★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144175 ครั้ง)

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เห็นเรื่องปวดหัวมาแต่ไกลเลยจริงๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วุ่นดีแท้ หนูจิปวดหมองยังเนี่ย  :really2:

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
  :pig4:
อยากรู้ที่มาที่ไป  จะเป็นอย่างไรถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับตาลปัต สลับตำแหน่ง เปลี่ยนตัวตนกันไปหมดแบบนี้
 :z10:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม
«ตอบ #275 เมื่อ12-05-2018 20:33:18 »

พล็อตน่าสนใจค่ะ ติดตามเลย ใครนะจะได้คู่กับจรกา

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เหมือนเห็นความวุ่นวายกำลังจะมา เอาใจช่วยทุกคนเลย

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ฮาอ่ะ   :laugh: แต่ก็นะ ไม่ใช่ว่าฮาไปฮามาม่าชามเบ้อเริ่มนะคะ

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่อิททร์ตอนสาบานนี่โคตรพระเอกอ่ะ แบบหล่อภจนลบภาพบ้าๆของนางได้ ตัดภาพไปตอนหน้าบ้าจนอยากเรียกรถโรง'บาลมารับอ่ะ 55555

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เรื่องอะไรรรรรรที่บอกน้องไม่ได้ เรื่องระลึกชาติน่ะเหรอ

หรือเรื่องอะไร ถ้าไม่รีบบอกระวังไว้ให้ดีนะพ่ออิเหนา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เหมือนคดีจะพลิกนะ  :hao5:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
นั่นสิ  มีเรื่องอะไรที่เล่าให้จิหรือจรกาฟังไม่ได้
นี่ก็ชาติใหม่แล้ว อะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะ ทำไมไม่มุ่งหน้าทำปัจจุบันให้มันดี  ยิ่งอ่านยิ่งงง

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 18: คู่ตุนาหงัน[1]

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ พี่อินทร์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร ตั้งแต่ที่เจอกับจิณห์...อันที่จริงผมควรเรียกว่าพี่เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ รู้แต่ว่าตั้งแต่ที่พี่อินทร์ได้เจอกับผู้ชายคนนั้น เขาก็ดูหงุดหงิดไปทุกสิ่งอย่าง แม้ว่าจะไม่ได้หงุดหงิดใส่ผมหรือโวยวายอะไร ทว่ารอยย่นระหว่างหัวคิ้วและสีหน้าบึ้งตึงทุกครั้งที่ลืมตัวนั่นก็ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขาไม่สบายใจเท่าไรที่ได้เจอกับอดีตเพื่อนสนิท

ผมก็ไม่กวนใจเขาหรอก เห็นเขาอารมณ์ไม่ดีก็อดไม่ได้ที่จะทำตัวให้น่าแกล้ง เผื่อว่าได้แกล้งผมแล้ว พี่อินทร์จะอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร ยิ่งผมย้ายเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว เขาก็ดูเกือบจะเป็นปกติ

ใช่ แค่เกือบน่ะ...

“จิ”

กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ดีๆ พี่อินทร์ที่เพิ่งจะกลับเข้าห้องมาก็โพล่งขึ้น วันนี้เขามีเรียนบ่ายเลยกลับเย็น ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้าเลยกลับมานอนขลุกอยู่ที่ห้อง และเสียงนั้นก็ทำให้ผมละสายตาไปมองเขา

“ครับ?”

“เสาร์-อาทิตย์นี้มีนัดเพื่อนไปไหนหรือเปล่า”

“ทำไมเหรอครับพี่อินทร์”

ผมลุกขึ้นนั่ง พี่อินทร์ปิดประตูแล้วบอกกับผมเสียงเรียบ

“ถ้าไม่มี พี่จะชวนไปเที่ยว”

ผมค่อนข้างแปลกใจพอสมควรที่จู่ๆ เขาก็มาชวนผมไปเที่ยวแบบนี้ แต่พอหันไปเห็นสีหน้าของเขาที่มีรอยยิ้มประดับพรายน้อยๆ แล้ว ผมก็เลิกสงสัย

“เครียดน่ะ อยากไปคลายเครียดหน่อย ยังไม่เคยไปเดตกับจิด้วย อยากไป”

เครียดเรื่องอะไร ผมรู้อยู่แก่ใจ แล้วผมจะปฏิเสธเหรอ เขาขอมา ผมก็พยักหน้ารับทันที

“ไม่มีครับ แล้วพี่อินทร์จะพาจิไปไหนเหรอ”

ผมว่าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทำเหมือนตื่นเต้นหน่อย เขาจะได้อารมณ์ดีขึ้น

“ไปจันทบุรี”

“เอ๋?”

“บ้านพี่มีสวนผลไม้อยู่ที่นั่น มีบ้านทรงไทยด้วย อยากพาจิไปนอนเล่น”

พี่อินทร์ตอบเมื่อเห็นผมสงสัยประมาณว่าทำไมถึงจะไปเที่ยวที่นั่น พอเขาตอบแล้ว ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ รู้อยู่หรอกว่าบ้านพี่อินทร์มีตังค์ ก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีสวนผลไม้ที่จังหวัดนั้นด้วย มันก็คงเป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัวของเขานั่นแหละ

“ว่าไง อยากไปไหม”

เขาถามเมื่อเห็นผมเงียบ ผมอยากให้เขาอารมณ์ดีก็เลยยิ้มแฉ่งให้

“อยากไปสิครับ จิก็อยากไปเดตกับพี่อินทร์เหมือนกัน”

พี่อินทร์ก็ยิ้มรับ “แต่ไปเดตแบบนอนค้างคืนนะ”

“จะค้างหรือไม่ค้างก็ไม่เห็นต่างกันเลย ปกติจิก็นอนกับพี่อินทร์อยู่แล้ว”

นอนที่ว่า หมายถึงนอนจริงๆ ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงเลยสักนิด แต่พี่อินทร์กลับยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา วางกระเป๋าเอกสารแล้วตรงมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผม

“แต่ครั้งนี้ไปนอนกับพี่ พี่ไม่ได้อยากทำแค่นอนเฉยๆ”

ผมสบตาเขา ในอกวูบไหวขึ้นมาพร้อมกับความร้อนที่แล่นมายังใบหน้า

ไม่ได้อยากทำแค่นอนเฉยๆ หรือพี่อินทร์จะหมายถึง...

“อยากชวนเธอไปเยอีเยอีเยอีเย้~”

นั่นไง! กูว่าแล้ว คิดอกุศลจริงๆ ด้วย!

แล้วก็ระริกระรี้มากอดผมใหญ่เลย ลืมไปหมดว่าก่อนหน้านี้ดูซีเรียสอยู่ คือเอาจริงๆ เรื่องนี้เนี่ย พี่อินทร์ก็ถามผมแล้วหลายรอบเหมือนกันว่าเมื่อไรจะได้ทำกัน แต่เพราะผมไม่เคย แล้วก็กลัวๆ อยู่ว่าจะเจ็บ ก็เลยไม่ได้ตกลงปลงใจสักที เห็นทีที่ชวนผมไปเที่ยวบ้านสวนของเขาคราวนี้ ผมคงหนีไม่รอดแล้วมั้ง

“แต่ถ้าจิไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่บังคับ”

พี่อินทร์ว่าเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วเคร่งเครียด เขาก็พูดแบบนี้ทุกทีแหละเวลาขอแล้วเห็นผมคิดนาน ผมมองหน้าเขาพลางคิด

ถ้าผมยอมเป็นของเขา เขาจะอารมณ์ดีขึ้นกว่านี้หรือเปล่า?

คงจะอารมณ์ดีขึ้นแหละ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำน่ะ ในฐานะแฟน ถ้าจะมีอะไรกันมันก็คงไม่เป็นไรมั้ง อีกอย่างผมก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมรักเขา เขาก็รักผม คงไม่เป็นไรจริงๆ ...

“แล้ว...มันต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้างครับ”

ถึงจะไม่ตอบรับไปตามตรง แต่ถามอย่างนี้ พี่อินทร์ก็เข้าใจได้ว่าผมยอมตกลงปลงใจแล้ว เขายิ้มกว้างออกมาจนหน้าแป้น กอดผมแน่นกว่าเดิมอีก

“จิไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เตรียมให้ เตรียมตัวเตรียมใจอย่างเดียวก็พอ”

เตรียมตัวเตรียมใจ...

ไม่รู้ทำไมผมถึงเป็นกังวลขึ้นมาน้อยๆ แต่พอเห็นพี่อินทร์ร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

ไม่เป็นไรน่า ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันเท่านั้นแหละ ไม่ต้องกลัว...

ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว แต่ผมก็กลัวอยู่ดีแหละ คิดเล็กคิดน้อยจนนอนไม่หลับ กระทั่งพี่อินทร์พามาถึงบ้านสวนของครอบครัวที่จันทบุรีในวันรุ่งขึ้นนั่นแหละ ผมถึงได้ลืมความกลัวนั้นไปจนหมดสิ้น

บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ในสวนผลไม้ บรรยากาศดี แมกไม้ร่มรื่น ผลไม้ก็อร่อย ทำเอาผมลืมความกังวลไปจนหมดสิ้น พี่อินทร์ก็ใจดีกับผมมาก ทั้งพาผมไปสอยมะม่วงมากิน ชวนผมไปช่วยแม่บ้านทำน้ำปลาหวาน พาผมเดินเที่ยวเล่นในสวน เรียกได้ว่ากิจกรรมที่ทำระหว่างวันนี้ทำเอาเขาอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตาจากวันก่อนๆ เลยล่ะ

ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น เห็นเขาบ้าๆ บอๆ ขี้เล่นขี้แกล้งแบบนี้ยังจะดีกว่าทำหน้าเครียด แบบนั้นผมไม่ชิน

แต่ทว่า...ความสนุกที่สุดของวันเหมือนจะไม่ใช่การพาผมไปทำกิจกรรมต่างๆ แต่เป็นกิจกรรมที่เขาเฝ้าตั้งตารอมาตั้งแต่เมื่อวาน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็มานั่งเล่นในห้องนอน บ้านไม้ทรงไทยนี่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกันนะ แต่ที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าก็คือ... ความระริกระรี้ของพี่อินทร์ที่ดูเหมือนจะมีมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ

“จิระ~”

พี่อินทร์ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเตรียมอาบน้ำโผมากอดผมหมับ เป็นสัญญาณให้รับรู้ทันทีว่าเขาเตรียมจะทำอะไร ก่อนที่เสียงเบาราวกระซิบจะดังขึ้นที่ข้างหูผม

“พร้อมหรือยังหืม?”

เท่านั้นผมก็รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผะผ่าวทันที ยิ่งหันไปเห็นเขาส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ด้วย ผมก็เก็บงำความเขินอายไว้ไม่ไหว ชั่วแวบหนึ่งผมก็นึกอยากจะเปลี่ยนใจเอาในตอนนี้เพราะจู่ๆ ก็ใจฝ่อขึ้นมา แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเปลี่ยนใจ พี่อินทร์จะต้องสลดแน่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ใช้ความอดทนในการรอผมค่อนข้างมากเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าวันนี้ไม่ได้เป็นไปตามแผน ปล่อยให้เขาเป็นพ่อสายบัวรอเก้อล่ะก็ คิดไม่ออกเลยว่าหน้าตาเขาตอนที่ทั้งสลด ทั้งเครียดมันจะเป็นแบบไหน

ผมสบตาที่เป็นประกายสดใสอย่างมีความหวังของพี่อินทร์แล้ว พลันก็ถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

มาถึงขั้นนี้แล้วคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วล่ะ แต่ว่านะ...ก็ยังลังเลอยู่

“พี่อินทร์อยากทำมากเลยเหรอครับ”

พอผมถาม เขาพยักหน้ารับเร็วๆ ยิ้มแป้นแล้นจนตาหยีเลย

น่ารัก...

น่ารักแบบนี้จะลังเลอะไรอีกเล่า เลิกคิดมากได้แล้วจิระ ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละ!

“งั้นพี่อินทร์...”

“...”

“เบามือหน่อยนะครับ จิกลัวเจ็บ”

พอพูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หัวเราะออกมา ผมเม้มริมฝีปากแน่น หน้าง้ำไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นความกังวลของผมเป็นเรื่องตลก แต่ก็หัวเราะได้แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ เขาก็กระซิบมาที่ข้างหูผมแล้ว

“เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้ว ไม่ต้องห่วง พี่จะอ่อนโยนนะ”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็เลยลุกไปคว้ากระเป๋าเป้มาเปิด ก่อนจะหยิบของออกมาทีละชิ้น

“อันนี้ถุงยาง อันนี้เจลหล่อลื่น มีหลายกลิ่น เอาไว้ให้จิเลือก ตอนบอกให้เลือกก็ไม่ยอมเลือก พี่เลยกวาดมาทุกสีทุกกลิ่นเลย”

จริงๆ ของพวกนี้เป็นของที่เราไปซื้อด้วยกันหลังจากที่ผมรับปากเขาว่าจะทำนั่นแหละ แต่ตอนที่บอกให้ผมเลือกเนี่ย ผมไม่เลือกหรอกนะ แค่ไปยืนกันสองคนตรงหน้าชั้นขายของพวกนี้ ผมก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ไม่รู้หรอกว่าเขาหยิบอะไรมาบ้างจนกระทั่งพี่อินทร์คว้าเอาขวดเจลหล่อลื่นทรงยาวขนาดพอดีมือขึ้นมา แล้วทำเสียงกระเส่าๆ ใส่ผม

“ลองสูตรเย็นดีไหม รับรองแล้วว่าเย็นซาบซ่านถึงทรวงใน”

เอาแบบธรรมดาก็พอเว้ย! สูตรเย็นไม่เอา!

“ครั้งแรกของจิ จิขอแบบไม่พิสดารนะครับพี่อินทร์”

ผมรีบออกตัวเลย กลัวเขาจะใช้สูตรเย็นจริงๆ พี่อินทร์หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล ปากก็ว่าไปเรื่อย

“พี่แค่ซื้อมาเผื่อ ไม่เอาสูตรเย็นก็ไม่เอาสิ เอาเบสิกๆ กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ก็แล้วกันเนอะ”

ผมพยักหน้า ตอนนี้หน้าร้อนเห่อมากมาย เดาได้เลยว่ามันจะต้องแดงมากแน่ๆ ขณะที่พี่อินทร์มองผมแล้วก็มาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เอื้อมมือมาดึงแก้มผมทั้งสองข้าง

“อายเหรอยัยตัวเย็ก ทำหน้าน่ายัก แจ้มตุ่ยๆ แบบนี้ ไหนบอกป่าปี๊ซิว่าหนูอายเหยอ”

เสียงสองใส่ผมเฉยเลย สงสัยเอ็นดูกับท่าทางในตอนนี้ของผม ผมเหลือบมองเขาแล้วก็ได้แต่ว่าอุบอิบ

“ก็จิไม่เคย”

“เดี๋ยวก็เคยแล้ว”

พี่อินทร์ว่ายิ้มๆ ระรื่นจนน่าหมั่นไส้มากๆ แต่เขาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ

“จิต้องทำยังไงบ้างครับ”

ถามไป ใจก็เต้นแรงไป มือทั้งสองข้างที่จับกันอยู่บิดไม่เป็นรูปเลย พี่อินทร์ยิ้มพร้อมกับแววตาพราวระยับ

“ไม่ต้องทำอะไรมากมาย จิแค่ทำตามที่พี่บอก ที่เหลือพี่จะจัดการเองโอเคไหม”

ผมพยักหน้า ไม่ประสาเรื่องแบบนี้นี่นา เขาว่ายังไง ผมก็ต้องว่าตามล่ะ พลันก็มองไปยังพี่อินทร์ที่คว้าอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่ยื่นให้ผม

“อันดับแรก...จิไปใส่อันนี้มาก่อน”

ผมมองของที่อยู่ในมือเขา มันเป็นผ้าบางๆ เหมือนมุ้ง พอรับมาแล้วคลี่ดู ผมก็ต้องถลึงตาใส่เขาทันทีที่เห็นว่ามันเป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยวซีทรูบางๆ ของผู้หญิง ตรงชายด้านล่างมีขนเฟอร์ปลอมสีดำประดับ ดูท่าทางจะเป็นไซส์ใหญ่ที่สุดด้วยมั้ง ไม่รู้ว่าไปซื้อมาตอนไหน สงสัยตอนที่ผมจ่ายเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์แน่ๆ ตอนนั้นเห็นแวบๆ ว่าเขาไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านชุดชั้นในสตรีแถวๆ นั้น แต่ก็ไม่สำคัญอะไรแล้วเมื่อพี่อินทร์กระซิบมาอีก

“ชุดนอนไม่ได้นอน เห็นแล้วเซ็กซี่เร้าใจ”

มึงมีรสนิยมอย่างนี้เองเหรอไอ้อิเหนา! ใส่เองเถอะไอ้ชุดมุ้งเนี่ย!

ผมคว้าปาทิ้งลงพื้นทันทีประหนึ่งว่าชุดนั่นเป็นของร้อน ความอายที่มีอยู่ก่อนหน้าอันตรธานหายไปทันตา ก่อนหันไปแหวใส่เขา

“จะบ้าเหรอพี่อินทร์ จิไม่เอาด้วยหรอกนะ ไม่ใส่!”

พี่อินทร์ทำหน้าง้ำตอบรับฉับพลัน “แต่ปี้อินทร์อยากเห็นง่ะ”

แล้วก็กระเง้ากระงอดเป็นการใหญ่ ดีดดิ้นแด๊ะแด๋ด้วย แต่รอบนี้ผมไม่ใจอ่อนหรอกนะ ปฏิเสธเสียงแข็งเลย

“ไม่เอา! ถ้าพี่อินทร์อยากเห็นก็ใส่เองเถอะ จิไม่เอา!”

ดื้อแล้ว ไม่ยอมแล้ว พี่อินทร์ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับปากยื่นๆ พลันลุกขึ้นไปหยิบชุดที่ผมขว้างทิ้งเมื่อกี้มาถือ ก่อนตัดพ้อ

“คนใจร้าย”

เออ! กูจะใจร้ายแล้ว! ให้กูใส่ชุดมุ้งแบบนี้ จะเอาไม้หน้าสามฟาดด้วย!

ผมแกล้งไม่พูดกับเขา ทำเมินไปเลย พี่อินทร์ก็ไม่ง้อผมด้วยนะ เดินหายไปไหนไม่รู้ ได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กอยู่พักหนึ่งถึงได้หันกลับไปมอง

“จิระ หันมานี่ๆ”

แล้วผมก็ต้องตกใจจนพรึงเพริด

จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ก็พี่อินทร์แม่งเอาชุดนั้นไปใส่เองแล้วเรียบร้อย อะไรไม่ว่า ตอนนี้ยืนโพสต์ท่าที่คิดว่าเซ็กซี่สุดชีวิตแล้วด้วย

“คุณจิร้า~”

ปรือตาจือปากมาให้เต็มที่ ดัดเสียงสองด้วย ผมเห็นแล้วก็ได้แต่เบ้หน้า

ทำไมทุเรศงี้!

แล้วแทนที่เห็นผมเบ้หน้า พี่อินทร์จะหยุดนะ ดันไม่หยุด ถามผมมาอีก

“เซ็กซี่ไหมฮ้า~”

เซ็กซ์เสื่อมน่ะสิไม่ว่า! เลิกทำตัวแด๊ะแด๋สักที!

“พี่อินทร์ไปถอดออกเถอะครับ”

“ทำไมล่ะฮ้า~”

“จิคลื่นไส้”

อันนี้พูดจริง ไม่ได้พูดเล่นเลย ถึงเขาจะหล่อแค่ไหน แต่เอาชุดนอนไม่ได้นอนที่เหมือนมุ้งมาใส่แบบนี้ มันไม่โอเค!

พี่อินทร์หัวเราะใหญ่ที่เห็นผมทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะถลาแท่ดๆ มากอดผมไว้

“อินทราอยากให้คุณจิระถอดให้จังเลย”

“จิจะฉีกทิ้งเลย”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำหน้าตกใจ

“อุ๊ยตาย ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอก”

แล้วกูก็จะตามด้วยกระทืบซ้ำ อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะเว้ย!

แต่พี่อินทร์สนผมไหมล่ะ หึ... ไม่สนเลยสักนิด ยังมีหน้ามาพูดอีก

“แต่น่าเสียดายจังเลยน้าที่จีสตริงมันเล็กไปหน่อย ใส่ไม่ได้เลย ปิดไม่มิด”

ผมเบ้หน้ามองเขาทันที ขณะที่เขาเอาจีสตริงเข้าชุดมาแกว่งๆ ไว้ในมือ

“ใส่ไม่ได้ก็อย่าใส่สิครับ”

พูดไปเท่านั้น พี่อินทร์ก็เลิกดัดเสียงสองทันที

“พี่ก็ไม่ได้ใส่นะ”

เอ๊ะ? อย่าบอกนะว่า...

ยังไม่ทันที่จะคิดออก พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาแล้ว

“ลมข้างล่างเย็นดีจังเลย”

ผมเหลือบมองลงต่ำทันที แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ทันได้สังเกตในตอนแรก

ไอ้อิเหนา! มึงจะมาเดินโทงเทงกระเปี๊ยวต่องแต่งไม่อายฟ้าดินแบบนี้ไม่ได้!

ตาแทบบอด จู่ๆ หนอนยักษ์ก็โผล่มาจ๊ะเอ๋ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นเขาแก้ผ้าเพราะเวลาที่ทำอะไรกันแต่ภายนอก เขาก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน แต่ว่านะ มันไม่ได้เห็นชัดขนาดนี้นี่ แบบนี้มันชัดเกินไป ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ ผมตั้งรับไม่ทันเหมือนกันนะเว้ย!

“แน่ะ หน้าแดง จ้องไม่วางตาเลยคนทะลึ่ง”

พี่อินทร์ดูสนุกกับความเขินอายของผมใหญ่ ผมก็เบือนสายตาหนีไปทางอื่น ทั้งอาย ทั้งขำ ทั้งอิหลักอิเหลื่อกับสภาพอุบาทว์ของคนตรงหน้า ไม่คิดเลยว่านอกจากจะเป็นแฟนอิเหนาแล้ว ยังจะมีแฟนปัญญาอ่อนด้วย เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว แต่จะถอยหลังกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย ดันรักไปแล้ว บ้าชะมัด!

“โอเคๆ พี่ไม่แกล้งละ ไม่โป๊แล้ว จิหันกลับมาเร็ว”

พี่อินทร์กลั้วหัวเราะ ผมหันกลับไปมองก็เห็นเขาเอาผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างแล้วเรียบร้อย แต่ช่วงบนก็ยังใส่ชุดนอนไม่ได้นอนอยู่นั่นแหละ ก่อนผมจะว่าเสียงขุ่นใส่เขา

“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องอยู่ได้ เสียมู้ดหมดเลยเนี่ย แล้วชุดนั้นน่ะ พี่อินทร์ทิ้งไปเลยนะ อย่าให้จิเห็นอีก”

อารมณ์เสียจริงๆ ไอ้ที่ตั้งใจว่าจะเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ตอนนี้บิวท์อารมณ์กลับมาไม่ได้แล้ว ทว่าพี่อินทร์ก็ไม่ยี่หระเท่าไร เขาทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง ถอดชุดนั้นโยนทิ้งลงพื้น ตบตักข้างหนึ่งของตัวเองแล้วร้องเรียกผม

“มานี่สิจิ”

ผมเดินไปหาเขา พลันก็ถูกรวบเอวเข้าไปกอดแล้วบังคับให้นั่งลงบนตักเขา ผมเหลือบมองหน้า พี่อินทร์ก็ว่ายิ้มๆ

“ถ้าจิไม่อยากทำก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ”

จู่ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเลิกคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย พี่อินทร์ก็ว่าต่อ

“พี่รู้ว่าที่จิยอมให้พี่ทำตามใจเป็นเพราะเห็นว่าช่วงนี้พี่เครียดๆ ล่ะสิ อยากให้พี่อารมณ์ดีใช่ไหมถึงได้เอาใจแบบนี้”

เขาอ่านผมออกอย่างละเอียดเลย ผมเบิกตาโตเล็กน้อย คิดจะปฏิเสธเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพยักหน้ายอมรับเมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของเขา

“ครับ จิไม่อยากให้พี่อินทร์เครียด”

“ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลย”

พี่อินทร์หัวเราะน้อยๆ ไม่ได้โกรธหรือเสียดายอะไรทั้งนั้น ค่อนข้างไปทางเอ็นดูผมมากกว่า ดูจากสายตากับฟังน้ำเสียงน่ะนะ

“ไม่ทำตอนนี้ วันข้างหน้าก็ต้องทำอยู่ดีแหละครับ ไม่เป็นไร”

พอผมพูดแบบนี้ เขาก็ซบหน้าลงบนไหล่ผม ว่าพึมพำออกมา

“จิรู้อะไรไหม พี่ดีใจมากเลยนะที่เห็นจิแคร์ความรู้สึกพี่อย่างนี้ แต่มันจะดีกว่าถ้าการที่จิยอมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ด้วยความเต็มใจ แล้วก็เป็นความสมัครใจของตัวจิเอง ไม่ใช่เพื่อให้พี่อารมณ์ดีขึ้นจากเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของเรา”

ผมนิ่งงัน หันไปมองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาน้อยๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้เขาไม่สบายใจมากกว่าเดิม

“จิขอโทษครับ”

พอขอโทษไป พี่อินทร์ก็ยกยิ้ม จูบลงมาบนริมฝีปากผมแผ่วเบา

“ไว้จิยินยอมพร้อมใจจะเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ด้วยตัวเองเมื่อไร เราค่อยมาทำกันนะ”

ผมพยักหน้า แล้วพี่อินทร์ก็ตัดบท

“เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน เหม็นเหงื่อจะแย่ละ พี่จะลงไปอาบข้างล่าง จิอาบข้างบนแล้วกันนะ อาบเสร็จแล้วจะได้นอนกัน”

สิ้นเสียง ผมก็ลุกจากตักเขา ปล่อยให้เขาเดินออกจากห้องนอนไป เสียงประตูปิดลง ผมถอนหายใจออกมา ทั้งโล่งใจที่ไม่ได้ทำตามแผน ทั้งลำบากใจที่ถูกพี่อินทร์จับได้ว่าทำไมผมถึงตกปากรับคำเขา พอเขามาพูดแบบนี้แล้ว มันเหมือนกับว่าผมไม่เต็มใจที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเลยนะ

หรือว่าผมจะไม่อยากเป็นหนึ่งเดียวกับเขาจริงๆ?

ผมยืนนิ่ง คิดทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง อันที่จริงก็พอจะเข้าใจ ถึงผมจะพยายามปล่อยวางเรื่องราวในอดีต แต่เพราะความทรงจำในอดีตชาติที่คอยตามติดผมเป็นเงามันทำให้ผมย้ำเตือนตัวเองโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ ว่าเมื่อครั้งที่เป็นจรกา ผมโกรธแค้นอิเหนาแค่ไหน

แค้น...ถึงขนาดให้สัตย์สาบานว่าจะไม่ร่วมโลก

แค้น...แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก็ยังนึกแค้น

ต่อให้รักเขาแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะมีความทรงจำนั้นขึ้นมา ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากปล่อยวาง ผมพยายามแล้ว แต่มันก็เผลอตัวทุกที

เหมือนกับว่าถูกเทพเทวาสาปไปแล้วว่าผมจะต้องแค้นเขาทุกชาติไป...

ผมถอนหายใจยาว ไม่ชอบความรู้สึกสับสนของตัวเองสักเท่าไรนัก อยากจะรู้เหมือนกันว่าเมื่อไรตัวเองจะปล่อยวางความแค้นในชาติก่อนได้สักที มันเหนื่อยที่จะต้องต่อสู้กับความรู้สึกตัวเองระหว่างสองชาตินะ

คิดแล้วก็เดินไปยังตู้ที่เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไว้อยู่ ผมคุ้ยหาชุดนอนที่เตรียมมา ก่อนจะต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ก็ทำกระเป๋าของพี่อินทร์ที่วางไว้ข้างๆ กันหล่นลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าวของข้างในหล่นกระจัดกระจาย ผมทรุดตัวนั่งยองเก็บของเข้าที่ให้เหมือนเดิม แต่แล้วก็ต้องเอะใจเมื่อเห็นสมุดบันทึกหล่นอยู่ตรงหน้า

มันเป็นสมุดที่พี่อินทร์ใช้บ่อยๆ รู้สึกว่าจะเป็นสมุดจดไอเดียต่างๆ เกี่ยวกับวิชาเรียนของเขา พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นบทละครเวที ดูไม่มีมารยาทสักเท่าไรหรอกที่จะเปิดดู แต่ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเปิดมันอ่านทีละหน้า อ่านไปก็หัวเราะออกมากับไอเดียแปลกๆ หลายๆ อย่างของเขา จนกระทั่งเปิดมาถึงหน้าหนึ่งที่มีกลอน

กลอน...

เป็นกลอนที่เป็นบทพูดเมื่อครั้งที่เขาแสดงละครเวทีต้อนรับเพื่อนใหม่ประจำคณะ ผมรู้ว่าใช่เพราะเห็นเขาเขียนหัวข้อว่าอิเหนา ผมไล่อ่านไปเรื่อยๆ มันก็เป็นเนื้อหาที่ผมเรียนในเอกนั่นแหละ จนกระทั่งเปิดมาถึงหน้าหนึ่งที่ทำให้ผมนิ่งงันไปได้ทันตาเห็น

มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทละครอิเหนาตอนบวงสรวงแน่นอน ผมมั่นใจ เพราะกลอนนั้นมันมีเนื้อหาว่า...

เขาเขียนหัวข้อว่า ที่มีกลอนันทึกความทรงจำว่าว

สักวาจูบจรดรักแต่เจ้า ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู

พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ

รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส

รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย

กลอนนี้เป็นกลอนสักวา เดาว่าพี่อินทร์จะต้องเป็นคนแต่งเองเพราะเห็นมีวงเล็บในข้างท้ายว่า ‘เปเปอร์ re-telling มุมมองตัวละครจากเรื่องอิเหนา วิชา xxx’ ดูก็รู้ว่าเป็นการบ้านที่มีโจทย์ให้จับตัวละครในบทประพันธ์นี้มาปรับมุมมองใหม่ ส่วนเนื้อหาก็ตีความได้ว่าเป็นการร้องขอความรัก แต่ไม่ได้ขอความรักจากหญิงสาว ทว่าเป็น...

“จรกา...”

ผมครางออกมา ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในใจ

เหมือนเขาขอความรักจากผมเลย...


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 18: คู่ตุนาหงัน[2]

ผมกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว ก่อนจะรีบเก็บข้าวของคืนที่ แล้วก้าวเร็วๆ ไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำชั้นล่าง สูดหายใจเพื่อเตรียมใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือเคาะ คนด้านในเปิดประตูออกมาพลันชะโงกหน้าถาม

“เอ้าจิ มีอะไรเหรอ”

ผมไม่บอกเขาในทันที แต่ยิ้มกว้างให้ พี่อินทร์ที่อยู่ในสภาพน้ำเกาะพราวไปทั่วใบหน้ามองผมอย่างสงสัย

“เอ๊ะ หรือว่าอยากอาบน้ำกับพี่?”

สีหน้าทะเล้นโผล่มาให้เห็นทันที ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นผมพยักหน้าเร็วๆ

“เอาจริงดิ?”

จริงไม่จริงไม่รู้ล่ะ ผมก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว พี่อินทร์ก็ดูตกใจเหมือนกันเมื่อเห็นผมทำอย่างนั้น แล้วก็ตกใจหนักกว่าเดิมอีกทันทีที่ผมโผกอดเขา

“จิรักพี่อินทร์นะครับ รักมากๆ เลย”

ถึงจะยังดูงุนงง แต่พี่อินทร์ก็หัวเราะออกมาพลางกอดผมตอบ

“ทำแบบนี้ พี่จะอดใจไม่ไหวเอานะ”

ผมซุกใบหน้าลงบนอกเขา ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ความร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ขณะที่พี่อินทร์เองก็เลิกหยอกเล่นแล้ว เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม

“จิระ เอาจริงใช่ไหมเนี่ย”

ผมพยักหน้าไปอีกครั้ง พี่อินทร์สบถออกมาเล็กน้อย ก่อนจะดันผมไปชิดกำแพง เชยปลายคางผมขึ้นให้สบตาเขา

“ถ้าพี่เริ่มแล้ว พี่หยุดไม่ได้นะ”

ผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองใบหน้าคร้ามที่มีหยดน้ำเกาะพราว เส้นผมเปียกชื้นที่ถูกเสยขึ้นไปจนเห็นกรอบหน้ามันทำให้ผมรู้ตัวว่ารักเขามากแค่ไหน

รัก...รักมาก รักที่สุด

พี่อินทร์สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเราชิดกัน

“ถือว่าจิยินยอมพร้อมใจแล้วนะ เป็นของพี่แล้วจะไปจากพี่ไม่ได้แล้วนะ”

สิ้นเสียง เขาก็ไม่รอคำตอบจากผม บดจูบลงมาทันที ท่อนแขนใหญ่รวบร่างผมไปแนบชิดกับร่างกายเปล่าเปลือยของเขา ริมฝีปากละเลียดชิมรสกลีบปากผมทีละน้อย ก่อนจะทวีเป็นดุดันเมื่อผมเผยอริมฝีปากจูบตอบ

ฝ่ามือใหญ่ถลกชายเสื้อของผมขึ้น พริบตาเดียวก็ถูกทิ้งลงบนพื้น พี่อินทร์ผละจากริมฝีปาก จูบละเลื่อยไปทั่วใบหน้า ใบหู และลำคอ ก่อนค่อยๆ กระถดถอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ยังแผงอก

ผมจับไหล่เขาแน่นเมื่อจุดศูนย์รวมความรู้สึกบนหน้าอกถูกรังแกด้วยริมฝีปากนุ่มเบาๆ ก่อนจะต้องแอ่นรับเมื่อปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัด เสียงประหลาดเล็ดลอดออกจากลำคอผมจนได้ จะกลั้นก็กลั้นไว้ไม่ไหว แต่ผมรู้ว่าพี่อินทร์ชอบที่จะได้ยิน เพราะเขากระตุ้นให้ผมส่งเสียงนั้นมากขึ้นอีกด้วยการไล้ฝ่ามือลงต่ำไปยังกลางลำตัวจนอะไรต่อมิอะไรตอบรับการสัมผัสของเขา จากนั้น...เขาก็กระถดตัวลงต่ำ ผมเองก็เปลี่ยนจากจับไหล่เขามาเป็นขยุ้มเส้นผมอ่อนนุ่มแทน

อารมณ์ปรารถนาโชติช่วง ผมหายใจหอบกระเส่าอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งพี่อินทร์ปรนเปรอให้ด้วยทุกสิ่งที่เขามี ผมก็กระตุกเฮือกในท้ายที่สุด ช่วงท้องวูบไหว หัวสมองขาวโพลนเมื่อมีความรู้สึกหนึ่งซัดถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง

แต่มันยังไม่พอ... เขาไม่หยุดเพียงแค่นี้ ตอนนี้เขาลุกขึ้นยืน ประคองผมที่ขาอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรงไว้ในอ้อมแขน

“ไปที่ห้องกันเถอะ”

ผมพยักหน้า เท่านั้นเขาก็อุ้มผมมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนทันที

เตียงนุ่มถูกใช้รองรับร่างของเราทั้งคู่ พี่อินทร์ไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดตัวเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรในเมื่อหยดน้ำที่เกาะอยู่บนตัวเขาถูกร่างกายเปล่าเปลือยของผมซับไปจนหมดสิ้นแล้ว

เขากอดผม ลูบไล้ไปทั่วทุกส่วนราวกับว่าปรารถนาจะทำอย่างนี้มานานแล้ว ผมปล่อยให้ตัวเองเป็นไปการนำของเขา ก่อนที่จะผวาเฮือกน้อยๆ เมื่อรู้สึกราวกับว่ามีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างแทรกเข้ามาในร่างกายพร้อมกับความเปียกชื้นและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเจลหล่อลื่น พอเหลือบมองก็เห็นว่าพี่อินทร์กำลังใช้มือของเขาเคลื่อนไหวไปมาอยู่

“ไม่ต้องกลัวนะจิ พี่จะอ่อนโยน”

ผมยังคงผวา ความรู้สึกนี้มันประหลาดเกินไป ทำให้เขาต้องจูบผมเบาๆ ที่หน้าผากเป็นการปลอบใจ

“ไม่เป็นไรจิระ... ไม่เป็นไร” จากนั้นก็จูบลงบนริมฝีปากแผ่วเบา “เชื่อใจพี่นะ”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ความกลัวของผมหมดสิ้น ผมพยักหน้า พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่...ดูมีความสุขที่สุดเลย

ผมชอบที่จะได้เห็นเขายิ้มแบบนี้ให้ จึงเชื่อใจเขาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่นานนัก ทุกสิ่งก็ดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น ผมโผเข้ากอดร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาแน่น ความรู้สึกประหลาดที่พร่างพรายขึ้นมานั้น ผ่านไปครู่เดียวก็รู้สึกราวกับว่ามีผีเสื้อนับล้านตัวบินว่อนอยู่ในท้อง

ท่อนแขนแกร่งที่โอบกอดผมอยู่...

เสียงหายใจหอบกระเส่าของผมและเขาที่ดังระคนกัน...

เสียงบอกรัก...

การสัมผัส...

รสจูบของเขา...

ผมชอบ...ชอบที่สุด

การที่ผมยอมตกลงปลงใจมันไม่ใช่การทำเพื่อให้พี่อินทร์อารมณ์ดีขึ้นจากเรื่องเครียดๆ แล้ว แต่เป็นการมีความสุขร่วมกัน ผมถึงเข้าใจได้ในวินาทีนี้เองว่าทำไมพี่อินทร์ถึงยอมอดทนรอให้ผมยินดีพร้อมใจที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเขาอย่างเต็มใจ นั่นก็เพราะเซ็กซ์ที่เกิดจากความยินดีของทั้งสองฝ่ายมันทำให้มีความสุขอย่างนี้นี่เอง มันไม่ใช่แค่กิจกรรมทางกาย แต่มันเป็นการสื่อสารระหว่างกันว่ารักกันมากแค่ไหน

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมผวากอดเขาแน่นพร้อมกับความหวามไหวที่พุ่งทะยานจนถึงขีดสุด สิ่งนั้นทำให้ผมแทบจะหลอมละลายเป็นขี้ผึ้ง ทุกอย่างจบลงเมื่อเขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผมมองหน้าเขาด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะที่พี่อินทร์ลูบหัวผมเบาๆ พลางกระซิบบอกประโยคเดิมไม่หยุดหย่อน

“พี่รักจินะ”

ผมยิ้มให้เขา แล้วก็อดแซวไม่ได้ “บอกจิจนจำได้ขึ้นใจแล้วครับ ไม่ต้องพูดแล้ว”

พี่อินทร์หัวเราะ เหมือนเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าบอกรักผมมากเกินไปเหมือนกัน พลันก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

“พี่มีอะไรจะให้จิด้วยล่ะ”

“อะไรเหรอครับ”

พี่อินทร์ไม่ตอบเป็นคำพูด แต่จู่ๆ ก็ลุกไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ กลับมาที่เตียงได้ก็คว้ามือผมไปจับไว้แน่น ผมเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความเย็นเยือกของโลหะ พอดันตัวขึ้นนั่งก็เห็นว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายมี...

“แหวน?”

ใช่ เป็นแหวนสีทองแกะสลักลวดลายรอบวง ตรงกลางมีนิลเม็ดใหญ่ประดับอยู่ ดูเผินๆ แล้วก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ของใหม่ ถึงจะลงยาขัดให้มันวาว ผมก็รู้ว่ามันเป็นของเก่า ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นของโบราณต่างหากเพราะตัวแหวนไม่ได้ดูเก่า แต่ดูเหมือนเป็นของมรดกตกทอดมามากกว่า ที่น่าแปลกใจก็คือ...มันพอดีกับนิ้วของผมเป๊ะเลย

“พี่อินทร์...”

ผมจะถามเขาว่าให้แหวนผมอย่างนี้มันหมายความว่าอะไร แต่พี่อินทร์ก็แทรกขึ้นมาก่อนแล้ว

“ทองแท้”

“ฮะ?”

ผมตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น เตรียมตัวจะถอดคืนเขาเลยเพราะไม่อยากได้ของมีราคาเท่าไร แต่พี่อินทร์ก็คว้ามือผมไปจับไว้เป็นเชิงให้หยุด

“แต่เป็นของพี่เอง พี่อยากให้ อย่าถอดนะ”

ผมเลยชะงัก มองหน้าเขาแล้วถามออกมาแทน

“ให้ทำไมครับ”

พี่อินทร์ยิ้มบางๆ ยกมือผมที่สวมแหวนขึ้นมาจูบลงไปเบาๆ ก่อนช้อนตามอง

“เป็นเครื่องหมายว่าพี่จองแล้ว”

เท่านั้นความสงสัยใดๆ ของผมก็มลายหายไปทันที มีแต่ความเขินอายที่ขึ้นมาแทนที่ ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเองก็หัวเราะผมที่ทำหน้าตกใจไม่เลิก กระทั่งผมคลำหาเสียงตัวเองเจอ

“พะ...พี่อินทร์หมายถึง...”

“ขอหมั้นไว้ก่อน พี่กลัวคนอื่นมาแย่ง”

เขาเติมประโยคให้เต็ม เท่านั้นผมหลุดยิ้มกว้างออกมาเลย

เขาอยากให้ผมเป็นคู่ตุนาหงันเหรอ?

เป็นอย่างนั้นแหละ เพราะพอเห็นผมเงียบ เขาก็โพล่งขึ้นมา

“รับหมั้นพี่นะ...ได้ไหม”

แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะไม่ตอบรับล่ะ โผเข้ากอดเขาแน่นทันที

“ได้สิครับ ไม่ต้องถาม จิก็รับอยู่แล้วล่ะ”

“ตกลงปลงใจแล้ว ห้ามเปลี่ยนใจนะ”

ผมส่ายหน้ารัวๆ “ไม่เปลี่ยนใจครับ จิรักพี่อินทร์ จะเปลี่ยนใจได้ยังไง”

พี่อินทร์หัวเราะร่วน เขาดูดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่มิด โผเข้ากอดผมไว้แน่นเช่นกัน

“จิรักพี่แบบนี้ พี่มีความสุขที่สุดเลย”

จิก็มีความสุขมากๆ เหมือนกัน

มาก...จนไม่สามารถพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้อีกแล้ว ได้แต่ซุกใบหน้าลงบนไหล่แกร่งของเขาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ผมเป็นของเขาแล้ว เขาเองก็เป็นของผม

จรกากับอิเหนาเป็นของกันและกัน เป็นคู่ตุนาหงันด้วย

ถึงจะฟังดูแปลกๆ แต่ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

ผมรักเขามากเลย...

รัก...

รักอิเหนาที่สุดเลย...

----------------------------

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนูแดงเขียนไวมากเหมือนกันนะ แป๊บๆ เข้ากลางเรื่องแล้ว ปลายเดือนคงเขียนจบ กำลังใจดีเลยเขียนไวกริ๊บเลย ฮาใครอ่านแล้วชอบ กดให้กำลังใจ ฝากกำลังใจ แนะนำบอกต่อ ฯลฯ กันตามสะดวกเลยค่า


ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อั๊ยยยยย แสดงว่าพี่อินทร์รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นใครใช่มั้ยนิ

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เขินเด้อ ตอนนี้หวานขนาดนี้ไม่อยากนึกถึงตอนมีมาม่าเล้ย

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ยินดีด้วย เตรียมตัวไปงานแต่ง :mc4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทางเรียบๆสวยๆแบบนี้ทำเอาเรากลัวพวกกลุมพวกบ่อใหญ่จังเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าบอกนะว่าอิเหนาแอบรักจรกามาแต่ชาติที่แล้ว?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
บางทีเราก็กลัวใจเหมือนกัน มันหวานจนเราใจไม่ดี.   ตอนบ้าๆของพี่อินทร์เราไม่นับ555555 หวังว่าดราม่าจะไม่แรงจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าทุกคนน่าจะรู้อดีตของตัวเอง แล้วอิเหนาอาจจะรักจรกาก็ได้แต่ด้วยความที่แกล้งจรกาไว้เยอะเลยโดนเกลียดจนไม่ได้บอกรัก ชาตินี่เลยบอกรักจิบ่อยๆและใบ้ว่าผช.ชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ เดาแบบนี้ก็กลัวแหกเหมือนกันนะถ้าอิงจากวรรณคดีมันเป็นไปไม่ได้เลยแต่ในโลกนิยายวายอะไรก็เป็นไปได้ 555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2018 16:37:20 โดย vy0Cik »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นังเหนารู้อดีตแน่ๆ  :pigha2:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
พี่อินทร์จะบอกน้องไหมน้อ แต่ว่าๆ เค้าได้กันแล้ววว เขิน :-[

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อินทร์ระลึกชาติได้เหมือนกันแน่ๆ คนอื่นๆก็ด้วย แง้

ม่าต้องมาจากจิณณ์แน่ๆ ชาติที่แล้วอาจเสียใจมากเลยแค้น

เหมือนสาปแช่งเกิดมาชาตินี้เลยจะเอาคืนอิเหนา

 แล้วอิเหนารู้สึกผิด? เลยขอให้ชาตินี้ตนได้เป็นคู่กับจรกาหรอ

หรือเป็นคำอธิฐานของบุษบา? เอ้า เดาไปหมดล่ะงานนี้


ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อิเหนาจำอดีตได้ล่ะสิ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ช่วงแรกเป็นเอ็นซีที่อ่านแล้วขำหนักมากเกลียดความผีบ้าของพี่อินทร์มันจริงๆ

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบเรื่องนี้ แปลกแหวกแนวดี อิเหนาคงรักจรกา มาตั้งกะชาติที่แล้วสินะ ขอให้มาม่าไม่หนักหน่วงนะ สงสารทุกคน :mew6:

ออฟไลน์ Nov9th

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 
Chapter 19: ระลึกรัก[1]

จะมีแคว้นใดเล่าที่จะเรืองรองได้เท่ากับแคว้นทั้งสี่อย่างกุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัดส่าหรี ที่เกี่ยวดองเป็นสหายกันมาแต่ช้านาน เมื่อแคว้นยิ่งใหญ่ทั้งสี่สนิทสนมเช่นสหายรัก แคว้นน้อยใหญ่ก็ต่างเข้าภักดีด้วยหวังพึ่งบุญบารมี ไม่เว้นแม้แต่แคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อเรียกขานตามองค์ยุพราช

แคว้นจรกา...

เพลานั้นองค์ยุพราชแห่งจรกายังเยาว์วัยนัก แต่ด้วยต้องขึ้นสืบบัลลังก์สันติวงศ์ต่อไปในกาลหน้า ระตูจรกาผู้รั้งบรรดาศักดิ์ยุพราชแห่งแคว้นได้เดินทางติดสอยห้อยตามพระราชบิดามาร่วมงานบวงสรวงองค์เทพไท้ ณ นครกุเรปัน ตมมคำเชิญของท้าวกุเรปัน หากแต่การมาเยือนในครานี้นั้น หาได้เป็นไปด้วยความเต็มใจนัก เพราะจรกาชิงชังองค์ยุพราชแห่งกุเรปันเสียเหลือเกิน

แม้ไม่เคยพบหน้า แต่ได้ยินว่ารูปงาม นามเพราะ ใครต่อใครก็พากันรักใคร่ชมเชย ไม่เว้นแม้แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเขาที่มักจะเอาตนไปเปรียบเทียบกับองค์ยุพราชผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเรื่องรูปร่างหน้าตาที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

อิเหนากุเรปันมีรูปงามดั่งเทพเทวา ส่วนเขา...ดำคล้ำกล้ำแดดราวกับยักษาจากอเวจี

จรกาขุ่นใจนัก ยิ่งมาเยือนยังท้องพระโรงแห่งกุเรปันก็ยิ่งขุ่นใจ เพราะใครต่อใครก็พากันชมเชยรูปโฉมของอิเหนาตั้งแต่ที่ปรากฏตัวให้เห็น

เนื้อทองผ่องแผ้ว ดวงหน้าสมมาตร กลีบปากแดงชาด รูปร่างสะโอดสะองสมบุรุษวัยแตกพาน มองอย่างไรก็เทวดาลงมาเดินดินชัดๆ...

กระไรไม่ว่า บางคนบางผู้มีติฉินนินทาเปรียบเทียบเขากับอิเหนาอย่างไร้ซึ่งมารยาท จรกาได้ยินก็ได้แต่ขบกรามแน่น ขุ่นข้องที่ถูกเปรียบเทียบ ไม่เว้นแม้แต่พระราชบิดาของเขาเองที่ยังอดตรัสขึ้นมาไม่ได้ว่าอิเหนาช่างรูปงามดั่งทองคำ ต่างจากเม็ดนิลดำมะเมื่อมเช่นพระราชโอรสของตนนักด้วยพระอารมณ์ขัน

หากแต่คนถูกดูแคลนเช่นจรกาหาได้ขบขันไปด้วย!

ความแค้นเคืองทำให้จรกามิอาจวางตาจากการจ้องมองอิเหนาได้เลย ขณะที่อิเหนาซึ่งออกมาต้อนรับราชอาคันตุกะพร้อมกับพระราชบิดาเองก็มองอีกฝ่ายตอบเช่นกัน ทว่าเป็นคนละความรู้สึก

ผู้หนึ่งแค้นเคือง แต่อีกผู้หนึ่งกลับขบขันที่ถูกจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อตนอยู่นานสองนานแล้ว...

รอยยิ้มหยักบนดวงหน้าคร้ามของชายหนุ่มแรกรุ่นทำให้จรกาหลงเข้าใจไปว่านั่นคือรอยยิ้มเย้ยหยัน พลันในใจก็เป็นปริปักษ์กับอีกฝ่ายทันใด

อิเหนากุเรปัน...กล้าดีนักที่มายิ้มเย้ยข้า!

แต่ก็หาทำสิ่งใดได้ ได้แต่ค่อนขอดในใจเป็นระลอกแต่ผู้เดียวเท่านั้น ครั้นได้ยินพระสุรเสียงของท้าวกุเรปันแนะนำพระราชโอรสของตนให้ราชอาคันตุกะได้รู้จักอย่างเป็นทางการ จรกาก็เบ้ปาก
 
[1]ชื่อหยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา            อุดากันสาหรีปาตี
อิเหนาเอ็งหยังดาหลา                    เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี
ดาหยังอริราชไพรี                          เอ็งกะนะกะหรีกุเรปัน
 
เป็นเพียงปุถุชนคนเดินดิน เหตุใดเล่าถึงได้มีนามเลิศล้ำราวกับเทพเทวาจุติลงมา ช่างเกินหน้าเกินตานัก!

จะไม่ให้เบ้หน้าได้เช่นไร ในเมื่ออิเหนากุเรปันเองก็เป็นองค์ยุพราชเช่นเดียวกับเขา ทว่านามกลับมีความหมายยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด...

เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองของพระอินทร์ เชษฐาผู้ทรงเกียรติอันยิ่งใหญ่ องค์ยุพราชแห่งเทพผู้สูงส่ง สุริยันผู้เกรียงไกรของแผ่นดิน ผู้ชนะศัตรูทั้งปวงแห่งนครกุเรปัน...

ฟังแล้วก็อยากถ่มน้ำลาย!

หมั่นไส้จนไม่อาจกักเก็บอาการไว้ได้ไหว เบ้หน้าเบ้ตาจนบูดเบี้ยวไปหมด หารู้ไม่เลยว่าการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอิเหนากุเรปันทั้งสิ้น ก่อนอีกฝ่ายจะหัวเราะในลำคออีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าเด็กแคระแกร็นทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาเช่นนั้น

น่าเอ็นดู...

แต่คงจะมีเพียงอิเหนากระมังที่เห็นเช่นนั้น จรกา...ผู้ซึ่งใครต่อใครก็ว่าอัปลักษณ์เหลือแสนผู้นั้น ในสายตาของอิเหนา เขากลับเห็นว่าหาใช่อย่างที่หลายคนบริภาษเลยแม้แต่น้อย

รูปร่างเล็กกระจิ๋วหลิว ดวงหน้าน่ารักน่าชัง มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะอัปลักษณ์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่สีผิวดำคล้ำกล้ำแดด หาได้ผุดผ่องเฉกทองคำตามความงามอันเป็นที่พึงปรารถนา อิเหนาเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใด ก็เมืองมาตุภูมิของจรกานั้นเป็นดินแดนที่สุริยันสาดทอแสงตลอดทุกฤดู ไม่แปลกหากผู้คนจะมีผิวกายดำคล้ำ

กระนั้นก็หาได้สลักสำคัญแก่อิเหนากุเรปันไม่ เขารู้แต่เพียงว่าเพียงพบพักตร์สบตาครั้งแรก ฤทัยก็ถูกช่วงชิงไปเป็นของจรกาแล้วหมดสิ้น

นี่น่ะหรือรักแรกพบเมื่อสบตา?

ตั้งแต่แตกพานหนุ่ม อิเหนาเพิ่งประจักษ์ในครานี้ว่าความรักเป็นเช่นไร สายตามิอาจละออกจากดวงหน้าดื้อรั้นของคนผู้นั้นได้เลย
ครั้นเสร็จพระราชพิธีสิ้นก็เดินตามเจ้าจรกาตัวน้อยออกมายังสวนพฤกษาด้วยหมายอยากคุยด้วย ก่อนจะพบอีกฝ่ายชมนกชมไม้แต่เพียงผู้เดียว ไร้ผู้อื่นเล่นด้วยเช่นเดียวกับบุรุษคนอื่นๆ อิเหนาไม่แปลกใจเท่าไรนักหรอกที่เห็นเช่นนั้น ก็จรกาเอาแต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ผู้ใดเล่าจะอยากเล่นด้วย

เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา ร้องทักให้อีกฝ่ายหันมามอง

“มาชมแมกไม้เพียงลำพังเช่นนี้ คงจะเหงาล่ะสิเจ้า”

เอามือไขว้หลัง เชิดหน้าขึ้น ว่าอย่างมีมาด คนถูกทักหันขวับ สีหน้ารื่นเริงที่ได้หยอกเจ้าหนอนแก้วบนใบไม้เมื่อครู่อันตรธานหายไป กลายเป็นบูดบึ้งเช่นเดียวกับที่เห็นในท้องพระโรง

“หากเจ้าเหงา ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าก็ได้”
ได้ยินแล้ว จรกาก็เบ้หน้าอีกครั้ง

ช่างอวดดีนัก ผู้ใดเหงากัน!

ระตูจรกาผินหน้าหนี ไม่ใคร่จะสนใจ หากแต่อิเหนากุเรปันกลับเดินเข้ามาใกล้ มือเอื้อมเด็ดดอกชบาสีแดงสดมาทัดหูให้คนผู้น้อง ครั้นถูกสายตาแข็งๆ ตวัดมองก็ยิ้มเผล่

“ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า”

แทนตนว่า ‘พี่’ โดยถือวิสาสะอีก จรกาหงุดหงิดใจยิ่งนัก ร้องแหวออกมา

“ผู้ใดเป็นน้องของเจ้ากัน!”

มือคว้าเอาดอกชบาโยนลงพื้น เพลานี้เองที่เห็นว่าดอกชบาที่อิเหนาเด็ดให้คือสีแดง หากผู้อื่นเห็นแล้วล่ะก็ คงได้มีหัวร่องอหายที่จรกาซึ่งมีผิวกายดำคล้ำทัดดอกชบาสีแดงตัดกับสีผิวเช่นนี้ เขาถือว่าการกระทำของอิเหนาหาใช่ความหวังดี

นี่เป็นการดูแคลนโดยอ้อมมิใช่หรือ?

แต่อิเหนาก็หาได้ยี่หระกับท่าทางกระด้างกระเดื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย หันไปเด็ดดอกชบาจากอีกต้นมาทัดหูให้ใหม่อีกครั้ง

“หากเจ้าไม่ชอบดอกนั้น พี่ก็หวังว่าเจ้าจะชอบดอกนี้”

ครานี้เป็นสีชมพู แต่จะสีอะไร จรกาก็หาได้ชื่นชอบทั้งสิ้น สายตาแข็งกร้าวจับจ้องยังดวงหน้าผุดผ่องของอีกฝ่ายเขม็ง

“เจ้าต้องการสิ่งใด”

อิเหนายกยิ้มเล็กน้อย “หาได้ต้องการสิ่งใด”

“แล้วมาวุ่นวายกับข้าเพื่อการใด!”

ไม่เพียงแต่สายตาแข็งกร้าว น้ำเสียงก็แข็งกร้าวเช่นกัน บ่งบอกให้รู้อย่างชัดเจนว่าไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไรนัก อิเหนาเองก็พอรู้ เขาได้ยินผู้อื่นติฉินนินทาจรกาเปรียบเทียบกับตนเช่นนั้น เหตุนั้นกระมังที่ทำให้จรการังเกียจเดียดฉันท์เขา

อิเหนายิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับชายผ้าแพรที่คล้องคอของจรกาไว้มั่น จรกาเหลือบมองด้วยไม่ไว้ใจ แต่ก็หาได้กระถดถอยหนี ปล่อยให้อิเหนาเข้ามาใกล้ ใจคิดว่าคงจะถูกหาเรื่อง แต่ทว่าก็ต้องเบิกตาโตเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย

“พี่เพียงอยากให้เจ้าอารมณ์ดี”

พลันก็โน้มใบหน้าลงสูดกลิ่นหอมจากชายผ้าแพร กลิ่นมวลบุปผาจากน้ำปรุงโชยเข้านาสิก กลิ่นนั้นตราตรึงใจยิ่ง ผู้ใดจะว่าจรกาอัปลักษณ์ แต่สำหรับเขาแล้ว คนตรงหน้าคือบุปผาบอบบางที่เขาใคร่จะทะนุถนอมยิ่ง ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งได้ใจ ไม่เพียงแต่จะดอมดมกลิ่นหอมจากชายผ้าแพร ยังลามปามมาคลอเคลียที่ข้างแก้มนุ่ม

หอมยิ่งกว่ามวลดอกไม้ใดก็คือกลิ่นกายของเจ้าน้องจรกาผู้นี้...

การกระทำนั้นทำให้จรกาพรึงเพริด เขากระโดดถอยหนีอย่างรวดเร็วจนผ้าแพรหลุดติดมืออิเหนาไป แต่ก็หาได้สนใจแล้ว ชี้หน้าบริภาษอีกฝ่ายทันควัน

“เจ้าอิเหนากุเรปัน! อย่าคิดว่าตนเป็นองค์ยุพราชแล้ว ข้าจะไม่กล้า ข้าเองก็เป็นองค์ยุพราชเช่นกัน บรรดาศักดิ์เทียมเท่ากัน อย่าได้คิดจะรังแกหรือดูแคลนข้าได้ง่ายๆ!”

อิเหนาใคร่อยากบอกเหลือเกินว่าหาได้รังแก เพียงแต่ได้ใกล้ชิดแล้วก็อดใจที่จะคลอเคลียไว้ไม่ไหว ทว่าก็มิอาจพูดสิ่งใดออกไปได้เมื่อเห็นว่าจรกาโกรธเสียจนหน้าดำหน้าแดง น้ำตาคลอเบ้าด้วยแค้นใจนัก ก่อนที่จะหุนหันวิ่งหนีไปอีกทาง ทิ้งให้อิเหนามองตามด้วยเอ็นดู

ดวงตาคมเลื่อนมองลงต่ำไปยังผ้าแพรในมือ

ระตูจรกาผู้นั้นชิงชังเขามากถึงขนาดทิ้งผ้าแพรไว้ให้เขาเลยหรือไร?

ไม่หรอก อิเหนาไม่คิดเช่นนั้นแน่ เขาถือว่าน้องน้อยมีใจให้ มิเช่นนั้นคงไม่ทิ้งของไว้ให้ดูต่างหน้า พลันก็ยกขึ้นจรดปลายจมูก สูดดมกลิ่นหอมหวานอีกครั้ง

ระตูจรกา... เพียงพบหน้าเจ้า เจ้าก็ขโมยดวงใจพี่ไปหมดสิ้นแล้ว

พ่อชบาดอกน้อยของพี่...
 

ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย เมื่อคืนจู่ๆ ก็ฝันถึงเรื่องราวในอดีตชาติเมื่อครั้งที่ผมได้พบหน้ากับอิเหนาเป็นครั้งแรก ความจริงก็ไม่น่าประหลาดใจนักหรอก บางครั้งผมก็ฝันถึงเรื่องนี้เช่นกัน และทุกครั้งมักเป็นไปด้วยความแค้น หากทว่าฝันในคราวนี้กลับแตกต่างออกไป

ผมฝันเห็นอิเหนามองจรกาด้วยสายตาที่...

ที่อะไรนั้นก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไรนัก เพราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ หลังจากนั้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถคิดได้เลยว่ามันเป็นไปเพราะอิเหนาเอ็นดูจรกา

ถ้าเอ็นดู ทำไมจะต้องกลั่นแกล้งให้อับอายถึงขนาดไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นด้วย!

แต่เรื่องของชาติที่แล้วก็คือเรื่องของชาติที่แล้ว ผมเหลือบมองคนข้างกายที่ยังคงหลับอยู่สลับกับแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนจะยิ้มออกมา

อิเหนาในชาตินี้สิถึงเอ็นดูจรกาของจริง...

ผมทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ตวัดแขนไปกอดเขา ทำให้พี่อินทร์ปรือตาขึ้นมามองผม

“อือ...จิตื่นแล้วเหรอ”
“ครับ แต่พี่อินทร์นอนต่อก็ได้นะ จิแค่อยากกอดเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจกวน”

ผมแก้ตัวเพราะรู้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาตื่นจากฝันหวาน พี่อินทร์ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ รวบผมไปกอดแน่น

“แค่มานอนน่ารักข้างๆ พี่ก็ถือว่ากวนแล้ว”

พลันก็ประทับจูบลงบนหน้าผาก ส่งเสียงอือออบิดขี้เกียจตามมา มือก็ลูบไล้ไปบนแขนผมที่กอดเขาอยู่ก่อนจะไปจับที่มือและสัมผัสเข้ากับแหวน เขาเหลือบมองก่อนจะร้องถาม

“ชอบไหม”

เขาคงหมายถึงแหวน ผมเลยพยักหน้า แต่คำตอบของผมหมายถึงชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

“พี่ตั้งใจให้ช่างทำให้เลยนะ”

จู่ๆ เขาก็ว่าออกมา ผมเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย
“สั่งทำเลยเหรอครับ”

พี่อินทร์มองผมพลางยิ้ม ไม่ตอบคำถามให้ นอกจากจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

“วันนี้อยากไปเที่ยวไหนไหม”

ผมส่ายหน้า เขาก็ว่ามาอีก

“ถ้าไม่อยากไป จิไม่ได้ลุกจากเตียงแน่ๆ”

เป็นสัญญาณบอกว่าเขาคงจะทำเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีทั้งวันอย่างแน่นอน ผมเองก็ยินดีแหละ เขาอยากทำก็ทำ เพราะผมเองก็อยากให้เขากอดเช่นกัน แต่ดูเหมือนพี่อินทร์จะพูดเล่นไปอย่างนั้น เพราะหลังจากนั้นเขาก็ตีลงมาที่ก้นผมเบาๆ

“เจ้าตัวหื่น ไม่ต้องมาทำเป็นคล้อยตามพี่เลยนะ ลุกไปอาบน้ำเลย พี่จะพาไปเที่ยว”

“ใครกันแน่ที่หื่น พี่อินทร์ต่างหาก”

ผมมุ่ยหน้าใส่เขา เขาก็หัวเราะร่วน ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้

“มาว่าพี่หื่น สงสัยจะต้องหื่นให้สมกับที่โดนว่าละ เดี๋ยวไม่สมจริง”

จากนั้นก็ซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอ แกล้งจูบให้ผมจั๊กจี้เป็นการใหญ่ เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก แค่อยากจะหยอกผมเท่านั้น ผมเลยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตีไปที่ต้นแขนเขาไม่แรงนัก ก่อนจะรีบร้องบอก

“จิไปอาบน้ำแล้ว พี่อินทร์อย่าแกล้ง”

คราวนี้เองที่พี่อินทร์ยอมปล่อย เขาว่ายิ้มๆ “เชื่อฟังแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”

ก็ใครจะรู้ว่าเขาจะแกล้งผมแบบนี้ล่ะ รอบนี้ผมไม่ยอมหรอกนะ ฉุดเขาลุกจากเตียงไปด้วยเลย

“พี่อินทร์ก็ไปอาบด้วย ไม่ต้องนอนแล้ว แกล้งจิแบบนี้ จิไม่ให้นอนต่อแล้ว”

เขาก็ลุกขึ้นตามมาแต่โดยดี ร่างกายเปล่าเปลือยที่อยู่ใต้ผ้าห่มนั้นทำให้ผมต้องเม้มริมฝีปากไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ใบหน้าคงจะแดงด้วยล่ะมั้ง พี่อินทร์ถึงได้ยิ้มเผล่ เดินเข้ามาหาแล้วรวบร่างผมไปกอด

“ทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ สงสัยคงจะไม่ได้แค่อาบน้ำด้วยกันล่ะมั้ง”

ผมซบใบหน้าเข้ากับไหล่เขา ว่าพึมพำ

“จะทำอะไรก็ทำเถอะครับ แต่อย่ารุนแรงนะ ถึงจะเคยแล้วแต่จิก็ยังไม่ชิน”

ผมไม่ได้อ้อนหรืออะไร แค่พูดไปตามที่รู้สึกจริงๆ แต่เหมือนจะทำให้พี่อินทร์เอ็นดูมากเลยล่ะมั้ง เขาเชยคางผมขึ้นมา ก่อนว่ากระเซ้า

“พี่บอกแล้วไงว่าจะอ่อนโยน” พลันก็จูบลงมาบนริมฝีปากแผ่วเบา “พี่จะทะนุถนอมจิตลอดไป ไม่ต้องห่วงนะ”

เรื่องเที่ยวคงต้องพักไว้ก่อน เช้านี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าให้จัดการแล้วล่ะ



 

ออฟไลน์ Nov9th

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Chapter 19: ระลึกรัก[2]

กว่าจะทำภารกิจเสร็จสิ้น กว่าจะอาบน้ำกินข้าว เก็บข้าวเก็บของออกมาจากบ้านสวนก็ใช้เวลาไปเกือบเที่ยง เพราะพี่อินทร์ไม่ได้ยุติการเอ็นดูผมแค่ในห้องน้ำ ยังจะอุ้มผมกลับมาที่ห้องนอน ซุกไซ้คลอเคลียไม่หยุดจนผมแทบหมดแรงและร้องท้วงเขาว่าไหนจะพาผมไปเที่ยว เขาถึงได้หยุดมือ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คงไม่ได้กลับกรุงเทพฯ กันแน่ๆ

ระหว่างทางกลับไปเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เขาก็แวะพาผมเที่ยวอย่างที่ปากพูด มีแวะสวนดอกไม้ที่เขาบอกว่าเป็นหนึ่งในกิจการของครอบครัวด้วย ผมอดแปลกใจไม่ได้เลยว่าบ้านพี่อินทร์ทำอะไร ทำไมถึงได้มีสวนเยอะขนาดนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าบ้านของเขาเป็นเจ้าของสวนผลไม้และดอกไม้รายใหญ่ทางภาคใต้ บ้านของพี่บุศย์เองก็เช่นกัน แต่ครอบครัวพี่บุศย์มีการทำประมงด้วย ส่วนธุรกิจที่ทั้งสองครอบครัวเป็นหุ้นส่วนกันก็คือบริษัทส่งออกสินค้าพวกนี้ ผมเลยไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมครอบครัวของพวกเขาถึงได้รวยนัก

ผมเดินดูดอกไม้ไปเรื่อยๆ บรรยากาศร่มรื่นทำให้ผมผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่พี่อินทร์ที่เดินอยู่ข้างๆ ผมชะงักขา ก่อนที่จะร้องเรียกผม

“จิระ”

พอหันไป เขาก็เอาอะไรบางอย่างมาทัดหูให้ ผมอดไม่ได้ที่จะร้องถาม

“อะไรน่ะครับพี่อินทร์”

ผมยกมือขึ้นจับที่ข้างหูของตัวเอง พี่อินทร์ยิ้มน้อยๆ ให้

“ดอกชบา”

ผมหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นดอกชบาสีชมพู ก่อนที่หูอีกข้างจะถูกเขาเอาดอกไม้ทัดอีก พอหยิบมาดูก็พบว่าคราวนี้เป็นสีแดง พี่อินทร์มุ่ยหน้าเล็กน้อยที่เห็นผมไปวุ่นวายกับดอกไม้ของเขา

“อย่าเอาออกสิ ทัดหูไว้น่ารักดี”

แล้วเขาก็เด็ดดอกใหม่มาทัดหูให้ผมอีกครั้งทั้งสองข้าง กลายเป็นผมที่มุ่ยหน้าบ้างแล้วเมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะออกมา

“รู้ไหมว่าในสมัยโบราณ ผู้ชายที่เริ่มแตกหนุ่มจะเอาดอกไม้ทัดหูเพื่อให้ผู้หญิงมาสนใจ คนที่เจ้าชู้หน่อยก็จะทัดทั้งสองข้าง จิทัดสองข้างแบบนี้ แสดงว่าเจ้าชู้”

ผมเบ้หน้ามองเขาเลย เรื่องนี้ผมรู้ แต่เรื่องเจ้าชู้น่ะ พี่อินทร์เมื่อครั้งเป็นอิเหนาต่างหาก ไม่ใช่ผม

“เล่นอะไรครับ จิไม่เห็นสนุกเลย”

ผมบุ้ยปากใส่เขา พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่

“พี่ก็ไม่ได้สนุก”

“แล้วพี่อินทร์หัวเราะทำไม”

“พี่แค่กำลังคิดว่าทำไมจิถึงน่ารักขนาดนี้”

พลันคำพูดที่ตั้งใจจะต่อว่าเขาก็หายไปสิ้น ผมเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นยิ้มแต่ก็กลั้นไม่ไหวจนต้องก้มหน้าลงมองพื้นแทน

“ถ้าจิน่ารัก แล้วพี่อินทร์รักจิไหม”

ผมไม่ค่อยอ้อนเขาหรอก แต่ครั้งนี้อยากอ้อน พอช้อนตามอง พี่อินทร์ก็เอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผม

“รักสิ รักจิจัง”

ผมยิ้มกว้างออกมา มีความสุขที่สุดแล้ว

ทว่า...จู่ๆ ความทรงจำจากความฝันเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาในหัวโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผมยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง

‘ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า’

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวผม ทำเอายืนนิ่งไปครู่จนพี่อินทร์ต้องร้องถาม

“มีอะไรเหรอจิ”

ผมได้สติ รีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ”

“ไม่มีอะไรแล้วทำไมจู่ๆ ถึงเงียบไป”

พี่อินทร์ทำหน้าสงสัย ผมเลยเอาดอกชบาในมือไปทัดหูให้เขาบ้าง พอเขาเลิกคิ้วสูง ผมก็ว่าออกมา

“ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า”

คนตรงหน้าผมทำหน้างุนงงมากขึ้นไปอีก ส่งเสียงดัง ‘หืม?’ ออกมา ผมเลยยิ้มให้

“พูดอะไรน่ะ”

พอเขาถาม ผมก็บ่ายเบี่ยง

“ไม่มีอะไรครับ”

พี่อินทร์ก็ไม่ได้ถามอะไร นอกจากจะเด็ดดอกชบาอีกดอกมาทัดหูตัวเองบ้าง

“จะได้เป็นเพื่อนกัน”

ผมก็เลยเอาดอกชบาในมือทัดหูเขาอีกข้าง

“ทัดข้างเดียว พี่อินทร์ก็เสียเปรียบจิสิ พี่อินทร์ต้องทัดสองข้างเหมือนกัน”

เขาหัวเราะ ก่อนจะดึงแก้มผมเบาๆ

“ถ้าเป็นจิแล้ว อะไรพี่ก็ยอมทั้งนั้นแหละ เสียเปรียบก็ไม่เป็นไร แต่มีเรื่องเดียวที่พี่ยอมไม่ได้”

“เรื่องอะไรครับ”

“ถ้าจิรักพี่น้อยกว่าที่พี่รักจิ” พลันก็ทำหน้าสลดขึ้นมา “เรื่องนี้พี่ยอมไม่ได้จริงๆ”

ก็เพราะเขาน่ารักแบบนี้ไง ผมจะไม่รักเขาได้ยังไงล่ะ...

ผมจับมือเขาที่ดึงแก้มผมอยู่มั่น ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าจริงใจที่สุด

“พี่ไม่รักพี่อินทร์น้อยกว่าที่พี่อินทร์รักจิหรอก จิสัญญา”

พี่อินทร์อย่าเปลี่ยนใจไปจากจิก็แล้วกัน...



 
เราสองคนกลับมาถึงหอในช่วงหัวค่ำ ระหว่างที่กำลังจะเข้าห้องก็เจอพี่บุศย์กำลังจะออกไปหาข้าวกินพอดี เขาเลยชวนให้ไปกินด้วยกัน ผมกับพี่อินทร์ยังไม่ได้กินอะไรเลยตกปากรับคำ ก่อนที่จะโทรชวนสรัลด้วยอีกคนเพราะรายนั้นก็อยู่หอเดียวกับพวกเราเหมือนกัน

ระหว่างกินข้าว พี่บุศย์ก็ถามออกมาด้วยสงสัยว่าพวกเราหายไปไหนกันตั้งแต่เมื่อวาน พอพี่อินทร์บอกว่า...

“กูพาจิไปเที่ยวบ้านสวน”

เท่านั้นพี่บุศย์ก็เบิกตาโต

“อย่าบอกนะว่ามึงให้ไปแล้ว?”

พี่อินทร์พยักหน้า คว้ามือของผมที่สวมแหวนอยู่ขึ้นมาโชว์พลางยิ้มร่า

“เรียบร้อยโรงเรียนอินทรา เดี๋ยวจะร่อนการ์ดงานแต่งให้นะครับ”

สรัลถึงกับส่งเสียงสูงออกมาเลยทีเดียว

“ง่อววว์ ไวไฟแท้หลาว เดี๋ยวนี้ไม่ต้องให้น้องช่วยชงเลยนะ ดีเลย หนูโยนไม้พายทิ้งละ เรือแล่นเอง ไม่ต้องมีกัปตัน”

แล้วก็พูดอะไรก็ไม่รู้ที่ผมไม่เข้าใจสักเท่าไร แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นๆ ได้ดี ผมเองก็เพิ่งจะรู้ในตอนนี้ว่าพี่บุศย์กับสรัลรู้อยู่แล้วว่าพี่อินทร์จะมีแผนจะพาผมไปเที่ยวบ้านสวน ส่วนเรื่องที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เรื่องนั้น...

“แล้ว...ได้บ๊ะๆ กันปะ?”

สรัลถามขึ้นมาแล้ว หน้าตางี้เจ้าเล่ห์สุดๆ เลย พี่บุศย์ก็ดันจ้องหน้าผมกับพี่อินทร์สลับกัน รอคำตอบอย่างตั้งใจ ส่วนพี่อินทร์น่ะเหรอ...

“จะเหลือเร้อ!”

ตอบเสียงสูงเชียว ผมเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นกินข้าวเพราะทนกับสายตาล้อเลียนของทั้งสองคนฝั่งตรงข้ามไว้ไม่ไหว สรัลนี่ตัวดีเลย สิ้นเสียงก็หันมาพูดกับผมใหญ่

“ฮั่นแน่ อัปเกรดจากเพื่อนต่างคณะมาเป็นเพื่อนสะใภ้แล้วว่ะ ร้ายกาจ”

“แล้วนี่...ใครรับใครรุก”

พี่บุศย์ก็เอากับเขาบ้าง ผมก็เบิกตาโตด้วยไม่คิดว่าคนเรียบร้อยอย่างพี่บุศย์จะมีมุมทะเล้นทะลึ่งกับเขา ส่วนพี่อินทร์ก็สวมอินเนอร์ภรรยา เอนตัวมาซบไหล่ผม ส่งเสียงสองกระเง้ากระงอด

“ถึงอิชั้นจะตัวใหญ่บึกบึน แต่อิชั้นก็ชอบถูกกระทำนะฮ้า~”

ตอแหลมาก สะดีดสะดิ้งจนผมอยากจะฟาดสักที แต่ก็หัวเราะผสมโรงไปกับพี่บุศย์และสรัลที่พากันขำน้ำหูน้ำตาไหล ผมหันไปหาพี่อินทร์ เขาก็ส่งเสียงบ้าๆ บอๆ ออกมาไม่หยุด

“สามีอิชั้นเด็ดดวงสุดยอดเลยฮ่ะ อิชั้นร้องครวญครางไม่หยุดเลย อื้อ...คุณจิร้า~ อร๊าง~”

ผมเลยทุบไปที หมั่นไส้นัก พี่บุศย์ยังหมั่นไส้เลย อดไม่ได้ที่จะดักคอ

“ครางหรือหอน มึงเอาดีๆ ไอ้อินทร์ แล้วก็เลิกแกล้งจิได้แล้ว หน้าแดงไม่ไหวแล้วน่ะ”

พยักพเยิดมาทางผมเป็นการใหญ่ด้วย ผมก็เขินจริงๆ แหละ หน้าร้อนผะผ่าวไปหมด พี่อินทร์ก็เลยกระซิบลงมาที่หูผม

“พี่อยากกินชาไข่มุกจังเลย จิไปซื้อให้พี่หน่อยได้ไหม”

รู้ว่าเขาคงอยากให้ผมไปสงบสติอารมณ์ก่อน เพราะดูท่าทางแล้ว พี่บุศย์กับสรัลคงจะคุยเรื่องนี้กันอีกยาว แล้วผมจะต้องเขินอายจนตัวแตกไปอีกเรื่อยๆ แน่ ผมก็เลยพยักหน้า รับกระเป๋าตังค์จากเขามาพลันลุกจากเก้าอี้

“จิไปซื้อของให้พี่อินทร์ก่อนนะครับ”

แล้วก็เดินจ้ำๆ ไปเลย

บุษบากับสังคามาระตา ไม่ว่าชาติไหนก็อยู่ฝ่ายอิเหนา แถมยังแกล้งจรกาอย่างผมไม่เลิกด้วย

แต่...แกล้งแบบนี้ผมก็ชอบนะ

ใจพองดีจังเลย



 
[Intara’s Part]

จิระลุกออกจากโต๊ะไป พอคล้อยหลัง ผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับสองคนตรงข้าม
“ล้อน้องจิกูให้มันน้อยๆ หน่อย เขินตัวแตกบึ้มไป จะทำยังไง”

เท่านั้นสรัลก็ส่งเสียงสูง “แหม๊! แตะไม่ได้เลยน้า ข้าวใหม่ปลามัน ไอ้คนหวงของ”

ไอ้บุศย์หัวเราะกับคำพูดของสรัลใหญ่ ผมก็ไม่เถียงหรอกว่าผมหวงจิระจริงๆ จนกระทั่งสรัลเหน็บแนมมาอีก

“ไม่ว่าตอนไหนๆ ก็หวงจริ๊งงง หมั่นไส้”

ผมหัวเราะในลำคอ คำพูดของสรัลทำให้ไอ้บุศย์คิดอะไรออกขึ้นมา

“แล้วนี่มึงจะไม่บอกน้องมันจริงๆ เหรอ”

“เรื่องอะไร”

“อย่าทำมาเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่ะ ให้แหวนไปซะขนาดนั้นแล้ว มึงเลิกอ้อมค้อมสักที”

“แล้วมันเรื่องอะไร”

“เรื่องที่มึงเป็นใคร”

“ใครล่ะ”

“อิเหนา”

เพราะผมมัวแต่ยอกย้อน ไอ้บุศย์ก็เลยพูดออกมาจนได้ ผมถอนหายใจ เลิกอ้อมค้อมก็ได้ ผมก็ขี้เกียจเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้แล้ว พลันตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“กูก็กำลังบอกอยู่นี่ไง”

บอกยังไง บอกแบบไหน ไอ้บุศย์กับสรัลเข้าใจดี มันสองคนมองหน้ากัน แล้วก็พากันถอนหายใจออกมาโดยพร้อมเพรียง

“ไอ้อินทร์ มึงนี่น้า” ไอ้บุศย์ทำท่าระอา ก่อนจะขยายความ “กูหมายถึงให้มึงบอกกับจิด้วยตัวเอง บอกจากปากตัวเองน่ะ มึงไม่คิดจะพูดเหรอ”

ผมชะงัก มองหน้ามันแล้วส่ายหัวน้อยๆ ทำให้สรัลต้องเสริมขึ้นมา

“แต่หนูว่าสมควรบอกได้แล้วนะพี่อินทร์”

แล้วผมก็ต้องถอนหายใจยาว

“แล้วจะให้บอกยังไง”

“ไม่เห็นจะยาก” สรัลว่า

“แค่บอกว่ามึงคือใครก็แค่นั้น” ประโยคนี้เป็นไอ้บุศย์ที่พูด

ผมนิ่งงัน มองสองคนนั้นอย่างจริงจัง ในที่สุดพวกมันก็พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากให้พูดออกมาจนได้ พลันความหนักใจก็พร่างพรายไปหมด

“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากบอกนะ แต่ก็เข้าใจใช่ไหมว่าเพราะอะไร”

ทำไมสองคนนั้นจะไม่เข้าใจ พวกมันทั้งเห็น ทั้งอยู่ในเหตุการณ์ พวกมันเข้าใจความอึดอัดของผมดีอย่างแน่นอน และก็เป็นไอ้บุศย์ที่ถอนหายใจออกมา

“มึงก็เลยเลือกที่จะให้แหวนนั่นแทนสินะ”

ผมพยักหน้า เท่านั้นทั้งสองก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“งั้นกูก็คงจะไม่แนะนำอะไรมึงอีกแล้ว แล้วแต่มึงเลย ถือว่าช่วยตามที่สัญญาแล้ว แต่มึงรอช้าไม่ได้เข้าใจใช่ไหม เพราะถ้าไอ้เวรนั่นมันมายุ่ง ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่”

ผมพยักหน้า รู้ว่าไอ้เวรนั่นที่ไอ้บุศย์หมายถึงคือใคร เรื่องนี้สรัลก็รู้แล้ว ไอ้บุศย์เป็นคนเล่าให้ฟังเอง ขณะที่สรัลก็นึกอะไรออกขึ้นมา

“แล้วไอ้เวรที่ตามสตอล์กเกอร์พี่บุศย์ล่ะ ยังตามอยู่อีกไหม”

ไอ้บุศย์ส่ายหน้า “ไม่ตามแล้ว แต่ไปตามจิแทน”

สรัลทำหน้าตกใจ ร้องเรียกผมทันที “พี่อินทร์...”

“จัดการแล้ว ไม่ต้องห่วง”

ผมรีบบอกก่อนที่น้องคนสนิทจะมีสีหน้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรสักเท่าไรนัก เพราะสรัลไม่ได้มีสีหน้าดีขึ้นเลย

“ระวังตัวนะพี่อินทร์ ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะมาดีหรือมาร้าย”

“พี่รู้ แกไม่ต้องห่วง”

ผมรับปาก ก่อนที่บทสนทนาของเราจะยุติลงเมื่อจิระเดินกลับมาที่โต๊ะเหมือนเดิม

“พี่อินทร์ ชาไข่มุกครับ”

ผมยิ้ม รับแก้วเครื่องดื่มนั้นมา ก่อนที่เจ้าตัวเล็กของผมจะทำหน้าสงสัยเมื่อรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่โต๊ะตึงเครียดขึ้นมาพิกล

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ ทำไมดูเครียดๆ”

ถึงจะยิ้ม แต่คงจะอ่านสายตาผมออกล่ะมั้ง พลันไอ้บุศย์ก็โพล่งขึ้นทันที

“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่แซวมันหนักไปหน่อย กินข้าวต่อเถอะ”

จิระมองผมอย่างขอคำตอบว่าใช่หรือเปล่า ผมเลยยิ้มกว้างให้ ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่เล็กน้อย

“ก็ปี้อินทร์หวงหนูง่ะ ไม่อยากให้หนูถูกใครล้อเลียน”

เท่านั้นจิระก็เชื่ออย่างสนิทใจ ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าที่แดงเป็นพัลวัน

“ขอบคุณครับ”

ทำตัวบ้าๆ บอๆ แบบนี้ทีไร จิระสบายใจทุกที สงสัยในสายตาเขา การทำตัวปกติของผมคงจะเป็นท่าทางแบบนี้ล่ะสินะ แต่ให้เขาเข้าใจอย่างนี้แหละดีแล้ว ผมลอบถอนหายใจ มองหน้าไอ้บุศย์กับสรัลที่พากันทำตัวปกติแล้วก็ได้แต่ขอบคุณพวกมัน พลันคว้ามือของจิระมาจับไว้ เขามองผมอย่างงุนงง ขณะที่ผมยิ้มให้เขา เผลอใช้ปลายนิ้วลูบเม็ดนิลบนแหวนอย่างเบามือ

บอกเรื่องนั้นเหรอ?...ผมก็กำลังบอกอยู่นี่ไง

กำลังบอกอยู่... แล้วก็หวังว่าจิระจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในเร็ววัน

พี่จะรอวันนั้น... วันที่เจ้าระลึกได้

...ระตูจรกา

[1] ชื่อของอิเหนาที่ได้จากอง์ประตาระกาหลา เทวดาประจำตระกูลที่มาอวยพรและประทานนามให้เมื่อแรกเกิด เป็นภาษามลายู



เฉลยปมแรกแล้ว ส่วนใหญ่ก็เดาถูกกันเนอะ แต่!!! หลังจากนี้มันลึกลับซับซ้อน  พี่บุศย์กับจิณห์เคยเป็นเมียอิเหนามาก่อนหรือไม่นั้นนน ให้คนเขียนทำนายกัน 555

วิหยาสะกำยังไม่หายไปไหนนะคะ กำลังจะกลับมาละ เป็นตัวละครสำคัญอีกตัวนึงเลย ส่วนใครอ่านแล้วกลัวดราม่า ทำใจให้สบายค่ะ ไม่ม่าขนาดนั้น ฟีลกู้ดจ้าฟีลกู้ด (เชื่อได้มั้ยเนี่ย ฮา)

เย็นๆ มืดๆ ไว้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้จ้า XD



ป.ล.เรื่องทำเล่ม ใครสนใจ หนูแดงรบกวนทำแบบสอบถามประเมินความต้องการหน่อยนะคะ ยังไม่เปิดจองเน้อ น่าจะอีก 2-3 เดือน แต่ถ้าเปิดจองแล้วจะส่งเมลให้คนที่ทำแบบสอบถามค่ะ เข้าไปทำที่นี่นะ https://goo.gl/forms/SrRySdDem1s5ST8a2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด