( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 486831 ครั้ง)

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ารักมากเลย อบอุ่นมาก แม้จะไม่มีซีนให้พี่อาฟมาก แต่คุณแม่กับน้องเมดก็ละมุนมาก
 :pig4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เมดเก่งมาก  o13 คุณแม่ก็น่ารัก  :กอด1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ตอนนี้อบอุ่นมาก
ช่วงที่ติดไฟแดง ที่คุยกับแม่
ทำเอาน้ำตาซึมเลย

 o13 o13

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เหมือนเมดได้พี่สาวมากกว่า น่ารัก :o8: ทั้งแม่ทั้งเมดเลย เห็นแววตกกระป๋องของลูกชาย(แท้ๆ)อยู่รำไร :laugh:

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านถึงตอนที่ 4 ทนไม่ไหวแล้วจ้า  :fire: :fire: :fire:
ขออนุญาติ หยาบนะคะ เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ของคนที่อ่าน   :hao4:
หากรุนแรงไปขอโทษด้วยนะคะ คือมันฟิลนี้จริงๆ  :z6:

โธ่  มึงไม่ละอายใจบ้างเหรอ???? รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ปิดปากเงียบ สรุปมึงเพื่อนไอ้บินหรือเพื่อนเมด ทุเรศว่ะ บอกตรงๆถ้าเป็นเรา
เลิกตัดเพื่อนไปเลย เพื่อนที่พร้อมแทงข้างหลัง เพื่อนที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่เตือนไม่บอกอะไรเลย อ้อมๆก็ดี ไม่พูดห่าส้นตีนอะไรเลย มันไม่ใช่ "เพื่อน" หรอก แค่ศตรูที่มาในคราบเพื่อนมากกว่า

(อ่านได้แค่ถึงตอนที่สี่ครึ่งแรก แบบ ขอมาด่าอิเพื่อนนรกซักที อันนี้ซอฟจากในหัว 80%)

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
่อ่านจบตอนที่ 4 เออ ต้องงี้ตัดแม่งไปเลยเพื่อนเหี้ยๆ เป็นกลางพ่..งมึงสิ แหมให้กูไปเย..กับเมียมึงไหม แล้วบอกว่า กูกลัวมึงเสียใจเว้ยเลยไม่ได้บอก เอางี้ไหม 

แล้วประโยคที่ เล่าตอนที่เมดบอกว่าบินไปมีใคร แล้วเพื่อนนั่งปลอบ คือคิดเหมือนเราเลยว่า มันคงด่าเราว่า อีโง่ กูนี่แหละนอนกับผัวมึงอะไรแบบนี้

เพื่อนไม่ทำกันแบบนี้......ไม่มีจิตสำนึกอะไรเลย สิ่งที่พ่นออกมาข้อแก้ตัวล้วนๆ

 ถ้าเป็น "เพื่อน" จริงๆ ขนาด "แฟนเก่า" ของเพื่อนมาจีบ หรือมาชอบแล้วก็แอบมีใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่เกินเลยด้วยความที่เกรงใจเพื่อนกลัวเพื่อนเสียใจ แม้เพื่อนจะบอกว่าไม่ไปเป็น แต่มันก็ต้องใช้เวลาที่จะลงเอยกับแฟนเก่าเพื่อนได้

หรือต่อให้ไม่รู้ แต่มารู้ในภายหลัง ความรู้สึกมันต้องกระอักกระอวนแน่ๆ นั่นแฟนเก่าเพื่อนสนิทเลยนะ

แต่นี่ แฟนปัจจุบัน แถม มึงเมาเอากัน ครั้งเดียวไม่พอสนองความร่าน ความ.............(เติมคำในช่องว่างที่ไม่สามารถออกอากาศได้ ).................. ของมึงสองตัวได้  จริงอยากที่เมดบอก ไม่มีคนเป็นเพื่อนเมด เพราะถ้าเป็นเพื่อนจริงมันต้อ :mew5:งบอก

ขนาดเพื่อนเรา(ไม่ถือว่าสนิทจนเป็นเพื่อนตายอะไรประมาณนั้น ความสัมพันธ์เรียกได้ว่าเพื่อนจริงๆ แต่ก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ได้ไปปาร์ตี้ด้วยกัน แต่อาจดูหนังด้วยกันบางครั้งเพราะเราชอบดูหนัง ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเพราะเราไม่ชอบ เป็นเพื่อนที่ไม่ยุ่งวุ่นวาย แต่เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างเพื่อนเสมอ) ที่แบบแอบคบ(คุย)กับอ. แต่อ.ก็มีเมียอยู่แล้ว แต่มันรักมาก มันคิดเสมอว่าไม่มีใครรู้ แต่คนรู้เขาไม่พูดเรื่องพวกนี้ไปถึงตัวมันเลย เราก็รู้ แต่บอกแบบอ้อมๆเสมอๆ มันก็คงเริ่มรู้ตัวเลยมองหาคนใหม่ๆ จนวันหนึ่งเขาบอกเลิก (แบบไม่เจอกันอีกนะ) มันเสียใจหนักมาก เราก็บอกมันว่า มันคือโอกาสดีที่มึงจะมองหาคนที่เขารักมึง ไม่ใช่มึงรักเขาข้างเดียว มันก็เถียงยกอะไรมาพูดหลายๆอย่างเพราะยังคงรักคนๆนั้นอยู่ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เริ่มเปิดใจ 

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านถึงตอนที่ 12 [กินบะหมี่หมูตุ๋นครึ่งแรก]

บอกได้เลยว่า ฟิน อมยิ้มแก้มแตก เขินม้วนไปหมดแล้ว ฉีกทึงผ้าห่มแทบขาด อร๊ายยยย น่ารักอ่ะแกรรรรรรร (กรุณาออกเสียง แก(ร) แบบแรดๆ )

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านถึงตอนที่ สิบสี่

นมนั่น...อาฟซื้อจีบเมดแน่ๆ แต่เมดคิดว่า ขยะ (BIN) ซื้อให้แน่ๆ  [(ถัง)ขยะของจริง คนแต่งเข้าใจคิดชื่อมากฮ่าๆ]

คือ...ถ้ามีคนอย่างเมดเดินเข้ามาในชีวิต และรักเราขนาดนี้ กูสาบานเลยว่าจะไม่ปล่อยมือจากคนๆนี้ จะไม่นอกกายนอกใจด้วย
เพราะไม่ว่าเราจะทำตัวแย่ขนาดไหนเขาก็ยังยืนอยู่ข้างเรา ไม่ว่าจะงี่เง่าขนาดไหนก็ยังคงไม่ปล่อยมือเรา.......มึงนี่โง่จริงๆ ทิ้งอัญมณีล้ำค่า ไปคว้าขยะมูลฝอยที่รีไซเคิลไม่ได้มาแทน นี่แหละ ศีลไม่ถึง



หวานต่อปายยยยย ไม่อยากให้เกิดดราม่าแก่ อาฟและเมดเลย
จริงๆแล้วเหมือนอาฟรักเมดมานานมาก ตั้งแต่ มัธยม แบบ อาจชอบสนใจ จนรักไม่รู้ตัว
แล้วการที่ทำเผื่ออีกฝ่าย ถึงจะมีประเด็นรถ อื่นๆมา เพื่อให้อยู่ใกล้ๆ (ซึ่งกลัวมากว่าประเด็นต่างๆ เมดจะจับได้รู้และโกรธ ดราม่า)
เราว่าอาฟทุ่มเทพอสมควรนะ คนอย่างอาฟจะยอมอดทนเพื่อคนๆหนึ่งขนาดนี้เลยเหรอถ้าไม่สำคัญ

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 16 เห็นด้วยกับคนเขียนมากค่ะ ชอบอาฟในมุมนี้มากๆ รู้ว่าใครพิเศษสำหรับเราแล้วเลือกที่จะปกป้องรักษาไว้ ชอบผชแบบนี้มากๆ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านถึงตอนที่ 36

ทำไมเราเข้าข้างอาฟว่ะ ปกติเราจะเข้าข้างฝ่ายรับวุ้ย

อย่างที่น้องบอก  มันไม่ผิดหรอกที่จะเอาเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นประสบการณ์ แต่มันผิดตรงที่เอามาเปรียบเทียบกัน (ไม่ชอบตรงนี้ของเมดเท่าไหร่ แต่ก็นะ รักแรกมักจะเอามาเป็นบรรทัดฐานเสมอ)

อ่านไปจนอยากจะตะโกนออกมาว่า พี่อาฟ ส่งนมมาให้หนูเหอะ!!! 
อย่างที่วิวว่าทุกอย่าง ที่เมดเหมือนจะกำหนดไปเสียทุกอย่าง พอเขายอม พอเขาอะไรเข้าหน่อยก็ได้ใจจนลืมคิดไปว่า จริงๆแล้วเขาเป็นยังไง นี่เราถือว่าอาฟยังยั้งอยู่บ้างเพราะนี่คือคนที่มันรัก แต่ด้วยนิสัยสันดานของมัน ก็นะปากหมาไป

สาเหตุที่เข้าข้างอาฟ เราเข้าใจความรู้สึกตรงที่ว่า รอมานาน แอบส่งนมมีใจให้ตั้งแต่แรก แล้วโดนหมาคาบไปแดรก เฉย ตัวเองก็ไม่ได้แม้แต่จะได้ทำอะไรซักอย่าง ส่วนทางนู้นก็แฮปปี้กันไป (แม้จะเป็นช่วงแรกๆ)  พอวนมาเจอกันอีก การที่ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้นสูญเสียแบบนั้นอีก คงทำให้พูดไม่คิดทำตามอารมณ์ และมีอารมณ์ที่รุนแรง


(เราไม่ค่อยเข้าใจเมดเท่าไหร่นัก เพราะจากประสบการณ์อะไรประมาณนี้ทำให้เราเป็นคนขี้ระแวง ไม่ไว้ใจคนอื่นง่าย เรียกว่าไม่ไว้ใจดีกว่า เฉยๆ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :L2: สนุกๆๆๆ

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านถึงตอน 41 ก็เข้าใจเนอะ ว่าน้องสายยุแบบเด็กๆต้องเอาคืนอะไรแบบนี้
แต่ตามความคิด แบบ น่าจะฟังความคิดเห็นของเดย์นะ


บางที การไม่สนใจ อีกฝ่ายไม่อยู่ในสายตาน่าจะดีที่สุด.......แต่เมื่อยังวนเวียนคิดอยู่ย่ำอยู่กับที่อยู่อย่างนี้.....ก็มีคนหนึ่งต้องทนและเจ็บมากกว่า 

นี่เหมือนขนาดจะคิดแล้ว แต่คิดในมุมของตัวเองไม่เผื่อใจว่า คนที่อยู่ข้างกันจะรู้สึกยังไง จะว่าไงดีล่ะ เหมือนลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ



สงสาร อาฟสุด อาจไม่เจ็บสุดในเรื่อง แต่เจ็บยาวของจริง

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จากตอนที่ 45

จากที่ไม่อะไรกับมึงแล้ว กลายเป็นเกลียดมึงแซงทางโค้งแล้วนะไอ้สัดจิง เสี้ยมนักนะมึง
ยีนส์ อ่านในมุมของมัน  เกลียดไหม ก็เกลียด แต่ก็ดีที่มันคิดได้ว่าหยุดและพอ
แล้วมึงจะเสี้ยมทำส้นตีนอะไร กูว่านะ ที่มันพังทั้งหมด ต้นเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากมึงนี่แหละ

เอาเลย นมช็อกโกแลต ความลับนี้ จะได้รู้กัน กูรอให้เมดรู้มานานแล้ว

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แหมมมม ตอแหลหน้าตายนะมึงนังจิง
เลวกว่ายีนส์ก็มึงนี่แหละ เดาด้วยว่า ยีนส์แม่งน่าจะโดนสวมเขาเหมือนกัน

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บินไม่ควรได้สิ่งดีๆ หรือคนที่รักมันจริงๆ ความระยำที่มันทำ ความมักมากของมัน นี่แช่งให้มันเป็นเอดส์ตายอยู่นี่ :katai1: :katai1:

สรุปแม่งเยหมด ซึ่งก็คิดไว้แล้วตั้งแต่รอยจูบนั่น สันดานเหี้- หวังไว้ยีนส์รู้แล้วทิ้งปล่อยมือมันไป

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนึ่งในบาปที่ร้ายแรง ความอิจฉา ตอนแรกๆก็นิดหน่อยๆ หลังๆสะสมเรื่อยๆ จนก่อเรื่อง วางแผนสารพัดได้ขนาดนี้   สี่ปีไม่ถึงห้าครั้งของเมด กูว่าไม่น่าจะติดเอดส์ เพื่อตอนนั้น ตอนที่มันได้เมด น่าจะยังไม่มั่วมาก (ช่วงแรกๆ) หลังจากนั้นส่ำส่อนเอามึงบ้างเอายีนส์บ้าง...เอาคนนู้นบ้างนี้บ้าง คนที่น่าติดเอดส์ก็พวกมึงสามตัวนี่แหละ ที่ยังเกลือกกลั้วกับมันอยู่

ออฟไลน์ INTHEEND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมเขียนตัวละครได้มีมิติขนาดนี้นะ (ตัวละครเอกสองตัว) 

จะว่ายังไงดีล่ะปกติเขียนมาหนึ่งเรื่อง(บางเรื่อง) มีตัวละครเอกที่มีนิสัยอะไรชัดเจนก็จริงอยู่ แต่เมื่ออ่าน อ๊ะ รู้เลยนิยาย มันก็เฉยๆ
อาจอินบ้างแต่ไม่ทั้งหมด

แต่เรื่องนี้มีมิติมาก ทั้งความคิดการกระทำ ยิ่งในตัวของเมดนี่ให้ความรู้สึกเป็นมนุษย์มาก ที่มีอารมณ์หลากหลาย ยิ่งตอนที่โพสรูปจับมือ ก่อนหน้าก็คิดแล้วว่าทำดีไหม อะไรยังไง แต่สุดท้ายก็ทำลงไป คือสื่อความรู้สึกของมนุษย์ดีมาก ด้วยอารมณ์ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ชอบการสร้างมิติของตัวละครมาก

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :hao5: คุณแม่น่ารักผิดหูผิดตานะคะ55555

ออฟไลน์ smilepengy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ฮืออออ มีความน่ารัก มีความเป็นครอบครัว

ออฟไลน์ peppermintt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขินตัวแตกไปเลยย  :-[
ชอบผชแบบคุณอารยะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2019 18:07:35 โดย peppermintt »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yumenari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :mew1:
สนุกมากกกกๆๆๆๆๆ กอไกา ล้นตัวเลยค่ะ

น่าติดตาม  ไม่สร้างปมขึ้นมาชัดจนน่าลำคาญ
แต่เกบรายละเอียดเยี่ยมมาก

น่าติดตาม ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อเลย

ร้งไห้กับพี่อาฟ เยอะสุดละ

บางทีก็อยากได้พี่อาฟเป็นหลัว 55555555

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
เค้ามารอจ้ะ

ออฟไลน์ yin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากเลย มีความรู้สึกเหมือนกินเค้กส้ม เปรี้ยวอมหวาน น่ารักมากๆน้องมินเมดของป้า

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนพิเศษที่ 6

‘ พรุ่งนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเก่าอีกต่อไป ’ ผมหลับตาลงเมื่อคืนพร้อมกับคำพูดนี้ที่เอ่ยคุยกับตัวเองคนเดียวในใจนั้น และตอนนี้วินาทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมามันก็เป็นแบบนั้น ภายในห้องนอนกว้างขวางสีขาวถูกจัดตกแต่งด้วยสไตส์ที่เรียกว่า ‘ classic modern ’  ลมหายใจที่ผ่อนออกมาเบาๆก่อนจะพลิกตัวไปมองคนที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ข้างกันด้วยท่าทีเชื่องช้า เพราะร่างกายยังคงเจ็บจุกตรงช่วงล่างจากกิจกรรมฉลองขึ้นบ้านใหม่ที่คนนอนข้างกันเอ่ยอ้างออกมาในนั้น

ผมยังคงจำคำพูดของอาฟในวันนั้นได้ดี มันเป็นช่วงเดือนก่อนที่ผมจะเข้าไปแนะนำตัวเองกับที่บ้านของอาฟ เวลาเที่ยงวันหลังที่เรียนวิชาช่วงเช้าเสร็จพอดี ในรถวันนั้นที่กำลังติดไฟแดง แต่อยู่ๆอาฟก็พูดขึ้น ‘ เราจะย้ายคอนโดนะ ’

‘ ย้ายคอนโด ? ย้ายไปไหน ’

‘ ย้ายไปอยู่ด้วยกันสองคน ’ คำพูดที่ทำให้ผมหันไปมองอีกคนพลางขมวดคิ้วงง

‘ ปกติเราก็อยู่ด้วยกันสองคนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ น้องเดย์ก็ไม่ค่อยอยู่ มึงจะซื้อให้เปลืองเงินทำไม หรือว่า ’

‘ หรือว่าอะไร ’

‘ ก็หรือว่าเพราะมึงไม่โอเคที่น้องเดย์เข้ามาขัดเราวันนั้น ’ ท้ายประโยคเสียงเบาของผมนั้นทำให้อีกคนหันมายกยิ้มแล้วเหล่มองกัน

‘ ไร้สาระ กูตั้งใจไว้ตั้งนานแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะซื้อบ้านด้วยซ้ำ แต่ขี้เกียจดูแล อีกอย่าง เราทำงานกันแถวนี้เลยคิดว่าซื้อคอนโดน่าจะดีกว่า ’ คำพูดของอาฟมาพร้อมกับมือที่กุมมือของผมแน่นขึ้น ‘ เข้าใจคำว่าครอบครัวใช่มั้ย ’

‘ อื้ม ’

‘ นั่นแหละเหตุผล ’ อาฟถอนหายใจออกมาตอนที่พูดคำนั้น มันเหลือบมองกัน เหมือนจะมีคำพูดอื่นที่จะพูดอีก แต่ก็เขินกว่าจะพูดออก ก็เลยทำทีเป็นมองไปตรงทางข้างหน้าทั้งๆที่มือชุ่มเหงื่อนั้นกระชับมือผมไว้แน่น  ‘ กูจะย้าย เพราะกูอยากอยู่กับมึง แบบครอบครัว ’

ในตอนนั้นผมจำได้ว่า หน้าของอาฟแดงไปหมดมันผ่อนลมหายใจออกกมาช้าๆราวกับกำลังควบคุมหัวใจเต้นแรงของตัวเอง มือที่กุมกันถูกปลดออกอีกฝ่ายเอามันไปลูบอยู่สองสามทีที่กางเกงก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของผมอีกครั้ง ภายในรถที่เงียบเชียบให้วันนั้น ราวกับมีดอกไม้สีสวยผลิบานอยู่รอบตัวเราไปหมด จนผมต้องเผลอยิ้มกว้างแล้วอดไม่ได้เลยที่จะเอื้อมมือไปจิ้มแก้มอีกคน แม้จะโดนสายตาคมตาขวางใส่ก็ตาม

‘ ทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อน ทั้งๆที่ก็เขินหน้าแดง ’

‘ แล้วเสือกไรกับหน้ากู ’ มือของผมถูกกุมแน่นขึ้นในตอนนั้น ก่อนที่คนพูดจะหันทั้งหน้าและหูที่แดงจัดไปทางอื่น ‘ แล้วไปเลือกมาด้วย ว่าอยากได้ห้องแบบไหน ’

แบบคอนโดมากมายถูกส่งเข้ามาให้ผมในเย็นวันนั้น ซึ่งคอนโดทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับบีทีเอส ไม่ก็มีทางเชื่อมของบีทีเอส และอยู่ในเส้นสุขุมวิทแทบทั้งสิ้น ส่วนสไตส์ห้องที่อาฟเลือกมาเบื้องต้นมีแบบที่เป็น สองห้องนอน และ สามห้องนอน ไม่ก็แบบสองชั้น ซึ่งถ้าเอาตามใจตัวเองก็ต้องบอกว่า ผมอยากได้คอนโดแบบสองชั้นมากกว่า เพราะใฝ่ฝันมานานแล้ว อีกอย่างมันให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ในความรู้สึกของผมด้วย

แล้วสุดท้ายหลังจากตะเวนดูคอนโดตัวจริงอยู่หลายแห่งเราก็ตัดสินใจซื้อคอนโดสองชั้นแบบ duplex ซึ่งมีสองห้องนอนและลิฟต์ส่วนตัว แต่ที่ทำให้ผมชอบที่สุดก็คงเป็นพื้นที่กว้างขวางของมัน ตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปด้านใน มันรู้สึกไมได้อึดอัดเหมือนอยู่คอนโด แถมวิวที่มองออกไปด้านนอกก็ติดกับสวนสาธารณะ และยังไม่ไกลกันมากนัก กับห้าง หรือแม้แต่รถสาธารณะอย่างบีทีเอส

เราใช้เวลาตกแต่งคอนโดนี้อยู่ร่วมเดือนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นและพร้อมเข้าอยู่ ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าช่วงเวลาที่ก่อนจะเสร็จก็อยากจะพาอาฟไปแนะนำกับพ่อก่อน เพราะมันให้ความรู้สึกเริ่มต้นใหม่แบบที่ว่าครอบครัวของเรารับรู้การคบหาอย่างจริงจังแล้ว แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นดั่งใจผมสักเท่าไหร่ เพราะพอทางเราว่างก็เหมือนทางพ่อจะไม่ว่างเป็นอย่างงี้อยู่ตลอดจนถึงวันนี้ที่ย้ายเข้าคอนโดใหม่แล้วก็ยังไม่ได้ไปสักที

แต่วันนี้แหละ ที่เราจะไม่พลาด

ครืน ครืน ครืน

โทรศัพท์มือถือส่งสัญญาณสายโทรเข้ามาในตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมเอื้อมมือไปหยิบมันมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอนั้น ก่อนจะรีบกดรับเพราะเหมือนมันจะไปสร้างความรบกวนให้คนที่กำลังนอนอยู่อย่างอาฟเริ่มรู้สึกตัวและพลิกตัวเข้ามากันก่อนจะกอดเอวไว้แน่น

“ ครับแม่ ”

“ น้องเมด วันนี้จะพาพี่อาฟเข้าไปหาพ่อแล้วใช่มั้ยครับ ” ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่ได้ยินเสียงปลายสายถามกันออกมาอย่างงั้นด้วยความเป็นห่วง

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดเหมือนกันว่าการพาอาฟไปหาพ่อคงทำให้คนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรอย่างมัน ออกอาการเกร็งและกลัวได้บ้าง แต่เหมือนว่าทุกอย่างจะกลับกันไปหมด อาฟไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นเหมือนผมในตอนที่ต้องไปแนะนำตัวกับพ่อแม่มันเลยสักนิด หนำซ้ำมันยังชิลล์ ไม่รู้สึกอะไรเลยสักอย่าง จะมีก็ผมกับแม่ของเจ้าตัวมากกว่าที่ตื่นเต้นและเป็นทุกข์เป็นร้อนแทน

อย่างเมื่อวานเอง เราก็นั่งจัดกระเซ้าผลไม้ที่สั่งจากร้านนำเข้าของญี่ปุ่นโดยตรง อะไรที่ทางร้านขายบอกว่าดี บอกว่าเด็ด แม่ก็ซื้อมันทั้งหมด มีตั้งแต่แอปเปิ้ลลูกละ 350 ยันสตอเบอรี่ที่แพ็คละ 3500 ไม่นับเนยฮอกไกโดที่ทางร้านออกตัวขายแบบสุดตัวว่า ‘ อร่อยแบบขอให้ลอง ’ แต่เท่าที่ผมลองกินไปเมื่อวานก็อร่อยสมคำยั่วยุพวกนั้นจริงๆ ขนาดตั้งใจจะกินเล่นๆแค่ลูกสองลูก สุดท้ายก็กินกันสองคนแม่จนหมดแพ็ค ไม่นับขนมปังอีกครึ่งแถวที่กินกับขนมปัง อร่อยสุดจนหยุดไม่ได้จริงๆ

 “ ใช่แล้วครับ ” ผมตอบรับก่อนจะดึงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียง

“ แล้วอย่าลืมกระเซ้าที่แม่ซื้อไว้นะ บอกพี่อาฟด้วยนะน้องเมด ว่าให้เค้าหิ้วเข้าไปให้ด้วยตัวเอง ย้ำด้วยว่าให้ยิ้มเยอะๆ ฝากบอกคุณแม่เล็กกับคุณพ่อของน้องเมดด้วยว่า เนยอร่อยมากๆใช้ทาขนมปังเด็ดสุดเลย แล้วน้องเมดก็อย่าลืมเชียร์อัพพี่อาฟด้วยนะ บอกให้เค้าพูดเยอะๆ แล้วก็บอกให้เค้าเงียบตอนเค้าหงุดหงิดด้วยนะ ”

“ แม่ แม่ต้องใจก่อนนะ ” ได้แต่พูดยิ้มๆออกไปกับอีกคนที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นเกินไปแล้วในตอนนี้นี้

ความสัมพันธ์ของผมกับแม่หลังจากวันนั้นนับว่าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนในมุมหนึ่งผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรางวัลใหญ่ของฉลากกินแบ่งรัฐบาล ด้วยเพราะชอบทั้งหนังญี่ปุ่นและแมวเหมือนกัน หนำซ้ำนิสัยชอบหาของอร่อยกินก็ยังเหมือนกันอีก และเพราะแบบนั้นจากที่ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เราเข้ากันได้ดีสุดๆ ถึงขนาดที่ว่าทุกวันอาทิตย์ผมจะต้องกลับไปที่บ้านอาฟ เพื่อใช้เวลาวันหยุดจันทร์ อังคาร ไปกับครอบครัวของอีกฝ่าย แต่ในเรื่องนี้ก็เหมือนจะมีคนที่ไม่ค่อยโอเคกับมันเท่าไหร่อยู่ 

ยกตัวอย่างก็เช่นคนที่นอนอยู่ข้างกันที่ชื่อคุณอารยะ  ‘ เหมือนโดนแม่แย่งมึงไปเลยสัด ’ อาฟเคยบ่นกับผมไว้อย่างงั้น

“ แล้วนี่กำลังเดินทางทางเหรอ ทำไมเงียบจัง ”

“ เปล่าครับ ยังไม่ได้เดินทางไปไหนเลยแม่ เรายังอยู่ที่คอนโด อาฟยังไม่ตื่นเลยด้วยครับ ”

“ ตายจริง รีบเดินทางกันแล้ว มันเสียมารยาทนะถ้าเราให้ผู้ใหญ่รอ ”

“ เมดนัดพ่อกับแม่เล็กไว้ตอนเที่ยงน่ะครับ อาฟก็เลยไม่ได้รีบเท่าไหร่  ” ปลายเสียงที่พูดแบบอ้อมแอ้มนั้น ชวนให้คนฟังถอนหายใจออกมา ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ นิสัยเป็นเหมือนกันหมดเลยจริงๆ ทั้งพ่อทั้งลูก ถ้านัดสาย ไม่มีหรอกจะตื่นให้เร็วเพื่อเตรียมตัวอะไรบ้าง แล้วสุดท้ายก็รีบขับรถไปให้ทันเวลาที่ก็ทันแบบหวุดหวิดมากกว่า ก็แทนที่จะไปให้มันก่อนเวลา สบายๆ ไม่ต้องรีบ ”

“ เมดจะปลุกอาฟเดี๋ยวนี้เลยครับ อีกสักชั่วโมงเราคงออกกันแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ”

“ มีน้องเมดแม่ไม่ห่วงหรอก ” ปลายสายบอก “ ฝากพี่อาฟด้วยนะครับน้องเมด ไว้คุยกันนะ ”

“ ครับแม่ สวัสดีครับ ” กดวางสายนั่นลง ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกับหน้าจอที่ดับสนิทไป แต่ตอนที่จะหันไปปลุกอีกฝ่ายอย่างที่คิด คนที่คิดว่าหลับก็ลืมตาขึ้นมองกันอยู่แล้ว “ ตื่นอยู่นานแล้วเหรอวะ ”

“ ตั้งแต่ที่แม่โทรคุยกับมึง ” อาฟบอกก่อนจะอ้าปากหาวออกมา แล้วลุกขึ้นมานั่งข้างกัน “ แม่โทรมาว่าไง ”

“ ก็เป็นห่วงเรื่องมึงนั่นแหละสัด ” ผมบอกอีกคนก็ยกยิ้ม “ แม่บอกกว่าให้มึงไปอาบน้ำ แล้วเราก็ควรออกจากคอนโดกันได้แล้ว จะไม่ได้ต้องรีบขับรถให้เร็วมาก ”

“ อื้ม ” เสียงขานรับในลำคอมาพร้อมกับหน้าตางัวเงียที่ยักคิ้วขึ้นตอบรับคำพูดของผม  อาฟค้ำมือตัวเองกับเตียงก่อนจะหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเช็คข่าวทั่วไปแบบที่มันชอบทำทุกวันในตอนที่ตื่น

“ มึงนี่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะ ” คำถามของผมทำให้คนที่ก้มหน้าอยู่เลิกคิ้วสูงก่อนจะหันมามอง

“ หมายความว่า ”

“ ก็หมายความว่ามึงควรที่จะตื่นเต้นสักหน่อยมั้ย ควรถามแบบ เมดพ่อมึงเป็นไง แม่เล็กละเป็นยังไง อะไรแบบนี้ ”

“ อาการแบบนั้น ไว้ให้เด็กๆเค้าเป็นเถอะ ” ปรายตามองกันตอนที่พูดว่าเด็กๆ อาฟที่ยกยิ้มเป็นท่าทางที่ผมบอกกับตัวเองแค่ว่า ‘ หมั่นไส้นักไอ้สัด กูจะไม่ช่วยมึงเลย กูจะให้มึงสัมผัสความรู้สึกกลัวจนตัวสั่นจากพ่อกู ’

“ พ่อกูดุมากนะ ” เอ่ยบอกอีกคนด้วยเสียงจริงจังและหน้าตาที่มีแต่ความวิตกกังวล ผมถอนหายใจ “ เค้าเป็นคนเข้มงวด แล้วก็ค่อนข้างจะจริงจัง ตามประสาคุณครู แม่เล็กก็ด้วย ไม่เหมือนพ่อกับแม่มึงหรอกนะ ”

“ ถ้าว่างมากขนาดมานั่งแสดงละครให้กูดู มึงไปอาบน้ำไป จะได้มีประโยชน์ ”

“ สัด ” ผมพูดเสียงลอดไรฟัน “ คอยดูกูจะพูดให้พ่อกูเกลียดมึง ให้เอาปืนลูกซองไล่ยิงมึง ”

“ เชื่อได้มาก เพราะคนที่บอกจะทำ คือคนคนเดียวกันกับที่ไปซื้อเสื้อเชิ้ตสีส้มตัวทุเรศนั่นที่มันแขวนอยู่หน้าตู้กู เพราะไปอ่านดวงคนเกิดวันศุกร์แล้วเค้าบอกกว่า ใส่สีส้มแล้วจะมีคนเอ็นดูน่ะเหรอ ”

“ ก็..” เว้นเสียงพลางยิ้มแห้งๆให้อีกคน

“ กูไม่เควี้ยงมันออกนอกคอนโดไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว ปกติกูใส่มากเลยสินะ เสื้อสีส้ม ”

“ ก็มึง เชื่อไว้ไม่เสียหายนะเว้ย สีดำ สีเทาที่มึงชอบใส่มันเป็นสีไม่มงคล กูอ่านมาแล้ว ” อาฟผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ผมพูดแบบนั้น “ ขนาดวันนั้นที่เราไปหาพ่อแม่มึง กูเพิ่งรู้ว่า เสื้อสีชมพูไม่มงคลกับกู มงคลจริงต้องสีฟ้า แล้วพอวันถัดมาใส่สีฟ้า เห็นมั้ย แม่เอ็นดูกูเลย ”

“ ปัญญาอ่อนจริงๆ แล้วถ้ามันบอกว่ามึงต้องใส่กางเกงในไว้นอกกางเกงแล้วจะมงคล มึงก็จะใส่ด้วยงั้นสิ ”

“ อันนั้นก็มากไป คนเราก็ไม่ควรงมงายขนาดนั้น ”

“ อื้ม มึงบอกคำนั้นกับตัวเองด้วยก็ดีนะ ”

“ มึงแม่ง ” สบถด่ามันก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆออกมา ไม่ลืมเหล่มองอีกคนที่ก็ยังยังคงมองกันอยู่ อาฟลดมือถือที่กำลังอ่านอยู่นั่นลง มันถามผมยิ้มๆ

“ มีอะไร ”

“ แล้วตกลงมึงใส่ใช่มั้ย เสื้อเชิ้ตสีส้มของกู ที่กูซื้อมาให้ ” ปลายเสียงที่ค่อนข้างบางเบา รอยยิ้มกว้างที่ส่งไปให้อีกคนนั้น อาฟได้แต่ยกยิ้มเป็นคำตอบ

“ ไม่มีทาง ”

“ ได้ไง มึงใส่สีดำไม่ได้นะมันเป็นกาลกิณี ” ผมโบกมือปฎิเสธอีกคนพร้อมกับส่ายหน้า ในตอนนั้นคนฟังที่ทำได้แค่จ้องกันนิ่งๆก็ถอนหายใจออกมา

“ ตั้งแต่เด็กจนโตมึงทำเหี้ยอะไรก็ดูตารางเหี้ยนี้มาตลอดเลยเหรอ ก็ไม่ใช่นี่ จะทำอะไรเมื่อก่อนก็ไม่เคยดู อยากใส่อะไรก็ใส่ไม่ใช่เหรอ หรือมึงจะบอกว่าตอนสอบเข้ามหาลัยสิ่งที่ทำให้มึงสอบเข้าได้ไม่ใช่หัวสมอง ไม่ใช่ความพยายามที่นั่งอ่านหนังสือของมึงแต่เป็นกางเกงในสีนำโชคอย่างงั้นเหรรอ ” อาฟถามผมก็ได้แต่นิ่ง “ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวมึง อยู่ที่ความมั่นใจของมึง ไม่เกี่ยวอะไรกับสีนำโชคทั้งนั้น แล้วก็จำไว้ด้วยว่าที่แม่กูชอบมึงนั่นก็เพราะตัวมึง ไม่เกี่ยวกับสีเสื้อเหี้ยอะไรทั้งนั้น ”

“ แล้วทำไมวันนั้นมึงให้กูใส่สีชมพู ทั้งๆที่กูไม่ชอบ ” คำถามที่ทำให้คนที่กำลังยกมือถือขึ้นอ่านข่าวชะงักไปอีกครั้ง อาฟถอนหายใจออกมา ในแววตานั้นเหมือนจะบอกกันว่าให้เลิกเถียงกันแล้วไปอาบน้ำสักที

“ สีชมพูมันเหมาะกับมึง ใส่แล้วมันดูน่ารัก.. ก็แค่นั้น ” ท้ายประโยคที่เอ่ยบอกปัด เราก็ได้นิ่งให้กันอย่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา ก่อนที่ผมจะดึงตัวเองลงไปจากเตียงแล้วพูดทิ้งท้ายไว้สั้นๆแค่ว่า

“ อยากแซวนะ แต่ไม่แซวดีกว่า เดี๋ยวพี่อาฟจะเขิน ”

สุดท้ายอาฟก็เสือกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำอย่างที่คุ้นชินมากกว่าเสื้อเชิ้ตสีส้มที่ผมซื้อให้ เราออกเดินทางจากคอนโดช่วงก่อนเที่ยง อาฟไม่ลืมหิ้วกระเซ้าผลไม้ที่แม่ฝากมาออกไปด้วยตัวเองจากบนโต๊ะในครัวโดยที่ผมไม่ต้องออกปากบอก ทั้งที่ตอนเย็นของเมื่อวานมันจะทำทีเป็นอิดออดกับแม่เพราะไม่อยากหิ้วอะไรติดมือไปให้ยุ่งยาก หนำซ้ำยังบ่นอีกว่า ‘ แค่ความจริงใจก็พอแล้ว ’ แต่ตอนนี้มันกลับต่างจากตอนนั้น ผมรู้สึกว่าอาฟดูจริงจังและตั้งใจมากกว่าจะเอ่ยแซวออกไปได้ว่า ‘ ถือกระเซ้าเองซะด้วยพี่อารยะของกู พ่อกูต้องดีใจแน่ ’

“ เราคงเดินทางกันสักชั่วโมงนึงใช่มั้ย ”

“ ประมานนั้น ไม่ก็สัก 45 นาที ” คนขับหันมาบอกกันตอนที่ปรับเกียร์และดึงเบรคมือขึ้นเพราะสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่เหมือนว่าอีกนานกว่าจะได้ขยับตัวไปได้อีกครั้ง “ เพราะหลุดจากแยกตรงนี้ไปก็โอเคแล้ว ”

“ ถามจริงนี่ตื่นเต้นมั้ย ” ผมหันไปมองอีกคนพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดคอไว้แล้วใช้มือข้างนั้นบีบเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายเชิงล้อ “ สั่งเสียไว้ก่อนได้นะ ศาลาแปดมั้ย กระเพาะปลา หรือว่าโจ๊กดี เผื่อพ่อกูเป่ากระโหลกมึง ”

“ ปากดีไปเถอะ ไม่ใช่มึงจะนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้พ่อมึงไว้ชีวิตกูหรอกนะ  ” มือของอาฟยกขึ้นจับคางของผมก่อนจะบีบเบาๆแล้วดึงใบหน้าคมนั้นเข้ามาจูบ

เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราได้แต่มองตากันผ่านความเงียบในรถที่ไม่ได้เปิดเพลงขับกล่อมอะไร ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบอาฟ แล้วตอนที่ผละออกจากกันนั้น เราก็ยิ้มให้กัน และผมก็โดนจูบซ้ำอีกหลายครั้ง จนต้องเผลอหลุดหัวเราะออกมาในตอนสุดท้าย ก่อนที่อาฟเปลี่ยนมาจับมือผมไว้ในตอนที่ได้เวลาเคลื่อนรถไปข้างหน้าเพราะสัญญาณไฟเขียวที่ปรากฏขึ้น

ครั้งนึงตอนเป็นเด็กผมเคยตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่า ‘ ทำไมฝรั่งถึงชอบจูบกันโดยไม่มีเหตุผล ’ ผมเคยคิดไปด้วยซ้ำว่าประโยคที่เค้าพูดคุยกันหรือแววตาที่เค้ามองตากันจะหวานซึ้งแค่ไหนถึงได้ดึงดูดให้คนสองคนนั้นทำแบบนั้นได้ แต่แล้ววันนี้ พอมันเกิดขึ้นกับตัวเอง ผมถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็เป็นแค่เพียงความรู้สึกรักที่คนสองคนอยากจะมอบให้กัน โดยไม่มีเหตุผล ว่าทำไม หรือเพราะอะไรทั้งนั้น

ก็แค่รักเลยบอกรัก มันเป็นเพียงแค่เพียงอะไรแบบนั้น ก็เท่านั้น

“ วันนี้แม่เล็กทำหมูตุ๋นไว้ต้อนรับมึงด้วยนะ แล้วก็มีหอยจ๊อปูด้วย เป็นเมนูเด็ดของแม่เล็กเลย รับรองว่า มึงต้องกินข้าวสองจานแน่นอน ”

“ ทำไมชอบเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานให้กูจัง ” อาฟถาม “ กูดูตะกละขนาดนั้นเลยเหรอ ”

“ มึงว่ากูตะกละเหรอสัดอาฟ ”

“ ร้อนตัวว่ะ ”

‘ ไอ้เชี้ย ’ ได้แต่พูดไม่ออกเสียงใส่อีกคนที่ก็กระชับมือที่กุมกันไว้หลวมๆแบบไม่มีปล่อย ผมเผลอกระชับมือที่จับกันไว้ ท่ามกลางความเงียบภายในรถตอนนั้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ว่างไปกดเปิดเพลงที่ค่อยๆเริ่มเล่นดนตรีคุ้นหูขึ้นมาให้ผมได้ร้องคลอตามอยู่ในลำคอพลางหันเหสายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่วิวรอบข้างกำลังแปรเปลี่ยนจนตึกราบ้านช่องไปเป็นพื้นที่สีเขียวให้สบายตาบ้าง

บนถนนที่รถต่างพากันเร่งความเร็วแต่ดูเหมือนคนขับของผมจะไม่ได้ทำแบบนั้น อาฟขับชิดเลนซ้าย และขับในอัตราปกติ มันไม่ได้เร่งความเร็วเหมือนทุกที หนำซ้ำยังขยับมือที่กุมกันไว้หลวมๆทุบลงบนขาของตัวเองตามจังหวะเพลงที่ฟัง ผมสังเกตว่ามันฮัมเพลงอย่างสบายใจ

“ กูเล่าเรื่องที่บ้านให้มึงฟังนะ ” ผมเอ่ยชวนอีกคนคุย “ ทีมึงยังเล่าเลยตอนนั้นที่กูไปบ้านมึง กูอยากเล่าบ้าง ”

“ ตามใจ ”


“ จริงๆกูก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแรกหรอกรู้มั้ย เพิ่งย้ายมาเมื่อสามปีก่อนเอง เมื่อก่อนกูอยู่ในกรุงเทพ”

“ กำลังจะถามพอดี ว่าอยู่ที่นี่แต่ทำไมไปเรียนไกลขนาดนั้น ”

“ เอาคำตอบแบบใจเต้นแรงมั้ย ” คิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันตอนที่หันมามองกันอีกครั้ง ในตอนนั้นผมก็กระชับมืออาฟไว้แน่นพลางจ้องไปในแววตาคมนั้นก่อนจะบอก “ ที่มาเรียนไกลขนาดนี้ ก็เพราะต้องมาเจอมึงไงอารยะ ”

“ ประสาท ” อีกคนว่าพลางหันไปอีกทางด้วยรอยยิ้มกว้างที่ต้องพยายามกลั้นไว้

“ จริงๆเมื่อก่อนเรียนที่นั่นเพราะว่าพ่อก็เป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนประถมในเขตแถวนั้นนั่นแหละ พ่อเห็นว่ามันใกล้บ้าน แล้วก็เป็นทางผ่านที่เค้าจะมารับกูกลับบ้านได้ก็เลยเลือกให้เรียนที่นั่น ตอนแรกจะให้เรียนโรงเรียนเดียวกับมึงด้วยนะ ”

“ แล้วทำไม่ไม่เรียน ”

“ ถ้ากูเรียนก็ไม่มีมนต์รักรสนมรสช็อคโกแล็ตสิสัด โมเม้นท์อีกฝากหนึ่งของถนนของเราสองคนจะหายไปเลยนะ ”

“ คือยังไม่หยุดเล่น ”

“ ก็เห็นมึงหน้าแดงแล้วดูน่าขนลุกดี ” ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าแบบยิ้มๆ “ ต่อๆ แล้วคราวนี้พ่อกูเป็นข้าราชการใช่มั้ย มันเลยมีช่วงที่ต้องย้ายไปมาเอาตำแหน่งที่โรงเรียนแถวนี้พอดี ตอนแรกพ่อยังแค่ไปกลับ แต่ตอนกูขึ้นม.4 แม่เล็กก็ได้เลื่อนขั้นด้วย แล้วก็ต้องมาทำงานที่โรงเรียนแถวเดียวกับพ่อ เราก็เลยตัดสินใจขายบ้านจัดสรรหลังที่อยู่หลังเก่า แล้วเอาเงินมาซื้อคอนโดเพื่อให้กูกับวิวได้อยู่กันสองคนเพราะต้องเรียนที่นั่นแทน ”

“ คือขายเพราะเหตุผลแค่นั้น ”

“ ก็ใช่ แต่ที่สำคัญคือพ่ออยากได้บ้านใหม่ด้วย บ้านหลังเก่ามันเป็นหมู่บ้านจัดสรรอะมึง ปลูกติดๆกันเค้าไม่ชอบ เค้าอยากได้บ้านในหมู่บ้านที่มีบริเวณ ไม่อึดอัด เค้าชอบปลูกต้นไม้ด้วย เลยจะซื้อไว้เพื่อชีวิตปั้นปลาย ”

“ อื้ม ”

“ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อหลังที่อยู่ตอนนี้ กูจำราคาตอนนั้นที่ซื้อไม่ได้แต่ที่รู้คือแพงอยู่นะ แม้ตอนนี้พ่อก็ยังผ่อนอยู่เลย ”

“ สำหรับกู การซื้อบ้านถ้ามันตอบโจทย์ทุกอย่างของเรา มันก็สิ่งที่น่าลงทุน ยิ่งอยู่ในสภาพแววล้อมอย่างหมู่บ้านมึงด้วยแล้ว ถึงในอนาคตจะขายต่อ ยังไงก็ได้กำไร ”

“ คำพูดก็คือมาดนักธุรกิจมาเต็ม เหลือแค่รอเวลาสอบตัวสุดท้ายเสร็จเมื่อไหร่ก็คือเข้าทำงานกับพ่อได้เลย ”

“ คำพูดคำจามึงก็ดูเพ้อหนักขึ้นทุกวัน ลดๆหนังที่ดูกับแม่กูลงบ้างแล้วกัน ” อีกคนหันมาบอกอย่างไม่มีท่าทียอมกัน ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วจิ๊ปากเสียงเบาก่อนจะบอก

“ ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวกูจะให้พ่อกูจัดการ บอกว่ามึงรังแกกูตลอดเลย ”

“ แล้วพ่อมึงเป็นยังไงบ้างละ ”

“ หมายถึง ”

“ ก็นิสัย อะไรแบบนั้น ”

“ จะทำการรบก็ต้องรู้เค้ารู้เราใช่มั้ย เพราะรบร้อยครั้งจะได้ชนะทั้งร้อยครั้ง ” ยักคิ้วแซวอีกฝ่ายก่อนจะนิ่งคิดถึงคำจำกัดความสั้นๆของพ่อตัวเองในแบบที่อาฟถามถึง “ พ่อเหรอ..”

“ ไว้คิดออกตอนกูขับเข้าหมู่บ้านมึงเลยก็ได้นะ ” หลุดหัวเราะออกมากับคำบอกขัดในตอนนั้น

“ มึงแม่ง ” ผมสบถ “ กูว่าเค้าก็เป็นคนใจดี แล้วก็มีเหตุผลนะ ในความคิดลูกอย่างกู กูว่าพ่อกูเป็นคนที่เคารพการตัดสินใจของกูมากเลยละ หมายถึงว่าถ้าเค้าไม่โอเค แต่ถ้ากูโอเค เค้าก็จะแค่เตือน แล้วก็ปล่อยให้กูดูแลจัดการเอาเองในทุกเรื่องเลย ”

“ กำลังยกตัวอย่างเรื่องไอ้บินถูกมั้ย ” คำถามที่ทำให้ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองมันยิ้มๆ

“ กูไม่ได้คิดอะไรเลย ”

“ เหรอ ” คนขับรถพยักหน้ารับ “ ช่วยเล่าฟังหน่อยได้มั้ย ตอนนั้นเป็นยังไง ”

“ หมายถึง ตอนที่บินเจอพ่อกูครั้งแรกน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ” อาฟขานรับนำคอ

“ ไม่ดราม่าถูกมั้ย ”

“ กูอยากรู้ ” จบคำพูดนั้นผมก็ทำได้แค่คิดถึงช่วงเวลานั้น เท่าที่จำได้เหมือนจะเป็นช่วงปีสองที่กำลังจะปีสาม

“ ตอนนั้นมันไม่เหมือนมึงตอนนี้เลยสักนิด มันทั้งตัวสั่น ทั้งกลัว ตอนที่เจอพ่อมันเอาแต่นั่งก้มหน้าอย่างเดียว พ่อกูถามอะไรก็ตอบแค่ไม่รู้ครับ ” ผมนิ่งไปตอนที่พูดถึงตรงนั้น ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาจนต้องก้มหน้าลงแล้วหันไปมองอาฟที่เหมือนจะมองกันแทน “ วันนั้นหลังจากที่ไอ้บินกลับไปแล้ว พ่อบอกกูคำนึงว่า คิดให้ดีนะ ถ้าจะคบกับคนคนนี้  พ่อไม่ชอบ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเมด ”

“ อื้ม ”

“ วันนั้นกูโกรธพ่อมากเลยรู้มั้ย กูโทษว่าเป็นความผิดเค้า กูบอกว่าเค้าจงใจที่จะถามคำถามให้ไอ้บินตอบไม่ได้ เรายังเรียนอยู่ จะตอบได้ยังไง ว่าวางแผนชีวิตกันไว้ยังไง แล้ววันนั้นพ่อพูดขึ้นมาคำนึงว่า คนเราถ้ารักกันจริงๆเค้าจะมีเราอยู่ในอนาคตทุกอย่าง แล้วพ่อก็บอกด้วยว่า จะให้ชอบคนที่ยังไม่รู้เลยว่าจะมีเมดในอนาคตหรือเปล่าน่ะเหรอ แล้วพอมาคิดว่าหลังจากนั้นปีหนึ่งกูต้องเจออะไรบ้าง มันทำให้กูรู้สึกว่า กูแม่ง เหี้ยว่ะ กูไม่น่าพูดกับพ่อแบบนั้นเลย ”

“ มันไม่แปลกที่มึงจะปกป้องคนที่มึงรัก เพราะนั่นคือคนที่มึงรัก ” อาฟบอกก่อนจะยักคิ้วให้ แต่ในตอนนั้นผมที่หันไปมองไปมองมันก็ได้แต่พูดย้ำ

“ แค่คนเคยรัก ไม่ใช่คนที่กูรัก ”

“ ยั๊วะจัง ”

“ ยั๊วะสิไอ้สัด มันเหมือนกันที่ไหนละ มึงจะมาพูดว่าไอ้บินเป็นคนที่กูรักได้ยังไง มันแค่คนที่กูเคยรักแต่ตอนนี้กูเกลียดมันไปแล้ว มึงสิที่ตอนนี้เป็นคนที่กูรัก ถ้ามึงจะพูดถึงไอ้บินมึงต้องใช้คำพูดว่า ก็มันเป็นคนที่กูเคยรัก กูเลยปกป้องมัน ถ้าพูดว่าแบบที่มึงพูดว่า กูต้องปกป้องคนที่กูรัก นั่นมันต้องหมายถึงมึงแล้วสัดอาฟ อึก ”  ประโยคยาวเหยียดที่ยังพูดไม่จบถูกสั่งให้หยุดเพียงเท่านั้นด้วยริมฝีปากของอีกคนที่ดึงตัวเองเข้ามาจูบกัน ก่อนจะผละออกแล้วตบท้ายด้วยประโยคสั้นๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนให้ต้องหน้าแดงไปแบบนั้นตลอดทาง

“ ครับ ผมทราบแล้ว ”

ประตูรั้วอัตโนมัติของบ้านถูกเปิดออกในตอนที่รถจอดลงตรงที่หน้าบ้านเพียงไม่นาน อาจเพราะคนด้านในรอคอยการมาถึงของเราอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยสั่งกดปุ่มเปิดประตูรั้วได้ทันทีในตอนที่รถของเราขับมาถึง อาฟขยับเกียร์ปรับให้รถหยุดนิ่ง ก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นในตอนที่เราจอดรถเสร็จเรียบร้อยในลานจอด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจที่ผ่อนออกมาของอีกคน จนอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเข้าเสียแล้วว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมยิ้มขำ

“ กูไม่ได้กลัว ”

“ ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ” ว่าแบบนั้นก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อเลียนแบบมัน “ ใครๆก็ถอนหายใจได้จริงมั้ย ”

“ มึงเริ่มกวนตีนกูแล้วนะเมด ”

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ” เอื้อมมือไปจับมันก่อนจะยิ้ม “ พ่อกูใจดีมากเลย แม่เล็กก็ด้วย ”

“ เมื่อเช้ายังบอกกูเลยว่าดุ ”

“ แค่อยากให้มึงกลัว ” ผมพูดยิ้มๆ “ แต่ดูเหมือนมึงจะไม่กลัว ”

“ กูไม่ได้กลัว ” อีกคนพูดเสียงนิ่งในตอนที่มองหน้าผม “ แต่กูกังวล เพราะกูกลัวว่ากูจะไม่ดีพอ ในสายตาของพ่อมึง ”

“ ไม่เอาน่า มึงคืออาฟเตอร์อารยะนะเว้ย ” รอยยิ้มของผมทำให้คนตรงหน้าหลุดยิ้มออกมา “ มึงคือคนที่มั่นใจในตัวเองสุดๆเลยนะ ไม่ว่าอะไรมึงก็ทำได้ แล้วเรื่องแค่นี้ ”

“ เพราะมันคือเรื่องของมึง ” อาฟพูดแบบนั้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ มันเลยไม่มีหรอก กับคำว่าเรื่องแค่นี้ ”

กระเช้าผลไม้ถูกยกขึ้นมาจากด้านหลังรถ เสียงปิดประตูรถดังขึ้นจากนั้นพร้อมกับเสียงกดล็อค อาฟหันมามองหน้ากัน ในตอนนั้นผมเองก็ทำได้แค่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือชุ่มเหงื่อของอีกคนไว้

“ ไม่เป็นไรหรอก กูมั่นใจว่าไม่เป็นไรแน่นอน ”

“ เพราะ ? ”

“ เพราะว่ามึงคือมึงไง ” ที่อาจจะไม่ใช่คนพูดเก่ง หรือช่างเอาใจ แต่เพราะว่ามึงคือมึง คนที่มีกูเป็นโลกทั้งใบ ยังไงก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ประตูไม้สีน้ำตาลที่ออกแบบมาเข้ากับตัวบ้านถูกเปิดออก บ้านของผมเป็นบ้านสองชั้นที่มีบริเวณ ส่วนหน้าที่เดินเข้ามาเป็นห้องรับแขกที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี ออกแบบมาให้แยกเป็นสัดส่วนกับพื้นที่ส่วนของคนในบ้าน มุมโปรดของบ้านที่ใช้ทั้งดูทีวี และอ่านหนังสือพิมพ์ คือมุมนั่งเล่นตรงส่วนของข้างบ้าน ที่มีประตูเปิดกว้าง มองเห็นวิวของสวนสวยที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดีด้วยต้นไม้ทั้งใหญ่น้อยดูสบายตา

“ พ่อ สวัสดีครับ ” ผมเอ่ยทักคนที่ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ผ่านจอไอแพตส่วนตัวของตัวเองอยู่ในตอนนั้น สายตาคมมองผ่านลอดแว่นมาเป็นท่าประจำที่บอกกันกี่ครั้งก็ไม่เคยฟังว่ามันดูดุและน่ากลัว  วันนี้พ่อของผมใส่เสื้อโปโลสีขาว มันเข้าคู่กับกางเกงสบายๆสีดำที่อีกคนชอบใส่ประจำ “ นี่อาฟ แฟนเมด ส่วนนี่คุณเมธ พ่อกู ”

“ สวัสดีครับ ”

“ สวัสดีครับ ” พ่อรับคำทักทายของอีกคนที่ก็ก้าวออกไปวางกระเซ้าผลไม้ที่เอามาด้วยวางลงบนโต๊ะ

“ กระเซ้านี้คุณแม่ผมฝากมาให้ครับ ทั้งคุณลุงแล้วก็คุณน้าครับ ”

“ ขอบคุณมากนะ ” ไอแพตในมือถูกวางลงก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นเต็มความสูงและเอื้อมรับกระเซ้าที่อาฟส่งมาให้ “ คุณ เมดพาแฟนมาเยี่ยมแน่ะ ”

“ มาแล้วค่ะ น้องเมดกับแฟนมาถึงแล้วเหรอ ” เสียงจากในครัวที่ดังแว่วมาชวนให้ผมหันไปยิ้มให้อาฟ แม่เล็กสวมเสื้อฉลุลูกไม้ตกแต่งด้วยลายดอกไม้เล็กๆสีสดใส เข้ากับกางเกงห้าส่วนแนบตัว ผมยาวดัดลอนถูกมัดไว้ด้านหลัง เธอยิ้มและยกมือรับไหว้ในตอนที่อาฟกับผมไหว้เธอ

“ สวัสดีครับ ”

“ อาฟนี่แม่เล็ก ” ผมบอกอีกคนที่ก็พนักหน้ารับ “ ส่วนแม่เล็กครับนี่อาฟแฟนเมด ”

“ หล่อจังเลยนะ ” เธอชมก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผม 

“ คุณแม่ฝาก กระเซ้าผลไม้มาให้ครับ ” อาฟบอกเธอที่ก็หันไปมองกระเซ้าบนโต๊ะที่ว่า

“ ผลไม้อย่างดีเลย แม่เล็กฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะคะน้องอาฟ ”

“ ครับผม ” อีกคนยิ้มก่อนจะพยักรับคำพูดนั้น

“ อร่อยมากด้วยเมดชิมแล้ว สตอเบอรี่หวานฉ่ำ เนยกินกับขนมปังปิ้งก็ฟินมาก ”

“ ในโลกนี้มีอะไรที่เรากินแล้วไม่อร่อยบ้างละ ” พ่อพูดขัดขึ้น แล้วในตอนนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาเป็นเสียงเดียวกัน แม้แต่อาฟก็ยังหลุดยิ้มออกมา

“ งั้นขอเอาไปล้างทำความสะอาดนะคะ เดี๋ยวกินข้าวกันเรียบร้อยจะเสิร์ฟเป็นของหวานหลังมื้ออาหารนะ ” แม่เล็กเอื้อมมือมาหยิบกระเซ้าผลไม้ที่ว่า แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปในตอนนั้นพ่อก็เอ่ยบอกกัน

“ เมดก็เข้าไปช่วยแม่ด้วยสิ ”

“ เอ่อ..” ผมเหลือบมองพ่อสลับกับอาฟ

“ พ่อจะคุยกับอาฟหน่อย แบบสองคน ”

“ โอเคครับ ” พยักหน้ารับความต้องการของอีกคน ในตอนนั้นผมก็หันไปเหล่มองคนที่มาด้วยกันและไม่ลืมชูกำปั้นให้เป็นการบอกว่า ‘ สู้นะ ’ แถมด้วยการพูดแบบไม่ออกเสียงด้วยท่าทางที่ยิ้มจนตาปิด ‘ ยิ้มเยอะๆ ยิ้มมมมม  ’ แต่ในตอนนั้นคนที่ผมบอกกลับมีแค่แววตาเอ็นดูส่งมาให้ ส่วนในความคิดของมันก็คงจะเถียงออกมาว่า

‘ จะให้กูนั่งยิ้มเหมือนคนโง่นะเหรอ มึงบ้ารึเปล่า ’

“ เชิญนั่งก่อน ” พ่อเอ่ยบอกอีกคนในตอนที่ผมยังไม่ทันจะเดินเข้าส่วนครัวไป ไม่มีเสียงของอาฟที่ขานรับมา แต่ตอนที่หันไปมองผมเห็นอีกคนก้มหน้าลงก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของพ่อ จะว่าไปมันก็เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิดเลย วันที่ ผมตัดสินใจพาบินมาที่นี่ วันนั้นพ่อก็บอกให้อีกคนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้นเหมือนกัน แล้วก็ไล่ผมออกมาแบบนี้เหมือนกันด้วย

“ เป็นห่วงเหรอน้องอาฟเหรอน้องเมด ” เสียงของแม่เล็กเอ่ยบอกผมที่ก็หันกลับไปมองก่อนจะพยักหน้ารับ

“ อาฟเป็นคนพูดไม่เก่งเลยแม่เล็ก ” ผมบอกเธอ “ พูดแบบไม่มีหูรูดด้วย มันเป็นคนที่ค่อนข้างจะตรงอยู่นะ กลัวพ่อไม่ชอบ ”

“ อย่าคิดมากเลยน่า ” เธอว่า ก่อนจะหยิบถ้วยใบเล็กที่ชั้นวางก่อนจะเดินไปที่หม้อ ตักชิ้นหมูตุ๋นที่เคี่ยวจนพอดีใส่ลงไปในนั้นสองชิ้น “ ลองชิมให้แม่เล็กหน่อย ว่าอร่อยพอแล้วยัง ”

“ น่ากินจัง ” ผมบอกก่อนจะตักชิ้นหมูนั่นเข้าไปในปากแล้วเคี้ยว รสชาติกลมกล่อมกระจายอยู่ในปากรสสัมผัสของชิ้นเนื้อนุ่มๆและกระดูกอ่อนที่กำลังพอดี ทำให้ผมพยักหน้ารับ “ อร่อยมากเลย ”

“ โอเคแล้วใช่มั้ย ”

“ โอเคมากกก ” บอกแบบนั้นก่อนจะวางถ้วยลงในที่ล้าง ไม่ลืมเหลือบมองออกไปด้านนอกเป็นระยะอย่างเป็นห่วง

“ ห่วงอะไรขนาดนั้นละน้องเมด พ่อเราไม่ใช่คนใจร้ายสักหน่อย ”  แม่เล็กว่ายิ้มๆ

“ พ่อไม่ใช่คนใจร้าย แต่อาฟก็ไม่ใช่คนพูดเก่งนะแม่เล็ก ”

“ คนพูดเก่ง บางทีก็ดีแค่พูด แต่ทำอะไรจริงๆไม่ได้สักอย่าง ” เธอพูดแบบนั้นก่อนจะเริ่มตั้งกระทะเพื่อทอดหอยจ๊อปูที่หั่นเตรียมไว้ “ พูดเก่ง ไม่เก่งมันไม่เกี่ยวหรอก สิ่งที่พ่อเค้าต้องการไมได้อยู่ที่คำพูด เค้าต้องการการกระทำ ”

“ เมดแค่คิดถึงตอนที่เมดพาบินมา แล้วพ่อไม่โอเค แล้วก็กลัวว่าพ่อจะไม่โอเคกับอาฟด้วย ”

“ เค้าไม่เหมือนกัน จริงมั้ย ” แม่เล็กหันมายิ้มให้ผม “ เพราะงั้นก็ไม่เห็นต้องกลัว อีกอย่างที่พ่อเค้าไม่ชอบนั่นก็เพราะบินเค้าไม่ได้มีอะไรที่จะเป็นหลักประกันให้พ่อเค้ารู้สึกได้เลยว่า คนคนนี้รักลูกชายเค้าจริงๆ ถามอะไรก็ตอบแค่ไม่ ไม่เท่านั้น เหมือนไม่ได้วางแผนอะไรเลย มันเหมือนเค้าไม่ได้คิดจะมีน้องเมดในอนาคตเลยสักนิด ”

“ ก็จริงนะแม่เล็ก เค้าไม่ได้มีเมดในอนาคตจริงๆนั่นแหละตอนนั้น ”

“ พอพ่อเราถามว่า ทางบ้านรู้หรือยัง ก็บอกว่ายัง คิดว่าทางบ้านจะรับได้มั้ยก็บอกว่าไม่รู้ เรียนจบแล้วคิดจะทำอะไร ก็ตอบว่ายังไม่คิด คือมันไม่มีความรู้สึกดีอะไรสักอย่างที่จะทำให้เรารู้สึกชอบเค้า เพราะเค้าไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า ลูกเราจะมีความสุขแน่นอน ถ้าเราฝากลูกเราไปกับคนคนนี้ เค้าดูไม่ได้รักน้องเมด ไม่ได้วางแผนอะไรไว้กับน้องเมด เหมือนแค่คบกันไปวันๆ ” แม่เล็กถอนหายใจออกมา เธอกดเปิดเตาแก๊ส รอน้ำมันร้อนได้ที่ก่อนจะใส่หอยจ๊อปูลงไป เสียงของทอดดังเป็นจังหวะ เธอปิดฝาเพื่อกันไม่ได้น้ำมันกระเด็น “ พ่อน่ะ เค้าไม่ได้ต้องการคนรวย คนช่างเอาใจ พูดเก่ง หรือว่าอะไรหรอก สิ่งที่เค้าต้องการมีสิ่งเดียว นั่นก็คือ คนคนนั้นคือคนที่ไม่ว่าวันนี้ หรือในอนาคต ก็เป็นคนที่อยู่ข้างๆน้องเมดไม่ไปไหน คนที่ทำให้น้องเมดมีความสุขทุกวัน นั่นแหละ คือคนในแบบที่พ่อเค้าจะชอบ ”

“ งั้นเมดก็ไม่ห่วงแล้วละ เพราะถ้าอะไรแบบนั้น อาฟมีมันอยู่ทั้งหมดเลย ” ผมบอกแม่เล็กที่ก็พยักหน้ารับให้กัน เธอเปิดฝาที่ปิดอยู่กับกระทะออก กลิ่นหอมของของทอดก็โชยเข้าจมูกผมที่รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างในตอนนั้น พลังงานที่บอกว่า วันนี้ต้องกินข้าวมากกว่าสองจานแน่นอน “ แต่นะแม่เล็ก ”

“ ครับ ว่าไงลูก ”

“ เมดอยากรู้จัง ว่าอาฟกับพ่อ จะพูดอะไรกัน ” คำพูดที่ทำให้คนฟังถอนหายใจออกมา เธอส่ายหน้าไปมาในตอนที่ผมยิ้มแล้วพูดกับเธอเสียงเบาๆ “ ขอตัวออกไปแอบฟังก่อนนะครับ ”

“ จริงๆเลยนะ ”

ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ค่อนข้างเงียบเชียบ คนสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ไม่ได้อยู่ในบรรยากาศอึดอัดแต่อย่างใด ทว่าท่าทางของอาฟก็ดูไม่ได้สบายอย่างที่ปกติมันชอบนั่ง ทุกอย่างของอีกคนต่างจากพ่อของผมที่นั่งพิงหมอนกับโซฟาแล้วชวนพูดคุย

“ ยังไม่ได้โอกาสขอบคุณเรื่องเมื่อวันก่อนเลย ” พ่อผมพูด “ อุตส่าห์ขับรถตามมา ยังไงก็ขอบคุณที่เป็นห่วงเมดนะ เข้าใจเลยว่า บทจะดื้อ รายนั้นก็ดื้อแบบไม่ฟังใครทั้งนั้น ”

“ ครับ ”

“ แล้วตอนนั้นคิดยังไงถึงตามมา ”

“ ผมคิดแค่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยก็ยังช่วยทัน แล้วก็อยากจะเห็นกับตาตัวเองด้วยครับ ว่าเมดถึงบ้านอย่างปลอดภัย ” รอยยิ้มของพ่อพยักหน้ารับกับคำตอบนั้นด้วยแววตาที่มองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกดี

“ แล้วตอนนี้กำลังจะเรียนจบใช่มั้ย ”

“ ครับ ” อาฟตอบ คนฟังก็พยักหน้ารับ

“ ตอนแรกวิวมาเล่าให้พ่อฟังว่า แฟนของพี่เมดเป็นเจ้าของผับ พ่อก็คิดไปว่า คงจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังเป็นเด็กวัยรุ่น ” สรรพนามที่ใช้เรียกถูกเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ แต่ในตอนนั้นผมที่เห็นอาฟก้มหน้ารับแล้วยิ้ม เป็นท่าทางที่ดูแปลกตาไปจากเก่าอยู่มาก ไม่เหมือนคนมั่นใจที่ชอบตั้งชอบกวนตีนกัน แต่กลายเป็นคนสุภาพที่ถ้าไม่ได้มาเจอพ่อผม ก็ไม่มีทางได้เห็นแน่นอน “ แล้วทำไมถึงตัดสินใจเปิดผับละ ชอบเหรอ ”

“ มันไม่เชิงว่าชอบหรอกครับ แต่ผมอยากได้รถ เลยไปขอเงินพ่อ แต่เค้าไม่ให้ ” อาฟยิ้ม “ พ่อให้ได้แค่ในจำนวนหนึ่ง ”

“ ก็เลยเลือกเอาเงินนั้นมาทำธุรกิจงั้นเหรอ ”

“ ครับ แล้วที่เลือกทำผับเพราะผมมองว่ามันเป็นธุรกิจที่ได้เงินคืนเร็ว แต่เมดเคยบอกว่า มันเป็นเพราะผมดวงดีก็เท่านั้น ก็เลยไม่เจ๊งไปก่อน ” พ่อหลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น “ เพราะผมเล่นไม่ทำบัญชีอะไรเลย เหมือนมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่านั้น ตอนที่เค้ามาเรื่องบัญชีให้แรกๆ ผมเห็นเค้าบ่นมันทุกวันเลยครับ ”

“ ก็นิสัยเค้าละนะ ” พ่อผมบอก “ ไม่ถึงกับเรียบร้อย แต่ก็ชอบจัดการนู้นนี่นั่นให้อยู่ในที่ทางของมัน จะพูดว่า มีระเบียบก็ได้มั้ง เป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยนะ เมื่อก่อนตอนเค้าเป็นเด็ก สักสี่ขวบมั้ย เวลาพ่อกลับบ้าน บางทีเหนื่อยมากเราก็ไม่อยากจะเก็บอะไรให้เข้าที แล้วตอนนั้นเมดจะเดินมา เก็บรองเท้าให้เข้าที่ให้ แล้วก็เก็บกระเป๋าของพ่อให้เข้าที่ด้วยนะ ” คราวนี้กลายเป็นอาฟบ้างที่หลุดยิ้มออกมาตอนที่พ่อแอบพูดถึงผม

“ อยู่กับผมเค้าก็เป็นครับ ”

“ แล้วใกล้จะเรียนจบแบบนี้ คราวนี้ก็คงมาทำงานที่ผับเต็มตัวเลยละสิ ”

“ ผมตั้งใจจะไปรับช่วงต่อธุรกิจของพ่อครับ ” เสียงทุ้มตอบแบบนั้น “ ส่วนเมด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เค้าทำงานที่ผับต่อไป เพราะตอนนี้เรากำลังจะขยายกิจการครับ ”

ไม่ใช่คำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกแย่ แต่ประโยคนั้นดูเหมือนทำให้คนฟังอย่างพ่อผมเงียบไปนาน สายตาที่เอาแต่มองคนตรงหน้าอย่างอาฟ แต่ทว่าคนโดนจ้องเองก็ไม่มีทีท่าจะหลบตาหรือแสดงออกถึงท่าทีวิตกอะไรออกมา อาฟแค่มองหน้าอีกคนด้วยสายตาที่ยังคงยิ้มและมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูด

“ มั่นใจแล้วเหรอว่าเป็นเมด ” แล้วคำถามที่พ่ออยากรู้ที่สุดก็หลุดออกมา “ เราเป็นคนมีความคิด พ่อชื่นชมนะ และขอขอบคุณมากๆ ที่ในอนาคตของอาฟมีเมดอยู่ในนั้น  พ่อได้ข่าวว่าเราซื้อคอนโดสร้างครอบครัวกันสองคน และถึงจะทำกันมาขนาดนี้แล้ว ถ้าพูดมันคงน่าเกลียด แต่ว่าพ่อก็อยากจะถามจริงๆ ว่ามั่นใจแล้วเหรอ มั่นใจแล้วเหรอว่าในอนาคต จะเลือกเมดไปอยู่ข้างๆ ” คนเป็นพ่อยิ้มให้อีกคน “ ลูกชายพ่อเป็นผู้ชายนะ ในอนาคตเมื่อเราโตขึ้นกว่านี้ ต้องเข้าสังคมที่มีหน้ามีตากว่านี้มันจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า ”

“ ผมไม่เคยคิด ถึงเรื่องความเหมาะสมไม่เหมาะสม และผมไม่เคยแคร์ว่าสังคมจะมองผมกับเมดยังไง เพราะมันเป็นความคิดของคนอื่น ที่ไม่ได้สำคัญในชีวิตของเรา และอีกอย่างมันไม่เกี่ยวกับธุรกิจและหน้าตาทางสังคม ความรักเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัว มันแล้วแต่บุคคล ”

“ อื้ม ”

“ ผมขอโทษนะครับ ที่บางทีผมดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเองจนเหมือนเป็นคนก้าวร้าว แต่ไม่จะให้ตอบอีกกี่สิบครั้ง ผมก็มั่นใจว่าไม่ว่ายังไง สุดท้ายก็ต้องเป็นเมด ”

“ เหตุผลละ ? ”

“ ก็เพราะเมดครับ ” อาฟตอบสั้นๆแค่นั้น “ เค้าเป็นเหตุผลที่กำหนดให้ผมทำทุกอย่าง ”
 
“ จะบอกว่ามาที่นี่ก็เป็นเพราะเมดถูกมั้ย ”

“ ครับ ” อาฟตอบพ่อผมตามตรง “ ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความคิดนี้เลยครับ ผมคิดว่าใครจะเป็นยังไงก็ไม่สน แค่ผมกับเมดรักกันเท่านั้นก็พอ ผมผยองตัว คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เพราะมีธุรกิจในมือ มีเงินเลี้ยงดูเมดได้ แค่นั้นก็พอ ผมคิดแบบนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งที่พ่อของผมถามผมว่าจะตอบพ่อของเมดว่าอะไร ถ้าเค้าถามขึ้นมาว่า แล้วบ้านของอาฟรับเมดได้รึเปล่า ”

“ อื้ม แล้วตอนนั้นตอบไปว่าอะไร ”

“ ตอนนั้นผมบอกพ่อว่า ผมจะตอบว่าผมไม่สนว่าพ่อแม่ผมจะคิดยังไง แต่แล้วอยู่ๆผมก็มีคิดขึ้นว่า ถ้าเป็นแบบนั้นเมดก็คงไม่มีความสุข เมดไม่เหมือนผมที่จะไม่แคร์  แล้วนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ผมกลับมาทำทุกอย่างให้เป็นอย่างที่ควรเป็น เค้าเป็นคนเดียวทำให้ผมมองไปข้างหน้าว่าจะทำยังไงให้เค้ามีความสุข และไม่ต้องลำบาก แล้วก็เป็นคนที่ทำให้ผมรู้ว่าคนรอบตัวของเราสำคัญยังไง เป็นเหมือนสีสันสดใสในชีวิตที่ค่อนข้างเทาของผม ชีวิตนี้ก็มีแค่เค้าที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ และเปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้ แล้วนั่นก็คือคำตอบที่พ่อถามครับ ว่ามั่นใจแล้วเหรอ ที่จะให้เป็นเมด ” อาฟยิ้มออกมาในตอนที่มองคนเป็นพ่อด้วยสายตามุ่งมั่น “ ครับ ผมมั่นใจ ไม่ว่ายังไง สำหรับผม ก็ต้องเป็นเมดเท่านั้น ”

“ งั้นก็ฝากเมดด้วยแล้วกันนะอาฟ ” พ่อของผมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มในตอนนั้นก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงโดยที่ไม่ได้พูดเรื่องอื่นอีก แต่กลับหันไปชวนอีกฝ่ายอีกข้าวแทน  “ อาหารเหมือนจะเสร็จแล้ว กินข้าวด้วยกันก่อนนะ ”

“ ครับ ” เสียงทุ้มที่เอ่ยบอกผมก็ได้แต่ยิ้มอยู่ตรงมุมเสาของบ้านจนพ่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากัน

“ คนนี้ผ่านนะ ” พ่อว่าแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่หัวของผมก่อนจะขยี้ ในช่วงวินาทีสั้นๆนั้นอีกคนก้มลงมาหอมที่หัวของผมไปเต็มฟอดไม่ต่างอะไรกับตอนเด็กๆ “ มีความสุขมากๆนะลูก ”

“ ขอบคุณครับ ” ตอบรับคำนั้น คนเป็นพ่อก็เดินผ่านไป ทิ้งไว้แค่ผมกับอาฟที่มองหน้ากันอยู่ในตอนนั้น ก่อนที่ต่างฝ่ายจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหากัน แต่ยังไม่ทันได้พูดแซวอะไรคนที่เหมือนจะหน้าแดงไปทั้งหน้าเพราะเพิ่งรู้ว่าผมมาแอบฟังบทสนทนานั่นก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ราวกับจะปิดบังท่าทางเขินอายพวกนั้นของตัวเอง

“ เมื่อกี้แค่พูดเอาใจพ่อมึงเฉยๆ ”

“ งยังไม่ได้พูดอะไรเลย ” ผมยกยิ้มขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือขึ้นกอดอีกคนกลับ “ งั้นสงสัยคนที่พูดเมื่อกี้เป็นคนที่ชื่ออาฟเตอร์อารยะแน่ ไม่ใช่มึง ”

“ อื้ม ” อ้อมกอดโอบกระชับผมแน่นขึ้น ในวินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวเรามันจะเงียบเชียบไป สายลมอ่อนที่โบกพัดรับรู้ได้ถึงลมที่พัดผ่านมาจากช่องหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ก่อนคนที่กอดกันไว้จะจูบลงบนไหล่แล้วเอ่ยพูดออกมา “ เมื่อก่อนตอนที่ส่งนมไปให้ครั้งแรก กูเคยจินตนาการถึงวันนี้ ว่าตัวกูจะมีความสุขแค่ไหนที่ได้มีมึงเป็นแฟน ”

“ เหรอ ”

“ แล้ววันนี้กูก็เข้าใจแล้ว ความสุขนั้น มันก็เป็นแบบนี้เอง ”

“ อันนี้ใครพูด มึง หรือว่าอาฟเตอร์อารยะ ” ผมแซวอีกคนที่หลุดหัวเราะออกมา

“ อาฟเตอร์อารยะ ”

“ สองคนนั้นน่ะ จะกอดกันกลมไปถึงไหน มากินข้าวได้แล้ว ” เสียงของแม่เล็กเดินออกมาเอ่ยเรียกเรา ที่ก็ผละออกจากกันแล้วก็เดินไปยังโต๊ะกินข้าวโดยที่มือข้างนึงยังคงกุมมือของกันและกันไว้ไม่มีปล่อย

แผ่นหลังของคนที่จูงมือผมเดินไป มันอาจจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายเท่าไหร่ แต่กลับเป็นแผ่นหลังที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า เราก็คือเรา คนที่จะเติมเต็มโลกของกันและกัน แล้วจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอด

อาฟอาจจะไม่ใช่คนที่ผมเคยจินตนาการ ว่าตัวเองจะมีความสุขมากแค่ไหน ที่เราได้รักกัน
แต่มันคือคนที่ทำให้ผมได้รู้ว่า คนเรามีความสุขได้มากแค่ไหน เมื่อเราได้เจอกับรักดีๆ

.............................................................

เขียนว่า เสื้อสีมงคลไม่ได้ทำให้โชคดีขึ้น แต่คนเขียนเองก็ใช้วอลเปเปอร์เรียกทรัพย์ บนหน้าจอมือถือตัวเอง5555555555555555555

ใจจริงเราอยากจะเขียนสตอรี่ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ อารมณ์เมดไปเจอครอบครัวอาฟ แต่เราก็คิดว่า พี่อาฟน่ะ ไม่มีทางกลัวหรอก มากสุดพี่เค้าคงกังวล เพราะเค้าก็รู้พื้นฐานนิสัยของตัวเอง อาจจะมีบ้างที่ดูไม่เหมือนพี่อาฟ เพราะพูดมาก และอธิบายตัวเองออกไปตรงๆ แต่คิดว่าพูดกับผู้ใหญ่ คุณอารยะน่าจะตอบอะไรตรงๆมากกว่าการอ้อมค้อม ในมุมมองหนม อยากให้จบออกมาในมุมเท่ห์ๆ ของชายหนุ่มสองคนสองวัยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก เอาเท่าที่จำเป็น ก็พอ เลยออกมาในมุมมองแบบนี้ค่ะ

แท้จริงๆ แล้ว ตอนนี้ เป็นตอนที่ 8 ในเล่ม ช่วงต้นเลยอาจจะแปลกไปนิดหน่อย
หนังสือเล่มนี้ ยังคงเปิดจองอยู่นะคะ ปิดดจองวันที่ 5 เมษา  ใครที่สนใจ รีบเข้ามาสั่งจองกันนะคะ
เนื้อหาตอนพิเศษ จุใจและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน

ท้ายนี้ ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
นึกถึงคอนโดของอาฟกะเมธนี่ มโนไปแล้วว่าอยู่พร้อมพงษ์ ร้านผลไม้ก็พร้อมพงษ์ 555

ละยังมาสีเสื้อ นี่ขำกลิ้งเลย เพราะตัวเราเองก็ดูสีตามวันเช่นกัน

หน้าวอลล์ก็ด้วย แต่ยังไม่มีโชคเหมือนคนอื่นเค้าเลย  :m20:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
งุ้ยยยยยยย
พี่อาฟทำให้น้องเมดเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดอ่ะ

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปริ่มมากกกกกกกกกกกก :mew1:

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
คุณแม่พี่อาฟตื่นเต้นได้น่ารักมากๆค่ะ เป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักมากๆเลยค่ะ อบอุ่นหัวใจจัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด