พิมพ์หน้านี้ - Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ichiichi ที่ 08-03-2018 18:25:46

หัวข้อ: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-03-2018 18:25:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม :o12:
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.1
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-03-2018 18:27:16
Intro เบาๆ


ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ!

ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ จะได้รู้ซึ้งถึงคำนี้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

จะไปที่ไหน ทำอะไร ก็ต้องเจอ “มัน”

หรือจะลองรักมันดูสักตั้ง จะได้ไม่ต้องพบเจอกันอีก!

******

“สวัสดีค่ะ เราชื่อบิวนะ เรียกบิวตี้ก็ได้ เรียนคณะอักษรศาสตร์ ยังไม่มีเอก แต่อยากเรียนญี่ปุ่น สวย โสด ไม่โหด จีบได้ นะคะ ปิ๊งๆ” สาวน้อย (?) รูปร่างสูงโปร่งที่ยืนตระหง่านอยู่ต่อหน้ารุ่นพี่และปี 1 ด้วยกันย่อขาขยิบตาอย่างน่ารักกับการแนะนำตัวเรียบง่ายของเธอ

ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งอึ้งไปนาน ไม่ได้มีแค่คณะเดียวกันกับบิว แต่มีเด็กจากคณะอื่นที่ต้องวนมารับน้องกับรุ่นพี่ต่างคณะให้ครบทั้งมหาวิทยาลัยด้วย และตอนนี้ก็อยู่ในซุ้มรับน้องของคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะที่ขึ้นชื่อเรื่องหนุ่มหล่อ พ่อรวย ใครได้แฟนคณะนี้เหมือนถูกหวยสามสิบล้าน แบบไม่ต้องแจ้งความสลากหายหรือโดนใครขโมยไปเลยทีเดียว

แต่สาวอักษรที่ขึ้นชื่อว่ามีแต่ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ว่อนคณะ รวมทั้งเก้งกวางบ่างชะนีเด็ดดวงทั้งหลาย ก็ไม่น้อยหน้า และบิวตี้ ก็คือหนึ่งใน...

“เหี้ย กะเทยนี่หว่า”

“กะเทยแล้วหนักหัวพ่อมึงรึไงล่ะ...คะ” เมื่อมีเสียงทักมา บิวตี้ก็ไม่รอช้าที่จะตอบโต้ด้วยรอยยิ้มสวย หวาน และขวานผ่าซากแบบไพเราะเพราะพริ้ง พร้อมกับส่งสายตาหยาดเยิ้มไปให้เด็กหนุ่มผู้โชคดีที่ได้ฉะกับสาวสวยตั้งแต่วันแรกของการรับน้องแบบรวมคณะ

บิวมองแผ่นป้ายสีแสดที่เด็กหนุ่มผู้โชคดีแขวนคอไว้พลางแสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตัวเท่าลูกหมา เสือกเรียนวิศวะ ระวังจะตายก่อนจบนะคะ คุณเฟรนลี่ ผู้ปี้สาวไม่เป็น”

“ไอ้กะเทยควาย!” คนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลผุดลุกขึ้นจะกระชากคอเสื้อยืดตัวบางของสาวน้อย แต่พวกรุ่นพี่กับเพื่อนๆ ร้องห้ามกันเสียงหลง หนุ่มน้อยก็เลยต้องนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะถูกถากถางด้วยสายตาจากกะเทยสาวสวยอีกครั้ง ให้ได้ขุ่นข้อง
หมองใจจนอยากจะลุกไปกระทืบกะเทยให้รู้แล้วรู้รอด

“เอ่อ ใจเย็นๆ กันนะครับน้องๆ คนต่อไปแนะนำตัวเลยครับ เชิญ” รุ่นพี่ปี 2 มาดแมนแฮนซั่ม ดีกรีเดือนคณะวิศวะปีที่แล้วเอ่ยเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะเหตุเมื่อครู่เกือบทำเอาซุ้มคณะกลายเป็นลานประลองยุทธ์ระหว่างหนุ่มน้อยหน้าละอ่อนกับกะเทยตัวแม่

ทุกคนในที่นั้นต่างลอบถอนหายใจเมื่อเหตุร้ายดูจะคลี่คลายลงแล้ว แต่สายตาของสองคนที่ได้ปะทะฝีปากกันเมื่อครู่นั้นยังจดจ้องกันอย่างเร่าร้อนรุนแรง จนเพื่อนๆ ที่นั่งคั่นกลางต้องเอนตัวหลบรังสีพิฆาตของทั้งสองด้วยความหวาดเสียว

“ไอ้เหี้ย ตัวเท่าฝ่าตีนกู บังอาจปากหมาใส่ เจออีกทีจะแผ่นกบาลแม่งให้แยกเลย” บิวตี้ สาวน้อย(?) ร่างสูง ราวๆ 180 ซม. เดินกระแทกเท้าหนักๆ ขึ้นบันไดโรงอาหารกลางอย่างหงุดหงิดหัวเสีย โดยมีเพื่อนรักที่เคยเรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ต้นอย่าง ชะเอมเทศ หรือเอ็ม และหนุ่มน้อยร่างเล็กกะทัดรัด หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่าง น้องน้ำ เดินตามหลังมาติดๆ พร้อมกับเพื่อนสาวร่วมคณะอีกกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากคณะของพวกเขาผู้หญิงเยอะมากกกก ถึงมากที่สุด เพื่อนส่วนใหญ่ก็เลยมีแต่ผู้หญิงหลากหลายสไตล์

“มึงก็ใจเย็นๆ ดิวะอีบิว ไปสนใจทำไมเสียงนกเสียงกา แค่เทอมเดียว มึงก็ได้เป็นไทแล้ว ทนๆ ไป” น้องน้ำ หน้าตาน่ารักแต่ปากไม่น่ารักอย่างหน้าหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาอ่านข้อความในไลน์จากแฟนหนุ่มก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง “พี่ภาคบอกว่าจะพากูไปกินข้าวนอกมอว่ะพวกมึง ไปก่อนนะ เจอกัน”

“อ้าว? อีน้ำ! สัส เห็นผัวดีกว่าเพื่อนตั้งแต่วันแรกเลยนะ” บิวก่นด่าไล่หลังเพื่อนรักที่วิ่งหายไปไวๆ พลางส่ายหน้าเซ็งๆ “แดกไรดีวะ”

“เอากุ้งกะเทียมราดข้าว ฝากสั่งด้วย เดี๋ยวกูไปจองที่ให้” เอ็มตบบ่าบิวแล้วแยกเดินไปอีกทาง ส่วนเพื่อนสาวกลุ่มที่มาด้วยก็แยกย้ายกันไปสั่งข้าวสั่งน้ำมากินเช่นกัน

ร่างสูงโปร่ง ผมยาวสยายถึงกลางหลัง ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางเน้นสัดส่วนกับกางเกงวอร์มสีดำพับขาขึ้นมาถึงเข่ายืนกอดอกรออาหารที่สั่งไว้อยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งป้าพิมพ์ใจ สั่งปุ๊บได้ปั๊บ ทันใจไวเว่อร์ (ชื่อร้านจะยาวไปไหนวะครับ: บิวตี้)

“ป้าครับ ขอกระดาษจดหน่อย” เสียงเหมือนจะคุ้น คล้ายๆ ว่าได้ยินเมื่อบ่ายหมาดๆ ทำให้บิวต้องขมวดคิ้วหันไปมอง แต่อนิจจา คนพูดแม่งเสือกเตี้ยโครตๆ จนต้องก้มหน้าเหลือบตาลงมอง และคนมาใหม่ก็เหมือนจะสะกิดใจกับคนตัวสูงผมยาวสยายข้างๆ จนต้องเงยหน้ามองเช่นกัน

“อีกะเทยควาย!”

“ไอ้เตี้ยตูดเป็ด!”

ราวกับมีสายฟ้าฟาดเปรี๊ยะๆ ออกจากดวงตาของทั้งคู่แล่นปราดมาปะทะกัน บิวแสยะยิ้มทั้งที่ยังกอดอก

“แดกนมก่อนมั้ย จะได้สูงๆ”

“มึงนั่นแหละ ไม่ได้แดกหญ้าเป็นอาหารเหรอวะ กะเทยควายๆๆๆ” คนตัวเล็กกว่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ล้อเลียนบิวซ้ำๆ เหมือนเด็กประถม แต่ก็ทำให้สาวน้อยของเราของขึ้นได้พอสมควร

“ไอ้เตี้ย!”

“อีกะเทยควาย!”

“เอ่อ” เสียงหนึ่งแทรกขึ้นระหว่างสงครามน้ำลาย หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาว (?) ต่างหันขวับไปมอง ป้าพิมพ์ใจนั่นเอง “จะสั่งอะไรมั้ยลูก พ่อหนุ่มตัวเล็กนั่นน่ะ”

ยิ่งมีคนมาเรียกตัวเล็ก เฟรนยิ่งเสียหน้า ร่างเล็กหันไปจดรายการอาหารของตัวเองและที่เพื่อนฝากมารัวๆ แล้วยื่นส่งให้ป้า ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าหนีไปจากตรงนั้น พยายามไม่สนใจสายตาเย้ยหยันของคู่อริอีก

มันคือการเจอหน้ากันครั้งแรกที่โครตแย่ และต่างคนต่างก็ไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องเวียนวนมาพบเจอกันอีกรัวๆ ในภายภาคหน้า
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.1
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-03-2018 18:31:36
เปิดเรื่องใหม่หลังเรื่องเก่าทันที ฮ่าๆ อีกเรื่องก็ยังค้างคา เอาน่า ค่อยเป็นค่อยไป
ว่างๆ จะมาต่ออีก ช่วงนี้งานรุมเร้าอีกละ ฮือๆ
บิวตี้นี่ใครก็รู้ๆ อยู่ อีกสองหน่อก็อยู่ตรงนี้แหละ

1
“ครับแม่ โอเคมากครับ ฮ่าๆๆ ครับๆ คณะนี้ทำให้ผมโครตฮอตเลย ผู้ชายมีเท่าหยิบมือ โอ๊ยยย ลูกแม่หล่อที่สุดในสามโลก เดี๋ยวก็หาได้ครับ แฟนน่ะ ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ ได้อุ้มหลานเหลนโหลนแน่นอน”

คุยกับแม่เสร็จ สาวน้อยบิวตี้ก็กดตัดสายพลางถอนหายใจยาวเป็นวา จนแทบจะเอาลมหายใจมาวาดเป็นวงขดๆๆ ได้หลายตลบ

“เพิ่งปี 1 แม่มึงจะให้หาเมียแล้วเหรอวะ” เอ็มนั่งเคี้ยวปาปริก้ากรุบกรับมองเพื่อนรักที่โดนคุณนายแม่โทรมาปลุกแต่เช้าตรู่วันอาทิตย์ ก่อนเปิดเทอม

“ก็ยัยเบธดันเอารูปกูตอนแต่งหญิงให้แม่ดูไง เลยกลัวลูกชายจะเป็นหมัน ได้ผัวแทนเมีย! อยากเห็นแฟนกูยิกๆ แล้วจะไปเอาที่ไหนมาให้วะ เทอมนี้ทั้งเทอมกูต้องแต่งหญิงไปเรียนอีก ชีวิตแม่งบัดซบสิ้นดี” บิวเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น พี่สาวตัวดีดันจับแต่งหญิงถ่ายรูปก่อนย้ายมาอยู่หอ แล้วเอาให้แม่ดู จนแม่เกิดอาการแพนิคขั้นสุดยอด กลัวลูกชายเป็นตุ๊ด เลยร่ำร้องเร่าๆ ให้หาแฟนสาวไปเปิดตัวด่วนที่สุด

“มึงก็ไม่น่าไปรับคำท้าพวกไอ้โป้งตอนนั้น”

“คนอย่างกู ฆ่าได้หยามไม่ได้ ท้าแล้วไม่รับแม่งหน้าตัวเมีย รับคำท้ามาแล้วกูก็ต้องทำให้สุด! จะให้พวกมันอ้าปากค้างไปทั้งเทอมเลยพวกมึงคอยดูแล้วกัน!” ดูเป็นคนจริงจังแปลกๆ จนเพื่อนๆ ต่างพากันส่ายหน้าว่า ทำตัวเองชัดๆ แบบนี้...

เช้าวันเปิดเทอมวันแรก บิว หรือสาวน้อยบิวตี้ จัดหนักจัดเต็มด้วย (วิก) ผมยาวสยาย แต่งหน้า (ที่พี่เบธตี้สอนมา) ด้วยสีเบจอ่อนๆ ดูสวยใสเป็นธรรมชาติ กับชุดนักศึกษาพอดีตัวและกระโปรงพลีทยาวแค่เข่าบานพลิ้วและรองเท้าส้นสูง (ที่ฝึกเดินมาแล้ว) 3 นิ้ว ยิ่งทำให้รูปร่างที่สูงโปร่งอยู่แล้วดูสูงชะลูดราวกับนางแบบฝรั่งในนิตยสารหรือบนแคทวอล์ค

“โอ้โห ไอ้เหี้ย”

บิวเบะปากตบหัวเพื่อนไปที “จะตื่นเต้นหรือจะด่ากูเอาดีๆ”

“แม่ง โครตสวยอ่ะมึง พี่เบธสอนมาดีขนาดนี้เชียว” เอ็มตาลุกวาว เมื่อนึกถึงพี่สาวคนสวยของเพื่อนรัก อันที่จริงหน้าตาของบิวก็ละม้ายคล้ายคลึงพี่สาวมากๆ แต่งหญิงเลยยิ่งออกมาสวยส่องประกายเยี่ยงนี้ ถ้าไม่ติดว่ามันสูงตั้ง 180 ซม. แถมซิกแพคที่ท้องเป็นลอนๆ อ่ะนะ

“มึงถ่ายรูปส่งไปให้พวกไอ้โป้งดิ” บิวยักคิ้วบอกเพื่อน เอ็มหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายให้แล้วกดส่งไปยังไลน์กลุ่มเพื่อนสมัยม.ปลายทันที

ระวังเจอไข้โป้ง: เหี้ยบิว มึงเอาจริงสินะ กูก็เอาจริงเหมือนกัน!
Beauty: เอาจริงเหี้ยไรมึง
ระวังเจอไข้โป้ง: พร้อมจะเป็นแฟนกูเทอมนึงยัง น้องบิวตี้คนสวย
Beauty: พ่องสิ สัส
ระวังเจอไข้โป้ง: ออกมาเจอหน้าหอ บัดนาว กูรออยู่
MMM: พวกมึงจะกินกันเองจริงดิ
สากใหญ่แค่ไหน ก็เล็กกว่าครก: แฟนมึงสวยว่ะไอ้โป้ง 555
พี่ไม่หล่อ แต่พ่อพี่ก็จน <King>: ขอกูควงมั่ง วันนึง
N’Nam: อย่าแกล้งบิว!!!
ODYSSY EMBLEM: เลิกกับพี่ภาควันไหนครับน้องน้ำ
N’Nam: อยากตายเหรอสัสโอ!
ODYSSY EMBLEM: ทำไมร้ายกับพี่โอ (สติ๊กเกอร์ร้องไห้รัวๆ)

“ไอ้เหี้ยโป้ง...” บิวกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนมันแทบแหลกคามือ บทสนทนาหลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องอ่านอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อไอ้เจ้าของชื่อระวังไข้โป้ง ที่บิวเมมไว้อีกชื่อว่า เหี้ยยันเงา ได้ส่งไลน์ส่วนตัวมาเร่งให้ออกไปหายิกๆ “กูไปก่อนแล้วกัน เจอที่คณะ”

“ระวังด้วยนะบิว ไอ้โป้งแม่งไม่รู้เอาจริงแค่ไหน กูกลัวมึงจะได้ผัวก่อนเรียนจบ”

ฝ่ามือเรียวสวยสะบัดใส่หัวเพื่อนดังป้าบ “หน้ามึงตอแหลมากอีน้ำ” แล้วคนสวยก็เดินสะบัดผมฉับๆ จากไป

หน้าหอพักรวม ซึ่งเป็นหอนอกมหาวิทยาลัย ผู้ชายตัวสูงพอๆ กับบิวแต่รูปร่างหนากว่าเล็กน้อยกำลังนั่งกอดอกรออยู่บนมอเตอร์ไซค์สีดำเงาวับของตน ในชุดนักศึกษาผูกเนคไทถูกระเบียบเป๊ะ บ่งบอกว่าเป็นเด็กปี 1 เหมือนกัน

“ช้าว่ะ ทำเหี้ยไรอยู่ จัดทรงเสื้อชั้นในรึไง”

บิวไม่ตอบแต่ส่งนิ้วกลางไปให้แทน

“ฮ่าๆ ขอดูใกล้ๆ หน่อยดิ” โป้งขยับมาใกล้ ยื่นมือมาจับคางบิว แต่กลับถูกปัดออกอย่างแรงจนแขนสั่น และมันทำให้ลูกผู้ชายชื่อโป้งออกอาการหัวร้อนเบาๆ “อย่าสะบัดสะบิ้งนักเลยว่ะ ยังไงเทอมนี้มึงต้องเป็นเมียกู”

“คิดว่าทำได้ก็ลองดู” แววตาของบิวคมกล้าอย่างไม่หวั่นเกรง

“แหวะ~เกย์ กะเทย ขยะแขยงฉิบหาย” เสียงก่นด่าที่จงใจให้ได้ยิน ทำเอาสองหนุ่มหันไปมองพร้อมกัน

“อ้าว? ไอ้เหี้ยนี่ปากดี คณะไรวะสัส” โป้งออกตัวก่อน ทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องคนตัวเล็กที่แกล้งพูดเสียงดังลอยๆ แม้ว่าเพื่อนๆ ของเฟรนจะพยายามยั้งไว้ก็ไม่ทัน เพราะคนตัวเล็กแต่ปากโครตใหญ่ออกตัวแรงไปเสียแล้ว

“มันปากดีใส่กูตั้งแต่ตอนรับน้องแล้ว อย่าสนใจแม่งเลย ไปเหอะ” แม้บิวจะไม่พอใจเหมือนกัน แต่ไม่อยากมีเรื่องตอนนี้ และโป้งไม่ใช่คนใจเย็นพอจะมายืนด่ากับคนแปลกหน้าเหมือนอย่างเขา ไม่พอใจคือมือตีนต้องไปลูกเดียวเท่านั้น แล้วไอ้ลูกหมาปากมอมตัวแค่นี้ ไม่มีทางเป็นที่รองมือรองเท้าให้ไอ้โป้งได้แน่นอน

“เห็นแก่เมียกู จะปล่อยไปแล้วกัน อย่าให้เจอ” โป้งชี้หน้าคาดโทษเฟรนไว้ ก่อนจะรีบสตาร์ทรถให้บิวซ้อนท้ายอย่างหัวเสีย

บิวขมวดคิ้ว เอาขาเตะรถของโป้ง ท่าทางหงุดหงิดไม่แพ้กัน “ใครเมียมึง ไอ้สัส!”

******

“น้องบิวตี้คนสวย กลางวันนี้จะให้พี่โป้งมารับไปกินข้าวที่ไหนดี” คนกวนตีนก็ยังกวนตีนได้โล่ บิวเหล่มองผู้ชายตัวสูงใหญ่ข้างๆ อย่างเอือมระอา

“มึงพูดปกติได้ป่ะ กูจะอ้วก”

“เอ้า ก็ตอนนี้มึงเป็นแฟนกู ก็ต้องพูดกันเพราะๆ สิครับ อย่าให้กูขึ้นนะบิว ไม่งั้นพนันครั้งนี้ มึงเสียทั้งเงินทั้งตัวแน่”

“เสียตัวพ่องสิ! อย่ามาใกล้!” บิวเอามือดันหัวโป้งที่เอียงมาหาจนหน้าจะติดกัน ไม่ได้เขินอาย แต่โครตรำคาญ ไอ้ท่าทางก้อร่อก้อติกของอีกฝ่าย

“กูต้องไปเรียนก่อนล่ะ ไว้กลางวันจะมารับหน้าคณะ รอด้วย ห้ามเบี้ยวนะครับคนสวย” ไม่วายแกล้งเชยคางบิวให้คนสวยได้หน้าหงิกเล่นอีกรอบ แถมด้วยนิ้วกลางสมทบเข้าอีกดอก แต่โป้งก็ยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะจากไป

“กระหนุงกระหนิงกันแต่เช้าเลย น่ารักจัง” เสียงเพื่อนสาวร่วมคณะทักทายมาแต่ไกล บิวหันไปยิ้มหวานให้เธอ ก็สาวคนนี้คือคนที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่ปฐมนิเทศน์ ว่าจะให้เป็นแม่ของลูกในอนาคต แต่อนิจจา...ดันต้องแต่งหญิงอย่างนี้ จีบสาวก็ไม่ได้ กลับไปแมนเมื่อไหร่จะเดินหน้าลุยเต็มสูบแน่นอน

“มันกวนประสาทบิวแต่เช้าน่ะสิ ไม่ได้หนุงหนิงอะไรเล้ย” บิวตี้คนสวยเบะปากนิดๆ ต่อหน้าคนที่แอบชอบต้องทำตัวให้น่ารักเข้าไว้

“แหม แฟนกันก็อย่างนี้ล่ะนะ” เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

“ไม่ใช่แฟน! บิวไม่มีรสนิยมเลี้ยงสัตว์ประหลาดเป็นแฟนนะแอล!” สะบัดตัวนิดๆ ให้ดูยิ่งน่ารักแบบสาวน้อยเข้าไปอี๊ก

“ไม่ต้องเขินน่า ว่าแต่เขาเรียนอะไรเหรอ”

“เห็นหน้าอย่างนั้นนะ เรียนเภสัชว่ะ ฮ่าๆๆ” อุ้ยตาย หลุด “เอ่อ มัน เอ้ย เขาเรียนเภสัชน่ะจ้ะ บ้านมั...เขาเป็นร้านขายยา ก็เลยเลือกเรียนคณะนี้” วอนจะหลุดปากแบบเดิมๆ อยู่หลายที จนอยากเอามือตบปากตัวเอง แต่ก็ได้แค่ยิ้มแหยๆ แก้ขัดไปก่อน ซึ่งสาวเจ้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่พยักหน้าว่าฟังอยู่

“เออ แล้วบิวกินข้าวมายัง ไปกินด้วยกันมั้ย”

“ยังๆ ไปกันเลย ป่ะ” เพราะแต่งหญิงอยู่ ก็เลยขอเนียนควงแขนเพื่อนสาวซะเลย ในใจของบิวลิงโลดสุดขีด เป็นกะเทยอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้

หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.1
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-03-2018 03:46:41
น้องบิวตี้คนนี้ ท่าทางจะแจ่มพอตัวแฮะ ชอบ ชอบ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.1
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 10:55:13
แววพระเอกมันเริ่มมาละ
2
บิวไม่เคยเชื่อว่าสำนวนคร่ำครึอย่าง เกลียดอะไรได้อย่างนั้น หรือยิ่งเกลียดยิ่งเจอ มันจะเป็นความจริง

“มึงอีกแล้วเหรอไอ้เตี้ย! มีปัญหาอะไรกับกูมากมั้ยห๊ะ? อยากโดนส้นสูงตบหน้าสักทีมั้ย!” สาวร่างสูงโปร่งยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็กที่โก่งคอเตรียมเถียงสุดชีวิตไม่แพ้กัน

“มึงซุ่มซ่ามเดินมาชนกูเองนะ! กูไม่โง่ขนาดมองไม่เห็นควายตัวเท่าบ้านอย่างมึงหรอก อีกะเทยควาย!”

บิวเหลือบสายตาลงมองก้อนขนมปังที่ถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าเล็กๆ ของเฟรนอย่างเคียดแค้น เดินชนมันไม่พอ ขนมปังในมือดันร่วง แล้วไอ้เตี้ยหมาตื่นนี่ก็ดันก้าวขาเหยียบซ้ำ แถมยังแอบขยี้ไม่มีชิ้นดี

“ไม่รู้แหละ มึงเหยียบขนมปังกู หลักฐานคาตา มึงต้องชดใช้!” มือเรียวสวยกรีดกรายชี้ไปที่ก้อนขนมปัง เฟรนก้มมองตามแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงรีบหดขาหนีแทบไม่ทัน

“เฮ้ย! อันนี้กูไม่เห็นจริงๆ”

“ไม่เห็นเหี้ยไร เต็มตีนขนาดนั้น ไม่รู้สึกหยึยๆ ที่ตีนมึงมั่งรึไง ห๊ะ! ไอ้เตี้ย!” บิวก้าวเท้าเข้าประชิดตัว แต่คนตัวเล็กก็รีบถอยหนีอย่างไว

“กูซื้อให้ใหม่ก็ได้!” แล้วเฟรนก็รีบวิ่งไปที่ร้านค้า บิวสาวเท้าตามไปติดๆ เพราะกลัวคู่กรณีจะชิ่งหนี แต่คนตัวเล็กก็รักศักดิ์ศรียิ่งชีพ บอกจะซื้อคืนก็ซื้อมาจริงๆ “อ่ะ เอาไปดิ หายกันรอบนี้”

บิวจิ๊ปากเบาๆ ฉวยคว้าขนมปังที่เฟรนยื่นมาตรงหน้า “เออ ทางใครทางมัน”

******

ตกเย็น หลังเลิกเรียนอันมีกิจกรรมรับน้อง ซ้อมร้องเพลงเชียร์และอื่นๆ รออยู่ แต่เพื่อนรักของบิวกลับร้อนรนอยากจะไปคณะวิศวกรรมศาสตร์อันเลื่องชื่อลือชาด้านหนุ่มหล่อเสียเหลือเกิน

“กูได้ยินว่ามีอาจารย์คณะอื่นมาตอแยพี่ภาคกู ต้องไปเฝ้าสักหน่อย!” น้องน้ำส่งเสียงฮึดฮัดทำท่าทางเตรียมบุกถิ่นวิศวะเต็มที่ แต่บิวคว้าแขนเพื่อนตัวเล็กไว้ได้ก่อน

“เดี๋ยวๆ ไอ้น้ำ แล้วมึงจะไม่เข้ากิจกรรม?”

“ไปแป้ปเดียว แค่ส่อง” น้ำสะบัดแขนออก “มึงเอามอไซค์ไปส่งกูทีดิบิว ผัวมึงให้กุญแจไว้นี่”

“อยากโดนตีนตบปากมั้ยไอ้น้ำ จะให้ไปส่งก็พูดดีๆ” บิวชักมีน้ำโห เพราะน้ำดันพูดถึงไอ้คู่อริเบอร์ 1 ที่เมื่อเช้าขี่มอเตอไซค์มาส่งแล้วก็จอดทิ้งไว้พร้อมให้กุญแจ ก่อนที่จะติดรถเพื่อนคณะเภสัชไปเรียน เพราะเหตุว่าตอนเย็นมีนัดซ้อมบาสฯ ของคณะ ไม่ว่างมารับบิวกลับหอ แต่จะให้บิวเป็นคนไปรับกลับแทน

“เพื่อนบิวคนสวยคร้าบบบบ ไปส่งน้องน้ำที่ตึกวิดวะทีคร้าบ นะคร้าบเพื่อนรัก” น้องน้ำเปลี่ยนเป็นฝ่ายฉุดแขนบิว อ้อนวอนร้องขอจะให้ไปส่งให้ได้ และบิวก็ยอมใจอ่อนในที่สุด

ตึกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์มีป้ายโดดเด่นเห็นแต่ไกล บิวจอดมอเตอร์ไซค์คันสีดำมันเงาที่หน้าตึก ปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กวิ่งลัลล้าไปหาสามีที่เป็นอาจารย์สอนวิชาเคมีของคณะนี้

ระหว่างรอน้องน้ำ บิวก็ไม่มีอะไรทำ เลยอยากจะสำรวจคณะวิศวกรรมสักเล็กน้อย ตึกมีทั้งหมด 3 ตึกด้วยกัน ตั้งล้อมกันเป็นรูปตัว U จำนวนชั้นเท่ากันคือ 12 ชั้น อาคารค่อนข้างใหม่เอี่ยม เพราะเป็นคณะที่เปิดมาไม่ถึงสิบปี

“กว้างขวางใหญ่โตดีนี่หว่า รู้งี้กูเลือกเข้าคณะนี้ดีกว่ามั้ยเนี่ย...แต่ก็ไม่ทันละ” จริงๆ บิวลังเลระหว่างวิศวะ อักษรและสถาปัตย์ แต่ก็เลือกอักษร เพราะสาวสวยเยอะ ซึ่งไม่เกี่ยวเห้อะไรกับการเรียนหนังสือเลยแม้แต่น้อย

“คณะกูมีกะเทยแต่งหญิงด้วยเหรอวะ” เสียงก่นด่าคุ้นหูมาก แทบไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร บิวค่อยๆ เหลือบแค่หางตา ก่อนจะสะบัดผมและกระโปรงพลีทพร้อมๆ กัน เพื่อหันทั้งตัวไปหาต้นเสียง

“แล้วคณะนี้มันมีฮอบบิทด้วยเหรอวะ โอ้โห คนแคระอ่ะ กูเพิ่งเคยเห็น” บิวยกมือขึ้นโบกแถวๆ หน้าผากพลางชะเง้อคอเหมือนมองดูอะไรสักอย่างที่เบื้องล่าง

“คนแคระบ้านพ่องสิ! กูไม่ได้เตี้ยขนาดนั้น!” เฟรนกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดๆ ด้วยความเกรี้ยวกราด

“แต่ก็เตี้ยกว่ากูมากนะ เหมือนพ่อกับลูกเลย” บิวเหลือบสายตาลงมองเหยียดๆ เฟรนตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับบิว ส่วนสูงต่างกันเกือบ 12 ซม. แถมเฟรนยังผอมบางร่างน้อยอีก “มึงดูต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยอีกนะเนี่ย”

“อีกะเทยควาย! เลิกพูดถึงปมด้อยคนอื่นสักที!” เฟรนโวยลั่นอ่างเหลืออด จนคนแถวนั้นเริ่มหันมาสนใจ

“มึงก็เลิกด่ากูว่ากะเทยควายสักทีสิวะ!” บิวเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ในใจก็นึกไปว่า ใครกันแน่ที่ขุดปมคนอื่นมาล้อเลียนก่อน

“ก็มันเรื่องจริง มึงมันกะเทยควาย!”

“กูก็พูดเรื่องจริง มึงมันเตี้ย ทั้งเตี้ยทั้งสั้น วันๆ ได้แต่เห่าเป็นหมาคอร์กี้!”

“ไอ้เหี้ยนี่!” เฟรนกระโดดเข้าคว้าคอเสื้อคนตัวสูงกว่ากระชากจนตุ้งติ้งที่ปกเสื้อหลุดกระเด็น บิวตกใจจะผลักคนตัวเล็กออก แต่ไม่ทันแล้ว เพราะรองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่มันทำให้เสียหลักเซหงายหลังลง

หมับ!

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพชน ชายหนุ่มร่างสูงรูปร่างใกล้เคียงกับบิวส่งยิ้มหวานพร้อมสายตาห่วงใย แขนข้างหนึ่งของหนุ่มหล่อผู้นี้โอบรัดอยู่ที่เอว (เกือบ) บางของบิว

โมเม้นท์นี้จะดีต่อใจมากกว่านี้ ถ้าบิวเป็นกะเทยที่ชอบผู้ชาย

“เหวอ!” สาวน้อยบิวตี้ (?) ร้องลั่นหน้าเหรอหรารีบตั้งหลักกลับมายืนด้วยขาตัวเอง “ขะ ขอบใจ” สะบัดผมนิดหน่อยพอสวยงาม

“ขาพลิกรึเปล่าครับ เจ็บตรงไหนมั้ย?” จู่ๆ ผู้ชายมาดแมนแฮนซั่มแถมยังโครตสุภาพบุรุษสุดตรีนก็นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นตรงหน้าบิว มือคว้าข้อเท้าของร่างโปร่งเพื่อจะดูว่าเจ็บหรือเปล่า เล่นเอาทั้งบิวทั้งเฟรนโครตอึ้ง

“อี๋ พี่กั้ม จะไปห่วงอะไรมันเล่า อีกะเทยควายเนี่ยมันถึกจะตายไป” เฟรนเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ บิวกอดอก ขมวดคิ้ว

“แล้วมึงเสือกอะไรล่ะไอ้เตี้ย พี่เขามีน้ำใจไง ไม่เหมือนมึง แค่น้ำยายังไม่มีเลยมั้ง”

“ไอ้!”

“พอๆ เฟรน พี่ขอ” คนที่เฟรนเรียกว่าพี่กั้มยกมือขึ้นห้าม “ไม่เจ็บใช่มั้ยครับ” แล้วก็เงยหน้าถามประโยคนี้กับบิว

สาวน้อยบิวตี้เลยต้องรีบเปลี่ยนท่าที แกล้งออกอาการดัดจริตเล็กน้อย “เจ็บนิดๆ อ่ะค่ะ สงสัยจะแพลง”

“เฮ้ย แบบนั้นไม่นิดนะครับ เดี๋ยวผมพาไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า เดินไหวมั้ย?” กั้มลุกขึ้นจะเข้ามาช่วยประคอง บิวก็ถลาซบอกทันที เพราะกั้มตัวสูงกว่านิดหน่อย

“เกรงใจจังค่ะ รบกวน” สาวบิวตี้เล่นหูเล่นตาสมบทบาทพลางแกล้งเซให้กั้มพยุงแนบชิด ไม่วายขยิบตาใส่คนตัวเล็กที่ยืนมองด้วยความไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรครับ รีบไปกันเลยเนอะ”

กั้มพยุงบิวที่แกล้งเจ็บขามาจนถึงห้องพยาบาล หายามาทาให้และพันผ้าที่ข้อเท้าให้เรียบร้อย

“พอเดินไหวแล้วยังครับ?”

“คะ ค่ะ ไหวค่ะ” บิวเอ่ยเสียงอ่อย รู้สึกผิดนิดหน่อยที่โกหกคนใจดีขนาดนี้ แต่อีกใจก็คิด มึงผิดเองนะที่เข้ามาเสือก

“เอ่อ ผมชื่อกั้มนะครับ อยู่ปี 2 วิศวะอุตสาหการ คุณ?” กั้มมองหน้าบิวอย่างพินิจพิจารณา

“อ้อ ผม เอ๊ย ฉันบิวตี้ค่ะ เรียกบิวเฉยๆ ก็ได้ อักษรปี 1” บิวยิ้มแหยๆ ให้ ก่อนจะลงจากเตียงผู้ป่วย โดยมีกั้มคอยช่วยตลอดไม่ยอมห่าง “เดินเองได้แล้วค่ะ ไม่เป็นไร”

“ไหวแน่นะครับ ว่าแต่มาทำอะไรแถวนี้อ่ะครับ”

คำถามของกั้ม ทำให้บิวได้แต่เอียงคอน้อยๆ แล้วก็บิดริมฝีปากยิ้มแหยๆ

อ้าว? ฉิบหาย กูลืมไอ้น้องน้ำไว้ที่ไหนวะเนี่ย!?

******

“เหี้ยบิว! มึงหายไปไหนมาเนี่ย!? กูนึกว่าโดนฉุดไปรุมกระทืบแล้ว” น้องน้ำวิ่งหน้าตาตื่นมาหาบิวที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องพยาบาล มีกั้มเดินตามหลังมาด้วยความห่วงใยแปลกๆ

“รุมกระทืบบ้านพ่องสิ กูสวยออกขนาดนี้ มีแต่คนจะรุมโทรมสิไม่ว่า!” บิวปราดเข้าไปหยิกแก้มเพื่อนเบาๆ พองาม

“หูยยย กล้าพูดนะมึง” น้องน้ำลูบแก้มตัวเองป้อยๆ พลางเบะปากมองบนใส่ “แล้วนี่ใครอ่ะ? หล่อจัง” น้ำกระดี๊กระด๊าเข้ามาเกาะแขนบิวแอบลอบมองหนุ่มหล่อวิศวะ

“เอ่อ พี่กั้ม เขาพากูไปพันขามานี่ไง ขาแพลงนิดหน่อย” บิวชี้ที่ข้อเท้าให้ดู น้องน้ำหาได้สนใจอาการของเพื่อนแม้แต่น้อย หันไปยิ้มหวานให้หนุ่มหล่อซะงั้น “นี่ น้อยๆ หน่อยนังน้องน้ำ เดี๋ยวพี่ภาคก็มาลากไปหรอก”

“แหม นิดหน่อยเอง พี่กั้ม ผมน้องน้ำนะครับ” มีเล่นหูเล่นตาอีก บิวส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับตุ๊ดเด็กหน้าม่อ ก่อนจะกระชากคอเจ้าตัวเล็กไปขึ้นรถ โดยไม่ลืมโบกมือลาพี่กั้มคนหล่อ

******

“เลิกเชียร์เย็นนี้ไปต่อไหนกันดีวะบิว” เอ็ม เพื่อนผู้ชายแท้ๆ เพียงคนเดียวในกลุ่มตอนนี้เอ่ยถามขึ้นพลางกดเกมมือถือยิกๆ ระหว่างนั่งพักจากการแหกปากร้องเพลงเชียร์

“กูเห็นแถวนี้มีหลายร้านเลย ลองสักร้านมั้ยวะ เทอมนี้ค่อยๆ ตระเวนไป เดี๋ยวก็ครบ” บิวหันไปตอบเพื่อน

“ชวนพวกไอ้โป้งไปด้วยดิ คนจะได้เยอะๆ” เอ็มเอาศอกกระทุ้งๆ สีข้างของบิว

“ทำไมต้องชวนแม่งวะ” บิวขมวดคิ้ว

“แล้วมึงจะชวนสาวๆ พวกนี้ไปเมาด้วยกันมั้ยล่ะ เผื่อหิ้วกลับห้องไปสวิงกิ้งไงล่ะ ไอ้สัส!” พูดเองตบหัวเพื่อนเอง อะไรของมันวะ บิวงง โดนตบหัวเฉยเลย

“เออๆ ไลน์ไป กูไม่คุยนะ เซ็ง เบื่อขี้หน้าเหี้ยโป้ง”

“เหมือนมันจีบมึงเลยเนอะ” เอ็มเหล่มองเพื่อน “มารับทุกเช้า เย็นก็ต้องรอกลับพร้อมกัน โครตแฟนอ่ะ นี่พนันกันเฉยๆ แน่นะ? ไม่ใช่จริงจังแล้ว?”

“เหี้ยเหอะ กูไม่นิยมไม้ป่าเดียวกัน ที่สำคัญ ถึกอย่างควายงั้น แดกไม่ลงว่ะ ถ้าน่ารักๆ อย่างไอ้น้ำว่าไปอย่าง”

“ไหนบอกไม่นิยมไม้ป่าเดียวกัน”

“ก็ถ้าน่ารัก แค่เอามาเล่นแก้ขัดก็โอเคว่ะ” บิวยักคิ้วจึ้กๆ ให้เอ็มอย่างรู้กัน

ค่ำวันนั้น หลังเลิกซ้อมเชียร์ตอนทุ่มตรง บิวกับเอ็มกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่หอ ก่อนจะก็พากันไปรอพวกโป้งที่ผับใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่นัดแนะกันไว้ในไลน์กลุ่ม

“ทำไมมึงแต่งตัวงี้” โป้งลงจากรถฮอนด้าซีวิคสีขาวของโอ มาเจอสภาพแมนเต็มร้อยของบิวก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ พอลบเครื่องสำอางกับเอาวิกออก แล้วกลับมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ บิวก็ดูเหมือนผู้ชายปกติ แถมยังหล่อมีออร่าโดดเด่นจนสาวๆ เหลียวมองแล้วมองอีก

“นี่นอกมอ นอกเวลาเรียน กูจะแต่งไงก็ได้ ที่พนันไว้มันแค่ในมอ” บิวกอดอกจ้องหน้ากันไม่ลดละ เหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน จนเอ็มต้องบอกให้พอ จะได้เข้าไปดื่มกันให้ชุ่มปอดเสียที

นอกจากโป้งกับโอที่เรียนคณะเภสัชแล้ว ยังมีคิง คณะวิทยาศาสตร์ และ เรือรบ คณะมัณฑนศิลป์ ที่เป็นเพื่อนสมัยม.ปลาย เรียนด้วยกันมาตลอด 3 ปี และมาเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันอีก

“เฮ้ย เดี๋ยวกูมานะ ไปฉี่แป้ป” บิวตะโกนบอกเอ็มที่เริ่มหาสาวมาเต้นด้วย ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็กำลังสนุกกับการดื่มและคุยกับสาวๆ ที่เข้ามาหาเป็นระยะ ยกเว้นโป้งที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

บิวไม่ได้สนใจโป้งว่าจะพอใจหรือไม่พอใจกับการแหกกฎครั้งนี้ เพราะตามข้อตกลงก็แค่แต่งชุดนักศึกษาหญิงไปเรียนตลอดหนึ่งเทอมและยอมเป็นแฟนโป้งในระหว่างนั้น ดูว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน แต่ชุดอื่นนอกมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีการตกลงกันไว้ ดังนั้น หากบิวจะแต่งตัวตามปกติก็ว่าไม่ได้ และมันก็ทำให้โป้งหงุดหงิดอยู่ตอนนี้

“ปากดีนักเหรอวะ ไอ้เปี๊ยก!”

ผลั่ก!

เสียงเอะอะโวยวายกับเสียงเหมือนคนต่อยกันที่หลังร้าน ทำให้บิวชะงักขาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงเพลงในผับดังขนาดนี้คงไม่มีใครได้ยิน แต่เพราะเขาอยู่ใกล้ๆ พอดีเลยได้ยินแว่วๆ มา คิดว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เลยขอแอบดูเสียหน่อย แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อไอ้คนที่กำลังมีเรื่องกับนักเลงรอยสักเต็มแขน หน้าโครตโหดนั่น คือไอ้เตี้ยหมาตื่นเจ้าเก่า! คนที่เจอหน้ากันทีไรต้องกัดกันประจำกับเขา

“เพื่อนกูไม่ผิด! พวกมึงต่างหากมาชนมันก่อน” ตัวเล็กนิดเดียว แต่ใจโครตใหญ่ มีการออกตัวแทนเพื่อนที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นไปแล้ว แถมเพื่อนมันก็ตัวโตกว่ามันอีก ป๊อดฉิบหาย บิวถอนใจพลางส่ายหน้าเซ็งๆ กะจะไม่เข้าไปยุ่งแล้วเชียว ถ้าไอ้รอยสักมันไม่ชักมีดมาขู่

“เหี้ยแล้ว! หลบเว้ย!” บิวไหวตัวทันเป็นคนแรกตั้งแต่เห็นมันล้วงไปในกางเกง ขายาวๆ ก้าวพรวดไปคว้าแขนไอ้ตัวเล็กใจใหญ่อย่างไม่ทันคิดอะไรทั้งนั้นแล้วกระชากสุดแรงให้พ้นระยะมีด “วิ่ง!” เขาออกคำสั่งหลังจากนั้นทันทีพร้อมออกวิ่งนำ มือยังกำแขนเล็กๆ นั่นแน่น

“เฮ้ย! เดี๋ยว ใครวะเนี่ย!?” เฟรนร้องลั่นด้วยความตกใจกับทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงชุลมุน เพื่อนที่มาด้วยกันก็ไม่รู้หายไปไหน เหลือแต่ไอ้ตัวโย่งที่ฉุดให้วิ่งตามกันมา จนออกไปพ้นหน้าผับ

บิวไม่ตอบ แต่มองหารถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่มาจนเจอ

“ไปให้พ้นจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน เร็วๆ” บิวชี้ไปที่รถของโป้งที่มันอยากทิ้งไว้ให้ขี่ดีนัก

“เฮ้ย! พวกมันอยู่นั่น” เสียงโวยวายดังตามหลังมาไกลๆ เฟรนสะดุ้งเฮือก ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว จึงยอมกระโดดซ้อนท้ายรับหมวกกันน็อคมาสวมอย่างไว ก่อนที่บิวจะบิดรถออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความเร็วเต็มพิกัด

พ้นจากแถวผับนั้นมาได้ บิวก็เลี้ยวรถไปจอดในซอยแคบๆ ซอยหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา เฟรนลงจากรถ ยื่นหมวกกันน็อคคืนให้

“ขอบใจที่ช่วย”

“เออ” บิวตอบรับห้วนๆ พลางขมวดคิ้ว “ไม่ได้จะปล่อยมึงลงแถวนี้ แค่แวะพักหายใจ เมื่อกี้ตื่นเต้นฉิบหาย” ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีเรื่องมีราว แต่น้อยครั้งที่จะต้องหนีอาวุธ

“กูว่ากูไม่เคยรู้จักมึงนะ แต่ก็อุตส่าห์ช่วยไว้ ส่งกูแค่นี้แหละ เดินไปไม่ไกลก็ถึงหอกูแล้ว”

“ไม่ไกลเหี้ยไร อีกเป็นกิโล เดินกลับไม่ถึงห้องตอนตี 2 รึไง” เพราะอยู่หอเดียวกัน บิวก็เลยรู้ระยะทาง แต่เฟรนถึงกับชะงัก

“รู้ได้ไงว่าหอกูอยู่ไหน”

“รู้แล้วกัน ไป ขึ้นมาเร็ว ไปด้วยกันเนี่ยแหละ” บิวว่าพลางยืดตัวตรงเตรียมสตาร์ทรถพลางพยักเพยิดให้คนตัวเล็กขึ้นไปซ้อนท้ายตามเดิม แม้ว่าเฟรนจะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ แต่ดึกดื่นป่านนี้ แถมแถวนี้ก็เปลี่ยวมาก ไม่รู้ว่าที่ไหนจะให้ใครมารับคงลำบากอีก สุดท้ายก็เลยยอมซ้อนรถของบิวกลับหออย่างช่วยไม่ได้

เมื่อกี้ตอนหนีตายจากผับ เฟรนไม่ทันสังเกตผู้ชายที่จู่ๆ ก็โผล่มาช่วยเหมือนอัศวินขี่ม้าขาว เสียตรงที่เฟรนไม่ใช่เจ้าหญิง คนที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างสูงโปร่ง แต่มองจากด้านหลังก็ดูไหล่กว้าง ตัวใหญ่พอสมควร ผมสีน้ำตาลอ่อนๆ ยาวประบ่าปลิวตามแรงลม หน้าไม่ได้สังเกต แต่เสียงมันโครตคุ้นหูแปลกๆ

“ลงๆๆ” เพราะมัวแต่มองเพลิน จนไม่ทันรู้ตัวว่าบิวพามาส่งถึงหน้าหอพักเรียบร้อยแล้ว แถมยังเอารถเข้าจอดหน้าตึกด้วย

“เอ๊ะ? อยู่หอนี้เหมือนกันเหรอ” เฟรนทำหน้าฉงนได้น่ารักสุดๆ จนบิวต้องกลั้นขำ ใจหนึ่งอยากบอกความจริง แต่อีกใจก็อยากแกล้งเล่นสักพัก

“ก็เออสิ ถ้าอยากรู้จักกู จะตามไปที่ห้องก็ได้นะ” บิวแกล้งยิ้มมุมปากสาวเท้าเข้าประชิดตัวร่างเล็ก เฟรนรีบถอยหนี หน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นดันอกร่างสูงอย่างลนลาน ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกไปอีกทาง แต่ก็ไม่ลืมหันไปบอกลา

“ไม่เป็นไร งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะ บาย~” เฟรนโบกมือลาแล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในตึกหอพัก ทิ้งให้บิวยืนหัวเราะเหมือนบ้าอยู่คนเดียวด้วยความสะใจที่ได้แกล้งคนเล่น

หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.1
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 11:00:06
น้องบิวตี้คนนี้ ท่าทางจะแจ่มพอตัวแฮะ ชอบ ชอบ  :laugh3:
เด๋วมีแจ่มกว่าเน้อีก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.2 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 14:35:07
จากแจ่มๆ เปลี่ยนเป็นแมนๆ ก็เท่ห์ไม่เบานะเฮียบิว ระวังความหล่อจะเข้าตาเจ้เฟรนลี่ล่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.2 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 10-03-2018 17:56:50
บิวกับเฟรนไหมนะ แต่ดูโป้งน่าจะคิดอะไรกับบิวเกินเพื่อนอะ
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.3 11/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-03-2018 17:53:58
3
ความจริงบิวก็เริ่มจะทนไม่ไหวกับการแต่งหญิงแล้วเหมือนกัน ทั้งโดนเฟรนคอยหาเรื่อง ทั้งไอ้โป้งที่มาตามตอแยกวนตีนใส่ เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนจะชนะพนันครั้งนี้แล้ว ต้องอดทนไว้ อีกนิดเดียวเท่านั้น

“ช่วงสอบปลายภาค กูต้องกลับมาใส่ชุดนักศึกษาชายปกติตามระเบียบ เพราะงั้นการเดิมพันครั้งนี้จะจบลงวันนั้น โอเคมั้ยวะ” บิวกอดอกมองหน้าโป้ง ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่บริเวณลานจอดรถของคณะเภสัช และบิวยังอยู่ในชุดนักศึกษาหญิง

“ก็ตามนั้น” โป้งออกอาการเซ็งนิดๆ จุดประสงค์ของการเดิมพันครั้งนี้ เพียงแค่อยากเห็นบิวแต่งหญิงแค่นั้นแหละ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ใจมันอยากให้บิวเป็นผู้หญิงขึ้นมาจริงๆ บอกไม่ถูก

“แล้วมึงจะซ้อมบาสฯเสร็จกี่โมงกี่ยาม ถ้านานก็เอารถมึงไปเลย เดี๋ยวกูโทรเรียกไอ้เอ็มมารับ” บิวยื่นกุญแจรถคืนให้ แต่โป้งไม่รับ แถมยังกระชากแขนไปจับไว้

“รอกู ห้ามไปไหน”

“รอทำเหี้ยไร เสียเวลา” บิวโพล่งออกมาทันทีพร้อมสะบัดแขนออก แต่โป้งก็คว้าไปจับไว้อีก “อะไรของมึงเนี่ย”

“ไปดูกูซ้อม แป้ปเดียว” โป้งพยายามลากแขนบิวให้เดินตามไป จนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันแปลกๆ 

“ไม่เอาเว้ย! กูจะกลับไปทำรายงาน! ไอ้เหี้ยโป้ง!”

ต่อให้โวยวายดิ้นรนยังไง สุดท้ายก็โดนจับไปนั่งเฝ้าข้างสนามอยู่ดี บิวนั่งกอดอกหน้างอหงิกอย่างไม่สบอารมณ์ ทนดูไอ้ควายถึกเล่นบาสฯได้ไม่เท่าไหร่ ก็เบื่อจนต้องหยิบมือถือมากดเล่น เข้าแอพนั้นแอพนี้ เล่นเกมก็แล้ว แต่ก็ไม่หายเบื่อ

“ไงบิว มารอผัวเหรอวะ” เสียงชวนไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิมดังลอยมาแต่ไกล บิวหันไปมองหน้าโออย่างเคืองๆ อยากจะยกขาถีบสักที ถ้าไม่ติดว่าใส่กระโปรงอยู่ล่ะก็นะ

“ผัวพ่องสิสัส ล้อกันจัง อยากให้เพื่อนมึงเป็นเกย์นักรึไง” แม้จะเรียนด้วยกันสมัยม.ปลาย แต่ก็คนละกลุ่ม บิวไม่ได้สนิทสนมกับโอมากเท่าโป้ง ไอ้สองตัวนี้มันเพื่อนซี้มาตั้งแต่ประถม ถึงขนาดตามมาเข้าคณะเดียวกันอีก

“ก็พูดไปงั้นล่ะวะ เอาจริงๆ กูก็ไม่อยากเห็นควายสองตัวขวิดกันเท่าไหร่นะ มันคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูและเสียสายตาสุดๆ” โอยักคิ้วยิ้มมุมปากให้ทีหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ บิว ยื่นขนมยื่นน้ำไปให้ตามมารยาท ซึ่งคนอย่างบิวก็ไม่เคยขัดศรัทธาใคร

“รอบสุดท้ายแข่งกับคณะไรวะ” มือหยิบมันฝรั่งมาเคี้ยวกรอบๆ พลางมองนักกีฬาที่วิ่งกันอยู่ในสนาม โป้งเล่นบาสฯ มาตั้งแต่ม.ต้น ฝีมือก็พอตัว แต่บิวไม่ได้สนใจเท่าไหร่

งานกีฬาเฟรชชี่รอบสุดท้ายของมหาวิทยาลัย จะมีขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงสอบปลายภาค 1 อาทิตย์ นั่นคือ อาทิตย์หน้านี้นั่นเอง

“อืม...รู้สึกจะวิดวะนะ” โอคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ

“อ้อ” คณะไอ้เปี๊ยกปากมอมนั่นเอง บิวพยักหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงหน้าไอ้ตัวเล็กใจใหญ่ แถมปากหมาสุดๆ ที่หมู่นี้หายหน้าหายตาไป สงสัยจะเรียนหนัก เพราะใกล้สอบ

และแล้วก็ถึงวันแข่งกีฬาเฟรชชี่รอบชิง คณะที่เข้ารอบสองคณะสุดท้ายแต่ละประเภทกีฬาต้องมาแข่งขันชิงชัยตำแหน่งแชมป์กัน ซึ่งประเภทหลักๆ ที่มีคนรอเชียร์เยอะก็คือ ฟุตบอลและบาสเกตบอล ฝั่งฟุตบอลเป็นรอบชิงของคณะวิศวกรรมศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ส่วนรอบชิงของบาสฯคือ วิศวะและเภสัช

“มึงไปเชียร์ไอ้โป้งแข่งบาสฯ ดิ?” เอ็มยักคิ้วยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันเพื่อนที่กำลังจะบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปโรงยิมท้ายมอ

“กูไม่ได้เชียร์ แค่ไปดู ใจป่ะ?” บิวว่าพลางสตาร์ทรถทั้งกระโปรงพลีท

“กูอยากรู้จัง ถ้ามึงกลับมาแต่งตัวปกติ มันจะยังตามตอแยมึงมั้ยวะ” เอ็มเองก็ต้องไปดูการแข่งของเพื่อนโป้งเช่นกัน เลยเตรียมบิดมอเตอร์ไซค์ของตัวเองบ้าง

“พูดเชี่ยไรของมึง อย่างไอ้โป้งเนี่ยนะ มันก็แค่แกล้งกวนตีนกูแค่นั้นแหละ” บิวยักไหล่ก่อนจะเลี้ยวรถนำออกไปก่อน ไม่ให้เอ็มได้วิพากษ์วิจารณ์มากกว่านั้น

ณ โรงยิม

“คนอย่างเยอะอ่ะสัส ไอ้น้ำไปแรดกับผัวมันเหรอวะวันนี้” เอ็มขมวดคิ้วเพราะไม่ชอบปริมาณผู้คนในโรงยิมแออัดนี่เท่าไหร่นัก มือล้วงหามือถือในกระเป๋ากางเกง

“งั้นมั้ง เห็นไลน์มาบอกว่าพี่ภาคๆ อะไรเนี่ย” ไม่ได้อ่านนั่นเอง

“อ้อ มันบอกไปดูบอลวิดวะxศึกษากับพี่ภาค” เอ็มเปิดอ่านไลน์กลุ่มด้วยตัวเองก่อนจะเก็บกลับเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม “พี่ภาคเคยเป็นนักฟุตบอลของวิศวะมาก่อนนี่ คงอยากดูทางนั้นมากกว่า”

“เหรอวะ” บิวไม่ได้สนใจเรื่องแฟนของน้ำเท่าไหร่ รู้แค่เป็นศิษย์เก่าที่นี่ คณะวิศวะ พอจบก็เรียนโทต่อที่อังกฤษ และกลับมาเป็นอาจารย์สอนเคมี จำได้ว่ารู้จักกับน้องน้ำตั้งแต่อยู่ม.ต้น คบกันยาวนานมาก

เฮๆๆๆๆ ตึงๆๆๆ

เสียงกลองและเสียงเชียร์ของสองคณะดังกระหึ่มขึ้นเมื่อถึงเวลานักกีฬาลงสนาม โป้งอยู่ในชุดสีชมพูของคณะเภสัช เบอร์ 4 ตำแหน่งเซ็นเตอร์ ส่งจูบและโบกมือโบกไม้มาทางฝั่งคนดู แต่คนที่ตั้งใจจะส่งจูบให้จริงๆ ดันยืนหน้าเป็นตูดเอาแต่ก้มมองหน้าจอมือถือกดอะไรอยู่ยิกๆ ไม่รู้

กรี้ดดดดด

เสียงสาวๆ ร้องกันสนั่นโรงยิม ราวกับเห็นแมลงสาบ เมื่อนักกีฬาหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคาย วิ่งตรงดิ่งมาที่แสตนด์ฝั่งเภสัช เอ็มยกศอกขึ้นสะกิดเพื่อนที่มัวแต่เล่นเกมในมือถือให้เงยหน้ามองคนที่วิ่งมาหา

“ทำเหี้ยไร ดูกูเล่นด้วย” ฝ่ามือหนักๆ หนาๆ ของควายถึกชื่อโป้งที่บิวแสนจะรังเกียจตบผัวะลงมาบนหัว เล่นเอามึนไม่น้อย

“ไอ้สัสโป้ง! ตบหัวกูทำไมเนี่ย!” บิวก่นด่าหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ ตีมือไอ้คนบ้าพลังไปหลายทีตามแรงแค้น

“บอกให้ดูกูเล่นไง อย่าเอาแต่เล่นเกมไอ้สัส ดูกูๆๆๆ เงยหน้ามองไว้” มือหนาๆ สองข้างประกบเข้าที่แก้ม ยกใบหน้าที่ทารองพื้นไว้หนาเตอะให้เงยแหงนสบสายตา บิวไม่ทันตั้งตัวเลยได้แต่ตกใจ พอตั้งสติได้ก็เอาเท้าถีบเข้าที่ท้องของโป้ง แต่ไม่ได้ออกแรงมากนัก เพราะกลัวมันจะบาดเจ็บก่อนลงแข่ง

“ไอ้เหี้ย!” บิวสบถเสียงดัง สองคนด่าทอตบตีกันไปมาโดยลืมว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่

“ว้าย นั่นมันกะเทยนี่ ทำไมโป้งไปยุ่งกับคนแบบนั้น”
“หรือโป้งเป็นเกย์อ่ะแก”
“ไม่มีทางย่ะ โป้งไม่เอากะเทยถึกแบบนั้นหรอก!”

และสารพัดเสียงนินทาจากสาวๆ แฟนคลับของโป้งที่ดังลอดเข้ามาในหูของบิว ใบหน้าสวยคมที่ผ่านการแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างหนาแทบจะบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

ทำไมจะต้องทนให้คนด่าขนาดนี้

จะทนไม่ไหวแล้วว้อยยยย

“ไอ้บิวๆๆ” เสียงเอ็มดังขัดขึ้น โป้งละมือจากบิว ส่วนบิวก็หันไปมองตามมือของเอ็มที่ชี้ไปทางฝั่งวิศวะ “นั่นมันคู่อริมึงนี่ ไอ้เตี้ยนั่น”

บิวขมวดคิ้วเพ่งมองไปที่คนตัวเล็กๆ ถึงจะตัวเล็กมาก แต่บิวก็มองเห็น

เฟรนในชุดนักกีฬาบาสเกตบอลสีแสดของคณะวิศวะ เบอร์ 9 กำลังผูกเชือกรองเท้าอยู่ใกล้ๆ แสตนด์ฝั่งวิศวะ

“เตี้ยแบบนั้นเสือกเล่นบาสด้วยว่ะ” เสียงโป้งเย้ยหยัน จำได้แม่นว่าเป็นไอ้เปี๊ยกปากหมาที่เคยเจอที่หอของบิว “เดี๋ยวกูจะจัดให้หนัก”

“ไอ้เหี้ยโป้ง! มึงจะทำอะไรมัน” บิวได้ยินถนัดชัดเจน หันไปแหวใส่เสียงดัง แต่โป้งแค่เลิกคิ้วยักไหล่ แล้ววิ่งกลับไปสมทบกับทีมของตัวเอง

ตึงๆๆๆๆ

เสียงรัวกลองของสองฝั่งดังกระหึ่ม เสียงเชียร์ไม่ขาดระยะ และเสียงกรี้ดก็ดังทุกครั้งที่โป้งได้จับลูก บิวรู้สึกหมั่นไส้ไอ้ความเด่นดังของควายถึกอย่างบอกไม่ถูก

นี่ถ้ากลับไปแต่งแมนเมื่อไหร่ จะเรียกคะแนนสาวๆ คืนมาให้เรียบ

“มึงว่าไอ้โป้งมันจะแกล้งไอ้เตี้ยนั่นป่ะวะ” เอ็มกอดอกยืนมองสภาพในสนาม ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างแข่งขันและคะแนนของวิศวะนำอยู่ 2 แต้ม

“เหี้ยยันเงาอย่างนั้น จะเหลือเหรอ” บิวส่ายหน้าอย่างระอาใจ

“มึงก็ว่าไป นั่นเพื่อนมึงนะเว้ย”

“ก็เพราะเป็นเพื่อนไง กูถึงรู้สันดานมันดี ดูต่อไป”

เป็นอย่างที่บิวว่าจริงๆ เมื่อแรงกดดันในสนามเพิ่มขึ้นจากคะแนนที่ไล่ตามกันตลอดเวลา ทำแต้มเท่า อีกฝ่ายก็รีบบุกนำ โป้งปาดเช็ดเหงื่อด้วยความคับแค้น ตัวเล็กเท่าลูกหมา แต่เฟรนวิ่งเร็วมาก จับแทบไม่ทัน เป็น PG (พอยท์การ์ด) ตัวส่งลูกที่แม่นยำ แม้จะไม่ได้มีหน้าที่ในการชู้ตก็ตาม แถมยังคุมเกมอยู่หมัด

โป้งขยับตัวเข้าแย่งลูกจากฝั่งตรงข้ามแล้ววิ่งยาวกะจะดังค์ใต้แป้นแบบเท่ๆ แต่ไอ้ตัวเล็กที่มีฝีเท้าไวที่สุดในทีมวิศวะโผล่พรวดเข้าไปดักทาง ทั้งที่ส่วนสูงก็ต่างกันมาก แต่แรงกระโดดของเฟรนไม่น้อยหน้า แขนยืดยาวบดบังตรงหน้าแป้น โป้งสบถอย่างหัวเสีย นึกโมโหและหมั่นไส้ในคราเดียว พลันจงใจใช้ศอกกระทุ้งที่อกร่างเล็กในขณะที่กระโดดประจันหน้ากัน ร่างของเฟรนโดนแรงกระแทกเจ็บจุกร่วงลงสู่พื้น และโป้งก็ชู้ตเข้าห่วงไปได้อย่างสวยงาม

ปรี้ดดดดดด

เสียงนกหวีดยาวดังลั่นสนาม กองเชียร์เงียบกริบ เฟรนนอนคดตัว มือจับที่ข้อเท้าตัวเอง ตอนโดนกระแทกหล่นลงมา ขาคงพลิกด้วย โป้งยืนก้มมองสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินหันหลังให้ พลันต้องชะงักตาโตที่เห็นบิววิ่งพรวดพราดเข้ามาในสนาม

“มึงจงใจกระแทกมัน!” บิวกระชากคอเสื้อของเพื่อนที่ตัวสูงทัดเทียมกัน

“มึงเป็นกรรมการรึไงไอ้บิว” โป้งปัดมือของบิวออกจากคอเสื้อ บิวสบถลอดไรฟัน วิ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กที่กำลังจะถูกหามขึ้นเปล

โป้งมองตามร่างของบิวอย่างไม่พอใจ “จะห่วงแม่งทำไมนักหนา มันไม่ถูกกับมึงไม่ใช่รึไง”

“คนเจ็บกูก็ต้องห่วงมั้ยวะ เป็นมึงกูก็ห่วง ยังไงก็รู้จักกัน” บิวหันไปตวาดใส่

“แน่ใจ?” โป้งจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง บิวไม่อยากเสียเวลาโต้เถียงด้วย หันหลังวิ่งตามเฟรนไปที่ห้องพยาบาลทันที ไม่สนใจคนที่ทิ้งไว้ข้างหลังอีกต่อไป แม้จะได้ยินเสียงสบถด่าของโป้งดังไล่หลังก็ตาม

“ไอ้เหี้ย!” โป้งคว้าผ้าขนหนูเขวี้ยงลงพื้น เพื่อนๆ ต้องเข้ามาห้ามปรามให้ใจเย็นลง เพราะการแข่งยังไม่จบ และโป้งก็โดนฟาล์วไปเรียบร้อยแล้วครั้งหนึ่ง

******

“กูขอโทษแทนเพื่อนกูด้วยนะ” เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้วและเฟรนก็ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว ที่ข้อเท้ามีผ้าพันไว้ ดีที่แค่แพลง ไม่ได้หักหรือเอ็นฉีก

“ช่างเหอะ” เฟรนเอ่ยปัดๆ ทำท่าจะลงจากเตียง บิวเลยรีบเข้าไปช่วยประคอง

“กูไม่ยักรู้ว่ามึงเล่นบาสฯด้วย”

“จะบอกว่าตัวเท่าลูกหมา เสือกเล่นบาสฯก็บอก” เฟรนถอนหายใจ หันหน้าหนีไปอีกทาง แต่ก็ยอมให้ช่วยประคองใต้รักแร้ไว้

“มึงนี่มองกูในแง่ร้ายตลอดนะไอ้เปี๊ยก” บิวลองเปลี่ยนมาเรียกอีกแบบ เฟรนทำหน้าเหมือนประหลาดใจนิดหน่อย “ค่อยๆ เดิน”

“ยุ่งไรกับกูเนี่ย ไปเชียร์เพื่อนมึงสิ”

“งอน?” บิวหัวเราะหึในคอ

“งอนพ่อง...” เฟรนย่นคิ้ว “เพื่อนก็ไม่ใช่ จะมายุ่งอะไรนักหนา ถ้ารู้สึกผิดแทนเพื่อนมึง ก็กลับไปเหอะ กูไม่ได้โกรธอะไร”

“กูก็แค่อยากช่วยไง” ชักหงุดหงิด ไอ้เตี้ยนี่พูดจาไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย

“ไม่อยากรับความหวังดีจากกะเทยควายอย่างมึงอ่ะ” เฟรนยักไหล่ กวนบาทาขั้นสุด

บิวกัดฟันกรอด มือที่ประคองใต้รักแร้ร่างเล็กปล่อยพรืด เฟรนเลยเซจะล้มหน้าทิ่ม แต่บิวก็อดไม่ได้อีกแหละที่จะช่วย

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

“ปากดี เดินเองยังจะไม่ไหว” คราวนี้ไม่แค่ประคองไว้ แต่บิวยกร่างเล็กขึ้นอุ้มเหมือนอุ้มเด็กสองขวบเข้าเอว

“เฮ้ย! ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู!” เฟรนร้องลั่นด้วยความตกใจ แขนขาขัดขืนทั้งเตะและตบเข้าที่ร่างสูง บิวแสยะยิ้มกวนอารมณ์ สะใจที่ได้แกล้ง

แกร๊ก

“ไอ้เฟรน...” ดูเหมือนจะมีเพื่อนของเฟรนมาตาม หรือไม่ก็จะพากลับหอ แต่พอเปิดระตูเข้ามาเจอฉากเพื่อนตัวเล็กโดนสาวร่างสูงโปร่งผมยาวสยายอุ้มเข้าเอวก็อึ้งไปนานก่อนจะรีบปิดประตูอย่างไว

“เชี่ยสน!!! อย่าเพิ่งไป ช่วยกูก่อน!!!”

******

สุดท้ายเฟรนก็ติดรถ (ของโป้ง) ที่บิวเป็นคนขับกลับมาที่หอพัก

“ขอบใจที่มาส่ง” แม้จะไม่ถูกกันแค่ไหน แต่เรื่องวันนี้ก็ทำให้เฟรนรู้ว่า บิวไม่ใช่คนที่จะเข้าข้างเพื่อนตัวเอง ผิดคือผิด แถมยังเป็นห่วงเป็นใยอุ้มไปขึ้นรถ

พอคิดถึงตอนที่โดนอุ้มเข้าเอวเดินออกมาจากห้องพยาบาล เฟรนก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกระลอกใหญ่

“กูไปล่ะ” ด้วยความเขินจัด ร่างเล็กบอกลาแล้วรีบวิ่งพรวดๆ เข้าหอไป บิวไม่ได้ตาม ไม่ได้ห้าม แค่ยืนยิ้มมุมปากมองส่งจนลับสายตา

แปลก

จู่ๆ ก็รู้สึกว่าไอ้ตัวเล็กปากดีมันน่ารักขึ้นบอกไม่ถูก

“ยืนยิ้มเหี้ยไรครับเพื่อน ไม่เข้าหอไง?” ท่าทางบิวจะยืนยิ้มนานเกิน ขนาดว่าเอ็มกลับมายังไม่ทันรู้ตัว

“อ้าว? แข่งจบแล้วเหรอวะ” บิวหันไปมองเพื่อน

“เออ วิศวะชนะตามคาด ไอ้โป้งหัวเสียหายไปไหนไม่รู้ ไอ้โอคงตามไปปลอบเองแหละ พวกมันอยู่ด้วยกันนี่” เอ็มตบบ่าบิวแรงๆ อีกที “จะเข้าหอป่ะเนี่ยมึง”

“เออๆ ไปแล้วๆ” แล้วบิวก็วิ่งตามเพื่อนเข้าไปในตึก

******

อาทิตย์สุดท้ายของการแต่งหญิง ในที่สุดบิวก็ชนะพนันในครั้งนี้ ด้วยเงินเดิมพันถึง 30,000 บาท ไม่ใช่น้อยๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมทุ่มสุดตัวขนาดนี้ และโป้งก็ยอมจ่ายแบบง่ายๆ ก่อนจะขอตัวไปไหนก็ไม่รู้

“พรุ่งนี้มึงก็แต่งปกติแล้วดิวะ กูล่ะเสียดาย ถึงเหมือนกะเทยควาย แต่แม่งก็สวยจริงจังนะเว้ย” เอ็มว่าพลางกระดกขวดน้ำขึ้นดื่ม วันนี้มาติวหนังสือที่ห้องของบิว ด้วยกันกับน้องน้ำ

“พอๆ หมดเวรหมดกรรมกับเครื่องสำอางพวกนี้แล้ว ชาตินี้กูจะไม่แต่งอีก เสียเวลาฉิบหาย เข้าใจพวกผู้หญิงขึ้นมาเลย ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่ตี 4 ตี 5 มาทำผมแต่งหน้า โครตเซ็ง” บิวบ่นยาวพลางไถลตัวลงนอนบนโต๊ะญี่ปุ่นที่กางไว้เพื่ออ่านหนังสือ

“แหม ได้เงินพนันตั้งสามหมื่นนะมึง พาเพื่อนไปเลี้ยงด้วย” น้องน้ำกรีดกรายปลายนิ้วแบมือมาตรงหน้าบิว “คืนนี้จัดเลย”

“อีน้ำ ผัวมึงเพิ่งสั่งหยกๆ ว่าห้ามแดกเหล้าไง แล้วพรุ่งนี้ก็สอบ” บิวตบมือที่แบมาเต็มแรง น้องน้ำเบ้หน้าด้วยความเจ็บ

“งั้นหลังสอบเสร็จก็ได้ กูจะชวนพี่ภาคไปด้วย คงไม่ว่าอะไรหอรกมั้ง”

“เออๆ หลังสอบก็ได้อยู่”

“โอเค ตามนั้น” สองเสียงประสาน ทั้งน้องน้ำและเอ็ม บิวได้แต่ส่ายหน้าเซ็งๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.2 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-03-2018 17:54:56
จากแจ่มๆ เปลี่ยนเป็นแมนๆ ก็เท่ห์ไม่เบานะเฮียบิว ระวังความหล่อจะเข้าตาเจ้เฟรนลี่ล่ะ  :hao3:
นางจะแมนแล้ว
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.2 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-03-2018 17:55:37
บิวกับเฟรนไหมนะ แต่ดูโป้งน่าจะคิดอะไรกับบิวเกินเพื่อนอะ
อิๆ มันก็หลายๆ คู่หน่อย
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.3 11/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 11-03-2018 22:22:21
อ่านตอนบิวอุ้มเฟรนเข้าเอวนึกภาพตามแล้วขำ เฟรนดูตัวเล็กตัวน้อยมากอะ
บิวแมนๆจะกลับมาแร้ว คนอื่นๆจะว่าไงบ้างนะ รออ่านตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.3 11/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-03-2018 23:45:33
ครั้งหน้าบิวจะหล่อแล้ว  :m11:
หัวข้อ: Re: Beauty & The Little Cutie or Beast??? [Y 18+] EP.3 11/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 12-03-2018 11:35:53
4
วันแรกของการสอบปลายภาค

บิวในชุดนักศึกษาชายเต็มยศ ผูกเนคไทสีเขียวตามระเบียบเป๊ะ เดินสะพายเป้ใบเดิมขึ้นไปบนตึกคณะอักษรศาสตร์ เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาสาวๆ รุ่นพี่และรุ่นเดียวกันที่มาสอบ

“นั่นใครอ่ะ! หล่อมากกกก”
“เฮ้ยๆ อยู่มาเทอมนึงทำไมเพิ่งเห็น”
“ใครวะแก ตอนประกวดดาวเดือนเค้าหายไปไหนมา!”
“โอ๊ยยย พ่อของลูกกู!”

ช่างแตกต่างกับตอนแต่งหญิงเป็นกะเทยถึกโดยสิ้นเชิง บิวขมวดคิ้ว รู้สึกอึดอัดกับสายตาหลายคู่ที่จ้องมอง ใจก็พาลคิด หรือเป็นกะเทยอย่างเดิมมันจะดีกว่า

“ไอ้บิวววว!!!” น้องน้ำวิ่งแหกปากมาแต่ไกล คนแถวนั้นมองมาเป็นแถบ ได้ยินชื่อที่น้องน้ำเรียกยิ่งตาโต

“บิว?”
“บิวไหนวะ?”
“ที่เป็นกะเทย?”
“กรี้ดดดไม่จริง!”

เสียงรอบข้างดังอย่างไม่มีเกรงใจ บิวทำหน้าไม่ถูก อยากจะกลับไปเปลี่ยนชุดเป็นกะเทยดังเดิมขึ้นมาทันที ทำไมผู้ชายอย่างเขาจะต้องไม่มั่นใจกับการแต่งตัวเป็นตัวของตัวเองด้วยวะเนี่ย คิดแล้วงงตัวเอง

น้องน้ำไม่สนใจสายตาประชาชี กระโดดเกาะไหล่เพื่อนตัวสูงแนบแน่น ให้บิวลากเดินไปตามทาง ทั้งที่แต่งตัวตามปกติ แต่ดันรู้สึกอึดอัด บิวเริ่มสยองตัวเองขึ้นทุกที

“ฉลองเพื่อนบิวกลับมาเป็นหนุ่มหล่อ คืนนี้ไปกัน”

“ไปก็เหี้ยละสัส สอบ!” บิวเขกหัวน้องน้ำไปที พร้อมสะบัดแขน “หนักมั้ยเนี่ยมึง ปล่อย!”

“โหยยย ก็กูอยากเกาะแกะคนหล่ออ่ะ ไม่ได้เห็นมึงแต่งหล่อมานาน โครตคิดถึงงงง ไม่นับตอนอยู่หอกับออกไปแรด” บิวรู้ว่าน้องน้ำมันก็แค่อยากอวดเพื่อนแค่นั้นแหละ

“โทษนะคะ” เสียงสาวที่ไหนเรียกมา บิวกับน้องน้ำต่างหันไปมอง เธอเป็นรุ่นพี่ที่เคยสอนพวกเขาซ้อมเชียร์ ชื่อพี่เนย จำหน้าและชื่อกันได้แม่นยำ “นี่น้องบิวจริงๆ เหรอ?”

สีหน้าสงสัยมากของหล่อนทำเอาบิวหลุดยิ้มขำๆ “ครับ ผมเอง”

ละลายสิจ๊ะ รออะไร พี่เนยเจอรอยยิ้มหวานของบิวเข้าไป ตายไปแล้วเรียบร้อย แล้วหลังจากนั้น ข่าวลือเรื่องที่บิวตี้กลายเป็นหนุ่มหล่อมาดแมนแฮนซั่มก็สะพัดไปทั่วมอ

******

สอบวันที่สอง

บิวมีสอบสองวิชา เช้ากับบ่าย พอสอบรอบบ่ายเสร็จ ก็กะจะไปหอสมุดเพื่อหาหนังสืออ่าน เตรียมตัวสอบวิชาต่อไปของพรุ่งนี้ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้าเอกภาษาญี่ปุ่น โทประวัติศาสตร์ จึงเลือกเก็บรายวิชาเกี่ยวกับสาขาทั้งสองเป็นหลัก ส่วนอีกวิชาที่เสริมไว้คือทัศนสิลป์ นอกนั้นเป็นวิชาบังคับของปี 1

และช่างบังเอิญที่คนที่กำลังคิดถึงช่วงนี้ก็มานั่งอ่านหนังสือสอบที่หอสมุดเหมือนกัน

“ไง”

เสียงทักทายทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าจากหนังสือเล่มหนาขึ้นมองเจ้าของเสียง พลันขมวดคิ้ว “นาย?”

“จำกูได้ช่ะ?” บิวว่าพลางนั่งลงตรงข้ามกัน หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านบ้าง

“เรียนที่นี่ด้วยเหรอ?” เฟรนกะพริบตาปริบๆ มองคนตรงหน้าอย่างจดจ้อง คืนนั้นมันค่อนข้างมืด ตอนไปถึงหอก็รีบร้อน เลยเพิ่งจะได้สังเกตอีกฝ่ายแบบชัดๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนของบิวยาวประบ่าดูพลิ้วไหว ผิวขาวผ่อง โครงหน้าเรียวสวย นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป หน้าตาดีจนน่าจะเป็นดาราได้เลย

“นี่จำกูได้จริงป่ะเนี่ย?” บิวยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้จะกวนตีนแต่อย่างใด แค่สงสัยว่าจำคนที่กัดกันทุกครั้งที่เจอหน้าได้จริงๆ หรือเปล่าเท่านั้น

“เอ๊ะ? ก็...จำได้สิ เจอกันที่ผับตอนนั้นไง” เฟรนทำหน้างง

“งั้นบอกชื่อกูสิ ถ้าจำได้”

“ใครจะไปรู้วะ ไม่ได้ถามชื่อไว้สักหน่อย” ปากเล็กๆ บิดเข้าหากัน รู้สึกเหมือนโดนกวนประสาทแปลกๆ

“แต่กูรู้ชื่อมึงนะ ไอ้เฟรน” อยากจะแกล้งเล่นอีกสักนิด แต่ก็ทนไม่ไหวที่จะเฉลยคำตอบเร็วๆ อยากให้คนตัวเล็กตกใจ อยากให้อึ้งอ้าปากค้าง

เฟรนชะงักไปนานที่อีกฝ่ายรู้ชื่อทั้งที่ยังไม่เคยบอก สมองครุ่นคิดหนักว่าเคยแนะนำตัวกันไปตอนไหน แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี พอเห็นหน้าเอ๋อๆ ของเฟรน บิวก็หัวเราะชอบใจ

“ขามึงอ่ะ หายยัง”

ขา? เฟรนขมวดคิ้วจนหน้าย่น “ไปดูแข่งบาสอาทิตย์ก่อนด้วยเหรอ”

“ไปดิ มึงใส่เสื้อเบอร์ 9” บิวพยายามจะบิ้วให้นึกออกให้ได้ ใจก็ลุ้นระทึก จริงๆ บอกไปเลยก็ได้ แต่มันไม่สนุก “วิ่งโครตเร็ว ตัวก็นิดเดียว กูนี่โครตลุ้นว่ามึงจะสู้กับไอ้ยักษ์พวกนั้นยังไง”

“มึงก็พูดเว่อร์ไปป่ะ แค่แข่งบาส อาศัยแค่เทคนิคกับความเร็วก็พอแล้ว”

“โห พูดจาดูดีมีภูมิ”

“อ่ะ แน่นอน นี่ระดับเทพจุติเชียวนะครับ” เฟรนยืดอกเบ่งเต็มที่ พลันต้องแปลกใจกับตัวเองที่จู่ๆ ก็พูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างสนิทสนมขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งที่สอง

บิวยิ้มกริ่ม ทีตอนแต่งหญิง น้อยครั้งมากที่จะพูดคุยกันดีๆ แบบนี้ได้ จริงๆ ไอ้ตัวเล็กนี่ก็พูดเก่งเป็นต่อยหอยแถมยังขี้โม้อีกต่างหาก น่ารักดีเหมือนกัน

เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ น่ารักเหรอวะ

พอคิดแบบนั้นก็ชักนั่งไม่ติดที่ บิวไม่เคยมีแฟน แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะมองผู้ชายด้วยกันในเชิงนั้น แต่ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นว่าไอ้เปี๊ยกตรงหน้าแม่งโครตน่ารัก

ตัวเล็กๆ บางๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย ตากลมโตสดใส ปากนี่ถ้าไม่พ่นแต่คำหยาบ ก็คงจะ...

“เอ่อ...ตกลงมึงชื่ออะไรล่ะ ไม่เห็นบอกสักที” บิวเหมือนจะเพิ่งได้สติตอนที่เฟรนเอามือมาโบกๆ ข้างหน้า ร่างสูงเอนตัวไปด้านหลังด้วยความตกใจ

“มึงรู้ว่ากูชื่ออะไร เจอกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่รับน้อง”

นั่นยิ่งทำเอาเฟรนคิดหนัก จนบิวถึงกับถอนหายใจในความซื่อบื้อของอีกคน สุดท้ายก็ทนเล่นเกมนี้ต่อไปไม่ไหว ต้องยอมเฉลยออกมาด้วยตัวเอง

“กูไง...คนที่อุ้มมึงไปขึ้นรถกลับหออาทิตย์ก่อน”

******

ขาเล็กๆ ก้าวฉับๆ เหมือนเร่งรีบสุดชีวิต ตั้งแต่ออกจากหอสมุดก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินตลอดทางจนออกมาพ้นมหาวิทยาลัย

“เฮ้ ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะหนูน้อย” หลังจากข้ามถนนเดินเข้ามาในซอย ก็มีรถมอเตอร์ไซค์สีแดงตามประกบข้างๆ เร่งฝีเท้าหนีแค่ไหนก็สลัดไม่หลุดเสียที

“นี่ เฟรน ทางกลับหอมันไกลมากนะเว้ย ไปกับกูเหอะน่า” บิวยื่นมือออกไปหมายจะคว้าข้อมือเล็ก แต่เฟรนไหวตัวทันสะบัดแขนหนีเสียก่อน “อ่ะๆ เล่นตัวอีกคนเรา เคยซ้อนกูมาแล้วไม่ใช่เหรอ กลัวไรวะ”

“ไม่ได้กลัว!” เฟรนหันไปถลึงตาใส่ แล้วรีบเดินกึ่งวิ่งหนีรัวๆ พลางหยิบมือถือมากดโทรหาเพื่อน กะจะให้มารับระหว่างทาง แต่ก็ไม่ติดเลย

“ไปกับกูเหอะน่า อย่าดื้อเลยว่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของอีกคนช่างน่ารำคาญ เฟรนพ่นลมหายใจแรงๆ นิ้วยังพยายามกดโทรศัพท์ต่อ

“อย่ามายุ่งได้ป่ะ จะไปไหนก็ไป” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธเรื่องอะไร แต่มันโมโหที่เหมือนโดนหลอก เดี๋ยวแต่งหญิงเดี๋ยวแต่งชาย ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตแน่ เจอแบบนี้เฟรนก็หงุดหงิดบอกไม่ถูก ตอนที่รู้ความจริงในหอสมุดถึงกับร้องเสียงดังจนเกือบโดนอาจารย์บรรณารักษ์ด่า ด้วยความอายก็เลยรีบชิ่งหนีออกมา แต่ก็ดันโดนตามทันอีก

“ขี้งอนจังอ่ะ ตอนกูไม่แต่งหญิง ออกจะทำตัวน่ารัก คุยกับกูดี๊ดี” บิวเบะปาก “เนี่ย กูถึงไม่อยากบอกไง บอกแล้วมึงก็เมินกูเฉย”

“กูไม่ชอบเสวนากับพวกสองเพศ” เฟรนตัดบท แต่ถ้อยคำไม่น่ารักสมตัวทำเอาบิวของขึ้น

“ทำไมวะ! มึงมีปัญหาอะไรนักหนากับกะเทยรึไง! เรื่องมากนักใช่มั้ย!” ถึงจะไม่ใช่กะเทยจริงๆ แต่บิวก็รับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ถูกดูถูกเหยียดหยามมาตลอดทั้งเทอม มาโดนพูดใส่แบบไม่ไว้หน้าอย่างนี้มันก็เหลืออด ร่างสูงจอดรถแล้วกระโดดลงมาคว้าแขนเล็ก

“จะทำอะไร ปล่อยกู!” เฟรนร้องโวยวายยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา

ร่างเล็กถูกยกขึ้นจนตัวลอย ไม่ทันได้ขัดขืนก็โดนจับไปวางแปะบนเบาะรถ บิวยังกำแขนไว้แน่น ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ซ้อนด้านหลังคนตัวเล็ก แขนข้างหนึ่งบิดแฮนด์ อีกข้างรวบแขนสองข้างของเฟรน กอดรัดรวบไว้ที่เอว

“ไอ้เหี้ย! ปล่อย!” เฟรนยังไม่ยอมแพ้ ตั้งท่าจะดิ้นลูกเดียว

“เดี๋ยวรถล้ม!” บิวตะคอกเสียงดัง จนเฟรนตัวเกร็ง ถึงจะขับไม่เร็วมาก แต่ก็อันตรายอยู่ดีถ้ายังดิ้นไม่เลิก แล้วจะให้ทำยังไงได้ นอกจากนั่งเฉยๆ ยอมให้คนตัวโตข้างหลังกอดต่อไป จนถึงหอ

“ถึงแล้วก็ปล่อยดิวะ!” เฟรนยังโดนรวบข้อมือไว้แน่น คนรอบข้างมองมาด้วยความสงสัยตลอดทาง จนตอนนี้ก็ยังมีหลายสายตาที่จ้องมอง เฟรนทั้งอายทั้งหงุดหงิด ทั้งรูปร่างและพละกำลังโครตแตกต่าง รู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมาจริงๆ

บิวยังคงไม่พูดไม่จา ล็อครถเสร็จด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะลากร่างเล็กเข้าไปในลิฟท์

ในลิฟท์แคบๆ แต่ก็มีที่พอให้ยืนสำหรับคนแค่สองคนมากมาย แต่บิวดันเลือกยืนเบียดคนตัวเล็กจนชิดมุม เอาตัวบังไว้จนมิด ไม่ให้มีทางหนี

ติ้ง

ลิฟท์เปิดออก แล้วเฟรนก็ถูกกระชากแขนให้เดินตามคนตัวสูงไปอีกครั้ง จนถึงหน้าห้องของบิว เขาล้วงหากุญแจมาไขห้อง แต่เพราะใช้มือเดียวมันเลยทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย

“เหี้ยเอ๊ย...” บิวสบถลอดไรฟันด้วยความหงุดหงิดกับการตั้งสมาธิไขกุญแจ โดยมีคนตัวเล็กยืนชิดประตูห้อง มีตัวเขาทาบทับไว้แน่นหนา มุมนี้ทำให้มองไม่เห็นรูกุญแจ เลยยิ่งไขลำบากเข้าไปอีก

ติ้ง

เสียงลิฟท์ตัวเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เฟรนตัวเกร็งขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่ามีคนกำลังเดินมา ร่างเล็กหน้าซีดเผือด ไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพน่าอับอาย บิวเองก็รู้ตัว เลยยิ่งก้มตัวบังร่างเล็กไว้ไม่ให้คนเห็น แต่จากสายตาคนอื่นดูยังไงก็เหมือนคนยืนจูบกันหน้าห้อง

“โห Outdoor ว่ะมึง” เสียงผู้ชายซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ดังแว่วมา เพราะทางเดินแคบ เสียงมันเลยสะท้อน แม้จะไม่ได้พูดเสียงดังก็ตาม เฟรนกัดปาก หลับตาปี๋ด้วยความกลัว ไม่อยากโดนเห็นหน้าตอนนี้

“ผู้ชายว่ะ เกย์ชัวร์ ฮ่าๆ” เสียงอีกคนที่น่าจะมาด้วยกันดังขึ้นกว่าเมื่อครู่ แล้วเสียงฝีเท้าพวกนั้นก็หายไปพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดและปิดลง

พอดีกับที่บิวไขกุญแจเข้าห้องได้ เขาใช้ทั้งตัวดันร่างเล็กเข้าไปในห้อง ปิดประตูล็อคกลอน เฟรนอาศัยจังหวะนี้ยกขาขึ้นจะเตะผ่าหมาก แต่บิวไหวตัวทันก่อน เขาพลิกตัวหันกลับมาคว้าขาเล็กๆ นั่นไว้จนเฟรนแทบหงายหลัง

“บอกก่อน กูเป็นยูโดสายดำ” น้ำเสียงของบิวเย็นเยียบ เฟรนตัวสั่นกึก ร่างเล็กถูกกระชากแล้วอุ้มขึ้นจนตัวลอยหวือ ไม่ทันได้โวยวายก็ต้องเจ็บจุกเมื่อร่างทั้งร่างถูกกระแทกลงบนเตียง

“จะทำ...” หน้าซีดเผือดทันทีที่บิวตามลงมาคร่อมทับไว้ แววตาของอีกคนไม่เหมือนล้อเล่น น่าจะโกรธจัดที่โดนดูถูก แต่มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก บิวเก็บกดความรู้สึกนี้มาตลอดหนึ่งเทอมที่ผ่านมา ทั้งจากเฟรนและคนอื่นๆ ต้องทนกับคำถากถางเยาะเย้ย และสายตาเหยียดหยามหลายๆ คู่ จนตอนนี้มันเหมือนจะระเบิดออกมาใส่ใครสักคนที่อยู่ตรงหน้าให้ได้

เฟรนยิ่งดิ้นรนหนัก เมื่อบิวดึงเข็มขัดกางเกงของตัวเองออกมาพันรัดข้อมือเล็ก “ไอ้เหี้ย! ไอ้กะเทยควาย!”

“คำก็กะเทย! สองคำก็กะเทย! อยากรู้นักว่าลูกหมาอย่างมึงตอนครางหงิงๆ เพราะโดนกะเทยเอามันจะเป็นยังไง!” บิวสบถดังลั่น จัดการมัดข้อมือเสร็จก็ปลดกางเกงแล้วดึงกระชากออกจากขาของเฟรนทันที คนตัวเล็กไม่ทันตั้งตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมัวแต่ตกใจกับสีหน้าโหดเหี้ยมของบิว

“ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู! ไม่เอา!” ร่างเล็กดิ้นพล่าน ยกขาขึ้นหมายจะถีบหน้าของบิว แต่กลับถูกคว้าไว้แล้วดึงพรืดจนร่างทั้งร่างกลับมานอนแอ้งแม้งใต้ร่างสูง บิวไม่พูดพล่ามทำเพลงอีกต่อไป จับเฟรนนอนคว่ำ แหกขาออกแล้วยัดนิ้วสามนิ้วเข้าไปในช่องทางข้างหลังแบบไม่มีเล้าโลมใดๆ ทั้งสิ้น ทำเพราะความโกรธล้วนๆ

“อ๊า!!! เจ็บ...กูเจ็บ! ปล่อย...ฮึก” เฟรนสั่นไปทั้งร่าง เจ็บแบบที่ไม่เคยเจ็บมาก่อนในชีวิต ยิ่งกว่าตอนที่โดนต่อยเพราะปากเสียๆ นี่อีก น้ำตาไหลเล็ด แต่พยายามไม่ส่งเสียงร้องออกมา

“ฮึก...บิว...เจ็บ...” เสียงครางแผ่วๆ แต่ได้ยินชัดเจน บิวสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินชื่อตัวเองจากปากของร่างเล็ก เป็นครั้งแรกที่เฟรนยอมเรียกชื่อเขา สติสตังที่ขาดหายไปเลยเหมือนจะกลับคืนมา

บิวก้มมองคนตัวเล็กที่นอนคว่ำส่งเสียงครางอย่างทรมาน มองไล่ลงไปที่มือของตัวเอง แล้วก็ต้องตกใจแทบช็อค เขารีบถอนนิ้วออก ปล่อยข้อมือเล็กเป็นอิสระ แล้วโยนกางเกงคืนให้

“ไปซะ! ถ้าไม่อยากโดนมากกว่านี้ก็ไปให้พ้นหน้ากู!” บิวตวาดใส่ นั่งหันหลังกุมขมับอย่างเครียดขึง พยายามควานหาคำตอบในใจว่าทำอะไรลงไป ทำแบบนี้ทำไม

เฟรนมองแผ่นหลังของบิวด้วยน้ำตาคลอ รีบสวมกางเกงลวกๆ แล้ววิ่งออกไปจากห้องนั้นอย่างลนลาน

******

สอบวันที่ 3

วันนี้บิวมาถึงมหาลัยในสภาพอิดโรยสุดๆ ไม่ใช่เพราะอ่านหนังสือหนักทั้งคืน แต่เพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนต่างหากล่ะ

“เฮ้ย! ซอมบี้มาเลยมึง โหมอ่านอะไรขนาดนั้น เพิ่งปี 1 นะเว้ย” เอ็มเดินมากอดคอเพื่อนเขย่าไปมา แต่บิวโครตจะปวดหัวเลยไม่ได้พูดอะไร

“เป็นไรวะมึง ตาโหลมาเลย หมดหล่อพอดี” น้องน้ำเอามือตีๆ ที่แก้มของบิวแล้วจับคางเอียงไปมาดูหน้าตาให้ชัดๆ “โหย ยังกะศพ”

บิวปัดมือน้องน้ำออก “พอเลยไอ้น้ำ ไอ้เอ็ม กูแค่นอนไม่ค่อยหลับ”

“เป็นไรล่ะนอนไม่หลับ ตื่นเต้นจะสอบ? นี่วันที่ 3 แล้วมึง เพิ่งตื่นเต้นเหรอวะ โครตกากอ่ะ” เอ็มแขวะเบาๆ พลางหัวเราะ

“ไม่ใช่เรื่องสอบหรอกว่ะ” บิวส่ายหน้า พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคู่กรณี ตัวต้นเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ กำลังเดินมากับกลุ่มเพื่อน คงจะมากินข้าว เพราะวันนี้มีสอบวิชารวมที่หอประชุมใหญ่หรือที่นิยมเรียกกันว่า ตึกกระทะ

“อ้าวๆ นั่นมันอริมึงนี่” เอ็มก็เห็นเหมือนกัน บิวมองตามคนตัวเล็กที่รีบก้มหน้าก้มตาเดินฉับๆ ผ่านไป โดยพยายามเอาเพื่อนตัวเองเป็นกำบัง

หลบหน้ากันเห็นๆ

“สงสัยมันจำมึงไม่ได้แหง” น้องน้ำว่า “ไปหาไรแดกเหอะ หิวมากเลยเนี่ย”

“เออ ไปดิ” เอ็มหันไปตอบน้องน้ำ สองคนไม่ได้สนใจบิวที่ยืนนิ่งและสายตาก็ยังไล่ตามเฟรนไปไม่หยุด จนพวกเฟรนหาที่นั่งได้แล้ว ก็ยังมองอยู่

“มึงๆ รู้จักป่ะวะ กูเห็นมันมองตามมึงอ่ะ” นนท์ที่กำลังจะเดินไปซื้อข้าว ชะงักขาเมื่อเห็นบิว แต่สายตาของบิวไม่ได้มองที่นนท์ จ้องไปจ้องมาก็เลยรู้ว่ามองใคร

“ไม่รู้จัก” เฟรนตอบเสียงสั่น “ฝากซื้อด้วย เอากะเพราะหมูสับ” แล้วก็รีบดันหลังเพื่อนให้เดินไป อย่าถามให้มากความ นนท์ก็เลยยอมไปแบบงงๆ

เฟรนเองก็พอรู้สึกถึงสายตาของอีกคนที่จ้องมา รู้สึกอึดอัดแปลกๆ กับสายตาคู่นั้นจนต้องขอเปลี่ยนที่นั่งกับเพื่อน เพื่อให้เพื่อนช่วยบังไว้ให้ ไม่นาน บิวก็โดนเอ็มมาลากตัวไป เฟรนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

“เดี๋ยวไปซื้อน้ำก่อน” พอนนท์กลับมาที่โต๊ะพร้อมข้าวสองจาน เฟรนก็อาสาไปซื้อน้ำให้เพื่อนต่อ

ร่างเล็กเลือกร้านขายน้ำร้านริมซ้ายสุด เพื่อเลี่ยงที่จะเจอกับบิว ซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่ง

“เอามะนาวโซดากับปีโป้ปั่นครับ” สั่งน้ำเสร็จก็ยืนเล่นมือถือรอ คนค่อนข้างเยอะ ต้องรออีกสองคิว เฟรนเลยหันหลังจะเอาก้นพิงกับขอบที่วางของหน้าร้าน พลันต้องสะดุ้งโหยง เมื่อหันมาแล้วเจอคนตัวสูงยืนขวางอยู่ข้างหน้า พอจะหลบ ก็โดนแขนยาวๆ สองข้างโอบลงมา จะเรียกว่าโอบก็ไม่เชิง เพราะบิวแค่เอามือท้าวกับขอบที่วางของ แต่ดันวางขนาบข้างตัวของเฟรน เล่นเอาสาวๆ แถวนั้นกรี้ดแบบเก็บอาการไม่อยู่

“แดงโซดา 2 ครับ” บิวสั่งน้ำทั้งที่อยู่ในท่านั้น คนขายก็อมยิ้มพยักหน้าให้ แต่คนตัวเล็กที่โดนกักตัวไว้โครตอาย หน้าตาหูเหอแดงก่ำ มือสองข้างที่ถือสมาร์ทโฟนสีขาวสั่นกึกๆ

“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นได้อายกว่านี้แน่” บิวยิ้มมุมปากกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน เฟรนตัวเกร็งไม่กล้าขยับหนี คนทั้งโรงอาหารกำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัย สาวๆ บางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันรัวๆ

“ทำบ้าอะไรของมึง” เฟรนถลึงตาใส่ พอบิวโน้มตัวเบียดเข้ามา ก็ยกศอกขึ้นดันไว้

“ถ้าไม่หนี กูจะปล่อย” บิวยังคงใช้เสียงกระซิบเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม เหมือนคุยกันกระหนุงกระหนิงในสายตาคนอื่น เฟรนกัดฟันกรอด ยอมตกลงที่จะไม่หนี บิวจึงยอมขยับออกไป แต่ก็ยังฉวยคว้ามือถือในมือของเฟรนตอนทีเผลอมายึดไว้

“เอาคืนมา!” เฟรนโวยลั่น จนคนที่มารอซื้อน้ำ รวมทั้งคนขายตกใจกันเป็นแถบ

“เดี๋ยวดิวะ” บิวว่าพลางเอามือข้างหนึ่งดันไหล่เฟรนไว้ “ปลดล็อคดิ แอดไลน์กัน”

“ไม่! เอาของกูคืนมา”

“บอกรหัสมา”

“บอกว่าไม่ไง!”

“จะบอกดีๆ หรืออยากบอกทั้งน้ำตาวะ! ไอ้เปี๊ยก!”

“!” เฟรนตกใจจนตัวสั่นเมื่อบิวขึ้นเสียงใส่ เรื่องเมื่อวานทำให้กลัวคนคนนี้จับใจ และอาการสั่นเกร็งนั้นก็ส่งไปถึงบิวด้วย เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เผลอทำตัวแย่ๆ ใส่อีกแล้ว

“ขอโทษน่า แอดไลน์กูมาซะดีๆ อย่าให้หงุดหงิด” บิวคืนมือถือให้ พร้อมกับหยิบของตัวเองมายื่นให้เฟรนด้วย “เร็วๆ เลย น้องหนู”

“ใครน้องมึง!” แม้จะกลัว ก็ยังใจสู้อยู่ แต่พอบิวจ้อง ก็รีบหลบสายตาแล้วกดเข้าแอพสีเขียว แอดไลน์ให้เรียบร้อย

บิวรับมือถือคืนมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ก็แค่เนี้ย เจอกันเย็นนี้นะจ๊ะ น้องหนู”

“ไอ้สัสบิว!” เฟรนก่นด่าไล่หลัง แต่มีหรือที่บิวจะสะทกสะท้าน ร่างสูงหัวเราะร่าเดินจากไปอย่างอารมณ์ดีสุดๆ

******

บิวยืนกอดอกหน้านิ่ง สายตามองหน้าจอมือถือที่อยู่ตรงหน้าแบบผ่านๆ แต่ก็เห็นแล้วล่ะว่าเป็นรูปในเพจของมหาลัย รูปของเขากับเฟรนเมื่อกลางวันนั่นเอง

“นี่มันเหี้ยอะไรวะไอ้บิว” เจ้าของมือถือขมวดคิ้วถาม หน้าตาบูดบึ้งมาก แต่บิวก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร

“แล้วมึงอ่ะ เป็นเหี้ยอะไร ไอ้โป้ง ถ่อมาหากูที่หอ รบกวนเวลาอ่านหนังสือ เพื่อจะถามเรื่องไร้สาระเนี่ยนะ?” บิวส่ายหน้าเซ็งๆ ทำท่าจะเดินหันหลังกลับเข้าหอ แต่โป้งก็คว้าไหล่ไว้แน่น

“ตอบกูมาก่อน มึงกับไอ้เตี้ยนี่มันยังไง” โป้งดูจริงจังแปลกๆ แต่บิวก็แค่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“แล้วเกี่ยวเห้อะไรกับมึงวะครับเพื่อนโป้ง”

“เกี่ยวดิ!” โป้งหลุดพูดออกมา ก่อนจะรีบหุบปากนิ่งสนิท

“เกี่ยวยังไงมิทราบครับ เสียเวลาว่ะแม่ง กูไม่คุยกับมึงละ กลับหอมึงไปเหอะ” บิวปัดมือโป้งออก จะหันหลังเดินหนีอีกรอบ แต่คราวนี้โป้งวิ่งไปดักหน้า บิวชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “อะไรมึงอีก”

“เอางี้ มาพนันกันดีกว่าบิว”

บิวขมวดคิ้ว พนันอีกแล้ว? อะไรนักหนาของไอ้โป้ง “มึงนี่ชอบเสียเงินจังนะ”

“เรื่องของกู มึงจะรับคำท้ามั้ยล่ะ รอบนี้กูให้ 50,000” โป้งยักคิ้วให้อย่างท้าทาย

“โอ้โห โครตป๋าว่ะ เอาดิ บอกมาเลยให้ทำไร”

“กูท้าให้มึงจีบไอ้เตี้ยนั่นให้ติดภายในเทอมหน้า ถ้ามึงทำได้เอาไปเลย 50,000 แต่!” โป้งเว้นระยะครู่หนึ่ง บิวยืนลุ้นตัวโก่งว่าจะมีข้อแม้อะไรอีก คราวก่อนโป้งท้าพนันให้แต่งหญิงกลางวงเหล้า ท้าตอนเมาสติสตังไม่ครบถ้วนดี บิวเลยค่อนข้างได้เปรียบ เพราะโป้งไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใดๆ ไว้เลย นอกจากแต่งหญิงมาเรียนมหาลัยเทอมเดียว

“แต่ถ้ามึงแพ้ มึงต้องมาเป็นเมียกู!”

“ไอ้เหี้ย! ตัวกูแลกกับห้าหมื่นเนี่ยนะ ไม่แฟร์ว่ะ” บิวส่ายหน้าดิก

“งั้นกูเพิ่มเป็นแสนนึง!” แววตาของโป้งเอาจริงมาก จนบิวนึกขยาดขึ้นมานิดหน่อย แถมนี่ไม่ได้เมาเหมือนตอนนั้นด้วย “กูมั่นใจ ยังไงมึงก็จีบผู้ชายไม่ติด!”

คำดูถูกของโป้งทำเอาบิวของขึ้น หน้าตาเหยเกด้วยความโกรธ จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเขาเอาจริง มันต้องได้สิวะ!

บิวพยักหน้าหงึกหงัก บิดริมฝีปากอย่างแค้นเคือง ก่อนจะรับคำท้าเต็มตัว

“ได้ ไอ้โป้ง เตรียมแสนนึงของมึงไว้รอกูได้เลย!”

******

โป้งมาแนวนี้อีกแหล่ว แต่คราวนี้มีเงื่อนไข ไม่ได้กะเสียแต่เงิน ฮ่าๆๆๆ
บิวจะเสียตัวหรือจะได้แฟนดีล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.4 12/3/18 *มีความเปลี่ยนชื่อเรื่อง ฮ่าๆ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-03-2018 21:28:25
นังโป้ง นังเด็กเลววววววว  :m31:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.4 12/3/18 *มีความเปลี่ยนชื่อเรื่อง ฮ่าๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2018 00:36:39
หูยยย ถ้าจีบติดแล้วรู้เรื่องนี้นะ ดราม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.4 12/3/18 *มีความเปลี่ยนชื่อเรื่อง ฮ่าๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 15:17:51
5
“อะไรนะ!? พนันเหี้ยไรของพวกมึงอีกแล้ววะ แล้วมึงไปรับคำท้ามันทำไมอีกเนี่ย!” น้องน้ำกอดอกหน้าเครียดสุดชีวิต เมื่อเพื่อนบิวมาขอคำปรึกษาเรื่องการ “จีบผู้ชาย”

“แม่งดูถูกกูอ่ะ บอกว่ากูจีบไอ้เตี้ยไม่ติดหรอก แล้วโดนท้ามา กูก็ต้องกล้ารับป่ะวะ ไม่งั้นแม่งก็เหมือนป๊อดอีก” บิวก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน ตอนโดนท้าทายก็ไม่ทันคิดอะไร แถมเงินจำนวนไม่ใช่น้อยๆ ความโลภมันก็เข้าครอบงำพอดู

“เหตุผลมึงโครตแถ จะรักศักดิ์ศรีที่แดกไม่ได้อะไรนักหนา กูล่ะไม่เข้าใจพวกหน้าตัวผู้อย่างพวกมึงเลยจริงๆ พนันสนุกๆ ก็พอว่า แต่นี่เงินแสนเดียวแลกกับร่างกายมึงเนี่ยนะ! ไอ้เหี้ยโป้งมันกะฟันมึงแต่แรกเลยอ่ะ เพราะยังไงมึงก็ไม่มีทางจีบผู้ชายได้!” น้องน้ำโวยวายลั่นทุ่ง เพื่อนเอ็มก็ได้แต่นั่งมองสองคนคุยกัน เพราะเกินจะพูดอะไรออกไปได้ในตอนนี้

“ทำไมวะ มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมพี่ภาคจีบมึงติดอ่ะ”

“กูเป็นตุ๊ดอยู่แล้วมั้ยล่ะ!” น้ำแหวใส่ทันที “คือ กูจะบอกว่า ผู้ชายแท้ๆ ที่ไม่มีวี่แววเบี่ยงเบนสักแอะ แถมเกลียดตุ๊ดเกลียดเกย์เข้าไส้อย่างไอ้เตี้ยเฟรนอ่ะ เล่นยากมากนะมึง”

“เปลี่ยนผู้ชายเป็นเกย์มันยากอย่างนั้นเลยเหรอวะ” บิวทำหน้าเหยเก อันที่จริงจะให้ผู้ชายอย่างเขาจีบผู้ชายด้วยกันมันก็ยากแล้วล่ะ แล้วนี่ต้องจีบให้ติดอีก

“แล้วมึงเปลี่ยนตัวเองง่ายๆ ได้ขนาดนั้นมั้ยล่ะ” น้องน้ำจ้องหน้าบิวอย่างคาดคั้น “ขนาดมึงที่มีเพื่อนเป็นเกย์เต็มไปหมด ยังเปลี่ยนตัวเองให้ชอบผู้ชายด้วยกันยากเลย แล้วไอ้เฟรนแม่งเกลียดเกย์ มีแต่เพื่อนแมนๆ เรียนวิศวะอีก มึงคิดว่าจะง่ายมั้ย มีเวลาแค่ไม่กี่เดือนอีกต่างหาก ยากสัสๆ”

“แต่มันก็...น่าจะจีบได้ป่ะวะ หรือกูจับกดเลยดี? จะได้จบ”

ผัวะ!

เสียงฝ่ามือเพื่อนเอ็ม โดนไปเต็มๆ ไม่ต้องรอให้น้องน้ำลงมือเอง บิวเงยหน้ามองเอ็มสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว เพราะเจ็บแบบจริงจังกว่าทุกที

“ผู้ชายบางคน ต่อให้เสียตูดครั้งสองครั้ง ก็ไม่ถือเป็นเกย์ ถ้ามันไม่ได้ชอบผู้ชาย” เอ็มเอ่ยเสียงนิ่ง

“จริงของไอ้เอ็มมัน ต่อให้เสียตัวให้ผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าใจมันไม่หวั่นไหว ใจไม่ฝักใฝ่ มึงเอามันจนพรุน มันก็เกลียดมึงอยู่ดี” น้องน้ำสมทบ บิวยิ่งเครียดหนัก

“กูขอปรึกษาพี่ภาคได้มั้ยวะ” แฟนของน้องน้ำเองก็ไม่ได้เป็นเกย์แต่แรก แถมมีแฟนผู้หญิงมาตั้งหลายคนก่อนจะมาตามจีบน้องน้ำ บิวเลยคิดว่าอาจจะได้เรื่องอะไรบ้าง

“กูจะลองถามให้แล้วกัน แต่ยังไงก็ยากบิว แค่มึงจะเข้าไปคุยกับมันดีๆ สักคำยังยาก แล้วจะเอาอะไรไปทำให้มันมาชอบมึงวะ” น้องน้ำรับปากได้แค่เรื่องให้พี่ภาคมาช่วยแนะนำ แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะจีบติดอยู่ดี งานนี้บิวคงต้องพยายามหนักกว่าทุกที

อย่างที่เพื่อนๆ บอก การจะจีบผู้ชายปกติให้ติด มันแสนจะยากเย็น จู่ๆ จะเข้าไปทำดีด้วย ทำหวานใส่ มันก็คงเลี่ยนๆ แปลกๆ อีก แต่ถ้ายังกัดกันเหมือนเดิม เปอร์เซ็นต์จะรักกันยิ่งน้อยกว่า

จะทำยังไงกับคนที่เกลียดเกย์

อืม...บิวครุ่นคิดพลางเอามือเกาคาง ไอ้ตัวเล็กนั่นมันต้องมีปมอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ ถึงได้แสดงท่าทีรังเกียจเพศที่สามแบบชัดเจนขนาดนั้น หรือจะแก้ที่เรื่องนั้นก่อน แล้วจะไปรู้ได้ไงว่ามันมีปมอะไรให้แก้ เออ...ว่ะ

******

อีกสองวันก็จะปิดเทอมแล้ว สอบเสร็จเรียบร้อย รอแค่ขนของกลับบ้านช่วงปิดเทอมราวๆ 1 เดือนนี้ บิวที่ค่อนข้างจะว่างงาน ก็ยังคงคิดหาหนทางจีบผู้ชายต่อไป พยายามบอกกับตัวเองว่า ที่จริงจัง เพราะไม่อยากเป็นเมียไอ้โป้ง ก็แค่นั้น

ระยะเวลาการจีบคือเทอมหน้า หนึ่งเทอมเต็มๆ ราว 5 เดือนที่จะต้องหาทางทำอะไรก็ได้ เพื่อให้เฟรนหันมาชอบ

เรียนก็คนละคณะ เวลาที่จะได้เจอกันมันก็ไม่ได้มีเยอะแยะมากมาย จะตามจีบแบบทุ่มสุดตัวให้อีกฝ่ายที่เป็นผู้ชายเกลียดเกย์หันมาเป็นเกย์ ชอบผู้ชายด้วยกันเสียเอง คิดยังไงก็คิดไม่ออกจริงๆ

“เอาวะ ลองดู” บิวฮึดสู้ ลองส่งไลน์ไปหาเฟรน ที่เคยบังคับแอดกันไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งที่ตั้งแต่แอดไลน์กัน ก็ไม่เคยส่งข้อความคุยกันสักคำ ที่ทำไปเพราะแค่อยากแกล้งเฟรนล้วนๆ

ติ้ง

เสียงไลน์ดังขัดจังหวะร่างเล็กที่กำลังซิทอัพ ฟิตร่างกายอยู่ที่พื้น เฟรนลุกขึ้น เอื้อมมือไปควานหาสมาร์ทโฟนสีขาวบนโต๊ะคอมฯ ข้างๆ ตัว พอเห็นว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาก็แทบจะปาทิ้ง

สัสบิว พ่องตาย (ชื่อไลน์ของบิวที่น้องเฟรนเปลี่ยนให้): สอบเสร็จยัง

เฟรนขมวดคิ้ว ถอนหายใจแรงๆ ทีหนึ่ง ไม่อยากตอบกลับ ไม่อยากเสวนาด้วย แถมไม่กดเข้าไปอ่านอีกต่างหาก แค่อ่านจากแจ้งเตือนที่เด้งมาหน้าจอเฉยๆ แต่พอจะวางมือถือกลับที่

ติ้ง

สัสบิว พ่องตาย: กูรู้นะว่ามึงอ่านแล้ว อย่าเนียนไอ้เปี๊ยก
   ออกมาหาหน่อยดิ รออยู่หน้าหอ
   ไม่ลงมา กูไปตามถึงห้อง
   มึงรู้ว่ากูเอาจริง
   เงียบ
   อยากให้ขึ้นไปฉุด
   รอกู 5 นาที!

ปังๆๆๆๆ

“เหี้ย!” เฟรนสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นสั่นสะเทือนไปแทบทั้งตึก กลัวคนอื่นจะลุกออกมาด่าพ่อเอา เลยรีบวิ่งไปส่องดูที่ช่องตาแมว แล้วก็เจอไอ้คนเหี้ยที่โครตเกลียดขี้หน้ายืนหน้าหงิกอยู่หน้าประตูจริงๆ

“เคาะหาพ่อมึงเหรอ รบกวนคนอื่นเขา!” เฟรนตะโกนกลับไป ไม่ยอมเปิดประตูให้

ปังๆๆๆๆ

บิวยังคงกระหน่ำทุบประตูไม่มีกลัวเกรง ใครออกมาด่าจะกระทืบแม่งให้เละนาทีนี้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนอยู่ที่หอแล้ว เลยไม่มีวี่แววคนอื่นออกมาก่อดราม่า

“เปิด!”

ตึง!

บิวยกเท้าขึ้นถีบประตูปึงปัง เฟรนเอามืออุดหูด้วยความตกใจ ประตูหอก็เป็นแค่ไม้ที่ไม่ได้ใหม่เอี่ยมอะไรมาก ขืนพังไปล่ะยุ่งแน่ เลยต้องรีบเปิดประตูให้ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่บิวกำลังยกเท้าพอดี พอประตูจู่ๆ ก็เปิดโครม เลยยั้งไม่ทัน ถีบเข้าท้องของเฟรนไปเต็มๆ

“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยบิว!” เฟรนก่นด่า งอตัวเอามือกุมท้องด้วยความทรมาน จุกแบบอ้วกแทบพุ่งออกปาก

“เฮ้ย! ขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ” บิวรีบเข้าไปช่วยประคองร่างเล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่ใกล้ที่สุด เป็นห่วงจับใจจริงๆ เพราะไม่ได้คาดคิดว่าจะทำให้อีกคนต้องเจ็บตัว

“มาทำเหี้ยไร! ถ้าจะหาเรื่องแกล้งกู ก็ออกไปไกลๆ ตีน!” ยิ่งไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว คราวนี้คงยิ่งเกลียดเข้ากระดูกดำแน่ๆ บิวอยากจะร้องไห้ หรือจะต้องเสียตัวให้ไอ้โป้งจริงๆ

“คือ กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” บิวปั้นหน้าจริงจังสุดชีวิต

“คุย? ทุบประตูห้องกู ถีบกู แล้วบอกจะคุย? มึงเพี้ยนเหรอ ไอ้กะ...” เกือบหลุดปากคำต้องห้าม ตั้งแต่บิวกลับมาแต่งแมน เฟรนก็ไม่ค่อยอยากไปเรียกแบบนั้นเท่าไหร่ วันที่เกือบโดนบิวขืนใจเพราะไปด่าด้วยคำนั้นยังฝังอยู่ในหัว

“ไอ้กะอะไรของมึง จะด่ากูก็ด่ามาเลย” บิวท้าทาย เฟรนเริ่มหายจุกแล้ว รีบลุกหนีไปมุมห้องใกล้ๆ ประตู เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้วิ่งออกไปทัน บิวก็สาวเท้าตามไม่ให้ห่าง ต้อนจนคนตัวเล็กหมดทางหนี ยืดตัวลีบอยู่ข้างประตู

“ว่าไง กล้าด่ากูมั้ยวะ เอาสิ ที่มึงชอบพูดไง” บิวแสยะยิ้ม ลืมเรื่องที่จะมาคุยเสียสนิท เพราะตอนนี้กำลังสนุกกับหน้าซีดๆ ของเฟรน

“มะ มีอะไรจะพูดก็พูดดิ จะคุยไร” เฟรนยังทำใจดีสู้เสือ อยากจะเอาขาเตะบิวก็ทำไม่ได้ เพราะบิวเล่นใช้ขาข้างหนึ่งแทรกตรงหว่างขาขัดขาไว้ ส่วนอีกข้างแม่งเหยียบตีนจนกระดูกแทบหัก ร่างเล็กเม้มปากแน่น ไม่อยากส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายสะใจ ได้แต่นึกสมเพชตัวเองที่สู้ไอ้กะเทยถึกนี่ไม่เคยได้สักที

“แสดงว่าไม่กล้า” บิวยังไม่เข้าเรื่อง จนเฟรนเริ่มจะหงุดหงิด

“ไม่กล้าเหี้ยไร ก็มึงเป็นป่ะล่ะ ถ้ามึงไม่เป็น กูจะด่าทำไมให้เสียปาก มีอะไรก็ว่ามาเร็วๆ”

“มาเป็นแฟนกูที”
 
“ห๊ะ!” เฟรนตาโตอย่างไม่เชื่อหู จู่ๆ บิวก็โพล่งอะไรออกมา “ว่าไงนะ”

“มาเป็นแฟนให้กูที เทอมเดียว เฮ้ยๆๆ อย่าเข้าใจผิดนะ กูมีเหตุผล!” บิวรีบอธิบายทันที เพราะเฟรนเริ่มเหงื่อตก หน้าตาบ่งบอกว่าสยองขวัญมาก

“เหตุผลเชี่ยไร มึงจะแกล้งกู!”

“ไม่ๆ ไม่ได้แกล้ง กูพนันกับเพื่อนไว้” บิวพยายามอธิบายต่อ

“พนัน?” เฟรนนิ่งงัน เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที “เล่นอะไรกันวะ?”

“คือ เพื่อนกูอ่ะ ไอ้คนที่ทำมึงขาแพลงไง” พอบิวพูดถึงตรงนี้ เฟรนก็พยักหน้าว่าจำได้ “แม่งโครตเลว มันจะให้กูจีบมึงให้ติดในเทอมหน้า แต่ถ้าไม่ติด กูต้องไปเป็นเมียมันอ่ะ”

“โห พวกมึงนี่แม่ง มีแต่เกย์เนอะ” เฟรนเบ้ปากใส่ แต่บิวไม่สนใจ ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่ามานั่งกัดกันไปมา

“กูเลยอยากให้มึงช่วย แบบกูจะทำเป็นจีบมึงสักสองสามเดือน แล้วมึงก็ตกลงเป็นแฟนกู เอาเงินมาแบ่งกัน กูให้ 50-50 สนป่ะ” บิวยื่นข้อเสนอแบบแฟร์ๆ เฟรนกลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด

“เท่าไหร่ เงินพนันที่จะได้”

“แสนนึง ว่าไง?” บิวตอบทันทีด้วยสีหน้าลุ้นระทึก เพราะถ้าลองถามแบบนี้ แสดงว่าไอ้ตัวเล็กนี่ต้องสนเงินแน่นอน

เฟรนยังคงครุ่นคิด ครึ่งนึงก็ห้าหมื่น เงินไม่ใช่น้อยๆ ซื้อรองเท้าเล่นบาสฯ คู่ใหม่ อุปกรณ์ออกกำลังกาย ยาบำรุงเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ และอื่นๆ ได้อีกเหลือเฟือ

แลกกับการยอมให้ผู้ชายมาทำเป็นจีบ คบกันแป้ปๆ แล้วค่อยเลิกกันทีหลังก็ได้

“อืม...น่าสน” เฟรนยักยิ้มมุมปาก “ทำสัญญาก่อนได้ป่ะ ว่ามึงจะไม่เบี้ยวเงินกู”

บิวคลี่ยิ้มหน้าบาน “ได้เลยเพื่อน”

******

แต่เรื่องที่พวกเขาตกลงกันนี้ จะบอกใครไม่ได้เด็ดขาด แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างพวกน้องน้ำหรือนนท์ เพื่อนของฝั่งเฟรนก็ตาม เป็นข้อตกลงลับเพื่อฟันเงินพนันจากไอ้โป้งเหนาะๆ เพราะทั้งบิวและเฟรนก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าโป้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

หมดปิดเทอมเมื่อไหร่ บิวก็จะเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ด้วยการทำเป็นเข้าไปจีบเฟรนแบบเปิดเผย กะว่าต้องมีสาวๆ ถ่ายรูปไปลงเพจมหาลัยแน่นอน

ทางด้านเฟรนก็ต้องทำเป็นรังเกียจทีแรกเหมือนเวลาปกติ แต่พอสักพักก็จะค่อยๆ ใจอ่อน และตอบตกลงเป็นแฟนกันก่อนจะถึงช่วงสอบปลายภาค หลังได้เงินแล้ว ก็กะจะแกล้งมีปัญหากัน เลิกรากันในเทอมต่อไปให้คนอื่นเป็นสักขีพยานด้วย เป็นอันจบเกม

“ถามจริงๆ มึงเป็นป่ะวะ” ช่วงปิดเทอม สองคนนัดแนะกันออกมาวางแผนสำหรับเทอมหน้าที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ดีที่บ้านของเฟรนและบิวไม่ได้ไกลกันมาก เพิ่งมารู้เมื่อตอนปิดเทอมว่าอยู่ห่างกันแค่สามซอยเท่านั้น

“เป็นก็เหี้ยละสัส กูชอบผู้หญิงมั้ยล่ะ กะจะจีบน้องแอลคนสวย เสือกเจอไอ้โป้งสกัดดาวรุ่งตั้งแต่เทอมก่อน” เพราะการแต่งหญิงของบิวทำให้ตอนนี้หลายๆ คนก็ยังไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายปกติ โดนมองว่าเป็นเกย์ไปเรียบร้อย

“ฮ่าๆ ก็สมควร เสือกชอบเล่นอะไรพิเรนๆ กันนี่” หลังจากตกลงร่วมมือกันแล้ว บิวก็เล่าเรื่องพนันครั้งก่อนให้ฟังด้วย ตอนนี้เฟรนก็เลยไม่ค่อยแสดงท่าทีรังเกียจเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยก็พอจะเชื่อใจได้ว่าบิวจะไม่หันมาเอาจริงกับการเล่นสนุกเพื่อเงินในครั้งนี้ ส่วนเรื่องที่เคยเกือบโดนกระทำชำเรา เฟรนก็ไม่ติดใจถือสาหาความอะไร ตั้งใจจะลืมๆ มันไป จะได้ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจกันอีก

“แล้วแบบนี้มึงจะจีบสาวคนนั้นได้เหรอวะ มัวแต่เล่นอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวหมาคาบไปแดกนะเว้ย” เฟรนกอดอกยืดตัวพิงเก้าอี้ วันนี้มานั่งคุยกันในร้านคาเฟ่แถวบ้าน เพราะบิวชอบกินเค้กร้านนี้

“กูคงฝากไอ้เอ็มไปจีบแทนก่อนอ่ะ อย่างน้อยก็จะได้ให้มันคอยกันท่าคนอื่น” บิวว่าพลางตักเครปเค้กเรนโบว์หลากสีสันเข้าปาก เฟรนมองตามสีหน้าปุเลี่ยนๆ เพราะไม่ค่อยชอบกินของหวาน ไม่เข้าใจว่าบิวกระเดือกเข้าไปได้ยังไง “ไมทำหน้างั้น อยากแดก?” บิวเงยหน้าขึ้นแสยะยิ้ม ยื่นส้อมที่มีเครปเค้กสีหวานส่งไปจ่อที่ปากของเฟรน

เฟรนส่ายหน้าหน้าตาเหยเก แต่บิวก็ตื้อไม่เลิก ซึ่งคงเป็นนิสัยปกติของเจ้าตัว “ไม่ อื้อ” เข้าปากไปแล้วเรียบร้อย “ไอ้เอี้ย...”

“อร่อยดิ? ไม่หวานหรอก” บิวยักคิ้วยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นเฟรนยอมเคี้ยวแล้วกลืนมันลงไป หน้าตาดูดีขึ้นกว่าตอนแรก เพราะรสชาติของเครปเค้กที่โดนบังคับให้กินไม่ได้หวานเลี่ยนอย่างที่คิด

“ก็ดี” เฟรนเสมองไปทางอื่น รู้สึกเขินแปลกๆ ที่โดนป้อนกะทันหัน ความหวานหอมนุ่มลิ้นยังคงติดอยู่ในปาก

บิวพยักหน้าอมยิ้มพลางตักเค้กเข้าปากตัวเองบ้างด้วยส้อมอันเดิม ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ชูส้อมนั้นขึ้น ส่งสายตาไปทางคนที่กำลังจะดื่มเอ็กเพรสโซ่อุ่นๆ ในแก้ว “เฮ้ย จูบทางอ้อมว่ะ”

“แค่กๆๆ” เฟรนถึงกับสำลักกาแฟ แก้มขึ้นสีชมพูจางๆ “สัส พูดไรของมึงวะ”

“ซ้อมไว้ไง เดี๋ยวเปิดเทอม ต้องตามหยอดมึงรัวๆ แล้ว มึงก็เอาแบบเมื่อกี้แหละ เป็นธรรมชาติดี อย่าลืมนะ ต้องค่อยๆ ใจอ่อนกับกูด้วย ทำตัวน่ารักๆ เลย” บิวพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ที่จริงก็ชอบเวลาเฟรนเขิน มันตลกดี

“กูต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ” เฟรนทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รสขมๆ ของเอ็กเพรสโซ่ร้อนช่วยให้หัวใจที่จู่ๆ ก็เต้นแรงกลับคืนสู่สภาวะปกติ

ก็แค่แกล้งจีบกัน แกล้งรักกัน แกล้งเป็นแฟนกัน

ง่ายๆ แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องคิดมากอะไร

“เออ ขนาดนั้นแหละ อ้อนนิดๆ ให้ดูน่ารักๆ” บิวแนะนำพลางดีดนิ้ว แต่เฟรนเหมือนไม่ค่อยอยากทำตามที่บอกเท่าไหร่

“อ้อน? ยังไงวะ? เกิดมากูก็ไม่เคยอ้อนใคร”

“ไม่เคยมีแฟน?” บิวเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ แต่คิดอีกที หล่อๆ อย่างเขายังไม่เคยมี แล้วไอ้เปี๊ยกหน้าเอ๋อนี่มันจะไปหาที่ไหนได้ แต่จริงๆ มีสาวๆ มาขายขนมจีบให้อยู่หรอกนะ แค่บิวไม่ชอบ ก็เลยไม่คบด้วยเฉยๆ

เฟรนส่ายหน้า ส่วนบิวก็นิ่งคิดนิดหน่อยก่อนจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์จนอีกคนสะดุ้ง

“งั้นให้กูอ้อนมึงแทนแล้วกัน จะจัดให้เด็ดๆ เลย”

******

และแล้วก็ถึงวันเปิดเทอมที่รอคอย (ใครรอวะ!: เฟรน)

บิวเริ่มต้นการเดิมพันในวันแรกด้วย...

“กูถือให้” มือเรียวสวยกระชากกระเป๋าเป้ที่ใส่สมุดหนังสือ ชีทที่ใช้เรียนและอื่นๆ ของคนตัวเล็กไปถือไว้ เฟรนที่เตี๊ยมกันมาแล้ว ก็ต้องทำตัวปกติ แต่...

“เฮ้ย! ไม่ต้อง กูถือเองได้” แข็งเป็นหิน เล่นไม่เนียนจนบิวอยากจะเคาะกบาลสักที แต่ก็ต้องยิ้มไว้พลางก้มหน้าลงในระดับใบหูอีกฝ่ายแล้วกระซิบบอก “อย่าเกร็งดิวะ”

“อะ เอาคืนมา!” เฟรนรับคำด้วยการขึ้นเสียงใส่พร้อมกระชากกระเป๋าคืน แต่บิวไม่ยอมปล่อย ยื้อกันไปมาจนน้องน้ำกับเอ็มที่เพิ่งเดินออกมาจากหอยืนมองอย่าง งงๆ

“นี่มันเอาจริง?” น้องน้ำเงยหน้าไปถามเอ็ม เพราะเอ็มตัวสูงกว่านิดหน่อย แต่ก็ยังน้อยกว่าบิว

เอ็มยักไหล่พลางส่ายหน้า “ไม่รู้ว่ะ”

เสียงโวยวายยามเช้าของบิวและเฟรนจบลง เมื่อมีสักขีพยานการจีบครั้งนี้โผล่มาถึงสองหน่อด้วยกัน บิวทำทีว่าบังคับเอากระเป๋าเฟรนไปได้สำเร็จและสั่งให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ก่อนจะรีบบิดมอเตอร์ไซค์ไปมหาวิทยาลัย

จะจีบกันมันก็ต้องมีโมเม้นท์ให้คนเห็นเยอะๆ บิวพาเฟรนไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหารกลางใกล้ตึกกระทะ เพื่อจะได้เป็นเป้าสายตา เพราะไม่ได้เดินกันไปเฉยๆ มีตีกันเถียงกันตลอดทางให้ดูเป็นปกติของคู่นี้ที่สุด

“นั่งรอนี่ เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้ เอาไร?” บิวชี้นิ้วสั่ง ให้นั่งรอที่โต๊ะแถวกลางของโรงอาหารเพื่อจะได้เป็นจุดเด่น เฟรนก็แสดงท่าทีว่าไม่อยาก แต่สุดท้ายก็โดนบังคับให้นั่งไป

บิวซื้อทั้งข้าวทั้งน้ำมาเสิร์ฟให้ตรงหน้า แถมยังนั่งลงข้างกัน เอาตัวมาเบียดใกล้ๆ เฟรนก็รู้ว่ามันคือการแสดง ทั้งหมดที่ทำอยู่นี้ คือการแสดง และมันจะจบลงหลังจากได้เงินพนันแล้ว

“กินดิ หรือจะให้ป้อน” เพราะมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อย บิวที่กินข้าวไปเกือบครึ่งจานแล้วเลยต้องสะกิดบอกให้คนตัวเล็กข้างๆ ลงมือกินได้แล้ว แต่ก็ไม่วายหยอดใส่ตามบทที่วางไว้

“อ่ะ อืม” เฟรนได้สติกลับมาพร้อมกับหยิบช้อนส้อม รู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ กับท่าทีที่บิว “แสดง” อยู่ตอนนี้ ทั้งที่ตอนปิดเทอมก็ยังคุยกันได้ปกติ วางแผนด้วยกันมาตั้งเยอะ

แต่พอเอาเข้าจริง

“กูให้ แดกเยอะๆ ได้โตไวๆ” เฟรนเงยหน้ามองคนข้างๆ ที่ใช้ช้อนตัดไก่ทอดเป็นคำๆ ส่งมาให้ในจาน บิวยิ้มหวาน ยักคิ้วให้ “กินดิ”

จริงๆ แล้วต้องฮึดฮัดไม่พอใจที่บิวมาคอยตามตอแยในช่วงแรกๆ แต่ไม่รู้ทำไม เฟรนทำแบบนั้นไม่ลง เลยได้แค่ถอนหายใจเบาๆ แล้วตักไก่ทอดที่บิวให้มาเข้าปาก

การแสดงของบิวโครตไร้ที่ติ จนเฟรนรู้สึกกลัว

กลัว...หัวใจตัวเองนี่แหละ
******

บิวอับจนหนทางเลยขอหารเงินซะงั้น แต่ดูแล้วไม่รู้แสดงหรือเอาจริง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.4 12/3/18 *มีความเปลี่ยนชื่อเรื่อง ฮ่าๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 15:19:12
นังโป้ง นังเด็กเลววววววว  :m31:
เอาจิงๆ ชั่วทั้งคู่ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.4 12/3/18 *มีความเปลี่ยนชื่อเรื่อง ฮ่าๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 15:19:52
หูยยย ถ้าจีบติดแล้วรู้เรื่องนี้นะ ดราม่าแน่ๆ
พลิกนิดหน่อย แต่ดราม่าแน่นอน
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.5 13/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-03-2018 20:00:47
งวดนี้เฮียบิวหัวแหลมดี สุมหัวกับเฟรนหลอกกินเงินนังโป้ง หวังว่าคงไม่ตลบหลังกินตับเฟรนนะ  o17
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.5 13/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 23:29:55
ของฝากอีกตอนจากพี่โอ ฮ่าๆๆ

6
ตุ้บ!

โป้งมองหน้าเพื่อนแล้วก้มมองสมาร์ทโฟนเครื่องสีดำที่ถูกโยนใส่บนเตียง พอหยิบมันขึ้นมาดูก็ชะงักไปเล็กน้อย

“กูว่ามึงได้เสียเงินแสนนึงแน่ไอ้โป้ง ไปยกเลิกพนันครั้งนี้ซะ!” สีหน้าโอไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย ออกจะซีเรียสสุดๆ เลยด้วย ร่างสูงยิ่งกว่าโป้งนั่งลงบนเตียงของเจ้าของห้อง กอดอกอย่างเคร่งเครียด

โป้งยังไม่ค่อยอยากเชื่อภาพที่เห็นในเพจของมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่เป็นรูปของบิวกับเฟรน ตลอดสองเดือนมานี้ทั้งคู่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากกว่าเทอมก่อนเยอะมาก ทั้งที่อยู่คนละคณะ แต่ก็มามอด้วยกัน กลับด้วยกัน บางทีบิวก็ไปหาถึงคณะวิศวะ กินข้าวด้วยกันบ้าง ไปดูเฟรนซ้อมบาสฯ บ้าง บางรูปดูสนิทกันมากถึงขั้นกอดเอวกอดไหล่

“มันเป็นไปได้ไงวะ” โป้งเลื่อนดูรูปในอัลบั้มที่ชื่อ B.F. อย่างไม่เชื่อสายตา แค่สองเดือนบิวทำได้ขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าครบเทอมแล้วจะยังไงต่อ

“กูก็ไม่อยากเชื่อ พวกไอ้เอ็มก็ยังไม่อยากเชื่อ เพราะตอนแรกไอ้เตี้ยนั่นมันเกลียดไอ้บิวจะตายห่า” โอถอนหายใจแรงมากทีหนึ่ง “มึงแพ้แน่”

“ไอ้เหี้ย...แต่กูไม่อยากเสียหน้า ท้ามันไปแล้ว จะให้ทำไงวะ” โป้งโยนมือถือคืนให้โอ หน้าตาเครียดไม่แพ้กันแล้วนาทีนี้

“งั้นมึงก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่มานั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้ คนอย่างไอ้บิว ถ้ามันจริงจังขึ้นมา มึงจะเสียทั้งเงิน และเสียมันไปด้วย” โอหันไปมองหน้าเพื่อน “กูรู้ว่ามึงชอบมันจริงจัง ทำไมเอาแต่เล่นพนันบ้าบอ ไม่รุกจีบแม่งซึ่งหน้าไปเลยวะ”

“กูไม่ได้ชอบมัน!” โป้งโวยทันที แต่หน้านี่แดงก่ำ

“ทำหน้าแบบนั้นจะให้เชื่อ? กูไม่อะไรหรอกนะกับแค่เพื่อนชอบผู้ชายด้วยกัน ยอมรับตัวเองหน่อยดิ”

“กูไม่ได้ชอบไง! ก็แค่หมั่นไส้แม่งเฉยๆ เก๊กหล่อตลอดเวลาดีนัก!” โป้งหน้านิ่วคิ้วขมวด โอเลยขี้เกียจพูดต่อ คบกันมาตั้งแต่ป.5 นิสัยเพื่อนคนนี้มีหรือจะเดาไม่ออก โป้งตามตอแยบิวมาตั้งแต่ม.4 แกล้งบ้าง ยั่วโมโหบ้าง ท้าพนันไร้สาระไปวันๆ เล่นกันเหมือนเด็กๆ แต่ก็ทำให้สนิทกันขึ้นมาเรื่อยๆ แม้จะเป็นความสนิทสนมในเชิงที่บิวไม่ค่อยพอใจนักก็ตาม

“เอาไงก็แล้วแต่มึงนะ แต่งานนี้ไอ้บิวแม่งเอามึงเจ็บแน่” โอลุกขึ้น ทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วออกจากห้องไป

ส่วนโป้งก็ยังหน้าเครียด เรื่องเงินไม่เท่าไหร่ แต่เสียหน้ากับเสียคนที่อยากได้ไป มันคงเจ็บใจไม่น้อย

******

เฟรนยิ้มแหยๆ แอบหยิกแขนร่างสูงข้างๆ “ไม่ต้องเนียนมากนักก็ได้ มือเนี่ย”

“อูยยย อย่าบิด กูเจ็บนะไอ้เปี๊ยก” บิวร้องเบาๆ ยอมปล่อยมือที่โอบเอวคนตัวเล็กออก ปกติแค่โอบเอวเฉยๆ เฟรนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่นี่ดันเผลอไปลูบสะโพกเข้า ก็มือมันลื่น

“ไปนั่งรอเลย กูจะลงแข่งแล้ว” เฟรนชี้ไปที่เก้าอี้ข้างสนาม วันนี้มีซ้อมแข่งบาสฯ กับคณะวิทยาศาสตร์ บิวก็เลยมารอกลับหอพร้อมกัน

“อยากได้กำลังใจจากพี่มั้ยจ๊ะน้องหนู จุ๊บเหม่งสักทีจะได้ชนะรวด” บิวคว้าใบหน้าของเฟรนให้หันมา ทำปากจู๋จะจูบหน้าผาก เฟรนโวยลั่นเอามือปัดพัลวัน

“ไอ้เหี้ย! ไม่เล่น! อายเค้า!”

“สนุกกันจังนะพวกมึง” เสียงบุคคลที่สาม ซึ่งบิวค่อนข้างคุ้นเคยดีดังขึ้น เฟรนเห็นแล้วว่าเป็นใคร ส่วนบิวเพิ่งจะหันหลังไปมองอย่างเย้ยๆ

“ไมวะ อีกไม่นานมันก็ต้องเป็นแฟนกูอยู่แล้ว จะสนุกกัน สวีทกันไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่แปลกป่ะ” ยักคิ้วให้โป้งสองทีพร้อมยิ้มเยาะสุดฤทธิ์ โป้งเหมือนจะเลือดขึ้นหน้านิดๆ

“แฟนพ่อง” เฟรนก็เล่นตามบทด้วยการถองศอกใส่บิวเบาๆ เขินอายได้อย่างสมจริงสมจัง (ก็อายจริงๆ นั่นแหละ)

“อ๊ะๆ อย่าเขินดิ แก้มแดงเลย โอ๊ยยย น่ารักว่ะ” บิวแกล้งหยิกแก้มนุ่มๆ เล่นอย่างเอ็นดู เฟรนก็เอามือปัดๆ แถมยังแก้มแดงจริงๆ อย่างที่บิวว่าด้วย โป้งเห็นแบบนั้นยิ่งเดือดดาล กำมือแน่นด้วยความแค้น

“ได้ ถ้ามึงจะเอาแบบนี้ กูขอเล่นเกมนี้ด้วยแล้วกัน” จู่ๆ โป้งก็โพล่งอะไรไม่รู้เรื่องออกมา บิวทำหน้างง เฟรนเองก็งง “กูจะจีบมึง! ไม่ให้ไอ้เตี้ยนี่ได้รักกับมึงง่ายๆ หรอก ไอ้บิว!”

ทั้งบิวและเฟรนตาโตด้วยความประหลาดใจ ต่างร้องออกมาพร้อมกัน “ห๊ะ!?”

เฟรนลงสนามไปแล้ว ส่วนบิวนั่งเหล่มองไอ้ควายถึกข้างๆ อย่างหวาดระแวง ไม่รู้มันมาไม้ไหน จู่ๆ ก็มาประกาศจะเข้าร่วมศึกครั้งนี้ ด้วยการจีบบิว ซึ่งจริงๆ แล้วมันน่าจะแข่งกันจีบไอ้ตัวเล็กหรือเปล่า บิวงงในงง

“ไม่ต้องนั่งห่างกูขนาดนั้นก็ได้ป่ะ กูไม่มีเชื้อโรค” โป้งหันไปทำหน้าเซ็งใส่ เพราะบิวทำเหมือนขยะแขยงกันเต็มที่

“แต่มึงมีเชื้อบ้าไง”

“สัส!”

ระหว่างที่สองคนด่ากันไปมา อีกคนในสนามก็มองมาเรื่อยๆ ด้วยความกังวลใจ ตั้งแต่ที่โป้งบอกว่าจะจีบบิว เฟรนก็รู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย

เรื่องที่บิวแกล้งทำเป็นจีบตน มันก็แค่การแสดงที่ตกลงกันไว้ ไม่ใช่เรื่องจริง บิวไม่ได้ชอบตนจริงๆ

แต่กับคนชื่อโป้ง

แววตามุ่งมั่นเอาจริงของโป้ง มันบอกชัดเจนว่าคิดอย่างไรกับบิว

แล้วทำไม ในหัวใจมันถึงได้ปวดพิลึก

เฟรนพยายามอย่างมากที่จะตั้งสมาธิกับการซ้อมแข่ง แต่ทำยังไงก็สลัดเรื่องของโป้งและบิวออกจากหัวไม่ได้เลย สายตาก็คอยแต่จะมองไปทางนั้น ยิ่งเห็นสองคนดูสนิทกันมาก เพราะเป็นเพื่อนกันมานานกว่า หัวใจยิ่งเจ็บ

ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจว่าเป็นอะไรนักหนา ทำไมต้องคิดเรื่องนั้น ทำไมต้องสนใจ

“ไอ้เฟรน!” เสียงของเพื่อนร่วมทีมตะโกนเรียกลั่นสนาม แต่กว่าเฟรนจะรู้ตัวลูกบาสหนักๆ ก็กระแทกเข้าเต็มๆ หน้า บิวตกใจผุดลุกขึ้นจะวิ่งเข้าไปหา แต่ถูกโป้งรั้งแขนไว้แน่น

“ปล่อยกู! กูจะไปดูมัน!” บิวสะบัดแขนอย่างแรง แต่ก็ยังไม่หลุด โป้งจ้องมานิ่งๆ

“นั่งลง คนอื่นเยอะแยะ มึงจะสนใจทำไม หรือมึงจริงจังกับมัน”

บิวกัดปากอย่างหงุดหงิด “จะจริงไม่จริง มันก็เพื่อนกู!”

“แล้วเพื่อนมึงที่นั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ” บิวสบตากับโป้ง สีหน้างงงัน

“พูดเหี้ยไรมึงเนี่ย! ปล่อยดิวะ!”

เฟรนมองไม่ค่อยเห็นคนสองคนที่อยู่ข้างสนามแล้ว ดวงตามันพร่าเบลอเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้ อาจจะเพราะเจ็บมาก น้ำตาก็เลยไหลออกมาเอง แถมได้กลิ่นเลือดด้วย

“เหี้ยยยย เลือดกำเดา ก้มหน้าไว้มึง กูบีบจมูกให้ ขอถุงน้ำแข็งที” เสียงใครบ้างไม่รู้ คงเป็นพวกเพื่อนๆ ร้องโวยวายกันวุ่นวาย เฟรนนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าเจ็บที่ตรงไหนมากกว่ากัน ระหว่างจมูกที่โดนกระแทกเมื่อครู่กับ...หัวใจ

จะให้ยอมรับก็ได้ว่าชอบบิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นตอนรับน้องแล้ว แต่ตอนนั้นคิดว่าเป็นผู้หญิงจริงๆ พอบิวแนะนำตัว เลยรู้ว่าเป็นผู้ชาย ก็เลยพลั้งปากโพล่งออกไปแบบนั้น ไม่คิดว่าจะไปสะกิดต่อมของบิวเข้าอย่างจัง

แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่รู้ เจอหน้าก็อยากเข้าไปคุย แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะทักกันดีๆ ได้ ตอนเจอบิวที่อยู่ในคราบผู้ชายแมนเต็มร้อย ก็รู้สึกคุ้นๆ อยู่ แต่ไม่ได้ติดใจสงสัยมากมาย พอรู้ความจริง ก็โมโหทั้งบิวทั้งตัวเอง

ตอนแต่งหญิงก็ว่าสวยแล้ว พอบิวกลับมาเป็นผู้ชายก็ยังมองว่ายิ่งดูดีขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะสนใจผู้ชายด้วยกัน แต่ดันมองผู้ชายอย่างบิวว่าโครตหล่อไปแล้ว

เวลาโดนแกล้งมันไม่พอใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงคุยกันดีๆ ไม่ได้ ทำไมบิวต้องแกล้ง ต้องทำให้โมโห ทำให้อับอาย ทำให้กลัว...แถมยังชอบทำให้ใจเต้นแปลกๆ

เรื่องเงินพนันก็อยากได้อยู่ แต่ได้อยู่ใกล้บิวมันดีใจยิ่งกว่า แม้จะรู้ว่าบิวไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะยืนยันหนักแน่นขนาดนั้นแล้ว แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ อยากพูดคุยกันดีๆ เหมือนอย่างตอนนี้ที่เป็นอยู่

แค่เพื่อนก็ได้

แต่...พอโป้งโผล่มา มันก็หวั่นใจ กลัวว่าโป้งจะจีบบิวจริงจัง แล้วถ้าเกิดบิวเปลี่ยนใจไปชอบโป้งขึ้นมา จะทำยังไง

ไม่หรอก บิวไม่มีทางชอบผู้ชาย

ยิ่งคิดแบบนั้น ก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำตัวเองเข้าไปอีก

แล้วน้ำตามันก็ยิ่งไหล

“เฮ้ย...เจ็บมากเลยเหรอวะ ร้องไห้ใหญ่แล้วอ่ะ ทำไงดีวะ” เพื่อนๆ พากันตกอกตกใจ เพราะแม้เลือดจะหยุดไหล แต่เฟรนก็ยังร้องไห้อยู่อย่างนั้น

“ขอทางหน่อยดิ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น เฟรนพยายามจะมองหน้าคนที่ก้มลงมาหา แต่ดวงตาก็ยังพร่าเบลอเพราะน้ำตา ในหัวอื้ออึงคล้ายคนจะเป็นลม รู้สึกแค่ร่างกายถูกยกลอยหวือเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง

“เดี๋ยวผมพาไปห้องพยาบาลเอง ซ้อมกันต่อเหอะ” เสียงหัวใจที่เต้นอยู่ข้างหูตอนนี้ทำให้สงบลงอย่างประหลาด เฟรนค่อยๆ หลับตาลง เอียงแก้มซบกับอกข้างซ้ายของคนที่อุ้มตนเองอยู่

ความเจ็บปวด...ทุเลาลงแล้ว

บิวอุ้มเฟรนไปที่รถ (บิวมีมอเตอร์ไซค์สีแดงของตัวเอง แต่ไม่ได้ใช้ในช่วงที่พนันเรื่องแต่งหญิงกับโป้ง เพราะเอารถของโป้งมาใช้แทน) ไม่ได้ไปห้องพยาบาลอย่างที่ว่า “นั่งดีๆ นะ ไหวป่ะเนี่ย” ถามไปก็เท่านั้น เพราะเฟรนไม่ยอมตอบอะไรเลยตั้งแต่อุ้มมา

ในเมื่อยังเงียบและนิ่งเป็นตุ๊กตาอย่างนี้ บิวก็เลยต้องจับให้เฟรนนั่งข้างหน้า และตัวเองซ้อนอยู่ข้างหลังแทน เพื่อจะได้คอยกอดไว้ ไม่ให้คนตัวเล็กตกรถ

“เป็นอะไรวะ เจ็บมากเลยเหรอ” บิวเกยคางบนไหล่เล็ก ขี่รถไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าราวเต่าคลาน “มึงนี่น้า คราวก่อนก็ขาแพลง นี่เหม่อจนลูกบาสกระแทกหน้าอีก คราวหน้าจะโดนอะไรอีกมั้ยวะ” บิวเอ่ยติดตลก อยากให้บรรยากาศมันผ่อนคลายลง

แต่เฟรนก็ยังนิ่งเงียบ น้ำตาไม่ได้ไหลแล้ว แต่จมูกกับตายังแดงก่ำ

******

บิวพาเฟรนไปส่งถึงห้อง แกะข้าวกล่องที่แวะซื้อมาจากร้านหน้าหอ พร้อมเปิดขวดน้ำอัดลมให้เสร็จสรรพ

“เอ้า กินๆ เว้ย จะได้โตๆ” บิวนั่งลงกับพื้น เพราะโต๊ะที่ใช้กินข้าวเป็นโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ เฟรนนั่งลงอีกฝั่ง หยิบช้อนส้อมเตรียมกิน บรรยากาศระหว่างสองคนเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย ด้วยความขี้เล่นและช่างเจรจาของบิว

“เลิกพูดเหมือนกูเป็นเด็กได้ป่ะ แค่เรื่องส่วนสูงก็เป็นปมจะแย่ละ”

“กูไม่ได้จะล้อเลียนสักหน่อย แค่พูดไปตามเรื่อง เออน่า กินเหอะ อย่านอยบ่อย เดี๋ยวโบกให้เลยนี่” บิวถลึงตาใส่ ก่อนจะลงมือกินข้าวผัดกุ้งในกล่องของตัวเอง ส่วนของเฟรนเป็นกะเพราหมูสับของโปรด บิวจำได้ก็เลยสั่งมาให้

“ไม่มีใครเห็นสักหน่อย ไม่ต้องทำดีกับกูขนาดนี้ก็ได้” เฟรนเขี่ยๆ กะเพราในกล่องออก ไม่ยอมมองหน้าบิวตอนที่พูดอย่างนั้น แต่บิวมองอยู่ทุกการกระทำของเฟรน

“ทำไม? ไม่ชอบ? อยากให้กูร้าย?”

เฟรนหน้ามุ่ย เงยหน้ามองบิวแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว ท่าทางเหมือนงอนๆ แปลกๆ ทำให้บิวอมยิ้ม “เปล่า แค่ไม่ชอบให้ดีเกินไป”

“จะได้เอาไว้เป็นสาเหตุบอกเลิกกูทีหลังไง ไม่ดีเหรอ”

“มึงพูดเหมือนกูชอบคนเลวงั้นแหละ ไอ้สัส...” พอเงยหน้าด่า ก็ต้องชะงักกับรอยยิ้มหวานๆ ของบิวและสายตาที่มองมาอย่างมีเลศนัย ต่อให้โง่แค่ไหนก็ดูออก ว่าบิวจงใจแกล้งให้เขิน “ไม่ต้องทำตาเยิ้มงั้นเลย”

“ไมอ่ะ กูหล่อเกินไป?” บิวยักคิ้วใส่ หน้าตากวนประสาทได้โล่

“หลงตัวเอง” เฟรนยู่ปากอย่างขัดใจ

บิวหัวเราะ ตักข้าวกินต่อและไม่ได้คุยอะไรกันอีก

******

โป้งยังนั่งอยู่ที่เดิม ตั้งแต่ที่บิวอุ้มเฟรนออกไปจากโรงยิม ไม่สิ ตั้งแต่ที่บิวสะบัดแขนออกสุดแรงจนโป้งถึงกับหงายหลังกระแทกกับแสตนด์ เพื่อจะไปหาเฟรน

เพราะเฟรนร้องไห้ บิวเลยยิ่งร้อนรน อย่างเห็นได้ชัด

ถ้าคนที่ร้องไห้อยู่ตรงนั้นเป็นโป้งบ้าง บิวจะทำเหมือนกันมั้ย

ไม่มีทางหรอก

บิวมันจะอุ้มเราไหวได้ไง โป้งคิดแล้วก็หัวเราะเยาะตัวเองเหมือนคนบ้า

มือใครบางคนแตะลงบนบ่า โป้งเงยหน้ามอง เพราะตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นโรงยิม

“กลับเหอะ” โอตบบ่าเบาๆ สองสามที เรียกสติเพื่อนให้กลับมา “ไปรถกู”

โป้งไม่ได้ตอบ แค่พยักหน้าแล้วจับมือของโอที่ยื่นมาให้ ลุกขึ้นตามแรงฉุดของเพื่อนซี้ที่คบกันมายาวนานกว่าใคร และรู้ใจดียิ่งกว่าใคร

ภายในรถมีเพียงเสียงแอร์และเสียงเครื่องยนต์เบาๆ โอขับรถช้ามาก จนโป้งนึกอยากจะด่า แต่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำแบบนั้น

“ขับวนไปมาทำเหี้ยอะไร” สุดท้ายก็ทนไม่ไหว โพล่งออกมาจนได้ ก็ไอ้เพื่อนซี้ตัวดีเล่นขับรถวนอยู่บนถนนนานสองนาน ไม่เลี้ยวไปทางหอพักสักที

“มีอะไรจะพูดมั้ย”

“พูดเหี้ยไรของมึง กลับหอ!”

เอี๊ยดดด

เสียงรถเบรกลั่นเข้าข้างทาง ดีที่โป้งคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ ไม่งั้นคงได้หัวโขกคอนโซลตายคาที่ พอหันไปมองไอ้คนขับตัวดีอย่างเอาเรื่อง พลันต้องเบิกตาโพลง เมื่อสารถีส่วนตัวเสือกปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยของตัวเองตอนไหนไม่รู้ ถึงได้เขยิบมาจนหน้าชนกันขนาดนี้

โป้งตกใจถอยหนีทันที แต่ไม่ไวพอ มือหนาๆ ของโอคว้าคางไว้แน่น ริมฝีปากอุ่นๆ แนบลงมาจนขนลุกชัน

“อื้อ!” โป้งหลับตาปี๋ เมื่อถูกลิ้นร้อนๆ เลียที่ปาก เกิดมาจนอายุ 18 ไม่เคยจูบใครหรือถูกใครจูบมาก่อนในชีวิต ได้แต่นั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้านขัดขืน

“วิธีรุกที่ถูกต้อง มันต้องแบบนี้” โอละริมฝีปากออกพลางเลียปากตัวเอง ส่วนโป้งตัวแข็งแทบจะเป็นหิน

“มะ...มึง มึง ทำเหี้ยอะไร” สีแดงเริ่มลามตั้งแต่คอขึ้นไปจนถึงหน้าผาก

“สอนมึงไง จะจีบใครก็ต้องหัดรุกให้เป็น ไม่ใช่ทำตัวเหมือนเด็กประถม คอยหาเรื่องให้มันหัวเสียเล่น เห็นแล้วรำคาญว่ะ ทนไม่ได้จริงๆ” โอแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มแบบที่โป้งไม่เคยมาก่อน เอ๊ะ หรือว่าเคย แต่ไม่ได้สนใจวะ? เออ ช่างแม่ง ตอนนี้คือ...

โครตอายยยยย

โป้งแทบจะเอาหัวมุดเสื้อตัวเอง แต่มันมุดไม่ได้ไง เลยหดคองอเข่ากอดตัวเองอยู่บนเบาะรถ โอหัวเราะเบาๆ แล้วค่อยขับรถต่อ ถึงเวลาพากลับหอจริงๆ เสียที

หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.5 13/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 23:31:47
งวดนี้เฮียบิวหัวแหลมดี สุมหัวกับเฟรนหลอกกินเงินนังโป้ง หวังว่าคงไม่ตลบหลังกินตับเฟรนนะ  o17
จะเหลือเหรอ อิๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.6 13/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-03-2018 00:54:26
โอ้โห  ว้าว.....   ไหน ๆ เฮียโอก็สอนรุกโป้งแล้ว ก็รุกจริงๆ ไปเลยแล้วกัน นางน่าจะสอนง่ายเนอะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-03-2018 14:33:32
บิวเริ่มหื่น...น้องเฟรนตกอยู่ในอันตรายแว้ววว



7

โป้งยังนั่งกอดเข่าท่าเดียวกับตอนอยู่ในรถ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่บนเตียงแทนแล้ว

 

ห้องพักของหอนี้ค่อนข้างใหญ่กว่าหออื่น เพราะหนึ่งห้องใหญ่ แบ่งเป็นสองห้อง มีโซนตรงกลางสำหรับนั่งเล่นและทำครัว ซึ่งโป้งกับโอแชร์อยู่ด้วยกัน

 

แกร๊ก!

 

โป้งสะดุ้งโหยง หันควับไปมองประตูแล้วรีบถอยกรูดไปชิดขอบเตียงอีกฝั่ง กอดเข่ามองโอที่เดินเข้ามาอย่างหวาดๆ

 

“เป็นเหี้ยไร? กูไม่ใช่ผี ยืมเลคเชอร์จารย์เสกหน่อยดิวะ” โป้งมองตามมือหนาๆ ที่ยื่นมาตรงหน้า เหลือบสายตาขึ้นมองโอ

 

ใจโครตสั่น

 

“ยะ อยู่บนโต๊ะ” โป้งพยักเพยิดไปทางโต๊ะคอมฯ ที่อยู่ข้างประตู โอเลยหันหลังเดินไปหยิบเอง แต่ก่อนจะออกจากห้องนั้น ก็หันไปยักยิ้มกวนๆ ใส่เพื่อนที่นั่งขดตัวเกร็งไม่เลิกรา

 

“เวลามึงกลัวตัวสั่น ก็น่ารักดีนะ” โอหัวเราะแล้วรีบชิ่งหนีออกจากห้อง ก่อนที่โป้งจะเขวี้ยงนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียงใส่หน้าด้วยความโมโห

 

“กูไม่ได้กลัว! ไอ้เชี่ยโอ!!!”

 

******

 

โอเคยบอกว่าเป็นไบ โป้งจำได้ เหมือนจะบอกแค่ครั้งเดียวตอนม.3 แล้วก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลย ตอนม.ปลาย เห็นตามจีบน้องน้ำ เพื่อนสนิทของไอ้บิว แต่น้องน้ำมีแฟนแล้วก็เลยแห้วแดกไปตามระเบียบ หลังจากนั้นมา ก็เห็นโอควงผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง แต่ไม่ได้คบใครจริงจัง

 

แม้จะถูกเลียปาก แล้วก็เหมือนจะจูบนิดหน่อย แต่โป้งยังไม่อยากนับว่านั่นคือจูบแรก

 

จูบแรก ถ้าต้องเสียให้เพื่อนสนิทตัวเอง แม่งโครตเฟลสุดๆ ในชีวิต!!!

 

“ฮือออ ไอ้เหี้ยโอ! สารเลว! เอาความบริสุทธิ์ของปากกูคืนมา!!!”

 

แต่จะร้องโวยวายแค่ไหน ไอ้ที่เสียไปแล้ว ยังไงก็เรียกกลับคืนมาไม่ได้หรอก เรื่องนั้นโป้งก็รู้ดี...

 

******

 

เอ็มกับน้องน้ำเดินลงมาใต้ตึก ก็เห็นบิวกับเฟรนเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้บรรยากาศดูแปลกกว่าเดิมนิดหน่อย สองคนไม่ทะเลาะตบตีกัน (หลอกๆ) แล้ว แต่ดูยิ่งสนิทกันแนบแน่นจนน่าสงสัย

 

“ดูๆ ไป มันก็สมกันดีนะกูว่า” น้องน้ำอมยิ้ม มองดูบิวที่สวมหมวกกันน็อคให้เฟรน เฟรนก็ดูขัดๆ เขินๆ ยืนนิ่งตัวเกร็ง แก้มแดงระเรื่อ ดูไกลๆ ยังเห็น

 

“แต่ไอ้บิวมันแค่จะเอาเงินป่ะวะ เรื่องแสดงเก่งยกให้แม่งเลย ได้เรื่องมาหลายทีแล้วนี่ มึงก็รู้” เอ็มส่ายหน้า โยนหมวกกันน็อคส่งให้น้องน้ำ ปกติสองคนจะไปเรียนด้วยกัน เพราะเอ็มมีมอเตอร์ไซค์

 

เรื่องที่เอ็มพูดมามันก็จริง เวลาบิวกับโป้งเล่นพนันกัน เป็นต้องได้เรื่อง ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยตลอด ตั้งแต่พวกมันรู้จักกันตอนม.4 แล้ว แรกๆ ก็พนันกันเรื่องจีบสาว สุดท้ายก็แห้วแดกทั้งคู่ เพราะความแตก น้องน้ำจำได้แม่นว่าตอนนั้นหัวเราะเยาะพวกมันอย่างสะใจ ไอ้พวกชอบเล่นกับความรู้สึกคนอื่น โดนผู้หญิงตบ หน้าชากันมายังไม่พอ มันยังสรรหาเรื่องพิเรนๆ มาเล่นกันได้อีก

 

แต่ครั้งนี้น้องน้ำกับเอ็มดูจะเข้าใจผิดไปนิดหน่อย เพราะไม่รู้เรื่องที่บิวไปตกลงทำสัญญาหารเงินพนันกับเฟรนไว้

 

บิวพาเฟรนไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่ประจำ ภาพของสองคนที่นั่งกินข้าวข้างๆ กันกระหนุงกระหนิงกลายเป็นภาพที่ชินตาหลายๆ คนไปแล้ว

 

“เรื่องแอลเป็นไงมั่ง” จู่ๆ เฟรนก็ถามถึงผู้หญิงที่บิวเคยบอกว่าจะส่งเอ็มไปคอยกันท่าชายอื่น ซึ่งบิวก็ทำแบบนั้นอยู่จริงๆ โดยให้เอ็มคอยจับตาดูแอล ส่งน้ำส่งขนมและดอกไม้ไปให้เจ้าหล่อนทุกวัน

 

“ก็เรื่อยๆ ว่ะ จบภารกิจกับมึงเมื่อไหร่ กูจะรุกหนักๆ ให้แอลหลงกูหัวปักหัวปำเลย มึงคอยดู” บิวว่าพลางตักกับข้าวแบ่งให้เฟรนเหมือนทุกที

 

เฟรนก้มหน้ามองกุ้งที่บิวแบ่งให้ เอาเปลือกส่วนหัวส่วนหางออกให้เรียบร้อยแล้วด้วย ขนาดแค่เล่นๆ ยังดูแลดีขนาดนี้ ถ้าคนอย่างบิวคิดจะจริงจังจีบใครสักคน ยังไงก็สำเร็จ ผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากที่จะได้ผู้ชายคนนี้ไป

 

พอคิดแบบนั้น ใจมันก็โหวงๆ อีก

 

“เป็นอะไร หน้าหงอยเชียว ไม่สบายเหรอ” บิวสังเกตเห็นสีหน้าของเฟรนเข้าพอดี มือแกร่งโอบข้ามไหล่วกมาจับคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าหันมาหา ท่าทางเหมือนจะจูบกัน ทำเอาสาวๆ แถวนั้นกรี้ดลั่นตามเคย

 

เฟรนสะดุ้งตอนที่ได้ยินเสียงกรี้ด รีบเอนตัวถอยหนี แต่บิวก็ขยับตามเอาหน้าผากมาแตะที่หน้าผากของเฟรน เพื่อจะวัดไข้

 

“อย่า...” เฟรนร้องห้ามพลางเอามือดันอกร่างสูง แก้มใสแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศฉ่ำน้ำ

 

“อายอะไรเล่า แค่วัดไข้ ตัวไม่ร้อนนี่” บิวผละออกมานั่งตามปกติ

 

“บ้านมึงวัดไข้กันแบบนี้เหรอ...แค่เอาหลังมือแตะก็พอป่ะ” เฟรนกัดปากนิดๆ หน้ายังร้อนผ่าวๆ

 

“อ้าว? เดี๋ยวไม่ได้โมเม้นท์เว้ย มึงดูดิ สาวๆ ถ่ายรูปกันใหญ่เลย ได้ภาพสวยแน่ ไอ้โป้งมันจะได้เห็นไง ว่ากูกับมึงโครตจะรักกัน” คนทะเล้นยิ้มกริ่มอย่างไม่คิดมาก แค่สนุกกับการตกเป็นข่าว เพื่อเงินเดิมพัน

 

อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าหลังจากชนะพนันแล้ว ตอนที่ต้องบอกเลิกกัน จะยังคบกันเป็นเพื่อนเหมือนเดิมได้อีกมั้ย

 

ที่คบกันอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ทำไมตอนเลิกกันจะกลับมาเป็นเพื่อนไม่ได้ล่ะ

 

เฟรนถอนหายใจเบาๆ

 

ไม่ว่ายังไงก็ต้องเดินตามเกมต่อไป จนกว่าทุกอย่างจะสิ้นสุด

 

พอกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ก็คงต้องทำใจกับความเปลี่ยนแปลงของบิว

 

******

 

วันนี้เฟรนเลิกเรียนเร็ว เพราะอาจารย์คาบบ่ายยกเลิกคลาสกะทันหัน ก็เลยส่งข้อความไปบอกบิว ไม่รู้จะบอกทำไมเหมือนกัน แต่ก็อยากบอก

 

“ไปไหนดีวะ ว่างอ่ะ” นนท์ที่เดินตามหลังมา โผเข้ากอดคอเพื่อน เฟรนหันไปมอง ก่อนจะรีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง “อะไร? แหมๆ ส่งไปบอกสามีเหรอจ๊ะ”

 

“สามีเชี่ยไรล่ะ” เฟรนขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ แต่แก้มก็ขึ้นสีชมพูจางๆ ด้วยความเขิน


“แน่ะๆ ทำเป็นกั๊ก ใครๆ ก็รู้ว่ามึงกับมันเป็นอะไรกันป่ะวะ” นนท์หัวเราะร่า ไม่มีใครรู้เรื่องที่บิวกับเฟรนตกลงกันไว้ และการที่ทุกคนจะมองว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ ก็ไม่แปลก

 

“เป็นก็ดี” เฟรนตอบเสียงเบาหวิว

 

“ว่าไรนะ?” นนท์ก้มลงจะฟังให้ถนัดถนี่ แต่เฟรนก็ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร พอดีกับเสียงไลน์ที่ดังเข้ามา เฟรนรีบเปิดดู

 

สุดหล่อของน้องเฟรน (บิวเอามือถือเฟรนไปเมมชื่อใหม่): กูมีเรียนถึงบ่ายสาม รอไหวป่ะ

F.T.: รอที่หอสมุดนะ

สุดหล่อของน้องเฟรน: ชอบจังนะ ห้องสมุดเนี่ย

F.T.: ยุ่ง

สุดหล่อของน้องเฟรน: รอนะ จะรีบไปรับ

 

“แน่ะๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยว่ะเพื่อนกู ท่าจะเป็นเอามาก ตอนแรกนี่เกลียดขี้หน้ากันจะเป็นจะตาย” สนเอ่ยแซว หันไปยักคิ้วกับนนท์อย่างรู้กัน

 

“ไม่ได้ยิ้ม!” เฟรนโวยวายกลบเกลื่อน พยายามจะทำหน้าบึ้ง แต่ก็หลุดอมยิ้มอยู่ดี เลยโดนเพื่อนๆ แซวไปอีก

 

เฟรนให้สนขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งที่หอสมุดและนั่งอ่านหนังสือรอบิวอยู่ที่นั่นจนถึงบ่ายสามโมง มีเผลอหลับบ้างเป็นพักๆ เพราะแอร์มันเย็นสบาย

 

“เฮ้ย...”

 

เฟรนที่กำลังนอนฟุบหน้ากับแขนตัวเองบนโต๊ะกึ่งหลับกึ่งตื่นเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกและแรงเคาะเบาๆ แถวไหล่ จากสันแฟ้มที่คนปลุกถืออยู่

 

“ให้อุ้มไปมั้ย หึหึ” บิวหัวเราะในคอ มองเฟรนที่สลึมสลือปรือตามอง

 

“ตลก” เฟรนหน้างอ

 

“หน้าเป็นรอยเลย” มืออุ่นๆ แตะลงมาที่แก้ม ซึ่งมีรอยจากการกดทับขึ้นเป็นริ้ว เฟรนสะดุ้งโหยง รีบเอียงคอหลบแล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋ามาสะพาย

 

“มา ถือให้” บิวยังคงทำหน้าที่แฟน (ปลอมๆ) ที่ดี ด้วยการดึงเป้จากไหล่ของคนตัวเล็กมาถือ เฟรนไม่ได้ว่าอะไร เดินตามบิวไปขึ้นรถที่จอดรออยู่นอกหอสมุดอย่างเงียบๆ

 

******

 

“คืนนี้พวกไอ้เอ็มนัดกันที่ Bordeaux (บอร์โดซ์) ไปมั้ย” พอมาถึงหอพัก บิวก็เอ่ยชวน วันนี้วันศุกร์พอดีด้วย

 

“คนชื่อโป้งไปด้วยป่ะ” เฟรนนิ่งคิดแล้วก็ถามออกมา ทุกทีไม่เคยชวน แสดงว่าต้องทำเพื่ออะไรสักอย่าง และมันก็เป็นตามคาด

 

“อยู่แล้ว กูถึงได้ชวนมึงไง มันจะได้เห็นว่าแฟนกูน่ารักขนาดไหน” บิวยักคิ้วให้

 

พูดออกมาเต็มปากว่า “แฟน” ทั้งที่ตัวเองก็กำลังจีบผู้หญิงอีกคนอยู่

 

เฟรนถอนหายใจเบาๆ “เออ ไปก็ไป”

 

“งั้นสองทุ่ม เจอกันตรงนี้นะครับน้องหนู จุ๊บ”

 

เฟรนสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ ก็โดนขโมยจุ๊บแก้มแบบไม่ทันตั้งตัว มือเล็กยกขึ้นถูแก้มตัวเองแรงๆ อีกมือก็ทุบไหล่บิว “ไอ้เหี้ยบิว! ทำไรเนี่ย!”

 

“นิดหน่อยน่า จะได้สมจริง ไปล่ะ สองทุ่มนะ ห้ามเบี้ยว!” บิวยิ้มหวานวิ่งเข้าไปในตึก โบกไม้โบกมือให้อย่างอารมณ์ดี ส่วนเฟรนได้แต่ยืนหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ ที่ถูกทำให้หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว

 

******

 

ในผับมืดสลัว เสียงเพลงดังกระหึ่ม มีทั้งนักศึกษาที่อยู่ในคราบนักท่องราตรีและวัยทำงานหลายคนกำลังพูดคุยและเต้นกันอย่างสนุกสนาน พวกบิวเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่เปลี่ยนชุดมาพร้อมรบสำหรับคืนนี้

 

“วันนี้กูพาแฟนมาเปิดตัวเว้ย!” บิวส่งเสียงดังกลบเสียงเพลง เพื่อนๆ หันมองกันเป็นตาเดียว น้องน้ำกับเอ็มหันมองหน้ากันอีกทีพลางกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

 

“เอาจริงดิไอ้บิว?” น้องน้ำเหลือบมองคนที่อยู่ข้างหลังบิว

 

“จริงสิวะ! มาเฟรน มาทักทายเพื่อนๆ บิวหน่อยครับ” บิวตกลงกับเฟรนไว้แล้วว่าระหว่างเล่นเป็นแฟนกัน จะเรียกชื่อตัวเองกับอีกฝ่าย ไม่ใช้กูมึง เพื่อจะได้ดูรักกันจริงจัง

 

“สวัสดี” เฟรนยิ้มนิดๆ ให้ทุกคน ยกเว้นโป้งที่นั่งหน้าเป็นยักษ์มารน่ากลัวอยู่คนเดียว

 

“ไงมึง แสนนึงพร้อมมั้ยวะ” โอแกล้งก้มลงกระซิบข้างหูโป้งพร้อมรอยยิ้มเยาะนิดๆ ที่มุมปาก ทำเอาโป้งหน้าม้าน ต่อยไหล่เพื่อนตัวดีไปทีหนึ่ง เรื่องเสียเงินไม่เท่าไหร่ แค่ขอป๊าโอนให้จึ๊กเดียวก็จบ อาศัยว่าเป็นบ้านคนจีน ลูกชายคนโตอยากได้อะไร ป๊ากับม๊าของโป้งไม่เคยอิดออด แค่ออกปากก็ได้ทันที แต่เรื่องเสียหน้า นี่แหละที่โครตจะไม่ชอบใจ

 

โป้งลุกขึ้น ยืนประจันหน้ากับบิวและเฟรน เหล่มองเฟรนที่แค่เหลือบตาขึ้นมองตนผ่านๆ เหมือนไม่ค่อยอยากญาติดีด้วยเท่าไหร่แล้วโป้งก็แค่นยิ้ม

 

“จะให้กูเชื่อเหรอ ว่าพวกมึงเป็นแฟนกันจริง?”

 

“อย่าเรื่องเยอะว่ะ ไอ้โป้ง ก็เห็นๆ อยู่ว่ากูกับมันรักกันแค่ไหน ดูๆๆ” บิวยกมือข้างที่จับมือเฟรนชูขึ้นให้เห็นเต็มๆ ตา

 

“ก็แค่จับมือป่ะ” โป้งเลิกคิ้ว “แน่จริงดูดปากให้กูดูดิ”

 

“เฮ้ย...” บิวอุทานเบาๆ พลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “แต่คนเยอะนะมึง อุจาดตาไปเปล่า”

 

“ไม่มีใครสนใจหรอกน่า เดี๋ยวกูยืนบังให้ พวกมึงนั่งที่โซฟา จูบแบบดูดดื่มแลกลิ้นให้กูดูที” โป้งยิ้มเยาะ บิวเหงื่อตก ส่วนเฟรนก็กระตุกชายเสื้อบิวเป็นเชิงว่าไม่เอานะเว้ย

 

บิวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับคำท้า “ได้ กูจะทำให้ดู”

 

“ไอ้บิว!” เฟรนตาโต ดึงชายเสื้อบิวอย่างแรง “กูไม่เอานะ”

 

บิวเหล่มองโป้ง ก่อนจะกระซิบข้างหูเฟรนให้พอได้ยินกันแค่สองคน “หลับหูหลับตาทำไป ครั้งเดียวจบเลย”

 

“แต่...” เฟรนใจเต้นรัว ต้องจูบกับบิวแล้วจะให้ทนไหวได้ยังไง ต้องแย่แน่ๆ บิวต้องรู้ตัวแน่ๆ

 

ไม่อยากให้รู้ ไม่อยากเสียตำแหน่งความเป็นเพื่อนตรงนี้ไป

 

“ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้โป้ง” เอ็มขัดขึ้น

 

“ถ้าพวกมันเล่นตุกติก กูก็เสียเงินฟรีสิ” โป้งว่าพลางจ้องตาบิวนิ่งๆ บิวกัดฟันกรอด

 

“เออ ตามนั้นแหละ เดี๋ยวทำให้ดู พวกมึงบังไว้แล้วกัน กูไม่อยากให้แฟนกูอายคน” บิวกำมือของเฟรนแน่น ต่างคนต่างรู้สึกถึงเหงื่อที่ชื้นบนฝ่ามือ

 

ถึงจะไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ก็เคยจูบมาบ้าง บิวเลยไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าอีกคน แค่รู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องจูบผู้ชายด้วยกัน แถมผู้ชายคนนั้นเป็นไอ้ตัวเล็กที่มองว่าน่ารักอยู่ช่วงนี้อีก

 

กลัวอดใจไม่ไหว?

 

เฮ้ย! บ้าแล้วไอ้บิว นี่มันผู้ชายๆๆๆ จะน่ารักยังไงก็ผู้ชายเว้ย! มันก็แค่ตัวเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มแค่นั้นเอง ไม่ได้มีตรงไหนเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด บิวพยายามบอกตัวเองในใจ ที่ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะต้องจูบต่อหน้าคนอื่นต่างหากล่ะ!

 

“เอาจริงเหรอบิว?” เฟรนหน้าซีดเหงื่อซึม พอนั่งลงบนโซฟา บิวก็พับเข่าข้างหนึ่งขึ้นขยับตัวโน้มมาหาใกล้ๆ พยายามเอาตัวบังร่างเล็กไว้

 

“แค่อึดใจเดียว กลั้นใจทำๆ ไป” บิวพยักหน้านิดๆ ตามองที่ริมฝีปากสีอ่อนของเฟรน ไอ้ที่พูดนั่นคล้ายจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เฟรนกำอกเสื้อของบิวไว้แน่น มือสั่นกึกๆ และบิวก็รู้สึกได้ เลยกุมมือสองข้างนั้นไว้ด้วยมือเดียวของตัวเอง ก่อนจะเอียงหน้าลงให้ได้องศาพอดีกับการประกบปาก เฟรนสะดุ้งเฮือกรีบหลับตาลง เมื่อบิวแตะริมฝีปากทาบลงมา

 

“ทนดูไม่ได้...” น้องน้ำเอามือปิดหน้าปิดตาด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังแอบมองผ่านช่องระหว่างนิ้วอยู่ดี

 

“แลกลิ้นด้วย” เสียงโอดังขึ้น โป้งหันไปจ้องหน้าโอตาเขม็ง โอก็แค่ยักไหล่ยิ้มนิดๆ

 

“อือ...” มือเล็กๆ ที่บิวรวบไว้สั่นยิ่งกว่าเมื่อครู่จนบิวต้องบีบเบาๆ ให้ผ่อนคลาย ร่างสูงโถมตัวทิ้งน้ำหนักลงกดริมฝีปากแรงขึ้นจนแทบกลายเป็นบดขยี้ ก่อนที่จะส่งเรียวลิ้นร้อนระอุเข้าไปภายในนั้น เฟรนเบิกตาโพลง หดลิ้นเล็กๆ หนี แต่ลิ้นของร่างสูงก็ตามไปโลมเลีย เสียงดูดดังจ๊วบ โป้งกำมือแน่นจนขึ้นข้อขาว กัดฟันกรอดๆ ด้วยความเจ็บใจ

 

“เฮ้ย พอๆ” เอ็มคว้าไหล่ของบิวให้ปล่อยเฟรนได้แล้ว เพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเฟรนยอมเป็นแฟนด้วยจริงๆ และเอ็มไม่อยากให้เฟรนต้องเจ็บไปมากกว่านี้ หากว่ารู้ความจริงเรื่องที่พนันกันไว้

 

แต่บิวกลับสะบัดไหล่ออกจากมือของเอ็ม ทุกคนตะลึงงัน เพราะดูเหมือนบิวจะจุดติดจนฉุดไม่อยู่แล้ว

 

“เวรกรรมล่ะมึง” น้องน้ำตบหน้าผากตัวเองเบาๆ รีบชิ่งหนีไปทางอื่น โอดึงแขนโป้งให้ออกจากตรงนั้น เพราะถ้าอยู่นานกว่านี้ โป้งคงคลุ้มคลั่งแน่ ส่วนเอ็มก็นั่งหันหลังให้แล้ว

 

เสียงครางแผ่วๆ ในคอของร่างเล็กเป็นตัวกระตุ้นให้บิวหน้ามืด เฟรนน้ำตาเล็ด รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่บิวยังจูบไม่ปล่อย ลิ้นร้อนสากดึงดันหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆ โลมเลียไปทั่วโพรงปาก ทั้งฟันบนฟันล่างและเพดานปาก น้ำลายยืดย้อยติดคางเล็ก

 

“อือ...” เฟรนพยายามกระตุกแขนออกจากมือใหญ่ แต่ก็ทำไม่ได้สักที “หะ...หายใจ...” พอบิวละริมฝีปากออกมา ก็พยายามจะบอกว่าหายใจไม่ออกแล้ว แต่ก็เอ่ยได้แค่คำสองคำ ก่อนจะถูกปิดปากแนบสนิทอีกครั้งอย่างเร่าร้อน

 

มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ

 

“จะต่อกันก็กลับห้องนะพวกมึง ตรงนี้คนเยอะเกิน” เอ็มที่ยังนั่งหันหลังบังไว้ให้พูดเสียงดังพอให้ได้ยิน เฟรนชะงักกึก ดิ้นรนสุดชีวิตให้บิวได้สติ

 

“บะ...อื้อ” โดนจูบซ้ำๆ อีกแล้ว ไอ้ลิ้นนี่ก็ตามวอแวไม่เลิกรา เฟรนหลับตาปี๋ หัวใจเต้นรัว แม้จะเคลิ้มคล้อย แต่สติก็ยังมีมากกว่าบิว “พอ...” มือข้างหนึ่งหลุดจากการเกาะกุม เฟรนผลักอกร่างสูงสุดแรงให้ออกห่างที่สุดเท่าที่ทำได้ ปลายนิ้วเผลอสะกิดไปโดนยอดอกใต้ร่มผ้าของบิวเข้า ร่างสูงตัวเกร็งผึงขึ้นมาทันที สติสตังกลับคืนสู่สัมปชัญญะ

 

“อ่ะ...” บิวผละออกมา จ้องมองร่างเล็กที่น้ำตาคลอพยายามเอามือดันอกของตัวเองไว้ ด้วยความตื่นตระหนก “ขะ ขอโทษที”

 

เหมือนเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว

 

แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะโกรธ

 

บิวปล่อยมือออก เฟรนเลยรีบวิ่งหนีไปทันที เอ็มถอนหายใจยาว ดูท่างานนี้จะมีคนต้องเจ็บเจียนตายแน่นอน

 

“ตามไปดิ เดี๋ยวก็โดนลากไปหรอก” เอ็มโพล่งขึ้น บิวยังมึนงงกับตัวเองอยู่ แต่พอได้ยินที่พูดก็รีบวิ่งตามเฟรนออกไป
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.6 13/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-03-2018 14:35:29
โอ้โห  ว้าว.....   ไหน ๆ เฮียโอก็สอนรุกโป้งแล้ว ก็รุกจริงๆ ไปเลยแล้วกัน นางน่าจะสอนง่ายเนอะ  :katai3:

เดี๋ยวได้สอนยาวววววแน่นอน
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-03-2018 14:44:39
 :a5: นังบิวววววว ทำกับเฟรนแบบนี้ได้ไง หื่นไม่ดูสถานที่เลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-03-2018 23:33:48
โอ้ยยเขินนน
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-03-2018 00:01:09
โอ้ยสนุก อ่านรวดเดียวเลยค่ะ บิวแกชอบเฟรนไม่รู้ตัวแล้ว เด่วอีกหน่อยต้องหวงเฟรนหนักมากแน่ๆ ส่วนโป้งอีกหน่อยต้องเสร็จโอที่แอบชอบโป้งอยู่แน่ๆ จ่ายแสนนึงให้บิวด้วยนะโป้ง
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.8 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 15-03-2018 12:35:35
ดราม่าาาาาา

8
บิววิ่งออกมาหน้าร้าน แต่ไม่เจอคนตัวเล็กที่ออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว ระยะทางจากที่นี่ไปหอไม่ใช่ใกล้ๆ ไม่น่าจะเดินไปได้ไกล บิวเลยรีบย้อนกลับไปเอามอเตอร์ไซค์ ขับตามออกไป

เฟรนไปได้ไม่ไกลอย่างที่คิด ร่างเล็กนั่งยองๆ ก้มหน้าซบบนเข่าตัวเองอยู่ข้างทางแถวนั้น บิวส่องไฟหน้ารถไปที่ร่างนั้น ถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางกระโดดลงจากรถ วิ่งไปหาเฟรน

“เฟรน...” บิวยื่นมือไปจับไหล่เล็กๆ ที่สั่นน้อยๆ ตอนแรกคิดว่าร้องไห้ แต่พอเฟรนเงยหน้าขึ้น ก็ไม่ได้มีน้ำตาสักหยด “กลับหอกัน”

“อือ” เฟรนจับมือที่ยื่นไปให้แล้วลุกขึ้นตามแรงฉุด เดินตามไปขึ้นรถเงียบๆ เงียบมากจนบิวรู้สึกอึดอัด

“โกรธป่ะวะ? เรื่องเมื่อกี้”

“เปล่า แค่ตกใจแล้วก็...” เฟรนหรุบตาลงมองพื้น “อาย”

บิวพยักหน้า เป็นใครก็คงอาย โดนจูบขนาดนั้นต่อหน้าคนตั้งมากมาย แม้มันจะค่อนข้างมืดและมีเพื่อนๆ ยืนบังไว้ แต่ก็ใช่จะไม่มีใครเห็นล่ะนะ

“ขอโทษด้วยแล้วกัน ที่กูทำแบบนั้น” นาทีนี้ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี จะบอกไม่ได้ตั้งใจมันก็ไม่ใช่ หรือจะว่าอารมณ์พาไปก็ยิ่งดูแย่กว่าเก่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

แค่ตอนที่ปากสัมผัสกัน มันก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดจนขนลุกชัน เลือดในกายพลุ่งพล่าน ปากของเฟรนทั้งนิ่มและหอมหวาน จนไม่อยากจะปล่อย ที่ทำไปเพราะความต้องการส่วนตัวล้วนๆ

แต่จะให้เฟรนรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเกิดรู้แล้วรังเกียจ ไม่ยอมเป็นแฟนหลอกๆ จนจบเทอม มีหวังเขาต้องแพ้พนันกลายเป็นเมียไอ้โป้งแน่

******

โป้งทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนล้าทั้งกายและใจ เรื่องที่ต้องแพ้พนันไม่ได้ทำให้เจ็บใจเท่าการที่บิวกล้าจูบกับผู้ชายด้วยกัน มันก็แค่การพนัน ไม่คิดว่าบิวจะเอาจริงขนาดนั้น แถมยังเอาจริงชนิดเบรกไม่อยู่ด้วย แค่นั้นก็รู้แล้วว่าบิวคิดยังไงกับไอ้เตี้ยนั่น

ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ

หรือเพราะตัวเขาไม่ดีเองที่เอาแต่เรียกร้องความสนใจบิวด้วยวิธีแปลกๆ น่าจะรุกจีบแบบที่โอบอกแต่แรกหรือเปล่า? แล้วตอนนี้มันจะยังทันอยู่มั้ย

“นอยแดกอีกสิ ก็บอกแล้วว่าให้ทำอะไรสักอย่างแต่แรก” โอเดินตามเข้ามาในห้อง นั่งลงข้างกัน เพราะขับรถยนต์ก็เลยมาถึงช้ากว่าเล็กน้อย ตอนที่ลากโป้งออกมาจากผับ จริงๆ จะให้กลับด้วยกัน แต่โป้งยืนยันว่าขี่มอเตอร์ไซค์ไหว

“กูก็ทำแล้วไง! แต่มึงก็เห็น ว่ามันไม่เคยคิดจะสนใจกู! ใช่สิ กูไม่ได้ตัวเล็กๆ น่ารักอย่างนั้นนี่!” โป้งโวยอย่างเหลืออด เขยิบตัวหนีโอจนชิดมุมโซฟา

“รูปลักษณ์ภายนอกก็อาจมีส่วน แต่กูว่าอยู่ที่นิสัยมึงล้วนๆ ว่ะ ฮ่าๆ” โอหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ เลยโดนหมอนอิงปาใส่หน้าเต็มๆ เขาคว้าหมอนที่แปะบนหน้ามากอดไว้ แล้วเขยิบไปหาโป้งที่นั่งเสียชิดติดขอบอีกข้าง โป้งทำท่าจะลุกหนี แต่โอรั้งเอวไว้ให้นั่งลงตามเดิม

“อะไร?” คิ้วเข้มขมวดฉับ มองหน้าเพื่อนที่พักนี้ชอบทำตัวแปลกๆ ใส่ แต่พอเห็นโอกดยิ้มมุมปากโน้มตัวเข้าหา ก็รีบยกแขนขึ้นบังหน้าเป็นรูปกากบาททันที

“เศษด้ายติดหน้ามึงน่ะ กูแค่จะเอาออกให้” ปลายนิ้วหยาบคีบเศษด้ายสีๆ ที่คงหลุดมาจากหมอนอิงบนแก้มซ้ายของโป้งออกให้ พร้อมชูให้ดูพลางยักคิ้วกวนอารมณ์ ก่อนจะปัดเศษด้ายที่ปลายนิ้วทิ้งไป

โป้งหน้าแดงพรึ่บ รู้สึกอับอายสุดๆ ที่เข้าใจผิดไปเสียไกลลิบ เพราะเรื่องในรถของโอคราวก่อน ทำให้ไม่ค่อยไว้ใจเพื่อนตัวเองขึ้นมา ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยระวังตัวเวลาอยู่กับโอเลยสักครั้งเดียว

“กู...เข้าห้องล่ะ” ด้วยความอับอาย โป้งรีบเด้งตัวลุกพรวด วิ่งหนีเข้าห้องตัวเองไป พยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะของโอที่ดังไล่หลังมา

เช้าวันต่อมา

“อะไรนะป๊า!? ได้ไงอ่ะ ก็โป้งต้องใช้ด่วน! ไหนบอกว่าขาดเหลืออะไรให้บอกไง!” คุณชายผู้แสนเอาแต่ใจโวยวายใส่มือถือเสียงดัง จนคนที่ยังนอนอยู่ในห้องตื่นขึ้นมาอย่างัวเงีย โอลุกจากเตียง เดินไปเงี่ยหูฟังตรงประตู ได้ยินเสียงโป้งเอะอะอะไรแต่เช้า

สงสัยจะเรื่องเงินแสนนึงที่ตกลงกับไอ้บิวไว้ เขาคิดพลางมุ่นคิ้ว กอดอกเอนตัวพิงประตู แอบฟังต่ออีกสักนิดแล้วกัน

“ไม่ได้ดิป๊า! ก็โป้งจำเป็นมากจริงๆ” โป้งยังโวยไม่เลิก หน้าตาเริ่มบูดบึ้ง

[จำเป็นอะไรนักหนา เงินตั้งแสนนะอาโป้ง แค่หลักหมื่นป๊ายังพอหาให้ได้ แสนนึงยังไงก็ไม่ได้ ตั้งแต่ลื้อไปอยู่หอ ค่าใช้จ่ายมันเยอะแค่ไหนรู้มั้ย]

“ป๊าอ่ะ ไม่รักโป้งแล้วเหรอ” พอโวยวายไม่ได้ผล ก็ใช้ลูกอ้อนด้วยเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนป๊าของเขาจะไม่ใจอ่อนให้ง่ายๆ

[ป๊าให้ได้แค่ 50,000 อย่าใช้เงินให้มันเกินตัวนัก ยังเรียนไม่ทันจบเลยนะอาโป้ง] เพราะปล่อยปละละเลย ตามใจมามากพอแล้ว จากหลักพันเป็นหลักหมื่น ป๊าก็ยังพอทนไหว แต่นี่หลักแสน ยังไงก็ต้องสอนลูกบ้างล่ะ

“ป๊าอ่ะ...” โป้งเสียงอ่อนลงจนแทบจะเป็นเสียงคราง

โอที่แอบฟังอยู่อดอมยิ้มไม่ได้ นี่ถ้ามาอ้อนแบบนั้นข้างๆ หู จะทุ่มให้ไม่อั้นเลย

แกร๊ก

เสียงประตูเปิดออก โป้งหันขวับไปมอง พอเห็นหน้าโอ อารมณ์ที่ขุ่นมัวจากเรื่องที่โดนป๊าสวดยับ แถมยังไม่ได้เงินมาจ่ายบิว ก็ทำให้โป้งหน้าหงิกทันที

“ไง ป๊ามึงไม่ให้ล่ะสิ” โอเลิกคิ้วถามกวนๆ ก่อนจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ สักพักก็กลับออกมา ยังเห็นโป้งนั่งหน้างอเหมือนเดิม “ขาดเท่าไหร่วะ”

“ห้าหมื่น” โป้งสะบัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด หันหน้าหนีไปอีกทาง เมื่อโอนั่งลงข้างๆ

“แล้วมึงจะทำไง จ่ายทีละครึ่งเหรอ ไอ้บิวจะยอมเหรอวะ”

“แล้วจะให้กูทำไง ตั้งห้าหมื่น”

“ทีนี้มึงเข็ดรึยังล่ะ ชอบพนันกันดีนัก ป๊ามึงใจดีมากแล้วนะที่ยอมให้มึงถลุงเงินเล่นขนาดนี้ เป็นพ่อกูเหรอ โดนต่อยหน้าแหกแล้ว” โอหัวเราะในคอเบาๆ โป้งส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ โดนป๊าสวดแล้วยังมาโดนไอ้เพื่อนทรยศเทศน์อีก

พอเห็นโป้งเงียบไป แถมยังทำหน้าเหมือนเครียดกับชีวิตเสียเต็มประดา โอก็นึกอะไรสนุกๆ ได้

“เอางี้ กูจะจ่ายให้เอง แสนนึง”

โป้งหันไปมองหน้าโอทันที “ห๊ะ? แล้วมึงจะเอาจากไหน” เมื่อกี้ยังบอกหยกๆ ว่าพ่อโหด

“พอดีกูมีเงินเก็บจากตอนไปเวิร์คที่เมกา” พอโอว่าอย่างนั้น โป้งก็เหมือนจะนึกออกลางๆ ว่าช่วงปิดเทอมก่อนเข้ามหาลัย โอใช้เวลาว่างด้วยการสมัครไป Work & Travel เพราะอายุครบ 18 ตั้งแต่อยู่ม.6 แล้ว ต่างจากโป้งที่เพิ่งอายุ 18 ตอนเรียนมหาวิทยาลัย นั่นคือโอเรียนช้าไป 1 ปี ตอนที่โอย้ายโรงเรียนมาตอนป.5 พวกเขาเลยได้เจอกัน และกลายเป็นเพื่อนซี้กันมานับแต่นั้น

“มีถึงแสนเลยเหรอวะ” โป้งทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ โอยิ้มบางๆ

“ช่วยงานพ่อก็ได้เงินมาบ้าง แค่แสนเดียวจิ๊บๆ กูให้มึงได้อยู่แล้ว แต่...”

ไอ้คำว่า แต่ ด้วยเสียงเน้นหนักของโอ ทำเอาโป้งสะดุ้งโหยง รู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ และยิ่งคนตัวโตกว่าเขยิบเข้ามาใกล้ พอจะลุกหนีก็โดนขึ้นคร่อม ทำให้หนีไปไหนไม่ได้ บวกกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายที่โป้งไม่เคยเห็นมาก่อนของเพื่อนรัก ยิ่งทำให้เหงื่อไหลซึมบนหน้าผากและฝ่ามืออย่างยากจะห้าม

“มึงต้องยอมเป็นทาสกู ครึ่งปี”

“ทาส?” โป้งขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “คนรับใช้อ่ะนะ? แบบให้คอยรับคำสั่งจากมึงอ่ะเหรอ?”

“ก็ประมาณนั้น ทำให้กูพอใจ แล้วกูจะยกเงินแสนนึงให้มึงฟรีๆ ถือว่าพนันกัน ว่ามึงจะทนทำตามที่กูสั่งได้ถึงครึ่งปีมั้ย”

โป้งชั่งใจ แสนนึงแลกกับเป็นคนรับใช้ของโอ แค่ครึ่งปีเอง...แป้ปเดียวเท่านั้น เอาวะ

“ก็ได้ กูตกลง”

******

บิว น้องน้ำ และเอ็ม กำลังสุมหัวกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ตึกคณะอักษรศาสตร์

“แม่งงงง สุดยอดดดด ไอ้บิว!!! เงินตั้งแสนเลยนะเว้ย!” สองหน่อตาโตเมื่อเห็นยอดเงินที่โอนเข้ามาผ่านการแจ้งเตือนจาก SMS ในมือถือของบิว

100,000 บาท ขาดตัว!

“แล้วจากนี้มึงจะเอาไงต่อ ได้เงินแล้ว จะบอกเลิกกับไอ้เฟรนเหรอวะ” เอ็มถามสีหน้ากังวล

“ก็ต้องอย่างนั้นแหละว่ะ” บิวยังไม่อยากเล่าให้เพื่อนฟัง ความลับนี้ยังไงก็ต้องเก็บไว้ให้มิดชิด เกิดเข้าหูโป้งขึ้นมามีหวังซวยกันหมด

“กูสงสารมันยังไงไม่รู้” น้องน้ำตีหน้าเศร้า สลดใจกับการกระทำของเพื่อน ทั้งโป้งและบิวพนันขันต่อกันเป็นปกติ และหลายครั้งที่ดึงคนอื่นเข้าไปเกี่ยวจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทำลายความรู้สึกคนอื่นมาก็มาก และครั้งนี้ก็เช่นกัน

“น่า มึงไม่ต้องเครียดไป กูจัดการได้” บิวตบบ่าน้องน้ำเบาๆ “เดี๋ยวกูไปหาเฟรนก่อนนะ วันนี้นัดไปดูหนังกัน”

“มึงไม่ได้จริงจังแล้วใช่มั้ยบิว?” เอ็มถามอย่างสงสัย รู้ว่าจีบเพราะพนันไว้ แต่บางทีบิวก็ดูจริงจังกับเฟรนแปลกๆ

“เฮ้ย คิดมาก กูยังชอบแอลอยู่เว้ย ฝากมึงเอาดอกไม้ไปให้ด้วยนะ เจอกันเว้ย” แล้วบิวก็รีบวิ่งหายไป ทิ้งให้เพื่อนทั้งสองต้องถอนหายใจยาว

บิวนัดกับเฟรนจริง แต่ไม่ได้นัดไปดูหนังอย่างที่ว่า แค่นัดมาโอนเงินค่าพนันที่ได้จากโป้งเท่านั้น

“เดี๋ยวกูโอนให้มึง 50,000” บิวกดเข้าแอพธนาคาร แต่เฟรนดึงมือเขาไว้ก่อน

“ไม่ต้องหรอก เก็บไว้เหอะ”

“อ้าว? ได้ไงวะ มึงยอมช่วยกูตั้งขนาดนี้แล้ว เราตกลงกันแล้วไง” บิวย่นคิ้วเข้าหากัน เฟรนยอมเล่นตามบทบาทที่วางไว้ให้ แถมยอมขนาดให้จูบด้วย แล้วจะไม่แบ่งเงินกันได้ไง

“กูไม่อยากได้แล้วว่ะ สัญญานี่กูฉีกทิ้งเอง” พูดจบ เฟรนก็ฉีกสัญญาที่ทำร่วมกันต่อหน้าบิวทันที ก่อนจะขยำๆ รวมกันแล้วทิ้งถังขยะในห้องพัก “แล้วเราจะบอกเลิกกันตอนไหน ยังไงดี”

สีหน้าของเฟรนนิ่งมากจนเหมือนเย็นชา บิวรู้สึกใจหายวาบ ปวดแปลบๆ ที่อก

“เอ่อ...ก็...เทอมหน้ากูจะจีบแอล แล้วให้มึงมาบอกเลิกกู”

“งั้นก็ตามนั้น เดี๋ยวเพื่อนกูจะมาทำงานกันที่ห้อง มึงหมดธุระแล้วก็กลับไปเหอะ” มือเล็กดันหลังร่างสูงให้เดินไปที่ประตู

“อ้าว? เฮ้ย เออๆ ไปก็ไป” บิวยังงุนงง แต่ก็ยอมให้คนตัวเล็กดันหลังไปจนถึงประตู เขาคว้าลูกบิด และหันไปมองเฟรนอีกครั้ง “เรา...ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่มั้ยวะ?”

“ก็ถ้ามึงอยากเป็น” เฟรนตอบทันทีโดยไม่มองหน้า

“มึงไม่เอาเงินแน่นะ?” บิวยังกังวลอยู่ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เฟรนก็ไม่อยากได้เงินขึ้นมา “ไม่โกรธกูทีหลังนะเว้ย?”

“ไม่โกรธ ออกไปเหอะ เดี๋ยวเพื่อนกูมาแล้ว”

“เออ ไปแล้ว ไล่จังว่ะ ไอ้เปี๊ยกนี่” คำเรียกแบบเดิมๆ กลับมาแล้ว เฟรนถอนหายใจ ก่อนจะปิดประตูล็อคกลอน เสียงฝีเท้านอกห้องค่อยๆ เงียบหายไป

ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าพิงประตูอย่างอ่อนแรง

อีกนิดเดียวเท่านั้น

มันจะจบแล้ว
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 15-03-2018 12:48:50
:a5: นังบิวววววว ทำกับเฟรนแบบนี้ได้ไง หื่นไม่ดูสถานที่เลย  :serius2:
หน้ามืดไปหน่อยเอ๊งงง
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 15-03-2018 12:49:22
โอ้ยยเขินนน
อร๊ายย
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.7 14/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 15-03-2018 12:50:13
โอ้ยสนุก อ่านรวดเดียวเลยค่ะ บิวแกชอบเฟรนไม่รู้ตัวแล้ว เด่วอีกหน่อยต้องหวงเฟรนหนักมากแน่ๆ ส่วนโป้งอีกหน่อยต้องเสร็จโอที่แอบชอบโป้งอยู่แน่ๆ จ่ายแสนนึงให้บิวด้วยนะโป้ง

งานนี้โป้งมีแต่เสีย บิวมีแต่ได้ 55
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.8 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-03-2018 13:59:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.8 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2018 02:37:26
อ่านตอนนี้ชักไม่ชอบเฮียบิวแล้ว รู้สึกว่าเฮียจะมีหางงอกออกมานิดหน่อยนะ คนที่น่าสงสารสุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นเฟรน  :katai1:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.9 16/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 16-03-2018 10:22:20
บอกแล้วว่าพระเอกมันชั่ววววววว คนอื่นดีหมด ยกเว้นมันแหละ

อย่าหลงกลนังบิวเชียวนะ



9

 

แคร้งๆๆ ซ่า...

 

“นี่ด้วยนะ แต้งกิ้ว”

 

โป้งเหล่มองหน้าโอและกองจานชามเลอะเทอะที่ถูกนำมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวอีกชุดหนึ่ง เมื่อคืนนี้โอเรียกเพื่อนที่คณะมาสังสรรค์กันที่ห้อง ไม่รู้เนื่องในโอกาสเห้อะไร โป้งคิดอย่างหงุดหงิดพลางยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อและฟองน้ำยาล้างจานที่ติดหน้า มือก็จับฟองน้ำถูจานลอตต่อไป โดยมีโอยืนเอาก้นพิงกับขอบเคาน์เตอร์อยู่ข้างๆ แถมยังมีหน้ามาจุดบุหรี่สูบอีก

 

“เหม็น ไปสูบนอกระเบียงดิ” โป้งขมวดคิ้วสะบัดเสียงใส่ แต่โอดันยื่นหน้าไปหาแล้วพ่นควันใส่ข้างหูซะงั้น

 

“มึงไม่มีสิทธิสั่งกู เพราะเป็นแค่ทาส หัดจำซะมั่ง”

 

“ไอ้เหี้ยโอ! กูไม่อยากเป็นมะเร็งปอดตายเพราะควันบุหรี่ของมึงหรอกนะ” โป้งโวยวาย มือบีบฟองน้ำแน่น

 

“ลองขอกูดีๆ สิ” โอแสยะยิ้ม ลอยหน้าลอยตาพ่นควันมันต่อไปคล้ายจงใจแกล้ง

 

เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้ โป้งย่นคิ้วเข้าหากัน ความหงุดหงิดทวีคูณ จะให้ขอ ขอยังไง ขออะไรวะ

 

“ทำไม่เป็นอีกดิ ไอ้เด็กเอาแต่ใจ” โอหัวเราะใส่หน้า โป้งยิ่งหน้าหงิกกว่าเดิม รีบๆ ล้างจานให้เสร็จ ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับมันดีที่สุด ยิ่งพูดด้วยยิ่งหงุดหงิด อยากจะสูบให้ปอดพังก็ตามใจ

 

จริงๆ โอก็ไม่ได้อยากแกล้งหรอก แต่มันหมั่นไส้ อยากดัดนิสัยเสียๆ ของโป้งบ้าง ทนดูมาหลายปีแล้ว พูดว่าอะไรไปก็เท่านั้น มันต้องทำให้รู้สึกกับตัวเอง จะได้รู้ซึ้ง ว่าการเอาแต่กลั่นแกล้งและล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นมันเป็นยังไง

 

“ล้านจานเสร็จ เอาผ้าไปตากให้ด้วยนะ นู่น” โอยักคิ้วบุ้ยปากไปทางตะกร้าผ้าที่ปั่นมาเรียบร้อยแล้วตรงหน้าห้องตัวเอง โป้งชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะยังไงก็ต้องทำให้โออยู่ดี

 

จากที่คิดว่าแค่ครึ่งปี ยอมทนๆ ไปแป้ปเดียวก็จบ แต่นี่เพิ่งผ่านมาแค่ 2 วัน ก็จะทนไม่ไหวแล้ว

 

“ไอ้โอ! ไอ้เหี้ยโอ!” โป้งโผล่หน้ามาจากระเบียง ร้องเรียกเสียงดังลั่นห้อง โอที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเหลียวหลังไปมองด้วยความสงสัย “กูไม่ตากกางเกงในให้มึงนะ! มาทำเอง!”

 

“ไม่! นั่นก็หน้าที่มึง” โอตะโกนบอกแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ

 

“ไอ้สัส! ไอ้หน้าด้าน!” โป้งกระทืบเท้าปึงปัง ก่นด่าสารพัดตอนที่หยิบชั้นในของโอขึ้นมาตากอย่างรังเกียจ ต้องใช้ปลายนิ้วคีบไว้ห่างๆ ตัว

 

“ถ้ามันหล่นลงพื้นมึงโดนแน่” เสียงเข้มดังขึ้นข้างหลังเล่นเอาโป้งสะดุ้งโหยง ไอ้ที่คีบไว้หลุดพรืดออกจากมือ โป้งตาโต ลนลานเก็บขึ้นมาแล้วหันไปมองหน้าโอที่ออกจะบึ้งตึงเล็กน้อย

 

“กะ ก็กูตกใจ จู่ๆ มึงโผล่มา” โป้งแกตัวทันทีทั้งที่โอยังไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้กล้าจับแบบเต็มๆ มือแล้ว แถมกำไว้แนบอกเสียแน่น

 

“ไปซักมาใหม่” โอเอ่ยเสียงเย็น โป้งเบิกตาโพลง

 

“อะไรวะ! ไม่ใช่ความผิดกูนะ!”

 

“มึงเป็นคนทำตก” หน้าตาของโอจริงจังเสียจนโป้งเหงื่อตก เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นโอมุมนี้มาก่อนเลย ปกติจะกวนตีนกันแค่ไหน แต่โอก็ยอมให้เสมอ

 

“ก็ได้ ชิ” โป้งสบถใส่หน้า เดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจะซักชั้นในที่ทำตกให้ใหม่

 

แค่ 2 วันก็จะบ้าตายอยู่แล้วว้อยยยยยย

 

******

 

เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือน กับการแสดงเป็นแฟนหลอกๆ ก่อนที่จะสอบเสร็จและปิดเทอมการศึกษาภาคปลาย ต่อหน้าคนอื่น บิวกับเฟรนก็ยังเล่นบทคนรักกันได้อย่างแนบเนียน แม้บางครั้งบิวจะสังเกตเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของอีกคนอยู่เนืองๆ ก็ตาม

 

“สอบวันสุดท้ายวันไหน” สองคนนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันตามปกติ บิวยังคงดูแลเอาใจใส่เหมือนเคย ทั้งซื้อข้าวซื้อน้ำให้ แบ่งกับข้าวให้ ถ้ามีกุ้งมีหอยก็จะแกะแต่เนื้อมาให้ น่องไก่ก็ตัดแบ่งเอาแต่เนื้อให้ ทำแบบนี้มาตลอดเทอมนึงที่ผ่านมา

 

แต่อีกไม่นานมันก็จะจบแล้วจริงๆ

 

เฟรนอดเหงาไม่ได้ พอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ไม่มีคนข้างๆ คอยเอาใจ

 

“25 พฤษภา”

 

“วันเดียวกันนี่ เย็นกลับบ้านด้วยกันมั้ย ยังไงก็ใกล้ๆ กัน” บิวเอ่ยชวน หน้าตายิ้มแย้มตามปกติ แต่ความรู้สึกมันต่างออกไปจากเดิม

 

ความรู้สึกของเฟรนนี่แหละที่ต่างจากเดิม

 

ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่ ใจของเฟรนก็ยิ่งหวั่นไหว

 

ทั้งที่รู้ว่าบิวแค่แสดง ทุกสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันแค่การแสดง ถ้ากลับมาเป็นเพื่อนกัน ก็คงห่างกันไปเอง

 

“อือ แล้วแต่” เฟรนแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่อยากออกตัวว่าต้องการอยู่ด้วยกันมากเกินไป

 

“แสดงไม่เก่งเลยนะ” เสียงพึมพำของบิว ทำให้เฟรนเงยหน้าหันไปมอง แต่บิวก็ทำเหมือนไม่ได้พูดอะไร

 

กินข้าวเช้าเสร็จ บิวก็พาเฟรนไปส่งที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ตามหน้าที่

 

“เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะ ต้องช่วยงานที่คณะ คงดึก เดี๋ยวกลับกับสนได้” เฟรนบอกหลังจากลงจากรถและถอดหมวกกันน็อคคืนให้ บิวรับไปแขวนไว้

 

“ดึกแค่ไหนก็มารับได้ โทรมาบอกด้วย”

 

“ไม่เป็นไร อย่าลำบากเลย” เฟรนก้มหน้าก้มตาตอบ พอเห็นว่าบิวนิ่งเงียบไป ก็ทำท่าจะหันหลังให้ “ไปนะ”

 

หมับ!

 

แรงกระชากที่แขนไม่ใช่น้อยๆ ร่างเล็กเกือบหงายหลัง ดีที่มีอกของบิวรองรับไว้ หวิดหัวจะโขกกับหมวกกันน็อคที่บิวสวมอยู่ โชคดีที่บิวเอียงคอหลบทัน

 

“โทรมาด้วย จะมารับ” เน้นทุกคำแบบชัดเจนอยู่ข้างหู ทั้งที่มีหมวกกันน็อคกั้นไว้ เฟรนใจเต้นตึก แขนถูกปล่อยเป็นอิสระ และบิวก็เลื่อนหน้ากากหมวกกันน็อคลง ก่อนจะบิดรถกลับไปคณะตัวเอง

 

แม้บิวจะลับสายตาไปแล้ว และเฟรนก็ก้าวขาขึ้นไปบนตึกด้วยสีหน้าที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติ แต่หัวใจของเฟรนตอนนี้ก็ยังเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก

 

เกือบตี 2 ครึ่งแล้ว เฟรนมองนาฬิกาข้อมืออย่างครุ่นคิด ป่านนี้บิวอาจจะหลับไปแล้ว ไม่อยากโทรไปรบกวน เลยตัดสินใจว่าจะขอติดรถของสนกลับหอ ช่วยกันเก็บของสำหรับงานบายเนียร์รุ่นพี่ปี 4 วันเสาร์นี้เสร็จ ก็เดินออกจากตึกคณะพร้อมเพื่อนๆ ที่อยู่หอนอกเหมือนกัน พวกที่อยู่หอในช่วยทำงานได้แค่ถึง 4 ทุ่ม เพราะหอในปิดเร็ว แต่เด็กหอนอกอย่างพวกเฟรน จะกลับกี่โมงก็ได้

 

“ตกลงมึงไปกับกูนะ เดี๋ยวไปวนรถออกมาหน้าตึก” สนกำลังจะวิ่งไปเอารถที่วันนี้จอดไกลไปหน่อย แต่พอก้าวขาพ้นตึกก็ชะงักไป แล้วหันไปหาเฟรนที่นั่งรออยู่ “ไอ้เฟรน! แฟนมึงมารับแล้วนี่”

 

เฟรนขมวดคิ้ว ได้ยินคำว่า “แฟน” ก็รู้แล้วว่าใคร ถึงจะไม่ใช่แฟนจริงๆ ก็เถอะ

 

“งั้นกูกลับเลยนะ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” สนโบกมือบ๊ายบายเฟรน และไม่ลืมหันไปโบกมือให้บิวด้วย บิวพยักหน้านิดๆ ยิ้มให้สน ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคเตรียมไว้ให้เฟรน

 

ร่างเล็กก้าวขาฉับๆ มาหาเขาอย่างรีบร้อน “มารอตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”

 

“สักชั่วโมงก่อนได้” บิวตอบหน้านิ่ง คว้าเอวเฟรนไปใกล้ๆ ให้ยืนอยู่ตรงหว่างขา เพราะตัวเขากึ่งนั่งอยู่บนเบาะรถ ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้คนตัวเล็กอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน “ทำไมไม่โทรมาล่ะ”

 

“ก็มันดึกเกิน” เฟรนตอบอ้อมแอ้ม แม้จะค่อนข้างมืดสลัว แต่บิวก็เห็นว่าแก้มใสนั้นเจือสีชมพูจางๆ และโครตน่ารักในความคิดของบิว

 

“ไปดูที่ห้อง เห็นยังไม่กลับ เลยขี่รถออกมาเรื่อยๆ เผื่อเจอระหว่างทาง” บิวคลี่ยิ้มเมื่อสวมหมวกให้เสร็จ “ป่ะ กลับกัน”

 

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้” เฟรนพึมพำเบาๆ ก้มหน้าก้มตากระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันสีแดง จะว่าเขินก็เขิน ดีใจก็ดีใจ แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าบิวยังตีบทแตกขนาดนี้ หัวใจของตนคงยิ่งเจ็บหนัก ตอนที่ต้องเลิกกัน หรือจริงๆ แล้วบิวก็อยากให้เป็นแบบนั้น เพื่อความสมจริง?

 

นั่นสินะ ก็แค่ให้มันสมจริง

 

เล่นจริง เจ็บจริง

 

******

 

“พักนี้ไอ้โป้งกับไอ้โอหายหน้าหายตาไปไหนวะ” เรือรบเอนตัวพิงโซฟาพร้อมยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันสะท้อนแสงระยิบระยับขึ้นจิบ ปิดเทอมใหญ่สามเดือน เป็นช่วงเวลาปลดปล่อยของเหล่าเด็กหนุ่ม หลังจากผ่านพ้นช่วงสอบปลายภาคอันหฤโหดในรั้วมหาวิทยาลัย

 

“เห็นโอมันบอกว่าต้องไปช่วยงานพ่อที่เมกาป่ะ คงพาไอ้โป้งไปด้วยมั้ง” คิงว่า ในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมดที่เรียนมาด้วยกันสมัยม.ปลาย เรื่องข่าวสารต้องยกให้คิง “พอดีกูเห็นในเฟซ มันอัพว่าอยู่เมกาทั้งคู่เลย”

 

“เอาจริงๆ นะ กูว่าเชี่ยโอแม่งชอบไอ้โป้งว่ะ” บิวยื่นหน้าเข้ามาในวงสนทนาพลางโคลงแก้วเหล้าไปมา “เทอมหน้าอาจจะมีอะไรเด็ดๆ ฮ่าๆ”

 

“มึงนี่ก็...สนุกไปทุกเรื่องล่ะ แล้วเรื่องไอ้เฟรนเป็นไงมั่ง” เอ็มหันไปหรี่ตามองเพื่อนอย่างเอือมระอา

 

“เฮ้ย ชิวน่า เดี๋ยวกูจะทำให้มันเลิกกับกูเอง” บิวยักคิ้วให้เอ็ม

 

“ด้วยการจีบผู้หญิงต่อหน้ามัน?” เรื่องที่เอ็มพูด ทำให้ทุกคนหันมาสนใจบิวกันหมด วันนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน แต่ยังมีเพื่อนสมัยมัธยมอีกกลุ่มหนึ่งมาด้วย 

 

“ที่บอกชื่อแอล อะไรนั่นน่ะนะ? มีรูปมั้ยวะ” เรือรบตาวาวทันที เอ็มหยิบมือถือส่งรูปให้เพื่อนดู เพราะเป็นคนที่บิววานให้ช่วยไปส่งขนมและดอกไม้ให้แอลแทบทุกวัน เอ็มก็เลยสนิทกับแอลไปด้วย เรือรบรับรูปไปดูพลันตาโตกว่าเดิม เพื่อนๆ รับไปดูต่อรอบวง

 

“สวยสู้กูไม่ได้หรอก เชอะ” มิ้ว สาวน้อยตัวแม่ในวงชายหนุ่มเชิดหน้าใส่บิว “ดูแล้วแรดเงียบ ร้าย”

 

“มึงอย่าปากดีอีมิ้ว ออกมาแรดซึ่งหน้าอย่างมึง เดี๋ยวกูบอกพี่ไมค์เลยนี่” บิวกระแทกเสียงใส่หน้าเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้ แต่ก็แค่หมั่นไส้แบบขำๆ ไม่ได้จริงจัง พอพูดถึงพี่ชายจองเฮี้ยบของมิ้ว สาวเจ้าก็ทำหน้าเหยเก ยกมือยอมแพ้บิวทันที

 

“แล้วไงวะบิว เขาจะเชื่อเหรอว่ามึงไม่เกย์ เล่นควงผู้ชายร่อนทั่วมอมาทั้งเทอม แถมเทอมแรกยังแต่งหญิงไปเรียนอีก” คิงหัวเราะร่วน เพื่อนๆ คนอื่นก็หัวเราะตาม

 

“เรื่องแต่งหญิงอ่ะเคลียร์นานแล้ว ว่าพนันกับเพื่อน แต่เรื่องหลังเนี่ย เดี๋ยวกูจัดทีเดียว” บิวยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง หน้าตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจนเอ็มไม่อยากมอง คงเพราะอยู่กับน้องน้ำนานไปหน่อย เอ็มเลยค่อนข้างติดนิสัยรังเกียจผู้ชายนิสัยอย่างบิวไปแล้ว

 

“กูไปดีกว่า ฟังมันพูดเรื่องนี้ทีไร แม่งเครียด” เอ็มตบบ่าเรือรบเบาๆ แล้วขอตัวเดินออกไปนอกผับ เกินจะรับเรื่องนี้ไหวจริงๆ

 

“เชี่ยเอ็มเป็นไรวะ ทำตัวเหมือนไอ้น้ำเข้าไปทุกวัน” คิงเหลือบสายตามองตามเอ็มไป

 

“สงสัยกูคงปล่อยให้อยู่กับไอ้น้ำมากไป เริ่มจะตุ๊ดแตก ฮ่าๆ” บิวหัวเราะเสียงดัง ชวนเพื่อนๆ เฮฮากันต่อ ไม่สนใจอาการนอยแดกของเพื่อนรัก

 

กว่าจะแยกย้ายกันกลับจากผับก็ตี 2 เข้าไปแล้ว อยู่ในกรุงเทพฯ บิวไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะเกิดเมาขึ้นมาจะลำบาก เลยใช้บริการเรียกแท็กซี่หรือไม่ก็อูเบอร์

 

มือเรียวกดเรียกอูเบอร์ระบุพิกัดเรียบร้อย พลันนึกถึงหน้าใครบางคน ก็เลยลองส่งไลน์เข้าไปหา

 

ติ้ง

 

แม้จะดึกมากแล้ว แต่เฟรนก็ยังนั่งดูหนังอยู่บนเตียง เพราะคืนนี้บิวบอกว่าจะออกไปผับกับเพื่อนสมัยมัธยม เลยอยู่รอ พอได้ยินเสียงไลน์ดัง ก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนสีขาวมาดู

 

เพื่อนบิว (เฟรนเปลี่ยนชื่อใหม่อีกรอบ): นอนยังวะ

F.T.: ยัง

 

เพราะคนตอบ ตอบมาเร็วมาก ทำให้บิวหลุดยิ้มกับตัวเอง

 

F.T.: กลับแล้วเหรอ

เพื่อนบิว: กำลังจะ

 

รถที่เรียกไว้มารับพอดี บิวเลยเก็บมือถือแล้วขึ้นรถ หลับยาวจนถึงพิกัดที่ระบุไว้ เพราะเป็นอูเบอร์ เลยมั่นใจในความปลอดภัย พอไปถึงที่หมาย คนขับก็จะปลุกเอง บิวลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เอ่ยขอบคุณเจ้าของรถที่พามาส่งก่อนจะลงจากรถและเปิดไลน์ ส่งข้อความไปอีกรอบ

 

เพื่อนบิว: ลงมารับหน่อยดิ

F.T.: สติ๊กเกอร์รูปหมีทำหน้างงพร้อมเครื่องหมาย ?

เพื่อนบิว: อยู่หน้าบ้านมึงอ่ะ

 

เฟรนตาโต รีบวิ่งลงไปดูที่หน้าบ้าน แล้วก็เห็นคนตัวสูงในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สกินนี่ขาดๆ กับแจ๊คเกตสีน้ำเงินยืนหันหลังพิงรั้วบ้านรออยู่จริงๆ

 

“มันดึกแล้ว มาทำไมเนี่ย” เฟรนขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ แต่จริงๆ ก็ดีใจที่บิวมาหา ถึงจะดึกไปหน่อยก็ตาม “บ้านตัวเองไม่มีไง? ได้ข่าวอยู่ถัดไปสามซอย” บ่นไปงั้น แต่ก็เปิดประตูให้บิวเข้าบ้าน

 

“กูเมาไง กลับไปได้เจอแม่สวดยับ” บิวคว้าคอร่างเล็กไปกอดไว้ “ขอนอนด้วยคืนนึง”

 

“เออๆ ก็มาแล้วนี่ เบาๆ นะ เขาหลับกันหมดแล้ว” เฟรนหันหน้าหนี ไม่ให้บิวเห็นแก้มที่แดงระเรื่อ พาบิวขึ้นไปบนห้องนอน หาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน “จะอาบน้ำมั้ย”

 

“อือ ก็ดี” บิวขานรับ เหมือนจะทั้งเมาแล้วก็ง่วงด้วย

 

******

 

ร้านอาหารไทย “ดินแดนสยาม” เป็นร้านขึ้นชื่อในเมืองบอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าของกิจการก็คือพ่อของโอนั่นเอง นอกจากสาขาที่นี่แล้ว ในไทยก็ยังมีอีกหลายสาขาทั่วประเทศ และนี่คืองานที่โอเคยบอกว่าช่วยพ่อดูแลอยู่

 

“โต๊ะ 4 โต๊ะ 5 เก็บจาน โต๊ะ 12 ใครว่างรับออเดอร์ที” เสียงผู้จัดการร้านดังอยู่ตลอดเวลา เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ และคนค่อนข้างเนืองแน่นเป็นพิเศษ เนื่องจากเมืองนี้ขึ้นชื่อด้านการศึกษา จึงมีนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะคนไทย เยอะเป็นพิเศษ

 

“ครับๆ รับอะไรดีครับ” โป้งรีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับลูกค้าที่โต๊ะ 12 ดูจากหน้าตาก็พอเดาได้ว่าคนไทยแน่นอน แถมยังเป็นสาวสวยตั้ง 3 คนด้วย

 

“ขอผัดผักบุ้งไฟแดง ปลาเก๋าราดพริกกับต้มยำกุ้งค่ะ” หนึ่งในนั้นสั่งอาหารพร้อมรอยยิ้มหวาน โป้งก็ยิ้มให้พวกเธอทั้งโต๊ะพลางกดจิ้มออเดอร์ที่สั่งในไอแพดของทางร้าน ซึ่งจะส่งตรงเข้าเครื่องของพ่อครัว ให้ทำตามเมนูที่สั่งได้เลยทันที ไม่ต้องรอพนักงานไปบอกหลังร้าน เมื่ออาหารตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว พ่อครัวจะกดส่งสัญญาณมาให้ และโป้งก็จะไปรับอาหารมาเสิร์ฟ

 

ตอนมาที่นี่วันแรก บอกเลยว่า โป้งโครตจะหงุดหงิดและหัวปั่นกับบรรดาลูกค้าและระบบการทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำงานมาก่อนในชีวิต แม้แต่ร้านขายยาที่มีเป็นสิบๆ สาขาของป๊า โป้งก็ไม่เคยแวะเวียนไปดูแล แต่กลับถูกโอบังคับพามาที่บอสตัน แล้วให้ทำงานในร้านตามข้อตกลงที่ทำไว้

 

“โป้ง พี่ฝากล้างจานด้วยนะ เสร็จตรงนี้ก็ไปพักได้เลยครับ” พี่จรัญ หรือพี่รัล ผู้จัดการร้านชะโงกเข้ามาบอกในครัว โป้งพยักหน้ารับแล้วลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมาย นั่นคือการล้างจาน

 

ล้างที่บ้านไอ้โอแล้วยังต้องมาล้างที่ร้านอีก โครตเซ็ง

 

โป้งคิดพลางถูๆ ขัดๆ จานแต่ละใบอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง ทำงานมาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็เริ่มจะคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง แต่เรื่องที่ทำให้หงุดหงิดหัวเสียก็คือ ไอ้ตัวดีที่เอาเขามาปล่อยไว้ แม่งหายหัวไปตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ก็ยังไม่โผล่มา

 

“สัสโอ อย่าให้กูเจอนะ แม่ง...”

 

“ทำไม เจอแล้วจะทำไมวะ”

 

เพล้ง!

 

เพราะจู่ๆ โอก็โผล่มาข้างหลังแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง โป้งเลยตกใจหน้าเหวอแถมเผลอทำจานหลุดมือลงพื้นอีกต่างหาก

 

“เฮ้ยๆ! อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวบาดเท้า” โอรีบนั่งลงเก็บเศษจานที่หล่นแตกกระจายแถวเท้าของโป้ง เขาก้มมองโอที่นั่งยองๆ ค่อยๆ ใช้มือเปล่าหยิบเศษจานที่แตกทีละชิ้น

 

จะใจเต้นทำเห้อะไรครับไอ้โป้ง

 

เพราะโอบอกให้อยู่นิ่งๆ โป้งก็อยู่นิ่งจริงๆ ยืนหลับตาปี๋ เอามือกุมอกแน่น ก็หัวไอ้เพื่อนตัวดีมันอยู่ข้างหน้า ตรงหว่างขาพอดีเลยน่ะสิ!

 

โอเก็บเศษจานเสร็จแล้ว พอเงยหน้ามองโป้งก็เห็นตัวเกร็ง หลับตาปี๋ ท่าทางน่าขันจนต้องอมยิ้มให้ ร่างสูงกว่าโป้งแค่สามสี่เซนยืดตัวขึ้นช้าๆ ไม่ให้อีกคนรู้ตัว พลางจ้องมองใบหน้าของโป้ง

 

ตาปิดสนิท ปากเม้มแน่น แพขนตางอนๆ สั่นระริกเชียว

 

โป้งเป็นคนหน้าตาดี ไม่ถึงกับหล่อจัด แต่เพราะรูปร่างและเล่นบาสเก่ง เลยทำให้สาวๆ คลั่งไคล้เพราะความเท่ ตัวสูง 181 ซม. มีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายดูสมส่วน และน่าจะพอดีมือเวลากอด โอคิดพลางเลียริมฝีปาก

 

“เก็บเสร็จยัง...” มันนานเกินไปแล้ว จนโป้งต้องขอถามทั้งที่ยังหลับตา

 

“ก็ลืมตาดูสิ” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาโป้งลืมตาโพลง ยกมือขึ้นดันอกอีกคนด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ

 

“เฮ้ย! เล่นบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวได้แตกทั้งกะละมัง!” หลังที่เอนหนี ถูกมือหนาเกี่ยวเอวไว้ไม่ให้ชนกับกะละมังใบใหญ่ด้านหลัง โดนรั้งทั้งร่างเข้าไปแนบชิดสนิทแน่นกับคนตัวสูงกว่า ยิ่งทำให้โป้งลนลานหนักกว่าเดิม

 

“อย่าดิ้นดิ ถ้าแตกอีก กูให้มึงจ่ายนะ” โอดุแบบไม่จริงจังนัก แต่โป้งก็หยุดนิ่งทันที แม้มือจะพยายามดันอกหนาๆ ของอีกคนไว้ก็ตาม

 

“มึงก็อย่าเล่นบ้าๆ! ปล่อยกู!” หน้าแดงๆ ถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ โอหัวเราะในคอเบาๆ ยอมปล่อยมือออกจากเอวของโป้งแต่โดยดี เพราะไม่ได้มาเพื่อแกล้ง แต่มีข่าวเด็ดจะบอก

 

“มึงเห็นในเฟซยัง?”

 

“เฟซ? เห็นอะไร? กูทำงานให้มึงตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปเช็คเฟซห๊ะ!?” อดไม่ได้ที่จะโวยใส่เบาๆ ขืนดังมากเดี๋ยวโดนมันแกล้งอีก

 

โอไม่ได้ตอบ แค่ยิ้มมุมปากแล้วยื่นสมาร์ทโฟนที่มีสัญลักษณ์แอปเปิ้ลแหว่งให้ดู โป้งรับไปดู พลันต้องถลึงตาโต ก่อนที่คิ้วจะค่อยๆ ขมวดเป็นปม กัดปากตัวเองจนเลือดซึม พอเห็นแบบนั้น โอก็รีบแย่งมือถือคืนไป

 

“กูไม่รู้นะว่ามันจริงจังแค่ไหน แต่คนอย่างไอ้บิว อะไรที่มันอยากได้ มันก็ต้องได้อยู่แล้ว” โอเขยิบเข้าไปยืนชิดกับคนที่หน้ามุ่ยไม่หาย

 

“ถ้ามันชอบผู้ชายได้ ทำไมมันถึงไม่ชอบกู!” โป้งโวยวายหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอ ลูกผู้ชายอย่างโป้งไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น แต่ยกเว้นโอไว้คนนึง โอไม่ได้พูดอะไร แค่ดึงโป้งไปกอดไว้แนบอก ลูบหัวให้เบาๆ อย่างปลอบโยน

 

ภาพบนหน้าจอมือถือของโอ เป็นภาพจากในเฟซบุ๊คของบิว

 

เพิ่งอัพเดทไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นภาพของบิวที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกับเฟรน ในห้องของเฟรน คนตัวเล็กนอนซุกอยู่ในผ้าห่ม กำลังหลับสบายซบไหล่และกอดแขนของบิวไว้ ส่วนบิวไม่ได้ใส่เสื้อ และแนบริมฝีปากไว้บนแก้มของคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ

 

โป้งคว้าอกเสื้อของโอขยุ้มจนยับยู่ยี่ ซบหน้าบนลาดไหล่กว้างของร่างสูงกว่า ปล่อยให้น้ำตาไหลทุกหยาดหยดลงบนเสื้อของอีกฝ่าย โอกอดไหล่ที่สั่นเทานั้นพลางลูบเบาๆ

 

“ลืมมันซะ คนอย่างมัน ไม่คู่ควรกับมึงหรอก” เสียงอ่อนโยนปลอบอยู่ข้างหู โป้งยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

 

“ฮือ...แล้วคนแบบไหน...จะเหมาะกับกูล่ะ ทำไม...ทำไม...มันถึงไม่ชอบกู” โป้งกอดโออย่างลืมอาย กอดแน่นจนเหมือนรัด โอนิ่งเงียบ ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของโป้ง เชยคางมนขึ้นสบตา ทั้งที่โป้งยังมีน้ำตาไหลอาบแก้ม

 

ไม่มีคำตอบ มีเพียงแค่สัมผัสบางเบาจากริมฝีปากอุ่นๆ ที่ทำให้โป้งต้องหลับตาลงอีกครั้งทั้งน้ำตา
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.10 16/3/18 new up 7:34pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 16-03-2018 19:36:36
มีความเซ็นเซอร์ตัดไปที่ฝ้ากระจกห้องนอน ฮ่าๆๆๆๆๆ



10

โอยืนกอดอกพิงบาร์ที่ด้านในสุดของร้าน สายตาคอยไล่ตามร่างสูงหุ่นนักกีฬาน่ากอดที่อยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของที่ร้านซึ่งกำลังวิ่งวุ่นรับลูกค้าและคอยเก็บโต๊ะมาตั้งแต่บ่าย

 

“ช่วงนี้ขยันมากเลย น้องโป้งน่ะ” พี่รัล ผู้จัดการร้านเจ้าเก่าเดินเข้ามาเอาไหล่สะกิดลูกชายเจ้าของร้าน ซึ่งมีหน้าที่บริหารงานที่สาขาบอสตันแทนพ่อ เพราะโอเคยมาเรียนที่นี่ พ่อของเขาถึงได้ตัดสินใจมาเปิดร้านไว้ เวลาปิดเทอมก็ให้โอมาดูแล และมีเงินเดือนให้ตามสมควร

 

“หึ ก็ดีแล้วนี่ครับ” โอยักยิ้ม

 

รัลเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเจ้านาย “แค่ “ก็ดี” เองเหรอ? น่าจะมีรางวัลให้หน่อยนะ เงินค่าแรงก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับคุณโอ”

 

โอหัวเราะในคอ ใครบอกว่าไม่ได้ค่าแรงกัน ให้ไปตั้งแสนนึงแล้ว และหลังจากนี้คงต้องเสียเงินอีกเยอะ ถ้าคิดจะเปย์น้องโป้งของพี่รัล “ผมว่าพี่ไปทำงานเหอะ ไม่ต้องโอ๋มันมากนักหรอก ใช้งานหนักๆ เอาให้คุ้มเลยพี่” มือหนาวางบนบ่าของหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นพนักงานของตัวเองก่อนจะเดินเข้าหลังร้านไป ทิ้งให้รัลมองตามแบบงงๆ

 

แม้โป้งจะเป็นเด็กเอาแต่ใจ ชอบทำตัวเหมือนนักเลงหัวไม้ แต่จริงๆ มนุษยสัมพันธ์ดีมาก แถมลูกอ้อนลูกชนแพรวพราว โดยเฉพาะกับคนที่อายุมากกว่า ไม่อย่างนั้นผู้จัดการจอมเฮี้ยบอย่างพี่รัลคงไม่หลงน้องโป้ง ถึงขนาดมาบอกให้ตบรางวัลหรอก

 

แต่กับเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาแต่เล็กแต่น้อย รู้ไส้รู้พุงกันมามาก โอไม่คิดว่าแค่นี้จะดัดนิสัยเสียๆ ของโป้งได้อยู่หมัด แค่สอนให้รู้จักทำมาหากิน จะได้รู้จักคุณค่าของเงินแต่ละบาทแค่นั้น

 

โป้งทำงานช่วงบ่ายเสร็จแล้ว พี่รัลบอกให้ออกไปนั่งพักได้ ก็เลยมานั่งเล่นมือถืออยู่หลังร้าน เช็คเฟซบุ๊คและไลน์จากเพื่อนๆ แม้จะรู้ว่าต้องทนเห็นภาพบาดตาอีกเยอะจากไอ้คนที่ไม่เคยคิดจะสนใจกันสักครั้ง

 

ช่วงปิดเทอม บิวแทบจะอยู่กับเฟรนตลอดเวลา ถ่ายรูปคู่กันตอนไปเที่ยวบ้าง ไปกินข้าวบ้าง แถมยังเข้าออกบ้านกันเป็นว่าเล่น พ่อแม่พี่น้องก็รู้จักกันไปหมด เพราะบ้านละแวกเดียวกัน ดูยังไงก็สมเป็นแฟนกันจริงจัง

 

“นั่งถอนหายใจอยู่ได้ จะดูให้มันเจ็บใจทำไมวะ” จู่ๆ โอก็โผล่มาข้างหลังอีกแล้ว โป้งสะดุ้งโหยง รีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง

 

“แล้วมึงโรคจิตเหรอ ชอบมาข้างหลังเงียบๆ” หันไปแขวะเข้าให้ ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่เมื่อได้ยินคำตอบของโอ

 

“ก็กูชอบเข้าข้างหลัง มึงสนใจลองสักทีมั้ยล่ะ”

 

“ส้นตีนเหอะ” แถมด้วยนิ้วกลางกระแทกหน้าอีกที

 

“ทำงานครบเดือนแล้วนะ” โอนั่งลงข้างๆ เตรียมจะจุดบุหรี่สูบ แต่โป้งกระชากซองบุหรี่ออกไปจากมือของเขาเสียก่อน โอมองหน้าโป้งแล้วขมวดคิ้ว

 

“เลิกสูบสักทีเหอะ มันเหม็น!” คิ้มเข้มมุ่นเข้าหากัน ริมฝีปากสีอมชมพูเข้มทั้งที่ไม่ได้ทาลิปสติกเบะนิดๆ คล้ายไม่พอใจ และมันก็ดูน่ารักดีไม่หยอก

 

“กูก็สูบมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมึงเคยห้าม อย่างมากก็แค่ไล่ไปสูบไกลๆ ทำไมรอบนี้บอกให้เลิกเลยวะ” โอถามยาวจนโป้งชักมึน เลยพลั้งปากตอบเสียงดัง

 

“กลิ่นมันติดปากกู!” พอรู้ตัวว่าตอบอะไรออกไป หน้าบึ้งๆ ก็แดงเถือกเหมือนมะเขือเทศสุก

 

“อ้อ” โอผิวปากหวือพลางพยักหน้าว่าเข้าใจ นึกถึงบางครั้งที่จะจูบกันแล้วโป้งสำลักกลิ่นบุหรี่ที่ติดในปากของเขา เลยไม่ยอมให้จูบต่อ

 

“อ้อพ่องสิ ถ้าไม่เลิกสูบก็ห้ามมายุ่งกับปากกู!” เอามือปิดปากให้ดูด้วย หลังจากสองครั้งแรก ที่โดนจูบแบบตั้งตัวไม่ติดกับตอนที่กำลังร้องไห้แล้ว พักนี้ก็โดนจูบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แทบจะทุกวัน วันละหลายครั้ง จนโป้งห่วงว่าปากตัวเองจะเปื่อยเสียก่อน แถมกลัวมะเร็งปอดเพราะกลิ่นควันที่เหลือในปากของโอมันอัดเข้าปอดไปด้วย

 

โอยังคงพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหยิบลูกอมในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมาแกะใส่ปาก ก่อนจะคว้าคางของโป้งไว้ในระดับที่พอดีกัน พอได้กลิ่นรสมิ้นท์หอมเย็นจางๆ โป้งเลยยอมเอามือออกจากปากตัวเอง และหลับตารอ มืออีกข้างของโอวางทาบบนต้นขาเล่นเอาสะดุ้งสุดตัว แต่ไม่ทันได้ลืมตามอง ริมฝีปากอุ่นๆ ก็ประกบลงมา

 

แม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอม เพราะโอจูบเก่งมาก เก่งจนเกินไป และทำให้โป้งต้องเข่าอ่อนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ดีที่วันนี้อยู่ในท่านั่ง แม้ขาจะสั่นก็ยังไม่ทรุดลงบนพื้น โอบีบคางเบาๆ แล้วคลึงไปมาเหมือนทุกครั้ง ทำให้โป้งยอมเผยอปากออกให้สอดลิ้นเข้าไป ลูกอมที่ยังไม่ละลายดีถูกส่งผ่านจากปากของโอเข้าสู่โพรงปากของโป้ง โอดึงลิ้นออกและเลียน้ำลายที่ไหลติดริมฝีปากสีชมพูเข้มเพื่อทำความสะอาดให้ แต่น่าจะยิ่งเลอะกว่าเดิม

 

“อือ...” โป้งหรี่ตามองหน้าโอที่กำลังเลียปากตัวเอง แถมโอยังไม่ยอมหลับตาตั้งแต่แรก พอสบตากัน โป้งรู้สึกใจสั่นจนเก็บอาการไม่อยู่ มือไม้อ่อนแรงได้แต่เกาะไหล่หนาไว้เป็นที่พึ่ง ขาสองข้างหนีบพรึ่บเข้าหากัน แต่โอก็ดันมันออกจนได้ ร่างใหญ่ทัดเทียมกันแทรกเข้าไปตรงกลาง สองมือกระชากเอวของโป้งยกตัวให้ขึ้นไปนั่งบนตักและประโคมจูบหนักหน่วงทั้งกัดและบดขยี้ริมฝีปากอิ่มจนแดงช้ำ โดยไม่ใช้ลิ้น เพราะกลัวลูกอมในปากโป้งจะหลุดลงคอ จากที่แค่เกาะบ่า โป้งเลยต้องกอดคอร่างใหญ่ไว้แทนพลางหลับตาปี๋ ปากที่ถูกบดจูบเจ็บระบมไปหมด

 

เมื่อโอผละออกมา โป้งก็หอบถี่ เอามือทุบไหล่ร่างใหญ่ไปที “เป็นหมารึไง ปากกูช้ำหมดแล้ว” บ่นพลางยกมือขึ้นแตะปากตัวเอง ยังเจ็บแปลบๆ อยู่เลย ดีที่เลือดไม่ออก

 

“ไม่เหม็นบุหรี่แล้วใช่มั้ย? รสชาติใหม่ หอมสดชื่นมั้ยครับ?” โอยิ้มยียวน ยื่นปลายจมูกไปชนกัน โป้งรีบเอียงคอหลบด้วยความอาย

 

“ถ้าลูกอมติดคอกูตาย จะเป็นผีมาบีบคอมึง” โป้งหน้าหงิก หยิกแก้มของโอแล้วก็ดึงให้มันยืดย้วยด้วยความหมั่นไส้ แต่โอก็ยังจะหัวเราะอารมณ์ดี ดูเหมือนโป้งจะลืมไปด้วยว่า กำลังนั่งอยู่บนตักในท่าคร่อมขาของโอที่ดูหมิ่นเหม่ โอเลยยิ่งชอบใจ กอดเอวโป้งแล้วลูบๆ คลำๆ แถวบั้นท้ายเล่นสนุกมือ

 

“เออ เมื่อกี้พูดค้างอยู่ มึงทำงานครบเดือนแล้ว” โอหยุดหัวเราะเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่มาหาโป้ง

 

“แล้ว?” โป้งก็ยังไม่รู้ตัวอยู่ดีว่านั่งอยู่ท่าไหน แถมยังเอียงคอสงสัยได้โครตจะน่ารัก จนโอนึกอยากจะฟัดอีกสักรอบ แต่รอบนี้คงไม่ใช่แค่ที่ปาก

 

“พรุ่งนี้ เก็บของเตรียมตัวรอได้เลย เราจะกลับไทยกัน” โอบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน ส่วนโป้งถึงกับตาโตด้วยความดีใจ โผเข้ากอดคออีกคนแน่น จนโอนึกอยากจะจับกดมันตรงนี้จริงๆ

 

“เย้! ไม่ต้องทำงานแล้วสินะ! กลับบ้านๆๆๆ”

 

******

 

กลับไทยจริง โอไม่ได้โกหก แต่แค่บอกไม่หมด ว่าไม่ได้จะพากลับบ้าน...

 

มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตกันตอนตี 2 ครึ่ง และโป้งก็ยืนเคว้ง เพราะมันไม่ใช่กรุงเทพฯ!!!

 

“ไอ้เหี้ยโอ!!! พากูมาที่นี่ทำไมเนี่ย!!!!” ร่างสูงโวยลั่นกระชากคอเสื้อเพื่อนที่กลั้นขำจนน้ำตาเล็ด โอปัดมือโป้งออกแล้วกลับมาตีหน้านิ่งตามเดิม

 

“กูบอกว่ากลับไทย ไม่ได้บอกจะพามึงกลับบ้านสักคำ” โอยักคิ้วให้พลางยิ้มขำ

 

เออ ก็จริงของมัน...โป้งนิ่งคิด แต่พอคิดแล้วก็ต้องหน้าตึง “สัส! มึงหลอกลวงกู! กูจะกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้!”

 

“สัญญา” โอฟันฉับแสกหน้า โป้งถึงกับสะอึก สัญญาที่โอให้เซ็นก่อนจะมอบเงินแสนให้ฟรีๆ ครั้งนั้นยังอยู่ในกำมือมาร หน้าที่งอไปแล้วเลยยิ่งหงิกกว่าเดิมร้อยเท่า โอหัวเราะในคอ ดึงกระเป๋าเป้ที่โป้งสะพายบ่าไว้มาถือให้ พร้อมเข็นรถที่ใช้ขนกระเป๋าเดินทางสามใบ เดินนำไปที่รถของทางรีสอร์ทที่โทรเรียกไว้

 

โป้งรีบวิ่งตามร่างใหญ่ไปติดๆ “มึงคงไม่ได้พากูมาเที่ยวแน่ๆ บอกมา จะพากูมาใช้แรงงานอะไรอีก!”

 

“กูมาทำงาน ส่วนมึง...” โอหยุดเดินเมื่อมาถึงรถตู้ VIP สีเงินที่มีป้ายระบุว่า รีสอร์ทแดนไทย “อยากจะทำอะไรก็ทำ”

 

โป้งตาโตอย่างตื่นเต้น “จริงเปล่า? มึงให้กูมาเที่ยวจริงเหรอวะ”

 

โอพยักหน้ารับ รอให้คนขับรถช่วยขนกระเป๋าเก็บท้ายรถเรียบร้อยแล้วก็คว้ามือโป้งให้ขึ้นไปนั่งบนรถก่อน “รางวัลที่มึงยอมทำงานที่บอสตันถึงเดือน”

 

“เย้! มึงนี่น่ารักที่สุดเลย” ลืมตัวอีกแล้ว กระโดดกอดโอพร้อมหอมแก้มแรงๆ ไปที ก่อนจะเด้งขึ้นรถอย่างไว โอถอนหายใจพลางส่ายหน้า แต่ก็อมยิ้มนิดๆ ที่เห็นหน้าตาสดใสของโป้ง

 

รีสอร์ทแดนไทย จากชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นของพ่อโออีกตามเคย โป้งก็พอคุ้นเคยกับบ้านของโออยู่ไม่น้อย แต่ไม่เคยไปยุ่มย่ามกับกิจการหรือธุรกิจของบ้านโอเลยสักครั้ง รู้แค่ทุกปิดเทอม โอจะต้องทำงานกับพ่อตั้งแต่อายุ 15 แล้ว เลยมีบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

 

พ่อของโอไม่เคยมาที่โรงเรียนแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว โป้งเคยเจอที่บ้านของโอ เวลาไปเที่ยวเล่นหรือทำงานด้วยกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น พ่อของโอเป็นชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าเกิน 40 ด้วยซ้ำ แต่โอบอกว่าพ่ออายุเกือบ 50 แล้ว เลยรีบร้อนสอนงานโอน่าดู เพราะกลัวจะอยู่ได้ไม่นาน ก็เล่นโหมงานหนักไม่มีเวลาพักขนาดนั้น

 

โอไม่มีแม่ เห็นว่าเสียไปตอนโออายุ 10 ขวบ ปีหนึ่งเต็มๆ ที่โอไม่ยอมไปโรงเรียน เลยต้องมาเข้าเรียนซ้ำ และมาอยู่รุ่นเดียวกับโป้ง ตอนนั้นโอยังดูตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก ผิวพรรณขาวผ่อง ซึ่งตอนนี้ก็ยังขาวอยู่แหละ แต่ไม่ซีดเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว แถมสูงใหญ่สมชายชาตรีจนน่าหมั่นไส้นิดๆ

 

อาจจะเพราะไม่มีแม่ แถมพ่อก็ไม่มีเวลาให้ โอเลยค่อนข้างขาดความอบอุ่น และโหยหาความรักจากทั้งหญิงและชาย ตอนม.3 โอบอกเองว่าเป็นไบ พอม.4 ก็จีบน้องน้ำอยู่พักหนึ่ง พอรู้ว่ามีแฟนแล้วก็เลิกยุ่ง มีผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนเข้าหาก็เล่นด้วยหมด แต่โอป้องกันดีและมีกฎของตัวเอง ที่จะไม่ล้ำเส้นกับใคร และไม่ให้ใครมาล้ำเส้นของตัวเอง ส่วนใหญ่เลยเป็นพวกวันไนท์แสตนด์ คืนเดียวจบ แต่ลึกๆ แล้วโอก็ยังต้องการรักแท้จากใครสักคน ซึ่งโป้งรู้ดีที่สุด

 

แต่โป้งไม่เคยคิดจะสนใจหรือมองโอในแง่นั้น เพราะความเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ป.5 แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาตั้งหลายครั้ง จะให้ไปคิดอะไรเกินเลยกับเพื่อนตัวเองมันก็แปลกๆ แม้ตอนนี้จะเลยเถิดไปพอสมควรแล้วก็ตาม

 

โป้งเผลอหลับไปในขณะที่คิดถึงเรื่องสมัยเด็กและเรื่องของโอ รู้สึกตัวอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงสีขาวนุ่มๆ แล้ว ร่างสูงขมวดคิ้วหน้าย่น งุนงงว่ามาตรงนี้ได้ยังไง

 

“ไม่ต้องทำหน้างั้น กูแบกมึงมาเองแหละ” โอเดินเข้ามาในห้องพอดี เห็นอีกคนกำลังทำหน้ายุ่งก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่

 

โป้งเงยหน้ามองโอ คิ้วยังขมวดปม “ปลุกก็ได้มั้ย นึกว่าแรงเยอะนักรึไง”

 

“เยอะไม่เยอะก็อุ้มมึงตัวลอยได้แล้วกัน”

 

ตุ้บ!

 

ยังไม่ทันได้หัวเราะ ก็โดนหมอนปาใส่หน้าเต็มๆ โอทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่คิดว่าโป้งจะปาหมอนใส่ กับแค่แหย่เล่นนิดเดียว

 

“กี่โมงแล้วเนี่ย” โป้งหันไปมองทางหน้าต่าง มีแสงแดดรำไรส่องผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาจนแสบตานิดๆ

 

“แปดโมงครึ่ง” โอตอบก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียง โป้งสะดุ้งถอยหนีไปอีกฝั่ง จนเกือบตกเตียง “กลัวอะไรเนี่ย” โอหันไปมองหน้าโป้งแล้วแค่นยิ้ม

 

“ไม่ได้กลัว! ไหนบอกมาทำงานไง รีบไปดิ” โบกมือไล่ไปอีก

 

โอส่ายหน้ายิ้มๆ “ก่อนไป ขอจูบที” นี่ก็ด้านกว่า ยื่นมือสองข้างออกไปคล้ายจะกอด แต่โป้งไม่ยอมเข้ามาหา โอก็เลยคลานเข้าไปหาเอง คว้าตัวได้หมับก็จับจูบไม่ยั้ง เล่นเอาคนเพิ่งตื่นนอนตัวอ่อนยวบ

 

“เชี่ย! กูยังไม่ได้แปรงฟัน!” โป้งดันหน้าโอออก ก่อนที่จะโดนจู่โจมด้วยลิ้นร้อนๆ

 

“กูไม่ถือ” โอว่าพลางงับเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของคนที่ตัวสั่นกึกๆ ในอ้อมกอดให้เปิดปากออกและสอดลิ้นเข้าไปอย่างดูดดื่ม

 

“อื้อ!” แผ่นหลังเอนลงตามแรงโน้มถ่วงจนแปะลงบนผืนเตียงกว้างอย่างไม่ทันตั้งตัว โป้งสะดุ้งโหยงเมื่อโอสอดมือเข้าไปในเสื้อยืด มันแตะเบาๆ ตรงหน้าท้องแล้วค่อยๆ นวดคลึงจนต้องหดตัวหนีเพราะความเสียว “พอเลย! ไปทำงานได้แล้ว” โป้งผลักหน้าของโอออกพร้อมกับเท้าถีบที่เตียง เร่งดันตัวออกห่าง อยู่บนเตียงแบบนี้โครตอันตราย

 

“โอเค เดี๋ยวบ่ายๆ มาหา จะออกไปเดินเล่นหรือจะเอาอะไรก็กดเรียกพนักงานนะ กูบอกไว้แล้วว่ามึงเป็นแขก VIP” โอแสยะยิ้ม เลียปากนิดๆ ให้โป้งหน้าขึ้นสี ก่อนจะลุกออกจากห้องนั้นไป

 

******

 

โอไปทำงานแล้ว ส่วนโป้งก็ว่างจัด อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กินข้าวที่มีคนเอามาเสิร์ฟให้ที่ห้องแล้วก็ออกไปเดินเล่นแถวรีสอร์ท ซึ่งมีหาดส่วนตัวอยู่ด้านหน้ารีสอร์ทด้วย แดดร้อนจัดทีเดียว แต่โป้งไม่กลัวดำหรอก เพราะยังไงก็เป็นนักกีฬา ไม่ได้ตัวขาวจั๊วแต่แรกอยู่แล้ว

 

เห็นทะเลตรงหน้ามันก็อยากจะลงไปเล่นน้ำขึ้นมาตงิดๆ โป้งเหลียวซ้ายแลขวา ด้วยความที่เป็นหาดส่วนตัวเลยไม่ค่อยมีคน มีฝรั่งหัวแดงไม่กี่คนที่นอนอาบแดด และคงไม่มาสนใจมอง โป้งเลยถอดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ออก วางพาดไว้กับเก้าอี้ชายหาดแถวนั้น เหลือแค่บ็อกเซอร์สีดำตัวเดียวแล้ววิ่งลงไปในทะเล เล่นน้ำอย่างสนุกสนานท่ามกลางแดดจ้า

 

บ่ายคล้อย แดดยังร้อนแรง โป้งยังไม่ยอมขึ้นจากน้ำ ขนาดมือเริ่มเปื่อยแล้วก็ยังสนุกไม่หาย เพราะไม่ได้มาเที่ยวทะเลนานมากแล้ว เพลินจนไม่ทันมองว่ามีคนมายืนดูอยู่ที่ริมหาด

 

“เล่นตั้งแต่กี่โมง” โอหันไปถามพนักงานที่เดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ เป็นคนที่เขาฝากให้ช่วยจับตาดูโป้งไว้ เผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้รายงานทัน

 

“สัก 11 โมงกว่าๆ ได้ครับ ไม่ยอมขึ้นมาเลย” พนักงานคนนั้นตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย “ผมเรียกแล้ว แต่ไม่ยอมมา”

 

“เด็กเอ๊ย...” โอสบถเบาๆ พยักหน้าให้พนักงานกลับไปทำงานด้านในบาร์ตามเดิม ก่อนจะปลดเนคไท พับแขนเสื้อและขากางเกงขึ้น เดินลุยน้ำลงไปคว้าเจ้าตัวดีขึ้นมาจากทะเล

 

“เหวอออ!!” โป้งร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากแขน พอหันไปเจอโอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ตกใจหมด! ไอ้บ้า!”

 

“ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน” โอสังเกตเห็นมือซีดๆ เปื่อยๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมาบอกไม่ถูก “เป็นเด็กประถมรึไง เล่นจนตัวเปื่อยแล้ว แดดก็ร้อน อยากเป็นไข้ตายใช่มั้ย”

 

น้ำเสียงหงุดหงิดของโอ ทำให้โป้งหน้ายู่ “ก็มันสนุกนี่ ลืมตัวอ่ะลืมตัว เข้าใจมั้ย!”

 

“ยังจะเถียง! อย่าลืมว่าต้องทำตามคำสั่งกู” โอดุเสียงดังพลางลากแขนร่างสูงไปทางบ้านพัก VIP หลังเดิมกับเมื่อเช้า

 

“ฮึ่ย...” โป้งหัวเสียเล็กน้อย เพราะโดนขัดจังหวะตอนกำลังสนุก

 

“แล้วดูแต่งตัวดิ” โอเหวี่ยงร่างของโป้งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วตามเข้าไปเปิดน้ำจากฝักบัว ปรับให้อุ่นพอดี สายน้ำไหลซู่ตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้าของร่างสูง มือหนาเกี่ยวขอบบ็อกเซอร์สีดำของโป้งทำท่าจะรั้งมันลง จนโป้งต้องรีบยื้อไว้

 

“จะทำอะไร!? ไม่ต้องเลย! กูถอดเอง อาบเองได้”

 

โอแค่นยิ้ม “อายอะไร เมื่อก่อนก็แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันบ่อยไป” มือหนาคว้าหมับที่ขอบกางเกงแล้วดึงพรวดเดียวลงมาที่ต้นขา โป้งตกใจตาโต เอามือมาปิดของสงวนทันที

 

“ไอ้เหี้ยโอ! ออกไป!” ร้องโวยวาย แต่มือไม่ว่างผลัก เพราะปิดหว่างขาอยู่ โอหัวเราะหึอย่างชอบใจกับท่าทางร้อนรนและแก้มแดงๆ นั้น

 

“แค่อาบน้ำ ไม่ได้จะทำอะไรหรอกน่า”

 

โป้งกัดฟันกรอด ในเมื่อไล่มันไม่ไป ก็เลยหันหลังให้ซะเลย แต่ก็ลืมอีกแหละ ว่าการหันหลังก็ยิ่งไม่ปลอดภัยเข้าไปใหญ่

 

โอยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะเบียดตัวเองชิดด้านหลังของโป้ง แม้จะยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นก็ตาม ทำเอาโป้งสะดุ้งโหยง จะหันหน้าก็กลัว แต่หันหลังอยู่แบบนี้ก็ยิ่งเสียว

 

“ไอ้เหี้ยโอ! ไม่เล่นนะ! ออกไป!” ออกปากไล่เสียงดังพลางเอาศอกดันอกอีกคนออกห่าง เอี้ยวตัวไปมองเห็นแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง หน้าร้อนวูบวาบไปหมด

 

โอค่อยๆ ถอดเสื้อออกช้าๆ ดันร่างของโป้งไปชิดผนัง ก่อนจะปลดกางเกงลง “กูอาบด้วย”

 

“จะบ้าเหรอวะ! ไม่เอา! ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว จะมาอาบด้วยกันได้ไง!” โป้งโวยลั่นหน้าแดงก่ำ ศอกกระทุ้งอกกับท้องอีกฝ่ายไม่หยุด แต่ไอ้กล้ามเนื้อแข็งๆ ข้างหลังแม่งไม่มีทีท่าจะเจ็บปวด

 

“ล่าสุดก็ตอนม.6 เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง” โอแนบริมฝีปากกระซิบข้างหลังใบหู มือโอบกอดเอวคอดจากด้านหลัง

 

“แต่ไม่ได้อาบท่านี้ ไอ้สัส! แล้วมันก็ตั้งปีกว่าแล้ว ไอ้โอ!!!” โป้งเด้งตัวหนีสุดชีวิต แต่ถูกรัดเอวเสียแน่นหนา ยิ่งบั้นท้ายสัมผัสกับอะไรแข็งๆ ข้างหลังที่ก็รู้เต็มอกว่าคืออะไรยิ่งตัวเกร็งสะท้าน “อือ...” กัดปากจนเลือดซิบ กลัวจนอยากจะร้องไห้

 

“แป้ปเดียว กูจะไม่แตะต้องมึง ขอกูอยู่แบบนี้แป้ปเดียวนะ” เสียงสั่นแหบพร่าของร่างใหญ่ทำเอาโป้งไม่กล้าขยับมากกว่านั้น ได้แต่ยืนนิ่งเกาะกำแพงไว้ ปล่อยให้อีกคนเบียดตัวเข้าหาพร้อมกับใช้มือปรนเปรอทุเลาความร้อนรุ่มของตัวมันเองอยู่ข้างหลัง โป้งก้มหน้ากัดปากแน่น เสียงครางแผ่วๆ ของโอทำให้ร่างกายเสียวปลาบ ทั้งที่โอไม่ได้ทำอะไรบนร่างกายของโป้งเลยแม้แต่น้อย

 

โอหลับตาลง ซุกหน้ากับแผ่นหลังของโป้ง เส้นผมเปียกๆ ที่ละไปตามแนวสันหลังทำเอาร่างสูงตัวสั่นกึกๆ ฝ่ามือที่ขยับยุกยิก ทำให้โป้งยิ่งตัวเกร็ง ความร้อนจากร่างกายของคนที่ทาบอยู่ด้านหลังส่งผ่านมาถึง จนอะไรๆ มันชักจะเกิดปฏิกิริยา

 

“ไอ้โอ...เสร็จยังวะ...กู...เมื่อย” โป้งกัดฟันพูดออกไปแบบนั้น ทั้งที่จริง มันไม่ใช่ความเมื่อยล้า แต่เบื้องล่างต่างหากที่ปวดหนึบ

 

“อือ” โอครางรับ จัดการทำความสะอาดของตัวเองเสร็จก็คว้าผ้าขนหนูมาพันเอว “ขอโทษที่ทำให้ตกใจ รีบๆ อาบล่ะ” เสียงทุ้มๆ พูดทิ้งท้ายแล้วจากนั้นก็ได้ยินแค่เสียงประตูปิดเบาๆ

 

โป้งพรูลมหายใจอย่างโล่งอก ทรุดตัวลงบนพื้น มือค่อยๆ เกาะกุมร่างกายที่มีปฏิกิริยาจากการกระทำเมื่อครู่ของอีกฝ่าย สายน้ำไหลชำระล้างคราบต่างๆ ไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่รางเลือน

 

******

 

ช่วงกลางคืน ริมหาดหน้ารีสอร์ทประดับประดาด้วยไฟระย้าสีส้มสว่างสดใส ช่วงนี้มีคนมาพักไม่มาก ส่วนใหญ่มีแต่ชาวต่างชาติที่มาเป็นคู่ โอพาโป้งมานั่งกินลมชมวิวตอนกลางคืนที่บาร์เล็กๆ ใกล้หาด มีเครื่องดื่มมึนเมาเล็กน้อย พอกรุ้มกริ่ม

 

แต่บรรยากาศจะดีแค่ไหน สองคนที่นั่งตรงข้ามกันกลับไม่อินกับมันเอาเสียเลย ต่างคนต่างนั่งหันหน้าไปคนละทาง โอมองเพดาน ส่วนโป้งก็เอาแต่มองพื้น พนักงานที่เดินผ่านไปมายังสงสัยว่าเป็นอะไรกัน ถึงได้ดูเหนื่อยล้าและหน้าเครียดพิกล

 

“เอ่อ...จะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ? คุณโอ คุณโป้ง” สาวเสิร์ฟเป็นตัวแทนเพื่อนๆ เสี่ยงตายเข้ามาถามคนแรก เพราะคิดว่าให้ผู้หญิงมาถามน่าจะดีที่สุด ผู้ชายมาอาจจะโดนเจ้านายต่อยเอาได้

 

“ไม่” สองเสียงตอบพร้อมกัน โดยไม่มองไปที่คนถามแม้แต่น้อย พอตอบเสร็จก็มองหน้ากันทีหนึ่ง แล้วหันหลบกันไปคนละทางเหมือนเดิม สาวเสิร์ฟผู้หวังดีเลยรีบจรลีจากไปทันที

 

เป็นฝ่ายโอที่ทนไม่ไหว กำปั้นทุบลงบนโต๊ะดังปึง เล่นเอาทั้งโป้งและรอบข้างสะดุ้งเป็นแถบ

 

โอจ้องมองอย่างตรงไปตรงมา แต่โป้งกลับหลบสายตา “กูมีเรื่องต้องพูดกับมึง”

 

“...” โป้งแค่เหลือบสายตามองก่อนจะหันหนี รู้สึกเลยว่าหน้าร้อนจนแทบไหม้ ภาพในห้องน้ำเมื่อตอนบ่าย ผุดเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ

 

“กลับห้องกัน” โอลุกขึ้นฉุดข้อมืออีกคนให้ลุกตาม แต่โป้งขืนไว้จะไม่ไปด้วย “สัญญา”

 

คำเดียวที่คล้ายเป็นคำสั่งกลายๆ ทำให้โป้งต้องลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ การได้ทำงานที่ร้านอาหารในบอสตันตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้โป้งรู้แล้วว่าเงินแต่ละบาทกว่าจะได้มานั้นมันยากเย็นแค่ไหน และเงินตั้งแสนที่โอยอมควักจ่ายให้ ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ที่แค่จะใช้หมดได้ในระยะเวลาแค่ 6 เดือน

 

สองคนกลับเข้าไปในห้องพักอย่างเงียบเชียบ โอกำชับพนักงานไว้แล้วว่าห้ามใครผ่านมารบกวนแถวนี้เด็ดขาด บรรยากาศรอบข้างเลยยิ่งเงียบราวอยู่ในป่าช้า

 

“กูว่า...พวกเรามาไกลเกินไปแล้วว่ะ” โอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขานั่งลงบนโซฟา ใช้ศอกยันเข่าและประสานมือไว้ที่หน้าผาก ท่าทางเคร่งเครียด “เรื่องเมื่อตอนบ่าย...”

 

“พอ! ไม่ต้องพูดแล้ว เอาเป็นว่า จบแค่นั้น กูจะลืม และมันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก” โป้งยกมือขึ้นเบรกทันที โอเงยหน้ามองแล้วผุดลุกขึ้น สาวเท้าเข้าไปหา โป้งถอยหนีจนชิดประตูห้องนอนด้านในที่เป็นแค่กระจกใส

 

“แต่มึงมีอารมณ์” โอเอามือท้าวกับกระจกใสข้างหลังโป้ง ใบหน้าอยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ โป้งกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น ยืนตัวแข็งเกร็ง

 

“เพราะมึงทำแบบนั้น...” โป้งโต้กลับ แก้มแดงก่ำ เหงื่อไหลซึมบนหน้าผาก หัวใจสั่นอย่างแรง

 

“เวลาจูบกันก็ด้วย” โอขมวดคิ้ว จ้องหน้าไม่ลดละ จนโป้งต้องเบือนหน้าหนี ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมีอารมณ์เวลาจูบกันจริงๆ

 

“มันก็แค่...ปฏิกิริยาตอบสนองทางกายป่ะวะ” โป้งยังคงเถียงอย่างดื้อแพ่ง โอถอนหายใจ

 

“มึงมีอารมณ์กับคนที่ไม่ได้รักได้ด้วยเหรอ ถ้าโดนจับโดนบีบแล้วแข็งก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่จูบกัน แค่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้กลิ่นมึง กูก็แทบคลั่งแล้ว” ร่างใหญ่ซบหน้าลงบนไหล่ของโป้ง คนตัวเล็กกว่านิดหน่อยถึงกับนิ่งทื่อ ริมฝีปากเม้มแน่น “โป้ง”

 

เสียงทุ้มๆ ที่เรียกชื่อทำเอาโป้งสั่นสะท้าน แค่เสียงก็แทบควบคุมสติตัวเองไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่อยากยอมรับว่าคิดอะไรแบบนั้นกับเพื่อนสนิทของตัวเอง โป้งเลยส่ายหน้าไปมารัวๆ สองมือดันแผ่นอกหนาไม่ให้เข้ามาใกล้เกินกว่านี้

 

“โป้ง...ทำกัน...นะ” เสียงนั้นแหบพร่าและฟังดูเซ็กซี่จนโป้งเกือบเคลิ้มคล้อย แต่ก็พยายามสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว

 

“ไม่!” กำปั้นทุบรัวบนแผงอกหนา จนโอต้องผละออกมาเล็กน้อย

 

“โป้ง...” โอคว้าข้อมือทั้งสองข้างของโป้งไว้ เอ่ยเรียกด้วยเสียงออดอ้อนจนคนถูกเรียกหน้าร้อนฉ่า แรงจะขัดขืนลดฮวบ พอสบสายตาที่เปล่งประกายแฝงความนัย ร่างกายก็สั่นสะท้านจนแทบยืนไม่อยู่

 

ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอีกครั้ง อกซ้ายปวดหนึบจนแทบชา ความคิดในสมองตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ทั้งที่อายแทบตาย แต่กลับไม่กล้าละสายตาจากดวงตาคู่นั้น

 

“กู...ชอบมึงนะ โป้ง”

 

นั่นคือเสียงพูดคุยประโยคสุดท้ายที่ดังก้องในหัว ก่อนที่จะเหลือแค่เสียงหอบหายใจและเสียงครางกระเส่า ที่ไม่อยากรับรู้ว่าเป็นของใคร...
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.8 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 16-03-2018 20:22:37
อ่านตอนนี้ชักไม่ชอบเฮียบิวแล้ว รู้สึกว่าเฮียจะมีหางงอกออกมานิดหน่อยนะ คนที่น่าสงสารสุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นเฟรน  :katai1:
อย่าเพิ่งเกลียดเฮียบิวววว
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.10 16/3/18 new up 7:34pm
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2018 21:04:34
โป้งว่า "ไม่" แต่  :oo1: กับโอ
คงหมายถึง "ไม่ปฏิเสธ"  :mew4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.9 16/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 16-03-2018 23:47:02
อยากจะด่าบิวจริงๆ วางแผนจะบอกเลิกเค้ายังไงเนี่ย ไปห้องเค้าไปเนียนถ่ายรูปให้คนอื่นเข้าใจผิด ว่ารักกันลึกซึ้ง แต่แกก็กะจะเลิกเป็นแฟนหลอกๆไปจีบหญิง เดี๋ยวเฟรนหนีขึ้นมาจะรู้สึก ส่วนโอโป้งนี่ คู่นี้น่ารัก เหมือนโอจะคุมโป้งอยู่เลยค่ะ คล้ายๆเจ้ากรรมนายเวรไม่ก็เนื้อคู่ไรประมาณนี้
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 17-03-2018 09:22:11
โอโป้งไปไหนต่อไหนละ อีคู่หลักยัง...



11

“อือ กูทำตามที่มึงบอกแล้ว มีแค่คลิปเสียงนะ กูไม่อยากถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหว แค่นี้ก็เกินพอแล้วว่ะ เออ ไอ้เหี้ยบิว เจอกัน”

 

โป้งสลึมสลือตื่นขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน เห็นโอที่สวมแค่กางเกงยีนส์ตัวเดียวยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกห้องนอน เลยไม่ได้ยินว่าคุยเรื่องอะไรกับใคร และโอก็วางสายพอดีกับที่หันมาเจอโป้ง จึงเลื่อนบานกระจกใสเข้ามาด้านใน

 

“ตื่นแล้วเหรอ? ลุกไหวมั้ย” โอยังดูเป็นปกติ เอ่ยถามด้วยความห่วงใยพลางนั่งลงข้างๆ มือลูบเส้นผมชื้นเหงื่อของโป้งแผ่วเบา

 

“เมื่อกี้...แค่ก” พอจะพูดเสียงก็แหบเครือจนรู้สึกกระดากอาย โอมองแก้มแดงระเรื่อนั้นด้วยความเอ็นดู

 

“พ่อโทรมาน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เรื่องงาน” โอคลี่ยิ้มบางๆ

 

“อือ” โป้งครางรับพลางเอียงคอหลบริมฝีปากร้อนๆ ที่ฉกลงมาตรงซอกคอ “หื่นแต่เช้า...”

 

“ก็ตัวมึงหอมไง ได้กลิ่นแล้วแม่งก็อยาก” โอหัวเราะเบาๆ พูดออกมาได้หน้าตาเฉยจนอีกคนต้องอายแทน

 

“เหนียวตัวอ่ะ จะอาบน้ำแล้ว” โป้งร้องบอกเสียงสั่น ขืนปล่อยให้ดมนานกว่านี้มีหวังได้เจ็บตัวอีกรอบ เมื่อคืนก็ล่อเกือบรุ่งสางไปทีแล้ว ไม่รู้มันอดอยากปากแห้งมาจากไหน

 

“ให้อุ้มไปมั้ย?” โอยิ้มแฉ่งทำท่าจะอุ้มโป้งขึ้น แต่ร่างสูงรีบส่ายหน้า

 

“ไม่ต้อง กูยังเดินได้อยู่ ไม่ได้ขาหัก” ว่าแล้วก็ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง รับผ้าขนหนูจากโอมาพันเอวแล้วเดินขาเปลี้ยไปทางห้องน้ำด้วยตัวเอง อดไม่ได้ที่จะสบถลอดไรฟันเบาๆ ด้วยความเจ็บไม่ให้อีกคนได้ยิน

 

******

 

บิวกดหยุดคลิปเสียงที่ปล่อยให้เล่นมาได้สักพักพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี เงินแสนนึงที่ได้มาถูกโอนกลับไปยังเจ้าของคนเดิมของมัน

 

ข้อตกลงบรรลุผลแล้ว

 

“แม่ ผมออกไปข้างนอกหน่อยนะ” บิวถอดหูฟังแล้วเดินไปสวมรองเท้าตรงหน้าบ้านพลางตะโกนบอกแม่ ที่น่าจะอยู่ในครัว

 

“ไปไหนน่ะ บ้านน้องเฟรนหรือเปล่า” แม่รีบวิ่งออกมาจากครัว

 

“ครับ มีอะไรรึเปล่า”

 

“รอเดี๋ยวนะ แม่ฝากขนมตาลไปให้บ้านน้องเฟรนหน่อย วันก่อนเจอคุณแม่น้อง เลยคุยกันเรื่องขนมไทย ว่าจะแบ่งกันชิม” แม่ร่ายยาว วิ่งเข้าครัวไปอีกรอบแล้วกลับออกมาพร้อมถุงขนม บิวรับมาแล้วเดินไปคว้าจักรยานมาขี่ เพราะบ้านห่างไปแค่สามซอย เลยไม่อยากใช้มอเตอร์ไซค์ให้เปลืองน้ำมัน อีกอย่าง ยัยพี่สาวตัวดีก็ยืมไปขี่ช่วงนี้ด้วย

 

บิวอยู่กับแม่และพี่สาวแค่สามคน ฐานะทางบ้านไม่ถึงกับลำบาก เพราะมีเงินประกันของพ่อที่ยังเหลือใช้ พอให้เบธตี้กับบิวตี้ได้เรียนจนจบปริญญาตรี พ่อของพวกบิวเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในที่ทำงานเมื่อ 4 ปีก่อน เหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของฝ่ายผลิตและฝ่ายซ่อมบำรุง ที่ปล่อยเครื่องจักรทำงานจนเสื่อมสภาพและไม่ได้มีการเช็คสภาพล่วงหน้าหรือซ่อมบำรุงตามกำหนด พ่อของบิวเป็นวิศวกรในโรงงานนั้นและเข้าไปตรวจงาน เลยเกิดเหตุสลดขึ้นเพราะเครื่องจักรเกิดระเบิด จึงได้ทั้งเงินประกันและเงินชดเชยจากทางเจ้าของโรงงาน พออยู่พอกินได้สบาย แต่แม่ก็ยังต้องทำงาน ทั้งงานในบริษัทและวันหยุดก็ทำขนมส่งขายตามร้านค้า

 

ส่วนเรื่องชื่อของบิว ก็เพราะพี่สาวที่เกิดก่อนแค่ปีเดียวดันชื่อเบธตี้ และตอนนั้นพ่อกับแม่คิดว่าบิวจะเป็นเด็กผู้หญิง เลยเตรียมชื่อบิวตี้ไว้ให้ ปรากฏว่าออกมาเป็นเด็กผู้ชายมันเสียอย่างนั้น แต่บิวก็ไม่ได้รังเกียจชื่อนี้นักหรอก ออกจะชอบด้วยซ้ำ

 

ตั้งแต่พ่อเสีย บิวก็ต้องใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดมากขึ้น พอดีกับได้เจอโป้งที่โรงเรียนตอนม.ปลาย และไอ้โป้งขาใหญ่พ่อรวย ก็ช่างกระเป๋าหนัก สรรหาเรื่องพิเรนๆ มาพนันกับเขา จนบิวเสพติดการพนันกับโป้ง เพราะมักจะชนะและได้เงินตอบแทนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเอามาใช้กินใช้เที่ยวตามประสาเด็กผู้ชายวัยรุ่น แม้จะมีบางครั้งที่เสมอกันเพราะคนที่โดนโยงเข้ามาเอี่ยวรู้ตัวก่อน เลยโดนตบหน้าชากลับมาทั้งคู่ก็ตาม

 

ขี่จักรยานตามทางมาจนถึงหน้าบ้านของเฟรน มองลอดผ่านรั้ว เห็นเฟรนกำลังเล่นกับน้องชาย เด็กน้อยอายุแค่ 10 ขวบ เป็นลูกหลงที่เกิดห่างกับเฟรนเกือบ 10 ปี แต่ก็ดูเป็นพี่น้องที่สนิทสนมรักใคร่กันดี

 

“พี่บิว!” โทโมะ น้องชายตัวน้อยเห็นบิวเข้าก่อน รีบวิ่งมาหาสีหน้าเบิกบาน เฟรนหันมามองเขาแล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินมาเปิดประตูบ้าน เจ้าตัวเล็กโผเข้าเกาะเอวบิวทันที

 

“แม่ฝากขนมมาให้” บิวชูถุงขนมตาลในมือให้ดู เฟรนรับไป ส่วนบิวก็เข็นจักรยานเข้ามาเก็บแล้วลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่กอดเอวอยู่

 

“พี่บิว! วันนี้พี่เฟรนบอกว่าจะพาไปเล่นบาส”

 

บิวหันไปมองหน้าเฟรน คนตัวเล็กพยักหน้ารับ “นัดเพื่อนเก่าๆ ไว้ด้วยน่ะ ไปมั้ย”

 

“ไปดิ” ถ้าเฟรนชวน มีหรือที่บิวจะปฏิเสธ

 

******

 

อยู่ที่ภูเก็ตมาอาทิตย์กว่าแล้ว โอดูแลเอาใจใส่อย่างดีอย่างกับเป็นแฟนกัน จนโป้งก็รู้สึกเขินแปลกๆ มีอะไรกันก็แค่คืนนั้นคืนเดียว แม้จะหลายรอบก็เถอะ หลังจากนั้นดูเหมือนโอจะงานยุ่งตลอด ต้องออกไปคุยกับลูกค้าที่อื่นบ้าง พากรุ๊ปทัวร์ไปท่องเที่ยวบ้าง ทั้งที่เป็นระดับผู้บริหาร แต่กลับต้องทำงานงกๆ เหมือนพนักงานทั่วไปอย่างนั้นแหละ

 

“คืนนี้ว่าง จะกลับมาเล่นด้วยนะครับ” ไอ้วิธีพูดเพราะๆ นี่ก็อีก ฟังทีไรก็จั๊กจี้ทุกที โป้งมองหน้าโอที่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนใบหน้านั้นจะเคลื่อนลงมาหาและกดจูบเบาๆ ที่ข้างแก้ม

 

“เล่นบ้าอะไร...กว่ามึงจะมา กูก็หลับคร่อกทุกที” โป้งหน้ามุ่ย นั่งกอดอกขัดสมาธิอยู่บนเตียง จะหอมแก้มจะจูบจะจับอะไรตรงไหนก็ตามสบาย แต่ไม่หายงอนหรอก เล่นทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวทุกวัน ใครมันจะไปสนุกลง

 

“คืนนี้สัญญาเลยว่าจะมาก่อนสองทุ่ม” โอชูนิ้วสองนิ้วขึ้นแทนการสาบาน เว่อร์จนโป้งอยากจะเอาเท้าลูบหน้าหล่อๆ ของโอสักที

 

“เรื่องมึงดิ” หันหลังให้มันซะเลย อาจจะดูงี่เง่าไปหน่อย แต่โป้งก็ทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว จะงอนจะงี่เง่า ก็ทำกับโอคนเดียว ไม่เคยทำให้คนอื่นเห็น

 

โอถอนหายใจทั้งที่ยังยิ้ม น่ารักก็น่ารัก แต่ถ้ายังน่ารักนานกว่านี้ เดี๋ยวได้ยกเลิกประชุมกับทีมงานจากรีสอร์ทในเครือกันพอดี “คืนนี้อยากออกไปไหนหรืออยากได้อะไร บอกมาเลย จะทำให้ทุกอย่าง”

 

พอได้ยินแบบนั้น คนขี้งอนก็หูกระดิกขึ้นมานิดหน่อย

 

“จริงสิ คืนนี้มีฟูลมูนปาร์ตี้ที่พาราไดซ์บีช สนใจมั้ย?” ยิ่งได้ยินคำล่อลวง ยิ่งหูกระดิกเข้าไปใหญ่ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หันควับไปมองอีกคนด้วยตาลุกวาว

 

“สน!”

 

******

 

โป้งตื่นตาตื่นใจอย่างมากกับงานฟูลมูนปาร์ตี้ครั้งแรกในชีวิต บนชายหาดทอดยาวที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว การแสดงโชว์ตระการตาและหวาดเสียว เสียงเพลงแนว EDM ดังกระหึ่มและบริการเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดให้เลือกซื้อ

 

ไม่ว่าทางไหนก็มีแต่คนเมาและกำลังเต้นกันสนุกสนาน หัวใจเต้นแรงไปกับเสียงเพลงจนอดไม่ได้ที่จะขยับตัวตามจังหวะ โดยมีโอคอยตามประกบไม่ห่าง

 

“อย่าดื่มเยอะ” โอคอยห้ามคอยจะคว้าแก้วเหล้าออกไปจากปากของโป้งตลอดเวลา แต่โป้งก็ไม่ยอมง่ายๆ

 

“ไหนบอกว่าตามใจกูไง อย่าบ่นเป็นคนแก่ดิวะ” ริมฝีปากสีชมพูเข้มบิดจนเกือบเป็นเลข 8 กระดกเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าเข้าปากรัวๆ จนหน้าแดงก่ำ ลามไปถึงร่างกายที่เริ่มจะย้อมสีแดงไปด้วย เพราะโป้งใส่แค่เสื้อกล้ามโชว์เนื้อหนังมังสาเต็มที่ ส่วนโอสวมเสื้อเชิ้ตบางๆ ตัวเดียว

 

โอรู้สึกคิดผิดจริงๆ ที่เสนองานนี้ให้โป้งมาเดินเที่ยว ด้วยความวุ่นวายและผู้คนมากหน้าหลายตาเบียดเสียด พอเมาก็มั่วกันไปหมด โป้งถูกคนเมาหลายคนที่ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งตัวล่ำบึก ไม่ก็สาวฝรั่งในชุดวาบหวิว คว้าคอเข้าไปจะจูบ แต่โอก็ดึงกลับมาได้ทุกครั้ง รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอย่างแรง จนต้องลากแขนไอ้ขี้เมาตัวดีให้ไปนั่งหลบมุมริมหาดด้วยกันสองคน ไกลจากสายตาประชาชี

 

“อืออออ ดื่มอีกกก” คนเมาเซไปมาจนร่วงปุลงตามแรงฉุดของโอ แถวนี้ค่อนข้างมืด ไม่มีใครผ่านไปมา เพราะมัวแต่สนุกอยู่ในงาน โอนั่งบนหาดทราย ยกขาสองข้างขึ้นขนาบข้างตัวคนเมาที่นั่งพับเข่าอยู่ตรงหว่างขา ในมือยังถือแก้วเหล้าที่พร่องไปค่อนแก้วแล้ว

 

“พอได้แล้ว” เขาคว้าแก้วเหล้าออกจากมือของโป้ง แต่ไอ้ตัวดีไม่ยอมท่าเดียว จะดึงกลับไปดื่มให้ได้ โอเลยกระดกเข้าปากเสียเองจนหมดแก้ว เขาไม่อยากดื่มเยอะ เพราะเดี๋ยวต้องขับรถกลับไปที่พัก

 

พอเห็นเหล้าในแก้วหายวับไปในปากของร่างใหญ่ โป้งก็หน้างอหงิก กระชากคอเสื้อของโอเข้าไปประกบปากด้วยตัวเอง เพราะจะเอาเหล้าที่โอดื่มเข้าไป โอไม่ได้ตกใจหรือแสดงท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด กลับปล่อยให้โป้งทำตามใจอย่างง่ายดาย กลิ่นเหล้าคลุ้งทั่วปาก ยิ่งจูบก็ยิ่งเมามาย โป้งครางฮือในคอ หลับตาพริ้มรัวลิ้นใส่ไม่ยั้งตามแรงอารมณ์ที่โหมกระพือ

 

มือหนาหยาบกระด้างรั้งเอวคอดเข้าหา โป้งเลยต้องขยับตัวลุกขึ้นคุกเข่า โน้มตัวลงบดบี้ริมฝีปากแข่งกับอีกคน สองมือประคองใบหน้าของโอแนบแน่น เสียงเพลงที่ดังแว่วมายังไม่เท่าเสียงดูดปากและเสียงน้ำลายที่หล่อหลอมปนกันอยู่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

 

โอลูบไล้ฝ่ามือจากสะโพกมาที่บั้นท้าย คว้าหมับที่แก้มก้นสองข้างบีบคลึงไปมาอย่างเมามัน ในขณะที่ส่งเรียวลิ้นร้อนระอุตอบรับคนเมาที่ดูจะเร่าร้อนกว่าทุกที แต่ถึงจะเมายังไง โป้งก็ยังรู้สึกตัวและเลื่อนมือลงไปคว้ามือของโอไว้

 

“ไม่เอาที่นี่” ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยเว้าวอน แม้จะเสียดายที่ถูกขัดอารมณ์ แต่โอก็พยายามประคองสติที่กำลังจะกระเจิดกระเจิงและตอบกลับไปเสียงพร่า

 

“งั้นกลับห้องกัน”

 

******

 

ตื่นเช้ามา โป้งแทบจะเอาหน้ามุดเตียง ไม่อยากเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้คนที่ยังนอนก่ายแขนอยู่บนตัวเขาตอนนี้

 

ในความทรงจำเลือนราง แม้จะเมาแค่ไหนก็ยังชัดเจน ทั้งภาพทั้งเสียงเรียกว่าคมชัดระดับ 4K

 

“ตื่นเร็วจัง...” เสียงทุ้มๆ ทำเอาสะดุ้งสุดตัวเหมือนแมวขนพอง โป้งหันหลังให้โอทันที “เป็นอะไรน่ะ?” โอขมวดคิ้วสงสัย พลางยันตัวลุกขึ้นทั้งที่กอดโป้งไว้แนบอก

 

โป้งนอนซุกใต้ผ้าห่มเอามือปิดหน้าปิดตา แต่ก็เห็นว่าสีแดงๆ มันกระจายไปทั่วตัวและทั้งหน้า ไม่ใช่แค่สีแดงจากความอับอาย แต่มีร่องรอยแดงเป็นจ้ำคล้ายกลีบกุหลาบอีกหลายจุดตามเนื้อตัว ซึ่งโอเองก็มีไม่ต่างกัน แถมดูจะเยอะกว่า เพราะโอผิวขาวจัด และนั่นแหละที่ทำให้โป้งมองแล้วยิ่งอายกว่าเดิม

 

เมื่อคืนเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเองตั้งแต่หน้าห้องจนถึงเตียงเลยทีเดียว แถมยัง...ออนท็อป!!!

 

“ฮื้ออออ” โป้งครางยาวคล้ายเสียงร้องไห้ อับอายที่สุดในชีวิตก็ไอ้ออนท็อปนั่นแหละ เคยเห็นแต่ใน AV ที่ผู้หญิงทำกัน ตอนนั้นยังจินตนาการอยู่เลยว่าจะมีคนมาทำแบบนั้นบนตัว แล้วนี่อะไร๊!!! ไปทำแบบนั้นเสียเอง!!! อายโครตๆ อายแบบไม่เคยอายมาก่อน อยากตายให้พ้นๆ!!!

 

โอนิ่งไปนานอย่างครุ่นคิด พอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไม แต่ก็อยากแกล้งเล่นนิดหน่อย เลยก้มไปจูบหัวไหล่เนียนดังจ๊วบ ให้อีกคนสะดุ้งตัวเกร็ง

 

“อืออออ ไม่เอาแล้ววววว” โป้งซุกหน้าลงบนหมอนใบโต ท่าจะอายจัดจริงๆ โอหัวเราะเบาๆ แล้วจูบซ้ำที่หัวไหล่ไล่มาที่แผ่นหลัง โป้งเด้งตัวออกจากผ้าห่ม ตั้งใจจะร่นหนีไปขอบเตียง แต่ก็ไม่พ้นมือมาร โดนคว้าเอวไปกอดไว้แล้วโดนระดมจูบไปทั่วตัวทั้งที่ยังเช้าตรู่ แดดส่องจ้า

 

“จะได้ชิน” โอผละออกมาน้ำลายยืดย้อยคาปาก หัวนมสองข้างของโป้งแวววาวไปด้วยน้ำลายของอีกฝ่าย

 

“ไอ้ทุเรศ! ลามก!” ก่นด่าด้วยความอายได้แค่นั้นก็ต้องรีบมุดเข้าใต้ผ้าห่ม

 

“ไปอาบน้ำกัน เร็วๆ เดี๋ยวพาไปเที่ยว ถ้าลุกไหวอ่ะนะ” โอยื้อผ้าห่มออก แต่โป้งก็ดึงกลับ

 

“ไม่เอา! ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

 

พอได้ยินแบบนั้น โอก็แสยะยิ้ม “งั้นก็...เอากันทั้งวันเลยแล้วกัน”

 

“เฮ้ย! ไม่เอาเว้ย!!! ไปแล้ว ไปอาบน้ำแล้ว!!!” โป้งเด้งตัวลุกจากเตียงลืมทั้งความอายและความเจ็บร้าวที่ช่วงล่างเสียสนิท รีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำทันที โดยมีเสียงหัวเราะของโอดังไล่หลังไป

 

******

 

บิวนั่งมองเฟรนที่กำลังเล่นบาสในสนามกับเพื่อนสมัยมัธยม ทุกคนดูสนิทกันดีจนบิวรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนิดหน่อย โดยเฉพาะคนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่ม ที่ชื่อ ภัทร

 

“มึงเร็วขึ้นกว่าเดิมนะ” มือใหญ่ๆ ของภัทรขยี้ผมของเฟรนจนยุ่งเหยิง เฟรนเอามือปัดออก แม้จะทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจแต่กลับหัวเราะเสียงดัง เวลาอยู่กับเพื่อนสนิท เฟรนดูจะร่าเริงมากเป็นพิเศษ บิวจ้องตามร่างเล็กตาแทบไม่กะพริบ ในอกปั่นป่วนร้อนรุ่ม มือที่ถือกล่องน้ำผลไม้บีบมันจนยับยู่ยี่ น้ำผลไม้ที่ยังหลงเหลือก้นกล่องถูกดันขึ้นมาจนล้นเลอะฝ่ามือ

 

“บิว!” พอเฟรนวิ่งมาหา บิวก็รีบยิ้มให้ตามปกติ โยนกล่องน้ำผลไม้ทิ้งลงถังขยะแล้วรีบเช็ดมือกับกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ “เบื่อเปล่า? มาเล่นด้วยกันมั้ย”

 

บิวเหลือบมองไปด้านหลัง คนชื่อภัทรก็มองมาทางบิวด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่สิ คล้ายกับกำลังสงสัยอะไรมากกว่า

 

“ไม่เป็นไร กูเล่นไม่เป็น”

 

“จริงอ่ะ? ไม่ยากหรอก บิวตัวสูง เล่นได้อยู่แล้ว มาดิ จะสอนให้” เฟรนว่าพลางคว้ามือร่างสูงฉุดให้ลุกขึ้น

 

“ไอ้หน้าหวานนั่นมันใครวะภัทร” คนกลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามาปรี่เข้ามาถามภัทร ซึ่งยืนมองเฟรนกำลังฉุดแขนบิว ภัทรหันไปหาเพื่อนแล้วส่ายหน้า

 

“ไม่รู้จัก ไอ้เฟรนพามา บอกเป็นเพื่อนที่มหาลัย”

 

“อ้อ น่ารักดีว่ะ หน้าเหมือนผู้หญิงเลย” คนมาใหม่หัวเราะคิกคัก

 

“แต่ก็ผู้ชายอยู่ดีป่ะ” ภัทรขมวดคิ้ว โยนลูกบาสใส่อกเพื่อนแล้วเดินหนีไปอีกทาง แต่คนมาใหม่ก็ยังเดินตาม

 

“สมัยนี้แล้วมึง ไม่ถือกันแล้ว ถ้าน่ารักแบบนั้น ก็น่าลอง”

 

“เห็นบอกว่าชื่อบิว ตัวมันสูงดีนะ แต่ไม่ใช่พวกสายกีฬา” เก็ต เพื่อนอีกคนในกลุ่มที่เล่นกับเฟรนเมื่อครู่นี้เข้ามาสมทบ เพราะได้ยินที่ภัทรคุยกับคนมาใหม่

 

“เหยๆ งั้นแบบนี้ต้องเนียนสอนให้เล่น แล้วหลอกแต๊ะอั๋งรัวๆ กูจัดเอง!” คนมาใหม่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกะลุยเต็มที่ จนเพื่อนอีกสองคนต้องส่ายหน้า

 

“เชี่ยต้าแม่ง หน้าม่อไม่เปลี่ยน” เก็ตหัวเราะแห้งๆ ด้วยความเซ็ง

 

“ไอ้เฟรน! ไงวะ”

 

เฟรนหันไปมองคนเรียก “อ้าว? ไอ้ต้า มึงมาสายนะ”

 

“เออน่า ต้องให้อาหารไอ้แอร์แม็กซ์กับนโปเลียนของคุณนายเขา” ต้าพูดถึงหมากับแมวที่แม่เลี้ยงไว้นั่นเอง ก่อนจะกระซิบคุยกับเฟรน ทำเอาบิวขมวดคิ้วฉับอย่างไม่พอใจ “แล้วนี่ ใครวะมึง”

 

“อ่า นี่บิว เพื่อนที่มหาลัย” เฟรนผายมือไปทางบิวที่หน้าตาไม่เป็นมิตรเข้าไปทุกที ไม่รู้ทำไม แต่เฟรนก็รู้สึกถึงรังสีแปลกๆ ของร่างสูงที่ส่งมา

 

“หวัดดีคร้าบ ผมชื่อต้านะ เป็นเพื่อนร้ากกกของไอ้เฟรนตั้งแต่ประถมแล้ว แต่ดันโง่สอบไม่ติด เลยเรียนเอกชนตอนนี้ ฮ่าๆ” ต้าไม่ได้สนใจหน้าตาบึ้งตึงของบิว กลับชวนคุยเหมือนสนิทสนมกันมานาน บิวเลยคลายคิ้วที่ขมวดปมลงเล็กน้อย

 

“อือ หวัดดีครับ”

 

“เรียนที่เดียวกับไอ้เฟรน ก็เด็กวิดวะอ่ะดิ?” ต้าดึงแขนเฟรนให้หลบไปอีกทางแล้วเข้าประกบบิวทันที เฟรนมองตามเพื่อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ไอ้นี่มันหน้าม่อทุกที่ทุกเวลา และกับทุกคนจริงๆ

 

“เปล่า ผมเรียนอักษร” บิวตอบหน้านิ่ง ลักษณะท่าทางของต้าไม่ต่างจากโป้งเท่าไหร่ มาแนวนี้ก็พอรู้แหละว่าจะทำอะไร บิวเจอมาเยอะ จนชินชาแล้ว

 

พอได้ยินว่าเรียนอักษร ต้าก็ผิวปากหวืออย่างชอบใจกว่าเดิม พลางเข้าไปกอดคอบิว และเพิ่งสังเกตว่าบิวตัวสูงกว่าตนเสียอีก “หูยยย เด็กอักษรเนี่ย เขาว่ามีแต่น่ารักๆ เห็นทีจะจริงว่ะ เนอะไอ้เฟรน”

 

“ต้า มึงเมาป่ะเนี่ย อย่ามาเกาะแกะเพื่อนกู ไปเล่นกับพวกไอ้ภัทรนู่น” เฟรนเองก็ชักไม่ไว้ใจเพื่อนตัวเอง ดึงแขนต้าให้ออกห่างบิว แต่สู้แรงไม่ไหว เพราะถึงจะตัวเล็กกว่าบิว แต่ต้าก็ยังตัวใหญ่กว่าเฟรนอยู่ดี

 

“อะไรเล่ามึง กูแค่อยากเป็นเพื่อนกับบิวไง นะครับ มาเป็นเพื่อนกันเนอะบิว” ต้าหันไปส่งยิ้มหวานให้บิว บิวเหลือบสายตาลงมองคนที่สูงแค่ปลายคิ้วของตนแล้วยักยิ้ม

 

“อืม เป็นเพื่อนก็ได้อยู่ งั้นช่วยสอนผมเล่นบาสทีสิ ต้า”

 

“บิว!” เฟรนตาโตทันที เมื่อกี้บอกจะสอนให้ก็ไม่ยอม แล้วทีนี้ทำไมจะให้ไอ้ต้าหน้าม่อนี่มันสอน บิวคิดอะไรอยู่กันแน่!?

 

“มึงเล่นกับพวกนั้นต่อเหอะ ต้า ผมขอตัวต่อตัวนะครับ” บิวดันหลังเฟรนให้ออกไปจากตรงนี้และขยิบตาให้ต้าอย่างน่ารัก เจอแบบนี้พี่ต้าก็ฮึดเต็มพิกัด เตรียมจะลวนลามผ่านการเทรนแบบออกนอกหน้ามากจนบิวหัวเราะหึในคอ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.10 16/3/18 new up 7:34pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 17-03-2018 09:56:22
โป้งว่า "ไม่" แต่  :oo1: กับโอ
คงหมายถึง "ไม่ปฏิเสธ"  :mew4:
น้องโป้งสายซึน
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.9 16/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 17-03-2018 09:57:30
อยากจะด่าบิวจริงๆ วางแผนจะบอกเลิกเค้ายังไงเนี่ย ไปห้องเค้าไปเนียนถ่ายรูปให้คนอื่นเข้าใจผิด ว่ารักกันลึกซึ้ง แต่แกก็กะจะเลิกเป็นแฟนหลอกๆไปจีบหญิง เดี๋ยวเฟรนหนีขึ้นมาจะรู้สึก ส่วนโอโป้งนี่ คู่นี้น่ารัก เหมือนโอจะคุมโป้งอยู่เลยค่ะ คล้ายๆเจ้ากรรมนายเวรไม่ก็เนื้อคู่ไรประมาณนี้
บิวมันเจ้าแผนการ ต้องรอดูไป อิๆ ส่วนโอโป้งนี่ไม่ต้องพูดถึง รับรองความแซ่บ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 17-03-2018 14:08:16
เดี๋ยวจะว่าคู่หลักไม่คืบหน้าไปไหนเลยยยย



12

เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง

 

เฟรน ภัทร เก็ตและเพื่อนๆ อีกสองสามคนที่เล่นบาสกันอยู่ในสนามอีกฝั่งต่างหยุดนิ่งและมองไปทางต้ากับบิวเป็นตาเดียวด้วยความตื่นตะลึง

 

“ไหนบอกเล่นไม่เป็น...” เฟรนแอบบ่นเบาๆ หน้าตาหงุดหงิดนิดหน่อย ก็ดูที่บิวเล่นกับต้าสิ

 

ต้าแทบจะตามเก็บลูกไม่ทัน เหนื่อยหอบเหงื่อซ่ก ส่วนสูงก็ยิ่งเสียเปรียบอยู่แล้วด้วย บิวเล่นแย่งลูกรัวๆ พลิกไปพลิกมา ทั้งดังค์ทั้งชู้ตสามแต้ม แถมยังตะโกนสั่งต้าให้คอยเก็บลูกหน้าตาโหดสุด จนไอ้ต้าไม่กล้าหือไปแล้ว

 

“ไปเก็บมา! ให้ไว!” บิวตะโกนพลางชี้นิ้วไปทางลูกบาสที่กลิ้งออกนอกสนาม ท่าทางอย่างกับโค้ชทีมชาติ ต้าก็วิ่งกระหืดกระหอบไปเก็บมา

 

“พอยังอ่ะบิว กูไม่ไหวแล้ว” พอเล่นกันไปเรื่อยๆ ต้าก็ชักจะไม่เห็นความน่ารักของบิวเหมือนตอนแรกแล้ว สรรพนามมันเลยเปลี่ยนไปอย่างที่เห็น

 

“อะไรวะ! ยังไม่ถึงชั่วโมงเลย แบบนี้มึงลงสนามไหวได้ไง! ได้วิ่งมั่งรึเปล่าห๊ะ!? แย่งลูกจากกูให้ได้สักลูก แล้วจะให้พัก!”

 

“ไอ้สัสบิววววว” คำสบถด่ากันก็มาครับงานนี้ เพื่อนๆ นี่อึ้งไปเลย มันสนิทกันเฉย

 

จบการดวล 1 VS 1 ของต้ากับบิว และบิวก็ชนะไปแบบขาดลอยด้วยสกอร์ 21-0 ต้าหอบแรงทิ้งตัวลงกลิ้งบนพื้นซีเมนต์ ส่วนบิวแค่ยกคอเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อพลางหายใจหอบเหนื่อย แต่ไม่มากเท่าต้า

 

“บิว!” คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาหาเหมือนเคย “ไหนบอกเล่นไม่เป็นไง” แอบงอนนิดๆ ที่ถูกหลอกจนบิวอดขำเบาๆ กับหน้างอๆ ของเฟรนไม่ได้

 

“มันร้อน ขี้เกียจเล่น เลยบอกไปงั้นแหละ” ก็ดูสิ เหงื่อแตกพลั่กขนาดนี้ บิวค่อนข้างจะเป็นหนุ่มเจ้าสำอางเสียด้วย

 

“โหหห นี่ขนาดขี้เกียจ เอาซะไอ้ต้าหอบเป็นหมาเลย ฮ่าๆ” เก็ตหัวเราะเยาะใส่หน้าเพื่อนที่นอนกลิ้งบนพื้นอย่างหมดแรง เลยโดนต้าสวนกลับด้วยนิ้วกลางไปตามระเบียบ

 

“กูว่าแล้ว หน้าแม่งคุ้นๆ” จู่ๆ ภัทรที่เงียบมานานก็โพล่งขึ้น หน้าตานิ่งๆ ตอนแรกหายไป กลายเป็นหน้าตื่นเต้นดีใจ “บิวนี่ ใช่บิวตี้ป่ะ บุณยวีย์ ปิ่นกิจ กูจำชื่อมึงได้!”

 

บิวหันไปมองภัทรอย่างงุนงง “ก็ใช่อ่ะ ทำไม?”

 

“เชี่ยแม่ง พวกมึงจำมันไม่ได้เหรอ ตอนม.5 รอบชิงของเซ้นส์สเตฟานกับสุทธินโรดม” ภัทรกวาดสายตามองเพื่อนๆ รอบวง หลายคนเริ่มพยักหน้าว่าจำได้ เพราะการแข่งรอบนั้นพวกเขาก็ไปดูอยู่ เฟรนนิ่งไปนาน เหมือนจะนึกออกเช่นกัน

 

“ที่สาวๆ แม่งถือป้ายเชียร์กันบ้าคลั่ง กับคนชื่อโป้งอะไรนั่นป่ะ” เก็ตตาวาว “เซ็นเตอร์ของสุทธิฯ ไอ้บิว!!!”

 

“อือ” บิวตอบรับในคอเบาๆ รู้สึกอายเหมือนกันที่มาเสียงดังโวยวายเรื่องในอดีตกันตรงนี้ เพื่อนๆ ของเฟรนดูจะตื่นเต้นดีใจกันมากที่เจอบิวตัวเป็นๆ เพราะเคยฝากผลงานไว้ตอนนั้นอย่างเจ็บแสบ ชนิดที่อีกทีมก็ไม่น่าจะลืมลง แต่บิวเลิกเล่นบาสไปตอนม.6 เพราะต้องเตรียมสอบเข้า และที่ลงเล่นตอนนั้นเพราะพนันกับไอ้โป้งด้วยแหละ

 

เพราะอย่างนั้นเอง ตอนที่เฟรนเจอบิวครั้งแรก แม้บิวจะแต่งหญิง แต่ก็ยังรู้สึกคุ้นๆ ยิ่งเจอตอนแต่งแมนครั้งแรกที่ผับนั่นก็ยิ่งคุ้น

 

บุณยวีย์ ปิ่นกิจ เซ็นเตอร์เบอร์ 4 ของโรงเรียนชายล้วนสุทธินโรดม เมื่อ 2 ปีก่อน คนที่เฟรนได้แต่มองอยู่ไกลๆ และลุ้นตัวโก่งกับการทำแต้มทั้งดังค์และชู้ตสามแต้มแสนจะแม่นยำนั้น

 

พอรู้ว่าบิวเป็นคนที่พวกเขาเคยชื่นชมกันมาก่อน ทุกคนก็ดูตื่นเต้นดีใจมาก เลยพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮาจนเย็นย่ำ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บิวขี่จักรยานพาเฟรนซ้อนกลับไปส่งที่บ้าน ถ้าวันนี้บิวไม่ได้แวะมา เฟรนก็คงแค่พาเจ้าตัวเล็กไปเล่นด้วยเฉยๆ แต่จักรยานซ้อนได้แค่คนเดียว น้องโทโมะเลยโดนพี่ชายทิ้งไว้บ้านซะงั้น

 

“เล่นเก่งขนาดนั้นก็ไม่บอก” เมื่อลงจากจักรยานของบิว เฟรนก็หน้ามุ่ยเอ่ยตัดพ้อเล็กๆ

 

“ไม่ได้เก่งอะไรนี่ ไม่เล่นมาสองปีแล้ว ฝีมือก็ตกลงตั้งเยอะ” บิวหัวเราะเบาๆ วางมือบนหัวคนตัวเล็กแล้วโคลงไปมา

 

“ใครบอก! เล่นซะไอ้ต้าหอบเกือบตายแน่ะ แบบนั้นไม่เรียกฝีมือตกแล้ว” เฟรนปัดมือของบิวออก ท่าทางกระเง้ากระงอดไม่หาย แต่กลับน่าเอ็นดูสำหรับบิว

 

“โอ๋ๆ ไม่งอนน้า น้องหนู ไว้พี่บิวพาไปเลี้ยงขนม” บิวหัวเราะอารมณ์ดี ยื่นมือไปลูบหัวอีกรอบ และคราวนี้ไม่ยอมให้ปัดออกด้วย

 

“กูไม่ชอบกินขนม!” เฟรนพยายามไล่ปัดมือของบิว แต่บิวไม่ยอมปล่อย เลยได้แต่คว้าข้อมือบิวไว้

 

ค่ำแล้ว แถวนี้แทบไม่มีคนหรือรถแล่นผ่าน แสงไฟสลัวๆ จากเสาไฟข้างทางไม่ได้ช่วยให้บริเวณนี้สว่างนัก แต่ก็ยังมีแสงไฟจากในบ้านของเฟรนช่วยให้มองเห็น

 

บิวลูบหัวเฟรนเบาๆ จ้องมองใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อของร่างเล็กอย่างเผลอไผล เฟรนยังเอามือจับที่ข้อมือของบิวข้างที่วางบนหัวตัวเอง ไม่กล้าสบสายตาตรงๆ แต่ก็เหลือบมองเป็นระยะ และทุกครั้งที่เหลือบมอง ก็เห็นแววตาเปล่งประกายคู่นั้นกำลังจดจ้องจนเหมือนจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว พาให้หัวใจเต้นรัว

 

ไม่รู้อะไรดลใจให้เงยหน้ามองบิวเต็มๆ ตา และพอเงยหน้าก็ต้องนิ่งงัน เพราะจู่ๆ ใบหน้าสวยคมที่มีรอยยิ้มหวานบาดใจก็โน้มลงมาแนบริมฝีปากกับปากเรียวเล็กของตน

 

เพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาทีก็ผละจาก

 

“โทษที กลับก่อนนะ” บิวเอ่ยเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน ก่อนจะรีบหักรถเลี้ยวออกจากตรงนั้นไป ทิ้งให้เฟรนยืนนิ่งอึ้งใจสั่นรัว พอตั้งสติได้ก็รีบพาหน้าแดงๆ ของตนวิ่งหนีเข้าบ้านด้วยความอาย

 

******

 

หลายวันแล้วที่บิวไม่กล้าไปเจอหน้าเฟรน ตั้งแต่เผลอจูบไปคราวนั้น ไม่รู้ว่าเฟรนรังเกียจหรือเปล่า กลัวจะโดนเกลียดจนเครียดไปหมด ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งเจอกัน บิวยิ่งรู้สึกว่าเฟรนน่ารักขึ้นทุกที จนจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้ว

 

“เอ้าๆ แดกเข้าไป เหล้าเนี่ย เป็นไรของมึงวะไอ้บิว มาถึงก็กระดกเอาๆ” เอ็มตบบ่าเพื่อนปุๆ พลางนั่งลงข้างๆ แล้วยกแก้วคอกเทลขึ้นจิบ “แหม ได้เงินพนันเป็นแสน เที่ยวรัวเลยนะมึง”

 

“ได้เหี้ยไรล่ะ” บิวสบถเบาๆ เอ็มหันมามองหน้าอย่างสงสัย

 

“มึงว่าไรนะ?”

 

“เปล่า...” บิวส่ายหน้าแล้วกระดกเหล้าเข้าปากต่อ

 

“เพลาๆ หน่อยมะ เออ เห็นไอ้โอมันพาไอ้โป้งกลับมาบ้านแล้วนี่ อัพรูปคู่กันด้วย แม่งต้องมีอะไรแน่ๆ” เอ็มแย่งแก้วจากมือบิวมาดื่มต่อ

 

“มีอยู่แล้วแหละ” บิวแค่นยิ้มกับตัวเอง จะไม่มีได้ไง ก็กูเนี่ย ยุไอ้โอเองกับมือ ทีนี้ก็สลัดไอ้โป้งหลุดเสียที หมดเวรหมดกรรม

 

“มึงด้วย! รูปที่ลงคู่ไอ้เฟรนรัวๆ มันหมายความว่าไงวะ ไหนมึงบอกจะเลิกไง”

 

บิวเงียบ แย่งแก้วเหล้าในมือเอ็มมาชงเหล้าเข้าไปอีก แล้วกระดกรัว จนเอ็มห้ามไม่ทัน

 

“เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งเมามึง อธิบายมาก่อน ไอ้เหี้ยบิว!”

 

เอ็มหน้ามุ่ยคว้าแขนบิวมาพาดบ่าแล้วพยุงขึ้น “ห่าราก...ทำกูลำบากอีก บอกไม่ให้เมาๆ ไอ้สัสบิวแม่ง...” บ่นด้วยความหงุดหงิดพลางพาเพื่อนรักเดินออกจากผับที่ใกล้จะปิดเต็มที

 

ตี 2 แล้ว

 

เอ็มกดเรียกอูเบอร์ในมือถือของบิว เพราะมันระบุพิกัดไว้ แต่พอพาเพื่อนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง เอ็มก็มึนๆ งงๆ อาจจะเพราะตัวเองก็เมานิดหน่อยด้วย เลยไม่แน่ใจว่ามาถูกบ้านหรือเปล่า จะลองกดออดก็กลัวรบกวนคนในบ้านและเพื่อนบ้าน เลยได้แต่ยืนชะเง้อคอมองผ่านรั้วเข้าไป

 

เฟรนได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดสักพักแล้วตอนที่อยู่ในห้องน้ำ พอเดินออกมาส่องหน้าต่างดูก็เห็นเอ็มพยุงบิวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้าน

 

เพราะทุกครั้งที่จะไปผับ บิวจะส่งไลน์มาบอกเสมอ เฟรนก็เลยอยู่รอ เผื่อว่าบิวเมามา ก็จะมานอนด้วยตลอด

 

ร่างเล็กรีบวิ่งลงบันได ออกไปเปิดประตูหน้าบ้านให้เอ็ม

 

“อ้าว? นี่บ้านมึงเหรอวะ” เอ็มเอ่ยทัก เฟรนพยักหน้ารับ

 

“แล้วมึงกลับไงอ่ะ นอนด้วยกันเลยมั้ย?” ยังไงก็เพื่อนๆ กัน เฟรนเลยเป็นห่วงเอ็มไปด้วย แต่เอ็มส่ายหน้า บอกว่าเดี๋ยวเรียกรถมารับกลับบ้าน ไม่งั้นพ่อจะด่าเอา เฟรนเลยรอจนเอ็มได้ขึ้นรถแล้ว ค่อยพาบิวกลับเข้าบ้าน

 

ปกติบิวจะไม่เมาขนาดนี้ อย่างมากก็พอกรึ่มๆ พูดคุยกันรู้เรื่อง และเดินเหินเองได้ แต่ครั้งนี้น่าจะหนักหน่อย ถึงขนาดเอ็มต้องพามาส่ง

 

“จะเมาอะไรนักหนาวะ แดกแทนน้ำรึไง” อดบ่นไม่ได้ แต่ก็พยุงร่างสูงที่ตัวหนักอย่างกับหมีไปจนถึงเตียงจนได้

 

พอทิ้งร่างคนเมาไม่ได้สติลงบนเตียงได้แล้ว เฟรนก็นั่งลงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งที่อาบน้ำแล้ว แต่เหงื่อดันออกอีก เฟรนเลยอยากจะอาบน้ำอีกรอบก่อนนอน

 

เสียงน้ำในห้องน้ำปลุกคนเมาให้สลึมสลือลุกขึ้นมานั่งโงนเงนอยู่บนเตียงขนาด 5 ฟุตครึ่งในห้องนอนคุ้นตา ตู้เสื้อผ้าสีขาว แมคบุ๊คสีขาวบนโต๊ะไม้เล็กๆ ข้างตู้ ผ้าม่านสีขาว แค่เห็นก็รู้ว่าห้องใคร บิวอมยิ้มอารมณ์ดี จำได้รางๆ ว่าเอ็มพามาส่ง ช่างส่งได้ถูกที่จริงๆ เอ็มเพื่อนรัก

 

เฟรนอาบน้ำพอให้หายร้อนและล้างคราบเหงื่อไคล ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเปิดประตูออกมา พลันต้องชะงักตาโตเมื่อเปิดประตูมาเจอไอ้คนที่คิดว่าหลับคร่อกไปแล้วยืนเกาะขอบประตูยิ้มตาหยีมาให้

 

“เหี้ย!” อุทานได้น่ารักมาก บิวกลอกตาไปมาอย่างเอือมๆ

 

“เหี้ยที่ไหนหล่อได้ขนาดนี้” แล้วก็กลับมาถามหน้าตายพร้อมเลิกคิ้วใส่คนตัวเล็ก

 

เฟรนยู่ปากน้อยๆ “มายืนทำไรเนี่ย ถอยไป” แขนเล็กยกขึ้นดันร่างสูงที่ยืนขวางหน้าประตูห้องน้ำ

 

“แอบดูคนอาบน้ำมั้ง” คำตอบหน้าตายของบิว ทำเอาคนตัวเล็กแก้มแดงปลั่ง เผลอโวยวายเสียงดัง ก่อนจะรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้

 

“ก็มีเหมือนๆ มึงนั่นแหละ”

 

“ไม่เหมือนดิ ของมึงเล็กกว่า” บิวหัวเราะ

 

“สัส! ถอยไปเลย มันหนาว!” เฟรนสบถใส่หน้าแล้วผลักอย่างจงใจ บิวเลยยอมเบี่ยงตัวหลบให้ พลางส่งสายตามองตามร่างบางๆ ผิวขาวอมชมพูที่เดินไปหน้าตู้เสื้อผ้าสีขาว หยดน้ำที่เกาะพราวบนแผ่นหลังเล็ก ทำให้รู้สึกกระหายแปลกๆ

 

“อี๊!” เฟรนร้องเสียงหลงสะดุ้งเฮือก โดนดันจนหน้าแนบตู้และร้อนวาบที่สันหลัง จะหันไปมองก็ไม่เห็นอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น จนบิวเงยหน้าขึ้นมาคลี่ยิ้ม “มึงเมามากไปแล้ว ไอ้บิว!”

 

คนที่เพิ่งเลียน้ำบนหลังของร่างเล็กเมื่อครู่ไม่โต้ตอบอะไร ปลายจมูกไซร้พรืดเข้าที่หลังหูและแก้มใสที่เจือสีแดงจางๆ ทั้งดมทั้งหอมทั้งไซร้ จนเฟรนตัวเกร็งขึง ไม่รู้จะโวยวายหรือทำยังไงดี มันเสียวปลาบไปทั้งร่างจนแรงเริ่มถดถอยทีละน้อย

 

บิวยอมรับว่าตัวเองกำลังเมา และเมามากด้วย แต่น่าจะไม่ใช่เพราะเหล้า

 

“บิว...ปล่อย...” เสียงที่สั่นเหมือนร้องไห้ทำให้บิวได้สติ ร่างสูงเบิกตาโพลง มองมือตัวเองที่กำข้อมือเล็กๆ ทั้งสองข้างไว้แน่นจนกระดูกแทบแตกด้วยความตระหนก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูอาบน้ำจากร่างเล็กราวกับยั่วยวนให้สูดดมใกล้ๆ อีกครั้ง แต่บิวก็พยายามตั้งสติสุดชีวิต สะบัดหน้าแรงๆ แล้วปล่อยมือจากข้อมือบาง

 

“กู...มึนๆ ว่ะ โทษที” บิวเดินโซเซไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอนแผ่ตามเดิม

 

เฟรนถอนหายใจดังฟู่อย่างโล่งอก ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วคว้าหมอนกับผ้าห่มลงมาปูนอนบนพื้น บิวขมวดคิ้ว เด้งตัวลุกขึ้นนั่งมองคนตัวเล็กที่บนพื้น

 

“ทำไมไม่นอนข้างบน”

 

“มึงนอนไปเหอะ กูอยากนอนข้างล่าง” เฟรนตอบพลางพลิกตัวนอนหันหลังให้

 

“ไม่เอาดิ มานอนด้วยกันข้างบน ไม่งั้นก็ให้กูลงไปนอนพื้นเอง” บิวกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝือน เจ็บร้าวที่อกข้างซ้ายจนอยากจะร้องไห้

 

เฟรนรังเกียจเขา

 

“มึงเกลียดกูเหรอ รังเกียจกูมากใช่มั้ย” คงเพราะยังเมาอยู่ บิวเลยกล้าพูดสิ่งที่คิดออกมา คิดมานานแล้วว่าเฟรนรังเกียจหรือเปล่า ถึงได้ชอบหลบตา ไม่ค่อยอยากให้เข้าใกล้หรือให้ทำอะไรให้ บางทีก็ดูเหินห่างแปลกๆ ทั้งที่บิวอยากอยู่ข้างๆ อยากเอาใจเฟรน

 

“บิว...มึงเมาอ่ะ นอนเหอะ” เฟรนข่มตาลง ริมฝีปากเม้มแน่นจนสั่นระริก ทำไมบิวต้องขยันทำให้ใจสั่นนักก็ไม่รู้ ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

 

ไม่เคยรู้สึกอะไรเลย

 

“บิว!” จู่ๆ คนตัวสูงก็กระโจนลงมาจับพลิกนอนหงายแล้วกดแขนไว้ เฟรนดิ้นพล่านแม้จะสู้แรงไม่ได้ แต่ด้วยความตกใจมันเลยต้องสู้

 

“มึงรังเกียจกู! ทำไมวะ! เพราะกูเป็นเกย์เหรอ!?” บิวโวยวายหน้าแดงหน้าดำ

 

“พูดเหี้ยอะไรเนี่ย!? มึงเมามากไปแล้วจริงๆ บิว...ไปนอนไป” เฟรนหยุดดิ้นและจ้องมองดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตาคลอของบิว พลันนึกถึงที่บิวหลุดปากออกมา เมื่อกี้บิวพูดว่าไงนะ?

 

เป็นเกย์?

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

ได้ยังไง?

 

“เฟรน...กู...” บิวเรียกชื่อด้วยเสียงแผ่วเบา รู้สึกถึงน้ำตาที่หยดลงบนแก้ม กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกและความร้อนชื้นที่ดึงดันแทรกเข้าสู่โพรงปาก

 

เฟรนหลับตาลง จะอะไรก็ช่างมันแล้ว

 

******

 

บิวไม่โผล่หน้ามาอีกเลยจนกระทั่งก่อนเปิดเทอม

 

 “พี่เฟรนจากลับหอแล้วอ่า!!!” น้องชายตัวน้อยของเฟรนกอดแขนกอดขาพี่ชายเสียแน่นหนา ไม่อยากให้เพื่อนเล่นเพียงคนเดียวที่บ้านกลับไปอยู่หอพัก

 

“ไม่ต้องมาอ้อนเลย พี่ต้องไปเรียนนะ” เฟรนลูบหัวน้องชายเบาๆ แต่เจ้าตัวเล็กยังไม่ยอมปล่อยมือ จนแม่กับพ่อต้องมาช่วยกันลากออกไป

 

“เดินทางดีๆ นะลูก ตั้งใจเรียนนะคะ” แม่ยิ้มให้ ส่วนพ่อก็ตบบ่าเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ เฟรนสะพายเป้หนึ่งใบและหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ทรงกระบอกอีกใบที่มีลูกบาสห้อยติดไว้ เดินออกไปหน้าบ้าน โดยมีทุกคนในบ้านเดินตามไปส่ง

 

“ไม่ให้พ่อไปส่งแน่นะ?” พอเดินออกมาถึงหน้าบ้าน พ่อก็ถามขึ้น เพราะเฟรนบอกจะโบกแท็กซี่ไปต่อรถตู้เอา

 

“ไม่เป็นไรครับ อยากให้พักผ่อน วันหยุดทั้งที” ลูกชายแสนดีคนนี้ทำเอาพ่อกับแม่ต้องหันไปยิ้มให้กัน

 

ปิ๊นๆๆ

 

เสียงบีบแตรรถดังลั่นซอย เฟรนกับครอบครัวหันไปตามเสียงนั้น และเห็นบิวที่จอดมอเตอร์ไซค์รออยู่หน้ารั้วบ้าน

 

“อ้าว? ไม่เห็นหน้าตั้งหลายวันแน่ะ นี่เองสาเหตุที่ไม่ให้พ่อไปส่ง” พ่อแซวเล่นขำๆ แต่เฟรนรีบหันไปปฏิเสธตาโต ส่วนบิวก็ลงจากรถแล้วมาไหว้ลาพ่อกับแม่ของเฟรน ไม่ลืมลาเจ้าตัวเล็กด้วย

 

“ไปกันหมดเลยอ่า โทโมะก็เหงาสิ” เด็กน้อยยู่ปาก ทำหน้าตาน่ารักเหมือนพี่ชายไม่มีผิด บิวคิดพลางหัวเราะ

 

“ขับรถดีๆ นะลูก ระวังกันด้วย” แม่เอ่ยอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นบิวคว้ากระเป๋าของเฟรนไปสะพายเอง ให้เฟรนถือไว้แค่กระเป๋าทรงกระบอกกับลูกบาส พลางขึ้นไปสตาร์ทรถ

 

“ผมจะดูแลลูกแม่ด้วยชีวิตเลยครับ” บิวยิ้มหวานตาหยีให้พ่อกับแม่ก่อนจะปิดหน้ากากหมวกกันน็อคลง รอให้เฟรนสวมหมวกเสร็จขึ้นไปซ้อนท้าย ก็ออกเดินทางได้

 

ที่บอกว่าจะดูแลด้วยชีวิต

 

พอนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ เฟรนก็อดหน้าแดงด้วยความเขินอายไม่ได้ บิวเล่นพูดกับพ่อแม่อย่างนั้น หมายความว่ายังไงก็ไม่รู้ เฟรนขยับตัวเอามือกุมอก หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว

 

“กอดแน่นๆ เดี๋ยวตกรถไป กูจะซิ่งนะ” บิวเอี้ยวตัวหันไปมองคนที่นั่งเกร็งกอดกระเป๋าอยู่ข้างหลัง

 

“อือ” เฟรนครางรับในคอ หน้าร้อนผ่าวไม่กล้าสบสายตา ถึงจะบอกให้กอดก็ไม่กล้าอีก เลยแค่เกาะท้ายรถไว้จนเจ็บมือไปหมด

 

เอี๊ยดดด

 

ตุ้บ!

 

จู่ๆ คนขับก็เบรกเข้าข้างทางกะทันหันจนคนตัวเล็กตั้งหลักไม่ทัน หน้ากระแทกกับหลังแข็งๆ เข้าอย่างจัง

 

“อะไรมึงเนี่ย...” เฟรนโอดครวญพลางลูบหน้าตัวเองป้อยๆ

 

“กูบอกให้กอด! ถ้าต้องเบรกแบบเมื่อกี้อีก มึงได้หน้าแหกพอดี กอดมา!” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง เฟรนย่นคิ้วไม่ค่อยพอใจ ทำไมต้องดุ แขนเล็กๆ ค่อยๆ เอื้อมไปข้างหน้าข้างหนึ่ง เกาะเสื้อแจ็คเกตสีน้ำเงินของบิวไว้

 

ตลอดทางหลังจากนั้น มีแต่ความเงียบ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-03-2018 14:24:58
แหมะบิว สมใจแกหล่ะสิ มีบังคับเค้ากอดด้วยนะ สงสัยจะเลิกกันไม่ได้แล้ว ต้องเป็นแฟนกันจริงๆแล้วหล่ะ ส่วนคู่โอโป้งนี้คืบหน้าไปไกลแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-03-2018 02:15:49
บิว รับมาเสียดี ๆ ไปพนันเรื่องโป้งกับโอใช่ปะ นิสัยไม่ดีโผล่ออกมาเยอะแล้วนะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-03-2018 11:27:29
บิว ปากแข็งนะเนี่ย บอกชอบสักทีสิ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 18-03-2018 15:32:12
13
บิวไม่ได้พูดถึงเรื่องในคืนนั้น บางทีอาจจะแค่เมา แล้วก็ลืมเรื่องทั้งหมดไปแล้ว

แต่คนที่ยังจำได้ไม่ลืม จะให้ทำยังไงถึงจะลืม

“ข้อนี้ต้องแทนค่าตรงนี้ครับ ส่วนอันนี้ใช้สูตร...เฟรน? น้องเฟรน?” กั้มเขย่าไหล่ร่างเล็กเบาๆ เพื่อเรียกสติ วันนี้พี่ปี 3 นัดมาติวให้น้องปี 2 ซึ่งเฟรนเป็นสายรหัสของกั้มด้วย เฟรนสะดุ้งเงยหน้ามองรุ่นพี่ที่ยืนสอนอยู่

“เหม่อเชียวเรา เหนื่อยก็พักก่อนมั้ย” กั้มยิ้มให้พลางลูบหัวน้องรหัสอย่างเอ็นดู

“งั้นผมขอพักแป้ปนะครับพี่กั้ม” เฟรนบอกเบาๆ แล้วเดินไปสูดอากาศด้านนอกตึก พลันเหลือบเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังซ้อมร้องเพลงเชียร์อยู่ไกลๆ แถวหอพักนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัย

ผู้ชายร่างสูงโปร่งผมสีน้ำตาลอ่อนที่คุ้นตากำลังปรบมือตามจังหวะเพลงและก้มลงไปคุยกับสาวสวยผมยาวตรงที่ยืนอยู่ข้างกัน สองคนหัวเราะและยิ้มให้กัน ท่าทางสนิทสนม

การเดิมพันมันจบลงแล้ว

“ช่วงนี้ก็ห่างๆ กันไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข่าวเรื่องที่เราคบกันมันก็ซาไปเอง กูจะเริ่มต้นจีบแอลแบบจริงจังด้วยตัวเองแล้ว”

บิวคงไม่รู้ ว่าสิ่งที่พูดออกมาทำร้ายจิตใจคนฟังแค่ไหน

ห่างๆ กันไป

แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็จะไม่เหลือไว้ให้เลยเหรอ

“ไอ้เฟ...เอ่อ...” นนท์วิ่งออกมาหา เห็นเฟรนยืนเหม่อมองไปทางกลุ่มเด็กอักษรที่ซ้อมเพลงเชียร์อยู่ก็ไม่กล้าเรียกเสียงดัง เลยวิ่งไปหาใกล้ๆ แล้วค่อยสะกิดไหล่ “กูจะไปหาอะไรกิน มึงไปด้วยกันเลยมั้ย” จากตอนแรกแค่จะถามว่าเอาอะไรมั้ย เลยกลายเป็นว่า ชวนไปด้วยกันจะดีกว่า

“อือ ไปดิ” เฟรนกะพริบตาไล่ความรู้สึกที่เอ่อท้นตรงขอบตาแล้วหันหลังเดินนำเพื่อนไปที่รถของนนท์

นนท์พยายามชวนคุย เล่นมุกตลกให้ขำ หยิบขนมแปลกๆ มาให้ดู แต่เฟรนก็ทำได้แค่ยิ้มอ่อนให้ ไม่อยู่ในอารมณ์จะเฮฮาด้วยเลยสักนิด

“มึง มีอะไรอยากระบายมั้ยวะ” เพราะเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเฟรนกับบิวเคยคบกันเมื่อเทอมก่อน แต่ไม่รู้ทำไม จู่ๆ มาเทอมนี้ก็ห่างกันจนเห็นได้ชัด แถมมีข่าวแว่วมาว่าบิวกลับตัวกลับใจเป็นผู้ชายเต็มร้อย ตามจีบสาวสวยแห่งคณะอักษร ถึงขนาดขอไปช่วยงานพี่กลุ่มพี่เชียร์ ที่แอลเป็นสมาชิกอยู่ แม้จะมีกระแสต่อต้านจากสาวๆ ที่ชอบบิวเฟรนมากมาย แต่บิวก็หาได้สนใจไม่

“ไม่มีอ่ะ รีบไปติวเหอะ อยากได้ความรู้จะแย่ละ” เฟรนพยายามทำตัวตามปกติ แต่ยังไงมันก็ไม่ปกติอยู่ดี โดยเฉพาะในสายตาของเพื่อนๆ

เฟรนตั้งสมาธิมุ่งมั่นกับการติวของพี่ๆ ปี 3 เทอมนี้แยกสาขาแล้ว และเลือกเรียนสาขาที่ยากที่สุดของที่นี่เสียด้วย นั่นคือ ปิโตรเลียม ดังนั้น ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระอีกแล้ว

เฟรนติดรถของสนกลับมาที่หอพักในตอนค่ำ เกือบสองทุ่มแล้ว เพราะมัวแต่แวะกินบุฟเฟ่หน้ามอกันหลังติวเสร็จ พวกรุ่นพี่ทั้งติวให้และยังเลี้ยงข้าวอีก ถึงคราวงานแต้งพี่ตอนพวกพี่กั้มขึ้นปี 4 คงต้องจัดให้หนักๆ หน่อยแล้ว

ตอนที่เดินเข้าไปในหอพัก บังเอิญสวนกับพวกบิวที่น่าจะกำลังออกเที่ยวกลางคืนกัน น้องน้ำกับเอ็มมองเฟรนแล้วยิ้มให้ แต่บิวกลับเดินเลยไป หน้าก็ไม่มองกันเลยด้วยซ้ำ

เฟรนกำมือแน่น รีบสาวเท้าเข้าไปในลิฟท์ มือกดชั้นที่จะไปรัวๆ อยากไปให้พ้นจากตรงนี้เร็วที่สุด

“มึงทำเกินไปเปล่าวะไอ้บิว” เอ็มอดถามไม่ได้ ตั้งแต่เปิดเทอม บิวก็ทำตัวไม่เหมือนเดิม เมินเฟรนแบบเห็นได้ชัด แถมยังตามจีบแอลอย่างเปิดเผย

บิวไม่ตอบ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ทออกไปทันที

เขาไม่ได้ลืมจูบในคืนนั้นเลยแม้แต่น้อย กระทั่งรสหอมหวานก็ยังคงติดตรึงที่ปลายลิ้น อุตส่าห์ตามไปง้อ ให้กลับหอด้วยกัน แต่เฟรนก็ยังทำท่าทีเหมือนรังเกียจ หรืออาจจะกลัวไปแล้วก็ไม่รู้


แล้วจะให้มองหน้ากันติดได้ยังไง จะให้ทำตัวเหมือนเดิมได้ยังไง

บิวทำไม่ได้ รับไม่ไหวกับท่าทางรังเกียจแบบนั้น บอกให้กอด ก็ไม่ยอมกอด แถมยังแค่ดึงเสื้อไว้ มาถึงหอก็รีบขนข้าวของหนีขึ้นห้อง แล้วจะให้คิดยังไง

เฟรนเกลียดเกย์ บิวรู้

แต่เขารักเฟรนไปแล้ว กลายเป็นเกย์ไปแล้ว แล้วจะให้ทำยังไง จะตัดใจให้ได้ ก็มีแต่ต้องใช้วิธีหักดิบแบบนี้เท่านั้น ไม่ต้องเสวนากัน ไม่ต้องมองหน้า หันไปจีบแอล ต้องกลับไปชอบผู้หญิงให้ได้ มันมีแค่วิธีนี้เท่านั้น

ยอมให้เพื่อนมองว่าเลว ยอมให้ทุกคนมองว่าเลว ยังดีกว่าให้เฟรนมองเขาด้วยสายตารังเกียจ

“ดีค่ะ เราแป้งนะ” เป็นปกติที่จะมีสาวๆ อวบอึ๋มมาคลอเคลียเวลาออกเที่ยวกลางคืน คืนนี้มีพวกบิวและคิงกับเรือรบ โอกับโป้งไม่ได้มาด้วย

“ดีครับ ผมบิว” บิวยิ้มหวานให้สาวชุดแดงพลางยกแก้วขึ้นชนกับของเธอ ถ้าเป็นทุกที รูปร่างเย้ายวนและกลิ่นน้ำหอมราคาแพงของเจ้าหล่อนคงทำให้บิวมีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็นึกถึงแต่ริมฝีปากเล็กๆ สีอ่อนแสนหวานกับเรือนร่างบอบบางที่ไร้ส่วนโค้งเว้า แถมยังมีกล้ามเนื้อแบบผู้ชายของเฟรน

“มาบ่อยมั้ยคะ”

“นานๆ ทีครับ ถ้าไม่มีสอบ”

เอ็มกับน้องน้ำมองเพื่อนที่นั่งคุยกับสาวชุดแดงอย่างออกรสด้วยสายตาค่อนไปทางตำหนิ ก็ผู้หญิงคนนั้นเล่นนั่งเบียดเอาหน้าอกแนบแขนของบิวเสียขนาดนั้น จงใจก้มเล็กน้อยให้เห็นร่องอก แถมยังไขว้ขาจนกระโปรงที่สั้นเสมอหูอยู่แล้วถกขึ้นไปถึงชั้นใน ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีก็ยิ้มเรี่ยราด มองหน้าอกกับหว่างขาของสาวเจ้าแบบไม่มีปิดบัง

 “กูจะไม่ไหวละนะ นังชะนีนั่น!” น้องน้ำเริ่มของขึ้น คันมือยิบๆ อยากตบชะนี แต่เอ็มรั้งคอเสื้อไว้

“มึงเป็นเมียมันรึไง จะไปยุ่งอะไร ปล่อยแม่งไปเหอะ”

“ก็มึงดูมันทำดิ กูสงสารเฟรน เห็นหน้ามันมั้ย ตอนที่มองตามไอ้บิว ดูก็รู้ว่ามันรู้สึกยังไง ไอ้เหี้ยบิวแม่งงงง โง่ยิ่งกว่าควาย!” น้องน้ำโวยวายหัวเสียสุดฤทธิ์

“ก็แปลกนะ ทั้งที่คิดว่าเฟรนเกลียดเกย์ แต่ทำไมชอบบิววะ” เอ็มสงสัย

“ไม่แน่ใจหรอก แต่สายตามันบอกจริงๆ นะ เอ็ม! กูเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน กูรู้ดี มันต้องชอบไอ้บิวมากแน่ๆ”

“น้ำ กูว่าเพื่อนมึงเองก็ชอบเขาว่ะ”

“มึงหมายความว่าไง” น้องน้ำยิ่งฉงนเข้าไปใหญ่

“กูว่ามันทำประชดอ่ะ กับแอลก็เหมือนไม่เต็มที่เท่าไหร่ ตอนพนันเรื่องจีบเฟรน ยังจีบจริงจังกว่าอีก” เอ็มอธิบาย “มึงคิดดูนะ เพื่อนเรามันเหี้ยแค่ไหน ไม่เคยมีแฟน แต่ก็คั่วไปเรื่อยป่ะ ของฟรีแม่งเอาหมด พนันเรื่องเหี้ยๆ กับไอ้โป้งมาก็มาก ไม่เห็นมันเคยรู้สึกรู้สาอะไรกับใคร แต่ตอนมันไปจีบเฟรน เป็นแฟนกับไอ้เฟรน มันไม่ยุ่งกับใครเลย ไปรับไปส่งไอ้เฟรนตลอด อยู่ด้วยกันบ่อยกว่าพวกเราอีก ดูแลเอาอกเอาใจ ถึงตอนแรกจะคิดว่าแม่งตอแหลโครตเก่งก็เหอะ แต่หลังๆ กูว่าไม่ใช่ว่ะ”

“มึงจะบอกว่ามันตั้งใจทำเหรอ?” น้องน้ำนิ่งคิด พลางมองที่สองคนซึ่งแทบจะนั่งตักกันอยู่แล้วอย่างหมั่นไส้

“กูแค่เดานะ แต่มันก็น่าเสี่ยง เผื่อจะทำให้เพื่อนมึงมันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง ตอนคบกับเฟรน แม่งโครตดีอ่ะ กูบอกไม่ถูก แต่มันดีขึ้นจริงๆ” เอ็มเขย่าแขนน้องน้ำ “มาทดสอบกันดูมั้ย”

“ทดสอบ?”

******

“วันนี้กูไปกับมึงนะบิว” น้องน้ำตรงดิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์คันสีแดง ในขณะที่บิวกำลังจะสวมหมวกกันน็อค

“อ้าว? ไอ้เอ็มอ่ะ?” บิวทำหน้างง น้องน้ำพยักเพยิดไปด้านหลัง บิวหันไปมองตาม เห็นเอ็มกำลังเปิดประตูให้ใครบางคนออกมาจากหอ พลันต้องชะงักไป

เฟรนยิ้มขอบคุณที่เอ็มเปิดประตูให้ราวกับเป็นเจ้าหญิง ท่าทางขัดๆ เขินนั่นเหมือนตอนที่อยู่กับบิวไม่มีผิด

“เชี่ยเอ็ม!” บิวสบถลอดไรฟัน ทำท่าจะเข้าไปหาทั้งคู่ แต่น้องน้ำฉุดไว้ก่อน

“ไปยังเนี่ย เร็วดิ”

บิวกัดฟันกรอด ยอมขี่มอเตอร์ไซค์พาน้องน้ำไปเรียนอย่างหัวเสีย ใจพาลคิดไปต่างๆ นานา

ทำไมเอ็มไปสนิทกับเฟรนได้ เปิดประตูให้ พาไปส่งที่คณะ มันเหมือนที่เขาเคยทำไม่มีผิด

แถมยัง...

“นี่ๆ เราให้ เฟรนชอบกินไม่ใช่เหรอ” เอ็มตักกุ้งที่แกะเปลือกแล้วส่งให้ เฟรนเงยหน้ามองพลางส่งยิ้มแหยๆ เอ็มทำเหมือนที่บิวเคยทำก็จริง แต่ความรู้สึกมันต่างออกไป

“ขอบใจ”

“กินเยอะๆ เลยนะ ไม่พอเราไปสั่งกับมาเพิ่มให้อีกได้” เอ็มยิ้มกว้างอย่างน่ารัก

เมื่อคืน จู่ๆ เอ็มกับน้องน้ำก็มาขอให้ช่วยอะไรบางอย่าง และไอ้อะไรบางอย่างก็คือที่เอ็มทำเหมือนจะจีบอยู่ตอนนี้นี่แหละ

ทำไปก็เท่านั้น บิวไม่มีทางสนใจหรอก

“ไอ้เอ็ม...” บิวกับน้องน้ำนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง และมองเห็นทั้งคู่ตลอดเวลา บิวกัดฟันกรอดๆ ตลอดเวลาจนน้องน้ำเริ่มหวั่นๆ กลัวเพื่อนจะฟันสึกเสียก่อน

“มึงเป็นไรวะบิว ทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคน” เสียงโอลอยมาเข้าหู บิวที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เงยหน้าขึ้นชูนิ้วกลางกระแทกหน้าเพื่อนเต็มๆ

“จะอะไร ก็แค่ลืมฉีดยาไง ไอ้น้ำมึงพามันไปฉีดกันบ้ามั่งนะ ปีนี้ระบาด” วันนี้มันเป็นอะไร ไอ้ผองเพื่อนต่างคณะถึงได้มาแดกข้าวพร้อมหน้าที่โรงอาหารกลางกันหมด บิวคิดอย่างหัวเสีย รู้สึกพาลไปทั่ว

“มึงก็ว่าไปไอ้คิง กูพาไปฉีดทุกปีนะ แต่แม่งบ้าไม่เลิกเอง ฮ่าๆ” น้องน้ำด่าได้สะใจมาก เพื่อนหัวเราะครืนทั้งโต๊ะ

“ว่าแต่ พวกมึงนี่ยังไงๆ” เรือรบหันไปหาเรื่องโป้งกับโอแทน ปล่อยหมาบ้ามันบ้าไปก่อน

“อะไรยังไง” โป้งทำหน้านิ่ง รับแก้วน้ำจากมือโอมาดูด แล้วโอก็เอาไปกินต่อ แถมยังมีตักข้าวป้อนกัน หยอกกันไปมา เพื่อนๆ ถึงกับตาโต

“ไม่ต้องบอกละ กูรู้แล้ว” เรือรบพยักหน้าเหมือนเข้าใจกับตัวเอง

“รู้เหี้ยไรของมึงไอ้รบ” โป้งแหวใส่ แล้วหยิบขนมในถุงปาใส่หัวเพื่อน เรือรบก็ไม่น้อยหน้าเอาไอ้อันที่ปามานั่นแหละปากลับไป ตีกันเหมือนเด็กประถม จนโอต้องจับแยก

ตึง!

“เหี้ย!” น้องน้ำสะดุ้งเฮือกสบถลั่น เมื่อจู่ๆ บิวที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เอามือทุบโต๊ะแล้วเดินปึงปังออกไป “เฮ้ย! ฉิบหายแล้วไอ้เอ็ม!”

“อะไรของมันวะ น้ำ” คิงผู้แสนสอดรู้มองตามบิวไปอย่าง งงๆ

“องค์ลงแล้วมึง!” น้องน้ำร้องบอกเพื่อนๆ แล้วรีบวิ่งตามบิวไป พอบอก “องค์ลง” เท่านั้นแหละ ทุกคนลุกพรึ่บทันทีอย่างรู้กัน แม้แต่โป้งก็ยังต้องทิ้งข้าวปลาอาหารที่กำลังกินตามไป

บิวเดินเร็วจนแทบจะวิ่ง ยิ่งเห็นเอ็มก้อร่อก้อติกกับคนตัวเล็กยิ่งของขึ้น แขนยาวยื่นพรวดกระชากคอเสื้อของเพื่อนรักขึ้นมาจากโต๊ะ เสียงคนรอบข้างวี้ดว้ายด้วยความตกใจ จานข้าวของเอ็มกระเด็นกระจัดกระจายเต็มพื้น เฟรนผุดลุกตาม ท่าทางตกใจ

“ไอ้สัสเอ็ม!”

ผัวะ

ร่างของเอ็มที่เล็กกว่าบิว กระเด็นไปกระแทกโต๊ะข้างหลัง นักศึกษาที่นั่งกินข้าวกันอยู่แตกฮือ คนเริ่มมามุงด้วยความสนใจ หลายคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ จนพวกโป้งที่วิ่งตามมาต้องรีบห้ามไม่ให้บันทึกภาพ เกิดมีภาพหลุดไป บิวอาจโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยได้

“บิว! หยุด!” เฟรนตั้งสติได้ รีบเข้าไปคว้าแขนบิวไว้ ก่อนที่จะตามไปซ้ำบนหน้าของเพื่อน เวลาปกติก็สู้แรงบิวไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้จะเอาอะไรไปห้ามได้

“มึงพอ ไอ้บิว!” โอวิ่งเข้ามาคว้าตัวบิวไว้ทันก่อนเอ็มจะโดนกระทืบท้อง “เป็นเหี้ยไรเนี่ย!? นี่เพื่อนมึงนะ!”

ขนาดโอที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มยังแทบไม่ไหว ต้องให้เรือรบกับคิงช่วยอีกแรง เวลาบิวหน้ามืดขาดสติมักจะเป็นแบบนี้ประจำ เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันหลายปีจะรู้ดี

เพราะตอนเด็กๆ บิวตัวเล็ก หน้าก็เหมือนผู้หญิง เลยโดนแกล้งบ่อย แถมชื่อก็โดนล้อเลียนประจำ หาว่าเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว จนวันหนึ่งตอนป.3 บิวทนไม่ไหว ลุกขึ้นสู้กับเด็กผู้ชายในห้อง 5 คนที่มารุมรังแกตั้งแต่ป.1 จนเลือดตกยางออก ตอนนั้นพ่อของบิวถูกเรียกมาที่โรงเรียน พ่อไม่ว่าอะไรบิวเลยสักคำ แถมยังส่งบิวไปเรียนยูโดกับเทควันโด้ แต่พอพ่อเสีย บิวก็หมดกำลังใจจะเล่นต่อ

เพราะพ่อเข้าใจบิวที่สุด รู้ว่าต้องอดทนแค่ไหนกับการถูกกลั่นแกล้งมาตลอด 3 ปี บิวพยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก จนตัวโตกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน กลายเป็นนักกีฬาที่อยู่ในกรอบมาตลอด หากไม่มีใครมาทำให้หัวเสียจนสติหลุด ก็จะไม่ทำใครก่อน มีเรื่องกันก็เลี่ยงด้วยการหนีตลอด

แต่ครั้งนี้ บททดสอบของเอ็มดันไปกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของบิวเข้าแล้ว

น้องน้ำกับเอ็มจำได้ดี ตอนม.3 ที่บิวมีเรื่องและพวกนั้นมันดูถูกชื่อกับหน้าหวานๆ ของบิว ทำให้บิวขาดสติ อัดพวกมันจนยับ และโดนทำทัณฑ์บน ส่วนพวกโป้งก็เคยเห็นตอนบิวขาดสติมาแล้วเหมือนกัน

โป้งประคองเอ็มขึ้นจากพื้น เลือดไหลโชกจากมุมปาก ไม่รู้ว่าฟันหักด้วยหรือเปล่า น้องน้ำตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่น่าใช้วิธีนี้ทดสอบเพื่อนเลย ได้ผลดี แถมยังดีเกินไป ดีจนเกือบตาย

“ตั้งสติหน่อยมึง!” คิงตบๆ ที่หน้าของบิว เรือรบกอดขา โอล็อคแขน บิวได้สติและหันไปมองคนตัวเล็กที่เข้าไปดูอาการของเอ็ม พลันหัวก็เหมือนโดนไฟเผาขึ้นมาอีกระลอก

“โดนต่อยทีเดียว ไม่ถึงตายหรอกว่ะ มาให้กูกระทืบให้จมตีนดีกว่าไอ้เอ็ม!” บิวดิ้นพล่าน จะให้หลุดจากโอและเรือรบ เฟรนฉุนกึก หันควับไปตบหน้าบิวเต็มฝ่ามือ ทุกคนอึ้ง

“เป็นบ้าอะไร! นี่เพื่อนมึงไม่ใช่รึไง! ทำไมถึงได้ชอบทำร้ายคนอื่นนัก” แววตาตำหนิของเฟรนทำเอาบิวนิ่งงัน ความคลุ้มคลั่งค่อยๆ หดหาย เหลือแค่เสียงหัวใจที่ยังเต้นแรง

“ก็มัน...มันมายุ่งกับมึง” บิวว่าเสียงอ่อย โอกับเรือรบมองหน้ากัน ก่อนจะยอมปล่อยตัวบิว เพราะดูท่าจะเย็นลงมากแล้ว

“ไปเคลียร์กันที่อื่นเหอะ ตรงนี้คนเยอะ” โอตบบ่าบิวแล้วกระซิบบอก บิวพยักหน้า คว้ามือเฟรนแล้วลากออกไปจากตรงนั้น

“จะไปไหน กูมีเรียนนะ ไอ้บิว!” เฟรนที่โดนลากแขนไปร้องโวยวายจะสะบัดให้หลุด แต่บิวไม่ยอมปล่อย ลากร่างเล็กไปที่ห้องน้ำหลังโรงอาหาร ซึ่งไม่มีคนใช้ ปิดประตูล็อคกลอน เฟรนหน้าซีดเผือดเมื่อแสงสว่างในห้องน้ำจางหาย มองไม่เห็นหน้าของบิวชัดเจนนัก ความกลัวคืบคลานเข้าหาเมื่อบิวสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ

ร่างเล็กถอยกรูดจนหลังชนกำแพง กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน บิวตอนนี้อารมณ์ไหนก็ไม่รู้ แถมเมื่อกี้ดันเผลอตบหน้าไปอีก จะโดนโกรธ โดนทำร้ายหรือเปล่า

“กู...ทนไม่ไหวแล้ว!” บิวกระแทกฝ่ามือลงบนกำแพงข้างตัวร่างเล็กที่เริ่มสั่นเกร็ง เฟรนไม่ทันได้ตกใจนานกว่านั้น ก็ต้องเบิกตาโพลง เมื่อริมฝีปากร้อนๆ บดขยี้ลงมาจนรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ปาก และครั้งนี้ บิวไม่ได้เมา

“อื้อ” เฟรนยกมือขึ้นดันแผ่นอกหนา ผลักจนกลายเป็นขยุ้มอกเสื้อของอีกคนจนยับยู่ยี่ เมื่อบิวสอดลิ้นเข้าสู่โพรงปาก กวาดต้อนลิ้นเล็กๆ ทั้งดูดและดุนดันจนหายใจแทบไม่ทัน เข่าที่แทรกตรงหว่างขากระตุกเบาๆ ให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน มืออุ่นจนร้อนข้างหนึ่งกดท้ายทอยไว้แน่น

ผละออกมาเพียงเสี้ยววินาที แล้วก็กดจูบซ้ำลงมาอีกอย่างกระหาย เฟรนตัวสั่นกึกๆ มือที่ขยุ้มอกเสื้อเปลี่ยนมาบีบที่หัวไหล่ของร่างสูง พยายามตอบรับลิ้นร้อนสากอย่างไม่ประสีประสา ในหัวขาวโพลนไปหมด ร่างกายเสียวปลาบราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน

นานทีเดียวกว่าบิวจะยอมปล่อย เฟรนหอบถี่หน้าแดงก่ำ ทรุดตัวลงกองบนพื้นอย่างอ่อนแรง บิวนั่งยองๆ เอียงหน้าซบเข่าตัวเองมองดูคนตัวเล็กที่ก้มหน้ากับเข่าตัวเองด้วยความอาย

“เกลียดกูมั้ย? รังเกียจมั้ย?”

เฟรนไม่ตอบคำถามนั้น เอาแต่ก้มหน้าหนี

“งั้นเปลี่ยนใหม่ ชอบกูมั้ย?”

“!” เฟรนเงยหน้าทันที พอสบตากันก็อายจนเลือดแทบพุ่งออกจากหน้า รีบก้มหลบตามเดิม “ถะ ถาม ถามอะไรวะ”

“กูชอบมึงอ่ะ ตั้งแต่แกล้งเป็นแฟนหลอกๆ แล้ว ที่ทำไปทั้งหมด กูทำจากใจนะ ไม่ได้แสดงอะไรเลย” บทจะพูดออกมาตรงๆ ก็ตรงเสียจนอีกคนไปไม่เป็น

“แล้วไหน...บอกจะจีบแอล” เฟรนหน้ายู่

“ก็กูคิดว่ามึงรังเกียจกู เลยพยายามจะชอบผู้หญิงเหมือนเดิม แต่เมื่อกี้...มึงจูบตอบกูนี่?” บิวถามหน้าซื่อตาใส ไม่ได้มีความเขินอายแม้แต่น้อย

“อะ อารมณ์พาไป” เฟรนเสมองไปอีกทาง หน้าร้อนผ่าวๆ

“เหรอ งั้นให้อารมณ์พาไปอีกรอบมั้ย” บิวหัวเราะคิก เฟรนหน้างอกว่าเดิม

“จะให้เชื่อได้ไง มึงแสดงเก่งออกจะตาย อาจจะหลอกกูอยู่ก็ได้”

“ก็บอกว่าไม่ได้แสดงไง ทำจากใจ” บิวยืนยันหน้าตาจริงจัง “ทำไงถึงจะเชื่อ”

เฟรนมองหน้าบิวก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน จนบิวใจเต้นรัว นิ้วเล็กๆ แสนน่ารักเชยคางของคนตัวสูงขึ้น

“พิสูจน์สิ”

******

ทางด้านเอ็มกับน้องน้ำ

“เป็นไงมึง เจ็บตัว แลกกับทำให้ไอ้บิวตาสว่าง” น้องน้ำพาเอ็มกลับมาทำแผลที่ห้อง เอ็มร้องซี้ดซ้าดด้วยความเจ็บ ดีที่ฟันไม่ได้หัก แต่หน้านี่บวมช้ำไปข้าง

“เชี่ยบิวแม่ง หมัดโครตหนัก” เอ็มสบถลอดไรฟัน ปากแทบขยับไม่ไหว

“ก็มันเป็นมวย สะใจดีมั้ยละมึง ฮ่าๆ” คิงหัวเราะเยาะเพื่อน ตอนนี้แผนของสองคนเป็นที่รู้กันหมดแล้ว

“ไม่น่าเชื่อเนอะ ไอ้บิวแม่งหลงรักเหยื่อตัวเองได้” เรือรบโยนกล่องยาไปมา ยังไม่ค่อยอยากเชื่อสายตาเท่าไหร่ว่าคนอย่างบิวจะหลงเหยื่อพนันของตัวเองเข้าจริงๆ แถมเหยื่อครั้งนี้ยังเป็นผู้ชายอีกด้วย

“คงเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยแล้วมั้ง ดูกันต่อไป ว่าจะไปได้กี่น้ำ หึ” โป้งแค่นหัวเราะในคอ โอเลยตบหัวไปทีด้วยความหมั่นไส้

“อย่างมึงยังกล้าพูด”

“เชี่ยโอ!”

“พอๆ อย่ามากัดกันในห้องกู! แต่ถ้าจะกินกัน เดี๋ยวกูขอตั้งกล้องแป้ป” น้องน้ำก็ช่างสนับสนุนให้เพื่อนกินกันเองจริงๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 18-03-2018 15:32:53
แหมะบิว สมใจแกหล่ะสิ มีบังคับเค้ากอดด้วยนะ สงสัยจะเลิกกันไม่ได้แล้ว ต้องเป็นแฟนกันจริงๆแล้วหล่ะ ส่วนคู่โอโป้งนี้คืบหน้าไปไกลแล้วจริงๆ
น้องเฟรนเหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่ายนะ อิๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 18-03-2018 15:33:55
บิว รับมาเสียดี ๆ ไปพนันเรื่องโป้งกับโอใช่ปะ นิสัยไม่ดีโผล่ออกมาเยอะแล้วนะ  :angry2:
เดี๋ยวเรื่องนี้ต้องเคลียร์อีกรอบ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.11-12 17/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 18-03-2018 15:34:51
บิว ปากแข็งนะเนี่ย บอกชอบสักทีสิ
มันกลัวเขารังเกียจไง
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-03-2018 15:54:59
อุ๊แม่จ้าว....  นังบิวหึงโหดไแไหมเนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-03-2018 16:13:38
 อย่าลืมเคลียร์เรื่องแอลล่ะ ตามจีบแอลอยู่นะอย่าลืม
เดี๋ยวจะมีปัญหา

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-03-2018 18:24:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 18-03-2018 18:37:07
อ่านรวดเลย สนุก อ่านเพลิิน
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-03-2018 20:14:06
เอาแล้ว พิสูจน์เลยบิว เรารอดูแกอยู่ เค้าจะหวานกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-03-2018 02:10:58
รู้ใจตัวเองสักที
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:50:31
14
...ไอ้ “พิสูจน์” ของเฟรนนี่มัน...

งานเบ๊ชัดๆ นี่หว่า!!!

“บิวครับ ช่วยไปเอากล่องพลาสติกสีฟ้าในห้องเก็บของหลังตึกมาหน่อยครับ”

“บิวๆๆ ช่วยไปเอาข้าวกล่องที่สั่งไว้ที่ร้านxxxทีนะคะ”

“บิวครับ” “บิวคะ” “น้องบิว” “พี่บิวครับ”

“โว้ยยยยย”

แคร้ง

บิวเตะลูกบอลเก่าๆ ที่กลิ้งอยู่ในห้องเก็บของไปชนตะแกรงเหล็กเสียงดังก้องอย่างหงุดหงิด เฟรนบอกให้มาช่วยงานของคณะวิศวะช่วงเย็น แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น มีแต่คนเรียกใช้งานไม่ขาดสาย นี่เขาไม่ใช่อาสาสมัครนะเว้ย!

ขนาดงานของคณะตัวเองยังแทบไม่เคยเข้าร่วมเลย แต่นี่ต้องมาทำงานให้คณะอื่นซะงั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นคำสั่งของคนที่ตามจีบอยู่ กูไม่ทำแน่! บิวกัดฟันกรอดๆ พลางขนลังอุปกรณ์ออกไปวางกองไว้หน้าห้องเก็บของเสียงดังปึงปัง

“นี่ ถ้ามันพังขึ้นมา มึงจ่ายนะ” คนตัวเล็กแย้มหน้ามาดูผลงาน คณะวิศวะขาดคนช่วยงานจิปาถะอยู่พอดี ก็เลยเรียกบิวมาใช้งาน เพราะปี 2 คนอื่นๆ ต้องคอยดูแลน้องๆ แม้จะไม่มีการว้ากแล้ว แต่ก็ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมการเข้าระเบียบมากมาย ที่สร้างความเครียดความกดดันให้รุ่นน้องจนถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งกันได้

บิวก็ไม่เข้าใจหรอกว่าจะรักษาระเบียบอะไรกันนักหนา เพราะคณะของเขาค่อนข้างฟรีสไตล์ ไม่เคยมีระบบว้าก ใครอยากทำกิจกรรมก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ต้องทำ เรียนแบบตัวใครตัวมัน นานๆ จะมีงานกลุ่มสักที ซึ่งที่ผ่านมาก็มีงานกลุ่มประจำภาควิชาแค่ครั้งเดียว เพราะยังไม่ได้เข้าเอกโท ต้องรอเทอมหน้าขึ่งจะได้เอกโทเต็มตัว และมีกิจกรรมของเอกเพิ่มมา แถมเวลาไปเรียน จะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปก็ยังได้ ยกเว้นแค่ตอนสอบที่ต้องใส่ชุดนักศึกษา

“ขอโทษคร้าบ จะระวังคร้าบ” บิวตอบเสียงยานคางอย่างกวนๆ ค่อยๆ บรรจงวางลังทีละชั้นแล้วยิ้มหวานให้เฟรน

“ขนเสร็จแล้วก็มากินข้าวนะ สั่งเผื่อไว้เยอะแยะเลย”

“จ้า~”

หลังจากขนลังไปวางไว้หน้าคณะวิศวะแล้ว บิวก็เดินไปหาเฟรนที่หน่วยสวัสดิการ เพื่อรับข้าวเย็น เวลาตอนนี้ก็เกือบหกโมงครึ่งแล้ว ฟ้าเริ่มสลัว

“อ่ะ ของมึง” เฟรนยื่นข้าวกล่องให้ ข้าวผัดกุ้ง เมนูโปรดของบิว

อุตส่าห์กั๊กไว้ให้สินะ บิวคิดพลางอมยิ้ม หาที่นั่งแถวๆ นั้นลงมือกินข้าวด้วยความหิวโหย เพราะใช้แรงงานจนหมดพลัง

“เหนื่อยมั้ยครับ” ขวดน้ำเปล่าเย็นๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า บิวเงยหน้ามอง ผู้ชายตัวสูงหน้าคุ้นๆ

“อ่า ขอบคุณครับ พี่กั้ม” บิวรับขวดน้ำมาวางไว้ข้างตัว กั้มนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ

“ขอบคุณนะที่มาช่วย ทั้งที่ไม่ใช่งานของคณะบิวเลย” กั้มยิ้มให้อย่างเป็นมิตร คนคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชาย เหมือนพ่อ และบิวก็ค่อนข้างถูกชะตาไม่น้อย

“ชิวๆ ฮะ งานแค่นี้สบายมาก” บิวทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ แต่ก็พอมีอยู่บ้าง

“ผมยาวแล้วนะ เดี๋ยวตาเขหรอก” กั้มหัวเราะพลางเอามือปัดผมม้าที่ปรกหน้าแทบจะปิดตาของบิวออกให้ เป็นโมเมนท์ที่ชวนให้สาวกรี้ด รุ่นน้องหลายคนที่นั่งกินข้าวกันอยู่แอบกรี้ดเบาๆ นั่งดูรุ่นพี่ทั้งสองสวีทกันในจินตนาการ

“อ่ะ ฮะฮะ แต้งฮะ” บิวหัวเราะแหยๆ เอามือปัดๆ ผมตัวเองจนมันยุ่งเหยิง แล้วจู่ๆ ก็เหมือนโดนกระชากหัวดังฟึ่บ

“มัดให้” เงยหน้ามองก็เห็นคนตัวเล็กยืนค้ำหัวทำหน้าหงิก มือกำผมม้าของเขาไว้แล้วเอาหนังยางมามัดจุกให้

“เดี๋ยว! น้องหนู! นี่มันยางรัดแกงนี่เฮ้ย มันกินผมกู!!” เจ็บไปสิ เฟรนเชิดหน้าใส่แล้วเดินหันหลังฉับๆ จากไป

กว่างานกิจกรรมจะเลิกก็ราวสองทุ่ม บิวยังดึงจุกบนหัวไม่ออก เพราะมันพันกันยุ่งเหยิง สงสัยเสาร์นี้ต้องไปตัดผมเสียที

“หึ” พอเฟรนเดินมาที่รถ เห็นบิวที่ยังมัดจุกหน้าม้าก็หัวเราะในคอ

“ขำ ขำ เดี๋ยวจะโดน มานี่เลย!” บิวกระชากเอวบางเข้าหา หยิบหนังยางมาจะมัดจุกให้เฟรนบ้าง แต่คนตัวเล็กร้องลั่นไม่ยอมให้รัด

“ไอ้บ้าบิว! ไม่เอาเว้ย!” ร่างเล็กขืนตัวออกจากมือของบิว

“มัดให้เหมือนกันไง กูไม่ใจร้ายใช้หนังยางรัดแกงแบบมึงหรอก มานี่!” บิวรั้งเอวเข้าไปหาอีกรอบแล้วจัดการมัดจุกบนหัวเฟรนให้เหมือนกัน ผมนุ่มๆ หอมๆ ของเฟรนทำให้อดไม่ได้ที่จะกดจมูกสูดดมดังฟอดแล้วค่อยปล่อย

แก้มใสขึ้นสีชมพูเข้มด้วยความอาย คนเดินผ่านไปมาก็มอง ยิ่งโครตอาย ไอ้บ้าบิวทำอะไรไม่สนใจรอบข้างเลย!

วันนี้เลยไม่ได้สวมหมวกกันน็อค เพราะไอ้จุกบนหัว (ไม่ควรเลียนแบบ) แล้วบิวก็พาเฟรนกลับหอโดยสวัสดิภาพ

******

“ตกลงมันได้ผลแน่เหรอวะ ทำไมมันยังตามจีบแอลอยู่อ่ะ” น้องน้ำสะกิดเอ็มให้หันไปมองเพื่อนตัวดีที่เมื่อวานยังหึงโหด แต่วันนี้กลับเดินกระหนุงกระหนิงมากับสาวอีกคนซะงั้น

“กูจะรู้มั้ยล่ะ อูย ไม่ใช่โดนต่อยฟรีนะเนี่ย” เอ็มชักแขนออกจากมือน้องน้ำ สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บบนใบหน้า

“อะไรวะ แล้วไอ้เฟรนอ่ะ ตกลงมันเคลียร์ยังเนี่ย” น้องน้ำบุ้ยปากไปมาอย่างหงุดหงิด เหล่มองบิวที่ช่วยแอลถือเอกสารขึ้นไปให้อาจารย์บนตึก คุยกันท่าทางสนิทสนมมากด้วย

“เรื่องของมันแล้วล่ะ กูไม่รู้ด้วยละ” เอ็มไม่อยากหันไปมองให้เสียสายตา จะยังไงก็ช่างมันแล้ว ไม่อยากเจ็บตัวรอบสอง

บิวช่วยแอลขนเอกสารกองโตไปส่งอาจารย์ภาคญี่ปุ่นบนตึกแล้วก็เดินคุยกันลงมา “เฮ้ย จริงๆ มันเป็นคนแบบนั้นแหละ โครตซื่อบื้อ ทื่อมากด้วย”

“ขนาดนั้นเชียว แล้วแบบนี้จะทำไงดีอ่ะ” แอลมีสีหน้ากังวลใจ

“ไว้ใจเราเลย แอล รับรองผล 100%” บิวชูนิ้วโป้งให้อย่างมั่นอกมั่นใจ น้องน้ำดูอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่าสองคนคุยอะไรกัน แต่ถึงได้ยินก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรอยู่ดี ก่อนที่บิวจะโบกมือบ๊ายบายสาวสวยแล้ววิ่งมาหาเพื่อนๆ ที่นั่งหน้าตึงกันอยู่

“เฮ้ย เดี๋ยวกูไปหาเฟรนนะ มีไรโทรตามละกัน” มาบอกแค่นั้นแล้วก็วิ่งเลยไปที่ลานจอดรถหน้าตึก สีหน้าเบิกบานจนน้องน้ำหมั่นไส้นิดๆ

“ตกลงมันจะควบสองเลยเหรอวะ ทั้งชายหญิง”

******

ทุกเย็นจะต้องมาช่วยงานที่คณะวิศวะ จนเด็กคณะนี้แทบทุกคนต้องรู้จักบิว ปี 1 ยกมือไหว้ทักทาย ปี 2 ด้วยกันก็ทักทายเหมือนเป็นเพื่อนร่วมคณะ รุ่นพี่ปี 3 ปี 4 ก็เช่นกัน ขนาดอาจารย์บางคนยังจำบิวได้

“มันก็ขยันดีนะมึง มาทุ๊กวันไม่ขาด ไม่ใจอ่อนเหรอวะ” นนท์ชะเง้อมองบิวที่กำลังช่วยแจกน้ำและขนมให้น้องๆ ระหว่างพักซ้อมเชียร์ ทำแบบนี้ร่วมเดือนจนจะหมดกิจกรรมแล้ว คาดว่าออกค่ายรอบสุดท้ายคงมีบิวติดรถไปด้วยในฐานะGB (เจเนรัล เบ๊) แน่นอน “หายโกรธมันได้แล้วม้าง”

“ไม่ได้โกรธ” เฟรนตอบหน้านิ่ง ก็ไม่ได้โกรธจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันด้วย เรื่องของแอลก็เข้าใจกันแล้ว

“ถ้าไม่ได้โกรธเรื่องที่มันไปหลีหญิงคราวก่อน แล้วจะแกล้งใช้แรงงานมันทำไมวะ” สนเกิดความสงสัยขึ้นมา เพราะทุกคนยังคงเข้าใจว่าบิวกับเฟรนเป็นแฟนกัน แล้วจู่ๆ บิวก็ไปตามจีบสาวคณะเดียวกัน ทำให้สองคนทะเลาะกันถึงขั้นไม่พูดจาไม่มองหน้ากันเป็นเดือน

“เออน่า มันเป็นบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ” เฟรนว่าแล้วหมุนตัวกลับไปที่หน่วยสวัสดิการ ปล่อยให้เพื่อนสองคนมองหน้ากันพลางยักไหล่อย่างไม่เข้าใจ

หลังจบกิจกรรมและช่วยกันเก็บสถานที่เรียบร้อยแล้ว บิวก็พาเฟรนกลับหอตามปกติ

ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานแค่ไหนกว่าที่เฟรนจะใจอ่อน ยอมเชื่อใจว่าที่ทุ่มทุนทำทุกอย่างให้เนี่ย จากใจล้วนๆ

“จะไปค่ายอาทิตย์หน้าด้วยมั้ย” พอลงจากรถ เฟรนก็ถามขึ้น เรื่องไปค่ายไม่อยากบังคับ เพราะมันต้องเดินทางไกลและค่อนข้างลำบาก แล้วคนเจ้าสำอาง ขี้ร้อน แถมขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างบิว ไม่น่าจะชอบ

“ไปได้เหรอ? คนนอกนะ?” บิวชี้หน้าตัวเองอย่าง งงๆ

“ทุกวันนี้ก็เหมือนคนในแล้วป่ะ ถ้าอยากไปก็ไปได้ แต่บอกก่อนว่าลำบากแน่ๆ” คล้ายเป็นคำขู่ แต่บิวกลับอยากลอง ถ้ามันจะยิ่งทำให้เฟรนเชื่อใจ

“โอเค งั้นกูไป”

******

“เหี้ยยยย เมื่อไหร่จะถึงวะ กูจะตายแล้วน้องหนู” เสียงโอดครวญจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร รั้งท้ายอยู่ปลายแถวของขบวนนักศึกษาคณะวิศวะที่ต้องไปกางเต๊นท์นอนกันบนดอย ทั้งที่มีฝนตกเฉอะแฉะเกือบตลอดเวลา ดีที่ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ก็เลยแค่ตกปรอยๆ พอให้อากาศเย็นสบาย

“อีกนิดเดียวน่า” ราวๆ 2 กิโลเอง เฟรนนึกในใจ ไม่บอกจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นไอ้บ้าข้างหลังคงโวยวายหนวกหูเจ้าป่าเจ้าเขาเป็นแน่

“มึงบอกนิดเดียวมาตั้งแต่ตีนเขาแล้วสัส”

“ด่าเหรอ! ตบปากเลยนะ!” เฟรนหันไปถลึงตาใส่ ตอนนี้บิวต้องเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งนั้น ห้ามขึ้นเสียง ห้ามด่า ห้ามขัดคำสั่งของเฟรน

“อุ้ย ขอโทษครับน้องหนู” บิวหน้าสลดทันที เอามือตบปากตัวเองเบาๆ

“ไหวมั้ยบิว ถ้าไม่ไหวจริงๆ พี่จะพาไปนั่งพักแล้วค่อยเดินต่อ” พี่กั้มช่างแสนดีเสมอต้นเสมอปลาย เดินถอยร่นลงมาเพื่อดูอาการเด็กนอกคณะอย่างเป็นห่วง จนเฟรนอดเบะปากหมั่นไส้ไม่ได้ พี่รหัสแสนดีคนนี้ดูจะเอาอกเอาใจไอ้จอมแสบนี่มากไปแล้ว

“ไหวฮะ ไหว” บิวตอบพลางใช้กิ่งไม้ที่เก็บมาค้ำยันแทนไม้ท้าวเดินขึ้นเขาต่อไป

ด้วยระยะ 5.5 กิโลเมตร และตอนนี้ก็เกินครึ่งทางมาแล้ว บิวเริ่มจะล้าลงทุกที แม้จะมีจุดให้แวะพักเป็นระยะก็ตาม แต่ถ้าแวะบ่อยเกิน มันก็จะยิ่งเสียเวลา

ในที่สุดบิวก็พาสังขารมาจนถึงจุดกางเต็นท์ ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งยองๆ เหงื่อไหลโชกปนกับสายฝน ทั้งหนาวและร้อนปนเปกันไปหมด

ไอ้ค่ายเห้นี่ ทำไมมันโหดงี้วะ ทำไมไม่ไปเที่ยวทะเล นอนอาบแดด เล่นทราย ไอ้สาดดดดด

อยากจะตะโกนดังๆ ให้เสียงสะท้อนขุนเขา แต่ก็ทำได้แค่นั่งยองๆ หอบหายใจอยู่อย่างนั้นแหละ พลันรู้สึกเหมือนอะไรเย็นๆ มาแตะที่มือ บิวเงยหน้ามอง เห็นคนตัวเล็กยื่นน้ำหวานเย็นๆ มาให้ ก็รีบยิ้มกว้างรับมาดื่มดับกระหาย

“บอกแล้วว่าลำบาก อยากมานักนี่” เฟรนยังคงยืนค้ำหัว ทำให้ดูตัวสูงกว่ามาก

“ก็อยากอยู่กับแฟน” บิวยิ้มแฉ่ง เลยโดนโบกหัวไปที

“ตลก ใครแฟนมึง”

“กูก็ยังไม่ได้เอ่ยชื่อนี่” คนตอบลอยหน้าลอยตาใส่ ช่างน่าหมั่นไส้

“กวนตีน!” แล้วก็งอนไปตามระเบียบ เดินสะบัดบ๊อบ (แม้จะไม่มีก็ตาม) หนีไปดูน้องๆ กางเต็นท์ ไม่สนใจบิวอีกต่อไป

“บิวจะกางเลยมั้ยครับ เดี๋ยวพี่ช่วย” พอเฟรนไป พี่ชายแสนดีก็เดินเข้ามาต่อ บิวพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจจนชายเสื้อยืดถลกขึ้นสูง เพราะชอบใส่เสื้อพอดีตัว ตัวเสื้อมันก็สั้น ยกแขนนิดหน่อยก็เห็นหน้าท้องโผล่แล้ว แถมบิวก็ผิวขาวจั๊วตามแบบฉบับหนุ่มเจ้าสำอาง เล่นเอาพี่กั้มเลือดกำเดาเกือบพุ่ง เพราะยังติดภาพบิวตอนแต่งหญิงอยู่

“มีไรพี่ ทำหน้าแปลกๆ นะ” บิวเหลือบมองสีหน้ากระอักกระอ่วนของอีกคน
“ปะ เปล่าๆ ไปกางแถวนั้นกันนะ” แล้วกั้มก็รีบเดินหอบเต็นท์นำหน้าไป มีบิววิ่งตาม

กว่าจะกางเต็นท์เสร็จ ก็เล่นเอาหอบอีกรอบ (แม้จะให้กั้มเป็นคนจัดการเสียส่วนใหญ่ก็ตาม) คราวนี้ยอมนั่งกับพื้นแฉะๆ เลยทีเดียว เพราะยังไงก็ต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ดี

“หนาวรึเปล่า รีบไปอาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยวเย็นกว่านี้จะยิ่งแย่” กั้มเอ่ยชวนพลางยื่นมือไปให้บิวจับ ก็แปลกที่รุ่นพี่คนนี้มีเวลามาคอยดูแลบิวเป็นพิเศษ แทนที่จะไปช่วยคนอื่นดูแลเด็กปี 1 ในคณะตัวเอง แต่บิวก็ไม่ได้สนใจนักหรอก มีคนมาคอยทำนู่นนี่ให้ก็ดีแล้ว เพราะยังไงก็โดนเฟรนใช้งานอีกต่ออยู่ดี

กั้มพาบิวไปที่ห้องอาบน้ำ ซึ่งแบ่งเป็นห้องแยก คนเยอะพอสมควร เพราะหลายๆ คนก็อยากรีบอาบก่อนจะมืดและอากาศหนาวกว่านี้ เลยต้องต่อคิวกันสักพักกว่าจะได้อาบ

ถ้าจะเย็นขนาดนี้ บิวคิดว่าคงอาบแค่คืนนี้แหละ พรุ่งนี้เช้าไม่อาบมันแล้ว

พออาบน้ำเสร็จ เดินออกมาก็เห็นเฟรนนั่งล้อมวงอยู่กับเพื่อนๆ กำลังร้องรำทำเพลงเหมือนเวลาเข้าค่ายลูกเสือสมัยเด็กๆ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวบนดอยยังมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่เลยมีแต่เด็กคณะวิศวะเดินกันเต็มไปหมด

“อาบน้ำแล้วเหรอ” พอเห็นบิวเดินมานั่งเบียดข้างๆ เฟรนก็หันไปถาม โดยที่มือคอยปรบตามจังหวะเสียงกีต้าร์โปร่งของสน

“อือ โครตเย็น เครื่องทำน้ำอุ่นก็ไม่มี” มีบ่นนิดหน่อย “หนาวอ่ะ ขอกอดทีดิ” ไม่รอคำอนุญาตด้วย กอดหมับเข้าที่เอวเล็กๆ ทันที

เฟรนถลึงตาโต เอาศอกถองท้องของบิวเบาๆ “คนอื่นอยู่เต็ม...ไม่เอา”

“ก็มันหนาวนี่”

“อะแฮ่มๆๆๆ เกรงใจเพื่อนที่ยังโสดด้วยครับพวกคุณ” สนแซวดัง แต่มือยังดีดกีต้าร์ เพื่อนคนอื่นเลยหันมามองพวกเฟรนเป็นตาเดียวพร้อมส่งเสียงแซวกันลั่นอย่างสนุกสนาน เฟรนเลยตีแขนบิวเสียงดับเพี๊ยะ แต่มันหนาวมากจริงๆ จะตีให้ตาย คนหน้าด้านก็ไม่ยอมเลิกกอดอยู่ดี

เสียงเพลงเบาลงอีกนิดเพราะเริ่มดึก หลายคนทยอยเข้านอน เนื่องจากวันนี้เดินทางกันมาทั้งวัน ร่างกายก็อ่อนล้าอยากพักผ่อนเร็ว บิวเองก็หาววอดๆ กอดเอวเอนซบบนบ่าของร่างเล็กเหมือนเด็กๆ

เฟรนอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของบิว มือเล็กลูบหัวให้แผ่วเบาคล้ายขับกล่อม

“จะพามันไปนอนไหวมั้ยน่ะ” นนท์พยักเพยิดไปทางบิวที่น่าจะหลับสนิทไปแล้วเรียบร้อย

“อือ เดี๋ยวค่อยๆ ลากไป” เฟรนตอบกลั้วหัวเราะ

“ให้พี่ช่วยพยุงไปก็ได้ คงไม่มีใครอุ้มไหวอยู่แล้ว” กั้มลุกขึ้น เตรียมจะเข้าไปช่วยพยุงบิวขึ้น แต่คิดอีกที “เฟรนช่วยจับบิวมาพาดหลังพี่เลยดีกว่า เดี๋ยวแบกไป ไวกว่า”

ในเมื่อมีรุ่นพี่ใจดีอาสาแบกให้ เฟรนก็ไม่ขัดศรัธา ช่วยกันกับนนท์ยกร่างบิวขึ้นบนหลังของกั้ม แล้วปล่อยให้รุ่นพี่แบกบิวไปที่เต๊นท์ เฟรนเดินตาม คอยส่องไฟฉายให้

“โอเค เรียบร้อยนะ” กั้มวางบิวลงเมื่อถึงในเต็นท์ ก่อนจะเดินกลับออกมาบอกเฟรนที่ยืนชะเง้อมอง

“ขอบคุณครับพี่”

“งั้นพี่ไปนอนดีกว่า เริ่มง่วงละ เรานอนกับบิวเหรอ?” กั้มมองหน้าเฟรนแล้วหันไปชี้ทีเต็นท์ของบิว เฟรนพยักหน้ารับ กั้มไม่ได้ว่าอะไร แค่โบกมือราตรีสวัสดิ์แล้วเดินไปเข้าต็นท์ตัวเอง

จริงๆ เฟรนมีเต็นท์ของตัวเอง แต่เห็นบิวหลับสนิทขนาดนี้ก็อดห่วงไม่ได้ เลยกะจะอยู่ดูอีกสักพักค่อยออกไป ร่างเล็กนั่งขัดสมาธิ คอยลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปรกหน้าของบิวให้ เวลาหลับดูสงบนิ่งราวกับรูปปั้น หน้าตาบิวออกฝรั่งนิดๆ ติดไปทางหวาน เป็นผู้หญิงก็คงสวยเหมือนพี่สาว ซึ่งเฟรนเคยเจอที่บ้านบิวอยู่หลายครั้งเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา เห็นบอกว่าพ่อเป็นลูกครึ่งเยอรมัน พวกบิวเลยเป็นลูกเสี้ยวอีกที พี่เบธตี้ก็ตัวสูงอย่างกับนางแบบ แต่หุ่นเพรียวบางกว่าบิว

“หึ ไม่อยากจะชมหรอกนะว่าหล่อ น่าหมั่นไส้ที่สุด” เฟรนพูดงึมงำเอามือบีบจมูกที่โด่งเป็นสันของบิวบิดไปมา แต่จู่ๆ ไอ้คนที่นอนอยู่ดันลืมตาโพลงขึ้นมา เล่นเอาสะดุ้งเกือบทำเต็นท์พัง

ดวงตาคมกริบส่องประกายในความมืดสลัว จ้องมองมาพร้อมมือที่คว้าจับแขนไว้แน่น เฟรนหัวใจเต้นตึกตอนที่สบตากันในความมืด รู้สึกหน้าร้อนพิกลที่โดนจ้องขนาดนี้

บิวไม่พูดอะไร แค่จ้องอยู่อย่างนั้น ส่วนเฟรนก็นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ บนริมฝีปากเหมือนครั้งก่อนๆ แล้ว
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:52:04
อุ๊แม่จ้าว....  นังบิวหึงโหดไแไหมเนี่ย  :a5:
นางสติหลุดง่าย
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:53:27
อย่าลืมเคลียร์เรื่องแอลล่ะ ตามจีบแอลอยู่นะอย่าลืม
เดี๋ยวจะมีปัญหา

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องนี้มีเงื่อนงำนิดหน่อย
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:54:01
:pig4:
ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:54:55
อ่านรวดเลย สนุก อ่านเพลิิน
ขอบคุณที่ติดตามค้าบ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:55:38
เอาแล้ว พิสูจน์เลยบิว เรารอดูแกอยู่ เค้าจะหวานกันแล้ว
ไม่น่าหวานเท่าไหร่ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.13 18/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 19-03-2018 09:57:07
รู้ใจตัวเองสักที
เหลือแค่เฟรนยอม
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-03-2018 10:22:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-03-2018 15:47:52
บิวนี่เอะอะจูบเอะอะจูบ ปากเฟรนเปื่อยแล้วมั้งเนี่ย
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-03-2018 02:20:29
ทำดีไถ่โทษมันก็ต้องมีการช่วยงานช่วยการกันบ้าง แค่ที่เห็นยังจิ๊บ ๆ ไม่ต้องบ่นมากบิว มันเป็นผลของการกระทำของตัวบิวเองนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.15 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 09:51:49
15
เสียงรุ่นพี่ปี 2 ปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ประกาศใส่โทรโข่งเรียกระดมพลเด็กปี 1 ทำกิจกรรมตั้งแต่ไก่โห่ เฟรนปลุกบิวแล้ว แต่ไม่ยอมตื่น ก็เลยออกไปล้างหน้าล้างตาคนเดียวแล้วเข้าไปสมทบกับเพื่อนๆ ช่วยกันดูแลน้องๆ ให้เข้าแถว เตรียมตัวออกเดินทางไปยังสถานที่ผจญภัยแห่งแรก

น้องๆ เดินเรียงทีละสองแถวไปเรื่อยๆ โดยมีรุ่นพี่ปี 3 คอยนำทาง ส่วนปี 2 รั้งท้าย และบิวก็ตื่นมาช่วงนั้นพอดี ร่างสูงบิดขี้เกียจไปมา ลุกออกจากเต็นท์แล้วไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะรีบวิ่งไปหาเฟรน ที่รออยู่ไม่ไกล

“ไปไหนกันแต่เช้าวะ” บิวมองขบวนเด็กปี 1 ที่เริ่มทยอยกันไปตามทาง มีเสียงรุ่นพี่ดังผ่านโทรโข่งคอยควบคุมดูแล

“ไปผจญภัยไง ตามมาเร็วๆ เลย” เฟรนเดินนำไป แต่ส่งมือมาข้างหลัง บิวมองมือเล็กๆ ที่ยื่นมาให้แล้วยิ้มกว้าง รีบคว้ามือเฟรนไปจับไว้แล้วเดินไปด้วยกัน

ที่แรกเป็นธรรมชาติยามเช้าบนหน้าผาสูงชัน มองดูพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีทองเรืองรองสาดกระจายไปทั่วผืนดินและแมกไม้ เสียงนกร้องขับขานไพเราะเสนาะหู

แต่บิวไม่ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติเท่าไหร่นัก เพราะมัวแต่มองคนข้างๆ ที่ยืนยิ้มสวยมองพระอาทิตย์ขึ้นด้วยท่าทางอิ่มเอมใจ แววตาของเฟรนทอประกายต้องแสงอาทิตย์ระยิบระยับราวอัญมณี และช่างดึงดูดให้อยากก้มลงไปมองใกล้ๆ ขนาดเช้านี้ไม่มีใครได้อาบน้ำ แต่กลิ่นตัวของเฟรนก็ยังหอมกรุ่นรัญจวนใจจนบิวอยากจะสูดให้เต็มปอดสักหลายๆ ฟอด

“นี่! ใกล้มากไปละ” เฟรนรู้สึกตัวเมื่อคนข้างๆ ยื่นหน้าลงมาแถวๆ ข้างแก้ม ทำท่าเหมือนจะหอมแก้ม พอหันไปก็เห็นหน้าหื่นๆ น่าสยองพิกล เลยเอามือแปะบนหน้าของบิวแล้วดันออก

“นิดเดียวน่า ขอหอมที” บิวพูดเสียงอู้อี้เพราะโดนมือของคนตัวเล็กปิดหน้าไว้ มือเล็กๆ ไม่ได้นุ่มนิ่มมากเท่ามือผู้หญิงที่บิวเคยจับ แต่ก็หอมและเย็นสบาย หอมแก้มไม่ได้เลยดมมือแทนแล้วกัน

“เฮ้ย!” เฟรนร้องเสียงหลงรีบชักมือกลับ จู่ๆ มาดมมือแถมเอาปากจูบอีก นี่ถ้าไม่ได้ล้างมือมาคงสนุกล่ะ

“หอมไปทั้งตัวเลย ขนาดแค่มือก็ห๊อมหอมมมม” บิวยื่นหน้าทำปากจู๋ จะเอามือไปดัน ก็กลัวโดนจูบมืออีก เฟรนเลยก้มหน้าหลบพลางเอามือดันอกร่างสูงไว้แทน

“อายคนอื่นมั่งดิวะ...น้องมองกันใหญ่แล้ว”

“ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน อายอะไรวะ”

“หน้าด้าน!” โดนด่าซะงั้น บิวยักคิ้วไม่ใส่ใจ

“หนาว กอดหน่อย” อ้อนไปอีก

“ไม่เอา พอแล้ว...บิว!”

จุ๊บ

โดนขโมยหอมแก้มจนได้ ได้ยินเหมือนเสียงไฟลุกพรึ่บบนใบหน้า ผลักไอ้คนหน้าด้านที่หัวเราะชอบใจให้ถอยไปไกลๆ แล้วรีบหมุนตัวเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ทันที ส่วนบิวก็วิ่งตามไปติดๆ อย่างอารมณ์ดี

“โอ๊ยยยย มันน่าจะหนาวนะบนนี้ ทำไมกูร้อน” นนท์กระพือคอเสื้อยืดตัวเองพั่บๆ ทั้งที่ไม่มีเหงื่อสักหยด

“นั่นสิวะ วันนี้แม่งร้อนกว่าเมื่อวานอีกมั้ง” สนก็สมทบอย่างรู้กัน สองคนเหล่มองไปทางเพื่อนกับแฟน เห็นแล้วเหม็นฟามรักขึ้นมาตะงิดๆ

เฟรนถลึงตาดุใส่เพื่อนๆ พาให้พวกมันหัวเราะกันตัวงอ ก่อนจะหันไปทุบไหล่ไอ้ตัวต้นเหตุแห่งความอายดังปั่ก แล้วก็เดินฉับๆ หนีไปช่วยพวกผู้หญิงที่มีแค่หยิบมือทำอาหาร

หลังกินอาหารเช้าง่ายๆ ไปแล้ว ก็เดินถ่ายรูปชมวิวกันตามอัธยาศัย ก่อนจะออกเดินทางต่อ ไปยังฐานที่ 2 ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่

“หูยยยย เย็นเจี๊ยบขนาดนี้ กูไม่ลงแน่นอน” บิวลองแหย่เท้าลงไปในน้ำแล้วรีบหดขาหนีทันที เพราะน้ำเย็นแทบจะเป็นน้ำแข็ง

“ก็ไม่ได้ให้ลงไปมั้ยล่ะ แค่มาชมวิว มึงดูสิ สวยออก” เฟรนชี้ให้ชมวิว บิวมองตาม น้ำตกมันก็สวยหรอก บรรยากาศดี อากาศสดชื่นมาก มีใบไม้แดงอย่างกับอยู่ต่างประเทศ แต่พอดีบิวเป็นผู้ชายที่ไร้ความโรแมนติกในหัวใจ เลยไม่ค่อยดื่มด่ำกับธรรมชาติเท่าที่ควร

“ชอบอะไรแบบนี้เหรอวะ” บิวกอดอกพลางถาม รู้สึกว่าแถวน้ำตกยิ่งโครตหนาว ขนาดคนขี้ร้อนอย่างบิว ยังไม่ไหวกับความหนาวระดับนี้

“อือ ก็สวยดีอ่ะ ชมธรรมชาติ ดูดิ มีนกด้วย ปลาในน้ำงี้ อากาศก็ดี” คนตัวเล็กชี้ไปทางนั้นทางนี้รอบตัว ท่าทางจะชอบจริง บิวไม่อินตามเคย แต่ก็ชอบที่จะมองดูดวงตาสดใสเปล่งประกายและใบหน้าเปี่ยมความสุขของอีกคน

แม้ไม่ชอบธรรมชาติ แต่ถ้าได้เห็นรอยยิ้มของเฟรน จะให้บุกป่าฝ่าดง ขึ้นเขาอีกร้อยลูกก็ยอม

“แล้วชอบทะเลมั้ย” สองคนพากันนั่งลงใต้ร่มไม้ หย่อนขาแกว่งในธารน้ำเย็นเจี๊ยบ

“ก็ชอบนะ แต่มันเหนียวตัวไปหน่อย” เฟรนว่าพลางจุ่มมือในน้ำวักเล่นเป็นพักๆ

“บ้านไอ้โอมันทำรีสอร์ทที่ภูเก็ต ไว้พาไปเอามั้ย” บิวพูดไปก็มองหน้าคนข้างๆ ไม่วางตา มองมาตลอดทาง และคิดว่าคงจะมองต่อไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิต

“ภูเก็ตเหรอ? ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ น่าสน” เฟรนหันไปสบตาเข้าพอดี

แววตาของบิวที่มองมาอ่อนโยนเสียจนรู้สึกเขิน

เมื่อคืนนี้ โดนจูบอีกแล้ว แม้จะแค่ปากแตะกันนิดเดียว ก่อนที่บิวจะทิ้งตัวลงนอนหลับคร่อกในทันทีก็ตาม

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า บิวเหมือนปิศาจขโมยจูบ เผลอไม่ได้เลย เป็นต้องจูบสักที่ ไม่ปากก็แก้ม อย่างเมื่อเช้านี้ก็ที่มือ

“หยุดเลย!” เกือบไปแล้ว ดีที่ไม่ทันเคลิ้มกับสีหน้าเว้าวอนนั่น เลยยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็คงโดนขโมยจูบอีกตามเคย

“อะไรว้า แค่จุ๊บปากนิดเดียว” บิวทำหน้าเสียดายสุดชีวิต

“ไม่ได้อยู่กันสองคนนะเว้ย...มึงนี่...” แก้มใสขึ้นสีชมพูอ่อน เฟรนไม่กล้าสบตากับบิวแล้ว เพราะกลัวจะเคลิ้มตาม

“งั้นอยู่สองคนจะจูบกี่ทีก็ได้สิ?” บิวถามอย่างลุ้นๆ และคำตอบของเฟรนก็ทำเอาตาวาว ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ๆ

“เรื่องของมึงสิ”

“แล้วนอกจากจูบอ่ะ” ขอเอาไหล่เบียดนิดหน่อยพลางยื่นหน้าไปฟังใกล้ๆ อย่างลุ้นระทึก

เฟรนขมวดคิ้ว ยิ้มหวานแล้วดีดหน้าผากบิวเสียงดังเป๊าะ “พ่องสิ”

“อูยยย”

******

ตกกลางคืนก็นอนดูดาว ไม่สิ ไม่ได้นอน แค่นั่งต่างหากล่ะ

“โรแมนติกสุดๆ” สนเดินผ่านสองหน่อที่นั่งชมดาวบนฟ้ากันกระหนุงกระหนิงแล้วนึกหมั่นไส้เบาๆ

“เชี่ยสน! พูดมาก” เฟรนหันไปปาหินใส่ขาเพื่อน สนกระโดดหลบเหยงๆ

“อย่าลืมว่าไม่ได้มาสองคนนะเว้ย ทำไรก็อายเจ้าป่าเจ้าเขานิดนึงนะเพื่อน ฮ่าๆๆ”

“แม่งงง” แก้มใสพองลมด้วยความไม่พอใจและเขินอายไปพร้อมกัน บิวหัวเราะร่า “นี่ก็ขำอยู่ได้”

“เอ้า โดนอีกกู” บิวยิ้มแหยๆ พลางส่ายหน้าไปมา

“คนจะดูดาวเงียบๆ สักหน่อย” มีบ่นๆ บิวเลยนั่งเงียบกริบ ปล่อยให้คนตัวเล็กดื่มด่ำกับดาวบนฟ้าต่อ ส่วนตัวเขาก็นั่งเอนหลังเอามือท้าวพื้นไว้

“รู้ป่ะ กลุ่มดาวฤดูหนาวที่จะเห็นช่วงหัวค่ำ มันจะมาโผล่ตอนเที่ยงคืนของช่วงนี้นะ” จู่ๆ บิวก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับชูมือขึ้นบนฟ้า

“มั่วป่ะเนี่ย” เฟรนทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ

“ไม่มั่วเว้ย ตอนเด็กๆ กูชอบอ่านหนังสือดาราศาสตร์ อยากเป็นนักดาราศาสตร์ด้วยนะ”

“จริงอ่ะ? แล้วไมมาเรียนอักษร”

“เอาความจริงหรือดูดี”

“เอาที่ดูดีก่อน”

บิวยิ้มนิดๆ “ชอบภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่ม.3 เพราะเล่นเกม ดูอนิเม ฟังเพลงญี่ปุ่น เลยอยากจะอ่านออก แปลได้ พูดได้บ้าง”

“อืม แล้วความจริง?”

“คณะนี้สาวสวยเยอะ”

เฟรนเบะปากทันที “กูว่าละ”

“แต่จริงๆ กูเรียนสายวิทย์มานะ รู้งี้เลือกวิศวะดีกว่า”

“ทำไม? ไม่ได้ชอบไม่ใช่ไง?”

“ก็จะได้อยู่กับมึงไง” บิวยิ้มกว้าง ส่วนคนข้างๆ อายม้วนไปเรียบร้อย “คนสวยทั้งคณะอักษร ยังสู้มึงแค่คนเดียวไม่ได้เลย”

“...” พูดไม่ออกไปเลย เจอแบบนี้เข้าไป และยิ่งเห็นแก้มแดงๆ ของเฟรน บิวก็ยิ่งชอบใจ แกล้งเอานิ้วจิ้มๆ ที่แก้มแดงนั่นอย่างอารมณ์ดี

“อ่ะเขินดิ เขิน น่ารักว่ะ แม่งงง”

******

และแล้วก็ถึงวันเดินทางกลับ ต้องเดินลงเขาระยะทางเท่าเดิม แต่รอบนี้บิวดูจะฮึดสู้ขึ้นเยอะ เดินจูงมือกันกับเฟรน ไม่แคร์พวกคนโสดขี้อิจกันเลยทีเดียว

“ตกลงคืนดีกันแล้ว?” สนเปิดประเด็นเมื่อขึ้นไปบนรถบัส บิวกำลังยกกระเป๋าสัมภาระของทั้งตัวเองและเฟรนขึ้นไปเก็บบนช่องเหนือที่นั่ง ส่วนเฟรนนั่งริมหน้าต่างรอ

“ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย” เฟรนตอบพลางหันหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่าง

“อ้าว? ก็เห็นก่อนหน้านี้...” พอนนท์จะเอ่ยถึงเรื่องนั้น สนก็รีบสะกิดให้หยุด สองคนเลยกลับไปนั่งที่นั่งข้างหน้าพวกบิว ไม่ถามอะไรต่อ

บิวนั่งลง มองคนตัวเล็กที่เหมือนจะเขินเพื่อนอย่างเอ็นดู “ไม่ได้ทะเลาะ ก็แสดงว่าไม่ได้โกรธกูแล้วช่ะ?”

“ไม่ได้โกรธอะไรนี่”

“งั้นก็...ยอมเป็นแฟนกูเหมือนเดิมแล้วช่ะ?”

“ถึงหอแล้วจะบอก”

แต่ถึงไม่ตอบตอนนี้ บิวก็พอจะรู้คำตอบแล้วล่ะ เพราะลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยพลาด!

******

กลับมาถึงหอพัก บิวเดินตามเฟรนต้อยๆ เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด ไปที่ห้องของเฟรน เพื่อรอเอาคำตอบที่เฟรนบอกไว้ตอนอยู่บนรถบัส

“หยุด! อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องตามมาแล้ว” ก่อนจะถึงหน้าห้องของเฟรน จู่ๆ คนตัวเล็กก็หันมาชี้นิ้วสั่งให้บิวที่เดินตามหลังมาในระยะ 1 เมตรหยุดนิ่ง

บิวทำหน้างง แต่ก็ยอมหยุดตามที่สั่ง ตอนนี้ไม่ว่าเฟรนจะชี้นิ้วสั่งอะไรก็จะทำตามทั้งหมด เพื่อ “พิสูจน์” ความจริงใจที่มี

“กูจะให้คำตอบแล้ว” เฟรนเสมองไปทางอื่นเพราะหน้ามันร้อนๆ ก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูห้อง บิวยังยืนรอห่างออกไป 1 เมตร ไม่ขยับไปไหน และความซื่อตรงนั้นก็ทำให้เฟรนอดอมยิ้มขำๆ ไม่ได้

จะว่าไป เชื่องแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

เฟรนคิดแบบนั้นตอนที่มองหน้าใสๆ ของบิว ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อย “แฮ่มๆ จะตอบแล้วนะครับ”

ดูเป็นทางการจังวะ บิวนึกขำในใจ

“ที่มึงพยายามมาเดือนกว่าๆ กับการไปค่ายครั้งนี้ ก็พอจะเห็นแล้วล่ะว่ามึงจริงจัง”

“ตอบเลย ไม่ต้องอารัมภบทแล้วมึง” บิวแทรกขึ้นจนเฟรนชักสีหน้าใส่ เลยต้องรีบหุบปาก

“แต่มึงมันกะล่อนเกินไป กูยังไม่ค่อยไว้ใจหรอกนะ”

“อ้าว...” หน้าเหวอเลยทีเดียว

“เพราะงั้น...” ยังมีการเว้นระยะให้บิวลุ้นตัวโก่ง แต่ก็ยังเชื่อฟังเฟรน ไม่ขยับออกจากที่เดิม แม้แต่เซนเดียว ก่อนจะได้ฟังคำตัดสินของศาลที่เคารพรัก “จะลองคบกันดูก็ได้ แบบจริงจัง ไม่ใช่หลอกๆ”

“จริงนะ!?” บิวดีใจจนเกือบขยับจากที่เดิม แต่เฟรนยกมือขึ้นห้าม ก็เลยยืนนิ่งตัวตรงทันที

“เออ แล้วก็จะพูดแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็เรื่องมึงนะ” เฟรนเงียบไปอึดใจ บิวเองก็เงียบกริบ ตั้งใจฟังสุดชีวิต ว่าเฟรนจะพูดอะไรต่อ ลุ้นอยู่นาน เพราะเฟรนมัวแต่ก้มๆ เงยๆ เหมือนทำใจกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพ่นออกมาช้าๆ

เฟรนก้าวขาเข้าไปในห้องของตัวเอง โผล่ออกมาแค่หน้า และเอ่ยคำตอบที่บิวรอคอย ก่อนจะรีบผลุบหายไปในห้องแล้วล็อคประตู

ส่วนบิวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 09:52:34
บิวนี่เอะอะจูบเอะอะจูบ ปากเฟรนเปื่อยแล้วมั้งเนี่ย
ยังมีอีกหลายดอก ฮ่าๆ มันหื่น
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 09:53:20
ทำดีไถ่โทษมันก็ต้องมีการช่วยงานช่วยการกันบ้าง แค่ที่เห็นยังจิ๊บ ๆ ไม่ต้องบ่นมากบิว มันเป็นผลของการกระทำของตัวบิวเองนะ  :laugh:
มันน่าโดนหนักกว่านี้เนอะ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.14 19/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 09:54:23
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
แต้งกิ้วค้าบ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.15 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-03-2018 13:52:49
อยากฟังคำตอบ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.15 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 20-03-2018 14:22:11
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.15 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-03-2018 21:05:32
เฟรนยอมรับบิวแล้ว  :เฮ้อ:  น่าสงสารเฟรน เรื่องแอลยังไม่รู้เรื่องเลย
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.16 21/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 21-03-2018 19:10:48
16
“กูก็ชอบมึงนะ”

บิวนั่งยิ้มไปกินโกโก้เย็นไป อารมณ์ดี ดี๊ดี แม้ว่าฝนจะตกหนักจนขี่มอเตอร์ไซค์กลับหอไม่ได้ก็ตาม ก็เมื่อวานนี้ตอนกลับจากเข้าค่ายกับคณะวิศวะ ได้คำตอบที่รอเป็นเดือนๆ แล้วเรียบร้อย

“โอ๊ย เหี้ยเอ๊ย แม่งงงง” บรรยากาศกำลังดีๆ ดันได้ยินเสียงคนสบถข้างๆ หูอีก

“อะไรของมึงไอ้เอ็ม” บิวหันไปขมวดคิ้วมองเพื่อน

“กูลืมชีทจารย์มิ่งไว้ที่ห้อง 303 แน่เลยว่ะ แล้วฝนแม่งตกอย่างบ้าคลั่งงี้จะไปเอาไง นี่ต้องทำรายงานเรื่องนี้ด้วยเนี่ย แม่งเอ๊ย”

“รอมันหยุดค่อยไปดิ มึงรีบเหรอ” น้องน้ำเลิกคิ้วมองเอ็มที่หน้าเครียดผิดวิสัย ปกติเอ็มไม่ใช่คนใจร้อนวู่วาม แถมยังเย็นอย่างกับน้ำแข็ง นานๆ ทีจะสบถด่ารัวๆ ขนาดนี้ แถมยังดูหงุดหงิดแปลกๆ

“เดี๋ยวแอลจะมาแล้วดิ นัดกันไว้ว่าจะทำรายงาน”

“อ้อ” บิวกับน้องน้ำประสานเสียงทันที ก่อนหน้านี้บิววานเอ็มไปส่งดอกไม้และขนมให้แอล จนสองคนเริ่มสนิทกันขึ้นมา ปกติเอ็มเป็นผู้ชายแข็งๆ ไม่ค่อยมีความอ่อนโยนเท่าไหร่ เลยทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิง เคยมีแฟนสมัยม.ปลาย ก็คบได้แค่สองอาทิตย์เลิก แต่รอบนี้เหมือนเพื่อนเอ็มของบิวกับน้องน้ำจะได้สาวสวยมาติดพันแล้ว

“เออ เหมือนแอลจะบอกกูอยู่เหมือนกัน ว่าต้องทำรายงานคู่กับมึง” บิวดูดโกโก้จนหมดแก้วแล้วหันไปคุยต่อ “แอลเนี่ยทั้งสวยทั้งเก่งเลยเนอะ โครตสเปคเลยจริงๆ”

“ไอ้เหี้ยบิว” เอ็มสบถเรียกเพื่อนด้วยท่าทางเซ็งๆ “ไหนมึงบอกตกลงคบกับเฟรนแน่นอนแล้วไง”

“อ้าว? ก็แค่พูดถึงเว้ย ว่าสเปค แต่ไม่ได้จะเอามาเป็นแฟนไง นี่มึงหึงเหรอ?” บิวแกล้งกระเซ้า แต่เอ็มถอนหายใจแรงใส่

“กูจะหึงมึงทำเห้ไรครับเพื่อน กูแค่สงสารไอ้เฟรน”

“อ๋อเหรออออ” บิวลากเสียงยาวอย่างกวนๆ จริงๆ ที่ถามเนี่ย หมายถึงเอ็มหึงแอลเหรอ แต่ดูเจ้าตัวจะคิดไปอีกทาง เอ็มยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าแอลแอบชอบตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนรู้หมดแล้ว

“ฝนซาแล้ว กูไปเอาชีทก่อนดีกว่า ถ้าแอลมาฝากบอกให้รอด้วย” เอ็มชี้นิ้วสั่งแล้วรีบวิ่งฝ่าฝนปรอยๆ ออกไปที่ตึกคณะ น้องน้ำกับบิวหันมองหน้ากันแล้วยักไหล่

“กูก็นึกว่ามึงไปตีสนิทกับแอลเรื่องอะไร ที่แท้แอลมาขอให้ช่วยเรื่องไอ้หน้าตายนั่นเอง” เมื่อเห็นว่าเอ็มพ้นสายตาไปแล้ว น้องน้ำก็เอ่ยขึ้น ก่อนหน้านี้เข้าใจผิดกันไปหมด แต่ตอนนี้เหลือเอ็มคนเดียวที่ยังเข้าใจผิด

“กูก็บอกแอลแล้วแหละ ว่าต้องทำใจหน่อย กว่ามันจะรู้ตัวกูว่าเรียนจบ” บิวฟันธง

“แล้วจะช่วยแอลจีบไอ้เอ็ม? เออ ดีเว้ย คราวก่อนเอ็มไปช่วยจีบแอล นี่สลับกันซะงั้น” น้องน้ำว่าพลางยืดตัวเอนหลังพิงโซฟาในร้านคาเฟ่

“มึงว่าทำไงไอ้เอ็มมันถึงจะรู้ตัววะ จะให้แอลเดินไปบอกเลยก็...”

“มึงลองนัดเดทดิ อีกเดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้ว พากันไปรีสอร์ทพ่อไอ้โอมะ”

บิวตาวาวทันที “เออ เข้าท่า!”

******

เนื่องจากทั้งแก๊งมีแต่ตัวผู้ จะให้แอลไปเป็นสาวเดี่ยวก็กระไร เลยให้ชวนเพื่อนผู้หญิงไปเพิ่มอีกสองสามคน เรือรบกับคิงคนโสดเลยขอพ่วงติดมาด้วย เพราะเห็นว่ามีสาวโสดมาเพิ่ม

“คนเยอะเลยทีนี้ แล้วมึงจะทำไงให้แอลกับเอ็มได้อยู่กันสองต่อสองวะ” โอก็สุมหัวไปกับเขาด้วย ตอนเขากับโป้งก็ได้บิวช่วยจนลงเอยกันด้วยดีไปแล้ว รอบนี้ก็เลยอยากจะช่วยเพื่อนเอ็มบ้าง

“มอมเหล้าแม่งไปเลย จบ”

“ความคิดดีเหลือเกิน เชี่ยโป้ง!” น้องน้ำขอตบหัวเพื่อนสักที ตอนนี้กลุ่มเพื่อนม.ปลายมานั่งจับเข่าคุยกันอยู่ริมหาด ให้เอ็ม พวกสาวๆ กับเฟรนและอาจารย์ภาคภูมินั่งกินดื่มกันไปก่อน

“ไอ้พวกนั้นมันสุมหัวทำไรกันอีกแล้ว” เอ็มหรี่ตามองเพื่อนๆ ที่จู่ๆ ก็ทยอยเดินไปรวมตัวกันที่หาด แทนที่จะมานั่งกินข้าวที่บาร์

“ก็คงคิดอะไรพิเรนๆ กันแหละ อาจจะพนันอะไรกันเล่นอีก อย่าไปสนใจเลย เอ็ม” เฟรนชักจูงเอ็มให้นั่งลงกินข้าว นี่ก็แปลกสำหรับเอ็มเหมือนกัน ปกติคุยกันนับคำได้ แต่มาเที่ยวด้วยกันทั้งที เฟรนคงอยากเป็นมิตรไว้ เพราะยังไงก็เพื่อนของแฟนล่ะมั้ง พอคิดแบบนั้น เอ็มก็ไม่ได้ว่าอะไร นั่งลงข้างๆ เฟรน ที่ตักข้าวรอไว้แล้ว

“เออ คืนนี้แอลอยากไปเดินเล่นในเมือง เห็นเขาว่ามีตลาดปล่อยของ น่าเดินนะ”

“ใช่ๆ เราก็เจอในเนตเหมือนกัน ไปเดินกันเนอะ” เฟรนหันไปสมทบกับแอลทันที เอ็มถึงกับหรี่ตามองสองคนพร้อมกัน ไปสนิทกันตอนไหน? เพิ่งเจอหน้ากันจังๆ ก็ตอนมาภูเก็ตเนี่ย

เฟรนส่งไลน์ไปบอกพวกบิวเมื่อตัดสินใจกันแล้วว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดปล่อยของ โอจึงขอรถตู้คันใหญ่มารับทุกคนออกไปเที่ยวกันหลังกินข้าวเย็นเสร็จ

ตลาดปล่อยของ หรือภาษาคนใต้เรียกว่า หลาดปล่อยของ เป็นตลาดขึ้นชื่อของวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวที่อยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต ฝรั่งเรียกกันว่าภูเก็ต อินดี้ มาร์เก็ต เปิดตั้งแต่ 16.30-22.30 เดินชิวๆ ช่วงกลางคืนกำลังเย็นสบาย

“หูยยยยย กูอยากกินอันนั้นอ่ะ เฟรนนนน” พอมาถึงตลาด เดินกันไปสักพัก บิวผู้รักการกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจก็ลากแฟนไปหาขนมกินทันที ทั้งลูกชุบและขนมเบื้อง ขนมเค้กทั้งหลายแหล่ มีให้บิวกินแบบไม่อั้น หลังจากนั้นหลายๆ คู่ก็เริ่มแยกไป เรือรบกับคิงยังถือโอกาสพาสาวๆ ที่มาด้วยไปเดินเที่ยวต่างหาก เพื่อจะได้เหลือแค่เอ็มกับแอล

“มึงว่ามันจะได้ผลมั้ยวะ ให้มีโมเม้นท์เดินเที่ยวสองคน แล้วไปจบที่ริมทะเลเงียบสงบอีกรอบ” เฟรนเงยหน้ามองไอ้คนที่เอาแต่กินไม่หยุดอยู่ข้างๆ คาบอะไรเต็มปากเต็มมือไปหมด จนเฟรนต้องช่วยหิ้วด้วย

“ได้ดิ อย่างน้อยๆ แอลก็จะได้มีโอกาสบอกให้มันรู้ตัว ไอ้เอ็มอ่ะ ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก หึหึ” เพราะคบมาตั้งแต่ม.ต้น บิวรู้นิสัยเพื่อนดี เห็นนิ่งๆ แต่หยิบชิ้นปลามันตัลลอด ตอนเอ็มมีแฟนคนแรก บิวก็ยังอึ้งๆ คือ จู่ๆ ก็ได้มาเฉย แต่เหมือนรอบนั้นเอ็มไม่ได้ชอบมาก แต่กับแอล เห็นกระหนุงระหนิงกันบ่อยอยู่ แถมตอนบิวเข้าไปแกล้งจีบแอลต่อหน้า มันก็มีออกอาการนิดหน่อย

“แล้วทำไมเอ็มถึงมีเพื่อนซื่อบื้อแบบมึงวะ ถามจริง”

“เอ้า นี่ด่ากู?” บิวเลิกคิ้วมองหน้าคนตัวเล็ก ปากก็เคี้ยวขนมเบื้องหงุบหงับ เฟรนเห็นแล้วหมั่นไส้อยากตบมาก ก็เลยตีแขนไปเพี๊ยะหนึ่ง แล้วเดินหนี

“อ้าว? เฮ้ยยย เห็นกูมือไม่ว่าง ตีใหญ่เลยนะ เดี๋ยวกลับห้องละเจอดีแน่ น้องหนู!”

******

“โอ กูหิวอ่ะ ซื้อไรให้แดกหน่อยดิ” ทางด้านโอกับโป้งก็เดินหาของกินเหมือนกัน

“เลือกเอาดิ จะกินไรก็บอก เดี๋ยวกูจ่ายให้” พอโอว่าอย่างนั้น โป้งก็วิ่งเริงร่าไปที่ร้านแรกทันที

“เอาลูกชิ้น 10 ไม้ครับ!”

“แดกหมดรึไง” โอเดินมาสะกิด

“หมดดิ”

“แต่เมื่อเย็นกินข้าวไปแล้วนะ”

“ก็กูหิวอีกไง เดินนานก็ย่อยหมดแล้วข้าวเย็นอ่ะ” โป้งเอามือลูบท้อง วันนี้ก็ใส่เสื้อกล้ามโชว์เนื้อหนังมังสาตามเคย ช่วงเปิดเทอมเรียนหนักขึ้นมากจนไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวหรืออยู่ด้วยกันสองคนเท่าไหร่ เพราะมีแต่รายงานและเข้าห้องสมุดกับเข้าแลปกันรัวๆ สอบก็เยอะ แทบจะใช้ชีวิตอยู่ที่คณะกันทั้งเทอม ช่วงปิดเทอมนี้โอเลยกะจะอยู่กับโป้งให้เต็มที่

“อย่ากินเยอะมากแล้วกัน เดี๋ยวจุกนอนไม่ได้” โอบอกหลังจากซื้อลูกชิ้นเสร็จ และโป้งก็เตรียมไปต่อที่ร้านข้าวเหนียวหมูทอดชื่อดัง

“ไม่เห็นเป็นไรนี่” โป้งว่าพลางหันหน้าไปกระซิบ “เดี๋ยวให้มึงช่วยเบิร์นก็หลับสบายละ”

เจอประโยคนั้นเข้าไป โอก็โอเถอะ ไฟลุกบนหน้ากับเขาเป็นเหมือนกัน

******

เพื่อนๆ ไม่รู้หรอกว่าแอลกับเอ็มไปกันถึงไหนแล้ว แต่ตอนขึ้นรถขากลับ สองคนนั่งด้วยกันที่เบาะคู่แถวที่สอง และจับมือกันมาตลอดทาง คาดว่าคงเป็นข่าวดีแน่นอน

“โฮ้ยยย แม่งโล่งว่ะ เพื่อนเอ็มได้ของดีไปและ” บิวชูแขนยืดเส้นยืดสาย ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ที่เพื่อนโออุตส่าห์จัดเตรียมไว้ให้สำหรับพวกที่มาเป็นคู่อย่างรู้ใจ

“หึ อยากได้มั่งรึไงล่ะ” คนตัวเล็กเดินมาเชิดหน้าใส่แล้วก็เดินจากไป จะเรียกว่าเชิดก็ไม่เชิง เหมือนแค่เหล่ด้วยหางตาเฉยๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำมากกว่า

บิวลุกพรวดขึ้น มองตามหลังร่างเล็กที่หายไปในห้องน้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัว เฟรนอาบน้ำก่อนนอนนั่นเอง จริงๆ ตอนเย็นก็อาบไปรอบหนึ่งแล้ว แต่เพราะออกไปเดินเที่ยว เหงื่อก็ออกอีก เฟรนเป็นคนที่ไม่ชอบให้มีเหงื่อเหนียวตัว เพราะมันนอนไม่สบาย

พอเฟรนเดินเช็ดผมออกมา บิวก็มองตาม ร่างเล็กสวมชุดนอนลายสก็อตสีน้ำตาลแดง เป็นแบบกางเกงขาสั้นเสื้อแขนสั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นใส่ตอนอยู่ที่บ้านมาแล้ว น่าจะเป็นชุดโปรดของเจ้าตัว ส่วนบิวยังอยู่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัวแบบแขนกุดกับกางเกงเดินชายหาดลายใบไม้สีแดง

กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆ จากร่างเล็กชวนให้บิวลุกขึ้น เดินไปสวมกอดไว้จากด้านหลังแล้วสูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอแบบใกล้ชิด

“ไปอาบน้ำ...” เฟรนเอี้ยวตัวหนี หันไปมองหน้าบิว สบสายตาทอประกายนั้นแล้วใจก็สั่นแปลกๆ

“หอม อยากกอด” บิวพูดออกมาตามตรง แขนที่โอบรัดร่างเล็กกระชับแน่นขึ้น พร้อมจมูกที่กดลงแถวข้างแก้มและต้นคอ

“อย่ามาหื่นตอนนี้น่า ไปอาบน้ำก่อนดิ” เฟรนยกศอกขึ้นดันตัวร่างสูงไว้

“คืนนี้ทำได้มั้ย”

“ทำอะไร!?” พอเฟรนสะดุ้งถาม บิวก็จับร่างเล็กให้พลิกหันหน้ามาหา เฟรนไม่กล้าสบสายตาของบิว แต่มองเห็นลูกกระเดือกที่ขยับเคลื่อนไหวตรงหน้า

“ก็ทำอย่างที่คนเป็นแฟนกันเขาทำไง” ไม่พูดเปล่า ร่างสูงโน้มตัวลงไซร้ที่ซอกคอทันที ริมฝีปากร้อนๆ แนบที่คอ ขบเม้มเบาๆ พาให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน เฟรนยกมือขึ้นดันอกอีกคน

“บิว...” เสียงเรียกผะแผ่ว ยิ่งส่งให้บิวแทบทนไม่ไหว มือแกร่งจับยึดที่สะโพกบางยกร่างเล็กขึ้นนั่งบนชั้นวางของด้านหลัง กลิ่นหอมจากเรือนร่างขาวสะอาดชวนให้ดอมดมอย่างไม่รู้เบื่อ

บิวไล้ฝ่ามือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่เฟรนใส่นอน แตะยอดอกข้างหนึ่งและค่อยๆ กดปลายนิ้วโป้งขยี้จนร่างเล็กครางลั่น

“อ๊า~” อื้อออ”

ริมฝีปากร้อนประกบจูบดูดดื่ม แทรกเรียวลิ้นสู่โพรงปากอย่างคุ้นเคย เฟรนตอบรับด้วยลิ้นเล็กๆ จนมันเกี่ยวกระหวัดกันแทบจะเป็นหนึ่งเดียว มือเล็กข้างหนึ่งยันไว้บนชั้นวางของ อีกข้างลูบแผ่นหลังของร่างสูง ร่างกายร้อนรุ่มไปทุกอณู บิวใช้สองมือขยุ้มขยี้ขยำหน้าอกเล็กและบีบบี้ตุ่มไตเล็กๆ สองข้างอย่างมันมือ เฟรนได้แต่แอ่นอกรับด้วยความเสียวซ่าน เมื่อริมฝีปากผละจากกันพร้อมน้ำใสๆ ยืดย้อยเปรอะคาง ร่างเล็กก็ครางเสียงหวานฉ่ำ ปลุกปั่นอารมณ์เร้นในกายชายหนุ่มให้ลุกโชน

บิวกระชากกางเกงขาสั้นของเฟรนออกจากเรียวขา จับยกขาสองข้างนั้นขึ้นบนชั้นวางของที่ยึดติดกับผนังห้อง ซึ่งน่าจะแข็งแรงพอให้ทำกิจกรรมร่วมกัน ในทีแรก เฟรนพยายามหุบขาเข้าหากันด้วยความอาย แต่สุดท้ายก็ถูกโอ้โลมจนยอมอ้าขาออก ให้มือร้อนๆ ของร่างสูงกอบกุมส่วนอ่อนไหวนำพาความหฤหรรษ์มาสู่เรือนกาย

เป็นครั้งแรกที่ยอมให้คนอื่นแตะต้องส่วนที่ลับที่สุด เฟรนครางฮือ สะโพกแอ่นไหวตามแรงขับเคลื่อนจากฝ่ามือร้อน สองแขนกอดรัดรอบลำคอร่างสูง สองขาแยกออกกว้างอย่างลืมอาย

“อ๊ะ อ๊า บิว...บิว...” มือร้อนเร่งจังหวะกระชั้นถี่ และในที่สุดร่างเล็กก็เกร็งสุดตัว ปลดปล่อยออกมาพร้อมน้ำตารินไหล ริมฝีปากเล็กอ้าเผยอหอบหายใจ รู้สึกราวกับวิ่งฝ่าทะเลทรายที่ร้อนระอุ ทั้งเหนื่อยและร้อนจนเหงื่อชุ่มโชก แต่ไม่ทันได้พักนานกว่านั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบที่ช่องทางด้านหลัง

“อ๊ะ! อย่า!” เฟรนร้องลั่นรีบหุบขาหนี ร่างกายสั่นเกร็งด้วยความกลัว ความทรงจำครั้งแรกที่บิวเคยใช้นิ้วตอนนั้นไหลบ่าเข้ามาในหัวราวน้ำเชี่ยวกราด ร่างเล็กกอดรัดเสียแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทจนซีดเซียว

บิวหยุดมือและใช้ปลายนิ้วช่วยซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของคนตัวเล็ก เขาจำได้ ว่าเคยทำให้เฟรนรู้สึกกลัวและเจ็บปวดมากแค่ไหน

“เฟรน ขอโทษนะ” คำขอโทษกลับทำให้อีกคนยิ่งร้องไห้ดังขึ้นพร้อมแรงกอดที่เพิ่มขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก บิวช้อนร่างนั้นขึ้นแนบอก พาไปวางลงบนเตียงนุ่ม จูบซับน้ำตาที่ไม่ยอมเหือดแห้งไปเสียทีอย่างใจเย็น

“ขอโทษ” และคืนนั้นก็ทำได้แค่กอดเฟรนไว้แน่นๆ พร้อมเอ่ยคำขอโทษซ้ำไปมาจนผล็อยหลับไปทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.15 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 21-03-2018 19:11:38
อยากฟังคำตอบ
มาตอบแล้วว
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.15 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 21-03-2018 19:12:28
เฟรนยอมรับบิวแล้ว  :เฮ้อ:  น่าสงสารเฟรน เรื่องแอลยังไม่รู้เรื่องเลย
All Cleared!!!
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.16 21/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-03-2018 03:31:41
นังบิวตี้ นังหื่น นังเก็บกด ทำเบา ๆ น้องเฟรนช้ำไปทั้งกายทั้งใจแล้ว ไปถนอมเลยนะ  o12
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.16 21/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-03-2018 11:01:14
บิวผู้หื่นกาม555
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 11:49:14
จบแว้วววว ขอบคุณที่ติดตามกันนะคับ จบห้วนไปหน่อยมั้ยนะ ไม่หรอกน่า เนอะ

17
หลังจากนั้น บิวก็ไม่เคยเอ่ยปากเรื่องนั้นอีกเลย เขาพยายามข่มใจเพื่อจะไม่ทำให้เฟรนรู้สึกแย่หรือกลัวขึ้นมาอีก อย่างมากก็แค่กอดและจูบ จนกระทั่งเปิดเทอมใหม่

“จริงๆ ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันเลยก็ดีนะ ยังไงไม่เราก็เฟรนต้องสิงห้องอีกคนอยู่แล้ว” บิวว่าพลางเข้ามากอดเอวบางและคลอเคลียไปมาอย่างที่ชอบทำ นี่คืออีกหนึ่งเรื่องที่เฟรนเพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ว่าบิวเป็นคนขี้อ้อนและติดการสกินชิพ ต้องการสัมผัสกันตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ แต่บิวก็ไม่เคยทำเกินเลย คงเพราะคืนนั้นที่ตนร้องไห้

ต่างคนก็ต่างกลัว

เฟรนไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะอ่อนแอและขี้กลัวขนาดนั้น แต่พอโดนแตะต้องที่ตรงนั้น ตัวมันก็สั่นและความกลัวก็เข้ามาครอบงำ ความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนั้นมันไม่ยอมหายไป ส่วนบิวก็กลัวว่าจะทำให้เฟรนต้องเจ็บปวด นึกถึงเรื่องที่ไม่อยากจำ จนทำให้ไม่กล้าทำอะไร

แม้จะบอกว่า แค่รักกัน อยู่ด้วยกันก็พอ แต่ถ้าไม่แสดงความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง บางทีมันก็อดกังวลใจไม่ได้ เฟรนก็เลยต้องขอปรึกษากับน้องน้ำเป็นการส่วนตัว ว่าจะแก้อาการแพนิคนี้อย่างไรดี ซึ่งคำตอบก็ไม่ต่างจากในเนตที่ลองหาอ่านเท่าไหร่

“เอาวะ ลองดู” เฟรนบอกกับตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มทำตามวิธีที่น้องน้ำบอก ลองเตรียมตัวด้วยตัวเอง มันน่าจะทำให้หายกลัวได้ แค่เจ็บนิดหน่อยในทีแรก อีกเดี๋ยวก็ชิน น้องน้ำบอกไว้อย่างนั้น

ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ เวลาเห็นหน้าบิวมันก็อยากโดนกอดเหมือนกัน อยากรู้ว่าบิวจะทำสีหน้ายังไงเวลานั้น อยากเห็นทุกซอกทุกมุม จนเฟรนต้องตบหน้าตัวเองเรียกสติ เพราะเริ่มจะคิดเลยเถิดไปไกล ก็บิวทั้งหล่อทั้งสวยในคนเดียวกันขนาดนั้น เวลาอย่างว่าจะทำสีหน้าดีแค่ไหน มันก็อดอยากรู้ไม่ได้สักที

บางทีเฟรนก็คิด ว่าตัวเองจะหื่นเกินไปหรือเปล่า

“ไม่หรอกน่าๆๆๆ” เฟรนพยายามบอกกับตัวเอง แล้วเริ่มทำตามคำแนะนำของน้องน้ำ จินตนาการถึงหน้าบิวตอนช่วยตัวเองและค่อยๆ ใช้นิ้วเบิกทางให้ตัวเอง ถ้าเป็นนิ้วตัวเองอาจจะไม่กลัว ร่างเล็กสั่นสะท้านกัดปากแน่น ปลายนิ้วจ่อที่ปากทางไม่กล้าใส่เข้าไป ทำใจยังไงก็ไม่กล้า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูสามครั้งแบบเว้นจังหวะอย่างละเท่าๆ กันแบบนี้ บิวแน่นอน เฟรนเม้มปาก ตัดใจไม่ทำร้ายตัวเองพลางถอนหายใจแล้วรีบแต่งตัวตามเดิม วิ่งออกไปเปิดประตู

“ทำไรวะ นานเชียวกว่าจะเปิด” บิวเดินแทรกตัวเข้าไปในห้อง พร้อมถุงขนมและข้าวกล่องที่ซื้อมาฝาก

“ปะ เปล่า เข้าห้องน้ำอยู่” เฟรนก้มหน้างุดๆ รีบหลบเลี่ยงสายตาของร่างสูงไปที่โต๊ะคอมฯ ปกติไม่เคยตื่นเต้นแบบนี้เวลาอยู่กันสองต่อสอง แต่วันนี้ดันมาได้จังหวะพอดี มันก็เลยเขินๆ แปลกๆ

“เป็นไร หน้าแดงๆ ไม่สบายเหรอ” บิวสังเกตเห็น เขายืนซ้อนด้านหลังเก้าอี้ที่คนตัวเล็กนั่งอยู่ เฟรนทำเป็นเปิดคอมเล่นเกม ไม่กล้าหันไปสบตา

“นิดหน่อย”

“แล้วกินยายัง นิดหน่อยก็ต้องกินนะถ้ามีไข้” มืออุ่นๆ ลูบบนหัว ตั้งแต่เป็นแฟนกัน เฟรนก็รู้เลยว่า ทุกสิ่งที่บิวเคยทำก่อนหน้านี้มาจากใจจริงๆ ทั้งหมด เพราะบิวก็ยังคงทำเหมือนเดิม แถมจะดียิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ ดูแลดีจนแทบจะเคยตัว ทั้งไปรับไปส่งที่มอ ซื้อข้าวซื้อน้ำให้ถึงห้อง ยิ่งช่วงไหนเฟรนงานเยอะ ก็จะมาคอยเฝ้า เอาอะไรก็หามาให้ บางทีถึงขนาดป้อนข้าวป้อนน้ำตอนทำงานให้เลย บางทีก็เอาผ้าไปซักตากให้ และแทบจะไม่เห็นบิวออกเที่ยวกลางคืนอีกเลย บิวเป็นคนติดแฟนมาก นอกจากเวลาเรียนก็อยู่ด้วยตลอด

“อือ” เฟรนครางรับในคอ ก็ไม่ได้ป่วยไข้ แค่อายเท่านั้นเองที่กำลังทำเรื่องลามกตอนบิวมาพอดี

“งั้นมากินข้าวกัน” บิวจูงมือเฟรนไปนั่งรอที่โต๊ะญี่ปุ่น จัดแจงเปิดข้าวกล่อง หยิบช้อนใส่มือแล้วก็เปิดขวดน้ำรอ แกะถุงขนมให้พร้อม อะไรที่เฟรนชอบก็จำได้หมด

ไม่คิดว่าจะได้แฟนน่ารักขนาดนี้ ดีจนอยากจะตอบแทนด้วยการมอบทั้งตัวทั้งหัวใจให้ไปเลย

ระหว่างกินข้าว เฟรนก็ลอบมองหน้าของบิวตลอด พอบิวเงยหน้าถามว่าจะเอาอะไรอีกมั้ย ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่แป้ปๆ ก็เผลอมองอีก

“ทำหน้าแบบนั้น ถ้าเราทำอะไรขึ้นมา เดี๋ยวจะร้องไห้โยเยอีกนะ” บิวแกล้งแซวลอยๆ พลางตักข้าวเข้าปาก ทำเป็นไม่มองหน้าเฟรน เพราะรู้ว่าพอมอง เฟรนก็จะรีบหลบ

“เอ๊ะ?” คนตัวเล็กนั่งไม่ติดที่ทันทีที่โดนรู้ทัน ก็มัวแต่มองหน้าบิวแล้วคิดเรื่องพรรค์นั้น

“หน้าแดงแน่ะ หูก็แดงแล้ว” แล้วจู่ๆ บิวก็เงยหน้าขึ้น ท้าวคางทำตาเยิ้ม ยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เฟรน

เฟรนสะดุ้งตัวเกร็ง เอามือตะปบหน้ากับหูตัวเองด้วยความตกใจ “มะ ไม่แดงสักหน่อย บิวโกหก”

“เอ้า ไม่เชื่อส่องกระจกดิ” บิวหัวเราะชอบใจกับท่าทางน่ารักๆ ของเฟรน ก่อนจะเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ กัน โอบแขนพันรอบเอวคนตัวเล็กแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งบนตัก “น่ารักแบบนี้ ขอฟัดทีเหอะ”

“อื้อ ไม่แกล้งดิ” เฟรนยกศอกดันอกร่างสูง แต่ไม่ได้ดิ้นหนี ปล่อยให้กอดรัดฟัดเหวี่ยง บิวหอมแก้มสลับไปมาสองข้างแล้วจูบที่คออีกหลายที มืออุ่นๆ กุมมือของเฟรนไว้พลางลูบไปมา

“บิวรักเฟรนนะ รักมากๆ เลย” คำบอกรักที่ช่วงนี้บิวชอบพูดก็ทำให้ใจสั่นได้ทุกครั้ง “แค่กอดกันแบบนี้ก็มีความสุขแล้ว”

“จริงเหรอ” เฟรนเอี้ยวตัวไปถาม บิวเลยจุ๊บปากไปที

“แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ” พอเห็นรอยยิ้มสวยๆ ของบิว ก็ยิ่งรู้สึกอยากมอบความรักให้มากกว่านี้ คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย บิวเลยหอมแก้มนุ่มๆ ไปอีกฟอดใหญ่

“งั้น...ถ้าให้มากกว่านี้ จะไม่เอาเหรอ”

“?” บิวเอียงคอสีหน้าสงสัย คำว่าให้มากกว่านี้ ที่เฟรนพูดออกมา พาให้คิดไปไกลจนแทบกู่ไม่กลับ แต่ก็ไม่อยากให้เฟรนกลัว เลยได้แต่ข่มใจไว้ก่อน “มากกว่านี้ยังไงครับ”

“ก็มากกว่ากอด...จะถามทำไมเนี่ย อย่าแกล้งไม่รู้สิวะ” เฟรนชักสีหน้า แต่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร แค่เขินเฉยๆ

“ถ้าไม่ตอบ เราขอตีความเอาเองเลยนะ” บิวยิ้มมุมปาก ก่อนจะกดจูบที่ซอกคอขาว ดูดเบาๆ เรียกเสียงครางจากร่างเล็ก เฟรนยังสั่นเกร็งนิดหน่อย แต่ก็พยายามปล่อยตัวไปใจไปกับการเล้าโลมนั้น บิวจับคางเล็กให้หันไปรับจูบวาบหวาม บิวสอดลิ้นโลมเลียรัดพัน เพราะถูกจูบแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เฟรนก็เลยตอบรับเต็มที่ ยิ่งจูบยิ่งรู้สึกหลอมละลาย ลมหายใจปั่นป่วนปนเปกันเป็นลมหายใจเดียว เฟรนขยับตัวหันหน้าไปหา นั่งคร่อมบนตักของร่างสูง บั้นท้ายถูไถกับส่วนที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมาตรงหว่างขา

“อือ...” บิวถอนริมฝีปากออก ดูดเม้มแรงๆ ที่กลางคอ จนร่างเล็กสะดุ้งเฮือก สองมือกุมไหล่ร่างสูงขยุ้มขยำ บิวถกเสื้อยืดของร่างเล็กขึ้น กดจูบและค่อยๆ เม้มปากที่ยอดอกสีอ่อน มือข้างหนึ่งเลื่อนลงเบื้องล่าง ลึกลงไปใต้ขอบกางเกง

เฟรนตัวสั่น ผวากอดร่างสูงแน่น เมื่อฝ่ามือร้อนกอบกุมส่วนอ่อนไหว ปลุกปั่นจนมันแข็งสู้มือ ร่างกายร้อนรุ่มสะท้านไหว สะโพกบางขยับตามจังหวะ ยิ่งขยับก็ยิ่งสัมผัสกับส่วนกลางลำตัวของอีกคน จนบิวแทบทนไม่ไหว

“อื้ออออ อ๊า~” ในที่สุดร่างเล็กก็ปลดปล่อยเต็มฝ่ามือร้อน ทิ้งหัวซบไหล่ร่างสูงอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากอ้าเผยอหอบโกยอากาศเข้าปอด “ฮ่า...”

“พอแล้วเนอะ” บิวจูบซับเหงื่อที่ไหลซึมตามใบหน้าให้พลางโอบกอดร่างเล็กไว้หลวมๆ ตั้งแต่คืนนั้นก็ไม่เคยทำอะไรมากกว่านี้เลย แต่ครั้งนี้ เฟรนเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้ว จึงโน้มคอร่างสูงให้รับจูบจากตน พร้อมกับสัมผัสที่แก่นกายใต้ร่มผ้าที่ยังแข็งชันของบิว

“ของบิว...ยังไม่เสร็จ” มือเล็กถูส่วนนั้นไปมา จนบิวตัวเกร็ง ใจเต้นรัว

“อย่าจับดิ เดี๋ยวทนไม่ไหว”

“มันก็ไม่ไหวอยู่แล้วป่ะ” เฟรนเลียปากคล้ายยั่วเย้า เล่นเอาบิวไม่อยากทนมันแล้ว

“แน่ใจ?” ร่างสูงคว้าหมับที่เอวบาง รั้งร่างนั้นแนบชิด “ไม่กลัวแล้วแน่นะ?”

“อือ ไม่กลัว” เฟรนตอบพลางหลับตาลง ปล่อยให้บิวดึงกางเกงที่ใส่อยู่ออกพ้นเอว คุกเข่ากอดคอร่างสูงไว้ บิวค่อยๆ เอื้อมมือผ่านสะโพกบางไปที่บั้นท้าย จับแยกแก้มก้นของคนตัวเล็กและค่อยๆ ไล้ปลายนิ้ววนไปมาตรงปากทาง เฟรนสั่นกึก ยังกลัวอยู่ แต่พยายามอดทนไว้ บิวเองก็รู้ว่าเฟรนกลัว

“ไปที่เตียงดีกว่า” ร่างสูงกระซิบบอกก่อนจะอุ้มไปที่เตียง ให้เฟรนนอนราบลงกับเตียงนุ่มๆ เพื่อจะได้ผ่อนคลาย จูบเบาๆ ที่หน้าผากและริมฝีปาก ปลายนิ้วยังถูวนไปมาที่เดิม ไม่มีอะไรช่วยหล่อลื่น มันคงฝืดมากแน่ๆ บิวคิด ก่อนจะละมือออกมาและเอาหมอนมาวางรองสะโพกบาง

“จะ จะทำอะไรอ่ะ” เฟรนเงยหน้ามอง แต่เห็นไม่ถนัดเท่าไหร่ เห็นแค่หัวของบิวที่ก้มๆ เงยๆ ที่เบื้องล่าง ก่อนจะเบิกตาโพลง ขาจิกเกร็ง เผลอเอามือทึ้งหัวร่างสูง เพราะปลายลิ้นร้อนๆ ที่ดุนดันเข้ามาในช่องทางลับ

“อ๊า! บิว! อ๊ะ ตรงนั้น...อ๊า” ลิ้นร้อนสากกวาดไล้เข้าไปด้านใน ครูดกับเนื้ออ่อนจนเสียวสะท้าน สะโพกบางลอยหวือเมื่อลิ้นขยับรัวๆ บิวห่อลิ้นหดเข้าออก ปล่อยให้น้ำลายชุ่มช่องทางที่ตอดรัด ไม่รู้เพราะเป็นลิ้นหรือเปล่า ทำให้เฟรนหายกลัวและรู้สึกดีสุดๆ จนปลดปล่อยออกมาอีกรอบ

“โอเค พร้อมนะ” วงแขนแกร่งโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นมาบนตักอีกครั้ง ทั้งปากและจมูกชอนไชซุกไซร้ไปทั่วคอและเนินอกเล็ก รอให้เฟรนค่อยๆ กดตัวลงมาเอง

“อือออ” ร่างเล็กครางกระเส่า ค่อยๆ นั่งทับลงบนต้นขาของบิว ให้ส่วนแข็งที่บิวจับไว้แทรกผ่านเข้าไปในร่างกายทีละน้อย ถ้ากลัวหรือเจ็บ คนตัวเล็กจะได้หยุดได้ทันที แม้ว่าบิวจะต้องกัดฟันทนก็ตาม แต่เฟรนก็ช่างน่ารัก ยอมให้เข้าไปจนสุด

“น่ารักว่ะ แฟนใครเนี่ย” บิวยิ้มหวาน จูบแลกลิ้นอีกครั้งแล้วค่อยๆ สอนร่างเล็กให้ขยับสะโพกช้าๆ ความเจ็บปวดเริ่มเลือนหาย เหลือเพียงความเสียวซ่านจนแทบคลั่ง

“อ๊า~บิว!” เฟรนครางลั่นเมื่อบิวสวนสะโพกตอบรับ จากจังหวะเนิบช้า ต่างคนต่างเร่งความเร็วขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เสียงครางดังผสานแข่งกับเสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด บิวดันร่างเล็กลงนอนและขยับสะโพกเข้าออกรัวๆ จนความต้องการทั้งหมดทั้งมวลทะลักล้นออกมาพร้อมกัน

สองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียง เฟรนเหนื่อยหอบจนหลับปุ๋ย ครั้งแรกก็คงเหนื่อยหน่อย บิวยิ้ม มือลูบไล้เส้นผมนุ่มอย่างเอ็นดู

นึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน

ทั้งด่าทั้งตบตีกันประจำ ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะได้มานอนกอดกันบนเตียงแบบนี้

มันคงจะจริง ที่เขาว่า เกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้น

แต่ถ้าจะให้พูดจากใจจริงๆ ต้องบอกว่า มันไม่ใช่ความเกลียดแต่แรกแล้ว

มันเป็นเพราะเผลอรักไปแล้ว แบบไม่รู้ตัวตั้งแต่แรกต่างหาก

END
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.16 21/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 11:50:26
นังบิวตี้ นังหื่น นังเก็บกด ทำเบา ๆ น้องเฟรนช้ำไปทั้งกายทั้งใจแล้ว ไปถนอมเลยนะ  o12

นี่ถนอมสุดๆละ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.16 21/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 11:50:58
บิวผู้หื่นกาม555
ฮ่าๆๆสมชื่อ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-03-2018 14:54:42
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 15:20:42
รักกันได้เสียที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-03-2018 00:45:28
จบแล้ววว รออ่านตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 25-03-2018 06:21:08
อ่านจบแบบไม่รู้ตัว  สนุกค่ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 25-03-2018 22:56:23
ขอบคุณมากค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านเพลิน และสนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 26-03-2018 03:03:29
 จบได้แบบ :pighaun:
..น่ารักอ่าาา รู้ตัวอีกทีก็จบแล้ว
ชอบค่ะ  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 28-03-2018 20:48:40
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
หมั่นไส้โป้งกับบิวมาก
ชอบน้องน้ำเลยอ่ะ
มีความน่ารักแบบเพี้ยนๆ 5555
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-11-2018 13:41:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:40:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-01-2021 22:22:23
เปิดอ่านไม่ได้คาดหวังมาก แต่ไงว่างไม่ลง โอ๊ยยยสนุกกกมากกกกก ตอนพนันหลอกให้รักถึงว่าจะดราม่า ที่ไหนได้รวมหัวกันเอาเงินเพื่อน ชอบบิวอ่ะ 55555 สนุกทุกคู่ เพื่อนๆก็ฮาดี สนุกๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 01-02-2021 13:52:00
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ :pig4:

หัวข้อ: Re: Beauty & The BET??? [Y 18+] EP.17 23/3/18 END
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-02-2021 12:03:53
 :pig4: :pig4: น่ารักดีค่ะ