ดราม่าในวันวาเลนไทน์...HAPPY Valentine's day คับพ้ม!!!
เดทกับแฟนมา แต่งนิยายดราม่าต่อ คือไร!!!!
14
คิมหันต์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินข่าวติณจากแอมป์ เพื่อนสมัยเด็กที่จู่ๆ ก็นัดออกมาเจอ พวกเขาเคยสนิทกันมาก จนกระทั่งเกิดเรื่องกับไอซ์และติณ ทำให้ห่างกันไป แต่ยังไงก็ยังตัดขาดกันไม่ได้ เพราะบ้านอยู่ติดกัน พ่อแม่ก็เป็นเพื่อนกันอีก งานแต่งของแอมป์กับแต้ว น้องสาวของติณ คิมก็ยังต้องไปร่วมแสดงความยินดี แม้ว่าในใจจะยังรับไม่ค่อยได้ก็ตาม
“เรื่องแม่งขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูนึกว่ามันจะจบๆ ไปนานแล้ว เพราะมึงแท้ๆ เลยไอ้แอมป์” คิมมองเพื่อนด้วยสายตาขุ่นเคืองอย่างไม่ปิดบัง
ความจริงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่คิมกับแอมป์ปิดบังเอาไว้
มันใกล้จะปะทุขึ้นมาแล้ว
“กูกลัว ไม่รู้ว่าพี่ชายไอซ์จับตัวไอ้ติณไปทำอะไรบ้าง นี่เป็นเดือนแล้วนะมึง ยังหาตัวไม่เจอเลย กูเห็นคุณนพกับไอ้หนูนั่นก็สงสารนะ แต่กูก็กลัว...” เพราะแอมป์อยู่ที่บ้านหลังนั้น จึงเห็นภพร้องไห้หาติณทุกวัน นพกับพี่หมอก็คอยช่วยกันตามหามาตลอด
“แล้วไง? ที่เรียกกูออกมาเพื่อจะระบายความกลัวให้ฟัง? มึงแม่งนอกจากจะเลวแล้วยังขี้ขลาด กูไม่น่าปล่อยแต้วให้มึงเลย” คิมเหยียดสายตามองเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยรักกันมาก จนรู้เรื่องที่แอมป์ทำไว้กับไอซ์ จนเธอฆ่าตัวตาย แถมติณต้องกลายเป็นแพะรับบาป คิมก็เริ่มตีตัวออกห่าง เรื่องผ่านไปนาน พอเกือบจะลืมเลือนได้ แอมป์ก็มาแย่งผู้หญิงที่ชอบไปต่อหน้าต่อตา ทั้งอย่างนั้นคิมก็ยังอดทน และคิดว่าคงมากพอแล้วกับความอดทนที่มี
“เออ เรื่องที่ผ่านๆ มากูขอโทษ กูผิดเองทั้งหมดเลย มึงจะด่าจะต่อยตีกูก็ได้ แต่ตอนนี้กูไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้ กูทนมองหน้าคุณนพไม่ไหวว่ะ แล้วไหนจะแต้วกับพ่อแม่ของไอ้ติณอีก” แอมป์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คงเครียดและคิดมากจริงๆ ตอนแรกที่แต่งงานกับแต้ว ก็คิดว่าจะเอาพอสะใจถากถางติณเล่นๆ เพราะแย่งไอซ์มาไม่สำเร็จ เธอดันฆ่าตัวตายไปก่อน แต่จิตสำนึกที่ยังพอมีติดตัวมันเริ่มส่งสัญญาณเตือน ตั้งแต่รู้ว่าติณโดนพี่ชายของไอซ์แก้แค้นผิดตัว
“สายไปมั้ยวะที่มึงเพิ่งมาสำนึกเอาป่านนี้” คิมส่ายหน้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มันควรจะสำนึกได้ตั้งแต่ไอซ์ฆ่าตัวตายแล้วมั้ย
“กูรู้คิม ตอนนั้นกูไม่ใช่ไม่เสียใจนะ กูเสียใจมากที่ทำเรื่องเลวๆ แบบนั้นลงไป แต่กูไม่กล้าพอที่จะออกหน้ารับ เลยปล่อยให้ไอ้ติณต้องรับผิดแทนกู บอกตามตรงว่ากูยังหมั่นไส้มันบ้าง แต่ตอนนี้กูคิดจริงๆ ว่าคงต้องหาทางช่วยมัน” แอมป์เขย่าแขนเพื่อน อยากให้คิมเข้าใจและรับฟัง เพราะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไว้ใจได้ที่สุด
“มึงจะทำอะไรได้วะ ขนาดคุณนพยังทำอะไรไม่ได้เลย”
จริงของคิม แอมป์นิ่งคิด
“กูว่านะ มึงควรจะบอกเรื่องทั้งหมดที่มึงทำไว้ ยอมรับความจริงสักที แล้วค่อยหาทางติดต่อพี่ชายของไอซ์” และมันคือทางเดียวที่จะช่วยติณได้ในตอนนี้
******
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูเป็นเพียงแค่สัญญาณบอกว่าจะเข้ามาในห้อง ไม่ใช่คำขออนุญาต ติณไม่ได้สนใจผู้มาเยือนเท่าใดนัก เขาเพียงแค่เหลือบสายตามองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาพร้อมถาดอาหารและยาบำรุง
“ข้าวเย็นมาแล้ว” อันดาเอ่ยบอกพลางวางถาดอาหารลงบนโต๊ะไม้ที่เอามาจัดวางเพิ่มไว้ให้ ติณจะได้นั่งกินอาหารสะดวก ไม่ต้องอยู่แต่บนเตียง “ลุกมากินดิ จะได้เก็บเลยทีเดียว ขี้เกียจขึ้นมาบ่อยๆ”
ติณมองหน้าคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์รัก ก่อนจะลุกมานั่งกินข้าวบนโต๊ะไปเงียบๆ โดยมีอันดานั่งอยู่ตรงข้ามกัน
ดวงตาของชายหนุ่มร่างสูงคอยจับจ้องตลอดเวลา จนติณเริ่มอึดอัด
“มีอะไร?” เขาขมวดคิ้วถาม
“เปล่า...” อันดาหรุบตาลง “ร่างกาย...เป็นไงมั่ง?”
“เป็นห่วง? อย่างมึงคงไม่ใช่มั้ง” รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูก อันดาชักสีหน้าเล็กน้อย
“พูดกับพี่ดีๆ หน่อยได้มั้ยติณ”
“จำเป็นเหรอ?” ติณมองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะ แม้จะโมโห แต่อันดาก็พยายามระงับมันไว้ในใจ หมัดที่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนค่อยๆ คลายออก
“พี่รู้ว่าทำให้ติณไม่พอใจ แต่พี่สำนึกผิดทุกอย่างแล้ว ติณอยากให้พี่ทำยังไงก็ว่ามา”
“ไปตายให้ดูหน่อยได้มั้ยล่ะ อ๊ะ เอาแค่เบาะๆ ให้กูอัดตูดสักสามสี่รอบก็ได้” รอยยิ้มเย้ยหยันกันอย่างชัดเจน อันดากัดฟันกรอดอย่างอดกลั้น จะลงไม้ลงมือกับคนท้องไม่ได้เด็ดขาด และอีกอย่าง คนที่ผิดตั้งแต่แรกก็คือตัวอันดาเอง
“เราเคยสนิทกันมาก ติณจำได้มั้ย เวลาที่อยู่ด้วยกัน” อันดาเอ่ยขึ้นเปรยๆ คล้ายพูดกับตัวเอง ติณก้มหน้าตักข้าวกินต่อ ทำเป็นไม่สนใจ
“พี่ชอบเวลาที่ติณยิ้มและหัวเราะให้พี่ พี่สอนหนังสือให้ และติณก็ตั้งใจมาก เวลาที่ติณทำได้ดี พี่ก็จะลูบหัวเบาๆ”
“มึงต้องการอะไรกันแน่วะ! มาพูดเรื่องความหลังเหี้ยอะไรอยู่ได้! ทั้งที่มึงแค้นกูจนอยากจะฆ่าให้ตาย ก็เอาสิ! จะฆ่ากูไปเลยก็ได้ จะได้จบๆ กันสักที!” ติณทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาผุดลุกขึ้น ทุบโต๊ะเสียงดังปัง หน้าตาถมึงทึง
“พี่แค่อยากให้เราเริ่มกันใหม่” อันดาคว้าข้อมือบางไว้แล้วมองหน้าติณด้วยแววตาเว้าวอน “พี่ขอโทษที่เคยทำร้ายติณ ให้โอกาสพี่ได้มั้ยครับ?”
“โอกาส?” ติณก้มลงเหยียดสายตามองคนตัวใหญ่ตรงหน้า “โอกาสที่มึงไม่เคยให้กูน่ะเหรอ?”
“ติณ...พี่ขอโทษ พี่...รักติณนะ” อันดาดึงแขนบางรั้งลงมา หวังจะให้ติณเข้าสู่อ้อมกอด แต่ติณกลับยกมือขึ้นมาดันอกของเขาไว้ ไม่ยอมทิ้งตัวลงง่ายๆ
“มึงพูดเหี้ยอะไร รักกู? คนที่มึงคิดว่าทำให้น้องมึงตายเนี่ยนะ?” ติณรู้สึกเหมือนมีเสียงดังอื้ออึงในหัว ขอบตาร้อนผ่าว
“พี่รักติณมาก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะรักมากถึงได้โกรธมากตอนที่รู้เรื่องติณกับไอซ์ พี่ไม่คิดว่าติณจะทำร้ายไอซ์ได้ลง” อันดายังคงยื้อไม่เลิก คำพูดวกไปวนมาจนติณเริ่มเวียนหัว แล้วในที่สุดความกดดันทุกอย่างก็ตีรวนขึ้นมาจนน้ำตาไหลพราก
“มึงมันบ้า...เกลียดกูน่ะดีแล้ว”
******
อันดากับติณเคยสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ ในช่วงแรกๆ ที่เริ่มคบกับไอซ์ อันดาไม่ค่อยชอบใจติณนัก แต่พอเจอหน้ากันที่บ้านบ่อยเข้า เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น อันดาจึงรู้ว่ามุมมองชีวิตของติณต่างจากเด็กมัธยมหัวเกรียนทั่วไป และจากความใกล้ชิดที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้กลายเป็นความสนิทสนม ไว้ใจและเชื่อใจ อยากจะฝากฝังไอซ์ไว้กับติณ
แม้ว่าตอนนั้นอันดาจะรู้สึกกับติณมากกว่าคำว่าพี่น้องก็ตาม
เพราะรู้ตัวว่ามันไม่ปกติ การจะใช้สายตาแบบนั้นมองน้องชาย มองคนรักของน้องสาวตัวเอง มันผิดปกติอย่างมาก แต่อันดาก็ห้ามใจไม่ได้ จึงพยายามจะแยกตัวออกห่าง ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกล มุมานะเอาแต่ทำงานตัวเป็นเกลียว และทำได้แค่พูดประโยคเดิมๆ กับติณ
พี่เชื่อใจติณนะ
แต่แล้ว...วันที่รู้ข่าวการตายของไอซ์ ความโกรธเกลียดทุกอย่างก็พุ่งไปหาคนที่เคยไว้ใจมากที่สุดก่อนเป็นคนแรก แต่กว่าจะได้กลับมาประเทศไทย ติณก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ลาออกจากโรงเรียนและหายตัวไปแล้ว
อันดาคิดว่าจะปล่อยวาง จะลืมและตัดความรู้สึกที่มีให้หมด
จนกระทั่งได้เจอติณอีกครั้งโดยบังเอิญ ทั้งที่เวลาก็ผ่านมานานถึง 7 ปี แต่เขาก็ยังจำใบหน้าของผู้ชายที่เคยรักและไว้ใจมากที่สุดได้ คนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องฆ่าตัวตายอย่างน่าอับอาย กลับยังมีชีวิตสุขสบาย ยิ้มได้ หัวเราะออก
ความคับแค้นในใจไม่ได้มากมายเท่าความเสียใจ แต่มันก็ทำให้เขาคิดแผนการบางอย่างกับติณ เพื่อสั่งสอนให้ได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของน้องสาวที่ต้องตายอนาถ
และสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้วนั้น คือตราบาปที่จะติดตัวพวกเขาไปจนวันตาย
อันดารู้ตัวดีว่าติณไม่มีทางยอมยกโทษให้ง่ายๆ จึงได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ รอวันที่ติณจะยอมหันมาพูดคุยกันเหมือนเดิม แต่ก็ดันมีเรื่องยุ่งวุ่นวายต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นปีๆ เกี่ยวพันกับเรื่องภายในพรรคที่มีการใส่ร้ายป้ายสีกันและทรยศหักหลัง
อันดาเหนื่อยและท้อจนสุดท้ายต้องยอมเลิกเล่นการเมืองอย่างถาวร และหวนกลับมาตั้งต้นตามหาติณกับนพที่หอบลูกชายเพียงคนเดียวของตนหนีไป
นพกลายเป็นอัยการใหญ่ที่มีชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคม การเข้าถึงตัวนั้นไม่ใช่ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็น อันดารอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เพื่อจะแย่งชิงติณคืนมา แม้รู้ทั้งรู้ว่าใจของติณยกให้นพดลไปจนหมดเกลี้ยง ไม่มีแม้เศษเสี้ยวตกถึงตนอีกแล้ว
ทำไปทำไม?
แม้แต่ตัวอันดาเองก็เฝ้าถามตัวเองทุกครั้งที่มองหน้าติณ
มันไม่มีคำตอบ
ก็แค่...ไม่อยากสูญเสีย
จะด้วยวิธีการใดก็ไม่อยากให้ไป
แค่ร่างกายก็ยังดี
ขอแค่ติณยังอยู่ตรงนี้
******
“พ่อนพ...ผมคิดถึงป๊า” เสียงเด็กน้อยสั่นเครือเฉกเช่นทุกครั้งที่เจอหน้านพ ร่างเล็กๆ โผเข้ากอดซบซุกหาไออุ่นจากพ่อที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่เลย
“ไม่ร้องนะครับเด็กดี ถ้าป๊ากลับมาเห็นน้องภพร้องไห้งอแง ป๊าจะดุเอาได้นะ ลูกผู้ชายห้ามเสียน้ำตาง่ายๆ นะครับ” นพพยายามปลอบโยนลูกชายตัวน้อยเท่าที่ทำได้ โอบอุ้มไว้แนบกาย จูบซับน้ำตาให้แผ่วเบา ภาพนั้นไม่ว่าใครเห็นก็ให้รู้สึกสะท้อนใจ
“ป๊าไม่รักภพเหรอ ทำไมถึงทิ้งภพไป” นานวัน เด็กน้อยยิ่งเข้าใจไปว่าอย่างนั้น ภพไม่รู้ว่าติณโดนลักพาตัว ไม่เข้าใจว่าการที่ติณหายไปเป็นเพราะอะไร เอาแต่คิดว่าป๊าไม่รัก จนนพก็อ่อนใจที่จะอธิบาย
“ป๊ารักภพสิครับ รักมากๆ มากที่สุดในโลกเลย แต่ป๊ายังกลับมาไม่ได้ พ่อกับลุงหมอพยายามตามหากันอยู่นะ น้องภพต้องอดทนนะครับ เด็กดีของพ่อ” นพกระชับอ้อมกอด หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่เพื่อให้คลายเศร้า ความรักจากตนเพียงคนเดียวอาจไม่ช่วยเยียวยา แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด
“เจ้าตัวเล็กงอแงอีกแล้วเหรอ” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง นพเอี้ยวตัวไปมอง เห็นพี่หมอตามหลังมาติดๆ
“มีข่าวอะไรมั้ยครับ”
“เจอหน้าปุ๊บก็ถามทันทีเลยนะ ขอพี่พักหายใจบ้างสิครับคุณอัยการ” หมออมยิ้มขำๆ ยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยๆ ของเจ้าตัวเล็กเล่น
“ขอโทษครับ...” นพหน้าเจื่อนลง จนหมอต้องรีบแก้ตัวใหม่
“เดี๋ยวๆ พี่ไม่ได้ว่าอะไร แค่แซวเล่นขำๆ นะ จริงจังไปได้เราอ่ะ” เห็นคนจริงจังทำหน้าเศร้าหนักกว่าเดิมแล้วหมอใจหายวาบ มือใหญ่อดไม่ได้ที่จะวางลงบนหัวของอัยการหนุ่ม ออกแรงขยี้เพียงเบาๆ พอให้คลายเครียด นพไม่ได้พูดอะไรอีก แววตายังคงเลื่อนลอยและหมองเศร้า ริมฝีปากบางบิดเข้าหากันอย่างเผลอไผล หมอมองสีหน้านั้นด้วยความกังวล แค่ลูบหัวปลอบใจไม่ได้ผล เลยดึงตัวไปกอดไว้แทน ด้วยส่วนสูงที่พอๆ กัน ทำให้นพเงยหน้าขึ้นก็ปะทะกับปลายจมูกของอีกฝ่ายเข้าพอดี
“อย่าทำหน้าเครียดสิ พี่มีข่าวจะมาบอกจริงๆ เดี๋ยวไปคุยกันในห้องทำงานของนพนะ ฝากตัวเล็กไว้กับคุณแม่ไปก่อน” หมอกระซิบเบาๆ และนพก็พยักหน้ารับ แต่เหมือนสองคนจะลืมไปว่ามีเจ้าตัวเล็กคั่นกลางอยู่ จนภพร้องบอกนั่นแหละ ถึงได้ผละออกจากกัน