¤ Fallen DESTINY ¤ :::: ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น ::::[Chapter 15] 16/05/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ Fallen DESTINY ¤ :::: ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น ::::[Chapter 15] 16/05/61  (อ่าน 6211 ครั้ง)

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ติดอีกเรื่องแล้ว ..
น่ารักมากค่ะ ทุกคนเลย
โดยเฉพาะแด๊ดดี้

จะรอติดตามอ่านนะคะ

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :laugh: สนุกมากค่ะ ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao6:



แผนเยอะมากก

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
มาต่อตอนใหม่เถอะน๊า
เรื่องน่ารักมาก ชอบเด็กๆ

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1





Fallen DESTINY  !!

ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น



ตอนที่ 11







L is for 'laughter' we had along the way.
O is for 'optimism' you gave me every day.
V is for 'value' of being my best friend.
E is for 'eternity,' a love that has no end.





"สวย" อื้ม ป๊าก็ว่าสวยลูก สวยหมดทุกคนเลยแอร์สายการบินนี้ ครับตอนนี้พวกเราอยู่บนเครื่องบินโดยที่ตอนนี้ที่พวกเธอกำลังให้ข้อมูลและสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์บนเครื่องกันอยู่



"ออสตินว่าคนไหนสวยลูก" คณิตินถามลูก



"คนนั้น" มือป้อมๆชี้ไปที่แอร์คนที่ขาวแล้วก็หมวยสุด



"อื้ม ตาถึง ป่าป๊าว่าคนนั้นก็สวย แล้วแอสตันล่ะครับ" เจ้าตัวกอดอกมองอย่างเดียวแล้วทำท่าไม่สนใจ ขี้เก๊กเหมือนใครบางคนเลย แต่ช่างเหอะไอ้เติร์กดูกับออสตินก็ได้



"อะหื้ม!!" เสียงกระแอมดังมาจากข้างๆ



"อะไรคุณ อยากร่วมบทสนทนาด้วยเหรอ เอาสิ คุณว่าคนไหนสวย" เสียงกระซิบกระซาบกันเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน



"ผมไม่ชอบคนสวย"



"อ่อ ชอบคนน่ารักก็ไม่บอก งั้นก็คนนั้น ตัวเล็กๆ ปากนิดจมูกหน่อย"



"เปล่า" ไรอันส่ายหัว



"งั้นก็คนนั้น  สูงๆ หุ่นเพรียวๆ"



"ไม่ใช่"



"อืมมมมม งั้นก็..คนนั้นแน่ๆ หมวยๆ คนเดียวกับออสติน"



"ผิด"



"อะๆ ยอม เฉลยมาสักทีว่าคนไหน" อยากรู้ว่าว่าน่ารักของไรอันจะเป็นยังไง



"คนนั่งอยู่ข้างผมตอนนี้ไง" ไรอันกระซิบ



"บ้าไปแล้ว พอๆ แยกๆ" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็อดเขินไม่ได้ ให้ตายสิ นับวันเขายิ่งทำตัวแปลกๆ ขึ้นทุกวัน



 คณิตินแกล้งหันไปสนใจลูกชายแทน แต่หูก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ตามมาอีก



"หยุดยิ้มแบบนั้นได้แล้วน่าคุณ รบกวนคนอื่นเขา" 



"รบกวนตรงไหน ผมแค่ยิ้มเอง" ก็เออ แต่มันรบกวนเขาไง



คณิตินตีหน้ายุ่ง แล้วหยิบแว่นตากันแดดมาใส่ ยังไม่พอเจ้าตัวหยิบไอพอดมาเสียบด้วย คราวนี้จะได้หมดปัญหาสักที ไม่เห็น แล้วก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คณิตินยิ้มกริ่ม



จะว่าไปก็ตั้งอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ว่าก็นอนฟังเพลงไปเลยละกัน ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว แถมตอนนี้สองหน่อก็หลับไปแล้วด้วย หลับง่ายจริงลูกใคร



หูฟังหลุดออกจากหูตอนไหนไม่รู้ แถมยังได้ยินเสียงคนข้างๆ ขยับตัว คณิตินเลยหรี่ตาดู "ทำไรอะ?"



"กำลังถ่ายรูปครอบครัวครั้งแรก" ทั้งๆ ที่เขากับเด็กๆ ไม่มีใครมองกล้องเลยอะนะ



คณิตินบรรยายไม่ถูกกับความรู้สึกตอนนี้ อยากถ่ายด้วยกันทำไมไม่บอก ทำไมต้องแอบถ่ายแบบนี้ 



"ถ่ายอีกรูปสิคุณ คราวนี้ผมจะถอดแว่นแล้วก็ยิ้มให้ด้วย" ไรอันหันมายิ้มให้ ยิ้มจากใจที่ฟูแน่นไปทั้งสี่ห้องหัวใจ จากนั้นก็ยืดมือออกไปพร้อมมือถืออีกที คราวนี้ก็ได้รูปครอบครัวสมใจเขาสักที



พอถ่ายจบต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ คณิตินกลับไปสวมแว่นแล้วนอนต่อเหมือนเดิม ส่วนไรอันก็เอามือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม



เงียบ ต่างฝ่ายต่างเงียบ แต่มันก็ดีแล้วนะสำหรับสถานการณ์แบบนี้ เพราะคณิตินก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ส่วนไรอันก็ไม่อยากจะเร่งรัดอะไรมากกว่านี้ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ดีมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะเริ่มจากความใกล้ชิดหรืออะไรก็แล้วแต่ มันอาจจะช้าบ้าง เร็วบ้าง สลับกันไป แต่เชื่อเหอะ ตอนนี้แบบนี้แหละมันโอเคแล้ว







เด็กลูกครึ่งวัยสามขวบจะสี่ขวบ ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อลายสก็อต พร้อมแว่นตา กำลังอ้าปากหาว หลังจากลวเครื่องมาปุ๊บ พวกเราก็เดินมารอกระเป๋าที่สายพานหมายเลข 3 พร้อมป้ายสายการบินแห่งชาติประจำบ้านเรา



คณิตินปล่อยให้ไรอันจัดการเกี่ยวกับกระเป๋า ส่วนตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลุงปัน หัวหน้าคนงานในสวนของพ่อให้มารับ



พอได้กระเป๋าไรอันก็ยกขึ้นล้อเข็นพร้อมเด็กน้อยฝาแฝดสองคนที่นั่งทับกระเป๋าอีกที



"แฝดนั่งดีๆ นะลูก เดี๋ยวตกเอา" คณิตินเตือน ส่วนสองแฝดก็พยักหน้า เพราะยังไม่หายสะลืมสะลือเลย



"ลุงปันสวัสดีครับ"



"สวัสดีครับคุณเติร์ก มาครับเดี๋ยวผมช่วย"



"ไม่เป็นไรครับลุง แค่นี้เอง เดี๋ยวพวกผมยกกันเองได้ครับ จะได้รีบๆ ขึ้น รีบๆ ไปเลย เดี๋ยว รปภ จะมาไล่เอา" เพราะเขาเรียกลุงปันมห้มารับตรงประตูทางออกติดฟุตบาธเลย จะได้ไม่ต้องเข็นล้อเข็นไปไกล



"แอสตัน กับออสตินนั่งข้างหลังกับป่าป๊านะครับ เดี๋ยวให้แดดดี้นั่งข้างหน้า"



"คับ/คับ"

 

"พอนั่งได้ไหมคุณ" คณิตินรายนี้เขาค่อนข้างจะขายาวกว่า เดี๋ยวจะนั่งไม่สะดวก แถมทางกลับบ้านก็ไม่ใช่ของใกล้ๆ ด้วย ตั้งอำเภอจอมทองแหนะ ไกลจากในเมืองหน่อย แต่รับรองสวยแน่นอน



บ้านของคณิตินไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอจอมทอง แต่จะอยู่ติดมาทางดอยอินทนนท์มากกว่า เพราะแบบนี้ไงเขาถึงบอกว่า รับรองสวยแน่นอน เพราะแถวนี้ธรรมชาติสวย อากาศก็ดี ปลูกอะไรก็ดีทั้งนั้น เป็นที่ของบรรพบุรุษแล้วสืบมอดกันมาจนถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่เขาอีกที



ตัวบ้านแบบเรือนไทยคันทรี ผสมกาแลแบบทางเหนือ พ่อบอกว่าชอบวัฒนธรรม กลิ่นอายของความเป็นล้าานา เลยอยากได้บ้านที่มีความเป็นบ้านสวน แล้วก็เป็นแบบทางเหนือด้วย ทรงเลยออกมาแบบที่เห็นนี่แหละ



เพราะนอกจากหลังคาที่เป็นหน้าจั่วกากบาทไขว้กันแล้ว นก็เหมือนบ้านทรวไทยธรรมดานั่นแหละเขาว่า



"คิดถึงคุณยายไหมครับเด็กๆ" คณิตินถามลูก



"คิดถึงคับ" สองพี่น้องตอบขึ้นพร้อมกัน



"งั้นถ้าไปถึง เจอคุณยายก็วิ่งเข้าไปกอดเลยนะครับ" 



"คับ/คับ" ไม่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวนี้สองหน่อพูดครับได้แล้วนะครับ ไม่ใช่ฮับเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการคว่ำกล้ำตัว ร.เรือ แค่นั้นเอง



รถเก๋งสีขาวแบบครอบครัวเคลื่อนเข้าสู่บ้านxxxx เลี้ยวซ้ายตรงสถานีอนามัย จากนั้นก็ตรงมาเรื่อยๆ บ้านของเขาจะอยู่ตรงซ้ายมือ ถัดจากร้านลาบลุงหนานอินทร์ตา ป้ายตัวเบ้อเร้อ เขียนว่า "บ้านไร่แสงอรุณ"



เห้อออ สองแสบไหนว่าจะวิ่งเข้ากอดคุณยาย ที่ไหนได้ ขึ้นรถยังไม่ถึงสิบนาทีก็หลับไปอีกแล้ว สงสัยจะเพลีย



"คุณอุ้มแอสตันไปนอนตรงแคร่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมอุ้มอิสตินตามไป"



"โอเค งั้นคุณเฝ้าลูกอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมขอไปตามหาพ่อกับแม่ก่อน"  ไรอันพยักหน้า



"แบร่!!!"



"ว้ายตาเถร บ้าแก้วปันต๋าย!!"



"โอ๊ยๆแม่ พอก่อนๆ นี่เติร์กเอง ลูกชายสุดที่รักของแม่เอง ตีมาไม่ออมแรงเลย"  คณิตินส่งเสียงโอดโอย เพราะกินขนมตุ๊บตั๊บไปหลายทีอยู่เหมือนกัน



"เล่นอะไรเป็นเด็กอีกแล้วแก  แล้วนี่มากันได้ยังไง"



"นั่งเครื่องมา แล้วให้ลุงปันไปรับที่สนามบิน" มารดาของคณิตินพยักหน้า ถึงว่าเชียวว่านายคำปันหายไปไหน



"แล้วแม่ล่ะเป็นไงบ้าง"



"จะเป็นอะไร๊ ข้าก็สบายดีตามอัธภาพสิ ไม่ได้เจ็บไข้อะไรอะแค๊กๆ"



"เนี๊ยะนะคนสบายดี หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มอีก มาๆ เดี๋ยวเติร์กทำเอง แม่ไปนั่งพักก่อน" คณิตินมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่ตอน 9 โมงกว่าแล้ว แต่ต้องรอเอากระเป๋าอีก โคตรนานเลยบอกตรงๆ



พอมาถึงก็เห็นคุณนายยุพิน หรือคุณนายแดงกำลังเอาฟืนใส่เตาอั้งโล่อยู่ ไม่รู้ว่าทำอะไร เนี๊ยะแหละนะเขาเรียกคนแก่แต่ไม่ยอมแก่ ตอนแข็งแรง ไม่ป่วยก็โน่นหัวบ้าน ไม่ก็หางบ้าน ปั่นจักรยานไปหาเพื่อนคุย ดีนะที่ปั่นจักรยานแล้วได้ออกกำลังกายด้วยไม่งั้นลูกๆ คงไม่ยอมให้ทำ



บางวันก็นึกคึก แต่งตัวออกไปเต้นแอโรบิค พอเต้นได้สามสี่วันก็บ่นเหนื่อย แล้วก็เปลี่ยนมารำไท้เก๊กกับกลุ่มผู้สูงอายุ พอทำไปได้วันสองวันก็บอกว่ามันน่าเบื่อ มีแต่คนแก่เขาไปรำกัน



 นี่ก็งงว่าสรุปคุณนายอยากทำอะไรกันแน่ สุดท้ายพอไม่มีอะไรให้ทำ เลยถูกพ่อหิ้วมาช่วยดูแลกล้วยไม้นี่แหละ ตอนแรกเห็นเขาเลี้ยงกัน ก็เห่ออยากเลี้ยงกับเขาบ้าง พอลูกทำเรือนเพาะติดสปริงเกอร์อะไรให้แล้ว ก็เบื่อ แม่ไอ้เติร์กนี่เอาใจยากนะขอบอก



"แล้วนี่เองมาคนเดียวเหรอ?"



"เปล่า พาสองแสบ กับพ่อเขามาด้วย แต่ตอนนี้นั่งพักอยู่หน้าบ้าน" คณิตินเลยผละจากเตาฟืน ช่วยพยุงคุณนายเดินไปหาหลานสุดที่รัก



"แกก็นะ จะพาหลานข้ามาลำบากลำบนทำไมก็ไม่รู้ ดูสิหลับปุ๋ยเลยทั้งสองคน" ขืนไม่พามาด้วยสิ มีหวังได้ร้องไห้งอแงจนใครก็เอาไม่อยู่แน่ แม่พูดอย่างกับไม่รู้จักหลานตัวเอง



"แล้วนี่พาไรอันเขามาเที่ยวเฉยๆ หรือว่าไงล่ะ"



"เปล่า มาหาแม่โดยเฉพาะนั่นแหละ"



"มาทำไม ข้าไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากมาย เองอย่าไปฟังพ่อเองให้มากเลย วันๆ ก็เอาแต่เฝ้าไก่ชน ไม่งั้นก็ขลุกอยู่กับกล้วยไม้ เคยรู้เรื่องอะไรกับเขาเสียที่ไหน"



"แล้วนี่แม่นึ่งอะไรอยู่หลังบ้าน?" ไอ้เติร์กลืมเปิดดู



"ขนมเทียน เอาไปวัดพรุ่งนี้เช้า"



"อ๋อ....แล้วพ่อล่ะแม่ไปไหน ไม่เห็นเลย"



"คงไปตีไก่ชนที่ซุ้มท้ายหมู่บ้านตามประสาเขานั่นแหละ" คุณนายยุพินพูดเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ



"ใจเย็นๆ แม่ อย่าเพิ่งโกรธ แม่ยังไม่ชินอีกรึไง" ความจริงพ่อก็ไม่ได้ไปบ่อยนะ นานๆ ครั้งด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีใครมาชวนอะนะ



"จะชินได้ไง ไม่มีทาง เดี๋ยวถ้าโดนจับมานะ ข้าจะไม่เอาเอาเงินไปประกันตัวเลยคอยดู" นั่นไงล่ะ พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลยตายยากจริงๆ พ่อเลี้ยงทินกรเนี๊ยะ



"ไปไหนมาพ่อ" คณิตินทัก



"ข้าก็ไปคุมคนงานตัดแต่งกิ่งลำไยที่สวนสิวะ เอ็งก็ถามได้" คณิตินนี่หน้าเหวอเลย



"ก็ไหนแม่บอกไงว่าพ่อไปตีไก่ที่ท้ายหมู่บ้าน"



"แม่เอ็งจะไปรู้อะไร ข้าเอามันมาอาบน้ำ ให้อาหารเสริม จากนั้นก็เอากลับเข้าซุ่มตั้งนานแล้วถึงออกไปสวน" คณิตินพยักหน้า มองตามพ่อตัวเองเดินสะบัดก้นเข้าบ้านไป



"แม่ๆ" คณิตินสะกิด "ไม่ไปง้อเขาหน่อยเหรอ เหมือนจะงอนนะนั่น"



"เรื่องอะไร ข้าดูหลานข้าอยู่ เอ็งไม่เห็นเหรอ" เชื่อเหอะอีกไม่เกิน 15 นาทีคุณนายต้องตามเข้าไปง้อพ่อเลี้ยงแน่ ไอ้เติร์กฟันธงเลย เห็นจนชินแล้ว ง้อกันไปงอนกันมาแบบเนี๊ยะ



คณิตินหันมาที่คนข้างๆ ไม่เข้าใจว่าจะยิ้มอะไรนึกหนา ครอบครัวเขาไม่ใช่คณะตลกนะเว้ย ดูอะไรเห็นอะไรก็ยิ้มไปหมด สงสัยจะบ้า



"หิวน้ำไหมคุณ เดี๋ยวผมไปเอามาให้  โทษทีพอดีดีใจที่ได้กลับมาบ้านเยอะไปหน่อย เลยลืมทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเลย"



"ไม่เป็นไร ยังไม่หิว"



"งั้นผมไม่ไปเอามานะ " ไรอันพยักหน้า ส่วนเขาจะเดินไปดูพ่อสักหน่อย แต่ยังไปยังเดินไม่ถึงไหนพ่อก็เปลี่ยนผ้าเดินออกมาแล้ว สงสัยจะง้องอนกันเสร็จแล้ว ไอ้เติร์กชินละ



"แล้วเฮียต็อด กับไอ้เติร์ดไปไหนล่ะพ่อ"



"พี่เองมันจะบวช ข้าเลยให้มันไปศึกษาบทสวดกับหนานหล้าที่บ้าน ส่วนน้องเองมันอยู่บนบ้าน ยังไม่ตื่นหรอกมั้ง หรือไม่ก็ตื่นแล้วแต่คุยกับแฟนอยู่"



"หา!! นี่ไอ้เติร์ดมันมีแฟนแล้วเหรอ ทำไมเติร์กไม่รู้"



"ก็เออน่ะสิ ขนาดตัวแกเองยังมีแฟนตั้งแต่มอสองเลย ไอ้เติร์ดมันมอหก ปีหน้าก็ต้องเข้ามหาลัยแล้ว มันก็มีแล้วดิ เอ็งนี่พูดยังไง" นี่ไอ้เติร์กยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ งง..เหมือนถูกพ่อด่ากลายๆ ว่าเอ็งมันแรด มีแฟนตั้งแต่ขนยังไม่ขึ้นเลย





"เอ็งอยากรู้เรื่องของมันเหรอไรอัน มาเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง" ไรอันพยักหน้ายกขานั่งขัดสมาธิ เตรียมพร้อมที่จะฟังเต็มที่



แหม ไม่ค่อยอยากจะฟังเลยนะ ดูจากท่านั่ง คณิตินค่อนขอดในใจ



 เอาสิคนอย่างไอ้เติร์กลูกผู้ชายพอ ทำจริงก็กล้ารับจริง แต่พ่อนะพ่อ..ทำไมถึงชอบเอาลูกมาขายนักก็ไม่รู้ ไอ้เติร์กไม่เข้าใจ



"ไอ้เติร์กเนี๊ยะนะ มันเซี้ยวจะตายตอนวัยรุ่น เสียงแตกหนุ่ม หัวนมแตกพานไม่ทันไร มันก็พาสาวซ้อนท้ายมอไซค์เข้าบ้านมาแล้ว นี่ถ้าแม่มันไม่ด่าซะก่อน ป่านนี้สองแฝดนี่คงได้มีพี่ชาย ไม่ก็พี่สาวไปตั้งนานแล้ว"



"เห้ยพ่อ ไม่เอา ไม่เล่าเรื่องนี้ดิ อายเขา" คณิตินไม่อยากเสียงดังแต่ก็อดโอดครวญเสียไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เขาเป็นคนหน้าแตก นึกว่าสาวรุ่นพี่มาชอบ ขอมาเที่ยวบ้านด้วย แต่ที่ไหนได้ เธอดันชอบไอ้ต๊อด พี่ชายเขาซะงั้น ฝันสลายเลย



คณิตินบ่นหงุบหงิบได้ไม่นาน แอสตัน กับออสตินก็ตื่น  "เป็นไงครับลูก หลับสบายไหม" แอสตัน กับ ออสตินไม่ตอบสงสัยจะยังเมาขี้ตากันอยู่



"ว่าไงครับคนเก่ง สวัสดีคุณตาคุณยายรึยังครับ"



"สวัสดีคับคูณตาคูณยาย" สองหน่อยกมือไหว้



"อะไร มีอะไรพ่อ"



"ข้าสงสัย เมื่อกี้เองบอกให้ลูกเรียกข้าว่าว่ายังไงนะ? ข้าได้ยินไม่ชัด"



นั่นแล้วไง ไอ้เติร์กว่าแล้วเชียว ว่ามันจะต้องมีคนถามแบบนี้"



"ว่าไง หรือเอ็งไปเป็นเมียพ่อไรอันเขาแล้ว หื้ม?"



"โอ๊ยยยพ่อ ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ แต่ไรอันเขาอยากให้เรียก ก็เลยเรียกไง จะสงสัยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ พอๆ เปลี่ยนเรื่องเลย"



"แล้วเอ็งล่ะไรอัน อยากได้มันเป็นเมียไหม"



"พ่อ!! ทำไมไปถามเขาแบบนี้ล่ะเนี๊ยะ ไม่เอาๆ อย่าเล่นนะ ไอ้เติร์กขอ" ให้ไอ้เติร์กยกมือไหว้ก็ยอมอะ



"ข้าไม่ได้เล่นนะโว้ย นี่ก็กำลังจริงจังอยู่ เอ็งไม่เห็นรึไงว่าข้ายิ้มไม่ยิ้ม เอ็งน่ะอยู่เฉยๆ เลย" พ่อนี่ก็นะชอบแกล้งลูกตลอด แกล้งเมียตัวเองไม่พอ พอลูกกลับมาก็มาแกล้งลูกอีก



"เอ้าสรุปว่าไง จะเอาไหม เดี๋ยวข้าแถมข้าวสารให้สิบกระสอบเลยอะ" ทำไมไอ้เติร์กรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรังแก



แล้วนี่ค่าตัวเขาจะถูกไปไหน มันถึงขั้นต้องลดแลกแจกแถมกันเลยเหรอ



"ตอบสิวะไอ้หนุ่ม จะเอาไม่เอา มัวแต่ยิ้มอย่างเดียว ข้าไม่ยกให้นะโว้ย"



"เอาครับ"  น้ำเสียงฟังดูฉะฉาน เสียงดังฟังชัด ไม่ใช่ละ!!



คณิตินทำหน้างอแล้วงออีก แทนที่กลับบ้านมาพ่อจะโอ๋ที่ไหนได้กลับยกให้คนอื่นเฉยเลย แล้วแบบนี้ไม่เท่ากับว่าไอ้เติร์กถูกขายไปแล้วเหรอ



ไม่โอเค ไอ้เติร์กไม่โอเค แล้วนี่ก็เหมือนกัน แทนที่จะปฏิเสธสักหน่อยก็ไม่ได้ คณิตินค้อนใส่ แล้วหันไปคุยกับบุพการีต่อ



"นี่พ่อไม่กลัวเขาหาว่าพ่อขายลูกกินรึไง คืนคำเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ" พ่อเลี้ยงทินกรกอดอก ยิ้มปริ่ม ถูกใจลูกเขย เอ๊ะหรือว่าลูกสะใภ้หว่า แต่ดูจากรูปการแล้วลูกตัวเองน่าจะเป็นฝ่ายอยู่ล่างมากกว่านะ



"นี่ใจคอพ่ออยากให้เติร์กเป็นเกย์รึไง"



"เป็นก็เป็นสิ เป็นเกย์มันผิดตรงไหน เอ็งไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ย้าบ้งยาบ้าก็ไม่ได้เสพย์ ไม่ได้ขายสักหน่อย" ไรอันพยักหน้างึกๆ เห็นด้วยกับว่าที่พ่อตาที่สุด



"นี่ถ้าไอ้เติร์กเป็นเกย์ขึ้นมาจริงๆ แล้วพ่อจะหนาวนะบอกไว้ก่อน" คณิตินเริ่มสะบัดสะบิ้งจนพ่อมันหมั่นไส้



"ข้าชิลๆ ลูกชายข้าก็มีตั้งสามคน จะมีเอ็งเป็นลูกสาวสักคนก็ไม่เป็นไร"



"ความจริงข้ากับแม่เอ็งอยากได้ลูกสาวมาตั้งนานแล้วเหอะ แต่ไม่มีสักคน ตอนแม่เอ็งท้องเอ็ง ก็เห็นกินแต่ของหวาน ของคาวนี่ไม่แตะเลย เข้าใกล้หน่อยก็บ่นเหม็น พวกข้าเองก็นึกว่าจะได้ลูกสาวมาเชยชมสมใจซะแล้ว แต่พอคลอดออกมาดันมีเดือย ข้ากับแม่เอ็งก็เลยต้องทำใจ" ดูทำหน้าอย่างกับเสียใจมากมาย ไอ้เติร์กรู้หรอกว่ามันเป็นแอคติ้ง



"นี่แม่เอ็งไม่เคยเล่าหรอกเหรอ ว่าตอนเอ็งเกิดมาแรกๆหน้าตานี่อย่างกับเด็กผู้หญิงเลย ขนาดไอ้แตมเด็กข้างบ้านยังมาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นจนพ่อแม่มันคิดว่าต้องได้เอ็งเป็นลูกสะใภ้แล้วแน่ๆ ข้ากับแม่เอ็งเลยปลงตกตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ ถ้าเอ็งจะมีผัวไปสักคนพวกข้าเองก็เข้าใจ"



พอถึงประโยคสุดท้ายนี่ไรอันแทบหลุดหัวเราะออกมาเลย

คณิตินบ่นกระปอดกระแปดในใจ เถียงไปก็ไม่ชนะเขาหรอกสอวผัวเมียเนี๊ยะ พ่อนะพ่อ ไม่ไว้หน้าเขาสักนิดเลย เรื่องหน้าอายแบบนี้จะเอามาเล่าอีกทำไมก็ไม่รู้



 เรื่อวตอนเด็กของเขา คุณนายเอาเล่าบ่อย พอๆ กับเขาเอาหนังจักๆวงศ์ช่องเจ็ดมารีเมคนั่นแหละ ไอ้เติร์กก็อุตส่าห์กำชับนักกำชับหนาว่าอย่าเอามาเล่าให้ใครฟังอีก



แต่ที่ไหนได้ บอกแม่แต่พ่อดันเอามาเล่าอีก เวรกรรม!! ดีนะแม่พาเด็กๆ ไปชิมขนมเทียนไม่งั้นเขาถูกไฟบรรลัยกันของทั้งพ่อทั้งแม่เผาจนเป็นจุลแน่



"แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งโตเอ็งก็ยิ่งเหมือนลิง ไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กเลยสักนิด" พ่อเลี้ยงทินกรเบ้ปาก



"พอๆ พ่อ แค่นี้ไอ้เติร์กก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วแทนที่จะเล่าแต่สิ่งดีๆ น่าชื่นชมของลูก ที่ไหนได้เล่าแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้" คณิตินทำหน้าบูด พ่อเลี้ยงเองก็ยิ้มพอใจที่แกล้งลูกได้สำเร็จ



"พอก็ได้วะ เอ็งนี่มันขี้งอนได้แม่จริงๆ" ว่าแต่เขา เมื่อกี้ใครก็ไม่รู้งอนเมีย ไอ้เติร์กไม่อยากจะเมาท์



ไรอันขยับเข้ามากระซิบ "ออสตินเองก็ขี้งอนเหมือนคุณเลย" นี่มันใช่เรื่องที่ยกมาเป็นตัวอย่างไหม โอ๊ยยยย ถ้าไม่หยุดแซวแบบนี้ ไอ้เติร์กจะหนีขึ้นข้างบนแล้วนะ



"อ้าวไอ้เติร์ด มาตั้งแต่เมื่อไหร่"



"มาตั้งแต่พ่อเล่าเรื่องเฮียตอนเด็กๆ แล้ว" บ้านนี้แปลกนะผมว่าตัวเองมีเชื้อสายจีนกันครึ่งหนึ่งจากทางพ่อ แต่พวกเราก็ไม่ค่อยทำตัวแบบครอบครัวคนจีนทั่วไปกันสักเท่าไหร่ วันตรุษจีน เชงเม้งอะไรก็ไหว้กันเล็กๆ แค่นั้นเอง



 นอกจากนี้ก็มีเรียกเฮีย เรียกป๊าม๊านี่แหละ แต่นานๆ ทีเลย เพราะส่วนใหญ่พ่อจะไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกตัวเองว่าป๊าสักเท่าไหร่ พ่อบอกว่ามาอยู่เมืองไทยตั้งนาน จนลืมไปแล้วว่ารากเง้าของตัวเองเป็นคนจีนเลยอยากให้ทุกคนเรียกแบบคนไทยมากกว่า



 ส่วนเรียกเฮีย นี่ก็เรียกกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เริ่มจากเฮียต๊อดเลย มันสอนให้เรียก ดูทีวีเห็นเขาเรียกกัน มันก็อยากให้น้องๆ เรียก บอกว่าเท่ห์ดี 



คณิตินพยักหน้าให้น้องชาย ไม่เจอกันเกือบจะสองปีแล้วเหมือนกัน ดูตัวมันโตขึ้นจนจะเท่าเขาอยู่แล้ว แถมยังหล่อกว่าพี่มันอีก



นอกจากตาตี๋ๆ ที่บ่งบอกว่ามันเป็นน้องเขาแล้ว นอกนั้นมันกับเขาไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด ไอ้เติร์กขาว ไอ้เติร์ดมันคล้ำกว่าเพราะชอบเล่นฟุตบอล นอกจากนี้ยังตัดผมสกรีนเฮดอีก แถมยังมีรอยคิ้วแตกเพราะตกบันไดบ้านตอนเด็กอีก แล้วกลับมาดูไอ้เติร์กตอนนี้สิ มันใกล้คำว่าหุ่นอาเสี่ยเข้าไปทุกทีแล้ว บรื้ยยยย!! น่ากลัวตัวเอง



"แล้วนี่กินอะไรรึยัง"



"ลงมากินตั้งแต่ก่อนเฮียกลับมาแล้ว" คณิตินพยักหน้า



"แล้วแม่จัดห้องไว้ให้ไหมอะพ่อ" พ่อเลี้ยงทินกรส่ายหน้า "ก็เอ็งบอกว่าไม่ต้องบอกแม่เอ็ง อยากเซอร์ไพร์ซ ก็นี่ไง ไม่มีใครจัดห้องให้ แล้วแม่เอ็งก็ไม่รู้ด้วยว่าเอ็งจะมา



เอ่อๆ เขาผิดเองแหละ เดี๋ยวไปจัดเองก็ได้....



"แล้วหลานอยู่ล่ะเฮีย คิดถึงมัน เดี๋ยวไปถ่ายรูปกับมันดีกว่า จะได้เอาลงเฟซบุ๊ค ดูสิว่าอากับหลานใครจะหล่อกว่ากัน หึๆๆ" คณิตินส่ายหัวกับความบ้าของน้องชาย เขากับมันห่างกันเกือบสิบปี แม่บอกว่ามันเป็นลูกหลง ตอนท้องก็อายุเยอะพอสมควรแล้ว แต่จะไปเอาออกก็สงสารมันอีก พ่อเองก็บอกว่า เก็บเอาไว้เหอะเผื่อมันจะเป็นผู้หญิง แล้วเป็นไงล่ะ ผู้หญิงไหมล่ะ?



"แม่พาไปกินขนมจ๊อก ฮั้นนอมาแล้ว" หมายถึงนั่นไงมาแล้ว บางทีเราพี่น้องก็พูดคำเมืองกัน เพราะแม่เป็นคนเหนือ พ่อเป็นคนภาคกลาง เลยพูดได้ทั้งสองเลย แต่ส่วนใหญ่พวกเราจะพูดกลางกันมากกว่าเวลาอยู่กันในครอบครัว แต่พอออกไปข้างนอกก็คำเมืองนี่แหละ





"แอสตัน ออสตินครับ จำได้ไหมนี่ใครเอ่ย?" เด็กๆ มองหน้าไอ้เติร์ดแล้วส่ายหัว ก็จะไปจำกันได้ไงตอนไอ้เติร์ดลงไปเยี่ยมที่กรุงเทพล่าสุด แอสตันกับออสตินยังเด็กอยู่เลย "สวัสดีอาเติร์ดรึยังครับสองแสบ"



"ดีมากครับ" แอสตัน กับออสตินยกมือไหว้ แล้วก็กัดขนมจ๊อกใส่มะพร้าวในมือต่อ ขนมจ๊อกหรือทางภาคกลางขนมเทียน หรือขนมนมสาวนั่นแหละครับ แต่ทางเหนือเขาเรียกแบบนั้นกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแหะ



"ลำก่อแฝด?" ไอ้เติร์ดถามแอสตันกับออสตินว่าอร่อยไหมแต่เด็กๆ ฟังภาษาเหนือไม่ออกไงเลยได้แต่ทำหน้างง ทำตาแป๋วพับพริบๆ ส่วนไอ้เติร์ดเห็นหลานฟังไม้รู้เรื่องก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่ต้องบอกเลยว่าไอ้นี่มันได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร



"อย่าแกล้งหลาน พ่อเขานั่งอยู่นั่นน่ะ ไม่เห็นรึไง"



"โอ๊ะ..สวัสดีครับ" ไรอันพยักหน้ารับ รายนี้ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยแนะนำตัวกันทีหลังละกัน



"เมื่อกี้อาเติร์ดเขาถามว่าอร่อยไหม เด็กๆ ตอบว่าไงครับ"



"อร่อยคับ" แอสตันตอบ แต่ออสตินนี่ยังไม่ตอบ "แล้วออสตินล่ะครับ"



"หร่อย" ไอ้เติร์กล่ะกลัวมันติดคอลูกจัง "อร่อยก็ค่อยๆ กินนะครับ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะติดคอ"



แอสตันนี่ยังกินไม่หมดลูกเลย แต่ออสตินนี่กัดอีกคำก็จะหมดแล้ว สกิลการกินนี่มันคนละชั้นกันจริงๆ มิน่าล่ะแอสตันถึงชอบว่าน้องว่าอ้วน



"อ้วนพอก่อน เดี๋ยวกินข้าวกลางวันไม่ได้" พูดอ้วนคำแรก ไอ้เติร์กนี่หันมาก่อนเลย นึกว่าเรียกตัวเอง แต่พอไม่ใช่ก็ค่อยยังชั่วหน่อย แอบร้อนตัวเนอะคนเรา



"ป่าป๊าฮับ ออสตินหิววววว" หน้าตาออสตินตอนนี้นี่บ่งบอกมากเลยว่าหิวมาก อยากกินข้าวแล้ว



"ป่าป๊ารู้ครับ เดี๋ยวรอแป๊บนึงก่อนนะครับ เดี๋ยวป่าป๊าไปเอาอะไรมาให้กิน"



"แม่ทำข้าวเงี้ยวไว้ เอามาให้เด็กๆ ได้เลย ระวังนะมันร้อน" คณิตินพยักหน้างึกๆ แล้วเดินไปเอาข้าวเงี้ยวจากหม้อนึ่งมาให้



"เอ้าคุณกินสิ ไม่ต้องกลัวว่ากินแล้วจะตายหรอก ขนาดเด็กๆ ยังกินเลย"



"เค้าเรียกว่าอะไร"



"เขาเรียกว่า ข้าวเงี้ยว หรือบางคนเรียกข้าวกั๊นจิ้น"



"ทำไมดำ"



"เออน่า สีมันอาจน่ากลัวไปสักหน่อย แต่มันอร่อยนะขอบอก"



ไรอันตักคำเล็กๆ ใส่ปาก เคี้ยวตุ่ยๆๆ "เป็นไง อร่อยไหม"



"อร่อย" พอไรอันตอบว่าอร่อย คนทำอย่างคุณนายยุพินก็ยิ้มแก้มแทบปริเลย คอยตักนั้นตักนี่ให้เจ้าตัวชิม ไม่ว่าจะเป็นแกงฮังเลเอย น้ำพริกอ่อง แคปหมูเอย หรือแม้กระทั่งไส้อั่ว กับจอผักกาด สองอย่างหลังนี้แม่ให้เจ้าเติร์ดมันไปซื้อมาจากตลาดให้ เพราะไม่มีเวลาทำเอง



"อันนี้ไม่ชอบเหรอคุณ" ไรอันพยักหน้า ความจริงไอ้เติร์กก็ไม่ชอบนะจอผักกาด เพราะกลิ่นมันแปลกๆ รสชาติก็นะบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่แม่กับพ่อนี่ชอบ เรียกได้ว่าทำหนึ่งหม้อกินได้สองมื้อเลย ยิ่งถ้ากินกับปลาทูมันย่างถ่านไฟแล้วยิ่งอร่อย




"งั้นก็ไม่ต้องกิน ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน"



"แล้วมันคืออะไร"



"ถ้วยนี้อะเหรอ"



"อื้ม"



"เขาเรียกว่า จอผักกาด ที่กลิ่นมันแรงเพราะเขาใส่ปลาร้ากับถั่วเน่าด้วย แต่มันไม่ได้เน่านะคุณ แค่ชื่อมันเฉยๆ ความจริงมันคือถั่วเหลืองบด ผสมกับพริกกับเครื่องปรุงนิดหน่อยแล้วเอาไปนึ่ง"



"ส่วนที่คุณว่าดำๆ มันคือข้าวเงี้ยว บางที่ก็เรียกว่า "ข้าวกั๊นจิ้น" เป็นอาหารเหนือ คำว่า "กั๊น" เป็นคำเมืองแปลว่า นวด บีบหรือคั้น ส่วนคำว่า "จิ้น" ก็คือเนื้อหมู แต่บางคนมักเรียกกันว่า" ข้าวเงี้ยว " เพราะมันเป็นอาหารที่เป็นของชาวไทใหญ่ คนไทยในอดีตมักจะเรียกชาวไทยใหญ่ว่า "เงี้ยว" มันก็เลยกลายมาเป็นชื่อของอาหารนี้ไง"



ส่วนวิธีทำคือ เอาเลือดไปคั้นกับใบตะไคร้เพื่อไม่ให้มันออกมามีกลิ่นคาว จากนั้นก็เอาเลือดที่ได้และหมูสับมาคลุกเคล้ากับข้าวสวยจนมันเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือหรือซีอิ้ว แล้วนำไปห่อใบตอง พอเสร็จก็นำไปนึ่งจนสุก เวลากินก็โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว พริกแห้งทอด หอมแดง แตงกวา ผักชีต้นหอม เป็นเครื่องเคียง ว่ากันว่าเป็นอาหารไม่กี่ชนิดในอาหารล้านนาที่ทำมาจากข้าวจ้าว หรือข้าวหอมมะลิ เพราะปกติคนแถวจะนี้นิยมกินข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวเป็นหลักมากกว่า





จบมื้อนี้ไอ้เติร์กกินจนพุงกางเลย ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้หมาหรือแมวเลยนอกจากก้างปลาทู นอกนั้นเรียบ



"เหนื่อยไหมคุณ ถ้าเหนื่อยก็นอนพักก่อนได้นะ ผมจัดห้องไว้ให้แล้ว เป็นห้องของผมเอง ไม่ต้องเกรงใจ" ที่ถามเพราะไอ้เติร์กก็จะนอนพักสายตาด้วยสักชั่วโมงสองชั่วโมง จากนั้นค่อยลุกมาช่วยแม่ทำกับข้าวตอนเย็น



"ฮ้าวววว ง่วงจริง" พอหัวถึงหมอนปุ๊บ คณิตินก็เข้าสู่นิทราปั๊บเลย เพราะตื่นมาขึ้นเครื่องแต่เช้า ไหนจะเตรียมกับข้าวให้สองแฝดกินก่อนออกจากบ้านอีก



ชีวิตพ่อลูกแฝดมันก็จะเหนื่อยอย่างนี้แหละ







---------------




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2018 16:35:57 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1



Fallen DESTINY  !!
ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น

ตอนที่ 12





A million stars up in the sky
one shines brighter I can't deny
A love so precious a love so true
a love that comes from me to you






"เอ็งไม่ต้องไปมองหามันหรอก ไอ้เติร์กมันเอามอไซค์ออกไปตลาดกับแม่มันโน่น ส่วนเจ้าแฝดก็คงเล่นอยู่กับไอ้เติร์ดที่ห้อง"



ไรอันแปลกใจลูกตัวเอง ทีแรกยังเห็นกลัวน้าเติร์ดอยู่เลย ไหงตอนนี้ไปสนิทกันได้



"นั่นไงกลับมากันแล้ว" มอเตอร์สกู๊ปปี้สีฟ้าขาวขับเข้ามา พร้อมกับของพะรุงพะรังเต็มไปหมด


"อะไรคุณ ทำหน้าแบบนั้นทำไม?" คณิตินสงสัย เพราะตั้งแต่จอดรถ จนถึงเดินเข้าชายคาบ้านมา สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือไรอันที่ทำหน้านิ่วใส่เขานี่แหละ คนอะไรขยันทำหน้ายุ่งซะจริง

"ทำไมไม่ปลุกผม"

"อ้อ!! ก็เห็นคุณกำบังหลับสบายอยู่ เลยไม่อยากปลุก" คณิตินฉีกยิ้ม แล้วเอาของวางตรงแครวไม้ไผ่หน้าบ้าน


"ป่าป๊าาาา นี่!!" สองแฝดชูรถบังคับสมัยการูด้าอีเกิ้ล กับโซนิคให้ดู รถสองคันนี้ผมกับไอ้เติร์ดมีคนละคัน ของผมสีน้ำเงินการูด้าอีเกิ้ล ของไอ้เติร์ดสีแดงโซนิค สมัยนั้นมันฮิตมาเลยนะ เด็กๆ ต้องมี ไม่งั้นคุยกับคนอื่นเขาไม่รู้เรื่อง



"มันยังเล่นได้อยู่อีกเหรอวะ?" ผมถามน้องชาย เพราะมันนานแล้ว



"เล่นได้อยู่เฮีย"



"เอาให้สองแฝดเล่น ระวังมันพังนะเว้ย พังแล้วไม่มีการซื้อคืนให้นะบอกไว้ก่อน"



"ไม่เป็นไร ยกให้แฝดไปเลยก็ได้ ถือว่าเป็นของขวัญรับขวัญหลาน" คณิตินพยักหน้า ในเมื่อเจ้าตัวเขาอนุญาตแล้ว ก็โอเค



"แฝดครับ น้าเติร์ดเอารถบังคับให้ ขอบคุณน้าเติร์ดรึยังครับ" ปกติเรียกอาเติร์ด พอมาเรียกน้ามันแปลกๆ ไงชอบกล คณิตินแกล้งไม่สนใจไอ้น้องชายที่ยักคิ้วหลิ่วตากับไรอัน



บอกเลยว่าไอ้เติร์ดเกลียด!!!!  ทำเป็นส่งสัญญาณกัน



"ได้อะไรมากินบ้างเย็นนี้" พ่อเลี้ยงถามเมีย



"ว่าจะทำลาบคั่ว กับยำยอดมะขาม ลูกมันอยากกิน" เป็นเข้าใจตรงกันนะครับว่านานๆ ทีลูกกลับมา มันก็ต้องตามใจกันหน่อย



"แล้วนั่นเอ็งถืออะไรมาด้วยเติร์ก" พ่อถาม



"อ้อ เห็นชุดกันฝนของเด็กมันลดราคา เลยซื้อมาให้เด็กๆ น่ะพ่อ" เป็นพวกบ้าของลดราคา ฮ่าๆๆ



"เอ่อดี ให้มันใส่แล้วเอามันมาถ่ายรูปกับตามันด้วยนะ เดี๋ยวจะเอาไปอัดใส่กรอบไว้" คณิตินพยักหน้า สองตายายนี่ไม่ค่อยเห่อหลานเลยสักนิด



ไอ้เติร์กซื้อเสื้อกันฝนมาสองชุด ยายมันซื้อรองเท้าบูทให้ด้วย บอกว่าเอาไว้ใส่ไปดูเค้าเก็บลำไยกันพรุ่งนี้



คณิตินเอาชุดกันฝนออกมาให้ตาของสองแสบดู แล้วตัวเอวงกับแม่ก็ถึงเวลาอัปเปหิตัวเองไปเป็นนางซินอยู่ก้นครัว ทิ้งให้ไรอันอยู่คุยกับพ่อเลี้ยงทินกรต่อ


+++++++++++


"อ้าวไอ้เติร์ก ไรอันอยู่ไหนล่ะ" พ่อเลี้ยงทินกรถามลูกชาย



"ไม่รู้"



"จะไม่รู้ได้ไง ก็เมื่อกี้ข้ายังเห็นเองเดินตามเขาไปอยู่เลย ไอ้ลูกคนนี้"



คณิตินตกใจ ไม่คิดว่าพ่อจะช่างสังเกตขนาดนี้ หน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ ปากเม้นเข้าหากัน



"นั่นไงมาแล้ว ไม่ต้องไปตามแล้ว พ่อเลี้ยงว่า



คณิตินก้าวขาขึ้นมาบ่นแคร่ไม้สักขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงชานบ้าน แถมยังก้มหน้าก้มตาไม่สนคนมาใหม่อีก



"มันเป็นอะไรของมัน" พ่อเลี้ยงว่า



"มาๆ กินข้าวกันเด็กๆ" พ่อเลี้ยงเรียกแอสตัน กับออสตินที่ตอนนี้เดินถือหุ่นยนต์กันดั้มของไอ้เติร์ดมาด้วย



แอสตันนั่งขวามือของคณิติน ถัดไปเป็นออสติน แล้วตามด้วยคุณตาคุณยายเขา จากนั้นถึงจะเป็นไอ้เติร์ด แล้วก็ไรอันที่นั่งข้างคณิตินอีกที



ตอนนี้ทุกคนนั่งล้อมวงกัน ตรงกลางเป็นขันโตกไม้สักกับหวาย ขาเป็นไม้สักทอง ส่วนตัวขันโตกขึ้นรููปเป็นหวาย



เหตุที่เปลี่ยนมากินแบบนี้ เพราะเมื่อตอนกลางวันกินข้าวกันบนโต๊ะ ตอนนี้เลยเปลี่ยนบรรยากาศมากินแบบขันโตกบ้าง ไรอันจะได้เห็นขนบธรรมเนียมแบบล้านนาเรา



"อันนี้ดำอีกแล้ว" ไรอันหมายถึงลาบหมูคั่ว



เอ่อเนอะ ไม่ได้สังเกตุเลย อยากหัวเราะ แต่ก็ไม่กล้ามองหน้า ให้มันได้งี้สิไอ้เติร์ก



"เอาหน่าไรอัน ลองชิมก่อน อร่อยนะ แม่ไม่ได้ทำเผ็ดมาก ลองชิมดู" คุณนายแดงบอก







++++





จบอาหารมื้อเย็น คณิตินก็พาแอสตัน กับออสตินไปอาบน้ำ ทีแรกตากับยายของสองแสบอาสาอาบให้ แต่เด็กๆ ไม่ยอมเพราะเขิน เด็กวัยนี้ก็รู้จักเขินเป็นแล้วนะเออ



"มาครับ มาใส่แป้งให้ตัวหอมๆ ก่อน"



"เอ้าเสร็จแล้ว เข้าไปรอป่าป๊าในห้องกับแดดดี้ก่อนนะ ป่าป๊าขอเวลาอาบน้ำ 10 นาที"



"คับ/คับ" แอสตัน กับออสตินตอบแล้ววิ่งเข้าห้องไป


++++++++


ขัดบ้างไม่ขัดบ้างก็พอ หุยยยยย หนาวววว!!! นี่ขนาดว่ามีเครื่องทำน้ำอุ่นนะเนี๊ยะ


พอแต่งตัวอะไรเสร็จ คณิตินก็นึกได้ว่า เตียงในห้องตัวเองไม่น่าจะพอสำหรับคนสี่คน



"ก๊อกๆๆ ไอ้เติร์ด"



"มีอะไรเฮีย แล้วนั่งเอามาทำไม" คณิตินเอาหมอนจากในตู้มาด้วยเสร็จสรรพ



"จะมานอนด้วย" ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องไปเลย หึๆๆ



"ไม่เอา เฮียก็ไม่นอนห้องตัวเองสิ เดี๋ยวก็จะมาบ่นว่าผมคุยโทรศัพท์เสียงดังตอนกลางคืนอีก ไม่เอาไปเลย"



"ไม่เอา ขอนอนด้วย เจียงเฮียมันเล็ก นอนได้แค่สองคน ไหนจะเด็กๆ อีก เองอย่ามาใจดำกับพี่กับเชื้อสิ นะๆ"



"ไม่ได้"



"อะไรวะ แค่นี้ก็ไม่ได้"



"เออไม่ได้ เฮียก็เอาแฝดไปนอนกับพ่อกับแม่สิ เฮียจะได้นอนกับแฟนสองคนไง"



"แฟนที่ไหน ไม่ใช่!!  ไม่มี๊!!



"หึ อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็นนะเมื่อเย็นอะ"



"อ...อะไร?"



"ที่ต้นมะม่วงหลังบ้าน" พูดแบบนี้ปุ๊บ ไอ้เติร์ก ติดอ่าง อ้างปากพะงาบๆ พูดไม่ออกเลย



"จะทำอะไรก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่บอกให้แฟนเฮียมาเสียผีด้วย เดี๋ยวผีปู่ย่าจะโกรธเอา"



"เอ่อๆๆ รู้แล้ว พูดมากจริง" คณิตินแกล้งทำเสียเหวี่ยงๆ แก่เขิน



โอ๊ยยยย เขาไม่น่าหลวมตัวกับหน้าบึ้งๆ นั่นเลย ให้ตายสิ



แกล้งทำเป็นงอนแล้วพอเขามาง้อ ก็หาเรื่องรังแกคนอื่นเขา พอนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นแล้วคณิตินก็หน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที



ก็ใครจะรู้เล่าว่าไอ้แตมมันจะมาเยี่ยม แถมยังเอาของที่เขาชอบมาให้อีก



"คิดถึงเติร์กน้อยของแตมจังเลยยย" ว่าแล้วมันก็พุ่งมากอดเขาโดยไม่ได้ตั้วตัว ทั้งกอดทั้งหอมแก้ม ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่อยู่ตรงนั้นมันคงไม่หยุดแค่นี้หรอก



คนบ้านนี้รู้ดีว่าไอ้หมอนี่มันบ้าเขาแค่ไหน บ้าตั้งแต่เด็กจนโต ชอบมากอดๆ หอมๆ พอเผลอมันก็จุ๊บปากบ้าง แล้ววิ่งกลับบ้านไปเลย



พอทำบ่อยเข้าเลยไม่มีใครปรามมันแล้ว เพราะชิน ถึงว่ามันแค่ไหนมันก็ยังหน้าด้านหน้าทนอย่างนี้แหละ



ไอ่เติร์กล่ะเพลีย!!!



"พอๆ ไอ้แตม ถ้ไม่หนุดลวมลามกู กูจะถีบให้กระเด็นตกแคร่เลย"



"ใจร้าย''



"เอ่อดิ แล้วก็เขยิบออกไปด้วย ไม่ต้องมาใกล้ชิดสนิทสนมขนาดนี้"



"เติร์กพูดกับพี่เขาดีๆ เขาอุตส่าห์มาเยี่ยม เอาของที่เราชอบมาด้วยเห็นไหม" เพราะแม่ชอบพูดแบบนี้แหละ ไอ้นี่มันถึงได้ใจลวมลามลูกแม่



ดูขนาดส่งสายตาพิฆาตใส่มัน มันยังเอามือเขาไปจับๆ ลูบๆ อยู่บนตักมัน



"อะหื้ม!!!" เสียงที่คุณก็รู้ของใคร



ไรอันแกล้งกระแอมเบาๆ งวายตาด้วยพลังทำลายสูงไปฟาดฟัน แต่ไอ้แตทก็ยังฉีกยิ้มใส่ ตีหน้าซื่อไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลย



อยากจะบอกว่านี่แหละครับไอ้แตมพี่ข้างบ้านผม ดีนะที่ไอ้เติร์กสอบติดกรุงเทพฯ ไม่งั้นคงถูกไอ้หมอนี่ลวมบามเช้า ลวมลามเย็นแน่



ตอนนั้นไอ้แตมก็เรียนปีสองที่ม.ช.แล้ว พอมันรู้ว่าเขาสอบติดที่กรุงเทพฯ เท่านั้นแหละ มันก็มาโอดครวญใหญ่เลยว่าไอ้เติร์กทิ้งมัน กว่าจะอธิบายให้มันเข้าใจได้ก็เกือบเย็น ดินเวลาตั้งหลายชั่วโมงกว่ามันจะกายงอแง



แต่ก่อนเขาหนีมากรุงเทพฯ ก็ได้มันนี่แหละช่วยเก็บของ พาไปนั่นมานี่ก่อนจะไป จะว่าไปความดีของมันก็มีอยู่นะ ไม่ใช่ว่าไม่มี ติดแค่นิดเดียวตรงที่มันไม่เต็มนี่แหละ





"ใครเหรอเติร์กน้อย?" ไอ้แตมกระซิบถาม ตอนนี้เหลือแค่ผม ไอ้แตม แล้วก็ไรอันแล้ว ส่วนพ่อกับแม่พากันไปรดน้ำกล้วยไม้แล้ว



"เอ่อ ลืมแนะนำไป นี่ไรอันพ่อของแฝด ลูกของกูเองแตม" อาจฟังดูงง ขนาดไอ้แตมฟังยังขมวดติ้วแล้วขมวดคิ้วอีกเลย



มันทวนสถานะซ้ำตั้งสองรอบกว่าเข้าใจ "อ..อย่าบอกนะว่าเติร์กน้อยมีลูกกับเขาอะ"



"โอ๊ย!!" แตม หรือตุลาการเอามือลุบหัวปอยๆ



"มึงนี่ก็นะแตม อย่าโง่ให้มันมาก เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงถึงยังหาเมียกับเขาไม่ได้สักที"



"กูบอกว่าแฝดลูกกู แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของกู มึงเก็ตไหม ส่วนไรอันเขาเป็นพ่อแท้ๆ ของสองแฝด กูเลี้ยงเด็กๆ มาเตั้งแต่เด็ก เลยเรียกตัวเองว่าป่าป๊า สรุปคือกูมีลูกไม่ได้ กูไม่มีมดลูก แตมมึงคิดสิคิด อย่าบ้าให้มันมาก" ไอ้แตมพยักหน้าเข้าใจ แต่ยังมองเขากับไรอันสลับไปมาอยู่ ส่วนมือมันก็ยังไม่ปล่อยจากมือเขาเลย เอาเข้าไปสิ



"มึงลูบพอล่ะแตม กลับบ้านไปไป๊ พรุ่วนี้ค่อยมาลูบใหม่"  ถ้าไม่บอกแบบนี้มันคงไม่ยอมกลับ



"มาอีกได้เหรอ?"



"ได้สิ ปกติมึงก็มานิ อย่ามาถามอย่างกับไม่เคยไปกลับๆ เดี๋ยวพ่อแม่มึงจะรอกินข้าว"



ตุลาการพยักหน้าแล้วก้าวลงจากแคร่ ใส่รองเท้า "เห้ย!!"



เอาอีกละ ไอ้เฟี้ยแตมมันเอาอีกแล้ว ชอบมาลักจูบคนอื่นเขา แล้วก็วิ่งหนีกลับบ้านแบบนี้ตลอด ส่วนเขาก็ไม่ระวังตลอดเหมือนกัน



ก็ใครจะไปนึกว่าโตขนาดนี้แล้วมันนังทำอยู่ ไอ้หมอนี่นิสัยเสีย



"ไปแล้วนะเติร์กน้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้แตมมาหาใหม่ หวานจริงปากเติร์กน้อย อิอิ" ว่าแล้วมันเพ่นกลับบ้านไป



"อ..อะไรเหรอคุณ ทำหน้าแบบนั้นทำไม"



"อ้าว!!" ไรอันเดินหนีออกไปทันที ไม่รอคณิตินถามไถ่อะไรเลย



อะไรของเขา นี่ก็แปลกอีกคน???



พอเดินตามทัน คณิตินก็เปิดฉากถามทันที เขาไม่ชอบปล่อยอะไรให้ทันค้างๆ คาๆ นานหรอก เดี๋ยวอกแตกตาย "คุณ..เป็นอะไร หรือว่าไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?"



"ตัวก็ไม่ไดร้อน" คณิตินถือโอกาสเอามือทาบน้าผากไรอัน แล้วก็เอามาทาบหน้าผากตัวเอง



"หรือว่าปวดหัว" ไรอันเงียบ เพราะยังไม่หายโกรธ เดี๋ยวจะกลายเป็นใช้อารมณ์กับคนตรงหน้าอีก



"งั้นไปรอตรงโซฟาในบ้านก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอายาพารามาให้"



"ไม่อยากให้ไป อยู่ก่อนได้ไหม" ไรอันรวบกอดจากด้านหลังของคณิติน แล้วกระซิบเบาๆ



"ค..คุณ" คณิตินแอบตัวสั่นใจหวิวๆ แต่ก็หันมาหาตามที่อีกคนต้องการ


"ไม่ชอบให้เข้าใกล้คนอื่น" ไรอันกระซิบบอก

"ก..ก็ไม่ได้อยากเข้าใกล้สักหน่อย" เสียวตอบแผ่วเบา มือที่ตกอยู่ด้านข้างถูกรวบไว้ด้วยสองมือใหญ่

"อย่าให้ใครมาจับแบบนั้นอีกได้ไหม" ท้ายประโยคของไรอันช่างดูเว้าวอน เพราะเจ้าตัวเติมคำว่าพลีส (please) ต่อท้ายลงไปด้วย

ได้ยินยังไม่พอ สายตาที่ส่งมาให้อีก ตายๆๆ คณิตินยิ่งไปไม่ถูก  ทั้งน้ำเสียงและการกระทำ แววตาที่สื่อออกมา มันดูจริงจังยิ่งกว่าใครไหนๆ อีก

คณิตินกลืนน้ำลายดังอึก  ไม่กล้าตอบ แต่อีกฝ่ายก็รอคำตอบ

"พลีสเติร์ก" ไรอันกำมืออีกคนแน่นขึ้นอีก อยากให้การกระทำของเขาตอนนี้สื่อเข้าไปถึงอีกคนตรงหน้าอีก

"ก็..อื้ม จะพยายาม"

"ผมหึง หวงทุกอย่างที่เป็นตัวคุณ" ยิ่งฟังคณิตินยิ่งมืน  กระบวนการทำงานของร่างกายยิ่งควบคุมไม่อยู่ ใจมันเต้นแรง ความดันก็ไหลมาอยู่ตรงหน้าหมด แต่ที่แน่ๆ เรี่ยวแรงของเขามันหายไปไหนหมด

"ต่อไปนี้ผมจะไม่ปล่อยให้ใครทำแบบนั้นกับคุณอีก เพราะคุณเป็นของผม" พูดจบริมฝีปากสีโอรสก็ค่อยๆ เคลื่อนมาจูบอย่างแผ่วเบา แล้วสอดลิ้นเข้าไปทีละนิด ดูดดึงปากของอีกคนจนได้ยินเสียงครางรับเบาๆ

สกีลการจูบของตณิตินก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะเขาเองก็ใช่จะหนุ่มพรหมจรรย์ อย่างน้อยสมัยเรียน กับตอนทำงานก็ยังพอมีสาวๆ มาจีบบ้าง

ส่วนไรอันพอได้จูบครั้งแรกก็ยิ่งอยากจูบอีก แต่ครั้งนี้เขาค่อยๆ ประคองหน้าของอีกฝ่ายแล้วกดจูบแรงๆ  แตกต่างจากเมื่อครู่ จูบครั้งนี้ช่างดูโหยหาและเรียกร้องไปพร้อมๆ กัน มันหนักหน่วงจนคณิตินรู้สึกเบาหวิว ท้องน้อยเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยบินโฉบไปมาอยู่ตลอด

ความเป็นชายมันเรียกร้องให้มีการเติมเต็มมากกว่านี้ มืออีกข้างของไรอันค่อยๆ วางลงกับบั้นเอว จนอีกฝ่ายตกใจ เปิดตามอง

แววตาสีเทาอมเขียวคู่นั้นช่างดูเว้าวอนมากกว่าครั้งไหนๆ มันบอกหมดว่าเจ้าของมันกำลังต้องการอะไร

ไรอันเร่งจูบขึ้นอีก เบาบ้างหนักบ้างสลับกันไป จนคณิตินกลับมาเคลิ้มจูบตอบอีก เขาจึงได้โอกาสสัมผัสสะโพกกลมกลึงที่ตั้งใจว่าสักวันจะสัมผัสมันให้ได้ แล้วตอนนี้เขาก็ทำมันสำเร็จแล้ว ริมฝีปากสีส้มคลี่ยิ้ม ดันร่างอีกร่างติดกับต้นมะม่วง แล้วก้มจูบอีก

"โอ๊ย!!" คณิตินส่งเสียงร้อง เพราะโดนมดแดงกัด

จะว่าเจ็บมันก็เจ็บ แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นเขาคงถูกจับกินมันเสียตรงนี้แล้ว คนอะไรหื่นชะมัด ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้

เห้ออออออ ไอ้เติร์กเป็นเกย์แล้วนะพ่อ สมใจพ่อแล้วใช่ไหม หื้ออออ!!!







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2018 16:33:36 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ อย่าขัดใจท่าน มันบาป  :katai3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1


Fallen DESTINY !!
ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น

ตอนที่ 13





If roses were red and violets could be blue,
I'd take us away to a place just for two.
You'd see my true colors and all that I felt.
I'd see that you could love me and nobody else.





เช้านี้อากาศดี ไม่ร้อนไม่หนาว อากาศตอนเช้าที่นี่จะค่อนข้างเย็นสบาย หน้าร้อนก็ไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่ เพราะอยู่ตีนดอยอินทนนท์ เลยได้รับอานิสงส์จากมวลอากาศแล้้วก็ความชื้น


นายยุพินตื่นแต่เช้า ลุกมาปลุกพ่อลูกชายที่นานทีได้กลับบ้านมาให้ไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา จะได้เตรียมตัวไปวัดกัน เพราะวันนี้เป็นวันพระใหญ่

"คุณนอนต่อเลยก็ได้ ผมจะตื่นไปวัดกับแม่ เดี๋ยวสายๆ กินข้าวกินปลาเสร็จแล้วค่อยพาเด็กๆ ตามไปก็ได้" ไรอันตอบเสียงหืมหำในลำคอ

"กอดหน่อย" ไรอันอ้าแขนออก แต่ตายังปิดอยู่


"ไม่เอา ช้าเดี๋ยวแม่รอ ไปนะคุณ"

พอออกจากห้อง เดินลงกระไดมาแม่ก็อ้าปากใช้ทันที มห้มันได้งี้สิ

"ไอ้เติร์กเองไปเก็บดอกกระดังงาหน้าบ้านมาให้แม่หน่อยสิ แม่จะเอาไปวัด" 

วันนี้วันพระคุณนายพูดเพราะ เรียกตัวเองว่าแม่ บุญหูไหมล่ะ ไอ้เติร์กล่ะขนลุก แต่ก็เดินไปเก็บให้อยู่ดี

"อะแม่ แค่นี้พอไหม"

"พอ เอ็งเอาไปใส่ในสะลุงเลย"

"แล้วมันอยู่ไหนล่ะแม่ ไอ้สลุงขอแม่อะ" คณิตินสอดสายตามองซ้ายมองขวาทั่วห้องครัว แต่ก็หาไม่เจอ

"เอ็งเดินหาก่อนแล้วค่อยถามจะได้ไหม นั่นไง เห็นไหมบนหลังตู้กับข้าวน่ะ" อยู่ดีๆ ก็โดนด่า โลกนี้ไม่ยุติธรรม

"ปะไปกันได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร"

(สลุงคือภาชนะที่มีรูปร่างคล้ายขันน้ำ ทำจากเงินสฉลุลวดลาย ส่วนใหญ่คนทางเหนือจะเอาไว้ใส่ดอกไม้ธุปเทียนไปวัด)

"เอ็งมาใส่ขันแก้วทั้งสามสิ จะได้เป็นสิริมงคลกับชีวิต"

คณิตินหยิบดอกมะลิซ้อน ดอกกระดังงาที่เก็บก่อนออกบ้านมาใส่ในพานขันแก้วทั้งสาม พอเสร็จก็เดินตามแม่ขึ้นไปบนวิหาร

ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว หลวงลุงท่านเลยให้มัคทายกกล่าวนำชาวบ้านเพื่อโยงข้าวบาตร มันก็จะคล้ายๆ กับการท่องคำถวายภัตตาหารอะไรประมาณนั้น

จากนั้นหลวงบุวกับพระรูปอื่นท่านก็ให้พรบรรดาญาติโยมทั้งหลาย พอเสร็จชาวบ้านก็เดินลงจากวิหาร ยืนต่อแถวกันตรงบันไดนาคเพื่อใส่บาตรให้พระ กับเณร

แม่บอกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนมีการบวชเณรใหม่ สามรูป วันนี้ชาวบ้านเลยมากันเยอะเป็นพิเศษ เพราะต้อวการมาใส่บาตรกับเณรใหม่

"อ้าวคุณ ทำไมรีบมาล่ะ" ไรอันใส่เสื้อหม้อห้อมสีนเำเงินเข้ม กางเกงยีนส์สีฟ้าเดินหัวกระเซิงมา สงสัยจะรีบล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนผ้าแล้วก็รีบตามมาเลย เพราะวัดก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ เดินมาไม่ถึงห้านาทีก็ถึง

"ก็คิดถึง"

"ดูพูดเข้า ไม่เกรงใจพระ เกรงใจเจ้าเลย บาปนะนั่น" เจ้าตัวหัวเราะคิๆ เบาๆ เหมือนจะชอบใจ

"มาครับแอสตัน ออสติน มาใส่บาตรกับคุณยายกันครับ"

สองหน่อเขยิบมาอยู่ด้านหน้าผู้ใหญ่ "นี่นะครับ เอาข้าวนี่ใส่ลงในบาตรสิ่งดำๆ ที่พระท่านถือนะครับ เข้าใจไหมครับ" สองหน่อพยักหน้า

ผมอุ้มแอสตัน ไรอันอุ้มออสติน รายนั้นหนัก เลยต้องให้ไรอันอุ้ม

"ธุจ้าหลวงตาก่อนลูก ธุจ้า"

"กลับมาเมื่อไหร่ล่ะโยม"

"กลับมาเมื่อวานครับหลวงลุง"

"อื้มดี นานทีกลับมาเยี่ยมบ้านก็อยู่หลายๆ วันนะ"

"ครับหลวงลุง แฝดครับเอาอาหารใส่ในบาตรให้หลวงตาได้แล้วครับ เอ่อนั่นแหละ เก่งมาก"

พระท่านรับอาหารจากพวกเราเสร็จ ญาติโยมทั้งหลายก็พากันกลับเข้าไปในวิหารเหมือนเดิม เพราะอีกเดี๋ยวพระท่านจะเริ่มเทศน์กันแล้ว

ไม่อยากบอกเลยว่าตอนไรอันเดินเข้าวัดมา มีแต่คนมอง ไม่เว้นแต่แก่ผู้เฒ่าผู้แก่ คงสงสัยกันว่าฝรั่งนี่มาทำอะไรที่วัด เพราะวัดนี่ก็ใช่ว่าจะใหญ่ ติดจะเป็นวัดบ้านนอกเสียด้วยซ้ำ ถ้าพูดถึงความสวยงามแล้วก็ชื่อเสียง คงต้องแพ้วัดพระธาตุศรีจอมทองที่อยู่ในตัวอำเภอ

แต่เพราะแบบนี้ไง ชาวบ้านถึงพากันมองอย่างสงสัย พอเจ้าตัวเดินมาหาผมปุ๊บ ญาติโยมทั้งหลายก็พากันขยับปากนินทาปั๊บ นี่ขนาดในวัดนะ

ไม่กลัวบาป กลัวผิดศีลกันเลยสักนิด!! ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งกบ่าสคำอารธนาศีบไปอยู่หยกๆ

"ขึ้นไปบนวิหารกันคุณ หิวรึยัง ถ้าหิวก็รออีกแป๊บนึงนะ พิธีกรรมใกล้จะเสร็จแล้ว" ไรอันส่ายหัวบอกว่ายัง สายตาก็กวาดตามองรอบๆ

"อย่าไปสนใจเลยลูก ใครจะนินทาอะไรก็ช่างเขา เราเอามาใส่ใจก็เท่านั้น เดี๋ยวพวกเขาก็หยุดพูดเองแหละ"

ความจริงไอ้เติร์กก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ดูจากสายตาแล้วคงไม่พ้นเรื่องเขากับไรอันแน่ ไม่พออาจจะมีเรื่องสองแฝดพ่วงเข้ามาด้วย

"วันนี้ผมแต่งตัวเป็นไงบ้าง หล่อไหม" ไรอันถาม

"อืม ก็โอเค" ใจจริงอบอกบอกว่าคนอย่างไรอันแต่งอะไรก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ แต่เดี๋ยวเจ้าตัวจะได้ใจ

เสื้อหม้อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับผิว  ใส่กางเกงยีนส์สีอ่อน ส่วนผมใส่เสื้อพื้นเมืองผ้าฝ้ายสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้ม

แอสตัน กับออสตินก็มีคนละผืน คุณยายเขาซื้อให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เช้านี้เลยถือโอกาสใส่มาวัดเลย นึกภาพเด็กฝรั่งใส่หม้อฮ่อมดูสิ แล้วคุณจะกลายเป็นทาสพวกเขา นี่ทันทีล่ะคุณเอ๊ย


พอพระท่านเทศน์เสร็จ ชาวบ้านก็แห่กันลงจากวิหารมา ผมกับไรอันเลยพากันลงมาบ้าง ใส่รองเท้าให้แอสตัน กับออสตินเสร็จ ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลย ถ้าไม่ติดถ้าว่าน้าสมศรีขาเม้าท์ประจำหมู่บ้านมาขวางไว้ก่อนนะ

"สวัสดีเจ้าแม่เลี้ยงยุพิน แล้วนี่ไผ ลูกบ่าวที่ไปอยู่กรุงเทพฯ กา" (ลูกชายที่ไปอยู่กทม. เหรอ)

"แม่นละเจ้า กำลังปิกมาตะวา" (ใช่แล้วค่ะ เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวาน)

"อ่อ แล้วหั้นไผ ตี้ยืนข้างๆ น่ะ" คณิตินคิดในใจ ที่อุตส่าห์เสียเวลาเดินมาทัก ชวนคุยตั้งมากมายเพราะเรื่องนี้โดยตรงสินะ

ถึงเขาถึงจะไม่ค่อยรู้จักพี่ป้าน้าอาที่นี่มากมาย แต่เจ๊คนนี้เขารู้จัก เพราะกิติศัพท์ของแกดัง เรียกได้ว่าเป็นขาเมาท์หรือซ้อเจ็ดประจำตำบลเลยก็ว่าได้

แถมสมัยเรียนมัธยม ลูกชายคนเล็กนาง เคยมีเรื่องกับเขามาแล้วเพราะเรื่องผู้หญิง จนถึงขั้นแลกหมัดกันเลยด้วยซ้ำ แกเลยไม่พอใจตั้งแต่นั้นมา ทั้งที่ห้องปกครองไอ้เติร์กก็ไปมาแล้วแท้ๆ โดนทัณฑ์บนก็โดนมาแล้วแท้ๆ  แต่เหมือนนางจะแค้นฝังใจ ไม่ยอมปล่อยวางสักที

"คนนี้เหรอ แฟนไอ้เติร์กมัน แล้วนี่ก็ลูกของเขา มีอะหยังจะถามแหมก่อสมศรี ถ้าไม่มีข้าจะได้ปิกบ้าน บ่มีเวลามาสาระแนเรื่องของชาวบ้านนักนา"

"ปะลูกกลับกันเถอะ" แม่ไม่เอ่ยชวน ไม่สนใจเจ๊สมศรีที่ยืนหน้าเขียวหน้าเหลือง ลมออกหูอยู่หน้าวิหาร


"แม่"

"แม่!!"

"อะไรของเอ็ง เรียกอยู่ได้"

"แม่ตอบเขาไปแบบนั้น แล้วไม่อายชาวบ้านเหรอ เวลาไปตลาดไรงี้ เชื่อเติร์กเหอะเดี๋ยวมันก็เอาไปโพทนาให้คนอื่นเขาฟังต่อ"

"ไม่อายหรอก ขี้ปากชาวบ้านน่ะ แปปเดียวเดี๋ยวมันก็ซา อีกอย่างครอบครัวเราไม้ได้ไปขอข้าวใครเขากิน จะอายมันทำไม รอเอ็งทำลูกสาวเขาท้องแล้วไม่รับแบบลูกมันก่อนสิถึงจะต้องอาย"

"อ้าว จริงเหรอแม่ ลูกชายเจ๊สมศรีคนไหนล่ะ คนพี่หรือคนน้องที่มีเรื่องกับเติร์ก"


"จะคนไหนอีกล่ะ ก็คนที่มีเรื่องกับเอ็งสมัยก่อนโน้นนั่นแหละ ว่าแต่คนพี่น่ะดีอยู่ เอาการเอางาน แต่ตอนนี้ไปอยู่กับพ่อที่อุดรแล้ว ส่วนคนน้องก็ย้ายไปอยู่กับพ่อแม่เมียแล้ว"

งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่กับเจ๊แกเลยอะดิ มิน่าถึงได้เหงา เที่ยวหาเรื่องคนอื่นไปทั่วแบบนี้ เห้อออ น่าสงสาร


พวกเราคุยกันไป เดินไป แป๊บเดียวก็ถึงบ้าน เช้านี้แม่ทำห่อหมกไก่ ใส่วุ้นเส้น แล้วก็หน่อไม้ดอง ทำเผื่อไปวัดด้วย

"แม่ทำห่อหมกไก่ไว้ แต่ผมว่ามันเผ็ด เดี๋ยวไปทำหมูทอดให้ละกัน เด็กๆ จะได้กินด้วย"


"อะไรคุณ ปล่อยก่อน เดี๋ยวแม่กับพ่อมาเห็น"

"ไม่เอายังไม่อยากปล่อย" แหนะมีงอแง

"ขออยู่แบบนี้สักพักนะ " ไรอันจับมือคณิตินมาลูบเบาๆ แล้วเอาขึ้นมาหอมเสียงดังฟ๊อด

"คิดมากเรื่องที่เจอที่วัดเหรอ"

"เปล่า ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แต่จะไม่คิดเลยก็ไม่ได้ เราไม่ได้อยู่ที่นี่ก็โอเค แต่พ่อกับแม่ยังต้องอยู่ ผมเลยกลัวว่าพวกท่านจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน"

"งั้นก็พาท่านไปอยู่กับเราสิ"

"พูดง่ายแต่ทำยากสิคุณ พวกท่านไม่ชอบกรุงเทพฯ  แถมที่นี่ก็มีงาน มีอะไรต้องรับผิดชอบ ไหนจะมหาลัยของไอ้เติร์ดอีก คนงานอีก ถ้าพวกท่านไป แล้วใครจะอยู่คุมคนงาน นี่แหละคือปัญหา"

"ช่างมันเถอะ ไว้ค่อยคิด แต่ตอนนี้ไปกินข้าวก่อนดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง"


"เติร์กโว้ยกิ๊กเองมาหา" ใครวะกิ๊กเขา

"อ้าวไอ้แตมเองเหรอ" นึกว่าใครที่ไหน พอเรียกซะตกอกตกใจหมด

"เอ็งกินข้าวกินปลามารึยังแตม ถ้ายังก็มากินด้วยกันเลย แย่งกันกินหลายคนอร่อยดี มาๆ"

"ขอบคุณครับลุงกร"

"คนกันเองหน่า" พ่อเอามือตบบ่าไอ้แตมดังอึก เป็นไอ้เติร์กคงจุกไปแล้ว นี่ดีที่ไอ้แตมมันตัวอย่างควายเลยไม่สะทกสะท้าน

"ไอ้เติร์กมัวยืนบื้ออยู่ทำไม ไปเอาจานมาอีกใบสิ ไอ้ลูกคนนี้ต้องให้สอน"

คณิตินเดินไปเอาจานกลับมาก็เจอกับไอ้เติร์ดที่พาเด็กๆ ลงมาพอดี

"ป่าป๊า/ป่าป๊า"

"ไปครับเด็กๆ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวค่อยไปเล่นกับน้าเติร์ดต่อ"

"อะ" เขายื่นจานให้ไอ้แตม มันอยากกินก็ให้มันตักเอง

"อย่าทำหน้าบึ้งหน่าเติร์กน้อย แตมแค่อยากกินข้าวกับเติร์กบ้างอะไรบ้างเอง" คณิตินพยักหน้างึกๆ แบบขอไปที ความจริงเขาก็ไม่อะไรมากหรอก แค่กลัวว่าจะเกิดเรื่องเฉยๆ

กับไอ้แตมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะมันไม่ใช่นักเลง ไม่ถนัดต่อยตี แต่กับอีกคนนี่ไม่แน่ แค่ตอนเขาไปเอาจานให้ไอ้แตม แอบสังเกตเห็นหางคิ้วไรอันกระตุกมาแล้วทีนึง

สาธุอย่าเพิ่งมีมวยกันเลยนะ ถ้าเกิดตีกันอีก คราวนี้คงได้ดังกระฉ่อนไปทั่วหมู่บ้านแน่ ดีที่ว่าตอนนี้อยู่ในอาณาบริเวณของบ้าน เลยไม่ค่อยมีคนมาป้วนเปี้ยน จะมีก็แต่คนงานบางคนเท่านั้น แต่คนงานที่นี่บางคนก็ขาเมาท์เหมือนกันนะเออ

"นี่ลูกเติร์กน้อยเหรอ น่ารักจังนะ ชื่ออะไรกันบ้างล่ะเนี๊ยะ"

"เด็กๆ ครับ สวัสดีลุงแตมก่อนครับ แล้วก็แนะนำตัวด้วยครับว่าชื่ออะไรกันบ้าง"

"สวัสดีคับ ชื่อออสตินคับ"

"สวัสดีครับ ชื่อแอสตันครับ" 

"พูดไทยชัดแจ๋วเลย เก่งๆ ส่วนลุงชื่อ ลุงแตมนะครับ อยู่บ้านข้างๆนี่เอง ว่างๆ ก็ไปเที่ยวที่บ้านได้นะเด็กๆ มีบ่อปลาคราฟท์ด้วย"  เชิญชวนเก่ง!! คณิตินแอบแขวะในใจ

เด็กๆ ทำตาเป็นประกาย แต่ไม่รู้จักหรอกว่าปลาคราฟมันเป็นยังไง

"เอ้าแตมกินๆ เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ แล้วนี่เช้านี้แม่เอ็งทำอะไรให้กิน"

"ทำห่อหมกเหมือนกันเลยครับ แหะๆๆ"  ก็เข้าใจว่าสันพระมหญ่ ส่วนใหญ่ชาวบ้านก็จะทำห่อหมกกันนั่นแหละ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

"อะนี่เติร์กกินเยอะๆ (จะได้กอดเต็มไม้เต็มมือหน่อย)" ประโยคหลังแตมมันพูดกับตัวมันเอง แต่ไอ้เติร์กกับไรอันดันหูดี ได้ยินเอง

คราวนี้ไอ้แตมเลยถูกไรอันจ้องหน้าเขม็งเลย แต่คนอย่างมันจะสนใจอะไร ใครจะจ้องยังไง มันก็แค่ยิ้มตอบแค่นั้นเอง ตัวก็โตซะเปล่า โตกว่าเขาอีก แต่ใจปลาซิว เอ๊ะหรือว่ามันเป็นคนรักสงบกันแน่นะ

"เติร์กจ๋าอยากกินแตงไทน้ำกะทิไหม เดี๋ยวแตมไปเอาที่บ้านมาให้"

ใจจริงก็อยากกิน แต่พอหันไปสบตากับยักษ์วัดแจ้งแต่หน้าฝรั่งปุ๊บ ไอ้เติร์กก็รีบหุบปากทันทีเลย

"ห้ามกิน ถ้ากินของคนอื่นจะทำโทษ" ไรอันขยับมากระซิบ ส่วนไอ้แตมก็มองตาพริบๆ เพราะพ่อฝรั่งตัวโตแอบเอามือมาลูบแก้มด้วย

ตอนนี้พ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ รวมถึงไอ้เติร์ดด้วย พากันอิ่มแล้วก็แยกย้านไปกันหมดแล้ว บนโต๊ะเลยเหลือแค่พวกเขาสองสามคน ถึงว่าพี่แกกล้าลวนลามเขา คณิตินอย่กจะตบหน้าขาตัวเองสักสองสามฉากเหมือนในละคร

"เอ่อ...แตม มึงมาทำไมแต่เช้า มีธุระอะไรรึเปล่า" คณิตินต้องแกล้งเปลี่ยนเรื่อง ชวนคุย ไม่งั้นไอ้แตมคงไม่หยุดจ้อง

"เปล่า แค่อยากเห็นหน้าเฉยๆ แล้ววันนี้เติร์กไปไหน แตมขอไปด้วยนะ"

เอ่อนั่นสิ เขาเองก็ยังไม่มีแพลนเลย "คุณอยากไปไหนรึเปล่า" คณิตินหันไปถามคนข้างๆ

ไรอันส่ายหัว เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแถมนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

"งั้นไปน้ำตกไหม แถวนี้มีน้ำตกสวยๆ เยอะนะ เดี๋ยวแป๊บนึงนะ" โทรศัพท์ของคณิตินส่งเสียงร้องอยู่ใกล้ๆ พอเห็นเบอร์โทรเข้าแล้วจำเป็นต้องรับ ไม่งั้นโดนเฉ่งจนหูชา

"ฮัลโหลว่าไงมึง"

"เอ่อเติร์ก บ้านมึงอยู่อำเภออะไรทองๆ นะ" ดอกทองมั้งไอ้ห่า จำอะไรไม่ได้ นอกจากคำว่าทองอย่างเดียว

"จอมทอง ทำไม"

"ก็ที่กูบอกเมื่อวันก่อนไงว่าจะไปหามึงที่บ้าน นี่มึงจำไม่ได้เหรอ"

"จำได้ แต่กูคิดว่ามึงพูดเล่น แกล้งอำกูเล่นงี้"

"เปล่า กูพูดจริง ตอนนี้กูกับพี่ธันอยู่ อยู่แถวไหนนะพี่ธัน" ประโยคหลังมันหันไปถามพี่ชายมัน

"ถึงแถวๆ ผาช่อ" ได้ยินเสียงพี่ธันตอบ

"มึงได้ยินแล้วใช่ไหม" คณิตินตอบอื้ม

"แล้วอีกนานไหมกว่าจะถึงบ้านมึง"

"ไม่นาน ขับตรงมาเรื่อยๆ ก่อน เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้"

ทีแรกคุยกันเมื่อวันก่อนมันบอกว่าจะตามพี่ชายมาติดต่อซื้อที่แถวลำพูน ถ้าเสร็จจะแวะมาหาที่บ้าน คณิตินก็นึกว่าเพื่อนกันย์พูดเล่น เลยไม่ได้สนใจ

"แตมมึงจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรก่อนไหม เพราะเดี๋ยวเพื่อนกูจะมาด้วย กูเลยว่าจะพาพวกเขาไปเที่ยวด้วย มึงยังอยากไปอยู่ไหมวะ"

"ไปๆ" ไอ้นี่ก็ใจง่ายจริงวุ้ย เขาพาไปไหนไปหมด เกินเขาจะเอาไปขายคงง่ายนิดเดียวอะคนอย่างไอ้แตม

"ที่ถาม ไม่ใช่อะไร กูกลัวมึงอึดอัดเฉยๆ"

"ไม่เป็นไรๆ แตมเข้ากับคนง่าย ขอแค่ได้อยู่กับเติร์กน้อย แตมก็พอใจแล้ว"

เห้ออออ ไอ้แตมมันก็เป็นแบบเนี๊ยะ ไอ้เติร์กถึงใจร้ายกับมันไม่ลงสักที แต่อีกคนนี่สิ ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเลย






++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

"เติร์ก บ้านมึงใช่ที่เขียนว่า บ้านไร่แสงอรุณรึเปล่าวะ"

"อื้มใช่ มึงถึงแล้วเหรอ" คณิตินรีบก้าวขายาวๆ ลงจากบ้าน ตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เพื่อนมาเที่ยวบ้าน ขนาดว่ารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อนเขายังไม่เคยมาเที่ยวเลยสักคน

ตอนปีสามก็เหมือนจะแพลนกันไว้ว่าจะมาตอนสงกรานต์ ที่ไหนได้ไอ้กันย์ถูกที่บ้านห้าม เหตุผลเพราะไม่อยากให้เดินทางไกล มันอันตราย ลูกคุณหนูก็งี้ ส่วนไอ้พัทรายนี้เอารถไปล้ม ฟาดเคราห์ปีใหม่ไทย นอนเดี้ยงอยู่แต่บ้านไปโดยปริยาย

ตอนเรียนจบก็ด้วย แพลนกันซะดิบดี แต่สุดท้ายก็เหลวเป๋ว เพราะไอ้พัทต้องไปต่างประเทศกับที่บ้านกระทันหัน ส่วนคุณหนูกันย์ก็ดันเป็นอีสุกอีใส โครงการเลยถูกพับมาจนถึงตอนนี้

"มึงขับเข้ามาอีกห้าหกร้อยเมตรนะ แล้วจะเห็นบ้านกู"


พอลงรถมา ไอ้กันย์ก็ปรี่เข้ามากอดเลย "โห...บ้านมึงก็กว้างใช่เล่นเหมือนกันนะไอ้เติร์ก แบบนี้ต้องเรียกพ่อเลี้ยงเติร์กแล้วไหมวะ"

"ไม่ต้องๆ เว้ย นั่นมันของพ่อแม่กูทั้งนั้น อ้าวพี่ธันหวัดดีครับ บ้านผมหายากไหมพี่" 

"ก็ไม่ยาก แต่บ้านสวยดีนะ" พี่ธันยังคงเป็นพี่ธันเหมือนเดิม ทั้งดูอบอุ่น แล้วก็ยิ้มง่าย

"มาๆ นั่งก่อนพี่ เอ้าแตมมึงจะมองเขาอีกนานไหม หลีกให้เขาเข้ามาสิ"

"เพื่อนเติร์กขาวดีเนอะ" ไอ้แตมกระซิบ

"ดูได้ แต่ห้ามไปทำลุ่มล่ามกับเพื่อนกูแบบที่ทำกับกูนะ" ต้องบอกไว้ก่อนกลัวมันจะพุ่งไปลวนลามเขา

"เดี๋ยวไปเอาน้ำลำไยมาให้ แม่เพิ่งเสร็จเมื่อกี้พอดี" เป็นน้ำลำไยอบแห้ง พอเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ ก็เอาไปเข้าเครื่องคัดเกรด คัดขนาดจากนั้นค่อยเอาไปอบกับแก๊ส ไม่ก็ฝืน พอเสร็จถึงจะเอาไปให้ชาวบ้านแกะเอาเนื้อข้างในมาตากแดด พอแห้งดีแล้ว ก็เอาใส่ถุงขายให้ฝู่เฉินเป็นกิโล (ฝู่เฉินเป็นบริษัทคนจีนที่ลำพูน บริษัทนี้พ่อไปติดต่อเอง เลยทำธุรกิจด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นี่แหละ)


"โอ๊ยยย อยากกินมาตั้งนานแล้ว ครั้งก่อนมึงเอาเนื้อลำไยอบแห้งกลับไปฝาก แม่กูชมใหญ่เลยว่าอร่อย ลำไยสดก็เอาไปทำข้าวเหนียวลำไยแบ่งคนข้างบ้านด้วย"

"พี่ธันอยากได้อะไรเหรอครับ เห็นไม่กิน"

"เปล่าหรอก แค่ไม่ได้เจอกันนานเลย อยากมองให้ชัดๆ เราเองก็ไม่เข้าสำนักพิมพ์นานแล้ว พี่เองก็ยุ่ง แม้แต่ไลน์ก็ได้อ่านบ้างไม่ได้อ่านบ้าง แล้วเติร์กสบายดีนะ" พี่ธันร่ายยาวเลย

"สบายดีครับ" คณิตินตอบสั้นๆ เพราะตกใจที่ไรอันเอาแขนโอบเอวไว้ แถมยังเอามือวางบนสะโพกเข้ากลายๆ ด้วย แบบนี้มันตั้งใจจะประกาศความเป็นเจ้าของรึเปล่าหว่า หรือว่าเราคิดมากไปเอง


"เอ่อ...นี่ไอ้แตมครับพี่ธัน ไอ้กันย์ ส่วนแตมกูว่ามึงได้ยินพวกกูคุยกันแล้วนะ นี่คนที่สูงๆ นี่ชื่อพี่ธัน เป็นรุ่นพี่กู แล้วก็รุ่นพี่มึงด้วย" ไอ้แตมพยักหน้างึกๆ

"ส่วนอีกคนเตี้ยๆ นั่นชื่อกันย์ เพื่อนกูเอง แต่เป็นรุ่นน้องมึง" ก็ไอ้แตมมันเป็นรุ่นพี่เขานี่หว่า แต่เขาไม่อยากเรียกมันว่าพี่ เลยเรียกมันว่าแตม แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นไอ้แตมเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ก็มันทำตัวไม่น่าเคารพนับถือเองนี่หว่า บ้าก็เท่านั้น ชอบตามเขาเหมือนสตอร์กเกอร์อีก

"ขาวทั้งคู่เลย" มันพืมพำคนเดียว แต่จากสายตามัน คณิตินบอกได้ว่ามันคงเพ้อความขาว เลยต้องสะกิดให้มันรู้ตัวนิดนึง

"แหะๆๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับโอโม่"

"ป๊าบ/โอ๊ย!!'' ผมตีแขนมันเองแหละ มันจะได้มีสติ แต่ก็ไม่ได้ตีแรง ไอ้นี่ก็เวอร์

"ส่วนนี่ก็ไรอันครับพี่ธัน พ่อของสองแฝด ส่วนไรอันนี่พี่ธัน รุ่นพี่แล้วก็เจ้านายผม" ทั้งสองคนยิ้มให้กันเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปจับกันพอเป็นพิธี ไม่ยิ้มไม่แย้มกันเลยสักนิด

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูดูพี่กูให้ สบายใจได้" คณิตินพยักหน้ารับ

 เขาเพิ่งสังเกตได้ไม่นานมานี้ว่าพี่ธันแกแปลกๆ ไป ไอ้กันย์มันเลยบอกว่าพี่มันกำลังอกหัก

ไอ้เราไม่รู้เรื่องอะไร ออฟฟิศก็ไม่ได้เข้า เลยตกใจ  เพราะเจอพี่ธันครั้งล่าสุดหลายก็เดือนก่อน แต่พี่แกก็ยังโอเคดี ไม่มีแฟนด้วย ไหงมาตอนนี้อกหักซะแล้ว


'พี่กูเขาอกหัก เพราะรักผู้ชาย แถมผู้ชายดันมีเจ้าของแล้ว'  คำตอบของไอ้กันย์ว่าน่าตกใจแล้ว คำอธิบายยิ่งทำให้ช็อคหนักไปอีก คนอย่างพี่ธัน หน้าตาดี โปรไฟล์ก็ดีขนาดนี้ ไม่น่าอกหักเลย แต่ก็นะมันเป็นเรื่องของหัวใจ อันนี้ไอ้เติร์กเข้าใจดี


'แต่ที่พีคกว่านั้น คือคนที่พี่กูรัก เขาเป็นรุ่นน้อง แล้วก็มีลูกแล้วสองคน แต่เป็นลูกของแฟนเขา' คณิตินฟังแล้วก็พยักหน้าตาม เพราะคุยโทรศัพท์กัน

'แฟนเขาเป็นแม่ลูกติดเหรอวะ'

'เปล่าว่ะ แฟนเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน' พีคในพีคจนไอ้เติร์กชักเริ่มมืน จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอมานั่งทบทวนใหม่ ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

1) คนที่พี่กูรักเป็นรุ่นน้อง : ไอ้เติร์กก็เป็นรุ่นน้องพี่แกนิ

2) เขามีลูกแล้วสองคน     : ไอ้เติร์กก็มีลูกแล้วสองคน แถมยังเป็นลูกของคนอื่นอีก

3) แฟนเขาก็เป็นผู้ชาย    : ไรอันก็ผู้ชาย แต่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนิ (แต่จูบกันแล้ว!!!)


"เอ่อ แล้วบ้านมึงปลุกอะไรบ้านนะ มึงบอกตั้งนานละแต่กูลืม" นอกเรื่องไปนานวกกลับมาก่อน

คณิตินอยากขอบใจเพื่อนกันย์มาก ที่มันรู้สถานการณ์แล้วก็เข้าใจเขาเป็นที่สุด

"ส่วนใหญ่ก็เป็นกาแฟแล้วก็ชา นอกจากนั้นก็จะมีลำไย กับลิ้นจี่อีกนิดหน่อย สองอย่างหลังนี่เป็นของชาวบ้านที่เขาเอาที่มาขายให้ รายละเอียดเอาไว้ทีหลังดีกว่า ตอนนี้กูว่าเราไปน้ำตกกันดีกว่าไหม มันสายแล้ว"

"เดี๋ยวไปเอาลูกลงมาเอง รออยู่ตรงนี้นะ"

"อื้ม เอ่อคุณอย่าลืมหาหมวกแก๊บให้ลูกใส่ด้วยนะ อยู่แถวในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าอะ" ไรอันพยักหน้า ยิ้มมุมปาก

นี่เขาพูดอะไรผิดอีกเหรอ แม้แต่ไอ้กันย์ก็ยังยิ้มเลย

"กูพูดอะไรผิดเหรอ ทำไมพวกมึงยิ้ม ยกเว้นพี่มึงที่ไม่ยิ้ม" คณิตินกระซิบถามเพื่อน

"มึงไม่ได้พูดผิดหรอก แต่คำพูดมึงมันชวนให้คิดลึก แบบว่า...บ่งบอกสถานะมึงกับเขาแค่นั้นเอง

พอกลับมาทบทวนใหม่ คณิตินก็เข้าใจ นี่เขาอุตส่าห์ไม่แสดงออกอะไรแล้วนะ ตายๆๆ ไอ้เติร์กจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี๊ยะ

"มึงอยู่นี่นะ เดี๋ยวกูไปเตรียมข้าวเหนียว กับของกินก่อน ไปซื้อที่โน่นมันแพง ปะแตมมึงจะไปด้วยไหม" แตมส่ายหน้า แต่คณิตินไม่ไว้ใจ เลยลากมันมาด้วย

"ลากแตมมาทำไมเติร์กน้อย"

"เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนแล้วก็พี่กู"

"แตมไม่ได้ขนาดนั้น" มันทำเสียงสูง

"ไม่รู้ล่ะ ป้องกันไว้ก่อน เห็นมึงมองของขาวตาไม่กระพริบอยู่ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าห้ามมือไว ลวนลามเขานะ"

"รู้แล้วหน่า เติร์กก็"


"ไม่ต้องมาเติร์กโก้งเติร์กก็ ไปเลยไปเอาจานกับช้อนแล้วก็ส้อมมาเตรียม"

ผมว่าไอ้แตมมันคงไม่ได้ชอบผมแนวชู้สาวหรอก ไม่งั้นมันคงไม่มองสองพี่น้องตระกูลวณิชย์ไพศาลตาเป็นมันหรอก

อีกอย่างผมว่าด้วยความที่มันเป็นลูกคนเดียว อายุห่างจากผมแค่สองปีเอง แถมบ้านยังอยู่ติดกันอีก มันก็เลยเอ็นดูผมเหมือนน้องซะมากกว่า เห็นพ่อกับแม่ว่ามันมาเฝ้าผมเช้าเฝ้าเย็นเลย ตื่นเช้ากินข้าวเสร็จมันก็มาแล้ว ก็นะหัวอกลูกคนเดียว อยู่บ้านคนเดียวก็เลยเหงา

แม่เล่าว่าตอนเด็กๆ เคยถามมันว่าจะยกน้องให้ จะเอาไหม มันตอบตอนนั้นเลยว่า "เอาครับ แตมรักน้อง"

คงเป็นอารมณ์ประมาณ พี่ชายน้องชายของคนไม่เคยมีน้อง แถมตอนนั้นผมก็น่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้มมากซะด้วย ไอ้แตมมันเลยหลงไปใหญ่

"ปะไปกันได้แล้ว พร้อมแล้วใช่ไหม"

"อื้ม แล้วพ่อแม่มึงไปไหนล่ะเติร์ก มาถึงตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ได้ไหว้พวกท่านเลย"

"พ่อกับแม่อยู่ในสวน วันนี้เขาเก็บกาแฟกัน"

"ฟังดูน่าสนุกดี"

"เดี๋ยวบ่ายๆ ค่อยไปดู ไรอันก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน" ไอ้กันย์พยักหน้า

"มาๆ ให้อากันย์อุ้มคนนึง"

"กูว่าอุ้มแอสตันเถอะ เดี๋ยวมึงจะบ่นปวดแขน เพราะอีกรายนั่นหนักนะมึง หนักกว่าแอสตันอีก"

"แต่ความจริงมึงให้เด็กๆ เดินเองก็ได้" เดี๋ยวสองแฝดจะเคยตัว

"ไม่เอากูคิดถึงหลาน พี่ธันเอาอ้วนๆ นี่ไปอุ้มนะ"

"อากันย์ว่าใครอ้วนเหรอ?" โถ่ลูก เขาว่าตัวเองนั่นแหละ ยังไม่รู้ตัวอีก

"มาเดี๋ยวอาอุ้มออสตินเอง อื๊บ!!" และแล้วสองหน่อก็ถูกพาไปขึ้นรถไป

"เอาหน่าคุณ จะหวงทำไมนักหนา"

"กับเพื่อนคุณผมไม่หวง แต่กับพี่ชายเขาพวกไม่ชอบ"

"เห้ออออ อย่าคิดมากหน่า ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งกับเขานิ ปะๆๆ ไปช้าเดี๋ยวคนเยอะ ไม่ได้ที่นั่งทำเลสวยนะ"


พวกเราเอารถไปสองคัน เพราะคนเยอะ ถ้านับรวมหมดแล้วก็ตั้ง 7 คนรวมเด็กๆ ด้วย

"ปะแตมมึงนั่งกับกูกับไรอันก็แล้วกัน"

ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงน้ำตกแล้ว แถวนี้มีน้ำตกเยอะมากอย่างที่ผมบอกไปแรกๆ เริ่มจากน้ำตกแม่ยะ ที่ต้องเลี้ยวซ้ายไปถ้าเข้าจากปากทางมา ขึ้นมาอีกนิดก็จะเป็นน้ำตกแม่กลาง ถัดไปก็น้ำตกวังควาย น้ำตกอะไรอีกสักอย่าง แล้วถึงจะเป็นน้ำตกวชิรธาร


"โหสวยว่ะ เขาเรียกว่าน้ำตกอะไรนะมึง" ไอ้กันย์ถาม

"น้ำตกแม่กลาง"

"แต่กูอยากไปน้ำตกผาดอกเสี้ยวด้วยอะ อยากไปเดินป่า ดูนาข้าวขั้นบันได ชิมกาแฟสด แล้วก็ดูผาทอของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บ้านแม่กลางหลวงด้วย"

"ไว้คราวหน้าค่อยไป ครั้งนี้มีเด็กๆ มาด้วยคงไม่สะดวก" ไอ้กันย์พยักหน้า

"ปะไปหาที่นั่งกัน เอาตรงโขดหินนั่นไหม" ไอ้กันย์เสนอ แต่ไม่รอให้ใครเขาตอบตกลง มันก็วิ่งนำเขาไปแล้ว นี่ถ้าเขาไม่ตามมันไป มันจะงอแงชักดิ้นชักงอตรงนั้นไหมวะ

ไรอันจัดการปูเสื่อสองผื่น หนึ่งผืนใหญ่กับหนึ่งผืนเล็กเอาไว้วางของใช้

"ป่าป๊าคับแอสตันอยากเล่นน้ำ"

"ออสตินด้วยคับ อยากว่ายน้ำป๋อมแป๋ม"

"ได้เลยครับ งั้นมาเปลี่ยนผ้าก่อนนะครับ" ชุดว่ายน้ำตัวเดิมถูกเอามาใช้อีกครั้ง

"เอ้าเสร็จแล้ว" ที่เสร็จเร็วเพราะมีไรอันช่วย

"เล่นแถวๆ นี้นะครับ อย่าไปไกล"

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมดูพวกเขาเอง" ไรอันคงเห็นว่าผมมีหม้อมีอะไรมาด้วย เลยปล่อยให้ผมเตรียมกับข้าวไป จะว่าไปก็เหมือนกับการมาปิคนิคเหมือนกันนะ

ของกินที่นี่หาง่าย แต่ผมเตรียมห่อหมกเมื่อเช้าติดมาด้วย เผื่อไอ้กันย์กับพี่ธันอยากกิน นอกจากนั้นก็มียำวุ้นเส้น กับส้มตำที่ผมแบกเครื่องปรุงมายำที่นี่เลย ซื้อเขากินมันไม่แพงนะ แต่มันไม่ค่อยสะอาด กลัวกินเสร็จแล้วตกกลางคืนมาต้องแอดมิทโรงพยาบาลน่ะสิ

"เสร็จรึยังมึง กูหิวแล้ว"

"เออๆ เสร็จแล้ว เสียดายเนอะไอ้พัทมันไม่ได้มา"

"มันติดสาว จะมาได้ไง ได้ยินมันบอกคนนี้มันจริงจัง จะเอาเป็นแม่ของลูกให้ได้" เล่าไปไอ้กันย์ก็เบ้ปากไป


"อย่าอิจฉาเพื่อน ไปเรียกคนอื่นมาได้แล้ว"

กลางวงกินข้าวเป็นส้มตำ ยำหมูยอวุ้นเส้น ไก่ย่างหมูย่าง แล้วก็ไข่ปิ้ง สองสามอย่างหลังเพิ่งแวะซื้อข้างทางตอนขาขึ้นมานี่เอง

ตอนนี้เด็กๆ ถูกไรอันจับเปลี่ยนเสื้อผ้าหมดแล้ว ตอนนี้เลยมานั่งรอกินข้าวอยู่ข้างๆ

"ของแอสตัน กับออสตินก็ได้แล้วเหมือนกัน วันนี้กินเองนะครับ ป่าป๊าหั่นหมูกับฉีกเนื้อไก่เป็นชิ้นๆ ให้แล้ว"

"คับ/คับ"

"งั้นก็ลงมือเลย"

"ปะคุณกินกัน"

"ส้มตำ กับยำฝีมือมึงยังอร่อยเหมือนเดิมเลย ซี๊ดดดดเผ็ด"

"เป็นไงคุณ กินได้ไหม หรือว่าอยากกินส้มตำไหม เดี๋ยวผมตำไทยไม่เผ็ดให้" ไรอันส่ายหน้า

เห็นแล้วก็สงสาร มือก็มีข้าวเหนียวติดเต็มเลย ผมก็ลืมไปว่าไรอันกินเผ็ดไม่ค่อยได้ แถมยังไม่เคยปั้นข้าวเหนียวกินเองแบบนี้อีก


"เพิ่งเคยกิน Sticky Rice ครั้งแรกเหรอคุณ ดูมือสิ"

"อืม ครั้งแรก แต่ก็อร่อยดี"

"มาเดี๋ยวผมสอนปั้น มองตามมือผมนะ นี่ปั้นแบบนี้ อาจไม่ต้องให้มันกลมก็ได้ เพราะกลมเกินไปเดี๋ยวมันจะแน่นเกิน พาลอิ่มซะก่อนจะได้กินอย่างอื่น

"อย่างนี้เหรอ"

"อื้ม"

"ก้มหน้าหน่อยสิ เดี๋ยวผมจะเช็ดเหงื่อให้" ที่ต้องทำแบบนี้เพราะไม่มีใครทันคิดเรื่องกระดาษทิชชูเลย ก็นะมีแต่ผู้ชายกันทั้งนั้น ได้แค่นี้ก็ดีถมถืดแล้ว

"กินนี่สิอร่อย" หมูย่างเม็ดผักชีถูกส่งให้ถึงปาก

"มึงก็กินสิ หันมามองพวกกูทำไม เขาป้อนมึง ไม่ได้ป้อนกูสักหน่อย" ก็มันเขินโว้ยยยยย


"เอาหน่า ไม่ต้องเขิน กินๆ ไปเหอะ ไหนๆ ก็มีคนอาสาป้อนแล้ว" เพราะมึงพูดแบบนี้แหละกูยิ่งไม่กล้ากิน

"กินสิ"

"ไม่เอาจะกินเอง"

"พี่ขอไปล้างมือก่อนนะ" ธันวาลุกออกไปทันที เพราะทนเห็นไม่ได้

"ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูไปดูพี่กูเอง มึงกินไปเถอะ"

พอเป็นแบบนี้ปุ๊บทุกคนเลยหยุดกินปั๊บเลย แม้แต่ไอ้แตมผู้ไม่สนโลกก็ยังกินไม่ลง

"ป่าป๊าคับแอสตันกินหมดแล้ว"

"จะไปเล่นน้ำต่อแล้วเหรอครับ" เด็กๆ พยักหน้า ไรอันเลยจับเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดว่ายน้ำเหมือนเดิม

"สงสารโอโม่ยักษ์เนอะ คนแถวนี้ก็ใจร้าย ไม่รักเขาแล้วยังมาหวานกันต่อหน้าอีก"

"หุบปากเลยแตม"

"ชิ คนใจร้าย"

"ถ้าสงสารนัก ก็แล้วทำไมไม่ตามไปปลอบล่ะ ไปสิ"
อ้าวไอ้นี่มันไปจริงวุ้ย เขาแค่ประชดเอง

"อย่าทำหน้างั้น เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวรังแกคุณตรงนี้นะ"

โอ๊ยยยยย นี่ก็อีกคน เห็นไหมน่ะว่าสถานการณ์เขาเป็นยังไง คณิตินกรอกตาไปมาแล้วถอนหายใจ

"ล้อเล่น ทำแบบนั้นแหละถูกแล้ว เขาจะได้ตัดใจได้"

"อื้ม"











+++++-----


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาแตมไป 3p กับธัน-กันต์เถอะ สงสารฟ่ะ   :hao4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
แตมเป็นคนตลก

 :m20: :m20:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เราได้เมนูใหม่ละ ยำยอดมะขาม
ว่าจะลองทำ ขอบคุณคนแต่ง อิอิ

แอบสงสารพี่ธันเหมือนกันนะนี่ รักข้างเดียว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Fallen DESTINY !!
ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น

ตอนที่ 14






"ไม่เอาสิมึง อย่าคิดมาก มันไม่ใช่ความผิดมึงสักหน่อยที่ตอบรับความรู้สึกพี่กูไม่ได้ เจ็บตอนนี้ก็ยังดีกว่ามึงให้ความหวังมันไปวันๆ  ช่างมันเถอะ พี่ชายกูมันเข้มแข็งจะตาย แถมหล่อขนาดนี้ เดี๋ยวคงมีคนมาดามใจให้แหละ"

"ปะ ไปดูไร่พ่อเลี้ยงคณิตินกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง"

"ใช่ไร่กูที่ไหน ไร่พ่อเลี้ยงทินกรกับแม่เลี้ยงยุพินเขาโน้น"

"แหม พูดอย่างกับเขาเป็นคนอื่นคนไกลกับมึงเนอะ"

"ปะๆๆ อย่ามัวพูดมาก มันร้อนเนี๊ยะเห็นไหม"

"สวัสดีครับคุณเติร์ก มีหยังหื้อผมช่วยก่อครับ" (มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ)

"สวัสดีครับน้าเหมือน พอดีผมพาเพื่อนมาดูไร่กาแฟ น่ะครับ เลยอยากขอรบกวนน้าช่วยอธิบายสักอย่างสองอย่างที่ผมไม่รู้หน่อยได้ไหมครับ"  ความจริงคณิตินก็พอรู้เรื่อวพวกนี้บ้าง แต่บางเรื่อวก็ไม่ชัวร์ไง อย่างถ้าถามราคาใบชา บริมาณใบชากับกาแฟที่ได้ต่อปี แบบนี้เขาก็ไม่รู้้ไง

"ได้ครับๆ คุณเติร์ก"

ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่า บ้านผมปลูกหลายอย่าง แต่หลักๆ ก็คือกาแฟ ชา ลำไย แล้วก็ลิ้นจี่ ผลผลิตส่วนใหญ่ก็ได้จากกาแฟ ส่วนใบชา เราเก็บจริง แต่ส่งไปขายให้อีกบริษัทหนึ่งที่เชียงราย

ส่วนลำไยหลังจากอบเสร็จแล้ว ตากแห้งแล้วก็เอาขึ้นรถไปขายที่ลำพูน ส่วนลิ้นจี่นี่ดีหน่อยเพราะพ่อเข้าร่วมสมาคมคนปลูกลิ้นจี่กับเขาด้วย เลยทำให้มีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวนเลย ลิ้นจี่ของเราก็ปลูกแต่พันธุ์จักพรรดิ์เท่านั้น เพราะพันธ์ุอื่นเนื้อบาง ลูกเล็ก รสชาติไม่ค่อยหวานเท่า

"ก็อย่างที่มึงเห็น ข้างหน้านั่นคือกาแฟ เห็นแล้วใช่ไหม" ไอ้กันย์พยักหน้า

"อืม เห็นแล้วก็จะได้กลับ ปะคุณ"

"เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่อย่างนี้ดิ กูอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องกาแฟ แล้วก็ชาอะไรพวกนี้ มึงนี่ก็นะไม่ได้เรื่อง ไม่เคยเห็นรึไงเคยเขาพาทัวร์มาลงสวนผลไม้ เจ้าของสวนหรือพนักงานจะต้องพาชม แล้วก็ให้ข้อมูลด้วย" แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งไอ้กันย์หรอก อยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกเรื่อง ทุกสิ่งอย่าง

"เริ่มจากกาแฟก่อนละกัน กาแฟของที่นี่มีสองสายพันธุ์ มีทั้งอาราบิก้า แล้วก็โรบัสต้า แต่ที่ชาวบ้านนิยมปลูกกันก็คือ อาราบิกก้า เพราะมันให้ผลผลิตดี ราคาดี อีกอย่างที่ดินแถบนี้เป็นดอย เป็นที่ราบสูงเลยเหมาะสำหรับการปลูกอาราบิกก้ามากกว่าโบัสต้า อาราบิก้าต้องปลูกบนที่สูงมากกว่ากี่เมตรขึ้นไปนะครับน้าเหมือน 1,300 เมตรไหมเอ่ย?"


"ใช่ครับคุณเติร์ก ต้องปลูกสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,300 เมตรขึ้นไปครับ ถึงจะให้ผลผลิตดี แล้วก็ให้คาเฟอีนสูงครับ"

"ส่วนโรบัสต้านิยมปลูกได้ทุกพื้นที่ แถมยังเติบโตง่าย ทนแล้ง ทนทุกสภาพอากาศ แถมยังให้คาเฟอีนมากกว่าอาราบิก้า ยิ่งแดดดี มันยิ่งชอบ"

"แล้วไหนล่ะโรบัสต้า ไม่เห็นมี เห็นแต่อาราบิก้า"

"เดี๋ยวสิ กำลังจะพาไปดูเนี๊ยะ" ใจร้อนจริง

"นั่นไงโรบัสต้า ต้นจะสูงๆ หน่อย ผลมันจะไม่ค่อยสวยเท่าอาราบิก้า ใบก็จะใหญ่กว่าด้วย"

"อ้อ...ต้นมันเป็นแบบนี้นี่เอง เพิ่งเคยเห็น"

"งั้นก็ไหว้ซะสิ" ไอ้กันย์ยกมือขึ้นประนมเหนือหัว

"แล้วแบบไหนที่รสชาติดีกว่ากัน"

"ก็แบบอาราบิก้าสิ เพราะอาราบิก้ารสชาตินุ่มกว่า"

"แล้วแบบไหนแพงกว่า" อันนี้ไรอันถาม สมกับเป็นนักธุรกิจเลยจริงๆเรื่องเงินๆ ทองๆ ต้องมาก่อน

"สนใจกับเขาด้วยเหรอคุณ นึกว่าตามมาดูเฉยๆ ซะอีก"

"เปล่า ก็เพื่อนคุณถามหมดแล้ว เลยไม่ถาม"

"หึๆๆๆ"

"หัวเราะอะไรของมึง สงสัยจะบ้าไปแล้ว"

"เปล่า นี่มึงไม่ได้ยินที่ไรอันพูดเหรอ เขาบอกว่ามึงพูดมาก ยังไม่รู้ตัวอีก"

"ใครบอก มึงแหละที่ว่าเอง ไรอันเขานิสัยออกจะดี ชิส์!!" 

"แล้วเค้าเก็บกาแฟกันตรงไหนล่ะ อยากเห็น"

"ตรงโน้นนนน บนเนินที่มีคนเยอะๆ นั่นน่ะ ตรงนี้ยังไม่สุกดี ยังเก็บไม่ได้"

"เขาเก็บกันยังไงเหรอมึง กูอยากลองเก็บบ้าง"

"อยากลองก็ไปเอากระบุงมา" พูดจบไอ้กันย์วิ่งดุ๊กๆ ออกไปเลย

"ร้อนไหมคุณ ถ้าร้อนจะกลับไปนอนพักที่บ้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมไปปลุก"

"ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ พอทนได้"

"เอ้า...ผ้าเช็ดหน้า เอาซับเหงื่อก่อน เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น จะหาว่าผมพาคุณมาลำบากอีก"

"เช็ดให้หน่อย"

"เรื่องอะไร เดี๋ยวไอ้กันย์กลับมาจะโดนล้ออีก"

"ก็ช่างสิ นะ...เช็ดให้แฟนหน่อยเดียวเอง เพื่อนคุณไม่ล้อหรอก" แหนะ พอรู้ว่าไอ้เติร์กแพ้คนขี้อ้อนก็เอาใหญ่เลยนะ

"อะไร แฟนที่ไหน ไม่มี๊"

"อ้าวเหรอ แล้วเมื่อวานใครยอมให้กอด ให้จูบล่ะ ถ้าไม่ใช่แฟนคงทำไม่ได้ใช่ไหม"

"ไม่รู้เว้ย ขอก็ยังไม่ได้ขอเลยด้วยซ้ำ ขี้ตู่จริง" ประโยคสุดท้ายคณิตินพูดเสียงเบาคล้ายกับพืมพำกับตัวเองมากกว่า ก่อนจะเดินออกมา

"นี่มึงเก็บเป็นแล้วเหรอถึงเสนอหน้ามาเก็บกับเขาเนี๊ยะ"

"ก็ใช่น่ะสิ" การเก็บกาแฟที่นี่เขาเก็บกันเม็ดต่อเม็ด เพราะบางเม็ดก็ยังไม่สุกก็ห้ามเก็บ ผลที่มันสุกดีแล้วจะเป็นสีแดง ถึงแดงช้ำ แบบนั้นแหละเก็บได้

หลังจากเก็บเสร็จก็จะเอามาเข้าเครื่องกระเทาะเปลือก เอาเปลือกสีแดงๆ มันออกไป จากนั้นถึงจะเอาไปตากแห้ง แล้วถึงจะเอาไปแกะเอาเปลือกสีขาวๆ ข้างในออกอีกที ขั้นตอนสุดท้ายคือการคั่วอบ

สมัยก่อนไม่มีเครื่องกระเทาะเปลือกแบบนี้ พ่อบอกว่าชาวบ้านเขาใช้ครกอันใหญ่ๆ กับสากตำพอให้เปลือกหลุดก็เป็นใช้ได้

ส่วนการคั่วสมัยก่อนก็ต้องใช้ฟืน ไม่ก็แก๊ส คั่วด้วยมือ โคนมันให้ทั่วจนกว่าจะได้ที่ แล้วต้องคอยเช็คดูตลอดว่ามันคั่วไหม้รึยัง เพราะถ้าไหม้จนเกินไป รสชาติของกาแฟก็จะขม ไม่กลมกล่อม

การคั่วแบบโบราณนี้ปกติใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง แต่ก็สามารถหยุดได้เป็นครั้งๆ ไปถ้าปวดแขนหรือมีธุระอื่นต้องไป จากนั้นค่อยกลับมาคั่วต่อจนเสร็จ


"เป็นไงคุณ เห็นแล้วอยากคั่วกับเขาบ้างไหม"

"ไม่เอาดีกว่า นานเกิน"  ไอ้กันย์พยักหน้าเห็นด้วย

"แล้วส่วนใหญ่ที่นี่เขาขายแบบไหนกัน แบบคั่วเสร็จหรือแบบเมล็ดตากแห้ง"

"แบบเมล็ดตากแห้ง"

"แล้วทำไมไม่คั่วเอง ขายเองล่ะ"

"พ่อบอกว่า วิธีการคั่วมันยุ่งยาก คั่วไม่ดีก็เสียของ รสชาติไม่ดีอีก เราไม่ได้มีความเชี่ยวชาญขนาดนั้น อีกอย่างงานที่นี่ก็ล้นมือ เลยคิดว่าขายแบบนั้นน่าจะดีกว่า แถมยังมีบริษัทมารับซื้อถึงที่ มีโควต้าด้วยว่าปีนี้ต้องการกี่กิโล มีมากเขาก็รับซื้อมาก"

"อะไรคุณ? ยิ้มทำไม?"

"เก่ง" ไรอันตอบ

"มาชมอะไรตอนนี้ ไปเลยไปตรงโน้นต่อเลย"

"เขินล่ะสิ" ไรอันเอามือเขี่ยแก้ม

"อะแห่ม ถ้าจะจีบกัน กรุณากลับไปจีบกันที่บ้านครับ เพราะไร่ชาก็ยังไม่ได้ดูเลย ตะวันก็ใกล้จะตกดินแล้วด้วย"

"ปะๆๆ อย่าบ่น ต้องโทษตัวมึงเองนั่นแหละที่มัวแต่ยืนถ่ายรูป"

"ก็มันสวยนี่หว่า มึงเห็นมันมาตั้งแต่เด็กก็เลยไม่ตื่นเต้นไง แต่กูนานๆ ทีได้เห็นอะไรใหม่ๆแบบนี้ มันก็ต้องเก็บรูปไว้เป็นความทรงจำบ้างสิวะ เอ่อแล้วน้าเหมือนล่ะ ไปไหนแล้ว"

"มึงเพิ่งมาสังเกตรึไง น้าเหมือนเขากลับไปทำงานตั้งนานแล้ว มัวแต่เต๊ะท่าถ่ายรูป กวนคนนั้นทีคนนี้ทีนี่แหละถึงไม่รู้เรื่องกับเขา"

"ขี้บ่นจริงมึงเนี๊ยะ บ่นมากระวังแฟนเบื่อไม่รู้ด้วยนะ"

"ปากเสีย ไปๆ จะไปดูไร่ชาไม่ใช่รึไง"

"อื้ม"

"มีอะไรเหรอคุณ" ดูหน้าแล้วเหมือนจะมีถาม

"แล้วที่ขายแบบตากแห้ง เขารับซื้อกันกิโลเท่าไหร่"

"กิโลละพันกว่าบาท"

"แล้วสวนนี้เก็บได้กี่กิโล"

"ไม่รู้แหะ รายรับรายจ่ายแต่ละอย่างนี่ต้องถามเฮียต๊อดโน่น"

"ปะ!! ตะวันใกล้ตกแล้ว เดินเลาะโรงตากกาแฟนี่ไปก็ถึงแล้ว"

ชาของไร่แสงอรุณ จะปลูกทั้งชาแบบออริจินัลไทย หรือที่เรียกว่า ชาอัสสัม แล้วก็ชาที่นำสายพันธุ์มาจากไต้หวัน จีน เรียกว่าชาอู่หลง

ขนาดต้น การดูแล แล้วก็รสชาติก็จะแตกต่างกันไป  อย่างชาอัสสัมที่ชาวเขาที่นี่นิยมปลูกกัน เพราะมันโตเร็วกว่า ใบก็ใหญ่กว่า แต่รสชาติจะออกขมกว่าถ้าแช่ในน้ำร้อนนาน ชาอู่ :ling2:หลงก็ต้องตัดแต่งกิ่งมันทุกครั้งหลังจากมีการเก็บยอดอ่อน

ที่นี่จะเก็บใบชากันทุกๆ 45 วัน ชาในฤดูหนาวจะให้ผลผลิตน้อย แต่รสชาติจะดีกว่า

"ว้าวววว สวยอะ เหมือนในรูปไร่ชาที่เชียงรายเลย ถ่ายรูปให้หน่อยสิมึง"

"เวอร์ละ ที่เชียงรายนั่นเขาปลูกทั้งม่อนดอย ของบ้านกูนี่ขี้เล็บเขาเลย" ก็มันจริง ที่นี่ปลูกแค่ไม่กี่ไรเอง ไม่ถึงสิบไร้ด้วยซ้ำ ผลผลิตที่ได้เลยต้องเอาขึ้นรถไปขายที่เชียงราย เพราะที่นั่นเขาทำเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แล้วก็รับซื้อจากชาวบ้านหรือแหล่งใกล้เคียงด้วย

"แล้วนั่นต้นอะไร?

"ก็ชานี่แหละ  เขาเรียกว่าชาอัสสัม มึงได้ฟังที่กูอธิบายเมื่อกี้ไหมเนี๊ยะห๊ะ?"

"ฟัง แต่ก็ถ่ายรูปด้วยไง มึงก็อย่าเพิ่งทำหน้ายักษ์ใส่กูสิ" นั่นไง ว่าแล้วเชียว

"ถ่ายเสร็จแล้วใช่ไหม จะได้กลับ ไม่รู้ป่านนี้พี่ชายมึงเขามารอแล้วรึยัง"

"มาแล้ว เขาบอกว่าจะรออยู่ที่บ้าน แล้วก็อยากคุยกับมึงด้วย"

"อื้ม งั้นก็กลับกัน มึงกับพี่ธันขับรถลงดอยจะได้ไม่อันตรายด้วย"


"อะไรวะ ยังไม่ได้ถ่ายดอกชา กับเมล็ดชาเลย"


"เอองั้นก็รีบๆ ถ่าย จะได้รีบกลับ"



+++-------++++-----++++++



"ป่าป๊า/ป่าป๊า"

"คิดถึงสองแสบจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง " สองหน่อเลยถูกฟัดไปคนละสองที ชื้นใจ!!

"แดดดี้คับเมื่อกี้คุณตากับคุณยายพาแอสตัน กับออสตินไปวัดมา แล้วก็ได้นี่ด้วย" ออสตินบอก พร้อมกับโชว์ด้ายสายสิญจน์สีเหลืองให้ดู เป็นด้ายปกติแต่พระอาจารย์ หลวงปู่หรือพระท่านบริกรรมคาถามาแล้ว

ที่นี่เขาบอกว่าผู้ชายให้ผูกด้านขวา ผู้หญิงให้ผู้ข้างซ้าย เพราะมีคำโบราณบอกว่า "ขวาป้อจาย ซ้ายแม่ญิง" แต่คนเดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว จะหญิงจะชายขอให้ได้ผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์จากพระก็ถือว่าเป็นสิริมงคลแล้ว

"โอ้ สวยจังคับใครผูกให้เอ่ย" คณิตินถามลูก

"หลวงตาคับ" แอสตันตอบ

"โอเคงั้นอยู่กับแดดดี้ก่อนนะครับ ป่าป๊าขอไปคุยธุระกับลุงธันแป๊บนึงก่อน

"ไปคุยกันตรงศาลาริมสระบัวก็ได้ครับ คนไม่เยอะดี"

ไม่ชอบเลยแหะ สถานการณ์แบบนี้......

"เติร์ก รู้ใช่ไหมว่าพี่คิดยังกับเรา" คณิตินพยักหน้า

"แล้วกลียดพี่ไหมที่พี่เป็นแบบนี้"

"ไม่ครับ แต่เสียใจมากกว่าที่ตอบรับความรู้สึกพี่ไม่ได้"

"ไม่เป็นไรหรอก เพราะพี่ก็ไม่คิดจะบอกเราอยู่แล้ว " ธันวาถอนหายใจ

"แต่พอรู้ว่าเติร์กเปิดใจใหเขาคนนั้น ใจพี่กลับบอกว่าให้ลองดูสักครั้ง เผื่ออาจจะมีความหวัง"

"เติร์กเชื่อไหมว่าพี่แอบมองเรามาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนนั้นอาจแค่เอ็นดูตามประสาน้องนุ่ง แต่พอนานวันเข้ามันก็เหมือนกับรักซึมลึก พี่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าหลงรักเราไปแล้วตอนไหน แต่พอรู้ตัวเองก็เอาแต่มองหา พยายามหาโอกาสใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา หากเราสังเกตดีๆ  จะเห็นว่าบางครั้งพี่ไม่มีความจำเป็นต้องผ่านแถวบ้านเราเลย แต่พี่ก็ยังถ่อไป เพียงเพื่อแค่ได้เห็นหน้า ได้คุยด้วยไม่กี่คำแค่นี้พี่ก็ดีใจแล้ว"

คณิตินกลืนน้ำลายลงคอ ยิ่งฟังก็ทำตัวไม่ถูก แล้วก็สงสารพี่ธันด้วย......

"เป็นพี่ไม่ได้จริงๆ เหรอเติร์ก"


"คือ...."
 
"เห้ยอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ พี่แค่ถามดูเฉยๆ ถ้าไม่ได้ พี่ก็แค่กลับไปทำใจแค่นั้นเอง อาจนานหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าพี่จะกลับมาเป็นพี่ชายคนเดิมของเติร์กได้แน่นอน"

"ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษด้วยครับ" มันจุกแน่นไปหมด พูดอะไรไม่ออก กลัวพูดออกไปแล้วคนฟังจะเสียใจ นี่แหละสิ่งที่เขาคิด

"มาให้พี่กอดหน่อย ก่อนน้องของพี่จะกลายเป็นของคนอื่นแล้ว" คณิตินพยักหน้า ขยับเข้าไปหา กอดครั้งนี้ไม่ใช่กอดครั้งสุดท้ายเขารู้ พี่ธันก็รู้

คณิตินตาแดง จมูกแดง แต่เขาเชื่อว่าจบแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครรอใคร ไม่ทีการให้ความหวัง แล้วชีวิตก็ต้องก้าวไปข้างหน้าด้วย

"ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าเขาทำให้เสียใจก็กลับมาหาพี่นะ พี่จะรอเติร์กอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าจะสถานะใดก็ตาม" มือใหญ่ๆของธันวาโยกที่หัวคณิตินเบาๆ คล้ายกับปลอบให้อีกคนหยุดร้องไห้ แต่ก็เหมือนปลอบใจตัวเองไปด้วย เพราะไม่รู้อีกเมื่อไหร่เขาจะได้ทำแบบนี้อีก

ภาวนาให้หัวใจของเขากลับมาแข็งแรง แล้วก็มองคนตรงนี้ได้อย่างบริสุทธิ์ใจในเร็ววัน อาจจะปีนึง สองปี หรือห้าปี แล้วพี่จะกลับมาหาเติร์กนะ

ธันวาไม่ได้บอกคณิตินว่าเขาตัดสินใจจะไปเรียนโทอีกใบที่เมืองนอก ไปคราวนี้อาจนานหน่อย อาจต่อป.เอกที่โน่นเลย ถ้ายังไม่หายดี

"พี่ไปก่อนนะ"

"กูไปละนะมึง ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ อาไปละนะแฝด  ไหนมาหอมก่อนเร็ว"

แอสตัน กับออสตินไม่อิดออดเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย "ไปลาลุงธันก่อนครับ หอมแก้มด้วย" คณิตินบอก

ฟ๊อด/ฟ๊อด!!

"ลุงคงคิดถึงแอสตัน กับออสตินมากแน่ๆ"

"บ๊ายๆ ลุงธัน กับอากันย์ก่อนครับ"  รถเก๋งคันเดิมที่เพิ่งแล่นเข้ามาตอนสาย ตอนนี้ก็แล่นกลับออกไปแล้ว

"อย่าร้อง ถ้าจะร้องต้องร้องเพราะผมเท่านั้น" ไรอันใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกให้ แล้วดึงเข้ามากอด


ขณะเดียวกันที่บนบ้าน สองตายายกำลังสอดส่องดูอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

"ข้าแอบได้ยินสองคนนั่นคุยกัน ลูกเรานี่มันก็เสน่ห์แรงใช่ย่อยนะ มีหนุ่มๆ มาติดตั้งสองคน" พ่อเลี้ยงทินกรว่า

"นี่ถ้าข้ามีลูกสาวสักคนคงจะยกให้ไอ้หนุ่มคนนั้นไปแล้ว สงสารมันเหมือนกันนะ"

"ยกอะไรให้ใครเหรอพ่อ" พ่อเลี้ยงตกใจ

"เปล่า..เองขึ้นมาตอนไหน ทำไมพวกข้าไม่เห็นได้ยินเสียงเลย"


"จะได้ยินได้ไงล่ะ ก็พ่อกับแม่มัวนินทาลูกอยู่ไง" คณิตินตอบหน้างอๆ

"บ๊ะไอ้นี่ แล้วแฟนเอ็งเขาอยู่ไหนล่ะ ไปเรียกมาสิจะได้กินข้าว"

"เอ่อ แล้วบอกมันด้วยนะว่าคืนนี้ต้องนอนแยกห้อง ห้ามนอนด้วยกัน"

"แยกทำไม" อันนี้ไม่ได้แย้งนะ ไอ้เติร์กแค่อยากรู้เฉยๆ

"เดี๋ยวจะผิดผี เอ็งต้องรักษความบริสุทธิ์ไว้ จนกว่าพ่ออั้นเขาเอาสินสอดมาขอ"

ห๊ะรักษความบริสุทธิ์ นี่เขาได้ยินอะไรผิดไปใช่ไหม?

นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว แล้วอีกอย่างความบริสุทธิ์ของไอ้เติร์กมันถูกพรากไปตั้งแต่ตอนอยู่มอห้าแล้ว ถ้าพ่อจะสืบสาวราวเรื่องก็คงต้องไปตามหารุ่นพี่คนนั้นมาแล้วล่ะ ถามไอ้ต๊อดเลย เพื่อนมันแหละที่เปิดซิงเขา

"แล้วพ่อจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ครับ ผมจะได้ให้แม่เตรียมไว้"

"โอ๊ย!!"

"สมน้ำหน้า จะหยิกให้เนื้อเขียวเลย โทษฐานที่เล่นไม่เข้าเรื่อง"

"ไม่ได้เล่น แต่จะมาขอจริงๆ" ยังอีก!!

"ต้องแบบนี้สิวะ ลูกผู้ชายกล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ"

"เดี๋ยวนะ พ่อพูดแบบนี้หมายความว่าไง ไม่ใช่หมายความว่า...."

"อืม อย่างที่เอ็งคิดนั่นแหละ" แม่บอก

"ไม่เอาแม่ เติร์กไม่ใช่ผู้หญิงนะ จะมาแต่งโงงแต่งงาน เรียกสินสอดทำไม อายเขา"

"เข้าตามตรอก ออกตามประตูจะอายทำไม ส่วนที่เอ็งเสียๆ ไปแล้วก่อนหน้านี้ก็ช่างมัน ถือว่าข้าแถมให้ลูกเขย"

"เดี๋ยวสิพ่อ แม่ช่วยพูดหน่อยสิ" มันชักจะไปกันใหญ่แล้วเนี๊ยะ ไอ้เติร์กจะบ้าตาย

"เอาหน่า ไหนๆ ข้าวสารก็กลายเป็นข้าสุกไปแล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ขอให้มาจัดการกันตามประเพณีก็พอ"

"แม่!!!!"

"อะไรของเอง จะเสียงดังเอ็ดตะโรทำไม"

"ก็...หื้ย!!" คณิตินรีบลุกขึ้น เดินจ้ำเข้าห้องไปทันที ส่วนพ่อเลี้ยงกับคุณนายยุพินก็หัวเราะคิๆๆ ที่ได้แกล้งลูกชาย




+++++++++++


หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ทุกคนก็พากันแยกย้ายอาบน้้ำ คณิตินอาบเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้อง


"เดี๋ยวคุณ เข้ามาทำไมเนี๊ยะ เดี๋ยวก็โดนพ่อด่าหรอก" 

"คิดถึง อยากนอนด้วย"

"ไม่ได้ ถ้าไม่อยากโดนยิงไส้แตกก็รีบกลับไปนอนที่ห้องตัวเองเลยนะ ไปสิ" คณิตินพูดเสียวเบาคล้ายกระซิบ

คืนนี้เขานอนที่ห้องของไอ้เติร์ด ส่วนเจ้าตัวหรือเจ้าของห้องต้องกลับเอางานไปส่งให้อาจารย์ที่มหาลัย แล้วนอนที่หอเลย ดังนั้นคืนนี้ไอ้เติร์กเลยเป็นผู้ครอบครองห้องนี้แต่เพียงผู้เดียว ส่วนเด็กๆ ก็นอนกับตากับยายเหมือนเดิม

"ก็ได้ งั้นขอกอดหน่อย แล้วจะไป"

"สัญญาแล้วนะ" ไอ้เติร์กล่ะกลัวพอมาเจอ เพราะนอกจากจะโดนด่า เขาเองก็ยังอายด้วย โดนผู้ชายเข้าหาตอนกลางคืน มันใช่เรื่องดีซะที่ไหนกัน

ไรอันไม่ตอบ รีบลงกลอนประตู แล้วก็ลงไปนั่งใกล้ๆ

"หลับตาทำไม" เอ่อจริง จะกอดนี่หว่า คณิตินอยากตบหน้าตัวเองสักฉาก

"อะอื้ม จะทำอะไรก็รีบทำสิคุณ เดี๋ยวพ่อตื่นมาฉี่แล้วจะโดนนะ" ความจริงพ่อเลี้ยงยังไม่หลับเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวเล่านิทานให้หลานฟัง

ริมฝีปากสีโอรสค่อยๆ บรรจงจูบ จากเบาๆ ก็เริ่มหนักหน่วงขึ้น เรียกได้ว่าที่อุตส่าห์อดทนมาตลอดทั้งวัน ก็มารวบยอดเอาตอนนี้แหละ

ในเมื่อเครื่องมันติดขนาดนี้แล้ว คงยากที่จะหยุด  ไรอันลากริมฝีปากผ่านลำคอขาว เลียจนถึงกกหู มือก็สอดเข้าไปใต้ร่มผ้า ค่อยๆ บรรจงลูบผ่านหน้าอกของอีกคนเบาๆ

"อ้าาาา....."

"ชู่วววว อย่าเสียงดัง" ไรอันกระซิบ

"ก๊อกๆๆ ไอ้เติร์ก เอ็งทำอะไรอยู่ ทำไมเสียงแปลกๆ" นั่นไงเขาว่าแล้วเชียว

"ป..เปล่าจ๊ะพ่อ พ่อหูเพี๊ยนแล้ว แล้วพ่อมีอะไรรึเปล่า เติร์กว่าจะเข้านอนแล้วเหมือนกัน"

"ข้าจะมาบอกเอ็งว่าพรุ่งนี้พี่เอ็งจะบวชแล้วนะ อย่าลืมตื่นเช้าๆ ล่ะ"

"ได้ๆ พ่อ"

พ่อเลี้ยงทินกรเกาหัวยิกๆ แต่ก็เข้าใจอยู่ว่าวัยรุ่นมันต้องมีปลดปล่อยอะไรกันบ้างเป็นธรรมดา เขาเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน

"ไปดูพ่ออั้นหน่อยดีกว่า เผื่อมันนอนไม่หลับจะได้ชวนมันมาเล่นหมากรุกสักตาสองตา" พ่อเลี้ยงทินกรย่างเท้าไปที่ห้องลูกชายคนโตอีกฟากหนึ่งของบ้าน

"พ่ออั้น อ้าว!! ห้องไม่ได้ล็อค" เป็นอันว่าเข้าใจว่าเสียงประหลาดจากห้องลูกชายเมื่อครู่เป็นเสียงอะไร

พวกเอ็งนี่นะ!! แอบมาหากันจนได้ แถมยังทำอะไรกันบนบ้านอีก

"ไปไหนมาน่ะพ่อ" พ่อเลี้ยงกลับเข้ามาในห้อง

"ไปดูเจ้าเติร์กมา" เพราะแอบสังหรณ์ใจตะหงิดๆ

"แล้วเป็นไง"

"จะเหลือเหรอ ข้าว่าเสร็จงานไอ้ต๊อด เราคงต้องหาซื้อหัวหมูมาขอขมาผีปู่ย่าจริงๆ แล้วล่ะ"










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 11:11:40 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1


Fallen DESTINY !!
ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น

ตอนที่ 15.1





"แม่พ่อเขาเป็นอะไรอะ"  ตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่พูดกับเขาสักคำเลย

"แล้วเอ็งไปทำให้เขาโกรธรึเปล่าล่ะ หื้ม?" คณิตินครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้า ตั้งแต่ตื่นมาไอ้เติร์กยังไม่ได้เจอหน้าพ่อเลยนอกจากเมื่อกี้ แล้วจะทำให้โกรธได้ไงล่ะ

"งั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ" เอ้าแม่ ไหงเป็นไปกับเขาด้วยอะ คณิตินเดินสะบัดตูดกลับมาที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน

"ทำไมหน้าบูด"

"ก็พ่อกับแม่น่ะสิ งอนอะไรก็ไม่รู้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ" 

"แล้วเมื่อกี้ถามกับแม่ เขาว่าไงบ้างล่ะ" ไรอันถาม

"ก็บอกว่าเอ็งไปทำอะไรให้เขาโกรธล่ะ แค่เนี๊ยะแล้วก็เดินหนีไปเลย" คณิตินเบ้ปาก

"แล้วจะไปอยู่ไหม"

"ไปสิคุณ พี่ชายผมบวชทั้งทีไม่ไปได้ไงล่ะ"

"แล้วเรื่องพ่อกับแม่ล่ะ"

"เออหน่า ไว้ค่อยมาง้อทีหลัง" เพราะตอนนี้พีธีโกนผมนาคกำลังจะเริ่มแล้ว พ่อกับแม่ก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์กันออกบ้านไปแล้วเหมือนกัน

คณิตินกับไรอันพาเด็กๆ เดินไปวัด เสียงเครื่องดนตรีทั้งปี่นาค ทั้งอะไรต่อมิอะไรเอยได้ยินมาแต่ไกลเลย

"สงสัยพ่อกับแม่คุณจะโกรธผมด้วยมั้งเนี๊ยะ เห็นมองผมตาเขียวปั๊ดเลย"

"งั้นแสดงว่าเราสองคนคงทำอะไรผิดสักอย่างแล้วล่ะ" ระหว่างรอฤกษ์งามยามดีคณิตินก็คิดไปพลางๆ

เมื่อคืนพ่อก็ยังคุยกับเขาดีอยู่แท้ๆ แต่พอเช้ามากลับกลายเป็นอีกคนเลย มันน่าแปลก

"เขาทำอะไรกัน" ไรอันถาม

"เอ่อลืมไป คุณไม่รู้จักพิธีนี้นี่เนอะ เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟัง"

"เขาเรียกว่าการโกนผมนาค เขาจะให้ญาติผู้ใหญ่ตัดผมนาค แล้วนำผมที่ถูกตัดมาใส่ไว้ในใบบัว หรือใบบอน ทำแบบนี้จนครบจำนวนญาติผู้ใหญ่ที่มา แต่ไม่ต้องตัดเยอะนะ ตัดแค่ปอยเล็กๆ ก็พอ เพราะหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของพระพี่เลี้ยงที่ทำการ
โกนด้วยบัตเตเลี่ยนให้เอง"

"แล้วคุณไม่ไปเหรอ" ไรอันถาม

"จะไปได้ไงล่ะ ที่นี่เขาให้เฉพาะผู้ใหญ่ตัด เพราะถือเป็นการเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย"

"อ๋อ แต่ดูยุ่งยากจังเนอะ"

"อื้ม แต่เพราะวัฒนธรรมประเพณีนี่แหละที่ทำให้เราแตกต่างจากชาติอื่น เขาถึงเรียกว่าเอกลักษณ์ประจำชาติไงคุณ ไม่เชื่อคุณรอดูตอนเขาแห่นาคเลย เพราะตอนนั้นนาคจะแต่งตัวสีสันสดใส นั่งบนหลังม้า วนรอบวิหารสามรอบ แล้วถึงจะขึ้นไปเปลี่ยนสบงกับจีวรข้างใน"

"ก็จริงของคุณ เพราะแบบนี้แหละผมกับพ่อถึงรักประเทศไทย แล้วก็รักคนไทย" ไรอันยิ้มหวาน

"พูดมากจริง ดูเขาโน้น เดี๋ยวก็พลาดขั้นตอนสำคัญหรอก"

จะว่าไปวันนี้ชาวบ้านก็มาช่วยงานบุญกันเยอะเหมือนกันนะ ไม่เว้นแม้แต่เจ๊สมศรีปากปลาร้าที่แม่เขาเพิ่งตอกหน้าหงายไปเมื่อวันก่อน วันนี้เจ๊แกมาในธีมซาฟารี เสื้อลูกไม้สีบานเย็น กับกางเกงเลคกิ้งสีเขียวอ่อน ดูแล้วมันเข้ากันตรงไหนวะ

ไม่ดีๆ วันนี้วันมงคลห้ามนินทาคนอื่น!!!!

"ป่าป๊าคับออสตินหิวน้ำ"

"แล้วแอสตันล่ะครับหิวไหม" พ่อเด็กน้อยพยักหน้า

"มาครับเดี๋ยวเราเดินออกไปหาน้ำอัดลมกินกัน วันนี้อนุโลมให้ แต่กินได้คนละสองแก้ว โอเคไหมครับ"

"เย้....." เด็กๆ พากันตบมือชอบใจ เพราะนานๆ ทีถึงจะได้กิน ผมไม่ค่อยอยากให้ลูกกินเพราะ หนึ่งมันกัดกระเพาะ สองมันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคอ้วน แล้วก็ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย ถึงจะอร่อยก็เหอะ

"เอาสีอะไรดีครับ"

"สีแดง/สีแดง" นี่สินะที่เขาเรียกว่าแฝด แต่ฝาแฝดไม่จำเป็นต้องชอบเหมือนกันนะ นี่คือสิ่งที่คณิตินคิด อย่างสองหน่อนี่ยังชอบไม่เหมือนกันเลย ยกเว้นน้ำแดงนี่แหละที่เป็นข้อยกเว้น

"ค่อยๆ ถือ แล้วก็มองทางด้วยนะครับ เดี๋ยวหกล้มไม่ได้กินกันพอดี"

"แล้วของแดดดี้ล่ะคับ เอาไปให้แดดดี้ด้วย" ออสตินถาม

"นี่ไงครับ ของแดดดี้ ป่าป๊าเอามาให้แล้ว" เด็กๆ ถึงยอมเดินกลับมาที่เดิม

"อะคุณ ผมเอามาเผื่อคุณด้วย" คณิตินกระซิบ เพราะตอนนี้ชาวบ้านนั่งเต็มลานวัดเลย

"กำลังหิวน้ำพอดีเลย"

"ไม่ต้องมาประจบเลย กินเงียบๆ ไปเลยก็ได้ถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา แล้วก็ขี้ปากชาวบ้านพรุ่งนี้" คณิตินแกล้งทำเสียงดุ สยบสายตากรุ่มกริ่มที่พยายามส่งมาให้ แม้แต่ในวัดในวาก็ไม่เว้น ไอ้เติร์กล่ะเพลีย

"ร้อนไหมครับ" คณิตินถามเด็กน้อยสองคน แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อตามขมับให้

"แล้วคุณล่ะ ร้อนไหม" ไรอันรีบพยักหน้า

ไอ้เติร์กก็ร้อนเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่ร้อน ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานพี่ชายตัวเอง เขาคงนอนเปิดพัดลมตีพุงอยู่บ้านแล้ว  เพราะบริเวณลานวานวัดตอนนี้คับคั่งไปด้วยญาติโยมชาวบ้าน ทั้งคนที่ตั้งใจมาร่วมงานบุญ กับคนที่มากินโรงทาน ขนาดบริเวณศาลาการเปรียญยังเต็ม จนต้องเอาเต้นท์วัดมากาง ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนทนร้อนไม่ไหวก็หลบเอาของกินไปนั่งกินกันใต้ต้นลำไย กับใต้ต้นมะม่วงหลังวัดแทนเลยอะคิดดู

เนี๊ยะแหละนะ ไอ้เติร์กก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาๆ ก็ไม่เชื่อ....

"งั้นเราออกไปหาที่นั่งรอแถวศาลาการเปรียญกันก่อนไหม อีกเดี๋ยวเขาคงจะตัดปอยผมกันครบแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยไปยืนดูเขาแห่นาคตรงหน้าวิหารก็ได้" ไรอันพยักหน้าอีกครั้ง

"ป่าป๊าคับแอสตันไปเล่นกับเด็กคนนั้นได้ไหมคับ" คณิตินพยักหน้า แล้วก้มหัวทักทายพี่มิ้นท์ รุ่นพี่เขาปีหนึ่ง ได้ข่าวพี่แกแต่งงานแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมีลูกจะโตขนาดนี้แล้ว

ลืมไป ขนาดไอ้เติร์กยังอยู่ดีๆ ก็มีลูกแล้วเลย แล้วทำไมพี่มิ้นท์จะมีกับเขาไม่ได้ มึงนี่ก็ถามแปลกนะเติร์ก

"ถ่ายรูปกันไหม" ไรอันถาม

"ก็ได้ งั้นเดี๋ยวไปเรียกแอสตัน กับออสตินก่อนแป๊บนึง"

"ไม่ต้องเรียกก็ได้ นานๆ ทีจะได้อยู่กันสองคน"

คณิตินพยักหน้า เพราะถ้าไม่นับรวมรูปครอบครัวบนเครื่องเมื่อวันก่อน นี่ก็ถือว่าเป็นรูปคู่รูปแรกของพวกเขาสองคน

มันก็จะเขินอยู่หน่อยๆ แล้วก็จะค่อยๆ เขินขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นโพสิชั่นตัวเอง

"มองอะไรเล่า มองกล้องโน่น เดี๋ยวก็ไม่ทันขบวนนาคมาพอดี"

ไรอันยิ้มรับถึงแม้จะถูกดุ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าท่าทีแบบนี้แหละมันน่าหมั่นเขี้ยวนักสำหรับเขา
นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่วัด คงจับฟัดไปแล้ว คนอะไรขี้ยั่วจริง


/////////////



ปีนี้มีนาคที่บวชเป็นพระใหม่ตั้งสามรูป จะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้ิยนะสำหรับหมู่บ้านเล็กๆ ในขบวนแห่นาคมีทั้งกลองยาว ทั้งปี่ แล้วก็แตร นาดฆ้องยังมีอะคิดดู

เฮียต๊อดนั่งอยู่บนหลังม้าสีน้ำตาล ส่วนนาคอีกสองคนก็เหมือนกัน พอขบวนนาคผ่านตรงไหน ชาวบ้านก็พากันยกมือไหว้ บางคนก็ฟ้อนบ้าง เต้นตามลบ้างจนนาคเดินวนวิหารให้ครบจำนวนนั่นแหละถึงจะหยุด

พิธีกรรมของที่นี่เขาจะให้นาคนั่งบนม้าเวียนรอบอุโบสถหรือวิหารสามรอบ จากนั้นถึงจะขึ้นไปทำพิธีต่อ พิธีแบบนี้แถวทางเหนือเรียกบวชลูกแก้ว หรือเรียกว่าปอยส่างลองก็ได้ แถวแม่ฮ่องสอนปายเรียกแบบนั้น เพราะเป็นประเพณีที่มาจากทางไทใหญ่หรือพม่า

ทางบ้านเราเชื่อว่าเป็นการสนองพระคุณบิดามารดา  ถ้าลูกใครได้บวชแล้ว จะได้บุญกุศลมากๆช่วยให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ได้

"แล้วนั่นเขาโยนอะไร"

"เขาเรียกการโปรยทาน ครอบครัวของนาคจะเอากระดาษแก้วสีเงินสีทองมาห่อเงินเหรียญบาท เรียกห้า หรือเหรียญสิบก็แล้วแต่ ถ้ารวยมากก็ห่อเหรียฐสิบทั้งหมดเลย แล้วมัดด้วยด้ายหรือรัดด้วยยางรัด จากนั้นก็โยนขึ้นฟ้า พอเด็กๆ หรือศรัทธาญาติโยมเห็นก็จะเก็บไปเป็นเงินขวัญถุงบ้าง ส่วนเด็กๆ ก็เอาไปซื้อขนมบ้าง"

"ปะคุณ ครบสามรอบแล้ว ขึ้นไปบนวิหารกัน" จากนี้ไปนาคจะส่งผ้าไตรให้เจ้าหน้าที่แล้วนำดอกไม้บูชาพระประธาน แล้วถือเป็นการเริ่มอุปฌาย์

พอกล่าวคำอุปฌาย์จบ นาคก็จะลุกไปครองผ้าไตรจีวร ด้านหลังพระอุโบสถ แล้วขอสรณะและศีล ๑๐ จากพระอาจารย์ เมื่อรับศีลเสร็จก็เดินมาศาลาการเปรียญเพื่อรับประเคนบาตรจากบิดามารดา


++++++++




"ป่าป๊าคับ เราพาน้องกลับบ้านด้วยได้ไหมคับ น้องเล่นคนเดียว เหงา"

"แล้วแอสตันรู้ได้ยังไงครับว่าน้องเหงา น้องบอกเหรอครับ?"

แอสตันส่ายหน้า "แต่น้องไม่มีเพื่อนเล่นนะคับ" โถๆๆลูก ช่างมีน้ำใจคิดถึงคนอื่นเขา

"ไม่เป็นไรครับอีกไม่นานน้องก็จะมีน้องชายตัวเล็กๆ ออกมาเล่นเป็นเพื่อนแล้ว แอสตันไม่ต้องห่วงนะครับ"

"แต่แอสตันอยากเล่นกับน้อง" อ่อ คณิตินเข้าใจแล้ว ที่มาเกาะแข้งเกาะขาอ้อนอยู่ตอนนี้เพราะอยากเอาน้องไปเล่นด้วยที่บ้านนั่นเอง

"แต่น้องไปอยู่กับเราไม่ได้นะครับ เพราะต้องอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เหมือนกัน ถ้าแอสตันเหงาก็เล่นกับออสตินสิครับ"

"เล่นกับออสตินไม่สนุก ออสตินหิวบ่อย" วันนี้คณิตินหน้าเหวอไปแล้วสองครั้ง รวมถึงตอนนี้ด้วย

"คือยังไงครับที่บอกว่าน้องหิวบ่อย" คณิตินลูบแก้มนุ่มๆ สีแดงระเรื่อเพราะแดดแรง

แอสตันหยุดคิดแป๊บนึงแล้วพูดต่อ "ออสตินหิวบ่อยแล้วเล่นไม่ได้" คือยังไง ป่าป๊าไม่เข้าใจ แอสตันกำลังจะบอกว่ายังไงกันแน่

"คือหนูกำลังจะบอกว่าน้องหิวบ่อย ทำให้เล่นต่อไม่ได้เหรอครับ" แอสตันพยักหน้า

"แล้วที่โรงเรียนล่ะครับ แอสตันเล่นกับน้องไหมครับ"

"เล่นคับ แต่ออสตินจะเล่นด้วยกินขนมด้วย เสียเวลา!!"

"โอ๊ะ ไม่พูดอย่างนั้นครับ เดี๋ยวน้องได้ยินแล้วน้องจะเสียใจนะครับ" ดีที่ไรอันพาออสตินออกไปหาซื้อขนม ไม่งั้นต้องมีสงครามน้ำตาแน่ๆ

"แล้วแอสตันไปเอาคำพูดนี้มาจากไหนครับ พูดแล้วไม่น่ารักเลยรู้ไหมครับ"

"แดดดี้คุยกับคริสครับ" ให้มันได้อย่างนี้สิ ไว้เดี๋ยวเขาจะจัดการกับต้นเหตุอีกที ชอบพูดให้เด็กได้ยิน

"นั่นแดดดี้กลับมาพอดีเลย ไปครับ กลับบ้านกัน"

"ได้อะไรมากินครับ พ่อลูก" ออสตินชี้ขนมช็อกกี้ กับป็อกกี้สตอเบอรี่ให้ดู

คณิตินอดไม่ได้เลยเอาหลังมือเช็ดซากอารยธรรมช็อกโกแลตรอบปากให้

"แล้วได้อะไรมาฝากพี่บ้างครับ" ออสตินยื่นเลย์ถุงน้อยให้แอสตัน เจ้าตัวก็รับไว้ แล้วทีนี้มาบอกว่าน้องชอบกินเยอะ พอน้องเอาให้ ตัวเองก็กินเหมือนกันนั่นแหละ

"วางลูกไว้ตรงนี้ก็ได้คุณ อีกเดี๋ยวค่อยพาไปอาบน้ำ" ออกแดดมา ไม่ควรอาบน้ำเลย เดี๋ยวร่างกายเด็กจะปรับไม่ทัน แล้วจะไม่สบาย

ไรอันวางออสตินจอมอ้วนบนแคร่ข้างๆ แอสตัน 

"ไหนมาให้ป่าป๊าดูหน่อยสิครับ ว่าเหลือเงินมากี่บาทครับ" คณิตินแกะปมยางรัดที่มัดติดอกเสื้อลูกออก ไหนตอนเด็กๆ ใครเคยทำแบบนี้บ้างครับ สารภาพมาซะดีๆ

"เริ่มจากแอสตันก่อน" เมื่อเช้าเขาเอาเงินมัดให้ สามสิบบาท เป็นเหรียญห้าสองเหรียญ กับแบงค์ยี่สิบที่เอาใส่ในกระเป๋ากางเกงให้

เหตุผลที่ไม่เอาเหรียญใส่ในกระเป๋ากางเกงให้ก็คือ กระเป๋ากางเกงตัวนี้มันตื้น เอาใส่ไปก็หายเชื่อไอ้เติร์กเถอะ แล้วยิ่งซนเป็นลิงเป็นค่างแบบนี้อีก คงไม่เหลือ

"ของแอสตันเหลือสิบห้าบาท แล้วของออสตินล่ะครับ"

"ไม่เหลือคับป่าป๊า" ดีจัง ลูกรู้จักใช้เงินเป็น คณิตินยิ้ม น้ำตาแทบไหลพรากๆ

คนพี่ขี้เหนียว รู้จักอดออม แต่คนน้องนี้ก็นะ เห็นของกินไม่ได้ ต้องซื้ออย่างเดียว  เข้ากับสำนวนเขาว่าเป๊ะเลย

เพราะความหิวมันน่ากลัว!!!!!

"ถึงว่าเชียวว่ากระปุกออมสินของแอสตันหนักกว่า" ไรอันว่า

"กินแบบนี้อีกหน่อย ไม่ต้องไปช่วยแดดดี้ทำงานแล้วนะ ไปเป็นนักยกน้ำหนักเลยดีกว่า"

"คุณนี่ก็แซวลูก โอ๋ๆๆๆ ออสตินไม่ได้อ้วนขนาดนั้นเนอะ แค่จ้ำม่ำจนแก้มจะแตกเฉยๆ เอง" ออสตินพยักหน้ากระโดดกอดป่าป๊า

โถลูก เขาว่าให้ยังไม่รู้อีก....






***********
**************



คุณดูลูกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมไปง้อคนแก่ก่อน เดี๋ยวค่อยพาเด็กๆ ไปอาบน้ำ ล้างเหงื่อล้างไคร"

"พ่อ" คณิตินเรียกพ่อเลี้ยงทินกรแล้วลดตัวลงนั่งข้างๆ

"พ่อโกรธอะไรเติร์กเหรอถึงไม่พูดไม่จากับเติร์กเลย" คณิตินจับแขนบีบนั่นนวดนี่เบาๆ จนพ่อเลี้ยงรี่ตามองแล้วทำทีเป็นสะบัดหน้าหนีไปอีกทางเวลาลูกจับได้

 โถๆๆๆ คนแก่หนอคนแก่ อยากให้ลูกมาง้อก็ไม่บอก แล้วนี่จะเล่นใหญ่ไปไหนกัน เล่นตั้งแต่เช้ายันเที่ยงเลย

"พ่อเอ็ง ลูกมันมาง้อแล้วก็อย่าเล่นตัวไปนักเลย อยากได้อะไรก็บอกมันไปสิ"

พ่อเลี้ยงทินกรหันหน้ามา แต่ยังไว้ตัวนิดๆ "พรุ่งนี้เองกับผัวเอาหัวหมูมาเลี้ยงผีปู่ย่าเลย ข้าบอกให้แยกห้องๆ ยังเสือกแอบไปหากันตอนดึกอีก เอ็งมันแรดได้ใครมา หื้ม?"

"เดี๋ยวๆๆๆ เมื่อกี้พ่อเรียกไรอันว่าไงนะ"

"ก็ผัวเอ็งไง ตกใจอะไร"

"โหยพ่อ ยังไม่ใช่สักหน่อย ยังไม่ได้ทำอะไรกันแล้วจะเป็นได้ไงล่ะ" คณิตินงอน

"ก็ข้าได้ยินเสียงพวกเอ็งเล่นกันนี่หว่า เป็นใครก็คิด ดึกๆ ดื่นๆ แอบเข้าหากัน แล้วยังทำเสียงสยิวๆ อีก"

"พ่อ!!!"

"เอ็งน่ะ ไม่ต้องมาแอบฟัง จะเข้ามาก็เข้ามา จะได้มารับรู้ข้อหาพร้อมกัน ริชิงสุกก่อนห่าม" ไรอันรีบคลานเข่าเข้ามาอย่างเจี๋ยมเจี่ยม

"อ้าวก็ไหนพ่อบอกว่าแถมให้เขาไง นี่เติร์กก็กำลังแถมตามพ่อบอกไง"

"บ๊ะไอ้นี่นิ เดี๋ยวข้าถีบเข้าให้เลยนิ ตอนนั้นข้าพูดเล่น แกล้งเอ็งเฉยๆ ก็ไม่นึกว่าเอ็งจะไวไฟ เสียตัวให้เขาแล้วนี่หว่า"

"ใช่ที่ไหนเล่า พ่อก็พูดไปนั่น"

"ไม่รู้ล่ะ ได้ไม่ได้กันข้ากับแม่เอ็งไม่รู้ ไม่ได้ไปแอบอยู่ใต้เตียงพวกเอ็ง แต่ที่ข้าจะบอกคือนั่นแหละ เอ็ง!!" พ่อเลี้ยงทินกรชี้ไปที่ว่าที่ลูกเขย

"ต้องมาเสียผีลูกข้า เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือน ไม่เชื่อก็ลองกลับไปถามแม่เอ็งสิ น่าจะพอรู้เรื่องอยู่บ้าง"

 "เอ่อ อีกอย่างขืนเอ็งได้ลูกข้าแล้วทำเป็นเล่น ทิ้งๆ ขว้างๆ ข้าจะตามไปจัดการเอ็งถึงกรุงเทพฯ เลย คอยดูสิ" พ่อเลี้ยงขู่

"พ่อ เดี๋ยวเขาก็กลับบ้านเขาแล้ว คงไม่อยู่ที่นี่หรอก พ่อจะตามไปจัดการเขาถึงอเมริกาเลยเหรอ?"

พ่อเลี้ยงทินกรกับแม่เลี้ยงยุพินเงียบ ลืมนึกไปเลยว่าพ่อลูกเขยตัวดีของพวกเขาไม่ใช่คนไทย ถึงมาที่นี่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ที่นี่ถาวรสักหน่อย แล้วไหนจะหลานๆ อีก


"ไหนๆ เอ็งก็พูดมันแล้ว แล้วจะเอายังไงต่อทีนี้ ข้าไม่เอานะเว้ย ผัวไปทาง เมียไปทาง เดี๋ยวจะเกิดปัญหาบ้านแตกตามมาทีหลังอีก" คณิตินยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นเลยบอกตรงๆ

"เอาอย่างนี้ไหมลูก เอ็งก็ให้เขาย้ายมาอยู่บ้านเราจะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ"

"จะได้ยังไงล่ะแม่ เขาเองก็มีพ่อมีแม่ แล้วไหนจะธุรกิจของเขาที่นั่นอีก"

เขาเข้าใจว่าพ่อกับแม่เป็นห่วง ไม่อยากให้ไปอยู่ไกลบ้าน แค่กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ยังพอว่า แต่นี่อยู่ไกลคนละซีกโลกเลย

"ขอพวกเราคุยกันก่อนนะแม่ แล้วค่อยว่ากัน เติร์กเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างมันจะต้องลงตัว" คุณนายยุพินกับพ่อเลี้ยงพยักหน้า เพราะขนาดตอนมันขอไปเรียนกรุงเทพ มันยังกล้าไปเลย แล้วนับประสาอะไรกับเมืองนอก ไอ้ลูกคนนี้มันใจใหญ่ กล้าได้กล้าเสีย แต่มันก็มีเหตุผล พ่อเลี้ยงกัยเมียเลยไม่พูดอะไรต่อ แล้วพากันแยกย้ายไปกินข้าว



++++++++++



"ยังคิดมากเรื่องที่พ่อกับแม่พูดอยู่เหรอ" ไรอันถามหลังจากทุกคนกินข้าวเที่ยงเสร็จ แล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

"อื้ม" ตณิตินคิดจนปวดหัวไปหมดตอนนี้

"ผมไม่มีวันทิ้งคุณหรอก เชื่อผม"

"ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น" ไรอันจับมืออีกคนมากุมไว้หลวมๆ

"ความจริงถ้าคุณทิ้งผม ผมก็แค่กลับมาบ้านแล้วก็หาใหม่แค่นั้นเอง จะยากอะไร" ไอ้เติร์กก็ไม่ได้ดูขี้ริ้วขี้เหร่สักหน่อย แถมเป็นถึงลูกเจ้าของสวนกาแฟ

ไรอันส่ายหน้า "ใครมันจะไปทิ้งลง กว่าจะได้มาต้องใช้ความพยายามแค่ไหน รู้ไหม"

พยายามป้อเช้า ป้อเย็น ตามใจไม่ห่างเลยด้วยซ้ำ

"นี่แหน่ เอามือคุณออกไปเลย" ไม่รู้ว่าจะลูบทำไมนักหนาตรงบั้นเอวกับสะโพกเขาเนี๊ยะ

"แล้วสรุปกำลังคิดมากเรื่องอะไร ไหนป่าป๊าบอกแดดดี้สิครับ"




//==//==//==//==//==//==//==//==//==//==//==//==//==//==



ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1







ต่อ 15.2





"พ่อ แม่ เติร์กกลับแล้วนะ"

"แอสตัน ออสตินครับ สวัสดีคุณตาคุณยายรึยังครับ"

"สวัสดีคับ / สวัสดีคับ" เด็กน้อยสองคนพนมมือเป็นพุ่มไว้ที่ปาก ก็เด็กอะเนอะ คงยังไม่รู้ว่าต้องเอามือไว้ตรงไหนเวลาไหว้ผู้ใหญ่ หรือไหว้พระ

"ไหนมาให้ยายหอมก่อนสิลูก" ฟ๊อด ฟ๊อด

"หอมซะแรงเชียว แก้มหลานช้ำหมดแล้วมั้งแม่"

"ก็ข้ารักของข้า เอ็งไม่เข้าใจหรอก หัวอกของคนแก่น่ะ" คุณนายยุพินพูดงอนๆ

" ไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก เพราะเอ็งนั่นแหละพาหลานมาให้ข้าได้ชื่นใจแป๊บเดียว แล้วก็พากลับ คนแก่ยังไม่หายคิดถึงเลยด้วยซ้ำ" เอ้า!! ไหงกลายเป็นไอ้เติร์กที่ถูกด่าไปได้ล่ะเนี๊ยะ

"เอาหน่าแม่ ถ้าเหงาก็นั่งเครื่องไปเยี่ยมหลานสิ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึง ทำอย่างกับไม่เคยทำไปได้"

"ถ้าไปคราวหน้าชวนพ่อไปด้วยกันสิ เดี๋ยวเติร์กจะพาไปนั่งกินของอร่อยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา"

"ข้าไม่ไปหรอกโว้ย อยู่ที่นี่ก็สบายดี ไปทำไมกรุงเทพ รถติดจะตาย"

"ก็มาหาหลานไง พ่อนี่ก็"

"ไปๆๆ เลยเอ็ง ไม่ต้องงอแงเหมือนเด็ก โตจนจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว"

"พ่อ!! เด็กๆอยู่ ห้ามพูด เติร์กขอ กลัวลูกจะสับสน"

"เออๆๆ ข้าขอโทษ แต่อีกหน่อยถ้าพวกมันโตมา มันก็ต้องรู้ แล้วถึงตอนนั้นเอ็งจะทำไง"

"ถ้าถึงตอนนั้นเติร์กกับไรอันจะค่อยๆ อธิบายให้พวกเขาเข้าใจเอง พ่อไม่ต้องห่วงหรอก" พ่อเลี้ยงทินกรพยักหน้า เป็นอันจบบทสนทนาในหัวข้อนี้

"ม๊ะ!! มาให้ตาหอมก่อนไอ้เสือ เดี๋ยวก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว" ฟ๊อด ฟ๊อด

"เอาหน่าพ่อ อย่าทำหน้าอย่างนั้น กรุงเทพ-เชียงใหม่อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ถ้าเหงามากก็ให้เฮียมันแต่งงาน แล้วรีบๆ ปั๊มหลานให้สักคนสองคนสิ รับรองหาเหงาแน่"

"เอ่อ คงอีกไม่นานหรอก รอเมียมันเรียนจบก่อน"

"ไปๆๆ รีบๆ ไป เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก" พ่อเลี้ยงทินกรบอก

"งั้นเติร์กกลับจริงๆ ละนะพ่อแม่" คณิตินเดินไปกอดสองคนแก่ที่สุดแสนจะขี้น้อยใจ

เก้าโมงออกบ้าน กว่าจะถึงสนามบินก็ชั่วโมงกว่า ทำไมสนามบินไม่มาสร้างใกล้ๆ บ้านไอ้เติร์กบ้างนะ

"ป่าป๊าคับ" ออสตินเรียก 

"ออสตินปวดฉี่"

"งั้นไปครับ เดี๋ยวป่าป๊าไปส่งไปเข้าห้องน้ำ" ดีที่วันนี้เด็กๆ ใส่กางเกงขาสั้น ไม่มีเข็มขัด ไม่งั้นคงลำบาก
ถอดอีก

"นั่งฉี่เอานะครับ เดี๋ยวล้มหัวฟาดเอา" ออสตินพยักหน้า

"ฉี่ไม่ออกเหรอครับ" เด็กอ้วนพยักหน้า

"ทำไมล่ะคับ"

"โอเคๆ งั้นเดี๋ยวป่าป๊าออกไปรอข้างนอก ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวป่าป๊ามากดชักโครกให้"

"คับ"

อะไรกัน ตัวแค่เนี๊ยะก็เขินเป็นแล้ว คณิตินส่ายหัวแต่ก็ยิ้มแป้นกับลูกตัวเอง.....มันแก่แดดแก่ลมเหมือนใคร?

"เสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นกลับไปที่นั่นกัน เมื่อกี้กัปตันเขาประกาศว่าพวกเราใกล้จะถึงแล้ว"

20 นาทีเป๊ะตามที่กัปตันบอกก่อนจะนำเครื่องลดระดับลง ขากลับพวกเราแยกกันนั่ง เพราะเป็นเครื่องบินลำเล็ก ผมเลยนั่งกับออสติน แล้วไรอันนั่งกับแอสตันพอเครื่องลงจอด

คริสกับแซมก็มารอรับพอดี "สวัสดีลุงคริส กับลุงแซมรึยังครับเด็กๆ" คณิตินถาม เพราะเขาไปเอากระเป๋ามา แล้วให้ไรอันอยู่กับเด็กๆ

"แอสตันสวัสดีแล้วคับ"

"ออสตินก็ด้วย"

"โอเค ดีมากครับ งั้นก็กลับบ้านกันได้ Let's go!! " ดีที่พวกเราเอากระเป๋าไปแค่ใบเดียวเอง เลยไม่ต้องใช้รถเข็นอะไรเยอะแยะ

"ไหนใครคิดถึงเจ้าบัดดี้บ้างครับ ยกมือขึ้น"

"แอสตันคับ!! / ออสตินคับ" ไม่ยกมือเปล่า สองหน่อรีบตะโกนแข่งกันจนเต็มรถเลย

"ลุงแซมคับ ลุงแซมเอาข้าวให้เจ้าบัดดี้มันไหมคับ" ออสตินถามขณะนั่งอยู่บนรถ

"ให้ครับนายน้อย"

"แล้วมันกินข้าวเยอะไหมคับ"

"เยอะครับ ผมให้มันทุกมื้อเลย" ได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ เจ้าหนูจำไมก็เลิกถาม

"ป่าป๊าคับ แอสตันไม่ใส่แล้วคับ" เด็กน้อยยื่นแว่นตากันแดด แบบเดียว ยี่ห้อเดี๋ยวกับที่แดดดี้ของพวกเขาใส่ให้

"แล้วเมื่อกี้ใครบอกว่าจะใส่ครับ"

"แอสตันคับ" เจ้าหนูตอบ

"แล้วตอนนี้ทำไมไม่ใส่แล้วล่ะครับ"

"ก็แดดดี้ก็ไม่ใส่แล้วคับ"

"ไม่เห็นเกี่ยวกับแดดดี้เลย ถ้าแอสตันแสบตาก็ใส่สิครับ"

คราวนี้ไรอันลองเอาแว่นที่เหน็บตรงอกเสื้อมาใส่ แอสตันเห็นก็ดึงกลับใส่เหมือนเดิม พอไรอันเอามือกอดอกนั่งพิงเบาะ เจ้าตัวเห็นก็ทำบ้างเหมือนกัน

ทีนี้ไอ้เติร์กพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงถอดๆ ใส่ๆตั้งแต่บนเครื่องบินแล้ว

โถลูกหนอลูก ไม่ต้องก็อบปี้กันขนาดนี้เลยครับ เพราะแค่นี้ก็เหมือนกันจะแย่ นี่ถ้านิสัยเหมือนกันอีก คณิตินจะโวยวายเลยคอยดู

เขาเป็นคนเลี้ยง อย่างน้อยถึงหน้าไม่เหมือน นิสัยก็น่าจะเหมือนเขาบ้างแหละ

"อยู่กับลูกก่อนนะ เดี๋ยวผมเลยไปทำธุระกับแซม แล้วตอนเย็นจะกินข้าวด้วย" ไรอันรีบฉกหอมแก้ม ก่อนที่เด็กๆ จะเห็น

จากนั้นรถเก่งสีดำคันหรูก็แล่นออกจากบ้านไป

"เด็กๆ หิวไหมครับ ถ้าไม่หิวป่าป๊าขอไปอาบน้ำแป๊บนึงก่อน แล้วค่อยมาทำอะไรง่ายๆ กินกันเนอะ" ด็กตอบตกลง

คณิตินเลยรีบขึ้นไปอาบน้ำ ไม่รู้เพราะขนตัวบุ้งจากบ้านเขาติดตามเสื้อผ้า หรือเพราะอะไร เขาถึงคันเนื้อคันตัวบอกไม่ถูก ดูสิหลังเหลิงแดงเป็นปื้นไปหมด

ติ๊งหน่องๆ เสียงกริ๊งหน้าบ้านดัง แต่คณิตินกำลังอาบน้ำอยู่ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ฟองสบู่ แล้วจะเอาไงดีล่ะทีนี้

"เด็กๆ ไม่ต้องเปิดนะครับ เดี๋ยวป่าป๊าไปเปิดเอง" คณิตินตะโกนออกมา

แต่คงไม่ทันแล้วล่ะ เพราะเจ้าตัวยุ่งสองคน เอื้อมมือไปเปิดประตูแล้ว

"มาหาใครคับ" แอสตันถาม




TBC.




ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอ๋.... ใครมาน่ะ  :m22:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
 ใครมาอ่ะ?????

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
โอ๊ะโอ .... ใครมา
ต้องเป็นคนจากฝั่งไรอันแน่เลย

มาดีหรือมาร้ายล่ะเนี่ย ???
:mew2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด