END ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI) (จบแล้วจ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI) (จบแล้วจ้า)  (อ่าน 15055 ครั้ง)

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2018 09:45:14 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #1 เมื่อ01-05-2018 16:19:42 »

#Introduction
ปัง ปัง โครม!!!

เสียงปืนดังไล่หลังร่างโปร่งในชุดพนักงานผับยอดฮิตที่ห้างไปอีกสองซอย ไหวพริบการเอาตัวรอดจากการโดนไล่ตาม ไม่ว่าจะเป็นการล้มสิ่งที่อยู่รอบกายเพื่อเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้น แม้จะน้อยนิดก็ตาม

“หยุดสิวะ” เสียงจากชายชุดดำที่วิ่งตามมาพยายามสั่งให้ร่างที่วิ่งหนีหยุดจากการไล่ล่า

“หยุดก็โง่สิวะ”เสียงพึมพำจากร่างโปร่งที่หัวเสียจากการโดนไล่ ให้ตายสิ แค่มาทิ้งขยะแทนเพื่อนร่วมงานก็โดนไล่ยิงแบบนี้ได้ไง เจ้าพวกนั่นก็บ้าเกินไปจะทำอะไรก็ไม่ปิดให้ดี พอมีคนมาเห็นก็ไล่ตามเก็บแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน

ปัง ปัง

“อึก บ้าชิบ” เสียงกระสุนที่ดังทะลุร่างพร้อมคำด่า เขาโดนยิงที่แขนซ้ายกับสีข้างขวา ทำให้ความเร็วลดลงไหนจะสายตาที่เริ่มพร่ามัวจากการเสียเลือดอีก สมองที่เริ่มมึนงงสั่งการให้สองเท้าพาร่างที่เริ่มหมดแรงเลี้ยวไปอีกทางที่ออกสู่ถนนโดยที่สติที่เหลืออยู่น้อยนิดบงคับร่างไม่ได้อีก

เอี๊ยดดดดดดด ปัง

ร่างโปร่งตกกระทบกับพื้นถนนเหมือนใบไม้ที่หล่นลงจากขั้วกิ่ง สัญญาณชีพเริ่มอ่อนลง ลมหายใจที่รวยริน พร้อมสติที่ดับไป

“เกิดอะไรขึ้น”เสียงทุ้มแบบฉบับผู้ชายที่ทรงอำนาจ ร่างกายสูงใหญ่แผ่อำนาจและรังสีกดดัน รูปหน้าที่หล่อเหล่าดั่งสวรรค์สร้างเรียบนิ่ง นันย์ตาสีฟ้าครามแบบฉบับคนต่างชาติที่ส่อแววอันตรายจ้องไปที่ตารางหุ้นบนสมาร์ทโฟนของตน เอ่ยปากถามลูกน้องที่อยู่ด้านหน้า หลังจากที่รถยนต์ของตนหยุดการเคลื่อนไหว

“มีคนวิ่งตัดหน้ารถเราครับนาย”เสียงรายงานจากร่างสูงของบอดี้การ์ดคนสนิทเอ่ยบอกก่อนที่จะลงจากรถไปอีกคน

ปึง เสียงปิดประตูตามหลงร่างสูงที่ลงมาดูเหตุการณ์ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องสนใจ แต่มีลางสังหรณ์ให้ตนต้องลงมาดู และทุกครั้งลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดพลาด
เลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งร่าง รอยแผลที่ไม่ได้มาจากการโดนชนเพียงอย่างเดียวหากแต่มีรอยกระสุนที่ต้นแขนซ้ายกับเลือดที่บริเวณสีข้างด้านขวาอีกแห่ง

“พาไปส่งที่โรงพยาบาลในเครือด่วน”สั่งเสร็จก็จัดการอุ้มร่างผู้บาดเจ็บจากพื้นไม่สนใจว่าเลือดจากอีกคนจะเปื้อนตนเองมากน้อยเพียงไร ใจที่ไม่เคยหวั่นไหวให้กับสิ่งใดคล้ายจะเต้นแรงขึ้นเมื่อเพ่งพิศดวงหน้าอีกฝ่าย “ทำให้ฉันคนนี้สงใจในตัวนาย อย่าคิดจะหนีไปไหนอีกเลย”เสียงพึมพำกับตนเองของร่างสูงที่บอกอีกร่างที่สลบอยู่เป็นสัญญาณที่บออกเค้ารางความวุ่นวายในชีวิตของคนที่สลบได้เป็นอย่างดี

สามวันผ่านไป

“อึก”เสียงแหบแบบคนขาดน้ำดังออกมาจากริมฝีปากบางของคนป่วยที่อยู่บนเตียงเรียงร่างของบุคคลที่อยู่ในห้องสามคนเดินเข้ามาดูอาการ เปลือกตากระพริบสองสามครั้งก่อนที่จะเผยดวงตาสีดำนิ่งสงบสบกับดวงตาสีฟ้าครามที่มองมาด้วยความห่วงใยจนใจเต้นแรงทั้งสองฝ่าย

“กินน้ำก่อน”เสียงทุ้มมีเสน่ห์จากคนที่ถือน้ำพร้อมประครองคนป่วยให้นั่งสบาย

“ขอบคุณครับ”เสียงทุ้มหวานของเด็กหนุ่มสั่นคลอนใจอีกดวงได้อย่างไม่ต้องสงสัย

“หมอขอตรวจอาการหน่อยนะครับ”คนไข้ทำได้เพียงพยักหน้าและตอบคำถามจากคุณหมอเจ้าของไข้ จนจบการรักษา “จากผลการตรวจ หมอลงความเห็นว่าร่างกายของคนไข้ยังอ่อนเพลียจากการเสียเลือดอยู่แต่โดยรวมอาการไม่น่าเป็นกังวลอะไรแล้ว หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วนะครับ”

“ลูเซียส เอล ดิวาเลนนาส เรียกฉันว่า เอล สำหรับเธอเด็กน้อย”เสียงทุ้มจากร่างสูงที่ดังออกมาจากข้างเตียงแทนที่หมอที่พึ่งออกจากห้องไปพร้อมชายชุดดำอีกคน

“พีระพัฒน์ กิจกาจ ครับ เรียกผมว่า เพื่อน ก็ได้ครับ”เมื่อมีคนแนะนำตัวกับเราก็ต้องแนะนำตัวกลับตามมารยาท

“พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ฉันจะมารับออกจากโรงพยาบาล เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ชายร่างสูงว่าก่อนจะยกมือขยี้ผมคนป่วยด้วยความเอ็นดูแล้วหมุนกายเดินออกจากห้องไป

สวัสดีครับ ผมเพื่อนครับ ไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวตั้งแต่เริ่ม เปิดมาก็โดนไล่ยิงเลยแถมพอมีสติอีกรอบกับพบใครก็ไม่รู้อีก สมองที่มึนงงยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัว ตอนนี้ห้องผมก็กลับมาเงียบอีกครั้งหลังเหลือแค่ผมคนเดียว เอาละเรามาทำความรู้จักกันดีกว่านะครับ ผมเป็นพนักงานของผับชื่อดังย่านที่ผมโดนไล่นั่นแหละครับ วันนั้นผมโดนเพื่อนที่มีหน้าที่ทิ้งขยะวานให้ช่วยเอาขยะไปทิ้งแทนหลงเลิกงานเพราะมีธุระต้องรีบกลับด่วน ด้วยความที่ผมใจดีเลยช่วยเหลือเพื่อนเพราะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้าผมรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ผมไม่ช่วยแน่ๆ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินกลับดันได้ยินเสียงคนร้อง ผมเป็นคนดีไงครับเลยเดินตามเสียงไป ภาพที่เห็นคือคนชุดดำกำลังใช้ปืนจ่อไปที่ร่างที่นอนอยู่บนพื้น ปัง เสียงปืนดังขึ้นพร้อมร่างที่กระตุกและหยุดลง ด้วยความตกใจผมรีบถอยหลังหลบแต่เจ้าหมาที่เดินผ่านมาดันเห่าแบบไม่ให้ตั้งตัวจนเผลอร้องออกมา พวกคนชุดดำเลยไล่ตามแบบที่รู้กันข้างบนนั่นแหละครับ ส่วนผู้ชายที่ชื่อเอล หมอนั่นเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการธุรกิจพอสมควรแถมเบื้องหลังยังเป็นตัวหลักที่น่ากลัว ผมทำงานในผับเป็นบาร์เทนเนอร์ย่อมต้อรู้ข่าวสารพวกนี้เสมอ เกือบทุกคนบอกว่าที่เอลไม่ยอมออกสื่อหากไม่จำเป็นจิตใจโหดเหี้ยมจนถึงขั้นไร้หัวใจ เป็นมนุษย์เย็นชา ทำธุรกิจอสังหาบังหน้าเบื้องหลังค้าอาวุธสงครามทำให้มีข้อมูลของเกือบทุกองค์กรในมือ เป็นคนที่ไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วย แต่ข่าวก็คือข่าว มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง จากที่ผมเห็นถึงเอลจะหล่อจริงตามที่ได้ยินแต่นิสัยที่ว่างเอลเย็นชาไม่น่าจะจริง เอลดูอ่อนโยนแถมยังขี้เล่นด้วยซ้ำ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น น่าพึงพา แต่ที่พูดชมมาไม่ได้แปลว่าผมชอบผู้ชายนะครับถึงจะไม่เคยมีแฟนก็เถอะครับ ผมไม่ได้ชอบเอลในทางนั้นแน่ ผมเห็นเขาเป็นแบบอย่างหรอกนะ เชื่อผมสิ ที่หน้าแดงตอนลูบหัวกับใจเต้นตลอดเวลาที่อยู่ใกล้น่ะ แค่ชื่นชมเท่านั้น เชื่อผมสิครับ!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2018 12:12:09 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: ผู้ชายอบอุ้นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #2 เมื่อ01-05-2018 19:14:25 »

น่าติดตาม

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ผู้ชายอบอุ้นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #3 เมื่อ02-05-2018 09:58:29 »

"อบอุ้น" คืออัลไลลล  o22

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ผู้ชายอบอุ้นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #4 เมื่อ02-05-2018 11:18:09 »

คุณเอลกับเพื่อนได้เจอกันแล้ว เอาล่ะสิ :hao6:

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #5 เมื่อ02-05-2018 12:11:18 »

#1
เสียงความเคลื่อนไหวรอบข้างปลุกให้ผมตื่นจากการนอน อ่า เช้าอีกวันแล้วสินะ ชีวิตคนป่วยนี่น่าเบื่อแฮะ มีแค่นั่ง นอน กิน นั่ง นอน แค่นี้ ช่วงที่เหลือระหว่างวันเมื่อวานมีผู้ชายชุดดำที่เห็นพร้อมหมอกับเอลเมื่อว่าคอยอยู่เป็นเพื่อน จะว่าเป็นเพื่อนอย่างเดียวก็ไม่น่าจะใช่ผมว่าเอลน่าจะส่งมาคุมอีกที ก็นะคงจะคุยเรื่องค่าเสียหายละครับ ผมวิ่งไปตัดหน้ารถอีกฝ่ายซะแบบนั้น แต่เจ้าพวกคนที่ไล่ตามผมนี่สิ น่าเจ็บใจ ถ้าไม่โดนยิงนะ

“ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร หืม”เสียงที่ผมจำได้ว่าเป็นใครทักแต่ว่าหน้าที่ยื่นมาใกล้ขนาดนี้ ผมว่ามันใกล้ไปนะครับ

“เอล”ผมเรียกได้แค่นั้นจริงๆเพราะผมพึ่งจะตื่นนี่ครับ สมองยังสังการอะไรไม่ได้ดีขนาดตื่นปุ๊บประมวลผลปั๊บแบบหุ้นยนต์ที่เปิดสวิตช์ซะหน่อย

“ฉันชอบเวลาเธอเรียกชื่อฉันจัง”อะไรคือสายตาวิบวับแบบนั้น เฮ คุณครับ ผมผู้ชายนะจะมาทำตาเชื่อมตาหวานแบบนั้นใส่ผมไม่ได้นะครับ ยังอีกยังจะมามองอีก เดี๋ยวก็จิ้มตาบอดซะหลอกครับ

“......”ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำแค่บ่นเอลในใจไปเรื่อย

“ทำไมเด็กน้อยคนนี้ขี้บ่นจังนะ”ผมว่าตอนนี้น่าผมคงจะตลกมาแน่เลยก็ดูเอลสิเล่นขำผมจากสายตาขนาดนั้นแล้วอะไรคือการมาว่าผมว่าขี้บ่น ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อยนะครับคุณ ที่สำคัญมันใช่ไหมมาว่าผมแต่ดันขยี้ผมผมแบบนี้ไหนจะเสียงสะเทือนหัวใจอีก ตายแน่ๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ ที่หน้าแดงตอนนี้ ผมแค่ชื่นชมเท่านั้น เชื่อผมสิ!!!

“นายครับรถพร้อมแล้วครับ”ผู้ชายชุดดำอีกคนที่ไม่เคยเห็นเดินเข้ามาบอกกับเอลแต่ทำไมเอลไม่หันไปคุยด้วยละ มายืนจ้องหน้าผมทำไม มันไม่มีมารยาทเลยนะแบบนี้ มีคนมาคุยก็ต้องหันกลับไปคุยดีๆสิครับคุณ ยัง ยังอีก ยังจะมามองผมด้วยสายตาเอ็นดูนั่นอีก แล้วหน้าผมจะแดงอีกนานไหมครับเนี่ย

“อืม เจ้าหนูขี้บ่น ถ้าเธอจะบ่นก็พูดออกมาเถอะ มามองหน้าฉันแล้วทำหน้าแบบนี้มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้ว่าเธอบ่นอะไรฉันหรอกนะ แถมมันยังน่าทำอย่างอื่นมากกว่าอีก หึ” อ๊ากกกกกก เพื่อนรับไม่ได้ครับ ไม่เคยมีใครมาพูดใส่ผมแบบนี้เลยนะครับ เอลเป็นใครมาว่าผมแบบนี้ แถมผมยังไม่ใช่เจ้าหนูด้วยนะ ผมโตแล้วด้วย

“เอล”ผมขึ้นเสียงใส่เอลเล็กน้อยแสดงความไม่พอใจ หืม ถามว่าทำไมไม่ว่าดังเลยอะหรอ คุณก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าทำตัวไม่ดีในดงมาเฟียมันอยู่ยากนะเออ

“โอเคๆ วันนี้ฉันมารับนายกลับบ้าน เรามีอะไรที่ต้องคุยกันนี่นะ จริงไหมครับเด็กขี้บ่น”งื้ออออออออ มันจะดีต่อใจเกินไปแล้วนะครับ มาคงมาครับแบบนี้ อะไรคือความละมุน บรรยากาศชมพูอมม่วงที่ฟุ้งๆอยู่แบบนี้คืออะไรกันครับ ตอบ!!

   เราใช้เวลาเดินทางกันพอสมควร บ้านของเอลอยู่นอกตัวเมืองขนาดที่กว้างวัดจากรั่วกำแพงบ้านนะครับ เพราะตั้งแต่นั่งรถมาผมเจอแต่รั้วครับยังไม่ถึงประตูสักที คาดว่าน่าจะใช้พื้นที่หลายร้อยเอเคอร์ ก็เวอร์ไปละฮ่าๆๆ เหมือนจะได้ยินเสียงคำถามว่าทำไมผมไม่กลับบ้านตัวเองหรอครับ แหม คุณคิดว่าผมอยู่กับใครแล้วนั่งรถใครครับ ผมคงจะมีสิทธิ์มีเสียงนะครับ อะไรนะครับว่าผมใจง่าย ถูกครับผมใจง่ายจริงๆนั่นแหละ จบครับ!!! รถที่เรานั่งมาขับผ่านประตูรั้วขนาดใหญ่ไปตามถนนทางเข้าบ้านจนถึงบ้านเอ่อ.....หลายคนอาจจะเรียกว่ามากกว่าบ้านแต่ผมจะขอเรียกบ้านแล้วกันนะครับ ที่บริเวณมุกหน้าบ้านมีเมดและคนชุดดำยืนอยู่พอสมควรเหมือนฉากในอะนิเมะหลายๆเรื่องที่พูดถึงตระกูลมาเฟียใหญ่ที่จะต้องมีคนมาคอยต้อนรับประมาณนี้ โอเคเราข้ามเรื่องนั้นไปกัน บ้านหลังนี้ผมบอกได้แค่ว่าอลังการและสวยมากครับ อะไรนะครับน้อยไป แหมคุณครับผมก็เป็นแค่คนธรรมดานะครับจะมานั่งลงรายละเอียดเหมือนเรียนด้านสถาปัตยกรรมมาทำนองนั้นไม่ได้หรอกนะครับรู้แค่ว่าบ้านหรูพอครับจบ

“เธอมีเวลาที่จะสำรวจบ้านนี้ทุกซอกทุกมุมอีกนานนะครับเด็กขี้บ่น”ยังไม่จบกับชื่อนี้นะครับ อย่าเผลอนะครับ แล้วก็เลิกทำสายตาเจ้าชู้เลยนะครับ หัวใจผมเกินจะรับไหวแล้วนะครับ!!

“เอล คุย”สงสัยผมจะทำหน้าหงิกใส่เอลเลยจูงมือผมมาทางบันไดขึ้นชั้นบนแทน

“นี่เป็นห้องนอนของเธอก็จัดของซะ เสร็จแล้วลงมากินข้าวกลางวันกันแล้วหลังจากนั้นเราจะคุยกันนะครับ”

“เอล ปล่อย ถอยไป”จะเดินเข้ามาใกล้ทำไมไหนจะมือที่ปล่อยแขนแต่เปลี่ยนมาโอบเอวผมไปชิดแทนซะงั้น ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องของผมเลยนะไปเก็บมาแบบนี้ผมเข้าใจเลยครับ หนีไม่ได้แน่ๆ

“หน้าแดง”แล้วจะก้มมาพูดใกล้ขนาดนี้ทำไมเนี่ย เฮ้คุณครับ ที่คุณกำลังลวนลามอยู่คือคนป่วยนะครับแถมคนป่วยคนนี้ยังเป็นผู้ชายด้วย ซาร่าจอร์ชว่ามันเกินจะรับไหวแล้วครับ!!!

“อื้อ เอล อย่า”ฮือ แม่จ๋า เพื่อนโดนผู้ชายหอมคอ จะเป็นลมแล้ว มะ แม่จ๋า เพื่อนกำลังโดนผู้ชายบีบก้น
“ทำไมเธอถึงน่าขย่ำแบบนี้กันนะ เด็กขี้บ่น”จะมาพึมพำอะไรข้างหูกันครับคุณ มันหวั่นไหวนะเออ

“เอล ไม่จูบ ไม่เอา”ผมนี่รีบเอามือกั้นปากตัวเองแบบลืมเจ็บกันเลยทีเดียว เฮ้นี่คนป่วยนะจะรังแกกันได้ลงคอเชียวหรอครับคุณ!!

“โอเค ทำไมถึงอ้อนเก่งจังครับเด็กขี้บ่น” ฟอด ไม่จูบแต่หอมแก้มแทนสินะ นี่วันแรกที่เหยียบเท้าเข้าบ้านผู้ชายตรงหน้าผมก็เสียซิงซอกคอกับแก้มไปแล้ว โอ้ไม่นะ เอกราชที่รักษาไว้ยี่สิบสองปีของผมจะโดนบุกทำลายในอีกไม่ช้าใช่ไหมครับ ตอบ!!

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #6 เมื่อ05-05-2018 13:38:29 »

#2
   หลังจากที่เกือบเสียตั...แค่ก เอาใหม่ หลังจากที่สู้รบปรบมือกับเอลไป ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเอลเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีมากจัดอยู่ในโซนผู้ชายอบอุ่นตามอุดมคติละนะ ทั้งรับฟังที่ผมพูดไหนจะมาช่วยหยิบของในส่วนที่ผมทำไม่ได้เพราะแขนเจ็บอีก ดีต่อใจจริงๆ พอครับกลับเข้าเรื่อง ตอนนี้ผมกำลังตามหาโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินของผมที่น่าจะโดนเก็บมาด้วย แต่เดินหาทั่วห้องก็ยังไม่เจอ หรือจะรอลงไปถามเอลที่ห้องครัวทีเดียวดี นี่ก็ขาดงานมาหลายวันแถมยังไม่ได้โทรไปลาอีก จะโดนไล่ออกไหมนะ แล้วถ้าโดนไล่ออกผมจะเอาเงินที่ไหนใช้กันละทีนี้ เดินวนไปวนมาไม่นานก็มีคนมาเคาะห้องเปิดมาเจอคนชุดดำที่อยู่เฝ้าผมวันนั้น พวกคุณเชื่อไหม ผมอยู่กับหมอนี่ทั้งวันผมยังไม่รู้ชื่อเลยนะครับ คนที่นี่น่ากลัวจริงๆสงสัยจะเป็นความลับแบบที่เคยอ่านนิยายมาแน่เลย แบบลูกน้องที่โหดเหี้ยม ไม่พูดไม่จาฆ่าอย่างเดียวแบบนั้น

“กำลังคิดอะไรแปลกๆอยู่สินะเด็กขี้บ่น” อ่าวนี่ผมเดินตามคนชุดดำมาถึงนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเริ่มกลัวตัวเองละ ถ้าโดนหลอกไปฆ่าทิ้งไม่ต้องสงสัยเลยละครับผมฟันธง

“เอล ขี้บ่น” ผมเดินไปนั่งใกล้เอลทางด้านซ้ายมือ โต๊ะกินข้าวก็แบบคนรวยทั่วไปแต่ไม่ยาวเป็นกิโลแบบนั้น แต่ก็ยังยาวสำหรับผมอยู่ดีละนะ เอลนั่งหัวโต๊ะ ผมนั่งถัดมา พอเห็นภาพนะครับ อาหารเที่ยงวันนี้เป็นราดหน้าทะเลด้วยละครับ ของชอบเลย

“เด็กขี้บ่นคนนี้มีสิทธิ์ว่าคนอื่นขี้บ่นอีกหรอ หืม”มือนะครับคุณเก็บไปวางบนช้อนส้อมเถอะครับจะมาขยี้ผมผมทำไมครับ เห็นไหมกินอยู่เนี่ย

“เอล กิน” ต้องให้สั่ง เฮอะ

“ครับๆ”เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นทำเอาเมดและการ์ดที่ทำงานรับใช้มานานแปลกใจบางคนจ้องมองแบบไม่เชื่อสายตาแต่ก็รีบเก็บกริยาไปแบบเดิมเพราะมารยาทที่โดนฝึกมา

“คุณเมดครับ อร่อย ขออีกได้ไหมครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมสายตาเว้าวอนส่งไปให้หัวหน้าเมดที่ยืนรอรับใช้ใกล้ๆ ไม่ได้หรอกนะครับ กระผมนายเพื่อนคนนี้เรื่องกินถือเป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างขอผมเลยนะครับ ต่อให้กอดขาอ้อนวอนสำหรับของอร่อยผมยอมนะครับ ใครบอกเห็นแก่กิน ถูกครับ!!!!

“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ รอสักครู่นะคะจะให้เด็กไปนำมาเพิ่ม”รอยยิ้มแบบคุณแม่เอ็นดูลูกทำเอาผมเขิน เพราะผมมีภูมิต้านทานหญิงสูงไวน้อย สเปกผมเลยนะครับคุณ ใจดี อ่อนโยน ทำอาหารอร่อย ที่สำคัญ อายุมากกว่า ผมนี่ตายตาหลับครับ

“มากไปแล้วครับ ฉันยังนั่งอยู่ตรงนี้นะเด็กขี้บ่น” เสียงทุ้มดึงสติที่ล่องลอยของผมกลับมาจนต้องละสายตาจากคุณเมดกลับมาที่เอลที่จ้องผมอยู่สายตาที่เคยอบอุ่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบปนหงุดหงิด หวาผมโดนเขม่นละ รึผมจะไปจีบคนที่หมอนี่เล็งไว้กันนะ ไม่ได้การละ หนี้ที่ติดไว้ก็มียังจะไปเล็งคนเดียวกันอีก ทุกท่านตามหาผมได้ที่ก้นทะเลนะครับ ลาก่อน

“เล็งเธอ หรอ?”ผมคิดว่าผมน่าจะทายอะไรผิดไป รึเอลแค่ไม่ชอบให้คนนอกมายุ่งกับคนในปกครองมากกว่า เพราะจากที่ดูหงุดหงิดกลายเป็นเหนื่อยหน่ายแทน

“เฮ้อ  ฉันต้องทำยังไงให้เด็กแบบเธอเข้าใจดีนะ” อ่าว นี่ผมผิดอะไรอีกละ ผมนั่งขบคิดต่อไปได้ไม่นานราดหน้าก็กลับมาครองพื้นที่ในใจของผมต่อ ช่างมันก่อนละกัน ของกินมาแล้ว ของกิน ของกิน

“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจจากร่างสูงไม่ได้ทำให้ความสนใจใจอาหารของร่างตรงหน้าเปลี่ยนแปลงสักนิด จะพูดต่อก็ดูเหมือนเพื่อนจะไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากอาหารตรงหน้า เขาทำได้แค่นั่งมองคนตรงหน้าที่มีความสุขกับอาหารก็พลอยยิ้มตามไปด้วย นานแค่ไหนที่มีเวลาว่างพอจะมานั่งนิ่งๆแบบนี้กัน ความสุขเล็กๆแบบนี้ไม่อยากให้หายไปเลย ในเมื่อสนใจมากขนาดนี้ ก็ตัวติดกันไปเลยละกันนะเด็กน้อย

   หลังจากที่การกินแบบมีความสุขของผมจบลง เอลก็พาผมเดินตามมาที่ห้องอีกห้องที่น่าจะมีไว้เพื่อคุยงานเพราะมีโต๊ะทำงานและพวกเอกสารอะไรไม่รู้หลากหลายภาษาเต็มไปหมดแถมมีในปริมาณมากเสียด้วย

“นั่งสิ” เสียงเอลที่ดังชิดหูทำเอาผมสะดุ้งเบี่ยงตัวหลบแล้วเลี่ยงไปนั่งโซฟาที่จัดไว้รับแขกอีกตัวแทน นิสัยไม่ดีพูดห่างๆก็ได้จะมาตอดนิดตอดหน่อยอยู่ได้ โตแล้วนะทำไมนิสัยแบบนี้ละ ที่เคยบอกนิสัยดี ผมถอนคำพูด เอลเป็นคนขี้แกล้ง ผมส่งค้อนวงโตไปให้อีกฝ่ายทันทีที่นั่งลงเพื่อนบอกว่าผมเคืองนะครับ

“เอาละเลิกบ่นฉันแล้วมาคุยกันก่อนดีกว่า พอจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังได้ไหมว่าเพราะอะไรถึงวิ่งมาตัดหน้ารถกะทันหันขนาดนั้น” ผมก้มลงกดโทรศัพท์สักพักก็ยื่นไปให้เอลเพื่อให้เอลอ่านที่ผมพิมพ์บอก ผมไม่ถนัดที่จะพูดเป็นประโยค เพราะตอนเด็กผมโดนเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่ด้วยกันล้อเรื่องเสียงผมเลยฝังใจไม่ค่อยพูดจนลืมการพูดเรียงประโยคไป ส่วนมากผมจะพูดเป็นคำๆเพื่อสื่อสารเพราะงานของผมไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไรมากเหมือนงานอื่น แถมเพื่อร่วมงานก็เข้าใจเพราะผมเข้ามาทำงานที่นั่นมานานพอสมควร ถ้าผมต้องพูดประโยคยาวๆผมเลี่ยงที่จะพูดเพราะผมมักจะเรียงคำสลับกันไปมาจนฟังไม่เข้าใจ ส่วนที่คุยกับคุณเมดนั่นถือเป็นประโยคยาวที่สุดที่ผมเรียงแล้วเข้าใจนะครับ

“ฉันคิดว่าพวกนั้นต้องไม่เก็บเธอไว้ เธอต้องมีคนคุ้มครองจริงๆ” ผมทำได้แต่พยักหน้าตอบเพราะผมก็คิดแบบนั้น แต่เรื่องคนคุ้มครองนี่ผมไม่รู้จะทำยังไงเพราะถึงขนาดไล่ยิงกันได้ อิทธิพลน่าจะไม่น้อย เครียดซะแล้วสิ คนที่ไม่ต้องคิดอะไรมากแบบผมต้องมาคิดแบบนี้ พลังงานราดหน้าแทบจะหมด ผมเริ่มเอนตัวพร้อมที่จะไหลไปตามโซฟาที่นั่งเต็มที

“เธอไม่ต้องคิดมากอะไร ตราบใดที่เธอยังอยู่ในความรคุ้มครองของฉัน” ผมที่กำลังเริ่มเคลิ้มถึงกับรีบพาตัวเองนั่งตัวตรงมองเอลด้วยสายตามีความหวัง ถ้ามีคนแบบเอลมาคุ้มครองผมก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแถมยังไปทำงานได้อย่างสบายใจ เดี๋ยวนะทำงาน จริงสิ่

“เอล มือถือ เป๋าเงิน” ผมยื่นมือไปตรงหน้าเอลเพื่อขอของที่คิดว่าน่าจะอยู่กับเอล แทนที่จะส่งของมาให้ดันจับมือผมดึงไปนั่งตักเจ้าตัวแทน เฮคุณครับ ผมหนักนะครับ ขาหักอย่ามาโทษกันเด็ดขาดนะ

“ไม่ดิ้น”เอลทำหน้าสงสัยใส่ผมที่ผมไม่ขัดขืนอะไรเท่าที่ควร

“เปลือง” ผมชอบตอนเอลควบคุมสีหน้าของตัวเองไม่ได้แบบนี้จริงๆ ดูเอาเถอะทั้งนายทั้งลูกน้อง หน้าเหวอไปตามๆกัน

“จะทำให้หลงไปถึงไหนนะ นี่เธอซื่อจริงรึแกล้งกันแน่”เสียงพึมพำใกล้หูเพราะผมซบลงตรงบ่าของเอลแทน ก็มันหมดแรงแล้วนี่ มีแต่เรื่องคิดมาก

“เอล ขี้บ่น”ผมบอกให้เอลรู้ว่ากำลังบ่นพึมพำคล้ายคุณลุงที่ร้านใกล้ๆห้องพักที่ชอบบ่นทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในสายตาแก

“เฮ้อ โอเคๆ ฉันขี้บ่นเอง เธอไม่เคยบ่นเลยเด็กน้อย”

“เอล”ผมส่งเสียงประทวงหงุงหงิ้งข้างหูเอลเพื่อแกล้งเขา แต่แทนที่เอลจะว่าผมกลับดันกลายเป็นกอดรัดผมแน่นขึ้นจนร่างผมแทบจะรวมกับเอลอยู่แล้ว

“เอล ไม่หายใจ” ผมรีบประท้วงทันทีที่ผมเริ่มอึดอัด

“หืม”เอลรีบปล่อยร่างผมให้กลับมาเหมือนเดิม ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดเต็มที่ เกือบตาย

“คิก” เสียงหัวเราะจากคนชุดดำหลายคนที่คอยดูแลหน้าห้องกับที่ยืนใกล้ หัวเราะเบาๆ แต่เพราะห้อที่เงียบเลยพอจะได้ยิน เปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดตั้งแต่เอลอ่านจบ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทุกอย่างผ่อนคลายมากขึ้น

“เอล เขิน” ผมรีบซุกหน้าผมลงกับคอเอล ผมรู้ที่ทุกคนขำเพราะผมพูดไม่รู้เรื่อง ผมอายนะ ต้องโดนล้อแน่เลย งื้อออออ

“หึหึ ไม่ต้องเขิน ไม่มีใครล้อเธอหรอกนะ ทุกคนเอ็นดูเธอต่างหากเพื่อน”

“งื้ออออ ชื่อ เขิน” ผมเขินกว่าเดิมเพราะเอลเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมบอกแล้วว่าเอลเป็นคนอบอุ่นมาก ผมเป็นผู้ชายยังขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงยอมให้หมดหน้าตักแน่

“ฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะของเอลทำเอาการ์ดยิ้มออกมาพร้อมกัน นานแล้วที่ไม่เคยเห็นนายอารมณ์ดีขนาดนี้ ตั้งแต่เด็กคนนี้ก้าวเข้ามาในสายตานาย ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ถ้าเด็กคนนี้จะเป็นมากกว่าคนในความคุ้มครองพวกเขาก็พร้อมจะทำตามคำสั่งไม่ขัดอะไร พวกเราจะรักษาเจ้าของรอยยิ้มของนายคนนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด แม่ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

   ผมพอจะรู้ว่าประวัติของเด็กน้อยในอ้อมแขนเป็นแบบไหน เขาเป็นเด็กกำพร้า เริ่มทำงานตั้งแต่จบมอปลาย ทำงานที่ผับนั้นเพราะมีคนรู้จักจนถึงวันที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น  เพื่อนเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดเพราะจากที่สืบมาเขามีปมตอนเด็กจนถึงเรื่องเมื่อกี้ผมก็พอจะเข้าใจ เพื่อนเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาไม่ได้โด่ดเด่นอะไรหาได้ตามท้องถนน เป็นคนเงียบๆแต่มีเสน่ห์แบบที่ไม่สามารถละสายตาได้ ยิ่งความซื่อที่สวนทางกับอายุและสถานที่ทำงานทำให้เพิ่มความน่าเอ็นดูมากขึ้น ผมคิดว่าผมหลงไปกับความน่ารักของเพื่อนตรงนี้ จากที่มองคร่าวๆผมคิดว่าลูกน้องผมหลายคนเริ่มเห็นความน่าเอ็นดูนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะเฟียสกับวินที่มองเพื่อนคล้ายเวลาที่เอ็นดูเด็กใหม่แบบคนที่มีประสบการณ์มากกว่า คล้ายมองน้องชายตน  ถ้าสองคนนี้ยอมรับผมก็วางใจที่จะให้ทั้งคู่คอยดูแลเวลาที่ผมไม่ว่างจริงๆ ผมไม่ยอมปล่อยมือเพื่อนๆในเมื่อมีคนคอยหนุนผมหลายคน อีกไม่นานหรอกเด็กน้อยเธอจะได้เป็นคนของฉันเต็มตัว

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #7 เมื่อ06-05-2018 11:28:21 »

#3
   หลังจากที่คุยกันเสร็จต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน ผมที่ทวงโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินกลับมาได้เดินเข้ามาที่ห้องที่เอลจัดไว้ให้เพื่อติดต่อกับทางร้าน แอพลิเคชั่นยอดนิยมอย่างเฟสบุ๊คแจ้งเตือนถี่รัวหลังจากที่ผมเปิดเครื่อง หลายข้อความมาจากเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย โดยรวมถามถึงอาการของผมเพราะมีพยานหลายคนที่เห็นเหตุการณ์วันนั้น ผมก็จัดการตอบไปเท่าที่ทำได้ ถามเจ้านายถึงงานผมคิดไว้ว่าจะขอลานานหน่อยเพราะแขนซ้ายที่บาดเจ็บยังคงมีอาการเจ็บเวลาขยับมากๆ แต่ข้อความที่ส่งกลับมาทำเอาผมถึงกับไปต่อไม่ถูก

“เอล เลิกงานทำไม ผมตายนะ” ผมรีบวิ่งออกจากห้องของผมมาที่ห้องทำงานที่ใช้คุยกันก่อนจะกระชากประตูเปิด ผมรู้ว่าเสียมารยาทแต่ความตกใจของผมทำให้ผมไม่สนใจในเรื่องนั้นเพราะเอลก็ไม่รักษามารยาทกับผมเหมือนกันที่มายุ่งกับเรื่องของผมโดยไม่ถามอะไรผมเลย ผมโกรธนะ โกรธมากด้วย การ์ดที่อยู่หน้าห้องผมกับห้องทำงานที่วิ่งตามมาหยุดนิ่งเพราะตกใจที่ผมตะโกนใส่เจ้านายของพวกเขา ผมลืมตัวไปได้ยังไง จะตายไหมเนี่ย

“ใจเย็นเด็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันหืม”เอลลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินมาหาผม เอื้อมมือหมายจับจับตัวผม
เพี้ยะ

“อย่าจับ โกรธ” ผมปัดมือเอลก่อนที่จะโดนตัว แล้วขยับถอยห่างออกมาด้านหลังเพื่อเว้นระยะห่าง คนอื่นที่เหลือต่างรีบพากันออกจากห้องแล้วปิดประตูให้ ภายในห้องทำงานของเอลเหลือแค่ผมกับเอล ทำไมไม่จำนะเพื่อน ตรงหน้านายเป็นมาเฟียนะ ไปทำแบบนั้นจะตายแบบไหนกัน สายตาที่นิ่งเรียบแบบนั้นกำลังคิดว่าจะทรมานก่อนฆ่ารึว่าจะฆ่าทิ้งเลยกันนะ โอ้ ผมชักจะเริ่มเห็นผู้คุมวิญาณกำลังลอยเข้ามาทางหน้าต่างซะแล้วสิ มารับวิญญาณผมสินะ อ่าผมขอเลือกวิธีการตายได้ไหม ขอแบบเจ็บนิดเดียวแล้วไปเลย รู้ตัวอีกทีเตรียมเกิดใหม่แบบในนิยายหลายเรื่องที่อ่านได้ไหม

“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจจากร่างตรงข้ามทำเอาสมาธิที่จดจ่อกับวิธีการทรมานตามที่อ่านมาจากหนังสือเวลาว่างจนเผลอสบตาอีกฝ่าย

“ขอไม่เจ็บนะ”แล้วรีบหลับตาหนี ผมคิดว่าเอลน่าจะคิดวิธีการฆ่าผมได้แล้วถึงถอนหายใจแบบนั้น คิดซะว่าที่ขอเมื่อกี้เป็นคำขอสุดท้ายจากผมนะ ทุกคนครับ เพื่อนลาก่อนนะครับ ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันใหม่

ฟอด

“คิดไปถึงไหน หืม ตัวแสบ กลัวอะไรขนาดนั้น เมื่อกี้ใครกันที่มาตะโกนกันนะ วิ่งหายไปไหนแล้ว”เสียงทุ้มพูดหลังจากที่ขโมยหอมแก้มผม แล้วหยอกผมกลับมาด้วยความเอ็นดูตามปกติ

“เรื่องงาน” ผมจ้องหน้าเอลให้กลับมาคุยเรื่องที่ค้างเอาไว้

“ฉันขอโทษเธอด้วยแล้วกันที่ลาออกจากงานให้โดยพละการไม่ถามความสมัครใจของเธอ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันจะให้เธอมาทำงานกับฉัน มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวฉันแทน สนใจไหม เงินเดือนดี มีที่พักฟรี มีอาหารอร่อยทุกมื้อ แถมที่พิเศษที่สุด มีหมอนข้างแบบฉันไว้นอนกอดด้วยนะ”แรกๆก็น่านใจแต่ประโยคสุดท้ายคืออะไร สงสัยผมจะทำหน้าตาแปลกๆออกไป เอลเลยยิ้มเจิดจ้าส่งมาให้ผม คุณเคยดูโฆษณาฟันขาวเจิดจ้ามาไหมครับ แบบนั้นเลยครับ เจิดจ้าสุดๆ โอเคผมอาจจะพูดเวอร์ไปนัก แต่หัวใจที่เต้นรัวตอนเห็นรอยยิ้มเอลไม่เวอร์นะครับคุณ เหมือนผมวิ่งหนีพวกสุนัขเวลาปั่นจักรยานไปเรียนตอนเด็กเลยละครับ

“สนใจไหมครับ เพื่อน”

“อืม”ผมทำได้แต่พยังหน้าตกลงแล้วก้มหน้าชิดอก ผมบอกแล้วไงครับผมแพ้ความอ่อนโยนแบบนี้ ให้ตายเถอะครับ ขออินซูลินด่วน ดูเหมือนผมจะเป็นเบาหวานแล้วละครับ อยู่กับเอลทีไรไม่ต้องเพิ่มน้ำตาลเลยทีเดียว งื้อออ เขิน

“หึหึ หน้าแดง”ผมถูกเอลรวบกอดไว้พร้อมโยกตัวแบบกล่อมเด็กจนสักพักถึงปล่อยให้ผมกลับไปพักตามเดิม อะไรครับ คุณหาว่าผมใจง่ายให้อภัยง่ายไปหรอครับ ผมไม่เถียงครับ ผมใจง่ายจริง ก็ผมชื่นชมเอลนี่ครับ ยิ่งมาทำแบบนี้ใส่ จะเขินก็ไม่แปลกหรอกครับ อะไรนะครับคุณบอกว่าผมน่าจะตกหลุมรักเอลแล้วหรอครับ บ่าน่า ไม่ใช่หรอกครับ ผมก็แค่ชื่นชมเฉยๆ เชื่อผมสิครับ เชื่อผม!!!

   หลังจากนั้นสองวันเอลก็มาปลุกผมพร้อมจับผมแต่งตัวด้วยชุดทำงานเป็นเชิ้ตขาวแขนยาวสุภาพ การเกงสีดำกับเนคไทสีอ่อน ก่อนจะพาผมขึ้นรถหลังจากที่กินข้าวเช้ากันเสร็จ รถที่เคลื่อนออกจากบ้านเอลวิ่งเข้าสู่ตัวเมืองผ่านตึกใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีโดยประมาณจนถึงอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่ผมพอจะรู้มาว่าเป็นที่ทำงานของเอลตามที่ได้รับรู้มาจากวงเม้าท์ในที่ทำงานเก่าละครับ พี่วินที่เป็นมือซ้ายและเป็นคนที่อยู่เป็นเพื่อนผมที่โรงพยาบาลเป็นคนลงไปเปิดประตูให้เอลก่อนที่จะเดินมาเปิดให้ผม

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่วิน เจ้าตัวรีบยกมือรับไหวแบบไม่น่าจะตั้งตัวทัน ก่อนจะระบายยิ้มมาให้ผมอีกครั้ง

“อะแฮ่ม”เสียงประแอมเรียกสายตาของผมให้มองทางเอลที่จ้องมาที่ผมก่อนมองพี่วิน พี่วินเลยรีบนำผมให้เดินมาหาเอล อะไรกันวันนั้นก็คุณเมด มาวันนี้พี่วินอีก หวงคนจัง หึ

“เฮ้อ มานี่มาเจ้าเด็กขี้บ่น” มาอีกละชื่อนี้ ผมไปบ่นเอลตอนไหนครับ ทำไมเอลชอบว่าผมละ  แล้วมือไม่ต้องจับเลย ผมก็ได้แต่ว่าในใจละนะ ก็เอลเล่นดึงไปจับแถมจูงผมเดินตามเข้าตึกไป พนักงานรักษาความปลอดภัยเมื่อเห็นเอลรีบก้มหัวทำความเคารพแล้วเปิดประตูให้พวกเราเดินเข้าไปภายในอาคาร

“สวย” มันสวยจริงๆนะครับ ทั้งความสว่างที่ไม่จ้าจนเกินไป ทั้งการจัดวางต่างๆที่มองแล้วสบายตา ไหนจะชุดที่เน้นไปโทนเดียวกันอีก พนักงานประชาสัมพันธ์รับติดต่อเรื่องก็เหมือนคัดมาดีจริงๆ เพื่อนชอบคนมีอายุครับ!!

“เพื่อนครับ”ผมนี่รีบหันกลับเลยครับ ลืมไปได้ไงนะเจ้าคนหวงคนนี่ยังอยู่ตรงนี้ ฮึ่ม ขัดใจจริง

“หวงเกิน” ผมพูดใส่เอลแทนที่จะเห็นเอลโกรธดันกลายเป็นยิ้มมุมปากเลยเดินเข้าหาผมแทน

“หวงครับ คนนี้นะ หวงมากด้วย” ปุ๊ง หน้าที่เห่อร้อนยังไม่เท่าหน้าเอ๋อๆของผมที่ทำเอาคนรอบข้างจ้องเหมือนไม่เคยเห็นคนตกใจ บะ บ้าน่า คนแบบเอลจะมาหวงผมทำไมละ สงสัยคงฟังผิด ฮู้ว ตกใจหมดเลย

“ล้อเล่น?” ผมเอียงคอถามทันที แต่ความเงียบกลับสายตาที่ส่งมาทำเอารีบเดินหนีไปทางพี่วินทันที

“จะรีบไปไหนตัวแสบ ฮึ” เอลรีบเดินตามมาคว้าแขนผมพร้อมโอบอวผมเดินไปที่ลิฟต์พร้อมกัน ขึ้นมาชั้นไหนผมก็ไม่ทันได้มอง ทุกอย่างดูเลื่อนลอยไปกันหมด แม่จ๋าความรู้สึกโหวงๆในท้องเพื่อนตอนนี้เพราะลิฟต์ใช่ไหมครับ ไม่ใช่เพราะคำว่าหวงของเอลใช่ไหมครับ เพราะถ้าเป็นเพราะคำว่าหวง อาการที่ผ่านมาของผมคงไม่ใช่ชื่นชมธรรมดาเลยครับ ผมยังไม่พร้อมมีสามีนะครับ คุณคิดดูสิครับที่ผมต้องบอกว่าไม่อยากมีสามี พวกคุณคิดว่าคนแบบผมจะรับบทสามีแทนเอลหรอครับ เหอๆ ลองนึกภาพสิครับ อา เห็นภาพกันแล้วสินะครับ

“คิดอะไรกันเด็กน้อย”เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูทำเอาผมตกใจจนเผลออุทานเรื่องที่คิดออกไป

“เอล สามี ผะ”จะยกมือมาปิดปากก็ไม่ทันแล้วครับ สายตาเจ้าชู้ที่ส่งมาพราวระยับแบบนั้น อ่าผมคือเหยื่อสินะครับ ได้โปรดอย่าทำสายตาเหมือนจะกลืนกินผมแบบนั้นสิครับ ถึงจะไม่เคยมีแฟนและไม่เคยสนใจเรื่องแบบนั้น แต่ที่ทำงานผมมีให้เห็นนะครับสายตาของนักล่าที่จ้องเหยื่อที่ตนหมายตามีให้ผมเห็นเป็นประจำทุกวัน
“หืม แปลว่าเข้าใจฉันแล้วสินะ ดีใจจริงๆ ทำไมทำตัวน่ารักขนาดนี้นะเพื่อน จะปีนขึ้นจากหลุมของนายไม่ได้แล้วนะ ไม่ใช่สิ ถึงจะปีนได้ก็ไม่ปีนขึ้นมาหรอกนะ รู้ไหม”

“อือ” สัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากที่กดลงมาบนปากของผมไม่กี่วินาทีทำให้หน้าที่กลับมาสีเดิมกลายเป็นแดงก่ำจนหน้ากลัว ไม่ไหวแล้ว ตัวจะระเบิดแล้ว

“น่ารัก”เสียงกระซิบชิดปากที่ขยับถอยห่างไม่กี่เซนทำเอาใจผมสั่นมากกว่าเดิม

“เอล อย่า ไม่มือ” ผมรีบตระครุบมือที่เริมเลื่อนเข้ามาในเสื้อของผมทำเอาสะดุ้งเหมือนมีไฟฟ้าช็อต

“ฮึ้ม” เอลรวบกอดผมไว้ซบหน้าลงบนกลุ่มผมของผม จนปล่อยเวลาไปหน้าของผมกลับมาปกติ เอลขยับตัวออกห่างก่อนจะก้มมาหอมแก้มผมซ้ำๆจนต้องรีบดันตัวหนี

“ช้ำ”ผมรีบท้วงก่อนที่จะโดนจู่โจมอีกครั้ง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เสียงเคาะประตูห้องทำงานหยุดการกระทำของเอลก่อนที่จะเดินเข้ามาหาผม ผมที่ได้จังหวะรีบหนีไปยืนห่างจากเอลให้มากที่สุด คนที่เดนเข้ามาไม่ใช่ใครเป็นคุณเลขาที่อยู่หน้าห้องทำงานของเอล เข้ามาตามเอลไปประชุม แต่แทนที่เอลจะเดินไปคนเดียวดันลากผมไปด้วย ภายในห้องประชุมก็เหมือนกับที่ผมเคยอ่านมา มีคนมากมายที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ผมได้ที่นั่งข้างเอลเยื้องมาด้านหลังเล็กน้อย มีหลายสายตาที่มองมาที่ผมแต่เอลไม่ได้สนใจอะไรฟังแต่เนื้อหาการทำงานที่รายงานจากแผนกต่างๆ ทั้งหมด ผมรู้ทีหลังว่าจะมีการประชุมในวันแรกของสัปดาห์ของต้นเดือนเพื่อรายงานผลการทำงานของแผนกต่างๆ เวลาผ่านไปจนสิ้นสุดการประชุมเมื่อเอลไม่ได้ลุกจากที่นั่งก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะลุกออกจากที่ของตัวเอง

“ผมขอแนะนำผู้ช่วยของผม พีระพัฒน์” ทุกสายตาจ้องมาที่ผม มีทั้งสงสัย แคลงใจ และสายตาดูถูก ผมทำได้แต่ลุกขึ้นยืนแล้วไหว้เพียงเท่านั้น

“ผมคือประธาน ผมคือเจ้าของที่นี่ ที่ผมกล่าวมาคือแนะนำ หวังว่าจะเข้าใจ” พูดเสร็จเอลก็ลุกเดินออกจากห้องพร้อมกุมมือผมออกมาไม่สนใจใคร แบบนี้จะไม่เป็นปัญหาเอาหรอ ผมทำได้แต่มองไปทางเอล ผมคิดว่าเอลคงจะเห็นสายตาของคนในห้องถึงพูดแบบนั้น แต่งานจะไม่มีปัญหาแน่หรอ

“จะไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ” ไม่รู้ว่าเห็นสายตาของผมรึยังไงเอลที่ดูนิ่งจนน่ากลัวกลับหันมายิ้มอ่อนโยนปลอบผม ผมคงจะแสดงออกทางสีหน้าของผมมากไปสินะ เอลถึงส่งสายตาห่วงใยมาด้วยแบบนั้น
“อะไร” ผมรีบสะบัดหน้าหนีใส่เอลก่อนจะรีบเดินหนีแต่ผมคงลืมไปว่ามือผมโดนจับไว้

“หึหึ”หัวเราะไปเถอะครับ คอยดูนะ อย่าได้ให้ผมได้โอกาสเอาคืนนะครับ!!!

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #8 เมื่อ07-05-2018 13:05:34 »

#4
   หลังจากที่ไปทำงานวันนั้นผมก็ตามเอลไปในทุกที่ทำงานของเขาแต่เอลไม่เคยให้ผมหยิบจับทำงานอะไรเลย จนวันนี้เอลพาผมมาเดินห้างกลางเมืองที่ดังพอสมควรเพื่อมาซื้อของใช้ของผมใหม่ ผมนึกว่าเอลจะจัดการให้แทน หลังจากที่ผมโวยวายเรื่องานครั้งนั้นอะไรที่เกี่ยวผมเอลมักจะถามผมก่อนเสมอ วันนี้เรามาเดินดูเสื้อผ้าที่จะใส่ทำงานเพิ่มแล้วก็สูทไว้ใส่ออกงานเช่นกัน หลังจากลองไปหลายตัวจนพอใจคนออกเงินก็เดินมาที่แผนกของใช้ผมมีหน้าที่เลือกส่วนเอลมีหน้าที่เข็นรถเข็นตามผมมาแทนที่พี่เฟียสที่โดนแย่งงาน

“เหมือนคู่รักมาซื้อของเข้าบ้านเลยว่าไหม”

“ไม่”ผมรีบตอบกลับก่อนที่จะมีใครเข้าใจผิดไปกว่าเดิม พี่เฟียสที่เดินตามหลังมาแอบขำเบาๆที่เจ้านายของตัวเองโดนขัด

“เจ็บปวดจัง” คุณคิดดูสิครับผู้ชายตัวโตเกือบสองเมตรมายืนทำท่ากุมหน้าอกมันดูตลกจนผมต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม

   เราเดินซื้อของกับเสร็จก็เข้าร้านอาหารขึ้นชื่อแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารไทย ผมที่ไม่เคยมีโอกาสเข้ามากินข้าวในห้างแบบนี้ก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้เลยดูน่าตลกสำหรับเอลสินะ เห็นมองไม่ละสายตาเลย

“อยากกินอะไรสั่งได้เลย” ผมเปิดเมนูที่ทางร้านส่งมาให้ ราคาเหมาะกับของขึ้นห้างจริงๆ ราคาบางอย่างแพงกว่าเงินรายวันผมอีกนะครับ ผมนั่งบ่นนั้นบ่นนี่ในใจไปได้สักพักอาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์พ เรานั่งกินไปเรื่อยๆส่วนมากเอลจะคอยตักอาหารที่ผมเหล่มาให้เมื่อตักไม่ถึง บริการดีนะเนี่ย จนกินกันเสร็จก็เดินเล่นย่อยอาหารไปเรื่อยๆฆ่าเวลาด้วยการเดินดูของต่อ แต่ผมเกิดอยากเข้าห้องน้ำ เลยขอเอลไปเอลเลยให้พี่วินกับการ์ดอีกสองคนตามผมมาส่วนเอลจะไปรอที่รถแทน

“ตามมานิ่งๆ”เสียงกระซิบดังขึ้นเมื่อเงยหน้ามองไปด้านหลังผ่านกระจกในห้องน้ำก็เจอชายชุดดำใส่แว่นแต่ผมจำได้ว่ามันเป็นคนเดียวกับที่ไล่ยิงผมวันนั้น มันพาผมหลบออกมาจากห้องน้ำผ่านพวกพี่วินกับการ์ดก่อนจะพาไปที่รถตู้สีดำ ผมโดนมัดมือไว้ด้านหลัง มีเทปปิดปากสักพักก็มีผ้าปิดตาอีกชิ้น ผมรู้แค่รถที่นั่งอยู่เคลื่อนตัวออกมาไกลจากห้างและตัวเมืองเพราะเสียงรถที่สวนกันเริ่มเงียบลง ให้ตายเถอะ เอลจะรู้หรือยังนะว่าผมโดนจับตัวมา

   รถวิ่งมาได้สักพักก็จอดสนิทเสียงเปิดประตูแล้วร่างของผมก็โดนกระชากให้เดินตามไปเรื่อยๆ ขึ้นบันไดมาน่าจะสองชั้นก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้ามาในห้อง พวกมันผลักผมลงมาที่เตียงเพราะมันนุ่มเหมือนเตียงก่อนที่เสียงในห้องจะเงียบไปพร้อมเสียงปิดประตู ผมขยับตัวไปมาจนผ้าที่ปิดตาเลื่อนออก ภายในห้องที่โดนขังไว้ไม่มีอะไรนอกจากเตียงหลังใหญ่หลังนี่หลังเดียว ส่วนทางเข้าออกมีแค่ประตูที่เดียว ไม่มีหน้าต่าง เครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้ค่อนข้างหนาว ผมพยายามขยับข้อมือให้เชือกที่มัดไว้หลุด ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่จนมีเสียคนเดินเข้ามาก่อนประตูจะเปิดออก คนที่มาใหม่เป็นชายสูงอายุสักประมาณห้าสิบกว่า ร่างกายท้วมพอสมควร แววตาเจ้าเล่ห์ที่น่าขนลุกมองมาที่ผมที่ปลายเสื้อร่นจนเกือบถึงอก

“เป็นเด็กไม่ดีเลยนะ ทำผิดแล้วหนีไม่พอ  ยังจะไปอยู่กับไอ้ลูเซียสอีก ยอมให้มันเอามากี่ครั้งแล้วละ ถึงได้ตามติดขนาดนี้ ดูท่าจะลีลาดีสินะ มันถึงรีบตามหาพอรู้ว่าหายไปนะ” ผมเกลียดความคิดโสมมของมันแต่รู้สึกไม่ดีถ้าเกิดเอลตามมาช่วยผมแบบนี้จะเกิดปัญหากับอันตรายได้ ผมดันตัวเองเพื่อเว้นระยะห่างจากมันให้มากที่สุดตอนที่มันเดินเข้ามาหา

“โอ้ย” มันกระตุกขาผมลากกลับมาอยู่ใต้ร่างมันแล้วกระชากเทปที่ปิดปากผมไว้ออกแบบไม่ออมแรงจนเจ็บปากไปหมด

“ปล่อย สัส” ผมด่าแล้วพยายามดิ้น เพราะมันพยายามซุกหน้ามาที่ซอกคอแบบหื่นกระหาย ทั้งยังพยายามขบเม้มตามผิวที่พ้นเสื้อออกมา ตอนนี้ผมทั้งกลัวทั้งเจ็บแขนที่ยังไม่หายดีจากการโดนยิงแล้วยังจะโดนมัดให้ทับไว้ด้วยตัวของผมอีก แผลที่เริ่มจะหายดีทั้งแขนและสีข้างกลับเริ่มปริบตามรอยเย็บ ยิ่งผมดิ้นเลือดก็ยิ่งซึมออกมามากขึ้นจนเริ่มที่จะเวียนหัว

“หยุดพยศสักที โดนมาจนหลวมแล้วจะกลัวอะไร ร่านขนาดนี้โดนฉันเอาอีกสักทีสองทีคงไม่ว่ากันนะ”

“ยะ อย่า ปล่อย ฮึก” มือหยาบลูบไปตามร่างกายของผมเริ่มปลดกระดุมเสื้อที่ผมใส่จนเกือบหมดก่อนจะซุกหน้าลงมาบนอกแล้วเริ่มเลียไปทั่ว ผมพยายามที่จะดิ้นหนีทั้งบิดตัวทั้งใช้ขากระแทกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย น้ำตาผมเริ่มจะไหลออกมา ผมไม่เคยเสียท่าอะไรขนาดนี้ ได้โปรดเอล มาช่วยผมที ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนแล้วทำอะไรที่มากไปกว่าที่เคย

โครม!!!! เสียงประตูที่โดยกระแทกจนเปิดออกหยุดการกระทำจากคนชั่วก่อนที่มันจะลงมือปลอดเข็มขัดผมเสร็จเป็นพี่เฟียสที่เดินเข้ามาตามด้วยเอลและพี่วิน

“ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะถึงมายุ่งกับคนของฉัน เดลอง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้สติที่เริ่มเตลิดของผมกลับมา ผมพยายามที่จะมองไปทางเอล สายตาเย็นชา เรียบนิ่ง นี่สินะตัวตนจริงๆที่ทุกคนกล่าวถึง โหดเหี้ยม ไร้หัวใจ

“ละ ลูเซียส แกเข้ามาได้ยังไง” ไอ้แก่ตัณหากลับรีบลุกจากผมแล้วถอยหนีไป

“มึง” เสียงคำรามจากเอลที่มองมาที่ผมก่อนจะตรงเข้ามากระชากเดลองจนล้มแล้วกระทืบไม่หยุด ก่อนที่ใครจะห้ามทัน เอลคว้าปืนจากมือพี่วินยิงเข้ากลางหน้าผากของมันทันที สิ้นเสียงปืนทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบ เอลเลื่อนสายตามาที่ผม สายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด สภาพผมตอนนี้ มันน่าผิดหวังอยู่หรอกครับ ผมคิดอะไรไม่ออกเลยได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรงข่มอารมณ์ของผมไว้

“ยะ อย่าเข้ามา”ผมขยับหนีทันที่ที่เอลเดินข้ามศพเดลองมาที่ผม ผมไม่อยากให้เอลต้องผิดหวังกับร่างกายของผมที่มันสกปรก ร่องรอยสีแดงช้ำจากการขบเม้มจนเกิดรอยทั่วทั้งหน้าอกจนถึงท้องน้อย ผมเกลียดตัวเองที่เอาแต่สั่นไม่หยุด

“ใจเย็นๆนะเพื่อน ตั้งสติไว้ก่อน ฉันไม่ได้จะทำร้ายเธอ” เอลขยับเข้ามาเรื่อยๆแบบไม่เร่งรีบผมที่ทำได้แต่ส่ายหน้าเพียงอย่างเดียว อย่าไปจากตรงนี้ ไม่อยากให้ใครเจอ แต่อีกใจกลับต้องการอ้อมกอดของเอลเพื่อลบล้างรอยพวกนี้

หมับ แรงสวมกอดทำให้ผมสะดุ้งจนหลุดจากความคิด พยายามดิ้นหนีเพราะคิดว่าเป็นอีกคนที่ตายไปต่อหน้าต่อตา

“เพื่อนครับ ไม่มีอะไรแล้ว อย่าร้องเลยนะเด็กดี เอลอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ ไม่กลัวนะครับ”เสียงที่คุ้นเคยเรียกสติผมให้กลับมา ความอบอุ่นจากขมับและอ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้ใจผมเริ่มที่จะสงบลง เอลรับมีดจากพี่เฟียสตัดเชือกที่คล้องผมไว้ออกมา ผมที่มือหลุดออกจากพันธนาการรีบกระชับอ้อมกอดคนตรงหน้าทันที ณ ตอนนี้เอลเป็นที่พึ่งพิงเพียงคนเดียว เสียงปลอบประโลมดังมาเรื่อยๆจนผมคล่อยๆเคลิ้มไปเพราะเพลียและเสียเลือด

“เพื่อน เพื่อน”เสียงเรียกชื่อผมที่ดังห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่สามารถทำให้ผมฝืนตาที่กำลังปิดลงได้เลย แล้วสติผมก็ดับไป

เพื่อนสลบไปเพราะอาการเสียเลือด จากการที่แผลเก่าปริขาด ผมรู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่ไม่สามารถดูแลเพื่อนให้ดีได้ ถ้าหากผมไปช้ากว่านี้ แผลในใจของเพื่อนจะขยายกว้างขึ้นขนาดไหนกัน วินาทีที่สบตากัน เพื่อนกำลังด่าทอตัวเองผ่านทางสายตา เพื่อนกำลังเกลียดร่างกายตัวเอง ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาที่ผมทำให้ผมโมโหจนพลั้งมือฆ่าเดลอง มันอาจจะไม่มีผลกระทบเท่าไหร่แต่ก็เสียรายได้พอสมควร แต่มีอีกหลายคนที่จ้องเล่นงานมันอยู่เยอะพอสมควร การกระทำในวันนี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีคนรู้เรื่องของเพื่อนมายิ่งขึ้น มันมีทั้งข้อดีที่จะไม่มีใครกล้ามายุ่งกับข้อเสียที่เพื่อนจะกลายเป็นเป้าให้พวกที่ขัดใจกับผมมากยิ่งขึ้น

“นายครับ”เสียงของวินเรียกผมให้หันกลับไปมอง ตอนนี้ผมนั่งเฝ้าอาการของเพื่อนในห้องพิเศษที่โรงพยาบาล

“ฉันจะให้เพื่อนเป็นคนลงโทษพวกนายเอง เตรียมตัวไว้ละกัน” ผมรู้ว่าถ้าผมทำอะไรวิน เพื่อนจะต้องไม่พอใจ เพราะดูท่าเพื่อนจะใส่ใจกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคนรอบตัวมาก และผมคิดว่า เพื่อนไม่ใช่แค่เด็กธรรมดา ลางสังหรณ์ผมร้องเตือนมาแบบนั้น

“ครับนาย” เสียงวินเดินออกไปก่อนจะปิดประตูลง ทั้งห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบ ผมนั่งมองหน้าเพื่อนไปเรื่อยพร้อมปล่อยความคิดให้ล่องลอย ครุ่นคิดถึงพฤติกรรมหลายๆอย่างที่เพื่อนทำ ทั้งอาการนิ่งเฉยตอนเห็นคนโดนยิงต่อหน้า แต่อาจเพราะกำลังตกใจเลยไม่สนใจก็ได้ แต่การวิ่งหลบการไล่ล่าจากคนของกลุ่มมาเฟียแถมโดนยิงขนาดนั้นแต่กลับยังหาทางหลบมาจนถึงถนนได้ ไหนจะประวัติที่สืบมาอีกทุกอย่างดูปกติแต่มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทั้งเรื่องช่วงเวลาบางอย่างทั้งอายุการทำงานที่อยู่อาศัยมันดูปกติจนน่าสงสัย แต่สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจคือแววตาที่หันมาตอนที่เสียงประตูถูกเปิด แม้จะแค่นิดเดียวแต่ผมเห็น แววตาของคนที่เฉยชาต่อทุกสิ่ง มองทุกอย่างไร้ค่า สายตาที่เหมือนกับผมตอนที่โดนปล่อยทิ้งให้ผจญกับทุกอย่างเพื่อทดสอบความสามารถจากพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงผมมา สายตาของผู้ล่า!!!

“เพื่อน นายเป็นใครกันแน่”

TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #9 เมื่อ08-05-2018 13:20:50 »

#5
“อืม” ผมรู้สึกหงุดหงิดกับอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นทั้งตัว อาการเจ็บบริเวณแผลเก่าที่เคยโดนยิงเวลาขยับตัวแต่ละครั้งทำเอาผมนิ่วหน้า ผมกวาดสายตาไปรอบห้องที่ใช้รักษาตัว ไม่มีวี่แววของคนอื่น ผมพยายามลุกขึ้นนั่งให้ได้มากที่สุดจนสำเร็จ ผมสำรวจร่างกายของตัวเอง แขนที่ได้รับการถอดเฝือกอ่อนโดนกลับมาใส่อีกครั้งแถมยังมีผ้าพันบริเวณเอวด้านขวา มีร่องรอยที่ทำให้ผมนึกถึงวันที่เกิดเรื่อง ขยะแขยงเป็นบ้า ต้องอาบแอลกอฮอล์อีกกี่ครั้งกันผมถึงจะลืมมัน ไม่รู้ว่าผมเผลอกำมือแน่นมากขนาดไหนเพราะมัวแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นจนมีคนมาจับมือผมเผลอหันตัวมาทันทีจนใบหน้าที่อยู่ใกล้ไม่ถึงเซนของเอลเกือบจะชนกับแก้มผม ผมขยับถอยหนีเพราะไม่อยากเห็นสายตาผิดหวังแบบตอนนั้นอีก ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ

“เพื่อนครับ อย่าโทษตัวเองอีกเลย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยนะครับ” เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาเพื่อปลอบผมที่สั่นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ให้กลับมาสงบเหมือนเดิม

“เอล สกปรก” ผมส่ายหน้าพลางมองหน้าเอลไม่ละสายตาเพื่อสื่อให้เอลเห็นว่าร่างกายของผมมันสกปรกเพราะหมอนั่น

“ไม่ครับ ไม่เห็นจะสกปรกเลยครับ เอลยังกอดเพื่อนได้เลยเห็นไหมครับ” ผมชอบเวลาที่เอลเรียกชื่อผมแล้วแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่ายังมีคนที่อยู่ข้างๆผมในวันที่ผมเจ็บ

“ขอบคุณ”ผมกอดเอลกลับเพื่อยืนยันกับตัวเองว่าเอลยังอยู่ข้างๆผมไม่ได้หนีหายไปไหน

“นายครับ หมอมาแล้วครับ”เสียงพี่วิน เรียกให้ผมที่กอดกับเอลแยกจากกัน เพราะคุณหมอต้องเข้ามาดูอาการต่างๆ ผมมองไปที่พี่วินที่ก้มหน้าไม่ยอมมองมาที่ผม แต่ผมเห็นตอนที่หมอจะเข้ามาตรวจสายตาของพี่วินมีแต่การกล่าวโทษตัวเอง ผมตอบคำถามหมอตามที่หมอถามจนเสร็จการรักษา ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เอลพยุงผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะพากลับมาที่บ้าน ตลอดทางพี่วินหลบสายตาผมตลอดเวลาจนต้องหันมามองเอลเพื่อขอความช่วยเหลือ

“วิน ไปเรียกที่เหลือมา” แทนที่เอลจะช่วยผมกับไล่พี่วินไปที่อื่นอีก ผมเบะปากใส่เอลแทนที่จะบ่นดันขำผมแทน นั่งรอไม่นานพี่วินกับการ์ดที่ไปห้องน้ำพร้อมผมก็มา ทั้งสามคนก็นั่งลงคุกเข่าต่อหน้าผม ทำเอาผมตกใจลนลานจนลงไปนั่งกับพื้น เดือดร้อนเอลต้องรีบพยุงผมขึ้นยืนแต่ผมไม่ยอมเพราะจะให้คนอายุมากกว่ามาคุกเข่าให้แบบนี้ไม่ได้ ผมถือนะครับ

“เอล”ผมส่ายหน้าให้เอล เอลเลยสั่งให้ทั้งสามคนลุกขึ้นแทนผมเลยยอมให้เอลพยุงมานั่งที่เดิม

“ฉันจะให้เธอเป็นคนลงโทษทั้งสามคนที่ทำให้นายเจออันตราย”

“แต่เอล”

“ไม่ได้เด็กขี้บ่น พวกเขาบกพร่องต่อหน้าที่ ถ้าไปช่วยเธอไม่ทันมันจะเกิดอะไรขึ้น!!!” เอลที่พูดจบก็หันหน้าหนีผมไปอีกทาง ผมเอื้อมมือไปกุมมือเอลที่กำจนเห็นเส้นเลือดไว้กระตุกเบาๆเรียกให้เอลหันหน้ากลับมามองผมเหมือนเดิม แต่เอลไม่ยอมหันมา ผมปล่อยมือออกจากเอลแล้วจะลุกเดินหนี เอลคงจะรังเกลียดผมเพราะภาพวันนั้นสินะ ผมนี่ไม่จำเลย อ่า มันหน่วงๆในหัวใจจัง

“จะไปไหน” เอลที่หันกลับมามองมาที่ผมก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ไม่บอกอารมณ์อะไร

“ขอโทษ จะรีบไป เอล เกลียด ผม สกปรก ขอโทษ ฮึก” ทนไม่ไหวแล้ว น้ำตาที่กลั้นไว้ดันไหลออกมาตอกย้ำความอ่อนแอของผม นอกจากจะขี้บ่นแล้วยังขี้แย อ่อนแอไม่ได้เรื่องอะไรเลยสำหรับเอล

“เพื่อนครับ ฟังนะ ที่เคยบอกไว้ลืมไปแล้วหรือไง ที่โมโหเพราะเธอเอาแต่โทษตัวเอง หัดโทษคนอื่นบ้างก็ได้ พวกเขาไม่ทำหน้าที่ให้เต็มที่จนผิดพลาด ถ้าเกิดไอ้แก่เดลองมันฆ่านายไปแล้วฉันไปไม่ทัน เธอคิดว่าฉันจะอยู่ต่อไปยังไง เห็นใจผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้บ้าง ที่ยังนิ่งแบบนี้ไม่ได้แปลว่าฉันคนนี้ไม่เจ็บนะเพื่อน” เอลเข้ามาสวมกอดผมก่อนที่จะพูดออกมาเพราะอารมณ์ที่ยังไม่หมอดดับ

“เอล ขอโทษ แต่พวกเขา”ผมกอดตอบ พยายามไม่เขินที่เอลบอกคล้ายคำสารภาพว่าผมเป็นคนสำคัญของเขา แต่ผมก็ยังไม่อยากว่าพวกเขาทั้งสามคนเพราะเรื่องนี้ผมก็ผิดจริงๆ

“เฮ้อ เอาเถอะ ถ้านายไม่ลงโทษฉันจะลงโทษเอง อย่ามาว่าฉันโหดร้ายกับพี่ชายเธอนะ” ทำไมต้องเน้นเสียงตรงพี่ชายด้วยละ ก็นับพี่วินเป็นพี่นะ อย่าบอกนะว่า

“เอล หึง ผม”เอลผละจากผมก่อนหันหลังให้ แต่ผมไม่ยอมแพ้เดินอ้อมไปดักหน้าเอล ทันเห็นริ้วสีแดงที่พาดบนหน้าเอล

“เอล น่ารัก” หน้าตาอึ้งที่มองผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นทำอะไรไม่ถูก แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดก่อนจะหอมแก้มผมไม่หยุด ผมที่ไม่ได้ขัดขืนเพราะนานๆจะเห็นเอลเขินไปไม่เป็นเลยได้แต่หัวเราะ จนเอลหยุด เราสองคนถึงรู้สึกตัวว่ามีคนอื่นอีกหลายชีวิตที่ยังอยู่

“อะแฮ่ม ผมก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรนะครับ แต่ช่วยกลับมาลงโทษผมก่อนจะไปสวีทกันทีหลังได้ไหมครับ เห็นใจคนโสดแถวนี้ด้วย” พี่วินที่เงียบมานานทนไม่ไหวเลยขัดพวกเรา พอผมมองไปที่ทุกคนต่างมอบรอยยิ้มเอ็นดูมาให้ผม งื้อ เขิน พี่วินแกล้งทำไม ผมจะไปฟ้องคุณตำรวจ ผมโดนกลั่นแกล้ง ผมโดนทำร้ายจิตใจ ผมจะฟ้องศาล เอิ่ม ผมคงจะออกนอกเรื่องไปไกล กลับมาเรื่องเดิมก่อน

“พี่วิน โทษขัดน้ำทุกหลังเลย” แทนที่ทุกคนจะกลัวบทลงโทษผมกลับขำการเรียงประโยคของผมแทน

“ครับๆ ขัดน้ำทุกหลังครับ”ทั้งสามคนรับบทลงโทษแต่ก็ยังไม่หยุดส่งยิ้มล้อเลียนผมกัน

“เอล”ผมรีบซุกเข้าอกเอลเพื่อนหนีสายตาหยอกล้อของทุกคน

“พอๆ แยกย้ายไปทำงานกันให้หมด ฉันจะพาเข้าเด็กขี้บ่น ไม่ใช่สิเป็นเจ้าเด็กขี้เขินแทน ขึ้นไปพัก” ผมได้แต่ทุบอกเอลไปหนึ่งครั้งก่อนจะโดนพยุงขึ้นมาบนห้องเพื่อพักผ่อน แทนที่เอลจะออกไปทำงานกลับขึ้นมาบนเตียงนอนกอดผม ผมที่กำลังจะพูดกลับโดนลูบหัวกล่อมนอนจนลืมที่จะพูดอะไรแล้วหลับไปในอ้อมกอดเอล

   เจ้าเด็กขี้บ่นหลับไปแล้ว เพราะมัวแต่เขินจนไม่ได้ดูว่าห้องที่ผมพาเข้ามาไม่ใช่ห้องเดิมของเจ้าตัวแต่เป็นห้องนอนของผมแทน ผมให้เมดเอาของใช้เพื่อนมาไว้ที่ห้องของผมเพราะตามที่เคยบอกไว้ถ้าทำงานกับผมจะได้ผมเป็นหมอนข้าง ผมเป็นคนที่รักษาสัญญาครับ ไม่ได้คิดจะลวนลามเด็กน้อยเลยครับ หึหึ

   ผ่านมาได้สามวัน เอลพาผมมาที่ร้านอาหารด้วยกัน บอกว่ามีนัดคุยกับคู่ค้าที่จะมาตกลงสั่งสินค้า เอลบอกผมหมดว่าทำงานอะไรบ้าง นี่เป็นการทำคะแนนรึป่าว ผมเคยเห็นเพื่อนร่วมงานเล่าให้ฟัง ภายในห้องวีไอพีมีชายที่น่าจะอายุเท่ากับเอลนั่งรออยู่พร้อมชายชุดดำที่นั่งด้านข้างกับอีกสามคนที่ยืนด้านหลัง พอพวกเราเข้าไป ฝ่ายนั้นก็ลุกขึ้นมาจับมือทักทายกันพร้อมพูดคุยเป็นภาษารัสเซีย อา หมอนี่น่าจะมาเฟียจากรัสเซียสินะ เอลบอกให้ผมนั่งข้างเขาด้านหลังมีพี่วินกับพี่เฟียสที่ยืนรอ ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมมองมาที่ผมแบบเปิดเผยจนเอลต้องแนะนำผมให้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่รู้จัก

“นี่เพื่อน เป็นผู้ช่วยของผม” ผมทำได้แค่ยิ้มรับเพราะไม่มีการจับมือเอลไม่ยอมครับ เซ็งเลย นึกว่าจะได้จับมือกับหนุ่มรัสเซีย ส่วนผู้ชายที่นั่งด้านข้างเป็นผู้ชายหน้าสวยพอสมควรแต่ดูเหมือนจะเป็นคนจีนมากกว่า

พวกเขานั่งคุยงานกันไปเรื่อยจนมาถึงการสรุป ผู้ชายที่ผมคิดว่าเป็นคนจีนกระซิบกับคู่ค้าของเอล ผมที่ไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่เพราะเสียงภายในห้องที่เงียบทำให้ผมได้ยิน ผมคิดว่าเอลก็น่าจะได้ยินแต่เหมือนไม่เข้าใจมากกว่า เพราะเอลดูเหมือนจะไม่สันทัดด้านภาษาฝั่งเอเชียนอกจากภาษาไทยที่เจ้าตัวชื่นชอบ แต่โดยรวมจะสนทนากันผสมไทยคำอังกฤษคำมากกว่า ถ้าจำไม่ผิด เอลเป็นคนอิตาลีที่ชื่นชอบเมืองไทยจนมาสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไทยเพื่อบังหน้าธุรกิจของตนที่ขยายสาขามาที่ไทย แต่มีแหล่งผลิตหลักอยู่ที่อิตาลีบ้านเกิด

“เป็นอันว่าเอาตามที่คุยกันเลยนะครับ พอดีผมมีธุระที่ต้องรีบไป ขอตัวก่อนแล้วขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”หนุ่มคู่ค้าตัดบทบอกกับเอลพร้อมหน้าที่เคร่งเครียด จนผมอดที่จะยื่นมือไปยุ่งไม่ได้

“ขอโทษนะครับ” ผมรีบเดินไปดักหน้าชายหนุ่มชาวจีนหลังจากที่ได้ฟังสำเนียงต้นฉบับเลยมั่นใจ ผมเลยยื่นอุปกรณ์สื่อสารที่ผมพกติดตัวเวลาต้องการจะสื่อสารยาวๆแบบที่ผมพูดไม่ได้ให้ก่อนที่จะรีบพิมพ์ข้อความเป็นภาษาจีน
“ขอโทษที่เสียมารยาทฟังที่คุยพูดแต่ผมขอเสนอให้ออกทางด้านหลังร้าน ร้านบริเวณนี้จะเชื่อต่อกับทางซอยด้านหลัง ถัดไปอีกจะมีทางอีกเยอะพอสมควร ผมคิดว่าฝั่งนั่นคงไม่ชำนาญพื้นที่เหมือนกัน ผมแนะนำได้แค่นี้ หวังว่าจะช่วยพวกคุณได้”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วแปลกใจแต่ยังคงอ่านข้อความที่ผมพิมพ์ต่อไปจนจบ หันไปยื่นให้หนุ่มรัสเซียดูอีกที

“คุณทำให้ผมแปลกใจแต่ความจริงผู้ช่วยของคุณลูเซียสก็ไม่ควรมองข้ามจริงๆ ผมขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ถ้าสำเร็จเราถือว่าติดหนี้คุณแล้ว ผมจะกลับมาตอบแทนพวกคุณครับ ลาก่อน”

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมยินดี”  แล้วอีกฝ่ายก็เดินไป ผมทำได้แต่ยิ้มพร้อมตอบรับคำขอบคุณ แม้อีกฝ่ายจะรีบจนลืมไปว่าผมฟังภาษาเขาออกหรือไม่แต่ยังโชคดีที่ผมฟังได้เลยรอดไป

เมื่องานจบอาหารที่สั่งมาก็ทยอยเข้ามาจนเกือบจะเต็มโต๊ะ ความเงียบเข้ามาเยือนอีกครั้ง สายตาที่ตั้งคำถามถูกส่งมาจากเอลระคนสายตาแปลกใจจากมือซ้ายมือขวาอีกด้วย

“ไม่ยักรู้ว่าเธอจะพูดได้หลายภาษา ตอนแรกก็กลัวเธอจะไม่เข้าใจเวลาที่คุยงานเป็นภาษารัสเซีย แต่นอกจากจะเข้าใจ ยังเขียน ฟัง ภาษาจีนได้อีก บางครั้งก็ตอบกลับฉันด้วยภาษาอังกฤษ”

“คือ” ผมไม่น่าลืมตัวเลย ต่อมคนดีนี่ทำเอาผมลืมไปว่า คนปกติที่ไหนจะพูดได้หลายภาษาขนาดนี้แถมยังสำเนียงดีอีก ซวยแล้วเพื่อน แม่จ๋า เพื่อนจะโดนถ่วงทะเลแล้ว

“ไทย อังกฤษ รัสเซีย จีน มีอะไรที่พวกเรายังไม่รู้อีก หืม เจ้าเด็กขี้บ่น” เอลนั่งกอดอกจ้องมาไม่ละสายตา แต่ไม่ได้คาดคั้น เหมือนหยอกล้อให้ผมต้องตอบความจริงมากกว่า

“เอล สัญญา บ้าน บอกนะ กินนะ” มันทรมานนะครับคุณ อาหารขึ้นชื่อมาเรียงกันตรงหน้าละลานตา จะปล่อยให้เย็นชืดคงไม่ใช่ไอ้เพื่อนที่ของกินเป็นสำคัญแบบนี้ ผมส่งสายตาอ้อนไปเพิ่มเพื่อนขอกินอาหารตรงหน้าแล้วมีอะไรจะคุยค่อยกลับไปคุยเถอะนะ ผมจะสะกดจิตเอลแล้วนะ จงกิน จงกิน จงกิน

“มองแบบนั้นจะหนีหรอครับ”

ฟอด  ผมลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะเดินไปก้มหอมแก้มเอลทั้งสองข้างแล้วกลับมานั่งจ้องหน้าขอกินต่อ

“นะ” นี่ผมทุ่มสุดตัวแล้วนะ เลิกอึ้งแล้วให้ผมกินสักที เร็วสิ จะตาลอยอีกนานไหม เลิกหน้าแดงได้แล้ว

“ก็ได้ ไปคุยที่บ้านก็ได้ เห็นแก่ความพยายามที่อยากจะกินของเธอนะ” ผมไม่รอที่เอลจะพูดอะไรต่อ เริ่มลงมือกิน สุดยอด แค่คำแรกที่เข้าปาก พระเจ้าครับ ท่านได้กินแบบนี้ทุกวันไหมครับ เหมือนลอยไปบนสวรรค์เลยครับ อ่า ไม่เสียดายที่เกิดมาแล้วครับ

“อร่อยขนาดนั้น” ผมเงยหน้ามาพยักหน้าให้เอลก่อนจะก้มลงไปกินต่อแบบตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง จนอิ่ม ผมเงยหน้ามามองเอลที่นั่งจ้องมาที่ผมสักพัก เอลกินน้อยไปแล้วนะ แต่ทำไมตัวโตจัง ผมนี่กินเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะโตสักที มีแต่ออกตามตัวจนตัวนุ่มนิ่มแบบนี้!!!!

TBC.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-05-2018 13:20:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #10 เมื่อ09-05-2018 12:56:34 »

#6
   หลังกินเสร็จเราก็นั่งรถกลับบ้านเพราะเอลไม่มีงานอะไรต่อ เมื่อถึงบ้านก็ไปที่ห้องทำงานผมจะตอบยังไงให้เอลเข้าใจดีนะ ถ้าตอบไม่ดีจะโดนว่าเป็นสายของคนอื่นไหม จะโดนหาว่าทรยศรึเปล่า หรือว่าจะโดนสั่งฆ่าทันทีกันนะ หวาผมชักจะจิตตกแล้วสิ

“เอาละไหนลองอธิบายมาหน่อยว่ามีประวัติตรงส่วนไหนที่เราได้รับมาขาดหายไป เราถึงพลาดว่านายสามารถใช้ได้มากถึงสี่ภาษา” เอลไม่ละสายตาในเวลาที่ถามผมเลย ผมก็ไม่กล้าหลบสายตา เอลดุเหมือนผมเป็นลูกเลย ผมโตแล้วนะยี่สิบสองแล้วด้วย

“เอล ไม่ดุ” ใจก็กลัวนะครับแต่ไม่อยากให้เอลดุ

“ยังไม่ใช่เวลาอ้อนครับ พูดมาก่อนเด็กขี้บ่น”เอลก็เป็นแบบนี้ตลอด ทำไมต้องบังคับกันละ ผมไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ชอบทำร้ายคนเจ็บ ชอบทำร้ายจิตใจ นี่มันเข้าข่ายบังคับจิตใจกันเลยนะ ศาลผมขอยื่นเรื่องครับ ผมจะฟ้องเอล โทษฐานทำร้ายจิตใจผม

“เลิกบ่นฉันแล้วเล่ามาดีๆเพื่อน” ดูเหมือนเวลาของผมจะหมดแล้ว จะยื้อต่อก็ไม่ได้แล้ว ผมเบะปากใส่เอลแต่ดูเหมือนจะทำให้เอลขำแทนเคืองนะครับ

ผมยื่นเครื่องมือสื่อสารให้เอลแล้วเริ่มสื่อสารแทนการพูดของผมเองโดยเครื่องมือนี้สามารถเปลี่ยนตัวหนังสือเป็นคำพูดแทน ก็ผมกลัวอธิบายไม่เข้าใจ ขนาดพูดประโยคธรรมดายังยากเลยครับ ชีวิตของผมคนนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ
“ผมเป็นเด็กกำพร้าตามที่บอกไว้ถูกแล้วครับ แต่เรื่องการเรียนที่ใส่ไว้ผมเป็นคนแปลงข้อมูลเอง เพราะข้อมูลที่จริง ผมเรียนจบปริญญาเอกตอนอายุ16ปี หลังจากนั้นก็ทำงานที่สถาบันวิจัยจน20ปี แล้วออกมาทำงานที่ผับตามที่ข้อมูลบอก ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ตอนที่อยู่สถาบันวิจัยผมทำการทดลองเทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์อย่างเช่นเครื่องมือสื่อสารเครื่องนี้ด้วย เพราะปมที่ผมเคยโดนล้อตอนเด็กทำให้ผมคิดสิ่งนี้มาช่วยผมเวลาที่ต้องการสื่อสารกับคนอื่นเป็นประโยค ส่วนด้านภาษา อย่างที่เอลเห็นไป ตามจริงผมพูดได้มากกว่านั้น แต่เอาไว้มีโอกาสคงได้เห็นนะครับ”

“หืม” เอลที่ทำหน้าตกใจแต่แววตาที่พึงพอใจที่มองมาก็ทำเอาขนลุกเหมือนกันนะครับ ก็มันเหมือนตอนที่เจ้านั่นมองผม อ่า ไม่สิ อย่าไปคิดถึงเรื่องวันนั้นดีกว่า ถ้าเอลรู้ต้องโดนดุแน่เลย

“เอล ง่วง” ผมเริ่มรู้สึกง่วงเพราะยังไม่ชินกับการนอนกลางคืนตื่นกลางวันเพราะงานที่ผับทำเอาเวลานอนผมรวนไปหมด แต่เอลก็ชอบที่จะพาผมไปทำงานเลยแอบงีบเวลาเอลเผลอตลอด อย่าไปบอกเอลนะ

“ถือว่าผ่าน ฉันจะปล่อยไปนอนก็ได้ แต่อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าชอบแอบนอนเวลาที่เผลอนะ นอกจากจะขี้บ่นแล้วยังเป็นเด็กขี้เซาอีกนะ” เอลรู้ได้ยังไง ผมว่าผมแอบหลับเนียนมากเลยนะ หมับ ฟอด

“เอล อือ” ทำไมชอบกอดชอบหอมผมตลอดเลย นี่ผมโตแล้วนะ จะมาอุ้มนั่งตักแบบเด็กแบบนี้ไม่ได้นะ ปล่อยสิปล่อย

“จะดิ้นก็ดิ้น จะบ่นก็บ่น นั่งนิ่ง หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ฉันไม่ปล่อยง่ายๆหรอกนะ” ยิ่งพูดอ้อมกอดที่รัดก็ยิ่งแน่นมากขึ้น

“เอล ง่วง ไม่แกล้ง” ผมซบหน้ากับบ่าเอล แล้วพึงพำข้างหูเพื่อลดการใช้แรงไปเปล่าๆ

“ทำไมถึงอ้อนเก่งขนาดนี้ หืม นอนก็นอน” เอลปล่อยผมให้ขึ้นมานอนที่ห้องเพราะเอลมีเอกสารที่ต้องดูต่อเลยไม่ได้ตามมากวนผมแบบที่ชอบทำ พอมาอยู่ในห้องก็นอนคิดไปเรื่อยๆทั้งเรื่องความลับที่บอกกับเอลไป ผมไว้ใจเอลมากขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ ตั้งแต่ที่เอลช่วยผม หรือตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกกันแน่ ใจที่ไม่เคยเต้นกับใครก็ดันมาหวั่นไหวกับผู้ชายที่ชื่อเอล ผมสงสัยตั้งแต่ชื่อที่เอลให้เรียกแล้วครับ ผมไม่เห็นใครจะเรียกเอลว่าเอลเลย เรียกกันแต่ ลูเซียส ทุกครั้ง ไหนจะเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผม เอลใสใจกับมันเสมอ ความห่วงใยที่ผมได้รับทำให้กำแพงที่กั้นทุกคนเริ่มพังลงมา ผมก็ได้แต่คาดหวังต่อไปว่าความใจดีที่เอลให้ผมมา มันจะไม่ย้อนมาทำร้ายกันในภายภาคหน้าก็เพียงพอ ผมเจ็บกับการโดนหักหลังมาพอแล้ว ผมอยากจะขอเอลแค่นี้ อย่าทำร้ายกันก็พอ แล้วผมก็หลับไป

หลายวันต่อมาผมก็ยังคงติดสอยห้อยตามเอลมาทำงานนอกสถานที่เสมอ ครั้งนี้เรามาที่ท่าเรือที่ใช้รับส่งสินค้า วันนี้มีลูกน้องของเอลมากันเยอะพอสมควร หลังจากเรื่องวันนั้นการออกนอกสถานที่จะเริ่มมีคนคุ้มกันมากขึ้น เราทำการสำรวจพื้นที่และสินค้าที่ส่งเข้ามาจนเรียบร้อย ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่เวลาดีๆมักจะมีมารผจญ อย่ามองผมแบบนั้นครับ ผมฟังคนอื่นพูดมาอีกทีครับ

บรืน เอี้ยด ปัง ปัง ปัง เสียงเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องมาใกล้ก่อนจะหักมาใส่รถที่พวกเรานั่ง แล้วหันปืนมาทางที่เอลนั่ง ณ ตอนนั้นความกลัวแล่นเข้ามาที่ใจของผมจนควบคุมตัวเองไม่ได้ กระชากแขนเอลให้โถมมาทางผมก่อนจะดึงปืนที่เหน็บที่เอวของพี่วินที่นั่งด้านหน้ามายิงสวนไปที่รถที่ขับมาตีคู่ กระสุนโดนยางหลังจนรถเซไปอีกทาง ทิ้งระยะห่างจากการขับของพี่เฟียสจนอยู่ในระยะที่ปลอดภัย แต่ความเร็วยังคงอยู่ในระดับเดิมเพราะยังไม่มีที่ไหนปลอดภัยจนกว่าจะถึงบ้าน

“เพื่อน”ผมสะดุ้งจนปืนที่ถืออยู่ตกบนเบาะที่นั่งก่อนที่ร่างของผมจะถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของเอลที่รออยู่ ขนาดเวลาแบบนี้ยังหาเศษหาเลยกับผมอีกนะครับคุณ

“เอล เป็นอะไร”

“ฉันตกใจแค่ไหนตอนที่นายดึงมาแบบนั้น ไหนจะไปหยิบปืนมายิงอีก ขอเถอะนะเพื่อน ช่วยลดความเก่งให้ฉันปกป้องนายบ้างเถอะ”

“บะ บ้า”หน้าผมร้อนทันทีที่ฟังเอลพูดจบ จะมาทำให้เขินทำไมกันนะ มันใช่เวลาไหมครับคุณ มันไม่ต่างกับบอกชอบเลยนะ มันดีต่อใจเกินไปแล้วนะ

“เขินหรอ หืม เด็กขี้เขิน ไหนหันหน้ามาหน่อยเร็ว” เอลพยายามก้มมามองหน้าผมที่ซุกที่อกของเจ้าตัวก่อนจะพยามยามเอามือมาจับหน้าผม แต่ใครจะยอมกันละครับ ความภาคภูมิใจในความแมนของผมมันกำลังสั่นคลอนเกินไปแล้ว ไม่ได้การแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ ความแมนที่สะสมมาต้องแย่แน่ ถึงไม่เคยมีแฟนแต่ผมก็คิดว่าผมดูดีพอสมควรเลยละ อะไรนะครับ ผมหลงตัวเองหรอ จริงครับผมยอมรับ!!!

“เอล ไม่แกล้ง”ผมดันหน้าเอลที่ก้มลงมาให้ถอยห่างไป นี่มันบนรถนะ ไหนจะพี่วินพี่เฟียสที่นั่งอยู่ข้างหน้าอีก เกรงใจพี่เขากันบ้างรึไม่ก็เกรงใจหัวใจของผมบ้างเถอะ แม่จ๋าเพื่อนเป็นโรคหัวใจละครับ

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว เงยหน้ามาคุยกันก่อนเร็ว”เสียงทุ้มที่ไม่ได้หยอกแบบเดิมทำให้ผมกล้าที่จะหันขึ้นมามองหน้าเอลแต่สิ่งที่ได้กลับเป็น

จุ๊บ

“งื้ออออออ เอลลลลลล”ผมรีบซุกหน้ากลับที่เดิมก่อนจะครางประทวงกับการกระทำของเอล บ้าที่สุดความแมนของผม ฮืออออออ บ้าๆๆๆๆ เอลบ้า มาจุ๊บกันได้ยังไง ถึงจะแค่การกดปากลงมาที่ปากผมเบาๆก็เถอะ แต่มันก็ อือออออออ ไม่ไหว ไม่ไหว ใจเต้นแรงเกินไปแล้ว

“หึหึ สุกไปทั้งตัวแล้วเด็กขี้บ่น” เสียงหัวเราะของเอลไม่ได้ช่วยลดความเขินอายของผมลงเลยแต่มันดันเพิ่มความร้อนบนหน้าของผมแทน

“อะแฮ่ม ขอโทษที่รบกวนเวลาส่วนตัวนะครับ แต่ถึงบ้านแล้วครับ รบกวนไปสวีทกันต่อด้านในนะครับ ผมอิจฉา” เสียงหยอกมาจากพี่วินที่เปิดประตูรถให้เอล ก่อนที่จะยืนรอด้านนอก ผมที่ได้ยินเสียงรีบลงจากตักเอลแล้วหนีเข้าบ้านไปทั้งที่หน้าร้อนๆนั่นแหละครับ

“จะรีบไปไหนกันนะ”เสียงเอลที่ดังไล่หลังมาไม่ได้หยุดผมที่กำลังเดินหนีเลยสักนิด

“โกรธเอล”เสียงหัวเราะของเอลที่ไล่ตามมาหลังผมตะโกนกลับไปทำเอาบรรยากาศในบ้านที่เคยหม่นหมองกลับมาดูมีชีวิตมากขึ้น เพราะไม่บ่อยนักที่จะเห็นนายของพวกตนอารมณ์ดีขนาดนี้ เพราะคุณเพื่อนคนเดียวที่เข้ามาเปลี่ยนสีสันให้บ้านหลังนี้จริงๆ ความคิดของเมดและชายชุดดำต่างคิดเหมือนๆกัน


TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #11 เมื่อ10-05-2018 12:32:50 »

#7
   ผมเพื่อนครับ ขณะนี้เรากำลังเดินทางโดยสายการบิน ดิวาเลนนาส แอร์ไลน์ จุดหมายปลายทางที่ประเทศอิตาลี อะไรนะครับทำไมบอกแค่นี้ แหมคุณครับผมเป็นแค่ชายหนุ่มวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ภายใต้น่านฟ้าแผ่นดินไทยเท่านั้น อ่าที่บอกสถาบันวิจัย นั่นก็สถาบันลับในไทยนั่นแหละครับ ตอนที่ศึกษาถึงจะอยู่ต่างประเทศแต่ก็มีหน้าที่แค่เรียนเท่านั้นครับ และถ้าถามว่าทำไมถึงไม่รู้ว่ารัฐอะไรถึงไม่ถามเอล ขอโทษด้วยครับความกล้าที่ผมสะสมมาถูกใช้ไปหลายส่วนจนแทบจะไม่เหลือแล้วครับ กลับมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เหตุผลที่เอลพาพวกเราหลายชีวิตมาที่ประเทศอิตาลีเพราะเอลต้องกลับมาดูงานที่สาขาหลักและประเทศนี้ก็เป็นประเทศบ้านเกิดของเอลด้วย ผมที่ไม่เคยมาที่นี่นอกจากอ่านหนังสือนึกสนใจเมืองท่องเที่ยวที่ใครๆก็รู้จักอย่างเมืองเวนิส เมืองแห่งเวทมนต์ที่ใครๆก็ฝันถึงและต้องไปเหยียบสักครั้งเมื่อถึงอิตาลี

“เรากำลังจะไปที่แคว้นเวเนโต”เสียงทุ้มที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ขึ้นเครื่อง ผมก็นึกว่าเอลหลับซะอีก แต่ชื่อแคว้นนี่มัน

“เวนิส” ถ้าผมจำไม่ผิด เวนิสเป็นเมืองหลักของแคว้นเวนิโตนี่ครับ

“เราไม่ได้ไปที่เวนิส แต่ก็ไม่ไกลมา ถ้าเสร็จธุระฉันจะพาเธอไปเที่ยวนะ”

“ครับ”ฝันของผม กำลังจะเป็นจริงแล้ว เมืองเวนิส นครแห่งน้ำ อ่า อยากล่องเรือกอนโดล่าสักครั้งจังเลย ผมจำได้ครับ เพื่อนที่ทำงานเคยเล่าเรื่องความเชื่อของเมืองที่ว่า เมื่อเรานั่งเรือลอดใต้สะพานแล้วจุมพิศกับคู่รัก จะมีผลเกี่ยวกับความรัก แต่ผมก็ฟังมาผ่านๆเพราะไม่ได้สนใจเรื่องคู่และไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันมาเหยียบที่แผ่นดินนี้ด้วยซ้ำ เอาละ ผมจะเป็นเด็กดีกับเอลเพื่อตอบแทนที่เอลพาผมมาด้วย เวนิส เวนิส

หลังจากที่ผมเพ้อไปไกลได้ไม่นาน เครื่องบินที่นั่งมาก็ลงจอดที่สนามบินส่วนตัว เพราะเราเดินทางเข้ามาด้วยเครื่องบินส่วนตัว ส่วนสถานที่ลงจอดเป็นพื้นที่กว้างที่มองเห็นดวงตาเปล่าว่าหลายไร่ หลังจากที่เครื่องจอดสนิทดีเอลก็เดินนำผมลงไป ด้านหน้าที่ผมเห็นคือคฤหาสน์สไตล์ยุโรปที่พบเห็นตามหนังตามหนังสือทั่วไป แต่ขนาดใหญ่กว่าที่ประเทศไทย ผมที่หยุดชะงักเพราะความอลังการโดนเอลดึงแขนให้เดินตามเข้ามาภายในบ้าน ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในนี้สุดยอดครับ เป็นบุญตาบุญชีวิตไอ้เพื่อนมากครับ ที่ได้เข้ามาเจอสถานที่แบบนี้ ตายตาหลับครับ

“ฉันเริ่มจะอิจฉาบ้านตัวเองที่นายให้ความสนใจมากกว่าแล้วนะ” พอเข้ามาถึงเอลก็พามานั่งที่ห้องรับแขก ผมที่พึ่งนั่งลงข้างๆขมวดคิ้วมองเอลที่พูดออกมาเป็นภาษาอิตาลี แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะคิดว่าเอลน่าจะบ่นไปเรื่อย

“ฉันบอกว่าฉันเริ่มจะอิจฉาบ้านแล้วนะ”คราวนี้เอลพูดเป็นภาษาไทยแทน ผมที่ไม่เข้าใจว่าเอลลืมว่าผมพูดได้หลายภาษาหรือเพราะผมไม่ตอบเขาเลยคิดว่าผมฟังไม่ออกแทน

“ขี้บ่น” ผมว่าเอล ก่อนจะหันไปมองรอบห้องแทน มันจะเขินหน่อยๆ เล่นย้ำอยู่ได้ หยอดตลอด เคยเรียนทำทองหยอดมาหรอครับ หยอดเก่งจริง

“หึหึ เขินก็บอกมา”

“เอล”ผมขึ้นเสียงเรียกชื่อเอล จนเมดที่กำลังยกน้ำมาพากันสะดุ้ง ผมอาจจะพูดดังไป อ่า ขายหน้าแย่เลย

“โอเคๆ ยอมแพ้แล้ว ไม่แกล้งก็ได้ เขินแรงนะครับเด็กขี้บ่น”เอลก็ยังเป็นเอล จะเป็นผู้ชายอบอุ่น แบบครั้งที่เจอกันแรกๆไม่ได้หรอครับ ใครเอาน้ำเปลี่ยนนิสัยมาให้เอลกินครับ ถึงเปลี่ยนเป็นคนขี้แกล้งกันแบบนี้

“เอล โกรธนะ” ท่ายกมือเหมือนยอมแพ้ แต่สายตาล้อเลียนที่ส่งมามันน่าหงุดหงิดจนต้องห้ามนิ้วไม่ยื่นไปจิ้มตาเลยละครับ

“เดี๋ยวเพื่อนๆของฉันจะมาเยี่ยม อีกสักพักก็คงมาถึง เธอจะไปพักก่อนไหม”

“ไป ง่วง ตื่นเต้นไป” เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาพอรู้ว่าเราจะมาที่อิตาลีทำเอาผมตื่นเต้นจนไม่ได้พักสายตาเลย ไหนจะรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวที่เวนิสอีก พอมาถึงที่เลยเกิดอาการเพลีย พลังงานจะหมดแล้วครับ

“ขี้เซา เดินไหวไหม หรือจะให้อุ้ม”

“ไม่ ไหว” ผมส่ายหน้าทันทีที่เอลจะเข้ามาอุ้ม น่าอายจะตาย ความแมนจะหายไปนะครับ ไม่เอาหรอก อยู่กับเอลก็เด็กพอแล้ว ไม่อยากลดความแมนที่สั่งสมมาครับ เพื่อนของปฏิเสธ

“หึหึ งั้นตามมาจะพาไปที่ห้อง” ผมเดินตามเอลที่พาเดินเข้ามาที่ห้องพัก ทันทีที่เห็นเตียงความง่วงที่เริ่มครอบงำสติ ฉุดรั้งผมให้ไปทิ้งดิ่งที่กลางเตียงทันที ไม่สนว่าเอลจะเดินไปไหนหรอกครับ งานนอนต้องมาก่อน อ่า สบายจังเลย สิ่งที่รองจากอาหารก็ต้องการนอนนี่แหละครับที่สำคัญ

“ล้างเท้าก่อนสิ”เสียงเอลตะโกนออกมาจากห้องน้ำ แต่ผมไม่มีแรงที่จะลุกออกจากที่นอนแล้วครับ ผมกำลังโดนพลังที่นอนดูดครับ

“เฮ้อ งั้นนอนนิ่งๆไป” สิ้นเสียงผมก็สัมผัสกับความเย็นที่ปลายเท้าก่อนจะไล่มาจนครบเท้าแล้วเลื่อนไปที่เท้าอีกข้าง ผมฝืนแรงดึงดูดจากเตียงผงกหัวขึ้นมาดูก็ต้องเด้งตัวขึ้นมาทันที ภาพที่เห็นคือเอลที่กำลังประคองเท้าของผมอย่างทะนุถนอมแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเบาๆไปทั่วเท้า

“เอล”ผมที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เอลทำให้ มันมากเกินไป เอลอายุมากกว่าแถมยังเป็นมาเฟียที่ยึดถือศักดิ์ศรีไม่ควรลดตัวลงมาทำแบบนี้ ผมพูดไม่ออก ผมไม่เคยได้รับความอ่อนโยนและการปฏิบัติที่ดีแบบนี้มาก่อน ขอบตาของผมกำลังร้อนภาพที่เริ่มมัวจากม่านน้ำตาที่ก่อตัวเพราะความตื้นตัน เอลให้ผมมากจริงๆ

“ร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหม หืม” เอลถามหลังจากที่เดินเอาของไปเก็บแล้วล้างมือกลับมาที่เตียงเห็นผมที่นั่งร้องไห้ก็รีบเดินเข้ามารวบผมกอดจับหน้าผมเอียงซบไหล่ก่อนจะโยกตัวผมกล่อม แต่แทนที่จะหยุดกลับเพิ่มน้ำตาของผมมากขึ้น อ้อมกอดของเอลทั้งอบอุ่น และมั่นคง ผมยอมรับแล้วครับ ผมหลงไปกับความดี ความอบอุ่น ความอ่อนโยนที่เอลให้กับผม ผมคิดว่า ผมน่าจะชอบเอลเข้าแล้วจริงๆ

“เป็นอะไรไปครับเพื่อน ใจไม่ดีแล้วนะครับ”ผมที่ยังไม่ยอมตอบ ยิ่งทำให้เอลเริ่มลนลาน ดันตัวผมออกห่างก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้ผมจนน้ำตาผมหยุดไหล

“ไหนลองบอกฉันมาสิ ว่าเป็นอะไร”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยถามผมที่พละตัวออกมาจากอ้อมกอดเล็กน้อย ผมมองตรงไปที่เอล สบตากับสายตาที่ส่งผ่านความห่วงใยมาถึงผมเสมอ

“เอล ชอบ ผม ไหม”ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมถามไปแบบนั้น แต่ผมก็แค่อยากรู้ว่าเอลเห็นผมเป็นอะไร ลูกน้อง น้องชาย หรือคนรัก

“ทำไมถามแบบนั้นครับ”เอลไม่ตอบแต่ถามผมกลับมาแทน ผมที่ส่งสายตาคาดคั้นไปให้จนเอลต้องยอมที่จะตอบผมพร้อมใบหน้าที่เริ่มซับสีแดง

“เฮ้อ มันอธิบายยากนะเพื่อน มีหลายคนบอกว่าฉันโหดเหี้ยม เย็นชา จนถึงขั้นไร้หัวใจ แต่นายรู้ไหมเมื่อก่อนไม่สิ ตอนนี้กับคนอื่นก็เหมือนกัน ฉันยังเป็นแบบที่ใครๆพูดกัน ตั้งแต่ฉันเจอกับเธอ แค่แวบแรกที่ฉันเห็นหน้าเธอตอนที่ร่างกายเธอมีแต่เลือดที่วิ่งมาตัดหน้ารถฉัน หัวใจที่โดนต่อว่าว่าไร้ใจ มันกลับสั่นไหวรุนแรงจนเจ็บ ยิ่งเห็นว่านายอาการสาหัสยิ่งเจ็บปวดเหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรสักอย่างไป ฉันพยายามหาคำตอบจนถึงวันที่เธอโดนจับตัวไป ทุกอย่างยิ่งเริ่มชัดเจน ยิ่งภาพที่เธอ”เอลเงียบเสียงไปด้วยสายตาเจ็บปวดที่ส่งมา ผมยกมือลูบแก้มเอล เอลจับมือผมมาแนบแก้มมากขึ้นก่อนจะพูดต่อ “ฉันโมโหจนแทบขาดสติ ที่เห็นมันกล้ามาทำร้ายเธอ หลังจากนั้นฉันก็ยอมรับว่าฉันตกหลุมรักเธอตั้งแต่เจอกันด้วยซ้ำ และที่เธอถาม ใช่ ฉันชอบเธอ และมากขึ้นจนไม่อยากเสียเธอให้ใคร ไม่อยากให้ห่างจากสายตา ฉันว่าฉันรักเธอแล้วเพื่อน ไม่ใช่แค่ชอบเลย”ความจริงใจที่ส่งผ่านทางสายตาพร้อมมือที่กุมบีบกระชับเพื่อยืนยันคำพูดสั่งน้ำตาผมให้ไหลลงมาอีกครั้ง เอลให้ผมมากจริงๆ แม้กระทั่งหัวใจ เอลก็ยกมันให้ผม

“ผม ขอโทษ ที่ ให้รัก ไม่ได้” ผมพยายามพูดให้เป็นประโยคที่น่าจะเข้าใจมากที่สุด สีหน้าของเอลดูเสียใจแต่ยังคงยิ้มบางให้ผม

“ไม่เป็นไร”เอลพูดตอบกลับมา แต่น้ำเสียงที่ไม่มั่นคงกลับสั่นคลอนใจของผมมากกว่าเก่า เอลกำลังเสียใจ

“ไม่ใช่นะ ผม ผม”ผมบีบมือเอลแน่นเพราะกลัวว่าเอลจะปล่อยมือกันไป

“ใจเย็นก่อนนะเพื่อน เธอหายใจเข้าลึกๆก่อน ตั้งสติ แล้วค่อยๆพูดนะ ฉันจะอยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหน ฉันรอฟังเธอเสมอ” รอยยิ้มใจดีส่งมาเพื่อปลอบผมที่เริ่มลนลานเพราะความกลัว ผมรวบรวมสติตั้งสมาธิอีกครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมามองไปที่หน้าของเอล ก่อนจะสบตาเอลแล้วพูดสิ่งที่คิดออกไป

“ผม กลัว ความรัก ไม่ กล้ารัก แต่ ชอบนะ”ผมมองตรงไปที่เอลที่พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผมสื่อแต่ดูเหมือนเอลยังไม่มั่นใจกับคำพูดผม “ผม ยัง ไม่ ได้รัก เอล แต่ผม ผม ชอบ ฮึก”เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นมาขัด เพราะวันนี้ผมพยายามพูดเป็นประโยคแถมยังเป็นเรื่องความรู้สึก ร่างกายของผมเริ่มจะงอแงอีกแล้ว “ฮึก ชอบเอล มาก ชอบเอลมากๆ เพื่อนชอบเอล ฮึก ฮือ”แล้วก็ร้องไห้ ครับ ผมร้องไห้อีกแล้ว บางทีผมก็เกลียดน้ำตาตัวเองนะครับ อะไรมันจะขี้แยขนาดนี้ หมดแล้วซึ่งความแมนของผม

“ฮ่าๆๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้กันเพื่อน มาบอกชอบกันแล้วร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆเลย โอ๋ๆๆ หยุดร้องก่อน” ผมที่พยายามสั่งน้ำตาตัวเองให้หยุด จนใช้เวลาพอสมควรถึงหยุดน้ำตาได้แต่ก็ไม่กล้ามองหน้าเอลอยู่ดี ผมที่เชื่อมั่นในความแมนของตัวเองมาเสมอ กลับต้องมาตกม้าตายเพราะดันหลงชอบคุณมาเฟียที่โคตรอบอุ่นตรงหน้า งื้อออออ เขิน

“ไหนมาคุยกันก่อน ก้มหน้าไปไหน หืม”

“งื้ออออ เขิน เอล อือ”เอลเลิกที่จะก้มหน้ามามองแต่เปลี่ยนเป็นพยายามลวนลามผมแทน ทั้งหอมแก้ม หอมคอ ผมก็ได้แต่ดิ้นหนีไปทั่วจนกลายเป็นหลังผมสัมผัสกับที่นอนตอนไหนไม่รู้โดยมีร่างของเอลที่คร่อมผมอยู่ อ่า สถานการณ์อันตรายชวนเสียตัวแบบนี้ ต้องรีบชิ่งครับ ถึงผมจะยอมรับว่าชอบเอลที่เป็นผู้ชาย แต่ให้ยอมรับว่าต้องโดน เอ่อ นั่นแหละ ไม่ครับ เพื่อนไม่พร้อม

“เอล อุ๊บ”ผมที่จะไล่เอลให้ลุกออกไป กลายเป็นโดนเอลปิดปากด้วยปากซะงั้น เอลขบเม้มริมฝีปากของผมอย่างหยอกล้อก่อนจะแกล้งเลื่อนมือไปที่เอวของผม ผมที่ตกใจก็สะดุ้งลืมตาขึ้นจนสบตากับเอลที่มองมาก่อน สายตาที่มีทั้งความรัก ความห่วงใยก่อนหน้านี้ โดนแทนที่ด้วยความปรารถนาร้อนแรงที่ผมมักจะเห็นในสถานที่ทำงานตามโซนที่เป็นส่วนตัว สายตาของนักล่าที่พร้อมเขมือบเหยื่อตัวน้อย และผมคิดว่า ตอนนี้ตัวผมเองก็คือเหยื่อของเอลแน่นอน

“อือ”ความนุ่มหยุ่นที่สัมผัสกับลิ้นของผมเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งวนทั่วทั้งร่างแต่หนักที่สุดที่ช่วงท้องน้อย และเอิ่มตรงกลางลำตัวของผม งื้อออออ ผมกำลังมีอารมณ์ครับ คุณพระ เพื่อนมีอารมณ์ครับ

“แฮกๆๆ”เสียงหอบหายใจของผมที่โดนเอลช่วงชิงไปทำให้ต้องรีบกอบโกยเต็มที่ แต่ดูเหมือนเอลจะไม่หยุดที่แค่จูบผมแล้วครับ ลิ้นร้อนเริ่มไล่ไปตามคอพร้อมขบเม้มจนรู้สึกเจ็บแปลบ ผมคิดว่าน่าจะเกิดรอยเพราะตัวของผมก็ขาวพอสมควรแถมยังขึ้นรอยง่ายด้วย ต่อจากลำคอก็ช่วงไหล่ไปจนถึงหน้าอกก่อนที่เอลจะยกตัวขึ้นมองมาที่หน้าผม

“ยั่วอะไรขนาดนี้”ผมที่ได้ยินถึงกับต้องรีบประท้วงต่อต้าน เฮ้คุณครับมากล่าวหากันแบบนี้ไม่ได้นะครับ ผมไปยั่วคุณตอนไหน มีแต่คุณนั่นแหละครับที่คิดไปเองทั้งนั้น

“เอล”

“ครับ”

“เอล พอ ก่อน” ตอบรับที่ผมเรียกแต่มือกลับไม่ยอมหยุดที่จะปลดกระดุมเสื้อผมต่อ ยอดอกถูกดึงด้วยปลายนิ้ว ส่วนอีกข้างเอลจัดการใช้ปากครอบมันแทน อารมณ์ที่มีเหมือนจะยิ่งปะทุขึ้นมากกว่าเดิม เอลละมือจากการกลั่นแกล้งยอดอกของผมก่อนจะเลื่อนลงไปที่จุดเกิดเหตุ ผมที่ตกใจรีบคว้ามือเอลให้หยุดนิ่งก่อนที่จะสัมผัสโดนเขตหวงห้ามของผม

“เพื่อน”เสียงแหบพร่าที่ดังชิดริมหูก่อนที่จะขบเม้มใบหูซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของผมเช่นกัน แล้วผมมาบอกพวกคุณทำไมกันเนี่ย

“อะ เอล อ๊ะ ไม่ เอา”สั่นขนาดนี้ น่าเชื่อถือดีจริงๆตัวผม

“แค่ข้างนอกนะ เพื่อน เอลขอแค่ข้างนอก ไม่มากกว่านั้น สัญญา”เอลเป็นคนที่รักษาสัญญามาก ผมเชื่อเอล แต่ว่า ไอ้ข้างนอกนี่มันคืออะไรกันครับ อย่ามองมาที่ผมแบบนั้น ผมยังเด็ก แค่ยี่สิบสองปีเท่านั้น อะไรนะครับ คนอื่นสิบแปดก็มีภรรยาแล้ว นั่นมันคนอื่นครับ เราจะไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบครับ

“อืม” จุ๊บ เอลจูบขอบคุณก่อนที่จะยกตัวขึ้นถอดกางเกงของผมและเจ้าตัวออก มันน่าอายนะครับที่เราต้องมานั่งโชว์สิ่งมหัศจรรย์ของโลกให้คนที่มีเหมือนกันมาดูแบบนี้ แต่ ณ เวลานี้ ผมต้องยอมรับ ว่าผมแพ้ครับ พระเจ้า คุณช่างลำเอียงจริงๆ ผมบอกแล้วไงครับ ต้องไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าผมพอใจกับตัวเองมากครับ ถึงแม้เสี้ยวความคิดจะอิจฉาเอลก็เถอะ หึ!!!

“อ่า เพื่อน”เอลครับช่วยเลิกเรียกชื่อผมเวลาแบบนี้ได้ไหมครับ มันเทียบไม่ได้กับเวลาธรรมดาที่โดนเรียกเลยนะครับ ไม่ไหวแล้วครับ มันดีต่อใจเกินไป สีหน้าที่ดูสุขสมของเอลยิ่งมองก็ยิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้น ให้ตายเถะครับ ผมไม่คิดว่าผู้ชายด้วยกันจะเซ็กซี่ได้ขนาดนี้

“อ๊ะ เอล เอล” ไม่มีอะไรที่หลงเหลือในความคิดแล้วครับ ทุกอย่างกลายเป็นขาวโพลนไปหมด เอลกระชับมือกับของผมและเจ้าตัวยิ่งขึ้นพร้อมเร่งมือ จนความหน่วงที่ท้องน้อยจะมากขึ้น และสุดท้าย ผมไปก่อนเอลครับ อ่า ไปก่อนสักพักด้วยครับ

“อ่า เพื่อน”ครับเสียงของเอลนั่นแหละครับที่เรียกชื่อผมพร้อมปล่อยออกมาเต็มหน้าท้องผมไปหมด ก่อนที่จะล้มมานอนข้างๆผม หอบหายใจพอสมควร ขนาดเหนื่อยยังดูดีอีก คนอะไรดีไปทุกอย่างจริงๆ

“มองแบบนี้ อีกรอบไหมครับ” ผมส่ายหน้าหวือทันที เหนื่อยครับ ไม่ไหวแล้ว นี่ผมหอบจนลิ้นห้อยเป็นสุนัขแล้วนะครับ ขอความเห็นใจให้คนที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ด้วยครับ

“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วหรอครับ เด็กขี้บ่น” เหนื่อยสิครับ ใครจะไปแรงดีแบบคุณละครับพ่อคนเก่ง ยังจะมาว่าผมขี้บ่นอีกหรอครับ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ

“ไปล้างตัวแล้วมานอนพักกันก่อน แล้วค่อยลงไปข้างล่างช่วงเย็น” เอลจูงมือผมไปที่อ่างอาบน้ำแล้วเปิดน้ำจนเต็มดันให้ผมลงไปนั่งแช่ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามานั่งซ้อนหลังผมอีกที

“ฉันดีใจที่เธอก็ชอบฉันและยอมให้ทำเรื่องแบบนั้นด้วย ถึงจะไม่ถึงขั้นสุดท้ายก็เถอะ แต่ฉันจะรอวันที่เราจะทำแบบนั้นกันนะ” หื่นได้หื่นดีจริงๆครับ นี่ถ้าไม่ใช่เอลแล้วมาพูดจาแบบนี้ผมแจ้งตำรวจจับไปแล้วนะครับ

“เอล หื่น” ผมหันไปเถียงเอลก่อนจะเริ่มถูตัว

“ก็หื่นแค่กับแฟนนี่ครับ”

“เอล ใคร แฟน”

“ก็เด็กขี้บ่นคนนี้ไงครับ เป็นแฟนกันนะเพื่อน คบกันไปเรื่อยๆจนกว่าเพื่อนจะตกหลุมรักฉัน ฉันจะทำให้เพื่อนยอมรับว่ารักฉัน” เอลบอกด้วยน้ำเสียงที่มีความมั่นใจ ผมก็ทำได้แต่พยักหน้าตอบรับเลยได้รับการหอมแก้มเป็นรางวัลแทน เอลบอกแบบนั้นนะ

   หลังจากที่ออกจากห้องน้ำ เราก็แต่งตัวแล้วนอนพักจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เอลก็ปลุกผมให้ตื่นไปล้างหน้าเพื่อลงไปข้างล่าง ดูเหมือนเพื่อนของเอลจะมากันแล้ว

“ไงเพื่อนยาก รอบนี้หายไปนานเลยนะ” ผู้ชายตัวสูงไล่เลี่ยกับเอลแต่ผมสีแดงที่ผ่านการย้อมมาทักทายเอลทันทีที่เอลก้าวขาเข้าไปที่ห้องรับแขกด้วยภาษาท้องถิ่น เอลทำแค่พยักหน้าก่อนที่จะพาผมเดินไปนั่งข้างๆผู้ชายผมทองที่มองมาที่ผมตั้งแต่เริ่มเข้ามาในห้อง ก่อนจะส่งยิ้มทักทายโดยที่ผมทำได้แค่ก้มหัวทักทายตอบแค่นั้นเพราะเอลโอบเอวผมให้มานั่งติดกับเจ้าตัวที่โซฟาเดี่ยวขนาดใหญ่พอสมควร ถัดจากผู้ชายผมทองก็ผู้ชายผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่โซฟายาวตัวเดียวกันแต่นั่งคนละมุม ต่างจากผู้ชายผมแดงที่ทักเอลคนแรกที่นั่งโซฟาเดียวเหมือนผมกับเอล ภายในห้องไม่มีคนชุดดำแบบที่บ้านที่เมืองไทยเพราะจะอยู่บริเวณรอบๆห้องด้านนอกแทนจนดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น

“สวัสดีหนุ่มน้อย เธอเป็นใครกัน ทำไมถึงมากับเอลหรอ”ชายผมน้ำตาลทักผมด้วยภาษาสากลซึ่งผมคิดว่าพวกเขาเป็นคนอิตาลีแต่ผมที่มองก็รู้ว่าเป็นคนเอเชียคงใช้ภาษาสากลง่ายต่อการสื่อสารมากกว่า

“ผม พูด อิตาลี ได้” ผมพยายามบอกพวกเขาว่าสามารถใช้ภาษาของพวกเขาได้ตามสบาย เอลหันมามองที่ผมก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ อะไรอีกละครับคุณ ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะครับว่าผมพูดได้หลายภาษา

“ทำไมตอนแรกถึงไม่ยอมตอบอะไรที่ฉันพูดกับเธอ”นั่นไงครับ หาเรื่องมาแกล้งผมจนได้ แล้วจำเป็นไหมครับที่ยื่นหน้ามาใกล้ขนาดนี่กัน ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมายังแกล้งผมไม่พออีกหรอครับ พอนึกถึงเรื่องเมื่อบ่ายก็ทำให้หน้าร้อนขึ้นจนต้องเอามือดันหน้าเอลที่อยู่ใกล้ออก

“เอล แกล้ง”ผมรีบว่าเอลทันทีด้วยภาษาอิตาลีเพื่อให้เพื่อนๆของเอลรู้ว่าเอลนิสัยไม่ดีแกล้งผม

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วครับ เดี๋ยวเด็กขี้บ่นคนนี้จะงอน”ยังจะมาหัวเราะอีก ผมทุบไปที่ขาอีกคนด้วยแรงที่ไม่มากจนเกินไป

“โอเค เลิกสวีทกันแล้วหันมาสนใจพวกเราที่เป็นเพื่อนนายบ้างเอล” ชายผมแดงคนเดิมพูดขัดเอลที่กำลังจะแกล้งผมต่อ แต่ที่ผมสงสัยคือทั้งสามคนจ้องมาที่ผมจนผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้วนะครับ

“เลิกมอง ถามมาได้แล้ว”เอลว่าเพื่อนของเขาไม่จริงจังนักก่อนจะถามเพื่อนตามนิสัยของเขาที่ไม่ค่อยพูดจนเรียกว่าเงียบจนโดนเรียกว่าเย็นชากับคนรอบข้าง ยกเว้นผมนะครับ เพราะเวลาคุยกัน เอลพูดมากเสมอ แถมยังชอบดุด้วย

“เด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกฉันตอนนี้ คือใคร”

“เมียกู” แปะ ด้วยความตกใจที่เอลพูดคำหยาบแถมยังเรียกผมว่าเมียเลยเผลอตบปากเอลทันที เพื่อนเอลพากันหัวเราะทันที ส่วนเอลหรอครับยังนั่งอึ้งตกใจเหมือนเดิม

“เอล หยาบ แฟนพอ”ถึงจะเขินเวลาที่บอกว่าเราเป็นแฟนกันแต่มันก็ยังดีกับใจผมมากกว่าบอกใครๆว่าผมเป็น เอ่อ มะ เมียของเอล ละนะ

“กล้าตบปากฉันหรอ หืม ชักจะดื้อแล้วนะเจ้าเด็กขี้บ่น หืม”เอลจัดการลงโทษที่ผมไปทำร้ายร่างกายด้วยการจับผมฟัดต่อหน้าเพื่อนจนแก้มแทบช้ำ

“พอๆ พวกกูจะเริ่มเอียนเป็นครีมซอสละ มาคุยกันสักทีเถอะ”ผู้ชายผมสีทองที่ตอนนี้ก็ยังคงมองมาที่ผมไม่เลิกขัดเอล

“ชื่อเพื่อน สถานะตอนนี้ก็แฟนกู”เอลตอบก่อนจะหันมามองที่ผม ผมก็เลยพยักหน้าให้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนผู้ชายคุยกันแบบนี้ แต่ที่ผมตกใจเมื่อกี้เพราะเอลไม่เคยพูดคำหยาบ ออ ยกเว้นเรื่องตอนนั้นละนะแต่เพราะผมคิดว่าเอลโกรธด้วยเลยตัดออกไป

“ยินดีต้อนรับ เพื่อนสะใภ้ ฉันชื่อดัลเต้ ดัลเต้แห่งเฟอร์นาส”ชายผมแดงแนะนำตัวเองกับผม จะว่าไปที่นี่เอลเคยบอกว่าเพื่อนของเขาก็เป็นมาเฟียเหมือนกันแต่เอลทำงานค้าอาวุธกับคาสิโนเท่านั้นไม่ได้ทำธุรกิจอื่นเหมือนแฟมิลี่คนอื่น ถ้าจำไม่ผิดแฟมิลี่ของเอลก็มีเอลกับเพื่อนอีกสามคนเท่านั้นเพราะเป็นตระกูลเก่าแก่ ตระกูลเอลเป็นของพ่อบุญธรรมตามที่เอลเล่าให้ฟัง บางทีก็สงสัยว่าจะเรียกยากซับซ้อนกันไปทำไม จริงไหมครับ

“ฉันริโอ ริโอ วานอส”จากตระกูลวานอสนี่เอง งั้นคนที่ผมทองก็

“ฉันคามัวร์ ฟรอย” ตระกูลฟรอยนั่นเอง สี่ตระกูลเสาหลักของวงการมาเฟียที่เก่าแก่ของอิตาลี เหมือนที่อ่านตามนิยายเลยครับ ดูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้มานั่งคุยกับผู้นำตระกูลรุ่นใหม่แบบนี้ ผมตายตาหลับแล้วครับ

“คิดอะไรแปลกๆอยู่สินะ”

“เอล” ทำไมเอลชอบที่จะมาขัดความคิดของผมจัง เคืองแล้วนะ ผมส่งสายตากดดันไปแทนที่เอลจะกลัวกลับเอามือมาจับหัวผมโยกอีก

“เพื่อนมีปัญหาด้านการสื่อสารเป็นประโยคยาวๆ เลยพูดเป็นคำๆแทน เข้าใจกันนะ”

“ไม่มีปัญหา ว่าแต่นายไม่ธรรมดาสินะ” คามัวร์ตอบเอลก่อนที่จะหันมาที่ผม จะว่าไปหน้าของคามัวร์ก็คุ้นๆเหมือนผมจะเคยเห็นที่ไหน แต่มันดูนานจนผมไม่อยากจะจำ เพราะถ้ามันนานแปลว่าต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตของผม

“คุณ เรา รู้จัก” ผมมองไปที่คามัวร์เพื่อกดดันเบาๆให้ยอมตอบข้อสงสัยของผม แม้ว่ามันอาจจะไม่สะเทือนผิวหนังหมอนั่นก็เถอะ

“คิดว่านะ เพราะฉันคุ้นหน้าเธอพอสมควร เธอเคยทำงานในศูนย์วิจัยมหาลัยที่สหรัฐใช่ไหม” ตอนที่ผมเรียนผมทำงานที่ศูนย์วิจัยเพาะพันธุ์เนื้อเยื่อของพืชและสัตว์เพื่อต่อยอดงานวิจัยด้านการโคลนนิ่งของทางสถาบันเพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าเทอมและค่ายังชีพในต่างแดน การที่คามัวร์พูดแบบนี้ ผมว่าเริ่มน่าสนใจแล้วครับ

“ครับ ช่วง มหาลัย วิจัย พืช สัตว์ โคลนนิ่ง” ความเงียบเกิดขึ้นช่วงขณะหลังจากที่ผมพูดจบ ทั้งสี่คนหันมามองที่ผมทันที เอลที่รู้ว่าผมเรียนจบปริญญาเอกแต่ไม่รู้ว่าด้านไหนเลยสนใจเมื่อผมพูดถึงช่วงชีวิตวัยเด็กของผม

“นายเป็นนักวิจัยเด็กคนนั้นที่ออกจากศูนย์ไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วใช่ไหม”

“ครับ ผมกลับ ไทย” เมื่อถามมาผมก็ตอบ เพราะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของเอล แม้ว่าคนที่ถามครั้งนี้จะเป็นริโอก็ตาม

“นายรู้ไหมว่าเพราะอะไรนักวิจัยที่ทำงานกับนายทุกคนถึงหายสาบสูญกันหมดจนศูนย์ถูกปิดตัวไป หลังจากที่นายออกไปไม่ถึงปี” หลังจากจบคำถามที่ผมกลัวก็มีแต่ความเงียบที่ตามมา ทุกคนหายไปเหลือแค่ผมที่ยังอยู่ อาจจะเป็นเพราะผมออกมาก่อน หรือเพราะคิดว่าผมเป็นเด็กเลยไม่สนใจ หรือเพราะผมออกมาแล้วเลยไม่จำเป็นต้องตามหาก็ได้ เพราะที่ศูนย์วิจัยที่ไทยที่ผมเคยทำงานเป็นเรื่องการวิจัยเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ ไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงกัน มีเพียงแค่ทุกคนในศูนย์รู้ว่าผมจบมาจากที่ไหนและเป็นอัจฉริยะแค่นั้นเอง

“ทุกคน ไม่หาย แต่”ผมที่นั่งก้มหน้าเงยหน้ามามองทั้งสี่คนเพื่อตอบคำถามที่ผมกลัวการตอบมากที่สุด “ทุกคน โดน เก็บ ทุกคน ตาย หมด” จบคำพูดผม ทั้งสี่ชีวิตได้แต่นั่งนิ่งไป เอลขยับเข้ามาปลอบผมที่มือสั่น เพราะคิดว่าผมคงเศร้าใจที่เพื่อนร่วมงานเสียชีวิตแต่ผมกลับเป็นคนเดียวที่เหลือรอด

“ฉันเสียใจที่ถามแบบนั้น นายคงเศร้า เอาเป็นว่า”

“ทำไม ถึงถาม ทำไม ถึงสงสัย ทำไม ถึงค้นหา ทำไม”ผมพูดขัดดัลเต้พร้อมถามออกมาแล้วมองหน้าทุกคน “ทำไม ถึงเจ็บปวด” สิ้นเสียงแววตาทุกคนที่มองมาต่างตกใจก่อนจะเบือนหน้าหนีผมไปคนละทางรวมถึงเอล พวกเขาเป็นคนที่นี่ อิตาลี ส่วนที่พูดถึงคือสหรัฐแล้วเพื่อนร่วมงานเก่าของผมก็เป็นคนสหรัฐทุกคน ทำไมต้องทำหน้าเหมือนสูญเสียอะไรไปแบบนั้น ผมนั่งรอคำตอบอย่างไม่เร่งรีบและคนที่หันกลับมาสบตาผมคนแรกก็คือเอล แต่ดัลเต้เป็นคนที่ตอบคำถามผมเช่นเคย

“ฉัน ไม่สิ พวกฉันทั้งสี่คน เคยไปที่นั่น เคยร่วมงานในหลายๆเรื่องรวมทั้งมอบทุนสนับสนุนงานวิจัยชิ้นสุดท้ายเรื่องการโคลนนิ่งสัตว์ เราหวังว่ามันจะสำเร็จ แต่กลับเป็นว่าทุกคนที่รู้เรื่องหายไปหมด ทั้งยังไม่มีผลการทดลองที่บ่งบอกว่าสำเร็จ”ผมที่มองหน้าดัลเต้ตลอดเวลาที่เล่า มันต้องมีมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ผมการทดลองไม่สำเร็จ

“มันก็แค่นั้น”คามัวร์เป็นคนที่ตัดจบเพื่อยุติการพูดคุยเรื่องนี้

“ความเจ็บปวด ไม่ใช่ผล แต่เป็นคน ถูกไหม”คามัวร์เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนแล้วมองมาที่ผมอย่างไม่คิดว่าผมจะรับรู้ถึงสิ่งที่ทุกคนปิดบัง ถ้าผมคาดการณ์จากคำถามและภาพในอดีตที่ถูกย้อนกลับมาในความทรงจำอีกครั้งไม่ผิดพลาดอะไร คนที่พวกเขาต้องการรับรู้ว่ายังมีชีวิตรอดหรือไม่ต่างหากที่พวกเขาต้องการคำตอบจากผม

“นาย เกี่ยวข้องกับเรื่องครั้งนั้นยังไงกันแน่ นายออกจากที่นั่นก่อนเกินเหตุการณ์นั้นเกือบปี พวกฉันดีใจที่รู้ว่ายังมีคนเหลือรอดจากที่นั่นแต่ โธ่เว้ย ขอร้อง ช่วยบอกพวกฉันทีว่าสิ่งที่นายรู้คืออะไร”คามัวร์ทรุดตัวลงนั่งปิดหน้าเหมือนคนอับจนหนทาง

“เพื่อนครับ ถือว่าฉันขอ บอกพวกฉันเรื่องที่เพื่อนรู้ได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร พวกฉันทำใจกันมาหลายปีพอสมควร” ผมได้แต่มองหน้าเอลสลับกับทุกคนก่อนที่จะนึกถึงคำพูดที่สามารถสื่อสารแล้วเข้าใจมากที่สุด จริงสิ ผมลืมเจ้าเครื่องสื่อสารได้ยังไงกัน

“เอล เครื่อง เล่า ห้อง” ผมที่กำลังจะลุกเพราะถือว่าขอเอลก่อนที่จะเตรียมวิ่งขึ้นไปเอา แต่เอลกลับยื่นมันมาให้ผม “ขอบคุณ”ผมไม่คิดว่าเอลจะเตรียมพร้อมให้ผมขนาดนี้ ถึงจะมีแต่เรื่องเครียดๆ แต่การกระทำของเอลก็ทำให้ผมอุ่นใจกับความน่ารักของเอล แม้ว่าอาการเขินของผมจะไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่ละนะ


TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #12 เมื่อ11-05-2018 15:06:37 »

#8
   ผมจัดการเปิดเครื่องก่อนจะเปิดโปรแกรมเร่งเสียงให้ดังขึ้นพอที่จะได้ยินกันชัดเจนเวลาที่ผมพิมพ์เพื่อสื่อสาร
“ก่อนที่ผมจะออกจากสถาบันวิจัยประมาณหนึ่งเดือน พวกเราทั้งสิบชีวิตทำการทดลองงานวิจัยครั้งสุดท้ายเรื่องการโคลนนิ่งพืชสำเร็จ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองกริยาของแต่ละคนโดยเฉพาะคามัวร์ที่นั่งหลับตาฟังอย่างสนใจที่สุด ผมว่าคนที่ยึดติดกับเรื่องครั้งนี้คงเป็นคามัวร์มากที่สุดเพราะเอลแค่นั่งฟังแล้วคอยมองหน้าผมส่งสายตาให้กำลังใจมาตลอดเพราะคิดว่าผมคงจะลำบากใจที่จะต้องเล่าเรื่องที่ไม่ต้องการ “แต่การโคลนนิ่งสัตว์กลับทำได้เพียงแค่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแต่ก็ถือว่ามากพอสมควรที่จะเอาไปต่อยอด และเรื่องที่เราทำสำเร็จกลับโดนทางสถาบันสั่งให้ปิดเป็นความลับห้ามเผยแพร่ก่อนที่จะสำเร็จทั้งหมด เพราะเป็นสัญญาลับของทางสถาบันกับใครบางกลุ่มที่พวกผมไม่สนใจเพราะไม่เกี่ยวข้องกับงานของพวกเรา แต่กลับมีใครบางคนในกลุ่มที่ไม่รักษาสัญญาเอาความลับไปบอกอีกฝ่ายที่พวกเราคิดแบบนั้น ทางสถาบันจึงเริ่มทำการตรวจสอบ ทุกคนโดนสอบสวนแต่ยกเว้นผมเพราะเพื่อนร่วงงานวิจัยที่ผมสนิทด้วยที่สุดคอยช่วยเหลือ เธอเป็นคนที่ดีกับผมมาก หลังจากเรื่องครั้งนั้น เหตุการณ์กลับเริ่มแย่ลง มีการบุกเข้ามาค้นห้องทำงานเพื่อหาข้อมูลเวลาที่พวกเราพักจนวุ่นวายทางสถาบันก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่ผมต้องบินกลับไทย เรื่องราวร้ายๆก็เกิดขึ้นตามมา”

“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าทุกคนไม่ได้หายแต่โดนสั่งเก็บ ในเมื่อนายออกจากที่นั่นมาเกือบปี” ยังคงเป็นดัลเต้ที่ถามเพราะคนอื่นเหมือนจมอยู่ในห้วงความคิดและหนักสุดคงเป็นคามัวร์ที่แสดงสีหน้าเจ็บปวด มือที่กำแน่นจนเส้นเลือดเด่นออกมาให้เห็นชัดเจน ริโอมีความเสียใจที่สีหน้าแต่ไม่มากเท่าไหร่จนเห็นชัดแต่รู้ว่าเสียใจมากพอสมควร เอลที่นั่งนิ่งยิ้มบางมาให้ผมแม้แววตาจะฉายประกายความโศกเศร้าเช่นกัน

“ผมเรียนจบจากที่นั่นตอนอายุสิบหกปีพร้อมออกจากสถาบัน ผมเข้าทำงานที่สถาบันวิจัยด้านเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ตอนอายุสิบแปดปีหลังจากนั้นสองปีผมก็ออกมาทำงานที่ผับก่อนจะมาเจอเอล”

“เธอเรียนจบตอนอายุสิบหกออกจากที่นั่นตอนอายุสิบหก ทำงานที่ศูนย์วิจัยไทยตอนสิบแปด ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องเกิดหลังจากที่เธอออกมาเกือบปีแต่ถ้านับก็ไม่ถึงห้าเดือนถ้านับจริงๆ ช่วงเวลาที่หายไปเป็นปีพร้อมกับเรื่องที่เกิด เธอ ไปอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรมา เธอเป็นใครกันแน่เพื่อน”ริโอก็ยังคงเป็นคนที่เข้าใจได้รวดเร็วตามที่รู้ข้อมูลมาเขาเข้าใจและรู้ว่าผมต้องการสื่อถึงอะไร เอลที่รู้ประวัติผมมาคร่าวๆก็พยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกัน แววตาของคามัวร์สบมาที่ผมแบบมีประกายความหวังถึงจะไม่รู้ว่าเขาหวังอะไรจากผม

“หลังจากที่ผมออกจากสถาบันนั่นก็ไม่ได้กลับไทยทันที ผมยังวนเวียนเพื่อนดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่น จนวันที่ห้องวิจัยเปลี่ยนเป็นสีเลือดนั่นแหละ เราได้รู้ความจริงว่าใครที่ทรยศพวกเราก็เป็นตอนที่มันเข้ามาฆ่าทุกคนริชาร์ดคือคนร้าย เขาเป็นหัวหน้าพวกเราเขาสารภาพกับผมว่าเป็นคนที่ทางสถาบันติดต่อด้วยตลอดมา เขาเป็นคนในกลุ่มที่ทางสถาบันบอกว่าให้ปิดข้อมูลเรื่องการทดลองไว้เพราะทางสถาบันร่วมมือกับพวกของริชาร์ดเพื่อผลประโยชน์เรื่องข้อมูล และการที่ผมโดนไล่ออกมาเพราะคิดว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรและไม่สามารถทำการวิจัยอะไรต่อได้ พวกเขามองว่าผมไร้ค่าเกินไป ซึ่งก็ดีที่คิดแบบนั่นเพราะมันทำให้ผมรอดออกมา ทางสถาบันร่วมมือกับริชาร์ดแต่งเรื่องเพื่อหาแพะรับบาปแทนตัวเองก่อนจะมีคำสั่งเก็บทุกคนที่รู้เรื่อง ผมที่แอบเข้าไปซ่อนอยู่ที่นั่นเห็นเพื่อนร่วมงานโดนเก็บไปทีละคนจนเหลือแค่ริชาร์ดกับเพื่อนคนสำคัญของผม เธอสะบักสะบอมพอสมควรเธอเข้มแข็งมากทำบาดแผลที่โดนยิงโดนฟันจนแขนที่หลุดออกมาร่างกายของเธอมีหลายสวนที่ขาดหายไป และเธอก็ล้มลงตรงหน้าของผมแต่แค่สลบไป ถ้าผมจะช่วยเธอสิ่งที่จะทำได้ก็ต้องทำให้ฝ่ายที่ไล่ล่าหายไปให้หมดก่อน แต่ผมเป็นแค่เด็กคนเดียวกับฝ่ายตรงข้ามที่มีมากกว่าสามสิบคน”

“เธอคนนั้น ชื่ออะไรกัน” คามัวร์ที่สนใจที่มีคนรอดถามผมขัดออกมาตอนที่กำลังจะพิมพ์ต่อ

“แอนนา เธอชื่อแอนนา โครว เป็นชาวสหรัฐ” ผมจ้องใบที่หน้าของคามัวร์เพื่อย้ำว่าเธอเป็นใคร พวกเขาต่างพากันหลบสายตาไปอีกทางยกเว้นเอลที่ไม่ได้หลบไปแต่ก็แสดงออกว่าผิดหวังเหมือนทุกคน เธอคงจะเป็นคนสำคัญของพวกเขาสินะ แต่ว่าเป็นใครกันนะ “อย่างที่ทุกคนรู้ไม่นานที่นั่นก็ถูกระเบิดทุกคนหายสาบสูญ ไม่เหลือร่องรอยให้ติดตาม”

“แล้วเธอออกมาได้ยังไง มันดูเหมือนมีอะไรที่ขาดหายไปจากเรื่องที่เธอเล่ามา เธอกำลังปิดบังอะไรกับเรา” ดัลเต้จ้องกดดันผมจนผมต้องเบียดเอล

“ดัลเต้ เพื่อนเป็นคนของกู อย่าเอาอารมณ์ของมึงมาลงที่เพื่อน พวกมึงรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่ได้ยินยังเป็นขนาดนี้ แล้วเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่เสียใจมากกว่าพวกเรารึไง” เอลลูบหัวผมแล้วดุเพื่อนตัวเอง สุดยอดครับเอลดุได้ทุกคนจริงๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลา เอาละกลับมาเข้าเรื่องกันต่อ

“ขอโทษที ฉันไม่ได้ทำให้เธอกลัวใช่ไหม”

“ไม่ครับ ไม่เป็น ไร” ผมกลับมาตั้งใจเล่าเรื่องต่อ “ก่อนที่ผมจะเล่าให้พวกคุณฟังเรื่องที่ไม่มีใครรู้ ผมขอถามพวกคุณได้ไหมครับ ว่าเพราะอะไรที่ต้องการรู้เรื่องที่เกิดขึ้น และเพราะอะไรพวกคุณถึงถามหาเธอคนนั้นของพวกคุณ”

“เธอคนนั้นที่พวกเราคิดอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ได้แต่พวกฉันคิดว่าว่าเธอยังอยู่และเป็นหนึ่งในคนที่เสียชีวิต แต่เราหาร่างเธอไม่เจอตามที่ข่าวบอกว่าหายสาบสูญกันหมด แต่พอรู้ว่าทุกคนตายจริงๆก็แค่อยากจะรู้ว่าเธอคนนั้นจากพวกเราไปแล้วจริงๆ”ริโอบอกกับผมแม้ว่าจะใช้น้ำเสียงที่ฝืนนิ่งแค่ไหนผมก็พอจับกระแสความเสียใจได้อยู่ดี

“เธอคนนั้นเคยเป็นคนที่ดูแลพวกฉันตอนที่ต้องไปฝึกที่ค่ายผู้นำของตระกูลเก่าที่จัดเตรียมไว้ทดสอบพวกฉันตอนเด็ก พวกฉันสนิทกับเธอจนคิดว่าเธอคล้ายกับแม่ของพวกฉันอีกคน หลังจากจบการฝึกเธอก็หายไป พวกฉันตามสืบจนรู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยที่สหรัฐ พวกฉันเลยสนับสนุนเรื่องงานวิจัยสุดท้ายนั่นพอดี แล้วเราก็ไม่เจอเธออีกเลย” คามัวร์บอกเหตุผลที่ว่าทำไมเธอคนนั้นถึงสำคัญกับพวกเขา ผมไม่รู้ว่าครอบครัวของพวกเขาเป็นยังไงเพราะผมพึ่งจะมาอาศัยอยู่กับเอลได้ไม่นานเลยไม่กล้าถามเรื่องส่วนตัวพวกนั้นจนเกินไป บอกเลยนะครับเพื่อนไม่ชอบเผือกนะเออ

“เธอชื่อ ริท ริธาเนีย ฟามัส พวกฉันรู้ว่าเธออยู่ที่สถาบันเดียวกับเธอเด็กน้อยแต่กับมีชื่อปรากฏในสถาบัน พวกฉันเคยเห็นริทที่นั่น แต่ไม่เคยเจออีกนออกจากครั้งนั้นครั้งเดียว”เอลโอบเอวผมเอาไว้ก่อนจะพูดชื่อเธอคนนั้นออกมา ผมที่ได้ยินหยุดชะงักนิ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความยินดี ดีใจจริงๆที่ผมเชื่อในความคิดตัวเองที่ลงมือครั้งนั้น ผมไม่ได้ช่วยแค่หนึ่งชีวิตแต่กลับช่วยพวกเอลด้วยโดยไม่รู้ตัว

“เอล ผม ฮึก”น้ำตาผมไหลออกมา มันตื่นเต้นจนขนลุกไปหมด

“ร้องไห้ทำไมครับ ไหนเป็นอะไรบอกฉันมา” เอลก็ยังคงเป็นเอล เขาอ่อนโยนกับผมเสมอไม่ว่าจะตอนไหน ผมหยุดร้องไห้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับทุกคน และเริ่มเล่าเรื่องต่อ ผมยินดีที่จะบอกความลับของผมให้พวกเขารู้อีกอย่างหลังจากเรื่องอัจฉริยะที่พวกเขารู้ ความลับที่ผมไม่อยากพูดให้ใครฟังตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ “ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้นะครับ ผมขอร้อง และอย่าสงสัยในตัวผมหลังจากฟังแล้ว ผมขอแค่นี้” ผมมองหน้าพวกเขาที่ลังเลแต่ก็พยักหน้าตกลง เอลกระชับวงแขนเพื่อนบอกว่าเขาไม่ได้สงสัยอะไรผมเช่นกัน “ทันทีที่แอนนา เพื่อนคนสำคัญของผมล้มลง ผมก็ออกไปเผชิญหน้ากับริชาร์ดที่ดูตกใจที่เห็นผม แต่เพราะผมที่เห็นเรื่องราวทั้งหมดเลยบอกว่าปล่อยผมไปไม่ได้ คนทรยศยังคงพร่ามไปเรื่อยไม่สนว่าผมจะทำอะไรกับมัน เพราะพวกมันทุกคนคิดว่าผมเป็นเด็ก ไร้ค่า ไม่มีผลต่องานของพวกมัน ผมปล่อยให้พวกมันตายใจจนเหลือแค่ริชาร์กับแอนนาที่อยู่ภายในห้องเดียวกับผม คนทรยศก็ยังคงพูดไปเรื่อยๆ แต่ก็แค่นั้นเพราะไม่ทันที่มันจะพูดจบก็ล้มลงไปตายทันที จุดตายนะครับ ผมปาดคอมันทีเดียว ตามจริงก็อยากจะให้มันทรมานเหมือนกับที่มันหักหลังพวกเราก็ตาม”  เอลหันมามองผมทันที คามัวร์สบตากับผมดวงตาเป็นประกายที่น่าขนลุกจนเอลต้องส่งเสียงเรียกสติคามัวร์ก่อนจะกระชับอ้อมแขนมากขึ้น ถึงจะอึดอัดแต่ผมชอบอ้อมกอดเอลนะ อุ่นดี

“นายน่าสนใจมากเด็กน้อย ไม่ผิดจากที่คามัวร์บอก นายไม่ธรรมดา ดีใจแทนไอ้เอลที่ได้เมียดี”

“หวา ไม่ เมีย ครับ” ผมรีบแก้ตัวทันที่ที่ได้ยินริโอแซวแบบนั้น ไม่ครับถึงแม้เมื่อช่วงบ่ายจะเกือบได้เป็นแล้วก็เถอะ ให้ตายสิคิดเรื่องช่วงบ่ายทีไรหน้าร้อนทุกทีเลยครับ งื้ออออออ

“น่ารักว่ะ” ดัลเต้ที่มองมาที่ผมเลยทำให้ผมรีบซุกเข้าไปกอดเอลหาที่หลบภัยทางสายตาทันที ทำไมมันกลายเป็นรุมแกล้งผมแทนละครับ ไหมกันบรรยากาศอึมครึมเมื่อกี้ละครับ เพื่อนไม่เข้าใจ

“เอาละๆ เดี๋ยวเด็กขี้บ่นจะสุกไปก่อน มาครับเพื่อน มาเล่าเรื่องกันให้จบก่อนเร็วครับ เด็กดี” ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบละนะ ดีจริง

“หลังจากที่เก็บริชาร์ดได้ผมก็จัดการพาร่างของแอนนาหลบออกมาก่อนจะย้อนไปเก็บพวกที่เหลือ แต่เพราะตอนนั้นผมยังเด็กเลยทำให้แค่พวกนั้นสลบจนหมด ผมเลยวางระเบิดที่นั่นแทน ผมจัดการเผาเอกสารที่เกี่ยวกับการทดลองทั้งหมด แล้วขโมยอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมาแล้วพาร่างแอนนาหลบออกมาจนถึงตึกร้างที่ผมซ่อนตัวตอนออกจากที่นั่น ผมใช้เวลาเกือบครึ่งปีจนอาการของแอนนาดีขึ้น เธอสามารถพูดคุยตอบโต้กับผมได้จนเธอหายดี เราแยกจากกันแต่ยังติดต่อกัน เราไม่ต้องการให้ใครใช้เราเพื่อตามหากันเลยใช้การติดต่อแบบลับๆไม่เคยเจอกันอีกเลย”

“ตอนนี้เธอก็ยังติดต่อกับคนที่ชื่อแอนนาอยู่หรอ”

“เอล ไม่ หึง นะ”

“แฟนทั้งคนนะเพื่อน จะให้ดีใจหรอ”

“กูว่ามึงเปลี่ยนไปจริงๆนั่นแหละเอล”ขนาดริโอยังว่าเอลคิดดูเอานะครับ อะไรกัน นั่นเพื่อนที่มีพระคุณของผมเชียวนะ เราต้องรักกันมากสิครับ เอลนี่ไม่เข้าใจเลย

“ไม่ต้องมาบ่นฉันเลยนะเด็กขี้บ่น แล้วตกลงกับคนชื่อแอนนานี่ยังไง”

“แอนนาเป็นคนสำคัญของผมครับ เธอเป็นเพื่อน เป็นพี่สาว เป็นคุณแม่ เป็นครู เป็นหลายๆอย่าง ผมสนิทกับเธอมาก เพราะเธอดูเลยผมอย่างดี เธอชอบที่จะดูแลเด็ก เธอเคยเล่าว่าเธอเคยดูแลเด็กมาก่อน แต่ก็นานมาแล้วจนมาเจอกับผมที่อายุไกลเคียงกับเด็กที่เธอเคยดูแลเธอเลยรักผมมากเหมือนกัน” ผมที่นึกถึงเธอก็ทำได้แต่ยิ้มกับสิ่งที่เป็นภาพความทรงจำที่นั่น จนรู้สึกตัว ตอนที่หันมามองพวกเขาที่ยิ้มเหมือนตกอยู่ในภวังค์ตัวเอง “ผมจะติดต่อเธอให้ไหมครับ ผมคิดว่าพวกคุณต้องอยากรู้จักกับเธอ” เอลหันมามองที่ผมเหมือนลังเล

“ฉันยินดี เธอช่วยรีบติดต่อแอนนาของเธอให้ที เพราะคำพูดเธอมันทำให้ฉันคิดว่าเธอมีอะไรมากกว่านี้จะบอกพวกเรา” คามัวร์ยังคงเป็นคามัวรที่มองว่าผมไม่ธรรมดาก็ยังมองแบบเดิม

ผมปิดโปรแกรมเดิมก่อนจะเปิดข้อมูลติดต่อที่ใช้กับแอนนามาแทน ผมขยับถอยห่างจากเอลที่มองมาอย่างสงสัยการกระทำแต่ก็ปล่อยผมให้ลุกออกมายืนห่างๆแทน พวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงที่ผมใช้ติดต่อกับแอนนาเพราะเป็นโปรแกรมการสนทนาผ่านการพิมพ์แบบเห็นหน้าและผมว่าจะเซอร์ไพรส์พวกเขา

‘ดีใจที่เธอติดต่อมาเด็กน้อยที่น่ารักของฉัน’

‘ผมก็ดีใจเหมือนกันที่คุณยังคงรอรับสายผมเหมือนเดิม แอนนาวันนี้ผมมีคนจะมาให้คุณได้รู้จักด้วยนะครับ’

‘ใครกันนะที่เด็กน้อยของฉันดูตื่นเต้นที่จะแนะนำแบบนี้’

‘อย่าตกใจที่เห็นนะครับ ผมรักคุณนะครับแอนนา อย่าคิดว่าที่ผมทำเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณนะครับ ผมหวังดีจริงๆ’

‘ฉันเชื่อในการกระทำของเธอเพื่อน เอาละไหนคนที่อยากให้ฉันเจอ’
ผมเปลี่ยนการพิมพ์เป็นสนทนาธรรมดาเพราะคนที่จะคุยต่อไปเป็นแอนนากับพวกเขาไม่ใช่ผม

“ทุกคน เธอ แอนนา โครว ของ ผม แต่ ริธาเนีย ฟามัส ของคุณ”ผมยิ้มกับใบหน้าตกตะลึงของทุกคนก่อนที่จะหันหน้าจอให้พวกเขาเห็นว่าคนที่ผมคุยและช่วยเหลือออกจากที่นั่นมาพร้อมกันคือคนเดียวกับที่วกเขาตามหา ใช่ครับผมรู้ตั้งแต่ที่พวกเขาบอกชื่อแล้ว ผมเคยเจอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับแอนนาและเธอก็บอกกับผมว่าเธอมีชื่อจริงๆว่าริธาเนีย ฟามัส

“พวกนาย”แอนนากำลังร้องไห้ แต่ผมรู้ว่าเป็นน้ำตาแห่งความยินดี

“ริท”เสียงพูดเบาๆของคามัวร์ที่เหมือนจะหลุดพูดมากว่า ทุกคนดูตกใจแต่แฝงด้วยความยินดีที่ได้เห็นหน้าคนสำคัญอีกครั้ง

“มันเป็นความฝันใช่ไหมครับ ริท”

“ไม่ใช่หรอกนะริโอ ฉันยินดีที่ได้พบพวกนายอีกครั้ง โชคชะตาลิขิตให้เรามาเจอกันอีกครั้ง เพราะเธอเลยนะเพื่อน เธอเป็นเทวดาของฉันและพวกเด็กๆ” ผมคิดว่าหลายคนคงสงสัยกับอายุของแอนนา ถึงเธอจะหน้าสวยใสขนาดนี้แต่ก็จะสี่สิบแล้วนะครับ เธอดูแลพวกเอลตอนอายุยี่สิบกว่าและอยู่กับผมตอนสามสิบกว่าๆ ตอนี้ผมยี่สิบสองส่วนเอลน่าจะสามสิบกว่าละนะ ผมไม่เคยถาม ถึงจะเป็นผู้ชายแต่เรื่องอายุผมคิดว่าก็น่าเก็บเป็นความลับอะนะครับ

“ผมอยากเจอคุณมาตลอด เราคิดว่าคุณจะจากเราไปแล้ว เราจะสามารถไปพบกับคุณได้ไหม”

“เราสามารถมาพบกันได้เสมอ ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าที่ฉันเคยอยู่ แล้วจะส่งที่อยู่ไปให้ทีหลัง ถ้าว่างก็แวะมาได้แต่บอกกันก่อนละกันจะเตรียมห้องพักให้” ผมชอบที่จะมอบรอยยิ้มของคนที่ผมรู้สึกดีด้วยแบบนี้ ผมรู้สึกดีที่ทำให้เกิดช่วงเวลาแบบนี้ขึ้นมา มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เราได้พบกันแบบนี้ ผมปล่อยให้พวกเขาคุยกับแอนนาจนเวลาผ่านไปสักพักพวกเขาก็วางสาย ทุกคนดูมีความสุข

จุ๊บ เฮ ผมโดนขโมยจูบจากเอลอีกแล้ว อะไรกันพวกเพื่อนเขาก็ยังมองอยู่นะ

“ขอบคุณกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องที่เล่า ทั้งช่วยริท ทั้งยังทำให้พวกฉันได้เจอกับริทอีกครั้ง และขอบคุณที่ยอมเป็นแฟนกันนะเพื่อน” เขินสิครับรออะไร หน้าผมคงไม่ใช่ส่วนเดียวหรอกที่สุก น่าจะทั้งตัวเลยครับ

“ขอบคุณจริงๆ”ผมโดนเพื่อนของเอลดึงเข้าไปกอดขอบคุณทุกคนจนเริ่มมึนและก็ถูกเอลดึงกลับมานั่งบนตักเหมือนเดิมพร้อมเขม่นมองเพื่อนตัวเอง

“อย่าหวงขนาดนั้นน่าไอ้เอล”ดัลเต้ที่ยิ้มล้อเอล ผมชอบบรรยากาศของเพื่อนแบบนี้นะครับ

“หาแฟนได้ดี”คามัวร์ที่พูดขึ้นมากลางปล้องทำเอาผมเขินรีบซุกหน้าหนีเข้าบ่าเอล บ้าน่า ถึงจะยอมรับว่าคบกับเอลแต่มันก็ยังไม่ชินนะครับที่จะมาโดนเรียกแบบนี้

“เราไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะ หิวแล้วใช่ไหมครับ ฉันว่าฉันได้ยินเสียงท้องเธอร้องนะเด็กขี้บ่น”

“งื้อ” เอลก็อีกคนได้ยินแล้วก็ไม่ต้องมาถามกันตอนนี้ก็ได้ มันน่าอายมากเลยนะ แต่ผมไม่ผิดนะครับก็ข้าวเช้ามันย่อยหมดแล้วไหนจะไม่ได้กินข้าวเที่ยงแถมยังโดนรีดพลังงานเพราะเรื่องเมื่อบ่ายอีก ยิ่งคิดยิ่งเขิน เอลบ้า

“ฮ่าๆๆ” ทุกคนดันมาหัวเราะกับท่าทางผมอีก ฮืออออ ผมโดนรังแก ผมโดนรุมครับ เพื่อนจะไม่ทน เพื่อนจะไม่ทน!!!!

TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #13 เมื่อ12-05-2018 19:21:15 »

#9
   เช้าวันต่อมา เอลกับเพื่อนเขาออกไปทำงานที่บอกกับผมไว้แล้วปล่อยผมให้เดินดูบ้านตามใจชอบ ผมเลยเดินเล่นมันรอบบ้าน บอกแล้วครับเพื่อนคนนี้ไม่นิยมกินเผือก แต่เพื่อนเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนแถมยังชอบสังเกตสิ่งรอบตัวครับ อะไรนะครับใครว่าผมแถ มาตัวๆกับเอลได้เลยครับ มาเลย อะไรนะครับทำไมไม่สู้เอง อ่าว สู้เองก็เจ็บตัวสิครับ หวายยยยยยย

“ขยับให้มันเร็วกว่านี้ แรงกว่านี้อีก”

“แฮก มะ ไม่ไหวแล้วครับ ผมจะหมดแรงแล้ว”

“อะไรกันไม่กี่รอบเอง แรงน้อยไปแล้วนะนายนะ”

“ไม่ไหวแล้วครับ ผมไม่ไหวแล้ว แฮก แฮก” สะ เสียงพวกนั้นมันอะไรกันครับ มันดังมาจากประตูทางนั้น หวา ต้องรีบแล้วครับ รีบไปแอบดูยังไงละครับ แหม ไม่ได้หากันดูง่ายๆนะครับคุณ

“คุณเป็นใคร” เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลังผมที่กำลังด้อมๆมองๆไปตามรอยแยกของประตูที่ยังปิดไม่สนิท ทำเอาสะดุ้งที่โดนจับได้ว่าเป็นพวกถ้ำมอง ตายแน่ๆ โดนหาว่ามาสอดแนมแน่เลย ทำไงดี ทำไงดี คิดสิเพื่อน คิดเร็ว ก่อนที่จะได้ไปนอนเล่นใต้ทะเล

“คือ ผม คือ เอ่อ”มันกดดันนะ คิดไม่ออก จะบอกมาเดินเล่น นี่มันบ้านมาเฟียนะครับไม่ใช่สวนสาธารณะทั่วไปนะครับ จะบอกเป็นเพื่อนเอลจะเชื่อกันหรอครับนั่น เมื่อวานก็ยังไม่ได้มีใครเจอผมนอกจากคนที่ไปรับที่เครื่องบิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นอะไรกับเอลนี่ครับ ตาย ตายแน่ๆงานนี้ไอ้เพื่อนเอ้ย

“งั้นตามฉันเข้าไปข้างในห้องฝึกก่อนละกัน ดูท่าจะหลงมาสินะ เด็กใหม่หรอเรา” ห้ะ นี่ผมหน้าตาดูจะเป็นลูกน้องเอลขนาดนั้นเลยหรอครับ หุ่นแบบผมเนี่ยนะ ตายแน่ครับ

“คะ ครับ” ผมที่เดินตามกลุ่มคนที่เดินมาทักเข้าไปในห้องที่ผมได้ยินเสียงแต่มองไม่เห็นข้างใน ตอนนี้ตรงหน้าของผมเป็นห้อง อาต้องเรียกโรงฝึกมากกว่า ทั้งเครื่องออกกำลังกายที่มีแต่คนจับจองที่มุมหนึ่ง ไหนจะห้องกระจกที่น่าจะกันเสียงเพราะด้านในมองผ่านเข้าไปเป็นสนามยิงปืนขนาดย่อม ส่วนข้างนอกมีหลายคนที่จับคู่ฝึกซ้อมต่อสู้อยู่ เพล้ง มีใครได้ยินเสียงอะไรไหมครับ ถูกครับ หน้าผมเอง คิดอกุศลสุดๆ เข้าฝึกซ้อมกันต่างหาก พวกคุณนี่คิดไปเรื่อยนะครับ หู้ววววว

“เด็กใหม่ ฉันจะอธิบายให้ฟังละกัน ที่นี่เป็นที่ฝึกสำหรับพวกเราที่ทำงานให้ท่านลูเซียส เป็นสวัสดิการที่ทำงานกับที่นี่ นายสามารถใช้ได้ทุกอย่าง แต่ห้องซ้อมยิงปืนต้องขออนุญาตเอริคก่อนที่จะเข้านะ แต่ถึงที่นี่จะเป็นที่ที่เราสามารถใช้ได้ตามสบายแต่ต้องมีการลงชื่อทุกครั้งที่จะใช้ในแต่ละโซนเพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามา ทุกคนจะมีบัตรประจำตัวของที่นี่ หมดแล้ว จะทำอะไรก็ตามนั้น”แล้วเจ้าคนที่พาผมมาก็เดินไปคุยกับผู้ชายที่เฝ้าหน้าห้องยิงปืนก่อนจะมองมาที่ผมทั้งคู่ หลายสายตาที่มองมาน่าขนลุกทั้งนั้น มีทั้งสงสัย กดดัน ไม่เว้นแม่แต่สายตาเจ้าชู้ ฮือออออออ นี่ผมหลงมาอยู่ในดงอะไรกันเนี่ย จะขยับตัวไปทางไหนก็มีแต่สายตาที่มองมาตลอด ตายแน่ หมอนั่นบอกทุกคนที่ทำงานที่นี่ต้องมีบัตรประจำตัวทุกคน แล้วผมจะไปหาบัตรมาได้ยังไง ถ้าเกิดเผลอเดินไปมั่วที่นี่ต้องถูกจับได้แน่นอนว่าเป็นคนนอกชัวร์

“เฮ น้องชาย นายมาใหม่หรอ สนใจอยากได้คู่ซ้อมไหมละ”ชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ลานฝึกต่อสู่เดินเข้ามาทักผมที่พยายามเนียนออกจากห้องกลายเป็นเพิ่มความสนใจจนคนอื่นหยุดสิ่งที่ตัวเองทำมามองที่พวกผมกันหมด จะบ้าตาย เกือบจะถึงประตูแล้วนะ ให้ตายสิครับ

“มะ ไม่ละครับ เกรงใจ” ผมถอยหลังออกไปทางประตูเรื่อยๆเหมือนจะเนียนนะครับ แต่ผมรู้มันไม่เนียนเลย รู้ได้ยังไงหรอครับ ก็นายคนที่ชื่อเอริคเดินมาทางผมแล้วนะสิครับ

“ฉันไม่คุ้นหน้านายมาก่อน นายเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม เป็นคนของฝั่งไหนกันแน่ บอกมา!!!” แม่จ๋า เขาตะคอกหนู ฮือออออ เพื่อนตกใจนะครับ ตายแน่ๆ ในหัวของผมมีแต่วิธีการฆ่าเต็มไปหมด จิตตกสุดๆตอนนี้ครับ

“ปะ ปล่อย ผม ไป เถอะครับ ผม หลงมา” แงงงงงงง เพื่อนตกใจ เพื่อนคิดไม่ออก ปกติก็พูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้วนะครับ

“หลง นายใช้คำว่าหลงในบ้านหลังนี้นะหรอหะ”

“โอ้ย”หมอนั่นที่ชื่อเอริคกระชากแขนผมจนร่างเซจะล้ม แรงสัตว์ไถนามากเลยครับ กลัวแล้วครับ กลัวแล้ว อย่าดุกันขนาดนั่นเลยครับ

“เกิดอะไรขึ้น” มีเสียงดังขึ้นมาด้านหลังผมทางฝั่งประตู มันดูคุ้นๆ ผมรีบหันหลังกลับไปเจอพี่เฟียสที่ยืนนิ่งทำหน้าดุมองมาอยู่ พระเอกมาช่วยเด็กน้อยแบบผมแล้วครับ

“พี่เฟียส ช่วย กลัว เจ็บ”ผมรีบเรียกพี่เฟียสทันที ผมเคยได้ยินคุณเมดนินทาให้ฟังว่าพี่เฟียสกับพี่วินนี่เหรียญคนละด้านเลยครับ พี่วินสุภาพ ชอบแกล้ง พี่เฟียสนี่หน้าดุ จริงจังกับทุกเรื่องแต่ทั้งสองคนก็ใจดีกับผมมากๆเลย ไม่ว่าผมจะขออะไรก็ก็ตามใจผมตลอด แถมพี่เฟียสนะตามใจผมมากกว่าพี่วินอีก

“คุณเพื่อน เอริคนี่มันอะไรกัน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรอไงห้ะ!!!” โอ้วพี่เฟียสโหมดดาร์คละครับ เท่สุดๆแต่เก็บอาการก่อนครับตอนนี้ผมดันอยู่ตรงกลางสงครามสายตาแล้วครับ แขนข้างซ้ายอยู่ในมือคนชื่อเอริค ส่วนอีกข้างพี่เฟียสจับไว้แต่ไม่แน่นจนผมเจ็บเท่าอีกด้าน

“ฉันสิต้องถามนายเฟียส เด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนที่นี่ได้” จะคุยกันก็ช่วยปล่อยแขนผมก่อนเถอะครับ ป่านนี้ขึ้นรอยแดงแล้วแน่ๆเลย ถ้าเอลเห็นไม่อยากจะคิดเลยครับ

“ปล่อยแขนคุณเพื่อนก่อนแล้วค่อยมาคุย ถ้าเป็นรอยมากกว่านี้ เตรียมตัวตายทั้งหมดนี่แหละ” พี่เฟียสกระตุกแขนเบาๆผมเซไปทางพี่เฟียสทันทีเพราะนายเอริคอะไรนั่นยอมปล่อยแขนผม

“โอเค แล้วบอกมาได้รึยังว่าเด็กคนนี้เป็นใคร”

“นี่คุณเพื่อนเป็นมะ”

“ไม่ครับ ยัง แค่ แฟน ไม่ เมีย นะ”เกือบไปแล้ว ทำไมใครๆก็ชอบพูดกันแบบนั้นนะ นี่ผมยังบริสุทธิ์อยู่นะครับ ช่วยให้เกียรติความแมนที่เหลือน้อยนิดของผมบ้างเถอะครับ

“ตามนั้น นี่แฟนนาย ว่าที่นายหญิงเรา” หวา ไอ้ตำแหน่งนี่เปลี่ยนเป็นแบบอื่นได้ไหมครับ มันดูลดทอนความแมนผมลงไปอีกครั้งแล้วนะครับ ฮืออออ เสียใจ

“ห้ะ” เสียงตกใจจากหลายๆคนที่ดังขึ้นทำเอาตกอกตกใจหมดเลยครับ อะไรจะตกใจกันดังขนาดนั้น

“พี่เฟียส คือ แขน” ผมยกแขนให้พี่เฟียสดู หลายคนดูตกใจกับรอยช้ำบนแขนผม เพราะเอริคไม่ได้ใช้แรงเยอะขนาดนั้น แต่ถามผมสิครับ อย่าเอามาตรฐานตัวใหญ่ร่างยักษ์ของพวกคุณมาเปรียบเทียบกับหุ่นก้างของผมเด็ดขาด ผมว่า ไม่น่ารอดแล้วครับผม โดนดุที่เล่นซนแน่ๆ

“งานเข้าไหมละ นายกลับมาโดนกันทั่วแน่ๆ”

“โดน เอล ดุ แน่” ผมเผลอครางออกมาเบาๆแต่ห้องที่เงียบนี่น่าจะได้ยินกัน แทนที่จะสงสัยคำพูดดันยิ้มเอ็นดูส่งมาให้แทน

“ถ้านายดุ ก็ปิดปากเลยสิครับ” มีเสียงเสนอความคิดให้กับผม หลายเสียงสนับสนุนกับความคิด ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะหาคนมารับแพะแทนแน่ๆ เพื่อนฟังธง

“เอ๋ ปิดปาก”น่าสนใจนะครับ เพราะเอลจะได้ไม่ดุด้วย

“พวกนายนี่มัน”พี่เฟียสบ่นพึมพำอะไรสักอย่างก่อนจะพาผมกลับเข้าบ้าน ผมที่เดินเล่นจนลืมเวลาพี่เฟียสเลยเดินตามหาเพื่อเรียกผมไปกินข้าวเที่ยง

“อร่อย”ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กินอาหารดีๆแบบนี้ อยากจะเข้าไปส่องตอนทำอาหารจังนะ

“จะไปไหนครับ” พี่เฟียสที่ยืนอยู่ทักทันทีที่ผมเดินถือจานสปาเก็ตตี้เปล่าไปทางห้องครัว

“เติม”ผมตอบแล้วรีบเดินเข้ามาที่ห้องครัวทันที ในห้องครัวกว้างมากครับแถมยังดูหรูหราด้วย เครื่องมือทำอาหารนี่เรียงกันครบครัวจริงๆครับ สุดยอด ผมเห็นเมดเหมือนที่ไทยหลายคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเลี้ยงคนงานในบ้านและคนที่กำลังจะกลับมาเลยเดินเลี่ยงหลบไปจนถึงคนที่ยืนอยู่หน้าหม้อน้ำซอสสปาเก็ตตี้เพื่อขอเพิ่ม เมดคนนั้นหันมาเห็นผมถึงกับตกใจทำกระบวนตกพื้น ทุกอย่างในห้องตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนหยุดมือที่ทำอยู่ก่อนจะมามาที่เมดที่ตกใจกันหมด เอผมว่าเขามองมาที่ผมมากกว่านะ

“ขอโทษ นะ ครับ ผม เพิ่ม ได้ไหมครับ อร่อย”ผมยื่นจานเปล่าให้เธอ เธอรีบรับแล้วส่งให้หลังตักเสร็จ

“นี่ค่ะนายน้อย”ดูเหมือนเมดจะทันข่าวมากกว่าพวกคนชุดดำนะครับ แต่ที่เรียกนายน้อยผมว่าน่าจะเข้ากว่านายหญิงอีกนะครับ ผมชอบคำนี้มากกว่า

“ขอบคุณครับ”ผมก้มหัวขอบคุณเพราะดูแล้วเธอน่าจะอายุมากกว่าแล้วยิ้มให้ พวกเมดดูตกใจกับการกระทำของผมจนรีบก้มหัวกันไปหมด

“เอ่อ อย่าก้ม นะครับ”ผมลนลานไปหมด งือ ผมถือนะครับ คนอายุมากกว่ามาทำแบบนี้มันจะอายุสั้นเน้อ

“นายน้อย”ไอ้สายตาเอ็นดูที่ส่งมาจนผมขนลุกนี่ น่ากลัวครับ ผมรีบหันหลังเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะนั่งลงกินต่อ อ่า รู้สึกดีจริงๆ

จนช่วงบ่ายเอลก็กลับมา มีพี่ริโอเดินตามเข้ามาด้วยคนเดียว ผมที่นั่งอยู่พอเห็นเอลรีบเอาแขนข้างที่ช้ำหลบด้านหลังทันที ถึงแม่ว่าจะทั้งทายา ทั้งประคบก็แล้วเถอะ แต่มันจางลงนิดเดียวเองครับ ไม่ได้เด็ดขาด ห้ามให้เอลเห็น

“ไหนมาเติมแรงหน่อยเร็วเด็กขี้บ่น” เอลก็คือเอล พยายามหาเรื่องลวนลามผมเสมอ ผมรีบหลบเอลไปอีกทางกลัวเอลกอดแล้วจะเห็นรอย แต่ผมคงลืมไปเดินหลบเอลมันก็ต้องหันหลังให้พี่ริโอเลยกลายเป็นแขนข้างที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโดนพี่ริโอเห็นเลยเดินเข้ามาจับดู

“โอ้ย”มันยังเจ็บแปลบๆอยู่เพราะยังเป็นแผลใหม่ แต่ไม่ได้เจ็บมาก แต่มันตกใจด้วยละ ผมหันกลับไปมองพี่ริโอ “พี่ริโอ ไม่ เอล นะ”ผมรีบบอกพี่ริโอทันที แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะเอลเดินเข้ามากอดก่อนจะก้มมองแขนผม

“นี่มันรอยอะไรกันเพื่อน ไปโดนใครทำอะไรมา บอกมาเลย ไปดื้อจนได้แผลมะ”ผมไม่ยอมให้เอลดุต่อ เลยโน้มคอเอลลงมาเขย่งปลายเท้าประกบปากเอลเพื่อปิดปากแบบที่พี่พวกนั้นแนะนำมา เอลถึงกับเงียบไปทันทีแต่ผมเห็นนะว่าเอลหน้าแดง ผมก็ไม่ต่างกัน แต่ไม่อยากโดนดุอะ

“หึหึ หมดลายเลยเพื่อนกู”เสียงพี่ริโอเรียกสติของเรากลับมา ผมรีบซุกหน้ากอดเอลหลบด้วยความเขิน ผมลืมไปได้ไง นี่มันห้องรับแขกนะครับ นอกจากเสียงพี่ริโอก็ยังมีเสียงแซวจากคนที่ผมเห็นในโรงฝึกอีกหลายคนที่แทรกมาเบาๆ งือออออ ผมทำอะไรลงไป

“อะแฮ่ม แต่ฉันยังไม่ลืมเรื่องรอยที่แขนเพื่อนหรอกนะ บอกมาเฟียส”เอลหันไปถามพี่เฟียสผมรีบเงยหน้ามาส่งซิกพี่เฟียส แต่ดูท่าพี่เฟียสจะไม่เข้าใจผมนะ

“มีปัญหาที่โรงฝึกนิดหน่อยครับนาย เป็นการเข้าใจผิด”ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยเรื่องที่บอกว่าเข้าใจผิด

“ใคร”เอลย้ำพร้อมกดเสียงเข้มขึ้น

“เอล”ผมเรียกเสียงอ่อยทันที อย่าดุกันนะ ไม่ดุสิ

“ยังไม่ใช่เวลามาอ้อนครับเด็กขี้บ่น”

“งือออออ”จะพูดก็พูดดีๆสิครับจะมาบีบจมูกผมทำไมกันละ มันเจ็บนะ ผมมองค้อนเอลแทนที่เอลจะกลัวดันก้มมาฟัดแก้มผมต่ออีก นี่ตกลงจะคุยต่อไหมครับ แบบนี้ผมไม่ไหวนะครับ มันดีต่อใจเกินไปแล้วครับ

“เอริคครับนาย”พี่เฟียสรีบตอบทันทีที่เอลหันไปมองอีกครั้ง แล้วเอริคก็เดินเข้ามาพอดี เอลเลยเดินเข้าไปยกมือเหมือนจะต่อย ผมเลยรีบเข้าไปขวางทันที

“หวา ไม่ เอล ไม่ ทำ อย่า”

“หลบไปเพื่อน ทำผิดก็ต้องรับโทษ”

“เอล ฟังสิ ฟัง”

“ถอยไปเพื่อน ก่อนที่ฉันจะดุเธอ” เอลไม่ยอมฟังผมเลยจะดึงผมหลบไปทางพี่ริโอตลอด

“เอล ฟัง ฟัง ฟัง ฟังสิ” ผมก็ไม่ยอม เอลไม่ยอมฟังกันเลยทำไมไม่ฟังกันนะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆนะ ที่เอริคทำเพราะผมมันน่าสงสัยเหมือนกัน เอริคทำตามหน้าที่ของเขา ทำไมไม่ฟังเหตุผลของอีกฝ่ายก่อนละครับ

“เพื่อน อย่ามาดื้อตอนนี้ จะปกป้องไปทำไม หลบไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะลงโทษเธอ”

“เอล ฮึก ใจร้าย ทำไม ไม่ฟัง  ไม่ยอมฟัง ฮึก ไม่ฟังเพื่อน ไม่ฟังเลย  เอริค ทำงาน ของเขา เพื่อน น่า สงสัย ทำไม ต้อง ตะคอก เอล จะตี เพื่อน เอล โกรธ ฮึก โกรธ แล้ว ไม่ฟัง เพื่อน อย่า มา คุย อีก”ผมกลั้นเสียงสะอื้นก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องรับแขก ดีที่ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือแค่ผม เอล พี่ริโอ พี่เฟียสแล้วก็เอริค ผมวิ่งออกมาทางหลังบ้าน ผมไม่ได้มองว่าทางที่วิ่งมาเป็นทางไหน ผมมาหยุดตรงที่เป็นสระน้ำ ทรุดตัวนั่งตรงก้อนหินใหญ่ที่ประดับสวน นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมเข้าใจว่าผมอาจจะงี่เง่าที่วิ่งมาทั้งที่ไม่รู้ทาง แต่ว่าก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไร ถ้าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งผลที่ตามมาจะเป็นยังไงกันครับ ผมโกรธที่เอลไม่ยอมถามเอริคด้วยว่าเพราะอะไรถึงเกิดเรื่อง ถ้าผมเป็นเอริคผมก็คงจะคิดว่าเพราะอะไรถึงต้องโดนลงโทษทั้งที่ทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าจะผิดเพราะไม่รู้ว่าคนที่สงสัยเป็นแฟนเจ้านาย มันใช่หรอครับ แล้วมันก็จะตกตะกอนอยู่ในใจจนเป็นความแคลงใจ หลังจากนี้จะทำอะไรก็ไม่เต็มที่จนสุดท้าย ถ้าเรื่องเลวร้ายก็จะเกิดการหักหลังกันตามมา ผมอาจจะคิดมากเกินไป โลกของผมไม่ได้เหมือนโลกของเอล โลกของผมเป็นแค่คนธรรมดา ทำงาน หาเงิน มีชีวิตไปวันๆ ไม่ต้องมาคอยระวังตัวเองเสมอ ไม่ต้องมาคอยวิ่งหลบกระสุน หรือระแวงว่าจะโดนทรยศตอนไหน

“เพื่อน” ผมไม่ได้หันกลับไปมองที่เอลที่เดินเข้ามานั่งข้างกัน ผมยังเคืองเอลอยู่ที่ไม่ยอมฟังแถมยังจะมาลงโทษผมอีก ทั้งที่ผมพยายามห้ามเอลไม่ให้ใช้อารมณ์ เราอยู่ด้วยกันมาหลายอาทิตย์พอสมควรมีหลายมุมที่ยังไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นซึ่งกันและกัน ร่วมถึงเรื่องวันนี้ด้วยที่ผิดใจกัน มันทำให้ผมรู้ว่าเอลเป็นคนที่อารมณ์ร้อนพอสมควร แถมยังขี้หวงด้วย

“เฮ้อ ฉันขอโทษที่ว่าเธอ ฉันเข้าใจที่เธอพยายามบอกแล้ว และฉันก็ไม่ได้ลงโทษเอริคอีกแค่ให้ไปทำงานต่อ ริโอบอกฉันเรื่องที่เธอต้องการอธิบายกับฉันแล้ว ฉันขอโทษที่ใช้แต่อารมณ์มากเกินไป เมื่อก่อนไม่เคยมีใครมาห้ามเลยทำให้ติดมา แต่เรื่องที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันเป็นห่วงเธอมากนะเพื่อน ฉันตกใจที่เธอบาดเจ็บ และฉันก็เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ ไม่ต้องให้อภัยฉันก็ได้ แต่ขอโอกาสแก้ตัวได้ไหม ให้ฉันแก้ตัวให้เธอเห็นว่าฉันจะปรับปรุงตัว ไม่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาแบบนี้อีก จะพยายามใจเย็นและถามเหตุผลก่อนเสมอ นะเพื่อน”เอลเอามือผมไปกุมแล้วพูดไปเรื่อยๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งยองๆตรงหน้าผมเพื่อนขอโอกาสตามที่เจ้าตัวบอก

“อืม ไม่ โกรธ แล้ว ขอโทษ ที่วิ่งมา”

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ เธอคงจะเสียใจที่ฉันว่าแบบนั้น ขอโทษนะ ดีกันนะ”เอลยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม แบบนี้มันน่ารักมากเลยนะครับ เอลไปเอาวิธีง้อแบบนี้มาจากไหน ใครสอนกัน บอกมาเลยนะครับ

“ครับ” ผมยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยเอลที่ยื่นมา เอลรวบตัวผมไปกอดก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมสลับไปมาจนผมกลั้นยิ้มไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา

“พะ พอ แล้ว” ผมดันตัวเอลให้ถอยออกจากตัว แต่เอลแค่คลายอ้อมกอดไม่ยอมปล่อยผม เรายืนกอดกันจนกระทั่งผ่านไปสักพัก

โครก

“งื้อออออออ”ผมรีบสุกหน้าหนีเอลทันที

“ฮ่าๆๆ”เอลที่ได้ยินหัวเราะเสียงดังยิ่งกว่าท้องของผมร้องอีก

“เอลลลลล”ผมลากเสียงใส่เอลแล้วซุกหน้ากับอกเอลมากขึ้น

“ดูเหมือนจะมีคนหิวข้าวด้วยนะ ได้ยินเหมือนกันไหมเด็กขี้บ่น”

“อย่า ล้อ”เอลยังหัวเราะผมต่อ แต่ก็พาผมเดินกลับเข้าบ้าน ที่โต๊ะกินข้าวมีพี่ริโอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ส่งสายตาล้อเลียนมาที่ผมที่เดินหน้าแดงเข้ามาพร้อมเอล เรากินข้าวก่อนที่พี่ริโอจะคุยงานกลับเอล ผมที่ขึ้นมาก่อนนั่งรอย่อยแล้วเข้ามาอาบน้ำพอเสร็จเดินออกมาเจอเอลที่ถือหลอดยาเข้ามาพอดี

“ไปนั่งรอบนเตียงนะครับ ขออาบน้ำก่อนจะออกมาทยาให้” ผมได้แต่พยักหน้า เดินไปนั่งเช็ดผมที่ปลายเตียงจนผมแห้งเอลเดินออกมาพอดีกับที่ผมเอาผ้าเช็ดผมไปเก็บ เอลเลยจูงแขนผมมานั่งบนเตียงก่อนจะกลับไปเป่าผมแล้วหยิบหลอดยาเดินมาที่ผมหลังผมแห้งดี เอลจัดการปิดไฟเหลือแค่โคมตรงหัวเตียงแต่ก็สว่างพอที่จะเห็นรอยช้ำที่เริ่มจางกว่าเดิมเล็กน้อย

“ถ้าเจ็บให้บอกนะ”เอลบอกผมเสียงนุ่มพร้อมกับบีบยาทาลงไปบนรอยช้ำ นวดเบาๆจนเสร็จ ผมยกมือไหว้แต่เอลคว้ามือผมก่อน

“เปลี่ยนเป็นตรงนี้แทน”เอลปล่อยมือผมก่อนจะชี้ไปที่ปากตัวเอง

“อือ เขิน”ผมก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเอล ไฟแบบนี้ แถมยังบนเตียง บรรยากาศมันจะเป็นใจไปนะ

“เร็วสิครับ ค่าทายา เร็วครับ”ยังจะมาเร่งผมอีก มันน่าอายจะตาย

“เอล หลับตา ก่อน”ผมบอกให้เอลหลับตาลดความประหม่าที่เกิดขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราใกล้จะโดนกัน ผมหลับตาตอนที่ปากเราสัมผัสกันผมที่กำลังจะผละออกมา แต่เอลกลับใช้มือดันท้ายทอยผมไว้พร้อมกับมืออีกข้างจับหน้าผมเอียงหามุมที่ปากของเราสัมผัสกันมากขึ้นผมที่ตกใจลืมตามองสบกับเอลที่มองอยู่ก่อนแต่สบตากันได้ไม่นานผมก็ทนเขินไม่ไหวหลับตาหนีแต่กับทำให้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นตื่นตัว ความรู้สึกที่อบอวลอยู่รอบตัวเราทำให้ผมเผลอตอบรับเอลกลับ ด้วยความที่ผมไม่เคยจูบมาก่อนเลยทำให้ส่งลิ้นทั่วด้วยความเงอะงะ แต่เอลกลับยิ่งเบียดตัวเข้ามาที่ผมเพิ่ม

“อือ อึก”ผมประท้วงขออากาศที่โดนแย่งชิง เอลถอนปากออกเล็กน้อยแล้วจูบย้ำๆจนพอใจแล้วผละตัวออกจากผมที่นอนหอบอยู่ที่เตียง

“น่ารัก”แปรด หน้าผมแดงยิ่งกว่าเดิมผมรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองจนถึงหน้าเพื่อป้องกันการจู่โจมจากเอลที่มองผมด้วยสายตาแบบวันนั้น

“ไม่ทำอะไรหรอกน่า จะเขินอะไรมากขนาดนั้น”

“เอล บ่น”ผมที่ว่าเอลผ่านผ้าทำให้เสียงอู้อี้ จนเอลทนไม่ไหวก้มลงมาจุ๊บปากผมผ่านผ้าห่มทำเอาผมเขินจนหน้าจะระเบิด ผมว่าผมสุกไปทั้งตัวแล้วครับ งือออออ ไม่ไหวแล้ว
เอลปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดก่อนที่จะนอนหลับไปพร้อมกัน แม้ว่าผมจะเขินมากแต่ผมก็ชอบที่จะกอดกับเอลนะครับ หวา ทำไมผมดูแรงแบบนี้ละครับ ไม่เอาแล้วครับ ฮือออเขิน

TBC

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #14 เมื่อ13-05-2018 11:45:20 »

#10
   วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เอลไปทำงานแล้วปล่อยผมให้อยู่บ้าน แต่สบายครับเพราะทุกคนในบ้านรู้จักกับผมกันหมดแล้ว เพราะผมไปวนเวียนในทุกที่ที่น่าสนใจในบ้านโดยเฉพาะเมดในครัวที่จะเจอกับผมมากที่สุด ทำไมนะหรอครับ ก็บอกแล้วไงครับ เรื่องกินนี่เรื่องสำคัญของผมเลยนะครับ

“นายน้อยคะ สนใจไปดูแปลงผักด้านหลังไหมคะ”ป้ามิเชลที่เป็นหัวหน้าห้องครัวที่นี่เรียกผมที่กำลังตั้งใจดูเมดอีกคนเคี่ยวน้ำซุบอีกทาง

“แปลงผัก ไปครับ”ผมเดินตามป้ามิเชลไปด้านหลังมีพี่เฟียสเดินตามมา เอลให้พี่เฟียสมาอยู่เป็นเพื่อนผม เพราะที่นี่ผมสนิทกับพี่เฟียสที่สุดรองจากเอล คิดถึงพี่วินจังเลยน๊า โดนเอลใช้เฝ้างานที่ไทยแทน ต้องหาของฝากไปให้ให้ได้เลย

“ตรงนี้เป็นผักสวนครัวนะคะ สวนด้านนั้นเป็นแปลงเพาะดอกไม้ที่ไว้ลงสวน ถัดไปโรงกระจกนั้นเพาะต้นกล้าของพืชสมุนไพรคะ”

“ลองทำครับ” ผมอยากลองปลูกผักลงในดินเป็นแปลงแบบนี้มากเลยครับ เพราะที่สถาบันเก่าผมเพาะแต่ในแปลงทดลอง พี่เฟียสเดินไปหยิบอุปกรณ์มาให้ถึงแม้จะทำหน้าไม่พอใจที่ขัดผมไม่ได้ก็เถอะครับ ความแมนของผมกำลังจะกลับมา ลูกผู้ชายต้องแบบนี้ครับ ต้องลุยๆแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ

“หวา ทำไม ไส้เดือน ใหญ่จัง ครับ” ตกใจหมดเลย ดีนะไม่เผลอกรี๊ดเอา อุตส่าห์ได้ความแมนกลับคืนมา

“ที่นี่ปลูกพืชแบบธรรมชาติค่ะ ดินเลยอุดมสมบูรณ์พอสมควร” ดีมากๆเลยครับ สารเคมีนะครับ ยิ่งใช้ก็ยิ่งตกค้างในดินในพืชและในร่างกายเราที่ทานเข้าไป

“ไปดูที่โรงเพาะในเรือนกระจกไหมครับ คุณเพื่อน” หลังจากที่ผมสนุกกับการปลูกผักนานพอสมควร พี่เฟียสก็ชวนผมไปดูที่อื่นเพิ่มเติม ผมพยักหน้าแล้วเดินตามพี่เฟียสไป ป้ามิเชลเป็นคนไขประตูเรือนกระจกแล้วนำผมเดินตามเข้ามา อากาศที่นี่เย็นพอสมควรเพราะมีเครื่องปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับต้นกล้าของพืชสมุนไพร มีหลายชนิดที่ผมเคยนำมาทดลองเพาะเนื้อเยื่อเพื่อการทดลองโคลนนิ่งครั้งนั้น เพราะเป็นสมุนไพรหายากเลยต้องการเพาะพันธุ์ให้อยู่ต่อกันการสูญพันธุ์ ถ้ายังมีห้องทดลองผมก็ยังอยากที่จะใช้ความรู้ในการขยายพันธุ์พืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์พวกนี้ที่เคยเห็นแต่ในหนังสือสาราณุกรมให้กลับมามีปริมาณที่ไม่เสี่ยงสูญพันธุ์แบบนี้

“ใกล้จะได้เวลาที่นายกำลังจะกลับแล้ว นายน้อยสนใจทำอาหารให้นายไหมคะ”ผมรีบหันมามองป้ามิเชลทันที

“อยาก ครับ” ผมส่งสายตาเพื่อสื่อให้เห็นว่าผมต้องการทำอาหารมากเลย ผมอยากลองมาหลายวันแล้วครับ แต่ผมเกรงใจ เพราะที่ห้องครัวดูวุ่นวายตลอดไม่กล้าเข้าไปแกะกะเลยครับ อย่าลืมกันสิครับ ว่าผมนะชอบกินมากขนาดนี้ ถ้าจะให้ซื้อ ไม่พอกับผมหรอกครับ ผมทำกินเองบ่อยเพราะเป็นชายหนุ่มโสดที่ยังไม่มีศรีภรรยาแบบนั้น ก็ต้องพึ่งมือตัวเองนี่แหละครับ อย่าคิดไปไกลครับอย่าครับ ผมหมายถึงทำอาหารเท่านั้นครับ ทำอาหาร

“งั้นเราไปกันเลยนะคะ” ผมกับพี่เฟียสเดินตามป้ามิเชลกลับเข้าบ้านเดินมาที่ห้องครัวที่ตอนนี้มีอาหารที่เตรียมไว้หลายอย่าง ทำไมน้ำลายผมจะไหลแบบนี้หละครับคุณ

“ผม อยาก ทำ เค้ก” ผมบอกความต้องการกับป้ามิเชล

“นายไม่ชอบของหวานนะครับ”

“ผม ทำ ตัวเอง ไม่ เอล”พี่เฟียสกับทุกคนทำหน้าเหวอเลยครับนึกว่าที่ผมจะทำนะทำให้เอล ใครบอกละครับผมทำให้ตัวเอง ผมสังเกตมานานแล้วครับว่าเอลไม่กินของหวานเท่าไหร่ ถ้าจะให้ทำอาหาร ไม่ดีหรอกครับก็อาหารเต็มโต๊ะไปหมดแบบนี้ ผมกลัวคุณเมดเสียใจนี่ครับ ผมทำของหวานแล้วบังคับเอลกินด้วยแทนดีกว่า ฮ่าๆๆๆ ผมชอบเวลาได้แกล้งเอลจัง ถึงจะมีน้อยมากกว่าที่เอลแกล้งผมก็เถอะ

ผมใช้เวลาในการทำเค้กนมสดพอสมควร ตอนนี้กำลังแต่งหน้าเค้กแล้วนะครับ โอ้ยยยยย น่ากิน ไม่กินข้าวขอกินเค้กเลยได้ไหมครับ
หมับ ฟอด

“หวา” ผมร้องตกใจที่โดนกอดแถมขโมยหอมแก้มแบบนี้ งือออออ คนเยอะมากเลยนะครับ

“ทำอะไรอยู่หืม เด็กขี้บ่น อือ ชื่นใจจัง”เอลที่ถามผมไปหอมผมไปแต่ยังไม่วายปล่อยผมออกจากอ้อมกอด

“งือ ปล่อย ทำ อยู่”ผมหมุนตัวมาดันเอลออก แต่จะปล่อยดีๆก็ไม่ได้ก้มมาแตะปากกับผมอีก เขินสิครับรออะไรกันครับ

“หึหึ น่ากินจัง”

“ใช่ๆ”

“หมายถึงคนทำนะไม่ใช่เค้ก”

“เอลลลลลล” ผมทุบไปที่อกเอลเบาๆแก้เขิน ผมบอกแล้วไงครับ เอลนะชอบแกล้งให้ผมเขิน ก็ดูเอาสิครับ พวกเมดกับพี่เฟียสพากันขำและยิ้มล้อผมไม่หยุดเลย

“ครับๆไม่แกล้งแล้วครับ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วจะลงมากินข้าวละกัน หรือว่าอยากจะมาอาบน้ำกับฉันไม่เด็กขี้บ่น”

“เอล บ้า ไป”ผมดันเอลออกจากห้องครัว มีแต่เสียงหัวเราะที่ส่งกลับมา อะไรจะสนุกกับการแหย่ผมขนาดนั้นกัน ผมกลับมาแต่งหน้าเค้กต่อแม้จะต้องทนกับสายตาล้อเลียนของพวกเมดก็เถอะ จนเสร็จก็เอาเข้าตู้เย็นให้เซตตัว ออกมารอที่โต๊ะกินข้าว ตามจริงผมก็คิดว่าจะช่วยยกออกมานะครับแต่โดนป้ามิเชลขัด อ้อนแล้วก็ไม่ได้จนเกือบโดนตีละครับผมถึงเดินคอตกออกมานั่งรอ ไม่นานเอลก็ลงมา เราเริ่มกินอาหารกันจนเวลาผ่านไปสักพักก็หมด เมดเดินเอาเค้กออกมาวาง ผมตัดเค้กออกมาทีละชิ้นก่อนจะกิน อร่อยยยยยยย

“มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรอ หืม” ผมพยักหน้าตอบเอลแต่ไม่หยุดกิน

“ไหนลองป้อนฉันบ้างสิ” ผมตักเค้กแล้วยื่นให้เอลถึงปาก เอลก้มลงมากินก่อนจะยิ้มอ่อนโยนมาให้

“อร่อยจัง แต่จะอร่อยเท่าคนทำไหมนะ ต้องลองแล้วสิ ว่าไหม”

“เอล กิน อยู่”ผมดันหน้าเอลที่ยื่นหน้ามาใกล้ ผมรู้ว่าเอลต้องวางแผนจะแกล้งผมแน่เลย ผมรู้ทันครับ

“กินยังไงจนเลอะกันนะ”

“อือ”ผมรู้ว่าเลอะครับแต่บอกให้ผมเช็ดหรือยื่นมือมาเช็ดให้ก็ได้นี่ครับ มันจำเป็นต้องเอาลิ้นมาเลียที่มุมปากผมแบบนี้ไหมครับ ยังๆยังจะมาจูบผมอีก ผมว่าเค้กวันนี้ตอนแรกก็ไม่เลี่ยนนะครับ ทำไมตอนนี้มันเลี่ยนแล้วละครับ

“หึหึ อร่อยอย่างที่คิดจริงๆ ถ้ากินทั้งตัวจะขนาดไหนนะ”

“เอล หื่น”ผมได้แต่บ่นหงุงหงิงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ก้มหน้าที่แดงจนจะสุกกับคำพูดของเอลแล้วกินเค้กแก้เขินไปเรื่อยๆ แพ้ครับวันนี้ ผมแพ้ครับ เอลแกล้งผมอีกแล้วอะ

“งานของฉันที่นี่เสร็จแล้ว ฉันจะทำตามที่สัญญาไว้ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวที่เวนิสกันนะเด็กขี้บ่น”

“ขอบคุณครับ” ฟอด ผมที่ได้ยินก็ดีใจรีบขอบคุณเอลจนเผลอยื่นหน้าไปหอมแก้มเอลอีกด้วย งือ จะมีคนว่าผมแรงไหมครับ แต่ผมหอมแก้มแฟนผนะครับ ผมไม่ผิดนะครับ งือออ เขิน

“หึหึ”เอลที่หายตกใจ หัวเราะในลำคอแบบเจ้าเล่ห์พร้อมกับมองหน้าผมไม่วางตาจนผมที่กินต้องเสตาหลบไปทางอื่นแทน จะจ้องอะไรนักหนา มันเขินนะครับคุณ แล้วผมก็กินอยู่ด้วยถ้าเกิดเขินมากๆแล้วติดคอขึ้นมา พรุ่งนี้ไม่ได้ไปกันหรอกครับเวนิสนะ ไปเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลแทนเถอะครับ

“ยั่วกันแบบนี้ ระวังตัวไว้เถอะเด็กน้อย ถึงเวลาจะกินไม่ให้เหลือเลย”

“เอลลลลลลลล”ผมที่กินเสร็จกำลังดื่มน้ำล้างปาก เอลดันมาพูดแบบนี้ใส่อีก ดีนะที่ไม่พุ่งอะ ผมตีแขนเอลแล้วรีบเดิหนีขึ้นมาบนห้อง แต่ถึงผมจะรีบช่วงขาที่ต่างกันของผมกับเอลก็ทำให้เอลเดินตามผมมาทันตอนที่ผมจะปิดประตูอยู่ดี

“จะรีบไปไหนหืม”เอลจับแขนผมก่อนจะดึงให้หันมามองที่เอล สายตาแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลยครับ

“อาบน้ำ เอล ปล่อย” ผมรีบดิ้นจนแขนที่จับไว้หลุดรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำ วันนี้เอลไปกินตัวไหนมาครับ ตอบ ชักจะคึกเกินไปแล้วนะครับ

“ให้ฉันเข้าไปช่วยถูหลังให้ไหมเด็กดี”

“ไม่” ผมที่เดินเข้าห้องน้ำมารีบปิดประตูกลัวเอลจะแกล้งมากกว่าคำพูดนั่นแหละครับ แล้วไอ้คำว่าเด็กดีเนี่ย ไปจำที่ไหนมาครับ มันทำร้ายใจเกินไปแล้ว จะให้สุกมากว่านี้เลยหรอครับ ถ้าจะหยอกกันขนาดนี้มาตัวๆกันเลยเถอะครับ ผมหมายถึงต่อสู้นะครับไม่ใช่แบบนั้น เพราะผมว่ามันจะเข้าทางเอลเกินไป เชื่อผมครับ ผมเรียนมา พอผมอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัว ผมรู้ทันครับ พวกคุณหวังว่าจะลืมเสื้อผ้าใช่ไหมครับ ผมไม่ยอมให้ตัวเองเปลือยอกไปให้หมาป่าที่จะจะตะครุบผมแบบเอลได้โอกาสหรอกครับ เสียใจด้วยครับ ผมบอกแล้ว ผมเรียนมา!!!!

“กลัวฉันขนาดนั้นเลยหรอไงหืม ล้อเล่นเองนะเด็กขี้บ่น”

“เอล หื่น น่ากลัว” ผมเดินเลี่ยงไปตากผ้าเช็ดผมแล้วเดินกลับมานั่งที่เตียงฝั่งผมก่อนจะล้มตัวนอน สักพักไฟในห้องก็ดับตามมาด้วยอ้อมกอดที่คุ้นเคย ผมหันกลับไปซุกที่ประจำ สติเริ่มล่องลอย แต่ผมก็ยังได้ยินเอลที่บอกฝันดีพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก เหมือนผมจะโดนมนต์จากเอลที่ร่ายใส่เพราะหัวใจผมเต้นเร็วแต่กลับยอมที่จะหลับไปในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเอลทั้งคืน

TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #15 เมื่อ14-05-2018 10:54:44 »

#11
   ทาแด๊น ตอนนี้เรากำลังเดินทางด้วยรถส่วนตัวของตระกูลดิวาเลนนาส โดยมีผู้โดยสารกิตติมศักดิ์อย่างเอลผู้เป็นผู้นำตระกูลรุ่นปัจจุบันนั่งโดยสารมา และกระผม นายเพื่อนที่น่ารักและมีความแมนอันน้อยนิดเมื่ออยู่กับเอล ตอนนี้เรากำลังเดินทางไปที่เมืองแห่งน้ำ ถูกต้องครับ เรากำลังจะไปเวนิสกัน แต่เอลบอกว่าเราอาจะใช้เวลา และกว่าที่เราจะออกเดินทางก็เริ่มจะค่อนไปทางบ่าย เพราะเราเตรียมตัวกับจัดคนใหม่เพราะเอลอยากได้ความเป็นส่วนตัวและมีเอกสารด่วนเข้ามา แต่ผมบอกให้เอลทำงานก่อนเพราะเวนิสตอนเย็นมันได้อารมณ์ยามเย็นไปอีกแบบ แล้วผมอยากที่จะดูพระอาทิตย์ตกกับเอลสักครั้งด้วยครับ หวา อย่าไปบอกเอลนะครับ ขอผมทำบ้างอะไรบ้างเถอะครับ

“ที่แรกที่เราจะไปเป็นมหาวิหารซานมาร์โก” เอลบอกพร้อมพาผมเดินดูมหาวิหารซานมาร์โก ที่นี่ผมหาข้อมูลมา บอกไว้ว่าสร้างเมื่อ ค.ศ.823 เป็นการผสมผสานตั้งแต่ ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึง เรเนซองส์ โดยที่หลังคาของวิหารสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลามและมีโมเสกสีทองตั้งแต่หลังคาจรดพื้น

“อือ สวย” มันได้อารมณ์ศิลป์มากๆเลยครับ ดูมีความผสมผสานที่ลงตัวมากครับ บอกได้ว่าสวยจริงครับคุณ

“ที่นี่คือ โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต” วันนี้เอลบอกจะเป็นไกด์ให้ผมหนึ่งวันละครับ แหมมีไกด์หน้าตาดีแบบเอลผมไม่รู้ว่าจะดูสถานที่ท่องเที่ยวหรือไกด์ดี ฮิ้วววววววว จบครับ!!!!!

“ที่นี่เป็นพระราชวังดอจ เป็นวังสไตล์โกธิคของดยุคเมืองเวนิส” เอลบอกถึงข้อมูลสถานที่คร่าวๆ แต่ข้อมูลที่ผมหามายังบอกต่อว่า ชั้นใต้ดินของวังมีที่คุมขังนักโทษซึ่งถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ เรียกกันว่า สะพานถอนหายใจ ซึ่งสะพานถอนหายใจเป็นอีกที่หนึ่งที่คู่รักชอบไปมากอีกที่หนึ่ง

“เราจะแวะกินอาหารกันที่สะพานรีอัลโตนะ” เอลบอกก่อนจะเดินเข้าไปทางร้านอาหารที่ที่ตั้งอยู่บริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่งของสะพาน ซึ่งมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่และร้านขายของต่างๆ

“ที่เห็นตรงนั้นเป็นหอระฆังซานมาร์โก” เอลชี้มือไปบริเวณที่ตั้งสิ่งก่อสร้างสูงที่ผมมองเห็นตอนที่เดินดูมหาวิหารซานมาร์โก ตามข้อมูลตัวหอระฆังมีความสูงถึง 98 เมตร โดยที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวของเมืองเวนิสจากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ แต่เอลบอกกลัวว่าจะหิวเลยพาผมออกไปเที่ยวที่อื่นต่อและกลัวจะหมดเวลากลัวคลาดเคลื่อนแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเอลพูดถึงอะไร เห็นทำท่าคิดดูนาฬิกาตลอด

“เราจะนั่งเรื่อกอนโดล่าไปที่แกรนด์ คาแนล” เอลบอกและพาผมไปลงเรือก่อนจะชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่ใกล้จะเย็นแทนที่จะทำให้นักท่องเที่ยวลดลง กลับมีนักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมาที่นี่ไม่ขาดสาย แถมกลับทำให้บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรัก มีความโรแมนติกลอยฟุ้งไปทั่วเมือง ที่นี่เหมาะกับคู่รักมากๆเลยครับ

“ชอบไหมเพื่อน”

“ขอบคุณครับ ที่ พา มา”ผมตอบเอลพร้อมรอยยิ้ม วันนี้ผมมีความสุขมากครับ ผมสังเกตมาสักพักแล้วครับ วันนี้เอลดูผ่อนคลายกว่าทุกๆวัน เอลดูมีความสุขและถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป ผมว่าเอลมักจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อมองมาที่ผม อะไรนะครับ ผมหลงตัวเอง ก็วันนี้ผมก็คิดว่าผมมีความสุขกว่าที่ผ่านมาเมื่อมองไปที่เอลเหมือนกันนี่ครับ งือออออ เขิน ความแมนผมกำลังจะลดลงอีกแล้วใช่ไหมครับ

“ต่อไปนี่ไม่ว่าเพื่อนต้องการไปไหน ฉันจะพาเธอไป ฉันสัญญา”

“ผม มี ความ สุข จัง”ผมยิ้มแล้วก้มหน้าหลบสายตาของเอลที่มองมา มันน่าเขินจะตาย อย่างกับผมสารภาพว่าผมชอบที่จะอยู่กับเอลนั่นแหละครับ ไม่ไหวแล้ว จะสุกแล้วครับ

“ข้างหน้าที่จะถึง เธอรู้ไหมว่าเป็นสะพานอะไร” เอลชี้ให้ผมเห็นสะพานที่เป็นทางเดินแคบๆที่อยู่ติดกับสิ่งก่อสร้างคุ้นตา นั่นมันพระราชวังดอจนี่หน่า อืม งั้นก็เป็นสะพานถอนหายใจ

“สะ พาน ถอน หาย ใจ ครับ” ผมมองกลับไปที่เอลที่หันไปส่งสายตากับคนขับเรือ แต่ผมไม่รู้ว่าเอลคุยอะไรกันเพราะตั้งแต่ที่จะนั่งเรือ เอลก็เข้าไปคุยกับคนขับเรือเรื่องเวลาอะไรสักอย่าง จนถึงตอนที่นั่งเรือมา เอลก็คอยที่จะมองนาฬิกาตลอดเวลา บ้างครั้งผมที่เห็นก็อยากจะถามว่าเอลมีธุระที่ไหนรึเปล่าแต่ก็แล้วแต่เอลเพราะผมไม่รู้ว่าจะถามเอลแบบไหนดีมากกว่า

“เพื่อนครับ” เอลที่หันกลับมามองหน้าผมก่อนจะกุมมือผมไปแล้วเรียกชื่อผม ผมชอบเวลาที่เอลเรียกชื่อผมจัง วุ้ย เขิน

“ครับ” ผมตอบรับแล้วทำหน้าสงสัยตอบกลับไปพร้อมกับที่ตอบรับ

“เราเป็นแฟนกันแล้ว ถึงแม้ว่าเพื่อนจะบอกว่าแค่ชอบฉันก็ตามแล้วฉันก็บอกว่าจะทำให้เพื่อนรักฉันให้ได้ ถึงตอนนี้เวลาจะผ่านมาไม่กี่วัน แต่ฉันก็มีคำถามที่อยากจะถามเพื่อนหนึ่งคำถาม เพื่อนช่วยตอบฉันได้ไหม” ถึงผมจะสงสัยแต่ก็ยอมที่จะพยักหน้าตอบเอลไป

“ขอความมั่นใจให้ฉันได้ไหม เพื่อนคิดว่าฉันจะทำให้เพื่อนรักฉันได้ไหม ตอนนี้เพื่อนเริ่มที่จะรักฉันมากกว่าชอบขนาดไหน เพื่อนบอกฉันได้ไหม บอกเอลได้ไหมครับเพื่อน”ช๊อตนี้ผมตายอย่างสงบครับ คนตรงหน้าผมร้ายมากครับ แล้วจะให้ผมตอบแบบไหนละครับ ถ้าบอกว่าตอนนี้เริ่มที่จะรักเอลแล้วจะโดนมองแรงไหมครับ งืออออ คิดหนักครับ แต่หัวใจผมมันทำงานหนักกว่าสมองแล้วครับคุณ

“ผม ชอบ เอล นะ ชอบ มาก มาก กว่า ที่ ผ่าน มา ชอบ ใกล้ เอล ชอบ อยู่ เอล งื้อ”ผมเอามือปิดหน้าตัวเองเพราะรู้ว่าหน้าผมต้องหน้าอายมากแน่เลยที่มาหน้าแดงต่อหน้าเอลแบบนี้ แถมยังมีบุคคลที่สามที่ได้ยินอีกด้วย

“ไม่มีใครได้ยินที่เราคุยกันหรอกนะ เพราะฉันจัดการหมดแล้ว ขอบคุณนะเพื่อนที่ให้โอกาสฉันคนนี้ได้อยู่ข้างเธอ ได้รักเธอ ไม่สัญญาว่าจะรักตลอดไป แต่สัญญาว่าจะรักเพื่อนทุกลมหายใจของฉัน ขอโทษที่ทำให้เพื่อนต้องมาระวังอันตราย แต่ฉันจะไม่ยอมปล่อยมือเพื่อนไปแน่นอน เอลรักเพื่อนนะครับ” ผมที่ทำได้แต่นั่งฟังเอลสารภาพรักไม่รู้ว่าจะตอบแทนความรักของเอลยังไงเลยยื่นหน้าไปจูบเอลแต่เอลที่หายตกใจที่ผมจูบเอลก่อนรั้งท้ายทอยของผมด้วยมือขวาก่อนจะใช้มือซ้ายกุมมือผมเอาไว้ จูบของเราเต็มไปด้วยความรู้สึกของกันและกัน อาจไม่ได้เชี่ยวชาญแบบนักรักทั่วไป แต่ผมกลับคิดว่าเอลน่าจะชอบเพราะไม่ยอมที่จะถอนจูบออกไปผมที่ไม่อยากทิ้งช่วงเวลาดีๆแบบนี้ต้องพยายามหายใจทางจมูกแบบปกติเพื่อรักษาระดับลมหายใจ แต๊ง เสียงดังที่แววเข้ามาในหูของผมทำให้ผมลืมตาขึ้นมาสบกับเอลที่มองอยู่ก่อนแล้ว สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย ความหวังดี ที่เอลส่งมาทำให้หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเต้นต่อข้างนอกแต่ก็ยังไม่เท่ากับคำพูดของเพื่อนร่วมงานที่คุยกับหญิงสาวที่ผับที่ทำงานเรื่องจูบลอดสะพานที่ดังเข้ามาในความคิด

‘ความฝันของหญิงสาวหลายคนที่ไปเที่ยวกับคู่รักที่เวนิส ก็คงไม่พ้นความเชื่อเรื่องจูบใต้สะพาน ความเชื่อที่เล่าต่อกันมาว่าคู่รักคู่ไหนที่นั่งเรือลอดใต้สะพานที่ชื่อว่าสะพานถอนหายใจแล้วจูบกันพร้อมกับที่มีเสียงระฆังปาไนล์ดังยามเย็น จะทำให้คู่รักนั้นรักกันยืนยาวยิ่งขึ้น ความเชื่อนี้คนอิตาลีจะรู้จักกันดีกว่าเราอีกนะคะ’

ผมที่นึกขึ้นได้รีบกวาดสายตามองไปรอบตัวทั้งที่ปากยังไม่ได้ผละจากกันก่อนที่จะเห็นว่าตอนนี้เรากำลังจะลอดพ้นสะพานถอนหายใจและเสียงที่ทำให้ผมลืมตาขึ้นมาก็คงจะเป็นเสียงระฆังปาไนล์ยามเย็น เราจูบกันก่อนที่จะลอดสะพานแล้วก็เสียงระฆัง ผมพอที่จะรู้สาเหตุที่เอลมองเวลาตลอดเวลา แล้วก็เรื่องที่เอลถามผมก่อนหน้านี้ เอลทำเพื่อผมมากขนาดนี้ ผมมีความสำคัญกับเอลมากขนาดไหนกันนะ ผมรู้ว่าเอลใช้เวลาทุกนาทีไปกับการทำงาน แต่วันนี้เอลกลับเลือกที่จะทิ้งงานมากับผม ไหนจะเรื่องเวลาที่ต้องคอยจัดให้ผมได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญแล้วให้ตรงกับที่เอลคิดไว้ คนที่เก่งและมีอำนาจขนาดนั้นกำลังทำหลายๆอย่างเพื่อผม ผมที่เป็นแค่คนธรรมดาที่วิ่งตัดหน้ารถเอลในวันนั้น คนที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อนเอลเลย ถ้าผมจะมอบหัวใจของผมตอบแทนให้เอล มันจะพอทดแทนกับสิ่งที่เอลทำให้ผมไหมครับ

“เอล”ผมเรียกเอลที่กลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิมหลังจากที่ผมนั่งใช้เวลาตัดสินใจจนเรือของเราเทียบท่า เอลยื่นมือมาที่ผมเพื่อรับขึ้นฝั่ง มันยิ่งตอกย้ำว่าเอลให้ความสำคัญกับผมมากกว่าเดิม เราใช้เวลาที่เวนิสตลอดครึ่งวันจนเย็น ตอนนี้เรากำลังนั่งรถกลับบ้านของเอล เมื่อถึงบ้านก็ใกล้เวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี ผมดึงแขนเอลให้ไปบริเวณเรือนกระจกที่มีต้นกล้าสมุนไพรอยู่ การ์ดที่เดินบริเวณใกล้เคียงเปิดประตูให้พวกผมก่อที่จะหลบออกไป วันนั้นผมสังเกตถึงแสงอาทิตย์ก่อนที่จะเฝ้ามองจนเห็นว่าเมื่อหันไปทางด้านในสวน เดินไปจนสุดจะเจอกับมุมที่เห็นพระอาทิตย์ตกดินพอดี ผมรีบลากแขนเอลให้ไปถึงก่อนจะถอยห่างออกมา ผมยืนพิมพ์อักษรที่จะบอกกับเอลก่อนที่จะเดินกลับมาที่เอลที่มองมาที่ผมตั้งแต่แรกไม่หันไปมองทางอื่นเลย ผมกดเล่นเสียงสิ่งที่พิมพ์ “เอล ทุกสิ่งที่คุณทำให้ผม มันมากมายมากจริงๆ ผมที่เป็นแค่คนธรรมดาไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดี ผมมีแค่สองสิ่งที่คิดว่าสำคัญที่สุดในชีวิตผม ผมจะมอบมันให้คุณได้ไหมเพื่อตอบแทนกับทุกอย่างที่คุณให้ผม ไม่ว่ามันจะมีค่ากับคุณไหม แต่ผมขอมอบมันให้คุณได้ไหมครับ เอลครับ ช่วยรับหัวใจกับชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ไปของผมกับคุณได้ไหมครับ ผมชอบเอลนะครับ ชอบมาก จนตอนที่คิดว่าถ้าคุณหายไปจากชีวิตผม ผมอาจจะอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับคุณ และผมก็อยากจะอยู่กับคุณในทุกๆวันต่อจากนี้ ตอนนี้ผมคิดว่าผมน่าจะรักคุณแล้วละครับ เพื่อนรักพี่เอลนะครับ ช่วยรับเด็กขี้บ่นที่ชื่อเพื่อนคนนี้ไปดูแลได้ไหมครับ” ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของผม ผู้ชายที่เข้มแข็ง ดูเย็นชาสำหรับคนอื่นแต่อบอุ่นสำหรับผม ผู้ชายที่ใครๆก็ว่าไร้หัวใจที่บอกว่ารักผมมากกว่าใคร ผู้ชายที่ชื่อเอล กำลังยืนร้องไห้อยู่ต่อหน้าผม ร้องไห้ที่ไม่ได้เสียใจแต่มีร้อยยิ้มที่บ่งบอกว่ายินดีมากสุดหัวใจ

“เพื่อน ขอบคุณที่รักฉัน ขอบคุณที่จะอยู่ข้างกันไปทุกวันต่อจากนี้ ขอบคุณ สิ่งที่เพื่อนบอกว่าธรรมดามันเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับฉัน ขอบคุณเพื่อน ขอบคุณที่รักกัน รักเพื่อนเหมือนกัน พี่เอลคนนี้รักน้องเพื่อนสุดหัวใจครับ” เรากอดกันท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เริ่มตกดิน เรากอดกันเพื่อนแลกเปลี่ยนไออุ่นของกันและกัน ไม่มีพิธีการใดๆมีแต่เราสองคนที่รับรู้ว่าเราเป็นของกันและกันด้วยใจของเราที่เชื่อมโยงถึงกันและกัน ไม่ต้องรอให้มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้เราแยกจากแล้วคิดที่จะบอกรักกัน เมื่อเรารู้ถึงความรู้สึกของกันและกันก็ควรบอกออกไป ผมคิดว่ามันดีกว่าที่จะมาบอกว่ารักกันตอนที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสจะได้ยินมันอีกแล้ว 

   เช้าวันต่อมาเราต้องอำลาอิตาลีด้วยสายการบินเดิม เครื่องบินส่วนตัวของเอลเพื่อเดินทางกลับไทยเพราะหมดเวลาเที่ยวแล้ว เมื่อมาถึงผมก็ฝืนร่างกายเอาของฝากไปฝากทุกคนในบ้านและจัดการหาของกินใส่ท้องแล้วหนีเอลขึ้นมาพัก ชีวิตของผมก็วนไปตามเดิมเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น


TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #16 เมื่อ15-05-2018 11:17:30 »

#12
   วันนี้เป็นอีกวันที่เอลออกไปทำงานแต่เช้าแล้วปล่อยผมอยู่ที่บ้านหาเรื่องเล่นไปวันๆเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมสำหรับผมคือลางสังหรณ์ที่พยายามบอกอะไรกับผม ทั้งมีดบาดแม้จะเล็กน้อย ทั้งแก้วที่อยู่ๆหล่นแตก แต่ผมกำลังจะไม่คิดมาก จนกระทั่งพี่วินที่เดินกลับเข้ามาที่บ้านด้วยสายตาที่ปิดไม่มิดว่ามีเรื่องกังวลใจ ไหนจะคราบเลือดที่เปื้อนที่ตัว

“พี่วิน” ผมที่กลัวว่าพี่วินจะบาดเจ็บเดินออกไปทักพี่วินที่รีบร้อนเตรียมจะเข้าบ้านไปและมองหาใครสักคน

“คุณเพื่อน อยู่ที่นี่เอง ตอนนี้ผมว่าคุณเพื่อนขึ้นไปอยู่ที่ห้องดีกว่านะครับ”

“มี อะไร เกิด ขึ้น  แล้ว เอล พี่เฟียส ออก พร้อมกัน” พี่วินหลบสายตาผมก่อนที่จะพยายามพาผมเดินกลับห้อง แต่ผมว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้น เลือดที่เห็นผมคิดว่าต้องเกี่ยวกับเอล

“พี่วิน บอก เอล เป็น อะไร”ผมดึงแขนพี่วินด้วยแรงที่ไม่ยั้งตามปกติจนพี่วินตกใจและหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม

“คุณเพื่อนครับไม่มีอะไรหรอกนะครับ นายให้ผมกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณเพื่อนก่อนเฉยๆครับ กลัวคุณเพื่อนเหงาที่อยู่บะ”

“ตอบมา อย่า ให้ผม โมโห”ผมขัดที่พี่วินพูด นิสัยของผมที่มักจะแปลกไปเวลาที่กำลังโมโหคือผมที่จะพูดยาวๆได้มากกว่าปกติ ผมเคยสังเกตตัวเองมาตั้งแต่ที่เคยโมโหเพื่อนร่วมห้องผมสามารถที่จะด่าได้ตามปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป น่าจะเป็นเพราะผมคิดแต่เรื่องที่ทำให้เสียอารมณ์จนลืมที่จะนึกถึงสิ่งที่เคยยึดเป็นปมออกไป

“คุณเพื่อน ผมขอโทษ แต่นาย ผมขอร้องละครับ อย่าคาดคั้นกับผมเลย”

“งั้นบอกมา ว่าเอลเป็นอะไร เอลอยู่ที่ไหน ก่อนที่ผมจะพังทุกอย่างรอบตัว รวมถึงเรื่องที่คุณไม่กล้าจะนึกถึงมัน”พี่วินทำหน้าตกใจที่เห็นผมพูดได้ตามปกติ แต่ก็ตกใจยิ่งกว่าคำพูดของผมเพราะสายตาที่มองไปที่เขา

“ตอนนี้นายกับเฟียสกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล พวกเราโดนลอบยิงตอนที่กำลังจะไปดูที่ดินที่จะสร้างบ้านจัดสรรเฟทใหม่ เฟียสหัวแตกเพราะโดนรถตัดหน้า ส่วนนายตอนนี้กำลังผ่าตัดเอากระสุนที่บริเวณท้องออกมาที่โรงพยาบาล ผมเลยกะ”

“พาผมไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

“แต่ว่า”

“ผมสั่งให้ไป มันจะไม่มีคำว่าแต่ ไป” ผมที่ได้ยินอาการของเอล ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเอล แต่ผมที่คิดว่าถ้าเอลไม่ยืนอยู่ข้างผมในตอนนี้ ผมก็แทบจะคิดอะไรต่อไม่ถูกอีกแล้ว ผมที่สังเกตพี่วินที่กลับมา ผมคิดว่าน่าจะอาการดีที่สุด เพราะมีแค่รอยช้ำที่หน้าผากส่วนเลือดผมคิดว่าน่าจะมาจากเอล พี่วินรีบพาผมมาที่โรงพยาบาล เมื่อมาถึงพี่เฟียสที่เฝ้าอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดที่ปิดไฟกำลังยืนคุยกับหมอที่รักษาเอล ก่อนที่จะแยกกันไป เตียงที่เข็นร่างของเอลที่สลบออกมา ผมเดินตรงเข้าไป พี่วินเรียกพี่เฟียสให้หันกลับมา

“คุณเพื่อน ไอ้วิน กูให้มึงกลับไปดูแลคุณเพื่อนไม่ใช่ให้คุณเพื่อนมาที่นี่ ถ้านายรู้จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกมันกลับมาแล้วคุณเพื่อนจะได้รับอันตราย มึงนะ”

“หยุดพูดสักทีได้ไหมครับ ต้องให้ผมรอฟังว่าเอลรอลงหลุมเลยไหมครับถึงจะรับรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคนสำคัญของผมบ้าง หรือว่าผมที่มายืนอยู่ตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดมากเลยไหมครับ ต้องรอให้พวกมันเข้าไปที่บ้านแล้วยิงผมทิ้งโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรด้านนอกเลย เอาไหมครับ ห้ะ!!” ผมที่ได้แต่ยืนฟังสิ่งที่พี่เฟียสว่าพี่วินโดยที่พยายามกันผมให้เป็นคนนอก ทั้งที่ผมเป็นคนรักของเอลที่ยอมรับว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ในเวลาที่คนรักของผมกำลังนอนไม่ได้สติกับต้องการให้ผมนั่งอยู่บ้านเฉยๆรอเวลาแทนที่จะได้มาดูแลเขา จากอันตรายหรอครับที่จะเกิดขึ้นถ้าผมมา แล้วไม่คิดบ้างหรอครับว่าที่ผมยอมรับว่าเป็นคนรักของเอลมันไม่ต่างจากผมก้าวขาหนึ่งข้างไปที่ปากหลุมแล้วเหมือนกัน

“คุณเพื่อน”ทั้งพี่เฟียสทั้งพี่วินต่างทำหน้าตกใจที่ผมว่าพวกเขาออกมา ผมรู้ว่าอาจจะใช้อารมณ์ผมรู้ว่าพวกเขาห่วงผมแต่ผมก็ต้องรู้ว่าดูแลตัวเองได้พอสมควรถึงกล้าที่จะมายืนอยู่ที่นี่

“ถ้าผมไม่คิดว่าดูแลตัวเองได้ผมคงไม่กล้ามาอยู่เป็นภาระของพวกคุณหรอกนะครับ อย่ามาคิดแทนผมอีก พาผมไปที่ห้องพักเอลแล้วบอกผมกับเรื่องนี้ด้วยครับ”ผมเดินตามที่เจ้าหน้าที่เข็นเตียงไปโดยมีพี่ทั้งสองคนเดินตามมาเงียบๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็ออกไป ผมเดินไปล็อคประตูห้องก่อนที่จะเข้ามานั่งที่ข้างเตียงสำรวจเอลว่ามีตรงไหนบ้างที่บุบสลายไปจนแน่ใจว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงมากเกินไปถึงหันกลับไปที่พี่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาเยี่ยมไข้แทน

“เล่ามาครับ ว่ามันเกิดอะไร แล้วมัน เป็นใคร”ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ในช่วงอารมณ์หงุดหงิดไม่คงที่และโมโหคนที่ทำกับเอลจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้

“คนของเราจับคนร้ายที่ลอบยิงเราได้บอกว่ามันเป็นคนของวาลดัส คู่แข่งที่เปิดคาสิโนในย่านเดียวกันกับที่เราเปิดครับ”

“ข้อมูลเป็นจริงแค่ไหน”ผมที่มองไปที่เอลถามพวกเขาที่พยายามทำตัวนิ่งที่สุด ผมรู้ว่าพวกเขากำลังเกร็งกับอาการของผม

“ทั้งกล้องวงจรปิด ทั้งคนที่ส่งมา ทั้งเรื่องที่ขัดแย้งกันมา ทุกอย่างบ่งบอกว่าเป็นวาลดัสครับ”

“ส่งคนไปจับตามองหมอนั่นจนกว่าเอลจะฟื้น หรือว่าถ้าได้หลักฐานที่มัดตัวมันแน่นก่อนที่เอลจะฟื้นให้กลับมาบอกผม ผมหวังว่าจะได้ข่าวดีก่อนที่เอลจะฟื้น”ผมสั่งงานก่อนที่จะหลับตาเพื่อระงับอารมณ์เพราะเอลอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว ไม่มีอะไรแล้วและกว่าที่เอลจะฟื้นก็ใช้เวลาพอสมควร ผมก็ได้แต่หวังว่าเอลจะฟื้นก่อนที่ผมได้ข้อมูลพอเพราะผมยังอยากเป็นเด็กน้อยในสายตาเอลต่อไปไม่อยากให้เอลต้องมารู้ว่าผมในอดีตไม่ได้มีความทรงจำที่ดีเท่าไหร่ การที่เราจะเดินทางไปศึกษาต่อในต่างแดนได้แม้ว่าจะเป็นเพราะความอัจฉริยะแต่กว่าที่เราจะไปถึงจุดนั้นได้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกครับ อย่างที่ผมบอกไปว่าผมเป็นแค่เด็กกำพร้า การที่จะไปถึงตรงนั้นได้ผมต้องมีเงินมากพอที่จะส่งตัวเองให้ไปได้ถึงจุดนั้น และมันเกี่ยวข้องกับชีวิตในวัยเด็กหลังจากที่ผมโดนรับเลี้ยงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนนั้น ผมในวัยห้าขวบที่โดนชายหนุ่มวัยกลางคนรับไปเป็นลูกบุญธรรม ผมที่เคยใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไปที่มีปัญหาเรื่องการพูด โดนเลี้ยงดูในโลกใหม่ โลกที่เหมือนกับโลกของพวกเขา โลกของคนหลังม่านสีดำ โลกของนักฆ่า  ผมไม่อยากที่จะนึกถึงมันอีกเลยได้แต่มองข้ามมันไปจนกลับมาเป็นเพียงแค่เด็กอัจฉริยะแล้วก็ผันตัวมาเป็นแค่คนธรรมดา จนมาเจอกับเอล ผมที่เข้ามาพัวพันกับโลกนี้อีกครั้งทำให้ความทรงจำวัยเด็กเริ่มกลับมาและเมื่อผมโกรธนิสัยของผมด้านนั้นก็จะกลับมา ผมไม่อยากจะนึกถึงมัน อยากจะลืมว่ามือคู่นี้ มันมีอดีตที่เคยเปื้อนเลือดมาก่อน ผมอยากเป็นแค่เด็กน้อยคนเดิมของเอลแต่ผมก็อยากที่จะเล่าเรื่องราวของผมให้เอลรู้ว่าตัวตนของผมไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่เอลและคนรอบข้างคิด และผมคิดว่าเมื่อเอลตื่นขึ้นมา ผมคงต้องบังคับเอลให้มานั่งฟังอดีตของผมแล้วละครับ การเปิดใจให้คนที่เรารักรับรู้ในตัวตนของเรามันย่อมดีกว่าการที่เขารู้จักเราที่เป็นเราจากคนอื่นที่ไม่รู้ว่าจะมีความจริงเกี่ยวกับเราสักเท่าไหร่ เฮ้อ ชักจะเครียดแล้วสิครับ เอลจะว่ายังไงนะ จะยังมองผมเป็นคนรักต่อไปไหมนะ แต่ถึงแม้เราจะจากกันแต่ผมก็ยังคิดว่าได้บอกไปก็ดีกว่าเก็บไว้จนกลายเป็นเรื่องราวที่ฝังใจต่อไปละนะ เห็นด้วยกับผมไหมครับ


TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #17 เมื่อ16-05-2018 09:46:54 »

#13
   หลังจากนั้นอีกหนึ่งคืนเอลก็ฟื้นขึ้นมา คุณหมอเข้ามาตรวจก่อนจะให้เอลกลับบ้านได้ เอลที่ตื่นขึ้นมาพอเห็นผมก็ได้แต่นั่งมองมาเงียบๆจนกระทั่งนั่งรถกลับมาที่บ้านก็ตามเอลก็ยังคงไม่พูดกับผม ผมคิดว่าเอลน่าจะไม่พอใจก็ได้ที่เห็นผมอยู่ที่โรงพยาบาลแทนที่จะอยู่ที่บ้าน ผมรอจนกระทั่งเอลขึ้นมาพักที่ห้องนอนผมเลือกที่จะไม่เข้าไปวุ่นวายใกล้ตัวเอลเหมือนปกติและเลือกที่จะไม่อยู่ร่วมห้องกับเอล เอลที่คว้าแขนผมไว้แต่ก็ยังไม่พูดอะไรมองมาที่ผมนิ่งๆ คนอื่นที่เห็นเริ่มที่จะเดินออกจากห้อง รอสักพักเอลก็ยังไม่พูดเหมือนเดิมจนผมที่ทนไม่ไหวดึงมือของเอลที่จับไว้ออกแล้วเดินออกจากห้องมาแทน ผมเดินไปที่สระน้ำเมื่อครั้งก่อน ผมนั่งลงที่เดิมเพื่อสงบใจที่เริ่มคิดไปวุ่นวายเกี่ยวกับท่าทางของเอลตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็หาคำตอบให้ไม่ได้ถ้าผมไม่ได้ถามเอลเอง ผมนั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเย็น ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปกินอาหารเที่ยง ผมได้แต่นั่งนิ่งๆมองผืนน้ำที่โดนลมจนเกิดเป็นระรอกน้ำเบาๆ ผมมองนกที่บ้านมาที่ริมสระเพื่อเล่นน้ำ มองผีเสื้อที่บินตอมเกสรดอกไม้ มองธรรมชาติรอบๆตัว ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงมาอยู่ที่ตรงนี้กันนะ  ผมอยู่ตรงนี้ไปเพื่ออะไรกัน

“คุณเพื่อนครับ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะครับ”เสียงพี่วินดึงผมออกจากความคิดที่เริ่มเลวร้ายเข้าไปทุกที

“ครับ”ผมตอบแต่ก็ยังไม่ได้ลุกขึ้นตามพี่วินที่เดินนำไป ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมจนมองรอบตัวไม่เห็นอะไรผมเลยลุกขึ้นยืนเดินกลับเข้ามาที่ตัวบ้าน ผมเดินผ่านห้องครัวยังคงเห็นเอลที่นั่งอยู่ที่นั่นผมเลยเลี่ยงที่จะเจหน้าเอล ในเมื่อเอลไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็จะไม่ถามใครรำคาญใจกัน พอจะเปิดประตูห้องนอนผมก็นึกขึ้นได้ว่าเอลต้องเข้ามาในห้องนี้ผมเลยเลี่ยงไปนอนห้องรับแขกที่เป็นห้องเดิมของผมที่เข้ามาวันแรก ยังคงมีคนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ ผมล้มตัวนอนบนเตียงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนนึกได้ว่ายังไม่ได้อาบน้ำ ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำอาบน้ำเสร็จใช้ชุดคลุมแทนชุดนอนไปก่อนเพราะตอนนี้เอลน่าจะเข้าไปที่ห้องแล้ว ผมไม่ได้เปิดไฟตั้งแต่เข้ามาพออาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอน ผมนอนลืมตาอยู่ในความมืด คิดไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร เราทะเลาะกันหรือแค่ฝันไป ภาพที่เวนิสย้อนเข้ามาในหัวอีกครั้ง มันทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันนะ เสียงแอะอะโวยวายด้านนนอกดึงความคิดผมกลับมา ผมลุกขึ้นเดินออกมาที่ประตูห้องเห็นพี่วินวิ่งผ่านผมไป พี่เฟียสที่เดินตามมาหยุดแล้วมองมาที่ผมก่อนจะทำสีหน้าโล่งอก

“เจอคุณเพื่อนแล้ว” คืออะไรกันครับ เจอผมแล้วยังไงกัน ผมก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้วนะครับ เกิดอะไรขึ้น

“เพื่อน เธอไปอยู่ที่ไหนมา เป็นอะไรไป” ผมมองเอลที่เดินเข้ามากอดผมก่อนจะถาม ผมที่ได้แต่ยืนงงมองทุกคนที่ยืนอยู่รอบตัวก่อนจะหันมามองที่เอล

“พูด ได้ แล้วหรอ”เอลที่ได้ยินถึงกับอึ้งไปคนที่เหลือเมื่อเห็นว่าผมกำลังคุยกับนายของเขาก็แยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มันแทน

“กลับไปคุยกันที่ห้องเราก่อนดีกว่า” เอลจูงแขนผมเดินกลับไปทางห้องนอนก่อนจะปิดประตูล็อคกลอนแล้วพาผมมานั่งที่เตียง ผมที่ได้กลับเข้ามาในห้องเลยลุกไปเอาเสื้อผ้าแต่เอลเดินมาแย่งก่อนจะกอดผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“เอล ปล่อย”

“ไม่ ฉันขอโทษที่งี่เง่า แต่อย่าเก็บเสื้อผ้าไปจากกันเลยนะเพื่อน จะทุบ จะตี จะด่าจะว่าอะไรก็ยอม แต่อย่าทำแบบนี้อีก”

“เอล ไม่ เข้าใจ เอล พูด อะไร” เอลที่เงยหน้ามามองผมที่ทำหน้าสงสัยกับงงที่เอลพูด

“ก็เพื่อนโกรธที่ฉันงี่เง่าใส่ไม่ใช่หรอ ถึงไม่ยอมเข้ามากินข้าว ไม่ยอมกลับมานอนที่ห้อง แล้วยังจะเก็บเสื้อผ้าอีก”

“เอล เปลี่ยน ชุด นอน” ผมชูชุดนอนที่อยู่ในมือกับชี้ชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่อยู่ให้เอลดู ผมเห็นคนหน้าแตกละครับคุณ หวายยยยยยย

“อ่า หรอ ฮะๆ” เสียงหัวเราะที่ไม่เคยได้ยินมาจากเอลทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นสีหน้าแบบนั้นจากเอล

พอผมเปลี่ยนชุดเสร็จก็มาเจอเอลที่นั่งอยู่บนเตียงก้มหน้าคิดอะไรอยู่ก็ไม่แน่ใจ ผมเดินไปปิดไฟจนเหลือแสงไฟจากโคมหัวเตียงเท่านั้นก่อนจะเดินไปนั่งที่ผม เอลที่เห็นผมนั่งลงเรียบร้อยก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้

“วันนี้ที่ฉันเห็นเธอที่โรงพยาบาล ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายเลยเอาแต่คิดเรื่องนี้จนลืมที่จะถามเธอว่าเป็นอะไรไหม แถมตอนที่นั่งรถฉันยังคิดเรื่องงี่เง่าเต็มไปหมด ว่าตัวเองจะรักษาสัญญาที่ให้กับเธอไว้ไม่ได้หรือเปล่าที่จะอยู่กับเธอไปทุกๆวันเพราะความประมาทของตัวเองจนลืมที่จะคุยกับเธอเพราะเธออาจจะกลัวก็ได้ที่ฉันโดนลอบยิงแบบนี้ พอกลับมาถึงฉันไม่เห็นเธอจะถามอะไรแถมยังเอาแต่เงียบก็น้อยใจว่าเธอไม่สนใจกันจนกลายเป็นว่าเสียเวลาไปทั้งวันกับเรื่องงี่เง่าจนมารู้ตัวอีกทีเพราะวินบอกว่าเธอหายไป ตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าจะต้องตามหาเธอจากที่ไหนกัน จนเธอเดินออกมา ฉันถึงได้รู้ว่าฉันมันงี่เง่าขนาดไหนจนทำให้เธอต้องเลี่ยงที่จะเจอกันแบบนั้น” ผมถอนหายใจเพราะช่วงเวลาที่เสียไปทั้งวันผมก็หลุดคิดแบบเอลไปหลายครั้งเรื่องที่เอลจะหมดรักกันแล้วหรือยัง

“เอล น่ารัก” ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรเลยแกล้งชมเอลแทน เอลที่ได้ยินก็อึ้งไปก่อนจะหันหน้าหนี แต่ผมเห็นนะครับว่าเอลหน้าแดง

“เราจะไม่ทะเลาะกันแล้วนะเพื่อน ฉันรู้สึกใจไม่ดีเลย”

“ครับ เอล พัก แผล นะ” ผมอยากให้เอลพักจนหายดีมากกว่านี้จะได้กลับมาเป็นเอลที่ร่าเริงเหมือนเดิมไม่ใช่เอลที่ดูเหมือนลูกนกหลงทางที่คอยแต่จะระแวงที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้แบบนี้

“พรุ่งนี้เธอสงสัยอะไรฉันจะตอบทั้งหมด แล้วเราจะคุยกันด้วยเรื่องของเธอที่วินกับเฟียสบอกมา” ผมพยักหน้าตอบเพราะผมก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเล่าให้เอลฟังเรื่องของตัวผมในอดีตนั้น เอลปิดไฟก่อนที่จะขยับเข้ามากอดผมเอาไว้ ผมที่ทำยังไงก็ไม่หลับแต่พอมาอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเอลกลับสามารถหลับตาลงได้ในที่สุด ผมคิดว่าคงจะเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นพอสมควรเลยละครับ

   เช้าแล้วครับ ผมที่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเอลที่ตื่นก่อนผม จะว่าตกใจก็ได้ที่ตื่นมาแล้วเจอคนจ้องหน้าอยู่ในระยะประชิด แต่จะว่าชินอีกก็ได้เพราะผมมักจะเจอภาพแบบนี้ในทุกเช้า

“มอนิ่งคิสเร็ว” อยู่ดีๆเอลก็พูดขึ้นมาแล้วผมที่พึ่งจะตื่นจะให้สมองประมวลผมก็ยังคงเช้าเกินไปเลยได้แต่นอนมองหน้าเอลมึนๆกลับไปแทน

“ขนาดนอนนิ่งๆยังยั่วเลยนะ”เอลไม่ตอบเปล่ากลับขยับเข้ามาใกล้จนร่างกายส่วนล่างของเอลเบียดที่ต้นขาของผม

“เอล หื่น ไป ห้องน้ำ” จะไม่ให้ผมไล่ได้ยังไงกันละครับก็เล่นเอาลูกรักมาชนกันแบบนี้ ผมก็พอรู้เรื่องการตื่นนอนของผู้ชายวัยเจริญพันธุ์นะครับแต่เอลที่น่าจะสามสิบกว่าแล้วยังแข็งแรงยามเช้านี่ผมนึกไปถึงเรื่องอื่นแล้วได้แต่นอนหน้าร้อนต่อไปไม่กล้าขยับตัวเลยครับ

“ไม่สงสารฉันบ้างหรอ เนี่ย ลูกรักฉันงอแงอยากให้นายปลอบแต่เช้าเชี่ยวนะ”ยังจะมาจับมือผมไปจับอีก ผมที่ตกใจรีบชักมือกลับมาทันทีแล้วเด้งตัวดันเอลจนตกเตียงทันที

“เอล ไป หื่น” เอลที่ไม่ยอมแพ้พยายามจะปีนขึ้นเตียงมากดผมนอนให้ได้ เราเล่นกันสักพักจนเหงื่อออกผมได้จังหวะผลักเอลจนล้มแล้วรีบหยิบชุดคลุมเข้าห้องน้ำหนีไป เอลเป็นแบบนี้เวลาที่รู้ว่าไม่ได้ไปทำงานจะชอบแกล้งหยอกผมจนบางครั้งผมก็เริ่มจะชินกับการสกินชิพของเอลพอสมควรแต่บางครั้งมันก็ไม่ใช่การสกินชิพธรรมดานี่ครับ มันแฝง เชื่อผมครับ เอลต้องคิดมากกว่านั้น ชัวร์

“หิวจัง อยากกินอะไรสักอย่างเป็นอาหารเช้า”ยังครับ ผมที่เดินออกมาเพื่อหาเสื้อผ้าเจอเอลที่นั่งอยู่ที่เดิมบนเตียงจ้องมาด้วยสายตาที่ชวนเสียวสันหลัง ไหนจะคำพูดแปลกๆอีก

“เอล อาบน้ำ”ผมรีบไล่เอลไปอาบน้ำก่อนเพราะผมคิดจะใช้เวลาช่วงที่เอลเข้าไปแต่งตัว

“ไม่รีบๆ ฉันจะรอดูเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“เอล”ผมขว้างผ้าเช็ดผมในมือใส่เอลทันที่ที่ได้ยิน เอลรีบคว้าไว้ก่อนจะลุกเดินตรงมาที่ผม สายตาไม่น่าไว้ว่าใจจนผมต้องถอยหลังไปทางตู้เสื้อผ้าแทนหน้าห้องน้ำ

“อยากทดสอบความกว้างที่ตู้เสื้อผ้าก็ไม่บอก”ผมชะงักเท้าหันกลับไปมองที่ตู้ ทดสอบความกว้าง ทดสอบทำไม

“หึหึ อยากเปลี่ยนที่ไปลองในตู้ก็น่าสนใจนะ เป็นความคิดที่ดี” ผมหันกลับมามองที่เอลทันทีที่เริ่มคิดได้ มันจะมากไปแล้วนะวันนี้ จะหยอกจนผมยอมเลยหรือไงครับ

“อื้อ”ผมที่ไม่ทันระวังเพราะมัวแต่คิดว่าเอลจนไม่รู้ว่าเอลเข้ามาใกล้ตัวตอนไหน ปากที่ประกบลงมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ลิ้นร้อนเข้ามาทักทายเพื่อนมันยามเช้า ทุกครั้งที่จูบกับเอล ร่างกายของผมมันเหมือนจะยืนไม่ค่อยอยู่ ใจมันจะหวิวๆ รู้สึกตัวทีไรแขนผมจะโอบรอบคอเอลทุกครั้งไป เกือบนาทีกว่าเอลจะพอใจ ผมรีบโกยอากาศเข้าร่างกายทันที ผมนี่โดนจูบหลายครั้งก็ยังตื่นเต้นจนลืมว่าจะต้องหายใจทางจมูกอยู่เรื่อยไป

“อ่า ไม่ไหวแล้ว ขอยืมหน้าเธอก่อนละกัน” ผมที่ฟังไม่ค่อยชัดยังไม่ทันที่จะได้ถามว่าเอลพูดอะไร ก็เห็นแต่เอลเดินหนีเข้าห้องน้ำไป ผมเดินตามไปเพราะมีชื่อผมในประโยค เผื่อบางทีเอลอาจจะบอกให้ผมตามไปก็ได้นี่ครับ

“อ่า เพื่อน อืม สุดยอด” ผมรีบเดินกลับมาทันทีไม่รอฟังอะไรต่อจากนั้นอีก หน้าที่หายร้อนจากตอนจูบกลับมาร้อยจนจะไหม้แล้วครับ บ้าที่สุด ใครใช้ให้เอาชื่อผมไปทำเรื่องแบบนั้นกันครับ งื้ออออ มันทำให้ใจสั่นนะครับรู้ไหม ผมที่ได้ยินเสียงกลับนึกไปถึงวันนั้นที่อิตาลีไม่ได้ ตอนที่เอลทำเสียงแบบนั้นมันเซ็กซี่มากขนาดไหน ผมที่เริ่มรู้สึกที่เขตหวงห้ามรีบเปลี่ยนเรื่องคิดไปคิดเรื่องอื่น คิดเรื่องที่เครียดๆแทนเรื่องเดิมเพราะมันจะน่าอายเกินไปครับ ไม่ไหวๆ แค่ได้ยินเสียงยังขนาดนี้ ถ้าเห็นภาพแบบวันนั้นผมคงได้เสียตัวแล้วแน่เลยครับ
เราใช้เวลาในการทำกิจวัตรของเราจนช่วงสายของวัน ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องทำงานของเอลที่มีผมนั่งอยู่ที่โซฟาตรงข้ามกันกับเอลโดยมีพี่วินกับพี่เฟียสจัดการเอกสารของเอลที่โต๊ะทำงานของทั้งคู่ ผมไม่ลืมที่จะพกเครื่องสื่อสารมาด้วยเพราะผมคงไม่สามารถพูดแบบวันนั้นได้แน่ๆ

“ฉันโดนลอบยิงจากฝ่ายตรงข้ามที่ขัดแย้งเรื่องคาสิโน ดูเหมือนเธอจะสั่งให้พวกนั้นไปหาข้อมูลมาแล้ว ตอนนี้มีหลักฐานที่พอจะมัดตัวมันได้ เราเลยส่งเรื่องให้ทางหน่วยงานจัดการ แต่เราก็มีแก้เกมคืนด้วยเหมือนกัน มีอะไรสงสัยอีกไหมครับเด็กขี้บ่น” เอลเล่าเรื่องย่อๆที่เข้าใจง่ายและจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ผมที่ได้ยินก็สบายใจไปอีกเปลาะว่าเอลสามารถจัดการได้โดยง่ายเป็นหลักประกันว่าเอลจะไม่เสียท่าอีกในเรื่องเดิมๆ

“เอล ฟัง ห้าม ขัด ฟัง จบ ถาม นะ”ผมเปิดโปรแกรมทันที่ที่เอลพยักหน้าตกลง

“ผมเกิดมาจากใครก็ไม่เคยได้รู้ มีแต่คุณแม่เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่คอยดูแลผมมาตลอด ผมที่ยังได้ประมาณสามขวบฉายแววฉลาดแต่ก็ไม่มากจนเห็นชัดแต่ผมมักจะสลับการเรียงคำไปมาจนโดนล้อ ผมเลยเป็นปม ผมพยายามที่จะแก้หลายครั้งแต่ก็ยังไม่หาย เพราะเหมือนร่างกายจะจดจำว่าควรพูดแบบนี้แทน” ผมเงยหน้ามองทั้งสามคนที่มองมาอย่างตั้งใจฟัง

“หลังจากนั้นตอนอายุห้าขวบ ผมโดนรับเลี้ยงจากบ้านของนักธุรกิจคนหนึ่ง เขาให้เหตุผลกับคุณแม่ว่าเขาเห็นแววในตัวผมเลยจะขอรับไปเลี้ยงดู ด้วยชื่อเสียงฐานะของเขาเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับเด็กสักคนออกจากที่นั่นมา ผมที่หลุดจากเด็กพวกนั้นที่คอยล้อผมตลอด ในเวลานั้นผมดีใจมากที่จะได้มีครอบครัวแม้ลางสังหรณ์ของผมจะร้องเตือนเสมอว่าที่ที่ผมกำลังไปทางที่กำลังจะเดินต่อจากนี้ไม่ใช่วิถีเดิมของผมอีกต่อไป” ผมเงยหน้ามองเอลที่ขยับตัว เอลพยักหน้าเป็นเชิงให้เล่าต่อ

“ผมอาศัยอยู่ที่นั่นในนามลูกบุญธรรมของชายที่นำผมมา ผมที่อยู่ได้ไม่ถึงสองเดือนดีเริ่มได้ตารางเวลาในการใช้ชีวิตประจำวันตามที่คุณพ่อบุญธรรมต้องการ ผ่านไปจนผมสอบพาร์ทชั้นได้ และใกล้จะได้ทุนไปเรียนต่อที่ไฮสคูลที่อเมริกา ผมก็โดนเรียกรวมตัวพร้อมกับลูกบุญธรรมคนอื่นๆของคุณพ่อ พวกเราโดนส่งไปในสถานที่ต่างๆให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองเป็นเวลาหนึ่งเดือน ณ ตอนนั้นผมมีอายุแค่สิบปีร่างกายที่เริ่มจะเปลี่ยนแปลงทำให้มีหลายคนที่จะพยายามทำความรู้จักแต่เพราะผมไม่เคยได้รับโอกาสพบเจอโลกภายนอกตั้งแต่เด็กต่างจากเพื่อนๆที่คุณพ่อรับมา ผมโดนสั่งให้เรียนที่บ้านเท่านั้นและห้ามออกไปจากเขตของบ้านโดยเด็ดขาด ในตอนเด็กผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่พอจบการทดสอบ ผมก็ได้รู้” ผมสังเกตสีหน้าของทั้งสามคนที่เหมือนคิดตามสิ่งที่ผมกำลังเล่าให้ฟัง โดยเอลมีสีหน้าเป็นห่วงผมมากที่สุด

“หลังจากกลับมารวมกันที่บ้านอีกครั้งจำนวนพี่น้องที่กลับมาจากยี่สิบเหลือเพียงสิบสองคนเท่านั้น คุณพ่อบอกว่าที่เหลือไม่ผ่านการทดสอบแต่เรารู้ว่าพวกเขาโดนเก็บไปหมดแล้วมากกกว่า ผมติดหนึ่งในสามคนที่ได้คะแนนสูงที่สุด ได้รับมอบหมายให้อยู่ข้างกายของคุณพ่อเสมอ แต่ผ่านไปเพียงหนึ่งอาทิตย์คุณพ่อกลับส่งผมไปเรียนต่อที่อเมริกาตามที่ได้สอบไว้ก่อนหน้า เหลือเพียงแค่สองคนที่อยู่ข้างกายคุณพ่อ พี่ทั้งสองคนดีใจกับผมที่จะได้มีชีวิตใหม่ ผมที่ยังไม่เข้าใจว่าการโดนไล่ออกมามันดีกว่าได้ทำงานอยู่กับคุณพ่อเรายังไง จนวันที่ผมต้องออกเดินทาง ผมที่ตั้งใจมาลาคุณพ่อกลับเจอเรื่องที่ทำให้ผมคิดถูกที่จะเดินจากมา” เอลลืมตาขึ้นมามองที่ผมก่อนจะลูบหัวของผม ผมไม่รู้ว่าทำสีหน้าแบบไหนไปเอลถึงมองมาอย่างห่วงใยไม่ต่างจากพี่ทั้งสองคน

“ภาพที่เห็นคือคุณพ่อที่กำลังจะขึ้นคร่อมพี่คนรองโดยมีพี่คนโตเงื้อแจกันด้านหลังผมที่ตกใจกำลังจะรีบเข้าไปห้าม แต่ร่างกายกลับหยุดไม่ยอมเดินตามคำสั่งเหมือนร่างกายไม่ยอมทำงานตามที่สั่งอีก ผมมองร่างของคุณพ่อที่ล้มลงเลือดอาบ ผมมองพี่ชายที่บอกว่าผมโชคดีเล็งปืนไปที่หน้าผากท่านก่อนจะลั่นไกออกไป นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอกับคุณพ่อที่ยังมีชีวิต” ผมละสายตาออกจากหน้าจอเพื่อปรับอารมณ์ตอนที่นึกถึงภาพวันนั้น

“พี่ชายคนโตสุดของบ้านที่เป็นคนยิงปืนหันมาเจอผมที่ยืนอยู่หน้าประตูก้าวเข้ามาดึงผมเข้าไปแล้วล็อคห้องทันที เขากับพี่ชายรองพยายามอธิบายเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องเหตุผลที่รับเด็กเข้ามา ทั้งเรื่องตารางฝึกที่ผมโดนบังคับจนชินชากับมัน และเรื่องที่ผมโดนส่งออกไปเรียนต่อและเรื่องของผมที่โดนแยกห่างจากทุกคน ผมที่รู้เรื่องสามารถเชื่อมโยงทุกอย่างจนเข้าใจ ผู้ชายคนนั้นรับเด็กผู้ชายเข้ามาเพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าและบอดี้การ์ด คนที่หน้าตาดีจะถูกแยกให้เป็นนายบำเรอของทุกคนหลังจากที่คุณพอหมดความสนใจแล้ว คนที่ผ่านการทดสอบแล้วหน้าตาดีจะต้องมาอยู่ข้างกายคุณพ่อทำในทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง แต่พอมาถึงรุ่นของผมที่ผ่านมาถึงสามคน ถ้าเทียบกันแล้วผมโดนกันออกเพราะพี่ทั้งสองคนจัดว่าหน้าตาดีกว่าไหนๆ เพราะสมัยก่อนคุณแม่เคยโกหกเรื่องการไว้ทรงผมกับแว่นเพื่อปลอมตัว ผมที่เป็นเด็กเลยชอบที่จะเล่นจนติดเป็นนิสัยไม่เคยมีใครเห็นหน้าที่แท้จริงของผม” เอลมีสีหน้าตกใจพอสมควรกับเรื่องที่ได้รู้ เพราะผมมักจะชอบไว้ผมที่ยาวจนเกือบปิดดวงตาและชอบใส่แว่นบังหน้า ตั้งแต่มาอยู่กับเอลผมที่ต้องถอดแว่นนอนเลยทำให้เอลน่าจะเคยเห็นหน้าผมมาก่อนแต่ไม่น่าจะชัดเพราะผมที่ยาวมากว่าเมื่อก่อนมาบังไว้

“ผมไม่ได้ถูกเลือกแต่เพราะความร็ที่ได้รับมาเลยคิดที่จะส่งผมไปเพื่อกลับมารับช่วงต่อแทน ทั้งการเก็บตัวผมเอาไว้และไม่ยอมให้เจอใครเป็นการรอเวลาที่ผมจะกลับมาทำงานทดแทน แต่เพราะพี่ทั้งสองคนที่ไม่ยอมที่จะทำในเรื่องอย่างว่าจนทำให้มีหลายครั้งที่ผมเห็นว่าพวกเขาเหมือนจะทะเลาะกัน คุณพ่อหงุดหงิดจนต้องออกจากบ้านและหายไปทั้งคืนเพราะเป็นเรื่องนี้เลยไม่มีใครเล่าให้ผมฟัง จนมาถึงจุดที่ทุกอย่างถูกเปิดเผย ผมที่คิดว่าท่านรักพวกเรามาตลอดกลายเป็นว่าเขาเลี้ยงพวกเรามาเพื่อเป็นเครื่องมือของตัวเอง หลังจากนั้นพวกพี่และคนอื่นๆจัดการทำเหมือนโดนคนนอกมาทำร้ายเขาจนตาย พวกเราพากันแยกย้าย ผมที่ได้เวลาเดินทางเลยออกเดินทางไปพร้อมพี่อีกคน จนผมสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ผมทำงานอยู่ตอนอายุสิบสามปีจนจบปริญญาเอกตอนอายุสิบหกปี หลังจากที่ผมกลับมาก็ได้พี่คนโตที่ไปพร้อมกันดูแลเรื่องเงินกับที่อยู่อาศัย จนถึงเรื่องงานก่อนที่จะมาเจอเอลด้วยครับ”

“ผู้ชายคนที่คอยช่วยเหลือนาย ฉันรู้ชื่อได้ไหม”

“เขาชื่อกฤษครับ จักรกฤษ วีระเลิศไพศาล นามสกุลนี้เป็นนามสกุลของพ่อบุญธรรมที่ดูแลพวกเรามา พี่กฤษเป็นคนจัดการเรื่องราวให้เสร็จจนได้รับมรดกทั้งหมดเป็นของพี่เขาเพราะคนที่เหลือไม่มีใครอยากจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของเขาอีก”

“ฉันพอจะเข้าใจว่าหมอนั่นมีความสามารถ เพราะเคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน”

“เอล เกลียด ไหม”

“เฮ้อ มานี่มา”เอลกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆตัวเอง

“คนเราทุกคนมีอดีตที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น ฉันก็มีเหมือนกัน เรื่องที่เป็นเด็กกำพร้า เรามีอะไรที่เหมือนกันเยอะเลย เราเป็นคู่กัน เชื่อฉันไหม”

“เอล บ้า”ผมได้แต่งึมงำในลำคอเพราะเอลก็ยังหาช่องมาหยอดผมตลอด พวกเราคุยกันเรื่องอื่นๆต่อจนลืมไปว่ายังมีอีกสองชีวิตที่นั่งอยู่ร่วมห้องกัน

“อะแฮ่ม ผมขออนุญาตขัดครับ แล้วหน้าตาคุณเพื่อนที่จริงเป็นแบบไหนครับแถมเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อนด้วย”

“ผมมักจะควบคุมอารมณ์ตอนที่เริ่มโมโหไม่ได้จนลืมตัวไปว่าตัวเองพูดเป็นประโยคยาวๆไม่ได้ เลยเผลอเป็นทุกครั้ง ขอโทษที่ทำให้ตกใจและพูดกับพวกพี่ไปแบบนั้นนะครับ” ผมรีบยกมือไหว้พวกพี่ทั้งสองคนที่โดนผมทำตัวใส่

“ไม่เป็นอะไรหรอครับ ผมสองคนเข้าใจ”พี่เฟียสที่เงยหน้ามาตอบผมก่อนจะก้มลงทำงานต่อ แต่ผมเห็นว่าพี่เฟียสแอบยิ้มให้ผมเหมือนกัน

“ส่วนเรื่องหน้าตา ผมคิดไว้อยู่แล้วละครับว่าหลังจากที่บอกเรื่องนี้กับเอลจะไปดื่มยาแก้ที่ทำไว้นะครับ”

“ยาแก้ ยังไงกัน หน้าที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันไม่ใช่หน้าของเธอหรอยังไง”

“มันก็เป็นโครงหน้าเดิมละครับ ผมคิดค้นยาที่เปลี่ยนสีผิวให้คล้ำลงกว่าเดิมเยอะพอสมควร”

“เธอนี่มัน ฉันคิดว่าผิวเธอดีมากนี่ยังไม่ขาวอีกหรือไง รีบไปจัดการตัวเองด่วนก่อนที่ฉันจะทำโทษเธอ”เอลที่รู้ความจริงถึงกับไล่ผมทันที โดยที่ทั้งสองก็ทำหน้าดูใส่ผมเหมือนกัน ก็มันติดเป็นนิสัยจนลืมไปแล้วนี่ครับ แถมยาแก้ยังมีแค่เม็ดเดียวเพราะผมทำออกมาแค่ชุดเดียวแถมวัตถุดิบยังมีแค่ที่สถาบันที่พังไปแล้วด้วยอีก ถ้าแก้ไปแล้ว จะให้กลับมาคล้ำแบบเดิมก็ไม่ได้แล้ว ผมที่เดินขึ้นมาถึงห้องจัดการถอดแว่นตาที่ไม่ได้มีค่าสายตาออกแล้วหยิบกรรไกรเข้ามาที่ห้องน้ำจัดการตัดผมหน้าที่ยาวจนปิดตาออกให้เข้ารูปหน้าตามเดิมจัดการซอยผมให้สั้นเข้าทรง กลืนยาแก้ที่ใส่ไว้ในจี้ห้อยคอเดินไปแช่ในอ่างอาบน้ำที่เปิดน้ำเย็นจัดรอเอาไว้ พอยาเริ่มออกฤทธิ์ผมที่ใช้ตัวเองทดลองมาก่อนเลยรู้ว่ามันจะร้อนมากๆต้องดับการแช่น้ำเย็นเพื่อดับร้อนจนผิวที่ถูกยาเคลือบไว้หลุดออกมา สีผิวเดิมที่เคยเห็นเมื่อตอนเด็กกลับมาสู่สายตาอีกครั้ง สีผิวที่ขาวจนเหมือนจะสะท้อนแสงยิ่งกว่าเดิม ความใสที่มาจนคิดว่าโดนเพียงนิดเดียวคงเห็นรอยมากกว่าเดิมแน่นอน นี่ผมกลายเป็นหลอดนีออนเคลื่อนที่แล้วครับทุกท่าน สีผมที่โดนย้อมสีดำไว้กลายเป็นสีน้ำตาลจากฤทธิ์ยาที่ลอกออกผมลุกขึ้นมาเช็ดตัวก่อนจะสวมเสื้อผ้าเดินมาเช็ดผมที่กระจก เงาที่สะท้อนกลับมาแตกต่างจากตอนเด็กไปไม่เท่าไหร่แค่สูงขึ้นมานิดหน่อย ใบหน้าที่หวานจนแยกเพศยาก ริมฝีปากสีชมพูอ่อน ตากลมโตที่ไร้กรอบแว่นบดบังเช่นทุกครั้ง ผมที่ถูกจัดทรงตามรูปหน้าเปิดหน้าให้เห็นชัดมากขึ้น จะตกใจกันขนาดไหนนะ ชักจะคิดถึงหน้าเดิมแล้วสิ ผมไม่มั่นใจหน้าของตัวเองเลยครับ มันต้องตลกมากเลยแน่ๆครับ

“เอ่อ มา แล้ว ครับ”ผมที่เดินเข้ามาที่ห้องบอกกับสามคนที่นั่งสุมหัวกันอยู่ที่โซฟา ทั้งสามคนมองมานิ่งๆแต่ผมสังเกตว่าพี่สองคนดูหน้าแดงขึ้นมา ทั้งสองคนรีบหันไปมองหน้าเอลก่อนจะขอตัวออกไปก่อน เหลือแค่ผมกับเอลที่นั่งอยู่ที่เดิม ผมเดินไปนั่งข้างๆเหมือนก่อนที่จะออกไป

“เพื่อน หรอ”

“ครับ มันตลกมากเลยหรอครับ หรือมันน่าเกลียดเกินไป”

“น่ารัก เธอน่ารักมากเลย”ผมที่ยังฟังไม่ทันจบโดนเอลจับไปฟัดแก้มทันที จะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ถือว่าเป็นการโดนเอลลงโทษละกันที่ปิดบังมานาน แต่ผมซึ้งในน้ำใจที่เอลมอบมันให้ผม เอลบอกว่ารักผมแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้าที่แท้จริงของผมด้วยซ้ำ ต้องเกิดอีกกี่ชาติผมถึงจะเจอคนที่ดีแบบเอลกัน

   ผมยอมรับว่าตกใจที่เห็นหน้าของเพื่อนที่ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นใกล้ตัวผม ใบหน้าหวานที่เคยมันมากขึ้นจนผมไม่อยากให้ใครได้เจอ สีผิวเดิมที่ผมคิดว่าขาวพอสมควรกลับยิ่งขาวมากขึ้นแถมดูสุขภาพดีมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะตอนเดิน ตอนนั่ง ทุกอย่างทุกการกระทำที่เพื่อนทำโดยไม่รู้ตัวมันแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ผมสะกิดใจทุกครั้งที่มองเพื่อน ผมไม่เคยเสียใจที่เลือกเพื่อนมาเป็นคนรักสักครั้ง ยิ่งมาพบว่าผมมีอัญมณีที่ล้ำค่าอยู่ข้างกายยิ่งทำให้ผมสาบานกับตัวเองให้ปกป้องดูแลเพื่อน แม้จะแลกด้วยชีวิตตัวเองก็ตาม ผมจัดการลงโทษเด็กดื้อที่ปิดบังด้วยการฟัด ผิวหน้าของเพื่อนนิ่มมากขึ้นจนผมไม่อยากจะผละออกมาจริงๆ อยากจะเลิกจับฟัดแล้วจับกินมันซะตอนนี้เลยเชียว ไหนจะเรื่องตอนเช้าที่เพื่อนทำให้ผมตื่นอีก มันน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆให้ตาย ว่าที่เมียใครเนี่ยคนนี้ หืม!!!!!

TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #18 เมื่อ17-05-2018 12:40:23 »

#14
   วันนี้พวกเรามาเที่ยว แค่ก เอาใหม่ วันนี้พวกเรามาทำงานกันที่คาสิโนที่เปิดใหม่ที่ไทยของเอลกันครับ เอลบอกว่ามีเอกสารที่ต้องเข้ามาดูเลยพาผมมาเปิดหูเปิดตาหน่อย ผมที่ไม่อยากขัดศรัทธา อะไรนะครับความอยากของผมเอง แหมอย่ามาอ่านใจกันสิครับ มันไม่ดีนะเออ ผมที่เห็นว่าเอลต้องอ่านเอกสารที่มีแต่ตัวหนังสือเต็มแผ่นเลยถือโอกาสขอเอลมาเดินชมโลกของนักพนันดู เอลที่อนุญาตแต่ต้องมีพี่วินกับพี่เฟียสไปด้วย ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างก่อน ที่ชั้นนี้เป็นโต๊ะสนุ๊กธรรมดาทั่วไปทั้งชั้น ผมที่ไม่สนใจกีฬาในร่มก้มแล้วแทงแบบนี้ก็ได้แต่เดินเตร่ไปเรื่อย มีหลายคนหันมาสนใจแต่เพราะมีผู้ชายใส่ชุดดำเดินหน้าเข้มตามมาเลยไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับผม เราเปลี่ยนชั้นไปเรื่อยๆ ที่นี่รองรับนักพนันได้มากว่าพันคน มีบริการของพนันแต่ละชั้นที่ไม่ซ้ำกัน มีจุดแลกชิพในแต่ละชั้นเพื่อง่ายต่อการต่อทุนของนักพนัน จนมาถึงชั้นที่ผมชอบมากที่สุด ใช่ครับ ชั้นสล๊อต มีตู้สล๊อตเรียงรายกันมากกว่าห้าสิบเครื่องจนเต็มพื้นที่ของชั้น ผมเดินไปทางที่คนน้อยสุดก่อนจะเลือกนั่งเครื่องหนึ่ง พี่วินบริการเดินไปแลกชิพมาใหม่ผมพร้อม ผมที่หยอดเหรียญกดอย่างเมามันจนไม่ได้ฟังเสียงเหรียญที่กระทบกันลงช่องรับของจนแทบจะล้นออกมา บางครั้งผมก็เบื่อความดวงดีของตัวเองนะครับ ใช่ครับที่ผมชอบเล่นเพราะมันค่าเวลาได้ดีทีเดียว ได้กำไรกลับมาเป็นกอบเป็นกำ ผมที่มีหน้าที่กด พี่วินกับพี่เฟียสคอยเก็บเหรียญเข้าถุงเพื่อเก็บไว้แลกคืน เราเล่นไปเรื่อยๆมีคนที่หันมาสนใจการเล่นของผมจากการนับจำนวนถุงใส่เงินที่วางรอบตัวผมแล้ว ผมเห็นผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาที่ผม

“สวัสดีครับคุณลูกค้าดูเหมือนว่าจะมีโชคด้านนี้มากเลยนะครับ”

“ครับ”ผมตอบกลับไปพลางมองหาชิพสุดท้ายที่แลกมาในกล่อง ผมหยอดชิพแล้วกดเล่นครั้งสุดท้าย จำนวนเหรียญที่ได้มากกว่าครั้งก่อนจนแทบจะล้นถุงเพราะบวกโบนัสเพิ่มมาเท่าตัว ผมก้มเก็บเหรียญที่เอาไว้แลกคืนก่อนจะมองถุงที่เหรียญที่ได้ จะขนไปยังไงกันนะ

“วันนี้นายเข้ามาหรอครับพี่วินพี่เฟียส”ชายแปลกหน้าที่น่าตาดีพอสมควรหันไปถามพี่วินพี่เฟียสที่ยืนอยู่ด้านหลังผม

“อืม นายมาดูเอกสาร”พี่วินเป็นคนตอบ เพราะพี่เฟียสกำลังช่วยผมคิดว่าจะขนไปแบบไหนดี

“ทำไมนายเข้ามาไม่เห็นจะบอกกันบ้าง แบบนี้ต้องไปหา”

“อย่าทำอะไรนอกคำสั่ง หัดรู้ที่ตัวเองบ้าง”อยู่ดีๆพี่เฟียสก็พูดขึ้นกลางปล้อง ผมที่คิดจะยืมตัวลูกน้องเอลที่เดินไปมามาช่วยขนรีบหันมอง พี่เฟียสกำลังจะว่าผมรึเปล่านะ

“ผม หรอ”ผมหันไปถามพี่เฟียส แต่กลับโดนคนที่คุยกับพี่วินอยู่หันมาว่าแทน

“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ถ้าเรียบร้อยแล้วก็เชิญครับ อย่ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่น” ผมที่ได้ยินก็ทำได้แต่ยืนงงต่อไป

“พัด”พี่เฟียสตะคอกกลับ ออ ชื่อพัดนี่เอง แต่ที่นี่เขาไล่ลูกค้ากันแบบนี้เลยหรอครับ แปลกดี

“ยังไม่ไปอีกหรอครับ จะยืนยุ่งเรื่องชาวบ้านต่อหรือไง ถ้ามีปัญญาเล่นได้ก็ต้องขนเองได้นะครับ เชิญ”ผมที่อยู่ดีๆก็โดนด่า เกิดอารมณ์เคืองขึ้นมาเล็กน้อย ผมไม่ได้จะให้คุณช่วยนี่ครับ มาพูดแบบนี้ทำไม แล้วเป็นพนักงานแทนที่จะดูแลลูกค้ากลับมาไล่ลูกค้าได้ยังไงกัน ใครเอาคนแบบนี้มาทำงานครับ

“หยุดได้แล้วพัด พวกนายมาขนถุงพวกนี้ไปจัดการแลกแล้วเอาไปไว้ที่ห้องนายด้วย”พี่วินบอกนายคนที่ชื่อพัดก่อนจะใช้ชายชุดดำที่เดินผ่านมาสามคนช่วยขนไปแทน ผมที่ได้แต่มองไปทางนั้นทีทางนี้ทีก็ทำอะไรไม่ได้

“คุณเพื่อนครับกลับไปที่ห้องนายก่อนเถอะครับ มีคนมองมาเยอะแล้ว” ผมพยักหน้ากับพี่เฟียสก่อนจะเดินตามแต่กลับถูกขวางไว้ด้วยนายพัดอีกครั้ง

“หมอนี่เป็นใครทำไมต้องไปหานาย ที่ฉันจะไปพี่ดันมาห้ามเนี่ยนะ หรือว่านี่เป็นเด็กนายกัน เหอะ พวกอ้าขาแลกเงินสินะนายหนะ ถึงว่าทำไมหน้าตาดีขนาดนี้กัน ไปทำมาเท่าไหร่ละถึงมาหาเหยี่อกระเป๋าหนักได้ขนาดนี้ นายก็แปลกนะที่มาซื้อเด็กขายแบบหมอนี่มาควง เหอะ ของดีๆมีไม่สนใจไปคว้าเอาไอ้ตัวที่ไหนไม่รู้มา หึ”

“พูดจบหรือยัง ถ้าจบแล้วช่วยหุบปากแล้วตามฉันมา เห็นที่คราวนี้เอลต้องอธิบายกับฉันแล้วว่าหมอนี่มันเป็นใครถึงกล้ามาว่าฉันได้ขนาดนี้ มานี่”ผมที่ฟิวขาดหลังจากที่ยืนฟังคำหยาบคายที่ออกมาจากปากคนตรงหน้า ผมกระชากแขนก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่ทำงานเอลข้างบนสุด พี่วินกับพี่เฟียสรีบวิ่งตามมาทันที ส่วนคนที่ผมดึงแขนก็ทำหน้าอึ้งใส่ผมก็จะพยายามแกะมือผมออก ผมลากมาจนถึงห้องเอล การ์ดที่อยู่หน้าห้องพอเห็นว่าเป็นผมก็จะเคาะบอกแต่ผมเดินผ่านแล้วเปิดประตูกระแทกเข้าไปเอลที่ทำงานหันขึ้นมามองแต่ผมไม่มีอารมณ์จะคุยดีด้วยตอนนี้

“หมอนี่เป็นใคร อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะพี่เอล”ผมเหวี่ยงนายพัดลงพื้นก่อนจะเดินกระทืบเท้าไปที่โซฟาเพื่อสงบใจลงให้อารมณ์เย็น ผมไม่อยากพาลไปลงที่เอล แต่ความโกธรมันมากกว่าจนอยากจะปิดปากหมอนั่นที่กล้ามาว่าผมให้ลงไปนอนเล่นในทะเลแบบที่เอลทำบ้างเหมือนกัน

“มันเกิดอะไรขึ้น วิน เฟียส พัด”เอลเดินมานั่งข้างผมลูบไหล่ผมก่อนจะหันไปถามที่เหลือในห้อง เอลกำลังอารมณ์ไม่ดีจากที่ผมรู้สึกได้ และคิดว่าทั้งสามคนน่าจะรู้สึกเหมือนผม

“พวกเราสองคนกับคุณเพื่อนกำลังคิดที่จะย้ายเจ้าถุงพวกนั้นออกจากเครื่องสล๊อตยังไงดี อยู่ๆพัดที่เดิมมาก็เข้ามาคุยแต่ทะเลาะกับเฟียส คุณเพื่อนที่ไม่รู้ว่าเฟียสว่าพัดเลยถาม พัดที่ไม่รู้จักคุณเพื่อนคิดว่าเป็นลูกค้าก็เลยเชิญคุณเพื่อนออกไปแล้วทะเลาะกับเฟียสอีก คุณเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องก็พลอยโดนว่าไปด้วยที่ไม่ออกไป พวกเรากำลังจะพาคุณเพื่อนกลับมาหานายแต่พัดเข้ามาขวางแล้วก็ด่าคุณเพื่อน ก็เป็นแบบที่เห็นละครับนาย”พี่วินร่ายยาวเป็นนิทานก่อนนอนพร้อมสรุปตามเรื่องให้เอล ผมที่ได้ยินถึงกับขึ้นเพราะนึกไปถึงคำพูดที่นายพัดด่าผม ผมยังไม่เคยมีอะไรกับใครแถมยังเป็นผู้ชายโดนดูถูกว่าอ้าขาหาเงินไม่พอยังดูถูกว่าผมเป็นแค่เด็กขายอีก ถ้าผมจะขายผมเกรดพรีเมี่ยมนะครับ แค่ก ผิดเรื่องกลับมาต่อที่เดิมก่อน

“นายว่าอะไรคนของฉันพัด”

“นายครับ ทำไมนายถึงต้องปกป้องมันด้วยละครับ ทั้งที่มันก็แค่เด็กขายที่นายเอามาควงเฉยๆ”

“พัด!!!!”เอลตะคอกนายพัดทันทีที่หมอนั่นว่าผมต่อหน้าเอล ผมที่จับแขนเอลไว้ส่ายหน้าไม่ให้เอลลุกไปทำร้ายอีกฝ่าย ถึงผมจะโกรธที่โดนว่าแต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักแล้วมาเห็นแบบนี้อาจจะคิดแบบเดียวกับพัดก็ได้เวลาที่เอลเดินกับผม แต่ที่มาว่าผมอันนั้นไม่นับนะครับเพราะดูถูกคนอื่นทั้งที่ยังไม่รู้จักกันมันเกินไป

“สงสัยฉันจะเลี้ยงเธอมาแบบละเลยเกินไปสินะ อยากลองไปยืนด้วยตัวเองดูไหม นายกำลังทำให้ฉันหมดความสงสารที่รับนายมาเป็นลูกน้องนะพัด ฉันจะย้ำอีกครั้งว่านายเป็นแค่ลูกน้องเหมือนกับคนอื่นๆไม่ได้พิเศษไปกว่าใครทั้งนั้น อย่าคิดว่าที่ผ่านมาฉันไม่รู้ว่านายไปอ้างกับคนอื่นว่ายังไงบ้าง ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนเล่นของนาย นายน่าจะรู้ดีกว่านี้นะพัด”

“นายครับ ผมขอโทษที่ทำตัวไม่ดีแต่อย่าทิ้งผมไปได้ไหมครับ”พัดก้มลงมากอดขาเอลไว้แล้วร้องไห้ ทำไมมันเหมือนฉากพระเอกจะทิ้งนางเอกในนิยายเลยครับ ส่วนผมก็คงเป็นตัวร้ายที่เข้ามาแย่งพระเอกไปจากนางเอกแทน

“นอนกันแล้วหรอ”ผมลุกขึ้นถอยห่างจากเอลถามทั้งสองคน เอลหันมาทันทีพัดก้มหน้าไม่ยอมตอบ แบบนี้มันจะตีความได้สองอย่างนะครับ ทั้งใช่และไม่ใช่

“ฉันคงจะลืมบอกเธอไปว่าฉันไม่เคยนอนกับลูกน้องของตัวเองคนไหน หลายปีแล้วที่ฉันไม่เคยใช้บริการจากที่ไหนเลย ขอร้องละ อย่ามองฉันแบบนั้น” ผมก็พอเข้าใจว่าผมกำลังมองเอลกับพัดแบบไหน ก็มันน่าคิดนี่ครับ กอดขาร้องไห้ทั้งที่แค่จะไม่ยุ่งด้วยเหมือนเดิมไม่ได้ไล่ออกจากงานสักหน่อย ไหนจะอีกคนที่ปล่อยให้ทำแล้วไม่ยอมดันออกอีก ผมเดินไปนั่งยองๆตรงหน้าพัดก่อนจะจับหน้าหันขึ้นมาสบตากัน หมอนี่ไม่ได้เศร้าจริงแค่ทำไปแบบนั้น ร้ายนักนะนายเนี่ย

“ฉันมันก็แค่เด็กขายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ที่ยอมอ้าขาแลกเงินมาใช้ ทำหน้าเพื่อจับเหยี่อเกรดพรีเมี่ยมแบบเอลแบบที่นายว่าฉันโดยที่ไม่ได้รู้จักกัน กับนายที่เป็นของดีที่บอกกับฉัน นายที่เป็นแค่ลูกน้องของเอล ที่เป็นแค่คนที่มีดีแค่หน้าตาแต่ไร้สามันสำนึกต่อเพื่อนร่วมโลก ไร้ซึ่งสมองที่ไว้นึกคิดว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควร นายคิดว่าฉันกับนายมันแข่งกันได้ไหม นายที่ไม่รู้จักฉันเลยสักนิดกับฉันที่รู้ว่านายเป็นพวกโลกแคบทางความคิด นายว่าเราเหมาะที่จะเอามาเปรียบเทียบกันไหม”

“แก”ผมบีบกรามของพัดจนพูดต่อไปได้ พัดที่พยายามดันมือผมออกแล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยสักคน

“นายเป็นแค่ลูกน้องของเอล กับฉันที่เป็นคนรักของเอล นายเป็นแค่เด็กที่เอลรับมาเลี้ยงเพื่อทำงานแลกเงิน นายมีสิทธ์อะไรถึงมาว่าฉันห้ะ!!!!” ผมสะบัดมือจนพัดที่นั่งที่พื้นล้มไปนอนหมอบที่มุมปากมีเลือดไหลออกมาจากแรงกระทบกันของมือผมที่โดนตอนสะบัด ความโมโหที่ไม่ลดลงแต่ดันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่เห็นเอลยอมให้หมอนั่นทำอะไรกับตัวได้แถมยังมาเจอสายตาที่ไม่ยอมรับผิดอีก ใครมันจะไปทนกันครับ

“เพื่อนใจเย็นก่อนนะ”เอลเดินเข้ามาโอบเอวผมแล้วลูบไหล่ปลอบผมปล่อยให้เอลทำแต่ไม่ได้ใจเย็นลงสักนิดเดียว

“นายเป็นพนักงานแทนที่จะดูแลลูกค้ากลับมาทำตัวแย่ๆใส่ กล้าไล่ลูกค้าที่เข้ามาทำให้นายมีเงินเดือนออกจากที่นี่อีก เอลให้นายมาทำงานเพื่อให้ธุรกิจเติบโตแต่นายกลับเอาความไว้วางใจของเอลมาทิ้งตามอารมณ์ของนายเอง นี่นะหรอที่นายกำลังแสดงออกว่ารักนายของนาย นายบอกว่ารักแต่นายกลับทำลาย โตมาขนาดนี่หัดคิดบ้างนะครับ อย่างทำให้สมองเป็นแค่อวัยวะของร่างกายโดยที่ไม่ยอมพัฒนามันให้ดีขึ้นเลยครับ อย่าคิดว่ามันคือการสอนเพราะดูจากอายุแล้วนายน่าจะเป็นพี่ผม แต่ให้คิดว่าเป็นคำแนะนำจากรุ่นน้องก็แล้วกันครับ”ผมยิ้มเย็นส่งให้ดันตัวเอลออกแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเอลที่ห่างจากคนอื่น เอลที่ตกใจที่โดนผมสะบัดทิ้งก็ได้แต่มองตาม ผมหันกลับมานั่งดูบัญชีก็วงกลมตัวเลขที่น่าสงสัยกลับแก้ไขจนดูลงตัว ผ่านไปนานพอสมควรผมก็เห็นนายพัดเดินออกจากห้องไปเอลเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานพร้อมลากเก้าอี้สำรองมานั่งข้างผมที่กำลังตรวจสอบบัญชี ผมที่ว่างและหาที่ระบายอารมณ์เลยมานั่งทำบัญชีให้เอลฆ่าเวลารอ เอลที่เห็นก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับเรียกคนที่ดูแลด้านการเงินมาคุยเรื่องตัวเลข เรานั่งทำงานไปสักพักจนเสร็จเอลก็ชวนผมกลับ ผมที่ยังเคืองเอลเรื่องที่ปล่อยตัวอยู่เลยไม่ยอมคุยแต่ก็ทำตัวเหมือนปกติเพราะใจหนึ่งก็กลัวเอลจะหาว่างี่เง่าแต่เอลก็เหมือนจะมีอะไรในใจเหมือนกันใต้ท่าทางที่ปกติ เรานั่งกันเงียบๆในรถแต่ไม่ได้มีบรรยากาศที่อึดอัดมากเท่าที่ควร จนใกล้จะถึงบ้านเอลดึงมือผมไปกุมก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม แต่ผมที่หันมองข้างทางก็ยังไม่ได้สนใจอะไร ก็บอกแล้วครั้งมันสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็เคืองอีกใจก็กลัวหาว่างี่เง่า

“เธอไม่คิดจะหึงที่ฉันโดนคนที่เธอไม่รู้จักเข้ามาลวนลามร่างกายแฟนเธอเลยหรอไง”เอลถามผมก่อนจะเปิดประตูลงไปก่อนผมที่ตามลงมาก็เดินตามเข้ามาในบ้าน แต่เอลก็ยังคงจะเดินๆหยุดๆแกล้งผมจนกว่าจะได้คำตอบ

“เชื่อ เอล”ผมตอบตามที่คิด ใช่ผมเชื่อใจเอลและเชื่อข้อมูลที่รู้มาจากที่ทำงานเก่าพอสมควรเรื่องคู่นอนของเอล

“ถึงฉันจะดีใจที่นายเชื่อใจกันก็เถอะแต่ก็อยากให้นายแสดงออกมาบ้างว่าหึงกัน ไม่ใช่โกรธแต่เรื่องที่พัดว่าเธอ” เอลที่ไม่ยอมปล่อยให้เดินเข้าบ้านกลับหยุดคุยอยู่ตรงบริเวณมุกหน้าบ้าน ลูกน้องของเอลที่มารอรับทั้งการ์ดทั้งเมดต่างพากันลอบมองมาอย่างสงสัย เอลจะไปคุยที่ห้องไม่ได้หรือยังไงกันชอบโชว์นักได้จะทำให้อายเลย

“เอล ปล่อย”ผมที่จะดึงแขนออกจากมือเอล แต่เอลดันไม่ยอมปล่อย

“ไม่จนกว่าเธอจะบอกว่าหึงฉัน ทำอะไรก็ตามที่บอกว่าเธอไม่พอใจกับเรื่องวันนี่ที่พัดทำ”

“ครับ ได้” เพียะ เกิดความเงียบขึ้นทันที่ที่ผมตบหน้าเอลจนหัน เอลหันกลับมามองที่ผมแบบอึ้งแต่ดูเหมือนคนรอบข้างจะอึ้งมากกว่า

“เพื่อน เธอ เธอหึงฉันจริงๆใช่ไหม”

“อือ”เอลที่โดนผมตบหันกลับมาแล้วรวบร่างผมไปกอดก่อนจะก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมสลับไปมาจนผมที่งงต้องพยายามดิ้นหนี เอามือยันหน้าเอลไว้แล้วหอบหายใจ เอลที่พยายามดันมือผมเอาหน้ากลับมาฟัดผมต่อก็โดนผมเอามือสองข้างมากั้นไว้ เอลที่หอมแก้มผมไม่ได้ก็เอาแต่หัวเราะเสียงดัง ไม่รู้มันน่าดีใจขนาดไหนที่ผมแสดงออกว่าหึงแต่ผมก็ได้รู้จักเอลเพิ่มขึ้นว่าเอลเป็นคนที่ชอบโดนคนรักหึงหวงเหมือนกัน

“เอล โรคจิต”ผมด่าเอลทั้งที่ยังดิ้นไม่หลุดจากอ้อมกอดนั้น

รอบกายเรามีแต่รอยยิ้มที่ส่งมาที่เรานับว่าวันนี้ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากกว่าเรื่องร้ายๆเพียงเรื่องเดียวละครับ วันนี้ผมได้ประสบการณ์มากมายจากการออกนอกบ้านเอลอีกครั้ง ผมที่ได้บริหารดวงแต่กลายเป็นว่าเงินที่แลกมาเอลกลับยึดเอาไปหมดผมที่จะท้วงก็โดนเอลดึงไปกอดก่อนจะบอกว่าเงินพวกนั้นมันน้อยกว่าที่เอลมีให้ผมใช้ทุกวันอีก เกลียดจังเลยครับพวกอวดรวยเนี่ย อย่าให้รวยบ้างแล้วกันนะครับ เหอะ

TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #19 เมื่อ18-05-2018 13:32:45 »

#15
   วันนี้พี่วินอยู่เป็นเพื่อนผมทั้งวันเพราะเอลมีงานไม่ว่างอยู่กับผม แต่ที่ผมพูดไม่ได้แปลว่าคิดถึงเอลนะครับ ผมแค่บอกพวกคุณเฉยๆครับ พี่วินเล่าว่าพัดโดนย้ายไปทำงานเป็นพนักงานแลกชิพแทนจนกว่าจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นถึงจะให้กลับมาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการต่อเหมือนเดิม ผมที่เลิกสนใจกับคำพูดของพัดแล้วก็ปล่อยให้เรื่องเมื่อวานผ่านไปเฉยๆแทน

“คุณเพื่อนครับ รู้ไหมครับอีกสามสัปดาห์เป็นวันอะไร” พี่วินหันกลับมาถามผมที่กำลังนั่งดูการ์ตูนช่องเคเบิลอยู่ ผมส่ายหน้ากลับไปเพราะคิดไม่ออกว่าอีกสามสัปดาห์เป็นวันสำคัญของใคร

“อีกสามสัปดาห์เป็นวันเกิดนายครับ” ผมหันกลับมาสนใจที่พี่วินอีกครั้ง

“จริง”ผมเอียงคอถามย้ำพร้อมกับนึกถึงประวัติเอลที่ผมเคยหาข้อมูลมาตอนที่เขามาอยู่กับเอลแรกๆ

“ครับ ไม่เชื่อถามนายดูได้ครับ”ใครจะกล้าไปถามตรงๆแบบนั้นกัน เพราะถ้าถามก็เท่ากับบอกว่าเรามีเรื่องเซอร์ไพร์สสิครับ วันเกิดคนสำคัญทั้งทีต้องมีของขวัญสิครับ หรือคุณว่าไม่จริงกัน

“ไม่ เอล รู้”ผมส่ายหน้าบอกพี่วินก่อนจะนั่งคิดหาวิธีอะไรที่จะหลอกถามเอลให้ชัดดี ผมนั่งคิดไปเรื่อยจนถึงเวลาเอลกลับบ้าน ผมนั่งมองหน้าเอลไปเรื่อยจนเอลรู้ตัว

“วันนี้มีอะไรรึเปล่าเห็นเอาแต่จ้องหน้าฉันกัน รึเธอกำลังบ่นอะไรฉันอีกหึ เจ้าเด็กขี้บ่น”

“เอล เล่น เกม กัน นอน”เอลพยักหน้าก่อนจะเดินมานั่งที่เตียงเปิดไฟเพื่อนั่งคุยกันก่อนนอน

“เกมอะไรไหนลองว่ามาสิ” ผมรู้ว่าเอลเหนื่อยกับงานพอสมควร แต่เวลาที่เอลไม่เต็มร้อยแบบนี้ล้วงความลับง่ายที่สุด ผมหยิบเครื่องสื่อสารมาเตรียมพร้อมก่อนจะอธิบายกับเอล

“มันเป็นเกมง่ายๆไว้ละลายพฤติกรรมเด็กเวลาเจอเพื่อนใหม่ ผมยังไม่รู้จักเอลมากเท่าที่ควรเลย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันใหม่นะครับ”

“เอาสิ ฉันก็ดูเหมือนจะยังมีหลายมุมที่ยังไม่รู้จักเธออีกเยอะเหมือนกัน แล้วเล่นยังไงละ”

“ง่ายมากครับ ผมพูดอะไรไปเอลต้องตอบเรื่องเดียวกับที่ผมพูดไปที่เกี่ยวกับตัวเอง แล้วถัดมาเอลก็พูดเกี่ยวกับตัวเองต่อผมก็จะพูดเกี่ยวกับผมในเรื่องเดียวกันกลับ พอเข้าใจไหมครับ”

“เข้าใจ งั้นเธอเริ่มก่อนละกัน บอกได้ทุกเรื่องใช่ไหม”

“ครับ งั้นเริ่มนะครับ ผมชื่อเพื่อน”

“ฉันชื่อเอล” เอลดูสนุกกับเกมที่เล่น “ฉันเป็นนักธุรกิจ”

“ผมเป็นคนว่างงาน” เอลหัวเราะกับคำพูดผม “ผมอายุยี่สิบสอง”

“ฉันอายุสามสิบหก” เอลตอบเสียงเบา ผมยิ้มล้อเอลเลยส่งสายตาดุมาให้แทน “ฉันเป็นเด็กกำพร้า”

“ผมเป็นเด็กกำพร้า” ผมมองหน้าเอล หวังว่าเอลจะไม่สงสัยกับเกมวันนี้ละกันนะครับ “ผมเกิดวันที่ยี่สิบสี่ มกราคม”

“ฉันเกิดยี่สิบธันวาคม” เอลนิ่งไปเหมือนจะคิดคำถาม “ฉันอยากเลี้ยงเสือ” ห้ะ เสือเนี่ยนะ สมกับที่เป็นเอลครับ

“ผมอยากเลี้ยงหมา” เอลมองหน้าผมล้อๆเหมือนโดนเอลเอาคืนเลยครับ ผมเป็นผู้ชายสายมุ้งมิ้งนี่ครับ “ผมชอบกินอาหาร”

“ฉันชอบเธอ” เอลมองผมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ มันคือความชอบเหมือนกัน ถือว่าไม่ผิด “คำตอบสุดท้ายของคืนนี้ละกัน เพราะฉันเริ่มง่วงแล้ว” ผมพยักหน้าตอบเพราะรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่สายตาของเอลที่มองมามันทำให้ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ “เอลรักเพื่อน”

“เพื่อนรักเอล” ตายอย่างสงบครับ ผมรีบซุกตัวลงในผ้าห่มม้วนตัวหนีเอลที่ยิ้มล้อเลียนมาเรื่องที่บอกรักเอลแล้วหน้าแดง

“ไหนขอดูหน้าเจ้าเด็กขี้เขินหน่อยเร็ว”เอลพยายามดึงผ้าออกจากตัวผม

“ม่ายยยยยยย” ผมยื้อผ้าจนสุดท้ายเอลเงียบหายไป ผมที่เห็นว่าเงียบเลยเปิดผ้าออกมาดูเจอเอลที่เหมือนรอเวลาอยู่แล้วพุ่งเข้ามาคร่อมตัวผมไว้ แทนที่ผ้าจะช่วยผมดันไปช่วยเอลแทน ซะงั้น  ผมดิ้นไปมาใต้ผ้าแต่ยิ่งดิ้นยิ่งรัดจนเหมือนดักแด้เข้าไปทุกที

“ไม่เหนื่อยเหรอไงหืม”

“งื้ออออออ”มือผมอยู่ใต้ผ้าเลยไม่มีอะไรมาปัดหน้าเอลที่ก้มมาฟัดแก้มผม หันหน้าหนีก็โดนตาม เอลทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัวผมหายใจไม่ออกเลยรีบโกยแต่ดันเข้าทางเอลอีก

“อือ”ถึงจะบ่อยที่เอลชอบเข้ามาลวนลามผมตลอดก็เถอะแต่เรื่องจูบนี่ผมไม่ชินจริงๆครับ มันเขินตลอด แล้วผมก็หายใจไม่ทันแม้ว่าเอลจะยกตัวขึ้นไปแล้วก็ตาม จนเอลพอใจก็ปล่อยแล้วดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดแทน เอลเอื้มมือปิดไฟแล้วล้มตัวมานอนท่าเดิม ผมที่เห็นว่าปิดไฟแล้วรีบเบียดเข้าที่เดิมที่คุ้นเคยแล้วหลับตาลง หวังว่าวันนี้ผมจะฝันดีเหมือนทุกวัน

   วันเวลาเวียนมาจนถึงวันเกิดเอล หลายคนดูตื่นเต้นที่จะได้ฉลองเพราะเอลให้วันนี้เป็นวันหยุดงานของคนงานในบ้าน ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรเลยคิดว่าทำเค้กให้เอลดีกว่า ผมใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายหนีเอลจากห้องทำงานมาขลุกอยู่ที่ห้องครัว ทั้งอาหารทั้งขนมเค้ก จนล่วงเลยมาถึงตอนมื้ออาหาร ผมยกอาหารออกไปที่โต๊ะเจอกับเอลที่เดินเข้ามาพอดี บ้านวันนี้ไม่มีใครยกเว้นการ์ดที่จะตรวจตราบ้านตามปกติ ด้านนอกเหมือนทุกวัน เอลเดินมาช่วยผมยกอาหาร เพราะอยู่กันแค่สองคนเลยทำแค่สองที่เท่านั้น เราทานกันไปเรื่อยๆจนหมดผมบอกให้เอลนั่งรอก่อนแล้วเดินมาหยิบเค้ก ผมไม่ได้ปิดไฟหรืออะไรทำนองนั้นเพราะเอลน่าจะรู้ว่าผมทำให้ แต่ผมมีเซอร์ไพร์สที่น่าตกใจให้เอลอยู่แล้วเลยไม่ค่อยอะไรกับการทำอาหารกับขนมเค้กก้อนนี้

“เอล สุขสันต์ วัน เกิด นะ ขอ ให้ มี ความสุข มากๆ”ผมที่นั่งท่องคำมาจนพูดได้ครบประโยคถึงจะเว้นช่วงก็ตาม นี่ผมซ้อมมาดีพอสมควรเลยครับ อะไรนะครับ คำง่ายๆ แหม ผมมีปมนะครับ มีปม!!!!!

“ขอบใจเธอจริงๆนะเพื่อน ทุกปีฉันจะนอนนับเวลาแล้วอวยพรตัวเองตลอด ขอบคุณที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตในวันสำคัญของฉันนะ”เอลส่งยิ้มมาให้ผมก่อนจะเดินมารับเค้กไปตัด เราแบ่งกันทานเพราะเค้กนี้เป็นกาแฟ เอลเลยทานได้แถมผมทำแบบไม่เลี่ยนให้ด้วย แต่ถึงจะกินกันสองคนก็เหมือนว่าผมจะกินมากกว่าเอลอยู่ดี จนหมด เราเก็บจานไปล้างเพราะไม่อยากทิ้งไว้ให้เป็นภาระเมดที่จะต้องเข้ามาทำต่อพรุ่งนี้ เราใช้เวลาในเรื่องธรรมดาที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำร่วมกัน เราเหมือนกับคู่แต่งงานที่ใช้ชีวิตติดดินแบบในนิยายเลยครับ หวา นี่ผมคิดอะไรออกไป ไม่นะ เลื่อนผ่านเลยครับ

“ไหนของขวัญของฉันกัน”เอลทวงของขวัญหลังจากที่เราขึ้นมาบนห้องแล้ว ผมไม่ตอบเลี่ยงไปอาบน้ำแทน ผมใช้เวลาทำความสะอาดร่างกายนานกว่าทุกวันพอสมควร ผมอ่านมาพร้อมแล้วครับ อย่าได้คิดอะไรมากไปครับ ก็อย่างที่คุณรู้กันนั้นละครับ ก็ในเมื่อเราเป็นคนรักกันแล้ว แถมเอลยังอดทนมาตั้งหลายครั้ง งื้อเขิน ไม่พูดดีกว่า

“นาน”เอลบ่นก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำต่อผม ผมที่สังเกตมาตลอดว่าเอลจะแต่งตัวในห้องน้ำเหมือนผมทุกครั้งเลย เดินไปปิดไฟในห้องจนห้องมืดลง แต่เพราะวันนี้พระจันทร์เต็มดวงเลยยังพอจะมีแสงเล็ดลอดเข้ามาให้เห็นรางๆ เอลที่ออกมาจากห้องน้ำหยุดเดินไปนิดเหมือนจะตกใจแต่ก็ยังเดินต่อไปเก็บผ้าเช็ดผม เอลที่มองไปมาเพราะแสงจันทร์เหมือนกำลังหาอะไรอยู่

“เพื่อนเธออยู่ตรงไหน เล่นอะไรครับ” เอลที่มองไม่เห็นผมถามแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนที่เตียง ผมที่อยู่ในมุมที่แสงตกกระทบน้อยเดินเข้าไปหาเอล ผมคิดว่าเอลน่าจะรู้ว่าผมเพราะแค่หันมามองเฉยๆ

“เอล”ผมเรียกเอลเพื่อบอกว่าคนที่เดินเข้าไปหาคือผม เผื่อเอลตกใจกระทืบผมอะนะ

“ครับ มีอะไรรึเปล่า”

“เอล”ผมเดินขึ้นไปนั่งคร่อมตัวเอลแล้วนั่งลงตรงช่วงเอวของเอลผมรู้สึกถึงสิ่งที่นอนนิ่งอยู่เริ่มเปลี่ยนแปลงพอผมขยับตัว

“เล่นอะไรครับ ระวังจะเดือดร้อนนะ”

“ไม่ เอล ผม ขอ เป็น ของ ขวัญ ให้ คะ คุณ ดะ ได้ ไหมครับ”ผมที่ฝึกหน้ากระจกทุกวันมาอย่างดี แอบมีเสียงสั่นช่วงปลายเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผมนั่งทับผมคิดว่ามันน่าจะสั่นมากกว่าผมนะครับ งื้ออออ

“เพื่อน จะทำให้รักไปถึงไหนกัน แค่นี้ก็ให้หมดทั้งตัวแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่ให้โอกาสเปลี่ยนใจนะ เพราะลูกฉันมันเริ่มจะงอแงแล้วด้วยสิ เธอต้องมาปลอบมันเองแล้วกัน” เอลที่พูดจบไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวพลิกตัวจนผมที่ไม่ได้ตั้งหลักลงมาอยู่ใต้ร่างเอลแทน เอลก้มลงมามอบจูบที่อ่อนโยนจนผมเริ่มที่จะคล้อยตาม วันนี้ผมปล่อยกายปล่อยใจเต็มที่เพราะถือเป็นวันของเอล แต่ ผมก็หวั่นๆกับเอลนิดหน่อยนะครับ ก็เล่นลำเอียงให้มาขนาดนั้นนี่ครับ

เอลก้มลงซุกหน้าไปที่ซอกคอของผมก่อนจะเริ่มละเลียดกินเหมือนอาหารที่ชื่นชอบ

“อืม อ่า เอล” ผมที่ความรู้สึกเริ่มปะทุขึ้นมาอดที่จะส่งเสียงครางตอบไปไม่ได้

“เพื่อน ตัวนายอร่อยอย่างที่คิดไว้เลย” ผมยกมือปิดหน้าทันทีที่ได้ยิน มันน่าอายเกินไปแล้วนะครับ
เอลเริ่มที่จะปลดกระดุมเสื้อนอนของผมออกก่อนจะลงลิ้นที่ยอดออกของผมที่มันแข็งเหมือนรอคอยเอลมานานแล้ว

“อ้ะ อือ เอล เสียว”ผมที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะรู้สึกดีขนาดนี่ แต่ผมว่าร่างกายของผมน่าจะรู้สึกไวถ้าคนทำเป็นเอลมากกว่า

“มันจะไม่ใช่เซ็กส์นะเพื่อน เราจะทำรักนะ”ผมที่เลื่อนมือออกมองที่เอลด้วยข้อสงสัย แล้วมันต่างกันยังไง

“เซ็กส์จะทำกับใครก็ได้โดยที่อาจจะไม่ได้รัก แต่ทำรักก็ตรงตัว การทำกับคนรักนั่นแหละ เข้าใจไหมครับ หืม”เอลอธิบายแล้วรูดกางเกงนอนผมออกอย่างรวดเร็วพร้อมชั้นใน ผมที่อายแม้ว่าเอลจะเคยเห็นแล้วก็เถอะแต่มันไม่ใช่ของที่มีไว้โชว์นี่ครับ

“อายทำไม เห็นมาแล้วนะ”ผมส่ายหน้าแต่ไม่ยอมเอามือออก เอลเลื่อนมือมากุมทับมือผมแล้วเริ่มขยับพร้อมกับปากที่หยอกล้อกับหน้าอกของผมด้วย

“อะ อ้ะ เอล”ผมส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัวเพราะรู้สึกถึงความร้อนที่ไปรวมตัวที่จุดเดียวที่เอลเลื่อมมากุมไว้แทนมือผมที่เอลจับไปไว้ที่บ่าตอนไหนก็ไม่รู้

“เอล อย่า”ผมห้ามเอลแต่เอลก็ไม่ได้สนใจ พร้อมกับที่ริมฝีปากครอบไปที่เขตหวงห้าของผม งื้ออออออจะดีกับผมไปถึงไหนกันครับ

“อ่ะ เอล อือ”ครับ ครางวนไปมาแค่นี้เพราะคิดอะไรไม่ออกจนผมที่ไกลจะไปแตะขอบฟ้าตามพี่ตูนโดนเอลหยุดขาไว้ก่อนจะผละออกมามองที่ผมแล้วถอดชุดตัวเอง แต่ภาพที่ผมเห็นมันทำเอาใจสั่นยิ่งกว่าเดิม มีใครเคยบอกเอลไหมครับว่ามองเอลถอดเสื้อมุมนี้แล้วเซ็กซี่มากกว่าเดิมนะ

“อือ เย็น”เคลิ้มไปกับภาพจนเอลจับขาผมแยกออกตอนไหนก็ไม่รู้ตัว ผมสะดุ้งเพราะความเย็นที่ช่องทางลับก่อนจะนิ้วหน้าเพราะรู้สึกแปลกๆที่มีอะไรบางอย่างแทรกเข้ามา

“หายใจลึกๆนะเพื่อน ต้องเตรียมพร้อมให้เธอก่อน ถ้าฉันเข้าไปเลยมันจะเจ็บกว่านี้”

“อือ มัน แปลก มัน อ้ะ”ไม่รู้ว่าเอลวนนิ้วไปโดนจุดนั้นเจอได้ยังไงผมที่ไกลจะเสร็จเลยปล่อยออกมาทันที

“หืม จะรัดแน่นไปแล้วนะเพื่อน รู้สึกดีตรงนี้สินะ” เอลไม่หยุดที่จะย้ำตรงที่เดิมทั้งที่ผมพึ่งจะเสร็จไป ผมดิ้นหนีเพราะมันรู้สึกดีเกินไปจนความร้อนเริ่มมารวมกันอีกครั้งที่เดิม ผมรู้สึกได้ว่าเอลเพิ่มนิ้วเข้ามาจนครบสามนิ้ว แต่ผมว่ามันก็ยังห่างกับขนาดของเอลอยู่ดี

“พร้อมนะเพื่อน อย่าเกร็ง หายใจลึกๆนะ ถ้าไม่ไหวให้บอก ฉันจะไม่บังคับเธอ” ผมพยักหน้าให้แต่ถึงจะเจ็บแต่ผมเข้าใจอยู่ครับถ้าลองได้เข้าแล้วไม่ได้ไปต่อมันทรมานนะครับ แล้ววันนี้ผมก็เป็นของขวัญเอลด้วย ผมไม่อยากให้เราต้องมาเป็นพี่ปั๊บที่โดนทิ้งไว้กลางทางด้วย

“อ้ะ เจ็บ”ผมจิกเล็บลงที่แขนเอลตอนที่เอลขยับเข้ามาได้นิดเดียวเอลหยุดเคลื่อนตัวก้มมาจูบผมพร้อมกับปลอบส่วนล่างไปพร้อมกัน มือสองข้างปล่อยขาผมมาสะกิดยอดอกเพื่อลดความเกร็งและเพิ่มความรู้สึกผมที่โดนความเจ็บมาลดลงไป จนผมเริ่มกลับมามีอารมณ์อีกครั้งเอลที่ขยับลูกรักเข้ามาในตัวผมช้าๆ ถึงจะไม่ค่อยเจ็บแล้วแต่มันก็ตึงๆหน่วงไปทั้งช่วงท้องน้อย

“เอล หมด ยัง”ผมที่เริ่มทนกับความแน่นไม่ไหวร้องถามเพราะผมจะเสร็จอีกรอบแล้วครับ

“อีกนิดเดียวเด็กดี จะสุดแล้ว อ่า เข้าไปหมดแล้วครับ เก่งมากเลย เจ็บไหม” ผมส่ายหน้าก่อนจะเริ่มครางเมื่อเอลเริ่มขยับ เอลขยับไปด้วยพร้อมกับจูบ เอลขยับเป็นจังหวะช้าๆแต่อ่อนโยนเหมือนใส่ใจกับทุกอย่างที่เรากำลังทำ เอลจูบผมไปแล้วทิ้งรอยไว้ทั่วตัว

“อือ เอล เอล อ้ะ จะ ไป เอล อ้า”ผมครางชื่อเอลพร้อมกับปล่อยออกมาทั้งที่ไม่ได้ไปยุ่งกับด้านล่างของตัวเองเลย เอลที่เน้นมาที่จุดด้านในจนผมทนไม่ไหวต้องปล่อย เอลขยับเร็วขึ้นผมที่พึ่งจะเสร็จความรู้สึกจะไวกว่าเดิมเลยได้แต่ร้องครางไม่เป็นภาษาผมกอดเอลแน่นเหมือที่เอลทิ้งตัวลงมากอดผม

“อึก อือ อืม”เอลกดจูบพร้อมกับควานลิ้นไปทั่วจนผมมีอารมณ์มากกว่าครั้งไหนๆด้านล่างของผมเสียดสีกับช่วงท้องเอลจนกลับมาตั้งตรงอีกครั้ง

“อืม เพื่อน เพื่อน ที่รัก จุ๊บ อ่า ไม่ไหว แล้ว จะรัดไปไหนกันครับหืม อ่า”เอลครางไปเรียกชื่อผมไป แล้วคำพวกนั้นไม่ต้องพูดก็ได้ครับมันจะรู้สึกดีเกินไปแล้ว

“อ้า / อืม”เราปล่อยออกมาพร้อมกันผมปล่อยออกมาจนเลอะที่ท้องของเอลกับตัวเองซ้ำรอยเดิมของทั้งสองรอบก่อน ส่วนเอลปล่อยเข้ามาในตัวผม เอลไม่ได้สวมถุงยางครับความอุ่นที่ถูกปล่อยออกมาส่งผลให้หน้าผมแดงขึ้น นี่ผมเป็นเมียเอลโดยสมบูรณ์แล้วสินะครับ งื้ออออออ ถึงจะไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าผมเป็นเมียก็เถอะ แต่ถ้าเป็นเอล ผมยอมก็ได้ อะไรนะครับ อย่ามาว่าผมเลยครับ ผมเขิน

“โทษทีนะที่ไม่ได้ป้องกันแต่ฉันไม่เคยนอนกับใครแล้วไม่ป้องกันมาก่น ฉันตรวจเลือดทุกเดือน แล้วฉันก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนถูกไหม”ผมพยักหน้าตอบ ถึงมันจะหน้าอายที่ผมไม่เคยได้ทั้งชายหญิงมาก่อนก็เถอะครับ งื้อออ

“ก่อนหน้านี้เป็นแฟน ตอนนี้เป็นเมียฉันจริงๆแล้วนะเพื่อน มาเป็นนายน้อยจริงๆแล้วนะ”เอลพูดพร้อมกับอุ้มผมที่นอนหมดแรงขยับตัวไม่ไหวไปที่ห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นแล้ววางผมลงก่อนจะตามมาล้างตัวให้ผม

“งื้อ เขิน”ผมซุกหน้ากับอกเอลไม่กล้ามองหน้า ก่อนหน้านี้ผมทำอะไรลงไปครับ วิญญาณที่ไหนมาสิงผมให้ปล่อยตัวไปจนถึงขั้นนั้นกัน ฮืออออ เพื่อนจิคราย เพื่อนเสียใจ แต่ทั้งหมดก็รวมๆแล้ว เขินครับ ฮืออออ

“หึหึ ความมั่นใจที่บอกว่าจะเป็นของขวัญฉันก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดกัน ถึงเหลือแต่เจ้าเด็กขี้บ่นที่ขี้เขินแทน หืม”เอลกอดผมไว้หลวมๆก่อนจะก้มลงมาฟัดแก้มผม เราแช่น้ำกันไม่นานก็ขึ้นมา เอลจัดการเช็ดตัวก่อนที่จะพาผมไปนอนที่เตียงตามเดิม

“พี่เอล หนาว” ผมจับแขนเอลที่จะลุกออกจากเตียง อยู่ดีๆก็รู้สึกหนาวขึ้นมา ผมว่าน่าจะเป็นไข้แน่เลยครับ ผมไม่ชอบตัวเองตอนเป็นไข้เลยจริงๆ

“สงสัยจะเป็นไข้อ่อนแล้ว เดี๋ยวจะไปเอายามาให้กินนะ

“ไม่ พี่เอล ห้าม ไป อยู่ กับ น้อง ก่อน”เอลไม่กล้าที่จะขยับตัวเพราะผมดันตัวไปกอดเอวเอลไว้

“ฉันไปหยิบยาแค่นี้เองนะเพื่อน แปปเดียวจริงๆ ปล่อยก่อน”เอลลูบหัวปลอบผมแต่ผมที่บอกแล้วไงครับว่าเบื่อตัวเองตอนไม่สบายนะ เพราะมันจะงี่เง่าแถมอ้อนแบบนี้ละครับ

“พี่เอล ไม่ ฮึก ไป พี่เอล อยู่ฮึก”มาแล้วครับความงี่เง่าแรก น้ำตาไหลเหมือนสั่งได้ ไปแล้วครับเศษเสี้ยวความแมนของผม

“หือ เพื่อน ไม่ร้องนะครับ พี่เอลไม่ไปไหนแล้วจะนั่งกอดน้องเพื่อนอยู่ตรงนี้นะครับ อย่าร้องไห้นะ ไข้มันจะหนักขึ้นเอา” ถือว่าเอลรับมือเด็กงี่เง่าได้เก่งมากทีเดียว รู้ว่าต้องปลอบผมแบบไหน ผมนี่แพ้ทางเอลทุกทางจริงๆ ผมขยับตัวดันผมนั่งพิงตัวเอลที่นั่งซ้อนด้านหลังผมไว้อีกที ผมเอนตัวหลับพิงอกเอล จนรู้สึกเหมือนมีใครมาจับที่แขน ผมรีบลืมตามาเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ข้างเตียงข้างเอลผมขยับตัวหนี ช่องทางที่ระบมจากกิจกรรมเมื่อคืนทำเอาเจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่เอลที่ยืนห่างผมอยู่ข้างเตียงไม่ได้นั่งด้วยกันทำเอาความงี่เง่าสองตามมา

“พี่เอล ฮึก ฮือ พี่เอล ทิ้ง ฮือ”ผมนั่งปาดน้ำตาบนเตียงสะอื้นจนเริ่มหอบหายใจ เอลรีบเข้ามานั่งซ้อนหลังผมเหมือนเดิมแล้วโอบผมไว้

“ใจเย็นนะน้องเพื่อนพี่เอลไปตามหมอมา น้องเพื่อนไข้ขึ้นสูงมากเมื่อคืน อย่าร้องไห้นะเดี๋ยวจะปวดหัวหนักกว่าเดิม”เอลรีบบอกผมจนผมเริ่มจะหยุดร้อง ก็บอกแล้วครับ น้ำตาสั่งได้ คุณหมอยิ้มล้อเอลที่แทนตัวกับผม ผมว่าหน้าคุ้นๆเหมือนกันนะครับ

“พี่เอล น้อง ปวด หัว”ผมบอกเอลก่อนที่คุณหมอจะเดินมาวัดไข้แล้ทำการรักษาผมที่จะดิ้นหนีตอนฉีดยาโดนเอลจับตัวเอาไว้

“พี่เอล แกล้ง น้อง โกรธ”งี่เง่ารอบที่สามมาแล้วครับ ผมจะดิ้นหนีเอลที่แกล้งผมแต่เอลไม่ยอมกอดผมไว้แน่นจนฤทธิ์ยาเริ่มออก ผมเผลอหลับไปอีกทีตอนไหนก็รู้ครับตื่นมาอีกทีเอลก็ปลุกมากินข้างต้มกับยา ผมที่เริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังมีไข้อ่อนๆนั่งกอดแขนเอลไม่ปล่อยอยู่ดี เอลก็มีควาอดทนกับผมมากครับ นั่งอ่านเอกสารไปด้วยหันมาลูบหัวผมด้วยจนผ่านไปผมก็เริ่มง่วงเริ่มเอนตัวพิงเอล เอลดันตัวผมนอนลงแต่ผมที่ยังรู้สึกตัวรีบดึงแขนเอลมานอนข้างๆ เอลเลยต้องวางงานไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะล้มตัวลงมานอนกับผม ผมตื่นมาเองตอนที่ใกล้จะเย็นเพราะแสงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า ไม่มีเอลในห้อง ผมที่เริ่มดีขึ้นจนเรียกว่าใกล้จะหาย แต่อย่าลมนะครับว่าแค่ใกล้เพราะฉะนั้น

“พี่เอล ฮึก หาย พี่เอล ไป ไหน”ครับตามนั้น ความงี่เง่าของผมยังคงอยู่ ผมฝืนตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเดินเซๆไปที่ประตูเปิดออกมาไม่เจอใครเลยเดินไปที่บันไดลงไปชั้นล่าง แค่ก้าวแรกก็ทรุดตัวลงนั่งที่พื้น ทั้งความเสียดที่ช่องทางด้านหลังทั้งพิษไข้ที่ยังไม่หาย เวลาที่ผมไม่สบายภูมิต้านทานและเรี่ยวแรงจะลดเหลือแค่ครึ่งเดียวจนคล้ายแก้วที่พร้อมจะแตกเสมอ ผมยันตัวกับราวบันไดก่อนจะพยุงตัวเองลงมาจนไกลจะถึงขั้นสุดท้าย เรี่ยวแรงที่เหลือน้อยทำให้ขาหมดแรงทรุดตัวลงอีกครั้งผมเตรียมใจเจ็บแล้วครับเพราะผมแรงรั้งตัว แล้ว หมับ แรงกอดรัดที่รอบเอวผมทำให้ผมที่เอามือปิดหน้าตัวเองอยู่เลื่อนออกเพื่อนดูว่าใครมารับร่างผม กลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเป็นของชายมีอายุตรงหน้าผม

“ทำไมลูกสะใภ้ฉันถึงดื้อแบบนี้กันนะ”ลูกสะใภ้ หรือว่า พ่อบุญธรรมของเอล

“ฮึก พี่เอล ฮือ”ผมที่กลัวเหมือนในนิยายที่เคยอ่านว่าพ่อพระเอกมักจะไม่ยอมรับลูกสะใภ้ผู้ชายทำให้ผมกลัวคนตรงหน้ามา แถมออร่ามาเฟียที่แผ่ออกมาอีก ผมร้องเรียกหาเอลทันที

“อ่าวร้องไห้ใหญ่เลย ไม่ต้องกลัวนะลูก แด๊ดไม่ดุนะครับ โอ๋ๆเดินไหวไหว แด๊ดว่าแด๊ดพยุงไปนั่งดีกว่า”ผมว่าเอลคล้ายพ่อของเขาตรงความอ่อนโยนนี่แหละครับ ผมไม่ยอมก้าวขาเดินไปกับพ่อเอลเพราะผมที่ตัวสั่นขยับตัวไม่ไหว เอาแต่นั่งร้องไห้ ผมกลัวที่จะโดนด่ามากเลยครับ ไม่สบายแล้วจิตตกสุดๆ จะโดนหมกป่าไหมถ้าขัดใจ หรือว่าจะโดนทิ้งทะเลเป็นอาหารปลาแทน ฮือออออ

“ไม่ ฮึก พี่เอล ฮือ พี่เอล”

“เพื่อน แด๊ด เกิดอะไรขึ้นครับ”เสียงเอลที่วิ่งเข้ามาที่หน้าบันไดจากทางห้องครัว ผมรีบหันไปกอดเอลทันที อย่างน้อยก็ไม่ตายเดี่ยวครับถ้าเกิดอะไรขึ้น

“พี่เอล น้อง กลัว”ผมรีบตอบก่อนจะซุกหน้าเข้าหาเอลมากขึ้น

“น้องเพื่อนกลัวอะไรครับ ไหนบอกพี่เอลหน่อยครับ กลัวแด๊ดพี่เอลหรอครับ แด๊ดพี่เอลใจดีเหมือนพี่เอลเลยนะครับ น้องเพื่อนใจเย็นๆก่อนนะ มาพี่อุ้มไปที่โซฟาก่อนนะครับ ไม่หายดีรีบลงมาทำไมครับหืม”เอลอุ้มผมานั่งทีโซฟากับคุณพ่อตัวเอง ผมนึกว่าท่านจะไม่ชอบที่ผมงี่เง่าใส่แต่ท่านกลับยิ้มเอ็นดูให้ผมเหมือนเดิม งื้อเขิน

“เขินแด๊ดพี่หรอครับ พี่หวงนะครับ”

“พี่เอล”ผมตีไปที่แขนเอลทันที จะมาหวงอะไรกันครับ นั่นพ่อคุณนะครับ

“ชอบเวลาเพื่อนไม่สบายจัง แทนตัวว่าน้องกับเรียกพี่เอลทุกคำเลย”เอลก้มลงมาหอมแก้มผมไม่เกรงใจพ่อตัวเองที่นั่งดูอยู่

“เลิกจีบกันก่อน แด๊ดเป็นพ่อเจ้าเอลมัน ถ้าหนูมีเรื่องอะไรมาบอกแด๊ดได้นะ แด๊ดจะจัดการให้ แม้กระทั่งเจ้าเอลด้วยเหมือนกัน” ผมยิ้มให้คุณพ่อทั้งที่ยังคงกลัวอยู่

“ผมว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่า อาหารน่าจะเสร็จแล้ว”เอลพยุงผมเดินตามคุณพ่อไปจนถึงห้องอาหารเอลนั่งแทนที่ผมแล้วผมนั่งถัดมา หัวโต๊ะเป็นคุณพ่อนั่งแทน

“เอาไว้หนูหายดีแล้วมาคุยกันอีกนะ แด๊ดว่าพรุ่งนี้น่าจะหายแล้วละ”คุณพ่อเอลบอกกับผมแล้วหันไปคุยกับเอลต่อ เรากินไปสักพักผมก็โดนสั่งให้กินยา เอลเดินมาส่งผมนอนจนเผลอหลับเพราะยาไป
เช้านี้ผมหายไข้แล้วครับ แต่ก็ยังไม่กล้าอาบน้ำ แค่เช็ดตัวเอา ผมมองรอยแดงแล้วนึกถึงเรื่องคืนนั้น ผมหวังว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรมาทำร้ายชีวิตคู่ของเราแล้วกันนะครับ ผมที่กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแต่งตัวแล้วออกมา ผมมองไม่เห็นเอลตั้งแต่ตื่นแล้วครับ คงจะไปทำงานละมั้งครับ ผมเดินมาที่ห้องครัวเพราะท้องของผมมันเรียกร้องหาอาหารเพราะแค่ข้าวต้มที่กินตอนป่วยมันไม่ช่วยอะไรแล้วครับ ผมอยากกินอย่างอื่นบ้างครับ อาหาร อาหาร ผมท่องมันมาจนถึงห้องครัวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกันพอสมควรเลยครับ

“ป้า สมร ครับ” ผมเรียกป้าหัวหน้าเมดที่เหมือนกับป้ามิเชลที่อิตาลี แกกำลังเคี่ยวซุปในหม้อพอดี

“อ่าวนายน้อย ลงมาทำอะไรแต่เช้าคะ ป้าว่าจะให้เด็กไปเรียกตอนที่ใกล้จะเสร็จก่อน แล้วจะรับอะไรรองท้องก่อนไหมคะ ป้าว่านายน้อยน่าจะไม่พอกับข้าวต้มตอนป่วยแน่เลย” ป้านี่รู้ใจผมจริงๆ

“ครับ”ผมยิ้มให้ก่อนจะรับแซนวิชมาสองชิ้นก่อนจะขอบคุณแล้วเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น ผมเดินถือจานมาจนถึงเห็นผู้ชายมีอายุนั่งอยู่ เอ ใครหว่า เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ ผมเห็นว่ามีแขกเลยเลี่ยงไปอีกทางกะว่าจะไปกินที่สระน้ำที่ประจำที่เอลให้คนเอาโต๊ะในสวนไปตั้งไว้ให้ผมด้วย

“เพื่อน หายหรือยัง ลงมาทำไม”เอลเดินมาทางผมพอดีผมเลยยิ้มให้แล้วพยักหน้าตอบว่าหายแล้วพร้อมกับยกจานให้ดูว่าลงมาหากิน เอลที่เห็นยิ้มขำพร้อมกับส่ายหน้าแล้วจูงมือผมไปที่โซฟาตรงข้ามกับแขกของเอล

“นั่งลงก่อนเพื่อน แล้วมาทักทายแด๊ดของฉันก่อน”

“สวัสดีครับ”ผมก้มหัวพร้อมกับกล่าวทักชายตรงหน้าที่เอลบอกว่าเป็นคุณพ่อด้วยภาษาเจ้าตัว

“สวัสดี ฉันพูดไทยได้พอสมควร เราเจอกันมาแล้วเมื่อวาน จำได้ไหม” ผมส่ายหน้าตอบก่อนจะยิ้มเจือนๆไปทางเอลและคุณพ่อเอล เพราะมันเลือนรางมากครับตอนที่ไม่สบาย

“เสียใจที่ไม่ได้ยินเธอเรียกฉันว่าพี่เอลกับแทนตัวว่าน้องต่อ แต่ก็ดีใจที่เธอหายสนิทแล้วละนะ”ผมหน้าแดงที่เอลบอก ผมเนี่ยนะเรียกเอลว่าพี่กับแทนตัวว่าน้อง บ้า บ้า บ้า งื้ออออ อายครับ

“หึหึ นิสัยเปลี่ยนตอนไม่สบายสงสัยจะจริง วันนี้เธอดูไม่เกร็งแล้วก็ไม่ร้องไห้กลัวแด็ดด้วยนะ”

“ขอโทษครับ”คำพวกนี้ผมมักจะพูดซ้ำๆจนง่ายที่จะพูดขึ้นเยอะ มีหลายประโยคที่ใช้จนชินที่จะพูด ผมว่าตั้งแต่มาอยู่กับเอลผมมีพัฒนาการด้านการเรียงคำมากขึ้นแล้วก็พูดประโยคยาวๆได้มากขึ้นนะครับ

“ไม่เป็นไร แด๊ดว่ามันน่ารักดีเหมาะกับเธอ ต่อไปเรียกฉันว่าแด๊ดแล้วกัน ตลอดเวลาที่อยู่ที่ไทยฝากตัวด้วยนะ ลูกสะใภ้”ผมเขินที่โดนเรียกก็จริงแต่ก็พยักหน้าตอบรับไป

“แด๊ดจะมาพักกับเรา เพราะมาเที่ยวที่ไทยพอดี แล้วไม่เกินอาทิตย์หน้าก็จะบินไปที่อื่นต่อ” ผมพยักงานตอบ เพราะตอนนี้เอลเป็นคนดูแลตระกูลแทน พ่อของเอลเลยว่างที่จะท่องเที่ยวไปทั่วแทน เรานั่งคุยกันไปเรื่อย ส่วนมากแด๊ดจะถามเกี่ยวกับเรื่องของผมมากทั้งยังสนใจกับเจ้าเครื่องสื่อสารที่เอลหยิบมาให้ผมตอนที่ต้องเล่าเรื่องตัวเองให้แด๊ดฟังด้วย เราคุยกันไปก่อนจะไปกินอาหารเช้าแล้วแยกย้ายกันไป เอลไปทำงานหลังจากที่หยุดมาสองวัน แด๊ดไปเที่ยวตามโปรแกรมเดิม ส่วนผมหรอครับ ก็ไปหาข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่เห็นจากซีรีย์ที่พึ่งจะดูจบไป ผมอยู่บ้านว่างๆบางครั้งก็เหงานะครับ อยากมีเพื่อนเล่นจัง เอาไว้ค่อยหาวิธีขอเอลเลี้ยงดีกว่า หวังว่าจะได้ผลละนะครับ

TBC.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
« ตอบ #19 เมื่อ: 18-05-2018 13:32:45 »





ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #20 เมื่อ19-05-2018 11:08:10 »

#16
   เช้าวันนี้ผ่านมาได้หลายอาทิตย์แล้วหลังจากที่ผมไม่สบาย เอลชอบเข้ามาวุ่นวายกับตัวผมตลอดยิ่งกว่าเดิม แล้วไหนจะคำพูดคำจาที่หนักขึ้น ผมว่าเอลน่าจะเก็บกดนะครับ อย่าไปบอกเอลละที่ผมว่าเขา

“เช้าๆแบบนี้ถ้าได้ออกกำลังสักยกน่าจะดีนะว่าไหมครับ” ผมที่เดินออกจากห้องน้ำเจอเอลที่พึ่งจะตื่นทักทายด้วยประโยคชวนหวั่นใจมาแบบนี้เกือบทุกเช้า อย่างที่ผมบอกไปครับ ผมว่าเอลน่าจะเก็บกดทั้งที่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าเอลจะทำเพราะเป็นเรื่องปกตินี่ครับที่คนรักกันจะมีอะไรกัน หรือผมจะคิดไปคนเดียวครับ หวานี่เอลหรือผมกันแน่ครับที่เก็บกด

“ไม่ ครับ ไปเลย”ผมไล่เอลเข้าห้องน้ำเหมือนทุกครั้งและทุกครั้งก็ต้องโดนเอลขโมยหอมแก้มตลอด

“เพื่อน มาสระผมให้ฉันหน่อย”เสียงเอลตะโกนออกจากห้องน้ำที่ยังไม่ปิด ผมที่กำลังคิดเรื่องเลี้ยงสัตว์เลยได้โอกาสเอามาอ้างดีกว่า

“เอล แลกสัตว์”เอลทำท่าคิดก่อนจะยอมพยักหน้าให้เพราะผมไม่เคยที่จะเข้ามาอยู่ในห้องน้ำพร้อมเอลมาก่อนยกเว้นวันนั้นไว้นะครับ เพราะเป็นเรื่องจำเป็นครับ หวา หน้าร้อนเลย

“ได้ ว่าแต่จะเลี้ยงอะไรละ เห็นแอบหาข้อมูลมาหลายวันแล้วนี่”

“น้องหมา ใจดี”ผมยิ้มที่โดนจับได้ขนาดแอบแล้วนะครับ เอลนี่รู้ทันไปหมดเลย เอลยื่นมือมาบิดจมูกผมก่อนหนึ่งครั้งก่อนจะยอมนั่งนิ่งๆจนเสร็จ ผมเดินออกมาปล่อยให้เอลอาบน้ำเอง ผมลงมารอที่โต๊ะอาหาร วันนี้มีข้าวต้มกุ้งตัวใหญ่มากครับ อยู่กับเอลมันดีแบบนี้สิครับ เอ แล้วแต่ก่อนคนที่เอลควงก่อนหน้านี้นี่เคยมากินมาอยู่แบบผมไหมนะ แต่ถ้าเคย แค่คิดก็แปลบแล้วครับ คิดให้เศร้าทำไมกันนะเรา นั่นอดีตนะจะเอามาคิดทำไม

“คิดอะไรหน้าตาแปลกๆ”

“เอล เคย มีแฟน เฮ้อ อยู่ แบบ ผมไหม”ถามไปถอนหายใจไป จะว่าไปมันก็กดดันนะครับการจะพูดยาวๆให้เข้าใจเนี่ยถึงแม้คนอื่นจะไม่เข้าใจแต่เอลเข้าใจที่ผมสื่อตลอด ไม่น่าเชื่อครับ ปรบมือรัวๆครับ

“คิดอะไรอยู่ถึงมาถามแบบนี้กัน อย่าบอกว่าเธอกำลังหึงฉันอยู่”

“เอลตอบ”ผมไม่ยอมให้เอลเปลี่ยนเรื่อง

“ตอนที่ย้ายมาที่ไทยใหม่ๆก็มีออกไปปลดปล่อยบ้างตามอายุละนะแต่ไม่เกินเดือนก็เบื่อไปเองหันมาสนใจงานจนมาเจอเธอนี่ละ แต่เรื่องที่มาอยู่แบบเธอไม่เคยหรอก เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ส่วนมากตอนนั้นเปิดโรงแรมเอามากกว่า ฉันไม่เคยให้ใครมาที่ส่วนตัวหรอกยกเว้นนายที่ยอมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”ถึงจะเขินแต่ตอนนี้ผมชักจะมีภูมิต้านทานรอยยิ้มเอลแล้วครับกล้าที่จะมอบตอบกลับไป

“ดีใจจัง”ผมยิ้มคืนก่อนจะก้มลงกินข้าวต้ม เอลที่เอาแต่มองผมไม่ยอมกินเลยทำให้ผมหยุดเอียงคอมองแทน

“ฉันดีใจที่เธอสนใจจะถามเรื่องของฉันมากกว่าแต่ก่อน ถ้าอยากรู้อะไรให้ถามกันนะเพื่อน แล้วก็เวลาที่ทะเลาะกันฉันขอให้เราหันมาคุยกันก่อนอย่าเดินหนีไปห่างกันนะ”ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับที่เอลบอก เรากินข้าวไปเรื่อยๆแบบสบายเพราะวันนี้เอลว่างไม่มีงาน

“วันนี้ฉันว่างเราจะไปซื้อสัตว์เลี้ยงของเธอกัน สนใจไหม”

“ครับ”ผมเดินไปหอมแก้มเอลเป็นรางวัลที่กระตือรือร้นกับเรื่องที่ผมบอก ผมขอเอลเมื่อเช้าพอสายเอลก็พาไปทันที งื้อ ผมมีความสุขจัง ผมนั่งยิ้มตลอดทางจนโดนพี่วินแซวว่าอารมณ์ดีเกินไปไหม แถมเอลยังมาถามว่าโดนตัวไหนไป ตอนแรกผมก็งงนะครับ มาถึงบางอ้อก็ตอนที่พี่เฟียสแปลนั่นแหละครับ เลยตีที่แขนเอลไปเน้นๆเลยหนึ่งที

“ตามมาทางนี้จับมือกันไว้คนข้างในเยอะระวังจะหลงกับฉัน มันอันตราย”ตอนนี้เรามาถึงจตุจักรกันแล้วครับ เอลที่เดินจูงมือผมไปทางโซนสัตว์ผมกระตุกมือเอล

“น้องหมา”เอลก้มมามองหน้าผมเล็กน้อยเพราะคนเยอะฟังไม่ชัดก่อนจะจูงมือผมไปทางร้านขายสุนัขที่ใหญ่และใกล้พอสมควร ในร้านจัดแบบน่าเข้ามีอากาศที่ถ่ายเทดีมีน้องหมาอยู่ในกรงในคอกที่สะอาด

“ยินดีต้อนรับคะ สนใจน้องหมาพันธุ์อะไรคะ”พนักงานก็ดูเป็นกันเองสุภาพ ถือว่าร้านนี้น่าเข้ามากครับ

“ตัวโต ใจดี”ผมตอบตามที่อ่านมา พนักงานพาผมเดินมาดูข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่ติดเอาไว้เพื่ออธิบายต่อ

“คุณลูกค้าต้องการเลี้ยงแบบโตเลยหรือลูกสุนัขดีคะ”

“ลูกครับ”พนักงานชี้บอกลักษณะที่ผมบอกก่อนจนสรุปว่าได้พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ผมมองๆไว้

เดินมาทางนี้ได้เลยค่ะน้องหมาอยู่ทางนี้” ผมกับเอลเดินตามพนักงานไปจนเจอกรงที่มีน้องหมาตัวเล็กๆขนนุ่มนอนบ้างนั่งเล่นบ้างยืนเห่าใส่พวกผมบ้างอยู่มากกว่าหกตัว

“น้องหมาพวกนี้หย่านมพร้อมกับฉีดวัคซีนแล้วนะคะ ปลอดภัยแถมยังแข็งแรงด้วย สนใจตัวไหลเลือกแล้วบอกได้นะคะ ขอตัวไปดูลูกค้าท่านอื่นสักครู่นะคะ”แล้วเธอก็เดินจากไปผมที่หันกลับมามองน้องมาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะได้ตัวไหน มองไปที่เอลเพื่อขอความช่วยเหลือ เอลเดินเข้ามาใกล้กกรงแล้วก้มลงมองน้องหมาที่เริ่มหันมาสนใจมากกว่าที่ผมมายืนดูตอนแรก หลายตัวส่งเสียงเห่าใส่เอลแล้วถอยหลัง ผมว่าน้องหมาน่าจะกลัวเอลนะครับแต่กลับมีน้องหมาตัวเดียวที่มองมาที่เอลแล้วนั่งแทะกระดูกของเล่นต่อไม่สนใจแต่พอผมขยับตัวมันก็จ้องมามอง เอลหันมายิ้มกับผมแล้วเดินไปเรียกพนักงานให้ผม

“สนใจตัวไหนคะ”

“ตัวที่นั่งแทะกระดูก”เอลชี้พร้อมกับบอกพนักงาน เธอเปิดกรงแล้วหยิบน้องหมาออกมาให้ผมที่เดินเข้าไปรับ มันหันมามองเอลก่อนจะซุกหน้าลงที่ไหล่ผม ขนมันนิ่มอย่างที่คิดจริงๆครับ งื้ออออฟิน

“เชิญลูกค้าเลือกของใช้ทางด้านนั้นได้ก่อนเลยนะคะแล้วค่อยมาคิดเงินทีเดียว” ผมกับเอลเดินไปทางที่พนักงานบอก ผมยื่นน้องหมาไปทางชามอาหารให้เลือก มันเดินเตาะแตะไปมาก่อนจะล้มตัวนอนที่ชามลายเรียบๆสีดำเงาเอลเดินไปหยิบมันมองหน้าเอลแล้วเดินกลับมาทางผม มันดูฉลาดมากเลยครับผมเลือกปลอกคอสีดำที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบสีนี้เพราะพอผมหยิบสีอื่นมันจะครางยกเว้นสีดำ ผมเลยเหมาของใช้ทุกอย่างเป็นสีดำทั้งหมด เอลทำหน้าที่รับของแล้วเดินถือทั้งหมดไปคิดเงิน ผมที่ว่าจะจ่ายเอลก็ไม่ยอมชิงตัดหน้าจ่ายให้แทน

“ถือว่าเป็นของขวัญที่เราคบกันย้อนหลังแล้วกันนะ”ผมที่ไม่กล้าแย้งเพราะเอลน่าจะหาเหตุผลที่ทำผมเขินมากกว่านี้ พอได้ของครบเราก็กลับบ้านกันมาเตรียมพื้นที่ให้เจ้าตัวเล็กที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

พอเรากลับมาถึงบ้านเอลก็สั่งเมดมาเปิดห้องแล้วจัดของ เราช่วยกันจัดคนละไม้คนละมือ พวกเมดที่เกร็งเอลในตอนแรกก็เริ่มทำงานได้สะดวกขึ้นจนเสร็จ

“หมา”ผมยื่นเจ้าหมาให้เอลเพื่อบอกว่ามันถูกตั้งชื่อแล้ว

“หึหึ จะง่ายไปไหมครับ หืม”เอลรวบทั้งคนทั้งหมากอดพร้อมกัน เจ้าหมาดิ้นเพราะอึดอัดเอลเลยคลายอ้อมกอดเล็กน้อย เมดที่อยู่ต่างหน้าแดงไปตามๆกัน อะไรนะครับ ผมหรอ ไม่น่าถาม จะเหลือหรอครับคุณ เราปล่อยเจ้าหมาสำรวจบ้านก่อนที่จะออกมาพักบ้างเพราะดูเหมือนเอลจะเมื่อยพอสมควร วันหยุดแทนที่จะได้พักกลับต้องมาเสียเวลาไปกับผมอีก ผมจูงมือเอลาที่ห้องนอน อย่าคิดไปไกลครับผมจะบริการนวดตอบแทนเอลต่างหากครับ

“เอล นวด นอน”ผมบอกเอลแล้วชี้ว่าผมจะนวดให้ เอลนอนลงไปได้เลยที่เตียง เอลที่เห็นผมเดินไปหยิบน้ำมันนวดที่ผมทำไว้ตอนที่อยู่อเมริกามันทำมาจาสมุนไพรแก้ปวดเมื่อยหลายชนิดผสมกลิ่นหอมจากดอกมะลิเข้าไปเลยยิ่งผ่นคลายพอสมควร เอลถอดเสื้อแล้วนอนรอ ผมเดินเข้าไปเทน้ำมัใส่มือก็จะเริ่มลูบไปทั่วทั้งหลังของเอล น่าอิจฉาจริงๆ ไหนจะกล้ามเนื้อไหนจะสีผิวอีก ดูเป็นผู้ชายที่สมชายจริงครับ ตัดภาพมาที่ผมสิครับ เหอะ ผมนวดเอลไปเรื่อยๆก็รู้สึกผิดปกติ เอลเริ่มที่จะหายใจแรงขึ้นแล้วก็หลุมครางออกมาที่แรกผมคิดว่าเพราะรู้สึกสบายตัวเลยเผลอครางที่ไหนได้ครับ ผมว่าเสียมันชักจะหวิวๆขึ้นทุกที

พอก่อน ไม่ไหวแล้ว”เอลลุกขึ้นมาจับมือของผมให้หยุดก่อนจะรีบลุกแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป ผมที่ตกใจกำลังจะลุกตามแต่ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงงจัดทำเอาผมนึกถึงวันนั้นที่เอลช่วยตัวเองผมเลยจำยอมนั่งลงที่เดิมบนเตียง ผมเก็บขวดน้ำมันเข้าที่ก่อนจะเช็ดมือแล้วกลับมานั่งรอเอลที่เดิม ผ่านไปนานพอสมควรเอลเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุม ผมมองตามเอลตอนที่เปิดตู้หาชุดใหม่จนกระทั่งเอลเดินกลับเข้าห้องน้ำแล้วเลี่ยนชุดเสร็จออกมาผมก็ยังมองตามไม่เลิก มันน่าสงสัยนะครับไม่รู้ว่าที่ผมคิดจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าหรือแค่เอลทนกับกลิ่นมะลิไม่ได้เลยรีบไปล้างตัวกันแน่

“เอล เป็นไร”ผมถามทันทีที่เอลเดินมานั่งข้างผมบนเตียง

“ไม่รู้จริงหรอ”เอลไม่ตอบแต่กับถามผมกลับ

“เอล ไม่ชอบ กลิ่น หรอ”ผมถามตามที่คิดอีกเรื่องไม่อยากจะถามเรื่องที่คิดตอนแรกกลัวเอลจะหาว่าผมทะลึ่ง

“ไม่ใช่หรอก กลิ่นหอมดี แต่เพราะนายเป็นคนนวดนั่นแหละมันเลยตื่น”ผมหลบสายตาเอลที่มองมา ผมพอจะเข้าใจคำว่าตื่นของเอลละนะครับ ผมก็ผู้ชายนะครับมันต้องรู้เป็นธรรมดาแค่ตอนแรกไม่แน่ใจเฉยๆหรอกครับ

“เขินหรอ หืม เขินหรอ”

“งื้อ เอล ปล่อย”เอลคว้าตัวผมมากดลงที่นอนแล้วสลับหอมแก้มผมไปมาทั้งสองข้างผมที่สู้แรงไม่ได้ก็ได้แต่หันหน้าหนีไปมาจนเอลพอใจนั่นแหละครับที่ลงโทษผมที่ไม่รู้ว่าผิดตรงไหนเสร็จก็จัดเสื้อผ้าผมที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่ก่อนจะดึงตัวผมไปนอนกอด

“เพื่อนเดี๋ยวคืนนี้จะมีงานเลี้ยงงานแต่งงานของลูกชายลูกค้าฉัน เธอเตรียมชุดให้เราทั้งคู่ด้วยนะ เราจะไปด้วยกัน”ผมพยักหน้าตอบเอลก่อนที่เอลจะปล่อยผมให้ลุกขึ้นนั่ง ส่วนเอลก็จัดท่านอนแล้วหลับไป ผมเดินไปเปิดตู้เลือกสูทให้เอลกับตัวเองด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพราะกลัวเอลจะตื่น พอเสร็จก็ลงมาข้างล่างหาอะไรทำก่อนจะเข้าไปเล่นกับเจ้าหมาจนมันเหนื่อยหนีไปนอนผมก็เดินออกมาที่ห้องครัวเพราะเย็นนี้น่าจะไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ขนมที่เหลือผมเลยต้อรีบมาจัดการก่อนที่มันจะเสียใจที่ไม่มีใครกินมัน จนเวลาผ่านไปจนค่ำ ผมกับเอลต่างเตรียมตัวที่จะไปงาน เราออกรถกันตอนหนึ่งทุ่มตรงมาถึงที่งานประมาณเกือบสองทุ่มครึ่ง พอเอลลงจากรถฝั่งซ้ายก็มีนักข่าวเข้ามาถ่ายรูปเยอะพอสมควรเพราเอลไม่ค่อยที่จะออกข่าวเท่าไหร่ น้อยครั้งที่จะเจอตัวผมคิดว่าลูกค้าคนนี้คงสำคัญกับเอลพอสมควรเอลถึงยอมที่จะมางานที่มีพวกนักข่าวแบบนี้

“เชิญครับ”ผมที่มัวแต่นั่งคิดจนลืมที่จะเปิดประตูลงไปเองเหมือนทุกครั้งที่แย่งพี่วินเปิดแต่วันนี้ดันพลาดจนพี่วินได้ทำงานจนได้

“ขอบคุณครับ”ผมก้มหัวเล็กน้อยตามที่พี่วินบอกว่าอยู่ด้านนอกบ้านถ้าจะขอบคุณก้มหัวเล็กน้อยให้พวกการ์ดพอเพราะผมมีสักเป็นนายพวกเขาเหมือนกัน

“มานี่สิ”เอลเรียกผมที่เดินอ้อมจากอีกด้านไปหาท่ามกลางสายตาสงสัยของแขกที่กำลังทยอยเดินทางมา แสงแฟลตสาดใส่ผมกับเอลทันที่ที่เอลโอบเอวผมก่อนจะพาเข้างาน ผมว่าพรุ่งนี้เป็นข่าวชัวร์ครับ

“โอ้คุณมาตามที่ผมขอร้องจริงๆด้วยซินะครับคุณลูเซียส เป็นเกียรติจริงๆครับที่มาวันนี้” ชายสูงวัยที่ดูเจ้าเนื้อพอสมควรไม่ได้น่าเกลียดเกินไปที่ยืนอยู่กับคู่บ่าวสาวที่รอต้อนรับแขกรีบเดินเข้ามาหาเอลทันที่ที่เห็น

“นายพูดเกินไปแล้ว คนกันเองทั้งนั้น”เอลตอบแบบสบายๆผมว่าชายตรงหน้าคงรู้จักเอลมานานพอสมควรละครับ

“แล้วไม่ทราบว่าข้างกายคุณนี่ ใช่คุณเพื่อนที่เคยบอกกับผมรึเปล่าครับ”

“ใช่เด็กคนนี้ชื่อเพื่อนที่เคยคุยกับนายไว้ ส่วนเพื่อนนี่เจ้าสัวหิรัญ เป็นเจ้าของที่ดินหลายที่ที่เราซื้อมาทำรีสอร์ทที่ต่างจังหวัด”

“สวัสดีครับ”ผมยกมือไว้แล้วส่งยิ้มให้เล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามก็ยกมือรับไหว้ทันทีแล้วยิ้มเอ็นดูกลับมา

“ดีใจจริงๆที่ได้เจอหัวใจของคุณนะคุณลูเซียส มาๆครับมาถ่ายรูปกันดีกว่า”เจ้าสัวเชิญผมกับเอลยืนตรงกลางของทั้งเจ้าของงานก่อนจะเก็บรูปไว้หลายใบ ดูไปดูมาเจ้าสัวดูเป็นคนที่น่าคบคนหนึ่งนะครับ ท่านดูรักลูกชายกับลูกสะใภ้พอสมควรไหนจะดูเฮฮาตามแบบฉบับคนอารมณ์ดีด้วย ดูไม่ถือตัวกับนักข่าวที่มาทำงานด้วยนะครับ

“ฉันทำงานร่วมกับเจ้าสัวมาตั้งแต่มาที่ไทยได้ไม่กี่ปี เราเจอกันโดยบังเอิญตอนฉันหาที่ดินเลยพูดคุยกันไปมาจนถูกคอเลยคบกันเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจละนะ สงสัยอะไรไหม” ผมส่ายหน้าเพราะตามจริงผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรดีใจที่เอลเล่าให้ฟัง ผมส่งยิ้มให้เอลเอลเลยยื่นมือมาลูบแก้มผมเบาๆแต่มีเสียงกดชัตเตอร์ดังพอดีเหมือนกัน พวกเราหันไปก็เจอนักข่าวที่หันกล้องมาทางพวกเราหลายตัวพอดี ผมหันมองเอลว่าเอลจะทำอะไรกับนักข่าวไหมเพราะเอลไม่ชอบเรื่องพวกนี้ 

“ไม่เป็นไร”เอลห้ามพี่เฟียตที่อยู่ด้านหลังที่กำลังจะเดินไปคุยกับนักข่าว พี่เฟียสได้แต่รับคำแล้วกลับมายนที่เดิม เราอยู่ร่วมงานจนถึงช่วงงานใกล้จะจบผมที่ขอเอลมาห้องน้ำโดยมีพี่วินเดินมาด้วยกับผมส่วนพี่เฟียสพาเอลไปรอที่รถแล้ว

“พี่วิน เสียง เด็ก”ผมที่เสร็จธุระกำลังจะเดินผ่านทางห้องน้ำคนพิการที่ทางโรงแรมจัดไว้ได้ยินเสียงเหมือนเด็กน้อยร้องงอแงแต่เสียงดูแล้วไม่น่าจะโตนะครับ เหมือนเด็กทารก ผมที่คิดได้รีบเดินไปผลักประตูห้องน้ำออกแล้วรีบเข้าไปทันทีที่เห็นว่ามีเด็กทารกอายุไม่น่าจะเกินปีนอนอยู่ในตะกร้าสานมีขวดนมตกอยู่ข้างๆไม่มีร่องรอยของแม่หรือคนที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ผมรีบอุ้มเด็กมาปลอบก่อนจะพยายามโอ๋ให้เด็กดูดนมต่อ จนสักพักเจ้าตัวเล็กก็ยอมที่จะนอนนิ่งๆแล้วดูดนมจากขวดต่อไป พี่วินที่ยืนนิ่งอยู่นานเหมือนพึ่งจะรู้ตัวรีบเดินเข้ามาช่วยผมหยิบของที่วางอยู่รอบตัวเด็กทั้งห่อนม ขวดน้ำ ผ้าอ้อมที่อยู่ในถุงข้างตะกร้า ผมที่อุ้มแต่เด็กโดยมีพี่วินถือของตามมามันเป็นภาพที่แปลกๆนะครับ ผมรีบใช้ทาลัดที่พี่วินบอกไปที่รถ เอลที่เห็นผมเดินมารีบเข้ามาหาผมทันที

“เกิดอะไรขึ้นกัน แล้วนี่ลูกใคร”

“คุณเพื่อนได้ยินเสียงเด็กร้องแล้วเดินตามเสียงไปดูแล้วเจอเด็กคนนี้โดนทิ้งไว้ที่ห้องน้ำคนพิการในโรงแรมครับ เลยช่วยกันพามาว่าจะไปที่ดรงพยาบาล

“งั้นรีบไป”เอลรับของจากพี่วินมาไว้ข้างผมในรถที่กำลังปลอบเด็กน้อยที่เห็นคนแปลกหน้าหลายคน เรามาถึงที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆก็ส่งเด็กให้พยาบาลแล้วปรึกษากับทางโรงพยาบาลเรื่องที่เจอเด็กโดนทิ้งไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ

“ถ้าเราตรวจสอบแล้วไม่พบว่าใครเป็นผู้ปกครองของเด็กก็จะส่งเด็กไปให้กับทางสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าดูแลต่อไปนะครับ”เจ้าหน้าที่ที่เราพูดคุยด้วยบอกออกมาหลังจากที่ลองติดต่อกับสถานีตำรวจรวมถึงโรงพยาบาลอื่นๆโดยรอบเกี่ยวกับเด็กแล้ว

“ถ้าไม่เจอจริงๆผมจะรับแกเป็นลูกบุญธรรมเองครับ”พวกเราหันไปมองที่เอลทันที ผมไม่คิดว่าเอลจะทำแบบนี้เพราะผมคิดว่าผมอยากจะดูแลเด็กเหมือนกันแต่ไม่กล้ารบกนเอลแล้วเพราะแค่ผมก็เป็นภาระให้เอลพอสมควรอยู่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นคุณสามารถเดินเรื่องได้เลยนะครับ เราจะออกใบแจ้งเกิดของทางโรงพยาบาลที่เอาไว้ใช้ยื่นกับเขตของเด็กให้ใหม่เพราะดูแล้วเอกสารที่เกี่ยวกับเด็กไม่มีเลยสักอย่าง เสร็จแล้วคุณก็ไม่แจ้งกับทางเขตที่คุณอยู่ว่าต้องการรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมนะครับ ไม่ทราบว่าจะตั้งชื่อน้องว่าอะไรครับ”เจ้าหน้าที่รีบจัดการทำเอกสารให้ใหม่แล้วถามชื่อเด็ก ผมที่คิดเอาไว้เลยลองเสนอ ผมหยิบปากกากับกระดาษที่พกติดตัวไว้มาเขียนแล้วส่งให้เอล

“รุทธิพัฒน์ ดิวาเลนนาส ชื่อเล่น วีอาร์”เอลตอบเจ้าหน้าที่ไป ก่อนจะหันมามองผม เจ้าหน้าที่ที่ได้ยินนามสกุลหันมามองเอลอีกครั้ง

“เอ่อ คุณลูเซียสใช่ไหมครับ”

“ครับ มีอะไรครับ”เอลหันกลับไปคุยกับเจ้าหน้าที่ต่อแต่ยังจับมือผมไว้

“ผมก็คิดว่าทำไมถึงคุ้นหน้าคุณจัง ที่แท้คุณสองคนนั่นเองที่เพจดังแชร์รูปมา นี่ครับ ขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ”เจ้าหน้าที่ชายตรงหน้ายื่นโทรศัพท์ที่มีรูปของเอลที่กำลังลูบแก้มผมในงานเมื่อกี้มาให้ดู มีคำบรรยายประมาณว่าเปิดตัวคนรักของเจ้าพ่ออสังหารูปหล่อด้วยละครับ ผมหน้าร้อนทันทีที่หันไปสบตากับเอล ผมไม่รู้ว่าที่เอลชวนผมมางานด้วยแบบนี้จงใจรึเปล่า แต่ยังไงผมก็เขินละครับ

เราจัดการเดินเรื่องต่างๆจนเสร็จก่อนจะรับเด็กกลับมาที่บ้าน ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกพอสมควร ผมที่ไม่กล้าไปปลุกคุณป้าสมรเพราะเกรงใจได้แต่เอาข้อมูลที่หาในเน็ตดูแลเด็กให้พ้นคืนนี้ไปก่อน ผมกับเอลที่หมดพลังงานไปกับเรื่องคืนนี้เยอะแล้วเลยฝืนตาไม่ไหวปิดตาหลับไปตามๆกันโดยที่มีเด็กน้อยหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของผมที่มีเอลกอดซ้อนเหมือนทุกวัน

เช้าวันต่อมาผมที่ตื่นนอนเช้าพอสมควรรีบอุ้มเจ้าตัวเล็กที่ตื่นนอนมาพอดีลงไปที่ด้านล่างเพื่อชงนมตามที่คุณพยาบาลบอกไว้เมื่อคืนก็เจอเข้ากับป้าสมรแล้วก็เมดอีกหลายคนที่ตกใจพอเห็นผมอุ้มเด็กเดินเข้าไป พี่วินที่ตื่นเช้ามาวิ่งเดินมาพอดีเลยช่วยอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นแทนผม แล้วป้าสมรเลยจัดการช่วยผมดูแลเด็กน้อยทั้งยังคอยสอนในส่วนที่ผมไม่ค่อยเข้าใจจนเริ่มจะเป็น พวกเมดต่างดีใจที่ได้ยินว่าเด็กคนนี้ถูกเอลรับเลี้ยงเป็นลูกแม้ว่าจะไม่แท้ก็ตามเพราะคิดกันเอาไว้แล้วว่าคงจะไม่มีโอกาสเลี้ยงเด็กกันแน่ๆเพราะผมกับเอลก็มีลูกกันไม่ได้เหมือนคู่อื่นๆนี่ครับ

“ลูกละ”เอลที่ตื่นมาเดินมาข้างล่างเห็นผมที่เดินผ่านมาคนเดียวถามหาลูกทันที

“อยู่ ป้า สมร”ผมตอบเอลที่เดินเข้ามาหอมแก้มกัน อีกแล้ว ฉวยโอกาสตลอด

“ทำไมลูกเราถึงไปอยู่กับป้าสมรละ”ผมรีบหันกลับไปมองหน้าเอลทันที ลูกเหรอ

“ก็วีอาร์เป็นลูกของเราไง ฉันเป็นแด๊ดส่วนเธอเป็นพ่อ”ผมน้ำตาคลอกับสิ่งที่เอลพูดมา  ผมที่อยากมีลูกพอคบกับเอลก็ได้แต่มองผ่านเรื่องนี้ไป จนมาวันนี้ ความหวังของผมก็มีเอลเหมือนเดิมที่เข้ามาเติมเต็มมันอีกครั้ง

“เป็นอะไรไปครับเจ้าเด็กขี้บ่น”เอลกอดปลอบผมพร้อมลูบหลังผมที่เข้าไปกอดเอลแน่นผมส่ายหน้ากับอกเอลแต่ไม่ยอมปล่อย

“ปล่อยก่อนเร็วคุณพ่อ ลูกมาแล้วนะครับ”เอลดันตัวผมออกเพราะเห็นว่าป้าสมรอุ้มวีอาร์เข้ามาหาเรา

“ไหนมาดูคุณพ่อสิครับมาร้องไห้ต่อหน้าลูกได้ยังไงกัน คิดเหมือนแด๊ดไหมเอ่ย”เอลถามลูกที่ดูจะชอบเวลาเอลอุ้มยิ้มร่าเริงมาให้ผม ผมที่เห็นหน้าเด็กที่ขึ้นชื่อว่าลูกของผมกับเอลก็ทำเอาน้ำตากลับมาไหลใหม่อีกครั้งเอลรวบตัวผมไปกอดพร้อมทั้งวีอาร์ที่จับผมของผมเหมือนกันทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรแต่เหมือนจะปลอบผมที่กำลังร้องไห้ ผมยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเอลและลูก วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ

TBC.

ปล.ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
Re: ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #21 เมื่อ20-05-2018 08:35:57 »

#บทส่งท้าย
   ห้าปีผ่านไปหลังจากวันนั้น วีอาร์ที่กำลังจะขึ้นชั้นประถมอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากำลังวิ่งเล่นกับเจ้าหมาที่ตอนนี้ตัวโตแต่ก็ยังน่ารักสำหรับผมเหมือนเดิม เอลยังคงออกไปทำงานตามปกติและผมที่มีหน้าที่ดูแลบ้านเหมือนเดิม ชีวิตของเราดำเนินไปตามปกติ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคเรื่องอะไรเขามาเราก็ร่วมมือกันเดินฝ่ามันไป แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลไปคือความรักของผมที่มีให้กับเอล มันดูจะมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา เอลที่ตอนนี้เริ่มจะหวงลูกชายที่ส่อแววสวยแต่เด็ก แต่สิ่งที่ผมแปลกใจคือหลังจากพาวีอาร์ไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนที่เดิม เราได้รู้ว่าพัฒนาการของวีอาร์จะมีมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน สรุปง่ายๆคือวีอาร์เป็นเด็กอัจฉริยะคล้ายกับผม เราให้วีอาร์เรียนที่นานาชาติใกล้บ้านเพราะเอลบอกว่าน่าจะพัฒนาความคิดลูกไปได้ไกลขึ้น แต่ถ้าลูกจบประถมก็อาจจะส่งไปเรียนต่อที่อิตาลีบ้านเกิดเอลเพราะคุณปู่อยากที่จะกอดหลานทุกวันโทรมาถามตลอดดูเหมือนเจ้าหลานก็ชอบที่จะโดนคุณปู่ให้ท้ายเสียด้วย

“คุณเพื่อนครับ”ผมหันไปตามเสียงเรียกเจอพี่วินที่ยืนอยู่ วันนี้เวรพี่วินไปกับเอลไม่ใช่หรอแล้วทำไม

“มีอะไรครับ”ผมที่โดนเอลบังคับฝึกจนเริ่มพูดได้ตามธรรมชาติเหมือนคนอื่น ผมที่เห็นว่าดีเพราะบางครั้งลูกก็ฟังผมไม่รู้เรื่องจนเอลต้องคอยแปลตลอด ฮืออออ เสียใจครับ

“คือนาย ผมว่าคุณเพื่อนรีบตามผมมาดีกว่าครับ”พี่วินลากผมมาที่รถแทนที่จะบอก ผมที่เริ่มใจไม่ดีเพราะปกติพี่วินจะไม่ดูลนลานแบบนี้ ผมนั่งครุ่นคิดตลอดทางไม่ได้สนใจว่าพี่วินพาไปทางไหนจนมาที่โกดังร้างติดท่าน้ำที่คุ้นตาแต่ผมก็ไม่เสียเวลาที่จะคิด ใจของผมร่วงไปที่พื้นทันทีที่เห็นสถานที่ เอลเป็นอะไรไปกัน แล้วทำไมถึงมาที่นี่

“รีบตามผมมาดีกว่าครับ”พี่วินเร่งผมให้รีบเดินตามเข้าไปด้านใน ภายในมืดไปหมด มีแสงรอดตามรูของสังกะสีที่รั่วบางจุด ภาพผมในท่าทางต่างๆถูกฉายไปที่ผนังฝั่งหนึ่งที่โล่งกว่าทุกด้าน พี่วินที่หายไตอนไหนไม่รู้ทั้งที่ผมเดินตามมา ผมที่พอจะรู้ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเพราะผมคิดว่านี่น่าจะเป็นแผนของเอลมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่วันเกิดของผมนะครับ เพราะมันผ่านมาหลายวันแล้วด้วย ผมยังคงยืนมองรูปที่ขึ้นมาเรื่อยๆ มีบางรูปที่ผมไม่รู้ว่าคนถ่ายแอบมาถ่ายตอนไหน ทั้งตอนนั่ง ยืน เดิน หรือกระทั่งนอน มีแต่ภาพของผม มีรูปผมที่กำลังเล่านิทานให้ลูกฟังบ้าง อาบน้ำเจ้าหมาบ้าง มันถูกฉายวนไปมา

“ฝีมือฉันดีไหม”เสียงของเอลดังมาจากความมืดที่มองไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหน แต่ผมรับรู้ได้ว่าเอลกำลังตื่นเต้นพอสมควร

“เพื่อนครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่พิสูจน์ว่ารักน้องเพื่อนนะครับ ขอบคุณที่ยอมรับรักพี่กลับมา ขอบคุณที่วางหัวใจและชีวิตของน้องเพื่อนไว้ที่พี่ พี่เคยบอกแล้วว่าจะไม่สัญญาว่าเราจะรักกันตลอดไปแต่สัญญาว่าเราจะรักกันไปทุกวัน ตอนนี้เราก็มีเจ้าวีอาร์น้อยที่เริ่มจะโตขึ้นเรื่อยๆ พี่ว่าได้เวลาแล้วนะครับที่เราจะทำมันให้ถูกต้องสักที” คลิปวีดีโอที่เอลเป็นคนพูดต่อหน้ากล้องที่ดูเหมือนจะอัดเมื่อคืนแต่ตอนไหนผมก็ไม่รู้กำลังบอกกับผมที่อยู่ตรงหน้า ทำอะไรกัน

“เพื่อน”เสียงเรียกด้านหลังผมพร้อมกับเอลที่เดินเข้ามาตามด้วยพี่วินที่ถือกล่องสีดำกับพี่เฟียสที่ถือช่อดอกไม้

“วิธีที่ถูกต้องคือ แต่งงานกันนะครับ”ผมที่ได้แต่มองหน้าเอลแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆก่อนจะพยักหน้าตกลง ใครจะมามัวเล่นตัวเสียเวลาละครับ

“เฮ!!!!!” เสียงเฮดังขึ้นจากรอบข้าง ตอนที่เอลสวมแหวนผมพร้อมกับที่ผมรับช่อดอกไม้มาโกดังที่มืดกลับสว่างขึ้นมาผมลืมตามาก็เจอกับเมด การ์ด แด๊ด พี่กฤษ เจ้าสัว พี่โรอิ พี่คามัวร์ พี่ดัลเต้แล้วก็แอนนา ทุกคนปรบมือแสดงความยินดีกับผมและเอล ผมวิ่งไปกอดแอนนาแล้วร้องไหทันที แอนนาใช้เวลาปลอบผมจนเงียบก่อนที่เราจะพากันเดินกลับบ้าน อย่างที่บอกไปครับว่ามันคุ้น ถ้าผมเอะใจกับทางที่พี่วินวนรถจนถึงตัวโกดังก็จะจำได้ว่ามันอยู่หลังบ้านเอลครับ ให้ตายผมโดนต้มจนเปื่อยเลยครับทุกคน

   วันต่อมาเอลก็หยุดงานมาตัดชุดแต่งงานกับผมเราเดินเลือกซื้อของกันต่อแล้วเลยมาที่ร้านแหวนที่เราจะใช้สวมตามพิธีคริสต์ของเอล ผมให้เอลเป็นคนจัดการเรื่องสถานที่และงานทั้งหมดเพราะเอลอยากจะเป็นคนจัดการเอง เราใช่เวลาเตรียมงานเกือบสามอาทิตย์จนในที่สุดวันงานก็มาถึง มีนักข่าวมางานพอสมควร โดยส่วนมากจะเป็นพวกที่รู้จักกับเจ้าสัวเพราะท่านคัดมาให้  ตอนเริ่มพิธีผมที่ตื่นเต้นได้พี่กฤษมาเป็นคนส่งตัวแล้วมีวีอาร์กับลีนหลานของเจ้าสัวเป็นเด็กที่คอยถือดอกไม้ให้ผม ตรงหน้าของผมมีเอลที่ยืนรออยู่ที่แท่นพิธี มีบาทหลวงรอกล่าว เราจัดพิธีกันในโบสถ์ที่ใกล้บ้าน เราสาบานตามพิธีก่อนที่จะแลกแหวนที่เราไปเลือกกันมา พิธีเสร็จเราก็กลับมาจัดงานเลี้ยงกันที่บ้าน งานนี้เป็นส่วนตัว นักข่าวไม่ได้รับเชิญให้เข้ามาด้วยเลยทำให้ผมลดความเกร็งลงได้ ความรักของผมสมบูรณ์แล้วนะครับ มีทั้งคนรัก ทั้งลูก ทั้งคนสำคัญมากมาย วันนี้ผมมีความสุขมากๆเลยละครับ

“พ่อฮะ แด๊ดฮะ ลีนบอกผมว่าถ้าแต่งงานกันแล้วจะมีน้อง”วีอาร์ที่เดินแยกจากลีนมาบอกผมกับเอลที่นั่งคุยอยู่กับผู้ใหญ่ ผมได้แต่นั่งหน้าแดงสลับซีดเพราะไม่คิดว่าลูกตัวเองจะถามแบบนี้ส่วนเอลกับคนอื่นก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ

“ไม่ได้หรอกนะลูก พ่อกับแด๊ด มีน้อง ไม่ได้นะครับ”วีอาร์พยักหน้ารับแบบเข้าใจ ผมบอกแล้วลูกผมเก่ง

“แต่แด๊ดจะพยายามนะครับ”

“ครับ”วีอาร์รับเสียงใสกับเอล ผมเลยจัดการตีแขนเอลทันทีที่พุดเล่นไปเรื่อย เอลทำหน้าเจ็บส่งกลับมาผมเลยรีบดูว่าตีแรงไปไหม คนที่อยู่ด้วยก็ยิ้มล้อเลียนพวกเรา จนถึงงานเลิกทุกคนแยกย้าย วันนี้หนุ่มๆโดนแด๊ดชวนไปเที่ยวผับใหม่ที่แด๊ดเจอ ทั้งบ้านเลยเหลือแค่ผมเอลและลูกที่เข้านอนไปแล้ว ผมที่เหนื่อยมาทั้งวันรีบอาบน้ำเตรียมนอน ส่วนเอลที่ตามขึ้นมาหลังจากที่ผมอาบเสร็จก็มีกลิ่นเหล้าเล็กน้อย วันนี้วันดีผมจะไม่บ่นนะครับ เอลเดินเงียบๆไปเข้าห้องน้ำ ผมล้มตัวนอนทันทีที่ผมแห้งผมที่เป็นแค่คนธรรมดาดันโคจรมาเจอกับเอลด้วยเรื่องบังเอิญ ถ้าวันนั้นรถที่ผมวิ่งตัดหน้าไม่ใช่เอล แล้ววันนั้นเอลไม่มีธุระต้องไปทางนั้น เราคงจะไม่มีวันนี้ที่เราทั้งสองคนรักกันก็ได้ ความรักมักจะไม่เลือกเวลา อายุ หรือแม้กระทั่งเพศ ผมที่ไม่เคยคิดว่าจะมีแฟนมาก่อนดันเจอกับเอลจนกลายเป็นคนรักกันทั้งที่เป็นผู้ชายผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยจนใกล้จะหลับแล้วครับเอลก็ออกมา ไฟในห้องโดนปิด เอลทิ้งตัวลงมาทับผมเต็มๆผมที่ตกใจลืมตาขึ้นมาทันที

“เล่นอะไรครับ ผมหนัก”ผมดันตัวเอลให้หลบเพราะคิดว่าน่าจะยังเมาอยู่แต่กับไม่ขยับสักนิด อะไรบางอย่างที่โดนต้นหาผมทำเอาหน้าผมร้อนทันที

“เพื่อน มาทำกันเถอะ”เอลบอกผมเสียงเรียบ

“ห้ะ อือ”ผมที่ตกใจยังไม่ทันตั้งสติกับคำพูดเอลก็โดนเอลจู่โจมทันที

   ความรักของผมในวันนี้ถือว่าสมบูรณ์และเกินที่ผมคาดไว้มากเลยละครับ ผมมีทั้งคนที่รักผมมากอย่างเอลและคนที่ให้ความสำคัญกับผมเสมออย่างคนรอบข้างของผม ผมมีสัตว์เลี้ยงที่น่ารักอย่างเจ้าหมา มีลูกชายที่เติบโตด้วยความรักของผมและเอลและจากคนรอบข้างเขา ผมมีความสุขมากครับ ไม่คิดว่าเด็กกำพร้าที่ต้องต่อสู้กับชีวิตในวัยเด็กเจอเรื่องต่างๆมากมายจะมีวันนี้ ผมอยากจะขอบคุณเอลมากครับที่รับผมมาดูแลในวันนั้นเพราะถ้าไม่มีเอลก็คงไม่มีผมในวันนี้ ผมที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแบบนี้ ผมที่กล้าจะพูดมากขึ้น ผมกล้าที่จะไว้ใจคนอื่นมากขึ้น ทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำให้กับผมมันยิ่งใหญ่มากจนผมไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ผมสามารถตอบแทนให้เขาได้ ผู้ชายที่รักผมมากกว่าใคร ผู้ชายที่ชื่อว่า ลูเซียส เอล ดิวาเลนนาส ผู้ชายที่ผมรักสุดหัวใจ แล้วพวกคุณละครับเจอคนที่คุณพร้อมจะฝากทุกอย่างในชีวิตกับเขาหรือยังครับ ผมขอให้พวกคุณโชคดีครับ ลาก่อน (ถึงเรื่องราวในเรื่องนี้จะจบแต่ความรักของผมกับเอลจะดำเนินต่อไปนะครับ อย่าลืมเก็บเรื่องราวของผมในใจทุกคนตลอดไปนะครับ)

.............................................................หันกล้องกลับมาอีกครั้ง...............................................

ลิ้นร้อนที่เข้ามาเกี่ยวกับลิ้นผมพร้อมแรงดูดที่ริมฝีปากทำเอาผมรู้สึกหวิวที่ช่วงท้องจนผมเริ่มจะตื่นเพราะจูบของเอลที่มีกลิ่นเหล้ามาเพิ่มรสจูบที่มอมเมาผมมากกว่าเดิม มือของเอลเริ่มเลื่อนมาปลดเสื้อและกางเกงของผมก่อนที่จะก้มลงไปเอาหยอกล้อกับยอดอกของผม

“อ้ะ เอล อือ มันเสียว”ผมบิดตัวไปมาเมื่อเอลยื่นมือลงไปกอบกุมลูกชายด้านล่างพร้อมที่ยังไม่เลิกแกล้งยอดอกผม

“อะ เอล มัน อือ”เอลเลื่อนริมฝีปากไปครอบลูกชายของผมก่อนจะเริ่มขยับปากขึ้นลงสลับกับเม้มบริเวณหัว ผมยิ่งบิดตัวมากขึ้นจนทนไม่ไหวเอื้อมมือดันหัวของเอลออกแต่เอลไม่ยอมขยับจนปล่อยใส่ปากของเอล เอลไม่ได้ว่าอะไรกับกลืนลงไปแทน ผมที่เห็นเลยลุกขึ้นดันตัวเอลลงก่อนจะเริ่มขบเม้มไปตามตัวจนเกิดรอยจางๆผมถอดชุดคลุมเอลออกแล้วเลื่อนหน้าลงไปตรงส่วนที่แข็งขืนชี้หน้าผม มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมไม่คิดว่าจะได้ทำแบบนี้ ผมพยายามอ้าปากจนสามารถครอบลงไปจนได้ ผมเริ่มขยับขึ้นลงเบาๆแบบที่เอลทำสลับกับใช้ลิ้นเลียจากฐานจนถึงส่วนหัว เอลส่งเสียงออกมาตลอดเวลาอย่างพอใจ ผมที่เงยหน้ามามองเห็นสายตาเอลที่ส่งมาจนเริ่มที่จะตื่นตัวอีกครั้ง เอลจับแขนผมขึ้นไปรับจูบที่รุนแรงด้วยอารมณ์ เราทั้งสองต่างเติมเชื่อไฟให้แก่กันและกัน ผมที่คิดว่าคืนส่งตัวเข้าหอเราคงไม่จำเป็นเพราะเอลไม่ได้ดูมีทีท่าว่าจะถามอะไร ตั้งแต่ครั้งนั้นเมื่อวันเกิดเอลเราก็ไม่เคยทำถึงขั้นสุดท้ายสักที เพราะเอลกลัวว่าผมจะไม่สบาย เราเพียงช่วยกันและกันเสมอ

“เพื่อนครับ”เอลเรียกผมที่นอนมองหน้าเอลก่อนจะก้มลงมาจูบผมอีกครั้งจนปากผมช้ำไปหมด

“อือ”ผมครางออกมาตอนที่เอลสอดนิ้วเข้ามาในตัวของผม จำนวนนิ้วเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆตามแรงดูดดึงที่ริมฝีปากของผมกับเอล

“อย่าเกร็งนะ”เอลบอกเสียงพร่าชิดริมหูของผม ผมหายใจเข้าออกเพื่อลดอาการเกร็งตอนที่เอลสอดสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วเข้ามาในตัวผม

“อึก เอล อือ”มันไม่เจ็บเท่าครับแรกหรอกนะครับแต่มันก็เสียดนิดหน่อยเพราะเราไม่ได้ทำแบบนี้มานานมากแล้ว ผมจิกเล็บลงที่หลังเอลตอนที่เอลดันตัวเข้าจนสุดแล้วค้างไว้ก่อนจะเริ่มขยับตัวเบาๆจนเร่งจังหวะไปเรื่อยๆ ผมที่โดนกระแทกโดนจุดเสียวด้านในเบียดตัวชิดเอลมากขึ้นเด้งตัวรับกับเอลที่ดันมาก่อนจะปล่อยออกมา

“อ่าเพื่อน จะรัดฉันแน่นไปถึงไหน สุดยอดจริงๆ”เอลพูดพลางขยับไม่หยุดก่อนจะเร่งจังหวะจนปล่อยเข้ามาในร่างกายของผม ความอุ่นที่เข้ามาจนรู้สึกได้ เรากอดกันจนลมหายใจกลับมาคงที่ เอลถอนตัวออกแล้วอุ้มผมไปที่อ่างน้ำ จังหวะที่ตัวผมยืนเพื่อล้างตัวก่อนลงแช่น้ำ ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ไหลลงมาตามขาก้มลงมองเห้นน้ำของเอลที่ทิ้งไว้ในตัวกำลังไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผมหน้าแดงเงยหน้าขึ้นไม่ก้มมองต่อก่อนจะหลบสายตาเอลที่มองมา เอลพาผมไปล้างตัวที่ฝักบัวก่อนจะพามาแช่ในน้ำอุ่น ผมรู้สึกขัดๆเวลาเดินนิดหน่อยแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่

“ถ้าจะให้รู้สึกดี ต้องทำบ่อยๆ”เอลกระซิบติดหูผมที่เข้ามานั่งซ้อนตัวผมจากด้านหลังในอ่างก่อนที่เริ่มลูบฟองตามตัวผม ตอนแรกก็เหมือนเอลจะอาบน้ำให้ผมแบบปกตินะครับ แต่บางอย่างที่ดุนดันด้านหลังผมทำให้ต้องคิดใหม่ ผมว่าวันนี้คงได้นอนเช้ามากกว่าละมั้งครับ ต่อไปผมจะไม่ให้เอลดื่มเยอะแบบนี้แล้วครับ มันคึกเกินไป ผมลำบากนะครับคุณ!!!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2018 08:46:02 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: END ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)
«ตอบ #22 เมื่อ20-05-2018 17:20:57 »

ขอบคุณครับบบบบ น่ารักมากเลยยยยยย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ เนื้อหา  ภาษาโอเค  :mew1:

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านรวดเดียวจบ
พี่เอลอบอุ่นละมุนละไมมาก (พิเศษเฉพาะน้องเพื่อนและลูกเท่านั้น)
น้องเพื่อนก็น่ารัก ยิ่งได้เจ้าหนูวีอาร์มาเป็นลูก
กลายเป็นครอบครัวสมบูรณ์แบบเลยอ่ะ ดีงามจริง
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
จบแล้ววววว พี่อยากรู้อนาคตน้องวีอาร์ใจจะขาดดดดด อยากเห็นความอัจฉริยะภาพขิงน้องง  :katai1:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เรื่องน่ารักที่อ่านผ่านไม่ได้เลย  :m3: :m3:

น่ารัก  :m1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เอลกับเพื่อน น่ารักทั้งสองคน

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
อบอุ่นและน่ารักสุดๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
น่ารักมากๆค่า ขอบคุณค่ะ :L2: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด