★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144430 ครั้ง)

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คือแบบฮือออออ อิเหนารักจรกามานานแล้ว แล้วพวกนางทุกคนก็ระลึกชาติได้อ่ะ แต่ที่อยากรู้ตอนนี้คือความสัมพันธ์ของบรรดาเมียๆของอิเหนา เพราะในเมื่อนางรักจรกาแล้วทำไมแต่งเมียเยอะจังหรือมันคือนิสัยเจ้าชู้ แต่บุษบานี่ที่เป็นเพื่อนกันได้เพราะนางไม่ได้รักกันแน่ๆเลย แต่กันท่าไม่ให้ได้กับจรกาเพราะหวงน้อง สุดท้ายน้องเลยเกลียดเข้าไส้จนได้แต่รอชาติหน้าเอา ฮิฮิ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อร้ายย เดาถูกด้วย ว่าอิเหนาแอบรักจรกาตั้งแต่ชาติที่แล้ว  แล้วจินตะหรา จะมาทำไรอีกละในชาตินี้ วิหยาสะกำด้วย 

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :katai3:  กริส จริงด้วย

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อย่ามาเปล่งรัศมีผัวแบบนี้นะพี่อินทร์ เราไม่ชินนนนนนนนน

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ตั้ลล้ากกกก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นังเหนา แกจะกลัวอะไรหนักหนาฟ่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :pig4: ขอบคุณค่ะ ขยันมาก มาต่อทุกวันเลย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คิดแล้วอิเหนารักจรกาและทุกคนระลึกชาติได้หมดเหมือนท่านเทวดาต้นตระกูลจะให้ทุกคนกลับมาแก้ไขปัญหารักอิรุงตุงงังเก่าในชาตินี้

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ระลึกชาติกันได้ทุกคนเลย

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
นี่เรากำลังจะเริ่มต้มมาม่าแล้วรึเปล่า!!
วังหรใจเบาๆ~~~

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 20: จรกาคนงาม

เพียงพบพานแค่ครั้งเดียว ดวงใจของอิเหนาก็ถูกพรากไปจากกุเรปันเสียสิ้น เห็นทีดวงใจไม่รักดีดวงนั้นคงจะตั้งหลักปักฐานอยู่ยังเมืองจรกาแล้วเป็นแน่...

อิเหนาเฝ้าพร่ำเพ้อถึงชายหนุ่มวัยแตกพานผู้นั้นไม่เว้นทิวาและราตรี ครั้นมีโอกาสได้รับเชิญไปร่วมงานสำคัญยังเมืองอื่น ก็ไม่รอช้าที่จะขันอาสาพระราชบิดาไปร่วมงานด้วยเมื่อได้ยินว่าองค์ยุพราชแห่งจรกาก็ไป

ร่วมปีทีเดียวที่ไม่เห็นหน้ายอดชายผู้เป็นที่รัก จรกาในวันนี้เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มเต็มตัว กระนั้นความน่ารักน่าเอ็นดูก็หาได้ลดน้อยถอยลงไปแม้เพียงกระผีก ดวงหน้าน่ารักเช่นไรในวันวาน วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น อิเหนายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พินิจอีกฝ่ายที่นั่งหน้าบึ้งถมึงทึงอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความยินดี

ยินดีเหลือเกินที่ได้พบพานกันอีกครั้ง... พานทำให้ความคิดถึงพลุ่งพล่าน ใคร่อยากเจรจาพาทีด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ครั้นเสร็จราชพิธีสำคัญ เหล่าองค์ยุพราชและเจ้าชายต่างเมืองก็พากันชวนไปสรวลเสเฮฮาตามประสาหนุ่มฉกรรจ์ ผู้หนึ่งเสนอความคิดให้ตั้งวงเตะตะกร้อ ผู้อื่นก็พากันเห็นดีด้วย ย่อมแน่ว่าอิเหนาเป็นตัวตั้งตัวตีในครั้งนี้ เพราะฝีมือการเตะตะกร้อของเขาไม่เป็นรองผู้ใด และย่อมแน่ว่าจรกาไม่เป็นที่รับเชิญเฉกเช่นเดิม

ไม่ว่าจะยังเยาว์หรือเติบใหญ่ ใครต่อใครก็พากันรังเกียจเดียดฉันท์ จรกาหาได้สลักสำคัญที่จะเชิญเข้าร่วมสมาคม...

แต่เพราะอิเหนาเป็นตัวตั้งตัวตี จึงหาได้มีผู้ใดห้ามเมื่อเขาเอ่ยปากชวนองค์ยุพราชเมืองนั้น จรกาเองก็กลัวจะเสียหน้าหากปฏิเสธ

ปฏิเสธเท่ากับหวาดเกรงฝีมือของอิเหนา...

จึงตอบรับแต่โดยดี แต่การพยายามเอาชนะผู้ที่มีฝีมือเหนือกว่านั้นหาใช่เรื่องง่าย ครั้นเตะตะกร้อหมายจะให้อิเหนาเพลี่ยงพล้ำ ก็กลายเป็นว่าอีกฝ่ายรับได้เสียทุกลูก แล้วก็กลายเป็นว่าตนพลาดเองเสียอย่างนั้นเมื่อองค์ยุพราชคนอื่นๆ ใช้ลูกเล่นกลวิธีล่อลวงให้อิเหนาได้ชัย

จรกาถูกรุกไล่โดยไม่ทันตั้งตัวจนหงายหลังลงไปในบ่อบัว เสียงหัวเราะเย้ยดังขึ้นขรมเมื่อโคลนตมเกาะตามร่างกายให้ผิวคล้ำดูทะมึนมากขึ้นไปอีก

จรกาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ประจักษ์ได้ในเพลานี้ว่าแท้จริงที่อิเหนาชวนตนมาร่วมวงเตะตะกร้อนั้นหาใช่การชวนจากใจ แต่เป็นชวนเพื่อมาให้ถูกรุมแกล้งต่างหาก!

เมื่อลุกขึ้นได้ก็รีบหุนหันไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้เสียงหัวเราะดังไล่หลัง ขณะเดียวกันก็มีสายตาคู่หนึ่งมองตามด้วยความไม่สบายใจนัก

พี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้...

เสียงนั้นดังก้องในใจของอิเหนา เขาชวนจรกามาร่วมวงด้วยก็เพราะไม่อยากเห็นนั่งโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวเฉกเช่นที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าใครต่อใครจะมารุมแกล้ง คราแรกก็คิดว่าเล่นด้วยตามประสา แต่เมื่อต่างคนต่างรุกไล่ เขาก็หมายจะห้ามปรามนั่นแล ทว่าไม่ทันการณ์เมื่อจรกาพลาดท่าล้มจ้ำเบ้า

นั่นเป็นความผิดของเขาเอง... เป็นความผิดที่ไม่สามารถปกป้องยอดดวงใจให้พ้นจากเหล่าคนพาลได้

อิเหนาผละออกจากวงตะกร้อทันที ไม่สนใจเสียงร้องเรียกด้วยสงสัยในอากัปกิริยาแต่อย่างใด สองขาก้าวไปทั่วทุกทิศ มองหาจรกาตัวน้อยด้วยใจที่ร้อนรน ก่อนจะมาพบเข้าในสวนพฤกษาขณะที่จรกากำลังร่ำไห้อยู่ในศาลา

“น้องจรกา...”

เสียงเรียกแผ่วเบาทำให้จรกาต้องรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว พอหันไปเห็นว่าเจ้าของเสียงคือผู้ใด สีหน้าเศร้าสร้อยก็พลันแข็งข้องขึ้นทันควัน

“มีธุระสิ่งใดกับข้า”

น้ำเสียงกระด้างกระเดื่องบ่งบอกชัดเจนว่าหาได้อยากสนทนาด้วย มิหนำซ้ำดวงตาแดงช้ำนั่นก็ช่างดูน่าสงสารเหลือทน เขามิอาจทนอยู่เฉยได้ ก้าวเข้าหา ขณะที่จรกามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

“มีสิ่งใด!”

น้ำเสียงเกรี้ยวกราดหลุดลอดจากริมฝีปากบาง อิเหนาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะว่า

“พี่เพียงมาดูว่าเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”

แล้วก็ปราดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

สภาพเปียกปอนเช่นนี้ คงจะหนาวไม่น้อยกระมัง

แต่ก็หาได้กล้าพูดออกไปเมื่อจรกาเอาแต่มองเขาตาขวาง

“จะมาดูข้าว่าเป็นเช่นไรเพราะหมายจะเยาะเย้ยล่ะสินะ!”

มีเพียงความอคติเท่านั้นที่พร่างพรายเต็มอกของจรกา อิเหนาจะพูดสิ่งใดได้เล่า พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าเพราะเหตุใด จรกาถึงได้ไม่เคยมองเขาในแง่ดีเลย

ก็ขนาดไม่เคยพบหน้า จรกายังถูกเปรียบเทียบรูปลักษณ์กับเขาเสียมากมายเพียงนั้น มิหนำซ้ำเมื่อเจอหน้าก็มิวายถูกติฉินนินทา มาคราวนี้ก็ยังถูกกลั่นแกล้งด้วยเจ้าพวกโง่งมเหล่านั้นหมายจะเอาใจประจบประแจง โดยหารู้ไม่เลยว่าอิเหนาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น ที่เขาต้องการคือทำให้คนตรงหน้าแย้มยิ้มด้วยความสุขมากกว่า

ทว่า...ทุกสิ่งกลับตรงกันข้าม

“พี่หาได้มาเยาะเย้ย พี่เพียงจะมาดู...”

“ดูเพื่อหาเรื่องรังแกข้าอีกล่ะสิ!”

ความใดก็มิอาจรับฟัง สิ่งใดที่อิเหนาหมายจะพูดล้วนแล้วกลายเป็นแง่ร้าย เขาเลยยับยั้งปากไว้เพียงเท่านั้น มีแต่จรกาเท่านั้นที่ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเหลืออด

“เพราะข้าอัปลักษณ์ รูปก็ชั่ว ตัวก็ดำใช่หรือไม่ เจ้าถึงได้ใคร่รังแกข้าเช่นนี้!”

คนฟังได้ยินแล้วก็ปฏิเสธในใจเป็นพัลวัน

ไม่ใช่...

ไม่ใช่เช่นนั้นเลย...

ผู้ใดจะบริภาษว่าระตูจรกาเป็นชายแสนอัปลักษณ์ เขา...อิเหนาผู้นี้ก็หาได้สนใจ ในเมื่อสายตาของเขามองเห็นแต่เพียงชายรูปงามเท่านั้น

ต่อให้ใครต่อใครว่าจรกาเป็นก้อนดินไร้ค่า หาใช่ทองคำผ่องแผ้วหรืออัญมณีเม็ดงาม แต่สำหรับอิเหนา จรกา...คือคนงามที่สุดในโลกหล้า

ใจอยากจะบอกไปนัก หากแต่ก็มิกล้าจะเอื้อนเอ่ย เกรงเหลือเกินว่าจะทำให้อีกฝ่ายระคายใจไปมากกว่านี้ ขณะที่หยาดน้ำตาร่วงพรูจากเบ้าตาคู่สวยของคนตรงหน้า

“ข้า...ข้าแค้นใจนัก หากข้าเกิดมามีรูปงามเช่นเจ้าแล้วไซร้ เจ้าคงไม่คิดรังแกข้าร่ำไปเช่นนี้ ฮึก...”

สะอึกสะอื้นเสียจนคำบริภาษที่หลุดจากปากฟังไม่ได้ศัพท์ อิเหนารู้สึกผิดเหลือเกินที่เป็นต้นเหตุให้จรกาถูกกลั่นแกล้ง เขาเองก็หาได้หมายใจจะให้เรื่องลงเอยเช่นนี้ พลันก้าวเข้าไปหา ยกมือขึ้นแล้วชะงักค้างไว้ในอากาศ ลังเลอยู่ครู่ว่าควรจะทำตามใจตนหรือไม่ หากแต่หยดน้ำตาเม็ดโตที่พร่างพรูอาบแก้มไม่หยุดนั้นก็ทำให้เขามิอาจทนฝืนใจตนเองได้

มือเอื้อมไปดึงผ้าแพรที่คล้องคอของตนออก ก่อนยื่นไปซับน้ำตาให้อีกฝ่าย ระตูจรกาเหลือบมอง สะอื้นไห้ไม่หยุด ดวงตาแดงก่ำช่างน่าสงสาร กอปรกับสภาพมอมแมมในเพลานี้ก็ยิ่งทำให้อิเหนาเศร้าใจมากขึ้นไปใหญ่ ใจของเขามีคำพูดมากมายใคร่ปลอบประโลมนัก

ผู้ใดว่าเจ้าอัปลักษณ์กัน รูปชั่วตัวดำนั้นล้วนเป็นเจ้าที่คิดไปเองทั้งสิ้น

อย่าฟังคำใคร... โปรดเถิดน้องรัก เจ้าอย่าได้ฟังคำผู้ใด สำหรับพี่แล้ว เจ้างามที่สุด

น้องคนงามของพี่...

แต่ก็หาได้กล้าพูดออกไปแม้แต่คำเดียว ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องตนเขม็ง

ดวงตาประสานสบ พลันก็ดึงดูดให้อิเหนามิอาจละสายตาจากดวงหน้าของจรกาได้เลยแม้แต่น้อย

งาม... เจ้างามที่สุด...

เผลอไผลเสียจนลืมตัว ความกลัวใดๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้ามลายไปสิ้น อิเหนาขยับเข้าใกล้ เชยปลายคางมนขึ้นแล้วประทับจูบลงไปซับน้ำตาให้ที่พวงแก้มนุ่มแผ่วเบา ก่อนเสียงกระซิบพร่าจะดังตามมา

“สำหรับพี่ ไม่มีผู้ใดงดงามได้เท่าเจ้าอีกแล้ว... น้องจรกาคนงาม”

พลันก็เผลอไผลกอดตระกองในอ้อมแขนด้วยรักใคร่ ริมฝีปากคลอเคลียไปยังซอกคอและใบหู สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความรักยิ่ง หากแต่ผู้ถูกกระทำกลับหน้าม้านขึ้นมาทันตา อีกทั้งยังอับอายสุดขีดเมื่อตระหนักได้ว่าการกระทำของอิเหนาช่างไม่อายฟ้าดิน

กระทำเช่นนี้หมายจะกลั่นแกล้งข้าอีกล่ะสิ!

มือทั้งสองผลักร่างอีกฝ่ายออกห่างเต็มแรง อิเหนาชะงัก ระลึกได้ในเพลานี้ว่าพลั้งเผลอกระทำสิ่งใดไป ครั้นเห็นสีหน้าโกรธขึ้งของอีกฝ่าย ใจก็หล่นวูบไปยังตาตุ่ม

“น้องจรกา พี่ไม่ได้...”

คำพูดขาดช่วงไปเมื่อเห็นจรกาสูดหายใจเข้าปอด มือทั้งสองกำแน่น ร่างกายสั่นระริก ระคนน้ำตาที่เอ่อปริ่มขอบตาแดงก่ำ

แค้น...

สีหน้าและท่าทางนั้นคือความโกรธแค้น ก่อนน้ำเสียงดุดันจะเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน

“ต่อให้ข้า...จรกาผู้นี้จะอัปลักษณ์ แต่สักวันข้าจะเอาชนะเจ้าให้จงได้ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ข้าจะต้องอยู่เหนือเจ้า!”

พูดจบก็หุนหันไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว อิเหนาเห็นแล้วก็ปวดใจยิ่ง เขาไม่ได้ตั้งใจจะข่มเหง แต่กลิ่นหอมและผิวเนื้อนวลนั้นทำให้เขาเผลอตัวเผลอใจกระทำการโง่งม แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งกว่าคือการถูกเข้าใจผิดเสียเต็มรัก

จรกาจะรู้บ้างหรือไม่ว่าดวงใจของอิเหนารวดร้าวเพียงใด...

หากเจ้าอยากจะอยู่เหนือพี่นัก พี่จะยอมทั้งสิ้น แต่โปรดเถิด อย่าได้คิดว่าตนด้อยค่าเช่นนั้นเลย

ต่อให้ทั้งโลกปฏิเสธเจ้า แต่เจ้ามีค่าสำหรับพี่เสมอ...

 

เหตุการณ์ในวันนั้นรบกวนจิตใจของอิเหนายิ่ง ครั้นกลับมายังกุเรปันก็เอาแต่คิดครุ่นว่าจะทำการใดให้จรกาได้ตระหนักรู้ว่าเขาไม่ได้อัปลักษณ์ดั่งเช่นคำที่ใครต่อใครดูแคลน

จะทำอย่างไร จะทำเช่นไร จรกาถึงจะรับรู้ว่าเขามีรูปงามล้ำค่าดุจอัญมณี?

บัดนั้นอิเหนาก็นึกขึ้นได้...

จรกาที่ใครต่อใครปรามาสว่ารูปชั่วตัวดำ แม้นไม่ได้มีเรือนกายเรืองรองเฉกเช่นทองผ่องแผ้ว หรือสว่างกระจ่างดุจเม็ดทับทิมงาม ทว่าก็หาใช่ก้อนดินไร้ราคา

เช่นนั้นคงต้องทำให้น้องได้ประจักษ์...

พลันอิเหนาก็รับสั่งให้พ่อค้าอัญมณีมาเข้าเฝ้าเพื่อเสาะหาอัญมณีที่เหมาะสมแก่จรกาไปทำเครื่องประดับเป็นของแทนใจ ใช้เวลาเลือกอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็คว้าเอานิลก้อนหนึ่งขึ้นมาพินิจ ก้อนนิลก้อนนั้นสีดำขลับเนียนเป็นเนื้อเดียวตลอดทั้งก้อน ส่องประกายวาววับจับตาก็พลันยินดี

นี่ล่ะน้องจรกา เจ้าหาใช่ก้อนดิน หากแต่เป็นนิลเม็ดงามที่พี่นี้ใคร่จะเจียระไนยิ่งนัก

เมื่อเลือกได้ก็แย้มยิ้มอย่างมิอาจปกปิด ก่อนจะออกคำสั่ง

“ไปเรียกช่างเครื่องถมมาประเดี๋ยวนี้”

ข้าราชบริพารแลพี่เลี้ยงพากันกุลีกุจอทำตามคำสั่ง ไม่นานนัก ช่างเครื่องถมประจำวังก็มากราบเข้าเฝ้าอยู่เบื้องหน้า อิเหนายื่นนิลก้อนนั้นให้พร้อมคำสั่ง

“ข้าอยากได้แหวน ตัวเรือนเป็นทองคำพิสุทธิ์ ส่วนยอดให้ประดับด้วยนิลก้อนนี้” จากนั้นก็ยื่นเชือกป่านเล็กๆ เส้นหนึ่งให้ “นี่คือขนาดรอบวงของแหวน อาจจะไม่ตรงกับขนาดนิ้วของผู้สวมนัก เจ้าเผื่อให้ใหญ่กว่านี้สักหน่อยก็แล้วกัน”

ได้เชือกเส้นนี้มาเพราะไปติดสินบนพี่เลี้ยงของจรกาไว้ตั้งแต่งานพระราชพิธีวันนั้นว่าให้ไปวัดขนาดรอบนิ้วนางของจรกามาให้ ช่างเครื่องถมรับของทั้งสองสิ่งมา

“องค์ยุพราชทรงใคร่อยากได้ไว้เองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าอิเหนากลับส่ายหน้า “เปล่า ข้าจะมอบให้ยอดดวงใจของข้า”

คนฟังออกจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย จะมอบแหวนให้กับนางอันเป็นที่รัก เหตุใดเล่าถึงได้เลือกนิลสีดำสนิทแลไม่ชวนให้มอง เพราะสตรีส่วนใหญ่ล้วนแล้วชอบเครื่องประดับสีสันสดใส สีดำทึบเช่นนี้เหมาะกับบุรุษมากกว่า หากแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามใดๆ เมื่ออิเหนาออกคำสั่งอีกครั้ง

“ใช้เวลาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าอยากให้มันถึงมือผู้รับให้เร็วที่สุด”

คนถูกสั่งก้มกราบ พาตนเองออกไปด้านนอก รีบเร่งดำเนินการพลัน ปล่อยให้อิเหนานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จินตนาการว่าเมื่อมอบแหวนวงนี้ให้ จรกาจะยินดีเพียงใด

คงมิแคล้วยิ้มแฉ่งเป็นแน่ แล้วพี่จะทำให้น้องรู้ว่าแท้จริงน้องงดงามเพียงใด

...จรกาคนงามของพี่

 

[Intara’s Part]

หลังจากวันที่ผมกับจิระเป็นหนึ่งเดียวกัน ชีวิตของพวกเราก็เหมือนจะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ราบรื่นเสียจนผมแอบหวั่นใจเล็กๆ ว่าสักวันความสุขที่มีอยู่ในมือตอนนี้จะมลายหายไป ทุกครั้งที่มองหน้าเขา ผมจะอดขอร้ององค์ประตาระกาหลา เทพเทวาต้นวงศ์ตระกูลไม่ได้เลยว่าขอให้ผมได้เห็นหน้าจิระอย่างนี้ไปทุกวัน

จิระ...คนที่เป็นจรกากลับชาติมาเกิด

ใช่ ผมอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ทุกวัน ตั้งตอนตื่นและตอนนอน ผมอยากให้เขาอยู่ข้างผมอย่างนี้ตลอดเวลา ชดเชยที่ในชาติที่แล้วเราไม่ได้คู่กันอย่างที่มันควรจะเป็น

...อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นความคิดของผมคนเดียวที่ว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะจริงๆ แล้วในชาติก่อน จิระเมื่อครั้งยังเป็นจรกาไม่เคยคิดอยากจะครองคู่กับผมเลยด้วยซ้ำ

เขาเกลียดผม... เกลียดเข้ากระดูกดำ เกลียดจนถึงขนาดป่าวประกาศไปทั่วทั้งแคว้นว่าต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่เผาผีกับผมเด็ดขาด ส่วนสาเหตุนั้นก็เป็นอันรู้ๆ กันว่าเพราะเขาแค้นเคืองที่ผมแย่งบุษบา นางอันเป็นที่รักของเขาไป

แต่...จรกาจะรู้บ้างไหมนะว่าเหตุผลที่ผมแย่งบุษบาคืนมา ไม่ใช่เพราะหลงรักนางเมื่อพบหน้าอย่างที่ใครต่อใครเข้าใจ ทว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก และเหตุผลนั้น...ก็คือเขา

คือเขา...เป็นเพราะเขาคนเดียว...

“แล้วมึงออกมาอย่างนี้ จิไม่ถามเหรอวะว่าไปไหน”

ขณะที่นั่งเหม่ออยู่ ไอ้บุศย์ก็ร้องถามขึ้นมา ผมเหลือบมองหน้ามันที่ตอนนี้กำลังถือช้อนตักบิงซูค้างไว้อยู่ โดยข้างๆ มีสรัลนั่งจ้วงน้ำแข็งเข้าปาก ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้

“หลับไปแล้ว วันนี้ตื่นไปเรียนแต่เช้า กลับมาถึงห้องเห็นบ่นว่าเหนื่อยกับปวดหัว กูก็เลยให้กินยานอน แต่ทิ้งโน้ตไว้แล้วล่ะว่าออกมากินข้าวกับพวกมึง”

ไอ้บุศย์พยักหน้ารับ ความจริงแล้วผมไม่ได้จะออกมากินข้าวอะไรกับพวกมันหรอก อยากจะอยู่ดูแลจิระมากกว่า เห็นเขามีสีหน้าซูบเซียวหลังจากกลับมาถึงห้องอย่างนั้น ใครจะไปมีกะจิตกะใจออกมากินข้าวกับเพื่อนได้ล่ะ แต่เพราะไอ้บุศย์มันดันส่งข้อความมาหา แล้วบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ ผมเลยต้องออกมา เพราะเรื่องสำคัญที่มันว่าคือเรื่องที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเต็มๆ

“ดีละ ไม่งั้นกูก็ไม่รู้จะหาโอกาสคุยกับมึงตอนไหนดี” ไอ้บุศย์ว่าขึ้นมาอีก ก่อนมันจะวางช้อนลงบนโต๊ะแล้วยืดตัวเล็กน้อย “แล้วตกลงมึงจะเอายังไงเรื่องจิ จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ เหรอ”

ซึ่งเรื่องที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ผมไม่ยอมบอกจิระว่าผมเป็นใครกลับมาเกิดนี่ล่ะ พอมันถามมา ผมก็ว่าด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“กูก็บอกแล้วไงว่ากำลังบอกอยู่”

“แต่มึงไม่ได้บอกเอง”

“แหวนนั่นก็บอกได้เหมือนกัน”

พอพูดไปอย่างนี้ มันก็ถอนหายใจ หันไปมองหน้าสรัลที่ถอนหายใจออกมาเหมือนกัน ราวกับว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจทำนั้นเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างนั้นแหละ แล้วก็เป็นไอ้บุศย์อีกที่ถามออกมา

"ถามจริงๆ ไอ้อินทร์ ทำไมไม่บอกจิไปเลยวะว่ามึงเป็นใคร ทำไมต้องรีรอ มึงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าจิระลึกชาติได้ ในเมื่อจิรู้ว่าตัวเองคือจรกา แล้วก็รู้ด้วยว่ามึงคืออิเหนา มึงก็แค่บอกไปเลยว่ามึงเองก็ระลึกชาติได้เหมือนกัน จะได้เคลียร์เรื่องที่มันค้างคาใจเมื่อชาติที่แล้วไปเลย จะได้จบๆ"

ผมเหลือบมองหน้า ตอนนี้มันอึดอัดแทนผมแล้ว ผมก็ไม่ใช่ว่าไม่อึดอัดนะ ผมเองก็อยากทำตามที่มันบอกเหมือนกัน แต่เรื่องนี้มันจะรีบร้อนไม่ได้

“สงสัยมึงจะลืมไปแล้วมั้งว่าชาติที่แล้ว จรกาเกลียดอิเหนาแค่ไหน”

“แต่มันน่าอึดอัดนะเว้ย ตอนที่จิถามกูว่าเป็นผัวอิเหนาเหรอ กูนี่สะดุ้งเลย”

“สะดุ้งที่เป็นผัวกู?”

“เดี๋ยวกูทุบ สะดุ้งที่น้องมันเอ่ยชื่ออิเหนาต่างหาก”

ไอ้บุศย์ไม่พูดเปล่า ทำท่าจะทุบผมด้วยจริงๆ สรัลเห็นก็หัวเราะ พลันว่าเสริมบ้าง

“หนูก็เสียวๆ เหมือนกันนะตอนที่จิมันเรียกว่าสังคามาระตาอะ แล้วต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี่โคตรจะยากเลย นี่โคตรกลัวเลยว่าจะโป๊ะแตก โป๊ะแตกเมื่อไร ถูกจับได้ขึ้นมาล่ะก็ งานงอกแน่ๆ”

ผมเองก็เห็นด้วยกับสองคนนี้นะ เวลาที่ต้องทำเป็นเหมือนไม่เข้าใจอะไรที่จิระพูดทั้งๆ ที่รู้ดี มันโคตรน่าอึดอัด นอกจากนั้นก็ยังเสียวสันหลังวูบๆ วาบๆ ด้วย อย่างของสองคนนี้คงไม่เท่าไร แต่ของผมนี่แทบจะหายใจไม่ออกเลยนะตอนที่จิระไล่ชื่อบรรดาเมียๆ ทั้งสิบคนของผม

แล้วก็ดูท่าไอ้บุศย์เองก็คงจะคิดแบบเดียวกับผมอยู่ มันเลยถามขึ้น

“แล้วแหวนนั่นมันทำให้จิระลึกเหตุผลว่าทำไมมึงถึงมีเมียเป็นสิบได้ไหม”

ผมชะงักก่อนจะส่ายหน้า

ใช่ มันทำให้ระลึกไม่ได้ เพราะมันจะทำให้จิเข้าใจได้เฉพาะแค่ความรู้สึกของผมที่มีต่อจิระในชาติที่แล้วตามคำอธิษฐานของผมเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะระลึกไม่ได้ทั้งสิ้น

ไอ้บุศย์ถึงกับหัวเราะหึทันที ก่อนสรัลจะร้องแซวขึ้นมา

“จะมาเกลียดหนักก็ตรงนี้แหละพี่อินทร์ อิเหนาจอมเจ้าชู้~”

“เรื่องนั้นพี่ก็มีเหตุผล แกเองก็รู้ว่าทำไม ไม่ต้องมาทำเป็นแซวให้หวั่นใจ”

ไอ้บุศย์กับสรัลหัวเราะครืนทันที พลันไอ้เพื่อนตัวดีก็ยอกย้อนอีก

“กูถึงบอกให้รีบบอกไป โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

“บอกไปตอนที่จิยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด มีหวังได้เกลียดกูหนักกว่าเดิม เห็นอย่างนี้กูก็กลัวเหมือนกันนะ”

“กลัวอะไรวะ”

“กลัวว่าพอจิรู้ว่ากูคือใคร ชาตินี้ก็จะเกลียดกูอีก”

พอผมสวนไปอย่างนี้ ไอ้บุศย์ก็เงียบ ไม่เว้นแม้แต่สรัล ก็แน่ล่ะ ทำไมสองคนนี้จะไม่รู้ว่าจรกาเกลียดอิเหนาแค่ไหน อย่างที่ผมบอก เกลียดเข้าไส้... เกลียดเข้ากระดูกดำ... เกลียดชนิดประกาศกร้าวว่าจะไม่เผาผี ขนาดวาระสุดท้ายของชีวิตยังไม่ให้ใครมาบอกข่าวผมเลยแม้แต่น้อย เป็นอย่างนี้แล้วจะให้ผมบอกไปได้ยังไงว่าตัวเองเป็นใคร

“มึงก็เลยไม่กล้าบอก?”

“อืม”

“กะให้แหวนค่อยๆ ทำให้จิระลึกชาติในฝั่งของมึงได้แทนการบอกด้วยตัวมึงเองว่างั้น?”

“อืม”

ผมยอมรับโดยดุษณี ไอ้บุศย์ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“มึงนี่น้า กลัวไม่เข้าเรื่อง”

“ก็กูไม่อยากให้น้องมันเกลียดกูไปมากกว่านี้ กูกลัวก็ไม่แปลกไหมล่ะ”

“แต่ตอนนี้จิรักมึงแล้วนะ”

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอรู้ว่ากูจำอดีตชาติได้แล้วจะไม่เกลียดนี่หว่า ให้แหวนทำให้ระลึกชาติในฝั่งของกูได้นั่นแหละดีแล้ว กูอยากให้จิค่อยๆ เข้าใจว่าทำไมกูต้องทำอย่างนั้น ดีกว่าบอกไปเลยทีเดียว ให้ใช้เวลาทำความเข้าใจหน่อย ถ้ากูรีบร้อนแล้วจิไม่เข้าใจ พานมาเกลียดอีกในชาตินี้ กูคงรับไม่ไหว”

ผมสารภาพไปตามตรง อิเหนาอย่างผมเองก็มีเรื่องให้ต้องกลัวเช่นกัน ไอ้บุศย์ก็เลยไม่ตอแย มีแต่สรัลเท่านั้นที่เท้าคางว่าด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

"ก็แหงล่ะ ใครจะไม่เกลียด ไปเผาโรงมหรสพในงานแต่งเขาอย่างนั้นน่ะ เป็นหนู หนูก็เกลียด จะแช่งชักหักกระดูกด้วย"

พลันผมก็เหลือบมองหน้าสรัลทันที "นั่นเราเป็นคนเผาไม่ใช่หรือไง"

เหยียดตัวตรง ร้องเสียงสูงเลย "เอ๊า ก็พี่อินทร์สั่งอะ ขัดได้ไหมล่ะ ตัวเองก็เผาด้วยเถอะ ไม่ใช่แค่หนูคนเดียว เร่งยิกๆๆ กลัวจะได้ฤกษ์แต่งก่อนอยู่นั่นแหละ”

จริงอย่างที่สรัลพูด ถ้าผมไม่สั่ง มีหรือที่สังคามาระตาน้องรักอย่างมันจะกล้าทำเรื่องอุกอาจอย่างนั้น แต่ทั้งหมดมันก็เพื่อขัดขวางไม่ให้จรกาไปเป็นของผู้ใด

...เพราะจรกาเป็นของผมเพียงคนเดียว

“พี่บุศย์ก็ลีลา ต้องให้พี่อินทร์แสร้งปลอมเสียงเป็นจรการ้องเรียก ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะไปล่มงาน พิรี้พิไรอยู่ได้"

“มันก็ต้องให้เนียนหน่อย” ไอ้บุศย์ว่า ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง "ถามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อความแน่ใจ แล้วกูจะไม่ตอแยละ ตกลงมึงจะไม่บอกด้วยตัวเองจริงๆ?"

ผมพยักหน้ารับ "อือ กูไม่กล้า ใจบาง"

พอบอกไปอย่างนั้น สรัลก็ดันโพล่งขึ้นมา

"บางมากไหม"

"บางมาก"

"แค่ไหน"

"ฮู~ หัวใจกระดาษ เบาๆ ก็ขาด เบาๆ ก็ปลิว~"

พอผมร้องเป็นเพลงออกไปอย่างนั้น ไอ้บุศย์ก็ทำหน้าเอือมใส่ทันที

"เออ กูจะไม่แปลกใจเลยถ้าชาตินี้น้องมันก็เกลียดมึง เล่นไม่เข้าเรื่อง"

สรัลหัวเราะก๊ากหน้าดำหน้าแดงเป็นการใหญ่ที่ผมโดนค่อนแคะ ผมก็ลืมตัวดันตบมุกมันไปเสียอย่างนั้น

ไอ้สังคามาระตานี่ก็มาชงมุกได้ไม่รู้เวลาเล้ย!

“กูก็ไม่อยากให้เครียดมะ”

ไอ้บุศย์เบ้หน้าทันควัน “เรื่องของมึง มึงจะไม่เครียดก็แล้วแต่มึง”

พูดอย่างนี้ ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจากจะทำหน้ามุ่ยใส่มัน ก่อนที่ไอ้บุศย์จะขยับแว่นตา

 “แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ก็พอเข้าใจมึงนะว่าทำไมถึงไม่กล้าบอกจิไปตรงๆ ว่าตัวเองก็ระลึกชาติได้ ตอนที่งานแต่งถูกล่ม จิระ...ไม่สิ จรการ้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเลยเหมือนกันนะที่เห็นว่าคู่หมั้นหายไป สาปแช่งมึงแทบเป็นแทบตาย โคตรน่าสงสาร”

ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาหลังจากนั้น ก็แน่ล่ะ ภาพใบหน้าของจรกาในวันนั้นยังติดตาผมอยู่เลย เขาทรุดตัวลงไปบนพ้น ก่นด่าฟ้าดิน บริภาษผมสาดเสียเทเสีย ร้องไห้จนไม่เป็นผู้เป็นคน ดูก็รู้ว่าแค้นและเสียใจมาก ทำไมจะไม่น่าสงสารกันล่ะ แล้วมันก็เลยกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมไม่กล้าบอกเขาด้วยว่าตัวเองก็ระลึกชาติได้

ถ้าเกิดความทรงจำในวันวานทำให้เขาเกลียดผมขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไง...

“งั้นแผนของพี่อินทร์ที่ว่าจะให้แหวนค่อยๆ ทำให้ระลึกชาติในฝั่งอิเหนาได้นั่นก็ดีแล้วล่ะ”

สรัลเห็นด้วยในท้ายที่สุด ไอ้บุศย์ก็เหมือนจะเห็นดีด้วยในคราวนี้

“แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้ใช้แหวนในโอกาสนี้แทน”

ผมยิ้มน้อยๆ นึกถึงเมื่อวันวาน

นั่นสินะ ผมเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าแหวนวงนั้นมันจะกลายมาเป็นสิ่งที่บอกเล่าความรู้สึกของผมในชาติที่แล้วในลักษณะนี้ เพราะตอนแรกผมตั้งใจจะให้มันแทนความรู้สึกผมในลักษณะอื่นต่างหาก

ให้มันแทนความรู้สึก...ว่าเขาสำคัญกับผมแค่ไหน

สำคัญมาก...

สำคัญกว่าชีวิต...

ถ้าระลึกได้เมื่อไร ผมก็หวังว่าเขาจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้น

ทุกอย่าง...ล้วนแล้วเป็นเพราะผมรักเขามากก็เท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะเห็นแก่ตัว แต่ผมก็อยากให้เขาเข้าใจว่าผมรักเขามากจริงๆ

บทสนทนาดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย ก่อนที่มันจะยุติลงเมื่อผมขอตัวกลับมาที่ห้องด้วยกังวลว่าจิระจะตื่นมาแล้วหิว

 

ผมหิ้วข้าวกล่องกลับขึ้นห้อง จิระยังไม่ตื่น ผมเปิดไฟ วางข้าวของลงบนโต๊ะแล้วตรงไปที่เตียง มองใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับอุตุแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม

ชาตินี้น่าตาน่ารัก แต่จะรู้ตัวไหมนะว่าชาติก่อนก็หน้าตาน่ารักแบบนี้แหละ เพียงแต่ผิวกายดำคล้ำ ไม่ตรงตามอุดมคติของยุคสมัยนั้น ใครต่อใครก็เลยพากันล้อเลียน รวมถึงก่นด่าว่าอัปลักษณ์ ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่สำหรับผม... ที่ไปยุให้คนอื่นมองว่าเขาอัปลักษณ์เป็นเพราะหวง ไม่อยากให้ใครมามองเขาว่าน่ารักเหมือนผมก็เท่านั้น

ผมยื่นมือไปลูบแก้มใสเบาๆ จิระย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา

“ข้าเกลียดเจ้า...อิเหนา...เกลียดเจ้า...”

ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการละเมอ แต่มันกลับทำให้ผมปวดแน่นอยู่ในอกขึ้นมาน้อยๆ ยิ่งเห็นหยดน้ำตาที่ไหลจากหางตาด้วยแล้ว มันก็ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ว่าเมื่อชาติก่อน ผมทำร้ายจิตใจเขาไว้มากเพียงใด แม้ว่าการละเมอของเขาจะเป็นเพราะนิมิตจากฤทธานุภาพของแหวนก็เถอะ

ผมยกมือของเขาข้างที่สวมแหวนขึ้นมาจูบจรดเบาๆ

ที่พี่ร้ายกับเจ้า นั่น...ก็เป็นเพราะว่ารัก

แต่จิระจะเข้าใจหรือยังนั้นก็ไม่รู้ ผมได้แต่ภาวนาขอให้แหวนได้ทำหน้าที่ของมันให้เร็วที่สุด พลันก็นึกถึงคำอธิษฐานที่เคยได้ร้องขอต่อองค์ประตาระกาหลา ต้นวงศ์เทวาเอาไว้

‘ข้าขอ...ขอให้แหวนนี้รักษาทุกความรู้สึกของข้าที่มีต่อจรกา...รักษาไว้จนกว่าน้องจรกาจะได้รับรู้...’

พอละริมฝีปากออกมา ก็เห็นว่าจิระยังคงละเมอร้องไห้ ผมกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไม่แรงนัก ก่อนจะว่าเสียงแผ่วออกมา

“ชาตินี้อย่าเกลียดพี่นะจิ”

โน้มใบหน้าลงไปประทับจูบลงบนพวงแก้มนุ่มเบาๆ ปลายนิ้วก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าให้จิระด้วย

ชาติที่แล้วจะเกลียดผมยังไงก็ช่าง แต่ชาตินี้...ขอเถิดอย่าเกลียดกันอีกเลย...

ชาตินี้ขอให้เจ้ามีเพียงแต่รัก...

ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ โอบกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ขณะที่จิระยังคงละเมอไม่หยุด

“เกลียดเจ้า...อิเหนา...ข้าเกลียดเจ้า...”

อย่าเลย...อย่าเกลียดกันอีกเลย พ่อคนงามของพี่

ผมจูบจรดไปทั่วใบหน้าของจิระ ดึงร่างของเขามากอดไว้แน่น

ความหวาดกลัวนี้ ผมต้องผ่านมันไปให้ได้

จนกว่าเขาจะเข้าใจทุกการกระทำของผม... ผมจะต้องก้าวผ่านความกลัวนี้ไปให้ได้

พี่จะรอจนกว่าจะเลิกเกลียดพี่...จรกา

-------------------------------

ตัวอย่างตอนหน้ามาพรุ่งนี้นะคะ วันนี้ต้องนอนก่อน ไม่ไหวแล้ว ฮืออ

ส่วนตอนนี้ค่อยๆ ปมทีละน้อย มีเรื่องแหวนเข้ามา แต่!!! มันไม่ใช่แค่นี้นะคะ เฉลยเต็มๆ จะตามมาอีกที ใจเย็นๆ รอกันก่อนเน้อ กำลังเล่าแฟลชแบ็กแล้วค่ะ แต่ตอนนี้เล่าถึงที่มาของชื่อเรื่องแล้วนะว่า "จรกาคนงาม" มีที่มาจากไหน

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยนะ พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่จ้ะ ฝันดีล่วงหน้ากันค่าทุกคน XD

ป.ล.เผื่อใครสงสัย แฟลชแบ็กอันนี้เป็นอันที่แต่งขึ้นมาเอง ไม่มีในวรรณคดีของจริงนะคะ เพราะอิเหนากับจรกาในของจริงไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่อันนี้ทำให้ย้อนไปว่าเจอกันตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นอะไรงี้ ต่อไปเรื่อยๆ ถึงจะเริ่มเข้าปมขัดแย้งเรื่องบุษบาอะไรพวกนี้ค่ะ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สงสารทั้งคู่เลยนะ

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
ฮืออออ น้องจรกาเมื่อชาติที่แล้วช่างน่าสงสารยิ่ง อ้ายอีพวกนั้นช่างใจไม้ไส้ระกำเหลือเกิน น้องก็ตัวแค่นั้น
ฮือออออ อินมากค่ะ55555
สงสารน้องจริงๆ TvT
แค่น้องตัวดำทำไมต้องรุมแกล้ง
ส่วนอินพี่ปกป้องน้องได้เท่านั้นเองรึ!!!
อินทร์นี่กลัวไปแล้วนะ
นานกว่านี้ถ้าหากน้องจิรู้ด้วยตัวเองก่อนละก็งานหยาบเลยนะพ่อ
รออ่านตอนต่อไปค่าา
ป.ล.ชอบตอนย้อนความมากๆ เลย ปาทัยจัยยยย :L1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
แงงงง สงสารรร

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ่านมาถึงตอนนี้ก็แอบสงสารพี่อินทร์อยู่นะ


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ่านแล้วมันก็ยังอินส์ในเรื่องวรรณคดีอยู่นะ เลยทำให้มองความรักของนังเหนาที่มีต่อน้องกาก๋าไม่ออก รักอีท่าไหนฟ่ะปากหนักปานนั้น แต่กับหญิงเนี้ย ไวทั้งปากทั้งมือ  :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สงสารอิเหนาอ่ะ รักแต่ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรก็ผิดไปหมด ขอให้ชาตินี้น้องจิลืมความแค้นทั้งหมดแล้วคริงคู่กับพี่อินทร์ที่ถึงแม้จะไม่มีสติแต่รักน้องหมดหัวใจ :mew1: :mew1: :hao7:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
สงสารทั้งคู่จัง

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คนพี่ก็กลัวน้องจะโกรธเนอะ กล่อมน้องไปก่อนนะ

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อิคนน่าสงสาร มากอดๆ เนอะคุณอินทรา

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โหหหห ไม่ได้เข้ามาอ่านนานมากเพราะติดสอบ อิเหนาของเราน่าสงสารมาก ฮือออ นว้องจิอย่าเกลียดพี่ท่านเลยนะะะะะะ

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แต่ก็รู้สึกว่าอิเหนารักจรกาไม่มากพอที่จะไฝว้ให้น้องมาอยู่กับตัว ไม่ปกป้องตอนน้องถูกรังแก

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ทั้งหมั่นไส้ ทั้งสงสารอีพี่

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 21: ศึกชิงนาย

ครั้นถูกเกลียดชังเข้าไส้ อิเหนาฤาจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ ทุกทิวาคิดหาหนทางให้จรการับรู้ความนัย ทุกราตรีวนเวียนหาวิธีที่จะขจัดความโกรธแค้นในใจของอีกฝ่ายเสียให้สิ้น

จะต้องทำอย่างไร...

ต้องทำเช่นไรจรกาถึงจะประจักษ์แจ้งแก่ใจว่าทุกสิ่งที่เขากระทำนั้นหาใช่การกลั่นแกล้ง หากแต่เป็นความรักใคร่โดยแท้?

คิดวุ่นวายเสียจนไม่เป็นอันกินอันนอน ข้าวปลากระยาหารก็แทบไม่ตกถึงท้อง ในโลกหล้านี้จะมีผู้ใดน่าเวทนาได้เท่ากับชายหนุ่มผู้ซึ่งหลงใหลมัวเมาในรักจนหูตามืดบอดเช่นเขาบ้าง?

อิเหนาอับจนหนทาง ไม่รู้เลยว่าจะทำการใดให้จรกาเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะเข้าหาด้วยวิธีใด ล้วนแล้วถูกมองในแง่ร้ายทั้งสิ้น กระทั่งวันหนึ่งได้รับข่าวเรื่องคู่ตุนาหงันจากเหล่าเสนาอำมาตย์ว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะอภิเษกชายา

...พระราชธิดาแห่งเมืองดาหา พระสหายของพระราชบิดามีนามว่าระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด

นามนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดีด้วยได้ยินมาตั้งแต่เยาว์วัยว่าสตรีนางนี้คือคู่ตุนาหงัน แต่สำหรับอิเหนาแล้ว การอภิเษกกับบุษบานั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้ขนลุกขนพองอยู่ไม่น้อย

ก็นางบุษบานั่นรู้จักมัดจี่กันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ผู้ใดเล่าจะตบแต่งกับสหายของตนเองได้!

แม้ว่าจะไม่เคยได้พบเจอกันต่อหน้าธารกำนัลด้วยบุษบานั้นเป็นหญิง จะก้าวย่างไปไหนมาไหนแต่ละครั้งละคราก็ต้องมากพิธีรีตอง ทว่าบุษบาหาใช่สตรีที่จะกระทำตามแบบแผนจารีตสักเท่าไรนัก เพราะถูกกักขังอยู่แต่ในวังดั่งนกในกรงทอง หลายครั้งนางจึงปลอมเป็นชาย ลอบหลบหนีออกจากตำหนักไปเที่ยวเล่นกับเหล่าสหาย และหนึ่งในสหายนั้น...ก็คืออิเหนาผู้นี้

อิเหนาหาได้เคยมองนางเป็นหญิงแม้แต่น้อย กระโดกกระเดก ห้าวหาญเยี่ยงชายชาตรี ขณะเดียวกันบุษบาก็หาได้ใคร่อยากจะอภิเษกกับอิเหนา...ไม่สิ ไม่ว่ากับบุรุษใด นางก็ไม่ใคร่จะอภิเษกทั้งนั้น ด้วยนางเบื่อหน่ายกับชีวิตดุจปักษาในกรงทองเสียเหลือเกิน หากเลือกเกิดได้ นางก็อยากเกิดเป็นบุรุษ อิสระใดที่ถูกลิดรอนไปจะได้กลับคืนมาไว้ในอุ้งมือเสียที

พลันอิเหนาก็คิดขึ้นมาได้...

หรือว่าบางทีการที่ครองตนเป็นพรหมจรรย์จะพิสูจน์ให้จรกาเห็นได้ว่าเขาจริงใจกับอีกฝ่าย?

เท่านั้นก็ไม่รอช้า ไหว้วานให้สังคามาระตาน้องบุญธรรมส่งสาส์นไปหาบุษบาเพื่อมาลอบเจอ ครั้นได้พบหน้าก็ไม่รอช้าที่จะเข้าเรื่อง

“ข้าเรียกเจ้ามาพบในครานี้ด้วยมีเรื่องจะขอร้อง”

บุษบาในอาภรณ์บุรุษชำเลืองมองสหาย นางพอจะเดาได้อยู่หรอกว่าที่อิเหนารีบร้อนเรียกตนมาเช่นนี้เป็นเพราะมีเรื่องเดือดร้อน

“มีสิ่งใดก็จงพูดมาสหายข้า”

“เรื่องนี้อาจจะทำให้เจ้าขุ่นข้องใจสักหน่อย”

“เรื่อง?”

คนถูกถามสูดหายใจเข้าปอด ก่อนจะว่าออกมาตามตรง

“ข้าใคร่อยากถอนหมั้นกับเจ้า”

บุษบาชะงัก มองหน้าสหายอย่างไม่เข้าใจนัก ทำให้อิเหนาต้องรีบรี่อธิบาย

“เจ้ากับข้าถูกจับหมั้นหมายเป็นคู่ตุนาหงันด้วยพระบิดาทรงตกลงปลงพระทัยกันเอง แต่ข้ากลับเห็นเจ้าเป็นเพียงสหายเท่านั้น ข้าจึงอยากจะถอนหมั้นกับเจ้า”

บุษบาพยักหน้า ไม่ได้กระโตกกระตากหรือโวยวายพาโลใด นางเองก็เคยคิดจะถอนหมั้นกับอีกฝ่ายเช่นกัน แต่เพราะเป็นหญิงจึงมิอาจพูดไปได้ ในเพลานี้ฝ่ายชายเป็นผู้ขอถอนหมั้น เรื่องราวทุกอย่างก็กระทำได้โดยง่าย

แต่...เพราะเหตุผลใดล่ะ?

“ที่เจ้าอยากถอนหมั้นกับข้าคงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เห็นข้าเป็นสหายแน่ เจ้ามีเหตุผลอื่นใดใช่ไหม”

นางถามอย่างรู้ทัน อิเหนายกยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

“แท้จริงใจข้าเป็นของผู้อื่นไปแล้ว มิอาจรักผู้ใดได้อีก แต่คนผู้นั้นเกลียดชังข้า ข้าจึงหมายจะครองตัวเป็นพรหมจรรย์เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อพิสูจน์ตน”

“พิสูจน์ตน? แล้วเกี่ยวข้องสิ่งใดกับการครองตัวเป็นพรหมจรรย์”

บุษบาไม่เข้าใจ พิสูจน์ตนว่าจริงใจมีตั้งหลายวิธี หากครองตนเป็นพรหมจรรย์เพื่อพิสูจน์ตน เป็นเช่นนี้แล้วจะลงเอยกับยอดรักได้อย่างไร

อิเหนาพอจะรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่จึงว่าออกมาด้วยน้ำเสียงฟังดูแล้วปลดปลง

“เพราะข้ามิอาจครองคู่กับคนผู้นั้น”

“นางคือผู้ใดกัน เหตุใดเจ้าถึงครองคู่กับนางไม่ได้”

อิเหนายิ้มบางๆ “เพราะคนผู้นั้นหาใช่ ‘นาง’ น่ะสิ”

บุษบาเอะใจ หรือว่า...

“อย่าบอกข้านะว่า...”

“คนผู้นั้นเป็นบุรุษ” อิเหนาโพล่งออกมาก่อนที่สหายจะกล่าวจบ เห็นสีหน้าของบุษบาตะลึงงันก็ได้แต่หัวเราะ “ถึงได้บอกอย่างไรเล่าว่ามิอาจครองคู่ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นองค์ยุพราชเฉกเช่นเดียวกับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้”

คนฟังเข้าใจได้ทันควัน เป็นเช่นที่อิเหนาว่านั่นแล เพียงแค่เป็นบุรุษเหมือนกันก็ว่าแย่แล้ว นี่เป็นองค์ยุพราชเช่นเดียวกัน ผู้ใดจะไปเห็นดีด้วย ผิดจารีต ผิดประเพณี เฉกเช่นเดียวกับที่สตรีห้าวหาญเยี่ยงบุรุษเช่นนางนั่นล่ะ ล้วนแล้วผิดทั้งสิ้น

พลันก็นึกเห็นใจอิเหนาขึ้นมาที่มีชะตากรรมไม่ต่างจากตนเท่าไรนักที่มิอาจกระทำสิ่งใดตามใจได้ แต่ดูทว่าอิเหนาจะน่าอดสูกว่าเมื่อนางถาม...

“แล้วคนผู้นั้นคือใคร”

“จรกา... ข้ามีใจปฏิพัทธ์แก่จรกา”

เท่านั้นบุษบาก็ทำหน้าราวกับอมบอระเพ็ด

“ใครต่อใครก็รู้ว่าเจ้านั่นเกลียดชังเจ้าเข้ากระดูกดำ ชาตินี้ชาติไหนก็อย่าได้หวังเลยว่าระตูจรกาจะชายตาแลเจ้า”

“เพราะข้ารู้อย่างไรล่ะ เขาถึงได้มาขอความช่วยเหลือ” อิเหนาว่า “ขอร้องล่ะบุษบา ถอนหมั้นกับข้า ให้ข้าได้พิสูจน์ว่าจะครองพรหมจรรย์เพราะรักจรกาอย่างแท้จริง แล้วข้าจะตอบแทนบุญคุณเจ้า”

“เจ้าจะมอบสิ่งใดให้ข้า”

“อยากไปท่องเที่ยวแห่งหนใด ข้าจะพาเจ้าไป จะติดปีกให้เจ้าได้โบยบินอย่างเสรี”

ข้อต่อรองนี้ช่างเย้ายวนใจบุษบายิ่งนัก ปักษาถูกเด็ดปีกเช่นนางมีหรือที่จะไม่ตอบรับผู้ที่เอาปีกคู่ใหม่มาเสนอ นางแทบไม่หยุดคิดใคร่ครวญสิ่งใดแม้แต่น้อย ตกปากรับคำทันที

“เช่นนั้นก็ขอให้เป็นไปตามประสงค์ของเจ้า แต่เจ้าจะถอนหมั้นไปง่ายๆ ข้าว่ามันดูพิลึกพิลั่นอยู่ พระบิดาของเจ้ากับข้าไม่ทรงยินยอมโดยง่ายแน่ เจ้าต้องสร้างเรื่องเป็นข้ออ้างสักอย่างหน่อย”

“เรื่องอะไรรึ”

“ย่อมแน่ว่ามิอาจบอกว่าเพราะเจ้าตกหลุมรักจรกา” บุษบาว่าด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นก็พูดต่อ “ลองหาจ้างวานสตรีสักนางมาสวมรอยว่าเป็นสตรีที่เจ้าตกหลุมรักจนหมายจะถอนหมั้นข้าแล้วกัน บุรุษที่หน้ามืดตามัวในรักเช่นนี้แหละ ผู้ใดก็ย่อมมิอาจขัดขวางได้”

พอบุษบาเสนอ อิเหนาก็เห็นดีด้วยทันควัน

“ปัญญาเจ้าช่างล้ำเลิศนัก ข้าก็ไม่ทันคาดคิด”

คนถูกชมแย้มยิ้มที่มุมปาก “และถ้าหากเจ้าหาผู้ใดไม่ได้ ข้าก็มีคนผู้หนึ่งจะเสนอ”

“ใครอย่างนั้นหรือ?”

“เป็นสหายของข้า เจ้าเองก็รู้จัก”

“คนผู้นั้น...”

“พระธิดาท้าวหมันหยาและพระนางจินดาส่าหรีประไหมสุหรี”

ว่าเพียงเท่านั้น อิเหนาก็นึกออกทันใด

“จินตะหราวาตี”

“ใช่ นางผู้นั้นล่ะที่จะมาช่วยเจ้าอีกแรง”

 

เมื่อตกลงกับบุษบาได้ นางก็ขันอาสาไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับจินตะหราวาตีฟัง คราแรกจินตะหราก็หาได้เห็นด้วยหรอก ปฏิเสธไร้เยื่อใยไปโดยสิ้นเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว แม้ว่าจะเป็นสหายกันเพราะเมืองหมันหยาของพระบิดานางเป็นเมืองพระญาติของกุเรปันและดาหา แต่หากจะต้องให้นางมาร่วมกระทำเรื่องพิลึกพิลั่นไม่สมกับสิ่งที่สตรีกระทำแล้ว นางไม่เอาดีกว่า ต่อให้มีเพชรนิลจินดามากมายมาล่อลวงให้หลงกลก็เถอะ

และเพราะปฏิเสธบุษบา อิเหนาจึงจำต้องเร่มาขอร้องด้วยตนเอง มีโอกาสได้พบพานกับนางเมื่อครั้งเดินทางไปถวายพระเพลิงพระอัยยิกาแห่งหมันหยา เขาก็ลอบพบกับนางและออกปากขอร้อง จินตะหราวาตีก็หมายใจจะปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่เมื่อได้พบกับอิเหนาอีกครั้งเมื่อเป็นบุรุษฉกรรจ์ ดวงใจของนางก็ถูกช่วงชิงไปเสียหมดสิ้น

ให้แสร้งว่าเป็นสตรีที่อิเหนามาหลงหัวปักหัวปำจนไม่ยอมกลับกุเรปันและขอถอนหมั้นบุษบาอย่างนั้นหรือ? ย่อมได้ ในเมื่อนางเองก็ใคร่อยากให้เป็นเช่นนั้น ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าบุรุษที่พบพานเป็นสหายกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ครั้นเติบใหญ่จะมีรูปงามได้ถึงเพียงนี้

กระนั้นนางก็รู้ดีว่าทุกสิ่งล้วนแล้วเป็นเรื่องลวง อิเหนาได้ย้ำกับนางแล้วว่า...

“เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับข้าและบุษบา ล้วนเป็นเรื่องไม่จริง เจ้าอย่าได้เผลอไผลมีใจให้ข้าเป็นอันขาด และก็จงรักษาสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วข้ากับเจ้าคงต้องขาดกัน”

แล้วจินตะหราจะกล้ากระทำสิ่งใดได้เล่า แม้จะรักยิ่งแต่ในเมื่ออีกฝ่ายหาได้มีใจให้กับตน ตนก็ขอเจียมเนื้อเจียมตัว เสแสร้งแกล้งทำว่าร่วมมือกับอิเหนาเพื่อที่จะได้ชิดใกล้เพียงเท่านั้น ขณะเดียวกันในใจก็มีความหวังพร่างพรายขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอิเหนาแสร้งทำเป็นตกหลุมรักนางเพื่อตบตาพระราชบิดาเพราะผู้ใด

จรกา...

เป็นบุรุษเหมือนกัน ต่อให้รักเพียงใดก็มิอาจได้ครองคู่ เมื่ออิเหนาท้อถอยถอดใจเมื่อไร นางซึ่งอยู่ชิดใกล้ที่สุดนี่ล่ะจะขึ้นมาแทนที่

เป็นความหวังที่นางหมายมั่นปั้นมือว่าสักวันจะให้มันสมประสงค์ให้จงได้

ขณะเดียวกัน อิเหนาก็ไม่ยอมกลับเมืองหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิง แสร้งว่าตกหลุมรักจินตะหราจนหูตามืดบอด ถ่วงเวลาให้บุษบาได้หลบหนีไปเที่ยวเล่นให้สมใจตามที่ตกลงกันไว้ หากแต่แผนการเหมือนจะผิดพลาดไปเสียหมดเมื่อท้าวดาหาทรงกริ้วว่าที่พระราชบุตรเขยเป็นอย่างมาก ถึงขั้นประกาศกร้าวว่าหากผู้ใดมาสู่ขอบุษบาเป็นคู่ตุนาหงัน ก็จะยกให้ทันทีโดยไร้ซึ่งเงื่อนไข

ข่าวลือแพร่ไวดั่งไฟลามทุ่ง ระตูจรกาทราบเรื่องก็เห็นว่านี่เป็นโอกาสของตน...

โอกาสที่จะได้มีชัยอยู่เหนืออิเหนาเรื่องหนึ่งก็คือการได้ครอบครองบุษบา

แล้วจะรอช้าอยู่ไย จรกาเร่งรี่ไปสู่ขอนางทันที ส่วนบุษบานั้นก็มิทันได้หนี ถูกจับหมั้นเป็นคู่ตุนาหงันของจรกาแล้วเรียบร้อย

อะไรไม่ว่า ยังมีเหล่าเมืองเล็กเมืองน้อยแห่แหนกันมาอีกโขยงใหญ่ เป็นเช่นนี้แล้ว นางจะทำอย่างไรได้เล่า!

 

ร้อนถึงอิเหนาที่คิดว่าแผนการของตนจะเป็นไปด้วยดี เมื่อได้ยินว่าหลังจากที่ตนถอนหมั้นกับบุษบาแล้วจรกาไปสู่ขอทาบทามเป็นคู่ตุนาหงันแทน ตนก็เต้นผางเสียจนเมืองหมันหยาแทบพินาศ

แสร้งทำเป็นหลงรักนางจินตะหราหัวปักหัวปำจนไม่กลับเมืองเพื่อการใด

ถอนหมั้นบุษบาเพื่อการใด

พิสูจน์ตนด้วยการเป็นพรหมจรรย์หมายให้ยอดดวงใจเห็นอกเห็นใจเพื่อการใด

ในเมื่อจรกาจะอภิเษกชายาเช่นนี้ ทั้งหมดทำไปเพื่อการใด!

โทสะครอบงำเสียจนผู้ใดก็เข้าหน้าไม่ติด แม้แต่จินตะหราที่คอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจก็มิอาจเข้าหาได้แม้แต่น้อย มีเพียงสังคามาระตา อนุชาบุญธรรมเท่านั้นที่เข้าใกล้ได้ แต่ก็มิวายถูกตะคอกบ้าง ตวาดบ้างเป็นระยะ

แต่...ผู้ใดจะทำอะไรได้เล่า พูดสิ่งใดออกมาก็เท่ากับว่าราดน้ำมันบนกองไฟทั้งนั้น อิเหนาหัวเสียเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ คงต้องปล่อยไว้จนกว่าเขาจะคิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้นั่นล่ะ

ทว่าต่อให้คนใกล้ตัวระมัดระวังจะทำให้อิเหนาระคายใจเพียงใด ท้าวกุเรปันก็ส่งน้ำมันถังใหญ่มาเทรดบนศีรษะของพระโอรสแล้วเป็นที่เรียบร้อยด้วยการออกคำสั่ง

...จงนำทัพไปช่วยปกป้องไม่ให้ผู้ใดมาช่วงชิงตัวนางบุษบาเพราะลำพังเพียงเมืองดาหาและเมืองจรกานั้น มิอาจรับศึกหนักจากรอบด้านได้ จงไปเป็นแม่ทัพนำชัยให้ดาหาเสีย

ได้ฟังแล้วก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

มารดานางบุษบาเถิด! จะถูกชิงตัวไปก็เรื่องของนาง ไม่เกี่ยวกับเขา!

ถึงกับมองเมินสหายที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยกันวางแผนชั่วเลยทีเดียว ยิ่งเห็นราชทูตจากกุเรปันที่นำข่าวมาให้หมอบกราบอยู่ตรงหน้าในตำหนักก็ยิ่งหัวเสียเป็นการใหญ่

“ข้าไม่ไป เรื่องอันใดจะต้องพรากจากนางอันเป็นที่รักเช่นจินตะราวาตีไปด้วย จากนางแล้วไซร้ ข้าจะอยู่ได้อย่างไร”

อิเหนาแสร้งว่าถึงชายาจอมปลอมทั้งที่ปกติไม่แม้แต่จะอยากเอ่ยชื่อ แต่ครั้งนี้ยอมพูดปดด้วยไม่ต้องการไปยุ่งวุ่นวายกับอดีตคู่ตุนาหงันเช่นบุษบาและเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ ขณะที่ราชทูตจากกุเรปันมีสีหน้าหนักใจยิ่งเพราะกราบทูลก็แล้ว คะยั้นคะยอก็แล้ว บีบบังคับก็แล้ว อิเหนาก็ไม่หือไม่อือ ไม่มีท่าทีว่าอยากจะไปช่วยเลยแม้แต่น้อย

“แต่เป็นพระบัญชาของพระราชบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงปฎิเสธไม่...”

“ข้าไม่ไป!”

อิเหนาแผดเสียง ชักมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้วที่ถูกตอแยไม่เลิก ทำให้อีกฝ่ายต้องลอบถอนหายใจ

“กระหม่อมก็มิอยากทำให้พระองค์ทรงขุ่นพระทัย แต่สิ่งที่กระหม่อมกราบทูลคือพระบัญชาของท้าวกุเรปันที่หมายพระทัยให้พระองค์ดำรงตำแหน่งแม่ทัพ ยกพลไปช่วยท้าวดาหา ลำพังเพียงท้าวจรกาคงมิอาจต้านศึกไว้ได้ไหว หากเป็นเช่นนั้นพระราชธิดาบุษบาคงได้ถูกชิงตัวไปเป็นแม่นมั่นพ่ะย่ะค่ะ”

ถูกชิงก็ถูกชิงสิ จรกาพ่ายทัพสิดี เขาก็อยากให้เป็นเช่นนั้นถึงได้แสร้งทำเป็นไม่รับรู้สิ่งใด ในใจก็นึกขุ่นเคืองบุษบาที่รับปากเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะหลบลี้หนีไปเที่ยวตามประสาดั่งที่เคยตกลงกันไว้ แต่ไฉนเล่าถึงได้รับหมั้นกับจรกาเสียอย่างนั้น เป็นเช่นนี้แล้ว เขาจะถอนหมั้นนางเพื่อการใดกันเล่า! จะหนีออกจากวังก็ไม่หนีให้พ้น โง่งมนัก!

ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเสียจนใบหน้าคร้ามแลน่ากลัว ราชทูตเห็นแล้วก็เสียวต้นคอตนเองวาบเสียเหลือเกินว่าจะหลุดออกจากบ่า แต่ก็จำต้องพูดไป

“ศึกครั้งนี้นอกจากจะมีทัพจากมากมายหลายแคว้นแล้ว ทัพใหญ่จากกระหมังกุหนิงก็เข้าร่วมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่ายนั้นหมายจะช่วงชิงพระราชธิดาบุษบาให้เป็นดองกับองค์ยุพราชวิหยาสะกำ เป็นทัพที่น่าเกรงขามที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

วิหยาสะกำ...

อิเหนาคุ้นเคยนามนั้นดี ได้ยินมาบ่อยครั้งนักว่าเป็นบุรุษมีรูปร่างหน้าตางดงาม อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่สุดสวาทของผู้เป็นบิดา หากต้องการสิ่งใดแล้วจะต้องได้ไปทุกสิ่งอัน เฉกเช่นครั้งนี้ที่หมายปองนางบุษบา จึงเป็นเหตุให้ท้าวกระหมังกุหนิงยกพลมาบีบบังคับเอา

แต่ทว่า... อิเหนาก็หาได้สนใจ นอกจากจะแสดงสีหน้าขุ่นเคืองเท่านั้น

“นางบุษบาจะงดงามเพียงใดกัน เมืองเล็กเมืองน้อยถึงได้ต้องเร่งรี่มาแย่งชิงถึงเพียงนี้”

นั่นก็เป็นการแสร้งว่าเช่นกัน หลายผู้หลายคนต่างเข้าใจว่าเขาหาได้เคยพบพานกับบุษบามาก่อน แต่แท้จริงแล้วหาใช่เช่นนั้น ก็ในเมื่อเป็นสหายกัน จะไม่เคยพบหน้าค่าตากันได้เช่นไร ส่วนเรื่องความงามของบุษบานั้น เขาก็หาได้ใคร่เถียงหรอกว่าไม่งาม นางงาม... แต่หาใช่สำหรับเขาเพราะในสายตาเขานั้นมีผู้อื่นที่งามกว่า

ราชทูตเองก็อับจนปัญญา ทำเอาสังคามาระตาที่นั่งฟังอยู่ด้วยต้องโบกมือไล่เป็นเชิงให้ออกไปก่อนด้วยหมายจะเกลี้ยกล่อมเชษฐาบุญธรรมด้วยตนเอง ครั้นราชทูตออกไปจากตำหนัก สังคามาระตาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่รอช้า

“ทูลเจ้าพี่ กระหม่อมเห็นว่าศึกครานี้ เจ้าพี่คงต้องไปช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

อิเหนาชำเลืองมอง สายตาไม่พอใจนัก

“เหตุใดข้าจำเป็นต้องไป ในเมื่อระเด่นบุษบาผู้นั้นไม่ระมัดระวังตัว เป็นเหตุให้น้องจรกาของข้าเร่งรี่ไปขอหมั้นเช่นนั้น ก็ปล่อยให้พินาศไปเถิด ดีเสียอีกหากนางถูกชิงตัวไป น้องจรกาจะได้ไร้ซึ่งคู่หมาย อยู่โดดเดี่ยวรอเพียงแต่ข้า”

สังคามาระตาถอนหายใจ เขาเข้าใจดีว่าบุรุษตรงหน้าหมายจะให้สถานการณ์เป็นเช่นใด เขาก็อยากจะให้ดำเนินไปตามแผนเล่ห์เพทุบายของอิเหนานั่นแหละ แต่ทว่า...

“กระหม่อมได้ยินว่าวิหยาสะกำผู้นั้นหาได้หมายปองบุษบา ที่ใครต่อใครว่ากันว่าวิหยาสะกำไปเก็บภาพวาดของบุษบาในป่าพงไพรได้แล้วตกหลุมรักถึงขั้นขอให้พระบิดาไปทูลขอจากท้าวดาหานั้น ล้วนเป็นเรื่องพดเท็จ”

ได้ยิน อิเหนาก็ชะงักงัน เรียวคิ้วสวยย่นยู่ฉับพลัน

“เจ้าหมายความเช่นไร”

“กระหม่อมหมายความอย่างที่พูดไป หลงรักภาพวาดของบุษบานั้นเป็นเพียงข้ออ้าง” สังคามาระตาเงียบไปครู่ เหลือบมองเชษฐาบุญธรรมอย่างชั่งใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี ก่อนที่จะตัดสินใจ “เพราะแท้จริงแล้ว ผู้ที่วิหยาสะกำหลงรักก็คือเจ้าของภาพวาด”

ในใจของคนฟังวูบไหว

เจ้าของภาพวาด... อย่าบอกนะว่า..

“ศึกครั้งนี้ที่วิหยาสะกำยกทัพไปประชิดเมืองดาหา...”

“...”

“เป็นเพราะหมายปองจรกา ใคร่จะนำตัวไปฟูมฟักอุ้มชูด้วยรักใคร่เสน่หาหลังจากพบพานกันในพนาพ่ะย่ะค่ะ”

เท่านั้นดวงตาของอิเหนาก็เบิกโต จากที่ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็หุนหันลุกขึ้นเต้นผาง

ไอ้วิหยาสะกำ! เห็นทีจะอยู่ร่วมปฐพีเดียวกันไม่ได้แล้ว!

“บอกกับราชทูตไปว่าข้าจะเข้าร่วมทัพ! ไปประเดี๋ยวนี้!”

ชี้นิ้วสั่ง ส่งเสียงดังพาโลโวยวาย พลันใบหน้าก็โกรธเกรี้ยวเสียเป็นยักษ์มาร ทำเอาสังคามาระตารีบกุลีกุจอออกจากท้องพระโรงไป ปล่อยให้อิเหนากรุ่นโกรธอยู่เพียงลำพัง

อยู่ดีไม่ว่าดี มาหาเรื่องเอาเลือดออกจากหัว

บังอาจมายุ่มยามกับพ่อดอกชบาของข้า เจ้าไม่ได้ตายดีแน่ไอ้วิหยาสะกำ!

 

ไม่กี่ทิวากี่ราตรี กองทัพจากกุเรปันโดยการนำของอิเหนาซึ่งดำรงตำแหน่งแม่ทัพก็ไปถึงยังกรุงดาหา สมทบเข้ากับกองทัพของท้าวดาหาและจรกา เบื้องหน้านั้นคือกองทัพใหญ่จากกระหมังกุหนิง แต่สิ่งใดก็มิอาจทำให้อิเหนาขุ่นใจได้เท่ากับการเห็นจรกาคนงามทรงเครื่องพร้อมออกศึก นั่งตระหง่านอยู่บนหลังอาชา มือถือดาบเล่มเขื่องที่ใหญ่กว่าท่อนแขนตน

ถึงกับต้องมาออกทัพจับศึกด้วยตนเองเช่นนี้... บุษบาหนึ่งหรัด! สงสัยอยากจะถูกกักขังเป็นนกในกรงทองตลอดชีวิตกระมัง!

ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคืองนางผู้เป็นสหาย ขุ่นเคืองกว่าก็คือไอ้วิหยาสะกำที่นั่งหน้าขาวปากแดงอยู่บนหลังอาชาศึก

ไอ้นี่ก็อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องเอาชีวิตมาทิ้งไว้เสียอย่างนั้น ได้! ในเมื่อแส่หาเรื่อง ข้าก็จะสนองเสียให้สมใจ!

อิเหนาดูจะคึกคักกว่าผู้ใด ใครต่อใครก็เข้าใจกันว่าเขาฮึกเหิมในการทำศึก ถึงขั้นออกแนวทัพหน้าเพื่อประจันกับทัพกระหมังกุหนิงก่อนเป็นทัพแรก โดยหารู้ไม่ว่าที่ให้ทัพของจรกาอยู่รั้งเป็นทัพหลังนั้น เป็นเพราะเกรงว่าพ่อจรกาตัวน้อยจะได้รับอันตราย

ก็ดูสิ แต่งองค์ทรงเครื่องทำศึกเสียเต็มยศ แต่สีหน้าซีดเผือด อีกทั้งท่าทางก็มะงุมมะงาหราขนาดนี้ ให้ออกไป ประเดี๋ยวก็โดนไอ้วิหยาสะกำหิ้วกลับกระหมังกุหนิงหรอก แล้วใครมันจะไปยอมให้ใครหน้าไหนมาเด็ดพ่อดอกชบาของเขาไปกัน!

พุ่งทะยานเข้าตะบันกับทัพของอริราชย์ ได้ปะมือกับวิหยาสะกำก็อดไม่ได้ที่จะแผดเสียง

“คิดการใดอยู่ก็จงเลิกคิดเสียวิหยาสะกำ! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่!”

“ไม่มีทาง! ข้าอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ รวมถึงคนผู้นั้นด้วย!”

คนผู้นั้น... หมายถึงใคร อิเหนารู้ดี แต่ก็ตะเบ็งเสียงออกไปด้วยหวังว่าตนและวิหยาสะกำจะเข้าใจผิดเรื่องข่าวลือไปเอง

“หากเจ้าหมายจะเอาตัวบุษบาหนึ่งหรัดไป ก็จงไปเอาเสีย! อยากได้ก็เอาไป!”

แล้วรีบๆ ไสหัวกลับเมืองไปเสียที!

ทว่าวิหยาสะกำกลับยิ้มเย้ย แผดเสียงตอบกลับมา

“ผู้ใดหมายปองนางบุษบา เจ้าก็ยกให้ผู้นั้นไปเถิด เพราะข้าไม่ได้มาเพื่อนาง แต่มาเพื่อระตูจรกา!”

ได้ยินแล้ว อิเหนาก็แทบจะจุดไฟเผาธรณีให้เป็นทะเลเพลิง

พูดจาไม่เข้าหูเช่นนี้ สงสัยไม่ต้องเอาหัวกลับเมืองแล้ว!

กรีฑาทัพเข้าฟาดฟันกันราวเกลียดแค้นชิงชังมาหลายสิบชาติ อิเหนาไม่รามือ วิหยาสะกำก็หมายจะเอาให้ได้

เช่นนั้นก็คอยดูว่าผู้ที่หมายจะแตะต้องยอดดวงใจของเขามีจุดจบเช่นใด!

แต่อิเหนาก็หาใช่ว่าจะไม่พลาดพลั้ง เพราะออกศึกด้วยโทสะ ปัญญาจึงไม่เกิดสักเท่าไรนัก ครั้นวิหยาสะกำเห็นทีว่าอิเหนาจะพลาดพลั้งให้กับตนก็กระหยิ่มยิ้ม หมายจะฟาดฟันอีกฝ่ายให้บรรลัย โดยหารู้ไม่ว่าข้างกายของอิเหนานั้นมีสังคามาระตาคอยระแวดระวังให้อยู่ เมื่อเห็นว่าเชษฐาบุญธรรมตกอยู่ในอันตราย สังคามาระตาก็ควบม้าห้อตะบึงเข้าสังหารวิหยาสะกำเสียสิ้น

เห็นพระโอรสสิ้นใจตายไปต่อหน้า ท้าวกระหมังกุหนิงก็พลาดท่าเสียที ถูกสังหารตายตกไปตามกัน เป็นอันว่ากระหมังกุหนิงพ่ายศึกเสียราบคาบ อิเหนาสะใจเป็นยิ่งนัก ทิ้งตัวจากหลังม้ามาสำรวจร่างไร้วิญญาณของวิหยาสะกำ ก่อนจะว่าอย่างเวทนา

“รูปรึก็งาม นามก็เพราะ อายุอานามก็ยังน้อยนัก ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัว”

ชมโฉมนั้นชมจากใจจริง วิหยาสะกำมีรูปโฉมงดงาม หากเปรียบเทียบกับเขาแล้ว ย่อมพูดได้ว่างดงามเท่าเทียม ขนาดเป็นเพียงศพเย็นชืดอาบไปด้วยเลือด ยังคงงดงามเฉกเช่นเดิม

เช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะที่สิ้นไป ไม่อย่างนั้นเขาคงมีคู่แข่งเป็นแน่

ในสามโลกนี้ให้เขามีรูปงามเพียงผู้เดียวก็พอ ระตูจรกาจะได้มองเพียงแค่เขาเท่านั้น!

คิดแล้วก็ผินหน้าไปมองยังจรกาที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ไม่ไหว แม้จะเป็นเจ้าเมืองแต่ก็ใช่ว่าจะชำนาญการศึก ด้วยอายุที่ยังน้อย พอจะเดาได้ว่านี่เป็นศึกครั้งแรกเป็นแน่

สีหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก เห็นแล้วอิเหนาก็เอ็นดูยิ่ง ใคร่อยากดึงมากอดปลอบประโลมแล้วกระซิบบอกที่ข้างหูเหลือเกินว่าตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาแตะต้องแม้แต่ปลายผม แต่ก็หาได้กล้ากระทำสิ่งใด นอกจากกลับขึ้นหลังม้าแล้วสั่งให้ทุกคนออกจากบริเวณนั้น

ได้เห็น ได้กลิ่นคาวเลือดมากไปคงจะไม่เป็นการดีกับน้องจรกา...

ถึงจะปลอบประโลมไม่ได้ดั้งใจนึก แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ปกป้องจากภาพอันน่าอดสูนี่แล้วกัน

น้องจรกายอดรักของพี่... เจ้าจะรู้บ้างหรือไม่ว่าที่พี่ยอมมาร่วมศึกกระหมังกุหนิงในครานี้หาใช่เป็นเพราะบุษบา

แต่เป็นเพราะเจ้า... เป็นเพราะกลัวผู้อื่นจะช่วงชิงเจ้าไปจากอกพี่...

น้องจรกา... ต่อให้มิได้ครองคู่ แต่เจ้าจะเป็นของพี่แต่ผู้เดียวตลอดไป...

 

ผมตื่นขึ้นมากลางดึกก่อนลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่...

ที่ยังไงดีล่ะ เรียกว่าเหลอหลาได้ไหม หรือเหวอดี แต่อะไรก็ช่างเถอะ ที่รู้ๆ คือผมฝันโคตรประหลาดเลย ก็เมื่อกี้น่ะ ผมฝันว่า...เอ่อ...วิหยาสะกำกับอิเหนาทำศึกกันเพราะแย่งจรกา

เออ ไม่ได้พูดผิดเลย แย่งจรกาจริงๆ ไม่ได้แย่งบุษบาอย่างที่ผมหรือใครต่อใครเข้าใจ ผมนั่งลูบหน้าลูบตาตัวเองอยู่พักใหญ่ด้วยสับสนกับความฝันที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะรู้สึกตัวเมื่อคนข้างกายผมร้องทักขึ้นเบาๆ

“อืม...จิ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมตื่น”

ผมหันไปมองก็เห็นพี่อินทร์คว้าโทรศัพท์มาเปิดไฟฉาย หน้าตางัวเงียของเขาทำให้ผมเม้มริมฝีปากแน่น

“ว่าไงจิ มีอะไรหรือเปล่า”

เขาลุกขึ้นมานั่ง คว้าผมไปโอบ ผมก็เลยต้องตอบไปเพราะสีหน้าเขาดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย

“จิฝันร้ายน่ะครับ”

“ฝันร้าย?”

“อืม”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก เขาเลยถามมาอีก

“ฝันว่าอะไร”

จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าฝันเห็นอิเหนากับวิหยาสะกำแย่งจรกากัน ผมเลยบ่ายเบี่ยง

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

แต่พี่อินทร์ไม่เชื่อ ทำปากยื่นๆ มาให้ กอดผมแน่นขึ้นพลางวางคางลงบนไหล่

“ไม่เชื่อหรอก ไม่มีอะไรจะตื่นขึ้นมาทำไม ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อยซิว่าใครทำหนูฝันร้าย~”

น้ำเสียงออดอ้อนทำให้ผมใจอ่อนยวบ ก็แพ้ทางเวลาเขาเป็นแบบนี้ทุกที สุดท้ายก็เลยต้องบอกไป

“พี่อินทร์จำพี่วิญญูได้ไหมครับ”

“วิญญู... ไอ้บ้าสตอล์กเกอร์นั่นน่ะเหรอ”

ผมพยักหน้า พลันพี่อินทร์ก็มีสีหน้าเครียดทันที

“ทำไม มันทำอะไรจิ อย่าบอกนะว่ามาตามจิอีกแล้ว”

คราวนี้ผมส่ายหน้า ก่อนจะรีบบอก “จิฝันว่าพี่วิญญูกับพี่อินทร์ทะเลาะกันเพราะจิน่ะครับ”

บอก...แต่ไม่บอกตรงๆ บอกอ้อมๆ แล้วกัน กลัวเขาจะคิดว่าผมบ้าถ้าบอกเรื่องจริง

พี่อินทร์ได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ก็เลยว่าฝันร้ายเหรอ”

“อื้ม”

“เห็นหน้าไอ้บ้านั่นก็ต้องฝันร้ายอยู่แล้ว โอ๋ๆ นะคนดี ไม่ต้องคิดมาก ลืมมันไป เพี้ยงๆ เดี๋ยวพี่จะกล่อมให้ฝันดีนะ”

พอเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ พี่อินทร์ก็ค่อยๆ ดึงตัวผมลงนอนเหมือนเดิม ผมก็นอนแต่โดยดีในอ้อมแขนเขา ปล่อยให้เขาลูบท้ายทอยลูบหลังไปตามประสา

“เอ่เอ๊~” มีกล่อมผมด้วย แต่ได้พักเดียวเท่านั้นแหละ จากนั้นก็... “คร่อก~”

หลับไปหน้าตาเฉยเลย ผมเหลือบมองหน้าเขาใต้แสงไฟฉายจากโทรศัพท์ก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ

พี่อินทร์น่ารักกับผมตลอดเลย แล้วก็เผลอคิดไปว่าถ้าความฝันของผมเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงมันก็คงจะดีไม่น้อย

ถ้าอิเหนาไม่ได้ทำศึกกระหมังกุหนิงเพราะบุษบา แต่เป็นเพราะจรกา...

ถ้าอย่างนั้นก็เป็นศึกชิงนายล่ะสินะ..


ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้ม พลันผมก็ซุกใบหน้าเข้าไปอกเขา ดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คงจะต้องเรียกว่าฝันดีมากกว่าฝันร้ายมากกว่า

งั้นผมก็ขอฝันพิลึกๆ แบบนี้ไปทุกวันเลยก็แล้วกัน...

---------------------------------

ปมค่อยๆ เฉลยค่ะ แต่ยังไม่หมด อันนี้เพิ่งส่วนหนึ่ง และขอย้ำ!!! ห้ามน้องๆ หนูๆ เอาไปตอบข้อสอบเป็นอันขาด! 555555

พรุ่งนี้เดี๋ยวมาอัปตัวอย่างให้นะคะ คืนนี้ต้องนอนก่อน วันนี้ไปต่างจังหวัดมาทั้งวันเลย ตอนนี้สภาพไม่ไหวละ

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยจ้า ไปหวีดกันที่ #จรกาคนงาม ในทวิตได้เน้อ XD

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 21:51:30 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เขาว่าฝันร้ายกลายเป็นดีนะจิระ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด