คนไม่มี ‘สิทธิ’
ตอนที่ 5
‘ขอเบอร์ได้ไหมครับ’
‘หือ ทำไมต้องขอละครับ ในใบสมัครก็มีนี่’
‘ถ้าอยากติดต่อเรื่องงานพี่คงไปหาจากใบสมัครแล้ว...ไม่มาขอเองแบบนี้หรอก’
‘ละ แล้ว...ขอไปทำไมละครับ’
‘อยากคุยด้วย เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับละครเวที’
‘เช่นเรื่องอะไรเหรอครับ’
‘ก็เรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป เรียนเป็นไงบ้าง เมื่อเช้าทานอะไรมา แล้วเย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี หรือแม้แต่…’
‘โอเคครับ!’
‘ชีนหมายถึง?’
‘ผม...อยากให้พี่ฟ้าช่วยคิดเมนูอาหารมื้อเย็น...และมื้ออื่น ๆ ของเราครับ’
ชิโนรสถอนหายใจทิ้งเป็นรอบที่สามในช่วงเช้า
คุณเท่าฟ้าหายไปสามวันแล้วหลังจากส่งพิซซ่ามื้อนั้นมาให้โดยทิ้งดอกซ่อนกลิ่นเอาไว้ให้ดูต่างหน้าในเช้าวันนี้พร้อมคำอธิบายที่บอกให้เขาทำงานล่วงหน้าไปก่อนโดยใช้แรงบันดาลใจจากมันซึ่งเป็นดอกไม้ที่คุณพลอยเธอชอบ
ความฉงนที่ตกค้างจากพิซซ่าถาดนั้นกำลังตีกันยุ่งเหยิงกับดอกไม้ช่อนี้ ถ้าการสั่งพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนมาให้เขาคือความตั้งใจ นั่นเท่ากับว่าเท่าฟ้าจำเขาได้อย่างแน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การส่งดอกซ่อนกลิ่นมาให้ถึงโต๊ะคงเป็นเพราะอยากฆ่าเขาให้ตายอย่างเลือดเย็นที่สุด
ใช่...เขาแพ้เกสรดอกไม้ชนิดนี้
แต่เท่าฟ้าจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
หรือแท้จริงแล้วพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนนั่นก็แค่ความธรรมดาที่อีกฝ่ายต้องการแกล้งเขาให้ได้รับสิ่งที่ด้อยกว่าคนอื่น ๆ ก็เท่านั้น...ไม่ได้เป็นความพิเศษอย่างที่หลงคิดไปเอง
“เห้ยพี่! จะทำอะไร” ชิโนรสร้องเสียงหลงเมื่อปอถือช่อดอกไม้เดินออกไปจากโต๊ะหลังจากที่สละเวลามาถ่ายรูปและวิดีโอดอกไม้ช่อนั้นแบบทุกซอกทุกมุมตามที่เขาร้องขอความช่วยเหลือแล้ว
“ทิ้งดิ ก็มึงแพ้อ่ะ จะให้วางไว้ทำซากอะไร”
“มะ…ไม่ต้องพี่ วางไว้แถว ๆ นี้ก่อนก็ได้”
ปอหันมองรอบตัวก่อนหันกลับมามองช่อดอกไม้ในมือ นิ่งคิดพิจารณาไม่กี่วินาทีก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า “รกเปล่า ๆ”
“วางไว้เถอะหน่าพี่” ถ้าไม่ติดว่าเข้าใกล้แล้วอาจถึงตายได้เขาก็คงจะเข้าไปยื้อมันไว้ด้วยตัวเองแล้วเพราะกลัวอีกฝ่ายจะใจเร็วรีบทิ้งเสียก่อน
“วางไว้ทำไม แค่นี้ละอองมันก็ลอยฟุ้งในอากาศพอละ ไหนจะแอร์นี่อีก เดี๋ยวมึงก็หายใจเข้าไปอยู่ดี”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งพี่ วางไว้เถอะ เผื่อผมดูรูปแล้วคิดงานไม่ออก หันไปมองของจริงคงคิดได้มากกว่า”
ปอนิ่งคิด
“วางไว้เถอะพี่ เผื่อผมอยากใช้ประโยชน์จากมันเพิ่ม” หนุ่มรุ่นน้องย้ำอีกครั้ง
ปอมองหน้าคนพูดสลับกับช่อดอกไม้ในมืออย่างพิจารณาอีกครั้ง “งั้นกูวางไว้ข้างนอก เกสรมันจะได้ไม่คละคลุ้งอยู่ในนี้”
ชิโนรสไม่รู้ว่าเกสรแกน ๆ ของดอกไม้ชนิดนี้จะฟุ้งกระจายในอากาศได้มากอย่างที่ปอกล่าวหรือไม่แต่เขาก็เออออตามใจอีกฝ่ายเพราะไม่อยากเซ้าซี้มาก
ดีไซน์เนอร์หนุ่มร่างเล็กนั่งมองดอกไม้ช่อนั้นจากระยะไกล รูปลักษณ์นั้นก็สวยบอบบางด้วยกลีบสีขาวราวน้ำนมเจือสีชมพูอ่อน ๆ ตรงปลายกลีบ ดูคล้ายผิวเนื้อนวลปลั่งของหญิงสาว กลิ่นหอมรัญจวนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ดูเหมือนว่ายิ่งห่างต้นจะยิ่งส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว
ทว่ามันคือดอกไม้งานศพ!
ผู้หญิงแบบไหนกันที่ชอบดอกไม้ชนิดนี้ ดอกไม้ที่เป็นเครื่องหมายของความโศกเศร้าและการพลัดพราก
หรือจะเล่นนัยยะกับชื่อดอก…
ซ่อนกลิ่นอย่างนั้นหรือ?
ชิโนรสนิ่งคิด สองจิตสองใจกับทางเลือกที่ต่างกัน หนึ่งคือจะออกแบบตามความหมายของมันซึ่งคงต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลอีกเล็กน้อย หรือออกแบบโดยอ้างอิงแค่รูปลักษณ์ภายนอกกับตัวตนของคุณพลอยที่เขามีโอกาสได้รู้จัก ซึ่งก็สัมผัสเจ้าหล่อนมาน้อยเหลือเกิน
เคาะปลายปากกากับพื้นโต๊ะอยู่สี่ถึงห้าครั้งอย่างใช้ความคิดก็ตัดสินใจได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ดีไซน์เนอร์หนุ่มต่อสายโทรศัพท์ภายในถึงหัวหน้าทันทีเพื่อขอช่องทางการติดต่อหญิงสาวที่เกี่ยวข้องกับงานนี้โดยตรง
[ไม่มีให้หรอกว่ะ เราดีลงานกับคุณเท่าฟ้า จะมีเบอร์คุณพลอยได้ยังไง มึงจะเอาไปทำไมวะ]
“ก็งานที่ทำอยู่มันเกี่ยวกับเธอโดยตรงอ่ะดิ ทำไงดีล่ะครับบอส...ถ้าขอเบอร์เธอจากเจ๊จะน่าเกลียดไหมอ่ะ เธอจะโอเคไหมวะ” ชิโนรสหมายถึงภรรยาคนสวยของเจ้านายที่สนิทสนมกับพลอยอยู่พอสมควร
[ไม่น่ามีปัญหาอะไรป่ะวะ เราติดต่อเรื่องงานนี่หว่า มึงไม่ได้โทรไปจีบเขาสักหน่อย]
ชิโนรสหัวเราะแห้ง
[แต่เขาอาจจะยุ่งกับการเตรียมงานรึเปล่า คุณเท่าฟ้าเองก็หายไปหลายวันไม่ใช่เหรอ]
“งานอะไรครับ”
[งานแต่งไงวะ เขากำลังจะแต่งกันอยู่แล้ว อะไรวะ ทำงานใกล้ชิดคุณเท่าฟ้ายังไงไม่รู้เรื่องเลย]
งานแต่ง…
‘จะว่ายังไง ถ้าผมจะบอกว่าผมสนใจคุณ’“ผ ผมเป็นใครกันล่ะ ทำไมเขาต้องมาบอกเรื่องส่วนตัวด้วย”
[แล้วเขาไม่บอกมึงเหรอว่าเขาเร่งให้บ้านเสร็จเร็วทำไม]
“เกี่ยวไรกัน...เดี๋ยวนะ”
[สกิลเสือกมึงต่ำมากนะไอ้ชีน ถ้าเป็นไอ้ปอนี่รู้นานละว่าเขาตั้งใจจะให้บ้านเสร็จก่อนงานแต่ง]
“ถ้าอย่างนั้น ผมยิ่งต้องรีบติดต่อคุณพลอยเลยใช่ไหมล่ะครับ เอาเป็นว่าผมฝากบอสด้วยแล้วกันนะครับ” แจ้งความจำนงให้คนฟังสับสนว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายออกคำสั่งได้แล้วก็รีบวางสายทันที นัยน์ตาคู่สวยกลับมาสนใจรูปดอกซ่อนกลิ่นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งทว่าคราวนี้ความคิดไม่ได้จดจ่อกับมันอีกต่อไป แต่กลับนึกถึงเรื่องที่ศุภกิจพูดทิ้งท้ายเอาไว้
‘เดี๋ยวผมจะทำให้ชอบเอง’คนที่เขากำลังจะแต่งงานเขาพูดแบบนี้กับคนอื่นอย่างนั้นหรือ เห็นแก่ตัวที่สุด ผู้ชายคนนั้นช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง ทำให้คนหลงรักแล้วพรากความหวังไปพร้อมความสุขในชีวิตได้อย่างเลือดเย็นเสมอ
ชิโนรสหลับตาพ่นลมหายใจยาว รู้ตัวว่าอีกไม่นานความทุกข์จะถูกคน ๆ เดิมยัดเยียดเข้ามาในชีวิตตนอีกครั้ง ได้แต่หวังว่าครั้งนี้จะไม่สาหัสเท่าครั้งก่อน ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอยกมือลูบแผลเป็นตรงโคนผมข้างขวาซึ่งถูกทิ้งไว้ให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่มีใครได้เห็นเพราะเขาจงใจใช้ผมหน้าม้าบดบังเอาไว้
ไม่อยากให้ใครเห็น รวมถึงตัวเองด้วย
“ชีน ไอ้ชีน!” ปอเรียกอยู่หลายครั้งทีเดียวกว่าชิโนรสจะรู้สึกตัว “เป็นไรวะ งานนี้ยากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อื้อ นิดหน่อยว่ะพี่”
กริ๊ง กริ๊ง
ไม่ทันได้ปรับทุกข์อะไรกับหนุ่มรุ่นน้อง โทรศัพท์ภายในของเจ้าตัวก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ปอได้ยินชิโนรสตอบรับแค่ไม่กี่คำก็วางสายด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิมจึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “มีไรวะ”
“งานผมแม่งยากจริง ๆ ด้วยว่ะ เจ้าของงานเธอไม่ว่างมาเจอผม”
“เห้ย ก็ออกแบบให้เขาไปก่อน ไม่ยากหรอก” ปอตบบ่าให้กำลังใจรุ่นน้อง “แค่เยอะ”
ชิโนรสหัวเราะแห้ง เห็นด้วยที่ว่าตนคงต้องออกแบบหลาย ๆ คอนเซ็ปท์ไปขาย “ก็คงงั้นแหละพี่”
“อย่าเพิ่งเครียดดิ เดี๋ยวเที่ยงนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน กูเลี้ยงเอง”
ชิโนรสยิ้ม พี่ชายร่วมงานคนนี้ใจดีกับเขาเสมอ “ไว้วันหลังนะพี่ เที่ยงนี้พี่ชิจะมารับอ่ะ”
ปอสั่นตัวสั่นศีรษะอย่างเข็ดขยาดเมื่อได้ยินชื่อนั้น เหตุการณ์ที่สร้างความรำคาญให้เขาในเย็นวันนั้นยังเป็นที่น่าจดจำจนไม่อยากจะเจอกันอีกเลย “โอเค ๆ ถ้าเขามาแล้วมึงรีบลงไปเลยนะ อย่าให้เขาขึ้นมา”
ชิโนรสหัวเราะร่วน ไม่เคยเห็นปอกลัวใครแบบนี้มาก่อนแม้กระทั่งกับเจ้านายเองก็ตาม “ขอโทษแทนพี่ชิอีกครั้งนะครับ”
“เออ ๆ”
เมื่อได้รับข้อความจากฮิโรชิว่าอีกห้านาทีจะถึงบริษัทแล้วชิโนรสก็รีบทำตามคำแนะนำของปอทันทีโดยไม่ลืมแกล้งอีกฝ่ายด้วยการรายงานเรื่องนี้ให้ทราบด้วยรอยยิ้มทะเล้นจนเกือบจะโดนเตะให้ก้นช้ำเสียแล้ว
ทั้งที่มีเวลาพักจากการถ่ายละครน้อยนิดแต่ฮิโรชิก็ยังเลือกภัตตราคารในโรงแรมหรูแทนที่จะเป็นร้านอาหารข้างนอกเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง
“ดีจังที่วันนี้ชีนว่างมากับพี่” ฮิโรชิพูดระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟแต่ชิโนรสรู้ว่าพี่ชายหมายถึงอะไรกันแน่
“ก็บอกแล้วว่าแค่งาน เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรือทุกวันหรอกครับ”
“ชีนรู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นห่วงมาก”
“ครับ”
“แล้วรู้ใช่ไหมว่าถ้าแม่รู้แม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน”
“รู้ครับ”
“พี่ว่าครั้งนี้แม่อาจจะพาเราหนีไปไกลจากเขาเลยนะ”
ชิโนรสรู้...และเพราะรู้อย่างนั้นถึงยอมให้คุณแม่ลินดารู้เรื่องนี้ไม่ได้ เขายังอยากเจอ ‘พี่ฟ้า’ ยังอยากอยู่ใกล้แม้ไม่มีสิทธิ์ได้ใกล้แล้วก็ตาม
ฮิโรชิไม่อยากใจร้ายพูดให้น้องไม่สบายใจ แต่เพราะเขาเป็นห่วงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดเตือนให้ตระหนักรู้สถานะที่แท้จริงของตน แม้ปากชิโนรสจะยืนยันว่าไม่มีทางกลับไปรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนั้นอีก แต่ก็ประมาทไม่ได้ ในเมื่อสี่ปีที่ไม่เจอกัน ผู้ชายที่ชื่อเท่าฟ้าคนนั้นก็ยังไม่หายไปจากใจของน้องเขาเสียที
“ขอบคุณคุณประสิทธิ์อีกครั้งนะครับที่วางใจให้ทางเราออกแบบเพนท์เฮ้าส์ให้ ผม…” เท่าฟ้าชะงักไปเล็กน้อยเมื่อบังเอิญหันไปเห็นใครบางคนเดินออกมาจากห้องอาหารของโรงแรมพร้อมกับพี่ชายคนสนิทที่ดูเหมือนจะกำลังตรงไปยังห้องน้ำ “...ผมขอลาตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ”
บอกลาลูกค้าเรียบร้อยแล้วก็ปลีกตัวออกไปยังห้องน้ำตามสองคนนั้นทันที เพียงแต่เขาเลือกที่จะยืนรอข้างนอกแทนการตามเข้าไปข้างในด้วย
เท่าฟ้ายืนพิงแผ่นหลังกับผนังทางเข้าด้วยท่าทีสบาย ยกสมาร์ทโฟนขึ้นต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อยเพื่อมองให้เห็นเงาสะท้อนของคนที่จะเดินออกมา เพราะอย่างนั้น ในตอนที่คนคู่นั้นเดินออกมา เขาจึงทำให้การพบกันหน้าห้องน้ำของพวกเขาเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างแนบเนียนทีเดียว
“อ้าวคุณ มาพักกลางวันถึงที่นี่เลยเหรอครับ แต่ดีจริง ๆ ที่เจอคุณที่นี่ ผมจะได้ไม่ต้องวกเข้าไปที่ออฟฟิศคุณอีก” เท่าฟ้าว่าด้วยสีหน้ายินดีเสียเต็มประดา ทว่าสีหน้าแววตาที่ดูดีใจเกินสมควรมันผิดปกติจนฮิโรชิคิดในแง่ดีไม่ได้เลยสักนิด
ชิโนรสเกลียดตัวเองที่ยอมรับว่ารู้สึกดีใจที่ได้เจอเขาหลังจากไม่เห็นหน้าเกือบสามวันเต็มแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บอาการไม่แสดงให้รู้และกลบมันเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ “ผมยังทำงานให้คุณไม่เสร็จหรอกนะครับ”
“อ้อ” ฮิโรชิเกลียดท่าทีเกินจริงของอีกฝ่าย มันทำให้เขาไม่อาจไว้วางใจอะไรผู้ชายคนนี้ได้เลย “ถ้าเสร็จแล้วก็อัจฉริยะเกินไปแล้วครับ”
“พวกเราขอตัวก่อนนะครับ” ฮิโรชิยอมเสียมารยาทเอ่ยขัดเพื่อให้ได้พาคนน้องออกจากที่ตรงนี้ และเท่าฟ้าคงยอมปล่อยให้ไปง่าย ๆ หากอีกฝ่ายไม่โอบเอวบางด้วยท่าทีเคยชินจนชวนหมั่นไส้แบบนั้น
“เกรงว่าคุณจะต้องกลับไปคนเดียวแล้วล่ะครับ คุณฮิโรชิ”
“อะไรของคุณ” เป็นชิโนรสที่ชิงถามขึ้นก่อนที่พี่ชายคนสนิทจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้
“คุณต้องไปทำงานกับผม ลืมไปแล้วเหรอว่าเวลาทั้งหมดของคุณเป็นของผม...ผมหมายถึงเวลางานน่ะครับ” เท่าฟ้าแก้คำด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเมื่อเห็นสีหน้าของคนฟังเริ่มเปลี่ยน
“...”
“เชิญครับ” เท่าฟ้าผายมือนำทางให้ชิโนรส คนตัวเล็กฟึดฟัดที่จำต้องยอมแต่ก็ไม่ขัดความต้องการทั้งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่เงินกับโทรศัพท์มือถือติดตัวอยู่เท่านั้น ต่างกับคนพี่ที่รั้งไว้ด้วยสายตาที่สื่อความหมายมากมายทว่าก็ไม่อาจฉุดอีกฝ่ายไว้กับตนได้
เท่าฟ้ายิ้มบาง ๆ ให้กับชัยชนะเล็ก ๆ ของตัวเองก่อนเดินตามคนตัวเล็กไปโดยไม่ลืมบอกลาฮิโรชิด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณจะพาผมไปไหนครับ” คนที่ยอมขึ้นมานั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคนอื่นเอ่ยปากถามเมื่อรถเคลื่อนออกจากโรงแรมแล้ว
“บริษัทของผม”
ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะพาตนไปที่ไหน ถ้าบริษัทที่หมายถึงคือบริษัทที่พวกเขาร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา คนเก่าคนแก่ที่นั่นจะต้องทำให้ความแตกอย่างแน่นอน และเขาไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ “แต่ผมไม่มีอุปกรณ์สำหรับทำงานเลยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง บริษัทผมมีครบทุกอย่าง”
“แต่...”
“ดอกไม้ที่ผมส่งไปให้เป็นยังไงบ้างครับ” แม้หงุดหงิดกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของอีกฝ่ายแต่เมื่อพูดถึงดอกไม้ ชิโนรสก็นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่ ผู้ชายคนนี้เคยนึกสงสัยบ้างไหมว่าเขารอดจากการแพ้มันมาได้อย่างไร หรือห่วงกันบ้างหรือเปล่าว่าเขาอาจจะล้มป่วยเพราะมัน...หรือแท้ที่จริงแล้ว ลึก ๆ กำลังคิดว่าทำไมเขาถึงยังไม่ตาย
ชิโนรสรู้ว่าถึงแม้ตนจะคิดอย่างนั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้กังวลถึงดอกซ่อนกลิ่นนั่นอย่างที่ตนกำลังคิด หวังให้เท่าฟ้าเพียงแค่ถามถึงงานของตนเท่านั้น
“ยากพอสมควรครับ ผมอยากรู้จักคุณพลอยให้มากกว่านี้ จะได้รู้ว่าควรเรฟฯ จากการลักษณะของดอกไม้หรือชื่อของมันกันแน่”
“ใช้ลักษณะ”
“หืม”
“สวย บอบบาง หอม อยู่ใกล้แล้วทำให้ทั้งชื่นใจและผ่อนคลาย แต่ก็แกร่ง...เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นแหละ”
ชิโนรสมองใบหน้าของคนที่กำลังบรรยายลักษณะของผู้หญิงที่ตนกำลังจะแต่งงานด้วย เขาสัมผัสได้ว่าเท่าฟ้ารักเธอมากจริง ๆ เพราะทั้งสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและสิเน่หาอย่างชัดเจน “เพราะอย่างนั้นคุณถึงรักเธอสินะครับ” กว่จะรู้ตัวว่าถามในสิ่งที่ไม่ควรออกไปก็งับปากตัวเองไว้ไม่ทันเสียแล้ว
เท่าฟ้าเหยียดยิ้ม “ไม่ใช่แค่รักหรอก หาคู่ชีวิตนะครับ ไม่ใช่แค่คู่ขาร่วมเตียง”
...คู่ชีวิต…
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นคู่ชีวิต คู่ชีวิตที่ไม่มี ‘สิทธิ’ อะไรเลย
โชคดีแล้ว...ที่เขาไม่ต้องตกอยู่ในสถานะนั้นอีก
...แม้จะยังต้องการอยู่ก็ตาม
ชิโนรสไม่ถามอะไรต่อและเท่าฟ้าเองก็ไม่ต่อความอะไร ทั้งสองต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองเงียบ ๆ โดยลำพัง ห้วงความคิดที่ทำให้ชิโนรสลืมไปเสียสนิทว่าตนกำลังกังวลกับจุดหมายปลายทางของรถคันนี้อยู่
กว่าจะรู้ตัวว่าติดอยู่ในอดีตเก่า ๆ นานแค่ไหนก็ตอนที่รถหรูเลี้ยวเข้าอาคารแห่งหนึ่งซึ่งต่างไปจากที่คิดไว้เสียแล้ว
ที่นี่ไม่ใช่บริษัทที่พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วยสองแรง เขาจำได้ ที่นี่คือตึกรัชกิจประการ บริษัทของตระกูล ตึกที่แสดงความโอ่อ่าของฐานะผู้ชายคนนี้ที่ทำให้รู้สึกว่าชื่อของเขาไม่ได้ใหญ่โตเกินไปเลยสักนิด
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม” ชิโนรสถามในตอนที่รถจอดสนิทเรียบร้อยแล้ว
“ไม่คิดจะถามก่อนเหรอครับว่าที่นี่ที่ไหน” เท่าฟ้าเลิกคิ้วมอง
“รัชกิจประการไม่ได้โนเนมในวงการออกแบบ” หรือจะให้จำเพาะกว่านั้นคงต้องบอกว่าออกแบบอาคารสถานที่
เท่าฟ้ายิ้ม ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เพียงแค่เดินนำทางอีกฝ่ายเข้าลิฟต์โดยสารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดเท่านั้น
ชิโนรสเดินตามร่างสูงสง่าไปตามโถงทางเดินมุ่งสู่ห้องทำงานของเจ้าตัวด้วยท่าทีหวาดกลัวอย่างคนที่รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะคนที่พาตนมา แต่เพราะความทรงจำในวันวานต่างหากที่ทำให้เขาไม่อยากย่างกรายเข้ามาที่นี่อีก
เท่าฟ้าหยุดยืนหน้าโต๊ะเลขาฯคนสวย ชิโนรสทักทายเล็กน้อยเพราะจำได้ว่าเธอคือคนที่ตามเท่าฟ้าไปคุยงานที่บริษัทเมื่อครั้งก่อนด้วย
“ผมรบกวนคุณยุ้ยจัดโต๊ะทำงานและของอื่น ๆ ที่คุณชิโนรสต้องการให้ด้วยนะครับ” สั่งงานเรียบร้อยแล้วคนเป็นผู้บริหารระดับสูงก็เดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปโดยไม่สนใจคนที่พามาด้วยเลยสักนิด
คล้อยหลังประตูห้องปิดลง รอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ ที่พามาด้วยใช่ว่าอยากอยู่ด้วยเสียที่ไหน เขาแค่หมั่นไส้พ่อพระเอกนั่นต่างหากเลยแกล้งจับแยกเสียนี่ แค่นึกถึงสีหน้าของคนแพ้แล้วก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ชิโนรสยิ้มแห้ง ไม่รู้จะขอโทษหญิงสาวอย่างไรกับความเดือดร้อนที่ตนนำมาให้ เพราะว่ากันตามตรงแล้วงานของเขาสามารถทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใกล้มือใกล้เท้าผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด แต่เธอก็ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนในการจัดการหาของทุกอย่างที่คาดว่าเขาต้องใช้ทำงานที่เจ้านายเธออ้างในการพาเขามาที่นี่
หนุ่มร่างเล็กใช้เวลาในการหาข้อมูลเกี่ยวกับดอกซ่อนกลิ่นเพิ่มเติมเพื่อฆ่าเวลาเพราะไอเดียเกี่ยวกับงานยังไม่เกิดด้วยเพราะอารมณ์หงุดหงิดในตัวเท่าฟ้ามีมากกว่าอารมณ์สุนทรีที่เหมาะแก่การทำงานศิลปะ ครั้นเมื่อได้ลงมือร่างแบบคร่าว ๆ จริง ๆ ก็ขีด ๆ ลบ ๆ อยู่หลายครั้งเพราะไม่มีสมาธิ เนื่องจากได้ยินเสียงของเท่าฟ้าที่ขยันออกจากห้องมาคุยงานกับเลขาฯ คนสวยอยู่หลายครั้ง
เลขานุการสาวเริ่มรู้สึกว่าเจ้านายของเธอแปลกไป นับเป็นครั้งที่สามในหนึ่งชั่วโมงนี้แล้วที่เขาเดินออกมาหาเธอด้วยเรื่องงานทั้งที่ปกติแล้วแค่โทรฯ ออกมาเท่านั้น แต่ช่วงบ่ายวันนี้กลับเดินออกมาหาเธอเองถึงโต๊ะ ไม่ว่าจะขอดูงานหรือสั่งงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม ทว่าสิ่งที่เธอไม่ทันสังเกตคือสายตาของเจ้านายที่มักจะมองเลยเธอไปยังดีไซน์เนอร์หนุ่มโต๊ะข้าง ๆ เสียมากกว่า
“คุณเท่าฟ้ามีอะไรก็โทรให้ดิฉันเข้าไปหาเองเถอะค่ะ” หญิงสาวชิงพูดขึ้นก่อนเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มเดินออกมาจากห้องอีกครั้ง
เท่าฟ้าปั้นสีหน้าไม่ถูกเมื่อไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไร ทำได้แค่บอกปัดว่าไม่มีงานอะไรแล้วก่อนจะหันไปหาดีไซน์เนอร์หนุ่มแทน “เชิญคุณชีนเก็บของเข้ามาทำงานในห้องผมด้วยครับ”
“ห๊ะ!” ชิโนรสมองหน้าตาตื่น
ทว่าเท่าฟ้าไม่พูดซ้ำ “รบกวนคุณยุ้ยช่วยเขาย้ายของด้วยนะครับ”
“บ้าอำนาจ” คนตัวเล็กบ่นพึมพำตามหลังคนที่ออกคำสั่งเสร็จแล้วก็กลับเข้าห้องไปทันที ก่อนจะยิ้มแห้งเมื่อเห็นสายตาที่มองมาของหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี้ “ผมหมายความว่าสั่งเก่งน่ะครับ”
เธอคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่าถือสาเธอเลยค่ะ”
โต๊ะทำงานของชิโนรสในห้องของเท่าฟ้าคือโซฟารับรองแขกตัวใหญ่ที่มีพื้นที่มากมายแต่ไม่สบายสำหรับลักษณะงานของเขาเลยสักนิด หนุ่มร่างเล็กเลิกสนใจข้อความมากมายที่ฮิโรชิส่งมาหาแล้ววางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ใช้เวลาก่อนเริ่มงานมองสำรวจไปทั่วห้องนี้ ชักจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็ก ๆ เพราะทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชายผู้เคยเป็นที่รัก แต่ถึงอย่างนั้นก็สำรวจอย่างถ้วนทั่วเกือบทุกมุมก่อนที่สายตาจะสบเข้ากับเจ้าของห้องที่มองมายังตนอยู่พอดี
“อะเอ่อ...” ชิโนรสตะกุกตะกัก ทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจับได้ว่าแอบสำรวจห้องคนอื่น “คุณบอกว่าพาผมมาเพราะมีงานต้องทำด้วยกัน”
“ก็งานที่คุณมีอยู่ไง ทำไปสิ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปทำที่ออฟฟิศ”
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าปิดหน้าจอแล็ปท็อปทันทีโดยไม่ลังเลเท่าฟ้าก็รีบกลับคำพูดตัวเองทันที “ผมมีงานให้คุณทำ” และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีสีหน้าไม่เชื่อกันจึงย้ำความตั้งใจอีกครั้งด้วยการบอกให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้
“ผมอยากให้คุณช่วยงานนี้”
ดีไซน์เนอร์หนุ่มชะโงกหน้าข้ามโต๊ะไปมองหน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นโมเดลสามมิติของเพนท์เฮาส์ไม่ใช่บ้านไม้ริมทะเลที่เป็นงานของตนโดยตรงก็รู้สึกฉุนขึ้นมา “นั่นใช่งานที่ผมต้องทำเหรอ ผมไม่ใช่อินทีเรียนะ”
“ช่วยผมออกแบบอย่างที่คุณถนัดก็ได้ ผมจ้างคุณโดยตรงเลย ไม่ผ่านบริษัท”
“ขอโทษด้วยครับ แต่ผมไม่รับงานเอง”
เท่าฟ้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแต่ไม่ละสายตาไปจากคนตัวเล็กกว่าเลยสักนิด “มาทำงานกับผมไหม”
“...” ชิโนรสพูดไม่ออก ไม่แม้กระทั่งจะโวยวายถึงความบ้าบอในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เพราะอดคิดถึงช่วงเวลาที่ทำงานด้วยกันไม่ได้
...บรรยากาศการทำงานที่อบอวลไปด้วยความสุขและความรักของเราสองคน...
“ผมพูดจริงนะ”
คล้ายเป็นถ้อยคำกระชากสติ ชิโนรสจุดยิ้มมุมปากก่อนย้อนกลับ “ที่นี่น่ะเหรอครับ” ไม่มีทางแน่ ต่อให้คิดจะแกล้งกัน เท่าฟ้าก็ไม่มีทางชวนเขามาทำงานที่นี่แน่
“หึ ผมไม่ค่อยได้ทำงานที่นี่นักหรอกครับ ที่ผมอยากให้คุณมาอยู่ด้วย ผมหมายถึงบริษัทรัชชิน”
รัชชิน...บริษัทที่พวกเขาตั้งขึ้นมาด้วยกัน
“ผมไม่ทำ” น้ำเสียงแน่วแน่และมั่นคงเกินกำลังตนยิ่งทำให้คนฟังอยากเอาชนะ “ผมจะกลับแล้ว”
เท่าฟ้ารีบลุกขึ้นยืนคว้าแขนคนที่หันหลังให้ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับอยากจากกันไปนัก “คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
ชิโนรสเลิกคิ้วมองแทนคำถาม
“ผมขอเบอร์คุณไว้ได้ไหม”
“ถ้าเป็นเรื่องงาน คุณติดต่อผ่านส่วนกลางของบริษัทหรืออีเมลได้เลยครับ”
“ถ้าอยากคุยนอกเรื่องล่ะ...เช่นเย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี” ใบหน้าหล่อแต้มยิ้มสนเท่ห์ชวนให้ใจเต้นแรงเหมือนในวันวาน ทว่าชิโนรสมีสติพอที่จะไม่ลุ่มหลงมันง่าย ๆ
“พอดีว่าผมไม่ต้องคิดเองครับ คุณแม่ผมจะดูแลเรื่องนี้ให้”
“...”
“อีกอย่าง ส่วนใหญ่แล้วเราก็ทำงานอยู่ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องโทรนี่ครับ”
เท่าฟ้ากระตุกยิ้ม “หมายความว่าคุณยินดีที่จะอยู่กับผมตลอดเวลา”
คนเด็กกว่าสูดหายใจ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “ผมยังไม่เห็นถึงความจำเป็นนั้นนะครับ”
“จำเป็นสิครับ...เพราะถ้าผมไม่เห็นหน้าคุณ ผมก็อยากจะรู้ว่าคุณเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ ผมถึงได้ขอเบอร์คุณไว้ไงครับ”
สองหนุ่มจ้องประสานตากันอย่างท้าทายก่อนที่คนน้องจะเป็นฝ่ายหลบ “ผมจะลงไปซื้อกาแฟข้างล่าง คุณอยากได้อะไรไหมครับ”
รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นมุมปากของร่างสูงเมื่อสัมผัสได้ถึงชัยชนะในครั้งนี้แต่ก็ยังอยากให้สุดกว่านี้จึงย้ำความต้องการเดิมอีกครั้ง “เบอร์คุณไง บอกไปแล้วนี่ว่าอยากได้เบอร์คุณ”
“ไม่มีให้ครับ” ชิโนรสพูดเสียงหนักแน่นที่ไม่ต่างจากแมวขู่ฝ่อ เท่าฟ้าเรียนรู้ว่าชิโนรสคนที่ยังยอมต่อปากต่อคำด้วยไม่ใช่ชิโนรสคนที่โกรธเป็นจริงเป็นจังอย่างที่แสดงออก
เท่าฟ้ายอมปล่อยให้ชิโนรสทำตามต้องการได้เมื่อเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เสียงเลขาฯ สาวดังเข้ามาแจ้งว่าเพื่อนที่เขานัดไว้มาถึงแล้วเขาจึงอนุญาตอัตโนมัติ กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนคนนั้นคือใครก็โทรฯ กลับไปห้ามไว้ไม่ทันเสียแล้ว
“ชีน น้องชีนใช่ไหม” คนมาใหม่ทักทายคนที่เจอทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด
“พี่ศร!”
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“มึงว่าอะไรนะ?” ธรรมศรหันมองหน้าเพื่อนและหนุ่มรุ่นน้องสลับกันไปมาด้วยความงงงวย “ทำไมจะไม่รู้จักวะ ก็--”
“เรารู้จักกันเพราะเคยเล่นละครเวทีด้วยกันครับ” ชิโนรสชิงตอบขึ้นเสียก่อนที่ธรรมศรจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกมา เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาตื้นลึกหนาบางขนาดไหน เพียงแต่ตนต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
“ละครเวที?...เรื่องไหน”
“ยังมีเรื่องไหนอีกละวะ ทั้งชีวิตมหา’ลัยกูก็เล่นให้คณะมึงแค่เรื่องเดียวเนี่ย”
“คุณก็เล่นด้วย?”
“...” ชิโนรสพูดไม่ออก ถ้าเป็นเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เกิดเรื่องใหม่ ๆ เขาคงปล่อยโฮออกมาแล้วเมื่อถูกกดดันแบบนี้
“แล้วทำไมเราไม่รู้จักกัน”
“...”
“ไม่สิ ผมความจำเสื่อมไปพักหนึ่ง ต้องถามว่าคุณไม่รู้จักผมเหรอ”
ชิโนรสกลืนน้ำลายหนืดลงคอ เกิดอาการน้ำท่วมปากไม่รู้จะพูดออย่างไรหรือควรเลือกทางไหน
“เอ่อ...ผมกำลังจะลงไปซื้อกาแฟข้างล่าง พี่ศรอยากได้อะไรไหมครับ” คนถามส่งสายตาร้องขอด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจและให้ความช่วยเหลือ
“ขอบคุณครับ แต่พี่ว่าพี่ลงไปซื้อเองดีกว่า...เดี๋ยวกูมานะ” ธรรมศรว่าในขณะที่วาดแขนขึ้นกอดคอหนุ่มรุ่นน้องอย่างสนิทสนม
“ไอ้ศร!” เจ้าของชื่อทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจน้ำเสียงกดต่ำที่ดังตามหลังแม้ว่าฟังจากน้ำเสียงก็รู้ในทันทีว่าเพื่อนกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ก็ตาม เขารู้ว่าที่เท่าฟ้าเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาให้ความช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้อง แต่เป็นเพราะแขนที่โอบกอดร่างเล็กนี้อย่างถือวิสาสะต่างหาก
TBC.
----------------------------------------------------
หายไปนานถึง 9 เดือน
ยังมีใครอยากอ่านไหมคะ
อ่านเถอะค่ะ ยังอยากแต่งงงงงง
ฝากด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ
ด้วยรักและขอบคุณ
ธัญญ์