S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]  (อ่าน 29720 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2018 21:35:41 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
***รู้สึกว่าแต่ละเรื่องที่แต่งจะมาคนละแนวเกือบหมดเลยแฮะ

***เปลี่ยนประกาศ เพราะตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะแรงขนาดไหน
พระเอกออกจะมีอาการทางจิต จะคิดอะไรแปลกๆ ในบางทีนะฮะ

วางโครงเรื่องไว้หมดแล้ว เหลือแค่ตอนจบ จริงๆ อยากให้ช่วยกันคิด ว่าจะให้จบยังไง

แต่...ตัวละครยังมาไม่ครบ ฮ่าๆ

S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ

ไม่ว่าทำอะไรก็ “เคย” ดีไปหมดทุกอย่าง
เคยเป็น “เด็กอัจฉริยะ”
เคยเป็น “ซูเปอร์แมน”
เคย...“เพอร์เฟค”

แต่นั่นมันก็แค่...เรื่องในอดีต

“ดูสิ กร น้องๆ ได้รางวัลที่ 1 ที่ 2 ตอบปัญหาคณิตศาสตร์ระดับประเทศเชียวนะ เหมือนกรสมัยเด็กๆ เลย” แม่ยิ้มอย่างยินดีกับแผ่นกระดาษบางๆ ที่เจ้าแฝดทั้งสองได้รับมาจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่ได้ไปดูหรือไปให้กำลังใจอะไรทั้งสิ้น เพราะอ้างไปว่ามีนัดทำรายงานและกิจกรรมของคณะทั้งวัน ทั้งที่จริงแล้ว ผมก็แค่ขี้เกียจไปร่วมงาน

ไม่อยากไปอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ ที่ผมเคยเจอมา

ผมเองก็เคยเข้าแข่งขันรายการเดียวกัน และได้รางวัลแบบเดียวกับนภันต์ แฝดคนน้อง นั่นคือรางวัลที่ 1 ชนะเลิศระดับประเทศ แถมยังทำได้ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ป.3 จนถึง ป.6

ผมเพียงแค่แค่นยิ้มให้แม่ เอามือแปะหัวน้องแฝดคนละข้าง แล้วขอตัวขึ้นห้องไป

ตอนเด็ก IQ ของผมอยู่ในระดับเกิน 120 ทั้งพ่อแม่และครูอาจารย์ต่างชื่นชมว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่มันก็แค่ช่วงหนึ่งในชีวิต สมัยเรียนประถม

พอขึ้นชั้นมัธยมต้น ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ความเป็นอัจฉริยะของผมไม่ได้หายไป แต่เพราะมัน ทำให้ผมไม่มีเพื่อนเลยสักคนที่จะพูดคุยกันรู้เรื่อง ถูกเด็กคนอื่นกลั่นแกล้งรังแก เพียงเพราะเก่งกว่า หาว่าหยิ่งบ้างล่ะ เอาแต่เรียนไม่สนใจโลก เป็นพวกเด็กเนิร์ดเก็บกดบ้างล่ะ จนผมรู้สึกเหมือนสมองที่ผมมีเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ผมเลยเลือกที่จะไม่เรียน เลิกขวนขวายทำคะแนนสูงๆ และกลายเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง พยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับคนหมู่มาก และส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่คนเดียวเงียบๆ ตามมุมตึก นั่งฟังเพลงหรืออ่านหนังสือไปตามเรื่อง แต่หนังสือที่อ่านก็เป็นพวกนิยายทั่วไป หรือการ์ตูน

เมื่อการเรียนของผมดรอปลง ทั้งพ่อและแม่ที่เคยภูมิใจในตัวผมก็หายไป เหลือเพียงคำบ่นว่าในแต่ละวันว่าทำไมผมถึงทำคะแนนสอบได้น้อยนิด แม้ว่ามันจะผ่านเกณฑ์จนจบม.ปลายมาได้ แต่ก็แค่ผ่าน เกรดไม่ถึง 3 ด้วยซ้ำ ผมทำตัวขวางโลกกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะด่าว่ายังไง ผมก็ไม่สนใจ ยังคงรักษาระดับคะแนนไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากเด่นดังให้ใครมาเข้าใกล้หรือให้ใครมารังแก

พ่อแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าทำไมผมถึงต้องทำตัวแบบนี้ เพราะไม่เคยคิดจะรับฟังผมเลย พวกท่านก็แค่อยากได้ลูกที่เป็นอัจฉริยะคนเดิม เพื่อเอาไว้อวดเพื่อนบ้าน อวดญาติๆ อวดใครต่อใคร และพอน้องแฝดเริ่มเก่งเหมือนผมเมื่อก่อน ก็หันไปดูแลเอาใจใส่นภนต์กับนภันต์ ไม่ได้มาสนใจใยดีเรื่องเรียนของผมอีกต่อไป

“กร จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ลูก” แม่เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นผมหอบข้าวของเดินลงมาจากห้อง วันนี้วันจันทร์ แต่ผมก็แค่กลับมาเก็บของบางส่วนที่ยังเอาไปไม่หมดเท่านั้น และกำลังจะกลับหอ

“ถ้าไม่มีงานที่คณะก็จะแวะมาแล้วกันครับ” ผมตอบพลางยิ้มบางๆ ให้แม่สบายใจ พ่อยังไม่กลับจากทำงาน ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมไม่ค่อยอยากเจอหน้าเขาเท่าไหร่

ผมลาแม่และน้องๆ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่หอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย อันที่จริงจะให้ไปกลับก็ได้ แต่เช้าๆ แถวบ้านผมรถมันติด ต่อให้ขี่มอเตอร์ไซค์ก็แทบไม่ทันเวลาเข้าเรียน การอยู่หอพักเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ตอนเรียนม.ปลาย ผมทำเกรดไม่ดีเท่าไหร่ก็จริง แต่ตอนสอบเข้าผมก็ทุ่มเทกับมันจนแอดมิชชั่นเข้ามหาลัยรัฐชื่อดังได้ ซึ่งมันทำให้พ่อกับแม่กลับมาภูมิใจในตัวผมอีกครั้ง ถึงขนาดซื้อมอเตอร์ไซค์และเช่าหอพักราคาแพงให้ ออกค่าใช้จ่ายให้ผมเต็มที่ และผมก็คิดว่า การเรียนในมหาวิทยาลัย ผมไม่จำเป็นต้องกั๊กความรู้ที่มี เพราะยังไงก็เรียนตัวคนเดียว เพื่อตัวเองอยู่แล้ว เทอมแรกที่ผ่านมาเกรดของผมจึงอยู่ในระดับ 3.2 พ่อกับแม่ดีใจมากที่ลูกชายคนเก่าของพวกท่านกลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พ่อเคยโมโหที่ผมไม่ตั้งใจเรียนจนตบหน้าผมมาแล้ว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ค่อยอยากเจอหน้าพ่อ

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ยึดติดกับเรื่องเกรดของผมกันนัก

“ชลกร!” ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตของผมมันเหมือนจะดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่หรอก ผมไม่มีเพื่อนเหมือนเดิม ไม่เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ ทำให้โดนรุ่นพี่บางกลุ่มเขม่นเอาบ้าง แต่ผมไม่สนใจ

ทั้งที่ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ก็มีคนที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตผมอยู่คนหนึ่ง

“รายงานกลุ่มที่อาจารย์สั่ง ถ้ายังไม่มีกลุ่ม มาเข้ากลุ่มเรานะ” ไอ้เด็กหน้ากลมเป็นซาลาเปาที่ตะโกนเรียกผมเสียงดังลั่นตึก หลังหมดคาบเรียนและผมเดินออกมาจากห้องแล้ว วิ่งเข้ามาหาผมหน้าตาร่าเริงจนนึกอยากจะบีบแก้มกลมๆ แดงๆ ของมันสักที แต่ผมก็แค่คิด ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น

“อือ ขอบใจ” ผมตอบเสียงเนือยๆ ได้ยินเพื่อนข้างหลังไอ้หน้ากลมนินทาลอยๆ ว่า ไม่อยากได้ผมเข้ากลุ่ม แต่คนมันขาด

“ตอบงี้แสดงว่าเข้ากลุ่มเรานะ เราจะลงชื่อไว้เลย แล้วนี่มีเรียนอีกมั้ย ไปห้องสมุดกัน” ซาลาเปาน้อยเอ่ยชวน ผมก็พยักหน้ารับ งานกลุ่มยังไงก็คงต้องทำ ช่วยไม่ได้

ผมยังจำชื่อเพื่อนร่วมเอกไม่ได้สักคน แม้แต่ไอ้ซาลาเปาที่ชอบมาทักผมก่อน ผมไม่อยากใส่ใจกับคนรอบข้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับการโดนทรยศหักหลังจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อน เหมือนสมัยมัธยม

และอีกอย่างคือ ผมมีความลับที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้

ดังนั้น การอยู่คนเดียวจึงเป็นการดีที่สุด เพื่อจะได้เก็บความลับนั้นไว้กับตัวตลอดกาล

******

เกือบทุกคืน ผมมักจะฝันร้าย ฝันเห็นปิศาจหน้าตาบูดเบี้ยวที่ล้อมรอบตัวผมและหัวเราะเยาะใส่ ฝันเห็นเรื่องที่เคยโดนรังแก ฝันเห็นตอนที่พ่อตบหน้าผม ตอนที่แม่ร้องไห้เสียใจเพราะผม

ความฝันพวกนั้นมันช่างหลอกหลอนและทำให้ผมต้องตื่นมากลางดึกในสภาพเหงื่อท่วมตัว หัวใจเต้นถี่แรง และผมก็จะนอนไม่หลับอีก

สิ่งที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดของผมและทำให้ผมนอนหลับสนิทได้ ก็คือ...ความลับของผมนั่นเอง

ผมลุกไปหยิบโน๊ตบุ๊คสีขาวบนโต๊ะหนังสือ เดินมานั่งบนเตียงแล้วเปิดมัน ปรับองศากล้องให้อยู่ที่ช่วงลำตัวลงมา แล้วก็เปิดเวบสำหรับหาคู่ของชาวเกย์ เป็นเว็บไซต์ที่ไม่จำเป็นต้องลงรูปหรือประวัติส่วนตัว เพราะแค่ใช้กล้องสื่อสารกัน ต่างคนต่างปกปิดตัวตนซึ่งกันและกัน และพูดคุยหรือทำเรื่องลามกผ่านกล้องร่วมกันเพื่อความสนุกเท่านั้น

อันที่จริง ผมก็ไม่ได้ชอบทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมไม่เคยชอบใคร ไม่เคยรักใครเลย มันมีแค่ตัณหาเท่านั้น

แต่เวบไซต์หญิงชายมันต้องเปิดเผยข้อมูลเยอะเกินไป รวมทั้งผู้หญิงบางคนก็จุกจิกเรื่องมาก อยากจะเจอหน้า ทำให้ผมเปลี่ยนมาหาผู้ชายด้วยกันแทน เพราะมีหลายคนที่ไม่อยากเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์อยู่แล้ว

คนที่ผมมักจะคุยด้วยบ่อยๆ ช่วงนี้เป็นนักศึกษาเหมือนกับผม เขาบอกแค่กำลังเรียนอยู่ปี 4 แก่กว่าผม 3 ปี เป็นผู้ชายผิวขาวจัด หัวนมสีชมพูด้วย ขนาดกับผู้หญิง ผมยังไม่เคยเห็นคนไหนมีหัวนมชมพูน่าดูดแบบเขามาก่อนเลย เขามีกล้ามเนื้อสมส่วนมาก จนผมนึกอิจฉาอยากจะฟิตหุ่นให้ได้แบบนนั้นบ้าง ผมเคยถามส่วนสูงของเขา เขาสูงกว่าผม 3 เซน นั่นหมายความว่า เขาสูงเกิน 180 พวกเราพูดคุยกันโดยใช้เครื่องแปลงเสียง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต่างรู้ตัวจริงกันและกัน รวมทั้งไม่ให้เห็นหน้าด้วย ซึ่งผมว่ามันปลอดภัยดี

[นึกว่านอนไปแล้วซะอีก วันนี้ไม่เห็นออน] เสียงผ่านเครื่องแปลงเสียงของเขาดังเข้ามาในหูฟัง เขาถอดเสื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าคอมฯ ผมเห็นเขาใส่บ็อกเซอร์สีน้ำเงิน ลอนกล้ามท้องอย่างสวยหดเกร็งตอนที่เขานั่งค้อมตัวยื่นหน้ามาใกล้คอม ผมเห็นเพียงแค่คางของเขา

“จริงๆ ก็นอนแล้วครับ แต่ผมฝันร้าย เลยนอนไม่หลับแล้ว”

[งั้นให้พี่ช่วยให้หลับฝันดีเหมือนเดิมนะครับ] ผมเห็นรอยยิ้มบนปากของเขา แล้วเขาก็หมุนกล้องต่ำลงมาอีก เพื่อเน้นแต่หน้าอกและส่วนล่างใต้สะดือลงไป

ผมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น แค่เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงขายาวที่ใส่นอน เขานั่งบนเก้าอี้ ค่อยๆ ดึงบ็อกเซอร์สีน้ำเงินออกช้าๆ จากเรียวขาขาวๆ

[คิกๆ อยากเห็นมากกว่านี้มั้ย] เขาหัวเราะชอบใจ ในขณะที่นั่งหุบขามิดชิด

“ครับพี่ ขอผมดูชัดๆ หน่อย อา...ถ่างขากว้างๆ” ผมซี้ดปากไป สาวมือกับลูกชายตัวเองไป พลางจ้องมองขาขาวๆ ที่ค่อยๆ แยกออกกว้างอยู่บนเก้าอี้ตัวจิ๋ว เห็นทั้งของเขาที่เริ่มแข็งและเป็นสีแดงสวยกับรูทวารด้านหลังที่น่าจะเคยผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว เขาบีบหัวนมตัวเองให้ผมดูพลางกัดปากตรงหน้ากล้อง

[อ๊า เอส กัดแรงๆ กัดหัวนมพี่แรงๆ เลียรัวๆ เลย อ๊า ซี้ด] เขาครางไปบี้หัวนมตัวเองไป มืออีกข้างชักรูดแก่นกายสีหวานจนน้ำปริ่มตรงส่วนหัว ผมเลียปาก อยากดูดเขาไปทั้งตัว แต่ตอนนี้แทบจะเลียหน้าจอแล้ว ผมส่งลิ้นออกมาจ่อที่กล้อง กระดกลิ้นรัวๆ เหมือนเลียหัวนมของเขาอยู่ เขายิ่งครางกระเส่า โครตน่ารัก

“พี่ผม ผมจะเสร็จ”

[งั้นเข้ามาข้างในเลยครับ กระแทกพี่แรงๆ อ๊า เอสสส แตกในเลยครับ] เขาครางเรียกชื่อไอดีของผม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชื่อปลอม นิ้วของเขาทะลวงเข้าไปในช่องทางสีเข้มของตัวเอง คว้านไปมาเพื่อให้ผมเห็นมันถนัดตาว่ากว้างพอจะให้ของผมสอดใส่ ผมรัวมือไม่หยุด จินตนาการว่าเข้าไปในตัวเขาแล้วก็แตก

“อึก...ฮ้า...อา...” ผมครางเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง และคืนนี้ผมก็ได้นอนหลับฝันดีเพราะพี่ SlipXD ตามเคย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2018 16:48:01 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
1
ปึก!

“ขอโทษครับ” ผมรีบก้มหน้าเอ่ยขอโทษทันทีที่หัวไหล่ไปกระแทกโดนไหล่คนที่เดินสวนกัน พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แล้วทำไมจะต้องมาเดินสวนกันไอ้ตรงที่แคบๆ แบบนี้ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ

“กวนตีนเหรอวะ ไอ้แว่น” ได้ยินเสียงโหดๆ ดังไล่หลังมา แต่ผมไม่กล้าหันกลับไปมอง รีบเดินหนี พยายามไม่สนใจเสียงใครทั้งนั้น

“ไม่เอาน่าไอ้กานต์” พวกพี่ที่เดินมาด้วยกันกับพี่คนนั้นร้องห้าม ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยิน รีบสาวเท้าหนีจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

“ชลกร!” อา...หนีจากพี่พวกนั้นมา ก็เจอไอ้หน้าซาลาเปาเจ้าเก่าอีก ทำไมชีวิตกูถึงได้วุ่นวายนักวะ

ผมหยุดยืนรอให้ซาลาเปาเข้ามาหา มันยิ้มหน้าแป้นแล้น อารมณ์ดีอะไรนักหนา

“เสาร์นี้นัดทำรายงานนะ ตอนสิบโมงที่หอ 3 นายอยู่หอนอกนี่นา?” มันเอียงคอมองผมอย่างครุ่นคิด “หรือจะไปทำที่หอนายดี?”

“ไปหอ 3 นั่นก็ได้ ผมมีมอไซค์”

“เออเนอะ แต่นายไม่เคยเข้าไปแถวหอในนี่ งั้นเอางี้” ซาลาเปาทำหน้าเหมือนปิ๊งไอเดียอะไรสักอย่าง “เราจะมารอหน้ามอ นายก็รับเราไปด้วย แล้วเราจะบอกทางให้ จะได้ไม่เสียเวลาหลงทางหาหอ 3”

ผมนิ่งนึก มันหายากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็ได้ ก็เลยพยักหน้ารับไป

“นายนี่พูดน้อยจังเลย ถ้ายิ้มสักหน่อยก็น่าจะมีเพื่อนเยอะแยะแล้ว” ซาลาเปามันว่าพลางยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม จนผมต้องผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มันตัวเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย พอยืดตัวยื่นหน้ามาก็แทบจะชนคางผม

“ผมไม่ชอบมีเพื่อนเยอะ”

“ฮ่าๆ เป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่สินะ” มันถอยกลับแล้วหัวเราะเสียงดัง นี่หลอกด่ากูอยู่หรือเปล่าวะ “ไม่เป็นไรๆ อยู่ๆ ไป ก็มีเพื่อนเองแหละ เราว่านายนิสัยโอเคเลย ขาดแค่รอยยิ้ม” แล้วมันก็วิพากษ์วิจารณ์ผมไปเรื่อยเปื่อย พลางเดินนำหน้าไปที่โรงอาหาร ซึ่งจริงๆ ผมอยากจะแวะมาซื้อข้าวกล่องกลับหอ ไม่ได้จะมานั่งกินกับมัน

“เออ แล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าผมก็ได้ ถ้าไม่ถนัดพูดกูมึง ก็ใช้เรากับนาย ฉันไรงี้ ก็ได้” ตอนนี้พวกเรามานั่งกินข้าวด้วยกัน มันก็ชวนผมคุยได้ตลอด

“อือ” ผมครางรับ เคี้ยวข้าวอย่างเร่งรีบ เพื่อจะได้ไปจากที่นี่เสียที

“โหย รีบกินไปไหน เดี๋ยวติดคอนะ อ่ะนี่น้ำ กินกับเราได้ ไม่ถือ” มันยิ้มหวานดันขวดน้ำเปล่าของตัวเองมาทางผม เพราะผมไม่ได้ซื้อน้ำไว้ ก็ตอนแรกกะจะหิ้วกลับไปกินที่ห้อง และห้องของผมก็มีตู้เย็น มีน้ำให้กินอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไร กูถือ” ก็มันบอกให้เปลี่ยนสรรพนาม ผมก็เลยใช้แบบที่อยากใช้ กับมันคงไม่ต้องมีอะไรให้เกรงใจหรอกมั้ง

มันชะงักไปนิดหน่อย แต่ก็ยังยิ้ม “งั้นให้กูไปซื้อให้ใหม่มั้ยล่ะ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูกลับไปกินที่ห้องทีเดียว”

“ประหยัดรึไง” มันยิ้มขำ แต่แววตาไม่ได้แฝงความเยาะเย้ย

“เปล่า ก็แค่มันมีอยู่ที่ห้อง ไม่รู้จะซื้ออีกทำไมให้เปลือง แล้วก็ไม่ชอบกินต่อจากคนอื่น” ผมอธิบาย ส่วนไอ้ซาลาเปามันก็ทำตาโต

“นี่มึงพูดยาวๆ กับเขาก็เป็นนี่หว่า”

เออ นั่นสิ ผมพูดกับมันได้ยาวที่สุดเท่าที่เคยคุยกันมาเลยนี่หว่า เมื่อกี้นี้ แปลกดีที่จู่ๆ ก็รู้สึกไว้ใจมันขึ้นมา ตั้งแต่เทอมก่อนแล้วที่มันพยายามเข้าหาผม พูดคุยและชวนทำนู่นทำนี่ด้วยกัน มันเลยรู้สึกกลมกลืนกันไปเองล่ะมั้ง

“พูดเยอะๆ แล้วก็ยิ้มเยอะๆ นะ กูชอบ” มันยิ้มตาหยี ผมงงๆ กับที่มันพูดนิดหน่อย แต่ไม่คิดจะใส่ใจ รีบกินรีบกลับ

“เออ มึง” ก่อนจะแยกกันกลับหอ มันอยู่หอใน ผมอยู่หอนอก ต้องกลับคนละทาง แต่พอดีผมนึกได้ว่า “มึงชื่ออะไรนะ”

“ห๊ะ? ไอ้เวร นี่จำชื่อเพื่อนที่เรียนกันมาเป็นเทอมไม่ได้อีกเหรอวะ” มันบ่นหน้ามุ่ย แต่ไม่ได้ดูเหมือนโกรธ “กูชื่อ ปั้นจั่น เรียกปั้นก็ได้ จำไว้ด้วยล่ะ!”

“อือๆ กูจะจำไว้”

“งั้นแยกกันเลยนะ เจอกันพรุ่งนี้ แล้วอย่าลืมสิบโมง หอ 3 เสาร์นี้ด้วย!” มันโบกมือให้ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง ส่วนผมต้องเดินไปเอารถที่จอดไว้หน้าคณะ

กลับมาถึงหอพักอย่างเหนื่อยอ่อน ผมเปิดแอร์ที่ 18 องศา เพราะมันร้อนมาก และผมก็ไม่ชอบอากาศร้อนเอาเสียเลย หยิบขวดน้ำเปล่าในตู้เย็นมาดื่มเกือบหมดขวดแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง

ผมเคยอ่านในเนต เขาบอกว่าการนอนแผ่ กางแขนขาบนเตียงเพียง 2 นาทีต่อวัน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้ ผมทำแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่บนเตียง แต่ก็ไม่เห็นจะสร้างความมั่นใจให้ตรงไหน

ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งทำงานที่อาจารย์สั่ง พวกที่เป็นงานเดี่ยวๆ ทำไปสักพักก็ง่วง เพิ่งจะสามทุ่มเองด้วยซ้ำ คงเพราะวันนี้พูดมาก เลยหมดแรงเร็วกว่าทุกที แต่ถ้าผมหลับ อีกไม่นานผมคงต้องตื่นตามเคย

แต่ผมก็เลือกที่จะหลับตาลงบนเตียง

บางทีสมองของผมก็จดจำอะไรได้ดีเกินไป จำแม้กระทั่งเรื่องร้ายๆ ที่ไม่อยากจำ เพื่ออะไร?

“ทำหน้ากวนตีนเหรอวะไอ้แว่น!”
“เล่นมันเลย!”
“จับมันแก้ผ้า ฮ่าๆ”
“แม่งโครตแห้ง ทุเรศลูกตาว่ะมึง”
“ฮ่าๆๆๆ”
“กร๊ากๆๆๆๆ”
“สมน้ำหน้า”
“ไหนวะอัจฉริยะ”
 “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ไอ้พวกเหี้ยยยยย!!!” ผมผวาตื่น เหงื่อโทรมกาย ภาพตอนม.ต้นย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ต่างกันแค่ตัวผมในฝันกล้าลุกขึ้นสู้กับพวกมัน แต่พอจะสู้ก็สะดุ้งตื่น แล้วผมก็นอนไม่หลับอีกตามเคย

ผมเปิดโน๊ตบุ๊ค เพื่อคุยกับพี่ SlipXD ผมไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไรดี ก็เรียกแค่พี่มาตลอด เราคุยกันมาเกือบครึ่งปีแล้ว เพราะผมชอบผิวขาวอมชมพูของเขา ชอบเวลาที่เขายั่วยวน มันโครตเซ็กซี่ ก่อนหน้านี้เคยเจอแบบล่ำๆ คล้ำๆ หรือไม่ก็สาวแตกสุดฤทธิ์ ซึ่งไม่ปลุกปั่นอารมณ์ผมเลย บางทีผมคงยังมีความรู้สึกชอบผู้หญิงอยู่บ้าง ถึงได้อยากได้หุ่นไม่ล่ำมาก และขาวเนียนน่าสัมผัส แต่ไม่เอาสาวเทียม ขอเป็นแมนๆ ไปเลยดีกว่า ไม่งั้นก็ต้องผู้หญิงจริงๆ เท่านั้น ดูเรื่องมากเนอะ ฮ่าๆ

[นอนไม่หลับใช่ม้า มาให้พี่ช่วยนะครับ พี่จะกอดปลอบให้หลับปุ๋ยเลย คิกๆ] เขาทำท่าเหมือนโอบรอบตัวผมผ่านกล้อง บางครั้งเราก็แค่พูดคุยกัน จนผมหลับไป แต่ถ้าวันไหนรีบหน่อย ก็ต้องใช้วิธีนั้น จะได้หลับเร็วขึ้น

“พี่...พี่ว่าผมควรหาหมอ แบบจิตแพทย์มั้ย” เรื่องพวกนี้ผมไม่กล้าบอกพ่อแม่หรือคนรู้จักหรอก ปรึกษากับคนที่ไม่แม้แต่จะเห็นหน้ากันเลยดีกว่า ตอนแรกๆ ที่คุยกัน ผมไม่ได้บอกเขาเรื่องอาการนอนไม่หลับ ฝันร้ายและชอบตื่นกลางดึกของผม แต่พอคุยไปสักพัก พี่เขาก็ถาออกมาเอง เพราะเห็นผมชอบเปิดกล้องแชทตอนดึกๆ ในสภาพที่เหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย

[อืม มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ พี่เห็นเราก็ดูปกติดี แบบพูดคุยรู้เรื่อง แล้วพอได้ปลดปล่อยก็หลับสบายใช่มั้ยล่ะ] เขาขยับมาหน้ากล้อง เห็นแค่ปาก พี่เขามักจะใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวตลอด คงเป็นชุดที่ใส่นอนประจำ

“แต่ผมเป็นมาหลายปีแล้ว ผมอยากหาย อยากลืม...”

[ถ้างั้น พี่ว่าลองปรึกษาหมอดูก็ได้ หรือไม่ก็นักจิตวิทยาก็พอ] เขาให้คำปรึกษากับผมอย่างจริงจัง ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น เขารับฟังผมทุกเรื่อง ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันเลยสักนิด ผมไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่น มาเจอแบบผม เขาจะไม่อยากคุยด้วยหรือเปล่า บางทีอาจจะแชทกันสองสามครั้งแล้วบายเลยก็ได้ แต่พี่เขากลับอยู่เป็นเพื่อนผมทุกคืนมาตลอดเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา

“นักจิตวิทยา?”

[อื้อ ก็แค่ปรึกษาเรื่องที่กลุ้มใจอยู่ แล้วให้เขาประเมินว่าเราควรต้องพบจิตแพทย์มั้ย หรือแค่อยากระบายอะไรเฉยๆ พอดีพี่มีเพื่อนเรียนจิตวิทยาน่ะ เลยพอรู้มาบ้าง]

“งั้นผมจะลองทำตามที่พี่บอกดู ขอบคุณมากนะพี่” แล้วเราก็คุยกันอีกหลายเรื่องจนผมหลับไป

******

เช้าวันเสาร์ ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงหน้ามอ ปั้นจั่น หรือซาลาเปา ฉายาที่ผมแอบตั้งให้มันในใจ ออกมายืนรอรับผมที่หน้ามอจริงๆ ผมเลยให้มันซ้อนท้ายไปหอใน ถึงผมจะไม่เคยเข้าไปบริเวณนั้น แต่มันก็มีป้ายบอกทางอยู่มั้ยล่ะ ไม่เห็นจะต้องกลัวผมหลงทางขนาดนี้ก็ได้ แต่มันอยากมารับก็ตามใจ

“หอ 3 เป็นหอของไอ้เวสมัน อ้อ มันชื่อเวสป้า คนตัวสูงๆ ผมแดงๆ นึกออกมั้ย” ปั้นจั่นชวนผมคุยตามปกติ รอบนี้แนะนำเพื่อนที่จะไปเจอ มันคงกลัวว่าผมจะจำใครไม่ได้ แล้วพวกนั้นจะรู้สึกไม่ดีมั้ง

“อืม ผมแดง เวสป้า” ย้อมผมเป็นสีๆ ก็แยกง่ายแหละ มันน่าย้อมไปคนละสีให้หมดเลยนะ จะได้จำตามสีหัวเอา

“แล้วก็จะมีคนตัวขาวๆ ใส่แว่นเหมือนมึงคนนึง ชื่อ เกม กับอีกคนที่ตัวอ้วนๆ หน่อยชื่อ บอม”

ผมพยักหน้าหงึกหงักตามที่มันบอก เอาจริงๆ ถ้าผมใส่ใจ มันก็จำได้แหละ แต่แค่ผมไม่ได้ใส่ใจไง ไม่อยากจะจำ แต่ถ้าจำเป็นต้องจำอย่างครั้งนี้ ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

ปั้นจั่นเดินนำผมเข้าไปในหอ 3 ตกใจนิดหน่อยตอนที่เข้าไปแล้วเจอพวกรุ่นพี่ที่ชอบหาเรื่องผมนั่งกันอยู่ในห้องกระจกที่มีทีวี คงมีไว้ให้พวกเด็กหอในมานั่งดูทีวี เล่นคอมหรืออ่านหนังสือทำงานกัน พวกนั้นมองๆ มาทางผม โดยเฉพาะพี่คนเดิมที่ชอบทำตาขวางๆ ใส่ ไม่รู้ผมไปเหยียบตีนมันหรือไง ถึงได้ชอบเขม่นผมจัง รู้สึกผมจะเคยได้ยินเพื่อนมันเรียกว่า กานต์

“ไม่มีลิฟท์เหรอ ปั้นจั่น” ผมถามขึ้นเมื่อปั้นจั่นกำลังจะเดินขึ้นบันได มันหันกลับมามองหน้าผมอึ้งๆ นี่ผมลืมตัวถามอะไรแปลกๆ สินะ หอในมันจะมีลิฟท์ได้ไง จำนวนชั้นก็แค่ 4-5 ชั้นเท่านั้น แต่ผมว่าเวลาขนของเข้าหอหรือขนกลับบ้านมันก็ลำบากนะ ควรใช้ลิฟท์

“เมื่อกี้...มึงเรียกชื่อกูนี่?” อ้าว? ไม่ได้มองเพราะถามอะไรแปลกๆ เหรอวะ

“ก็ เออสิ” ตื่นเต้นอะไรกับอีแค่เรียกชื่อ

“โห! ดีใจเหมือนถูกหวย! มึงเรียกชื่อกูอีกดิ นะนะ ชลกร” มันเลิกสนใจบันได กระโดดลงมากอดแขนผมแทน แถมยังเอาหน้ามาถูๆ ไถๆ เหมือนลูกแมวก็ไม่ปาน

“ก็ได้หรอก...แต่เรียกกูว่า กร ก็ได้เหมือนกัน” ผมว่าพลางดึงแขนออกจากมือมัน มันเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มแป้น

“อื้อ กร”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาหอใน เพราะไม่มีเพื่อนเลย ก็เลยไม่รู้จะเข้ามาทำไม ดูแล้วมันก็เป็นตึกธรรมดา สภาพค่อนไปทางเก่า แอบมีหยากไย่เป็นบางมุมด้วย ทำไมไม่รู้จักทำความสะอาดกันวะ ลิฟท์ไม่มี ทีวี ตู้เย็นก็ไม่มี (ถ้าจะดูทีวีก็ต้องลงไปห้องกระจกชั้นล่างที่ผมเดินผ่านเมื่อกี้ ไม่ก็ยกมาเองจากบ้าน เห็นซาลาเปามันว่างั้นนะ) เครื่องทำน้ำอุ่นก็ไม่มี แถมเป็นห้องน้ำรวมอีกต่างหาก ดูจะอยู่ลำบากนะเนี่ย

“มาแล้วๆๆๆ กร นั่งนี่” ซาลาเปาตบๆ ที่พื้นข้างตัวมันเรียกผมไปนั่งด้วย พวกที่เหลือก็เขยิบๆ ออกให้ ผมทักทายทุกคนด้วยการเรียกชื่อ พอเห็นว่าผมจำชื่อได้ พวกมันก็ดูจะเป็นมิตรขึ้นมาเล็กน้อย (เล็กน้อยมากจนแทบไม่เห็น)

ระหว่างนั่งทำงาน สายตาของผมก็คอยเหลือบมองไปรอบๆ ห้อง มันรู้สึกคุ้นตาบอกไม่ถูก มันไม่ใช่เดจาวู แบบเคยฝันเห็นหรือสมองทำให้คิดไปเองแน่นอน ผมมั่นใจ มันเป็นบรรยากาศที่ผมโครตจะคุ้นตา เหมือนเห็นอยู่ทุกวัน...

พลันกล้ามอกขาวๆ หัวนมชมพูกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวก็ผุดขึ้นมาในความคิด ผมสะดุ้งโหยง มองหน้าทุกคนไปมา พวกมันต่างก้มหน้าก้มตาทำรายงาน ไม่ได้สนใจผม

ห้องนี้มันห้องของใครวะ?

ทั้งหน้าต่างแบบบาดเกล็ดที่ผมจำได้แม่นยำว่าเคยเห็นผ่านกล้องเวลาพี่เขาหมุนกล้องไปมา ทั้งเก้าอี้! ใช่! เก้าอี้ที่พี่เขานั่งเหมือนกับของห้องนี้เป๊ะเลย!

มันไม่แปลกหรอกที่จะมีเก้าอี้แบบนี้ที่ไหนก็ได้ แต่มันโครตจะบังเอิญไปมั้ยที่ทั้งหน้าต่างและเก้าอี้มันเหมือนกับห้องของพี่ SlipXD แต่ว่า พี่เขาบอกว่าเขาเรียนปี 4 แล้ว แต่นี่มันห้องเพื่อนไอ้ซาลาเปา ซึ่งรุ่นเดียวกับผม หรือพี่เขาจะโกหก?

ถ้าคนคนนั้นคือหนึ่งในสี่คนนี้ ที่นั่งทำรายงานกับผมอยู่ตอนนี้ล่ะ?

ไม่ได้ ผมถามไม่ได้ ต้องตั้งสติก่อน อย่างแรกคือ ที่นี่มันหอใน ทุกคนมีหน้าต่างแบบนี้ และอาจจะมีเก้าอี้แบบนี้เหมือนกันหมด แต่ก็ตัดความเป็นไปได้ของทั้งสี่คนนี้ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น หากผมกระโตกกระตากเรื่องข้าวของในห้องนี้มากไป เขาจะต้องรู้ตัว

ผมรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ มันทั้งตื่นเต้นและลุ้นระทึกเหมือนเวลาดูหนังสืบสวน แล้วถึงช่วงไคลแมกซ์ที่ลุ้นว่าใครคือฆาตกร หรือไม่ก็ลุ้นว่าใครจะโดนฆ่าปิดปากเป็นรายต่อไป

จริงสิ...ห้องนี้มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีโน้ตบุ๊คด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าของใคร

“เอ่อ” ผมตัดสินใจเอ่ยปากขึ้น ทุกคนเงยหน้ามอง พอโดนจ้องแล้วมันก็เกร็งอีก

“มีอะไรเหรอ กร อยากให้แก้ตรงไหนรึเปล่า” ซาลาเปาเป็นคนแรกที่ถามผม ส่วนคนอื่นๆ ก็ก้มหน้าทำงานต่อ เมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไร

“ปะ เปล่าๆ กูแค่อยากรู้...ว่าหอในนี่เขาอยู่ห้องละกี่คนวะ”

“อ๋อ ก็ห้องละ 2-4 คนอ่ะ” ปั้นจั่นตอบ “ทำไมเหรอ? อยากมาอยู่หอในมั่งเหรอ?”

“ไม่ๆ คือ แค่อยากรู้เฉยๆ” ผมหัวเราะแหะๆ แล้วทำงานส่วนของตัวเองต่อไป

อยู่ห้องละ 2-4 คน? แต่พี่เขาอยู่คนเดียวตลอดนี่หว่า แล้วทำเรื่องแบบนั้น ถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วยคงไม่กล้าแน่ หรือจะไม่ใช่คนหอใน มันมีหอนอกอื่นที่มีหน้าต่างกับเก้าอี้แบบนี้เหรอวะ หรือจะมหาลัยอื่น?

โอ๊ย แล้วผมจะนั่งคิดมากเรื่องพวกนี้ทำไมเนี่ย พี่เขาจะเป็นใครก็ช่างมันสิ! ก็แค่เพื่อนคุยในเนต คนที่ทำให้ผมหลับสบายได้ทุกคืนตั้งแต่รู้จักกัน คนที่รับฟังปัญหาของผมโดยไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ แถมยังให้คำแนะนำเป็นบางครั้ง คอยกล่อมผมให้หลับ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม

ทำไมผม...ถึงรู้สึกว่าอยากเจอเขาขึ้นมานะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เขาเป็นใครนะ กานต์ หรือ ซาลาเปา ปาท่องโก๋  :m21:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
2
ช่วงนี้ผมเหมือนพวกโรคจิตบอกไม่ถูก ตั้งแต่เข้ามาหอในและรู้ว่าห้องพักของที่นี่มีหน้าต่างกับเก้าอี้แบบที่ผมเห็นจากในห้องของพี่ SlipXD ผมก็มาด้อมๆ มองๆ แถวหอในบ่อยขึ้น

ผมไม่แน่ใจว่าหอในทุกตึกเหมือนกันหมดรึเปล่า จะเข้าไปข้างในแล้วเปิดห้องใครสักคนดูก็ใช่ที่ แต่จากที่สังเกตด้านนอก หน้าต่างเป็นบานเกล็ดแบบเดียวกันหมด เหลือแค่ด้านในที่ไม่รู้ว่าเป็นแบบเดียวกันหมดมั้ย

ถ้าผมถามพี่เขาตรงๆ ว่าเขาเรียนที่นี่หรือเปล่า เขาจะยอมตอบผมมั้ยนะ

[หือ? วันนี้ออนเร็วจัง ทุกทีต้องตื่นเพราะฝันร้ายมาหาพี่ตอนตี 1 ตี 2 ตลอด] เสียงผ่านเครื่องแปลงของพี่เขาดังอยู่ในหู ผมนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเคย ส่วนเขาก็อยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น เก้าอี้ไม้ที่ตรงเบาะเป็นทรงกลมหมุนได้ มีพนักพิงเตี้ยๆ และที่วางแขน เหมือนกับเก้าอี้ที่ผมเจอในห้องของเพื่อนไอ้ซาลาเปา เขาไม่ค่อยเปิดไฟเล่น ผมก็เลยเห็นสภาพห้องไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเพ่งดูตลอด ตั้งแต่รู้ว่าห้องของเขาเหมือนหอใน

“วันนี้ผมยังไม่ง่วงครับ แล้วก็ว่างด้วย” ผมตอบให้เขาเห็นรอยยิ้มที่ปากผ่านกล้อง “ผมคิดถึงพี่”

[ปากหวานจัง อยากได้อะไรเอ่ย?] พี่เขาก็ยิ้มให้ผม ขนาดเห็นแค่ปากนะ โครตเซ็กซี่ ปากเขาสีชมพูอ่อนๆ น่าจูบมาก

“ขออะไรก็ได้เหรอ” ผมแกล้งถามกลับ เหมือนจะหยอกเล่น แต่ผมเอาจริงนะ

[ได้ทุกอย่างเลย ถ้าเป็นเอส] เขากัดปากแล้วส่งจูบให้ผม แถมยังเอามือไปลูบๆ ตรงหัวนมตัวเองยั่วกันอีก แต่ผมต้องระงับอารมณ์ไว้ก่อน

“งั้นผมขอถามอะไรพี่หน่อยสิ”

[แค่จะถามคำถามเองเหรอ ว้า~นึกว่าจะเล่นอะไร] เขายู่ปากเหมือนเสียดาย [อ่ะ ถามมาสิ]

“พี่อยู่บ้านหรือหอพักครับ”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ [หอพักครับ ทำไมเหรอ]

“แล้วอยู่คนเดียวเหรอครับ”

[เรานี่ถามตลกนะ ถ้าอยู่หลายคน พี่จะมานั่งแก้ผ้าให้เราดูเหรอ] เขาหัวเราะ [คืนนี้ไม่ทำเหรอ พี่อยาก...]

“อ่ะ” ผมถึงกับสะอึกกับน้ำเสียงคล้ายออดอ้อนในทีกับท่ากัดปากแสนยั่วยวนนั้น ผมอยากเห็นหน้าเขาจังว่าจะเซ็กซี่แค่ไหน อยากสบตา อยากจูบ อยากกอดตัวเขาจริงๆ

[เอสครับ? เอสไม่อยากเหรอ หรือว่าเบื่อพี่แล้ว] เขายังคงใช้เสียงอ้อนๆ ผ่านเครื่องแปลงเสียงทำให้ผมยิ่งใจสั่น

“เอ่อ...เอาเลยเหรอครับ?”

[อื้อ เอาพี่ที นะ น้า~พี่อยากให้เอสเข้ามาข้างในนี้] เขายกขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอานิ้วจิ้มที่ร่องก้นตัวเองให้ผมดู ถ้าผมอยู่ตรงนั้นจริงๆ คงจับเขากดไม่ยั้งแล้วล่ะ

“ผม...อยากเข้าไป” ผมเลียปาก สายตาจับจ้องที่ปลายนิ้วของเขาซึ่งกำลังถูวนรอบช่องทางที่ยังอยู่ใต้ร่มผ้า

[อ๊ะ...เอส...เลียสิ...เลียที] เขาค่อยๆ ดึงบ็อกเซอร์ออกจากเอว แล้วนั่งอ้าขาบนเก้าอี้ให้ผมเห็นช่องทางสีเข้มนั้น บ็อกเซอร์ร่นไปกองที่ข้อเท้าข้างหนึ่งของเขา เขาจับของตัวเองชักรูดขึ้นลงพลางจ่อปลายนิ้วที่ช่องทางของตัวเอง

“ผมจะเลียตั้งแต่ปลายเท้าพี่ขึ้นไปเลยนะ” ผมแลบลิ้นเลียกล้อง มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกางเกงเหมือนเคย แต่ไม่ลืมสังเกตภายในห้องของเขา นอกจากหน้าต่างบานเกล็ดกับเก้าอี้ที่เขานั่ง ยังมีตู้ที่เห็นอยู่ด้านหลังอีกอย่าง แต่เห็นไม่ชัดว่าเป็นสีอะไรหรือแบบไหน

[อา...เอส...] เขาครางรับ ทำท่าจิกปลายเท้าเหมือนโดนผมเลียจริงๆ คงจะจินตนาการอยู่ล่ะมั้ง

“พี่...ไม่อยากให้ผมไปเลียพี่จริงๆ มั่งเหรอ”

[อือ...อะไรนะ?]

“ไม่อยากให้ผมเอาพี่จริงๆ ในห้องของพี่เหรอ?”

[เอส!] เขาหยุดชะงักทุกการกระทำ [หมายความว่าไง]

“ผมอยากเจอพี่”

[ไม่ได้! เจอกันไม่ได้เด็ดขาด!] เขาดึงบ็อกเซอร์ขึ้นมาที่เดิม

“ทำไมล่ะ? ของผมต้องดีกว่านิ้วพี่แน่นอน ไม่อยากลองเหรอ” ผมตะล่อมถามต่อ เขาเหมือนจะลังเลขึ้นมานิดหน่อย เพราะกัดปากแล้วก็ส่ายหน้าไปมา ท่าทางเหมือนสาวน้อยจะถูกเปิดซิง น่ารักว่ะ

[ไม่เอา ไม่ให้เจอ พี่หมดอารมณ์แล้ว ปิดกล้องนะ]

“เดี๋ยว! พี่!” ไม่ทันแล้ว เขาปิดกล้องและล็อคเอ้าท์ออกจากโปรแกรมไปเลย

ทำไมวะ ทำไมไม่อยากเจอผม? ไม่อยากสัมผัสกันจริงๆ รึไง หรือว่าเขาจะมีแฟนแล้ว เลยกลัวแฟนรู้? หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์?

ผมมีคำถามมากมายในหัว แต่ไม่มีใครตอบได้ นอกจากพี่ SlipXD แต่พี่เขาก็หายไปตั้งแต่คืนนั้น

******

เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ว่าจะออนทิ้งไว้ดึกดื่นแค่ไหน พี่เขาก็ไม่ล็อคอินเลย บางทีอาจจะเปลี่ยน ID แล้วไปเล่นกับคนอื่นก็ได้ ผมทำพลาดไปแล้วจริงๆ ที่คิดว่าในโลกออนไลน์ จะมีคนดีๆ ที่อยากทำความรู้จักเรา

ทั้งเรื่องที่เป็นเกย์ แล้วไหนจะเรื่องลามกที่ทำผ่านกล้อง แล้วยังเรื่องที่ผมเป็นโรคนอนไม่หลับอีก จริงๆ ถ้าเจอกัน ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าพี่เขาจะไม่เอาเรื่องของผมไปป่าวประกาศ เขาอาจจะรังเกียจผมก็ได้ เลยไม่อยากเจอกันซึ่งหน้า

ผมควรจะเลิกสนใจเขาแล้วหาอย่างอื่นทำ หาคนอื่นมาคุยด้วย เพราะยังไงมันก็แค่เพื่อนในเนต ที่ไม่เห็นหน้าและไม่จำเป็นต้องรู้จักตัวจริง

แต่ผมก็ชอบเขามากกว่าคนอื่นที่เคยเจอมา

“กร! เย็นนี้พี่ๆ เขานัดประชุมเรื่องงานบายเนียร์ของพี่ปี 4 แน่ะ” เจ้าซาลาเปาน่าหยิกโผล่มาอีกแล้ว มันตามตื้อผมมาตั้งแต่เทอมแรก ตั้งแต่เจอหน้ากันในเซคที่เรียนก็ว่าได้

“กูไม่ไป” ผมตอบเนือยๆ คณะเราคนไม่ได้เยอะมากมายอะไร และพวกพี่ก็ชอบมาลากตัวรุ่นน้องไปทำกิจกรรม แต่พอดีผมอยู่หอนอก ก็เลยชิ่งหลบได้ตลอด แต่ปี 1 คนอื่นส่วนใหญ่จะอยู่หอใน

“ได้ไงอ่า กูไม่เคยเห็นมึงเข้าร่วมกิจกรรมเลย งานนี้ลองดูสิ” มันดึงแขนผมไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยต้องยอมให้มันลากเดินไป เพราะจะยื้อไปมาก็ดูเป็นจุดเด่นเกินไป

“ไม่อยากไป”

“ไม่ได้ ต้องไป”

“ทำไมกูต้องไป”

“เพราะกูอยากให้ไปไง” มันหยุดยืนหันมากอดอกจ้องหน้าผม ตัวมันเตี้ยกว่าผมเลยต้องเงยหน้า ผมไม่ค่อยชอบความเจ้ากี้เจ้าการของมันเท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มคุยด้วย มันก็เกาะแกะผมตลอด

“แต่กูไม่อยากไปไง” ผมหลบสายตามัน แต่ก็ยังยืนกรานความคิดตัวเองว่าจะไม่ทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่อยากรู้จักใครไปมากกว่านี้แล้ว และอีกอย่าง ถ้าทำกิจกรรมก็จะต้องเจอพี่พวกนั้น รู้สึกพวกมันจะอยู่ปี 3

“กรอ่ะ ลองสักครั้งไม่เสียหายอะไรนี่ ถ้าลองแล้วไม่ชอบ คราวหน้ากูจะไม่บังคับเลย จริงๆ” มันทำหน้าอ้อนๆ เหมือนลูกแมว กอดแขนผมแล้วก็คลอเคลียเหมือนที่ชอบทำ “นะ น้า~”

แว้บหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นกับวิธีทอดเสียงและคำออดอ้อนแบบนี้

อื้อ เอาพี่ที นะ น้า~

ผมมองหน้าปั้นจั่น มันยังเหลือบสายตาอ้อนๆ ขึ้นมองผมอยู่ แถมยังกอดแขนแน่นไม่ปล่อย คิ้วผมกระตุก หัวใจเต้นแปลกๆ ไม่ดิ ไม่มีทาง ไม่ใช่ไอ้เปี๊ยกนี่แน่นอน เพราะพี่เขาบอกว่าสูง 183 ซม. สูงกว่าผมด้วยซ้ำ แต่นี่มันเตี้ยกว่าผมตั้งเกือบ 10 เซน ตัวเล็กกระจิ๊ดเดียว แถมไม่ได้ขาวออร่าด้วย

ไม่ใช่ปั้นจั่นหรอกน่า ไม่มีทาง

“กร! ไปนะ ไปกัน” มันเขย่าแขนผมจนผมหลุดจากภวังค์

“เออๆ ไปก็ได้” อ้าว ฉิบหาย หลุดปากตกลงเฉย...

เย็นนั้น ไอ้ซาลาเปามาลากผมไปทำกิจกรรมจนได้ งานบายเนียร์คืออะไรก็ไม่รู้ เห็นมันบอกว่างานนี้ต้องช่วยกันทุกชั้นปี รวมเงินแล้วเอาไปเป็นค่าจัดงาน อารมณ์งานเลี้ยงส่งพี่ปี 4 ที่กำลังจะเรียนจบ ส่วนใหญ่ก็มีสายรหัสกัน แต่ผมไม่ได้สนใจและไม่เคยเจอพี่รหัสเลยสักคน

และอย่างที่คิด ต้องเจอรุ่นพี่พวกนั้นจริงๆ

พี่คนที่ชื่อกานต์จ้องผมเขม็งตั้งแต่ผมเดินมากับปั้นจั่น เหมือนว่าเขาจะเป็นเฮดของปี 3 และตามผมเข้าร่วมกิจกรรมไม่ได้ เขาเลยไม่ชอบขี้หน้าผม แล้วทำไมจะต้องบังคับกันด้วยวะ ไม่เข้าใจ

“อ้าว น้องคนนี้ ไม่เคยเข้าร่วมเลยนี่นา ทำไมมาได้” พี่ผู้หญิงที่เช็คชื่อเงยหน้ามองผมอย่างสงสัย

“อ๋อ พี่ เทอมก่อนมันมีปัญหาทางบ้าน ต้องกลับเร็วตลอดน่ะครับ เทอมนี้มันเลยว่างมา” ปั้นจั่นช่วยแก้ตัวให้ผมเสร็จสรรพ พี่คนสวยเลยไม่ว่าอะไร เช็คชื่อให้พวกเราแล้วบอกให้เข้าไปด้านในโรงยิม เพื่อรอคนมาครบแล้วจะได้หารือกันเรื่องงานเลี้ยง

พอเข้าไปนั่งในโรงยิม ก็มีรุ่นพี่ปี 2 ออกมาต้อนรับก่อน จากนั้นพวกปี 3 ก็ทยอยมากัน แต่ไม่เยอะ ปี 2 มากันเยอะกว่า และปี 1 น่าจะครบทั้งชั้นปีเลยมั้ง

ระหว่างที่พวกเขาปรึกษาหารือกัน ผมก็ได้แค่ฟัง ไม่ได้สนใจว่าจะทำอะไร รู้แค่จะขอเก็บเงินคนละ 300 แค่นั้น

“เรื่องการแสดงของน้องๆ พวกพี่จะช่วยดูแลให้ ให้แบ่งกลุ่มกันนะ กลุ่มละกี่คนก็ได้ แล้วเสนอไอเดียมาว่าจะแสดงอะไรให้พี่ปี 4 ดู” พี่ผู้หญิงปี 2 ประกาศบอกอย่างนั้น

“มึงอยู่กับกูนะ กร” ไอ้ซาลาเปาเอาศอกมาสะกิดผมยิกๆ ผมก็เออออกับมันไป ยังไงก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นอยู่แล้ว

“ปั้น มึงจะเอามันมาถ่วงอีกทำไมวะ ท่าทางแม่งไม่น่าแสดงอะไรได้เลย” ผมได้ยินนะ ชัดเจนเลยล่ะ คิดว่าไอ้คนพูดก็คงจงใจ มันคือคนที่ชื่อเวสป้า ย้อมผมสีแดง ผมจำได้แม่น

จะว่าไป กลุ่มของซาลาเปา มีคนผิวขาวอยู่ 2 คนคือเวสป้ากับเกม บอมคล้ำหน่อย แถมมีพุง คนนี้ตัดทิ้งได้เลย เกมก็ตัวเล็ก ตัวพอๆ กับไอ้ซาลาเปา ผอมด้วย แถมใส่แว่นเหมือนผม ดูเนิร์ดพอกัน

แต่รอบนี้เป็นการแสดง กลุ่มก็เลยขยายใหญ่ขึ้นอีกหน่อย ปั้นจั่นพาเพื่อนผู้หญิงมาร่วมด้วยสองคนและผู้ชายอีก 1 ชื่อ จ๊ะกับโม ผู้ชายชื่อ แฟ้ม

“กลุ่มนี้ทำอะไร” จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดุๆ ดังขึ้นข้างหลังพวกผมที่กำลังล้อมวงปรึกษากันเรื่องการแสดง คนพูดเลือกยืนข้างหลังผมแบบตรงเป๊ะ พอหันไปก็เห็นสายตาคมๆ ตวัดมองเหมือนไม่ค่อยชอบใจของรุ่นพี่ที่ชื่อกานต์

“พวกผมว่าจะเต้นอ่ะพี่ ไอ้แฟ้มมันเรียนแดนซ์มาพอดี” มันตกลงกันตอนไหนวะ สงสัยผมไม่ได้ฟัง

“เต้น” พี่กานต์เหลือบมองผมแล้วส่งเสียงเหมือนหัวเราะเยาะในคอ “หวาน กูจะรับผิดชอบกลุ่มนี้เอง” พี่มันตะโกนไปทางเพื่อนที่กระจายกันไปดูแลกลุ่มอื่น

“เออ แล้วแต่มึงเลยกานต์” พี่ผู้หญิงที่มันคุยด้วยตะโกนตอบมา

พี่กานต์แทรกตัวเบียดระหว่างผมกับไอ้ซาลาเปาแล้วนั่งลงรวมกับพวกเรา ทำไมต้องนั่งตรงนี้วะ กูก็เกร็งไปสิ ยิ่งโดนมันเขม่นอยู่ ยังไม่เคยมีเรื่องกันจริงๆ จังๆ หรอกนะครับ เพราะผมไม่เคยสู้คน ก็ได้แต่ก้มหน้าขอโทษอย่างเดียวแล้วรีบหนี มันเองก็คงเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่เข้ามาวอแวกับรุ่นน้องที่ไม่อยากต่อกรด้วย แถมเพื่อนมันก็ห้ามตลอด

แต่สักพัก ผมก็รู้สึกผ่อนคลายลง ความตึงเครียดที่เคยมีตอนเจอหน้าพี่กานต์ค่อยๆ หายไป เพราะตอนนี้ พี่เขาทั้งหัวเราะและยิ้ม พูดคุยกับพวกเราอย่างเป็นกันเอง ทุกคนดูจะชื่นชมพี่เขามากด้วย

เมื่อตกลงได้แล้วว่าจะเต้น โดยให้สองสาวเป็นตัวชูโรง พี่กานต์ก็บอกจะช่วยซ้อมให้ พวกเราก็หาเพลงก่อนเป็นอย่างแรก แล้วให้คนชื่อแฟ้มกับพี่กานต์ช่วยกันคิดท่า โดยมีพวกที่เหลือนั่งดู และออกความเห็นเป็นระยะ ยกเว้นผมที่ดูอย่างเดียว

ไอ้เรื่องจำจังหวะกับท่าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผมเต้นไม่เป็นไง มันเก้ๆ กังๆ พอดูเลย แต่วันนี้ยังไม่ได้ซ้อมจริงจัง เพราะเพิ่งเริ่มคิด

“เสาร์-อาทิตย์นี้มาซ้อมที่หน้าหอ 3 ตอนสิบโมงนะทุกคน” พี่กานต์ที่รับผิดชอบกลุ่มเรานัดแนะเรื่องการซ้อม หอ 3 อีกแล้วแฮะ หรือพี่แกก็อยู่หอนี้เหมือนกัน

“รับทราบ” ทุกคนตอบรับเสียงใส ผมเองก็พยักหน้ารับ แต่พอทุกคนแยกย้าย พี่กานต์ก็เข้ามาประกบผมทันที

“ทำไมไม่ตอบ” เขาขมวดคิ้วจ้องหน้าผม ไอ้ซาลาเปามันมัวแต่คุยกับเพื่อนคนอื่น ก็เลยมีแค่ผมที่เผชิญหน้ากับเขา ผมก้มหน้าก้มตาเหมือนเคย

“ผม...พยักหน้าแล้ว”

“ออกเสียงด้วยทีหลัง” พี่มันดุ แต่ไม่ได้ใช้เสียงดังเท่าไหร่ แล้วเอามือมาตบหลังผมอย่างแรง “ยืดอกหน่อยดิวะ จะก้มหน้าทำเหี้ยไรนักหนา”

“คะ ครับ” ผมสะดุ้ง ต้องยืดหลังเพราะโดนมันตบ เงยหน้าขึ้นนิดหน่อย นี่ฝึกร.ด.อีกรอบเปล่าวะ

“พี่ มีอะไรรึเปล่า” ไอ้ซาลาเปาคงเห็นว่าผมโดนตบหลัง มันเลยเข้ามาดู พี่กานต์ยังหน้านิ่ง

“แค่สอนมันนิดหน่อย กูไม่กินหัวมันหรอกน่า”

“โธ่พี่ มันขี้กลัว อย่าแกล้งมันเลย” ไอ้ซาลาเปาทำหน้าอ้อน

“กูไม่ได้แกล้งอะไรนี่ บอกว่าแค่สอนไง แล้วนี่กลับหอกันยังล่ะ มืดค่ำแล้ว แยกย้ายๆ” พี่มันทำไม่สนใจหน้าอ้อนๆ นั่นแล้วโบกมือไล่พวกเรา

“งั้นกูกลับหอนะ มึงกลับดีๆ ล่ะ” ปั้นจั่นหันมาบอกผมแล้วโบกมือให้ “ไปนะพี่กานต์”

“เออ” พี่กานต์พยักหน้า ก่อนจะหันมาหาผมด้วยตาดุๆ อีกแล้ว “มึงอยู่หอนอกใช่มั้ย?”

“คะ ครับ” ผมละล่ำละลักตอบ มือแม่งเสือกสั่นอีก

“แล้วกลับไง?”

“ผมมีมอไซค์ครับ” ผมค้อมหัวตอบอย่างนอบน้อมสุดชีวิต มันทำหน้าครุ่นคิดพลางเอานิ้วเคาะคางตัวเอง

“งั้น” มันจ้องหน้าผมอีกรอบ “ไปส่งกูด้วย”

!?

ผมคงหน้าเหวอแหละ แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการ รุ่นพี่สั่งก็ต้องทำตามใช่มั้ยวะ เออ ทำก็ได้ ผมก็เลยต้องพยักหน้ารับคำสั่งมัน พามันเดินไปที่รถที่จอดไว้หน้าตึกคณะ

“มึงอยู่หอไหน” เสียงเย็นๆ เอ่ยถาม แม่งโครตหลอนสัสๆ

“หอ KK PLACE ครับ”

“อย่างหรูเลยนี่หว่า หอนั้นแพงที่สุดของละแวกนี้เลย” มันตาลุกวาวเหมือนจะตื่นเต้น

“ผมมีหมวกกันน็อคใบเดียว” นึกขึ้นได้ก็ตอนเดินมาถึงรถแล้วนี่แหละครับ

“งั้นเอามาให้กูใส่” มันเชิดหน้าใส่ จะว่าไปมันก็ตัวสูงพอๆ กับผม แถมผิวก็ขาวจัด นี่ผมเหมือนโรคจิตเลย เทียบส่วนสูงกับสีผิวคนไปทั่วแล้วเนี่ย

ผมยื่นหมวกกันน็อคให้มัน “แล้วพี่อยู่หอไหนครับ”

“กูอยู่ SK Vill”

อ้อ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ อ้าว? มันอยู่หอนอกนี่หว่า

“แต่มึงไม่ต้องไปส่งกูที่นั่น” มันแสยะยิ้ม “เพราะกูจะไปห้องมึง!”

ห๊ะ!?

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
เขาเป็นใครนะ กานต์ หรือ ซาลาเปา ปาท่องโก๋  :m21:
พระเอกเราสเน่ห์แรงนะ มีผู้ต้องสงสัยอีกเพียบ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สรุปว่าไม่มีข้อมูลแน่นอนนอกจากขาว หัวนมชมพู? ส่วนที่บอกว่าอยู่ปี 4 กับสูง 180 กว่า นี่ไม่รู้จริงหรือเปล่าสินะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ความสูงคงหลอกแน่ ๆ ก็มัวแต่นั่งทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ไม่ได้ยืนนิ จริง ๆ อาจเตี้ยกว่าที่บอกก็ได้ ชิมิ  :hao6:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หวังว่าพี่กานต์จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับกรนะ กลัวใจจริงๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
พี่กานนนนนนนของน้องงงงงงง

3
“โหหห แม่งกว้างกว่าห้องที่กูอยู่หลายเท่าเลยเนี่ย เฮ้ยๆๆๆ เตียงโครตใหญ่ คิงไซส์ใช่มั้ยวะ” พี่กานต์หันมามองผมตาเป็นประกาย ตั้งแต่มันเข้ามาในห้อง ก็วิ่งไปทั่วอย่างกับเด็กสามขวบ สำรวจตรงนั้นทีตรงนี้ที แล้วก็ไปจบที่นอนเด้งไปมาบนเตียงผม

เฮ้อ

“ทำหน้างั้น กวนตีนกูเหรอ! คืนนี้กูจะนอนที่นี่!”

“เฮ้ย!” ไอ้เหี้ย...ดีนะที่ไม่หลุดพูดคำหลังไป “จะ จะดีเหรอพี่”

“ทำไม มึงหวงเหรอ?” มันลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผม หน้าแม่งโครตโหด

“ปะ เปล่าครับ แค่กลัวพี่จะไม่สะดวก” ผมตอบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตาเหมือนเดิม

“สะดวกสิครับน้องชาย” มันเดินอ้อมหลังผม แล้วโอบแขนวางบนบ่า ผมนี่ตัวเกร็ง จริงๆ ตัวต่อตัวก็พอสู้มันได้นะ แต่อย่างที่บอก ผมไม่ชอบต่อสู้กับใคร และยิ่งมันเป็นรุ่นพี่ในคณะด้วยแล้ว

“ขอยืมชุดมึงด้วย แล้วก็...ไปหาอะไรแดกกัน” แล้วมันก็ลากคอผมออกจากห้องไป

ผมไม่อยากให้มันนอนที่ห้องเลยจริงๆ แต่ก็ไม่รู้จะขับไล่ยังไง ยิ่งผมชอบฝันร้ายตื่นมากลางดึก ผมก็กลัวว่ามันจะรู้ความลับของผม ดีที่ช่วงนี้พี่ SlipXD ไม่ได้ออนแล้ว ไม่งั้นผมคงทนไม่ไหวแน่ คืนนี้คงต้องพยายามข่มตาหลับ ต่อให้ฝันร้ายก็ต้องทน

เพราะหอพักของเราใกล้กัน พี่มันเลยรู้จักที่ทางแถวนี้ มันก็ลากพาผมไปหาของกินใกล้ๆ หอ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา สูตรโบราณที่ใส่กากหมูกับกุ้งแห้งด้วย ผมชอบมาก เพราะมันทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอมอร่อย ซดกันปากมันแผล่บ

“ผมขอเส้นใหญ่ มึงเอาไร” มันบอกป้าคนขายแล้วหันมาถามผม

“ผมเอาเส้นหมี่ครับ” ผมบอกกับป้าคนขาย แล้วเดินตามหลังมันไปนั่งที่โต๊ะว่างๆ ด้านใน เด็กสาววัยมัธยมต้น ซึ่งน่าจะเป็นลูกหลานของเจ้าของร้านเดินมาเสิร์ฟน้ำแข็งเปล่า เพราะที่ร้านมีน้ำชาให้กินฟรี

“รับน้ำอะไรเพิ่มมั้ยคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยท่าทางขัดๆ เขินๆ สายตามองแต่ไอ้พี่กานต์

“พี่ขอเอสขวดครับคนสวย” พี่มันตอบพร้อมขยิบตาให้น้องเขา หึ หน้าม่อเหมือนกันนี่หว่า เด็กเดิกก็ไม่เว้น

“รอสักครู่นะคะพี่ชายสุดหล่อ” เด็กนี่ก็เล่นด้วยวุ้ย เออเนาะ ก็คนมันหน้าตาดี สาวๆ ก็ต้องอยากเล่นด้วยแหละ ผมเผลอถอนหายใจตอนที่คิดแบบนั้น ทำให้มันจ้องหน้าผมเขม็ง

“ถอนหายใจทำเหี้ยไร รำคาญกู?” ถามด้วยตาดุๆ แบบนั้น ใครมันจะกล้าตอบวะครับ

“เปล่าครับ ผมแค่เครียดเรื่องเต้น” เบี่ยงประเด็นได้ดี

“เออ นั่นสิ หน้าอย่างมึงไม่น่าเต้นได้อ่ะ แต่ไม่เป็นไรเว้ย” มันยื่นมือมาตบบ่าผมแปะๆ “ในเมื่อมึงใจดีให้กูนอนด้วย กูจะช่วยสอนมึงเอง”

******

หลังกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ มันก็เดินนำผมไปที่ห้อง เหมือนเป็นเจ้าของห้องเสียเอง พี่กานต์แม่งนิสัยเสียกว่าที่คิด ทั้งที่ตอนประชุมเรื่องการแสดงกัน ผมนึกว่ามันเป็นรุ่นพี่ที่ดีแล้วเชียว

“มาๆ เดี๋ยวกูช่วยซ้อมให้มึงก่อนแล้วค่อยอาบน้ำทีเดียว” พอมาถึงที่ห้อง นั่งพักหายใจไม่ทันไร มันก็ฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น จับแขนขาผมกางออก

“อืม...หน่วยก้านมึงดีนี่ มองเผินๆ นึกว่าผอมแห้งแรงน้อย แบบนี้เต้นไหวแหละ มึงจำท่าแล้วก็จับจังหวะให้ได้ แล้วค่อยๆ ลองทำให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องเกร็ง” มันว่าพลางแตะตรงนั้นตรงนี้ ลูบเอวผมด้วย สยิวเลยกู จากนั้นมันก็สอนสเต๊ปแรกให้ผม เพราะตอนนี้เพิ่งคิดกันไว้แค่สเต๊ปแรกนี่แหละ ที่เหลือให้แฟ้มคิดต่อ แล้วมาซ้อมกันอีกทีวันเสาร์อาทิตย์เลย

ผมดูพี่มันออกท่าทางแล้วเลียนแบบอย่างเก้ๆ กังๆ คือมันยากตรงที่ต้องแสดงท่าทางออกมาเต็มที่นี่แหละ

“มึงแม่งไม่ใจเลยว่ะ เออมึงชื่อไรนะ กูจำไม่ได้” อยู่ในห้องกูเกือบชั่วโมง เพิ่งนึกออกเหรอวะว่าไม่รู้จักกัน...

“ชลกรครับ เรียกผมว่า กร ก็ได้” ผมตอบพลางส่ายหน้าหน่ายๆ มันโผเข้าเกาะไหล่ผม แค่หันหน้าไปมอง ปากก็แทบชนกันแล้ว

“มีชื่อเล่นอื่นอีกมั้ย”

“ไม่มีครับ” พอผมตอบมันก็ทำหน้าเซ็งๆ ใส่

“โอเค กูว่าลองเปลี่ยนเพลงดีกว่า ให้มึงชินกับการเต้นแบบธรรมดาๆ ก่อน เพราะมึงไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยใช่มั้ย” แล้วพี่มันก็เดินไปหาเพลงในมือถือที่วางไว้บนเตียง แต่ไปๆ มาๆ ก็เปิดคลิปสาวเกาหลีเต้นโคฟเวอร์ให้ผมดูซะงั้น

“ตกลงเราจะไม่ซ้อมกันแล้ว?” ผมเหลือบมองมันที่นั่งดูคลิปไปซี้ดปากไป ไอ้เวรเอ๊ย อย่ามาเงี่ยนในห้องกูนะมึง ก็แม่งเล่นเปิดดูพวกที่เต้นแนวเซ็กซี่ แหกแข้งแหกขาอยู่ได้

“เออๆ เดี๋ยวสอนให้น่า ก็มึงมันแข็งไปอ่ะ เลยอยากให้ผ่อนคลาย” มันโยนมือถือที่เปิดเพลงค้างไว้ลงบนเตียงแล้วลุกไปยืนตรงหน้าผม เพราะตอนนี้ผมนั่งดูคลิปกับมันบนเตียง “ลุกมาดิ เอาแบบง่ายๆ เต้นอะไรก็ได้ตามจังหวะ แค่ลองขยับตัวดู” มันดึงมือผมให้ลุกไปยืนซ้อนด้านหลังมัน ไอ้ท่าแบบนี้มันอะไรวะ

“จริงๆ น่าพามึงไปผับ แต่ไม่ทันแล้ว ก็เอากูแทนสาวๆ ไปก่อนแล้วกันนะ จับเอว” มันสั่งพร้อมคว้ามือผมไปตะปบเข้าที่เอวมัน เอวมันคอดเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ

พี่ SlipXD ก็ดูน่าจะเอวแบบนี้นะ แบบมันมีส่วนโค้งเว้าไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปอ่ะ

“เต้นดิวะ” พี่มันขยับเลื้อยไปมาข้างหน้าผม บางทีก้นมันก็มาชนเป้าผม แต่ผมยังนิ่ง ไม่รู้ต้องทำไงต่อ จนมันสั่งนั่นแหละเลยลองขยับตามมัน โดยที่มือผมก็ยังอยู่บนเอวมัน มันเงยหน้ากัดปากเอามือมาจับคอผม เอวก็ส่ายไปมา เพลงที่เปิดก็เป็นเพลงแบบเซ็กซี่ๆ พอมีเสียงผู้หญิงร้อง อา อา อะไรสักอย่าง แม่งก็ทำหน้าโครตเอ็กซ์ใส่ นี่จะสอนเต้นหรือจะให้กูจับมึงกด เอาดีๆ นะพี่กานต์

แต่เพราะการเต้นยั่วยวนกับสีหน้าสมจริงของมันนั่นแหละที่ทำให้ผมเผลอขยับตามจังหวะไปเรื่อยๆ มือผมรูดจากสะโพกมันลงไปที่ต้นขา แล้วก็เลื่อนขึ้นมาคว้าหมับที่ก้นแน่นๆ คอโน้มลงไปเองอัตโนมัติ เกือบจะดูดคอมัน แล้วมันก็รีบผลักผมออกห่าง

“พอ! มึงทำได้แล้ว” มันยิ้มกว้าง ยกนิ้วโป้งให้ แล้วกดปิดเพลง “เวลาเต้นให้ปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลงกับจังหวะที่ได้ยินแบบเมื่อกี้ล่ะ ไม่ต้องเกร็ง โอเค๊?”

“อ่า ครับ...” ปัดโธ่ เมื่อกี้เกือบได้กัดคอมันแล้วเชียว

“แต่มึงเนี่ย” มันพึมพำ สายตาเหลือบลงไปด้านล่าง “นอกจากตัวแข็งแล้ว อย่างอื่นก็แข็งใช้ได้เลยนะ”

“ห๊ะ?” ได้ยินไม่ถนัดครับ อะไรแข็งๆ วะ ผมมองตามสายตามันลงไป แล้วก็...เฮ้ย! ผมสะดุ้งโหยงรีบเอามือกุมเป้าตัวเอง หน้าร้อนฉ่า ก็มันเต้นยั่ว ผมเลยแข็งดิ! ห่าเอ๊ย

“กูให้มึงอาบน้ำก่อน ไปเอาออกเลย ห้ามมานอนแข็งข้างๆ กูเชียว” มันดันหลังผมไปทางห้องน้ำ “มึงทำเป็นใช่มั้ย”

ผมไม่ตอบแต่คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเลย เสียหน้าโครตๆ

******


พี่กานต์รื้อเสื้อผ้าผม เพื่อหาชุดใส่ ตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ข้าวของในตู้เสื้อผ้าก็กระจัดกระจายแล้ว เซ็งไปอีก ต้องมานั่งพับเก็บเข้าที่

“มึงนี่เรียบร้อยจัง ห้องก็สะอ๊าดสะอาด” มันอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาทั้งผ้าขนหนูผืนเดียวปิดช่วงล่าง พอเห็นผมยังนั่งพับผ้าอยู่ก็เข้ามาดูใกล้ๆ

“ปกติพี่ไม่พับผ้า ทำความสะอาดห้องรึไงครับ”

“ก็ทำบ้าง แต่ไม่ได้สะอาดเรียบร้อยขนาดนี้ ทำกี่ทีก็รกทุกที” มันทิ้งตัวลงบนเตียง เช็ดๆ ผมตัวเอง ก่อนจะหยิบบ็อกเซอร์ตัวใหม่แกะกล่องที่รื้อเจอในตู้ผมมาใส่ ด้วยรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน ก็พอจะใส่ด้วยกันได้อยู่ ตอนแรกที่เห็นมันใส่บ็อกเซอร์นอน ผมคิดถึงพี่ SlipXD ทันที แต่แล้วมันก็สวมเสื้อครับ เสื้อกล้ามที่ผมใส่เป็นซับในนั่นแหละ จะจ้องหัวนมมันก็ไม่กล้า กลัวมันด่าว่าโรคจิต

“พี่จะนอนเลยเหรอ” ผมถามหลังเก็บของเข้าที่เรียบร้อยหมดแล้ว วันนี้ซ้อมเต้นก็เพลียๆ ง่วงเหมือนกัน แต่ถ้าหลับ เดี๋ยวก็คงตื่นอีก แถมจะหาคนแชทสยิวให้หลับสบายก็ไม่ได้ด้วย เพราะมีพี่กานต์อยู่ในห้อง

“เออ กูง่วงมาก” แล้วมันก็ทิ้งตัวลงนอน เว้นที่ให้ผมข้างหนึ่ง มีคนมานอนด้วยเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยมั้งเนี่ย ก่อนหน้านี้ผมเคยนัดเจอผู้หญิงคนหนึ่งนะ ก็นัดผ่านพวกแชทนี่แหละ แล้วก็มีเซ็กส์กัน แต่พอเธอหลับ ผมก็กลับบ้าน เลยไม่เคยนอนหลับร่วมเตียงกับใครมาก่อน

เหมือนพี่กานต์จะหลับในเวลาไม่นาน มันกรนเล็กน้อย บ้าเอ๊ย แบบนี้ผมจะนอนหลับมั้ยวะ เงียบๆ แบบนี้ ต่อให้กรนเบาๆ ก็ยังได้ยิน เพราะเรานอนบนเตียงเดียวกัน ให้ตายดิวะ

ผมนอนมองแผ่นหลังมันที่กำลังหลับสนิท จะว่าไป พอฟังเสียงกรนของมันเรื่อยๆ ก็เริ่มง่วงตาม อา...เปลือกตาผมหนักจัง...ไม่ไหวแล้ว
.....................
..............
..........
......
...
“...กร! กร!”

พรึ่บ!

ผมลุกพรวดจากฝันร้าย เหงื่อไหลโทรมกายเหมือนทุกคืน ตัวผมสั่น ใจก็สั่น แต่จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่

“มึงเป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมหันไปมองต้นเสียง เจ้าของมือขาวๆ ที่แตะบนไหล่ พลันนึกได้ว่าคืนนี้มีรุ่นพี่มานอนด้วย แล้วผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ไม่เป็นไรพี่”

“ฝันร้ายเหรอ? มึงนอนครางตลอดเลย ส่ายไปส่ายมา กูเลยตื่น” สีหน้าของพี่กานต์ดูเป็นห่วงผมไม่น้อย และมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

“ผมละเมอเหรอ พูดอะไรออกไปรึเปล่า?”

“ไม่อ่ะ มึงแค่ครางเหมือนทรมาน ฝันว่าจมน้ำรึไงวะ” มันหัวเราะเอามือลูบหัวผมคล้ายจะปลอบโยน ผมจ้องมองพี่กานต์นิ่งๆ ไล่สายตาตั้งแต่ดวงตา จมูก ริมฝีปาก คอและหยุดลงที่แผ่นอกใต้เสื้อกล้ามตัวบาง พลางกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

“ไม่เป็นไรแล้วก็นอนนะ โอ๋ๆ” มันยังยิ้มอย่างน่ารัก ใช่ รอยยิ้มของมันน่ารัก ทำให้ใบหน้าของมันดูอ่อนโยนกว่าเวลาทำตาเขม็ง มันตบบ่าผมอีกสองสามทีแล้วจับตัวผมให้ลงนอน

“พี่กานต์” ผมเรียกชื่อมันเสียงเครือ ฝันเมื่อครู่ยังหลอกหลอนอยู่ในดวงตา “ผม...ขอกอดพี่ได้มั้ย” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไปแบบนั้น แต่ถ้าผมได้กอดใครสักคน มันอาจจะทำให้ผมนอนหลับสนิทได้

พี่กานต์พลิกตัวมานอนมองหน้าผม มันขมวดคิ้ว “แค่กอดแล้วหลับใช่มั้ย? ไม่ได้หมายถึงกอดแบบอื่นนะ?”

“ครับ แค่เอาแขนกอดไว้เฉยๆ” ผมตอบ สีหน้าของผมคงซีดเซียวน่าสงสาร มันเลยถอนหายใจแล้วโอบแขนมาที่ตัวผม แทนคำอนุญาต

ผมยกแขนขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ สวมกอดเอวมันไว้หลวมๆ ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง...

กลิ่นหอมสะอาด กลิ่นเดียวกับแชมพูที่ผมใช้นี่? หอมจัง อืม...อะไรแข็งๆ เป็นเม็ดๆ ตรงนี้เนี่ย ลองกัดดูได้มั้ย อืม...รสชาติดีจัง หอมด้วย หวานด้วย

“ไอ้กร! ไอ้เหี้ยกร! ปล่อยกู!”

เสียงอะไรวะ น่ารำคาญจัง หนวกหู ขอกินเม็ดนี่ต่อนะ เหมือนดูดนมแม่เลยอ่ะ แต่มันไม่ค่อยนุ่มนิ่มเท่าไหร่

“ไอ้เด็กเหี้ย!!!”

ผลั่ก!

“โอ๊ยยยย” ผมลืมตาโพลง เห็นหน้าอกขาวๆ ตรงหน้า แต่เป็นหน้าอกผู้ชาย แขนผมโอบรัดเอวของคนที่นอนด้วยไว้แน่นมาก แน่นแบบตัวชิดกัน

“ออกไป!” เงยหน้ามองก็เห็นพี่กานต์หน้าแดงก่ำตัดความมืด เอามือดันหัวผม ขาก็ถีบมั่วไปหมด อย่าบอกนะว่าผม...

มองไปที่หัวนมมัน เสื้อกล้ามของมันม้วนถลกขึ้น จนเห็นเม็ดไตแข็งๆ สองเม็ดที่เลอะคราบน้ำลาย

ฉิบหายแล้ว!!!

“โอ๊ยยย พี่ ผมขอโทษ!” มันทึ้งหัวผมจนเจ็บระบม ผมร้องขอโทษทั้งน้ำตา รีบปล่อยมือจากตัวมันทันที

พี่กานต์ตะแคงนอนหอบแฮ่กๆ คงทั้งดิ้นทั้งถีบผมอยู่นานแล้ว หน้ามันแดงจนเห็นได้แม้ในความมืดสลัว มันดึงเสื้อลงแล้วเอาสองแขนกอดรัดตัวเอง เหมือนสาวๆ พยายามปิดหน้าอกตอนมีผู้ชายมาแอบดู ขาหดเกร็งขึ้นมาถึงอก นอนคุดคู้ดูน่าสงสารพิกล

“ไปเอาออก! ของมึงแข็ง! ไม่งั้นห้ามมานอนบนเตียง!” มันเอาเท้าถีบที่น้องชายผมซึ่งแข็งเด่ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “ทำไมแม่งหื่นอย่างนี้วะ กูไม่น่ามานอนกับมึงเลย!”

มันก่นด่าไล่หลังผมที่กำลังเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ก็ทุกคืนต้องได้แชทเสียวช่วยตัวเองกับพี่ SlipXD แล้วลักษณะของพี่มันก็คล้ายๆ กัน เลยทำให้ผมเก็บไปฝัน แถมยังละเมอดูดนมมันอีก

เออ...แต่หัวนมพี่กานต์ก็อร่อยดีเหมือนกันแฮะ

ผมคิดพลางรูดมือที่น้องชายตัวเอง นึกถึงหน้าพี่กานต์ตอนช่วยตัวเองก็แปลกดี เมื่อกี้มืดไปหน่อยเลยไม่ได้สังเกตว่าหัวนมมันสีอะไร เหมือนจะซีดๆ เหมือนตัวมัน ไม่ได้อมชมพูเท่าไหร่ แต่รสชาติเยี่ยม นึกแล้วก็เลียปากอย่างกระหาย อยากจะดูดอีกสักที

เวรกรรม...ไม่แตก แถมขยายใหญ่กว่าเดิมอีก

เพราะนึกถึงหน้ากับหัวนมรสเด็ดของพี่กานต์แท้ๆ เลย แบบนี้คืนนี้จะได้นอนมั้ยวะกู ฮือออ

แบบนี้ผมนอนต่อไม่ไหวหรอก!!!

“อือ...” พี่กานต์ขยับตัวอย่างอึดอัด แน่ล่ะ ก็ผมคร่อมทับมันอยู่ มันครางในคออย่างไม่สบายตัว ก่อนจะลืมตาขึ้น “เหี้ย!” มันร้องลั่น ยกขาขึ้นถีบโดยอัตโนมัติ แต่ถีบไปก็ไม่โดนผม เพราะผมนั่งแทรกอยู่ตรงหว่างขามัน ช้อนสะโพกมันขึ้นมาไว้บนตักเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าผมไม่ทำ คืนนี้ต้องนอนไม่ได้แน่ๆ” ผมก้มลงกระซิบบอกมันเสียงพร่า มันตัวกระตุก แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมมัดข้อมือมันไว้กับหัวเตียง

“ไอ้เด็กเหี้ย! มึงจะทำอะไร ปล่อยกู!” มันดิ้นรน หน้าซีดเผือด ผมเปิดไฟที่หัวเตียงไว้ เลยเห็นสีหน้ามันได้ชัดเจน เหงื่อเม็ดเป้งผุดบนหน้าผากของมัน

“ผมขอนะพี่ แค่คืนนี้ ครั้งเดียว” ผมเอ่ยเสียงสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ แตะริมฝีปากที่ซอกคอมันแล้วค่อยๆ ดูดเม้มเบาๆ ก่อนจะกดแรงขึ้นอีก จนเสียงดังจ๊วบ มันตัวเกร็งขึง พยายามดิ้นตะกุกตะกักใต้ร่างผม

“ไม่! ออกไป! ไอ้กร!”

ผมไม่สนใจเสียงร้องของมัน เพราะหน้ามืดเต็มทีแล้ว ผมดูดคอมันจนขึ้นรอยแล้วเลื่อนลงมาที่หน้าอก ยอดอกสีอ่อนเกือบกลืนกับผิวขาวๆ ของมันโครตน่ากิน ผมกดปลายลิ้นที่เม็ดไตเล็กๆ จนแข็งสู้ลิ้น ก่อนจะเลียรัวๆ จนเปียกด้วยน้ำลายของผม

“อือ...อย่า...” มันเริ่ดหน้าขึ้น แอ่นอกรับทั้งที่ปากร้องห้าม ผมเลยยิ่งลงลิ้นอีก “อ๊า~” เสียงห้ามเปลี่ยนเป็นเสียงครางเบาๆ

ผมไล้ฝ่ามือร้อนๆ ตามลำตัวมัน ลูบเอวคอดหนักมือจนมันสั่นสะท้าน ก่อนจะสะกิดกลางลำตัวของมันที่ยังอยู่ใต้ร่มผ้า มันสะดุ้งโหยง ถีบขาพัลวัน

“อย่าจับ! อย่าจับตรงนั้นนะ!” ผมไม่สนใจ ดึงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วออกพ้นทางแล้วจัดการรูดแก่นกายของมันปลุกปั่นอารมณ์จนเริ่มปริ่มน้ำ มันเกร็งขา แอ่นสะโพกตามมือผม ยั่วกันเห็นๆ

“อ๊า อ๊า...อย่า...กร...ไม่...” มันครางตามจังหวะมือผม น้ำตาเล็ด ผมจูบเบาๆ บนเปลือกตามัน มือขยับรัวเร็ว ปากก็ไล่ลงกัดคอบ้าง กัดหัวนมบ้าง แต่พอมันใกล้เสร็จ ผมก็ปล่อยให้มันค้าง ก่อนจะหยิบเจลหล่อลื่นมาชโลมใส่มือ จับขามันยกขึ้นสูงและลูบปลายนิ้ววนที่ช่องทางสีอ่อน

“ไม่!!! อย่าเข้ามา!” มันกรีดร้องเสียงหลงเพราะรู้ว่าจะโดนทำอะไร ผมดันนิ้วที่ชุ่มด้วยเจลเย็นๆ เข้าไปในตัวมัน มันขมิบตอดรัดนิ้วผมคล้ายจะขับไล่ แต่กลับทำให้ผมยิ่งรุ่มร้อน ผมขยับนิ้วยุกยิกข้างในตัวมัน มันเลยเสียวจนต้องคลายตัวให้ผมแทรกเข้าไปได้จนสุดโคนนิ้ว ผมเกร็งนิ้วกระแทกใส่ช่องทางของมันเพื่อเบิกทาง

“ครั้งแรก...เหรอ” ผมเอ่ยถามพลางซี้ดปาก ข้างในของมันอ่อนนุ่มมาก แต่ก็ตอดรัดแรง แถมยังแน่นมาก

“ไอ้เหี้ย!” มันเอาแต่ด่า ผมเลยแกล้งกระแทกนิ้วใส่จุดอ่อนไหวของมัน ผมรู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหน ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนอย่างผมในการจดจำสรีระของมนุษย์

“โอเค พร้อมนะครับ รุ่นพี่” ผมจูบแก้มมันไซร้จมูกไปมาอย่างเมามันแล้วดึงนิ้วทั้งสามออก น้องชายผมพร้อมนานแล้ว ผมคว้าถุงยางมาสวม ชโลมเจลลงไปอีกแล้วค่อยๆ ดันเข้าไปช้าๆ

“อ๊า! เจ็บ! กร...มันเจ็บ!” มันดิ้นจนมือข้างหนึ่งหลุดจากผ้าที่ผมมัดไว้ มือนั้นคว้าหัวผม ดึงทึ้งเส้นผมจนแทบหลุด แต่ผมไม่สนใจ เจ็บแค่ไหนก็จะเอา!

ผมกระแทกตัวจนสุด ไม่สนใจว่ามันจะเจ็บเจียนตายแค่ไหนแล้ว มันตบหน้าผมดังเพี๊ยะ สลับกับดึงหัวผม ผมกัดปาก ขยับตัวอย่างยากเย็นเมื่อมันไม่ให้ความร่วมมือเลย

“อึก ออกไป! ไอ้เหี้ย...กร” มันยังอ้าปากด่าผมซ้ำๆ น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ทั้งครางทั้งด่าทั้งกรี้ดร้อง ผมกระแทกตัวสุดแรง ดันแท่งร้อนเสียดสีกับผนังอ่อนของมันและกดย้ำๆ ที่จุดไวสัมผัส มันตัวเกร็ง เท้าจิกบนหลังผม มือข้างที่หลุดมายังคงทุบตีไหล่ผมและตบหน้าผมเป็นระยะ

ผมกัดฟันสวนสะโพกเข้าออกอยู่นาน จนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาจนหมด ถอนตัวออกพร้อมพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า พี่กานต์นอนนิ่งไม่ไหวติง มันเสร็จก่อนผมและเหมือนจะสลบไปแล้ว

ผมแก้มัดให้มันและวางร่างมันลงนอนบนเตียง เช็ดทำความสะอาดเนื้อตัวและสวมเสื้อผ้าให้มันตามเดิม ก่อนจะจัดการของตัวเองแล้วค่อยนอนหลับอย่างสงบ

เช้ามาผมถึงได้เห็นว่าบนที่นอนมีคราบเลือดเลอะอยู่ พี่กานต์ยังไม่ตื่น ผมเลยเอาผ้าปูไปซักไม่ได้ และถ้ามันตื่นมาเห็นที่นอนสภาพนี้ ผมคงโดนกระทืบแน่นอน

ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มันก็ยังไม่ตื่น ผมชักกลัวว่ามันจะเป็นอะไรรึเปล่า ผมเพิ่งเคยทำกับผู้ชายครั้งแรก แม้จะศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้ว แต่เพิ่งเคยปฏิบัติจริง และผมก็ไม่รู้ว่าผู้ชายแต่ละคนเวลาเสียซิงครั้งแรกจะเป็นยังไง ถ้าอย่างผู้หญิง บางคนก็เลือดออก เจ็บข้างในจนนอนซมเป็นวันๆ มีไข้อะไรทำนองนั้น ผมเลยลองเอามือไปอังหน้าผากมัน แต่ก็ไม่ร้อน มันอาจจะแค่เพลียมากก็ได้

“พี่...พี่กานต์” ผมลองปลุกมัน “ผมจะไปเรียนแล้วนะ”

“อือ...” มันครางงึมงำ แต่พอขยับตัวมันก็สะดุ้งตื่นพร้อมร้องแหกปากลั่นห้อง “โอ๊ยยยยย”

“พี่เป็นไร? เจ็บเหรอ?” ผมตกใจรีบเข้าไปประคองมัน มันปัดมือผมออกแล้วตบหน้าผม ก็ยังดีกว่าต่อยวะ

“อย่ามาแตะตัวกู!” มันตวาด เสียงกรามขบกันดังกรอดๆ หน้าตามันตอนนี้แทบจะแดกหัวผมแล้ว แต่ผมต้องใจเย็น เพราะมันน่าจะยังเจ็บอยู่

“ผมขอโทษ”

“กูไม่รับ! จะไปไหนก็ไป ไปให้พ้น!!!” มันโวยวายหยิบข้าวของใกล้มือปาใส่ผม ทั้งหมอน ผ้าห่ม โทรศัพท์ห้อง มือถือ เสื้อที่ผมถอดทิ้งไว้ เท่าที่มือของมันจะคว้าได้ เพราะมันแทบขยับไปจากที่เดิมไม่ไหว

“พี่ลุกเองได้นะ ถ้าเจ็บมากบอกผมนะ ผมจะไปซื้อยาให้” ผมพยายามปัดป้องของที่มันปาใส่ รู้สึกผิดอยู่หรอก แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ นี่ ก็คนมันเคยทำอยู่ทุกคืน แล้วมีของจริงมากองตรงหน้า ใครจะทนไหว

มันกัดปากจ้องผมแววตาแดงก่ำ มือมันกำแน่นจนแดงช้ำ ผมรู้ว่ามันโกรธมาก ผมเลยยอมออกจากห้องนั้นไปเงียบๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
สรุปว่าไม่มีข้อมูลแน่นอนนอกจากขาว หัวนมชมพู? ส่วนที่บอกว่าอยู่ปี 4 กับสูง 180 กว่า นี่ไม่รู้จริงหรือเปล่าสินะ
ข้อมูลมีแค่สภาพทางกายภาพล้วนๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ความสูงคงหลอกแน่ ๆ ก็มัวแต่นั่งทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ไม่ได้ยืนนิ จริง ๆ อาจเตี้ยกว่าที่บอกก็ได้ ชิมิ  :hao6:
ข้อมูลที่บอกหลอกได้หมด

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
หวังว่าพี่กานต์จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับกรนะ กลัวใจจริงๆ
พี่กานนนนนนนนน

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
​มาอย่างเร็ว เพราะมันต่อเนื่องจากตอนก่อนอ่ะนะ

พี่กานต์!!!! ฮือออ


4
ผัวะ ผลั่ก โครม!

ไม่ต้องแปลกใจไปครับว่าเสียงอะไร เสียงผมโดนต่อย โดนเตะแล้วก็กลิ้งไปกระแทกกับตู้ล็อคเกอร์ แค่นั้นเอง

พี่กานต์หายไปสองวัน และมันก็กลับมาพร้อมแรงควาย ลากผมมาอัดในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของชมรมอะไรสักอย่าง ไม่ฟุตบอลก็คงบาส หรือวอลเลย์

ผมไม่สู้ครับ ผมรู้ตัวว่าผิด ผมยอมให้มันเตะต่อยจนพอใจ จนมันหมดแรงนั่งหอบอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ

แม่ง หน้านี่ชาไปทั้งแถบ เลือกกลบปากไปหมด คิ้วก็น่าจะแตก เพราะเลือดไหลลงมาเข้าตา ฟันหลุดออกมาซี่นึงด้วย ต้องเสียเงินไปทำฟันแล้ว ถ้าพ่อแม่ผมมาเห็นสภาพตอนนี้ คงช็อคตาย

ผมนอนแผ่ลงบนพื้น ลมหายใจรวยริน ตั้งแต่จบม.ต้นมา ก็ไม่เคยโดนอัดจนน่วมขนาดนี้มาก่อน ซี่โครงปวดไปหมด ไม่รู้หักมั้ย ผมเคยถูกซ้อมจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว แค่พี่กานต์คนเดียวจิ๊บๆ มาก บอกเลย

แต่ให้ตายเหอะไอ้เหี้ย เจ็บยังไงก็ยังเจ็บอย่างนั้นจริงๆ

“ฟู่” มันพ่นลมหายใจอย่างเซ็งๆ ผมเห็นมือมันแตก คงเพราะต่อยผมมากไป ต่างคนต่างเจ็บล่ะวะ “มองเหี้ยไร” มันหันมามองผมที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแล้วเอาเท้าเขี่ย

ผมไม่ตอบ เพราะเจ็บปากพูดไม่ได้ ถ้าพูดคงสำลักเลือดตัวเอง ก็เลยเบนสายตาจากมันไปมองอย่างอื่นแทน

“ฮึ่ย” มันลุกขึ้นกระทืบเท้าบนตัวผม ผมรีบงอตัวหนี เลยโดนไม่แรงมาก มันเตะข้างลำตัวผมอีกทีแล้วก็เดินหัวเสียออกจากห้องไป

เรื่องซ้อมเต้นยังคงเป็นไปตามปกติ เสาร์อาทิตย์ พวกเรามาตามเวลาและสถานที่ที่นัดกันไว้ พี่กานต์ก็มา แต่มันไม่แลผมเลยแม้แต่หางตา

“มึงทะเลาะอะไรกับพี่เขาเปล่าวะไอ้กร” แฟ้ม เพื่อนใหม่ที่ดูนิสัยโอเคกว่าพวกหน้าเก่าเข้ามาถามผม เพราะพี่กานต์ไม่ยอมสอนผม มันเลยรับภาระสอนผมคนเดียว

“นิดหน่อย มั้ง” ผมยิ้มแหยๆ

“ไม่นิดมั้งกูว่า หน้ามึงเยินมาขนาดนี้” ก็จริงของมัน ใครเห็นหน้าผมก็รู้แหละว่าโดนอะไรมา แต่ผมไม่อยากพูดถึงมัน ไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น เพราะความผิดทั้งหมดมันเริ่มจากผมเป็นคนก่อ และพอผมเงียบ แฟ้มก็เลิกถาม ลากผมไปซ้อมต่อ

มีเวลาซ้อมอีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันแสดงจริงแล้ว ผมก็พอเต้นได้บ้าง แม้จะยังไม่พลิ้วเท่าคนอื่นๆ แต่แฟ้มมันบอกว่าแค่นี้ก็ยังดี ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าผมจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถือว่าประสบความสำเร็จในการสอน แต่จริงๆ ที่ผมพอเต้นได้ดีขึ้น น่าจะเพราะพี่กานต์มากกว่า

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมนอนไม่หลับหนักกว่าเดิม ร่างกายต้องการเติมเต็ม แค่ผ่านกล้องแทบไม่พอแล้ว และผมก็คิดถึงพี่กานต์มาก ต้องการมาก ยิ่งจินตนาการถึงร่างกายนั้น ก็ยิ่งเกิดอารมณ์ ผมกลัวว่าตัวเองจะเข้าขั้นโรคจิตไปทุกที เพราะถึงขนาดไปแอบดูมันที่หอ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ผมรู้ว่าห้องมันอยู่ตรงไหน ชั้น 4 ห้องริมซ้ายสุด มันชอบออกมาตากผ้าตรงนั้น

แต่ก่อนที่ผมจะคลั่งไปมากกว่านี้ ผมนึกถึงที่พี่ SlipXD เคยบอกไว้ ว่าน่าจะลองไปหานักจิตวิทยา ให้เขาประเมินดูว่าผมควรพบจิตแพทย์หรือไม่ ผมเลยลองหาข้อมูล และพบว่า ในมหาวิทยาลัยเรามีคณะจิตวิทยา และมีอาจารย์ที่รับปรึกษาด้านนี้ด้วย ผมเลยลองโทรนัด และเข้ารับการบำบัดจากอาจารย์

ผมมาตามนัด อาจารย์บอกว่าไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี หรือหาว่าเราป่วย เพราะนักศึกษาหลายคนก็มาปรึกษา บางคนก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เครียดเรื่องเรียน เรื่องแฟน อาจารย์รับปรึกษาหมด

อาจารย์แนะนำตัวว่าชื่อ ภวินท์ ให้เรียกอาจารย์วิน เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมแว่นตากรอบทอง หน้าตาท่าทางดูใจดี

ผมกดดันนิดหน่อยที่ต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา แต่อาจารย์ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลพูดกับผมอย่างสุภาพ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลง และค่อยๆ เล่าเรื่องที่พบเจอมาให้เขาฟัง

อาจารย์นั่งฟังผมเล่าอย่างเงียบๆ พยักหน้ารับ และพูดทวนสิ่งที่ผมกังวลเป็นครั้งคราว

“ผมคิดว่าคุณยังไม่ได้เล่าทั้งหมด เหมือนมันยังมีสิ่งที่คุณกังวลอยู่ นอกเหนือจากนี้ แต่ไม่เป็นไรครับ เราจะคุยกันเท่าที่คุณเล่ามา” อาจารย์ยิ้มให้ผมอย่างเป็นกันเอง วิธีพูดของเขาฟังรื่นหู

ผมสังเกตเห็นที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขามีแหวนแต่งงานสวมอยู่ เป็นแหวนทองคำสลักชื่อ แต่ผมไม่เห็นขนาดนั้นว่าสลักว่าอะไร อาจารย์ยังดูอายุไม่มากเท่าไหร่ แต่ทั้งหน้าตาดี สะอาดสะอ้าน จะแต่งงานแล้วก็ไม่แปลก

ผมปรึกษาอาจารย์วินแค่เรื่องที่นอนไม่หลับ ยังไม่กล้าเล่าเรื่องที่ผมข่มขืนรุ่นพี่ตัวเอง และตอนนี้ก็เอาแต่เพ้อถึงคนที่ผมทำร้าย อาจารย์จึงให้คำปรึกษาผมแค่เรื่องการนอน เหมือนเขาจะรู้ว่าผมมีวิธีทำให้ตัวเองหลับได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ผมก็ยังไม่กล้าเล่าออกไป แม้อาจารย์จะย้ำว่า เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างผมกับเขาก็ตาม

ผมกลับไปที่หอ พยายามนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ ตามที่อาจารย์แนะนำ ต้องลืมเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นผมจะยังฝันร้ายและใช้ชีวิตแบบปกติสุขไม่ได้ แต่ไม่ว่าทำสมาธิยังไง จิตใจของผมก็ยังคงฟุ้งซ่าน

คืนนั้นผมยังคงตื่นเพราะฝันร้าย ผมเปิดโน๊ตบุ๊ค เข้าแอพเดิมที่เล่นประจำทุกคืน ตั้งแต่พี่ SlipXD หายไป ผมก็เล่นกับคนไม่ซ้ำชื่อ โชคดีเจอแบบที่ชอบก็ดีไป แต่ถ้าเจอแบบที่ไม่ชอบ ก็พยายามทนจนเสร็จ นึกถึงหน้ากับเสียงร้องของพี่กานต์แทนไป

ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมต้องมีร่างกายแบบนี้

ผมคิดเรื่อยเปื่อยพลางรอรีโหลดหาคู่ไปเรื่อยๆ และ...ชื่อหนึ่งที่ส่งข้อความทักทายเข้ามาก็คือ

SlipXD

ผมตาโต ขยี้ตาหลายครั้งจนเจ็บ ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่เขากลับมาแล้ว เขาล็อคอินมาคุยกับผม ผมดีใจมากจนน้ำตาแทบไหล พี่เขายังสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว หัวนมชมพูที่ผมหลงรักปรากฏสู่สายตา และเสียงกระเส่าผ่านเครื่องแปลงเสียงของเขายังปลุกปั่นอารมณ์ผมได้เหมือนเดิม

“พี่ พี่หายไปไหนมา ผมรอพี่ทุกคืนเลย” ผมเอ่ยเสียงสั่นอย่างตื่นเต้น เขายิ้มหวาน มือลูบที่หน้าอกตัวเอง

[พี่ติดงานน่ะ ใกล้จบแล้วก็งี้ ต้องไปค้างหอเพื่อนบ้าง อยู่ที่คณะบ้าง เลยไม่มีเวลาเล่น]

“ผมนึกว่าพี่โกรธที่ผมพูดตอนนั้น จนจะเลิกคุยกับผมแล้ว” ผมทำเสียงเศร้า น้อยใจนิดๆ ที่จู่ๆ เขาก็หายไป

[บ้าน่า คิดมาก] เขาหัวเราะ มือปัดผ่านกล้อง ทำให้มันเอนไปอีกทาง และผมก็เห็นประตูห้องของเขาแป้ปหนึ่ง เหมือนมีกระดาษอะไรสักอย่างแปะอยู่ที่ประตู

“แล้ววันนี้ พี่ว่างแล้วเหรอครับ” ผมเลิกสนใจรายละเอียดในห้องของเขา เพราะกล้องหันกลับมาที่ตัวเขาตามเดิมแล้ว

[ว่างแป้ปนึง อยากเล่นกับเอสก่อน แล้วจะทำงานต่อละ] เขาส่งจูบให้ผม [เร็วหน่อยนะวันนี้ เดี๋ยวพี่จะได้รีบทำงานต่อ]

“ครับๆ” ผมรีบตอบรับ ขนาดว่างานยุ่ง ก็ยังออนมาคุยกับผมอีก ปลื้มมาก ณ จุดนี้

เพราะพี่เขารีบ เราก็เลยต้องทำอะไรให้รวดเร็ว พี่เขาใช้นิ้วกับช่องน้อยของตัวเองเหมือนเคย ครางเสียงกระเส่ากระตุ้นอารมณ์สุดๆ ส่วนผมก็รีบชักอย่างเร็วรี่ เพื่อให้เราเสร็จพร้อมกัน ก่อนจะบอกลากันด้วยจูบผ่านกล้อง

******

ช่วงนี้พี่กานต์เริ่มกลับมาพูดคุยกับผมตามปกติแล้ว แม้จะไม่ค่อยยอมให้ผมเข้าใกล้ก็ตาม ผมรู้ว่าเขาคงกลัว และโกรธด้วย แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว บางทีเขาก็เตะขาผมบ้าง ตบหัวผมบ้าง ผมก็ยอมให้ทำ ไม่ว่าอะไรสักคำ เขาแตะตัวผมได้ แต่ผมห้ามแตะและเข้าใกล้เขาก่อน

ส่วนเรื่องการแสดงในงานบายเนียร์ ไอ้ซาลาเปาตัวดีมันบอกให้พวกผมถอดแว่นและใส่คอนแทคเลนส์เต้น คือในกลุ่มมีผมกับเกมที่ใส่แว่น ก็เลยโดนบังคับกลายๆ เกมบ่นๆ นิดหน่อย เพราะมันบอกว่าแพ้คอนแทคเลนส์ กะจะใส่แค่ตอนขึ้นเวทีทีเดียวเลย ส่วนผมไม่เคยใส่คอนแทคมาก่อนในชีวิต ซาลาเปามันเลยบอกจะพาไปซื้อ และให้ลองใส่ดูก่อน เพราะถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาวันงานจะยุ่งเอา

“เนี่ยๆ น่าจะตัดผมออกด้วย ผมม้านายยาวปิดหน้าไปหมดแล้ว รกรุงรัง” มันว่าอย่างนั้นก่อนจะลากพาผมไปร้านตัดผมในห้างฯ บอกช่างให้จัดการกับผมได้ตามใจ พี่ชายที่ออกสาวก็เลยพาผมไปสระผมและซอยผมออกจนเห็นหน้าเห็นตามากขึ้น

“ว้าว~เยี่ยม ดูดีขึ้นเยอะ นายน่าจะตัดผมแล้วก็ใส่คอนแทคเลนส์ตลอดไปเลยนะ” ไอ้หน้ากลมเข้ามากอดแขนผมเหมือนเคย หน้าตามันบ่งบอกว่ามีความสุข ก็โอเคแหละ เห็นเพื่อนดีใจ ผมก็รู้สึกดี ทีแรกคิดว่ามันจะช็อคที่เห็นหน้าผมเต็มตาเสียอีก

ผมพาซาลาเปาไปส่งที่หอใน มันอยู่หอ 4 ผมแอบสังเกตหอเหมือนเคย ก็หน้าต่างบานเกล็ดเดิมๆ พอพี่ SlipXD กลับมาคุยกับผมอีกครั้ง ผมก็เลิกคิดเรื่องที่พี่เขาอาจจะอยู่มหาลัยเดียวกันไม่ได้เลย

ส่งซาลาเปาแล้วก็กลับหอตัวเอง ตอนที่มาถึงหน้าหอ ผมเจอพี่กานต์ มันยืนคุยกับเพื่อนอยู่หน้าร้านขายข้าวแกง ผมเลยขับรถเลี่ยงๆ ไปจอดในหอ แต่ตอนจะเดินเข้าหอ ก็โดนแขนขาวๆ มาล็อคคอไว้แน่น ผมตกใจเกือบเอาศอกถองกลับ แต่พอหันไปเจอหน้าพี่กานต์ก็รีบสงบเสงี่ยมเจียมตัวทันที คนมันมีชนักติดหลังนี่ครับ

“ตัดผมมาใหม่?” มันเลิกคิ้วถาม แขนข้างหนึ่งยังกอดคอผมไว้ บอกแล้วว่ามันแตะผมได้ แต่ผมห้ามแตะมันก่อน

“คะ ครับ” ผมก้มหน้างุดๆ ตอบมัน ไม่รู้คืนนั้นนึกยังไงถึงได้ปล้ำมัน ทั้งที่มันน่ากลัวออกขนาดนี้

“หึ หน้าตลก” มันแค่นหัวเราะใส่หน้าผม ผลักอกผมแล้วก็เดินจากไป

ผมยืนงง อะไรของมันวะ มาแค่นี้? ถามแค่นี้? เฮ้อ เอาเถอะ อย่างน้อยก็กลับมาเกือบเหมือนปกติแล้ว ผมเลยกลับเข้าหอ กดลิฟท์ไปชั้นที่ตัวเองอยู่

คืนนี้ผมจะได้เจอพี่ SlipXD อีกมั้ยนะ?

ยอมรับหน้าด้านๆ เลยก็ได้ ว่าผมติดใจพี่กานต์มาก แต่ก็ยังไม่ลืมหัวนมชมพูของพี่ SlipXD หรอกนะ ผมชอบทั้งคู่พอๆ กันเลย แต่ผมเคยมีอะไรด้วยจริงๆ แค่คนเดียวไง ของจริงมันก็ต้องติดตาตรึงใจกว่านิดหน่อยแหละ ผมขอโทษด้วยนะครับพี่ SlipXD

******

และแล้วก็ถึงวันงานบายเนียร์ ผมต้องใส่คอนแทคเลนส์อย่างช่วยไม่ได้ มันไม่ค่อยชินเวลาไม่มีอะไรอยู่บนหน้า แถมยังต้องแต่งหน้านิดๆ ด้วย

“ว้าย ตายแล้ว จริงๆ ไม่แต่งดูดีอยู่แล้วนะแก” จ๊ะ เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเราวี้ดว้ายเสียงแหลมขึ้นมาเมื่อเห็นผมออกมาจากห้องแต่งตัว เธอรับหน้าที่แต่งหน้าให้ทุกคน

“เออ จริง” ซาลาเปากอดอกมองผม สีหน้าดูพออกพอใจ “ไม่ต้องแต่งให้กรแล้วกัน เอาแบบนี้แหละ”

แล้วผมก็เลยต้องมานั่งรอคนอื่นๆ แต่งหน้า ระหว่างนั้นพี่กานต์เจ้าเก่า ผู้รับผิดชอบกลุ่มเราก็โผล่หน้ามา เพื่อเช็คความพร้อม เพราะเหลืออีกสองคิวจะถึงตาพวกผมแล้ว

“ใกล้เสร็จกันยัง เด็กๆ” พี่มันเดินมาทางพวกผม เกมกับซาลาเปากำลังโดนสองสาวจับแต่งหน้าอยู่ คนที่ยังไม่ได้แต่งคือ แฟ้ม

“อีกแป้ปพี่ เหลืออีกคนยังไม่ได้แต่ง” โมหันไปบอกพี่กานต์แล้วแต่งหน้าให้เกมต่อ

พี่กานต์มองไปทางไอ้แฟ้มที่นั่งอ่านการ์ตูนรอคิวอยู่ นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ผมพอจะพูดคุยกับไอ้แฟ้มรู้เรื่อง เพราะเราชอบอ่านการ์ตูนเหมือนกันนั่นเอง

จากนั้นมันก็เบนสายตามาทางผม เหมือนจะชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะเดินเข้ามาหา “แล้วไอ้นี่อ่ะ แต่งแล้ว?”

“ไม่พี่ ของกรหน้าสด หล่อแล้ว” จ๊ะว่า เพิ่งเคยได้ยินคนชมว่า “หล่อ” เนี่ยแหละ

“หึ” พี่กานต์เหล่มองผมแล้วก็หัวเราะหึในคอ “งั้นๆ ล่ะวะ” มันว่างั้น แต่หูแดงๆ นะ

การแสดงของพวกเราผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ผมจะเก้ๆ กังๆ แต่ดูเหมือนทุกคนในงานจะชอบ ลงจากเวทีมีคนเอาดอกไม้มาให้ผมด้วย ผมรีบรับมาแล้วหลบเข้าหลังเวที กลัวคนเยอะๆ ไม่ชอบให้ใครมองด้วย โครตเครียด เกร็งตั้งแต่ตอนเต้นแล้วด้วย ต้องพยายามมองไปที่ไอ้ซาลาเปาบ้าง มองไอ้แฟ้มบ้าง เพื่อลดความเกร็ง

งานนี้จะเป็นงานแรกและงานสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วม บอกเลย!

“เอ้า ฉลองกันหน่อย” พี่กานต์เป็นตัวตั้งตัวตี เปิดเหล้าแจกจ่ายทุกคนในกลุ่ม ผมไม่เคยดื่มเหล้า แต่จะไม่รับก็กลัวมันด่าเอา เลยรับแก้วมาถือไว้เฉยๆ ตอนชนแก้วก็ชนกับเขา แต่ยังไม่ดื่ม

“มึงแพ้เหล้าเหรอ” พี่กานต์เดินมาประกบหลังผม ผมสะดุ้งหันไปมองหน้ามัน หน้ามันแดงๆ นิดหน่อย คงดื่มไปเยอะแล้ว

“ไม่รู้อ่ะพี่ ผมไม่เคยดื่มเลย” ผมตอบตามจริง

“งั้นก็ลองดิ” มันว่าพลางจับมือผมข้างที่ถือแก้วเหล้าให้ยกขึ้นจ่อปาก “จิบทีละนิดก่อน”

“อือ” ผมครางรับก่อนจะลองจิบตามที่มันบอก อี๊ แม่งโครตขม ผมแทบจะคายทิ้ง ทำหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ

“เป็นไง?” มันยิ้มตาหยี มองผมที่ทำหน้าเหมือนอยากอ้วก

“ขมมาก แสบคอด้วย ไม่กินแล้ว” ผมงอแงใส่ ก็มันไม่อร่อยเลยนี่

พี่กานต์ไม่ว่าอะไร มันหัวเราะแล้วกอดคอผม กระซิบข้างหูผมเบาๆ “อ่อนว่ะ ไอ้หน้าจืด”

เออ อยากด่าไรด่าไป ไม่แดกเว้ย ผมนิ่ง วางแก้วเหล้าลง มันเลยคว้าแก้วผมไปดื่มต่อ ไอ้ขี้เมาเอ๊ย

ในงานเลี้ยง ทุกคนทั้งดื่มกินและพูดคุยกันอย่างออกรส บ้างก็ถ่ายรูปกันตามซุ้มต่างๆ ที่ประดับไว้รอบหอประชุม แต่ผมไม่ค่อยชอบที่คนเยอะเท่าไหร่ เลยกะจะไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับหอก่อน แต่พอเปลี่ยนชุดเสร็จ ดันโดนพวกรุ่นพี่ผู้หญิงมาดักหน้าแล้วก็ลากไปถ่ายรูปด้วยอีก กว่าจะหนีออกมาได้ก็เสียเวลาไปหลายนาทีอยู่

ผมเดินออกจากหอประชุมตอนเกือบสี่ทุ่ม อีกไม่นานงานก็เลิกแล้วล่ะ ต้องรีบกลับก่อนคนจะออกมา แต่มอเตอร์ไซค์จอดที่หน้าคณะ ต้องเดินไปราวๆ 500 เมตร

ทางค่อนข้างมืดสลัว ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อจะไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ไม่ได้กลัวผีนะ กลัวคนเนี่ยแหละ ด้วยความรีบร้อนจัด ตอนที่จะข้ามถนน ผมนึกว่าดึกแล้วไม่มีคน เลยไม่ได้ดูรถที่กำลังวิ่งมา

ปิ๊น!!

เสียงแตรดังลั่น และพอผมหันไป แสงไฟหน้ารถก็สาดเข้าตาจนพร่ามัว

เอี๊ยดดด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2018 21:40:17 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอด หรือ ไม่รอดจากการชน ลุ้น ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่สนับสนุนการใช้กำลังและการข่มขืนนะคะ ไม่ชอบเลย ทำไมกรถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ยรับไม่ค่อยได้อ่ะ ผิดจากที่คิดไว้ไม่นึกว่าจะเป็นคนที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้ซะอีก ตอนแรกนึกว่าพี่กานต์จะขู่อะไรกรซะอีก แต่ไหนกลายเป็นอย่างงี้ไปได้ แล้วพี่กานต์จะทำไงต่อไปล่ะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
5
ไม่รู้สึกเจ็บ?

ผมลืมตามองอีกครั้ง เห็นรถยนต์คันสีขาวคันเดิมจอดนิ่งอยู่ตรงหน้า ห่างจากตัวผมไม่ถึงสิบเซน รอดตายแบบฉิวเฉียด โล่งอกจนต้องพรูลมหายใจออกมา

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เจ้าของรถเปิดประตูวิ่งลงมาดู ถือว่ามีความรับผิดชอบดี

ผมมองหน้าเขา เห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะมันมืด แต่รูปร่างสูงโปร่งอีกแล้ว “ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้โดนตัวผมเลย” ผมตอบพลางยิ้มแหยๆ ให้เขา

“ชลกร?” เขาเรียกชื่อผม ผมขมวดคิ้ว เพราะจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อน “เอ่อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นไปก่อนนะ” แล้วเขาก็รีบกลับไปขึ้นรถ ผมถอยหลังออกมา ให้เขาขับรถเลยผ่านไป

ใครหว่า? รู้จักผมได้ยังไง? แต่ก็ช่างมันเถอะ คงไม่เจอกันอีกแล้วมั้ง

แต่ความบังเอิญแม่งมีจริงว่ะ

แม้จะมืด แต่ผมก็พอจำเค้าโครงใบหน้าและรูปร่างของเขาได้ไง เจ้าของรถยนต์สีขาวเลขทะเบียน กท7644 ผมจำแม่นเลย เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ผมจะได้ตามหาเจ้าของรถถูก ในกรณีที่เขาชิ่งหนี แต่เอาจริงๆ ผมคงไม่กล้าไปตามหาเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรอก แต่สมองมันก็จำเองเสร็จสรรพไปแล้ว

พอมาเห็นตอนกลางวันแบบนี้ บอกเลยว่าเขาโครตจะหน้าตาดี ผิวขาวออร่าเปล่งประกายโดดเด่นอย่างกับดารา หรือเขาจะเป็นดารา อันนี้ผมก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยดูหนังดูละคร ไม่มีความรู้เรื่องดารานักร้องเลยแม้แต่กระผีกเดียว

เขาเดินมากับกลุ่มเพื่อนผู้ชายสองสามคน คุยกันเสียงดัง ท่าทางสนุกสนานเฮฮา ผมคิดว่าเขาคงจำหน้าผมไม่ได้แล้ว ก็เลยไม่ได้เดินเลี่ยงเดินหลบ แค่เดินสวนกันไป แต่จู่ๆ ก็เหมือนมีแรงดึงที่แขนให้ผมต้องหยุดและหันไปมอง

“กร...”

“ครับ?” ผมมองหน้าเขาอย่าง งงๆ รู้จักผมได้ไงไม่รู้ หรือเมื่อคืนผมแขวนป้ายชื่อไว้ ก็ไม่น่าใช่นะ

“มึงจำกูไม่ได้เหรอ” เขาย่นคิ้วอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ผมส่ายหน้า จำไม่ได้จริงๆ “ไหนว่ามึง IQ เกิน 100 เป็นเด็กอัจฉริยะไงวะ” เขาแสยะยิ้ม คำพูดนั้นทำให้ผมสะบัดแขนออกจากมือของเขาทันที ไอ้หมอนี่มันรู้เรื่องของผม!

“ผมไม่รู้จักคุณ ขอตัวก่อนนะครับ” ผมก้มหน้าก้มตา รีบจำเท้าหนี เขาไม่ได้ตามมา ซึ่งมันก็ดีแล้ว

หวังว่าเราจะไม่พบเจอกันอีก ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

...

“เรียนคณะนี้เหรอ สาวสวยเยอะมั้ยวะ วันๆ มึงทำไรมั่ง เที่ยวมั่งป่ะเนี่ย”

“...” ผมนั่งดูดน้ำอัดลมในขวดด้วยคิ้วขมวดปม คือ ไอ้คนตรงหน้า จู่ๆ ก็โผล่มานั่งด้วยแล้วก็เอาแต่พล่ามอะไรไม่รู้ มันจะบังเอิญบ่อยไปมั้ยวะ

“กูถามก็ตอบดิ มีสมองแต่ไม่มีปากเหรอ กร” มันเรียกชื่อผมห้วนๆ ด้วย ใครวะไอ้หมอนี่ พอผมไม่คุยด้วย มันก็ทำหน้าเซ็งๆ ใส่ “อร่อยเหรอร้านนี้ กูไม่ค่อยได้แวะมาคณะนี้ แนะนำเมนูเด็ดๆ ให้หน่อยดิ”

ผมไม่ตอบ ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า สักพักไอ้ซาลาเปาก็มาหา มันเข้ามากอดคอผม มองหน้าคนมาใหม่

“หืม? เพื่อนมึงเหรอกร”

“ไม่รู้จัก” ผมตอบ คนที่ถูกพาดพิงถึงกับหน้าสั่น

“มึงพูดหมาๆ งั้นได้ไง กูเรียนกับมึงมาตั้งแต่ม.ต้น”

ผมชะงักกึก ม.ต้น?

“อ้าว? เพื่อนเก่าดิงั้น กูปั้นจั่นนะ เป็นเพื่อนเอกเดียวกับกร” ซาลาเปาแนะนำตัวเอง ไอ้หน้าบึ้งตรงหน้าผมเลยเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย มันคลี่ยิ้ม

“พีท อยู่วิทยา” เพิ่งได้ยินชื่อมันเนี่ยแหละ ว่าแต่อะไรนะ? พีท?

จับแม่งกดส้วมเลย

ยี้เหม็นว่ะ

พอแล้วมั้ง พีท

“เฮือก!” ภาพในความทรงจำที่มักจะฝันเห็นซ้ำๆ ราวกับตอกย้ำผุดขึ้นมาในหัว สมัยม.ต้นที่โดนรังแก ผมไม่ได้ฝันถึงเรื่องพวกนั้น แต่มาฝันเห็นเมื่อตอนอยู่ม.ปลายแล้ว และมันทำให้ผมกลัวคน ไม่กล้ายุ่งกับใครเลย ต้องเรียนม.ปลายด้วยตัวคนเดียวอย่างแท้จริง

ไอ้พีท!

“กะ กู...ไปก่อน” ผมตัวสั่นอย่างแรง หน้าคงซีดด้วย ใจก็สั่น ผมไม่กล้ามองหน้าคนชื่อพีทแล้ว ที่จำมันไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนมันตัวอ้วนกว่านี้ เป็นเหมือนไอ้ยักษ์ประจำแก๊ง ตัวหัวโจกที่คอยสั่งให้คนอื่นรุมแกล้งผมมาตลอด 3 ปี

“อ้าว? กร กินยังไม่หมดเลย” เสียงซาลาเปาดังไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจ รีบกอดกระเป๋าวิ่งหนีไปจากตรงนั้น

ผมวิ่งออกมาจากโรงอาหาร มาถึงหน้าตึกเรียนที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคน ยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าอยู่ตรงมุมตึก พยายามตั้งสติ เพื่อจะไปเอารถและกลับหอ วันนี้ขอโดดคาบบ่ายแล้วกันวะ

“หนีเหรอ กร” แรงกระชากที่แขนทำเอาผมเกือบหงายหลัง

“อย่าจับ!” ผมร้องลั่นอย่างลืมตัว สะบัดแขนออกอย่างแรง พีทเอียงคอมองหน้าผม

“มึงเปลี่ยนไปเยอะนะ แต่นิสัยเหมือนเดิมเลย” มันแสยะยิ้มอย่างที่ชอบทำ “แหยเหมือนเดิม”

“เรื่องของกู!” ผมตวาด เร่งฝีเท้าหนีมันไปที่รถ

“เดี๋ยวดิ กร จะรีบไปไหนวะ” มันสาวเท้าตามมาติดๆ พอคว้ารถได้ก็รีบขึ้นคร่อมสตาร์ทรถทันที แต่มัน...กระโดดตามมาซ้อนท้าย!

“ไอ้เหี้ย! ลงไป ลงไป ลงไป” ผมพูดย้ำๆ เหมือนคนบ้า เหมือนสติจะหลุด แต่ผมยังรู้สึกตัว ผมหันไปผลักมันออก “ลงไป ลงไป ลงไป!” ผมย้ำซ้ำๆ

“ฮ่าๆ มึงนี่ตล๊กตลก” มันหัวเราะเสียงดัง นอกจากไม่ลงแล้วยังกอดเอวผมแน่นอีก “ไปดิ ขับไปเลย”

“ลงไป ลงไป...ไอ้สัตว์!” ผมด่ามันอย่างโกรธจัด พยายามแกะมือมันที่รัดเอว มันเอาคางมาวางบนบ่าผม

“ไม่ต้องกลัว กูไม่ทำร้ายมึงหรอก เราเป็นเพื่อนกันนี่” เสียงกระซิบของมันทำผมขนลุกซู่ “ออกรถได้แล้ว อย่าให้กูอารมณ์เสีย”

ผมกัดฟันกรอด กำแฮนด์แน่นแล้วบิดออกไปเต็มเหนี่ยว

ไอ้พีทขยับคอไปมา หน้าตามันโครตกวนตีน มันสั่งให้ผมเลี้ยงขนมมัน ผมก็เลยจำยอมพามันมานั่งกินเค้กและกาแฟแถวหอพัก และตอนนี้ผมกับมันก็นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ในร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น แต่ระหว่างผมกับมันมีแต่ความเย็นยะเยือก

ผมจำมันได้ จำมันได้ดี ผมจำได้ว่ามันทำเหี้ยอะไรกับผมไว้บ้าง จำได้ไม่มีวันลืม จำได้ทุกครั้งที่หลับตา ทุกครั้งที่นอนแล้วฝันเห็นหน้ามัน

ไอ้หมูตอน ที่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้สูงโปร่ง หุ่นนายแบบ ได้อย่างนี้ แต่แน่ล่ะ บ้านมันรวย จะทำให้ดูดีขึ้นได้ก็ไม่แปลก แต่ผมไม่สนหรอก ผมไม่อยากเจอหน้ามันอีกแล้ว ทำไมต้องเจอ ทำไมวะ ทำไม

“แดกเสร็จแล้ว กูกลับห้องล่ะ” ผมโพล่งขึ้นเมื่อเห็นมันกินเค้กจนเกลี้ยงแล้ว พอจะลุกขึ้น มันก็ยื่นมือมาคว้าแขนผม

“เดี๋ยวดิ ไม่เจอตั้งหลายปี อยู่คุยกันนานๆ ก่อน” สีหน้าและแววตาของมันเป็นเชิงบังคับ เหมือนที่มันชอบทำตอนเด็กๆ

“กูไม่อยากคุย ปล่อย ปล่อยมือ ปล่อยกู ปล่อย...” ผมเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำเมื่อเจอหน้ามัน ไม่รู้ทำไม แต่ประสาทมันตื่นกลัวและเกร็งอย่างอัตโนมัติ ผมสะบัดแขนออก แต่มันก็ยังคว้ากลับไปอีก คนอื่นเริ่มมองมา แม้คนจะไม่ได้เยอะมาก แต่ผมอาย ผมไม่ชอบให้คนมองแบบนี้ เลยยอมนั่งลง

“ว่าง่ายๆ หน่อย กร กูมาเรียนที่นี่คนเดียว โครตเหงา ตอนเจอมึง กูดีใจมากเลยนะ” มันทำหน้าเหมือนซาบซึ้งสุดๆ ที่ได้เจอผม ก็แค่ได้คนไว้รองมือรองตีนมากกว่า กูไม่ยอมเหมือนตอนนั้นหรอกนะเว้ย

“ธุระมีแค่นี้ใช่มั้ย กูจะกลับห้อง” ผมเสียงแข็งใส่ จะต้องไม่ยอมมันอีก ต้องไม่ให้มันตามมาตอแย ไม่อย่างนั้น ผมก็จะต้องกลับไปเป็นไอ้แหยที่วันๆ ได้แต่โดนมันรังแกกลั่นแกล้ง

“เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นนะ” มันดึงแก้มผม “กล้าต่อปากต่อคำกับกูเหรอ” ทั้งที่หน้ามันยังยิ้ม

ผมรู้ว่าที่มันยิ้มแล้วดึงแก้มผม เพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด เข้าใจว่ามันกำลังหยอกผมเล่น แต่จริงๆ แล้วมันกำลังข่มขู่ผม และในระหว่างที่ผมกำลังเครียดจนตัวเกร็ง เหงื่อแตกพลั่ก ก็มีคนเดินเข้ามาทักผม

“กร!” ผมสะดุ้งโหยง ไอ้พีทยอมปล่อยมือจากผมแล้ว มันขยับเนคไท นั่งยืดตัวตรง บนใบหน้ายังคงแต้มรอยยิ้มหล่อๆ กระชากใจสาว

“พี่...พี่กานต์” ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยพี่กานต์ก็ดีกับผมมากกว่าไอ้พีท ล่ะมั้งนะ

“สวัสดีครับ” ไอ้พีทยิ้มหวานให้พี่กานต์

“สวัสดี เพื่อนมึงเหรอกร” พี่กานต์มองหน้าผมสลับกับพีทแล้วนั่งลงข้างผม

“ครับ เพื่อนสมัยม.ต้น เนอะกร” มันพยักเพยิดมาทางผม ผมเลยต้องพยักหน้ารับ “ผมชื่อพีทครับ”

“พี่ชื่อ กานต์ อยู่ปี 3 รุ่นพี่คณะไอ้กรมัน แล้วน้องอยู่คณะไหนครับ”

“วิทยาครับ”

พี่กานต์พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะกอดคอผมอย่างสนิทสนม “เออ กร มีงานจะให้กูช่วยนี่ กลับห้องกัน” พี่กานต์ขยิบตาข้างที่ไอ้พีทไม่เห็นให้ผม ตอนแรกผมก็งง แต่ก็เข้าใจว่าเขาอยากช่วย เลยพยักหน้าแล้วหันไปทางพีท ที่จ้องพวกเราอยู่

“กูนัดพี่เขาทำงานไว้ มึงกินต่อตามสบายนะ กูไปก่อน”

ไอ้พีทแค่ยิ้ม โดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พี่กานต์เลยบอกลามันแล้วลากคอผมออกไปจากร้าน

“ขอบคุณนะพี่ ที่ช่วยพาผมออกมา” ทั้งที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขา แต่พี่กานต์ก็ยังดีกับผม ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดหนักกว่าเดิม

“หึ ทำไมมึงต้องกลัวมันด้วยวะ ทีตอนกู มึงยังกล้า...” เขาพูดแล้วก็หน้าแดง ก่อนจะรีบสะบัดหน้า “เออๆ ช่างแม่งเหอะ มันเป็นเพื่อนมึงจริงเหรอ กูเห็นตั้งแต่ที่มึงโดนมันดึงแขนให้นั่งลงแล้ว”

“ไม่ใช่เพื่อน! มัน...” ผมสับสน ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ผมไม่กล้าเล่าให้พี่กานต์ฟังหรอก ไม่เอา ไม่บอก ไม่มีทาง “มันจะเป็นใครก็ช่าง ขอบคุณนะพี่ ผมขึ้นห้องล่ะ” ผมก้มหน้างุดๆ รีบเดินฉับๆ หนีพี่กานต์ พี่มันส่งเสียงเรียกอีก แต่ผมทำเป็นไม่ได้ยิน และมันก็ไม่ได้ตามมา

ผมเครียด ผมอึดอัด ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ผมจะหนีมันพ้นมั้ย ต้องไม่พ้นแน่ มันรู้ว่าผมเรียนคณะไหน รู้ว่าอยู่หอไหน โอ๊ยยย จะทำยังไงดีวะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย ไอ้เหี้ยพีท ไอ้เวรตะไล!

ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด พลันนึกถึง...อาจารย์ภวินท์

ใช่...โทรนัดอาจารย์ดีกว่า คนที่ผมปรึกษาได้ คนที่จะรับฟังผมทุกอย่าง แม้มันจะเป็นแค่หน้าที่และจรรยาบรรณของนักจิตวิทยาก็ตาม แต่อย่างน้อย ผมก็ได้ระบายให้ใครสักคนฟัง และมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่มีทางเอาความลับของผมไปป่าวประกาศกับใคร

จริงๆ แล้วนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเรามีสองคน เป็นอาจารย์ทั้งคู่ แต่พอดีผมได้เจออาจารย์ภวินท์เป็นคนแรก และเขาก็จะต้องรับปรึกษาผมไปตลอด เขาบอกว่าผมยังไม่ถึงขั้นต้องใช้ยาระงับประสาทหรือยาคลายเครียด จากที่ผมบอกว่านอนไม่หลับ ฝันร้ายชอบตื่นกลางดึก แต่สีหน้าผมก็ดูเหมือนคนที่พักผ่อนเพียงพอ เขาเลยพอจะเข้าใจว่าผมมีวิธีทำให้ตัวเองหลับอยู่แล้ว เพียงแค่ผมไม่อยากเล่า

วันจันทร์อาทิตย์ถัดมา เป็นวันนัดเจออาจารย์วิน ตอน 4 โมงเย็น ผมไม่มีเรียน และเขาก็ไม่มีสอน ผมเจอเขาที่ห้องเดิม ห้องสี่เหลี่ยมค่อนข้างกว้าง ใช้สีโทนอบอุ่นทำให้รู้สึกสบายใจ ในห้องมีเพียงโต๊ะทำงานของเขาและเก้าอี้นวมแบบเอนได้ไว้ให้ผมนั่ง เขายังคงยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนและใช้น้ำเสียงไพเราะเวลาคุยกับผม

เวลาผมคุยกับอาจารย์วิน ผมไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขาเท่าไหร่ บางครั้งแววตาของเขามันดูขี้เล่นแปลกๆ ทำให้ผมไม่กล้าสบสายตา ผมเลยเลือกมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา ซึ่งมีแหวนทองวงนั้นสวมอยู่ เพราะเขาชอบเอามือวางประสานกันบนโต๊ะ

“สวัสดีครับ น้องกร วันนี้เราจะคุยเรื่องอะไรกันดี” อาจารย์วินเริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พูดกับผมเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ แต่มันก็ทำให้รู้สึกเป็นกันเองดี

“ผม...เจอเพื่อนตอนม.ต้น”

“แล้วเพื่อนคนนั้น เป็นยังไงบ้างครับ”

“มันชื่อพีท...เป็นคนที่เคยแกล้งผม ทำร้ายผม...ผมกลัวมันมาก ผมกลัว...ไม่อยากให้มันเข้าใกล้ แต่มัน...มันไม่ยอมปล่อยผมไป” เสียงผมสั่นเหมือนจะร้องไห้

“เขาเคยทำร้ายน้องกร? แบบไหนครับ”

“ครับ มันทั้ง...เตะ ต่อย ให้เพื่อนมันจับผมกดน้ำในโถชักโครก...อือออ ฮืออออ” ผมไม่ไหวแล้ว ยิ่งเล่าก็ยิ่งนึกถึงมัน นึกถึงเรื่องเลวร้ายพวกนั้น น้ำตาผมไหลพราก

“ใจเย็นๆ นะครับ น้องกร แล้วตอนนี้เขาทำร้ายน้องกรอีกมั้ย”

“ไม่...ยังไม่ได้ทำครับ” ผมกลั้นเสียงสะอื้นไว้ น้ำตาบดบังทัศนวิสัย แต่ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่วางลงมาบนบ่า เงยหน้าขึ้นก็เห็นอาจารย์ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเขาสูงเพรียว รูปร่างสมส่วนเข้ากับชุดสูทที่สวมใส่ ดูเท่มากในตอนนี้

“ไม่เป็นไรนะครับ สูดลมหายใจลึกๆ ไว้ อย่างนั้น” เสียงของอาจารย์ทำให้ผมคลายกังวล ผมหยุดร้องไห้เพราะฝ่ามืออุ่นๆ ที่ตบบนบ่าเบาๆ อย่างปลอบโยน “น้องกร คิดว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนั้นอย่างไรดีครับ”

“ถะ ถ้าเขาทำร้ายผม ผมจะสู้ครับ”

“ถ้าสู้แล้วจะสบายใจขึ้นใช่มั้ยครับ?”

“ผมไม่รู้...แต่ผมจะไม่ยอมให้มันทำร้ายผมฝ่ายเดียวอีกแล้ว ผมคิดว่าผมสู้ไหว”

“น้องกรทำได้อยู่แล้วครับ สบายใจขึ้นมั้ยครับ?” อาจารย์ยิ้มหวาน ผมชอบรอยยิ้มของเขาจัง มันอบอุ่น สว่างไสว ถ้ามีพี่ชายแบบนี้สักคนก็คงดี

วันนั้นผมพูดคุยกับอาจารย์แค่เรื่องของไอ้พีท เอาเป็นว่า ผมจะค่อยๆ เล่าทีละเรื่องให้เขาฟังแล้วกัน เมื่อผมพร้อม

******

หลังกลับจากเข้าพบอาจารย์วิน ผมก็กลับไปที่คณะ ไอ้ซาลาเปาเข้ามากอดแขนผมเหมือนเคย มันเป็นพวกติดการสกินชิพนะผมว่า ต้องกอดต้องเกาะตลอดเวลา ดีที่ตัวมันเล็ก ผมเลยไม่หนักเท่าไหร่

“หายไปไหนมาวะ”

“ไป...” ผมไม่กล้าบอกใครว่าผมไปคณะจิตวิทยามา แม้อาจารย์วินจะบอกว่า การเข้ารับการบำบัดหรือปรึกษานักจิตวิทยา ไม่ได้หมายความว่าคนไข้เป็นบ้าหรือป่วยทางจิตเสมอไป บางคนแค่เครียด อยากระบาย และปกติแล้ว ทุกคนก็ควรจะเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์หรือนักจิตบ้าง เพื่อสมองจะได้ปลอดโปร่ง จิตใจแจ่มใส และยังบอกอีกว่า อาการฝันร้ายและนอนไม่หลับของผม ควรรักษาแต่เนิ่นๆ แต่ผมดันกลัวจนไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ ปล่อยให้มันเรื้อรัง เลยอาจจะแก้ไขยากหน่อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้ยาบำบัด

“ไปไหน? หืม?” ไอ้ซาลาเปาทำหน้าแบ๊วใส่

“ปะ ไปหาอะไรกินมา” ผมหาข้อแก้ตัวแบบถูๆ ไถๆ มันหรี่ตาเหมือนไม่เชื่อ

“อะไร ไปหาถึงไหน เมื่อกี้ไปหาที่โรงอาหารไม่เห็นเจอ”

“ก็...อยากลองอะไรใหม่ๆ เลยไปคณะอื่นมา” ผมเริ่มเหงื่อตก ไม่ชอบการถามตอบแบบนี้เลย มันเหมือนโดนเค้นความจริง คนละฟีลกับตอนปรึกษาอาจารย์ลิบลับ

“ไปคณะไรมา”

“เออน่า คณะไหนสักคณะแถวนี้แหละ เดี๋ยวซื้อข้าวกลับหอแล้ว” ผมดึงแขนออกจากมือของซาลาเปา มันเบะปากใส่ทันที

“อะไร กร! ไหนเมื่อกี้บอกไปหาไรกินมาแล้วไง นี่! อย่าหนีสิวะ!” ยังจะตามมาอีก เฮ้อ นอกจากเรื่องไอ้พีท ก็ยังมีไอ้ซาลาเปาปั้นจั่นนี่อีก หมู่นี้ตามผมแจเลยจริงๆ ดีที่วันนี้ผมเรียนคนละวิชากับมัน เลยปลีกตัวไปหาอาจารย์วินได้

ซาลาเปาเดินควงแขนผมท่าทางเริงร่ามาก พวกเราไปซื้อข้าวที่ร้านตามสั่งบนโรงอาหารของคณะ อ้อ ผมยังไม่เคยบอกสินะว่าผมเรียนอะไร ผมเรียนเศรษฐศาสตร์ครับ เป็นสาขาที่พ่ออยากให้เรียน และผมก็ค่อนข้างชอบอยู่แล้ว ตอนผมสอบติดที่นี่ พ่อถึงได้ปลื้มหนักหนา ลืมว่าเคยดุด่าและตบตีผมยังไงไปหมด

จริงๆ ผมกะจะซื้อข้าวไปกินที่ห้องเหมือนเคย แต่ถ้าได้เจอไอ้ซาลาเปาหน้ากลมมาด้วยทีไร ก็เป็นต้องนั่งกินกับมันที่โรงอาหารตลอด ซึ่งช่วงนี้มีอริที่ชอบมาป้วนเปี้ยนอีกตัว ก็คือ ไอ้พีท

และไอ้ซาลาเปาก็ดูไม่ค่อยชอบหน้าไอ้พีทเท่าไหร่ด้วย มันคงเห็นผมไม่ชอบมั้ง จริงๆ แล้วปั้นมันก็น่ารักนะเนี่ย มันเอาอกเอาใจและเข้าข้างผมทุกอย่างเลยจริงๆ

“ไง กร” นั่นไงครับ ถ้าอยู่โรงอาหารนานเป็นต้องได้เจอ ด้วยความที่คณะวิทย์ของมันกับคณะผมก็ไม่ได้ไกลกันมาก บางทีพวกเด็กวิทย์มันก็มากินแถวนี้บ้าง แม่งโครตซวย อยู่มาเป็นเทอม เพิ่งจะมาเจอกัน แล้วพอได้เจอก็เหมือนความซวยถล่มใส่ ต้องเจอมันรัวๆ ตลอด

“อันนี้อร่อยเหรอ ขอชิมหน่อยดิ” มันว่าพลางนั่งลงข้างๆ ผม ถือวิสาสะแย่งช้อนไปจากมือ ตักกับข้าวของผมเข้าปากตัวเอง เป็นผัดขิง ผมชอบกินขิงกับเห็ดหูหนู แล้วมันก็ดันกินเห็ดหูหนูของโปรดของผมที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นไปแล้วด้วย ไอ้ฟวยเอ๊ย

ผมเหลือบมองปั้นจั่น เห็นมันทำหน้าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวได้เกิดศึก ก็ดี จะได้แยกๆ กันสักที

“ไม่มีมารยาท แย่งคนอื่นกินได้ไง” นั่นไง มาละ ซาลาเปาน้อยของผม ไอ้พีทหันไปมองหน้าปั้นจั่น แล้วแสยะยิ้ม

“ทำไม ก็ของเพื่อน กินด้วยกันได้ กรไม่หวงหรอกเนอะ” ยังมีหน้ามายิ้มหวาน ผมไม่ตอบ ดึงช้อนกลับมาแล้วกินข้าวต่อ พีทมันเลยหันไปยักไหล่ใส่ปั้นจั่น “เห็นมะ กรกินกับกูได้ ไม่ถือ”

“ฮึ่ย ไปเปลี่ยนช้อนเลยกร!” อ้าว? อะไรวะ มาโวยวายใส่ผมเฉยเลย ไอ้ซาลาเปาทำท่าจะแย่งช้อนไปจากมือ แต่ผมหลบทัน

“อะไรของมึง ช่างมันเหอะ กูกินได้” คือขี้เกียจเสียเวลา อยากรีบๆ กินรีบกลับห้อง

“ทีตอนกู มึงบอกว่าถือไง! ไม่ยอมกินน้ำขวดเดียวกันด้วย!” เอ้า ยังเสือกจำได้อีก ปัดโธ่เว้ย จริงๆ ผมไม่ชอบกินร่วมกับใครนะ แต่มันเหตุสุดวิสัยไง ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้น ก็เลยหยวนๆ ไป

“เอ่อ ก็...มันเสียเวลา อีกนิดเดียวจะหมดแล้วเนี่ย” ผมว่าพลางมองหน้าปั้นจั่นด้วยความเกรงใจ คือรู้นะว่ามันคงเสียความรู้สึก แต่มันช่วยไม่ได้ แล้วเมื่อก่อน ผมก็เคยกินของต่อจากปากไอ้พีทบ่อยไป เวลาแม่งแดกไม่หมดแล้วบังคับให้ผมกินต่ออ่ะนะ อมลูกอมเม็ดเดียวกันก็เคย และนั่นแหละคือสาเหตุที่ผมไม่ชอบกินร่วมหรือต่อจากใคร ยกเว้นกับไอ้พีท...เออว่ะ ทำไมวะ สงสัยชินมั้ง

“กรแย่ที่สุด!” ซาลาเปาโมโหเลย มันว่าผมแล้วก็ลุกหนีไป ปล่อยผมไว้กับไอ้พีทสองคนอีก ไอ้ห่าพีทก็นั่งไม่รู้ไม่ชี้

เฮ้อ...ชีวิตกู อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย เซ็ง...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
รอด หรือ ไม่รอดจากการชน ลุ้น ๆ  :hao3:
หวุดหวิดแล้ว

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ไม่สนับสนุนการใช้กำลังและการข่มขืนนะคะ ไม่ชอบเลย ทำไมกรถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ยรับไม่ค่อยได้อ่ะ ผิดจากที่คิดไว้ไม่นึกว่าจะเป็นคนที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้ซะอีก ตอนแรกนึกว่าพี่กานต์จะขู่อะไรกรซะอีก แต่ไหนกลายเป็นอย่างงี้ไปได้ แล้วพี่กานต์จะทำไงต่อไปล่ะ
เราจะพยายามไม่ให้รุนแรงมาก แต่หลังจากนี้ จะเน้นเรื่องอาการทางจิตของพระเอกฮะ บางเรื่องที่คิดว่านางไม่กล้า มันจะมาเพราะความผิดปกติของนางเอง...ฮือออ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านอยู่ 2 เว็บคงจะพิมพ์คล้ายๆ กัน นะคะ  เราว่าพีทคู่กรคงเป็นคู่ SM ที่เข้ากันได้ดีแน่ๆ ถ้ากรจะเลิกกลัวพีทซะก่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาชนะความกลัวให้ได้ แล้วต่อยมันกลับไปเลย  :beat:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
6
ต่อให้ผมพยายามจะลืมยังไง ภาพของไอ้พีทที่ฝังอยู่ในหัวผมมันก็ไม่ยอมเลือนหายไป แม้จะปรึกษาอาจารย์ภวินท์แล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้น และทุกคืนผมจะต้องคุยกับพี่ SlipXD เพื่อทำให้ตัวเองนอนหลับ

“ผม...ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย” วันนี้ผมขอคุยกับเขาผ่านไมค์ แบบไม่มีภาพ เพราะผมกำลังนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ขี้เกียจหันกล้องไม่ได้โดนหน้าตัวเอง และมันยุ่งยากถ้าเกิดผมจะเงยหน้าขึ้นหรือลุกไปทำอย่างอื่น ซึ่งพี่เขาก็โอเค

[ไม่เอาดิ เอส อย่าพูดแบบนั้น] เสียงของพี่เขาดูร้อนรน [พี่อยากให้เอสอยู่กับพี่อย่างนี้ตลอดไปเลยนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย]

“แต่พี่ก็ไม่อยากเจอหน้าผม...” ผมตัดพ้อ เขาจะพยายามปลอบใจผมทำไม ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้อยากเจอผมจริงๆ ผมหายไป เขาก็แค่หาคนอื่นคุย

[พี่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ เข้าใจพี่เถอะนะครับ] เขาพยายามอ้อน

“ผมจะไม่ไหวแล้ว ผมเกลียดมัน ผมอยากกำจัดมันออกจากชีวิตผม” มันคือเรื่องที่ผมคิดหนักตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา จะทำยังไงให้มันออกไปจากชีวิตผม

[เอส ฟังพี่นะ เอสจะต้องเลิกคิดถึงมัน เข้มแข็งไว้ สู้กับสิ่งที่หวาดกลัวในจิตใจให้ได้ พี่อยู่ข้างๆ เอสเสมอนะครับ]

“พี่ไม่ได้อยู่ข้างผม...พี่ไม่ได้อยากเจอผมด้วยซ้ำ”

[เอส อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่...รักเอสมากนะ เอสเป็นคนเดียวที่พี่ต้องการ] เป็นครั้งแรกตั้งแต่คุยกันมา ที่เขาบอกรักผม แต่ผมไม่ได้ต้องการแค่คำพูดสวยหรูพวกนั้น ผมต้องการเขา ที่เป็นตัวเขาจริงๆ

“ผมไม่เชื่อ!” แล้วผมก็ล็อคเอ้าท์ออกจากโปรแกรม นอนร้องไห้ซบหน้าบนโต๊ะจนหลับไป

******

ผมไม่เชื่อที่เขาพูด แต่ผมก็ยังตัดขาดเขาไม่ได้ ผมยังคงแชทกับเขาเหมือนเดิมเวลาที่นอนไม่หลับ ไม่ว่าจะแค่คุยหรือทำเรื่องลามกผ่านกล้องด้วยกัน เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมหลับสนิท

เมื่อไหร่เขาจะยอมมาเจอผม เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมจะเปิดใจให้ผมจริงๆ ไม่ใช่แค่ลมปากที่พูดผ่านเครื่องดัดเสียง

“น้องกรควรไปพบจิตแพทย์นะครับ” ทุกวันจันทร์ ผมจะนัดกับอาจารย์วิน เพื่อมาระบายเรื่องที่อัดอั้นในใจ ผมค่อยๆ เล่าให้เขาฟังทีละเรื่อง และวันนี้ผมก็ยอมเล่าเรื่องพี่ SlipXD ให้อาจารย์ฟังแล้ว เพราะผมไม่มีทางออกแล้วจริงๆ ในเมื่อพี่เขาไม่ต้องการผม ผมไม่อยากหลอกตัวเองไปวันๆ ด้วยการเชื่อคนที่ไม่แม้แต่จะเห็นหน้ากันหรือได้ยินเสียงที่เป็นเสียงจริงๆ

“มันต้องขนาดนั้นแล้วเหรอครับ” ผมเหม่อมองเพดาน เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก คืนไหนที่ผมไม่ได้คุยกับพี่ SlipXD ผมนอนไม่เคยหลับ และสภาพของผมก็แย่ลงเรื่อยๆ แล้ว

“ครับ จิตแพทย์จะได้วิเคราะห์อาการและให้ยา เพื่อช่วยให้คลายเครียดและนอนหลับสบายขึ้น จะได้ไม่ต้องพึ่งวิธีคุยกับคนแปลกหน้าผ่านเว็บ” เสียงของอาจารย์คล้ายกำลังขับกล่อมให้ผมคล้อยตาม ผมโคลงหัวไปมา เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เขาพูด

“ผมจะแนะนำจิตแพทย์ให้เอง เขาเป็นเพื่อนของผม แน่นอนว่า เรื่องที่น้องกรบอกผมทั้งหมด จะเป็นความลับ ยกเว้นแต่น้องกรจะเล่าให้จิตแพทย์ฟังด้วยตัวเอง โอเคมั้ยครับ?” อาจารย์ยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น

“ครับ ผมจะพบจิตแพทย์”

อาจารย์วินนัดเพื่อนของเขาให้ผมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ช่วงเช้า ที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัย ผมค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะต้องเข้าพบจิตแพทย์จริงๆ จังๆ แต่อาจารย์บอกว่า การพบจิตแพทย์ก็เพื่อรับยาให้ตรงกับอาการที่เป็นอยู่ ก่อนที่สารหรือฮอร์โมนในสมองของผมจะผิดปกติ จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า

กว่าจะถึงวันเสาร์ ผมคงต้องเครียดกับไอ้พีทอีกมาก ผมกลัวว่าผมจะเป็นบ้าตายเสียก่อน แต่ก็พยายามอดทนไว้ ในเมื่อพีทมันก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายผมเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน อาจจะมีบังคับบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลัง

“วันนี้เลี้ยงเค้กร้านนั้นหน่อยดิ ร้านแถวหอมึงอ่ะ” ไอ้พีทมันขับรถยนต์ ไม่ได้อยู่หอพัก เรียนแบบไปกลับ เวลามันจะไปหอผม หมายถึงแถวๆ นั้น มันจะซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมไป

“ทำไม...ต้องเลี้ยง” มันหน้าด้านมากๆ แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับรีดไถผมเลยสักนิด นิสัยแม่งก็เหมือนเดิม แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะดีขึ้น แต่สันดานยังเสียไม่เปลี่ยน

มันเลิกคิ้ว จ้องหน้าผม “ไมวะ? เลี้ยงเพื่อนแค่นี้จะตายเหรอ ไอ้กร”

“มึงก็มีเงิน” ผมเถียงมันทั้งที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา ทำไมแม่งเป็นงี้ทุกทีวะ ทำไมต้องกลัว! ทำไม! มือแม่งก็สั่นอีก จะสั่นเหี้ยไรนักหนา!

“ก็กูจะให้มึงจ่ายไง” มันล็อคคอผม “เร็วๆ เลย ไปมอไซค์มึงเนี่ยแหละ เร็วดี”

ทั้งที่ผมเคยบอกว่าจะสู้มัน แต่เพราะมันไม่ได้ทำร้าย ผมเลยไม่รู้จะต่อต้านมันยังไง เลยโดนมันลากคอไปที่รถ ต้องจำยอมพามันไปร้านกาแฟหน้าหอ ซื้อเค้กกับกาแฟให้มันกิน

ระหว่างนั่งรอมันจิบกาแฟกินขนมอย่างสบายอารมณ์ ความเครียดของผมก็พุ่งปรี๊ดแทบทะลุปรอทในรอบปี ผมกำมือแน่น กัดปากตัวเองเป็นพักๆ ตอนแรกไม่รู้ตัว แต่พอได้กลิ่นคาวเลือด ผมถึงรู้ว่ากัดปากตัวเองจนเลือดซิบ ลมหายใจของผมเริ่มปั่นป่วน แต่ก็อดทนรอจนมันกินเสร็จ แต่ตอนที่กำลังจะพามันกลับไปส่งในมหาลัย ฝนดันตกหนัก จนขับรถฝ่าไปไม่ได้ ผมกับมันตัวเปียกม่อล่อกม่อแลก วิ่งฝ่าฝนเข้าไปในหอ

“แม่ง เปียกหมดเลยว่ะ อาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องมึงได้ป่ะ” มันบิดชายเสื้อที่เปียกโชกอยู่หน้าประตูหอแล้วหันหน้ามาถามผม ไม่สิ ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบหรอก

“ตามมา” ในเมื่อช่วยไม่ได้ ผมก็เลยเดินนำมันเข้าไปในลิฟท์ พามันไปที่ห้อง

“โห ห้องมึงกว้างดีนะ กูนึกว่าหอพักแม่งจะเล็กๆ อับๆ เหมือนกันหมดซะอีก กูเคยไปหอในของเพื่อน แม่งอย่างกับรูหนู” มันวิจารณ์ไปหัวเราะคิกคักไป ผมเลือกเสื้อผ้าให้มันเปลี่ยน มันตัวสูงก็จริง แต่ไม่ได้สูงเท่าผม เหมือนจะเตี้ยกว่านิดหน่อย น่าจะสัก 177-178 ซม.

ผมเลือกเสื้อยืดตัวที่เล็กที่สุดกับกางเกงบอลและผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาให้มัน พอหันไป มันกำลังจะเปิดโน๊ตบุ๊คของผม

“พาสเวิร์ดไรวะ” ดีที่ผมล็อครหัสไว้ แต่มันก็จะเค้นเอาให้ได้ ตามนิสัยมัน

“อย่ายุ่งกับของกู” ผมเสียงแข็งใส่

มันยักไหล่ แล้วหันมายักคิ้วใส่ผม “กูแค่อยากเล่นเกม มึงมีเกมมั้ย หรือเด็กอัจฉริยะเขาไม่เล่นเกมกันวะ ห๊ะ?”

“อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วกลับไป” ผมยื่นข้าวของให้มัน มันมองตามมือผมแล้วเงยหน้ามองหน้าผมที่ยืนค้ำหัวมันอยู่

“มึงจะบ้า? ฝนมันตกอยู่เห็นป่ะ กูต้องรอจนกว่าจะหยุด ไม่งั้นจะมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องมึงทำเหี้ยไร” มันจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กระชากชุดกับผ้าขนหนูไปจากมือผม แล้วเดินกระแทกไหล่ผมเข้าห้องน้ำไป

ผมถอนหายใจ อย่างน้อยมันก็ยอมเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ขืนปะทะคารมกันต่อ คงมีเลือดตกยางออก เพราะตอนนี้อยู่กันแค่สองคน ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครเห็น

ผมสูดลมหายเข้าแล้วผ่อนมันออกช้าๆ ทำซ้ำๆ เพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าจะความโกรธ หงุดหงิด ความเกลียดชัง ความกลัว...

“ฝนยังไม่หยุดอีกเหรอวะ” มันอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาในชุดที่ผมเลือกให้ ใส่ได้พอดีเป๊ะ ผมมองไปทางหน้าต่าง

“ซาแล้วมั้ง”

“ยังตกแรงอยู่เลย” มันยื่นหน้าข้ามไหล่ผมชะโงกดูนอกหน้าต่าง “เล่นโน๊ตบุ๊คมึงนะ มาเปิดให้กูที” มันหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะ

ผมมองตามหลังมัน กำมือแน่น “ไม่ได้ กูไม่ให้มึงใช้”

“อะไร? ทำไมงกจัง” มันยกโน๊ตบุ๊คผมขึ้นมา “ไม่เปิดให้ กูจะพังแม่ง”

“ไอ้เหี้ยพีท!” ผมสบถลั่น มือยื่นคว้าของของตัวเองคืนมา แต่ไอ้พีทมันโยกหลบ แถมยังทำหน้าตากวนตีนใส่

“เอ้า เปิดดิ ไม่งั้นกูพังจริงนะ!” มันขู่ด้วยสายตา และท่าทางที่จะทุ่มโน๊ตบุ๊คของผมทิ้งจริงๆ แต่ถ้าผมยอมเปิด แล้วมันไปเจอโปรแกรมที่ผมใช้คุยกับพี่ SlipXD เข้าล่ะก็...

“ไม่ได้! มึงห้ามแตะต้องของของกู!” ผมปรี่เข้าไปประชิดตัวมัน แย่งโน๊ตบุ๊คจากมือของมัน ยื้อกันไปมา เพราะมันไม่ยอมปล่อย “เอาคืนมา!” ผมไม่เหมือนเมื่อตอนนั้นแล้ว ผมไม่ใช่ไอ้เด็กแว่นตัวผอมกะหร่องขี้กลัว ที่ได้แต่ให้มันกับเพื่อนของมันรังแก ผมสู้มันได้ สู้ได้

น้องกรทำได้อยู่แล้วครับ

เสียงของอาจารย์ภวินท์ดังเข้ามาในหัว

ใช่! ผมทำได้ ผมสู้มันได้!

“ไอ้เหี้ยกร!” ผมกระชากโน๊ตบุ๊คออกจากมือมันจนตัวมันแทบลอยตามมา ผมกอดของของผมไว้อย่างหวงแหนเหมือนเด็กๆ นัยน์ตาของมันวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “หวงนักใช่มั้ย!” มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คว้าโคมไฟที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาตีหัวผม

มันเจ็บ...ผมเจ็บจี๊ดที่หัวซีกซ้าย พอเอามือไปแตะก็เหมือนจะมีอะไรชื้นๆ แฉะๆ

เลือด?

“หึ สมน้ำหน้า เปิดเครื่องให้กูเลย!” มันชี้หน้าผม

เลือด...ทำให้ผมอยากจะร้องไห้

แต่ผมร้องไม่ได้

ผมกำลังโกรธ

“ไอ้เหี้ยพีท!”

ผมไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป มันเพราะเลือดที่เปรอะบนฝ่ามือ สีแดงฉานของมันทำให้ผมขาดสติ รู้ตัวอีกที ไอ้พีทนอนคุดคู้อยู่หน้าชักโครกในห้องน้ำ ตัวมันเปียกโชก ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ที่ปากและหัวของมันมีเลือดไหลเกรอะกรัง และมันนอนแน่นิ่ง

ผมตกใจสุดขีด ล้มลงถดตัวถอยหนีจากภาพตรงหน้า ตบหน้าตัวเองหลายทีเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมวิ่งออกจากห้อง ทั้งที่มีเลือดเปรอะเสื้อ แต่สายฝนก็ชะล้างไปจนมันจางลง ผมวิ่งเท้าเปล่า อย่างไร้จุดหมาย

ผมกลัว

ผมต้องหนี

ผมวิ่ง วิ่ง และวิ่ง จนออกมาถึงหน้าปากซอย เท้าของผมเจ็บระบมไปหมด ไม่รู้เหยียบอะไรมาบ้าง ผมร้องไห้ น้ำตาผมไหลปนกับสายฝน

มือของผมสั่นเทา คราบเลือดสีแดงยังติดอยู่

ผมขยี้มือกับกางเกงนักศึกษาที่ใส่อยู่ ก่อนจะจับไปโดนมือถือในกระเป๋ากางเกง ผมล้วงมันออกมา แต่ไม่รู้จะโทรหาใครได้ในตอนนี้

19.40 น.

ผมนึกหน้าใครไม่ออกเลย โทรหาพ่อกับแม่ไม่ได้เด็ดขาด พี่ SlipXD ผมไม่มีเบอร์โทรเขาสักหน่อย ไอ้ซาลาเปา? ไม่เอา พี่กานต์ ไม่ได้อีก?

“เรื่องที่เราคุยกันจะเป็นความลับระหว่างผมกับคุณ เพราะฉะนั้น เล่าได้ทุกเรื่องที่คุณกังวลเลยนะครับ”

ใบหน้าอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลของอาจารย์ภวินท์ผุดขึ้นมาในหัว

เพราะเขาบอกว่าทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเรา

ผมเลยเลือก...โทรหาเขา

[ฮัลโหล น้องกร] เขารู้ทันทีว่าเป็นผม เสียงปลายสายไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก เหมือนเขากำลังเพลีย?

“อาจารย์ ช่วยผมด้วย!” ผมร้องตะโกนอย่างร้อนรน

[ช่วย? เกิดอะไรขึ้นครับ?] เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที จากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ผมเริ่มใจชื้น เพราะเขาน่าจะช่วยผมได้

“ผม...ผม...”

[ใจเย็นๆ นะครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหน] เขาพยายามปลอบไปถามไป จนผมสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ และเขาก็บอกให้ผมรออยู่ที่เดิม จนกว่าเขาจะไปถึง

******

เริ่มจะมีอะไรให้เครียดเยอะขึ้นนิดนึงละ นี่เราลืมตามหาพี่ SlipXD กันรึเปล่า อ่ะๆ รอดูกันไป

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อ่านอยู่ 2 เว็บคงจะพิมพ์คล้ายๆ กัน นะคะ  เราว่าพีทคู่กรคงเป็นคู่ SM ที่เข้ากันได้ดีแน่ๆ ถ้ากรจะเลิกกลัวพีทซะก่อน
ยากอยู่นะ จะรักคนที่เคยเกลียดขนาดนั้น...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
เอาชนะความกลัวให้ได้ แล้วต่อยมันกลับไปเลย  :beat:
ยิ่งกว่าต่อย...ฮือ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดีมากลูก ทำพีทมันเยอะ ๆ เอาให้หนัก ๆ จะได้หายซ่า  o13

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
7
มันเป็นการรอคอยที่ยาวนานมากสำหรับผม ผมยืดกอดตัวเองท่ามกลางสายฝนปรอย รอจนเขาขับรถมาถึง รถยนต์คันสีดำที่ผมไม่รู้ว่ามันยี่ห้ออะไรมาจอดเทียบตรงหน้า เขาเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง และพาผมกลับไปที่หอพัก

“ผมขอโทษที่ทำรถอาจารย์เลอะ...” ผมเอ่ยขอโทษเมื่อพวกเราเดินมาถึงหน้าห้องของผมแล้ว แต่เขาส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร

“น้องกรแน่ใจนะครับ ว่าเพื่อนคนนั้นยังอยู่ข้างใน?” อาจารย์มองหน้าผมด้วยแววตาอ่อนโยน ผมพยักหน้า และเปิดประตูเข้าไป เขาเดินตามหลังผม ผมรีบพาเขาไปที่ห้องน้ำ

แต่...มันไม่อยู่แล้ว?

“ก่อนผมออกไป ผมเห็นมันนอนอาบเลือดอยู่ตรงนี้แน่ๆ! ผม...ผมเห็นแน่ๆ ผมเป็นคนทำ ผม...” ผมเอ่ยเสียงสั่น มือไม้สั่นไปหมด

“ใจเย็นก่อนครับ” อาจารย์จับไหล่ผม เขามองตาผม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองแฝงความอ่อนโยนและดุดันเล็กน้อย คล้ายกับกำลังปรามให้ผมหยุดนิ่ง

“แต่มัน...มัน...” ผมเริ่มสงบลง แต่ยังพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ผมเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ ในหัวพันกันยุ่งเหยิงไปหมด

อาจารย์ลูบหลังผมเบาๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลง มองดูพื้นห้องน้ำ “มีคราบเลือดอยู่ เขาคงฟื้นมาแล้วหนีออกไปเองล่ะมั้งครับ”

“ฮือออ มันจะ...มันจะแจ้งตำรวจมั้ย?” ผมร้องไห้โฮอย่างลืมอาย อาจารย์กอดปลอบผม

“ไม่เป็นไรครับ ทางนี้เองก็บาดเจ็บ และฝ่ายนั้นเป็นคนเริ่มก่อน แถมนี่ก็ห้องของน้องกรด้วย ถ้าเขาแจ้ง เราก็แจ้งกลับได้”

“ฮือออ” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังร้องไห้ คราบน้ำตาและน้ำมูกเลอะเสื้ออาจารย์ แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจ กลับกอดผมไว้แน่น ปลอบผมด้วยเสียงอันอ่อนโยน

“เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ ไปนั่งบนเตียงก่อน” อาจารย์โอบร่างผมไว้แล้วพาไปนั่งบนเตียง เขาแทนตัวเองว่า พี่ ด้วย คงอยากให้ผมสบายใจ ว่ามีคนอยู่เคียงข้าง “มียามั้ยครับ? กล่องปฐมพยาบาลอะไรพวกนั้น”

“อยู่ใต้โต๊ะนั่นครับ” ผมชี้บอก อาจารย์เดินไปหยิบกล่องพลาสติกใสที่ใส่พวกยาสามัญประจำบ้านแล้วเดินมาหาผม เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ผม หยิบยาใส่แผลสดและผ้าพันแผลออกมา ตัดผ้าเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีกับแผลบนหัวผม เขาพยายามเพ่งมองและทายาให้ผมก่อนจะเอาผ้าแปะไว้บนหัว

“ที่เท้าก็มีแผล เดี๋ยวพี่ทำให้นะ อยู่นิ่งๆ ถ้าเจ็บก็บอก” เขาจับเท้าของผมอย่างไม่รังเกียจ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดให้สะอาดและค่อยๆ ทายา ตามด้วยพันแผลให้

“เรียบร้อยแล้ว” เขาเอากล่องยาไปวางที่เดิม ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม “หิวมั้ย ออกไปหาอะไรกินกัน”

******

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปขึ้นรถของอาจารย์ ที่เท้าข้างหนึ่งมีผ้าพันแผล เพราะผมโดนเศษแก้วบาดตอนวิ่งออกมาจากหอ ก็เลยใส่รองเท้าแตะ เดินเขยกๆ ตามหลังอาจารย์ไป เขาพาผมมากินข้าวไกลจากหอพักพอสมควร เป็นร้านข้าวต้ม คนไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่มีแต่พวกพนักงานบริษัทที่เพิ่งกลับจากที่ทำงาน อาจารย์เองก็ยังอยู่ในชุดทำงาน ท่าทางของเขาดูอ่อนล้านิดหน่อย คงจะทำงานหนัก แถมผมยังเอาเรื่องเครียดมาเพิ่มให้อีก นักจิตวิทยาก็น่าจะเครียดเป็นเหมือนกันนะ ผมคิดว่า

“วันนี้ ไม่ใส่แหวนเหรอครับ” ให้ตายสิวะ! ปากผมมันโพล่งออกไปเอง ก็ทุกทีที่เจอกัน ผมจะเห็นเขาใส่แหวนวงนั้นติดตัวตลอด แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สวมมันไว้ นิ้วเรียวยาวทุกนิ้ว เกลี้ยงเกลา ไร้เครื่องประดับใดๆ

เขาขยับตัวนิดหน่อย แล้วทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ “อ้อ ลืมไว้ที่ห้องน้ำในห้องทำงานล่ะมั้ง ตอนกรโทรมา พี่รีบมากไปหน่อย”

“ขอโทษครับ” ผมรู้สึกผิดที่ทำให้เขาลืมใส่แหวนวงสำคัญ เขาคงเห็นผมทำหน้าสลด เลยยื่นมือมาลูบหัว

“อย่าคิดมาก บางทีก็ลืม คนแก่ก็อย่างนี้” เขายิ้มบางๆ “สั่งอะไรอีกมั้ยครับ ร้านนี้พี่มากินประจำ อร่อยทุกอย่างนะ”

“ไม่แล้วครับ” ผมส่ายหน้า เขาละมือจากหัวผม ยังคงยิ้มเพื่อให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย “ปกติ อาจารย์ดูแลนักศึกษาหรือคนไข้ที่ไปหาแบบนี้หมดเลยรึเปล่าครับ”

“แล้วแต่เคสครับ บางคนก็ต้องดูแลแบบใกล้ชิด ติดตามผลตลอด อย่างกรเป็นต้น” เขาทำท่ายิงมาที่ผมพลางหัวเราะ อาจารย์ก็เหมือนเด็กๆ ดีเนอะ ทำให้ผมหัวเราะตามไปด้วย

“อาจารย์ อายุเท่าไหร่แล้วอ่ะครับ” ผมอยากรู้ขึ้นมาเลย เพราะเขาแต่งงานแล้ว แต่ท่าทางของเขาอย่างเมื่อกี้ กลับดูยังเด็ก แต่เวลาทำงาน คือเวลาที่ผมไปปรึกษาเขา เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่มาก “เอ่อ ผมแค่สงสัยเฉยๆ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ พี่ 31 แล้วครับ” เขาตอบก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาดื่ม “นอกเวลางาน เรียกพี่ก็ได้ครับ”

ผมเงยหน้ามองเขา “เอ่อ จะดีเหรอครับ”

“ลองเรียกดูสิครับ” เขาคะยั้นคะยอด้วยรอยยิ้ม ผมลังเลนิดหน่อย ก็นอกจากจะรักษาผมแล้ว เขายังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยด้วย

“พะ พี่...พี่วิน” ผมอมยิ้ม รู้สึกดีแปลกๆ อาจารย์ก็ยังยิ้มเหมือนเดิม เขาขอสั่งกับข้าวเพิ่มอีกสองอย่าง และข้าวต้มเพิ่มอีกสองถ้วย กินจุเหมือนกันนะนั่น ผู้ใหญ่วัยทำงาน คงจะใช้พลังงานเยอะกว่าเด็กนักเรียนล่ะมั้ง

พอกินเสร็จ อาจารย์ เอ่อ พี่วินก็พาผมกลับไปส่งที่หน้าหอพัก เขาบอกว่า ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ให้โทรไปได้ตลอด เรื่องไอ้พีท ผมยังกังวลอยู่ เขาเลยกลัวว่าผมจะนอนไม่หลับอีก แต่ใครจะกล้าโทรไปกวนอาจารย์กันล่ะ ช่วยไม่ได้ ผมคงต้องพึ่งเว็บนั้นไปก่อน

เช้าวันต่อมา ผมมาเรียนตามปกติ เจอปั้นจั่นหน้าซาลาเปาเจ้าเก่า วันนี้มันยังเมินๆ ผมอยู่ ไม่รู้จะงอนไปถึงไหน ผมก็ทักทายมันนะ มันก็ทักแบบไม่ค่อยใส่ใจ แต่ผมชินแล้วล่ะ กับการโดนเพื่อนเมินแบบนี้

“อ้าว? ไอ้กร ช่วงนี้มึงได้นอนมั่งป่ะเนี่ย คล้ำมาเชียว” นี่เป็นอีกคนที่ผมคุยด้วยบ่อยๆ ไอ้แฟ้ม ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องการ์ตูน มันอ่านเยอะกว่าผมอีก สะสมไว้ที่บ้านเป็นตู้ๆ มันเคยเอารูปมาอวดให้ดู แถมยังชวนผมไปเที่ยวบ้าน แต่ผมยังไม่ว่างไปกับมัน

“ก็...นอนดึกน่ะ มันไม่ค่อยหลับว่ะ” เพราะช่วงนี้พี่ SlipXD ไม่ค่อยออน คุยกับคนอื่น มันก็ไม่หลับอยู่ดี กว่าจะง่วงจนหลับไปเองก็เกือบเช้าทุกที

“เฮ้ย เป็นโรคเดียวกับไอ้เวสเลยนี่ เห็นเมทมันบอกว่า มันชอบตื่นมานั่งเล่นคอมตอนดึกๆ” หืม? เวส? เวสป้า ผมแดง? ผมหันไปมองคนที่ถูกพูดถึง ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลมาก แต่มันคงไม่ได้ยินที่แฟ้มพูด “มึงลองปรึกษามันดิ ช่วงนี้มันบอกว่าไปหาหมออยู่ ได้ยามากิน ก็นอนหลับได้สบายขึ้น”

“อืม” ผมพยักหน้า จริงๆ ผมก็ไปหานักจิตและพี่เขาก็แนะนำให้ไปหาจิตแพทย์แล้วล่ะ แต่คุยกับคนที่เป็นโรคคล้ายๆ กันก็น่าจะดี

“ไอ้เวส มานี่หน่อยดิ” แฟ้มมันกวักมือเรียกให้ เพราะคงรู้ว่าผมไม่สนิทกับเวสป้า และเวสมันก็ชอบเขม่นผมนิดๆ แต่จริงๆ มันอาจจะชอบทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรคนอนไม่หลับก็ได้

“มีไรวะ” มันถามพลางเดินมาทางพวกผม เหล่มองผมแล้วก็เบนสายตาไปหาไอ้แฟ้มตามเดิม

“กรมันบอกว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ มึงแนะนำมันหน่อยดิ” แฟ้มคุยให้เสร็จ ก็ขอไปหาเพื่อนคนอื่นต่อ ทิ้งให้เวสนั่งอยู่กับผมสองคน

คือ...ปกติเราก็แทบไม่เคยคุยกันเลย และเวสป้าก็เป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ หน้าก็ดุ

“มึงนอนไม่หลับเหรอ” หลังจากเงียบกันหลายนาที มันคงทนไม่ไหว เลยเป็นฝ่ายชวนผมคุยก่อน ผมพยักหน้ารับ “ลองไปหานักจิตที่คณะจิตวิทยาดูดิ เพื่อนกูมันเรียนอยู่ เลยแนะนำมาอีกที เขาก็ให้กูไปเอายากับจิตแพทย์เนี่ย”

“มีเพื่อนเรียนจิตวิทยาเหรอ?” ผมหันไปมองหน้ามันตรงๆ มันยังคงหน้าตึงๆ ผมว่าคงเป็นหน้าปกติของมันแหละ

แต่ตอนที่ได้ยินมันบอกว่า เพื่อนเรียนอยู่คณะจิตวิทยา ผมนึกถึงพี่ SlipXD ขึ้นมาทันที

“ก็เป็นเพื่อน แต่เป็นรุ่นพี่คณะอื่นอีกที มึงไม่รู้สิ กูซิ่วมาน่ะ จริงๆ เป็นพี่มึงนะ” อ้าว? อย่างนั้นเองเหรอ มิน่ามันถึงเก๊กๆ ตลอด เพราะมันอายุมากกว่าผมนี่เอง

“ซิ่วมาจากคณะไรอ่ะ” ผมสงสัย

“ขี้สงสัยนะมึงนี่ ซิ่วมาจากถาปัด งานแม่งโครตเยอะ กูเบื่อเลยมาเรียนเสดสาดแทน รายงานเยอะ แต่ก็ไม่ได้ต้องทำหามรุ่งหามค่ำเหมือนถาปัดว่ะ” ความจริงไอ้เวสมันก็พูดมากอยู่เหมือนกันนะ ผมนั่งฟังมันเล่า คอยพยักหน้าตาม

“แต่จริงๆ กูเรียนจนถึงปี 3 แล้วล่ะ แม่ง ตกม้าตาย ทำงานไม่ทัน ซิ่วแม่ง” เออ ตัดสินใจเร็วและง่ายดีแท้ “พอซิ่วมา แรกๆ กูก็เครียด พ่อกูโวยวาย ว่าทำไมไม่ทนเรียนให้จบตามเกณฑ์ กูเลยเป็นโรคเครียด นอนไม่หลับ แต่ไปหานักจิตกับได้ยาจากจิตแพทย์มาก็ดีขึ้นแล้วว่ะ มึงลองดู เชื่อกู”

แล้วเวสป้าก็แนะนำผมอีกหลายเรื่อง มันดูสบายใจที่ได้เล่าเรื่องเครียดๆ ของตัวเองให้คนอื่นฟังอยู่นะ เพราะผมก็แทบไม่พูดขัดอะไรมันเลย นั่งฟังมันเล่าไปเรื่อยๆ เพลินดี ได้รู้จักมุมมองความคิดแปลกใหม่ของมันเพิ่มขึ้น จากที่กลัวๆ คิดว่ามันไม่ชอบหน้าผม ตอนนี้ก็เลยคุยกันถูกคอ

“อาจารย์นักจิตที่กูเจออ่ะ เขาดีมากเลยมึง” ถึงตรงนี้ ผมยืดตัวตรง แสดงท่าทีว่าสนใจอยากฟังมาก มันก็เล่าต่อ “คุยโครตดี พูดเพราะทุกคำ จนกูนี่เคลิ้มตาม ยอมไปหาจิตแพทย์ รู้สึกจะชื่อ ภวินท์”

ใช่พี่วินจริงๆ แฮะ

“ทุกวันนี้กูก็ยังโทรคุยกับจารย์วินเลย เวลาเครียดๆ คือเขาบอกว่าปรึกษาได้ตลอดไง ถ้ามึงโชคดี เจอคนนี้ รับรองหาย” ไอ้เวสการันตีน่าดู มันคงจะปลื้มพี่วินมาก มันตบบ่าผมอีกสองสามที หลังจากคุยกันเสร็จ แล้วก็ขอตัวไปทำงานกับเพื่อนๆ มันต่อ

ผมกำมือแล้วแบออก กำๆ แบๆ อยู่หลายรอบ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่คุยกับเวสป้า

มันมีอาการคล้ายๆ ผม เป็นโรคเครียด นอนไม่หลับ เพิ่งเป็นเมื่อปีที่ผ่านมา ที่มันเรียนไม่ไหวจนต้องซิ่ว มีเพื่อนเรียนจิตวิทยา ถ้ามันไม่ซิ่ว ปีนี้มันก็อยู่ปี 4 ส่วนสูงก็พอๆ กับผม ผิวขาวจัด อยู่หอใน แต่ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอีก ถึงอย่างนั้น หลายๆ เรื่องของมันก็ดูจะตรงกับพี่ SlipXD เอามากๆ

จะเป็นไปได้มั้ย ว่าคืนไหนที่รูมเมทมันไม่อยู่ มันก็ชวนผมทำเรื่องลามก แต่วันไหนรูมเมทอยู่ ก็แค่คุยกันปกติ เพราะเราก็ไม่ได้ทำกันทุกคืนเสียหน่อย แต่เพื่อนมันจะไม่อยู่บ่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ?

อืม...ก็ยังไม่แน่หรอก อาจจะไม่ใช่เวสป้าก็ได้

มันคงไม่มีทางหากันเจอได้ง่ายๆ ขนาดนี้

พี่ SlipXD พี่เป็นใครกันแน่นะ?


******

ตอนหน้าจะได้เจอจิตแพทย์อีกคน ตัวละครมาจะครบละ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ดีมากลูก ทำพีทมันเยอะ ๆ เอาให้หนัก ๆ จะได้หายซ่า  o13
ปางตายเบย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
กรเป็นหนักเลยนะ แล้วพีทล่ะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้โดนหนักเหมือนกันนะนั้น แล้วถ้าเจอหน้ากันอีกล่ะจะทำอะไรกันอีกไหม

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
สนุกมากกกก มาต่ออีกเร็วๆนะคะ ไม่รู้ทำไมเราอยากให้พีทได้กับกร

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
8
วันเสาร์ ผมมารออาจารย์ที่หน้ามหาลัยตามนัด นอกเวลางานของเขา ผมต้องเรียกพี่วินสินะ นั่นแหละ พี่วินขับรถยนต์คันสีดำ วันนี้ผมเห็นยี่ห้อกับเลขทะเบียนรถแล้ว Nissan Teana ซ1878

เขาจอดรถเทียบที่ด้านหน้าผม และเปิดประตูให้ผมเหมือนคราวก่อน ผมก้าวขึ้นไปนั่ง กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศในรถหอมฟุ้งเลย ไม่รู้กลิ่นอะไร คราวก่อนผมมัวแต่ตื่นตกใจและหวาดกลัว จิตตกจนไม่ได้จดจำอะไรเลย

“รถพี่หอมจัง” ผมทำจมูกฟุดฟิด มันหอมสดชื่น สะอาด ทำให้รู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูก

“หือ?” เขาหันมาทำหน้างง “คงเป็นกลิ่นน้ำหอมของภรรยาพี่มั้ง ก่อนมานี่ เพิ่งไปส่งเขาที่ห้างแถวนี้”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า “หอมดีครับ”

“อยากใช้มั่งมั้ยละ พี่เองก็ชอบยี่ห้อนี้นะ ดมแล้วสดชื่นดี” เขาคลี่ยิ้ม แต่ตาก็ยังจ้องทางข้างหน้า วันนี้แว่นตากรอบทองที่เขาสวมประจำเปลี่ยนเป็นแว่นกันแดดสีชา แถมวันนี้ใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายภาพพิมพ์ กางเกงยีนส์แบบสลิมฟิตสีดำ รองเท้าผ้าใบ NMD ของอาดิดาสสีเทา ดูวัยรุ่นมาก

“วันนี้ไม่ใส่แว่นสายตาเหรอครับ” ผมชวนคุยต่อ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศในรถมันเงียบเกินไป

“ปกติใส่เพราะทำงาน มันดูเป็นนักวิชาการดี แต่จริงๆ พี่ไม่ได้สายตาสั้น” เขาหัวเราะเบาๆ “นี่ความลับเลยนะ ไม่มีใครที่คณะรู้เลย พี่ไม่เคยบอกใคร”

จะดีใจดีมั้ยวะ ที่เขาบอกความลับกับผมคนเดียว แต่...

“แต่ภรรยาพี่ก็น่าจะรู้รึเปล่า”

“ไม่หรอก เขาไม่รู้เหมือนกัน นึกว่าพี่ใส่คอนแทคเลนส์”

ยังไงวะ? แม้แต่เมียตัวเองก็ไม่รู้เหรอ อยู่ด้วยกันแบบไหนเนี่ย

ไม่ทันได้คุยมากกว่านั้นก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี เพราะมันแค่อ้อมมาด้านข้างเท่านั้น ไม่ได้ไกลจากหน้ามอมากนัก พี่วินพาผมไปติดต่อทำบัตรที่ประชาสัมพันธ์ เพราะผมยังไม่เคยใช้บริการที่นี่ เขาดำเนินการให้ผมทุกอย่าง และคอยอธิบายให้ฟังเท่านั้น จนถึงเวลาเข้าพบกับเพื่อนของเขา ที่เป็นจิตแพทย์

จิตแพทย์ของผมคนนี้เป็นผู้ชาย ตัวสูงมาก น่าจะเกือบ 190 แต่บุคลิกท่าทางใจดี ยิ้มแย้มไม่ต่างจากพี่วิน หรือพวกที่ทำงานแนวนี้จะต้องยิ้มตลอดเหมือนกันหมดวะ?

เขาแนะนำตัวว่าชื่อ นายแพทย์วรวัช แต่ให้ผมเรียกหมอไผ่ เราคุยกันไม่เยอะเท่าตอนผมปรึกษากับพี่วิน ประมาณ 15 นาทีได้ แล้วเขาก็สั่งยาให้ผม เป็นยาระงับอาการวิตกกังวลหรือพวกยาคลายเครียด เพื่อให้ผมนอนหลับ กับยาคงสภาพอารมณ์ เพื่อรักษาอาการคลุ้มคลั่งที่อาจจะเกิดโดยที่ผมไม่รู้ตัว

ผมรู้สึกกังวลและเครียดที่จะต้องถึงขนาดกินยาพวกนี้ เรื่องของไอ้พีทก็เงียบหายไป มันไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจะบอกเรื่องนั้นกับคนอื่นว่ายังไงบ้าง แต่นี่ก็ผ่านมาหลายวันมากแล้ว ถ้ามันแจ้งความ ก็คงมีตำรวจมาจับผมแล้วล่ะมั้ง

ผมนั่งรอรับยา และเห็นพี่วินกำลังคุยกับหมอไผ่อยู่หน้าห้องตรวจ ที่ผมเพิ่งออกมา ผมไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่สีหน้าของหมอไผ่ไม่ได้ดูเคร่งเครียดอะไร ก็คงสอบถามเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับอาการป่วยของผมล่ะมั้ง

รับยาเสร็จ พี่วินก็พาผมกลับ เขาพูดคุยกับผมตามปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยจนเกินไป หรือแสดงออกว่าผมเป็นผู้ป่วย ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ

“แวะทานอะไรก่อนมั้ย นี่เพิ่งบ่ายโมงเอง” ระหว่างรถติดไฟแดง พี่เขาก็มองนาฬิกาแล้วเอ่ยชวน

“ถ้าไม่รบกวน ก็แล้วแต่พี่เลยครับ” เขาดูแลผมดีขนาดนี้ มันเลยเกรงใจขึ้นมา ผมเป็นแค่คนไข้ของเขา เป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องดูแลเอาใจใส่ผมมากขนาดนี้เลยจริงๆ

“กรนี่ขี้เกรงใจเนอะ ต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ก็พูดออกมาตรงๆ เลย พี่โอเค อย่าคิดว่านี่คืออาจารย์ คิดซะว่าเป็นพี่ชายของเราคนหนึ่ง ดีมั้ย?” เขายิ้มอีกแล้ว ผมชอบรอยยิ้มของเขา ชอบแววตาอ่อนโยนที่มองมาที่ผม

เวสป้าบอกผมว่า บางที คนไข้ก็มีอาการตกหลุมรักนักจิตวิทยาที่ให้คำปรึกษาได้ ดังนั้น ต้องแยกให้ออก ว่าเขาดูแลเราเพราะเรื่องงานเท่านั้น มันบอกอีกว่า ตอนแรกยังเคยใจเต้นกับอาจารย์ภวินท์เลย เพราะอาจารย์เขาน่ารักแบบนี้แหละ

“ครับ พี่วิน” ผมตอบรับอย่างขัดๆ เขินๆ เสมองไปทางอื่น เพราะไม่กล้าสบตามากไปกว่านี้ อันที่จริงผมไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ ที่มองบ่อยสุดคงเป็นปากกับแหวนที่นิ้ว

รอยยิ้ม? ปาก?

“มื้อนี้พี่เลี้ยงนะ ป่ะ” รถจอดพอดีกับที่ผมนึกถึงอะไรบางอย่าง แต่พอได้ยินเสียงเขาเรียกก็ลืมมันไปแล้ว ผมเดินตามเขาลงจากรถ ไปยังร้านอาหารในห้างฯ เป็นร้านอาหารทะเล

พี่วินบอกให้ผมสั่งตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ เลยสั่งแค่ข้าวต้มทะเล เขาเลยต้องสั่งเพิ่มให้อีกหลายอย่าง บอกให้ผมกินเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้เขาไม่ใช่อาจารย์ ไม่ใช่นักจิต เป็นแค่พี่ชายของผมเท่านั้น

ไม่นานนักอาหารก็มาวางเต็มโต๊ะ ก็พอรู้นะว่าพี่เขากินจุ ทั้งผัดผักกระเฉด ยำวุ้นเส้น ต้มยำหม้อไฟ เป๋าฮื้อน้ำแดง ปลากะพงราดน้ำปลา คือ...จะกินหมดมั้ยเนี่ย

เรากินไปคุยกันไปจนอาหารพร่องไปเรื่อยๆ แล้วมันก็หมดจริงๆ ด้วยครับ พี่แกกินได้ไม่อั้นจริงไรจริง แถมมีบ่นๆ ว่าเริ่มลงพุง ต้องไปออกกำลังกายบ้างแล้ว

“แวะโซนห้างฯ แป้ป” เขาดึงแขนผมไปทางโซนขายของของตัวห้างฯ ที่ชั้น 1 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องสำอาง สงสัยจะซื้อไปฝากภรรยา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนที่เขาจับแขนผม มันรู้สึกแปลกๆ ดี มือของเขานุ่มมาก ผมยังจำได้ตอนที่เขาทำแผลให้ ตอนที่เขาจับเท้าของผม มือเบามาก ทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บแผลเลยสักนิด

พี่วินแวะบูธน้ำหอม จดๆ จ้องๆ เหมือนกำลังเลือก แล้วก็ทำตาวาว ชี้ไปที่ขวดน้ำหอมทรงสี่เหลี่ยม พอพนักงานหยิบออกมาให้ดู เขาก็เรียกผมไปลอง จับแขนผมแล้วฉีดน้ำหอมที่ข้อมือ ก้มลงมาดมแบบไม่มีขัดเขินเลยแม้แต่น้อย มีแต่ผมเนี่ยที่ตัวเกร็ง แถมพี่สาวที่เป็นพนักงานก็มองแล้วยิ้มๆ อีก จะคิดว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันรึเปล่าเนี่ย

“กลิ่นนี้พี่ว่าเหมาะกับกร” เขาทำหน้าครุ่นคิด “ชอบมั้ยครับ” แล้วก็ยิ้มหวานพาให้ผมเคลิ้มตามเหมือนเคย

“ชะ ชอบครับ เอ๊ย แต่ ผมไม่ได้อยาก...”

“เอาแบบนี้สองขวดครับ” ไม่ทันละ พี่แกยื่นบัตรให้พนักงานเอาไปรูดเรียบร้อย คือ จู่ๆ มาซื้อของให้คนไข้ตัวเอง มันไม่ปกติป่าววะ? หรือปกติพี่เขาทำแบบนี้อยู่แล้ว ผมไม่เข้าใจอ่ะ

 “Chanel Egoiste platinum - Aromatic Woody จำชื่อไว้นะครับ ถ้าหมดจะได้ซื้อถูก” ห๊ะ? อะไรนะ? ยาวโครต ใครจะไปฟังทันครับพี่ ผมคงทำหน้าเหวอๆ ใส่ พี่เขาเลยหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นป้องปากโครตน่ารักอ่ะ เฮ้ยยย ไม่ใช่ดิ จะไปคิดอะไรแบบนั้นกับอาจารย์ได้ไงฟะ แต่ก็น่ารักจริงว่ะ

“ไม่ต้องทำหน้างง เดี๋ยวพี่เมมชื่อไว้ให้ในไลน์ แปะโน้ตไว้ให้เลย”

“อ่า ครับ ขอบคุณฮะ” ผมเกาหัวตัวเองแก้เก้อ พี่พนักงานจัดการแพ็คของเสร็จก็ส่งให้พวกเราพร้อมคำขอบคุณ พี่เขาให้ผมขวดหนึ่ง ส่วนอีกขวด สงสัยเอาไปฝากแฟนมั้ง แต่เหมือนจะเป็นน้ำหอมผู้ชายนะ อาจจะใช้เองรึเปล่า? แล้วใช้กลิ่นเดียวกันเนี่ยนะ มันไม่แปลกเหรอวะ?

วันนี้ได้อยู่กับพี่วินเกือบทั้งวัน ทั้งกินข้าว เดินซื้อของ เขาลากพาผมไปช้อปร้านนั้นร้านนี้ด้วยท่าทางสนุกสนานเหมือนเด็กๆ เลยล่ะ แรกๆ ผมก็เกร็งๆ เพราะยังไงเขาก็เป็นอาจารย์ของผม แต่พอทำตัวเกร็ง เขาก็จะเอามือมาตีเบาๆ ที่ไหล่ บอกให้ทำตัวตามสบาย เหมือนมาเที่ยวกับพี่ชายอะไรแบบนั้น

แต่ให้ตายเหอะครับ ดูยังไง ผมก็คิดว่ามาเที่ยวกับพี่ชายไม่ลง

ก็พี่แกเล่นถึงเนื้อถึงตัวตลอดเวลาขนาดนี้ เดี๋ยวกอดแขน เดี๋ยวจับมือ ถึงผมจะไม่มีพี่ชาย แต่ผมก็ไม่เคยทำแบบนี้กับน้องแฝดของผมนะ หรือเพราะไม่ได้สนิทกันมาก นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“แป้ปเดียวจะห้าโมงแล้ว” พี่วินก้มมองนาฬิกาข้อมือ “เดี๋ยวพี่ต้องไปรับแฟนที่อีกห้างฯ พากรไปส่งหอก่อนดีกว่า” เขายู่ปาก เหมือนจะยังไม่อยากกลับ

“ผมกลับเองก็ได้ครับ พี่ไปรับแฟนเถอะ” บอกตามตรง แค่พาผมมาเลี้ยงข้าวและซื้อของแพงๆ ให้ก็โครตเกรงใจจะแย่แล้ว

“ไม่ได้! พี่พาเรามา พี่ต้องพากลับสิ ป่ะ” แล้วเขาก็คว้ามือผมไปจับไว้ ชั่วพริบตาหนึ่งที่ผมรู้สึกใจเต้นแรง แต่แล้วมันก็กลับคืนสู่จังหวะปกติ เมื่อมองแผ่นหลังของเขา รูปร่างของเขาไม่ต่างจากผมมากนัก ตัวสูง ไหล่บาง นิ้วเรียวสวย ผิวขาวอมชมพูด้วย

ผิวขาวอมชมพู?

รอยยิ้มและร่างกายของใครบางคนผุดเข้ามาในหัวของผม

เพราะทุกทีอาจารย์พี่วินจะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว ผมเลยเห็นแค่มือของเขา แต่วันนี้เขาใส่เสื้อยืดแขนสั้น เลยเห็นผิวส่วนอื่น ค่อนไปทางขาวอมชมพูจริงๆ หน้าเขาก็ขาวใสมาก

หรือว่า...

ไม่น่า ไม่ใช่หรอก เขาเป็นอาจารย์นะ อายุตั้ง 31 แล้วด้วย แล้วอีกอย่าง เขาแต่งงานแล้ว มีภรรยาแล้ว

ผมคงคิดมากไปเองแหละ คนสีผิวแบบนี้มีอีกถมไป

พี่วินขับรถมาส่งผมที่หน้าหอ เขาจอดรถที่ด้านหน้า แต่ก่อนจะปลดล็อคให้ผมลง เขาเรียกให้ผมหันไปแล้วฉีดน้ำหอมใส่ตัวผม เป็นน้ำหอมขวดที่เขาซื้อมาอีกขวดนั่นแหละ

“เล่นอะไรเนี่ยพี่” ผมตกใจหลับตาปี๋ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งขึ้นจมูก ถึงมันจะหอม แต่เล่นฉีดแบบไม่ตั้งตัว ผมก็เสียวมันเข้าตาเข้าปากนะเนี่ย และพอลืมตาขึ้นก็ต้องยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม

“หอมดี” เขาผละออกไปจากตัวผม ส่งยิ้มหวานมาให้ แล้วปลดล็อคประตูพร้อมเข็มขัดนิรภัยให้ผม “เจอกันวันจันทร์ครับ น้องกร”

“อ่า คะ ครับๆ ขอบคุณที่มาส่ง” หน้าผมร้อนวาบ รีบลาแล้วลงจากรถเขาทันที หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยเมื่อกี้ ตอนที่เขาก้มหน้ามาดมน้ำหอมที่อกผม คือปลายจมูกของเขาชนกับกลางอกผมพอดี แต่เขาก็ผละจากไปเมื่อผมลืมตา ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้นแปลกๆ วันนี้เขาทำให้ผมใจเต้นแรมาหลายครั้งแล้ว แม้ตอนนี้ ที่รถของเขาเคลื่อนหายไปแล้ว ผมก็ยังต้องเอามือกุมอกตัวเองอยู่เลย

เวสป้าพูดถูก บางทีก็ตกหลุมรักคนที่ให้คำปรึกษาเราได้ เพราะเขาพูดคุยกับเราดี รับฟังเรา มีท่าทีเอาใจใส่เรา แต่นั่นมันคืองานของเขา

แล้วเรื่องในวันนี้ล่ะ? มันใช่งาน ใช่หน้าที่ที่เขาต้องทำให้ผมเหรอ?

ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะฟุ้งซ่านมากไปแล้ว เลยหมุนตัวจะเดินกลับเข้าหอ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก

“ปั้น?”

*****
น่าจะรู้แล้วล่ะ ว่าเขาคือใคร

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด