คนไม่มี ‘สิทธิ’
ตอนที่ 2
‘ไม่เห็นโทรมา นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว’
‘พอดีเห็นประกาศ เลยไม่รู้ว่าจะต้องโทรหาพี่อีกทำไมครับ’
‘พี่ดีใจนะที่น้องชีนมา’
‘ก็...อยากลองหาประสบการณ์ดูครับ’
‘ไปยืนตรงฉากสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปให้’
‘ถ่ายทำไมครับ’
‘ถ่ายเก็บไว้’
.
.
‘เสร็จแล้ว’
‘ขอดูหน่อยได้ไหมครับ’
‘มานี่สิ’
‘พี่เท่าฟ้าเก่งจัง ถ่ายสวยมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถ่ายผมออกมาดูดีได้ขนาดนี้’
‘เพราะชีนดูดีอยู่แล้วต่างหากล่ะ’
‘เว่อแล้วพี่ ผมไม่เห็นดูดีตรงไหนเลย เตี้ยก็เตี้ย ผิวก็ซีดอย่างกับกระดาษ’
‘แต่ตอนที่พี่ชมว่าดูดี ผิวชีนมีเลือดฝาดขึ้นมาเลยนะ...โดยเฉพาะตรงแก้ม’
‘มั่วแล้ว อย่าหลอกกันให้ยาก’
‘ไม่เชื่อก็ลองส่องเงาตัวเองในตาพี่ดูสิ’
‘บะ บ้าไปแล้ว ใครจะไปทำแบบนั้นกันละครับ’ลืมโทรศัพท์…
นี่คือสิ่งที่ชิโนรสเพิ่งคิดได้ในตอนที่พยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้การนั่งรถตามลำพังกับเท่าฟ้าอึดอัดไปมากกว่านี้
“ผมดีใจนะที่คุณรับทำงานนี้ คุณ...ชีน ใช่ไหมครับ ผมได้ยินคุณศุภกิจเรียกอย่างนั้น”
“ครับ” ครั้นจะรั้นให้เรียกด้วยชื่อจริงต่อไปก็เห็นจะดูหยิ่งไม่สมฐานะลูกจ้างสักเท่าไหร่ ชิโนรสจึงจำต้องยอมปล่อยเลยตามเลย
“คุณชอบฟังเพลงแบบไหน”
ชิโนรสเดาเอาว่าอีกฝ่ายเองก็คงอยากหาทางทำลายความเงียบในห้องโดยสารนี้เหมือนกัน ซึ่งการเปิดเพลงก็ดูเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องร่วมเดินทางกันนานแค่ไหนเช่นกัน “เปิดตามที่คุณชอบเถอะครับ”
“ได้ยังไง คุณต้องนั่งไปกับผมอีกนาน เปิดเพลงไม่ถูกจริตก็เบื่อแย่เลย”
“ผมฟังได้หมดครับ ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเพลงเท่าไหร่”
“อืม” นิ้วเรียวยาวเคาะพวงมาลัยอย่างคนใช้ความคิด ท่าทางที่ชิโนรสคุ้นเคยก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง “ถ้าอย่างนั้นเปิดจากแผ่นซีดีดีกว่า พอดีผมเป็นพวกไม่ชอบฟังโฆษณา ยิ่งขับรถนาน ๆ แบบนี้ยิ่งขยาดน่ะ”
แผ่นซีดี? สมัยนี้ยังมีใครฟังเพลงจากแผ่นซีดีในรถกันอีกเหรอ ไม่สิ! มันไม่มีใครไรท์เพลงใส่ซีดีกันแล้วด้วยซ้ำ...ถ้าไม่ใช่
“เดี๋ยวครับ!” ชิโนรสพบว่าตัวเองคิดช้าเกินไป แผ่นซีดีถูกใส่เข้าที่ทางที่เหมาะสมและกำลังทำหน้าที่ของมันเสียแล้ว
“ทำไมครับ”
“...ไม่มีอะไรครับ” ชิโนรสหลับตาลงอย่างอ่อนล้าพร้อมกับทำนองเพลงแรกของแผ่นเริ่มบรรเลง เพลงที่เขาจำได้ดีและสามารถบอกชื่อเพลงในแผ่นนี้ได้ทั้งหมดโดยเรียงลำดับได้ถูกต้องเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะฟังเป็นพันรอบแล้วก็ยังเป็นคนไรท์แผ่นเองอีกด้วย!
‘เธอคือความฝัน...ในใจฉัน...’“เพลงเก่าหน่อย แต่เพราะทั้งนั้น”
“ครับ”
“ผมไม่แน่ใจว่าใครไรท์ให้ แต่ผมว่าผมน่าจะชอบฟังเพลงแผ่นนี้มาก”
คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองแทนคำถาม
“เมื่อสี่ปีก่อนผมเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ เพื่อนผมบอกว่าแผ่นเสียงนี้ติดค้างอยู่ในช่องเล่นซีดี ช่วงนั้นผมความจำเสื่อมแต่ยังเก็บมันเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานผมก็หายดี...แต่ก็นึกไม่ออกสักทีว่าใครให้แผ่นนี้มา”
“คุณอาจจะไรท์เองก็ได้”
“คงอย่างนั้นมั้งครับ”
“คุณชอบหนังเรื่องนี้รึเปล่า”
ชิโนรสหันมองคนถาม เลิกคิ้วแทนความสงสัย นึกเล่น ๆ ว่าเขาจะไล่ถามครบทุกเพลงเลยหรือไม่ เพราะเพลงในแผ่นนี้ล้วนเป็นเพลงประกอบหนังทั้งสิ้น
“เพลงนี้ประกอบหนังเรื่องนั้น”
“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ชอบดูหนังรัก” ใช่เสียที่ไหน...เขาดูมันทุกเรื่องที่เลือกเพลงมาไรท์ใส่ซีดีนั่นแหละ ดูในโรงหนังบ้าง ซื้อแผ่นมาดูบ้าง แต่ล้วนแล้วดูกับคนข้าง ๆ ทั้งสิ้น
เท่าฟ้าเหยียดยิ้ม “ผมว่าเรื่องนี้มันเกินจริงไปสักหน่อย…” แม้อีกฝ่ายจะบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ดูแต่คนเปิดประเด็นยังคงพูดถึงหนังเรื่องนั้นต่อไป “ในความเป็นจริง ไม่มีใครรักกันมากพอจะอยากทนดูแลอีกฝ่ายที่เป็นเจ้าชายนิทราหรือแม้แต่คนไร้สมรรถภาพหรอก คุณว่าจริงไหม”
คนฟังกลืนน้ำลายหนืดลงคอ “คงจะอย่างนั้นมั้งครับ”
ชิโนรสเอ่ยขอบคุณในใจที่อีกฝ่ายไม่แสดงความเห็นต่อคำตอบของเขาอีก เพราะมันชักจะทำให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากกว่าก่อนเปิดเพลงเสียอีก
‘How long will I love you
As long as stars are above you
And longer if I can...’“คุณเคยดูหนังเรื่องนี้ไหม”
ชิโนรสเผลอคิดว่าเท่าฟ้าจะเลิกชวนคุยเรื่องนี้ไปแล้ว เห็นเงียบไปนาน ไม่คิดว่าจะเปิดประเด็นด้วยคำถามเดิมขึ้นมาอีกครั้งในเพลงที่ห้า
“อ่า คงไม่ มันเป็นหนังรักนี่เนอะ” เท่าฟ้าสรุปเองเสร็จสรรพ ทว่าคราวนี้คำตอบของคนตัวเล็กกว่าเปลี่ยนไป
“เคยดูครับ มันไม่เชิงหนังรักเท่าไหร่”
“อืม คุณคงอยากย้อนเวลากลับไปได้เหมือนพระเอก” มันคือเรื่อง about time น่าจะเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่พวกเขาไปดูด้วยกัน พระเอกของเรื่องมักจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดอยู่เสมอ
“คงอย่างนั้นมั้งครับ”
ครั้งที่สองแล้วที่เท่าฟ้าได้ยินคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่เปิดเผยความรู้สึกของอีกฝ่าย
“แล้วถ้าย้อนกลับไปได้ คุณอยากกลับไปตอนไหนที่สุด”
“ตอนปีหนึ่งครับ” ชิโนรสตอบเสียงชัดเจนหนักแน่นเป็นครั้งแรก
“ทำไม อยากซิ่วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยติดตลก
“เปล่าครับ” เมื่อเห็นคนถามยังรอคำอธิบาย เขาจึงพูดต่อ “แค่ไม่อยากไปแคสต์ละครเวที”
...ไม่อยากตกหลุมรักคุณ
ชิโนรสรู้สึกว่าการขับรถของเท่าฟ้าสะดุดไปเล็กน้อยหลังคำตอบของตัวเอง
“ไม่อยากเล่นขนาดนั้นเลย?”
“ทำนองนั้นแหละครับ”
“เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเหรอ บทไม่ดีหรือคนดูไม่ชอบ ผมถามได้ไหม”
“ก็แค่ไม่อยากพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นครับ” อาจฟังดูเป็นคำตอบแบบขอไปที แต่ความจริงแล้วนี่คือเหตุผลที่แท้จริง เพราะถ้าจะให้ขยายความไปมากว่านี้ ชิโนรสคงต้องตอบอีกฝ่ายไปว่าเพราะไม่อยากรู้จักเขา
‘How long will I want you
As long as you want me to
And longer by far…’ยังไม่ทันพ้นเขตกรุงเทพฯ ชิโนรสก็พอเดาได้แล้วว่าตนกำลังจะไปที่ไหน บ้านหลังนั้นคงตั้งอยู่ทางภาคตะวันออก ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ติดทะเลเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่รถปาเจโร่สปอร์ทสุดมาดแมนสมคนขับจะทะยานขึ้นโทลล์เวย์ คนขับก็หักพวงมาลัยเลี้ยวไปทางอื่นเสียก่อน
“ผมขอแวะทานอาหารเช้าก่อนแล้วกัน เมื่อเช้ารีบออกมายังไม่ทันหาอะไรรองท้อง”
ชิโนรสอยากจะตะโกนถามเสียเหลือเกินว่าถ้ารู้ตัวว่าเตรียมตัวไม่ทันทำไมไม่นัดสายกว่านี้อีกหน่อย ไม่ใช่พากันมาเสียเวลาระหว่างทางแบบนี้ ทว่าความเป็นจริงแล้วเขาก็ทำได้แค่ยอมรับพร้อมรอยยิ้มจอมปลอมเท่านั้น
ชิโนรสส่ายหัว ระอาใจคนที่พาตัวเองเข้าไปนั่งแทรกตัวในร้านติ่มซำรสเด็ดสไตล์จีนแท้ทั้งรสชาติและบรรยากาศ คนในฐานะลูกจ้างพับแขนเสื้อเชิ้ตลวก ๆ ขึ้นมาเลยข้อศอก ปลดกระดุมเสื้อเพิ่มอีกสองเม็ดเพราะอากาศอบอ้าวภายในร้านก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไป
“จะทานอะไรสั่งได้เลยนะคุณ มื้อนี้ผมเลี้ยง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว” อย่างน้อยอาหารเช้าที่ทานแบบเร่งรีบบนรถก็ช่วยให้เขารู้สึกอิ่มได้มากทีเดียวในตอนนี้
“ฮะเก๋าหน่อยไหม ร้านนี้กุ้งตัวใหญ่นะคุณ”
ชิโนรสมองหน้าคนเชื้อเชิญอย่างพิจารณา เขาแพ้กุ้ง แต่อีกฝ่ายคงจำไม่ได้ แน่สิ ‘พี่เท่าฟ้า’ ยังจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะจำได้ว่าเขาแพ้อาหารอะไรบ้าง “เชิญคุณเท่าฟ้าตามสบายเลยครับ”
“ไม่ชอบกุ้ง?”
“ไม่หิวครับ”
เท่าฟ้าไหวไหล่ พึมพำบางอย่างที่ชิโนรสได้ยินแว่ว ๆ เหมือนคล้ายจะเป็นการย้ำว่า ‘ชวนแล้วนะ’ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ชวนคุยอะไรอีกเลย คงจะหิวจริงอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ ติ่มซำสิบกว่าเข่งหมดในเวลาแค่ยี่สิบนาที ชิโนรสนั่งมองแล้วก็เผลอยิ้มออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหมดเร็วกว่านี้ด้วยจำนวนเข่งที่มากกว่านี้อีกเท่าตัวเพราะมีเขาแย่งทาน
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะนั้นอีกแล้ว
ฐานะที่จะยื่นตะเกียบไปแย่งขนมจีบจากตะเกียบอีกฝ่ายเข้าปากตัวเองไปต่อหน้าต่อตาโดยที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะโวยวายเอาเรื่อง
“ยิ้มอะไร”
“คะ ครับ” น่าอายที่เผลอยิ้มจนถูกจับได้ คนเด็กกว่าร้อนรนรีบแก้ตัวในทันที “เปล่าครับ”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณมองผมแล้วยิ้ม”
“ผมแค่คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ได้มองคุณ”
“อ้อ อย่างนั้นเองเหรอ”
ชิโนรสเกลียดเวลาที่เท่าฟ้ามองมาด้วยสายตาที่สวนทางกับคำพูด ไม่รู้ว่าสี่ปีที่ไม่เจอกันอีกฝ่ายไปฝึกมาจากไหน มันทั้งกวนประสาทและทำให้คนมองถึงกับไปไม่เป็นได้ในเวลาเดียวกัน
กว่าจะถึงที่หมายตามอย่างที่ชิโนรสคาดการณ์พวกเขาก็ใช้เวลาระหว่างทางไปนานถึงสี่ชั่วโมง แน่นอนว่าคนที่ทานอาหารเช้ามาตั้งแต่ตอนแปดโมงย่อมรู้สึกหิวเป็นธรรมดา โชคดีที่อีกฝ่ายยังมีความปรานีพาแวะร้านอาหารเพื่อทานอาหารกลางวันที่ค่อยไปเกือบบ่ายสองเข้าให้แล้ว
“คุณไม่ชอบอาหารทะเลเหรอ” อาจจะแปลกไปสักหน่อยที่เข้าร้านอาหารตามสั่งริมหาดแต่สั่งข้าวผัดหมู
“ก็แค่อยากทานข้าวผัดหมูครับ”
ชิโนรสได้ยินเสียงจิ๊ปากดังมาจากอีกฝ่ายหลังคำตอบของตน พี่เท่าฟ้าที่เขารู้จักมักจะทำอย่างนั้นเวลาที่หงุดหงิดคำพูดไม่เข้าหู ร่างสูงคงกำลังหงุดหงิดมากที่เขาตอบโดยไม่ระบุความชอบส่วนตัวใด ๆ ให้รู้
ข้าวคำแรกยังไม่ทันเข้าปากโทรศัพท์ของเท่าฟ้าก็ดังขึ้นขัดพร้อมสีหน้าตึงเครียดหลังจากเจ้าของเครื่องคุยไปได้ไม่กี่คำ
“ต้องขอโทษด้วย แต่เราต้องรีบไปกันแล้ว” เท่าฟ้าบอกหลังจากวางสาย คนหิวโซอ้าปากค้าง มองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “น้องครับ รบกวนเอาอาหารพวกนี้ใส่กล่องให้หน่อยนะครับ”
ชิโนรสกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง มองตามจานข้าวที่ถูกยกออกไปตามคำสั่งของคนจ่ายเงินด้วยความอาลัย “เราจะรีบไปไหนกันครับ ผมขอเวลาแค่ห้านาทีไม่ได้เหรอ ผมทานข้าวเร็วมากนะคุณ ไม่ทำคุณเสียเวลานักหรอก”
“แต่ผมไม่อยากให้เธอรอนาน”
ความจริงแล้วชิโนรสควรจะตระหนักได้ว่าตนไม่ได้มีความสำคัญกับเท่าฟ้ามากพอจะต่อรองอะไรด้วยทั้งนั้น และก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าคนที่ร่างสูงไม่อยากปล่อยให้รอนั้นมีความสำคัญมากกว่าเขาขนาดไหน
“รอนานไหมครับน้องพลอย”
“ไม่นานหรอกค่ะ ดีนะคะที่พี่ฟ้านัดบ่ายสอง ถ้านัดเร็วกว่านี้พลอยคงมาไม่ทันแน่” เจ้าของชื่อเป็นสาวสวยหุ่นเพรียวบางและสูงราวกับนางแบบ ยิ่งเมื่อใส่ส้นสูงเช่นวันนี้เจ้าหล่อนก็ยิ่งสูงกว่าชิโนรสไปอีกสองถึงสามเซนฯเห็นจะได้
ชิโนรสหันมองคนตัวสูงข้างกาย นอกจากจะนัดคนอื่นมาด้วยแล้วก็ยังตั้งใจนัดเวลานี้ด้วยราวกับว่าช่วงเวลาที่เสียไปตามรายทางนั้นคือตั้งใจให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้
“นี่คุณพลอย เจ้าของบ้านหลังนี้”
ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเจ้าของบ้านต่างหาก
“สวัสดีครับ” ชิโนรสไม่ได้ยกมือไหว้ เขาแค่ค้อมศีรษะน้อย ๆ เมื่อประเมินแล้วว่าน่าจะรุ่นเดียวกันหรือไม่เขาอาจจะแก่กว่าเธอด้วยซ้ำ
“ส่วนนี่คุณชิโนรสครับ ดีไซเนอร์ที่จะมาช่วยให้บ้านของน้องพลอยสวยสมใจ”
“ใช่บ้านของพลอยคนเดียวซะที่ไหนกันละคะ” เธอว่าพร้อมวาดมือไปเกาะแขนเท่าฟ้าด้วยท่าทีเขินอาย
อ่า...ไม่ใช่แค่เจ้าของบ้าน แต่เป็นเจ้าของคนข้าง ๆ เขาด้วย
และบางที...บ้านหลังนี้อาจจะเป็นเรือนหอตากอากาศของคนทั้งคู่ก็เป็นได้
“คุณชิโนรสมีชื่อเล่นไหมคะ พลอยขออนุญาตเรียกเพื่อความคล่องตัวในการคุยงานนะคะ”
“ผมชื่อชีนครับ”
เธอยิ้มรับ เป็นยิ้มหวานที่มองแล้วเพลินตาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเนื้อแท้ของเธอดีเหมือนรอยยิ้ม เขาคงสบายใจที่เท่าฟ้ามีเธออยู่เคียงข้าง
เหมาะสมกันดีแล้วจริง ๆ
“พลอยต้องขอโทษคุณชีนไว้ก่อนเลยนะคะที่ต้องให้เดินทางมาไกลแต่พลอยดันมีเวลาให้แค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ...ไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลามาก หญิงสาวเจ้าของบ้านก็เริ่มเดินนำสองหนุ่มชมรอบบ้าน โครงเดิมเป็นบ้านไม้สีขาวดูสะอาดตาโปร่งโล่งรับลมทะเลได้ดีทีเดียว แต่สาวเจ้ากลับไม่ชอบใจนัก เธอเล่าว่าแพลนจะเปลี่ยนให้กลายเป็นตัวบ้านแบบทันสมัย จากชั้นเดียวแบบยกพื้นสูงก็กลายเป็นชั้นครึ่ง ชิโนรสฟังผ่าน ๆ หูตั้งแต่ที่ได้ยินเธอบอกว่าจะเปลี่ยนแบบบ้านแล้ว รู้สึกเสียเวลาที่มาในวันนี้เนื่องจากยังไม่สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปทำงานได้มากสักเท่าไหร่ แค่แจ้งงานผ่านอีเมลว่าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูทันสมัยเข้ากับบ้านพักตากอากาศริมทะเลพร้อมส่งแปลนบ้านและโมเดลมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ความจริงก็น่าจะปล่อยให้เขาแวบไปทานข้าวเสียหน่อยคงมีประโยชน์มากกว่า
ชิโนรสยกกล้องที่หยิบติดตัวมาถ่ายมุมนั้นมุมนี้ของบ้านไปเรื่อย ที่ถ่ายเก็บไว้เพราะความชอบส่วนตัวล้วน ๆ ไม่ได้จะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้เลยสักนิด เดินดูไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากคนตัวสูง เมื่อหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
“ขำอะไรครับ” ในตอนนั้นเองที่ชิโนรสรู้ตัวว่าคุณพลอยไม่ได้ยืนอยู่ในบริเวณนี้ด้วยกันแล้ว
“หน้าคุณตลกดี” เท่าฟ้าไม่ได้บอกเล่าเพียงอย่างเดียวแต่ยังหันจอของกล้องตัวเองมาให้ดูอีกด้วย
เขายังถ่ายรูปสวยเสมอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะหน้าตัวเองที่อยู่ในรูปนั้นมันเกินคำว่าตลกไปมากโขแล้ว
“ถ่ายทำไมเนี่ยคุณ น่าเกลียด ลบเดี๋ยวนี้เลยนะครับ” คนในรูปลืมตัว เผลอยื่นมือไปหมายจะเยื้อแย่งโดยไม่ทันคิดว่าตนเป็นแค่ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์จะแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกไป
“น่าเกลียดตรงไหน ออกจะน่ารัก” เจ้าของกล้องยังส่งเสียงขบขันไม่หยุด
“ตลกเท่ากับน่ารักที่ไหนละครับ ลบเถอะครับคุณเท่าฟ้า”
ดูเหมือนคนทั้งคู่ต่างก็ลืมสถานะของตัวเองไปเสียสนิท เห็นคนตัวเล็กพยายามเยื้อแย่งกล้องในมือคนตัวโตก็ยิ่งสนุก ใช้ความได้เปรียบของแขนยืดจนสุดแกล้งอีกเพิ่มจนอีกฝ่ายต้องเขย่งปลายเท้าเต็มกำลัง
“เล่นอะไรกันคะหนุ่ม ๆ” เสียงของหญิงสาวทำเอาคนทั้งคู่เสียหลัก คนตัวโตไม่มีปัญหาเพราะยืนเต็มเท้ามั่นคงพอ แต่กับคนที่ยืนบนปลายเท้าเพราะเขย่งสุดตัวเกือบล้มข้อเท้าพลิกถ้าไม่ได้อีกคนกอดร่างรั้งเอาไว้เพื่อเพิ่มจังหวะเท้าแตะพื้นได้นุ่มนวลขึ้น
ชิโนรสมองคนที่กอดตนไว้หน้าตื่น รีบเอ่ยขอบคุณแล้วดันตัวออกห่างทันทีก่อนถอยเว้นระยะเพิ่มไปอีกสามก้าวราวกับเพิ่งต้องของร้อน
“ว่ายังไงคะ พี่ฟ้าแกล้งอะไรคุณชีนรึเปล่า”
“แกล้งที่ไหนกันละครับ ไปเดินดูนอกบ้านกันหน่อยไหมน้องพลอย”
ชิโนรสหันหน้าหนีในตอนที่ชายหนุ่มโอบเอวเธอเพื่อเดินออกจากห้องโถงตรงนี้ไป ไม่เจอกันมานานตั้งสี่ปี ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังมีอิทธิพลต่อหัวใจตัวเองได้ขนาดนี้
ชิโนรสถ่ายรูปภายในตัวบ้านอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินตามสองหนุ่มสาวออกไป แดดทะเลตอนบ่ายแก่แบบนี้อาจจะทำให้หลายคนไม่ชอบเพราะมันทำร้ายผิวสวย ๆ จนเสียหมด แต่กับคนที่มีผิวขาวซีดอย่างชิโนรสกลับชอบเสียอีกที่มันทำให้เขามีผิวที่สีเข้มขึ้นบ้าง แม้จะได้แค่ไม่กี่วันก็ตาม
เป็นอีกครั้งที่ชิโนรสเห็นเท่าฟ้ายืนถ่ายรูปอยู่ตามลำพังโดยไร้เงาของสาวเจ้าของบ้าน เพียงแต่ในตอนนี้ร่างสูงไม่ได้ถ่ายตัวบ้าน แต่กำลังถ่ายวิวทะเลอย่างตั้งอกตั้งใจ
รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นมุมปากยามได้เห็นร่างสูงตรงหน้าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ชอบ คนแอบมองรู้สึกสุขใจตามไปด้วยจนอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพตรงหน้าเอาไว้
เท่าฟ้าเลื่อนตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ตายังแนบวิวไฟน์เดอร์เพื่อมองทัศนียภาพผ่านเลนส์ ในจังหวะที่รองเท้าหนังแบรนด์ดังกำลังยกย่างไปทางซ้ายอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเหยียบสิ่งของอันตรายเข้าให้
“พี่ฟ้า!! ระวัง!!”เสียงร้องเตือนด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อหยุดเคลื่อนไหวด้วยความแปลกใจ ซ้ายมือเป็นหญิงสาวเจ้าของบ้าน ขวามือเป็นลูกจ้างหนุ่มที่มาด้วยกัน
“ตรงนั้นมีเศษขวดแก้วเต็มเลยครับ คุณเท่าฟ้าถอยมาด้านนี้ดีกว่า”
เท่าฟ้าก้มลงดูที่เท้าก็พบว่าจริงตามที่ชิโนรสบอก ช่วงระหว่างที่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่คงมีคนเอาเศษขวดเบียร์มาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเขาเผลอเหยียบเข้าไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพื้นรองเท้าหนังราคาแพงจะช่วยป้องกันได้มากแค่ไหน
“ถ่ายเพลินอะไรกันขนาดนั้นคะพี่ฟ้า” พลอยเดินเข้ามาใกล้ เมื่อถึงตัวก็ก้มดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ
“ก็วิวสวยนี่ครับ”
“จะกดรัวอะไรขนาดนั้นละคะ พี่ฟ้านี่ไม่เคยระวังเลย ถ้าไม่มีพลอยคอยเตือนนะสงสารคุณป้าแย่เลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เตือนพี่ไปตลอดนะครับ” เท่าฟ้าวางมือบนศีรษะของเธอแล้วโยกไปมาอย่างออดอ้อน
ไม่รู้เวรกรรมอะไรของชิโนรสที่ต้องมาทนยืนดูภาพคู่รักสวีทกัน แดดร้อน ๆ นี่ก็ชักจะไม่น่าพิสมัยเสียแล้ว ชักอยากจะหลบเข้าไปอยู่ในบ้านเต็มที คนหน้าอ่อนกว่าวัยมารู้สึกหมดเวรหมดกรรมก็ตอนที่สาวเจ้าบอกลาเพราะต้องรีบไปดูอีกหนึ่งโครงการที่จังหวัดใกล้เคียงกัน มารู้ตอนนั้นเองว่าเธอเป็นทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่...ช่างบังเอิญเข้ากันได้ดีกับคนทำงานอินทีเรียเสียจริง
“มองอะไร” เท่าฟ้าถามคนที่เอาแต่จ้องหน้าตัวเองหลังจากพลอยขับรถออกไปแล้ว
“ผมทานข้าวได้รึยังครับ”
เท่าฟ้ายิ้มขำ ดูก็รู้ว่านัยน์ตาใสแจ๋วเหมือนเด็กน้อยนี่ต้องการคำตอบแบบบไหน “จะรออะไรอยู่ล่ะ”
ข้าวผัดที่ทั้งเย็นทั้งแข็งไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนหิวโซที่เดิมทีก็ไม่ได้ทานยากทานเย็นอะไรอยู่แล้วอย่างชิโนรส สองแก้มพองอูมเพราะเจ้าตัวเร่งยัดอาหารเข้าปากแต่เคี้ยวไม่ทัน
“ทานช้า ๆ อย่ามูมมาม” เสียงทุ้มเอ่ยดุ
ชิโนรสรีบเคี้ยวรีบกลืนก่อนเอ่ยขอโทษออกมาเมื่อข้าวหมดปากแล้ว
“คุณชีน”
“ครับ” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรับข้าวคำใหม่เข้าปาก ไม่ทันคิดว่าจะสำลักเพราะคำถามต่อมาจากคนตรงหน้า
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า”เท่าฟ้าเชื่อว่าตนฟังไม่ผิด ในตอนที่ได้ยินเสียงเรียกตนเองว่า ‘พี่ฟ้า’ เมื่อครั้งกำลังจะเหยียบเศษแก้ว ไม่ได้มีแค่เสียงของหญิงสาวแน่!!
TBC.
-------------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ
ด้วยรักและขอบคุณ
ธัญญ์