สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)  (อ่าน 78878 ครั้ง)

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1


รักษาตัวได้แล้วนะพาย อย่ายื้ออีก

คนอย่างธรรม์ณธรไม่ควรนับเป็นเพื่อนละนะ.

แสนยาก้อหันมามองคนข้างตัวได้แล้ว คนที่มองน่ะเขามีเจ้าของแล้วจ้า


  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4: :katai4:


……

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พายรีบบอกม่อนนะ​ แล้วรีบรักษาตัวให้หายไวๆ
จะได้มาสอนเด็กๆว่ายน้ำ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
เกลียดธรรมอะเมื่อไหร่จะได้ผลกรรม :z6:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
รีบรักษาตัวให้หายได้แล้วนะพาย ก่อนที่อาการมันจะรุนแรงไปมากกว่านี้

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พายต้องห่วงตัวเองบ้างนะ

ไปรักษาตัวเลย

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 20 ครั้งสุดท้าย


เดชาที่วันนี้รับอาสาเป็นแพทย์สนามรุดมายังห้องพักนักกีฬาหลังจากได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขัน ตลอดทางได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด แต่เมื่อมาถึงเห็นพายุพัดทรุดลงนั่งกับพื้น หลังพิงอยู่กับล็อกเกอร์ก็ได้แต่ถอนใจ แม้ใบหน้านั้นจะสงบนิ่ง แต่หัวคิ้วที่ขวมวดมุ่น มือกำเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนกลับบ่งบอกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ร่างสูงย่อตัวลงนั่งวางกระเป๋ายาไว้ข้าง ๆ ก่อนจะตรวจดูอาการในเบื้องต้น เพียงใช้มือสัมผัสแขนแกร่งเล็กน้อยก็ทำคนเจ็บสะดุ้งเฮือก เดชาหันไปสั่งชลชาติให้ช่วยปลดกระดุมเสื้อของเพื่อน จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าหยิบสเปรย์เย็นผสมยาชาขึ้นเขย่าก่อนจะเปิดขวดแล้วพ่นลงบนหัวไหล่ไล่มาตามต้นแขนเพื่อคลายความเจ็บปวดให้แก่ฉลามหนุ่ม


“อยู่นิ่ง ๆ นะ อย่าเพิ่งขยับ” ว่าแล้วก็หันไปบอกอีกคน “มีน แจ้งกองอำนวยการให้เตรียมรถพยาบาลที”


คำพูดของอดีตแพทย์ประจำทีมทีมชาติไทยทำให้ชลชาติรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่พายุพัดว่าไว้อีกต่อไป ชายหนุ่มลุกขึ้นดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงจากนั้นจึงโทรหาเพื่อนที่ประจำจุดกองอำนวยการ ไม่นานเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลก็มาถึง พายุพัดถูกจับใส่อุปกรณ์พยุงแขนก่อนที่หนุ่มฉกรรจ์ 2-3 คนจะช่วยพาร่างของเขาขึ้นแปล ยกวางบนรถเข็นผู้ป่วยแล้วเข็นไปยังรถพยาบาลซึ่งจอดรออยู่แล้ว ชลชาตินั่งไปกับเพื่อนในรถพยาบาลด้วย ระหว่างทางเขาติดต่อแสนยาให้แจ้งข่าวนี้แก่นคินทร แต่กว่าทั้งหมดจะตามไปถึงโรงพยาบาล พายุพัดก็เปลี่ยนชุดและเข้าพักในห้องพักผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว


ครูหนุ่มยืนนิ่ง ฟังแพทย์เจ้าของไข้พูดคุยกับพ่อของตนถึงอาการล่าสุดของคนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คือฝันไปหรือเรื่องจริงกันแน่ นั่นเพราะพายุพัดไม่เคยปริปากเล่าถึงอาการป่วยที่เป็นอยู่เลยแม้แต่ครั้งเดียว


“ผลจากการทำ MRI นอกจากจะพบหินปูนเกาะแล้ว ยังพบเส้นเอ็นบางส่วนเสียหาย แต่เท่าที่เห็นสภาพวันนี้คิดว่าน่าจะรุนแรงขึ้นครับ”


อดีตหมอทหารพยักหน้าก่อนจะเบนสายตาไปยังลูกชายที่เอาแต่ทอดมองคนบนเตียง


“แล้วอย่างนี้ต้องทำยังไงไอ้พายมันถึงจะหายล่ะพี่” แสนยาเอ่ยขึ้น


“เรื่องนี้เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าครับ ปล่อยให้พายหลับสักพัก” เดชากล่าวแล้วเดินนำทุกคนออกไป


วาสนาสืบเท้าเข้ายืนเคียงร่างสูง เธอแตะฝ่ามือลงบนแผ่นหลังของลูกชาย เมื่อเห็นนคินทรเหลียวมองจึงได้พยักหน้าเตือนให้เขาไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่ด้านนอก


“จากที่ผมเคยคุยกับพายเกี่ยวกับการรักษาที่ผ่านมา ประกอบกับผลการทำ MRI ล่าสุด คิดว่าตอนนี้คงทำได้วิธีเดียวก็คือการผ่าตัด ที่จริงพายก็มาคุยเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน” คุณหมอหนุ่มผ่อนลมหายใจ “ผมเองก็รับรองไม่ได้ว่าเมื่อผ่าตัดแล้วพายจะกลับมาว่ายน้ำได้เหมือนเดิม ก็คงต้องลองเสี่ยงดู”


“ไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอพี่”


เห็นทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดเดชาจึงกล่าว “มีสองทางให้เลือกคือจะผ่าวันคู่หรือวันคี่”


“โธ่พี่เดช เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีก”


“ก็ไม่อยากให้เครียดกัน ผ่าตัดไม่น่ากลัวหรอก ดูจากประวัติการรักษาก็เหลือวิธีนี้วิธีเดียวแล้วละ หลังจากนั้นก็คงต้องพักฟื้นยาวเลย”


“ไอ้ธรรม์ก็รู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ” ชลชาติถามเสียงเย็นเยือก


เดชาพยักหน้า “พี่เจอธรรม์วันเดียวกับที่พายมาพบพี่ที่โรงพยาบาล”


“มันตั้งใจให้เป็นแบบนี้จริง ๆ ด้วย มันรู้ว่าพายเจ็บแต่ก็ยังมาท้าแข่ง” อาจารย์หนุ่มกำหมัดแน่น


“นี่พายไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เลยเหรอ”


“พายมันไม่บอกใครครับ ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อวันที่ขอเบอร์จากแสนแล้วโทรไปถามพี่”


คำพูดของชลชาติทำนคินทรรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกที่ในลำคอ เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้แต่เขากลับมารู้เอาเป็นคนสุดท้าย


“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าธรรม์มาเนียนถามพี่สินะ” เดชาว่า “มันถามเรื่องที่พายประสบอุบัติเหตุว่ายังมีปัญหาอยู่ใช่ไหม พายถึงเลิกว่ายน้ำ แล้วก็อ้างเรื่องที่เพื่อน ๆ จะจัดแข่งว่ายน้ำการกุศล ถ้ามีปัญหาจริงแล้วพายยังฝืนคราวนี้ต้องเจ็บอีกแน่ ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะได้มาบอกมีนให้ช่วยห้ามพาย พี่เห็นว่าเป็นเพื่อนกันคงเตือนกันได้ เลยฝากไอ้ธรรม์ให้มันมาเตือนไอ้พายว่าอย่าหักโหมนัก ไม่คิดเลยว่ามันจะมาท้าแข่ง”


“ครับ เพราะเรื่องกองทุนพายก็เลยรับคำท้า ไอ้ธรรม์มันสัญญาว่าถ้าพายชนะ มันจะช่วยไปพูดกับลุง ไม่ให้ขัดขวางโครงการนี้  พายก็เลยทุ่มเทให้การแข่งครั้งนี้มาก ๆ”


หลังจากนายแพทย์เดชาได้อธิบายถึงวิธีการรักษาเรียบร้อยแล้ว แสนยาและชลชาติก็รับอาสาไปส่ง พลตรี นายแพทย์ธรณินและคุณวาสนาที่บ้าน นคินทรเดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงเลื่อนมือขึ้นกุมมือคนที่กำลังหลับเอาไว้พลางถอนหายใจเบา ๆ เพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเพราะเหตุใดพายุพัดจึงได้ซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่เป็นรายการแข่งขันเพื่อการกุศล...


ฉลามหนุ่มปรือตาขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์จวนลับขอบฟ้า มองผ่านประตูกระจกบานเลื่อนเห็นนคินทรยืนอยู่ที่ระเบียงจึงใช้มือข้างที่เหลือจับที่กั้นเตียงเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้น แต่สุดท้ายก็ต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพราะการเกร็งกล้ามเนื้อทำให้รู้สึกปวดขึ้นอีก กระนั้นอาการในขณะนี้ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อตอนแข่งเสร็จอยู่มาก พายุพัดจึงได้ลองพยายามอีกครั้ง


เสียงโครมครามที่ดังมาจากด้านในทำให้นคินทรต้องรีบเปิดประตูเข้ามา เขากดปุ่มปรับเตียงก่อนจะเดินอ้อมไปประคองพายุพัด จัดให้ชายหนุ่มอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนโดยใช้หมอนหนุนหลังจะได้สบายขึ้น


“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” นคินทรกล่าวขณะหันไปรินน้ำใส่แก้ว


“ดีขึ้นแล้วละ” พายุพัดตอบพลางรับน้ำมาดื่ม จากนั้นจึงส่งแก้วคืนให้ มองเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยที่ไม่แม้แต่จะสบตากัน 


ได้ฟังดังนั้นนคินทรจึงนั่งลงที่เก้าอี้ ดวงตาจับจ้องที่กำไลเงินบนข้อมือ ในที่สุดจึงเงยหน้าขึ้นสบตา “ไม่เห็นบอกกันเลย”


“ม่อน...” คนรู้ตัวว่าผิดกล่าวเสียงแผ่ว


“นายบอกว่าจะอยู่ข้าง ๆ เวลาที่เราทุกข์ใจ แต่ทำไมพอเป็นเรื่องของนายบ้าง นายกลับไม่เคยบอกให้เรารู้”


“ร...เราขอโทษ เราแค่ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วง”


นคินทรได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ


“อย่าโกรธเราเลยนะ”


ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้พูดอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของนายแพทย์เดชาและใครอีกคนหนึ่ง


....      


อาจารย์ทวีมาเยี่ยมพายุพัดในอีกสองวันถัดมา เขาเดินตามเดชาเข้ามาภายในห้อง รับไหว้ชายหนุ่มแปลกหน้าและกล่าวทักทายคนที่แขนข้างขวายังถูกยึดด้วยอุปกรณ์ช่วยพยุง


“ชลชาติโทรไปบอกตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง แต่ตอนนั้นผมยังอยู่ต่างจังหวัดก็เลยเพิ่งได้มาเยี่ยม คงช้ากว่าคนของสมาคมสินะ” ปากว่าในขณะที่ตามองแจกันทรงสูงประดับด้วยดอกไม้ที่เริ่มจะเหี่ยวเฉา ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นนามบัตรที่มีสัญลักษณ์สมาคมว่ายน้ำ “เขามาเยี่ยมอย่างเดียวหรือพ่วงเรื่องอื่นมาด้วยล่ะ”


พายุพัดสบตาหมอเจ้าของไข้ซึ่งยืนอยู่ปลายเตียงที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ตอนที่คนของสมาคมว่ายน้ำนำแจกันดอกไม้มาให้ด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มพรูลมหายใจจากนั้นจึงเบนสายตากลับมายังคนที่หยุดยืนข้าง ๆ “ผมคิดว่าอาจารย์คงทราบแล้ว”


นคินทรมองสามคนที่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด เห็นว่าตนเองเป็นคนนอกจึงได้เลี่ยงไปอีกทางจากนั้นจึงเปิดประตูเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ


ทวีพยักหน้า “ก่อนมานี่ผมก็ถูกนายกสมาคมเรียกเข้าไปคุย เขาขอให้ผมช่วยมาพูดให้คุณรับข้อเสนอนั่น”


ฉลามหนุ่มหวนนึกถึงข้อเสนอที่สมาคมว่ายน้ำยืนให้ โดยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัด รวมถึงดูแลระหว่างที่เขาพักฟื้น แต่มีเงื่อนไขว่าเขาจะต้องเดินทางไปผ่าตัดที่ประเทศออสเตรเลียก่อนที่จะเข้ารับการอบรมเป็นผู้ฝึกสอนว่ายน้ำในกลางปีหน้า ซึ่งหากเขารับเสนอก็จะส่งผลให้กำหนดคาดเคลื่อน จากเดิมที่ต้องไปเพียงหนึ่งเดือนจะกลายป็นยาวนานออกไปอีก ด้วยเหตุนี้พายุพัดจึงมิได้ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว


“แล้วอาจารย์ว่ายังไงครับ”


“ผมคิดว่าลองคุณปฏิเสธแล้ว โอกาสที่จะเปลี่ยนใจก็เป็นศูนย์ ผมเลยไม่ได้รับปากเขา บอกแค่ว่าจะลองดู”


ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ แล้วกล่าว “อาจารย์อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ”


“ผมไม่ได้มาขอร้อง ไม่ได้มาใช้ความเป็นครูกดดันคุณ แต่อยากให้คิดทบทวนมากหน่อย ผมรู้ว่าสมาคมเองก็มีข้อบกพร่อง เขาไม่คิดจะเอาโครงการของพวกคุณมาพิจารณาใหม่อยู่แล้ว แต่การที่หลังเกิดเรื่องชลชาติก็ไปดึงเอกสารโครงการจัดตั้งกองทุนกลับ แล้วรวมตัวกับเพื่อน ๆ ประกาศตั้งกองทุนช่วยเหลืออดีตโค้ชและนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทยกันเอง นั่นก็เป็นการหักหน้าเขาอย่างหนึ่ง อีกอย่างก็คือเรื่องที่สมาคมว่ายน้ำออสเตรเลียเชิญคุณเข้าร่วมการอบรมเป็นผู้ฝึกสอนว่ายน้ำโดยไม่ผ่านสมาคมว่ายน้ำของไทย แล้วคุณก็ตอบรับ”


“แต่ผมไม่ได้เป็นนักกีฬาทีมชาติแล้วนะครับอาจารย์ อีกอย่างผมผ่าตัดที่นี่ก็ได้ ผมไม่เห็นความจำเป็นที่สมาคมต้องยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เพราะยิ่งไปไกลค่าใช้จ่ายก็ยิ่งมาก”


“มันคือวิธีการกู้หน้าและสร้างความน่าเชื่อถืออย่างหนึ่ง”


และทุกข้อสงสัยก็กระจ่างด้วยประโยคสั้น ๆ ของอาจารย์ทวี


....


เมื่ออาการบาดเจ็บทุเลาลง เดชาจึงอนุญาตให้คนไข้ในการดูแลกลับบ้านได้ เพื่อให้ชายหนุ่มได้มีเวลาตัดสินใจและจัดการธุระต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนการผ่าตัด พายุพัดเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟา มองอีกคนที่หอบหิ้วสัมภาระพะรุงพะรังตามมา


นคินทรวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้วหันมากล่าว “เรากลับก่อนนะ”


“เดี๋ยวก่อนสิม่อน” เจ้าของห้องบอกพลางยึดข้อมือคนที่ยังไม่หายโกรธเอาไว้ ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาล นั่งเครื่องบินมาด้วยกันจนกระทั่งถึงบ้าน นคินทรพูดกับเขาแทบนับคำได้ “อย่าเพิ่งไปเลยนะ อยู่กับเราก่อน” ว่าแล้วพายุพัดก็ขยับถอยหลังพิงพนักโซฟา แยกขาออกแล้วดึงอีกอีกฝ่ายให้นั่งลงตรงกลาง สองแขนโอบรอบเอวสอบเข้านิด ๆ ไว้หลวม ๆ พลางพาดคางลงบนบ่าแล้วแตะจูบลงที่หลังคอไล่มาจนถึงหัวไหล่ กระนั้นคนในอ้อมแขนก็ยังคงนั่งนิ่ง


“ยังไม่หายโกรธเราอีกเหรอ”


“...”


“หายโกรธเถอะนะ”


“...”


“สงสารเราเถอะ”


ประโยคสุดท้ายทำเอาใจอ่อนยวบ “คราวหลังมีอะไรต้องบอกนะ” พูดจบนคินทรก็ถอดกำไลที่ข้อมือของตนสวมคืนให้เจ้าของ


พายุพัดซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างจากนั้นจึงพยักหน้า ถือโอกาสสูดกลิ่นหอมจากตัวของคนที่ไม่ได้กอดเสียหลายวัน


“พาย พอน่า จั๊กจี้”


“หอมนี่นา”


นคินทรส่ายหัวเบา ๆ “ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวก็เจ็บไหล่อีกหรอก”


“ได้กอดม่อนแบบนี้ ถึงเจ็บเราก็ยอม” ว่าแล้วก็จับนคินทรนอนลาบลงกับโซฟา จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้นก่อนจะค่อย ๆ โน้มหน้าเข้าใกล้ หวังจะจุมพิตลงบนกลีบปากชวนหลงใหลนั้นเป็นหนที่สอง   


“แล้วเรื่องผ่าตัดล่ะว่ายังไง” ครูหนุ่มพูดพร้อมกับยกมือขึ้นประคองแก้มของคนที่กำลังทาบทับอยู่บนร่างของตน


พายุพัดจึงจำต้องอดใจ จับมือนั้นไว้แล้วดึงลงมากดจูบซ้ำ ๆ ก่อนจะกล่าวถึงเหตุผลสำคัญที่ให้เขาไม่คิดยอมรับข้อเสนอจากสมาคม “ถ้าเราตอบตกลง เราก็จะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ม่อนแบบนี้”


“แต่ถ้านายไม่ตอบตกลง ทางนั้นยิ่งเสียหน้า ยังไงนายก็เคยเป็นนักกีฬาของเขามาก่อน”


“เรื่องนั้นเราไม่เคยลืมและจะไม่มีวันลืมด้วย” หนุ่มนักกีฬาบอก แนบหูลงกับอกของคนใต้ร่าง ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มือหนึ่งยังคงเกาะเกี่ยวเรียวนิ้วของอีกฝ่ายเอาไว้ “ตอนที่รู้ว่าจะมีธงไตรรงค์ติดหน้าอก รู้ว่าจะได้รับใช้ชาติ ตอนนั้นใคร ๆ ก็ภูมิใจจนลืมคิดไปว่าชีวิตหลังจากนั้นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง พวกเราฝึกซ้อมกันอย่างหนัก ทุ่มเทให้กับทุก ๆ การแข่งขัน ต้องไกลบ้าน ไกลเพื่อน ไกลคนที่รัก แต่เมื่อถึงวันที่ไม่สามารถทำประโยชน์ได้แล้วกลับไม่ได้รับการเหลียวแล”
นคินทรฟังแล้วให้สะท้อนใจ เลื่อนมือขึ้นลูบหลังของคนพูดเพื่อปลอบประโลม “บางทีนายอาจจะเป็นคนสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับทุกคนก็ได้นะ”


“เราไม่รู้เหมือนกัน” พายุพัดกล่าวอย่างไม่มั่นใจ แต่ที่มั่นใจที่สุดนั่นคือถ้อยคำต่อจากนี้ “รู้แค่ว่าอยู่กับม่อนแล้วเรามีความสุข ขอเราอยู่แบบนี้ก่อนแล้วค่อยคิดนะ”


....


(มีต่อค่ะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)

ชลชาติผลักประตูเข้าไปในห้องพักอาจารย์ เดินดิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของคนที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กก่อนจะลากตัวอีกฝ่ายไปยังอีกห้องประชุมย่อยซึ่งอยู่ข้าง ๆ ที่ขณะนี้ไร้ซึ่งผู้คน ชายหนุ่มออกแรงเหวี่ยงจนร่างสูงพอ ๆ กันชนเข้ากับผนัง เมื่อตั้งตัวได้ธรรม์ณธรจึงหันกลับมาทำตาขวางแล้วกล่าวอย่างหัวเสีย 


“อะไรของนายวะ”


“นายทำแบบนี้ทำไม”


“เราทำอะไร”


“นายรู้ว่าพายเจ็บแต่ก็ยังมาท้าแข่ง นายไม่รักษาสัญญา นายทำแบบนี้ได้ยังไง”


ธรรม์ณธรเหยียดยิ้ม “พวกนายน่าจะขอบคุณเรานะ ที่ทำให้รู้ว่าเวลาที่ไม่ได้รับการเหลียวแลความรู้สึกมันเป็นยังไง ต่อไปจะได้แข็งแกร่งขึ้น” ว่าแล้วก็ตบบ่าคนตรงหน้า


ชลชาติขยับหนีสัมผัสไร้ความจริงใจ กัดฟันกรอดพร้อมกับกำหมัดแน่น “เรากับพายทำอะไรให้นาย มีแต่นายที่ทำตัวเองทั้งนั้น นายรู้ไหมว่าที่พายมันไม่แจ้งความเรื่องคราวนั้นเพราะมันอยากให้นายคิดได้เอง เพราะมันเห็นว่านายเป็นเพื่อน”


“เพื่อนเหรอ” คนพูดหัวเราะเยาะเสียงต่ำ “คนอย่างเราไม่อาจเอื้อมไปเป็นเพื่อนกับคนเก่ง ๆ อย่างพวกนายหรอก สำหรับเรา นาย...และโดยเฉพาะไอ้พายคือคู่แข่งที่เราอยากจะกำจัดให้พ้นทาง”


น้ำเสียงและท่าทางยียวนกวนประสาททำคนฟังเริ่มฉุน “ไอ้ธรรม์!” ชลชาติตะโกนลั่น มือหนึ่งคว้าคอเสื้อก่อนง้างหมัด


“เอาสิ! ต่อยเราเลย! ทำไม? ไม่กล้าเหรอ” ธรรม์ณธรยักคิ้วท้าทายอย่างไม่กลัวเกรง หวังจะยั่วให้ชลชาติโกรธจนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายทำร้ายตนเองก่อน หากทำให้อีกฝ่ายดูแย่ในสายตาของคนอื่น ๆ ในคณะได้ ถึงเจ็บตัวก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลคุ้มค่า   


คนโมโหขบกรามแน่น มือที่ง้างค้างไว้เกร็งจนสั่น เมื่อถูกท้าทายหนักเข้าชลชาติก็ปล่อยหมัดเต็มแรงแต่กลับมิได้ถูกเป้าหมาย สันหมัดอัดใส่กำแพงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่วนธรรม์ณธรเองก็อยู่ในอารมตกใจเมื่อกำปั้นแหวกอากาศเฉียดใบหน้าของตนไปนิดเดียว


เจ้าของหน้าแดงก่ำจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ทำให้สองคนต้องรีบผละออกจากกัน


“มีอะไรหรือเปล่า เสียงดังไปจนถึงข้างนอก” อาจารย์ทวีที่โผล่หน้าเข้ามาเอ่ยขึ้นพลางมองสำรวจไปรอบ ๆ


“ม...ไม่มีอะไรครับ” ชลชาติบอก


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปประชุมได้แล้ว จวนได้เวลาแล้ว”


ร่างสูงไม่แม้แต่จะหันไปสบตาเพื่อน เขาเดินเงียบ ๆ ตามอาจารย์ทวีออกไปด้านนอก ขึ้นบันไดตรงยังห้องประชุมขนาดใหญ่ของคณะ


ภายในห้องมีโต๊ะรูปตัวยู ซ้อนด้วยโต๊ะประชุมยาวตลอดแนวผนังทั้งสองฝั่ง ชลชาตินั่งใกล้กับอาจารย์ทวีและอาจารย์ท่านอื่น ๆ ในภาควิชา ส่วนธรรม์ณธรเดินไปนั่งลงข้าง ๆ อาจารย์ธนิตที่อีกฝั่ง และเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว คณบดีซึ่งเป็นประธานก็กล่าวเปิดการประชุม วาระต่าง ๆ ถูกนำขึ้นพิจารณาจนกระทั่งถึงวาระอื่น ๆ ที่อยู่ในตอนท้าย


“วันนี้นอกจากเป็นการประชุมทั่วไปของคณะแล้ว ผมยังมีเรื่องที่ต้องขอคำอธิบายจากพวกคุณด้วย” คนนั่งหัวโต๊ะกล่าว  “ผมตามท่านอธิการบดีไปประชุมวิชาการที่ต่างประเทศ พอกลับมาก็โดนสภามหาวิทยาลัยถามเกี่ยวกับข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นในโครงการวิ่ง ถึงได้รู้ว่างานนี้มีปัญหาเยอะ งานก็ผ่านมาตั้งนานแล้วทำไมไม่มีใครรายงานให้ผมรู้บ้างเลย” พูดจบก็พุ่งสายตาไปยังรองคณบดี “ใครจะอธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังได้บ้าง”


ชายในชุดสูทนั่งหลังตรง สีหน้าของเขาดูวิตกกังวลเล็กน้อย “สาม-สี่คนพูดไปปากต่อปากเรื่องก็ยิ่งใหญ่โตครับ นี่เป็นงานแรกของเราย่อมมีข้อผิดพลาด เอาไว้ถ้ามีงานหน้าผมรับรองว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกครับ”


เมื่ออาจารย์ธนิตกล่าวจบ บรรดาผู้ร่วมประชุมต่างพากันซุบซิบจนเกิดเป็นเสียงอื้ออึงไปทั่วห้อง ชลชาติสบตาอาจารย์ทวีก่อนจะมองไปยังคณบดีซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าแม้จะเป็นพวกเดียวกัน แต่เมื่อมีเหตุที่จะนำความเสียหายมาสู่ตนเอง ชายผู้นี้ก็เลือกที่จะเก็บคำว่าพวกพ้องลงลิ้นชักแล้วใส่กุญแจแน่นหนา


คณบดีถอนใจเฮือกดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาวาง “แล้วนี่อะไร ยอดเงินหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่จะบริจาคให้ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูทำไมมันถึงได้น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ในตอนแรกแบบนี้ น้ำดื่มก็ไม่พอ เสื้อคุณภาพต่ำ แถมไม่ได้จ้างคนข้างนอกมาช่วยจัดงาน รวม ๆ แล้วเราเงินสูญไปเป็นล้าน จะว่าเอาไปใช้จ่ายระหว่างจัดงานก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เพราะผมจำได้ว่าตอนที่ผมเซ็นอนุมัติโครงการ งบประมาณที่พวกคุณได้รับก็มากพอที่จะบริหารจัดการได้สบาย ๆ แต่ทำไมพอเอาเข้าจริงถึงได้มีคนร้องเรียนมากขนาดนี้ ได้ข่าวว่าเงินค่าลงทะเบียนก็เก็บแพง งานเปิดบ้านของคณะที่ว่างบน้อย ๆ ยังทำได้ดีแทบไม่มีที่ติ”


“ถึงเราจะไม่ได้จ้างคนข้างนอกแต่เราก็ต้องจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้นักศึกษากับค่าล่วงเวลาของเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยงานนะครับ ไหนจะทีมแพทย์ ค่าอาหาร น้ำดื่ม ค่าตัวศิลปินที่เชิญมาร่วมพิธีเปิด ไหนจะค่านักดนตรีที่มาเล่นหลังงานจบอีก แล้วก็ค่าจิปาถะอื่น ๆ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ได้เท่าที่ท่านเห็นนั่นละครับ”


“มันไม่ใช่แค่นี้นะอาจารย์ธนิต ผมยังได้รับรายงานจากฝ่ายการเงินด้วยว่าจำนวนเงินที่คุณเซ็นเบิกไม่ตรงกับยอดในใบเสร็จรวมกัน คุณจะอธิบายว่ายังไง”


ธนิตมองเขม่นคนนั่งข้าง ๆ ก่อนจะกล่าว “ผมว่ามันต้องมีใบเสร็จไปตกหล่นอยู่ตรงไหนแน่ ๆ ครับ เอาไว้ผมจะให้อาจารย์ธรรม์ณธรตรวจสอบอีกที”


แม้จะพอได้ข้อสรุป แต่คนนั่งหัวโต๊ะก็คงสีหน้าบึ้งตึง เขาไม่เพียงไม่กล่าวปิดประชุมยังลุกขึ้นเดินออกไปดื้อ ๆ
ธรรมณ์ธรเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอาจารย์ธนิตแล้วรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ หลังออกจากห้องประชุมเขาจึงเอ่ยขึ้น


“อาจารย์จะกลับบ้านเลยไหมครับ ผมจะไปส่ง”


“ยังหรอก ผมยังมีธุระต้องทำ” ธนิตตอบห้วน ๆ


“อาจารย์ไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ เดี๋ยวผมจะลองค้นใบเสร็จดูอีกที เผื่อว่าจะตกหล่นอยู่ไหน แล้วก็จะลองสอบถามเจ้าของร้านต่าง ๆ ที่เราติดต่องานด้วย เผื่อเขาจะลงรายละเอียดในใบเสร็จรับเงินไม่ครบ”


“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะ เรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง” พูดจบธนิตก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง


เจ้าของรูปร่างสมส่วนเดินไปหยุดที่ห้องหนึ่งซึ่งติดป้าย “คณบดี” เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป ธนิตยืนสงบนิ่งมองชายร่างท้วมที่กำลังเดินงุ่นง่านอยู่หลังโต๊ะทำงาน มือคว้าเอกสารบนโต๊ะได้ก็ปาทิ้งจนกระดาษปลิวว่อน


“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เดือดร้อนมาถึงผม” พูดจบคณบดีก็นั่งลง


“ขอโทษจริง ๆ ครับท่าน ผมมัวแต่รับรองแขกวีไอพีของท่านจนลืมกำชับเด็กเรื่องใบเสร็จ”


“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปจัดการมา ทำยังไงก็ได้ให้เรื่องเรียบร้อย แล้วเขียนรายงานสรุปส่งให้ผม ถ้าภายในสัปดาห์นี้คุณไม่สามารถทำทุกอย่างให้กระจ่างได้ คุณคงรู้นะว่าตามกระบวนการผมจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนพวกคุณทั้งหมด”


“ท่านไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ไม่ให้กระทบมาถึงท่านแน่นอน”


คนนั่งฝั่งตรงข้ามพยักหน้า “ระหว่างนี้ผมก็จะเล่นไปตามบท”


ธนิตยิ้มกริ่ม เห็นสีหน้าอีกฝ่ายคลายความฉุนเฉียวจึงนั่งลง


“แล้วแขกต่างชาติของผมเป็นยังไงบ้าง เขาพอใจกับการรับรองของเราหรือเปล่า”


“พอใจมากครับท่าน ผมจัดการเรื่องตัวเครื่องบินทั้งไปและกลับ จองที่พักระดับห้าดาว อาหารแต่ละมือก็เป็นอาหารจากภัตตาคารดัง ๆ ทั้งนั้น รับรองว่าเขาต้องประทับใจแน่นอน”


“ดี อีกหน่อยเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือจะได้มีผู้สนับสนุน พวกนั้นน่ะเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ทั้งนั้น” คนพูดเอนหลังพิงพนัก ท่าทางของเขาดูสบาย ๆ ราวกับเรื่องที่พูดคุยกันเมื่อ 2-3 นาทีก่อนเป็นเพียงเรื่องลมฟ้าอากาศ “สมัยนี้เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญนะอาจารย์ธนิต ที่ผมขึ้นเป็นคณบดีได้ไม่ใช่แค่เพราะผมเก่งด้านบริหาร แต่เพราะผมมีคอนแทคกับคนที่สามารถสนับสนุนเรื่องเงินทุนกับเราได้ คุณเห็นตอนที่ผมนำเสนอวิสัยทัศน์ไหมล่ะ พอผมเอ่ยปากว่าผมมีคอนแทคกับพวกเงินหนาเจ้าไหนบ้าง คนก็ฮือฮากันทั้งห้องประชุม”


“ครับท่าน” คนฟังรับคำอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว


“แล้วนี่คุณคิดหรือยังว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อ”


“ผมมีวิธีครับ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”


“จัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดี หรือหาตัวคนผิดไม่ได้ละก็ สภามหาวิทยาลัยกัดผมไม่ปล่อยแน่ คุณคงรู้นะว่าถ้าผมเดือดร้อน คุณเองก็ไม่รอด”


“ครับท่าน แต่งานนี้อาจจะต้องยอมเสียเงินที่เราได้มา ท่านคงไม่ว่านะครับ” ธนิตยิ้มอย่างมีเลสนัย


...


“อาจารย์ให้ผมมาพบ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ธรรม์ณธรเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลง มองมือกร้านที่เลื่อนซองกระดาษสีน้ำตาลมาตรงหน้า “นี่อะไรครับ”


“ลองเปิดดูสิ” ธนิตว่าก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้


ชายหนุ่มหยิบซองกระดาษนั้นมาเปิดดูจึงพบว่าข้างในเป็นธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทที่มัดรวมกันอยู่หลายมัด ประมาณด้วยสายตาคาดว่าในซองนี้น่าจะมีมูลค่าเฉียดล้านหรืออาจจะเกินกว่านั้น “เงินนี่ครับ”


“ใช่ เป็นเงินที่ผมจะให้คุณเอาไปคืนให้คณะ”


“คืนคณะ” ธรรมม์ณธรทวนคำ “อาจารย์หมายถึงเงินโครงการที่เบิกเกินไปน่ะเหรอครับ ถ้าเป็นเงินส่วนนั้นละก็ ผมมีเงินส่วนตัวที่ตั้งใจจะเอามาคืนให้คณะอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนดูแลเรื่องการเบิกจ่ายของโครงการนี้ ไม่ต้องรบกวนอาจารย์หรอกครับ อีกอย่าง...ในซองนี่ก็น่าจะเกินจำนวนที่ต้องหามาคืนด้วย”


“ใครว่าแค่เงินที่เบิกเกินล่ะ นี่น่ะรวมเงินบริจาคด้วย”


“หมะ...หมายความว่ายังไง” ธรรม์ณธรมุ่นคิ้ว “แล้วเงินนี่มาจากไหนครับ”


“คุณไม่ต้องรู้ที่มาของเงินหรอก แค่เอาไปคืนก็พอ”


“แต่เราไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลยนะครับอาจารย์ เงินที่ได้มาหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วอาจารย์เองก็ยืนยันว่ามันเหลือเท่านั้นจริง ๆ ทุกอย่างเราก็รายงานด้วยความโปร่งใส”


ธนิตส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่...ธรรม์ณธร วงการนี้ไม่มีคำว่าโปร่งใส”


“อาจารย์หมายความว่ายังไงครับ”


“คุณยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ” คนพูดยกมุมปากขึ้น “ผมยังเสียดายไม่หายที่ปล่อยให้คุณจัดการเรื่องเบิกจ่ายเงินโครงการ ไม่คิดว่าคุณจะหวังดี ดำเนินการทุกอย่างจนเรียบร้อย แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วพูดไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้”


“น...นี่อาจารย์หมายความว่า...”


“สังคมนี้มันขับเคลื่อนด้วยเงินนะธรรม์ณธร”


“แต่ถ้าผมทำอย่างนั้น แปลว่าผมยอมรับว่าผมโกงเงินบริจาคนะครับ”


“อย่าเรื่องมากน่า!” ธนิตตบโต๊ะตะหวาดลั่น “ถ้ายังเห็นว่าผมเป็นครูของคุณ ก็เอาเงินนี้ไปคืนคณะ ทุกอย่างจะได้จบ ผมรับรองว่าจะทำให้เรื่องเงียบที่สุด แล้วผมจะช่วยหาตำแหน่งดี ๆ ในบริษัทของเพื่อนให้”


คนฟังส่ายหัวดิก “ไม่ครับ ยังไงผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้”


“เกิดจะมาคิดเป็นคนดีอะไรเอาตอนนี้ ทีตอนใช้สารกระตุ้นไม่เห็นคิด”


ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด ไม่นึกว่าเรื่องในอดีตที่ออกจากปากของคนที่เคารพมากที่สุดจะหวนกลับมาทำร้ายความรู้สึกตนเองอีกครั้ง


“ก็อาจารย์ไม่ใช่เหรอครับ ที่เป็นคนให้มันกับผม ที่ผมไม่บอกใครก็เพราะเห็นว่าอาจารย์หวังดีกับผมมาตลอด อาจารย์ไม่ใช่เหรอครับที่บอกผมว่าถ้าผมเป็นคนเก่ง เพื่อน ๆ และใคร ๆ ในสมาคมก็จะยอมรับในตัวผม อาจารย์เองก็ไม่ต่างจากผม พยายามทำทุกอย่างให้คนอื่นยอมรับ ที่อุตส่าห์แนะนำโค้ชต่างชาติให้ผม คงคิดใช่ไหมครับว่าถ้าผมแข่งชนะคราวนั้น อาจารย์ก็จะพลอยมีชื่อเสียงไปด้วย” ธรรม์ณธรจ้องเขม็ง “แล้วก็อาจารย์ไม่ใช่เหรอครับ ที่เป็นคนชวนผมเข้ามาทำงานที่นี่ แต่ตอนนี้กลับจะโยนบาปให้แถมยังจะไล่ผมไปที่อื่น ผมตั้งใจว่าจะลบล้างความผิดพลาดในอดีต โดยเริ่มจากการตั้งใจทำงานให้อาจารย์ชนิดถวายหัว จนเมื่อตอนที่อาจารย์ชวนผมเข้ามาทำงานที่คณะ ผมดีใจมาก คิดว่าตัวเองจะเติบโตจากอาชีพนี้ให้ได้”


“จะพยายามทำตัวเป็นคนดีว่างั้น” ธนิตยิ้มเยาะ “ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่าถ้าคุณพยายามทำตัวเป็นคนดี คุณก็จะดักดานเหมือนไอ้ทวีนั่นแหละ ธรรม์ณธร...คุณมันโง่!”


เจ้าของชื่อสั่นหัวไม่ยอมรับ “ผมไม่ได้โง่! แต่ผมคิดว่าอาจารย์คือคนที่หวังดีกับผมมากที่สุดต่างหาก ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วคนที่ผมไว้ใจมากที่สุดจะทำกับผมแบบนี้” พูดจบชายหนุ่มก็ผลักซองกระดาษคืน


ธนิตเหยียดยิ้ม ดึงซองกระดาษเข้าหาตัวแล้วหย่อนลงลิ้นชักอย่างไม่แยแส “งานนี้ยังไงก็ต้องมีคนผิด เอาไว้ผมจะเป็นคนจบเกมนี้เอง”


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ธรรม์ณธรก็ถูกสั่งพักงาน คณบดีมีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องที่เขาทุจริตเงินโครงการ เพราะมีมือดีส่งหลักฐานที่แสดงว่าเขาปลอมแปลงเอกสารเพื่อยักยอกเงินบริจาค ซึ่งชายหนุ่มผู้ทะนงตนเช่นธรรม์ณธรก็ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เมื่อไม่ได้ไปสอนที่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มก็เอาแต่สำมะเลเทเมาไปวัน ๆ


...


โฟล์คเต่าสีนมเย็นแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณลานจอดรถของผับกึ่งร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในซอยบนถนนรัชดาภิเษก ชลชาติเปิดประตูก้าวลงจากรถก่อนจะเดินนำแสนยาเข้าไปด้านอาคารชั้นเดียวติดกระจกโดยรอบ ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีดำซ้ำยังเปิดไฟสลัว บนเวทียกพื้นสูงไม่มากมีสาวสวยนั่งน้อยห่มน้อยกำลังร้องเพลงขับกล่อมผู้ที่มานั่งดื่มกิน เจ้าของที่นี่นอกจากจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายของเขา ยังเป็นถึงอดีตนักว่ายน้ำทีมชาติไทย แต่เพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างการแข่งขัน เส้นทางการรับใช้ชาติจึงต้องจบลง


ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบ ๆ กระทั่งพบคนที่กำลังตามหา ร่างสูงจึงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้บาร์หน้าเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม โดยมีแสนยาตามไปนั่งข้าง ๆ


“ดื่มอะไรหน่อยไหม” คนมาด้วยกันเอ่ยขึ้น


ชลชาติสั่นหัวก่อนจะหันไปมองอีกคนที่กำลังฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์


“ดื่มได้นะ ถ้าเมาเดี๋ยวเราพากลับ ปกติเราก็เป็นคนพาเพื่อนกลับบ้านอยู่แล้ว” แสนยากระซิบ


“เราไม่ดื่ม”


“ปกติไอ้มีนมันกินแต่น้ำอัดลม” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์กล่าว “ว่าแต่คุณเถอะจะดื่มอะไร”


“ถ้าอย่างนั้นผมขอน้ำอัดลมก็แล้วกันครับ”


เจ้าของร้านพยักหน้า หันไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดที่ข้างในมีน้ำสีดำออกมาวาง จัดการเปิดฝาแล้วรินใส่แก้วที่มีน้ำแข็งอยู่เกือบเต็มแล้ววางให้ตรงหน้า จากนั้นจึงกล่าวกับอีกคน


“มันมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย นั่งยาวมาจนถึงตอนนี้ ถ้านับรวมวันนี้ก็สี่วันติดแล้วที่มันมาเมาที่นี่ วันก่อนอยู่จนถึงร้านปิด แถมอ้วกเรี่ยราด เราก็เลยโทรไปบอกนาย”


ชลชาติไม่ได้ตอบกล่าวอะไร เพียงแต่เอื้อมมือคว้าแก้ววิสกี้ให้พ้นมือคนเมา


“อยู่ไหนวะ” ธรรม์ณธรโวยวายในขณะที่มือก็ควานหาไปด้วย ในที่สุดเขาก็ยืดตัวขึ้น พยายามถ่างตาให้สุด กระทั่งเห็นสิ่งที่ต้องการอยู่ในมือของคนข้าง ๆ มือใหญ่เอื้อมคว้า แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงเหลือเกิน สุดท้ายจึงกำได้แต่อากาศ “เอาคืนมา”


“พอได้แล้วมั้ง” ชลชาติกล่าว


“อย่ามายุ่งน่า เอาคืนมา” คนเมากล่าวแทบไม่เป็นภาษา “ไอ้มีน เอาคืนมา”


“เราว่านายกลับบ้านดีเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง”


“ไม่ต้องมายุ่ง” พูดจบเตรียมจะลุกขึ้น แต่ขาก็พันกันจนต้องนั่งลงที่เดิม


“มานั่งกินเหล้าอย่างนี้มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรหรอกนะ”


“นายก็พูดได้สิ นายไม่มาเป็นเรา นายไม่รู้หรอกว่า...” พูดได้เท่านั้นก็ชะงัก


“ว่าการโดนคนที่ไว้ใจหักหลังมันเป็นยังไง อย่างนั้นใช่ไหม” ชลชาติกล่าวพร้อมกับงย้ายแก้ววิสกี้ไปไว้อีกฝั่ง “ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ปกป้องคนที่อยู่เบื้องหลัง มันไม่ได้ทำให้นายพ้นผิดหรอกนะ”


“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับเรา” ธรรม์ณธรกล่าวพลางชี้หน้าอีกฝ่าย มือนั้นส่ายไปมาราวกับไม่สามารถควบคุมได้ ร่างสูงโงนเงน สุดท้ายก็หลับกลางอากาศ หัวปักลงกับเคาน์เตอร์


“เมาเหมือนหมาเป็นอย่างนี้นี่เอง” แสนยาพึมพำ


“นายคิดเงินมาเลย เดี๋ยวเราพาไอ้ธรรม์กลับบ้านเอง” ชลชาติกล่าวกับคนที่กำลังกอดอกส่ายหัว


“นายไม่ต้องจ่ายให้มันหรอก แล้วก็ปล่อยมันไว้นี่แหละ ให้มันรับผิดชอบตัวเองบ้าง” เห็นอีกฝ่ายมองด้วยสายตาแปลกใจจึงกล่าวต่อ “ก็แค่รู้สึกว่าเราเองก็มีส่วนทำให้มันเสียนิสัยน่ะ ยกให้มันเป็นหัวหน้า ส่งเสริมมันทุกอย่างจนมันเคยตัว”


ชลชาติพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเราฝากด้วยก็แล้วกัน”


“เออ ไม่ต้องห่วง ไอ้ธรรม์ก็เพื่อนเราเหมือนกัน”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาจารย์หนุ่มจึงหันไปกล่าวกับคนที่ขอตามมาด้วย “กลับเถอะ”


สองคนเดินกลับมาที่รถ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนั่งชลชาติก็กล่าวกับคนขับ “ขอบใจนะที่ช่วยพามา” ว่าแล้วก็เอื้อมมือตึงตุ๊กตาหมีบนตักของอีกฝ่ายเพื่อเอามากอดไว้เหมือนเมื่อตอนขามา แต่เมื่อมือสัมผัสลงบนขนนุ่มก็ถูกเจ้าของตุ๊กตาคว้าข้อมือเอาไว้


“แผลจะหายแล้วนี่นา” แสนยากล่าว ตายังคงจ้องมองที่สันหมัดซึ่งขณะนี้รอยฟกช้ำจางลงไปมากแล้ว “แสดงว่าต้องโกรธมากเลยนะเนี่ย ถึงได้ต่อยกำแพงจนมือเป็นแบบนี้ อืม...ถ้าเขาไม่พูดให้เจ็บใจ ก็คงต้องให้ร้ายใครสักคนที่สำคัญกับนายมากแน่ ๆ นี่ถ้าโดนเข้าที่หน้าละก็มีหวังสลบ”


“อยากลองไหมล่ะ” ชลชาติก่อนจะดึงตุ๊กตาหมีมากอด


“พูดอย่างนี้ต่อหน้าน้องแสนดีได้ยังไง น้องแสนดียังเด็กนะ”


“ออกรถได้แล้ว ไม่อย่างนั้น...” ชลชาติบอกพร้อมทำท่าจะหักคอเจ้าหมี


“จริงอย่างที่อาจารย์เราว่าไม่มีผิด คณะนี้มีแต่พวกชอบใช้กำลัง” เจ้าของรถว่าพลางหมุนกุญแจติดเครื่อง


“อย่าพูดมาก ไปได้แล้ว” อาจารย์หนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะมองออกไปนอกกระจกหน้าต่าง


....


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2018 07:54:13 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


สมาคมว่ายน้ำยังคงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฉลามหนุ่มตอบตกลง แต่พายุพัดก็ยืนกรานที่จะไม่รับข้อเสนอดังกล่าว จนในที่สุดใครสักคนก็ใช้วิธีการปล่อยข่าวเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา รวมถึงการตอบรับทุนอบรมการเป็นผู้ฝึกสอนว่ายน้ำของสมาคมว่ายน้ำออสเตรเลียโดยพลการ อีกทั้งยังทวงบุญคุณอยู่กลาย ๆ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง



“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดให้”


และนั่นคือประโยคที่หลุดจากปากของหนุ่มนักกีฬาเมื่อถึงจุดที่เขาไม่อาจทนต่อแรงกดดันได้อีกต่อไป


ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอต่อสมาคมขอเลื่อนวันเดินทางไปเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บที่ประเทศออสเตรเลียออกไป เพื่อจะได้อยู่ร่วมงานแต่งงานของน้ำหวานและฉายที่ล่าช้าว่ากำหนดการเดิมมาหลายเดือน โดยงานแต่งงานนั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่ร้านกาแฟในสวนซึ่งสร้างจากน้ำพักน้ำแรงของทั้งสองคน สิชลมาช่วยจัดดอกไม้ตั้งแต่ช่วงกลางคืนและนอนค้างเป็นเพื่อนว่าที่เจ้าสาว ส่วนหนุ่ม ๆ ก็อยู่คุยรำลึกความหลังกันจนดึกดื่น และแล้วพิธีการต่าง ๆ ก็เริ่มขึ้นในตอนเช้าตรู่ของวันถัดมา ส่วนช่วงหัวค่ำก็เป็นเพียงการรับประทานอาหารกันในหมู่เพื่อนสนิทเท่านั้น หลังจากช่วยกันเก็บล้างถ้วยชามจนเสร็จ ทุกคนก็มานั่งล้อมวงคุยกันที่โต๊ะอาหารเหมือนเช่นเคย


น้ำหวานยกถาดผลไม้และจานใส่ขนมมาวางบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างผู้เป็นสามี จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ขอบใจมากนะพายที่อุตส่าห์อยู่จนถึงงานแต่งงานเรา”


“ไม่เป็นไร หวานกับฉายแต่งงานกันทั้งที ยังไงเราก็ต้องอยู่ร่วมแสดงความยินดี” พายุพัดว่าก่อนจะเลื่อนแขนข้างซ้ายขึ้นโอบไหล่เจ้าตัวเล็กที่วันนี้ยอมอยู่นิ่ง ๆ ได้นานกว่าปกติ อาจเป็นเพราะพ่อกับแม่กำชับนักหนาว่าอาพายแขนเจ็บ เจ้าหนูฟีฟ่าจึงไม่ชวนอาพายเล่นอะไรผาดโผนเหมือนอย่างเคย


“ช่วงนี้เจ็บมากเหรอวะ ถึงต้องกลับมาใส่อุปกรณ์พยุงไหล่อีกแล้ว” อวัศย์เอ่ยขึ้น


“อือ มันเริ่มเจ็บถี่ขึ้นอีกแล้วน่ะ หมอก็เลยสั่งให้ใส่ไว้”


“แบบนี้ทำอะไรลำบากแย่เลยเนอะพาย จะกินข้าวกินปลาทำยังไงเนี่ย” สิชลว่า


“เขาก็มีคนช่วยป้อนไหมสิ” ภาณุเอ่ยขึ้นก่อนจะเหล่มองนคินทรที่วันนี้แทบจะไม่ห่างจากพายุพัดเลย


“ป้อนบ้าอะไร ไม่ได้มือขาด” คนที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น


“แหม ๆๆ ป้อนบ้าอะไรไม่ได้มือขาด แล้วไอ้ที่จิ้มขนมใส่ปากกันอยู่เมื่อตอนกลางวันมันอะไรวะ เห็นนะโว้ย” คนขี้เล่นทำลอยหน้าลอยตาล้อเลียน


“พ่อ...แซวเพื่อนอีกแล้ว” น้ำหวานส่ายหัวก่อนจะกล่าวกับชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม “แล้วนี่เดินทางวันไหนน่ะพาย”


“วันมะรืนน่ะ”


“ม่อนไปส่งหรือเปล่า”


นคินทรสบตาคนข้าง ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะ


“บอกให้ไปก็ไม่ยอมไป” พายุพัดบ่น


“บอกแล้วไงว่าเราต้องไปโรงเรียน”


“จริงสินะ วันมะรืนเป็นวันจันทร์นี่นา” สิชลว่า “แล้วพายต้องไปกรุงเทพฯ เมื่อไรจ๊ะ”


“พรุ่งนี้น่ะ พรุ่งนี้เพื่อนเรามารับ” พายุพัดตอบ


และในวันต่อมา ชลชาติที่รับอาสาเดินทางไปประเทศออสเตรเลียพร้อมกับพายุพัดก็มาถึงท่าอากาศยานน่านนครในช่วงสาย เมื่อเดินออกมายังอาคารที่พักผู้โดยสารจึงพบว่านคินทรมารออยู่ก่อนแล้ว สองคนทักทายกันเพียง 2-3 ประโยคจึงพากันขึ้นรถ


“ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้มาที่นี่ นั่นวัดภูมินทร์ใช่ไหม” หนุ่มเมืองนนท์กล่าวขณะรถจอดติดไฟแดงที่แยกหนึ่ง


“ใช่ นั่นแหละวัดภูมินทร์” นคินทรกล่าวพลางมองไปยังอาคารที่เป็นทั้งพระอุโบสถ วิหารและเจดีย์ในหลังเดียวกัน สร้างเป็นทรงจตุรมุขที่ดูคล้ายเทินอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่สองตัว ด้านหน้าที่ติดกับลานกว้างมีซุ้มประตูด้านหน้าเป็นรูปสิงห์คู่ และข้างกำแพงสีขาวนั่นก็คือที่ที่พายุพัดเคยมาจอดรถจักรยานยนต์รอวันที่เขามาซื้อสร้อยที่ร้านป้านี


“พิพิธภัณฑสถานแหช่งชาติน่าน” ปากพึมพำในขณะที่ตาไล่ไปตามตัวอักษรบนป้ายที่หัวมุม “อ๋อ แล้วนี่ก็ซุ้มลีลาวดี” ชายหนุ่มกล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อรถเคลื่อนผ่านต้นลีลาวดีที่ปลูกเรียงรายเป็นแถวทิว


“เป็นเมืองที่เงียบสงบดีจัง เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้แสนถึงบอกว่าระวังจะหลงเสน่ห์เมืองนี้”


“ถ้าชอบก็มาบ่อย ๆ สิ” นคินทรบอก


“เราต้องมาอีกแน่ ๆ ถ้าไม่ติดว่าจะต้องกลับไฟลท์บ่าย จะเที่ยวให้คุ้มเลย”


นคินทรยิ้ม


ทันทีที่เพื่อนมาถึงบ้าน พายุพัดก็แนะนำให้ชลชาติได้รู้จักกับแม่และพี่สาวของตนก่อนจะพาอีกฝ่ายเดินชมรอบ ๆ ดวงพรดูตื่นเต้นกว่าใคร เพราะนอกจากจะได้พบเพื่อนของลูกแล้วยังเป็นการได้พบอดีตเจ้าของเหรียญทองว่ายผีเสื้อในกีฬาเอเชียนเกมส์ด้วย เธอถามพายุพัดตั้งแต่รู้ข่าวที่ชลชาติจะมาที่นี่ว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เพื่อจะได้จัดเตรียมไว้ต้อนรับ


“แม่เชียร์อยู่นะ ตอนที่ลูก ๆ ว่ายผลัดผสมด้วยกันในกีฬาเอเชียนเกมส์ปีก่อนที่พายจะเรียนจบ ใช่ไหมลูก” ดวงพรหันไปถามลูกชาย เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าจึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของตน


“นอกจากพายแล้วแม่ก็เชียร์มีนนี่แหละจ้ะ” เพียงพรรษเอ่ยขึ้นขณะที่ทุกคนลงมือรับประทานอาหารกลางวัน


“เคยเห็นแต่ในทีวี ตัวจริงนี่ลูกหล่อกว่าในทีวีเสียอีกเน้อ”


“สู้ลูกชายแม่ไม่ได้หรอกครับ” ชลชาติกล่าวเขิน ๆ แก้เก้อด้วยการตักอาหารมาใส่จาน


“กับข้าวพอทานได้ไหมลูก”


“อร่อยมากเลยครับแม่”


“ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะ ๆ เน้อ เดี๋ยวต้องเดินทางอีกไกล” ว่าแล้วดวงพรก็ตักกับข้าวใส่จานให้ชายหนุ่มต่างถิ่น


“ยิ้มอะไรกันวะ” ชลชาติพึมพำเมื่อเห็นสองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งซุบซิบกันแล้วยิ้ม


“เปล่า เราก็แค่บอกม่อนว่าสงสัยเราสองคนจะตกกระป๋องเสียแล้ว” พายุพัดว่า


“ตกกระป๋องอะไรล่ะลูก แม่ก็รักทุกคนนั่นแหละ” ผู้เป็นแม่บอกยิ้ม ๆ


“แล้วน้องมีนไม่คิดจะกลับมาว่ายน้ำบ้างเหรอจ๊ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถาม


“ตอนแรกก็ไม่คิดครับ แต่พอได้คุยกับแม่กับพี่ฝนแล้วรู้สึกอยากกลับมาว่ายอีกสักครั้ง” ชายหนุ่มตอบตามตรง


“ปีหน้าก็ลงแข่งว่ายการกุศลสิ” พายุพัดกล่าว


“ถ้านายลงเราถึงจะลง” ชลชาติว่า “เพราะฉะนั้นนายตั้งรักษาตัวให้หาย แล้วงานการกุศลคราวหน้าเรามาเจอกันดีไหม”


“จะกลับมาว่ายเหมือนเดิมหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” พายุพัดกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ นั่นเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อเข้ารับการผ่าตัดแล้วจะกลับมาว่ายน้ำได้เป็นปกติ ขอเพียงแค่สามารถกอดคนข้าง ๆ ได้อย่างเดิมก็พอ


เมื่อจวนได้เวลาเดินทาง อาจารย์หนุ่มก็ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาใส่ท้ายรถ เมื่อเดินย้อนกลับไปที่เรือนหลังสุดท้าย มองผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่ เห็นพายุพัดกำลังบอกลานคินทรจึงไม่เข้าไปขัด รู้สึกเห็นใจเพื่อนอยู่ไม่น้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คำว่า “กตัญญู หน้าที่และความรับผิดชอบ” ได้สร้างแรงกดดันให้แก่พายุพัดและทำให้เขาต้องไกลจากคนอันเป็นที่รัก เจ้าของร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นจึงกอดอกยืนพิงข้างกรอบประตู


ภายในห้อง พายุพัดมองถุงผ้าใบเล็ก ๆ ที่คนตรงหน้ายื่นให้ ที่มุมปักรูปดอกไม้เล็ก ๆ ด้วยด้ายสีขาวสลับชมพู


“ดอกที่ร้อยพอดี” นคินทรบอก


“เวอร์” หนุ่มนักกีฬาใช้มือข้างที่ไม่ถนัดรับมาถือเอาไว้ พลันจมูกก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมแบบเดียวกับกลิ่นแก้มของคนให้


“ข้างในเป็นสบู่ คิดว่ามันน่าจะอยู่ได้นานจนถึงวันที่นายกลับ”


“ขอบคุณนะ”


นคินทรพยักหน้าแล้วกล่าว “ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปส่ง”


“ไม่เป็นไร” พูดจบพายุพัดก็ใช้แขนข้างที่ปราศจากเครื่องพันธนาการโอบเอวแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด “เรารู้ว่าที่ม่อนไม่ไปส่งเรา เพราะกลัวว่าจะร้องไห้ไม่อยากให้เราไปใช่ไหม”


“เวอร์” ว่าแล้วคนพูดก็ซุกหน้าลงกับบ่ากว้างกล่าวด้วยเสียงอู้อี้ “กลับมาเร็ว ๆ นะ”


“เราจะรีบหายแล้วก็รีบกลับมา จะกลับมากอดม่อนให้แน่น ๆ เหมือนเดิม”


“ไปเถอะ ป่านนี้มีนรอแล้ว” พูดจบนคินทรก็ขยับห่างออกมาเล็กน้อย พอให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ถนัดขึ้น


“สัญญานะว่าจะรอเรา”


“เราสัญ...” นคินทรพูดยังไม่ทันขาดคำ อีกฝ่ายก็โน้มหน้าลงมาใช้ปากรับคำสัญญานั้นจากปากเขาไปเสียแล้ว


พายุพัดประกบจูบบนกลีบปากบางเนิ่นนานจนกระทั่งมือนุ่มสัมผัสลงบนแผงอกจึงได้ผละออก ใช้โอกาสสุดท้ายหอมฟอดใหญ่ที่แก้มขึ้นสีเป็นการทิ้งทวน


สองคนเดินตามกันออกจากเรือนพัก เห็นชลชาติยืนรออยู่ใต้ต้นเสี้ยวดอกขาว ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้ก่อนจะกล่าว


“ไม่ต้องห่วงนะม่อน รับรองว่าเราจะอยู่กับไอ้พายถึงวันที่ผ่าตัดเลย”


“ขอบใจนะ” นคินทรกล่าวก่อนจะพยักหน้าให้คนข้าง ๆ เป็นสัญญาณให้เขารีบออกเดินทาง


ครูหนุ่มยืนมองกระทั่งสองคนเดินลับตา จากนั้นจึงนั่งลงพิงต้นไม้ใหญ่ ทอดตามองทิวเขาเบื้องหน้าที่ขณะนี้ปกคลุมด้วยเมฆ อดคิดไม่ได้ว่านับจากวันนี้ไปจนถึงเมื่อไรที่ตนจะต้องมองภาพนี้ด้วยความรู้สึกที่ต่างไป




ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2018 19:52:03 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ BIRD

  • บี เบิ๊ด นก ^___^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขอบคุณครับ อ่านแล้วอมยิ้มเหมือนเคย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนดีนี่ก็ดีจนสุดทาง ส่วนคนไม่ดีนี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
เหตุการณ์ล่าสุดที่เป็นข่าวก็มีให้เห็นอีกจนได้ โยนบาปกันไปมาจนน่าขำ
ถ้าจะรักหน้า รักศักดิ์ศรีกันจริง ก็ไม่ควรคิดชั่ว ทำชั่วกันแต่แรกเน้อ
ตอนนี้ชลชาติเอาไปร้อยคะแนนเต็ม ส่วนธรรม์ณธร โง่แล้วยังดื้ออีก น่าตีเจ็บ ๆ
โกรธสมาคมฯ แทนพาย อยากให้พายหายกลับมาหาม่อนไวไว

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณนะ ตัวละครทุกตัว มีบทบาทต่างกันไป ผสมกับสภาพแวดล้อมเมืองน่าน อ่านแล้วเหมือนเรื่องนี้เขียนจากชีวิตจริง
ทำให้เราเศร้าตามเมื่อตอนมีทุกข์ และยิ้มกับตอนที่พวกเขามีความสุข เศร้าเอง ยิ้มเอง ยิ่งอ่านเรายิ่งบ้าาาา
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พวกสมาคมนี่ก็เลวเนอะ

โลกของผู้ใหญ่นี่มีแต่เรื่องแย่ ๆ เรื่องเลว ๆ อ่ะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เดี๋ยวมาอ่านนนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แหม เพิ่งมีประเด็นงานวิ่งมาสดๆร้อนๆ เขียนอย่างกับรู้ล่วงหน้าแหนะ
ไปๆมาๆ คนใหญ่คนโต เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว หาช่องโกงกินกัน

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ชอบความรักของคู่นี้เหลือเกิน
มันสวยงามและพร้อมจะเข้าใจกันมาก ๆ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หวานอุ่นๆในแบบของพายม่อน
ปล.เรื่องกินนอก-ใน​ ส่วนตัวเราว่ามีทุกวงการแหละ
มากน้อยแค่ไหน​ จนเกิดเรื่องรึป่าว​แค่นั้น​

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เงินมันไม่เข้าใครออกใครหรอก หลงระเริงกันเข้าไปท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พายสู้ๆ

ม่อนสู้ๆ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
"with great power comes great responsibility" Ben Parker
จริงๆ การมีอำนาจมันมาพร้อมกับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องสูงขึ้นตาม สังคมที่เจริญแล้วควรเป็นแบบนี้
แต่ความเป็นสังคมอำนาจนิยม และอะไรอีกหลายๆ อย่างของสังคมไทย
หล่อหลอมบรรดาผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเราออกมาจนเป็นงี้แหละครับ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เดี่ยวพายก็กลับมาละเนาะ ชอบในความรักของทั้งคู่มาก  :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ทำให้อ่านแล้วอยากไปเมืองน่านอีกแล้วค่ะเผื่อจะเจอคุณฉลามพายกับเขาบ้าง  :hao5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอให้พายหายจากอาการบาดเจ็บนะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 21 กระซิบรัก (ตอนจบ)


เมื่อซูบารุฟอเรสเตอร์เข้ามาจอดเทียบบาทวิถีท่าอากาศยานน่านนคร ชลชาติที่อาสาเป็นคนขับก็ลงจากรถ เดินไปเปิดท้ายดึงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาก่อนจะส่งกุญแจคืนให้เพียงพรรษที่มาส่งน้องชายด้วย พายุพัดกล่าวขอบคุณพร้อมกับกอดลาพี่สาว จากนั้นจึงเดินตามเพื่อนเข้าไปด้านใน หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำกระเป๋าเก็บใต้ท้องเครื่องเรียบร้อยแล้ว สองคนก็พากันเดินผ่านจุดตรวจเข้าไปนั่งยังที่พักผู้โดยสาร


“กลิ่นอะไรวะ” ชลชาติทำจมูกฟุดฟิด หยิบเป้ของอีกฝ่ายที่ตนวางไว้บนตักขึ้นดม จากนั้นจึงดึงถุงผ้าเล็ก ๆ ที่เก็บอยู่ในช่องตาข่ายด้านหน้าออกมา เห็นว่าข้างในบรรจุวัตถุทรงกลมแบนขนาดแทบจะพอดีกับสิ่งห่อหุ้มจึงถาม “นี่อะไรวะพาย หอมจัง”


“ของสำคัญ เอามานี่” พายุพัดบอกก่อนจะดึงถุงผ้านั้นจากมือเพื่อน


“แหม...จับไม่ได้เลย สงสัยคนสำคัญจะให้มา” อาจารย์หนุ่มเหล่มองคนข้าง ๆ นึกสนุกจึงได้กล่าวต่อ “ข้างในมีอะไรวะ ขอดูหน่อยสิ”


“ไม่ได้” คนพูดหย่อนถุงผ้าลงในกระเป๋าเสื้อ ขยับห่างจากมือที่ยังคงยุ่มย่าม


“ขอดูหน่อย”


“ไม่ได้โว้ย”


“ขี้หวง” ชลชาติพึมพำ “อืม...แต่จะว่าไปก็หอมเหมือน…”


“เหมือนอะไร


“เหมือนม่อนไง”


พายุพัดหันขวับ “ไปแอบดมมาตอนไหน”


“ไม่ต้องแอบก็ได้มั้ง ตัวหอมขนาดนั้น” ว่าแล้วก็แกล้งใช้ศอกสะกิด “จริงไหม”


“อะไรจริงวะ”


“ก็ม่อนตัวหอมไง”


“ไอ้มีน” คนเขินย่นคิ้ว ยกมือขึ้นเกาต้นคอ


“เขิน...เขิน…หูแดงแล้ว” ชลชาติยิ้มกริ่ม มือหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาเปิดอ่านข้อความ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ข้าวโอ๊ตส่งรูปมาว่ะ วันนี้เพื่อน ๆ เอาเงินไปมอบให้โค้ชนทีกัน”


พายุพัดฟังแล้วจึงยื่นหน้าดูบนหน้าจอโทรศัพท์ในมือเพื่อน ภาพที่เห็นคือโค้ชนที หนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดของสมาคมว่ายน้ำ แม้จะนอนอยู่บนเตียงแต่ก็มีใบหน้าแจ่มใส ซ้ำยังชูสองนิ้วท่ามกลางเหล่าลูกศิษย์ลูกหาภายใต้ความดูแลที่ล้วนเคยก้าวขึ้นรับเหรียญรางวัลในการแข่งขันระดับนานาชาติมาแล้วทุกคน ใครที่ได้เห็นภาพนี้ก็คงอดยิ้มไม่ได้เช่นเดียวกัน


“ข้าวโอ๊ตบอกว่าโค้ชถามถึงนายด้วย พอรู้ว่าพรุ่งนี้นายต้องเดินทางไปออสเตรเลียก็ฝากอวยพรมา ขอให้การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี เข้าอบรมการเป็นผู้ฝึกสอนก็ขอให้เอาความรู้กลับมาทำประโยชน์ให้กับวงการว่ายน้ำบ้านเรา”


พายุพัดยิ้มก่อนยืดตัวขึ้น มองคนข้าง ๆ ที่ยังคงใช้ปลายนิ้วเลื่อนดูรูปแถมยังวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนแต่ละคนเสียอีก


“พี่ฟ่างนี่ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งหล่อว่ะ สมัยมัธยมนายจำได้ไหม โคตรลูกเป็ดขี้เหร่เลย ผอมก็ผอม แล้วดูข้าวโอ๊ตสิ ไปดัดฟันมาตั้งแต่เมื่อวะ อ้าปากทีโคตรน่ากลัว เหมือนฉลาม”


“ไอ้มีน...ข้าวโอ๊ตได้ยินเข้าเสียใจแย่”


“ข้าวโอ๊ตมันชินแล้วละ ถูกเพื่อน ๆ จิกกัดมาตั้งแต่ติดทีมชาติใหม่ ๆ จะทำอะไรต้องขอสวยไว้ก่อน”


“แล้วใบตองล่ะ รู้ข่าวใบตองบ้างหรือเปล่า”


ชลชาติชะงัก ตายังคงจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ ปลายนิ้วเลื่อนหาชื่อที่อีกฝ่ายถามถึงโดยอัตโนมัติ ภาพบนหน้าจอเลื่อนไปอย่างรวดเร็วตามการสัมผัส กระทั่งถึงรายชื่อท้าย ๆ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของคนที่ไม่ได้ติดต่อกันสักเท่าไร เจ้าของโทรศัพท์จึงกดเปิดดูข้อความ ข้อความสุดท้ายนั้นคือข้อความที่เขาตอบกลับไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน


“ยินดีด้วยนะ”


พายุพัดยื่นหน้ามองหน้าจอ ถัดขึ้นไปคือภาพของการ์ดแต่งงานมีรูปบ่าวสาวในชุดลำลองเดินจับมือกันบนพื้นหญ้า ส่วนฉากหลังคือหอไอเฟล มันถูกส่งมาพร้อมกับข้อความแสดงรายละเอียดที่คาดว่าคัดลอกแล้วส่งให้ทุกคนที่มีรายชื่อผ่านทางโปรแกรมสนทนา


“เฮ่ย ๆ ไปห่าง ๆ เลย” ชลชาติบอกพลางดันศีรษะอีกฝ่ายออก


“ใบตองแต่งงานแล้วเหรอ เราไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


“อือ ตั้งแต่ตอนที่นายประสบอุบัติเหตุน่ะ”


“แล้วมีใครได้ไปร่วมงานหรือเปล่า”


“ข้าวโอ๊ตไป สองคนนั้นสนิทกัน เขาแต่งที่บ้านที่เชียงใหม่ แต่งเสร็จก็ย้ายตามสามีไปอยู่ฝรั่งเศส”


“นายไม่ได้ไปเหรอ เขาอุตส่าห์เชิญ”


“คงไม่ได้ตั้งใจเชิญหรอก เพราะตั้งแต่คราวที่ส่งข้อความมาบอกเลิก เขาก็ไม่คุยกับเราอีกเลย ที่ส่งมาก็คงเพราะกดส่งทีเดียว”


ชลชาติกล่าวพลางนึกถึงนักว่ายน้ำสาวผู้ ที่สมัยหนึ่งนักข่าวให้ฉายาว่าเธอคือราชินีเจ้าสระ เขาคบกับเธอตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ยาวนานชนิดที่ใคร ๆ ต่างพากันพูดว่าคู่รักนักกีฬาคู่นี้จะเป็นอีกคู่ที่จูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ตามรอยรุ่นพี่ ต่างคนต่างเป็นกำลังใจให้กันในทุก ๆ การแข่งขัน แต่แล้วทั้งหมดก็เป็นเพียงความฝัน เมื่อเธอตัดสินใจอำลาวงการไปเรียนต่อด้านแฟชันที่เมืองน้ำหอม ส่วนชลชาติเองก็ทุ่มเทอย่างหนักให้การแข่งรายการสำคัญ ทั้งคู่จึงไม่มีเวลาให้กัน สุดท้ายฝ่ายหญิงส่งข้อความมาบอกเลิกในวันที่เขาต้องลงแข่ง นอกจากจะมีอาการบาดเจ็บทางร่างกายแล้วจิตใจก็บอบช้ำไม่ต่างกัน เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง ชลชาติไม่ได้เหรียญรางวัลใด ๆ ไม่แม้แต่ติดอันดับหนึ่งในห้าตามที่หลายคนคาดไว้ เขาคิดว่าการปล่อยให้เรื่องส่วนตัวรบกวนสมาธิจนทำให้ทุกคนต้องผิดหวังเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรให้อภัย ดังนั้นชายหนุ่มจึงรับผิดชอบด้วยการประกาศเลิกว่ายน้ำเป็นการถาวร


“แล้วถ้าได้กลับมาเจอกันอีก ยังคุยกันได้อยู่ไหม”


“ได้สิ สำหรับเราถึงจะเลิกเป็นแฟนแต่ก็ยังเป็นเพื่อนอยู่นะ แต่ฝั่งเขา...เราไม่รู้เหมือนกัน”


เห็นเพื่อนเงียบไป พายุพัดจึงแกล้งกระเซ้า “อะไร พูดถึงแฟนเก่าแค่นี้ถึงกับทำหน้าเศร้า”


“เศร้าที่ไหน ระดับนี้ไม่มีคำว่าเศร้าแล้ว”


“มันเลยจุดนั้นมาจนหัวใจด้านชาแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ


“เออ” ชลชาติว่าพลางเก็บโทรศัพท์คืนกระเป๋า เงยหน้ามองเครื่องบินที่กำลังลงจอด “ขอบใจนายมากนะที่ตอนอยู่ด้วยกันตลอด”


“ก็นายเป็นเพื่อนเรานี่” พายุพัดบอก ยกแขนขึ้นโอบไหล่เพื่อนรัก “เราเองก็ต้องขอบคุณนายที่อยู่ข้างเราในทุก ๆ เหตุการณ์สำคัญของชีวิต” มือใหญ่กระชับแน่น นึกถึงตอนที่ตนเองประสบอุบัติเหตุก็ได้ชลชาติที่ประสานงานให้จนโค้ชและคนของสมาคมไปรับตัวเขากลับมาพักฟื้นที่ประเทศไทย


“ขอบใจนะที่อุตส่าห์มารับ แถมยังไปส่งถึงที่โน่นอีก เลยทำให้นายต้องลางานแถมไม่ได้อยู่ฉลองปีใหม่กับที่บ้านอีก”


“ไม่เป็น เราเต็มใจ อีกอย่างช่วงนี้ก็เป็นช่วงสอบ นักศึกษาได้มีเวลาหยุดพักยาวไปถึงปีใหม่ คิดเสียว่าไปเคาน์ดาวน์ที่ออสเตรเลียก็ได้” ชลชาติว่ายิ้ม ๆ


ในวันต่อมา สองอดีตนักว่ายน้ำทีมชาติไทยก็เดินทางสู่ประเทศออสเตรเลียพร้อมกับแพทย์และตัวแทนของสมาคมว่ายน้ำ ทั้งหมดได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยประจำประเทศออสเตรเลีย เมื่อไปถึงพายุพัดก็ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬาทันที โดยขั้นตอนการรักษานั้นก็เป็นไปตามหลักสากล กระทั่งหลังปีใหม่การผ่าตัดหัวไหล่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี พายุพัดต้องพักฟื้นต่ออีก 3-4 เดือนตามคำสั่งแพทย์ และหากไม่มีปัญหาอะไรเขาก็จะได้เข้ารับการอบรมเป็นผู้ฝึกสอนว่ายน้ำตามกำหนดการเดิม


เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยชลชาติจึงเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อเครื่องบินถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นสะพายเป้เดินตามผู้โดยสารคนอื่น ๆ ออกมาจนถึงจุดรับกระเป๋า ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองกระทั่งถึงบริเวณที่พักผู้โดยสาร ชลชาติลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พลางมองหาที่เหมาะ ๆ ตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์โทรหาคนที่อาสามารับ แต่แล้วมือของใครคนหนึ่งที่แตะลงมาบนบ่าก็ทำให้เปลี่ยนใจ ทันทีร่างสูงหมุนตัวกลับก็พบว่าเป็นแสนยานั่นเอง


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะปอปลาตากลม”


ชลชาติถอนใจ เก็บโทรศัพท์คืนกระเป๋า


“รอตั้งนาน กัปตันพาไปแวะคุยกับเทวดาอยู่หรือไง”


“ถ้าเป็นอย่างนั้นนายคงไม่ได้มายืนคุยกับเราอย่างนี้หรอก คงต้องคุยผ่านควันธูปแทน” พูดจบหันไปคว้ากระเป๋า แต่แสนยาก็ไวกว่า


“เราช่วยถือให้”


“เราบอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ เราเรียกแท็กซีกลับเองได้”


“ไม่ได้สิ เราต้องมาเอาของฝาก”


“ที่แท้ก็หว่านพืชหวังผลนี่เอง” ชลชาติเตรียมจะออกเดิน แต่กลับถูกรั้งแขนเอาไว้


“เอาของฝากมาก่อน” แสนยากล่าวพลางแบมือ


คนฟังถอนใจอีกเฮือกใหญ่ ๆ ปัดมืออีกฝ่ายออก “ไปเอาที่รถได้ไหม”


“ไม่ได้ ๆ เราอยากรู้เดี๋ยวนี้ว่านายซื้ออะไรมาฝากเรา”


“นี่ไม่คิดว่าเราจะไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากบ้างเลยหรือไง”


“ไม่คิด นี่ผู้มีพระคุณนะมีน” ว่าแล้วก็ยิ้มแฉ่ง กระดิกมือรอ “เร็ว ๆ เอาของฝากมา”


อาจารย์หนุ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ สุดท้ายก็จำต้องปลดเป้จากหลัง รูดซิปแล้วดึงตุ๊กตาจิ้งโจ้ตัวใหญ่สวมนวมสีแดงออกมา แค่เห็นแวบแรก คนรอก็ขำเสียยกใหญ่ กระนั้นก็ยังรับเจ้าจิงโจ้ชกมวยไปกอด


“ตอนแรกว่าจะซื้อหมี่โคราช”


แสนยาหันขวับ “หมีโคอาลาไหม”


“เออ แต่เห็นว่านายมีน้องแสนดีอะไรนั่นอยู่แล้วก็เลยเอาไอ้ตัวนี้มา”


“ดึกป่านนี้ยังจะมาเล่นมุก แต่ก็ขอบใจนะ” แสนยาว่า “ดูเป็นนายดี”


“ยังไงวะ” ชลชาติมุ่นคิ้ว


“ก็พวกชอบใช้กำลังไง เนอะขนมต้มเนอะ” ตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ


“ไอ้แสน” จะเอื้อมมือคว้าคอเสื้อ อีกคนก็หนีไปเสียแล้ว


ชลชาติยิ้มกริ่มเมื่อจู่ ๆ คนเดินนำก็หยุด มือใหญยกขึ้นเตรียมจะรั้งคอเสื้อแต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นจับที่บ่าแล้วดึงให้หลบไปอีกทางแทน เมื่อสายตาของตนเองเห็นเช่นเดียวกันกับที่อีกฝ่ายเห็น


“คนนั้นน่ะคณบดีคณะนายนี่นา แล้วนั่นมากับใครน่ะ” หนุ่มศิลปินเอ่ยขึ้น มองชายรูปร่างสมส่วนในชุดสูทที่กำลังเดินพูดคุยกับชายอีกสองคน หากพิจารณาจากหน้าตาผิวพรรณหนึ่งในนั้นน่าจะเป็นชาวต่างชาติ ไม่เกาหลีก็ญี่ปุ่น ด้านหลังมีชายหญิง 2-3 คนลากกระเป๋าตาม


“แหม...ยังกับบุคลสำคัญเลย มีผู้ติดตามด้วย” แสนยากล่าวเมื่อเห็นอาการพินอบพิเทาของอาจารย์ธนิตจึงคิดเอาว่า อีกสองคนที่เขากำลังพูดคุยด้วยนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับเหนือกว่าเป็นแน่


“คนท้วมนั่นคณบดีคณะเรา ส่วนอีกคน...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเจ้าของแบรนด์ชุดกีฬาของเกาหลี” ชลชาติแจง ดวงตายังจับจ้องที่คนกลุ่มนั้น “จะไปไหนกันวะ คณะก็เพิ่งส่งอีเมลแจ้งเลื่อนประชุมเพราะพรุ่งนี้คณบดีไปราชการที่ต่างจังหวัดนี่หว่า”


“ตามไปดูไหม” แสนยาไม่ว่าเปล่า ยังจะเดินตามเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะคลาดสายตา


“ช่างเถอะ” ชลชาติกล่าว


...


(มีต่อค่ะ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด