{เรื่องสั้น} - ทฤษฎีข้างขวา {END} 14-05-2018 By MewSN
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} - ทฤษฎีข้างขวา {END} 14-05-2018 By MewSN  (อ่าน 12876 ครั้ง)

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
[/b]
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
{ทฤษฎีข้างขวา}




โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...




                  ขวาร้าย…
                  ซ้ายดี…
                  เชื่อว่าคนอ่านทุกคนที่ไล่สายตากวาดมองตัวหนังสือข้างบนคงเคยได้ยินประโยคนี้
                  ‘ถ้าตากะพริบข้างขวา แปลว่าจะเกิดเรื่องร้ายนะ ลูบตาถอนเรื่องร้ายออกไปซะ’
   

                  ถ้าเป็นเมื่อก่อน เอ่อ ประมาณเท่าไหร่ดี สักห้าร้อยปีดีมั้ย ไม่สิ นั่นนานไปหน่อย สักห้าสิบปีที่ผ่านมาดีกว่า คนๆนั้นคงจะต้องรีบยกมือขึ้นลูบตา แล้วพูด ขวาดี ซ้ายดี เป็นกุสโลบายแก้เคล็ด ทำให้ใจไม่คิดกังวลว่าที่ตาขวากระตุกจะเกิดเรื่องร้ายตามมาจนพาลทำให้เสียสุขภาพจิตไปเปล่าๆ แต่ตอนนี้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า มีหรือใครจะมายกมือขึ้นลูบตา คนอื่นคงมองเป็นเรื่องตลกกันพอดี คงจะมีแต่ประโยคนี้หลุดจากปากเสียมากกว่าว่า ไร้สาระจริงๆ
                  เอาเถอะ แต่ที่เขาจะเล่ามันไม่ใช่เรื่องตากะพริบ แล้วเป็นโชคร้ายโชคดีอะไรนั่น
                  เขาเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องตากะพริบเสียเท่าไหร่ด้วยสิ
                  ไม่สิ…
                  ใช่… เขาไม่เชื่อเรื่องตากะพริบ ให้บอกกี่ครั้งกี่ครั้งเขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่า
   


                  นายภาวิน พาสกร ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยXX คณะศึกษาศาสตร์ ไม่เชื่อเรื่องตากะพริบ
                  แต่นายภาวิน พาสกร ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยXX คณะศึกษาศาสตร์ เชื่อประโยคที่ว่า
                  ขวาร้าย… ซ้ายดี…
                  อย่างยอมจำนน
   
   





                  วันนั้นเป็นวันที่ 30 กันยายน ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีแสงแดดส่องตลอดวัน เขา นายภาสการในวัยเด็กมัธยมปลาย กำลังพรวนดินอย่างยากลำบาก เนื่องจากถูกลงโทษเพราะคุยกันเสียงดังในห้อง ในขณะที่คุณครูสอนอยู่ ในสวนนอกเขตแปลงเกษตรของนักเรียนที่ลงเรียนวิชานี้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่โชคร้ายได้ลงเรียนกับอาจารย์สายสมร เรื่องแบบนี้มันก็ไม่เกิดขึ้น อาจารย์คนอื่นรึจะทำพิเรนทร์ ลงโทษนักเรียนมัธยมปลายมอหก ที่กำลังจะจบ และต้องเตรียมตัวสอบไล่แบบนี้ มีอาจารย์คนนี้คนเดียวเท่านั้นล่ะ พูดแล้วก็ใจขึ้น
                  ฉึก!
                  ปักส้อมพรวนลงดินอย่างหาที่ระบายที่ดีที่สุดไม่ได้แล้ว
                  ไม่ เขาไม่ได้เจ็บใจจนอยากเข้าไปตั๊นหน้าอาจารย์สายสมร ซึ่งพฤติกรรมแบบนั้นนายพาสกรคนนี้เรียกว่าเสียสติและไร้สมองอย่างที่สุด แต่ที่เขาโกรธจนกรามสั่นและเคียดแค้นเช่นนี้เพราะ…
                  ไอ้คู่กรณีที่เขาคุยด้วย กลับไม่ได้ลงดินกินต้นไม้แบบเขา โน่น นั่งคัดนั่งเขียนรายงานให้อาจารย์อยู่ในห้องแอร์โน่น ฮึก สองมาตรฐานไม่มีใครเกิน
   

                  “วี๊ด พี่พาสสู้ๆ พี่พาสสู้ตาย พี่พาสไว้ลาย เสือกตายก่อนสู้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
                  ชีวิตนี้จะมีอะไรหน้าขายหน้า เท่ากับนายพาสกรที่สวมใส่เสื้อนักเรียนสีขาว บนหัวมีหมวกชาวนา นั่งตากแดดพรวนดินให้ไอ้เด็กมอหนึ่งมันหัวเราะเยาะอยู่แบบนี้
                  คิดถึงคินจะแย่แล้ว อยากกลับไปนั่งในห้องเรียนแล้ว
                  อยากกลับไปนั่งโต๊ะตัวเดิมตากแอร์เย็นๆ แล้วมองยิ้มที่ไอ้คินส่งมาให้แบบเขินๆ ฮืออออออออออ
                  แล้วยังไง ใจก็ได้แค่คิด แต่ตัวก็ติดอยู่ที่แปลงเกษตรเพราะมีหย้าที่อันใหญ่หลวงที่อาจารย์สายสมรสั่งกำชับมาว่าให้
                  พรวนดินต่อไป
                  ฮึก
   

                  “พี่พาสไหวมั้ย ทำหน้าเหมือนแพ้ลมแดด”
                  ไอ้เด็กมอหนึ่ง ไอ้พวกเด็กบ้า เขาไม่ได้แพ้ลมแดด แต่เขาอยากร้องไห้ต่างหาก
   

                  “ไปไกลๆเลยไอ้พวกเวร”
                  “อะไรนะ”
                  พวกมึงนี่กวนตีนชิบหาย
                  ไม่สนพวกมันละแม่ง เงียบปากไม่เถียง แล้วเอาส้อมพรวนจิ้มๆดินต่อไป หวังใจว่างานจะเสร็จทันก่อนเลิกเรียน
                  นี่เขากำลังจะจบแล้วแน่เหรอ เด็กมอหกต้องเป็นเด็กที่ได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ ยุงก็ไม่ให้ไต่ ไรรึจะกล้ามาตอมได้ แต่นี่อะไร บัดซบ
                  แดดร้อนเปรี้ยงปร้าง
                  ได้แต่ภาวนาในใจว่า
                  เย็นหนอ เย็นหนอ
                  ถ้ามีไอศกรีมสักถ้วยคงชื่นใจ
                  แต่มองไปทางไหน ก็มีแต่ดิน
   


                  ตึง!
                  “เฮ้ยยยยยย พี่พาสเป็นลม”
                  นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน ก่อนทุกอย่างจะเงียบงัน และความร้อนก็ค่อยๆบรรเทาลง
   
   





                  หืออออออออ
                  ได้กลิ่นแอมโมเนีย กับลมเย็นๆที่พัดผ่านหน้าไปมา
                  เขาลืมตาโพรง แต่ก็ต้องปิดเปลือกตาไป เพราะแพ้แสงจ้าที่กระทบเข้าตาเนื่องจากหลับตานานจนสายตาไม่ชินกับแสง ต้องค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ เอามือบังหน้าถึงได้ปรับเข้ากับแสงได้
                  พอการมองเห็นเริ่มชัดเจน เขาก็ค่อยๆกวาดสายตามองรอบด้านตามสัญชาตญาณ และภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาก็คือรอยยิ้มน้อยๆของคินที่ส่งตรงมาให้
   
                  “พาส ไหวมั้ย”
                  เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆ เอนหลังพิงกับขอบเตียง
   
                  “ไหวๆ” พอปรับอะไรได้บ้าง ก็เปิดปากบอกคนที่คอยพัดวีให้ตรงหน้า
                  “พอไม่มีพาสแล้วคินเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเลย”
                  คินบอกเสียงหวานนุ่ม
   
                  “ทำไมล่ะ”
                  “ก็ใจคินเอาแต่เป็นห่วงกลัวพาสจะเป็นอะไร แล้วก็เป็นจริงๆด้วย”
                  “เอาน่า อย่างน้อยก็แค่ลมแดด”
                  หลังพูดประโยคนี้จบ แทบจะทันทีที่ตัวเขาถูกคินดึงไปกอด
   

                  “อื้อ เหม็นเหงื่อๆ ปล่อยก่อน”
                  “ใครบอก พาสหอมจะตาย”
                  มันเล่นเอาจมูกมาซุกไซ้ไปมาจนจั๊กจี้ จนเขาต้องดิ้นพรวดพราดไปมา
   
                  “ปล่อยก่อนๆ ฮ่าๆ”
                  เราทั้งคู่เงียบไปแปดสิบวินาที แล้วคินก็เป็นฝ่ายปิดฉากความเงียบ ด้วยการจ้องมองมาด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยาก
                  “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
                  “ที่เป็นลมน่ะเหรอ อือๆ รู้แล้วว่าเป็นห่วง”
   
                  แกล้งตอบแบบส่งๆไป แต่ในใจกลับลิงโลดดีใจที่คินเป็นห่วง แต่ประโยคถัดมาจากคินก็ทำเอาเขาอยากตรงเข้าไปกระชากหัวกระซวกไส้
   
                  “เปล่า หมายถึงคุยกันในห้องเรียน มันไม่ดี อย่าทำอีก”
                  อ้าวเรอะ นี่มึงเป็นห่วงกลัวกูจะเสียการเรียนหรอกหรือ ไอ้เหี้ยไอ้สัดเอ๊ย
   
                  “หน้าบูดละ โถ คินล้อเล่นครับตะเอง”
                  แหวะ เสียงหวานบาดหู รับฟังไม่ได้ แต่ทำไมกูเขินวะ
   
                  นั่นแหละ ชีวิตรักของเด็กวัยเรียนก็เป็นแบบนี้ ชีวิตก็มีสีสันดี ช่วงสอบก็ติวหนังสือให้กัน อยากไปเที่ยวไหนก็ไปด้วยกัน ไปรับไปส่ง มาโรงเรียนด้วยกันตอนเช้า ตอนเย็นก็ส่งกลับบ้าน ชีวิตแฮปปี้ แถมครอบครัวเราก็ยอมรับได้ เดี๋ยวนี้สังคมเปิดกว้างมากๆ ยุคสมัยที่ชายต้องคู่กับหญิงมันกำลังจะหมดไปแล้ว
   
                  “งั้นเย็นนี้ไปดูหนังกัน”
   
                  เขาเอ่ยปากชวนคิน
                  แต่ทำไม จบประโยคปุ๊บ รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งความตึงเครียดปั๊บ อะไรนี่ แค่ชวนหนูหนังเองไม่ได้ชวนไปเผาบ้านใคร ทำไมหน้าเคร่งแบบนั้น
   
                  “เย็นนี้คินมีนัดติวหนังสือให้แจนน่ะ”
                  ไม่ต้องถามว่าแจนไหน ไฟแรงเฟ่อ ก็แจนหกทับสอง ห้องเดียวกับพวกเขานี่แหละ คนที่นั่งโต๊ะถัดไปจากคิน
                  ก็คนที่นั่งโต๊ะฝั่งขวาของไอ้คินยังไงล่ะ
                  ยุคสมัยที่ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงมันกำลังจะหมดไปแล้ว
                  …จริงๆเหรอ
                  ทำไมตาขวากระตุกแปลกๆ
                  





                  สองอาทิตย์ต่อจากนั้น
                  “คินนนนนนนน”
                  “จ๋า”
                  “คินนนนนนน”
                  “จ๋า”
                  “คินนนนนน”
                  “จ๋า”
                  “คินนนนนน”
                  “โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
                  อิช้างฉายาที่ทั้งห้องยกให้ด้วยความเต็มใจแผดเสียงร้องกลบเสียงหวานฉ่ำ ที่คู่รักสองคนถ่ายทอดให้กันอย่างนึกรำคาญ
   
                  “เป็นอะไร อิช้าง” คินถามเสียงห้วน
                  “มึงจะพลอดรักกันหรือทำห่าอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่ ห้องนี้กูจะอ่านหนังสือ” อิช้างตอกกลับเสียงขุ่นไม่แพ้กัน
                  แล้วศึกน้ำลายที่ขึ้นกับศักดิ์ศรี ระหว่างตุ๊ดและอดีตเคยรุกอย่างคินก็เกิดขึ้น
                  ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก นายคิน หรือพานุวงษ์ บุญรอด อดีตเคยรุก เปลี่ยนรสนิยมแล้ว
                  จะว่าเปลี่ยนจากหลัง มาเอาหน้า มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะตลอดเวลาที่คบกัน ไม่เคยมีเรื่องเซ็กระหว่างกันมาเกี่ยวข้อง
                  ใช่ ประโยคข้างบนอ่านไม่ผิดหรอก คินเป็นอดีตไปแล้ว เขาเลิกกับมันแล้ว
                  และพีคสุดๆคือมันมาขอเลิก เพราะบอกว่ากำลังคบหาและเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ กับผู้หญิงที่ชื่อแจน   
                  ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียวหวังใจว่าทุกคนจะยังจำแจนได้ ก็ผู้หญิงที่นั่งโต๊ะฝั่งขวาของไอ้คินนั่นแหละ
                  นี่สินะ รักแท้แพ้ใกล้ชิด ทำกับพาสกรคนนี้ได้ลงคอ ฮึก
                  สงสัยวันนั้นที่มึงเบี้ยวดูหนังกู เพราะไปซั่มกับอินังแจนแน่ๆ
                  พอ… พอกันที
   

                  สุดท้ายแล้วผู้ชายมันก็กลับไปเอาผู้หญิง ก็นะ ของมันเกิดมาคู่กันตามธรรมชาติ
   
                  และแล้ว ชีวิตของคนทั้งคู่ก็สมหวังหลังจากนั้นไม่นานคินและแจนก็พบว่าตัวเองต้องกลายเป็นเด็กซิ่ว เพราะคะแนนไม่ถึงที่ไหนสักที่ เหตุเพราะ ซั่มกันจนไม่อ่านหนังสือ อิสัด โชคดี
                  ส่วนตัวเขานั้น สอบติดมหาลัยดังทางภาคเหนือ ชีวิตต้องระหกระเหินเดินทางไกล จากเมืองใหญ่อันศิวิไลซ์สู่เมืองเหนือที่ศิวิไลซ์เหมือนกัน แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมยุคโบราณ
   





                  ใช่ว่าเลิกกับคินไปเขาจะเจ็บใจจากความรักเสียหน่อย แต่อะไรก็ไม่เท่า ช้ำรักไม่พอซ้ำยังไม่จดไม่จำ ยังมีใหม่เรื่อยๆ ให้ได้กินแห้วอีกทุกครั้งไป แต่ทำไม ชีวิตรักเขาถูกผูกพันกับคำสองพยางค์นี้อยู่เรื่อย
                  ไอ้คำว่าข้างขวา…
                  เนี่ย!!!
   

                  “พาส เราเลิกกันเถอะ นายดีเกินไป เรามันเลว”
   

                  ประโยคยอดฮิต เหตุผลหรือข้ออ้างของคนที่จะไป แฟนคนที่สอง เรียนคณะแพทย์ ตอนตามจีบเขาใหม่ๆนี่เทียวไล้เทียวส่งทั้งเช้าทั้งเย็น ดีนะกูไม่หลงคารมมึงจนยอมพลีกายถวายตัว แม้ความรักแบบผู้ชายมันจะไม่ต้องมาวอรี่เรื่องแบบนี้ก็เหอะ แต่มาวันนี้ เขาดีใจเหลือเกินที่ไม่ได้ให้สิ่งที่มันต้องการไป
   
                  ไอ้หมอเคน คนที่นั่งข้างขวาของเขาตอนวันตรวจร่างกาย ในวันสัมภาษณ์เข้าเรียนต่อที่นี่
   
                  นับตั้งแต่เขาก้าวมาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ชีวิตทุกตารางนิ้วก็มีมันมาตลอด ถึงแม้มันจะเรียนหมอ ไม่มีเวลาว่างมาเจอกัน แต่ตอนเย็นเราก็หาช่วงเวลามาเจอหน้าจนได้ พักหลังๆ เขาก็พอได้ข่าวแว่วๆว่ามันไปติดใจผู้ชายคนหนึ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่เอะใจนะ เพราะเชื่อมั่นในรักเก้าเดือนเหลือเกิน พออีกไม่กี่วันจะจบปีสองเท่านั้นล่ะรู้เลย ก็มันเพิ่งบอกเลิกเขาไปสดๆร้อนๆเมื่อกี้ไง
   
                  แถมยังควงไอ้หนุ่มคนนั้นมาเย้ยอีก ไอ้เหี้ยเอ๊ย
   
                  เขาไม่ได้ติดใจอะไรกับข้างขวาเลยนะ แต่ทำไมตากูถึงจ้องมองนาฬิกาข้อมือ ที่ไอ้แฟนใหม่หมอเคนมันใส่อยู่วะ
                  เปล่านะ มันไม่ใช่ของแบรนด์เนมมีราคาอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่า
                  มันใส่ไว้ที่ข้างขวา เป็นนาฬิกาเรือนเดียวกับที่เขาเคยบ่นว่าอยากได้จากไอ้หมอเคน
                  ก็แค่นั้นเอง…
                  หึ
                  ไอ้หมอเคนนั่งข้างขวาตอนตรวจร่างกาย
                  ไอ้หนุ่มนี่ แฟนใหม่ไอ้หมอเคนใส่นาฬิกาข้างขวา
                  พอกันที
   





                  เขาเดินคอตกเข้ามาในร้านน้ำปั่นด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ในหัวมันว่างเปล่า จะบอกว่าไม่คิดอะไรกับประโยคบอกเลิกของไอ้หมอเคนเมื่อครู่นี้ก็ดูจะเป็นการหมิ่นความรักที่มีให้กันมาเกือบเก้าเดือน อยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ มันคงจะต้องรู้สึกอะไรบ้างล่ะ หมายถึงตัวเขาเองอ่ะนะ ส่วนไอ้หมอเคนพอมันบอกเลิกเสร็จ ก็ขึ้นตัส ถ่ายรูปกับคู่ขาคนใหม่สบายใจเฉิบ มีแต่เขาที่มานั่งงี่เง่าอยู่คนเดียวแบบนี้
   
                  เขาเลือกโต๊ะติดกับผนังร้าน ที่เป็นกระจกใส มองทะลุเห็นบรรยากาศภายนอก กับความเขียวขจีรอบๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นสวนย่อมๆก็ได้
   
                  อือ มองสีเขียวแล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อย
   
                  “แจน ฟังเราก่อน อย่าเพิ่งวาง”
                  ทุกอย่างลงตัว พาให้อารมณ์ขุ่นมัวหายไป จะมีก็แต่เสียงทุ้มๆ ที่เกือบจะตะโกนของโต๊ะฝั่งขวานี่ล่ะ ที่แปลกแยก
                  “แจน แจน แจน”
                  มันแผดเสียงอีกสามรอบ แล้วเจ้าตัวก็ดึงไอโฟนเครื่องสีดำออกจากหู
                  เขาเผลอมองอย่างช่วยไม่ได้
                  ทำไมวิศวะทุกคน ถึงหน้าตาดี
                  ไม่ใช่ประโยคคำถาม แค่เรียบเรียงความหมายของคำพูด ที่จะเอามาอธิบายไอ้คนโต๊ะข้างๆตอนนี้เท่านั้นเอง
   
                  “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนอกหักรึไงวะ”
                  ไม่น่าเชื่อว่าถ้อยคำหยาบคายจะพ่นออกมาจากคนๆนี้ได้ อย่างโบราณว่าไว้ รู้หน้าไม่รู้ใจสินะ
                  เขาไม่ตอบโต้ ไม่ได้อยากมีเรื่องกับวิศวะหรอกนะ แถมตัวเองก็ไม่ใช่ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไอ้เรื่องจะไปชกต่อยใครก็พักไว้ก่อนเถอะ
                  เหมือนฝ่ายตรงข้ามจะรับรู้ว่าควรควบคุมอารมณ์ตัวเอง จึงไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรต่อจากนั้น เราต่างคนต่างอยู่
                  เขานั่งแช่ในร้านน้ำปั่นเนิ่นนาน จนน้ำใสๆจากท้องฟ้าตกลงมากระทบกระจกใสนั่นล่ะ ถึงได้รู้สึกตัว
                  ฝนตกเหรอเนี่ย ทั้งที่เมื่อเช้าอากาศสดใสแท้ๆ
                  เขาก้มมองเวลาในจอไอโฟน นาฬิกาดิจิตอลบอกเวลาหกโมงเย็น เย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
                  ให้ตายเถอะ รายงานอาจารย์ปราโมทย์ส่งพรุ่งนี้เสียด้วย
                  แต่ไม่ได้เอาร่มมา จะทำไงดี จะทำไงดีนะ
   


                  “ถ้าไม่รังเกียจ ก็ไปด้วยกัน”
   
                  ขณะที่กำลังลุกลี้ลุกลน กระวนกระวายใจว่าจะกลับยังไง เสียงทุ้มที่ตอนนี้ปรับให้นุ่มกว่าเดิมก็พูดขึ้น คงเพราะพฤติกรรมกังวลออกนอกหน้าของตัวเขาเองที่แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ คงไม่มีใครไม่รู้แล้วล่ะ ว่ากำลังติดฝน
                  เขาจ้องมองใบหน้าคมคาย
                  ที่ยักไหล่แล้วว่า “ไถ่โทษเรื่องที่ตะคอกใส่เมื่อเช้าน่ะ”
                  อือ
                  “ขอบคุณนะ”

   





                  เย็นวันนั้น เขาติดร่มกับชายคนนั้นไปตลอดเส้นทาง จนถึงหลังมอเราก็แยกกัน จะป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่หอพักของเขากับชายคนนั้นอยู่หลังมอเหมือนกัน ถือว่าเขาโชคดีที่เจอเพื่อนร่วมทางที่พกร่มมาด้วย
                  แม้จะเป็นร่มคันเล็กที่เราต้องเบียดกัน
                  และแม้เขาจะเดินอยู่ข้างขวาของชายคนนั้นตลอดทาง
                  มันก็ไม่มีเรื่องโชคร้ายใดๆเกิดขึ้นอีก หรืออาจเป็นเพราะ มันคงมีเรื่องโชคดีอยู่ในความโชคร้ายกระมัง

   





                  ตกดึกเขาไม่เป็นอันทำงาน ไล่หาไอจีหนุ่มวิศวะคนนั้นทั้งคืน จนได้รู้ว่าเขาเพิ่งอยู่ปีหนึ่ง
                  อ่า ต้องเรียกน้องสินะ
                  ชื่อพลเหรอ ชื่อเท่สมกับหน้าตาดีจริงๆ
                  แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ นี่เขาเป็นอะไรเนี่ย เอาแต่ชมหมอนั่นไม่หยุดตั้งแต่แยกกัน หรืออาจเป็นเพราะเขามีบุญคุณให้เราติดร่มกลับหอ ต้องใช่แน่ๆ เขาไม่ได้หลงเสน่ห์ร้ายแรงที่ไอ้เด็กนั่นแผ่ออกมาหรอกนะ ไม่
                  ไม่ จริงๆนะ
                  ไม่…
                  ยอมรับก็ได้ ว่าสนใจมัน แต่แล้วยังไงล่ะ เราสองคนก็แค่คนรู้จักที่ผ่านเข้ามาร้านน้ำปั่นก็เท่านั้นเอง อืม ก็เท่านั้นเอง
   
   


                  “พาส อย่าลืมหาข้อมูลนะจ๊ะ แล้วรีบส่งมาให้นี่ในแชทนะ”
                  ปิ่นเพื่อนเมเจอร์ที่เรียนวิชาไทยแล้งเซคเดียวกันกำชับนักหนาว่าให้ส่งข้อมูลสืบค้นรายงานมาให้ภายในคืนนี้เท่านั้น เพราะเขาเบี้ยวหล่อนมาหลายวันแล้ว เขาพยักหน้าหงึกหงักอย่างละอายใจ ต้องโทษไอ้เด็กวิศวะปีหนึ่งที่ชื่อพลคนนั้น ที่ทำเขาวันๆเอาแต่เข้าไอจีดูสตอรี่ของมันเนี่ย
                  อัพเก่งจริงๆนะ
                  อัพทุกที่ ที่ไปจริงๆ
                  คนเราวันนึงจะมีสตอรี่เป็นพันๆก็น้องมันนี่แหละ
                  ทำงาน T^T
                  เป็นรูปมันที่ใส่แมสก์ปิดหน้า ชูสองนิ้วแล้วยักคิ้วหนึ่งข้าง พร้อมแคปชั่นข้างบน หือ คิดว่าตัวเองแอ๊บแบ๊วลืมโลกอยู่ใช่มั้ย แต่ชุดพนักงานเซเว่นมันดึงดูดสายตาชะมัด
   
                  





                  ถ้าให้เขาเดานะ เขาต้องไปเซเว่นหอสี่ชาย เซเว่นภายในมหาวิทยาลัยหนึ่งในสองแห่งที่มาตั้งรกรากและดูดเงินนักศึกษาได้เป็นกอบกำ
                  เจอจริงๆด้วย ไม่เสียแรงที่ลงทุนนั่งรอรถประจำทางเป็นชั่วโมง ขนส่งแสนสะดวกที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้
                  เขาจะไม่ถามตัวเองว่ามาที่นี่ทำไม
                  เพราะคำตอบที่ได้คือคำว่า ไม่รู้เหมือนกัน
                  นี่เดินผ่านเคาท์เตอร์เซเว่นไปแบบเหลือบมองน้องเขาสุดๆ เขาไม่รู้เลยว่ามาแอบมอง จริงๆนะ ไม่รู้เล้ยยยยย
                  โอ๊ย อยากตบหน้าตัวเองให้หันไปทางอื่น แต่คอบ้ามันก็เอาแต่หันไปข้างขวาตลอด ช่วยไม่ได้นะ ก็เคาท์เตอร์พนักงานเซเว่นมันอยู่ทางด้านขวาพอดีนี่นา
                  เอาเป็นว่าแกล้งเดินไปดูนั่นนี่ แต่มือนี่หยิบไปเรื่อยแบบสุดๆ ไม่รู้อ่ะ สมาธิไม่มี ใจมันอยู่ที่ไอ้บ้าวิศวะคนนั้นไปหมดแล้ว
                  สาบานนี่คืออาการของคนที่เพิ่งโดนแฟนบอกเลิก เหอๆ อารมณ์คนเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่ารถไฟชิงกันเซ็นจริงๆ
                  ก็นะ เขามีความคิดว่า จมปลักกับอดีตไปก็เท่านั้น ถ้าอดีตเจอคนที่ดีกว่าแล้วทิ้งเราไป ทำไมเราจะหาใหม่ไม่ได้ล่ะ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเฝ้าฝันว่าเขาคนนั้นจะกลับมา เพราะมันไม่มีวันเป็นจริงหรอก บทรักมากมายสอนให้เขารับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
                  แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าความรู้สึกนี้จะเกิดกับใครก็ได้
                  เคยได้ยินมั้ยว่า
                  ถ้ามันจะใช่ ยังไงมันก็ใช่อยู่ดี
   

                  แต่ตอนนี้ เหมือนตัวเองจะเข้าเซเว่นนานไปแล้ว ไอ้ที่เข้านานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ยืนอยู่ที่เดิมแล้วจ้องพนักงานคนเดิมของเขานี่สิ จำใจหยิบกระทิชชูติดมือมาแพ็คหนึ่งแล้วเดินไปจ่ายตังค์
                  ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือโชคดี คิวของมันจู่ๆก็ว่างขึ้นมา
                  แต่เขาจะเรียกมันว่าพรหมลิขิต
                  เอาเถอะ เพ้อใหญ่แล้วเรา
                  แอบอยากให้มันจำเขาได้จัง แต่จะเอาอะไรกับคนที่เคยเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว
   

                  “ทั้งหมดสามสิบหกบาทครับ”
                  เสียงมันวันนี้นุ่มกว่าวันนั้นประมาณแปดล้านเท่า แหงล่ะ พูดกับลูกค้านี่เนอะ
                  เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักศึกษา หมายใจว่าจะเจอกระเป๋าสตางค์สีน้ำเงินเข้ม ที่เพิ่งถอยออกมาสดๆเมื่อวาน แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า
                  ว่างเปล่า
                  “แป้บนะครับ”
                  ให้ตายเถอะจอร์จ เขาลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่ห้อง เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ไม่ได้พกเงินมา
                  กำลังหยิบไอโฟนขึ้นมาจะโทรหาเมทให้เอากระเป๋ามาส่ง แต่เสียงทุ้มนุ่มของพนักงานตรงหน้าก็ดังขัดขึ้นมาก่อน
   





                  “ค่าทิชชูสามสิบหกบาท”
                  “เอ่อ…”
                  อะไรวะ ก็บอกรอแป้บนึงไง เร่งจริงจังป่ะเนี่ย
                  “ค่าร่มไม่ตีราคา”
                  “ฮะ”
                  “สรุปคุณลูกค้าจะจ่ายเป็นอย่างอื่นแทนนะครับ”
                  แล้วมันก็ยื่นทิชชูแพ็คนั้นที่ใส่ถุงมาเสร็จสรรพให้เขาที่รับมากอดไว้อย่างงงๆ
                  แล้วเดินออกจากเซเว่นหอสี่ชายแบบงงๆ
                  หยิบใบเสร็จในถุงออกมาอ่านตัวหนังสือที่ถูกเขียนไว้ข้างหลังแบบหวัดๆ
                  ‘ติดค้างสองรายการ’
                  ไม่ ยังไม่หมดแค่นั้น
                  083 411 32XX
                  ไอ้เหี้ยไอ้สัดเอ๊ย
                  ทำไมใจเต้นแรง

   





                  นี่ก็เข้าสู่อาทิตย์ที่สองแล้ว ที่เขากับพลใช้เวลาคุยกันมาสักพักใหญ่ ฟังไม่ผิดหรอก หลังจากที่น้องมันแจกเบอร์ให้วันนั้น ตอนเย็นปุ๊บก็ได้เกิดการแลกไลน์แลกเฟซแบบทันที บอกให้รู้ว่ากูแม่งไม่ง่ายเลย
                  ไม่ง่ายเลยที่จะให้ ไอ้สัด
                  สงสัยหลงคารมเด็กมันแล้วว่ะ อกหักมารักเด็กแบบสุดๆตอนนี้
                  จากข้อมูลที่เขาเก็บได้จากการคุยกับพลอาทิตย์กว่าๆ ก็พอจะรู้เรื่องรสนิยมของน้องมันบ้างล่ะ ความจริงแล้วพลได้หมดทั้งผู้ชายผู้หญิง จะเรียกว่าไบก็ได้
                  แต่กับผู้ชาย พลบอกว่าต้องแวบแรกเท่านั้น
                  ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่ได้
                  ง่อออออ ฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองดูน่ารักขึ้นมาล้านเท่าว่ะ
                  ไอ้หมอเคน มึงตาต่ำแล้วจริงๆ ที่ทิ้งเขาไป
                  หรือต้องขอบคุณมันดีวะ ที่ทำให้มาเจอพล
                  เลี่ยนกันมั้ย ช่วยไม่ได้ เพราะช่วงนี้ชีวิตเป็นสีชมพู




พลพล
พรุ่งนี้ไปส่งผมซื้อนาฬิกาหน่อยดิ
จะให้ไปช่วยเลือก
พาสกร
ว่างบ่ายสอง
เคาะมั้ย
พลพล
เคาะ ตกลงบ่ายสองนะครับ
แฟนใครวะ น่ารักโคตร
พาสกร
รู้ตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องชม
*ส่งรูปเซลฟีตัวเองไป
พลพล
ไม่ไหวแล้ว เห็นแล้วแข็งเลยว่ะพี่
พาสกร
ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน
พลพล
เปล่า ตาแข็งเลย
คืนนี้นอนไม่หลับแล้ว
พาสกร
ไอ้เหี้ยพล ไอ้สัด
ร้านไหนดีลมาซิ
พลพล
XXXX
แล้วเจอกัน

   


                  เขาเงียบอยู่นาน หลังจากกดอ่านคำตอบล่าสุด
                  ร้าน XXXX เหรอ
                  หึ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้
                  นี่มันร้านขายนาฬิกาเรือนที่เขาเคยอยากได้ แต่ตอนนี้ล่าสุดมันไปใส่อยู่บนมือแฟนใหม่ไอ้หมอเคนแล้ว
                  ช่างเถอะ
                  คิดอะไรมากนะเรา
                  หยุดกระตุกสักทีเถอะตาขวา

   





                  “รอนานมั้ย”
                  เขาที่รีบมาแบบสุดๆเอ่ยถามคนที่นั่งรอตรงมานั้งใต้ต้นสักที่ใช้เวลารอมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาที เหตุเพราะเขาไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าอยู่ๆอาจารย์สายสมรอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์จะปล่อยช้าเลยมาเกือบสามสิบนาทีขนาดนี้ เป็นเหตุให้พลต้องมานั่งรอ
                  “ขอโทษ อาจารย์ปล่อยเลทน่ะ”
                  “ไม่เป็นไรครับ ไปกันได้ยัง”
                  เจ้าตัวเก็บไอโฟนที่น่าจะเล่นรอเขาใส่ในกระเป๋ากางเกง แล้วก้าวเดินฉับๆไปที่ลานจอดรถแบบไม่พูดอะไรต่อ
                  ส่วนตัวเขาเองก็ได้แต่เดินหงอยๆตามไป
                  เป็นใครใครก็โกรธ อากาศร้อนๆบวกกับต้องมานั่งรอคนไม่ตรงเวลาอีก
                  แล้วตาขวานี่เป็นอะไร หยุดกระตุกเสียที



{มีต่อ}

ออฟไลน์ MewSN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +234/-4
{ต่อ}


                  เรามาถึงร้านนาฬิกาที่พลบอกไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เข้าร้านมาปุ๊บเจ้าตัวก็ตรงไปเลือกนาฬิกาปั๊บ
                  “เอาเรือนนี้ครับ”
                  น้องมันเลือกส่งๆ เรื่องนี้เขารับรู้ได้จากการสังเกต เขาไม่ร้ว่าพลเป็นอะไร แต่ถ้าเพราะโกรธที่เขามาช้า เลยเลือกนาฬิกาแบบขอไปที เขาคงจะต้องขอท้วง
   
                  “ไม่ลองดูเรือนอื่นดูเหรอ พี่ว่ามันแพงไป”
                  แถมไม่สมกับราคาสุดๆ แฟชั่นก็ศูนย์มาก ถึงจะเป็นแบรนด์เนมแต่ถ้าออกแบบเบอร์นี้ ก็ขอผ่านเถอะ
                  น้องไม่ตอบ ก้มลงเล่นไอโฟนรอพนักงานแกะกล่อง
                  “พล คิดดีๆ”
                  เขารู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังเอาอารมณ์โกรธมาตัดสินใจ
                  เพราะเขารู้ว่าเงินทั้งหมดที่ซื้อนาฬิกานี่ คือเงินที่น้องมันตั้งใจทำงานเก็บเองตลอดสองเดือน
   


                  “พี่เคยคบกับไอ้หมอเคนเหรอ”
                  แต่คำตอบที่ได้ กลับไม่ตรงคำถาม ซ้ำยังถูกย้อนถามมาเสียเอง
                  “เคย”
                  เขาไม่ได้อึ้ง ไม่ตกใจ แถมยังทำใจได้เพราะเรื่องนี้เขาไม่ได้คิดจะปิดน้องมันด้วยซ้ำ เพียงแต่เรายังศึกษากันไม่มากพอที่จะให้ไปเที่ยวไล่บอกว่าอดีตเคยคบกับใคร เขาแค่รอเวลาให้เรารู้ใจกันมากกว่านี้อีกหน่อย
                  ก็เท่านั้นเอง
                  “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดนะ”
                  “ผมบอกพี่ว่าเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน”
                  พลพูดเสียงเรียบ พยายามซ่อนอาการหอบเพราะอารมณ์โกรธ
                  เขาตั้งใจฟัง
   

                  “แฟนผมเคยนอกใจ และผมไม่ชอบคนโกหก”
                  “พี่สัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้น”
                  ทันทีที่เขาพูดประโยคข้างบนจบ หน้าจอไอโฟนก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
                  “แล้วนี่อะไร”
                  เป็นรูปเขากับหมอเคนที่บังเอิญเจอกันที่โรงอาหารคณะมนุษยศาสตร์เมื่อตอนเย็น
                  ที่มันใกล้กันมากกว่าปกติ เพราะเขารีบมาตามนัดจนไปชนเข้ากับคนในรูปก็แค่นั้นเอง
                  “ฟังพี่อธิบายก่อน”
   
                  เขาหวังว่าพลจะเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้
                  แต่เพราะบทเรียนจากความรักมากมายที่น้องมันก็เคยได้รับ รวมทั้งตัวเขาเองต่างหาก ที่ทำให้เรากลัวการที่จะเป็นคนมีเหตุผล
                  “พอสักทีเถอะ”
                  “พล”
                  “นาฬิกาได้แล้วครับ”
                  เสียงพนักงานร้านดังขัดขึ้น
                  พลถอนหายใจแล้วรับถุงใส่นาฬิกามา
                  ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากร้านไปแบบไม่หวนกลับมา
                  ทำไมกันนะ ก็แค่วันนี้เขาเลือกใส่นาฬิกาข้อมือตัวโปรด
                  ที่ข้างขวา ก็เท่านั้นเอง
                  ‘อิบ้า ใครเขาใส่นาฬิกาข้างขวายะ’
                  เสียงแนนที่ดังเตือนเข้ามาจากส่วนลึกในความทรงจำ
                  ‘ทำไม แปลกตรงไหน ก็กูถนัดซ้าย’
                  ใช่ ก็เขาถนัดซ้าย แล้วจะใส่ข้างขวามันผิดตรงไหน
                  หรือมันก็แค่…
                  ‘ไม่เคยได้ยินเหรอยะ ว่าขวาร้าย ซ้ายดี’
                  เขาไม่เชื่อทฤษฎี
                  ไม่หรอก ไม่มีหรอกทฤษฎีอะไรนั่น
                  เพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่วันของเราก็เท่านั้นเอง

   





                  หลังจากนั้นไม่นาน
                  ‘นาฬิกาใหม่ สวยแพง แฟนซื้อให้ เขินนนนน’
                  เป็นสเตตัสของผู้หญิงคนหนึ่งบนเฟซบุ๊ก
                  เขาพอจะทราบมาว่าชื่อแจน แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เป็นเพื่อนเขาในเฟซ นาฬิกาเรือนนั้นเขายังจำได้ดี
                  พี่บอกว่าอย่าซื้อไง มันแพง
                  น้องมันก็แค่ทุ่มเงินที่เก็บออมมาทั้งหมด ให้แฟนด้วยความจริงใจที่แสดงออกไปในฐานะของนาฬิกาตัวแทน
                  ยินดีด้วย
                  ยินดีกับทุกความรัก
                  ที่สมหวัง
   


                  แหมะ
                  ฝนตกหรือ
                  เฮ้อ
                  สงสัยคงต้องติดฝนอยู่ที่นี่อีกนาน
                  ร้านน้ำปั่นร้านเดิม แต่คนกลับไม่เหมือนเดิม
                  อกหักซ้ำสอง จะลุกขึ้นมาดามเองมันลำบากอยู่นะ
                  


                  “แจน เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว”
                  เขาไม่ได้ตั้งใจจะเงี่ยหูฟังหรอกนะ แต่เสียงมันคุ้นหู
                  “นาฬิกาเรือนนั้นไม่ได้ส่งไปเพื่อขอคืนดี”
                  …
                  “แต่ทิ้งไปให้แจน เพื่อไม่อยากให้มันตอกย้ำว่าเราโง่ทำงานเก็บเงินอยู่ตั้งสองเดือนกว่า เพื่อซื้อนาฬิกาเรือนนั้นให้คนที่มันไม่เห็นค่าของเราเลย”
   





                  เขาไม่ได้อยู่ฟังประโยคสุดท้ายหรอกนะ เพราะน้ำตามันพาลจะไหลลงมาเอาดื้อๆ
                  จะไปไหนดี ข้างนอกฝนตก
                  เจ้าฝนบ้า ทำไมไม่หยุดซักที
                  ได้
                  จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย
                  ขาเขากำลังจะพาตัวเองก้าวออกจากประตูหน้าร้าน
                  ตาขวากระตุก
                  พอ พอแล้วเรื่องเลวร้าย หยุดกระตุก หยุดแจ้งเตือนเสียที
                  ไม่เอาแล้ว เขาเชื่อแล้ว
                  “พี่”
                  แขนขวาเขาถูกกระชากอย่างแรงจากคนข้างหลัง
                  “ผมขอโทษ”
                  ร่างเขาเซปะทะเข้ากับแผงอกล่ำ ตามแรงดึงของคนตัวใหญ่กว่า
                  สะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นหลายวินาที
                  ก่อนที่ตัวเองจะเงยหน้ามองคนตัวสูงอย่างเต็มตา
                  พรึบ
                  มือข้างซ้ายของน้องมันชูขึ้นมายกนิ้วก้อย
                  “เกี่ยวก้อยขอคืนดี”
                  บางทีความรักก็ไม่ต้องการเหตุผลมากมาย
                  และไม่ต้องใช้ทฤษฎี
                  ความรักอยู่เหนือทุกสิ่ง
                  และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
   


                  “ไม่”
   


                  หน้าน้องเสียไป
   


                  “เอาข้างขวา กูอยากเกี่ยวก้อยข้างขวา”
                  แล้วคลี่ยิ้มใหม่ละมุน
   





                  วันที่ 21 เดือนกันยายน
                  เขาพบกับความรักใหม่ ที่ตั้งใจจะมีไว้ให้นานที่สุด
                  เขานั่งโต๊ะฝั่งขวาในร้าน ซึ่งเป็นโต๊ะประจำวิวดี
                  เขาใส่นาฬิกาข้างขวา เพราะไม่มีเหตุผลที่ดีกว่าว่าตัวเองถนัดซ้ายจนต้องเปลี่ยน
                  แล้วเขา
                  เกี่ยวก้อยคืนดีมือขวา
                  และสัญญาในใจว่าจะรักตลอดไป





***FIN............................................................

แล้วเจอกันน้า ปิดเทอมแล้วววววววววว

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบตกใจ..นึกว่าจะร้ายไปจนสุดทาง  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ CHOIGYK_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยย นี่นึกว่าจะจบแบบไม่สมหวัง พลพลก็~~~

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
นึกว่าพาสจะต้องเสียใจซะแล้วว

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
แม่งงงงงง จะร้องไห้ตามพาสแล้วเอาจริง  :m15:
ขอบคุณที่ให้น้องมีความสุขตอนจบนะคะ ฮืออออออออออออออออ  :m15:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Morgen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็มีข้อมาลบล้างข้างขวาที่ไม่ดีของพาสได้แล้ว. แอบสงสารนึกว่าจะไม่สมหวังซะแล้ว.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
นึกว่าจะมีการดราม่า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วคู่นี้

ออฟไลน์ คุณบี๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ลุ้นตาม น่ารักสมหวังแล้ว  :L1:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ขวาก็ไม่แย่เสมอไปเนอะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
  :mew6:ตอนแรกคิดว่าจะเศร้าเสียแล้ว แงงง

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
นึกว่าจะจบแบบแบดๆ อ่านแรกแล้วกลัวข้างขวาเลย ยังดีที่มีพลพลมาเปลี่ยนทฤษฎี

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เสียดายตังค์แทน ..
ทำงานเก็บเงิน เพื่อ "ให้" คนทรยศเนี่ยนะ
เฮ้อออออออออออ ...

แต่ชอบค่ะ
ชอบตอนจบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด