► วันเปี่ยมรัก・*:.✿.:*・ by aoikyosuke 【หน้า 12 ตอนที่ 28】up 15/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► วันเปี่ยมรัก・*:.✿.:*・ by aoikyosuke 【หน้า 12 ตอนที่ 28】up 15/02/2019  (อ่าน 56830 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
หึงก็บอกเขาไปสิหนูวัน

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ใจเริ่มจะตรงกันสักทีหลังจากที่หยอดมานาน

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กลายเป็นผู้ช่วยเฉยเลย และกำลังจะกลายเป็นเมียผูู้ใหญ่เร็วๆนี้แหละ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แบบนี้ เรียกว่าหึงโดยไม่รู้ตัวนะวัน มีประชดประชันด้วย ไม่ได้พลาดแต่มันออกมาจากความรู้สึก
 
ว่าแต่ผู้ใหญ่งอนนี่ ก็น่ารักนะเออ รีบง้อโดยด่วนนะวัน

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
วันเปี่ยมรัก.22

   ตั้งแต่วันนั้นที่พูดไม่ดีออกไป ก็ยังไม่มีจังหวะที่จะได้ขอโทษเลย ไม่แปลกที่จะทำให้รู้สึกไม่พอใจ และศิวัฒน์ก็รู้ตัวว่าพูดแบบนั้นก็เกินไปจริง ๆ มองโทรศัพท์ในมือและตั้งใจพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่รู้จะขอโทษยังไงดี ความรู้สึกค้างคาใจก็เลยยังอยู่จนถึงตอนนี้และคิดว่าเมื่อถึงวันหยุดได้กลับไปหาปู่กับย่าก็คงต้องแวะไปหาผู้ใหญ่เปี่ยมเพื่อขอโทษ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่สบายใจไปตลอด กำลังคิดคำขอโทษแล้วอยู่ดี ๆ ก็มีข้อความส่งเข้ามาหาจากคนที่กำลังคิดถึง

   ...ว่างหรือเปล่า ขอรบกวนเวลาสัก 5 นาทีได้มั้ย...

   แล้วโอกาสก็มาถึง ไม่ต้องคิดนานคนที่หาทางขอโทษก็ส่งข้อความกลับไป

   ...ว่างคุย 5 นาที...

   มีฟอร์มให้ตัวเองนิด ๆ และหลังจากอ่านข้อความแล้วผู้ใหญ่เปี่ยมก็โทรมาหาทันที

   “เราขอโทษที่รบกวนนะวัน พอดีเราอยากไปดูพวกเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตร เราเห็นว่าเขามีจัดงาน แถวนั้นพอจะมีที่พักดี ๆ ราคาไม่แพงบ้างมั้ย”

   เรื่องหาที่พักไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าจะมาจริง ๆ ก็พอจะช่วยหาที่พักให้ได้

   “ผู้ใหญ่จะมาเหรอ”

   “ใช่ พอดีเราอยากไปดูเครื่องคัดเมล็ดพันธ์ุข้าว”

   ปกติผู้ใหญ่เปี่ยมจะชอบแหย่และชอบแกล้งกวนให้โมโห แต่ครั้งนี้ที่โทรมาหาคำพูดคำจาดูแตกต่างไปจากที่เคยจนรู้สึกได้

   “เราเห็นว่าจะมีจัดงานใหญ่เลยว่าจะจองที่พักแถวนั้น ตอนแรกคิดว่าจะขับรถไปแต่ดูจะยุ่งยากเลยจะนั่งรถทัวร์ดีกว่าแต่คิดว่าคงกลับไม่ทันเลยน่าจะต้องค้างหนึ่งคืน”

   คำพูดของคนที่โทรมาทำให้รู้สึกถึงความห่างเหิน และมันทำให้ศิวัฒน์ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจคงเป็นเพราะเรื่องวันนั้นผู้ใหญ่เปี่ยมเลยดูนิ่ง ๆ ไป

   “เรื่องที่พักเดี๋ยวเราดูให้ก็ได้ แถวนั้นมีเยอะอยู่นะ”

   คิดว่าผู้ใหญ่เปี่ยมอาจจะอยากพูดคุยด้วยอีกหน่อย แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

   “ขอบใจมากนะวัน งั้นเราไม่กวนแล้วล่ะ แค่นี้นะ”

   แบบนี้มันยิ่งกว่ากวนอีก ทำไมถึงต้องพูดจาแบบนี้ด้วยการพูดแบบนี้มันน่าหงุดหงิดกว่าตอนที่ผู้ใหญ่พูดจากวน ๆ ใส่อีก

   “ผู้ใหญ่เป็นอะไร”

   ถามออกไปตรง ๆ และปลายสายก็นิ่งเงียบไป

   “ผู้ใหญ่โกรธเราใช่มั้ย ถามจริง ๆ”

   “เราไม่กล้าโกรธวันหรอก วันก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

   ไม่กล้าโกรธแต่พูดแบบนี้เหรอ งั้นก็ได้ ไม่ชอบเวลาที่ถูกเมินเฉยใส่และกำลังจะต่อว่าคนที่อยู่ปลายสายแล้วผู้ใหญ่เปี่ยมที่นิ่งเงียบอยู่นานก็ตอบกลับมาก่อนที่ศิวัฒน์จะพูดอะไร

   “เราไม่ได้เป็นอะไรนะ เราก็เป็นผู้ใหญ่บ้านไง วันก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

   “กวนตีนนะผู้ใหญ่”

   ดูเหมือนว่าจะมีเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปลายสายและมันทำให้ศิวัฒน์เริ่มสบายใจขึ้นมาบ้างที่ผู้ใหญ่เปี่ยมมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอและไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญอย่างที่คิด

   “ที่จริงช่วงนี้เรามีเรื่องเครียด ๆ อยู่ที่จะไปดูงานมันก็เป็นแค่ข้ออ้างเพื่อหนีไปจากตรงนี้สักพักแค่นั้น”

   คิดเอาไว้ว่าผู้ใหญ่เปี่ยมดูแปลกไปและคิดว่าคงจะเพราะไม่พอใจที่พูดเรื่องไม่ควรพูดเมื่อครั้งก่อนแต่ไม่นึกว่าจะมีเรื่องเครียดด้วย

   “ตกลงจะมาใช่มั้ย”

   “อือ”

   “ถ้างั้นมาพักกับเราก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าอย่ามากวนประสาทให้เราโมโห”

   ไม่ได้อยากจะแสดงตัวว่าเป็นคนดีมีน้ำใจเลยสักนิด และตอนนี้ก็กำลังพยายามคิดหาเหตุผลเพื่อมาสนับสนุนว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงชวนผู้ใหญ่เปี่ยมมาค้างด้วยกันได้

   “จะดีเหรอวัน”

   ทำเหมือนว่าเกรงใจ ทั้งที่จริงแล้วก็รู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชวน

   “นั่นสิ เราว่าไม่น่าจะดีหรอกนะ เราเปลี่ยนใจแล้ว ผู้ใหญ่ไปหาที่พักที่อื่นเถอะ”

   “อ้าว ทำไมแบบนั้นล่ะวัน ชวนแล้วห้ามกลับคำแบบนี้สิ”

   ผู้ใหญ่เปี่ยมแกล้งทำเสียงงอแงใส่คนที่อยู่ ๆ ก็ไม่ยอมให้พัก โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ใช่จะมีบ่อย ๆ ถ้าไม่คว้าเอาไว้คงเสียดายแย่

   “นึกว่าจะเล่นตัวกว่านี้ซะอีก”

   “เราก็ต้องพูดให้เหมือนเกรงใจวันหน่อยสิ เพราะเราเป็นคนมีมารยาท”

   ถ้าพูดจากวน ๆ ได้ขนาดนี้ก็ไม่น่าจะต้องคิดเรื่องมารยาทแล้วล่ะ และศิวัฒน์ก็สบายใจขึ้นเมื่อคนที่อยู่ปลายสายเริ่มต่อปากต่อคำกันได้แล้ว

   “แล้วจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”

   ถามออกไปเพื่อจะได้วางแผนการเดินทางให้และผู้ใหญ่เปี่ยมก็บอกสิ่งที่คิดเอาไว้แล้ว

   “วันเสาร์นี้ เราจะออกจากที่นี่ตั้งแต่เช้า”

   “อืม มาถึงก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวเราไปรับ”

   ตั้งแต่เริ่มพูดคุยและเริ่มทำงานด้วยกัน สิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่เปี่ยมประทับใจคนที่กำลังคุยกันก็คือถึงจะทำเหมือนไม่ค่อยสนใจและบางครั้งก็เมินเฉยกันบ่อย ๆ  แต่ทุกครั้งที่ขอความช่วยเหลือศิวัฒน์ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง

   “ขอบคุณมากนะครับผู้ช่วย”

   “ใครเป็นผู้ช่วย เราไม่ใช่ผู้ช่วยนะ ผู้ใหญ่กรุณาไปแก้ความเข้าใจผิดกับคนอื่น ๆ เรื่องของเราด้วย”

   โดนต่อว่าอีกแล้วและผู้ใหญ่เปี่ยมก็รู้สึกดีเวลาที่โดนต่อว่าแบบนี้ แค่ได้ต่อปากต่อคำแค่ได้พูดคุยกันแค่เพียงเล็กน้อยแต่ทำให้รู้สึกดีมากขึ้นทุกวัน

   “วัน ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือเรามาตลอด เวลาที่เราไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใครได้ เราก็มีแต่วันนี่แหละที่ไม่เคยทิ้งเรา”

   ฟังดูเป็นคำสรรเสริญที่เกินจริงไปหน่อย แต่ที่จริงแล้วคือเรื่องจริงสำหรับผู้ใหญ่เปี่ยมที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะขาดศิวัฒน์ไม่ได้
   
        “ผู้ใหญ่ไม่ต้องทำเป็นชมเราเกินจริงแบบนั้นหรอก เราไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด”

   ก็แค่พูดไปอย่างที่คิด แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่เปี่ยมตอบกลับมามันทำให้ศิวัฒน์ได้แต่นิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่เปี่ยมพูด

   “มันไม่เกินจริงไปหรอกนะ วันก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าที่เราอยู่ตอนนี้มันเป็นยังไง”

   ถ้าไม่ได้ลงมือทำอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกันก็คงไม่รู้และเมื่อได้รู้ได้เห็นในหลาย ๆ เรื่องก็ไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่เปี่ยมจะทุ่มเททำเพื่อคนในหมู่บ้านขนาดนี้ไปทำไม

   “เราก็พอรู้แหละนะผู้ใหญ่”

   เรื่องบางเรื่องก็ไม่รู้จะไปปรับทุกข์หรือระบายความอัดอั้นตันใจแบบนี้กับใครได้ แต่ผู้ใหญ่เปี่ยมก็สามารถพูดคุยเรื่องแบบนี้กับศิวัฒน์ได้อย่างสบายใจเสมอ

   “เราถึงบอกไง ว่าขอบคุณวันมากนะที่คอยช่วยเหลือเราตลอดในเวลาที่ไม่มีใครคิดจะช่วยเรา”

            +++

   “ผู้ใหญ่กินอะไรมาหรือยัง หิวหรือเปล่า”

   ศิวัฒน์เอ่ยถามคนที่เพิ่งเจอหน้ากันด้วยความเป็นห่วงและผู้ใหญ่เปี่ยมที่เดินมาขึ้นรถก็ตอบกลับ

   “ยังไม่ได้กินเลย วันกินหรือยัง”

   ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าการเจอกันครั้งนี้มันพิเศษกว่าที่เคย ปกติเราเจอกันที่ศาลากลางของหมู่บ้าน ทำงานด้วยกัน อย่างมากก็กินข้าวด้วยกันที่บ้านหรือเต็มที่ก็ไปกินขนมหวานด้วยกันแค่นั้น และมันแตกต่างจากตอนนี้ที่เราเจอกันในสถานที่อื่นบ้าง ที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราและมันห่างไกลจากสายตาของคนในหมู่บ้าน

   “แล้วผู้ใหญ่อยากกินอะไรล่ะ”

   ที่จริงก็แค่การพูดคุยกันด้วยเรื่องธรรมดาแต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้รู้สึกดีกว่าทุกครั้งที่คุยกันและผู้ใหญ่เปี่ยมก็บอกคนที่ขับรถให้นั่งแบบยิ้ม ๆ

   “วันก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเรากินอะไรก็อร่อยหมดแหละ ขอแค่ได้กินกับวัน”

   ก็แค่พูดเหมือนที่เคย และก็แค่โดนมองด้วยความหมั่นไส้เหมือนที่เคย แต่สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือนอกจากโดนมองด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมั่นไส้แล้ว ตอนนี้ผู้ใหญ่รู้สึกว่าศิวัฒน์เริ่มยิ้มนิด ๆ ด้วย

   “เอาดี ๆ  ไม่ต้องมาหยอดเราหรอก จริง ๆ แล้วผู้ใหญ่อยากกินอะไร”

   ถ้าเอาแบบดี ๆ แบบไม่ต้องหยอดคือตอนนี้อะไรก็กินได้ทั้งนั้นเพราะหิวมากจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว

   “เอาดี ๆ คือเรายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า และเอาดี ๆ ตอนนี้เราหิวมากอะไรเราก็กินหมดแล้ว"

   ยอมรับตรง ๆ ว่าหิวข้าวมาก และศิวัฒน์ก็มองคนที่ทำหน้ามุ่ยและยกมือลูบท้องด้วยความขำ

   “ก็แค่นี้ มัวลีลาอยู่ได้”

   เราคุยกันด้วยเรื่องธรรมดา ด้วยคำพูดแสนธรรมดา วันนี้มันก็เป็นแค่วันธรรมดาเหมือนทุกวัน แต่ที่ทำให้รู้สึกไม่ธรรมดาเพราะความรู้สึกตอนนี้เหมือนเรากำลังเดทกันอยู่และมันทำให้คนสองคนรู้สึกดีจนทำให้เผลอยิ้มออกมาเวลาที่มองหน้ากัน

   “วันนี้ผู้ใหญ่ดูสงบปากสงบคำไม่ค่อยกวนตีนเราเลยเนอะ สงสัยจะลืมเอาปากมาด้วย”   

   แกล้งแหย่ไปอีกนิดและผู้ใหญ่เปี่ยมก็มองหน้าศิวัฒน์แบบยิ้ม ๆ

   “เนี่ย พอพูดด้วยก็หาว่ากวนตีน พอไม่พูดก็หาว่าลืมเอาปากมาด้วย เราทำตัวไม่ถูกแล้วนะวัน”

   ผู้ใหญ่เปี่ยมตัวจริงต้องแบบนี้แหละ กวนประสาทนิด ๆ และทำให้รู้สึกโมโหได้หน่อย ๆ

   “ว่าแต่เรา วันนี้วันเองก็เถอะ”

   “ทำไมเหรอ วันนี้เราก็ปกติดี ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”

   พูดแล้วก็ยักไหล่ทำหน้ากวน ๆ ใส่คนที่ชวนคุยบ้างในระหว่างที่รอให้พ้นแยกไฟแดง

   “ใครว่าล่ะ วันนี้ หนูวันของเราหล่อมากเลยล่ะ อยู่ที่นี่แต่งตัวหล่อ แบบนี้ทุกวันเลยสินะ”

   มันคือชุดลำลองแบบปกติ ไม่รู้ทำไมผู้ใหญ่เปี่ยมถึงเอ่ยปากชมกันได้ทั้งที่แต่งตัวแบบนี้อยู่ทุกวันอยู่แล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าต่างฝ่ายต่างไม่ได้เห็นกันในแบบนี้แค่นั้น

   “นี่เราก็แต่งตัวธรรมดา ชมเราแบบนี้อยากให้ชมกลับหรือไง”

   แกล้งถามและผู้ใหญ่เปี่ยมก็พยักหน้ารับทันที

   “วันก็น่าจะเห็นว่าวันนี้เราแต่งตัวดีเป็นพิเศษ แทนที่จะชมเราบ้างปล่อยให้เราชมวันคนเดียวอยู่ได้”

   “สรุปคืออยากให้ชมกลับว่างั้น”

   แกล้งมองการแต่งตัวที่ผู้ใหญ่เปี่ยมบอกว่าตั้งใจแต่งมาให้ดูแบบยิ้ม ๆ และแกล้งเบะหน้าใส่นิด ๆ แต่ก็นึกชื่นชมว่าที่จริงแล้ววันนี้ก็ดูดีกว่าที่เคยเห็นมากจริง ๆ

   “หล่อมาก ดูดีสุด ๆ พอใจหรือยัง”

   ไม่จริงใจเลยสักนิด และถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ไม่จริงใจ แต่ก็ทำให้คนที่ถูกชมยิ้มได้ ผู้ใหญ่เปี่ยมเอนหลังพิงกับพนักพิงของเบาะรถและถอนใจยาว มองหน้าของศิวัฒน์แล้วก็รู้สึกดี เหมือนความกดดันและภาระหนักอึ้งที่แบกเอาไว้ผ่อนคลายลงบ้าง

   “คงมีแต่วันคนเดียวที่เราพูดอะไรแบบนี้ด้วยได้อย่างสบายใจ”

   หันไปมองคนที่พูดเรื่องที่อยู่ในใจออกมาเสียงเบาและศิวัฒน์ก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง หลังจากที่ทำงานด้วยกันมาหลายเดือน รู้ว่าผู้ใหญ่เปี่ยมเจออะไรมา รู้ว่าความหนักใจคืออะไร รู้ว่าการจะเป็นคนดีบางครั้งก็ยากลำบากมากและตอนนี้ผู้ใหญ่เปี่ยมก็แค่ต้องการกำลังใจจากใครสักคนแค่นั้นเอง

   “ถ้าไม่หยุดคิดก็ไม่ได้พักนะผู้ใหญ่ นี่ผู้ใหญ่บอกเองว่าจะมาเดินดูงานให้สบายใจไม่ใช่เหรอ”

   แค่ใครสักคนที่เข้าใจและแค่เพียงคำพูดไม่กี่คำแต่ทำให้สบายใจจนสามารถยิ้มได้ ผู้ใหญ่เปี่ยมมองหน้าศิวัฒน์แบบยิ้ม ๆ มองแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันนอกจากความสบายใจแล้วยังได้รับกำลังใจอยู่เสมอ

   “ขอบใจมากนะวัน ก็มีแต่วันนี่แหละที่เข้าใจเรา”

   ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และศิวัฒน์ก็มองหน้าผู้ใหญ่เปี่ยมแบบกวน ๆ และพูดเรื่องบางอย่างให้ได้ยินชัดเจน

   “ไม่เป็นไรผู้ใหญ่ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ค่าที่กินที่พักทั้งหมดก็เตรียมตัวจ่ายให้สมกับความเข้าใจที่เรามีให้ผู้ใหญ่ก็แล้วกัน”

       TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2019 19:31:04 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม..ฟังทั้งคู่พูดคุยกันไป เราก็ยิ้มตามไปด้วย
แต่ ตอนท้ายวันจะโหดไปไหเนี่ย อิอิอิอิ
น่ารักสุดๆ คู่นี้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดู ผญ. จะเกรงๆ วันอยู่น่า  :hao4:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เมื่อไหร่ผู้ใหญ่จะเรียกชื่อศิวัฒน์จริงๆ สักที คนถูกเรียกนี่ก็เลยไม่สนิทใจกันสักที เหมือนมีช่องว่างหุบเหวระหว่างกัน เฮ้ออออ  555 นี่ก็อินไป

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
แหนะ ที่แท้ก็ใส่ใจเค้าเหมือนกันละน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แบหึง แต่ไม่ยอมรับ  ผุ้ใหญ่ก้จีบต่อไปสุ้ๆ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ค่อยๆผูก ค่อยๆพัน ค่อยๆใส่ใจกันไป  :กอด1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
แหมมมม ก็นึกว่าจะงอนเล่นตัวสักหน่อยอ่ะนะพ่อผู้ใหญ่ นี่อะร๊ายยยย เขาถามหน่อยเดียวก็หายงอนละ เอ็นดูจริงนะผู้ใหญ่เปี่ยม 5555  :man1:

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบมาก เรียบง่ายแต่อบอุ่นใจ ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ ว่าแต่เมื่อไหร่ผู้ใหญ่จะเรียกชื่อจริงๆของวันล่ะ เราลืมชื่อจริงของวันไปแล้วนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
มาถึงขั้นนี้แล้วก็ขอหนูวันเป็นแฟนเถอะนะผู้ใหญ่

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
นุ๊งศิน่ารักขึ้นทุกวัน


ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อย่าใจร้ายกับพี่ผู้ใหญ่เขามากเลยนะน้องศิ //แอบสงสารผู้ใหญ่เรื่องการงาน กับเรื่องเมียเก่าที่กำลังกลับมา

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
หนูวันน่ารักกกก มีแคร์ความรู้สึกกัน
เข้าใจกันและกันมากขึ้น โง้ยยย  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
วันเปี่ยมรัก.23

   แค่ได้กินข้าวด้วยกัน แค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นแค่การมาเดินดูงานเกี่ยวกับการเกษตรและมาดูนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะนำไปใช้กับการพัฒนาหมู่บ้านได้ก็ตาม

   “วันกินชากันมั้ย”

   เดินมานั่งในซุ้มเล็ก ๆ ที่มีเก้าอี้สำหรับให้นั่งพักผ่อนได้และผู้ใหญ่เปี่ยมก็เอ่ยถามคนที่มานั่งพักข้างกัน

   “ทำไมจะเลี้ยงเราเหรอ”

   แกล้งถามแบบยิ้ม ๆ และผู้ใหญ่เปี่ยมก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้ด้วยความเต็มใจ

   “อยากเลี้ยงวันบ้าง เอาจริง ๆ ถ้าวันยอมให้เราเลี้ยงตลอดชีวิตเราก็เลี้ยงวันได้”

   พูดแบบนี้อีกแล้ว พูดจาแปลก ๆ และส่งยิ้มให้ด้วย บางทีคนฟังก็ต้องแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งไม่รับรู้บ้าง เพราะถ้ายอมรับว่าได้ยินทั้งหมดที่ผู้ใหญ่เปี่ยมพูดคงทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ด้วยกัน

   “เอาตังค์ไปซื้อชากับขนมกินนะหนูวัน วันนี้ผู้ใหญ่เลี้ยงเอง”

   หยิบเงินส่งให้และศิวัฒน์ก็แกล้งเบะหน้าใส่คนที่พูดจาบ้าบอกวนประสาทใส่ พูดแล้วผู้ใหญ่เปี่ยมก็หัวเราะด้วย เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้

   “เงินแค่นี้ไม่พอซื้อขนมให้เรากินหรอก เอามาอีก”

   รีดไถกันเห็น ๆ และผู้ใหญ่เปี่ยมก็แกล้งทำหน้าเศร้าพอให้ดูน่าสงสารทั้งที่จริงกำลังยิ้ม

   “เรายกเงินให้วันหมดนี่เลยก็ได้ จะได้ไม่มีค่ารถกลับบ้าน เผื่อวันสงสารจะได้ให้เราค้างด้วยอีกหนึ่งคืน”

   “ฝันไปเถอะผู้ใหญ่”

   ปฏิเสธแบบไม่เหลือเยื่อใยและศิวัฒน์ก็ดึงเงินที่ผู้ใหญ่เปี่ยมส่งให้ไปซื้อชากับขนมมานั่งกินด้วยกัน

   “ใช้เงินให้เต็มที่เลยหนูวัน ผู้ใหญ่จะเปย์หนูวันเอง”

   “ด้วยเงินสองร้อยบาทเนี่ยนะ”

   ชูแบงค์ร้อยสองใบขึ้นมาและศิวัฒน์ก็มองเงินในมือและเบะหน้าใส่ เห็นแล้วก็ทำให้ผู้ใหญ่เปี่ยมหัวเราะออกมาด้วยความขำ

   “พี่มีสองร้อยพี่ให้น้องทั้งสองร้อยหมดตัวเลย ยังมีอะไรไม่พอใจอีกหรือจ๊ะ”

   ฟังแล้วก็ดูน่าดีใจอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ดีใจและจะพาลหมั่นไส้เอาด้วย

   “ดี ให้มาหมดตัวขนาดนี้ เราจะซื้อให้หมดทุกบาททุกสตางค์ไม่เหลือทอนให้เลยแล้วกัน”
   
            +++      
   
   หนึ่งวันสำหรับเราหมดลงแล้ว และเป็นหนึ่งวันที่ทำให้ผู้ใหญ่เปี่ยมมีความสุขมาก ตั้งแต่เช้าจรดเย็นที่เราได้ใช้เวลาด้วยกันมันผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

   “ผู้ใหญ่สนใจเครื่องที่ไปยืนดูนั่นเหรอ”

   “ใช่ มันคือเครื่องแยกเมล็ดพันธ์ข้าว เราคิดอยู่นะว่าจะเอาแบบไหนเพราะมันดีทั้งสองอย่าง ถ้าได้ไปก็น่าจะช่วยได้เยอะ เลยขอโบรชัวร์เขาไว้แล้วเพื่อศึกษาเพิ่มเติม”

   นอนคุยกันไปเรื่อย ๆ ปรึกษากันเรื่องงานและศิวัฒน์ก็ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่เปี่ยมบอกด้วยความตั้งใจ หลังจากนอนคุยกันอยู่พักใหญ่คนที่คุยด้วยก็เงียบเสียงไป คงจะเหนื่อยเพราะวันนี้ช่วยดูแลและมาอำนวยความสะดวกให้ทั้งวันแถมยังมีน้ำใจยอมให้มาค้างด้วยกันอีก ยังไม่ทันได้ขอบคุณก็ดูเหมือนว่าคนที่นอนอยู่ด้วยกันน่าจะหลับไปแล้ว

   เตียงที่นอนอยู่ไม่ได้ใหญ่โต ศิวัฒน์นอนอยู่ด้านในและผู้ใหญ่เปี่ยมก็นอนอยู่ด้านนอก ระยะห่างของเราไม่ได้มากมายนักและมันมากพอให้สัมผัสถึงไออุ่นจากร่างกายของกันและกัน

   ดึกมากแล้วและผู้ใหญ่เปี่ยมที่ยังไม่หลับก็นอนคิดอะไรไปเรื่อย ๆ คิดถึงเรื่องของตัวเอง คิดถึงเรื่องที่ทำอยู่ และคิดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ไม่เคยลืม เรื่องราวระหว่างเราสองคน ตอนที่ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยังมีความสุขมากเพียงแค่ได้วิ่งเล่นไปมาในหมู่บ้าน
            
         +++

   เด็กชายเปี่ยมลูกชายคนกลางของผู้ใหญ่ปรุงเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก ทั้งรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณดูดีกว่าลูกหลานของชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เรียนในเมือง ฐานะดี มีมารยาทไม่ว่าใครเห็นก็รัก

   วันหนึ่งในงานแห่นาคซึ่งเป็นงานบุญที่คนในหมู่บ้านได้มีส่วนร่วมในงานด้วยกัน เสียงดนตรีอึกทึกในขบวนแห่ยิ่งทำให้ชาวบ้านที่ร่วมขบวนฟ้อนรำกันอย่างสนุกสนาน เด็ก ๆ หลายคนที่อยู่ในละแวกบ้านใกล้กันมักได้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในขบวนเสมอ ไม่เว้นแม้แต่เด็กชายเปี่ยมสุขลูกชายคนกลางของผู้ใหญ่ปรุงที่ได้ร่วมในพิธีด้วย

   “ลูกชายผู้ใหญ่ปรุงนี่หน้าตาน่ารักกว่าใครเพื่อนเลยนะ”

   “อ้าว คนนั้นลูกชายผู้ใหญ่ปรุงเหรอ”

   “นั่นแหละลูกชายคนกลางของผู้ใหญ่ปรุงเขา น่ารักกว่าเด็กคนอื่นจริงนั่นแหละ อย่างว่านะพ่อแม่เขามีเงินเลยมีปัญญาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้ลูกใส่ มีเงินส่งเรียนในเมือง ผิดกับ...”

   คำพูดที่หายไปมาพร้อมกับสายตาของชาวบ้านที่มาร่วมขบวนแห่ที่มองเลยไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นคนสวยมาก ๆ สวยถึงขนาดที่เข้าร่วมงานประกวดเวทีไหนก็ได้ตำแหน่งมาหมด แต่สภาพตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าความงามหลงเหลืออยู่เลย เหลือไว้เพียงแค่ผู้หญิงขี้เมาแต่งตัวมอซอและกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับผู้ชายในหมู่บ้านหลายคนที่อยู่ในอาการมึนเมาไม่ต่างกัน

   “ไม่เหมือนลูกอีลำยองน่ะเหรอ”

   ไม่มีใครเรียกชื่อจริงของเธอนานแล้ว มีแต่คนเรียกว่าอีลำยองขี้เมาเหมือนในละครหลังข่าวที่ตัวละครมีสภาพไม่ต่างจากคนที่ถูกพูดถึง

   “เสียดายมันนะ”

   “ใช่ เสียดายมัน”

   เด็กชายเปี่ยมที่ร่วมในขบวนแห่นาคมองตามชาวบ้านไปที่ผู้หญิงคนนั้น ใคร ๆ ก็รู้จักถ้าพูดถึงอีลำยองขี้เมา แม้แต่เด็ก ๆ ก็รู้จักและเด็กที่เป็นลูกของอีลำยองก็คงต้องชื่อไอ้วันเฉลิม และไอ้วันเฉลิมเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ชาวบ้านไม่เคยเรียกชื่อจริงก็ยืนดูขบวนแห่กับย่าอยู่ข้างถนนที่เมื่อขบวนแห่ผ่าน เด็กชายเปี่ยมเห็นทุกอย่าง เห็นเด็กคนนั้นยืนมองแม่ของตัวเองที่กำลังมึนเมาและเต้นอย่างสนุกสนานอยู่ด้านหน้าของขบวนแห่ด้วยสายตาว่างเปล่าไร้ความสุข จำได้ว่าทุกคนเรียกเด็กคนนั้นว่าไอ้วันและไอ้วันเด็กคนที่ว่าก็ดึงมือออกจากมือย่าที่จับเอาไว้ และเดินหนีเข้าบ้าน ไม่ยอมออกมาดูขบวนแห่นาคที่กำลังผ่านหน้าบ้านอีกเลย

            +++

   “ลูกอีลำยองขี้เมา ลูกอีลำยองขี้เมา ลูกอีลำยองขี้เมา”

   มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเด็ก ๆ ที่มักจะล้อเลียนเรื่องของเด็กคนอื่นที่ไม่เข้าพวก เด็ก ๆ  ในหมู่บ้านที่รวมกลุ่มเล่นกันกำลังตะโกนล้อเลียนเด็กผู้ชายที่อยากมาเล่นเครื่องเล่นด้วย หน้าบ้านผู้ใหญ่ปรุงมีเครื่องเล่นมากมายสำหรับเด็กมาลงไว้ที่ลานกลางแจ้ง ทั้งชิงช้า และม้ากระดก รวมทั้งเครื่องเล่นอื่น ๆ ที่เด็ก ๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่เด็กชายตัวน้อยที่มีสภาพมอมแมมกว่าเด็กคนอื่น ๆ ไม่มีโอกาสได้เล่น

   “ไอ้วันเฉลิม ไอ้วันลูกอีลำยอง ออกไป อย่าให้มันมาเล่นด้วยนะ”

   เด็กผู้ชายที่เป็นหัวโจกของกลุ่มทำท่ารังเกียจและเด็กคนอื่น ๆ ก็ทำตาม

   “เออใช่ ออกไป ออกไป ไอ้วันลูกอีลำยองขี้เมา ออกไป พวกกูไม่ให้มึงเล่นด้วยหรอก กลับบ้านมึงไป”

   ไม่ใช่แค่โดนไล่แต่เด็กตัวโตที่สุดในกลุ่มก็ยังเดินไปผลักให้เด็กคนนั้นออกไปจนร่างเล็ก ๆ เซถลาล้มลงบนพื้น

   “โอ๊ย กูเจ็บนะโว้ย”

   มีเลือดออกที่หัวเข่าที่ถลอกเพราะกระแทกกับพื้นและเด็กคนนั้นก็มองเด็กที่ตัวโตกว่า ไม่ร้องไห้เมื่อถูกทำให้เจ็บ แต่พยายามลุกขึ้นยืนและตรงเข้าไปต่อยหน้าเด็กผู้ชายที่ตัวโตกว่าโดยไม่กลัว

   “โอ๊ย ไอ้วันลูกอีลำยอง ไอ้เหี้ยวัน มึงต่อยกูเหรอ มึงกล้าต่อยกูเหรอ”

   เด็ก ๆ ทะเลาะกันยังมีทางคืนดีกันได้ แต่ถ้าเรื่องของเด็กทำให้ผู้ใหญ่ทะเลาะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ มันทำให้ผู้ใหญ่ของเด็กทั้งสองฝ่ายไม่สามารถคุยกันได้

   “มีอะไรกัน เล่นกันดี ๆ ไม่ได้ นี่ถึงขนาดต่อยกันเลยเหรอวะ”

   ชาวบ้านที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ช่วยกันแยกเด็กที่ทะเลาะจนถึงขั้นต่อยกันออกห่างจากกัน

   “ก็ไอ้วันมันเริ่มก่อน มันต่อยผมก่อนนะ”

   มันก็จริงที่เป็นฝ่ายต่อยเด็กคนนั้นก่อน แต่ไม่มีใครถามว่าเพราะอะไรไอ้วันถึงต้องทำแบบนั้น

   “เอ็งต่อยมันก่อนเหรอไอ้วัน”

   “ก็มันมาล้อผมก่อนนะ”

   ไม่มีใครสนใจฟังสิ่งที่พูดและเด็กคนที่ก่อเรื่องและทำให้เกิดปัญหาก็รีบฟ้อง

   “มันต่อยผมก่อน ถามคนอื่นดูก็ได้”

   เสียงของเด็กชายตัวเล็กที่ถูกกีดกันไม่ให้รวมกลุ่มกับเด็กคนอื่น ๆ ไม่ได้ดังมากพอที่จะทำให้ใครสงสารหรือเห็นใจ

   “เกเรแบบนี้จะอยู่กับใครเขาได้ แม่มึงก็ขี้เมา มึงก็ยังเที่ยวทะเลาะต่อยตีเพื่อนอีก โตขึ้นมาคงได้ไปอยู่ในคุก”

   คำพูดโดยไม่คิดของผู้ใหญ่ ทำร้ายจิตใจของเด็กมานักต่อนัก

   “น้าครับ วันมันแค่อยากมาเล่นกับพวกเราเฉย ๆ”

   เด็กชายเปี่ยมที่เห็นเหตุการณ์มาตลอดและรู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิดรีบบอกและชาวบ้านคนนั้นก็ตีความไปในแบบอื่น

   “น้องเปี่ยมไม่ต้องไปสงสารแล้วก็ไม่ต้องไปช่วยแก้ตัวให้ไอ้วันมันหรอก แม่มันเป็นแบบนั้น ไอ้วันจะนิสัยเสียเพราะแม่มันไม่สั่งสอนก็ไม่แปลก น้าว่าน้องเปี่ยมอย่าไปออกรับแทนมันเลยนะ”

   ไม่เคยมีใครเข้าข้าง ไม่เคยมีใครมองเห็น ทุกคนต่างตัดสินทุกอย่างไปตามที่ตัวเองคิดโดยไม่เคยมีใครค้นหาความถูกต้อง

   “ผู้ใหญ่เหี้ย”

   คำพูดแบบนั้นไม่ใช่คำพูดที่เด็กสมควรพูดก็จริง โดนเด็กด้วยกันรังแกยังไม่เจ็บปวดเท่าถูกผู้ใหญ่รังแกและเด็กชายศิวัฒน์ก็ด่าคนที่พูดแบบนั้นใส่ด้วยคำหยาบคาย

   “อ้าว ไอ้ห่า สอนดี ๆ พูดดี ๆ เสือกมาด่ากันแบบนี้ก็ไม่ต้องเอาไว้กันล่ะ”

   จากแค่เรื่องเด็กทะเลาะกันตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากนั้นเด็กชายเปี่ยมก็จำอะไรไม่ได้มากนัก รู้แค่ว่าเด็ก ๆ ทุกคนถูกห้ามไม่ให้เล่นกับไอ้วัน ความทรงจำนั้นแสนจะเลือนรางและเมื่อย้อนนึกถึงแล้วก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอยู่ไม่น้อย

   เด็กคนนั้นนาน ๆ จะเห็นออกจากบ้านบ้าง แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็ไม่เคยพูดจากับใคร เป็นเด็กเงียบ ๆ ที่มีสายตาว่างเปล่าและทำให้เด็กชายเปี่ยมรู้สึกติดค้างอยู่ในใจเสมอ

   นึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่พอนึกออกแล้วก็ทำให้รู้สึกสะท้อนใจอยู่ไม่น้อยและผู้ใหญ่เปี่ยมก็มองไปที่เด็กผู้ชายคนนั้นที่ตอนนี้ไม่ใช่เด็กที่ใครจะรังแกได้อีกแล้ว ศิวัฒน์โตมากพอที่จะตอบโต้ใครก็ได้ มีแรงมีกำลังมากพอที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเองโดยไม่สนใจใคร และผู้ใหญ่เปี่ยมก็เรียกคนที่นอนหันหลังอยู่ข้างกันเสียงเบา

   “วัน...หลับหรือยัง”

   ศิวัฒน์เพียงแค่หลับตาเท่านั้นและเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและขานรับ

   “ยัง ผู้ใหญ่มีอะไรหรือเปล่า”

   หันหน้าไปหาคนที่นอนอยู่ข้างกันและผู้ใหญ่เปี่ยมก็นิ่งเงียบไปเล็กน้อย สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจมานาน

   “เรื่องเมื่อตอนเด็ก ๆ น่ะ”

   “เรื่องเมื่อตอนเด็ก ๆ อะไรเหรอ เราจำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะไม่มีอะไรที่เราอยากจำ”

   ศิวัฒน์เป็นแบบนี้เสมอเมื่อพูดถึงเรื่องราวในตอนที่เรายังเป็นเด็ก แต่ผู้ใหญ่เปี่ยมคิดว่าเราสองคนโตมากพอแล้วที่จะสะสางเรื่องที่เป็นปมปัญหาในใจระหว่างกันมานาน

   “ด้วยความสัตย์จริงนะ ไม่เคยมีสักครั้งที่เราจะคิดเรื่องแกล้งหรือรังแกวัน”

   ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมารื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตกันตอนนี้และศิวัฒน์ก็ลุกขึ้นนั่งเพราะดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้คงไม่มีทางจบลงง่าย ๆ

   “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ในเมื่อผู้ใหญ่เองก็อยากจะพูดถึงเรื่องนี้มากนัก งั้นก็ได้ จนป่านนี้แล้ว เราเองก็อยากรู้ ว่าผู้ใหญ่จะแก้ตัวให้ตัวเองตอนที่เป็นเด็กยังไงเหมือนกัน”

            +++

   ...พงษ์เทพ เปี่ยมสุข...

   ชื่อที่ปักอยู่ที่อกเสื้อเสื้อนักเรียนที่ได้รับมาศิวัฒน์พอจะอ่านออก มันคือชื่อของลูกชายผู้ใหญ่บ้าน เด็กผู้ชายที่ฐานะดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ เด็กที่ไม่ได้ร่วมรังแกแต่ก็เป็นเด็กที่มองอยู่ห่าง ๆ และเพราะความอคติของศิวัฒน์ก็เลยทำให้มองเด็กผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรไม่ต่างจากที่มองเด็กคนอื่น ๆ เพราะถึงลูกชายของผู้ใหญ่ปรุงไม่ได้ร่วมแกล้งแต่ก็มองอยู่เฉย ๆ ตลอด มองด้วยสายตาที่ศิวัฒน์เดาไม่ออกว่าต้องการอะไร

   “เงินเขามีเยอะแยะ บ้านเขามีเหลือกินเหลือใช้ พวกของเล่นนี่ลูกชายเขาก็เล่นจนเบื่อ ไม่งั้นไอ้วันไม่มีทางได้เล่นหรอก”
   ตอนเด็ก ๆ ได้รับทั้งเสื้อผ้าและของเล่นที่เมียผู้ใหญ่ปรุงเอามาให้เสมอ นอกจากสิ่งของที่ได้รับมา ก็ยังมีขนมด้วย และศิวัฒน์ก็พอจะนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ลาง ๆ

   “นี่เปี่ยมเขาฝากไปให้ไอ้วันมันด้วย”

   “ขอให้เจริญ ๆ นะยังอุตส่าห์มีน้ำใจฝากมาให้ไอ้วันมันด้วย”

   มีเรื่องที่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เรื่องบางเรื่องก็เลือนราง เรื่องบางเรื่องเมื่อมาฟังจากปากของผู้ใหญ่เปี่ยมตอนนี้ก็มีทั้งเรื่องที่นึกไม่ออกและจำไม่ได้อยู่หลายเรื่อง

   “บัวลอยที่เราพาไปกินอร่อยมั้ยวัน”

   ไม่ได้ตอบสิ่งที่ถูกถามเพราะไม่รู้ว่าทำไมผู้ใหญ่เปี่ยมถึงมาถามเรื่องไร้สาระในเวลาแบบนี้และผู้ใหญ่เปี่ยมก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้และเล่าเรื่องที่ศิวัฒน์ไม่เคยรู้และแทบจะจำไม่ได้ให้ฟัง

   “เราจำได้ ตอนงานวันเด็กที่บ้านเราทำขนมแจกแล้ววันก็มาต่อแถวกินขนม”

   เรื่องนั้นเมื่อลองนึกดูดี ๆ ก็จำได้เลือนรางและศิวัฒน์ก็พยักหน้ารับ

   “ทุกปีบ้านเราทำขนมแจกวันเด็ก บางปีก็ปลาท่องโก๋ บางปีก็บัวลอย บางปีก็มันเชื่อม บางปีก็น้ำส้ม...”

   แล้วยังไง?

   ผู้ใหญ่เปี่ยมไม่ได้พูดอะไรอีก และเพียงแค่มองหน้าของคนที่มองมาแบบยิ้ม ๆ และมันทำให้ศิวัฒน์นึกเรื่องบางอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ขึ้นมาได้ เรื่องที่ผู้ใหญ่เปี่ยมมักจะชวนไปกินขนมที่ไม่อยากกิน รวมถึงขนมที่ได้มาเป็นของฝากอยู่เสมอ ศิวัฒน์มองหน้าผู้ใหญ่เปี่ยมนิ่ง ๆ และไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้ เรื่องที่ไม่เคยมีอยู่ในความคิดเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน

   “ผู้ใหญ่จำเรื่องพวกนั้นได้ยังไง”

   ที่ถามก็เพราะแม้แต่ตัวเองยังจำแทบไม่ได้ แต่มีคนที่จำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ได้ และยิ่งไม่น่าเชื่อเมื่อคนที่จดจำเรื่องราวต่าง ๆ สมัยเด็กเกี่ยวกับศิวัฒน์จะเป็นผู้ใหญ่เปี่ยม คนที่คิดมาตลอดว่าไม่ชอบหน้ากัน

   “ที่เราจำได้คงเป็นเพราะว่าเวลาที่เราเห็นวันได้ขนมแล้วไปนั่งกินอยู่คนเดียว วันดูมีความสุขมากจนเราลืมไม่ลงล่ะมั้ง”

   ผู้ใหญ่เปี่ยมพูดไปยิ้มไป แต่ศิวัฒน์มองหน้าผู้ใหญ่เปี่ยมแล้วก็นึกอยากร้องไห้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่เปี่ยมพูดมาทั้งหมดมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มีสิ่งที่ทำให้ศิวัฒน์รู้และเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วในวันนี้

   เคยเข้าใจมาตลอดว่าถูกมองด้วยสายตาเย้ยหยันมาตลอดทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด เพราะในวันนั้นผู้ใหญ่เปี่ยมก็มองศิวัฒน์ด้วยสายตาแบบนี้

   “ด้วยความสัตย์จริงนะวัน เราสาบานได้ เราไม่เคยคิดอะไรกับวันในแง่ไม่ดีเลยสักครั้ง”

   เรื่องในอดีตสมัยเป็นเด็กที่พูดออกมาไม่รู้ว่าจะทำให้คนฟังเชื่อหรือเปล่า แต่มันไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องในปัจจุบันตอนนี้

   “แต่ไม่ว่าวันจะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”

   ผู้ใหญ่เปี่ยมส่งยิ้มให้กับคนที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ และถือวิสาสะดึงมือศิวัฒน์มากุมเอาไว้

   “เพราะเราในตอนนี้จะเป็นคนที่ดีและพร้อมจะทำทุก ๆ อย่างให้วันมีความสุขเอง”

        TBC.

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
นี่เป็นคำสารภาพรักของผู้ใหญ่เปี่ยมหรือเปล่านะ แถมตีเนียนดึงมือน้องวันมากุมไว้อีก
อร๊ายยยย คิดแล้วเขิน
 :-[ :-[ :-[
ขอบคุณคนเขียนที่ไม่ทิ้งช่วง ดีต่อใจมากๆ
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยย ผู้ใหญ่จะคนดีไปไหน วันใจอ่อนเถอะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ผญ. อย่าไปพูดเรื่องตอนเด็ก ๆ เลย หนูวันเขาอยากจะลืม ๆ    :hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ผู้ใหญ่ทำไมเป็นคนดีขนาดนี้

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารวันตอนเด็กๆจริง ผู้ใหญ่ต้องรักวันมากๆนะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ปมในอดีต ทำให้วันนี้ หนูวันเข้มแข็ง และพร้อมจะยืนข้างๆ เป็นผู้ช่วยให้กับพ่อผู้ใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน  :o8:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมมีแต่คนใจร้ายกะหนูวันตอนเด็กๆน้าาา

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
  “ที่เราจำได้คงเป็นเพราะว่าเวลาที่เราเห็นวันได้ขนมแล้วไปนั่งกินอยู่คนเดียว วันดูมีความสุขมากจนเราลืมไม่ลงล่ะมั้ง”

น้ำตาไหล สงสารหนูวัน 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด