>....ตอนที่ 16 [100%]....<
มื้อเที่ยงกับอีธานเป็นอาหารไทยที่ถูกตกแต่งมาอย่างสวยงาม ดูน่าเอาไว้ถ่ายรูปอัปโหลดลงโซเชี่ยลมากกว่าจะเอามากิน แต่เมื่อได้ลิ้มรสเข้าไป ภูริก็คิดว่ารสชาติเขาดีมากเลย เสียดาย บางอย่างติดเผ็ดมากไปหน่อยสำหรับภูริ
เมื่อทานมื้อเที่ยงกันเสร็จก็ได้เวลาเข้างานพอดี ก็ครึ่งชั่วโมงแรกเล่นกินเนื้อสดกันบนโต๊ะทำงานนี่นะ อีธานไม่เดินไปส่งภูริเพราะอลันเข้ามาพร้อมสูทสำหรับใส่ไปงานเลี้ยง เห็นว่าภูริเหลือบมองนิดหน่อย แต่เจ้าตัวไม่ได้ถามอะไรแค่เดินออกไปเงียบๆ
“อีกครึ่งชั่วโมงต้องเดินทางครับท่าน” อลันรายงานเรื่องเวลา
“อืม ให้งานภูริหรือยัง”
“ผมจัดการแล้วครับ เดี๋ยวเขาต้องออกไปเสนอของให้ลูกค้ารายหนึ่ง ผมให้คนติดตามไปห่างๆ หนึ่งคน” อีธานฟังพลางเซ็นเอกสารที่ทำค้างไว้ตอนภูริเข้ามา
“จับตามองเขาในที่ทำงานด้วยนะ” เพราะเกิดเรื่องวันนี้ขึ้น อีธานจึงปล่อยมันไปเฉยๆ ไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่ภูริไม่เคยออกไปเสนอขายของให้กับลูกค้า ไหนจะเรื่องโอทีที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เลย เขาว่ามันน่าสงสัยเกินไป
“ได้ครับ” อลันรับคำโดยไม่ถามคำถามใดๆ เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินออกไปเมื่ออีธานก้มหน้าอ่านเอกสารเงียบๆ
โอย อิ่มท้องดีแท้ ก็อยากจะเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวานๆ กับอีธานอยู่หรอกนะที่เลี้ยงข้าวเที่ยงเขาอย่างหรู สำหรับภูริ ถ้าไม่ได้ออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ที่ทำงานเขาก็กินแค่อาหารง่ายๆ ราคาไม่แพง รู้ๆ กันอยู่ว่าค่าใช้จ่ายภายในบ้านเขานั้นเยอะแค่ไหน เพราะงั้นก็เลยไม่ค่อยยอมเสียไปกับค่าอาหารที่มากเกินความจำเป็น
เขาเดินลั้นลา รอยยิ้มเต็มแก้มถูกแจกจ่ายให้กับผู้คนที่เดินผ่าน ตามประสาคนเป็นมิตรนั่นแหละหนา ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนไม่ชอบเขาแต่ก็เท่านั้น มาถึงแผนกตัวเองก็ต้องเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานของพิชัย เห็นเลยว่าสีหน้าของหัวหน้าเขาย่ำแย่มาก ไม่ใช่เจอเรื่องไม่ดีหรอก แต่โกรธเขาเนี่ยแหละ
“เอ๊อะ!” กำลังเดินผ่านไปดีๆ กลับต้องสะดุดขาของใครบางคนจนหน้าแข้งไปกระแทกกับโต๊ะ เสียงร้องอุทานก็ช่างบ่งบอกบ้านเกิดจริงๆ
จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดหนึ่งขึ้น... เอ๊อะมันเป็นคำอุทาน ของอีสานบ้านเฮาเนี่ยล่ะ เวลาเฮาเจ็บ เฮาก็ฮ้องเอ๊อะ! เฮ่อๆ มันเป็นคำพูดของนักแคสเกมคนหนึ่งที่เขามักดูเวลาว่าง ประจวบเหมาะกับที่บางทีเขาก็ร้องแบบนี้จนหลายคนคิดว่าเขาเป็นคนอีสานทั้งที่จริงเขาเป็นคนกรุงเทพนี่แหละ
ว่าแต่...หัวหน้านี่แกล้งเขาเป็นเด็กๆ เลยเนอะ เอาขามาสกัดขาเนี่ยนะ พาลนี่หว่า อีกอย่าง วิธีการแบบนี้เขายังเอามาแกล้งกันในผู้ใหญ่อายุสามสิบกว่ากันด้วยเหรอ ตลกดี มันเป็นอะไรที่เด็กน้อยมาก หรือว่าที่พูดกันมันจะจริง ยิ่งแก่ก็ยิ่งเหมือนเด็ก ไม่พอใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ก็แกล้งให้เขาล้มเนี่ยนะ
“ซุ่มซ่าม” เสียงพิชัยดังแว่วมาเบาๆ ภูริเหลือบตาไปมอง เห็นสีหน้าเยาะเย้ยนั้นแล้วเขาก็แอบขำในใจ
เอาจริงดิ คิดว่าแกล้งกันแค่นี้มันแล้วมันสะใจมากไหมนั่น โถ สงสารอะ ภูริสงสารจริงๆ นะ อยากจะเดินวนกลับไปให้หัวหน้าแกล้งเขาอีกสักรอบสองรอบ เผื่อว่าจะอารมณ์ดีขึ้นได้ แต่ไม่เอาดีกว่า เขามีงานต้องทำ จะมานั่งทำตัวเป็นเด็กเล็กๆ เล่นกันนี่เขาไม่สันทัดเท่าไหร่
น่อว....ดูดีปะล่ะ!
“ภูริคะ” กำลังจะหย่อนก้นที่เพิ่งรับแรงบางอย่างที่แสนลามกมาลงบนเบาะเก้าอี้ แต่กลับต้องชะงักเมื่อเพื่อนร่วมงานสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับซองใส่เอกสาร สงสัยเอามาให้เขาทำแทนอีกแล้วล่ะมั้ง
“ครับ”
“เดี๋ยวภูต้องไปรับลูกค้าเลยนะ นี่เอกสาร ต้องเสนอขายยาต้านอาการฮีตตัวใหม่ของบริษัทเรา ในนี้มีข้อมูลยาและก็ยาตัวอย่างมาให้ด้วย” เธอส่งซองเอกสารมาให้คนหน้าเอ๋อ
เฮ้ย! เวลานี้เอ๋อจริงนะ เพราะเขาไม่ได้ออกไปทำหน้าที่นี้มาเป็นปีแล้ว ก็อย่าถามหาเหตุผลเลย ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ได้ออกไปขายของตามหน้าที่ตัวเอง แล้วไหงวันนี้ถึงมีงานมาให้เขาได้ล่ะ ปกติต้องเดินส่งเอกสาร ถ่ายเอกสาร คีย์งานของชาวบ้านเขาไปเรื่อยเปื่อยแท้ๆ เชียว
“อ๋อ ได้ครับ” ยาที่ต้องเอาไปขายก็เป็นยาที่เขากำลังกินมันอยู่ทุกวันนี้เนี่ยแหละ
“อันนี้กุญแจรถ เงินค่าน้ำมันแล้วก็ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ในนี้นะจ๊ะ” เธอยิ้มหวานให้เขา และแน่นอนว่าสาวสวยส่งยิ้มมาขนาดนี้เขาก็ต้องยิ้มตอบสิ
“ขอบคุณน้า”
“ไม่เป็นไรจ้า” เธอทำหน้าที่เสร็จก็เดินไป ปล่อยให้ภูริเปิดซองเอกสารเพื่อเอาข้อมูลด้านในมาอ่าน
มันมีทั้งชื่อของลูกค้า มาจากบริษัทไหนอะไรยังไง แล้วก็ยังมีเวลานัด สถานที่นัดตามปกติ ที่ไม่ปกติมีอย่างเดียว...ทำไมเวลามันกระชั้นแบบนี้ล่ะเฮ้ย บ่ายโมงครึ่งเท่านั้นเหรอ โหย ลุกเลย...ไอ้ภูมึงลุกเดี๋ยวนี้
แต่เดี๋ยวนะ...ยังไม่ได้นั่งนี่หว่า!
เห็นเวลาแล้วภูริก็รีบเดินจ้ำไปยังที่จอดรถทันที ข้อมูลไว้เอาไปอ่านในรถตอนที่ติดไฟแดงก็ยังไม่สายละมั้ง ที่เวลามันกระชั้นขนาดนี้นี่เพราะเขาโดนแกล้งอีกแล้วหรือเปล่าหว่า เท่าที่ทำงานมา สะดวกราบรื่นแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นแหละ
ตอนหลัง พอทำงานได้ดีจนได้รับคำชมจากคนนั้นคนนี้เข้ามากหน่อย หัวหน้าก็เริ่มไม่ชอบเขา พอสาวๆ เข้าหาและเขาเริ่มนอนกับอัลฟ่าสาวบางคน หัวหน้าก็เริ่มแกล้งเขา นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นของการไม่ได้ค่าคอมพ์และโอทีของเขาเนี่ยแหละมั้ง แถมยังไมได้ออกไปขายยาข้างนอกด้วย อุตส่าห์วาดฝันเอาไว้ว่าบางทีจะได้เจอกับเบต้าสาวที่เป็นพนักงานเหมือนตนเอง คุยกันถูกคอแล้วไปสานต่อความสัมพันธ์ ฝันแม่งสลายไปหมดเลย
แต่ไม่แน่นะ ถ้าเขาได้ยาแก้คู่แท้มาแล้วและยังได้ออกมาทำงานข้างนอกอีก เขาก็อาจจะสานฝันต่อได้ก็ได้ หรือเปล่าวะ...แก้คู่แท้แต่ไม่แก้โอเมก้านี่ดิ เขาจะมีวันกลับไปเป็นเบต้าอย่างเดิมไหมอะ คิดแล้วเศร้า เลิกคิดแม่ม!
ภูริสามารถเดินทางจากบริษัทตนเองไปถึงที่หมายได้ทันเวลาพอดี เขาไปถึงก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึงเสียอีก เรียกว่าโชคดีที่รถไม่ติดน่าจะถูกต้องที่สุด ระหว่างรอก็อ่านเอกสารต่างๆ เป็นคนขายก็ต้องรู้ว่าเรากำลังจะขายอะไร ควรเสนอแบบไหนและพูดยังไงยาตัวนี้ถึงจะขายออกได้
ไม่นานนักหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาและทักทายเขา ภูริส่งยิ้มหวานตามแบบฉบับตัวเองให้กับอีกฝ่ายพลางเชิญให้นั่ง เขาอาสาสั่งเครื่องดื่มให้เธอ ท่าทางที่สุภาพและเอาอกเอาใจเป็นอย่างดีนี้ค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับลูกค้า
“คุณหน้าไม่คุ้นเลย” หลังจากภูริเอาลาเต้ปั่นมาเสิร์ฟให้ญิงสาวที่ชื่อนภาเรียบร้อย เธอก็เอ่ยทักเรื่องความไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
“ส่วนใหญ่ผมประจำอยู่ที่ออฟฟิตน่ะครับ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับผม” รอยยิ้มสดใสของเขาเข้าตาหญิงสาวไปเต็มๆ และภูริก็รู้ดีถึงข้อนี้ของตัวเอง ก็เมื่อก่อนใช้มุกแบบนี้แล้วได้ผลทุกทีนั่นแหละ...
ถึงเวลาต้องเดินทางไปงานเลี้ยงแล้ว อลันเดินเข้ามาตามอีธานก่อนถึงเลาเดินทางสิบนาทีเผื่ออีธานยังไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดใหม่ แล้วก็จริง อีธานยังคงก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะนั้นอย่างขมักเขม้น
“ถึงเวลาแล้วครับ”
“อืม” แค่นั้น อีธานวางปากกาลงประจำที่ของมันแล้วตรงเข้าไปเอาชุดที่อลันเอาเข้ามาให้ก่อนนี้เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ชุดสูทของอีธานเป็นสีขาวสะอาด ถูกตัดเย็บอย่างประนีตที่ร้านประจำของเขา เน็กไทสีน้ำตาลเข้มทำให้เขาดูสุภาพ ทว่าท่าทีดุดันนั้นก็ไม่ได้ถูกกลบด้วยสีสว่างตา มันกลับเข้ากัน สมแล้วที่เขาใช้ช่างประจำ อีธานเช็กเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองเล็กน้อย ต้องเนี้ยบและเรียบร้อยก่อนจะออกไปร่วมงานสังคมกับผู้คน
นึกถึงสมัยก่อนชะมัด สมัยที่เขายังเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย อีธานเป็นคนที่มีหัวด้านธุรกิจการค้าเป็นอย่างดี แต่กลับไม่ชอบเข้างานสังคมเท่าไหร่นัก เขายังคิดเลยว่าเขาไม่อยากรับช่วงต่อจากพ่อเลย การอยู่ในจุดที่พ่ออยู่นั้นหมายความว่าเขาต้องออกงานเลี้ยงอยู่เป็นประจำ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจและกระชับมิตรกับลูกค้า
แล้วไง...สุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี
ถึงจะต้องเดินทางไปงานสัมคม แต่อีธานไม่ลืมที่จะหยิบไอแพดโปรเครื่องประจำมาด้วย ในนี้บรรจุรายงานเอาไว้ไม่ต่างอะไรกับกระดาษปึกหนาบนโต๊ะเขา เพียงแต่อีธานชอบอ่านที่เป็นกระดาษมากกว่าหน้าจอเหล่านี้ มันกินตา อ่านไปไม่เท่าไหร่ก็จะตาลาย ดังนั้นเขาจะใช้มันแค่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
หลังอ่านรายงานไปห้าฉบับ รถยุโรปก็เคลื่อนเข้ามาในบริเวณโรงแรมจัดงาน อีธานจำต้องวางอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ลงแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ครู่ต่อมาอลันก็เปิดประตูให้เขา ส่วนกุญแจรถถูกส่งต่อให้พนักงานรับรถแล้วเรียบร้อย
ร่างสูงใหญ่ของอีธานเด่นสง่าอยู่ท่ามกลางทางเข้า ทั้งที่เขายังเดินไปไม่ถึงบริเวณจัดงานแต่เขาก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งรูปร่างหน้าตาและความเป็นผู้นำทางสายเลือด มักทำให้เขาเป็นที่จับตามองทุกที่ที่เขาไป
งานเลี้ยงในวงสัมคมชั้นสูงมักจะคัดเอาแต่คนมีหน้ามีหน้าตาเป็นที่รู้จัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอัลฟ่า เพราะพวกเขามักจะกีดกันโอเมก้าออกจากสังคมตัวเอง ด้วยความคิดที่ว่าโอเมก้านั้นต่ำชั้นเกินไป ไม่คู่ควรกับพวกเขา ส่วนเบต้าก็มีให้เห็นประปราย ถ้ามีเงิน มีอำนาจมากพอก็จะเห็นได้อยู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เบต้าต้องมายืนเคียงคู่กับเหล่าอัลฟ่า...พวกเบต้าก็กลายเป็นกระจอกทันที
“ว้าว ดีใจที่คุณมา” วีระ เจ้าภาพงานเป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลที่มีเครือข่ายอยู่เกือบทั่วประเทศ อายุอานามเข้าเลขหกมาแล้วแต่ก็ยังแข็งแรง ข้างกายวีระมีหญิงสาวหน้าตาสระสวยอยู่หนึ่งคน ซึ่งโครงหน้าคล้ายกับวีระมาก อีธานคิดว่าเธอคงเป็นลูกสาว
“คุณวีระเชิญมาทั้งที ผมจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะครับ” อีธานยิ้มบางๆ ส่งมือไปเช็กแฮนด์กับวีระ
“นี่ลูกสาวผม เธอชื่อวิชุตา อีกหน่อยผมก็คงฝากงานไว้กับเธอ...” วีระผายมือไปทางลูกสาว อีธานก็ต้องเบี่ยงสายตาไปมองเธอก่อนจะเอื้อมไปเช็กแฮนด์
“ฝากเนื้อฝากตัวนะคะ วิยังหน้าใหม่มากๆ เลย คงต้องเรียนรู้อีกเยอะ” สายตาของอัลฟ่าสาวดูหลงใหลเขาเอาการ
“ผมเองก็เช่นกัน” แต่อีธานกลับนิ่งงันและไม่แสดงออกถึงความสนอกสนใจในตัวเธอ
เธอไม่ใช่คนแรกที่ชอบพอเขา มีผู้คนอีกมากมายที่อยากจะร่วมหอลงโลงไปกับอีธานแต่อีธานไม่สนใจ ต่อให้สายเลือดเข้มข้นใกล้เคียงกันมากแค่ไหน สำหรับเขาในตอนนี้ เขายังมองเห็นธุรกิจำคัญกว่าคำว่าครอบครัว
วีระพยายามพูดโน้มน้าวให้อีธานดูแลวิชุตาลูกสาว ราวกับเอาลูกตัวเองมาเสนอเพื่อจะให้สองบริษัทยักษ์ใหญ่ดองเป็นปึกเดียวกัน อีธานเข้าใจดี มันมีทั้งอยากให้ลูกสาวตัวเองได้คู่ครองที่ดีที่เหมาะสม และก็ผลพวงทางธุรกิจ
อีธานต้องเดินอยู่ในงานคู่กับวิชุตา หญิงสาวพูดเก่งและเดินใกล้กับเขาอย่างกับประกาศว่าเขาเนี่ยแหละเป็นคู่ที่เธอเลือก ทว่าเธอนั้นกลับสู้คนที่ใจกล้ากว่าไม่ได้ เพราะอีธานดึงดูดทุกๆ คน ไม่แปลกที่ใครต่อใครจะเข้ามาแทรกแซงเธอและเขา
ไม่นานความรำคาญของการแก่งแย่งกันก็ทำให้อีธานเบื่อหน่าย เขาหันไปกระซิบบอกกับอลันว่าจะกลับแล้ว เลขาส่วนตัวจึงเดินนำเขาไปหาวีระอีกครั้งเพื่อกล่าวคำลา การปฏิเสธอย่างสุภาพเพื่อจะหนีออกจากงานนั้นเป็นสิ่งที่อีธานค่อนข้างถนัดรองมาจากการทำงานของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถรั้งเขาให้อยู่ในงานมากกว่าชั่วโมงครึ่งได้เลย
“มีข่าวภูริไหม” พอขึ้นมาในรถ อีธานก้เอ่ยถามถึงความคืบหน้าของภูริทันที
“เขาทำงานได้ดีครับ ตอนนี้สามารถขายยาออกไปได้ล็อตใหญ่เลยทีเดียว”
“เหรอ” น่าแปลก ถ้าแค่ออกไปรับลูกค้าไม่กี่ชั่วโมงยังขายได้เยอะ แล้วทำไมที่ผ่านมาถึงไม่ได้ออกไปขาย
อีธานครุ่นคิดเรื่องของภูริได้พักหนึ่ง เขาไม่สามารถเสียเวลาให้กับเรื่องส่วนตัวได้นานนักเพราะยังมีงานที่เขาต้องทำ ในขณะอลันต้องขับรถไปหาลูกค้ารายใหญ่อีกราย อีธานก็นั่งอ่านรายงานและเซ็นเอกสารออนไลน์ต่อไปเงียบๆ
ภูริบอกว่าเขาขี้บ่น ทั้งที่ตัวตนของเขาเป็นคนแทบไม่ค่อยพูดด้วยซ้ำ นั่นสินะ แล้วทำไมเขาถึงต้องกลายเป็นคนขี้บ่นเมื่ออยู่กับภูริด้วยก็ไม่รู้ แค่รู้สึกว่าภูรินั้นทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด
กว่าจะคุยงานกับลูกค้ารายใหญ่เรียบร้อยก็ใช้เวลาไปมากอยู่ อาจเพราะเป็นผู้ชายและพวกเขาก็ค่อนข้างจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน อีธานจึงไปทานมื้อเย็นร่วมกับลูกค้าที่ภัตคารหรูแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทานก็มีการพูดคุยถึงโครงงานต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลูกค้ามากกว่าที่เป็นฝ่ายพูด อีธานมีหน้าที่ซับพอร์ท ฟังและคิดว่าเขาจะจัดการอย่างไรต่อไป
บางครั้ง งานที่ดูง่ายดายอย่างการมาคุยงานกับลูกค้าก็เป็นอะไรที่เหนื่อยหน่าย อีธานดื่มร่วมกับอีกฝ่ายเล็กน้อย ซึ่งช่วงเวลาที่นั่งดื่มกัน บทสนทนานั้นได้กลายเป็นเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้ว ราวกับว่าพอหมดเวลางานก็กลายเป็นเวลาพักผ่อนของสองหนุ่มมากกว่า
“คุณเชื่อเรื่องคู่แท้ไหม” จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็ยิงคำถามนี้ขึ้นมา
“ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ” อีธานไม่ตอบว่าเขาเชื่อไหม เขาเจอมากับตัวแล้ว...แต่เขาไม่อยากยอมรับมันเท่านั้นเอง
“นั่นสินะครับ ผมเชื่อนะ...ผมอยากจะเจอคู่แท้ พ่อแม่ผมน่ะเขาเป็นคู่แท้ พวกเขาดูรักกันดีมากๆ เลย ผมก็เลยอยากมีความรักเหมือนท่านทั้งสอง นี่ผมดูเป็นเด็กเพ้อเจ้อหรือเปล่าเนี่ย” แล้วอีกฝ่ายก็หัวเราะมาเบาๆ อีธานจำต้องยิ้มบางๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทกับลูกค้า
“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจนะ” แต่ความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเองน่ะมันสวนทางกันจริงๆ
อีธานรู้ว่าผู้คนจำนวณไม่น้อยที่คาดหวังจะเจอคู่แท้แห่งโชคชะตาของตัวเอง มันคงเป็นอะไรที่วิเศษ รักกันมาก...ขาดกันไม่ได้ จากนั้นก็สร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกเล็กๆ เชื่อว่ามันเป็นครอบครัวในฝันที่แสนสวยงาม
แต่เขากลับไม่ได้คิดถึงมัน...และไม่ค่อยอยากมีสักเท่าไหร่นัก
ลูกค้าคนนี้ยังคงพูดต่อในเรื่องของคู่แห่งโชคชะตา จากที่คุยถูกคอตลอดมากลายเป็นอีธานเริ่มไม่มีอะไรมาสนทนาต่อ เขาเงียบ ฟัง และเสริมบ้างในบ้างครั้ง ออกความคิดเห็นที่ต้องดูเหมือนคล้อยตามอีกฝ่ายในบางหน ทั้งที่ข้างในของเขามันค่อนข้างต่อต้าน
เขาเจอคู่แท้ แต่เขาไม่รักคู่แท้ของเขา เขาไม่ต้องการให้ชีวิตนี้ทั้งชีวิตมาจมอยู่กับชนชั้นล่างแบบนั้น...พวกที่ลงทุนไปก็ได้ผลกำไรกลับมาน้อยนิด ใช้งานได้แค่เรื่องบนเตียง หรือผลิตลูก
ถ้าแค่เอาการผลิตลูก เขาไปจ้างเอาก็ได้ มีธุรกิจประเภทนี้อยู่ ให้โอเมก้ามาท้องลูกให้เหล่าอัลฟ่าเพื่อสายพันธุ์ที่ดี เพราะลูกที่เกิดจากโอเมก้านั้นจะคงสายเลือดอัลฟ่าได้ดีกว่า เพราะงี้แหละมั้ง...ผู้คนก็เลยกระหายคครรภ์ของโอเมก้ามาก
ยังไม่รวมพวกที่มีบุตรยากอีก โอเมก้าที่ฮีตจะสามารถตั้งครรภ์ได้ง่ายกว่าอัลฟ่าหรือเบต้า หากผสมพันธ์กับโอเมก้าในช่วงเวลานั้นได้ล่ะก็ เปอร์เซ็นที่โอเมก้าจะท้องมีสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็น
เดี๋ยวนะ...มีอะไรกับโอเมก้าที่ฮีตเหรอ!
เหมือนฉุกคิดอะไรได้ในเสี้ยววินาที แล้วจากที่คิดได้ อีธานก็ไม่เป็นอันดื่มอีกเลย เขามีอะไรกับภูริบ่อยมาก แทบทุกครั้งที่เจอหน้าหรือสบตากัน ภูริจะมีอาการคล้ายฮีตขึ้นมา ต่อให้ภูริใช้ยาก็แทบไม่ช่วยอะไรเลย งั้นแบบนี้ก็หมายความภูริอาจจะท้องลูกของเขา...ไม่นะ เขาไม่ต้องการแบบนั้น!
หลังจากกลับเข้าบริษัทอีกรอบพร้อมกับความสำเร็จ ภูริก็ไม่ได้มีเวลาดื่มด่ำอะไรกับสิ่งที่ทำได้วันนี้ อยากจะร้องไห้ งานที่หัวหน้าทิ้งไว้นี่มันแกล้งกันชัดๆ เลยอะ ภูต้องเดิน เดิน และเดินเพื่อส่งเอกสารอย่างกับพนักงานเดินเอกสาร ทั้งที่ไอ้แผนกนั้นน่ะมันก็มี แล้วทำไมต้องเป็นเขาว้า...
คิดแล้วก็เบื่อหน่า ช่างมันเหอะ เย็นนี้เจียดตังสักเล็กน้อยดื่มเบียร์เย็นๆ สักขวดก็น่าจะดีเนอะ ให้รางวัลตัวเองบ้างอะไรบ้าง คนอื่นไม่เห็นหัวก็ช่างหัวแม่งเหอะ ของแบบนี้เขาไปบังคับใครไม่ได้อะนะ
“เฮ้อ...กว่าจะเสร็จ ขาลากแล้วกู” เขาบ่นอยู่เพียงลำพัง ตอนนี้ทั้งชั้นเหลือเขาคนเดียว
ก็มันเลิกงานแล้วนี่ ติดที่เขาเนี่ยต้องรออีธาน แถมเมื่อกี้ยังแทบวิ่งเพื่อส่งเอกสารให้อีกฝ่ายหนึ่งด้วย ก็อีกแผนกเขากำลังจะเลิก ถ้าไม่ส่งในวันนี้พรุ่งนี้โดนด่ายับแน่นอน เขายิ้มอ่อนให้ตัวเอง น่าสงสารเนอะ...ตัวเองเนี่ย!
“จะนั่งเหม่ออยู่อีกนานไหม” ห่อเหี่ยวแป็บ ทำไมมาถึงต้องดุล่ะ ภูริเงยหน้ามองไปทางเสียงเข้มดุดันนั้น แล้วก็พบอีธานในชุดสูทสีขาวที่ดูแล้วเหมือนเจ้าพ่อฮ่องกงมากกว่าซีอีโอบริษัทยา ก็ใครให้อีธ่านดูดุล่ะ
“ลูกค้าสาวแน่เลย” เขาเปรยกับตัวเองพลางลุกขึ้นเก็บของใส่กระเป๋า แต่คำเปรยๆ เนี่ยดันเข้าหูอีธานเข้า
“ไปงานเลี้ยงแล้วก็ไปพบลูกค้าต่อ มีดื่มกันนิดหน่อยไม่ได้เยอะอะไร” แล้วทำไมเขาต้องไปบอกเจ้าภูริด้วยนะ
“เหรอครับ งานเลี้ยงนี่สนุกมะ...สาวเยอะแน่เลย” ภูริก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้เจาะจงอะไร เขาเหนื่อย เขาเพลีย...และตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนอกจากอยากหาอะไรมายัดใส่ท้องจัง
“ก็เยอะ แต่ไม่ได้สนใจ” คนฟังแค่พยักหน้ารับ แต่อีธานคิดว่าภูริไม่เชื่อในสิ่งที่ตนนั้นได้พูดออกไป สมองก็เลยวิ่งวุ่นหาทางทำให้ภูริเชื่อในสิ่งที่เขาได้บอกออกไป
“อื้อ ผมหิวจัง เราแวะหาไรกินได้ไหม อ๋อ ไม่ได้สิ คุณทานมาแล้ว งั้นผมขอซื้ออะไรแถวนี้กลับไปกินละกันนะ” อีธานพักเรื่องว้าวุ่น ไม่ว่าภูริจะคิดมากเรื่องเขาหรือไม่ ตอนนี้เขาเห็นแค่อีกฝ่ายกำลังเหนื่อย
“ผมก็หิว” เขาแย่งกระเป๋าของภูริไปสะพายเอาไว้บนบ่าเสียเอง จากนั้นก็เดินนำหน้าโดยไม่มองหน้าตาเหรอหราของภูริ
เอ…ท่านประธานเมาหรือเปล่า? ท่าทางแปลกๆ นะเนี่ย ดูเห็นอกเห็นใจเกินกว่าปกติ เพราะถ้าเอาตามเดิมที่อีธานเคยเป็นก็คือต้องบ่นเขา บ่นเยอะๆ บ่นอะไรก็ไม่รู้เรื่อยเปื่อย แต่รอบนี้กลับไม่…แปลกจริงๆ นะเนี่ย
....100%....
นึกถึง...คอเมนต์หนึ่ง เขาบอกประมาณว่าอีธานน่ะปากร้ายก็จริง แต่เขาดูหวง ดูห่วงภูริ แล้วก็ดูมีใจให้ ในขณะที่ภูริเองกลับไม่คิดอะไรเลย ถ้าความสัมพันต้องจบ อีธานนั่นแหละจะเป็นคนที่เจ็บมาก เราอ่านแล้วแบบ...จึ้กเลยอะ! อารมณ์มันแบบ ก็จริงของเขาเนอะ คนที่จริงจังมันกลายเป็นอีธานอะ ภูก็แค่ไหลไปตามน้ำ ไหลไปกับความต้องการของร่างกาย แค่นั้น ไม่มีอะไรมากมายเลย
งานนี้ดราม่าหนักจัง ฮ่าๆ
ว่าแล้วแอบขายของหน่อย...อันนี้ดราม่าแต่ดูเหมืนอไม่ดราม่า เราอยากเชิญทุกคนไปจมกับงานดราม่าที่แท้ทรู
จัดได้ในลิงก์เลยค่ะ! เป็นงานรีไรท์ของเราและกำลังจะวางแผงเร็วๆ นี้ ^^
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67712.0