พี่(ชาย)น้อง(ชาย)จำเป็น ตอนที่ 10 (UP วันที่ 26/4/2561) *มีแจ้งข่าวด้วยนะครับ :
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่(ชาย)น้อง(ชาย)จำเป็น ตอนที่ 10 (UP วันที่ 26/4/2561) *มีแจ้งข่าวด้วยนะครับ :  (อ่าน 5966 ครั้ง)

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






---xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx---



สวัสดีครับ ชื่อAlexครับ

เคยเขียนนิยายลงเล้าเป็ดมานานมากแล้ว(แต่ดันโดนลบAcc 555+) อาทิ ผู้ชายหัวใจทมิฬ, ชิพ&แดน The Series และเรื่องสั้นอย่าง Love Story Before Chirstmas

นิยายเรื่องนี้เป็นการกลับมาแต่งนิยายของผมอีกครั้งในรอบแปดปีนับจากเรื่องล่าสุด ที่เคยเอาลงในเล้าไปครึ่งเรื่องก็ขอหยุดเพราะช่วงนั้นเรียนหนักมาก ตอนนี้ด้วยเหตุการณ์บางอย่างที่เอื้ออำนวย ผมเลยอยากกลับมาแต่งนิยายอีกครั้ง

พี่(ชาย)น้อง(ชาย)...จำเป็น เรื่องนี้เป็นนิยายออกแนว Young Adult ที่ผมอยากให้ผู้อ่านรู้สึกเบาสมอง ไม่อยากให้เครียดเกินไปเหมือนนิยายที่ผ่านๆมาของผม ฮ่าๆๆ แต่ก็จะมีความน่ารักกุ๊กกิ๊กและดราม่าวุ่นวายของตัวเอกสองคนที่คาแรคเตอร์แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เป็นความพยายามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดที่ว่า สมัยนี้ยังมีบ้านไหนจับลูกคลุมถุงชนกันอยู่บ้างมั้ยนะ แล้วถ้าเป็นเกย์โดนบังคับให้อยู่ด้วยกันล่ะ มันจะออกมาแนวไหนแหะ

นิยายเรื่องนี้อยากให้ผู้อ่านทุกคนช่วยเป็นกำลังใจ ใครอยากคอมเม้นท์หรือติชมอะไรก็ยินดีรับฟังนะครับ ผมยังต้องการความคิดเห็นจากผู้อ่านในเล้าที่น่ารักเสมอ (อ้อนนนน-)

และเหมือนที่เพื่อนรักของผมคนหนึ่งเคยกล่าวไว้...เสน่ห์ของนิยายวายคือการได้มองตัวละครแอบชอบกันโดยที่ไม่รู้ตัว แอบหยอดกันไปมาให้ฟินๆ...เกิดมาเป็นเกย์ก็ไม่ได้มีโมเม้นหวานเลี่ยนแบบนั้นมากสักเท่าไร(แต่ตัวจริงเป็นคนโรแมนติกเว่อ) แต่ผมก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ

ขอบคุณครับ :)
  :pig4:


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2018 22:51:09 โดย ALeXเองครับ »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
มานอนรอแล้ว

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
1.
เสียงเคาะประตูดังหนักแน่นท่ามกลางความเงียบและมืดทึบของห้อง

“แม่เข้าไปได้มั้ยปุณ”

ผมขยับตัวช้าๆเพื่อหันไปทางประตู “…เข้ามาได้ครับคุณแม่”

เงาร่างของผู้หญิงสูงวัยเดินเข้ามานั่งข้างๆผมบนเตียง ที่กำลังพยายามปรือตาผ่านความมืดและคราบขี้ตาที่สะสมมานานหลาย
ชั่วโมง

“ปุณ...แม่เป็นห่วงนะลูก ลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าล้างตาหน่อยดีมั้ย”

เสียงของคุณแม่ช่างนุ่มนวล ราวกับจะปลอบใจผมให้หายขาดจากอาการทรมานในตอนนี้...แต่ผมยังทำใจไม่ได้

การอกหักครั้งนี้ของผมมันรุนแรงเกินไป เจ็บปวดเกินไป ผมยังอยู่ในภาวะไม่ยอมรับมัน และคิดว่าคงยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ใน
เวลาสั้นๆนี้แน่

“คุณแม่ครับ...ผมไม่อยากลุก ผมอยากนอนอยู่ตรงนี้ก่อน” คุณแม่ลูบหัวผม “ผมขอนอนต่อได้มั้ยครับ”

ผมฟังเสียงคุณแม่ถอนหายใจในความมืด...ท่านเหมือนลังเลที่จะลุกออกไปจากห้องนอนเงียบเย็นและเงียบจนน่าขนลุกนี้ ทว่าใน
ที่สุดร่างเล็กบอบบางนั้นก็ก้าวออกไปจากห้องเงียบๆ ปิดประตูเสียงแผ่วเบา ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับความรวดร้าวเพียงลำพังต่อ
ไป

ใช่ครับ...ผมเพิ่งโดนทิ้งหมาดๆ จากแฟนที่คบกันมาห้าปี

ห้าปีที่มีความหมายมากมายสำหรับผม แต่ดูไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาเลย

ผมนอนลืมตาโพลง แสบไปด้วยอาการระคายเคืองจากการนอนร้องไห้ติดต่อกันข้ามคืน สองคืนแล้ว...บางครั้งน้ำตามันก็ไหล
ออกมาเอง บางครั้งผมก็บังคับมันออกมา ผมกอดตัวเองและคร่ำครวญอย่างบ้าคลั่ง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทรมานตัวเองโง่ๆ
แบบนี้ไปทำไม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเลิกคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ชั่วขณะ

ผมเสียดายวันเวลาที่ผมกับเขามีร่วมกันมาห้าปี...เสียดายความทรงจำ เคยมั้ยครับ เวลาที่เราใช้เวลากับใครสักคนอย่างลึกซึ้ง
ความผูกพันเหล่านั้นช่างหอมหวาน แต่ก็เสี่ยงอันตรายที่จะเจ็บปวดแสนสาหัสยามที่เราสูญเสียมันไปเช่นกัน

ความเคยชินที่เราสามารถคิดถึงใครสักคนได้ตอนตื่นนอนตอนเช้า หรือก่อนเข้านอนตอนกลางคืน...มันทำไม่ได้อีกแล้ว เพราะผม
ไม่สามารถทำแบบนั้นกับคนที่ทำลายความเชื่อใจของผม เพราะเขาปฏิบัติต่อความซื่อสัตย์ของผมเยี่ยงของไม่มีค่า...มันทำให้
ผมรู้สึกแย่ยิ่งกว่าขยะเสียอีก

อีกอย่าง เขาเองก็คงไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วเช่นกัน...

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

วันรุ่งขึ้น คุณแม่ใช้ความสามารถในการลากผมให้ลุกออกจากที่นอนจนได้

คุณแม่เอาใจโดยการทำเข้าต้มกุ้งรสชาติคุ้นปากแต่เช้า แกเข้าครัวเองเลยด้วย จากนั้นยังมีขนมที่ผมชอบอันประกอบไปด้วยผล
ไม้สดและนมอัลมอนต์โกโก้ แต่ผมไม่ค่อยได้แตะต้องมันเท่าไรนัก ทว่าถ้าไม่ได้กินอาหารติดต่อกันเป็นวันที่สาม ผมคงมีหวังล้ม
ป่วยยาวเอาแน่ๆ

“ปุณ วันนี้เราไปทำบุญกันดีมั้ยลูก? แม่บอกพี่ชาติเขาไว้แล้ว ลูกอยากไปวัดไหนดี เลือกเอาเลย”

พี่ชาติคือคนขับรถประจำครอบครัวของเรา ผมวางช้อนที่นั่งเขี่ยข้าวต้มเล่นอย่างคนซังกะตาย ถอนหายใจแล้วนึกอยากจะฟุบ
หลับลงบนโต๊ะอาหารซะให้รู้แล้วรู้รอด

“งั้น เราไปวัดในอยุธยากันดีมั้ยจ๊ะ?”

เสียงใสถามอย่างเบิกบาน คุณแม่ผมมีความเชื่อที่ว่าหากเกิดเรื่องเลวร้ายในชีวิต คุณสามารถแก้ไขมันได้ทันทีด้วยการไปทำบุญ
ขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐาน

เอ่อ...ขอโทษนะครับคุณแม่ แต่ผมเป็นหนุ่มยุค2018นะครับ!

“โอเคครับ” ผมพยักหน้าหงึกๆด้วยความเกียจคร้าน “งั้นคุณแม่เตรียมตัวได้เลยครับ ผมขอขึ้นไปตอบอีเมลนิดหน่อย แล้วเราค่อย
ไปกัน”

แกยิ้มอย่างโล่งอก จากนั้นจึงปล่อยให้ผมเดินพาร่างไร้วิญญาณกลับขึ้นมาบนห้องส่วนตัว ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงเก่าที่คุ้นเคย
และอยากประท้วงต่อโลกทั้งใบโดยการหลับไม่ตื่นอีกต่อไปเลย

ลูกชายคนสุดท้องกลับมานอนบ้านคุณแม่ได้สี่ห้าวันแล้ว ก็นับแต่เกิดเรื่องแหละครับ...ผมไม่อยากอยู่ในคอนโดเพราะผมอยู่ไม่
ได้...มันทำใจไม่ได้ ภาพของเขายังปรากฏอยู่ทกหนแห่ง ทุกพื้นที่ที่เราเคยใช้เวลาร่วมกันมันตอกย้ำผมว่าผมยังรักเขาอยู่ แต่
กลับกันนั้น...มันไม่เคยมีความรักที่สวยงามแบบนั้นมอบกลับมาจากเขาเลยเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว

และผมควรจะรู้ตัวดี ไม่ใช่เอาแต่หลอกตัวเองไปวันๆ

ในเมื่อผมอึดอัดแทบหายใจไม่ออกในพื้นที่ส่วนตัวของผมเอง ผมจึงต้องระเห็จกลับมาบ้านคุณแม่ อีกอย่าง เวลามีเรื่องร้อนใจผม
ก็มักจะกลับมาซบอกคุณแม่อยู่แล้ว เพราะภายใต้ความเป็นผู้ใหญ่ เคร่งครึม และมาดผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของบริษัท
อสังหาริมทรัพย์ประจำตระกูล ผมก็ขอสารภาพว่ายังเป็นเด็กขี้แงที่ต้องการแม่ยามเลียแผลใจอยู่วันยังค่ำ

เห้อ...พอนึกถึงงานขึ้นมา ว่าแล้วผมก็เหยียบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านอีเมล ตอบอีเมลเลขาฯ ผมแจ้งออฟฟิศไว้แล้วว่าทำงาน
จากที่บ้านโดยไม่มีกำหนดเวลา จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นสิทธิพิเศษดีๆเหมือนกันเวลาเป็นเจ้าของบริษัทของตัวเอง

โชคดีที่ครอบครัวของเรามีพี่ชายอีกหนึ่งคน พี่ขุนเป็นพี่ชายที่อายุห่างกับผมถึงแปดปี ขนาดผมจะเกเรหยุดงานแต่พี่ขุนก็ยังเข้า
ออฟฟิศไปสะสางงานของตัวเองและของผมทุกวัน แกไม่เคยมีวันหยุด และเป็นคนบ้างานชนิดที่เอาชนะผมขาดลอยแม้ผมจะถือ
เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่ทุ่มเทให้กับบริษัทมากที่สุดก็ตาม

“ฮัลโหลพี่ขุน วันนี้ที่ออฟฟิศเป็นยังไงบ้างครับ”

เสียงปลายสายตอบมาอย่างร่าเริง และใจเย็น “สบายมากไอ้น้อง งานก็ยุ่งเหมือนเคย พี่ต้องรีบปิดโปรเจคของเราก่อนเดือน
พฤษภาไง”

“โอเคครับ...ผมคิดว่าผมน่าจะกลับไปทำงานได้ตามปกติประมาณอาทิตย์หน้า ตอนนี้พี่ขุนอยู่คนเดียวไหวมั้ย?”

“ข้าไม่ไหวแล้วเอ็งจะมาช่วยได้เหรอไงวะ” พี่ขุนหยอก “แล้ว...เราล่ะเป็นยังไงบ้าง หายเศร้าหรือยัง? เห็นคุณแม่บอกว่าเรา
เอาแต่นอนทั้งวัน”

“ก็...” ถึงแม้ผมกับพี่ขุนจะสนิทกันตามประสาพี่น้อง แต่เรื่องความรักหรือเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องลึกซึ้ง ผมไม่ได้เปิดเผยต่อพี่ชาย
มากเท่าไรนัก “เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองครับ”

“อย่าทรมานให้เจ็บจนเกินไปล่ะ โดนคนอื่นทำร้ายมาแล้ว เรายิ่งต้องรีบรักตัวเองให้มากๆเข้าไว้นะ” ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียง
เข้มขึ้นเล็กน้อย “ปุณ ตอนนี้เราต้องดูแลกันมากๆนะ พี่เหลือแค่ปุณกับคุณแม่เท่านั้น ปุณเข้าใจใช่มั้ย”

ผมรับคำ...คุณพ่อของพวกเราเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมอายุสิบเอ็ดขวบ คุณพ่อผู้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว
ประสบอุบัติเหตุตอนขับรถไปดูที่ดินที่ต่างจังหวัดพร้อมกับเพื่อนสนิท หลังจากนั้นมาครอบครัวของเราก็มีกันแค่สามคนแม่ลูก
เท่านั้น

ผมขอบคุณพี่ขุนอีกครั้ง ซึ่งแซวผมว่าวันนี้ต้องโดนคุณแม่ลากไปตะลอนทัวร์ธรรมะอีกแน่ๆ ผมหัวเราะแห้งๆก่อนจะวางสายจากพี่
ชาย

หลังจากสิ้นสุดวันแห่งการทำจิตใจให้ผ่องใส ผมกลับรู้สึกเหนื่อยล้าและสับสนว้าวุ่นมากกว่าที่เป็นเสียอีก...

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

อาทิตย์ต่อมา ได้ฤกษ์ที่ผมจะกลับไปยังคอนโดส่วนตัว ผมสูดหายใจลึกขณะกำลังไขกุญแจเข้าสู่ห้องสูทขนาดใหญ่สองห้อง
นอนสุดหรูย่านใจกลางเมือง

วูบแรกที่ลมในห้องพัดเข้าปะทะใบหน้า...ผมถึงกับใจสั่น กลิ่นอายและความทรงจำเก่าๆอันคุ้นเคยยังคงอบอวล

ผมพยายามสะกดใจ...แกอายุยี่สิบเก้าแล้วปุณณวัฒน์ เข้มแข็งหน่อยนา

ความเสียดแทงในทรวงอกแผ่ซ่านเป็นระลอกคลื่น ผมวิงเวียนหัวราวกับผู้หญิงแพ้ท้องและงุนงงกับตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่
เหนือเหตุผลทั้งๆที่ปกติผมเป็นคนเข้มแข็งและไม่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ

กรามทั้งสองถูกกัดเข้าหากันเพื่อกักเก็บความรู้สึกต่างๆไว้ในหัวใจ สภาพห้องยังคงเรียบร้อยเพราะแม่บ้านที่จ้างไว้ประจำเข้ามา
ทำความสะอาดเหมือนเช่นทุกอาทิตย์ที่ผ่านมา ร้อนเหลือเกิน แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าจะอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ผมถอดเสื้อผ้า
ทั้งหมดและพร้อมจะนอนทันที

เอ๊ะ...พี่เจี๊ยบลืมปิดแอร์ในห้องนอนงั้นหรือ?

ผมรำพึงถึงพี่แม่บ้านที่เป็นหญิงวัยกลางคน แม้แกจะอายุพอสมควรแล้ว แต่แกไม่เคยหลงลืมปิดน้ำปิดไฟในห้องผมมาก่อนนี่นา

ก้าวขึ้นเตียงในห้องที่มืดสนิท ผมชอบห้องนอนที่มืดสนิทเพราะมันช่วยให้ชายหนุ่มอย่างผมพักผ่อนได้เต็มที่

ทว่าภายใต้ผ้าห่มหอมสะอาด กลับมีร่างเรียบลื่นของใครบางคนซุกซ่อนตัวอยู่

“เห้ย! เห้ยยยยยยยย!”

ผมร้องตะโกนลั่นจนเสียงหลง ใครกันนอนอยู่บนเตียงผม?!






โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
2.

“เห้ย!”

ผมใจเต้นแรงตุบๆ รีบเลิกผ้าห่มแล้วพุ่งตัวไปเปิดไฟ

แผ่นหลังขาวๆเต็มไปด้วยมัดกล้ามและสรีระของผู้ชายโพล่ออกมาจากเตียง เตียงของผม!

“คุณเป็นใคร เข้ามาอยู่ในห้องผมได้ยังไง!”

ผมยืนอึ้ง มึนค้างอยู่หน้าประตู นี่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย

ร่างนั้นพยุงกายลุกขึ้นอย่างโงนเงน ใบหน้ายาวขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาและมีคิ้วเข้มพาดอยู่เหนือดวงตาซึ่งหยีหนีแสงไฟแลดูมู่ทู่
และไม่สบอารมณ์

“อะไรวะ?!”

เอ๊ะ เสียงคุ้นๆ…

“ออกไป ผมจะแจ้งตำรวจ” ผมตะโกนเสียงแข็ง

“หื้อ...นายเองเหรอ”

ผู้บุกรุกนั่งหันหลังให้ผม แล้วลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมกับหันหน้ามาประจัญ...ร่างสูงแต่เพรียวบางเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยไล่
ตั้งแต่แผงอกกว้างต่ำลงมาที่หน้าท้อง และ...

“นาย! ทำไมถึงล่อนจ้อนอยู่ในห้องฉันได้เนี่ย???”

ผมโอดครวญอย่างไม่เข้าใจ บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่น เขาคือไอซ์ อัศวิน...เจ้าเด็กไม่เอาถ่านแถมหลงตัวเอง ผู้ซึ่งเป็น
คู่ปรับเบอร์หนึ่งของผมตลอดกาล!

“นายเองก็ใส่แต่บ็อกเซอร์ไม่ใช่เหรอ?”

ผมรีบก้มลงมองตัวเองอย่างลืมตัว ห้ามตัวเองไม่ทันตอนเอามือทั้งสองลงมาปิดกุมที่เป้ากางเกง

“นายเล่นบ้าอะไรเนี่ยไอซ์ นายเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง?”

“ห้องนายเหรอ ตลกแล้ว นี่คือห้องของแม่ฉันต่างหาก”

“นายพูดบ้าอะไรของนาย???”

ร่างสูงที่สูงพอๆกับผม(ซึ่งผมเองสูงร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร) คว้าหมอนมาปิดบังแก่นกายของเขาไว้อย่างไม่ยี่ระ เรอเสียงดัง
อีกต่างหาก นี่แหละถึงเป็นสาเหตุที่ผมไม่เคยชอบขี้หน้าเจ้าเด็กเมื่อวานซืน ปากมาก ไม่รู้จักกาลเทศะและกักขฬะนี่เลย

“ฉิบหายล่ะ” หมอนั่นเดินกร่างไปหยิบโทรศัพท์ จมูกผมจึงเพิ่งเริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นคลุ้งรุนแรง ผมรู้สึกโกรธจนหน้าชาที่
ผู้บุกรุกหยามถิ่นผมขนาดนี้ “แม่ฉันบอกให้มานอนที่นี่ ฉันไม่รู้ว่านี่คือห้องของนาย” นิ้วเรียวยาวคว้าซองบุหรี่จากกางเกงยีนที่
ถอดทิ้งไว้ข้างเตียงอีกฝั่ง “ฉันโดนแม่ตัวเองหลอกแล้วว่ะ”

“เห้ย หยุดสูบในห้องนี่นะ เดียวสัญญาณเตือนภัยก็ดังหรอก ไอ้บ้า!” ผมเดินเข้าไปแย่งบุหรี่มาจากมือขาว คนหัวยุ่งกรึ่มเมาทำ
หน้าทะเล้นยี่ยวนใส่อย่างไม่สลด “แม่นายกับฉันมีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ” ผมมองด้วยแววตาโกรธเข้มอย่างไม่ปิดบัง


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อน

ตอนที่ไอ้แบงค์ไลน์มาขอยืมคอนโดของผมคืนนั้น ผมรู้อยู่เต็มอกแหละว่ามันจะเอาไปทำอะไร...

แต่ใครจะไปนึกว่ามันจะพลาดคราวนี้ล่ะ?!

คืนนั้นผมเมาหัวราน้ำอยู่ทองหล่อ พร้อมกับน้องมายด์ เดือนมหาลัยชื่อดัง ดีกรีผู้นำเชียร์คณะที่เคยได้รับการโปรโมทอยู่ตลอด
บนโซเชียลมีเดีย

ตามแผนการดั้งเดิมของผมนั่นก็คือการจีบน้องผ่านไอจี ตีสนิท ทำความรู้จัก จากนั้นก็ชวนน้องออกมามอม เอ้ย ออกมาดื่มเพื่อ
ให้เหยื่อตายใจ ซึ่งมันไม่ยากเลยสำหรับผม นายไอซ์ อัศวิน ดีกรีเดือนมหาลัย นักแสดงและนายแบบชื่อดังของเมืองไทย

ผมพูดเลยนะ ผมน่ะ สูง ขาว ตี๋ หุ่นดี และรวยมาก ด้วยความเพียบพร้อมเหล่านี้มันไม่ยาก เรียกได้ว่าแทบไม่ได้ใช้ความพยายาม
อะไรเลยเสียด้วยซ้ำในการตก ‘เหยื่อ’ สักตัว ใครๆก็อยากได้รับความสนใจจากพี่ไอซ์กันทั้งนั้น

คืนนั้นน้องมายด์เมาได้ที่แล้ว และน้องก็พร้อมจะพาผมกลับคอนโดน้องเหมือนกัน ซึ่งมายด์ได้จัดแจงนัดวันเวลานี้ไว้เพราะแฟน
ของน้องไม่ได้อยู่ที่ห้อง...ปกติผมจะไม่พาใครกลับคอนโดตัวเอง เพราะผมไม่อยากดีลกับเรื่องวุ่นวายที่ตามมา จากประสบการณ์
ส่วนตัวคือคนส่วนใหญ่มักจะอยากสานต่อความสัมพันธ์กับผมมากกว่าเซ็กซ์ ส่วนผมมันก็แค่เซ็กซ์ ผมไม่อยากมีความสัมพันธ์ลึก
ซึ้งอะไรกับใครทั้งนั้น

เด็กๆเหล่านี้เป็นได้แค่ที่ระบายความรู้สึกอยากของผมเท่านั้น

จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่พวกเขาก็อยากนอนกับคนหล่อ หุ่นดี โปรไฟล์สูงอย่างผมไม่ใช่เหรอ

น้องมายด์เป็นเด็กน้อยอายุสิบเก้า รูปร่างบอบบาง หน้าตาน่ารักขาวตี๋แบบพิมพ์นิยมดาราวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน บทรักของน้องมายด์
ไม่ค่อยซาบซ่านเท่าไรนักเพราะน้องยังเด็กมาก แต่ผมก็จัดเต็มไปตามอารมณ์ของตัวเองอยู่ดี

หลังจากเสร็จกิจประมาณตีสี่นิดๆ ผมก็พร้อมจะกลับคอนโด แต่ตามสูตร น้องมายด์ขอให้ผมค้างคืน โดยอ้อนวอนให้ผมนอนกอด
น้องไว้จนเช้า บ้าซิ ใครจะไปทนนอนกอดร้อนๆได้จนถึงเช้า แค่นี้ผมก็ทนแทบไม่ไหวที่จะนอนคนเดียวโล่งๆสบายตัว ทว่าเสียง
โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล”

“ไอ้ไอซ์ ลื้ออยู่ไหน หะ?!!!”

เสียงดังแผดมาจากปลายสาย ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน

“ม๊า! มีอะไรหรือเปล่า อั๊วอยู่กับเพื่อน”

“ลื้ออยู่ที่คอนโดเหรอ” เสียงของมารดาบังเกิดเกล้าตื่นตระหนกอย่างชัดเจน

“เปล่าม๊า...อั๊วอยู่ห้องเพื่อนอีกคนน่ะ ไอ้แบงค์อยู่คนโดอั๊ว”

“ลื้อนี่มัน...” แม่สะกดลมหายใจอย่างอดกลั้น ซึ่งก็แทบเป็นแบบนี้ตลอดเวลาตามนิสัยเจ้าอารมณ์ของนาง แต่คราวนี้มีบางอย่าง
แปลกไป “ลื้อรู้มั้ยว่าเพื่อนชั่วของลื้อมันปาร์ตี้มั่วยากันในห้องลื้อ ตอนนี้โดนตำรวจรวบไปหมดแล้ว!”

ใจของผมหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม แทบทำโทรศัพท์หลุดมือ “หา ว่าไงนะม๊า...ตำรวจเหรอ”

“เออสิวะ!” ผมเหลือบสบตาน้องมายด์ ที่มีสีหน้ากังวลกับใบหน้าแห้งเผือดของผม “ลื้อรีบกลับบ้านมาก่อนเลย อั๊วปวดหัว อั๊ว
อยากตาย (ภาษาจีนที่ผมฟังไม่ออก) ลื้ออยากให้อั๊วตายเร็วขึ้นใช่มั้ยไอ้ไอซ์!”

ม๊าตัดสายไปก่อนที่ผมจะทันพูดอะไร ผมรีบออกจากคอนโดน้องมายด์ทันที ไม่ได้แม้แต่ล่ำลาหรือปลอบใจที่ไม่ได้อยู่ค้างคืน
ด้วยซ้ำ ตอนเช้ามืดผมก็ถึงบ้านที่เปิดไฟสว่างทั้งหลังราวกับรอต้อนรับการกลับมาของผม

ผมก้าวขาลงจากบิ๊กไบก์ราคาสามล้านบาทในโรงจอด ข้างๆรถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดของม๊า ผมถอดหมวกออกแล้วเห็นร่างท้วมใน
ชุดนอนยาวประจำตัวของม๊า ซึ่งยืนกอดอกนิ่งยืดตัวเต็มความสูง(ไม่มาก)ของแกตรงหน้าประตูบ้าน

“ม๊า...อั๊วขอโทษ”

เพี๊ยะ!

ม๊าตบหน้าผม ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรก...แต่มันก็สะเทือนใจมากพอจนทำให้หมวกกันน๊อคในมือตกพื้นกลิ้งไปตามทาง

“ลื้อทำให้อั๊วหัวใจสลาย” ใจของผมกระตุกวูบ มองดวงตาของผู้หญิงผิวขาว หน้าจีน อายุเกือบหกสิบตรงหน้าที่ดวงตาเอ่อคลอ
“อั๊วเสียใจและผิดหวังในตัวลื้อเหลือเกิน”

ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวคนจีน ที่อพยพมาจากเมืองจีนสมัยรุ่นอากงอาม่า เราได้รับการสั่งสอนเลี้ยงดูแบบนี้ เราโดนดุโดน
ตีเป็นประจำ แต่ม๊าก็ปรนเปรอเราทุกอย่างที่เราอยากได้แม้เราเพิ่งจะร่ำรวยมากเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

น้อยครั้งนักที่ม๊าจะร้องไห้...เท่าที่ผมจำความได้ครั้งล่าสุดคือตอนที่ป๊าผมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพ
ราะป๊าพาเพื่อนสนิทไปดูที่ดินที่ต่างจังหวัด...แต่เป็นหน้าฝนและไม่ชินทางด้วยกันทั้งคู่ เลยประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ป๊ากับ
เพื่อนป๊าคนนั้นเลยเสียชีวิตคาที่

“ม๊า” ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้ามาในช่องอก ม๊าน้ำตาไหลหนึ่งเม็ด สองเม็ด...จนน้ำตาเป็นสายยาวก็กลั้นไว้ไม่อยู่ มันอาบสอง
แก้มขาวป๋องของม๊าอย่างบาดใจ “ม๊า อั๊วขอโทษ”

ผมก้มลงกอดขาสั้นๆแต่นุ่มและคุ้นเคยดี พลางซบหน้าเข้าหา จริงอยู่ที่ผมเป็นนักแสดง ผมสามารถปั้นสีหน้าหรือแสดงความน่า
รักน่าสงสารได้เวลาทำผิดแล้วต้องการง้อแม่ แต่คราวนี้มันไม่ใช่...ผมกลับรู้สึกเสียใจที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้และผิดหวังในตัวเอง
จริงๆ

ม๊านิ่งอยู่เนิ่นนาน “อั๊ว...อั๊วไม่มีอะไรจะพูดกับลื้อ ออกไปจากบ้านอั๊วซะ”

ผมอึ้ง มองม๊าพลางอ้าปากค้าง

“อั๊วไม่สนใจ ลื้อจะไปไหนก็ไป ต่อไปนี้อั๊วจะไม่ดูดำดูดีอะไรลื้อสักอย่าง ไป!”

ไม่ทันขาดคำ แม่บ้านสองคนก็เดินโค้งตัวเอากระเป๋าเดินทางของผมมาวางไว้ข้างๆตัวม๊า ราวกับจัดเตรียมไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว

“อั๊วจะริบของที่อั๊วให้ลื้อไว้ทุกอย่าง ทั้งหมด! ต่อไปนี้ลื้อจะได้รู้ว่า การเป็นผู้ใหญ่มันเจ็บปวดมากแค่ไหน” ม๊ายังคงมองด้วยแวว
ตาร้าวราน “ลื้อจะได้เข้าใจหัวอกอั๊วซะทีไอ้ตี๋...”


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

นั่นแหละครับ เช้าวันนั้นผมจึงโดนไล่ออกจากบ้านอย่างงงๆ...

ผมโทรหาเจ๊อิม พี่สาวสุดที่รักคนเดียวเพื่อขอไปอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านของเธอ

เจ๊อิมแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มที่ม๊าเคยแนะนำให้รู้จักเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เจ๊อิมมีความสุขดีทุกประการและวุ่นวายกับการดูแล
สามีและลูกเล็กทั้งสอง แตกต่างกับผมราวฟ้ากับเหว

“ฉันไม่ได้โอ๋แกนะไอซ์ แกเกเร ทำตัวเหลวไหวจริงๆคราวนี้” เจ้อิมเริ่มเทศนาขณะกำลังรับฟังน้องชายเพียงคนเดียวปรับทุกข์
“ฉันโมโหเหมือนกับม๊า และจะไม่เข้าข้างแก ฉะนั้นแกต้องรีบจัดการกับชีวิตตัวเองได้แล้ว”

“โหเจ๊ ผมผิดตรงไหน ผมแค่ให้เพื่อนยืมห้องเท่านั้นเอง ไอซ์ไม่ได้เล่นยาอะไรสักหน่อย”

เจ๊อิมมองตาขวางราวกับไม่เชื่อคำพูดผม เอ่อ...มันก็ไม่จริงทั้งหมดตรงที่ผมรู้ว่าไอ้แบงค์จะยืมห้องไปทำอะไร ส่วนตัวผมก็เคย
‘ลอง’ ของพวกนี้มาบ้าง แต่ไม่ชอบ มันไม่ใช่ของดีต่อร่างกายเลยจริงๆ

“นั่นแหละ แกรู้มั้ยว่าเพื่อนบ้านห้องข้างๆเขาแจ้งตำรวจมารวบเพื่อนแกเพราะเพื่อนแกเสียงดังจนเค้าทนไม่ไหวกัน แกโชคดี
เท่าไรที่วันนั้นแกไม่ได้อยู่ที่ห้อง นึกสภาพดูซิว่าถ้าแกอยู่ เรื่องมันจะออกมาเป็นยังไง”

ผมก้มหน้าคอตก ไม่เอ่ยตอบโต้เพราะกำลังสำนึกผิดอยู่

“ห้องนั้นเป็นชื่อม๊า ม๊าเกือบจะติดคุกเพราะแกแล้วรู้มั้ย นี่แหละที่ทำให้ฉันโมโหมาก ทำไมแกทำอะไรไม่นึกถึงคนอื่นเลย แก
นึกถึงแต่ตัวเอง ทุกคนรักแก แต่แกไม่รักใครเลย”

ผมรีบทำตาเศร้าอ้อนพี่สาว “โธ่เจ้ อย่าพูดแบบนั้นสิ ไอซ์รักเจ้นะ...”

“ไม่ต้องเลยเจ้าไอซ์ แกรีบพักผ่อนแล้วออกไปจากบ้านฉันพรุ่งนี้เลยนะ ฉันบอกผัวไว้ว่าแกจะมานอนค้างแค่คืนเดียว อย่าให้ฉัน
กับพี่เอิร์ธต้องตีกันเพราะแกไปอีกคู่ล่ะ”

เจ้อิมลุกหนีไปจากบทสนทนา ปล่อยให้ผมนั่งซึมเป็นหมาน้อยตามลำพัง ไลน์ในเครื่องเด้งเตือนอย่างบ้าคลั่ง เพื่อนๆนายแบบใน
กลุ่มไลน์มาถามข้อมูลกันแทบทุกทิศทาง เช้าวันรุ่งขึ้นมีการแถลงข่าวเรื่องตำรวจบุกเข้าจับกุมแก๊งนายแบบปาร์ตี้ยามั่วเซ็กซ์กันที่
คอนโดหรูย่านทองหล่อ แต่ด้วยเงินและอำนาจ ชื่อของแม่ผมที่เป็นเจ้าของห้องจึงไม่หลุดไปในข่าวและไม่ได้ถูกพูดถึงเลย
แม้แต่น้อย...

ผมแอบโล่งใจไม่น้อยที่ไม่โดนร่างแหเข้าไปด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลเรื่องที่โดนแม่ไล่ออกจากบ้าน โดนริบบัตรเครดิตทุกใบ
เพราะคุณนายอมรไล่โทรฯไปอายัดทุกบัตรเรียบร้อยตั้งแต่เช้า รถมอเตอร์ไซค์ของผมก็ยังอยู่บ้านนั่น รถสปอร์ตผมด้วย และผม
คิดว่าคงไม่ได้คืนมาในเร็ววันนี้แน่ๆแม้จะบากหน้ากลับไปก็ตาม

ผมไม่มีเงินเก็บ...ผมชอบกินแพง ใช้ชีวิตหรูๆ ผมไม่ได้ว่าอะไรคนที่มีฐานะด้อยกว่า แต่นี่คือชีวิตที่ผมคุ้นเคย

เอายังไงดีล่ะทีนี้เจ้าไอซ์เอ้ย...


   


โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ติดตามค่ะ คงมีอะไรสนุกๆตามมาแน่นอน ^^

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาแล้วๆ ขอโทษทีที่มาช้านะครับ งานยุ่งมาก เอาล่ะมาต่อกันเลยเด้ออออ

Enjoy ครับ!  o13





3.

“คุณน้าอมรครับ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ”

ผมพยายามข่มน้ำเสียงให้ฟังดูเคารพผู้ใหญ่อีกฝ่ายให้มากที่สุด แม้ในใจกำลังจะเดือดพล่านมากก็ตาม

น้าอมรเป็นภรรยาของเพื่อนสนิทคุณพ่อ ที่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน แกเป็นคนจีนที่โผงผาง เป็นนักธุรกิจ
หญิงที่เก่งและประสบความสำเร็จในธุรกิจขายส่งน้ำดื่มรายใหญ่ของภาคเหนือตอนล่าง ครอบครัวของแกมีไลฟ์สไตล์ในการใช้
ชีวิตที่แตกต่างจากครอบครัวของผม ทว่าแกก็เป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวของเรามายาวนาน ท่านมีน้ำใจกับคุณแม่และลูกๆเสมอ

แกเป็นแม่ของเจ้าเด็กมีปัญหา ซึ่งนั่งสร่างเมาอยู่ตรงหน้าผมโดยทำท่าไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น

เสียงปลายสายเป็นสำเนียงคนจีนที่ฟังดูแบ่งรับแบ่งสู้

“อ่า น้องปุณใจเย็นๆก่อนนะลูก น้าอธิบายได้ เดียวน้ารบกวนพาเจ้าไอซ์มาบ้านน้าหน่อยได้มั้ยลูก”

ผมวางสายด้วยความไม่พอใจ หันไปกล่าวกับเด็ก(โข่ง)ตัวสูงผิวขาว

“แม่นายเรียกฉันไปพบ” หมอนั่นยักไหล่มึนๆ “นายไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะซิ”


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ผมยังคงปวดหัวจากวอดก้าออนเดอะร็อคและกามิกาเซ่ช็อตที่เทกระหน่ำลงลำคอจนนับไม่ถ้วนตั้งแต่เมื่อคืน...

หลังจากเอื้อมมือไปปรับหน้ากากแอร์ให้หันมาที่ผมเพียงคนเดียว ร่างสูงผู้ทำหน้าที่พลขับหันมามองค้อนเบาๆ

ผมเอนกายลง หวังว่าความเย็นจากแอร์รถยุโรปคันหรูของพ่อคุณหนูสุดเฮี้ยบจะทำให้ผมสร่างเมาเร็วขึ้น ผมแอบลอบมองเขา
ผ่านแว่นตากันแดด...ปุณณวัฒน์ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

น่าเบื่อไม่เปลี่ยนแปลง...

ใบหน้าด้านข้างเผยให้เห็นสันกรามคมและเรียวสวย ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอนี่มีใบหน้าที่หล่อเข้มที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ด้วยผิวสี
แทนนวลน้ำผึ้ง จมูกโด่งเรียวมีรอยหยักเป็นธรรมชาติตรงกลางสันเล็กน้อย เข้ากับคิ้วเข้มเรียวเหนือดวงตาสองชั้นสวยรูปอัลมอน
ต์ ขนตางอนยาวเป็นแพงกระพริบเล็กน้อยยามที่ดวงตาคู่นั้นจ้องมองถนนเบื้องหน้า...ผมเกลียดหมอนี่ชะมัด

ผมเกลียดที่เขาเหมือนหุ่นยนต์ เหมือนสิ่งที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์ แต่กลับถูกตั้งโปรแกรมให้ประสบความสำเร็จไปเสียทุก
อย่าง โดยไม่ได้แม้แต่จะใช้พรสวรรค์ใดๆเลยก็ตาม

ถึงแม้เจ้านี่จะแก่กว่าผมไม่กี่ปี แต่ผมก็ไม่เรียกพี่หรอกนะ

ถอนหายใจดังเห้อ…บรรยากาศภายในรถช่างอึดอัด เปิดเพลงฟังกลบรังสีมาคุดีกว่า

“เห้ ฉันไม่ชอบฟังเพลงตอนขับรถ”

มือใหญ่รีบกดปุ่มปิด นิ้วเรียวของผมก็กดเปิดใหม่

“นี่นายเลิกทำตัวเป็นเด็ก แล้วหัดเคารพคนอื่นบ้างได้ไหม? นี่รถฉันนะ”

“นายก็หัดเลิกทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยไปหน่อยน่า อยากเป็นคุณปู่เร็วมากขนาดนั้นเลยหรือไง”

ปุณณวัฒน์ปิดวิทยุลงจนได้ เขาไม่กล่าวอะไรต่อ แต่นั่นก็ทำให้ผมพึงพอใจที่ได้กวนตีนเขาไปแล้ว ฮ่าๆ

“ไหนอธิบายมาคร่าวๆซิว่านายได้กุญแจห้องฉันไปได้ยังไง” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียบแต่คาดคั้น

“ฉันไม่ต้องอธิบายอะไรให้นายฟัง เอาเป็นว่าม๊าให้ฉันมา ฉันไม่รู้ว่าเป็นห้องของนาย อีกอย่างคนอะไรมีข้าวของเครื่องใช้น้อย
อย่างกับไม่เคยอยู่จริงๆ”

“เขาเรียกว่าระเบียบ และ แม่บ้าน” เขาประชดแบบเหยียดๆ “ทำไมนายไม่ไปอยู่ห้องของนาย”

ผมเงียบ...ตอบไปหมอนี่ก็รู้หมดน่ะสิว่าผมก่อวีรกรรมอะไรไว้บ้าง

“ฉันขอเดาว่า นายโดนคุณน้าอมรไล่ออกจากบ้าน ริบคอนโด เพราะนายไปก่อเรื่องร้ายแรงอะไรไว้บางอย่าง” เป็นฝ่ายผมที่เลิก
คิ้วใส่อย่างยียวน เกลียดแววตารู้ทันของคนข้างๆนี่ชะมัด “แต่แล้วทำไมน้าอมรต้องเอานายมาเป็นภาระฉันด้วย?”

“ฉันไม่ได้อยากเป็นภาระนายสักหน่อย” ผมโพล่งอย่างหงุดหงิด

เราสองคนนิ่งเงียบไปตามทาง แปลกดีเหมือนกันที่วันเวลาทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้

เนื่องจากครอบครัวของเราสนิทกันมาก สมัยเด็กๆป๊ากับม๊ามักจะพาเจ้อิมกับผมไปเล่นกับบ้านนู้นบ่อยๆ วันดีคืนดีบ้านนู่นก็ยก
โขยงพาพี่ชายกับเจ้าแข็งทื่อนี่มาเล่นที่บ้านผม ผมสนิทกับเจ้อิมและพี่ขุนเพราะผมเป็นน้องเล็กที่ทุกคนโอ๋และชอบในความร่าเริง
ของผม ทว่าปุณณวัฒน์น่ะสนิทกับผมแค่คนเดียว เค้าชอบวิ่งเล่นกับผม เราสำรวจพื้นหญ้าและสวนบริเวณบ้านด้วยกันเสมอ เรา
เคยแม้แต่เล่นละครสงครามหุ่นยนต์ เขาเป็นเอเลี่ยน ส่วนผมเป็นหุ่นยนต์ฮีโร่ วิ่งไล่กันไปมาทั้งวันไม่มีเบื่อ

ทว่าพอพ่อของเราสองคนตาย...ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม

“แล้วตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง?” ปุณณวัฒน์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ “นาย...สบายดีใช่มั้ย”

“สบายดี...” มันรู้สึกกระอักกระอ่วนยังไงไม่รู้ เราไม่ได้นั่งคุยกันดีๆแบบนี้มานานเท่าไรนะ

“ได้ข่าวว่านายกำลังจะหาที่ฝึกงาน” ใช่แล้ว...เผอิญว่าผมอาจจะมีเรื่อง ‘ยุ่ง’ มากไปหน่อย เลยทำให้เรียนจบช้ากว่าเกณฑ์ไปนิด
ดดดดเดียว “นายกำลังมองหาที่ไหนไว้อยู่หรือเปล่า?”

ผมไม่ได้ซาบซึ้งในความห่วงใยนั้นเลยสักนิด โชคดีที่รถเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของม่าม๊าทันเวลาพอดีที่ผมจะไม่ต้องตอบคำถามใดๆ
ประตูบ้านเปิดกว้างไว้อยู่แล้ว ผมใจเต้นตึกตักราวกับกลัวสิ่งที่ไม่อาจคาดหวังได้ว่าจะเกิดขึ้น

“สวัสดีครับคุณน้าอมร” ร่างสูงผิวแทนเข้มยกมือไหว้แม่ผมอย่างนอบน้อม หมอนี่เขาเก่งนักแหละเรื่องเข้าทางผู้ใหญ่ ชอบเล่น
บทเด็กสุภาพมารยาทงามตลอด น่าหมั่นไส้สุดๆอ่ะ!

“เข้ามาก่อนน้องปุณ” แม่ไม่หันมาพูดกับผมสักคำ ผมเลยเดินเอามือล้วงกางเกงเดินตามไปแบบเก้ๆกังๆ

ในห้องโถงใหญ่ประจำคฤหาสน์มีโคมแชนเดอเรียส่องสว่างหรูหรา เอ้า ผมสังเกตว่าคุณน้าเพ็ญศรีแม่ของปุณณวัฒน์ก็นั่งอยู่ด้วย

นายปุณมีสีหน้าแปลกใจ “อ้าวคุณแม่ มาทำอะไรที่นี่กันครับ?”

“ปุณ น้าขอโทษนะที่เป็นฝ่ายถือวิสาสะโทรฯไปขอกุญแจคอนโดของปุณมาจากคุณเพ็ญ...น้าจะเข้าเรื่องเลยนะ” แม่ยังคงความ
ตรงเผงไว้ได้ราวกับเกลือ...“น้าอยากฝากน้องให้ไปอยู่กับปุณ”

“หา???!!!” ผมกับปุณณวัฒน์ร้องพร้อมกัน

“เมื่ออาทิตย์ก่อน ปุณคงได้อ่านข่าวที่มีกลุ่มนายแบบโดนตำรวจบุกจับปาร์ตี้ยาเสพติดที่...” ม่าม๊ามีสีหน้าอับอาย ผมบอกได้จาก
แถบเรื่อสีแดงบนใบหน้าขาวผ่อง ซึ่งปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของผมเช่นกัน “คอนโดนั้นคือคอนโดของเจ้าไอซ์นั่นเอง”

ปุณณวัฒน์หันมาทางผม แต่ผม...ไม่กล้าพอจะหันไปสบตาเขา

“แล้วน้องเป็นอะไรมากมั้ยครับ?” แปลกแฮะ หมอนี่มาเป็นห่วงผมทำไม

“ไอซ์ไม่ได้เสพยาลูก แต่ไอซ์มันผิดตรงที่ยอมให้เพื่อนมาทำอัปปรีย์ในห้องที่น้าซื้อให้มัน น้าเลยริบของคืนจากมันทั้งหมด”

“ม๊า...” ผมครวญ

“ลื้อไม่ต้องมาพูดเลย!” ม๊าหันมาแว๊ดใส่ผม สะบัดมือออกรุนแรง “ลื้อรู้มั้ยอั๊วนอนไม่ได้กินไม่หลับเพราะลื้อมาไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืน
ลื้อจะอายุยี่สิบห้าแล้ว เรียนก็ยังไม่จบ ไม่รู้ชีวิตจะเอาไปทิ้งวันไหน ที่ไหน ต่อไปนี้ถ้าอั๊วยังมีชีวิตอยู่ อั๊วก็จะเป็นแม่ที่รักลื้อ โดย
การลงโทษลื้อจนกว่าลื้อจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที!”

“ปุณ...น้าอยากฝากน้องไปอยู่กับปุณเพื่อให้ปุณสอนน้อง สอนให้น้องเก่งเหมือนปุณ โตเหมือนปุณ...ไหนๆเราก็สนิทกันจน
เหมือนญาติ น้าไม่อยากปล่อยให้ลูกน้ามันคบหากับคนอื่น น้าไม่ไว้ใจใครนอกจากปุณนะลูก”

หมอนั่นทำหน้าเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ผมรีบชิงแทรก “ม๊า ม๊าไม่ต้องให้อั๊วไปอยู่กับมันหรอก อั๊วไม่อยากคุยกับมันด้วยซ้ำ”

“ลื้อหุบปากไปเลยนะไอ้ไอซ์! ต่อไปนี้ลื้อต้องเชื่อฟังอั๊ว และพี่ปุณ เรียกเค้าว่าพี่ปุณด้วย! ถ้าลื้อไม่ทำล่ะก็ อย่าหาว่าอั๊วใจร้ายไม่
ได้นะ” แม่ถลึงตาใส่รุนแรงจนผมต้องแผ่วลง

“แต่ม๊า ให้อั๊วไปอยู่กับเจ้อิมก็ได้นี่นา”

“ไม่ได้! อีบอกอั๊วว่าอีไม่ต้อนรับลื้อ ลื้ออยากไปอยู่ให้ผัวเมียเขาทะเลาะเบาะแว้งบ้านแตกกันหรือไง?” ม๊าชี้หน้าผม พร้อมกับหรี่
ตาและกร่อนเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น “อั๊วรู้ว่าที่ลื้องอแงเนี่ยไม่ใช่เพราะไม่อยากไป แต่ลื้อไม่กล้าไปอยู่กับพี่เขามากกว่า อย่า
ให้อั๊วต้องพูดนะว่า...”

ผมรีบคว้ามือม๊ามากอดไว้ “เห้ยม๊าๆ เดียวก่อน ม๊าอย่าพูดอะไรไป...”

“เอ่อ คุณ...คุณน้าครับ” ปุณณวัฒน์เอ่ยอย่างงุนงง “ผมเข้าใจสถานการณ์คุณน้านะครับ แต่เกรงว่าผมเองก็คงดูแล...เอ่อ น้องไม่
ได้เหมือนกัน เพราะ...”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณอมร ให้เพ็ญจัดการเอง”

แม่ของผมพยักหน้าให้คุณน้าอมร แล้วดึงหูผมออกไปจากห้องรับแขก เสียงร้องโอ๊ยๆดังก้องไปทั่วบ้าน


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

“ปุณ แม่ขอเถอะ รับตาไอซ์ไปอยู่ด้วยสักพัก ตอนนี้น้องหลงทางกับชีวิตมากจริงๆ”

คุณแม่ใช้มือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นและบอบบางกุมมือผมไว้ แกมักจะใช้วิธีขอร้องอย่างอ่อนโยนต่อผมเสมอ เพราะรู้ดีว่าผมจะสนอง
ความต้องการให้ท่านได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้…

แต่คราวนี้...มันมากเกินไปจริงๆ!

“คุณแม่ครับ แต่ผม...ผมทำไม่ได้!”

“ทำไมล่ะลูก”

“ผม...ผมเข้ากับเด็กนั่นไม่ได้สักนิด เขาทั้งอวดดี หลงตัวเอง และกวนประสาทผมที่สุด!”

ผมเผลอตัวเสียงดังด้วยความโมโห มือไม้สั่นไปหมด โอ้ยยยยย นี่มันวันบ้าอะไรของผมกันเนี่ย!

คุณแม่หัวเราะอารมณ์ดี “แต่เท่าที่แม่เห็น ตอนเด็กๆปุณกับน้องก็สนิทกันดีนี่นา ปุณคอยแต่จะถามแม่ว่าเมื่อไรจะได้เจอน้อง และ
ก็อยากจะเล่นแต่กับน้องคนเดียวด้วยซ้ำ”

“แต่นั่นคือตอนผมเป็นเด็กไงครับคุณแม่” ผมโอดครวญอย่างหมดกำลัง “ผมไม่มีวันดูแลหมอนั่นได้ หรือแม้แต่จะสอนอะไรเขา
เลย ลำพังตัวผมเองยังเอาไม่รอดเลยนะครับ”

“นั่นแหละ เหตุผลที่แม่อยากให้ปุณเอาน้องไปดูแล...แม่ไม่อยากเห็นปุณซึมเศร้าจากความผิดหวังที่ปุณหมกมุ่นอยู่กับมัน...แม่
ไม่อยากเห็นปุณก้าวต่อไปไม่ได้ เหมือนแม่...”

ผมชะงัก “หมายความว่ายังไงครับ?”

“แม่รู้ว่าปุณรักพี่บิ๊กมาก รักกันมานาน แม่เข้าใจว่าปุณเจ็บปวดมากแค่ไหน”

ผมเจ็บแปลบยามได้ยินชื่อคนรักเก่า มันยิ่งเสียดแทงเข้าไปอีกเมื่อคุณแม่เอ่ยชื่อของเขาทั้งๆที่ผมไม่เคยเปิดเผยเลยด้วยซ้ำ

“แม่ไม่ได้คาดหวังจะให้ปุณบอกเรื่องส่วนตัวทั้งหมดกับแม่ แต่อยากให้รู้ว่าแม่จะรักปุณเสมอ ไม่ว่าปุณจะรักใคร”

ดวงตาของผมเริ่มเอ่อคลอ “แม่เป็นห่วงอย่างเดียวว่าจะไม่มีคนรักปุณเหมือนที่แม่รักปุณอีกแล้ว” คุณแม่ค่อยๆดึงตัวผมเข้าไป
กอด ลูบหัวผมเบาๆ นั่นมากพอที่จะทำให้ผมเริ่มร้องไห้ และปล่อยโฮออกมาในอ้อมอกที่อบอุ่นที่สุด

“ฉะนั้นแม่อยากให้ปุณได้ช่วยไอซ์ ไอซ์เป็นเด็กดี เพียงแต่เขาเกเรบ้างเวลารู้สึกไม่ได้รับความใส่ใจ น้องเป็นเหมือนน้องที่ปุณไม่
เคยมี ปุณช่วยน้องก็ถือว่าปุณช่วยแม่เพราะแม่ไม่อยากให้ปุณติดอยู่กับอดีต ปุณมาสร้างอนาคตให้กับใครสักคนดีกว่า”

“แม่แก่ลงทุกวันนะลูก แม่อยากสบายใจ พี่ขุนก็จะแต่งงาน ไม่นานก็มีหลานให้แม่อุ้มแล้ว...แล้วปุณล่ะ แม่จะเห็นปุณมีความสุข
เหมือนคนอื่นๆบ้างหรือเปล่า?”

ผมปาดน้ำตา ความรู้สึกเขินอายพุ่งพล่านอยู่ในอก น้อยครั้งนักที่ผมจะยอมให้คนเห็นคราบน้ำตาของผม

“คุณพ่อไม่อยู่กับพวกเราแล้ว แต่หากแกยังอยู่ แกคงจะขอร้องปุณในสิ่งที่แม่ขอร้องปุณเช่นกัน ปุณตกลงช่วยน้องไอซ์เถอะนะ
ลูก”

วินาทีนั้น ผมได้แต่มองหน้าคุณแม่ พยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว...

โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่า ผลลัพธ์มันจะมากมายมหาศาลมากแค่ไหน

และเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล...




โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อจ้าาาา



4.

บทบาทหน้าที่ ‘พี่ชาย’ จำเป็นของผมเริ่มขึ้น เมื่อน้าอมรสั่งให้เด็กรับใช้ยกกระเป๋าเดินทางและข้าวของเครื่องใช้ขึ้นรถผมทั้งสิ้นสี่
ใบด้วยกัน...

ผมขับรถด้วยความงุนงงพร้อมกับ ‘น้องชาย’ จำเป็นที่นั่งแบบ มึนๆและเงียบงันไม่แพ้กันไปตลอดทาง

เมื่อถึงคอนโดของผมย่านสาทร เราสองคนช่วยกันยกกระเป๋าขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร

ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องบ้าๆนี่เกิดขึ้นกับผม

แถมไม่ได้ฝันไปอีกต่างหาก!

ผมมองร่างสูงยืนเท้าใส่เอว สีหน้าหงุดหงิดเต็มประดา ซึ่งมองตาขวางมาทางนี้ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูตู้เย็น

“อะไรวะ นายไม่มีเบียร์เย็นๆเลยหรือไง?”

เสียงกวนๆแบบฉบับเด็กผู้ชายเกเรดังข้ามหัวพร้อมกับเสียงรื้อค้นข้าวของในตู้เย้นอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ

“ฉันไม่ดื่มเบียร์ แต่มีไวน์แช่อยู่ด้านล่างตู้”

“นายเป็นตุ๊ดป่าวเนี่ย? คนบ้าอะไรไม่กินเบียร์”

ผมสะดุ้งโหยง ไอ้เด็กปากหมานี่!

“นายอยู่ในบ้านฉัน นายควรจะพูดกับฉันด้วยความเคารพมากกว่านี้”

“ให้เรียกยังไงล่ะ คุณปุณครับ ท่านปุณครับ ฯพณฯท่านปุณครับ เอาแบบไหนดี?”

ผมยกมือขึ้นนวดขมับ “เรียกว่าพี่ปุณก็ได้นะ...”

หน้าขาวๆนั้นสงบนิ่งมากขึ้น “ไม่ล่ะ...นายไม่ใช่พี่ชายฉันสักหน่อย”

ผมบอกให้เขาขนของใช้ส่วนตัวทั้งหมดเข้าไปนอนอีกห้องหนึ่งซึ่งไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน นับแต่ซื้อคอนโดนี้ผมก็ไม่เคยมีเพื่อน
หรือใครมานอนค้างห้องที่ว่างไว้เลยสักคน

ความเหน็ดเหนื่อยคืบคลานเข้ามา ผมล้าเกินกว่าจะคุยกับเขาถึงกฎที่เราควรใช้เมื่ออยู่ร่วมกัน ช่างเถอะ ผมแค่อยากอาบน้ำ แล้ว
ปีนขึ้นเตียง เพื่อพบว่าเรื่องตลกนี่คือผลพวงจากจินตนาการแห่งความฝัน

สายน้ำอุ่นกำลังดีไหลผ่านใบหน้า ลำตัว ผมเคลิบเคลิ้มกับมันจนกระทั่งเสียงลากประตูกระจกห้องอาบน้ำเลื่อนเปิดออก

“เห้ย!!!” ผมร้องเสียงหลง

“นาย ห้องอาบน้ำของห้องฉันมันไม่มีน้ำอุ่น น้ำก็ไม่ไหลเลย ฉันจะอาบห้องนี้” ผมมองผ่านม่านน้ำไปที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่ ไหล่
กว่างและแผงอกมีมัดกล้ามลีนๆเรื่อยลงไปที่หน้าท้องแบนราบ “นายอาบเร็วๆสิ”

ผมหน้าแดง...โอเคจริงอยู่ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นผู้ชายเปลือยกายอยู่ตรงหน้า แต่มันแทบนับครั้งได้เลยที่ผมจะแก้ผ้า
อล่างฉ่างแบบนี้ให้คนอื่นดู

โดยเฉพาะเจ้าหมอนี่!

“ฉันโป๊อยู่นะ! นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย”

“ก็เหนื่อยแล้ว อยากจะอาบน้ำ เร็วๆเข้าสิ” ดวงตาชั้นเดียวเรียวหวานแฝงไปด้วยความขี้เล่นหรี่ต่ำ “หรือให้ผมอาบด้วยดีครับ
ฯพณฯท่านพี่ปุณณวัฒน์”

ผมรุดออกมาจากห้องน้ำจนแทบจะลื่นหกล้มหัวฟาด พยายามไม่ใส่ใจต่อเสียงหัวเราะดังลั่นของคนบ้าที่ดังไล่หลังมา

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

โชคยังดีที่ห้องของเจ้าแข็งทื่อนี่อยู่ใจกลางเมือง ทำให้ไม่ยากมากนักยามที่ผมไลน์ตามเพื่อนๆให้ออกมากินเหล้ากับผมทุกคืน

ผมยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ก็ของมันเปลี่ยนยากแล้วนี่ครับ การเมาหัวราน้ำเป็นสิ่งที่ผม(คิดว่า)ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ มันทำให้
ผมไม่ต้องสนใจเรื่องราวต่างๆบนโลกใบนี้มากเท่าไรนัก

ผมกลับถึงบ้านยามย่ำรุ่งทุกวัน ทำให้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องบ้าระเบียบนั่นเลยแม้แต่น้อย ทว่าพอนานวันเข้าห้องผมก็
เริ่มรก เสื้อผ้าต้องการทำความสะอาดและรีดให้เรียบร้อย ผมเริ่มไม่มีเสื้อผ้าใส่ออกไปท่องราตรีหรือพบปะใครได้

อย่าพูดถึงเตียงนอนที่เหม็นหมักหมมและห้องน้ำที่มีร่องรอยเรี่ยราดอยู่ทุกหนแห่ง...

คืนวันหนึ่งก่อนที่ผมจะออกไปเที่ยวตามปกติ ปุณณวัฒน์กลับบ้านเร็วกว่าปกติ เขากำลังหันหน้าเข้าหาเตาทำครัวพร้อมกับขยับ
กระทะในมือ กลิ่นหอมกรุ่นของอะไรสักอย่างเป็นกระเทียมๆฟุ้งไปทั่วบ้าน

“นี่ นาย” เสียงทำอาหารกับเครื่องดูดควันยังคงดังสนั่น “นี่นาย ฉันเรียกได้ยินมั้ย!”

เขาหันกลับมามองด้วยแววตาเย็นชา “ฉันไม่ได้ชื่อนาย”

“เออ แต่ฉันน่ะ เรียก นาย...เฮ้ ยูๆ ยู!” ฮึ๊ย! คนบ้าอะไรวะเนี่ย พูดด้วยแล้วอารมณ์เสียทุกครั้ง “พรุ่งนี้นายเรียกแม่บ้านให้เข้ามา
ทำความสะอาดห้องฉันด้วย อ้อ คืนนี้ฉันอาจจะไม่กลับบ้านนะ”

“นายมีเงินจ้างแม่บ้านเหรอ?”

ผมส่ายหน้า “ไม่มีหรอก แต่นายมีนี่”

“แน่นอน เพราะฉันจ้างให้เขามาทำความสะอาดห้องฉันคนเดียว”

“นาย...”

“รู้แล้วสินะว่าใครต้องเป็นคนทำความสะอาดห้องนั้น” ใบหน้าเรียบเฉยคมเข้มมีอมยิ้มบางๆ ผมอยากตันหน้าคนตัวสูงนี่สักตั้ง
“หรือ ถ้านายเรียกฉันดีๆ เลิกทำเหมือนที่นี่เป็นโรงแรม ฉันอาจจะยอมให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องนายด้วยก็ได้”

“มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้...” ผมยั้งปากไว้...อย่างน้อยผมน่าจะแสร้งทำเป็นยอมอ่อนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

“ไอซ์...เลิกออกไปเที่ยวทุกวันแบบนี้เถอะ” ปุณณวัฒน์ยกข้าวผัดคะน้าปลาเค็มสองจานเดินไปที่โต๊ะกินข้าว “นั่งกินข้าวกับพี่
เถอะ มาสิ”

ความจริงผมไม่กล้ากินอาหารฝีมือเขาหรอก กลัวโดนวางยาล่ะสิไม่ว่า...แต่กลิ่นหอมของมันช่างเย้ายวน บวกกับที่ฝ่ายนั้นยอม
เริ่มพูดดีๆกับผม ผมยืนลังเลก่อนจะยอมตามไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

คนคิ้วเข้มยื่นช้อนและริมน้ำส้มให้ “ตามสบายนะ”

ผมตักเข้าปาก อืม อร่อยแหะ ผิดคาดกับนิสัยจืดชืดของคนทำฟ้ากับเหวเลยแหละ

เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ จนผมยัดข้าวทั้งจานลงไปจนพุงกาง ผมตบท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพคทว่าป่องออกมาเล็กน้อย

“นายยังต้องกลับไปเรียนอีกมั้ย?”

ผมเบ้ปาก “ไม่ต้องแล้ว ฉันรอคำตอบรับสมัครเด็กฝึกงานอยู่”

“แม่ของนายฝากพี่ให้รับนายเข้าฝึกงานที่บริษัทฯ นายพร้อมเมื่อไรก็บอกนะ”

ปุณณวัฒน์ดึงจานผมไปพร้อมกับของตัวเอง ผมดูดฟันด้วยความอ้ำอึ้ง ควรจะขอบคุณเขามั้ยนะ? อย่าเลย ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่
นา...ผมมองตามร่างสูงผิวแทนสวยล้างจานอย่างตั้งใจ นึกเกลียดความรู้สึกเลือกไม่ถูกระหว่างเล่นบทม้าพยศต่อ หรือควรสร้าง
มิตร(เทียม)กับเขาดี

โธ่เว้ย! 

คืนนั้นผมตัดสินใจอยู่ที่ห้อง ประจวบเหมาะกับที่ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนจากการเที่ยวหนักๆติดต่อกันหลายคืน วันรุ่งขึ้นผม
จึงมีแรงตื่นเช้าชนิดผิดวิสัย ภายในห้องว่างเปล่าแต่กุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ของปุณณวัฒน์ยังอยู่

ผมถือโอกาสแต่งตัวลงไปที่ฟิตเนสของคอนโด การเป็นนายแบบที่มีหุ่นน่าเจี๊ยะแบบผมต้องการการดูแลที่สม่ำเสมอและจริงจัง
ในเมื่อผมเที่ยวอย่างสนุกมาพอสมควรแล้ว ยามฟื้นฟูผมก็ให้ความสำคัญมากไม่แพ้กัน

ร่างของใครบางคนดำพุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำ อ้อ นายแข็งทื่อน่ะเอง

ผมลอบมองผ่านกระจกใสในส่วนยกน้ำหนักที่ติดๆกัน ปุณณวัฒน์มีแววตาที่มุ่งมั่นที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเจอมา

ยังไม่พูดถึงสันกรามสวยบาดใจนั่นอีกเล่า...ผิวแทนและร่างกายสูง ไหล่และบ่ากว้าง กล้ามแขนแน่นกระชับจากการออกกำลัง
กายและเห็นได้ชัดว่ามีโภชนาการที่ยอดเยี่ยม แผงอกของเขาแน่นและกว้าง แต่ไม่หนาเท่าผม ซึ่งผมเองก็เพิ่งสังเกตว่าหน้าท้อง
ของเขาก็แบนราบและเต็มไปด้วยลอนกล้ามเนื้อเช่นกัน

ต่างกันที่กล้ามเนื้อภายใต้ผิวสีน้ำตาลอ่อนนั้นช่างสวยงามและเซ็กซี่ยามเคลื่อนไหวไปมา

จู่ๆร่างกายด้านล่างของผมมันก็พองฟูขึ้น เชี้ยล่ะ...

ผมรีบเก็บอุปกรณ์แล้วหนีขึ้นห้อง ก่อนที่ใครจะมาเห็นสภาพความต้องการของผมที่ฟ้องออกมา ผมล็อคประตูและรีบจัดการตัว
เองอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะขึ้นมา

แปลกตรงที่ว่า ในหัวของผมกลับมีแต่ภาพติดตาจากสระว่ายน้ำด้านล่าง ที่พยายามอย่างไรก็ไม่อาจหยุดคิดถึงได้...



โปรดติดตามตอนต่อไป



ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
น้องไอซ์เด็กเกเร ต้องให้พี่ปุณณ์ปราบใหัอยู่หมัด หุหุ

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดูละครกันอยู่หรือไม่ออเจ้า? รักเบลล่า ชอบเบลล่ามากกกกกครับ คนอะไรน่ารักทุกมุม หึหึหึหึหึ  :hao7: o13 :กอด1:




5.

ปุณณวัฒน์เคาะประตูห้องตอนเย็นเพื่อบอกว่ามื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผมเดินลากขาอืดๆ เอามือเกาหัวแกรกๆตามร่างสูงไปอย่างเหนื่อยหน่าย หากแต่ในใจกลับตื่นเต้นและลิงโลดที่จะได้ลิ้มรสชาติ
อาหารของเขาหลังจากที่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมเฝ้ารอมาตลอดทั้งวัน

ปุณณวัฒน์กลับบ้านเร็วขึ้นจนคนความรู้สึกช้าความสังเกตต่ำอย่างผมยังรับรู้ได้ ทุกวันเขาจะกลับมาทำอาหารง่ายๆโดยไม่ได้ขอ
ความคิดเห็นเรื่องเมนูจากผม

แต่ทุกอย่างที่เขาปรุงกลับถูกปาก อร่อย เอ๊ะ หรือว่ามันอร่อยของมันอยู่แล้ว เอ๊ะ...หรือผมคิดไปเอง

“วันนี้นายทำอะไรบ้าง?” เสียงทุ้มถาม

“เล่นยิม แล้วก็ขึ้นมานอน” แล้วก็ขัดจรวดนิดหน่อย...”แล้วนายล่ะ ทำอะไรบ้าง”

ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วเรียวเข้มขึ้นอย่างประหลาดใจที่ผมเป็นฝ่ายชวนคุย “วันนี้งานยุ่งมาก ประชุมทั้งวัน พี่ต้องช่วยงานพี่ขุนเพราะแก
ต้องเตรียมเรื่องงานแต่ง”

เหมือนมีคำพูดติดอยู่ในคอ พร้อมจะหลุดออกมาจากปาก แต่ผมไม่ได้ถามต่อ มันไม่กล้า อีกทั้งทิฐิที่มีมากมายติดตัวจนเป็นนิสัย
ทำให้อีกฝ่ายที่โตกว่าเอ่ยต่อไปอย่างใจเย็น “นายเคยเจอแฟนพี่ขุนหรือยัง เขาชื่อพี่ผึ้ง เป็นฝ่ายการเงินอยู่ที่บริษัทฯ แกนิสัยน่า
รักมาก วันหลังพี่จะแนะนำให้เรารู้จัก”

“อืม”

“ไอซ์ยังอยากไปทำงานที่บริษัทฯ พี่อยู่มั้ย?”

“...”

“ไอซ์ใช้เวลาคิดตัดสินใจอีกสักนิดก็ได้ แต่ยิ่งเลือกทางเดินได้เร็ว น้าอมรก็จะยิ่งดีใจและภูมิใจในตัวเรานะ”

ผมนั่งกอดอกแสร้งมองไปทางอื่น แล้วจึงแอบมองแผ่นหลังโค้งสวยก้มน้อยๆอยู่เหนืออ่างล้างจาน ผมเขย่าเท้าสองสามทีพลาง
ผุดลุกขึ้นไปยืนข้างร่างสูง เบียดเขาออก

“ให้ฉันช่วยนายบ้างล่ะกัน”

ไม่ต้องมีตาก็รู้ว่านายหน้าตาย(น่าตาย)นั่นแอบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้อยู่ เขาเดินไปเปิดทีวีดูช่องกีฬา พลางกดไปช่องเทปบันทึกแม
ชล่าสุดของฟุตบอลคู่โปรดของผม

ผมจึงเลือกไม่ได้ นอกจากจะนั่งเยื้องกับเขาบนโซฟา นั่งดูบอลเงียบๆจนจบคืน

คืนนั้นผมนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา ผมนึกถึงคนทางบ้านที่แม้เวลาก็ผ่านมาครบเดือนแล้ว แต่ไม่มีใครติดต่อผมเลย

เนื่องจากเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลคนจีน ปกติแล้วมันใช้เวลาไม่นานที่ทุกคนจะหายโกรธผมเวลาที่ไปก่อเรื่อง และไม่นาน
อีกเช่นกันที่ผมจะถูกโอ๋ในฐานะตี๋น้อยเพียงคนเดียวอยู่เสมอ

เบื่อจังแฮะ...เงินติดตัวก้อนสุดท้ายก็หมดไปเมื่อไม่นานมานี่ นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำไมผมถึงต้องรอขอส่วนบุญเป็นอาหารง่ายๆ
จานเดียวทุกเย็นจากหุ่นยนต์อัจฉริยะห้องตรงข้าม

พอเงินหมด ก็ไม่มีตังไปกินข้าวกินเหล้าร้านหรูๆ พวกเพื่อนที่ผมเสนอตัว ‘เลี้ยงข้าว’ แทบทุกมื้อเหล่านั้นก็หายตัว ไม่มีใครสนใจ
ผมเลยสักคน...

รุ่งขึ้น ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้แต่เช้าตรู่เพื่อลงไปออกกำลังกาย แต่ก่อนไปผมค้นตู้เย็นเพื่อนำไข่ ไส้กรอก แฮม และเบคอนออกมา
ทำอาหารง่ายๆซะก่อน

นั่นคือเอาทุกอย่างใส่เข้าไมโครเวฟ

ผมปิ้งขนมปังหนึ่งคู่ และมันไหม้ดำปิดปี๋ ไม่นานที่ร่างสูงผิวเข้มเดินโงนเงนออกมาด้วยหน้าตางัวเงีย

“นายทำอะไร?”

“ฉัน...ฉันจะทำอาหารเช้ากินเองน่ะ” ผมลังเลก่อนจะหยิบถ้วยที่ตอกไข่ซึ่งอุ่นด้วยไมโครเวฟ หน้าตามันห่างไกลมากจากสิ่งที่คุ้น
เคยกันในนาม ‘ไข่ดาว’ “นายอยากกินมั้ยล่ะ...ฉันพอจะว่างทำให้นายได้บ้าง”

ปุณณวัฒน์ยิ้มพลางปล่อยลมหายใจ มันน่าขำตรงไหนกันหึ!

“ได้สิ พี่ขอขนมปังปิ้ง กับแฮม และไส้กรอกแล้วกัน”

“แน่ใจนะว่าไม่อยากกินไข่ดาวด้วย?”

นายหุ่นยนต์เลิกคิ้วแบบที่เคยทำ นั่นก็คือฉายแววครุ่นคิด และยากจะบอกได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ก็ได้ พี่ขอหนึ่งฟองก็พอ”

หมอนั่นรุดไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่นานนักร่างในชุดเสื้อเชิร์ตสีขาวเนี๊ยบเรียบกริบ และน้ำหอมชาแนลผู้ชายก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม เขา
เริ่มตักอาหารทุกอย่างเข้าปากอย่างไม่รอช้า เราสองคนนั่งกินอาหารไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร

แสงแดดที่ส่องสะท้อนเข้ามาในตัวห้องกระทบลงบนกลุ่มผมตรงเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้มของเขา ผมเพิ่งสังเกตว่าเขามีดวงตาสีอ่อน
ที่เมื่อกระทบแสงอาทิตย์แล้วช่างแลดูอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด

นี่ผมเริ่มคิดอะไรแบบนั้นกับเขาตั้งแต่เมื่อไร?

“มองหน้าพี่ทำไมเหรอ?”

“เปล่านี่...”

คนแก่กว่าลุกขึ้นยืนจะเอาจานไปล้าง แต่ผมรีบแย่งเอาไว้ ทันได้เห็นสีหน้าฉายความพึงพอใจบนใบหน้าคมเรียวเกลี้ยงเกลา

“ขอบคุณนะ” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหลังผม จากนั้นจึงตามด้วยเสียงปิดประตู ผมไปยิมเพื่อออกกำลังกายรักษาหุ่น แต่ช่วงบ่ายทั้ง
วันนั้นมันช่างน่าเบื่อ ผมไม่มีอะไรทำ และมันก็อึดอัดแทบบ้า

เอ จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ผมมาอาศัยอยู่ที่ห้องนี้ ผมก็ยังไม่เคยสำรวจส่วนไหนของห้องนอกจากพื้นที่ส่วนตัวของผมเลยนี่นา

บ้านของหมอนี่โล่ง กว้าง...และสะอาดเรียบร้อยจนแทบไม่นึกว่ามีใครอยู่ด้วยซ้ำ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องอีกฝั่ง...กลิ่นหอม
สะอาดโชยมาแตะจมูกเป็นอย่างแรกซึ่งแตกต่างจากห้องของผม

ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเทาอ่อน ผมค้นตู้เสื้อผ้าของหมอนี่ก่อนเป็นอย่างแรก เขามีเสื้อผ้าเรียบๆ แบบเดิมๆ วนเวียน
อยู่ไม่กี่สี่ระหว่าง ดำ ขาว เทา ครีม เครื่องประดับอาทิเข็มขัดก็เป็นของแบรนเนมอยู่สองสามเส้น นอกนั้นก็เป็นพวกผ้าเช็ดหน้า
โห ต้องเป็นมนุษย์ยุคไหนกันที่ยังพกผ้าเช็ดหน้า ตลกชะมัด

อืม...แล้วโต๊ะทำงานล่ะ

ลิ้นชักโต๊ะทำงานก็แทบเรียกได้ว่าโล่ง ผิดกับชั้นวางหนังสือที่ปลายเท้าซึ่งอัดแน่นไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภท ตั้งแต่
นิยายฝรั่ง หนังสือself improvement ปรัชญา ธรรมะ การเมือง และหนังสือประวัติศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษแทบ
ทั้งหมด

ที่สุดท้ายก็เป็นลิ้นชักข้างหัวเตียง ผมค้นไม่นานก็เจอกล่องกระดาษอันหนึ่ง ผมยิ้มร่าพลางเขย่าฟังดูเสียง ใช่แล้ว ข้างในเต็มไป
ด้วยถุงยางอนามัย ไซส์เดียวกับผมสะด้วย...แถมยังมีเจลหล่อลื่นชนิดซองอีกต่างหาก

...ว่าไปแล้วผมไม่เคยรู้เลยว่าหุ่นยนต์จะมีชีวิตรักเหมือนคนทั่วไปเขาด้วย ปุณณวัฒน์จะมีสเปคแบบไหนกันนะ...ชอบคนผิวขาว
ผิวแทน? ชอบคนนมใหญ่หรือหุ่นเพรียวเป็นนางแบบ หรือว่า...

หมอนี่ชอบผู้ชายเหมือนผม

ผมคงต้องเริ่มสืบให้รู้ความจริงสะแล้วล่ะ 


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

จู่ๆผมก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุขณะกำลังขับรถกลับบ้าน

มันเป็นคลื่นที่เด็กบ๊องนั่นเคยเปิดทิ้งไว้บนรถผมพอดี...ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมอารมณ์ดีทั้งวันแบบนี้

ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มอยู่คนเดียว พอนึกถึงคนที่รออยู่ที่ห้องก็ตื้นตันใจไม่น้อยที่เด็กเกเรจอมดื้อเริ่มประพฤติตัวมีความหวังขึ้นมา
บ้าง

อัศวินเลิกเที่ยวดึกดื่น แต่นั่นก็คงเพราะไม่มีเงิน เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีเพื่อนออกมาสังสรรค์ด้วย

ผมส่ายหัวให้กับความคิดไม่รู้จักโต แต่นอกเหนือจากนั้นเขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะเก็บกวาดห้อง ดูแลตัวเองในเบื้องต้น อย่างเมื่อเช้า
วันก่อนเขาก็ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าอีกครั้ง คราวนี้ขนมปังปิ้งไม่มีรอยไหม้ หากแต่ ‘ไข่ดาว’ ของเขาก็ยังคงเป็นการตอกไข่ใส่ถ้วย
แล้วอุ่นไมโครเวฟอยู่ดี

ใจผมลอยไปถึงเมนูอาหารที่จะทำให้เด็กโข่งตัวสูงนั่นกิน จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“สวัสดีครับ ปุณณวัฒน์พูดสายครับ”

“ปุณ...”

เสียงปลายสายทำให้หัวใจของผมกระตุกวาบ มันเจ็บแปลบขึ้นมาราวกับร่างกายจดจำได้ว่าเจ้าของเสียงเคยสร้างความเจ็บปวด
ทางจิตใจไว้ให้ผมเท่าไร

“พี่บิ๊ก...”

เราสองคนไม่อาจค้นหาคำพูดชั่วขณะ...ผมได้โอกาสจอดรถที่ข้างทาง เปิดไฟกระพริบ

“ปุณ พี่ขอโทษ”

“...”

“พี่อยากเจอปุณ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

ผมกดวางสายในทันที หลับตาลงแน่นแล้วทุบพวงมาลัยเบาๆอย่างหัวเสีย

ทำไมเขาต้องติดต่อผมมาอีกครั้งด้วย แล้วทำไมใจผมถึงสั่นไหวรุนแรง ทำไมผมถึงยังโหยหายแววตาและอ้อมกอดจากคนๆนั้น
อยู่

ทำไมผมถึงไม่เรียนรู้สักทีว่าการถูกนอกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันเลวร้ายแค่ไหน

ทำไมผมถึงไม่เรียนรู้จากความผิดหวังและเสียใจมากมายเหล่านั้นได้เลย...




โปรดติดตามตอนต่อไป



ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่ปุณน่าสงสารจัง

ส่วนน้องไอซ์ก็เริ่มเป็นเด็กดีแล้ว???

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อแล้ว สงกรานต์นี้จะมาต่อรัวๆเลยน้า ว่างจ้า ฮ่าๆๆๆๆ :-[ :o8: :impress2:





6.

“ชนแก้วเว้ย เอ้า ชนแก้ว!!!”

เสียงสนทนาของผู้คนอึกทึกแข่งกับเสียงดนตรีสดของร้านอาหารชื่อดังย่านทองหล่อ วันนี้ผมมาฉลองกับเพื่อนๆหลังจากที่ได้
งานนายแบบกลับมาครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ตำรวจบุกจับที่คอนโดเมื่อสองเดือนที่แล้ว

งานวันนี้เป็นงานวิดีโอชู๊ตโปรโมตสินค้าลดน้ำหนักชื่อดังบนโลกออนไลน์ เนื่องจากนี่เป็นเงินก้อนที่ผมเพิ่งได้รับอีกครั้งจากการ
ทำงานด้วยตัวเอง ผมจึงเลือกใช้มันฉลองเอาเคล็ดเอาชัย

อีกอย่าง คือผมจะย้อมใจตัวเองด้วยล่ะครับ เพราะวันจันทร์หน้าผมก็ต้องไปเข้าค่ายมรณะในฐานะ ‘เด็กฝึกงาน’ ในบริษัทฯ ของ
ปุณณวัฒน์...

ไม่ดึกมากเท่าไรเมื่อผมเริ่มกรึ่มมึนด้วยเครื่องดื่มที่แรงที่สุดและแพงที่สุดของร้าน คืนนี้ผมอยากหิ้วใครสักคนกลับไปนอนด้วย
ตามความเคยชิน...แต่ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์ของผมมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมอาจต้องเปลี่ยนแผนโดยการหาทางหลอกเจ้าหุ่น
ยนต์หน้าตายนั่นให้ได้เสียก่อน จะได้ไม่ปากสว่างไปฟ้องแม่ผมอีก

ขณะที่ผมเดินออกจากห้องน้ำซึ่งติดกับโซนบรรยากาศเงียบและเป็นส่วนตัวกว่าส่วนอื่นๆหน่อย หางตาดันไปเห็นด้านหลังของ
ร่างสูงคุ้นตาที่นั่งซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด

ปุณณวัฒน์???
คนไร้สังคมอย่างหมอนั่นมาทำอะไรที่นี่กันนะ?

แต่เขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะมีผู้ชายหน้าตาดี...หล่อมากนั่งอยู่ด้วย

ผู้ชายคนนั้นดูค่อนข้างมีอายุ น่าจะสัก...เกือบๆสี่สิบแล้ว แต่ผิวหน้ายังสะอาดสะอ้าน และคล้ายว่าจะมีเชื้อฝรั่งปนอยู่บนสันจมูก
โด่ง และดวงตาที่ดูไม่เหมือนคนไทยสักเท่าไร

เขามาทำอะไรกับลูกครึ่งฝรั่ง?...ผมอยากรู้คำตอบโดยการเดินไปนั่งหันหลังให้โต๊ะของทั้งสอง เงี่ยหูฟังเต็มที่

“แต่พี่รักปุณ...พี่หยุดคิดถึงปุณไม่ได้”

ผมตื่นเต้นขึ้นมาทันที รักงั้นเหรอ?

“พี่บิ๊กครับ พอเถอะ ปุณทรมาน”

เสียงทุ้มที่เคยเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา บัดนี้สั่นเครือ

“ถ้าปุณยังไม่พร้อม งั้นเราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย? มันเจ็บปวดเกินไปเวลาไม่มีปุณอยู่ในชีวิตของพี่…”

ผมแอบมองข้ามไหล่ไปยังโต๊ะข้างหลัง เห็นฉากที่คนผิวเข้มตัดกับเชิร์ตขาวดึงมือออกจากการเกาะกุมของลูกครึ่งขี้นกที่แค่เห็น
หน้าครั้งแรกผมก็รู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียแล้ว

“ปุณ...ปุณ...”

ผมหลบแทบไม่ทันตอนนายหุ่นยนต์พุ่งตัวออกไปจากร้านด้วยความรวดเร็ว อีกคนลุกตาม ประจวบกับที่ผมหันไปมอง และสบตา
กับเจ้าของใบหน้าหล่อเข้าอย่างจัง

ผมว่าเรื่องนี้ชักจะเริ่มสนุกขึ้นทุกทีแล้วล่ะสิ


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนอนไม่หลับเลยสักคืน

มันยากที่จะข่มตาหลับเมื่อมีเรื่องหนักใจคอยป่วนสมอง ผมมักจะสะดุ้งตื่นก่อนเวลาที่ผมตื่นเป็นประจำเสมอ ซึ่งนั่นคือเวลา
ประมาณตีสี่กว่า มันทำให้ไม่สามารถกลับไปนอนต่อได้ ร่างกายจึงเพลียและล้ามากตอนที่ต้องลุกจากเตียงไปทำงาน

ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับไปทำงานอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ผมสูญเสียเวลานอน และมันทำให้ผมพักผ่อนไม่เพียงพอ จนเมื่อวันศุกร์ที่
แล้วผมทำงานพลาดไว้ค่อนข้างซีเรียส และวันจันทร์นี้ซึ่งเป็นวันแรกของการเริ่มฝึกงานของอัศวิน ผมจึงต้องเตรียมตัวและกุมสติ
ให้มากกว่าเป็นพิเศษ

นายขี้เก๊กนั่นทำตัวดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เขาเริ่มชวนผมคุยมากขึ้น ดูเหมือนว่าบรรยากาศภายใต้การอยู่ร่วมชายคาเดียวกันจะไม่
น่าหดหู่อีกต่อไป

“นายชอบคนแบบไหนเหรอ?”

คืนวันอาทิตย์นั้นผมจับตัวยุ่งมานั่งบรีฟงานคร่าวๆ จู่ๆคำถามนี้ก็ผุดขึ้น

“นายอยากรู้ไปทำไมกัน”

“ก็ ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นนายมีแฟน”

ผมหลบสายตา ใจเต้นตึกตัก “พี่งานยุ่งนายก็เห็น”

“โหย ไม่เอาน่า เล่าให้ฟังหน่อย นี่ฉันอยู่ร่วมบ้านเดียวกับนายมาสองเดือนกว่าแล้วนะ เท่าที่เห็นก็ยังไม่มีเดทหรือพา ‘สาว’ คน
ไหนกลับบ้านบ้างเลย”

ผมยังคงเงียบเฉย “บอกผมหน่อยนะ...นะ นะครับพี่ปุณ” ปากอิ่มและแดงเรื่อแบบเด็กสุขภาพดีออดอ้อนเล็กน้อย

ผมขมวดคิ้ว นี่เขาจะมาไม้ไหนกันเนี่ย

“นายทำตัวแปลกๆนะวันนี้”

“แปลกตรงไหน ก็พี่อยากให้ผมเรียกว่าพี่ปุณไม่ใช่เหรอ” คนตาตี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่ไม่มีแฟนแบบเนี้ย ไม่เหงาบ้างเลยเหรอ?”

ผมมองหน้าขาวๆฉายแววขี้เล่นนั่นอย่างว่างเปล่า “พี่...ไม่เหงาหรอก”

เหงาสิ...เหงามากเลยด้วย

“ผมว่าลึกๆแล้วพี่เหงานะ” ร่างสูงลุกจากเก้าอี้แล้วไปยืนข้างหลังผม วางมือลงบนบ่าข้างหนึ่ง “พี่คิดว่า พี่จะชอบคนอย่างผมได้
มั้ย?”

ผมถึงกับแหงนหน้าไปข้างหลัง แล้วก็ต้องตกใจที่ใบหน้าขาวสะอาดและหล่อเหลาของอัศวินโน้มลงมาใกล้จนลมหายใจของเขา
รดบนใบหน้าผม แววตาสีดำสนิทคู่นั้นก็ส่องประกายประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

อัศวินเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนตาหยีเป็นขีดเดียว “เพราะผมจะได้แนะนำเพื่อนผมให้พี่รู้จักได้ไง เอามั้ยล่ะ ผมมีทั้งเพื่อนนางแบบ
หุ่นดีๆ นางเอกสวยๆ หรือว่า” ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “หล่อๆแบบผมก็มีนะ”

ผมแกล้งส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนจะเก็บของแล้วเดินเข้าห้องไป...ใจผมเต้นตึกตักที่จู่ๆเด็กบ้านั่นก็ทำตัวแปลกๆ ผมรู้กิตติศัพท์
ความเจ้าชู้ของเขามาช้านาน...แถมเป็นความเจ้าชู้ที่ร้ายกาจมากซะด้วย แม้ผมจะรู้ว่าอัศวินชอบผู้ชายเหมือนกัน แต่เนื่องจากผม
ไม่เคยเปิดเผยตัวตนกับใคร มันเลยไม่ควรเป็นหัวข้อสนทนาระหว่างเราสองคน...

หรือว่าเขาระแคะระคายอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ?!


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

การฝึกงานวันแรกเป็นความน่าเบื่อชนิดที่ว่า ให้ผมฟังม๊าเทศนาสักสามวันคงจะดีกว่านี้ (แต่ผมคิดดูอีกทีแล้ว แย่
พอๆกันล่ะครับ...)

เช้านี้ปุณณวัฒน์แต่งตัวหล่อเนี้ยบเหมือนเดิม เสื้อเชิร์ตสีขาวบางปกคลุมร่างกายเพรียวและแน่นไปด้วยมัดกล้าม แต่สีหน้าของ
เขาแลดูซูบเซียวและเป็นกังวล

สงสัยคงจะเครียดจากฝรั่งบิ๊กเบนสินะ

เราตกลงกันว่าจะไม่เปิดเผยให้ใครรู้ว่าผมเป็น ‘เด็กฝึกงาน’ ของผู้บริหารที่นี่ ดังนั้นก่อนเข้าออฟฟิศเราเลยต้องแยกกันเดินเข้าไป
ร่างสูงเดินลิ่วไปที่ลิฟต์ด้านหลัง ส่วนผมต้องเดินผ่านโต๊ะรีเซฟชั่นด้านหน้าตึก

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวปุณณวัตน์ หรูหราสมฐานะแลนด์ดีเวลลอบเปอร์ขนาดกลางของเมืองไทย คือไม่ใหญ่
โตมากเท่าไรนักแต่มีเครดิตสูง และเป็นบริษัทที่ก่อร่างสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองมาไม่น้อย

แตกต่างกับธุรกิจของครอบครัวผมที่บริหารกันโดยคนในครอบครัว ปกครองกับแบบแม่-ลูก โดยมีเจ้อมรศรีแม่ของผมเองที่ดูแล
กิจการทั้งหมด เรามีโรงงานและโกดังสินค้าขนาดใหญ่ตามอำเภอเมืองของทุกจังหวัดไล่ตั้งแต่พิจิตรจนถึงแพร่-น่าน

หลังจากฟังorientationแบบง่วงๆกับเด็กสาวอีกคนที่มาจากรั้วมหาลัยรัฐชื่อดัง ผมก็ถูกส่งไปนั่งโต๊ะทำงานว่างๆในแผนกมาเก็ต
ติ้ง

ครึ่งวันแรกเป็นการเรียนรู้ระบบงานคร่าวๆ อาทิระบบเก็บข้อมูลส่วนกลางของบริษัท ระบบการเก็บเอกสาร แม้ผมจะอยู่แผนกมา
เก็ตติ้งก็ตาม แต่สิ่งที่ผมทำคือเก็บเอกสาร ถ่ายเอกสาร และในอนาคตผมอาจจะต้องตามไปจดโน๊ตเวลามีใครเข้าประชุม

ผมไลน์ไปหา ‘เจ้านาย’ ตอนเที่ยง

‘พี่ปุณ ผมหิวข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ’

หมอนั่นส่งข้อความตอบกลับมาทันที ‘พี่ยุ่งมาก นายช่วยตัวเองไปก่อนได้มั้ย’

‘ยุ่งอะไรนักหนา ผมนี่นั่งว่างมากเลย’

ไม่ตอบ...ผมชักเริ่มหมดความอดทน หันไปมองรอบๆห้องขนาดหกโต๊ะ ราวกับว่าทุกคนกำลังจ้องมองผมอยู่ ซึ่งผมคงคิดว่าพวก
เขาคงงุนงงที่ไหงจู่ๆ ไอซ์ อัศวิน นายแบบและดาราดาวรุ่งชื่อดังถึงมาฝึกงานในบริษัทฯ แบบสายฟ้าแลบ

เลขาฯ หน้าห้องปุณณวัฒน์ไปกินข้าวแล้ว ผมจึงเปิดประตูพรวดพราดเข้าไป เจ้าของห้องมองด้วยดวงตาเข้มขวาง

“ผมเบื่อแล้ว เราเลิกเล่นละครบ้าๆนี่ซะทีได้มั้ย”

“ยังไม่พ้นวันแรก นายก็ถอดใจซะแล้ว” คนพูดเอ่ยโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสาร

“ก็สิ่งที่ต้องทำมีแค่แยกเอกสาร จัดเอกสาร เก็บเอกสาร มันเป็นงานที่ไม่ได้ใช้ความรู้อะไรเลยสักนิด”

“แล้วนายคิดว่านายมีความรู้มากพอแล้วหรือ?”

“อ้าวนี่ พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ว่าผมโง่เหรอ”

“หมายความว่า” เขาถอดหายใจเฮือกใหญ่ “แทนที่นายจะเอาเวลามางอแงเป็นเด็กไร้ความสามารถ พี่ว่านายควรตั้งใจเรียนรู้
เหมือนที่นายตั้งใจทำลายชีวิตตัวเองมาก่อนหน้านี้”

ผมสะอึก ความโกรธพุ่งพล่านทั่วหัวอกในทันที กำมือแน่น “นายไม่เห็นจำเป็นต้องใช้คำพูดรุนแรงแบบนั้น”

“ทีนี้รู้หรือยังล่ะว่าการเป็นคนไร้กาลเทศะมันน่ารังเกียจยังไง”

ว่าแล้วไอ้เจ้าหุ่นยนต์ปากกรรไกรก็ก้มหน้าลงไปที่เอกสารต่อ ผมกัดฟันกรอด ตอนนี้นึกอยากตันหน้าหมอนี่เข้าสักป๊าบ

ได้! แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่!


โปรดติดตามตอนต่อไป




ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สุขสันต์วันสงกรานต์นะครับ วันนี้จะไปทำบุญวันเกิดให้ตัวเองด้วย อาจจะมาลงวันที่ 14 เช้าๆ หรือ 15เลยเด้อ



7.

วันแห่งการทำงานผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ตอนเช้าทุกวัน ไอ้หุ่นยนต์บ้าอำนาจนั่นบังคับให้ผมชงกาแฟไปเสิร์ฟที่ห้องอย่างจงใจ
เรื่องแบบนี้มันงานเลขาฯ ชัดๆ!

ผมจะใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นจนถึงก่อนเที่ยงแทบทุกวัน ดูเหมือนนอกจากปุณณวัฒน์จะบ้างาน บ้าอำนาจ เจ้าบงการ แต่เขาก็
ทำงานเก่งและฉลาดสุดๆไปเลย

เขาสอนผมอย่างตั้งใจถึงหลักการบริหาร และความรู้ทางด้านมาเก็ตติ้งที่เขาร่ำเรียนมาจากประเทศอังกฤษ เอาจริงๆแล้วสิ่งที่เขา
สอนผมในหนึ่งอาทิตย์นั้นเข้าหัวมากกว่าที่เรียนมาสี่ห้าปีในมหาวิทยาลัยเสียอีก

แต่ด้วยสปีดการทำงานที่เร็วเป็นพายุในตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังแกล้งผม และผมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ทำผิด
พลาดจนถูกเขาดุให้สูญเสียความตั้งใจ

ผมสนิทกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวๆที่ต่างตื่นตาตื่นใจไปกับประวัติส่วนตัวและหน้าที่การงานของผมในวงการ
บันเทิง ผมรู้จักวิธีอยู่ร่วมกับทุกคนอย่างเอาอกเอาใจ จึงไม่แปลกเลยที่โต๊ะของผมจะมีขนมอร่อยๆวางอยู่มากมายทุกวัน

หรือแม้แต่หนุ่มๆในบริษัทฯ หน้าตาน่ารักๆพอมีอยู่บ้างสองสามคน แค่คิดว่าจะได้รวบหัวรวบหางคนไหนก่อนดีก็ทำให้เลือด
กระทิงหนุ่มสูบฉีดพุ่งพล่านเท่าไรแล้ว...

แต่ก่อนอื่น ผมต้องรับมือกับยักษ์บ้างานตรงหน้านี่ให้ได้เสียก่อน

“นายใจลอยไปไหนอีกแล้ว พี่บอกให้ตั้งใจฟังตรงนี้ไง ต่อไปนี้นายจะได้เข้าประชุมกับพี่ๆได้”

ผมเลื่อนตากลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หัวเราะแหะๆ “ว่าไงนะ เอาใหม่อีกรอบได้มั้ย”

หัวที่มีเส้นผมเซ็ทเป็นระเบียบส่ายไปมา “นายอยากพักก่อนมั้ย พี่ขอโทษทีที่อธิบายเร็วเกินไป”

ผมยักไหล่ หมอนั่นลุกไปเลือกหนังสือจากชั้นที่อีกด้านหนึ่งของห้อง

“พี่ปุณ...ถ้าผมจะจีบใครสักคนในบริษัทฯ พี่จะว่าผมมั้ย?”

“นายยังต้องถามอีกเหรอ” เสียงทุ้มไม่นุ่มและอ่อนโยนเหมือนเคย

“อ้าว ทำไมล่ะ” ผมลุกขึ้นยืน “พี่หึงผมเหรอ?”

ร่างสูงหันมาสบตา “นายพูดจาแปลกๆมาหลายวัน นายเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ก็ผมบังเอิญไปรู้เรื่องราวอะไรบางอย่างมา” ผมเดินเข้าหาเจ้าของใบหน้าคมเข้ม ค่อยๆย่างเท้าเข้าไปประชิด จนแทบจะชนจมูก
ของอีกฝ่ายที่มีใบหน้านิ่งเฉยราวกับรูปปั้นจัดสวน “พนักงานที่นี่เค้าเม้าท์กันว่าพี่เป็นเกย์น่ะสิ”

แต่ปฏิกิริยานั้นช่างชัดเจน คนถูก ‘กล่าวหา’ ยังคงหน้าตายแต่ลำคอเกร็ง ตัวแข็งทื่อ ทันใดนั้นสีหน้าก็ส่อแววพิรุธชัดเจน

“เอาเรื่องอะไรมาพูด”

“พี่ปุณไม่เคยมีแฟน พนักงานเขาก็สงสัยกันน่ะสิ พนักงานผู้ชายบางคนถึงกับแย่งกันจองตัวพี่เลยนะ” อันหลังนี่ผมโม้ขึ้นมาเอง
“พี่ไม่ชอบใครบ้างสักคนเหรอ น่ารักๆน่ะมีเยอะ แต่ถ้าให้ขาวสูงหุ่นดีแบบผม” ผมดันตัวเองเข้าไปหาเขา จนแผ่นหลังตรงของเจ้า
นายป้ายแดงติดกับชั้นวางหนังสือ “มีผมคนเดียวนะครับ”

เราสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ผมยิ้มกริ่ม ในขณะที่อีกฝ่ายมีความหวาดกลัวระบายทั่วใบหน้า

และวินาทีนั้น จู่ๆมันก็เปลี่ยนไป

ผมแค่อยากจะแกล้งยียวนเขากลับคืนไปบ้างหลังจากโดนใช้งานหนักมาทั้งสัปดาห์ แต่พอเห็นคนตัวสูงที่ปกติสงบนิ่งและสุขุม
บัดนี้สูญเสียความเคร่งขรึมไปหมด เหลือแต่เพียงความเหม่อลอยอย่างน่าสงสาร ราวกับเขามีเรื่องหนักใจอะไรบางอย่างที่ไม่อาจ
บอกใครได้

คิ้วเรียวเข้มคู่นั้นขมวดเข้าหากันอย่างเจ็บปวด ความเห็นใจพุ่งขึ้นมาจากไหนไม่รู้ทำให้ผมเผลอเอื้อมมือจะดึงตัวเขาเข้ามากอดไว้
แต่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยแกมตัดพ้อ

“นายนี่เก่งแต่สร้างปัญหาให้คนอื่นเขาปวดหัวสินะ...มิน่าทำไมคนรอบตัวนายถึงไม่มีใครต้อนรับ จนถูกทิ้งให้มาเป็นภาระของฉัน”

มือใหญ่ผลักอกผมออก ซึ่งผมก็ดึงตัวออกห่างเช่นเดียวกัน

ใบหน้าของผมแสดงความเกลียดชังคำพูดนั้นทันที

“นายไม่ต้อนรับฉัน...ก็ไม่ต้องสนใจฉันอีกต่อไปสิ ฉันเองก็เกลียดขี้หน้านายไม่แพ้กันหรอก”

พูดจบผมก็หมุนตัวออกไปจากห้องนั้นอย่างไม่ใยดี ปิดประตูกระแทกดังปัง!

ภาระงั้นเหรอ?...ใช่ไง ผมมันเป็นแค่ภาระ เป็นตัวถ่วง เป็นบุคคลไร้ประโยชน์สร้างแต่ปัญหาที่ไม่มีใครต้องการ

แม้แต่คนในครอบครัวยังไม่ต้องการผมเลย...นับประสาอะไรกับคนนอกอย่างปุณณวัตน์ เข้าคงรังเกียจผม อยากหาทางกำจัดผม
ทุกวี่วันจนเต็มแก่ สิ่งเดียวที่เขาต้องการคงเป็น ‘ก้อนภาระ’ อย่างผมที่พ้น ‘หน้าที่’ การดูแลจากเขา

ผมไม่เจ็บปวดเลยสักนิดกับการกลั่นแกล้งของเขา

แต่ทำไมมันน้อยใจจี๊ดๆ เวลาถูกเขาเรียกว่าภาระแบบนี้นะ...


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

เด็กเอาแต่ใจนั่นสร้างความปวดหัวให้กับผมต่อไปโดยการประท้วงไม่พูดไม่จา เก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมาพบหน้าติดกันสามวัน
แล้ว

เขาเกเรโดดงาน ตอนเช้าไม่ออกมาเจอ ตอนเย็นไม่ออกมาเจอ เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง หรือว่าความจริงแล้วเขาหนีออกไปอยู่
ที่อื่นตั้งแต่วันนั้นก็ไม่รู้

ผมไม่เคยละลาบละล้วงเข้าไปในห้องของหมอนั่นทั้งๆที่นี่คือคอนโดของผม(นั่นสิครับ ผมเองยังงงๆอยู่เลย...) แต่เย็นวันนี้ผม
ต้องคุยกับเขา เพราะเมื่อวันก่อนที่ทะเลาะกันอาจจะใช้อารมณ์กับเขามากเกินไป เลยพลั้งปากพูดจาแบบนั้นทั้งๆที่รู้อยู่ว่าอัศวิน
เป็นเด็กอ่อนไหว ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมไม่แยแสโลกของเขา

ผมเครียด...หลักๆแล้วมาจากเรื่องคนรักเก่าที่คอยตามรังควานส่งข้อความหาผมทุกวัน ผมสามารถบล็อกช่องทางติดต่อทุกอย่าง
ได้แต่ก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะทำ

ลึกๆแล้วผมอยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม

แต่มันก็คงไม่มีวัน...

วันนี้ผมรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อจะกลับไปสะสางความบาดหมางกับปัญหาที่ห้อง...ผมเคาะประตูเรียกชื่ออยู่นานสองนาน
กระทั่งตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป

ห้องนั้นมืดแต่ไม่ได้เปิดแอร์ ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก

“ออกไป”

เสียงคุ้นเคยฟังดูอู้อี้ ผมเปิดไฟหัวเตียง ร่างสูงใหญ่นอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่มหนา

“ไอซ์ นายเป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับพี่ดีๆ”

ไม่น่าถามแบบนั้นเลยแฮะ...แต่เขาก็ไม่ตอบ ผมจะดึงเอาผ้าห่มออกแต่พบกับแรงต้านเอาไว้

“ฉันไม่อยากคุยกับนายน่ะสิ!”

“ไม่เอาน่า...ออกมากินข้าวกันเถอะ พี่จะทำของอร่อยให้นายกิน นายอยากกินอะไรล่ะเย็นนี้”

“...ฉันไม่หิว”

“งั้นนายช่วยลุกขึ้นมาคุยกับพี่ดีๆก่อนได้มั้ย”

อัศวินยอมให้ผมเลิกผ้าห่มออกในที่สุด คนตัวขาวในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงบ๊อกเซอร์ผมยุ่งกระเซิง เนื้อตัวเหมือนไม่ได้อาบน้ำ
มาสองสามวัน...และที่สำคัญใบหน้าที่ดื้อรั้นนั้นแดงก่ำอย่างคนเป็นไข้

“ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย” ผมอังหลังมือที่หน้าผากเนียนเกลี้ยง “นายตัวร้อนนิ”

“นายสนใจด้วยหรือไง?” ไม่วายสะบัดหน้าหนีอย่างเง้างอน

“พี่สนใจสิ ทำไมไม่สบายแต่ไม่บอกพี่ล่ะ” ผมทรุดตัวลงนั่งริมขอบเตียง อัศวินนิ่วหน้าและกอดอกแน่น ก่อนจะไอโขลกๆ “นายไป
อาบน้ำไหวมั้ย?”

คนถูกถามหลิ่วตามอง “ถ้าไม่ไหวพี่จะอาบให้ผมหรือไง”

ผมยิ้ม “กวนอารมณ์แบบนี้แสดงว่านายหายงอนพี่แล้ว”

“ผมไม่ได้งอน ผมไม่ได้อยากให้พี่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ ผมก็อยู่ของผมคนเดียวแล้วนี่ไง”

“แต่นายอยู่ที่นี่กับพี่ พอนายป่วยพี่ก็ต้องดูแล ถ้านายไม่อยากอาบน้ำ เดี๋ยวพี่จะช่วยเช็ดตัวให้นายก็ได้ ถอดเสื้อออกสิ”

ผมจัดการเตรียมอ่างใส่น้ำอุ่นผสมครีมอาบน้ำจางๆ และผ้าขนหนูด้วยความรวดเร็ว คนป่วยยังคงไม่ว่าง่ายแต่ก็ยอมถอดเสื้อออก
อย่างทุลักทุเลในที่สุด

“พี่ขอโทษนะที่พูดจาไม่ดีกับเราเมื่อวันก่อน” ผมเอ่ยขณะกำลังไล่เช็ดผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆไปตามร่างกายสมส่วนแข็งแรงของ
เด็กเอาแต่ใจ อัศวินหุ่นดีมากกว่าผมสะอีกแม้จะป่วยตัวร้อนอยู่ขนาดนี้ ผิวก็ขาวเนียนชนิดที่ผู้หญิงยังอาย...”พี่ไม่ได้ตั้งใจพูดไป
แบบนั้น” 

“แต่ก็จริงนี่...ไม่มีใครรักผมแล้ว ม๊ากับเจ้อิมก็ไม่โทรมา ไม่ไลน์หาผมเลย ผมทักไปก็ไม่อ่าน ไม่ตอบกัน”

“ใจเย็นๆ ผู้ใหญ่เขายังไม่ยอมรับเรื่องที่เราทำไว้นะ”

“แต่นี่มันนานแล้วนะ...ผมเบื่อที่จะต้องอยู่กับพี่ โดนพี่ดุตอนทำงาน ใช่ผมทำงานไม่เป็น ผมทำเหี้ยไรไม่เป็นเลย”

มองหน้าขาวจัดที่บัดนี้แดงเรื่อเหมือนกำลังเพ้อพูดจาตัดพ้อแล้วก็อดขำไม่ได้ “พี่ดุขนาดนั้นเลยหรือ?”

“ไม่หรอก ก็แค่เจ้าระเบียบ บ้าอำนาจ ชอบดูถูกคนอื่น ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นเท่านั้นเอง”

“อ้าวๆ นี่สรุปพี่ยังต้องดูแลเราอยู่มั้ยเนี่ย” ผมชะงักมือ คนประชดจ้องตาขวาง “พี่ขอโทษนะครับที่ดุไอซ์แบบนั้น” ผมวางอ่างน้ำ
ไว้ที่พื้นเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว “หายโกรธพี่นะ”

ดวงตาเรียวเป็นเส้นเดียวนั้นอ่อนลง ริมฝีปากแดงอิ่มเผยอน้อยๆ “ผมเกลียดพี่ว่ะ...พี่แม่งเก่งทุกอย่าง พี่รู้ได้ไงว่าทำแบบนี้แล้ว
ผมจะไม่โกรธพี่...พี่”

“ฮื้อ?”

“ผมเป็นเด็กที่แย่มากเลยเนอะ”

“ไม่หรอก นายเป็นเด็กดี เก่ง...แต่ชอบเอาแต่ใจไปบ้าง เราน่ะต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจและอดทนให้มากกว่านี้”

“ไม่จริง...มีหลายอย่างที่ผมต้องการ แต่ผมก็อดทนเก็บความอยากไว้...”

“พูดจาไม่รู้เรื่องแล้วเรา” ผมห่มผ้าให้ ป้อนยาให้เขา พร้อมกับเฝ้ามองอัศวินเคลิ้มหลับไปอย่างสบายตัว เอ่ยเบาๆ

“ก็เพราะนายต้องการคนเอาใจใส่นายบ้างยังไงล่ะ...”



โปรดติดตามตอนต่อไป




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆ อายุจะ 25 แต่ทำตัวราวกับเด็กตัวน้อย ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงกรานต์ไปเที่ยวไหนมาครับเพื่อนๆ ผมไป Fake Club กับ Wine Bridge มาสองคืน พังมาก ฮ่าๆๆๆ

อ่ะๆ มาต่อกันเถอะ




8.

ผมเคลิ้มหลับไปเมื่อไรไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกโล่งหัวมาก แถมความครั่นเนื้อไม่สบายตัวก็หายไปโดยปลิดทิ้ง

ผมโชคไม่ดีที่ดันติดไข้หวัดจากเพื่อนร่วมงาน...ร่างสูงของปุณณวัฒน์นอนฟุบอยู่ข้างๆ แขนขายาวนั้นคุดคู้เหมือนไม่ใช่ท่าที่
สบายเท่าไรนัก

แต่ใบหน้าของเขาก็เงียบสงบ...ลมหายใจผ่อนเข้าออกช้าๆเป็นจังหวะ แพขาตานั้นปิดสนิทจนทำให้ผมไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวมาก
เท่าไรนัก

ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมหลุดปากอะไรไปมากนัก ผมมักจะเพ้อถึงเรื่องในใจเสมอยามจับไข้...แต่เท่าที่จำได้ก็คือเขาเข้ามาในห้องผม
เอายาให้ผมกินและเช็ดตัวให้ผม หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

ผมตะแคงตัวมองใบหน้าหล่อๆของเขา บ้าชะมัด เกิดมาผมไม่เคยเห็นใครหล่อได้ขนาดนี้เลย แต่ก็คงเป็นรองผมอยู่วันยังค่ำนะ
ครับ

สมมติว่าถ้าหมอนี่ตัดสินใจเข้าวงการนายแบบล่ะก็ คงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับผมอยู่นา...

จู่ๆใจผมมันก็หวิวขึ้นมา...นี่มันเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน

ผมอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผมตรงที่ปรกหน้าผาก ไล้ไปตามกรอบหน้า และริมฝีปากได้รูปสีแดงคู่นั่นว่าจะนุ่มหรือชุ่มชื้น
เพียงไหน

ทำไมผมถึงอยากอยู่กับผู้ชายคนนี้ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรที่ผมชอบหรือเข้ากับผมได้เลย

แต่มันคือแรงดึงดูดแปลกๆ ที่ทำให้ผมอยากต่อปากต่อคำกับเขา อยากเห็นสีหน้าเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่และคำพูดถือดีอวดรู้ยามที่
ผมกวนประสาทใส่ ในขณะเดียวกันเขาก็แผ่ความรู้สึกของความปลอดภัย ความไว้วางใจ ผมรู้ว่าถ้าผมล้ม เขาจะเป็นฟูกให้ผมล้ม
ได้ในตอนนี้ 

ในที่สุดดวงตาเรียวสองชั้นก็ปรือขึ้น

“เป็นยังไงเรา หายดีหรือยัง”

ผมพยักหน้า ยกมือขึ้นหาวปิดปาก

“พี่ปุณ วันนี้เราออกไปเดินเล่นช็อปปิ้งกันหน่อยเถอะ”

“อืม ความจริงพี่มีงานต้องทำน่ะ”

ผมโอดครวญทันที “โธ่เอ้ย นี่มันวันเสาร์นะ ใครเขาทำงานวันเสาร์กัน อีกอย่าง อาหารในตู้เย็นก็ไม่มีแล้วด้วย เราต้องออกไปซื้อ
ของเข้าบ้านกันนะ”

ร่างสูงที่เริ่มชินตาขยับลุกขึ้นแต่ไม่ว่าอะไร เขาเดินออกไปอาบน้ำที่ห้องส่วนตัวอีกฝาก

ผมถอดเสื้อผ้า แล้วก้าวตามเข้าไปในห้องน้ำ

“เห้ย!” ปุณณวัฒน์สะดุ้งโหย่งขณะกำลังแปรงฟันอยู่หน้ากระจก “นายเข้ามาในห้องพี่ทำไม?!”

“อ้าว ก็พี่ไม่ได้ล็อคห้องน้ำ” ผมค่อยๆรูดกางเกงบ๊อกเซอร์ต่ำลง เผยให้เห็นเส้นขนอ่อนสีดำเข้มทอดยาวจากใต้สะดือ ท้องน้อย
และเหนือ...

เราต่างสบตากันผ่านกระจก กางเกงถูกดึงลงต่ำอย่างยากลำบากเล็กน้อยเมื่อมีสิ่งกีดขวางตรงกลางตัวบังอยู่ แต่มันก็หลุดออกใน
ที่สุด นายแข็งทื่อมองตาผมไม่กระพริบ ก่อนจะตวัดลงมองส่วนนั้นของผมที่พองขึ้นเล็กน้อย...แล้วรีบก้มหน้าบ้วนปากเผยให้เห็น
หลังใบหูที่เริ่มแดงจัด

“ห้องน้ำผมน้ำอุ่นไม่ไหลอีกแล้วน่ะ” ผมยิ้มกว้าง ก่อนจะก้าวเข้าไปในส่วนอาบน้ำ “พี่ปุณคงไม่อยากให้คนเพิ่งหายป่วยอย่างผม
อาบน้ำเย็นๆหรอกใช่มั้ย”

ผมเปิดฝักบัว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ก้าวเข้ามาสักที ผมชะโงกออกไปเรียก “เข้ามาอาบด้วยกันสิ”

“นะ...นายจะบ้าหรือไง”

“โห่พี่ปุณ เราสองคนเป็นผู้ชาย อาบน้ำกันก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อีกอย่างเราก็เคยอาบน้ำแก้ผ้าด้วยกันมาตั้งแต่เด็กนี่”

คนตัวเข้มที่บัดนี้ตัวแดงคล้ำน่าสงสารรีบหมุนตัวออกไปนอกห้องน้ำ ผมหัวเราะร่า เวลาที่หุ่นยนต์อัจฉริยะตัวนี้เขินมันก็น่ารักไป
อีกแบบแหะ

ดี รู้แบบนี้ผมจะคอยหาโอกาสแกล้งเขาทุกวันให้เข็ดเลย คอยดู


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ผมรู้สึกอึดอัดกับสายตาหลายคู่ที่จ้องมองและต่างกระซิบกระสาบยามที่ผมและอัศวินเดินไปตามห้างแห่งหนึ่ง
ใจกลางเมือง

นี่เป็นวันสุดสัปดาห์ คนเลยเดินเยอะเป็นพิเศษ...ผมจึงรักษาระยะห่างจากเด็กตัวสูงนั่นเพื่อทำเหมือนว่าเราสองคนไม่รู้จักกัน

“พี่ปุณเดินช้าจัง มัวแต่ดูอะไรอยู่”

แขนยาวสีขาวเต็มไปด้วยมัดกล้ามเอื้อมมาคว้าเอวผมไว้ ผมผละออก

“เอ่อ...นายเดินไปก่อนเลยก็ได้ พี่อยากดูของนิดหน่อย”

คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นอย่างรู้ทัน “ไม่ใช่ว่าพี่อายที่คนมองเราสองคนหรอกเหรอ?”

ผมขมวดคิ้ว “ที่ไหนกัน พูดเป็นลิเก” เออ...ใช่สิ ฉันอายที่คนเขามองนายแบบตัวสูงหน้าตาถอดออกมาจากในนิตยสารอย่างนาย
น่ะแหละ

“เอาน่า พี่จะไปแคร์คนอื่นทำไม” เขาหยุดยืนใกล้ๆ ยื่นหน้าเข้ามา “เราเป็นแค่พี่น้องกันไม่ใช่เหรอคร้าบ พี่ปุณณวัฒน์”

ผมเดินลิ่วนำหน้า ไม่นานเสียงเรียกเย้วๆก็ดังให้ผมตามเข้าร้านนู่น ออกร้านนี้ เจ้าเด็กกวนประสาทไม่มีตังแม้แต่จะกินข้าว แต่เข้า
ออกร้านแบรนเนมเป็นว่าเล่น

“นี่ๆ อันนี้สวยครับ” ร่างสูงในชุดแจ๊คเก็ตหนังแท้ทั้งตัวยี่ห้อจีวองชี่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่ออยู่บนตัวเขา มันทั้งเท่และดูดี คง
เพราะหุ่นสูงโปร่ง ไหล่กว้าง เพรียวทว่ามีทรวดทรงความเป็นชายอยู่ทุกสัดส่วน และผิวขาวสะอาดบวกกับใบหน้าหล่อใส

“สวยดี” ผมพิจารณาทุกอย่างแล้วตอบตามความเป็นจริง

“พี่ปุณซื้อให้ผมหน่อยนะ”

“โหนี่ มันไม่ใช่ราคาถูกๆนะ” ผมครางออกมาแผ่วเบาเมื่อพลิกดูป้ายราคา

“ผมได้ใช้แน่นอนพี่ปุณ เอาไว้ใส่ตอนขี่บิ๊กไบก์ไง เท่จะตาย นะๆ พี่ซื้อให้ผมนะ ผมรับรองเลยว่าจะเป็นเด็กดี นะคร้าบผม”

อัศวินหันมากุมมืออ้อนวอน จนพนักงานขายเริ่มซุบซิบและยิ้มขำ ผมกัดริมฝีปากก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานอย่างอับอาย

“เย้ พี่ปุณใจดีจังเลยครับ...นี่ถ้าผมเป็นแฟนพี่ ผมคงต้องหอมแก้มพี่ฟอดใหญ่ตอบแทนแล้วนะ”

“หยุดเลย!” ผมร้องเสียงหลง

...วันทั้งวันหมดไปกับการหมดเนื้อหมดตัวให้ของไม่จำเป็นแต่แพงหูฉีก ไม่นานผมก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียหายไปร่วมครึ่งล้านบาท
แล้ว

คนคงเม้าท์กันแย่ ว่านายอัศวินมาเดินห้างกับป๋าทุ่มคนใหม่

โอ๊ยๆ ภาพพจน์ผมป่นปี่หมดกันงานนี้!

กว่าเราจะได้ ‘ซื้อของเข้าบ้าน’ ก็ค่ำแล้ว อัศวินเข็นรถเข็นไปตามชั้นวางของในซุปเปอร์มาเก็ต เขาดูมีความสุขเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
ในร้านขายขนม

“พี่ปุณ ยาสระผมกลิ่นนี้ชอบมั้ย”

เขายื่นขวดสีขาวๆมาให้ดม “อืม ก็หอมดีนะ”

“งั้นผมซื้อกลิ่นนี้นะ พี่จะได้ใช้ด้วย”

“นายก็ซื้อของนายสิ จะมาซื้อเผื่อพี่ทำไม”

“อ้าว ก็พี่ไม่เห็นเหรอว่าห้องน้ำผมมันใช้ไม่ได้ ผมก็ต้องไปอาบน้ำที่ห้องพี่สิ นี่ผมกำลังช่วยพี่ประหยัดน้ำประหยัดไฟอยู่นะ”

ผมมองค้อน ประหยัดกะผีอะไรเจ้าเด็กขี้จุ๊ วันนี้ฉันหมดกับนายไปเป็นแสนแล้วนะ!

คนประหยัดเลือกแต่ของใช้นำเข้าแพงๆ เราสองคนเดินเลือกซื้อของกันไปเรื่อยๆจนผมเริ่มรู้สึกว่า การมาซื้อของใช้จำเป็นในครัว
เรือนกับใครสักคนก็สนุกดีเหมือนกัน

“ปกติผมไม่เคยมาเดินเลือกซื้อของอะไรแบบนี้หรอกนะ นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย” ใบหน้าขาวฉีกยิ้มกว้างจนตาตี่ “ผมเก่งมั้ย
ครับพี่ปุณ”

“ดีแล้ว นายจะได้เรียนรู้ไว้เวลาอยู่ตัวคนเดียว”

“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่ไม่อยากให้ผมอยู่ด้วยแล้วเหรอ”

“เปล่า...แต่สักวันนายก็ต้องอยู่คนเดียว ต้องดูแลตัวเองให้ได้”

“งั้น...ผมจะเกเรแบบนี้ต่อไป จะได้มีคนมาเลือกซื้อของแบบนี้ด้วยทุกครั้งเลย ดีมั้ยครับ?”

เป็นครั้งแรกที่หัวใจของผมเต้นตึกตักยามเมื่อได้ยินคำว่า ‘ทุกครั้ง’ ดังออกมาจากปากแดงๆ...มองรอยยิ้มร่าเริงสดใสของเขา
ทำให้ผมรู้สึกหวิวโหวงยังไงบอกไม่ถูก

รอยยิ้มของอัศวิน...มันเริ่มทำให้ผมลดกำแพงของตัวเองลงเล็กน้อย

ไม่อยากยอมรับเลยว่าการมีเขาอยู่ด้วยกันตรงนี้มันลดทอนคลื่นความเหงาในชีวิตของผมลงมากแค่ไหน

“พี่ปุณดูซิ เราเดินเข็นรถเข็น ช่วยกันเลือกของเข้าบ้านแบบเนี้ย เหมือนแฟนกันเลยเนอะ” ไหล่สูงไล่เลี่ยกันสัมผัสอย่างขอความ
เห็น

“นายนี่ชอบพูดอะไรเลอะเทอะจริงๆ” ผมเบือนหน้าจากดวงตาทะเล้นและคิ้วหนาบาดใจ เขาคว้าต้นแขนผมไว้

“เอาน่าๆ ผมพูดเล่น เดี๋ยวเราซื้อของเสร็จแล้วไปดูหนังกันนะ ผมอยากดู”

“แต่พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้พี่ต้องซักผ้า เอาผ้าไปส่งรีดอีกนะไอซ์” ผมดึงแขนออกแล้วประท้วง

“แล้วยังไง ก่ะอีแค่ซักผ้าเดี๋ยวผมช่วยพี่เอง น่านะพี่ปุณ พี่ปุณดูหนังเป็นเพื่อนผมหน่อย เอางี้ ผมเลี้ยงหนังพี่ แถมป๊อบคอร์นให้พี่
เลยด้วยก็ได้เอา ตกลงนะ”

ผมกลั้นขำ แต่ก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่ออีกฝ่ายพยายามจะล่อลวงผมด้วยป๊อบคอร์นกับตั๋วหนัง

หนังที่ดูเป็นรอบดึกมาก ผมอ้าปากหาววอดใหญ่ตอนที่กำลังเงยหน้ามองดูโปรแกรมหนังที่กำลังเข้าฉาย อัศวินกลับมาพร้อมกับป๊
อบคอร์นและน้ำอัดลมแก้วใหญ่ ร่างสูงพยักหน้าให้ผมเดินตามไป

ภายในโรงกาล่ามีloungeเล็กๆรับรองแขกอยู่ด้านหน้า โรงนี้ราคาแพงจนแทบไม่มีคนตีตั๋วเข้ามาดู ส่วนผมก็เป็นครั้งแรกเหมือน
กันที่มีคนลากมาดูหนังโรงหรูหราแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่ดูหนังก็คือเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ผมยังคบหากับใครบางคนอยู่...

เบาะที่นั่งเป็นแบบปรับเอนให้เป็นเตียงนอน ร่างสูงและหอมกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆทิ้งตัวลงข้างผม หนังฉายไปได้ไม่เท่าไร ผมก็
รู้สึกเหมือนถูกดึงผ้าห่มออกไปจากตัว

ผมหันไปมองซีกหน้าขาวสว่างที่โดนแสงจากหน้าจอส่องกระทบ ดึงผ้าห่มกลับมา

ฝ่ายนั้นหันมามองผมก่อนจะยิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้ามาชิดผมแล้วกางผ้าห่มคลุมตัวเราสองคน

ผมทำท่าจะร้อง แต่อัศวินยกมือขึ้นส่งเสียงให้เงียบ กระซิบเบาๆว่า “ห่มด้วยกันเนี้ยแหละ อุ่นดี!”

แผงอกกว้างและอุ่นของเขาเบียดเข้าหาด้านข้างของผม ผมไม่พอใจจนดูหนังไม่รู้เรื่อง พอเรียกสติกลับมาได้อีกครั้งก็พบว่าคน
อยากดูหนังฟุบหลับไปซะแล้ว

‘ฉันล่ะเอือมระอากับนายจริงๆ...’

ผมจัดท่าทางให้สบาย แต่อีกคนก็เอนมาซบบนหน้าอก พลางกอดเอาไว้แล้วระบายลมหายใจออกอย่างผ่อนคลาย...ลมอุ่นนั้น
หอมสะอาดและเต็มไปด้วยกลิ่นของผู้ชายที่ลุ่มลึก

ผมได้แต่จัดผ้าห่มให้เข้าที่ และต้องพยายามข่มใจอย่างมากตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านไปเพื่อไม่ให้ใจเต้นแรงจนมันสะท้อนออกมา
ให้เด็กขี้เซาได้ยิน




 โปรดติดตามตอนต่อไป



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้อยเข้าไปเด็กน้อย

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
:pig4: :pig4: :pig4:

อ้อยเข้าไปเด็กน้อย

อ้อยจะเข้าปากมั้ยต้องติดตามนะครับ  :pig4:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
HBD อเล็กซ์ย้อนหลังด้วยค่ะ มีความสุขมากๆๆๆๆนะคะ

ตอนล่าสุดนี่น่ารักมากเลยค่ะ อ่านไปอมยิ้มไป ^^

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
HBD อเล็กซ์ย้อนหลังด้วยค่ะ มีความสุขมากๆๆๆๆนะคะ

ตอนล่าสุดนี่น่ารักมากเลยค่ะ อ่านไปอมยิ้มไป ^^


ขอบพระคุณครับผม  :mew1: :pig4: :L1: :3123:

ออฟไลน์ Gugii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เค้าเริ่มจะมีความรู้สึกต่อกันแล้ววว :-[ อ่านแล้วเพลินมากเลย มาต่อเร็วๆนะคะ รอๆ 5556

ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อแล้วครับ มาช้าไปหน่อย ขอโทษทีนะครับ แหะๆ





9.

“คุณปุณครับ น้องไอซ์ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานครับ”

เลขาฯ ส่วนตัวของผมแจ้งให้ทราบผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ผมนิ่วหน้าด้วยความสงสัย เพราะนี่เป็นเวลาเที่ยงที่โดยปกติแล้วอัศวิน
จะมาวอแวให้ผมขับรถพาเขาออกไปกินข้าวข้างนอกทุกวัน

ผมสั่งให้เลขาฯ ตามตัวเขามาพบ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ไหน ผมทั้งโทรทั้งไลน์ไปอีกฝ่ายก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ

ไปไหนของเขากันนะเจ้าตัวยุ่ง?

รออยู่นานจนท้องเริ่มร้อง ผมเก็บของเตรียมตัวจะขับรถออกไปหาอะไรกินตามความเคยชิน ทว่าเลขาฯ หน้าห้องก็โทรฯ เข้ามา
อีกรอบ

“เอ่อ...คุณปุณครับ ผมว่าคุณปุณลงไปดูห้องน้ำชายชั้นสองซักหน่อยดีกว่าครับ...”

ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้ผม พาลคิดไปต่างๆนานาขณะกำลังกดลิฟต์ลงไปยังชั้นสองซึ่งเป็นห้องประชุมใหญ่ ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้ง
ชั้นว่างและเงียบสงัดเพราะพนักงานต่างออกไปพักเที่ยง

ผมคาดว่าห้องน้ำชายชั้นสองจะต้องเจิ่งนองเพราะท่อประปาแตกหรืออะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงเสียงครวญครางของ
ใครบางคนดังแผ่วมาจากห้องน้ำด้านในสุด

ผมตัวแข็งทื่อ นี่มันเสียง...!

ดูจากเงาที่สะท้อนลงบนพื้นกระเบื้องก็พอจะเดาได้ว่ามีคนสองคนอยู่ในห้องน้ำคอกเดียวกัน รองเท้าผ้าใบสีเขากับปลายกางเกง
ยีนสีน้ำเงินเข้มนั้นแลบออกมาใต้ประตู ผมกำหมัดแน่นด้วยความโมโห

ผมพาร่างตัวเองไปหลบอยู่หลังประตูห้องประชุม ลอบมองผ่านช่องเล็กๆออกมา ไม่นานเท่าไรร่างบางของหนึ่งในวิศวกรประจำ
บริษัทฯ ก็ก้าวออกมา แล้วรีบร้อนเดินไปที่ลิฟต์เพื่อกดลงไปจากตัวอาคาร

ผมรีบสวนเข้าไปในห้องน้ำ ร่างสูงที่เหงื่อพุดพรายจนเปียกสาบเสื้อเชิร์ตนักศึกษาสีขาวกำลังชำระล้างหน้าตาอยู่

“ทำไมนายทำแบบนี้” ผมเค้นเสียงเข้ม

“หะ..ทำอะไรครับ?” อัศวินยังคงตีหน้าซื่อ

“พี่รู้ว่านายทำอะไรกับพนักงานของพี่เมื่อกี้” ผมกอดอกแน่น ขอแข็งกร้าว “ทำไมนายไม่เคารพพี่เลย นี่มันบริษัทฯ และลูกน้อง
ของพี่ นายกล้าดียังไงถึงทำเรื่องแบบนั้น”

“ก็” คนทำผิดยังมีสีหน้าเฉยเมย “เขายอมผมเอง ผมไม่ได้บังคับอะไรเขา”

“แต่มันสมควรจะทำเรื่องแบบนั้นในสถานที่แบบนี้มั้ยเล่า!”

ผมขึ้นเสียงดังจนอีกฝ่ายหยี๋ตาข้างหนึ่ง

“โอ๊ยพี่ปุณ จะมาตะโกนอะไรใส่ผม ถ้าพี่จะว่าอะไรก็ไปว่าหมอนั่นนู่น ไม่ใช่ผมสิ”

“ว่านายนั่นแหละถึงจะถูก! นายนี่มันเกินเยี่ยวยาจริงๆ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเขามากเลย แค่ให้เขาช่วย...”

“หยุดเลย! พี่จะรายงานน้าอมรให้รู้พฤติกรรมของนาย”

“เฮ้ยเดี๋ยวก่อนสิ แหม นี่จะขี้ฟ้องไปถึงไหนหะ”

ผมยิ่งโมโหที่เด็กไม่รู้จักกาลเทศะตรงหน้าไม่มีวี่แววสำนึกผิดเลยสักนิด “นายอย่าท้าทายพี่นะ”

“แล้วจะทำไม” อัศวินกำหมัดแล้วเดินมาประชันหน้าผม เขายืดอกขึ้น “พี่จะทำไม พี่มีปัญหาอะไรกับผมเหรอ? ผมจะมีอะไรกับ
ใคร มันก็เรื่องของผมนะ”

“ใช่! แต่นายต้องไม่ทำที่นี่”

“แต่ผมอยากทำ! ผมไม่ได้มีอะไรกับใครมานานแล้ว เมื่อกี้ก็ไม่ได้เล่นอะไรมากมายเลยด้วย พี่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองคอยจับผิด
ผมอยู่ตลอดเวลา จะให้ผมไปทำที่ไหนกับใครได้ นอกจากแอบทำกันแบบนี้!”

เราสองคนเริ่มเถียงกันเสียงดัง จนอัศวินตะโกนใส่หน้าผม...ผมอดทนอดกลั้นใช้สติควบคุมอารมณ์เฮือกสุดท้ายเพื่อถอยออกห่าง
แล้วหันตัวออกมาจากห้องน้ำ ไม่อยากสนใจเรื่องบ้าบอที่เกิดขึ้นอีกต่อไป

ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมความโกรธพุ่งพล่านมหาศาลนี้ถึงถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมอยากจะเตะข้าวของในห้อง
ทำงานให้เละเทะกันไปข้าง ผมจะไปใส่ใจพฤติกรรมเหลวแหลกของหมอนั่นทำไม ในเมื่อในอดีตเขาก็เป็นเด็กไม่รู้จักคิดแบบนี้
มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมคาดหวังอย่างโง่งมไปเองที่คิดว่าเขาน่าจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

มันผิดหวัง...หรือว่าเสียใจกันแน่ระหว่างที่เขาไม่เคยเปลี่ยนเลย กับการที่เขาไปมีอะไรกับคนอื่น...

แล้วทำไมผมถึงต้องเป็นเดือดเป็นแค้นยามที่คิดว่ามีใครสักคนจับต้องเนื้อตัวของเขาด้วยล่ะ


0000000000000000000000000000000000000000000000000000

บรรยากาศภายในบ้านกลับมาอึมครึมอีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด...

หลังจากที่โดนจับได้วันนั้นว่าผมซุกซนกับคนในบริษัทฯ ปุณณวัฒน์ก็ไม่แยแสผมอีกเลย

ผมต้องยกนิ้วให้กับความสามารถในการปฏิบัติต่อผมเหมือนเป็นอากาศธาตุ นายหุ่นยนต์ไม่ปลุกผมตอนเช้า ไม่ทำอาหารเช้าให้
กิน เราแยกกันไปทำงานที่บริษัท ตอนเย็นเขาก็รีบหนีกลับบ้านก่อน ถึงบ้านผมก็พบว่าเขาเก็บตัวเงียบในห้อง ไม่ออกมาอยู่ร่วม
กันในห้องนั่งเล่นเหมือนเคย

ผมเองก็ถือทิฐิไม่ยอมคุยกับเขาก่อน ผมทำผิดตรงไหนล่ะ? คนเราย่อมมีความต้องการ ผมอยากระบายออก มันก็เป็นเรื่อง
ธรรมชาติที่จะหาความสุขทางร่างกายกับใครสักคนอยู่แล้วนิ

โอเค ผมอาจจะระวังตัวน้อยไปหน่อย...แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่หรือสิทธิของหมอนั่นที่จะมาห้ามผม จับผิดผม หรือตัดสินว่าผมเหลว
ไหล! ผมเรียนรู้อะไรตั้งหลายอย่างจากการฝึกงาน ผมไม่เคยไปทำงานสายเลย แถมพี่ๆที่ทำงานก็ออกปากชมผมด้วยซ้ำว่าผม
หัวไว แถมยังมีพรสวรรค์ด้านการตลาดดีเลิศอีกด้วย

แต่ความอึดอัดระหว่างผู้ร่วมห้องทำให้ผมต้องลงมือแก้ไขอะไรสักอย่าง เย็นวันนั้นผมรีบกลับบ้านโดยไม่บอกให้ใครรู้ แกล้งปิด
ไฟในห้องจนมืดสนิทและคอยเงี่ยหูฟังเสียงคนขี้งอนกลับมา

“กลับมาแล้วเหรอ...” ผมเปิดประตูไปเผชิญหน้ากับร่างสูงเพรียวที่ง่วนกับการขนอาหารในตู้เย็นออกมาเรียงบนโต๊ะเตรียมอาหาร
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย?”

อีกฝ่ายไม่ฟัง แต่ยังคงจัดแจงอะไรต่อมิอะไรต่อไป

“นี่...” ผมเอ่ยเสียงอ่อนลง “ผมขอโทษที่ทำให้พี่โกรธครับ”

“...”

“พี่มองหน้าผมหน่อยได้มั้ย”

ใบหน้าครามเข้มเงยขึ้นมาและหยุดลงที่ผม ริมฝีปากเรียวเม้มสนิท

“ผม...ผมขอโทษที่ทำเรื่องแบบนั้นในบริษัท” ผมขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย เชี้ยเอ้ย! ทำไมการต้องยืนแบกหน้าสารภาพความผิดต่อ
เจ้าหุ่นยนต์จอมเย็นชาถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ “ผมสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีก”

“นายอยากทำอะไรก็เรื่องของนายนี่ พี่ไม่เห็นจะต้องสนใจ”
“ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบ...” ผมก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย “ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมก็จะไม่ทำอีก”
คนแก่กว่าตรงหน้าถอดหายใจ ผมนึกขอบคุณความเป็
นผู้ใหญ่ของเขาที่มีมากพอจะไม่กล่าวโทษอะไรผมอีก เพราะหากทำแบบนั้นผมก็รู้ตัวว่าจะต้องเถียงเขา และเราก็จะจบลงที่การ
ทะเลาะกันต่อไป

มือใหญ่สีแทนเข้มวางลงบนโต๊ะ เท้าร่างเอาไว้อย่างอ่อนแรง “ช่างเถอะ...วันนี้พี่เหนื่อยมาก ขอตัวก่อนนะ”

“เดี๋ยวซิ!” ผมร้องเรียกเพื่อรั้งร่างสูงเอาไว้ “แต่วันนี้ผมมีเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่างให้พี่นะ”

เขาทำหน้างงๆ ผมรีบเดินไปปิดไฟให้มืดสนิทตามเดิม ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้อง พร้อมกลับออกมาด้วยเค้กก้อนเล็กๆก้อนหนึ่ง มี
เทียนปักตรงกลาง

“แฮปปี้เบิร์ธ เดย์ ทู ยู...”

แสงจากเปลวเทียนมีไม่มากพอให้เขาเห็นความเขินอายในสีหน้าของผม ความมืดปกคลุมรอบกายเราสองคน ผมร้องเพลงต่อไป
อย่างสุดความสามารถ แม้เรื่องหวานเลี่ยนพวกนี้ผมจะคุ้นชินกับมันมานานมากนัก เพราะใช้หลอกล่อเด็กเก่าๆหลายต่อหลายคน
ให้อยู่มัดได้ทุกราย แต่กับร่างสูงตรงหน้า...ผมกลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

นั่นคงเป็นเพราะสิ่งที่ผมต้องการกลับมาคือการยอมรับจากอีกฝ่าย ไม่เหมือนสิ่งที่ผมต้องการจากคนอื่นๆ

เพลงจบ มันเงียบและน่าอึดอัด...เงาบนใบหน้าคมของปุณณวัฒน์ยิ่งส่งให้เขาหล่อ คนอะไรหล่อจน...จนหัวใจของผมเต้นแรง
แน่นอก คิ้วเรียวและดวงตาสวยคู่นั้นทำให้ผมอยากจะเข้าไปลูบคลำมัน จ้องเข้าไปเพื่อค้นหาความรู้สึกบางอย่างที่สงสัยมา
นาน...ว่าเขาคิดยังไงกับผม

“เอ้า เป่าเทียนสิ”

“วันนี้วันเกิดใคร?”

“ก็วันเกิดพี่ไงล่ะ ถามได้!” ปุณณวัฒน์ยังมีสีหน้าไม่เข้าใจ “นี่อย่าบอกนะว่าจำวันเกิดตัวเองไม่ได้”

ผมหัวเราะ เขาจำวันเกิดตัวเองไม่ได้จริงๆด้วย

“มันก็แค่วันๆหนึ่ง...”

“เอาน่ะ อธิษฐานแล้วเป่าเทียนสะ”

ปุณณวัฒน์คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะหลับตาลง เทียนดับลงพร้อมกับความมืดสนิทของห้อง

ผมวางเค้กลงบนโต๊ะใกล้ๆ...ร่างกายของเราสองคนช่างอยู่ใกล้กันจนน่าหวาดหวั่น

ร่างของปุณณวัฒน์ค่อยๆถูกสวมเข้ามาในอ้อมกอดของผม มันเป็นการขยับเขยื้อนเพียงเล็กน้อยที่ผ่านไปราวกับเวลาได้หยุดหมุน
นานแสนนาน...ผมค่อยๆซบใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของเขา “พี่หายโกรธผมแล้วใช่มั้ย”

อาการแข็งขืนที่ผ่อนคลายลงเป็นคำตอบ ผมลอบสูดเอากลิ่นหอมสะอาดปนกลิ่นเหงื่อนิดๆของอีกฝ่ายเข้าเต็มปอด มือของผม
วาดอยู่รอบเอวคอดแข็งที่ไม่ทำให้ผมหยุดใจเต้นโครมคามได้เลย

“ขอบคุณมากนะ...”

“ผมมีของขวัญให้พี่ด้วย” ผมเลือกที่จะจุดเทียนเล่มนั้นขึ้นอีกครั้ง ความสว่างในห้องปรากฏขึ้นยามเมื่อล้วงเอาสร้อยไทเทเนี่ยม
คล้องแหวนกลมเกลี้ยงวงหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบใส่เครื่องประดับอะไรนอกจากนาฬิกา เผอิญผมเป็นคนไม่
ชอบตามใจใครสะด้วย เลยเลือกสร้อยนี่มาให้ ลองใส่ดูสิ”

นิ้วยาวจะคว้าไปสวมคอ แต่ผมไม่ยอม “อ๊ะๆ เด๋วผมใส่ให้นะ อยู่เฉยๆก่อน”

สร้อยคอถูกปลดตะขอ และคล้องไปยังรอบลำคอตรงแข็งแกร่งสีแทนเข้ม ระดับของแหวนห้อยอย่างพอดี คลอเคลียที่ใต้แนว
ไหปลาร้าและต่ำลงไปคือแผงอกแกร่งแน่น

“นายรู้ได้ยังไงเนี่ยว่าเป็นวันเกิดพี่”

“ก้อออ ม๊าผมโทรมาบอก ว่าให้เซอร์ไพรส์วันเกิดให้พี่ด้วย” ผมยิ้มทะเล้นใส่อย่างยามที่ผมต้องการโปรยเสน่ห์ใส่ใครสักคนโดย
ไม่รู้เนื้อรู้ตัว “อย่าลืมรายงานสร้างคะแนนพฤติกรรมให้ผมด้วยล่ะ”

คืนนั้นเรากินอาหารที่ผมโทรฯ สั่งไว้จากภัตตาคารใกล้ๆ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนและไวน์กลมกล่อมก็สร้างบรรยากาศได้อย่างน่า
อัศจรรย์

มันช่างเป็นคืนที่วิเศษที่สุดสำหรับผมเลย




โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ ALeXเองครับ

  • ALeX เองครับ :)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เค้าเริ่มจะมีความรู้สึกต่อกันแล้ววว :-[ อ่านแล้วเพลินมากเลย มาต่อเร็วๆนะคะ รอๆ 5556

ขอบพระคุณที่ติดตามนะครับ  :pig4:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แหม อิตาไอซ์ พฤติกรรมแบบนี้ แล้วจะให้พี่ปุณณ์จะไว้วางใจได้ไงยะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด