★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144042 ครั้ง)

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขำอ่ะ ดีว่าเราผ่านช่วงเรียนอิเหนามาแล้ว ไม่งั้นได้มีคำตอบให้อาจารย์ว่าศึกกะมังกุหนิงเกิดเพราะแย่งจรกาแน่เลย5555 #วงการวรรณคดีไทยต้องสั่นสะเทือน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :laugh: ความพังพินาศทั้งปวง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ชอบความกลับมุมมองเรื่องอิเหนา 5555

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
น้องจิก็ดูรับได้นะ พี่อินทร์บอกไปเลยยย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ชิงนายกันสะบั้น
อิเหนาสู้ๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อะไรคือจะกล่อมเขาแต่ตัวเองหลับเองวะพี่อิน555555 อิบ้านี่

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ผูกเรื่องเก่งมาอ่ะ สุดลิ่มจริงเรื่องนี้ บอกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อิเหนา ภาคไหนเนี่ย น่าสนๆ  :hao3:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 22: ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[1]

ครั้นเสร็จศึกและอิเหนาเป็นผู้กุมชัยชนะ ความยินดีก็พร่างพรายไปทั่วทุกแว่นแคว้นที่มาเข้าร่วมศึกในครานี้ ผู้ที่ยินดีกว่าใครเพื่อนเห็นจะเป็นจรกาที่คู่ตุนาหงันไม่ถูกผู้ใดพรากไปจากอก แต่หารู้ไม่ว่าผู้ที่ดีใจมากกว่าเขานั้นคืออิเหนาผู้นั้น

จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรล่ะ ก็กำจัดคนที่หมายจะมาช่วงชิงยอดดวงใจของเขาไปอย่างนั้นก็ต้องดีใจอยู่แล้ว

ท้าวดาหาทรงยินดียิ่ง มีรับสั่งให้บุษบามาเข้าเฝ้าอิเหนาเพื่อขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือ ในพระทัยก็หมายมั่นไว้ว่าอิเหนาคงต้องตานางในครานี้ อิเหนายิ้มรับเมื่อนางบุษบาก้มกราบ รอยยิ้มนั้นราวกับเป็นนัยน์ว่าถูกตาต้องใจ โดยผู้อื่นหารู้ไม่เลยว่าแท้จริงแล้วเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่หมายจะแล่เนื้อบุษบาหนึ่งหรัดไปตากแห้งเสียเต็มแก่

ไหนว่าจะรีบเร่งหนีไป แล้วเหตุใดถึงได้มาเป็นคู่ตุนาหงันของจรกา!

อยากถามใจแทบขาด หากแต่ก็หาได้มีโอกาส ครั้นไปตามติดก็ถูกเข้าใจว่าใคร่อยากได้นางบุษบากลับคืนเป็นคู่หมั้น ทำเอาใครต่อใครพากันล้อเลียนว่า ‘ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง’ ทำเป็นพูดว่าไม่สน ไม่ชอบบุษบา แต่เมื่อพบหน้าก็ตกหลุมความงดงามของนาง

อิเหนาอยากจะตะเบ็งเสียงใส่เจ้าคนปากมากพวกนั้นนักว่าใช่เสียที่ไหน คนที่เขามองมีเพียงแต่จรกาผู้เดียวต่างหาก!

ทว่าทำสิ่งใดได้ล่ะ นอกจากต้องเออออไปตามเรื่อง กระทั่งท้าวดาหามีรับสั่งให้เหล่าเจ้าชายทุกพระองค์ที่มาช่วยเหลือรำบวงสรวงเหล่าเทพยาดาเพื่อขอบคุณที่ช่วยอรชัยให้ชนะศึก เหล่าเจ้าชายต้องพากันร้องรำบวงสรวงเทวดา เรื่องนั้นอิเหนาไม่ได้มีปัญหาหรอก จะร้องหรือรำ เขาก็ทำได้ทั้งสิ้น แต่ปัญหาบังเกิดก็เมื่อตอนที่เขาตระหนักขึ้นได้ว่าหากจรกาออกไปร้องรำ ทุกสายตาก็จะจับจ้องไปยังน้องน้อยของเขาผู้นั้น

เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะยอมให้ผู้อื่นจ้องมองได้อย่างไร!

หึงหวงขึ้นหน้าเสียจนขัดขวางจรกาทุกวิถีทางไม่ให้ร้องรำต่อหน้าผู้ใด ครั้นตนออกไปร้องรำก็กล่าวเนื้อร้องค่อนแคะจรกาให้อับอาย ใจหวังว่าหากทำให้อับอายแล้ว จรกาจะได้ล้มเลิกและออกจากประรำพิธีไป ทว่ากลับไม่เป็นผลเมื่อถึงคราวของตน จรกาก็ออกมาร้องรำ อิเหนาวางแผนชั่ว ไปเคาะตีกลองจนเสียจังหวะให้จรการ้องรำไม่ได้

วิธีการชั่วช้าเหล่านั้น จรกาจะรู้บ้างไหมหนอว่าเป็นเพราะอิเหนาหึงหวงตนทั้งสิ้น...

ย่อมแน่ว่าไม่รู้แม้เพียงกระผีก เห็นแค่ว่าตนถูกกลั่นแกล้งก็เท่านั้น พลันก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เนื้อตัวสั่นระริก ท้าวดาหาทรงเห็นท่าไม่ดีก็สั่งให้ยุติแล้วเสด็จหนีกลับพลับพลา ปล่อยให้อิเหนาและเหล่าเจ้าชายพระองค์อื่นๆ ได้ใช้เวลาร่วมกัน

อิเหนาหาได้อยากเที่ยวเล่นหรือพบปะกับผู้ใดนักหรอก อยากจะเอาใจจรกาเสียมากกว่าเพราะบัดนี้สีหน้าของระตูจรกานั้นหาได้ดูมีความสุขเลยแม้แต่น้อย บูดบึ้งถมึงทึงเสียจนน่ากลัว ขณะเดียวกันก็น่าสงสารยิ่งเมื่อน้ำตาคลอหน่วยด้วยแค้นใจที่ถูกรังแก

พี่จะทำเช่นไรให้เจ้าเข้าใจว่าที่ทำไปก็เพราะรักใคร่และหึงหวงเจ้า?

อิเหนาได้แต่ครุ่นคิด จะให้ไปบอกด้วยตนเองก็เห็นว่าไม่สมควรนัก ตำแหน่งองค์ยุพราชที่ค้ำคอ อีกทั้งยังเป็นบุรุษทั้งสองฝ่าย ทำให้มิอาจเอ่ยออกไปได้ ยิ่งจรกาเกลียดชังเขาเพียงนี้ด้วยแล้วก็เกรงเหลือเกินว่าหากบอกไปจะถูกชิงชังกว่าเดิม จึงทำได้แต่เอ่ยปากชวนให้เหล่าเจ้าชายทุกพระองค์ไปเที่ยวชมนกชมไม้ในสวนพฤกษาแทน หมายจะให้จรกาได้อารมณ์ดีขึ้นหากได้เห็นพืชพรรณไม้สวยงาม

ทว่า...เหล่าเทวดาไม่เป็นใจให้เขาได้กระทำเช่นนั้นสักเท่าไรนัก ขณะชมสวนกันอยู่นั้น ขบวนฝ่ายในของพระนางมะเดหวีก็เสด็จผ่านมา บุษบาเองก็ติดตามพระมารดามาด้วย

ครั้นเห็นบุษบาหนึ่งหรัดถือประคองพานผ้ามากับขบวนฝ่ายในของพระนางมะเดหวีด้วย เพียงดวงตาสบประสาน อิเหนาก็ปรี่เข้าไปช่วยนางประคองทันทีด้วยร้อนใจเพราะก่อนหน้านั้นหาได้สบโอกาสพูดคุยเรื่องวุ่นวายที่บังเกิดนี้เลยแม้แต่น้อย การปรี่เข้าไปช่วยประคองก็คือการแสร้งทำ แท้จริงแล้วเขามีคำถามมากมายจะถามต่างหาก

ใบหน้าของอิเหนายิ้มแย้มเมื่อเสียงร้องแซวของเหล่าเจ้าชายองค์อื่นดังขึ้น หากแต่แท้จริงแล้ว อิเหนากำลังกัดฟันลอบถามบุษบาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองทันทีที่เข้าประชิดตัว

“ไหนว่าจะหนีไปอย่างไร แล้วเหตุใดถึงได้มารับหมั้นน้องจรกาเช่นนี้”

บุษบารู้อยู่แล้วว่าประเดี๋ยวจะต้องถูกถามเช่นนี้ นางเห็นอิเหนามาด้อมๆ มองๆ หาโอกาสลอบพบอยู่หลายครั้งหลายคราแล้ว นางจึงแสร้งทำท่าเอียงอาย ยกมือขึ้นปิดหน้าปิดปากชม้อยชม้ายชายตา ทว่าเสียงที่เล็ดลอดออกจากปากกลับฟังดูหงุดหงิดไม่แพ้กัน

“หากข้าหนีพ้น ข้าจะรับหมั้นรึ ถูกจับได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะปีนกำแพงวังเลย”

อิเหนายิ้มแฉล้ม กัดฟันว่าเสียงเบา “โง่เง่า ทำไมไม่รีบหนีเล่า”

บุษบาก็ยิ้มเอียงอาย “ง่ายขนาดนั้น เจ้าก็ไม่เห็นข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แล้ว พูดมากนัก ประเดี๋ยวข้าก็ไม่ช่วยต่อจากนี้เลยดีกระมัง”

ต่างฝ่ายต่างบริภาษกันไปมา ทว่าสีหน้ากลับตรงกันข้าม เป็นที่งดงามให้คนรอบกายมองด้วยความเอ็นดู พลางชมมิหยุดปากว่าเหมาะสมกันดียิ่ง จรกาซึ่งยืนดูเหตุการณ์นั้นอยู่นานก็หัวเสีย เขาอุตส่าห์คิดแล้วว่าชีวิตนี้คงจะมีเรื่องที่จะเอาชนะอิเหนาได้เรื่องหนึ่งคือการอภิเษกกับบุษบา แต่เมื่ออิเหนามาพบพานนางเข้าก็ต้องใจจนอยากได้กลับคืนเป็นคู่ตุนาหงันเช่นนี้ ไม่แปลกหาใครต่อใครพากันพูดในเชิงล้อเลียนว่า ‘ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง’ กันไม่หยุดหย่อน

เฮอะ! ทำเป็นว่าเมืองโน้นเมืองนี้ว่าแย่งชิงบุษบาประหนึ่งว่านางงดงามมาก ทีตัวเองล่ะ มาพบหน้านางก็อยากได้นางเช่นกัน เป็นอย่างนี้แล้ว ผู้ใดกันที่สมควรต้องละอาย!

คิดแค้นเสียจนอดรนทนไม่ไหวต้องแผดเสียงขึ้นมา

“ปล่อยมือออกจากพานของน้องบุษบาประเดี๋ยวนี้อิเหนา นางเป็นของข้า เจ้ามาทำกะลิ้มกะเหลี่ยอย่างนี้ หาใช่สิ่งที่สมควร พวกเจ้าเองก็เช่นกัน มาล้อเลียน ชม้อยชม้ายชายตามองคู่ตุนาหงันของผู้อื่นอย่างจาบจ้วงเช่นนี้ ช่างต่ำตมนัก!”

ด่ากราดไม่ไว้หน้า อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จะรังแกกันไปถึงไหน ไม่ด่าเพียงอิเหนาด้วย ลามไปยังพวกเจ้าชายผองเพื่อนของอิเหนา ทำเอาอิเหนากับบุษบาที่กำลังกัดฟันส่งเสียงพึมพำงึมงำบริภาษกันไปมาหยุดชะงัก ก่อนที่หนึ่งในสหายของอิเหนาจะยอกย้อนกลับ

“เป็นเพียงคู่ตุนาหงัน จะมากล่าวอ้างว่าเป็นของตนได้อย่างไร ไว้อภิเษกเสียก่อนค่อยมาหึงหวงก็ยังทันกระมัง เจ้าจรกา”

สิ้นเสียงก็มีเสียงหัวเราะร่วนดังขึ้น พากันเข้าข้างอิเหนาอย่างพร้อมหน้า จรกาหน้าม้านด้วยอับอายยิ่ง อีกทั้งยังโกรธเสียจนตัวสั่นเทิ้ม

หน้าด้าน! เจ้าพวกหน้าด้าน! ประจบประแจงอิเหนากันเหลือเกินนะ!

หน้าด้านที่สุดก็คืออิเหนาที่ยังประคองพานผ้าอยู่ข้างบุษบา มิหนำซ้ำยังยิ้มเย้ยมาให้เขาอีกด้วย ทั้งที่จริงแล้วอิเหนาหมายจะปลอบใจ ใจจริงตนอยากต่อว่าพวกสหายปากพล่อยที่ไปยอกย้อนจรกาเช่นนั้นด้วย แต่ก็เกรงพระทัยของพระนางมะเดหวีที่อยู่ในขบวนจึงไม่กล้าพูดสิ่งใดออกไป ได้แต่ปล่อยให้บุษบาชำเลืองมองแล้วค่อนขอด

“มีเรื่องให้โกรธเจ้าเพิ่มอีกหนึ่ง เกลียดเข้ากระดูกดำมากกว่าเดิมแล้วล่ะ”

อิเหนาค้อนขวับทันที

เขารู้แล้ว! ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอก!

สีหน้าท่าทางขุ่นเคืองของอิเหนานั้นทำเอาบุษบายิ้มเยาะขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะว่าตบท้าย

“ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง”

เห็นทีว่าคำค่อนขอดนี้คงจะไม่ใช่เพราะอิเหนาแสร้งค่อนแคะนางว่างามเพียงใด เมืองเล็กเมืองน้อยถึงอยากได้ แล้วสุดท้ายเขาก็มาอยากได้เองเสียกระมัง แต่แท้จริงเป็นเพราะคำบริภาษของสหายที่ต่อว่าจรกาว่าหึงหวงนางทั้งที่ไม่ได้อภิเษกกัน

สหายของเขาต่อว่าจรกาไว้อย่างไร บัดนี้ย้อนกลับเข้าตัวอิเหนาเสียอย่างจัง

ไม่ได้เป็นคู่ตุนาหงัน แม้แต่สหายก็หาใช่ จรกาก็เกลียดชังเสียจนมองหน้าไม่ติด แต่ก็ดันไปหึงหวงเขาถึงขนาดยกทัพมาปราบวิหยาสะกำเสียหน้าดำหน้าแดง

นี่สิถึงเรียกว่า ‘ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง’ อย่างแท้จริง

ระตูจรกาเดือดดาลเสียจนไม่มีหน้าอยู่ต่อ แสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดโกรธขึ้งเต็มแก่แล้วก็รีบก้าวออกไปจากสวนพฤกษาทั้งน้ำตาคลอเบ้า ปล่อยให้เหล่าเจ้าชายพระองค์อื่นหัวเราะเย้ยไล่หลัง มีแต่บุษบาเท่านั้นที่มองตามด้วยนึกสงสาร ส่วนอิเหนา...รู้สึกผิดเต็มแก่

ไม่ว่าเขาจะทำอะไร คิดสิ่งไหน ล้วนแล้วก็สร้างความขุ่นเคืองระคายใจให้กับจรกาทั้งสิ้น ความเกลียดชังที่จรกามีต่อเขา เห็นทีจะทวีคูณมากขึ้นทุกวันเสียด้วย เขาชักคิดมากแล้ว...คิดมากเสียจนหยุดยืนนิ่งอยู่ครู่ ทำเอาบุษบาต้องกระซิบถาม

“แล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป หากอยากให้จรกายินดีก็ให้อภิเษกกับข้าไหมล่ะ”

อิเหนาเหลือบมอง ถอนหายใจออกมา

“ไม่มีวันเสียหรอก”

บุษบาก็พอจะรู้คำตอบอยู่หรอก คนอย่างอิเหนาไม่มีวันยกจรกาให้เป็นของผู้ใดแน่แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นสตรี และเขาเองก็จะไม่เป็นของผู้ใดเช่นกัน

“แล้วเจ้ามีแผนการใด”

ครั้นถูกถามมาอีก อิเหนาก็ชำเลืองมอง พลันว่าเสียงเรียบ

“ข้าจะลักพาตัวเจ้า”

“เอ๊ะ?”

“ในวันอภิเษก เมื่อนั้นเจ้าก็ถือโอกาสหนีไปเสีย เจ้าจะต้องทำเช่นไรบ้าง ข้าจะบอกอีกครั้งหลังจากหารือกับสังคามาระตา”

เพียงเท่านั้นก็ยุติการสนทนา เป็นอันว่าเข้าใจกันอย่างถี่ถ้วนว่าหลังจากนี้อิเหนามีแผนอีกครา

แผนนั้นเป็นแผนชั่ว...

อิเหนาหาได้สนใจ เขาจะทำทุกอย่างไม่ให้จรกาได้เป็นของผู้ใดนอกจากเขา ต่อให้เหล่าเทพยาดาหรืออสุรกายตนใดกล่าวหาว่าเขาชั่วช้า เขาก็หาได้ใส่ใจไม่ เขาจะทำทุกทางเพื่อรักษาระตูจรกาให้บริสุทธิ์ผุดผ่องไว้

ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ให้ผู้ใดแตะต้อง...

ดอกชบาดอกนั้นต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว...

 

[Intara’s Part]

“อิเหนา!”

จู่ๆ จิระที่นอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำก็ลุกขึ้นพรวด ร้องออกมาเสียงดังเสียอย่างนั้น ทำเอาผมที่กำลังจะล้มตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์ชะงักกึก ก่อนจะจับไหล่ให้อีกฝ่ายหันมาหาอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะ...”

“ข้าเกลียดเจ้า!”

ขุ่นพระ!

พูดยังไม่ทันจบ จิระก็ตะคอกใส่ผมอีก ผมเหวอกินไปเลย ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นระส่ำจนบีบรัด มือก็เผลอยกขึ้นทาบอกโดยอัตโนมัติ

นะ...น้องจิของพี่...เอื้อ~ ปวดร้าว

แล้วก็เหมือนจิระจะรู้สึกตัว ก่อนรีบปรับสีหน้าแล้วว่าเร็วๆ

“คือจิละเมอน่ะครับพี่อินทร์ ขอโทษที่เสียงดังใส่ครับ”

ผมเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงจะรู้ว่าเป็นเพราะความฝันในอดีตชาติเพราะแหวนที่ผมให้กับจิระไว้จะทำหน้าที่ทุกคืน แต่ผมก็อดช็อกไม่ได้เหมือนกันที่จู่ๆ เขาก็มาตะคอกใส่ว่าเกลียดแบบนี้ ไม่รู้หรอกว่าจิระฝันถึงตอนไหนแล้ว แต่สำหรับผม คนมันฝังใจน่ะ ยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วยว่าชาตินี้เขาจะเกลียดผมอีก ยังไงก็ต้องช็อกอยู่แล้ว

พอเห็นว่าจิระแก้ตัวอย่างนั้น ผมเลยรีบยิ้มกว้าง ถลาเข้าไปกอดคนตรงหน้า ว่ากระเง้ากระงอดเพื่อกลบเกลื่อนความตกใจของตัวเอง

“หนูจิฝันร้ายอีกแล้วเหรอจ๊ะ ไหนๆ ฝันว่าอะไร เล่าให้ป่าปี๊ฟังหน่อยซิ”

ทำตัวบ้าๆ บอๆ ไปก่อน ต้องพูดเสียงสองด้วย ถ้าพูดเสียงปกติ เดี๋ยวจะมีพิรุธเอา บอกตามตรง เวลาที่มีเรื่องอะไรที่ผมคิดว่ารับมือไม่ไหวหรือไม่ทันเกี่ยวกับจิระ ผมจะต้องทำตัวบ้าๆ บอๆ ออกไปก่อนเพื่อให้เขารู้สึกว่าผมเป็นปกติ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย

เพื่อความสบายใจของคนที่ผมรัก ผมต้องทำแบบนั้น ส่วนเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกผมก็ค่อยเอาไว้ทีหลัง เหมือนอย่างครั้งนี้ที่พอจิระเห็นผมกระเซ้าเย้าแหย่แล้ว เขาก็ยิ้มขึ้นมา

“จิไม่ได้ฝันร้ายหรอกครับ”

“เอ้า แล้วเมื่อกี้เห็นโวยวายเสียงดัง”

“จิฝันแปลกต่างหาก”

“งั้นบอกพี่ได้ไหมว่าฝันอะไร”

ผมแกล้งกระเซ้า กอดกระชับเขาแน่นขึ้นทั้งๆ ที่รู้ว่าจิระฝันอะไร พลันเขาก็ยิ้มออกมาน้อยๆ

“พี่อินทร์ไม่อยากฟังหรอก ฝันเพี้ยนๆ สงสัยจิกินก่อนนอนเยอะเลยฝันเยอะ”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็รู้เลยว่าเขาไม่อยากเล่าให้ผมฟังสักเท่าไร และเพื่อความสบายใจของเจ้าตัวเล็ก ผมเลยไม่ตอแยอะไร ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่น แหย่เล่นไปเรื่องอื่นให้เขาสบายใจแทน

“ถ้าอย่างนั้น ไหนขอพี่ดูหน่อยว่ากินเยอะจริงไหม ลงพุงหรือยัง”

แล้วก็ดึงเขาไปนั่งบนตัก มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใต้เสื้อ บีบๆ จับๆ ที่หน้าท้องของเขาเป็นการใหญ่ จิระก็หัวเราะร่วน บิดตัวหนี

“พี่อินทร์ จิจั๊กจี้”

หน้าตาตอนหัวเราะคิกคักน่ารัก... น่ารักมากๆ

น่ารักมากจนอยากจะจับกินสักที

แล้วก็กลายเป็นว่าผมอดไม่ไหว ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงเขาล้มตัวลงนอน ถลกชายเสื้อของเขาขึ้นสูงในระดับหน้าอก จิระมองหน้าผมเหมือนกับจะถาม

“จะทำเหรอครับพี่อินทร์ ดึกแล้วนะ มีเรียนเช้านี่”

ผมยิ้มกริ่มให้ “เรียนเช้าก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“เดี๋ยวพี่อินทร์ง่วง”

“แต่ตอนนี้พี่ไม่ง่วง”

ว่าพลางยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย เท่านั้นจิระก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมา สีหน้าตอนเขินอายเป็นหน้าตาที่ผมชอบมากที่สุดไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ ต่อให้พวงแก้มไม่มีสีเรื่อแดง ผมก็ชอบมากที่สุด

อะไรที่เป็นจิระ ผมชอบที่สุด ชอบไปหมด...

เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว ประทับจูบลงไปบนหน้าท้องแผ่วเบา จิระสะดุ้งเฮือก มือบีบแขนผมแน่นทันควัน ผมก็ไล้ริมฝีปากไปตามผิวเนื้ออุ่นๆ อย่างได้ใจ กระทั่งขึ้นมาถึงหน้าอก พลันก็แกล้งจูบฉวัดเฉวียนไปยังยอดตุ่มไตเล็กๆ จิระสะดุ้งขึ้นมาน้อยๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนจะมองหน้าผมเคืองๆ เมื่อเห็นว่าผมหัวเราะ

“พี่อินทร์อย่าแกล้งจิสิ”

“ก็พี่ชอบ”

ชอบจริงๆ ชอบทุกอย่าง... จิระทำปากยื่น ว่าเสียงขุ่น

“ชอบแกล้งจิทุกที แกล้งตลอดเลย คนนิสัยไม่ดี”

ไม่แน่ใจว่าจิระหมายถึงเฉพาะชาตินี้หรือรวมชาติที่แล้วด้วย แต่เดาว่าน่าจะทั้งสองชาติเลย ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าชาติที่แล้วนั้น ผมไม่ได้แกล้งเลย เป็นเขาที่เข้าใจไปเองทั้งสิ้น แล้วจะให้ผมอธิบายได้ยังไงในเมื่อชาติก่อนเข้าหน้าเขาไม่เคยติด จะให้อธิบายตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องในเมื่อผมกำลังให้แหวนทำหน้าที่ของมันอยู่ ผมเลยได้แต่พูดถึงเรื่องในชาตินี้เท่านั้น

“ก็จิน่ารักมาก พี่เห็นแล้วมันเขี้ยว อดหยอกไม่ได้ ทำไม จิไม่ชอบเหรอหืม?”

จิระไม่ตอบ เอาแต่ทำหน้าง้ำ ผมเลยอ้อนเข้าให้

“ไม่ชอบให้พี่แกล้ง ไม่ชอบให้พี่หยอก แล้วชอบอะไรพี่บ้างเนี่ย”

แสร้งทำเป็นงอนๆ ด้วย จิระเหลือบมองผมก่อนจะยิ้มบางๆ คว้ามือผมไปอังข้างแก้มนุ่ม

“จิไม่ชอบพี่อินทร์ทั้งหมดนั่นแหละ” ผมย่นคิ้ว เขาก็ว่ามาอีก “แต่จิรักพี่อินทร์มากเลยครับ รักๆๆ”

เวลาที่จิระอ้อนมันน่ารักที่สุดเลย ผมชอบให้เขาอ้อนบ่อยๆ นะ แต่เขาไม่ค่อยอ้อนสักเท่าไร เวลาอ้อนทีก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาจนหน้าแทบบานเป็นจานดาวเทียม แล้วผมก็อดใจไม่ไหวที่จะจูบลงไปบนกลีบปากบาง กระซิบเสียงแผ่วเมื่อถอนริมฝีปากออกมา

“พี่ก็รักจิมากเหมือนกัน”

รักมาก... รักมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากเดิมเลยสักนิด ความรักที่มีให้ก็ไม่เคยน้อยลงสักวัน มีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น

ผมเป็นของจิระคนเดียว และจะเป็นตลอดไป...

จิระไล้ปลายนิ้วไปบนท่อนแขนผม ก่อนพึมพำ “เส้นเลือดพี่อินทร์ชัดดีจังเลย”

ผมเหลือบมองบ้าง ก็เห็นว่าท่อนแขนตัวเองมีเส้นเลือดขึ้นปูดโปนเด่นชัดอย่างที่จิระบอก พลันเขาก็ว่าออกมาอีก

“จิอยากให้พี่อินทร์กอดจิด้วยแขนคู่นี้ไปนานๆ”

ส่งสายตาออดอ้อนมาให้ผมด้วย ดาเมจรุนแรงขนาดนี้ มีหรือที่ผมจะไม่กระอักความรัก ผมมองเขาแล้วก็รวบร่างมากอดไว้แน่นทันควัน

“พี่จะกอดจิแน่นๆ ไปตลอดชีวิตเลย พี่รักจิ...รักมากเลย”

ผมบอกรักเขาไม่หยุดหย่อนราวกับว่าจะเป็นการชดเชยที่ชาติที่แล้วไม่เคยพูดออกไป ต่อให้จรกาจะไม่รับรู้ความรู้สึกที่อิเหนาอย่างผมมีให้ แต่ชาตินี้ ทุกความรู้สึกที่มี เขาจะได้รับรู้

อ้อมกอดของผม

ลมหายใจของผม

ชีวิตของผม

เป็นของเขาทั้งหมด...

ผมอุทิศทั้งชีวิตเพื่อรักเขาแล้ว ใครจะพูดถึงเขายังไง จะเป็นจรกาหรือจิระ ผมก็รัก... รักทั้งหมดที่เป็นเขา

รักจิที่สุด...รักทั้งจรกาและจิระ รักจนไม่สามารถบอกได้แล้วว่ารักมากแค่ไหน

จิระกอดผมตอบแน่น พอผมผละออกมาก็เห็นสายตายั่วยวนกำลังมองผมอยู่

“แล้วพี่อินทร์ เอ่อ...”

ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ผมเลยส่งเสียงดัง ‘หืม?’ ในลำคอเพื่อให้เขาได้พูดต่อ จิระดูอึกๆ อักๆ ก่อนจะหลบตาแล้วว่าเสียงเบาออกมา

“แล้วพี่อินทร์จะรักจิไหมครับ หมายถึง...รักที่ไม่ใช่บอกรักง่ะ”

ผมยิ้มกว้างออกมาทันที เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ พลันจูบประทับที่หน้าผาก ปลายจมูกและลงต่ำมายังริมฝีปากแดงเรื่อ

“รักสิ... จะรักจิให้มากๆ ทั้งคืนเลย”

เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องโดดเรียนกันแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไร เพราะคืนนี้ผมจะทำให้จรกาได้ประจักษ์ว่าอิเหนาผู้นี้รักใคร่เขามากเพียงใด

เจ้าน้องจรกา... ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร พี่ก็รักเจ้า... รักตราบนิรันดร์

 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ช่วงนี้ผมชอบฝันอะไรแปลกๆ...

ความจริงก็ไม่ใช่ฝันแปลกอะไรหรอก ฝันเรื่องอดีตชาตินั่นแหละ บางครั้งผมก็ฝันถึงเหมือนกัน แต่ระยะนี้เหมือนกับว่าฝันบ่อยขึ้น...ไม่สิ ฝันทุกคืนเลยมากกว่า แล้วเนื้อหาก็ค่อนข้างจะ...แปลก

แปลกจริงๆ เพราะในฝันมันเป็นมุมมองของอิเหนา แทนที่จะเป็นมุมมองของจรกาอย่างที่ผมเคยฝัน แต่การที่ฝันแบบนี้มันก็ทำให้ผมมองพี่อินทร์เปลี่ยนไปจากเดิมเหมือนกันนะ

เปลี่ยนไปอย่างไหนน่ะเหรอ? ก็...ผมรักเขามากขึ้นไง เพราะถ้าชาติที่แล้ว อิเหนาอย่างเขาทำทุกอย่างเพราะรักผมจริงอย่างที่ฝันเห็น มีเหตุผลอะไรล่ะที่ผมจะไม่รักเขามากขึ้น แม้ว่าในชาตินั้นผมจะเกลียดเขาก็เถอะ

และเพราะฝันถึงเรื่องนั้น ผมก็อารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด ยิ่งตอนเที่ยงนัดกินข้าวกลางวันกับเขาที่โรงอาหารคณะด้วยแล้ว ผมก็แทบจะเหาะไปยังที่นัดหมายทันที

อยากเจอพี่อินทร์เต็มแก่แล้ว คิดถึง~

แต่แทนที่ผมจะได้เจอกับพี่อินทร์เป็นคนแรก ผมดันเจอกับ...

“เอ้านั่น น้องจิหรือเปล่า”

...วิหยาสะกำที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าโรงอาหารเมื่อกี้ พร้อมกับร้องทักเมื่อเห็นผม

อารมณ์ดีๆ ก่อนหน้านี้ของผมอันตรธานหายไปทันที พลันผมก็เงอะงะทำอะไรไม่ถูกด้วยไม่เห็นเขามาระยะหนึ่งแล้ว พอมาเจออีกครั้งก็เหวออยู่เหมือนกัน

“มากินข้าวเหรอ”

ไม่รู้จะรับมือยังไง พอถูกถามก็เลยพยักหน้าขณะที่เขาลงจากมอเตอร์ไซค์ ก้าวเข้ามาใกล้

“แล้วเพื่อนล่ะ ไม่มีเพื่อนมากินด้วยเหรอ”

มีสิ มีพี่อินทร์ไง แต่ไม่ใช่เพื่อน คนนั้นแฟน

ผมกำลังจะตอบ ทว่าพี่วิญญูก็ยิ้มออกมาแล้ว

“งั้นพี่ไปกินเป็นเพื่อน กำลังหิวเลย แวะมาปริ๊นท์งานที่ร้านตรงนี้ก็เลยว่าจะแวะกินข้าวด้วย”

เขาพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ผมก็ได้แต่เงอะๆ งะๆ

“คือว่าจิ...”

“ปะ เข้าไปข้างในกัน”

ไอ้นี่ก็ไม่ฟังเลยสักนิด คะยั้นคะยอจะให้ผมไปกินข้าวด้วยให้ได้ แล้วผมจะไปไหมล่ะ หึ! ไม่มีทางเลย เพราะผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเขา ออกจะกลัวเขาด้วยซ้ำ อย่างที่บอก ผมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาตาย... ไม่ใช่ หลังจากฝันไปเมื่อหลายวันก่อน ถ้าวิหยาสะกำไม่ได้หมายปองบุษบา แต่หมายปองจรกา นั่นก็เท่ากับว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตายเต็มๆ เลย

แล้วมาชวนกูไปกินข้าวด้วย กูจะกล้าเหรอ!

อะไรไม่ว่า ผมนัดกับพี่อินทร์ไว้แล้วด้วย เรื่องอะไรจะไปล่ะ

“เอ้าจิ มาสิ มัวรออะไรอยู่”

เห็นผมไม่ยอมเดิน เขาก็หันมาเร่ง ผมเลยตัดสินใจว่าจะบอก

“คือว่าจินัดกับ...”

“นั่นรอยอะไร”

ไม่ทันไร เขาก็พูดแทรกมาอีก พลางชี้มาที่หน้าอกของผม ผมก้มลงมองก็เห็นสาบเสื้อเปิดออกนิดๆ เพราะกระดุมเสื้อเม็ดแรกหลุดโดยไม่รู้ตัว แวบแรกใจหายเลยนะ คิดว่าเป็นรอยคิสมาร์กของพี่อินทร์ที่ทำไว้เมื่อคืน แต่พอก้มลงมอง ปรากฏว่ามันไม่ใช่ แต่เป็นรอยแดงเล็กๆ เหมือนเล็บข่วน ผมเลยรีบติดกระดุมแล้วบ่ายเบี่ยง

“รอยอะไรก็ช่างเถอะครับ เมื่อกี้จิบอกว่าจินัดกับ...”

พูดยังไม่ทันจบก็มีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาแล้ว

“มีธุระอะไรกับจิครับคุณ”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกแขนของใครบางคนตวัดมากอดคอ พอหันไปก็เห็นว่าเป็นพี่อินทร์ที่ทำหน้าตาน่ากลัวอยู่ ผมก็เบิกตาโตน้อยๆ

ตายหอง! เป็นเรื่องแน่ๆ พี่อินทร์โผล่มาอย่างนี้ สงสัยโดนจูบในที่สาธารณะอีกแหง

แต่...ดูๆ ไปแล้ว รอบนี้คงไม่มั้ง เพราะถ้าพี่อินทร์จะทำอย่างนั้น เขาคงไม่ทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ กลัวว่าเขาจะต่อยพี่วิญญูมากกว่าที่มายุ่มย่ามกับผม ยิ่งพี่วิญญูเคยมีคดีตามสตอล์กเกอร์พี่บุศย์มาด้วย มีหวังเป็นเรื่อง

พี่วิญญูเองก็สีหน้าเปลี่ยนเมื่อเห็นว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญเป็นใคร ก่อนจะขมวดคิ้วว่าออกมา

“คุณอีกแล้ว”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ตอบกลับอย่างยียวน

“ผมต้องเป็นฝ่ายพูดมากกว่านั้นประโยคนั้นน่ะ ว่าแต่คุณเถอะ มีธุระอะไรกับ ‘ของ’ ของคนอื่นไม่ทราบ”

เขาจงใจเน้นคำนั้นเพื่อให้พี่วิญญูรู้ว่าผมเป็นของเขา ความจริงแล้วผมชอบนะที่พี่อินทร์แสดงอาการหึงหวงผมแบบนี้เพราะเขามักไม่ค่อยหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่ใครสักเท่าไร ถึงจะรู้ว่าเขารักผมมาก แต่ผมก็อยากให้เขาแสดงอาการหึงหวงบ้างอยู่ดี

หมายถึง...หึงหวงแบบไม่ปัญญาอ่อนน่ะ

แต่ผมคงจะอยากในเรื่องที่ผิดไปสักหน่อย เพราะพอพี่วิญญูไม่ตอบคำถาม พี่อินทร์ก็ขึ้นเสียงน้อยๆ

“กูถามว่ามายุ่งอะไรกับแฟนกู”

แทบไม่เคยเห็นพี่อินทร์พูดจาในลักษณะนี้มาก่อนเลย เวลาเขาแทนตัวด้วยภาษาพ่อขุนรามฯ ก็จะพูดกับเพื่อนเท่านั้น ไม่ใช่มาพูดกับคนที่ไม่สนิทแบบนี้ พลันภาพบางอย่างในความทรงจำก็ผุดพราย

อิเหนาเร่งรี่ยกทัพมารับศึกกระหมังกุหนิงเพราะหึงหวงที่วิหยาสะกำหมายปองจรกา...

คิดอย่างนั้นแล้ว ผมก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะมีเรื่องกับพี่วิญญู ผมเลยจับมือเขาที่กอดผมอยู่เบาๆ เป็นการเตือนสติ

“พูดดีๆ สิพี่อินทร์ พี่วิญญูเขาก็พูดกับพี่อินทร์ดีนะ”

พี่อินทร์เหลือบมองผมทันที สายตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บ่งบอกให้รู้ชัดเจนเลยว่าเขากำลังโกรธมาก ผมอดกลืนน้ำลายดังเอื้อกไม่ได้

คะ...โคตรน่ากลัว

ไม่อยากให้เขาหึงโหดแบบนี้แล้ว ผมไม่ชอบสายตาแบบนี้ ไม่อยากให้เขามีเรื่องด้วย

“พะ...พี่อินทร์...ใจเย็นๆ นะ”

“...”

ไม่เป็นผลอีก สายตายังคงแข็งกระด้าง ผมเลยรีบว่าออกไปอีกครั้ง

“ทำหน้าตาแบบนี้ จิกลัวนะครับ”

เท่านั้นสายตาของพี่อินทร์ก็อ่อนลงทันควัน ปากก็ยื่นๆ ออกมาด้วย ก่อนที่เขาจะหันไปมองพี่วิญญูที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

“เห็นแก่ที่แฟนกูกลัว กูจะพูดจาดีๆ กับมึงก็ได้” เขาว่า หลังจากนั้น... “คนนี้ของเก๊า ห้ามยุ่งนะ”

ใบหน้านิ่วๆ ของพี่วิญญูกลายเป็นเหลอหลาทันควันเมื่อได้ยินเสียงสองกระเง้ากระงอด ผมเองก็หันขวับเหมือนกัน ก่อนจะต้องเบ้หน้าเมื่อเห็นว่าสีหน้าน่ากลัวเมื่อกี้กลายเป็นแด๊ะแด๋ตอแล้ตอแหล

กูให้มึงพูดจาดีๆ ไม่ได้ให้พูดจาตอแหลเว้ย!

แต่พี่อินทร์สนใจไหมล่ะ หึ! กอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม ว่าด้วยเสียงสอง

“มาทางไหน รีบกลับไปทางนั้นเลยนะ เดี๋ยวปั๊ด!”

มือข้างที่ว่างง้างขึ้นทำท่าเหมือนจะตี ฟิลเตอร์แม่กับลูกเล็กๆ ทาบทับเขากับพี่วิญญูทันที พี่วิญญูเบ้หน้าแล้วเบ้หน้าอีก แล้วก็กลายเป็นผมที่อายขึ้นมาจนต้องออกปาก

“พี่วิญญูไปกินข้าวเถอะครับ จินัดกับแฟนไว้น่ะ”

พอผมพูดไปอย่างนั้น พี่วิญญูก็ทำหน้าเหมือนสงสัยในรสนิยมผม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากถอนหายใจใส่ผมกับพี่อินทร์เต็มแรงแล้วก็เดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ขึ้นคร่อมแล้วขี่ออกไป

ให้เดานะ เขาคงหมดอารมณ์กินข้าวอะ ส่วนพี่อินทร์ก็ยังสวมบทแด๊ะแด๋ไม่เลิก

“เดี๋ยวเถอะเดี๋ยววว มายุ่งกับนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ เดี๋ยวจะโดนนนน”

ทำน้ำเสียงเหมือนมันเขี้ยวพี่วิญญูมาก ผมหันไปมองแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ขณะที่พี่อินทร์เหลือบมองผมพลางยิ้ม

“หายกลัวพี่หรือยังหืม?”

เข้าใจได้ทันทีเลยว่าที่เขาทำตัวบ้าๆ บอๆ ขึ้นมากะทันหันแบบนี้เป็นเพราะผมนี่แหละ

“จิบอกว่ากลัว แต่ไม่ได้หมายถึงให้พี่อินทร์ทำตัวอ๊องๆ แบบนี้นะครับ”

ผมบ่น พี่อินทร์ก็เลิกคิ้วสูง

“อ๊องๆ?”

“มีความหมายเหมือนต๊องนั่นแหละ พี่อินทร์อ๊อง”

พี่อินทร์ทำปากยื่น ดีดดิ้นสะบัดสะบิ้งใส่

“ไม่อ๊องสักหน่อย พี่อินทร์หึงน้องจิไม่อ๊อง”

ไม่อ๊องอะไรล่ะ ยิ่งทำท่าอย่างนี้ยิ่งอ๊องเลย ผมเลยเถียงไปอีก

“พี่อินทร์อ๊อง”

พี่อินทร์ก็ดิ้นๆ ส่ายๆ เถียงกลับ “ไม่อ๊อง”

ผมก็ชักเริ่มสนุกแล้ว ยิ้มออกมา “อ๊อง พี่อินทร์อ๊อง”

พี่อินทร์ก็เถียง “ไม่อ๊อง”

“อ๊อง”

“ไม่อ๊อง”

“อ๊อง!”

“เอ้า อ๊องก็อ๊อง อ๊องๆ อร๊าง อื้อ...คุณจิระ อิคึ~”

ไม่ใช่แล้วเว้ย!

ผมรีบยกมือปิดปากเขาก่อนที่เสียงของเขาจะดังไปเข้าหูใคร พี่อินทร์ก็ขำใหญ่เลยที่เห็นผมทำท่าอย่างนั้นก่อนจะดึงมือออก

“ก็พี่อ๊องไง ยอมให้จิชนะแล้วนะเนี่ย ยังจะมาประทุษร้ายพี่อีก”

“อ๊องก็ส่วนอ๊อง แต่อร๊างๆ อิคึๆ นี่ไม่ใช่อะ อย่ามาทำเสียงประหลาดๆ ในที่สาธารณะสิ”

เขาก็ขำใหญ่ ขำไม่หยุด ให้ผมได้ทำหน้างอนๆ ใส่เขา แต่แล้วก็ต้องหายเมื่อเขาจับมือผมไว้แล้วกระซิบลงมาที่ข้างหู

“งั้นไว้เย็นนี้ค่อยกลับไปอ๊องๆ อร๊างๆ กันที่ห้องเนอะ ตอนนี้กินข้าวกันก่อนเถอะ พี่หิวแล้ว”

พูดมาอย่างนี้ ผมจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินตามเขาเข้าไปในโรงอาหาร พลางคิดไปด้วยว่าถึงเขาจะอ๊อง แต่ผมก็รักเขาที่สุด พลันก็นึกถึงอดีตชาติขึ้นมา

ถ้าในชาติก่อน ผมรู้ว่าอิเหนาเป็นคนอ๊องๆ แบบนี้ แล้วก็รู้เหตุผลในการกระทำของอิเหนาว่าทำไมถึงได้กลั่นแกล้งผม ผมคงไม่เกลียดเขาอย่างนั้น

ก็เพราะความจริงแล้วน่ะ คนอ๊องๆ คนนี้น่ารักที่สุดในโลกเลยนี่นา

อิเหนาอ๊องๆ น่ารักที่สุดเลย!

-------------------------------------

คำเตือน!!! ที่มาของสำนวน "ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง" ไม่ใช่เพราะอิเหนาหึงจรกาเด้อ ใจเย็นๆ นะเด็กๆ ห้ามเอาไปเถียงกับครูนะ 555

รู้นะว่าช่วงนี้หนาวๆ ร้อนๆ กันว่าดราม่าจะมาเมื่อไหร่ 555 ใกล้แล้วค่ะ แต่คิดว่าไม่มากหรอก เบาๆ เหมือนมดกัดนิดเดียว

พรุ่งนี้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้นะคะ ฝากกำลังใจไว้ด้วยเน้อ


ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หมั่นไส้คนมีความรักค่ะ จะหวานกันไปไหนคะ
จิเข้าใจอิเหนาแล้ว คงไม่มีมาม่าละ สบายใจ :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จินตรา จะมาอีกรอบใช่ไหม

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
“เห็นแก่ที่แฟนกูกลัว กูจะพูดจาดีๆ กับมึงก็ได้” เขาว่า หลังจากนั้น... “คนนี้ของเก๊า ห้ามยุ่งนะ” <------- นี่จังหวะซิทคอมเหรอคะ55555555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
“เห็นแก่ที่แฟนกูกลัว กูจะพูดจาดีๆ กับมึงก็ได้” เขาว่า หลังจากนั้น... “คนนี้ของเก๊า ห้ามยุ่งนะ” <<<ตรงนี้คือฮาลั่นบ้านเลย55555555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
การที่จะคบกับอินทร์ มันต้องใช้สติ + ความอดทน + ความอดกลั้น + สมาธิ + ปัญญา มากขนาดไหนนะ  :เฮ้อ: สงสารหลานจิจริง ๆ เลย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
กดบวกและเป็ดให้เลย
วรรณกรรมอิเหนาพลิก Y สะบั้น
สนุกมาก
 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อร๊ายยยยยยยย อิเหน่าอิคึแค่ก-----อ๊องๆ

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
คนเขียนเก่งจัง ปรับอิเหนาที่อิชั้นรังเกียจให้น่ารักไปเลย
ดีนะที่คนเขียนเอาจรกาเป็นชื่อเรื่อง ไม่งั้นคงไม่เข้ามาอ่านแน่ๆ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ดูจากการกระทำหลายๆอย่างพี่อินทร์คงต๊องมาตั้งแต่เป็นอิเหนาแล้วล่ะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 23: อิเหนาของจรกา[1]

ผมฝันแปลกๆ มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ความจริงผมก็สับสนแล้วก็งุนงงอยู่เหมือนกันนะที่จู่ๆ ก็มาฝันอะไรแบบนี้ เพราะความฝันของผม มันเหมือนกับว่าอิเหนากำลังบอกเรื่องราวอดีตชาติในมุมมองของเขาให้ผมรับรู้อยู่อย่างไรอย่างนั้น มันแปลกเพราะว่าไม่มีเหตุผลเลยที่ผมจะมาฝันแบบนี้ แต่...ผมกลับไม่คิดจะให้ความฝันนั้นหายไป อยากจะฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากรู้ว่าสายตาที่อิเหนามองจรกานั้นเป็นยังไง

อยากรู้... อยากรู้ทุกอย่างที่อยู่ในใจของอิเหนาในชาตินั้น

จากความโกรธแค้นเกลียดชังที่เคยมี มันอันตรธานหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ผมไม่ประหลาดใจหรอก นั่นเป็นเพราะตอนนี้ผมรักอิเหนาในชาติใหม่แล้ว และถ้าเกิดว่าสิ่งที่ผมฝันมันเป็นความจริง ผมก็อยากจะให้พี่อินทร์จำอดีตชาติของตัวเองได้ด้วย

ทำไมน่ะเหรอ?

ก็ผมจะได้ให้เขารักผมให้มากขึ้นกว่านี้

มากขึ้น...มากขึ้น...รักให้มาก รักให้ผมกระอักความสุขตายไปเลย!

ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นคนโลภ แต่ผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมตอนเห็นหน้าเขาโผล่เข้ามาในห้องของเรา พร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนกับว่าจะมีไว้ให้ผมแค่คนเดียว

“วันนี้จิกลับเร็วจัง”

เขาทักทันทีที่เห็นหน้าผม ผมก็เลยยิ้มให้เขาบ้าง

“จิก็เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้เองครับ ว่าแต่พี่อินทร์เถอะ วันนี้สอบร้อยพวงมาลัยมาเป็นไงบ้าง”

ใช่ วันนี้เขามีสอบปฏิบัติว่าด้วยการร้อยพวงมาลัยที่เคยให้ผมสอนไปเมื่อครั้งนั้นน่ะแหละ แต่การสอบในครั้งนั้นจำเป็นต้องเลื่อนเพราะอาจารย์ประจำวิชามีภารกิจจะต้องไปต่างจังหวัดกะทันหัน เลยมาสอบเอาในวันนี้แทน

พอผมถาม พี่อินทร์ก็ยกถุงพลาสติกในมือขึ้นให้ผมดู

“อันนี้คือพวงมาลัยที่พี่อินทร์ร้อยเหรอ” เขาพยักหน้า ผมคว้าไปดู จากนั้นก็ตามต่อ “แล้วพี่อินทร์ได้คะแนนเต็มหรือเปล่าครับ”

พี่อินทร์ส่ายหน้าพรืด ผมก็งงสิ พอมองพวงมาลัยที่เขาร้อย ผมว่ามันก็ประณีตอยู่นะ เห็นเขาซ้อมทำอยู่ตั้งหลายวัน ถึงจะไม่ได้เนี้ยบอย่างพวกมืออาชีพ แต่ก็ถือว่าดีเลยทีเดียวล่ะ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นฝีมือของผู้ชาย แต่ทำไมไม่ได้เต็มล่ะ

“สงสัยอาจารย์พี่อินทร์ต้องตาถั่วแน่ๆ ร้อยดีขนาดนี้ ให้ไม่เต็มได้ยังไง” ผมคว้าพวงมาลัยที่เขาร้อยขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดู พลางพินิจ “ก็ร้อยเรียงตัวสวย ดอกไม่ช้ำ ก้านไม่แตก เก็บปลายก็ดี ทำไมถึงไม่ให้คะแนนเต็มกันนะ”

อย่างน้อยก็ต้องได้คะแนนพิศวาสช่วยดันบ้างล่ะ ก็พวงมาลัยพวงนี้น่ะ ดูก็รู้ว่าพวงนี้เขาตั้งใจทำสุดๆ

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อเขาแทรกขึ้นมา

“ก็เพราะพวงที่พี่ส่งมันไม่ได้สวยเหมือนอันที่จิถืออยู่น่ะสิ”

ผมหันไปมอง ส่งเสียง ‘เอ๊ะ?’ ออกมา พี่อินทร์ก็ยิ้มกริ่ม

“พวงที่พี่ร้อยส่งอาจารย์คือพวงนี้”

เขาคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากถุงพลาสติกในกระเป๋าเอกสาร พอผมรับมาถือก็เห็นว่ามันคือพวงมาลัยช้ำๆ พวงหนึ่ง ผมเลยเลิกคิ้วให้เขาอย่างสงสัย พี่อินทร์ไม่ตอบในทันที ทว่ายิ้มให้แล้วเดินเข้ามาหา

“แต่พวงที่จิถืออยู่น่ะ” พลันจับมือผมที่ประคองพวงมาลัยพวงสวยๆ นั้นไว้อยู่ แล้วก็กระซิบที่ข้างหู “พี่ตั้งใจร้อยให้จิต่างหาก เป็นค่าสอน”

ผมเบิกตาโตทันที ก้มลงมองพวงมาลัยที่ถืออยู่ในมือ พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับรอยแผลเล็กๆ เต็มนิ้วของพี่อินทร์ ผมคว้ามือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาดูพลางถาม

“นิ้วพี่อินทร์ก็เลยพรุนแบบนี้เหรอครับ”

พี่อินทร์พยักหน้า “ไม่ถูกใจก็ร้อยใหม่น่ะ ร้อยจนกว่าจะสวย ลูกผู้ชายมันต้องมีบาดแผล~”

เขาทำเป็นเล่น ยิ้มกว้างจนผมใจเต้นแรงขึ้นทันควันด้วย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดุเขาไปนิดๆ ที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว

“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลย ไม่สวยก็ให้จิได้ เอาสวยๆ ส่งอาจารย์สิถึงจะถูก ของจิเป็นยังไงก็ได้หมดแหละ แค่พี่อินทร์ให้ จิก็ดีใจแล้ว”

ทว่าพี่อินทร์กลับพูดในสิ่งที่ทำให้ผมต้องใจเต้นระส่ำมาอีก

“ไม่ได้หรอก ส่งอาจารย์น่ะแบบไหนก็ได้ ขอแค่ได้คะแนนก็พอ แต่สำหรับที่จะให้จิ จะต้องสวยที่สุดเท่าที่พี่จะทำได้เท่านั้น” พลันก็เปลี่ยนมาจับมือผมแทน จากนั้นก็ดึงไปจรดที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ “เพราะจิเป็นคนสำคัญของพี่ ทุกอย่างที่พี่ทำให้จิต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นทีละน้อย ขณะที่พี่อินทร์เอาแต่ยิ้ม

รอยยิ้มแบบนี้ผมชอบที่สุดเลย พานคิดไปถึงรอยยิ้มของเขาเมื่ออดีตชาติที่เคยยิ้มให้ผม

บางที...มันอาจจะไม่ใช่รอยยิ้มเย้ยหยันอย่างที่ผมคิด แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากความเอ็นดูผมอย่างที่เขาเป็นอยู่ในชาตินี้ก็ได้

อิเหนา...หรือเจ้าจะมีใจปฏิพัทธ์ต่อจรกาจริงๆ เช่นในความฝัน?

เขาสบสายตาผมนิ่งไม่ยอมมองไปทางไหนจนผมร้อนผ่าวไปทั้งตัวแทนที่จะร้อนแค่ใบหน้าแล้ว พลันแวบหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยของใครบางคนดังเข้ามาในภวังค์

‘...จรกาคนงามของพี่’

เสียงของอิเหนา... ผมจำได้ จำได้ดีเลย

แล้วเสียงนั้นก็ดังวนเวียนไปมาในหัวผมไม่หยุดหน่อย กระทั่งพี่อินทร์เปิดปากขึ้น เสียงในภวังค์ถึงได้หายไป

“ดอกไม้งามๆ ก็ต้องเหมาะกับคนงาม”

“...”

“จิระคนงามของพี่...”

อิเหนา...

หรือว่าเขาจะจำได้!?

แวบหนึ่งผมก็เห็นภาพทับซ้อนของอิเหนาขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าคร้ามของพี่อินทร์ในตอนนี้เป็นรอยยิ้มเดียวกับอิเหนาในอดีตชาติเลย ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็เต้นระส่ำทันควัน ชั่ววูบหนึ่งก็ภาวนาขอให้เขาจำอดีตชาติได้เช่นเดียวกันกับผมขึ้นมาอีกครั้ง เพราะในตอนนี้ผมอยากได้ความรักทั้งจากเขา แล้วก็จากอิเหนาในชาติก่อน

ไม่ว่าจะเคยโกรธเคยเกลียดแค่ไหน ชาตินี้จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น วินาทีนี้ผมอยากให้เขารักผม อยากให้รักมากๆ รักเท่าที่เขาจะรักได้ ไม่ว่าจะเป็นอิเหนาหรือพี่อินทร์ ผมก็อยากให้เขารักผม...รักให้มากๆ

อยากให้ใจอิเหนาเป็นของจรกาทุกชาติไป...

แต่ทว่าความหวังของผมก็มลายหายไปเมื่อพี่อินทร์ว่าขำๆ ขึ้นมา

“อยากลองพูดแบบโบราณๆ ดูบ้าง เผื่อจะเข้ากับอารมณ์ตอนนี้”

โธ่เอ๊ย ก็นึกว่าจะจำได้!

ผมเผลอมุ่ยหน้า บ่นพึมพำเบาๆ

“ไม่ต้องพูดแบบโบราณ มันก็โบราณอยู่แล้วครับ”

“อะไรโบราณเหรอ”

พี่อินทร์ทำหน้างง ผมได้ทีก็เลยค่อนขอดเข้าให้อย่างไม่จริงจังนัก

“หน้าตาพี่อินทร์อะ โบราณแล้ว ไม่ต้องพูดแบบโบราณหรอก”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำหน้าง้ำทันที

“นว้องจิว่าป่าปี๊แก่ ป่าปี๊โกรธแย้ว”

เสียงสองดัดจริตเชียว แต่ท่าทางแบบนี้น่ารักที่สุดเลย ทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาได้ ก็เลยดึงแก้มทั้งสองข้างของเขาด้วยความมันเขี้ยว พี่อินทร์ส่ายหน้าไปมา ปากก็ส่งเสียงสองไม่หยุด

“โกรธแย้ว~ ป่าปี๊โกรธนว้องจิแย้ว~”

ทำไมน่ารักอะไรขนาดนี้นะ ชาติก่อนผมเกลียดเขาลงได้ยังไง ไม่เข้าใจตัวเองเลย

พอผมหยุดดึงแก้มเขา เขาก็มองหน้าผมด้วยแววตาที่...ยิ้มได้

จริงๆ นะ สายตาที่เขามองผมมามันหยักยิ้มจริงๆ แล้วก็อมยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่พูดอะไรสักที ผมสบตาเขา ยิ่งมองก็ยิ่งอยากให้เขาจำอดีตได้จนอดทนไม่ไหว ออกปากขึ้นมา

“พี่อินทร์ จิมีเรื่องอยากจะถาม”

“อะไรเหรอ”

“ถ้าจิถามแล้ว พี่อินทร์ห้ามว่าจิไร้สาระนะ”

“อื้ม ไม่ว่า ถามมาสิ”

พี่อินทร์ยืดตัวขึ้น รอฟังคำถามอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนหมาตัวใหญ่ๆ ที่รอขนมจากเจ้านายเลย ผมเห็นท่าทางนั้นแล้วก็สบายใจ สูดหายใจเข้าปอดก่อนถามออกมา

“พี่อินทร์เชื่อเรื่องการระลึกชาติไหมครับ”

เขาเลิกคิ้วสูงขึ้นทันที “หืม? ทำไมจู่ๆ ถึงมาถามเรื่องนี้ล่ะ”

“จิถามก็ตอบมาเถอะน่า จิอยากรู้”

ผมว่า พี่อินทร์ก็มีท่าทีครุ่นคิดไปนิด

“แล้วจิเชื่อไหม”

แทนที่จะตอบ ดันมาถามผมคืนเสียอย่างนั้น ผมเลยตอบไปตามตรง

“เชื่อครับ จิเชื่อ”

พี่อินทร์มีสีหน้าประหลาดใจ แต่พอถูกผมจ้องนิ่งๆ เขาก็ค่อยๆ มีสีหน้าที่เรียบยิ่งขึ้น

“จิถามพี่แบบนี้ มีอะไรอยากบอกพี่เหรอ”

เหมือนเขาอ่านใจผมได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็บอกเขาไปตรงๆ ไม่ได้ว่าผมจำอดีตชาติได้ เพราะถ้าหากว่าเขาจำไม่ได้ จะกลายเป็นว่าผมพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ ผมเลยบอกกับเขาอ้อมๆ

“จิแค่อยากให้พี่อินทร์รักจิให้มากๆ สมมติว่าถ้าชาติที่แล้ว พี่อินทร์ก็รักจิเหมือนกัน จิจะดีใจมาก”

พูดไปเท่านั้น สีหน้าของพี่อินทร์ก็ดูแปลกไป เขาหัวเราะในลำคอ ยิ้มออกมาบางๆ

“จริงเหรอ”

“อื้ม ถ้าไม่จริง จิจะพูดทำไม จิมีความสุขจะตายที่ได้รับความรักจากพี่อินทร์ จินตนาการไม่ออกเลยนะว่าถ้าพี่อินทร์รักจิมากๆ แบบนี้ไปทุกชาติ จิจะมีความสุขแค่ไหน”

พูดจบ ผมก็ยิ้มแฉ่ง ไม่ใช่การแกล้งยิ้ม แต่เป็นความรู้สึกจากใจจริงของผม พอสบตาพี่อินทร์ เขาก็เม้มริมฝีปากแน่นไปครู่ พอคลายออกก็ถามอีก

“แล้วสมมติว่าชาติก่อน จิเกลียดพี่ล่ะ”

“ตอนนี้จิรักพี่อินทร์แล้ว จิไม่เกลียดพี่อินทร์หรอก ต่อให้เคยเกลียดมามากแค่ไหน จิก็จะลืมไปให้หมด ขอแค่พี่อินทร์รักจิให้มากๆ ก็พอครับ”

เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด ท่าทางดูอึดอัด ผมไม่แน่ใจว่าที่เขาอึดอัดเป็นเพราะผมไปเค้นถามเรื่องไร้สาระกับเขาหรือเปล่า ผมก็เลยรีบแก้ตัวเป็นพัลวันเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี

“ถ้าพี่อินทร์ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ จิก็พูดไปเรื่อยตามประสา อยากชวนพี่อินทร์คุยง่ะ แหะๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ตัวเหนียวไป...อ๊ะ”

พูดยังไม่ทันจบ พี่อินทร์ก็ดึงไหล่ผมเข้าไปใกล้ พอผมมองหน้า เขาก็ถามผม

“อยากรู้ใช่ไหมว่าพี่เชื่อเรื่องการระลึกชาติหรือเปล่า”

ผมพยักหน้ารับน้อยๆ เขาหลับตาลง สูดหายใจเข้าปอด ทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้น...

“จิระ” ก็เรียกชื่อผม แล้ว... “พี่...”

ก๊อกๆๆ

ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สีหน้าของพี่อินทร์ดูหงุดหงิดขึ้นฉับพลัน เหลียวไปมองประตูแล้วก็มุ่ยหน้า ทว่าก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน นอกจากหันมาหาผมแล้วว่าอีกครั้ง

“พี่จะบอกจิว่าพี่...”

ปังๆๆ!

“ไอ้อินทร์! อยู่หรือเปล่า!”

เป็นเสียงของพี่บุศย์...

คราวนี้ไม่ได้เคาะด้วย ทุบประตูเลยเถอะ พี่อินทร์ทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรงแล้วเดินไปกระชากประตูเปิดออก พลันก็เห็นพี่บุศย์กำลังยกมือเตรียมทุบประตูค้างไว้อยู่ ข้างหลังมีสรัลยืนรอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พี่อินทร์สนใจ ได้แต่ว่าอย่างหัวเสียใส่เพื่อน

“ถ้ามึงไม่มีเหตุผลดีๆ ที่มาเคาะประตูห้องกู กูเตะโด่งมึงกลับห้องแน่”

ได้ยินอย่างนั้น สรัลก็ส่งเสียงสูงเลย

“แน้! หงุดหงิด ถูกขัดจังหวะล่ะสิ แล้วทำอะไรกันอะถึงมาเปิดช้า จะเย้กันเหรอ”

ไม่พูดเปล่า ยังชะเง้อชะแง้มองเข้ามาในห้องด้วย ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้

เย้เย้อบ้าบออะไรเล่า! กำลังคุยกันต่างหาก!

ไม่ต้องให้ผมเป็นฝ่ายแก้ตัว พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาแล้ว

“เกือบแล้วเชียว”

“เกือบได้เย้เหรอ”

สรัลถาม พี่อินทร์ก็ว่าเสียงเขียว

“เกือบเตะแกเนี่ย ถามอะไรไม่มีความเป็นกุลสตรี”

พี่บุศย์ถึงกับหัวเราะที่สรัลถูกพี่อินทร์ดุอย่างนั้น ก่อนเขาจะต้องหุบยิ้มเมื่อเป็นฝ่ายถูกดุบ้าง

“แล้วมึงมีอะไร มาเรียกทำไม”

นึกขึ้นได้ล่ะมั้งว่าต้องเข้าเรื่อง พลันสีหน้าก็ดูเคร่งเครียดขึ้นทันตา เดินเข้ามาในห้องโดยที่พี่อินทร์ไม่ได้บอกอนุญาต สรัลตามหลังมาปิดประตูปุ๊บ เขาก็พูดขึ้น

“มึงมีปัญหาแล้วว่ะ”

เรียวคิ้วสวยของพี่อินทร์ขมวดเข้าหากัน “หมายความว่าไง”

พี่บุศย์ไม่ได้เป็นคนตอบ แต่เหลือบไปมองสรัลให้เธอตอบแทน

“เมื่อกี้ตอนหนูกลับหอมา เห็นใครบางคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าหอ”

ใครบางคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าหอ... หรือว่า...

“ไอ้วิญญูเหรอ”

พี่อินทร์คิดเหมือนผมเลย เพราะนอกจากพี่วิญญูแล้ว ก็คงไม่มีใครมาตามด้อมๆ มองๆ ด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ แบบนี้หรอก

แต่ทว่าทั้งผมและพี่อินทร์กลับคิดผิดเมื่อพี่บุศย์สวนขึ้น

“มันไม่ได้มาด้อมๆ มองๆ จิ แต่มาด้อมๆ มองๆ มึงต่างหาก”

ผมเอะใจทันควัน ขณะที่พี่อินทร์มีสีหน้าน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

"จินห์"

เท่านั้นพี่บุศย์ก็พยักหน้าก่อนจะเปล่งเสียงออกมาในตอนท้าย

“สรัลเห็นมันมาจอดรถอยู่พักนึงแล้วก็ไป ยังดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่กูก็ห่วง กูว่ามันคงไม่ได้มาดี ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ เลยอยากบอกให้มึงระวังตัวด้วยเพราะท่าทางมันคงไม่ทำแบบนี้แค่ครั้งเดียวแน่”

พี่อินทร์พยักหน้า สีหน้าดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ขณะที่ผมก็ใจเต้นระส่ำด้วยมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีบางอย่างผุดพรายขึ้นมา

หวังว่าการกลับมาของจินตะหราวาตี...คงจะไม่ได้เลวร้ายเสียจนผมคาดคิดไม่ถึงนะ

 

เมื่อตกลงปลงใจร่วมแผนการชั่วกับอิเหนา บุษบาหนึ่งหรัดก็ยอมกระทำตามที่สังคามาระตาได้ส่งข่าวมาบอกแต่โดยดีว่าในวันอภิเษกสมรสกับจรกา จะมีกลอุบายให้คนของอิเหนามาวางเพลิง ณ โรงมหรสพเพื่อสร้างความอลหม่านและจะลักพาตัวนางบุษบาหนี

หนีในที่นี้นั้นหาใช่หนีไปเป็นคู่ผัวตัวเมียกันกับอิเหนา แต่เป็นการที่อิเหนาจะช่วยนางหนีไปจากกรงทองและมอบอิสระกลับคืนให้สู่ชีวิตนางต่างหาก ในเมื่อข้อเสนองามล่อใจเช่นนี้ มีหรือที่นางจะปฏิเสธ แทบจะรอให้ถึงวันอภิเษกเสียไม่ไหวด้วยซ้ำ ต่างจากจรกาที่นั่งนับวันคอยด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ได้สมรสกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในปฐพี นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วสำหรับบุรุษซึ่งอัปลักษณ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเช่นเขา และน่ายินดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่าการได้นางบุษบาตบแต่งเป็นเมียคือชัยชนะหนึ่งที่ทำให้ตนอยู่เหนืออิเหนา

อิเหนา...ในที่สุดข้าก็มีชัยเหนือเจ้า

คิดแล้วก็กระหยิ่มยิ้มในใจ นึกรักบุษบาขึ้นมาจับใจด้วยขอบคุณที่นางยอมรับหมั้นเป็นคู่ตุนาหงันเสียอีก แม้ว่าอันที่จริงแล้วการรับหมั้นของนางจะเป็นไปเพราะถูกท้าวดาหาทรงบีบบังคับก็ตามที

และวันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีของงานอภิเษก โรงมหรสพใหญ่แสดงการร้องรำอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เสียงฆ้องร้องป่าวว่าวันนี้จะมีการอภิเษกระหว่างท้าวจรกาและพระธิดาบุษบาดังก้องเป็นระยะ วันนี้ย่อมต้องเป็นวันที่จรกามีความสุขที่สุดตั้งแต่ถือกำเนิด

ทว่า...หาได้เป็นเช่นนั้นมีอาเพศอุบัติ โรงมหรสพลุกไหม้เป็นทะเลเพลิง เสียงหวีดร้องของหญิงสาว ผู้เฒ่าผู้แก่ แลลูกเด็กเล็กแดงที่วิ่งหนีตายกันอลหม่านนั้นสร้างความปั่นป่วนไปทุกหย่อมหญ้า

จรกาเองก็ตกใจยิ่ง ร้อนรนออกจากพลับพลามาทั้งที่สวมอาภรณ์เจ้าบ่าว ก่อนจะร้องถามหาบุษบาจากข้าราชบริพารเมื่อเห็นว่านางหายไปในหมู่ผู้คนทั้งที่ควรจะพำนักอยู่ในพลับพลาดั่งเช่นตน มิหนำซ้ำ คนที่ควรจะต้องอยู่ในพลับพลาของราชอาคันตุกะซึ่งเป็นแขกในงานอภิเษกก็หายหน้าไปอีกพร้อมกับพวกพ้อง

อิเหนา...

อิเหนาหายไปเช่นนี้คงจะไม่เป็นการดีแน่

ลางสังหรณ์บอกให้เขาร้อนรนตรงไปยังพลับพลาของเจ้าสาว ก่อนจะเห็นฉุดกระชากนางกำนัลนางหนึ่งมาเค้นคอถาม

“บุษบาอยู่ไหน! น้องบุษบาของข้าอยู่ไหน!”

แม้ว่าจรกาจะหาได้ดูน่ากลัวเพราะไม่ได้ดูน่าเกรงขามเฉกเช่นบุรุษอื่น แต่ก็หาใช่ว่าจะกล้าทูลเท็จด้วยอีกฝ่ายก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ พลันก็ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตานองหน้า

“พะ...พระธิดา...”

“นางอยู่ไหน!”

เห็นหญิงตรงหน้าอึกๆ อักๆ จรกาก็แผดเสียง จากนั้นก็ต้องใจหล่นร่วงไปอยู่ยังตาตุ่มเมื่อได้ยินคำตอบ

“พระธิดาหายไปแล้วเพคะ”

หายไป!?

หายไปไหน! หายไปได้อย่างไร!?

จะต้องถามเพื่อการใดอีกกัน นางหายไปก็ต้องย่อมมีผู้ลักพา และผู้ลักพานั้นก็หาใช่ใครที่ไหน นอกจากอิเหนาและพวกพ้องที่วางแผนกันล่มงานอภิเษกของเขาให้พังไม่เป็นท่า

ความแค้นพวยพุ่ง อัดแน่นเต็มอกเสียจนจรกามิอาจกักเก็บหยาดน้ำตาไว้ได้ไหว เสียงร้องไห้โฮดังเล็ดลอดออกจากปากขณะที่เขาวิ่งพล่านตามหาบุษบาไปทั่วบริเวณ

“บุษบา! น้องบุษบา! ฮึก...เจ้าอยู่ไหน! อยู่ที่ใดกัน!”

เมื่อไม่พบนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้เสียปริ่มใจแทบขาด ทั้งแค้นทั้งเสียใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ตีอกชกหัวตนเองราวกับวิปลาส โดยหารู้ไม่เลยว่าไม่ไกลกันนั้น ผู้ก่อเหตุได้แต่ลอบแอบมองด้วยความช้ำใจที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องร่ำไห้เสียจนไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างนี้

“เจ้าพี่ รีบไปกันเถิด”

เสียงของสังคามาระตาดังขึ้น ทำให้อิเหนาจำต้องรีบควบม้าลอบหนีออกไปโดยมีบุษบาซึ่งปลอมเป็นชายตามแผนที่วางไว้แล้วควบห้อตะบึงตามหลังมา

จรกา... ความผิดของพี่ในยามนี้ เมื่อเหตุการณ์สงบเมื่อใด พี่จะกลับมาให้เจ้าทุบตีจนหนำใจ ให้สมกับความผิดของพี่

มือกุมยังแหวนทองประดับนิลที่ห้อยคอของตนอยู่มั่น

สักวัน...

สักวันหนึ่งเขาจะกลับมาและมอบแหวนนี้ให้กับยอดดวงใจพร้อมวิงวอนขอความรัก...

 

สักวาจูบจรดรักแต่เจ้า                    ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู

พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู                   ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ

รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา                     อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส

รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ               พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย

 

กลอนนี้พี่แต่งให้เจ้า ทุกความรู้สึกที่พี่มีต่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะเมตตา...

พลันก็ควบม้าจากเมืองดาหาไป โดยหารู้ไม่ว่าความหวังของตนนั้นเป็นการยากยิ่ง ต่อให้อิเหนาจะร้องขอความเมตตาเพียงใด ก็คงจะไร้ซึ่งประโยชน์เมื่อในใจของจรกาแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเมื่อตระหนักได้ว่าความหวังของตนพังทลายด้วยน้ำมือของเขาไม่มีชิ้นดี

อิเหนา...

ข้าขอสาบาน... ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ข้าก็จะไม่มีวันญาติดีกับเจ้า หากข้าผิดคำพูดแล้วไซร้ ขอให้องค์เทพเทวาลงทัณฑ์ด้วยอสุนีบาตจนสิ้นใจ

ขอสาบานด้วยชีวิตของข้า

ขอสาบาน!

เปรี้ยง!

 


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 23: อิเหนาของจรกา[2]

เฮือก!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับสนิทไปได้ครู่ใหญ่ ผมฝันประหลาดอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงในมุมมองของอิเหนาอย่างเดียว แต่เป็นมุมมองของจรกาด้วย มันก็คือความฝันแบบแต่ก่อนที่ผมเคยฝันนั่นแหละ ทว่าคราวนี้มันแปลกไปเพราะหลังจากสิ้นเสียงสาบานของผม ก็มีเสียงคล้ายฟ้าผ่าดังกัมปนาทตามมาด้วยจนทำให้ผมตกใจตื่น

และตกใจหนักกว่าเดิมด้วยเมื่อควานมือไปหาคนข้างๆ แล้วกลับพบเพียงที่นอนว่างเปล่า ผมใจไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เสียงของผมในชาติที่เป็นจรกานั้นดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด

‘ขอสาบานด้วยชีวิตของข้า’

‘ขอสาบาน!’

ชั่วแวบหนึ่งก็ตัวสั่นเทิ้ม เกิดหวาดกลัวขึ้นมาโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร ก่อนจะร้องเรียกพี่อินทร์เสียงหลงเพราะตั้งสติไม่ได้

“พี่อินทร์”

เรียกครั้งแรกไม่มีเสียงตอบรับ ผมก็ใจไม่ดีหนัก คราวนี้ขอบตาร้อนผ่าว ปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มพร้อมกับร้องเรียกเขาขึ้นอีกครั้ง

“พี่อินทร์! ฮึก...พี่อินทร์!”

พี่อินทร์ไปไหน! เขาอยู่ไหน!

ผมยอมรับว่าผวามาก ความฝันเมื่อครู่นี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย ทั้งเสียงของผมในชาติที่เป็นจรกากล่าวคำสาบาน ทั้งเสียงเหมือนฟ้าผ่าดังเปรี้ยงที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหน มันทำให้ผมอกสั่นขวัญแขวนมากทีเดียว แต่คนที่ผวายิ่งกว่าก็คือพี่อินทร์ที่พุ่งพรวดออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างไม่เรียบร้อยดี เนื้อตัวก็มีหยดน้ำเกาะพราวพร้อมกับใบหน้าเหลอหลา

“จิ! มีอะไร! เป็นอะไร!”

“พี่อินทร์! ฮือ...พี่อินทร์ครับ...”

ได้ยินเสียงเขา ผมก็อุ่นใจวาบ ร้องเรียกหาอย่างรวดเร็ว พี่อินทร์ก็รีบก้าวจากห้องน้ำไปเปิดไฟทั้งที่ตัวเปียกๆ อย่างนั้นแหละ ไม่ได้กลัวเลยว่าไฟจะช็อตตัวเอง พอไฟสว่างแล้วเห็นผมตัวสั่นงันงกพร้อมกับน้ำตาไหลอาบหน้า เขาก็ยิ่งมีสีหน้าตกใจกว่าเดิม

“จิเป็นอะไร”

รีบถลาเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้าผมด้วย ผมเห็นเข้าก็โผเข้ากอดแน่น

“พะ...พี่อินทร์...”

“เป็นอะไรจิ ใครทำอะไร ไหนบอกพี่เร็ว”

เขาก็ลูบหัวลูบหลังผมเป็นการใหญ่ ผมก็พูดอะไรไม่ออก แถมไม่รู้จะบอกเขายังไงด้วยว่าผมฝันร้าย

“ไม่เป็นไรนะจิ พี่อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไร...”

ในเมื่อผมให้คำตอบไม่ได้นอกจากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น พี่อินทร์ก็ปลอบผมจนกระทั่งผมสบายใจขึ้น พอหยุดร้อง เขาก็ผละออกจากผมเล็กน้อย ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้

“ไม่ร้องแล้วนะคนดี พี่อยู่นี่แล้ว”

ผมพยักหน้าหงึกหงึก สูดหายใจเข้าปอด กระทั่งสงบสติอารมณ์ได้แล้ว พี่อินทร์ถึงได้ยิ้มออกมาบางๆ ถามผมอีกครั้ง

“ไหนลองเล่าให้พี่ฟังหน่อยซิว่าใครทำอะไรจิ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

พูดจาเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ ที่กำลังฟ้องพ่อว่าถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง แต่มันก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมามาก ก่อนจะยอมเปิดปากบอกเขา

“จิฝันร้าย”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูง “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”

ผมก็พยักหน้า เท่านั้นเขาก็ครางเสียงแผ่วออกมา

“ช่วงนี้ฝันร้ายบ่อยจังเลยเนอะ”

จริงๆ ก็ไม่ใช่ฝันร้ายอะไรหรอก ส่วนมากเป็นฝันดีด้วยซ้ำ ยกเว้นคืนนี้ที่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไร

“แล้วฝันว่าอะไร บอกพี่ได้ไหม”

ดูเขาจะเป็นห่วง ผมก็เลยไม่รอช้า รีบบอกเขาออกไป

“จิฝันเห็นอิเหนาลักพาตัวนางบุษบาไปจากจรกา จากนั้นก็ฟ้าผ่า”

พอเล่าไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็นิ่ง ผมก็นิ่ง...นิ่งกันจนน่าอึดอัด อันที่จริงผมคาดหวังให้เขาหัวเราะหรือบอกว่าความฝันของผมมันไร้สาระอะไรเทือกนั้น แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ผมเลยเหลือบมองเขา พี่อินทร์ปั้นหน้านิ่ว คิดอะไรอยู่ ผมก็อ่านไม่ออกหรอก รู้แต่ว่าไม่ชอบที่เห็นเขาทำสีหน้าแบบนี้เลย

“พี่อินทร์ครับ...”

เพราะไม่ชอบก็เลยเรียกออกไป พี่อินทร์ดึงผมเข้าไปกอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัวในจังหวะนั้น และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร เขาก็ลูบหลังผมมาแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอกจิ ก็แค่ฝันร้ายน่ะ ไม่ต้องคิดมากนะ”

พลันก็จูบหน้าผาก จูบกระหม่อมผมเป็นพัลวัน ผมผงกหัว ซบหน้าเข้ากับแผ่นอกเขา ปล่อยให้เขาปลอบใจเงียบๆ

“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อยู่นี่แล้ว... อยู่กับจิแล้ว”

ผมค่อยๆ ผ่อนคลายความกลัวลง ตอนนี้ใจไม่สั่นแล้ว เริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ พี่อินทร์เห็นว่าผมหยุดร้องไห้ก็ผละออกมาแล้วยิ้มบางๆ

“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเนอะ มอมแมมไปหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ชงโกโก้ให้ ดื่มแล้วจะได้รู้สึกดีขึ้น”

ผมพยักหน้า เขาก็ลุกขึ้นจะไปชงโกโก้ให้ผม ทว่าผมก็คว้าแขนเขาเอาไว้ พอพี่อินทร์หันมา ผมก็โพล่งไป

“พี่อินทร์ต้องรักจิมากๆ นะ อยู่กับจิไปนานๆ”

ไม่รู้ทำไมถึงพูดไปอย่างนี้ รู้แต่ว่าอยากพูด พี่อินทร์ก็ดูเหมือนจะงุนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วจูบเบาๆ ที่หน้าผากผม

“พี่ไม่ผิดคำสาบานหรอก เชื่อพี่สิ”

นึกถึงวันที่เขาพาผมไปสาบานต่อหน้าองค์พระประธานที่วัดวันนั้นขึ้นมาฉับพลัน เท่านั้นผมก็สบายใจขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะยีเส้นผมของผมเล็กน้อย

“ไปล้างหน้าได้แล้วตัวเล็ก จมูกแดงหมดแล้ว พี่ชงโกโก้ให้นะ”

ผมพยักหน้า ลุกไปเข้าห้องน้ำตามที่เขาบอก พอปิดประตูได้ ผมก็ถอนหายใจกับตัวเองหน้ากระจก

บ้าบอชะมัด จู่ๆ ก็กลัวความฝันของตัวเองจนทำให้พี่อินทร์ป่วนไปหมด

ไม่รู้จะด่าตัวเองยังไงดีให้สมกับที่โวยวายตีโพยตีพายเป็นเด็กเล็กๆ ไปก่อนหน้า แถมยังทำให้พี่อินทร์อาบน้ำค้างไว้อีก เห็นแปรงสีฟันที่ยังมีฟองฟ่อดอยู่ถูกทิ้งในอ่างล้างหน้าก็รู้เลยว่าเขาตาลีตาเหลือกพุ่งออกจากห้องน้ำแค่ไหน

ผมถอนหายใจ คว้าเอาแปรงสีฟันของเขามาล้างให้ แต่ก็พลาดทำน้ำจากก๊อกกระเด็นใส่เสื้อเสียเปียก ผมก็เลยจะถอดเสื้อออก ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนตัวใหม่

ทว่า...พอเลิกชายเสื้อขึ้นมาจนถึงแผงอก ผมก็ต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นรอย...

“รอยอะไรเนี่ย”

ผมวางนิ้วลงไปบนรอยแดงๆ คล้ายกับรอยข่วนกลางหน้าอก มันเป็นรอยเดียวกับที่พี่วิญญูทักในวันนั้น แต่ในวันนี้...มันกลับใหญ่ขึ้น

เป็นรอยข่วนสีแดงที่ใหญ่ขึ้นและแตกแขนงออกไปหลายทิศทางเหมือนกับรากต้นไม้

รอยอะไรกันนะ?

“จิ เสร็จหรือยัง”

ยังไม่ทันจะได้คำตอบให้กับตัวเอง พี่อินทร์ก็ร้องเรียกมาแล้ว ผมเลยรีบดึงชายเสื้อลงอย่างเดิม เดินออกจากห้องน้ำไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

คงจะไม่มีอะไรหรอก สงสัยเป็นรอยที่ผมเผลอไปเกาโดยไม่รู้ตัวล่ะมั้ง...

--------------------------------

อ่านตอนนี้แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะแบบ เอ๊ะ อะไร 555 ใช่ค่ะ เรากำลังเข้าสู่ปมที่สองของเรื่อง ซึ่งมันคืออะไรนั้นนนน ให้คนเขียนทายกันนน~ (อีกแล้ว ฮา)

เป็นเรื่องที่เขียนแล้วสนุกมาก สนุกตรงเห็นคนอ่านช่วยกันเดาเนื้อเรื่องนี่แหละค่ะ XD เรื่องนี้ตอนแรกหนูแดงก็ไม่ได้ตั้งใจจะวางปมซับซ้อนเหมือนกันค่ะ กะว่าเอาอ่านง่ายๆ สบายๆ เขียนไปๆ มาๆ รู้สึกตัวอีกที โอ...ซับซ้อนมาก เลยจะมากระซิบบอกกันก่อนว่าถ้าทำเล่มเมื่อไหร่ มันจะเป็น 2 เล่มจบนะคะ ไม่สามารถบีบให้เป็นเล่มเดียวจบได้ ลองแล้ว ฮือออ

ใครอยากได้รูปเล่ม ขอให้หยอดปุกหมูกันตั้งแต่วันนี้ ขอแบงค์พันใบเดียว รวมส่ง EMS มีบ็อกซ์ไม่เกินนี้แน่นอนค่า รายละเอียดอื่นๆ เอาไว้ค่อยมาบอกอีกทีนะ อีก 2-3 เดือนเจอกัน ยังไม่ออกเร็วๆ นี้ ไม่ต้องตกใจ 555

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยค่า


ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ดวง จิระคือ ดวงซยนะคะ มีผัว ผัวก็เป็นบ้า  พอจะแฮปปี้ๆ  ก็มีอะไรไม่รุ้แปลกๆเข้ามาในชีวิตอีก แค่ผัวก็แปลกพอแล้วนะ  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
คำสาบานกำลังตามมาเอาชีวิตนว้องจิของป่าปี๊สินะ โธ่... มีทางแก้คำสาบของจรกาหรือเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :a5: โอ้ พีคมาก สรุปอิเหนารักจรกามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว

แล้วทั้งหมดก็ต่างระลึกชาติได้ แต่จรกาเข้าใจอิเหนาผิดอยู่

เอาละเหวยม่ากำลังก้าวเข้ามา

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอย ว่าจรกาน่าสงสารแล้วมาเจอฝั่งอิเหนาเข้าก็น้ำตาซึม :monkeysad:

แต่ว่าชาตินี้นะ เราคงจะร้องไห้สงสารอิเหนามากแน่ๆ

เพราะคำว่ากลัวน้องเกลียดตัวเองอีกถึงไม่กล้าบอก

แต่ไอ้ไม่กล้าบอกนี่แหละจะเป็นตัวทำม่าหนักเลย

เดี๋ยวก็โดนจิณห์มาป่วนอีกแน่ๆ ฮือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2018 02:26:51 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คำสาบาน กับ รอยข่วน เกี่ยวข้องกันอย่างไรเนี่ย  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด