[จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18  (อ่าน 37738 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิทใจร้ายฟ่ะ ไม่คิดจะลาน้องแคทบ้างเลยนะ น้องเขาก็รักคิทเหมือนกันนะ  :heaven

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ขอบคุณคิทที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย ก็ไม่รู้ว่าพี่ซีจะเล่าอะไรๆให้น่านฟังมั้ยนะ แต่นี่คิดว่าคงไม่พี่แกเห็นว่าผ่านไปแล้วก็น่าจะปล่อยผ่านไปมากกว่า

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 20
คำขอบคุณ

 

 

พี่ซียังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล และหลายวันมานี้ผมก็เข้าๆ ออกๆ ที่นี่บ่อยกว่ากลับหอเสียอีก ผมเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่พี่ซีย้ายมา การเจ็บป่วยของพี่ซีทำให้ผมรู้ว่าเขามีเพื่อนเยอะมาก ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมไม่ซ้ำหน้าเลย ทั้งคนทั้งผี แต่วันนี้ทุกคนสามัคคีกันมีเรียนมีงาน ผมที่ว่างอยู่ก็เลยมาอยู่กับเขาได้ทั้งวัน

"พรุ่งนี้ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะคะ" พยาบาลสาวพูดหลังจากเข้ามาเปลี่ยนน้ำเกลือให้เขาเสร็จ แล้วเดินออกไป

"ออกวันนี้เลยไม่ได้ไงวะ"

"หายดีแล้วหรือไง"

"อยู่ที่นี่เบื่อจะตาย ไม่มีเหล้าให้กินด้วย"

"เดี๋ยวแผลหายแล้วไปรักษาโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มต่อเลยนะ จะบอกหมอให้"

"เหอะ!"

"พี่นี่ระยะสุดท้ายแล้วนะ ไม่ได้กินแล้วจะลงแดงไรงี้ไหม"

"มากไปน่าน มากไป" เขามองแรง ผมหัวเราะเบาๆ แล้วลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ เตียง มองดูหน้าเขาใกล้ๆ รอยถลอกเริ่มเปลี่ยนสี รอยช้ำเบาลง แต่รอยแตกที่หน้าผากที่ถูกเย็บยังบวมเป่ง หมดหล่อไปพักหนึ่งเลย

"อยู่นี่เจอผีบ้างป่ะ"

"มินท์มันคอยไล่ให้อยู่หน้าห้องโน่น"

"โคตรเจ๋ง มีเพื่อนเป็นผี"

"อันนี้ชมหรืออะไร"

"ชมสิ แล้วพี่ยังเห็นคิทบ้างไหม"

เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ

"แล้ววันนั้นคุยกันดีแล้วใช่ไหม"

"ครับ คุยกันแล้ว แล้วก็บอกลากันแล้ว"

"ไม่เป็นไรนะ"

"ไม่เป็นไรครับ เออ แต่คิทบอกผมว่ามีเรื่องที่พี่ไม่ให้บอกผม เรื่องอะไรเหรอครับ"

พี่ซีกลอกตาหนีการสบตาของผมไปอีกทาง

"มีเรื่องอะไรที่ผมรู้ไม่ได้หรือเปล่า"

"ไม่ใช่ว่ารู้ไม่ได้ แต่ไม่รู้ดีกว่า"

"ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้ไหมล่ะ"

"ไม่ต้องรู้หรอก เชื่อพี่นะ เชื่อพี่อีกครั้ง"

พี่ซียื่นมือมาจับมือผม แล้วดึงให้ผมลุกขึ้น ผมยอมลุกไปนั่งบนเตียงกับเขาอย่างว่าง่าย เขาอบอุ่นเสมอและผมก็รู้ว่าเขากำลังปลอบใจด้วยการยกมือเคาะหัวผมเบาๆ

"พี่ขอโทษนะที่หลอกน่านเรื่องคิท"

"ไม่เป็นไร หายโกรธแล้ว"

"แต่ว่าต่อไปนี้เชื่อพี่นะ"

"ครับ"

ผมพยักหน้ารับ เงยหน้ามองพี่ซีขณะหน้าเราอยู่ใกล้จนแทบจะติดกัน พี่ซีก็ยังเป็นผู้ใหญ่หลอกเด็กในสายตาผมอยู่ดีอะ หมายถึงเขากำลังล่อลวงผมด้วยสายตาคู่นั่นจนผมไม่กล้าขยับหนี แม้ใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้อีก ผมก็ไปไหนไม่ได้

"พี่จูบเราได้ไหม"         

ถามทำไมถ้าไม่รอคำตอบ ผมยังไม่ทันพูดอะไร พี่ซีก็ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บโน้มหัวผมเข้าไปใกล้แล้วแตะปากเข้ามาเบาๆ ผมเคยสัมผัสกับปากเขาแล้วแต่คราวนั้นไม่ใช่เขา ส่วนครั้งนี้เป็นพี่ซี จูบของเขาเบาบางอย่างทะนุถนอม เขาทำตัวหยาบกระด้างแต่จิตใจอ่อนโยน จูบของเขาก็นิ่มนวลจนผมหัวใจพอง

"เฮียซี!"

"พลั่ก!"

"โครม!"

ผมผลักพี่ซีออกแล้วดีดตัวเองออกมาจนสะดุดกับขาเก้าอี้แล้วมานั่งกองกับพื้น เสียงเท้าที่เดินเข้ามาทำให้ผมทำได้แค่ก้มหน้างุดอยู่ริมเตียง

"พวกเรามาเยี่ยมครับเฮีย!"

"มาทำเหี้ยอะไรตอนนี้"

"อ้าว! คนมาเยี่ยมทำไมปากหมางี้อะ"

"ผิดเวลาไอ้สัด!"

"อ้าว แล้วนั่นทำอะไรอะ หาเหรียญเหรอ"

เสียงของเพื่อนพี่ซีหันมาทักผมที่กำลังมุดอยู่ใต้เตียง เลี่ยงไม่ได้แล้วเลยต้องโผล่หน้าออกมายิ้มแห้งๆ ส่งไปแล้วลุกขึ้นยืน

"ใครวะเฮีย น่ารัก" หนึ่งในนั้นกระซิบถามพี่ซี

"มึงไม่ต้องเสือกเลย"

"งั้นผมไปก่อนนะครับ" ผมว่าแล้วก้าวเท้าออกมาจากตรงนั้นก่อนเสียงพี่ซีเบรกผมเอาไว้

"น่าน"

"ครับ"

"ไว้มาต่อเรื่องเมื่อกี้กันนะ ค้างอะ"

กวนตีน

ผมด่าแบบไม่มีเสียงก่อนจะเดินออกมาแล้วหยุดอยู่หน้าห้อง คำว่าเขินปรากฏขึ้นผ่านรอยยิ้มกว้างสุดริมฝีปาก ผมยกสองมือตบหน้าตัวเองแล้วรีบออกไปจากตรงนี้ก่อน เขินอะ เขิน!

 

...

 

 

พี่ซีออกจากโรงพยาบาลแล้วตอนที่อาการดีขึ้น แต่เพราะแขนหักและขาที่ยังเจ็บอยู่จนเดินไม่สะดวกเลยเป็นเหตุให้หลายวันมานี้พี่ซีเลยไม่ได้ไปมหาลัยเลย ข้อดีอีกอย่างคือไม่ได้ออกไปเมาด้วย แต่เพราะเจ็บอยู่ก็อ้อนหนักมาก ทำตัวเป็นชายน้อยง่อยแดก กินข้าวเองไม่ได้ เข้านอนเองไม่ได้ ผมก็อยากจะรำคาญแต่ก็งงตัวเองที่เผลอไปตามใจเขาทุกเรื่อง วันนี้ก็ชวนผมออกมาห้างเพราะเบื่อที่จะอุดอู้อยู่แต่ในหอ 

พี่ซีตรงเข้าไปที่ร้านขายจักรยานเป็นที่แรก จักรยานแสนรักของเขาพังยับหลังจากอุบัติเหตุวันนั้น ผมปล่อยให้เขาเดินดูจักรยาน ส่วนตัวเองก็เดินดูอะไรไปเพลินๆ ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อมองไปเห็นล้อจักรยานราคาห้าหลัก

"โห!"

"อะไรหนู"

"นี่มันล้อจักรยานหรืออะไหล่ยานอวกาศวะเนี่ย ทำไมแพงขนาดนี้อะ"

"มันเป็นศิลปะไง ศิลปะประเมินค่าไม่ได้นะ"

ผมยังคงตะลึงตอนหันมองชิ้นอื่นๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน ไม่กล้าแตะเลยกลัวไปทำของเขาเป็นรอย เลยได้แต่ยืนงงในดงจักรยาน ความสนใจทั้งหมดของพี่ซีจดจ่ออยู่กับของตรงหน้าดูอย่างดูตั้งใจ ผมจึงปล่อยให้เขาเดินดูสิ่งที่เขาชอบได้นานเท่าที่ต้องการโดยไม่เร่งอะไร ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก็ชวนผมเดินออกจากร้านด้วยมือเปล่า

"ไม่ถูกใจเหรอครับ"

"ไม่มีตังค์"

"อย่างพี่เนี่ยนะไม่มีเงิน"

"แกลบแล้วเนี่ย"

"อาทิตย์ก่อนผมเพิ่งจ่ายค่าหอไปนะ"

"ค่าหอหนูยังได้ไม่ถึงครึ่งล้อเลย"

ผมหลุดหัวเราะหน่อยๆ แต่ก็จริงอย่างที่เขาบอก ผมว่าจะไปชวนเพื่อนมาอยู่หอพี่ซีเพิ่ม ไม่งั้นเจ๊งแน่ๆ พี่ซีเดินออกมาจากร้านจักรยานแต่ยังหันมองอย่างดูเสียดาย ผมจึงเปลี่ยนเรื่องให้เขาลืมๆ จักรยานไปก่อน

"พี่หิวไหม"

"หิวแล้วเนี่ย"

"กินไก่ไหม" ผมถามเพราะหันไปเห็นว่าเรายืนอยู่หน้าเคเอฟซีพอดี พี่ซีไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้วจึงตอบตกลงในทันที ผมนี่พุ่งเข้าร้านไปก่อนเลยเพราะจริงๆ แล้วตัวเองนี่แหละอยากกิน

"ซื้อไปกินที่หอไหมครับ"

"ได้ดิ ซื้อเผื่อไอ้พวกนั้นด้วย"

ผมพยักหน้ารับแล้วจัดการสั่งไก่ชุดใหญ่ที่มากพอสำหรับเราทั้งหมด ในตอนนั้นเสียงมือถือของพี่ซีก็ดังขึ้น ผมเผลอมองไปด้วยจริงๆ ไม่ได้อยากรู้ว่าใครโทรมา แต่อีกคนพลิกหน้าจอมาให้ดูว่าเป็นแม่ของเขา ก่อนเดินออกไปรับโทรศัพท์เขาหันมายื่นกระเป๋าสตางค์ให้ ผมรับมางงๆ ก่อนเขาชี้ไปที่เคาน์เตอร์เป็นเชิงให้ผมใช้เงินของเขาจ่ายค่าไก่ ปากบอกไม่มีเงินแต่เปย์กันตลอดจนผมเกรงใจแล้ว ผมหันมองพี่ซีที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์จนไม่ได้สนใจผม แล้วรีบควักเงินตัวเองจ่ายค่าไก่ไปก่อนที่เขาจะหันมา

ระหว่างที่ยืนรอไก่ทอดผมก็แอบแง้มดูกระเป๋าสตางค์อ้วนๆ ของเขา ไม่ได้อ้วนเพราะเงิน แต่เป็นสิทธิ์แลกซื้อเซเว่น จึงหลุดขำออกมาหน่อยๆ ผมพลิกดูบัตรประชาชนของพี่ซีที่ยังดูใหม่อยู่ เดาว่านี่ใบที่สองแล้วด้วยอายุที่ปรากฏบนบัตรนั่น เลื่อนสายตามองวันเดือนปีเกิดของเขาก็สะดุดไปนิดหนึ่ง วันเกิดพี่ซีผ่านมาแล้วเมื่อสามวันก่อน แต่ไม่เห็นมีใครบอกผมเลย เขาเองก็ไม่ได้พูดถึงด้วย ผมหันมองพี่ซีที่เดินกลับมาจึงรีบพับกระเป๋าสตางค์แล้วหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์เพื่อรอไก่ ไม่นานก็ได้ของที่สั่ง พี่ซีกำลังยื่นมือมาหยิบของแต่ผมแย่งมาก่อน   

"ถือเอง"

"ถือให้"

"ไม่ต้องเลย แขนก็พิการ"
            เพราะพูดไปอย่างนั้นเลยโดนกำปั้นของแขนอีกข้างที่ไม่เจ็บทุบเข้ามากลางกบาลเบาๆ ผมได้แต่หันมองตาขวางแต่ก็รวบถุงไก่ทอดมาถือเอาไว้เอง

"พี่ซี"

"ครับ"

"รอนี่แป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวมา"

"ไปไหน"

"ไปห้องน้ำ" ผมพูดไปมั่วๆ แต่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าห้องน้ำมันอยู่ซ้ายมือผมเอง พี่ซีหันมองห้องน้ำแล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงให้ผมเข้าไป

"อ๋อ ต้องแวะไปจ่ายค่าโทรศัพท์ด้วยอะ ลืมเลย!"

"งั้นพี่ไปด้วย"

"พี่รอนี่แหละ มันอยู่ชั้นสามนู่น ขาพี่ยังไม่หายดีเลย"

"พี่ไม่เป็นไร"

"ไม่เป็นไรได้ไง เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก พี่นั่งรอนี่เลย นั่งนี่" ผมว่าแล้วลากพี่ซีมานั่งรอที่เก้าอี้ วางถุงไก่แล้วสั่งให้เขาเฝ้าเอาไว้ ก่อนตัวเองจะรีบตรงดิ่งไปยังร้านนาฬิกาคราวก่อน มองหาเรือนที่พี่ซีเคยดูเอาไว้ สะดุ้งกับราคาไปหนึ่งวินาทีแต่ก็ยอมซื้อโดยไม่ลังเล ได้ของที่ตั้งใจมาซื้อก็รีบกลับไปหาพี่ซี

 

...

 

เรากลับมาที่หอ ก่อนมื้อเย็นที่พร้อมหน้าพร้อมตาของสมาชิกหอจะเริ่มขึ้น เป็นอีกครั้งที่รู้สึกเหมือนได้กินข้าวเย็นกับคนในครอบครัว เสียงพูดคุยดังปนเปกับเสียงละครในทีวีช่วยให้เย็นวันนี้หอของพี่ซีไม่เงียบเหงา ตอนนี้พี่ซีอยู่ในตำแหน่งเจ้าของหอที่มีอำนาจสูงสุด เพราะอาการบาดเจ็บของเขาทำให้ทุกคนรุมโอ๋เอาใจ แม้แต่ไคโรที่เคยตีกันทุกวัน ก็ยอมทำทุกอย่างตามที่พี่ซีชี้นิ้วสั่งเลย

"ไอ้ไค เอาน้ำให้หน่อย"

"ครับ" ไคโรตอบรับแล้วหยิบน้ำเปล่าส่งให้

"เอาโค้ก"

"ได้ครับ"

"เอาน้ำแข็งด้วยดิ"

"ได้ๆ"

"มันเย็นไปอะ เอาน้ำแข็งน้อยกว่านี้"

"เฮีย! กวนตีนปะเนี่ย!"

"เจ็บแขน..."

"โอเคๆ ได้ๆ"

ผมหลุดยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าพี่ซีแกล้ง แต่ไอ้น้องที่โดนแกล้งมันไม่รู้ตัวจึงกลายเป็นทาสเด็กของเขาไปแล้ว ผมก้มมองตัวเองแล้วฉุกคิดขึ้นมา ตัวเองที่นั่งแกะไก่ป้อนใส่ปากให้เขาอยู่เนี่ย ก็มีความทาสไม่ต่างอะไรกับไคโรเลยป่ะวะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมเต็มใจทำให้เขาจริงๆ

"พี่กินอีกไหม"

"ไม่เอาแล้วครับ"

นายท่านอิ่มแล้วก็ได้เวลาของผม ไหลลงไปนั่งกับพื้นแล้วจัดการซัดไก่นั่นด้วยมือเปล่า สนิทกับคนในหอแล้วก็หมดความเหนียมอาย นั่งแทะไก่อย่างเอร็ดอร่อย รู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกพี่ซีมองอยู่ หันไปกี่ทีเขาก็ยังมองอยู่ จนผมต้องหันไปถาม

"มองไรอะ"

"เป็นหนูทำไมกินไก่เก่งอะ"

"ไม่ใช่หนูซะหน่อย"

"แฮมสเตอร์" พี่ซีว่าแล้วยื่นมือมาเขี่ยมุมปากผมเพื่อเช็ดเศษไก่ที่ติดอยู่ตรงนั้น สายตาของพี่ซียังเหลือบต่ำมองอยู่ที่ริมฝีปากของผม

"คิดจะจูบหรือไง"

"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"

"ไม่ได้" ผมปฏิเสธแต่คนอย่างพี่ซีก็เอาแต่ใจพอตัว ก้มหน้าลงจุ๊บปากผมด้วยความไว ไวเกินกว่าเท็นกับไคโรจะหันมองด้วยซ้ำ ผมหันมองเขาตาโตๆ เพราะดุอยู่ในใจ แต่หน้าตาตัวเองคงไม่โหดพอให้เขาคิดอย่างนั้นพี่ซีจึงยื่นมือมาเขี่ยแก้มผมอย่างล้อๆ

"หน้าเหมือนแฮมสเตอร์ตอนเห็นเมล็ดทานตะวันอะ"

"พี่ซี!"

ผมยกมือทำท่าจะทุบแต่อีกคนก็แสดงละครออดอ้อนอ้างความเจ็บขึ้นมาอีกที หมั่นไส้แต่ทำอะไรไม่ได้เลยเนี่ย หงุดหงิดพี่ซีขึ้นมานิดๆ แล้ว

 

หลังจบมื้อเย็นผมอาสาเป็นคนเก็บขยะเองเพราะสงสารไคโรที่โดนใช้เยอะแล้ว แต่พี่ซีไม่ยอมให้ผมทำคนเดียว เลยตรงเข้ามาช่วยทั้งๆ ที่ไล่ไปแล้วสามรอบ

"พี่ ไม่ต้องช่วย ไปนั่งเลย"

"พี่ไม่เป็นไรซะหน่อย"

"เออ ไปนั่งเหอะ"

"ก็เดี๋ยวช่วย"

"ไม่ต้องไง"

"เดี๋ยวเก็บอันนี้ก็ได้ อุย!" พี่ซีสะดุดกึกเพราะความวุ่นวายที่พยายามจะช่วยกลับทำให้มันเละเทะกว่าเดิมเพราะมือเขาไปทิ่มเข้ากับถาดซอสจนเลอะทั้งมือทั้งโต๊ะ

"บอกแล้วไงไม่ต้องช่วย ไปนั่งเลย!" ผมดุเพราะโมโหแล้ว พี่ซีจึงยอมไปนั่งที่โซฟา ผมดึงทิชชูไปเช็ดมือข้างที่เลอะให้ แล้วอดจะบ่นไม่ได้

"พี่เห็นผมเป็นเด็กเหรอ"

"เห็นเป็นหนู"

"พี่ซี!"

"ก็ไม่อยากให้ลำบากไง"

"มันลำบากตรงไหนเล่า พี่อะ ชอบทำเหมือนผมทำอะไรไม่เป็น"

พี่ซีก้มหน้าหงอยๆ ลงไป

"พี่ควรห่วงตัวเองก่อน ทำไมพี่ชอบดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง"

"รักไง"

ผมเงยหน้าขึ้นมองคำพูดตรงๆ ของเขา ปากกับใจไม่เคยสวนทางกันเลย แล้วเพราะว่าเป็นคำนั้นจากที่หงุดหงิดก็หายไปซะเฉยๆ ผมจึงหลุดยิ้มออกมาในตอนนั้น เขินทำอะไรไม่ได้เลยดึงทิชชูถูมือเขาแรงๆ แก้เขิน

"พอละๆ หนังจะหลุดละ"

"เล็บพี่ยาวแล้วนะ ตัดให้ไหม"

"อันนี้ก็ทำเหมือนพี่เป็นง่อยอะ"

"ก็ตามใจ งั้นก็ไปตัดเองเลย"

"อะ ตัดๆ ตัดให้หน่อยครับ"

ผมไม่เคยตัดเล็บให้ใครมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็เสนอตัวไปแล้วก่อนจะพบว่าการตัดเล็บให้คนอื่นก็ลำบากอยู่เหมือนกัน ผมที่นั่งอยู่ที่พื้นกำลังพยายามตัดเล็บของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ท่าทางไม่ถนัดที่เก้ๆ กังๆ ทำให้พี่ซีลั่นหัวเราะอยู่ในลำคอเบาๆ

"มันไม่ถนัดอะ"

"นั่งแบบนั้นมันก็ไม่ถนัดดิ ขึ้นมานี่" พี่ซีว่าแล้วดึงผมให้ลุกขึ้นก่อนจะรวบเอวเข้าไปนั่งข้างๆ ผมนิ่งไปนิดหนึ่งด้วยตำแหน่งของผมและเขาที่แนบชิดกันจนไม่มีช่องว่าง พี่ซียื่นมือข้างที่โอบเอวผมอยู่มาข้างหน้าเพื่อให้ตัดเล็บต่อ ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็เป็นท่าที่ทำให้ตัดเล็บได้ถนัดดี ผมบรรจงตัดเล็บพี่ซีทั้งสองข้างจนเสร็จเรียบร้อย แต่คนที่โอบร่างผมอยู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออก เนียนนั่งกอดเอวไปงั้นอะ

มือหนึ่งของเขาก็ลูบๆ คลำๆ ฝ่ามือของผมที่จับกันอยู่ ผมก้มมองข้อมือใหญ่ของเขาจึงนึกขึ้นมาได้ว่าซื้ออะไรมาให้เขา เลยขยับไปหยิบนาฬิกาให้กระเป๋ามา

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"หันหน้าไปหน่อย"

"ทำไม"

"น่า!"

เขายอมทำตามอย่างว่าง่าย ในตอนที่เขาหันหน้าไปอีกทาง ผมก็สวมนาฬิกาที่ซื้อมาให้ นาฬิกาเรือนสีดำตัดกับผิวขาวของเขา และพอดีกับข้อมือ ตอนที่สวมเสร็จพี่ซีก็หันมามองแล้วยกคิ้วขึ้นงงๆ

"ของขวัญวันเกิดย้อนหลังครับ"

สายตาเขายังจ้องอยู่ที่นาฬิกาแต่ไม่พูดอะไร เงียบจนใจไม่ดีแล้ว

"พี่ซี"

"..."

"ไม่ชอบเหรอ"

"..."

"ก็พี่ยืนมองอยู่ตั้งนานนึกว่าชอบ"

พี่ซีเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าผม แล้วคลี่ยิ้มออกมา

"ทำไมจำได้อะ"

"ก็จำได้ ตกลงชอบเปล่า"

"ชอบครับ แต่มันแพงไม่ใช่เหรอ"

"ไม่ต้องพูดถึงราคาแล้วก็รับไว้เฉยๆ ได้ไหม เพราะผมเต็มใจให้ไง"

รอยยิ้มของพี่ซีกว้างกว่าเดิมก่อนพยักหน้ารับเบาๆ

"ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี งั้นไม่ขอบคุณดีกว่า"

"หื้อ?"

พี่ซียกมุมปากขึ้นอีกที แล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงหน้าผมเข้าไปประกบริมฝีปากเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวอีกครั้ง ผมไม่ทันตั้งตัวเลยตอบรับจูบนั้นได้ช้าไปวินาทีหนึ่ง สัมผัสผ่านริมฝีปากมอบความอบอุ่นไปทั่วร่างกายรวมถึงหัวใจด้วย ผมจูบไม่เก่งหรอก แต่รู้ว่าจูบแปลว่ารัก ก็เลยบอกรักผ่านริมฝีปากนั่นไปซะนานเลย

 



To be continued.


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พี่ชายซี กับ น้องพจน่าน   :laugh:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เฮ้อ เหมือนส่งลูกขึ้นฝั่ง

ดีใจกะพี่ซีด้วยน้าาาา

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ชอบตอนหวานๆกัน น่ารักกกมากกก จูบรสไก่เคเอฟซีก็มา/แซว

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พึ่งได้อ่าน ชอบ ๆ
สงสารคิท

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 21
ที่เจ็บก็หายดี

 

วันนี้ผมมีเรียนเช้า แต่ตื่นเร็วเลยมีเวลากินข้าวเช้าที่ป้าทิพย์เตรียมเอาไว้ให้ วันนี้มีแซนด์วิชใส้โบโลน่าไข่ดาว ผมยืนกินข้าวเช้าพลางคุยกับป้าทิพย์ไปพลางๆ เจ้าของหออย่างพี่ซีก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนในสภาพหัวยุ่งๆ เพิ่งตื่น ไม่ได้ใส่เสื้อ สวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมหลุดขำจนแซนด์วิชแทบพุ่งจากปากเมื่อหันไปเห็นนาฬิกาที่ข้อมือ ความขี้เห่อของคนนี่ถึงกับใส่นอนเลยเหรอวะ

พี่ซีหันมาเห็นผมก็ยิ้มกว้างแล้วตรงเข้ามาในครัว ยกมือเสยผมสองสามทีโชว์นาฬิกา เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นกระดกโชว์นาฬิกา ปิดฝาขวดน้ำแล้วก็สะบัดมือสองสามทีโชว์นาฬิกา

"เป็นอะไรกับข้อมือเหรอคะคุณซี"

พี่ซีหันมองป้าทิพย์แล้วกลอกตามองบนหน่อยๆ ก่อนยื่นนาฬิกาที่ข้อมือไปตรงหน้าป้าทิพย์

"เป็นอะไรอะคะ"

"โห่ป้า! อวดนาฬิกา"

"อ๋อ สวยนะคะ" พี่ซียิ้มหน้าบานตอนที่ป้าทิพย์ชมแล้วหันมาหาผม

"น่านยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ กี่โมงแล้วเนี่ย" ว่าแล้วก็ชูมือขึ้นดูนาฬิกา ผมส่ายหน้าหน่อยๆ กับความเห่อเกินเบอร์ของเขา

"วันนี้พี่จะไปเรียนใช่ไหม"

"อือ หยุดหลายวันแล้วอะ"

"ไปได้นะ"

"ได้ดิ หายแล้ว"

"ระวังๆ ด้วยล่ะ"

"ครับ แล้วเจอกันตอนเย็น" เขาว่าแล้วโบกมือให้ เป็นการโบกมือที่พิสดารเพราะหันหลังมือมาโบก เกลียดความโชว์นาฬิกาของเขาขึ้นมานิดๆ แล้วอะ

 

...

 

 

 

 

ผมนั่งดูละครอยู่กับเท็นที่โซฟาห้องโถง เพื่อรอพี่ซีที่ออกไปเรียนตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ถึงยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเลิกเรียนแล้วไปจบที่ร้านเหล้าหรือเปล่า จะโทรตามก็กลัวจะหาว่าจุกจิกเลยรอไปก่อน

"พี่เท็น สอนการบ้านเลขหน่อย" ผมหันมองไคโรที่หอบสมุดการบ้านมาให้เท็นสอน ก่อนหน้านี้มันมาขอให้ผมสอน แต่ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่วิชาเลขม.ปลายเกินความสามารถของผมไปก็เลยโยนให้เท็นสอนแทน

"นี่เฮียยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ"

"ยังอะ"

"เฮียหายดีแล้วเหรอ ถึงไปเรียนอะ"

"เห็นบอกว่าไม่อยากขาดเรียน"

"หรือไม่อยากขาดเหล้า ป่านนี้เมาปลิ้นไปแล้วมั้ง"

ผมก็แอบคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงของคนที่กำลังพูดถึงก็โพล่งขึ้นมา

"สวัสดีทุกคน!"

พี่ซีไม่เมาและสติครบถ้วนดี ยกมือข้างที่ใส่เฝือกทักทายพวกเรา ส่วนมืออีกข้างแบกจักรยานคันใหม่เอี่ยม ตามประสาคนขี้เห่อเขาจึงแบกมันมาวางตรงหน้าพวกเรา สะบัดมือรัวพรีเซนท์จักรยานคันใหม่ของตัวเอง

"ซื้อมาใหม่เหรอเฮีย"

"ของใครไม่รู้เห็นวางอยู่เลยหยิบมา"

"ถุ๊ย!"

"มึงก็รู้ว่ากูต้องซื้อมาอยู่แล้วจะถามทำไมเนี่ย สวยป่ะๆๆ"

"พี่มีตังค์แล้วเหรอ" ผมหันถาม

"อ้อนแม่เป็นอาทิตย์กว่าจะได้มา" เขาตอบคำถามผมแต่สายตายังจดจ้อง ลูบๆ คลำๆ จักรยานนั่นดูคลั่งไคล้ ชอบขนาดนั้นก็เอาเป็นเมียเลยไหม และนี่กูเป็นอะไร หึงกับจักรยาน   

"ต้องพาไปสูดอากาศสักหน่อย" พี่ซีโยนกระเป๋าเป้ลงบนโซฟา หมุนตัวเองพร้อมจักรยานทำท่าจะก้าวเท้าเดินออกไปแล้วหันกลับมา

"หนูไปกับพี่ป่ะ"

"ไม่อะ ให้เดินตามหรือไง"

"งั้นเดี๋ยวพี่กลับมานะ"

"ขี่ดีๆ นะพี่ แขนยังไม่หายด้วยซ้ำ"

"ครับๆ ไปใกล้ๆ เดี๋ยวกลับมา ไอ้ไคไปเปิดประตูดิ"

"เฮียก็เปิดเองดิ"

"มึงจะไปเปิดดีๆ ไหม"

ไคโรส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจก่อนลุกไปเปิดประตูหอ พี่ซีก็โดดขึ้นจักรยานแล้วปั่นวนรอบห้องโถงก่อนออกประตูไป ความเห่อมันทำให้คนเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย

"ปิดประตูด้วย เดี๋ยวยุงเข้า!"

ไคโรส่ายหัวหน่อยๆ แล้วปิดประตูนั่น

"นอกจากเหล้ากับน่านก็มีจักรยานนี่แหละที่เฮียชอบจริงจัง"  เท็นพูดขำๆ ผมคิดสงสัยอะไรบางอย่างจึงเขยิบเข้าไปใกล้เท็น

"เท็น มึงอยู่หอนี้มานานยัง"

"ก็ตั้งแต่ปีหนึ่งอะ"

"อยู่ทันตอนพี่ซีเกิดอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อนใช่ไหม"

"อือ ก็อยู่ด้วย"

ผมมองหน้าเท็นเพื่อให้เขาเล่าถึงเหตุการณ์นั้น เท็นคงเดาได้จากสายตาของผมโดยไม่ต้องพูด เจ้าตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมเล่า

"เฮียไม่ชอบให้พูดถึงหรอกนะ แต่จะเล่าให้ฟังก็ได้ สามปีที่แล้วเฮียถูกวัยรุ่นเมาแล้วขับรถชนอะ พิการจริงจังไปเป็นปีเลยต้องดรอปเรียนไปนาน ก็เพิ่งจะกลับมาเรียนนี่แหละ"

"อ๋อ"

"พ่อของเฮียก็เสียไปตอนนั้นด้วย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อตาย ไม่ได้ไปงานศพพ่อด้วยซ้ำ เฮียเจ็บปวดมากนะกับเรื่องนี้ กว่าจะหายดีทั้งร่างกายทั้งจิตใจก็ใช้เวลานานอยู่ ถึงได้ไม่อยากให้พูดถึงไง"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ

"เมื่อก่อนเฮียก็ไม่ได้เพี้ยนแบบนี้นะ หลังจากถูกรถชนก็บ้าๆ บอๆ ชอบพูดคนเดียวแถมติดเหล้าอีก"

"แถมมองเห็นผีได้อีกต่างหาก" ไคโรพูดขึ้นมา

"มึงเชื่อ?"

"ก็ไม่รู้ดิ เฮียชอบบอกว่ากลัวผี มองเห็นผีด้วย ตอนเมาก็พูดบ่อยๆ และพี่จำวันที่พี่ขิงจะฆ่าตัวตายได้ป่ะ เฮียก็บอกว่าผีบอกมาอะ"

"มึงจะบ้าเหรอวะ"

"เด็กๆ" เสียงป้าทิพย์ดังขึ้นขัดบทสนทนาของพวกเรา ป้าทิพย์ที่เดินเข้ามาพร้อมกับถุงอะไรในมือพะรุงพะรัง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ

"อยู่กันพร้อมหน้าเลย แล้วนี่คุณซีไปไหนล่ะคะ"

"ไปปั่นจักรยานครับ"

"อ๋อ เดี๋ยวป้าโทรตามละกัน เอ้านี่ อาหารจากบ้านคุณพล เดี๋ยวทานด้วยกันนะคะ"

"ผมไปเอาจานให้ครับ" ไคโรพูดแล้วลุกไปในครัว

"คุณพลคือใครอะ" ผมสะกิดถามเท็น

"พ่อของคนที่ขับรถชนเฮียกับป๋าอะ ทุกๆ วันครบรอบวันตายของป๋า เขาจะทำอาหารมาให้ตลอด แต่ปีนี้มาช้าไปหน่อยนะ"

"เห็นแกว่ายุ่งๆ น่ะค่ะ"

ผมพยักหน้ารับอีกที

"จริงๆ กูก็อยากจะโกรธเขาเหมือนกันนะ แต่ก็โกรธไม่ลงว่ะ ลุงเขาโคตรใจดีเลยอะ แล้วอีกอย่างลูกเขาก็ตายไปวันเดียวกันเหมือนกัน"

"แกะเลยค่ะ เดี๋ยวจะได้ทานกันเลย"  ป้าทิพย์หยิบอาหารที่แพ็คอยู่ออกมา ผมขมวดคิ้วเมื่อมองไปเห็นป้ายเล็กๆ ที่เป็นชื่อร้านอาหาร 

 

KK’s Kitchen

 

"เท็น เจ้าของร้านนี้เขาชื่ออะไรนะ"

"ลุงพล ชื่อลุงพล"

 

ลุงพล...และชื่อร้านอาหารนั่น คือร้านของพ่อคิท ผมกระพริบตาถี่เรียกสติแล้วหันไปหาเท็นอีกที

"มึงบอกว่าเขาเป็นพ่อของคนที่ขับรถชนพี่ซี"

"ใช่"

"แล้วก็ขับรถชนพ่อพี่ซีตาย"

"อืม"

คำตอบชัดๆ จากเท็นทำให้ผมจุกจนพูดอะไรไม่ออก

"เฮ้ยน่าน ไปไหนวะ!"

ผมลุกพรวดออกมาจากตรงนั้นแล้ววิ่งขึ้นห้องตัวเอง ความคิดในหัวประติดประต่อกันจนกระจ่างชัด เรื่องนี้เองที่พี่ซีไม่อยากให้ผมรู้ เรื่องที่คิทเป็นคนทำให้พ่อเขาตาย คิทเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุของเขาเมื่อสามปีก่อน คราวนี้ผมอยากให้มันเป็นเรื่องโกหกอะ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น มือสั่นๆ ของผมคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทรหาแคท

(ว่าไงพี่น่าน มีอะไรเปล่า)

"แคท พี่ถามอะไรหน่อยดิ"

(ว่า?)

"เรื่องเมื่อสามปีก่อนอะ"

(ฮึ? ทำไมอะ)

"สามปีที่แล้วคิทมันขับรถชนคนตายเหรอ"

แคทไม่ตอบผมก่อนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับกลับมา

"ใช่พี่"

"ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องนี้อะ ไม่เห็นมีใครบอกพี่เลย"

(พ่อไม่อยากบอกเรื่องนี้กับพี่ พ่อกลัวพี่โกรธพี่คิท)

"..."

(พี่คิทไม่ได้ตั้งใจนะพี่น่าน)

"..."

(เขาไม่ได้ตั้งใจ)

ผมตอบรับแล้วกดวางโทรศัพท์จากแคท โทษว่าไม่มีใครบอกก็ไม่ถูกนัก เพราะผมเองไม่เคยถาม ตั้งแต่ตอนนั้นผมเอาแต่เสียใจกับการตายของคิทโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้นด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่านอกจากเขายังมีคนอื่นตายในเหตุการณ์นั้นด้วย แล้วคนนั้นก็คือพ่อของพี่ซี และตัวเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องเจ็บตัวจากเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยแต่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผม

ผมนั่งอยู่บนห้องพร้อมความเงียบและความคิดในหัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งใจลงไปข้างล่างเพื่อไปรอพี่ซี แต่เดินลงมายังไม่ทันถึงขั้นสุดท้ายก็ได้ยินเสียงดังโวยวายจากข้างล่าง

"โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย!"

"สมน้ำหน้าแล้วไง"

"เบาๆ ดิวะ!"

ผมก้าวเท้าเร็วๆ ลงไปยังห้องโถง ก่อนเบิกตาขึ้นเมื่อเห็นสภาพของพี่ซี เสื้อนักศึกษาของเขาเลอะมอมแมม เลือดไหลออกมาจากข้อศอก และรอยถลอกที่แขนนั่นอีก

"พี่ซีเป็นอะไร"

"จักรยานล้ม แขนขายังพิการแต่เปรี้ยวออกไปปั่นจักรยานไง" เท็นหันมาบอกผม คนเจ็บหันมองตาขวาง ผมก้าวเท้าเข้าไปหาสำรวจร่างกายของเขา แผลเก่ายังไม่ทันหาย หาเรื่องมีแผลใหม่อีก

"พี่น่านเตือนแล้วก็ไม่ฟังอะ สมน้ำหน้าแล้ว"

"ถ้าจะมายืนตอกย้ำกูอย่างนี้ก็ไปไกลๆ ตีนเลยไป"

 "ไปกันเหอะ" เท็นว่าแล้วคล้องคอไคโรเดินขึ้นบันไดไป ไม่ลืมที่จะหยิบอาหารบนโต๊ะติดมือไปด้วย ผมนั่งลงกับพื้นตรงหน้าพี่ซี แล้วเลื่อนสายตามองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

"ผมบอกพี่แล้ว ให้ห่วงตัวเองบ้าง" 

"ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย"

"ทำไมปล่อยให้ตัวเองเจ็บขนาดนี้"

พี่ซีไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าลงหงอยๆ

"ทำไมปล่อยให้ตัวเองเจ็บขนาดนี้!"

พี่ซีสะดุ้งเมื่อผมถามคำถามเดิมด้วยเสียงที่ดังขึ้น 

"น่าน"

"เจ็บทำไมไม่บอก"

"พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ดูดิ ไม่เจ็บตรงไหนเลย"

ผมกัดฟันแล้วยกมือชกเข้าไปที่อกของเขาเบาๆ 

"ผมหมายถึงตรงนี้ หมายถึงใจพี่"

"..."

"พี่ต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ทำไมไม่บอกผมสักคำ"

"น่าน"

"ผมรู้เรื่องที่พี่ไม่อยากให้ผมรู้แล้ว เรื่องที่คิททำให้พ่อพี่ต้องตาย คิททำให้พี่ต้องเจ็บ เรื่องนั้นโหดร้ายกับผมอยู่เหมือนกัน"

"ถึงได้ไม่อยากให้น่านรู้ไง พี่กลัวน่านรับไม่ได้"

พี่ซีก็คือพี่ซี เขาคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง เขาปกป้องความรู้สึกของผมมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง และเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่เสมอ

"พี่กลัวว่าถ้าน่านรู้แล้ว น่านจะไปจากพี่"

"..."

"พี่กลัวจริงๆ นะเว้ย มันไม่ใช่ความผิดของน่าน ไม่ใช่ความผิดไอ้คิทหรือใครทั้งนั้น และมันไม่ใช่เหตุผลที่น่านจะไม่รักพี่ อย่าเอามาเกี่ยวกันนะเว้ย"

"..."

"น่าน อย่าไปนะ"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ผมยอมรับไม่ได้ในทันที ทฤษฏีโลกกลมน่ากลัวจนผมเผลอตกใจกับมันไป แต่ผมก็ยังรักพี่ซีอยู่ดี จริงอย่างเขาว่า มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะต้องไปจากครับ

"น่าน"

"ครับ ผมจะไม่ไปไหน"

"..."

"จะไม่ไปจากพี่เลย"

พี่ซีใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวผมให้ลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ เขา ยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างคนอ่อนแอ ผมเคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็งแล้ว แต่อยู่กับพี่ซีผมก็กลายเป็นเด็กขี้แง หาเรื่องร้องไห้ให้เขาปลอบอยู่เรื่องเลย และพี่ซีก็รู้วิธีที่จะทำให้ผมยิ้มออกมาได้ในสถานการณ์แบบนี้เสมอ

"ไม่ร้องนะ เดี๋ยวแกะเมล็ดทานตะวันให้"

"พี่ อย่ากวนตีนดิ"

พี่ซียกมือวางบนหัวผมแล้วจับโยกไปเบาๆ ผมจึงเห็นแผลที่ข้อศอกเขาได้ชัด จึงยกมือจิ้มเข้าไปทีหนึ่ง

"โอ๊ย! เจ็บ!"

"ไหนบอกไม่เจ็บตรงไหนไง"

"ขอเจ็บนิดหนึ่งได้ไหมอะ"

"เดี๋ยวผมทำแผลให้"

ผมเดินไปหยิบกล่องยา ตอนนั้นก็เดินผ่านจักรยานคันใหม่ของเขาด้วย จึงหันมองมันตาขวาง

"ไม่ต้องปั่นแล้วไหมจักรยานเนี่ย"

"เฮ้ย น่าน"

"ปั่นแล้วเจ็บตัวแบบนี้ก็ไม่ต้องปั่น" ผมพูดเคืองๆ แล้วยกมือผลักจักรยานที่พิงพนังอยู่ล้มโครมไปกับพื้น

"น่าน! ใจร้าย!"

"สมควรแล้ว"

"จักรยานมันทำอะไรผิดอะ ถ้าจะทำมันทำพี่ดีกว่า โอ๊ย!!" พี่ซีร้องลั่นบ้านตอนผมเทแอลกอฮอล์ราดใส่แผลโดยไม่ใช้สำลี สีหน้าเจ็บปวดคลอด้วยน้ำตานั่นไม่น่าสงสารสักนิด ผมดึงลำสีแล้วเช็ดแผลนั่นอีกครั้ง อีกคนก็พยายามจะดึงศอกหนี แต่ถูกผมเงยหน้ามองตาขวางจึงหยุดอยู่กับที่ 

"น่าน พี่เจ็บ"

"เฉยๆ ดิ"

"ไม่เอาแล้วเจ็บ"

"พี่ซี"

"ก็เจ็บอะ!" พี่ซีโวยแล้วใช้แขนข้างนั้นรวบคอผมเข้าไปนั่งข้างๆ ล็อกอยู่อย่างนั้นไม่ให้ผมขยับ

"พี่ ปล่อยเลย ยังทำแผลไม่เสร็จ"

"ไม่เอา ไม่ต้องทำแล้ว เจ็บโว้ย"

"พี่ซี!"

"แค่กอดน่านอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวพี่ก็หายแล้ว"

ผมไม่อยากขัดใจเขาแล้ว เลยปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น ขยับตัวเองเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วพิงหัวตัวเองลงไปบนไหล่ของเขา ยกมือลูบแขนข้างที่ใส่เฝือกของเขาเบาๆ

"หายไวๆ นะครับ"

 

...

 

 

วันนี้ผมย้ายโลเคชั่นของผมกับพี่ซีมาอยู่ในร้านของหวาน ผมนั่งมองพี่ซีที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาใช้มือจับหลอดวนอยู่ในแก้วโกโก้ปั่น ขณะมองฮันนี่โทสที่ผมสั่งมาให้อยู่เป็นพักจนไอติมเกือบจะละลาย

"มองอะไรวะพี่ กินดิ"

"กินไม่เป็นว่ะ"

"ก็แค่ยัดใส่ปากเข้าไป"

"พี่ไม่ชอบของหวานเว้ย เราเปลี่ยนไปร้านเหล้าข้างๆ ป่ะ พี่มีบัตรลดมิกเซอร์สิบเปอร์เซ็นด้วย"

"ไม่"

"นะ"

ต่อให้เขางัดเอาหน้าตาอันหล่อเหลาและความขี้อ้อนระดับไหนมาวอนขอผมก็ไม่ให้

"พี่ไม่ได้แตะเหล้ามาจะเป็นเดือนแล้วนะหนู"

อันที่จริงก็ไม่ได้อยากบังคับอะไรเยอะแยะ แต่มันก็ดีกับตัวเขาไม่ใช่เหรอ ผมกำลังปรับนิสัยและการใช้ชีวิตของพี่ซีเพื่อให้เขามีอายุที่ยืนยาวขึ้นอยู่ เขาไม่ได้กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม ถ้าไปสังสรรค์กับเพื่อนแบบนี้ผมไม่ว่าเลย แต่เขากำลังเข้าข่ายผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังแล้วผมเลยต้องปรับพฤติกรรมของเขาใหม่ด้วยการพาเข้าร้านของหวานแทน พอรู้ตัวว่าผมไม่มีทางอนุญาตเขาก็ดึงแก้วโกโก้ไปดูดด้วยหน้าหงอยๆ

"งั้นพี่ขอเดือนละสี่ครั้ง"

"ผมให้ได้แค่สองครั้ง"

"เฮ้ย มันไม่พอ พี่มีเพื่อนเยอะนะ เพื่อนมัธยมต้น เพื่อนมัธยมปลาย เพื่อนมหาลัย เพื่อนนอกมหาลัย วนๆ กันไปทุกวันศุกร์เดือนหนึ่งก็ต้องสี่ครั้งแล้ว"

"งั้นต่อไปนี้ผมจะเดทกับพี่ทุกวันศุกร์"

"โห่ หนู"

"ไม่อยากเดทกับผมเหรอ"

"อยากสิวะ อยากได้หนูใจจะขาดแล้วเนี่ย คบกับมาตั้งนานได้แค่จูบเอง กูจะอกแตกตายอยู่แล้ว"

"เฮ้ย!" ผมยื่นมือไปปิดปากพี่ซีที่กำลังพูดเสียงดังออกมากลางร้าน ผู้หญิงสองคนที่นั่งโต๊ะติดกับเราหันมามองแล้วยกเมนูขึ้นปิดหน้า เดาได้ไม่ยากว่ากำลังนินทาอะไรพวกเราอยู่แน่ๆ พี่ซีดึงมือผมที่ปิดปากอยู่ออกแล้วหัวเราะเบาๆ

"ตกลงจะกินไหมเนี่ย"

"ป้อนดิป้อน"

"แขนก็หายแล้วยังจะงอแง"

เขาอ้าปากรอ แล้วยักคิ้วสองสามที ผมเก็บคำที่จะบ่นเอาไว้แล้วใช้ส้อมจิ้มลงไปบนขนมปังก่อนจะยัดใส่ปากเขา คนตรงข้ามเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ขณะเคี้ยวก็พยักหน้าอย่างดูพอใจไปด้วย

"อร่อยใช่ไหม"

"เออ อร่อย"

"กินเยอะๆ" เขาไม่รอให้ผมป้อน ใช้ส้อมอีกคันตักกินเอง น่าจะอร่อยอย่างที่บอกจริงๆ ผมเลยเอาชิ้นที่จิ้มขึ้นมาแล้วใส่ปากตัวเองบ้าง พี่ซียังไม่จบเรื่องกินเหล้าเลยพูดขึ้นมาอีก

"ตกลงเดือนละสี่ครั้งนะ"

"สอง"

"น่าน! ทำไมใจร้ายกับพี่จังเลยเนี่ย"

"ก็พี่จะขี้เมาทำไมวะ"

"ทำไมเป็นเด็กแบบนี้เนี่ย พี่เป็นพี่น่านนะ!"

"แต่ผมเป็นแฟนพี่นะ!"

"..."

ทั้งผมและเขาเงียบไปตอนผมลั่นเสียงดังออกไปแบบนั้น เมื่อผมรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็อายจนต้องก้มหน้างุดแทบจมไปกับจานฮันนี่โทส

"เป็นแฟนเลยเหรอ หืม?"

"พี่ซี ไม่แซว"

"เป็นแฟนกันเนอะ"

"เออ!" ผมตะโกนตอบกลับไป เอาจริงพี่ซีไม่เคยขอผมเป็นแฟนเลย ยืนงงๆ ในดงหอพักแล้วก็หลงรักเขาเฉยเลย แต่ในความชัดเจนของการกระทำจากพี่ซีมันก็ระบุสถานะเราอยู่แล้ว บทเรียนจากเรื่องคิทสอนให้ผมเป็นคนจริงจังกับความชัดเจน ผมจึงต้องตอกย้ำให้ความสัมพันธ์ของเรามันหนักแน่นโดยสมบูรณ์แบบ และในเมื่อพี่ซีไม่ขอเป็นแฟน ผมก็จะขอเองซะเลย ผมยื่นสองมือไปจับมือพี่ซี มองหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดคำนั้นออกไปด้วยเสียงจริงจังเจือความเคอะเขิน   

"พี่ซี"

"..."

"เป็นแฟนกันนะครับ"

 

To be continued.


ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :hao5: ทำไมน่ารักทั้งคู่เลย :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ่านครึ่งแรก  :sad4:
อ่านครึ่งหลัง  :hao6:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ชอบจริงจริ๊งงงงงงงงง เวลาพี่ซีเรียกน่านว่า "หนู"
มันมีความรัก ความเอ็นดู ความใส่ใจ และสารพัดความที่ดี ๆ
อยู่ใน 3 ตัวนั้นจริง ๆ นะ

เชื่อเรา, เราอ่านด้วยใจ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :katai2-1:  เป็นแฟนกันแล้ว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น่ารักจังเลยยยย ฮือออ ทีมน้องน่าน ช่วยขจัดความกากออกไปจากพี่ซีสักนิดนะคะ 55555555556

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ tegomass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นแฟนกันนะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่ซีมีทั้งความอบอุ่นและงอแง น่านจะได้ไม่เบื่อเนาะ

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 22
ทั้งหมดที่มี



ซี :

 

 

 

ร้านของหวานใกล้มหาลัยกลายเป็นร้านประจำของผมกับน่านในทุกวันศุกร์ วันนี้ก็เช่นกัน ผมมานั่งรอน่านในร้านก่อนเพราะเลิกเรียนเร็ว ใครจะไปเชื่อว่าชีวิตของซีสายแข็งคนนี้จะเดินเข้าร้านของหวานทุกอาทิตย์จนกลายเป็นลูกค้าประจำ แดกจนจะเป็นเบาหวานอยู่แล้วเนี่ย แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าของหวานทุกชนิดนี่มันอร่อยจนหยุดกินไม่ได้ โกโก้ปั่นก็ดี ไอติมก็ฉ่ำ ฮันนี่โทสนี่ยิ่งดีกับลิ้น บิงซูเมล่อนก็ละมุน

ผมเปลี่ยนจากสายแข็งมาเป็นสายหวาน ถ้าโลกนี้มันมีโรคพิษโกโก้เรื้อรัง ผมต้องเป็นผู้ป่วยคนแรกของโรคนั้นแน่นอน เพราะผมเป็นโกโกลิซึ่ม ต้องดื่มให้ได้วันละแก้วสองแก้ว บางวันล่อไปสามแก้ว ทั้งหมดเป็นเพราะน่านคนเดียวที่ห้ามผมกินเหล้า คบกับน่านมาสองเดือน น้ำหนักขึ้นห้ากิโล ซิกแพคกูหายเรียบ เหลือแต่พุงนิ่มๆ เอาไว้ให้ไอรอนแมนซุกตอนเอามันมานอนด้วย ใหญ่กว่านี้ก็หมีแล้วโว้ย แต่ไม่เป็นไร ฮันนี่โทสแม่งโคตรอร่อย ผิดที่เราเจอกันช้าไป

ระหว่างที่รอน่าน ผมเข้าไปในเพจของแล้วนั่งอ่านรีวิวเมนูอาหารเพื่อประกอบการตัดสินใจ เรื่องเมนูนี่น่านไม่ต้องเลือก ผมเลือกเอง นี่กูกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร


"เฮ้ย พวกมึงเจอน้ำขิงบ้างป่ะวะ?"

"ไม่รู้ดิ มันไม่ติดต่อมาเลยนะ ปิดเฟสไปแล้วด้วย"

ผมเงยหน้าจากมือถือแล้วหันไปมองกลุ่มนักศึกษาโต๊ะข้างหลังที่กำลังคุยกัน ไม่ได้อยากเสือกเรื่องของคนอื่น แต่ชื่อที่ได้ยินมันดันสะดุดหู ยิ่งบทสนทนาต่อจากนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงนั่นคือน้ำขิงที่ผมรู้จัก

"ตกลงน้ำขิงมันท้องกับไอ้เต้จริงป่ะวะ?"

"กูก็ไม่รู้ว่ะ ไม่กล้าถามด้วย"

"แต่มันนอนด้วยกันจริงๆ นะเว้ย"

"แต่มันแค่ครั้งเดียวเองนะเว้ย"

"ครั้งเดียวก็ท้องได้ป่ะวะ"

"แต่ไอ้เต้แม่งไม่ยอมรับ หน้าตัวเมียสัดๆ ถ้ากูเป็นน้ำขิงนะ กูจะเอาให้แม่งตาย"

"เฮ้ยๆ ไอ้เต้มา"

ผมหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามา ไอ้เต้ที่ถูกพูดถึงในบทสนทนาก่อนหน้า ไม่รู้จักมันมาก่อนเลย แต่เห็นหน้าก็ตีนกระตุกแล้ว

"ไงมึง สายตลอดนะ"

"กูก็มาแล้วนี่ไง นี่คุยอะไรกันอยู่"

"ก็เรื่องเรียนแหละ"

"อ่ะๆ มึงจะกินอะไรสั่งเลย"

ผมหันไปมองหน้าไอ้คนที่มาทีหลังชัดๆ มองจนมันรู้ตัวแต่ก็ไม่ได้ละสายตาออกจากมัน อีกฝ่ายขมวดคิ้วมองกลับมา ก่อนก้มลงไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง
 
"เดี๋ยวกูไปรับโทรศัพท์แป๊บ" มันว่าแล้วลุกออกไปจากโต๊ะแล้วเดินไปทางห้องน้ำ ผมจึงลุกตามไปด้วย ยืนรอกระทั่งมันคุยโทรศัพท์เสร็จ แล้วตรงเข้าไปหา
           
"มีอะไรป่ะ เห็นมองตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"
 
"รู้จักน้ำขิงป่ะ"
 
มันเงียบไปตอนถูกตาม สีหน้าเปลี่ยนจนดูออก ผมไม่รอให้มันตอบแล้วก็ทำในสิ่งที่ใจสั่งให้ทำ รู้ว่าผิดแต่จิตสำนึกก็ไม่ได้ห้าม คิดอย่างเดียวว่าคนอย่างมันควรโดนแล้ว
           
"เฮ้ย!"
             
"พลั่ก!"
             
"ตุ้บ!"

...

ผมกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วเปิดดูเมนูเพลินๆ อย่างสบายๆ


"ไอ้เต้มันหายไปนานจังวะ"

"สงสัยไปหาเมียแล้วมั้ง ช่างมันเหอะ"


กินอะไรดีน้า...

 

"ปึง!"

ผมเงยหน้าจากมือถือเมื่อน่านตรงเข้ามานั่ง ดูเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ไม่ดี กระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าเดือดๆ ผมกำลังจะเอ่ยทักแต่อีกคนไวกว่า

"พี่ซี เสื้อเลอะเลือดอะไรอะ" ว่าแล้วชี้เข้ามาที่คราบเลอะที่แขนเสื้อผม

"ซอสมะเขือเทศมั้ง"

"กินอะไรเลอะเป็นเด็ก"

"เหอะน่า แล้วนี่เป็นอะไร เมื่อกี้เห็นหน้าบูด"

"เออ ลืมไปว่าอารมณ์เสียอยู่"

"เป็นอะไรครับ"

"พี่! แดกเหล้ากัน!"

"ฮะ?"

"ไปป่ะ"

"เป็นอะไรวะ"

"หงุดหงิด!"

"ใจเย็น" ผมยื่นแก้วโกโก้ที่แอบสั่งมากินระหว่างรอก่อนส่งให้เขา เผื่อมันจะทำให้เย็นลงได้บ้าง น่านดูดน้ำในแก้วนั่นแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร ยังคงโมโหฟึดฟัดเป็นหนูแฮมเตอร์เมายาเส้น

"เป็นอะไร"

"สอบตก"

"ฮะ"

"ตกยกห้องเลย ก็อาจารย์แม่งกวนตีน"

"ใจเย็น นั่นอาจารย์"

"ก็มันจริงอะพี่ แล้วอะไรๆ ก็มาโทษประธานเอก เพื่อนลอกข้อสอบกันก็มาโทษประธานเอก ผมเป็นประธานเอกไม่ได้เป็นคนควบคุมจริยธรรมของคนทั้งเอกปะ แล้วคนลอกข้อสอบกันแค่สองคน พาลให้ตกทั้งห้องใช่เรื่องปะ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ผมจะฟ้องคณะบดี ฟ้องไปให้ถึงอธิการบดี ฟ้องแม่งถึงหัวหน้าคสช.เลย"

ผมนั่งเท้าคางมองน่านที่นั่งบ่น เล่าให้ผมฟังเป็นฉากๆ ปกติน่านเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ ถนัดทำหน้าเด๋อใส่มากกว่า แต่ถ้ามีเรื่องให้พูดรัวเหมือนหายใจทางผิวหนังได้เลยเนี่ย 

"งั้นไปเมากันปะ เอาให้ลืมทางกลับบ้านไปเลย"

"เอาดิ วันนี้ผมอนุญาต"

 

กูก็ชอบของหวานนะ แต่เหล้าคือนิพพานว่ะ!

 

ผมพาน่านย้ายมาที่ร้านเหล้าร้านประจำ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อนรำลึกถึง แก้วเหล้าที่เคยจับผับที่เคยเข้า ก่อนเลื่อนสายตามามองคนตรงข้ามที่มาด้วย เคยฝันอยู่เหมือนกันว่าอยากมีแฟนที่มานั่งร้านเหล้าด้วยกันได้ พูดคุย กินเหล้า แล้วก็เมาไปด้วยกันได้ แต่พอเห็นน่านดื่มเอาๆ แบบนี้ก็รู้ไม่พอใจขึ้นมาเฉยเลย

"พอแล้ว ไม่ให้กินแล้ว"

"ทำไมอะ"

"เดี๋ยวก็เมาหรอก"

"มาร้านเหล้ามันก็ต้องเมาป่ะวะ ไม่งั้นจะมาทำไมอะ เอาคืนมา"

"นี่อารมณ์ไม่ดีจริงๆ ใช่ปะเนี่ย"

"ก็เปล่า แต่วันนี้ตามใจพี่วันหนึ่ง"

"จริงอะ ตามใจทุกเรื่องเลยป่ะ"

"อย่าคิดอกุศลดิวะ แค่ยอมให้กินเหล้า"

"ก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลย หนูแหละคิดเยอะ" ผมพูดขำๆ ขณะที่น่านก็กระดกเหล้าเข้าปากไปอีกแก้ว นั่งกันอยู่เพลินๆ งงๆ รู้ตัวอีกทีก็กลายร่างเป็นแฮมสเตอร์สติหลุดไปละ

"ทำไมคนอื่นต้องเรียกพี่ซีว่าเฮียด้วยอะ"

"จะไปรู้เหรอ มันเรียกกันเอง"

"เรียกเฮียก็น่ารักดีนะ เรียกบ้างได้ป่ะ"

"ก็ตามใจสิครับ"

"เฮีย"

"อือ"

"เฮีย!"

"เออ"

"เฮียค้าบ!"

"อะไร!"

"เฮียอะ! เฮียเดินตรงๆ ได้ป่ะ!"

"หนูนั่นแหละ จะล้มอยู่แล้ว! ปัดโธ่!" ผมที่กำลังเดินโซซัดโซเซเพราะน่านที่เมาอยู่ข้างๆ สาบานเลยว่าผมชงเหล้าให้น่านบางมาก แต่คนข้างๆ เมาปลิ้นไม่เป็นท่า เขาที่เดินเกาะเอวผมเอาไว้เพื่อยันไม่ให้ตัวเองล้ม พาให้ผมเซไปเซมาด้วย อยากจะด่าที่กินจนเมาเละเทะ แต่ตอนเมาเสือกน่ารักมากไง ผิวขาวๆ เลยทำให้มองเห็นหน้าแดงๆ ของเขาได้ชัด มือที่โอบเอวผมอยู่ทำให้เราใกล้กันมาก หน้าเขาพักอยู่บนไหล่ของผมจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวน่าน 

ลากเข้าห้องเลยดีไหม

"เหี้ย!"

ผมหันขวับไปมองผีมินท์ที่โผล่มาข้างๆ

"มึงว่าอะไรนะ"

"มินท์เรียกเฮีย"

"กูไม่ได้ยินแบบนั้นนะ"

"ก็มินท์ได้ยินจิตอกุศลของเฮียอะ จะลากน่านเข้าห้อง"

"อีผี เดี๋ยวนี้มึงแอดวานซ์ขนาดอ่านความคิดในจิตใต้สำนึกกูได้เลยเหรอ"

"อ่าหะ! คิดไม่ดีเลยนะเราอะ"

"เฮียพูดกับใครอะ" เสียงงู่งี่ของน่านเงยขึ้นมาถามผม

"พูดกับผีครับ"

"เออๆ เฮียเห็นผีได้นี่นา เฮียเก่งจังเลย" น่านหัวเราะแล้วปล่อยมือจากเอวผมไปปรบมือสองสามที

"ปรบมือให้ตัวเองสิเฮีย"

"ครับๆ"

ผมยกมือตบกับแขนเขาเบาๆ เพราะมือยังต้องประคองเขาอยู่ไม่งั้นล้มไปทั้งคู่แน่ๆ ลำบากที่จะพากันประคองไปอย่างนี้ ผมเลยแบกน่านขึ้นหลังแล้วพากลับมาที่หอ ตัวก็เล็กทำไมหนักจังวะ ทันทีที่ถึงหอผมก็ปล่อยน่านลงที่หน้าบันได จะพาเดินขึ้นห้องแต่เจ้าตัวไม่เดินตามแล้วหันมาทำหน้ามุ่ย

"เมื่อไรจะทำลิฟต์อะ"

"สามชั้นเอง"

"ตั้งสามชั้นเหอะ"

"แต่มันเหนื่อยไง"

"งั้นขี่หลังพี่ไหม"

"นอนห้องเฮียได้ป่ะ"

"ได้ดิ!"

"ตอบรับไวป๊าย!" มินท์ที่ยังตามมาด้วยยืนกอดอกพูดจิกผม  ผมยักไหล่ให้มันหน่อยๆ แล้วพาน่านวนกลับมาที่ห้องตัวเอง มันเองก็ยังตามมาด้วย

"จะตามมาทำไมเนี่ย"

"ตามมาดูคนชั่ว"

"น่านเสนอเองนะเว้ย กูไม่ได้บังคับ"

"อะเหรอๆ"

"ผีส่วนผีไป เดี๋ยวกูสวดมนต์ไล่เลย"

"จ้ะๆ" มินท์ว่าหายวับไปจากตรงนี้ ผมดูให้มั่นใจก่อนว่ามันหายไปแล้ว หันมองน่านที่แปรสภาพเป็นของเหลวไหลอยู่บนเตียง ก่อนก้มลงถอดรองเท้าให้เขา

"งื้อ จะเอารองเท้าผมไปไหน!"

"หนูจะใส่รองเท้านอนหรือไง"

"อ๋อ ใส่รองเท้านอนไม่ได้เนอะ" ว่าแล้วก็ดีดรองเท้าออกจากเท้าตัวเอง แล้วก็ขยับมือไปปลดกางเกงตัวเอง ผมจึงรีบคว้ามือนั่นเอาไว้ก่อน

"เฮ้ยๆ เดี๋ยว!"

"ทำไมอะ เฮียจะให้ผมใส่กางเกงยีนส์นอนเหรอ ต้องถอดดิ" น่านจัดการถอดกางเกงยีนส์ออกเรียบร้อย

"ใส่เสื้อนอนก็ไม่ได้ ต้องถอด"

เชี่ย!

น่านว่าแล้วปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดกระทั่งถอดออกเผยให้ตัวขาวๆ เล็กๆ น่าอุ้ม ขณะที่ผมยังยืนงงๆ ว่าต้องเอาไงดี แค่หน้าแดงๆ นั่นกูก็ใจสั่นล่ะนะ เล่นอย่างนี้พี่ไม่ทนนะหนู ถ้ารู้ว่าเมาแล้วน่ารักแบบนี้ กูจะเอาเหล้ากรอกปากแม่งทุกวัน ถุ๊ย! ไม่ได้โว้ย! ผมรีบหันไปคว้าเสื้อยืดตัวหนึ่งแล้วรีบยัดให้คนบนเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนน่านหันมายิ้มกว้างให้ผม

"ยิ้มอะไร นอนเลย"

"เฮียนอนไหม"

"พี่จะอาบน้ำก่อน"

"เฮียนอนเถอะ"

สองมือเล็กๆ นั่นยื่นมาดึงเสื้อผมให้ลงไปนั่งบนเตียงด้วย ใจผมก็อ่อนยวบตอนเด็กมันอ้อน เลยลงไปนอนด้วยทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำ อีกคนข้างๆ ก็ยังเอาแต่ยิ้มให้ ทั้งที่จังหวะมันส่งมาขนาดนี้แล้วควรทำอะไรสักอย่างแล้วอะ แต่กูจะทำได้แค่นอนมองหน้ามันเหรอ ถามแค่นี้

"เฮีย"

"อือ"

"พี่ซี"

"อือ ว่าไง"

"ผมจูบพี่ได้ไหม"

"ฮะ?"

น่านไม่รอให้ผมตอบอะไร แล้วขยับตัวเองเข้ามาใกล้ จู่โจมด้วยริมฝีปากจนผมไม่ทันตั้งตัว จูบของน่านร้อนกว่าจูบของผมเป็นไหนๆ ผมรักน่านและอยากจะทะนุถนอม ตอนผมจูบผมแสดงออกด้วยความรักและความจริงใจจริงๆ จึงไม่กล้ารุนแรงกับเขา แต่น่านไม่ทำอย่างนั้นกับผม ริมฝีปากที่บดขยี้เข้ามาทำเอาผมร้อนระอุไปทั้งร่าง กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ และรสที่ยังขมจากลิ้นที่กำลังซุกซนอยู่ในปากอย่างไม่อาจต้านทาน ผมเผลอตามน้ำอยู่นานก่อนจะตั้งสติได้จึงเป็นฝ่ายถอนจูบออกมา

"ถ้าหนูรุนแรงกับพี่มากกว่านี้ พี่ไม่จบแค่จูบนะ"

เขาไม่ฟังคำพูดของผม หรือสติสัมปชัญญะที่เตลิดหายไปก็ไม่รู้ ยังคงมอบจูบให้ผมไม่หยุด

"นี่คือยั่ว?"

"อือ"

"งั้นพี่ไม่ขัดใจหนูนะ"

 

มีแววกลัวเมียตั้งแต่เริ่มเลยกูอะ แต่ทำไงได้คนมันรักก็ไม่อยากขัดใจ ผมจึงปล่อยให้น่านเริ่ม ก่อนผมเป็นคนจบเรื่อง และคืนนั้นผมก็กล่อมน่านให้นอนหลับฝันดีไปทั้งคืน

 

 

...

 

 

 

วันนี้ผมไม่มีเรียนก็เลยนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในหอ ชีวิตประจำวันของผมก่อนหน้านี้ก็แค่ไปเรียน แล้วก็เมา แล้วก็กลับหอนอนแล้วก็ออกไปเรียนแล้วก็เมากลับมา มันวนอยู่แค่นั้นแต่ตอนนี้เปลี่ยนไป มีทั้งหนูทั้งแมวที่ต้องรับผิดชอบ ช่วงนี้ไอ้เท็นมันเรียนหนักก็เลยไม่มีเวลาดูไอรอนแมน ผมเลยรับมาเป็นลูกบุญธรรมอีกตัว วันว่างๆ ของผมหมดไปกับการเล่นกับพวกมัน สนุกยังไงไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกทีหมดวันไปกับพวกมันนี่แหละ

เมื่อทำงานส่งอาจารย์ ทำโปรเจกต์ห่าเหวอะไรเสร็จก็มานั่งอ่านรีวิวร้านขนมอร่อย น้ำขิงก็ทักมาคุยบ้าง เล่าเรื่องลูกในท้องของมันให้ฟัง บางครั้งก็คุยกับผีสางนางไม้ที่ผลัดกันแวะเวียนมาหา ชีวิตผมเปลี่ยนไปตั้งแต่มีน่านเข้ามา น่านเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตให้มันดี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเอง ผมก็ยังเป็นผมที่ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น

และการมีน่านอยู่ด้วยผมไม่เคยกลัวอะไร ผมเคยมีแค่ตัวเอง จะไปเมาหัวทิ่มหรือนอนข้างถนนที่ไหนก็ได้ ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า แต่ต่อไปนี้ไม่ใช่แล้ว ผมเรียนรู้ว่าความแน่นอนนั่นไม่มีอยู่จริง ผมจะตายตอนไหนก็ไม่รู้ จึงต้องใช้มันอย่างคุ้มค่า ทำสิ่งที่อยากทำ รักใครบางคนเท่าที่อยากรัก 

 

"ตึ้ด"

 

ผมหันไปมองเสียงคีย์การ์ดและประตูที่ถูกเปิดเข้ามา คนที่ผมกำลังคิดถึงเดินทำหน้าเพลียๆ เข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วล้มลงมานอนตักผม

"เป็นอะไรเปล่า"

"เปล่า ก็อ้อนไปงั้น"

"หืม?"

น่านอมยิ้มหน่อยๆ แล้วไถหัวงื้ดๆ อยู่บนตักผม ท่าทางเหมือนไอรอนแมนตอนร้องหาอาหาร แค่นั้นใจกูก็สั่นเฉ๊ย ชีวิตเถื่อนๆ ของไอ้ซี จะต้องมาตายเพราะการกระทำตะงุตะงิแค่นี้จริงๆ เหรอวะ

"พี่ซี เย็นนี้กินอะไรดี"

"กินหนู"

"อะไร!"

"กินหมู พูดผิด!"

"หมูอะไร"

"ก็หมูไง หมูกระทะอะไรก็ว่าไป"

น่านคว่ำปากใส่แล้วเบ้ปากหน่อยๆ เห็นปากเชิดๆ แล้วหมั่นเขี้ยวเลยก้มลงไปจุ๊บสักที

"จุ๊บ!"

"พี่ซี!"

"จุ๊บ"

            ผมไม่รอให้น่านด่าแล้วทำแบบเดิมซ้ำอีกที อีกทีๆ ไปเรื่อยๆ จนน่านยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แก้มขาวๆ ของเขาเปลี่ยนสีเป็นสีแดงจางๆ นั่นทำให้เขาโคตรน่ารัก

"อีกทีไหม"

"พอแล้ว!"

"แหม่ ก็ทำเหมือนกูไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยเนอะ"

ทั้งผมและน่านหันมองไอ้เท็นที่นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วแต่ไม่มีแอร์ไทม์ให้

"อิจฉากูอะดิ"

"เหอะ! ไปดีกว่า" มันพูดงอนๆ แล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ไอ้บ้านี่ก็ไม่มีเสื้อใส่หรือไงก็ไม่รู้ เดินตัวล่อนจ้อนอยู่ได้ และแม่งเสือกหุ่นดีมีซิกแพคด้วยไง เหอะ! ที่มึงหุ่นแบบนั้นเพราะมึงไม่รู้จักความอร่อยของฮันนี่โทสไง อ้วนแล้วก็พาลอีกกู

"พี่ ผมหิวแล้วอะ ออกไปซื้อข้าวกัน"

"ไปดิ"

ผมกับน่านพากันออกมานอกหอเพื่อหาอะไรกิน เดินมาได้ไม่ถึงสิบเมตรคนข้างๆ ก็หันมาบ่น

"ขี่คอได้ป่ะ ขี้เกียจเดิน"

"โห่ น่านหนักเท่าไร แล้วพี่อายุเท่าไร บอกให้ขี่จักรยานก็ไม่เชื่อ ได้ออกกำลังกายด้วย"

"จักรยานก็เหนื่อยอยู่ดีอะ แถมแพงขนาดนั้นต้องขายไตซื้อมั้ง"

"เวอร์ มันก็ไม่ได้แพงขนาดนั้น" ผมพูดปัดๆ นี่ต้องเข้าสู่สมาคมพ่อบ้านโกหกเมีย ลดราคาของที่ซื้อไปครึ่งหนึ่งเพราะกลัวโดนด่าอะ นี่ยังไม่ได้บอกว่าพาลูกไปเปลี่ยนล้อใหม่มาอาทิตย์ก่อน

"อยากขี่มอไซค์อะ"

"หือ?"

"พี่ไม่ชอบรถยนต์ ผมขี้เกียจปั่นจักรยาน มอไซค์อะตอบโจทย์สุดละ"

ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ สายตาผมก็หันไปเห็นไอ้ไคโรที่ขี่มอเตอร์ไซค์สวนมาพอดี มันหันมาเห็นเราก็พยักหน้าให้เป็นเชิงทัก แต่ผมกระโดดไปขวางหน้ารถมันไว้ก่อน

"เฮ้ย! เฮีย อยากตายหรือไง!"

"ไอ้ไค ยืมมอไซค์หน่อยดิ"

"ฮะ?"

"มอไซค์มึงเนี่ย ยืมหน่อย"

"แต่ผมจะไปบ้านเพื่อนนะ"

"ก็เอาจักรยานกูไป"

"โห่ เป็นการแลกที่คุ้มค่ามาก"

"อย่ามาลีลาน่า จักรยานกูซื้อมอไซค์มึงได้สามคันเลยนะ"

"แพงแต่ช้าอะ"

"ช้าแต่ปลอดภัยโว้ย!"

ไคโรอิดออดแต่ก็ยอมลงจากมอไซค์ ผมตบไหล่มันสองทีอย่างขอบคุณ

"ไปหนู พี่หามอไซค์ให้ได้แล้ว"

"ขู่กรรโชกน้องมาเนี่ยนะ"

ไคโรโบกมือปัดๆ เป็นเชิงอนุญาตก่อนจะเดินเข้าหอไป ผมพาน่านขี่มอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ หาข้าวกินเสร็จแล้วก็ชวนกันขี่มอเตอร์ไซค์เล่น แล้วมาจอดอยู่ที่ริมแม่น้ำที่ผมชอบมา ผมยืนพิงราวสะพานมองน่านที่เล่นอยู่กับลูกหมาของคนที่เดินผ่าน เมื่อเจ้าของพาหมาออกไปแล้วน่านจึงลุกมาหาผม เกาะราวสะพานแล้วมองไปยังบนฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"ยังโกรธคิทไหม"

ผมเงียบที่อยู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเคยคิดว่าตัวเองยังไม่คิดที่จะให้อภัยมันจริงๆ เหมือนที่เคยพูดออกไป แต่ไม่ใช่แบบนั้น ผมเพิ่งบอกลากับไอ้คิทเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่มันเคลียร์ความค้างคาในใจกับน่านเรียบร้อย ไอ้คิทมาหาผมอีกครั้ง และการให้อภัยจากใจก็เกิดขึ้นตอนนั้น เพื่อปลดปล่อยวิญญาณที่เต็มไปด้วยความห่วงใยให้เป็นอิสระ ผมก็พร้อมที่จะให้อภัยมันได้ทันที ตอนนี้มันก็คงกำลังเดินทางไปที่ไหนสักที่ ที่ไกลๆ โดยไม่มีโอกาสได้กลับมา

ผมก็ไม่แน่ใจว่าวันหนึ่งไอ้คิทจะจางหายไปจากความทรงจำของผมหรือใครๆ ไหม แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งน่านจะคิดถึงมัน หรือพูดถึงมันบ้างเป็นครั้งคราว นั่นก็ไม่เป็นอะไร

"พี่ยังโกรธคิทอยู่ไหม" 

"ไม่โกรธแล้ว"

"..."

"จากใจจริงเลย"

น่านพยักหน้ายิ้มๆ แล้วหันไปมองฟ้า ไม่รู้มันจะอยู่บนนั้นหรือเปล่า อาจจะกำลังมองเราอยู่ตรงนั้น แต่ผมก็อยากย้ำให้มันแน่ใจได้เลยว่าตรงนี้ไม่มีอะไรที่มันต้องห่วง ยิ่งถ้าเป็นน่านด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องกังวลเลย เพราะผมจะดูแลน่านอย่างดีเท่าที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำได้เลย 

 



To be continued.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2021 03:05:32 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิดถึงน้ำขิง.  :hao5:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ขอน่านได้มั้ย อยากมีน่านสักคนนน แย่งพี่ซี :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เกิดเป็นไคโรต้องยอมพี่ซีอยู่ร่ำไป

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เกลียดความอ้อนของอิพี่ซี น่าหมั่นไส้จริงๆเลยเว้ย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
บทส่งท้าย

 

น่าน :

 

ปีกว่าๆ แล้วที่ย้ายมาอยู่ที่หอของพี่ซี เป็นปีที่ผ่านอะไรมาเยอะมากจริงๆ ชีวิตผมเปลี่ยนไปในทุกๆ การเติบโต และยังไม่รู้ว่าปีหน้าจะเป็นยังไง ก็ขอใช้ชีวิตของปีนี้ให้คุ้มค่าก่อน

 

"แน่ใจนะว่าไม่ไปเที่ยวกับกูอะ" ผมหันมองทิมที่ถามอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เราคุยกันมาตลอดทางเรื่องที่มันชวนผมไปเที่ยวทะเลในวันหยุดที่จะมาถึง 

"มึงไปเหอะ"

"แหม พอมีแฟนก็ไม่ค่อยสนใจกูเลยนะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันเด็ดมากเลยดิถึงทิ้งกูไปหามันอะ"

"มึงเงียบไปเลย มึงจะไปกับเมียมึงก็ไป ไม่ต้องมาชวนกูไปเป็นก้าง"

ทิมหัวเราะเบาๆ แก้เขิน ตอนนี้มันเป็นฝั่งเป็นฝาจากการตามจีบน้องที่คณะมานานเกือบครึ่งปี สุดท้ายไม่รู้ไปเล่นของหรือทำเสน่ห์อะไรจนน้องเขายอมตกลงเป็นแฟนด้วย ว่าแต่ผมหลงแฟน ตัวมันเองนี่หาเวลาให้เพื่อนแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ

"ก็มึงเป็นเพื่อนกูนี่ กูก็ต้องชวนตามมารยาท"

"เออขอบคุณมากที่ชวน แต่กูไม่ไปกวนมึงหรอก"

"งั้นไว้วันหลังไปด้วยกันนะ"

ผมตอบรับ ก่อนทิมจะโบกมือให้นิดๆ แล้วขับรถออกไป ถึงมันจะกวนตีน พูดจาปากหมาแค่ไหนแต่ลองนับดู ผมก็คบกับมันมาเกือบสิบปีแล้ว มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ใจผมมากที่สุด ถึงตอนนี้ผมจะไปไหนมาไหนกับพี่ซีบ่อยขึ้น มันเองก็ติดแฟน แต่เราไม่ได้ห่างกันเลย นั่งเรียนด้วยกัน แถมยังยื่นเรื่องไปฝึกงานเทอมหน้าที่เดียวกันอีก บอกเลยว่าจะตามเกาะกันไปจนแก่ตายไปข้างเลย

ผมเดินเข้ามาในหอ มองหาพี่ซีเพราะซื้อขนมปังปิ้งหน้าม.มาฝากเขาด้วย กำลังเพิ่มปริมาณไขมันให้เขาเรื่อยๆ แต่เขาไม่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น

"โป๊ก! โป๊ก!"

ผมกำลังเดินหาพี่ซี ก่อนจะได้ยินเสียงทุบอะไรสักอย่างมาจากห้องพักชั้นสอง ก่อนจะเดินเข้าไป ประตูห้องถูกเปิดอยู่นิดๆ ผมค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป เห็นพี่ซีกำลังจัดการประกอบตู้ เตียง โต๊ะต่างๆ นาๆ  เพราะเขาเพิ่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เพื่อต้อนรับผู้เช่ารายใหม่ที่จะย้ายเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่พี่ซีลงทุนเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ยกชุด เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกผมมองอยู่ พี่ซีเป็นเจ้าของหอที่ทำได้ทุกอย่างเหมือนพ่อเรา อะไรเสีย อะไรขาดก็เรียกหาเขาก่อนเพราะพี่ซีช่วยได้ทุกเรื่องจริงๆ

"ก๊อกๆๆ" ผมเคาะประตูที่เปิดอยู่แล้วสองสามที เขาเงยหน้าขึ้นมามอง

"อ้าว กลับมาแล้วเหรอ

"ให้ช่วยเปล่า" ผมเข้าไปนั่งข้างๆ เขาแล้วหยิบจับอุปกรณ์ขึ้นมา

"ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเจ็บตัว"

"ก็ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก"

"แล้วเด็กป่ะล่ะ"

ผมขี้เกียจเถียงแล้วก็เลยไม่ทำอะไรอย่างเขาบอก

"นี่อะไรอะพี่" ผมหันไปเห็นชุดเฟอร์นิเจอร์อีกอย่างที่ยังไม่ได้ประกอบ

"เปลเด็ก"

"ทำไมถึงมีแปลเด็กอยู่..." ผมสะดุดกึกเพราะความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว คนที่ย้ายเข้ามานั้นคือ

"อือ ไอ้ขิงไง"

"จริงดิ!"

"ใช่ มันกลับมาเรียนแล้ว บอกจะเอาลูกมาอยู่ด้วย ก็เลยจัดห้องให้ใหม่เลย เลือกเองด้วย น่ารักป่ะ" ผมหันไปมองเปลเด็กนั่นแล้วพยักหน้าหงึกๆ

"พี่ซีโคตรใจดีเลยอะ"

"เกิดมาเป็นพระเอกก็แบบนี้แหละ" เขาพูดขำๆ แล้วลุกขึ้น จัดโต๊ะที่เพิ่งประกอบเสร็จให้เข้าที่เข้าทาง

"เฮียของเด็กๆ หล่อมาก"

"แน่นอน"

"ใจดีมาก"

"สุดๆ"

"เท่มาก"

"ชัวร์อยู่แล้ว"

"แล้วก็..." ผมหยุดพูดเมื่อหันไปเห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ตู้

"อะไรวะ"

"แมงมุม"

"เฮ้ย!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่พี่ซีร้องลั่นแล้วกระโดดมาหลบหลังผม

"ไหนๆๆ มันอยู่ไหน!"

"ก็แค่แมงมุม ตัวเล็กนิดเดียวเองพี่"

"พี่ไม่ชอบมัน!"

"เดี๋ยวผมไล่ให้" ผมหยิบเศษลังกระดาษขึ้นมาเคาะๆ ไล่เจ้าแมงมุมตัวนั้นก็เดินหนี ผมค่อยๆ ไล่จนมันออกไปทางหน้าต่าง พี่ซีที่ยังเกาะอยู่ที่หลังของผมทำเสียงหวั่นๆ

"มันไปยัง"

"ไปแล้วครับ โห่ กลัวอะไรกับอีแค่สัตว์ตัวเล็กๆ วะพี่"

"ก็มันน่าเกลียดอะ ไม่ชอบ" เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อสำรวจถึงสัตว์ชนิดนั้น

"เฮียของเด็กๆ หมดความเท่เลย"

"มันไปแล้วจริงๆ นะ"

"ออกหน้าต่างไปนู่นแล้ว" เขาเดินไปหยิบลังกระดาษอย่างกล้าๆ กลัวๆ 

"เฮ้ยนั่น!"

"ไหนๆ เดี๋ยวผมกระทืบให้เลย"

"ไม่ใช่ นั่นจิ้งจกอ่ะ"

"จิ้งจก! เย้ย!" คราวนี้เป็นผมที่กระโดดไปเกาะหลังพี่ซี

"ทำไมๆ มีอะไร"

"ผมเกลียดมัน! เอามันไปไกลๆ เลย!" ผมหลับหูหลับตาไล่ไอ้สัตว์ชนิดนั่น พี่ซีใช้เท้ากระทืบๆ จนไอ้จิ้งจกตัวนั้นวิ่งหายวับไป ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ตัวบ้าอะไรขาวๆ นิ่มๆ แม่ง แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว! ขณะที่ขนลุกขนพองพี่ซีก็หัวเราะขึ้นมา

"ขำอะไร"

"กลัวอะไรกับอีแค่สัตว์ตัวเล็กๆ วะน่าน"

"ไม่ชอบ" ผมทำท่าแขยง พี่ซียิ่งหัวเราะหนัก

"เป็นหนูกลัวจิ้งจกด้วยเหรอวะ"

"อย่ามาพูดดีนะ พี่ตัวอย่างควายยังกลัวแมงมุมเลย"

"ออกไปข้างนอกกันเหอะ ก่อนจะเจอตัวอะไรประหลาดกว่านี้" พี่ซีจับไหล่ผมหมุนออกไปนอกประตู ก่อนเราจะเดินออกมาจากห้องนั้น

"ผมซื้อขนมปังปิ้งหน้าม.มาด้วย"

"โห่ จะขุนให้อ้วนเป็นหมูเลยป่ะ อ้วนกว่านี้จะทำไง"

"นุ่มนิ่มดีออก กอดอุ่น"

"หนาวขึ้นมาเลยเนี่ย กอดกันนะๆ" พี่ซีว่าแล้วกอดผมจากด้านหลังขณะก้าวเท้าเดินไปที่บันได

"มากอดอะไรตรงนี้เล่า ปล่อย!"

ผมกับพี่ซียังลงไปไม่ถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดกึกไปทั้งคู่ เพราะมองไปเห็นผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูหอ

"ซี!"

"แม่!" พี่ซีร้องลั่นก่อนจะวิ่งไปรับผู้หญิงคนนั้น

ผมเดินตามไปด้วยแล้วมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังกอดกับพี่ซีอยู่ หอมแก้มซ้ายทีขวาที สลับไปมาจนพี่ซีต้องบอกให้หยุด แม่พี่ซีโคตรสวย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงหล่อขนาดนี้ แม่พี่ซีพูดภาษาฝรั่งเศส แต่เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยผมไม่เข้าใจบทสนทนานั่น แต่ก็อดยิ้มตามไม่ได้กับท่าทางของพี่ซี เขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ พออยู่กับแม่ตัวเอง

"แม่นี่แฟน"

เฮ้ย ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่พี่ซีหันมาแนะนำผมแบบไม่บอกกันก่อน แม่พี่ซีหันมายิ้มกว้างให้

"น่ารักเนาะ" ภาษาไทยสำเนียงฝรั่งออกมาจากปากของแม่พี่ซี ผมจึงได้แต่ยกมือขึ้นไหว้เกร็งๆ เปิดตัวกับแม่แฟนแบบงงๆ ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะปล่อยให้พี่ซีคุยกับแม่ต่ออย่างคนไม่ได้เจอกันมานาน

 

ผมได้คุยกับแม่พี่ซีในตอนหลัง แม่บอกว่าที่กลับมาไทยเพราะจะมาร่วมงานวันเกิด ไม่ใช่วันเกิดใครแต่เป็นวันเกิดของหอพัก วันที่เปิดหอพักเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันนี้ที่หอจึงครึกครื้นกว่าปกติ เสียงเพลงจากชุดโฮมเธียเตอร์ที่ไม่ได้ดังจนน่ารำคาญ หอที่ถูกตกแต่ง ประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง และของจุกจิกน่ารักๆ ฝีมือไคโร เท็นและแคทที่มาร่วมงานด้วย ผมยิ่งรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน เพราะที่นี่มีครอบครัว

ผมกำลังช่วยแม่พี่ซีทำอาหารในครัว ไม่นานพี่ซีที่เพิ่งออกไปซื้อของก็เดินกลับเข้ามาแล้ววางถุงลงบนโต๊ะ

"ได้มาครบไหม" แม่เขาหันไปถาม พี่ซีบอกว่าก่อนหน้านี้แม่เขาอยู่ที่ไทยมากกว่ายี่สิบปี พูดภาษาไทยเก่งเท่าคนไทยเลย ผมเลยไม่ลำบากที่จะสื่อสารด้วย

"ครบสิ"

"เกินด้วยมั้ง" ผมมองไปยังขวดเบียร์อีกถุงที่เขาถือมาด้วย

"สังสรรค์ๆ" พี่ซีให้เหตุผลที่ผมเถียงไม่ได้ ผมจึงได้แค่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วหันไปช่วยแม่ทำอาหารต่อ

"หยิบกระเทียมให้หน่อยลูก"

ผมพยักหน้า กระเทียมที่เพิ่งสั่งให้พี่ซีไปซื้อมาเมื่อกี้ หยิบหากระเทียมในถุงนั่นแต่ไม่เจอ มีแค่หัวหอม

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"เมาหรืออะไรเนี่ย บอกให้ไปซื้อกระเทียมพี่ซื้ออะไรมา"

"ก็กระเทียมไง นี่อะ"

"นี่มันหัวหอมเว้ย"

"อ้าว มันไม่เหมือนกันเหรอวะ"

"เวรกรรม"

"กระเทียมมันก็ขาวๆ ไงพี่ นี่มันหัวหอมเว้ย"

"เหรอ เพิ่งรู้วันแรกเลยนะเนี่ย"

"มานี่เลย มานี่"

พี่ซีทำหน้างงๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมยัดแพ็คหัวหอมเข้าไปในมือของเขา

"ถือเอาไว้ แล้วท่องคำว่า หัวหอม ไปร้อยครั้ง"

"แม่ น่านแกล้ง!"

"ท่องไป" แม่เขาหันมาพูด ผมหัวเราะเบาๆ พี่ซีมองเคืองๆ แล้วยอมท่องตามที่ผมบอก

"หัวหอม หัวหอม หัวหอม"

"ฟึ่บ!"

ผมสะดุ้งเฮือกที่อยู่ๆ ที่ซีก็เอาจมูกมาชนแก้มผม หอมซะฟอดใหญ่ แล้วหันไปทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ท่องต่อ

"หอมหนู เอ๊ย! หัวหอม หัวหอม..."

ผมหันกลับมากลั้นยิ้มเอาไว้

"แน่ะ เขิน" แม่ของเขาพูดพลางใช้ศอกกระแทกผมแซวๆ

"แม่อย่าแซวดิครับ"

หลังจากทำอาหารเสร็จ พี่ซีตักอาหารใส่จานใบเล็กๆ แยกไปสามสี่จาน เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมไปช่วย ผมถือจานตามพี่เขามาอีกฝั่ง พี่ซีจัดการจุดธูปปักลงบนอาหาร ปักหลอดลงในขวดน้ำอัดลม แม้แต่มีปาร์ตี้เขาก็ไม่ลืมที่จะชวนพันธมิตรผีของเขามาด้วย

"เอ้า แดก" เขาพูดกับสิ่งไม่มีชีวิตที่ยืนอยู่อีกฝั่ง กับคนกับผีแม่งก็ฮาร์ดคอร์ไม่เคยเปลี่ยน ผมกำลังจะเดินกลับเข้าไปในปาร์ตี้ก่อนผมจะตาเบิกกว้างเมื่อมองไปเห็นน้ำอัดลมไหลขึ้นมาบนหลอดราวกับถูกดูดจริงๆ

"พี่ซี"

"กินเสร็จก็เข้าไปข้างในนะ"

พี่ซีพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับเข้าไป ผมยังมองหลอดนั่นอย่างพิจารณาอีกครั้งว่ามันบังเอิญตามหลักวิทยาศาสตร์หรือมันถูกดูดจริงๆ กันแน่ กระพริบตารัวตอนหลอดนั่นสั่นเหมือนเป็นคำตอบให้ผมเลิกสงสัย เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดกับสรรพสิ่งเหล่านั้นเบาๆ   

"กินให้อร่อยนะ อันนี้เราทำเอง" ผมชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่ ก่อนจะเดินตามพี่ซี เข้าไปนั่งที่โซฟากับไคโร พี่ซีเทน้ำอัดลมให้ผมแล้วยื่นให้

"อย่าคิดที่จะแตะแอลกอฮอล์"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ประตูหน้าหอก็ถูกเปิดเข้ามา คนที่เดินเข้ามาทำให้เราทั้งหมดร้องเรียกออกมาเสียงดัง

"น้ำขิง!"

น้ำขิงเดินเข้ามาโบกมือทักทายหน้าบ้าน ผมมองไปยังมนุษย์อีกคนที่มันเกาะอยู่บนอกด้วยกระเป๋าหน้าท้องเหมือนจิงโจ้

"น้ำค้าง!" พวกเรากระโดดเข้าไปหาลูกของน้ำขิง พวกเราไปเยี่ยมขิงตอนที่คลอดลูก จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลย แต่ผมเห็นความน่ารักของน้ำค้างผ่านทางเฟสบุ๊กอยู่ตลอดๆ พวกเราเข้าไปรุมอุ้มเด็กหญิงตัวกลมที่อายุยังไม่กี่เดือน เสียงที่เปล่งได้เบาๆ ของเธอกับน้ำลายที่ไหลย้อย แม่งโคตรน่ารัก หลงรักกันหัวปักหัวปำ ขนาดเท็นมันแทบจะโยนแมวทิ้งแล้วไปเอาเด็กมาเลี้ยงเลยอะ แต่พี่ซียังทำตัวห่างๆ เพราะเขาไม่ชอบเด็ก ผมอุ้มน้ำค้างอย่างระวังมือแล้วเดินไปหาเขาที่กำลังยืนดื่มเบียร์อยู่

"น้ำค้าง สวัสดีลุงซีสิครับ ลุงคะ ทักทายหนูหน่อยสิคะ" ผมจับแขนนุ่มๆ ของน้ำค้างไปแตะๆ ที่หน้าของพี่ซี 

"เรียกว่าไงนะ ลุงเลยเหรอ มากไปๆ"

"งั้นก็เรียกพ่อเลยลูก เรียกพ่อๆ"

"เรียกแม่ด้วยดิ เรียกแม่ๆ" พี่ซีพูดแล้วใช้นิ้วจิ้มๆ น้ำค้าง ก่อนขยับห่างไปอีก 

"เฮียลองอุ้มสิ" น้ำขิงว่า ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วยกน้ำค้างให้เขา

"ไม่เอา กูไม่ชอบเด็ก"

"..."

"แต่ถ้าเด็กแบบนี้โอเค" พี่ซีว่าแล้วยกมือลูบหัวผม ผมโยกหัวหลบความทำตัวเสี่ยหื่นของเขา แล้วยื่นน้ำค้างให้อีกที

"ลองอุ้มดู"

"เฮ้ย! อุ้มไม่เป็น!" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เขายอมวางขวดเบียร์แล้วรับน้ำค้างไปจากผมแล้วอุ้มแบบเก้ๆ กังๆ เขาค่อยๆ จับน้ำค้างให้อยู่ในท่าที่เหมาะสมอย่างระวัง น้ำค้างไม่ดื้อชนิดที่ว่าใครจับอุ้มก็ได้ แล้วตอนนี้ก็ดูจะชอบลุงซีถึงได้ยิ้มกว้างจนตาหยี

"ทำไมมันหอมวะ" พี่ซีถามแล้วยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาดมๆ

"กลิ่นเด็กอะเฮีย"

"มันก็เหมือนอุ้มหมาอุ้มแมวแหละเนอะ"

"เฮีย นั่นลูกหนู!" น้ำขิงหันไปโวยใส่

"เลี้ยงยากไหม" แม่พี่ซีถาม

"ไม่เลยค่ะ ไม่งอแงเลย" ก่อนบนสนทนาจะยืดยาวตามประสาแม่มือใหม่และแม่ดีเด่นอย่างแม่พี่ซี เพราะแม่เลี้ยงพี่ซีโตมาเป็นพี่ซีที่แสนดีของผมแบบนี้ก็เลยมอบตำแหน่งแม่ตัวอย่างให้ซะเลย ผมมองดูบรรยากาศรอบๆ แล้วยิ้มออกมา ปาร์ตี้ขนาดย่อมๆ ในหอพักเล็กๆ ที่ทำให้อบอุ่นในใจ ผมโชคดีจังที่ได้อยู่ที่นี่ ได้รู้จักกับคนที่นี่

ป้าทิพย์แม่บ้านที่โคตรใจดี  ไคโรเด็กที่โดนยกพวกตีเมื่อวาน ที่วันนี้กลายเป็นเฟรชชี่คณะวิศวกรรมมหาลัยเดียวกับเรา เท็น ผู้ชายรักสัตว์ที่คุณสมบัติดีพร้อมเว้นแต่ไม่มีเสื้อใส่ น้ำขิงอดีตนักศึกษาแพทย์ปัจจุบันกำลังจะเข้าเรียนจิตวิทยา ผู้หญิงที่สวมแว่นหนาไม่เข้าสังคมวันๆ เอาแต่อ่านหนังสือ ปัจจุบันเป็นแม่ของลูกที่น่ารักน่าฟัด เข้มแข็งและยิ้มเก่งกว่าเดิม ผมมองเห็นหลายอย่างที่เปลี่ยนไป และทุกๆ การเปลี่ยนแปลงมันมีเหตุผลเสมอ  พวกเราต่างโตขึ้น การผ่านอะไรมามากมายกลายเป็นบทเรียน ผมเองก็เหมือนกัน เคยเป็นเด็กบ้าที่ร้องอยากเจอผี จมดิ่งอยู่กับอดีต แต่ตอนนี้อยู่กับความเป็นจริง อยู่กับคนที่มีอยู่จริง รับและให้ความรักที่มีอยู่จริง 

ผมเลื่อนสายตาไปที่พี่ซี เขาเป็นคนตกหลุมรักกับอะไรง่ายมากนะ และดูเหมือนตอนนี้ก็จะตกหลุมรักเจ้าตัวเล็กไปแล้วถึงได้อุ้มไม่ยอมวาง ไม่ให้คนอื่นแตะหลานด้วย

"ขิง มึงขายไหม"

"ขายอะไรเฮีย"

"ลูกมึงเนี่ย เท่าไรกูก็ซื้อ"

"เฮียนั่นลูก!"

"ไหนบอกไม่ชอบเด็ก"

"ก็ดูดิมันน่ารัก กลมๆ นิ่มๆ ดุ๊กดิ๊กได้ด้วย หอมด้วย" ว่าแล้วก็กดจมูกลงไปบนแก้มนิ่มของน้ำค้าง ผมเดาว่าพอน้ำค้างย้ายมาอยู่ที่หอนี้จะต้องกลายเป็นลูกของพี่ซีจนไม่ยอมให้แม่มันอุ้มแน่ๆ 

"น้ำแข็งหมดอะ"

"เดี๋ยวป้าไปเอาให้ค่ะ"

"เดี๋ยวหนูไปเอาเองค่ะป้า" แคทเสนอตัวก่อนจะเดินถือกระติกเข้าไปในครัว จังหวะนั้นพี่ซีก็ดึงหัวเท็นเข้ามาใกล้

"อะไรเฮีย"

"กูบอกให้มึงจีบเลย นั่งทำเหี้ยอะไรอยู่" แคทมันเลิกกับแฟนไปเมื่อไม่นาน พี่ซีกำลังสนับสนุนให้เท็นจีบน้องอยู่ ผมเองก็อยากสนับสนุน แต่ก่อนอื่นต้องไล่ไอ้เท็นไปซื้อเสื้อมาใส่ก่อน ไม่อยากให้น้องมันคบกับชีเปลือยอะ

"โห่ เฮีย ไม่กล้า"

"แล้วน่ารักไหมกูถามตรงๆ"

"น่ารัก"

"จะจีบไหม"

"เออ จีบ!"

"ลุยเลยมึง" พี่ซีตบไหล่เท็นเบาๆ ตอนที่แคทเดินกลับมาพอดี แคทวางกระติกน้ำแข็งลงบนโต๊ะแล้วหันไปจับไอรอนแมนขึ้นมา

"พี่เท็น นี่แมวพี่เท็นเหรอ"

"อ๋อ ใช่"

"พี่เท็นชอบแมวด้วยเหรอ"

"ใช่ครับ พี่ชอบแคท เอ๊ย! ชอบแมว พี่หมายถึงแคทที่แปลว่าแมว คือ....แมวครับ" พี่ซีกลอกตามองบนกับความเงอะงะของเท็น แต่ผมกลับยิ้มออกมาพอๆ กับที่แคทยิ้ม ผมรู้จักแคทมานานพอควร ก็พอจะรู้ว่ามันเองก็สนใจตาชีเปลือยนี่เข้าแล้ว

"ชื่อแคทนี่มาจากแมวหรือเปล่า"

"เปล่า มาจากช็อกโกแลตคิทแคท พี่ชื่อคิท หนูชื่อแคทไง"

"อ๋อ ถ้าเป็นคิทแคท"

"..."

"พี่ก็ชอบนะ"

"วิ้วๆ" ไคโรทำเสียงล้อๆ จนเท็นหันมาตบกบาลทีหนึ่ง

"รักวัยรุ่นน่ะค่ะ" ป้าทิพย์หันไปพูดแซวๆ กับแม่พี่ซี ก่อนเราจะหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน  เพราะเป็นวัยรุ่น เพราะมีความรัก ชีวิตเลยมีสีสัน ผมคนเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้อีกแล้ว ลืมแม้กระทั่งวิธีที่จะตกหลุมรักใครสักคนไปแล้ว แต่ที่สุดของความโชคดี คือการได้รู้จักกับเขา

พี่ซี อดีตขี้เมาเจ้าของหอ คนที่ผมเคยคิดว่าเป็นพวกจรจัด ปากหมา เถื่อนแล้วก็สกปรก แต่จิตใจดีเกินกว่าที่คิด ผมไม่คิดว่าเราจะเดินกันมาถึงจุดนี้ ความรักมักไร้เหตุผล รู้ตัวอีกทีมันก็รักไปแล้ว

คิดย้อนไปมันก็ขำ ถ้าผมไม่อยากเจอผี ถ้าเขาไม่มองเห็นผี ถ้าเรื่องเหลือเชื่อนี้ไม่เกิดกับผมและเขา ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แม้บ้าบอเกินกว่าจะมีจริง แต่ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นแล้ว และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ

ชีวิตของเราทั้งหมดผ่านอะไรมามากมาย ผ่านเความสุข ผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ผ่านการต่อสู้ ผ่านการยอมแพ้ ผ่านการเริ่มต้นใหม่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าการที่ผ่านอะไรมามากมายนั้นจะทำให้บทเรียนในชีวิตมันมากพอแล้ว  ผมยังโตได้อีก ยังพร้อมที่จะรู้เรื่องที่ยังไม่รู้ หรือเผชิญกับเรื่องเหลือเชื่ออะไรในโลกนี้ได้อีก ยังพร้อมที่จะทิ้งเหตุผล ทิ้งข้อเท็จจริงในการใช้ชีวิตต่อไปของตัวเอง ความเชื่อเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยังคงยืนหยัดต่อไป และความรักเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย เหนือสิ่งอื่นใดคนรักคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีพลังในการเดินทางต่อไป

"หนู มาถ่ายรูปกัน"

ผมพยักหน้าแล้วเขยิบหน้าเข้าไปใกล้เขา พี่ซีอุ้มน้ำค้างขึ้นมาด้วย ก่อนกดชัตเตอร์ไปสองสามครั้งจนพอใจ  เริ่มดึกแล้ว พี่ซียอมเอาน้ำค้างคืนให้น้ำขิงเพราะตัวเล็กเริ่มงอแง แม่ของพี่ซีเลยพาเข้าไปนอน ส่วนป้าทิพย์ก็ขอตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกเรายังอยู่คุยกันต่อ เรื่องที่พูดคุยก็มีมากเรื่อยๆ จนคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้นอน ผมหันมองพี่ซีที่หยิบเบียร์มาขวดหนึ่งแล้วกระดกขึ้นดื่ม 

"เบาๆ หน่อย" ผมปรามเขาขณะที่กำลังดื่มไม่หยุด

"ไม่เมาหรอกน่า"

"เมาไม่กลัว กลัวตายเร็ว"

"คนอย่างพี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก อยู่กับหนูได้อีกนานไม่ต้องห่วง" พี่ซีว่าแล้วใช้มือหนึ่งสอดเข้ามาประสานกับมือผม 

"สัญญา?"

"ด้วยเกียรติของพี่ซี ผู้ชายที่หล่อที่สุดในที่นี้"

"อยู่กันไปนานๆ นะ"

"ครับผม"

"ฮัลโหลๆ"

ผมกับพี่ซีหันไปมองเสียงของแคทที่ดังขัดขึ้นมา

"หวานไม่เกรงใจเลยนะคะ"

"เออ นั่งดูอยู่นานละ ทำเหมือนพวกผมไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยเนอะ" เท็นก็เสริมขึ้นมาอย่างเข้ากันได้ดี

"มึงก็คุยกันไปสิ จะเสือกทำไมเนี่ย"

"ไม่ต้องไปว่าเขาหรอก นี่ก็จีบกันอยู่เหมือนกันนี่แหละ" ไคโรพูดเดือดๆ แล้วมองตาขวางใส่เราทั้งหมด

"คนไม่มีคู่ถอยมานี่มา" น้ำขิงว่าแล้วดึงเสื้อไคโรให้ถอยไป

"เล่นเกมกันดีกว่า" แคทเสนอขึ้นมา ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย เกมที่ว่าคือเกมวงเหล้าที่เป็นแอพพลิเคชั่นหนึ่งในมือถือ มันจะให้เรากดแล้วแรนดอมไปตกในคำสั่งต่างๆ ก็ต้องทำตาม แอลกอฮอล์นิดหน่อยผสมกับความสนุกสนาน ปาร์ตี้คืนนี้เลยดูว่าจะอีกยาวไกล

"ดื่มหมดแก้ว!"

ขิงทำตาโตเมื่อกดไปโดนคำสั่งนั้น

"เดี๋ยวต้องดูลูกอะ ให้เฮียดื่มแทนนะ" น้ำขิงยกแก้วนั่นส่งให้พี่ซี

"อะไรวะ กูอีกแล้ว" เจ้าตัวไม่ทันจะได้ขัดขืน ขิงก็จัดการกรอกเหล้าใส่ปากเขาทันที นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พี่ซีดื่มแทนน้ำขิง

"ตาน่านแล้ว"

ผมพยักหน้ารับแล้วกดปุ่มนั่น ก่อนจะไปตกคำสั่งเดียวกับน้ำขิง

"ดื่มหมดแก้ว!"

ผมไม่ทันจะได้พูดอะไร พี่ซีก็หยิบแก้วตรงหน้าไปยกดื่มแทนทันที ตัวเองอะเมาได้หัวราน้ำ แต่กับผมนี่ไม่ยอมให้แตะแม้แต่ฟองเบียร์เลย แต่ผมเองก็ไม่อยากเมา เมาแล้วก็น่าตีตัวเองอยู่เหมือนกันแหละ เลยยอมให้เขาดื่มแทนทุกรอบไปเลย

"อะๆ ตาเฮีย"

"ถ้าได้หมดแก้วอีกรอบกูจะตายแล้วนะ" เขาบ่นๆ แล้วกดปุ่มนั่น ก่อนจะปรากฏคำสั่งขึ้นมาที่หน้าจอนั่น

"จูบกับคนข้างซ้าย"

พี่ซีหันขวับไปหาเท็น

"ไอ้เท็นเหรอ!"

"ทางซ้าย!" ทุกคนประสานเสียงกันพูด เหมือนเขาจะเมานิดหน่อยแล้วที่แยกแยะไม่ออกอันไหนซ้ายอันไหนขวา แต่ว่าคนทางซ้ายของเขาก็คือผมไง

"จูบเลย! จูบเลย!"

ไอ้พวกนี้ก็ส่งเสียงเชียร์หนักอย่างกับเชียร์มวย กดดันผมอะ พี่ซียกมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วโน้มหน้าลงมาถามก่อน

"พี่จูบหนูได้ไหม"

ผมตอบคำถามนั่นผ่านริมฝีปากตัวเองที่ขยับไปชนปากเขาก่อน เอาจริงเราก็ร้ายเหมือนกัน แต่พี่ซีร้ายกว่าเพราะไม่ยอมปล่อยผมออก  ท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนในหอ ผมเห็นว่านานเกินไปจึงผละตัวเองออกมาจากเขา แล้วก็ได้แต่ก้มหน้าบดบังความเคอะเขินของตัวเอง

"เกมนี้สนุกดีว่ะ"

พี่ซีฉุดผมขึ้นมาจากพื้นแล้วใช้มือหนึ่งโอบเอวผม ให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น มืออีกข้างของเขาที่ถือขวดเบียร์ติดมาด้วยยกกระดกจนหมดขวดแล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนหันไปพูดกับคนในหอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความร้ายกาจ

 

"กูกับน่านไปเล่นเกมต่อในห้องนะ"

 

 

 

END



จบจนได้ ฮึก ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่เรื่องหน้าค่า เลิฟฟฟฟฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2021 03:08:19 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
น่ารักจนหมดเบียร์หยดสุดท้ายเลยค่ะพี่ซี

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องน่ารัก ๆ
เป็นเรื่องที่กลมกล่อมกำลังดี
ไม่ยืดเยื้อย้วยยาด ... ดราม่ากำลังดี ฟินแบบไม่เลี่ยน
ดีค่ะดี

จะรอเรื่องต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตามไปดู เขาเล่นเกมในห้องด้วยคนดีกว่า  :m7: :m22:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
จบซะแล้วพี่ซีคนเห็นผี ชอบพระเอกแนวๆนี้ของคุณรชาจริงๆเลยตั้งแต่พี่อิสแล้ว แต่บูรพาเราก็ชอบนะ รอตอนพิเศษค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ กอด  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด