---------------------
------------------
-------------
-------
---
ผ่านมาเป็นอาทิตย์หลังจากที่พวกเราสามพ่อลูกไปนอนคอนโดของไรอันวันนั้น จำได้ว่าวันนี้เด็กๆ มีนัดกับคุณหมอเพื่อฉีดวัคซีนโรคหัดกับคางทูมนี่หน่า ผมเลยจัดการปลุกเด็กๆ ให้ตื่นมาอาบน้ำ กินข้าว เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลงมาเตรียมสมุดฉีดวัคซีน
จำได้ว่าครั้งก่อนเก็บไว้ตรงลิ้นชักโต๊ะตัวนี้นี่หน่า
อ๊ะ!! เจอละ
"แอสตันครับ ออสตินครับ อยู่ไหนเอ่ย ป่าป๊าพร้อมนะครับ เราจะไปหาพี่สาวคนสวยกันแล้วนะครับ ออกมาหาป่าป๊าเร็ว"
"เอ้...เด็กดื้อไปหลบอยู่ไหนนะ" ผมแกล้งทำเป็นหาไม่เจอไปงั้นแหละครับ ความจริงก็พอรู้อยู่หรอกว่าแอบอยู่หลังประตูกัน เพราะเห็นเท้าเล็กๆ ของใครสักคนนี่แหละโผล่ออกมา
ผมเลยค่อยๆ ย่องไปช้าแล้ว "แบร่..... เจอแล้ว...อยู่นี่เอง" สองแสบตกใจ ทำตาโต คงคิดว่าผมคงหาไม่เจอแล้วแน่ไง
"มาครับ ไม่เล่นแล้ว เดี๋ยวพี่สาวคนสวยจะรอ" สองหน่อไม่ขยับตัวออกมาเลย บทจะงอแงก็งอแงเสียจนไม่รู้จะทำยังไง
"ป่าป๊าฮับ แอสตัน กับออสตินไม่อยากไปหาพี่สาวคนสวยฮับ" เด็กๆทำหน้าหงอย
"ทำไมครับ ไหนลองบอกป่าป๊าสิ"
"เพราะ พี่สาวคนสวยทำให้แอสตัน กับออสตินเจ็บตรงนี้ๆ" เด็กน้อยชี้ตรงก้น
"แต่ถ้าแอสตัน กับออสตินไม่ฉีดยา ก็จะป่วยบ่อยนะครับ เล่นน้ำก็ไม่ได้ เล่นสะพานลื่นก็ไม่ได้ แถมยังต้องกินยาขมๆ อีก จะเอาแบบนั้นเหรอครับ"
เด็กๆ ส่ายหัว แต่ก็ยังไม่ยอมถอยห่างจากซอกประตูเลย พอดีกับเสียงกริ่งที่หน้าบ้านดังขึ้นพอดี ผมเลยบอกให้เด็กๆ อยู่ตรงนี้ก่อน แล้วเดินลงไปเปิดประตูให้ไรอันเข้ามา
วันนี้เจ้าตัวแต่งตัวสบายๆ ด้วยเชิ้ตสีขาว กับกางเกงยีนส์สีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาวตุ่นเข้ากับเสื้อ
ส่วนผมน่ะเหรอก็ใส่คล้ายๆ กันนะ เสื้อเชิ้ตยี่ห้อเดียวกัน ตัวนี้พี่ธันซื้อให้ตอนปีใหม่ปีที่แล้ว แต่ทำไมผมใส่แล้วมันไม่ดูดีแบบนั้นวะ ดูเหมือนคนตัดอ้อยกลายๆ
"มารับเด็กๆ ไปฉีดวัคซีน" ผมรู้แล้วครับ เพราะเมื่อวานผมนี่แหละเป็นคนบอกเขาเองว่า วันนี้เด็กๆ ต้องไปรับวัคซีน ถ้าอยากไปด้วยก็ให้มาหาที่บ้านตอน 8 โมง เพราะหมอนัดตอน 9 โมงครึ่ง
"เด็กๆ อยู่ไหน?"
"กำลังงอแงอยู่ในห้องครับ คุณลองเข้าไปคุยกับพวกเขาดูสักหน่อยไหม?" ผมหมดหนทางจะกล่อมละ บอกตรงๆ ไม่ว่าจะเอาอะไรมาล่อก็งอแงลูกเดียว เป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว พอบอกว่าจะพาไปหาคุณหมอคนสวย ก็ส่ายหัวปฏิเสธทันที แล้วก็หนีไปหลบอยู่ในห้องเลย
หายเข้าไปไม่ถึงห้านาที แอสตัน กับออสตินก็ถูกอุ้มออกมาคนละข้าง ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง สงสัยคงจะอ้อนแดดดี้ของพวกเขาเสร็จแล้ว พูดก็พูดเลยนะ ตั้งแต่มีแดดดี้นี่นะ รู้สึกว่าลูกผมจะขี้อ้อนขึ้นเยอะเลย หัวเล็กๆ กับผมสีน้ำตาลเข้มกำลังซบอยู่ที่บ่ากว้าง เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว
ข้าวของอะไรก็เตรียมเสร็จหมดแล้ว ผมเลยถือตะกร้าเดินนำออกไปก่อนเลย จากนั้นก็ปล่อยสามพ่อลูกเขาอุ้มกันขึ้นรถตามมา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงแผนกกุมารเวช ของโรงพยาบาลxxxxx เลยเวลานัดไปนิดนึง แต่ก็นะ ต้องเข้าใจสภาวะรถติดของกรุงเทพมหานคร แถมเด็กๆ ก็ยังไม่ให้ความร่วมมืออีก
เจ้าตัวยุ่งสองคนทำหน้าตาเลิกลักทันทีที่ได้ยินเสียงเด็กคนอื่นร้องไห้จ้า อุตส่าห์อดทนไม่ร้องไห้ตั้งแต่อยู่บ้าน จะมาร้องตอนนี้ไม่ได้นะครับสองแฝด อายเขา!!
เด็กฝรั่งฝาแฝดสองคนพากันมองเด็กคนนั้นทีคนนี้ที จะร้องตามแหล่ไม่ร้องแหล่อยู่แล้ว ไรอันเลยพาออกมายืนตรงมุมตู้ปลา แล้วพูดอะไรไม่รู้กันอยู่สามคนพ่อลูก จนเด็กๆ พยักหน้าแล้วหยุดเบ้ปาก เห็นอย่างนั้นผมเลยเดินเข้าไปติดต่อกับฝ่ายทะเบียน แล้วยื่นใบนัดให้คุณพยาบาลดู
วัคซีนที่เด็กๆ มาฉีดวันนี้คือวัคซีนพื้นฐาน หรือวัคซีนจำเป็นที่ต้องฉีดให้ตามตารางจนกว่าอายุจะครบ 15 ปี ส่วนวัคซีนเสริมที่พ่อเขาจะให้ฉีดด้วยนั้น ถามว่ามันจำเป็นไหม คุณหมอบอกว่าไม่จำเป็น ไม่ฉีดก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าสามารถฉีดเพิ่มได้ก็จะดี เด็กๆ จะได้ไม่เจ็บป่วยง่าย เพราะเด็กมีภูมิคุ้มกันแล้ว
ก่อนอื่นเด็กๆ ต้องไปชั่งน้ำหนัก กับวัดส่วนสูงก่อน ผมจูงแขนแอสตัน ส่วนไรอันก็จูงแขนออสตินไปตรงเครื่องชั่งน้ำหนัก
แอสตันชั่งได้ "15 กิโล" จากนั้นก็ตามด้วยน้ำหนักของแฝดคนน้องอย่าง ออสติน ซึ่งพ่อเขาอุ้มวางลงบนตราชั่งเองกับมือ
"14.5 กิโล" ก็ไม่ต่างกันมาก ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
พอชั่งน้ำหนักเสร็จผมก็จัดการวัดส่วนสูงให้เด็กๆ มันจะเป็นที่วัดส่วนสูงแบบแผ่นกระดาษสติ๊กเกอร์ลายน่ารักๆ อย่างคุณยีราฟที่ติดอยู่กับฝาผนัง จากนั้นเราก็เอาไม้บรรทัดหรืออะไรทาบลงกับหัวเด็ก แล้วก็ดูตามส่วนสูงตามแผ่นสติ๊กเกอร์นั่นเลย
"วัดส่วนสูงก่อนนะครับลูก จะได้รู้ว่าตัวโตแค่ไหนแล้ว ใกล้จะเป็นหนุ่มเหมือนป่าป๊าแล้วรึยัง"
"เอ้ายืนตรงๆ ก่อนครับ อย่ากระดุกกระดิก" ซึ่งเป็นไปได้ยากที่สองหน่อจะอยู่นิ่ง
"โอ้ออสตินดูสิครับ แอสตันสูงขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ 101 เซนติเมตรแล้ว ไหนออสตินลองมาวัดดูสิครับว่าจะสูงกว่ารึเปล่า"
"101 เซนติเมตรเหมือนกัน โตเร็วนะเนี๊ยะทั้งสองคนเลย"
นั่งรอไม่นานคุณพยาบาลก็เรียกชื่อ "ด.ช. อติวัณณ์ และ ด.ช. อติวิชญ์ พัฒนสกุลค่ะ (นามสกุลผมเอง ซึ่งมันยังคงเป็นแบบนั้น เพราะไม่ได้ไปแจ้งฝ่ายระเบียนว่าเปลี่ยนนามสกุลแล้ว แต่ผมว่าคงไม่จำเป็นหรอกมั้ง)"
ผมอุ้มแอสตันเข้าไปห้องตรวจก่อน แล้วให้ไรอันอุ้มออสตินรออยู่ที่หน้าห้องตรวจเลย จากนั้นคุณหมอ หรือกุมารแพทย์ก็ใช้แอลกอฮอลเช็ดตรงสะโพก พอเข็มจิ้มลงไปที่เนื้อนุ่มๆ ปุ๊บ แอสตันตกใจน้ำตาคลอนิดหน่อย แต่ก็ไม่ร้องแหะ ผมนี่ลุ้นแทบตาย ดีแล้วครับที่ไม่ร้องเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่งั้นคงต้องปลอบกันอีกนาน หลังจากนั้นก็เป็นคิวของพ่อหนูน้อยออสตินต่อ
พอออกจากห้องมาเจ้าตัวแสบก็ไม่มีทีท่าว่าจะร้องเลยสักแอ๊ะ แค่ตาแดงๆเฉยๆ สงสัยคงได้กำลังใจดีจากพ่อของเขา
"เก่งมากเลยครับเด็กดีของป่าป๊า" หัวทุยของสองแฝดถูกหอมไปคนละทีเพื่อเป็นการปลอบใจ ไม่แปลกหรอกครับที่เด็กๆ จะร้องไห้กัน ขนาดผู้ใหญ่ตัวโตๆ อย่างผมยังกลัวเลย
สมุดพกเล่มเล็กของเด็กๆ เขียนว่า วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 2 (คือพวกเขายังไม่ได้ฉีดตอนอายุ 2 1/2 ปี เพราะวันที่นัดฉีดนั้นสองหน่อไม่สบายพอดี ผมเลยขอเลื่อนคุณหมอออกไปก่อน)
"แดดดี้ฮับแดดดี้ สวนสัตว์มีสิงโตสีขาวไหมฮับ?"
"อื้ม มีเสือดำด้วย"
"เย้......... / เย้.........."
"เดี๋ยวก่อนนะครับ...เกี่ยวกับไรกับสิงโตกับเสือดำครับเด็กๆ"
"เราจะไปสวนสัตว์กันไง" ไรอันตอบแทนลูก
"งั้นที่เด็กๆ ไม่ร้องไห้ตอนฉีดยาเมื่อกี้ เป็นเพราะว่าคุณบอกว่าจะพาพวกเขาไปสวนสัตว์งั้นเหรอ?"
"อื้ม"
"แต่ผมไม่ได้เตรียมหมวกอะไรมาให้เด็กๆ เลยนะ เกิดแดดร้อนแล้วไม่สบายขึ้นมาจะทำไง?" ไม่ต้องว่าถ้าเกิดแดดร้อนหรอก มันร้อนอยู่แล้วประเทศไทยน่ะ แถมเพิ่งฉีดวัคซีนมาผมกลัวเด็กๆ จะไม่สบาย
"เดี๋ยวไปซื้อเอาข้างในก็ได้"
"คุณนี่นะ ชอบสปอยลูกจนเกินไป ถ้าเด็กๆ ดื้อขึ้นมาแล้วเอาไม่อยู่ อย่ามาโทษผมนะ"
ใช้เวลาฝ่ารถติดไปอีก 1ชั่วโมง และแล้วตอนนี้พวกเราก็มาถึงสวนสัตว์แล้ว จ่ายเงินค่าเข้าชมเสร็จสรรพ ผมก็มองหาร้านขายของที่ระลึกทันที เพราะแถวนั้นน่าจะมีหมวกแก๊บใบเล็กๆ ให้สองแฝดใส่กันแดดกัน
'อ๊ะนั่นไง'
"คุณ เดี๋ยวคุณไปซื้อน้ำให้เด็กๆ หน่อยสิ เผื่อเด็กๆ กระหายน้ำ เดี๋ยวผมจะพาพวกเขาไปดูหมวกแก๊บตรงโน้น" ผมชี้ไปที่ร้านตรงจุดขายของที่ระลึก
"อะ" เขายื่นเงินมาให้
"ไม่เอา ผมจะใช้เงินของผมซื้อให้ลูกบ้าง ถึงไม่ได้รวยเหมือนคุณก็เหอะ" พูดจบผมก็จูงแขนเด็กๆ ออกไป ไม่ได้หยิ่งนะ แต่ช่วงนี้เขาจ่ายค่านั่นค่านี่ ซื้อนั่นซื้อนี่ให้เด็กๆ เยอะแล้ว วันก่อนก็ซื้ออ่างพลาสติกที่เอาไว้แช่น้ำให้เด็กๆ ส่วนเมื่อวานก็ชุดใหม่ให้เด็กๆ ตั้ง 5-6 ชุด แต่ละชุดก็ใช่จะถูกๆ แบรนด์เนมทั้งนั้น ไหนจะรองเท้า กับของเล่นอีก
"เด็กๆ ครับเอาใบไหนดี แบบนี้ หรือแบบนี้?" ความจริงมันก็มีอยู่หลายแบบนะ แบบธรรมดาที่ผมหยิบออกจากที่แขวนมา กับแบบที่มันเป็นหัวสัตว์ต่างๆ เช่นเสือ สิงโต หรือช้าง
"แอสตันจะเอาอันนี้" ชี้ไปที่หมวกที่มีหน้าเสือโคร่งติดอยู่ข้างบน
"ออสตินเอาอันเน้....."
สรุปหมวกที่เด็กๆ ซื้อมาก็คล้ายๆกัน จะต่างกันก็แค่ ของแอสตันเป็นเสือโคร่ง ส่วนของออสตินเป็นเสือขาวแค่นั้นเอง
ผมก็ว่ามันน่ารักดีนะ เหมาะกับเด็กดี
"โอเค ไหนลองสวมดูสิว่าจะใส่ได้รึเปล่า?" ผมเอาหมวกวางลงกับหัวของสองหน่อ แล้วขยับนิดขยับหน่อย ปรับที่เลื่อนให้มันพอดีกับหัวน้อยๆ แล้วก็เป็นอันเสร็จ
"ปะ..ไปจ่ายเงินกันครับ"
"ทั้งหมด 2 ใบ 518 บาทค่ะ" ผมพยักหน้าให้คนขายแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าออกมาจ่าย
"ไปกันครับเด็กๆ แดดดี้รอแล้ว" ฝรั่งหนึ่งเดียวยืนตากแดดรออยู่ตรงหน้าร้านแล้วครับตอนนี้ คงคิดว่าจะตากแดดให้ผิวแทนขึ้น หรือไม่งั้นก็กำลังอ่อยแม่สาวน้อยพวกนั้นแน่ๆ
"มาให้ป่าป๊าถ่ายรูปเสือน้อยหน่อยครับ" ผมให้เด็กๆ ยืนอยู่ตรงป้ายสวนสัตว์
"1 2 3 ยิ้ม" แชะ!!
"ทำมืองี้ แบบป่าป๊านี่ครับ" แล้วแอสตัน กับออสตินชูมือขึ้นสองนิ้วตามที่ผมทำเดะเลย
"คุณ!!" ผมเรียก "อยากถ่ายรูปกับเด็กๆ ไหม?"
ผมอาสาให้ เพราะผมกับลูกถ่ายด้วยกันบ่อยแล้ว แต่ไรอันคงยังไม่ได้ถ่ายกับสองแฝดเลยสักรูปตั้งแต่เจอกัน
"ไปสิคุณ ไม่ต้องเขินหน่า" ผมผลักเจ้าตัวเบาๆ ให้ไปยืนใกล้ๆ เด็กๆ
"ยิ้มหน่อยสิ ถ่ายรูปกับลูกนะคุณ ไม่ได้ถ่ายบัตรประชาชน" แค่นี้ก็ต้องให้บอก
"นี่ยิ้มอย่างนี้" ผมฉีกยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดให้ จนเจ้าตัวกระตุกยิ้มที่มุมปากตาม แต่ผลที่ได้รับคือ
"ตลก!!" อะไรคือความดีงาม คนอุตส่าห์ช่วย แบบนี้เขาเรียกทำคุณ บูชาโทษชัดๆ
เอ่อใช่สิ ผมทำอะไรก็ดูไม่ดีอยู่แล้วนิ แล้วไง..ใครแคร์ล่ะ??
กดถ่ายไปสองสามช็อต แล้วก็ถ่ายเด็กๆ ต่ออีกนิดหน่อยจนพอใจ จากนั้นพวกเราก็เริ่มเคลื่อนพล เดินเข้าไปใช้บริการรถรางต่อ เหตุผลที่ใช้รถรางเพราะ ไม่มีปัญญาเดินครับ มันกว้างเกิน ขืนเดินสิ มีหวังขาลากแน่
พวกเราเดินดูตั้งแต่กรงเสือโคร่ง เสือชีตาร์ พูม่า เสือขาว ไปจนถึงสิงโต แล้วก็ตามด้วยสิงโตขาว ช่วงนี้เสือขาว กับสิงโตมันตกลูก อย่างละสองตัว เด็กเลยตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกตัวน้อยๆ ของมัน ปกติเคยเห็นแต่ในทีวีตามสารคดี แต่ตอนนี้เห็นของจริง เด็กๆ เลยชอบใจกันใหญ่เลย
"ป่าป๊าฮับป่าป๊า แอสตันไม่เห็น ป่าป๊าอุ้ม" คือผมก็อยากอุ้มนะ แต่เมื่อกี้ไม่รู้ว่าก้มลงอุ้มเด็กๆ ผิดท่าหรือว่ายังไงไม่รู้ หลังเลยเคล็ด ตอนนี้จะขยับตัวยังยากเลย ลำบากจริงเกิดเป็นไอ้เติร์กเนี๊ยะ!!
"ไหวไหม?" ไรอันถาม
"ไหวววววว" ผมยักคิ้วให้ แล้วก้มลงอุ้มแอสตัน "โอ๊ยยยยย!!" เชี่ยๆ เจ็บ ซี๊ดดดดดด
"มาผมอุ้มให้...ทั้งสองคนเลย" บอกเลยว่าเสียหน้าชิบหาย อุตส่าห์จะโชว์ความแมนให้เด็กๆ ดู แต่ที่ไหนได้หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ความแมนที่ไอ้เติร์กสะสมมาตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา พัง พังไปหมดแล้ว
'ไอ้หลังนี่ก็นะ จะเจ็บวันไหนก็ไม่เจ็บ ดันมาเจ็บวันนี้ซะได้' คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย แต่ทำอะไรไม่ได้
"งั้นผมถือกระเป๋ากับน้ำดื่มพวกนี้ให้"
"ไม่เป็นไร เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!!" ผมตะหวัดมองคนพูดอย่างรวดเร็ว ดีหน่อยที่เขาไม่ได้มีเจตนาเยอะเย้ยหรืออะไร แต่ก็นะผมก็ผู้ชายคนหนึ่งไง จะให้เอาเปรียบคนอื่น ไอ้เติร์กทำไม่ได้!!!
"เอามาเหอะหน่าคุณ กระเป๋านั่นไม่ได้หนักอะไรมาก ผมไม่ได้อาการสาหัสเหมือนโดนสิบล้อทับสักหน่อย" เขาเหลือบมองนิดๆ แล้วส่งกระเป๋าเป้ให้
"แดดดี้ฮับ ลูกมันอยู่ตรงโน้นนน" ออสตินชี้ไปที่ลูกเสือขาวที่กำลังเล่นกันอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่
"ไหนแอสตันไม่เห็น แดดดี้ฮับแอสตันไม่เห็น" ไรอันเลยพาเด็กๆ ขยับเดินเข้าไปอีกนิด ให้มันตรงกับโขดหินที่มันหลบอยู่
"ตรงโน้นก็มี" ผมชี้ ส่วนเด็กก็มองตาม ตาสีเขียวเทาสอบคู่เบิกโตขึ้นอีก
"The lions" แอสตันส่งเสียง เด็กๆ รู้จักครับตัวนี้ เพราะในหนังสือนิทานก็มี เรื่องเดอะไลอ้อน คิง ไงครับ เด็กๆ มีทั้งสมุดภาพระบายสี แล้วก็สมุดนิทานเรื่องนี้ด้วย
"ใช่ครับ เดี๋ยวเราจะไปดูทีโมน กับพุมบ้ากัน แต่ทีโมนนี่คือตัวอะไรนะครับ บอกป่าป๊าหน่อยสิครับ บอกให้แดดดี้ก็ได้เผื่อแดดดี้ไม่รู้จัก"
"ทีโมน คือ หมานายฮับแดดดี้ ส่วงพุมบ้าคือ หมูมีเขี้ยว อย่างนี้!!"ออสตินพูดเสียงสูง แล้วใช้มือทำเขี้ยวให้เหมือนเจ้าพุมบ้าในตัวการ์ตูน
"หึๆๆ" นี่ผมไม่ได้ตาฝาด หรือหูมีปัญหาใช่ไหมครับ เมื่อกี้ไรอัน ยิ้มแล้วก็หัวเราะเบาๆ พอเจ้าตัวเห็นผมมองอยู่ จากที่ยิ้มๆ เลยหุบยิ้มเฉยเลย
"ป่าป๊าฮับแอสตันหิวน้ำาา"
"ออสตินก็หิวววววว" ผมเลยเปิดน้ำที่ไรอันซื้อมาเมื่อกี้ให้สองหน่อกิน เสียงกินน้ำดังอึกๆๆ เด็กๆคงจะร้อนแล้วก็กระหายน้ำมาก ดูได้จากเสียงที่กิน
"เอานี่ของคุณ ผมเปิดให้แล้ว" เขาหันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่มีเก้าอี้ หรือโต๊ะให้เด็กๆ นั่งเลย
"แอสตันครับ ออสตินครับ ลงมาเดินเองก่อนไหมครับ"
"ม่าย / ม่าย" เด็กๆ ปฏิเสธแล้วเอาแขนรวบคอไรอันแน่นขึ้นอีก เห็นไหมครับ พอจะดื้อก็ดื้อจนไม่สนใจอะไร เป็นเพราะหมอนี่แหละที่ตามใจบ่อยๆ
"มาๆ ผมป้อนให้" ช่วยไม่ได้นี่หว่า
"เอ้ากินสิคุณ ไม่ต้องทำซึ้งขนาดนั้น ผมเห็นแก่ที่คุณช่วยอุ้มเด็กๆ หรอก" ไรอันหันมาสบตา แล้วค่อยๆ ก้มลงดูดน้ำจากขวด
"ขอบคุณ"
"เออ...อื้ม" เหมือนร้อนๆ ที่แก้ม
"ป...ไปครับเด็กๆ เราไปดูเพื่อนๆ ของซิมบ้ากันดีกว่า" ผมรีบเดินนำสามพ่อลูกนั้นออกมาก่อนเลย
ทำตัวไม่ถูกครับ แบบว่ามัน......ดูมุ้งมิ้งไปนิดนึง
"ป่าป๊าฮับ เพื่อนของซิมบ้าอยู่ตรงโน้นนนนฮับ"
"อ้าวเหรอ แหะๆๆ" หน้าแตกอีกแล้วไหมล่ะ
กรงนี้เป็นสัตว์จำพวก หมาไน กับ สัตว์ตระกูลเสือ เช่น แมวลายหินอ่อน เสือปลา แล้วก็เสือไฟ ผมอ่านจากป้ายที่เขาติดไว้
"ร้อนไหมครับ?" ผมถามเด็กๆ แต่คนเป็นพ่อพยักหน้าด้วยนี่คืออะไร? คุณพระ!! บอกไอ้เติร์กที อย่าให้เติร์กคิดไปเอง ได้โปรดดดดด
ผมหยิบทิชชูจากกระเป๋า แล้วเช็ดให้เด็กๆ ตามขมับ ตามหน้า จากนั้นก็ว่าจะเก็บเข้ากระเป๋าอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นสายตาสีเขียวอมเทาอีกคู่มองตามตาละห้อย
ผมมองทิชชูในมือ สลับกับฝรั่งตรงหน้าที่มีแต่เหงื่อเม็ดโตๆ อยู่เต็มไปหมด ไหนจะอกเอย อะไรเอยก็เปียกชุ่มไปหมดแล้วตอนนี้ น่าสงสารจริงพ่อคู้ณ!!
'เอาวะ คิดซะว่าเช็ดก้นให้ลูกละกัน??"
"มือหนัก!!" ผมถลึงตาใส่ แล้วอยากบอกว่า 'เช็ดให้ก็บุญแล้วโว้ยยยย อย่าพูดมาก'
"Are you hungry?" ไรอันถามเด็กๆ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วถามว่าเด็กตอบได้ไหม
'หึ!!' จะไปตอบได้ไงเล่า ก็เพิ่งอยู่ด้วยกันได้ไม่ถึงเดือน แถมภาษาแม่ของเด็กๆ ที่พูดมาตั้งแต่เกิดก็เป็นภาษาไทยอีก โรงเรียนก็ยังไม่ได้ไป แอสตัน กับออสตินคงจะฟังเข้าใจหรอก
"แดดดี้พูดว่าอะไรนะครับเมื่อกี้ ไหนใครฟังออกบ้างยกมือขึ้น?" เด็กๆ เงียบกริบนอกจากนั้นก็มีส่ายหน้าประกอบ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า 'ไม่เข้าใจโว้ยยยยย' อันนี้ผมตอบแทนเด็กๆ
"เมื่อกี้แดดดี้ของแอสตัน กับออสตินถามว่า อาร์ ยู ฮังกรี้? แปลว่า หิวกันรึยังครับ ไหนลองพูดตามป่าป๊าสิครับพี่ อาร์-ยู-ฮังกรี้"
"อา ชู่ อังกี้" แอสตันพูด
"แล้วออสตินล่ะครับ ไหนลองพูดสิ ถามป่าป๊าหน่อยสิครับว่าหิวไหมครับเป็นภาษาอังกฤษ"
"อา ชู่ อังกี้" ผมเลยหันไปยักคิ้วถามพ่อฝรั่งของเด็กๆ ว่าแบบนี้ไหวไหมแบบนี้ เค้าก็ส่ายหัว
"เอาหน่าคุณ เด็กๆ เพิ่งจะสามขวบเอง ค่อยๆ สอนทีละคำ ทีละประโยคก็ได้ เพราะภาษาไทยบางคำเด็กๆ บางคนก็ยังพูดไม่ชัดเลย มันต้องใช้เวลา เดี๋ยวเข้าโรงเรียนคุณครูเขาก็สอนเองแหละ ส่วนอยู่บ้านคุณกับผมก็ค่อยๆ สอนพวกเขาไง" ผมอยากให้ลูกค่อยๆ พัฒนาเรื่องพวกนี้ไปทีละนิดดีกว่า ไม่อยากไปกดดันพวกเขา จากที่ว่าจะได้ กลัวว่าลูกจะกลัวไปเสีย เหมือนผมตอนเด็กๆ เวลาถึงชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษทีไร ก็จะชอบหนีเรียนบ้าง หรือแกล้งป่วยบ้าง เพื่อที่จะได้ไปนอนอยู่ในห้องพยาบาลจนหมดคาบเรียน เพราะถูกคุณครู กับครูพี่เลี้ยงกดดัน
"โอเค เก่งมากครับเด็กๆ สรุปหิวกันรึยังครับ ถ้าหิว ให้ตอบว่าเป็นภาษาอังกฤษยังไงนะครับ?"
"เยสสสสสส / เยสสสสส" สองหน่อพูดขึ้นพร้อมกัน เพราะผมเคยสอนแล้ว แถมมันก็ง่ายเนอะ สั้นๆ เอง
"เก่งมาก งั้นไปครับเราไปหาอะไรกินตรงร้านขายของตรงนั้นดีกว่าครับ เสร็จแล้วจะได้ไปดูปลาฉลาม กับนีโม่น้อยกันต่อ"
พวกเราเดินตรงเข้าไปตรงซุ้มขายของ ในสวนสัตว์แบบนี้ของขายก็ไม่เหมือนข้างนอกด้วยสิ ผมก็ลืมนึก เด็กน้อยสองคนเลยได้กินขนมคุกกี้บิสกิต กับคลับแซนวิชหมูหยองทูน่าแทน
"แล้วคุณล่ะ ไม่กินเหรอ?" ผมถามไรอัน "กินเหมือนผมไหม ผมจะไปซื้อฮอตดอกตรงมุมโน้น?" ไรอันพยักหน้า แล้วดึงอกเสื้อตัวเองขึ้นลง ให้ลมมันผ่านเข้าไป ตอนนี้เที่ยงกว่าๆ แล้ว ฝรั่งแบบเขาคงจะร้อนไม่น้อยเลยทีเดียว ขนาดผมยังร้อนจนแทบสุกเลย แถมแต่ละวันก็ทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์ พอมาเจออากาศแบบนี้เข้าเลยหมดสภาพเลย แต่ก็ยังถือว่าดูดีนะผมว่า แบบนี้ดูเซ็กซี่ดีออก เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนแนบเนื้อเห็นไปถึงไหนต่อไหน ถึงว่าแม่ค้าที่ขายแซนวิชเมื่อกี้ไม่มองเงินที่ผมยื่นให้เลย
หลังจากซื้อฮอตดอกเสร็จ ผมก็แบ่งให้แอสตัน กับออสตินคนละไม้ ส่วนพวกผมก็กินที่เหลือจากเด็กๆ นี่แหละครับ จัดการกับมื้อเที่ยงเสร็จก็นั่งรอรถรางที่จะพาเราไปอควาเรี่ยมต่อ ยังดีที่จุดรอรถมีร่มไม้ แถมลมก็พัดมาเป็นครั้งด้วย ดีกว่าตอนกินข้าวหน่อยนึง
"ป่าป๊าออสตินอยากกินไอติมตรงโน้นฮับ"
"แล้วแอสตันล่ะครับอยากกินไหมครับ"
"ฮับ" เจ้าตัวตอบสั้นๆ เพราะกำลังงอนอยู่ เรื่องมีอยู่ว่า สองพี่น้องเล่นกันนี่แหละครับ แต่เกิดทะเลาะกัน ออสตินเลยเอาของเล่นเขวี้ยงใส่พี่ เป็นรถแบ็คโฮลคันเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่ากำปั้นผมไปหน่อยนึง แต่มันก็หนักเอาเรื่องอยู่ไง เลยทำให้หน้าผากขวาของแอสตันโน ฟังถูกแล้วครับ หน้าผากของแอสตันสุดหล่อของเราโน กำลังจะเบ้ปากร้องไห้อยู่แล้วเชียว ถ้าไรอันไม่เอามือไปแตะปากแล้วบอกว่า
"ชู่วววววว ห้ามร้องครับ"
"เมื่อกี้ออสตินทำพี่เจ็บตัว รู้ไหมครับว่าต้องทำยังไง?" เจ้าตัวพยักหน้า แล้วทำท่าจะเบ้ปากร้องตามอีกคน แต่ผมไม่ยอมให้พ่อเขาเข้ามาปลอบไง คนทำผิดต้องขอโทษเป็น ไม่งั้นเด็กๆจะเสียนิสัย
"ว่าไงครับคนเก่งของป่าป๊า อย่าร้องนะครับ"
"ป่าป๊าไม่ได้ว่าออสตินสักหน่อย แค่จะถามเองว่าคนทำผิด แล้วต้องทำยังไง?" เจ้าตัวยุ่งขยี้ตานิดหน่อย แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาแฝดพี่
"ขอโทษฮับ...ดีกันนะ" เจ้าตัวส่งนิ้วก้อยออกไปง้อ
"น้องมาขอโทษแล้ว แล้วแอสตันล่ะครับหายโกรธน้องรึยัง" เจ้าตัวยืนมองแฝดน้องนิดหน่อยแล้วพยักหน้าเบาๆ
"ป่าป๊าบอกหลายครั้งแล้วใช่ไหมครับว่า เป็นพี่น้องกันต้องรักกัน ห้ามต่อยตีกัน ความแข็งแรงไม่ได้มีไว้รังแกคนอื่น แล้วมีไว้ทำไมครับ ไหนตอบให้ป่าป๊าชื่นใจหน่อยสิครับทั้งสองคน?"
"มีไว้ปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าฮับ / มีไว้ปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าฮับ"
"ดีมากครับ งั้นถ้าครั้งหน้าทะเลาะกันจนเจ็บตัวแบบนี้อีก จะยอมให้ป่าป๊าทำโทษใช่ไหมครับ?" สองหน่อพยักหน้า
"สรุปไม่โกรธกันแล้วนะครับ งั้นเราไปซื้อไอติมกันดีกว่าครับ เดี๋ยวรถรางจะมาแล้ว เร็วครับ" ผมจูงแขนออสติน ส่วนไรอันก็จูงแขนแอสตันที่ยังติดอ้อนคุณพ่อเขาอยู่
"เด็กๆ เอาแบบไหนครับ แบบนี้หรือแบบนี้?" ผมหยิบไอติมแท่งรสช็อกโกแลต กับไอติมสีแดงเขียวรูปแตงโมงผ่าซีกเป็นสามเหลี่ยมมาให้เด็กๆ ดู
"ออสตินเอาอันนี้ฮับ" เจ้าตัวชี้แล้วเอาลิ้นเล็กๆ เลียริมฝีปาก คงอยากกินเต็มแก่แล้ว ยิ่งร้อนๆแบบนี้ด้วยแล้ว กินอะไรเย็นๆ มันคือความฟินที่สุด ผมว่าผมเข้าใจนะ
"แล้วแอสตันล่ะครับ?"
"เอาอันนี้ฮับ" สองแฝดเลือกเหมือนกัน ผมเลยหยิบขึ้นมาอีกอันแล้วเดินไปจ่ายตังค์ จากนั้นก็จัดการแกะเจ้าไอติมรูปแตงโมออกจากซองให้เด็กๆ
"เดี๋ยวก่อน ป่าป๊าซื้อให้แล้วต้องทำยังไงก่อนครับ?"
"ขอบคุณฮับ / ขอบคุณฮับ" พอได้ไอติมคนละแท่ง เจ้าตัวก็จัดการเขมือบมันลงท้องเลยทันที ทั้งดูดทั้งเลียจนแก้มเลอะไปหมด ผมกับไรอันเลยจูงแขนพาไปนั่งกินตรงจุดที่รอรถราง วันนี้คุณพ่อคุณแม่คนอื่นก็พาเด็กๆ มาเที่ยวกันเยอะพอสมควรเลย ขนาดว่าไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์นะนี่
"โอ๊ะ!!" เสียงแอสตันอุทาน เพราะไอติมของเจ้าตัวตกลงกับพื้น
ผมกับไรอันเลยยืนมองว่าเจ้าตัวจะทำยังไงต่อ แต่ก็ไม่ทำยังไง ว้าเสียดายจังเลยนึกว่าจะได้เห็นพ่อหนูน้อยเป่าปี่อีกแล้วซะอีก แต่แล้วคนทำผิดเมื่อกี้ก็ยื่นไอติมของตัวเองมาให้ แล้วพูดว่า "ให้!!"
'ผมเข้าใจนะว่านี่คือการง้อเหรอออสติน?'
"ออสตินให้" เจ้าตัวยื่นไอติมที่ถูกกัดเหลือแค่ครึ่งเดียวให้แอสตัน แต่แอสตันกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
"น้องให้ ทำไมแอสตันถึงไม่เอาครับ?" ผมถาม
"ออสตินจะไม่ได้กิน" อ้อ หมายความว่าถ้าเจ้าตัวเอา แล้วน้องก็จะไม่ได้กินสินะ
"งั้นทำไงดีครับ?"
"แบ่งกันกินฮับ" ผมยิ้มจนไม่รู้จะยิ้มยังไง ไรอันก็ยิ้ม
ออสตินกัดไอติมหนึ่งคำก่อนจะยื่นให้แอสตันกัดหนึ่งคำ ป้อนกันอยู่อย่างนั้นจนหมด ความจริงมันก็เหลืออยู่ไม่เยอะแล้ว กัดกันคนละคำสองคำก็หมดแล้วล่ะครับ
"มาครับ มาล้างมือที่แด๊ดดี้ครับ เดี๋ยวมือเหนียว"
"ก้มลงอีกนิดนึงครับ เดี๋ยวกางเกงเปียก" พอล้างมือเสร็จรถรางสีชมพูลายสิงโตกับช้างสีฟ้าก็แล่นมาเทียบพอดี พวกเราเลยยกโขยงกันขึ้น พนักงานหรือคนขับก็เริ่มบรรยายว่าส่วนไหนเป็นอะไรบ้าง
"โซนนี้เป็นสัตว์แอฟฟิกันครับ ก็จะมี......บลาๆๆ" เสียงพนักงานขับพากษ์
"แดดดี้ครับ นกฮับ นกตัวโต" แอสตันตาโต เพราะไม่เคยเห็นสัตว์ตัวนี้เลย
"เขาเรียกว่า Ostrich (ออส-ทริช) ครับ หมายถึงนกกระจอกเทศ" ไรอันก้มลงสอนลูก เพราะคนไม่เยอะ มีแต่พวกเรากับอีกครอบครัวที่อยู่ด้านหน้าสุดเลย
"ไหนออกเสียงซิ ออสทริช"
"ออด-ทิด / ออด-ทิด" ก็พอได้อยู่นะเออ จากนั้นรถรางก็แล่นผ่านบ้านของเจ้าคอยาว ลายสีส้มน้ำตาล
"โหหหหหห ยีราฟ" ออสตินทำตาโตจ้องไม่กระพริบเลย
"คอย๊าวยาว" แอสตันพูดขึ้นบ้าง
"ภาษาอังกฤษเค้าเรียกเจ้าตัวนี้ว่ายังไงครับ ถ้าตอบได้เดี๋ยววันหลังแดดดี้จะพามาเที่ยวอีก"
"จี-ราฟ!! / จี-ราฟ!!" เด็กๆ ตอบเสียงดัง จนคนแถวนั้นพากันยิ้มตาม บ้างก็ว่าน่ารัก บ้างก็ว่าฉลาด มีชมไรอันด้วยว่ารูปหล่อ แต่ส่วนใหญ่จะชมเด็กๆมากกว่า
"Very good"
"ถึงแล้วครับอควาเรี่ยมของเรา ที่นี่ก็มีปลามากถึง xxx ชนิด บลาๆๆ" ผมจัดการอุ้มแอสตันลง ไรอันอุ้มออสตินลงจากรถ
พอเดินเข้าไปข้างในก็เจอหุ่นมาสคอสคุณเต่า กับคุณปลาดาวออกมาเต้นดุ๊กดิ๊กๆ ต้อนรับเด็กๆ พวกเรายื่นตั๋วเข้าชมให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นก็เดินเข้าไปในอุโมงค์ที่ทำคล้ายทางลอดใต้น้ำ ทำให้เห็นตัวปลาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แถมตอนนี้ยังมีการแสดงโชว์ให้อาหารปลาใต้น้ำอีกด้วย เด็กๆ มองตามตลอดเลย เพราะไม่เคยเห็น
"ป่าป๊าดูนั่นครับ...ฉลาม" ออสตินชี้ ส่วนแอสตันตอนนี้กำลังจ้องเขาให้อาหารปลากระเบนตัวโตอยู่
"แด๊ดดี้ฮับ ปลาตัวนี้เหมือน จานบินเลย" ลูกผมรู้จักจานบินจากในการ์ตูนครับ แต่ไม่รู้จักปลากระเบน ไว้คราวหน้าต้องหาสารคดีโลกใต้น้ำให้ดูเยอะๆ ซะแล้วล่ะ แล้วก็ลดการดูการ์ตูนลง
กว่าจะออกจากอวาเรี่ยมมาก็บ่ายแก่ๆ แล้ว เด็กก็รู้สึกเหนื่อยแล้วด้วย ผมกับไรอันเลยนั่งรถรางกลับออกมาตรงทางเข้า จากนั้นก็อุ้มเด็กๆ ขึ้นรถกลับบ้าน ตอนนี้เด็กน้อยสองคนผลอยหลับไปแล้วครับ ดีนะเนี๊ยะที่เตรียมคาร์ซิทมาด้วย ไม่งั้นคงนอนไม่สบายกัน
..................................
TBC
ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้สองคุณพ่อ กับสองแสบ แอสตันกับออสตินด้วยนะครับ