรื่องแฝดแตกแน่ๆ
ไหนจะสามารถอีก ต้องพีคๆๆ
แก้วนี่ก็ถามซอกแซกจัง มีอะไรด้วยปะจ๊ะ
แอบลุ้นให้มีเปิดตัวทายาทที่หายไปงี้ (พี่โอบอุ้ม) 55555555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-10-2018 19:21:47
โอ๊ยยย พี่โอบอิ่มหนมปัง หรืออิ่มหนูด้วง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 14 Endless story 29/09/61 P.10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-10-2018 21:52:45
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 22-10-2018 20:37:20
เพลงรักที่หายไป

เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว
ศิลปิน เสือ ธนพล


‘อย่าแปลกใจ ที่ผ่านมานานเท่าไร กาลเวลาไม่อาจหมุนหัวใจ’

หนูต้องกำลังฝันไปแน่ๆ ได้ยินเสียงของพี่โอบมาร้องเพลงให้ฟังอยู่ใกล้ๆ

‘เปลี่ยนไปจากเธอ คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อใจ ผูกพันมีแต่เธอ’

หนูไม่อยากลืมตาเลย กลัวว่าพี่โอบจะหายไป ที่ผ่านมาหนูมีพี่โอบแค่ในความฝันเท่านั้น แต่หนูอยากให้มีพี่โอบตัวจริงเสียงจริงมาอยู่กับหนูทุกวันทุกวัน

‘แม้จะนอนและฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้น ไม่อาจแบ่งใจปันเผื่อไว้ให้ใคร’

ไม่ว่าจะนอนหรือจะฝันหนูก็มีแค่พี่โอบคนเดียว หนูไม่เคยแบ่งหัวใจของหนูให้ใครเลย แต่ถ้าหนูลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าไม่มีพี่อยู่ตรงหน้า หนูก็ต้องร้องไห้เหมือนทุกที หนูไม่อยากร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว ถ้าจะต้องร้องไห้ ก็อยากให้พี่เป็นคนเช็ดน้ำตาให้

‘ใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมาย เมื่อมีเธอ ไม่ต้องการใคร’

สำหรับหนู หนูมีพี่โอบก็เหมือนมีทุกอย่างแล้ว แล้วหนูล่ะ...เป็นทุกอย่างของพี่โอบรึเปล่านะ

‘เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ’

หนูจะรักพี่โอบทั้งเมื่อวาน ทั้งวันนี้ ทั้งพรุ่งนี้ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ทุกชาติทุกชาติเลย

‘ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจ ฉันได้ดีอย่างเธอ ตอบแทนเธอ รักเดียวใจเดียว’

หนูก็รักเดียวใจเดียว รักแค่พี่โอบคนนี้คนเดียวเหมือนกัน

“ใจคอจะไม่ยอมลืมตามามองพี่เลยเหรอครับหนูด้วง พี่อุตส่าห์ร้องเพลงปลุกจนคอแห้งไปหมดแล้วนะ”

หนูด้วงได้ยินเสียงท้วงจากบุคคลอันเป็นที่รักก็ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมาข้างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ความฝันอย่างที่คิดจึงได้ลืมตาอีกข้างที่เหลือ

“ไม่ใช่แค่ความฝันจริงด้วย” หนูด้วงขยี้ตาของตัวเองเพื่อยืนยันว่ามันไม่ใช่ความฝัน

โอบอุ้มคว้ามือของหนูด้วงเอาไว้เพื่อไม่ให้เจ้าตัวขยี้จนดวงตาต้องแดงช้ำมากไปกว่านี้ เขาโน้มตัวไปจูบอีกฝ่าย จูบที่อ่อนหวานแต่ซาบซ่านไปถึงหัวใจ

“พี่อยู่ตรงนี้แล้ว มันไม่ใช่ความฝัน” โอบอุ้มพรมจูบทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่แค่ความฝัน

“หนูเป็นของพี่ พี่ก็เป็นของหนู แล้วพี่ก็จะไม่ไปไหนอีก หนูจะได้ตื่นมาเจอพี่ทุกวันทุกวัน”

ความดีใจมันทำให้หนูด้วงอดที่จะร้องไห้อีกรอบไม่ได้ ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมันคือความสมบูรณ์แบบในความเป็นครอบครัวสำหรับหนูด้วง การได้เป็นของพี่โอบช่วยทำให้ความกลัวที่ฝังอยู่ในใจมันลดลง มันคือการได้มอบทุกอย่างในชีวิตที่หนูด้วงมีให้เขาแล้ว และหนูด้วงเชื่อว่าคนอย่างพี่โอบจะรักษาทุกอย่างที่หนูด้วงมอบให้เอาไว้จนลมหายใจสุดท้าย

ใช่...หนูด้วงกำลังคาดหวัง อยู่แบบไร้ความหวังก็เหมือนคนไม่มีหัวใจ หนูด้วงไม่ต้องการเป็นคนที่อยู่อย่างไร้ความหวัง

“ครับ พี่ไม่ไปไหนแล้ว” โอบอุ้มเกลี่ยหยดน้ำตาให้น้อง ถึงจะรู้ว่าหนูด้วงรักตัวเองมากแค่ไหนแต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าน้องจะเก็บความกังวลเอาไว้มากมายขนาดนี้ เมื่อคืนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ตื่นมาก็ยังกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝันอีก

“หนูจะไม่ร้องไห้แล้วก็ได้” หนูด้วงรีบเช็ดน้ำตาเพราะรู้ว่าตัวเองอาจจะทำให้พี่โอบไม่สบายใจ

“ถ้าหนูจะร้อง พี่อยากให้เป็นน้ำตาที่มาจากความซาบซึ้งใจ”

“ถ้าหนูร้องไห้เพราะมีความสุข หนูร้องได้ใช่ไหมฮะ” พอโอบอุ้มพยักหน้าให้แทนคำตอบ หนูด้วงก็ยิ้มทั้งน้ำตาเพราะจากนี้ไปก็จะได้อยู่กับพี่โอบทุกวัน

“แต่ต่อให้หนูมีเรื่องให้ร้องไห้เพราะเสียใจ มาร้องตรงนี้นะครับ” โอบอุ้มชี้มาที่แผ่นอกกว้างของตัวเอง

“หนูจะซบอกพี่โอบทุกวันทุกคืนเลย อู้ยยย” หนูด้วงลืมตัวไปว่าเมื่อคืนโดนพี่โอบบอกรักเยอะไปหน่อยจึงไม่ทันระวัง เมื่อลุกพรวดพราดเพราะจะไปซบอกของพี่โอบจึงรู้สึกเจ็บหนึบๆ ตรงส่วนนั้น

“ไหวไหม เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ เสร็จแล้วพี่จะเอาข้าวกับยามาให้ หนูนั่งรอพี่ก่อนนะครับ”

“หนูอยากอาบน้ำมากกว่า แล้วก็ไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่ เมื่อกี้แค่ขยับตัวผิดท่าไปหน่อย”

“พี่คิดว่าหนูจะมีไข้ ขอโทษนะครับที่ทำให้หนูเจ็บ”

“เจ็บแป๊บเดียว แต่มีความสุขตั้งหลายแป๊บ หนูชอบ” หนูด้วงพูดพลางหัวเราะคิกคัก ไม่อยากให้พี่โอบคิดว่าการบอกรักทางกายด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องที่ต้องมาขอโทษกัน “แล้วหนูก็กินยาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อาน้องกำชับเอาไว้แล้วฮะ”

“อาน้องสอนทุกอย่างเลยเหรอ”

“ฮะ ทุกอย่างเลย มัมๆ ก็สอนนะ”

“อืม” โอบอุ้มพยักหน้ารับรู้พลางนึกถึงกิจกรรมเมื่อคืน เขาคิดว่าอาน้องคงต้องภูมิใจในลูกศิษย์คนนี้แน่ๆ

“พี่ชอบไหม” หนูด้วงอ้อนถาม

“อะไรที่เป็นหนูพี่ชอบทั้งนั้น”

“หนูก็ชอบทุกอย่างที่เป็นพี่โอบ” หนูด้วงพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะยิ้มกว้าง

“พี่พาไปอาบน้ำนะครับ ป่านนี้เพื่อนๆ คงจะตื่นกันหมดแล้ว เห็นว่าจะไปเดินเที่ยวที่ตลาดก่อนไปที่โรงแรม หนูจะเดินไหวไหม”

“ไหวฮะ ถ้าไม่ไหวก็ขี่หลังพี่โอบ”

“ตามสั่งครับ” โอบอุ้มเชยคางของหนูด้วงขึ้นมาจูบอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่าทุกคนรออยู่คงจะขอนอนกอดหนูด้วงทั้งวัน

.....

หลังจากที่เช็คว่าหนูด้วงไม่มีไข้ โอบอุ้มจึงพาหนูด้วงออกมาจากห้อง ตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ขึ้นมาทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ อยู่ในครัว เมื่อทุกคนเห็นหนูด้วงกับโอบอุ้มเดินเข้ามาก็ส่งเสียงแซวกันยกใหญ่ แต่คนถูกแซวกลับไม่มีอาการเขินอายแต่อย่างใด แถมยังยิ้มรับคำหยอกล้ออย่างคนอารมณ์ดี

“อารมณ์ดีจริงนะหนูด้วง” พญาทักหลานรัก

พญาขึ้นมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพราะเป็นห่วงหลาน เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ เอาแต่มองโทรศัพท์ เขาคิดว่าทั้งคู่ยังเด็ก โดยเฉพาะหนูด้วงที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้น  ทั้งคู่อาจจะต้องการคำปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านศึกรัก แต่เมื่อเห็นลูกและหลานดูปกติดี แถมหนูด้วงยังร่าเริงขั้นสุดจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อคืนนี้ทั้งสองคนมีอะไรกันรึยัง

“ก็หนูเป็นของพี่โอบแล้ว หนูมีความสุข มีความสุขก็ต้องอารมณ์ดีสิฮะ” หนูด้วงยักไหล่พร้อมกับเดินไปนั่งข้างน้องเกล

“แค่กๆๆ” พญาสำลักกาแฟเมื่อหลานตอบรับแบบไม่อ้อมค้อม

“หนูด้วงพูดตรงไปแล้ว” น้องเกลหน้าแดงเมื่อได้ฟัง

“ยินดีด้วยนะพี่นโม เอ้ย พี่โอบ” กาดเองก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาของหนูด้วงกับพี่โอบจากน้องเกลจึงพลอยรู้สึกดีใจไปด้วย ความรักที่ทั้งคู่รอคอยมานานได้สมหวังสักที

“แล้วคนอื่นไปไหนกันหมดฮะ” หนูด้วงเห็นว่ามีแค่ยุงพญา น้องเกล พี่กาด และพี่ทำนุอยู่ในครัวเท่านั้น

“ยังไม่ตื่นกันเลย วันนี้อากาศดีมาก” ทำนุเป็นฝ่ายตอบ

“แด๊ดกับมัมของหนูด้วงเข้าเมืองไปรับปู่กับย่า อ่อ..อาเฟื้องด้วย ส่วนอาน้องกับน้องไม้น้องหม่อนรออยู่ที่ตลาด” พญาพูดพร้อมกับตักไส้กรอกทอดใส่จานให้เพื่อนของหนูด้วงได้รองท้องไปก่อน

“ป๊าครับ ป๊าเอาไส้กรอกที่ไหนมากินครับ” โอบอุ้มถามพญา

“เอามาจากในตู้เย็นไง ป๊าโทรบอกน้องตังแล้วว่าจะเอามาทำให้เด็กๆ กินรองท้องก่อนไปกินข้าวที่ตลาด” พญาพูดจบก็เตรียมจิ้มไส้กรอกใส่ปาก

“เดี๋ยวครับป๊า!”

“ยุง กินไม่ได้นะ คือ มัน มัน มันเป็นไส้กรอกของหนู”

“แล้วยังไง” พญาถามอย่างงงๆ แต่สุดท้ายก็เอาไส้กรอกใส่ปากโดยไม่สนคำทัดทานของลูกชายและหลานชาย “อร่อยดี กินเลยทุกคน เราจะมาหวงของกินไม่ได้นะหนูด้วง เดี๋ยวน้าซื้อให้ใหม่” พญาบอกก่อนจะพยักหน้าให้ทุกคนกินตามสบาย ปล่อยให้หนูด้วงกับโอบอุ้มยืนยิ้มแหยๆ เพราะไม่กล้าบอกว่าไส้กรอกนี้เป็นของต้องห้ามเพราะอะไร

.....

กว่าคนที่เหลือจะตื่นและเตรียมตัวเก็บข้าวของเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยง เมื่อมาถึงตลาดจึงรู้สึกหิวจนอยากจะกินไปเสียทุกร้าน เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของน้องหม่อนดังกว่าใครเพื่อนเมื่อเห็นของกินละลานตา ตลาดภูมิเทพแห่งนี้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นตลาดที่ได้รับรางวัลดีเด่นจากภาครัฐและเอกชนหลายรางวัล

พญาให้เด็กๆ แยกย้ายกันไปหาอะไรทานตามชอบ ส่วนค่าใช้จ่ายพญาจะเป็นคนจัดการให้ จากนั้นก็ชี้ตำแหน่งที่นั่งทานอาหารให้ทุกคนได้รับทราบ

หนูด้วงบอกกับโอบอุ้มว่าขอแยกตัวไปหาอาแปะซ้งคู่ปรับเก่าแล้วจะตามไปสมทบทีหลัง อาแปะแก่มากแล้วหนูด้วงจึงอยากไปเยี่ยมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิงโตขอตามหนูด้วงไปด้วย ร้านของอาแปะซ้งขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว แถมยังขายของครอบจักรวาล ใครอยากได้อะไรให้แวะมาที่ร้านของอาแปะซ้ง ถ้ามีทุนหนากว่านี้คงขยายสาขาแข่งกับร้านสะดวกซื้อเจ้าดังได้เลย

หนูด้วงมองเข้าไปในร้านแต่ไม่เห็นอาแปะซ้ง คนที่มาขายของแทนอาแปะอยู่ตอนนี้คือหลานชายของอาแปะที่ชื่อว่าตี๋น้อย  หนูด้วงเคยวิ่งเล่นด้วยกันกับตี๋น้อยในตลาด พ่อแม่ของตี๋น้อยมักจะพาพาตี๋น้อยมาอยู่กับอาแปะในช่วงปิดเทอม เพื่อนเล่นคนเดียวในช่วงปิดเทอมที่อายุไล่เลี่ยกันก็มีตี๋น้อยนี่แหละ พอช่วงมัธยมตี๋น้อยก็ไม่ได้มาที่นี่อีก จากที่คุ้นเคยกันก็เลยห่างกันไป แต่ตอนนี้ตี๋น้อยก็มาเรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกับหนูด้วง แถมยังอยู่ชมรมฟุตบอลเหมือนสิงโต หนูด้วงได้เจอตี๋น้อยครั้งเดียว แต่ก็แค่เดินสวนกันเพราะต่างคนต่างรีบ

“อาแปะซ้งไปไหนเหรอตี๋น้อย”

“หลังร้าน หลับอยู่ จะให้ปลุกไหม” คนตอบไม่ได้มองหน้าคนถามเพราะมัวแต่เช็ครายการสินค้าของตัวเองอยู่

“ไม่เป็นไร แค่คิดถึงอาแปะเลยแวะมาหา ไม่ต้องปลุกหรอก”

“อือ” อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะนับของต่อ

“สิงโต จำตี๋น้อยได้ไหม อยู่ชมรมฟุตบอลเหมือนสิงโตเลย” หนูด้วงดึงสิงโตมาถาม

“จำไม่ได้” จริงๆ สิงโตจำได้ แต่เพราะอีกฝ่ายพูดกับหนูด้วงค่อนข้างห้วน เขาเลยไม่ค่อยพอใจ

“อ้าว งั้นก็รู้จักกันไว้นะ นี่สิงโตเพื่อนเรา นี่ตี๋น้อยหลานอาแปะซ้ง”

“อือ” ตี๋น้อยส่งเสียงตอบรับสั้นๆ แล้วหันมาพยักหน้าให้อีกรอบ

“งั้นขอซื้อสาลี่หน่อย ขายยังไง” หนูด้วงรีบหยิบสาลี่สีเหลืองทองใส่ถุงแล้วยื่นให้ตี๋น้อย

“สาลี่หิมะ โลละแปดสิบเก้า”

“แพง ลดหน่อย” สิงโตยียวนเพราะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไร เอาราคานี้แหละ” หนูด้วงรีบบอกเพราะรู้ว่าสิงโตตั้งใจกวนประสาท คนอย่างสิงโต ต่อให้สาลี่ให้กิโลฯ ละหมื่นยังซื้อได้เลย

“ลดก็ได้ ครึ่งโลร้อย เอาไม่เอา” ตี๋น้อยหันมายักคิ้วใส่สิงโต รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจกวนประสาทก็เลยกวนกลับไปบ้าง ถึงจะตัวเล็กกว่าสิงโตเยอะแต่ก็ไม่ได้คิดกลัวอีกฝ่าย

“นี่เรียกว่าลดแล้วเหรอวะ” สิงโตย้อนถาม

“ลดที่น้ำหนักของ ไม่ได้ลดที่ราคา ก็ถือว่าลดเหมือนกันไงสิงโต” หนูด้วงพยายามไกล่เกลี่ย

“แล้วเป็ดพะโล้นี่ขายยังไง” สิงโตกอดอก ทำท่าเคร่งขรึมก่อนจะถาม

“ตัวละสองร้อย”

“ถ้าซื้อเยอะจะลดไหม”

“จนรึไง ท่าทางก็ไม่นี่” ตี๋น้อยถามเมื่อสิงโตต่อราคาไม่เลิก

“ไม่จน แต่ไม่ชอบจ่ายอะไรที่ไม่คุ้มราคา อร่อยรึเปล่าก็ไม่รู้ ตัวตั้งสองร้อย”

“ถ้าคิดว่ามันไม่อร่อยก็ไม่ต้องซื้อ”

“จะซื้อและจะต่อ”

“ก็ได้ เห็นเป็นเพื่อนหนูด้วงหรอกนะ ร้อยยี่สิบาทขาดตัว ไม่ต้องต่อแล้วนะ ถ้าต่ออีกไม่ขาย”

“เอามาสามตัว”

“ไปนั่งรอตรงนั้นก่อน ตัวก็ใหญ่ ขวางหน้าร้าน” ตี๋น้อยแกล้งบ่น ส่วนหนูด้วงเห็นลูกค้ากำลังเดินตรงเข้ามาที่ร้านจึงดึงสิงโตให้ออกมานั่งตรงเก้าอี้ม้าหิน 

“พี่ฉลาม นี่ไง เป็ดพะโล้ร้านนี้แหละ” ลูกค้าชี้ชวนเพื่อนให้ดู หนูด้วงดีใจที่เป็ดของอาแปะซ้งจะขายได้อีก

“ที่กลอนซื้อไส้แก้วต้มพะโล้ให้พี่กินเมื่อวานน่ะเหรอ”

“ใช่ เอาอีกไหม”

“แต่เดี๋ยวเย็นนี้เราต้องไปงานเลี้ยงของคุณพยนต์แล้วนะ”

“อยากกินอะ ซื้อไปแช่ไว้ก่อนได้ไหม”

“ถ้าซื้อไปแช่ไว้ แล้วจะมีที่อุ่นเหรอ”

“พี่สองคนพักที่โรงแรมภูมิเทพใช่ไหมฮะ” หนูด้วงถือวิสาสะเข้ามาถามเมื่อได้ยินว่าคนทั้งคู่มางานเลี้ยงวันเกิดของคุณตา

“ครับ” คนที่ตอบหนูด้วงเป็นผู้ชายร่างสูง ดูมาดเข้มๆ แต่สายตาดูอบอุ่น

“ถ้าพี่อยากทานร้อนๆ บอกให้ทางแม่บ้านอุ่นให้ได้ฮะ แต่ถ้าจะทานพรุ่งนี้โทรบอกให้พนักงานมาซื้อให้ใหม่จะดีกว่านะฮะ ทางโรงแรมมีบริการมาซื้อของในตลาดให้ด้วย”

“ดีเหมือนกัน ขอบคุณนะครับที่บอก” พี่ผู้ชายอีกคนบอกพร้อมกับยิ้มให้หนูด้วง 

“ยินดีให้บริการฮะพี่สุดหล่อทั้งสองคน”

“คนที่นี่น่ารักดีจัง ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่แนะนำ”

“แล้วเจอกันใหม่ฮะ” หนูด้วงยกมือไหว้ทั้งสองคนก่อนจะหันมายิ้มให้ตี๋น้อย แต่อีกฝ่ายมัวแต่สับเป็ดอยู่หนูด้วงเลยยิ้มเก้อ เมื่อเห็นว่าจะรบกวนการสับเป็ดของอีกฝ่ายจึงรีบเดินกลับไปนั่งรอข้างสิงโตเหมือนเดิม

.....

พญาพาเพื่อนของหนูด้วงไปนั่งบริเวณจุดชมวิว นอกจากอาหารที่ทุกคนไปเลือกของที่อยากกินแล้ว เขายังสั่งอาหารทะเลเพิ่มมาให้อีก ขนมนมเนยก็ถูกจัดมาให้จนเต็มโต๊ะ น้องไม้ถูกปากกับขนมจีบที่ไม่ใส่แห้วเป็นอย่างมากเพราะเป็นคนไม่ชอบกินแห้ว พญาถูกอกถูกใจที่หลานคนนี้ไม่ชอบกินแห้วเหมือนกัน น้องไม้ดูเข้มแข็งห้าวหาญ ดูเป็นคนไม่ยอมคนเหมือนกับตัวเอง ส่วนน้องหม่อนก็อ้อนเหลือเกิน อ้อนมากกว่าหนูด้วงจนนึกว่าตัวเองมีหลานเป็นแฝดชายคนหญิงคน

เมื่อหนูด้วงกับสิงโตซื้อของที่ร้านอาแปะซ้งเสร็จแล้วทั้งคู่ถึงได้มาสมทบกับคนอื่นๆ ซึ่งทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตากินข้าวกันอยู่อย่างเอร็ดอร่อย

“มีเป็ดพะโล้ร้อนๆ มาฝาก” สิงโตวางถุงลงบนโต๊ะ แก้วรีบรับมาแกะใส่จานเปล่าที่พี่ถนอมเตรียมเอาไว้ให้

“ทำไมมันมีแต่คอ ปีก ตูด แล้วก็ตีนเป็ดล่ะสิงโต” แก้วถามด้วยความสงสัย

“ห๊ะ ไหนดูสิ จริงด้วย กวนตีนแล้วไอ้ตี๋น้อย” สิงโตเห็นว่าเป็ดที่ซื้อมามีแค่นั้นจริงๆ ตามที่แก้วบอกก็นึกโมโหคนขาย

“เดี๋ยวๆ จะไปไหน” หนูด้วงรีบถาม แต่สิงโตไม่ได้ตอบและคว้าถุงเป็ดเดินลิ่วๆ ออกไป

“มีเรื่องอะไรกัน” พญาถาม

“ก็สิงโตไปต่อราคาตี๋น้อย ตี๋น้อยเลยบอกว่าจะขายเป็ดให้แบบร้อยยี่สิบบาทขาดตัว มันขาดตัวเป็ดจริงด้วยฮะ”

“ฮ่าๆๆ ก็รู้อยู่ว่าไอ้ตี๋น้อยมันเค็มพอกะอากงของมัน ไปต่อราคามันเลยโดนมันกวนตีนเข้าให้” ถนอมขำที่สิงโตโดนตี๋น้อยเล่นงานเข้าแล้ว เป็นที่รู้กันในตลาดว่าตี๋น้อยมันแสบมาตั้งแต่เด็กๆ จะว่าไปก็แสบพอกับนายน้อยของมัน แต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวว่านายพญาถีบมันลงทะเล

“เออมันแสบ อย่างสิงโตมันต้องเจอแบบไอ้ตี๋น้อยนี่แหละ สมกันดี ดีไม่ดีอาจจะเป็นเนื้อคู่กันนะ” พญานึกขำตามลูกน้องไปด้วยจึงแซวสิงโตลอยๆ ทุกคนรีบหันไปมองที่ตะโก้ เมื่อเห็นตะโก้เอาแต่เหม่อมองไปที่ทะเล คิดว่าคงไม่ได้ยินจึงได้แต่แอบลอบถอนหายใจไปตามๆ กัน

“อย่ากินกันจนจุกล่ะ ที่งานเลี้ยงอาหารจัดเต็มมากนะครับ” เทียมฟ้ารีบเปลี่ยนเรื่อง แม้จะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของตะโก้กับสิงโตอยู่ในขั้นไหน แต่สีหน้าเศร้าๆ ของตะโก้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสีหน้าของคนที่กำลังมีความรัก

“นี่ๆ ทุกคนทุกคน หนูจะมารีวิววิธีกินปูยังไงให้ง่ายสุดๆ” หนูด้วงรีบทำให้ทุกคนหันมาสนใจตัวเองแทน

“ยังไงเหรอหนูด้วง” นกฮูกถามเพราะตัวเองกำลังปวดหัวกับการแกะปูมาก

“อันดับแรก เลือกปูมาหนึ่งตัว” หนูด้วงเล็งปูตัวที่ใหญ่ที่สุดแล้วหยิบมาถือไว้

“ไงต่อ” น้องเกลก็ลุ้นวิธีแกะปูของหนูด้วงตามไปด้วย

“อันดับต่อมาคือส่งให้คนที่เรารัก” หนูด้วงพูดจบก็วางปูลงบนจานของโอบอุ้ม

“อย่าบอกนะว่า...” นกฮูกขมวดคิ้ว จนกระทั่งเห็นโอบอุ้มแกะปูแล้วเอาเนื้อปูไปวางที่จานของหนูด้วงถึงได้ทำหน้าเซ็งที่เดาถูก เขาไม่น่าคาดเดาว่าจะได้สาระจากหนูด้วงเลยจริงๆ

“เห็นไหม มือไม่เปื้อน ง๊ายๆ รอกินอย่างเดียว” หนูด้วงพูดจบก็ตักเนื้อปูเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

“เจ๋ง แค่หาแฟนมาแกะให้ การกินปูก็จะไม่ยากอีกต่อไป” เม่นยกนิ้วให้ความคิดของหนูด้วง

“น้องหม่อนจะหาแฟนได้จากที่ไหน” น้องหม่อนมองปูในจานของพี่หนูด้วงตาเป็นมัน เนื้อปูขาวฟูน่าลิ้มลองเป็นที่สุด แต่จะไปหาแฟนแบบที่พี่น้องเม่นบอกได้จากที่ไหน ตัวเองจะได้กินปูง่ายๆ บ้าง

“น้องดูดิ ถอดหนูด้วงมาอย่างกับพิมพ์เดียวกัน เรื่องกินเรื่องใหญ่ แถมอยากจะมีแฟนตั้งแต่ยังเด็ก สงสัยพี่ต้องไว้หนวดแล้ว” พญากระซิบเทียมฟ้า

“พี่ น้องหม่อนเป็นเด็กผู้ชายนะ”

“เออจริง พี่ก็ลืม แล้วใครไปรัดจุกให้วะ เลยดูอย่างกับเด็กผู้หญิง แก้มก็กลม พุงก็กลม ไม่เห็นจะเหมือนเจ้าอุ้มเลยสักนิด”

“เหมือนไม่เหมือนเดี๋ยวก็รู้”

“ทำไม รู้อะไร มีอะไรที่ปิดบังพี่ห๊ะ...เจ้ากระต่าย”

“น้องอยากกินปู”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“แกะปูให้น้องหน่อยนะครับ พี่แกะปูให้น้อง เดี๋ยวคืนนี้น้องแกะกระดุมให้พี่”

“มึงนี่นะ” พญายิ้มอ่อนเมื่อได้ยินข้อต่อรองของอีกฝ่าย

“อยากกินปูง่ายๆ ไหมล่ะ” ป้ายหันมาถามนกฮูกบ้าง

“เป็นแฟนพี่ป้ายเลยนกฮูก” หนูด้วงพูดแทรกขึ้นมาจนนกฮูกหน้าแดง

“เฮ้ย!” จู่ๆ น้องมิกิก็ตะโกนขึ้นมาจนทุกคนตกใจ

“อะไรมิกิ” เม่นถาม

“พี่โขน พี่โขนตัวจริงเสียงจริง กรี๊ดดด ตอนไปถ่ายแบบที่บริษัทไม่เคยเจอเลย หาตัวยากมากๆ มิกิขอตัวไปถ่ายรูปกับพี่โขนก่อนนะคะทุกคน กรี๊ดดด พี่โขนคะ พี่โขน...”

“เราไปด้วย” แก้วเองก็ตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้เจอดาราดังแบบที่ไม่คาดฝันมาก่อนจึงรีบลุกตามมิกิไป

“ใครวะ” พญาถาม

“ก็พี่โขนดาราดังไงครับ” เทียมฟ้าเป็นคนตอบ

“ดาราอะพี่รู้จัก พี่หมายถึงคนที่ยืนข้างๆ โคตรน่ารักเลย”

“เป็นผู้จัดการของพี่โขน ชื่อบัวมงคล ที่มีข่าวว่าเป็นลูกชายของคุณอาโปดาราที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาเป็นคนรักของพี่โขน เขารักกันมาก รักมากจนคนอื่นแทรกไม่ได้ เข้าใจตามนี้นะครับพี่พญา”

“หึงพี่เหรอครับน้อง ว่าแต่ทำไมรู้ละเอียดจัง” พญาลอบยิ้ม

“ก็น้องเคยคบกับพี่โขนพักหนึ่ง” เทียมฟ้าโกหกเพราะนึกหมั่นไส้คนรักของตัวเอง

“ไอ้หนอม มึงไปบอกไอ้ดาราดังคนนั้นดิ๊ ว่าตลาดนี้ไม่ต้อนรับดาราโว้ย”

“หึงน้องเหรอครับพี่” เทียมฟ้าย้อนถาม

“เออ หึง”

“หนูว่าพี่โขนหล่อมากเลย ทำไมหล่อแบบนี้ โห พี่โอบมาดูมาดูฮะ ยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งหล่อสุดๆ” หนูด้วงเองก็อดเพ้อไม่ได้เมื่อได้เห็นตัวจริงของดาราดัง เขาดูหล่อกว่าในโทรทัศน์หรือในนิตยสารตั้งเยอะ

“อายุของเขาเป็นพ่อของหนูด้วงได้เลยนะครับ”

“หน้าตาแบบนี้เอาเป็นแฟนดีกว่าฮะ”

“พี่ว่า...หนูมีแฟนอายุห่างขนาดที่กำลังพอดีดีกว่านะ” โอบอุ้บพูดพลางแกะปูให้น้องหม่อนไปด้วย

“หนูแค่อยากมองหน้าเขา เขาหล่อเนอะน้องเกล”

“พี่หนอมครับ พี่ไม่ต้องไปบอก เดี๋ยวผมไปบอกเองว่าให้ไปเดินไกลๆ แถวนี้หน่อย” โอบอุ้มทำท่าจะลุกไปทำตามคำสั่งของพญา แต่หนูด้วงรีบคว้าแขนเอาไว้ก่อน ก่อนจะกระซิบเบาๆ

“หนูไม่มองเขาแล้วก็ได้”

“โอ้โห ทำเป็นสุขุมนุ่มลึก น้องดู...เจ้าอุ้มมันหึงแรงกว่าป๊าของมันอีกเว้ย ฮ่าๆ” พญาหัวเราะชอบใจ

“ทำไมนาโมต้องหึงพี่คนหล่อคนนั้น หึงแปลว่าหวง นาโมหวงพี่คนนั้นทำไม หวงพี่คนนั้นกับใคร” น้องไม้ถามขึ้นมาจนทั้งโต๊ะเงียบไป หนูด้วงหน้าเสีย ลืมไปเลยว่ามีเด็กทั้งสองคนร่วมโต๊ะอยู่ด้วย น้องไม้เป็นเด็กที่โตเกินวัย อาจจะเริ่มสงสัยขึ้นมาบ้าง

“โอเคโอเค น้องหม่อนไม่มองแล้วก็ได้ นาโมไม่ต้องหวงน้องหม่อนนะ” ใบหม่อนยกมือขึ้นมาปิดตาเพราะตัวเองก็เอาแต่มองตามพี่คนนั้นไปเหมือนกัน ใบหม่อนไม่ได้มองที่เขาหล่อ แต่เพราะเขาถือถุงขนมสายไหมสีพาสเทลน่ากินถุงใหญ่มากๆ ในมือต่างหาก แต่นาโมไม่ชอบให้น้องหม่อนจ้องมองคนแปลกหน้าเลยต้องรีบปิดตาเอาไว้

“นาโมไม่ได้หวงน้องหม่อนหรอก ใช่ไหม” น้องไม้ถามอีก

“รีบกินกันเถอะ จะได้กลับโรงแรม ทุกคนจะได้มีเวลาแต่งสวยแต่งหล่อก่อนไปงาน” เทียมฟ้าต้องเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง ซึ่งทุกคนก็ช่วยกันเปลี่ยนเรื่องคุยจนโอบอุ้มไม่ต้องตอบคำถามของน้องไม้

ส่วนพญาแอบลอบมองหนูด้วงที่ยังนั่งหน้าเสียไม่เลิก ถ้าสมมุติเด็กแฝดสองคนนี้รับไม่ได้เรื่องที่พ่อของตัวเองจะมีคนรักเป็นผู้ชาย เขาไม่รู้ว่าเจ้าอุ้มจะแก้ปัญหานี้ยังไง หากปัญหามันใหญ่ถึงขั้นต้องเลือก แล้วเจ้าอุ้มจะเลือกหนูด้วงหรือลูกของตัวเอง แค่คิดพญาก็รู้สึกสงสารทั้งคู่จับหัวใจ

.....

เมื่อคณะของหนูด้วงมาถึงโรงแรมภูมิเทพ พนักงานก็พาทุกคนไปยังห้องพักที่เตรียมเอาไว้ให้ ส่วนหนูด้วงกับโอบอุ้มต้องพาน้องไม้และน้องหม่อนไปพบนายหัวพยนต์ที่ห้องทำงาน หนูด้วงไม่รู้ว่าพี่โอบรู้สึกยังไงเพราะฝ่ายนั้นดูสงบนิ่งเหมือนเคย แต่ตัวเองรู้สึกเป็นกังวลเพราะกลัวคุณตาจะตำหนิเรื่องที่พี่โอบเรื่องแอบไปมีลูก

“ไหนมาใกล้ๆ ทวดซิ”

ใบไม้กับใบหม่อนเงยหน้าขึ้นไปมองโอบอุ้ม รู้สึกกลัวที่จะเดินเข้าไปหาชายสูงวัยที่เรียกตัวเองว่าทวด จนกระทั่งหนูด้วงเดินมาจับมือน้อยๆ ทั้งคู่จึงยอมเดินตามแรงจูงของพี่หนูด้วงไป

“สวัสดีคุณทวดพยนต์ก่อนน้องไม้น้องหม่อน คุณทวดแปลว่าเป็นปู่ของคุณพ่อ เราจึงเรียกว่าทวด” หนูด้วงอธิบายให้เด็กทั้งสองคนฟัง น้องแฝดยกมือไหว้นายหัวพยนต์แต่ก็ยังรู้สึกเกร็งกับคนแปลกหน้าเหมือนเดิม

“คนนี้ชื่อน้องไม้เหรอ เหมือนพญาตอนเด็กๆ มาก” พยนต์ให้ความสนใจแฝดคนพี่ ถึงจะตัวแค่นี้แต่มีบุคลิกที่ดี มีความเป็นผู้นำ มีความเด็ดเดี่ยวฉายชัดที่ดวงตา

“มีแต่คนบอกว่าน้องไม้เหมือนยุง ส่วนน้องหม่อนเหมือนหนู คุณตาว่าน้องหม่อนเหมือนหนูไหมฮะ” หนูด้วงเอาหน้าของตัวเองไปเทียบกับหน้าน้องหม่อน

“เหมือน ท่าทางจะขี้อ้อนเหมือนกันด้วย” พยนต์พินิจใบหน้าลูกชายทั้งสองคนของโอบอุ้มแล้วนึกแปลกใจที่ไม่มีใครเหมือนโอบอุ้มเลยสักคน

“พวกเรามีของขวัญวันเกิดมาให้คุณตาด้วยนะ พร้อมยัง น้องไม้ น้องหม่อน” หนูด้วงหันมาถามน้องแฝด เมื่อทั้งคู่พยักหน้าให้หนูด้วงจึงจูงเด็กทั้งสองคนมายืนที่กลางห้อง

แล้วทั้งสามคนก็ร้องเพลงอวยพรวันเกิดพร้อมกับเต้นประกอบเพลงไปด้วย น้องหม่อนเต้นอย่างออกรสจนนายหัวพยนต์หัวเราะด้วยความชอบใจ ส่วนน้องไม้แม้จะดูเขินอายแต่ก็ยอมเต้นตามน้องชาย ท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่ก็ดูมีความมุ่งมั่นที่จะแสดงออก ส่วนหนูด้วงเห็นคุณตายิ้มได้และดูจะพอใจกับน้องแฝดก็แอบโล่งใจ จนกระทั่งการแสดงจบลงนายหัวพยนต์ถึงได้ปรบมือให้

“เต้นเก่งแบบนี้เห็นทีทวดต้องให้รางวัลแล้ว”

“น้องหม่อนขอให้คุณทวดอายุยืนจนเมื่อย แล้วก็มีความสุขมากๆ นะครับ”

“ไม้ก็ขอให้คุณทวดแข็งแรงและมีความสุขมากๆ ครับ”

“ขอบใจนะเด็กๆ มาให้ทวดกอดหน่อย ทั้งสองคนเลย” พยนต์รู้สึกเอ็นดูเด็กทั้งสองคนมาก จากที่แอบมีอคติในใจ ตอนนี้อคตินั้นได้มลายหายไปสิ้น เขาอยากรู้ว่าแม่ของเด็กเป็นใคร เห็นทีจะต้องถามโอบอุ้มให้รู้ความ

“หนูตกกระป๋องไปเลย” หนูด้วงยิ้มกว้าง

“ตกมาทางพี่ พี่จะรับเอาไว้เอง” โอบอุ้มกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน

“หนูด้วงพาใบไม้กับใบหม่อนไปเดินเล่นก่อนนะ ตาอยากจะคุยกับเจ้าโอบสักหน่อย”

“แต่ว่า...” หนูด้วงกลับมาหนักใจอีกรอบเมื่อพยนต์ขอคุยกับโอบอุ้มตามลำพัง

“ไปเถอะ” โอบอุ้มบอกกับหนูด้วง

“คุณตา...” หนูด้วงยังไม่อยากออกไปเพราะกลัวโอบอุ้มถูกตำหนิ

“ตาไม่ได้จะต่อว่าอะไรหรอก แค่อยากจะถามอะไรนิดหน่อย พาเจ้าแฝดไปหาอะไรกินที่ห้องอาหารก็ได้”

“ถึงน้องหม่อนจะอิ่มมากๆ แต่น้องหม่อนก็อยากจะไปเดินเยี่ยมห้องอาหารของคุณทวด น้องหม่อนยังเดินไหวนะพี่หนูด้วง ไปกันนะครับ” น้องหม่อนรีบอ้อน

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงลอบถอนหายใจ สุดท้ายก็ยอมต้องเดินออกไปทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความกังวล

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 22-10-2018 20:39:19
ต่อจากด้านบนค่ะ

หนูด้วงพาน้องแฝดเดินมาถึงห้องอาหาร น้องหม่อนได้กลิ่นหอมๆ ถึงกับทำท่าสูดดมความหอมนั้นด้วยความเคลิบเคลิ้ม น้องไม้หันไปเห็นน้องชายของตัวเองมองเค้กในตู้ด้วยความสนใจก็ตบที่พุงของน้องเบาๆ เป็นการเตือนว่าควรจะอิ่มได้แล้ว คนถูกเตือนจึงทำได้แต่ยืนมองเค้กด้วยความอาลัย

“น้องไม้กับน้องหม่อนนั่งรอพี่หนูด้วงอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ห้ามไปไหนเข้าใจไหม ห้ามไปกับคนแปลกหน้า เดี๋ยวพี่หนูด้วงจะให้พี่พนักงานเอาขนมกับน้ำปั่นมาให้”

“แล้วพี่หนูด้วงจะไปไหน” น้องหม่อนถาม

“ไปสืบราชการลับ”

“แปลว่าพี่หนูด้วงจะไปแอบฟังคุณทวดคุยกับนาโมไง” น้องไม้เห็นน้องชายทำหน้างงเลยช่วยขยายความ

“แหะๆ ก็พี่อยากรู้” หนูด้วงหัวเราะแห้งๆ เมื่อถูกน้องไม้จับได้ “นั่งตรงนี้กับน้องด้าวนะ น้องด้าวจะอยู่เป็นเพื่อนน้องไม้กับน้องหม่อน” หนูด้วงวางน้องด้าวลงที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างน้องหม่อนก่อนจะรีบเดินออกไป แต่ก่อนไปก็ฝากพนักงานให้ช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนแบบห้ามให้คลาดสายตา

เมื่อหนูด้วงออกไปแล้วพนักงานสาวก็นำขนมมาให้เด็กทั้งสองคนตามคำสั่ง แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะมีข่าวลือมาว่าเด็กแฝดเป็นลูกของคุณโอบ เธอรู้ว่าคุณโอบเป็นแค่ลูกบุญธรรมของนายพญาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลานนอกไส้สองคนนี้

“น้องไม้ น้องหม่อนปวดฉี่”

“บอกแล้วว่าอย่ากินน้ำเยอะ เดี๋ยวไปถามก่อนว่าห้องน้ำอยู่ไหน”

น้องไม้เดินไปถามพนักงาน เมื่อได้รับคำตอบจึงเรียกน้องชายให้ตามตัวเองไป พนักงานมองตามแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ข่าวซุบซิบกันเรื่องที่คุณโอบแอบไปมีเมียมีลูกแต่ก็ยังกลับมาหลอกคบกับนายน้อยมีมาให้ได้ยินเป็นระยะ ด้วยข่าวลือผิดๆ ทำให้พนักงานส่วนใหญ่ตั้งแง่กับโอบอุ้มแล้วพาลมาถึงเด็กแฝดทั้งสองคนด้วย

“แกไม่ตามไปเหรอ นายน้อยสั่งเอาไว้ว่าให้ช่วยดูไม่ใช่เหรอ” พนักงานเดินเข้ามาถามเพื่อนสนิทที่ได้รับหน้าที่ตามคำสั่งของหนูด้วง

“แค่ห้องน้ำคงไม่ต้องตามเฝ้าหรอกมั้ง”

“แก ยังไงก็เป็นหลานนายพญานะ”

“ก็แค่ลูกของลูกบุญธรรม”

“แกเชื่อข่าวลือนั้นเหรอวะ”

“แก ข่าวมีมาตั้งนานแล้วว่าคุณโอบแอบมีเมียมีลูก ตอนนั้นฉันบอกก็ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายมันก็เป็นจริง แล้วไอ้เรื่องที่แอบมาคบนายน้อยเพราะอยากตกถังข้าวสารมันก็ต้องมีมูลบ้างแหละ”

เพี๊ยะ!

ใบหน้าของพนักงานสาวที่กำลังยืนนินทาโอบอุ้มอยู่ต้องหันไปตามแรงฝ่ามือของใครบางคนแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อหันกลับมาดูหน้าคนที่เข้ามาทำร้ายก็พูดไม่ออก สีหน้าที่พร้อมจะเอาเรื่องแต่แรกกลับซีดจางตัดกับรอยแดงบนใบหน้า

“ฉันไล่เธอออก ไปรับเงินชดเชยและเงินที่ถูกฉันทำร้ายจากเลขาของฉัน จำเอาไว้ว่าที่นี่ไม่ชอบคนขี้นินทา”

“คุณพเยียคะ หนูขอโทษ หนู...”

“ออกไป”

“ส่วนเธอจำเอาไว้นะ โอบอุ้มคือหลานของฉัน เด็กแฝด...ก็..ก็คือหลานของฉัน ถ้ามีข่าวพวกนี้มาให้ได้ยินอีก นอกจากจะต้องออกจากงานแล้วก็คงต้องออกจากเกาะไปด้วย ฉันพูดได้เลยว่าคงไม่มีใครบนเกาะนี้รับพวกเธอเข้าทำงานอีก” พเยียพูดกับพนักงานอีกคนที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว

“ค่ะคุณพเยีย”

“ไปทำงานได้แล้ว” พเยียสั่งเสียงเฉียบขาดก่อนจะเดินหันหลังออกไป

พนักงานคนอื่นที่ยืนมองอยู่ต่างก็หลบสายตาของนายหญิงผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดของโรงแรมในขณะนี้ ปกติคุณพเยียไม่เคยแสดงอาการโกรธใครให้เห็นมาก่อน แต่นี่ถึงขนาดตบพนักงานต่อหน้าคนหลายคน มันแสดงให้เห็นว่าโอบอุ้มยังเป็นคนสำคัญที่พนักงานทุกคนต้องให้ความเคารพดังเดิม

“ไหนบอกว่าปวดฉี่” น้องไม้ถอนหายใจที่ยืนรอน้องชายฝาแฝดอยู่นานสองนาน

“ก็ปวดฉี่ แต่อย่างอื่นมันก็ออกมาด้วย น้องหม่อนจะไปห้ามมันได้ไง”

“แล้วจะไปกินขนมต่อไหม”

“ท้องมันโล่งแล้วก็ต้องไปใส่ให้มันเต็มเหมือนเดิม”

“เฮ้อ”

“เอ่อ น้องไม้กับน้องหม่อนใช่ไหมคะ”

ใบไม้กับใบหม่อนมองผู้หญิงที่เข้ามาทัก เธอสวยมากๆ แต่งตัวสวย แต่งหน้าก็สวย กลิ่นน้ำหอมก็หอมเย็น สวยจนน้องหม่อนต้องเผลอยิ้มให้กับความสวยงามตรงหน้า

“ใช่ครับ” น้องไม้เป็นคนตอบ เมื่อเห็นผู้หญิงแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้จึงรีบจับมือน้องชายของตัวเองเอาไว้

“ไม่ต้องกลัวนะคะ คือ...ย่าเป็นอาของโอบอุ้ม” พเยียพยายามไม่ให้เสียงพูดของตัวเองสั่นจนดูผิดปกติ อยากจะแทนตัวเองว่าแม่ก็ทำไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นคนเลือกที่จะทิ้งเด็กทั้งสองคนเอาไว้เอง

“หมายถึงนาโมเหรอครับ” น้องหม่อนถาม ตอนนี้ใครต่อใครชอบเรียกนาโมว่าโอบอุ้ม น้องหม่อนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเหมือนกัน

“ใช่ค่ะ”

“นาโมไม่ได้บอกว่ามีอา ไปกันเถอะน้องหม่อน”

“เดี๋ยวก่อน คือ ที่ห้องทำงานของย่ามีของเล่นเยอะเลย อยากได้ไหมคะ” พเยียไม่รู้จะเข้าหาลูกได้ยังไง คิดว่าสำหรับเด็กแล้ว ของเล่นคงจะพอช่วยได้

“ไปไม่ได้หรอกครับ คุณคนสวยเป็นคนแปลกหน้า นาโมไม่ให้ไปกับคนไม่รู้จัก เอาไว้ให้นาโมบอกว่าคุณคนสวยเป็นย่าของเรา แล้วน้องหม่อนจะไปดูของเล่นในห้องคุณคนสวยนะครับ”

“ได้ค่ะได้ ย่าจะรอนะคะ” พเยียอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ต้องอดทนเอาไว้ ลูกอยู่ใกล้แค่เอื้อมกลับดูห่างไกลจนเกินคว้ามากอด

“ไปกันเถอะน้องไม้ คุณขนมเค้กรอน้องหม่อนอยู่”

“อืม” น้องไม้มองหน้าพเยียอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้ น้องหม่อนยกมือไหว้ตามพี่ชายก่อนจะจูงกันกลับไปที่ห้องอาหาร

พเยียมองตามแผ่นหลังลูกชายฝาแฝดของตัวเองไปด้วยความสะเทือนใจ ทำไมเธอถึงขี้ขลาด เธอเป็นแม่ที่เลวทิ้งลูกได้ลง ซ้ำยังเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะบอกความจริงกับทุกคน ความทุกข์ที่เกาะกินอยู่ในใจตั้งแต่วันที่ทิ้งลูกมาจนถึงวันนี้มันก็สมควรแล้วกับผลกรรมที่ตัวเองเป็นคนเลือกเอง

.....

เสียงเพลง happy birth day ถูกเล่นวนไปเรื่อยๆ ระหว่างที่แขกทยอยกันมา หลายคนต่างก็คิดในใจว่าสมแล้วกับที่เป็นงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดของมหาเศรษฐีใหญ่อย่างนายหัวพยนต์ ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมภูมิเทพที่ว่ากว้างใหญ่ยังเล็กไปถนัดตาเมื่อต้องต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมอวยพรนายหัวพยนต์ในวันนี้ บางคนมาเพราะว่าสนิทสนมกับเจ้าของวันเกิดและคนในตระกูลภูมิเทพเป็นการส่วนตัว บางคนก็มาเพราะอยากแสดงความเคารพ อยากแสดงความเป็นมิตร รู้กันอยู่ว่าตระกูลภูมิเทพมีสายป่านทางธุรกิจที่ดีจนน่าผูกสัมพันธ์ด้วย

หนูด้วงพาเพื่อนๆ และพี่ๆ ไปสวัสดีคุณตาและแนะนำให้ท่านรู้จัก นายหัวพยนต์ทักทายเพื่อนของหลานก่อนจะสั่งให้พนักงานพาเด็กๆ ไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมให้ แม้ผู้คนที่มาร่วมงานจะเยอะจนเต็มห้องจัดเลี้ยง แต่การจัดการต้อนรับแขกของพเยียเป็นไปอย่างราบรื่นและทั่วถึง ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องให้ตำหนิได้

“ทั้งห้องเป็นสีทองไปหมดเลย เหมือนอยู่ในสวรรค์” แก้วมองไปรอบงานด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“คนใหญ่คนโตมาร่วมงานเต็มเลย ดูนั่นสิ ท่านนายกก็มา” ขนาดทำนุคิดเอาไว้แล้วว่างานในวันนี้จะใหญ่โต แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้

“นั่นๆ พี่โขนมาร่วมงานวันเกิดของคุณตาของหนูด้วงด้วยนี่นา แสดงว่ารู้จักกับคุณตาของหนูด้วงแน่เลย”

“คุณย่าของคุณโขนท่านสนิทกับนายหัวครับ แล้วตัวคุณโขนเองก็รู้จักมักคุ้นกับสามีของคุณพเยีย” ก้านเป็นคนอธิบายให้ทุกคนได้ฟัง เวลานี้เขารับหน้าที่ดูแลกลุ่มเด็กๆ แทนนายพญาที่ต้องไปต้อนรับแขกผู้ใหญ่

“พี่ไปหาป๊าก่อนนะครับ เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง” โอบอุ้มบอกกับหนูด้วง

“ให้หนูไปด้วยนะ”

“หนูอยู่กับเพื่อนๆ แล้วก็น้องแฝดดีกว่า พี่ไม่อยากให้หนูเดินเยอะ” โอบอุ้มพูดจบก็ยิ้มกรุ้มกริ่มให้

“ก็ได้ก็ได้ หนูจะรักษาตัว” หนูด้วงเข้าใจความหมายจึงไม่อ้อนขอไปด้วยอีก

“ทำไมไม่อยากให้เดินเยอะอะ” แก้วถามหนูด้วง

“ความลับ” หนูด้วงตอบก่อนจะหัวเราะ

“งั้นเดี๋ยวสักพักเราขอไปเดินเล่นรอบๆ ได้ไหม” แก้วหงุดหงิดใจที่หนูด้วงไม่ยอมบอก แล้วก็อยากเก็บความสวยงามทุกอย่างเอาไว้ ในชีวิตก็เพิ่งจะได้สัมผัสความหรูหราของสังคมไฮโซแบบนี้เลยไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ

“ได้ ระวังหลงนะ” หนูด้วงพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะหันไปสนใจน้องหม่อนที่กำลังเขย่าแขนเพื่ออ้อนหนูด้วงให้พาไปดูน้ำพุช็อกโกแลตสำหรับฟองดูว์ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง

เสียงพิธีกรกล่าวต้อนรับแขกที่มาในงาน จากนั้นก็เชิญท่านนายกฯ ให้ขึ้นมาดื่มอวยพรให้แก่เจ้าของวันเกิด พนักงานเริ่มนำอาหารรสเลิศมาทยอยเสิร์ฟตามโต๊ะ จนกระทั่งนายหัวพยนต์กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมอวยพรและเชิญให้ทุกคนร่วมรับประทานอาหาร วงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงคลอเบาๆ ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงได้มีเสียงฮือฮาขึ้นมาบริเวณเวทีอีกครั้ง

“มีอะไรเหรอ” น้องเกลมองไปบนเวทีเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนเดินขึ้นไป

“นั่นมันนาโมนี่” น้องไม้ชี้ไปบนเวที

“จริงด้วย เฮ้ย นั่นพี่โขนนี่นา” มิกิเริ่มตื่นเต้นเมื่อเห็นพี่โอบอุ้มและดาราคนดังขึ้นไปบนเวที

“เฮ้ย นั่นมันพี่สุดหล่อคนที่เจอที่ตลาด จำได้ไหมสิงโต ที่จะซื้อไส้เป็ดไง” หนูด้วงเรียกให้สิงโตดู

“จริงด้วย”

“เขาชื่อคุณฉลาม เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของนายหัว เจ้าของบริษัทส่งออก ที่เห็นอยู่บนเวทีก็คือคนที่จะขึ้นเล่นดนตรีกับคุณโอบ เป็นของขวัญให้กับนายหัวครับ” ก้านอธิบายต่อ

“แล้วอีกคนล่ะครับพี่ก้าน มือกลองนั่นใคร เขาดูเท่มากเลย” นกฮูกหันมาถามก้าน

“เป็นเจ้าของฟาร์มไข่มุก กำลังจะเริ่มทำธุรกิจเครื่องประดับกับคุณพเยียครับ เป็นคนที่มีความสามารถมากๆ เริ่มต้นจากศูนย์จนมาเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตได้”

“เจ๋ง โปรไฟล์ดีงามสุดๆ” เม่นนึกชื่นชมและอยากจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างนั้นบ้าง

“จะร้องเพลงอะไร พี่โอบปิดเงียบเลย พวกเราไปนั่งดูที่หน้าเวทีดีกว่า ไปกันไหม” หนูด้วงเอ่ยชวนทุกคน

“ไปๆ อยากไปดูพี่โขน” มิกิรีบตอบรับจนเม่นชักจะหึง

“พี่โขนเขามีแฟนแล้ว มาหาพี่ขันดีกว่า จะขันปลุกเช้าเย็นเลย”

“ก็แค่ชื่นชมเท่านั้นแหละ” มิกิขำมุกของน้องเม่น

“น้องหม่อนจะไปกับพี่หนูด้วงไหม ถ้าจะไปก็หยุดกินได้แล้ว” น้องไม้ถาม

“ไม่ไป น้องหม่อนจะเฝ้าอาหารให้นะ”

“เดี๋ยวพี่ดูแลให้ครับ ไปกันเถอะ จะเริ่มเล่นเพลงแล้ว” ก้านเห็นหนูด้วงลังเลจึงอาสาดูแลน้องแฝดให้

“โก้จะไปไหม” สิงโตถามคนที่นั่งข้างๆ

“นั่งรอตรงนี้ดีกว่า สิงโตไปกับเพื่อนเถอะ” ตะโก้ปฏิเสธ รู้สึกเหมือนตัวเองจะมีไข้ เมื่อคืนเขาทำให้สิงโตน้อยใจจนอีกฝ่ายเดินหนีไปไหนไม่รู้ ตะโก้นั่งรอจนถึงเช้าสิงโตก็ไม่ได้กลับมา อากาศที่หนาวเย็นบนผาทำให้เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด

แล้วสมาชิกวงดนตรีเฉพาะกิจก็เข้าประจำตำแหน่งเครื่องดนตรีที่แต่ละคนถนัด กลุ่มของหนูด้วงที่มาจับจองพื้นที่ตรงหน้าเวทีส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ แขกผู้ใหญ่หลายคนจำโขนได้ก็รีบเข้ามาถ่ายรูปเพื่อเอาไปอวดลูกหลาน ส่วนคนหนุ่มสาวก็เตรียมอัดคลิปลงโซเชียลฯ เช่นกัน

“ผมกับน้องๆ มารวมตัวกันแบบเฉพาะกิจ เราไม่ได้ซ้อมกันมาอาจจะมีผิดพลาดบ้าง ขออภัยเอาไว้ล่วงหน้านะครับ” ลิลิตหรือโขนพูดออกตัวเอาไว้ก่อน

เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ดังลั่นห้องจัดเลี้ยงราวกับมีงานคอนเสิร์ต แต่ก็ไม่แปลกอะไรเพราะโขนเป็นดาราเบอร์ต้นๆ ของวงการ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แฟนคลับที่เป็นคนต่างชาติก็มีไม่น้อย แถมตอนนี้เจ้าตัวไม่รับงานแล้ว การได้มาเห็นตัวจริงในระยะประชิดจึงทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปตามๆ กัน

“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณปู่ โอบต้องขอโทษที่ไม่ได้กลับมาดูแลคุณปู่อย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้ แต่โอบขอมอบเพลงนี้แทนคำสัญญาที่ให้เอาไว้กับปู่นะครับ โอบสัญญาว่าจะดูแลดวงใจของคุณปู่ให้ดีที่สุด ขอบคุณพี่ทั้งสามคนที่มาร่วมวงกับผมด้วยนะครับ” โอบอุ้มพูดกับนายหัวพยนต์ก่อนจะหันกลับมาพูดกับแขกวีไอพีที่มาร่วมเล่นเครื่องดนตรีให้

หนูด้วงหันไปมองนายหัวพยนต์ เมื่อบ่ายไม่รู้ว่าพี่โอบคุยอะไรกับคุณตาบ้างเพราะตัวเองแอบฟังไม่ถนัด แต่ตอนนี้พอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ความตื้นตันและความดีใจทำให้น้ำตาแทบไหลออกมา เมื่อเห็นคุณตายิ้มให้เลยยกมือไหว้ขอบคุณที่ท่านเข้าใจและยอมรับในความรักของตัวเองกับพี่โอบได้ เสียงดนตรีที่เริ่มบรรเลงทำให้หนูด้วงกลับไปมองบนเวทีอีกครั้ง

‘อย่าแปลกใจ ที่ผ่านมานานเท่าไร กาลเวลาไม่อาจหมุนหัวใจ เปลี่ยนไปจากเธอ คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อใจ ผูกพันมีแต่เธอ แม้จะนอนและฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้น ไม่อาจแบ่งใจปัน เผื่อไว้ให้ใคร ใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมาย เมื่อมีเธอ ไม่ต้องการใคร’

คนที่ร้องเพลงนี้คือมือกลอง คนที่หนูด้วงไม่รู้จักชื่อ พี่โอบ พี่ฉลาม และพี่โขนก็ร่วมร้องคลอตามไปด้วย หนูด้วงคิดว่าถ้าสี่คนนี้ออกอัลบั้มเพลงสักอัลบั้มต้องขายได้เป็นล้านแผ่นแน่ๆ นี่ขนาดไม่ได้ซ้อมมายังสะกดคนฟังให้ตกอยู่ภวังค์ได้อย่างง่ายดาย

‘เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจ ฉันได้ดีอย่างเธอ ตอบแทนเธอ รักเดียวใจเดียว’

“พี่ปลา....”

กลุ่มของหนูด้วงหันมามองที่ต้นเสียง ปรากฏว่าเจ้าของเสียงคือตะโก้ แถมเจ้าตัวยังยืนร้องไห้อีกด้วย น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลกลิ้งอาบแก้มทำให้ทุกคนตกใจ เมื่อมองตามสายตาของตะโก้ไปก็เห็นว่ามันจับจ้องไปยังมือกลองเจ้าของเสียงที่กำลังขับกล่อมทุกคนอยู่ คนที่ตะโก้เรียกเขาว่า ‘พี่ปลา’
 
‘ดั่งทะเล...โอบกอดด้วยผืนทราย และคง ไม่มีใคร พรากใจดวงนี้ได้ ไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านไป ยิ่งมั่นใจ เราคือกันและกัน’

ถ้าสายตาของหนูด้วงมองไม่ผิด หนูด้วงเห็นว่าดวงตาของคนที่ชื่อพี่ปลาก็มีน้ำตาไม่ต่างจากพี่โก้เลย และสายตานั้นก็กำลังจับจ้องมาที่พี่โก้แบบไม่วางตาเช่นกัน

“สิงโต...” หนูด้วงละสายตาของตัวเองมามองเพื่อนรัก แววตาของสิงโตไม่แสดงอะไรออกมาเลยไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไร

“เราโอเค” สิงโตหันมาพูดกับหนูด้วง

“เขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้ แต่ถ้ามันใช่คนคนนั้นของโก้ เราดีใจกับเขาที่เขาจะได้มีความสุขจริงๆ สักที”

“สิงโตของเราเก่งที่สุดเลย” หนูด้วงบีบมือของสิงโตแทนคำปลอบโยน พอเห็นว่าพี่โอบจ้องมองมาก็หน้าตื่น รีบชูนิ้วแทนคำว่าไอเลิฟยูส่งไปให้

‘แม้จะนอนและฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้น ไม่อาจแบ่งใจปัน เผื่อไว้ให้ใคร ใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมาย เมื่อมีเธอ ไม่ต้องการใคร’

“ดูพี่โขนสิ จ้องมองผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองตาไม่กะพริบเลย สงสัยข่าวที่ว่าพี่โขนรักกับผู้จัดการของตัวเองจะเป็นความจริง สรุปพี่โขนเป็นเกย์เหรอ เสียดายสุดๆ แต่เขาก็เหมาะกันดีนะ” แก้วชี้ชวนให้น้องเกลดู

“ความรักไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย รักแบบไหนก็น่ายินดี พี่ฉลามก็ด้วย ดูๆ ส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้พี่คนนั้น ชื่ออะไรนะหนูด้วง” น้องเกลถาม

“พี่กลอน”

“ถ้าใช่ก็ดี น่ารักทั้งคู่เลย” กาดเห็นด้วยกับน้องเกล ความรักเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม

“โอ้ย พี่โอบก็จ้องตาหนูด้วงแบบจะกลืนกินอยู่แล้ว อิจฉา” นกฮูกแกล้งบ่น

“อย่าเกรี้ยวกราด หันมามองทางนี้สิ” ป้ายถือวิสาสะเกี่ยวคางของนกฮูกให้มองมาที่ตัวเอง สายตาของป้ายก็ต้องการจะส่งถ้อยคำความหมายจากเนื้อเพลงนี้ให้นกฮูกรับรู้เหมือนกัน

“มือรุงรังนะพี่ป้าย” นกฮูกต่อว่าแต่ก็ไม่ได้ปัดมือออก

‘เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจ ฉันได้ดีอย่างเธอ…’

ท่อนสุดท้ายนี้ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงช่วยกันส่งเสียงร้อง เพลงนี้เป็นเพลงฮิตในยุค 90 เป็นเพลงรักที่คนคนหนึ่งอยากสื่อให้คนสำคัญได้รับรู้ถึงความรักที่มี

ความรักมันเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งมันก็ง่ายดายจนยากที่จะเชื่อว่ามันคือความรัก บางครั้งมันก็ยากที่จะไปต่อ

พี่โอบเคยบอกว่าหนูด้วงว่า...เราสามารถบอกรักคนได้เป็นล้านคน แต่จะมีสักกี่คน...ที่บอกรักคนคนเดียวได้เป็นล้านครั้ง และพี่โอบจะขอเป็นไม่กี่คนนั้น ที่จะบอกรักหนูด้วงเพียงคนเดียวตลอดชีวิต

‘ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว’ 


โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
คราวนี้ลงช้าไปมากเพราะอยากให้พี่จ๋าได้อ่านปรุงรักฯ ตอนพิเศษกันก่อน
ใครได้อ่านแล้วมาเม้ามอยให้เลิฟฟังด้วยนะคะว่าชอบไหม อยากได้ฟีดแบ็กบ้าง 555
เดี๋ยวจะตามมาแก้คำผิดที่รอดสายตาค่ะ ตักเตือนกันได้เลยนะคะทุกคนทุกคน

ขอบคุณแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ของเลิฟด้วย

พี่ฉลาม+น้องกลอน จาก จนกว่ารักจะทักทาย
พี่โขน+น้องบัว จาก เคลียร์คิวหัวใจเอาไว้ให้ความรัก
พี่ปลา+ตะโก้ จาก รักวุ่นดีปี้โป้ช่วยลุ้นภาค 2

...รักทุกคน...
 



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 22-10-2018 21:25:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-10-2018 21:25:36
กรี๊ดดด!! FC วงนี้ 55
พี่น้ำปลาาา ออกมาแย่งซีนสุดๆ สรุปยังไม่ตายใช่ไม๊
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-10-2018 21:47:00
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 22-10-2018 22:02:39
กับพี่ปลานี่คือยังไม่ตายใช่ไหมคะ ตกลงคือพี่ปลาจริงๆใช่ไหมคะ ;-;
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 22-10-2018 22:27:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 22-10-2018 22:28:39
มากันครบพี่ปลาหรือคนหน้าเหมือนกันแน่นะสิงโตเอายังไงดีไปกินเป็ดกับตี๋น้อยแล้วกันน้า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-10-2018 22:41:17
คือพี่ปลาแย่งซีนดราม่าเเม่ลูกซะงั้น :z2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-10-2018 22:50:30
กลับมาอ่านรวดเดียว 3 ตอนล่าสุด
พบว่า หนูด้วงยังน่ารักและฮาเหมือนเดิมเลย

และตอนล่าสุดนี่ ดีใจนะคะที่ได้เจอตัวละครจากเรื่องอื่น ๆ มาร่วมงานวันเกิดกันตรึม
ชอบค่ะชอบ

ที่สำคัญ หวังว่าน้องแฝดจะทำให้ "คุณย่า" สารภาพความจริงซะทีนะคะ


คำผิด .. เท่าที่นึกออกก่อนนะคะ
(ยังไม่ได้ย้อนกลับไปดูละเอียด แค่ช่วงล่าง ๆ ที่พอจะนึกและจำได้ ดังนี้ค่ะ)
ไม่มีอะไรขาดตด (ตก) บกพร่อง
โอบอุ้มพูดจบก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม (กรุ้มกริ่ม) ให้
ฟงดูว์ --- ฟองดูว์
กระพริบ --- กะพริบ


หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-10-2018 00:14:49
ก็นะ!ทุกคนล้วนมีเรื่องราวของตัวเอง มันอยู่ที่เจ้าตัวแล้วว่าอยากให้เรื่องราวของตัวเองเดินไปทางใหน
เราซึ่งเป็นคนนอกก็ได้แต่เฝ้าดูและเอาใจช่วย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 23-10-2018 00:34:31
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทั้งพี่ปลาตะโก้ พเยีย โอบอุ้มหนูด้วง #สิงโตตี๋น้อย(คนขายเป็ด)  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-10-2018 01:16:49
มากันครบเชียว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-10-2018 02:20:24
 :pig4: :pig4: :pig4:


คุ้น ๆ ว่ามีตัวละครจากเรื่องอื่น ๆ แน่ ๆ หล่ะ


แต่...จำไม่ได้เลยว่าจากเรื่องอัลไล
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 23-10-2018 03:15:33
นึกภาพหนูด้วงเขินตัวบิด  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 23-10-2018 05:50:58
ขอให้ใช่พี่ปลา ขอให้พี่ปลายังไม่ตาย ต้องกลับไปอ่านต่อแล้ว
สงสารแม่น้องแฝด สิงห์โตไปช่วยตี๋น้อยสับเป็ดขายเถอะน่ารัก ชอบความแสบของตี๋น้อย
ชอบการรวมตัวของทุกคนในตอนนี้ มีแต่รอยยิ้ม และ น้ำตาแห่งความสุข
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 23-10-2018 07:11:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-10-2018 08:56:30
หลายๆคนมาร่วมเข้าฉาก
บอกรักด้วยเพลงหวาน​อบอุ่น​  รักเดียวใจเดียว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 23-10-2018 12:43:54
งานนี้มีพลิกใช้ไหมคุ่ของสิงโต  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-10-2018 13:35:25
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-10-2018 14:41:45
 :laugh: หนูด้้้้้วงลูก หนูจะเปิดเผยอะไรขนาดนั้น :mew4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-10-2018 15:06:19
ปลากับมาหาตะโก้

งี้ตี๋น้อยจอมงกก็คู่กัดกับสิงโตใช่ใหม
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-10-2018 20:58:04
 :L1: :pig4: :L1:


 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-10-2018 00:11:52
ทั้งสี่คน ทำวงเลยมั้ยคะ ดังแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 24-10-2018 13:04:13
ลุ้นต่อไป
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-10-2018 20:52:00
หวานมาก ฟินมาก หนูด้วงตกเป็นของพี่โอบอุ้มแล้ว
คุ้มสุดแล้วหนูด้วงน่ะ จะออกตัวยังไงก็ได้
แต่อย่าพึ่งนอยด์เรื่องน้องไม้น้องหม่อนนะ
เด็กๆ น่ารัก เชื่อว่าจะเข้าใจ

เอิ่มมม ลุงคะ ไส้กรอกอร่อยเนาะ 55555

จะว่าไปแล้ว สงสารสิงโตนะ คิดจะเริ่มกับตะโก้
ตะโก้ก็ยังช้ำรักไม่เลิก ปลาตัวจริงเนาะ
จะกลับไปหากันไหม หรือให้จบ

พเยียก็เลือกทางเอง ตอนนี้เหลือแค่ว่าจะบอกหรือจะปิด
แต่ความลับไม่มีในโลก แล้วส่วนใหญ่คิดว่าหลานไม่เหมือนโอบอุ้ม

จ๊ะ บอกรักกันในวันเกิดคุณตา คุณตาควรดีใจใช่ไหม
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 25-10-2018 23:39:58
ว้าวดูมีคู่อื่นๆโผล่มาเยอะเลย สงสัยต้องตามไปอ่านให้ครบซะแล้ว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-11-2018 16:52:50
หนูด้วงงง ลูกกก วิ่งเข้ามากอด (ซึ่งผ่านมาหลายตอนแล้ว)  :กอด1:  :กอด1:
ว่าแต่ งง กะแก้ว ตกลงคือจะเป็นเพื่อนแท้ของหนูด้วงไม๊นี่ บางอารมณ์ก็หงุดหงิดบางอารมณ์กฌดี ยังดูนิสัยจริงๆไม่ออกว่าจะมาร้ายหรือดี
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป (หนูด้วง+โอบอุ้ม) เพลงที่ 15 รักเดียวใจเดียว 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2018 10:33:05
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 15 22/10/61 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-11-2018 21:33:04
 :call: :call: :call:

ชื่อนิยายเปลี่ยนไป  กลายเป็น

"ตอนใหม่"ที่หายไป

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 20-11-2018 11:43:15
เพลงรักที่หายไป

เพลงรักที่ 16 ที่ว่าง
ศิลปิน Pause


งานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของนายหัวพยนต์ยังคงดำเนินต่อไป แต่เจ้าของวันเกิดและแขกเหรื่อที่รุ่นราวคราวเดียวกับนายหัวพยนต์ต่างพากันขอตัวกลับ ปล่อยให้เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานได้สนุกสนานกันต่ออย่างเต็มที่ วงดนตรีที่พญาจ้างมาเริ่มเล่นเพลงที่มีจังหวะคึกครื้นให้เหล่าวัยรุ่นได้โยกย้ายส่ายเอวกันอย่างสะใจ

แก้วไม่ได้อยู่ในห้องจัดเลี้ยงเพราะเธออยากออกมาเดินสำรวจความสวยงามหรูหราของโรงแรมภูมิเทพมากกว่า ในใจก็คิดว่าหากเธอได้เป็นลูกหลานคนในตระกูลนี้เหมือนอย่างหนูด้วงก็คงจะดี แค่เวลาไม่กี่วันที่เธอได้ใช้ชีวิตแบบคนมีเงินมันทำให้เธอไม่อยากกลับไปเป็นนักเรียนทุนแบบเดิมที่ต้องใช้จ่ายอย่างกระเหม็ดกระแหม่อีก บอกใครไปก็คงไม่มีใครเข้าใจ ทุกคนก็คงคิดว่าเธอทะเยอทะยาน เพื่อนส่วนใหญ่ก็เกิดมาบนกองเงินกองทองกันทั้งนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าการไม่มีมันน่าหดหู่แค่ไหน แม้ว่าพยายามทำตัวให้ดีแต่ก็ไม่อยู่ในสายตา ไม่เป็นที่ยอมรับ

แก้วเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณสระน้ำ มันเงียบจนเธอเกือบจะเดินกลับ ถ้าไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันเสียก่อน

“โอบ อาตัดสินใจบอกคุณเชนเรื่องของน้องไม้น้องหม่อนไปแล้วนะ”

แก้วได้ยินเสียงสั่นเครือของผู้หญิงคนหนึ่ง คำว่า ‘โอบ’ ทำให้แก้วหยุดชะงักแล้วแอบเดินหาต้นตอของเสียง

“แล้วเขาว่ายังไงครับ”

“เขาโกรธอา”

“อาก็รู้ว่าเขาจะโกรธ ทำไมอาถึงสารภาพกับเขา”

“อาสงสารน้องแฝด พวกเขาอยู่ใกล้แม่แค่เอื้อมแต่กลับไม่รู้”

“แล้วอาไม่สงสารน้องไหมเหรอครับ”

พเยียอึ้งไป สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกดดัน เธอสับสนและไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร เคยคิดว่าตัวเองทนได้หากต้องเจอใบไม้กับใบหม่อนในฐานะลูกชายของโอบอุ้ม แต่เมื่อได้เจอน้องแฝด เธอกลับอยากมีโอกาสที่จะเรียกเด็กทั้งสองคนว่าลูกบ้าง อยากให้ลูกรู้ว่าเธอคือคนที่ให้กำเนิด เมื่อทนต่อไปไม่ได้จึงไปสารภาพกับสามี รู้ทั้งรู้ว่าเขาคงรับไม่ได้ แต่เธอก็หวังว่าเวลาที่มันล่วงเลยมาจนป่านนี้ เขาน่าจะเข้าใจและยอมอภัยให้เธอ เธออยากให้เขายอมรับใบไม้กับใบหม่อน อยากให้น้องไหมรู้ว่ายังมีพี่ชายอีกสองคน

“ใบไม้กับใบหม่อนเขาได้รับความรักจากผมในฐานะพ่อมาตลอด เขาคุ้นชินแล้วกับการไม่มีแม่ แต่น้องไหมเขาจะอยู่ยังไงครับถ้าพ่อกับแม่จะแยกไปคนละทาง”

“แต่อา...”

“อากลับไปคุยกับคุณเชนให้เข้าใจก่อนดีกว่าครับ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ สำหรับน้องแฝดผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดอย่างที่เคยบอกเอาไว้ อาเยียไม่ต้องกังวลว่าเขาจะไม่มีความสุข”

“อาจะกลับไปคุยกับคุณเชนให้เข้าใจ อาขอโทษที่เคยขลาดกลัว เลือกทำในสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย แต่อายืนยันว่าอารักน้องไม้กับน้องหม่อน อาอยากใช้ชีวิตที่เหลือทำหน้าที่แม่ให้น้องแฝดบ้าง โอบเข้าใจอานะ”

แก้วยกมือขึ้นปิดปากเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ เธอตัดสินใจไม่อยู่ฟังต่อจนจบแล้วหันหลังกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยงทันที ใครจะไปคิดว่าที่แท้คนรักของหนูด้วงจะได้เสียกับอาของตัวเองจนมีลูกด้วยกัน มิน่าพี่แปะถึงบอกว่าพี่โอบไม่เคยบอกว่าใครเป็นแม่ของเด็ก เธอคิดว่าหนูด้วงจะต้องได้รู้เรื่องนี้

ส่วนโอบอุ้ม เมื่อพเยียไปแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ อยากกลับไปหาหนูด้วงแต่ก็รู้สึกไม่สบายใจจึงอยากนั่งแช่ขาที่สระน้ำอีกสักพัก เขาไม่คิดว่าอาพเยียจะยอมแลกชีวิตที่สมบูรณ์แบบเพื่อน้องแฝด ก่อนนั้นอาเคยหวาดกลัวว่าน้องแฝดจะเป็นต้นเหตุให้อนาคตที่ฝันไว้พังทลาย แต่มาวันนี้อากลับยอมทิ้งทุกอย่างไปอย่างง่ายดาย แต่มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายสำหรับทุกคน คิดแล้วเขาก็เริ่มโทษตัวเองที่ตัดสินใจกลับมาที่เกาะ เขาอาจจะเป็นคนนำความยุ่งยากกลับเข้ามาในครอบครัวของผู้มีพระคุณ

“พี่โอบ”

“หนูด้วง เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น แล้ววิ่งมาเหรอ หอบเชียว”

หนูด้วงไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน รู้แต่ว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่แก้วเล่าให้ฟัง แต่การที่ใบหม่อนมีใบหน้าคล้ายตัวเองหรือการที่ใบไม้มีส่วนคล้ายยุงพญาก็ทำให้คล้อยตามเรื่องที่แก้วนำมาบอกได้ ไม่ว่าความจริงคืออะไรหนูด้วงก็อยากได้ยินจากปากของพี่โอบเอง ทีแรกทุกคนที่ได้ยินสิ่งที่แก้วบอกต่างพากันตกใจและเตรียมจะตามมา แต่หนูด้วงห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้

“พี่โอบมีอะไรอยากบอกหนูไหมฮะ” หนูด้วงถามพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนรัก

“มี”

“หนูพร้อมจะฟังแล้ว”

โอบอุ้มหันมาจ้องตาอีกฝ่ายก่อนจะโน้มใบหน้าไปจุมพิตคนที่เป็นดั่งดวงใจ เนิ่นนานจนอีกฝ่ายต้องดันอกของเขาออก ดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามทำให้โอบอุ้มรู้ว่ามันถึงเวลาแล้ว

“ไปอยู่ที่อังกฤษกันไหม” โอบอุ้มถาม คนถูกถามแสดงสีหน้าตกใจ

“แบบอยู่ตลอดไปเหรอฮะ”

“อืม”

“หนูพร้อมจะไปกับพี่ทุกที แต่หนูไม่อยากให้พี่หนีปัญหา”

“รู้ได้ไงว่าพี่มีปัญหา...หื้ม” โอบอุ้มเชยคางคนฉลาดขึ้นมาก่อนจะหอมไปที่หน้าผาก

“พี่มีอะไรจะบอกหนูอีกไหม” หนูด้วงไม่ตอบคำถามของพี่โอบแต่กลับถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง

“น้องแฝดเป็นลูกของอาเยีย” ในที่สุดโอบอุ้มก็ตัดสินใจบอกเรื่องนี้ให้หนูด้วงฟัง เขารู้ว่าหนูด้วงคงรู้เรื่องนี้ถึงได้วิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหน้าตาที่เตรียมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าหนูด้วงรู้มาจากไหน

“กับ...พี่เหรอ” หนูด้วงถามเสียงสั่น หยดน้ำใสคลออยู่ที่ขอบตา

“คิดว่าพี่จะมีอะไรกับใครได้นอกจากหนูเหรอครับ หัวใจของพี่เป็นของหนู ร่างกายก็ด้วย”


หนูด้วงได้ยินคำตอบก็โผกอดโอบอุ้มทันที ความหนักอึ้งที่ทับอยู่ในใจก็มลายหายไป แค่พี่โอบอุ้มบอก หนูด้วงเชื่อว่ามันคือความจริง


“ใครบอกหนูว่าน้องแฝดคือลูกของพี่กับอาเยีย” โอบอุ้มขมวดคิ้วถาม เขาไม่คิดว่าหนูด้วงจะคิดเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเอง

“ช่างมันเถอะฮะ แค่พี่โอบบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ หนูเชื่อ”

“เชื่อแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเชียว” โอบอุ้มเช็ดน้ำตาให้น้อง

“ก็หนูดีใจที่พี่โอบถูกหนูเปิดบริสุทธิ์ แล้วใครคือพ่อของน้องแฝดครับ พี่เล่าให้หนูฟังได้ไหม”

“อันที่จริงพี่รับปากอาเยียเอาไว้ว่าจะไม่พูด แต่ถ้าพี่ไม่เล่าอาจจะทำให้คนสำคัญของพี่ต้องเสียใจ พี่ยอมผิดคำพูดกับคนอื่นดีกว่า”

“งั้นไม่ต้องเล่าก็ได้นะฮะ” หนูด้วงไม่อยากให้พี่โอบผิดคำสัญญากับคนอื่นจึงเปลี่ยนใจ

“ไม่เป็นไร หนูด้วงจะมาเป็นแม่ของน้องแฝด ก็ควรรู้ประวัติของลูกๆ จริงไหมครับ” โอบอุ้มพูดอย่างเอาใจและหอมที่หน้าผากของหนูด้วงอีกครั้ง เห็นน้ำตาของน้องก็พลอยทำให้ใจสั่น ไม่อยากเห็นน้องต้องร้องไห้อีกจึงเริ่มเล่าเรื่องของน้องแฝดให้หนูด้วงฟัง

‘พ่อผู้ให้กำเนิดของใบไม้กับใบหม่อนชื่ออามิราน เขาเป็นคนรักเก่าของพเยีย หลังจากที่พเยียคลอดน้องแฝดแล้วกลับมาเมืองไทย ตอนนั้นโอบอุ้มยอมรับว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมากๆ เพราะตัวเองก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กๆ ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากอะไร และนอกจากการเลี้ยงดูแล้วก็ยังมีเรื่องการมีตัวตนของน้องแฝดบนโลกใบนี้อีก ถึงพเยียจะเซ็นมอบสิทธิ์ให้ แต่การจะรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรมในต่างประเทศนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เรื่องการเลี้ยงดูน้องแฝด เรียกว่าคงเป็นโชคดีของเด็กน้อยทั้งสองคน หญิงสาวคนหนึ่งมาคลอดลูกอยู่ห้องติดกันกับพเยีย เธอเสียลูกไปทั้งที่เด็กเพิ่งคลอดออกมาได้ไม่กี่ชั่วโมง เมื่อเธอรู้ว่าแม่ของน้องแฝดหายไป เธอจึงอาสาให้น้องแฝดได้ทานน้ำนมของเธอและช่วยเลี้ยงดูน้องแฝดให้ในวันที่โอบอุ้มต้องไปเรียน เธอบอกว่าการได้ดูแลน้องแฝดเป็นการช่วยเยียวยาจิตใจของเธอเช่นกัน เธอช่วยดูแลจนน้องแฝดเกือบครบสองขวบ เธอจำต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองอื่น โอบอุ้มจึงเริ่มเป็นคุณพ่อแบบเต็มตัวเพราะเวลานั้นก็เรียนจบพอดี แต่สิ่งที่หนักใจคือเรื่องเงิน โอบอุ้มต้องหางานทำเพราะไม่อยากขอเงินของพญา ถึงพเยียแอบส่งเงินมาให้ทุกเดือน แต่นั่นคือเงินของน้องแฝด เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ของเด็กทั้งสองคน โอบอุ้มอยากสร้างฐานะด้วยตัวเองเพราะอยากให้ทุกคนที่เมืองไทยมั่นใจเมื่อถึงเวลาที่เขาจะกลับไปขออนุญาตให้หนูด้วงมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน’

“แล้วพี่โอบทำยังไงฮะ ถ้าไปทำงาน แล้วใครจะเลี้ยงน้องแฝด หรือเอาไปฝากสถานรับเลี้ยงเด็ก”

“ทีแรกก็คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนที่พี่จะได้งานทำ อามิรานก็มาหาพี่ที่บ้าน”

“เขามาทำไมฮะ หรือว่าเขารู้ว่าน้องแฝดคือลูก” หนูด้วงทำตาโต

โอบอุ้มยิ้มขำเมื่อคนที่ร้องไห้เมื่อครู่กลับมาทำตาโตพร้อมกับท่าทางที่อยากจะฟังต่อใจจะขาด เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียอรรถรสในการฟังจึงรีบเล่าต่อ

‘อามิรานมาถามโอบอุ้มตรงๆ ว่าเด็กทั้งสองคนคือลูกชายของเขาใช่หรือไม่ โอบอุ้มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายนั้นรู้ได้ยังไง ทีแรกก็ลังเลที่จะบอก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกความจริง เขาคิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของคนที่เป็นพ่อควรจะได้รู้เรื่องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง อามิรานร้องไห้อย่างหนักเมื่อรับรู้ ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไร นั่งดูน้องแฝดจนเด็กทั้งคู่เข้านอนถึงได้กลับไป

แต่หลังจากวันนั้นอามิรานก็มาที่บ้านทุกวัน ไม่ได้มามือเปล่า มาพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ของเด็ก เขาบอกให้โอบอุ้มไปหางานทำ ส่วนเขาจะช่วยดูแลเด็กๆ ให้เอง แต่โอบอุ้มไม่เสี่ยงที่จะทิ้งน้องแฝดเอาไว้จึงรับงานมาทำที่บ้านแทน โอบอุ้มเริ่มสงสัยว่าอามิรานไปเอาเงินมากมายมาจากไหนเพราะเท่าที่รู้มา อามิรานเป็นคนไม่ทำงานทำการ ใช้ชีวิตไปวันๆ แบบไม่มีอนาคต โอบอุ้มกลัวว่าเงินที่อามิรานนำมาจะเป็นเงินที่ผิดกฎหมายจึงตัดสินใจพูดกับอามิรานตรงๆ ว่าไม่อยากให้อามิรานซื้ออะไรต่ออะไรมาให้น้องแฝดอีก

อีกวันอามิรานกลับมาพร้อมกับทนาย โอบอุ้มตกใจมากเพราะคิดว่าอามิรานจะให้ทนายทำเรื่องรับบุตรไปเลี้ยงดูเอง แต่เมื่อรับรู้จุดประสงค์ของอามิรานแล้วโอบอุ้มยอมรับว่าตัวเองตกใจหนักกว่าเดิม’

“ทำไมฮะ เกิดอะไรขึ้น”

“อามิรานให้ทนายมาทำเรื่องยกมรดกของตัวเองให้น้องแฝด และยกสิทธิ์การดูแลให้พี่ ให้ทนายช่วยทำเรื่องเอกสารจนน้องแฝดได้เป็นลูกของพี่ตามกฎหมายที่ถูกต้อง”

“มรดกอะไรเหรอฮะ ไหนว่าเขาไม่มีอนาคตไง”

“เขาทำตัวให้คนอื่นเข้าใจแบบนั้นเพราะเขารู้สึกสิ้นหวังในชีวิต พ่อของอามิรานเป็นถึงเชื้อพระวงศ์จากประเทศหนึ่ง พี่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวของเขามากนัก อามิรานเล่าว่าเขากับแม่ย้ายมาอยู่ที่ฮาวายหลังจากที่แม่เลิกกับพ่อ แม่นำเงินที่ได้มาจากพ่อซื้อที่ดินหลายผืน เผอิญที่ดินผืนนั้นเป็นแหล่งน้ำมัน แม่เขาจึงทำเงินได้มหาศาล แต่สุดท้ายเขาต้องเสียแม่ไปจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว อามิรานรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร จนมาเจออาพเยีย เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองมีเงินเพราะอยากให้คนที่เขารักมองที่ตัวตนของเขา”

“หนูว่าน้าเยียไม่ได้รักคนที่ฐานะหรอกฮะ แต่ที่ไม่เลือกคงเพราะไม่มั่นใจกับอนาคตมากกว่า” หนูด้วงคิดแบบนั้น การที่น้าเยียมีอะไรกับอามิรานจนท้องได้แปลว่าลึกๆ ในใจน้าเยียต้องรักผู้ชายคนนี้เหมือนกันถึงยอมให้เกิดเรื่องพลาดพลั้งนี้ขึ้นได้ 

“แล้วทำไมคุณอามิรานถึงยอมยกน้องแฝดให้พี่ง่ายๆ หนูว่าเขารักน้องแฝดนะฮะ” หนูด้วงถามต่อ

“เขากำลังจะตาย” หลังจากที่โอบอุ้มพูดจบหนูด้วงก็ทำท่าตกใจ โอบอุ้มยกมือขึ้นเสยผมให้น้องก่อนจะเกลี่ยที่แก้มเบาๆ “ที่เขาเสียใจคือเขารู้ช้าไปว่าอาเยียท้อง เขาทำตัวแย่ๆ แบบคนไร้อนาคต ยอมปล่อยมืออาเยียไปเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ดีพอ อยากให้อาเยียไปเจอคนที่ดีกว่า เคยฟังเพลงที่ว่างไหม คุณอามิรานหัดร้องเพลงนี้ทั้งที่พูดไทยไม่ได้ เขาบอกว่าเป็นเพลงที่อาเยียเปิดฟังบ่อยๆ เขาขอร้องพี่ว่าถ้าน้องแฝดโตจนเข้าใจเรื่องราวอะไรได้แล้วให้เปิดคลิปที่เขาร้องเพลงไทยให้น้องแฝดดู เขาอยากให้เด็กๆ รู้ว่าพ่อผู้ให้กำเนิดรักเขามาก และไม่ได้อยากทอดทิ้งพวกเขาไป”

“ไม่เคยฟังเลยฮะ หนูอยากเห็นคลิปจัง”

“มันอยู่ในคอม พี่เองก็ไม่เคยดู อยากให้น้องแฝดได้ดูก่อนใคร”

“งั้นพี่ร้องเพลงที่ว่างให้หนูฟังหน่อยนะ”

โอบอุ้มร้องเพลงที่ว่างของวงพอซให้หนูด้วงฟัง เนื้อเพลงมันทำให้หนูด้วงน้ำตาคลอ ครั้งหนึ่งตัวเองกับพี่โอบก็เคยห่างกันเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นความมั่นคงของหัวใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการต้องทนให้คนที่รักอยู่ห่างกาย คุณอามิรานจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองรักแต่งงานกับคนอื่น ต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็นลูกของตัวเองเรียกคนอื่นว่าพ่อ แค่คิดน้ำตาของหนูด้วงก็ร่วงอีกจนได้

“พอคุณอามิรานรู้ว่าอาเยียทิ้งน้องแฝดเขายิ่งเสียใจ เพราะเขาคนเดียวที่ทำร้ายคนถึงสี่คน”

“สี่คน เขาหมายถึงพี่ด้วยใช่ไหมฮะ” หนูด้วงคว้ามือโอบอุ้มมาจูบ นึกสงสารทุกคนจับใจ ถึงมันมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องแต่มันก็ไม่มีใครผิด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความรัก ทั้งรักคนอื่นและรักตัวเอง

“แต่พี่บอกกับเขาว่าน้องแฝดคือสิ่งที่ดีในชีวิตพี่ น้องแฝดเข้ามาทำให้ชีวิตของพี่มีความหมายมากขึ้น น้องแฝดทำให้พี่อภัยให้พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ก่อนหน้านี้พี่เคยน้อยใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงทอดทิ้งพี่ แต่วันนี้พี่นึกขอบคุณเขาที่ไม่ตัดสินใจหยุดลมหายใจของพี่มากกว่า เขาให้โอกาสพี่ได้ลืมตามาดูโลก ให้พี่ได้มาเจอป๊า ได้มาเจอหนู ได้เจอน้องแฝด พี่ว่าตัวเองโชคดีมาก จริงไหม”

“จริงฮะ พี่โอบไม่ต้องน้อยใจแล้ว พี่โอบมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว” หนูด้วงกอดรัดโอบอุ้มจนแน่น

“หนูอยากรู้ไหมว่าคุณอามิรานทิ้งอะไรเอาไว้ให้น้องแฝดบ้างหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว” โอบอุ้มหอมศีรษะทุยก่อนจะถาม หนูด้วงรีบเด้งตัวออกมาแล้วทำหน้าอยากรู้สุดๆ จนโอบอุ้มขำ

“หนูสงสารคุณอามิรานจัง แต่หนูก็อยากรู้ฮะ”

“เกาะแสงแดดทั้งเกาะเป็นของน้องแฝด ทั้งรีสอร์ตแสงแรก ทั้งมหาวิทยาลัยที่หนูด้วงเรียนอยู่ ยังมีเงินสดและพันธบัตรอีก ตอนนี้แค่รอน้องแฝดบรรลุนิติภาวะก็จะได้ครอบครองทุกอย่าง”

“อู้หูวววววววววว” หนูด้วงส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น

“เมื่อถึงวันที่ทั้งคู่บรรลุนิติภาวะ น้องแฝดจะได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือก เมื่อถึงวันนั้นพี่อยากจะไปในทางที่ตัวเองเลือกบ้างเหมือนกัน หนูพร้อมจะไปกับพี่ไหม”

“ไปฮะ หนูจะไปกับพี่ทุกที่”

“หนูอยากไปที่ไหน”

“หนูเลือกไม่ถูกหรอกฮะ”

“เอาสถานที่ที่หนูด้วงคิดว่าอยากไป ไปแล้วจะมีความสุข” โอบอุ้มแนะ หนูด้วงทำท่าคิดก่อนจะแนบมือไปทาบบนแผ่นอกของพี่โอบ

“ตรงนี้ เวลาหนูได้แอบอิงอกของพี่โอบหนูมีความสุข หนูสบายใจ ให้หนูอยู่ตรงนี้ตลอดไปนะ”

“ยินดีครับ”

“ให้น้องด้าวไปด้วยนะฮะ”

“แล้วถ้าน้องด้าวอยากอยู่กับน้องไม้น้องหม่อนล่ะ” โอบอุ้มแกล้งถาม

“ก็ได้ก็ได้ ให้อยู่เป็นเพื่อนน้องแฝดก็ได้”

“หนูยอมสละน้องด้าวได้จริงเหรอครับ” โอบอุ้มแปลกใจที่หนูด้วงจะยอมสละของหวงให้คนอื่น

“ได้สิฮะ น้องแฝดเป็นน้องของหนูนี่นา ถ้าหนูเหงา เราสองคนก็มาทำลูกกันบ่อยๆ เราจะได้มีลูกเพิ่ม ดีไหมฮะ”

“ทะเล้น” โอบอุ้มทนความออดอ้อนของอีกฝ่ายไม่ได้เลยรวบตัวมาจูบ

“เมื่อคืนเราทำอะไรกันน้า หนูนึกไม่ออกแล้ว สงสัยหนูต้องให้พี่โอบช่วยทบทวน” พอถูกรุกจูบอย่างร้อนแรงหนูด้วงยิ่งอ้อนหนักกว่าเดิม

“กลับห้องกัน พี่อยากทบทวนบทเรียนให้คนขี้ลืมแล้ว” โอบอุ้มลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไป หนูด้วงจึงส่งมือให้พี่โอบช่วยดึงขึ้น

“หนูมีน้องชื่อใบไม้ใบหม่อนใบไหม แต่หนูเป็นหนอนด้วง เห็นจะไม่ได้การ สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อเป็นใบบ้างแล้ว ชื่ออะไรดีฮะพี่โอบ ช่วยหนูคิดหน่อย ใบอะไรดี” หนูด้วงถามระหว่างทาง

“ไบโพล่าไหม”

“พี่โอบ! นั่นมันโรคนี่ฮะ”

“เดี๋ยวก็ร้องไห้ขี้มูกโป่ง เดี๋ยวก็ยิ้มจนแก้มจะแตก พี่ว่ามันก็เหมาะกับหนูด้วงนะครับ”

“จะแกล้งว่าหนูเหรอ แน่จริงอย่าวิ่งหนีหนูสิ มาให้หนูปล้ำซะดีๆ พี่โอบ รอหนูด้วยสิฮะ” เสียงโวยวายของหนูด้วงค่อยๆ เบาลงเมื่อเจ้าของเสียงทิ้งระยะห่างจากบริเวณสระว่ายน้ำไป

เชนตั้งใจจะเดินออกมาหาที่สูบบุหรี่เพราะกำลังเครียดเรื่องอดีตของภรรยาจึงมาได้ยินเรื่องราวของเด็กแฝดเข้าพอดี จากที่โกรธและคิดไม่ออกว่าควรทำยังไงที่จะไม่ต้องรับผิดชอบเด็กทั้งสองคน ทุกสิ่งที่นี่มันควรเป็นของใบไหมลูกสาวคนเดียวของตัวเองกับพเยีย แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่เขาควรรีบทำให้เร็วที่สุดคือการรับลูกติดทั้งสองคนของภรรยามาเลี้ยงดูด้วยตัวเอง

 
มีต่อด้านล่าง

V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 20-11-2018 11:44:24
ต่อจากด้านบน


เมื่อหนูด้วงกับโอบอุ้มเดินกลับมาถึงห้องจัดเลี้ยงก็เห็นกลุ่มเพื่อนนั่งหน้าเครียดกันอยู่ แก้วเป็นคนเดียวที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะกำลังโดนน้องเกลต่อว่าเรื่องที่ทำให้หนูด้วงต้องเสียใจ

“ทำไมทำหน้าเครียดกันแบบนี้” โอบอุ้มถามเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน

“สรุปว่ามันจริงไหมหนูด้วง” นกฮูกถามแทรกขึ้นมา

“ไม่จริง แต่ขอยังไม่เล่านะ เอาเป็นว่ามันไม่จริง แล้วทุกคนก็กลับมาสนุกได้แล้ว ทำหน้าเครียดแบบนี้เดี๋ยวยุงก็มาถามว่าเป็นอะไรกัน ขอให้เรื่องนี้มันจบลงแค่นี้ ได้ไหม” หนูด้วงตอบคำถามของเพื่อนก่อนจะขอร้องให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน

“ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด” น้องเกลยังนึกเคืองความสอดรู้สอดเห็นของแก้ว ตอนที่แก้วมาบอกหนูด้วง ท่าทางของแก้วเหมือนสะใจที่เห็นหนูด้วงเสียใจ นึกแล้วยังโมโหไม่หาย

“เราขอคุยกับแก้วหน่อยนะ” หนูด้วงพูดจบก็เดินนำออกไปที่นอกห้องจัดเลี้ยง

แก้วหน้าเสียเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของหนูด้วงแต่ก็ยอมเดินตามออกไป เพราะถึงให้อยู่ก็รู้สึกแย่อยู่ดี ตอนนี้ทุกสายตาที่มองมาก็แทนคำตำหนิได้โดยไม่ต้องพูด

“เราไม่ได้อยากให้หนูด้วงเสียใจ ได้ยินมาก็รีบมาบอก เพราะหนูด้วงคือเพื่อนของเรา เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเราถูกหลอก” แก้วรีบอธิบาย

“เราคือเพื่อนของแก้วจริงๆ ใช่ไหม”

“ทำไมถามอย่างนั้น”

“เรารู้ว่าคนที่เขียนด่าเราคือแก้ว”

“ไม่จริง หนูด้วงเอามาจากไหน ต้องมีใครใส่ร้ายเรา”

“น้องด้าวบอก”

“อะไรนะ นี่หนูด้วงเชื่อตุ๊กตาเอเลี่ยนเนี่ยนะ”

“เธอคงไม่รู้จักน้องด้าวดี งั้นดูนี่นะ” หนูด้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบภาพส่งให้แก้ว เป็นภาพตอนที่แก้วกำลังเขียนด่าหนูด้วง มุมกล้องที่ถ่ายก็มาจากตัวน้องด้าวนั่นเอง หนูด้วงเอาน้องด้าวมาวางก่อนจะกดเปิดกล้องและตั้งถ่ายอัตโนมัติเอาไว้

“เรา...เรา”

“แก้วไม่ชอบเราแล้วทำไมถึงอยากมาเป็นเพื่อนกับเรา”

“หนูด้วงมีทุกอย่าง มีแต่คนรักคนเอาใจ ทำอะไรก็มีแต่คนเออออตามไปหมด หนูด้วงคงไม่เข้าใจคนที่อยู่นอกสายตาคนอื่นหรอก”

“แล้วมันเกี่ยวกับความเป็นเพื่อนด้วยเหรอ”

“ก็ถ้าเราได้มีเพื่อนอย่างหนูด้วงหรือเป็นหนึ่งในกลุ่มของหนูด้วง คนอื่นจะมองเห็นเรา คนรวยๆ ใครก็อยากเข้าหาทั้งนั้น”

“ในสายตาของแก้วคนรวยดียังไง แค่เด่นแค่นั้นเหรอ”

“ถ้าเราเดือดร้อน เขาก็ช่วยเหลือเราได้”

“ผิดแล้ว ถ้าอยากได้เพื่อนที่ช่วยเหลือแก้วได้ เพื่อนคนนั้นไม่ใช่แค่เพื่อนที่รวย แต่ต้องเป็นเพื่อนที่มีน้ำใจ”

แก้วอึ้งไปเพราะเถียงไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดว่าหนูด้วงไม่มีวันเข้าใจคนอย่างเธออยู่ดี เกิดมามีแต่คนรุมล้อมเอาใจ  คนที่ไม่เคยสัมผัสกับความทุกข์อย่างหนูด้วงจะมาเข้าใจคนที่ไร้ตัวตนอย่างเธอได้ยังไงกัน

“ถ้าแก้วอยากมีเพื่อนแบบไหน แก้วต้องเป็นเพื่อนแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ต่อให้มีเงินมากมายก็ทำให้ใครรักไม่ได้ถ้าไม่มีความจริงใจ เรากับกลุ่มเดอะซูไม่ได้รักกันเพราะรวยหรือเพราะเงิน เราดูแลกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครเอาใจหรือตามใจใครตลอดเวลา แต่พวกเราอยู่กันอย่างเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนเป็น”

“หนูด้วงรู้ว่าเราเขียนด่าแล้วทำไมยังให้เรามาที่นี่ด้วย ต้องการให้เราเห็นอะไร”

“เราไม่ได้อยากให้แก้วมาบ้านเราเพื่อเห็นว่าเรามีอะไรบ้าง แต่เราอยากให้ที่บ้านของเราเห็นมากกว่าว่าแก้วคือเพื่อนของเรา” หนูด้วงพูดจบแก้วก็ร้องไห้ออกมา

แก้วรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เพราะความอิจฉาอยากได้อยากมี อยากทัดเทียมกับคนอื่น ไม่ได้ตั้งใจเขียนด่าหนูด้วงเพราะเกลียด แต่แค่หาวิธีทำให้ตัวเองเข้าหาหนูด้วงได้ อยากให้หนูด้วงรับตัวเองเข้ามาเป็นเพื่อนรักในกลุ่มโดยไม่สนใจว่าวิธีนั้นมันผิด

“ยังอยากเป็นเพื่อนเราไหม” หนูด้วงถาม

“ได้เหรอ เรายังเป็นเพื่อนหนูด้วงได้เหรอ”

“ต้องเป็นคนดี คนมีน้ำใจนะ ต้องจริงใจ ทำได้รึเปล่า”

“ได้ เราจะทำ ให้โอกาสเรานะ”

“ได้สิ ชื่อแก้ว เป็นนกแก้วไง กลุ่มเดอะซูยินดีต้อนรับ”

“แต่ว่า...” แก้วคิดว่าคนอื่นคงไม่ยอมรับเธอง่ายๆ เหมือนหนูด้วง โดยเฉพาะน้องเกล

“แก้วต้องพิสูจน์ตัวเอง เราทำได้แค่เชื่อใจแก้ว แต่แก้วจะทำลายความเชื่อใจอีกไหมก็แล้วแต่แก้ว ทุกอย่างแก้ไขได้”

“ตกลง เราจะทำให้ให้ทุกคนเห็น เราขอโทษนะหนูด้วง”

“เราให้อภัย จริงๆ เรากอดแก้วได้นะ แก้วไม่ใช่ผู้ชาย พี่โอบไม่หึงหรอก” หนูด้วงทำท่าคิด แก้วหัวเราะทั้งน้ำตาก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปสวมกอดหนูด้วง

คนอื่นที่แอบดูอยู่ก็พากันถอนหายใจ บางคนก็ลอบยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี มีแต่น้องเกลและสิงโตที่ดูจะหงุดหงิดมากเมื่อเห็นหนูด้วงเชื่อใจคนง่ายๆ ตามเคย แต่ทั้งคู่ก็เข้าใจดี เพราะหนูด้วงใจดีแบบนี้เสมอเพื่อนๆ ถึงได้รักหนูด้วง รักและเป็นห่วงมากที่สุด

 
……

เช้าวันรุ่งขึ้นพญาให้คนไปปลุกเด็กๆ เพราะจะพาไปฝึกทำขนมกับนับตังค์ ไหนๆ ก็มาเที่ยวที่เกาะแล้วก็ไม่อยากให้มานอนตื่นสายแล้วปล่อยเวลาให้สูญไป เมื่อทุกคนรู้ว่าจะได้ไปเรียนทำขนมก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ แม้หลายคนที่ทำขนมไม่เป็นก็อยากจะลองเพราะรู้มาว่าฝีมือมัมๆ ของหนูด้วงอร่อยที่สุดในจักรวาล

“หอมจังเลยฮะ มัมๆ ทำก๋วยเตี๋ยวแน่ๆ หนูจำกลิ่นได้” หนูด้วงส่งเสียงชื่นชมมาก่อนตัว เมื่อนับตังค์ละมือจากเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวเจ้าของเสียงถึงโผล่เข้ามาพอดี

“เรื่องนี้ล่ะไวจริงๆ นะตัวแสบ มัมทำก๋วยเตี๋ยวโบราณให้ทุกคนกินก่อนเรียนทำขนม ลวกเครื่องทั้งหมดให้แล้ว ที่เหลือมาจัดการกันเองนะ”

“ได้เลยฮะ มัมไปพักก่อน เดี๋ยวหนูกินกันเสร็จแล้วจะตั้งใจเรียนฮะ”

“มาให้มัมหอมแบบพัดลมก่อน” นับตังค์อ้าแขนออก หนูด้วงโผเข้าหาแล้วเป็นฝ่ายหอมแก้มนับตังค์เอง เพื่อนคนอื่นๆ เห็นก็อดยิ้มตามในความน่ารักของทั้งคู่ไม่ได้

“พอแล้ว อายเพื่อนบ้าง ทุกคนลวกเส้นกันตามชอบเลยนะ ไม่ต้องรีบ แต่อย่าให้รอนาน” นับตังค์แกล้งขู่

“น้องหม่อนไม่รีบแต่น้องหม่อนขอกินสามชามได้ไหมครับพี่ตัง”

“เรียกพี่ตังแบบนี้ให้ห้าชามเลย”

“เย่” น้องหม่อนชูมือชูไม้ดีใจ ไม่สนสายตาของพี่ชายที่เตือนเรื่องการกินเลยสักนิด

เมื่อโอบอุ้มทำก๋วยเตี๋ยวให้น้องแฝดแล้วก็พาทั้งคู่ไปนั่งกินรวมกับคนอื่นๆ จากนั้นตัวเองก็กลับไปนั่งกินกับหนูด้วงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมผา เป็นสถานที่โปรดที่เคยมานั่งเล่นกันตั้งแต่ที่นี่ยังเป็นแค่บ่อน้ำพุร้อน

“พี่โอบ พี่โอบ ดูหนูนะ” หนูด้วงเรียกอีกฝ่ายให้หันมาสนใจตัวเอง เมื่อพี่โอบหันมามองก็รีบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากก่อนจะสูดเส้นดัง ‘ซู๊ด’ โชว์

โอบอุ้มรู้ทันทีว่าหนูด้วงต้องการอะไร ฝ่ายนั้นไม่ได้อยากโชว์การสูดเส้นก๋วยเตี๋ยว น้องชอบทำแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็กๆ เพียงเพื่อต้องการให้เขาช่วยเช็ดน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กระเด็นจากปลายเส้นมาเปรอะหน้าให้ต่างหาก

“กินเลอะเทอะ” โอบอุ้มหยิบทิชชูมาซับน้ำก๋วยเตี๋ยวที่เปื้อนแก้มออกให้ อยากจะถามหนูด้วงว่าการอ้อนแบบนี้มันคุ้มค่ากว่าการยอมให้น้ำซุปเปื้อนหน้าตรงไหน แต่คำตอบคงอยู่บนใบหน้าของหนูด้วงแล้ว ขนาดโดนดุว่าเลอะเทอะ เจ้าตัวยังยิ้มแฉ่งไม่หุบ

“พี่โอบ ดูหนูอีกทีนะ” หนูด้วงเตรียมสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกครั้ง แต่โดนมือของพี่โอบห้ามเอาไว้

“เดี๋ยวมันกระเด็นเข้าตา”

“แต่ว่า…” หนูด้วงหน้าหงอยเพราะก๋วยเตี๋ยวยังไม่หมดชามเลย ยังอ้อนไม่หนำใจ

“ถ้ากินเลอะเทอะพี่ต้องเช็ดหน้าหนูด้วยทิชชู แต่ถ้ากินไม่เลอะเทอะเดี๋ยวพี่เช็ดแก้มให้…” โอบอุ้มโน้มใบหน้าไปกระซิบข้างหูคนขี้อ้อน “ด้วยปากของพี่ ดีไหมครับ”

หนูด้วงตาเป็นประกายพร้อมกับระบายยิ้ม “ก็ได้ก็ได้ หนูไม่สูดก๋วยเตี๋ยวให้เลอะเทอะแล้ว” พูดจบก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นแล้วค่อยๆ ซดจนหมดชาม

“ว่าแล้วเชียว” โอบอุ้มนึกไว้ไม่มีผิด หนูด้วงก็คือหนูด้วง ทั้งอ้อนทั้งแสบไม่มีใครเกิน เจ้าตัวไม่รู้รึไง ไม่ต้องหาวิธีมาอ้อนเขาก็อยากจะหอมจะกอดน้องทุกเวลา ถ้ากลืนกินน้องได้เขาคงจัดการไม่เหลือ

“พี่โอบรักหนูไหม” เจ้าตัวแสบวางชามก๋วยเตี๋ยวลงก่อนจะหันมาถาม

“อย่ากลัวว่าพี่จะไม่รัก กลัวว่าพี่จะรักหนูมากจนกินหนูเข้าไปดีกว่า”

“เนื้อหนูไม่อร่อยหรอก ถ้าจะกินหนู ปล้ำหนูดีกว่า” หนูด้วงป้องปากกระซิบอีกฝ่ายทั้งที่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เล่นมุกเองก็เขินเองจึงหัวเราะคิกคักแก้เขิน

“ถ้าปล้ำมันต้องมีขัดขืน แต่หนูด้วงสมยอมพี่ทุกที จริงไหม” โอบอุ้มถามพลางขำ หนูด้วงทำท่าคิดก่อนจะเห็นจริงตามที่พี่โอบว่า

“ก็จริง อาน้องก็บอกให้รู้จักขัดขืนบ้าง แต่พอพี่โอบจูบหนูทีไร หนูก็ลืมขัดขืนทุกที ก็ได้ก็ได้ คืนนี้หนูจะขัดขืนนะฮะ”

“พี่รักหนูจัง” โอบอุ้มยิ้มบางๆ ก่อนจะหอมที่หน้าผากของอีกฝ่าย ทุกกิริยาท่าทางของน้องมันทำให้เขาควบคุมอาการไม่ค่อยได้ น้องน่ารักจนอยากพากลับห้องทุกเวลา

ส่วนคนถูกหอมยิ้มจนตาหยี ถ้าต้องยิ้มกว้างกว่านี้คงต้องไปหาหมอเพราะขากรรไกรคงจะค้าง ก็เวลาพี่โอบบอกรักทีไรหัวใจของหนูด้วงมันเต้นแรงทุกที หนูด้วงคงต้องหาวิธีให้พี่โอบบอกรักบ่อยๆ หัวใจมันจะได้ชิน

“ทำไมนาโมไม่นั่งกินกับน้องหม่อน น้องหม่อนเดินหาจนเมื่อยขาเลย” น้องหม่อนเดินถือชามก๋วยเตี๋ยวตามหาพ่ออยู่นาน จนมาเห็นว่าพ่อและพี่หนูด้วงแอบมากินก๋วยเตี๋ยวกันสองคนที่ใต้ต้นไม้

“โต๊ะมันเต็มไงครับ”

“น้องหม่อนจะเอาอีกชาม นาโมไปทำให้หน่อย”

“ครับๆ” โอบอุ้มรีบลุกขึ้นเพราะไม่อยากให้น้องหม่อนงอแง

“คุณโอบ ต้องรีบกลับไปที่เกาะแสงแดดกันแล้วครับ” ก้านวิ่งเข้ามา สีหน้าเครียดจนหนูด้วงต้องรีบลุกขึ้นยืนตามโอบอุ้มเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นครับ” โอบอุ้มถาม

“ป้าประนอมโทรมาบอกพี่ว่าบ้านและร้านของคุณโอบถูกรื้อค้น กล้องวงจรปิดก็ถูกทำลายเลยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร” ก้านรีบบอก

“ฝีมือนังดาวเรืองน่ะสิ” เสียงของนายหัวพยนต์ดังแทรกมา สีหน้าดุดันของนายหัวพยนต์ทำให้ทุกคนพากันเกรงกลัว

“เป็นไปได้ไงครับ ดาวเรืองติดคุกตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอครับ” มีคุณเดินเข้ามาสมทบเมื่อเห็นนายหัวพยนต์พาลูกน้องขึ้นมาบนนี้เต็มไปหมด

“มันได้รับอภัยโทษ ถูกปล่อยตัวออกมาได้หลายวันแล้ว มีคนเห็นมันไปที่เกาะแสงแดด”

“หนูว่า...” หนูด้วงจะพูดอะไรออกมาแต่โอบอุ้มคว้ามือของหนูไปบีบเสียก่อน หนูด้วงจึงไม่พูดต่อ

“หนูด้วงกับเด็กๆ อย่าเพิ่งกลับไปที่เกาะแสงแดด อยู่ที่นี่ก่อน ให้ตาหาตัวมันให้เจอเสียก่อน”

“ไม่ได้ฮะ หนูต้องกลับไปเรียน”

“หนูด้วง!” นายหัวพยนต์หัวเสียเมื่อหนูด้วงไม่เชื่อฟัง

“หนูจะกลับฮะ หนูหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้ แล้วก็ไม่มีใครปกป้องหนูได้ตลอดชีวิต”

“ตามใจจนเคยตัว ตาไม่ให้กลับ” นายหัวพยนต์ตวาดเสียงดัง “พวกมึงพาหนูด้วงกลับไปที่โรงแรม”

“คุณปู่ครับ อย่าทำแบบนี้เลย ให้ผมดูแลหนูด้วงเองนะครับ” โอบอุ้มเข้ามาขวาง

“เรื่องอื่นฉันยอมมามากแล้ว แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้”

“แต่คุณตาบอกเองว่าอภัยให้เขาแล้ว ทำไมต้องไปจัดการเขาอีกฮะ ทำไมไม่เลิกแล้วต่อกัน”

“เพราะตาไม่อยากเสียหนูไป ตาจะปกป้องหนูจนลมหายใจสุดท้ายของตา” นายหัวพยนต์ตอบเสียงสั่น สิ่งที่กลัวมาตลอดชีวิตก็เกิดขึ้นจริง ขนาดกำชับสารวัตรแล้วว่าอย่าให้คนที่เคยทำร้ายหนูด้วงรอดพ้นจากที่คุมขัง แต่สุดท้ายแล้วผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นก็ได้รับอิสรภาพจนได้

“ก็ได้ก็ได้ แต่หนูไม่อยากไปอยู่ที่โรงแรม ให้หนูกลับไปที่วังของเรา ให้น้องแฝดอยู่กับแด๊ดดี้ไปก่อนนะฮะ ส่วนคนอื่นๆ ให้พักที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” หนูด้วงไม่ได้เถียงคุณตาอีกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำก็เพื่อตัวเอง แต่ขอร้องที่จะไปอยู่ ‘วังของเรา’ ซึ่งหมายถึงบ้านที่ตลาดแทน

“ก็ได้ แล้วตาจะให้คนไปส่งเพื่อนๆ ของหนูด้วงกลับมหา’ลัยพรุ่งนี้เช้า แต่หนูด้วงต้องอยู่ที่นี่ พวกมึงดูแลนายน้อยให้ดี ถ้านายน้อยได้รับอันตรายพวกมึงรู้ใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง แล้วนี่พญามันไปไหน ไปตามมันมาหาฉันเดี๋ยวนี้” นายหัวพยนต์ยังคงเกรี้ยวกราดใส่ลูกน้องจนไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

มีคุณกับนับตังค์ก็ไม่อยากเข้าไปขัดขวางคำสั่ง รู้ดีว่าที่นายหัวพยนต์เป็นแบบนี้เพราะเป็นห่วงหนูด้วงอย่างสุดหัวใจ ความร้ายกาจของดาวเรืองที่ผ่านๆ มาก็ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ขนาดคนอยู่เยอะแยะยังลักพาตัวหนูด้วงไปได้ การให้ลูกน้องของนายหัวพยนต์ช่วยดูแลหนูด้วงไปก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่นับตังค์กังวลก็คือวิธีการที่นายหัวจะจัดการกับดาวเรือง เมื่อนายหัวพยนต์กลับไปแล้วจึงรีบต่อสายหาเทียมฟ้าเพื่อให้คอยยับยั้งหากนายหัวพยนต์และพญาใช้ความรุนแรงในการจัดการครั้งนี้

 
โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
ตั้งแต่ตอนนี้ไปเลิฟคงไม่ได้ลงเนื้อเพลงแล้วนะคะ เพราะกลัวเรื่องลิขสิทธิ์
และตอนเก่าๆ จะตามไปแก้ไขทีหลัง ขอบคุณที่รอและเอ็นดูหนูด้วงเสมอนะคะ

‪....รัก...
   


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-11-2018 12:30:25
 :hao7: :3125: :hao7:




 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-11-2018 13:00:22
เราเชื่อว่าไม่ใช่ดาวเรืองแน่นอน  :serius2: ต้องเป็นคนที่ทำร้ายโอบอุ้มตอนเด็กแน่ ๆ   :z6: และที่สำคัญได้แต่หวังว่าความโลภและความเห็นแก่ได้ของเชนจะทำอันตรายน้องไม้กับน้องหม่อนไม่ได้  :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 20-11-2018 13:09:55
 :katai5: :katai5: รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 20-11-2018 13:16:11
หนูด้วงยังน่ารักเช่นเดิม โดยเฉพาะ “ก็หนูดีใจที่พี่โอบถูกหนูเปิดบริสุทธิ์"
อ่านแล้วขำก๊ากกกเลยค่ะ

ส่วนเคส "เชน" จะฮุบสมบัติน้องแฝด ... อย่าดราม่าจัดนักนะคะ
จิตใจอ่อนแอ ฮือ ฮือ ..

แค่นังดาวเรืองพ้นคุกมาได้ ก็ใจสั่นแล้ว
แอบลุ้นให้ยุงไปแอบจัดการมันขั้นเด็ดขาดจริงจริ๊งงงง

สำหรับเรื่อง เนื้อเพลง ... ลงแค่บางส่วนก็ผิดลิขสิทธิ์เหรอคะ
ในเมื่อเราลงบางส่วน และใส่ชื่อเพลง ชื่อคนร้องครบถ้วน
แปลกดีนะคะเรื่องนี้

เอาว่า เอาใจช่วยค่ะ และว่ายังไงว่าตามกันค่ะ ... :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2018 13:52:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-11-2018 13:57:24
หนูด้วงฮาเบรคดราม่าเป็นระยะๆ กำลังเข้มข้นเลย รอๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-11-2018 17:14:14
 :mew1: หนูด้วงน่ารัก ตอนเด็กๆก็ทุกพอแล้ว โตมาอย่าดราม่าเยอะเลยนะลูก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-11-2018 18:49:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเชน  แกมันร้ายนะ  นี่คงไม่ได้รักเพยียจริง ๆ หรอก 

คงแต่งด้วยเพราะหวังสมบัติสินะ  ชิส์


ส่วนคนที่รื้อบ้าน คงเป็นคนที่เคยทำร้ายโอบอุ้มเมื่อตอนเด็ก ๆ อ่ะแหละ (ก็จำชื่อไม่ได้อ่ะ)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-11-2018 21:04:27
เปนกำลังใจให้คนแต่งนะค่า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-11-2018 07:14:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 21-11-2018 08:38:10
เสียใจนะอิคุณเชน พี่โอบมีสิทธทุกอย่างในตัวน้องไม้น้องหม่อน เพราะพ่อแท้ๆทำเรื่องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว อย่าโลภ เพราะเด็กๆเป็นเจ้าของเกาะ คุณมึงจะไม่เหลืออะไร แม้แต่ครอบครัว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 21-11-2018 09:39:04
สมกับที่เป็นหนูเลยลูกเอ้ยยย ให้อภัยคนเก่ง ต่อไปก็รอดูว่าแก้วจะดีได้อย่างที่รับปากหรือเปล่า
ที่อิแม่ไม่คาดคิดคือโตมาลูกจะอยากโดนพี่โอบกินได้ขนาดเน้ 55555555555555 อะไรนี่คืออารั้ยยยยยยยย
“เมื่อคืนเราทำอะไรกันน้า หนูนึกไม่ออกแล้ว สงสัยหนูต้องให้พี่โอบช่วยทบทวน” พอถูกรุกจูบอย่างร้อนแรงหนูด้วงยิ่งอ้อนหนักกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 21-11-2018 19:23:21
คนที่เกาะไม่น่ากลัวเท่าคุณเชน คนที่ไม่จริงใจไม่หวังดีกับน้องแฝด กำลังมีแผนรร้ายในใจ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-11-2018 20:02:06
คนที่ร้ายที่สุดจะเป็นคุณเชนรึป่าว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 21-11-2018 22:35:54
หนูด้วงก็คือหนูด้วงเป็นคนจิตใจดีเสมอ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-11-2018 00:05:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-11-2018 00:33:10
ที่ไปพังร้านไม่ดาวเรือง ก็คงเป็นอิตาสามารถ
เลวร้ายหน่อย ก็แพ็คคู่ :hao5: ส่วนคุณเชนนี่หวังได้สมบัติของแฝดแน่ๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 22-11-2018 02:53:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 22-11-2018 07:37:24
ลุ้นๆๆว่าจะมีเรื่องอะไรมาให้พีคได้อีก ระดับเลิฟแล้วต้องไม่ธรรมดา สามีพเยียไม่น่าใช่ แต่ใครจะรู้ล่ะ.....ตามอ่านกันต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-11-2018 09:19:18
เชนร้ายหรือนี้ ตอนแรกคิดว่าจะมาเป็นภาระ แต่พอได้ยินว่ามีสมบัติคิดจะไปฮุบ เฮอะ
หนูด้วงน่ารัก น่าหยิกเหมือนเดิม  :mew1:   :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-11-2018 06:26:24
โอ๊ยยยย หนูด้วง อาน้องสอนดีไป หรือศิษย์ทำเกินไป
มีเรียกร้อง มีอ้อนนะคะ แถมยังไม่มีห้ามพี่เลย
มีแต่ชวนพี่ไปทำไร หนูต้องเล่นตัวบ้างไง 5555

หนูด้วงเหมือนจะบอกอะไรหรือเปล่า
แล้วดาวเรืองทำจริงหรอ

ความลับไม่มีในโลกจริงๆ ค่ะ
แล้วพเยียก็ดันมาเจอคนที่รักเงินซะงั้น
โอบอุ้มอย่าปล่อยน้องไม้น้องหม่อนไปนะ

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 16 ที่ว่าง 20/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-11-2018 19:20:10
พี่โอบต้องระวังเชนดีๆนะ ไม่น่าไว้ใจเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 26-11-2018 17:33:51
เพลงรักที่หายไป

เพลงรักที่ 17 ห่วงหา
ศิลปิน Banana boat

‘หนูด้วง เจ้าสบายดีใช่ไหม เจ้าคงยังเด็กอาจจะไม่เข้าใจอะไร แต่ปู่ก็อยากจะให้เจ้าเก็บเอาไว้ดูเมื่อโตขึ้น ปู่ขอให้เจ้าเป็นเด็กดี โตขึ้นมาแล้วทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน ปู่ขอให้เจ้ามีความเมตตาและมีน้ำใจต่อทุกคนที่พบเจอ ขอบคุณที่เจ้าเข้ามาสร้างรอยยิ้มและสร้างความสุขให้ปู่ในช่วงชีวิตสุดท้าย ปู่อยากจะอยู่ดูแลเจ้าจนโต แต่ธรรมชาติมันไม่เอื้ออำนวยปู่เลยจริงๆ ได้แต่หวังว่าคนที่ปู่ส่งมาให้อยู่กับเจ้าเขาจะเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดให้สมบูรณ์ได้ เขาจะทำให้เจ้าเป็นคนที่มีความสุข ปู่รักเจ้าเหลือเกินหนูด้วงเอ้ย ฝากหนูพดด้วงด้วยนะนับตังค์ ฝากหัวใจของปู่ด้วย แค่นี้ก่อนแล้วกัน ฉันต้องไปดูหนูด้วงแล้ว’


คลิปวิดีโอของคุณอนันต์ถูกฉายวนซ้ำไปซ้ำมา ชายสูงวัยผู้นี้คือผู้ที่เปลี่ยนชีวิตของหนูด้วงเมื่อครั้งยังเยาว์วัย เปรียบเสมือนผู้ที่หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้ทั้งที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหนูด้วงเลย นั่นเพราะความเมตตาในหัวใจของท่านที่เผื่อแผ่มาถึงผู้อื่น ท่านจากไปตั้งแต่หนูด้วงยังเล็กมาก ร่องรอยของความทรงจำมีเพียงน้อยนิด ภาพจากวีดีโอนี้จึงเป็นของสำคัญที่ทำให้หนูด้วงระลึกถึงคำสอนของท่านได้เท่าที่ต้องการ ยามใดที่หัวใจมันอ่อนล้า หนูด้วงมักจะหยิบมาเปิดดูเสมอ


“คุณปู่ คุณปู่กำลังมองมาที่หนูรึเปล่าฮะ หนูทำในสิ่งที่ถูกแล้วใช่ไหมฮะ” หนูด้วงลูบใบหน้าของคุณปู่อนันต์ผ่านจอโทรทัศน์ ใบหน้าที่ดูอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา “ใครต่อใครก็บอกว่าหนูชอบใจอ่อน ชอบไว้ใจคนง่ายๆ หนูรู้ว่าจิตใจของคนมันยากแท้จะหยั่งถึง แต่ถ้าเราไม่ให้โอกาสเขา เราก็จะเสียโอกาสไปเหมือนกัน คนบางคนอาจจะเคยทำไม่ดีเอาไว้ แต่เขาอาจจะเป็นคนดีที่สุดสำหรับเราได้ในสักวันหนึ่ง ปู่ฮะ...หนูเชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้”


โอบอุ้มแอบดูหนูด้วงอยู่พักใหญ่แล้ว เห็นน้องกำลังนั่งดูคลิปวีดีโอที่คุณปู่อนันต์ฝากน้าตังเอาไว้ให้น้องดูเมื่อโตขึ้น เขาจึงไม่ได้เข้ามากวน จนเห็นว่าน้องกดปิดแล้วถึงได้เข้ามา ใบหน้าที่เศร้าหมองของน้องทำให้โอบอุ้มนึกสงสารจับใจ


“หนูทำดีที่สุดแล้ว พี่เชื่อว่าคุณปู่อนันต์ต้องภูมิใจในตัวหนู”

“พี่โอบ ยังไม่ได้กลับบ้านเหรอฮะ” หนูด้วงโผมาสวมกอดโอบอุ้มเอาไว้ นึกว่าพี่โอบกลับไปที่เกาะแสงแดดแล้ว

“พี่จะกลับได้ยังไงถ้าหนูด้วงไม่กลับไปกับพี่ พี่บอกแล้วไง ต่อจากนี้ไปเราจะไม่แยกจากกัน”

“แต่ว่าคุณตาไม่ให้หนูกลับ”

“ท่านห่วงความปลอดภัยของหนู แต่ถ้าหนูจะกลับ พี่ก็จะพากลับ”

“แล้วน้องแฝดล่ะฮะ”

“น้าตังบอกว่าให้อยู่ที่นี่ไปก่อนเพราะไม่รู้ว่าคนร้ายต้องการอะไร พี่เลยว่าจะกลับไปดูสถานการณ์ก่อน”

“ถ้าหนูกลับคุณตาจะโกรธพี่”

“หนูไม่อยากให้ท่านทำรุนแรงกับดาวเรืองไม่ใช่เหรอ หนูอยากกลับไปคุยกับดาวเรืองใช่ไหม”

“พี่รู้เหรอฮะว่าหนูติดต่อกับแม่ เอ้ย! พี่เรือง” หนูด้วงหน้าตื่นเมื่อถูกจับได้

“พี่รู้มานานแล้ว รู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่หนูไปเยี่ยมดาวเรือง ถึงพี่จะอยู่ไกลแต่พี่ไม่เคยปล่อยให้หนูคลาดสายตาหรอกครับ”

“หนูอยากให้โอกาสพี่เรือง เขาเคยทำร้ายหนูก็จริง เขาจะฆ่าหนูก็ได้แต่ก็ไม่ได้ทำ นั่นถือว่าเขาให้โอกาสหนู การที่พี่เรืองอยู่ในคุกเป็นสิบๆ ปีก็ถือว่าถูกลงโทษแล้ว การที่เขาไม่เหลือใครยิ่งเป็นการลงโทษที่หนักกว่าติดคุก หนูแค่อยากให้พี่เรืองรู้ว่ายังมีหนู ชีวิตที่รู้ว่าตัวเองยังมีใครอาจจะทำให้พี่เรืองอยากเป็นคนที่ดีขึ้น”

“หนูคิดว่าดาวเรืองไม่ได้รื้อบ้านของเราใช่ไหม” เมื่อหนูด้วงได้ยินพี่โอบพูดว่า ‘บ้านของเรา’ ดวงตาที่ดูเศร้าก็วาววับขึ้นทันที

“ฮะ หนูว่าพี่เรืองไม่ได้เป็นคนรื้อค้นบ้านของเรา” หนูด้วงระบายยิ้มหวานจนโอบอุ้มอดไม่ได้ที่จะทาบทับริมฝีปากไปที่รอยยิ้มนั้น

“สรุปอยากกลับไปกับพี่ไหมครับ”

“ลูกน้องคุณตาเต็มไปหมดเลย แค่ก้าวออกไปหนูก็โดนจับกลับเข้ามาในบ้านแน่ๆ หนูไม่ชอบความรุนแรง”

“ไม่ใช้กำลังก็ต้องใช้สมองไงครับผู้วิเศษ” โอบอุ้มยกยิ้มก่อนจะกระซิบบางอย่าง หนูด้วงได้ฟังแล้วหัวเราะชอบใจก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบรับ


ไม่นานโอบอุ้มกับหนูด้วงก็เดินออกมาจากสำนักงานของพญา บรรดาลูกน้องที่นายหัวพยนต์ส่งมาดูแลนายน้อยรีบพากันมายืนขวางเอาไว้


“นายน้อยจะไปไหนไม่ได้นะครับ” หนึ่งในทีมดูแลรีบออกปากห้าม

“พี่ๆ กลัวเดือดร้อนกันเหรอฮะ”

“ก็ใช่สิครับนายน้อย พวกผมไม่ได้อยากทำ แต่ถ้าขัดคำสั่งนายหัวพวกผมตายแน่ๆ”

“ขัดคำสั่งคุณตาอะไม่ตายหรอกครับ แต่ถ้าขัดคำสั่งหนู พวกพี่ไม่มีอนาคตแน่ๆ” หนูด้วงเห็นกลุ่มคนเบื้องหน้าทำหน้าอึ้งไปจึงรีบพูดต่อ “วันนี้หนูเป็นนายน้อย แต่ในอนาคตหนูจะเป็นนายใหญ่ หนูคงไม่จ้างคนที่ลิดรอนอิสรภาพของหนูในวันนี้ จะว่าไป ไม่ต้องรอให้หนูเป็นนายใหญ่ หนูแค่บอกยุงพญาว่าพวกพี่กักขังหนู พี่ว่าคุณตากับยุง ใครโหดกว่ากัน”

“โธ่นายน้อย อย่าทำแบบนี้เลยครับ พวกผมลำบากใจ”

“พี่ต้องเลือกแล้วฮะ ลำบากใจกับลำบากกายและตกงาน พี่จะเลือกอะไร ก็ได้ก็ได้ มาเจอกันครึ่งทาง หนูสัญญาว่าจะให้พวกพี่ทุกคนตามหนูไปที่เกาะแสงแดดด้วย ถือว่าพี่ดูแลหนูอย่างดีตามคำสั่งคุณตา และหนูมีวิธีพูดจนคุณตาไม่ลงโทษพวกพี่แน่ๆ” หนูด้วงประเมินในใจว่าทุกคนกำลังคล้อยตาม แต่เห็นว่าทุกคนยังไม่ยอมตกลงจึงคิดจะทำตามแผนขั้นเด็ดขาด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มละมุนละม่อมเปลี่ยนเป็นขึงขัง รอยยิ้มสดใสกลายเป็นยิ้มแบบเหี้ยมเกรียม “หนูจะถามครั้งสุดท้าย หนูไม่ใช่คนใจดีอย่างที่พวกพี่คิดหรอกนะ อย่าให้หนูต้องร้ายเลย”


ดวงตาที่ดุดันของนายน้อยทำเอาลูกน้องของนายหัวยนต์ขนลุกซู่ รับใช้คนตระกูลภูมิเทพมาหลายปีมีหรือที่จะไม่รู้ว่านายน้อยมีความสำคัญแค่ไหน นายพญายังต้องยอมให้ทุกครั้งไป นายหัวพยนต์ก็แก่มากแล้ว จะคุ้มกะลาหัวพวกมันได้อีกสักเท่าไหร่ ส่วนคุณพเยียและคุณเชนถึงจะเป็นใหญ่ในโรมแรม แต่ในอาณาจักรภูมิเทพแห่งนี้ทุกคนรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วจะตกเป็นของใคร


“ครับนายน้อย พวกเราจะทำตามคำสั่งของนายน้อยครับ” เมื่อคนที่ดูเป็นหัวหน้าตอบตกลง คนอื่นๆ จึงไม่มีใครคัดค้าน


หนูด้วงอยากจะกระโดดโลดเต้นดีใจเมื่อแผนที่พี่โอบวางเอาไว้สำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ก็จำต้องรักษามาดนายน้อยผู้ดุดันเอาไว้ก่อน มีแต่โอบอุ้มที่กลั้นขำ นึกในใจว่าหนูด้วงน่าจะเรียนสายละครมากกว่าดนตรี การแสดงในครั้งนี้โอบอุ้มให้คะแนนเต็มร้อยเลยทีเดียว

……


พเยียเพิ่งได้ข่าวมาว่าที่เกาะแสงแดดเกิดเรื่องขึ้น เธอนึกห่วงลูกชายทั้งสองคนจึงรีบโทรหาโอบอุ้ม เมื่อได้รับคำตอบว่าน้องแฝดอยู่กับนับตังค์จึงรีบไปหา ก่อนหน้านี้คุณเชนเพิ่งให้คำตอบกับเธอว่ายินดีให้เธอรับน้องแฝดมาเลี้ยงดูอย่างออกหน้าออกตาในฐานะลูกชาย และเขาก็ยินดีที่จะเป็นพ่อให้น้องแฝดเช่นกัน เธอซาบซึ้งในความรักที่คุณเชนมีต่อเธอ ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายดายแบบนี้ เขาเป็นคนอีโก้สูง การที่ยอมให้เธอเปิดเผยเรื่องน้องแฝดย่อมมีคำนินทาถึงตัวเขาด้วย แต่เขากลับไม่สนและเปิดใจรับ มันทำให้เธอคิดว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิดมาเป็นคู่ชีวิต


“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้ค่ะ เยียรู้ว่าตัวเองผิด วันนี้จึงอยากทำให้มันถูก ให้เยียพาเด็กๆ ไปอยู่ด้วยในระยะนี้ก่อนนะคะ” พเยียเล่าทุกอย่างให้มีคุณกับนับตังค์ฟัง เธออยากพาใบไม้กับใบหม่อนไปดูแลให้ก่อน หากโอบอุ้มจัดการเรื่องวุ่นวายที่เกาะแสงแดดเรียบร้อยแล้วค่อยมาตกลงว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้

“ตังว่าคุณเยียควรขออนุญาตผู้ปกครองของน้องแฝดครับ ตังคงให้เด็กๆ ไปด้วยไม่ได้ถ้าน้องโอบไม่ได้อนุญาต” นับตังค์ยอมรับว่าอึ้งไปเมื่อได้รับรู้ราวทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดในใจของนับตังค์คือหนูด้วงได้คนรักที่มีจิตใจประเสริฐและเสียสละ รู้สึกดีใจที่หลานได้คนที่ดีมาอยู่ข้างกาย

“ก็ได้ค่ะ เยียจะโทรไปขอน้องโอบตอนนี้เลย” พเยียต่อสายหาโอบอุ้ม บอกความต้องการไป เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาพเยียก็หน้าเสีย แต่เธอก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร สักพักถึงยื่นโทรศัพท์ให้นับตังค์ “น้องโอบจะคุยด้วยค่ะ”


นับตังค์รับโทรศัพท์ไปคุยต่อ เขาไม่ได้พูดอะไร มีแต่คำว่า ‘อืม’ แทนการตอบรับ กดวางสายแล้วถึงยื่นโทรศัพท์คืนพเยีย พเยียน้ำตาคลอเพราะโอบอุ้มปฏิเสธที่จะให้น้องแฝดไปกับเธอ เธอก็ไม่กล้าโวยวายทั้งที่ในใจรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง


“น้องโอบบอกว่าขอถามน้องแฝดก่อน คงกลัวว่าเรื่องราวมันเร็วเกินไปแล้วน้องแฝดจะตั้งรับไม่ทัน แต่น้องโอบบอกว่าถ้าน้องแฝดเต็มใจไปด้วย พรุ่งนี้จะให้ตังเป็นคนไปส่งน้องแฝดที่โรงแรมเอง ขอแค่ว่าให้ไปในฐานะหลานของคุณเยียก่อน” นับตังค์บอกถึงความต้องการของโอบอุ้ม

“ได้ค่ะได้ แบบนั้นก็ได้ค่ะ แค่ให้โอกาสเยียได้ใช้เวลากับลูกบ้าง”

“คุณเชนเขายอมรับได้จริงเหรอครับ” มีคุณถาม เขารู้จักสามีของพเยียมาก่อนที่จะมาแต่งงานกับพเยีย และคิดว่าไม่น่าใช่คนที่ยอมรับความผิดพลาดของคนอื่นง่ายๆ

“ค่ะ คุณเชนยินดีรับน้องแฝดเป็นลูก” พเยียบอกด้วยความดีใจ

“ครับ ถ้าวันนี้คุณเยียไม่ได้มีธุระอะไร จะเข้าไปเล่นกับน้องแฝดก็ได้นะครับ นั่งเล่นกันอยู่ที่สวนหลังบ้าน” นับตังค์อยากเห็นว่าน้องแฝดรับคนแปลกหน้าอย่างพเยียได้แค่ไหนจึงเชิญชวน

“ขอบคุณมากนะตัง” พเยียยิ้มกว้างเมื่อทุกคนเข้าใจเธอและไม่ตำหนิเรื่องราวในอดีต เธอรีบขอตัวเข้าไปหาลูกชายทั้งสองคน


หลังจากที่พเยียเดินออกไปแล้ว นับตังค์กับมีคุณก็มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ต่างคนต่างรู้ว่าเรื่องนี้มันคงไม่ง่ายสำหรับใบไม้กับใบหม่อน เด็กทั้งสองคนรักโอบอุ้มมาก แค่รู้ว่าโอบอุ้มจะกลับไปเกาะแสงแดดแล้วทิ้งตัวเองไว้ที่นี่ ใบหม่อนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น น้องไม้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด เข้าใจสถานการณ์ได้ดี และปลอบใบหม่อนจนหยุดร้องไห้ได้เมื่อครู่นี่เอง แต่เรื่องนี้ทั้งเขาและมีคุณเป็นคนนอก คงทำได้แต่เฝ้าดูห่างๆ และหวังว่าทุกอย่างมันคงจะลงเอยได้ด้วยดี


แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงที่พเยียได้ใกล้ชิดกับน้องแฝดก็ทำให้เธอแทบไม่อยากออกห่างจากเด็กทั้งสองคน ใบไม้ดูมีความคิดความอ่านโตเกินวัย เป็นพี่ดูแลน้องได้ทั้งที่อายุเท่ากัน ส่วนใบหม่อนเป็นเด็กขี้อ้อน พูดจาท่าทางก็สมวัย เป็นเด็กเจ้าเนื้อที่ดูน่ารักน่ากอด ทั้งสองคนมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด


“ทำไมคุณไม่ให้เราเรียกว่าย่าแล้วครับ ถ้าไม่ให้เรียกว่าย่าจะให้เรียกว่าอะไร” น้องไม้ถามพเยียที่มาอยู่ด้วยตั้งแต่เช้า

“คือ..ย่าไม่มีลูกผู้ชาย ย่าเลยขออนุญาตพ่อของใบไม้กับใบหม่อนมาเป็นแม่บุญธรรมให้หนูไงคะ”

“แม่บุญธรรมคืออะไรเหรอน้องไม้” น้องหม่อนถามพี่ชาย

“แม่ปลอมๆ มั้ง” น้องไม้ตอบตามที่เข้าใจ แต่คำว่าแม่ปลอมๆ ทำเอาพเยียพูดไม่ออก

“งั้นถ้าคุณย่าจะมาเป็นแม่ปลอมๆ น้องหม่อนต้องเรียกคุณย่าว่าอะไร” ใบหม่อนหันไปถามพเยีย

“เรียกว่าม่ามี๊ดีไหมคะ” พเยียรีบเสนอ เด็กทั้งสองคนหันไปมองหน้ากัน สีหน้าชั่งใจจนพเยียต้องรีบอธิบายเพิ่ม “ย่ามีแต่ลูกสาว อยากจะมีลูกชายบ้าง ลูกสาวของย่าเขาติดคุณพ่อของเขา ย่าเหงา แล้วน้องไม้กับน้องหม่อนก็น่ารักมากๆ ย่ามีความสุขเวลาได้อยู่กับหนูทั้งสองคน ให้ย่าได้เป็นมามี๊ของหนูได้ไหมคะ” พเยียน้ำตาคลอ กลัวว่าลูกจะปฏิเสธ

“ถ้านาโมไม่ว่าหนูเป็นลูกปลอมๆ ให้ก็ได้ ใช่ไหมน้องไม้” น้องหม่อนสงสารผู้หญิงสุดสวยตรงหน้า คุณครูเคยสอนว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ผู้ชายต้องให้เกียรติและไม่ควรทำให้เสียใจ น้องหม่อนเลยไม่อยากให้คุณย่าต้องมีน้ำตา

“อือ” น้องไม้พยักหน้า “ถ้านาโมไม่ว่า”

“ม่ามี๊ดีใจที่สุดเลย ขอให้ม่ามี๊กอดได้ไหมคะ” พเยียกางแขนออก น้องหม่อนขยับเข้าไปหาก่อนน้องไม้ พเยียรีบดึงน้องไม้ให้เข้ามาในอ้อมกอดก่อนจะโอบกระชับและร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ


นับตังค์แอบดูอยู่ก็ลอบถอนหายใจ แม้โอบอุ้มบอกให้รอแต่พเยียก็อดใจไม่ไหวจนได้ นับตังค์เข้าใจว่าหัวอกของคนเป็นแม่รู้สึกอย่างไร กลัวลูกไม่รัก กลัวลูกไม่สนใจ ขนาดนับตังค์เองไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดหนูด้วง แต่ก็รักเด็กน้อยอย่างสุดหัวใจ เมื่อครั้งที่หนูด้วงหายตัวไปหัวใจแทบสลาย นับตังค์จึงไม่คิดตำหนิสิ่งที่พเยียเคยตัดสินใจในอดีต ทุกคนย่อมผิดพลาดกันได้ เมื่อเห็นน้องไม้กับน้องหม่อนพยายามปลอบใจพเยียก็อดยิ้มไม่ได้ สุดท้ายสายเลือดย่อมเข้มข้นเสมอ


 
……

เช้าวันถัดมานายหัวยนต์ให้คนเรือไปรับเพื่อนๆ ของหนูด้วงกลับไปที่เกาะ เขาแวะไปหาหนูด้วงที่บ้านตลาด เมื่อเห็นว่าหนูด้วงยังอยู่ก็โล่งใจ แม้จะสงสารหนูด้วงที่ดูซึมเศร้าแต่เขายอมให้หลานไปเสี่ยงไม่ได้ เมื่อเห็นว่าหนูด้วงไม่ดื้อรั้น แถมตอนนี้พญาไปอยู่ที่เกาะแสงแดดแล้ว คิดว่าลูกชายคงจัดการทุกอย่างได้ เขาจึงกลับไปที่โรงแรมด้วยความสบายใจ


หลังจากที่นายหัวพยนต์ไปแล้ว เรือยอร์ชลำใหญ่ก็วกกลับมารับหนูด้วงกับโอบอุ้มที่ท่าเรือ เพื่อนๆ ของหนูด้วงตกใจที่หนูด้วงกล้าขัดคำสั่งของคุณตา กลุ่มเพื่อนสนิทตกใจแต่ไม่แปลกใจเพราะรู้ดีว่าหนูด้วงเหมือนเด็กหัวอ่อน แต่อันที่จริงแล้วมีความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอก บทจะไม่ยอมก็ไม่ยอมท่าเดียว ทุกคนจึงกำชับว่าให้หนูด้วงดูแลตัวเองให้ดี ซึ่งหนูด้วงรับปากว่าจะอยู่กับโอบอุ้มไม่ให้ห่างและให้คนของนายหัวพยนต์ดูแลอย่างใกล้ชิด


เมื่อมาถึงท่าเรือของเกาะแสงแดดแล้ว ก้านเป็นคนเอารถมารับเด็กๆ กลับไปที่มหาวิทยาลัย จากนั้นถึงพาหนูด้วงกับโอบอุ้มกลับมาที่บ้าน ซึ่งพญากับเทียมฟ้ารออยู่ที่บ้านของโอบอุ้มแล้ว ทั้งคู่มาที่เกาะนี้ตั้งแต่ลูกน้องส่งข่าวมาบอก แต่มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวของดาวเรืองเลย ตำรวจไม่สามารถออกหมายจับให้ได้เพราะไม่มีหลักฐานว่าดาวเรืองเป็นคนทำ ที่สำคัญดาวเรืองไม่ได้หนีออกจากคุก เธอถูกปล่อยตัวออกมาอย่างถูกต้อง ที่ทำได้ตอนนี้คือเฝ้าระวังและจับตามองคนแปลกหน้าที่เข้ามาที่เกาะแห่งนี้


“ตำรวจเขามาถ่ายรูปเก็บหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ป๊าเลยให้ป้านอมทำความสะอาดให้เลย บ้านน่าอยู่ดีนะ ร้านก็สวย” พญาสำรวจที่นี่ทุกซอกทุกมุม นึกชื่นชมลูกชายที่สร้างทุกอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เขารู้จากตะวันว่าโอบอุ้มเป็นคนเก่ง งานบริหารของมหาวิทยาลัยก็ได้โอบอุ้มดูแลให้ทั้งหมด แถมตะวันยังบอกว่าเจ้าอุ้มยังรู้จักเล่นหุ้น ทำเงินได้มากอยู่ ตอนอยู่ที่เมืองนอก งานอะไรที่ทำได้เจ้าอุ้มก็รับมาทำโดยไม่เกี่ยงว่าจะได้เงินมากน้อยหรือจะหนักหนาแค่ไหน เขายังคิดในใจว่าถ้าเป็นตัวเองคงทำไม่ได้เท่าลูกชายคนนี้ 

“ผมอยากให้ป๊าภูมิใจ”

“ป๊าภูมิใจในตัวอุ้ม” พญาเดินมาโยกศีรษะของลูกชายก่อนจะมองหลานรัก “ไปขู่อะไรลูกน้องคุณตา พวกมันกลัวจนหัวหดกันหมด”

“ยุงรู้ได้ไงฮะ” หนูด้วงหน้าจ๋อย นึกในใจว่าต้องมีคนมาฟ้องพี่ก้าน แล้วพี่ก้านก็มาฟ้องยุงอีกทีแน่ๆ

“ฮ่าๆๆ รู้ได้ไงไม่สำคัญ ว่าแต่ไอ้เสือน้อยคิดจะเป็นนายใหญ่แล้วเหรอ” พญาหัวเราะชอบใจ

“ยุงไม่ภูมิใจในตัวหนูใช่ไหมล่ะฮะ” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยก่อนจะหนีไปนั่งกอดอกที่โซฟา

“งอน งอนอีก” พญารีบเดินไปง้อหลาน “น้าภูมิใจในตัวหนูด้วงที่สุดแล้ว เกิดเป็นพยัคฆ์มันต้องดุแบบนี้แหละ”

“จริงนะฮะ”

“จริง น้าเคยโกหกด้วยเหรอ”

“เคย”

“เคย” หนูด้วงกับเทียมฟ้าตอบขึ้นพร้อมกัน

“กูจะเสียการปกครองเพราะหลานกับเมียนี่แหละ ดุกูกันจริงๆ ไปเจ้าอุ้ม ไปดูข้าวของว่าครบไหม มีอะไรหายไปบ้าง”

“ครับป๊า” โอบอุ้มขำป๊าที่ต้องยอมให้หนูด้วงกับอาน้องทุกที


เมื่อสำรวจแล้วว่าไม่มีอะไรหายไปก็ยิ่งแปลกใจว่าคนที่มาค้นบ้านต้องการอะไร กล้องวงจรปิดถูกตัดสายจนใช้การไม่ได้ แต่โอบอุ้มไม่คิดว่าเป็นคนใน เพราะถ้าเป็นคนที่เข้านอกออกในบ้านหลังนี้ย่อมต้องรู้ดีว่าโอบอุ้มไม่ได้เก็บของสำคัญเอาไว้ที่นี่เลยสักชิ้น


หลังจากที่โอบอุ้มโทรคุยกับตำรวจเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยเสร็จแล้วพญากับเทียมฟ้าจึงขอตัวกลับ ทั้งสองคนไปพักกับตะวันและก้าน ลูกน้องของพญาและนายหัวพยนต์ยังกระจายอยู่เต็มเกาะ ก้านให้ความเห็นว่าคนที่เข้ามารื้อบ้านมีสองประเภท หนึ่งคือพวกไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่คือบ้านของใคร แค่เข้ามาหาของมีค่าแต่ไม่พบอะไรจึงกลับไป อีกประเภทคือคนที่ใจกล้าบ้าบิ่น อยากลองเข้าถ้ำเสือโดยไม่เกรงกลัว กล้าเข้ามาในถิ่นที่พญาคุมเพราะต้องการท้าทายอำนาจ ซึ่งพญายอมรับว่าคนประเภทหลังคือคนที่พญากังวล เพราะในอดีตเขาทำลายล้างพวกค้ายาเสพติด ถึงระดับหัวหน้าจะถูกจับกุมตัวไปแล้ว แต่ยังมีพรรคพวกมันเหลืออยู่แน่ๆ เหตุนี้จึงทำให้พญาต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง


เมื่อพญาและเทียมฟ้ากลับไปแล้วหนูด้วงจึงขอร้องให้โอบอุ้มพาตัวเองมาที่ท้ายตลาด โอบอุ้มพาหนูด้วงมาถึงบ้านเช่าหลังหนึ่ง ตัวบ้านมืดสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ หนูด้วงพยายามกดกริ่งอยู่นานแต่ไม่มีการตอบรับ


“แน่ใจหรือว่าอยู่ที่นี่”

“หนูเป็นคนเช่าให้เองฮะ วันก่อนพี่เรืองยังโทรมาบอกว่าเข้าบ้านได้แล้ว ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องพี่เรืองก็ปิดเครื่อง”

“จะลองเข้าไปไหม”

“ไม่เป็นไรฮะ ถ้าพี่เขาอยากติดต่อหนู เขาคงโทรมาเอง กลับกันเถอะฮะ” หนูด้วงถอนหายใจ ได้แต่หวังว่าดาวเรืองจะรับรู้ว่าหนูด้วงมีความจริงใจให้ ทุกคำพูดที่เคยพูดเอาไว้ หนูด้วงคิดแบบนั้นจริงๆ


มีต่อด้านล่าง
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 26-11-2018 17:35:10
 
ต่อจากด้านบน


เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว สักพักใหญ่ ไฟในบ้านก็ถูกเปิด คนที่หนูด้วงมาหาพลิกตัวออกจากการถูกกอดรัด ใบหน้าเหี้ยมโหดของคนกอดเริ่มแสยะยิ้มด้วยความพอใจ


“กูดีใจนะที่มึงตัดสินใจรวมมือกับกู พวกมันทำลายชีวิตของเรา” สามารถเชยคางของดาวเรืองขึ้นมาพร้อมกับเลียไปที่แก้มขาวด้วยความหื่นกระหาย

“ฉันเพิ่งจะออกจากคุก ถ้าพี่อยากแก้แค้นต้องใจเย็น อย่าเพิ่งทำอะไรให้คนสงสัยฉัน”

“กูไม่อยากใจเย็นแล้ว อยู่อย่างลำบากเพราะไอ้สัตว์พวกนั้นจนค่อนชีวิต แล้วมึงจะรออะไร ยังไงมันก็ไม่ไว้ใจมึง แค่ทำดีกับมึงเพราะจะเลี้ยงมึงไว้เหมือนหมาเชื่องๆ ถ้ามันไว้ใจมึงจริง เมื่อกี้มันจะแห่พาลูกน้องมันมาทำไมตั้งเยอะ” สามารถรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงความลำบากที่ตัวเองได้รับ

“ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายหัวพยนต์ต้องการให้ฉันอยู่ในคุกตลอดชีวิต พี่ไม่รู้จักพวกมันเท่าฉันหรอก ถ้าพวกมันทำร้ายได้ง่ายๆ มันคงตายกันไปนานแล้ว ไม่มีอิทธิพลมาถึงตอนนี้หรอกนะ จะทำการใหญ่ต้องรอบคอบ พี่ไม่เคยต้องถูกคุมขังเหมือนฉันนี่”

“กูไม่อยากรอแล้ว คนของไอ้พญามันมามากขึ้นทุกวัน ถ้ามันคิดค้นประวัติคนทั้งเกาะขึ้นมากูจะอยู่ลำบาก”

“พี่แค่อยากฆ่าพวกมันเหรอ”

“กูอยากทำให้ไอ้พญาเจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุด”

“แล้วที่พี่คิดไว้ พี่จะทำอะไร”

“ทีแรกกูว่าจะฆ่าไอ้สัตว์ กูหมายถึงไอ้โอบ แต่มันเป็นแค่เด็กที่ไอ้พญาเก็บไปเลี้ยง มันคงไม่เสียใจเท่าไหร่ กูเลยเปลี่ยนใจมาที่ไอ้เด็กตุ๊ดคนนั้น กูจะเอาไอ้เด็กนั้นมาทำเมีย ทำแรงๆ จนมันตายคาอกกู สะใจดีโว้ย ไอ้พญามันรักของมันมาก มันต้องตรอมใจตายตามไปด้วย ได้ข่าวว่าไอ้เด็กนั่นมันเป็นเมียไอ้สัตว์โอบด้วยใช่ไหม ดี! ยิงปืนนัดเดียวนกตายทั้งสองตัว”

“แล้วพี่ไม่กลัวไอ้พญามันกลับฆ่าพี่เหรอ”

“ไม่กลัว ถึงกูไม่ทำอะไรพวกมันชีวิตกูก็คงไม่ได้ดีไปกว่านี้ กูมันเหมือนหมาจนตรอก ก่อนจะตายขอแค่ได้สะใจ ให้มันใจสลายตายไปช้าๆ แค่นี้กูก็ตายตาหลับแล้ว”

“พี่ไม่ได้เข้าใกล้เด็กนั่นง่ายๆ หรอก”

“กูถึงอยากให้มึงช่วยไง ไอ้เด็กนั่นมันห่วงมึงไม่ใช่รึไง เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงโทรหามันว่ามึงไม่สบาย ให้มันมาดูมึง บอกให้มาคนเดียวเพราะมึงกลัวคนอื่น”

“มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

“เอาน่า กูจะเบี่ยงเบนความสนใจพวกไอ้พญาเอง แล้วมึงค่อยโทรไปตามมัน นี่ยานอนหลับ เอาให้มันกิน แล้วกูจะพามันไปอยู่ที่อื่นไม่ให้เดือดร้อนมึงหรอก”

“ฉันช่วยก็ได้ แล้วคืนนี้พี่จะค้างที่นี่ไหม”

“ไม่ เดี๋ยวกูจะแอบออกไปด้านหลัง คนไอ้พญามันกระจายเต็มไปหมด แต่มันจำกูไม่ได้ กูไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ากูมาหามึง แล้วนั่นตุ๊กตาอะไรวะ น่าเกลียดชิบหาย” สามารถมองไปที่ตุ๊กตารูปร่างประหลาดที่ตั้งอยู่ที่หัวเตียงของดาวเรือง

“พี่กลัวมันเหรอ”

“กลัวทำไม มันก็แค่ตุ๊กตา” สามารถทำหน้าเหยียดใส่ตุ๊กตาเอเลี่ยนที่เก่าโทรมก่อนจะมองดาวเรืองตั้งแต่หัวจรดเท้า “กูก็อยากนอนกับมึงนะ รูปร่างมึงยังน่ากินเหมือนเดิม แต่กูขออั้นเอาไว้ให้ไอ้เด็กด้วงมันดีกว่า ไม่ได้เอากับเด็กผู้ชายมานานแล้ว แค่คิดกูก็อยากแล้ว หึ...กูไปก่อนจะของขึ้นดีกว่า”


ดาวเรืองมองตามแผ่นหลังของสามารถไปจนลับตา ดวงตาที่เรียบสนิทยากจะเดาออกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไร มือเรียวเอื้อมไปหยิบตุ๊กตาที่สามารถด่าว่าน่าเกลียดมาอุ้มก่อนจะกดไปมือของตุ๊กตา เสียงของเด็กน้อยที่เธอทั้งรักทั้งชังลอดดังออกมาหลังเสียงสัญญาณ


ตี๊ดดด


‘พี่เรืองอยากเป็นแม่ของหนูเหรอฮะ ก็ได้ก็ได้ แม่เรือง...หนูจะอัดเสียงใส่น้องด้าวเอาไว้ให้ แม่เรืองจะได้เอาไว้ฟัง หนูฝากผู้คุมเอาไว้ แม่เรืองจะมาฟังได้ตอนพัก น้องด้าวอยู่ที่ผู้คุมเรือนกลางนะฮะ แม่เรืองต้องรักษาสุขภาพนะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ หนูจะไม่ดื้อไม่ร้องไห้ให้แม่เรืองหงุดหงิด อย่าเกลียดหนูเลยนะฮะ หนูอยากให้แม่เรืองรักหนู ถ้าแม่เรืองได้ออกมาเมื่อไหร่ หนูจะดูแลแม่เรืองเอง เราดีกันนะฮะ’


ดาวเรืองกอดตุ๊กตาที่เคยเกลียดมันจนจับใจเอาไว้แน่น เธอกดมืออีกข้างของตุ๊กตา เสียงเพลง ‘ห่วงหา’ ที่เธอโปรดปรานก็เริ่มบรรเลง เป็นเสียงของหนูด้วงร้องเอาไว้ให้ตามคำขอของเธอ เธอฟังมันอย่างไม่รู้เบื่อ ชีวิตของเธอเหมือนอย่างในเพลงทุกประโยค ทุกครั้งที่หนูด้วงมาเยี่ยมเธอที่คุกก็มักจะพูดกับเธอก่อนกลับว่า ‘แม่เรืองยังมีหนูนะฮะ’

‘ไม่เห็นมีใครรักฉันเลย ไม่มีใครจะคอยซับน้ำตา ไม่มีคนห่วงใย ในยามที่ใจฉันมันอ่อนล้า
ไม่เห็นมีใครคิดถึงฉันเลย ไม่มีใครอยากจะเสียเวลา ไม่มีคนใส่ใจ ถูกโยนทิ้งไว้ตามลำพัง’
 
ตี๊ดดด

 
……


เมื่อคืนนี้หนูด้วงได้รับข้อความจากดาวเรืองว่าไม่สบาย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงและไม่ต้องมาหา เธอฝากเด็กข้างบ้านซื้อยาและข้าวให้แล้ว ถ้าอาการดีขึ้นจะติดต่อหนูด้วงไปเอง หนูด้วงเอาข้อความให้โอบอุ้มอ่าน ในใจก็นึกเป็นห่วงเพราะดาวเรืองไม่มีใคร โอบอุ้มเห็นท่าทางซึมเศร้าก็รู้ว่าหนูด้วงกำลังคิดอะไร เขากลัวน้องหนีไปคนเดียวจึงบอกว่าจะเป็นคนพาหนูด้วงไปเยี่ยมดาวเรืองเอง


“หนูไม่อยากให้ยุงรู้ อยากได้คุยกับแม่ เอ้ย! กับพี่เรืองก่อนฮะ หนูกลัวยุงใจร้อน”

“พี่รู้ว่าหนูเป็นคนมีเมตตา แต่เราต้องไม่ทำให้ใครเป็นห่วงด้วยการเอาตัวเองไปเสี่ยง พี่ยอมพาหนูไป แต่ยังไงก็ต้องให้มีคนตามไปด้วย พี่จะบอกพวกเขาเองว่าให้รออยู่แค่บริเวณนั้น”

“ก็ได้ก็ได้ แล้วเรื่องน้องแฝดละฮะ สรุปว่าพี่ยอมให้น้องแฝดไปอยู่กับน้าเยียเหรอฮะ” หนูด้วงถามเพราะเห็นว่าเมื่อครู่โอบอุ้มคุยกับน้องไม้น้องหม่อนเรื่องที่จะให้ไปอยู่ที่โรงแรมชั่วคราว

“พี่ให้ทั้งสองคนตัดสินใจเอง”

“น้องแฝดว่ายังไงฮะ”

“เด็กๆ อยากไป” โอบอุ้มพูดพลางถอนหายใจ

“พี่ไม่อยากให้เด็กๆ ไปเหรอฮะ”

“ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเป็นห่วง อันที่จริงถ้าคุณเชนเขายอมรับน้องแฝดได้มันก็เป็นเรื่องดี พวกเขาจะได้ไปอยู่กับแม่ที่แท้จริง”

“หนูรู้ว่าพี่ไม่อยากให้น้องแฝดไปอยู่กับคนอื่น”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

“เพราะหนูก็ไม่อยากให้น้องแฝดไป” หนูด้วงถอนหายใจบ้าง อยากสร้างครอบครัวที่มีพี่โอบและน้องแฝด อยากให้บ้านนี้อยู่กันพร้อมหน้า

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะยกร้องแฝดไปไว้ตรงนั้นตรงนี้ อย่าเพิ่งคิดมาก หนูลุกไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ไปเยี่ยมดาวเรืองกัน”

“อาบให้หนูหน่อย ก็หนูบอกแล้วว่าแขนหนูสั้น ถูหลังไม่ถึงฮะ”

“ถูหลังอย่างเดียวใช่ไหมครับ”

“หนูเคยบอกแล้วไง หลวงพ่อเคยบอกว่า ตักบาตรอย่าถามพระนะโยม” หนูด้วงพูดพลางหัวเราะคิกคัก


แล้วหนูด้วงก็ต้องหยุดขำเมื่อพี่โอบทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า สายตาคมกริบที่คุ้นเคยมองจ้องมาทำให้ใจเต้นระรัว ร่างกายตื่นไปทุกส่วนเพียงแค่ปลายนิ้วของพี่โอบลอดใต้เสื้อเข้ามาสัมผัสแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือหมุนคลึงอยู่ที่สองติ่งเล็กๆ บริเวณหน้าอก มันก็เป็นเพียงแค่สัมผัส แต่ทำไมหนูด้วงรู้สึกว่าความตื่นเต้นเร้าร้อนมันวิ่งแล่นอยู่ภายในร่างกาย


“พอดีแฟนของพี่ไม่ใช่พระ พี่ถามได้ใช่ไหมครับ หนูอยากให้พี่ถูหลังให้อย่างเดียวเหรอ” โอบอุ้มถามพลางใช้มืออีกข้างลูบผ่านเอวอีกฝ่ายไปยังก้อนเนื้อแน่นด้านหลัง เขาออกแรงบีบเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายยอมพูด

“หนูอยากให้ทำอย่างอื่นด้วย”

“อย่างเช่นอะไรครับ” แม้อีกฝ่ายเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ แต่โอบอุ้มก็ยังแกล้งถาม

“เหมือนเมื่อคืน”

“พี่จำไม่ได้ ความจำของพี่ไม่ดีเหมือนของหนูด้วง”

“พี่...โอบ...” หนูด้วงหน้าแดง ไม่ใช่เพราะเริ่มขัดเขิน แต่เพราะปลายนิ้วของพี่โอบที่บดคลึงยอดอกอยู่มันซุกซนลงมาในกางเกงในตัวน้อยของหนูด้วงแล้ว

“ครับ” โอบอุ้มตอบรับสั้นๆ มือก็เกี่ยวกางเกงตัวน้อยให้หลุดออกมากองอยู่ที่ข้อเท้าของน้อง

“อย่าทำหนู” โอบอุ้มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อหนูด้วงร้องห้าม

“ไม่ต้องการให้พี่ทำแบบนี้เหรอครับ” โอบอุ้มหยุดการกระทำแล้วถามอีกฝ่าย คนถูกถามหน้าเหรอหรา โอบอุ้มเดาไม่ออกว่าฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไร เขาเลยจะดึงกางเกงของน้องขึ้นมาสวมใส่ให้อย่างเดิม แต่น้องก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้ก่อน

“เมื่อคืนหนูลืมขัดขืนพี่โอบอย่างที่อาน้องสอน เมื่อกี้เลยลองขัดขืนดู ทำไมพี่โอบถอดใจง่ายจังฮะ” หนูด้วงทำหน้างอ

“อ้าว พี่นึกว่าหนูไม่ต้องการพี่จริงๆ” โอบอุ้มอยากจะขำแต่ไม่กล้าแม้แต่จะยิ้ม กลัวทำให้น้องงอนและเสียใจ

“หนูไม่มีวันไม่ต้องการพี่ หนูจะโทรบอกอาน้องว่าหนูจะไม่ขัดขืนพี่โอบอีกต่อไปแล้ว ไม่ดีเลย หนูไม่ชอบ หรือพี่โอบไม่ต้องการหนูจริงๆ” หนูด้วงกลัวพี่โอบจะเบื่อถึงพยายามทุกทางที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้กับคนรัก แต่เมื่อกี้มันทำให้หนูด้วงใจหาย คิดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการตัวเองถึงหยุดได้ง่ายๆ

“จะให้พี่บอกอีกกี่ครั้ง พี่รักหนู ต้องการหนูมากว่าใครๆ ในโลก”

“บอกทุกวันทุกวัน”

“ตกลงครับ พี่จะบอกหนูทุกวัน ต้องการหนูทุกวัน”

“หนูจะไม่ขัดขืนพี่แล้ว หนูขอถอดเสื้อก่อนนะฮะ จะได้ไม่ช้า พี่โอบถอดของพี่โอบเลย วันนี้เอากลิ่นลาเวนเดอร์ หนูใส่หมวกให้นะฮะ” หนูด้วงจัดการเรื่องใส่ถุงยางให้พี่โอบน้อยอย่างคล่องแคล้ว เสร็จแล้วจึงยิ้มกว้าง “เสร็จแล้ว เป็นเด็กดีนะพี่โอบน้อย แล้วพี่อยากให้หนูบอกจริงๆ เหรอฮะว่าอยากให้ทำอะไรหนูบ้าง ก็ได้ก็ได้ หนูอยากให้พี่...อ๊ะ”


หนูด้วงพูดยังไม่ทันจบโอบอุ้มก็ดันตัวให้ลงไปนอนราบ เสื้อนอนตัวบางของน้องถูกเขาถอดออกให้อย่างรวดเร็ว ความใสซื่อตรงไปตรงมาของหนูด้วงคือการยั่วอารมณ์ของเขาให้เตลิดได้ทุกครั้งไป ปากที่ช่างเจรจาอิ่มอวบเชิญชวนให้ทาบทับและสอดปลายลิ้นไปกว้านชิมความหวานภายใน ผิวเนื้ออิ่มเต็มมือทำให้เขาอยากบีบเคล้น อยากบดเบียดและละเลียดชิมไปทุกส่วน เสียงครวญครางของน้องเหมือนเสียงเพลงที่เร้าใจให้รู้สึกฮึกเหิม


หนูด้วงเกร็งร่างกายและเผลอจิกที่บ่าของพี่โอบเมื่อฝ่ายนั้นซุกไซ้ไปที่โคนขาอ่อนด้านใน พี่โอบรู้จักร่างกายของหนูด้วงดียิ่งกว่าตัวของหนูด้วงเอง ยิ่งความอุ่นสากลากเลียที่โคนเนื้ออ่อนๆ หนูด้วงถึงกับแอ่นตัวและส่งเสียงน่าอายออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ร่างกายบิดเร้าโดยอัตโนมัติ เป็นความสุขสมที่แสนทรมาน


โอบอุ้มไล่ชิมรอบบริเวณส่วนที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่ของน้อง ลงน้ำหนักลิ้นอย่างรู้จุด แต่เหมือนจงใจแกล้งละเว้นส่วนนั้นเอาไว้ จนกระทั่งน้องร้องขอด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร โอบอุ้มจึงตามใจคนขี้อ้อนด้วยการครอบครองส่วนสำคัญเอาไว้และดื่มด่ำมันอย่างใจเย็น


“พี่โอบชิมหนูแบบนี้ หนูจะตายไหมฮะ” หนูด้วงเงยหน้ามาถาม


ดวงตาหวานเยิ้มของน้องทำให้โอบอุ้มอยากจะครอบครองน้องให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เขาปรารถนาที่จะให้หนูด้วงมีความสุขให้ได้มากที่สุด จึงยังคงปรนเปรออย่างต่อเนื่อง รุกทั้งบนและล่างจนอีกฝ่ายเกือบขาดใจตายจริงๆ เมื่อเห็นหนูด้วงใกล้ถึงปลายทางเขาจึงทอดถอนริมฝีปากออกและแทรกตัวเข้าหาน้องช้าๆ ร่างกายที่เริ่มคุ้นเคยกันทำให้การสอดประสานเป็นไปด้วยดี เมื่อโอบอุ้มเริ่มขยับตัวช้าๆ หนูด้วงก็พรูลมหายใจออกมา คนน้องกอดรัดร่างกายที่แข็งแรงของคนพี่เอาไว้แน่น ส่วนบนก็แลกจุมพิตกันด้วยความเร้าร้อน ส่วนร่างก็ขยับเคลื่อนเป็นจังหวะที่ร้อนแรง


เมื่อร่างกายตอบรับกันดีส่งผลให้อารมณ์เริ่มพุ่งพล่านและทะยานขึ้นสูง เลือดลมสูบฉีดจนสัมผัสได้ถึงกลไกลภายในที่มันสะท้านไปทั่วร่างกาย ปลายทางมาถึงพร้อมกันราวกับนัดหมายเอาไว้ มันอัดแน่นแต่ล่องลอย แม้บรรยายอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่มีหนึ่งประโยคที่ทั้งคู่ต่างบอกกันและกันได้


“หนูมีความสุข”

“พี่ก็มีความสุข”


‘อยากมีความรัก ต้องการความทรงจำ ขอเพียงใครซักคนหนึ่ง มีใครสักคน...คอยห่วงหา’


 
โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
หนูด้วงอัพเกรด คุยกับโอบน้อยแล้วเหรอลู๊กกกก
ทะเล้นทะลึ่งไม่มีใครเกิน แต่ก็น่ารักเสมอเนอะ
ขอบคุณที่เอ็นดูหนูด้วงตั้งแต่เล็กจนโตนะคะพี่จ๋า

มีพี่จ๋าสงสัยว่าทำไมหนูด้วงอ้อยเยอะแบบนี้นะ 5555 ให้นึกภาพตาม
เวลาเรามีแฟน แฟนที่ผูกพันกันมาก
แล้วพอเรามีอะไรลึกซึ้งต่อกัน เห็นอะไรๆ กันหมดจนหายเขิน
โดยเฉพาะพี่โอบที่ดูแลคอยอาบน้ำให้ตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
พอมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
(หนูด้วงไม่รู้ว่ามีเหล่าพี่จ๋าแอบดูอยู่พร้อมก้านมะยม 55555555)
 มันเลยไม่มีอะไรให้ต้องอายแล้วไงคะ
อยากอ้อนเขาอย่างเดียว 555‬
ขอให้อิ่มเอมกับความอ้อยของเจ้าตัวแสบนะคะ

...รัก... 



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 26-11-2018 17:58:32
พี่โอบดูแลน้องด้วงดีๆนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 26-11-2018 18:37:50
ดาวเรืองอย่าทำร้ายหนูด้วงนะขอให้ดาวเรืองตลบหลังสามารถทีเถอะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 26-11-2018 19:47:06
ขอให้ดาวเรืองกลับตัวจริงๆเถอะ ติดคุกมาสิบปีคงคิดำด้เเล้วล่ะ หรือสุดท้ายดาวเรืองจะฆ่าไอ้สามารถจนตัวเองต้องตายด้วย เศร้าแทน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-11-2018 19:54:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-11-2018 19:54:57
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-11-2018 21:27:01
 :katai2-1: หนูด้วงสายอ่อย ส่วนพีีโอบก็เต็มใจให้น้องอ่อย  :hao3:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-11-2018 22:27:23
หนูด้วงน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 26-11-2018 22:41:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 26-11-2018 22:51:59
เฮ้อ สงสารดาวเรือง ขอให้ดาวเรืองมีความสุขด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-11-2018 23:44:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

มารอลุ้นกันว่า ดาวเรือง จะทำอย่างไรกับแผนการของสามารถที่เธอเองได้รับรู้มา

ป.ล. ไม่น่าเชื่อว่าก่อนดาวเรืองติดคุกจะมีซัมติงกับอิตาสามารถ โลกมันช่างกลมจริง ๆ ผีเน่ากับโลงผุ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-11-2018 00:12:21
อ้างถึง
“เมื่อคืนหนูลืมขัดขืนพี่โอบอย่างที่อาน้องสอน เมื่อกี้เลยลองขัดขืนดู ทำไมพี่โอบถอดใจง่ายจังฮะ” หนูด้วงทำหน้างอ 

ต้องกุมขมับกับความน่ารักของหนูด้วงกันเลยทีเดียว  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-11-2018 00:56:29
 :hao7:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 27-11-2018 02:04:45
ไอ้สามารถนี่เอง...เชนจะอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ติดตามกันต่อไปๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 30-11-2018 07:19:23
หื่นตาใสสินะหนูด้วง 555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 30-11-2018 08:32:40
รอมีคนมาเปิดโปงไอ้คุณเชน 
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 30-11-2018 20:14:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 17 ห่วงหา 26/11/61 P.12
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-12-2018 14:51:50
 :z1:  :z1: ก็ได้ก็ได้ อิแม่ขอเป็นเตียงนอนในห้องนอนให้นะลูกนะ รับรองว่าจะชมอย่างเงียบๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 11-12-2018 17:56:23
เพลงรักที่หายไป

เพลงที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้
ศิลปิน นครินทร์ กิ่งศักดิ์


สามารถรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมากเมื่อไม่สามารถติดต่อดาวเรืองได้ ถึงจะไม่เคยไว้ใจผู้หญิงคนนั้นแต่ก็คิดว่าความแค้นที่มีต่อคนในตระกูลภูมิเทพเหมือนกันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมรวมมือแต่โดยดี เขาไม่คิดหรอกว่าคุกจะทำให้ผู้หญิงจิตใจดำมืดอย่างดาวเรืองคิดกลับใจเป็นคนดีได้ แต่ต่อให้วันนี้ดาวเรืองไม่คิดร่วมมือด้วยแต่สามารถเชื่อว่าอีกไม่นานดาวเรืองต้องกลับมา ประวัติของดาวเรืองที่ก่อคดีเอาไว้นั้นคนทั้งจังหวัดรู้กันดี คิดจะเริ่มต้นใหม่มันไม่ง่าย ยิ่งนายหัวพยนต์หมายหัวดาวเรืองเอาไว้แบบนั้น จะมีใครหน้าไหนกล้าเปิดใจรับดาวเรืองให้ตัวเองต้องเดือดร้อน
 
ส่วนคนที่ทำให้สามารถหงุดหงิดอยู่นั้น เธอเดินทางมาที่เกาะใบไม้คราม เธอต้องการพบคนที่เคยคิดว่าเขาเป็นพ่ออีกสักครั้ง เขาเคยบอกว่าหากเธอพ้นโทษเขาจะรับเธอเป็นลูกและจะให้ชีวิตใหม่กับเธอ ตอนนี้เขายืนอยู่ไม่ไกล แต่ที่เธอยังไม่กล้าเข้าไปหาเพราะว่าท่าทางของนายหัวพยนต์ดูจะหงุดหงิดไม่น้อย
 
“แค่เด็กวัยรุ่นคนเดียวพวกมึงยังกลัว แล้วกูจะไว้ใจพวกมึงได้ไหม!”
 
“นายครับ แต่ว่านายน้อย...”
 
“มึงไม่ต้องแก้ตัว คำสั่งของกูไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม”
 
“ผมขอโทษครับนาย”
 
“พวกมึงจำเอาไว้เลยนะ ถ้าหนูด้วงโดนอีดาวเรืองทำร้ายพวกมึงจะโดนไม่ต่างกัน แม้เพียงแค่แผลถลอกพวกมึงจะเจ็บกว่าร้อยเท่า”
 
“นายครับ แต่ดาวเรืองมันอาจจะเข็ดแล้ว ทางตำรวจบอกว่ามันทำตัวดีจนได้รับอภัยโทษ”
 
“กูไม่เชื่อสันดานมันหรอก กูให้อภัยมัน แต่กูไม่ไว้ใจมัน มันเคยคิดจะฆ่าลูกกู ฆ่าหลานกู ผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยมอย่างมันเหมาะที่จะอยู่ในคุกเท่านั้น ออกมาก็มีแต่จะต้องระแวง”
 
“ให้พวกเราจะไปตามนายน้อยกลับมาไหมครับนายหัว”
 
“ไม่ต้อง หนูด้วงไม่ยอมกลับมาง่ายๆ หรอก รายนั้นดื้อเงียบเหมือนแม่ของเขา พวกมึงสั่งให้ทุกคนเฝ้าดูหนูด้วงให้ดี”
 
“แล้วถ้าเจอดาวเรือง นายจะให้เราทำยังไงกับมันดีครับ”
 
“อย่าให้มันได้เข้าใกล้หนูด้วง ทำตามที่พวกมึงเห็นว่าสมควรก็แล้วกัน” นายหัวพยนต์พูดจบก็ถอนหายใจแล้วเดินขึ้นรถไป
 
‘ตามที่พวกมึงเห็นว่าสมควร’ ในความหมายของนายหัวพยนต์คืออะไรทำไมดาวเรืองจะไม่รู้ หัวใจที่ถูกหล่อหลอมด้วยความหวังมันพังทลายยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ทุกคนอยากให้เธอลืมความแค้น ลืมความเจ็บปวด แต่นายหัวพยนต์ทำให้เธอรู้ว่า คำว่าให้อภัยไม่มีจริงบนโลกใบนี้ คำสัญญาก็เช่นกัน
 
ดาวเรืองทิ้งตุ๊กตาน้องด้าวลงพื้นก่อนจะเดินจากมาอย่างเลื่อนลอย ในเมื่อคนที่เธอคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตบอกว่าคุกเท่านั้นที่เหมาะกับเธอ มันคงไม่มีความหมายแล้วที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างที่หวังเอาไว้
 

……

หลังจากที่เชนบอกข้อมูลบางอย่างให้ภรรยารับรู้ เขาพยายามจับอาการของภรรยาว่าคล้อยตามคำพูดของเขามากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมาเขาเป็นสามีที่ดีและเป็นที่พึ่งพิงให้ภรรยามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นคำพูดของเขาจึงน่าเชื่อถือสำหรับเธอเสมอ พเยียเป็นสาวสังคม วันๆ ดีแต่แต่งตัว ทำธุรกิจไม่เป็น ดีว่าหล่อนเป็นคนหน้าตาดี แต่เขาคงไม่เลือกหล่อนมาเป็นภรรยาถ้าหล่อนไม่มีทรัพย์สินติดตัวมาด้วย เขาไม่ได้คิดปอกลอกภรรยาคนนี้เพราะส่วนตัวเขาก็เป็นคนมีฐานะ แต่มันจะดีมากถ้าคู่ชีวิตสามารถสนับสนุนกันได้ ไม่ใช่เลือกคนที่มีแต่เปลือกมาเป็นภาระ
 
“เยียว่าน้องโอบไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะคะคุณ” พเยียฟังคำบอกเล่าจากสามีแล้วไม่อยากจะเชื่อ
 
“คุณก็เห็นหลักฐานที่ผมไปสืบมาให้แล้วนะเยีย ที่ผมบอกให้คุณดูแลสินทรัพย์ของน้องแฝดเองเพราะผมเป็นห่วงนะ ถ้าหลานของคุณเป็นคนดีจริงทำไมเขาไม่บอกคุณว่าพ่อของน้องแฝดทิ้งอะไรเอาไว้ให้บ้าง จนป่านนี้มันยังไม่ปริปากเล่าให้คุณฟังเลย”
 
“แต่ว่าเยีย...เยียเป็นคนทิ้งน้องแฝดเอง การที่น้องโอบจะเป็นผู้ปกครองดูแลทุกอย่างมันก็ไม่ผิดนะคะ”
 
“จะพูดเรื่องเก่าอีกทำไม ตอนนั้นคุณยังอ่อนประสบการณ์ชีวิต แต่ตอนนี้ผมก็เข้าใจคุณแล้ว ผมยอมให้คุณเปิดตัวน้องแฝดในฐานะลูก ส่วนเงินของน้องแฝดผมก็จะไม่ยุ่ง แต่ผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นมาเอาเปรียบลูกของคุณ มันไม่ดีกว่าเหรอ ให้คนที่เป็นผู้ให้กำเนิดดูแลผลประโยชน์ของลูกเอง แล้วคุณจำเรื่องที่น้องแฝดเล่าให้คุณฟังได้ไหม หลานชายคนดีของคุณให้พวกเขาล้างจานเอง ถูบ้านเอง ให้เด็กตัวแค่นั้นทำงานบ้านแบบนั้นได้ยังไง อ้างว่าสอนให้เด็กรู้จักโตแต่ตัวเองเอาเงินน้องแฝดไปทำรีสอร์ตเอย ทำร้านอาหารเอย ไม่รู้ว่าผลาญไปเท่าไหร่ มันควรจะเป็นเงินเก็บของลูกชายคุณนะเยีย”
 
“แต่เยียทำเรื่องยกน้องแฝดให้น้องโอบไปแล้ว”
 
“คุณว่าโอบอุ้มเป็นคนกตัญญูไม่ใช่เหรอ คุณลองทวงบุญคุณสักหน่อยดูเป็นไร วัดใจว่าหลานคุณดีอย่างที่คุณคิดรึเปล่า”
 
“.......”
 
“ผมตามใจคุณนะ ผมไม่แน่ใจว่าถ้าน้องแฝดโตขึ้นมากไปกว่านี้จะยอมรับคุณในฐานะแม่ได้รึเปล่า แค่นี้ยังร้องจะกลับไปหาฝ่ายนั้นตลอดเวลา”
 
“เยียจะลองคุยกับน้องโอบดูนะคะ” พเยียใจหายเมื่อนึกถึงว่าน้องแฝดไม่มีความผูกพันกับตัวเอง คิดแล้วก็ร้อนใจจึงรีบขอตัวไปโทรหาโอบอุ้ม อยากจะคุยกับโอบอุ้มอย่างจริงจังในเรื่องนี้เสียที
 
……

หนูด้วงกับโอบอุ้มมายืนกดกริ่งอยู่ที่หน้าบ้านเช่าของดาวเรืองแต่ไร้การตอบรับใดๆ หนูด้วงตัดสินใจถือวิสาสะเข้าไปในบ้านเพราะห่วงว่าดาวเรืองจะไม่สบายจนลุกไม่ไหว แต่เมื่อเข้าไปถึงข้างในก็พบกับความว่างเปล่า เปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่ครบ
 
“อาจจะออกไปหาข้าวกิน” โอบอุ้มคาดเดา
 
“โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป ปิดเครื่องด้วย”
 
“ทิ้งจดหมายเอาไว้แล้วกัน”
 
“หนูอยากรอ”
 
“ไม่ได้หรอกครับ พี่ก้านส่งข้อความมาบอกว่าคุณปู่กำลังมาที่นี่ คงกำลังหัวเสียน่าดูที่รู้ว่าหนูด้วงไม่อยู่ที่นั่น”
 
“คุณตามาก็ดีเหมือนกัน หนูอยากคุยกับคุณตาเรื่องแม่ เอ้ย เรื่องดาวเรือง”
 
“อาเยียโทรมา” โอบอุ้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อมีเสียงเรียกเข้า “หนูเขียนจดหมายทิ้งเอาไว้เลย เดี๋ยวเราจะได้กลับ” โอบอุ้มบอกหนูด้วงก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับโทรศัพท์
 
เมื่อโอบอุ้มเดินออกไปรับโทรศัพท์ตรงระเบียงแล้วหนูด้วงก็เดินหากระดาษกับปากกาเพื่อที่จะทิ้งข้อความเอาไว้ให้ดาวเรือง แต่บนห้องนี้มีของใช้ไม่กี่อย่าง เมื่อไม่เห็นของที่ต้องการจึงเดินลงไปค้นหาที่ชั้นล่าง เมื่อเดินผ่านครัวหางตาเหลือบไปเห็นเหมือนมีใครสักคนเดินผ่านจึงคิดว่าเป็นดาวเรือง เมื่อเดินตามเข้าไปก็ตกใจเพราะกลับกลายเป็นผู้ชายหน้าตาไม่น่าไว้ใจยืนอยู่แทน ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ถูกผ้าสีขาวขุ่นโปะมาที่จมูก แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไป

……


เสียงบทสนทนาที่โต้ตอบกันแว่วมาให้ได้ยิน มันค่อยๆ ชัดขึ้นเมื่อสติของหนูด้วงมีมากขึ้นตามลำดับ เมื่อจะขยับร่างกายก็พบว่าตัวเองถูกใส่กุญแจมือเอาไว้กับเสาเหล็กที่ปลายทั้งสองด้านยึดเพดานกับพื้นปูเอาไว้แน่นหนา
 
“กูก็นึกว่ามึงคิดหนีเอาตัวรอด ที่แท้ก็แผนล้ำลึก แกล้งป่วยทำให้หนูด้วงห่วงจนมาเยี่ยม แล้วแกล้งให้กูติดต่อไม่ได้ กูจะได้มีจังหวะจับหนูด้วงมา โดยที่มึงพ้นผิดเพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์ มึงมันร้ายกว่าที่กูคิดเอาไว้อีกนะดาวเรือง”
 
“แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป”
 
“รอเวลาออกจากเกาะ”
 
“มันไม่ง่าย”
 
“แต่มันก็ไม่ยาก”
 
“พี่มีคนหนุนหลังใช่ไหม”
 
“ฉลาดนี่”
 
“ใคร บอกฉันได้ไหม”
 
“พรรคพวกของมิสเตอร์คิม คนที่แค้นไอ้พญายิ่งกว่ากูอีก มันทำลายธุรกิจมืดของเขาล่มจมขนาดนั้น หึหึ เดี๋ยวเขาจะเอาเรือมารับเรากับไอ้เด็กนี่”
 
“ทำไมเขาถึงช่วยพี่ แค่พี่จับเด็กนี่มาแค่นั้นเหรอที่เขาต้องการ”
 
“เออ มันอยากได้ตัวหนูด้วง คงคิดเอาไปขาย เด็กนี่มันถูกดูแลมาอย่างดี ผิวพรรณดี คงได้ราคาไม่น้อย”
 
“ป่านนี้พวกไอ้พญาคงหาหนูด้วงกันทั่วเกาะแล้ว แค่พี่ออกจากที่นี่ก็คงไม่พ้นสายตาพวกนั้น”
 
“กูมีวิธีหักเหความสนใจ”
 
“ยังไง”
 
“กูไปค้นบ้านไอ้สัตว์มันมา กูหมายถึงไอ้โอบอุ้ม แล้วกูก็ได้รู้ว่าลูกแฝดของมันเป็นลูกอีพเยีย กูจะให้คนของมิสเตอร์คิมไปลักพาไอ้เด็กแฝดนั่นอีกทาง”
 
“พี่หาเรื่องตายชัดๆ” ดาวเรืองแค่นหัวเราะ
 
“กูบอกแล้วไงว่ากูยอมตาย แต่ก่อนตายขอให้ได้ได้สะใจก่อน”
 
“ก็แล้วแต่พี่”
 
“มึงไปดูสิว่าไอ้คุณหนูนั่นมันฟื้นรึยัง กูอยากจะเอามันทำเมียแล้ว เดี๋ยวคนของมิสเตอร์คิมมารับ กูก็อดได้มันกันพอดี”
 
“ไหนพี่ว่าเปลี่ยนใจไม่เอามันแล้วไง”
 
“ก็คิดงั้น แต่ตอนที่อุ้มมันมา ตัวมันหอม ของขึ้นเลยกู”
 
“.........”
 
“ทำไม ทำหน้าแบบนั้น มึงห่วงมันเหรออีเรือง”
 
“ฉันห่วงตัวเองมากกว่า ถ้าพี่ติดใจมัน ฉันก็หมดความหมายน่ะสิ”
 
“ฮ่าๆ มึงคิดมาก กูแค่อยากลองเด็กที่มันเนื้อแน่นๆ คับๆ บ้าง แต่ของเทียมมันจะมาสู้ของแท้แบบมึงได้ไง”
 
“งั้นวันนี้ปล่อยมันไปก่อน มาลองของแท้ดีกว่า”
 
“แม่เรือง อย่า...อย่าให้เขาทำ” เสียงของหนูด้วงตะโกนออกมาทำให้ทั้งสองคนชะงัก
 
“ฟื้นแล้วเหรอคุณหนูด้วง พี่กำลังของขึ้นพอดี” สามารถเดินเข้ามาหาก่อนจะย่อตัวลงแล้วเชยคางของหนูด้วงขึ้น หัวแม่มือที่หยาบหนาเกลี่ยไปทั่วแก้มของหนูด้วง
 
“แม่เรือง” หนูด้วงตัวสั่นด้วยความกลัว มองดาวเรืองด้วยสายตาวอนขอ แต่สายตาของดาวเรืองเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
 
“โถๆ เรียกมึงว่าแม่เลยนะเว้ย” สามารถนึกขำ
 
“มันไม่ใช่ลูกกู” ดาวเรืองพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
 
“ได้ยินไหม เขาไม่รับมึงเป็นลูก แล้วที่มึงถูกจับมาก็เพราะแผนการของมันทั้งนั้น”
 
“แม่เรือง...” หนูด้วงน้ำตาคลอ
 
“กูเกลียดแม่มึง เกลียดตาของมึง อย่ามาเรียกกูว่าแม่ ถ้าไม่ติดว่าพี่มาดอยากได้มึงทำเมีย กูจะกรีดหน้ามึง ควักตับไตไส้พุงมึงส่งไปที่เกาะใบไม้คราม ตาของมึงจะได้เอาใส่โหลเก็บไว้ดูต่างหน้า” ดาวเรืองตวาดจนหนูด้วงสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
 
“มันกลัวมึงจนลนลานแล้วอีเรือง” สามารถยอมรับว่าดาวเรืองดูน่ากลัวมากกว่าที่คิด
 
“ดี ให้มันกลัวจนขี้เยี่ยวแตกเหมือนตอนเด็กๆ ยิ่งดี” ดาวเรืองพ่นลมหายใจก่อนจะกระชากคอเสื้อของหนูด้วงขึ้นมา
 
“เบามือหน่อยมึงอีเรือง กูไม่อยากนอนกับคนเนื้อตัวเขียวช้ำ” สามารถรีบห้ามเพราะกลัวดาวเรืองสติแตกห้ามตัวเองไม่อยู่
 
“นอนกับมันไม่ได้พี่ก็นอนกับฉันไง หรือพี่อยากนอนกับมันมากกว่า” ดาวเรืองหันมาตาขวางใส่สามารถ
 
“เปล่าๆ พี่ว่าเราสองคนไปจู๋จี๋กันดีกว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงคนของมิสเตอร์คิมก็มาแล้ว นะจ๊ะน้องเรือง” สามารถรีบเกลี้ยกล่อมดาวเรืองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่ได้ นึกสยองในใจกับความโหดเหี้ยม ที่เขาเล่าลือกันมาว่าดาวเรืองอำมหิตคงไม่เกินจริงเลย
 
“แม่เรือง อย่าให้เขาทำ อย่า...” หนูด้วงวอนขอทั้งน้ำตา
 
“อย่าเสือกเรื่องของกู” ดาวเรืองชี้หน้าหนูด้วงก่อนจะเดินออกไปตามแรงจับจูงของสามารถ
 
หนูด้วงกลั้นน้ำตา ได้ยินคำพูดหยาบโลนของสามารถที่พูดกับดาวเรืองก็ยกมือขึ้นปิดหู ผนังไม้บางๆ ไม่สามารถปิดกั้นเสียงพายุตัณหาของสามารถได้เลย แม้หนูด้วงจะพยายามปิดหูแต่ก็ยังได้ยินชัดเจน สักพักดาวเรืองก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันเกิดจากรสนิยมทางเพศที่รุนแรงของสามารถที่ไม่ปรานีต่อคู่นอนเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้หนูด้วงรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจ หนูด้วงมั่นใจว่าดาวเรืองทำเพื่อปกป้องตัวเอง ยอมพลีกายเพื่อหยุดความหน้ามืดของไอ้สัตว์เดรัชฉานคนนั้น

……


เมื่อนายหัวพยนต์รู้เรื่องที่หนูด้วงถูกลักพาตัวก็โกรธจนหน้ามืดหมดสติไป พเยียรีบพาบิดาไปที่โรงพยาบาลและแจ้งข่าวให้พญารับรู้ พญาสั่งคนกระจายทั่วเกาะ ให้ปิดทุกทางเข้าออก ไม่ใช่เฉพาะที่เกาะแสงแดดเท่านั้น รวมไปถึงเกาะใบไม้ครามด้วย แต่พญาไม่ได้สั่งให้ลูกน้องค้นหาตัวหนูด้วงอย่างที่บอกกับพเยียไป ซึ่งเป็นคำสั่งที่ทำให้ลูกน้องทุกคนของพญาประหลาดใจ
 
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้วนะเจ้าอุ้ม มันจะไม่มีอะไรร้ายแรงกับหนูด้วงใช่ไหม” พญาวางสายจากพเยียแล้วหันมาถามลูกชาย
 
“ครับป๊า”
 
“มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอน้องโอบ” เทียมฟ้ายังคงกังวลใจแผนที่โอบอุ้มมาบอก
 
“เสี่ยงครับ แต่น้องต้องการแบบนั้น”
 
“เราตามใจหนูด้วงมากรึเปล่า ป๊าไม่อยากจะเชื่อว่าดาวเรืองจะกลับใจ”
 
“บอกตามตรงว่าผมรู้สึกเหมือนป๊า ผมไม่เคยเชื่อใจดาวเรือง แต่ผมเชื่อใจหนูด้วง”
 
“ถ้าเกิดดาวเรือง...” เทียมฟ้ายังคงไม่เห็นด้วยที่หนูด้วงเอาตัวเองไปเสี่ยง อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้หนูด้วงมั่นใจในตัวดาวเรืองขนาดนั้น คนที่จดจำทุกความแค้น คนที่โทษแต่คนอื่นจนติดเป็นนิสัย มันยากที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ
 
“หนูด้วงบอกว่าถ้าจับคนร้ายตัวจริงในตอนนี้ หลักฐานมันก็อ่อน สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัว” โอบอุ้มอธิบาย
 
“ก็เก็บมันซะสิ้นเรื่อง” พญาพูดอย่างคนหงุดหงิด”
 
“นี่คือเหตุผลสำคัญครับ น้องไม่อยากให้ป๊าทำแบบนั้นอีก ไม่อยากให้ป๊ากับคุณปู่มีศัตรูอีกครับ”
 
“หนูด้วงเป็นคนดีจริงๆ นี่หลานพี่แน่ใช่ไหม” เทียมฟ้าถามคนรัก
 
“อ้าวๆ นี่ก็หาเรื่อง เดี๋ยวโดนของแข็ง” พญาจิ้มไปที่หน้าผากของเทียมฟ้าเบาๆ “แต่ป๊าอดห่วงไม่ได้อยู่ดี หนูด้วงจะไปสู้อะไรไอ้เวรนั่นได้ แล้วเกิดดาวเรืองเปลี่ยนใจไม่ช่วยหนูด้วงล่ะ ให้คนของป๊าตามไปไม่ดีกว่าเหรอ”
 
“น้องไม่ยอมครับ บอกว่าเดี๋ยวคนร้ายจะไหวตัวทันเพราะมันน่าจะรู้จักคนของป๊าทุกคน แต่ไม่ต้องห่วงครับ หนูด้วงไม่ได้อยู่ตามลำพังกับมันหรอกครับ” โอบอุ้มยอมรับว่าหนักใจ เขาไม่ได้ตามใจหนูด้วงเสียทีเดียว แต่เขาไม่อยากขัดใจเพราะรู้จักหนูด้วงดี จึงคิดแผนสำรองเอาไว้
 
“หมายความว่ายังไง”
 
“ที่ผ่านมาผมอยู่ไกลน้อง แต่ผมก็สบายใจเพราะมีป๊ากับคนในครอบครัวคอยปกป้องน้องอยู่ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รักและพร้อมจะเคียงข้างหนูด้วงเหมือนกันครับ”
 
พญากับเทียมฟ้าหันมามองหน้ากัน ต่างก็สงสัยว่าโอบอุ้มพูดถึงใคร แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า...ไม่มีใครจะดูแลหนูด้วงได้ตลอดชีวิต เมื่อหนูด้วงเลือกที่จะปกป้องตัวเองในวิธีของตัวเอง ทุกคนก็ต้องยอมรับการตัดสินใจนั้นเช่นเดียวกับที่โอบอุ้มทำ

……

ฝั่งสามารถ หลังจากที่เสร็จกิจบนเตียงกับดาวเรืองแล้วก็ลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า เขามองไปยังร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง อีผู้หญิงร้ายกาจคนนี้คงนึกว่าเขาโง่เชื่อการแสดงของมัน แม้แววตาของมันจะเย็นชา แต่ยามที่เขาเข้าใกล้ไอ้เด็กด้วงคนนั้นทีไรแววตาของมันเหมือนหมาแม่ลูกอ่อนที่หวงลูก เขาแสร้งทำทีเชื่อมัน ไหนๆ มันอยากเสนอตัวให้เขาเอา เขาก็ไม่ปฏิเสธ หลังจากบทบาทที่เร้าร้อนจบลงเขาก็โปะยาสลบมัน ยาตัวเดียวกับที่มันเป็นคนหามาให้เขานั่นแหละ แต่ก่อนหน้านั้นเขาเอายากล่อมประสาทละลายในน้ำแดงให้มันกินไปหลายเม็ด รวมถึงบทใคร่ที่เขาไม่ได้อ่อนโยนกับมันสักนิด มันคงจะหมดฤทธิ์ไปอีกนาน
 
แต่ในตอนนี้ผิวขาวชวนมองของหนุ่มน้อยวัยละอ่อนที่ถูกเขาจับมากำลังกระตุ้นไฟราคะในตัวเขาให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เขามันเป็นประเภทได้ทั้งหญิงทั้งชาย ขอแค่สนองให้ถึงจุดหมายเป็นพอ โดยเฉพาะกับเด็กหนุ่ม มันทำให้เขาหิวกระหายที่จะทำรักแรงๆ ด้วย สาเหตุที่เขาแค้นไอ้พญานักหนา นอกจากมันจะทำให้เขาไม่มีงานไม่มีเงินต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว มันยังเอาตัวไอ้สัตว์โอบอุ้มไปจากเขา เขาอุตส่าห์ไปลักพาตัวมาตั้งแต่แบเบาะ ถึงจะเลี้ยงดูมันไม่ดีแต่ก็ดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เขาหวังว่าถ้ามันโตขึ้นมาอีกนิด มันจะตอบสนองตัณหาและเป็นมือขวาให้เขาได้ ถ้ามันทำหน้าที่ได้ดีเขาก็จะขยับให้มันมาเป็นคนโปรด แต่ไอ้พญากลับมาเอาตัวมันไปแล้วชุบเลี้ยงอย่างดี แต่ดีแค่ไหนก็คงเอามันไปทำเมียเหมือนกัน ชื่อเสียงด้านนั้นของไอ้พญาก็ใช่ย่อย เมื่อมันเอาไข่ที่เขาฟูมฟักไป เขาก็จะเอาหลานที่มันหวงแหนมาปู้ยี้ปู้ยำเหมือนกัน


มีต่อด้านล่าง
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 11-12-2018 17:57:43
ต่อจากด้านบน


“ไงคุณหนูด้วง พร้อมจะมาเป็นเมียพี่สามารถรึยัง” สามารถเดินมาหยุดตรงหน้าหนุ่มน้อยที่นั่งเอาหัวพิงเสาด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
 
“ลุงเคยไปตรวจร่างกายไหมฮะ” หนูด้วงเงยหน้าขึ้นมาถาม คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกว่าลุง
 
“กลัวติดโรครึไง”
 
“ก็กลัวนิดหน่อย ถ้าลุงปล้ำหนูแล้วจะฆ่าหนูทิ้งเลยรึเปล่า ถ้าฆ่าเลยหนูก็ไม่ห่วง”
 
“ก็ถ้ามึงทำให้กูถึงสวรรค์ กูอาจจะไว้ชีวิตมึงก็ได้
 
“ว้า งั้นหนูคงตายแน่ๆ”
 
“......”
 
“เพราะต่อให้หนูงัดลีลามาร้อยแปดพันท่า ลุงก็ตกนรกอยู่ดี บันไดสวรรค์ก็ไม่ได้เห็น”
 
“ปากดีนักนะมึง” สามารถเอื้อมมือจะตบหน้าของหนูด้วง แต่โทรศัพท์ดังขึ้นมาก่อนจึงลดมือลงด้วยความขัดใจ
 
“ครับๆ ส่งเรือมาแล้วเหรอครับ คุณจะให้คนมารับผมกี่คน ผมไม่อยากให้เอิกเกริก ครับๆ แน่นอนครับ สินค้าไม่บุบสลาย” สามารถวางสายก่อนจะหันกลับมาแล้วเอาโทรศัพท์เชยคางของหนูด้วงขึ้น “โชคดีของมึงนะที่พรรคพวกมิสเตอร์คิมจะเอามึงไปขายต่อ ไม่งั้นกูจะตบให้ปากแตกเลย”
 
“ลุงๆ”
 
“อะไรอีก”
 
“จะเอาหนูไปขายแล้วให้หนูโทรมแบบนี้เหรอฮะ หนูขอล้างหน้าตบแป้งให้ดูดีกว่านี้ได้ไหมฮะ”
 
“มึงคิดว่าตลกเหรอ”
 
“ไม่คิดหรอกฮะ ถ้าตลกลุงคงหัวเราะไปแล้ว แต่หนูพูดจริง หนูซีเรียสนะ หนูไม่อยากดูไม่ดี”
 
“หึ ทำเป็นตลก มึงคิดจะถ่วงเวลากูสินะ คิดว่าไอ้พญาจะมาช่วยมึงได้เหรอ หรือคิดว่าไอ้โอบอุ้มจะมาช่วย โน้น กูให้เพื่อนกูไปลักพาลูกแฝดของมันแล้ว มึงคิดว่ามันจะเลือกใคร มึงหรือลูก”
 
หนูด้วงยอมรับว่าตกใจเรื่องที่สามารถให้คนไปลักพาตัวน้องแฝด คิดว่ามันคงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับดาวเรืองก่อน ดาวเรืองถึงไม่ได้บอกถึงแผนการนี้ แม้ในใจนึกห่วงและภาวนาให้พี่โอบปกป้องน้องแฝดให้ได้ แต่หนูด้วงก็ต้องแสร้งแสดงท่าทีว่าไม่กังวลอะไรให้สามารถเห็น
 
“หนูไม่ได้คิดจะถ่วงเวลาหรอกฮะ บอกไปลุงก็คงไม่เชื่อ แต่หนูก็จะบอกลุง ถ้ามารู้ทีหลังจะได้ไม่ผิดหวัง”
 
“กูจะฟังนิทานที่มึงเล่าดูสักรอบ ไหนๆ ก็ต้องรอคนของมิสเตอร์คิมอยู่แล้ว”
 
“หนูเป็นลูกที่เกิดจากแม่เรืองกับหลวงพ่อ หนูไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลภูมิเทพ หนูเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้จนกระทั่งแม่เรืองตัดสินใจบอกความจริง หนูคิดว่าแม่เรืองโกหกเลยไปตรวจดีเอนเอ สุดท้ายมันก็คือเรื่องจริง แม่เรืองให้หนูเก็บความลับนี้ไว้เพราะอยากให้หนูช่วยให้แม่เรืองได้กลับไปอยู่ในตระกูลภูมิเทพ”
 
“แสดงดีจนกูเกือบเชื่อ” สามารถแค่นยิ้ม
 
“ทุกคนรู้เรื่องนี้กันมาพักใหญ่แล้วฮะ คุณตาถึงเปลี่ยนใจยกโรงแรมให้น้าเยีย ส่วนยุง เอ่อ..หนูหมายถึงน้าพญาก็ให้ทนายทำเรื่องยกตลาดและทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้คนรักของเขา ลุงไม่แปลกใจเลยเหรอฮะว่าทำไมไม่มีใครมาตามหาหนูเลย ถ้าหนูสำคัญจริง ลุงจะมาเอาตัวหนูไปง่ายๆ เหรอฮะ ถ้าจะมีคนตามหนูก็คงมีแต่พี่โอบ เราเป็นแค่คนอื่นสำหรับคนในภูมิเทพเหมือนกันถึงได้เห็นใจกัน เรากำลังจะหนีไปด้วยกันอยู่แล้ว”
 
“มึงหลอกกู” สามารถยังคงไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อตรองดูก็พบว่าไม่มีการตื่นตัวทางฝั่งของพญามาให้ได้ยินเลย ซึ่งถ้าหนูด้วงสำคัญจริงๆ ป่านนี้ทั้งคนของไอ้พญาและตำรวจคงวิ่งวุ่นกันรอบเกาะ รวมถึงด้านหลังของเกาะที่ตัวเองมาหลบซ่อนตัวอยู่นี่ด้วย แถมตอนไปค้นบ้านของโอบอุ้ม บ้านนั้นแทบไม่มีของมีค่าอะไรเลยนอกจากใบเกิดของเด็กแฝด สมุดบัญชีที่มีอยู่เล่มเดียวก็มีเงินแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น
 
“หนูถึงอยากดูดี อย่างน้อยถ้าลุงขายหนูให้กับเศรษฐี หนูจะได้ไม่ต้องลำบาก หนูอาจจะต้องส่งเงินมาให้พี่โอบ พี่โอบมีแต่ตัว น่าสงสาร อ่อ...แล้วหนูก็ไม่อยากเป็นโรคด้วย เดี๋ยวราคาจะตก”
 
“มึงอยู่เงียบๆ เดี๋ยวกูมา” สามารถเดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด
 
“ถ้าลุงจะไปข้างนอก ฝากซื้อลิปมันด้วยนะฮะ หนูไม่อยากปากแห้ง” หนูด้วงตะโกนไล่หลังไป เมื่อเห็นสามารถเตะประตูดังโครมก่อนจะเดินหายไปถึงได้พรูลมหายใจออกมา
 
หนูด้วงรีบลุกขึ้นแล้วถอดกุญแจมือออก แค่กุญแจมือเก่าๆ สะเดาะนิดเดียวก็หลุดออกจากข้อมือแล้ว หนูด้วงเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากบรรดาลูกน้องของยุงพญา เมื่อเป็นอิสระจากกุญแจมือขึ้นสนิมก็รีบไปหาดาวเรืองที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เห็นสภาพของดาวเรืองแล้วหนูด้วงอดใจหายไม่ได้
 
“แม่เรือง เราต้องไปกันแล้วฮะ แม่เรือง” หนูด้วงปลุกดาวเรือง แต่อีกฝ่ายดูอ่อนแรงและไม่ได้สติ พยายามปลุกอยู่พักใหญ่จนไม่ได้สังเกตว่าสามารถเดินกลับเข้ามาแล้ว
 
“กูว่าแล้ว” เสียงของสามารถทำเอาหนูด้วงสะดุ้งสุดตัว “มันคงตื่นหรอก กูให้มันกินยากล่อมประสาทไปหลายเม็ด กลัวมันหวงมึงจนสติแตกตอนที่กูจะเอามึง”
 
“อย่าเข้ามานะ” หนูด้วงวางดาวเรืองลงและรีบลุกขึ้นยืน
 
“จะเอาอะไรมาสู้กูเหรอครับคุณหนูด้วง ไหนล่ะอาวุธ” สามารถยิ้มเหี้ยมเกรียมพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาหา
 
“หนูไม่ได้หลอกลุงนะเรื่องที่หนูเป็นลูกแม่เรือง”
 
“กูเชื่อมึงก็ได้ เมื่อกี้สายข่าวกูบอกว่าไม่มีใครตามหาตัวมึง ไม่มีใครสนใจเลยว่ามึงหายตัวไป ยอมรับว่าหงุดหงิดมาก แต่กูเป็นพวกคิดบวก ไหนๆ ก็ทำให้ไอ้พญาเจ็บปวดไม่ได้ อย่างน้อยชีวิตกูจะมีมึงคอยสนองตัณหาก็ไม่เลวเหมือนกัน คิดเสียว่าไอ้พญาฟูมฟักมึงมาเพื่อให้มึงมาเป็นเมียของกู”
 
“ก็ได้ก็ได้ เฮ้อ” หนูด้วงถอนหายใจ ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง “หนูยอมแล้ว แต่ว่า...”
 
“อะไรอีก” สามารถมองหนูด้วงด้วยความระแวง ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่จะมาไม้ไหนอีก ท่าทางมันฉลาดไม่เบา
 
“บอกหนูหน่อยเถอะ พี่โอบเป็นลูกใคร ลุงไปลักพาตัวพี่โอบมาจากไหน แล้วลุงลักพาเด็กมาตั้งหลายคน ทำไมไม่มีใครจับลุงได้เลย โคตรฝีมือเลยฮะ แล้วล่าสุดลุงไปค้นบ้านพี่โอบ ลุงต้องการอะไรฮะ แล้วลุงเคยฆ่าคนตายไหม ตอนฆ่ามันสนุกไหม มันมีบางครั้งเหมือนกันนะฮะที่หนูอยากลองใช้มีดคมๆ เฉือนเนื้อสดๆ”
 
“รำคาญโว้ย ถามมากชิบหาย กูไม่เล่า”
 
“ถ้าลุงยอมเล่า หนูยินดีจะตอบแทนลุงให้สาสมเลยนะ เห็นหนูเด็กๆ แบบนี้ หนูแซบลืมสุดๆ ทั้งกัด” หนูด้วงทำท่างับลมประกอบ “ทั้งข่วน” จากนั้นก็กางมือขึ้นมาแล้วข่วนอากาศให้อีกฝ่ายดู “ทั้งขยำ ลุงชอบแรงๆ ไม่ใช่เหรอฮะ” หนูด้วงพูดจบก็กัดริมฝีปาก สามารถหอบหายใจแรงๆ เพราะความร้อนแล่นพล่านให้กับท่าทางยั่วยวนของคนตรงหน้า
 
“ให้มันจริง กูยอมเล่าให้ฟังก็ได้ ถ้ามึงมีลูกเล่นกูจะฆ่าอีดาวเรืองต่อหน้ามึงให้ดู”
 
สามารถเริ่มเล่าทุกอย่างให้หนูด้วงฟังอย่างออกรส อำนาจบารมีในอดีตเป็นสิ่งที่เขายังคงโหยหา เขาเป็นถึงมือขวาของนักการเมืองดัง เขาทำเงินส่งส่วยให้มันปีละไม่น้อย แลกกับการปิดหูปิดตาของเจ้าหน้าที่รัฐและคนในท้องถิ่น ไม่มีใครกล้าหือกับไอ้สามารถคนนี้ แต่เพราะไอ้พญายื่นมือเข้ามายุ่งเขาถึงถูกนายไล่ออก ไม่มีใครอยากมีปัญหากับผู้ทรงอิทธิพลของจังหวัด จากที่เคยมีอำนาจกลายเป็นแค่เศษสวะสังคม ยิ่งเล่าเรื่องในอดีตก็ยิ่งเหมือนได้ย้อนกลับไปยิ่งใหญ่ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้พรั่งพรูคำสารภาพออกมาจนหมดสิ้น จนสายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตามนุษย์ต่างดาวตัวหนึ่งที่วางอยู่บนเตียง หน้าตาเหมือนตุ๊กตาที่น่าเกลียดของดาวเรือง แต่ตัวนี้ดูใหม่กว่า ดูทันสมัยกว่า เขาจึงเริ่มเอะใจ
 
“ตุ๊กตาตัวนี้มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่” สามารถเดินมาหยิบดู จนจู่ๆ มีแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นเขาถึงได้โยนมันทิ้งไป “มึงมันไว้ใจไม่ได้จริงๆ กูจะไม่ใจดีกับมึงอีกแล้วไอ้เด็กเปรต”
 
สามารถกระโจนเข้าหาหนูด้วงด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ยังไม่ทันจะถึงเป้าหมาย ประตูสังกะสีถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วเนื่องจากแรงถีบ คอเสื้อของมันถูกกระชากจากทางด้านหลังจนมันหงายหลังไปกองกับพื้น
 
“พวกมึงเป็นใคร” สามารถพยายามจะลุกขึ้นแต่ถูกเท้าของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เหยียบไว้ที่อก แค่เท้าข้างหนึ่งที่เหยียบไม่ทำให้เขาหมอบราบเท่ากับปืนที่เล็งมาทางเขาถึงสามกระบอก
 
“มึงจำเอาไว้ให้ดี แกงค์เดอะซู ฆ่าไม่ได้ หยามไม่ได้ ทำอะไรอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น” คนที่เหยียบอกสามารถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
 
“เจ๋งอะสิงโต” เม่นชมเพื่อนรักที่ทำท่าขึงขังจนดูน่ากลัว
 
“มันใช่เวลาชมกันเองไหม” ชายหนุ่มหน้าตี๋อีกคนถามพลางถอนหายใจ
 
“เอาน่ะตี๋น้อย นานๆ ที แล้วยังไงต่อดีสิงโต” เม่นหันไปพูดกับเพื่อนใหม่ก่อนจะหันมาถามสิงโต
 
“ใส่กุญแจมือมัน ตำรวจกำลังมา หลักฐานมีครบแล้ว”
 
“หลักฐานอะไรของมึง กูไม่ได้ทำอะไร อีดาวเรืองต่างหากที่ทำ” สามารถโยนความผิดให้คนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
 
“ไม่ทันแล้วลุง ที่ลุงเล่ามาทั้งหมดถูกอัดเก็บเอาไว้หมดแล้ว ใช่ไหมสิงโต” หนูด้วงถามเพื่อน
 
“อืม นกฮูกกับน้องเกลโหลดไฟล์ผ่านน้องด้าวไว้หมดแล้ว ดีนะ ตรงนี้สัญญาณเน็ตดีมาก ตอนนี้ไฟล์คงถึงมือตำรวจแล้ว”
 
“เดี๋ยวพวกของกูก็จะมาแล้วไอ้เด็กน้อย ตำรวจคงมาช่วยพวกมึงไม่ทันหรอก สงสัยอยากตายหมู่” สามารถขู่
 
“ลุง พรรคพวกมิสเตอร์คิมอะไรนั่นมันไม่มีจริง ถูกนายพญาล้างบางหมดแล้ว คนที่คุยโทรศัพท์กับลุงน่ะผมเอง เรือที่ว่าจะมารับมีแต่เรือแจว ลุงแจวไหวไหม” ตี๋น้อยถามเสียงเยาะ
 
“พวกมึง! หลอกกู!”
 
“เม่น ใส่กุญแจมือมัน” สิงโตสั่งเพื่อนรักเพราะไม่อยากให้สามารถเป็นอิสระนาน
 
ระหว่างที่เม่นกำลังดันตัวของสามารถให้ลุกขึ้น ฝ่ายนั้นใช้ศอกถองเข้าที่ท้องอย่างแรงจนเม่นหงายหลังไป จากนั้นสามารถก็รีบลุกแล้วใช้แรงที่มีผลักตี๋น้อยให้ล้มลง สิงโตเงื้อหมัดไปชกหน้าสามารถจนฝ่ายนั้นเซ แต่มันก็สวนกลับจนสิงโตถึงกับเป๋ไปเหมือนกัน
 
“หยุดนะ ไม่หยุดจะยิง” ตี๋น้อยลุกขึ้นมาถือปืนขู่
 
“ยิงกูเลย” สามารถวัดใจ แต่สุดท้ายเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายลั่นไกจึงรู้ว่าปืนนั้นไม่ใช่ของจริง เขากระโจนเข้าหาแล้วสวนหมัดใส่จนตี๋น้อยล้มลงไปกองกับพื้น
 
“ตี๋น้อย ไอ้เหี้ย!” สิงโตเห็นตี๋น้อยเจ็บก็ใจหาย ยิ่งเห็นเลือดออกที่มุมปากฝ่ายนั้นจึงสบถออกมา
 
“กูเจ็บจะตายอยู่แล้วยังมาด่ากูอีก ไอ้เหี้ยสิงโต” ตี๋น้อยด่าสิงโตกลับ
 
“กูไม่ได้ด่ามึง กูด่ามัน” สิงโตส่ายหน้าอย่างระอา
 
“แต่มึงมองหน้ากู”
 
“เจ๋ง เถียงกันจนไอ้เลวนั่นวิ่งหนีไปแล้ว” เม่นตะโกนแทรกเมื่อเห็นสามารถกำลังวิ่งหนีไป
 
“เฮ้ย ตามไป เร็ว” สิงโตเห็นแล้วจึงรีบวิ่งตามไป
 
ด้วยชั้นเชิงนักเลงเก่าทำให้สามารถรับมือจากการถูกรุมได้ มันหนีหลุดออกมาจากวงล้อมของเพื่อนหนูด้วงได้สำเร็จ ถึงจะสะบักสะบอมเพราะแรงหมัดของสิงโตไม่ใช่เบาๆ แต่ก็ถือว่าโชคดียังเป็นของมันที่สามารถหนีได้ทันก่อนที่ตำรวจจะมา มันนึกเจ็บใจที่ถูกเด็กวัยลูกหลอกจนเกือบเอาตัวไม่รอด มันนึกสาบานในใจว่าถ้ามันตั้งหลักได้เมื่อไหร่ มันจะเอาคืนให้หมดทุกคน

……


 ดาวเรืองลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ที่แขนถูกให้น้ำเกลืออยู่ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่าห้องที่พักรักษาอยู่มันดูหรูหราที่สุด หรูหรากว่าห้องที่ตัวเองเคยพักอาศัยมาตลอดชีวิต แสงสว่างจากไฟบนเพดานทำให้เธอต้องกระพริบตาอยู่หลายรอบ จนรู้สึกว่ามือตัวเองถูกสัมผัสจากใครบางคนถึงได้หันมาโฟกัสที่เจ้าของมือแทน
 
“แม่เรือง หิวน้ำไหม”
 
เป็นหนูด้วงนั่นเอง เธอพยักหน้าให้เพราะรู้สึกว่าคอแห้งผากไปหมด ถ้าได้ดื่มน้ำคงช่วยให้ดีขึ้น
 
“แม่เรืองหลับไปตั้งนาน แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะฮะ” หนูด้วงวางแก้วน้ำบนโต๊ะก่อนจะเดินมาประคองดาวเรืองให้ลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นถึงส่งแก้วน้ำให้อีกฝ่ายดื่ม
 
“ไอ้สามารถล่ะ” ดาวเรืองถามเมื่อรู้สึกดีขึ้น
 
“มันหนีไปได้”
 
“แล้วหนูด้วง...” ดาวเรืองพยายามสำรวจหนูด้วง แต่แล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายนิ่วหน้าเพราะยังรู้สึกเจ็บจากการถูกทารุณกรรมทางเพศด้วยความรุนแรง
 
“หนูปลอดภัย ทำไมแม่เรืองต้องให้มันทำแบบนั้น มันไม่จำเป็นเลย” หนูด้วงถามด้วยความสะเทือนใจ ตามแผนที่วางเอาไว้หนูด้วงไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้
 
“ไม่ต้องรู้สึกผิด ฉันเต็มใจ”
 
“แม่เรือง...”
 
“ฉันอยากพัก” ดาวเรืองส่งแก้วน้ำคืนก่อนจะนั่งหลับตาเงียบๆ
 
“แม่เรือง” หนูด้วงยังคงเรียกอีกฝ่าย น้ำตาคลอเพราะรู้สึกผิด ร่องรอยเขียวช้ำที่ปรากฏบนใบหน้าและตามตัวของดาวเรืองดูคล้ำกว่าเดิม เพราะแผนโง่ๆ ของตัวเองทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมารับเคราะห์
 
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อหนูด้วง” ดาวเรืองถอนหายใจก่อนจะยอมพูดทั้งที่หลับตา “ฉันเคยสั่งให้คนไปข่มขืนพยงค์ ถึงจะไม่สำเร็จแต่ฉันเคยอยากให้มันเกิดขึ้น มันสมควรแล้วที่ฉันจะโดนบ้าง คนอย่างฉัน...” แม้เสียงจะสั่นเทาแต่น้ำตาของเธอกลับไม่ไหลสักหยด คำว่า ‘ตามแต่สมควร’ จากนายหัวพยนต์ยังคงดังอยู่ในหัว มันสมควรแล้วไงกับสิ่งที่พ่ออยากให้เกิดขึ้น
 
“แม่เรืองสัญญาแล้วว่าจะลืมเรื่องเก่า” หนูด้วงบีบมือของดาวเรือง สัมผัสได้ว่ามือเย็นเยียบของฝ่ายนั้นสั่นเทา
 
”ยังเชื่อคำสัญญาอีกเหรอ เด็กโง่” ดาวเรืองดึงมือของตัวเองออกจากการถูกจับกุม เธอไม่สมควรได้รับความรักจากเด็กคนนี้
 
‘ฉันไม่รู้เธอแบกรับอะไรไว้มากมาย เหมือนคล้ายๆ เธอปวดร้าวที่ข้างใน แต่ฉันรับรู้ถึงความกดดัน ที่เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้
ดูเหมือนเธอไม่ยอมให้ใคร มองว่าอ่อนแอ’
 
ดาวเรืองลืมตาขึ้นเมื่อจู่ๆ หนูด้วงร้องเพลงออกมา เด็กน้อยที่เธอทำร้ายในวันนั้นเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอ อยู่กับเธอในวันที่ไม่มีใครต้องการ
 
‘จำได้ไหมวันแรกที่เธอเกิดมา เธอร้องไห้ มันสื่อความหมาย ว่าเธอจะก้าวต่อไป ในโลกใบนี้ ใช่ไหม’
 
เธอหลับตาลงอีกครั้ง เนื้อเพลงที่หนูด้วงร้องมันทำให้เธอสะเทือนใจ เธอไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็นอีกแล้ว ถึงเธอจะโหยหาความรัก แต่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเธอ ที่ของเธอคือในคุก ถ้าจะต้องร้องไห้ก็ควรไปร้องที่นั่น
 
จะว่าไปตั้งแต่เกิดมา เธอก็เหมือนอยู่ในคุกที่แม่จับขังเอาไว้ คุกที่คำว่านายท่านคือคำที่เรียกพ่อ คุกที่แม่สั่งให้คอยเอาใจและเดินตามหลังคุณหนูพยงค์ทั้งที่เป็นคนเสมอกัน คุกที่ต้องอยู่ให้ได้และอยู่ให้เป็น แม่เป็นคนเดียวที่เป็นกำลังใจให้เธอทนอยู่ในคุกที่น่าอึดอัดได้ แต่คนเดียวคนนี้ก็มอบคำว่า ‘เธอเป็นลูกของชู้’ จนเป็นตราบาปในหัวใจมาโดยตลอด ก็เหมาะแล้วที่เธอควรจะอยู่ในคุกที่ขังตัวเธอออกจากคนทั้งโลก
 
‘อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา เธอจงเสียน้ำตาเพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน ทุกๆ คนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว’
 
สุดท้ายแล้วความอดกลั้นที่พยายามฝืนก็สิ้นสุด น้ำตาที่ไหลลงมาสะท้อนให้เห็นความพ่ายแพ้ เธอพ่ายแพ้ให้กับเด็กน้อยที่เธอทั้งรักทั้งชัง มือที่ถูกจับกุมอีกครั้งถ่ายเทความอบอุ่นอย่างที่เธอไม่เคยได้รับ และไม่สมควรได้รับ มือที่เคยตบตีเด็กน้อยไม่สมควรได้รับการปลอบโยน
 
‘เธอบอกฉันว่าไม่มีใครเข้าใจหรอก ไอ้ความช้ำชอกที่เธอต้องเจอ แต่เธอรู้บ้างไหม ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องเคยน้ำตาล้นเอ่อ แม้จะดูว่าเขาเลิศเลอ แค่ไหนก็ตาม’
 
“ขอโทษ ฉันขอโทษ” ดาวเรืองพูดพลางสะอื้น หนูด้วงเดินเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะสวมกอด
 
เป็นครั้งแรกที่เธอยอมกอดหนูด้วงกลับ เธอยอมแล้ว ยอมอ่อนแอให้เด็กคนนี้ได้เห็น ยอมให้เห็นจิตใจที่ผุพังของเธอ เพราะเธอไร้เรี่ยวที่จะเข้มแข็งอีกต่อไป ไม่มีแรงแม้แต่จะเกลียดใครสักคน
 
“แม่เรือง แค่หนูคนเดียวพอไหมฮะ แค่หนูที่อภัยให้แม่เรือง เข้าใจแม่เรือง แค่หนูได้ไหมฮะ ไม่ต้องสนใจคนทั้งโลก ไม่ต้องสนใจอดีต หนูจะรักแม่เรืองให้มากๆ จะดูแลแม่เรือง ขอแค่แม่เรืองเปิดใจให้โอกาสหนูเท่านั้นเอง”
 
“ฉันไม่สมควรจะได้รับ”
 
“ไม่มีใครไม่สมควรที่จะได้รับความรักหรอกฮะ”
 
“ทำไมหนูต้องดีกับฉันขนาดนี้ ทำไม”
 
“ก็หนูเป็นผู้วิเศษ” หนูด้วงพูดแล้วหัวเราะ ดาวเรืองเองก็หลุดหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อได้ยิน “หนูไม่อยากให้ใครเกลียดหนู อย่าเกลียดหนูได้ไหมฮะ” หนูด้วงยอมพูดความจริงออกมา การถูกเกลียดมันน่ากลัวสำหรับหนูด้วงที่สุดแล้ว
 
“อยากเกลียด” ดาวเรืองพูดจบหนูด้วงก็หน้าเสีย “แต่ก็เกลียดไม่ลง ใครจะเกลียดลง”
 
“หนูรวยมากๆ หนูจะเลี้ยงแม่เรืองเอง เป็นแม่ของหนูอีกคนนะฮะ” หนูด้วงกระชับกอดอีกฝ่ายก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเมื่อดาวเรืองพยักหน้าให้แทนคำตอบ
 
การถูกรักมันดีเสมอ โดยเฉพาะถ้าความเกลียดถูกกำจัดไปด้วยมันดีที่สุด
 
“เด็กโง่ ต้องอวดว่ารวยด้วยเหรอ แม่กินง่ายหรอกนะ” ดาวเรืองเองก็กระชับกอดหนูด้วงจนแน่น
 
สิ่งที่เธอต้องทำคือเลิกโหยหาความรักจากคนที่ไม่มีให้เธอเสียที แล้วหันมาเห็นคุณค่าของโอกาสและความรักจากคนที่เต็มใจมอบมันให้เธอ
 
‘อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา เธอจงเสียน้ำตาเพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน ทุกๆ คนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว’


โปรดติดตามตอนต่อไป

ใครน้ำตาไหลบ้างตอนนี้ ยกมือขึ้น
ตอนนี้จะสลับฉากเยอะหน่อยนะคะ ใกล้จบแล้วตัวละครต้องออกมากันหน่อย แหะๆ
ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
...รัก...
 



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-12-2018 18:24:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-12-2018 18:25:04
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 11-12-2018 18:27:57
เป็นกำลังใจให้หนูด้วงและขอให้กระชากหน้ากากไอ้คุณเชนได้เร็วๆ แฝดจะไดปลอดภัย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-12-2018 18:40:48
หัวร้อนกับไอ้คุณเชนจริง ๆ  :katai1:  แต่พอมาเจอหนูด้วงกล่อมสามารถไปลืมเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-12-2018 18:47:20
ร้องไห้ไปกับหนูด้วงและดาวเรือง ขอให้มีคนจับไอ้คุณเชนได้ไวๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-12-2018 19:07:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมไอ้สามารถถึงหนีไปได้?

รอดูจุดจบของไอ้สามารถอยู่นะ

สรุปแล้ว อิตาเชนเนี่ย ดีหรือไม่ดีกันแน่?
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-12-2018 19:22:22
 :o12: :o12: น้ำตานองหน้าเลยค้า เศร้ามากๆ  :ling3:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 11-12-2018 19:46:12
เห็นด้วยค่ะ ทีืจะให้ดาวเรืองได้รับความรักจริงๆจากใครสักคน เพราะว่าไม่มีใครสมควรโดนเกลียดไม่ว่าอะไรก็เเล้วแต่เธอกลับตัวกลับใจแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 11-12-2018 20:16:31
หนูด้วงผู้วิเศษ น้องด้าวมีคู่แฝด มนุษย์ต่างดาวเป็นพระเอกอีกแล้ว ผู้ร้ายังอยู่และดูจะเพิ่มอีกจากพ่อเลี้ยงน้องแฝด
 ขอให้ต่อจากนี้ ดาวเรืองมีความสุจริงๆเสียที สงสารหนูด้วง ถ้าดาวเรืองทำใจได้อย่างตอนนี้ตลอดไป หนูด้วงจะได้มีความสุขไปด้วย เชื่อว่าที่ได้ดูแลกันตอนเด็ก หนูด้วงรู้สึกกผูกพันกับดาวเรืองเหมือน ที่เด็กๆรักพี่เลี้ยงของตัวเองมากๆเหมือนญาติ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-12-2018 21:43:04
 o13


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 11-12-2018 22:21:04
น้ำตาฃึมเลย :mew6: :mew6: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 11-12-2018 23:05:35
หนูด้วงใจเด็ดมากเลย แถมยังซ้อนหลายแผนกันไปอีก ยอมใจจริง ๆ และดีที่ดาวเรืองกลับใจได้จริง ๆ อ่านไปน้ำตาซึมไป T^T

แล้วฝั่งน้องแฝดยังปลอดภัยไหมเนี่ย เป็นห่วงน้องงงงงง ขอให้ธาตุแท้นายเชนหลุดออกมาด้วย หมั่นไส้ !!!!

หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: blingsmay ที่ 11-12-2018 23:21:11
หนูด้วงเติบโตมาอย่างดีเลยจริงๆ ฮืออออ  :sad4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 12-12-2018 00:10:20
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย อยากรู้ว่าสรุปแล้วพี่โอบเป็นลูกใครจังเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 12-12-2018 02:34:25
 :sad4: โอ้ยยยยย.......อ่านไปน้ำตาก้อคลอไป ตอนนี้มันซึ้งน้ำตาแตกจริงๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-12-2018 06:34:13
หนูด้วงโชคดีที่มีแต่คนรักคนเอ็นดู
และหนึ่งในนั้นก็มีดาวเรือง
หนูด้วงพูดถูกนะ ไม่ต้องแคร์คนทั้งโลก
แค่คนที่รักก็พอ เริ่มต้นใหม่นะดาวเรือง

หนูด้วงเอ้ย เซี้ยวมาก กล้ามาก บุกไปลุยเอง
ทีมลุงกับพี่โอบจะตามหาสามารถเจอไหม
ไม่อยากให้หลุดไปจริงๆ คนใจทราม

คุณเชนคะ ไม่อยากได้ แล้วยุทำไม
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-12-2018 07:35:36
ไอ้สามารถชอบวิตถาร

ก็ส่งผัววิตถารถไปให้มันเลย

เอาใให้ถึงใจไอ้สารเลวนี่เลย

ดาวเรืองดีแล้วที่กลับใจได้

ฟ้าใหม่สดใสเสมอ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 12-12-2018 16:37:08
 :pig4: :pig4: :pig4: ซึ่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 13-12-2018 08:33:47
นี่เราหักอารมณ์อยากร้องให้มายิ้มให้กับ แกงค์เดอะซู ตอนนี้จะว่าอะไรเราไม๊อ่า รู้ยังว่าเดอะซูของจริง  :katai2-1:  ถึงขนาดใช้ปืนปลอมนี่คิดนานกันไม๊ลูกเอ้ยยย อิแม่เงิบบบบ  :z3:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-12-2018 11:09:20
 หนูด้วงเป็นผู้วิเศษจริงๆ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 14-12-2018 22:41:24
 “หนูไม่อยากให้ใครเกลียดหนู อย่าเกลียดหนูได้ไหมฮะ"

ร้องไห้น้ำตาร่วงกับสิ่งที่อยู่ในใจของหนูด้วงมาตลอด โอ๋ลู๊กก แล้วจิตใจที่ใสบริสุทธ์ของหนูก็ชะล้างจิตใจดำมืดของดาวเรืองได้สำเร็จ หนูด้วงผู้วิเศษเก่งสุดสุด



หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 19-12-2018 02:37:45
งือออออ ซึ้งอ่ะ น้ำตาไหลเลย สงสารดาวเรือง  :monkeysad:

หนูด้วงเติบโตมาอย่างดีเลย เข้มแข็งมาก o13
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 19-12-2018 08:01:27
เยี่ยม
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 04-01-2019 00:28:43
น้ำตาไหลพรากๆเลย มาต่อไวๆนะคะ คิดถึนหนูด้วน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-01-2019 09:27:41
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 04-01-2019 10:14:39
ทำไมมันไม่ตายสักทีไอ้สามารถนี่น่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-01-2019 20:46:13
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-01-2019 01:18:23
 :call: :call: :call:

It's been a while (1 month). Please continue the next episode. I miss นู๋ด้วน so much.
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม ตอนที่ 18 ทุกคนเคยร้องไห้ 11/12/61 P.13
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 30-01-2019 10:54:16
หนูด้วงง คิดถึงแล้วจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 07-02-2019 17:16:58
เพลงรักที่หายไป

เพลงรักที่ 19 เรามีเรา
ศิลปิน ฐิติมา สุตสุนทร


 



หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้ทุกคนก็มานั่งรวมกันอยู่ที่ร้านของโอบอุ้มตามคำเชิญของหนูด้วง ซึ่งทุกคนในที่นี้ก็คือบรรดากลุ่มเพื่อนของหนูด้วงและสมาชิกวงเดอะบ็อกซ์ รวมถึงพญาและเทียมฟ้าด้วย

“เป็นความผิดของผมเองครับ ผมทำให้ไอ้สามารถมันหนีไปได้”

“ไม่ใช่หรอกครับ ความผิดผมเอง”

“กูมัวแต่หาเรื่องมึง มึงไม่ผิด”

“กูบอกว่ากูผิด มึงจะเถียงทำไม”

“ไม่ต้องเถียงกัน ทั้งสิงโตแล้วก็ตี๋น้อยไม่ผิดหรอกฮะ อะไรอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ แผนของหนูหละหลวมนิดหน่อย แต่ครั้งหน้าจะไม่พลาดแล้วฮะ” หนูด้วงยกมือขึ้นห้ามเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังโต้ตอบกัน เพราะคิดว่าการที่สามารถหนีไปได้มันไม่ใช่ความผิดของใคร

“ครั้งหน้า” โอบอุ้มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยิน

“ใช่ฮะ หนูมีแผนแล้ว” หนูด้วงตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสไปทั่วห้อง

พญาหันไปสบตากับเทียมฟ้าเมื่อได้ยินว่าหลานรักคิดแผนการจับไอ้สามารถขึ้นมาอีก เขาเกือบจะออกปากห้ามถ้าไม่โดนเทียมฟ้าสะกิดเสียก่อน

“พี่ไม่ต้องห้ามหรอก” เทียมฟ้ากระซิบเบาๆ

“นี่ใจคอมึงจะปล่อยให้หลานไปเสี่ยงอีกเหรอ มึงจะตามใจหนูด้วงมากไปแล้วนะน้อง”

“ใช่ที่ไหนกัน พี่ดูสายตาน้องโอบสิ”

พญาหันไปมองลูกบุญธรรมของตัวเอง เห็นสายตาของโอบอุ้มแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าคราวนี้หนูด้วงไม่ได้ทำอะไรตามใจอีกแน่ แอบประหลาดใจอยู่เหมือนกันเพราะที่ผ่านมาลูกคนนี้ไม่เคยขัดใจเจ้าตัวแสบเลยสักครั้ง อยากจะรู้ว่าคราวนี้เจ้าอุ้มจะทำสำเร็จไหมจึงยอมอยู่เฉยๆ และฟังหนูด้วงพูดต่อ

“นี่คือแผนของหนู” หนูด้วงกางกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา

“รูปปะการังเหรอ” พญาถามเมื่อชะโงกมองไปที่กระดาษแผ่นนั้น

“นี่มันแผนที่เกาะนะฮะ” หนูด้วงทำหน้ายู่เมื่อยุงพญาดูรูปที่ตัวเองวาดไม่ออก

“อ้าวเหรอ แล้ว...นั่นบ้านใช่ไหม” พญาเห็นว่าทำให้หลานอายเลยรีบเออออห่อหมกไปด้วย

“ไม่ใช่ฮะ นั่นมันรถยนต์”

พญาถึงกับต้องขยี้ตาเพื่อความมั่นใจว่าดูไม่ผิด ไอ้รูปแท่งสี่เหลี่ยมแล้วมีสามเหลี่ยมด้านบนมันเหมือนรถยนต์ตรงไหน นึกในใจว่าถ้าครูสอนศิลปะของหนูด้วงมาเห็นคงได้ร้องไห้น้ำตาท่วมเกาะ

“แล้วนี่ก็คือไอ้สามารถกับพวกเรา” หนูด้วงวางขวดยาหม่องหลายขวดลงตรงกลางแผนที่ แต่ละขวดมีกระดาษที่วาดใบหน้าคนแปะอยู่ แต่ที่น่าขำคือภาพใบหน้ามันดูเหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่าเหมือนคน

“เราไม่เอาขวดนี้นะ” น้องเกลรีบบอกเมื่อเมื่อเห็นว่าปากบนใบหน้าที่แปะอยู่บนขวดที่วางใกล้ตัวเองมันบิดเบี้ยวดูน่าเกลียดชอบกล

“ก็ได้ก็ได้ ให้น้องเกลเลือกก่อน” หนูด้วงตบบ่าน้องเกลก่อนจะหันไปยิ้มให้คนอื่นๆ “หนูจะล่อให้ไอ้สามารถมันมาหา แล้วทุกคนก็แอบอยู่ตรงนี้” หนูด้วงวางตำแหน่งแต่ละขวดตามแผนที่คิด

“หนูเจ็บไหม” โอบอุ้มคว้าข้อมือของหนูด้วงขึ้นมาดูใกล้ๆ รอยแดงที่เกิดจากการเสียดสีตอนถูกใส่กุญแจมือยังคงเด่นชัด

“หนูหายเจ็บแล้วฮะ”

“แต่พี่ยังเจ็บ” โอบอุ้มชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง แววตาของโอบอุ้มไม่ต่างจากคำพูด ซึ่งมันทำให้บรรยากาศภายในร้านเงียบมากกว่าเดิม

“หนู...หนู...” หนูด้วงรู้ดีว่าทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง แต่เพราะหนูด้วงห่วงทุกคนถึงได้ดื้อรั้นจะเอาตัวเองไปเสี่ยง

“พี่รู้ว่าหนูอยากจับผู้ร้าย แต่คราวนี้ให้เป็นหน้าที่ของพี่ได้รึยังครับ”

“แต่ว่า...”

“หนูอยากให้พี่ห่วงหนูจนเจ็บไปทั้งใจมากไปกว่านี้เหรอครับ”

หนูด้วงส่ายหน้า “แล้ว...แผนของหนู...”

“เอาเป็นว่า ตอบแทนที่หนูอุตส่าห์นั่งวาดรูป คืนนี้พี่จะให้รางวัลนะครับ” โอบอุ้มจ้องตาอีกฝ่ายแทนคำปลอบโยน รู้ดีว่าหนูด้วงตั้งใจจะช่วยจับคนร้ายให้ได้ และการจะห้ามคนอย่างหนูด้วงไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำนั้นต้องไม่ตึงกับอีกฝ่ายจนเกินไป

“อะแฮม...” พญาส่งเสียงกระแอมออกมาเมื่อเห็นว่าลูกกับหลานจมอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองต่อสองมากเกินไปแล้ว ขืนไม่ส่งสัญญาณเตือนคงได้จูบโชว์ทุกคนแน่

“ทำไมยุงต้องมาคันคอตอนนี้ด้วย” หนูด้วงหน้ามุ่ยที่ยุงพญามาขัดขวาง เกือบจะโดนพี่โอบจูบอยู่แล้วแท้ๆ

“ไม่ได้ดูข่าวเหรอ ฝุ่นมันเยอะ” พญาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“พี่นี่นะ” เทียมฟ้านึกขำความขี้หวงของคนรัก

“ถ้าพี่โอบไม่ให้หนูทำตามแผน แล้วเราจะจับคนร้ายได้ยังไงฮะ” หนูด้วงเลิกสนใจพญาแล้วมองแผนที่ของตัวเองด้วยความเสียดาย

“พี่นโม เอ้ย พี่โอบเขามีแผนแล้ว รอสักครู่นะครับทุกคน” ป้ายพูดขึ้นมาก่อนจะเดินไปหลังร้านพร้อมกับแปะ ทุกคนมองตามไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งทั้งสองคนเดินกลับมาพร้อมกับถือแผ่นไม้ขนาดใหญ่คนละข้าง

“เจ๋ง” เม่นเอ่ยชมเมื่อเห็นว่าบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่นั้นมันคือโมเดลเกาะนี้ทั้งเกาะ

“นี่คือแบบจำลองเสมือนจริง มันละเอียดมาก มันแสดงให้เห็นทุกสิ่งบนเกาะแห่งนี้ รวมทั้งช่องทางลับที่สามารถทะลุไปอีกฝากของเกาะได้ เขาลูกนี้ตั้งอยู่เหนือมหา’ลัย มันเป็นสถานที่ที่ห้ามไม่ให้ใครขึ้นไป อันที่จริงมันไม่ได้อันตรายอะไร ผมแค่ไม่อยากให้คนขึ้นไปรบกวนธรรมชาติและสัตว์ที่อาศัยอยู่เดิม แต่มันมีบ้านพักหลังเล็กๆ ที่สร้างเอาไว้เป็นจุดตรวจการ จุดตรงนั้นเป็นจุดสูงสุดของเกาะ จะเห็นทะเลรอบด้าน” โอบอุ้มชี้ตำแหน่งพร้อมกับอธิบาย

“แล้วเรารู้ได้ไงว่ามีบ้านอยู่บนนั้น ตวงบอกเราเหรอเจ้าอุ้ม” พญาถาม

“ผมเป็นคนสร้างเองครับป๊า ผมดูแลทุกอย่างที่นี่ เกาะนี้เป็นของน้องแฝด ยกเว้นบ้านและร้านของผม” เสียงฮือฮาเกิดขึ้นหลังจากที่โอบอุ้มพูดจบ “ผมขอโทษนะครับป๊าที่ไม่ได้เล่าความจริงเรื่องน้องแฝดให้ป๊าฟังแต่ต้น”

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง แล้วยังไงต่อ” พญาไม่ได้โกรธเพราะรู้ดีว่าลูกชายคงมีเหตุผลที่เก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับ และถึงไม่เล่าพญาก็พอจะรู้ทุกอย่างเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา

“สามารถมันหนีขึ้นไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น”

“น้องโอบรู้ได้ไงว่ามันจะไปที่นั่น” เทียมฟ้าเอ่ยถาม

“ที่นั่นมีกล้องวงจรปิด ผมเห็นมัน” โอบอุ้มพูดพลางหันไปมองขวดยาหม่องที่หนูด้วงทำเอาไว้ “พี่ลืมทำโมเดลตุ๊กตา ต้องยืมของหนูมาใช้นะครับ”

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงรีบส่งโมเดลตัวละครแฮนด์เมคฝีมือตัวเองให้ ทีแรกก็ยังหน้าหน้าจ๋อยอยู่เพราะแผนของตัวเองดูเป็นนักเด็กอนุบาลไปเลยเมื่อเทียบกับของพี่โอบ แต่พอเห็นว่าพี่โอบต้องการของที่ตนตั้งใจทำก็ดีใจเป็นที่สุด

ป้ายกับแปะมองหน้ากันก่อนจะแอบยิ้ม อันที่จริงพี่โอบอุ้มทำเอาไว้ครบทุกอย่าง แต่เมื่อครู่กลับสั่งให้พวกเขาทิ้งโมเดลตุ๊กตาไปให้หมด ทีแรกพวกเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้รับรู้แล้วว่าทำไมพี่เขาถึงยอมทิ้งโมเดลสวยๆ แล้วมาใช้ขวดยาหม่องแทน เพราะรอยยิ้มของหนูด้วงมันมีค่ามากกว่าโมเดลพวกนั้นจนเทียบไม่ติด

“งั้นก็โทรแจ้งตำรวจให้ไปจับมันเลยไหม” เทียมฟ้าเสนอ

“มันหนีไปแล้วครับ ผมดันเผลอทิ้งแผนที่บอกทางลัดออกไปยังอีกฝากของเกาะไว้บนนั้นด้วย” โอบอุ้มชี้ไปตรงบ้านจำลอง จะเห็นว่าด้านหลังของตัวบ้านมันมีถ้ำที่อยู่ ซึ่งมันเชื่อมต่อลงไปถึงชายหาดอีกฝั่งได้

“เดี๋ยวป๊าสั่งให้ไอ้ก้านไปดักมันไว้ เราจะให้มันออกนอกเกาะไปก่อนไม่ได้” พญากำลังจะยกหูโทรศัพท์แต่โอบอุ้มรีบห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องหรอกครับป๊า ให้เขาได้มีอิสระสักวันในฐานะที่เขาเคยให้ข้าวให้น้ำผมมา เรื่องของคนคนนี้ผมขอเป็นคนจัดการเองนะครับ”

“เรามันใจดีเกินไปเจ้าอุ้ม” พญาค่อนข้างไม่เห็นด้วยที่โอบอุ้มจะยึดถือบุญคุณกับคนอย่างไอ้สามารถ มันให้ข้าวให้น้ำเพราะมันหวังใช้แรงงาน แต่เขาจำต้องยอมรับการตัดสินใจของลูก ถ้าสิ่งที่โอบอุ้มคิดทำแล้วส่งผลให้ลูกเกิดความสบายใจหรือไม่ติดค้างอะไรกับใครอีก เขาก็จะไม่ห้าม แต่ถึงอย่างนั้นพญาก็แอบส่งข้อความไปถึงก้านให้เตรียมรับมือหากแผนของโอบอุ้มพลาดเหมือนแผนของหนูด้วง เพราะเขายอมให้คนเลวอย่างสามารถรอดไปไม่ได้อีกแล้ว



เมื่อการหารือเรื่องของสามารถเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปพัก คนของนายหัวพยนต์และพญา รวมถึงตำรวจนอกเครื่องแบบ ยังคงปักหลักคุมเข้มในทุกจุดของเกาะ แม้ทุกคนจะข้องใจว่าทำไมโอบอุ้มถึงยอมปล่อยให้สามารถมีอิสระได้ทั้งที่ควรจะจบเรื่องนี้ไปให้ไวที่สุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ทุกคนได้แต่เชื่อมั่นว่าโอบอุ้มต้องจัดการทุกอย่างได้อย่างที่เจ้าตัวมั่นใจ


...........................


หลังจากได้รับการรักษาและพักผ่อนได้เต็มอิ่ม ดาวเรืองรู้สึกสบายตัวขึ้นและไม่ปวดตามเนื้อตัวอีก เธอนึกทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา นึกเสียใจในการกระทำของตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำร้ายหนูด้วง แต่เด็กคนนั้นก็ยังยอมอภัยให้ ถ้าเธอแค่เลิกคาดหวังที่จะได้ความรักและการยอมรับจากนายหัวพยนต์ เธอคงมองเห็นว่าเด็กน้อยที่เธอเคยรังแกพยายามมอบความรักให้เธออย่างเต็มที่ ความรักที่เคยโหยหาคงถูกเติมเต็มไปนานแล้ว แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะนึกโทษตัวเอง นับแต่นี้ไปเธอแค่พิสูจน์ให้หนูด้วงได้เห็นว่าเธอจะแก้ไขตัวเอง แค่หนูด้วงคนเดียวก็พอ

“นายหัวพยนต์ออกจากโรงพยาบาลไปรึยังคะ” ดาวเรืองถามพยาบาลพิเศษที่พญาจ้างมาดูแลเธอ

“ยังค่ะ คุณหมออยากให้นายหัวได้พักผ่อนเต็มที่เลยให้แอดมิทต่ออีกคืน”

“ดิฉันขอไปเยี่ยมท่านได้ไหมคะ”

“ดิฉันขอไปเรียนถามท่านก่อนนะคะ” พยาบาลอึกอักไม่กล้าตัดสินใจ เมื่อเห็นว่าดาวเรืองพยักหน้าให้จึงเดินออกไปจากห้อง

ดาวเรืองคอยอยู่นานแต่ไม่มีวี่แววว่าคุณพยาบาลจะกลับเข้ามา เธอตัดสินใจลุกออกจากเตียงและเข็นเสาที่ห้อยขวดน้ำเกลือเดินออกจากห้องไปด้วยตัวเอง เธอไม่ได้ตรงไปหานายหัวพยนต์เพราะไม่อยากไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายนั้น แต่อยากออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมลอยฟ้าที่ทางโรงพยาบาลจัดเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจให้แทน

“ทำไมคุณต้องลำบากใจ เด็กแฝดนั่นมันลูกของคุณนะ ถึงคุณจะเคยทิ้งเขามาก่อน แต่นั่นเพราะความจำเป็น ตอนนี้เป็นโอกาสที่คุณจะได้แก้ตัว”

“แต่น้องแฝดดูรักน้องโอบกับหนูด้วงมาก บางทีถ้าเขาได้อยู่กับทั้งสองคนนั้น เขาอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับเยีย”

ดาวเรืองชะงักขาเมื่อได้ยินชื่อของหนูด้วง ทีแรกตั้งใจจะเดินกลับไปบอกคุณพยาบาลเพราะกลัวว่าหากฝ่ายนั้นไม่เจอเธอจะวุ่นวายเอาได้ แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่มีหนูด้วงมาเกี่ยวข้องเธอจึงตั้งใจแอบฟังต่อ

“คุณคิดดีๆ ไอ้โอบมันคิดจะครอบครองเงินของน้องแฝด ใครก็ดูออก มันสร้างเกาะใหญ่โต สร้างรีสอร์ตหรูหรา รวมๆ แล้วมูลค่าตั้งเท่าไหร่ มันเคยคิดจะบอกคุณไหม ผมว่ามันกับหนูด้วงคงตั้งใจปิดบังคุณ ไม่งั้นมันสองคนจะทนห่างกันได้เป็นสิบๆ ปีเหรอ คงรอให้คุณลืมลูกของตัวเองไปแล้วค่อยกลับมา คุณคิดจะปล่อยให้ลูกอยู่กับคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นได้เหรอ”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ ผมเป็นสามีคุณ ไม่มีใครหวังดีกับคุณเท่าผมหรอกนะ คุณห้ามให้ไอ้โอบกับหนูด้วงพาน้องแฝดกลับไป  เชื่อผมนะ”

เพี้ยะ!

“เฮ้ย คุณมาตบผมทำไม” เชนลูบแก้มของตัวเองก่อนจะถามเจ้าของฝ่ามือที่ฟาดมาบนหน้าของตนอย่างไม่ออมแรง ซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดคนไข้ จู่ๆ ก็เดินปรี่เข้ามาตบหน้าเขาทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน

“ดาวเรือง!” พเยียตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ทำร้ายสามีเป็นใคร

“คุณไม่เคยนับว่าฉันเป็นพี่ ฉันก็ไม่แปลกใจ ที่ผ่านมาคุณดูถูกเหยียดหยามฉันว่าเป็นแค่ลูกหญิงรับใช้ ฉันก็ปล่อยผ่าน ฉันยอมรับว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะให้ใครมานับถือ แต่ฉันเพิ่งรู้ว่าคนสูงส่งอย่างคุณที่เกิดมามีพร้อมเกือบทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวที่คุณไม่มีคือสมอง”

“จะมากไปแล้วนะ” เชนทำท่าจะเข้ามาโต้ตอบ แต่พอเห็นสายตาของดาวเรืองก็ชะงักอยู่กับที่

“คุณทิ้งลูกของตัวเองให้เด็กคนหนึ่งต้องรับผิดชอบ เขาเลี้ยงลูกคุณมาอย่างดี ต่อให้คิดครอบครองทรัพย์สมบัติอย่างที่ผัวของคุณกล่าวหาจริง มันก็สมควรที่เขาจะได้ ถ้าเด็กสองคนนี้ตายไปตั้งแต่ตอนเกิด คุณจะเหลืออะไรอีกนอกจากผัวสันดานเหี้ยที่เกาะตระกูลภูมิเทพอยู่แบบนี้ คิดว่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้มันจะรักลูกคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกมันอย่างนั้นเหรอ”

“ผมจะโทรแจ้งตำรวจ อย่าไปพูดกับคนบ้าแบบนี้เลยเยีย” เชนหยิบมือถือขึ้นมาแต่ดาวเรืองปัดทิ้งจนโทรศัพท์ตกร่วงลงพื้น

“รู้ว่ากูบ้าก็ดี กูฆ่าคนได้โดยไม่ต้องคิด มึงลองถามเมียมึงดู แล้วกูก็บ้าพอที่จะตายพร้อมกับคนที่กูเกลียด”

“ดาวเรือง มันไม่ใช่เรื่องของเธอเลยนะ” พเยียยอมรับว่ากลัวใจของดาวเรือง ผู้หญิงคนนี้เวลาบ้าขึ้นมาทำอะไรได้ทุกอย่าง

“เรื่องที่เกี่ยวกับหนูด้วงคือเรื่องของฉัน คุณไม่นับถือฉันเป็นพี่ ก็ช่วยฟังคำเตือนของฉันสักหน่อย ในฐานะฉันเป็นคนเลวคนหนึ่ง ผีย่อมเห็นผี ผัวคุณมันไม่ใช่คนดี คุณอยู่กับมันมากี่ปียังไม่รู้อีกเหรอว่ามันแต่งงานกับคุณเพราะอะไร ถ้าจะมีคนเห็นแก่ตัวก็มันนี่แหละ รู้ไหม เมื่อครู่ฉันคิดจะกลับตัวเป็นคนดีเพื่อหนูด้วง แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ ถ้ามีใครทำให้หนูด้วงต้องเสียใจฉันพร้อมจะกลับมาเลวได้โดยไม่ต้องคิด” ดาวเรืองพูดกับพเยียแต่สายตากลับจ้องไปที่เชน

เชนยอมรับว่ารู้สึกกลัวคนตรงหน้าจนพูดไม่ออก เคยได้ยินเรื่องของดาวเรืองมาบ้าง พอมาได้มาเจอกับตัวเองก็รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมากแค่ไหน ขนาดเนื้อตัวมีร่องรอยโดนทำร้ายจนดูแทบไม่ได้ แต่สีหน้าแข็งกร้าวและแววตาเย็นชาช่างดูเหมือนฆาตกรโรคจิตจนเขาไม่กล้าเข้าใกล้

“อย่าไปฟังมัน” เชนรีบบอกกับภรรยาเมื่อเห็นว่าหล่อนมีท่าทีลังเล

“ฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว” พเยียเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดกับเชน ซึ่งคนฟังแสดงอาการดีใจและหันไปยิ้มเยาะให้ดาวเรืองที่กำลังแสดงความผิดหวังในตัวของพเยียอย่างเห็นได้ชัด “เพราะฉะนั้นฉันจะไม่พรากน้องแฝดมาจากน้องโอบ ทั้งฉันและคุณเชนจะไม่แตะต้องอะไรของลูก” คราวนี้เธอหันมาพูดกับดาวเรือง

“ไม่ได้นะเยีย!” เชนตกใจกับการตัดสินใจของพเยีย

“ทรัพย์สมบัติพวกนั้นเป็นของพ่อน้องแฝด มันไม่ใช่ของเราตั้งแต่ต้น ใครจะด่าว่าเยียยังไงเยียไม่เคยสน แต่เยียจะไม่ยอมให้นังบ้านี่มาด่าเยียและดูถูกคุณ กลับกันเถอะค่ะคุณเชน พรุ่งนี้เราจะไปส่งน้องแฝดให้ผู้ปกครองที่แท้จริงของเขา”
 
“แต่ว่า...”
 
“หรือคุณอยากได้สมบัติของน้องแฝดอย่างที่ผู้หญิงคนนี้กล่าวหา”
 
“ไม่ใช่นะ คือผม...”
 
“งั้นพิสูจน์สิคะว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น” พเยียพูดจบก็ดึงมือของสามีให้เดินออกไปโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จากเชนอีก


มีต่อด้านล่าง

V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 07-02-2019 17:18:39
ต่อจากด้านบน

ดาวเรืองพรูลมหายใจและล้มลงนั่งกับพื้น เมื่อครู่เธอแทบประคองตัวเองไม่อยู่แต่ต้องฝืนทำเพราะทนไม่ได้ที่จะมีใครทำให้หนูด้วงต้องเสียใจอีก ทุกครั้งที่หนูด้วงไปเยี่ยมเธอที่คุก หนูด้วงจะเล่าเรื่องโอบอุ้มให้ฟังเสมอ เธอรู้ดีว่าเด็กคนนี้รักพี่โอบของเขามากแค่ไหน เรื่องราวของเด็กแฝดเธอก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้ง แต่พอจับต้นปลายได้เมื่อได้ฟังบทสนทนาของเชนกับพเยีย เธอนึกขำกึ่งสมเพชกับชีวิตคน จะสูงจะต่ำ ถ้าลองมีความโลภไม่หยุดหย่อนก็กลายมาเป็นคนเลวได้ไม่ต่างกัน

“อยู่นี่เอง ดิฉันตามหาตั้งนาน ดีนะคะที่คุณพเยียบอกว่าพี่สาวของเธอเหมือนจะเป็นลมอยู่ในสวน” พยาบาลสาวรีบเข้ามาประคองดาวเรือง

“พเยียบอกคุณแบบนั้นเหรอคะ” ดาวเรืองถาม น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“ใช่ค่ะ พอดีคุณพยนต์เรียกหาเธอ เธอเลยต้องรีบไป กำชับว่าให้ดูแลคุณให้ดี อ้าวคุณ คุณร้องไห้ทำไมคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เดี๋ยวดิฉันเอารถเข็นมารับนะคะ”

ดาวเรืองยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เธออยากจะตอบคุณพยาบาลว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดตรงไหน แต่แค่ดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้แค่นั้นเอง


.................
.


หนูด้วงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเตรียมตัวอ้อนให้พี่โอบนอนกอดตัวเองเพื่อปลอบขวัญ แต่แล้วก็พบเพียงความว่างเปล่า มีเพียงข้อความบนกระดาษโน้ตที่พี่โอบเขียนแปะเอาไว้ตรงหัวเตียง

‘พี่ไปทำธุระนะครับ อย่าดื้ออย่าซน ถ้าไม่เป็นเด็กดีพี่จะกลับมาลงโทษ’

“ไปไหนของเขานะ ไหนว่าจะให้รางวัลหนู หนูอุตส่าห์อาบน้ำจนตัวหอมแล้วเชียว” หนูด้วงบ่นกระปอดกระแปดเมื่อโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว

เกือบชั่วโมงที่ร่างเล็กนอนกลิ้งไปกลิ้งมา พยายามข่มตาให้หลับก็แล้วแต่เมื่อไม่มีพี่โอบอยู่ด้วยก็นอนไม่หลับ ในใจก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าพี่โอบไปทำธุระอะไร สุดท้ายก็ทนไม่ได้จึงลุกขึ้นมาเปิดโน้ตบุ๊กหาเพลงฟังแก้เซ็ง นั่งหาชื่อเพลงที่พี่โอบเก็บเอาไว้ จนเจอชื่อเพลง ‘เรามีเรา’ หนูด้วงไม่เคยรู้จักมาก่อนจึงกดฟัง

‘แต่ก่อนแต่ไรไม่เคยอุ่นใจ โดดเดี่ยวเดียวดายข้างกายไม่มีใครสักคน ฝ่าทางชีวิตทุกข์ภัยผจญ ฝ่าลมและฝนก็โดยลำพัง แต่มาวันนี้คลุกคลีกับเธอ อยู่เคียงกับเธอแล้วทำให้ใจมีพลัง จะเดินต่อไปไม่ยอมหยุดยั้ง หากเดินพลาดพลั้ง ฉันยังมีเธอ’

“นั่นสิ...เราสองคนต่างก็เคยโดดเดียว จนหนูกับพี่ได้มาเจอกันแล้วก็รักกัน อยู่กับพี่โอบหนูก็มีพลังใจมหาศาล แม้ว่าจะต้องเอาตัวไปเสี่ยง แต่หนูก็รู้ว่าจะมีพี่คอยช่วยอยู่ไม่ห่าง แล้วทำไมพี่ถึงไม่ยอมให้หนูไปทำธุระด้วยนะ หนูจะงอนแล้วด้วย” หนูด้วงฟังเพลงไปก็บ่นไป

‘เราสองเคยผ่านชีวิต โดดเดี่ยว สองเราเคยเหนื่อยและท้อ เต็มที หนทางยังอยู่แสนไกลจากวันนี้ เพียงเรามีเรา หากจะเดินไปทางใด ไม่หวั่น’

“เพียงเรามีเรา หากจะเดินไปทางใด ไม่หวั่น” หนูด้วงพยายามจำเนื้อเพลงแล้วร้องคลอตาม

‘จับมือกันเดินด้วยใจอดทน หากใครสักคนล้มลงฉุดมือกันขึ้นไป จะฝ่าประจันทุกข์อันตราย กอดคอกันไปไม่กลัวภัยพาล’

“ใช่มะ มันต้องจับมือกันไป เดี๋ยวพี่โอบกลับมาหนูจะจับมือไม่ปล่อยเลย เนอะน้องด้าวเนอะ”


ระหว่างฟังเพลงเพลินๆ นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นไฟล์ที่พี่โอบเขียนเอาไว้ว่า ‘secret’

“หนูขอดื้อขอซนแบบแอบๆ นะฮะ น้องด้าวอย่าบอกพี่โอบนะ แต่ถ้าพี่โอบจับได้จะลงโทษหนู หนูก็ยอม คิกๆๆ”

หนูด้วงพูดกับตุ๊กตาน้องด้าวพลางมองจ้องไปที่ไฟล์กล้องวงจรปิด แต่มันถูกล็อกเอาไว้ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะหนูด้วงรู้ว่ารหัสผ่านของพี่โอบมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น

‘AUBOUMLOVENOODOANG’

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อรหัสผ่านถูกต้อง หนูด้วงไล่ดูชื่อไฟล์จนเจอกล้องวงจรปิดที่เขียนว่าบ้านบนดอย คนขี้สงสัยยกมือไหว้แทนคำขอโทษที่ถือวิสาสะแอบดูก่อนจะกดเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิด

“พี่โอบอยู่ที่นั่นจริงด้วย ไปจัดการไอ้สามารถคนเดียวได้ไง ถ้าเป็นอันตรายขึ้นมาล่ะ” หนูด้วงขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าโอบอุ้มเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง “เฮ้ย พี่โอบลงไปในถ้ำ มองไม่เห็นแล้วอะ”

แล้วหนูด้วงก็ปิดไฟล์กล้องวงจรปิดตัวที่อยู่ในบ้าน จากนั้นก็มองหาไฟล์กล้องตัวอื่น แล้วก็เจอชื่อกำกับไฟล์กล้องที่เขียนว่าเส้นทางลับ นิ้วเรียวคลิกเปิดกล้อง ทีแรกภาพจากกล้องมีแต่ความมืด หนูด้วงเกือบจะกดปิดแล้ว แต่จู่ๆ ภาพจากกล้องก็มีความสว่างเกิดขึ้นและภาพที่เห็นก็ทำให้หนูด้วงต้องเบิกตาโต มือข้างที่ว่างรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหานกฮูกทันที

“ว่าไงหนูด้วง ยังไม่นอนอีกเหรอ โทรมามีอะไร”

“ห้องแห่งความลับถูกเปิดแล้ว ตามเดอะซูทุกคนทุกคนมาที่บ้านเราด่วน!”


...................


ความมืดที่เริ่มปกคลุมจนแทบมองไม่เห็นอะไรบวกกับร่างกายที่เริ่มอ่อนเพลียทำให้สามารถเริ่มหมดแรงที่จะตะโกนร้องให้คนช่วย หลังจากที่เขาหนีจากวงล้อมไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพวกนั้นได้เขาก็หนีขึ้นมายังบ้านบนดอยหลังนี้ เขาบังเอิญเห็นแผนที่ที่ใครบางคนทำตกเอาไว้ในตลาด เมื่อดูก็พบว่ามันเป็นแผนที่บนเกาะทั้งหมดที่สามารถหาช่องทางหนีไปยังชายหาดด้านหลังเกาะที่ยังเป็นป่ารกทึบได้ เขามาใช้ชีวิตอยู่บนนี้ตั้งแต่วันนั้น น่าแปลกที่บ้านดูสะอาดไม่ใช่บ้านร้าง แต่กลับไม่มีใครขึ้นมาทีนี่เลยสักครั้ง เขาเดาว่าคงเป็นบ้านพักคนรวยที่ขึ้นมาส่องสัตว์ยามว่างเท่านั้นเอง แต่เขาคิดผิด

“ช่วยด้วย หิวน้ำ ใครก็ได้ช่วยที”

สามารถพึมพำด้วยเสียงที่แผ่วเบา ที่เขาตัดสินใจกลับขึ้นมาที่นี่เพียงเพราะจะใช้เส้นทางลับจากถ้ำนี้แห่งนี้หนีไปตั้งหลักบริเวณหลังเกาะชั่วคราวก่อน เขาเคยมาสำรวจครั้งหนึ่งก็พบว่าภายในถ้ำถูกทำให้เป็นทางเดินสะดวกสบาย และมันเป็นทางเข้าออกเดียวที่จะไปยังพื้นที่ฝั่งหลังเกาะได้ ที่ตีนเขามีป้ายปักไว้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย ซึ่งเขาเดาว่าเจ้าของบ้านคงไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะรู้จักที่นี่แน่
 
แต่มาครั้งนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ปากทางออกของถ้ำกลับมีกรงเหล็กมากั้นเอาไว้ เขาค่อนข้างหัวเสียที่ออกไปหลบด้านนอกไม่ได้ พอเขาจะกลับขึ้นไปบนบ้าน จู่ๆ ก็มีกรงเหล็กขังเอาไว้ไม่ต่างจากปากถ้ำทั้งที่ตอนลงมามันยังไม่มี ตอนนี้เขาเหมือนกับติดคุก คุกที่เต็มไปด้วยความเหน็บหนาวและมืดมิด เขาพยายามหาทางออกจากที่คุมขังนี้จนสุดแรงแต่มันก็ไร้ประโยชน์
 

“หิวเหรอ” เสียงทุ่มนุ่มเอ่ยถามจนสามารถรีบลุกขึ้นมามองหาที่มาของเสียง

“ใคร ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”

แล้วความมืดมิดก็ถูกทำลายด้วยแสงไฟ มันสว่างจ้าจนสามารถต้องหันหน้าหนี เมื่อปรับสายตาได้แล้วจึงกันกลับมามอง ด้านนอกกรงขังมีใครบางคนยืนอยู่ เขาพยายามมองฝ่าแสงสว่างจากหลอดไฟดวงโตจนกระทั่งภาพนั้นชัดขึ้น

“ไอ้สัตว์!”

“ครับ ผมเอง”

“มึง มึง...นี่มึงเป็นคนขังกูเหรอ”

“มันคือห้องนอนนะครับ คุณบอกผมเองว่ามันคือห้องนอน”

“กู...” สามารถพูดไม่ออก เขานึกย้อนไปสมัยที่ขังเด็กคนนี้เอาไว้ในกรง มันถูกทำโทษเพราะไม่ยอมไปขอทานตามคำสั่งของเขา พอมันขอร้องเขา เขาก็ปลอบมันไปว่านี่คือห้องนอนของมัน ตอนนี้มันย้อนกลับมาทำแบบนั้นกับเขาบ้างแล้ว

“หิวน้ำเหรอครับ นี่ไงน้ำ” โอบอุ้มยื่นขวดน้ำลอดผ่านลูกกรง แต่สามารถไม่กล้ารับมาดื่ม “ผมไม่ได้ใส่ปัสสาวะให้คุณดื่มเหมือนที่คุณคิดทำกับผมหรอก”

“มึงแก้แค้นกูเหรอ”

“ผมดูเลวแบบนั้นเลยเหรอครับ”

“หึ...อยากจะฆ่ากูก็ฆ่าเลย” สามารถปัดขวดน้ำทิ้งเมื่อเห็นสายตาเยาะเย้ยจากอีกฝ่าย

“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก แต่ถ้าคุณอยากตายผมก็ไม่ขวาง ที่มุมถ้ำมีเชือกอยู่” โอบอุ้มชี้ไปที่มุมด้านหลังของสามารถ

“ไหนไอ้พญามันป่าวประกาศว่าลูกมันเป็นคนดี มึงก็เลวไม่ต่างจากกูหรอก”

“ผมอยากเป็นคนดี ที่ผ่านมาผมลืมเรื่องคุณไปแล้ว ผมไม่เคยคิดอยากแก้แค้นใคร”

“แล้วมึงขังกูทำไม”

“ก็มึงทำให้หนูด้วงเจ็บ” ความสุภาพที่มีหายไปในพริบตาเมื่อโอบอุ้มนึกถึงรอยแดงที่ข้อมือของหนูด้วง เสียงที่เยียบเย็นและดวงตาที่แข็งกร้าวของอีกฝ่ายทำให้สามารถรีบถอยตัวออกห่าง

“กู กูไม่ได้ตั้งใจ” สามารถรีบบอกเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าอาจจะฆ่าตัวเองได้จริงๆ เพราะความโกรธ

“มึงคิดจะข่มขืนหนูด้วง คิดจะลักพาตัวลูกของกู นี่ใช่ไหมที่ไม่ได้ตั้งใจ กูจะบอกมึงให้นะ กูอยากเป็นคนดี แต่มึงไม่เคยส่งเสริมกูเลย ถ้าตอนนี้กูจะเลว คงสมใจมึงใช่ไหม”

“ไอ้สัตว์ เอ้ย โอบ ชื่อโอบอุ้มใช่ไหม น้าขอโทษนะ น้าสัญญาว่าจะแก้ไขตัวเอง ให้โอกาสน้านะ แล้วน้าไม่ได้ลักพาตัวโอบมาจากครอบครัวนะ พ่อของโอบเอาโอบมาขายใช้หนี้ น้าพูดจริงๆ ไม่ได้โกหก ไปถามไอ้พญาสิ มันเคยมาเค้นถามน้าเรื่องครอบครัวของโอบแล้ว มันไปเจอพ่อโอบมาแล้วด้วย พ่อแท้ๆ ของโอบเป็นนักพนันตัวยง แต่ไอ้พญามันให้น้ารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับโอบหรือใครอีก มันกลัวโอบรู้ความจริงแล้วจะเสียใจเลยให้น้าโกหกว่าลักพาตัวโอบมา” จริงอยู่ว่าสามารถพยายามพูดหว่านล้อมให้โอบอุ้มสงสารตัวเอง แต่ที่มันพูดไปคือเรื่องจริงทั้งหมด
 

“........”

“น้าพูดจริงนะ ที่น้าทำรุนแรงกับโอบตอนนั้นก็เพราะต้องเอาตัวเองให้อยู่รอด ถ้าน้าไม่ทำน้าก็ถูกเจ้านายลงโทษอีกทีหนึ่ง แต่น้าก็ไม่เคยให้โอบอดตายนะ ก็ยังหาข้าวให้กินหาที่ให้นอน ต่างจากคนอื่นๆ เห็นไหมพวกมันต้องนอนข้างถนน”

“ขอบคุณที่ให้น้ำให้ข้าวและที่นอนกับผม” สามารถแอบโล่งใจเมื่อโอบอุ้มกลับมาสุภาพเหมือนเดิม “ผมจะยอมให้คุณเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะหาทางออกจากเกาะนี้ไปได้ยังไงก็ตาม ถ้าคุณเดินออกจากถ้ำนี้ไปแล้วถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้าง แต่ถ้าคุณยอมมอบตัวและสารภาพความผิดทั้งหมด ก็จงเลือกที่จะอยู่ที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้ตำรวจจะมารับตัวคุณไป”
 

“ขอบคุณนะ ขอบคุณ” สามารถยอมยกมือไหว้คนที่ครั้งหนึ่งเรียกฝ่ายนั้นเรียกว่าไอ้สัตว์

เสียง ‘คลิก’ ดังมากจากกรงเหล็กทางฝั่งปากถ้ำเมื่อตัวล็อกไฟฟ้าถูกปลดออก สามารถรีบพยุงร่างที่อ่อนแรงของตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินโซเซออกไปก่อนจะพึมพำเบาๆ

“อยู่รอตำรวจให้โง่สิ มึงมันใจอ่อนเกินไปไอ้สัตว์ ริอาจจะมาขู่คนอย่างกู ถ้ากูรอดไปได้กูจะกลับมาทำให้มึงต้องจำกูจนวันตาย”

“เดี๋ยวก่อน” โอบอุ้มพูดขึ้นมาก่อนที่สามารถจะเดินพ้นไปไกล

“อะไร” สามารถระแวงกลัวว่าโอบอุ้มจะเปลี่ยนใจ

“ผมมีพ่อเพียงคนเดียว พ่อของผมชื่อพญา ภูมิเทพ”

“อยากมีไอ้พญาเป็นต้นแบบว่างั้น หึหึ...มึงไม่เหมือนมันสักนิดเดียว ฮ่าๆๆ”
 


สามารถเดินหัวเราะเยาะความคิดโง่ๆ ของโอบอุ้มจนพ้นปากถ้ำ เดินออกมาได้ระยะห่างพอประมาณจนเริ่มเห็นชายหาดอยู่ไม่ไกล ถ้าตาไม่ฝาดมันเห็นว่ามีเรือเก่าๆ ลำเล็กลำหนึ่งจอดอยู่ ร่างที่อ่อนแรงพยายามฝืนให้เดินไปให้ถึงเรือลำนั้น ไม่ว่ามันจะใช้การได้หรือไม่ก็ถือว่าเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ตัวเองออกจากเกาะนี้ไปได้

โฮก..

ทันทีที่ขาแตะพื้นทรายสามารถได้ยินเสียงขู่กรรโชกดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็แทบล้มทั้งยืน ด้วยความกลัวอย่างสุดชีวิตจึงลืมไปว่าตัวเองอ่อนแรงอยู่ พละกำลังทั้งหมดที่มีถูกใช้ไปกับการปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ได้ในพริบตาเพื่อเอาชีวิตรอดจากการเป็นอาหารของสัตว์หน้าขนตัวใหญ่ที่ยังคงส่งเสียงคำรามขู่เขาไม่เลิก

“สิงโตแม่งมามาได้ยังไงวะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”

โฮก...

“ไอ้สัตว์ แผนของมึงใช่ไหม มึงคิดฆ่ากู จะให้กูเป็นเหยื่อของสิงโต แม่งเอ้ย! อย่าให้กูรอดไปได้นะ กูจะฆ่ามึงกับไอ้เด็กด้วงนั่น ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”
 
สามารถตะโกนด่าโอบอุ้มจนหมดแรง ทำได้แค่เฝ้ามองสิงโตตัวใหญ่ที่นอนหมอบอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยความกลัว สักพักก็หัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า เขารับรู้แล้วว่าทำไมไอ้เด็กนรกนั่นถึงบอกว่ามันเป็นลูกของพญา

“กูเข้าใจที่มึงจะบอกกูแล้วไอ้สัตว์ เห็นทำตัวติ๋มๆ ห่าเอ้ย โหดยิ่งกว่าคนที่มันเรียกพ่ออีก”



โปรดติดตามตอนต่อไป


หายไปนานมากกกกกก เขาขอโทษน้า หลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ต้องชะงักไป

แต่รับประกันได้แน่ๆ ว่าไม่เท ยังไงต้องจบ ช้าบ้างหายบ้างขอได้โปรดรอเขาหน่อยนะคะ

เรื่องปลดล็อกให้ความรักฉบับรวมเล่มจะมาแล้วน้า ตอนพิเศษสนุก! (ขายของหน่อย)

ยังไงรับยุงพญาสายเปย์และทีมมาเฟียเกลียมัวไว้ในอ้อมไตด้วยนะคะพี่จ๋าทุดคนทุดคน

ส่วนคำผิดเดี๋ยวเลิฟตามมาแก้ทีหลังนะคะ

ขอบคุณที่ยังติดตามและคอยให้กำลังใจกันนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า

...รัก...
   







[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)

[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-02-2019 17:52:34
ยังไม่สะใจเลย  :katai1: :katai1: :katai1: ดีใจกับดาวเรืองด้วย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-02-2019 18:28:04
สิงห์โตขย้ำให้ตายไปเลย

เพราะติดคุกแป๊บเดียวแม่งก็ออกมา

ทำร้ายใครต่อใครได้อีก
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-02-2019 18:53:41
ไม่สำนึก​ น่าโดนขย้ำ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-02-2019 19:16:31
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-02-2019 19:31:28
สนุกมากกกกก สนุกที่สุด เจ๋งมากพี่โอบ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 07-02-2019 19:48:26
รักดาวเรือง อ่ะ จริงๆอยากให้น้าเยีย หย่า กับสามีไปเลย เกลียด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 07-02-2019 21:22:33
ดาวเรืองสุดยอด  :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-02-2019 22:06:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ดีใจจัง  หนูด้วงกลับมาแล้ว

คนเลวนี่มันเลวลึกไปถึงกมลสันดานจริง ๆ ไอ้เ-ี้ยสามารถ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-02-2019 22:21:05
โอบอุ้มเวอร์ชั่นโหด :ling2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 08-02-2019 02:00:09
 ขนาด​ว่าสถานการณ์​กำลัง​ตรึง​เครียด​อยู่​เรายังต้อง​หัวเราะ​ออกมาเลย:pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 08-02-2019 02:57:02
กรี๊ดดดดดด พี่โอบ!!!

พ่อคุณ พ่อโหดเหี้ยมกับศัตรู แต่อ่อนโยนกับหนูด้วง :o8:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 08-02-2019 03:53:25
 :mew1: :mew1: หลงรักหนูด้วงตลอด
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-02-2019 14:52:12
 :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 09-02-2019 14:25:50
อยากให้ครอบครัวพญา โดยเฉพาะนายหัวพยนต์ยอมรับดาวเรืองเร็วๆ  จะได้เห็นดาวเรืองมีความสุขในบั้นปลายของชีวิตว่ายังมีคนที่รักอยู่รอบข้าง เพียงแต่ให้ใจกันเท่านั้น

รอว่าเมื่อไรนายหัวพยนต์จะกระชากหน้ากากของลูกเขยตัวแสบได้ซักที  ไอ้สามารถน่าจะโดนสิงโตขย้ำให้ตายไปเลยให้สมกับความเลวของมัน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2019 22:33:15
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-02-2019 22:23:23
ตลกหนูด้วง แพ้ทางพี่โอบมากเลยค่ะ
แล้วคืออะไร อาบน้ำตัวหอมรอพี่มากอด
หนูด้วงจะเล่นตัวบ้างก็ได้ ไม่มีใครห้ามเลยลูก

โอบอุ้มต้องร้ายเพราะความจำเป็น
เพื่อปกป้องทุกคนที่รัก และหนูด้วงคือคนสำคัญ

แล้วทีมเดอะซูจะตามไปช่วย หรือไปป่วนกันนะ

รอบนี้เชียร์ดาวเรืองค่ะ คะแนนมาแล้ว
ทำดีไม่ต้องรอให้ใครเห็นนะ เพื่อตัวเองด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-02-2019 17:08:21
กรี๊ดดดด พี่โอบเวอร์ชั่นโหดดดดด ลูกพ่อพญาตัวจริงเสียงจริง บังอาจมาแตะต้องหนูด้วงสุดรักสุดหวง ฮึ! มันต้องเจออย่างนี้!!
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 26-02-2019 13:27:14
รู้สึกดีใจที่พเยียและดาวเรืองคิดได้ ไม่อยากให้มีดราม่าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mashimashi ที่ 05-03-2019 22:55:09
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 19 เรามีเรา 07/02/62 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2019 17:04:48
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 19-03-2019 17:34:53
เพลงรักที่ 20

Part 1 เหมือนเคย
ศิลปิน บอย โกสิยพงษ์

(โอบอุ้ม)



เมื่อคืนหนูด้วงไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน ได้แต่ส่งข้อความมาบอกผมว่านกฮูกเหงาเลยตัดสินใจไปนอนที่หอเป็นเพื่อนนกฮูก ผมคิดว่าน้องอาจจะงอนที่ผมออกไปข้างนอกโดยไม่บอกเขาล่วงหน้าและทิ้งแค่ข้อความเอาไว้เท่านั้น นั่นเพราะผมรู้หากผมบอก น้องจะต้องขอตามไปด้วย แม้ผมจะเคยสัญญาว่าถ้าผมไปไหนผมจะพาเขาไปด้วย แต่สิ่งที่ผมจะไปทำมันคือสิ่งที่น้องไม่ชอบ เพราะน้องมีจิตใจที่อ่อนโยน ผมจึงไม่อยากให้น้องไปเห็นว่าผมตัดสินใจทำอะไรกับผู้ชายคนนั้น คนที่มันบังอาจคิดไม่ดีและทำให้น้องต้องเจ็บตัว

เช้านี้ผมตั้งใจว่าจะไปรับเขาและพาเขาไปรับน้องแฝดกลับบ้านด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ออกจากบ้าน ป้าประนอมก็ขึ้นมาตามผมเสียก่อน

“คุณโอบคะ มีตำรวจมาขอพบค่ะ”

“เชิญเขาไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนครับป้า เดี๋ยวผมตามลงไป” ผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเตรียมตัวลงไปพบคุณตำรวจ

ถ้าเป็นไปตามแผน ทางตำรวจคงจะเจอศพไอ้สามารถแล้ว มันไม่ได้ถูกสิงโตกินอย่างแน่นอน เพราะผมพาสิงโตตัวนั้นกลับเข้ากรงก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมแค่อยากให้มันรับรู้ความรู้สึกของการเป็นเหยื่อที่ไร้อิสรภาพ ผมนั่งดูมันร้องไห้สลับกับหัวเราะอยู่บนต้นไม้เป็นชั่วโมง จนมันผล็อยหลับผมส่งจึงสัญญาณเรียกให้สิงโตที่เลี้ยงเอาไว้กลับเข้ามาในกรง ส่วนที่ผมคิดว่ามันอาจจะตายไปแล้วเพราะเรือลำเล็กที่จอดอยู่ริมชายหาดมันพร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลาหากมีใครสักคนไปสตาร์ทเครื่องยนต์

“สวัสดีครับคุณตำรวจ” ผมยกมือไหว้ตำรวจทั้งสองนายที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก

“สวัสดีครับคุณนโม”

“เรียกผมว่าโอบอุ้มเถอะครับ”

“ครับคุณโอบอุ้ม ผมจะมาแจ้งว่าเราพบนายสามารถแล้ว มีคนแจ้งว่ามันหนีไปกบดานที่ท้ายเกาะโน้นเลยครับ ทีแรกผมคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้เพราะเกาะฝั่งนั้นรกร้าง การจะข้ามไปได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ดีไม่ดีอาจจะโดนสัตว์ป่ากินเสียก่อน แต่เมื่อมีคนแจ้งมาทางผมก็เลยส่งกำลังไปตรวจค้น แล้วก็พบหมอนั่นจริงๆ สภาพอิดโรยมาก“

“เขาคงดวงดีมากนะครับที่ไม่โดนสัตว์ป่ากินเสียก่อน” ผมไม่ได้แสดงอาการใดๆ ทั้งที่กำลังรู้สึกประหลาดใจ คนเห็นแก่ตัวและเอาตัวรอดเก่งอย่างไอ้สามารถ ทำไมมันถึงไม่ลงเรือหนีไป ดวงมันคงดีอย่างที่ผมพูดไป เพราะหากมันเลือกที่จะหนี จุดหมายเดียวที่มันจะไปถึงคือนรก

“คือนายสามารถให้การกับทางเราว่าคุณโอบอุ้มจับตัวเขาไปกักขัง แถมยังปล่อยสิงโตมาทำร้ายเขา เขาบอกว่าที่เขาหนีไปท้ายเกาะได้เพราะคุณวางแผนเอาไว้ บ้านพักบนดอยของคุณมีทางลับที่พาไปยังท้ายเกาะได้ พอเราตรวจดูก็พบว่ามีทางลับเส้นนั้นจริงๆ แถมยังมีกรงขังตามที่นายสามารถบอกเล่าทุกอย่าง เราจึงต้องมาเชิญคุณโอบไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ”

“ยินดีครับ เส้นทางลับนั้นมีจริง แต่ผมทำเอาไว้เวลาที่ต้องพาสัตวแพทย์ไปดูแลสัตว์บางตัวที่อาศัยอยู่ที่ป่าหลังเกาะ พวกมันอยู่กันแบบอิสระ แต่ผมจะจับมันใส่กรงต่อเมื่อมันป่วย ผมฝังชิพพวกมันเอาไว้เพื่อการศึกษาครับ” ผมพูดเหตุผลทุกอย่างตามจริง แต่ก็นึกสงสัยว่าใครกันที่รู้ว่าผมกับไอ้สามารถไปที่นั่น “พอจะบอกผมได้ไหมครับว่าใครแจ้งความบอกทางคุณตำรวจว่านายสามารถหนีไปอยู่ที่นั่น”

“ผู้หวังดีแจ้งชื่อไว้ว่านายด้าวครับ”

ผมได้ยินชื่อแล้วก็ยิ้มพลางส่ายหน้า ไม่ใช่ใครอื่นจริงๆ เจ้าตัวยุ่งของผมนั่นเอง
 

….


เมื่อผมไปถึงโรงพักก็ได้ยินเสียงไอ้สามารถโวยวายดังมาก่อนตัว ข้างกายของมันมีผู้ชายท่าทางดูดีคนหนึ่งยืนคุยกับคุณตำรวจอยู่ เมื่อคุณตำรวจแนะนำผมถึงได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือทนายของมัน มันแจ้งตำรวจว่าผมข่มขู่และกักขังหน่วงเหนี่ยวมัน

“ผิดก็ส่วนผิด ผมยอมรับความผิด แต่ผมก็ไม่ยอมในสิ่งที่มันทำกับผม ผมเกือบตาย มันปล่อยให้สิงโตมากินผม มันตั้งใจจะฆ่าผม” ไอ้สามารถพูดเสียงกร้าว แต่พอมันเห็นสายตาของผมมันก็หยุดพูดแล้วหันไปมองหน้าทนายของมัน คนอย่างมันไม่มีปัญญาจ้างทนายหรอก คงมีใครสักคนหนุนหลังมันอยู่

“คุณหนีขึ้นไปเอง ใครๆ ก็รู้ว่าเขาลูกนั้นมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เต็มไปหมด การที่คุณจะเจอสิงโตสักตัวมันไม่ใช่เรื่องแปลก” ผมตอบเสียงเรียบ

“ไม่จริง มึงวางแผนเอาไว้ทั้งหมด มึงต้องการฆ่ากู”

“จะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานนะครับ” คุณตำรวจพูดกับทนายของมันแทนผม

“นายสามารถบอกว่าที่นั่นมีกล้องวงจรปิด” ทนายของมันตอบกลับ

“มีครับ ถ้าคุณตำรวจต้องการผมจะให้คนเอามาให้” ผมตอบรับ

“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมันสั่งให้คนทำลายหลักฐาน คุณตำรวจต้องไปเอามาเอง” ไอ้สามารถรีบแย้ง

“นายสามารถบอกว่าคืนนั้นคุณอยู่กับเขา คุณมีพยานยืนยันไหมครับว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นั่น” คราวนี้ท่านสารวัตรเป็นคนหันมาถามผม

“มีครับ พี่โอบอยู่กับหนูเอง” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ทุกคนหันไปมอง เจ้าของเสียงก็คือหนูด้วง ซึ่งเดินขึ้นมาบนโรงพักพร้อมกับป๊าพญา

“สวัสดีครับคุณพญา” ท่านสารวัตรทักทายป๊าก่อนจะหันไปรับไหว้หนูด้วง

“มันโกหก! มันเป็นผัวเมียกันยังไงต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว” ไอ้สามารถรีบโวยวายเมื่อเห็นป๊า สีหน้าของมันซีดหนักกว่าเดิมแต่ยังคงทำปากดี

“แต่หนูมีหลักฐานนะฮะ”

“ไหน หลักฐานอะไร เอามาให้กูดู”

“คุณอยู่เงียบๆ ก่อนได้ไหม ผมจัดการเอง” ทนายหันไปตำหนิลูกความของตัวเอง ถ้าผมคิดไม่ผิด ผมว่าป๊ารู้ว่าใครส่งทนายคนนี้มา เพราะป๊าจ้องหน้าทนายตลอดจนฝ่ายนั้นเริ่มออกอาการกังวล

“นี่ไงฮะ เมื่อคืนนี้หนูกับพี่โอบ...แบบว่า...นี่ไง” หนูด้วงดึงคอเสื้อลงจนเห็นรอยแดง “เรากำลังโรมรันพันตูกันอยู่ ไม่ว่างไปทำร้ายใครหรอกฮะ ยังไม่เชื่อเหรอฮะ หนูมีโชว์ให้ดูอีกนะ”

“นะ นะ หนูด้วง!” ป๊าพญารีบดึงมือของหนูด้วงออกจากชายเสื้อของตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอึ้งไปต่อไม่ถูก

“หลักฐานแค่นี้มันไม่พอหรอกครับ” ทนายของไอ้สามารถแย้ง “แค่คุณเอาไฟล์กล้องวงจรปิดบ้านบนดอยมาให้ทุกคนดูก็จบ”

“ดูมึงจะมั่นใจเหลือเกินนะว่าเจ้าอุ้มอยู่ที่นั่น เจ้านายของมึงอยากทำลายชื่อเสียงเจ้าอุ้มมากเลยสินะ”

“คุณพูดถึงใครคุณพญา ผมไม่เข้าใจ”

“กูเชื่อว่ามึงยังไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามึงหาเรื่องใส่ตัวเอง”

“คุณข่มขู่ผมต่อหน้าคุณตำรวจเลยนะคุณพญา”

“เอาเป็นว่า ผมขอไฟล์กล้องวงจรปิดบ้านบนดอยได้ไหมครับ ถ้าไฟล์ภาพที่ได้มาไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างของนายสามารถ เราจะได้ดำเนินการเรื่องความผิดของนายสามารถให้จบ”

“งั้นผมขอล็อกอินจากคอมของคุณตำรวจเลยนะครับ” ผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะถ่วงเวลาเอาไว้

ป๊าพญาจับไหล่ผม สีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมยอมรับว่าตัวเองสะเพร่าไม่ได้ปิดกล้องตอนที่ขึ้นไปที่นั่น ไม่ทันคิดว่าไอ้สามารถมันจะมีโอกาสรอดชีวิตเพื่อมาเอาคืนผมได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะถึงยังไงในคลิปก็จะเห็นว่ามันเลือกที่จะเดินออกไปเอง

ผมเปิดอีเมล์และอธิบายไฟล์กล้องแต่ละให้คุณตำรวจฟัง จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาที่จะดำเนินการต่อ เนื่องจากกล้องมันมีหลายตัว คุณตำรวจจึงใช้เวลาไล่ดูแต่ละไฟล์นานพอสมควร พักใหญ่ท่านสารวัตรก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกจากโต๊ะแล้วเดินมาหาพวกผม

“จับนายสามารถไปขังตามเดิม” ท่านสารวัตรเป็นคนออกคำสั่งก่อนจะหันมาพูดกับผม “ขอบคุณมากนะครับสำหรับหลักฐานที่ใช้มัดตัวนายสามารถได้แน่นกว่าเดิม คุณโอบอุ้มพ้นข้อกล่าวหาแล้วครับ”

“อะไรนะ! คุณตำรวจเป็นพวกมันใช่ไหม หลักฐานคาตาแบบนี้ยังจะปล่อยมันไป” ไอ้สามารถหัวฟัดหัวเหวี่ยง เตรียมจะลุกมาหาผมจนโดนนายตำรวจสองคนเข้าไปคุมตัวอย่างใกล้ชิด

“ผมขอดูไฟล์จากกล้องวงจรปิดได้ไหมครับ” ทนายของไอ้สามารถทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะขอดูหลักฐานบ้าง

“หนูว่าเปิดให้ดูพร้อมกันเลยก็ได้ฮะ จะได้ยุติธรรม” หนูด้วงเสนอ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมคุณตำรวจถึงบอกว่าผมพ้นข้อกล่าวหา เพราะอย่างน้อยก็ถือว่าผมกักขังหน่วงเหนี่ยวมันจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้ครับ” ท่านสารวัตรเชิญทุกคนไปที่ห้องประชุมเพื่อจะได้ดูคลิปจากกล้องวงจรปิดพร้อมกัน

ท่านสารวัตรพาพวกเรามาที่ห้องประชุมนี้เพราะที่นี่มีจอภาพขนาดใหญ่พอที่จะทำให้ทุกคนดูคลิปได้พร้อมกัน ไฟล์แรกที่คุณตำรวจเลือกมาเปิดให้ดูคือตอนที่ไอ้สามารถมันเดินวนอยู่ภายในบ้าน มันเดินวนรื้อค้นข้าวของ ผมเดาว่ามันคงหาของมีค่า เมื่อมันไม่เจออะไรก็หยิบของในตู้เย็นมากินราวกับเป็นเจ้าของบ้าน สักพักใหญ่มันถึงเดินไปทางหลังบ้าน ผมนึกแปลกใจว่าทำไมจึงไม่มีภาพของผมเดินตามมันไป ต้องมีคนทำอะไรกับไฟล์กล้องวงจรปิดพวกนี้

ไฟล์ที่ถูกเปิดต่อมาคือภาพจากกล้องตัวที่ติดอยู่ด้านหลังของบ้าน ในคลิปเห็นได้ชัดว่าไอ้สามารถมันกำลังเดินไปยังช่องทางลับ ก่อนจะเข้าไปมันยังยืนฉี่ใส่ปากทางเข้าแล้วหัวเราะชอบใจ หนูด้วงเห็นแล้วส่งเสียง ‘อี๋’ ออกมาจนมันหันมาถลึงตาใส่ แต่พอเจอทั้งผมและป๊าจ้องตามันกลับ มันถึงรีบหดคอแล้วขยับไปหาทนายของมัน

“แล้วไฟล์นี้คือคลิปในถ้ำ” ท่านสารวัตรพยักหน้าให้ลูกน้องเปลี่ยนไฟล์คลิปอีกอัน

แล้วสิ่งที่ได้เห็นคือภาพของไอ้สามารถกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ไฟล์นี้มาจากกล้องตัวที่หันไปทางมันคนเดียว ภาพฉายตั้งแต่เริ่มคลิปจนถึงตอนที่มันเดินออกจากปากถ้ำไป แต่กล้องตัวนี้บันทึกเสียงไม่ได้ จึงไม่มีใครรู้ว่ามันพูดคุยกับใคร

“คุณไม่ได้ถูกกักขังอะไรเลย ในคลิปเห็นอยู่ว่ากรงเปิดออกง่ายๆ แล้วคุณก็เดินออกไปเอง ผมเช็คทุกคลิปแล้ว ไม่มีคุณโอบอุ้มในเลยสักคลิปเดียว”

“มันมีกล้องอีกตัวที่หันไปทางมัน ผมเห็นติดไว้ตรงปากถ้ำ คุณตำรวจเลือกเปิดแต่ฝั่งผม ไม่ยุติธรรม” มันรีบฟ้องท่านสารวัตร

“ใช่ มันมีไฟล์คลิปกล้องตัวนั้น แต่คุณอยากให้ผมเปิดจริงเหรอ” ท่านสารวัตรละสายตาจากจอภาพแล้วหันมาถาม

“ต้องเปิดสิครับ ดูก็รู้ว่านายสามารถกำลังคุยกับใครสักคน แล้วกรงที่เปิดออก ลักษณะเหมือนว่ามีคนกดเปิดให้ เพราะฉะนั้นต้องขอดูเหตุการณ์ก่อนหน้าที่กรงจะเปิดจากกล้องอีกฝั่ง” ทนายของไอ้สามารถยังคงพยายามที่จะหาความผิดของผม

“เฮ้อ ตามใจก็แล้วกัน แล้วจะหาว่าผมทำให้อับอายไม่ได้นะ กล้องตัวนี้สามารถเก็บเสียงได้ด้วย เดี๋ยวเอาโน้ตบุ๊กอีกตัวมาเปิดพร้อมกับไฟล์ของนายสามารถเลย จะได้ดูการโต้ตอบของทั้งสองฝั่ง” ท่านสารวัตรสั่งให้ลูกน้องของตัวเองเปิดไฟล์คลิปสุดท้ายพร้อมกับไฟล์กล้องที่หันไปทางไอ้สามารถอีกครั้ง

.
.
.


‘หิวเหรอ’ เสียงที่เอ่ยออกมาเป็นเสียงบี้แบนเหมือนเสียงเป็ด ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายไปยังต้นเสียงค่อนข้างมืดมัวจนเห็นคนพูดเพียงแค่ลางๆ ผมเริ่มขมวดคิ้วเพราะว่ามันไม่ใช่เสียงของผมและเงาลางๆ ที่อยู่หน้ากรงขังก็ไม่ใช่ผมแน่นอน

‘ใคร ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย’ เสียงของไอ้สามารถตะโกนขอความช่วยเหลือ

แล้วความมืดในคลิปก็ถูกทำลายด้วยแสงไฟที่สว่างจ้า ภาพจากกล้องที่หันไปทางไอ้สามารถกำลังฉายภาพมันหันหน้าหนีแสงไฟ เมื่อมันปรับสายตาได้แล้วจึงหันกลับมามอง คราวนี้บนจอภาพใหญ่ฉายให้เห็นด้านนอกกรงขังว่ามีใครบางคนยืนอยู่ ทุกคนเพ่งพยายามมองไปที่จอภาพขนาดใหญ่แล้วก็ต้องตกใจ

“นั่นมันน้องด้าวนี่นา” หนูด้วงทำเสียงแปลกใจ แต่ผมรู้ได้ทันทีว่าถึงคราวซวยของไอ้สามารถจริงๆ น้องด้าวไม่เคยปราณีใคร และไม่มีใครเคยพ้นจากความผิดถ้ามีน้องด้าวปรากฏตัว

‘ไอ้สัตว์!’

‘ครับ ด้าวเอง’

‘มึง มึง...นี่มึงเป็นคนขังกูเหรอ’

‘ขังอะไร คุณเดินเข้าไปเองแท้ๆ’

‘กู...’ สามารถพูดไม่ออก

‘หิวน้ำเหรอครับ ที่นี่ไม่มีน้ำ มีแต่ฉี่สิงโต ในขวดนี่ไง’

‘มึงแก้แค้นกูเหรอ’

‘ผมมาทวงความยุติธรรม’

‘หึ...อยากจะฆ่ากูก็ฆ่าเลย’ สามารถปัดขวดน้ำทิ้ง

‘ผมไม่ฆ่าคุณหรอก แต่ถ้าคุณอยากตายผมก็ไม่ขวาง ที่มุมถ้ำมีเชือกอยู่’

‘ไหนไอ้พญามันป่าวประกาศว่าลูกมันเป็นคนดี มึงก็เลวไม่ต่างจากกูหรอก’

‘ถึงผมจะเป็นแค่ตุ๊กตา ไม่ใช่ลูกแต่ก็เหมือนลูกของผู้ยิ่งใหญ่ แล้วผมก็นิสัยดีกว่าคุณ และต่างจากคุณเหอะ เพราะผมจับผู้ร้ายได้ทุกซีซั่น ผมไม่อยากจะคุย’

‘แล้วมึงขังกูทำไม’

‘ผมไม่ได้ขัง คุณเข้าไปเองนะ แต่..คุณทำให้หนูด้วงเจ็บตัว”

‘กู กูไม่ได้ตั้งใจ’

‘มึงคิดจะข่มขืนหนูด้วง คิดจะลักพาตัวน้องแฝด นี่ใช่ไหมที่ไม่ได้ตั้งใจ ผมจะบอกคุณให้นะ คนอย่างคุณมันต้องติดคุกหัวโต ผมจะทำให้คุณติดคุก’

‘ไอ้สัตว์ เอ้ย โอบ ชื่อโอบอุ้มใช่ไหม น้าขอโทษนะ น้าสัญญาว่าจะแก้ไขตัวเอง ให้โอกาสน้านะ แล้วน้าไม่ได้ลักพาตัวโอบมาจากครอบครัวนะ พ่อของโอบเอาโอบมาขายใช้หนี้ น้าพูดจริงๆ ไม่ได้โกหก ไปถามไอ้พญาสิ มันเคยมาเค้นถามน้าเรื่องครอบครัวของโอบแล้ว มันไปเจอพ่อโอบมาแล้วด้วย พ่อแท้ๆ ของโอบเป็นนักพนันตัวยง แต่ไอ้พญามันให้น้ารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับโอบหรือใครอีก มันกลัวโอบรู้ความจริงแล้วจะเสียใจเลยให้น้าโกหกว่าลักพาตัวโอบมา’

‘........’

‘น้าพูดจริงนะ ที่น้าทำรุนแรงกับโอบตอนนั้นก็เพราะต้องเอาตัวเองให้อยู่รอด ถ้าน้าไม่ทำน้าก็ถูกเจ้านายลงโทษอีกทีหนึ่ง แต่น้าก็ไม่เคยให้โอบอดตายนะ ก็ยังหาข้าวให้กินหาที่ให้นอน ต่างจากคนอื่นๆ เห็นไหมพวกมันต้องนอนข้างถนน’

‘ขอบคุณที่ให้น้ำให้ข้าวและที่นอนกับคุณโอบอุ้ม แต่ผมไม่ใช่คุณโอบ ไว้ไปสารภาพกับเขาเองเถอะ ท่าทางจะหิวจนตาลายสินะ’ เสียงจากตุ๊กตามนุษย์ต่างดาวหยุดลงพักหนึ่งก่อนจะเริ่มส่งเสียงต่อ ‘ผมจะยอมให้คุณเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ถ้าคุณเดินออกจากถ้ำนี้ไปแล้วถือว่านี่คือโอกาสของคุณ ไม่ว่าคุณจะหาทางออกจากเกาะนี้ไปได้ยังไงก็ตาม เป็นตายคุณเลือกเอง แต่ถ้าคุณยอมมอบตัวสารภาพความผิดทั้งหมด ก็จงเลือกที่จะอยู่ที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้ตำรวจจะมารับตัวคุณไป’

‘ขอบคุณนะ ขอบคุณ’ ถึงตรงนี้เป็นภาพไอ้สามารถกำลังยกมือไหว้ นายตำรวจหลายคนแอบหัวเราะเพราะคิดว่ามันกำลังไหว้ตุ๊กตามนุษย์ต่างดาวอยู่

เสียง ‘คลิก’ ดังมากจากกรงเหล็กทางฝั่งปากถ้ำเมื่อตัวล็อกไฟฟ้าถูกปลดออกมันรีบพยุงร่างที่อ่อนแรงของตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินโซเซออกไปก่อนจะพึมพำเบาๆ แต่เสียงของมันก็ถูกบันทึกได้อยู่ดี

‘อยู่รอตำรวจให้โง่สิ มึงมันใจอ่อนเกินไปไอ้สัตว์ ริอาจจะมาขู่คนอย่างกู ถ้ากูรอดไปได้กูจะกลับมาทำให้มึงต้องจำกูจนวันตาย’

‘เดี๋ยวก่อน’

‘อะไร’ สามารถทำหน้าระแวงเมื่อได้ยินเสียงท้วง

‘คุณโอบมีพ่อเพียงคนเดียว พ่อของเขาชื่อพญา ภูมิเทพ’

‘อยากมีไอ้พญาเป็นต้นแบบว่างั้น หึหึ...มึงไม่เหมือนมันสักนิดเดียว ฮ่าๆๆ’

‘แหงล่ะ จะเหมือนได้ไง ก็ผมเป็นตุ๊กตา จงจำชื่อผมไว้ ผมคือน้องด้าว มณีรัตณ์นฤวิทย์ภูมิเทพ ผู้พิทักษ์ความยุติธรรม’

.
.
.


“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ที่แท้มึงคุยกับน้องด้าวนี่เอง” ป๊าพญาหัวเราะดังลั่นห้องประชุม นายตำรวจที่อยู่ในห้องก็แอบลอบขำเมื่อดูคลิปจบ

“เป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้คุยกับตุ๊กตาหน้าตาบ้าๆ นี่แน่ๆ” ไอ้สามารถปฏิเสธ แต่น้ำเสียงก็เริ่มดูจะไม่มั่นใจสักเท่าไหร่

“หน้าตาแบบนี้เหรอฮะ” หนูด้วงหยิบตุ๊กตาน้องด้าวออกจากระเป๋าแล้วยื่นไปตรงหน้าของไอ้สามารถจนมันสะดุ้งสุดตัว

“ถ้าตุ๊กตาอยู่ที่คุณหนูด้วง แปลว่าอาจจะมีการตัดต่อเอาตุ๊กตาใส่ไปในคลิปแทนก็ได้นะครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่ตุ๊กตาจะเดินไปอยู่ตรงนั้นเอง” ทนายของมันยังคงไม่ละความพยายาม ถึงมันจะเดาถูกก็เถอะ ผมเริ่มจะรำคาญหมอนี่ อยากรู้ว่าใครเป็นคนส่งมาให้ช่วยคนเลวอย่างไอ้สามารถ

“ตุ๊กตาแบบนี้หนูมีหลายตัว มีอยู่ทุกที่ เพราะหนูจะอุ่นใจเวลามีน้องด้าว บ้านบนดอยก็มี ไม่คิดว่าพี่สามารถจะชอบเล่นตุ๊กตาด้วย เดี๋ยวหนูให้เอาไปเล่นในคุกสักตัวแก้เหงานะฮะ”

“ผมจำได้ ตุ๊กตาแบบนี้บันทึกภาพและเสียงตอนที่นายสามารถลักพาตัวคุณพยัคฆ์ไปที่กระท่อมร้าง ตอนนี้ตุ๊กตายังอยู่กับเราเลยครับท่านสารวัตร” นายตำรวจคนหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีตุ๊กตาที่ใช้เป็นหลักฐานสำคัญในวันที่ดาวเรืองและหนูด้วงถูกจับตัวไป ซึ่งตุ๊กตาตัวนั้นมันยังอยู่ที่โรงพัก แปลว่าที่หนูด้วงบอกว่ามีหลายตัวนั้นเป็นความจริง

“ผมขอตัวสักครู่นะครับ พอดีมีสายเข้า” ทนายของไอ้สามารถเดินออกไปรับโทรศัพท์ ส่วนตัวไอ้สามารถจ้องมองไปที่ตุ๊กตาน้องด้าวและลูบที่แขนของตัวเองเป็นระยะ

“ยังไงผมคงต้องขอไฟล์คลิปเหล่านี้เอาไว้เป็นหลักฐานก่อน”

“ยินดีครับท่าน” ผมตอบท่านสารวัตรกลับไป

“ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ส่วนเรื่องที่จะเป็นทนายให้นายสามารถ ผมขอถอนตัวนะครับ” ทนายความเดินกลับเข้ามา หน้าตาซีดลงจนเห็นได้ชัด

“อ้าว มึงคิดจะทิ้งกูเหรอ มึงบอกว่าให้กูซัดทอดไอ้โอบแล้วมึงจะช่วยกูไม่ให้ติดคุกไง ไอ้สัตว์เอ้ย คิดทิ้งกูเหรอ อย่าให้กูออกไปได้นะมึง กูจะตามไปฆ่ามึงทั้งครอบครัวเลย” ไอ้สามารถมันพรั่งพรูทุกอย่างออกมาเมื่อโดนหักหลัง

“อย่ามากล่าวหาผมนะ ผมไม่เคยให้คุณทำอะไรแบบนั้น ระวังผมจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท” ทนายความหน้าเสียเมื่อเห็นสายตาของป๊าพญา เขาชี้หน้าต่อว่าไอ้สามารถก่อนจะรีบเดินออกจากห้องประชุมไป

“งั้นพวกผมคงต้องกลับก่อน หวังว่ามันคงจะได้รับโทษที่มันก่อไว้ ท่าทางจะหนักอยู่ใช่ไหมครับท่าน” ป๊าพูดกับท่านสารวัตร

“ไม่ต้องห่วงครับ” ท่านสารวัตรยิ้มให้ป๊าเหมือนรู้กันก่อนจะสั่งให้ลูกน้องพาไอ้สามารถกลับไปเข้าห้องขังตามเดิม ได้ยินเสียงของมันโวยวายขอโทษผมสลับกับด่าทอ จนกระทั่งเสียงเงียบไป

“ป๊าต้องกลับไปที่เกาะใบไม้ครามก่อน มีเรื่องต้องไปสะสางนิดหน่อย” ป๊าบอกกับผม

“ผมจะไปรับน้องแฝดเหมือนกันครับ”

“ไม่ต้อง อาน้องของเราไปจัดการให้แล้ว”

“งั้นเรากลับบ้านกันเถอะฮะพี่โอบ”

“เกิดมากูไม่เคยตีหลานกูเลย แต่มาถกเสื้อต่อหน้าตำรวจกูละเครียด ฝากจัดการให้ด้วย” ป๊าส่งสายตาดุไปให้หนูด้วงก่อนจะหันมาพูดกับผม ส่วนเจ้าตัวแสบก็หน้าจ๋อยไปเลย

“ยุง รักหนูไหม”

“ไม่รู้ไม่ชี้”

“ยุงฮะ หนูผิดไปแล้ว ถ้าจะตีหนู อย่าตีแรงนะฮะ หนูจะเจ็บ” หนูด้วงทำหน้าอ้อนใส่ป๊า ซึ่งแน่นอนว่าป๊าทำได้แค่ถอนหายใจก่อนจะลูบผมของน้องเบาๆ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ป๊าไม่เคยชนะหนูด้วงได้สักที

“ถึงป๊าจะยกโทษให้หนู แต่พี่ไม่ยกโทษให้นะครับคนดี กลับไปรับโทษที่บ้าน”

“ก็ได้ก็ได้ฮะ” หนูด้วงรับคำเสียงอ่อย


มีต่อด้านล่าง
V
V
V



หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 19-03-2019 17:39:45
ต่อจากด้านบน


ผมพาหนูด้วงมาถึงรถ พอน้องขึ้นไปนั่งในรถแล้วป๊าพญาก็รีบเข้ามากอดคอผมเอาไว้ก่อนจะพูดกับผม

“มึงคือลูกป๊า มึงคือราชสีห์ ภูมิเทพ” ป๊าตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ “แต่อย่าทำน้องรุนแรงนะ สงสารน้อง”

“น้องดูจะชอบการลงโทษของผมนะครับป๊า” ผมตอบกลับไป

“เหรอวะ” ป๊าขมวดคิ้วจนผมนึกขำ

“ผมล้อเล่นครับ ผมไม่เคยทำรุนแรงกับน้อง แค่ตีก้นนิดเดียวก็แดงไปหมดแล้ว”

“จิ๊ๆๆ มึงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เจ้าอุ้ม แบบนี้ค่อยสมกับเป็นลูกกูหน่อย ฮ่าๆๆ ไปเว้ยไอ้หนอม กูต้องไปจัดการน้องเขยตัวดีของกูก่อน” ผมได้ยินป๊าพูดกับพี่หนอมก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่จ้างทนายมาให้ไอ้สามารถคงจะเป็นสามีของอาเยีย

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับป๊า”

“ป๊าภูมิใจในตัวเรานะเจ้าอุ้ม”

ผมยืนส่งป๊าขึ้นรถก่อนจะกลับไปขึ้นรถของตัวเองเหมือนกัน พอขึ้นไปก็เห็นว่าเจ้าตัวป่วนแกล้งหลับก็เลยปล่อยให้เขาแกล้งหลับไปอย่างนั้น ผมรู้ว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของหนูด้วง เขาคงหายไปตัดต่อคลิปทั้งคืน อันที่จริงผมควรจะต้องขอบคุณในสิ่งที่เขาทำเพื่อผมไม่ใช่การลงโทษ ถ้าไม่ติดที่ว่าไอ้รอยจ้ำแดงๆ ที่คอและที่ตัวมันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ใครเป็นคนทำ


เมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็เดินไปที่ร้านก่อน วันนี้ผมสั่งปิดร้านหนึ่งวันเพราะคิดว่าจะไปรับน้องแฝดกลับมา ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับอาเยีย แต่เมื่อป๊าบอกให้ผมรออยู่ที่นี่ผมเลยต้องทำตามคำสั่งของป๊า

ผมหยิบแผ่นเสียงเพลง ‘เหมือนเคย’ วางลงบนเครื่องเล่นแผ่นเสียง ทำนองเพลงเริ่มบรรเลงพร้อมกับเสียงกระดิ่งจากประตูร้านที่ถูกเปิดออก น้องเดินหน้าจ๋อยเข้ามาหาผม เมื่อเห็นว่าผมหันกลับไปสนใจเครื่องเล่นแผ่นเสียงต่อน้องเลยเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง

“พี่โกรธหนู”

“พี่โกรธตัวเอง”

“ทำไมพี่ถึงโกรธตัวเองฮะ” น้องกระชับกอดผม

‘ยิ้มที่ดูสดใส กับหัวใจที่อ่อนหวาน ท่าทางเธอแบบนั้น ดูเท่าไรไม่เคยเบื่อ’

ผมยกมือขึ้นไปทาบที่มือของน้อง อยากให้น้องได้ฟังเพลงที่ผมกำลังเปิดอยู่ในตอนนี้ แต่เจ้าตัวคงจะมีแต่ความกังวลในใจ คงกลัวว่าผมจะโกรธ

คนตัวเล็กกว่ารีบพาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าของผม และจับมือของผมให้กอดเอวของเขาเอาไว้ ริมฝีปากสีแดงระเรื่อพยายามคลี่ยิ้มเพื่ออ้อนผม คงอยากรู้ว่าผมโกรธตัวเองเรื่องอะไร

‘แม้เวลาจะพ้นไป นานสักเท่าไร เธอยังคงสดใสได้อย่างเหลือเชื่อ’

“พี่โกรธตัวเองที่ทำให้หนูต้องเหนื่อย เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยใช่ไหมครับ”

“หนูไม่เหนื่อยเลย ก็แค่ตัดต่อคลิป ที่สำคัญหนูไม่ได้ทำ น้องเกลเป็นคนทำให้ น้องเกลเก่งมากๆ เลยฮะพี่โอบ แต่คนพากย์เสียงคือน้องเม่น บีบเสียงน้องด้าวจนเหมือนเป็ด น้องด้าวต้องงอนแน่ๆ เลยฮะ” น้องยิ้มหวานให้ผมหลังจากที่เจื้อยแจ้วให้ฟัง

“แล้วรอยแดงๆ ใครเป็นคนทำให้” คราวนี้เสียงของผมเข้มขึ้นโดยอัตโนมัติ

“พี่ป้ายฮะ” หนูด้วงตอบ พอเห็นสีหน้าของผมน้องก็รีบอธิบายต่อ “นกฮูกให้พี่ป้ายมาเพ้นท์สีให้ นี่ไง มันลบได้ฮะ” น้องเอามือขึ้นถูที่คอจนสีมันจางลง “แต่พี่ป้ายทำซะเหมือนจริงเลยพี่โอบ...หนูมีความลับจะบอก บนคอของนกฮูกมีรอยแดงด้วยฮะ แล้วนกฮูกก็มาพร้อมกับพี่ป้าย หนูว่านะ...คงไม่ใช่สีเพ้นท์ แต่ต้องเป็นรอยจูบจริงๆ แน่เลย หนูว่านะ..”

“กลับมาเรื่องของตัวเองก่อน ถึงจะเป็นการเพ้นท์ แต่ไอ้ป้ายมันก็ต้องเห็นอะไรๆ ของหนู”

“ก็เห็นแค่ข้างบนเอง หนูกลัวคุณตำรวจไม่เชื่อเลยเพ้นท์ที่หน้าอกด้วย”

“แค่ข้างบนพี่ก็หวง”

“แต่หนูก็เคยถอดเสื้อเล่นน้ำ ถอดเสื้อแตะบอลบ่อยๆ ทำไมตอนนั้นพี่โอบไม่เห็นหวงเลย”

“พี่หวง หวงแต่ไม่แสดงออก แต่ตอนนี้อยากแสดงออกแล้ว”

“แต่ว่าหนู...”

“โอเค งั้นเพื่อความยุติธรรม พี่จะให้คนอื่นมาเพ้นท์ตัวพี่บ้าง เริ่มจากเพ้นท์ที่หน้า”

“.....”

“แล้วก็เพ้นท์คอ”

“.....”

“จากนั้นก็เพ้นท์อก”

“......”

“เพ้นท์หน้าท้อง”

“......”

“แล้วก็ลงไปเพ้นท์ที่...”

“ไม่ได้ไม่ได้ หนูไม่ชอบ!” หนูด้วงเลิกกอดผมแล้วทำหน้างอจนผมนึกขำ “หนูไม่ชอบตั้งแต่เพ้นท์คอแล้วด้วย ก็ได้ก็ได้ หนูจะไม่ถอดเสื้อเล่นน้ำ ไม่ถอดเสื้อเตะบอล”

“ไม่ถอดเสื้อให้ใครเห็นทั้งนั้น” ผมเป็นฝ่ายพูดต่อให้น้อง

“พี่โอบก็ห้ามเหมือนกัน”

“ตกลง” ผมตอบรับ

“หนูก็หวงพี่โอบ” น้องเข้ามากอดผมอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

“พี่ก็หวงหนู มากๆๆๆๆ” ผมเน้นคำว่ามาก พูดไปก็จูบที่หน้าผากของน้องย้ำๆ จนจ้าตัวหัวเราะชอบใจ

‘เสียงหัวเราะในวันนั้น ฉันยังจำถึงวันนี้ นึกทีไรรู้สึกดี และดีทุกๆ เมื่อ’

“หนูขอโทษนะที่ทำให้พี่เป็นห่วง”

ผมเกลี่ยปลายผมที่ละใบหน้าของน้องออก ใบหน้านี้ผมไม่เคยเบื่อที่จะมอง ทั้งดวงตาที่สดใส จมูกรั้นๆ รอยยิ้มที่ทำให้ผมต้องยิ้มตาม รวมถึงแก้มกลมๆ ที่ให้สัมผัสนุ่มนิ่มและหอมชื่นใจทุกครั้งที่ผมได้กดจมูกลงไป

“หนูคงได้เห็นแล้วว่าพี่คิดจะทำอะไรกับไอ้สามารถ ผิดหวังในตัวพี่ไหมครับ”

“ไม่ฮะ หนูรู้ว่าพี่ทำเพราะกลัวมันกลับมาทำร้ายหนู แต่หนูปล่อยให้พี่ทำแบบนั้นไม่ได้”

“กลัวพี่ถูกจับเหรอ”

“คุณทวดสอนว่าถ้าทำไม่ดีจะตกนรก หนูไม่อยากให้พี่ทำไม่ดี เพราะเดี๋ยวพี่ต้องไปเจอไอ้คุณสามารถในนรกอีก แล้วหนูก็ไม่อยากไปตามหาพี่ที่นั่นด้วย มันน่ากลัว หนูเลยคิดว่าต้องพาพี่มาอยู่บนสวรรค์กับหนูดีกว่า”

“รู้เหรอครับว่านรกเป็นยังไง”

“รู้สิฮะ คุณย่าทวดเล่าให้ฟังบ่อยๆ มือของพี่อาจจะถูกหนามต้นงิ้วทิ่มตำ” หนูด้วงพูดพลางยกมือของผมขึ้นมาจูบและขบกัด เจ็บจนผมต้องสูดปาก “หรือถ้าต้องลงกระทะทองแดง ตัวของพี่จะต้องแสบร้อน” มือของน้องเริ่มลูบไล้เข้าไปในเสื้อของผม “หรือไม่พี่ก็อาจจะจะถูกคีมหนีบปาก” น้องเขย่งตัวขึ้นมาและขบเม้มที่ริมฝีปากของผมอย่างอ้อยอิ่ง

‘แม้เวลาจะพ้นไป นานสักเท่าไร ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะเบื่อเลย’

“นรกเป็นแบบนี้นี่เอง” ผมแสร้งทำหน้าว่าหวาดกลัวจนน้องหัวเราะ

“จริงๆ แล้วไม่ว่านรกหรือสวรรค์หนูก็พร้อมจะไปกับพี่ แต่หนูรู้ดีว่าถ้ามันตาย คนที่จะต้องนึกถึงเรื่องนี้ตลอดไปคือพี่ พื้นที่ความทรงจำของพี่ไม่ควรมีคนแบบนั้น ที่สำคัญการตายคงจะง่ายไปสำหรับคนเลวแบบมัน” แววตาของน้องดูแข็งขึ้นจนผมประหลาดใจ ผมไม่เคยเห็นน้องแสดงสายตาที่ดูโกรธและชิงชังใครแบบนี้มาก่อน ขนาดตอนที่น้องโดนไอ้สามารถมันทำร้ายที่กระท่อมร้าง น้องยังไม่ดูเกลียดชังมันเท่านี้

“โกรธมันมากเหรอครับ” ผมถาม

“ก็มันคิดจะลักพาตัวน้องไม้น้องหม่อน ถ้ามันลักพาตัวน้องแฝดไปจริงๆ หนูนี่แหละจะฆ่ามันให้ตาย”

“อ้าว ไม่กลัวตกนรกแล้วเหรอครับ” ผมนึกขำท่าทางจริงจังของน้อง เพิ่งจะห้ามผมอยู่แท้ๆ

“ก็กลัวเหมือนกัน แต่หนูจะลองเจรจากับท่านพญายมดู ท่านอาจจะเข้าใจ” น้องพูดจบก็หัวเราะร่วน ผมเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกดจูบที่หน้าผากมนอีกรอบ

‘ต่อให้โลกจะหมุนสักเท่าไร เธอยังคงสดใสอ่อนหวานเหมือนเคย ต่อให้ใครจะสวยเท่าไร รู้ไหมว่าฉันเฉยๆ’

“แต่งงานกันไหม”

“พี่ขอหนูแต่งงานเหรอฮะ”

“อืม”

“ไม่ต้องรอให้หนูเรียนจบก่อนเหรอฮะ”

“ครับ”

“ได้เหรอฮะ”

“ได้ครับ แค่หนูตอบว่าตกลง”

“ตกลงฮะ ตกลง” หนูด้วงสวมกอดผมแน่น

ผมเคยรับปากกับป๊าว่าจะรอให้หนูด้วงเรียนจบก่อน แต่ผมไม่อยากรออีกแล้ว ถึงแม้ตอนนี้เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันและได้คบกันในฐานะคนรัก แต่ผมรู้ว่าน้องฝันถึงวันแต่งงานเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป ถึงเราจะดูแตกต่างในสังคม แต่ความรักของเรามันไม่ได้ต่างจากใครเลย ผมรู้ว่าน้องไม่ได้อยากมีงานแต่งงานที่ใหญ่โตเพื่อโอ้อวดใคร น้องแค่อยากมีวันดีๆ ให้จดจำ ผมก็เช่นกัน

“แต่....”

“แต่อะไรฮะ” รอยยิ้มของน้องจางลงเมื่อผมพูดคำว่าแต่ออกมา

“พี่ขอบวชก่อน พี่อยากบวชให้แม่แท้ๆ ของพี่ที่เสียไป แล้วก็อยากอโหสิกรรมให้พ่อ พี่อยากบวชทดแทนคุณทุกคนที่เกาะใบไม้ครามด้วย ไม่มีพวกท่านพี่คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ถึงการทดแทนคุณจะมีได้หลายทาง แต่พี่เชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้พวกท่านมีความสุข โดยเฉพาะคุณปู่”

“หนูเสียใจด้วยนะฮะเรื่องของครอบครัวที่แท้จริงของพี่”

“ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเสียใจครับ โชคชะตามันนำพาให้เราสองคนมาเจอกัน เพราะฉะนั้นทุกเรื่องดีกับพี่เสมอ พี่รักหนูมากนะหนูด้วง”

‘ก็เพราะว่าเธอน่ารักทุกๆ วัน จนไม่อาจเปลี่ยนใจฉันที่มีให้เธอได้เลย ฉันก็คงต้องบอก ฉันรักเธอ เหมือนเคย’

“หนูก็รักพี่โอบมากๆ” หนูด้วงอ้อนผมด้วยการมาซุกที่อก

“บวชเสร็จแล้วมาเบียดหนูเลยนะ หนูจะรอ” ...

“ทะเล้นใหญ่แล้วนะเรา” ผมขำน้อง รู้สึกว่าจะแก่นขึ้นทุกวัน

“เมื่อกี้หนูไม่ได้พูดนะ” น้องที่กำลังซบอกผมอยู่รีบเงยหน้ามาบอกผม เราสองคนเลยมองไปทางหน้าร้าน

“พวกเราพูดเองคร้าบบบบบ”

เสียงประสานของชาวแกงค์เดอะซูและสมาชิกทุกคนในวงเดอะบ็อกซ์ทำให้ทั้งผมและหนูด้วงต้องหัวเราะออกมา มัวแต่จมอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคนจนไม่ทันสังเกตว่าที่หน้ากระจกบานใหญ่ของร้านมีคนนับสิบเอาหน้าแนบแอบดูพวกผมอยู่

แต่แทนที่หนูด้วงจะเขินอายกลับรั้งคอผมให้โน้มลงมาแล้วจูบโชว์ทุกคน เสียงโห่ร้องที่แซวมาไม่ได้ทำให้หนูด้วงหยุดการกระทำ ผมเลยจัดการจูบตอบอย่างดื่มด่ำจนน้องระทวยอยู่ภายในอ้อมกอดของผม ถ้าไม่เกรงใจว่ามีน้องเกลอยู่ด้วยผมคงโชว์ใหญ่กว่านี้ เพราะเพียงแค่นี้น้องเกลก็หน้าแดงจนเลือดเกือบจะทะลักออกมาอยู่แล้วครับ

‘ทุกอย่างช่างดูเหมือนฝัน ตั้งแต่เราได้พบกัน เธอเติมให้ฉันเต็มโดยไม่ต้องเอ่ย แม้เวลาจะพ้นไป นานสักเท่าไร ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะเบื่อเลย’


Part 2 Que Sera Sera


ศิลปิน Doris Day

(หนูด้วง)



วันงานบวชของหลวงพี่ได้ผ่านพ้นไปเกือบสองเดือนแล้ว ตอนนี้หลวงพี่จำวัดอยู่ที่วัดเดียวกับหลวงพ่อของหนู ช่วงอาทิตย์แรกหนูรู้สึกเหงาและคิดถึงพี่โอบมาก เคยอยู่คนเดียวมาได้ก็จริง แต่พอได้มาใช้ชีวิตกับพี่โอบมาช่วงหนึ่ง ตอนนี้หนูกลับรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวไปเสียแล้วฮะ วันเวลามันเดินช้าเสียจริง จนหนูคิดจะบวชตามพี่โอบ อยากไปดูแลหลวงพี่ใกล้ๆ อ้างกับทุกคนว่าอยากทดแทนพระคุณ แต่ทุกคนในครอบครัวไม่มีใครเห็นด้วยเพราะหนูยังต้องเรียนและมีหน้าที่อื่นที่ยังต้องทำ หนูยอมรับคำตัดสินของทุกคน เพราะลึกๆ หนูก็รู้ดีว่ามันไม่ควร แต่อาการของหนูคงทำให้ทุกคนเป็นห่วง หนูก็ไม่ได้อยากซึมเศร้าหรือเก็บตัวเงียบ พยายามเตือนตัวเองว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว พี่โอบไม่ได้หนีไปไหน พี่โอบกำลังทำอีกหน้าที่ให้สมบูรณ์ ถึงจะคิดได้อย่างนั้นแต่จิตใจของหนูกลับไม่ตอบสนองในสิ่งที่ควรจะเป็น

หนูเก็บตัวจนหลวงพ่อถึงกับมาหาที่บ้านและให้ธรรมเทศนาหนูในเรื่องของการบวช แต่หนูก็ยังไม่นำพา ในใจมันคิดแค่ว่าอยากทำอะไรพร้อมกับคนที่เรารัก ปู่ช้วนบ่นว่าบทจะดื้อหนูก็ดื้อจนเอาไม่อยู่ สุดท้ายมัมก็ตัดสินใจจะให้หนูบวช แต่ต้องผ่านข้อเสนอที่ทุกคนกำหนดทำเสียก่อน อย่างแรกยุงพญาจ้างช่างทำผมมาทำวิกหัวล้านให้หนูลองใส่ หนูยอมรับว่าเมื่อเห็นศีรษะของตัวเองที่ไร้เส้นผมก็ตกใจจนหน้าซีดไปเลย หนูไม่ได้ห่วงหน้าตานะฮะ! ก็ได้ก็ได้...หนูก็ห่วงเรื่องภาพลักษณ์นิดหน่อย มันดูไม่เหมาะกับหนูจริงๆ หนูจะตกนรกไหมฮะที่คิดแบบนี้

จากนั้นแด๊ดดี้ก็ให้หนูลองไปปฏิบัติธรรมนอนค้างที่วัดดูก่อน แต่ต้องนอนคนเดียว ห้ามไปยุ่งกับหลวงพี่ ห้ามไปวอแวหรือชวนหลวงพี่คุย หนูต้องตื่นแต่เช้าเพื่อสวดมนตร์ และยังต้องตามไปช่วยหลวงพ่อกับหลวงพี่ตอนที่ท่านทั้งสองไปบิณฑบาต ถ้าหนูทำได้ดีหลวงพ่อท่านก็จะบวชให้ มัมๆ บอกว่าหนูต้องสำรวมและอย่าทำให้หลวงพี่มีห่วง ห้ามส่งสายตาหรือทำการใดๆ ให้หลวงพี่ต้องผิดศีล ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นบาป และสิ่งที่หลวงพี่เพียรทำอยู่จะไม่มีความหมาย

 สุดท้ายหนูก็เข้าใจสิ่งที่ทุกคนพยายามบอก หนูไม่เหมาะกับการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์จริงๆ ให้หนูตื่นเช้ามาสวดมนตร์หรือทำความสะอาดวัดอะไรก็ได้หนูไม่เคยท้อ แต่ห้ามสบตาหลวงพี่มันยากมากจริงๆ เกือบจะหลุดพูดคำว่าคิดถึงหลายรอบ หนูเลยคิดว่าหนูต้องเอาชนะใจตนเองให้ได้ เอาชนะความคิดที่เห็นแก่ตัวตัวเองเป็นหลัก ขอไปทำความดีอย่างอื่นเป็นการทดแทนการบวช แบบนั้นคงจะทำให้หลวงพี่และทุกคนหมดห่วง

เมื่อตัดสินใจว่าจะไม่ไปกวนการใฝ่ธรรมของหลวงพี่ หนูจึงกลับมาทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวด้วยการดูแลน้องแฝด ทั้งไปส่งน้องแฝดที่โรงเรียน สอนการบ้าน ดูแลอาหารการกินให้เหมือนที่หลวงพี่เคยทำ อันที่จริงน้าเยียบอกว่าจะเอาน้องแฝดไปดูแลให้ แต่หนูปฏิเสธเพราะอยากดูแลน้องด้วยตัวเอง ที่สำคัญไม่อยากให้น้องแฝดอยู่ใกล้สามีของน้าเยีย วันเสาร์อาทิตย์ก็จะมีน้องไหมมาเพิ่มอีกคน มันเป็นความต้องการของหนูเองที่อยากให้พี่น้องได้ผูกพันกัน สามีของน้าเยียก็ไม่กล้าขัด ยอมปล่อยให้น้องไหมมาอยู่กับหนู หนูไม่รู้ว่าอาน้องไปพูดอะไรกับฝ่ายนั้น รู้แต่ว่าหลังจากนั้นมาสามีน้าเยียไม่กล้ามาวุ่นวายกับน้องแฝดอีกเลย เฉียบขาดกว่ายุงพญาก็อาน้องนี่แหละฮะ ไอดอลของหนูจริงๆ

ส่วนงานมหา’ลัยที่ต้องส่งอาจารย์หนูก็ต้องทำให้เสร็จตรงเวลาเพราะรับปากแด๊ดดี้เอาไว้ว่าจะไม่ทำให้การเรียนเสีย หนูอยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าหนูโตแล้ว ร้านของหลวงพี่ก็เปิดตามปกติ โชคดีที่มีเพื่อนหมุนเวียนมาช่วย น้าตวงกับพี่ก้านก็มาช่วยดูเรื่องบัญชีให้ และตอนนี้หนูยังต้องไปดูแลรีสอร์ทแสงแรกของน้องแฝดแทนหลวงพี่อีกด้วย แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้หนูเข้าใจแล้วว่าการจะเป็นพ่อแม่ให้ใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่แบกภาระมากมายมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน บางวันหนูก็หลับไปพร้อมกับน้องแฝดเพราะเหนื่อยสายตัวแทบขาด นึกแล้วก็อดชื่นชมหลวงพี่ไม่ได้ ท่านต้องดูแลน้องแฝดเพียงลำพังมาตั้งนาน ไม่มีใครมาช่วยอย่างที่หนูได้รับ คงลำบากกว่าหนูหลายเท่า ไม่ใช่แค่เพียงหลวงพี่เท่านั้นที่หนูนึกถึง คนในครอบครัวทั้งหมดก็คงเหนื่อยยากลำบากมาไม่ต่างกันกว่าจะดูแลให้หนูโตมาจนถึงตอนนี้

พอย้อนนึกไปถึงวันงานบวช ไม่แปลกใจเลยที่หนูได้เห็นน้ำตาของคุณตาพยนต์ ยุงพญา และน้าเยีย ทุกคนตื้นตันและซาบซึ้งที่ได้เกาะชายผ้าเหลืองของหลวงพี่ ยุงพญาบอกว่าคุณยายและแม่พยงค์ของหนูคงดีใจและได้รับบุญนี้เช่นกัน หนูแอบคิดในใจว่าหลวงพี่คงทำหน้าที่นี้แทนหนู คิดแล้วก็น้ำตาจะไหล หลวงพี่เป็นคนดีที่นึกถึงคนอื่นเสมอ หนูก็จะอดทนและเป็นคนดีให้ทุกคนภูมิใจเหมือนกัน



มีต่อด้านล่าง
V
V
V
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 19-03-2019 17:43:41
ต่อจากด้านบน


สุดสัปดาห์นี้หนูพาน้องแฝดกลับมาที่เกาะใบไม้ครามตั้งแต่เย็นวันศุกร์เพราะน้าเยียอยากให้พาเด็กๆ มาค้างกับคุณตาบ้าง ส่วนหนูขอกลับมาค้างที่บ้านตลาดเพราะอยากตื่นมาใส่บาตรในเช้าวันเสาร์ ตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีเพราะจะลุกไปซื้อของเตรียมใส่บาตรก่อน

“อ้าว อาหนูด้วง กลับมาเที่ยวบ้านเหรอ แล้วทำไมตื่นแต่เช้าเลย”

“หนูก็จะมาใส่บาตรไงอาแปะซ้ง ร้านอาแปะมีอะไรใส่บาตรได้บ้าง”

“มีทุกอย่าง ลื้อจะเอาอะไร”

“มีซูชิไหม”

“อั๊วว่าแล้วว่าลื้อจะต้องป่วน อยากได้ก็จัดให้” อาแปะซ้งหายกลับเข้าไปในร้าน พักเดียวก็เดินออกมาพร้อมกับหม้อข้าวและปลาเป็นๆ หนึ่งตัว “นี่ข้าว ลื้อปั้นเอาเอง ปลานี่ก็แล่เอาเอง ส่วนสาหร่ายเดี๋ยวอั๊วให้ยืมตีนกบ ลื้อไปดำเอาในทะเล”

“อะโห อาแปะอัพเกรด หนูชอบ ฮ่าๆๆๆ” หนูหัวเราะชอบใจที่อาแปะเล่นงานหนูเข้าบ้างแล้ว อีกฝ่ายยิ้มจนเห็นฟันหลอเมื่อเอาชนะหนูได้

“วันนี้อั๊วอารมณ์ดี เดี๋ยวจะเข้าไปเตรียมของใส่บาตรให้ก็แล้วกัน” อาแปะซ้งเดินหัวเราะกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมถาดที่มีของใส่บาตรครบครัน

“พระท่านจะเดินมาตรงนี้ไหมอาแปะ”

“ต้องไปใส่ตรงหน้าสำนักงานของอาพญา แต่วันนี้ฝนทำท่าจะตก ไม่รู้ว่าพระท่านจะลงมาไหม”

“อ้าว...” หนูรู้สึกห่อเหี่ยวเมื่อมองไปที่ท้องฟ้า มันตั้งเค้ามาตั้งแต่ก่อนจะสว่างแล้ว อุตส่าห์ตั้งใจมาใส่บาตรให้หลวงพ่อกับหลวงพี่เสียหน่อย

“แต่คงมาแหละ ท่านรู้ว่ามีคนรอ” อาแปะซ้งปลอบใจเมื่อเห็นท่าทางของหนู

“งั้นเราเดินไปรอที่หน้าสำนักงานกันเถอะอาแปะ”

“ลื้อก็ไปสิ มาชวนอั๊วทำไม อั๊วใส่บ่อยแล้ว”

“ก็หนูอยากเกิดมาเจออาแปะอีก หนูรักอาแปะนะ อยากเจอทุกชาติทุกชาติ ไป นะๆ ไปทำบุญด้วยกัน”

“ใครจะไปอยากเจอลื้อทุกชาติ อะๆ ไปก็ไป อั๊วไปเตรียมของใส่บาตรเพิ่มก่อน”

“หนูรู้น้าว่าอาแปะก็รักหนู” หนูหยอกอาแปะก่อนจะรีบเดินนำไป เพราะขืนแกล้งแกมากไปกว่านี้คงจะโดนอาแปะบ่นจนหูชา

แล้วเมฆที่ตั้งเค้าก็ส่งพระพิรุณลงมาจนได้ ถึงจะเป็นแค่ปรอยฝนแต่ถ้ายืนตากฝนนานๆ ก็ทำให้เปียกได้เหมือนกัน หนูตัดสินใจพาอาแปะเข้ามาหลบละอองฝนในสำนักงานก่อน อาแปะแกแก่มากแล้ว ไม่อยากให้ป่วย ในใจก็คิดว่าฝนตกแบบนี้หลวงพ่อกับหลวงพี่คงไม่ได้ลงมารับบิณฑบาตแล้ว แต่เมื่ออาแปะหันมาบอกว่าพระท่านมาแล้วหนูจึงรีบชวนอาแปะออกมายืนตรงด้านหน้าซึ่งมีหลังคาคุ้มฝนอยู่

“โยมกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” หลวงพ่อทักหนู ส่วนอาแปะรีบถวายผ้าขนหนูให้หลวงพ่อกับหลวงพี่ ท่านรับไปเช็ดน้ำฝนออกจากใบหน้าก่อนจะส่งให้ลูกศิษย์วัดนำไปเก็บ

“เมื่อคืนฮะ พาน้องแฝดมาหาคุณตากับน้าเยีย”

“สบายดีไหม” คราวนี้หลวงพี่ถามหนู หนูมองหน้าหลวงพี่ บอกตามตรงว่าน้ำตาจะไหล หนูคิดถึงหลวงพี่มากๆ พร้อมกันนั้นก็นึกเลื่อมใสความสงบเยือกเย็นของหลวงพี่ แววตาของท่านยังคงมีแต่ความอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนเคย

“สบายดีฮะ” หนูตอบสั้นๆ กลัวจะไปแสดงท่าทีที่ทำให้หลวงพี่เป็นกังวล

“มาใส่บาตรกันอาหนูด้วง” อาแปะยกถาดมาให้หนูก่อนจะหันไปพูดกับหลวงพ่อ “ฝนตกพื้นเฉอะแฉะแบบนี้ อั๊วใส่รองเท้าได้ไหมหลวงพ่อ”

“หนูว่าใส่แค่ข้าวปลาอาหารก็พออาแปะ บาตรหลวงพ่อคงรับรองเท้าของอาแปะไม่หมดหรอก” หนูหันไปบอก เห็นหน้าอาแปะเหรอหราแล้วต้องกลั้นขำ

“ไอ้หย๋าอาหนูด้วง หาบาปมาให้อั๊วแล้วไง อั๊วหมายถึงอั๊วขอสวมรองเท้าใส่บาตรได้ไหมต่างหาก พื้นมันเปียก ไม่ใช่เอารองเท้าไปใส่ในบาตร ลื้อนี่น้า ไม่ไหวไม่ไหว”

“หนูล้อเล่น มาๆ อาแปะใส่ก่อน”

หนูเห็นหลวงพี่อมยิ้มแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ได้แต่ลอบมองแต่ไม่กล้าสบตาตรงๆ เมื่อใส่บาตรเรียบร้อยแล้วก็รับพร จากนั้นหลวงพ่อกับหลวงพี่ก็เดินไปรับบิณฑบาตต่อ หนูออกไปยืนมองจนทั้งสองท่านลับสายตาไป ความคิดถึงที่มีมันบีบรัดจนต้องแอบร้องไห้ออกมา รู้ว่าต้องอดทน แต่ขอออกไปยืนร้องไห้กลางสายฝนแบบนี้คงไม่มีใครรู้หรอกมั้ง แต่หนูคิดผิด

“ลื้อร้องไห้ทำไมอาหนูด้วง”

“อาแปะเห็นได้ไง”

“ก็เบะจนปากล่างยื่นออกมาเป็นเมตร แถมยังทำหน้าตาเหยเกอย่างกับเป็ดจะโดนต้ม”

“เป็ดมันเบะปากได้ด้วยเหรออาแปะ”

“ได้สิ”

“ทำไมหนูไม่เคยเห็น”

“บางอย่างไม่เคยเห็นก็ใช่ว่ามันไม่มีนาอาหนูด้วง”

“คมคายสุดๆ”

“ความอดทนของลื้อไม่เสียเปล่าหรอก เคยทนมาได้ตั้งแต่เด็ก อีกนิดเดียวไม่เห็นจะเป็นไร จริงไหม เอาแบบนี้ เดี๋ยวอั๊วจะต้มเป็ดพะโล้ ลื้อตามมาดูว่าเป็ดมันเบะปากได้ไหม”

“ไม่เอาหรอก เพิ่งจะทำบุญเสร็จก็จะให้หนูไปดูอาแปะทำบาป ระวังนะอาแปะ กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่แข็งแรง ปีนต้นงิ้วไหวเหรอฮะ” หนูรีบเช็ดน้ำตาแล้วกลับมาเป็นหนูด้วงที่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับอาแปะเหมือนเดิม

“เฮ้อ อั๊วไม่น่ามาใส่บาตรกะลื้อเลยจริงๆ แค่เจอชาติเดียวอั๊วก็ปวดหัว”

“อ้าวอาแปะ เดินตากฝนไปได้ยังไง หนูไปเอาร่มมากางให้ก่อน รอหนูก่อนฮะอาแปะ”

“อั๊วขอตากฝนดีกว่า”

“ดื้อกว่าหนูก็อาแปะนี่แหละ”

อาแปะให้มาทำมือมะเหงกส่งให้หนู พออาแปะเดินไปไกลหนูก็ลอบถอนหายใจเมื่อต้องอยู่ตามลำพัง แต่แล้วอาแปะก็หันมายิ้มโชว์ฟันหลอให้ “ถ้าเหงา...ก็มาช่วยอั๊วขายของ ค่าแรงไม่ให้เพราะหักจากที่ลื้อมาหลอกกินของฟรีตั้งแต่พูดไม่ชัด”

“ก็ได้ก็ได้ฮะ” หนูระบายยิ้มให้คู่ปรับของหนูก่อนจะวิ่งฝ่าฝนตามออกไป ก็แค่อีกนิดเดียวอย่างที่อาแปะบอก มันไม่เห็นจะเป็นไร...



หลังจากไปป่วนอาแปะกับชาวตลาดจนเริ่มง่วงเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับแถมยังตื่นมารอใส่บาตรแต่เช้า เย็นนี้คุณตาก็โทรมาชวนไปกินข้าวที่โรงแรม หนูเห็นว่ายังเหลืออีกสองสามชั่วโมงจึงคิดว่าจะหลับสักงีบสองงีบแล้วค่อยตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว

หนูเลือกที่จะเข้ามานอนในห้องวังของเรา หยิบหมอนลงมานอนหน้าตู้ปลา นอนดูลูกๆ ของหนูจนเคลิ้มหลับไป หลับไปนานแค่ไหนไม่รู้หรอกฮะ รู้แต่ว่ายังนอนไม่อิ่มก็มีอะไรบางอย่างมากวนให้ตื่น เหมือนถูกอะไรอุ่นๆ มาแปะแถวๆ ใบหน้าของหนู ตั้งแต่หน้าผาก ตา จมูก ปาก และคาง  พอยกมือขึ้นมาเกา มือของหนูก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้เสียก่อน

“เจ้าชายมาปลุกแล้ว เจ้าหญิงนิทรายังไม่ยอมตื่นเสียที”

เสียงของพี่โอบ หนูฝันถึงอีกแล้ว

“คนดีของพี่...”

หนูกำลังฝันดี...แต่ทำไมหนูอยากร้องไห้จัง

“ร้องไห้ทำไมครับ คิดถึงพี่เหรอ”

ก็ใช่น่ะสิ หนูคิดถึงพี่ คิดถึงมาก

“พี่กลับมาแล้ว”

กลับมาแค่ในฝัน เดี๋ยวพอหนูตื่นหนูก็อยู่คนเดียวตามเคย หนูจะไม่ตื่น เดี๋ยวพี่โอบจะหายไปอีก

“ดื้อแม้ตอนหลับเลยนะครับ”

เสียงของพี่โอบอยู่ใกล้มากจนคิดว่าฝันครั้งนี้เหมือนจริงเหลือเกิน จนกระทั่งมือของหนูไปสัมผัสความลื่นเย็น ลองลูบไปมาอยู่นาน หนูคิดว่านี่คงไม่ใช่ความฝันแล้ว สิ่งที่สัมผัสมันทำให้หนูต้องเด้งตัวขึ้นมามอง

...อย่าคิด 20+ กันสิฮะ ที่หนูลูบอยู่มันคือหัวล้านๆ ของคนตรงหน้าต่างหาก...

“พี่โอบ เอ้ย! หลวงพี่ เอ้ย! ทิดโอบ”

“ฮ่าๆๆ ใครสอนให้หนูเรียกพี่แบบนั้น”

“ปู่ช้วนฮะ แล้ว...พี่สึกแล้วเหรอฮะ ทำไมไม่ใส่ชุดพระ” หนูยังคงมองคนตรงหน้าและใช้สองมือจับไปทั่วตัว อยากให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน

“ครับ พี่สึกเมื่อตอนสายๆ แต่ช่วยหลวงพ่อท่านซ่อมคอมพิวเตอร์ที่ห้องสมุดอยู่เลยกลับมาช้าไปหน่อย”

หนูขยับไปสวมกอดพี่โอบทันทีที่รู้ว่าทำได้แล้ว จากที่คิดว่าจะอดทนไม่ร้องไห้ ตอนนี้ความตั้งใจนั้นมันไม่เป็นผล หนูร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของคนที่คิดถึงจนสุดหัวใจ

“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้หนูร้องไห้อีกแล้วทั้งที่เคยสัญญาเอาไว้ ตอนบวชพี่ตั้งใจมากๆ ปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ครบสมบูรณ์ นอกจากทดแทนผู้มีพระคุณแล้ว พี่อยากให้ผลบุญพาพี่ขึ้นสวรรค์ พี่กลัวจะตกนรกแล้วไม่ได้อยู่กับหนู จากนี้ไปพี่จะได้อยู่กับหนูในทุกๆ ที่”

“หนูทำให้พี่ต้องสึกรึเปล่าฮะ”

“เปล่าครับ กำหนดฤกษ์สึกของพี่คือวันนี้พอดี พี่ไม่ได้บอกหนูเพราะไม่อยากหนูจดจ่อ”

“บังเอิญจังที่หนูมาที่นี่พอดี หนูเลยได้กอดพี่โอบแล้ว”

“เรื่องบังเอิญของเราอาจจะเป็นเรื่องที่เบื้องบนตั้งใจให้เกิด ลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัวนะครับ ทุกคนรออยู่”

“หนูยังอยากกอดพี่อยู่เลย”

“คืนนี้พี่จะให้หนูกอดจนเหนื่อยเลย ดีไหม”

“ดีที่สุดฮะ แต่พี่อย่าลืมสัญญาของเรา”

“หืม...”

“พี่บวชแล้วต้องเบียดหนูนะฮะ”

“ก็ได้ก็ได้ครับ พี่รักหนูมากนะ คนดีของพี่”

“หนูก็รักพี่ทิดโอบคนดีของหนู” อากาศที่ว่าเย็นสดชื่นยังไม่เท่าจิตใจของหนูในตอนนี้ มันเบ่งบานและแสนจะสดใสยิ่งกว่าออกไปวิ่งสูดอากาศอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ที่มีสายรุ้งเจ็ดสีทอประกายอยู่ พี่โอบของหนูกลับมาแล้วฮะทุกคนทุกคน





เพราะเมื่อเช้ามีฝนตกลงมา ตกค่ำเลยทำให้อากาศชายทะเลในวันนี้เย็นสบายกว่าทุกวัน ที่หนูเล่าว่าคุณตาชวนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน หนูก็นึกว่าคุณตาจัดเลี้ยงเฉพาะคนในครอบครัว แต่เท่าที่เห็นนี่มันไม่ใช่อย่างที่คิด ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตเท่าตอนที่คุณตาจัดงานวันเกิด แต่คนที่หนูรู้จักก็มากันจนครบ คนในครอบครัวมณีรัตน์ ภูมิเทพ นฤวิทย์ ครอบครัวอาน้อง เพื่อนๆ ของหนู เพื่อนของพี่โอบ คนในตลาด ทุกคนมารวมตัวกัน แถมแต่งตัวดีจนหนูนึกแปลกใจ

“เขามางานแต่งของเรา”

“อะไรนะฮะ” ผมถามอีกครั้งเมื่อพี่โอบมากระซิบที่ข้างหู

“นี่คืองานแต่งของเรา พี่ไม่ได้บอกล่วงหน้าเพราะอยากให้หนูประหลาดใจ”

“......”

“งานสบายๆ ริมทะเลแบบที่หนูเคยบอก เชิญมาแค่คนที่เรารักและรักเรา”

“.......”

“นอกจากญาติๆ เพื่อนฝูงคนสนิท พี่พาลูกๆ ของหนูมาด้วย” พี่โอบชี้ไปที่ตู้ปลาใบใหญ่ ด้านในมีน้องปลาว่ายอยู่เต็มไปหมด ใกล้กันนั้นก็มีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ของหนู พวกมันถูกจัดให้อยู่ในคอกกั้นที่ตกแต่งสวยงาม

“หนูดูดีไหมฮะ ไม่ได้เตรียมตัวเลย” หนูถามพี่โอบทั้งที่น้ำตามันเอ่อคลออยู่ ยอมรับฮะว่าหนูดีใจจนกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่

“หนูดูดีเสมอในสายตาของพี่”

“มากันแล้วเหรอเจ้าของงาน” อาน้องเดินเข้ามาหา หนูรีบเดินไปกอดอาน้องเพราะรู้ว่าอาน้องต้องเป็นคนจัดงานนี้ให้ “คนขี้แยแห่งปี” อาน้องบ่นหนูทั้งที่ตัวอาน้องก็น้ำตาซึมอยู่

“ก็หนูดีใจนี่ฮะ”

“น้องโอบไปรอตรงที่อาบอกก่อน ได้เวลาแล้ว”

“พี่โอบจะไปไหนเหรอฮะ”

“พี่เขาไม่หนีไปไหนแล้วครับคนเก่ง” อาน้องรีบบอกเมื่อเห็นหนูทำท่าตกใจ

หลังจากนั้นอาน้องก็พาหนูเดินไปหาแด๊ดดี้ แด๊ดดี้ยื่นมือมาให้หนูจับและพาเดินไปยังซุ้มดอกไม้รูปทรงโค้งเหมือนประตู มองไปด้านหน้าก็เห็นว่ากลุ่มเพื่อนของหนูยืนเรียงแถวกันอยู่ หนูต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้ออกมาเพราะว่าดีใจที่ทุกคนที่หนูรักมารวมตัวกันมากมาย มองตรงไปอีกก็เห็นพี่โอบยืนรออยู่ตรงแท่นพิธี มียุงพญายื่นอยู่ถัดไปทางด้านหลัง

เสียงเพลงเริ่มบรรเลงขึ้นโดยสมาชิกวงเดอะบ็อกซ์ เพลงบรรเลงนี้เป็นเพลงที่หนูคุ้นเคยเพราะมันเป็นเสียงดนตรีจากมิวสิคบ็อกซ์อันที่พี่โอบส่งมาให้หนูเป็นของขวัญ ‘Canon in D Major’ พี่โอบเคยบอกหนูว่า...เพลงนี้มีความหมายในทางดนตรี คือการเล่นวนซ้ำไปซ้ำมาโดยใช้เครื่องดนตรีเพียงสี่ชิ้นที่มาประกอบเป็นเพลงนี้ แต่ในทางความรักของพี่โอบนั้น ก็คือการได้เจอกับหนูและได้รักหนูซ้ำไปซ้ำมา เครื่องดนตรีทั้งสี่ชิ้นของครอบครัวเราก็คือ พี่โอบ หนู และน้องไม้กับน้องหม่อน เป็นเพลงที่เราจะบรรเลงไปด้วยกัน ‘ซ้ำไปซ้ำมา’

แด๊ดดี้พาหนูเดินผ่านกลุ่มเพื่อน ทุกคนส่งยิ้มให้หนู ถึงแม้ไม่มีคำพูดใดๆ หนูก็สัมผัสได้ว่าทุกคนดีใจที่หนูมีความสุข โดยเฉพาะสิงโต หนูอยากให้สิงโตได้รับความสุขเหมือนอย่างที่หนูได้รับ ภาวนาให้คนที่ยืนข้างสิงโตในวันนี้เป็นคนที่ได้อยู่เคียงข้างสิงโตตลอดไป

จนกระทั่งแด๊ดดี้พาหนูมาถึงตรงที่พี่โอบยืนอยู่ หนูหันกลับไปกอดแด๊ดดี้เอาไว้

“ขอบคุณฮะแด๊ด แด๊ดดี้คือพ่อที่ดีที่สุดของหนู”

“หนูก็เป็นลูกที่แด๊ดดี้รักที่สุด” แด๊ดดี้ส่งมือของหนูให้กับพี่โอบ

หนูแอบเห็นว่าไม่ใช่แค่หนูที่มีน้ำตา เจ้าของมือที่กระชับมือของหนูเอาไว้ก็กำลังปล่อยให้น้ำใสๆ ไหลลงมาไม่ต่างกัน พี่โอบกำลังรู้สึกเหมือนที่หนูรู้สึก หนูมั่นใจว่าเป็นแบบนั้น หนูแอบเหลือบตามองไปด้านหลังอีกนิด ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกาะใบไม้ครามกำลังกลั้นน้ำตาจนปากสั่นไปหมด หนูรู้ว่ายุงก็ดีใจที่เห็นหลานและลูกได้แต่งงานกัน ใช่ไหมฮะยุง...

คนที่มาทำหน้าที่ตรงกลางแท่นพิธีให้เราไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นปู่ช้วนที่แต่งตัวเลียนแบบบาทหลวงในหนังซะเหมือนเป๊ะ หนูกับพี่โอบพูดคำสัญญาตามที่ปู่ช้วนพูดนำให้ เป็นคำสัญญารักในแบบสไตล์ของปู่ช้วน เรียกเสียงหัวเราะและความซาบซึ้งให้แขกในงานได้ทุกคน

จากนั้นเสียงเพลงก็บรรเลงดังขึ้นอีกครั้ง มัมๆ กับแม่เรืองจูงน้องไม้กับน้องหม่อนเข้ามา ในมือของน้องแฝดอุ้มตุ๊กตาน้องด้าวมาคนละตัว และในมือของน้องดาวที่น้องไม้อุ้มมามีกล่องแหวนสองกล่อง ส่วนตัวที่น้องหม่อนอุ้มมามีช่อดอกไม้

“เอ้า แลกแหวนกัน ใส่แล้วต้องใส่ตลอดไป ห้ามเอาไปขายหรือจำนำ” ปู่ช้วนตะโกนบอก

หนูมองหน้าน้องแฝดด้วยความกังวล หนูไม่รู้ว่าน้องเข้าใจแค่ไหนกับงานที่ถูกจัดในวันนี้ และไม่รู้ว่าน้องยอมรับได้แค่ไหนที่จะมีหนูก้าวเข้ามาอยู่ในชีวิตของพี่โอบ แต่แล้วความกังวลใจของหนูก็ถูกทำลายเมื่อน้องไม้กับน้องหม่อนดึงหนูลงมากระซิบให้ได้ยินกันเพียงสามคน

“น้องหม่อนดีใจที่พี่หนูด้วงจะมาเป็นแม่ของน้องหม่อน แต่พี่หนูด้วงต้องสัญญาว่าจะไม่ห้ามน้องหม่อนกินของในตู้เย็นเหมือนคุณเชนนะ คุณเชนขี้หวงและดุน้องหม่อนบ่อยๆ”

“ตกลง พี่หนูด้วงจะซื้อตู้เย็นจัมโบ้ไซส์ให้น้องหม่อนเลย พี่หนูด้วงรวย แล้วก็ไม่ให้ใครมาดุน้องหม่อนได้อีก ยกเว้นนาโม” หนูพูดจบน้องหม่อนก็ยิ้มกว้างแล้วยื่นดอกไม้ให้ จากนั้นก็เป็นคิวของน้องไม้ คนนี้แหละฮะที่หนูกลัวใจเป็นที่สุด

“พี่หนูด้วงรักนาโมมากไหม” น้องไม้ถามหนู หนูจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ “ถ้าพี่หนูด้วงเข้ามาอยู่กับเราแล้ว จะไม่ให้นาโมทิ้งเราไปใช่ไหม” หนูอึ้งเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะรีบส่ายหน้าให้แทนคำตอบเพราะมันพูดไม่ออกเมื่อเห็นแววตาที่หวั่นไหวของเด็กน้อย “พี่หนูด้วงเองก็จะไม่ทิ้งเราไปใช่ไหม”

“ไปไหนไปด้วยกันตลอดไป ตลอดชีวิต” หนูตอบน้องไม้

“อย่าผิดสัญญานะ” น้องไม้ยื่นกล่องแหวนให้หนู หนูดึงน้องแฝดมากอด ทั้งกอดทั้งหอมเพราะรู้ดีว่าการกอดคือคำพูดที่ดีที่สุดของการกระทำ

เมื่อพิธีให้คำสาบานและสวมแหวนเสร็จสิ้น หนูก็โยนช่อดอกไม้ คนที่ได้รับคืออาน้อง ยุงพญาหัวเราะชอบใจก่อนจะประกาศว่าจะจัดงานแต่งงานอีกรอบ จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราสองคนพูดขอบคุณทุกคนที่มาในงาน หนูให้พี่โอบเป็นฝ่ายพูดก่อนเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาเลย ถึงหนูจะรอคอยวันนี้มาแสนนาน แต่ถึงเวลาจริงทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้เก่งจนถูกเพื่อนๆ แซวว่าเป็นคนเจ้าน้ำตา

“คำขอบคุณคงเป็นอย่างแรกที่ผมอยากบอกทุกคน มันคงจะยาวจนกินเวลาข้ามคืนถ้าผมต้องบอกสิ่งที่รู้สึกจนครบ กว่าจะมีวันนี้มันนานเหลือเกินสำหรับผม แต่มันก็คุ้มค่ามากกว่าเวลาที่สูญเสียไป ผมขอใช้เวลาของชีวิตที่เหลือเพื่อจะรักและดูแลผู้วิเศษคนนี้ให้ดีที่สุดแทนคำขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนที่ทำให้วันนี้มันเกิดขึ้น ผมได้ศึกษาธรรมจากการบวชที่ผ่านมา ทำให้ผมเข้าใจคำว่าไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจและคิดว่ามันแน่นอนสำหรับผม มันคือความรักที่ผมมีให้กับน้อง จริงอยู่ว่ามันจะอาจจะเปลี่ยนไป แต่มันไม่ใช่การน้อยลง มันจะมากขึ้นตามวันเวลา รวมถึงความรักที่ผมมีให้น้องไม้และน้องหม่อนด้วยครับ ผมจะทำให้ครอบครัวของผมมีความสุข อืม...ลืมครับ อีกคนในครอบครัวของเราที่จะลืมไม่ได้นั่นก็คือน้องด้าว ผมจะรักและดูแลเขาให้ดีเช่นกัน”

เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อพี่โอบพูดจบ คราวนี้ทุกคนหันมามองหนู หนูรับผ้าเช็ดหน้าจากอาน้องมาซับน้ำตา มันมีคำพูดมากมายแต่หนูกลับพูดไม่ออก ยืนนิ่งอยู่นานจนพี่โอบถามว่าหนูไหวไหม หนูพยักหน้าและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ ทุกคนก็ดูจะรอคอยว่าหนูจะพูดอะไร

“หนูจะเป็นเมียและแม่ที่ดีฮะ”

หนูพูดจบเสียงกลองให้จังหวะ ‘ตึ่งโป๊ะ’ ทันที แอบเห็นยุงพญาขาอ่อนไปวูบหนึ่งหนูจึงหัวเราะออกมา

“หนูล้อเล่นฮะ แต่หนูไม่รู้จะบรรยายยังไงกับความรู้สึกที่มี รู้แต่ว่าหนูโชคดีเหลือเกิน โชคดีที่มีทุกคนที่นี่ในชีวิต โชคดีที่เติบโตมาอย่างมีความสุข โชคดีที่ได้รับความรักมากมาย โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ยืนข้างๆ หนู หนูเคยนึกว่ามันจะไม่ง่ายที่เราจะรักกัน แล้วมันก็ไม่ง่ายจริงๆ แต่แล้วกาลเวลาก็พิสูจน์ว่าความยากมันหอมหวานตรงที่มันจะไม่มียากสำหรับเราสองคนอีกแล้ว หนูไม่สัญญาว่าจะไม่ดื้ออีก หนูไม่สัญญาว่าจะไม่วุ่นวายอย่างที่เคยเป็น หนูไม่สัญญาอะไรทั้งนั้นเพราะหนูคือตัวป่วนของทุกคนทุกคน แต่หนูสัญญาว่าทุกการกระทำของหนูจะเป็นบทเรียนที่จะสอนให้หนูดีขึ้นกว่าเดิม” หนูพูดถึงตรงนี้ก็หันไปหาพี่โอบ “อย่าเบื่อที่จะรักหนูนะฮะ หนูดื้อแต่หนูจะน่ารักให้มากขึ้น”

“พี่เชื่อครับว่าหนูน่ารักมากขึ้นทุกวัน”

“เจ๋ง จูบเลย จูบเลย” น้องเม่นตะโกนขึ้นมาหลังจากที่พี่โอบพูดจบ จากนั้นทุกคนก็ตะโกนตามน้องเม่น  หนูยอมรับว่าเขินมากแต่ก็หลับตารอรับจูบจากพี่โอบแล้วฮะ

จูบที่อ่อนโยนและแสนหวานเหมือนเคย หนูรักพี่โอบจัง รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว

งานแต่งงานของเราจบลงด้วยความสุข มันเป็นจุดสิ้นสุดการรอคอยของเราสองคนก็จริง แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการรักษาครอบครัวให้คงอยู่เหมือนดั่งที่เราหวังเอาไว้ มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างที่หนูบอกไป มันคงไม่มีอะไรที่ยากสำหรับเราอีกแล้ว บทเรียนคงมีเข้ามาทดสอบเราสองคนเรื่อยๆ แต่บทเรียนที่สำคัญเราได้เรียนรู้มาแล้ว เรารู้แล้วว่าการจากกันมันเจ็บปวดและทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นเราจะไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับเราอีก

.

.

.

“มัมๆ โตขึ้นหนูจามีความฉุดมั้ย จะมีคนมาตีหนูมั้ย หนูอยาดให้ทุดคนทุดคนยักหนู หนูไม่ชอบให้คนไม่ยักหนู”

“เราไม่มีทางรู้เรื่องที่ยังไม่เกิดหรอกครับ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด แต่มัมคนนี้จะปกป้องหนูด้วงเอง”

‘ในตอนที่ฉันยังเป็นเด็กน้อย ฉันถามแม่ว่า ฉันจะเป็นยังไงในวันข้างหน้า ฉันจะสวยไหม ฉันจะรวยไหม และนี่คือสิ่งที่แม่ของฉันได้บอกกับฉัน... Que sera sera อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม อนาคตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรานั้นจะมองเห็น อะไรจะเกิด มันก็จะเกิดไปของมันเอง’

ตอนนั้นหนูยังเด็กจึงไม่เข้าใจคำตอบของมัม ทำไมมัมถึงตอบหนูถึงเรื่องราวของอนาคตไม่ได้ แล้วหนูเป็นผู้วิเศษ หนูจะเสกทุกอย่างให้เป็นอย่างใจฝันไม่ได้เลยหรือ?

.

.

.

“พี่โอบฮะ เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปหรือเปล่า”

“พี่ไม่รู้ว่าตลอดไปมันนานแค่ไหน แต่พี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดนะครับ”

‘พอฉันโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นหน่อย ฉันก็มีความรัก ฉันเลยได้ถามที่รักของฉัน ว่าอะไรกำลังรอเราข้างหน้านะ เราจะมีอนาคตที่สดใสในทุก ๆ วันใช่ไหม และนี่คือสิ่งที่เขาได้บอกกับฉัน... Que sera sera อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม อนาคตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรานั้นจะมองเห็น อะไรจะเกิด มันก็จะเกิดไปของมันเอง’

หนูเริ่มโตพอที่จะรู้ว่าเราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา แต่ ณ วันนั้นหนูก็หวังเอาไว้เสมอว่าหนูจะไม่ยอมให้อะไรมาพรากเราจากกัน จนกระทั่ง...

.

.

.

“พี่หนูด้วงครับ นาโมกับพี่หนูด้วงจะอยู่กับพวกเราตลอดไปใช่ไหม น้องหม่อนกับน้องไม้อยากให้นาโมกับพี่หนูด้วงอยู่กับเราสองคนไปตลอดเลย”

‘ตอนนี้ฉันก็เป็นแม่คนแล้ว ลูก ๆ ของฉันก็เฝ้าแต่ถามฉันว่า แล้วพวกเขาจะเป็นอย่างไร เขาจะหล่อไหม เขาจะรวยไหม ฉันเลยได้บอกกับเขาด้วยความรักว่า... Que sera sera อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม อนาคตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรานั้นจะมองเห็น อะไรจะเกิด มันก็จะเกิดไปของมันเอง’

หลังจากที่น้องแฝดถามคำถามนี้กับหนู หนูเข้าใจลึกซึ้งแล้วในสิ่งที่มัมและพี่โอบบอกกับหนู ไม่มีอะไรชนะกาลเวลา ทุกอย่างจะเป็นไปในสิ่งที่มันจะเป็น การพรากจากคนหรือของอันเป็นที่รักมันคือสัจธรรม เราไปหยุดยั้งมันไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เราทำได้ หนูจะสอนสิ่งนั้นให้กับน้องแฝด…

“อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอแค่เราทำทุกวันให้มันดีที่สุด ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นได้ แต่น้องไม้กับน้องหม่อนต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขและยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำซาก แล้วเมื่อถึงวันหนึ่งในอนาคต เราจะไม่เสียใจกับผลของมันเพราะเราทำดีที่สุดแล้ว พี่หนูด้วงตอบไม่ได้ว่าเราจะอยู่กับคนที่เรารักได้นานแค่ไหน แต่มีคนเคยบอกพี่หนูด้วงว่า เมื่อถึงวันหนึ่งที่เราไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ เราจะย้ายไปอยู่ในหัวใจและความทรงจำของใครคนนั้นแทน”

“น้องหม่อนจะทำดี จะได้อยู่ในหัวใจของคนที่เรารักตลอดไป ใช่ไหมน้องไม้”

“อืม น้องไม้ก็จะเป็นคนดี”



‘Que sera sera อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม อนาคตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรานั้นจะมองเห็น อะไรจะเกิด มันก็จะเกิดไปของมันเอง’



เราทุกคนมีเพลงรักเป็นของตัวเอง เพลงรักที่อาจจะไม่มีคำว่ารัก เพลงรักที่อาจจะไม่ได้สุขสมหวังเสมอไป แต่มันก็ขับเคลื่อนด้วยความรัก พี่โอบบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นนกฮูกกับพี่ป้าย หรือสิงโตกับตี๋น้อย ทุกคนจะต้องเรียนรู้เพลงรักนั้นด้วยตัวเอง บางคู่อาจจะไม่ได้มีเพลงรักเพียงแค่เพลงเดียว อาจจะต้องผ่านบทเพลงที่สุขจนต้องยิ้มออกมาหรือทำให้ต้องร้องไห้เสียใจ แต่สุดท้ายเราจะเจอเพลงที่ใช่ในแบบของเรา อาจจะเป็นเพลงที่หายไปในช่วงชีวิตหนึ่ง แต่เมื่อได้กลับมาฟัง เพลงที่ทำให้เราร้องไห้ในวันนั้น อาจจะกลายเป็นเพลงที่ทำให้เรายิ้มได้เมื่อนึกถึงในวันนี้ฮะทุกคนทุกคน



~ จบบริบูรณ์พูนสุข ~





ขอบคุณพี่จ๋าทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตอนจบของซีรีส์เซ็ทนี้ มันใช้เวลายาวนานมากเลยนะคะ

เรียกได้ว่าถ้าเราเป็นเพื่อนกันก็คงสนิทกันระดับหนึ่งเลยเชียว

บางคนก็เห็นหนูด้วงเป็นลูกเป็นหลานไปล้าววววว

หลายคนที่เข้ามาทักทาย ทั้งในนี้ทั้งในเว็บต่างๆ หรือทางเพจและทวิต จนคุ้นชื่อไปหมด

ขอบคุณมากนะคะสำหรับมิตรภาพและกำลังใจที่มอบให้กัน มันมีค่ามากเลยค่ะ

บอกตรงๆ ว่ากว่าจะแต่งตอนจบนี่ลบไปหลายรอบมาก ถึงวันนี้ก็คิดว่ามันน่าจะจบได้สวยกว่านี้

ยังไงก็ขออภัยพี่จ๋าไว้ก่อนหากมันยังมีอะไรค้างคา เลิฟจะกลับมารีไรท์ให้มันโอเคกว่านี้

แต่ตอนนี้ขอหยุดไปพักสมองสักระยะหนึ่งก่อนเด้อ มันตันจริงๆ

ส่วนคู่ของตัวรองจะอยู่ในตอนพิเศษฉบับรวมเล่มนะคะพี่จ๋า


ปิดท้ายขายของ #ปลดล็อกให้ความรักตีพิมพ์แล้วนะคะ พี่จ๋ามีในครอบครองอ๊ะยังงง

ตอนพิเศษสนุกสนานเฮอาน้า ไปตำกันเถอะจ่ะ

...รัก...
 


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)

[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-03-2019 19:10:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 19-03-2019 20:06:14
ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะหนูด้วง+พี่โอบขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองมาให้ย่าเลิฟเลี้ยงน้า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-03-2019 20:19:03
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 19-03-2019 20:19:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 19-03-2019 20:25:57
ดีใจกับหนูด้วง พี่โอบ น้องหม่อน น้องไม้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-03-2019 20:30:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 19-03-2019 21:32:18
จบแล้ว ชอบๆ ตามตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2019 21:42:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอแสดงความยินดีกับคู่แต่งานคู่ใหม่ ที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นครอบครัวจริง ๆ สักที  หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งดีทั้งร้ายมา

ป.ล. หลังจากปิดฉากเรื่องนี้ไป  คงมีแอบคิดถึงผู้วิเฉด  เพราะติดตามน้องมาตั้งแต่น้องเป็นเด็กตัวน้อยจนเติบใหญ่มีสามีเป็นตัวเป็นตน 
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-03-2019 22:04:33
 :katai2-1: :mc4: o13 :mc4:  :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-03-2019 22:17:28
ขอบคุณค่ะนิยายในซีรีย์ที่มีหนูด้วงสนุกทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-03-2019 22:46:41
ดีใจกับความสุขของทุกคนด้วยนะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-03-2019 23:36:55
 :katai2-1: ยินดีกับครอบครัวใหม่ที่เกิดขึ้นค่า ขอบคุณผู้เขียนกับนิยายที่อบอุ่น และสนุกสนานเรื่องนี้ค่ะ  :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 20-03-2019 00:16:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-03-2019 00:51:27
หนูด้วงป่วนจนตอนสุดท้าย น่ารักจริงๆ
เรื่องสนุกมากเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม เพลงรักที่ 20 ตอนจบ 19/03/62 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-03-2019 17:47:52
อบอุ่น

สมหวัง

มีความสุข

นะทุกๆคน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 23-03-2019 06:12:14
น่ารักแบบป่วน ๆ เสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ
หนูด้วงเอ๊ยยยยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 23-03-2019 18:15:28
 :pig4: อยากมีพี่โอบเป็นของตัวเองงงง
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 24-03-2019 00:15:08
แงงงงง พี่โอบกับหนูด้วงจบแล้ว แอบน้ำตาซึม หนูด้วงของเราโตแล้วจริงๆ :hao5:

รักเจ้าหนูด้วงนะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 27-03-2019 02:35:58
ในที่สุด ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆทุกๆเรื่องนะคะ เราชอบงานเขียนคุณมาก นิยายทุกๆเรื่องเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ มุมมองดีๆแถมยังเขียนให้รู้สึกอินตามตัวละคร เรื่องนี้เสียน้ำตาไปเยอะทีเดียว อ่านจบแล้วแอบใจหายเหมือนกัน  :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 01-04-2019 09:38:36
เอ็นดูแงงงงงง
น้องหนูด้วงง อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมาก เป็นผู้วิเศษจริงๆ
พูดอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด อยากบีบน้องงงง
ในที่สุดก็ได้กลับมาเจอกันซักที
รู้สึกเหมือนมีลูกแล้วลูกโต55555
ตามอ่านมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย ตอนนี้เป็นแม่แล้ว
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ มาให้อ่านนะคะ <3
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-04-2019 11:47:34
มากอดลูกมากอด โตจนได้แต่งงานแล้วนะหนู มีความสุขจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: songsa1234 ที่ 02-04-2019 15:03:15
ตามมาจากเรื่องมีคุณกับนับตัง
น่ารักมากๆเลยคะ ~
หนูด้วงเป็นที่รักเสมอ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-04-2019 19:19:52
ตามอ่านมาตั้งแต่ตอนหนูด้วงยังพูดไม่ชัดจนตอนนี้สมหวังกับพี่โอบอุ้มของเขาแล้ว
เอ็นดูน้อง เหมือนได้เฝ้าดูพัฒนาการเติบโตของน้อง ประทับใจจจ
 :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 07-04-2019 15:53:07
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-04-2019 02:42:15
เอ็นดูมากค่ะ หนูด้วงคือตัวร้ายที่แท้จริง แสบไม่เบาเลย
จอมซน แก่นเซี้ยวมาก และที่สำคัญ ความจำดี มั่นคงมาก

น้องลงทุน และทำทุกอย่าง เพื่อพี่โอบอุ้ม
เอ็นดูตอนที่ต้องอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำ
ดูแลน้องไม้น้องหม่อน แล้วก็คิดถึงพี่ตลอด

โอบอุ้มทำเพื่อน้องทุกอย่าง และมีค่าเสมอ
จนไม่ทันระวังตัว เกือบไปแล้วนะคนเรา

ว้าวววว เซอร์ไพรส์มากค่ะ สึกออกมา ฉลองงานแต่งเลยจ้า
ทุกคนน่ารักมาก สอนน้องและดูแลดีมาก
เป็นครอบครัวอบอุ่นวัยใสแล้วนะหนูด้วง
ให้สมกับที่จะเป็นเมียและแม่ที่ดีเนาะ 5555

ขอบคุณมากนะคะ อ่านไปก็ยิ้มไป
ตอนเศร้าก็น้ำตามา ตอนลุ้นก็ลุ้นมาก
จะติดตามเรื่องต่อๆ ไปอีกนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ



หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-04-2019 20:18:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 06-05-2019 17:49:40
น่ารักอบอุ่น
หนูด้วยป่วนจนตอนสุดท้ายจริงๆ
น่ารักมาก รักหนูด้วง
รักทุกคนในเรื่องนี้
ชอบทุกตัวละคร
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 17-06-2019 19:22:29
 :-[
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 20-06-2019 13:42:40
ฮืออออ หนูด้วงของพี่จ๋า ตามมาตั้งแต่หนูตัวเร้กๆตัวป่วนของทุดคนทุดคน จนหนูได้สามีเป็นตัวเป็นตน
พี่จ๋ารักหนูมากกกกกกกกก อะไรก็ได้ก็ได้ ที่ทำให้หนูมีความสุข พี่จ๋ายอมหมดให้หนูด้วงคนเดียว อุ๊!พี่โอบอย่าตาขวางสิค่ะ รู้แล้วว่าหวง 55555555

สนุกมากกกกกกกกกก เป็นซี่รี่ย์ที่มีครบทุกรสจริงๆ อินจนเหมือนเรากลายเป้นส่วนนึงของแฟมิลี่หนูด้วงไปแล้วว
ฮืออออ ใจหายอ่ะ ต้องคิดถึงหนูด้วงมากๆแน่
 :pig4: ขอบคุณนะคะ นิยายของคุณเลิฟดีมากๆ ทั้งพล๊อต ภาษาสำนวน คาเรทเตอร์ของตัวละคร มีมิติ และพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนได้เติบโตไปด้วยกัน ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพวกเขาทำให้เรามีความสุขมากจริงๆค่ะ รักคุณเลิฟ รักกกกกกหนูด้วง รักทุดคนทุดคน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 21-06-2019 12:49:59
นอกจากเนื้อเรื่องดีแล้วเพลงก็ดีเช่นกันอ่านไปร้องไป มีเพลงโปรดเราด้วย เรื่องนี้สอนเราได้ดีเลยเราประทับใจโดยเฉพาะเรื่องของดาวเรือง ดีใจกับดาวเรืองด้วยที่จะหันมามองรักที่มีให้ตัวเองได้สักที ขอบคุณนักเขียนมากหนูด้วงกับพี่โอบทำเราติดอ่านซ้ำไปซำ้มาแล้ว555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 17-07-2019 10:33:25
รอรว่มเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 10-09-2019 21:19:04
อยู่กับเซ็ตเกาะใบไม้ครามและเกาะแสงแดดมาเกือบอาทิตย์แล้ว มีความสุขในทุกวันทุกวันที่อ่านเลยค่ะ ขอบคุณพี่เลิฟที่แต่งเซ็ตนี้ขึ้นมานะคะ น่ารักมาก โดยเฉพาะตัวป่วนของเรา รักหนูด้วงเหมือนหลานคนนึงไปแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวแสบก็มีทางเดินของตัวเองแล้ว ปิดเซ็ตด้วยรอยยิ้มและน้ำตาเลยค่ะ ขอบคุณพี่เลิฟมากนะคะ :pig4: :กอด1: จะคิดแก๊งชาวเกาะเสมอน้าาา
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 05-12-2019 22:43:39
เพิ่งมาได้อ่านคู่พี่โอบกับหนูด้วง น่ารักกกกกก

 :impress2: :impress2: :impress2:

ปล. น้องด้าวควรได้ค่าตัวเพิ่มนะ บทเด่นมาแรงตลอดเลย 55555555
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 11-12-2019 20:35:07
สนุก ครบรส

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 20:56:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmiku ที่ 30-06-2021 14:14:32
ฮือออ รัก เอ็นดูหนูด้วงของทุกคนทุกคน
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-07-2021 20:49:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-07-2021 15:35:33
ในที่สุด ในที่สุดเราก็อ่านจนจบ
 :L2: