Ep. 18
[รบ]
ผมเชื่อแล้วว่าธนูมันเป็นคนขี้หึงจริงๆ
หลังจากเหตุการณ์เรื่องนทีผ่านมาหลายวัน ผมก็รู้สึกได้ว่าธนูนั้นมันเป็นคนอย่างที่ผมเตือนจริงๆ มันชอบหาว่ามันจะหึงผมมากที่สุดเวลามีพี่นทีมายุ่มย่าม แต่ผมขอบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยว่า…แม่งไม่ใช่เลยสักนิด!
มันก็หึงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมทั้งนั้นนั่นแหละ
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของมันครับ ผมค้นพบเรื่องนี้ตอนที่มีหนุ่มตัวใหญ่ซึ่งเป็นลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาหาผมชนิดที่ว่ารุกจนผมเหวอ วันนั้นเขาบอกว่าเขามองผมอยู่นานแล้วก็ชอบผมมาก…ขอไลน์ของผมได้มั้ย ผมกำลังจะปฏิเสธว่าไม่ แต่ไอ้ธนูมันก็เดินมาแกล้งเตะของแถวนั้นให้ล้มครืนลงมาเกือบโดนลูกค้าคนนั้นเต็มๆ
ใบหน้าของมันเดือดมาก ผมได้แต่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ใกล้ๆ สายตาของธนูน่ากลัวมากจนผมไม่รู้ว่ามันจะจับลูกค้าคนนั้นฉีกเป็นชิ้นๆ หรือเปล่า จนในที่สุดผมก็ได้ปฏิเสธเขาให้ธนูมันเห็นกับตา…ธนูมันจึงได้สงบลง
เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่งเตือนผมเรื่องนี้…
แต่ก็นั่นแหละครับ มันก็ไม่ได้ตามไปหึงผมตลอด หรือไม่ก็ถ้าหึงปุ๊บ มันก็พยายามไม่ทำให้ตัวเองหัวร้อน อย่างเช่นกรณีที่ผมเพิ่งเล่าไป แทนที่มันจะพุ่งตรงเข้าเอาเรื่องลูกค้าคนนั้น มันกลับเตะของแถวนั้นเพื่อเป็นการข่มขู่แทน นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ลูกค้าส่งยิ้มให้ผมด้วยนะครับ ถ้าลูกค้าคนนั้นตัวเล็ก น่ารัก มันจะบ่นเบาๆ แต่ถ้าเป็นลูกค้าตัวใหญ่เหมือนผมกับมัน…มันจะมองลูกค้าอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว
มันพยายามใจเย็นลงเพื่อผม…ผมเองก็พยายามปรับตัวเข้าหามันเหมือนกัน
อยากย้อนเวลากลับไปเพิ่มข้อ 11 ในเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแอลฟาของรันจังเลยครับ…
11 . แอลฟาขี้หึงมาก…ขี้หึงสัดๆ ขี้หึงเหี้ยๆ ใครได้เป็นแฟนแอลฟามึงต้องรับเขาตรงนี้ให้ได้ ผมจำได้ว่าผมเคยเทคู่นอนของผมหลายต่อหลายคนเพราะคนเหล่านั้นไม่ยอมจบ เขาต้องการมีภาคต่อกับคนอย่างผม ซึ่งในตอนนั้นผมเองก็เหี้ยอยู่หน่อยๆ…ไม่คิดอย่างลงหลักปักฐานกับใครอย่างจริงจัง อีกทั้งยังรู้สึกรำคาญนิดๆ ที่มีคนมาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหรือเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตผม
แต่พอมาคบกับไอ้ธนู…ผมก็เปลี่ยนไป
ผมไม่อยากจะคิดให้เหมือนเหนื่อยใจหรอกครับ มันจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ธนูทำให้ผมกลายเป็นคนยอมมันขนาดนี้นอกจากคำว่ารักคำเดียว
อีกอย่าง...คำว่าหึงบางครั้งมันก็ไม่ใช่คำที่เลวร้าย
ยอมรับก็ได้ว่าผมโรคจิตหน่อยๆ ที่ชอบเห็นเวลามันหึง มันไม่ได้งี่เง่าเลยสักนิด (ผมคงหลงมันมากไปใช่มั้ยครับเนี่ย) ตอนมันบ่นผมเวลาที่ผมชอบเดินเหินไปมาจนลูกค้ามารุมตอม มันก็บ่นเสียน่ารักเชียว...ไม่เคยมีครั้งไหนที่มันโมโหจนขาดสติเท่ากับตอนที่มีเรื่องนทีอีกแล้ว
นี่สินะที่เรียกว่าช่วงความรักสุกงอม ช่วงข้าวใหม่ปลามัน ช่วงโปรโมชั่น...
วันนี้ผมมาทำงานที่ร้านแบล็คแพ็คตามปกติ แม้ว่าตำแหน่งผมจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ผมก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิม ตอนนี้ผมเชื่อว่าธนูมันต้องเริ่มวางแผนแล้วล่ะว่าจะจ้างใครมาเป็นพนักงานเวลาที่พวกเราทุกคนเปิดเทอม…ผมเองก็เห็นตอนที่มันแอบคุยเรื่องนี้กับการ์ดอยู่ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มันต้องกังวลมากนัก
เพราะชื่อเสียงของร้านตอนนี้แผ่ขจรขจายไปไกลลิบ…โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยากรู้ชีวิตของเกย์หนุ่มสุดฮอตแบบเอ็กซ์คลูซีฟ จนบางครั้งธนูมันก็มาบ่นกับผมว่าเหมือนมันเป็นลิงในสวนสัตว์ยังไงยังงั้น
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำอะไรไม่ได้…นั่นเป็นจุดขายของร้านแบล็คแพ็คที่ใครๆ ต่างก็รู้ดี
ครับ...ผมต้องบอกอีกครั้งว่าเหมือนทุกอย่างในวันนี้จะเป็นไปได้สวย โดยที่ผมไม่รู้ตัวว่ากำลังจะมีเหตุการณ์ตื่นเต้นอีกเหตุการณ์หนึ่งมาทดสอบผมกับธนูอีกครั้ง
คราวนี้…โชคชะตาจัดตัวพีคมาให้เราสองคนเลยทีเดียว
ทุกคนคงจำนทีได้กันใช่มั้ยครับ
ไอ้บ้านั่น…มันยังไม่ละความพยายามในการเข้าหาน้องชายของมัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม…ผมจะยังไม่กล่าวถึงเหตุการณ์นั้นตอนที่มันมาหรอก
ผมจะใช้ชีวิตตามปกติของผมไปก่อน
ผมกำลังนั่งจัดรูปโพลารอยด์เข้าถุงพลาสติกเพื่อเป็นของขวัญพิเศษแก่ลูกค้าของร้านในช่วงบ่าย โปรโมชั่นนี้ธนูมันเป็นคนคิดแถมยังเป็นคนไปซื้อกล้องโพลารอยด์มาด้วยตัวเอง มันคงเล็งเห็นว่าพนักงานร้านแต่ละคนไม่ธรรมดา ถ้าทำรูปแจกอาจจะเป็นที่ต้องการของสาวๆ ก็เป็นได้ ฉะนั้นตลอดทั้งเช้าของวันนี้ทุกคนที่อยู่ในร้านจึงโดนถ่ายรูปไปคนละหลายสิบใบรวมทั้งธนูด้วย
ปัญหาของผมมันอยู่ที่ว่า...มีรูปธนูหลายใบที่ผมอยากเก็บเอาไว้เอง เนื่องจากมันเป็นโพลารอยด์ มันถ่ายครั้งเดียวจบแถมยังกลายเป็นรูปแค่หนึ่งใบในโลกเท่านั้น...
สับสน มึนงง กิเลสพุ่ง...ทำไงดีวะ
แต่ละรูปของมันทำเอาใจผมละลาย มันเป็นรูปทีเผลอล้วนๆ เพราะธนูไม่ชอบถ่ายรูป นั่นย่อมหมายความว่าท่วงท่าที่อยู่ในรูปคือธรรมชาติของมันซึ่งมันเท่มาก บางรูปมันเล่นกีต้าร์ บางรูปมันติดอะไรบางอย่างบนผนังของร้าน บางรูปมันกำลังดื่มกาแฟ และบางรูปมันก็กำลังนั่งตรวจเอกสารของร้านอยู่
เท่ฉิบหาย...รูปแบบนี้หาไม่ได้ในไอจีมันนะครับเนี่ย ไอจีที่มีแต่สมยศนั่นน่ะ
ผมอยากได้เก็บไว้เองหมดเลยจริงๆ นะ...
ราคาเท่าไหร่วะ กูจะซื้ออออ
ผมรู้ตัวอีกทีตอนที่ผมกำลังถูกจ้องมองโดยธนู มันกำลังนั่งมองผมอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมรู้สึกเก้อเขินเพราะผมกำลังมองรูปมันบนโต๊ะอย่างตาละห้อยอยู่เมื่อตะกี้
“มึงหลงรูปกูมากกว่าหลงกูอีกนะ”
นั่นไง...ไอ้บ้านี่มันเห็นทุกอย่างจริงๆ ด้วย
แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้มันได้ใจง่ายๆ “มั่วแล้ว”
“เหรอ เห็นจ้องอยู่ตั้งสิบนาที”
“...”
“อยากได้เองเหรอวะ”
“ไม่” แม้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่ผมกับมันก็ยังเล่นเกมกันอยู่ดี...แม้ที่ผ่านมาพวกเราไม่รู้ว่าใครแพ้บ้างชนะบ้าง มันกลายเป็นสไตล์ของคู่เราไปซะแล้วล่ะครับ
“ว้า กะจะให้สักหน่อย”
สิ้นเสียงของธนู ผมก็ถลึงตามองทันที “จริงเหรอ”
“แต่มึงคงไม่อยากได้แล้ว”
“กูอยากได้!” ฟอร์มเฟิร์มอะไรก็ช่างมันไปก่อนครับ นี่รูปธนูแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นนะ ลีลามากไปเดี๋ยวจะแห้ว เพราะมันเป็นของหายากระดับสิบ!
ธนูยิ้ม...ก่อนจะพยักเพยิดไปที่โต๊ะ “เลือกเอาสักรูปสิ”
มันให้แค่รูปเดียวแฮะ แต่ไม่เป็นไร ได้รูปหนึ่งใบก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ผมตัดสินใจจิ้มไปที่รูปมันดีดกีต้าร์ “รูปนี้นะ”
“อืม”
มือของมันตะปบมือผมที่กำลังจะคว้าเอารูปนั้นไป “อะไรวะ” ผมโวยวาย
“มึงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยน”
ไอ้เจ้าเล่ห์เอ๊ย...ผมเห็นมันเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าผมต้องทำอะไรแลก
“คนเยอะนะ” แม้จะเป็นช่วงกลางวันที่ลูกค้าบางตา แต่ก็ใช่ว่าร้านที่กำลังบูมนี้จะไม่มีลูกค้านั่งอยู่เลย
“แล้วไง” ลืมไปว่าแฟนผมมันไม่แคร์ห่าอะไรเลย
มันยื่นใบหน้าเข้ามา ผมจึงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ จากนั้นเราสองคนก็จุ๊บกันสั้นๆ
ธนูยิ้มพอใจ ก่อนจะปล่อยมือผมเพื่อที่ผมจะได้หยิบรูปนั้นขึ้นมาได้
เยสสสส เสร็จกู!
แม้จะเสียดายรูปอื่น แต่ผมก็จะทำใจยอมรับมันซะ
“มึงก็ได้ตัวจริงไปแล้ว จะแคร์รูปทำไมนักหนาเนี่ย” ธนูยังไม่เลิกวอแวผม
“ยุ่ง...มันเรื่องของกูน่า”
“ลองจุ๊บอีกทีดิ...เผื่อกูจะใจดีให้มึงเพิ่ม”
ผมเบิกตาโพลง...ยอมรับว่าผมโคตรอยากได้อีกสักใบ ฉะนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะจุ๊บมันอีกครั้ง
“เลือกเลย” มันพูดกับผม
ผมมองทุกรูปอย่างพินิจพิจารณา จนกระทั่งได้ยินเสียงธนูมันหัวเราะเอ็นดู ก่อนที่มันจะรวบรูปทั้งหมดของมันขึ้นมาแล้วส่งมาให้ผม
“มึงให้กูเหรอ” ผมอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็มึงอยากได้นี่”
“แล้วเรื่องแจกลูกค้า...”
“มึงอยากให้กูแจกรูปพวกนี้ให้ลูกค้าจริงๆ เหรอวะ”
ผมมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังยิ้ม...ใจจริงผมก็ไม่อยากให้ใครได้มีรูปมันเก็บไว้สักคนหรอก ยอมรับจากใจเลยว่าผมหวง
“งั้นกูเอาไปแจกลูกค้านะ”
ผมรีบคว้ารูปในมือของมันทั้งหมดเอาไว้แล้วพุ่งใบหน้าของตัวเองเข้าไปจุ๊บมันอีกครั้ง...ใบหน้าของมันยิ้มกริ่มตอนที่ผมขยับใบหน้าของตัวเองให้ห่างออกมา
“ไม่ได้...นั่นของกู” ผมเก็บรูปทั้งหมดนั่นใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“หมายถึงรูปหรือหมายถึงกู”
ยังจะถามอีก... “มึง”
“...”
“รูปมึงด้วย”
“เข้าใจแล้ว” ธนูยิ้มกว้าง ขยี้ผมของผมก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปหาการ์ด “อย่าลืมไปตัดรายชื่อกูออกจากเพจ...ในโพสต์ที่บอกว่าจะแจกรูปโพลารอยด์ของพนักงานร้านน่ะ”
“ทำไมวะ” การ์ดทำหน้างง
“รบหวง”
“...”
“มันไม่ให้แจกรูปกู”
ชื่อของผมถูกเมนชั่นถึง แน่นอนว่าการ์ดมันจะต้องหันขวับมามองที่ผม ผมไม่รู้ว่าผมจะทำหน้ายังไง นอกจากทำหน้ายักษ์ประกอบคำพูดของธนู
“เออ แม่งคงหวงจริง” การ์ดส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบจัดการตามที่ธนูสั่ง
ผมยิ้มกับตัวเอง...หยิบรูปพวกนั้นขึ้นมาชื่นชมด้วยความสุขใจ แม้ว่าการกระทำของผมมันออกจะเห็นแก่ตัวไปสักนิด แต่ผมจะไม่โทษตัวผมเองหรอก
ต้องโทษธนูล้วนๆ ที่มันทำให้ผมทั้งรักทั้งหวงมันขนาดนี้
ก็มันเป็น...ของผม...อย่างที่ผมพูดจริงๆ นี่
ทุกอย่างมันควรจะสงบเรียบร้อย แต่ชีวิตที่ราบเรียบไม่มีปัญหามันไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง หลังจากที่ผมได้ยิ้มกริ่มไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นทีก็โผล่เข้ามาในร้านพร้อมกับกองกำลังของมันอีกห้าคน
เพื่อป้องกันปัญหาทุกปัญหาที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า...ผมหลุบมุมทันทีที่เห็นว่านทีมันเข้ามาในร้าน
ตั้งแตวันที่ผมทะเลาะกับธนู ผมก็ไม่ยอมตอบไลน์มันหรือรับสายมันอีกเลย แม้ว่าผมจะรู้สึกผิดนิดๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่ผมแคร์ธนูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
มันบอกว่าเรื่องของพี่ชายมันจะจัดการเอง ฉะนั้นผมจึงควรปล่อยให้มันจัดการ เพื่อไม่ให้เราสองคนมีปัญหาหรือว่าทะเลาะกันอีก
ผมไม่ชอบทะเลาะกับมันครับ ไม่ชอบเลยจริงๆ
“ไอ้รบกับไอ้ธนูมันอยู่ไหน” นทีหันซ้ายหันขวา ผมหลบแล้วหลบอีกแต่พื้นที่ร้านมันมีจำกัด ยังไงมันก็เห็นผมอยู่ดี “รบ มึงมานี่ดิ๊”
ผมไม่ชอบที่มันเรียกผมแบบนั้น...คนเดียวที่ผมยอมให้ก็คือธนู ส่วนพี่ชายของมันนั้นผมไม่มีวันยอม ฉะนั้นจึงทำหน้าบึ้งตึงตอบกลับไป
“งั้นกูเดินไปหามึงก็ได้”
“มึงอย่า!” ผมร้องเสียงดังจนเท้าของนทีหยุดชะงัก “ถ้ามึงเข้ามากูไม่ไว้หน้ามึงแน่ๆ”
สิ้นเสียงของผม...การ์ด ยุ โฮม และก้องใช้ตากลมๆ ของพวกมันมองผมพร้อมกับมีความคิดอยู่เต็มในหัวไปหมดว่าผมทำให้นทีมันยอมผมได้ยังไง
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงยอม...
บรรยากาศเปลี่ยนไปเย็นยะเยือกทันทีที่ทุกคนได้ยินประตูของร้านปิด ธนูกลับเข้ามาแล้ว มันเดินมาช้าๆ จากนั้นก็มาขวางทางนทีซึ่งกำลังจะตรงเข้ามาหาผม
“มีเหี้ยอะไร”
“กูมีเรื่อง...คุยกับมึง”
ธนูหันมามองผมสลับกับนที “มีเรื่องคุยกับกูแล้วทำไมมึงมองแฟนกูวะ”
“ก็...คุยกับแฟนมึงด้วยก็ได้”
เพื่อนทั้งสี่ของธนูทำหน้างง...แม่งคงไม่เคยเห็นไอ้นทีมันหลุดมาดแบบนี้สินะ
นทีมันมีแววคล้ายน้องมันอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ว่าพวกการ์ดไม่เคยเห็นเท่านั้นเอง
“ไม่ให้คุย”
“ถ้ากูอยู่กับมึงตามลำพัง...กูไม่ได้คุยแน่”
“ใช่...เพราะกูกำลังคิดอยู่ว่าจะชกหน้ามึงยังไงดีที่มึงแอบไปคุยกับแฟนกูบนรถแบบนั้น”
นทีส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้ผม ผมเริ่มเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า คนพี่อยากคุยกับคนน้องแต่เข้าหาไม่เป็น ส่วนคนน้องก็ไม่มีเหตุผลเหี้ยอะไรทั้งนั้นนอกจากหัวร้อนเป็นอย่างเดียว
นี่มันคู่พี่น้องห่าอะไรเนี่ย
“นี่มึงมองทำ - วยอะไรวะ!” ธนูเริ่มโมโห
“เอ่อ...มึง” ผมค่อยๆ เดินเข้าไปสะกิดหลังธนู “บางทีนทีมันอาจจะมีเรื่องคุยกับมึงจริงๆ ก็ได้”
“ไม่ต้องไปพูดแทนมันเลย”
ได้เลยครับโผมมมม...ผมหุบปากฉับทันทีเพราะไม่อยากมีปัญหา
“เรื่องนี้มันสำคัญ...เพราะมันเกี่ยวกับคนที่เอารูปมาแปะที่ร้านวันนั้น” นทีตวัดสายตามองน้องชายตัวเอง คำพูดประโยคนี้ทำเอาธนูเริ่มให้ความสนใจขึ้นมา
“มันคือใคร”
“คุยตรงนี้ไม่ได้”
“กูไม่มีความลับกับเพื่อนกู”
“แล้วลูกค้ามึงล่ะ”
นทีพยักเพยิดไปทางลูกค้าซึ่งกำลังตัวสั่นงันงก...ในที่สุดธนูก็ใจอ่อน ทำสีหน้าบอกให้นทีออกไปคุยกันด้านนอก
“เอามันมาด้วย” นทีหมายถึงผม
“ไม่ได้”
“รบมันเป็นคนเดียวที่ทำให้มึงเย็นลง”
“...”
“กูอยากคุยกับมึงดีๆ สักครั้ง”
มันเห็นผมเป็นตุ๊กตาประจำตัวธนูหรือยังไง...แต่ก็เอาเถอะ เป็นความจริงที่ว่าธนูมันหัวร้อนง่ายมากถ้ามีเรื่องให้ข้องเกี่ยวกับนที ฉะนั้นถ้าไม่มีผม...บางทีสองพี่น้องนี่อาจจะคุยกันได้ไม่ถึงสองประโยค
ธนูมองมาที่ผมอย่างชั่งใจ ผมจึงจ้องตามันราวกับให้มันนึกไปถึงคำพูดที่ผมย้ำนักย้ำหนาว่าผมไม่มีทางใช้ตัวเองทำร้ายมัน ยิ่งผมรู้ว่ามันหึงผมโดยเฉพาะกับไอ้นที ผมก็ยิ่งอยากให้มันเชื่อใจคนของมันซึ่งนั่นก็คือผม...เพราะนั่นจะถือได้ว่าคู่ของผมเติบโตไปอีกขั้น
อย่างน้อยก็น่าจะเรียกได้ว่าธนูมันก้าวผ่านจุดอ่อนไหวที่สุดของมันไปได้...
โชคดีที่มันเข้าใจสายตาของผม ในที่สุดมันก็พยักหน้าเบาๆ
คนที่ทำหน้าโล่งใจที่สุดเห็นจะเป็นนที ผมไม่ลืมส่งสายตาข่มขู่มันลับหลังธนู
“มีห่าอะไรก็ว่ามา”
ผม ธนู และนทีนั่งกันอยู่สามคนภายใต้ร่มไม้ซึ่งเป็นที่นั่งฮอตฮิตของร้าน โชคดีที่วันนี้ไม่มีลูกค้านั่งอยู่ เราสามคนจึงได้คุยกันในที่ที่เปิดกว้าง มองเห็นได้ชัดเจนจากทุกมุม
คนของนทีซุ่มอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนคนของร้านแบล็คแพ็คก็ซุ่มอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
นี่มันเป็นการคุยกันประเภทไหนเนี่ย
“คนที่ทำเรื่องแบบนั้นคือแฟนเก่ากู...คบกันได้ประมาณสองเดือน ชื่อว่าไอ้พีม”
ธนูทำสีหน้าเหมือนงงว่าทำไมตัวเองต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ มันก้มหน้าก้มตา หันมาจับมือผมแล้วบีบนวดเล่น
“กูคิดว่ากูน่าจะจัดการไม่ให้มันเข้ามายุ่งกับมึงสองคนอีกได้ ถ้ากูไม่ติดปัญหาอยู่อย่าง...”
“อะไรวะ” ผมถาม สิ้นเสียงของผม...ธนูมันก็ชักสีหน้าใส่ผมทันที
โว้ยยย ไอ้ขี้หึงงงงงง ผมไม่รู้จะสรรหาคำใดๆ มาเรียกมันอีกแล้ว
“ถ้ามึงคิดจะพูดมึงก็รีบพูดๆ มา” ธนูกระชากเสียงใส่นที
“พี่ชายมัน ไอ้แพง”
“คุ้นๆ ชื่อ”
“ก็มันคุมอยู่อีกย่านหนึ่งไง ย่านที่มันใหญ่กว่าบ้านเราสามเท่า” นทีเปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นว่าธนูไม่สนใจ “มันไม่ยอมให้กูเข้าไปใกล้น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของมัน คนของกูเจ็บไปแปดคนแล้วเพราะคำสั่งไอ้แพง...ไอ้เวรนั่น”
“นั่นมันก็เป็นปัญหาของมึง” ธนูพูดออกมาหลังจากที่เงียบ
“กูแค่มาบอกว่ากูจะจัดการให้”
“อย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้น อย่าไปอยู่กันสองต่อสองอีก” คราวนี้ผมโดนหางเลขไปด้วย “กูไม่ชอบ...”
รู้แล้วครับ...รู้ดีเลยแหละ
นทีลอบส่งสัญญาณให้ผมตอนที่ธนูมันมองสำรวจมือของผมอยู่ ผมทำปากด่ามันว่าผมไม่อยากจะยุ่ง ซึ่งนั่นเป็นภาพที่ธนูมันเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี
ตัวชาเลยกู...
“ซุบซิบไรกันวะ” มือของมันบีบมือผมแน่นขึ้นทันที
“ใจเย็น” นทีรีบพูดแก้ไขสถานการณ์
“มีความลับอะไรกันอีก”
“ไม่มี” ผมรีบขยับมือให้ธนูมันรู้ว่าผมเจ็บ มันปล่อยมือผม แต่มันก็ยังทำสีหน้าเหมือนโมโหอยู่ดี
“บอกมา”
นทีผู้ปากหนักไม่ยอมพูดอะไรออกมาทั้งนั้น...ผมจึงต้องพูดแม้ว่ามันอาจจะทำให้ธนูมันหงุดหงิดมากขึ้น และผมก็รู้ด้วยว่ายิ่งผมไม่พูด...ธนูมันก็จะยิ่งอารมณ์เสียหนักมากกว่าเดิม
“พี่ชายมึงอยากดีกับมึงน่ะ” ผมพูดตรงๆ เพื่อตัดปัญหา ไอ้นทีทำสีหน้าด่าผม ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“กูไม่ดีกับมันหรอก” ธนูร้องเสียงดัง “มึงไม่รู้ว่ามันทำอะไรเอาไว้บ้างสมัยกูยังเป็นเด็กๆ”
“เพราะมึงไม่ให้โอกาสกูทำตัวดีๆ กับมึงเลยต่างหาก” นทีพูดแทรก
“โอกาสมีตั้งเยอะแยะ”
“เหรอ มึงแน่ใจเหรอ” นทีเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง “กำแพงมึงสูงเท่ากำแพงเมืองจีนเลยมั้ง มึงไม่เปิดรับกูกับแม่เอง มึงจำไม่ได้เหรอ”
“จะให้กูเปิดรับได้ยังไงวะ ก็กูช็อก!”
“แล้วมึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไงที่กูเพิ่งรู้ว่าพ่อมีเมียอีกคนแถมกูก็ยังมีน้องอีก...ไม่ใช่แค่มึงคนเดียวหรอกนะที่ต้องทำใจหรือเปิดรับกับอะไรก็ตามที่เข้ามาอ่ะ”
“มึงไม่ได้ทำตัวให้กูยอมเปิดใจรับเอง”
“มึงเองก็ทำตัวเป็นน้องที่น่ารักตายล่ะ”
นี่มันบทสนทนาอะไรกันวะเนี่ย...เหมือนหมาตัวเล็กๆ สองตัวกำลังฟัดกันอยู่ชัดๆ
“มึงมันเป็นพี่ที่เหี้ย เอาของกูไปหมด”
“ทุกอย่างมีสองอัน...มึงมันอินดี้เองที่ไม่อยากมีของใช้เหมือนกู”
“ไม่จริงเลยโว้ยยยย” ธนูร้องเสียงดังจนผมรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่ม
“อย่ามาเถียงกู”
“...”
“มึงคิดว่ามึงยอมกูฝ่ายเดียวจริงๆ เหรอวะธนู คิดว่าครูที่พ่อจ้างมาสอนมึงใครเป็นคนสกรีนให้ถ้าไม่ใช่กู”
“...”
“ไม่ใช่ใครที่สอนมึงได้ ไม่ใช่ใครที่ทนมึงได้”
“ไอ้สัด” ธนูปล่อยมือผมแล้วลุกขึ้นยืน...ผมเห็นมันตัวสั่นอย่างน่าเป็นห่วง
“มึงคิดว่ากูไม่เสียเวลาในช่วงวัยรุ่นของกูเพื่อคอยจับตามองดูแลเด็กอย่างมึงเหรอ มึงคิดว่ามึงปกติเหรอวะ”
“...”
“มึงก็แค่เด็กที่ซึมเศร้ากับการสูญเสียแม่และก็เอาแต่มองดวงจันทร์!”
“ไอ้เหี้ย” ธนูเริ่มกระชากคอเสื้อนที “ออกไปจากร้านกูซะ”
ผมเห็นว่าลูกน้องของนทีเริ่มขยับตัว ผมจึงรีบห้ามปรามธนู “พอเถอะ”
“มึงดูแฟนมึง...เอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้ หงุดหงิดโมโหง่ายขนาดนี้ มึงยังคบกับมันอีกเนอะ” ไอ้นทีปากเสียมากกกก
“โว้ย!” นทีล้มคว่ำลมไปเพราะธนูชกมันคาเก้าอี้เลยทีเดียว
“เฮ้ย” ผมรีบลุกขึ้นอย่างตกใจ เอาตัวเองเข้าไปขวางหน้านทีเอาไว้เพราะไม่อยากให้ธนูมันสติหลุดมากไปกว่านี้ “มึงใจเย็นๆ ก่อน”
“ไม่ต้องมาขวางเลย”
“นทีมันแค่ปากเสีย เข้าหามึงไม่เป็น”
ผมเห็นธนูหน้าแดงก่ำอีกทั้งยังหอบจัด... “อย่ามาแก้ตัวแทนมัน”
“กูเปล่า” ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากทึ้งหัวตัวเอง กลัวฉิบหายว่าร้านจะพังอีกรอบเพราะลูกน้องของทั้งสองฝ่ายดูพร้อมที่จะมีเรื่องทุกเมื่อ “กูแค่อยากทำให้เหตุการณ์ตอนนี้มันดีขึ้น”
“มึงก็เห็นว่ามันเอาแต่ด่ากู แต่มึงก็ยัง...แก้ตัวแทนมัน”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“งั้นมึงก็ด่าไอ้นทีให้กูดูสิ”
“มึง...ไอ้เหี้ย” ผมไหลเป็นปลาไหลด้วยการหันไปด่านทีบ้าง “ด่าแฟนกูทำไม อยากตายหรือไง”
นทีกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า “ไอ้คนกลัวผัว”
“มึงไม่ต้องมาพูด” ผมสวนกลับ “ปากบอกว่าแคร์น้องแต่ดูที่ทำออกมาแต่ละอย่าง มึงก็ไม่ปกติเหมือนกันแหละวะ”
“มันทำกูก่อน” นทีฟ้องเป็นเด็กน้อย
“คนอย่างมึงสมควรโดนหัวร้อนใส่อยู่แล้ว”
“ไอ้...เหี้ยนี่ กูให้มึงมาช่วยกูนะ”
“กูไม่อยากช่วย ไม่ช่วยแล้ว”
“ต้องช่วยสิวะ”
“กูไม่ช่วย” ผมร้องอย่างหงุดหงิด “เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง”
“เฮ้ย อย่าทิ้งกันดิ ไม่มีมึงกูจะทำยังไง”
“เรื่องของมึงดิ”
“ไอ้เหี้ย”
“กูแคร์แฟนกูคนเดียว”
“แล้วไหนล่ะแฟนมึง”
“หา”
“มันไปไหนซะแล้วล่ะ”
ผมหันขวับมามองจุดที่ธนูเคยยืนอยู่คอแทบหัก แทนที่ผมจะเห็นมัน ผมกลับมองไม่เห็น...มันหายไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งนั่นทำก็ทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่ามันกำลังโมโหที่ผมคุยกับนทีโดยไม่เห็นหัวมัน
งานเข้าผมแล้วว่ะ...
“ธนู” ผมรำพึง รีบก้าวเท้าเพื่อออกไปตามหามันทันที
[ มีต่อนะคะ ]