*ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* ตอนที่ 10 เพื่อนช่วยเพื่อน [UP 2.10.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* ตอนที่ 10 เพื่อนช่วยเพื่อน [UP 2.10.61]  (อ่าน 6709 ครั้ง)

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล
ผู้เขียน : Eigen

'อีธาน เฉิน' คือมาเฟียหนุ่มรูปงาม ได้ชื่อว่าเป็น 'ราชายาเสพติด'
อาชญากรชื่อดังที่ตำรวจต่างตามล่าตัวทว่าไม่เคยมีใครจับเขาได้

รวมถึง 'ม่านเมฆ'...เจ้าหน้าที่ในองค์กรลับแห่งหนึ่งก็ต้องการตัวอีธานเช่นกัน

เพราะทำงานผิดพลาด ม่านเมฆจึงเดินทางไปยังฮ่องกงเพื่อตามล่าตัวอีธาน
ทว่าใครจะคาดคิด เขากลับตกลงไปใน 'แผนการ' ของคนที่เขาล่า

จากผู้ล่ากลายเป็นนักโทษของอาชญากรตัวร้าย...
ไม่อาจดิ้นรนหนี ไม่อาจขัดขืน...
และตกลงไปในกับดักของมาเฟียอย่างอีธาน
ทั้งตัว...และหัวใจ

*****

สวัสดีค่า  :-[

เค้าเคยเขียนวายเรื่องสั้นมาเรื่องเดียว
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกค่ะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าแนวไหน 5555+ เพราะมันผสมๆ กันไปหมด
ทั้งแอคชั่น โรแมนติก ดราม่า Crime Organization
ก็เขียนในสิ่งที่ชอบ ก็ชอบมาเฟียอะไรแบบนี้ >///<

เซตมาเฟียนี้เรื่องถัดไปก็น่าจะทวีความโหดร้ายมากขึ้นอะเนอะ 555+

ขอฝากทุกๆ คนไว้ด้วยนะคะ



และเพื่อแยกแนวให้เป็นเอกเทศ
เลยสร้างเพจใหม่สำหรับแนววายไว้ด้วยค่ะ
ขอฝากทุกๆ คนด้วยนะคะ


แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/


ปล. เรื่องนี้จบแบบ Happy Ending นะคะ
ใจอยากพูดมากกว่านี้ แต่มากกว่านี้ก็เป็นสปอยสำคัญแล้ว 5555555555+ :sad4:
[/b][/size]


ผลงานที่ผ่านมา
[เรื่องสั้น] สวัสดีครับ ผมรักคุณ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57640.0






Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2018 11:35:15 โดย Eigen »

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทนำ [19.5.61]
«ตอบ #1 เมื่อ19-05-2018 22:56:58 »

บทนำ

หัวใจที่แหลกสลาย
[/b][/size]

 





            ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย...ตายอย่างช้าๆ และทรมาน...



               ทุกๆ วันของผมนับจากนี้เปรียบเสมือนโรคร้ายที่ผมจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้ ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากทำอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว ผมอยากปล่อยมือ โยนทุกอย่างทิ้งไป โยนคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนคนนั้นทิ้งไปแล้วเลือกจะหนีความเจ็บปวดที่กำลังกัดกร่อนให้ผมทรมานอยู่ทุกๆ วันที่ยังคงหายใจ



               ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง นึกอยากให้ตัวเองนอนหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ผมทำไม่ได้...



               เพราะผมยังคงต้องลืมตาตื่นขึ้นมา...และค้นพบความจริงที่ว่าผมจะไม่มีเขาเคียงข้างอีกต่อไป



               เพราะเขาได้จากผมไปแล้ว...ตลอดกาล



               ผมใช้สองมือลูบใบหน้าตนเองแรงๆ สัมผัสได้ถึงเหงื่อผสมกับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวทุกๆ ครั้งที่นอนหลับ ในฝันของผมที่มีเขานั้นมันดีเกินไป ใครจะคิดว่าคนอย่างผมจะตกหลุมรักคนอย่างเขาได้มากมายถึงขนาดนี้ ผมเหมือนเป็นคนโง่ๆ ที่รักแล้วก็ฝังใจอยู่เพียงแค่เขา



               เพื่อนสนิทและคนใกล้ตัวมักจะมองผมด้วยความสงสารผสมกับสมเพชที่ผมรักคนที่ไม่ควรรัก บางคนบอกผมว่าดีแล้วที่คนอย่างเขาตายไป อย่างน้อยอาชญากรชั่วๆ อย่างเขาก็ต้องชดใช้กรรม คนพวกนั้นมักจะโดนผมมองตาขวางและเหยียดหยามไปในที่สุดที่บังอาจกล่าวหาเขาในสิ่งที่ตนเองไม่เคยได้รู้



               ภายนอกเขาอาจจะดูเป็นคนชั่วร้ายกาจ...ทว่าแท้จริงแล้วข้างในของเขาเป็นเพียงคนที่ขาดวิ่นและเจ็บปวดยิ่งกว่าใครๆ



               ทว่าตอนนี้คนแบบนั้นก็ต้องนับรวมผมไปด้วย...ผมที่สูญเสียเขาไปแล้ว...อย่างไม่มีวันหวนกลับ



               ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจ ทว่าผมกลับไม่อาจทำใจได้เลย ผมคิดเสมอว่าเขายังคงอยู่...อยู่ข้างกายผม สอนให้ผมได้เรียนรู้ชีวิตของคนในหลายๆ ด้าน คอยจับมือผมเอาไว้อย่างอ่อนโยนและปกป้องผมจากอันตรายทุกๆ อย่างที่จะเข้ามา เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก...และเป็นคนที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้



               ถ้าไม่ใช่เพราะคำสัญญาที่เขาบีบบังคับไปจากผม...บางทีผมอาจจะยอมตายไปพร้อมกับเขา ทว่าเขากลับเลือกที่จะให้ผมอยู่ต่อไป ให้ผมได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข...



               เขาบอกผมเสมอว่าเขาอยากให้ผมมีความสุขและคอยดูแลความรักของเขาที่อยู่กับผม...



               เพราะเขาบอกแบบนั้น...ผมถึงได้ทนฝืนให้ตัวเองอยู่ต่อไป อยู่เพื่อรักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทิ้งเอาไว้ให้และคอยดูแลมันให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะสามารถทำได้



               ผมหลับตา หัวใจยังคงเต้นไปด้วยความเจ็บปวดทุกๆ ครั้งที่คิดถึงเขา ทว่าผมกลับไม่อาจหยุดคิดถึงเขาได้เช่นเดียวกัน



            อีธาน เฉิน...



               ผมเรียกชื่อเขาในใจ



            อีธาน...อีธาน...อีธาน...



               ดวงตาของผมร้อนผ่าว น้ำตาของผมไหลรินอีกครั้ง คราวนี้ผมไม่ได้เช็ดมันแต่เลือกจะปล่อยให้มันไหลออกมา อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ผมได้ระบายความเจ็บปวดออกไปบ้าง



               ผมหลับตา ล้มตัวลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง ข้างกายผมในตอนนี้ว่างเปล่าเพราะไม่มีเขาอีกต่อไป ผมขดตัวเองจนแทบจะเป็นก้อนกลม กอดตัวเองแน่นขณะที่ร้องไห้จนตัวโยน



               ชั่วเวลาที่ปล่อยให้ตัวเองได้คิดถึงเขาเช่นนั้น...ผมก็อดคิดถึงในตอนที่ผมก้าวขาออกมาจากกะลาใบเล็กๆ ของตัวเองแล้วเข้าสู่โลกของเขาไม่ได้



               เรื่องราวของผมกับเขา...เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น...







TBC


ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0



ตอนที่ 1

ความสูญเสียคือจุดเริ่มต้น

 

            “แล้วฉันจะรีบกลับมานะคะ”

               เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมๆ กับที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้่นมองผู้เป็นสามีแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมอยู่ในชุดแซกสีขาวส่งให้เธอดูบอบบางราวกับดอกไม้อันแสนล้ำค่า

            และใช่...เธอคือของล้ำค่าสำหรับเขา

               ชายหนุ่มประคองหญิงสาวแล้วค่อยๆ พาเดินช้าๆ จนไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูรถที่ถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของเหล่าบอดี้การ์ดซึ่งยืนเรียงรายรออยู่

               ชายหนุ่มเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลาคมคายทอดมองร่างในอ้อมแขนด้วยสายตาอ่อนโยนและรักใคร่อย่างสุดหัวใจ...เพราะมีเพียงเธอ ที่ทำให้คนอย่างเขายังรับรู้ได้ว่าโลกใบนี้ยังสดใสและงดงาม ความรักของเธอทำให้เขารู้สึกถึงการมีตัวตน หากขาดเธอ...เขาก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร

               แล้วตอนนี้...เธอก็กำลังจะมีทายาทของเขา

            ทายาทตัวน้อยๆ ของตระกูลเฉิน...

               คนที่แต่ไหนแต่ไรมักจะแสดงแต่ความเย็นชาและโหดเหี้ยมก้มหน้าลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา หญิงสาวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่นานๆ ทีสามีผู้เย็นชาจะแสดงความหวานโดยไม่สนใจสายตาใคร เธอเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขาด้วยความรัก...ที่มีทั้งหมดของหัวใจ

               “ฉันไม่อยากให้เธอไปเลยจริงๆ”

               ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว รู้สึกใจหายวาบอย่างไรชอบกลกับการปล่อยให้เธอเดินทางไปโรงพยาบาลเพียงคนเดียวในวันนี้ ทั้งๆ ที่มันก็แค่เป็นวันธรรมดาที่เธอมีนัดตรวจครรภ์กับแพทย์ที่โรงพยาบาลก็เท่านั้น

               “โธ่...อย่ากังวลเลยค่ะ ฉันก็แค่ไปตรวจครรภ์ตามปกติ คุณก็อยู่บ้านดีๆ นะคะ ฝากดูแลเสี่ยวมาวของฉันด้วย อย่ารังแกมันมากนะ” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้มสากระคายของสามีเพราะเจ้าตัวขี้เกียจโกนหนวด พลางหัวเราะคิกคักแล้วฝาก ‘เสี่ยวมาว’ ...แมวเปอร์เซียสีขาวจอมเจ้าเล่ห์ของเธอ ซึ่งเป็นคู่กัดกับสามี ทั้งสองมักทำท่าไม่ถูกกันเวลาอยู่ใกล้ชิดเธอจนทำเอาอดขำไม่ได้

               เธอแต่งงานกับเขามาได้ปีเศษ...ชีวิตการแต่งงานกับหัวหน้าตระกูลเฉินไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายๆ คนคิด แล้วยิ่งได้อยู่กับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้ผิดหวังหรือต้องย้อนกลับไปคิดว่าตัดสินใจผิดสักนิด แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะได้รับการคัดค้านจากทุกๆ คนที่รู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับเขาก็ตาม

               เขาอาจเป็นผู้ชายโหดร้ายสำหรับใครต่อใคร...อาจเป็นปรปักษ์กับคนทั้งโลก หากไม่ใช่กับเธอ สิ่งที่เขาเป็นคือผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่กำลังมีความรัก เหมือนกับที่เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่หลงรักเขาอย่างสุดหัวใจ

               เขา...หัวหน้าแก๊งมาเฟียหนึ่งในสามแก๊งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮ่องกง

               ...อีธาน เฉิน

 

               อีธานมองตามท้ายรถของผู้เป็นภรรยาด้วยความรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก แม้จะมีเหล่าบอดี้การ์ดมือดีที่สุดของเขาตามติดไปนับสิบคน

               แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เธอห่างเขาไปก็เท่านั้น...

               ชายหนุ่มสลัดศีรษะแรงๆ ไล่ความรู้สึกบ้าๆ ที่ก่อกวนขึ้นมาวนเวียนทำให้เขาไม่สบายใจนับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น

            ไม่สิ...นับตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาฝันเห็นเธอเลือดท่วมตัวและกำลังจะจากไป

               “ได้เวลาแล้วครับนาย” เสียงห้าวของเชส...ลูกน้องคนสนิทที่สุดดังขึ้นจากทางเบื้องหลัง

               ตามกำหนดการแล้ววันนี้เขามีธุระด่วนสำคัญที่จะต้องประชุมออนไลน์กับหัวหน้าใหญ่ผู้ดำรงตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’ ของ ‘พันธมิตรไตรแอด’ ซึ่งทำให้เขาต้องต้องปล่อยให้ภรรยาเดินทางไปโรงพยาบาลเพียงลำพัง

               ไตรแอด (Triad) นั้นคือการรวมตัวกันของสามตระกูลมาเฟียใหญ่ในฮ่องกง หนึ่งในนั้นมีตระกูลเฉินของเขารวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มไม่เคยรู้ว่าผู้ดำรงตำแหน่งเศียรมังกรนั้นมีหน้าตาเช่นไร รู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น

               วิลด์เฟรด ชาง

               วิลด์เฟรดดำรงตำแหน่งเศียรมังกรตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งไตรแอด ขณะที่บิดาของอีธานเกษียณตัวเองแล้วให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของ ‘ตระกูลเฉิน’ ทว่าทางตระกูลชางกลับไม่มีการเปลี่ยนหัวหน้าสักนิด ยังคงเป็นวิลด์เฟรดอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

               และการที่พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มและบริหารงานองค์กรไตรแอดตามตำแหน่งหน้าที่ของตน ทำให้ระบบการจัดการและการถูกแทรกแซงจากองค์กรปราบปรามอาชญากรรมอย่างพวก OCTB[1]  นั้นเป็นไปได้ยาก เมื่อสามตระกูลมาเฟียใหญ่รวมตัวกัน ก็ก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลแก่พวกเขาไม่ว่าจะเป็นแง่ของกำลังคน เงิน แม้กระทั่งเส้นสายที่ครอบคลุมแทรกซึมไปในทุกๆ องค์กรของรัฐบาลและเอกชน ทำให้พวกเขา ‘รอด’ เงื้อมมือกฎหมายมาถึงทุกวันนี้


[1] OCTB (Organised Crime and Triad Bureau) หน่วยปราบปรามอาชญากรรมของฮ่องกง


----
เริ่มลงฉบับรีไรท์ตามที่แจ้งค่า ^^







แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 22:10:40 โดย Eigen »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บท1/1 [20.5.61]
«ตอบ #3 เมื่อ21-05-2018 11:46:51 »

ต้อนรับเรื่องใหม่คร้าบบ :pig2:

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บท1/2 [25.5.61]
«ตอบ #4 เมื่อ25-05-2018 20:40:31 »





'พอลลีน’ ถือฟิล์มอัลตร้าซาวด์ที่ขอมาจากคุณหมอแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม้ภาพที่เห็นจะเป็นเพียงกลุ่มก้อนเล็กๆ ที่ยังไร้รูปทว่าเธอก็รู้ว่านั่นคือลูกของเธอและอีธาน

               หญิงสาวก้าวขึ้นไปบนรถก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา จัดการถ่ายฟิล์มอัลตร้าซาวด์นั้นส่งไปยังผู้เป็นสามี พร้อมกับข้อความว่า

               'อีธานคะ...ลูกของเราน่ารักใช่ไหม คุณหมอบอกว่าแกแข็งแรงดีนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงเราสองแม่ลูกนะคะคุณพ่อ แล้วจะรีบกลับค่ะ พอลลีน'

               ส่งข้อความเสร็จ หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ๆ รถที่กำลังแล่นอย่างนิ่มนวลถูกชนท้ายอย่างแรงจนเธอเองยังรู้สึกสะเทือน!

               “นายหญิงหมอบลงเร็ว!”

               เสียงตะโกนของหนึ่งในบอดี้การ์ดดังลั่น หญิงสาวสะดุ้งเฮือกอีกรอบแล้วรีบหมอบลงในทันที พร้อมกับเสียงกระสุนปืนถูกยิงกราดเข้ามาภายในรถ

               ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

               ถึงกระจกจะกันกระสุน ทว่าเมื่อโดนยิงรัวไม่มีหยุดมันก็แตกออกในที่สุด พอลลีนได้แต่เอามือปิดปากตนเองแน่น พยายามตั้งสติให้มากที่สุดถึงแม้จะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์ถูกลอบโจมตีเช่นนี้มาก่อน

               เธอตัวสั่นเทา ได้แต่กดโทรศัพท์ในมือต่อสายหาผู้เป็นสามี

            อีธาน...ช่วยฉันด้วย!

               ทว่าหญิงสาวยังไม่ทันได้กดปุ่มโทร.ออก อะไรบางอย่างก็ถูกโยนเข้ามากระทบใบหน้าของเธอ หญิงสาวมองตามมัน และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอมีลมหายใจ เพราะระเบิดลูกเกลี้ยงที่ถูกโยนเข้ามานั้นทำงานของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

               บึ้ม!

               แรงระเบิดนั้นฉีกร่างของเธอเป็นชิ้นๆ และพอลลีนพร้อมกับลูกในท้องก็ไม่มีโอกาสมีชีวิตอีกต่อไป...

 

               หน้าจอคอมพิวเตอร์เพิ่งจะดับลง บ่งบอกว่าการประชุมออนไลน์ที่กินระยะเวลาไม่นานทว่ามีความสำคัญยิ่งยวดของกลุ่มไตรแอดนั้นจบลงแล้ว อีธานก้าวออกมาจากห้องประชุมลับที่อยู่ชั้นใต้ดิน ทว่าเพียงแค่ประตูสีเงินเปิดออกกว้าง เชสก็ก้าวเข้ามาประกบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

               “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”

               “อะไร”

               “รถของนายหญิงถูกโจมตี”

               ชายหนุ่มกระโจนออกไปจากชั้นใต้ดินทันที เมื่อไปถึงหน้าบ้านรถยนต์ก็ถูกเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว อีธานกระชากลูกน้องซึ่งอยู่ในตำแหน่งคนขับลงอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นไปแทนที่ เขาขับรถไปตามเส้นทางที่จะไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสักนิดว่าจะฝ่าไฟแดงกี่แยกหรือเกือบจะชนใครตาย แล้วเขาก็ต้องเบรกรถอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่าภาพกองไฟดวงใหญ่ที่กำลังไหม้โหมตรงกลางถนน

               สิ่งที่กำลังเผาไหม้คือรถยนต์คันหนึ่ง!

               ชายหนุ่มกระโจนลงจากรถ พร้อมๆ กับที่เชสและเหล่าทีมบอดี้การ์ดตามมาถึงแล้วรีบวิ่งตามหลังผู้เป็นเจ้านายตรงไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

               ป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ติดอยู่กับรถซึ่งกำลังโหมไหม้นั้นทำให้พวกเขารู้ว่าเป็นรถของตระกูลเฉินแน่ๆ เชสได้แต่หยุดยืนอยู่เบื้องหลังของผู้เป็นเจ้านาย แผ่นหลังกว้างของชายผู้ยิ่งยงบัดนี้สั่นเทาน้อยๆ ด้วยแรงอารมณ์ที่ยากจะระงับ ซากศพของลูกน้องที่ตายเกลื่อนบวกกับเสียงซุบซิบของชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ทำให้แน่ใจว่า...ไม่มีใครมีชีวิตรอด

               อีธานกำมือจนนิ้วขึ้นข้อขาว ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความอาฆาตแค้นจนสุดหัวใจ

            พอลลีน...พอลลีนของเขา...แล้วก็ลูกในท้องของเธอ!

               มันไม่ใช่ความจริง พอลลีนของเขาจะต้องไม่ตาย

               ไม่จริง!

            ไม่!!!

               เชสรีบเข้าไปประคองผู้เป็นเจ้านายที่ทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความรู้สึกสงสารเต็มหัวใจ แวบหนึ่งเขาเห็นดวงตาสีดำคมกริบของผู้เป็นนายที่จ้องมองภาพซากรถยนต์ที่กำลังลุกไหม้จนแทบไม่เหลือซากมีหยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมา

               น้ำตาของพญามังกร...

               และเป็นมังกรที่สูญเสียไปแล้วซึ่ง...หัวใจ

               การตายของพอลลีนกำลังจะทำให้สัตว์ร้ายที่หายไปนานกลับมาอีกครั้ง อีธานสาบานกับตนเองเลยว่า...คนที่ก่อเรื่องเช่นนี้กับเขามันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม

               เขาจะเอาเลือด เนื้อ และกระดูกของมันมาเซ่นวิญญาณของพอลลีนและลูกให้จงได้!

               เขาสาบาน!

 

ห้าปีต่อมา...

               อีธาน เฉินในวัยสามสิบห้าปียืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของผู้เป็นภรรยานิ่งนานนับชั่วโมงแล้ว ไม่สนใจแม้แดดในวันนี้จะร้อนจัดแค่ไหน ดวงตาสีดำคมกริบภายใต้แว่นกันแดดนั้นจับจ้องแต่ภาพดวงหน้าอ่อนหวานของเจ้าของป้ายหลุมศพเท่านั้น

               เชสได้แต่มองแผ่นหลังภายใต้เชิ้ตสีดำซึ่งกลายสีประจำตัวของผู้เป็นเจ้านายนับตั้งแต่การตายของนายหญิงความเสียใจอย่างสุดซึ้งผลักดันให้คนๆ หนึ่งทำเรื่องเลวร้ายได้ทุกอย่าง

               และอีธาน เฉินก็เป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน

               เจ้านายของเขาควานหาตัวคนร้ายที่กล้าลงมือกับนายหญิงให้ควัก ทว่าตลอดหลายปีมานี้กลับล้มเหลว ทุกเส้นสายที่ตระกูลเฉินรวมถึงกลุ่มอิทธิพลที่เขาเข้าร่วมอย่างไตรแอดมีดูเหมือนจะมืดมนสำหรับการตายของนายหญิงพอลลีน และไม่อาจไขปริศนาออกได้ว่าเป็นฝีมือของใคร

               แต่ไม่ใช่เวลานี้...

               เชสมั่นใจ…ว่าอีกไม่นานเวลาของการแก้แค้นจะมาถึง เมื่อเบาะแสสำคัญนั้นได้ปรากฏขึ้นหลังจากความพยายามอันยาวนานกว่าห้าปีของอีธาน...

               “ไปกันเถอะ"

               เสียงห้าวทุ้มของผู้เป็นนายดังขึ้นในระหว่างที่เดินผ่านหน้าเขาไป เชสหันไปทางป้ายหลุมศพภายในสุสานตระกูลเฉินแล้วก็ค้อมศีรษะลงเป็นการเคารพผู้ตาย เขามองช่อลิลลี่สีขาวช่อใหญ่นั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตามเจ้านายของเขาไป

               เจ้านาย...ที่บัดนี้กลายเป็นอาชญากรอันดับสองของฮ่องกงรองจากวิลด์เฟรด ชาง หัวหน้ากลุ่มไตรแอดคนนั้น ขึ้นแท่นเป็นเป้าฉากหน้าล่อให้ทุกคนจับจ้องมายังเขาแทนเศียรมังกรของกลุ่มอย่างวิลด์เฟรด ชางผู้ลึกลับ

            อีธาน เฉิน...ราชายาเสพติดคนปัจจุบัน!

 

----
ฉบับรีไรท์ค่า ^^



แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 22:14:46 โดย Eigen »

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
«ตอบ #5 เมื่อ30-05-2018 22:40:36 »



ตอนที่ 2
ม่านเมฆ



   แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่สว่างจ้าท่ามกลางความมืดสะท้อนกับกรอบแว่นตาอันโตสีดำที่ประดับอยู่บนดวงหน้าจนเป็นประกาย ชายหนุ่มเจ้าของดวงหน้าเรียวที่พอจะมีความหล่ออยู่บ้างหากยอมสลัดแว่นอันโตออกจากใบหน้าที่ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มเนิร์ดในสายตาของผู้พบเห็นออกไป เขาใช้ปลายนิ้วดันแว่นที่ลื่นตกลงมาอยู่ปลายจมูกโด่งให้กระชับใบหน้า ก่อนจะรีบพรมนิ้วมือลงบนแป้นคีย์บอร์ดรัวเร็วจนเสียงดังลั่นท่ามกลางความเงียบ
   เหงื่อผุดซึมไปทั่วใบหน้าของชายหนุ่มทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องแทบจะเรียกได้ว่าเย็นจัด เพราะเจ้าของห้องอย่างเขานั้นเกลียดอากาศร้อนเป็นที่สุด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมุ่นเมื่อพบว่าภารกิจในวันนี้ดูเหมือนจะยากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เนื่องจากทีมรักษาความปลอดภัยของฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุกเล็ดลอดเข้ามาในระบบของตนเองแล้ว
   “เอาซี่ คิดว่าจะชนะคนอย่างไอ้เมฆได้เหรอ"
ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบา แล้วกัดริมฝีปากของตนเองแน่นด้วยท่าทีฮึดสู้ พร้อมกับพรมนิ้วมือลงบนคีบอร์ดรัวเร็ว ไม่นานเขาก็สามารถเข้าครอบครองระบบของอีกฝ่ายจนได้ เขาจัดการสั่งปิดระบบของฝ่ายนั้น พลิกเปลี่ยนให้ผู้ดูแลกลายเป็นเพียงคนนอกของระบบรักษาความปลอดภัยนั้นในชั่วพริบตา ก่อนจะถล่มอีกฝ่ายด้วยการส่งไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะให้แก่ฝ่ายตรงข้าม แล้วรีบถอนตัวออกจากระบบเมื่อเขาส่งของขวัญสุดที่รักให้พวกมันเป็นที่เรียบร้อย
   ทั้งไวรัสลูกรัก...และการถล่มระบบรักษาความปลอดภัย จัดการแฮกเปลี่ยนพาสเวิร์ดสำคัญทั้งหมด แล้วใส่ระบบป้องกันอีกชั้นเพื่อกันไม่ให้คนของทางนั้นแก้ปัญหาเครือข่ายถูกบุกรุกได้เร็วนัก
   เหอะ! แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนที่กล้าท้าทายเขา!
   กระจอก!
   ฝีมืออย่างนี้ ถึงจะดีขึ้นมาหน่อยแต่อย่าคิดเทียบเคียงเขาได้...ไปฝึกมาใหม่อีกสักสิบปีเถอะไอ้หนู เผื่อจะเปลี่ยนจากวิ่งไล่ตามมาเป็นขี่จักรยานตามถึงจะตามจับตัวเขาได้!

   “เมฆ เมฆ! ไอ้เมฆ!”
   เสียงตะโกนเรียกชื่อดังลั่นอยู่ข้างๆ หู พร้อมกับที่อีกฝ่ายเขย่าตัวเขาแรงๆ ม่านเมฆจึงปัดมือฝ่ายนั้นออกอย่างรำคาญ แล้วพลิกตัวหมายจะนอนหลับต่อ เมื่อคืนนี้กว่าเขาจะได้นอนก็กินเวลาตั้งตีสี่ อย่าว่าอย่างโน่นอย่างนี้เลย คนที่นอนเกือบเช้าตื่นหัวค่ำอย่างเขาไม่มีทางคิดจะลุกขึ้นมาสู้แดดยามเช้าเด็ดขาดถ้าไม่มีความจำเป็น
   “ไอ้เมฆ ถ้าไม่ตื่นฉันจะเอาน้ำสาดปลุกแกจริงๆ ด้วย"
   เสียงห้าวทุ้มนั้นดังดังลั่นข้างๆ หู แถมเจ้าของเสียงยังเอื้อมมือมาเขย่าพร้อมกับกระชากแขนเสียจนม่านเมฆสะดุ้งและไม่สามารถนอนได้อีกต่อไป
   “ไอ้พี่เหม!” ชายหนุ่มเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ดวงตาปราศจากแว่นสายตาอันโตหรี่มองเหมันต์ด้วยความรู้สึกง่วงงุนปนหงุดหงิด ม่านเมฆร้องอุทธรณ์เสียงแหบพร่า "มาปลุกทำไมแต่เช้าเนี่ย ก็รู้อยู่แล้วว่าผมเพิ่งได้นอน"
   “วันนี้มีงานแต่เช้านะ แกจะมานอนกินบ้านกินเมืองได้ยังไง!"
   เหมันต์เอ่ยพลางใช้เท้าสะกิดให้เขาลุกขึ้นด้วยสีหน้าระอาใจ
   “งั้นขอลาหยุด วันนี้ไปทำงานไม่ไหว"
   ม่านเมฆน้ำเสียงหงุดหงิด รู้สึกปวดหัวเพราะนอนไม่พอ คว้าผ้าห่มที่ร่นตกไปกองตรงปลายเท้าขึ้นมาห่มอีกครั้ง คราวนี้คลี่คลุมศีรษะตนเองโดยไม่สนใจเหมันต์ที่ยืนอยู่ข้างเตียงแม้แต่น้อย
   “อย่าบ้านะเมฆ!” เหมันต์ตะโกนลั่น แล้วเริ่มใช้เท้าถีบเขาแรงมากขึ้น "ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แกก็รู้ว่าวันนี้มีงานด่วน!”
   “เกิดอะไรขึ้นน่ะเหม”
   เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น ‘ลีน’ ที่กำลังจะเดินผ่านห้องนอนของม่านเมฆที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ด้วยฝีมือเหมันต์ได้ยินเสียงสองทั้งคู่ทุ่มเถียงกัน โดยเฉพาะเสียงของเหมันต์ที่ดังลอดผ่านออกมาดึงดูดให้หญิงสาวเดินเข้ามา
   “ก็ไอ้ขี้เซานี่น่ะสิ” เหมันต์ชี้มือไปยังร่างของม่านเมฆที่นอนคลุมโปงอยู่ "เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ทั้งๆ ที่เป็นผู้จัดการแท้ๆ”
   “อ้าว" เซลีนร้องครางกลายเป็นว่าเธอมายืนดูม่านเมฆหลับด้วยอีกคน “วันนี้สำคัญซะด้วย งานบ้านคุณพอฤทัยใช่ไหม” หญิงสาวหันไปถามเหมันต์
   “ใช่ แล้วถ้ามันไม่ไปด้วย คุณพฤทัยต้องถามเซ้าซี้ยาวเหยียดแน่ๆ ฉันขี้เกียจแก้ตัวว่าทำไมคนโปรดถึงไม่ไป" เหมันต์อธิบายยืดยาวแล้วมองคนขี้เซาด้วยสายตาถอนหายใจ
“งั้นนายถอยอกมาห่างๆ ฉันจัดการเอง"
   “เธอจะทำยังไงน่ะลีน?”
   “ง่ายๆ " เซลีนแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเดินไปวนเวียนตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์ของม่านเมฆแล้วหมุนข้อมือเป็นวงราวกับว่าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะหยิบอะไรดี สุดท้ายเธอก็หยิบเอาแทปเล็ต...ลูกสาวหมายเลขสอง ของใช้สุดรักสุดหวงของม่านเมฆขึ้นมา
   “ถ้าเมฆมันไม่ยอมตื่น" เซลีนหัวเราะหึๆ ในลำคอ "บางทีมอลลี่ที่รักอาจจะกลายเป็นแค่เศษซากเทคโนโลยีก็ได้นะ"
   “ไม่นะ!” คนที่ดูเหมือนจะนอนคลุมโปงอยู่เด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนทันที ดวงตาเรียวสวยที่มักจะซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นหันไปถลึงตาดุๆ ใส่เซลีน "อย่าคิดทำร้ายลูกฉันเชียวนะลีน ไม่งั้นฉันจะเล่นงานเธอแน่ๆ !"
   “อ้อ...ยอมตื่นแล้วเหรอ" เซลีนวางแทปเล็ตลงกับโต๊ะที่เดิม แล้วหันมายิ้มกริ่มยักคิ้วให้กับเหมันต์ที่ได้แต่โคลงศีรษะด้วยความระอา
   “ถ้าวันนี้ไม่สำคัญจนต้องมารบกวนการนอนของฉัน ทั้งสองคนเละแน่ ไอ้พี่เหม! ลีน!” ชายหนุ่มหันไปอาฆาตเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกันจนแทบจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน พลางควานมือเปะปะไปยังโต๊ะข้างเตียงที่จำได้ว่าเขาถอดแว่นวางเอาไว้ตรงนั้นก่อนเข้านอน
   เมื่อสวมแว่นสายตาแล้วโลกของเขาก็แจ่มชัดขึ้น และหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักอ่อนกว่าวัยก็หายไปด้วย กลับกลายเป็นหนุ่มเนิร์ด เจ้าของผมฟองฟูมาแทนที่
   “สำคัญน่ะสิ เพราะเราจะต้องไปบ้านคุณพอฤทัยกัน ที่นั่นมีงานเลี้ยงวันเกิด แล้วฉันก็ไม่อยากไปสาย" เหมันต์พูดพลางกอดอก
   “และที่สำคัญยิ่งกว่า...นายต้องเป็นคนไปประกบคุณพอฤทัยในขณะที่ฉันต้องเข้าไปสำรวจบ้านนั้นน่ะสินายคนโปรด ไม่รู้เธอถูกใจอะไรในตัวนายกันนะเมฆ ถึงได้ชอบนายนักหนา" เซลีนเสริม และแน่นอน อดที่จะจิกกัดไม่ได้ เพราะคนที่แสนจะเก็บตัวที่สุดอย่างม่านเมฆ ดันเป็นคนที่คุณพอฤทัยถูกอกถูกใจไปเสียได้! ไม่รู้ว่าเล็งนายเมฆไว้เพื่อตัวเองหรือเพื่อหลานสาวกันแน่!
   “คุณเขาจะรู้ไหมเนี่ยว่าที่ถูกใจน่ะมันไอ้ตัวร้ายชัดๆ ถ้ารู้ว่านายเป็นคนวางแผนหาหลักฐานจับผิดหลานชายที่ดันเป็นขาใหญ่กระจายยาเสพติดไปทั่วภาคกลางจะทำหน้ายังไงนะ"
   คุณพอฤทัยม่ายสาวร้อยล้านคนดัง นอกจากหลานสาวแล้วก็ยังมีหลานชายซึ่งถือได้ว่าเป็นมือขวาของเธออีกหนึ่งคน และแน่นอนว่าย่อมถูกวางตัวเป็นทายาทของธุรกิจใต้ดินของเธอด้วย
   เครือข่ายของคุณพอฤทัยถูกพวกเขาแทรกแซงและจับตามองมานานแล้ว...หลังจากประกบตามอยู่นานหลายเดือน ในที่สุดงานของพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
   ซึ่งก็คือวันนี้...
   “ก็ทำหน้าเป็นคุณพอฤทัยนั่นแหละ" ม่านเมฆตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะก้าวลงจากเตียง เพราะตอนนี้เขาตาสว่างเรียบร้อยแล้ว "ออกไปกันได้แล้ว ฉันจะได้อาบน้ำแต่งตัวเสียที อีกสิบนาทีเจอกันข้างล่าง"
   พูดเสร็จชายหนุ่มก็เดินตรงไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำก็ชะโงกหน้าออกไปตะโกนบอกทั้งสองคน
   “อ้อ ออกไปล็อกห้องให้ด้วย แล้วสำหรับเธอนะลีน” เขาชี้นิ้วใส่สาวสวยเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าดุๆ “คราวหน้าอย่าคิดใช้น้องมอลลี่มาขู่ฉันอีก ไม่งั้นฉันเล่นงานเธอแน่ๆ "

   ม่านเมฆอายุยี่สิบสี่ปี เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ในระดับปริญญาตรีและเรียนปริญญาโทด้านการบริหาร นอกจากนั้นยังเรียนผ่านระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ชายหนุ่มเข้าเรียนก่อนเกณฑ์อยู่กลายปีจึงทำให้จบไวกว่าคนรุ่นเดียวกัน เขาเป็นคนเก็บตัวและเข้ากับคนอื่นได้ไม่ค่อยดีนัก
หลังเรียนจบเขาก็ทำงานอยู่ฝ่ายเทคนิคขององค์กรอิสระแห่งหนึ่งที่ก่อตั้งขึ้นสำหรับปราบปรามอาชญากรด้วยการชักชวนของเพื่อนของบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว
เขาเคารพนับถืออีกฝ่ายเนื่องจากเป็นคนที่คอยดูแลและส่งเด็กกำพร้าอย่างเขาให้เรียนหนังสือจนจบแม้ว่าระหว่างนั้นเขาก็มีงานที่ทำรายได้ให้ตัวเองเป็นกอบเป็นกำก็ตาม แต่ก็เลิกไปเมื่ออีกฝ่ายชักชวนให้เขาเดินในทางที่ถูกที่ควรและทำงานร่วมกัน
ขอบเขตหน้าที่ส่วนใหญ่ของชายหนุ่มจะอยู่ในส่วนวางแผนและข้อมูล เขาไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกนัก เว้นแต่ว่างานนั้นจำเป็นต้องใช้เขาหรือขาดคนจริงๆ ชายหนุ่มจึงจะยอมก้าวเท้าออกจากองค์กร ซึ่งฉากหน้าเปิดเป็นบริษัทรับจัดงานอีเวนต์ต่างๆ โดยมีพันธิต เพื่อนของพ่อเป็นหัวหน้าสูงสุดขององค์กร และเขาก็เป็นคนชักชวนให้ม่านเมฆเข้ามาทำงานนี้อีกด้วย
   ทีมของพันธิตนั้น นอกจากเขา ก็มีเหมันต์...รองหัวหน้า ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ เซลีน...เพื่อนสาวที่ร่วมงานกันบ่อยจนสนิทกันแต่ก็เป็นคู่กัดกันบ้างในบางครั้ง นอกจากนั้นยังมีคนอื่นๆ อีกสี่ห้าชีวิตที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องมากเท่าไหร่นักเพราะพวกนั้นมักจะเป็นฝ่ายภาคสนามมากกว่า เนื่องจากปกติแล้วหน่วยปฏิบัติการนั้นจะไม่มีเขา เพราะ...ม่านเมฆคิดถึงตัวเองแล้วอมยิ้ม
...ก็ไม่เก่งอะไรเลยสักอย่างน่ะสิ!
   การต่อสู้อะไรใดๆ ล้วนไม่เอาอ่าว ร่างกายของเขาอ่อนแอ เหนื่อยง่ายเกินกว่าจะไปออกกำลังกายอย่างชาวบ้านได้ ให้เขาใช้สมองคำนวณตัวเลขระดับหลักพันล้านยังจะเร็วเสียกว่าการที่จะให้เขาออกแรงชกต่อยกับใคร
   แต่ถ้าให้เขาท่องจำจากหนังสือทั้งเล่ม แล้วเขียนเป็นคำตอบในยามทำข้อสอบส่งอาจารย์ยังง่ายกว่าเลย
   ไอ้พี่เหมันตร์เคยบอกว่าการต่อสู้ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งไม่ใช่แค่การออกกำลังชกต่อยกับชาวบ้าน เขาควรจะเรียนรู้ไว้ ทว่าศิลปะเดียวที่ม่านเมฆข้าใจคงจะมีเพียงศิลปะของตัวเลขและการคำนวนที่พี่กับเพื่อนสนิทได้แต่ส่ายหน้าเท่านั้น
   แน่นอนว่าแค่ให้ม่านเมฆเดินบนพื้นราบก็แทบจะสะดุดอยู่แล้ว วัน ๆ เอาแต่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ดังนั้นอวัยวะที่ใช้งานมากที่สุดก็เห็นจะเป็นนิ้วมือนั่นแหละ จะให้เขาไปเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้พวกนั้นยังไงไหว!

   “ป้าดีใจที่คุณมาด้วยนะคะคุณเมฆ"
   คุณพอฤทัยเดินปรี่เข้ามาหาทันทีที่ม่านเมฆก้าวลงจากรถตู้ของบริษัทรับออแกไนเซอร์ซึ่งเปิดเอาไว้บังหน้า ม่านเมฆยกมือขึ้นไหว้หญิงวัยเกือบหกสิบที่ดูสาวกว่าอายุจริง พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย
   “คุณพอฤทัยมีงานทั้งที แถมใช้บริการจากแอลออร์แกไนเซอร์ของทางเราตลอด ผมก็ต้องมาดูแลด้วยตัวเองสิครับ" ม่านเมฆตอบเอาใจหญิงวัยกลางคน ชายหนุ่มรู้จักคุณพอฤทัยมาหนึ่งปีแล้ว นับตั้งแต่อีกฝ่ายจัดงานวันเกิดของตัวเองเมื่อปีก่อนแล้วจ้างบริษัทแอลออร์ไนเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นฉากหน้าขององค์กร ม่านเมฆดูแลงานในส่วนนี้ทว่าโดยมากเขาไม่ค่อยได้มาดูงานนอกสถานที่ด้วยตนเอง นอกจากครั้งนั้นเพราะเหมันตร์ติดงานด่วนและไม่มีใครว่าง
   นับตั้งแต่เจอพอฤทัยและมีการติดต่อกันบ่อยๆ อีกฝ่ายก็มักจะแนะนำคนรู้จักในแวดวงตนเองให้ติดต่องานกับเขา ทุกวันนี้ม่านเมฆก็ยังคิดไม่ตกว่าเหตุใจคุณพอฤทัยนั้นจึงถูกใจเขาอย่างออกนอกหน้า ทั้งๆ ที่ควรจะไปชื่นชมเหมันต์ไม่ก็เซลีนมากกว่าจะมาสนใจหนุ่มแว่นเฉิ่มและไม่ค่อยแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างเขา และแน่นอน...ม่านเมฆไม่คิดจะถาม ถึงแม้จะได้ยินแว่วๆ มาว่าคุณพอฤทัยเคยถึงขั้นจะจับคู่เขากับหลานสาวคนโปรดของท่าน ซึ่งชายหนุ่มก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อน
   “เข้าบ้านกันก่อนนะคุณเมฆ งานเลี้ยงวันเกิดยายป่านอีกกว่าชั่วโมงถึงจะเริ่ม คนของคุณเมฆมาจัดงานตั้งแต่เช้าแล้ว ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี คิดซะว่ามาเป็นแขกของป้าแล้วกัน ทำตัวตามสบายนะ" ตอนท้ายเธอหันไปทางเหมันต์และเซลีนซึ่งตามมาทำงานด้วยกัน ทั้งคู่ได้แต่ส่งยิ้มน้อยๆ ให้แก่คุณพอฤทัยเท่านั้น
   แล้วคุณพอฤทัยก็ชวนม่านเมฆให้เข้าไปด้านในบ้าน ทิ้งให้ทั้งสองคนโดยเฉพาะเซลีนได้แต่มองตามหลังไปอย่างขำๆ ก่อนเธอจะปรายตามองคนที่แต่ไหนแต่ไรมักจะเป็นจุดเด่นราวกับดาวล้อมเดือน เพราะเหมันต์นั้นทั้งหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย ชื่อเสียงในฐานะเจ้าของธุรกิจออร์แกไนซ์ชื่อดังรวมถึงธุรกิจด้านอื่นก็โด่งดังเป็นที่รู้จัก โปรไฟล์ของเหมันต์ที่ถูกสร้างขึ้นถือว่าดีกว่าม่านเมฆด้วยซ้ำ ทว่าทุกครั้งที่เหมันต์มาบ้านคุณพอฤทัยก็จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาๆ ไม่โดดเด่นดึงดูดใจเท่าผู้จัดการบริษัทอย่างม่านเมฆในสายตาคุณพอฤทัย
   “เมฆมีดีอะไรนะ คุณฤทัยอะไรเนี่ยถึงติดใจจัง" เซลีนมองไล่หลังคนทั้งคู่จนสุดสายตา
   เหมันต์ยักไหล่ ยิ้มทรงเสน่ห์ “ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะเมฆดูซื่อๆ แล้วทำงานเก่งมั้ง คุณพอฤทัยคงชอบคนที่ดูเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามแล้วดูหัวอ่อนอย่างเมฆก็ได้”
   ชายหนุ่มคาดเดา และนั่นทำให้คนฟังแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
   “ซื่อๆ? หัวอ่อน?” เซลีนทวนเสียงสูง ก่อนจะหัวเราะขำอย่างอดกลั้นไม่อยู่ “เมฆเนี่ยนะ!”
   “ก็เมฆนั่นแหละ” เหมันต์หัวเราะออกมาบ้าง เมื่อคิดว่าถ้าคุณพอฤทัยคิดว่าม่านเมฆเป็นอย่างนั้นจริงๆ
   “ซื่อกับผีน่ะสิ ถ้าเมฆเป็นคนซื่อและหัวอ่อน ทั้งโลกนี้ก็สมควรกำจัดคนซื่อและหัวอ่อนให้หมดโลก ตัวอันตรายและหายนะชัดๆ!"
   “ใช่ อันนี้ฉันเห็นด้วยกับเธอนะลีน" น้อยครั้งที่เหมันต์จะมีความคิดเห็นตรงกันกับเซลีนโดยไม่ขัดแย้ง
   ถ้าคุณพอฤทัยคิดว่าคนอย่างม่านเมฆเป็นคนซื่อๆ หัวอ่อน...ก็สมควรจะต้องตัดแว่นใหม่
   แต่อาจต้องไปตัดในคุกนะ...หลังจากเสร็จงานนี้!

   “ลีน...”
   เสียงเรียกชื่อเธอดังแผ่วเบาทำให้เซลีนชะงักจากการดูแลคนงานที่กำลังทำงานอยู่ เธอหันไปส่งสัญญาณกับเหมันต์แล้วจึงค่อยๆ เดินเลี่ยงหนีจากกลุ่มไป มองซ้ายมองขวาแล้วไปยืนอยู่คนเดียวตรงสนามกว้าง ทำทีเป็นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู ทั้งๆ ที่เสียงที่เรียกนั้นดังมาจากหูฟังไร้สายเล็กๆ อุปกรณ์สื่อสารเฉพาะที่ม่านเมฆเป็นคนคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในการทำงาน
   หญิงสาวเลือกที่จะมายืนอยู่คนเดียวกลางสนามกว้างเพื่อป้องกันการดักฟัง ทำอย่างนี้หากใครเข้าใกล้รัศมีของเธอจะสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าแอบเข้าไปพูดในห้องเป็นไหนๆ
   “ว่าไง" เซลีนที่แนบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดบังตอบกลับเสียงเบา ทางปลายสายก็ตอบกลับมาเสียงเบาไม่แพ้กัน
   “คุณพอฤทัยกับคนอื่นๆ จะอยู่ในด้านหน้าเวทีทั้งหมดในช่วงการแสดงบนเวที เธอมีเวลาราวๆ เจ็ดนาทีในการค้นหารายชื่อคู่ค้าของคุณพอฤทัยกับนายรัฐศาสตร์ ฉันคิดว่าน่าจะอยู่ในห้องนอนของคุณพอฤทัย และตามนิสัยแล้วคุณพอฤทัยต้องเก็บไว้ในตู้เซฟลับข้างในตู้เสื้อผ้าแน่ๆ"
   คำสั่งยืดยาวและแสนรู้ดีสมกับเป็นคนโปรดที่ถูกเล็งให้เป็นว่าที่หลานเขยทำให้เซลีนได้แต่แค่นยิ้ม
   “ได้ ไม่มีปัญหา” หญิงสาวตอบกลับอย่างมั่นใจ “นายก็ตามดูและตามประกบคุณพอฤทัยให้ดีก็แล้วกัน”
   “จำไว้ว่าเธอมีเวลาเจ็ดนาที" ม่านเมฆย้ำ ไม่สนใจคำเตือนของเพื่อนร่วมงาน
   คราวนี้เซลีนหลุดหัวเราะไม่ได้ “ว่าแต่นายดันไปรู้ได้ยังไงว่าคุณเก็บของไว้ที่ไหน ตู้เซฟลับอยู่ตรงไหน”
   “นายคิดว่าฉันเป็นใคร แล้วฉันต้องเสียเวลากี่เดือนกันในการเอาใจคุณพอฤทัย”
   คำถามย้อนกลับนั้นทำให้เซลีนยิ้ม ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณพอฤทัยคอยจับคู่ให้กับม่านเมฆกับตาเธอก็คงคิดว่าหญิงวัยกลางคนนั่นเล็งเพื่อนของเธอเป็นคนรักมากกว่าต้องการเป็นหลานเขย แล้วอดขำไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายตัดการติดต่อไปอย่างหงุดหงิด รู้ดีว่าคนชอบเก็บตัวอย่างม่านเมฆต้องมาทนเอาใจคุณพอฤทัยมานานเกือบปีนั้นฝืนจะทนมากแค่ไหน ดีที่ไม่ต้องทนเจอหน้าทุกวัน ไม่อย่างนั้นคนอย่างม่านเมฆคงสติแตกตายเสียก่อน

   เสียงดนตรีไทยแผ่วหวานดังขึ้น ม่านเมฆเหลือบตามองไปทางเหมันต์แวบหนึ่งก็เห็นอีกฝ่ายค่อยๆ ปลีกตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ เขาหยิบเอามอลลี่...แทปเล็ตที่ตนเองดัดแปลงภายในเสียจนประสิทธิภาพของมันสูงกว่าคอมพิวเตอร์จัดการป่วนล่มระบบกล้องวงจรปิดของบ้านคุณพอฤทัย จากการวนเวียนเข้ามาภายในบ้านนี้หลายปีตั้งแต่ได้เบาะแสว่าคุณพอฤทัยและหลานชาย...นายรัฐศาสตร์ ที่เริ่มตั้งตนเป็นเจ้าพ่อลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือมากระจายสู่ภาคกลาง ทว่าเพราะความฉลาดและการจัดการวางแผนที่ดี ทำให้หลายต่อปลายปีไม่มีใครจับได้ไล่ทันคุณพอฤทัยและนายรัฐศาสตร์ได้เสียที จนกระทั่งงานนั้นมาสู่มือพวกเขา
   “ยายรดานี่ไม่ว่ายังไงก็สะกดสายตาคนได้เสมอเลยนะคุณเมฆ...เห็นด้วยกับป้าไหม"
   คุณพอฤทัยที่นั่งอยู่ข้างๆ เอนตัวมาคุยกับเธอ แต่สายตายังเหลือบมองหลานสาวที่ร่ายรำอยู่บนเวที และหวังชวนให้ม่านเมฆชื่นชมหลานสาวของเธอ
   ม่านเมฆคลี่ยิ้มอย่างรู้ทันแต่ไม่แสดงออกอะไร เขากดปุ่มปิดหน้าจอแทปเล็ตให้มืดสนิท ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปแล้วหันไปตอบคุณพอฤทัยว่า "คุณรดาเป็นคนมีเสน่ห์ครับ แล้วผมว่าเสน่ห์ของคุณรดาจะเห็นชัดที่สุดตอนที่อยู่บนเวทีสมกับที่จบนาฏศิลป์มาโดยตรง ใครบ้างจะไม่หลงรักเธอเวลาเธออยู่ข้างบนนั้น ซึ่งผมไม่มีอะไรที่คู่ควรกับคุณรดาเลย อย่างพี่เหมอาจจะเหมาะสมกันมากกว่า”
   ม่านเมฆรู้ว่าคุณพอฤทัยนั้นถูกใจเขาและอยากได้มาเป็นหลานเขยเพียงใด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาถูกใจอะไรในตัวเขานักหนา จนบางทีก็อดรำคาญไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้เขาถูกคนในองค์กรแซวมาตลอด
   เขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหน ไม่สิ อันที่จริงเขาไม่สนใจ ‘ความรัก’ ต่างหาก!
   ไม่สน ไม่อยากมีใคร คนอย่างเขาไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ในสายตาของเขาความรักคืออารมณ์เพ้อเจ้ออย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราตัดสินใจผิดพลาด มันไม่มีผลดีในท้ายที่สุด...มันมีแต่ผลเสียมากกว่า
   “คุณเมฆนี่ชอบดูถูกตัวเองจัง ถึงคุณจะไม่ได้ดูดีเท่าคุณเหมันตร์ ป้าชอบนิสัยอย่างคุณมากกว่า คุณเหมันต์ดูเจ้าชู้เกินไป เดี๋ยวยายรดาของป้าก็ช้ำใจพอดี"
   ม่านเมฆแอบเบ้ปาก เขารู้ทันหรอกว่าคุณพอฤทัยหวังจะเอานิสัยหัวอ่อน ละเอียดรอบคอบและช่างจัดการของเขาดึงไปช่วยงานตัวเอง เพราะนายรัฐศาตร์หลานชายนั้นเป็นพวกเก่งแต่หาเงิน แถมปากดีขี้โอ่ จัดการบริหารอะไรก็เหลวเป๋วสิ้นดี ถ้าไม่มีคุณพอฤทัย ป่านนี้พวกตำรวจคงรวบตัวหมอนี่ได้นานแล้วไม่ต้องรอถึงมือพวกเขา!
   “ว่าแต่เมื่อไหร่คุณเมฆจะยอมคบกับยายรดาเสียทีล่ะคะ"
   “เรื่องนี้ขึ้นกับผมคนเดียวไม่ได้หรอกครับ คุณรดาไม่ได้ชอบผมเสียหน่อย"
   ชายหนุ่มตอบความจริง เขาไม่ได้โง่พอจะมองไม่ออกว่าถึงคนเป็นป้าจะปลื้ม...แต่หลานสาวไม่ได้ปลื้มด้วย เพราะนิรดานั้นทุกครั้งจะมองข้ามหัวเขาไปที่เหมันตร์ต่างหาก
   “สักวันยายรดาก็จะรู้ว่าใครคือคนที่เหมาะสมกับแกนะคะ”
   คุณพูดทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น พอดีกับที่การแสดงของนิรดาบนเวทีจบลง ส่งผลให้ม่านเมฆกวาดตามองไปรอบๆ ครั้งหนึ่งด้วยความร้อนใจ
   ทำไมป่านนี้เซลีนยังไม่โผล่ออกมา...ไหนว่าเวลาแค่นี้ก็พอแล้วไง!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 22:19:28 โดย Eigen »

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
«ตอบ #6 เมื่อ30-05-2018 22:42:35 »




            เซลีนค่อยๆ แอบย่องเข้าไปจนถึงห้องนอนของคุณพอฤทัยตามแผนผังของบ้านหลังนี้ที่จำได้ขึ้นใจจากการมองดูเพียงครั้งเดียวตามแผนการของม่านเมฆที่ประชุมกันเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ ก่อนจะทำแผนบุกเพื่อปิดคดีเจ้าแม่ยาเสพติดรายใหญ่อย่างคุณพอฤทัยในวันนี้
   หญิงสาวเลี้ยวขวา ค่อยๆ เดินตรงไปตามทางเดินอันเงียบสงัด จนกระทั่งถึงห้องสุดท้ายทางขวามือซึ่งเป็นเป้าหมาย
   ไม่นานหญิงสาวก็สะเดาะกุญแจแล้วเข้าไปในห้องนั้นได้ หนทางปลอดโปร่งเพราะฝีมือการเคลียร์ทางของม่านเมฆ เธอลองตรงดิ่งไปยังประตูตู้เสื้อผ้าเป็นที่แรก เปิดออกมากลับไม่เห็นอะไร จึงลองเคาะมือไปตามผนังหลังตู้ช้าๆ ก็พบว่ามีตรงช่วงหนึ่งที่ฟังดูโปร่ง ไม่ทึบเหมือนส่วนอื่น ไม่นานก็พบว่ามันมีช่องลับและสามารถเปิดออกได้
   เซลีนพบตู้เซฟตามที่ม่านเมฆบอก
   ทว่าสิ่งที่ม่านเมฆไม่บอกเธอ...รหัสเปิดเซฟของไอ้ตู้บ้านี่!
   “เมฆ!”
   หญิงสาวส่งเสียงกระซิบแผ่วเบา รู้ดีว่าอย่างไรประสิทธิภาพของเครื่องมือสื่อสารของม่านเมฆนั้น เสียงเบาแค่ไหนอีกฝ่ายก็ได้ยิน
   “อืม...” เสียงครางตอบจากอีกฝ่ายดังเบาๆ
   “รหัสตู้เซฟ" เซลีนเอ่ยสั้นๆ
   “อยู่ในมือถือ" อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่เครื่องมือสื่อสารของเธอสั่นเบาๆ เซลีนล้วงออกมาดูก็พบว่ามีชุดตัวเลขอยู่ตามนั้น ให้ทดลองใส่เพื่อปลดรหัสอยู่สองชุด
   หญิงสาวลองกดตามชุดแรกก่อน ปรากฏว่าถูกต้องจนอดที่จะทึ่งในตัวม่านเมฆไม่ได้ ต่อไปนี้เธอต้องระวังรักษาความลับกับม่านเมฆให้มากๆ เสียแล้ว หญิงสาวคิดในใจ ก่อนจะค่อยๆ เปิดเซฟออกม ในนั้นเธอเห็นแต่เพียงแฟลชไดรส์อันเล็กๆ เพียงหนึ่งอันเท่านั้น
   “มีแต่แฟลชไดรส์ เอาไง"
   “โทรศัพท์ที่ให้ไป คลำข้างๆ ดีๆ เธอจะเห็นว่ามันมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่ออยู่"
   เซลีนทำตาม พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ มิน่าล่ะก่อนออกมาม่านเมฆถึงได้สั่งให้เธอเปลี่ยนเครื่อง ตอนแรกก็กะว่าจะโวยเพราะไอ้มือถือที่ให้มาใหม่มันก็หน้าตาเหมือนของเดิมเปี๊ยบ แต่จริงๆ ...ไอ้เจ้านี่ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ของอีกฝ่ายเหมือนกันน่ะสิ
   เซลีนเอาแฟลชไดรส์อันนั้นต่อเข้ากับโทรศัพท์มือถือ ไม่นานมันก็ถ่ายโอนข้อมูลมาอย่างรวดเร็วเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วินาที
   “โอเคลีน ฉันได้รับข้อมูลทั้งหมดแล้ว ถอนตัวออกมาได้ อ้อ คราวนี้ระวังตัวด้วยนะ เมื่อกี้เห็นนายรัฐตามหาเธอด้วย"
   ถ้านิรดาอยากสานสัมพันธ์กับเหมันต์ รัฐศาสตร์ก็ถูกตาต้องใจความสวยของเซลีน เมื่อครู่เพิ่งได้ยินฝ่ายนั้นเข้ามาถามถึงเซลีน พอไม่เห็นก็ทำสีหน้าไม่พอใจ
   “ได้" เซลีนตอบเสร็จก็วางของลงที่เดิม พร้อมกับค่อยๆ ก้าวออกจากห้องคุณพอฤทัย เธอรีบก้าวกระโจนลงจากบันไดจนมาถึงขั้นสุดท้ายก็พบรัฐศาสตร์...ผู้ชายเจ้าสำอางหน้าตาดี แต่ซ่อนความชั่วอยู่ภายใต้ใบหน้าคมขาวของเขาเดินตรงเข้ามาหาพอดี
   เซลีนลอบถอนหายใจช้าๆ ถ้าคุณพอฤทัยตาบอดที่หลงชอบม่านเมฆ อีตานี่ก็สมองทึบที่คิดชอบคนอย่างเธอ
   แต่เอาเถอะ...เพื่อเป็นรางวัลแก่คนที่อีกไม่นานจะเข้าคุก เธอจะยอมทำดีกับเขาสักครั้ง หญิงสาวคิดแล้วเริ่มคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้รัฐศาสตร์ที่ตรงเข้ามาหา
   “สวัสดีค่ะคุณรัฐ...”
   เธอเอ่ยทักทายเขาเสียงหวาน แค่นั้นรัฐศาสตร์ก็ตกลงไปในบ่วงเสน่ห์ของเธอเหมือนหมาเจอเจ้าของในทันที

   ม่านเมฆคลี่ยิ้มตรงมุมปากด้วยความพึงพอใจ กวาดตามองคร่าวๆ เพียงแวบเดียวเพื่อเช็คความถูกต้องว่าไฟล์ที่เซลีนถ่ายโอนมาให้นั้นไปถึงระบบคลาวด์และบันทึกกับคอมพิวเตอร์เครื่องหลักของเขาอย่างครบถ้วน ส่งผลให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นราวๆ สามสิบเปอร์เซ็นเมื่อเห็นว่าภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้นตามแผนโดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยยาก
   กลับจากงานนี้เขาก็แค่ประชุมกับพวกพี่ๆ น้องๆ อีกที แล้วจัดการส่งหลักฐานที่รวบรวมทั้งหมดให้แก่ตำรวจไปจัดการเอาเอง โดยไม่ต้องถึงมือเหมันต์กับเซลีนออกไปกวาดล้างให้เสียหยาดเหงื่อแรงงานอีกต่อไป
   รวมถึงเขาก็ไม่ต้องมาออกภาคสนามเอาใจใครแบบนี้อีกด้วย!
   “งานทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ"
   ม่านเมฆถามคุณพอฤทัยหลังจากอีกฝ่ายกลับมาหาเขาที่นั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ส่งยิ้มเลยไปให้เซลีนที่มีรัฐศาสตร์เดินตามต้อยๆ พร้อมกับยิ้มเหมือนหมาโง่ๆ ที่แสดงท่าทีดีใจที่เซลีนยอมพูดคุยด้วย
   ม่านเมมฆยกมือขึ้นกระชับแว่นสายตากรอบดำของตนให้กระชับใบหน้า แล้วหันไปทางคุณพอฤทัยตามเดิม
   “จ้า...ทุกอย่างเรียบร้อยเหมือนเดิม ป้าพอใจมาก อีกสามเดือนจะเป็นงานวันเกิดตารัฐ คงต้องจ้างแอลออร์แกไนซ์มาช่วยจัดงานให้อีกเหมือนเดิม" คุณพอฤทัยชมอย่างออกนอกหน้า
   “ถ้าคุณพอฤทัยพอใจ ผมก็ดีใจ ขาดตกบกพร่องยังไง ผมก็ขอโทษด้วยครับ" ชายหนุ่มกล่าวทั้งๆ ที่ในใจอดคิดไม่ได้ว่า ลาขาดเถอะ...แค่อีกสามวันก็คงจะไม่ได้เจอกันอีกต่อไปแล้ว!
   ม่านเมฆมองไปรอบๆ งานที่เรียบร้อยดีทุกอย่างและแขกเหรื่อที่ยังคงพูดคุยกันอย่างมีความสุข เห็นเหมันต์เดินออกมาแล้วส่งสัญญาณว่าเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงหันไปทางคุณพอฤทัยอีกครั้ง พร้อมกับขอตัว
   ม่านเมฆเหลียวหลังมองสองป้าหลานผู้ไม่รู้ว่าเครือข่ายยาเสพติดของตนเองกำลังจะถูกทลายราบลงในไม่ช้า แล้วอดโบกมือให้อย่างอารมณ์ดีไม่ได้...ถือเสียว่าเป็นยิ้มปลอบใจครั้งสุดท้ายแล้วกัน!

   คืนนั้นชายหนุ่มก็เสนอหลักฐานทุกอย่างในที่ประชุม และหลังจากนั้นไม่นานพันธิตก็จัดการส่งหลักฐานทั้งหมดให้แก่ต้นสังกัดของพวกเขา เป็นอันว่าเสร็จงานนี้...ม่านเมฆมีเวลาพักถึงสามวัน ชายหนุ่มหมายมาดในใจ นอกจากลุกขึ้นมากิน เขาจะขอนอนชดเชยที่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มติดกันมาร่วมสองอาทิตย์นี้ให้ได้!
   พอเช้าวันต่อมา เหมันต์ยื่นแท็ปเลตส่งให้เมื่อเห็นเขาลอยออกมาจากห้องนอนของตนเองในสภาพสะลึมสลือเพื่อออกมาหาของกิน ชายหนุ่มกวาดตาดูก็เห็นว่าหน้าจอเป็นเว็บไซส์ข่าว หัวข่าวที่จั่วใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นข่าวสองป้าหลานผู้ใจบุญ โดนตำรวจจับคาโกดังขนส่งสินค้าผิดกฎหมายที่สอดแทรกยาเสพติด คุณพอฤทัยดูแก่ลงไปเป็นสิบๆ ปี
   ม่านเมฆเลื่อนอ่านเนื้อหาข่าวในระหว่างที่ปากก็คาบแผ่นขนมปังทาเนย เห็นว่าคุณพอฤทัยกับนายรัฐศาสตร์ท่าจะดิ้นไม่หลุด แถมเผลอๆ ผู้มีอิทธิพลและสารพัดสีที่หนุนหลังก็สะดุ้งกันเป็นแถบๆ เพราะโดนลากยาวกันไปหมด ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างสะใจก่อนที่จะเลื่อนแท็ปเล็ตส่งๆ ไปไม่สนใจข่าวนั้นอีกเลย
   เป็นอันว่างานที่กวนใจเขามายาวนานเสร็จสิ้นลงเสียที
   “ตอนเย็นมีประชุมนะเมฆ ตื่นด้วยล่ะ"
   “ทำไมอีกล่ะ”
   “พอดีมีงานด่วนอีกงานน่ะ ใกล้ปิดจ็อบพอดี หัวหน้าเลยสั่งให้นายเข้าประชุมด้วย" เหมันต์ตอบ
   "งานอะไรเหรอ" คิ้วเข้มเรียวยาวของม่านเมฆขมวดมุ่น
   “ไม่รู้สิ เข้าประชุมก็จะรู้เอง” อีกฝ่ายตอบพลางยักไหล่ ม่านเมฆเลยไม่ได้สนใจเขาอีกนอกจากของกินของตนเองเท่านั้น

 


TBC





แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 22:20:11 โดย Eigen »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
«ตอบ #7 เมื่อ31-05-2018 08:12:25 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
«ตอบ #8 เมื่อ31-05-2018 09:09:17 »

ตาม   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
«ตอบ #9 เมื่อ02-06-2018 02:17:05 »

อ้าวว พระเอกตายหรอ :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
« ตอบ #9 เมื่อ: 02-06-2018 02:17:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 3/1 [5.6.61]
«ตอบ #10 เมื่อ05-06-2018 10:03:25 »



ตอนที่ 3

Mars VS Dragon
[/b]



 

                งานใหม่ที่พันธิตพูดถึงคือการล่าเสี่ยใหญ่เจ้าของธุรกิจค้ามนุษย์ งานนี้ม่านเมฆไม่ได้เป็นหัวหน้าหรือต้องลงพื้นที่ปฏิบัติการ แผนการของพันธิตคือใช้แอลออร์แกไนซ์แทรกแซงในพื้นที่ที่เสี่ยใหญ่คนนั้นจะเข้ามา ม่านเมฆแค่สนับสนุนกรุยทางให้พวกเขาเข้าถึงตัวเสี่ยใหญ่คนนั้นก็เท่านั้น ทำให้วันนี้ม่านเมฆไม่ต้องออกไปกับคนอื่นๆ ที่จะต้องจัดงานอะไรไม่รู้ที่โรงแรมแกรนด์เซ็นทรัล ทว่าเขานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วคอยควบคุมสั่งการอยู่ทางนั้นมากกว่า อีกอย่างแน่นอนว่างานของเขานั้นจะเริ่มอีกทีหลังงานเลี้ยงนี่เสร็จสิ้น แล้วกว่าจะถึงเวลานัดหมายก็ราวๆ ห้าทุ่มโน่น

                ตอนนี้เพิ่งจะเวลาสองทุ่ม ยังเหลืออีกสามชั่วโมงให้เขาต้องนั่งรอเงกเลยทีเดียว

                ไอ้ครั้นจะให้เจาะระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเล่น ก่อนหน้านั้นเพื่องานในวันนี้เขาก็เดินเล่นเสียจนปรุไปหมดแล้ว คิดว่าให้ถึงเวลาปฏิบัติงานจริงค่อยเข้าไปอีกทีดีกว่า แต่จะให้นอนตอนนี้ก็นอนไม่หลับแล้ว ม่านเมฆจึงตัดสินใจเบี่ยงเก้าอี้ไปทางขวามือ แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของตนเองขึ้นมา

                ไอ้จ๊าบ...คอมพิวเตอร์สุดที่รักของเขา ซึ่งอันที่จริงเขาย่อจากชื่อของมันคือจาวิส แน่นอนชื่อนี้ย่อมได้มาจากหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่เรื่องโปรด ถึงภายนอกจะเหมือนแล็ปท็อปธรรมดาๆ แต่คนที่ประกอบมันขึ้นมาอย่างเขา ย่อมรู้ดีว่าคอมพิวเตอร์ของตัวเองนั้นเจ๋งมากแค่ไหน

                นี่เป็นข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของม่านเมฆ เขามักจะอดใจไม่ไหวที่จะต้องตั้งชื่อให้กับบรรดาของใช้สุดที่รักทั้งหลาย เหมันต์กับเซลีนเคยบอกว่าเขาเพี้ยนที่เห็นพวกคอมพิวเตอร์เป็นน้องเป็นนุ่งหรือเพื่อนสนิทเสียจนต้องตั้งชื่อให้ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ...เขาชอบของเขาอย่างนี้เขาก็จะทำ

                นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำโดยไม่อาศัยหลักการของเหตุและผลก็เป็นได้

                เมื่อไอ้จ๊าบรันระบบปฏิบัติการขึ้นมาเสร็จสิ้น ม่านเมฆก็กดเปลี่ยนระบบปฏิบัติการที่เขาสร้างเอาไว้ใช้เอง ถึงเขาจะทำงานเป็นช่างเทคนิคขององค์กรแต่ใช่ว่าเขาจะเลิกทำงานแฮกเกอร์ ตอนนี้ไม่รับงานนอกแต่ก็ถือว่าเป็นงานอดิเรก ก่อนจะเปิดหน้าเว็บเบราเซอร์ขึ้นมาแล้วเริ่มต้นพิมพ์ชื่อเว็บที่เขาจำได้ขึ้นใจ

                ว่างๆ อย่างนี้...ไปทักทายมิตรสหายในโลกไซเบอร์ของเขาเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรไป

                ม่านเมฆบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอย่างหมายมาด เขามีเวลาตั้งสามชั่วโมงในการที่จะเข้าไปทักทาย ‘เพื่อนรัก’ ไม่สิ อันที่จริงต้องบอกว่าเป็น ‘ศัตรู’ ที่รู้จักกันมานานกว่าสามเดือน!

๐๐๐๐๐

                สัญญาณจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดังขึ้นบ่งบอกว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเอง เขาละสายตาจากงานจับฉ่ายอย่างพวกตรวจเอกสารประจำวันเหล่านั้นทันที ชายหนุ่มกระชับแว่นสายตาเปลือยกรอบของตนจนชิดกับดั้งจมูกโด่งตรงแล้วพรมนิ้วลงบนคียบอร์ดตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

                ระบบความปลอดภัยแจ้งเข้ามาว่ามีผู้จงใจบุกรุกเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ที่เขาดูแลอยู่ซึ่งน้อยคนนักที่จะเจาะเข้ามาถึงในส่วนนี้ได้ เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่นั้นขึ้นชื่อได้ว่าแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามา 'ล้วง' ข้อมูลไปจากที่นี่ได้

                สงสัยเป็นพวกอยากลองของ...

                เขาคิดในใจขณะที่พิมพ์คำสั่งสะกัดผู้บุกรุกจากนอกระบบอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่นานก็ค้นพบว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของผู้บุกรุกเลยแม้แต่น้อย

                เหงื่อเย็นๆ เริ่มผุดซึมขึ้นตามไรผมและสองข้างขมับของเขา ขณะที่ดวงหน้าเรียวเริ่มเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพบว่าตนเองไม่อาจต้านผู้บุกรุกอยู่เลย!

                ถ้าไอ้คนที่เข้ามาในระบบได้ข้อมูลที่อยู่ในเขตแดน 'ความลับ' กลับไป

                งานนี้เขาตายแน่!

๐๐๐๐๐

                ติ๊ด...

                เสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดังเตือนขึ้นมาว่ากำลังมีผู้บุกรุก ทำให้อีธานต้องละสายตาจากรูปถ่ายในมือแล้วหันไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองแทน พลันคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อได้รับสัญญาณเตือนมาว่าขณะนี้กำลังมีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบของเขา...ซึ่งในส่วนนี้คือส่วนที่เก็บรักษาความปลอดภัยสูงสุดเอาไว้!

                ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นเต้นที่ถูกท้าทาย รู้ได้ทันทีว่าใครคือคนที่บุกรุกเข้ามาในระบบของเขานั้นเป็นคนที่เขาเฝ้ารอมาร่วมเดือนหลังจากการปะทะกันเมื่อหนึ่งเดือนก่อนระหว่างผู้บุกรุกระบบและผู้ป้องกันเช่นกัน

                'Mars' คือชื่อของแฮกเกอร์ฝีมือดีที่บุกเข้ามาในระบบการรักษาความปลอดภัยที่เขาดูแลอยู่ จนกระทั่งหลุดเข้ามาเขตแดนลับที่สุดที่เขาดูแลด้วยตนเองได้เมื่อหลายเดือนก่อนและยังคงวนเวียนเข้ามาอีกสองสามครั้ง และทุกครั้งก็มักจะสร้างความปั่นป่วนทิ้งเอาไว้ให้เสมอ แต่การปะทะกันเช่นนี้ก็ก่อให้เกิดมิตรภาพแบบแปลกๆ ระหว่างเขากับไอ้คนที่บุกรุกเข้ามา

                แต่ทว่า...ชายหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้แล้วคลี่ยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะที่มือเริ่มพรมคีบอร์ดเพื่อคีย์ชุดคำสั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเริ่มตั้งหลักตอบโต้ด้วยโปรแกรมที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อจัดการไอ้มาร์ตัวแสบนี่โดยเฉพาะ!

                หลังจากที่โดนแหย่ด้วยการเดินเข้ามาป่วนในระบบหลายหน ทั้งนี้เขาหมายมาดในใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องจับตัวไอ้แฮกเกอร์คนนี้ให้ได้!

๐๐๐๐๐

                ม่านเมฆขยับแว่นตาที่เลื่อนตกลงไปอยู่ตรงปลายจมูกให้กระชับใบหน้าอีกครั้ง เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตามไรผมทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องทำงานที่อยู่ในดินของเขานั้นเย็นจัด ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าวันนี้ฝ่ายตรงข้ามดูจะแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะแรกเริ่มฝ่ายดูเหมือนจะปล่อยให้เขาเจาะระบบเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในระหว่างที่กำลังสนุกและย่ามใจถึงฝีมืออ่อนด้อยของอีกฝ่ายที่โดนแหย่ไปหลายครั้งแล้วก็ยังป้องกันได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้คราวนี้เขาเข้ามาได้ถึงส่วนที่เป็นความลับสูงสุด ม่านเมฆเลยยังไม่ทันได้เอะใจเสียด้วยซ้ำว่ามีอะไรผิดปกติ เนื่องจากกำลังตื่นตาตื่นใจกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาจนไม่ทันได้เฉลียวใจ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าถึงส่วนลับที่สุดเช่นนี้ จึงได้รีบทำการถ่ายโอนข้อมูล จนกระทั่งเมื่อครู่ เขาถึงเพิ่งได้รู้สึกตัวว่าใน 'ข้อมูล' ที่ตัวเองกำลังดึงมานั้นมีอะไรบางอย่างแฝงมาด้วย!

                “โครงการท่าเรือทวาย...”

ชายหนุ่มอ่านหัวข้อนั้นเบาๆ แล้วทำท่าจะคลิกไฟล์นั้นเข้าไปอ่านรายละเอียดภายใน ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ไอ้จ๊าบของเขาก็ค้างไปราวๆ ห้าวินาทีก่อนจะใช้งานได้ปกติ ซึ่งทำให้เขารู้ตัวทันทีว่าตนเองประมาทเสียแล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะโดนดีเพราะอีข้อมูลนี้นี่แหละ!

                ไฟวอลล์ของเขาเริ่มเตือนว่ากำลังมีผู้บุกรุก และการโจมตีนั้นก็รุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ม่านเมฆกัดริมฝีปากล่างของตนเองแน่น แล้วเริ่มเรียกโปรแกรมป้องกันที่เขียนเองขึ้นมาเพื่อโจมตีอีกฝ่ายกลับ พร้อมกับเริ่มถอนตัวเองออกจากระบบของฝ่ายโน้นมาเรื่อยๆ เขาเริ่มที่จะใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่เช่นเดียวกันเพราะฝ่ายนั้นที่หลายต่อหลายครั้งทำเหมือนอ่อนด้อยกว่าเขา หากคราวนี้กลับดูแข็งแกร่งราวกับเป็นคนละคน

                ไม่สิ...อันที่จริงต้องบอกว่าที่ผ่านมาฝ่ายนั้นออมมือพอๆ กับที่เขาออมมือนั่นแหละ!

                ม่านเมฆตัดสินใจถอนตัวออกมาเพราะตอนนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับการเข้าไปเดินเล่นในครั้งนี้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะบุกทะลวงปราการป้องกันของเขาเข้ามาจนถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของเขาซึ่งในเครื่องนี้มีแต่เรื่องลับๆ ทั้งนั้น

                ม่านเมฆสะดุ้งสุดตัวในยามที่เริ่มถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว กลับพบว่าอีกฝ่ายคล้ายกับจะสร้างปราการกักตัวเขาเอาไว้ แต่โชคดีที่เขาหาช่องโหว่ออกมาจนได้ อีกฝ่ายคงหัวเสียน่าดูที่สุดท้ายเขาก็หลุดมือไป

                “เฮ้อ...เกือบไป"

ชายหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆ ถอดแว่นวางไว้กับโต๊ะ ขณะที่ใช้มือเช็ดเหงื่อตามไรผมลวกๆ มองไอ้จ๊าบที่ดับลงแล้วจึงจัดการเปิดเครื่องใหม่อีกครั้งเพื่อประเมินความเสียหาย เขาพบว่าไอ้จ๊าบของเขาถูกไวรัสและการโจมตีจากอีกฝ่ายเสียหายไปราวๆ สี่สิบเปอร์เซ็น ซึ่งเป็นความเสียหายที่มากที่สุดนับตั้งแต่เขาเป็นแฮกเกอร์มา แต่แล้วก่อนจะจัดการดึงข้อมูลที่ตัวเองไปฉกมาได้ จู่ๆ หน้าจอของไอ้จ๊าบก็ดับวูบลง พร้อมกับข้อความที่สีตัวอักษรเป็นสีขาวตัดกับพื้นสีดำสนิท ทักทายเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า

 

‘Nice to meet you ‘Mars’

Form Dragon'






TBC.



แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/




***ตอบคำถาม****
เรื่องนี้จบแบบ HE นะคะ
อย่าเพิ่งหวั่นไหวว่าพระเอกตายยยยย 5555555+

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / [UP 6.6.61]
«ตอบ #11 เมื่อ06-06-2018 21:07:30 »





‘Nice to meet you ‘Mars’

Form Dragon'

             

               “ดราก้อน...”

               ม่านเมฆพึมพำชื่อนั้นออกมาเบาๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เพราะชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นหูของเขาเท่าไหร่ในโลกของแฮกเกอร์ทั้งๆ ที่เขารู้จักคนมีฝีมือทุกคนและรู้จักดีเสียด้วยแม้จะไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ตาม ทว่ากับดราก้อน...เขากลับจำไม่ได้เลย แล้วยิ่งฝีมือแบบนี้เขาจำต้องยอมรับว่าเกือบจะเหนือกว่าตนเองด้วยซ้ำ

               ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ม่านเมฆสะดุ้งสุดตัว แล้วจึงรีบกดรับสายอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเป็นเหมันต์โทร.มา

               “ว่าไงพี่เหม?”

               “แกทำอะไรอยู่เมฆ ฉันโทรหาไปก่อนหน้านั้นก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์”

               คำพูดรัวเร็วบวกกับน้ำเสียงร้อนรนนิดๆ ของเหมันต์ส่งผลให้ม่านเมฆยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ เมื่อครู่นี้เขาคงจะเอาแต่จดจ่อกับคอมพิวเตอร์มากเกินไปจนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เมื่อเหลือบตาไปดูนาฬิกาจึงพบว่านี่เหลือเวลาไม่ถึงห้านาทีที่จะต้องปฏิบัติการ ทว่าเขากลับยังไม่ติดต่อเพื่อบอกแผนขั้นต่อไปกับเหมันต์เสียที

               “ขอโทษทีพี่ พอดีติดธุระนิดหน่อยน่ะ” ม่านเมฆบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนอ่อยที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด แล้วก็ได้ยินเหมันต์ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะตอบรับคำขอโทษนั้นเบาๆ

               จากนั้นสองหนุ่มจึงเริ่มเข้าสู่โหมดของการทำงานทันที ม่านเมฆเริ่มเจาะระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่เหมันต์ไปรับงานจัดเลี้ยงอะไรสักงานในโรงแรมนั้นบังหน้า ส่วนเบื้องหลังนั้นคือการกำจัดพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่อย่างนายเกริกให้สิ้นซาก เนื่องจากเสี่ยใหญ่คนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพล คดีฆ่าตัดตอนอีกหลายคดีที่เกิดจากการสั่งลงมือของนายเกริก ทว่าเพราะอิทธิพลของพวกมีสีบางคนที่หนุนหลังเขาทำให้นายเกริกจึงหลุดออกมาจากเงื้อมมือกฎหมายได้ กระทั่งเมื่อวันก่อน พันธิตได้ให้ข้อมูลแก่เขามาเพื่อวิเคราะห์หาทางกำจัดนายเกริกเสียที ม่านเมฆจึงสนับสนุนความต้องการนี้ และเริ่มวางแผนจับกุมเสี่ยใหญ่รายนี้ที่ได้ยินว่าจะส่งมอบข้อมูลยาเสพติดล็อตใหญ่และเหมันต์ก็ต้องเป็นคนขโมยข้อมูลนั้นมาพร้อมกับหาทางจับกุมนายเกริกให้ได้!

               “เอาล่ะ เรียบร้อย" ม่านเมฆบอกกับปลายสายที่คงนิ่งรออย่างใจจดใจจ่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่มักจะใช้เมื่ออยู่ในเวลาทำงาน "เริ่มงานของพี่ได้เลย จำเอาไว้ว่าพี่มีเวลาเพียงสิบห้านาทีในการจับนายเกรินนั่นก่อนคนของมันจะเข้ามาได้ แล้วรีบออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ก่อนที่พนักงานที่นั่นจะแก้ระบบกล้องวงจรปิดได้"

               “อืม...”

               ปลายสายรับคำอย่างแผ่วเบาแล้วไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาอีก

               ม่านเมฆเหลือบตามองดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจยาวพลางเริ่มนับเวลาถอยหลังเพื่อรอเวลาเสร็จสิ้นภารกิจ แต่ในระหว่างนั้นเองที่เขาก็อดเหลือบไปมองไอ้จ๊าบที่วางข้างๆ กันไม่ได้

               ดราก้อน... ชายหนุ่มพึมพำชื่อนี้ในใจ

            คือใครกัน...

๐๐๐

               ในขณะเดียวกัน

               ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาเรียวคมกริบจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเองด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความพึงพอใจ ปลายนิ้วชี้ไล้ริมฝีปากหยักลึกของตนเองแผ่วเบาด้วยท่าทีครุ่นคิด เมื่อสายตาเห็นที่หมายที่วิเคราะห์ออกมาได้แล้วว่าผู้ที่เล็ดลอดหนีไปจากเงื้อมมือของเขาได้ทั้งๆ ที่เขาล้อมจับอย่างสุดความสามารถนั้นขณะนี้ที่อยู่ของอีกฝ่ายเป็นที่ใด

               “ประเทศไทย...”

               อีธานพึมพำชื่อประเทศปลายทางของอีกฝ่ายที่เขาสามารถดักจับจากหมายเลขไอพีแอดเดรสออกมาได้ ถึงจะไม่ได้ทั้งหมดจนถึงกระทั่งรู้ว่าฝ่ายนั้นอยู่พิกัดไหนแน่ๆ แต่นี่ก็มากพอแล้วสำหรับข้อมูลที่ได้

               ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเหี้ยมเกรียม ไม่นานหรอกเขาก็จะได้รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร...แถมยังหาญกล้าเจาะเอาข้อมูลบางส่วนในฐานแฟ้มลับของเขาออกไปได้ เอาเถอะ... บางทีข้อมูลบางส่วนที่เสียไปที่จงใจใช้เป็นเหยื่อยล่อก็อาจจะทำให้เขาได้อะไรตอบแทนกลับมาก็เป็นได้!

               แต่คงต้องรอดูว่า...เมื่อไหร่ฝ่ายนั้นจะรู้ตัวว่าข้อมูลที่ได้ไปนั้นอาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์...ทว่ากำลังกลายเป็นยาพิษที่เขาจงใจส่งไปให้ก็เป็นได้!

๐๐๐๐๐

               วันต่อมา

               “เมื่อคืนนี้แกทำอะไรกันแน่น่ะเมฆ ทำไมถึง...” เหมันต์ไม่พูดอะไร นอกจากยักไหล่เบาๆ ขณะที่เซลีนหันมามองด้วยความสนใจกับความผิดปกติของม่านเมฆเช่นเดียวกัน

               “ก็...” คนที่เพิ่งเคยทำผิดครั้งแรกได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะ ส่งผลให้ผมที่เริ่มยาวระต้นคอดูยุ่งมากกว่าเดิม “พอดีว่ามัวแต่ยุ่งกับธุระนิดหน่อยน่ะ ยังไงฉันขอโทษก็แล้วกันนะ" เขาเอ่ยขอโทษออกมาอย่างง่ายๆ และไม่คิดจะอธิบายอะไรต่อเพราะรู้ว่ายังไงสองคนนี้ก็คงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่

               และทันทีที่เซลีนได้ยินคำขอโทษที่หลุดออกมาจากปากม่านเมฆ หญิงสาวก็จิกตาดุใส่คนอายุมากกว่าแล้วโพล่งขึ้นมาด้วยความไม่พอใจทันที “คิดว่าแค่คำขอโทษของนายมันจะฟังขึ้นงั้นเหรอเมฆ รู้ไหมว่าเมื่อวานนี้งานเกือบล่มเพราะนายติดธุระ! ทั้งๆ ที่นายก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่อวานนี้มีงานสำคัญ นายเป็นคนสั่งงานนี้เอง แต่นายกลับ...”

               “ลีน!”

               เหมันต์เรียกชื่อเซลีนเสียงหนัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นหันไปมองคนพูดเขม็ง แล้วนิ่วหน้าเป็นเชิงปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรออกมา

               ทว่าเซลีนหรือจะฟัง “เมฆควรจะได้รู้ตัวสักทีว่าทำผิด พี่ไม่ควรเข้าข้างคนผิดนะเหมันต์" หญิงสาวค้านเสียงเขียวด้วยความไม่พอใจ "ทั้งๆ ที่เมื่อวานนี้พี่อาจจะตายได้"

               “เอาเถอะๆ แต่งานมันก็สำเร็จ แล้วฉันก็รอด" เหมันต์เอ่ยด้วยท่าทีอลุ่มอล่วย

               เห็นเหมันต์ช่วยตนเองอย่างนั้น ม่านเมฆก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด “ฉันผิดเองจริงๆ ฉันขอโทษ"

               “นายหายไปทำอะไรกันแน่น่ะเมฆ”

               เซลีนเอ่ยถามเสียงเขียว กอดอกแน่น ท่าทีของเจ้าหล่อนคล้ายกับผู้คุมที่กำลังสอบสวนนักโทษอย่างไรอย่างนั้น ขณะที่เหมันต์เห็นอย่างนั้นก็ยกมือหมายจะห้ามปราม ทว่าม่านเมฆกลับโบกมือไปมาพร้อมกับพูดว่า

“ไม่เป็นไรพี่เหม ให้ลีนถามเถอะ...” พูดจบเขาก็หันไปทางเซลีน ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายว่า "ฉันแฮกเข้าไปในระบบของพวกเฉินซีน่ะ" ชายหนุ่มตอบคำถามตรงๆ และเฉินซีที่เขาพูดถึงก็คือกลุ่มมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแถบเอเชียในเวลานี้ เนื่องจากเฉินซีเป็นหนึ่งในพวกไตรแอด ซึ่งเป็นการรวมตัวของสามตระกูลมาเฟียของฮ่องกง เซี่ยงไฮ้และไต้หวัน “พอดีก่อนหน้าจะเริ่มงานของฉันประมาทเองที่เห็นว่าเวลามันเหลือเยอะ เลยเข้าไปดูอะไรๆ ฆ่าเวลาจนเพลินไปหน่อย" ม่านเมฆอธิบายความจริงสั้นๆ ไม่คิดจะบอกว่าจริงๆ เขาถูกกักอยู่ในระบบจนเกือบจะออกมาไม่ได้ และเขาก็ไม่คิดจะหาทางออกง่ายๆ ด้วยการทำแค่ปิดปลั๊กหรือตัดการเชื่อมต่ออินเตอร์เนต เพราะนั่นเป็นการเสียศักดิ์ศรีอย่างที่สุดที่จะทำเช่นนั้น!

               “หึ"

               พอได้ฟังคำตอบของม่านเมฆแล้ว เซลีนที่กอดอกเชิดหน้าอยู่ก็ไม่ว่าอะไรออกมา ทว่าบรรยากาศเคร่งเครียดก็ยังไม่จางหายไปจากรอบๆ ตัวของทั้งสามคน

               “เอาน่า...เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่ะลีน” เหมันต์เริ่มไกล่เกลี่ย "ยังไงก็ถือว่าเมฆทำงานอยู่เหมือนกัน ไม่ได้เอาเวลาไปทิ้งเล่นๆ อีกอย่างงานเมื่อคืนก็ใช่ว่าเมฆจะเข้ามาสั่งการไม่ทันเสียหน่อย"

               เซลีนไม่ตอบอะไร ทว่าดวงหน้าสวยจัดก็ยังคงแสดงสีหน้าบึ้งตึงและท่าทีปั้นปึ่งตามประสาคนใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเอง ยิ่งตอนนี้ม่านเมฆเป็นคนผิด ทว่าเหมันต์กลับทำเหมือนเข้าข้างอีกฝ่ายเสียอย่างนั้นจึงทำให้เซลีนออกจะไม่พอใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

               “มีอะไรกัน...?”

               พันธิตที่เดินเข้ามาภายในห้องครัวแล้วเห็นทั้งสามชุมนุมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เช้าก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

               “ไม่มีอะไรครับหัวหน้า" เหมันต์เป็นคนตอบ ขณะที่เซลีนก็ได้แค่แค่นเสียงหึในลำคอออกมาครั้งหนึ่งแล้วไม่พูดอะไร ส่วนม่านเมฆก็ได้แต่นั่งซึมกะทือเพราะความง่วงอยู่ตรงข้ามกับเซลีนนั่นแหละ

               พันธิตกวาดตาดูลูกน้องใต้อาณัติ ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็รู้จักดีมาตั้งแต่ยังเล็กด้วยกันทั้งนั้น ก็รู้อยู่หรอกว่ามีอะไรผิดปกติแต่ก็ขี้เกียจซักไซ้ไล่เรียง จึงเลือกที่จะปล่อยผ่านไปเพราะถ้าเรื่องมันหนักหนาจริงๆ ทั้งสามคนก็ย่อมต้องรายงานแก่เขาอยู่แล้ว

               “งั้นก็แล้วไป" พันธิตเอ่ยขึ้น แล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง "เย็นนี้ไม่มีธุระอะไรกันใช่ไหม ผมจะขอประชุมหน่อย"

               “ประชุมเรื่องอะไรเหรอคะ?”

               เซลีนถามขึ้นอย่างสงสัย

               “งานใหม่น่ะ ข้างบนท่านสั่งให้เราเริ่มจับตาดูอย่างใกล้ชิด ยังไงค่อยคุยรายละเอียดกันตอนเย็นอีกที" พันธิตตอบคำถามของเซลีน ก่อนจะหันไปทางม่านเมฆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าง่วงซึม ทว่ากลับเป็นคนเดียวที่ไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเนื่องจากม่านเมฆรู้ล่วงหน้าจากที่เขาบอกไปก่อนอยู่แล้ว "ว่าแต่เมฆเถอะ ท่าทางแบบนั้นนอนไม่พอหรือยังไง วันนี้เราไม่มีงานหรือธุระอะไรใช่ไหม?” ม่านเมฆปรือตามองพันธิตก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ ผู้สูงวัยกว่าจึงเอ่ยต่อไปว่า "งั้นก็ไปนอนพักซะ อย่าเอาเวลาไปทำพวกของเล่นของเราล่ะ"

               “ครับ...” ม่านเมฆรับคำพลางหาวหวอดอีกครั้ง

               “ผมไปธุระแล้ว เจอกันตอนเย็น”

               พันธิตพูดจบก็เดินจากไป ส่งผลให้เซลีนที่นั่งหน้าตูมเพราะหัวหน้าที่เธอเคารพรักเขาไม่ต่างจากบิดาไม่ค่อยสนใจอะไรตัวเองนัก เธอหันไปทางม่านเมฆ คิ้วเรียวสวยของแม่สาวเจ้าอารมณ์ขมวดมุ่นจนหัวคิ้วแทบจะชนกันในตอนที่จ้องม่านเมฆด้วยสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ พร้อมกับคำถามที่เอ่ยถามว่า "นายรู้เรื่องประชุมเย็นนี้ใช่ไหมเมฆ"

               “อือ...” ม่านเมฆตอบรับเสียงยานคาง เขารู้มาได้สองสามเดือนแล้วเพราะช่วงนี้เขากำลังรวบรวมข้อมูลของเป้าหมายอยู่

               “งั้นบอกมาตอนนี้ก่อนเลยว่ามันเรื่องอะไรกัน"

               “ลีน...” เหมันต์ปรามเมื่อเห็นว่าเซลีนทำไม่ถูกที่คาดคั้นจะเอาคำตอบจากสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะได้รับรู้จากม่านเมฆ

               คนง่วงตวัดตาจ้องมองกับเซลีนเขม็ง  "เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้เอง"

               “เมฆ!”

               “ฉันง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อน เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลย" พูดจบม่านเมฆก็ขยับเดินหนีจากห้องโต๊ะกินข้าวในห้องครัว ซึ่งเป็นที่ชุมนุมในยามเช้าของคนในองค์กรออกไปเป็นคนแรก ทิ้งให้เซลีนได้แต่นั่งขัดใจโดยมีเหมันต์ที่พยายามจะปลอบให้หญิงสาวคนเดียวใจเย็นๆ อย่าโมโหเพื่อนสนิทของตนเองเลย







To be Continuous......





 แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/



ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 9.6.61]
«ตอบ #12 เมื่อ09-06-2018 09:32:11 »





ตึกสำนักงานใหญ่เครือเฉินซี  เขตปกครองพิเศษฮ่องกง

 

                เสียงฝีเท้าที่ดังก้องไปทั่วทางเดินซึ่งปูพื้นด้วยหินอ่อนสีดำสนิทส่งผลให้คนที่นั่งประจำอยู่หน้าห้องเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ต้องผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเป็นการทำความเคารพผู้เป็นเจ้านายซึ่งเพิ่งมาถึงที่ทำงานในช่วงเช้าเช่นนี้

                “นั่งลงเถอะเลขาเกา” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยกับหญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

                “ค่ะ” เจสสิก้า เการับคำแผ่วเบา ก่อนจะทรุดลงนั่งในจังหวะเดียวกับที่ผู้เป็นเจ้านายผลักประตูห้องทำงานของตัวเองออกกว้างแล้วจึงเดินเข้าไปภายในห้องนั้น

                เจสสิก้าหันไปมองบานประตูไม้ที่ปิดสนิทลงด้วยสายตาโล่งใจ วันนี้พายุไม่ถล่มตึกเฉินซี ถือว่าเป็นโชคดีของเธอและเหล่าพนักงานกว่าหนึ่งพันชีวิตภายในตึกนี้!

                เจสสิก้าทำงานเป็นเลขานุการให้กับอีกฝ่ายตั้งแต่สมัยที่เขาเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งบริหารต่อจากผู้เป็นบิดาใหม่ๆ ถ้าเทียบกับเชสที่อีกฝ่ายเป็นมือขวา เธอก็คือมือซ้ายที่คอยประสานงานภายในบริษัทในเครือเฉินซีแห่งนี้ให้แก่ผู้เป็นเจ้านาย...อีธาน เฉิน

                พญามังกรแห่งตระกูลเฉิน...

                ทว่ากลับเป็นมังกรที่ไร้หัวใจเพราะการสูญเสียอันยิ่งใหญ่เมื่อห้าปีก่อน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นพลิกชีวิตของอีกฝ่ายให้ดำดิ่งลงไปยิ่งกว่าเดิม ทุกวันนี้เธอเห็นเพียงเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงเท่านั้นที่เข้ามาทำงานที่นี่ การสูญเสียภรรยาและลูกที่อยู่ในครรภ์ด้วยอุบัติเหตุของเขานั้นดังไปทั่วเกาะฮ่องกง ส่งผลให้นับตั้งแต่วันนั้นอีธาน เฉินที่ว่าเย็นชาแล้วทุกวันนี้เทียบกันแล้วจะเห็นว่าเขาในอดีตกลายเป็นคนใจดีไปเลย!

                “เดี๋ยวขอเอกสารของโครงการใหม่ของเราด้วยนะเลขาเกา”

                เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นส่งผลให้เจสสิก้ารีบตอบรับอย่างรวดเร็ว

                “ค่ะ” เลขาสาวใหญ่เอ่ยเสร็จก็รีบจัดการค้นแฟ้มงานชิ้นใหญ่นั้นขึ้นมาเพื่อจัดเตรียมนำเสนอให้แก่ผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว

                'โครงการท่าเรือทวาย' เป็นโครงการที่เฉินซีกำลังให้ความสนใจและเริ่มวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุน ซึ่งท่าเรือนี้อยู่ระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า ที่จะมีแนวโน้มได้เปิดใช้เส้นทางการขนส่งนั้นหลังจากการรวมกลุ่มอาเซียนของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...โครงการที่ทางเฉินซีกำลังให้ความสนใจเพราะต้องการเข้าไปขายระบบการจัดการและเปิดบริษัทขนส่งสินค้าในเครือเฉินซีอีกแห่งที่ประเทศไทย หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในธุรกิจขนส่งสินค้าจนกลายเป็นบริษัทติดอันดับในเอเชียและระดับโลกมาแล้ว

๐๐๐๐๐

                อีธาน เฉินเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงกระจกบานกว้างยาวจรดพื้น เบื้องหน้าคือภาพของฝั่งเกาลูนซึ่งถูกกั้นกลางด้วยอ่าววิกตอเรีย

                ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทแบรนด์ดังระดับโลกขนาดพอดีตัว ขับเน้นให้รูปร่างของเขาดูสง่างามน่าเกรงขามกำลังยืนเอามือไพล่หลัง ท่ายืนกางขานิดๆ นั้นบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมั่นคงและหนักแน่น ดวงตาคมกริบสีนิลที่มักจะฉายประกายความเย็นชามองทอดตรงไปเบื้องหน้าราวกับไร้จุดมุ่งหมาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางหยักลึกที่มักจะเม้มแน่นไม่ก็คลี่ยิ้มหยันให้กับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ใบหน้าของเขาดูงดงามเหมาะเจาะกันราวกับสวรรค์บรรจงสร้าง รูปลักษณ์ภายนอกบวกกับเงินตราทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาหาเขาเสมอไม่ขาดสายโดยเฉพาะผู้หญิง หากทว่าสำหรับอีธาน เฉินแล้ว...คงไม่มีวันที่เขาจะรักใครได้อีก

                เพราะหัวใจของเขา...ตายจากไปนานแล้ว

                มือที่ไพล่หลังกำเป็นหมัดแน่นเมื่อเผลอคิดถึงอดีต บาดแผลนั้นแม้จะแห้ง หากไม่เคยหายสนิท ทุกค่ำคืนของเขาคือฝันร้ายที่ยากจะทำให้หลับตาลง ไฟแค้นในหัวใจยังรอการชำระสะสางและนับวันก็จะยิ่งโหมกระหน่ำให้เขารู้สึกทุรนทุรายหากไม่ได้ชำระแค้นนั้น

                ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักร เป็นคนไร้หัวใจที่ใครๆ ต่างก็เกรงกลัว เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองว่าเขาเป็นเช่นไร ขอเพียงแค่เขาแก้แค้นได้...ขอแค่แก้แค้น ต่อให้เขาเป็นคนเลวที่ทั้งโลกชิงชังเขาก็ทำได้...หากมันทำให้เขาก้าวขึ้นไปสู่จุดมุ่งหมายของตนเองได้!

                เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้อีธานหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดของตนเอง เขาหันไปทางต้นเสียงก็เห็นว่าร่างของเลขาเกาเดินเข้ามาภายในห้อง เจ้าหล่อนเอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับรายงานเสียงแผ่วเบาว่า

“เอกสารได้แล้วนะคะท่าน”

                “ขอบคุณ”

                ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ขณะที่เลขาฯ เกาก้มศีรษะลงน้อยๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายออกไป

                อีธานเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ฉวยหยิบเอาแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับโครงการท่าเรือทวายขึ้นมาดูพลางทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ปลายนิ้วแข็งแรงกรีดเอกสารที่เขาจำมันได้ขึ้นใจ...และจงใจปล่อยไปให้ใครบางคนได้ไปเมื่อคืนนี้แล้วคลี่ยิ้มเหี้ยมออกมา

                อันที่จริงโครงการนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเท่ากับผู้เป็น 'นายเหนือ' ของไตรแอดเพราะอีกฝ่ายเล็งเส้นทางการขนส่งยาเสพติดมากกว่าจะสนใจในเส้นทางการขนส่งสินค้าจากเฉินซีที่เป็นฉากหน้าขององค์กร

                อีธาน เฉิน...หัวหน้าแก๊งเฉินซี ขณะนี้กำลังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ติดอันดับโลก เขาคือตัวร้ายที่เหล่าตำรวจเริ่มหมายหัวในฐานะราชายาเสพติดซึ่งเป็นฉายาที่เหล่า OCTB ตั้งให้แก่เขา พวกนั้นเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาขนส่งยาเสพติดให้แก่ไตรแอดทว่าก็ทำอะไรเขาไม่ได้เนื่องจากขาดหลักฐาน

                ซึ่งจริงๆ แล้วฉายานี้ควรจะเป็นของ 'เศียรมังกร' อย่าง 'วิลด์เฟรด ชาง' หากแต่อีกฝ่ายกลับซ่อนตัวเองอย่างลึกลับ ถึงขนาดที่เขาเองก็ยังไม่เคยพบหน้า ทว่าด้วยความที่วิลด์เฟรดเป็นหัวหน้า เขาจึงได้แต่ทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายด้วยการเป็นตัวล่อพวก OCTB เพื่อล่อให้พวกนั้นเข้ามุ่งความสนใจมาที่เขา ขณะที่การทำงานส่วนอื่นๆ นั้นกลับเป็นความลับยิ่ง ทำให้พวกตำรวจจนทุกวันนี้ก็ยังไล่ตามจับเขาไม่ได้ก็เพราะอย่างนี้แหละ

                บางครั้งบางคราอีธานก็ยอมรับว่าเขาสนุกกับเกมไล่จับหนูแบบนี้ มันทำให้ชีวิตของเขาไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก แต่อย่างว่าแหละว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ทำแก้เบื่อเท่านั้น เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้คนพวกนั้นเข้ามาล้วงคอเขาได้

                กระทั่งเมื่อราวสามเดือนก่อน...

                ระบบของไตรแอดถูกรุกรานอยู่หลายต่อหลายครั้ง แฮกเกอร์นั่นเข้ามาสอดแนมในระบบที่เขาเป็นคนควบคุม โดยเจาะมาทางบริษัทเฉินซีก่อน ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะพบว่ามันมีจุดเล็กๆ ที่ เชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลของเฉินซีกับไตรแอดเข้าด้วยกัน 'มัน' เป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ได้ถึงสองครั้งสองครา แม้ในยามที่เขากำลังเอาจริง แม้จะไม่ทั้งหมดแต่เขาก็ต้องยอมรับฝีมือว่าอีกฝ่ายคือ 'ของจริง'

                ทว่าครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้...หึ!

                ชายหนุ่มส่งเสียงหยันในลำคอเบาๆ ปิดแฟ้มที่เปิดดูเพียงหน้าแรกลงฉับ โยนส่งๆ ไปบนโต๊ะจนมันไถลไปอยู่กลางโต๊ะแล้วจึงหยุดนิ่ง เมื่อคืนนี้เป็นครั้งที่สามที่ได้ปะทะกัน และเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังประมาทกับ 'ยาพิษ' ที่เขาเคลือบแฝงและจงใจส่งไปให้

                โปรเจกต์ท่าเรือน้ำลึกระหว่างไทย-พม่า...ท่าเรือน้ำลึกทวาย

                'โปรเจกต์ลับเส้นทางใหม่ของการขนส่งยาเสพติดของไตรแอด' นั่นคือแฟ้มข้อมูลลับที่เขาเป็นผู้เก็บดูแล และวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียให้แก่เศียรมังกร เนื่องจากโรงงานผลิตยาเสพติดขององค์กรนั้นฐานอยู่ที่ชายแดนพม่า-ไทย ซึ่งตั้งอยู่ในป่าลึก และหากขยายอำนาจฐานการขนส่งจากที่นั่นได้ โอกาสที่ไตรแอดจะเล็ดลอดส่งยา อาวุธ และของเถื่อนอย่างอื่นออกขายก็จะทำได้ง่ายเช่นเดียวกัน...

                และนั่น...เป็นข้อมูลลับที่เขาแกล้งปล่อย เพื่อเป็นเหยื่อล่อตามหาตัวแฮกเกอร์ปริศนาที่กล้าเข้ามาล้วงคองูเห่าคนนั้น และเขาจะต้องได้ตัวมันมาให้ได้!

                “ทำไมนั่งยิ้มน่ากลัวอย่างนั้นล่ะครับ"

                เชสที่ตามเข้ามาทีหลังเอ่ยทักผู้เป็นเจ้านายขึ้น หลังจากที่อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งราวกับไม่รู้ตัวว่าเขาได้ก้าวเข้ามาในห้องนี้

                อีธานปรายตามองมือขวาคนสนิทของตนเอง ก่อนจะกระตุกยิ้มเหี้ยมออกมาอีกครั้ง ความลิงโลดที่จะได้ทำตามแผนการที่เคยวางเอาไว้อย่างยาวนานส่งผลให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นจนยากที่จะระงับ

                แฮกเกอร์คนนั้น...คือกุญแจสำคัญที่เขาจะต้องตามจับมาให้ได้...

                “เราคงต้องเดินทางแล้วล่ะเชส...” นอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้ว อีธานกลับพูดไปคนละเรื่องเสียอย่างนั้น และเชสก็ไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากเขาตามทันเจ้านายที่มักจะคิดอะไรอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นักอยู่แล้ว

                “คราวนี้ไปที่ไหนครับ” มือขวาหนุ่มถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วทรุดลงนั่งตรงข้ามผู้เป็นเจ้านายเอาแต่ยิ้มกริ่ม ประกายตาคมกริบคู่นั้นมีแววเต้นระริกด้วยความตื่นเต้น มีชีวิตชีวา ที่น้อยครั้งที่เขาจะได้เห็นเช่นนี้

                “ประเทศไทยน่ะ...”

                คำตอบนั้นทำให้เชสได้แต่เอียงคอน้อยๆ มองอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่กลับไม่มีคำตอบใดๆ หลุดออกมาจากปากของอีธานเลยแม้แต่น้อย...

                มือขวาหนุ่มถอนหายใจยาว...เอาเถอะ เดี๋ยวสักพักเขาก็จะรู้เรื่องนี้เองนั่นแหละ!








To be Continuous......





 แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/





ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 9.6.61]
«ตอบ #13 เมื่อ10-06-2018 00:06:35 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 9.6.61]
«ตอบ #14 เมื่อ10-06-2018 02:51:15 »

 :hao3: เนื้อเรื่องน่าสนุก เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ :L1:

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 12.6.61]
«ตอบ #15 เมื่อ12-06-2018 09:08:16 »





ตอนที่ 4

ภารกิจใหม่
[/b]

 

ณ ห้องประชุมลับชั้นใต้ดิน

 

                เสียงประตูที่เปิดขึ้นแล้วเรียกความสนใจของคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านั้นให้หันไปยังต้นเสียง ก็เห็นว่าเป็นพันธิตที่เดินเข้ามาด้วยอาการเร่งร้อนเนื่องจากว่าเขามาสายกว่าเวลานัดไว้ราวๆ ห้านาทีเห็นจะได้ ดวงตาแจ่มใสผิดกับใบหน้าคร้ามแดดและมีร่องรอยเหี่ยวย่นตามวัยและเวลากวาดมองผู้ร่วมประชุม ก่อนจะหยุดที่เหมันต์ขณะที่ไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งหัวโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ซึ่งเป็นตำแหน่งของหัวหน้าภาคสนามในเวลานี้ และเป็นรองแค่เพียงเขาเท่านั้นในเวลานี้

                “มากันครบนะ"

                พันธิตเอ่ยถาม เพราะว่าในการประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เหมันต์ ม่านเมฆ และเซลีนอีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้ฐานลับใต้ดินได้มีคนขององค์กรอีกราวๆ สิบคนกำลังนั่งประจำโต๊ะประชุมจนครบทุกตัว ทุกคนในองค์กรล้วนแล้วแต่เป็นสายลับและนักฆ่าฝีมือดีที่แฝงตัวไปทำภารกิจต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย หากแต่มีเพียงสามคนนี้เท่านั้นที่อยู่ประจำในบ้านหลังนี้ เนื่องจากใช้เป็นฉากหน้าเปิดบริษัทแอลออร์แกไนเซอร์และที่พักอาศัย ขณะที่คนอื่นๆ นั้นแฝงตัวเองกับอาชีพต่างๆ ส่งผลให้องค์กรของเขามีสายข่าวกว้างขวางเพราะเหตุนี้

                และต้องมีเพียงงานสำคัญเท่านั้น ที่พันธิตหัวหน้าองค์กรจะเรียกบุคคลสำคัญเหล่านี้ให้เข้ามาประชุมพร้อมกันได้!

                “ดีใจที่ได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง" พันธิตเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน "นานแล้วที่พวกเราต่างแยกย้ายกันไปทำงานไม่ได้รวมตัวกันอย่างนี้"

                “ไอ้ดีใจมันก็ดีใจอยู่นะครับหัวหน้า...” ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาจนอาจจะเรียกได้ว่างดงามที่นั่งอยู่สุดปลายโต๊ะทางด้านขวามือของพันธิตเอ่ยขึ้น เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรที่เป็นสายลับอยู่ในแวดวงบันเทิง คอยส่งข่าวเกี่ยวกับเคสของการขายบริการทางเพศเป็นหลัก ชายหนุ่มส่งยิ้มงดงามที่แม้แต่เหมันตร์ที่เป็นคนหล่อชนิดหาตัวจับได้ยากยังดูไม่มีเสน่ห์เท่าให้แก่พันธิต “แต่เมื่อไหร่ที่หัวหน้าเรียกพวกเรารวมกันครบแบบนี้ ไม่ใช่งานใหญ่มากๆ ก็เป็นเรื่องไม่ดีสุดๆ "

                คำพูดของเขาเรียกรอยยิ้มจากหลายๆ คนบนโต๊ะได้ กระทั่งพันธิตเองก็ยังอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้

                “ไคลน์พูดถูก ผมมีเรื่องใหญ่ให้พวกเราช่วยกันทำจริงๆ นั่นแหละ" หัวหน้าองค์กรยอมรับออกมาในที่สุด “ซึ่ง...งานนี้ใหญ่มากจริงๆ เพราะพวก OCTB ได้ทำเรื่องขอร้องมายังรัฐบาลในการช่วยจับกุมและไล่ล่าผู้ชายคนนี้...”

                พูดจบพันธิตก็พยักหน้าให้กับม่านเมฆ ชายหนุ่มจึงเดินออกมายืนต่อหน้าทุกคนแทนที่พันธิตที่ล่าถอยออกไป ม่านเมฆกดรีโมทเล็กๆ ในมือ ขณะที่จอโปรเจกเตอร์ก็เลื่อนลงมา เขาหันไปทางทุกๆ คนที่จ้องมองจอโปรเจกต์เตอร์ที่กำลังฉายภาพของผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดแบล็คไทกำลังทำท่าคล้ายกับเดินด้วยมาดของสุภาพบุรุษชั้นสูง ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาครึ่งหนึ่งถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดยี่ห้อหรู ลักษณะและท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความองอาจและหยิ่งทะนง และสิ่งที่ทุกคนในห้องต่างสัมผัสได้ก็คือความอันตรายที่แผ่ออกมาจากผู้ชายในรูป เพราะหาไม่คงไม่ได้รับเชิญมาเป็นหัวข้อการประชุมอันสำคัญขององค์กรในวันนี้ได้

                “ผู้ชายคนนี้คืออีธาน เฉิน...ทุกคนอาจจะพอคุ้นชื่อเขาบ้างในฉายาราชายาเสพติดน่ะนะ” ม่านเมฆเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนนั่งเงียบแล้วเพ่งพินิจมองผู้ชายในจอโปรเจกเตอร์

                “แม่เจ้าโว้ย...นี่มันมาเฟียหน้าหยกชัดๆ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับเซลีนเอ่ยขึ้น ใบหน้าของเขาเห็นไม่ชัดเพราะรกครึ้มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ทว่าเส้มผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีอำพันก็ทำให้รู้ว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนไทยแท้ๆ แต่นั่นแหละสำหรับองค์กรนี้ นอกจากพันธิตแล้ว คนอื่นๆ ม่านเมฆล้วนแล้วแต่ไม่รู้จักชื่อจริงหรือตัวจริงของพวกเขามาก่อน แม้ว่าในปัจจุบันเขาจะอยู่ในตำแหน่งของหนึ่งในทีมวางแผนก็ตาม หากการติดต่อก็ยังคงใช้โค้ดลับและรหัสมากกว่าอยู่ดี อ้อ...จะมีเว้นอยู่เพียงคนเดียวเห็นจะเป็น 'ไคลน์' สายลับหนุ่มหล่อคนนี้คือเพื่อนสนิทที่สุดของเขาเอง...

                ม่านเมฆปรายตามองคนที่อุทานออกมาด้วยรอยยิ้มบางเบาที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากสีระเรื่อ ขณะที่คนอื่นๆ ในห้องต่างหลุดหัวเราะขำออกมาอย่างอดไม่อยู่

                “นั่นสิ หล่อขนาดนี้ไม่น่าเป็นคนเลวเล้ย...” เซลีนถึงกับพึมพำออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาวด้วยความเสียดาย

                “เอาล่ะ เมฆมีรูปอื่นของอีธาน เฉินอีกไหม ผมอยากให้ทุกคนดูแล้วจำหน้าหมอนี่ให้ได้ หน้าหล่อๆ อย่างนี้แหละคือตัวร้ายที่ทำให้ทั้งพวกตำรวจสากล พวก OCTB ติดต่อกับทางรัฐบาลของเรา” พันธิตเอ่ยพลางเหลือบมองเซลีนที่ชมคนบนหน้าจอแล้วอมยิ้ม ม่านเมฆพยักหน้ารับ พลางกดเปลี่ยนรูปของอีธาน เฉินที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ของฮ่องกงให้ทุกคนได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆ

                “งั้นผมพูดต่อจากหัวหน้านะ” ม่านเมฆเอ่ยขึ้นเมื่อพันธิตพยักหน้าให้แก่เขา เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มอบหมายงานนี้ให้แก่ม่านเมฆเป็นผู้ดูแลนั่นเอง “อีธาน เฉินเป็นราชายาเสพติดได้เพราะอาศัยการขนส่งจากบริษัทในเครือเฉินซีเป็นฉากหน้า เบื้องหลังนอกจากจะเป็นราชายาเสพติดแล้ว ยังพบว่าเขาพัวพันใกล้ชิดกับพวกไตรแอด โดยเฉพาะเขาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถติดต่อกับเศียรมังกรหรือเทียบได้กับหัวหน้าของพวกไตรแอดได้เลย”

                ม่านเมฆเอ่ยจบก็กวาดตามองทุกๆ คนในห้อง พอเห็นว่าทุกคนตั้งใจฟัง เขาจึงเริ่มร่ายต่อไปว่า

                “ทีนี้ นอกจากเขาจะถูกจับตามองในฐานะราชายาเสพติดแล้ว อีธาน เฉินยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้สาวเข้าไปถึงตัวการใหญ่จริงๆ อย่างเศียรมังกรได้ด้วย พอพวกอินเตอร์โพล[1] กับ OCTB รู้ว่าอีธาน เฉินจะเข้ามาลงทุนในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายและจะเดินทางมาประเทศไทย พวกเขาเลยจะเข้ามาขอดักควบคุมตัวอีธาน เฉินที่นี่แต่ทางรัฐบาลเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องจัดการเรื่องนี้เองมากกว่าจะให้คนอื่นเข้ามาก่อความวุ่นวาย และไม่อยากให้อีธาน เฉินไหวตัวทัน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา หมอนี่ไวเป็นปรอทมาก เลยทำให้หลุดพ้นเงื้อมมือของพวกอินเตอร์โพลกับ OCTB มาได้ทุกครั้ง”

                “แล้วทำไมหมอนี่ต้องมาลงทุนไอ้โครงการท่าเรือนั่นด้วยล่ะเมฆ” ใครคนหนึ่งถามขึ้น

                “ที่อีธาน เฉินมาที่นี่เนื่องจากมีแผนการอื่นด้วย" ม่านเมฆตอบได้ทันทีอย่างมั่นใจ “ผมเพิ่งได้ข้อมูลมาใหม่ เป็นการยืนยันแน่ชัดแล้วว่า อีธาน เฉินจะอาศัยท่าเรือที่นี่เป็นแหล่งซุกซ่อนขนย้ายยาเสพติดเข้าสู่ยุโรปและอเมริกา เนื่องจากฐานผลิตขนาดใหญ่ของหมอนี่อยู่ที่ชายแดนพม่า ติดกับประเทศไทยพอดี ซึ่งจะช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายให้พวกเขาได้อีกเยอะมากๆ" ชายหนุ่มสรุปข้อมูลที่เธอแฮกมาได้ให้แก่ทุกๆ คนฟัง

                ความเงียบคลี่คลุมไปรอบๆ ตัวผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด ความตึงเครียดสัมผัสได้อย่างเลือนรางในบรรยากาศ สีหน้าของทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยร่องรอยการหมกมุ่นในภวังค์ความคิดของตนเอง

                “หมอนี่ต้องเจ๋งมากแน่ๆ ถึงได้หลุดพ้นจากเงื้อมมือพวกบิ๊กๆ อย่างอินเตอร์โพลกับ OCTB มาได้" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา ขณะที่อีกคนก็สอดรับขึ้นมาทันทีเช่นเดียวกัน

                “เอาน่า...มันมาก็ดี พวกเราจะได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองด้วยไง แถมจับมันได้งานเราก็สบายขึ้นด้วย เพราะไอ้หัวหน้าปล่อยยาเสพติดให้มาระบาดแถวชายแดนมันจะได้ลดลงไปตั้งหนึ่งคน"

                “ใช่แล้วล่ะ...” พันธิตรับคำตามที่ได้ยิน ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า "นี่เป็นภารกิจสำคัญของพวกเรา ผู้ใหญ่เล็งเห็นแล้วว่าเรามีศักภาพที่ดีพอที่จะจัดการเรื่องนี้ถึงได้เลือกให้เราเป็นคนจับมัน แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซงเอาได้ ฉะนั้นที่ผมเรียกทุกคนมาในวันนี้เพราะนอกจากจะให้รับทราบเรื่องนี้แล้ว คงต้องขอความร่วมมือจากทุกคนเมื่อมีการร้องขอออกไป" พันธิตเอ่ยสรุปออกมา "ยังไงวันนี้ผมก็ขอจบการประชุมของเราเอาไว้เท่านี้ก่อน แต่จำเอาไว้ว่าผมอยากให้ทุกคนตื่นตัวอยู่เสมอเพราะภารกิจใหญ่ของเรากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว"

                พันธิตกวาดตามองทุกดวงหน้าที่จ้องมองตรงมายังตนเองด้วยสายตาแน่วนิ่ง เด็กๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิที่เขาคัดและฝึกฝนมาด้วยตนเองทั้งสิ้น ความสามารถของทุกคนไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพียงแต่ว่าเด็กๆ พวกนี้ไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งแต่เด็กอย่างเหมันต์ ม่านเมฆ และเซลีนก็เพียงแค่นั้น ความสนิทสนมจึงไม่ได้มีมากเท่าทั้งสามคนที่ต้องยอมรับว่าแม้จะอยู่ในแวดวงหัวกะทิ พวกเขาทั้งสามก็โดดเด่นมากกว่าใครอยู่ดี

                “แล้วผมจะติดต่อกลับไปเมื่อถึงเวลา...”

                พันธิตเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ทุกคนก็ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าโดยไม่คัดค้านและซักอะไรเพิ่มเติมแม้จะยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด ทว่าก็ถือว่าภารกิจนี้น่าจะใหญ่พอสมควรเนื่องจากดูได้จากการรวมตัวกันของสมาชิกในองค์กรกันครบ เพราะหากเป็นงานเล็กๆ พันธิตคงจะใช้บริการจากทั้งสามคนที่อยู่ประจำที่บริษัทเป็นหลัก มากกว่าจะดึงพวกเขาที่แฝงตัวไปกับองค์กรต่างๆ ให้มารับรู้ภารกิจนี้

                ม่านเมฆกวาดตามองคนส่วนใหญ่ที่เริ่มลุกยืนนับตั้งแต่เลิกประชุม คนอื่นๆ เริ่มทะยอยลุกขึ้นเมื่อได้รับทราบภารกิจที่สำคัญเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบางคนก็ยังไม่ออกไปจากฐานบัญชาการลับใต้ดินแห่งนี้แต่เลือกจะเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมองค์กรของตนเองแทน มีเพียงไม่กี่คนที่ติดธุระสำคัญแล้วจึงขอตัวออกไปก่อนซึ่งรวมถึงทั้งสามคนที่อยู่ประจำที่นี่อย่างเหมันต์ ม่านเมฆ และเซลีนที่เดินออกไปจากห้องลับหลังเพราะแรงฉุดกระชากจากเซลีนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงราวกับจะกินหัวใครสักคน

                ซึ่งม่านเมฆแน่ใจ...หัวคนๆ นั้นคงจะเป็นหัวเขาแน่ๆ ไม่ใช่ใครอื่นเลย!

๐๐๐๐๐


[1] อินเตอร์โพล (INTERPOL) มีชื่อเต็มว่า องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Police Organization) หรือเรียกตำรวจสากล เป็นองค์การที่เกิดจากความพยายามร่วมมือกันในทางระหว่างประเทศเกี่ยวกับกิจการตำรวจ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือทุกองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่มีภารกิจในการป้องกันหรือว่าปราบปรามอาชญากรรมระหว่างประเทศ หน้าที่หลักของอินเตอร์โพลคือ การประสานงานเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและป้องกันการก่อการร้าย ขัดขวางและปราบปรามองค์กรอาชญากรรม การลักลอบผลิตและค้ายา การค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ การฟอกเงิน การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก รวมถึงอาชญากรรมทางการเงิน และการทุจริต





To be Continuous......



*มีคนคอมเม้นต์ด้วย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ฮืออออ ดีใจที่มีคนอ่านด้วยยยย*





 แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/




ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 12.6.61]
«ตอบ #16 เมื่อ12-06-2018 09:42:57 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 12.6.61]
«ตอบ #17 เมื่อ12-06-2018 12:53:00 »

ใครนะเป็นเศียรมังกร 
คงไม่ใช่คนไทยนะ........ :z3: :z3: :z3:

คราวนี้อีธานได้เจอเมฆแน่   :mew1: :impress2:
อีธาน ม่านเมฆ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 12.6.61]
«ตอบ #18 เมื่อ12-06-2018 13:12:09 »

เดี๋ยวนะ  :katai1: บอกเราทีว่าไม่ใช่แบดเอนด์  :hao5:

ทำไมบทนำมันแบบ.... ฮือออออ

สารภาพว่าอ่านจบแค่บทนำ ใจเราไม่ค่อยแข็งแรงอ่านแนว

แบบนี้ไม่ค่อยไหว  :sad4:

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 12.6.61]
«ตอบ #19 เมื่อ12-06-2018 13:23:53 »

เดี๋ยวนะ  :katai1: บอกเราทีว่าไม่ใช่แบดเอนด์  :hao5:

ทำไมบทนำมันแบบ.... ฮือออออ

สารภาพว่าอ่านจบแค่บทนำ ใจเราไม่ค่อยแข็งแรงอ่านแนว

แบบนี้ไม่ค่อยไหว  :sad4:



เรื่องนี้จบแบบ Happy Ending ค่ะ  :katai2-1:
แฮปปี้จริงๆ น้า 555555 ตัวเราเป็นสายสุขนิยมค่ะ ไม่เขียน BE แน่นวลลลล 55555555+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 12.6.61]
« ตอบ #19 เมื่อ: 12-06-2018 13:23:53 »





ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 14.6.61]
«ตอบ #20 เมื่อ14-06-2018 09:46:28 »








                “นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะเมฆ"

                เซลีนที่ลากเอาตัวม่านเมฆออกมาจากชั้นใต้ดิน ตรงดิ่งไปยังห้องนอนของเจ้าหล่อนแล้วปิดประตูเสร็จสรรพ โดยมีเหมันต์ตามมาติดๆ ก็เอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดคั้นและอยากรู้

                “ตามที่บอกไปนั่นแหละลีน...” ม่านเมฆใช้ปลายนิ้วชี้ดันแว่นสายตากรอบดำอันโตของตนเองให้กระชับใบหน้าพลางตอบเซลีน "เรามีภารกิจใหม่ สำคัญมาก และมันก็เป็นความลับ"

                “แล้วนายไปรู้ก่อนได้ยังไง!”

                เซลีนเค้าถามเสียงฉุน ขณะที่เหมันต์ยังคงเงียบกริบและสงวนท่าที บางทีม่านเมฆก็อดคิดไม่ได้ว่าที่อีกฝ่ายกำลังโมโหอาจเป็นที่ตรงนี้...ตรงที่เขารู้ก่อนได้ยังไง

                แวบหนึ่งม่านเมฆอดคิดไม่ได้ว่า เซลีนอาจจะไม่ได้โมโหที่เขารู้เรื่องก่อน แต่แค่กำลังโมโหที่พันธิต 'เลือก' ที่จะให้เขารู้ก่อนและรู้คนเดียว!

                “ก็หัวหน้าบอก" หญิงสาวตอบง่ายๆ ไม่รู้สึกไหลไปตามอารมณ์โกรธของเซลีน

                คนเป็นน้องเล็กสุดกลับขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ ดวงตาคู่สวยวาววับไปด้วยแรงอารมณ์โกรธ "อย่ามาพูดเล่นกับฉันนะเมฆ ทำไมหัวหน้าถึงบอกนายคนเดียว ไม่บอกพวกเรา!”

                “เธอก็รู้ดีอยู่แล้วนะลีน...” ม่านเมฆตอบเสียงเรียบเฉย นิ่วหน้าน้อยๆ เพราะเริ่มรู้สึกเจ็บข้อมือเพราะแรงบีบจากอีกฝ่าย "ฉันทำงานส่วนวางแผนและข้อมูล ฉะนั้นฉันจะรู้เรื่องนี้ก่อนเธอหรือพี่เหม หรือใครๆ ทั้งองค์กรก็ไม่แปลก เธอจะมาอิจฉาฉันทำไม" ตอนท้ายแฮกเกอร์หนุ่มถามออกไปตรงๆ และคงจะจี้ใจดำเซลีนพอสมควร เพราะอีกฝ่ายถึงกับถลึงตาดุใส่เขา พลางอ้าปากเตรียมจะตอบโต้เธอกลับอย่างเจ็บแสบ ทว่าเหมันต์ที่ยืนฟังอยู่นานก็แตะบ่าของเซลีน พลางปรามอีกฝ่ายที่เริ่มจะทำอะไรเกินเลยกับม่านเมฆด้วยน้ำเสียงเข้มจัด

                “หยุดซะลีน! อย่าให้ฉันรู้สึกแย่ไปกว่านี้ที่เห็นเธอก้าวร้าวใส่คนที่อายุมากกว่าเธอแบบนี้"

                เซลีนปล่อยมือจากข้อมือของม่านเมฆด้วยกริยาสะบัดออก ก่อนจะส่งเสียงหึในลำคอแล้วสะบัดหน้านีไปอีกทาง เป็นการยอมอ่อนข้อให้ เพราะเพิ่งได้สติว่าตนเองแสดงกริยาก้าวร้าวออกไปจริงๆ

                “นี่หรือเปล่าเมฆ ที่ทำให้คราวที่แล้วนายเกือบเข้ามาร่วมภารกิจไม่ทัน" เหมันต์ถาม

                “ใช่" ม่านเมฆพยักหน้ารับ "ตอนแรกกะว่าจะเข้าไปดูอะไรเล่นๆ แต่พอดีเจอข้อมูลสำคัญเลยติดพันไปหน่อย แล้วตอนแรกก็ไม่สามารถบอกได้ด้วย...” เสียงตอนท้ายของม่านเมฆแผ่วลงเรื่อยๆ เพราะรู้ดีว่าวันนั้นตนเองผิดเต็มๆ

                เหมันต์ได้แต่ส่ายหน้า บางครั้งบางคราม่านเมฆที่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูงก็เหมือนกับเด็กๆ พอได้อยู่กับของที่ชอบแล้วก็เป็นอันลืมวันลืมคืน ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นข้อเสียข้อเดียวของชายหนุ่มที่แทบจะกลายเป็นคอมพิวเตอร์ไปแล้วอย่างม่านเมฆ

                “เอาล่ะๆ เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ กลับมาเรื่องงานดีกว่า" เหมันต์ไกล่เกลี่ยในฐานะพี่ใหญ่ของบ้าน "แล้วอย่างนี้แสดงว่านายอีธาน เฉินอะไรนี่จะมาเมืองไทยใช่ไหม" พอม่านเมฆพยักหน้ารับหงึกๆ เขาก็พูดต่อไป โดยมีเซลีนที่เริ่มหันมาสนใจฟังด้วยกัน "แล้วทำไมงานนี้ถึงได้มาถึงมือพวกเราได้ ทั้งๆ ที่ทั้งอินเตอร์โพลกับ OCTB ก็คนพร้อมกว่าเรา ศักภาพสูงกว่าเรา ถ้าพวกนั้นยังตามไม่ได้ ทำไมหัวหน้าถึงคิดว่าเราจะตามได้" เหมันต์เอ่ยอย่างสงสัย องค์กรของเขาเป็นองค์กรลับเล็กๆ สมาชิกมีไม่กี่สิบคน ทว่าเน้นประสิทธิภาพไม่เน้นปริมาณ การทำงานไม่เคยพลาดก็จริง ทว่าคราวนี้เคสของอีธาน เฉินซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นอาชญากรของหลายประเทศและเป็นตัวร้ายระดับต้นๆ ที่ตำรวจทั่วเอเชียหมายหัวอย่างนี้ถือเป็นงานใหญ่ อาจจะเรียกได้ว่าใหญ่เกินตัวด้วยซ้ำไป

                “พี่เหมนี่เซ้นส์ดีเหมือนกันนะถึงรู้ว่าหัวหน้าโกหก" ม่านเมฆยอมรับตามตรง ขณะที่เซลีนถึงกับถลึงตาใส่สองคนนี้ เพราะถึงอย่างไรพันธิตก็เป็นบิดาของเธอ ทว่าม่านเมฆไม่สนใจ เขาประสานสายตากับเหมันต์นิ่ง ในยามพูดต่อไปว่า "เมฆก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าหัวหน้าไปทำยังไงถึงได้คดีอีธาน เฉินมาได้ แต่ดูเหมือนว่าที่หัวหน้าอยากได้ตัวอีธาน เฉินเพราะคนที่ได้ตำแหน่ง 'เศียรมังกร' มากกว่าน่ะ"



               “ยังไง?” เซลีนถามอย่างสงสัย

                “เอางี้ เมฆจะอธิบายให้ฟัง ไตรแอดหรือพวกมาเฟียเนี่ยมีตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ ที่น้อยคนนักจะรู้จักหน้าค่าตาคนในตำแหน่งนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าเศียรมังกร และไอ้หมอนี่แหละ คือตัวการที่แท้จริงของขบวนการค้ายาที่มีอีธาน เฉินเป็นฉากหน้า เป็นมือขวาให้เศียรมังกร เพราะว่าพวกไตรแอดก่อตั้งด้วยสามแก๊งใหญ่ในสมัยก่อน ก่อนจะรวมกันเป็นเครือข่ายเดียว โดยมีพวกตระกูลเฉิน ตระกูลชาง และตระกูลเสิ่นก่อตั้งด้วยกัน แต่ปัจจุบันทายาทตระกูลเสิ่นเสียชีวิตไปแล้วและคนของตระกูลเสิ่นแทบจะกลายเป็นตระกูลเฉิน มีเพียงตระกูลชางที่ตั้งแต่สมัยก่อตั้งไตรแอดใหม่ๆ มีอำนาจพอๆ กัน จึงคานอำนาจข้างในกันมาเองตลอด แต่ที่ตระกูลชางได้ขึ้นมาเป็นผู้นำเพราะตระกูลเฉินไม่อยากรับภาระทั้งหมดมากกว่า"

                เซลีนขมวดคิ้วมุ่น อดมองคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้ "ทำไมนายรู้เรื่องพวกนี้น่ะเมฆ"

                “ก็หาข้อมูลเอาสิ" ชายหนุ่มตอบ เรื่องข้อมูลพวกนี้กว่าจะหามาได้ กว่าจะมองจุดเชื่อมโยงของคนพวกนี้ออกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขาไปได้

                “ต่อนะ...” ม่านเมฆเอ่ยสั้นๆ "ทีนี้ มาเข้าเรื่องอีธาน เฉิน เขาเป็นทายาทตระกูลเฉิน เป็นหัวหน้าแก๊งเฉินซีโดยมีฉากหน้าคือธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งเป็นส่วนของตระกูลเฉิน และเป็นแหล่งฟอกเงินของไตรแอดทั้งหมด แล้วตอนนี้อีธาน เฉินก็เป็นมือขวาของเศียรมังกรด้วย ว่ากันว่ามีเฉพาะมือขวาเท่านั้นที่จะรู้ว่าเศียรมังกรคือใครและจะติดต่อได้ยังไง"

                “แล้วไอ้เครือข่ายไตรแอดนี่มันยิ่งใหญ่มากหรือยังไง ไอ้หัวหน้าถึงได้ทำท่าลึกลับเสียขนาดนี้"

                “ใหญ่ไม่ใหญ่ เครือข่ายของพวกไตรแอดก็มีเส้นสายครอบคลุมทั่วเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เซี่ยงไฮ้ ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะมีฐานอำนาจที่อเมริกาและล่าสุด พวกนี้ก็เริ่มลงทุนที่ยุโรปแล้วด้วย"

                “มิน่า พวกอินเตอร์โพลเลยตามตูดซะขนาดนี้"

                เซลีนพึมพำออกมาเมื่อเริ่มเข้าใจถึงความอันตรายของไตรแอดและความสำคัญของอีธาน เฉินว่าทำไมคนหลายกลุ่มถึงต้องตามจับตัวเขาให้ได้

                เพราะตอนนี้...เขาคือคนๆ เดียวที่จะเป็นกุญแจเพื่อไขความลับในการโค่นล้มเครือข่ายไตรแอดทั้งหมดลงให้ได้!

                “ยิ่งฟังอย่างนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าอีธาน เฉินเป็นภารกิจที่เกินความสามารถขององค์กรเรานะ" เหมันต์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งนั่นทำให้ม่านเมฆอดที่จะพยักหน้ารับไม่ได้ เพราะเขาเองก็สงสัยเช่นเดียวกันว่า 'หัวหน้า' ยื่นมือเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ทำไม ทั้งๆ ที่มีหลายองค์กรที่มีศักยภาพในการไล่ล่าอีธาน เฉินได้ แต่หัวหน้ากลับเข้าไปเสนอตัวกับผู้ใหญ่เองว่าจะขอจัดการรวบตัวอีธาน เฉินส่งให้ทางผู้ใหญ่เป็นการสร้างผลงาน และเพราะพูดถึงความฝันเฟื่องที่ว่าคนไทยจะรวบจับตัวราชายาเสพติดระดับโลกได้ ทำให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลอนุมัติคำขอของหัวหน้าในที่สุด และเรื่องของหัวหน้าก็ถือว่าเป็นปริศนาที่เขายังไขไม่ออกว่าหัวหน้าคือใครกันแน่จึงมีความสามารถในการเข้าถึงผู้ใหญ่ได้เช่นนั้น และเพราะหัวหน้าเป็นหัวหน้า เขาถึงไม่ยอมใช้ความสามารถที่มีอยู่ในการค้นหาคำตอบนั้นเอง ทั้งๆ ที่เขาก็มั่นใจพอว่าตัวเองจะทำได้ เพราะขนาดที่ลับที่สุดอย่างเรื่องของอีธาน เฉิน เขายังสามารถหาได้เลย ทว่าเขาไม่ทำ...เพราะเขาเคารพในตัวของหัวหน้า และเชื่อว่าสักวันเวลาที่เขาจะได้รู้ก็จะมาถึงเอง

                “นั่นคือสิ่งที่ผมก็อยากรู้เหมือนกันพี่เหม...ว่าทำไมหัวหน้าถึงลงเล่นเกมชิงตัวราชายาเสพติดกับเขาด้วยคน”

                ม่านเมฆเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่อีกสองคนได้แต่มองหน้าเขาด้วยสายตาครุ่นคิด

                นั่นสิ...การกระทำของพันธิตในครั้งนี้ถือว่าผิดแผกไปจากที่เคยจริงๆ ...












To be Continuous......



*มีคนคอมเม้นต์ด้วย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ฮืออออ ดีใจที่มีคนอ่านด้วยยยย*





 แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/


ออฟไลน์ Kirana9165

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 14.6.61]
«ตอบ #21 เมื่อ14-06-2018 14:08:53 »

จั่วหัวไว้ ตอนต้น พระเอกตาย เราคงถอยล่ะ ใจอ่อนแอ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะ

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 16.8.61]
«ตอบ #22 เมื่อ16-08-2018 20:47:54 »

ตอนที่ 4 : ภารกิจใหม่ [3]





ชั้นใต้ดิน คฤหาสน์ตระกูลเฉิน - ฮ่องกง

 

               “จะไปประเทศไทยอย่างนั้นเหรอ”

               เสียงแหบพร่าที่ดังมาจากลำโพงซึ่งต่อจากคอมพิวเตอร์นั้นฟังดูก็รู้ว่าเป็นเสียงดัดแปลง ทว่าอีธาน เฉินไม่สนใจมากไปกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด

               ตรงหน้าของเขาตอนนี้คือหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มืดสนิท เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ปรารถนาจะเปิดเผยตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร การติดต่อกับเศียรมังกร วิธีการที่ดีที่สุดคือการเข้าออนไลน์ในระบบของเครือข่าย จากนั้นส่งคำร้องขอในช่องทางข้อความส่วนตัว ฝ่ายนั้นจะจัดการนัดแนะวันเวลาเข้ามาเอง

               ทุกวันนี้ถึงเขาจะได้ชื่อว่าเป็นมือขวา ทว่าเอาเข้าจริงมันเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น และต้องยอมรับว่าแม้กระทั่งตัวเขาเอง ในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที่รู้คือเขาเป็นคนของตระกูลชาง อายุคาดว่าน้อยกว่าบิดาที่ตายไปแล้วของเขาราวๆ สี่ห้าปี และมีชื่อว่าวิลด์เฟรด ชาง สิ่งเดียวที่ยืนยันว่าอีกฝ่ายคือ 'ตัวจริง' เห็นจะมีเพียงรหัสลับที่มีเฉพาะพวกชั้นสูงในองค์กรเท่านั้นที่รู้เป็นสิ่งยืนยันตัวตน

               “ครับ...”

               อีธาน เฉินรับคำด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งเฉย เขามองตรงแน่วไปยังกล้อง รู้ดีว่าอีกฝ่ายน่าจะมองเขาด้วยสีหน้าพินิจพิเคราะห์เช่นเดียวกัน

               “คิดจะทำอะไรกันแน่"

               “ผมก็แค่จะไปสำรวจดูเส้นทางขนส่งใหม่" เขาหมายถึงเส้นทางขนส่งยาเสพติดสายใหม่ "แล้วก็ดูเรื่องการลงทุนในโครงการท่าเรืออะไรนั่นด้วย" เขาอธิบาย ซึ่งเป็นโปรเจกต์ลับที่พวกเขาร่วมประชุมกันมาหลายรอบแล้ว และเมื่อโครงการท่าเรือเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา อีธาน เฉินจึงต้องลงไปดูงานด้วยตัวเอง เนื่องจากเขาดูแลส่วนนี้

               มันจึงเป็นเหตุผลสมควรแล้ว ทว่าการไปก่อนกำหนดก็ทำให้เศียรมังกรขอติดต่อเขามา ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรทั้งๆ ที่อีกฝ่ายแต่ไหนแต่ไรมักไม่ค่อยก้าวก่ายการทำงานของเขานัก

               “อืม...” อีกฝ่ายร้องครางเป็นเชิงตอบรับ

               “ว่าแต่คุณมีอะไรสำคัญหรือเปล่า ถึงได้ตามตัวผมออนไลน์ด่วนแบบนี้" อีธาน เฉินถาม

               “ไม่มีหรอก" เศียรมังกรตอบอย่างรวดเร็ว "ฉันก็แค่ห่วงนายเท่านั้น ช่วงนี้พวก OCTB กับพวกอินเตอร์โพลตามกลิ่นนายเหลือเกิน สงสัยเพราะการส่งของลอตล่าสุดหยามน้ำหน้ามันพอดู" อีกฝ่ายหมายถึงการส่งมอบยาเสพติดให้ผู้ซื้อรายใหญ่แถบละตินอเมริกา จำนวนการสั่งคือราวๆ หนึ่งแสนเม็ด ผลงานชิ้นใหญ่ในรอบปีของอีธาน เฉินที่จัดการส่งให้ถึงมือคู่ค้าได้อย่างหวุดหวิด แม้จะโดนทั้งพวกอินเตอร์โพลและ OCTB ตามไล่ล่าเหมือนหมาล่าเนื้อก็ตาม

               “ผมจะระวัง แต่พวกนั้นคงทำอะไรผมไม่ได้หรอก"

               “อย่าประมาท อีธาน"

               “ครับ...ผมจะไม่ประมาท" เขาตอบรับความหวังดีนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

               “ดี...ยังไงขอให้ครั้งนี้โชคดีในการเดินทางแล้วกัน"

               “ครับ"

               พอชายหนุ่มตอบรับ ปลายสายก็ตัดการติดต่อไปทันที อีธานจัดการปิดเครื่อง ออกมาจากห้องกระจกที่กั้นไม่ให้คนที่ทำงานอยู่ในชั้นใต้ดินได้ยินว่าเขาพูดอะไรกับผู้เป็นเศียรมังกร

               “ท่านว่ายังไงครับ"

               เชสที่รู้ดีว่าผู้เป็นเจ้านายนั้นเข้าไปติดต่อกับใครเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนเป็นห่วง

               “เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ฉันจะไปเมืองไทยในอีกสามวันข้างหน้า"

               เขาสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเบี่ยงกายหลบเชสแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์ที่จะพาเขาขึ้นไปสู่ชั้นบนของคฤหาสน์

               ในจังหวะที่ลิฟต์กำลังจะปิดตัวลง ดวงตาคมกริบของอีธานหรี่ลง ริมฝีปากของเขาเกลื่อนด้วยรอยยิ้มบางเบาที่ไม่สังเกตก็ไม่มีใครจับได้

               วันนี้...อีธานดูเหมือนจะอารมณ์ดีมากกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา

               ชายหนุ่มมองตรงไปข้างหน้า จ้องมองเลขลิฟต์ที่เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ในสมองมีแต่เรื่องของแฮกเกอร์คนนั้น...ใช่ เรารู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือใครและควรจะตามหาได้ยังไง!

               Mars...แฮกเกอร์ผู้ที่ทำให้เขาทึ่งและ...เป็นคนที่เขามองหามานานแสนนาน...

               ผู้ที่จะช่วยไขปริศนาทุกอย่างที่คาใจของเขาให้หมดลง!





๐๐๐๐๐





               “นายจะไปเมืองไทยอย่างนั้นเหรออีธาน...”

               'ไซมอน หวัง' เอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงและสีหน้าประหลาดใจ

               เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ไซมอนเป็นศัลยแพทย์มือดีของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของฮ่องกง ซึ่งเป็นกิจการที่บ้านของเขาเอง ชายหนุ่มเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของอีธาน เฉิน ทั้งคู่เจอกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา แม้จะต่างคณะทว่าก็เป็นรูมเมทกันมาก่อนจึงทำให้สนิทสนมกันในที่สุด คุณหมอหนุ่มเป็นเพียงคนเดียวนอกจากเชสที่รู้เรื่องและเข้าใจอารมณ์ทุกอย่างของอีธาน เฉินดีที่สุด

               เพราะเขาคือหนึ่งในคนที่คอยฉุดรั้งสติที่ขาดสะบั้นของเจ้าพ่อหนุ่มให้กลับคืนมา หลังจากเกิดเหตุสะเทือนใจเมื่อห้าปีก่อน แม้เพื่อนสนิทของเขาจะกลับมาเพราะ 'ความแค้น' ตัวเดียวก็ตามที...

               “อืม...” ชายหนุ่มรับคำเบาๆ ยกขาขึ้นพาดกับโต๊ะกระจกตัวเตี้ยข้างหน้า พลางนั่งยิ้มด้วยท่าทีสบายๆ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องวีไอพีของคลับหรูแห่งหนึ่ง พวกเขามักจะนัดเจอกันที่นี่เสมอ เพราะมันปลอดภัยที่จะพูดเรื่องสำคัญๆ ในคราบของการออกมาเที่ยวเสเพลเช่นนี้

               “นายดู...แปลกไปนะอีธาน" คุณหมอไซมอนเอ่ยทักเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย เขาพูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน มันคงเป็นความรู้สึกกระมังที่บอกเขาว่าอีกฝ่ายแปลกไป ไม่มีความแข็งกร้าวดุดันอยู่รอบตัวอีธาน เฉินอีกต่อไป ความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาอย่างยาวนานทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในช่วงรื่นรมย์ มันเป็น...สิ่งที่อธิบายได้ยาก แต่เขาก็รู้สึกดีกว่าที่เห็นอีธานเป็นเช่นนี้ มากกว่าจมจ่อมอยู่กับความสูญและอันน่าหดหู่อย่างที่เป็นมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา       

               “แปลกไป...” มาเฟียหนุ่มทวนคำของเพื่อนสนิทเสียงต่ำ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ดวงตาคมกริบภายใต้แผงขนตาดกหนา ขับให้ดวงตาของเขาเข้มจัดจ้องมองไซม่อนเป็นคำถาม "ยังไง?” ชายหนุ่มถามแล้วก็นิ่งรอคำตอบ

               ไซมอนยักไหล่ “ไม่รู้สิ แค่รู้สึกน่ะ" คุณหมอหนุ่มตอบไปตามตรง ก็บอกแล้วว่าเขาแค่รู้สึก...จะให้อธิบายถูกได้อย่างไรว่าตรงไหนล่ะที่แปลกไป

               อีธานหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ เพื่อนของเขาความรู้สึกไวเสมอ ชายหนุ่มคิดถึงสิ่งที่ตนเองจะกระทำในวันข้างหน้าแล้วเริ่มอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่น้อยครั้งจะเป็นเช่นนี้ ก่อนดวงตาคมกริบจะตวัดมองไปทางมุมมืดของคลับ เมื่อเห็นสัญญาณจากใครบางคน มาเฟียหนุ่มวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะเสียงดังกึกแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ ด้วยท่วงท่าของราชสีห์ ไซม่อนเงยหน้าขึ้นมองคนที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนเป็นคำถาม

               “ไปเข้าห้องน้ำน่ะ" อีธานตอบคำถามที่เห็นได้ชัดเจนจากแววตาของเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินตรงไปทางด้านหลังร้าน ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางไปเข้าห้องน้ำ

               แน่นอนว่าไม่นานหลังจากนั้น เงาร่างตะคุ่มๆ ของใครบางคนที่นั่งอยู่ภายในมุมมืดของคลับ ก็เดินตรงไปยังทางด้านหลังร้านเช่นเดียวกัน...





To be Continuous......



*เรายังไม่ตายนะคะ 5555 ยังมีชีวิตอยู่เด้อออออ ตอนนี้เริ่มกลับมาอัพแล้วค่ะ แล้วก็จะมาบ่อยๆ ด้วย >//<

เรื่องนี้มีข่าวดีด้วยนะคะ ก็คือจะได้ตีพิมพ์รูปเล่มนั่นเอง ถ้าแน่นอนแล้วยังไงจะรีบมาแจ้งทันทีเลย 555

แล้วก็...อะแฮ่มมมม ตอบคำถามเช่นเดิม
คือเรื่องนี้จบแบบแฮปปี้นะคะ สุขนิยมมมม สุขนิยมมมมมแน่นอนนนนนน TwT  :katai3:





*ปล. มีคนคอมเม้นต์ด้วย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ฮืออออ ดีใจที่มีคนอ่านด้วยยยย*





 แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 2 [30.5.61]
«ตอบ #23 เมื่อ17-08-2018 03:15:09 »

พูดเสร็จชายหนุ่มก็เดินตรงไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำเธอก็ชะโงกหน้าออกไปพร้อมกับตะโกนบอกทั้งสองคน

คำนี้น่าจะพิมพ์ผิดไหมคะ ถ้าแทนตัวเมฆต้องเป็นเขานะเราว่า

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* / บทที่ 3/1 [5.6.61]
«ตอบ #24 เมื่อ17-08-2018 03:38:21 »

สารภาพผิด ฮือ ตอนแรกอ่านบทนำแล้วคือคิดว่าพระเอกตายแน่ๆ

เลยเข้ามาจิ้มไว้ก่อนรอใกล้จบค่อยมาอ่าน วันนี้เข้ามาส่องเลย

ลองอ่านดูสองสามตอน แง้ รู้สึกใจมีเกราะป้องกันนิดนึง เพราะ

เห็นผู้แต่งบอกว่าจบแฮปปี้ แต่คาดว่าคงม่าหนักอยู่ใช่ไหมคะ

ฮือ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ ค่ะ  :monkeysad:
---------------------------------

แง้ เพิ่งเลื่อนมาเห็นว่าผู้แต่งตอบด้วย  :กอด1:

เดี๋ยวนะ  :katai1: บอกเราทีว่าไม่ใช่แบดเอนด์  :hao5:

ทำไมบทนำมันแบบ.... ฮือออออ

สารภาพว่าอ่านจบแค่บทนำ ใจเราไม่ค่อยแข็งแรงอ่านแนว

แบบนี้ไม่ค่อยไหว  :sad4:



เรื่องนี้จบแบบ Happy Ending ค่ะ  :katai2-1:
แฮปปี้จริงๆ น้า 555555 ตัวเราเป็นสายสุขนิยมค่ะ ไม่เขียน BE แน่นวลลลล 55555555+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2018 03:55:33 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 14.6.61]
«ตอบ #25 เมื่อ17-08-2018 03:53:30 »

แวบหนึ่งม่านเมฆอดคิดไม่ได้ว่า เซลีนอาจจะไม่ได้โมโหที่เขารู้เรื่องก่อน แต่แค่กำลังโมโหที่พันธิต 'เลือก' ที่จะให้เขารู้ก่อนและรู้คนเดียว!

                “ก็หัวหน้าบอก" หญิงสาวตอบง่ายๆ ไม่รู้สึกไหลไปตามอารมณ์โกรธของเซลีน


อันนี้ด้วยค่ะ น่าจะพิมพ์ผิดเพราะเป็นบทที่เมฆพูดกับลีนแต่ดัน

แทนตัวเมฆว่าหญิงสาวอ่ะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 16.8.61]
«ตอบ #26 เมื่อ17-08-2018 04:01:01 »

รอๆ นะคะ ยังเข้ามาส่องตลอดนะ แม้จะกลัวม่าที่แอบแฝงก็เถอะ (ฮา)

ป.ล. ผู้แต่งลืมแก้หัวกระทู้หรือเปล่าคะ หรือยังไง

คือแบบแอบงงๆ ในการหาตอนอ่ะค่ะ แบบต้องมาไถๆอ่านเนื้อหา

ก่อนว่าใช่ตอนนี้หรือเปล่าที่อ่านถึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2018 04:06:55 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: *ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล* [UP 14.6.61]
«ตอบ #27 เมื่อ17-08-2018 09:26:58 »

แวบหนึ่งม่านเมฆอดคิดไม่ได้ว่า เซลีนอาจจะไม่ได้โมโหที่เขารู้เรื่องก่อน แต่แค่กำลังโมโหที่พันธิต 'เลือก' ที่จะให้เขารู้ก่อนและรู้คนเดียว!
                “ก็หัวหน้าบอก" หญิงสาวตอบง่ายๆ ไม่รู้สึกไหลไปตามอารมณ์โกรธของเซลีน

อันนี้ด้วยค่ะ น่าจะพิมพ์ผิดเพราะเป็นบทที่เมฆพูดกับลีนแต่ดัน
แทนตัวเมฆว่าหญิงสาวอ่ะ

ตอนนี้ด้วย
ในสมองมีแต่เรื่องของแฮกเกอร์คนนั้น...ใช่ เรารู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือใครและควรจะตามหาได้ยังไง!
ต้องเป็น เขา หรือเปล่า

มาต่อไวๆนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Eigen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0



“นายจะไปเมืองไทย"



            เสียงห้าวๆ ของคนที่เดินตามมาทันเอ่ยขึ้นแผ่วเบา พวกเขาต่างยืนหันหลังให้กัน ทำทีเหมือนแค่บังเอิญออกมายืนรับอากาศ ไม่ก็สูบบุหรี่ที่ด้านหลังร้านเท่านั้นมากกว่าจะเป็นคนรู้จักกัน



            “รู้สึกการข่าวจะไวขึ้นนะ" อีธานตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาสีดำสนิทของเขาเป็นประกายพร่างพราว



            คนการข่าวไวหน้าตึง "ตอบคำถามของฉันมา"



            “นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่" อีธานตอบยอกย้อน พลางตวัดตามอง 'อดีตเพื่อน' ที่เลิกคบกันไปหลังจากที่เขาเลือกจะหันหน้าเข้าสู่โลกมืด ขณะที่อีกฝ่ายก็เดินเข้าสู่โลกสว่าง



            สีขาวและสีดำย่อมอยู่ตรงกันข้ามกัน...ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเขาและอีกฝ่ายจึงจบลงตามไปด้วย ทว่าเขาก็เพิ่งเริ่มกลับมาติดต่อกับอีกฝ่ายใหม่หลังจากการตายของพอลลีนนั่นแหละ...



            ต่อให้ต้องร่วมมือกับศัตรูเพียงเพื่อลากคอไอ้สัตว์นรกที่ฆ่าเมียกับลูกของเขาได้ เขาสาบานแล้วว่าต่อให้ต้องทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามมากแค่ไหนเขาก็จะทำมัน!



            “เส้นทางขนส่งใหม่ที่นายเคยบอกคร่าวๆ เมื่อคราวที่แล้ว ฉันต้องการรู้รายละเอียดทั้งหมด"



            “ถ้าทำอย่างนั้น...” อีธานเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เจือแววหัวเราะหยันให้คนฟังรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเพราะสัมผัสได้ถึงการดูถูกจากอีกฝ่ายได้ "...พวกนายคงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะมั้ง ไม่ล่ะ" เขาปฏิเสธ "เดี๋ยวพวกนายจะไม่มีงานทำ ฉันจะเป็นบาปเปล่าๆ "



            “อีธาน เฉิน!”



            อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาเสียงหนัก ติดจะฉุนเฉียวเพราะเขาไม่ยอมบอกอะไร



            “อย่าใจร้อนสิ ของอย่างนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป"



            “แล้วรอให้นายขยายฐานการขนส่งยาเสพติดได้อีกน่ะเหรอ รู้หรือเปล่า วีรกรรมครั้งที่แล้วของนายทำให้นายกำลังถูกพวกอินเตอร์โพลหมายหัวด้วย"



            “ฉันนึกว่าอินเตอร์โพลหมายหัวฉันมานานแล้วเสียอีก" มาเฟียหนุ่มตอบ



            คนฟังถอนหายใจยาวเหยียดอย่างเบื่อหน่าย ใครกันน่ะ...ที่มันเคยพูดว่าอีธาน เฉินเย็นชาไร้หัวใจ และแทบจะเป็นใบ้เพราะไม่ชอบพูดมาก เขาล่ะอยากจับมันมาเจอไอ้หมอนี่ตอนนี้เลย



            โยกโย้จนน่ารำคาญฉิบหาย!



            “นายก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน ทำไมนายไม่ให้ข้อมูลทางเรามากกว่านี้ แล้วเราสัญญาว่าจะกันตัวนายไว้เป็นพยาน"



            “ไม่ล่ะ" อีกครั้งที่อีธานปฏิเสธ "ไม่อยากให้พวกนายลำบากน่ะ อีกอย่าง ฉันกลัวพวกนายจะเลี้ยงฉันไม่ดี"



            “อีธาน...”



            “เอาน่า” เขาเอ่ยเสียงหยัน แล้วยกมือขึ้นตบบ่าอีกฝ่ายหนักๆ “นายก็อย่าคิดมาก พวกเราต่างทำหน้าที่ของเราไป"



            “นายคิดจะทำอะไรกันแน่"



            อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างทนไม่ไหว เมื่อเจอกับความไม่กระตือรือล้นของอีธาน เฉินที่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับข้อเสนออะไรสักทาง



            “สร้างและทำลายอะไรสักอย่างละมั้ง" อีธานตอบกว้างๆ และนั่นทำให้คนฟังไม่พอใจ ทว่าก็รู้ดีว่าคงจะทำอะไรไม่ได้แล้วจึงได้แต่เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี



            “นายต้องระวังตัว ตอนนี้มีคำสั่งมาแล้วว่าให้จับตัวนาย แล้วยิ่งนายออกนอกพื้นที่ การรักษาความปลอดภัยจะด้อยลง ตอนนั้นทั้งพวกอินเตอร์โพล OCTB และอีกหลายๆ กลุ่มเหมือนจะตกลงกันลับๆ แล้วว่าจะหมายหัวนาย"



            “ดีสิ...” มาเฟียหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ “พวกอินเตอร์โพลกับ OCTB จะได้มีงานทำบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ขี้เกียจหรือไม่ก็ไปทำแต่คดีขี้หมูราขี้หมาแห้ง”



            “อีธาน เฉิน!”



            “เอาน่า...” มาเฟียหนุ่มทำเสียงอลุ่มอล่วย “ไม่ดีใจหรือไงที่พวกนายจะไม่ต้องว่างงาน” พูดจบชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นสูง



            อีกฝ่ายถอนหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด พลางตอบโต้ด้วยน้ำเสียงดุดันว่า



            “ฉันจะมีเวลาว่างแน่ ถ้านายเลิกสร้างปัญหาเสียทีน่ะ!”





 

ตอนที่ 5

หลุดมือ

 

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

 

            อีธาน เฉินเดินออกมาจากสนามบินด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มน้อยๆ เป็นรอยยิ้มหยัน ปรายตามองรอบตัวช้าๆ ราวกับกำลังจับสังเกตรอบตัวก็พบว่ามีหลายต่อหลายคนที่เขาพอจะจับได้ว่าส่อพิรุธ รู้ทันทีว่านั่นเป็นสายของพวกตำรวจนั่นแหละ คงจะได้ข่าวการมาของเขาที่จงใจปล่อยแล้วถึงได้แห่กันมาอย่างนี้น่ะสิ!



            เอาล่ะ...ได้เวลาล่อเหยื่อของเขาแล้ว



            มาเฟียหนุ่มคิดในใจ ขณะที่เดินตรงไปยังกลุ่มคนที่ถือป้ายชื่อของเขาเอาไว้ บ่งบอกชัดว่าพวกนั้นคือตัวแทนของบริษัทในเครือกิจการด้านโลจิสติกส์ของตนเอง



            “มิสเตอร์เฉินเชิญทางนี้เลยค่ะ”



            ล่ามสาวเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม อีธานพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินตามเจ้าหล่อนไป โดยมีคนของเขาเดินตามหลังอยู่สองสามคน



            การมาครั้งนี้เขาไม่ได้พาเชสมาด้วย ทว่าแผนการทุกอย่างของเขาได้วางไว้แล้วเรียบร้อย เหลือเพียงเขาลงมาเล่นและขับเคลื่อนมันไป...ก็แค่นั้น



            เอาล่ะ...ทีนี้ต้องมารอดูกันว่า ‘ใคร’ จะเข้าถึงตัวเขาได้ก่อนกัน!



            OCTB ตำรวจไทย อินเตอร์โพล หรือ…ผู้ชายคนนั้น!





๐๐๐๐๐





            “อีธาน เฉินมาเมืองไทยแล้ว”



            ไคลน์พูดกับม่านเมฆหลังจากที่ได้รับรายงานจากลูกน้องของเขาอีกทอดหนึ่งและที่ทำให้หงุดหงิดไม่หายก็คือมาเฟียหนุ่มคนนี้ดูจะเนื้อหอมเหลือเกิน เพราะตั้งแต่ได้ข่าวว่าหมอนี่จะมาเมืองไทย พวกตำรวจสากล ตำรวจฮ่องกงและไหนจะตำรวจไทยเองขยับตัวกันคึกคักหมายจะทำผลงานของตัวเองกันให้ได้ แต่มันดันเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของพวกเขาน่ะสิ!



โว้ย! หงุดหงิดชะมัด!



            “เฝ้าดูต่อไปนะลีน การจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาทำให้เราวางแผนต่อไปได้”



            “อืม”



            ไคลน์รับคำช้าๆ ก่อนจะวางสายแล้วหันไปสนใจทำงานของเขาต่อไป



            ตอนนี้สายลับสาวเข้ามาแทรกซึมอยู่บริษัทลูกในเครือเฉินซีคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของอีธาน เฉินเพื่อดูกำหนดการคร่าวๆ ของเขาว่ามาเฟียหนุ่มคนนั้นไปที่ใดบ้าง และข่าวจะตรงกับสายคนอื่นที่ได้วางเอาไว้หรือไม่ ส่วนตอนนี้สิ่งที่รู้คือนายอาชญากรคนนี้จะอยู่ที่นี่เพียงสามวัน แล้วหลังจากนั้นเขาจะไปที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อไปตรวจดูพื้นที่แถวทวายด้วยตาของตัวเอง เป็นการประเมินความเป็นไปในโครงการท่าเรือทวายนั่นเอง และจากสายรายงาน อาจจะมีการไปตรวจโรงงานยาเสพติดของมันที่อยู่แถวชายแดนพม่าอีกด้วย



            เอาล่ะ...ต้องมารอดูกันว่าแผนมันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า!





๐๐๐๐๐







            “อีธาน เฉินมาถึงแล้วนะ” ม่านเมฆรายงานให้กับเหมันต์และเซลีนหลังได้รับทราบหลังจากที่วางสายจากไคลน์เมื่อสักครู่นี้



            “แล้วเราต้องทำอะไรต่อ” เซลีนเอ่ยถามตามประสาคนใจร้อน



            “รอ” ม่านเมฆตอบสั้นๆ และเมื่อเซลีนตวัดตาดุๆ มองเป็นคำถามชายหนุ่มจึงยอมขยายต่อไปว่า “เราต้องรอนะลีน ให้ไคลน์คอนเฟิร์มมาก่อนว่าแผนการเดินทางของอีธาน เฉินที่เราได้มาไม่ผิดพลาด ถึงเตรียมลงมือได้”



            “เออๆ ก็ได้ๆ” เซลีนย้ำอย่างหงุดหงิด “รอก็รอ”



            ไม่รู้จะให้รอถึงเมื่อไหร่ ถ้ามัวแต่ยึกยัก เดี๋ยวไอ้พวกกลุ่มอื่นก็ได้ตัวหมอนั่นไป แล้วอย่ามาร้องไห้คร่ำครวญก็แล้วกันว่าทำงานผิดพลาด! สายลับสาวบ่นงึมงำในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากทำหน้านิ่งๆ เท่านั้น




To be Continuous......



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คำผิดของทุกคนค่า

เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าจะมาลงฉบับแก้ไขคำผิดทวนให้นะคะ

ตอนนี้แก้ตามที่ทุกคนทักมาก่อนจ้า >___<

ปล. 1 เดี๋ยวจะเพิ่มชื่อตอนที่อัพไว้ที่ชื่อเรื่องให้ด้วยค่า แต่ว่าเราทำสารบัญไม่เป็น ต้องขอโทษด้วยค่าที่เปลี่ยนแต่วันที่ที่อัพล่าสุด ^^

ปล. 2 เรื่องนี้มีข่าวดีด้วยนะคะ ก็คือจะได้ตีพิมพ์รูปเล่มนั่นเอง ถ้าแน่นอนแล้วยังไงจะรีบมาแจ้งทันทีเลย 555


 แฟนเพจ

https://web.facebook.com/Eigen.Author/

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :katai2-1: แง้ มาไวมากเลยค่ะ แล้วก็ขอบคุณนะคะที่รับฟัง

เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :bye2: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด