Climax Change เมื่อรักทักทายกัน {Omegaverse} อัพตอนพิเศษ P4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Climax Change เมื่อรักทักทายกัน {Omegaverse} อัพตอนพิเศษ P4  (อ่าน 76629 ครั้ง)

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
มาให้กำลังใจนักเขียนค่ะ :L2:

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 20
ความตายที่ต้องเลือก

“เอ้า  วิลเลี่ยม  เลือกสิ  จะตายด้วยน้ำมือคนรักหรือจะเห็นคนรักตายไปต่อหน้าต่อตา”


คำพูดของอลิซาเบ็ธราวกับสายฟ้าที่ฝ่าลงมากลางใจของวิลเลี่ยม  ชายหนุ่มยืนนิ่งค้าง  สถานการณ์ตอนนี้เขากำลังตกที่นั่งลำบาก


“ถ้านายคิดเล่นตุกติก  ฉันจะให้เขาโดดลงไปเสียเลย”  อลิซาเบ็ธขู่ขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“อย่าทำอะไรแบบนี้  อลิซ  พอได้แล้ว”  วิลเลี่ยมหันไปขึ้นเสียงใส่หญิงสาว  “เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้!”


“ไม่ล่ะ  นายพาเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เอง”  หญิงสาวเอ่ยขึ้น  “ฉันล่ะอดใจไม่ไหวจริงๆ  ที่จะได้เห็นนายต้องตายเพราะคนที่นายรัก”


“ไม่เอา...”  เสียงที่สั่นเครือของเซ็ธดังขึ้น  เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ตามใจ  แค่ยั้งไม่ให้มือลั่นไกปืนก็ลำบากเต็มทน 


“ได้โปรด...หยุดเถอะ”  หยาดน้ำตาของเด็กหนุ่มไหลรินออกมาไม่ขาดสาย  ตัวของเขากำลังสั่นเทา  หัวใจราวกับถูกบีบให้แหลกสลาย  พร่ำบอกขอร้องหญิงสาวให้หยุดการกระทำนี้อย่างเวทนา


แต่หญิงสาวที่เขาขอร้องนั้นไม่ได้มีหัวใจมารับฟังชนชั้นต้อยต่ำอย่างเซ็ธ


เมื่อเห็นวิลเลี่ยมไม่ยอมก็บังคับให้เซ็ธก้าวถอยหลังไปจนติดราวกั้นเหล็กเก่านั่นอีก  เด็กหนุ่มร้องเสียงหลงด้วยความกลัว  อีกนิดเดียวก็จะถูกผลักตกลงไป  วิลเลี่ยมเองก็มีปฏิกิริยากับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย  เขากัดฟันกรอดมองภาพของเซ็ธที่กำลังหวาดกลัวด้วยความเจ็บใจ


“พอที...ได้โปรดเถอะ”  เด็กหนุ่มยังพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตาด้วยความหวาดกลัว  เสียงสะอื้นไห้ดังไปทั่วชั้นดาดฟ้าแต่ไม่ได้เข้าหูของอลิซาเบ็ธเลยแม้แต่น้อย  เธอยังพยายามให้วิลเลี่ยมยอมจำนน


“เอ้า  วิลเลี่ยม  ยอมตายเสียสิ  ถ้านายสัญญาว่าจะยืนเป็นเป้านิ่งให้ยิงล่ะก็  เขาก็จะปลอดภัย”


“อย่านะ!  วิลเลี่ยม  หนีไปสิ”  เซ็ธพยายามเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา  ไม่ใช่ต้องการว่าจะสั่งอีกฝ่ายแต่เป็นการขอร้อง  จากคนหนึ่งๆ  ที่รักวิลเลี่ยมหมดใจ  “หนีไปเถอะ  ฮึก...ได้โปรด”


“เซ็ธ...”  วิลเลี่ยมเอ่ยชื่อของอีกฝ่ายออกมาเบาๆ  ความรู้สึกของเขากำลังพังทลายเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังทรมาน  ที่นี่พลังจิตของเขาใช้ไม่ได้ผลเพราะไม่มีสิ่งใดที่เขาเคยสัมผัส  เป็นความเจ็บใจอย่างยิ่งยวดที่ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมตัวนั้นมา  อลิซาเบ็ธจึงได้เป็นผู้มีชัยในขณะนี้


เขารู้ดีว่าถ้าหากปล่อยให้เซ็ธยิง  อลิซาเบ็ธก็จะเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์  ไม่ใช่แค่การกำจัดเขา  แต่จะทำให้เซ็ธแตกสลายไปด้วย  เด็กหนุ่มเห็นวิลเลี่ยมเป็นคนสำคัญ  และการฆ่าคนสำคัญเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี


มันจะกลายเป็นตราบาปที่หลอกหลอนเซ็ธไปชั่วนิรันดร


แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเซ็ธต้องทรมานเช่นนี้อีกแล้ว  ยิ่งเขายึกยักที่จะไม่แสดงท่าทียอมจำนน  อลิซาเบ็ธก็จะเร่งเขาด้วยการบังคับเซ็ธอยู่เช่นนั้น


ประวิงเวลานานกว่านี้ไม่ได้แล้ว


เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจ...


“เซ็ธ...”  วิลเลี่ยมเอ่ยเรียกอีกฝ่าย  คลายสีหน้าเครียดจัดด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกที  “นายไม่ผิดหรอกนะ  นายไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น”


“วิล...”


“คิดซะว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันไม่ได้มาจากฝีมือนาย  อย่าได้โทษตัวเองเลย”  วิลเลี่ยมพูดต่อด้วยรอยยิ้มเหมือนการสนทนากับเซ็ธทุกครั้ง 


“ต่อจากนี้ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนมาก่อนซะนะ”


น่าแปลก  ทั้งที่เตรียมใจแล้วแต่ตัวเขากำลังสั่น  รอยยิ้มที่อยากให้อีกฝ่ายจดจำไว้แข็งค้างและยากที่จะฝืนไว้


ทั้งที่อยากบอกลากันมากกว่านี้  อยากที่จะพูดอะไรกับอีกฝ่ายมากกว่านี้  แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เอื้อเอาเสียเลย


วิลเลี่ยมสูดลมหายใจเข้า  ปล่อยตัวเองให้รู้สึกสบายก่อนจะยกยิ้มอ่อนโยนออกมา


“ยิงฉันซะ”  คำพูดสั้นๆ  ดังออกมาจากปากของวิลเลี่ยมทำให้อลิซาเบ็ธยกยิ้มพอใจอย่างพอใจและระเบิดหัวเราะออกมา  แต่เซ็ธกลับเบิกตากว้างแล้วร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม  เด็กหนุ่มตัวสั่นเทาเพราะกำลังฝืนตัวเอง


“ไม่...”


มันไม่ควรเป็นอย่างนี้...เซ็ธคาดหวังให้วิลเลี่ยมแก้สถานการณ์นี้ได้  ทว่าอีกฝ่ายกลับยอมจำนนแบบนี้  มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง


บอกให้เขาลืมแต่กลับฝังตัวเองไว้ในจิตใจของเขาทุกส่วน


สำหรับเซ็ธ  ตัวตนของวิลเลี่ยมคือแสงสว่างที่มอบความหวังให้แก่มนุษย์  ทำลายกำแพงที่เรียกว่าชนชั้น  ความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายนั้นทำให้โอเมก้ามีที่ยืนมากขึ้น


ทั้งๆ  ที่ความพยายามของวิลเลี่ยมกำลังจะประสบความสำเร็จ  แล้วทำไมอีกฝ่ายต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้


เขาต้องการให้วิลเลี่ยมเห็นความสำเร็จของตัวเอง  เห็นโลกที่กำลังจะสงบสุขต่อจากนี้


อัลฟ่าไม่สมควรได้คู่กับโอเมก้า...  จู่ๆ  เซ็ธก็เห็นด้วยกับคำกล่าวที่อัลฟ่าดูถูกชนชั้นของตนมาโดยตลอด 


หากคู่กันแล้วทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน  ก็ไม่สมควรครองคู่กันต่อไป


วิลเลี่ยมยังมีประโยชน์ต่อโลกใบนี้


แต่เขา...เขาหมดหน้าที่แล้ว  ได้รับการผลักดันจนมาอยู่ในจุดที่เทียบเคียงอัลฟ่าได้  ได้รับการยอมรับจากผู้คนรอบข้างจนทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นลดลง  แค่นี้ก็พอแล้ว


ความคาดหวังต่อจากนี้ที่เขามีให้ต่อวิลเลี่ยม...มากพอที่จะทำให้ไม่มีห่วงอะไรเหลืออยู่


เช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงได้ตัดสินใจ


“ถ้างั้นก็ไปตายได้แล้ว  วิลเลี่ยม”  เสียงของอลิซาเบ็ธดังขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้วิลเลี่ยมเตรียมใจ  และหันมาบังคับเขาให้ลั่นไกปืน


เซ็ธที่ยังคงมีน้ำตานองหน้ายิ้มขึ้น  ทำให้วิลเลี่ยมที่ยืนนิ่งอยู่ชะงัก


“ลาก่อน  วิลเลี่ยม”


เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด  ขืนตัวเองให้ล้มไปด้านหลัง  แรงโน้มถ่วงนั้นมากพอที่จะทำให้เขาร่วงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่อลิซาเบ็ธจะบังคับให้เขาลั่นไกปืนได้  ลูกกระสุนนั้นจึงไม่โดนวิลเลี่ยม


“เซ็ธ!!”  ชายหนุ่มตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ  เขารีบวิ่งไปที่ขอบตึกทันทีอย่างรวดเร็วพร้อมกับใจที่คล้ายกับถูกบีบจนแหลกสลาย


ร่างของเด็กหนุ่มร่วงลงจากดาดฟ้า  กำลังตกอยู่เบื้องล่าง  ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ยืนอยู่


“เตรียมพร้อม!”  เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างหนักแน่นเร่งให้คนที่อยู่แถวนั้นตื่นตัว  เบาะลมช่วยชีวิตได้ถูกกางออกรอไว้เมื่อครู่  ทันเวลาก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มจะตกลงบนนั้นท่ามกลางอาการใจหายใจคว่ำของผู้คนที่ยืนมุงอยู่


หน่วยกู้ภัยต่างรีบเข้าไปดูอาการของเซ็ธทันที  เด็กหนุ่มสลบไปทำให้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน


เอดิสันยืนคุมการทำงานทุกอย่างอยู่ไม่ไกล  ก่อนที่จะตะโกนผ่านโทรโข่งให้แก่คนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า 


“วิลเลี่ยม  เขาปลอดภัย  ฉันกำลังจะขึ้นไปบนนั้น”


“ขอบคุณสวรรค์”  วิลเลี่ยมถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะแตะเครื่องมือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋า  อุปกรณ์สื่อสารนี้เอดิสันกำชับให้เขาพกมาด้วยตลอดในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน  และนั่นทำให้อีกฝ่ายได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงระดมคนมาช่วยไว้ได้ทัน


มันเป็นเครื่องสื่อสารทิศทางเดียว  เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้อลิซาเบ็ธรู้ตัวจึงทำเหมือนไม่ได้ติดต่อกัน  นั่นทำให้วิลเลี่ยมไม่ได้ยินเสียงจากทางฝั่งของเอดิสันจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เตรียมการกันไปถึงขั้นไหนแล้ว  ต้องถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดก็ทัน


เซ็ธจึงปลอดภัย


“บ้าน่า  ทำไมถึงเป็นแบบนี้”  อลิซาเบ็ธกรีดร้องขึ้นอย่างเจ็บใจ  วิลเลี่ยมจึงยกยิ้มขึ้นก่อนที่จะหันมาหาเธอ


“เธอประเมินพวกฉันต่ำไปนะ”  เขาเริ่มเอ่ยขึ้น  ขณะที่เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่าย  “จริงอย่างที่เธอว่าอลิซ  เรื่องของเรามันกำลังจะจบ”


เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์เครื่องหนึ่งดังขึ้นก่อนที่มันจะบินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ  ตึกที่พวกเขายืนกันอยู่  ตากล้องคนหนึ่งกำลังบันทึกวิดีโอสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อลิซาเบ็ธหน้าเสีย


แผนการทั้งหมดที่เธอทำขึ้น  บัดนี้ถูกเผยแพร่ผ่านช่องข่าวเป็นรายการสดที่ผู้คนจับตาดูกันมากที่สุด


หญิงสาวกัดฟันกรอด  ก่อนที่จะออกวิ่งเข้าตึกไป  วิลเลี่ยมรีบวิ่งตามทันที  อีกฝ่ายค่อนข้างรวดเร็วมาก  ทว่าก็ต้องชะงัก  เมื่อเอดิสันนำทีมตำรวจวิ่งขึ้นมาเช่นกัน


หญิงสาวยืนนิ่ง  แต่เธอก็ใช่ว่าจะยอมจำนน  วิลเลี่ยมเองเห็นอีกฝ่ายหยุดก็นึกขึ้นได้  ตำรวจพวกนี้ใช่ว่าจะมีพลังจิตสูง  เธออาจจะควบคุมจิตใจของใครอีกก็ได้


“เฮ้”  วิลเลี่ยมเอ่ยเรียกอีกฝ่ายขณะจับไหล่ของอลิซาเบ็ธให้หันมาแล้วต่อยเข้าที่หน้าเต็มๆ  จนสลบไป  ท่ามกลางเสียงฮือฮาของตำรวจ


“ขืนปล่อยไว้เดี๋ยวเธอใช้พลังอีกจะทำยังไง”  วิลเลี่ยมรีบแก้ตัวทันที  เขาเพิ่งเห็นว่าในทีมที่เอดิสันพาขึ้นมามีนักข่าววิ่งตาม  เลยรีบบอกว่า  “ฉันก็ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ”


“ทราบครับ  นี่เป็นเหตุฉุกเฉิน”  ตำรวจคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนที่จะสั่งการให้ตำรวจหญิงสองนายมาคุมตัวอลิซาเบ็ธไป  สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย  เจ้าหน้าที่เริ่มเข้ามาตรวจสอบ  วิลเลี่ยมถูกเชิญไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ  เขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแต่ก็อดห่วงเซ็ธไม่ได้


วิลเลี่ยมไหว้วานเอดิสันให้โทรสอบถามโรงพยาบาลที่เซ็ธถูกส่งไปรักษาตัว  อีกฝ่ายบอกว่าตอนนี้ตัวเด็กหนุ่มปลอดภัยแล้ว  กำลังเดินทางมาที่สถานีตำรวจพร้อมกับบอดี้การ์ด  เขาจึงรออยู่ที่นั่น


ทันทีที่รถสีดำคันหนึ่งแล่นมาจอดก่อนที่บอดี้การ์ดที่วิลเลี่ยมคุ้นหน้าดีจะลงมาจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ใครอีกคน  ก่อนที่เขาจะเห็นเซ็ธถูกพามาหน้าสถานีตำรวจ


“เซ็ธ”  วิลเลี่ยมที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นพรวดตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มทันที  เหมือนเซ็ธเองก็กำลังหาเขาอยู่จึงยกยิ้มขึ้นเมื่อเจอ


เพี๊ยะ!


เสียงตบหน้าดังขึ้นหนึ่งฉาดท่ามกลางความอึ้งของทุกคน  เซ็ธที่ถูกตบเบิกตากว้างด้วยความตะลึง  เขาหันกลับมามองวิลเลี่ยมที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ


ชายหนุ่มกัดฟันแน่น  ดวงตาวูบไหวเหมือนคนกำลังเจ็บปวด 


“ทำแบบนั้นทำไม!”  วิลเลี่ยมตวาดขึ้นจากอารมณ์ที่เก็บไว้ในใจ  น้ำเสียงของเขาสั่นเครือพอๆ  กับร่างกายที่สั่นเทาด้วยอารมณ์หลากหลาย  ทั้งเสียใจ  เศร้า  และโกรธ  “เกิดเอ็ดช่วยไม่ทันแล้วปานนี้นายจะเป็นยังไง!  เคยคิดบ้างไหม!”


“วิล...”  เซ็ธเอ่ยขึ้นเสียงสั่น  เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร  เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้วิลเลี่ยมโกรธ


อาจจะถูกเกลียดแล้วก็ได้...  พอคิดแบบนั้นน้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็ผุดออกมาอีก


“ผม...ผมขอโทษ”  เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่น  พยายามยกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม  “ผมกลัว...ผมไม่อยากเห็นคุณตาย  ผม...ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว  แค่คิดว่าคุณยังมีประโยชน์ต่อโลกใบนี้  ฮึก  ก็เลย...”


เซ็ธสะอื้นไห้ออกมาโดยไม่อายสายตานับสิบที่จ้องมองมา  “ถ้าต้องให้เลือก  ฮึก  ผมขอตายแล้วให้คุณอยู่ดีกว่า”


“เซ็ธ!”  วิลเลี่ยมตวาดขึ้นเสียงดังลั่นก่อนที่จะคว้าตัวเด็กหนุ่มมากอดไว้แน่น  สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด  “ไม่มีใครต้องตายทั้งนั้น”


“เอ๊ะ?...”


“สัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป  ฉันอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีนาย  เพราะฉะนั้น...เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ก็ห้ามคิดแบบนั้นอีก  ห้ามเด็ดขาดด้วย  ถ้านายทำอะไรที่เสี่ยงกับชีวิตตัวเองอีกล่ะก็  ฉันจะไม่มีวันให้อภัยไปชั่วชีวิต”  วิลเลี่ยมเอ่ยออกมาพร้อมๆ  กับสะอื้นไห้  หยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาจากหัวตาไม่ขาดสายขณะที่กอดเด็กหนุ่มไว้แน่น


วินาทีนั้นเซ็ธถึงเข้าใจ  ไม่ใช่ว่าเขากำลังถูกเกลียด  แต่เพราะรัก...รักมากเสียจนยอมลงมือทำร้ายเพื่อให้เขารู้


เซ็ธจึงได้รับการสั่งสอนบทเรียนที่มีค่ามากที่สุดแล้ว


“วิลเลี่ยม...ผมสัญญา  มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”  เด็กหนุ่มสาบานเช่นนั้นท่ามกลางเสียงร้องไห้โฮไม่อายฟ้าอายดินของคนที่โตกว่า 


ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้คนที่เพิ่งตวาดเสียงดังลั่นสถานีตำรวจ  ยกเว้นก็แต่เอดิสันที่อดรำคาญไม่ได้เลยรีบมาลากคอเพื่อนสนิทไปสั่งสอนแล้วให้เซ็ธเข้าพบตำรวจสักที  จะได้แยกย้ายกันไป  คุณพ่อมือใหม่ต้องการกลับไปนอนกับที่รักและลูกสาวที่ยังอายุไม่ถึงเดือน


การให้การของเซ็ธนั้นค่อนข้างช้ากว่าวิลเลี่ยม  เพราะตำรวจต้องการทราบข้อมูลช่วงที่ถูกควบคุมด้วยเพื่อที่จะนำไปหาวิธีรับมือนักโทษหญิงคนนั้น


จนกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืน  ทุกคนก็แยกย้าย  เอดิสันตรงกลับบ้านทันที  ส่วนเซ็ธและวิลเลี่ยมกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้งพร้อมบอดี้การ์ดเพื่อไปเอารถที่จอดทิ้งไว้  เมื่อพวกเขาตรวจจนแน่ใจว่าปลอดภัยก็ให้วิลเลี่ยมขับกลับพร้อมเซ็ธ  วันนี้พวกบอดี้การ์ดก็เฝ้าอยู่เช่นเคย


ทันทีที่ถึงบ้าน  หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยราวกับถูกความเหนื่อยล้าของวันนี้เข้าเล่นงาน  ไม่มีใครคิดจะดูหรือคุยอะไรต่อ  พวกเขาหลับด้วยกันภายในห้องของวิลเลี่ยม


คืนนั้นวิลเลี่ยมสามารถหลับได้ลึกเพราะความกังวลที่สั่งสมมาคลายตัวและสลายไปแล้ว


จุดแข็งที่เขาเคยคิดว่าทลายยากหายไปแล้ว  ความหวังของพวกโอเมก้าจึงสว่างขึ้นมา


การแข่งขันระหว่างเขากับอลิซาเบ็ธตลอดจนกิลเบิร์ต  บัดนี้ผู้ชนะคือเขา  ต่อจากนี้จึงไม่มีอะไรให้กังวล


ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่  21
ตีตรา [END]
“ข่าวต่อไปนะครับ  ศาลพิพากษาเบื้องต้นให้นางสาวอลิซาเบ็ธ  เบิร์กบราวน์จำคุกสิบปีในข้อหาทารุณกรรมผู้อื่น  จนถึงตอนนี้ทางตำรวจยังคงสืบหาผู้ที่คาดว่าเคยถูกนางสาวอลิซาเบ็ธจับมาทดลอง  ซึ่งในตอนนี้ยังมีจำนวนไม่แน่นอน  ผู้เสียหายท่านอื่นๆ  ยังคงมีมาให้ปากคำอย่างต่อเนื่อง”


เสียงรายงานของนักข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ดังขึ้นทำให้วิลเลี่ยมที่กำลังดื่มกาแฟยามเช้าหันมาสนใจ  ดูเหมือนคดีของอลิซาเบ็ธจะเริ่มมีความคืบหน้า


วิลเลี่ยมอดชื่นชมการทำงานของตำรวจไม่ได้  หลังจากอลิซาเบ็ธถูกจับก็เริ่มสืบหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายอื่นๆ  ซึ่งเป็นโอเมก้าที่เคยถูกหญิงสาวหลอกมาทำการทดลอง  มีหลายคนที่ถูกพบเป็นศพแล้ว  แต่ตำรวจก็ยังสามารถตามหาจนเจอต้นตอและสิ่งที่บ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของอลิซาเบ็ธ


ลัทธิกำจัดโอเมก้าเสื่อมสลายลงไปอย่างรวดเร็ว  เหตุการณ์ในวันที่เธอบังคับเซ็ธให้ฆ่าวิลเลี่ยมอย่างเลือดเย็นนั้นมีนักข่าวบันทึกภาพไว้ได้  และนำมันมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน  ทำให้คนที่เคยให้การสนับสนุนแนวคิดของอลิซาเบ็ธเลิกติดตามไป  บางคนถึงกับสาปแช่ง  บ้างก็ชื่นชมในตัวเซ็ธที่มีความกล้าหาญ  กล้าที่จะสละชีวิตตัวเองทำให้ภาพพจน์ของโอเมก้าดูดีขึ้น


ส่วนหลังจากที่อลิซาเบ็ธถูกจับกุมแล้ว  ตำรวจยังสืบต่อได้อีกว่ามีผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองบางคนที่ให้การสนับสนุนเธอและคัดค้านกฎหมายคุ้มครองโอเมก้าเป็นพวกค้ามนุษย์  บ้างก็เอาโอเมก้าไปทารุณด้วยรสนิยมส่วนตัว


พวกเขาเหล่านั้นถูกจับกุมในที่สุด  ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ให้การยอมรับโอเมก้ามากขึ้น  บางครั้งก็มีข่าวลือว่าลูกที่เกิดจากโอเมก้าจะมีพลังจิตแข็งแกร่งกว่าที่เกิดกับอัลฟ่าด้วยกัน


กฎหมายคุ้มครองโอเมก้าถูกประกาศใช้ในประเทศวันที่  18  ธันวาคม  ก่อนวันคริสต์มาสไม่กี่วัน  เรียกเสียงยินดีให้แก่ผู้ที่ให้การสนับสนุน  หรือคู่รักต่างชนชั้นที่มารอฟังผลหน้าธรรมเนียบเป็นอย่างดี  งานคริสต์มาสในปีนี้จึงเต็มไปด้วยความคึกคัก


หลังจากนั้นหลายๆ  ประเทศก็เริ่มร่างและใช้กฎหมายคุ้มครองโอเมก้ามากขึ้น  ความขัดแย้งด้านชนชั้นจึงอ่อนลงจากเมื่อก่อน


ทว่าก็ยังมีการทะเลาะหรือเหยียดหยามกันอยู่


วิลเลี่ยมคาดเดาเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว  ใจคนไม่สามารถเปลี่ยนได้ในทันที  การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของทั้งสามชนชั้นต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสัมฤทธิผล  เป้าหมายที่สมควรให้การสนับสนุนคือเด็กรุ่นใหม่  พวกเขาไม่ค่อยใส่ใจขนบความคิดของคนรุ่นเก่าเสียเท่าไร  นี่นับเป็นโอกาสดีที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้น


หากต้องการให้เวลาแห่งสันติมาถึงเร็วๆ  เราก็ต้องใส่ใจเรื่องการสั่งสอนเด็กรุ่นใหม่ในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น...คือสิ่งที่เขากล่าวไว้ในที่ประชุม 


แผนการของรัฐบาลจึงมุ่งเน้นที่เด็กรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่  มีหลายโรงเรียนที่เปิดรับโอเมก้าให้เข้าศึกษาได้และปฏิบัติเหมือนเด็กทั่วไป


เวลาของการเปลี่ยนแปลงระบบผ่านไปอย่างรวดเร็ว  หลังจากสิ้นปีใหม่ทุกอย่างก็ลงตัวมากขึ้น  วิลเลี่ยมมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น  แต่ถึงกระนั้นเซ็ธที่ยังเป็นนักเรียนก็ไม่ได้มีเวลาว่างตามเขา  หลายครั้งต้องอยู่บ้านคนเดียวจึงรู้สึกเหงา  ชายหนุ่มก็เลยมักจะไปเล่นกับแมรี่  ลูกสาวของเอดิสันกับเลนเนอร์อยู่บ่อยครั้ง 


ยายหนูคนนี้ร่าเริงมาก  เขาเล่นอะไรด้วยหน่อยก็หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ  แต่คนที่ทำให้เด็กน้อยนี่ติดได้นอกจากเลนเนอร์ก็คือเซ็ธ  ไม่รู้ว่าแมรี่ชอบใจตรงไหนแต่พอเห็นเด็กหนุ่มทีไรก็จะร้องงอแงให้อุ้มทันที


คนเป็นพ่อเห็นแบบนั้นก็อดหวงไม่ได้ที่ลูกสาวใจง่ายไปอยู่กับชายอื่นเลยมักจะมาถามว่า  “เมื่อไรนายจะทำสัญลักษณ์กับเซ็ธสักที”


“เฮ้  เมื่อก่อนนายยังห้ามฉันอยู่เลยนะ”  วิลเลี่ยมร้องประท้วง  เอดิสันเลยเลิกคิ้วถามว่า


“หรือไม่อยากตีตรา”


“อยาก”  วิลเลี่ยมตอบแทบจะทันทีก่อนที่จะถอนหายใจออกมา  “แต่รอให้เซ็ธพร้อมก่อน  ถ้าทำไปจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนนินทาหรือเปล่านะ”


“โอเมก้าวัยรุ่นที่ถูกตีตราจองจากคนรุ่นเดียวกันก็มีอยู่นี่”


“แต่เผอิญฉันคนละรุ่นกับเซ็ธนี่สิ”  วิลเลี่ยมสวนกลับไปก่อนที่จะถอนหายใจออกมา  ยิ่งระยะห่างของชนชั้นเบาบางลงก็ยิ่งทำให้เซ็ธเป็นจุดสนใจจากอัลฟ่าในโรงเรียนมากขึ้นไปอีก


ทุกวันก็มักจะมีแมลงมาตอมน้ำหวาน  ยังดีที่มีไม้ไล่แมลงอย่างมิเกลอยู่  อัลฟ่าพวกนั้นเลยเข้าไม่ถึงตัวเซ็ธ  จริงๆ  วิลเลี่ยมก็เคยคิดว่าถ้าตีตราไปเลยน่าจะขจัดปัญหาคนมารบกวนได้


ติดที่ว่าเด็กของเขาจะพร้อมหรือเปล่า


หลังจากนั้นหลายวันพวกเขาได้รับการติดต่อจากเอดิสันว่าให้มาร่วมงานวันเกิดของเลนเนอร์ซึ่งจัดที่บ้านใหญ่ของอีกฝ่าย


ฝั่งเอดิสันเองก็สามารถขึ้นเป็นใหญ่ในตระกูลและทำให้ครอบครัวยอมรับเลนเนอร์ได้  จากที่เคยถูกคนดูถูกเหยียดหยาม  บางคนถึงกับสาปแช่งลูกของทั้งคู่  แต่ในขณะนี้คนรักของเจ้าบ้านถูกประคบประหงมอย่างดี


งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่  มีผู้คนที่มีหน้ามีตามาเข้าร่วม  มีการบันทึกภาพจากสถานีโทรทัศน์  มีวงดนตรีคลาสสิกมาร่วมบรรเลงเพลงตลอดทั้งงาน  ยิ่งใหญ่เสียจนเจ้าภาพทำตัวไม่ถูก


“คิดว่าบางทีเขาโอเวอร์เกินไปหรือเปล่า”  ในที่สุดเลนเนอร์ก็บ่นขึ้น  ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ริมผนัง  ข้างๆ  คือวิลเลี่ยมที่มานั่งพัก  อีกฝ่ายหัวเราะแห้งๆ  ก่อนจะบอกว่า


“ก็เห็นโอเว่อร์ทุกรอบนั่นแหละ  ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนาย”  ตั้งแต่ขึ้นชื่อว่าเปิดตัว  ไม่ว่าเลนเนอร์จะทำอะไรก็ดูเป็นที่ต้องตาต้องใจของเอดิสันเหลือเกิน


“นี่ถ้าแมรี่ยืนได้คงมีงานฉลองอีก”  วิลเลี่ยมคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป  “จากนั้นก็งานฉลองแมรี่พูดได้  แมรี่เรียกพ่อได้  แมรี่ไปโรงเรียนครั้งแรก...”


เลนเนอร์หัวเราะขึ้นกับมุกของวิลเลี่ยม  ถึงจะบอกว่าเป็นมุกแต่พวกเขารู้ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้


วิลเลี่ยมเคยถามเอดิสันว่าเมื่อก่อนไม่ใช่คนที่ชอบงานเลี้ยง  แล้วทำไมถึงพยายามหาจัดงานเลี้ยงเพื่อเลนเนอร์บ่อยๆ  อีกฝ่ายแค่ยิ้มแล้วตอบว่า  “มันก็แน่นอนในคำถามอยู่แล้วนี่”


เพื่อเลนเนอร์...เพื่อให้คนที่รักมีความสุข  เอดิสันเลยพยายามจัดงานรื่นเริงที่แต่ก่อนเกลียดนักเกลียดหนาขึ้นมาให้แก่อีกฝ่ายจนทำให้วิลเลี่ยมอดนับถือในความพยายามนั้นไม่ได้


“แมรี่ยังติดเซ็ธแจอยู่เลย”  เลนเนอร์เอ่ยขึ้นขณะหันไปมองยังเด็กหนุ่มที่อุ้มลูกสาวเดินไปเดินมาอยู่ไม่ใกล้  ตอนนี้เซ็ธทำหน้าที่เป็นคนดูแลทารกน้อยแทนเขาที่มานั่งพัก


“เลนเนอร์”  เอดิสันปลีกตัวออกมาจากกลุ่มนักธุรกิจที่ยืนคุยกันอยู่  “มานี่หน่อยสิ”


“มีอะไรเหรอ?”  ชายหนุ่มถามขึ้นขณะถูกดึงให้ลุกจากเก้าอี้  เอดิสันจับมือพาเขาเดินไปใกล้เวทีขณะที่พิธีกรเริ่มการพูดเกริ่นนำขึ้น


“เซ็ธ”  วิลเลี่ยมเองก็ลุกขึ้นบ้างและหันไปเรียกเด็กหนุ่มที่อุ้มทารกอยู่  “ไปใกล้ๆ  เวทีกันเถอะ”


“ครับ?  มีอะไรหรือครับ”  เซ็ธเดินตามวิลเลี่ยมไปที่หน้าเวที  อีกฝ่ายโอบไหล่เขาไว้ก่อนที่จะบอกด้วยรอยยิ้มว่า  “ดูเหมือนจะมีเรื่องดีๆ  กำลังจะเกิดขึ้นนะ”


ทั้งงานมืดลง  บริกรเข็นรถที่มีเค้กขนาดยักษ์เข้ามา  วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงอวยพรวันเกิดท่ามกลางเสียงร้องเพลงที่ดังขึ้น  แม้แต่เด็กหนุ่มข้างตัวเขายังร้องด้วย  หลังจากเพลงจบไฟก็สว่างขึ้น  ช่วงเวลาต่อไปเป็นการมอบของขวัญ


เขาจำสิ่งที่เอดิสันเคยตั้งปณิธานไว้ได้  ตอนนี้เลยเข้าใจเหตุผลที่อีกฝ่ายจัดงานวันเกิดของเลนเนอร์เสียใหญ่โต


“ถ้างั้นขอเชิญคุณเอดิสันมอบของขวัญให้แก่คุณเลนเนอร์ก่อนเลยครับ”  พิธีกรผายมือไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวที  เอดิสันหันเข้าหาเลนเนอร์ก่อนจะล้วงเอาบางสิ่งออกมาจากเสื้อสูท


กล่องขนาดเล็กจิ๋ววางอยู่บนฝ่ามือขวาของอีกฝ่ายก่อนที่เอดิสันจะใช้มืออีกข้างเปิดมันออกขณะที่คุกเข่าลงตรงหน้าเลนเนอร์


“เราก็...ผ่านความทุกข์ยากกันมานานแล้ว  ตอนที่ฉันเศร้านายก็อยู่  ตอนที่ฉันมีความสุขนายก็อยู่  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  นายก็จะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ  ที่ผ่านมาอยากจะขอบคุณจริงๆ  ขอบคุณที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉัน  มันอาจจะช้าไปสักหน่อย  แต่...”


คำพูดของเอดิสันสะกดทุกสิ่งให้เคลื่อนไหว  ไม่มีใครกล้าพูดแทรก  แม้แต่เลนเนอร์เองยังยืนนิ่ง  วัตถุที่ถูกใส่อยู่ด้านในกล่องเปล่งประกายยามกระทบแสงไฟ


“เลนเนอร์...แต่งงานกับฉันเถอะนะ”  เอดิสันเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม  เรียกเสียงฮือฮาให้แก่ผู้ที่รอลุ้นอยู่ทันที  เขายังนั่งอยู่ท่าเดิมเพื่อรอคำตอบจากอีกฝ่าย


“บ้าอะไร...”  เลนเนอร์พึมพำขึ้นขณะที่ยกยิ้มทั้งที่น้ำตาเริ่มคลอออกมา  “อยู่ด้วยกันขนาดนี้ยังจะขอทำไมอีก  นายพาฉันเข้าห้องหอเลยยังได้”


“ตอบตกลงก่อนสิ”  เอดิสันเร่งเร้าทำให้คนที่เขินจนหน้าแดงยิ่งอึกอักที่จะพูด  แต่ในที่สุดเลนเนอร์ก็ยื่นมือซ้ายออกไปแล้วบอกว่า


“ตกลง  ต่อจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะ  ที่รัก”


เอดิสันยิ้มกว้างขึ้นมากกว่าเดิม  เขาสวมแหวนให้อีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้น  หยิบอีกกล่องที่เตรียมไว้ให้อีกฝ่ายสวมแหวนที่นิ้วของตนบ้าง  เมื่อเลนเนอร์สวมให้เรียบร้อย  ชายหนุ่มก็คว้าตัวอีกฝ่ายมาจูบบนเวที  ท่ามกลางการแสดงความยินดีของทุกคน 


“ดีจังเลยนะ  เนอะ  แมรี่”  เซ็ธเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาหนูน้อยวัยสามเดือนที่เริ่มงัวเงีย  วิลเลี่ยมได้ยินแบบนั้นก็เลยได้โอกาสถาม


“อยากทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ”


“ผมคงหัวใจวายคาเวทีพอดี”  เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเจือเสียงหัวเราะ  ให้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้เขาคงไม่มีความกล้ามากพอขนาดนั้น


วิลเลี่ยมได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ  “ฉันไม่มีปัญญาจัดขนาดนี้ได้หรอก  อย่างมากก็แค่ทำให้เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ”


“แมรี่ง่วงหรือยัง”  จู่ๆ  เลนเนอร์ที่เพิ่งลงมาจากเวทีก็ถามขึ้น  ก่อนจะเข้ามาช้อนตัวอุ้มหนูน้อยต่อจากเซ็ธ  แมรี่ทำท่าง่วงนอนแล้วจริงๆ  ดังที่อีกฝ่ายคาด


“ยินดีด้วยที่จะได้แต่งงานนะ  เลนเนอร์”  วิลเลี่ยมอวยพรขึ้นก่อนที่เซ็ธจะตามมาว่า  “ยินดีด้วยนะครับ”


“ขอบคุณนะ  ทั้งสองคน”  เขาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มซึ่งดูมีความสุขมาก  “ฝากบอกเอดิสันหน่อยนะว่าฉันจะพาแมรี่ขึ้นไปนอนแล้ว”


“ได้  ให้แม่หนูนี่ได้พักเสียบ้าง  วันนี้คึกเหลือเกิน”  วิลเลี่ยมรับปากก่อนที่จะหยิกแก้มอวบๆ  ของเด็กน้อยเล่นเบาๆ  แล้วปล่อยให้เลนเนอร์พาขึ้นไป


งานเลี้ยงเลิกตอนสี่ทุ่ม  พวกพนักงานเริ่มทำความสะอาด  เอดิสันเองคุยกับวิลเลี่ยมเล็กน้อยก็ขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อน  ส่วนพวกเขาสองคนก็ขับรถตรงกลับบ้าน


หลังจากอาบน้ำเสร็จวิลเลี่ยมก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียง  รอเด็กหนุ่มเข้ามาในห้อง


อีกฝ่ายเข้ามาหลังจากอาบน้ำเรียบร้อย  กลิ่นแชมพูยังคงติดอยู่บนเส้นผมชวนให้หลงใหล  สิ่งที่ทำให้วิลเลี่ยมแปลกใจอีกอย่างคือต้นคอที่ไร้ปลอกคอป้องกันของอีกฝ่าย


“เซ็ธ  ปลอกคอไปไหนน่ะ?”  เขาถามขึ้น  เซ็ธเดินมานั่งคุกเข่าบนเตียงก่อนจะเล่าว่า


“วันนี้ผมได้คุยกับเลนเนอร์  เขาบอกการสร้างพันธะก็นับว่าเป็นเรื่องดี  เพราะจะได้ไม่มีใครมารังควานอีก”  เซ็ธสัมผัสที่สัญลักษณ์ซึ่งอยู่ที่หลังคอก่อนจะบอกว่า  “ผมอึดอัดเวลาที่อยู่ที่โรงเรียนแล้วมีพวกอัลฟ่ามายุ่งด้วย”


“เซ็ธ...”


“วิลเลี่ยม...”  เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกฝ่าย  ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำบ่งบอกว่าใช้ความกล้าอย่างมากที่จะพูดออกมา  “ถ้า...ถ้าคุณรักผม  ช่วยตีตราให้ผมทีได้ไหม”


คำพูดนั้นทำให้วิลเลี่ยมชะงักไปชั่วขณะ  หนังสือที่อ่านอยู่หล่นลงบนตัก  แม้นี่จะเป็นสิ่งที่รอมานานแต่พอได้ยินแบบปุบปับเช่นนี้ก็ชวนให้ตกใจไม่ได้


“จะดีเหรอ?”  เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ  มือก็แอบจิกตัวเองเพื่อยืนยันว่าจริงๆ  แล้วเขาไม่ได้ผล็อยหลับคาหนังสือไป


“คุณไม่อยากเหรอ...”  น้ำเสียงของอีกฝ่ายเศร้าหมองลงทำให้วิลเลี่ยมต้องแก้ตัว


“อ้ะ  เปล่าๆ  ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ  ที่จะพูดก็คือ...นายต้องการแบบนั้นจริงๆ  ใช่ไหม  ต่อจากนี้นายจะจับคู่กับคนอื่นไม่ได้อีกแล้วนะ”


ถึงจะรักมากเพียงใด  แต่เซ็ธยังเป็นวัยรุ่น  ส่วนเขาเป็นผู้ใหญ่  เซ็ธมีสังคมที่ต้องเจอมากกว่าเขา  วิลเลี่ยมเคยเผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งว่าถ้าเซ็ธเจอคนที่ชอบจริงๆ  ก็จะปล่อยไป


“ผมต้องการคุณ  แค่คุณคนเดียว”  เซ็ธเอ่ยขึ้นน้ำเสียงหนักแน่น  ปลุกสัญชาตญาณของวิลเลี่ยมให้ตื่นขึ้น  เขายกมือขึ้นจับใบหน้าของอีกฝ่ายมาใกล้ก่อนที่มอบจูบอันหวานล้ำให้  ลิ้นร้อนผ่าวได้รับการตอบรับอย่างดีในโพรงปากของอีกฝ่าย  เนิ่นนานกว่าที่ชายหนุ่มจะหยุด


“งั้นฉันจะไม่เกรงใจละนะ”  วิลเลี่ยมเอ่ยขึ้นขณะดึงตัวอีกฝ่ายมากอดไว้อย่างแนบแน่น  ปลดเสื้อผ้าทุกชิ้นของเซ็ธออกพร้อมกับเล้าโลมด้วยความต้องการจากตัณหาที่ลุกโหมขึ้น


เขาเอื้อมมือไปหยิบถุงยางออกมาสวม  แล้วชโลมเจลหล่อลื่นตรงช่องทางด้านหลังของเด็กหนุ่มซึ่งโก่งสะโพกปล่อยให้เขาเตรียมพร้อมด้วยนิ้วมือเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา


วิลเลี่ยมสอดนิ้วมือเข้าไปอย่างง่ายดายกว่าครั้งก่อน  เขาเริ่มขยับ  เซ็ธก็เริ่มครางออกมา  มือกำผ้าปูเตียงแน่นด้วยความเสียวซ่าน


เมื่อคิดว่าน่าจะพร้อมแล้วเขาจึงดึงนิ้วออกแล้วยกสะโพกอีกฝ่ายขึ้น  จากนั้นก็แทรกส่วนที่ตื่นตัวเพราะแรงขับดันทางเพศเข้าไป 


เซ็ธกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บแปลบที่เล่นเข้ามาชั่วขณะก่อนที่จะปล่อยตัว  มัวเมากับความสุขอันหอมหวานที่อีกฝ่ายมอบให้  เขาครางออกมาโดยไม่สามารถกลั้นไว้ได้


“อืม  เซ็ธ...ดีหรือเปล่า”  วิลเลี่ยมถามขึ้นขณะขยับช้าๆ  ให้เซ็ธเริ่มชิน  อีกฝ่ายพยักหน้ามาแทนคำตอบ  เขาจึงเริ่มขยับให้เร็วขึ้น  ขณะก้มลงใช้ลิ้นลากผ่านสันหลังของอีกฝ่ายแล้วขบใบหูของเด็กหนุ่มเบาๆ  เพราะตรงนั้นคือจุดอ่อนไหวของเซ็ธทำให้ร่างนั้นสั่นสะท้านทันที


“อือ  วิล...ช้าหน่อย  อ๊ะ”  เซ็ธร้องขอขึ้นเมื่อรับรู้ถึงความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของการขยับเข้าออกส่วนนั้นของเขา  วิลเลี่ยมนั้นยากจะควบคุมตัวเองเมื่อได้กลิ่นอันหอมหวานของเซ็ธ  เขาพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นกอดจากด้านหลังขณะที่ยังขยับสะโพกไปด้วย  เสียงครางหวานของเด็กหนุ่มเจือปนไปกับเสียงหอบหายใจของเขา


“วิล  ฮึก  ตรงนั้น...อย่า”  ร่างกายของเด็กหนุ่มสะท้านราวกับถูกไฟช็อตทำให้วิลเลี่ยมชะงัก  รับรู้ได้ว่าเจอจุดอ่อนไหวภายในตัวของอีกฝ่ายแล้ว  เขาเริ่มเน้นย้ำตรงนั้นมากขึ้นทำให้เซ็ธเปล่งเสียงออกมามากกว่าเดิม


“อ๊า  วิล  พอ...พอที”  เซ็ธเอ่ยขอร้องเมื่อรู้สึกทุกความสุขที่เอ่อล้นจนทำให้หายใจลำบาก  อีกฝ่ายไม่ได้หยุดตามที่เขาร้องขอ  ชายหนุ่มพรมจูบที่ไหล่ของเขาก่อนที่จะมาหยุดที่หลังคอ


“เซ็ธ...”  เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกขึ้นก่อนที่จะกระซิบด้วยคำหวาน  “ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนเด็ดขาด”


“อ๊า!”  เด็กหนุ่มสะท้านไปทั่วทั้งตัวเมื่อถูกกัดที่หลังคอ พร้อมกันนั้นเขาก็ยังเสร็จพร้อมๆ  กับวิลเลี่ยมอีกด้วย


ราวกับพลังงานทั้งหมดถูกช่วงชิงไป  วิลเลี่ยมประคองเด็กหนุ่มที่อ่อนแรงลงบนเตียง  เช็ดทำความสะอาดให้อีกฝ่ายก่อนที่กลับมานอนข้างๆ


เซ็ธยังไม่ได้หลับไป  และรออีกฝ่ายมานอนข้างๆ  “วิลเลี่ยม”


“หืม”  วิลเลี่ยมเลิกคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมาหา 


“ผมรักคุณนะ  รักเพียงแค่คุณคนเดียว”  เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างเรียบง่าย  แต่กลับทำให้วิลเลี่ยมมีความสุขมากกว่าเดิม  เขาขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะมอบจุมพิตลงบนหน้าผากอีกฝ่าย


“ฉันก็รักนาย”  วิลเลี่ยมเอ่ยขึ้นขณะลูบผ่านรอยแผลที่เขาเพิ่งกัดอีกฝ่ายไปเมื่อครู่  ความอบอุ่นของอีกฝ่ายทำให้เขาดึงเข้ามากอดซุกไว้อย่างหวงแหน


“อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ  เซ็ธ...”


เซ็ธเงยหน้าขึ้นมาจูบเขาอีกครั้งเป็นคำตอบ


แรกเริ่มที่ทำวิจัย  เขาแค่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนมาก  แต่ตอนที่ได้พบกับองค์ราชินีครั้งแรกเธอกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีประโยชน์ต่อตัวเขาในภายภาคหน้า  ทีแรกวิลเลี่ยมไม่เข้าใจ  จนกระทั่งได้เจอเซ็ธ  ได้รู้จักทุกแง่มุมของอีกฝ่าย  ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา  แม้จะเป็นระยะเวลาที่สั้นแต่กลับฝังรากลึกยากที่จะลืม


ในตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจสิ่งที่องค์ราชินีเคยกล่าวไว้  เขาได้รับประโยชน์จากงานวิจัยของตนเอง  การเปลี่ยนแปลงที่นำเขามาพบเจอกับความรัก  รักที่ต่อจากนี้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา  พวกเขาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างกัน


มอบความสุขให้แก่กันชั่วกาลนาน...
-END-
 --------------------------
สวัสดีค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้ ถึงจะเหงาๆ ไปบ้าง แต่ก็ดีใจที่ได้ลงจบนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค๊ะ 

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เอะ! :o เหมือนเซ็ธจะเห็นเหตุการณ์ไม่ดีในอนาคตได้หรอ

แบบนี้หรือเปล่าที่เป็นอีกเหตุผลให้คนในครอบครัวทอดทิ้ง

นอกจากที่เซ็ธนั้นเป็นโอเมก้า


ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กดบวกเป็ดยากจังเลยค่ะ กดยากมาสักพักแล้ว แถมกดไม่ค่อยขึ้น

โหวต +1 ให้กระทู้นะคะ กดเข้าตรงนี้ก็บอกมีปัญหาเฉย  :ling1:

เข้าเรื่องเลยละกัน อิอิ ถถถถ คุณวิลนี่ไอดังคุกคุกคุกเลยนะคะ

แต่เราก็แอบระแวงหมอรีเบคก้าอยู่นะ ยังไม่กล้าสนิทใจ

ว่าแต่เบื้องหลังคือใครนะ  คนในครอบครัว? คงไม่น่าใช่

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :monkeysad: เซ็ธน่าสงสารจังลูก ฮืออออ พ่อแม่นี่มันน่า  :z6:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เนี่ยยยยย  :katai1: ยังข้องใจไม่หายว่าคนที่ชนหน้าร้านขายยา

เป็นแฝดวิลหรือตัววิลเองในอนาคต ทำไมถึงบอกว่าถึงตัวฉัน

แถมยังแต่งตัวเหมือนวิลอีก แต่ถ้าใช่ ทำไมทั้ง2คนจะจำเสียงไม่ได้

ออฟไลน์ asmar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่ม
อย่างตอนวิล-เซ็ธมีลูก
จะมีเพิ่มไหมหนอ
คาดหวังให้แต่งเพิ่มนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :jul1: กรี๊ดดดดดด น้องเซ็ธลูกกกก  :hao6:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :serius2: ม่ายยยยย จบแล้วอ่ะ ฮือ จะมีตอนพิเศษไหมคะ

อยากอ่านตอนเซ็ธมีเบบี๋จัง อยากเห็นวิลเห่อลูก  :pig4:

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มีตอนพิเศษนะคะ ตอนนี้ที่คิดไว้ก็คาดว่าจะเขียนขยายเรื่องของเอดิสัน-เลนเนอร์ค่ะ แล้วก็เรื่องของวิลเซ็ธในอนาคตค่ะ ตอนนี้กำลังปั่นอยู่ค่ะ  :katai4: ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยนะคะ  :pig4:
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่ม
อย่างตอนวิล-เซ็ธมีลูก
จะมีเพิ่มไหมหนอ
คาดหวังให้แต่งเพิ่มนะคะ
:serius2: ม่ายยยยย จบแล้วอ่ะ ฮือ จะมีตอนพิเศษไหมคะ

อยากอ่านตอนเซ็ธมีเบบี๋จัง อยากเห็นวิลเห่อลูก  :pig4:

ออฟไลน์ Ling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออ่านตอนพิเศษนะคะ ชอบมากเลยอ่านรวดเดียวจบเพลินมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ kikilululu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นิยายสนุกมากเลยค่ะ ปกติชอบสำนวนนิยายแปลอยู่แล้วยังเป็นโอเมเก้าเวิร์สด้วย อยากหวีดเป็นตอนๆไปเลยแต่สุดท้ายก็อ่านรวดเดียวจนจบ เราชอบที่วางพล็อตให้อัลฟ่าพยายามดึงโอเมก้าขึ้นมา จริงๆก็ยังไม่ค่อยเจอพล๋อตแนวนี่ถึงจะมีนิยายแนวโอเมก้าเวิร์สก็จริงแต่ส่วนมาจะโฟกัสไปที่คสพระหว่างคู่รักไปซะมากกว่า เราชอบที่คุณนักเขียนวางให้วิลเลี่ยมเป็นคนมีมุขตลกหน่อยๆ ความโจ๊กระหว่างเพื่อนเราว่าเคมีมันพอดีเลยค่ะ ไม่เยอะไปไม่กร่อยไป มาดึงเนื้อเรื่องให้เป็นกลางพอดี จริงๆถ้าจะแอบขอตอนพิเศษด้วยได้มั๊ยคะ รู้สึกว่าช่วงสวีทของวิลกับน้องน้อยไปนิดนึง555555555 ปกติมัวแต่ทำวิจัยกว่าจะหลอกเด็กได้อิตาพี่วิลยังไม่ทันได้สวีทก็โดนเพื่อนรักแต่งงานมีลูกแซงไปก่อนแล้ว555555 แล้วก็อยากเห้นผ่านมุมมองน้องบ้างว่ามองพี่วิลตอนเป๋อๆยังไง จริงๆยังอยากเห็นน้องไปอีกเยอะๆเลยค่ะ น้องน่ารักมากเลยสำหรับเรา เป็นกำลังให้คุณนักเขียนนะคะ รอเรื่องต่อไปค่าาา

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ชอบมากเลยค่ะ จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ :L2:

ออฟไลน์ jaibang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ชอบจัง จะยังมาลงตอนพิเศษอยู่ไหมนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มีตอนพิเศษนะคะ ตอนนี้ที่คิดไว้ก็คาดว่าจะเขียนขยายเรื่องของเอดิสัน-เลนเนอร์ค่ะ แล้วก็เรื่องของวิลเซ็ธในอนาคตค่ะ ตอนนี้กำลังปั่นอยู่ค่ะ  :katai4: ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยนะคะ  :pig4:
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่ม
อย่างตอนวิล-เซ็ธมีลูก
จะมีเพิ่มไหมหนอ
คาดหวังให้แต่งเพิ่มนะคะ
:serius2: ม่ายยยยย จบแล้วอ่ะ ฮือ จะมีตอนพิเศษไหมคะ

อยากอ่านตอนเซ็ธมีเบบี๋จัง อยากเห็นวิลเห่อลูก  :pig4:


รอเลยค่ะ  :katai2-1: ไว้จะเข้ามาส่องบ่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ว่าด้วยเรื่องของอัลฟ่า (คำบรรยายโดย วิลเลี่ยม ซี. มาร์เดน)
[/size]

(ในส่วนนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัลฟ่านะคะ จะว่ารู้ก็ดีไม่รู้ก็ได้ค่ะ แค่รู้สึกไหนๆ ก็คิดแล้วก็ขอจดไว้ก่อน จะลืมแล้วค่า)

อัลฟ่าคือผู้ที่อยู่สูงสุดในสังคม  ตั้งแต่เกิดการวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงชนชั้น  พวกเขาผู้ซึ่งมีพลังพิเศษได้กำหนดให้พวกตนยิ่งใหญ่ที่สุด  และความหลงระเริงในอำนาจและพลังทำให้เกิดการดูถูกเหยียดหยามชนชั้นอื่น  เกิดเป็นช่องโหว่ที่ยากจะแก้ไข

นับว่ายังดีที่ในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  ผมไม่อยากยกว่านี่คือความสำเร็จของตนเอง  มีคนมากมายที่ทำให้ช่องโหว่นั้นถูกปิดลง  หากให้พูด  ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาที่ร่วมฝ่าฟันกันมามากกว่าชื่นชมตัวเอง 

เอาล่ะ  ผมคงไม่นอกเรื่องไปมากกว่านี้  เพราะเนื้อหาต่อไปจะเป็นการสรุปเรื่องชนชั้นและพลังจิตกันอีกครั้งครับ

นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ที่มนุษย์เกือบสูญพันธุ์และผู้เหลือรอดได้มีการวิวัฒนาการตนจนเกิดความพิเศษขึ้น  เกิดเป็นระบบชนชั้นแบบใหม่ที่แบ่งออกเป็นสามชนชั้น

อันดับแรกซึ่งมีจำนวนมากที่สุดถูกเรียกว่าชนชั้นเบต้า  พวกเขาเป็นประชากรที่พบเห็นได้ทั่วไป  ถึงจะไม่ยิ่งใหญ่แต่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า  พวกเขามีพลังเหนือมนุษย์ที่หากให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ  คือไม่อลังการเท่าอัลฟ่า  การแสดงพลังของชนชั้นเบต้านั้นจะต้องใช้ร่างกายเป็นสื่อกลาง  หรือมีความสามารถบางอย่างที่เหนือกว่าคนอื่น

ยกตัวอย่างเช่น

-   ไมเคิล  นักข่าวที่ผมคุ้นเคย  หากให้ผมพูด  เขามีพลังปากเป็นเอก...อันนี้พูดยาก  แต่เขามีทักษะการชักจูงคนให้คล้อยตามได้  น่าแปลกหรือเกินที่มาทำอาชีพนักข่าว  ผมว่าไปหลอกขายตรงน่าจะรุ่งกว่า

-   มิเกล  เพื่อนสนิทของเซ็ธ  แม้เธอจะเป็นพี่น้องกับไมเคิล  แต่กลับมีพลังการจดจำที่น่าทึ่ง  เธอสามารถจำตำราเรียนทุกอย่างได้ภายในหนึ่งสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม  ปกติแล้วคนที่มีสายเลือดเดียวกันมักจะมีพลังคล้ายๆ  กันครับ  แต่หากพ่อกับแม่มีพลังคนละอย่าง  ก็มีสิทธิ์ที่ลูกจะมีพลังต่างกันได้เช่นกรณีนี้


พลังพิเศษที่จะยกตัวอย่างต่อไปคือแบบที่เกี่ยวข้องกับร่างกายโดยตรงครับ  อย่างคนที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกขณะนี้ก็เป็นเบต้า  น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาโดนแบนจากทุกการแข่งขันแล้วเพราะเร็วเกินไป  แต่เห็นว่าหันไปเป็นโค้ชให้นักกีฬาหน้าใหม่แทน  แต่ถ้าเขาไวขนาดนี้ผมว่าไปวิ่งราวก็คงไม่มีใครจับทัน

ส่วนอัลฟ่านั้นมีพลังจิตที่ในบางครั้งนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยสื่อกลาง  และมีพลังที่แข็งแกร่ง  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรยิ่งใหญ่อย่างการทะลุมิติ  หรือควบคุมดินฟ้าอากาศได้หรอกนะครับ  และก็มีหลายคนที่ไม่สามารถรับพลังของตนเองได้หรือฝืนใช้มากเกินไปจนถึงแก่ความตายก็มีเยอะ  พวกอัลฟ่าเลยมีน้อยกว่าเบต้าครับ

อัลฟ่านั้นหลังจากมีการวิจัยมากมายก็ได้ข้อสรุปว่าสายพลังของอัลฟ่านั้นแบ่งออกเป็นสามประเภท

อย่างแรกคือ Imagination เป็นการสร้างสิ่งเสมือนจริงจากความคิด  ทำให้ภาพในหัวปรากฏออกมา คนที่มีพลังประเภทนี้ (ที่ปรากฏในเรื่อง) ก็เช่นเอดิสันที่สามารถสร้างกำแพงอากาศได้  สายนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับสายควบคุม  แต่รายละเอียดลึกๆ  ค่อนข้างต่างกันครับ  กรณีเอดิสันนั้นสามารถสร้างกำแพงไว้ตรงไหนก็ได้ตามที่คิดหรือจะวางกี่อันก็ได้  หลักการนั้นเป็นการรวมสสารที่ลอยอยู่ในอากาศให้มันแข็งเฉพาะจุด  เห็นว่ากว่าจะทำให้ได้อย่างใจก็ต้องใช้เวลานานเลย  และเพราะเป็นสายที่ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยากจึงมีอยู่น้อยครับ

ประเภทที่สองก็คือ  Visibility เกี่ยวกับการมองเห็นอดีต อนาคต การอ่านใจ พบไม่บ่อยและไม่ได้มีมาก รายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างไปตามตัวบุคคล คนที่มีพลังประเภทนี้เช่น เซ็ธที่รัก  เขาจะมองเห็นอนาคตเฉพาะเรื่องร้ายและอุบัติเหตุ แต่การแสดงพลังออกมานั้นต้องมองตากับเหยื่อก่อนนะครับ  และเพราะเขายังเด็กเลยมีผลกระทบเมื่อใช้พลังอยู่บ้าง  และองค์ราชินี  ท่านสามารถมองเห็นอนาคตแบบกว้าง  แต่ไม่สามารถเจาะจงรายบุคคลได้  เหมาะสมสำหรับการบริหารบ้านเมืองมากครับ

ส่วนประเภทที่สามคือ  Control พลังจิตสายควบคุม พบบ่อยแต่ส่วนใหญ่จะควบคุมได้ระดับต่ำ อัตราการตายสูงที่สุดเพราะใช้สมองอย่างต่อเนื่องจนเกินไป  คนที่มีพลังประเภทนี้ก็อย่างเช่นตัวผมและแฝด  กิลเบิร์ต  เราสามารถควบคุมสิ่งของได้เกือบทุกประเภทผ่านการสัมผัส  แม้จะแค่ปลายนิ้วหรือแค่บางส่วนของร่างกายโดน  แต่ก็มีบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้นะครับเช่นสิ่งที่มีหลักยึด  ฝังราก  จริงๆ  ของหนักก็ยกได้แต่ค่อนข้างเปลืองแรงและเชื่องช้าครับ  (เคยพยายามยกแล้วแต่เอ็นแขนฉีก  เลยไม่คิดสู้ครับ)  ส่วนคนและสัตว์ก็ยกไม่ได้ครับ  ของที่ผมถนัดก็คือการปามีดเพราะเบาและควบคุมง่าย  อีกคนที่อยู่ในสายนี้ก็คืออลิซาเบ็ธ  น่าเจ็บใจที่เคยโดนหลอก  แต่หากมาวิเคราะห์ดู  การควบคุมจิตใจก็อยู่ในสายนี้ครับ

ในแต่สายก็จะมีแยกย่อยไปอีก  บางครั้งพลังพิเศษที่ปรากฏก็อาจจะเกิดการผสมกันระหว่างสายเกิดเป็นพลังใหม่ก็ได้  และในแต่ละประเภทนั้นก็จะมีลำดับความแข็งแกร่งอีกครับ  หลักการถ้าให้สรุปง่ายๆ  ก็คือคนที่มีพลังน้อยกว่าจะไม่สามารถทำอะไรคนที่มีพลังมากกว่าได้  เพราะแบบนั้นอลิซถึงควบคุมผมไม่ได้เนื่องจากพลังน้อยกว่า

ถ้าให้เห็นภาพแผนภูมิพลังพิเศษของอัลฟ่าก็คือเค้กก้อนหนึ่งที่ถูกแบ่งเป็นสามส่วน  และในแต่ละส่วนก็จะมีชั้นเค้กแยกอีกครับ

วันนี้ก็คงมีเรื่องพูดแค่นี้  เป็นเหมือนบันทึกเล็กๆ  ที่ทำให้เข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น  แต่ว่านะครับ  มนุษย์ที่มีการวิวัฒนาการไม่หยุดยั้งก็มักจะมีเรื่องใหม่ๆ  เกิดขึ้นเสมอ  อย่างเซ็ธที่เป็นโอเมก้า  แต่ได้รับโอกาสให้กลายเป็นหนึ่งในล้านล้านที่สามารถใช้พลังจิตได้  จริงๆ  เรื่องการเปลี่ยนแปลงของเขาผมก็สงสัยเหมือนกัน  จากที่สันนิษฐานเพราะเขาเป็นโอเมก้าที่เกิดจากอัลฟ่า  DNA คงเกิดการเปลี่ยนแปลงก็เลยมีพลังขึ้นมา  ต่อจากนี้จะมีโอเมก้าที่มีพลังเกิดขึ้นมาอีกไหม  ก็คงต้องติดตามกันต่อไป 

แต่ก็มีทฤษฎีหนึ่งที่ผมสงสัยนะครับ  หากอัลฟ่าและโอเมก้าที่มีพลังพิเศษมีลูกกัน  ลูกจะได้รับพลังพิเศษแม้จะเป็นโอเมก้าด้วยไหม  สงสัย...สงสัยจริงๆ  นะครับ  ในฐานะนักวิทยาศาสตร์มันก็ต้องพิสูจน์ใช่ไหมครับ

เพราะฉะนั้น...เซ็ธ  มาลองพิสูจน์กันเถอะ!

“กะแล้วเชียวว่าโทรเรียกตำรวจจะดีกว่า” – เอดิสัน


ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตอนพิเศษ
ว่าด้วยเรื่องรัง

หลายวันมานี้วิลเลี่ยมเพิ่งสังเกตห้องนอนของเซ็ธ  ปกติแล้วเด็กหนุ่มไม่ค่อยให้เขาเข้าไปสักเท่าไร  ตัวเขาเองก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มคงอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างก็เลยไม่คิดเซ้าซี้ 

ที่นอนของเซ็ธนั้นเต็มไปด้วยของมากมาย  แต่ดูเป็นระเบียบ  หากให้พูดวิลเลี่ยมคิดว่ามันเหมือนรัง  บนเตียงนั้นนอกจากหมอนหลักที่ใช้หนุนนอนก็ยังมีอีกสองใบรายล้อมรอบๆ  กับหมอนข้างและตุ๊กตาที่เขาเคยให้  ผ้าห่มนวมหนาก็คงถูกใช้ห่อตัวคืน 

เขาเคยเข้ามาตอนเช้าเห็นเด็กหนุ่มนอนขดตัวอยู่ใน  ‘รัง’  นั้นด้วยสีหน้าเป็นสุขก็คิดได้ว่าคงเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับอีกฝ่าย

“วิลเลี่ยม  ช่วยอะไรผมหน่อยสิ”  วันหนึ่งเซ็ธเดินมาหาเขาพร้อมหอบก๊วนตุ๊กตาสี่ตัวมาด้วยทำให้วิลเลี่ยมนึกอยากพุ่งหยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้

“อะไรเหรอ”  แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าช่วยอีกฝ่ายก่อนจะดีกว่า

“ช่วยกอดตุ๊กตาพวกนี้ให้หน่อยได้ไหมครับ”

“หา?”  วิลเลี่ยมหลุดปากอุทานออกมาทันทีด้วยความงุนงง  ก่อนจะเกิดอาการนิ่งค้าง  แต่พอเห็นเซ็ธทำตาเศร้าก็รีบฉีกยิ้มทันที  “อา...ได้สิ  ได้สิ  กอดสินะ  กอด”

ชายหนุ่มอ้าแขนออกแล้วรวบอีกฝ่ายมากอดไว้ทันที  กลิ่นหอมของคนที่เพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ  ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา

“วิลเลี่ยม...แค่ตุ๊กตาก็พอครับ” 

บางทีเขาก็คิดว่าเซ็ธก็พูดจาได้เจ็บดีเหมือนกัน

แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่วิลเลี่ยมก็ยอมกอดตุ๊กตาทั้งสี่นั่นแต่โดยดี  สัมผัสของมันนุ่มมือมากคงได้รับการดูแลอย่างดี  คิดไปแล้วเขาก็เกิดอิจฉาตุ๊กตาขึ้นมา

“ว่าแต่ว่าทำไมนายถึงอยากให้ฉันกอดตุ๊กตาเหรอ”  เขาถามขึ้นขณะที่เปลี่ยนจากกอดตัวแรกจนพอใจแล้ว  เซ็ธชะงักมือที่หยิบอุปกรณ์วาดภาพแล้วหันมามอง  ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา

“ก็...ผมรู้สึกว่าเวลาได้กลิ่นคุณแล้วจะสบายใจมากกว่า  แต่ว่าตอนนี้ในห้องก็ไม่ค่อยมีกลิ่นของคุณแล้ว  ก็เลยอยากจะให้เพิ่มกลิ่นของคุณบนตุ๊กตาน่ะครับ”

วิลเลี่ยมนิ่งค้าง  เผลอทำหน้าตื่นตะลึงใส่จนเซ็ธกังวลและหน้าแดงขึ้น

“ไม่ได้เหรอครับ?”

“ได้สิ  ยินดีเลยล่ะ”  วิลเลี่ยมรีบตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง  ส่วนในใจนั้นหัวเราะชั่วร้ายขึ้น  เจ้าตุ๊กตานี่เขาเคยอิจฉาทั้งหลาย  จงรับกลิ่นไปซะดีๆ!

เย็นวันนั้นเซ็ธหอบตุ๊กตาพวกนั้นเข้าห้องไป  แต่พอตกกลางคืนวิลเลี่ยมก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่เคยไปนอนในห้องของเซ็ธเลย  เขาเลยถือโอกาสนี้พุ่งไปเคาะประตูห้องอีกฝ่าย

“เซ็ธ  ถ้านายอยากได้กลิ่นของฉันละก็ทำไมไม่ให้ฉันนอนด้วยล่ะ”  วิลตาเป็นประกายขณะอยู่หน้าประตูห้อง  เซ็ธนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมาเสียงเรียบ

“ไม่เอาครับ”

“เอ๊ะ?”

“ไม่อยากให้คุณนอนในห้องของผมครับ”

ปัง...

เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเศษหน้าที่ของเขาที่ร่วงลงมา  คิดว่าเป็นคนรักกันแล้วจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย  แต่วิลเลี่ยมกลับพบว่าไม่ใช่  ใจของเซ็ธยากแท้หยั่งถึงจริงๆ

แต่ยังเสียใจได้ไม่เท่าไร  อีกฝ่ายก็เปิดออกมาพร้อมชุดนอนที่ถูกเปลี่ยนแล้ว  ทำให้วิลเลี่ยมเกิดความแปลกใจขึ้น

“เซ็ธ  ไม่นอนหรือ”

“ก็คุณบอกจะนอนด้วยกันนี่ครับ”  เซ็ธเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วบอกว่า  “ไปนอนในห้องคุณกันเถอะครับ”

“เอ๊ะ  แต่เมื่อกี้...”

“ผมแค่บอกว่าไม่อยากให้คุณนอนในห้องผม  มันค่อนข้างแคบแล้วก็รกด้วย  คงไม่ดีกับคุณ”  เด็กหนุ่มเอ่ยความจริงขึ้นทำให้วิลเลี่ยมหายโง่  เซ็ธเห็นเขาเงียบไปก็เกิดความสับสนเลยถามอีกเพื่อความแน่ใจ  “ผม...นอนในห้องคุณได้สินะครับ”

ชายหนุ่มได้ฟังแล้วก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้  เขาก้มลงจูบลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  “ได้สิ  มานอนด้วยกันเถอะ”

คืนนั้นพวกเขาได้นอนด้วยกัน  แต่สำหรับเซ็ธเด็กดีแล้ว  คำว่านอนด้วยกันก็คือนอน  นอนเฉยๆ  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!  วิลเลี่ยมผู้หวังมากกว่านั้นเลยได้แต่น้ำตานองรอโอกาสต่อไป

(จบ)

ว่าด้วยเรื่องของรัง (ภาคเอดิสัน&เลนเนอร์)

“วิลเลี่ยมบอกว่าโอเมก้ามักจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเอง  นายมีหรือเปล่า”  เอดิสันผู้หาเวลาว่างให้ชีวิตได้แล้วเอ่ยถามขึ้นกับคนรักที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่  อีกฝ่ายหันมาทำสีหน้าแปลกใจแล้วถามกลับ

“หมายถึงรังน่ะเหรอ”

“ใช่”  ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ค่อยได้เข้าห้องของเลนเนอร์สักเท่าไร  แต่ก็ใช่ว่าไม่เคย  เอดิสันจำได้ว่าบนเตียงของโอเมก้านี่เต็มไปด้วยเครื่องนอนระเกะระกะผิดวิสัย  ถ้าเขาจำไม่ผิดเหมือนจะมีเสื้อของเขาอยู่ด้วย

“แล้วก็ชอบให้มีกลิ่นของอัลฟ่าในพื้นที่ที่ปลอดภัยด้วย”  เขาพูดต่อขณะเดินไปนั่งข้างเลนเนอร์  อีกฝ่ายเลิกคิ้วคล้ายถามว่าจะสื่อถึงอะไร  เอดิสันเลยหยิบขวดจิ๋วออกมาจากอกเสื้อยื่นให้อีกฝ่าย

“นี่อะไรน่ะ”  เลนเนอร์ที่รับไปแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย

“น้ำหอมสกัดพิเศษกลิ่นของฉัน”  ทันทีที่บอกไปแบบนั้นโอเมก้าหนุ่มก็หลุดหัวเราะออกมาทันทีแล้วเอนศีรษะมาซบกับไหล่ของเขา

“จริงจังไปไหม” 

“ก็ฉันไม่มีเวลามาให้กลิ่นนายทุกวันนี่  เกิดต้องไปทำงานเป็นอาทิตย์แล้วนายไม่สบายใจจะทำยังไง”  เอดิสันเอ่ยขึ้น  เขาลงทุนไปหาวิธีสร้างน้ำหอมแล้วจ้างคนมาทำโดยเฉพาะเผื่อในกรณีที่ไม่อยู่หลายวัน

เลนเนอร์หัวเราะเบาๆ  ออกมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้ววางมันลงบนโต๊ะ  ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรเรื่องนั้นอีกจนกระทั่งดึกแล้ว

ตอนที่เอดิสันออกมาจากห้องอาบน้ำก็เห็นเลนเนอร์นั่งอยู่ที่เตียงของตนทำให้อดแปลกใจไม่ได้  เมื่อโน้มตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายก็ใช้สองมือเกี่ยวคอของเขาไว้แล้วเอนตัวลงบนที่นอนก่อนที่อัลฟ่าหนุ่มจะถูกจูบอย่างดูดดื่ม

“นี่  รู้ไหมว่าตัวจริงน่ะดีกว่าเป็นไหนๆ”  เลนเนอร์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มทำให้เอดิสันนึกชอบใจ  เขาก้มลงไปจูบกับอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มปลดเสื้อของอีกฝ่าย

“งั้นเชิญลิ้มรสให้เต็มที่เลยสิ”
--------------------------------------------
"ทำไมนายได้กินล่ะ!!!" - วิลเลี่ยม (อิจฉา)
"หึ" - เอดิสัน (แสยะยิ้ม)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สนุกมากเลยค่าาา ดีใจที่ได้มาอ่าน อยากอ่านฉากสวีทเยอะกว่านี้หน่อยด้วยค่าา 555555 ปกติเจอ omegaverse ที่อ่านได้ว่ายากแล้ว นี่ยังเจอพล็อตที่ว้าวอีก ชอบมากๆเลยค่ะ มีการใส่พลังจิตเข้ามาทำให้เรื่องน่าสนใจไปอีก ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ MM04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หลังจากค้นหานิยายมาซักพัก เจอแล้วค่ะ  :hao5: นิยายดีมากกก ชอบเนื้อเรื่อง การบรรยาย ตัวละครมากๆเลยค่ะ ตอนขมวดปมปัญหาก็กะเวลาเฉลยคำตอบกำลังดี ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามมากยิ่งขึ้น ชอบคุณวิล ถึงสุดท้ายคุณจะพรากผู้เยาว์ก็ตามนะคะ 55 เป็นคนที่มีความพยายาม อดทน ต้องให้น้องเค้าชวนก่อนนะคะ :katai3: ชอบคู่เอ็ด //เติมไปด้วยความ in love จริงๆคู่นี้ ชอบเซ็ธด้วยเป็นเด็กที่น่าสงสาร โดยเฉพาะเกิดในสังคมเหมือนในเรื่อง ขอบคุณคนแต่งที่พาวิลมาเจอน้อง ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆค่ะ จะรออ่านตอนพิเศษต่อนะคะ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2018 00:09:43 โดย MM04 »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
วิลเลี่ยมมมมมม  :laugh: นกเรียกหาอ่ะ 5555

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
สนุกมากเลยค่ะ
วิลเลี่ยมน่ารักมาก 55. รักแล้วก็หลงน้องมากๆเลย. เอดิสันคือสายเปย์ที่แท้ทรู ชอบตรงที่ให้น้ำหอมสกัดกลิ่นตัวเอง. น่ารักจริงๆ.

คนเขียนเขียนสนุกมากเลยค่ะ ภาษาดีมาก พลอตเจ๋งมาก เป็นกำลังใจให้กับงานเขียนชิ้นต่อไปด้วยนะคะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆ มาให้อ่านค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ Shin b

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao7:เรื่องนี้ดีมากเล มาให้กำลังใจนักเขียน  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งเคยอ่านเเนว omegavers เป็นครั้งเเรก ตอนเเรกๆก็งงอยู่ พออ่านสักพักก็เก็ต อ่านรวดเดียวจบเลย ประทับใจมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ jaibang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นิยานสนุกมากๆเลย ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ ได้แนวคิดดีๆกลับไปด้วย :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด