อ่อยครั้งที่แปด
หลังจากตื่นมาผมก็นั่งๆ นอนจนตอนเย็นผมช่วยพี่เสือทำอาหารง่ายๆ กินกันที่ห้องเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันอะไรอย่างนั้น คิดแล้วผมก็เขิน นั่งกินข้าวตรงข้ามกันมีพยานเป็นแมวตัวสีเทาหน้าบูดเหมือนเอียนในความมโนของเจ้าของมัน
กินข้าวเสร็จผมก็สลับกับพี่มันเข้าไปอาบน้ำผมล้างแผลเองตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำเลย อีกอาทิตย์นึงหมอนัดไปตัดไหมเนื่องจากโดนเย็บมาสามเข็ม ผมเดินออกมานั่งเช็ดผมที่โซฟาตัวเดิม ดูทีวีที่กำลังฉายรายการท่องเที่ยวต่างประเทศแถบยุโรป พี่กระโดดขึ้นมานอนบนตักผมอย่างออดอ้อนอย่างเคยถึงมันจะหน้ายุ่งไปบ้างแต่เราก็รักกันดีนะครับ
ผมหันไปมองพี่เสือที่เดินออกมาจากห้องมานั่งข้างๆ ผม ร่างใหญ่ๆ ใส่แค่กางเกงตัวเดียวเสื้อไม่ใส่จะทำตัวอ่อยไปถึงไหนพ่อคุณ ผมก็เกือบลืมตัวมองซิกแพกสวยๆ ของพี่มันจนเลือดกำเดาจะไหลแล้วคุณพี่ น้องจะตายแล้วนะเออ
“อย่ากระโจนเข้ามานะ กูกลัว” คำพูดของพี่เสือทำให้ผมได้สติ ผมเบนสายตามองไปเรื่อยแบบที่ผมคิดว่าเนียนๆ ไปเลย แต่ไม่เนียนในสายตาพี่มันอ่ะ ดูสิมองผมแล้วเหมือนจะขำแต่ก็เก๊กอยู่นั่นแหละ ขอให้สำลักความหล่อตายไปเลยนะ
“แผลมึงยังปวดอยู่ไหม” เมื่อเหตุการณ์เข้าโหมดปรกติพี่เสือถามผมเอนหลังพิงพนักพิงด้านหลังวาดมือมาด้านหลังจนเหมือนโอบเป็นกลายๆ ผมก็คิดไปเองคนเดียวจนหน้าร้อนเขินเป็นบ้าคนเดียวจนต้องรีบๆ ตอบ
“ไม่ ไม่แล้วครับ”
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์มึงอยากไปไหนไหม” ผมหันไปมองหน้าพี่มันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม อยู่ก็ถามอะไรที่ทำให้ผมคิดว่าเหมือนพี่มันกำลัง…ตามใจผมอยู่
“ผมไม่อยากไปไหน อยากอยู่กับพี่ทั้งวันมากกว่า” ปากไวกว่าความคิดผมรีบหันหน้าหนีทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดความต้องการในใจออกมา แล้วพี่มันจะฆ่ากูไหมนี้ ฮืออออ
“หึ ตามใจมึงสิ” คำตอบที่คำให้ผมตาโต ไม่ฆ่าไม่โกรธแต่ตามใจ พี่เสือเริ่มมีใจให้ผมแล้วใช่ป่ะ ถึงไม่ปฏิเสธแบบนี้อ่ะ
เงียบไปสักพักผมเริ่มเนียนแอบเอาหัวซบไหล่พี่มันเลย แมวที่นอนอยู่ที่ตักหลับไปแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ผมใหญ่ที่แผ่ไออุ่นออกมาลูบหัวผมเบาๆ ผมก็พิงตัวเองเข้าไปเต็มที่ทั้งตัวเลยอยู่ท่านี้แล้วอบอุ่นชะมัด เล่นเอาซะกูเคลิ้มเลย
ผมหลับตาพริ้มพิงอกพี่มันไปเรื่อยจนรู้สึกว่าหนังตามันหนักจนเปิดไม่ขึ้น อาการง่วงนอนเข้ามาแทรกซึมจนต้องหลับตาปล่อยตัวเองไปตามสบายเลย น้ำหนักที่อยู่บนตักผมหายไปสงสัยคงลงไปนอนที่อื่น ไออุ่นข้างกายยังอยู่ที่เดิม ผมยิ้มพร้อมกับซุกหน้าเบียดกับอกแข็งๆ แต่อบอุ่นของพี่เสือมือพี่มันก็กำลังลูบหัวผมไปมา เสียงรายการโทรทัศน์ดังมาแววๆ แล้วก่อนที่สติผมจะดับไปสัมผัสอุ่นๆ เหมือนที่ผมรู้สึกเมื่อตอนเที่ยงกลับมาอีกครั้งแผ่วเบาและอบอุ่นที่ริมฝีปาก…กูคงโดนผีห้องพี่เสือหลอกอีกแน่เลย…
ผมตื่นมาตอนเช้าของวันอาทิตย์ สภาพนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อย ผมจำได้ว่าหลับที่หน้าทีวีสงสัยพี่เสือลากเข้ามานอน
พี่เสือหายไปแล้วเหมือนเคยคงอยู่ครัวทำข้าวเช้าอีกเหมือนเดิม ผมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงมือแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากตัวเองนึกถึงสัมผัสเมื่อคืน ผีมันหลอกผมอีกแล้ว ไม่ได้การล่ะผมต้องบอกพี่เสือทำบุญห้องซะหน่อยแล้วล่ะเพราะสงสัยผีมันคงเฮี้ยนมากตอนกลางวันแสกๆ ก็มาหลอกกลางคืนยังตามมาอีก
ผมลงจากเตียงเข้าไปอาบน้ำล้างแผลตัวเอง เดินไปที่ครัวเจอพี่เสือนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่โต๊ะกินข้าว ข้างๆ มาแก้วกาแฟที่หมดแล้ววางอยู่ เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้พี่มันเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วพยักหน้าไปทางหม้อเล็กๆ ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว
ผมเดินไปตักโจ๊กในหม้อมานั่งลงตรงข้ามกับพี่เสือกินไปเงียบๆ จนกินเสร็จเอาถ้วยไปล้างพร้อมกับแก้วกาแฟพี่มันที่หยิบติดมือมาด้วย
“อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังผม เสียงกระดาษขยับตามมาด้วยเสียงเท้าเบาๆ เดินมาหยุดอยู่ที่ข้างหลังผม ผมสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจของอีกคนที่มายืนซ้อนหลังผม สองแขนยาวยื่นมาค่ำขอบซิงค์ล้างจานจนตอนนี้ผมกับพี่มันอยู่ในท่าเหมือนคร่อมตัวผมจากด้านหลังเอาไว้ ทำเอาผมหน้าร้อนจนต้องก้มหน้าก้มตาล้างจานแบบมือสั่นๆ วางจานทิ้งไว้รอแห้ง
ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับพี่เสือที่อยู่ท่าเดิมพี่มันก้มใบหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกันกับผม ป่านนี้พี่มันคงรู้แล้วล่ะว่าผมหน้าแดงเพราะเขินพี่มันแค่ไหน
“ผมว่าพี่ควรทำบุญห้อง เอาพระมาสวด” ผมบอกพี่มัน ผมรู้ว่าคุยเรื่องนี้ตอนสถานการณ์ชวนหัวใจล้มเหลวแบบนี้มันไม่เข้าฟีล แต่ผมตื่นเต้นจนคิดเรื่องอะไรไม่ออกนอกจากเรื่องที่ผมกังวลใจที่สุดในตอนนี้แล้ว
“หะ!” หน้าพี่มันงงสุดขีดเมื่อผมบอกแบบนั้น
“ห้องพี่มีผี ผมโดนหลอกด้วย ตอนที่นอนอยู่โซฟานอนสองครั้งก็โดนหลอกสองครั้งเลย” ผมพูดยาวเหยียดอธิบายให้พี่มันเข้าใจ พี่มันหน้านิ่งจนผมต้องย้ำอีกครั้งว่ามันคือความจริง
“จริงๆ นะพี่เสือ ผมไม่ได้คิดไปเองหรือโกหกนะ” ปากพูด สองมือผมยกขึ้นจับต้นแขนพี่มันพร้อมเขย่า
“มึงเห็น? หรือว่ายังไง” พี่มันถามผม
“ไม่พี่ไม่เห็น แต่มันมาจับตัวผมเลยพี่ ผมจำได้ เมื่อวานตอนกลางวันจบหน้าผากกับแก้ม ตกตอนกลางคืนที่อยู่กับพี่มันจับปากอ่ะ โคตรน่ากลัวเลย” ผมพูดไปเขย่าแขนพี่เสือไป ผมพูดจบเขาก็มองหน้าผมแบบตกใจ คงตกใจที่ห้องตัวเองมีผีแน่เลย
“กูไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจอะไรเล่าพี่! ผีนะผีอ่ะ”
“ไม่เข้าว่ามึงโง่หรือโง่กันแน่ หึ” หลอกด่ากูเฉยเลย...
พี่มันหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผมจนปลายจมูกโด่งๆ ของพี่มันชนกับปลายจมูกที่มีเพียงน้อยนิดของผม พวกเราสบตากันอยู่สักพักผมเงียบไม่ได้ผลักออกแต่อย่างใดพี่มันก็นิ่ง จนพี่เสือทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มเอง สัมผัสอุ่นๆ แตะบนริมฝีปากผมแผ่วเบา ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์มันคุ้นๆ นะ
ผมตาโตอย่างตกใจแบบสุดขีด พระเจ้าช่วยกล้วยแม่ชี! ผมโดนพี่เสือขโมยจูบถึงจะแค่ปากชนปากแบบไม่มีการรุกรานแต่อย่างใด ผมก็จะเรียกว่าจูบ
พี่มันถอยออกไปยืนตรงข้ามผมมือกอดอกยกยิ้มกริ่มบนใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์มองดูผมที่เกิดอาการช็อคอย่างรุนแรง ผมยกมือจับปากตัวเองเบาๆ พร้อมทำหน้านึกคิด ผมว่าผมคุ้นมากเลยสัมผัสแบบนี้ หรือว่า…
“รู้หรือยังว่าห้องนี้มีผีหรือไม่มี” คำถามที่มาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าหล่อคม ชัดเจน ทุกอย่างชัดเจนมากว่าห้องนี้ที่จริงแล้วไม่มีผี...
TBC.
น้องเกวคน(โง่)ซื่อบื้อของพี่เสือ