ตอนที่ 9 : เพื่อนก็พอ
“เป็นไรพี่” “หะ!”
“นั่นไง ไม่ได้ฟังผมพูดจริงๆ ด้วย” แป๊ะทำหน้าเซ็ง จนไทยต้องรีบขอโทษขอโพยรุ่นน้อง
“โทษที กูคิดอะไรนิดหน่อย”
“อย่างพี่ไทยซีเรียสเป็นกับเขาด้วยเหรอ”
“เป็นสิวะ”
“งั้นผมยกโทษให้ พี่ปราบมาแฮะวันนี้ นึกว่าจะไม่มา” ไทยมองตามสายตารุ่นน้อง เห็นปราบเดินเข้ามาที่สนาม ไทยถอนใจโล่งอก นึกว่าจะไม่มา ไม่อย่างนั้นไอ้ที่ตั้งใจเอาไว้คงเสียเที่ยว
“ผมชอบให้พี่ปราบมา”
“ทำไมวะ”
“ผู้หญิงมาดูเยอะดี”
“ผู้หญิงมาดูกูก็มี” แป๊ะหันกลับมามองหน้าไทย ด้วยสายตาที่แปลความหมายได้ว่าทำไมพี่กล้าพูด
“มองกูอย่างนี้ พรุ่งนี้กูไม่มาก็ได้”
“ตัวก็ใหญ่ใจน้อยไปได้พี่ มาเถอะอยากให้มา จะได้มีคนโสดเป็นเพื่อนผม ไม่อยากอายอยู่คนเดียว”
“อ้าวไอ้เวรแป๊ะ” ไทยง้างเท้าขึ้น แป๊ะยักคิ้วแต่โดดหลบ เพราะไม่มั่นใจว่ารุ่นพี่จะเตะหรือไม่เตะ เอาปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
“ผมลงสนามดีกว่า เผื่อจะมีสาวคนไหนมองมา”
ไทยส่ายหัวเมื่อรุ่นน้องตัวกลมทำท่าขยันขันแข็งขึ้นมา เขาอดมองไปยังปราบไม่ได้ ภาพที่เห็นเป็นภาพเดิมๆ ที่เคยเห็นจนชินตา อย่างน้อยต้องมีสาวๆ มาให้กำลังใจคนหรือสองคน ไอ้หมอนี่มันน่าอิจฉาจริงๆ
“ปราบ” ไทยรอจนเล่นเสร็จ เขาเดินไปหยุดยืนด้านหลังของปราบ อีกฝ่ายกำลังเก็บรองเท้าเข้ากระเป๋า
“มึงไปไหนต่อหรือเปล่า”
“เปล่า”
“ดี กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง”
“อืม” คนพูดน้อยไม่คิดถามเขาว่าเรื่องอะไร จัดการเก็บข้าวของจนเสร็จ แล้วเดินตามไปที่รถเงียบๆ
ไทยตัดสินใจแวะกินข้าวก่อน เขาเลือกร้านอาหารตามสั่งแถวที่พักของปราบ เผื่อว่าคุยแล้วไม่รื่นหู จะได้ไม่กระอักกระอ่วนใจ สามารถแยกย้ายกันได้เลย
“กูอิ่มแล้ว มึงอยากคุยอะไร” ปราบถามเขาหลังวางช้อนลง
“ไปที่อื่นเถอะ แถวนี้มีที่ไหนคุยได้สะดวกไหมวะ”
“มีร้านกาแฟอยู่ถัดไปอีกหน่อย คนน้อย” ดูเหมือนปราบจะมองออก ว่าเขาไม่อยากขึ้นไปคุยที่ห้องพักของอีกฝ่าย
“เอาตามนั้น” ไทยยื่นเงินส่วนของเขาให้ปราบ รอให้อีกฝ่ายจัดการเรียบร้อยจึงเดินออกจากร้าน เขาเดินตามปราบไปช้าๆ ไม่ได้ตื่นเต้นหรือร้อนรน ในเมื่อคาใจมากก็ถาม สำหรับเขาก็เท่านั้นเอง
“มึงชอบกูหรือเปล่าวะ” ไทยเอนตัวไปด้านหลังทันทีที่โพล่งถามออกไป เผื่ออีกฝ่ายจะพ่นกาแฟที่เพิ่งยกขึ้นดื่มออกมา แต่ปฏิกิริยาของปราบมีเพียงการเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วยิ้มขำในสีหน้า
“ชอบ”
คนตอบพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่เสียเวลาคิดสักนิด กลายเป็นไทยเองที่ขมวดคิ้วมุ่น “มึงเข้าใจที่กูถามหรือเปล่า คือกูหมายถึง...”
“เข้าใจ” ปราบขัดเขาขึ้นมา
“แล้วทำไมมึง...” ไทยยิ่งขมวดคิ้ว สงสัยหนักขึ้นไปอีก
“แล้วกูทำไม?” ปราบหัวเราะออกมาเบาๆ ท่าทีสบายใจจนไทยอดรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ไมได้
“ทำไมมึงตอบเร็ว ตอบง่าย ตอบด้วยสีหน้าเฉยขนาดนั้นวะ” ไทยตัดสินใจถามออกไปตรงๆ
“แล้วกูต้องทำยังไง ต้องลงไปคุกเข่าขอความรักด้วยตอนตอบไหม”
“มึงแม่ง!” ไทยพึมพำอยู่ในคอ ขำอะไรนักหนาวะ ยิ้มอยู่ได้
“หึๆ มึงถามกูก็ตอบ ความรู้สึกกู กูต้องรู้อยู่แล้วไหมวะ จะมาคิดอะไรตอนนี้”
“มันก็ใช่” ไทยจนมุม ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ว่าปฏิกิริยาแบบนี้มันไม่ปกติเหมือนที่คนอื่นเขาเป็นกัน
“ชอบก็คือชอบ กูไม่เห็นว่ามันจะซับซ้อนตรงไหน”
“ก็ถ้ามันธรรมดาขนาดนั้น ไม่เห็นมึงเคยพูด”
“ถ้ากูพูด กูจะได้เข้าใกล้มึงเหรอ” ไม่ว่าไทยจะถามอะไร คนตอบก็ตอบได้อย่างง่ายดาย ด้วยสีหน้าปกติทุกครั้ง
“ไอ้ปราบ” ไทยเรียกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หือ” แต่คนตอบดันไม่เครียดตามเขาสักนิด
“กูถามจริงๆ เถอะ”
“ว่า”
“มึงชอบกูจริงๆ เหรอวะ แม่งกวนตีนกูสัด” ไทยข้องใจเหลือจะกล่าว นี่มันการสารภาพรักแบบไหนวะ เขาไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อน
“หึๆ เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงกูถึงชอบ เอาน่า กูชอบมึงจริงๆ ถ้ามึงสงสัยละก็”
“เออกูเชื่อมึงก็ได้ งั้นถ้ามึงชอบกูจริง กูมีเรื่องข้องใจอีกเรื่องหนึ่ง”
“ถามมาได้เลย เท่าที่มึงอยากได้คำตอบ กูจะตอบมึงทุกข้อ”
“ถ้ามึงชอบกูทำไมมึงถึงนัดผู้หญิงให้กูวะ นั่นสเปคกูเลยนะเว้ย โอกาสกูไปต่อสูงมาก”
“กูรู้ว่านั่นสเปคมึง ไม่อย่างนั้นกูจะนัดให้เหรอ”
“ไอ้เหี้ย” ไทยอดหมั่นไส้ท่าทางสบายๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้ “มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น ชีวิตนี้กูยังไม่เคยพิศวาสผู้ชายนะเว้ย กูบอกก่อน”
"เปล่า กูไม่ได้มั่นใจ” ปราบหยุดยิ้ม แม้ท่าทางจะยังผ่อนคลายแต่ดวงตาจริงจังขึ้น “กูให้มึงเจอคนที่ตรงสเปคตั้งแต่วันนี้ไม่ดีกว่าเหรอ ดีกว่ากูชอบมึงไปมากกว่านี้ แล้ววันหนึ่งมึงเจอขึ้นมา ถึงตอนนั้นกูคงเจ็บกว่านี้ ให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่วันนี้ดีที่สุดแล้ว”
“มึงถึงเอ่ยปากจะนัดให้ จนกว่ากูจะพอใจเหรอ”
“จนกว่ามึงจะเลิกอยากเจอคนที่ตรงสเปค”
ไทยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร เขาเริ่มเข้าใจความคิดของปราบ ไทยไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่หมอนี่ฉลาดสมกับหน้าตา
“เอาเถอะกูเข้าใจแล้ว ไม่ข้องใจเรื่องนี้แล้ว”
“แต่..”
“รู้อีกนะมึง” ไทยหัวเราะออกมา เมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของปราบ กูเชื่อแล้วว่ามึงฉลาด
“แต่อย่างที่บอก กูไม่พิศวาสผู้ชาย ยังชอบอกเป็นอก สะโพกเป็นสะโพกอยู่”
“แล้วกูได้บอกให้มึงเลิกชอบไหม”
“มึงแม่ง!” ไทยบ่นเสียงดัง “พูดให้สมกับที่ชอบกูหน่อยสิวะ เอาซะกูนึกว่าเราคุยกันเรื่องอื่นอยู่”
“หึๆ” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบใจคำพูดของเขา สีหน้าเรียบเฉยจึงปรากฏรอยยิ้มกว้าง “พูดต่อสิ”
“คือกูก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร เพื่อนกูก็ใช่มึงก็เห็น แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะชอบเหมือนกัน ตอนนี้กูเคว้งๆ กูเลยยึดมึงเป็นเพื่อนไปไหนมาไหนด้วย แต่มันไม่ยุติธรรมกับมึงไง มึงเป็นคนดีคนหนึ่งกูก็ไม่อยากเอาเปรียบ โดยเฉพาะในตอนที่กูรู้ความรู้สึกของมึงแล้ว มันเหมือนกูหลอกใช้มึง”
“ตอนนี้มึงเห็นกูเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
“เป็นสิวะ” ไทยพยักหน้า
“งั้นก็พอแล้ว” สายตาที่มองมาอ่อนแสงลง “แค่เป็นเพื่อนก็พอ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของกูเอง”
ไทยบรรยายสายตาของปราบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ สิ่งที่บอกได้คือถ้าเขาจำไปพูดกับผู้หญิงที่ไหน ทั้งคำพูดแบบนี้สายตาแบบนี้ รับรองว่าเขาทำคะแนนพุ่งกระฉูดแน่ แม่งเอ๊ย สายตาสะท้านทรวงจริงๆ เล่นเอาหัวใจของเขาเต้นแรง
“ก็ตามใจมึง กูถือว่ากูบอกแล้ว” ไทยยกแก้วชาเขียวขึ้นดื่ม อะไรก็ได้เอาบังหน้าเขาไว้ก่อน
“กูยังไปไหนมาไหนกับมึงได้ใช่ไหม”
“กูยังไม่รู้ กูเพิ่งรู้ความรู้สึกมึงวันนี้ ให้เวลากูคิดบ้างสิวะ”
“ยุติธรรมดี”
“ถามจริงเถอะทำไมถึงชอบกู” ไทยไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ปราบบอกว่าชอบ เพราะเขาเดาไว้แล้วจากการกระทำของอีกฝ่าย แต่แปลกใจว่าทำไมถึงมาชอบเขาได้มากกว่า “มึงก็มีข่าวคบกับผู้หญิงนี่หว่า กูจำได้”
“กูชอบที่มึงใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมากับตัวเอง”
“เฮ้ย! มึงพูดจาเข้าท่า” ไทยยิ้มกว้าง “มีแต่คนบอกว่ากูเยอะ โน้นก็ไม่เข้ากัน นี่ก็ไมได้ โดยเฉพาะคนโปรด บ่นกูจนหูชา”
“มึงรักเพื่อน ห่วงเพื่อน เห็นเพื่อนมาก่อนตัวเอง เป็นคนมีน้ำใจ”
“มึงมองขาดมาก” ไทยยิ้มปลื้ม นานๆ จะมีคนชมเขาสักที
“อีกอย่าง”
“อะไรวะ” ไทยเตรียมรับคำชมเต็มที่
“แล้วสักวันกูจะบอกมึง”
“อะไรว้า” คนกำลังลอยทำหน้าเซ็ง “แต่เอาเถอะแค่นี้ก็สมเหตุสมผลให้ชอบได้ กูนี่เป็นคนดีจริงๆ”
“หึๆ”
“ขำ” ไทยเผลอมองค้อน “มึงชมกูเองนะ พอกูชมตัวเองบ้างหัวเราะ”
“กูชอบที่มึงเป็นแบบนี้ด้วย”
“พอๆ เดี๋ยวกูลอย” ไทยยกมือขึ้นห้าม เขาว่าเขาเริ่มรู้สึกเขิน เดี๋ยวจะเผลอหน้าแดงให้อีกฝ่ายได้ใจ ต้องรีบสกัดไว้ก่อน
“เอาเป็นว่ากูได้คำตอบตามที่ต้องการแล้ว ขอบใจมากที่มึงตอบกูตรงๆ”
“จะรับรักกูเลยไหม”
“ไอ้เหี้ยปราบ!”
“ฮ่าๆ”
นานๆ ทีไทยถึงจะเห็นปราบหัวเราะเสียงดัง ดูเหมือนเจ้าตัวจะขำจริงๆ “ได้คืบเอาศอกนะมึง กลับได้แล้ว”
ไทยยกแก้วชาเขียวขึ้นดื่มจนหมดด้วยความเสียดาย ก่อนลุกขึ้นยืน ปราบลุกขึ้นยืนตามเขา ไม่คัดค้านที่เขาคิดจะกลับ
“ไทย”
“หือ” ไทยล้วงกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกง พวกเขายืนอยู่หน้าร้านกาแฟ
“กูได้แผ่นเกมมาใหม่จากพี่เหน่ง มึงจะเล่นไหม”
“เกมที่พี่เหน่งมันหวงนักหวงหนานะเหรอ” ไทยตาลุกวาว
“ใช่ เพิ่งให้กูมาวันนี้”
“เล่นดิวะ เล่น”
“งั้นก็ไปกัน”
ไทยสาวเท้าตามปราบไปยังที่พัก ไอ้พี่เหน่งตัวดี ขอยืมเล่นทำหวงแต่ดันให้ไอ้ปราบมา เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปจัดการ...
“ไอ้เหี้ย!” ไทยเผลอร้องออกมาดังลั่น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
“หึๆ” เสียงคนเดินนำหน้าหัวเราะเบาๆ
“มึงแม่ง” ไทยค้อนลมค้อนแล้ง เขาเพิ่งพูดไปว่าขอคิดก่อน แล้วนี่อะไร เดินตามตูดอีกฝ่ายต้อยๆ ไทยกระแอมออกมาเบาๆ “คือกูมาคิดดูเรื่องที่มึงถาม ถ้ามึงไม่ทำตัวมากเกินไป กูว่าก็น่าจะได้แหละ ที่ผ่านมามึงก็ไม่ได้ทำให้กูอึดอัด เอาเป็นว่ากูตกลง”
“ขอบใจ”
“แต่กูบอกไว้ก่อนนะเว้ย” ไทยนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เวลากูไปจีบสาวกูไม่ไปกับมึงนะ”
“หึๆ”
“เล่นเอากูเสียดาย กูไม่กล้าจีบปูเป้เพราะมัวแต่ห่วงความรู้สึกของมึงนี่แหละ ถ้ารู้ว่ากูจีบแล้วมึงจะตัดใจ กูจีบไปแล้ว”
“มึงแคร์กู”
“ไม่ต้องตอกย้ำ กูด่าตัวเองอยู่ทั้งคืน” ไทยค้อนตากลับ ใครว่าเขาไม่เสียดาย
“ฮ่าๆ”
“อารมณ์ดีเหลือเกินนะมึง ถ้าไม่ใช่เพราะเกม กูไม่กระดิกหางตามมึงเป็นหมาแบบนี้หรอก”
“กูหัวเราะเพราะมึงตรงดี เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ไม่ซับซ้อน” คนพูดหยุดเดิน หันร่างสูงใหญ่กลับมามองหน้าของเขา “เพราะอย่างนั้นกูถึงชอบมึง”
!!!
“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น เอาไว้กูจะบอกมึงบ่อยๆ”
มือใหญ่จับที่ข้อมือของเขาลากให้ออกเดิน ไทยหายตะลึง ไอ้บ้านี่! บอกชอบเขากลางสี่แยกไฟแดง!!
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin