“โน ๆ นะ We are from London. We'll be back soon” สำเนียงภาษาอังกฤษแบบเด็กอังกฤษแท้ ๆ ทำให้ผมต้องพยักหน้ายอมรับ สำเนียงภาษาอังกฤษก็ดี พูดไทยก็ขัดแจ๋ว เกินเด็กจริง ๆ
“แล้วปกติเวลาแดดดี้ไปทำงานเราอยู่กับใคร”
“ก็อยู่กับแดดดี้อ่ะ ...ล...แล้วก็ทีชเช่อร์” ของหวานที่ละลายเหนียวหนึบอยู่รอบปากเจ้าตัวที่หันมาตอบคำถามผม ถ้ามองไม่ผิดตอนนี้เด็กคนนี้กำลังเดินช้าลงและเริ่มมองซ้ายมองขวาอย่างลังเล หวังว่าวันนี้ผมคงไม่ต้องจบเรื่องด้วยการพาเด็กเข้าสถานีตำรวจหรอกนะ
“ครอบครัวมีแค่แดดดี้หรอ”
“อือ”
“แล้วคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย…”
“แดดดี้บอกว่าตายห่าไปหมดแล้ว”
ช็อต
บอกเลยว่าตอนนี้ผมกำลังช็อตเป็นครั้งที่สอง เด็กคนเดิมพูดจาประหลาดถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองถึงสองครั้ง ถ้าได้เจอหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของเด็กคนนี้จริง ๆ ผมอยากจะถามเหลือเกินว่าแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้เขาพูดจาแบบนี้ใส่ลูก
“รู้มั้ยว่าที่เราพูดเมื่อกี้มันไม่น่ารัก”
“อือ ทีชเช่อร์ก็บอก แต่แดดดี้บอกว่า…”
“แดดดี้อีกแล้ว”
“ฟังสิ! แดดดี้บอกว่าไม่ให้หนีความจริง ไม่งั้นแดดดี้จะไม่รัก ตัวเล็กมีแดดดี้คนเดียว ถ้าไม่เชื่อแดดดี้ แดดดี้จะไม่นอนกอดนะ” เจ้าตัวอธิบายยาวยืด ในแววตานั่นเต็มไปด้วยความเลื่อมใสต่อแดดดี้ของเขาเอง ระหว่างที่ผมกลับรู้สึกแตกต่างออกไป เด็กคนนี้ถูกปลูกฝังอะไรมากมายที่มาจากผู้ใหญ่ มองดี ๆ ก็เหมือนผมเห็นตัวเองในกระจกเว่อร์ชั่นย่อสวน
“เราชื่อตัวเล็กหรอ”
“อือ”
“ชื่อน่ารักนะ แดดดี้ตั้งให้หรอ”
“ไม่ ๆ โน ๆ คนที่แดดดี้รักอ่ะ ตั้งให้”
“งั้นก็เป็นแม่ของตัวเล็กใช่มั้ย”
“โนไง คนที่ทำให้ตัวเล็กเกิดต่างหาก”
“คนที่ทำให้เราเกิดก็แม่เราไม่ใช่หรอ”
“ไม่ใช่สิ เขาชื่ออาพอช แดดดี้บอกว่าถ้าไม่มีอาพอชตัวเล็กไม่ได้เกิดเลยนะ เพราะแดดดี้คงไม่หน้ามืดไปเอาแม่หรอก” เด็กคนนี้ยังคงไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรผิดไป ส่วนผมกลับหยุดยืนนิ่งราวกับได้ยินอะไรที่ผิดแปลกไปจากความเป็นจริง ในสมองของผมขาวโพลนเมื่อถูกภาพในอดีตฉายซ้ำเข้ามาในหัว
“ถ้าไม่สำลักความเลวของพ่อกับแม่ตายในท้องไปซะก่อน ก็ขอให้เกิดมาพ่อไม่รักนะเด็กน้อย… แต่ถ้าพ่อเขาคิดจะพิศวาสรักหนูขึ้นมา… ก็ขอให้แลกกับการที่ทั้งครอบครัวต้องพินาศไม่มีชิ้นดี ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ล่วงหน้านะ ...ตัวเล็ก”
คงไม่หรอกมั้ง
“ตัวเล็ก! หายไปไหนมา แดดดี้บอกให้รอตรงไหนห่ะ!” เสียงตะโกนจากเบื้องหน้าทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะจับจ้องชายคนนึงที่มีเด็กที่ชื่อ ‘ตัวเล็ก’ วิ่งเข้าไปหา ผมมองภาพนั้นตาไม่กระพริบทั้งที่เขาไม่ได้หันมามองผมแม้แต่น้อย ในแววตานั่นมีแต่เด็กคนนึงที่เขายกชายเสื้อตัวเองขึ้นเช็ดปากอย่างไม่รังเกียจ ผมถอยตัวเองเข้ามาหลบมุมจากตรงนั้นและลอบมองทุกสิ่งต่อไป
ใจผมไม่ได้เต้นแรง ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจหรือว่าเสียใจ ตอนนี้ก็แค่แปลกใจที่ได้เจอเท่านั้น หรือถ้าจะถามตรง ๆ ว่ายังรักมั้ย ผมคงตอบได้แค่ ...ยังรู้สึกดี ๆ บ้างเท่านั้น
‘ไม่เจอกันนานเลยนะเต็ม’
คำทักทายที่ผมไม่ได้พูดออกไปดังขึ้นมาในหัว เต็มดูเปลี่ยนไปเยอะ ดูสุขุม ดูเติบโต และที่สำคัญใบหน้าเรียบเฉยนั่นช่างดูไร้ความสุข บางทีนี่อาจจะเป็นหนทางลงเอยที่ดีที่สุดสำหรับเรา และเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับเขา ผมก้าวออกมาจากความแค้นและเรื่องคาใจมานานมากแล้ว ระหว่างที่เต็มอาจกำลังจมอยู่กับอดีตจนเดินหน้าไปได้อย่างไม่สวยงามเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าในหัวเขายังมีเรื่องผมอยู่มากน้อยแค่ไหน แต่มันก็ช่างน่าเวทนานักที่เด็กขึ้นนึงต้องรับรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มากมายนัก
“ไปไหนมา ไอติมนี่มาจากไหน”
“จากพี่คนนั้นอ่ะ ง่าาาา ไปไหนแล้ว”
“ไม่ต้องมางอแง พาแดดดี้ไป” ผมหลบตัวเข้ามาอีกเมื่อเห็นสองพ่อลูกพยายามตามหาเจ้าของไอติมโคนนั้น
“เมื่อกี้ พี่เขาบอกว่าแม่เป็นคนทำให้ตัวเล็กเกิดด้วยอ่ะแดดดี้”
“แดดดี้เคยสอนว่าไง”
“แดดดี้โง่ห่ะ”
“แค่นั้นไม่ได้ดิวะ ไอ้ลูกคนนี้”
“แดดดี้โง่ไง อาพอชเลยหายไป แต่ว่าตัวเล็กต้องรักอาพอชให้ม๊ากมาก เพราะถ้าไม่มีอาพอชตัวเองก็ไม่ได้เกิดแน่เลย”
“เพราะอะไร…”
“เพราะแดดดี้จะไม่หน้ามืดครับ!”
“Good boy!”
“ว่าแต่แดดดี้ เมื่อไหร่ตัวเล็กจะรู้ว่าหน้ามืดแปลว่าอะไรอ่า”
ผมมองคนสองคนพูดไปยิ้มไปเดินห่างไปจนลับตา เสียงหัวเราะตลอดบทสนทนายิ่งทำให้ผมสะท้อนเข้ามาในใจจนจุกในอกอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกนี้มันทำให้ลึก ๆ แล้วผมไม่ชอบใจที่ตัวเองเอาแต่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เอาเถอะใครจะรู้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าผมอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเต็มอีกก็ได้ มันไม่มีอะไรที่แน่นอนทั้งนั้นแต่นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต
ณ วันนี้ ตอนนี้ ไม่ต้องห่วงผม ไม่ต้องสงสาร ไม่ต้องเกลียด ไม่ต้องรัก คนที่มันร้ายยังไงในใจมันก็ยังร้ายอยู่วันยังค่ำ คนอย่างผมมันฆ่าไม่ตายหรอกครับ วันดีคืนดีผมอาจจะลุกขึ้นมาฮุบร้านจากเอเว่นก็ได้ คนที่น่าสงสารที่สุดคือคนที่ใช้ชีวิตกับอดีต และอยู่ในความทุกข์ตลอดชีวิตต่างหาก เชื่อผมเถอะ คนพวกนี้ทรมานมากเสียยิ่งกว่าตายจากโลกนี้ไปอีก
สุดท้ายแล้วตัวผมที่เคยเปรียบชีวิตตัวเองกับละครมาตลอด วันนี้ผมคงเปรียบชีวิตตัวเองกับตัวละครตัวใดหรือละครเรื่องไหนไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่ได้จบอนาถแบบตัวร้าย ไม่ได้จบเพอร์เฟคแบบพระเอกนางเอก ไม่มีฉากกอดกัน ไม่มีฉากที่ผมสำนึกผิด ไม่มีฉากที่คนผิดใจจะโผเข้ากอดกันอย่างโหยหา
เพราะชีวิตจริงของผมมันไม่มีคำว่าจบบริบูรณ์เหมือนในละคร
และบางทีในตอนจบก็อาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
“ผมจะทำทุกอย่างให้ได้ชีวิตของผมคืนมา ต่อให้สารเลวแค่ไหน… ผมก็ยอม”
END
Talk : จบแล้ววววว ณ เวอร์ชั่นที่อัพยังไม่ได้เช็คคำผิดนะคะ ภาษาอังกฤษปลวกมากผิดตรงไหนแจ้งได้เลย กลัวใช้คำไทยแล้วไม่ได้อรรถรส
ในเนื้อหาตอนจบคงจะให้ถูกใจใครทั้งหมดไม่ได้เนอะ และการจบแบบนี้ก็ไม่ได้ทิ้งไว้ให้คาใจแต่อย่างใด เพียงแต่คนเขียนอยากให้มันจบแบบปลายเปิดนิดนึงเท่านั้น ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนตลอดรอดฝั่งนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ทุกคอมเม้นต์ ทุกวิว มีค่ามากจริง ๆ อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปด้วยนะคะ ><~
และขอแจ้งเพื่อทราบว่าในเล้าคงจะไม่มีการลงตอนพิเศษ เนื่องจากที่เว็บอื่นได้ลงตอนพิเศษแบบติดเหรียญไว้ สามารถตามไปได้ทั้ง Fictionlog(เหรียญฟรี) ReadAwrite และธัญวลัย(กุญแจฟรี)ค่ะ
ฝากติดตามนักเขียน
ทวิตเตอร์ @BESILENT1993
เพจ
https://www.facebook.com/besilentnovel/ขอบคุณมากค่ะ