บอกแล้วว่าพระเอกมันชั่ววววววว คนอื่นดีหมด ยกเว้นมันแหละ
อย่าหลงกลนังบิวเชียวนะ
9
แคร้งๆๆ ซ่า...
“นี่ด้วยนะ แต้งกิ้ว”
โป้งเหล่มองหน้าโอและกองจานชามเลอะเทอะที่ถูกนำมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวอีกชุดหนึ่ง เมื่อคืนนี้โอเรียกเพื่อนที่คณะมาสังสรรค์กันที่ห้อง ไม่รู้เนื่องในโอกาสเห้อะไร โป้งคิดอย่างหงุดหงิดพลางยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อและฟองน้ำยาล้างจานที่ติดหน้า มือก็จับฟองน้ำถูจานลอตต่อไป โดยมีโอยืนเอาก้นพิงกับขอบเคาน์เตอร์อยู่ข้างๆ แถมยังมีหน้ามาจุดบุหรี่สูบอีก
“เหม็น ไปสูบนอกระเบียงดิ” โป้งขมวดคิ้วสะบัดเสียงใส่ แต่โอดันยื่นหน้าไปหาแล้วพ่นควันใส่ข้างหูซะงั้น
“มึงไม่มีสิทธิสั่งกู เพราะเป็นแค่ทาส หัดจำซะมั่ง”
“ไอ้เหี้ยโอ! กูไม่อยากเป็นมะเร็งปอดตายเพราะควันบุหรี่ของมึงหรอกนะ” โป้งโวยวาย มือบีบฟองน้ำแน่น
“ลองขอกูดีๆ สิ” โอแสยะยิ้ม ลอยหน้าลอยตาพ่นควันมันต่อไปคล้ายจงใจแกล้ง
เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้ โป้งย่นคิ้วเข้าหากัน ความหงุดหงิดทวีคูณ จะให้ขอ ขอยังไง ขออะไรวะ
“ทำไม่เป็นอีกดิ ไอ้เด็กเอาแต่ใจ” โอหัวเราะใส่หน้า โป้งยิ่งหน้าหงิกกว่าเดิม รีบๆ ล้างจานให้เสร็จ ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับมันดีที่สุด ยิ่งพูดด้วยยิ่งหงุดหงิด อยากจะสูบให้ปอดพังก็ตามใจ
จริงๆ โอก็ไม่ได้อยากแกล้งหรอก แต่มันหมั่นไส้ อยากดัดนิสัยเสียๆ ของโป้งบ้าง ทนดูมาหลายปีแล้ว พูดว่าอะไรไปก็เท่านั้น มันต้องทำให้รู้สึกกับตัวเอง จะได้รู้ซึ้ง ว่าการเอาแต่กลั่นแกล้งและล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นมันเป็นยังไง
“ล้านจานเสร็จ เอาผ้าไปตากให้ด้วยนะ นู่น” โอยักคิ้วบุ้ยปากไปทางตะกร้าผ้าที่ปั่นมาเรียบร้อยแล้วตรงหน้าห้องตัวเอง โป้งชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะยังไงก็ต้องทำให้โออยู่ดี
จากที่คิดว่าแค่ครึ่งปี ยอมทนๆ ไปแป้ปเดียวก็จบ แต่นี่เพิ่งผ่านมาแค่ 2 วัน ก็จะทนไม่ไหวแล้ว
“ไอ้โอ! ไอ้เหี้ยโอ!” โป้งโผล่หน้ามาจากระเบียง ร้องเรียกเสียงดังลั่นห้อง โอที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเหลียวหลังไปมองด้วยความสงสัย “กูไม่ตากกางเกงในให้มึงนะ! มาทำเอง!”
“ไม่! นั่นก็หน้าที่มึง” โอตะโกนบอกแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ
“ไอ้สัส! ไอ้หน้าด้าน!” โป้งกระทืบเท้าปึงปัง ก่นด่าสารพัดตอนที่หยิบชั้นในของโอขึ้นมาตากอย่างรังเกียจ ต้องใช้ปลายนิ้วคีบไว้ห่างๆ ตัว
“ถ้ามันหล่นลงพื้นมึงโดนแน่” เสียงเข้มดังขึ้นข้างหลังเล่นเอาโป้งสะดุ้งโหยง ไอ้ที่คีบไว้หลุดพรืดออกจากมือ โป้งตาโต ลนลานเก็บขึ้นมาแล้วหันไปมองหน้าโอที่ออกจะบึ้งตึงเล็กน้อย
“กะ ก็กูตกใจ จู่ๆ มึงโผล่มา” โป้งแกตัวทันทีทั้งที่โอยังไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้กล้าจับแบบเต็มๆ มือแล้ว แถมกำไว้แนบอกเสียแน่น
“ไปซักมาใหม่” โอเอ่ยเสียงเย็น โป้งเบิกตาโพลง
“อะไรวะ! ไม่ใช่ความผิดกูนะ!”
“มึงเป็นคนทำตก” หน้าตาของโอจริงจังเสียจนโป้งเหงื่อตก เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นโอมุมนี้มาก่อนเลย ปกติจะกวนตีนกันแค่ไหน แต่โอก็ยอมให้เสมอ
“ก็ได้ ชิ” โป้งสบถใส่หน้า เดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจะซักชั้นในที่ทำตกให้ใหม่
แค่ 2 วันก็จะบ้าตายอยู่แล้วว้อยยยยยย
******
เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือน กับการแสดงเป็นแฟนหลอกๆ ก่อนที่จะสอบเสร็จและปิดเทอมการศึกษาภาคปลาย ต่อหน้าคนอื่น บิวกับเฟรนก็ยังเล่นบทคนรักกันได้อย่างแนบเนียน แม้บางครั้งบิวจะสังเกตเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของอีกคนอยู่เนืองๆ ก็ตาม
“สอบวันสุดท้ายวันไหน” สองคนนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันตามปกติ บิวยังคงดูแลเอาใจใส่เหมือนเคย ทั้งซื้อข้าวซื้อน้ำให้ แบ่งกับข้าวให้ ถ้ามีกุ้งมีหอยก็จะแกะแต่เนื้อมาให้ น่องไก่ก็ตัดแบ่งเอาแต่เนื้อให้ ทำแบบนี้มาตลอดเทอมนึงที่ผ่านมา
แต่อีกไม่นานมันก็จะจบแล้วจริงๆ
เฟรนอดเหงาไม่ได้ พอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ไม่มีคนข้างๆ คอยเอาใจ
“25 พฤษภา”
“วันเดียวกันนี่ เย็นกลับบ้านด้วยกันมั้ย ยังไงก็ใกล้ๆ กัน” บิวเอ่ยชวน หน้าตายิ้มแย้มตามปกติ แต่ความรู้สึกมันต่างออกไปจากเดิม
ความรู้สึกของเฟรนนี่แหละที่ต่างจากเดิม
ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่ ใจของเฟรนก็ยิ่งหวั่นไหว
ทั้งที่รู้ว่าบิวแค่แสดง ทุกสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันแค่การแสดง ถ้ากลับมาเป็นเพื่อนกัน ก็คงห่างกันไปเอง
“อือ แล้วแต่” เฟรนแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่อยากออกตัวว่าต้องการอยู่ด้วยกันมากเกินไป
“แสดงไม่เก่งเลยนะ” เสียงพึมพำของบิว ทำให้เฟรนเงยหน้าหันไปมอง แต่บิวก็ทำเหมือนไม่ได้พูดอะไร
กินข้าวเช้าเสร็จ บิวก็พาเฟรนไปส่งที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ตามหน้าที่
“เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะ ต้องช่วยงานที่คณะ คงดึก เดี๋ยวกลับกับสนได้” เฟรนบอกหลังจากลงจากรถและถอดหมวกกันน็อคคืนให้ บิวรับไปแขวนไว้
“ดึกแค่ไหนก็มารับได้ โทรมาบอกด้วย”
“ไม่เป็นไร อย่าลำบากเลย” เฟรนก้มหน้าก้มตาตอบ พอเห็นว่าบิวนิ่งเงียบไป ก็ทำท่าจะหันหลังให้ “ไปนะ”
หมับ!
แรงกระชากที่แขนไม่ใช่น้อยๆ ร่างเล็กเกือบหงายหลัง ดีที่มีอกของบิวรองรับไว้ หวิดหัวจะโขกกับหมวกกันน็อคที่บิวสวมอยู่ โชคดีที่บิวเอียงคอหลบทัน
“โทรมาด้วย จะมารับ” เน้นทุกคำแบบชัดเจนอยู่ข้างหู ทั้งที่มีหมวกกันน็อคกั้นไว้ เฟรนใจเต้นตึก แขนถูกปล่อยเป็นอิสระ และบิวก็เลื่อนหน้ากากหมวกกันน็อคลง ก่อนจะบิดรถกลับไปคณะตัวเอง
แม้บิวจะลับสายตาไปแล้ว และเฟรนก็ก้าวขาขึ้นไปบนตึกด้วยสีหน้าที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติ แต่หัวใจของเฟรนตอนนี้ก็ยังเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก
เกือบตี 2 ครึ่งแล้ว เฟรนมองนาฬิกาข้อมืออย่างครุ่นคิด ป่านนี้บิวอาจจะหลับไปแล้ว ไม่อยากโทรไปรบกวน เลยตัดสินใจว่าจะขอติดรถของสนกลับหอ ช่วยกันเก็บของสำหรับงานบายเนียร์รุ่นพี่ปี 4 วันเสาร์นี้เสร็จ ก็เดินออกจากตึกคณะพร้อมเพื่อนๆ ที่อยู่หอนอกเหมือนกัน พวกที่อยู่หอในช่วยทำงานได้แค่ถึง 4 ทุ่ม เพราะหอในปิดเร็ว แต่เด็กหอนอกอย่างพวกเฟรน จะกลับกี่โมงก็ได้
“ตกลงมึงไปกับกูนะ เดี๋ยวไปวนรถออกมาหน้าตึก” สนกำลังจะวิ่งไปเอารถที่วันนี้จอดไกลไปหน่อย แต่พอก้าวขาพ้นตึกก็ชะงักไป แล้วหันไปหาเฟรนที่นั่งรออยู่ “ไอ้เฟรน! แฟนมึงมารับแล้วนี่”
เฟรนขมวดคิ้ว ได้ยินคำว่า “แฟน” ก็รู้แล้วว่าใคร ถึงจะไม่ใช่แฟนจริงๆ ก็เถอะ
“งั้นกูกลับเลยนะ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” สนโบกมือบ๊ายบายเฟรน และไม่ลืมหันไปโบกมือให้บิวด้วย บิวพยักหน้านิดๆ ยิ้มให้สน ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคเตรียมไว้ให้เฟรน
ร่างเล็กก้าวขาฉับๆ มาหาเขาอย่างรีบร้อน “มารอตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”
“สักชั่วโมงก่อนได้” บิวตอบหน้านิ่ง คว้าเอวเฟรนไปใกล้ๆ ให้ยืนอยู่ตรงหว่างขา เพราะตัวเขากึ่งนั่งอยู่บนเบาะรถ ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้คนตัวเล็กอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน “ทำไมไม่โทรมาล่ะ”
“ก็มันดึกเกิน” เฟรนตอบอ้อมแอ้ม แม้จะค่อนข้างมืดสลัว แต่บิวก็เห็นว่าแก้มใสนั้นเจือสีชมพูจางๆ และโครตน่ารักในความคิดของบิว
“ไปดูที่ห้อง เห็นยังไม่กลับ เลยขี่รถออกมาเรื่อยๆ เผื่อเจอระหว่างทาง” บิวคลี่ยิ้มเมื่อสวมหมวกให้เสร็จ “ป่ะ กลับกัน”
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้” เฟรนพึมพำเบาๆ ก้มหน้าก้มตากระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันสีแดง จะว่าเขินก็เขิน ดีใจก็ดีใจ แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าบิวยังตีบทแตกขนาดนี้ หัวใจของตนคงยิ่งเจ็บหนัก ตอนที่ต้องเลิกกัน หรือจริงๆ แล้วบิวก็อยากให้เป็นแบบนั้น เพื่อความสมจริง?
นั่นสินะ ก็แค่ให้มันสมจริง
เล่นจริง เจ็บจริง
******
“พักนี้ไอ้โป้งกับไอ้โอหายหน้าหายตาไปไหนวะ” เรือรบเอนตัวพิงโซฟาพร้อมยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันสะท้อนแสงระยิบระยับขึ้นจิบ ปิดเทอมใหญ่สามเดือน เป็นช่วงเวลาปลดปล่อยของเหล่าเด็กหนุ่ม หลังจากผ่านพ้นช่วงสอบปลายภาคอันหฤโหดในรั้วมหาวิทยาลัย
“เห็นโอมันบอกว่าต้องไปช่วยงานพ่อที่เมกาป่ะ คงพาไอ้โป้งไปด้วยมั้ง” คิงว่า ในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมดที่เรียนมาด้วยกันสมัยม.ปลาย เรื่องข่าวสารต้องยกให้คิง “พอดีกูเห็นในเฟซ มันอัพว่าอยู่เมกาทั้งคู่เลย”
“เอาจริงๆ นะ กูว่าเชี่ยโอแม่งชอบไอ้โป้งว่ะ” บิวยื่นหน้าเข้ามาในวงสนทนาพลางโคลงแก้วเหล้าไปมา “เทอมหน้าอาจจะมีอะไรเด็ดๆ ฮ่าๆ”
“มึงนี่ก็...สนุกไปทุกเรื่องล่ะ แล้วเรื่องไอ้เฟรนเป็นไงมั่ง” เอ็มหันไปหรี่ตามองเพื่อนอย่างเอือมระอา
“เฮ้ย ชิวน่า เดี๋ยวกูจะทำให้มันเลิกกับกูเอง” บิวยักคิ้วให้เอ็ม
“ด้วยการจีบผู้หญิงต่อหน้ามัน?” เรื่องที่เอ็มพูด ทำให้ทุกคนหันมาสนใจบิวกันหมด วันนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน แต่ยังมีเพื่อนสมัยมัธยมอีกกลุ่มหนึ่งมาด้วย
“ที่บอกชื่อแอล อะไรนั่นน่ะนะ? มีรูปมั้ยวะ” เรือรบตาวาวทันที เอ็มหยิบมือถือส่งรูปให้เพื่อนดู เพราะเป็นคนที่บิววานให้ช่วยไปส่งขนมและดอกไม้ให้แอลแทบทุกวัน เอ็มก็เลยสนิทกับแอลไปด้วย เรือรบรับรูปไปดูพลันตาโตกว่าเดิม เพื่อนๆ รับไปดูต่อรอบวง
“สวยสู้กูไม่ได้หรอก เชอะ” มิ้ว สาวน้อยตัวแม่ในวงชายหนุ่มเชิดหน้าใส่บิว “ดูแล้วแรดเงียบ ร้าย”
“มึงอย่าปากดีอีมิ้ว ออกมาแรดซึ่งหน้าอย่างมึง เดี๋ยวกูบอกพี่ไมค์เลยนี่” บิวกระแทกเสียงใส่หน้าเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้ แต่ก็แค่หมั่นไส้แบบขำๆ ไม่ได้จริงจัง พอพูดถึงพี่ชายจองเฮี้ยบของมิ้ว สาวเจ้าก็ทำหน้าเหยเก ยกมือยอมแพ้บิวทันที
“แล้วไงวะบิว เขาจะเชื่อเหรอว่ามึงไม่เกย์ เล่นควงผู้ชายร่อนทั่วมอมาทั้งเทอม แถมเทอมแรกยังแต่งหญิงไปเรียนอีก” คิงหัวเราะร่วน เพื่อนๆ คนอื่นก็หัวเราะตาม
“เรื่องแต่งหญิงอ่ะเคลียร์นานแล้ว ว่าพนันกับเพื่อน แต่เรื่องหลังเนี่ย เดี๋ยวกูจัดทีเดียว” บิวยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง หน้าตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจนเอ็มไม่อยากมอง คงเพราะอยู่กับน้องน้ำนานไปหน่อย เอ็มเลยค่อนข้างติดนิสัยรังเกียจผู้ชายนิสัยอย่างบิวไปแล้ว
“กูไปดีกว่า ฟังมันพูดเรื่องนี้ทีไร แม่งเครียด” เอ็มตบบ่าเรือรบเบาๆ แล้วขอตัวเดินออกไปนอกผับ เกินจะรับเรื่องนี้ไหวจริงๆ
“เชี่ยเอ็มเป็นไรวะ ทำตัวเหมือนไอ้น้ำเข้าไปทุกวัน” คิงเหลือบสายตามองตามเอ็มไป
“สงสัยกูคงปล่อยให้อยู่กับไอ้น้ำมากไป เริ่มจะตุ๊ดแตก ฮ่าๆ” บิวหัวเราะเสียงดัง ชวนเพื่อนๆ เฮฮากันต่อ ไม่สนใจอาการนอยแดกของเพื่อนรัก
กว่าจะแยกย้ายกันกลับจากผับก็ตี 2 เข้าไปแล้ว อยู่ในกรุงเทพฯ บิวไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะเกิดเมาขึ้นมาจะลำบาก เลยใช้บริการเรียกแท็กซี่หรือไม่ก็อูเบอร์
มือเรียวกดเรียกอูเบอร์ระบุพิกัดเรียบร้อย พลันนึกถึงหน้าใครบางคน ก็เลยลองส่งไลน์เข้าไปหา
ติ้ง
แม้จะดึกมากแล้ว แต่เฟรนก็ยังนั่งดูหนังอยู่บนเตียง เพราะคืนนี้บิวบอกว่าจะออกไปผับกับเพื่อนสมัยมัธยม เลยอยู่รอ พอได้ยินเสียงไลน์ดัง ก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนสีขาวมาดู
เพื่อนบิว (เฟรนเปลี่ยนชื่อใหม่อีกรอบ): นอนยังวะ
F.T.: ยัง
เพราะคนตอบ ตอบมาเร็วมาก ทำให้บิวหลุดยิ้มกับตัวเอง
F.T.: กลับแล้วเหรอ
เพื่อนบิว: กำลังจะ
รถที่เรียกไว้มารับพอดี บิวเลยเก็บมือถือแล้วขึ้นรถ หลับยาวจนถึงพิกัดที่ระบุไว้ เพราะเป็นอูเบอร์ เลยมั่นใจในความปลอดภัย พอไปถึงที่หมาย คนขับก็จะปลุกเอง บิวลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เอ่ยขอบคุณเจ้าของรถที่พามาส่งก่อนจะลงจากรถและเปิดไลน์ ส่งข้อความไปอีกรอบ
เพื่อนบิว: ลงมารับหน่อยดิ
F.T.: สติ๊กเกอร์รูปหมีทำหน้างงพร้อมเครื่องหมาย ?
เพื่อนบิว: อยู่หน้าบ้านมึงอ่ะ
เฟรนตาโต รีบวิ่งลงไปดูที่หน้าบ้าน แล้วก็เห็นคนตัวสูงในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สกินนี่ขาดๆ กับแจ๊คเกตสีน้ำเงินยืนหันหลังพิงรั้วบ้านรออยู่จริงๆ
“มันดึกแล้ว มาทำไมเนี่ย” เฟรนขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ แต่จริงๆ ก็ดีใจที่บิวมาหา ถึงจะดึกไปหน่อยก็ตาม “บ้านตัวเองไม่มีไง? ได้ข่าวอยู่ถัดไปสามซอย” บ่นไปงั้น แต่ก็เปิดประตูให้บิวเข้าบ้าน
“กูเมาไง กลับไปได้เจอแม่สวดยับ” บิวคว้าคอร่างเล็กไปกอดไว้ “ขอนอนด้วยคืนนึง”
“เออๆ ก็มาแล้วนี่ เบาๆ นะ เขาหลับกันหมดแล้ว” เฟรนหันหน้าหนี ไม่ให้บิวเห็นแก้มที่แดงระเรื่อ พาบิวขึ้นไปบนห้องนอน หาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน “จะอาบน้ำมั้ย”
“อือ ก็ดี” บิวขานรับ เหมือนจะทั้งเมาแล้วก็ง่วงด้วย
******
ร้านอาหารไทย “ดินแดนสยาม” เป็นร้านขึ้นชื่อในเมืองบอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าของกิจการก็คือพ่อของโอนั่นเอง นอกจากสาขาที่นี่แล้ว ในไทยก็ยังมีอีกหลายสาขาทั่วประเทศ และนี่คืองานที่โอเคยบอกว่าช่วยพ่อดูแลอยู่
“โต๊ะ 4 โต๊ะ 5 เก็บจาน โต๊ะ 12 ใครว่างรับออเดอร์ที” เสียงผู้จัดการร้านดังอยู่ตลอดเวลา เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ และคนค่อนข้างเนืองแน่นเป็นพิเศษ เนื่องจากเมืองนี้ขึ้นชื่อด้านการศึกษา จึงมีนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะคนไทย เยอะเป็นพิเศษ
“ครับๆ รับอะไรดีครับ” โป้งรีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับลูกค้าที่โต๊ะ 12 ดูจากหน้าตาก็พอเดาได้ว่าคนไทยแน่นอน แถมยังเป็นสาวสวยตั้ง 3 คนด้วย
“ขอผัดผักบุ้งไฟแดง ปลาเก๋าราดพริกกับต้มยำกุ้งค่ะ” หนึ่งในนั้นสั่งอาหารพร้อมรอยยิ้มหวาน โป้งก็ยิ้มให้พวกเธอทั้งโต๊ะพลางกดจิ้มออเดอร์ที่สั่งในไอแพดของทางร้าน ซึ่งจะส่งตรงเข้าเครื่องของพ่อครัว ให้ทำตามเมนูที่สั่งได้เลยทันที ไม่ต้องรอพนักงานไปบอกหลังร้าน เมื่ออาหารตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว พ่อครัวจะกดส่งสัญญาณมาให้ และโป้งก็จะไปรับอาหารมาเสิร์ฟ
ตอนมาที่นี่วันแรก บอกเลยว่า โป้งโครตจะหงุดหงิดและหัวปั่นกับบรรดาลูกค้าและระบบการทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำงานมาก่อนในชีวิต แม้แต่ร้านขายยาที่มีเป็นสิบๆ สาขาของป๊า โป้งก็ไม่เคยแวะเวียนไปดูแล แต่กลับถูกโอบังคับพามาที่บอสตัน แล้วให้ทำงานในร้านตามข้อตกลงที่ทำไว้
“โป้ง พี่ฝากล้างจานด้วยนะ เสร็จตรงนี้ก็ไปพักได้เลยครับ” พี่จรัญ หรือพี่รัล ผู้จัดการร้านชะโงกเข้ามาบอกในครัว โป้งพยักหน้ารับแล้วลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมาย นั่นคือการล้างจาน
ล้างที่บ้านไอ้โอแล้วยังต้องมาล้างที่ร้านอีก โครตเซ็ง
โป้งคิดพลางถูๆ ขัดๆ จานแต่ละใบอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง ทำงานมาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็เริ่มจะคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง แต่เรื่องที่ทำให้หงุดหงิดหัวเสียก็คือ ไอ้ตัวดีที่เอาเขามาปล่อยไว้ แม่งหายหัวไปตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ก็ยังไม่โผล่มา
“สัสโอ อย่าให้กูเจอนะ แม่ง...”
“ทำไม เจอแล้วจะทำไมวะ”
เพล้ง!
เพราะจู่ๆ โอก็โผล่มาข้างหลังแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง โป้งเลยตกใจหน้าเหวอแถมเผลอทำจานหลุดมือลงพื้นอีกต่างหาก
“เฮ้ยๆ! อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวบาดเท้า” โอรีบนั่งลงเก็บเศษจานที่หล่นแตกกระจายแถวเท้าของโป้ง เขาก้มมองโอที่นั่งยองๆ ค่อยๆ ใช้มือเปล่าหยิบเศษจานที่แตกทีละชิ้น
จะใจเต้นทำเห้อะไรครับไอ้โป้ง
เพราะโอบอกให้อยู่นิ่งๆ โป้งก็อยู่นิ่งจริงๆ ยืนหลับตาปี๋ เอามือกุมอกแน่น ก็หัวไอ้เพื่อนตัวดีมันอยู่ข้างหน้า ตรงหว่างขาพอดีเลยน่ะสิ!
โอเก็บเศษจานเสร็จแล้ว พอเงยหน้ามองโป้งก็เห็นตัวเกร็ง หลับตาปี๋ ท่าทางน่าขันจนต้องอมยิ้มให้ ร่างสูงกว่าโป้งแค่สามสี่เซนยืดตัวขึ้นช้าๆ ไม่ให้อีกคนรู้ตัว พลางจ้องมองใบหน้าของโป้ง
ตาปิดสนิท ปากเม้มแน่น แพขนตางอนๆ สั่นระริกเชียว
โป้งเป็นคนหน้าตาดี ไม่ถึงกับหล่อจัด แต่เพราะรูปร่างและเล่นบาสเก่ง เลยทำให้สาวๆ คลั่งไคล้เพราะความเท่ ตัวสูง 181 ซม. มีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายดูสมส่วน และน่าจะพอดีมือเวลากอด โอคิดพลางเลียริมฝีปาก
“เก็บเสร็จยัง...” มันนานเกินไปแล้ว จนโป้งต้องขอถามทั้งที่ยังหลับตา
“ก็ลืมตาดูสิ” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาโป้งลืมตาโพลง ยกมือขึ้นดันอกอีกคนด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ
“เฮ้ย! เล่นบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวได้แตกทั้งกะละมัง!” หลังที่เอนหนี ถูกมือหนาเกี่ยวเอวไว้ไม่ให้ชนกับกะละมังใบใหญ่ด้านหลัง โดนรั้งทั้งร่างเข้าไปแนบชิดสนิทแน่นกับคนตัวสูงกว่า ยิ่งทำให้โป้งลนลานหนักกว่าเดิม
“อย่าดิ้นดิ ถ้าแตกอีก กูให้มึงจ่ายนะ” โอดุแบบไม่จริงจังนัก แต่โป้งก็หยุดนิ่งทันที แม้มือจะพยายามดันอกหนาๆ ของอีกคนไว้ก็ตาม
“มึงก็อย่าเล่นบ้าๆ! ปล่อยกู!” หน้าแดงๆ ถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ โอหัวเราะในคอเบาๆ ยอมปล่อยมือออกจากเอวของโป้งแต่โดยดี เพราะไม่ได้มาเพื่อแกล้ง แต่มีข่าวเด็ดจะบอก
“มึงเห็นในเฟซยัง?”
“เฟซ? เห็นอะไร? กูทำงานให้มึงตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปเช็คเฟซห๊ะ!?” อดไม่ได้ที่จะโวยใส่เบาๆ ขืนดังมากเดี๋ยวโดนมันแกล้งอีก
โอไม่ได้ตอบ แค่ยิ้มมุมปากแล้วยื่นสมาร์ทโฟนที่มีสัญลักษณ์แอปเปิ้ลแหว่งให้ดู โป้งรับไปดู พลันต้องถลึงตาโต ก่อนที่คิ้วจะค่อยๆ ขมวดเป็นปม กัดปากตัวเองจนเลือดซึม พอเห็นแบบนั้น โอก็รีบแย่งมือถือคืนไป
“กูไม่รู้นะว่ามันจริงจังแค่ไหน แต่คนอย่างไอ้บิว อะไรที่มันอยากได้ มันก็ต้องได้อยู่แล้ว” โอเขยิบเข้าไปยืนชิดกับคนที่หน้ามุ่ยไม่หาย
“ถ้ามันชอบผู้ชายได้ ทำไมมันถึงไม่ชอบกู!” โป้งโวยวายหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอ ลูกผู้ชายอย่างโป้งไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น แต่ยกเว้นโอไว้คนนึง โอไม่ได้พูดอะไร แค่ดึงโป้งไปกอดไว้แนบอก ลูบหัวให้เบาๆ อย่างปลอบโยน
ภาพบนหน้าจอมือถือของโอ เป็นภาพจากในเฟซบุ๊คของบิว
เพิ่งอัพเดทไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นภาพของบิวที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกับเฟรน ในห้องของเฟรน คนตัวเล็กนอนซุกอยู่ในผ้าห่ม กำลังหลับสบายซบไหล่และกอดแขนของบิวไว้ ส่วนบิวไม่ได้ใส่เสื้อ และแนบริมฝีปากไว้บนแก้มของคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ
โป้งคว้าอกเสื้อของโอขยุ้มจนยับยู่ยี่ ซบหน้าบนลาดไหล่กว้างของร่างสูงกว่า ปล่อยให้น้ำตาไหลทุกหยาดหยดลงบนเสื้อของอีกฝ่าย โอกอดไหล่ที่สั่นเทานั้นพลางลูบเบาๆ
“ลืมมันซะ คนอย่างมัน ไม่คู่ควรกับมึงหรอก” เสียงอ่อนโยนปลอบอยู่ข้างหู โป้งยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ฮือ...แล้วคนแบบไหน...จะเหมาะกับกูล่ะ ทำไม...ทำไม...มันถึงไม่ชอบกู” โป้งกอดโออย่างลืมอาย กอดแน่นจนเหมือนรัด โอนิ่งเงียบ ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของโป้ง เชยคางมนขึ้นสบตา ทั้งที่โป้งยังมีน้ำตาไหลอาบแก้ม
ไม่มีคำตอบ มีเพียงแค่สัมผัสบางเบาจากริมฝีปากอุ่นๆ ที่ทำให้โป้งต้องหลับตาลงอีกครั้งทั้งน้ำตา