#ชอกะเชร์คู่กันต์
ตอนที่ 21
ความลับ (PART 2/2)
( เป็นอะไรครับ ขยี้ตาใหญ่เลย? )
“แสบอะ สงสัยจ้องคอมนานเกิน”
เด็กลูกครึ่งพาโทรศัพท์มือถือไปนอนบนเตียงพลางมองคนในกล้องที่เห็นเพียงหน้าผากกับศีรษะ แม้จะไม่ได้คุยกันระหว่างที่เขาเล่นเกมแต่ทั้งคู่ก็เปิดเฟซไทม์ทิ้งเอาไว้ แต่ก่อนแหลมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพี่ธีร์กับไอ้โซ่ต้องทำแบบนี้ คนเป็นแฟนมันต้องเห็นหน้ากันตลอดเลยหรือไง กระทั่งเจอกับตัวเองว่าความคิดถึงมันเกินเหตุเกินเบอร์แค่ไหน การหาวไปคุยไปจึงเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง
เขาชอบละสายตาจากคอมไปดูโทรศัพท์ ตอนเห็นบอสกำลังยกเวท วิดพื้น หรือนั่งเคร่งเครียดอยู่บนโต๊ะกับงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบนั่นน่ะมันให้ความรู้สึกดีแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน แม้อีกฝ่ายมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำแต่ก็ยังให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลานั้น ๆ แม้จะอยู่คนละที่
บอสไม่ได้ก้าวก่ายการเป็นสตรีมเมอร์หรือนักกีฬาอีสปอร์ต กลับกันยังสนับสนุนทุกทางแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ หลายครั้งที่อีกฝ่ายต้องนอนก่อนเพราะเขามีซ้อมและอยู่สตรีมดึก ๆ แต่คนที่เคยเอาแต่ใจก็กลายเป็นคนง่าย ๆ ไม่ง้องแง้งอีกแล้ว
เคยคิดเหมือนกันว่าคงเป็นแค่ช่วงแรก ๆ เดี๋ยวพอหายเห่อก็คงลดระดับความใส่ใจลงไปตามระยะเวลา แต่นี่ก็เอาเรื่องอยู่นะ ผ่านไปหลายเดือนจนปลายธันวาแล้วคนบางคนก็ยังทำตัวน่ารักได้ไม่รู้จักเหนื่อย
( ลองมองไปรอบ ๆ เร็วครับ ยังเห็นชัดเหมือนเดิมไหม มีอะไรที่มัวหรือเปล่า? )
“เห็นนะ ทำไมเหรอ?”
( ดีแล้วครับ เพราะถ้ามันมัวเมื่อไหร่เราก็คงต้องใส่แว่นเหมือนพี่ )
คนในจอโทรศัพท์อมยิ้มเล็ก ๆ แค่คิดว่าตัวเองต้องใส่แว่นก็มองเห็นถึงความเด๋อด๋าแล้ว “ทำไมพี่ไม่ทำเลสิกอะ?”
( เคยชินกับการมีแว่นอยู่บนจมูกแล้วน่ะครับ มันทำให้หน้าไม่โล่งเกินไปด้วย ถามแบบนี้เราอยากให้พี่เลิกใส่แว่นเหรอ? )
“หึ ผมชอบแบบนี้นะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะหล่อตอนใส่แว่นไง แล้วผมก็ชอบตัวเองตอนใจวูบวาบเวลาเห็นพี่ถอดมันออกด้วย”
( วูบวาบเลยเหรอครับ? )
ยิ้ม หัวเราะ หยอกล้อ ถ้าเป็นคนอื่นไอ้แหลมคงทำท่าจะอ้วกใส่แล้ว นี่มันเวรรกรรมตามทันชัด ๆ เขาถึงต้องทนหมั่นไส้ตัวเองเวลามีความรักอย่างนี้
“ขนาดตาปรือก็ยังหล่ออะพี่แว่น แฟนใครวะ”
( พี่ง่วงน่ะสิครับน้องฝรั่ง )
“เกลียดได้ปะ ใครพาเรียกชื่อนี้ กดบล็อกตรงไหน?” คนในกล้องหัวเราะพอใจ เดี๋ยวนี้อัพเลเวลไปใหญ่ แซวเก่ง
( อยากเคลียร์งานให้เสร็จไว ๆ วันหยุดปีใหม่จะได้มีเวลาอยู่กับเราเยอะ ๆ ไงครับ )
“แต่ก็ไม่ควรหักโหมรู้เปล่า อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ก็ได้พี่ก็รู้”
( เราอาจจะไม่เคยใส่ใจกับวันสำคัญ แต่พี่ใส่ใจนะ )
“ผู้ชายใจแหววเหรอเราอะ ผมต้องไปหาช่อกุหลาบใหญ่ ๆ ไปหาที่โรงแรมแล้วปะงี้?”
( เล่นบอกแบบนี้ก็หมดตื่นเต้นเลยสิครับ เวลาจะเซอร์ไพรส์ใครเราต้องเก็บอาการให้เก่งนะรู้ไหม? )
“เป็นคนเปิดเผยอะ ผิดไร?” แหลมทำหน้าลิงใส่ รู้ได้ผ่านสีหน้าบอสเลยว่าหมั่นเขี้ยวเขาแค่ไหน
( ปีนี้ต้องแคนเซิลนัดแจ็คนะครับ พี่จะอยู่เคาท์ดาวน์ด้วย )
“นับห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับคนข้าง ๆ ว่า ‘สวัสดีปีใหม่นะ’ หลังจากนั้นก็เดธแอร์” ทันทีที่พูดจบบอสก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้
( เคยเป็นนะครับ )
“กับแฟนเก่าหรา คิดถึงมากปะจ๊ะ?” หมั่นว่ะ ก่อนหน้านี้เลยสวีทกับคนอื่นแค่ไหน ตอนนี้จะกลบความรู้สึกเก่า ๆ ให้หมดเลย ไอ้แหลมต้องเป็นที่สุดดิวะ
( เอาเป็นว่าถ้าหันไปพูดอย่างนั้นแล้ว Awkward งั้นเราเปลี่ยนเป็นจูบแบบ Deep Kiss แทนดีไหม? )
“ทุกทีไม่เคยเห็นถาม เห็นแต่โบ้มใส่ปากผมก่อนจะรู้ตัวอีก ดูนี่ดิ รอยถูกกัดจนปากแตกคราวก่อนยังไม่หายเลย” เด็กลูกครึ่งเลื่อนเข้าไปฟ้องใกล้ ๆ กล้อง และเจ้าของผลงานก็อมยิ้มอย่างพอใจ
( ปากเราน่าจูบเองนี่ครับ )
“รำคาญญญญญญญญญญญ”
ตีสองแล้ว แต่คนบางคนก็ยังไม่พาตัวเองไปนอนบนเตียง แหลมมองหน้าหล่อ ๆ นั่นที่หันกลับไปสนใจงานบนโต๊ะอีกครั้ง เห็นแล้วก็เป็นห่วงจนไม่กล้าทิ้งหนีไปนอน
“อยากช่วยอะ แต่ดันไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ดูไร้ประโยชน์โคตร”
( แค่รู้ว่าเชร์อยากช่วยพี่ก็ใจชื้นแล้ว )
อยากไปหาที่คอนโดแต่ก็กลัวบอสเสียสมาธิ เขาอยากเป็นอภิชาตผัว(ปลอม ๆ)ที่พาแฟนเจริญ ไม่อยากทำอะไรก็ตามที่ฉุดอีกฝ่ายจนเสียงานเสียการ เนี่ย ไม่กล้าพูดหรอกว่าวางแผนไปไกลขนาดไหนแล้ว เขาพยายามหยุดมโนเอาไว้เพราะกลัวจะฝันไกลแต่คบกันไปไม่รอด
แต่การห้ามความคิดมันก็ยาก ทุกวันนี้จินตนาการไปไกลมากว่าถ้าเรียนจบแล้วจะหมั่นศึกษาเฉพาะทางเพื่อไปสมัครงานใน PHENOMENAL เขาอยากช่วยแบ่งเบาภาระ อยากทำเกมดี ๆ จน PHENOMENAL เป็นบริษัทเกมที่ใครได้ยินปุ๊บก็ให้ความสนใจจดจ่อรอเกมออก แหลมอยากให้บอสมีความสุขกับทุกอย่าง ซึ่งมันคงดีมาก ๆ ถ้าเรื่องเหล่านั้นมาจากเด็กคนนี้
( ง่วงก็นอนเลยนะครับไม่ต้องห่วงพี่ )
“ห่วงดิ แฟนทั้งคน” เริ่มพูดเสียงยานคางจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำให้อีกคนอมยิ้มเล็ก ๆ ได้ “รีบเคลียร์งานเร็ว ๆ เตียงฝั่งนี้มันบอกว่าคิดถึงพี่แล้วได้ยินปะ?”
ว่าแล้วก็หันกล้องให้เห็นเองกับตา บอสจะได้รู้เสียทีว่าความคิดถึงแถวเมืองเอกทำงานเก่งมากระหว่างที่อีกฝ่ายงานยุ่งจนไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้ว
( ไม่ค่อยได้ยินเลย มันพูดว่ายังไงนะครับ? )
บอสหันแก้มเข้าหาโทรศัพท์ และคนคิดถึงมาก ๆ ก็จูบจอจนเกิดเสียง
( เมื่อกี้ใครตะโกนบอกรักนะ ดังมาถึงสาทรเลย? )
“มันตะโกนว่าเป็นห่วงมากด้วย”
อ้อนจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว บอสต้องกระอักความคิดถึงตายจนกว่าจะได้เจอกันอะ
( เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว รอพี่อีกนิดนึงนะครับ )
แหลมพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาชินกับการมีอีกฝ่ายอยู่ในชีวิตประจำวันแล้ว อยากเจอบอสเร็ว ๆ อยากทำกับข้าวให้กินแล้วก็ตัดเล็บให้ อยากดูแลทุกอย่าง อยากพูดเรื่องโง่ ๆ ไปเรื่อยเปื่อยกล่อมจนกว่าบอสจะหลับ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมากกับเรื่องงานจนส่งกระทบถึงการนอนเหมือนเมื่อก่อน
*
“เรื่องหนี้อะ กูขอเลื่อนไปก่อนได้ไหมวะ?”
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ธูปกลืนน้ำลายลงไปพร้อมศักดิ์ศรีตอนเพื่อนหันมาสบตากัน ไอ้บอลเป็นคนมีน้ำใจก็จริง แต่สำหรับคนที่เอาแต่ยืมรถยืมเงินเพื่อนใช้มาเป็นเดือนก็เกรงใจบวกกระดากอายอย่างบอกไม่ถูก จริงอยู่ที่พนันบอลได้ทีก็เงินฟู แต่ถ้าเสียก็ปวดหัวจนไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน พักหลังเขาพลาดบ่อยจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว แต่เพื่อนคนนี้ก็ยังให้ยืมเรื่อย ๆ โดยไม่ปริปากต่อว่าสักคำ
“ได้สิ เรื่องนี้สบาย ๆ อยู่แล้ว”
แต่น้ำใจที่ได้มามีอะไรแฝงอยู่ ธูปไม่อยากยอมรับว่ามิตรภาพระหว่างเขากับอีกฝ่ายมันเปราะบางเกินกว่าจะเรียกว่าเพื่อนแท้ รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่นานแค่ไหนแล้วที่เด็กหนุ่มเลือกหลับตาหนีจากโลกความเป็นจริงแล้วเสพติดอยู่กับความจอมปลอม
“กูภูมิใจในความแน่วแน่ของมึงนะเพื่อน แต่ไอ้ปิดบัญชีหนีเงินฟรีแม่งน่าเสียดายว่ะ”
“...” ใจหนึ่งก็เห็นด้วยกับเพื่อน แต่อีกใจก็ตะโกนถึงศักดิ์ศรีที่มีความละอายใจซ่อนอยู่ข้างหลัง ธูปรู้ว่าพี่เชร์ต้องโอนเงินมา เขาจึงชิงตัดทุกอย่างเพื่อตอบโต้ให้รู้ว่าเด็กคนนี้ยังมีหนทางให้ไป
แม้ความโกรธเคืองวันนั้นจะจางลงแล้วแต่การกลับไปคุยกันก็ยังเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรี รู้ว่ามันกินไม่ได้ แต่ถ้าให้กลับไปเจอพี่เชร์ที่ยังคงคบกับไอ้เกย์นั่น จากการจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้คงเป็นสายตาสมเพชเวทนาแทน
“แล้วมึงจะเอาไง ไม่มีคืนกูแล้วมีใช้เปล่า?” บอลพ่นควันบุหรี่ ท่ามกลางเสียงเพลงในห้องหรูที่มีเพื่อนรวย ๆ เต้นไปกับเสียงเพลงอยู่รอบด้าน
ธูปส่ายศีรษะกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจนไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เงินซื้อข้าวก็ไม่มี แฟนสาวก็ขอเลิกเพียงเพราะเขาไม่ได้พาเธอไปเที่ยวบ่อย ๆ เหมือนอย่างเคย ตามไปง้อก็แล้ว แต่ก็ถูกตัดเยื่อใยราวกับไม่เคยรักกัน
“ธูป”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน คงทำใจให้สบายยากแม้อีกฝ่ายกำลังยิ้มเหมือนจะบอกว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เขาไม่ชอบความรู้สึกตอนต้องฝืนยิ้มแล้วพูดว่า ‘ขอบคุณนะ’ หลังจากเพื่อนให้ยืมเงิน ธูปไม่ชอบเวลาจนตรอกแบบนี้ แต่เขาก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
“แทงบอลอย่างเดียวมันเสี่ยงเสียอยู่แล้ว ทำไมมึงไม่หันมาทำอะไรที่มันได้เงินแน่นอนวะ?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วขณะที่บอลทิ้งจังหวะให้เขาอยู่กับความสงสัย ธูปมองอีกคนซึ่งกำลังรินเหล้าก่อนจะยื่นให้เขาหนึ่งแก้ว พร้อมรอยยิ้มร้ายที่เคลือบไปด้วยความหวังดี
“มาส่งของให้กูไหม เงินดี ได้มาง่าย ๆ แถมไม่ต้องเหนื่อยด้วย”
“...”
*
( พูดก็พูดเหอะ กูยังแค้นไม่หาย เค้กเจ้านี้กูอยากแดกมานานแล้วก็พูดอัดไมค์ทุกวัน ได้ยินไอ้แจ็คแอบพรายกระซิบบอกจะซื้อมาเซอร์ไพรส์เชี่ยธีร์ ก็กูคิดว่าเออลาภปากแล้ว วางแผนไว้ดิบดีจะแดกสักชิ้นแล้วเก็บไว้แกล้มกับกาแฟตอนเช้าอีกชิ้น แต่สุดท้ายคือไม่ได้แดก! คือ? )
“ท่าทางพี่เขาจะคับแค้นใจจัดอ่า” เสียงน้อง ๆ ในทีมหัวเราะอัดไมค์ไม่เว้นแม้แต่ไอ้โซ่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันคริสต์มาสที่ขี้ซุยบราเทอร์มารวมตัวกันในห้องพระเอกของโลกใบนี้พร้อมไลฟ์สตรีมฉลองวันเกิดพี่ธีร์
ระหว่างนี้แฟนคลับก็ฟลัดเลขห้าไม่หยุด แถมยอดโดเนทยี่สิบ-สามสิบที่เด้งเข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมบอกให้เขารวบรวมเงินทั้งหมดนี้ไปซื้อเค้กให้พี่ตั้บที
( ก็สมควรไหม เค้กมีไว้แดก บ้านพ่อมึงเอาไว้จุ่มหน้าเล่นเหรอ?!!!! )
( 55555555555555555555555555555555 )
( รอบนี้กูขอไม่ออกความเห็นนะ เพราะกูกับไอ้แหลมเตรียมกันมาดิบดีแล้วว่าจะซื้อมาโปะหน้าไอ้ธีร์โดยเฉพาะ แต่พวกกูไม่รู้ไงว่ามันจะกดหัวตัวเองจุ่มเค้กเอง )
( วิธีร์ป้องกันการโดนคนอื่นบูลลี่ก็คือต้องบูลลี่ตัวเองก่อนไงเพื่อน )
UnoOfficial: พี่ธีร์โคตรเหี้ย 55555555555555555555555555
Rena: แต่เค้กร้านนั้นอร่อยจริงนะ ชั้นสงสารพี่ตั้บมาก 555555555555555555555
FBI007TV: เป็นกูจะไม่ยอมให้มันลุกขึ้นมาอะ จมแล้วต้องจมให้สุดเอาให้หายใจไม่ออกคาเค้กตาย
( ดีนะครับที่โซ่เอาเทียนออกให้ก่อนแล้ว ไม่งั้นคงมีคนโดนเทียนทิ่มตาบอด )
( โหดจุงเบย )
“ปีหน้ากูว่าจะปักเทียนพรรษา พี่มึงน่าจะชอบ”
( เอาประเด็นไม่ได้แดกเค้กก่อน ธีร์ มึงมันคนอัปรีย์ )
( กูซื้อให้ใหม่ก็ได้ปะอีช้างฟาด จะเอากี่ปอนด์ ยกขาหลังมึงขึ้นมานับดิ บ่นเก่งเหมือนชาตินี้จะไม่ได้แดกเค้กวันเกิดใครอีกแล้ว น้องนุ่งมึงมีตั้งกี่คนวะพี่ตั้บ? )
( สรุปนับได้แค่คนเดียวคือมึงเพราะพวกกูจะเลิกคบแล้ว )
“เศร้าสุด เรื่องราวของชายหนุ่มที่เหมือนจะสังคมกว้างแต่เดินไปปากซอยก็โดนแม่ค้าร้านเย็นตาโฟกวักมือเรียกเพราะคิดว่าไปส่งแก๊ส”
( 555555555555555555555555555555 )
( รุมกูกันใหญ่ อย่างน้อยเพื่อนเด็กช่างกูก็เยอะกว่าเพื่อนในมหา’ลัยมึงแล้วกันเชี่ยแหลม )
“กูเน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณเว้ย!!!”
( เหมือนจะอยากเถียงแต่อ้าปากเยอะไม่ได้เพราะเรื่องจริง )
( 5555555555555555555555555555555555 )
“พี่แจ็ค นี่น้องเองน้า”
( แต่โซ่ก็พอเข้าใจที่พี่แหลมไม่ค่อยมีเพื่อนนะครับ เพราะตอนไปซื้อฟุตลองเซเว่นด้วยกันพนักงานถามว่า ‘อุ่นไหมคะ?’ พี่แหลมก็ตอบว่า ‘ไม่ครับ วันนี้ข้างนอกร้อนมาก’ เล่นเอาเค้าช็อกไปเลย หลังจากนั้นโซ่กับพี่แหลมก็กลับไปสาขาเดิมอีก พอพนักงานคนเดิมเห็นหน้าพี่แหลมเค้าก็เดินหนีไปหางานอย่างอื่นทำเลยครับ )
“55555555555555555555555555555555555”
( เอ็งก็เอากับเขาเหรอโซ่? )
( คนจังไรอยู่ไปก็รกโลก ทำไมต้องมีมารสังคมอยู่ในทีมกูด้วยวะ? )
( มึงน่ะตัวดีเลยเพื่อน )
( 55555555555555555555555555555555555 )
เพิ่งเข้าวันสิ้นปีได้สองชั่วโมงแต่ในห้องแชตไลฟ์สตรีมยังคงคึกครื้นไม่ต่างช่วงสามทุ่ม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณดีว่าปีหน้าขี้ซุยบราเทอร์อาจจะเจอเรื่องดี ๆ มากกว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ปวดหัว เด็กหนุ่มมองวงกลมสีแดงบนปฏิทินเกมกับวันที่ไม่ได้ใส่ใจว่าสำคัญ แต่ตอนนี้เขากำลังรอมันอย่างตื่นเต้นเพียงเพราะอยากรู้ว่าวันที่เคยธรรมดาจะพิเศษสักแค่ไหนตอนใช้มันกับบอส
ทั้งที่เจอกันเป็นเรื่องปกติแต่เขากลับตื่นเต้นเหมือนว่าบ่ายสามวันนี้เป็นเดทแรก สาวน้อยจังโว้ย บอสไม่น่าพูดเรื่องความสำคัญเลย ปล่อยให้มันอุ่น ๆ ในใจเหมือนทุกทีก็จบแล้วไหม เนี่ยอยู่ไม่สุขแล้ว เล่นเกมทีก็หันไปมองนาฬิกาทีอะ
‘ห้ามตื่นเย็นนะครับ ถ้าไปหาแล้วเจอว่ายังนอนอยู่พี่จะจับตีก้นร้อยที’ คนนั้นก็ขี้อินเวอร์ ถ้าบอกว่ามันสำคัญไอ้แหลมก็ต้องเตรียมตัวอยู่แล้วปะ ตอนนี้บอสกำลังทำอะไรอยู่นะ เห็นว่าไปคุยงานต่างจังหวัดเลยไม่ได้เปิดกล้องทิ้งไว้เพราะอยากให้พักผ่อนก่อนกลับกรุงเทพฯ
Eeeeeeeeeeeee บริจาค 30฿: พี่เชร์อ่านแชตเฟซบุ๊กหน่อยมีเรื่องด่วน เรื่องไอ้ธูป
เด็กหนุ่มยิ้มค้างกับประโยคท้ายเงินโดเนทซึ่งเด้งขึ้นมาในจังหวะที่ยอดเค้กของพี่ตั้บสงบลงแล้ว แหลมจับเมาส์ค้างอยู่อย่างนั้นแล้วใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีตั้งคำถามว่าเพราะอะไรทำไมถึงมีคนมาแจ้งเรื่องไอ้ธูปผ่านช่องโดเนทอย่างนี้
คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอป Messenger มีข้อความใหม่เด้งเข้ามาเมื่อสิบนาทีที่แล้วโดยรุ่นน้องจากโรงเรียนเก่าซึ่งตอนเรียนมอปลายเป็นเพื่อนร่วมห้องไอ้ธูป เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมทีมยังคงสนุกอย่างออกรส แต่ในห้องแชตฝั่งนี้กลับมีแต่คำถามดันขึ้นไปด้านบนว่า ‘พี่แหลมเป็นอะไรเปล่าอะ?’
“เฮ้ย พวกมึงเล่นกันไปก่อนนะกูมีธุระว่ะ -- เดี๋ยวผมขอปิดสตรีมก่อนนะทุกคน รีบ ๆ นอนนะ ถ้ายังไม่ง่วงก็ไปดูช่องไอ้โซ่”
เขาบอกลาอย่างเร่งรีบแล้วเข้าเฟซบุ๊กคอมเพื่อความรวดเร็วในการพิมพ์ตอบโต้ บอกตามตรงว่าตอนนี้มือกำลังสั่นกับข้อความที่เห็นแวบ ๆ ว่า ‘ช่วยมันด้วยนะพี่ มันไม่มีใครแล้ว’ และพอกดเข้าไปอ่านเต็ม ๆ สองมือก็ชะงักกับเนื้อความเหล่านั้น
Jedsada Kittitharangkulพี่เชร์ อยู่ไหม ตอบหน่อย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ขอโทษที่ต้องทักซ้ำนะพี่ แต่เรื่องด่วนจริง ๆ
ไอ้ธูปโทรหาผม มันบอกว่าโดนตำรวจจับข้อหายาเสพติด แต่ผมไม่รู้จะช่วยมันยังไงอะ
ผมไม่ได้คุยกับมันนานแล้ว ไม่รู้ว่ามันไปทำอีท่าไหน
ผมรู้ว่ามันโทรหาแม่ไม่ได้ แต่ยังไงผมก็ต้องโทรว่ะพี่ มันเรื่องใหญ่มากเกินไป
คือผมไม่รู้นะว่าพวกพี่ยังคุยกันอยู่ไหม คือผมถามมันว่าโทรหาพี่ยัง มันก็ไม่ยอมตอบอะ หรือยังไงวะพี่?
มันโดนตำรวจคุมตัวไว้ที่ สน.
ช่วยมันหน่อยนะพี่ มันไม่มีใครแล้ว
*
ถนนตอนตีสองโล่งแล้วแต่เด็กหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าแท็กซี่ขับช้าจนอยากวิ่งไปเอง ในใจร้อนรน สองมือชื้นไปด้วยเหงื่อกับความกังวลที่มันใหญ่โตและเขาไม่เคยเจอปัญหาหนักขนาดนี้ แหลมเลียริมฝีปาก พยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติแล้วกอดกระเป๋าเป้ที่ด้านในมีเอกสารส่วนตัวซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรได้บ้าง
คิดแค่ว่าการยืนยันตัวตนมันคงสำคัญ อย่างน้อยก็ใช้ยื่นเข้าพบหรืออะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้ขั้นตอนเหล่านั้น ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแท็กซี่ก็จอดหน้าสถานีตำรวจ เด็กหนุ่มในชุดลำลองเหวี่ยงเป้ไปด้านหลังแล้ววิ่งเข้าไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่มีพร้อมติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าไอ้ธูปอยู่ตรงไหน
เพียงชั่วอึดใจคนในเครื่องแบบก็ผายมือไปทางห้องกรงฝั่งขวา แหลมเห็นว่าแววตาคู่นั้นตื่นตระหนกและไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดกับการมาของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเด็กลูกครึ่งก็เดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมนั่งลองยอง ๆ มองคนด้านในผ่านลูกกรง
“อย่าบอกว่าไอ้เจดโทรบอกนะ”
“เรื่องนั้นไว้ก่อน เกิดอะไรขึ้นกับมึงวะ?”
“...”
“ธูป มึงต้องเล่าให้กูฟังนะ มึงขายเหรอ?”
“ผมไม่ได้ทำ!!!” คนถูกตะคอกหน้าสะดุ้งเล็กน้อย ธูปขมวดคิ้วพลางหันไปอีกทางเพื่อสงบสติอารมณ์ พร้อมถามตัวเองว่าควรนั่งรอความหวังจากใครก็ไม่รู้ไปเรื่อย ๆ หรือว่าจะลองหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างคนจนตรอกดี?
“มึงอารมณ์เสียอยู่กูเข้าใจ แต่ตอนนี้มึงลืมเรื่องอื่นไปก่อนได้ไหม?”
“...”
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ ไม่มีเงินใช้เหรอ?” คำถามที่มาพร้อมความหวังดีนั้นบดขยี้ความเป็นเขาจนเละจมดิน เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ทำให้เขารู้ตัวเสียทีว่าเพื่อนแท้ไม่เคยมีอยู่จริง
“ผมไม่ได้ขาย ไม่ได้เสพ ไม่ได้อะไรทั้งนั้น”
ธูปหันไปด้านข้าง มองเพื่อนห่าง ๆ อีกสองคนที่รากหญ้าพอกัน พวกที่คิดว่าจะไต่ขึ้นไปอยู่ในจุดเดียวกับพวกคนรวยได้ ในขณะที่ตัวต้นเหตุมีผู้ใหญ่มาช่วยออกไปแล้ว
“มันชวนให้ผมไปส่งของหลายครั้งแล้ว ผมลังเลแต่ก็ยังไม่ได้ตกลงสักที ไม่รู้ดิ ตอนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก อยู่ ๆ ตำรวจก็บุกเข้ามา ทุกคนก็วิ่งแตกตื่น แล้วไอ้บอลก็ยัดของใส่มือผม”
“...”
“ถ้าพี่อยากใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยผมก็เอาเลย ผมมันโง่เอง ผมมันจมไม่ลง คิดว่าถ้าไปอยู่ในจุดสูง ๆ ก็จะดูสูงไปด้วย ใช่ ผมเป็นวัวลืมตีน ตัดขาดเพื่อนเก่าเพราะกลัวมันไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าความจริงแล้วพ่อแม่ผมไม่ได้เป็นหมอกับทูต มีแค่ไอ้บอลคนเดียวที่รู้แล้วก็เก็บความลับนี้ไว้ มันไม่เคยบอกใคร มีแต่จะให้เงินให้รถผมยืมใช้”
“...”
“เพราะไม่อยากกลับไปรู้สึกแย่ ๆ เหมือนตอนอยู่บ้านก็เลยพยายามทำแบบนั้นปลอบใจตัวเอง ยกระดับขึ้นเพื่อไม่ให้รู้สึกต่ำกว่าใคร แต่งนิยายหลอกผู้หญิงไปวัน ๆ เพราะอยากมีแฟนสวย ๆ ถ่ายรูปคู่อวดในโซเชียลให้คนอื่นอิจฉาว่าชีวิตผมมันโคตรดี เป็นไง สมน้ำหน้าผมไหม?”
“...”
“ถ้าแฟนพี่รู้เขาคงสะใจฉิบหายที่เห็นจุดจบแบบนี้”
“มึงจะพูดถึงเขาทำไม แล้วไอ้การซ้ำเติมตัวเองมันช่วยอะไรได้?”
“แต่การนั่งเฉย ๆ ก็ไม่ช่วยให้อะไรเหมือนกัน ผลลัพธ์สุดท้ายมาถึงแล้ว”
สายตาของไอ้ธูปสิ้นหวังราวกับคนยอมแพ้ให้ชีวิตไปแล้ว แหลมลดระดับสายตาลงพลางคิดหาทนทางพาน้องชายออกมาจากกรงเหล็ก แต่เขาก็ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเลยสักอย่างเดียว
“ธูป กูถามมึงแค่ข้อเดียว” ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบในสถานีตำรวจ จนถึงตอนนี้ธูปก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ทำไม ทั้งที่เขาทำแต่เรื่องแย่ ๆ จนไม่มีอะไรหลงเหลือให้น่าเห็นใจอีกแล้ว “มึงไม่ได้ทำจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ความจริงจากปากผมมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”
“แค่ตอบคำถาม” ยิ่งเห็นแววตามุ่งมั่นของคนอายุมากกว่า น้ำตาที่กลั้นไว้ก็เหมือนจะไหลออกมาอย่างไรอย่างนั้น “แล้วกูจะหาช่วยมึงออกมาให้ได้”
“พี่จะเอาตัวเองมาเกี่ยวทำไมวะ กลับหอไปเลย”
“กลับเหี้ยไรล่ะ น้องกูยังอยู่ในนี้”
“...”
“หิวไหม กินข้าวยัง แล้วปากไปโดนอะไรมา?”
จบแล้ว สุดท้ายเด็กเลวก็กลั้นน้ำตาไม่ไหวจนต้องปล่อยทุกความเจ็บปวดออกมา ธูปก้มหน้าซบกับหัวเข่า สะอึกสะอื้นจนคนที่อยู่ด้านนอกกรงต้องยื่นมือเข้ามาเขย่าแล้วลูบศีรษะปลอบใจ
“ผมต่อยกับไอ้บอลก่อนมันออกไป ผมโกรธที่ถูกหักหลังทั้งที่ไว้ใจมัน”
“ไม่เป็นไร มึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะอย่าลืมที่กูเคยบอกดิ” แหลมไม่ใช่คนปลอบเก่ง แต่เขาคงปล่อยให้ไอ้ธูปทนอยู่กับความกลัวคนเดียวไม่ได้ ทุกคนมีโอกาสเดินทางผิดหรือเคยทำเรื่องแย่ ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นจะต้องได้รับบทลงโทษจากทุกรอบด้าน
อย่างน้อยก็อยากเป็นคนหนึ่งที่อยู่เพื่อช่วยและให้กำลังใจ มันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรแต่เขาอยากให้ไอ้ธูปรู้สึกว่าโลกใบนี้ยังมีพี่อยู่ตรงนี้อีกคน
“ผมจะถูกจับเข้าคุก”
“มันต้องมีการสอบสวนอะไรก่อนไม่ใช่เหรอ ตรวจฉี่อะไรงี้แล้วใช่ไหม?”
“ตรวจแล้ว ไม่ม่วง แต่ก็ต้องดูอีกว่าผมเกี่ยวข้องอะไรกับยาพวกนั้นหรือเปล่า ระหว่างสอบสวนผมก็คงต้องไปนอนในคุก”
“มันต้องมีวิธี” ธูปมองเจ้าของคำพูดพึมพำกับตนเองก่อนจะลุกไปหาตำรวจที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ “พี่ ผมขอปรึกษาเรื่องประกันตัวหน่อยครับว่ามันต้องทำอะไรบ้าง?”
“ต้องรอศาลตีราคาประกันก่อนอะน้อง แต่น่าจะสี่-ห้าแสนมั้ง อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าต้องรอดูอีกที” คนในเครื่องแบบหมุนเก้าอี้หันเข้าหาพร้อมบอกยอดจำนวนที่ทำให้ธูปคิดว่าเขาอาจต้องติดคุกมากกว่าจะได้ออกไปข้างนอก
“ขอบคุณครับ” จากสีหน้าพี่เชร์แล้วคงช็อกกับจำนวนตัวเลขไม่น้อย แน่ล่ะ คงมีแต่คนรวยล้นฟ้าเท่านั้นที่จะเฉยกับเงินครึ่งล้าน โดยเฉพาะตอนที่คิดว่าจะเอามาประกันเด็กที่สะกดคำว่าบุญคุณไม่เป็น ธูปนั่งหันหลังชันเข่าพิงกับกรงเหล็กพลางคิดไปว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
อีกฝ่ายจะเดินกลับมาทำหน้าสลดพร้อมบอกว่า ‘โทษทีว่ะ แต่กูช่วยมึงไม่ไหวจริง ๆ’ ไหม ถ้าใช่อย่างนั้นก็คงไม่แปลกใจอะไร เขาไม่ใช่น้องที่ท้องเดียวกับพี่เชร์ และไม่ได้มีความดีเกินกว่าจะถูกสงสารเห็นใจ ดังนั้นสิ่งที่ธูปได้รับตอนนี้จึงสมควรแล้ว
ได้ยินพี่เชร์ชวนตำรวจออกไปคุย หายไปสักพักหนึ่งซึ่งคงราว ๆ สิบห้าถึงยี่สิบนาที ตอนนี้ธูปถึงคิดได้ว่าเขานับเวลาไปเพื่ออะไร บางทีอีกฝ่ายอาจจะนั่งแท็กซี่กลับหอไปเล่นเกมแล้วก็ได้ ธุระเรื่องเด็กเหลือขอคนหนึ่งไม่มีค่ามากมายขนาดนั้น
“ธูป”
เจ้าของชื่อหันไปตามเสียง ก่อนจะพบว่าพี่เชร์กำลังเอาข้าวเซเว่นออกมาจากถุงพร้อมทิ้งตัวลงนั่งพื้นอย่างไม่กลัวสกปรก เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่สอดกล่องข้าวเข้ามาในกรงพร้อมฉีกทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ทั้งของเขาและของตนเองซึ่งธูปคิดว่าพี่เชร์คงไม่ได้กินเพราะหิว
“ช่วงนี้แลกซื้อแก้วได้พอดี มึงชอบกินโค้กใส่น้ำแข็งใช่ไหม กูจำได้”
“...”
“กองทัพเดินด้วยท้อง รีบกินเร็ว”
“ห้าแสน พี่ได้ยินใช่ไหม?” แหลมค้างอยู่ในท่าตักข้าวพะแนงเข้าปาก ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนอายุน้อยกว่ากับคำถามที่เขาได้ยินชัดเจนดีอยู่แล้ว
“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ตอนนี้คิดแค่ว่าถ้าออกไปแล้วจะทำยังไงดีกว่า มึงต้องใช้หนี้ใครยังไงเท่าไหร่”
“พูดแบบนี้หมายความว่าจะประกันผมออกไปเหรอ?”
“เออ มีไร?”
“บ้าไปแล้วใช่ไหม เงินตั้งห้าแสนจะเอามาจ่ายให้ทำไม ผมไม่มีคืนพี่นะ”
“เรื่องคืนไว้ค่อยคุยตอนไหนก็ได้ไหม ตอนนี้เอาเรื่องออกจากกรงห่านี่ก่อน” ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบ ก่อนธูปจะถอนหายใจ
“ถ้าไม่ใช่คนดีสุด ๆ พี่ก็คงบ้าไปแล้ว”
“ก็คงงั้นอะ” แหลมหัวเราะในลำคอแล้วยื่นแก้วเซเว่นเข้าไปในกรงพร้อมชี้ย้ำ ๆ ให้น้องกินข้าวเสียที ซึ่งการที่อีกฝ่ายยอมเขี่ยมันให้เห็นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีในตอนนี้แล้ว “กูโกรธมึงนะธูป โกรธสัด ๆ เลย”
“...”
“แต่กูไม่ลงโทษมึงด้วยการส่งไปอยู่ในคุกหรอก มีคนหาข้าวหาน้ำให้กินไม่ต้องไปเรียนงี้สบายเกินไปห่า มึงต้องออกมาลำบากเหมือนกู” ยิ่งได้ยินอีกฝ่ายปลอบใจธูปก็ยิ่งเกลียดตัวเอง เด็กหนุ่มกำช้อนแน่นจนเกือบหักคามือ เขาพยายามฝืนใจตักข้าวเข้าปากเพื่อบอกให้ตัวเองสู้เพื่ออยู่รับบทเรียนครั้งใหญ่
(ต่อด้านล่าง)