08
“แทนไม่อยากเป็นเพื่อนเราแล้วอะ” แค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่อยากเป็นเพื่อนกับตนแล้ว มิลค์ก็ถึงกับกลัดกลุ้มจนนอนไม่หลับ ดูท่าแทนคงจะหวงเนื้อหวงตัวน่าดู เพราะแค่ลวนลามนิดหน่อยก็ถึงกับตัดเพื่อนทันที ทำเอามิลค์ถึงกับเดินคอตกต้องมาปรึกษาเพื่อนสนิทอย่างบอยและก้องถึงที่คณะ
“คู่นี้ทำไมแต่ละวันหรรษาจังวะ เดี๋ยวก็ทะเลาะแล้วก็ดีกัน ถ้ามิลค์เป็นผู้หญิงคงลูกสามตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำมั้งเนี่ย ตีกันบ่อยขนาดนี้” ก้องถึงกับเกาหลังคออย่างงุนงง
ดูเหมือนความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิททั้งสองคน ที่มีพวกเขาเป็นตัวตั้งตัวตีจะยุ่งเหยิงไปเสียหมด เดี๋ยวก็ดีกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน จนก้องแอบคิดไม่ได้ว่าหากสองคนนี้ห่างกันไปสักพัก คงสบายหูน่าดู
“คราวนี้จริงจังเลยนะก้อง แทนบอกขี้เกียจเป็นเพื่อนกับเราแล้ว”
“แล้วมันว่าไงอีก?” บอยที่เงียบไปอยู่นานเอ่ยถามขึ้น
“ก็บอกอีกว่า ถ—ถ้าอยากเป็นเพื่อน ก็ให้เป็นไปคนเดียวเลย” มิลค์ได้ที ก็รีบฟ้องเพื่อนทันที เพราะเขาเชื่อว่ายังไงบอยก็ต้องมีทางออกให้กับเรื่องนี้
“โธ่ มิลค์เอ้ยยยย” ทันทีที่ฟังคำให้การของเพื่อนเสร็จ บอยก็ประติดประต่อทุกอย่างเข้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงร่างมิลค์เพื่อนสนิทเข้าสวมกอดอย่างหมั่นเขี้ยวที่ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะเสน่ห์แรงทั้งกับผู้หญิงและผู้ชายเหลือเกิน
“บอย! อย่ากอดแน่น เราหายใจไม่ออก”
“ซื่อหรือโง่เนี่ย เขาอยากเป็นอย่างอื่นกับตัวเองยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
ทั้งวันมิลค์อดคิดเรื่องแทนไทไม่ได้ ขณะที่กำลังเรียนเขาก็คิดไปถึงแทน ฟังอาจารย์ก็แทบไม่ทัน เพราะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายอยากตัดเพื่อนกับเขาจริงหรือ จะใจร้ายเกินไปหรือเปล่าและอีกหลายประโยคตัดพ้อมากมายที่ถูกส่งไปให้คู่จิ้นต่างมหา’ลัย
ตอนทะเลาะกันครั้งแรกมิลค์ก็อยากตัดเพื่อนกับแทนไทให้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องมารู้สึกแย่ต่อกัน แต่พอถูกอีกฝ่ายตัดเพื่อนจริง ๆ เขากลับรับไม่ได้ แม้ลึก ๆ จะไม่ยอม แต่ก็ไม่กล้าโวยวายเพราะเดี๋ยวแทนจะหลงตัวเอง หาว่าเขาอยากเป็นเพื่อนอีกฝ่ายใจจะขาด
ยังอยากเป็นเพื่อนอยู่นั่นแหละ แต่ไม่ได้มากมายขนาดต้องให้มานอนห้องทุกวันเสียหน่อย....
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องไอ้แทนหรอก มิลค์เข้าใจผิดเองนั้นแหละ มันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก” เพราะเห็นว่าเพื่อนตัวดียังหงอยไม่เลิก บอยก็นึกสงสารเลยต้องอธิบายไปว่ามันไม่ได้หมายความอย่างนั้น
“อะไรที่เข้าใจถูกละ?” คิวท์ บอยตัวเล็กถามกลับ
“เรื่องนี้ต้องให้มันพูดเองน่าจะดีกว่า เราเป็นแค่กองเชียร์พูดมากไม่ได้หรอก” บอยพูดหน้ายิ้ม
นึกสงสัยว่าอีกนานแค่ไหนที่สองคนนี้จะลงเอยกัน เพราะถ้ามิลค์ยังซื่อคิดไม่ถึงว่าแทนจะรู้สึกแบบนั้น รวมทั้งฝั่งแทนไทก็ไม่ใช่คนพูดตรง ๆ ชอบอ้อมค้อมตามนิสัยขี้อายตั้งแต่เด็ก คงไม่มีทางสารภาพกับมิลค์ตรง ๆ แน่
“นี่เราคิดมากเรื่องแทนมาทั้งคืนเลยนะ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าแทนไม่อยากเป็นเพื่อน สงสัยคงอยากเป็นเมียเรา”
“เมีย?”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน อยากเป็นอย่างอื่นงี้ มีทางเดียวคือเป็นเมียเรา” มิลค์ว่าพร้อมกับอมยิ้มด้วยความภาคภูมิในความมีเสน่ห์ของตนเอง จริง ๆ มิลค์ไม่ชอบเรื่องอวยหน้าตาตัวเองเท่าไร เรื่องนี้ปล่อยให้คนอื่นพูดน่าจะดีกว่า แต่ถ้าแทนอยากเป็นเมียเขาเพราะความมีเสน่ห์นั้น ก็แอบภูมิใจไม่ได้จริง ๆ
“ตัวเองเป็นเมียเขาน่ะสิ ตัวเท่าลูกแมวยังกล้าไปเป็นผัวเขาอีก”
“ไม่เกี่ยวหรอก เรื่องแบบนี้มันอยู่จิตใจ” มิลค์ว่าพร้อมกับตบอกข้างซ้ายดังปึกประกอบ
“หึ งั้นก็ไปตกลงกับมันให้รู้เรื่องแล้วกัน” เห็นเพื่อนคิดไปทางนั้นแล้ว บอยก็ไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ เพราะความจริงมันไม่ได้เหมือนที่มิลค์คิดเสมอไป
“ตกลงอะไรเล่า เราแค่คิดเล่น ๆ ถ้าขืนได้เมียแบบแทนมาอะนะ เราคงกัดลิ้นตายอะ เถียงไม่ค่อยทัน” มิลค์ว่าพร้อมกับทำท่าสยดสยองเต็มที แค่คิดว่าจะต้องอยู่แทนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาก็เห็นเหมือนหายนะมาเยือนแล้ว
บอยเลือกที่จะไม่ตอบ แต่เผยยิ้มออกมาให้มิลค์ไปตีความเอาเอง อดนึกไม่ได้ว่าหากวันหนึ่งมิลค์ตกเป็นเมืองขึ้นของแทนไทจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น แม้มันอาจไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ แต่คนเด๋อ ๆ อย่างมิลค์ เขามีใจให้ยังไม่เคยรับรู้มีหรือจะรอดพ้น?
“พ—พี่น้องมิลค์คะ” ไม่ทันที่มิลค์จะได้พูดคุยกับเพื่อนต่อ เสียงเรียกหวานหูก็เรียกขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
หญิงสาวต่างคณะกำลังยืนยิ้มเขินให้กับพี่น้องมิลค์ หลังเธอพยายามรวบรวมความกล้าอยู่ตั้งนานสองนาน จนกล้าเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย มือของเธอถือขวดน้ำเย็นเจี๊ยบไว้ หลังเพิ่งวิ่งไปซื้อมาเมื่อห้านาทีก่อน
“ครับ?” มิลค์ขานรับตามปกติ คิวท์ บอยตัวเล็กส่งยิ้มให้ตามปกติ แต่กลับสร้างความปั่นป่วนให้กับคนมอง หญิงสาวถึงกับใบหน้าร้อนฉ่า แม้จะรู้ว่ารุ่นพี่ต่างคณะจะยิ้มให้ตามมารยาท แต่ก็อดเขินไม่ได้อยู่ดี
“ค—คือเห็นพี่น้องมิลค์จะลงเล่นบาสอะค่ะ หนูก็เลยซื้อน้ำกับผ้าเย็นมาให้” หญิงสาวว่าพร้อมกับยื่นของดังกล่าวไปให้คนตรงหน้าอย่างขลาดเขิน
“อ๋อ...ขอบคุณมากครับ เกรงใจจัง” มิลค์ว่าพร้อมกับรับของมา แม้จะได้ของพวกนี้มาบ่อยแล้ว แต่เขาก็อดเกรงใจไม่ได้ทุกที แค่มีหลาย ๆ คนคอยให้ความสนใจ ตามไปสนับสนุนเขาตอนที่ออกงาน มิลค์ก็เกรงใจแทบแย่แล้ว
“ฮือ ไม่เป็นไรค่ะ ล—เล่นบาสให้สนุกนะคะ หนูจะคอยเชียร์อยู่ข้างสนาม”
“อ๋อครับ ฝากเชียร์พี่ด้วยนะ” หญิงสาวที่เขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเดินจากไปแล้ว เธอทิ้งน้ำและผ้าเย็นเอาไว้พร้อมกับเสียงโห่แซ็วของพวกเพื่อนทั้งหลาย
“กูละอิจฉาจริง ๆ คนมันหน้าตาดี ใคร ๆ ก็อยากดูเอ็น”
“เอ็นดู!”
“กูอยากมีแฟนคลับแบบนี้บ้างจัง น้องมิลค์คะ น้องมิลค์ขา พี่น้องมิลค์ ๆ อยู่นั่นแหละ แหวะ หมั่นไส้”
“อิจฉาเราก็บอกมา”
“ก็นิดนึง” ก้องสารภาพพร้อมกับหัวเราะร่า เป็นอย่างนี้ทุกที เวลามิลค์จะลงเล่นบาสกับเพื่อนในคณะก็มักจะผู้หญิงคอยซื้อน้ำซื้อขนมมาสนับสนุนอยู่เสมอ ทำเอาเพื่อนร่วมทีมถึงกับตาร้อนผ่าว ไหนจะพวกผู้ชายหน้าม่อที่ชอบมาดูมิลค์เล่นบาสอีก เพราะมิลค์ไม่ค่อยระวังชายเสื้อเท่าไร ทำให้บางครั้งเสื้อก็เลิกขึ้นสูง เจ้าพวกนี้ก็ชอบมามองเป็นอาหารสายตาจนกลายเป็นเรื่องปกติ ครั้นจะเตือนมิลค์ก็มักจะบอกว่า ผู้ชายด้วยกันก็หยวน ๆ กันไป
ถึงเรื่องหล่อมิลค์อาจไม่สู้ใคร เพราะในมหา’ลัยก็มีคนหน้าตาดีเยอะแยะ แต่ถ้าเรื่องน่ารักเพื่อนตัวเล็กของเขากินขาด เพราะทั้งหน้าตาและนิสัย อีกทั้งยังไม่เคยมีข่าวคบกับใคร ยกเว้นกระแสคู่จิ้นต่างมหา’ลัย นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ ที่รักผู้ชายอ่อนโยน
แม้มิลค์จะเป็นคนหน้าตาจิ้มลิ้ม ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า (ถ้าไม่จำเป็น) มีผู้ชายแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เพื่อนของเขาจะคุยจริงจังสักที จริงอยู่ที่มิลค์ไม่เคยปฏิเสธ เพื่อนของเขามารยาทดีเกินกว่าจะกล้าพูดออกไปตรง ๆ แต่หากจะให้ลุ้น ยังไงผู้หญิงยังก็มีสิทธิ์เยอะกว่า...ยกเว้นแต่แทนไทนคนเดียวที่เดาไม่ออก สองคนนี้ดูเหมือนจะสนิทกัน แต่ก็เห็นทะเลาะกันทุกวันเลยเดาทางไม่ค่อยถูก
หากมองเป็นกลาง มันคงจะไม่มีอะไร ก็แค่สนิทกัน ชอบแซะชอบแซ็วตามประสาเพื่อน แต่ทว่าสายตาของแทน กลับมองมิลค์ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ไม่เหมือนที่มองก้องและบอย แม้จะออกปากว่าไม่ได้คิดอะไรกับมิลค์ แต่คำพูดและการกระทำกลับสวนทางกัน
เพื่อนที่ไหนจะหอบดอกไม้มาง้อถึงหน้าคณะ ไปรับไปส่งกันทุกวันเช่นนี้....
นับตั้งแต่คืนที่แทนประกาศตัวว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับมิลค์อีกต่อไป เราสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย มิลค์ไปกลับหอเอง จัดการชีวิตตัวเองเหมือนที่เคยเป็นมา แต่ก็แอบปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงหลังที่สนิทกับแทน มิลค์ติดความสะดวกสบายมา เพราะมีรถส่วนตัวให้นั่ง อาหารก็ไม่ต้องจ่าย (เพราะแทนบอกเลี้ยงเอง)
เขาตัดสินใจบล็อกไลน์ ยกเลิกการติดตามในโซเชียลของแทนออกหมด ทุกอย่างทำไปเพราะต้องการประชดอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่าทำไปเพื่ออะไรและเป็นครั้งแรกที่มิลค์นิสัยงี่เง่าดั่งผู้หญิง แต่ทั้งหมดที่ทำไปก็แค่อยากให้เห็นว่าเขาก็ไม่พอใจเหมือนกัน ไม่อยากเป็นเพื่อนกันก็ไม่ต้องเป็น
ประชดไปทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าแทนจะรู้ตัวไหม...
“ห้ามบอกว่าไม่ไปนะ” บอยพูดดักไว้ทันที หลังเห็นเพื่อนตัวดีง้างปากเตรียมจะพูดอะไรออกมา
“ทำไมรู้อะ”
“ก็เป็นแบบนี้ทุกที พอทะเลาะ งอนกับแทนก็ชอบเลี่ยงตลอด” บอยพูดพร้อมกับดันหลังให้มิลค์เดินไปด้วยกัน เขาเป็นเพื่อนกับมิลค์ตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะหลบหน้าแทนอีกครั้ง ดูจากกรณีร้านเหล้าเป็นตัวอย่าง เห็นปุ๊บรีบขอตัวเข้าห้องน้ำปั๊บ
“เฮ้อ นี่ตกลงเราต้องไปให้ใช่ไหม” มิลค์ที่ถูกเพื่อนดักทางเอ่ยถามทั้งหน้างองุ้ม
“รู้แล้วยังจะมาถามอีก ไปนั่งรถกับเรา” ไม่มีการอ่อนข้อให้อีกต่อไป ต่อจากนี้ต่อให้คนในกลุ่มทะเลาะกัน แต่เวลานัดกินข้าวต้องไปด้วยกันให้ครบคน ห้ามใครคนใดคนหนึ่งเด็ดขาด
เราทานอาหารร้านเจ้าประจำอีกร้านในตลาดนัดหัวมุม ร้านปิ้งย่างกระทะชีสเป็นอีกร้านหนึ่งที่เราชอบมาสิงสถิตกัน นอกจากจะเก่งเรื่องเที่ยวแล้ว เรื่องตะเวนหาของกินกลุ่มเราก็ไม่เป็นสองรองใคร มิลค์ที่ถูกบอยบังคับขึ้นรถและไปยังร้านนัดหมายพร้อมกันได้แต่เดินตามเพื่อนสนิทต้อย ๆ
หลังเล่นบาสเสร็จกับเพื่อนร่วมคณะเสร็จ ใช้เรี่ยวแรงจนหมด มิลค์ก็หิวตามปกติ หากเป็นเช่นทุกวันคนตัวเล็กคงเฮลั่น กระปรี้กระเปร่าอยากจะมากินของอร่อยมากกว่านี้ แต่เพราะรู้ว่าไปแล้วต้องเจอกับแทนไท คนที่บอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนอีกต่อไป ความอยากอาหารก็ลดลงจนน่าใจหาย ชนิดที่ว่าให้มิลค์กลับไปกินแถวหน้าหอตอนนี้ยังจะดีกว่า
พอมาถึงร้านที่นัดหมายก็เห็นจ็อบและแทนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เราสบตากันด้วยความบังเอิญ ก่อนที่มิลค์จะหันมองไปทางอื่นด้วยความรวดเร็ว ปฏิกิริยาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเอง ไม่รู้ทำไมมิลค์ถึงรู้สึกว่าสายตาแทนน่ากลัว
เป็นอีกครั้งที่เรานั่งฝั่งตรงข้ามกัน คิวท์ บอยตัวเล็กมีท่าทางอึกอักอย่างเห็นได้ชัด เหตุการณ์เหมือนตอนอยู่ร้านเหล้าไม่ผิดเพี้ยน ใจจริงเขาอยากจะกลับหอตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็ติดตรงที่ว่าเกรงใจเพื่อนที่เหลือ คนที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย ไหน ๆ ก็ได้รวมตัวกันอีก มิลค์ก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนเจ้าปัญหา
เมื่อได้วิเคราะห์ดี ๆ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครผิด แทนไม่ผิดที่ไม่อยากเป็นเพื่อนมิลค์อีกต่อไป มิลค์ก็ไม่ผิดอะไร เมื่อคิดได้เช่นนั้น คนตัวเล็กก็ยอมเงยหน้าขึ้น ละทิ้งความประหม่าไว้ในใจแล้วสบตาแทน เหมือนเพื่อนปกติ
“บล็อกไลน์เราเหรอ?” มองหน้ากันได้ไม่ถึงนาที แทนก็เอ่ยถามมิลค์ทันที บทสนทนาบนโต๊ะเงียบลงอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ห—เหรอ สงสัยมือเราไปโดน”
“อันฟอลในไอจีด้วย?”
“สงสัยระบบร่วน” มิลค์ว่าพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับเรื่องทั้งหมด เป็นเหตุสุดวิสัย เขาอยากจะยอมรับอยู่หรอก อยากบอกด้วยว่าที่ทำไปเพราะประชด แต่พอเห็นสายตาของแทนอาการใจปลาชิวก็กำเริบซะงั้น
“เก็บสายตามึงด้วย มิลค์กลัวหมดแล้วเนี่ย” สุดท้ายบอยก็เป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ แทนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมุมปาก สายตาบ่งบอกว่าทุกอย่างที่มิลค์พูด เป็นแค่นิทานหลอกเด็ก
ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะมีเวลาให้อยู่ด้วยกันอีกเยอะ แทนเลือกที่จะคีบเนื้อ คีบเห็ดให้มิลค์เหมือนเดิม เหมือนที่เคยทำมาโดยตลอด มันเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด กลัวว่าการสื่อสารของเขาและมิลค์จะผิดพลาดและมันก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
มิลค์คนโง่....
“ระดับมิลค์น่ะเหรอ ก่อนลงสนามก็มีสาวเอาน้ำ เอาผ้าเย็นมาให้ กูนี่ไม่อยากจะคิดเลย ถ้าเกิดมิลค์ได้เป็นนักกีฬาของมหา’ลัยจริง ๆ กองเชียร์จะขนาดไหน นี่ยังไม่รวมพวกผู้ชายหน้าม่อที่ชอบมานั่งดูเสื้อมันเปิดด้วยนะ แค่มิลค์ลงเล่นบาส สนามบาสก็เหมือนเป็นแหล่งมั่วสุ่มไปเลย ความฮอตของมิลค์โคตรแม่งน่ากลัว”
ก้องโม้ความฮอตให้เพื่อนฟัง จริง ๆ รู้มานานแล้วว่าเพื่อนตัวเล็กของเขาเป็นคนที่ดัง เป็นคนที่ใคร ๆ ก็ต่างขนานนามว่าเป็นของดีของมหา’ลัย แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะเคยชิน
“นอกจากผู้หญิงและผู้ชายก็มีไม่น้อยหน้านะครับ ระวังเถ๊อะ ไอ้ไหนลีลามาก ๆ คิดว่ายังไงก็ได้แน่นอน แทนที่จะได้ไปนอนกอด ได้น้ำตาไปเช็ดหัวเข่าแทน” หลังก้องเปิดประเด็นแล้ว บอยผู้เป็นคู่หูก็รีบสำทับต่อทันที
มิลค์พยายามปรามเพื่อนแล้ว แต่ดูเหมือนเพื่อนตัวดีจะไม่ฟังเลย เรื่องคนให้ความสนใจมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมเหล่าเพื่อนจะต้องพูดมันขึ้นด้วย
“เออมิลค์...คนนั้นอะ เดือนรัฐศาสตร์ยังได้คุยกันอยู่ไหม ชื่ออะไรนะ ๆ” บอยหันมาถามพร้อมกับทำท่านึกชื่อ เคยได้ยินมาหลายครั้งแล้วว่าเดือนรัฐศาสตร์รุ่นพี่ในมหา’ลัยปลื้มมิลค์มาก จนถึงขั้นพูดออกอากาศทางไลฟ์สดในอินสตาแกรมและดูเหมือนทั้งคู่มีช่องทางการติดต่อกันด้วย แต่ไม่รู้ว่าเลิกคุยกันหรือยัง
“พ—พี่ไบรต์น่ะเหรอ”
“มันเป็นใคร” ไม่ทันที่มิลค์จะคุยกับเพื่อนเสร็จ แทนที่ดูเหมือนจะแอบฟังอยู่นานสองนานก็พูดขึ้นมา
คิวท์ บอยตัวเล็กหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเชิงตำหนิ เสียงเข้ม ๆ ของแทนทำเอามิลค์เผลอสะดุ้ง ไม่รู้จะกดเข้มอะไรนักหนา
“เรายังคุยกับบอยไม่เสร็จ” คนตัวเล็กพูดสั้น ๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนต่อ โดยไม่คิดจะหันมาสนใจคนที่ประกาศตัดเพื่อนอีกต่อไป นั่นทำให้แทนถึงกับหัวร้อน เพราะไม่ได้รับความสนใจเหมือนอย่างเคย
“คุยอะไร เราคุยด้วย!”
“นี่แทน!”
“ขี้เสือกว่ะ” เสียงบอยและมิลค์ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน แต่ในวินาทีนี้แทนไม่สนอีกแล้ว เขาอยากจะรู้นักว่าใครกล้ามาจีบมิลค์ ไม่รู้หรือไงว่ามิลค์มีคู่จิ้น(ที่ไม่ใช่แฟน)อยู่แล้ว
ฝั่งบอยก็แอบส่งยิ้มร้ายให้กับก้อง เมื่อผู้ร้ายปากแข็งเริ่มแสดงพิรุธออกมาแล้ว ดูเหมือนแทนไทจะหัวร้อนใช่ย่อย คนเข้าหามิลค์เป็นถึงเดือนคณะ รูปหล่อพ่อรวยขนาดนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องกลัวว่าจะถูกลดความสำคัญ
“คุยกันมานานยัง?”
“....”
“ไปรู้จักกันตอนไหน”
“นี่มันใช่เรื่องแทนเหรอ” มิลค์หันไปเอ็ดแทนไทอีกครั้ง ดูเหมือนแทนอยากจะรู้เรื่องพี่ไบรต์รุ่นพี่ต่างคณะเหลือเกิน อยากรู้มากกว่าบอย คนเปิดประเด็นเสียอีก รายนั้นทำได้แค่ยิ้มแล้วมองแทนอย่างเงียบ ๆ
“ก็อยากรู้ไม่ได้เหรอ”
“แล้วทำไมต้องอยากรู้ล่ะ” มิลค์ถามเสียงซื่อ แต่คนฟังกลับเข้าใจไปอย่างหนึ่ง แทนถึงกับอึกอักไปครู่หนึ่ง คิดว่าคิวท์ บอยตัวเล็กรับรู้ความจริงเข้าแล้ว
“ก็....”
“หรือว่าแทนชอบพี่ไบรต์?” ....พับผ่าสิ
“ไปกันใหญ่แล้ว”อาการรู้ทุกเรื่อง แต่ไม่เคยรู้เรื่องตนเองของมิลค์ ทำเอาแทนรู้สึกปวดหัว จนอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปดีดหน้าผากเนียนด้วยความมั่นเขี้ยว ฝั่งมิลค์ที่ไม่รู้ว่าถูกลงโทษเพราะอะไรถึงกับโวยวายเสียงดัง ทำเอาเพื่อนในกลุ่มถึงกับหัวเราะให้ความไร้สาระของสองคนนี้
“แน่ะ โลกนี้ไม่ได้มีแค่พวกมึงสองคนนะครับ เกรงใจสมาชิกกลุ่มด้วย”
“ไหนบอกว่าตัดความเพื่อนไง ทำไมเล่นงุ้งงิ้งกันสองคน”
“คนหน้าตาดีเขาจะคุยกัน พวกมึงอย่าไปยุ่งเลย” อีกหลาย ๆ ประโยคที่เพื่อนต่างพูดตัดพ้อ ทำเอามิลค์รู้สึกผิดในใจ ซึ่งต่างกับแทนที่อาศัยทีเผลอ ขยับปากแบบไม่มีเสียงให้เพื่อนขี้บ่นทั้งหลายฟังว่า ‘อย่ามายุ่ง’
“กูขอโทษ”
“เฮ้ย ๆ ! มิลค์พูดกูมึงอะ”
“มิลค์อย่าพูดเลย ฟังแล้วแปลก ๆ ว่ะ”
“พูดไม่เพราะ” แค่มิลค์เปลี่ยนสรรพนาม พูดกูมึงเหมือนที่เพื่อนพูดกัน กระแสทางด้านลบก็โจมตีเข้าอย่างจัง รวมถึงแทนไทที่ร่วมเอ็ดมิลค์ไปกับเขาด้วย
“อ้าว...ทีคนอื่นยังพูดได้เลย ทำไมจะพูดไม่ได้อะ” คิวท์ บอยตัวเล็กหันไปถามแทน มิลค์สบตาแทนราวกับเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง หรือเพราะมิลค์ใช้คำแทนตัวเองว่าเรามาตลอด พอมาใช้กูมึงเหมือนใครเขาบ้าง เพื่อนเลยรับไม่ได้?
“คนอื่นช่างมัน แต่มิลค์ห้ามพูด มันไม่เพราะ” แทนเลือกที่ไม่บอกเหตุผล แต่พูดแบบนั้นไป ตอนได้ยินอีกคนพูดว่ากู ไม่ได้มีแค่เพื่อนที่หูผึ่ง เพราะเขาเองก็แอบตกใจอยู่ หน้าตาน่ารัก พูดกูมึงมันเลยดูสวนทางกันไปหมด
“สองมาตรฐาน” คนฟังถึงกับบ่นอุบอิบ เพื่อนคนอื่นยังพูดกูมึงได้ แต่ทำไมมิลค์ต้องห้ามพูดด้วย ถามหาเหตุผลก็บอกว่ามันไม่เพราะ ทั้ง ๆ ที่เราก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่มีรุ่นพี่ให้ต้องกังวลเรื่องมารยาทสักคน
“ช่างมัน ห้ามพูด”
“เหอะ”
“มาพูดเรื่องไอ้พี่ไบรต์ต่อเลย มันเป็นใคร ไปรู้จักกันตอนไหน”
“อย่าเรียกพี่ไบรต์ว่ามันดิ พี่เขาเป็นคนนะ”
“อย่านอกเรื่อง”
“แล้วแทนจะอยากรู้ไปทำไม?”
“ให้ตอบ ไม่ได้ถามกลับ”
“ก็รู้จักกันผ่านพี่รหัส คุยกันถูกคอเลยแลกไลน์กันเอาไว้ ก็แค่นั้น” มิลค์พูดด้วยความซื่อตรง พี่ไบรต์เป็นอีกคนที่มิลค์รู้จักกันได้ไม่นาน เรารู้จักกันผ่านพี่รหัส ผ่านการนัดกินข้าวกันระหว่างมิลค์และพี่รหัสโดยที่มีพี่ไบรต์ไปด้วย อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ถือตัวและพูดจาน่าฟังเลย เราเลยแลกไลน์กันไว้ ตามปกติหลังทานข้าวกันเสร็จ
“แล้วมันเคยบอกชอบปะ”
“เอ๊ะ! บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกมัน”
“ตอบ”
“ก็บอกว่าปลื้ม ๆ อะ พี่ไบรต์บอกว่าเราตลก พูดจาน่าฟัง คุยแล้วสบายใจ น่าคบหา” ท้ายประโยคมิลค์แอบเน้นเสียงเพื่อให้แทนรู้ว่ามิลค์เป็นคนน่าคบหาคนหนึ่งเลยนะ ให้แทนนึกเสียดายที่อยากตัดเพื่อนกับมิลค์
“เขาชมไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ” เมื่อแทนได้รับฟังก็อดพูดค่อนแคะไม่ได้ เขาพูดเพื่อให้คิวท์ บอยตัวเล็กรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ สิ่งที่อีกฝ่ายได้รับการเยินยอมา ก็แค่การเอ่ยชมตามมารยาท หาได้เป็นอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่
“อ้อ...พี่เขายังบอกอีกด้วยนะ ว่าอยากชวนเราไปกินอาหารญี่ปุ่นสักมื้อ เพราะเห็นเราชอบกินแซลมอน พี่เขาก็ชอบเหมือนกัน แต่ตอนนั้นที่พี่เขาพูด เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบที่ว่าน่ะ ชอบแซลมอนหรือชอบเรา”
“มิลค์!” แค่ได้ยินเสียงเพ้อเจ้อของคนพูด ทำเอามาดนิ่ง ปากหมาที่มีมานานของแทนถึงกับขาดสะบั้นลง เพราะตั้งแต่เราเป็นคู่จิ้นกันมา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มิลค์จะพูดถึงผู้ชายแนวทำนองนี้ หรือว่าอีกฝ่ายจะปลื้มไอ้รุ่นพี่หน้าม่อนั่นเหมือนกัน?
“อ้าว ๆ อย่ามาวางมวยกันแถวนี้นะ นี่ตลาดนัดนะ” ก้องพูด
“พ่อมิลค์แม่งโคตรน่ากลัว” จ็อบพูดตาม
“เจอคู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ ดูเหมือนจะนำไปไกลอยู่มาก เลยโมโหเป็นเรื่องธรรมดา” บอยสรุป
“ร—เราพูดผิดตรงไหนอะ”
หลังทานอาหารกันเสร็จ มิลค์ก็ถูกแยกกับเพื่อนโดยปริยาย ไม่รู้ว่าพวกบอยก้องและจ็อบเดินไปทางไหน รู้ตัวอีกทีก็มีแค่เขากับแทนเดินกันอยู่ในตลาดนัดเพียงสองคน คนตัวเล็กได้แต่เดินตามอีกฝ่ายต้อย ๆ ของข้าวบางอย่างที่วางขายตามตลาดนัดก็มีถูกใจบ้าง แต่ยังไม่มีอันไหนที่คิดอยากซื้อทันที
“อยากได้อะไรไหม” แทนไทที่เหมือนจะสงบลงแล้วหันมาถามมิลค์ด้วยน้ำเสียงปกติ
“ยังไม่อยากได้อะไร ว่าแต่พวกเพื่อนล่ะ ไปไหนกันหมด” มิลค์พูดพร้อมกับหันหาเพื่อนไปด้วย แต่ก็ดูเหมือนจะไร้เงาไปแล้ว
“สงสัยกลับกันแล้ว”
“อ้าว แล้วเราจะกลับยังไงอะ เรามากับบอย”
“เดี๋ยวเราไปส่งก็ได้”
“คนไม่ใช่เพื่อนกันไปส่งกันได้ด้วยเหรอ”
“.....” แทนไทนิ่งไป นิ่งจนมิลค์กลัวว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรหรือเปล่า เขาก็แค่อยากแหย่เล่นเฉย ๆ แต่ว่าแทนดูเหมือนจะไม่สนุกด้วย
“พี่แทน? พี่มิลค์?” ไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรต่อ เสียงเรียกก็ดังขึ้นจังหวะพอดี สองสาววัยมัธยมปลายที่กำลังถือกล้องไว้อยู่ส่งยิ้มเขินให้ ก่อนจะหันไปวี๊ดว้ายกันสองคน
“ดีใจจัง ใช่จริง ๆ ด้วย! ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ พวกหนูขอถ่ายรูปกับพวกพี่ได้ไหมคะ” หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำตื่นเต้นปนปลาบปลื้ม จนถึงทำให้มิลค์ถึงกับเกาหลังคอแก้เก้อ
“ได้ครับ” แทนไทเป็นคนอนุญาต ก่อนจะขยับห่างจากมิลค์นิดนึง ให้น้องคนนั้นเดินเข้ามาแทรก เพื่อที่เราจะได้ถ่ายรูปคู่กัน
มิลค์และแทนต่างยิ้มให้กล้องตามปกติ ทว่าระหว่างนั้นมิลค์กำลังหน้าร้อนผ่าวราวกับกำลังแข่งร้อนกับฤดูร้อนอย่างไงอย่างงั้น เขาไม่รู้ว่าเขินเพราะมีน้องมาถ่ายรูปคนธรรมดา ๆ อย่างเขา หรือเพราะว่าแทนกำลังใช้นิ้วถูวนสีข้างเขาอย่างแผ่วเบากันแน่
“ขออีกรูปนะคะพี่” อีกคนถ่ายเสร็จแล้ว อีกคนก็เข้ามาขอถ่ายด้วยต่อ หลังจากเราถ่ายรูปกันเสร็จ น้องวัยมัธยมทั้งสองก็พูดชื่นชมอีกราว ๆ สองสามประโยค ซึ่งมิลค์ก็ฟังไม่ค่อยทันนัก
สติเขายังวกวนอยู่กับการกระทำของแทนเมื่อครู่อยู่ ไหนจะตอนนี้แทนยังเอามือมาวางบนเอวมิลค์อย่างไม่เคยทำมาก่อนอีก ทำเหมือนเราสนิทกันมานาน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเพิ่งประกาศตัดเพื่อนกันไปไม่กี่วันก่อนเอง
“ขอให้เป็นคู่จิ้นกันนาน ๆ นะคะ พวกหนูชอบพวกพี่มากค่ะ”
“ขอบคุณที่ให้ถ่ายรูปนะคะ”
พวกเธอพูดแล้วเดินจากไปแล้ว แต่แทนยังไม่เอามือออกจากเอวมิลค์ “เรามาเปลี่ยนจากคู่จิ้นเป็นคู่จริงกันไหม” เสียงกระซิบข้างหู ทำเอามิลค์ถึงกับขนลุกซู่...