พิมพ์หน้านี้ - [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 19-01-2018 05:53:43

หัวข้อ: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 19-01-2018 05:53:43
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

__________________________________________________________________________________________


(http://i68.tinypic.com/289ct20.jpg)

#รักนี้ผีไม่เกี่ยว


สารบัญ
บทนำ เปิดหอพักผีสิง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3773961#msg3773961)
ตอนที่ 1 เจ้าที่แรง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3775458#msg3775458)
ตอนที่ 2 คนเห็นผี  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3778042#msg3778042)
ตอนที่ 3 ใครบอกว่าผีไม่มีจริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3779869#msg3779869)
ตอนที่4 พูดถึงผี ผีก็มา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3783417#msg3783417)
ตอนที่ 5 ขนหัวลุก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3786260#msg3786260)
ตอนที่ 6 เป็นเพราะกลัว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3788121#msg3788121)
ตอนที่ 7 การกลับมาของคนตาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3790447#msg3790447)
ตอนที่ 8 มาเล่นกันเถอะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3793250#msg3793250)
ตอนที่ 9 เป็นเพราะฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3795626#msg3795626)
ตอนที่ 10 ในความมืด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3797334#msg3797334)
ตอนที่ 11 หนู (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3800556#msg3800556)
ตอนที่ 12 ผีบอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3800561#msg3800561)
ตอนที่ 13 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3802410#msg3802410)
ตอนที่ 14 เพราะความตาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3804435#msg3804435)
ตอนที่ 15 เท่านี้ที่อยากได้ยิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3806704#msg3806704)
ตอนที่16 หลอกหลอน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3808866#msg3808866)
ตอนที่ 17 ตายแล้วแต่ยังอยู่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3812733#msg3812733)
ตอนที่ 18 ตายดีกว่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3814988#msg3814988)
ตอนที่ 19 ไว้ชาติหน้ามาพบกันใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3816968#msg3816968)
ตอนที่ 20 คำขอบคุณ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3819089#msg3819089)
ตอนที่ 21 ที่เจ็บก็หายดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3820877#msg3820877)
ตอนที่ 22 ทั้งหมดที่มี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3822535#msg3822535)
บทส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65489.msg3825534#msg3825534)



________________________________________

**นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติที่แต่งขึ้น เรื่องราว สถานที่ บุคคลใดๆ ชื่อ-นามสกุลที่ปรากฏในเรื่องไม่มีอยู่จริง หากบังเอิญซ้ำกับชื่อหรือนามสกุลจริงของท่านใดขออภัยมา ณ ที่นี้**

**ฝากเรื่องที่ผ่านมาด้วยค่า**
East meets North - บูรพากับองศาเหนือ [จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3525318#msg3525318)
 Let me kiss you - จูบของเรา [จบแล้ว]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59523.msg3619207#msg3619207)
รักอิสระ [จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57458.msg3563360#msg3563360)
Fight for my BAE [เรื่องสั้นมาก] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61955.msg3705181#msg3705181)
 Episode 1 Season 2 ธงทัพ ภูผา นาวี [ยังไม่(มีทีท่าว่าจะ)จบ] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63350.msg3728758#msg3728758)

ด้วยรักและขอบคุณ

เต้าหู้ไข่ / รชา
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทนำ] 19/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 19-01-2018 05:56:41
บทนำ

เปิดหอพักผีสิง



หอพัก Just Live Here

ผมเดินลากกระเป๋าเข้ามาที่ตึกขนาดสามห้องของอาคารพาณิชย์สามชั้นที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นหอพัก ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวตึกเพื่อมองการตกแต่งด้วยสไตล์ที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะบัญญัติว่าอะไรดี ฝั่งหนึ่งเป็นผนังปูนเปลือยและของตกแต่งสไตล์ลอร์ฟ อีกฝั่งเป็นผนังสีขาวมีภาพวาดงานศิลป์ประดับอยู่ ส่วนโถงตรงกลางดูเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นแต่เฟอร์นิเจอร์อีกส่วนเป็นสไตล์วินเทจ ความไม่ธรรมดาของเจ้าของหอบ่งบอกผ่านรสนิยมการตกแต่งตึกจนผมแอบประหลาดใจ

"มึงอยู่ได้แน่นะเว้ย แถวนี้แม่งอย่างกับป่าช้า"  ทิม เพื่อนที่มาช่วยขนของเข้าหอพูดขึ้นขณะกำลังลากกระเป๋าอีกใบของผมตามมา ห้องเบอร์ 888 คือห้องของผม ป้าทิพย์ เจ้าของหอบอกกับผมว่าหอที่นี่มีจำนวนแปดห้อง และผมคือผู้พักรายที่สี่ของหอ

"เอออยู่ได้น่า ดีกว่าที่เก่าก็แล้วกัน" ผมหันตอบทิมขณะไขกุญแจเข้าห้อง เงื่อนไขการหาหอพักที่ผมต้องการ คือข้างห้องต้องไม่ใช่คู่รักที่ชอบทะเลาะกัน หรือคู่รักข้าวใหม่ปลามัน หรือแก๊งนักศึกษาสายแข็งที่ตั้งวงเหล้าได้ทุกวัน ซึ่งหอเก่าของผมร่ายล้อมไปด้วยคนพวกนั้น บางวันก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันด้วย บางวันก็เสียงทำกิจกรรมของคู่รักที่ดังจนผมอยากลุกไปทุบผนังเพื่อขัดจังหวะ และทุกวันต้องมาฟังเพลง ฟังเสียงเคาะขวดจากไอ้พวกขี้เมาหลังเลิกเรียนสภาพแวดล้อมน่ากระโดดตึกตายมาก ดังนั้นการย้ายออกควรจะเป็นอะไรที่เหมาะสมและควรทำมากที่สุด

ผมเลื่อนสายตามองรอบๆ ห้องที่ขนาดกำลังดี ราคาแพงกว่าที่เก่านิดหน่อยแต่สมเหตุสมผลด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ครบครันจนไม่ต้องเอาอะไรมาเพิ่มเลย ไอ้ทิมสำรวจอุปกรณ์อำนวยความสะดวกตรงนั้นทีตรงนี้ที แล้วเดินไปเปิดม่านที่ระเบียงหลัง

"ไอ้ตึกผีนั่นเหรอวะที่เป็นข่าว" มันว่าแล้วชี้ไปยังตึกแปดชั้นที่อดีตเคยเป็นหอพักที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ ผมพยักหน้าเบาๆ และมองไปยังที่นั่น ใครๆ ก็เรียกที่นั่นว่าตึกผีสิงเพราะที่นั่นเคยมีนักศึกษาสาวฆ่าตัวตายที่นั่น เคยเป็นข่าวดังอยู่พักใหญ่ คงเป็นเพราะเรื่องนั้นทำให้ไม่มีใครเลือกที่จะอยู่หอแถวๆ นี้เลย บรรยากาศจึงเงียบสงบราวกับรอรายการคนอวดผีมาถ่ายทำ แต่ก็ผมกลับชอบและถูกใจที่นี่ขึ้นมาทันทีที่เห็น

"แค่มองยังขนลุก มึงอยู่แถวนี้เจอดีแน่ไอ้น่าน โฮะๆๆ" ทิมหันมาทำท่าหลอกผี ไม่ได้น่ากลัวแต่น่าถีบมากกว่า ผมหันไปหยิบไม้แขวนเสื้อที่เอาออกจากกระเป๋าทำท่าจะตีมัน มันหัวเราะพลางกระโดดหนีแล้วทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน

"มึงไม่กลัวผีนี่เนอะ"

"กลัวทำไม มึงเคยเห็นเหรอ?"

ผมรู้สิ่งที่มองไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่ แต่ผมไม่กลัว หันมองตึกร้างนั่นอีกครั้งแล้วก็ท้าทายอยู่ในใจ

 

ผีเหรอ...มีจริงก็มาสิ อยากเจอ   

 

 

...

 

 

 

"กรี๊ง...กรี๊ง..."

ผมที่กำลังอาบน้ำยื่นมือไปหมุนฝักบัวเพื่อปิดเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์จากด้านนอก ชีวิตผมจะมีสายโทรเข้าตอนดึกๆ แบบนี้ไม่มากนักหรอก ไม่ไอ้ทิมก็เพื่อนในคณะ และร้อยเปอร์เซ็นต์ในใจเดาว่าต้องเป็นไอ้ทิมแน่ๆ ผมเลยปล่อยให้มือถือร้องจนหยุดไปเอง

"กรี๊ง...กรี๊ง..."

            หลังจากเสียงเงียบไปก็ดังขึ้นอีกที ปกติไอ้ทิมมันไม่มีความอดทนที่จะโทรหาใครเกินสายเดียว ผมไม่รู้ว่าธุระด่วนอะไรที่ทำให้มันโทรถี่ขนาดนั้น จึงหยุดการอาบน้ำแล้วตั้งใจจะออกไปรับโทรศัพท์

"พรึบ!"

"เชี่ย!"

ผมเผลอสบถคำหยาบเมื่อจู่ๆ ไฟห้องน้ำก็ดับพรึบก่อนที่ผมจะเดินออกมา ผมเงยหน้ามองไฟที่กระพริบติดๆ ดับๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดับสนิทไป ผมเดินออกมากดสวิทซ์ไฟในห้องน้ำซ้ำๆ แต่มันก็ไม่ติด เมื่อความมืดผสมโรงกับความเงียบ บรรยากาศชวนขนลุกก็เกิดขึ้นในตอนนั้น สถานการณ์แบบนี้ผีโผล่ชัวร์

 ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหามีสิ่งไม่มีชีวิตที่เขาล่ำลือ ปกติมาทางไหนกัน ระเบียง กระจก ท่อน้ำ เออทางไหนก็ช่าง มาเลยมา!

"กรี๊ง....กรี๊ง..."

ผมเดินไปหาโทรศัพท์ที่ยังร้องไม่หยุดก่อนจะต้องหยุดกึก เพราะโทรศัพท์ของผมที่วางเอาไว้เงียบสนิท ไม่มีการโทรเข้าหรือแสงไฟอะไรทั้งนั้น

อ่ะ...เอางี้ใช่ไหม? รับน้องเหรอ?

ขณะที่ผมกำลังถูกเขย่าขวัญด้วยเสียงโทรศัพท์ก็ยังดังไม่หยุด หากแต่ความกลัวของผมมันยังไม่ทำงาน จึงหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของเสียง ที่ใกล้หูขึ้นทุกที ผมหยิบผ้าห่มบนที่นอนขึ้นมาสะบัดแต่ก็ไม่พบว่าเสียงนั่นมาจากไหน

"กรี๊ง...กรี๊ง..."

เอ๊ะ...หรือกูควรกลัว 

ผมสูดลมหายใจเรียกสติแล้วค่อยๆ ก้มลงไปมองใต้เตียงอย่างช้าๆ เห็นแสงสว่างวาบอยู่ใต้นั้น  กลั้นหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์นั่นออกมาจากตรงนั้น เกือบจะตกใจแล้วที่อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ใครไม่รู้มาโผล่ตรงนี้ แต่ตั้งใจมองอีกทีก็พบว่ามันคุ้นตาด้วยเคสสีเหลืองลายมินเนี่ยน ผมจึงจำได้ทันทีว่าเป็นโทรศัพท์ไอ้ทิม

 

"MOMMY"


 

ให้กูตกใจฟรีทำไมเนี่ย! ผมส่ายหัวหน่อยๆ แล้วกดรับโทรศัพท์ในมือ

"สวัสดีครับ"

(ไม่ต้องมาครับ กูเอง)

"เชี่ยทิม กูตกใจหมด"

(ตกใจอะไร)

"ไม่มีไร แล้วนี่ยังไง ทำมือถือหล่น?"

(เออดิ! นึกว่าหายไปไหนแล้ว สงสัยตกตอนกูนอน)

"มึงกลับไปตั้งแต่หกโมงเย็น เพิ่งมานึกได้ตอนนี้ ช้าไปไหม?"

(เออกูนึกได้แล้วนี่ไง เดี๋ยวกูไปเอานะ เอาลงมาให้หน้าหอหน่อย)

"ตอนนี้เลยเหรอวะ...ตู้ด...ตู้ด..."

"ไอ้...!" ผมด่าไอ้ทิมไม่จบประโยคเพรามันวางไปก่อน ผมยุติการอาบน้ำไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ ไฟห้องน้ำยังคงดับสนิท สะดุ้งเงาตัวเองในกระจกนิดหนึ่ง แต่สาบานเหอะว่าไม่กลัว

ผีมันมีจริงที่ไหน และที่ผมไม่กลัวเพราะผมเคยคาดหวังว่าจะเจอสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณอะไรทำนองนั้นสักครั้ง ผมเคยเชื่อว่าผีมีจริง อยากเจอคนรู้จักที่ตายไป แต่นั่นก็เหมือนการพยายามทำสิ่งไร้สาระ ผีมันไม่มีอยู่จริง และไม่มีใครพิสูจน์ให้ผมเห็นได้ว่ามันมีอยู่จริง   

ผมไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวแล้วเดินลงไปรอทิมข้างล่าง บรรยากาศตอนกลางวันว่าเงียบแล้ว เจอเที่ยงคืนแบบนี้เข้าไปนี่เงียบเหมือนอยู่คนเดียวในตึกเลย สายตาผมเหลือบมองซ้ายขวาตลอดเวลาที่เดินลงจากบันได  กระทั่งเดินมาถึงหน้าประตูแล้วผลักมันออกไป

"กึก!"

คิ้วผมขมวดเข้าหากันนิดหน่อยตอนประตูนั่นเปิดไม่ออก มันติดเหมือนมีอะไรขวางอยู่ข้างนอก หรือมันต้องดึงวะ? ผมทั้งลองดึงดูแต่มันก็ไม่ขยับ แต่หน้าประตูมันก็เขียนอยู่ว่า ผลัก  เลยผลักไปอีกทีให้เต็มแรง

"กึง!"

"โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย!"

หือ?

ประตูที่ถูกเปิดออกได้เพียงเล็กน้อยทำให้เห็นผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งนอนขวางอยู่ แน่นอนเขาเป็นเจ้าของเสียงโวยลั่นเพราะถูกผลักประตูใส่อย่างแรง เขาขยับตัวห่างจากหน้าประตูไป ผมเลยเปิดประตูได้สุดความกว้าง มองดูคนที่พื้นที่ใบหน้ายุ่งเหยิงยกมือจับหลังตัวเองที่ถูกผมผลักประตูใส่เมื่อครู่

ก็อยากจะขอโทษ แต่ความสงสัยมันมีมากกว่าความรู้สึกผิด ก็มันมานอนอะไรตรงนี้วะ?

ผมก้มมองดูเขาที่ยังนอนคิ้วขมวดอยู่ที่พื้น กลิ่นแอลกอฮอล์พุ่งขึ้นมาเตะจมูกอย่างแรงจนผมต้องขยับหน้าหนี คืออะไรเนี่ย คนจรจัดเหรอ? ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วก้าวข้ามเขาที่นอนขวางประตูอยู่ ตอนนั้นรถยนต์คันหนึ่งก็จอดที่ริมถนนหน้าหอพอดี เห็นว่าเป็นไอ้ทิมเลยทิ้งคนที่พื้นเดินไปหามันก่อน

"อยู่นี่เอง คิดว่าหายไปไหนซะแล้วลูกพ่อ" ทิมรับโทรศัพท์ในมือผมไปแล้วจูบวัตถุในมืออย่างกับพลัดพรากกันมาทั้งชีวิต

"ไว้ค่อยมาเอาพรุ่งนี้ก็ได้ป่ะวะ"

"กูขาดโทรศัพท์ไม่ได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกูเลยนะเว้ย มันเหมือนกับครึ่งที่เหลือของชี..."

"พอเหอะ ถ้ามึงรักมันมากขนาดนั้นก็เอาไปนอนกอดที่บ้านไป กูจะกลับไปนอนแล้ว" ผมตัดบทความเพ้อเจ้อของมันด้วยความรำคาญ เจ้าตัวได้แต่หัวเราะหน่อยๆ แล้วยัดมือถือใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ 

"งั้นกูไปนะ ขอบใจมาก"

ทิมโบกมือให้ทีหนึ่งก่อนจะขับรถออกไป ผมเดินกลับเข้ามาหน้าหอ ชายเร่ร่อนยังนอนอยู่ตรงนั้น ผมค่อยๆ ก้าวขาผ่านเขาไปแล้วพยายามจะยื่นมือไปดึงประตูอย่างช้าๆ กลัวจะไปกระแทกเขาอีก

แต่ว่า เราไม่ควรให้เขานอนตรงนี้ป่ะวะ

ผมปล่อยมือจากประตูและกำลังจะยื่นมือไปปลุกเขา แต่อีกฝั่งของความคิดก็เถียงขึ้นมา

เขาอาจจะเป็นคนจรจัดก็ได้ ช่างเหอะ

ผมเปลี่ยนใจเดินข้ามเขาเพื่อไปเปิดประตู

"เดี๋ยว!"

"เฮ้ย!" ผมร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็ลุกพรวดขึ้นมาดึงชายเสื้อของผมเอาไว้ เขาที่เมาไม่ได้สติหรี่ตามองผมก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง

"เปิดประตูให้หน่อยสิคร้าบ"

"ฮะ?"

"เนี่ย เปิดให้หน่อยสิ" เขาชี้ไปที่ประตู ผมชั่งใจว่าจะเปิดให้เขาดีไหม เพราะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่หรือเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่นอน และถ้าผมเปิดให้เขาเข้าไปนอนในนั้น ตอนเช้าจะไม่โดนป้าเจ้าของหอด่าเอาเหรอ อะไรก็ตามแต่จิตสำนึกผมมันสั่งว่าอย่าไปยุ่งเลย จึงทำได้แค่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วแกะมือเขาที่เกาะชายเสื้อผมอยู่ในปล่อยออกไป

"เฮ้ย! บอกให้เปิดก็เปิดสิวะ!"

ผมสะดุ้งเฮือกที่อยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมและตะคอกใส่ให้เปิดประตู

"ไม่เปิดเว้ย!" ผมแกะมือเขาออกไป ด้วยสภาพที่เมาสุดระดับทำให้ผมสะบัดเขาออกได้ไม่ยาก

"จะเปิดหรือไม่เปิด!"

"ไม่เปิด!"

"บอกให้เปิดก็เปิดดิ!" เขาว่าแล้วใช้สองมือจับหน้าผมดึงเข้าไปใกล้ กลิ่นแอลกอฮอล์ขั้นรุนแรงทำให้ผมต้องหันหน้าหนี

"ผมอยู่ที่นี่ แค่ทำคีย์การ์ดหาย เปิดให้หน่อยมันจะตายหรือไงครับ น้ำใจน่ะมีไหม?"

"ใครจะไปรู้วะ มึงอาจจะเป็นโจรก็ได้นี่ ไม่เปิดเว้ย!"

"โจรอะไรของมึงวะ ก็บอกว่าอยู่ที่นี่ไง" เขาว่าแล้วดึงหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิมอีก มือหนาที่ล็อกหน้าผมเอาไว้ให้มองเขา ทำให้เห็นหน้าชัดๆ ใบหน้าที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนไทยแท้ๆ แน่นอน ดวงตาสีเข้มกับจมูกโด่งนั่นเด่นที่สุดในใบหน้า เอาจริงๆ แม่งอย่างหล่อ แต่เมาแล้วไร้สติแบบนี้น่าขยะแขยงชิบ

"เปิดประตู!"

"ไม่เปิด เมาแล้วก็ไปเกะกะที่อื่นไป!"

"เฮ้ย! อะไรนักหนาวะ เดี๋ยวก็จับข่มขืนซะหรอกไอ้เด็กนี่!"

ไอ้เวร!

"พลั่ก!" ผมยกหมัดขึ้นซัดใส่คางเขาสุดแรง เปรี้ยงเดียวมันลงไปนอนกับพื้นที่เดิม ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วสะบัดมือที่เจ็บแปลบนั่นสองสามที เดินข้ามร่างไร้สตินั่นเข้าหอไม่ลืมที่จะเปิดประตูกระแทกมันทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

 

ไอ้ขี้เมาเอ๊ย! คืนนี้ขอให้โดนยุงข่มขืน! 

 

 

To be continued.





___________________________________________________________________________________________

กลับมาพบกันใหม่ ในเรื่องเดิม รีไรท์ใหม่ก็เลยถือโอกาสเอามาลงที่นี่ด้วยเลยค่ะ


จริงๆ เรื่องนี้เขียนเอาไว้หลายปีแล้ว แต่จับมารีไรท์ใหม่ ก็ทำไม่เป็น ไม่รู้ว่าตอนรีไรท์มันต้องแก้ตรงไหน 55555 งงๆ ในดงไฟล์เวิร์ดอยู่พักใหญ่เลย ถามว่าอยากเปลี่ยนอะไร อยากเปลี่ยนชื่อเรื่องอะ ลิเกมากเว่อ แต่กลัวไม่กากเลยเอางั้นแหละ กากๆ ดีค่ะ 



ทั้งนี้ทั้งนั้น หลักๆ แล้วเราก็แก้บทสนทนาให้มันลื่นไหลขึ้น เพิ่มเนื้อหาบางช่วงบางตอน ตัดตรงนั้นออก เพิ่มตรงนี้เข้าไป สรุปเขียนใหม่หมด 55555 หลอกๆๆ  แต่จริงๆ เนื้อหาหลักๆ ไม่ได้เปลี่ยนนะคะ ปมในเรื่องก็เหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนวิธีผูกใหม่ หยิบเอาคำแนะนำในคอมเมนท์มาแก้ไขในจุดที่มันไม่โอเค ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์มากจริงๆ ค่ะ ถ้าใครที่อ่านแล้วก็อยากให้กลับมาอ่านใหม่อีกสักครั้งจัง อยากรู้ว่ามันดีขึ้นไหม หรือไม่มีประโยชน์อะไรเลย 55555



ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ จะทยอยอัพอาทิตย์ละครั้ง หรือ สองครั้ง โดยประมาณนะคะ



ด้วยรักและขอบคุณ



 
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ บทนำ 19/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 19-01-2018 06:41:20
มาตามค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ บทนำ 19/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-01-2018 02:42:58
ต่อ ๆ ตาม ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ บทนำ 19/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: bimiliya. ที่ 21-01-2018 16:41:46
รอครับ :catrun:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ ตอนที่ 1 21/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 21-01-2018 22:22:06
ตอนที่ 1
เจ้าที่แรง

 

วันต่อมาผมใช้เวลาในวันหยุดไปกับการจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามโมงเย็น ถึงได้เดินลงมาหาอะไรกินข้างล่าง ระหว่างเดินลงบันไดก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังหอบหนังสือกับชีทกองโต ด้วยความตัวเล็กและส่วนสูงไม่น่าจะเกินคางผม หนังสือในมือจึงน่าจะหนักเกินไปจึงทำให้เธอหยุดเดินระหว่างทางแล้วกองหนังสือนั่นไว้กับขั้นบันไดก่อนเพื่อหยุดหอบหายใจ

"ให้ช่วยไหมครับ?"  ผมถามก่อนผู้หญิงคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมอง ผ่านแว่นหนาเตอะกับใบหน้าหมองๆ ใต้ตาคล้ำเหมือนกำลังทำลายสถิติว่ามนุษย์เราอดนอนได้กี่ชั่วโมง ผมกระพริบตาถี่มองเธอที่เอาแต่จ้องแต่ไม่พูดอะไร จึงยกมือโบกเบาๆ อีกคนจึงยิ้มกว้างแล้วตอบกลับมา

"ไม่เป็นไรค่ะ ห้องเราอยู่ตรงนี้เอง"

ผมพยักหน้ารับ แล้วก้าวลงบันไดอีกก้าวเพื่อไปอยู่ขั้นเดียวกับเธอ 

"เพิ่งย้ายมาเหรอ"

"ครับ" ผมตอบก่อนผู้หญิงคนนี้จะก้าวเข้ามาหาผมก้าวหนึ่ง จ้องหน้าแบบที่จ้องเมื่อครู่ จ้องจนผมต้องถอยหลังหนีจนชนราวบันได

"มีอะไรเปล่า?"

"เออ เปล่าๆ แค่ไม่ได้เห็นคนหน้าตาดีในหอนี้มานานมากแล้ว หล่อจนประหลาดใจ"

ผมยิ้มเจื่อนแก้เขิน มันก็ควรเป็นคำชมอะ แต่ทำไมไม่รู้สึกอย่างนั้นวะ

"เราชื่อน้ำขิง เรียนแพทย์อยู่ปีสาม อยู่ห้อง444นะ"

"เรา น่าน อยู่ห้อง888"

"โห นั่นห้องอาถรรพ์เลยป่ะ"

"ฮะ? อาถรรพ์ยังไงอะ"

น้ำขิงมองซ้ายมองขวาแล้วขยับเข้ามากระซิบข้างหู

"ก็ห้องนั้นตรงกับตึกร้างแปดชั้นพอดีเป๊ะ ห้องอื่นก็ว่างแล้วทำไมไปเลือกห้องนั้นเล่า!"

ผมหัวเราะแห้งๆ จะบอกว่าไม่กลัวอะไรที่คนอื่นกลัวก็ดูจะออกตัวแรงไป เลยได้แต่บอกปัดๆ 

"เราชอบห้องนั้นอะ"

"เออๆ ไว้วันหลังมาเล่าเรื่องหลอนให้ฟัง แต่พรุ่งนี้เรามีควิซอ่านหนังสือไม่ทันแล้ว เจอกันนะ" น้ำขิงว่าแล้วก้มลงหอบหนังสือกองนั่นขึ้นก่อนเดินเข้าห้องแรกของชั้นนั้นไป ส่วนผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องโถงกว้าง ใกล้ๆ กันมีห้องครัวที่อนุญาตให้ทำอาหารได้ บริเวณห้องนั่งเล่นตรงนี้มีทีวีจอยักษ์ โซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้นับสิบ แต่ตอนนี้มีเพียงป้าทิพย์ เจ้าของหอที่กำลังดูหนังแอคชั่นเสียงกระหึ่มพร้อมกับกินป๊อบคอร์นไปด้วยอย่างสบายใจ ทันทีที่ผมเดินเข้าไปป้าก็หันมาทักทายทันที   

"อ้าว! น้องน่าน เป็นไงบ้างลูก ห้องโอเคไหม"

"โอเคครับป้า แต่ไฟในห้องน้ำมันเปิดไม่ติดอะครับ"

"อ้าวเหรอ? เดี๋ยวป้าให้คนไปดูให้แล้วกัน น้องน่านจะออกไปไหนหรือเปล่าป้าจะได้ขึ้นไปตอนนี้เลย"

"ป้าขึ้นไปเลยก็ได้ครับ ผมออกไปซื้อของก่อนเดี๋ยวกลับมา"

"ได้จ้ะ เดี๋ยวป้าไปดูให้นะ"

ผมพยักหน้ารับป้าทิพย์ก่อนขอตัวออกมาข้างนอก หาข้าวกินและแวะซื้อของใช้นิดหน่อย ใช้เวลาข้างนอกไม่นานก็เลือกกลับหอ ปกติผมค่อนข้างติดหอและการได้อยู่หอพักที่สบายๆ ก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเรียบง่ายของผม

ในตอนที่กลับมาที่หอ เดินผ่านห้องโถงชั้นล่าง ป้าทิพย์ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วแต่เป็นผู้ชายที่มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้นที่ปกปิดร่างกายอยู่ เปลือยท่อนบนโชว์เนื้อหนังและกล้ามแน่นๆ ที่ดูดีแบบผู้ชายนักกีฬา เขานั่งกระดกโค้กกระป๋องอยู่ ผมตั้งใจจะเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ถูกมือของคนบนโซฟาดึงไว้ก่อนแล้วฉุดลงไปนั่งข้างๆ กำลังจะโวยแต่เสียงของมันก็โพล่งขึ้นมาก่อน

"ผมชื่อเท็น อยู่ห้อง333นะ"

"เอ่อ...อืม"

"ว่างก็แวะไปได้นะ ในห้องมีปลาทองหลายตัวเลย โคตรอยากอวด"

คิ้วผมขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ กลับไป พูดกันตรงๆ  ยังไม่เจอคนปกติในหอนี้เลย ผมไม่มีความต้องการจะนั่งคุยกับเท็นต่อเลยขอตัวขึ้นห้องก่อน  เดินมาหยุดที่ห้องกำลังจะล้วงหากุญแจแต่หันไปเห็นว่าห้องมันถูกเปิดเอาไว้อยู่แล้ว เดาว่าช่างยังซ่อมไฟยังไม่เสร็จ เพราะได้ยินเสียงกุกกักๆ อยู่ในนั้น จึงเดินเข้าไปแล้วตรงไปยังห้องน้ำ 

"ยังไม่เสร็จเหรอครับ"

"เฮ้ย! ตกใจหมด!"

คนที่อยู่ในห้องน้ำหันมาส่งเสียงดัง ทำให้ผมเผลอสะดุ้งไปด้วย แต่ทันทีที่เขาหันขวับมามองกลายเป็นผมที่ต้องตกใจเอง

"เฮ้ย!"

"อะไร?"  เขาถามหน้าตาเฉย แต่ไม่สนใจคำตอบ ก่อนจะกางบันไดออกแล้วปีนขึ้นไป ผมกระพริบตาถี่ ที่ตกใจเพราะมันคือมนุษย์ขี้เมาที่ผมซัดคางมันร่วงไปเมื่อคืนไง ผมว่าเขาจำผมไม่ได้ ผมก็เลยเนียนไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนไปด้วย

"นี่เป็นช่างซ่อมไฟเหรอครับ"

"เป็นแม่บ้านมั้ง"

กวนตีน...

"แล้วทำไมยังไม่เสร็จอีกล่ะครับ"

"เสร็จบ้าอะไรล่ะคุณ เพิ่งมาถึง" เขาว่าแล้วล้วงลงในกล่องอุปกรณ์ ผมคิดว่าเขาจะหยิบเครื่องมือสำหรับเปลี่ยนหลอดไฟแต่มันกลายเป็นโค้กขวดหนึ่งที่ติดมือเขาขึ้นมา

"นี่พี่ มันใช่เวลามาดื่มน้ำตอนนี้ไหม รีบๆ ซ่อมแล้วก็รีบๆ ออกไปสิครับ"

"ใจเย็นดิ คอแห้ง" เขากระดกโค้กขึ้นดื่ม แล้วยื่นขวดให้ผม

"เอาวางไว้ตรงนั้นดิ"

บ้าเอ๊ย ผมรับขวดโค้กแล้ววางลงที่พื้น ก่อนเขาจะขยับตัวขึ้นไปบนบันไดแต่จังหวะนั้นทำให้บันไดที่กางอยู่ขยับคล้ายจะล้ม

"เฮ้ยๆ!" ผมที่ตกใจไปด้วยตรงเข้าไปจับบันไดนั่นเอาไว้ก่อนที่เขาจะร่วงลงมา

"เออๆ จับไว้ดิ"

"ทำเร็วๆ สิครับ"

"จะรีบอะไรนักหนา เอ้าถือ!" เขาถอดหลอดไฟข้างบนส่งให้ผมถือ

ผมกลายเป็นลูกมือช่างอย่างไม่เต็มใจ แต่ทำได้แค่บ่นในใจขณะจับบันไดนั่นเอาไว้ แล้วคอยหยิบจับอุปกรณ์รับส่งให้เขาจนกระทั่งเขาซ่อมมันเสร็จ ผมเดินไปเปิดไฟดูแล้วพบว่ามันกลับมาใช้ได้ปกติ เสร็จจากตรงนั้น เขาจึงก้าวลงมาจากบันได หน้าตาอย่างกับคนยังไม่สร่างเมาเอามือข้างหนึ่งเท้าบันไดแล้วหันมามองผม

"เสร็จแล้วก็ไปสิครับ"

"หอเป็นไง โอเคไหม"

"ก็...โอเคครับ"

"เจอผีไหม"

"ไม่ครับ"

"มาอยู่ที่นี่ไม่กลัวเหรอ" เขาว่าแล้วก้มลงหยิบขวดโค้กที่ดื่มเหลือขึ้นมา

"ไม่ครับ"

"จริง?"

"โหพี่ มันไม่มีจริงหรอก ผีเผออะไร" ผมพูดพลางโบกมือปัดๆ เขาหัวเราะนิดๆ ยกโค้กขึ้นกระดกแล้วชี้ไปที่ข้างหลังผม

"อยู่ข้างหลังนั่นตัวหนึ่งอะ"

"ไม่ตลกนะพี่"

ผมหัวเราะเบาๆ แต่ตัวเขาไม่ขำ ซ้ำยังมองไปข้างหลังผมแล้วพยักหน้าทีหนึ่งราวกับกำลังทักทายใครสักคน ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาหาผม

"พี่ไปอำอย่างนี้กับทุกคนหรือเปล่าถึงไม่มีใครมาเช่าหอนี้เนี่ย"

เขายิ้มนิดๆ แล้วโยนขวดโค้กลงในถังขยะหลังห้องผม

"ไปละ อะไรเสียก็เรียกได้นะ"

ผมไม่คาดหวังว่าอะไรจะเสียอีก จะต้องไม่มีเหตุที่ให้เขาเข้ามาในห้องผมอีกแน่นอน

"ครับ" ผมตอบรับส่งๆ เขายกบันไดขึ้นแล้วกำลังจะเดินออกไป ก่อนจะหยุดกึกแล้วหันขวับกลับมา เขาหันมองตะกร้าผ้าที่มุมห้องแล้วหยิบเสื้อยืดของผมที่ยังไม่ได้ซักขึ้นมา

"นี่เสื้อคุณเหรอ"

"ก็อยู่ในห้องผมนี่ ก็ต้องเป็นของผมสิ"

เขาวางบันไดและกล่องอุปกรณ์ลงกับพื้น แล้วโยนเสื้อผมลงตะกร้าอย่างแรงก่อนจะหันขวับมาหาผมด้วยหน้าตาเอาเรื่อง

อะไรวะ...

"คุณใช่ไหมที่สอยคางผมเมื่อคืน"

"ฮะ?"

"หน้าหอเมื่อคืนอะ"

"อ่ะ...เอ่อ...พี่จำผิดคนแล้วมั้งครับ"

"กูจำเสื้อได้เว้ย!"

เวรชิบ!

"นี่ไปทำอะไรให้ถึงต้องมาทำร้ายร่างกายกัน ยังเจ็บคางอยู่เลยรู้ไหม!"

"ก็พี่พูดจาหยาบคายอะ ผมตกใจก็เลยสะกิดไปทีหนึ่ง เบาๆ"

"สะกิดเหรอ ซัดเปรี้ยงเข้านี่เลย! ไม่ตายก็บุญแล้วเนี่ย! แค่มีน้ำใจลากคนเมาเข้าหอหน่อยไม่ได้เลยหรือไง!"

"ใครมันจะไปรู้วะพี่! เมาเหมือนหมาแล้วมานอนหน้าหอ เป็นใครก็กลัวทั้งนั้นแหละ"

"เหมือนหมาเหรอ! นี่ปากดีเกินไปแล้วนะ" เขาว่าแล้วตรงเข้ามาหา เขาสูงกว่าผมยิ่งในระยะใกล้จึงเห็นชัดในสัดส่วนที่แตกต่าง ผมจึงต้องแหงนหน้ามองคนตรงหน้า

"พี่! อย่าเข้ามานะ อยากโดนอีกหรือไง!" ผมยกกำปั้นขึ้นตั้งการ์ด เอาดิ! แค่ตัวสูงกว่านิดเดียวอย่าคิดว่าจะกลัวนะโว้ย

"ตอนนี้ไม่เมานะ อย่าคิดว่าจะง่ายเหมือนเมื่อคืน"

"เฮ้ย! จะทำอะไรอะ ผมจะบอกให้เจ้าของหอไล่พี่ออกเลยนะ!"

"ไอ้เด็กขี้ฟ้อง!"

"เอาดิ! ฟ้องจริงๆ นะเว้ย! พฤติกรรมก็หยาบ คำพูดก็หยาบ แถมยังขี้เมาอีก ไม่รู้ว่าป้าทิพย์จะจ้างคนแบบนี้ไว้ทำไม พี่น่าจะโดนไล่ออกวันนี้เลย"

"เออ! ก็ฟ้องเลย!"

"ผมบอกจริงๆ นะ!"

เขารวบคอเสื้อผมด้วยมือข้างเดียวแล้วดึงเข้าไปหาอย่างช้าๆ

"บอกเลย...บอกตอนนี้เลย"

"ก็ปล่อยผมสิ ผมจะได้ไปบอกเขาตอนนี้เลย"

"บอกตรงนี้ได้เลย..."

"..."

"ผมนี่แหละเจ้าของหอ"

"..."

ฮึ? อีกทีสิ?

"ว่าไง มีอะไรจะบอกไหม?"

ผมได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นยอมให้เขาขยำคอเสื้ออยู่ตรงนี้ ตอนโดนลูกบอลอัดหน้าก็ยังไม่เจ็บเท่าตอนนี้เลยมั้ง หน้ามันแหกจนเหมือนตอนนี้ยืนหัวขาดอยู่อะ หน้าแหลกไม่มีชิ้นดีเลย เอาสิ กูควรทำยังไงต่อล่ะ?

"มีอะไรกันหรือเปล่าคะ" เสียงป้าทิพย์ดังขึ้น ทั้งผมและเขาหันไปมองก่อนคนตรงหน้าจะปล่อยมือออกจากผม แล้วหันไปตอบป้าทิพย์ 

"ไม่มีอะไรหรอกป้า แค่ทักทายกันอะครับ"

"แหม ดูสนิทกันไวจังเลยนะคะ กอดคอกันด้วย"

ป้าเอาอะไรมาพูดว่าการที่ไอ้ตัวโย่งนี่ยืนกระชากคอเสื้อและผมก็ตัวนิ่งเป็นเหมือนลูกหมาโดนราชสีห์ขยำนี่เป็นการกอดคอกันอย่างสนิทสนม คือไรป้า?

คนข้างๆ เหยียดยิ้มมุมปากแล้วหันไปเก็บอุปกรณ์และบันไดตรงนั้น ก่อนเดินออกไปก็ไม่ลืมทิ้งคำพูดไว้กับป้าทิพย์

"ฝากดูแลด้วยนะป้า ดูแลให้ดีๆ เลยคนนี้อะ" ประโยคมันก็ดูใจดีหรอก แต่มันไม่มีความจริงใจอะไรตั้งแต่ตอนที่กัดฟันพูดแล้วโว้ย!

"ไงน้องน่าน เรียบร้อยดีนะคะ"

"ครับ ดีครับ"

"งั้นป้าไปนะคะ มีอะไรก็เรียกได้"

"ป้าครับ คนเมื่อกี้เขาเป็นใครเหรอฮะ?"

"นั่นคุณซี เป็นเจ้าของหอนี่แหละค่ะ"

"อ้าว ผมนึกว่าป้าซะอีกที่เป็นเจ้าของหอนี้"

"อ๋อ ป้าเป็นแม่บ้านค่ะ"

"..."

ผมรู้สึกแสบผิวหน้านิดหน่อยเพราะหน้าแหกแล้วแหกอีก แล้วไอ้เจ้าของหอนั่นมันต้องมีเวรกรรมติดตัวขนาดไหนวะถึงเกิดมาราศีไม่จับไม่ป้าแม่บ้าน เงิบไปดิไอ้น่าน

 

...

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 1] 21/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 22-01-2018 00:48:06
มาตามค่ะ สนุกดีๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 1] 21/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 24-01-2018 23:19:13
เคยอ่านไปแล้วรอบนึงแต่เห็นว่ารีไรท์เลยกลับมาอ่านใหม่ค่า  คิดถึงพี่ซีมาก :impress2:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 2] 25/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 25-01-2018 23:26:38
ตอนที่ 2
คนเห็นผี

 

เสาร์อาทิตย์ผ่านไปเหมือนไม่มีอยู่จริง แต่โชคดีที่วันจันทร์มีเรียนบ่ายจึงไม่ได้รู้สึกว่าวันจันทร์มันโหดร้ายอะไรขนาดนั้น ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนก่อนที่จะถึงเวลาเรียน ไฟในห้องเรียนปิดทุกดวงจนมืดทึบ บางคนก็ฟุบหลับบนโต๊ะรอเวลาเรียน ผมมองไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งสุมหัวกันอยู่หน้าคอมฯ ดูรายการอะไรสักอย่าง ผมเห็นหัวสีทองของไอ้ทิมเด่นที่สุดในวงนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ

คนอวดผี?

ไอ้พวกนี้กำลังนั่งดูรายการผีอย่างใจจดใจจ่อ จึงไม่ทันได้สนใจผมที่เดินเข้ามาข้างหลัง ดูรายการผีไม่พอพวกมึงยังบิลท์บรรยากาศด้วยการปิดไฟในห้องอีก เพื่อนผู้หญิงก็นั่งจับมือกันอย่างกลัวจัด

"เฮ้ย!"

"ว้าย! กรี๊ด! เชี่ย!"

ผมหัวเราะลั่นเมื่อแกล้งเพื่อนได้สำเร็จจนวงแตก

"ไอ้น่าน! ไอ้เลว!" สองสาวสามัคคีกันตะโกนด่าผม 

"ไอ้ห่า ตกใจหมด!" ทิมว่าพลางยกมือทำท่าจะทุบหัวผม

"พวกมึงกลัวแล้วจะดูทำห่าอะไรเนี่ย" ผมว่าแล้วเดินไปเปิดไฟ 

"เพราะกลัวเลยต้องดูไงมึง ถ้าไม่กลัวแล้วจะดูไปทำไม รายการเขาทำมาให้กลัวเว้ย"

"ไร้สาระ จะได้เวลาเรียนแล้วไปนั่งที่ไป" ผมว่าก่อนพวกมันจะแยกกันไปนั่งที่ กำลังจะเอื้อมมือไปปิดหน้ายูทูป ประตูก็ถูกเปิดออกโดยอาจารย์ประจำวิชา เสียงแหลมโพล่งขึ้นบ่นทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา

"นี่ทำอะไรกัน ทำไมยังไม่นั่งที่ ไปนั่งที่ให้เรียบร้อย!"

พวกที่เหลือตอบรับแล้วขยับตัวเองไปนั่งที่ ผมกำลังจะตามไปด้วยแต่โดนอาจารย์เรียกเอาไว้ก่อน

"เธอ ประธานเอกใช่ไหม"

"ครับ" ผมตอบ เหอะ! ยิ่งใหญ่ไหมล่ะประธานเอก ไอ้ตำแหน่งบ้านั่นตกมาที่ผมเพราะพวกเพื่อนมันบอกว่าผมตัวขาวที่สุดในเอกก็ต้องเป็นประธานเอก สมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่เคยมีตามหลักประชาธิปไตย และพวกมันสามัคคีลงมติเป็นเอกฉันท์ดังนั้นผมจึงไม่มีสิทธิ์ทักท้วงอะไรทั้งนั้น

"แล้วมาทำอะไรที่โต๊ะฉัน อยากจะสอนแทนหรือว่ายังไง!"

"เปล่าฮะ มาปิดคอมฯ ครับ"

"มาแอบเปิดคอมฯ ดูอะไรไร้สาระอีกล่ะสิ! เวลาพักทำไมไม่ไปทบทวนตำรา มาทำอะไรไร้สาระไม่เข้าเรื่อง กี่ครั้งแล้วฮะที่ต้องให้บ่น นาฬิกาก็มีเนี่ยไม่เห็นหรือไงอีกห้านาทีจะได้เวลาเรียนแล้ว ควรจะพร้อมก่อนที่ฉันจะเข้ามาแล้วรู้ไหม"


กว่าอาจารย์จะบ่นเสร็จก็ครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว พอเรื่องหนึ่งมันผุดขึ้นมาให้บ่น อีกสามสิบเรื่องก็ถูกขุดตามมาด้วยไม่หยุด ใครๆ ก็เบื่อวิชานี้ทั้งนั้นแต่มันดันเป็นวิชาเอกที่เลี่ยงไม่ได้เลยต้องลงตัวนี้ ผมฟังเสียงนี้บ่นมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสาม หน้าที่เดียวที่นักศึกษาอย่างเราควรทำคือทำตัวหดหู่ ทำหน้าสลด ฟังแกบ่นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวหมดชั่วโมงเอง

 

หลังเลิกเรียนผมรับหน้าที่รวบรวมรายงานเอาไปส่งที่ห้อง อย่าถามว่าเต็มใจหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้เป็นมนุษย์ผู้มีจิตอาสามีศรัทธาในการสละตนเพื่อมนุษยชาติขนาดนั้น พูดอย่างไม่เสแสร้งเลย ถ้าไม่ติดว่าอะไรๆ ก็ประธานเอกผมก็ไม่ทำหรอก

"ไอ้น่าน กูไปสูบบุหรี่รอนะ เจอกันที่จอดรถ"

ผมพยักหน้าให้ทิมก่อนมันจะเดินออกไป ส่วนผมเดินทะลุไปที่ตึกคณะมนุษย์ฯ โดยผ่านไปทางตึกสถาปัตย์ฯ ตอนเย็นๆ แบบนี้ตึกเงียบไม่มีนักศึกษาแม้แต่คนเดียว เพราะมีตำนานห้องหุ่นของตึกสถาปัตย์ฯ อยู่ทางนั้นจึงทำให้ตรงที่แทบไม่มีใครเดินผ่านตอนเย็นๆ แต่เพราะมันเป็นทางที่ใกล้ที่สุดที่ผมจะไปถึงตึกมนุษย์ฯ ได้ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะมาทางนี้

"พี่! ผมขอโทษ!"

"มึงไม่ต้องมาขอโทษ"

ผมก้าวช้าลงจนแทบจะหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงสนทนานั่น ผมก็ไม่ได้อยากสนใจแต่เสียงมันชัดขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ก้าวเท้าเข้าไปยังห้องหุ่นนั่น

เอาจริงๆ เสียงคนไหม

"แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะพี่"

"มึงไม่ได้ตั้งใจเหรอ? กูชกปากมึงแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจบ้างได้ไหมล่ะ!"

"อย่าพี่อย่า! ผมขอโทษ! ขอโทษจริงๆ!" 

ผมชะงักเท้าอยู่กับที่เมื่อได้ยินตะโกน ตึกเงียบๆ จึงมีเพียงนั่นที่ดังก้อง และเพราะมันคล้ายจะเป็นการทะเลาะกันมากกว่าการพูดคุยธรรมดา ผมจึงค่อยๆ เดินเข้าไปที่มุมตึกนั่นหาต้นตอของเสียง ก่อนเห็นผู้ชายคนหนึ่งถอยหลังติดกำแพง ยกมือขึ้นไหว้ด้วยใบหน้าอ้อนวอน ส่วนอีกคนผมมองเห็นเพียงด้านหลัง เขาอยู่ในท่าที่พร้อมจะชกอีกคนนั่นแล้ว

งั้นเรื่องนี้น่านจะไม่ขอยุ่ง ผมหันเท้ากลับอย่างไม่อยากเข้าไปเกี่ยว รีบเอาการบ้านไปส่งแล้วรีบกลับไปหาไอ้ทิมดีกว่า

"ผมขอโทษจริงๆ นะพี่ ผมจะไม่ทำอีก!"

"มึงหุบปาก!"

"พี่อย่า!"

"เฮ้ยหยุดนะ!"

เสียงของผมดังแทรกการกระทำของผู้ชายคนนั้นจนเขาชะงักกึก แม่ง! อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ผมโยนกองรายงานทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปขวางเขาคนนั้นให้ค้างอยู่ในท่าง้างหมัดเตรียมชก

"คุณ"

และผมก็ค้นพบว่าการเข้ามาเสือกครั้งนี้เป็นการกระทำที่คิดผิดอย่างมหันต์ เพราะเจ้าของหมัดที่พร้อมชกนั่นคือ คุณซี คุณซีเจ้าของหอ คุณซีที่ผมบาดหมางเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ทำไมเจ้าของหอของผมมายืนอยู่ตรงนี้ แถมยังอยู่ในชุดนักศึกษาด้วย

"คุณมาทำอะไรที่นี่"

ผมกระพริบตาถี่ เออนั่นสิ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามาทำอะไรตรงนี้ ไม่ยุ่งแต่แรกก็จบไปแล้ว!

"ก็...พี่กำลังจะทำอะไรล่ะครับ"

"แล้วคิดว่าไงล่ะ?"

"ผมแค่ผ่านมา เห็นพี่กำลังจะชกเขา" ผมหันไปมองคนข้างหลังที่ก้มหน้างุดเหมือนกำลังกลัวสุดขีด เจ้าของหอได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

"คุณรู้จักมันเหรอ"

"ไม่รู้"

"มึงรู้จักเขาเหรอ!" เขาตะโกนถามคนข้างหลังผม

"มะ...ไม่รู้ครับ"

เขาก้าวขาเข้ามาหาผมก้าวหนึ่งแล้วพูดเสียงเบา

"งั้นก็ไม่ต้องเสือก"

โห...ปากมัน! นั่นปากคนเหรอสาบานเหอะ ไม่ว่ากี่ครั้งที่เจอหน้าผมก็อดไม่ได้ที่จะยอมให้คนปากเสียคนนี้เลย อะไรมันจะหยาบคายขนาดนี้ ไม่มีมารยาทหลงเหลือสักเล็กน้อยในกลมสันดานของมันเลยใช่ไหม! 

"โอเคผมเสือกเอง แต่มาชกกันในมหาลัยแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอครับ"

"ผมไม่ได้ชกคุณนี่ เดือดร้อนอะไร"

จุกเหมือนโดนขวดเบียร์ฟาดหน้า แต่เอาจริงความเสือกของตัวเองนี่มันก็ค่อนข้างอันตราย ผมไม่เกี่ยวและไม่ควรเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยว โว้ย! หันหลังหนีแบบเนียนๆ เลยได้ไหม เขามองผมเคืองๆ แล้วเดินเข้าไปหาคนข้างหลังผม

"มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก"

คนข้างหลังผมไม่ได้พูดอะไรสักคำนอกจากรีบวิ่งออกไป ส่วนเจ้าของหอมองผมไม่ละสายตา

"ยุ่งไม่เข้าเรื่อง"

เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไป ผมถอนหายใจยาวแล้วก้มลงเก็บรายงานของเพื่อนที่เผลอโยนทิ้งจนมันกระจัดกระจายไปทั่ว จริงๆ มนุษย์ควรเชื่อสัญชาตญาณแรกของตัวเองสิ บอกว่าไม่อยากยุ่ง ก็ไม่ต้องเข้ามายุ่งสิ โดนด่าว่าเสือกเลยเห็นไหม ด่าแม่ยังเจ็บน้อยกว่านี้เลยมั้ง ผมได้แต่โมโหฟึดฟัดกับตัวเองแล้วรีบๆ หยิบรายงานพวกนั้น แต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อเขาเดินย้อนกลับมาช่วยผมเก็บรายงานแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ จนตอนที่เขายื่นรายงานมาให้จึงพูดออกมาคำหนึ่ง

"ทีหลังอย่าเสือก"

"เชี่ย!"

ผมหลุดคำด่าอย่างโมโหจัดแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วพูดสวนกลับมา

"ก็ยุ่งจริงๆ อะ"

"ก็พี่จะทำอะไรอะ จะไปต่อยเขาทำไม อันธพาล"

"อันธพาล?"

"ใช่ดิ ต่อยเด็กในมหาลัยไม่เรียกว่าอันธพาลหรือไง"

"นี่คิดว่าผมเป็นคนแบบไหนเนี่ย พวกไถเงินเด็กซื้อเบียร์เหรอ"

จริงนะ...แวบแรกก็มีความคิดนั้นแหละที่โผล่เข้ามาในหัว

"นั่น คิดงั้นจริงๆ ใช่ป่ะ"

ผมไม่ได้ตอบอะไร เขาหัวเราะเบาๆ แล้วช่วยผมเก็บรายงานต่อ ผมเลื่อนสายตามองเขาในชุดนักศึกษาแล้วแปลกใจ แม้มันจะเป็นชุดนักศึกษาก็เหอะ แต่มันสลัดคราบขี้เมาที่นอนเรื้อนอยู่หน้าหอไม่ได้ไง

"พี่ยังเรียนอยู่เหรอ"

"ก็เห็นอยู่ว่าใส่ชุดนักศึกษา"

"ปริญญาเอก?"

"ตรีเว้ย!"

จริงดิ! หน้าแม่งเลยวัยไปสามปีแล้วอะ มหาลัยให้โควตาปริญญาตรีแปดปี พี่คนนี้ใช้ครบอะกูว่า

"พี่เป็นเจ้าของหอที่ผมอยู่ แล้วทำไมถึงยังเรียนหนังสืออยู่ล่ะ"

"ทำไมอะ เป็นนักศึกษาไปด้วย เป็นเจ้าของหอไม่ได้เหรอ"

บอกตรงๆ ว่าขี้เกียจคุยกับคนแบบนี้จริงๆ ผมถามไปก็ควรจะตอบดิ ไม่ใช่มาถามกลับแบบนี้ นี่กวนตีนมากนะ ผมจึงไม่ได้พูดอะไรกระทั่งเก็บรายงานครบทุกเล่มแล้วเดินมาด้วยกันจนมาถึงทางแยกไปตึกมนุษย์ฯ

"ผมจะไปทางนี้"

"ก็แล้วแต่คุณดิ ผมดึงขาคุณไว้เหรอ"

"กวนตีน"

"กวนตีนแต่ไม่ขี้เสือก"

 

ไอ้สัตว์ปีก!

 

...

 

เที่ยงคืนกว่าๆ ของวันนั้น ผมเพิ่งได้กลับหอหลังจากถูกไอ้ทิมลากไปนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน แต่กล้าพูดเลยว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์พวกนั้นตกถึงท้องผมเพียงแค่แก้วเดียว ก่อนถูกห้ามจากทุกคนที่ไปด้วย ไม่ใช่ว่าผมดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่ที่มันลากผมไปด้วยเพราะเอาผมไปเป็นคนขับรถต่างหาก ต้องมารับผิดชอบชีวิตพวกมันอีกเกือบห้าชีวิต กว่าจะฉุดกระชากลากถูพาส่งถึงหอครบก็ใช้เวลาไปครึ่งคืน ขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ประตูหอก็พบมนุษย์คนหนึ่งนั่งพิงประตูอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพที่มองแวบแรกก็เข้าใจเลยว่าสติสัมปชัญญะของเขาคนนั้นไม่มีอยู่เลย

พี่ซีมันเป็นโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มหรือไงวะ

แล้วคราวนี้ผมต้องพาเขาเข้าไปด้วยไหมเนี่ย? ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งกำลังจะเดินเข้าไปหาเขาแต่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักเรียนก็วิ่งเข้ามาก่อน

"เฮีย! มานอนตรงนี้อีกแล้ว"

"คีย์การ์ดกูหายอะ"

"ไม่หายหรอก อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ"

"กูบอกว่าหายก็หายสิวะ!" เขาตะโกนเสียงดังใส่เด็กนักเรียนคนนั้น จนอีกฝ่ายต้องยอมเออออไปด้วย 

"เออๆ หายก็หาย แล้วเฮียมานอนอะไรตรงนี้เล่า จรจัดชิบเป๋ง"

"มึงเปิดสิ กูจะได้เข้าไป"

เด็กคนนั้นส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเขาจะหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋าตัวเองเปิดประตู แล้วพาคนเมาเข้าไปข้างใน ผมเองก็เปิดประตูตามเข้าไปด้วย เด็กนักเรียนคนนั้นทิ้งเจ้าของหอลงบนโซฟา ที่มีเท็นซึ่งถอดเสื้อนั่งอยู่ตรงนั้น ผมเจอเขาที่หอหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเห็นเข้าใส่เสื้อเลย ไม่มีเสื้อใส่เหรอวะ 

"เฮีย เมาอีกแล้วเหรอ"

เด็กนักเรียนที่ลากเขาเข้ามาพยักหน้าเบาๆ ผมไม่เคยเจอเขามาก่อนแต่เขาน่าจะเช่าหออยู่ที่นี่แหละ

"โอเคไหมเนี่ย น้ำอุ่นสักแก้วไหม"

"ไม่ต้อง กูจะสร่างอยู่แล้วเนี่ย"

"ไม่ต้องดื่มเพิ่มเลยนะ"
"เมาแล้วอย่าเรื้อนไปนอนหน้าหอดิเฮีย รถเก็บขยะมาเห็นเข้ามันกวาดเฮียไปทำไงอะ"

"พวกมึงไม่ต้องบ่นเลย จะไปไหนก็ไปกูจะนอน"

"จะนอนตรงนี้เหรอ"

เขาไม่ตอบแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่สนใจ สองคนนั้นหันมองหน้ากันแล้วเดินออกมา ผมเดาว่านี่คงเป็นเรื่องปกติ แต่ผมแค่ยังไม่ชิน ถึงพี่จะเป็นเจ้าของหอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนตรงไหนของหอก็ได้ป่ะวะ

ผมเดินผ่านพี่ซีไปขึ้นบันได สองคนที่เดินไปก่อนจึงหันมามองผมแล้วหนึ่งในนั้นก็ทักผมขึ้นมาเสียงดัง

"อ้าวน่าน!"

รู้จักชื่อกูอีก!

ผมยิ้มหน่อยๆ ให้เท็น มนุษย์ผู้ไม่มีเสื้อผ้าใส่ เขาตรงเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ตรงนี้แล้วยกมือขึ้นคล้องคอราวกับเราสนิทกันมาสิบปี ก่อนเป็นตัวกลางแนะนำผมกับเด็กนักเรียนคนนั้น 

"นี่รู้จักกันไว้สิ นี่น่านอยู่ห้อง888 เรียนคณะมนุษย์ฯ เอกอังกฤษ"

เท็นจัดการแนะนำตัวให้ผมเสร็จสรรพขาดแต่ชื่อพ่อชื่อแม่ก็จะครบแล้วนะ จำได้ว่าคุยกันไม่กี่คำแล้วมึงไปเอาข้อมูลกูมาจากไหนวะเนี่ย!

"ผมชื่อไคโรครับ อยู่ห้อง555 ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

เด็กคนนี้ยิ้มกว้างพลางยื่นมือมาจับมือผมที่ยังไม่ทันยื่นไป

"พี่อยู่ปีอะไรครับ"

"ปีสาม"

"อ๋อ ผมเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ๆ นี่ครับ"

ผมพยักหน้ารับ ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงของคนบนโซฟาก็ตะโกนแทรกเข้ามา   

"เฮ้ย ไปคุยกันไกลๆ ดิ! คนจะนอน!" เมื่อเสียงตะโกนของคนปากหมาดังขึ้น พวกเราจึงหันมองหน้ากันก่อนจะเดินขึ้นบันไดแยกย้ายเข้าห้อง ผมเดินขึ้นบันไดและไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง วันนี้พระจันทร์ดวงใหญ่มากแต่ผมไม่ได้ทันสังเกตเห็นจึงหยุดมองอยู่ครู่หนึ่ง

"เห็นไหมว่านอนอยู่ อย่ามาเกะกะแถวนี้ได้เปล่าวะ?"

ผมหันขวับไปมองหลังจากได้ยินเสียงพี่ซีที่ชั้นล่าง

"ไม่มีอารมณ์คุยกับแกได้ทุกวันนะเว้ย คนเขาก็อยากมีเวลาส่วนตัวบ้างเข้าใจหน่อยดิ"

ผมก้าวเท้าลงบันไดลงมาทีละขั้นเพื่อมองเขาที่นั่งพูดอยู่คนเดียว ไม่ใช่คุยโทรศัพท์ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น   

"ไปให้พ้นเลย!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่อยู่ๆ เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

ไล่ใครวะ?

"ผีก็อยู่ส่วนผีดิวะ! อย่ามายุ่งกับกูได้ไหม!"

ผมเบิกตากว้างแล้วเดินเข้าไปใกล้กว่านั้น สาบานว่าผมไม่ได้เมา แต่เขากำลังสนทนาอยู่กับบางสิ่งและเรียกสิ่งนั้นว่า ผี

 

"เจอผีไหม"

"มาอยู่ที่นี่ไม่กลัวเหรอ"

"อยู่ข้างหลังนั่นตัวหนึ่งอ่ะ"

 

บทสนทนาคราวก่อนของผมกับเขาโผล่ขึ้นมาในหัว เป็นไปได้ไหมที่เขาจะเป็นพวก คนเห็นผี มีญาณทิพย์ จิตสัมผัสอะไรทำนองนั้น ขณะผมกำลังสับสนกับความคิดตัวเองพี่ซีก็ยังพูดคนเดียวไม่หยุด 

"มันดึกแล้ว นี่มันเวลานอน แล้วก็เมามากด้วย เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันได้ป่ะวะ ขอร้องล่ะ"

ผมแอบดูเขาอยู่ตรงริมบันได คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างงงจัด 

"โอเค พรุ่งนี้จะคุยด้วย สัญญา"

หลังจากเขาพูดประโยคนั้นจบ ผ้าม่านที่หน้าต่างก็ปลิวสะบัดเพราะแรงลม จนผมเผลอขนลุกวูบตามไปด้วย ก่อนหันขวับมองพี่ซีที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วทิ้งตัวลงโซฟา ลืมตามองเพดานอยู่อย่างนั้น ผมกระพริบตาถี่อย่างงงๆ กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ แล้วก้าวขาเข้าไปหาเขา

"พี่ครับ?"

เขาหันมามองผมผงะออกไปนิดหนึ่ง

"ผมเอง"

"ตกใจหมด"

"พี่ เมื่อกี้คุยอยู่กับใครเหรอครับ"

"เมา"

เขาพูดปัดๆ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

"พี่ พี่มองเห็นผีได้เหรอ"

"ใครบอก"

"ผมได้ยินอะ พี่พูดกับผี"

"แล้วคุณเห็นผีตัวนั้นป่ะ"

"ไม่เห็น"

"เออ เพ้อเจ้อไง ผีเผออะไร ไปนอนไป"

"ผมเชื่อนะพี่"

"รุงรัง! ไปเกะกะที่อื่นไป คนจะนอน"

"พี่! ผมจริงจังนะ!"

"คุณ...ชื่ออะไรนะ"

"น่าน"

"เออคุณน่าน ฟังผมนะ ใครจะมองเห็นผีได้บ้าเปล่า หลอนอะไร ไปนอน!" เขาโวยวายพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ผมไม่อยากจบแค่นั้น เชื่อไหมว่าผมตามหาคนประเภทนี้มาทั้งชีวิต  แม้จะเข้าใจดีว่า มันอาจจะเป็นแค่การงมงายกับเรื่องที่หลายคนอาจจะคิดว่ามันไร้สาระก็ได้

"พี่ซี"

"อ้าว รู้จักชื่อผมด้วยเหรอ"

"พี่ไม่ต้องพูดเพราะกับผมหรอก"

"มึงรู้จักชื่อกูด้วยเหรอ"

สัตว์ปีก! ร็อกไปป่ะ! คือบอกว่าไม่ต้องพูดเพราะ ก็ไม่ได้หมายความว่าให้พูดหยาบไง

"เออจะพูดยังไงก็พูดไปเถอะ แต่พี่ ผมมีเรื่องจะขอ พี่มองเห็นผีได้ใช่ป่ะ?"

"..."

"พี่ช่วยตามหาผีให้ผมหน่อยสิ"

 

...

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 3] 29/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 29-01-2018 02:43:14
  ตอนที่ 3
 ใครบอกว่าผีไม่มีจริง



ผมมายืนรอพี่ซีอยู่ที่หน้าหอในตอนเที่ยงคืน เวลากลับหอของเขาไม่แน่นอน แต่จากที่เห็นมาก็ราวๆ นี้ ยืนอยู่ไม่นาน คนที่รอก็มาถึง ผมคิดว่าเขาคงจะเมาแล้วคลานกลับมาอย่างทุกวัน แต่ผิดถนัด ผมมองไปยังเจ้าของหอที่ปั่นจักรยานที่เท็นแอบบอกมาว่าราคาแพงขนาดดาวน์บ้านได้เข้ามา เขาหันมามองผมครู่หนึ่งแล้วแกล้งทำเป็นไม่สนใจ

"พี่ซี"

"ถ้าจะมาพูดเรื่องเมื่อวานเงียบปากแล้วขึ้นห้องไปเลย"

ผมเงียบปากอย่างที่เขาบอกแต่ไม่ยอมเดินออกไปจากตรงนี้

"หลบ" เขาพูดขณะที่ผมยืนขวางประตูอยู่

"วันนี้พี่ไม่เมานี่ เราน่าจะคุยกันได้ง่ายหน่อย"

"ไม่เอา ไม่คุยแล้ว" เขาพูดหน้ายุ่ง แล้วจับไหล่ผมแล้วขยับออกจากตรงนั้น เขี่ยผมทิ้งเหมือนกองขยะหน้าบ้าน ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดมาเปิดประตูเข้าไป ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเดินตามเขาไปด้วย

"พี่...ผมขอร้องล่ะ" เขาไม่พูดอะไร จอดจักรยานไว้อย่างทะนุถนอมแล้วหันมามองผม เสียงลมหายใจเฮือกใหญ่ดังมาจากใบหน้าเอือมๆ

"พี่ซี"

"กูถามจริง คนเราจะตามหาคนที่ตายไปแล้วเพื่ออะไร"

ผมเงียบ ไม่มีคำตอบ ผมไม่ได้อยากเห็นผีทุกตัวบนโลก ก็แค่คนเดียวที่จากกันไป อาจเป็นเพราะเราจากกันโดยไม่มีคำล่ำลา ยังมีเรื่องค้างคาในใจที่ผมอยากรู้ ผมก็เลยอยากเจอเขาอีกสักครั้ง หรือว่าอย่างน้อยที่สุด ก็ขอให้ได้บอกลา อีกสักครั้งก็ยังดี

"ผมมีเรื่องอยากคุยกับเขา"

"..."

"มีเรื่องอยากถาม"

"..."

"มีคำบอกลาที่อยากให้เขาได้ยิน"

พี่ซีก้าวขาเข้ามาใกล้ เขายกสองมือจับไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ ผมเงยหน้ามองเขาและหวังว่าเขาจะเข้าใจในความปรารถนาของผม

"ไปรายการคนอวดผีสิ"

 

ไอ้...

 

"ช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผีอะ เคยดูไหม"

 

...สัตว์ปีก!

 

เขาปล่อยให้ผมดีดดิ้นอยู่คนเดียวแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป จริงจังก็แล้ว ทำตัวน่าสงสารก็แล้วแต่ไม่ได้ผลกับคนๆ นั้นเลย ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจพี่ซีว่าทำไมแค่นี้ถึงช่วยไม่ได้ และไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่? คำพูดของเขาก็วนอยู่ในหัว เก็บเอามาคิดแล้วมันก็น่าจะจริงอย่างที่เขาบอก

 

ผมจะตามหาคนที่ตายแล้วไปเพื่ออะไร

 

"พี่น่าน"

ผมสะดุ้งเฮือกหลังจากถูกเรียก  ผมหันขวับไปมองก่อนจะพบเด็กชายในชุดนักเรียน คนที่เข้ามาทักฉีกยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างๆ ผม

"อ้าว ไคโร"

"พี่เพิ่งกลับมาเหรอครับ" เขาว่าพลางมองผมที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา ผมพยักหน้าส่งๆ อันที่จริงผมกลับมาตั้งนานแล้วแต่มาดักรอเจอพี่ซีต่างหาก

"แล้วมึงอะ เป็นนักเรียนไม่ควรกลับดึกขนาดนี้สิ"

"ผมไปทำรายงานบ้านเพื่อนมา ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีนะ จริงจรี๊ง"

เสียงสูงติดเพดานหอดูมีพิรุธผมจึงหรี่ตามองนิดๆ ตัวมันก็ได้แต่หัวเราะกลับมา ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงดังจากในครัวก็โพล่งขึ้นเป็นเหตุให้เราทั้งคู่สะดุ้งเฮือกแล้วขยับเข้าหากันอัตโนมัติ

"เพล้ง!"

"เฮ้ย!"

ไคโรเบิกตาขึ้นอย่างตกใจตื่น พอกับผมที่หันขวับไปมองในครัวเพราะได้ยินเสียงคล้ายอะไรตกแตกจากตรงนั้น

"เสียงอะไรวะ"

"ไม่รู้ดิพี่ ผีเปล่า?" ไคโรพูดเสียงสั่นแล้วยกมือเกาะแขนผมแน่น

"ผีอะไรเล่า เดี๋ยวกูไปดู..."

"เฮ้ยๆ พี่จะไปไหน"

"ไปดูไงว่าเสียงอะไร"

"เดี๋ยวๆ" เขาฉุดผมให้นั่งลง

"อะไร?"

"ตรงนั้นน่ากลัวนะพี่" ผมมองไปยังในครัว ประตูกระจกหลังห้องครัวที่ไม่มีมีม่านกั้นทำให้มองเห็นหอแปดชั้นผีสิงนั่นได้อย่างถนัดตา เอาจริงๆ มันก็น่ากลัวนั่นแหละ แต่ความสงสัยมันมีมากกว่า ผมจึงลุกแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องครัวนั่น ไคโรที่ดูกลัวๆ แต่ก็เดินเกาะแขนผมตามมาด้วย ผมมองเห็นเศษจานที่หล่นแตกกระจายอยู่ที่พื้น ก่อนจะมองซ้ายมองขวา ก่อนแอบตกใจผ้าม่านหน้าต่างที่ปลิวสะบัดเบาๆ เพราะบานหน้าต่างถูกเปิดอยู่

"พี่น่าน เราไปจากตรงนี้กันเถอะ ไปบอกเฮียซีให้เขาจัดการดีกว่า เขาไม่กลัวผีแถมเป็นเพื่อนกับผีด้วย"

"เป็นเพื่อนกับผีเหรอ"

"ก็ผมเห็นเขาพูดคนเดียวบ่อยๆ อะ ใครๆ ก็บอกว่าเขาคุยกับผีได้"

"จริงดิ"

"เอาจริงเขาเมามั้ง" ไคโรหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ความคิดผมเริ่มเขว หรือพี่ซีจะเป็นแค่คนเมา คนเมาพูดได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ขณะความคิดกำลังสับสนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจนทั้งผมและไคโรรีบหันขวับไปมอง

"ไอรอนแมน ไอรอนแมน"

ผมหันไปเห็นว่าเท็นที่เป็นเจ้าของเสียงนั่น เขาเดินเข้ามาพลางก้มๆ เงยๆ มองหาอะไรสักอย่าง

"พี่เท็นหาอะไรอะ"

"ไอรอนแมน"

คิ้วผมขมวดเข้าหากันพอๆ กับไคโรที่ทำหน้างงๆ ไอรอนแมนจะมาอยู่อะไรที่หอนี้ล่ะวะ แม้จะงงแต่ก็ไม่ทันได้ถาม เท็นก้มมองไปยังหลังตู้เย็นแล้วก็ยิ้มกว้างเหมือนพบสิ่งที่กำลังตามหา

"มาอยู่นี่เองลูกพ่อ" เท็นใช้มือล้วงสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งมาจากตรงนั้น ก่อนจะพบว่าไอรอนแมนที่ว่านั่นคือแมว

"พี่เลี้ยงแมวด้วยเหรอ"

"เจอมาข้างถนน น่ารักป่ะ" เขาว่าแล้วจับแมวขึ้นมาใกล้ๆ หน้าก่อนจะเอาหน้าตัวเองถูๆ ไถๆ แมวตัวนั้น แมวอะน่ารักนะ แต่คนอุ้มนี่ทำเอาเครียด

"น่ารักเนอะ"

"น่ารัก แต่ไอรอนแมนของพี่ทำจานแตกอะ ผมแนะนำให้รีบเก็บเลยก่อนที่จะโดนเฮียด่า"

"อุ้ย...ทำไมซนแบบนี้ล่ะลูก ไม่น่ารักเลยนะ เดี๋ยวป๋าตีเลยนะ" เท็นจับแมวขึ้นแล้วตีมันเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจัด เอาจริงสภาพมันน่าเลี้ยงวัวมากกว่าแมวนะ ผมปล่อยให้เท็นจัดการเก็บกวาดตรงนั้นแล้วเดินออกมาข้างนอก ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าไคโรยังคงเกาะแขนผมติดหนึบ 

"เลิกกลัวได้แล้วมั้ง"

"อุ้ย ไม่รู้ตัวเลย" มันหัวเราะเบาๆ แก้เขิน แล้วขอตัวขึ้นห้องไปก่อน ผมเองก็ด้วย ในตอนที่เดินผ่านหน้าห้องพี่ซี ใจอยากเข้าไปคุยกับเขาดีๆ แต่ความหมั่นไส้ที่มีทำให้ทำได้แค่หยุดด่าอยู่ในใจ ยกมือทำท่าจะชกเข้าหน้าประตูแต่ต้องหงายเงิบเพราะคนในนั้นเปิดออกมาพอดี

"ทำไร"

"เปล่า" ผมสวนกลับอย่างเร็วแล้วลดมือลงไปไว้ด้านหลัง

"จะทำอะไรกู"

"เปล่า ไปแล้ว"

"เดี๋ยว!" ผมถูกพี่ซีดึงคอเสื้อจากด้านหลังแล้วกระชากให้กลับไปที่เดิม

"อะไรเล่า!"

"เมื่อกี้จะต่อยกูเหรอ"

"เปล่า!"

"อันธพาลนะเราเนี่ย"

"อันธพาลอะไรเล่า ปล่อย!"

ทันทีที่พี่ซีปล่อยผมออก ผมก็ยกมือทุบแขนเขาเข้าไปทีหนึ่งแล้วรีบเผ่นออกมาก่อนโดนสวน เขายืนกรานว่าจะไม่ช่วยเรื่องที่ผมขอ ผมไม่ได้อยากง้อแต่เขาดันเป็นคนเดียวที่พิเศษแบบหาใครเหมือนไม่ได้ เขาน่าจะเห็นใจผมสักหน่อย คนอะไรหน้าตาก็ดี แต่ใจดำชิบ!

 

...

 

 

            เช้าวันถัดมา ผมตื่นเร็วกว่าปกติเพราะเสียงฝนปลุกผมขึ้นมา ไม่แน่ใจนักว่านี่มันฤดูอะไร แต่เช้านี้ฝนโปรยปรายไม่มีทีท่าจะหยุด ผมเดินลงมาข้างล่างหอได้กลิ่นอาหารหอมอบอวลมาจากครัว ก่อนเสียงของป้าทิพย์จะเรียกผมจากตรงนั้น

            "น้องน่าน อาหารเช้าค่ะ"

            ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งตอนที่เห็นอาหารเช้าง่ายๆ อย่างขนมปัง ไส้กรอกและไข่ดาว วางเรียงอยู่บนโต๊ะ ป้าทิพย์บอกกับผมว่าหยิบกินได้เท่าที่ต้องการเป็นสวัสดิการหนึ่งของหอ ความเกรงใจหายไปตอนป้าทิพย์บอกว่าเป็นเงินพี่ซีซื้อมาเลี้ยงนี่แหละ ควรกินให้หมดตัวไปเลย แล้วผมก็ชอบไส้กรอกรมควันแบบนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยเลยไม่ได้ปฏิเสธตอนป้าทิพย์ตักมันใส่จานให้

"กาแฟไหมคะ"

"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ดื่มกาแฟ"

"งั้นนมสักแก้วนะคะ"

ผมกำลังจะปฏิเสธแต่ป้าทิพย์เทนมจืดใส่แก้วให้แล้ว ผมจึงต้องรับแล้วในใจก็คิดอย่างเดียวว่า เงินพี่ซี กินๆ เข้าไปเหอะ

เสร็จจากมื้อเช้า ป้าทิพย์ขอตัวไปทำความสะอาดแล้ว ส่วนผมก็เตรียมตัวออกไปข้างนอก ฝนยังตกลงมาแม้จะเบาลง ผมไม่มีร่ม ไม่รู้ว่าหายไปไหนตอนที่ย้ายหอ แล้วผมก็เกลียดฝน โคตรเกลียดเลย

ผมยกนาฬิกาขึ้นดู ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะได้เวลาเรียน ถ้ารออีกสักหน่อยฝนอาจจะหยุดตกก็ได้  จึงนั่งลงที่เก้าอี้หน้าหอเพื่อรอ ก่อนจะสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อตัวอะไรไม่รู้โผล่มาที่ขา

ไอรอนแมน?

แมวตัวสีส้มลายคล้ายลูกเสือตัวเล็กๆ เข้ามาคลอเคลียที่ขาผม

"หนาวเหรอไอ้แมว"

ผมว่าแล้วหยิบมันขึ้นมาวางบนตัก ก่อนจะยกมือเกาหลังมันเบาๆ มันทำหน้าสบายๆ แล้วซุกตัวเล็กๆ ของมันอยู่บนตักผม

"ตึ้ด"

เสียงคีย์การ์ดที่ถูกเปิดจากคนข้างในทำผมตกใจนิดหน่อย จึงหันไปมอง คนที่เปิดออกมาคือพี่ซี เขาก้มมองผมแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยทัก

"ไม่ไปเรียนเหรอ"

"ว่าจะรอให้ฝนหยุดตกก่อนอะครับ"

"ไม่มีร่มเหรอ"

"ไม่มี"

"แล้วจะไปเรียนไง"

"คงรอให้มันหยุดแหละ ถ้าไม่หยุดจริงๆ ค่อยให้เพื่อนมารับก็ได้ครับ"

"ตามใจ"

เขาพูดแค่นั้นแล้วหยิบร่มขึ้นมากางแล้วเดินออกไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดแล้วหันมา

"ไปด้วยกันป่ะ"

ผมส่ายหน้าหน่อยๆ

"เดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก" 

"ผมไม่อยากเปียก"

"ไม่เปียกหรอก" เขาฉุดผมให้ลุกขึ้นแล้วดึงเข้าไปชิดตัวเขาในพื้นที่ร่มสามารถบังเราจากฝนไว้ได้

"แล้วแมวนี่ละฮะ เอาไว้ไหนดี" ผมว่าพลางชูแมวตัวเล็กในมือให้เขาดู

"เอาไว้ในนี้แหละ" พี่ซีหยิบแมวไปจากผมแล้วเปิดประตูหอก่อนจะเอามันไปไว้ในนั้น แล้วกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม ผมเดินคู่ไปกับพี่ซีภายใต้ร่มคันนั้น มันก็จริงที่ผมจะไม่เปียกแน่ๆ แต่มันไม่ใกล้ไปหน่อยเหรอ

ผมได้แต่ก้มหน้ามอง จนมองเห็นเท้าเราสองคนที่เดินเป็นจังหวะเดียวกันเพื่อให้ก้าวไปพร้อมกัน พี่ซีใส่รองเท้าอีแตะซึ่งไม่มีความเหมาะสมใดกับชุดนักศึกษา แต่เพราะว่ามันเป็นพี่ซีแหละมั้งมันเลยไม่ได้ดูขัดหูขัดตา 

"ไม่พูดอะไรกันหน่อยเหรอ"

"ครับ?" ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่จู่ๆ เขาพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ 

"ก็เห็นมันเงียบๆ อะ ชวนคุยหน่อยดิ"

"พี่มองเห็นผีได้ยังไงเหรอ"

"งั้นเงียบปากแล้วเดินไปเหอะ"

"พี่จะไม่ช่วยผมจริงๆ เหรอ"

"ไม่ช่วย"

"ครั้งเดียวนะ"

ผมพยักหน้าหงึกๆ ยกหัวคิ้วขึ้นพร้อมริมฝีปากเพื่อให้หน้าตาน่าสงสารที่สุด คนใต้ร่มคันเดียวกันยกมุมปากขึ้นยิ้ม

"แล้วทำต้องทำหน้าตาน่ารัก"

"ไรนะ"

"หน้ามึงไง หน้ารักชิบเลยแม่ง"

"แล้วจะช่วยคนน่ารักไหม"

"ไม่เว้ย"

"พี่อะ!"

"ไม่ต้องพูดแล้ว เงียบไปเลย"

"พี่...แค่ครั้ง..."

"หุบปากแล้วเดิน!"

ผมได้แต่เบ้ปากใส่ แต่ต้องแน่ใจก่อนว่าเขาไม่เห็น ด้วยส่วนสูงของเขาที่มากกว่าถ้าไม่ก้มลงมาก็คงไม่เห็น เลยแอบขยับปากด่าแบบไม่มีเสียงไปด้วย ส่วนเขาเดินให้เร็วขึ้นจนผมต้องเร่งเท้าเดินให้ทันเขา จนมาหยุดที่ตึกมนุษย์ศาสตร์ซึ่งเป็นคณะของผม

"เรียนตึกนี้ใช่ป่ะ"

"ครับ"

"ไปดิ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันหรอก"

ผมพยักหน้านิดหนึ่งก่อนจะออกจากร่มของเขาแล้วก้าวเข้าไปในตึก จังหวะนั้นทำให้ผมเห็นเสื้อของเขาที่เปียกไปแถบหนึ่ง

"พี่เปียกทำไมไม่บอกอะ"

"บอกมึงแล้วเสื้อมันจะแห้งป่ะล่ะ"

"พี่!"

"ก็กูบอกแล้วไงว่าจะไม่ให้มึงเปียกอะ"

"แต่ว่า..."

"เออ ช่างเหอะ ถือว่าเป็นบริการลูกค้าที่หอละกัน" เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไป ผมยืนมองเขาก้าวขายาวๆ เดินเข้าตึกสถาปัตย์ไป  ตอนนี้ผมก็อยากรู้จริงๆ ว่าคนแบบพี่ซี เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ

 

...

 

วันนี้ที่คณะมีนิทรรศการมนุษย์ศาสตร์ กว่าจะเลิกกิจกรรมก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม วันนี้ไอ้ทิมเองก็ไม่ได้เอารถมาเพราะฝนตกรถติด คืนนี้ผมเลยต้องเดินกลับหอ ส่วนทิมก็ต้องเดินไปรอรถเมล์กลับบ้าน อากาศเย็นๆ และอากาศครึ้มฝนคล้ายจะตกลงมาอีกรอบทำให้ผมรู้สึกแย่ลงไปนิดหน่อย เกลียดฤดูฝนจริงๆ ให้ตายเหอะ

"มึงไม่ต้องไปส่งกูหรอก กูไปได้"

"เออ เดี๋ยวไปส่งก่อน มันดึกแล้ว"

"หอกูอยู่แค่นี้เอง"

"เดี๋ยวมึงโดนฉุดไปทำไง"

"ไอ้ห่านี่! เดี๋ยวกูตบ" ปากบอกว่าเดี๋ยวแต่มือไม่ได้รอ เลยเผลอฟาดมือใส่หัวมันไปหนึ่งทีอย่างสุดแรง

"ไอ้นี่ รุนแรงกับกูตลอด เดี๋ยวกูก็..."

เสียงทิมชะงักไปเพราะเสียงอื่นแทรกเข้ามาแทน เสียงโครมครามดังอยู่ใกล้จนทั้งผมสะดุ้งเฮือก   

"เอี๊ยด! ปัง! โครม!"

ใจผมหล่นหายไปวูบหนึ่ง ก่อนกระพริบตาถี่แล้วหันมองหน้าทิม

"อะไรวะ" ทิมถามหน้าตาตื่น ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆ แล้วก้าวเท้าเดินไปยังต้นทางของเสียงเมื่อกี้ ทิมที่เดินตามมาด้วยดึงมือผมให้หยุดก่อน   

"กูว่ารถชนกันแน่ๆ เลย อย่าไปดูเลย"

"ขอดูหน่อย"

ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินต่อไป แล้วก็จริงอย่างที่ทิมว่า รถยนต์สองคันชนกันอยู่ที่มุมถนน เสียงแตกตื่นของผู้คนที่พากันวิ่งเข้ามาดูดังจอแจ ผมเลื่อนสายตามองรถที่สภาพพังยับ เศษกระจกแหลกกระจายเต็มพื้น ร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่กลางถนน สภาพของร่างนั้นเป็นเหตุให้ผมเผลอหลับตาหนี 

"เฮ้ยน่าน ไปเหอะ น่ากลัวว่ะ" ทิมดึงมือผมให้ออกมาจากตรงนั้น แต่เท้าผมไม่ขยับตาม อยู่ๆ ฝนก็ลงเม็ดลงมา ผมเงยหน้ามองเม็ดฝนนั่น แล้วเลื่อนสายตามองคนบนถนน 

"น่าน ไปเหอะ"

วันที่คนรู้จักของผมตาย ฝนก็ตกลงมาแบบนั้น

สภาพรถก็ไม่ต่างอะไรจากตรงนั้น

ร่างกายของเขาก็คล้ายกับคนที่นอนอยู่ตรงนั้น

และเรื่องของวันนั้นวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหมือนหนังฉายซ้ำ ผมไม่เคยลืมว่าเขาคนนั้นตายยังไง การจากไปของเขาหลอกหลอนอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ 

"ไอ้น่าน!"

เสียงของทิมดึงผมออกมาจากความคิดนั่น

"ไปเหอะ มึงเปียกหมดแล้ว มึงไม่ชอบฝนไม่ใช่เหรอ"

"อืม ไปสิ"

ผมพยักหน้ารับแล้วก้าวเท้าออกมาจากตรงนั้น ได้ไม่กี่ก้าวก็กลับหยุดเดินซะเฉยๆ ความคิดบ้าบอโผล่ขึ้นมาในหัวในตอนที่หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น

 

ถ้าตรงนั้นมีคนตาย ตรงนั้นก็จะต้องมีผีใช่ไหม

 

"ทิมมึงว่าตรงนั้นจะมีผีป่ะวะ"

"ไรนะ"

"กูว่าตรงนั้นต้องมีผีว่ะ"

"ไอ้น่าน! มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย"

ผมไม่ทันได้ฟังที่ทิมพูดก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่จุดเกิดเหตุ กวาดสายตามองรอบๆ เพื่อมองหาผีหรือวิญญาณที่ผมเชื่อว่ามีจริง ผมอยากรู้ว่ามันมีวิธีไหนที่จะได้เห็นพวกเขาเหล่านั้น ผมต้องทำยังไง

"ไอ้น่าน! ออกมาเหอะ น่ากลัวจะตาย"

"เดี๋ยวดิ!"

"มึงเลิกไร้สาระแล้วออกมา!" ทิมดึงผมออกมาจากตรงนั้น แล้วลากผมจนมาหยุดอยู่ที่หน้าหอ ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำตกลงมาไม่หยุด ทั้งผมและทิมเปียกไปทั้งตัว

"มึงเป็นอะไรไอ้น่าน!"

"กูก็แค่อยากรู้ว่าผีมันมีอยู่จริงไหม"

"ไม่มีหรอก มึงเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว"

"มึงรู้ได้ยังไงว่าไม่มี มึงก็ไม่เคยเห็นนี่"

"เพราะกูไม่เคยเห็นไง กูเลยมั่นใจว่ามันไม่มี"

"กูแค่อยากเจอ..."

"มึงไม่มีวันได้เจอมัน!"

ทิมตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้ง

"มึงไม่มีวันตามหามันเจอ มึงไม่มีทางเจอคนที่ตายไปแล้วได้หรอก มึงมองเห็นผีไม่ได้!"

"แต่มีคนที่มองเห็นผีได้จริงๆ นะเว้ย!"

"ไม่มี! มันไม่อยู่จริง! ไร้สาระ ปัญญาอ่อน งมงาย!"

"ไอ้ทิม!"

"ตั้งสติหน่อยไอ้น่าน!"

ผมเงียบ และก้มหน้าลงเพราะเสียงดังของไอ้ทิม ผมเป็นคนบ้า ก็แค่คนบ้า

"เข้าหอไปได้แล้ว มึงเกลียดฝน มึงไม่ชอบให้ตัวเองเปียก"

ผมพยักหน้าเบาๆ

"กูกลับก่อนนะ"

ผมมองทิมที่เดินออกไป แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าหอ ปล่อยความคิดเคลื่อนผ่านความรู้สึกไปช้าๆ มีความจริงหลายอย่างที่ผมต้องยอมรับ ผมไม่มีทางเจอคนที่ตายไปแล้ว ผีไม่มีจริง และคนที่มองเห็นผีก็ไม่มีจริง

ขณะที่ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ผมเงยหน้ามองจึงเห็นว่าเป็นพี่ซี แม้รู้ว่ามันไม่ช่วยให้ผมหลบฝนได้พ้น แต่เขาก็ขยับตัวเองมายืนบังฝนนั่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นบังใบหน้าของผมจากฝนที่สาดเข้ามาแล้วเอ่ยบางคำท่ามกลางความเงียบ

"เดี๋ยวหาให้"

"ครับ?"

"ไอ้สิ่งที่ตามหาอยู่อะ"

"..."

"เดี๋ยวช่วยหาให้"

 

 

To be continued.

 
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 3] 29/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 29-01-2018 06:17:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 3] 29/01/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-01-2018 01:20:43
พี่ซีคนเห็นผี จะช่วยน่านได้จริงปะเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 4] 4/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 04-02-2018 05:18:15
ตอนที่ 4
พูดถึงผี ผีก็มา

 

ผมคำนวณเวลากลับหอของพี่ซีแล้วลงมารอเขาตอนเที่ยงคืนนิดๆ เรื่องที่เขาบอกกับผมวันก่อนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว สามวันหลังจากเขารับปากว่าจะช่วยในสิ่งที่ผมขอ หลังจากสามวันนั้นผมยังไม่ได้คุยกับเขาจริงๆ จังๆ เลยเลย เพราะเจอทีไรก็เมาจนพูดกันไม่รู้เรื่องสักวัน กินเหล้าเหมือนสูบน้ำประปาขนาดนั้น ในร่างกายเขานี่ยังมีเศษตับเหลือๆ อยู่ใช่ไหมอะ

"ตื้ด..."

เสียงคีย์การ์ด?

วันนี้ไม่เมาแน่ๆ ถึงได้หาคีย์การ์ดเจอ ผมลุกพรวดขึ้นแล้วรีบตรงเข้าไปหาเขาที่เข้ามาพร้อมจักรยานที่เขาหวงนักหวงหนา เมื่อเขาจอดจักรยานของตัวเองเสร็จ ผมจึงเดินเข้าไปหาเขาแล้วจ้องหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำได้

"ทำหน้าแบบนั้นต้องการอะไร"

"เรื่องที่คุยกันวันนั้นไงพี่"

"โอ๊ยเมา!" เขาแกล้งยกมือกุมหน้าผากแล้วทิ้งตัวลงโซฟา

"อย่ามาตอแหลนะพี่ ลุก!" ผมฉุดเขาให้ลุกขึ้นมา พี่ซีทำหน้าเอือมแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ผมได้ยินชัดเจนดี

"กูไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ตอนนั้นไม่มีสติจริงๆ"

"อย่าคิดจะถอนคำพูดนะพี่ ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน"

พี่ซีถอนหายใจทีหนึ่งแล้วมองหน้าผม ใบหน้าเรียบเฉยแสดงออกถึงความจริงจังอย่างที่ผมไม่ค่อยเห็น ผมจึงยืดตัวตรงทำหน้าจริงจังไปด้วย

"น่าน"

"ครับ?"

"มึงเชื่อจริงๆ เหรอว่ากูมองเห็นผีได้"

"เชื่อ"

"ทำไมเชื่อวะ กูอาจจะเมาแล้วเพ้อเจ้อก็ได้นะ"

"ไม่รู้ดิ ก็มันเชื่อไปแล้วอะ แล้วพี่ก็บอกจะช่วยด้วย"

"ปากมันลั่นอะ"

"แล้วทำไมพี่ถึงเปลี่ยนใจอะ ทำไมพี่ถึงบอกว่าจะช่วยผม"

"ก็มึงเป็นคนแรกที่เชื่อกูอะ กูรู้ว่าเรื่องนี้มันบ้า แต่กูก็ไม่ชอบให้ใครมาบอกว่ามันไร้สาระ ปัญญาอ่อน แล้วก็งมงาย"

"พี่ได้ยินที่ผมคุยกับทิมเหรอ"

"เออ กูไม่พอใจเพื่อนมึงนิดหน่อยนะ อยากให้มันโดนผีหลอกจริงๆ"

"ตกลงพี่มองเห็นผีได้จริงๆ ใช่ไหม"

"เออ! ถามซ้ำถามซาก"

"แล้วพี่ก็จะช่วยผมหาผีใช่ป่ะ"

"เดี๋ยวดิ มึงอย่าเพิ่งด่วนสรุป"

"ก็พี่บอกแล้วว่าจะช่วยอะ พี่ซี" ผมขยับเข้าไปเกาะแขนเขา ด้วยใบหน้าอ้อนวอน กระพริบตาปริบๆ เรียกร้องความสงสาร

"นะพี่"

เขามองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมุมปากขึ้น ก่อนปรับสีหน้าเป็นปกติ 

"ไหนพูดเพราะๆ สิ"

"นะครับพี่ซี"

"เรียกเฮียดิ"

เอาจริงผมขัดใจเวลาคนในหอเรียกพี่ซีแบบนั้น ก็เฮียห่าอะไรหน้าฝรั่งจ๋า แต่วันนี้ก็ยอมเรียกแบบนั้นไปด้วยตามคำสั่ง

"เฮียซี"

"น่าร้าก!"

"ช่วยผมหน่อยน้า"

"ยิ้มหน่อย"

ผมขยับปากกว้างถึงกกหู ฉีกยิ้มส่งให้เขา ลืมไปเลยว่าเขาคือคนปากเสีย ขี้เมาและน่าโมโหที่สุดในศักราช ตอนนี้ตาลุงนี่กลายร่างเป็นเทพบุตร คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งสูง ลูกครึ่ง จมูกโด่ง สีตาสวย แถมยังมองเห็นผีได้ด้วย ไอดอลเลย!

"ทำไมมึงหน้าเหมือนหนูเลยวะ"

"ฮะ?"

"แฮมทาโร่อะ เคยดูป่ะ?"

ผมหุบยิ้มแล้วมองหน้าเขาเคืองๆ

"เอ้าออกมาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ไง เฮ้ย! ไม่เคยดูเหรอ นี่กูแก่ขนาดนั้น?"

"เคยดู! แต่ไม่เข้าใจว่าหน้าผมมันไปคล้ายไอ้หนูนั่นยังไง คนกับหนูจะเหมือนกันได้ไงวะพี่"

"เหมือนจริงๆ อะ ไม่เรียกน่านละ เรียกหนูดีกว่า ไอ้หนู!" เขาว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ไม่ได้มองหน้าผมที่กำลังจิกตาแตกอยู่ตรงนี้

"จะหนูหรือหมาก็เอาเหอะ ตกลงพี่จะช่วยผมใช่ไหม"

"เออๆ ไหนมึงจะให้กูหาใครอะ"

ผมปรับโหมดจริงจัง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดรูปคนที่อยากเจอให้เขาดู

"คิท เพื่อนผม"

"..."

"คนที่จากไปโดยไม่ได้ลา"

เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังใช้ความคิดผมไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกยังไงอยู่ ผมได้แต่นิ่งอย่างรอคำตอบ คำพูดบางคำกำลังออกจากปากเขาทำให้ใจผมลุ้นระทึก

"หิวอะ เลี้ยงข้าวหน่อยดิ"

"ไอ้เฮีย!"

ไฟในร่างผมนี่ปะทุอย่างกับลาวาเดือด แต่ทำได้แต่ยิ้มกว้างอย่างสงบสติ โอเค เขาคือพี่ซี ผู้มองเห็นผีได้ เขาคือคนนั้นที่ผมต้องการ ผมจึงยอมเขาทุกอย่างแม้กระทั่งพาออกมาเลี้ยงข้าว พี่ซีชวนผมมานั่งอยู่ที่ร้านบะหมี่ใกล้ๆ หอ อีกคนกำลังเอร็ดอร่อยกับบะหมี่หมูแดงพิเศษ ส่วนผมนั่งมองเขาอย่างกดดัน

"มองอะไรนักหนาวะ กินดิ"

ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วคีบเส้นในชามวนไปวนมาอย่างไม่ตั้งใจจะกิน

"อร่อยหรือหิวเนี่ยถามจริง"

"หนูแฮมทาโร่เลี้ยงทั้งที ต้องกินเยอะๆ"

"เอาเงินไปลงขวดเหล้าหมดหรือไง ถึงไม่มีเงินกินข้าวจนต้องมาให้คนอื่นเขาเลี้ยงเนี่ย"

"อือ...เดือนนี้ช็อต"

"ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่ไม่เมาเนี่ย"

"ไม่มีตังค์กินเหล้าอะ" เขาตอบส่งๆ แล้วคีบหมูแดงเข้าปากไปอีกคำโต 

"เป็นถึงเจ้าของหอเนี่ยนะ จะไม่มีเงิน โกหกละ"

"แหม หอที่มีคนเช่าแค่สี่คน แถมค่าเช่าก็ถูกอย่างกับค่าเช่าเต้นท์ในอุทยานแห่งชาติ ค่าเช่าห้องมึงกินเหล้าวันเดียวก็หมดแล้วเว้ย"

"แต่พี่ ผมสงสัยจริงๆ นะ พี่เป็นนักศึกษาอยู่เลยทำไมเป็นเจ้าของหอได้อะ"

"จริงๆ มันเป็นหอพ่อกู แต่พอพ่อตายก็เป็นของกูไง มรดกอะ เก็ทป่ะ?"

ผมพยักหน้าตามอย่างกระจ่าง

"พี่อยู่ปีอะไรอะ"

"ปีเดียวกับมึงแหละ"

"ฮะ?" ดูยังไงเขาก็ไม่มีทางเป็นมนุษย์ที่อายุเท่ากับผมแน่นอนอะ 

"นี่พี่อายุเท่าไรอะ"

"ถามอายุ เดี๋ยวกูตบ!" เขาทำท่าจะตบผมจริงๆ ผมได้แต่เอาหัวหลบมือนั่น แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ เดาเอาเองว่าที่ยังเรียนไม่จบอาจเพราะดรอปไว้หลายตัวก็ได้ 

"เออพี่ ถามอีกเรื่องสิ"

"เฮ้ยหนู นี่เราสนิทกันขนาดมาถามอย่างกับสอบปากคำแบบนี้แล้วเหรอ"

"ก็แค่ตอบๆ มาเหอะน่า"

"จะถามอะไร"

"เรื่องเมื่อวันก่อนที่ตึกสถาปัตย์อะพี่ พี่จะชกนักศึกษาคนนั้นทำไม"

เขาหยุดกินแล้วเงยหน้ามองผม

"มันเป็นแฟนของน้องรหัสกู ทะเลาะกันแล้วตบน้องกู กูเลยเข้าไปเสือกเพื่อสั่งสอนซะหน่อย"

ผมพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง แล้วมองคนๆ นี้อย่างตั้งใจ เขาเป็นคนปากหมา ขี้เมาสายเถื่อนทำตัวถ่อย แต่ยิ่งได้รู้จักเขามากขึ้น ผมยิ่งรู้สึกว่าเขามีนิสัยที่สวนทางบุคลิก ผมขอถอนคำพูดที่เคยคิดไปเอง เขาไม่ใช่คนใจดำอะ ไม่ใช่เลย 

"มองอะไรขนาดนั้นวะ ไม่เชื่อหรือไง ถึงจะไม่มีตังค์ก็ไม่ขู่รีดไถใครหรอกเว้ย!"

"ผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นซักหน่อย"

"จริงๆ กูก็เสือกแหละ กูยอมรับ แต่ตบผู้หญิงมันก็ไม่ใช่เรื่องป่ะวะ นี่ถ้าวันนั้นถ้ามึงไม่เข้าไปห้าม กูก็กระทืบมันไปแล้ว"

"โธ่เฮีย ไม่ชอบให้คนอื่นใช้ความรุนแรง แต่ตัวเองจะกระทืบเขาเนี่ยนะ"

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วก้มลงไปกินบะหมี่ต่อ

"เวลาพี่ไม่เมาก็คุยกันรู้เรื่องนะ"

"ไม่บ่อยหรอกที่กูจะไม่เมาอะ"

"พี่เป็นพวกชอบทำร้ายตัวเองเหรอ กินเหล้าหนักขนาดนี้ไม่สงสารตับบ้างเหรอ"

"ไม่ต้องห่วงหรอก ตับแข็งแล้ว" เขาพูดพลางหัวเราะ แต่ผมเงียบกริบ ยิ้มมุมปากนิดๆ เพื่อให้เขารู้ตัวว่าผมไม่ได้มีอารมณ์ขำด้วย เขาจึงหยุดหัวเราะแล้วก้มหน้ากินบะหมี่ต่ออย่างเงียบๆ 

"ทำไมพี่ต้องเมาทุกวันด้วย"

"กลัวผีอะ"

"ฮะ?"

เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วปรับเสียงให้เบาลงคล้ายเสียงกระซิบ

"เวลาเมาหนักๆ จะมองไม่เห็นผี"

"ยังไงอะครับ?"

"เหมือนมันไม่มีสติไง เลยสัมผัสกับสิ่งพวกนั้นไม่ได้"

"พี่บอกว่าพี่กลัวเหรอ"

"เออ โคตรกลัวเลย"

"แล้ววันที่พี่ขึ้นไปซ่อมไฟให้ผมอะ มีจริงไหม"

"จริงดิ แต่มึงไม่ต้องกลัวหรอกนะ มันมาแล้วก็ไป"

ผมรู้สึกสะดุดคำพูดนั่นนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับกลัว เพียงแค่เรื่องที่ไม่เคยพิสูจน์ได้ อยู่ดีๆ มันก็ชัดเจนขึ้นมาแบบนี้ผมก็รู้สึกวูบวาบขึ้นมาซะเฉยๆ

"แต่วันนั้นพี่ก็ไม่ได้กลัวนี่ เห็นทักทายกันด้วย"

"อ๋อ ตัวนั้นสนิทกันแล้ว"

"ใช่ตัวที่มากวนคืนนั้นป่ะ"

เขาพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ

"มันขี้เหงา อยากหาคนคุยด้วยเฉยๆ แต่กูอย่างรำคาญมันเลย"

"ผู้ชายหรือผู้หญิงอะพี่"

"ผู้หญิงที่ผูกคอตายที่หอแปดชั้นนั่นไง"

โหย! ขนลุกจริงว่ะ ผมกระพริบตาถี่อย่างตื่นเต้น แล้วซักไซ้พี่ซีต่อในเรื่องที่อยากรู้

"พี่ทำไงถึงมองเห็นผีได้อะ เป็นมานานหรือยัง"

"สามปีที่แล้วหลังอุบัติเหตุ ตื่นมาก็ประสาทแดกแบบนี้เลย"

"แล้วตอนนี้พี่ไม่เมาก็มองเห็นใช่ป่ะ ไหนอ่ะ แถวนี้มีป่ะ?"

"ไม่มี"

"เรียกมาได้ป่ะ?"

"อย่าไปพูดถึงมันสิ เดี๋ยวมันก็มาจริงหรอก"

"ผมอยากรู้อะ ผมอยากเห็นบ้างอะ ผีที่อยู่แถวๆ นี้ช่วยโผล่มาหน่อยครับ"

"น่านอย่าพูดแบบ เชี่ย!" พี่ซีไม่ทันจะพูดจบก็สะดุ้งเฮือกพร้อมสบถคำหยาบออกมา เขาหลับตาปี๋เหมือนกำลังกลั้นหายใจ ผมหันมองไปข้างๆ พี่ซีแล้วกระซิบถามเบาๆ

"อยู่ตรงนี้เหรอพี่"

"มันอยากเจออะ นู่น ไปหามันนู่น" เขากัดฟันพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมมองตามสายตาของพี่ซีที่มองมายังเก้าอี้ฝั่งขวาของผม

"พี่ อย่าบอกนะว่าอยู่ข้างๆ ผม"

"เออ มึงเรียกมันมาเองนะ รับผิดชอบด้วย กูไปละ" เขาพูดแค่นั้นก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกออกไป ผมหันมองด้านขวาของตัวเอง มองไม่เห็นอะไร สัมผัสไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่แต่ผมก็เชื่อเขาไปแล้ว ผมยกมือขึ้นโบกทักทายแล้วยิ้มแห้งๆ

 "หวัดดีครับ"

"..."

"รู้จักคิท เพื่อนผมไหมครับ"

"..."

"ถ้ารู้จักหรือว่าเคยเห็น ฝากบอกคิทให้มาหาผมหน่อยนะครับ ฝากบอกว่าผมรออยู่"

 

ฝากบอกว่า...คิดถึงมากจริงๆ

 

...

 

ผมเดินตามพี่ซีกลับมาที่หอ ทันทีที่เปิดประตูหอไอรอนแมนของเท็นเดินเข้ามาหาเรา มันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของคนทั้งหอไปแล้ว ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องหยิบจับหรือแกล้งแมวตัวนุ่มนั่น คราวนี้พี่ซีก้มจับมันด้วยมือเดียวแล้วหิ้วมันเข้าไปในครัวด้วย สักพักก็เดินออกมาพร้อมด้วยเบียร์ขวดหนึ่งในมือ

"พี่อย่าดื่มดิ"

"ทำไมวะ" เขาถามเสียงเรียบก่อนจะยกเบียร์ขึ้นกระดกพร้อมกับเล่นกับเจ้าแมวด้วยการเกาพุงมัน แต่เกาแรงขนาดนั้นหนังมันจะหลุดติดมือป่ะวะ

"ถ้าพี่เมาก็มองไม่เห็นผีดิ"

"ขวดเดียวมันจะมาเมาอะไรล่ะ เอามะ" เขาว่าแล้วยื่นขวดให้ผม

"ไม่ครับ" ผมบอกปฏิเสธก่อนจะแย่งไอรอนแมนมาจากเขาเพราะกลัวขนมันจะหลุดหมดก่อน 

"นี่ไอ้หนู"

"เลิกเรียกแบบนี้เหอะ"

"ก็มึงเหมือนหนู"

ไม่เหมือนโว้ย! หล่อขนาดนี้จะไปเหมือนไอ้หนูอ้วนที่วันๆ เอาแต่กินเมล็ดทานตะวันได้ยังไงวะ!

"ผีที่อยากเจออะ แฟนเหรอ"

"เป็นเพื่อนครับ" ผมตอบเสียงเบา

"เพื่อนเฉยๆ เหรอ"

ผมเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับไปอย่างนั้น

"เป็นเพื่อนที่สำคัญมากเลยดิ"

"ครับ สำคัญ..."

"แล้วมันตายนานยัง"

"หลายปีแล้ว"

"บางทีเขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้นะ"

"ครับ?"

"หมายถึง หลังจากที่ตายไปแล้ว ผีทุกตัวก็จะมีที่ที่ต้องไป กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหน เว้นแต่บางตัวที่ยังมีจิตผูกพัน มีเรื่องที่ยังห่วง มีบางอย่างที่อยากทำก็เลยวนเวียนอยู่ที่นี่ มึงเข้าใจใช่ไหม"

"ครับ"

"อย่างไอ้ตัวเนี้ย มันฆ่าตัวตายเลยไปไหนไม่ได้ ก็วนๆ อยู่แถวนี้แหละ" พี่ซีมองมายังข้างๆ ผม เดาว่าเป็นผีสาวจากหอแปดชั้นที่สนิทกับเขา สายตาพี่ซีที่มองมาข้างๆ ผมแล้วยังยิ้มทักทายกับใครบางคนทำให้ผมขนลุกแล้วขยับตัวหนีมานิดหนึ่ง

"อยู่ตรงนี้เหรอฮะ"

พี่ซีพยักหน้าเบาๆ แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดขวด  ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วโบกมือทักทายอากาศ ถ้าอยู่ตรงนี้จริงๆ ก็ ยินดีที่ได้รู้จักครับ 

"เพื่อนน่านอะ เดี๋ยวช่วยหา สัญญาเลย แต่ถ้ามันไม่อยู่ที่นี่แล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะตาม เพราะยังไงก็ไม่มีวันเจอ เข้าใจนะ"

"ครับ"

"เอาไว้ว่างๆ ไปด้วยกัน"

"ไปไหนฮะ"

"ไปที่ที่มันตาย ไปบ้านมัน ไปที่ที่มันชอบไป ไปที่ที่มันผูกพัน ก็อาจจะอยู่แถวๆ นั้นก็ได้"

ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ผมรู้โอกาสนั้นแทบเป็นศูนย์ แต่ในความไม่มั่นใจนั้นผมก็มองเห็นความหวังจากพี่ซี ที่ผ่านมาผมต้องการอยากเจอผีมาตลอดโดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นมีจริงหรือเปล่า อย่างน้อยเขาก็ทำให้ผมแน่ใจว่า ผมไม่ได้เพ้อเจ้อไปคนเดียว แค่นั้นพอ

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 4] 4/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-02-2018 05:31:14
ตอนหน้ารีบช่วยน้องหาเลยนะ อย่าอู้ล่ะ  o18
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 4] 4/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-02-2018 11:39:57
พี่ซีเลิกเมาแล้วช่วยน้องซะ


เรื่องมันเป็นยังไงนะ ทำไมถึงอยากเจอขนาดนั้น


หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5 ] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 08-02-2018 22:31:10
ตอนที่ 5
ขนหัวลุก

 

ผมมาเดินอยู่ในมินิมาร์ทหลังจากแยกกับทิมหลังเลิกเรียน อากาศเย็นๆ ในช่วงหกโมงบวกกับการที่ฝนทำท่าจะตกลงมาทำให้ผมอยากกลับให้ถึงหอไวๆ ไม่อยากออกไปไหนเลย ไม่มีอารมณ์มาเดินดูนั่นดูนี่ จึงเดินหาของที่ตั้งใจมาซื้อ รีบๆ หยิบจะได้รีบๆ กลับ

"หนู"

โห...ช็อกโกแลตลดราคาแหละ

"ไอ้หนู"

เหมาเลยดีไหม

"น่าน!"

ผมหันขวับไปมองเสียงนั้นก่อนจะพบว่าเป็นพี่ซีที่กำลังเดินเข้ามาหา

"อ้าวพี่"

"เรียกตั้งนานไม่ได้ยินหรือไง"

"ไม่ได้ชื่อหนู" ผมตอบสั้นๆ พี่ซีทำท่าจะเขกกบาลผม ผมมองไปยังรถเข็นในมือเขา ทั้งขนม เครื่องดื่มเยอะจนเต็มรถ

"โหพี่ นี่ซื้อไปขายต่อเหรอ?"

"ให้น้องรหัส"

ผมแอบตกใจ เพราะของที่ซื้อให้น้องรหัสอย่างกับเอาไปบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วมอะไรอย่างนั้น ถ้าเทียบกับพี่รหัสตัวเองแล้วผมนี่อิจฉาตาร้อนผ่าวเลย ตั้งแต่เข้ามหาลัยมาได้ขนมมาสองสามถุง หลังจากนั้นพี่รหัสก็หายสาบสูญจนผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า

"พี่นี่ท่าทางจะรักน้องคนนี้มากสินะ"

"น้องใครใครก็ต้องรักดิ"

"อันนี้ก็ให้น้องด้วยเหรอ" ผมชี้ไปที่เบียร์หลายขวดในนั้น

"อันนี้กินเองครับ"

"ขี้เมาว่ะ"

"พูดมาก อันนี้กินกันไหมเนี่ยจะได้ซื้อไปใส่ตู้เย็นไว้ให้" เขาว่าแล้วหยิบเยลลี่ปีโป้มาถุงหนึ่ง สวัสดิการที่หอมันดีเพราะพี่เขามักจะซื้อนม ซื้อขนมไปติดตู้เย็นในครัวเอาไว้ให้กินฟรีนี่แหละ ผมไม่ได้ตอบคำถามเขาแต่เดินไปหยิบปีโป้มาเพิ่ม รวมเวเฟอร์ กับช็อกโกแลตที่ลดราคาเมื่อกี้ด้วย

"พอๆ หนูจะปล้นพี่หรือไง"

"พี่ดูรวยอะ"

"รวยห่าอะไรล่ะ หลบเลยจะไปจ่ายตังค์แล้ว" เขาเข็นรถหนีผมไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ผมเองก็เดินตามไปด้วย ระหว่างนั้นเขาก็มาหยุดที่ชั้นวางร่ม คนตัวสูงกวาดสายตามองชั้นนั่นแล้วหันมาถามผม

"เอาสีอะไรดี"

ผมชี้ไปที่คันสีเขียวอย่างไม่คิดอะไร พี่ซีก็หยิบมันใส่รถเข็นไปด้วย

"อีกอันนึงอะ สีอะไรดี"

"พี่ซื้อทำไมเยอะแยะ"

"ช่วงนี้ฝนตกบ่อย เดี๋ยวซื้อไปทิ้งไว้ที่หอ เผื่อคนบางคนมันไม่มีร่มใช้จะได้ไม่เป็นลูกหนูเปียกฝนไง"

ผมหันมองเคืองเพราะรู้ตัวว่าไอ้คนบางคนที่เขาว่านั่นมันผมชัดๆ พี่ซีหยิบร่มสีแดงไปอีกคันหนึ่งแล้วเดินไปจ่ายเงิน ภายใต้ความเคืองของผม กลับมองเห็นความเอาใจใส่ของเขาผ่านการกระทำนั่นอยู่เล็กน้อยเช่นกัน

ผมยืนรอจ่ายเงินอยู่ข้างหลัง เห็นยอดชำระของเขา และเงินที่เขาหยิบออกมาจ่ายค่าของแล้วก็อดแซวไม่ได้

"เมื่อวานยังไม่มีตังค์กินข้าวอยู่เลย"

"หลอกกินข้าวฟรีไม่รู้เหรอ"

ผมเบ้ปากใส่ ก็คิดอยู่แล้วว่ามนุษย์ที่ขี่จักรยานคันละแสนจะไม่มีเงินกินข้าวได้ไง ถึงเขาจะทำตัวเซอร์ค่อนเอียงไปทางสกปรก ซกมก ขี้เมา จรจัด หยาบคาย ปากหมา สถุน แต่รังสีความรวยในตัวเขาก็ยังพุ่งออกมาเป็นระยะ ด้วยใบหน้าและผิวพรรณที่ดูดีแบบพวกลูกครึ่งนั่นล่ะมั้งที่ทำให้เขาดูดีแม้จะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม

"พี่ซี วันนี้ว่างไหม"

"ทำไม จะเลี้ยงข้าวอีกเหรอ"

"อือ เดี๋ยวเลี้ยงเอ็มเคเลย"

"เออว่าง โคตรว่างเลย"

"ไปบ้านเพื่อนผมที่ตายกันนะ"

"เอ่อ เอาจริงนัดเพื่อนกินเหล้าไว้ว่ะ"

ผมได้แต่มองแรงใส่อย่างไม่พอใจ  เขาทำทีเล่นทีจริงจนผมรู้สึกรำคาญ บางเวลาก็ออกตัวอยากจะช่วยซะเหลือเกิน บางทีก็ทำเหมือนไอ้ที่พูดไปก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเล่นๆ ไอ้กลับกลอกเอ๊ย!

"เออๆ ไปก็ไป ไม่ต้องทำหน้าเหมือนหนูโกรธแบบนั้นเลย"

"หนูห่าอะไรล่ะพี่ เดี๋ยวก็กัดหน้าแหกเลย!"

"แน่ะๆ ทำดุๆ"

"ก็ผมไม่ใช่หนู"

"ล้อเล่นหน่อยเดียวไม่ได้เลย" เขาพูดขำๆแล้วยื่นแขนมาคล้องคอผม

"ผมเรียกพี่ว่าหมาได้ไหมล่ะ พี่ปากหมาอ่ะ"

"เอาดิ เอาที่หนูสบายใจอะ พี่ได้หมด"

ผมส่ายหัวเบาๆ พยายามสะบัดแขนเขาที่คล้องคอออกแต่เขากลับรัดมันให้แน่นกว่าเดิม

"ว่าแต่เลี้ยงเอ็มเคแน่นะ"

"อือ"

"สั่งเป็ดด้วยนะ"

"เออ!"

 

 

...

 

           

หลังจากกลับมาถึงหอ พี่ซีเดินเอาของที่ซื้อเข้าไปเก็บในครัว ส่วนผมนั่งรอเขาที่โซฟา ก่อนจะหันไปเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามา ไคโรที่อยู่ในชุดนักเรียนม.ปลายยิ้มกว้างมาก่อนที่จะทักทาย

"พี่น่าน สวัสดีฮะ"

"ครับ" ผมตอบรับก่อนไคโรจะโดดมานั่งข้างๆ แล้วยิ้มกว้าง

"ไอ้ไค กลับหอแต่วันๆ เป็นด้วยเหรอมึง" พี่ซีเอ่ยทักตอนที่เดินเข้ามา 

"ว่าแต่ผม เฮียก็เหมือนกันแหละ วันนี้ไม่เมาด้วยนี่"

"กูไม่มีตังค์กินเหล้า จบไหม?"

"ทนหน่อยนะเฮีย ใกล้สิ้นเดือนแล้ว เดี๋ยวจ่ายค่าหอให้"

"เหรอ! กูเห็นมึงผลัดกูทุกเดือน"

"ผมเป็นนักเรียนม.ปลายเองนะเฮีย ไม่มีรายได้ซะหน่อย"

"ไปทำการบ้าน อ่านหนังสืออะไรก็ไปๆ วันๆ มึงเล่นแต่เกม พ่อแม่รู้ไหมทำตัวแบบนี้ ฮะ?"

"วู้! ผมหนีแม่มาอยู่หอเพราะขี้เกียจฟังคำบ่น แต่เฮียมาบ่นขนาดนี้ มาเป็นพ่อผมเลยไหม"

"กูไม่ได้แก่พอที่จะเป็นพ่อมึงได้หรอก"

"งั้นมาเป็นผัวผมไหมล่ะ จะอนุญาตให้บ่น"

ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากปลายเท้าที่ยกขึ้นสูงพร้อมจะยัดเข้าปากไคโรได้ เขารีบรวบปากให้หุบแล้วคว้ากระเป๋าเดินไปที่บันไดไปอย่างเงียบๆ

"เฮีย! เฮีย!"

ไม่ทันที่ไคโรจะเดินถึงบันได เท็นก็วิ่งสวนลงมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก

"อะไร?"

"เห็นไอรอนแมนไหม? มีใครเห็นไอรอนแมนไหม?"

เราสามคนสามัคคีกันส่ายหน้า พี่ซีเข้าไปดูในครัว ผมก้มลงมองไปรอบๆ ห้องแต่ก็ไม่มี

"มันหายไปไหนอะ!"

"มึงอะชอบปล่อยมันไป"

"ก็ผมกลัวมันอยู่แต่ในห้องแล้วจะอึดอัดอะ"

"มันอยู่ข้างนอกเปล่าไปดูดิ" พี่ซีว่าก่อนจะรีบเดินออกไปที่ประตู เท็นรีบวิ่งตามลงไป เจอน้ำขิงที่เปิดประตูสวนเข้ามาพอดี

"มีอะไรกันเหรอ?"

"ไอรอนแมนหายไปครับพี่ขิง"

กลายเป็นว่าเราทั้งห้าแยกกันไปหาไอรอนแมนคนละทาง ผมเดินเข้ามาในซอยหอแปดชั้นที่ทุกคนเกี่ยงกัน เหตุจากผมไม่กลัวผีเลยโดนไล่มาทางนี้ จากหอพี่ซีมาถึงนี้ก็ไกลพอสมควร เพราะมันเป็นซอยเปลี่ยวและดูรกร้างจึงไม่มีไฟส่องสว่างริมทาง ผมหยิบมือถือขึ้นมาแทนไฟฉาย ส่องไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของแมวตัวนั้น รู้ตัวอีกทีผมก็มาหยุดที่หน้าตึกแปดชั้น
            ผมเลื่อนสายตามองตึกสูงไปยันชั้นบนสุด พอมาดูใกล้ๆ ตอนมืดๆ แบบนี้ โคตรน่ากลัวเลย จริงอยู่ที่ผมไม่ใช่คนกลัวผี แต่พอคิดถึงเรื่องที่พีซีพูดว่า ผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายที่นี่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้ ทำเอาผมถึงกับขาแข็งเหมือนกัน

"เปรี้ยง!"

"เชี่ย!" ผมสบถคำหยาบด้วยความตกใจที่อยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมา ลมพัดแรงขึ้นพร้อมกับฟ้าเสียงร้องโครมครามราวกับฟ้ากำลังโกรธอะไรอยู่ อีกไม่นานฝนคงตกลงมาแน่ๆ

"ครืน..."

ผมเงยหน้ามองฟ้า และก็เป็นอย่างที่คิดฝนลงเม็ดมาเบาๆ ผมรีบวิ่งออกมาจากหอนั้นก่อนที่ฝนจะตกหนักไปมากกว่านี้ เปียกฝนนิดหน่อยดีกว่าติดอยู่ที่หอนั่นแน่นอน แต่ไม่ทันที่จะวิ่งออกมาได้ไกลนักฝนก็ลงเม็ดหนักอย่างไม่เกรงใจคนเกลียดฝนอย่างผม

"ซ่า!"

ผมเข้าไปหลบใต้ต้นไม้แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ต้นไม้ไม่ได้ใหญ่พอที่จะบังฝนให้ผมเลย จึงต้องยอมให้ตัวเปียกแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า

ที่ผมไม่ชอบฝน เพราะทุกครั้งที่มันตก ผมมักจะนึกถึงวันที่คิทตาย วันที่คิทจากไป ฝนก็กระหน่ำลงมาแบบนี้ คล้ายเป็นน้ำตาแด่การจากไปของเขา ผมเองก็เช่นกัน อยากร้องไห้เหมือนกับฝนนั่น

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่อยู่ๆ ฝนก็ไม่กระทบกับหน้าผม ก่อนจะหันไปมองพี่ซีที่โผล่มาข้างหลัง ร่มในมือของเขายื่นมาบังฝนให้ผม แต่ตัวเขาเองกำลังเปียก

"ไม่ชอบฝนไม่ใช่เหรอ"

"พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่"

"ก็มึงมาทางนี้ ก็เลยตามมา"

"แล้วเจอแมวหรือยังครับ"

"เจอแล้ว รีบกลับเหอะ เดี๋ยวเปียก"

ผมพยักหน้าเบาๆ โล่งอกไปทีที่เจอไอรอนแมนแล้ว

"รีบไปเหอะ แถวนี้น่ากลัวชิบ"

"แต่พี่สนิทกับผีสาวนั่นไม่ใช่เหรอ"

"จะรู้ได้ไงว่าแถวนี้มันมีไอ้นั่นตัวเดียว"

ผมหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของพี่ซีที่รีบก้าวฉับๆ ไม่ลืมที่จะลากผมให้รีบเดินตามไปด้วย

"เปรี้ยง!"

เสียงฟ้าผ่าเป็นเหตุให้ทั้งผมและพี่ซีสะดุ้งตัวโยน ผมเผลอขยับเข้าไปใกล้เขา ในจังหวะที่พี่ซีตกใจจนปล่อยร่มหลุดมือไป 

"พรึบ!"

"เฮ้ย!"

ลมแรงพาร่มพี่ซีปลิวไปอีกทาง ผมมองตามร่มที่พัดเข้าไปทางหอแปดชั้น 

"เดี๋ยวผมไปเอาให้"

"ไปเหอะ!" พี่ซีจับมือผมแล้วพาวิ่งออกมา ผมได้แต่วิ่งฝ่าฝนตามเขาออกมาอย่างงงๆ 

"พี่ซี ทำไมต้องรีบขนาดนี้"

"กูไม่ชอบแบบนี้"

"อะไรนะ"

"เชี่ย!" เขาหยุดกึกแล้วปล่อยมือผมออก เขาหลับตาแน่นเหมือนคราวก่อน เดาว่าเขาคงเห็นผีเข้าอีกแล้ว

"พี่ซี?"

เขาสูดลมหายใจเบาๆ เหมือนกำลังเรียกสติ แล้วลืมตาช้าๆ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

"มึงมาแบบปกติกูไม่ว่าเลยนะ ทำไมต้องมาสยองแบบนี้ด้วย กูไม่ชอบ"

ผมได้แต่ขมวดคิ้วแน่นมองพี่ซีที่ตะโกนเสียงสั่น

"กูไม่อยากเห็นพวกมึง กูไม่อยากเห็นเข้าใจไหม! กูกลัวโว้ย!"

ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ซีเห็นคืออะไร และที่กำลังเป็นอยู่คืออะไร ผมไม่รู้ว่าพี่ซีกำลังบ้า ผมกำลังบ้า หรืออะไรก็ตาม สิ่งเดียวที่ผมรู้คือ พี่ซีกำลังกลัว ด้วยเหตุนั้นผมจึงยื่นมือตัวเองไปจับมือพี่ซีที่สั่นระริก พี่ซีหันมามองมือที่จับแล้วเลื่อนสายตามามองหน้าผม

"ไม่ต้องกลัวนะพี่"

"..."

"ผมก็อยู่"

ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำตกลงมาไม่หยุด ผมปล่อยให้ตัวเองตัวเปียกโชกอยู่กับเขา ปลอบประโลมพี่ซีผ่านมือที่จับกันอยู่ กระทั่งพี่ซีโอเค ผมเดาว่าเขาดีขึ้นในตอนที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

"เขาไปแล้วเหรอพี่"

เขาพยักหน้าเบาๆ

"ไปกันเถอะครับ"

ผมกับพี่ซีเดินกลับมาที่หอ คนในหอนั่งอยู่ที่โซฟากันครบแล้ว

"เฮีย น่าน ทำไมเปียกแบบนั้นอะ" น้ำขิงพูด แต่พี่ซีไม่พูดอะไรก้าวฉับๆ เข้าครัวไป เปิดตู้เย็นหยิบขวดเบียร์ กระแทกกับขอบโต๊ะเพื่อเปิดฝา แล้วกระดกมันเข้าปากแบบไม่มีคำพูดใด

"เฮียเป็นอะไรวะ"

"ไอรอนแมนหนีไปเที่ยวไหนมา" ผมเปลี่ยนเรื่องไปลูบหัวแมวที่อยู่ในอ้อมกอดของเท็น 

"ไปเกือบหน้ามหาลัยนู่น สงสัยหลงเลยกลับมาไม่ได้"

"ไปอาบน้ำเถอะพี่น่าน เดี๋ยวไม่สบายนะ" ไคโรพูด ผมพยักหน้าตาม ก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายกันไป ผมเดินเข้าหาพี่ซีที่นั่งอยู่ในครัว แล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เขา

"พี่ซี"

"..."

"ยังกลัวอยู่เหรอ"

เขาพยักหน้ารับเบาๆ

"เจอกี่ครั้งก็ยังไม่ชิน" เขาพูดแล้วกำลังจะกระดกเบียร์อีกที แต่ผมหยุดเขาเอาไว้ก่อน

"ไม่อยากให้พี่กินอะ"

"ไม่เมาหรอก ขวดเดียวเอง"

"ไม่ได้กลัวพี่เมา กลัวตับพี่แข็งต่างหาก" ผมพูดขำๆ พี่ซียกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้ววางขวดเบียร์ลงข้างๆ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นมันน่ากลัวขนาดไหน และไม่รู้ว่าเขาจะกลัวมันขนาดนี้

"พี่โอเคนะ"

"อืม"

"งั้นผมขึ้นห้องไปอาบน้ำนะ"

ผมทำท่าจะลุกขึ้นแต่พี่ซีกลับจับมือผมเอาไว้ก่อน

"น่าน"

"..."

"อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนได้ไหม"

ผมไม่ลังเลที่จะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาแม้เนื้อตัวจะเปียกปอน สองมือของตัวเองยกจับมือเขาที่ยังสั่นเทาอีกครั้ง

"ไม่ต้องกลัวนะครับ"

"..."

"เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อน"

 

 

To be continued.

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-02-2018 02:24:11
ถ้าพี่ซีกลัวผีมาก ๆ เลย ก็วานน่านหิ้วพี่ซีไปที่ห้องน่านแล้วกัน น่านเองจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย ดีไหม  :hao3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2018 10:25:26
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 09-02-2018 11:09:05
คนไม่กลัวดันไม่เห็น คนเห็นดันกลัว น่าติดตามมากก รีบมาต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 09-02-2018 12:27:47
อยู่เป็นแฟนก็ได้
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-02-2018 13:48:31
โอ๊ยดีละมุน



ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 5] 8/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: windwrite ที่ 09-02-2018 17:58:33
มีความปิงกับเฮียอิสเบาๆ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 12-02-2018 00:38:37
ตอนที่ 6
เป็นเพราะกลัว

 

หลังจากพี่ซีดีขึ้น ไม่รู้ว่าเขาหายกลัวหรือไม่อย่างไร แต่ผมก็ส่งเขาเข้าห้องนอนเรียบร้อย ส่วนตัวเองก็กลับเข้าห้อง ด้วยสภาพเสื้อผ้าที่เปียกชื้น ผมเดินขึ้นมาที่ห้องล้วงกระเป๋าหากุญแจห้อง แต่ต้องชะงัก คิ้วขมวดเข้าหากันทีละน้อยจนแทบชนกันเมื่อล้วงหากุญแจห้องไม่เจอ ทั้งกระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา กระเป๋าหลัง กระเป๋าเสื้อ

ผมหยุดนิ่งเพื่อนึกไปถึงครั้งสุดท้ายที่เห็นมัน แต่ก็คิดไม่ออก ไม่รู้หายไปไหน ก่อนคิดขึ้นมาได้ว่าป้าทิพย์จะต้องมีกุญแจสำรองแน่นอน เลยก้าวเท้าลงบันไดตั้งใจจะมาหาป้าทิพย์ แล้วก็ต้องชะงักไปอีกเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าป้าทิพย์ไม่ได้นอนที่นี่ซะหน่อย ผมทรุดลงนั่งที่ขั้นบันไดแล้วเอาหัวโขกราวบันไดเบาๆ สองทีเพื่อลงโทษความเฟอะฟะของตัวเอง

เคาะสมองเพื่อให้มันประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่ซีที่เป็นเจ้าของหอจะต้องมีกุญแจสำรองแน่นอนเลยพาตัวเองมายืนอยู่หน้าห้องเขา ห้องหมายเลข 111 คือห้องของพี่ซีที่ใครๆ ในหอก็บอกว่าอยากอยู่ห้องนี้เพราะมันไม่ต้องขึ้นบันได แต่เจ้าของห้องซึ่งเป็นเจ้าของทุกพื้นที่ในหอนี้ไม่มีวันยกห้องตัวเองให้แน่นอน เอาจริงพี่ซีแก่แล้วอะ อย่าทรมานพี่เขาให้ตะเกียกตะกายขึ้นบันไดเลยเหอะ

"ก็อกๆๆ"

ผมเคาะประตูสองสามที กลัวว่าพี่ซีจะไม่ได้ยินหรือเปล่าจึงเรียกซ้ำไปอีกที

"พี่ซี"

"ก็อกๆ!"

"พี่ซี!"

"แป๊บนึงโว้ย!" เขาตะโกนออกมา ครู่หนึ่งก็ออกมาเปิดประตู ด้วยสภาพเปลือยท่อนบนที่เหมือนพุ่งออกมาจากห้องน้ำ ผมเผลอเลื่อนมองร่างกายของคนตรงหน้า

โคตรขาวเลย

เรือนร่างที่ขาวสะอาดมีเพียงสร้อยพระสีทองคล้องอยู่ที่คอของเขา พี่ซีน่าจะเป็นฝรั่งสายพุทธแหละ

"มีอะไรเปล่า"

"อ้อ เออ กุญแจห้องผมหายอะ พี่มีกุญแจสำรองไหม?"

เขาทำหน้านึก มองไปทางซ้าย แล้วก็มองไปทางขวา

"ทำไมคิดนานอะ"

"นึกไม่ออกว่ะ มันมีแหละ แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน"

"อ้าว! เป็นเจ้าของหอประสาอะไรเนี่ย"

"ร้อยวันพันปีเคยมีคนทำกุญแจหายที่ไหนล่ะ มึงคนแรกเลยเนี่ย รอแป๊บ" เขาเดินกลับไปหยิบมือถือขึ้นมากดสองสามทีแล้วยกขึ้นแนบหู

"ป้าทิพย์ปิดเครื่องว่ะ"

ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไง เขาเองก็เช่นกัน เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนพี่ซีจะแทรกความเงียบด้วยการเรียกให้ผมเข้าไปในห้อง 

"เข้ามา"

"ฮะ?"

"เข้ามาดิ!"

ผมเดินตามเขาเข้าไปอย่างงงๆ พี่ซีเดินไปหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าชุดหนึ่งในตู้ ออกมาโยนให้ผม 

"ไปอาบน้ำดิ"

"ฮะ?"

"หนูจะงงอะไรของหนู บอกให้ไปอาบน้ำ"

"ที่นี่? ที่ห้องพี่?"

"แล้วจะห้องไหนได้อีก ห้องตัวเองก็เข้าไม่ได้ ไม่เอาห้องนี้ก็เลือกมาเลยห้องไอ้เท็น ห้องไอ้ไค หรือห้องน้ำขิงดี"

"ห้องว่างๆ ชั้นอื่นไม่ได้เหรอฮะ"

"ไม่มีกุญแจ"

คำตอบสั้นๆ ทำให้ผมถึงกับถอนหายใจแรง ผมไม่มีทางเลือกและต้องโทษตัวเองด้วยที่โง่ทำกุญแจหายเอง ก็เลยต้องทำตามที่เขาบอก 

"แล้วพี่อาบหรือยัง"

"กำลังจะอาบมึงก็มาเรียกพอดีไง มึงอาบก่อนเลย เดี๋ยวเป็นหวัด"

"งั้นพี่อาบก่อนก็ได้ครับ พี่ก็เป็นหวัดได้เหมือนกันนะ"

"อาบพร้อมกันเลยไหมล่ะ?"

"ขอสิบนาที!" ผมว่าแล้วหยิบกองผ้าที่เขาโยนให้ตรงเข้าห้องน้ำ ก่อนผมจะใช้เวลาไม่นานในห้องน้ำ เสร็จแล้วจึงเดินออกมาแต่พี่ซีไม่อยู่ในห้องแล้ว ผมกวาดสายตามองรอบๆ ห้องของเขา ห้องนี้เล็กกว่าห้องที่ผมอยู่นิดหน่อย แต่มีเฟอร์นิเจอร์เหมือนกันหมดทุกชิ้น ผ้าปูที่นอนของพี่ซีที่เป็นสีเทาอ่อนๆ ปลอกหมอนเป็นสีดำ อีกใบเป็นสีขาว มีข้าวของเยอะแต่ไม่ได้รกเกะกะ ดูสะอาดตาดี ที่มุมห้องมีโต๊ะวาดภาพขนาดใหญ่ กองอุปกรณ์วาดภาพ เฟรมหลายขนาดและกองภาพวาดที่วางเอาไว้ เดาว่าบรรดารูปภาพที่ตกแต่งอยู่ที่ผนังห้องโถงก็คงเป็นฝีมือเขาแน่ๆ ผมหันไปมองหนังสือสวดมนต์และพระพุทธรูปที่หัวเตียง อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นฝรั่งสวดมนต์ไง เลื่อนสายตาจากหัวเตียงก็ไปเจอกับชั้นวางหนังสือที่แน่นไปด้วยหนังสือการ์ตูน ใกล้ๆ กันก็มีโมเดลฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนที่ผมเองก็ไม่รู้จัก ผมถือวิสาหยิบโมเดลบางตัวตรงนั้นออกมาดู

"หนู ซนอะไร"

"อุย!" ผมสะดุ้งนิดหนึ่งแล้ววางโมเดลนั่นกลับไปที่เดิม

"ไม่ได้ซนซะหน่อย พี่ไปไหนมาเหรอ"

"อาบน้ำห้องไอ้เท็น"

ผมพยักหน้ารับ เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาเองก็เปลี่ยนชุดไปแล้วเหมือนกัน

"ไปหากุญแจมาให้แต่ไม่เจอว่ะ คืนนี้นอนที่นี่ละกัน"

"ฮะ?"

"จะตกใจอะไรนักหนา แค่คืนเดียวอย่าเรื่องมากเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าทิพย์มาจะเอากุญแจให้ ไปล่ะ" เขาพูดยาวก่อนจะเดินไปที่ประตู

"พี่ไปไหนอะ?"

"นอนข้างนอก"

"เฮ้ยพี่ พี่นอนในนี้เหอะ เดี๋ยวผมนอนข้างนอกเอง"

"ไม่เป็นไร ตอนเมาก็นอนตรงนี้แหละ หน้าหอยังนอนได้เลย"

"แต่..."

"อยู่กับพี่อย่ามีแต่ รำคาญ"

ผมพยักหน้าเบาๆ ตอนที่พี่ซีเดินออกไป ไม่ลืมที่จะกดล็อกประตูให้ด้วย ผมนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมไม่บอกให้เขานอนในนี้ด้วยกัน แต่ก็ไม่อยากกวนใจอะไรกับเขามากนัก

ที่จริงพี่ซีโคตรใจดีเลย ไม่ใช่แค่กับผม แต่กับทุกคนเลย ถึงผมจะเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่แต่ผมเชื่อว่าคนที่นี่รักเขามาก เขาเหมือนเป็นพี่ของพวกเราจริงๆ แล้วเขาก็ดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเองตลอดเลย 

 

...

 

 

"เท็น! ไอ้เท็น!"

ผมลืมตาขึ้นเพราะเสียงโวยวายของใครสักคนข้างนอก วันนี้วันหยุดแท้ๆ อยากจะนอนสักครึ่งวัน ใครมันมาแหกปากอะไรแต่เช้าวะ ผมดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดตั้งแต่เสียงดังๆ หงุดหงิดเพราะห้องพี่ซีไม่มีผ้าม่านที่ประตูกระจก แสงสว่างจ้าจากดวงอาทิตย์ตอนเช้าสาดเข้ามาทางนั้นพอดีจึงพาให้นอนต่อไม่ได้ ผมยกมือขยี้ตาสองสามทีแล้วเดินออกจากห้อง เสียงโวยวายจากคนข้างนอกก็ยังไม่หยุด

"ไอ้เท็น! มึงลงมานี่เดี๋ยวนี้เลย!"

เจ้าของหอคือเจ้าของเสียงแหกปากนั่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เรียกหาเท็นแต่เช้าตรู่ ถึงอย่างนั้นเท็นเองก็รีบวิ่งเปลือยท่อนบนลงมาจากบันไดอย่างหน้าตาตื่น

"มีอะไรเฮีย โวยวายอะไร"

"ของมึงใช่ไหม!" พี่ซีว่าแล้วชี้ไปยังตู้ปลาแต่ข้างในบรรจุสิ่งมีชีวิตขนาดย่อมอยู่ตัวหนึ่ง ผมก้มลงมองชัดๆ เพื่อให้เห็นว่ามันเป็นตัวอะไร...

"เหี้ย!"

ผมร้องลั่นเมื่อมองเห็นไอ้ตัวเงินตัวทองในตู้นั้น เหี้ย จริงๆ ด้วย ตัวเป็นๆ เลยว่ะ

"ขามันเจ็บ สงสัยโดนรถทับมา"

"แล้วมึงเอาเข้ามาที่นี่ทำไม!"

"ก็มันเจ็บอะ ผมกับเพื่อนเจอมันแล้วไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน"

"มึงก็เลยเอามาไว้ที่นี่เหรอไอ้บ้า"

"แล้วเฮียจะให้ผมเอามันไปไว้ที่ไหน"

"หอกูไม่ใช่โรงพยาบาลสัตว์นะโว้ย! มึงพาสัตว์เข้ามาจนหอกูจะกลายเป็นซาฟารีเวิลด์อยู่แล้ว เอาออกไปเลย คราวนี้กูไม่อนุญาต"

"โธ่เฮีย สงสารมันออก" เท็นว่าแล้วยื่นมือไปสัมผัสผิวสัตว์ชนิดนั้น ผมขนลุกตั้งแต่หัวจรดปลายนิ้วโป้งตีน เผลอแขยงจนตัวสั่น

"มึงจะมีเมตตาธรรมค้ำจุนสัตว์โลกอะไรก็เรื่องของมึง แต่เอาไปไว้ที่อื่นโว้ย เกิดมันหลุดออกมาแล้วมาวิ่งเพ่นพ่านในหอทำไง ใครจะกล้าจับ นี่ไม่ใช่ไอรอนแมนนะเว้ย"

"จับได้ ไม่ได้มีพิษ เนี่ย!" เท็นว่าแล้วหยิบมันชูขึ้นมา ทั้งผมและพี่ซีโดดหลบไปคนละทาง

"ก็สิ่งมีชีวิตเหมือนกันอะ ทำไมต้องรังเกียจกันด้วย เนอะ กัปตันอเมริกา"

ทำไมกัปตันกลายเป็นไอ้ตัวนี้ล่ะโว้ย! 

"ประสาทแดกตั้งชื่อให้ตัวเหี้ย คราวก่อนไอ้แมวนั่นก็ไอรอนแมน นี่มึงจะพามาทั้งอเวนเจอร์เลยไหม"

"โห่เฮีย น่ารักออก"

"น่ารักที่แม่มึงสิ!"

"งั้นเอาไว้หลังหอได้มะ"

"ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงนี้โว้ย"

"เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวเอาไปไว้ข้างหลัง มันขาเจ็บหรอกน่า เดี๋ยวขาหายก็ปล่อยคืนสู่ป่าแล้ว" เท็นว่าแล้วแบกตู้นั่นออกไปประตูหลัง พี่ซีส่ายหน้าเบาๆ แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา

"คนอะไรเลี้ยงเหี้ยอะ"

"เออ พาเข้ามาอย่างกับหอกูเป็นป่าอะเมซอน เคยมีครั้งหนึ่งมันเคยพาไก่เข้ามาด้วยนะ ตอนเช้านี่ขันจนตื่นกันทั้งซอย"

ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ตอนที่พี่ซีบ่นอย่างดูโมโห   

"เท็นดูท่าทางไม่น่ารักสัตว์เลย"

"มันเรียนสัตวแพทย์อะ"

ผมสะดุดกับคำพูดของพี่ซี มนุษย์ชีเปลือยผู้ไม่มีเสื้อใส่คนนั้น วันๆ ผมไม่เห็นทำอะไรนอกจากเดินตัวล่อนจ้อนไปๆ มาๆ ในหอกับแบกแมวไปเดินเล่น นั่นคือนักศึกษาสัตวแพทย์ 

"เออหนู ป้าทิพย์มาแล้วนะ ไปเอากุญแจได้เลย"

"อ๋อครับ เมื่อคืนขอบคุณนะฮะ"

"ไม่เห็นต้องขอบคุณ"

"แต่ซักผ้าปูที่นอนบ้างก็ดีนะพี่"

"อะไร! ซักบ่อยเว้ย!"

"ล้อเล่นน่า ว่าแต่พี่ซี ทำไมพี่หน้าแดงๆ อะ" ผมมองหน้าเขาที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อดูผิดปกติ ยิ่งตรงปลายจมูกแดงเป็นลูกเชอร์รี่เลย

"เขินมั้ง"

"เขินอะไรวะพี่"

"เขินมึงไง ใส่ชุดนอนมายั่วแต่เช้า" เพราะเสื้อตัวที่เขาให้ยืมมันใหญ่กว่าตัวผมเยอะไปหน่อย แถมคอเสื้อยังกว้างจนตกมาถึงไหล่ พี่ซีอมยิ้มนิดๆ แล้วจับคอเสื้อให้กลับมาปิดไหล่ให้

"เห็นแล้วใจไม่ดี"

"ตลกละพี่! งั้นเดี๋ยวซักคืนให้นะชุดนี้"

ผมพูดกับเขาแค่นั้น แล้วเดินไปหาป้าทิพย์เพื่อเอากุญแจขึ้นห้อง หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง ตั้งใจจะลงมาหาพี่ซี เพราะมีบางเรื่องอยากคุยกับเขา

"ป้าทิพย์ครับ เห็นพี่ซีมั๊ยฮะ" ผมถามป้าทิพย์ที่กำลังถูพื้นอยู่อีกทาง

"เห็นว่าไม่ค่อยสบายนะคะ คงนอนอยู่ในห้องแหละค่ะ"

"ไม่สบายเหรอครับ?"

"ค่ะ สงสัยเมื่อคืนตากฝน"

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่หน้าห้องของเขา ผมตั้งใจจะเคาะประตู แต่เห็นว่ามันเปิดอยู่แล้ว จึงค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป เขาไม่ได้อยู่บนที่นอน แต่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ที่อีกมุม เอากระดาษทิชชูยัดจมูกเอาไว้บ่งบอกว่าเขาเป็นหวัดอยู่แน่ๆ

"พี่ซี"

"เฮ้ย! ตกใจหมด! ทำไมไม่เคาะประตูวะ! ไอ้หนูไร้มารยาท!"

ผมสลดไปเลยตอนโดนด่ารัว จึงถอยหลังกลับมาแล้วเคาะประตูสองสามครั้งทั้งๆ ที่เขาก็มองอยู่แล้ว คนข้างในหลุดหัวเราะแล้วกวักมือเรียกผมเข้าไป

"ขอโทษครับ เมื่อกี้เห็นประตูห้องมันเปิดอยู่เลยเข้ามาเลย"

"เออ ก็จะต้องสลดอะไรเบอร์นั้น"

"ก็พี่ดุอะ"

"เออ ขอโทษ แล้วมีอะไรถึงต้องเข้ามาหาถึงห้อง ติดใจห้องนี้เหรอ" เขาพูดติดตลก แต่ผมหันมองเคืองอีกคนจึงหยุดหัวเราะไป

"พี่ไม่สบายเหรอ"

"แค่เป็นหวัดเอง"

"เพราะผมป่ะเนี่ย?"

"ทำไมอะ มึงเป็นเชื้อโรคที่มาแพร่เชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจกูหรือไง"

"ทำไมกวนตีน"

"อ้าว ไอ้นี่"

"เออ ก็เมื่อคืนพี่ตากฝนเพราะไปหาผมไง แถมผมยังให้พี่นอนนอกห้องอีก รู้สึกผิดเลยอะ"

"โห่ คิดไปได้ กูเป็นลูกคุณหนูอะ อ่อนแอง่าย"

"ลูกคุณหนู?"

"เออ รูปหล่อพ่อรวย"

กูวิ่งไปอ้วกได้ไหม? บอกว่าเป็นกรรมกรหน้าตาฝรั่งยังเชื่อกว่าอีก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับเขา ก่อนผมเลื่อนสายตามองไปยังรูปวาดในเฟรมนั่น ผมไม่เข้าใจรูปภาพนามธรรมและศิลปะลึกล้ำแบบนั้น ไม่รู้ว่าความสวยดูกันจากตรงไหน แต่พอรู้ว่าภาพนั้นเป็นฝีมือของพี่ซี ก็กลับชื่นชมขึ้นมาซะอย่างนั้น

"อีกนานป่ะพี่?"

"ทำไมอะ งานศิลปะใครเขาจะกำหนดได้วะว่ามันจะเสร็จตอนไหน มันเป็นจิตวิญญาณของศิลปิน เข้าใจป่ะ"

"รีบๆ วาดได้ป่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย"

"มีอะไรอะ พูดมาเลยดิ"

"เรื่องที่ผมขอให้ช่วย..."

"อือ...ทำไมอะ"

"ไม่ต้องแล้วก็ได้นะพี่"

เขาชะงักพู่กันในมือแล้วหันมามองผม

"ไม่ต้องช่วยผมแล้วก็ได้นะ"

"ทำไมพูดยังงี้อะ? มีอะไรป่ะเนี่ย"

"ผมไม่รู้ว่าจะพี่กลัวขนาดนั้น"

"..."

"ถ้าพี่กลัวอะ ไม่ต้องช่วยผมแล้วก็ได้ ผมไม่อยากให้พี่กลัว พี่คงรู้สึกแย่มากที่ต้องมองเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น"

เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนวางพู่กันลงแล้วเลื่อนสายตามามองหน้าผม

"ก็จริงที่กูกลัว แต่บอกแล้วว่าจะช่วย ก็ต้องช่วย"

"แต่มันน่ากลัวสำหรับพี่..."

"น่านก็อยู่นี่"

"..."

"ไม่มีอะไรต้องกลัวไม่ใช่เหรอ"

 

คำพูดที่หน้าตึกแปดชั้นผุดขึ้นมาในหัว ตอนที่ผมบอกเขาว่าไม่ต้องกลัวเพราะมีผมอยู่ตรงนี้ และท่ามกลางความเงียบนั้นเขายื่นมือที่เลอะสีมาจับมือผมเอาไว้อย่างเมื่อคืน 

"คราวหน้าถ้าพี่กลัว..."

"..."

"จับมือพี่ไว้ด้วยนะ"

 

...

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 01:26:41
ก่อนจะจับมือ ช่วยไปล้างสีที่มือก่อนดีไหม หนูน่านผิวบอบบางคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 12-02-2018 03:37:39
พี่ซีก็ละมุนได้นะเนี่ยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 12-02-2018 11:50:49
มากกว่าจับมือก็ได้ #แอ๊บเป็นน่าน 55555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-02-2018 15:34:35
บ๊ะ เค้าสวีทกันแหละจ๊ะ

จับมงจับมือ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-02-2018 08:19:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 6] 12/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 13-02-2018 12:13:44
จับมงจับมือออ พี่ซีมันอ่อนโยนว้อยยย :-[
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 7] 16/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 16-02-2018 02:35:52
ตอนที่ 7
การกลับมาของคนตาย

 

วันว่างๆ อย่างวันนี้ ผมกำลังนั่งเล่นกับไอรอนแมนอยู่ที่ชั้นล่างของหอ มองดูเท็นที่กำลังปรนนิบัติตัวเงินตัวทองประดุจมันเป็นลูกรักคนใหม่ ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าที่จริงเขาแก่กว่าผมปีหนึ่ง ใจผมกำลังสับสนว่าควรเรียกเขาว่าพี่ดีไหม

"อยู่เฉยๆ สิ เดี๋ยวป๋าทายาให้ นั่นแหละดีมาก โอ๋ๆ เด็กดี เจ็บนิดหนึ่งนะ"

คนแบบนี้ต้องเรียกพี่ไหมนะ

"ฮัดเช้ย!" ผมหันไปมองพี่ซีที่เดินออกมาจากห้องพร้อมเสียงจาม เป็นหวัดจริงจัง จามจนจมูกแดงไปหมดแล้ว เขาเดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำออกมาขวดหนึ่งแล้วกลับออกมานั่งลงข้างๆ ผม หันมองไปที่เท็นแล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอา 

"ไอ้เท็นประสาทแดกไปแล้ว"

"ไอรอนแมนกลายเป็นแมวหัวเน่าเลย"

พี่ซีหัวเราะนิดๆ แล้วหยิบแมวไปจากตักผม เขาเกาพุงให้มันอย่างที่เคยทำ

"พี่ยังไม่หายหวัดอีกเหรอ"

"อือ หงุดหงิดชิบ" ผมว่าพลางสูดน้ำมูก ผมเข้าใจดีเลยว่ามันน่ารำคาญแค่ไหน เป็นไปได้ก็พยายามที่จะไม่ป่วยดีกว่า

"พี่ว่างยัง"

"ว่างอยู่"

"ไปข้างนอกกับผมหน่อยได้ไหม"

เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเลโดยไม่ได้ถามว่าที่ไหน ผมยิ้มให้นิดๆ อย่างดีใจตอนที่เขาตกลง พี่ซีวางแมวลงกับพื้นแล้วลุกออกมากับผม เท็นที่กำลังวุ่นวายกับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่จนไม่ได้สนใจพวกเรา

 "เฮีย พี่น่าน จะไปไหนอะ" ผมกับพี่ซีกำลังจะก้าวขาออกจากหอ แต่เสียงของไคโรก็หยุดเราเอาไว้ก่อน ไคโรที่เดินลงมาพร้อมกับน้ำขิงมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ

"พาพี่ซีไปหาหมอ" ผมตอบแทน 

"ฮะ?"

ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกไป น้ำขิงและไคโรสามัคคีกันร้องลั่นด้วยความตกใจ แม้แต่เท็นเองก็ละออกมาจากสัตว์เลี้ยงแล้วหันมาให้ความสนใจกับพวกเรา

"เฮียไม่สบายเหรอ"

"เป็นอะไรอะ ตับแข็งเหรอ?"

"มะเร็งปอด?"

"หรือซิฟิลิส?"

"ไอ้ห่าพวกนี้!" พี่ซียกมือทำท่าจะเขกกบาลพวกเขาด้วยความเดือดจัดหลังจากโดนวินิจฉัยโรคร้ายพวกนั้น แต่ละโรคนี่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของเฮียแกมาก

"กูแค่เป็นหวัด"

"ใครจะไปรู้ล่ะพี่ ร้อยวันพันปีเคยป่วยที่ไหน แล้วนี่เป็นหนักเลยเหรอถึงต้องไปหาหมอ"

"หนักดิ เนี่ยขี้มูกไหลจนโพรงจมูกจะพังอยู่ละ ปล่อยไว้นานกว่านี้ระยะสุดท้ายแน่ๆ" ผมบอกอย่างนั้น พวกที่เหลือก็ได้แต่พยักหน้ารับ ผมว่าพวกเขาไม่ได้แปลกใจที่พี่ซีป่วย แต่น่าจะแปลกใจที่ผมออกไปกับพี่ซีมากกว่า จึงได้ยินเสียงสนทนาแว่วๆ ตามหลังมา

"สองคนนั้นมันไปสนิทกันตอนไหนวะ"

"เออ นั่นดิ"

 

ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปสนิทกับพี่ซีตอนไหน แต่พักนี้เราก็คุยกันบ่อย พี่ซีไม่ใช่คนแปลกหน้า กระทั่งตอนนี้ผมก็พาเขามาที่โรงพยาบาลอย่างที่บอก แต่เมื่อถึงหน้าโรงพยาบาลคนข้างๆ ก็หันมาโวยลั่น

"เฮ้ย! พามาที่นี่ทำไม"

"ก็พี่ป่วยอ่ะ ก็ต้องหาหมอดิ"

"จะบ้าเหรอ แค่เป็นหวัดเนี่ย ไม่เอา ไหนบอกจะไปหาเพื่อนมึงที่ตายไง"

"ใครบอก"

"มึงบอกให้ออกมาข้างนอกกับมึง"

"ผมหมายถึงที่นี่แหละ พี่ไม่สบายอะ" ผมไม่รู้ว่าเขาเข้าใจว่าไง แต่จริงๆ ผมก็ตั้งใจจะพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ก็พี่ซีไม่สบายเพราะผม เลยรู้สึกผิดอย่างห้ามไม่ได้ ผมไม่อยากให้เขาทรมานกับอาการหวัดที่ตัวเขาเองก็ดูหงุดหงิดเลยพามาหาหมอซะเลย 

"ไปเร็วครับ"

"ไม่ไปเว้ย"

"เฮ้ยพี่ ทำไมดื้อวะ?"

"ก็กูไม่ได้เป็นอะไร"

"ก็เป็นหวัดเนี่ย"

"เดี๋ยวมันก็หายเอง ทำไมต้องมาโรงพยาบาลด้วย"

"ก็โรงพยาบาลมันมีหมอ"

"แต่มันก็มีผีด้วยไง!"

"..."

"เยอะด้วย"

ประโยคหลังเขาเสียงเบาลงไป ผมเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจว่าโรงพยาบาลคงเป็นสถานที่น่ากลัวสำหรับเขา

"ไม่อยากเข้าไปใช่ไหม"

"อือ"

"โอเค ไม่บังคับก็ได้"

พี่ซีพยักหน้ายิ้มๆ ผมเองก็ไม่อยากให้เขาต้องกลัวจึงตั้งใจจะพากันกลับ แต่ในจังหวะที่กำลังหันกลับ ผมหันไปเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับมาทางเราเลยดึงมือพี่ซีให้หลบ และในตอนที่จับมือเขาอยู่ก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาเพราะอุณหภูมิจากร่างกายเขา

"พี่ซี พี่ตัวโคตรร้อนเลยอะ"

"ก็ปกติเปล่า"

ผมส่ายหน้ายิกเลื่อนมือไปสัมผัสหน้าผากเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจ

"ไม่พี่ นี่มันโคตรร้อนเลย เฮ้ยนี่ไม่สนุกแล้วนะ เกิดมันเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือไข้เลือดออก ลามไปเป็นมะเร็งตับขึ้นมาจะทำยังไง"

"มึงก็เวอร์!"

"ไปหาหมอเถอะพี่ ไหนๆ ก็มาแล้ว"

ผมรู้สำหรับเขาโรงพยาบาลมันน่ากลัว แต่ความเจ็บป่วยมันก็อันตรายเช่นกัน เกิดเป็นอะไรหนักขึ้นมากว่านี้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ผมเดินนำเข้าตึกโรงพยาบาล แต่พี่ซีทำท่าอิดออดไม่ยอมตามมา

"มาเถอะครับ"

"แต่มัน..."

"เดี๋ยวให้จับมือตลอดทางเลยเอ้า!"

เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วยื่นมือมาจับมือผม ก่อนผมจะจูงมือเขาเข้าไป กลายเป็นเราสองคนเดินจับมือกันเข้าโรงพยาบาล เรียกว่าเดินจับมือกันก็ไม่ถูกซะทีเดียว ก็พี่ซีเอาแต่ก้มหน้างุด ส่วนผมก็แทบจะลากเขาเข้ามา สภาพเหมือนเด็กจูงหมาโกลเดนท์ตัวใหญ่ๆ แล้วหมาดื้ออะ หมาไม่ยอมเดินตามเลยต้องฉุดๆ เข้ามา ลำบากอะ

"กึก!"

ผมหยุดเดินไปด้วยหลังจากที่พี่ซีหยุดเดินกะทันหัน เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงเห็นอะไรเข้าอีกแล้ว พี่ซียิ้มแห้งๆ แล้วหลบทางให้อะไรบางอย่าง

"อยู่ตรงนี้เหรอพี่"

เขาพยักหน้านิดๆ

"ไปแล้ว"

แล้วก็เป็นอย่างนั้นตลอดทาง เชื่อแล้วว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมสิ่งไม่มีชีวิตเหล่านั้นจริงๆ พี่ซีสะดุ้งเป็นรอบที่หลายสิบจนกระทั่งหาหมอเสร็จ เขาแทบจะวิ่งสี่คูนร้อยออกมาจากที่นั่น

"ไม่มาโรงพยาบาลแล้วนะ ต่อให้เจ็บป่วยปางตายก็ไม่ต้องพามา" เขาพูดด้วยเสียงหงุดหงิดเล็กๆ ผมแอบหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเหมือนเด็กงอแงของเขา

"นี่ถ้าไปตึกอุบัติเหตุพี่ต้องหัวใจวายตายแน่ๆ" ผมพูดแซว เพราะตึกนั่นน่าจะอุดมไปด้วยบรรดาผีที่ตายแบบไม่ปกติ แข้งขาหัก หัวขาดแขนหลุดอะไรทำนองนี้น่าจะเยอะ

"แค่นี้กูก็หายใจไม่ทันละ"

"เหงื่อเต็มมือเลยเนี่ย" ผมว่าแล้วแกล้งเอามือไปเช็ดกับเสื้อของเขา ตลอดเวลาเขาไม่ยอมปล่อยมือออกจนเหงื่อท่วมมือผมไปหมด เขาเองเลื่อนสายตามามองหน้าผมแต่ไม่พูดอะไร

"อะไร?"

"เปล่า"

"ก็พี่มองอะไรขนาดนั้น"

"มึงเหมือนเครื่องรางไล่ผีเลย"

อ้าว เห็นกูเป็นอะไร ยันต์กันผีหรือกระจกแปดทิศงี้?

"ถ้าเปลี่ยนกันได้ก็ดี มึงอยากเห็นผีแต่ไม่ได้เห็น กูไม่เคยอยากเห็นแต่ต้องเจอทุกวัน"

"ถ้าผมเจอแบบพี่ ผมก็กลัวแบบพี่แหละ"

พี่ซียิ้มให้หน่อยๆ

"เคยเจอหนักสุดแบบไหนเหรอ หัวขาดงี้ไหม หรือคลานออกมาจากทีวีนี่มีป่ะ"

"น่ากลัวสุดที่เคยเจอ ก็ผีกระโดดตึกตายอะ หน้ายุบไปครึ่ง กระดูกหักทั้งตัว มันไม่มีหน้าแต่พูดได้อะ หลอนโคตรๆ" เขาพูดพลางทำท่าขนลุกขนพอง ผมยังแอบสยองไปด้วย

"พี่ไม่เคยบอกใครเรื่องที่ตัวเองเห็นผีได้เลยเหรอ"

"บอกไปใครจะเชื่อวะ มีแต่คนโง่กับคนบ้าเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ"

อ้าว!

"เฮ้ย ไม่ได้ว่ามึง"

"แต่มันเข้านี่เต็มๆ ไง แต่ก็ไม่เถียงหรอก ผมมันทั้งบ้าทั้งโง่ แต่ทำไงได้ละ"

"ถามอะไรหน่อยดิ"

"ครับ?"

"ทำไมถึงยังเชื่อว่ามันยังอยู่อะ"

ผมเงียบ มันอาจจะไม่มีเหตุผลแต่ผมแค่เชื่อว่าเขายังอยู่ ผมแค่รู้สึกว่าเขายังอยู่ ทั้งๆ เขาไม่มีตัวตน แต่ผมยังคงฝันถึง หลายครั้งก็รู้สึกไปเองว่าเขาอยู่ใกล้ๆ พี่ซีเคยบอกว่าคนที่ยังมีเรื่องค้างคาอยู่ต่อให้ตายก็จะไปไหนไม่ได้ ผมเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น คนที่ยังวนเวียนอยู่

"เฮ้ย ทำไมต้องหน้าเครียดด้วยวะ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ 

"กลับหอกันดีกว่าครับ"

"ไปดิ อยู่ที่นี่นานๆ ก็ไม่ชอบนักหรอก วันนี้เจอมาเยอะแล้วไม่อยากเห็นอะไร เหี้ย!"

พี่ซีร้องลั่นพร้อมกับกับหยุดกึก ผมหันไปมองสีหน้าของเขาซึ่งอาการคล้ายกับคราวก่อนที่หอแปดชั้น เดาว่าตรงหน้าเขาจะต้องมีอะไรที่สยองนองเลือดอยู่ตรงนั้นแน่ๆ จึงหลับตาแน่นพูดพึมพำคนเดียว

"กูไม่เห็น...กูไม่เห็น..."

แต่กูว่าเห็นนะพี่

ผมยิ้มออกมานิดหน่อยแล้วยื่นมือไปจับมือเขาเอาไว้ อีกคนลืมตาขึ้นมองมือของเราที่จับกันอยู่

"ไม่ต้องกลัวนะครับ"

มุมปากของพี่ซีขยับเป็นรอยยิ้ม แล้วเดินตามผมที่จูงมือเขาออกมา

"กึก!"

            เขาหยุดเดินกะทันหันจนมือที่จับกันอยู่เกือบจะหลุดออกจากกัน เขาหันมามองผมด้วยใบหน้านิ่งๆ

"เมื่อกี้พูดอะไรนะ"

"ครับ?"

"เมื่อกี้หนูพูดอะไร"

"ยังไม่ได้พูดอะไรเลย"

พี่ซีกระพริบตาสองสามที แล้วหันมองซ้ายมองขวา แล้วหยุดมองตรงสบตากับผม

"เมื่อกี้ได้ยินจริงๆ นะ" 

"ผีพูดมั้ง"

ผมกะแซวเล่น แต่พี่ซีไม่ตลก เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากหันมองบางอย่างก่อนมาหยุดนิ่งอยู่กับที่ หลับตาลงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน เป็นกิริยาที่เป็นแบบนี้ทุกครั้งตอนที่เขาเห็นผี เขาพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นมองสิ่งตรงหน้าที่ผมไม่เห็น

"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ"

เขาไม่ได้พูดกับผม ในสายตาผมมันก็คือการพูดคนเดียว แต่ในความเชื่อของผม ผมรู้ตรงนั้นยังมีใครอีกคน

"รออยู่เหมือนกัน"

"..."

"คิดถึงมากเหมือนกัน"

ผมเบิกตาขึ้นเพราะประโยคที่พี่ซีพูดขึ้นมา ประโยคที่พี่ซีอาจไม่เข้าใจ แต่ผมรู้ชัดเจนดี แค่นั้นผมก็รู้เลยว่ามันออกมาจากปากของใคร ผมพยายามจะบอกกับพี่ซีถึงคนที่เขากำลังคุยอยู่ เพราะความตกตะลึงทำให้เอ่ยมันออกมาอย่างติดขัด

"พี่ซี...นั่น...นั่นเพื่อนผม"

"เนี่ยเหรอคิท" พี่ซีพูด ไม่ใช่กับผม แต่กับบางสิ่งที่อยู่ทางด้านซ้ายของผม ดวงตาของพี่ซีเลื่อนจากพื้นถนนขึ้นไปจรดที่กลางอากาศ ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รู้สึกชาไปทั้งหน้า ปากที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับขยับไม่ออก

"อ้าว" พี่ซีร้องออกมาเบาๆ แล้วหันซ้ายหันขวา

"พี่ซี"

"มันไปแล้ว"

"คิท"

ผมเอ่ยชื่อหนึ่งที่ค้างอยู่ในใจผมตลอดมา นั่นเป็นเขา ครั้งนี้เป็นเขาจริงๆ

"คิทยังอยู่"

พี่ซีพยักหน้ารับ

"มันอยู่ที่นี่เหรอ มันยังอยู่ตรงนี้ใช่ไหม"

"ตรงนี้ไม่อยู่แล้ว"

"พี่ซี! เรียกมันกลับมาได้ไหม! เรียกมันกลับมาก่อนได้ไหม!"

พี่ซีหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ 

"คิท! มึงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ออกมาเลยนะเว้ย! พี่เขามองเห็นมึงได้ มึงออกมาเลยนะ!" ผมตะโกนลั่นวิ่งไปทั่วเพื่อต้องการให้เขาออกมา

"น่าน"

"ไอ้คิท! มึงออกมาสิวะ!"

"น่าน! มันไปแล้ว!"

"มันต้องอยู่ดิพี่ มันยังอยู่ที่นี่"

"ถ้าอยู่พี่ก็ต้องเห็นดิวะ! แต่นี่ไม่มีเว้ย!"

เสียงตะโกนของพี่ซีทำให้ผมหยุดการกระทำของตัวเอง ผมเป็นคนบ้า ยิ่งเหมือนคนบ้า ผมงมงายกับสิ่งเหล่านี้มานาน ผมอาจโหยหาและไร้ที่พึ่งพาจึงลุ่มหลงเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้และเชื่อสนิทใจว่านั่นคือคิท นั่นคือคิทจริงๆ

ผมทรุดตัวลงนั่งไปกับพื้น ไม่เคยอยากร้องไห้ แต่ทุกครั้งน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง  ผมเชื่อมาตลอดว่าคิทมันไม่ไปไหน และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเกิดขึ้นจริง ไม่รู้ว่าจริงหรือฝัน แต่หลายครั้งก็รู้สึกว่าคิทมันยังอยู่ตรงนี้ อยู่ใกล้ๆ กันมาตลอด

พี่ซีนั่งลงข้างๆ ผมแต่ไม่ได้พูดอะไร ให้ความเงียบปล่อยให้เรานั่งอยู่ด้วยกันพักหนึ่ง ก่อนพี่ซีจะพูดขึ้นมาก่อนเพื่อปลอบประโลมผม

"ไม่เป็นไรนะ"

"ครับ"

"อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเขายังอยู่ไง"

ผมพยักหน้ารับคำพูดของพี่ซี

"พี่จำหน้าเขาได้แล้ว ถ้าเจอคราวหลังจะรีบบอกทันทีเลย"

ผมพยักหน้าอีกที

"แต่บอกเพื่อนนะว่ามาทีหลังมาแบบปกติก็ได้ มาสยองอย่างนั้นพี่หัวใจจะวายว่ะ" ผมยิ้มนิดๆ ออกมาได้เพราะคำพูดของเขา พี่ซีที่นั่งอยู่ตรงหน้าเลื่อนสายตามามองหน้าผม มือหนึ่งยกเท้าคางตัวเอง อีกมือยื่นมาจับหน้าผมให้เงยขึ้น แล้วบีบเข้ามาที่แก้มเบาๆ   

"ยิ้มดิ"

"..."

"มึงยิ้มแล้วเหมือนหนู"

"พี่ซี"

เขาหลุดหัวเราะแล้วยกเช็ดน้ำตาที่เลอะหน้าของผม

"ก็อยากจะให้ยืมผ้าเช็ดหน้านะ แต่เลอะขี้มูกว่ะ เอาป่ะ"

"พี่เก็บไว้เหอะ"

"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวพี่ซื้อเมล็ดทานตะวันให้กิน"

เขาว่าแล้วยื่นมือมาเคาะหัวผมเบาๆ ผมยิ้มออกมาเพราะเขาที่พยายามจะปลอบใจ แม้ผมจะไม่ได้อยากเป็นหนูแฮมเตอร์แต่ก็รู้สึกขอบคุณ และผมเชื่อพี่ซีหมดหัวใจโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย

 

 

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 7] 16/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-02-2018 02:46:37
คิทเป็นแค่เพื่อนจริง ๆ เหรอ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 7] 16/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: windwrite ที่ 20-02-2018 04:33:54
ชักอยากรู้ปมของคิทละแหะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 7] 16/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-02-2018 12:58:41
มีคนคิดเหมือนกันเลย
ส่าคิทเนี่ยแค่เพื่อนจริงๆหรอ
ทำไมต้องตามหาขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 7] 16/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-02-2018 16:31:15
ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ แต่พอเห็นว่ารชาแต่งนี่รีบกดเข้ามาเลย อ่านแล้วคิดถึงละครเรื่องรากบุญนิดๆ คือถ้าพี่ซีไม่อยากวุ่นวายกับผีพี่ก็ต้องทำเป็นมองไม่เห็นสิ แต่นี่พี่เล่นโวยวายซะขนาดนี้เขาก็รู้ตัวกันพอดี คนอ่านเลยไม่รู้จะสงสารหรือขำก่อนดีเลยเนี่ย ส่วนปมคิทกับน่านเราว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่กลายมาเป็นแฟน คิดว่าคิทตายเพราะทะเลาะกับน่านแล้วเกิดอุบัติเหตุรึเปล่า ก็ต้องรอลุ้นต่อไป รอติดตามนะคะ ชอบๆสนุกปนหลอนนิดๆ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 20-02-2018 23:53:22
ตอนที่ 8
มาเล่นกันเถอะ

 

วันนี้เป็นวันหยุดผมชวนทิมมาที่บ้านของคิท บ้านมันเป็นร้านอาหารชื่อ KK’s Kitchen ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมแถวๆ นี้ สมัยเรียนเรามาบ้านคิทบ่อย ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้กินอะไรอร่อยๆ กันทุกครั้งที่มา อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน

"กินเยอะๆ นะพี่ พอรู้ว่าพวกพี่จะมาพ่อหนูทำไม่หยุดเลย" แคทน้องสาวของคิทพูดพลางวางจานอาหารที่เพิ่งยกมาวางบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม

"คิดถึงพวกพี่อ่ะ ไม่มาตั้งนาน"

ผมได้แต่ยิ้มหน่อยๆ ให้น้อง แคทอายุน้อยกว่าเราแค่ปีเดียว แต่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก เลยดูเด็กในสายตาพวกเราอยู่เสมอ เราเรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ จึงไม่ค่อยได้เจอกัน ตั้งแต่เข้ามหาลัยมาก็บังเอิญเจอกันที่มหาลัยไม่ถึงสิบครั้งเลยมั้ง

"แล้วแคทเป็นไงบ้าง "

"ก็ดีพี่ เรื่อยๆ"

"เลิกกับแฟนยัง" ทิมถามขึ้น คำถามไม่ถูกหูเลยโดนมือเล็กๆ ฟาดไหล่ไปทีหนึ่ง

"เดี๋ยวจะโดน"

"โห่ไรวะ รอเสียบอยู่เนี่ย รู้งี้จีบแกตั้งแต่ม.สามก็ดี"

"จีบตอนไหนหนูก็ไม่เอาพี่หรอก"

"โห ไอ้นี่!" ทิมยกส้อมทำท่าจะจิ้มแคท

"แล้วพี่ทิมอะ มีแฟนยัง"

"ยัง"

"ไม่น่าถาม อย่างพี่ไม่มีใครเอาหรอกเนอะ"

"ไอ้แคท! เดี๋ยวเหอะ!"

แคทหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วหันมามองผม

"แล้วพี่น่านอะ คิดจะมีแฟนหรือยัง"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ

"ไม่มีใครเอาทั้งคู่ ว้าย!"

ทันทีที่แคทพูดจบผมจับเธอล็อกคออย่างหมั่นเขี้ยว 

"ฆ่ามันเลยไหม" ผมถามทิม

"ฆ่าเลย กูยอมติดคุก" ทิมว่าแล้วยกส้อมขึ้นจิ้มๆ แคท 

"เฮ้ยพี่! ปล่อยหนูนะ! มันจักจี้"

"ตายซะ!"

"อะไรกันเด็กๆ เสียงดังกันเชียว" ลุงพล พ่อของคิทเดินเอาอาหารเข้ามาวางอีกจาน ทั้งที่พวกผมอิ่มตั้งแต่สองจานแรกแล้วแต่ก็ไม่ได้ขัดตอนที่ลุงพลเอาอาหารมาให้เพิ่ม ผมปล่อยมือที่ล็อกคอแคทออก ไอ้เด็กนี่มองผมกับทิมด้วยสายตาเคืองๆ แล้วหันไปหาพ่อตัวเอง 

"พ่อหยุดทำอาหารได้แล้ว จะทำให้วัตถุดิบหมดครัวเลยหรือไง"

"ของพวกนี้ทิมกับน่านชอบทั้งนั้นแหละ ใช่ป่ะ?"

"ครับ ชอบครับ" ทิมว่าแล้วหยิบไก่ทอดกิน

"นึกถึงสมัยก่อนเลยเนอะ เด็กพวกนี้มาเล่นซนที่บ้านเราได้ทุกวัน"

"ใช่! มาก่อความรำคาญทุกวันแหละพ่อ"

"แกก็เล่นอยู่กับพวกพี่นะแคท"

แคทย่นจมูกใส่ผมแล้วยื่นมือไปหยิบไก่ทอดใส่ปากบ้าง

"เดี๋ยวนี้บ้านเงียบเลย"

ผมพยักหน้ารับ เสียงลุงพลเรียบเฉยแต่แฝงความเศร้าไว้ภายใต้ดวงตาที่ดูสลดลงไป ไม่มีใครไม่คิดถึงคิท ผมเข้าใจลุงพลดี อดนึกไปถึงเมื่อก่อนไม่ได้ เพราะบ้านคิทมันใกล้โรงเรียนสุด หลังเลิกเรียนเราจะมารวมหัวกันอยู่ที่นี่ มาก่อความรำคาญอย่างที่ลุงพลบอก พวกเราทำทุกอย่างที่เพื่อนจะทำ เราทำการบ้านบ้าง ลอกการบ้านกันเองบ้าง เราติวหนังสือเตรียมสอบ เราเที่ยวด้วยกัน เราหัดกินเหล้าด้วยกัน เราเมาอยู่ด้วยกัน เรามีความสุขอยู่ด้วย เราสนุกด้วยกันและใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง โดยไม่เคยคิดถึงวันที่ไม่มีมันอยู่ ไม่เคยคิดถึงวันที่จะต้องจากกันไป ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว 

หลังจากกินข้าวเสร็จผมขึ้นมาที่ห้องของคิท ทั้งห้องนอนและข้าวของของมันยังคงเหมือนเดิม ผมเคยคิดว่ามันแค่ไปไหนไกลๆ เดี๋ยวก็กลับมา ผมมองรูปคิทที่วางอยู่ตรงนั้น มันที่อยู่ในรูปนั้นยังคงยิ้มให้ผมอยู่เสมอ

ไอ้สัด ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ

"โย่ว! ไอ้คิท" ทิมที่เดินตามเข้ามาทักทายรูปนั่น ก่อนจะทิ้งตัวลงที่นอน ไอ้นี่มันเป็นโรคสภาวะทิ้งตัว เจอที่นอนไม่ได้ต้องล้มเข้าใส่ทันที ผมเองก็นั่งลงที่ปลายเตียงนั่นด้วย

"มึงว่า ตอนนี้มันจะทำอะไรอยู่วะ"

ทิมถามขึ้น ผมก็ไม่รู้ แต่สิ่งเดียวที่มั่นใจ คือมันยังอยู่ที่นี่

"ไอ้คิท กูรู้มึงยังอยู่ที่นี่"

"เฮ้ย ไอ้น่าน" ทิมเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน

"กูพูดจริง มันยังไม่ไปไหนหรอก"

"ไอ้ห่าน่าน กูรู้มึงอยากเจอมัน แต่มึงจะประสาทแดกไปกันใหญ่แล้วนะ มันตายไปเกือบสามปีแล้ว ป่านนี้ไปเกิดใหม่ โตจนเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้วมั้ง"

ผมไม่ได้สนใจคำพูดทิมก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่รูปถ่ายนั้น

"และถ้ามึงยังอยู่จริงๆ ก็ออกมาเลย กูก็รอมึงอยู่เหมือนกัน" ถ้าพี่ซีมาด้วยก็คงดี เขาคงมองเห็นคิทไปแล้วหากว่ามันอยู่ที่นี่จริงๆ

"ไอ้น่าน"

ทิมดึงผมให้นั่งลงข้างๆ

"สติมึงสติ"

"กูไม่ได้บ้า"

"มึงบ้า!"

"กูมีสติดี"

"มึงไม่มีสติ!"

"ไอ้ทิม มึงอยากปากแตกหรืออะไรไหม"

"กูสิจะต่อยมึง เผื่อจะดึงสติมึงกลับมาบ้าง"

"จะต่อยกูเหรอ ฝันไป!" ผมหยิบหมอนตรงนั้นขึ้นมาแล้วฟาดใส่มันไม่ยั้งมือ แต่ก็อย่าหวังว่ามันจะยอมง่ายๆ ห้องนอนของคิทกลายเป็นสนามต่อสู้ของเราสองคน หมอนสองใบกลายเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในจุดนี้

"ไอ้น่าน มึงมันบ้า!"

"มึงหุบปากไปเลย!"

"กูไม่หุบจนกว่ามึงจะมีสติ!"

"ไอ้ห่านี่!"

"มึงอยากเจอมันมากก็ตายตามมันไปเลย!"

"โครม!"

ทั้งผมและทิมหยุดกึกหลังจากของบางอย่างที่หัวเตียงหล่นลงมา ทิมหันมองหน้าผมอย่างหน้าตาตื่น

"กูบอกแล้วไงว่ามันยังอยู่"

"ไอ้สัด กูไม่ตลกนะ"

ผมยิ้มมุมปากมองหน้าทิม มันลุกขึ้นช้าๆ แล้วมองไปยังของที่หล่นลงมา เป็นหนังสือรุ่นตอนม.ปลายที่บังเอิญเปิดไปยังหน้าที่มีรูปเราอยู่พอดี

"กูว่าคิทมันอยากเล่นด้วยว่ะ"

"พวกมึงเล่นกันไปสองคนเหอะ กูไปก่อนนะ" ทิมว่าแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางของมัน ไม่ได้บอกมันว่าที่หนังสือตกเพราะมือผมไปโดนตอนที่ยกหมอนฟาดมัน ผมหยิบหนังสือนั่นขึ้นมาดู ตอนม.ปลาย ใครๆ ก็รู้ไอ้คิทมันตัวแสบของห้องเลย ไม่คิดจะได้เป็นเพื่อนกับมันเหมือนกันเพราะเราต่างกันคนละขั้วเลย แต่งงๆ ยังไงไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของมันไปแล้ว

"ปัง!"

ผมสะดุ้งเฮือก หนังสือหลุดออกจากมือตอนที่ประตูห้องกระแทกปิดเสียงดัง บางทีอาจเป็นเพราะลม แต่ใจผมมันบอกว่าไอ้นั่นมันกำลังแกล้งผมอยู่

"มึงใช่ไหมไอ้คิท"

ผมหลุดหัวเราะกับความบ้าบอของตัวเอง หันกลับไปมองรูปไอ้คิทอีกครั้งเสียงหัวเราะนั่นมันก็หายไปกลายเป็นรอยยิ้มฝืนๆ และคำพูดแผ่วเบาจากความรู้สึกข้างใน

   

"คิดถึงมึงจริงๆ ว่ะ"

 

...

 

 

ผมเดินกลับเข้ามาในหอพัก ภาพที่เห็นจนชินตาก็คือบุรุษผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าของหอที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ในมือถือขวดเบียร์ราวกับมันเป็นอวัยวะที่งอกออกมาตรงนั้น คนตรงนั้นหันมาทักผมก่อน 

"กลับดึกจัง ไปไหนมาวะ"

"กินเบียร์ได้นี่แปลว่าหายป่วยแล้วดิ" ผมไม่ได้ตอบคำถามเขาแถมยังถามกลับ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ 

"ก็ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย"

"นี่เมาป่ะ"

เขาส่ายหน้า

"นี่ขวดที่เท่าไร"

"สอง"

"เออ พอแค่นี้แหละ" ผมว่าแล้วหยิบขวดที่ยังไม่ได้เปิดซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ เอาเข้าไปเก็บในตู้เย็น

"อะไรของมึงเนี่ยไอ้หนู"

"หนูอะไรเล่า!" ผมตะโกนตอบ แล้วมองดูตู้เย็นในครัว ซึ่งทุกพื้นที่ในนั้นเต็มไปด้วยขวดเบียร์

"เอามาคืนเลย"

"สองขวดก็พอแล้ว"

"กูจะกินกี่ขวดก็ได้เว้ย ตับกู กูรับผิดชอบเอง"

"ผมเป็นห่วงนะ"

"มีสิทธิ์อะไรมาห่วงกู"

ผมเงียบ พลางคิดว่ามันจริงอย่างที่เขาพูด ผมจะสนทำไม ต่อให้คนตรงหน้าตับแข็งหรือเป็นมะเร็งตายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมตรงไหน แต่แม่งทำเหมือนความห่วงของผมไม่มีความหมายแบบนี้ไม่มากไปหน่อยเหรอ ถามว่าผมมีสิทธิ์อะไรนั่นผมไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งไม่ได้หรือไง ผมส่ายหัวกับความคิดตัวเองเบาๆ แล้วหยิบขวดเบียร์ออกมาจากตู้เย็นกำลังจะเอาไปคืนให้เขา

"เออๆ ไม่ต้องเอามาละ กูไม่กินแล้วก็ได้"

กวนตีน

ผมหันไปมองแรงใส่เขาทีหนึ่งก่อนจะกลับไปยัดเบียร์ใส่ตู้เย็นเหมือนเดิม แล้วกำลังจะเดินขึ้นบันได

"เฮ้ย งอนเหรอ"

"มีสิทธิ์อะไรไปงอน"

"ก็มึงทำเหมือนงอนกูอยู่เลยเนี่ย"

"กูไม่ได้งอนเว้ยพี่"

"อ้าว พูดไม่เพราะใส่กูอีก"

"ทีพี่ยังพูดได้เลย"

"หนู อย่าขี้เถียงดิ พี่ไม่ชอบ"

"พี่ก็อย่าปากหมาดิ"

"ขอโทษ"

"พรวด! ปัง!" พี่ซีหยุดชะงักขณะที่กำลังเอ่ยคำขอโทษใส่ผมอยู่ ผมเองก็ตกใจที่อยู่ๆ ไคโรก็เปิดประตูพรวดเข้ามาแล้วปิดมันเสียงดังอย่างกับกำลังหนีใครเข้ามา สภาพเขาตอนนี้สะบักสะบอมเหมือนผ่านดงตีนมายังไงยังงั้น 

"มีอะไรวะ" พี่ซีเอ่ยถาม ไคโรไม่ตอบก่อนเสียงโวยวายข้างนอกจะดังขึ้น

"ปังๆๆๆ! อย่าหนีนะโว้ย! กูรู้มึงอยู่ในนั้น ออกมา!"

"กูถามว่ามีอะไร!" เสียงดังของพี่ซีถามซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็ยังอึกอักที่จะตอบ

"คือ..."

"มึงมีเรื่องกับพวกข้างนอกเหรอ"

"ผมไม่ได้เริ่มนะเฮีย"

"มึงมานี่เลย" พี่ซีลากไคโรไปอีกทาง แต่เสียงข้างนอกยังโวยวายไม่หยุด

"พี่ซี แล้วข้างนอกนั่น" ผมชี้ไปที่ประตูที่คล้ายจะถูกทุบเข้ามาอยู่แล้ว

"ไปจัดการให้หน่อย"

"ฮะ"

ให้ใครจัดการ กูเหรอ?

"เพล้ง!"

เชี่ย! ผมสะดุ้งโหยงที่ไอ้พวกข้างนอกนั่นใช้ก้อนหินทุบประตูกระจกเข้ามา เด็กสมัยนี้หัวรุนแรงจังโว้ย ผมสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออก แล้วพบกับกลุ่มนักเรียนชายเกือบสิบคน จะเรียกมันว่ากลุ่มนักเรียนรหรือฝูงซอมบี้ดีวะเนี่ย ทั้งหน้าตาที่ดูเอาเรื่อง และทุกคนอยู่ในท่าที่พร้อมจะตีใครสักคน

ก็ได้แต่ภาวนาว่าคนนั้นคงไม่ใช่กู

"มีอะไรกัน" ผมเก๊กหน้านิ่งถามเสียงเรียบ

"มันอยู่ในนี้ใช่ไหม!"

"ใคร?"

"ไอ้ไคโรไง! ออกมานะโว้ย อย่ามัวมุดหัวอยู่!"

"เฮ้ยๆ! ถ้ามึงก้าวเข้ามากูแจ้งตำรวจแน่!" ผมชี้หน้ามันก่อนที่หนึ่งในนั้นกำลังจะเดินเข้ามา พวกมันหยุดด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก เสียงหักนิ้วดังกรอบราวเจ้าป่ากับพร้อมจะขย้ำเหยื่อแล้ว

"ข้อหาบุกรุกนะโว้ย! ทำลายทรัพย์สินด้วย!" ผมทำเป็นเก่งไว้ก่อนเพราะยังไงผมก็อายุมากกว่า คิดว่าจะดูเหนือกว่าด้วยวัยวุฒิอยู่แล้ว แต่ผิดถนัด ไอ้ข้อบังคับตามกฎหมายยกมาอ้างไม่ได้ทำให้พวกมันเกรงกลัวแต่อย่างใด คนที่ยืนจ้องหน้ากับผมเหมือนกับเป็นหัวโจกกำลังขู่ผมด้วยสายตา เอาแล้วไง กูเป็นแค่หนูแฮมทาโร่เอง อย่าคิดรุนแรงกับกูเชียวนะ ทำไมพี่ซีต้องปล่อยให้ผมต้องมาเผชิญหน้ากับไอ้หมาบ้าพวกนี้เพียงลำพังด้วยเนี่ย น่ากลัว...

"พวกผมไม่เข้าไปก็ได้ แต่เอาไอ้ไคโรออกมา"

"ไม่ได้"

"ทำไมจะไม่ได้ ผมแค่มีเรื่องจะเคลียร์กับมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ซักหน่อย"

"บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ดิวะ! นี่อายุเท่าไร อยู่ม.อะไร ทำไมทำตัวแบบนี้ เอาเวลาไปอ่านหนังสือทำการบ้านดีกว่าเปล่า ทำเรื่องแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์นะเว้ย วันนึงพวกมึงต้องมานั่งเสียใจแน่ๆ ว่าทำอะไรลงไป..."

"รำคาญ! เข้าไปเลยเหอะ!" คำพูดของผมหมดความหมายตอนที่หนึ่งในนั้นผลักผมจนกระเด็นไปอีกทางขณะที่กำลังเทศนาให้พวกมันฟัง แล้วเดินเข้าไปในหอไป

ไอ้เด็กเวร!

"เฮ้ย! กูแจ้งตำรวจจริงๆ นะ" ผมควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

"ฟึ่บ!" มันใช้เท้าเตะโทรศัพท์ผมร่วงจากมือ สมาร์ทโฟนตัวใหม่ที่ถอยมาได้ไม่ได้นานร่วงไปนอนแอ้งแม้งคว่ำหน้าอยู่กับพื้นเป็นเหตุให้ผมเดือดพรวดขึ้นมาเลย

"ไอ้เหี้ยนี่! กูว่าจะใจเย็นแล้วนะ!"

ผมพ่นคำหยาบก่อนจะตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อมันอย่างเอาเรื่อง ไอ้พวกที่เหลือกำหมัดแน่น ทุกสายตาพุ่งมาที่ผมคนเดียว เอาก็เอาดิวะ! เอาเลยเว้ย! มาเลย!

"เฮ้ย"

พี่ซีเดินออกมาจากห้อง เสียงแข็งๆ คำเดียวของเขาทำให้ทุกอย่างเงียบ

"เข้ามาทำอะไรกันวะ" พี่ซีดึงมือผมออกมาจากคอเสื้อไอ้นั่น

เหอะ! ต้องขอบคุณพี่ซีที่ช่วยชีวิตมึงไว้นะ ไม่งั้นปากมึงแตกแล้วไอ้เด็กเปรต!

"ไอ้ไคโรอยู่ไหน"

"พวกมึงมีปัญหาอะไรกับมัน"

"ไม่เกี่ยวกับพวกพี่"

"เกี่ยวดิวะ ไอ้ไคโรมันน้องกู"

"กูไม่กลัวพวกมึงหรอก เอามันออกมา!"

"ไอ้เด็กเวร! แน่จริงพวกมึงเข้ามาเลยดีกว่า! เจ๋งจริงป่ะ!"  ผมพูดออกไปอย่างเหลืออด พี่ซีดึงผมไปกัดฟันกระซิบข้างหู

"หนู จะพูดจาหาเรื่องทำไม"

"ก็มันน่าหมั่นไส้นี่พี่ นักเลงมาจากไหน พี่ต่อยมันเลย"

"มึงดูคนก่อนสิหนู มากันเป็นฝูงกูจะเอาอะไรไปสู้มัน"

"ผมว่าเรามาพูดกันดีๆ ดีกว่า พวกผมจะออกไปถ้าพี่ส่งไอ้ไคโรมา"

"พวกมึงกลับไปเหอะ"

"พวกกูไม่กลับจนกว่าไอ้ไคโรจะออกมา!"

"เฮีย!"

ทั้งผมและพี่ซีหันขวับไปมองเท็นที่ยืนอยู่ที่บันได เท็นโยนวัตถุบางอย่างให้พี่ซี เขารับมันไว้ได้ทันพอดี

"ฟึ่บ!"

พี่ซียกวัตถุที่รับมาจากเท็นขึ้น จนเราทุกคนที่นี่ถึงกับตาค้าง

เชรด! ปืน!

"จะกลับได้ยัง" พี่ซีเอ่ยเสียงเรียบ พวกมันได้แต่หันมองหน้ากัน 

"สัด! อย่าให้กูเจอมึงนะไอ้ไคโร!"

"อย่าให้กูเจอพวกมึงเหมือนกัน"

ทิ้งท้ายด้วยคำพูดเท่ๆ ของพี่ซีก่อนพวกมันจะรีบวิ่งออกไป พี่ซีเดินไปปิดประตูที่กระจกแตกนั่นแล้วเดินกลับมาที่โซฟา

"ไอ้เหี้ย! ปืน!"

อ้าว!

ผมหันมองพี่ซีที่ร้องลั่นก่อนจะโยนสิ่งนั้นลงบนโซฟา 

"ไอ้เท็น มึงมีของแบบนี้ได้ไง!"

"ของปลอมน่ะเฮีย" เท็นว่าแล้วหยิบปืนนั่นขึ้นมา

"ไอ้ห่า มือกูนี่สั่นไปหมด ไอ้นี่ เอาไปไกลๆ กูเลย!" พี่ซีผลักแขนเท็นที่แกล้งเอาปืนจ่อหัวเขาออก

"ของปลอม! เฮียจะกลัวอะไร"

"เมื่อกี้ยังทำเท่อยู่เลย" ผมพูด พี่ซีหันมาแยกเขี้ยวใส่ ยกมือทำท่าจะเขกกบาลผม

"เท่เหี้ยอะไร กูเกร็งจนไส้ติ่งจะบิดแล้วเนี่ย แม่งก็มากันเป็นฝูง มึงก็ไปพูดจาหาเรื่องมันอีก เกิดมันตีมึงขึ้นมาจริงๆ ทำไง"

"พี่ก็อัดมันก่อนดิ"

"กูไม่ใช่ทีมอเวนเจอร์นะเว้ย กูเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ บอบบาง ลูกคุณหนูด้วยกูเนี่ย"

ถุย! ผมอยากถุยใส่หน้าแต่ติดตรงที่ว่าทำได้แค่ในใจนี่แหละ ก็ตาลุงฝรั่งนี่มันน่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน ผมส่ายหน้าหน่อยๆ แล้วเดินไปเก็บมือถือที่ตกอยู่อีกทาง สะดุ้งโหยงตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสกับเศษกระจกจากบานประตูที่แตก วินาทีเดียวเลือดก็ซึมออกมา แต่ผมไม่ได้สนใจแผลเล็กๆ นั่นก่อนหันกลับไปหาพี่ซี

"ประตูหอกูพังเลยเนี่ย ใครรับผิดชอบล่ะทีนี้" เขาบ่นหัวเสียก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา

"ไอ้ไคโร มึงออกมาเลย!"

สิ้นเสียงตะโกนนั่น ไคโรเปิดประตูห้องนอนพี่ซีออกมา ใบหน้าฟกช้ำกับเนื้อตัวที่ดูมอมแมม เลือดที่เลอะเสื้อนักเรียนและรอยสกปรกทำให้ตอนนี้เขาดูหมดสภาพ ไม่ใช่เด็กนักเรียนหน้าใสอย่างเคยเลย  เขาก้มหน้าลงแล้วปิดประตูห้องเบาๆ

"มานี่เลย มานั่งนี่" พี่ซีเอ่ยเสียงดุ อีกคนก็เดินเข้ามาอย่างว่าง่าย

"เกิดอะไรขึ้นวะ" เท็นถาม

"ไงมึง นักเลงมากเลยดิ"

"ผมไม่ได้เริ่มนะ"

"ใครเริ่มก็ไม่สำคัญป่ะวะ! เป็นเหี้ยอะไรต้องตีกัน มันเรื่องอะไรกัน"

"มันไม่พอใจเพื่อนผม พอผมเข้าไปช่วยเพื่อน มันก็เหมาผมไปด้วย"

"แล้วมึงเข้าไปเสือกทำไม"

"ก็นั่นเพื่อนผมอะ พี่จะให้ผมอยู่เฉยๆ เหรอ"

"มึงไม่ต้องเถียง!"

ไม่มีคำแก้ตัวนอกจากการก้มหน้ารับคำบ่นของพี่ซีอยู่อย่างนั้น ทั้งผมและเท็นพยายามจะช่วยสงบอารมณ์ของพี่ซีแต่จังหวะนี้อะไรก็เอาไม่อยู่

"มึงเป็นนักเรียน มีหน้าที่เรียนก็เรียนไปดิวะ"

"พี่ซี พอแล้ว"

"ไม่พอ! มึงคิดว่าใช้กำลังตัดสินปัญหาแล้วจะจบเหรอวะ มึงเป็นมนุษย์ มึงมีสมอง มึงควรใช้สมอง ไม่ใช่มากัดกันเป็นหมาแบบนี้..."

"เฮ้ย! น่านเลือดออกเหรอ"

สิ้นเสียงของเท็น พี่ซีก็หยุดปากที่กำลังบ่น ละจากไคโรแล้วหันมาหาผมในทันที   

"ไหน"

"โดนกระจกบาดอะ นิดเดียว"

"แล้วทำไมไม่บอก"

"ก็ไม่ได้เจ็บ พี่ซี..." ผมร้องห้ามไม่ทันตอนที่พี่ซีใช้ชายเสื้อนักศึกษานั่นเช็ดเลือดที่ปลายนิ้วผม แผลมันไม่ได้ลึก เลือดก็ไม่ได้ไหลมาก แต่ก็พอที่จะทำให้เสื้อนักศึกษาของเขาเลอะเป็นรอย

"พี่ซี เสื้อเปื้อน"

"ช่างมันดิ แล้วนี่เจ็บป่ะเนี่ย"

"ไม่เจ็บ ไม่เป็นไร"

ขณะที่พี่ซีจดจ่ออยู่กับแผลของผม สองคนข้างหลังก็ชวนกันย่องออกไปจากตรงนี้ช้าๆ ผมหลุดยิ้มตอนที่เท็นกับไคโรหนีออกไปได้สำเร็จ

"ยิ้มไร เจ็บตัวนี่ชอบเหรอ"

"เปล่า ไคโรหนีไปแล้วนะ"

"ช่างมันดิ กูโฟกัสมึงอยู่"

"ฮะ?"

"เป็นห่วงมึงอยู่ไง ทำไมต้องสนใจคนอื่นด้วย"  พี่ซีพูดแค่นั้นแล้วเป่าลมเบาๆ เข้ามาที่ปลายนิ้ว ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไม่ได้งงกับคำพูดของเขา แต่ก็ไม่เข้าใจอย่างชัดเจน เอาเป็นว่าสับสนในระดับที่รับได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ในตอนที่พี่ซียิ้ม...

 

ผมเองก็ยิ้ม

 

To be continued.

 

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-02-2018 04:10:46
ว่าง ๆ พี่ซีชวนคิทมานั่งคุยด้วยซิ เคยเห็นเขาแล้วนิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 21-02-2018 08:14:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-02-2018 15:01:19
พี่ซีน่ารักนะคะแต่ทำไมกากจังเลยละคะคุณพี่ น่าจะเป็นพี่น้องกับพี่อิสในรักอิสระนะ นิสัยใกล้เคียงกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 21-02-2018 19:09:31
มีปมจริงๆ ...
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 21-02-2018 22:52:48
สนุกมาก รอติดตามค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 8] 21/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 22-02-2018 02:32:27
พี่ซีคนกากอะ เท่ได้แปปเดียวเอง555555
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 25/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 25-02-2018 01:09:34
ตอนที่ 9
เป็นเพราะฝน

 

ผมเดินลงมาที่ห้องโถงด้านล่างในตอนสายๆ ของวันหยุดที่ไม่มีเรียน จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ประตูตรงนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่น่าเรียกว่าประตู ป้าทิพย์บอกว่ายังหาช่างซ่อมกระจกไม่ได้ เลยเอาแผ่นเฟรมที่มีรูปวาดของพี่ซีมาปิดเอาไว้แก้ขัดไปก่อน 

"หวัดดีน่าน!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่เท็นโผล่มากจากข้างหลังและยกมือกอดคอผม หันไปมองแล้วก็อดตกใจไม่ได้ที่วันนี้มันใส่เสื้อผ้า ผมมองเท็นที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อย ในมือถือตู้กระจกที่มีกัปตันเมริกาที่อยู่ในนั้น

"มองอะไรขนาดนั้นวะ"

"เพิ่งเคยเห็นมึงใส่เสื้อครั้งแรกเลย"

"ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะ รู้ยัง?"

"รู้แล้ว แต่ทำใจให้เรียกมึงว่าพี่ไม่ได้ว่ะ"

"เออ เอาที่มึงเห็นว่าดี" เขาทำเสียงประชดแล้วเบ้ปากใส่เคืองๆ

"มีเรียนวันเสาร์ด้วยเหรอ"

"เรียนชดเชยอะดิ"

"แล้วนี่จะเอามันไปไหน" ผมชี้ไปที่กัปตันฯ ในตู้ 

"ขามันดีขึ้นแล้ว เลยจะเอาไปปล่อย แต่ก็ต้องคิดถึงมันมากแน่ๆ" ว่าที่สัตว์แพทย์ติ๊งต๊องคนนี้ทำหน้าอาลัยอาวรณ์เมื่อมองเหี้ยตัวนั้น 

"เอาที่มึงเห็นว่าดี" ผมใช้คำพูดของมันสวนคืนไปก่อนเท็นจะมองผมตาขวางแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากหอไป ในตอนนั้นพี่ซีก็เดินออกมาจากห้องพอดี เขาหันมาเห็นผมแล้วยิ้มกว้างให้

"ยิ้มอะไรวะพี่" ผมถาม

"ยิ้มให้หนูไงจ้ะ" เขาว่าแล้วเดินมานั่งที่โซฟา เอื้อมมือไปหยิบไอรอนแมนที่นอนอยู่ขึ้นมาเกาพุงมันเล่น ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อไคโรก็เดินลงมาจากบันได มันมองผมกับพี่ซีแล้วก้มหน้าเดินไปโดยไม่ทัก แต่พี่ซีเรียกมันเอาไว้ก่อน

"จะไปไหนวะ"

"เรียนพิเศษครับ" ไคโรหันมาตอบเสียงเบา

"ตอนเย็นกลับเร็วๆ นะ"

ไคโรพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ผมเองก็เดินตามเขาออกไปด้วย 

"อ้าวน่าน จะไปไหนอะ"

"ไปหาอะไรกิน"

"ไปด้วยดิ"

พี่ซีวางแมวลงแล้วเดินตามผมมา 

"ไม่เลี้ยงนะ" ผมพูดดักคอเอาไว้ก่อน เพราะพี่ซีรวยอะ รวยกว่าผมแน่นอนจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องเลี้ยงข้าวเขา

"เออ จ่ายเองก็ได้" อีกคนตอบรับส่งๆ ขณะก้มลงหยิบรองเท้าจากชั้นวางหน้าหอมาสวม แล้วเดินออกมาพร้อมกับผม เราเดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงหน้ามหาลัยซึ่งมีร้านอาหารเยอะแยะไปหมด แล้วผมก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะกินอะไร เดินผ่านหลายร้านจนคนที่มาด้วยคงเริ่มหงุดหงิดเลยสะกิดถาม

"ซักร้านดิหนู จะเดินอีกนานป่ะ"

"ก็มันเลือกไม่ได้นี่"

"เป่ายิ้งฉุบกันไหม ถ้าพี่ชนะกินร้านนี้ ถ้าน่านชนะกินร้านนั้น จะได้ไม่ต้องเลือก"

"ปัญญาอ่อนละ เอาร้านนี้ก็ได้" ผมพูดส่งๆ แล้วเดินนำเขาเข้าร้านที่อยู่ตรงหน้าพอดี แต่ก่อนที่จะเข้าไปในนั้น สายตาก็ไปสะดุดกับที่ผู้หญิงสวมแว่นคนหนึ่งที่เดินออกมาจากร้านยาข้างๆ

"น้ำขิง!"

พี่ซีทักเสียงดังจนน้ำขิงสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วหันมามอง

"อ้าว น่าน เฮีย ทำไมมาด้วยกันได้เนี่ย"

"กูตามมันมา" พี่ซีตอบ 

"ขิงไม่สบายเหรอ" ผมถามพลางมองไปยังถุงยาในมือ อีกคนดูจะตกใจแล้วรีบดึงมือไปซ่อนเอาไว้ด้านหลัง การกระทำดูมีพิรุธจนพี่ซีต้องถามเสียงดุ

"มึงซ่อนอะไร"

"ไม่...ไม่มีอะไรเฮีย"

"แล้วทำไมต้องซ่อนอะ ยาอะไร"

"ไม่ได้ซ่อน นี่ยาแก้ปวดท้องอะ เป็นเอ่อ...เป็นเมนส์" เธอพูดเสียงเบา ผมกับพี่ซีพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ 

"งั้นไปก่อนนะ รีบกลับไปอ่านหนังสือก่อน" น้ำขิงว่าแล้วรีบเดินออกไปด้วยความเร็วแสงเช่นเคย เห็นน้ำขิงทุ่มเทให้การเรียนขนาดนี้ผมกลายเป็นนักศึกษาง่อยๆ เรียนคณะง่ายๆ แต่ไม่ค่อยสนใจเรียน เป็นพวกโง่แล้วยังใจเย็น 

"วันๆ มันอ่านแต่หนังสือ ไม่คิดจะทำอย่างอื่นบ้างหรือไงวะ"

"แล้วพี่อะ วันๆ กินแต่เหล้า ไม่คิดจะทำอย่างอื่นบ้างเหรอ"

"วนมาเรื่องกูทำไมเนี่ย ไปกินข้าวเลย หิวแล้ว!"

พี่ซีโวยแล้วผลักหัวผมให้เดินเข้ามาในร้านข้าว ผมพลิกเมนูไปๆ มาๆ ก่อนจบด้วยการสั่งอาหารสิ้นอย่างผัดกะเพรา พี่ซีก็เช่นกัน ผมก็ไม่เข้าใจว่าเราจะเดินลากขามากว่าหลายร้อยเมตรเพื่อมาสั่งไอ้สิ่งนี้กินทำไม ทันทีที่พนักงานเอาอาหารของเราสองคนมาเสิร์ฟ ผมหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะทั้งผมและเขาตั้งใจเขี่ยใบกะเพราออกเป็นอย่างแรกเหมือนกันเลย

"ไม่ชอบอะ"

"ผมก็เหมือนกัน"

พี่ซีพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง เอาจริงเพิ่งเคยนั่งมองหน้าเขาชัดๆ ในตอนกลางวัน พอมองตอนไม่เมานี่งานดีนะ เบ้าหน้าลูกครึ่งดูเด่นกว่าใครอยู่แล้ว ผมยาวประบ่าแต่ไม่ได้ดูรุงรังจนน่ารำคาญ ตาสีเข้มดูคมแต่ใต้ตาคล้ำเพราะไม่ค่อยนอน ทั้งจมูก ทั้งปากตรงนั้นก็รวมกันเป็นพี่ซีที่โคตรงานละเอียดเลย

"ปกติวันหยุดทำอะไรเหรอ"

เสียงพี่ซีที่ดังขึ้นปลุกผมจากความคิด ผมทวนคำถามของเขาในใจแล้วตอบมันออกมาส่งๆ

"ก็แล้วแต่อารมณ์อะ"

"ทำอะไรต้องใช้อารมณ์ด้วยเหรอ"

"ใช่ดิ ถ้ามีอารมณ์อยากไปไหนก็ไป แต่ปกติก็ชอบอยู่ห้องเฉยๆ แหละ แล้วพี่ล่ะ"

"กินเหล้า"

"ไม่ใช่วันหยุดก็แดกป่ะวะ"

"พูดไม่เพราะ ตีปากเลย" ไม่พูดเฉยๆ เขายื่นมือมาตีปากผมจริงๆ จนผมต้องโยกตัวหลบมือนั่น

"เจ็บ!"

"โทษๆ"

ผมคว่ำปากใส่เคืองๆ ก่อนตักข้าวกินต่อแต่พี่ซียังไม่หยุดชวนคุย

"ปกติดูหนังแนวไหนอะ"

"ก็ดูได้หมดอะ แต่ชอบพวกอนิเมชั่นนะ"

"เออ ชอบเหมือนกัน"

"ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งเข้าอยู่ น่าดูนะ"

"เออ ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน"

"อาจจะไปดูวันนี้แหละ"

"วันนี้พี่ก็ว่างนะ"

ผมหรี่ตามองเขาที่พูดออกมาอย่างนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ก็ถามให้แน่ใจดีกว่า

"นี่พี่จะชวนดูหนังป่ะเนี่ย?"

เขาเงียบ กระพริบตาปริบๆ สองสามทีแล้วตอบออกมาอึกอัก

"ก็ไหนๆ ก็จะไปแล้ว ก็ไปด้วยกันดิ"

"แล้วมันเรียกว่าชวนเปล่าอะ"

"ชวน! มึงจะไปไหมล่ะ!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะเสียงดังของเขา แค่ชวนกูดูหนังต้องทำตัวร็อกอย่างงี้? แต่ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยอมไปดูหนังกับเขาหลังจากกินข้าวเสร็จ พี่ซีจ่ายค่าตั๋วให้ แถมยังซื้อป็อบคอร์นเซ็ทเดียวกับหนังให้ผมด้วย ผมไม่ได้ร้องจะเอานะ แค่ยืนจ้องอยู่นานแต่ติดตรงราคาแพงเลยเกือบถอดใจ พี่แกมาจากข้างหลังแล้วก็จ่ายตังค์ให้เรียบร้อย ประทับใจในความเปย์ของเขาจึงรับเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ พี่ซีรวย ท่องไว้ พี่ซีรวย

จนกระทั่งเข้าไปดูหนัง ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องผมแอบมองพี่ซีอยู่หลายครั้ง ไอ้ที่บอกว่าชอบดูอนิเมชั่นนี่เหมือนจะโกหกหน้าด้านๆ ผมเห็นเขานั่งหาวแล้วหาวอีกจนหนังจบ เครดิตท้ายเรื่องยังไม่ทันขึ้นก็แทบจะวิ่งสี่คูณร้อยออกมาจากโรงเลย ไม่รู้ว่าเห็นผีหรืออะไรแต่ผมก็ไม่ได้ถาม หอบป็อบคอร์นกับน้ำที่ยังกินไม่หมดตามเขาออกมาที่หน้าห้าง เมื่อเห็นฝนลงเม็ดบางๆ นั่นทำให้ผมถึงกับมองแรงใส่ฟ้าข้างบน ตกทำไมเนี่ย อารมณ์เสียเลย 

"เอาไงดีอะ ไม่มีร่มด้วย จะเข้าไปรอข้างในก่อนป่ะ"

ผมชั่งใจอยู่นิดหน่อย เพราะว่าเกลียดฝนจริงๆ เลยไม่อยากเปียก แต่ก็ไม่อยากให้พี่ซีต้องมารอฝนหยุด กลัวจะเสียเวลาเลยบอกปัดๆ ไป

"ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่เบาๆ เอง"

"งั้นรีบไปไหม เผื่อมันตกหนัก"

ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปยังฟุตบาท พี่ซีไม่ชอบนั่งรถยนต์ และผมก็ไม่มีจักรยานที่จะขี่มากับเขาได้ ดังนั้นการเดินจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายของเราสองคน ละอองฝนเบาๆ พัดเข้ามาโดนทำให้รู้สึกเย็นนิดๆ พี่ซีที่ตอนแรกเดินตามหลังอยู่ ก็ก้าวขาเข้ามาเดินคู่กับผม บังฝนที่สาดเข้ามาให้

ทำตัวพระเอกอีกละ

"พี่เปียกฝน เดี๋ยวก็ป่วยอีกหรอก ลูกคุณหนูบอบบางไม่ใช่เหรอ"

"ป่วยแต่เท่ก็ยอมนะ" เขาพูดขำๆ

"พี่นี่ดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเองอีกนะ"

"แน่นอน ถ้าน่ารักก็ดูแลแบบถึงเนื้อถึงตัว" เขาว่าแล้วยื่นมือมากอดไหล่ผม

"มากไปๆ" ผมว่าแล้วสะบัดมือเขาทิ้ง 

"เอาจริงๆ พวกมึงก็เหมือนน้องกูแหละ อยู่ด้วยกันก็ต้องดูแลกันดิวะ"

"พี่นี่ใจดีจัง ใจดีกับทุกคนไหม"

"ก็ใจดีกับทุกคน แต่ใจดีกับมึงเป็นพิเศษ"

"ฮะ? ทำไมต้องพิเศษ"

"คิดเองดิ"

"อ้าว! ทำไม บอกมา"

"อันนี้ไม่รู้จริงหรือกวนตีน"

"อ้าว! ก็ไม่เข้าใจ"

"ก็มึงน่ารักไง"

ผมหยุดเดินแล้วเงยขึ้นมองหน้าเขาเพื่อถาม และผมคงทำหน้างงอย่างชัดเจน คนข้างๆ เลยพูดมันออกมาตรงๆ

"น่ารักจนอยากจีบแล้วเนี่ย"

เดี๋ยว... 

ขณะที่ผมกำลังยืนเด๋อเพราะไม่รู้ว่าที่เขาพูดนั่นจริงหรือเล่น จังหวะนั้นฝนก็ตกหนักลงมาอย่างไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า

"มานี่" พี่ซีดึงผมเข้าไปหลบหน้าตึกเพราะให้ฝ่าฝนไปตอนนี้คงไม่ได้ เม็ดหนาของฝนที่สาดกระเซ็นมาโดนหน้าทำผมอารมณ์บูด กระชับกอดป็อบคอร์นเพราะกลัวมันเปียกแล้วจะไม่อร่อย พี่ซีหันมองยิ้มๆ แล้วขยับตัวเองไปยืนด้านหน้าผม เขาไม่ได้ตัวใหญ่เป็นหมี แต่แผ่นหลังนั่นก็กว้างพอที่จะทำให้ผมไม่เปียก ผมรู้ตัวเองไม่เปียกแต่มันก็อดบ่นไม่ได้   

"เกลียดหน้าฝนอะ"

"อย่านอยด์ดิ เย็นดีออก" พี่ซีว่าแล้วยื่นมือไปรองรับน้ำฝนที่ตกลงมา มุมปากยกขึ้นยิ้มเพราะเม็ดฝนที่กระทบฝ่ามือตัวเอง โคตรศิลปินว่ะ และผมในตอนนี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เผลอมองคนๆ นี้อย่างไม่ได้ละสายตา เจอกันครั้งแรกไม่ชอบหน้าเลย แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยน ตอนนี้ชอบหน้าพี่ซีแล้วนะ 

"มึงเคยบอกว่ามึงเก่งไม่ใช่เหรอ!"

"ขวับ!"

ทั้งผมและพี่ซีหันหน้ามองกันเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากในมุมตึก

"เก่งนักมึงก็ลุกขึ้นมาสิ!"

"อะไรวะ" พี่ซีถามเสียงเบา

"คนตีกันมั้งพี่ ไปดูไหม"

"เราอย่าไปยุ่งเลยไหม"

"เอางั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นเด็กโดนรังแกล่ะพี่"

"งั้นมึงรอนี่ กูไปดูเอง"

"อ้าวพี่ ไปด้วยกันดิ"

"เดี๋ยวมึงโดนตีนไปด้วยทำไงอะ ขาก็สั้นวิ่งทันเหรอ"

"พี่ซี!"

"ทำไมเล่า กูกลัวมึงโดนเตะ กูไม่ยอมหรอกนะ"

"งั้นไม่ต้องไปเลย พี่ก็ไม่ต้องไป"

"ก็ไปดูเฉยๆ ไง"

"ไม่เอา"

ผมว่าแล้วดึงเสื้อพี่ซีเอาไว้ก่อนที่เขาจะหันไปที่มุมตึกนั่น

"เดี๋ยวพี่โดนต่อย ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน"

พี่ซีพยักหน้ารับ แล้วหันมาบอกเบาๆ

"งั้นเราไม่ยุ่งเนอะ"

ผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วย ก็แค่ยืนอยู่ตรงนี้แล้วรอให้ฝนหยุดตกก็พอ น่านต้องไม่ขี้เสือกเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา 

"ไอ้ไคโร!"

"ขวับ!" ทันทีที่ได้ยินชื่อนั่น คนข้างๆ ผมทะยานออกไปจากตรงนี้ด้วยความเร็วสูง เพราะชื่อแปลกๆ ของไอ้โคโรที่คิดว่ามีไม่กี่คนที่จะซ้ำกัน เราจึงมั่นใจว่าเป็นไคโรเด็กที่หอแน่ๆ ผมรีบวิ่งตามพี่ซีเข้าไปในมุมตึก แล้วก็เจอกับไคโรจริงๆ เด็กนั่นกับผู้ชายอีกคนโดนเด็กนักเรียนหน้าเดิมที่เคยบุกเข้าไปที่หอยืนล้อมกันอยู่ ไอ้หัวโจกคราวก่อนหันมามองเรา พลางขมวดคิ้วแน่น เหยียดยิ้มแล้วพูดออกมา 

"แหม พี่มึงนี่จะตามดูแลมึงไปทุกที่เลยป่ะวะ"

"มึงทำอะไรน้องกูอีก" พี่ซีก้าวขาเข้าไปถาม

"ก็บอกแล้วไงอย่าให้ผมเจอมันอีก"

"กูก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าให้กูเจอมึงอีก"

"เอาจริงๆ มันเป็นปัญหาวัยรุ่นว่ะพี่ อย่าเสือกได้ป่ะ"

"ไอ้นี่!" ผมตรงเข้าไปอย่างเอาเรื่องแต่พี่ซีดึงเอาไว้ก่อน เพราะเกลียดหน้ามันตั้งแต่คราวที่แล้วเป็นทุนเดิมเลยโมโหมากกว่าใคร แต่ตอนนี้ผมควรใจเย็นก่อน สถานการณ์ไม่เอื้อให้ทำตัวเปรี้ยวเลย พวกมันมีเยอะกว่าแล้ววันนี้พี่ซีก็ไม่มีปืนมาขู่เท่ๆ แล้วด้วย

"ใจเย็นพี่ คุยกันดีๆ จริงๆ เรื่องมันจะจบแล้วแหละ ไอ้ไคโรน้องพี่มันกำลังจะยอมขอโทษผมแล้ว"

ผมมองไปยังไคโรที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ามัน สภาพสะบักสะบอมไม่รู้ว่ามันโดนอะไรมาบ้าง เห็นอย่างนั้นมันจึงอดที่จะอยู่เฉยไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน 

"แค่มันขอโทษทุกอย่างก็จบ ไหนๆ พี่ก็มาแล้ว ช่วยเป็นพยานในเหตุการณ์ด้วยก็แล้วกัน"

"มึงถ่ายคลิปไว้เลย บันทึกภาพสุดประทับใจซะหน่อย" เด็กอีกคนว่าแล้วยื่นมือถือให้เพื่อน

"พร้อมจะขอโทษกูหรือยัง"

"ถ้าพวกกูขอโทษแล้วจะจบใช่ไหม"

"จบแน่ กูรับปาก"

"ได้ งั้นกูขอ..."

"กราบตีนกูดิ!" มันพูดขัดขึ้นมาระหว่างที่ไคโรจะพูดขอโทษ

"เฮ้ย มากไปหน่อยมั้ง" ผมพูดแทรก

"พี่จะเสือกอะไร!"

"เออกูจะเสือก! แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอวะ!"

"ไอ้หน้าหวานนี่ กูหมั่นไส้ตั้งแต่คราวก่อนแล้วนะ! พล่ามเหี้ยอะไร!" มันพูดอย่างเดือดๆ แล้วผลักผมออกมา พี่ซีรับผมเอาไว้ก่อนที่จะล้ม   

"กล้าดียังไงมาผลักกู!" 

"ทำไมวะ! เอาดิ! กูจะกระทืบแม่งทั้งพี่ทั้งน้องเลย!"

"ไอ้เหี้ยเอ๊ย!"  ความอดทนของพี่ซีเป็นศูนย์ในตอนที่ลั่นคำหยาบออกมา แล้วตรงเข้าไปเปิดศึกกับไอ้เด็กนั่นอย่างที่ไม่มีใครห้ามได้ ผมดึงไคโรให้ลุกขึ้นมา แล้วตรงเข้าไปร่วมปะทะกับไอ้เด็กพวกนี้อย่างอดไม่ได้

"พลั่ก!"

ผมหน้าหันไปอีกทางเพราะแรงชกของไอ้หัวโจกนั่น ไอ้ห่านี่! อยากจะเล่นตั้งแต่คราวที่แล้วแล้วนะ ผมกำหมัดแน่นแล้วตรงเข้าไปแลกหมัดกับมันอย่างบ้าคลั่ง พวกมันหันไปหยิบไม้ขึ้นมาเป็นอาวุธแล้วจะฟาดผมในจังหวะที่กำลังล้ม

"น่านหลบ!" พี่ซีดึงผมให้หลบจากไม้นั่น ก่อนเขาจะตรงเข้าไปจัดการไอ้นั่นแทน

ผมมองดูสงครามขนาดย่อมตรงหน้า ฝนที่ตกลงมาไม่หยุดทำให้ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด บ้าชิบ! ทำไมชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายและมีความสุขของไอ้น่านต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ผมรวบสติตัวเองตอนที่รู้ตัวว่าการใช้กำลังไม่ใช่ทางออก ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจนเราทั้งหมดหันขวับไปมอง

"ทำอะไรกัน!"

ผู้ชายในชุดเครื่องแบบตำรวจเจ้าของเสียงทำให้ทั้งหมดตรงนี้ตกใจ ก่อนเด็กพวกนั้นจะเรียกพวกพากันวิ่งหนีออกไป

"ไปเร็วพี่!" เพื่อนของไคโรดึงมึงมือผมและพี่ซีให้วิ่งหนี แต่ผมหยุดเขาไว้ก่อนในตอนที่เห็นหน้าตำรวจนั่นชัดๆ อีกคนที่เดินเข้ามาข้างๆ นายตำรวจยิ่งย้ำชัดว่าผมรู้จักพวกเขา

"ไอ้น่าน!"

"ไอ้ทิม" 

"ไอ้น่าน! มึงจริงๆ ด้วย มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!"

ผมอึกอักไม่ได้ตอบ ยกมือไหว้พ่อของไอ้ทิมที่เป็นตำรวจ แล้วยืนในท่าที่สงบสุดเท่าที่จะทำได้ พ่อมันไม่ได้ว่าอะไร แต่ตัวไอ้ทิมใส่ผมยับเหมือนผมทำเรื่องผิดบาปที่อภัยให้กันไม่ได้เลย

"มึงต่อยกับเด็กมัธยมเหรอ ไอ้น่านนี่มึง..."

"อย่าเพิ่งด่าดิวะ ฟังกูก่อน"

"ไม่ฟังอะไอ้สัด เป็นเหี้ยอะไร นักเลงอะไรเข้าสิง"

"กูแค่ช่วยน้อง" ผมว่าแล้วชี้ไปยังไคโรและเพื่อน

"มึงมีน้องตั้งแต่เมื่อไร!"

"น้องที่หอไง"

"มึงไม่ต้องพูด มึงผิดตั้งแต่คิดจะต่อยกับพวกมันแล้ว"

ทำไมผมไม่มีคำพูดอะไรจะเอามาเถียงมันได้เลยเนี่ย ทำไมทุกครั้งที่ไอ้ทิมด่าผมจะต้องยืนฟังเงียบๆ อย่างสำนึกผิดด้วย

"แล้วไอ้ฝรั่งนี่ใคร"

"มึงเรียกใครไอ้ฝรั่ง"

"ก็มีมึงหน้าฝรั่งอยู่คนเดียวนี่!"

"ไอ้นี่ปากดี"

"เฮ้ย! หยุด!" ผมตรงเข้าไปห้ามทัพระหว่างทิมกับพี่ซีที่ทำท่าจะตีกัน 

"ทิม มึงฟังก่อน"

"มึงจะแก้ตัวอะไร"

"มึงฟังสิ นี่เจ้าของหอกู ส่วนนี่ก็น้องที่หอ พวกมันกำลังโดนรุมทำร้าย กูกับพี่เขาแค่เข้ามาช่วยมัน กูไม่ใช่อันธพาลนะเว้ย ก็แค่มาช่วยคนที่ถูกรังแก ผมทำในสิ่งที่ถูกต้องนะครับลุง" ผมอธิบายยาว ประโยคหลังหันไปพูดกับพ่อไอ้ทิม ใช้ไม้ตายทำหน้าตาน่าสงสารด้วยการเบะปากขึ้นพร้อมยกหัวคิ้วขึ้นนิดหน่อย กระพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจ แล้วไอ้ทิมก็แพ้

"เออ กลับหอไปเลยมึงอะ แล้วอย่าทำอะไรแบบนี้อีก"

ผมพยักหน้ารับ ยกมือไหว้พ่อทิมครั้งหนึ่งแล้วดึงมือพี่ซีกับไคโรและเพื่อนมันออกมาจากตรงนั้น เดาว่าพี่ซียังคงขุ่นเคืองใจกับไอ้ทิมจึงหันกลับไปขมวดคิ้วมองตาขวางๆ ก่อนหันมาพูดกับผม

"เพื่อนเหรอ"

"เพื่อนน่ะสิ"

"ทำไมมันต้องดุมึงขนาดนั้น"

"มันเป็นแบบนี้แหละ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ดุเป็นหมาเลย"

"มันชอบมึงหรือเปล่า"

"บ้า ไม่ใช่! เพื่อนกันจริงๆ"

"จะไปรู้เหรอ ดูมันหวงๆ มึงอะ"

"ไม่หวง ไม่ใช่เลย"

"เออ มันไม่ได้ชอบก็ดี"

"ดียังไง"

"พี่จะได้ไม่มีคู่แข่งไง"

 

To be continued.

           
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 25/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-02-2018 01:28:02
นี่จะเขม่นกันอีกคู่เหรอ พี่ซี ทิม  :hao4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 25/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 25-02-2018 01:40:17
พี่ซีคะนึกจะจีบก็จีบเลย แบบนี้ก็ได้เหรอ แล้วตกลงไคโรไปมีเรื่องอะไรกัน น้ำขิงด้วยซ่อนยาอะไรไว้
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 25/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: windwrite ที่ 26-02-2018 00:43:30
ออกตัวแรง
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 25/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 26-02-2018 01:11:32
แบบนี้เรียกจีบแล้วรึเปล่าคะพี่ซีคนกาก :mc2:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 10] 28/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 28-02-2018 00:45:58
ตอนที่ 10
ในความมืด

 

            เรากลับมาที่หอหลังจากจบเรื่องแล้ว แต่ระหว่างพี่ซีกับไคโรยังคงอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด พี่ซีบ่นไม่หยุด ขณะที่ไคโรเองก็เถียงไม่ละ ผมรู้น้องมันก็โมโหพอๆ กับที่พี่ซีโมโห และการเถียงกันอยู่แบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย 

"เมื่อไรมึงจะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีวะไอ้ไค" 

"ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก แต่พวกมันไม่ยอมจบจะให้ผมทำยังไง"

"คราวนี้กูต้องบอกพ่อแม่มึงแล้วนะ"

"อย่านะเฮีย!"

"มึงทำตัวเหลวไหลเองนะไอ้ไค กูไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก"

"เฮียกับพี่น่านนั่นแหละไม่น่าเข้ามายุ่ง!"

ผมที่ยืนเงียบอยู่หันขวับไปมอง

"มันกำลังจะจบแล้วไง ผมกำลังจะขอโทษมันแล้วไง แล้วเฮียกับพี่น่านเข้าไปยุ่งทำไม"

"ไอ้ไค นี่กูช่วยมึงนะ"

"ช่วยทำให้มันแย่ลงกว่าเดิมอ่ะดิ! เพราะพี่สองคนนั่นแหละเรื่องมันเลยไม่จบ เดี๋ยวมันก็กลับมาหาเรื่องผมอีก"

"แล้วมึงจะยอมกราบตีนมันหรือไง!" ผมพรวดเข้าไปหลังเงียบอยู่นาน

"ใช่! แค่นั้นไม่ตายหรอก! พี่อะเสือกไม่เข้าเรื่อง!"

"มึงหุบปากเลยนะ!" พี่ซีตวาดเสียงดังจนเขาเงียบ

"มึงเป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร"

"เฮียไม่ต้องมาสั่งสอนผม เฮียไม่ใช่พ่อผม!"

พี่ซีกำหมัดแน่น มือหนึ่งยกขึ้นขยำคอเสื้อไคโรอย่างเดือดๆ

"เฮีย! พวกผมมาแล้ว มีอะไรกันวะ" เท็นกับน้ำขิงที่เปิดประตูพรวดเข้ามาชะงักไปเพราะเห็นภาพตรงหน้า พี่ซีปล่อยมือออกจากคอเสื้อไคโรแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

"เฮียคะ นี่ที่ฝากซื้อ แต่สถานการณ์ดูตึงเครียด หนูเอาไปเก็บในครัวเงียบๆ ก็ได้" ผมหันมองน้ำขิงที่ถือถุงอะไรบางอย่างเดินผ่านหน้าพี่ซี แต่เขาคว้าถุงนั่นมาจากมือน้ำขิงแล้วโยนลงพื้นด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะเดินเข้าครัวไป ไคโรก็วิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่พูดอะไร

"เขาทะเลาะอะไรกันวะ"

"มีเรื่องนิดหน่อยอะ"

"สภาวะฉุกเฉินระดับสิบ"

"อ้าว งานกร่อย" เท็นว่าพลางหันหน้ามองน้ำขิงแล้วยักไหล่พร้อมกันเบาๆ แล้วแยกตัวขึ้นบันไดกลับห้องตัวเองไป ผมหันมองถุงที่พี่ซีโยนทิ้ง แล้วก้มลงเปิดดูจึงพบว่าข้างในเป็นกล่องเค้กที่เละไม่เป็นรูป แต่ยังเห็นข้อความบนหน้าเค้กนั่นอยู่ 

 

HAPPY BIRTHDAY CAIRO

18TH

 

 

ผมจำได้ว่าเมื่อเช้าพี่ซีสั่งให้ไคโรกลับหอเร็วๆ แต่ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดไคโร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ความหวังดีของพี่ซีถูกวางกองเอาไว้กับพื้นแบบนี้ ผมเก็บกล่องเค้กแล้วเดินเข้าไปหาพี่ซีในครัว เห็นเขากำลังยกเบียร์ขึ้นกระดก

"ไม่ต้องเข้ามาบ่นเลยนะ"

"ไม่ได้บ่นซะหน่อย ขอขวดดิ"

"กินเป็นด้วย?"

"เป็นดิ ขอ" ผมแบมือขอเบียร์จากเขาบ้าง อีกคนไม่เปิดขวดใหม่ให้ แต่ส่งขวดในมือที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งให้แทน

"แค่นี้พอ เดี๋ยวเมา" 

ผมรับเบียร์ขวดนั้นมาแล้วกระดกขึ้นดื่ม

"ไม่รู้ว่า วันนี้วันเกิดไคโร"

"เออดิ อุตส่าห์ให้ขิงไปซื้อเค้กเสือกมาทะเลาะกันก่อน"

"พี่เคยทะเลาะกันแบบนี้ไหม"

"นี่ครั้งแรกเลย"

พี่ซีพูดเสียงเบาแล้วถอนหายใจออกมาหน่อยๆ พี่ซีบอกผมว่าที่นี่เหมือนบ้าน แล้วการทะเลาะกันของคนในหอ ก็เหมือนทะเลาะกับคนในครอบครัว ไม่มีใครอยากทะเลาะกับพี่น้องตัวเอง ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการทะเลาะในครั้งนี้

"เดี๋ยวไคโรก็หายโกรธนะ"

"อือ"

"พี่โอเคใช่เปล่า ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม"

"เจ็บดิ โดนตีมานะเว้ย"

"จริงป่ะเนี่ย"

"จริงดิวะ ตรงนี้โคตรเจ็บเลย" เขาว่าแล้วหันไหล่ข้างหนึ่งให้ผมดู

"ไหนดูหน่อย" เขาไม่พูดอะไร ถอดเสื้อออกให้เห็นแผลที่ไหล่ด้านหลัง เป็นรอยเหมือนโดนของมีคมบาดยาว เลือดที่ไหลยังเลอะอยู่ตรงนั้น แผลลึกจนผมตกใจ

"เฮ้ย พี่"

"เยอะเลยเหรอ"

"ไปโดนตอนไหนเนี่ย"

"รู้ตัวอีกทีก็ตอนเจ็บนี่แหละ"

"แผลลึกนะพี่ ไปโรง..."

"อย่าหวังว่ากูจะไปโรงพยาบาล!" เขาสวนขึ้นทันควันก่อนที่ผมจะพูดจบ

"แล้วจะทำยังไง"

"หนูทำแผลให้หน่อยสิ"

"ผมเนี่ยนะ ไปเรียกน้ำขิงมาทำให้ดีกว่า เดี๋ยวผมไปเรียก..."

พี่ซีดึงมือผมขณะที่กำลังลุกไปให้นั่งลงที่เดิม

"อยากให้หนูทำให้มากกว่า"

ทำไมพี่ซีอ้อนวะ และเพราะน้ำเสียงและการถูกเรียกแบบนั้นผมจึงแพ้และต้องยอมทำแผลให้เขาทั้งๆ ที่ไม่รู้จักวิธีปฐมพยาบาลด้วยซ้ำ ผมเตะสำลีที่ชุ่มแอลกอฮอล์ลงไปที่แผลพี่ซีอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เดาว่ามันคงไม่นิ่มนวลเท่าไร เจ้าของแผลจึงหันมามองแรงใส่กันแบบนี้

"นี่เบาสุดแล้ว สาบาน?"

ผมพยักหน้าหงึกๆ

"ก็พอทนได้" เขากัดฟันพูดขณะที่ผมแตะสำลีลงไปอีกที และค่อยๆ ทำแผลจนเสร็จ

"พี่โอเคป่ะ"

"เจ็บอะ"

เขาทำหน้ายุ่ง แล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าอ้อนๆ

"ทำไงดีอะ ถ้าแขนใช้งานไม่ได้ขึ้นมาก็วาดรูปไม่ได้ กินข้าวก็ไม่ได้ โห ต้องให้หนูป้อนข้าวมั้งเนี่ย"

"ใช้อีกข้างสิ"

"มันไม่ถนัดอะ ถอดเสื้อก็ไม่ถนัด ถอดกางเกงก็ไม่ถนัด โห ต้องให้หนูถอดให้มั้งเนี่ย"

"ตลก!"

"ผั๊วะ!"

ผมเผลอฟาดใส่แขนเขาไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้เพราะความกวนตีน พี่ซีถึงกับร้องลั่นห้อง เงยหน้ามองผมน้ำตาคลอดูเจ็บจริงผมจึงรีบขอโทษเขาก่อน

"เฮ้ยพี่ ขอโทษ เจ็บจริงเหรอ"

"เจ็บดิ!"

"ขอโทษ ก็พี่พูดจากวนตีนอะ"

"โอ๊ย เจ็บอะ เลือดไหลอีกหรือเปล่าเนี่ย โอย..." เขาทำเสียงออดอ้อนก่อนจะหยิบเสื้อมาใส่แล้วเขยิบเข้ามาใกล้ผม ใช้ไหล่มากระแซะกับไหล่ผมอย่างกวนประสาท 

"นี่เจ็บจริงหรืออ่อย เอาดีๆ" 

"เจ็บจริงเว้ย!"

"..."

"อ่อยเป็นผลพลอยได้" ประโยคหลังเขาพูดเสียงเบาแต่ก็จงใจให้ผมได้ยิน ผมจึงได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ   

"พี่ชอบผมเหรอ"

"ทำไมอยู่ดีๆ มาถามกันตรงๆ งี้วะ"

"อยากรู้ ชอบเหรอ"

"ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ใช่"

"..."

"โคตรสเป็กเลย"

ผมเงียบไปคำถามตรงๆ ถูกตอบมาอย่างตรงๆ ไม่มีลังเล ผมไม่ได้ตกใจคำตอบของเขา แต่แค่ไม่แน่ใจว่าจะต้องทำหน้ายังไงกับความชัดเจนนั่น จะต้องเขินไหมหรือว่าตอบกลับไปยังไง

"พรึบ!"

"เหี้ย!" ทั้งผมและเขาร้องออกมาพร้อมกันหลังจากไฟดับพรึบลง

"ไฟดับได้ไงอะ" ผมไม่เห็นหน้าพี่ซี แต่เสียงชัดเจนดีเพราะเขาขยับเข้ามาใกล้อย่างอัตโนมัติ เพราะห้องของพี่ซีไม่มีผ้าม่านที่ประตูกระจก จึงมองออกไปเห็นข้างนอกก็มืดสนิทไปหมด ฝนก็ตกลงมาไม่หยุด ผมกำลังจะลุกไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องเขาแต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อหันไปเห็นแขนตัวเองที่ถูกพี่ซีจับเอาไว้แน่น

"จับทำไมเนี่ย ปล่อย"

"มืดๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้! เกิดมีอะไรโผล่พรวดพราดมาทำไง"

"นี่กลัวจริงหรืออ่อย?"

"กูกลัว! มืดขนาดนี้กูไม่มีเวลามาอ่อยหรอก!" เขาโวยวายลั่นก่อนจะยิ่งจับแขนผมแน่นกว่าเดิม ขณะที่ผมลุกไปหยิบมือถือเขาก็เดินตามมาด้วยชนิดที่ว่าแทบจะเข้ามาสิงผมอยู่แล้ว ผมหยิบมือถือของเขาเอามาเปิดไฟฉายเพื่อทำให้ห้องสว่างขึ้น

"แค่นี้ก็สว่างละ งั้นผมไปก่อนนะ"

"ไปไหน"

"ไปห้องผมดิ" ผมแกะแขนเขาออกแล้วเดินไปที่ประตู

"เฮ้ยๆ อย่าทิ้งกันดิวะ"

"เดี๋ยวไฟก็มาแล้ว ดับไม่นานหรอก"

"โทรหากฟฝ.เลย บอกให้มันติดเดี๋ยวนี้!"

"ไม่มีอะไรหรอกน่าพี่  ผมไปนะ"

"นอนที่นี่ก็ได้!"

"ฮะ?"

"มึงก็เคยนอนนี่ เนี่ย นอนเถอะ ซักผ้าปูที่นอนแล้ว นะ"

"พี่จะกลัวอะไร"

"พี่ไม่ชอบความมืด!"

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเดินกลับไปนั่งข้างๆ บนเตียงเขาเพื่ออยู่เป็นเพื่อน แลกกับการที่เขาเอาตัวเองบังฝนให้ผมบ่อยๆ ครั้งนี้จะยอมเป็นเครื่องรางไล่ผีให้สักแป๊บก็ได้ ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะแกล้งกลัว เพราะท่าทางหวาดระแวงที่หันมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา ผมจึงขยับตัวเองไปใกล้เขาอีกนิด มือหนึ่งก็ยกจับกันไว้แน่น ทำลายความเงียบด้วยการชวนคุยเพื่อให้บรรยากาศมันน่ากลัวน้อยลง

"ปกติเวลาไฟดับพี่ทำยังไง"

"วิ่งไปแดกเบียร์ให้เมา"

"ตลก"

"หนูไม่เข้าใจหรอก" เขาพูดเสียงเบา แล้วขยับเข้ามาใกล้อีกนิด

"ชิดขนาดนี้ นั่งตักเลยไหมฮะ"

"ได้เหรอ"

"ไม่ได้โว้ย!"

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วหันมองรอบๆ ห้องอีกที

"พี่กลัวความมืดเหรอ"

"อือ ยิ่งมืดยิ่งไม่ปลอดภัย"

"ที่จริงพี่ไม่ชอบเข้าโรงหนังใช่ป่ะ"

เขาเงียบ ก่อนจะยอมพยักหน้าเบาๆ

"วันนี้เจออะไรเหรอ ถึงได้รีบวิ่งออกมา"

"พนักงานโรงหนังที่ถูกรถชนตายแต่ยังห่วงหน้าที่ คนอื่นเข้าไปดูการ์ตูนแต่กูได้ดูหนังสยองขวัญ พิเศษไหมล่ะ"

ผมหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเขา

"แล้วมาชวนผมดูหนังทำไมอะ"

"..."

"ถ้าพี่ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องมาตามใจผมก็ได้นะ"

เขาเงียบแล้วแสร้งมองไปอีกทาง ก่อนพูดประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ 

"แค่อยากหาเรื่องอยู่ใกล้ๆ"

พี่ซีโคตรชัดเจนกับผมเลย ตรงไปตรงมาโดยที่ผมไม่ต้องคิดเองเลย ผมไม่ได้เกลียดพี่ซี และพี่ซีชอบผมจึงจีบผม ทุกอย่างมันก็ดูลงตัวไปหมด แต่ความไม่สมบูรณ์ของความสัมพันธ์มันอยู่ที่ความรู้สึกของผม พี่ซีไม่ถามความรู้สึกของผม ไม่เคยถามสักครั้งเลย

"นอนดิ ไหนบอกว่าง่วงไง"

"ผมจะกลับไปนอนห้องของผม"

"นอนที่ไหนก็เหมือนกันแหละ" ผมถูกดึงให้ลงไปนอนข้างๆ เขา และไม่ได้พูดอะไรต่อ มีแค่เสียงฝนที่สาดมาที่หน้าต่างเท่านั้นที่ดังท่ามกลางความเงียบ ถึงไม่มีแอร์หรือพัดลมแต่ในห้องเขาก็ยังเย็นเฉียบ ทุกอย่างนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ๆ จนผมเกือบเผลอหลับ จนกระทั่งไฟกลางห้องสว่างขึ้นทำให้รู้ตัว ผมหันไปมองพี่ซีและกำลังจะเรียกเขา แต่พบว่าเขาหลับไปแล้ว

"พี่..." ผมสะกิดเขาเบาๆ แต่ไม่ตื่น ผมแกะมือเขาที่ยังเกาะแขนผมเอาไว้ออกอย่างเบามือ กำลังจะก้าวออกจากเตียงแต่อีกใจมันพาผมกลับไปนอนลงที่เดิมข้างๆ เขา

 

คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ซี

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 28/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 28-02-2018 01:20:21
ทำไมชีวิตพี่ซีน่าสงสาร  :mew6: :mew6: :mew6: ขอให้อยู่รอกปลอดภัยนานๆนะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 28/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 28-02-2018 01:58:19
ตื่น ๆ พี่ซี ... น้องหนูใจอ่อนแล้วค่าพี่ซี :mew3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 28/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-02-2018 02:00:01
คนอื่นได้ดูการ์ตูน แต่พี่ซีได้ดูหนังสยองขวัญ อิจฉาจริงๆ เลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 28/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 28-02-2018 02:58:53
ชอบตอนพี่ซีเรียกน่านว่าหนูมากเลย เหมือนเสี่ยเรียกอีหนูไงงั้น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 9] 28/02/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-02-2018 16:43:34
พี่ซีนี่นะจะน่าเอ็นดูก็ไม่เชิงจะน่าตลกก็ไม่ใช่ ปกตินายเอกจะขี้กลัวพระเอกก็จะเข้มแข็งแมนๆหน่อย แต่เรื่องนี้เหมือนสลับตำแหน่งกันอะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 11] 6/03/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 06-03-2018 00:58:29
ตอนที่ 11
หนู

 

ผ่านไปหลายอาทิตย์สำหรับการย้ายเข้ามาอยู่หอใหม่ ผมเริ่มชินกับหอที่นี่และคนที่นี่ ในตอนเช้าก็ได้กินมื้อเช้าไม่เคยขาด ในตอนเย็นก็มีใครบางคนรออยู่เหมือนได้กลับบ้าน วันนี้ผมเดินกลับเข้ามาในหอหลังจากเลิกเรียนแล้วผมทิ้งตัวลงโซฟาอย่างเพลียๆ หมดพลังไปกับการสอบเก็บคะแนน แถมอากาศข้างนอกก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝนพาให้ร่างกายเหี่ยวแห้งไปหมด

"วาบ!"

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อถูกของเย็นนาบเข้าที่แก้ม หันไปมองจึงเห็นว่าเป็นเท็นเอากระป๋องโค้กเย็นๆ มาแตะหน้าผม

"เอาป่ะ"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

"กินเป็นเพื่อนหน่อยดิ วันนี้เครียดอยากหาเพื่อนดื่ม" เขาว่าแล้วเปิดกระป๋องโค้กส่งให้

"ดื่มโค้กเนี่ยนะ"

"อือ ไม่ใช่พวกขี้เมา ไม่อยากให้บั้นปลายชีวิตไปจบกับคำว่ามะเร็งตับ"

ผมพยักหน้าขำๆ ขณะที่คนบางคนที่ถูกพาดพิงก็เดินเข้ามาพอดี

"ไอ้ห่า เมื่อไรช่างซ่อมประตูมันจะมาซ่อมให้วะ" ที่ผู้ป่วยมะเร็งตับเดินเข้ามาพร้อมเสียงบ่นพึมพำ ก่อนหันมายิ้มให้ผมแล้วก้าวเท้ามานั่งข้างๆ       

"เฮีย หิ้วอะไรมาอะ" เท็นเอ่ยถามหลังจากมองไปเห็นลังกระดาษที่เขาถือมาด้วย 

"มึงต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าในนี้คืออะไร" เขาพูดให้เราตื่นเต้นก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ แล้วค่อยๆ หยิบของในนั้นออกมา ผมขมวดคิ้วมองกรงเล็กๆ สีชมพูข้างในบรรจุหนูแฮมสเตอร์สีขาวที่ลักษณะเป็นก้อนๆ

"หนู?"

"ใช่ รู้ได้ไงว่ามันชื่อหนู"

"ฮะ?"

ผมกับเท็นประสานเสียงกันงง เจ้าของสัตว์เลี้ยงก็เลยพรีเซนท์มันให้พวกเรารู้จัก

"ลูกกูเอง ชื่อหนู น่ารักป่ะ"

"เฮียซื้อหนูมาเลี้ยงเนี่ยนะ"

"เออ"

"เฮียเนี่ยนะเลี้ยงหนู"

"ทำไมเล่า! ก็กูชอบหนู" ปากพูดกับเท็น แต่ตาหันมามองผม ผมจึงยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ กูสะดุดตั้งแต่หนูชื่อหนูแล้วเฮีย 

"รู้จักเฮียมาสามสี่ปี ไม่รู้มาก่อนว่ารักสัตว์กับเขาด้วย"

"กูก็ไม่ได้รักทุกตัวเหมือนมึงละกัน มึงเก็บไอรอนแมนมึงดีๆ เลยนะ อย่าให้มาเกะกะกับลูกหนูของกู"

"ไอรอนแมนของผมมันไม่ใช่เด็กเกเรหรอก วันๆ มันเอาแต่นอนเนี่ย แมวขี้เกียจ" เท็นว่าแล้วใช้เท้าสะกิดแมวที่นอนอยู่ข้างๆ โซฟา ไอรอนแมนลุกขึ้น แล้วย้ายตัวเองไปนอนอีกฝั่ง ใบหน้าฟ้องว่ารำคาญพวกมนุษย์   

"ตึ้ด..." พวกเราหันไปมองเสียงคีย์การ์ดจากประตูที่ถูกเปิดออก พอพบว่าเป็นไคโรที่เดินเข้ามา พี่ซีก็คว้ากรงหนูแล้วเดินเข้าห้องทันที ไคโรเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินขึ้นบันไดไปเงียบๆ

"ตึงเครียดสุด โกรธกันเป็นผัวเมียทะเลาะกันเลย ผู้ชายเขาไม่ควรงอนกันแรงขนาดนี้ป่ะวะ"

ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ผมก็ไม่ได้อยากให้พี่ซีกับไคโรทะเลาะกัน แต่ก็ไม่รู้จะช่วยให้ดีกันยังไงเหมือนกัน

"ปวดประสาท ไปดีกว่า" เท็นว่าแล้วหยิบแมวแล้วแบกขึ้นบันไดไป ส่วนผมยังคงนั่งเล่นคนเดียวอยู่ที่โซฟา ดูรายการในทีวีไปเพลินๆ

"น่าน"

"ขวับ!"

"แชะ!"

ผมหันขวับหลังจากถูกเรียกชื่อ หันไปเจอพี่ซีกำลังยกมือถ่ายรูปผม อีกมือถือไอ้หนูตัวเล็กๆ นั่นชูขึ้นมาตรงหน้าผม

"ว้าย เหมือนกันเป๊ะเลย" 

"เฮ้ยพี่"

"มองมุมนี้ยิ่งเหมือน"

"ลบเลย!"

"ไม่ลบเว้ย"

"ลบ!" ผมตั้งใจจะคว้ามือถือเขา แต่อีกฝ่ายก็เอาหลบอย่างไว แค่เขายกมือถือขึ้นสูงผมก็ไม่มีปัญญาตะกายขึ้นไปแย่ง จึงทำได้แค่มองแรงด้วยตาขวางๆ แล้วย้ำความต้องการของตัวเองอีกทีด้วยเสียงงอแง

"ลบเลย"

"ลบทำไม น่ารักออก"

"ไม่เอา หน้าเหวออะ เดี๋ยวพี่เอาไปประจานในเฟสบุ๊ก"

"เฟสบุ๊กอะไร ไม่มี"

ผมหันมองคนข้างๆ ด้วยใบหน้าเฉยๆ กับน้ำเสียงเรียบๆ ผมไม่ได้คิดว่าเขาโกหกแต่ก็แอบแปลกใจว่าทำไมเขาไม่มีมัน

"พี่ไม่มีเหรอ"

"ไม่มีอะ"

"เฮ้ย ติสท์สัดๆ"

"ติสท์ห่าอะไรล่ะ ก็ใช้ไม่เป็น"

ผมเลื่อนสายตามองสมาร์ทโฟนในมือเขา มันก็เป็นรุ่นใหม่ที่ใช้งานแอพลิเคชั่นนั้นได้แน่นอน แต่ดูเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เพราะวันๆ ก็เมาหัวทิ่ม คงไม่มีเวลามานั่งเช็กโซเชี่ยลหรอก

"สอนหน่อยดิ"

"ฮะ?"

"เฟสบุ๊กอะไรนั่นไง สอนหน่อย"

เพราะผมจุดชนวนนั้นขึ้นมา เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็นคนสอนเขาใช้งานเฟสบุ๊ก ทีแรกก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากเพราะเขาก็น่าจะเรียนรู้มันได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ผิดถนัด พี่ซีเหมือนเพิ่งออกมาจากถ้ำเลย พูดอะไรไปก็ตีมึนใส่ตลอด

"ถ้าพี่จะเปลี่ยนรูป พี่ก็ไปที่โปรไฟล์ของพี่"

"ไหนวะ"

"นี่ไง! อ่านภาษาไทยออกไหมเนี่ย"

"ใจเย็น"

ผมก็เกือบจะหงุดหงิดแล้ว แต่ก็ยอมใจเย็นเพราะคำพูดของเขา คนข้างๆ ยังคงค่อยๆ จิ้มตรงนั้น ตรงนี้อย่างอย่างรู้ ก่อนขยับไปถ่ายรูปหนูในกรงแล้วเอามันขึ้นเป็นรูปโปรไฟล์

"แล้วทำไงถึงจะเห็นของน่านได้อะ"

"พี่ต้องเป็นเพื่อนกับผมก่อน"

"เป็นเพื่อน?"

"อือ"

"จะเป็นเพื่อนได้ไงอะ คิดมากกว่านั้นอยู่แล้ว"

"หมายถึงเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊กโว้ย!"

"อ๋อเหรอ โทษๆ"

เขาทำเป็นยิ้มกว้าง แต่ผมแทบจะหยิบมือถือเขาปาทิ้ง ไม่น่าเริ่มประเด็นเรื่องเฟสบุ๊กขึ้นมาเลย ปล่อยให้มันเป็นมนุษย์หินไปก็ดี

"แอดหน่อยเร็ว"

ผมหยิบมือถือเขามาแอดเฟสบุ๊กหาตัวเอง ก่อนจะส่งคืนให้ แล้วหยิบมือถือตัวเองขึ้นมากดรับ ผมหลอกเขาว่าต้องใช้ชื่อนามสกุลจริงในการสมัครไม่อย่างนั้นโดนตำรวจจับ มันก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ เลยจำเป็นต้องใช้ชื่อนามสกุลจริงที่ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็น

 

ซี นิติวุฒิพงศ์ ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ

 

ผมจิ้มนิ้วกดรับเพื่อนจากเขาอย่างไม่เต็มใจเท่าไร ก่อนพี่ซีจะหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อมันขึ้นว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว

"ถ้าพี่อยากจะเป็นเพื่อนกับใครก็แอดไป"

"ไม่เอาอะ หนูคนเดียวก็พอแล้ว"

"ถ้าจะเล่นเฟสบุ๊กแล้วมีเพื่อนคนเดียว พี่เดินไปเรียกผมมาคุยที่ชั้นสามก็ได้ไหม"

เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะกำลังตั้งอกตั้งใจกับมือถือในมือมากกว่า จริงจังอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนผมจะได้ยินเสียงแจ้งเตือนมาจากมือถือตัวเอง

 

ซี ได้แท็กภาพที่มีคุณ

 

ผมมองรูปผมที่คู่กับหนู ด้วยใบหน้าที่เหวอแดก แถมแคปชั่นเหนือภาพนั่นก็โคตรจะกวนประสาท

 

หนูสองตัวอยู่หอเดียวกันก็ได้ 

 

ไอ้เฮีย! ใครสอนมึงแท็กรูป!

 

...

 

 

เพราะผมชินกับการอยู่หอนี้แล้ว แล้วก็ชินกับพี่ซีแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่วันไหนผมกลับดึกก็จะต้องเห็นเจ้าของหอที่ทุ่มเทกับการดูแลหอขนาดที่ทำตัวเป็นหมานั่งเฝ้าหน้าหออยู่ตรงนั้น ผมส่ายหัวเบาๆ กับภาพตรงหน้า เป็นก่อนหน้านี้คงรังเกียจแล้วเดินข้ามเข้าหอไปแล้ว แต่เพราะว่ามันเป็นพี่ซีผมจึงต้องนั่งลงไปเรียกเขา

"พี่ซี"

คนถูกเรียกเงยหน้ามองผม ดูรู้ว่าเมาแต่ก็เหมือนจะมีสติดี เขาขยับตัวหลีกทางให้ผม แล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าหอไปก่อน แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่เขาบอกแล้วนั่งลงข้างๆ พี่ซีก็ยังคงเงียบไม่พูดอะไร

"เป็นไรเนี่ย ทำหน้าเหมือนหมาโดนทิ้งเลย"

"คิดมากอยู่"

"คิดเรื่องอะไร"

"ไอ้ไคโรมันยังไม่มาง้อเลยอะ"

"พี่ก็ง้อมันก่อนดิ"

"ได้ไงวะ กูไม่ผิดซะหน่อย ง้อก่อนไม่เห็นเท่เลย"

"พี่จะเท่หรือจะปล่อยให้น้องมันโกรธไปตลอดล่ะ"

"ไม่รู้แหละ มันผิด มันต้องมาง้อกู" เขาว่าแล้วหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ ผมเผลอแสดงออกถึงความเอือมระอาในตัวเขาผ่านเสียงถอนหายใจแรงๆ

"พี่ ห่วงตัวเองบ้างเหอะ"

"หนูขี้บ่นวะ ทำอย่างกับไม่เคย"

ผมไม่ได้เถียง ก็ยอมรับว่าเคย ผมก็มีเพื่อนที่กินเหล้าสูบบุหรี่แล้วก็อยากลองบ้าง แต่ผมก็ไม่ใช่พวกลิซึมแบบเขาซะหน่อย

"แบบนี้พี่ไม่ได้แก่ตายหรอก ไม่มะเร็งปอดก็ตับแข็งแน่นอนอะ นี่เก็บเงินได้เยอะยัง เงินที่จะเอาไว้รักษาตัวเองอะ"

"ตับกู กูจะทำอะไรกับมันก็ได้"

"แต่พี่กินเหล้าทุกวันแบบนี้ไม่ได้ พี่ควรจะ..."

คำพูดของผมหายไปตอนที่พี่ซีดึงหัวผมไปใกล้ เอาปากมาชนปากผม แล้วพ่นควันบุหรี่ใส่เข้ามา ผมเผลอสูดควันบุหรี่นั่นเข้าไปเต็มๆ ก่อนพ่นมันออกมา   

"พูดมาก" เขาพูดยิ้มๆ แล้วอัดควันบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง ส่วนผมได้แต่มองเขาตาขวางๆ ผมไม่ได้รังเกียจควันบุหรี่ แต่ไอ้ปากที่มาจูบเมื่อกี้อะคืออะไร 

"พี่แม่ง!"

"ก็พี่ชอบหนูอะ"

"แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่ทำแบบนี้ไม่ได้"

"ขอโทษ" เขาพูดเบาๆ แต่ก้มหน้าลงไปอมยิ้มเล็กๆ ผมรู้ว่าพี่ซีชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองขนาดไหน ผมไม่ได้โง่หรือดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไร เขาเองก็ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจ กับอีแค่ ขี้เมา ปากหมา อารมณ์ร้อน เถื่อน  สถุน สกปรก แค่นี้ผมก็พอรับได้ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ผมลืมไปแล้วว่าการที่จะรักใครสักคนมันต้องทำยังไง แม้กระทั่งความรักคืออะไรก็ลืมไปแล้ว แล้วกับพี่ซี ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ผมกำลังรู้สึกอะไรกันแน่ มันเหมือนกับว่า ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ แต่ก็ไม่อยากผลักไสเขาออกไปเหมือนกัน

"ทำหน้าแบบนี้มันยิ่งเหมือนหนูนะรู้ไหม"

ผมยกมือทุบพี่ซีแล้วปรับสีหน้าบูดๆ ของตัวเองให้กลับเป็นปกติ อีกคนยื่นมือมาเคาะหัวผมเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น

"เปิดประตูให้หน่อยดิ คีย์การ์ดพี่หายอะ"

คนเมาก็คือคนเมาจริงๆ ผมยกมือเขาที่ถือคีย์การ์ดอยู่แตะเพื่อเปิดประตู พี่ซีมองคีย์การ์ดในมือตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป ผมเองเดินตามหลังเขาไปก่อนจะยื่นมือไปคว้าไหล่เขาไว้

"พี่ซี"

"หืม?"

"เลือดไหลอะ" ผมยกมือแตะเลือดที่ซึมผ่านเสื้อนักศึกษาสีขาวออกมา แล้วจึงตามเข้ามาทำแผลให้เขาในห้องระหว่างนั้นเขาก็ชวนผมคุยนั่นนี่เหมือนไม่มีคนคุยด้วยมาสิบปี ผมทำได้แค่ฟัง แล้วก็พยักหน้าตาม ตอบรับบ้างเพื่อให้รู้ว่าฟังเขาอยู่ 

"เมาแล้วพูดมากเนอะพี่เนี่ย"

"ว่าอะไรนะ"

"บอกว่าพี่เมาแล้วพูดมาก"

"จริงๆ แล้วเมาแล้วทำอะไรได้หลายอย่างนะ" พี่ซีหันหน้ามามองผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"..."

"เมาแล้วหื่นก็ได้นะ"

"เมาแล้วโดนถีบก็ได้นะ" ผมว่าพลางยกขาขึ้นมา อีกคนถอยห่างผมไปแล้วก้มหน้าพูดพึมพำ

"ใจร้ายอะ"

"ก็พี่จะกวนตีนทำไมล่ะ หันไปเลยจะได้ทำแผลให้เสร็จ" ผมว่าขณะที่ยาแดงและลำสีที่ชุบยาแล้วยังถืออยู่ที่มือ พี่ซียิ้มมุมปากแล้วเขยิบหน้าเข้ามาหาผม

"เวลาพี่จีบนี่ไม่เขินบ้างเหรอ"

"เขินดิ"

"นี่เขินแล้วดิ สาบาน?"

"ก็ไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไง"

"น่าน"

"ครับ"

"ไม่ชอบพี่เหรอวะ"

"..."

"รักคนอื่นอยู่หรือเปล่า"

"พี่อย่าเพิ่งถามได้ไหม ขอผมไปตกลงกับตัวเองให้เสร็จก่อน"

"โหย! รำคาญ จับปล้ำแม่งเลยดีไหม"

"กวนตีน!"

"ชอบด่าอะ เดี๋ยวก็เอาจริงเลย"

"เฮ้ย!"

จังหวะที่พี่ซีพุ่งเข้ามาก็ชนเข้ากับขวดยาแดงในมือผมหกราดตัวเอง

"เลอะเลย!" ผมพูดอย่างหงุดหงิดเพราะทั้งตัวเลอะยาแดงไปหมด พี่ซีทำหน้าแบ๊วกลบเกลื่อนความผิด ผมจึงทำได้แค่แยกเขี้ยวใส่แล้วทุบเขาไปเบาๆ ทีหนึ่ง ก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมันออก มันเลอะจนไม่รู้จะเช็ดตรงไหนก่อน ผมจึงถอดเสื้อออก ตอนนั้นพี่ซีก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามาพอดี เขาชะงักไปนิดหนึ่งแล้วถอยหลังออกไปก่อน

"เข้าไปได้ไหมเนี่ย"

"ทำไมจะไม่ได้อะ"

"ก็คิดว่าจะอาย"

"อายทำไม มีไม่เหมือนกันหรือไง"

"ไม่เหมือน นมพี่ใหญ่กว่า"

"พี่ซี!"

"ล้อเล่น!" พี่ซีกระโดดหลบผมที่ฟาดเสื้อใส่หน้าผม คนถูกฟาดไม่สลดซ้ำยังยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ

"เอาเสื้อเปลี่ยนไหม"

"ไม่เอาอะ เดี๋ยวกลับไปเปลี่ยนที่ห้อง"

เขาพยักหน้ารับ ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอก

"ใครมาวะ ขัดจังหวะเนอะ"

ผมคว้าเสื้อฟาดใส่หน้าเขาไปอีกทีแล้วไล่เขาไปเปิดประตู
"พี่ไปเปิดเลย ผมอยู่ในนี้แหละ ไม่อยากให้คนข้างนอกเข้าใจผิด"
"เข้าใจผิดอะไร" 

"พี่ดูสภาพเราสองคนดิ" ผู้ชายสองคนยืนเปลือยท่อนบนอยู่ในห้องน้ำสองต่อสอง นี่ไม่ใช่ภาพที่ใครควรจะเข้ามาเห็นตอนนี้เลย เสี่ยงต่อการเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ผมจึงเลี่ยงด้วยการยืนรอในนี้แล้วผลักให้เขาออกไปเปิดประตู

"ก๊อกๆๆ!"

"มาแล้ว ใจเย็น"

"เฮีย!"

"ขิง มีอะไรวะ"

ผมได้ยินเสียงคุยของสองคนนั้นโดยไม่ได้แอบฟัง อีกมือก็เช็ดคราบยาแดงที่เลอะไปด้วย

"หนูขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ"

"อะไร"

"เฮีย หนูมีเรื่องมาขอคำปรึกษา"

"เรื่องอะไรดึกๆ ดื่นๆ"

"เรื่องใหญ่มากนะเฮีย"

"จริงจังป่ะเนี่ย กูเมาอยู่ด้วย สร่างเมาแล้วค่อยคุยกันไหม"

"ไม่ไหวแล้วเฮีย ต้องพูดวันนี้เท่านั้น"

"งั้นก็พูดมาสิ"

"เฮีย..."

"อะไรเล่า"

"เฮียสัญญาว่าต้องช่วยหนูนะ"

"กูไม่มีเงินให้ยืมนะ"

"เฮีย! ไม่ใช่"

"เอ้า! ก็พูดมา"

"คือหนู..."

"อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ มึงจะได้พูดพรุ่งนี้เลยไหมขิง"

"เฮีย..."

"พูดมาโว้ย!"

"หนูท้อง!"

"..."

"หนูท้อง...ทำไงดี"

 

To be continued.

 

 
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่ 12] 6/03/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 06-03-2018 01:03:18
ตอนที่ 12
ผีบอก

 

"ฮะ!"

ไม่ใช่แค่พี่ซีแต่เป็นผมด้วยที่ร้องลั่นแล้วพุ่งพรวดออกไปจากห้องน้ำ น้ำขิงตะลึงนิดหนึ่งเมื่อเห็นผม แต่เรื่องที่ควรโฟกัสตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของผม 

"ทำไม ทำไมน่านอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วน่านกับเฮีย" ขิงมองผมกับพี่ซีสลับกันไปมา

"เรื่องกูเอาไว้ก่อนเลย เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ"

"คือ..."

"มึงท้อง?"

ขิงกัดริมฝีปากล่าง กำมือแน่น แล้วพยักหน้ารับเบาๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ 

"ขิงจะท้องได้ไง วันนั้นยัง...ยังเป็นเมนส์อยู่เลย" ผมพูดไม่เต็มปาก แต่ก็จำได้วันที่ผมเจอน้ำขิงที่หน้าร้านยา วันนั้นยังบอกว่าซื้อยาแก้ปวดท้องประจำเดือนอยู่เลย

"วันนั้นเราไม่ได้ซื้อยาหรอก เราซื้อที่ตรวจครรภ์"

"เดี๋ยวๆ มึงล้ออะไรกูเล่นป่ะเนี่ย"

"เฮีย หนูไม่ตลกแล้วนะ"

"มึงจะท้องได้ไง วันๆ กูเห็นมึงอยู่แต่กับหนังสือ มึงจะท้องกับใคร"

"หนูพลาดอะเฮีย"

น้ำขิงก้มหน้าลงต่ำพูดเสียงเบา

 หนูจะทำไงดีอะ"

"กูก็ไม่รู้ไง! กูไม่เคยท้อง!"

"พี่ซี" ผมเรียกพี่ซีเบาๆ เพื่อสงบสติที่ดูเหมือนจะเดือดพล่านขึ้นมา 

"แม่ง สร่างเมาเลยกูเนี่ย"

"ใจเย็นๆ นะขิง แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าขิงท้อง"

ขิงส่ายหน้าแทนคำตอบ

"เราไม่กล้าบอกเขา เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาไม่รับผิดชอบหรอก"

"ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมึงไปเสียตัวให้มันเนี่ยนะ มึงบ้าเหรอขิง!"

"พี่ซี อย่าตอกย้ำมันดิวะ ค่อยๆ พูด"

"ยังไงก็ต้องบอกพ่อกับแม่มึง"

"หนูไม่กล้า"

"แล้วจะปล่อยไว้อย่างนี้หรือไง"

"หนูไม่อยากให้พวกเขาผิดหวังในตัวหนูอะ"

"ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้นมึงก็ไม่ควรทำแบบนี้ตั้งแต่แรกเว้ย กูรู้ด่าไปมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก แต่กูอยากจะด่ามึงจริงๆ ชิบหาย พวกมึงนี่ขยันหาเรื่องให้กูปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน"

ขิงที่น้ำตาร่วงออกมาในทันทีแล้วก็ทำได้แต่นั่งเงียบ พี่ซีกุมขมับแน่นอย่างหาทางออกไม่เจอ ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ท่ามกลางความเงียบพี่ซีก็เสนอทางออกหนึ่งขึ้นมา

"บอกพ่อแม่มึงเลย บอกว่าท้องกับกูก็ได้"

"เฮียจะบ้าเหรอ!"

"ทำไม ไม่อยากได้กูเป็นผัวเหรอ"

"เฮีย!"

"งั้นมึงคิดดิว่าจะบอกพ่อแม่มึงยังไง"

"ยังไงหนูก็ไม่เอาเฮียมาเกี่ยวหรอก"

"แล้วจะเอายังไง ยังไงก็ต้องบอกพวกเขา ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก"

"โอเค หนูจะบอกพวกเขา"
            "บอกไอ้นั่นด้วย เผื่อมันจะมีสำนึกรับผิดชอบบ้าง"

"หนูจะลองบอกเขาดู"

"ไม่ต้องคิดมากนะขิง" ผมพูดเพื่อต้องการปลอบใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้าง

"ไปนอนเหอะ ดึกแล้ว" พี่ซีผลักหัวน้ำขิงเบาๆ เธอถอนหายใจยาวก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป แววตาที่เดาความรู้สึกไม่ออกมองมาที่ผมกับพี่ซี ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่จะมานั่งใจเย็นอยู่ พี่ซีเองก็ได้แต่ทำคิ้วขมวดดูเครียดไม่แพ้กัน 

"หนูไปนอนเหอะ ดึกแล้ว"

"ครับ พี่ก็นอนได้แล้ว"

"อืม เดี๋ยวก็นอนแล้ว"

ผมเดินออกมาจากห้องพี่ซีแล้วมาหยุดอยู่ตรงบันได เพราะรู้ตัวว่าเขาเดินออกมาด้วย พี่ซีไม่ได้ตามผม แต่ผลุบเข้าไปในห้องครัว ได้ยินเสียงกระแทกเบาๆ เดาว่าใช้ขอบโต๊ะเปิดฝาเบียร์ ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมขวดเบียร์ในมือ พี่ซีทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยใบหน้าเรียบๆ เขาคงกำลังคิดมากเรื่องของน้ำขิง ผมปล่อยให้พี่ซีนั่งอยู่ตรงนั้น ขณะเดินไปหยุดที่หน้าห้องของน้ำขิง ผมได้ยินแค่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังไม่หยุด ค่ำคืนนี้ก็ยังคงไม่มีทางออกของเรื่องนี้

 

...

 

ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเผลอคิดมากเรื่องของน้ำขิงไปด้วย ผมเข้าใจว่าความผูกพันในตอนนี้ ถึงผมจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่เพราะมันเหมือนบ้าน เหมือนคนในครอบครัว หลังเหตุการณ์เมื่อคืนผมก็อดเป็นห่วงน้ำขิงไม่ได้ 

"ใครเห็นไอ้ขิงบ้างวะ" พี่ซีเดินเข้ามาถาม ขณะที่ผมกับเท็นนั่งคุยกันอยู่ที่ชั้นล่าง

"เห็นออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วนะ"

"ปกติวันหยุดมันไม่ออกไปไหนนี่หว่า" พี่ซีพูดขึ้น ผมกับเท็นก็พากันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงไลน์ของผมและเท็นก็ดังขึ้นพร้อมกัน

"ติ๊ง..."

ผมหยิบมันขึ้นมาดูพบว่าเป็นไลน์กลุ่มของสมาชิกหอพัก ข้อความนั่นถูกส่งมาจากน้ำขิง เป็นประโยคสั้นๆ ที่ทำให้พวกเราขมวดคิ้วแน่นตอนที่อ่าน

 

"เฮีย หนูอยากให้เฮียเลิกเหล้า หนูก็รักเฮียนะ"

 

"อะไรของไอ้ขิงวะ สารภาพรักเฮียเหรอ" พี่ซีหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดูก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม ไม่นานอีกข้อความก็ถูกส่งตามมา 

 

"พี่เท็น หนูรู้ว่าพี่หุ่นดีแต่พี่ควรใส่เสื้อ หนูรักพี่เท็นนะ"

 

"ขิงมันเป็นอะไร สารภาพรักไปทั่วเลยเนี่ย" เท็นขมวดคิ้วมองในมือถือ ผมกับพี่ซีหันมองหน้ากัน ผมคิดว่าพี่ซีกำลังคิดอย่างที่ผมคิด ในจังหวะเดียวกัน อีกข้อความก็ถูกส่งมา

 

"ไคโร ไปง้อเฮียซะ! รักนะเด็กบ้า"

 

และอีกข้อความที่พูดถึงผม

 

"น่าน น่านน่ารักที่สุดในหอเลย เฮียชอบน่านนะรู้ยัง"

 

"เฮียชอบน่านเหรอ จริงอะ!" เท็นพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่ผมคิ้วขมวดแน่น พี่ซีก็กำลังวุ่นอยู่กับการกดโทรศัพท์ ผมเดาว่าโทรหาน้ำขิง พี่ซีเริ่มหงุดหงิดแล้วตอนที่ปลายสายไม่ยอมรับแม้จะโทรเป็นครั้งที่สาม และสี่

ผมหวั่นใจไปด้วยจึงนั่งไม่ติดพื้น ขยับเข้าหาพี่ซีอย่างวุ่นวายใจ เท็นที่ไม่รู้เรื่องอะไรเข้ามาสะกิดถาม

"มีเรื่องอะไรกันเหรอ"

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

"แล้วที่ขิงมันบอกว่าเฮียชอบน่าน คือไร?"

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

"อะไรกันวะ!"

พี่ซีหมดความพยายามที่จะโทรหาน้ำขิงจึงลดมือถือลงด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่จู่ๆ ก็หันขวับไปอีกทางเหมือนกำลังมองใครอยู่ ผมเดาว่าเป็นผีแล้วก็จริงอย่างคิด พี่ซีพูดกับอากาศโดยไม่สนว่าเท็นกำลังมองอยู่อย่างงงๆ 

"มีอะไร โผล่มาทำไมกลางวันแสกๆ อะไรนะ! เหี้ยเอ๊ย!" พี่ซีสบถออกมาก่อนจะวิ่งพรวดออกไปที่ประตู ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแล้ววิ่งตามเขาออกไป

"มีอะไรเหรอพี่"

"ไอ้ขิงจะฆ่าตัวตาย ตอนนี้อยู่ที่ตึกร้าง"

"ฮะ!" เราประสานเสียงร้องลั่นก่อนพี่ซีจะวิ่งออกจากหอ ผมรีบวิ่งตามเขาไปทางตึกร้างแปดชั้น ใช้เวลาไม่นานเราก็มาหยุดกันอยู่ที่หน้าหอ ผมเงยหน้ามองไปยันชั้นสูงสุดของตึกแต่ไม่เห็นอะไร พี่ซีหยุดกึกขณะที่กำลังก้าวเข้าไปในตึก เขาหลับตาแน่นคงมองเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้วก้าวเท้าถอยออกมา ลมหายใจถูกพ่นออกมาช้าๆ แล้วคำพูดเรียกกำลังใจให้ตัวเอง   

"ไอ้ขิงสำคัญกว่าพวกมึงเยอะ กูไม่กลัวหรอก"

ผมอาจช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ก็ยื่นมือตัวเองไปจับมือเขาเอาไว้ให้รู้ว่าตรงนี้ยังมีเครื่องรางของพี่อยู่

"พี่ซีไม่ต้องกลัว"

"..."

"ผมก็อยู่"

พี่ซีพยักหน้าเบาๆ แล้วจับมือผมวิ่งขึ้นบันไดไปพร้อมกันก่อนเรามาหยุดกันอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า พี่ซีปล่อยมือผมแล้วโผเข้าไปหาน้ำขิงที่ขอบตึกนั่น ส่วนผมพูดอะไรไม่ออก

โคตรเหนื่อย! ผมขอหยุดหายใจแป๊บ! 

"ไอ้ขิง!"

"เฮีย น่าน"

"มึงจะทำอะไร"

"เฮียมาที่นี่ได้ไง"

"กูถามว่ามึงจะทำอะไร!"

"เฮีย หนูไม่มีทางออก หนูไม่รู้จะทำยังไง หนูไปบอกเขาแล้วแต่เขาไม่รับผิดชอบ แถมยังเอาไปบอกเพื่อนที่มหาลัยจนทุกคนรู้หมดแล้ว อนาคตหนูไม่เหลือแล้วเฮีย"

"มึงอย่าทำอะไรบ้าๆ แล้วลงมานี่ กูวิ่งขึ้นมานี่กูเหนื่อยนะ ไม่มีแรงจะพูดอะไรมากแล้ว ลงมา!"

"เฮีย หนูขอโทษ ทางออกของหนูคือทางนี้เท่านั้น" น้ำขิงหันมองไปยังอีกฟากของตึก

"น้ำขิง ใจเย็นๆ นะ" ผมพูดขณะที่ยังไม่หายเหนื่อย แต่น้ำขิงสำคัญกว่า

"เราขอโทษ แต่เราไม่ไหวแล้ว"

"น้ำขิง แล้วพ่อกับแม่ล่ะ!"

"เราบอกพ่อกับแม่แล้ว ขอโทษพวกเขาแล้ว เราเป็นลูกที่แย่ไม่มีหน้าอยู่ต่อเพื่อให้พวกเขาผิดหวังหรอก"

"แล้วทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ มึงคิดว่าดีแล้วเหรอ"

พี่ซีว่าแล้วเดินเข้าไปหาน้ำขิง คนที่ขอบตึกไม่ได้ถอยหลังหนี พี่ซีจึงขยับเข้าไปจนถึงตัว 

"มึงดูอย่างไอ้ผีที่ฆ่าตัวตายที่นี่ ทุกวันยังวนเวียนอยู่ที่นี่เพราะไปไหนไม่ได้ มึงจะคิดว่ากูไร้สาระก็ได้ แต่กูคุยกับมันทุกวันแล้วมันก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย" พี่ซีหันไปมองอีกข้างของเขา เดาว่าผีสาวคงอยู่ตรงนั้น 

"เฮียพูดอะไร"

"มันบอกกับกูทุกวันว่าถ้ามันย้อนเวลากลับไปได้มันจะไม่ทำแบบนี้ มันจะไม่ฆ่าตัวตาย มึงไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตายมันทรมานแค่ไหน มึงอยากเป็นแบบมันหรือไง"

"เฮียพอได้แล้ว หนูไม่รู้ว่าเฮียพูดอะไร!"

"มึงคิดว่าตายแล้วจบเหรอ!" พี่ซีตวาดลั่นแล้วกระโดดขึ้นไปที่ขอบตึกข้างๆ น้ำขิง ก่อนกระชากแขนน้ำขิงมาจับ

"เฮียทำบ้าอะไรเนี่ย!"

"เอาดิ! โดดก็โดดด้วยกัน"

เฮ้ย...

"เฮียปล่อยหนู!"

"ก็ตายด้วยกันไปเลย กูก็เบื่อๆ ชีวิตเหมือนกันแหละ ตายแบบนี้ก็น่าจะดีกว่าเป็นตับแข็งตายแหละวะ"

"ไม่เอานะเฮีย!"

"ทำไม มึงโดดกูก็โดดแหละ"

"เฮีย อย่าทำแบบนี้!"

"มึงจะไปแคร์เหี้ยอะไรกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนที่รักมึงก็ยังอยู่ พ่อแม่มึงก็ยังอยู่"

"..."

"กูก็ยังอยู่"

"เฮีย หนูขอโทษ"

"ไปขอโทษพ่อแม่มึงนู่น" น้ำตาของน้ำขิงไหลออกมาในตอนนั้นอย่างฟูมฟาย ก่อนพี่ซีจะดึงเธอมากอดแน่นเพื่อปลอบใจ

"นี่ จะซาบซึ้งอะไรกันก็เหอะ ลงมาก่อนได้ไหม ผมเสียวเว้ย!"

พี่ซีกระโดดลงมาจากขอบตึกแล้วดึงน้ำขิงลงมาด้วย ในตอนที่พ่อกับแม่ของน้ำขึงจะวิ่งขึ้นมาถึงดาดฟ้าพอดีพร้อมกับเท็นและไคโร

"พ่อ แม่"

"ไอ้ลูกบ้า! ทำบ้าอะไร!"

"หนูขอโทษ! หนูขอโทษ!"

"ไม่เป็นไรลูก ทุกอย่างจะไม่เป็นไร"

"หนูขอโทษจริงๆ" เสียงพร่ำขอโทษดังไม่หยุดจากปากน้ำขิง ผมเดินเข้าไปหาพี่ซีที่เซเข้ามาหาผมจึงรับร่างเขาเอาไว้

"พี่เป็นอะไรเปล่า"

"ขาอ่อน แม่งโคตรเสียวอะ"

"แล้วกระโดดขึ้นไปทำไมเล่า"

"เดินไม่ไหวแล้ว อุ้มหน่อยดิ"

"ใครจะไปอุ้มไหว" ผมอุ้มพี่ซีไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ยอมให้เขาพาดแขนไว้บนคอ เขาชอบทำตัวเท่แต่เสียหมาทีหลังแบบนี้เสมอ แต่ในความเท่จอมปลอมของเขา มันก็ช่วยชีวิตน้องที่เขารักเอาไว้ได้

 

และผมชอบที่พี่ซีเป็นแบบนี้ที่สุดเลย   

 

 

หลังจากเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย น้ำขิงตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน เราทุกคนที่นี่ไม่รู้ว่าเรื่องหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ แต่ผมก็เชื่อว่าความผิดพลาดมันจะกลายเป็นบทเรียนให้เราเสมอ หลังจากนี้น้ำขิงจะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเอง เพื่อพ่อและ และสิ่งเล็กๆ ในท้องที่จะกลายมาเป็นลูกของน้ำขิงอย่างแน่นอน ผมมองดูรถของพ่อแม่น้ำขิงที่กำลังแล่นออกไปหลังจากเราบอกลากัน น้ำขิงโผล่ออกมาจากกระจกแล้วโบกมือให้เราอีกครั้ง พี่ซีพยักหน้ารับกระทั่งรถและคนลับตาเราไป 

"รายได้หายไปอีกหนึ่ง" พี่ซีพูดออกมาเบาๆ

"หอเจ๊งแน่ๆ"

"ไอ้...เวร" พี่ซีเอ่ยช้าๆ ชัดๆ แล้วซัดหมัดเข้าพุงเท็นไปทีหนึ่ง

"หอนี้ไม่มีผู้หญิงแล้วนะ เฮียไปหาสาวๆ มาเช่าหอใหม่สักคนไหม"

"มึงไปหามาดิ เอามาห้าคนเลยจะได้ครบห้องพอดี"

"พี่ขิงไม่น่าย้ายออกเลย ที่จริงอยู่ต่อก็ได้"

"นั่นดิ..." พี่ซีหันไปตอบไคโร ก่อนชะงักคำพูดตอนที่รู้ตัวว่าเผลอพูดกับไคโรไปแล้ว เด็กนั่นก็ได้แต่หันหน้าขวับหนีไปอีกทาง ไม่สู้หน้ากัน 

"โอ๊ย! ไม่ต้องฟอร์มแล้ว จะคุยก็คุยกันเลย" เท็นพูดขึ้นแล้วดึงสองคนนั่นให้หันมองหน้ากัน พี่ซีปรายสายตามองไคโรที่ก้มหน้าเงียบๆ

"มึงขอโทษกูยัง"

"ขอโทษ..."

"พูดดีๆ"

"ขอโทษครับเฮีย"

"ขอโทษน่านด้วย วันนั้นมึงเสียงดังใส่น่าน"

"ขอโทษครับพี่น่าน"

ผมโบกมือปัดๆ เพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขา

"ผมขอโทษนะเฮีย ผมจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีก จะไม่ปากเสียใส่เฮียอีก ผมรู้แล้วว่าเฮียเป็นห่วงผมครับ" ไคโรพูดแล้วยกมือไหว้ลงบนอกของพี่ซี

"มากไปๆ มึงไม่กราบตีนกูเลยล่ะ"

"กราบครับเฮีย" ไคโรเปลี่ยนตำแหน่งมือไปที่หน้าของพี่ซี

"ไอ้เด็กเวร!" พี่ซีพูดขำๆ แล้วผลักหัวไคโรเบาๆ

ผมมองเห็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นที่นี่ ผมมองเห็นครอบครัว เราอยู่กันแบบพี่น้อง โดยมีพี่คนโตเป็นพี่ซี ที่คอยดูแลและเอาแต่เป็นห่วงพวกเราอยู่เสมอ พี่ซีเป็นคนดีมากกว่าที่ตาเห็น ในจิตใจของเขาแตกต่างกับบุคลิกที่เขาเป็น เขาคือคนที่พร้อมจะดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง ผมเคยคิดเอาไว้ว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะชอบใคร หรือบางทีชีวิตนี้อาจจะไม่ชอบใคร แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าทำไมเปลี่ยนใจ

 

แล้วเริ่มชอบคนบางคนเข้าแล้ว   

 

To be continued

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่11+12] 6/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-03-2018 02:25:57
ใครทำน้ำขิงท้องฟะ จับได้แม่จะตบให้ยับไปทั้งตัว  :katai1:

ปล. เขากด +เป็ดให้ไม่ได้อ่ะ ทั้ง 2 ตอนเลย ใครเป็นอย่างคนแก่บ้าง  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่11+12] 6/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 06-03-2018 02:33:06
 :o8: ในความเขินมีความกากอ้ะพี่ซี ชอบความพระเอกกรังๆของคนแต่งมากเลย ตั้งแต่พี่อิสแล้วว
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่11+12] 6/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-03-2018 11:00:41
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่11+12] 6/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-03-2018 16:30:14
ใครทำน้ำขิงท้องฟะ จับได้แม่จะตบให้ยับไปทั้งตัว  :katai1:

ปล. เขากด +เป็ดให้ไม่ได้อ่ะ ทั้ง 2 ตอนเลย ใครเป็นอย่างคนแก่บ้าง  :seng2ped:

เป็นเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้กับเรื่องอื่นเราก็กดไม่ได้ค่ะ ระบบน่าจะมีปัญหา


----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฮุเล่ ใกล้จะได้สมหวังแล้วนะเฮีย อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงรักอิสระบรรยากาศของตัวละครมีความใกล้เคียงกัน ส่วนคนที่ทำน้ำขิงท้องนี่เลวจนอยากเตะก้านคอ ไม่รับผิดชอบไม่พอยังไปป่าวประกาศอีก ชั่วจริงเชียว
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่13] 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 10-03-2018 23:46:22
ตอนที่ 13
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


ผมมาอยู่ที่สุสานหลังวัดเพราะพี่ซีชวนผมมาหาผีสาวที่ตึกแปดชั้น ผมรู้ทีหลังว่าเธอชื่อ มินท์ มินท์เป็นคนมาบอกกับพี่ซีเรื่องน้ำขิง เพราะมินท์เราจึงไปช่วยน้ำขิงไว้ได้ทัน พี่ซีบอกว่ามินท์มาทวงบุญคุณด้วยการขอให้เอาอาหารที่อยากกินมาให้ พี่ซีเลยปฏิเสธไม่ได้เพราะบอกว่าโดนขู่จะหักคอให้ตาย วันนี้จึงลากผมมาเป็นเพื่อน ผมพร้อมที่จะเข้าไปในสุสานตั้งนานแล้วแต่คนข้างๆ ยังเหมือนจะทำใจไม่ได้

"พี่ ไปยัง จะมืดแล้ว ตอนมืดน่ากลัวกว่านี้อีกนะ"

"นี่ขนาดยังไม่ได้เดินเข้าไปยังออกมาต้อนรับกันเพียบเลย"

"อยู่กันเยอะเลยเหรอพี่"

"อย่างกับมีฟูลมูนปาร์ตี้"

"ไปเหอะน่า ไม่น่ากลัวหรอก"

"ก็มึงไม่เห็นอย่างกูนี่หว่า" พี่ซีทำเสียงอิดออดขณะที่ผมจับมือเขาลากให้เดินเข้าไป เอาจริงมันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ สถานนี้เงียบสงบ เต็มไปด้วยโกศบรรจุอัฐิ บวกกับอากาศของฤดูฝน ลมพัดผ่านหน้าเย็นๆ ไม่อาจรู้ได้ว่าอะไรวิ่งผ่านหน้าหรือเปล่า แต่คนข้างๆ ผมรู้ เขาสะดุ้งเฮือกหลายต่อหลายครั้งก่อนเราจะมาหยุดกันที่โกศเก็บอัฐิของมินท์ รูปหน้าโกศนั่นยิ้มกว้างและผมเพิ่งเห็นหน้าตาของเธอเป็นครั้งแรก

"คนนี้เหรอมินท์ สวยนะเนี่ย"

"มันบอกว่า ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก" พี่ซีพูดขึ้น เธอคงอยู่ตรงนี้ด้วย พี่ซีจัดการจุดธูปแล้วปักลง แกะอาหารที่มินท์บอกว่าอยากกินวางเอาไว้ ผมวางดอกไม้สีขาวที่พี่ซีบอกว่ามินท์ชอบลงไป ผมกล่าวขอบคุณมินท์ในใจที่ช่วยเรื่องน้ำขิง ไม่อย่างนั้นเรื่องคงแย่มากกว่านี้ไปแล้ว

หลังจากเสร็จจากตรงนั้น ผมกับพี่ซีออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าสุสาน พี่ซีไม่คุยกับผมเลย เพราะดูเหมือนจะยุ่งอยู่กับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ผมหันมองคนข้างๆ ที่พูดคนเดียวไม่ได้หยุด ซีจิตสัมผัสมากเลยพี่

"พี่ซี"

เขาละสายตาจากอากาศอีกฝั่งหันมาหาผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

"ทำไมมินท์ต้องฆ่าตัวตายด้วยอะ"

พี่ซีเงียบ ก่อนเลื่อนสายตาไปมองข้างหลังผม ผมเดาว่ามินท์อาจจะอยู่ตรงนี้แล้วไม่พอใจในคำถามของผมก็ได้จึงรีบออกปากไปก่อน

"หรือผมไม่ควรถาม ผมไม่รู้ก็ได้ครับ"

พี่ซีส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยปากเล่าให้ผมฟัง

"มันอกหักไง แค่อกหักก็หาเรื่องตายเฉยเลย กระจอกชิบ"

ผมหันมองพี่ซีที่หันไปด่าความว่างเปล่าข้างๆ ตัวผม

"ทำไม กูพูดผิดหรือไง อีผีไม่มีสมอง เป็นพี่เป็นน้องกู กูจะตบให้ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว ทำไม! มึงจะเอาหรือไง!"

"พี่ซี" ผมดุหน่อยๆ ตอนที่เขาโวยวายอยู่ ปกติคนไหมเนี่ยยืนทะเลาะกับวิญญาณ 

"ยังไงก็ต้องขอบคุณมินท์จริงๆ นะครับ ถ้าน้ำขิงเป็นอะไรไป เราก็คงเสียใจกันมากกว่านี้"

"อืม มันไม่อยากให้ไอ้ขิงเป็นแบบมันไง ก็เลยรีบมาบอก"

ผมพยักหน้าเบาๆ

"มันเสียใจนะ ยังเสียใจอยู่จนทุกวันนี้"

"มินท์คงเหงามากใช่ไหม"

"เออ ถึงได้มาวุ่นวายกับกูบ่อยนัก" ประโยคนี้เขาพูดเคืองๆ ขณะหันมองตาขวางๆ

"ก็พี่เป็นคนเดียวที่มองเห็นพวกเขาได้นี่"

"ถามกูไหมว่ากูอยากเห็นหรือเปล่า... เฮ้ย!" ผมสะดุ้งตอนพี่ซีเสียงดังขึ้นมาขณะยังพูดไม่ทันจบประโยค ก่อนหันมองขวับไปอีกทาง

"มีอะไรเหรอพี่"

"เพื่อนมึงอะ" เขาพูดแล้วลุกขึ้น มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใครสักคน

"คิทเหรอ"

พี่ซีไม่ตอบผมก่อนจะเดินเข้าไปในสุสานนั่น ผมเองก็เดินตามไปด้วย

"เฮ้ย! จะไปไหนวะ" พี่ซีเปลี่ยนจากการก้าวเท้าเร็วๆ เป็นวิ่ง

คิท ถ้าอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ออกมาเหอะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง ขอให้กูได้คุยกับมึงสักครั้ง 

"เปรี้ยง!"

ทั้งผมและพี่ซีหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงมา ไม่นานนักท้องฟ้าครึ้มๆ เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นดำมืด เรามาหยุดอยู่ในด้านในสุดของสุสานที่ทะลุด้านหลังไปเป็นป่ารก บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ขนาดผมยังรู้สึกว่าที่นี่น่ากลัวเลย ผมมองพี่ซีที่มองมาทางผมและในป่านั่นสลับกันไปมา ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินต่อไปยังป่ารกนั่น ผมไม่อาจรู้ได้ว่าเขามองเห็นอะไรบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคงน่ากลัวขนาดนี้ทำให้เขาต้องกำหมัดแน่นแล้วเดินช้าลง

"พี่ซี..."

"เปรี้ยง!"

เสียงฟ้าคำรามไม่หยุด ในจังหวะเดียวกันฝนก็ลงเม็ดลงมา หนาเม็ดจนไม่อาจจะเดินฝ่าต่อไปได้ พี่ซีจึงดึงมือผมเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่

"น่านเปียกหมดเลย"

"ไม่เป็นไรครับ พี่เปียกกว่าอีก" ผมพูดขณะที่ถูกพี่ซีเอาตัวเองบังฝนที่สาดมาโดน

"เพื่อนน่านหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะหนีทำไม"

"ไม่เป็นไรพี่"

"ขอโทษนะ ตามให้ไม่ทันอีกแล้ว"

"พี่ซี..."

"ฮึ?"

"มันน่ากลัวมากใช่ไหม"

"..."

"สิ่งที่พี่เห็นอะ"

"น่านก็อยู่นี่ไง ไม่กลัวหรอก"

"ถ้าพี่กลัว ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะ ผมไม่รู้ว่าพี่ต้องเห็นอะไรบ้าง แต่รู้ว่าพี่กลัว แล้วถ้ากลัวก็ไม่ต้องทำแบบนี้แล้วก็ได้"

เขาทำเหมือนไม่สนใจคำพูดของผม หันหน้าหนีไปอีกทาง แต่ยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ ก่อนคำพูดเบาๆ ดังแทรกเสียงฝนมาให้ผมได้ยิน 

"กูทำเพื่อมึงนั่นแหละ"

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแล้วก้มหน้าลง ความคิดในหัวผมตีกันให้วุ่นไปหมด ผมไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นก็ตั้งแต่ตอนที่คิทยังมีชีวิตอยู่ ผมกับคิท เราเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรัก และคิทจากผมไปทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันยังติดค้างอยู่ในใจผม

 

ผมรักคิทไหม

 

"เปรี้ยง!"

 

คิทรักผมไหม

 

"เปรี้ยง!"

 

แล้วต่อจากนี้ผมจะรักใครได้หรือเปล่า...

 

...

 

 

 

หน้าที่หลักหลังเลิกเรียนของผมก็ยังคงเป็นการที่ต้องแบกงานไปส่งอาจารย์ที่ห้อง ประธานเอกนี่มันต้องเป็นกันตลอดสี่ปีให้ครบวาระแบบนายกรัฐมนตรีเลยหรือไงวะ ไม่มีใครคิดอยากจะทำรัฐประหารหรือปลดผมออกกลางคันบ้างเลยหรือไง ผมบ่นอยู่ในใจแล้วก็รวบกองงานขึ้นถือ คราวนี้เป็นรายงานเล่มหนาของเพื่อนกว่าสี่สิบชีวิตในคลาสมันเลยหนักกว่าปกติ

"หนักป่ะวะ" ทิมที่ยังอยู่ในห้องเอ่ยถาม ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน ใบหน้าบูดบึ้งของผมก็น่าจะเดาได้ว่ามันหนักหรือไม่หนัก กูไม่ใช่นักยกน้ำหนักทีมชาติซะหน่อย

"งั้นเดี๋ยวกู..."

"จะช่วยเหรอ"

"ไปสูบบุหรี่รอที่รถนะ"

"เพื่อนเหี้ย!" ผมด่ามันชัดๆไปทีหนึ่ง อีกฝ่ายก็ทำหน้าลื่นแล้วเดินออกไป ผมส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินเอารายงานไปส่งที่ตึกคณะ แน่นอนว่าต้องผ่านห้องหุ่นอาถรรพ์ของตึกสถาปัตย์ และระหว่างทางนั้นผมหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ กำลังแบกเฟรมอันใหญ่กว่าตัวหลายเท่าด้วยท่าทางทุลักทุเล จึงส่งเสียงเรียกไป   

"แคท"

เธอหันซ้ายหันขวาหาคนเรียกไม่เจอ ก่อนจะวางเฟรมลงแล้วมองเข้าไปในห้องหุ่นด้วยหน้าตาตื่นแปลกๆ ริมฝีปากผมยกขึ้นนิดๆ ก่อนในใจจะคิดเล่นอะไรสนุกๆ ผมวางกองรายงานไว้อีกมุมแล้วค่อยๆ เดินเข้าไป เฟรมที่สูงกว่าตัวบังผมมิดจนเธอไม่ทันมองเห็น จึงเปิดโอกาสให้ผมแกล้งได้สบายๆ ผมก้าวเท้าเบาๆ แล้วโผล่หน้าออกไปจากหลังเฟรม

"แคท!"

"กรี๊ด!"

"โอ๊ย!" ผมร้องลั่นเมื่อแคทใช้ไอ้เฟรมอันเท่าบ้านนี่ทุ่มมันลงมาใส่ จนผมลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นพร้อมกับโดนเฟรมนั่นหล่นทับ เหมือนตึกแปดชั้นถล่มใส่

"พี่น่าน!"

"เออ พี่เอง!"

"ไอ้พี่บ้า! เล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมด" แคทดึงเฟรมออกไปจากตัวผม ก่อนผมจะค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นมา ตะปูหลังเฟรมเกี่ยวมือจนเลือดซิบ แม่งเอ๊ย! ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวเร็วเกินไป

"เจ็บไหมเนี่ย"

"เจ็บดิ"

"ก็พี่จะแกล้งหนูทำไมล่ะ" แคทยกเฟรมวางพิงกับผนังห้อง แล้วช่วยดึงผมให้ลุกขึ้น 

"คิดว่าผีห้องหุ่นหรือไง"

"นี่ๆๆ! เงียบเลยนะ" แคทว่าแล้วยื่นมือมาปิดปากผม

"ทำไม"

"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่สิ ของเขาแรงจริงนะพี่"

ผมพยักหน้าเบาๆ ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อซะหน่อย มันเป็นห้องเก็บหุ่นของพวกที่เรียนประติมากรรม หุ่นบางตัวก็น่ากลัวจริงผมไม่ปฏิเสธ แต่พี่ซีบอกว่าเขาไม่เคยเห็นผีในห้องนั้น มันเป็นแค่เรื่องไซโคโง่ๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องเท่านั้นผมก็เลยเชื่อพี่ซีมากกว่า 

"แล้วนี่จะแบกอะไรมาเนี่ย"

"งานของเทอมที่แล้ว อาจารย์ให้เอากลับบ้านอะ"

"แล้วไม่มีใครช่วยเหรอ แฟนไปไหนอะ"

"อย่าพูดถึงได้ป่ะพี่ หงุดหงิด"

"ทะเลาะกันอีกละ?"

"ทุกวันอะพี่"

"ไม่ดีทำไมไม่เลิกวะ"

"รักไง"

แคทพูดหน้ายุ่งๆ  ผมเองก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ อยากทำความเข้าใจน้องแล้วก็ปลอบใจมันเหมือนกัน แต่เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้เลย ไม่กล้าเสนอหน้าไปช่วยใครหรอก

"แล้วนี่จะขนไปไหนอะ พี่ช่วยป่ะ"

"ไม่เป็นไรพี่ หนูมีคนช่วยแล้ว"

"ใครอะ"

"พี่รหัสหนู ดีดนิ้วทีเดียวก็มาแล้ว นู่นมาพอดี" แคทพยักหน้าไปอีกทาง ผมหันไปมองก่อนจะพบผู้ชายตัวสูงอยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่เรียบร้อยกับรองเท้าอีเตะกากๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยดีนั่นหันมาเห็นผมก่อนเราจะอยู่ในอาการเดียวกัน

"พี่ซี"

"หนู"

"อ้าว พี่สองคนรู้จักกันเหรอ?"

"แล้วแคทรู้จักน่านด้วยเหรอ"

"แล้วพี่เป็นพี่รหัสแคทเหรอ" ไม่มีใครให้คำตอบ เอาแต่ผลัดกันถามจนกระทั่งเราหัวเราะออกมาพร้อมกัน ดึงสติแล้วมาคุยกันดีๆ ผมจึงรู้ว่าน้องรหัสที่พี่ซีรักนักรักหนาก็คือแคทน้องสาวของคิทซึ่งเป็นเพื่อนของผม ทฤษฏีโลกกลมทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยมอย่างไม่เคยรู้มาก่อน

ผมกับพี่ซีช่วยแคทขนเฟรมรูปวาดนั่นไปส่งที่รถขนของ ก่อนผมจะแยกไปส่งรายงานแล้วเดินกลับไปหาไอ้ทิมที่ยืนรอหน้าหงิกรออยู่ที่รถ เข้าไปถึงก็บ่นใส่ทันที 

"มึงไปไหนมาวะนานจัง"

"ใครใช้ให้มึงรอล่ะ มึงจะกลับก่อนก็ได้นี่"

เพราะพูดแบบนั้นจึงโดนกำปั้นเขกหัวเข้ามาแรงๆ ทีหนึ่ง

"เจ็บ!"

"เถียงกูอะ"

ผมได้แต่ขยับปากด่าแบบไม่มีเสียงตอนไอ้ทิมหันไปอีกทาง

"เมื่อกี้กูเห็นมึงเดินไปกับไอ้ฝรั่งนั่นอะ"

"พี่ซี"

"จะเอบีซีอะไรกูไม่สนอะ แล้วมึงสนิทกับมันมากหรือไง"

"แล้วมึงนอยด์อะไรอะ หึงกูป่ะ"

"หึงป้ามึงดิ!"

"จะไปรู้เหรอ เห็นดุกูจัง"

"กูไม่ได้หึงเว้ย กูเป็นห่วง"

"ห่วงเรื่องอะไร"

"มึงจะรักใครอะ..."

"..."

"ขออนุญาตไอ้คิทหรือยัง"

คำพูดของทิมกระแทกเต็มแรงเข้าที่ความรู้สึกของผม ลำพังตัวเองก็สับสนอยู่มากพอแล้ว ยังจะมาพูดแบบนั้นให้ผมคิดมากเข้าไปอีก ก็แล้วจะให้ทำยังไง...จะให้ผมทำยังไง 

 

...

 

ผมกลับมาถึงหอแต่ไม่ทันจะเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีแขนของใครสักคนพาดเข้ามาคล้องคอ เอาจริงๆ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร มีคนเดียวในหอที่แขนใหญ่แล้วก็หนักแบบนี้

"พี่ซี หนัก!"

"ทำไมมาช้าจังอะ"

"ไปหาอะไรกินมา"

"อ้าว ว่าจะชวนกินข้าวซะหน่อย"

"ถ้าพี่เลี้ยงก็ไปได้"

"เห็นแก่กิน" 

ผมยักไหล่หน่อยๆ ก็พี่รวย อยากปลอกลอกพี่

"ไปเดินเล่นกันป่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงไอติม"

"เดินเล่น?"

"อือ วันนี้อากาศดี ฝนไม่ตกหรอก"

"แล้วพี่ไม่ไปกินเหล้าเหรอ"

"จะเลิกแล้ว"

"ตอแหล"

ผมเผลอพูดหยาบใส่อีกฝ่ายจึงขยับแขนที่พาดอยู่บนคอล็อกแน่นจนผมตัวลอย

"พี่ซี!"

"เป็นหนู ไม่มีสิทธิ์พูดจาหยาบคาย"

"ทีพี่ยังหยาบได้เลย"

"พี่เป็นพี่ไง"

"ไม่แฟร์!"

"อ่ะๆ เดี๋ยวต่อไปนี้พี่พูดเพราะกับน่านก็ได้"

"ถ้าหลุดหยาบมา ผมตีปากพี่เลยนะ"

"ได้ดิ สรุปไปป่ะเนี่ย เดินเล่นอะ"

"แล้วเลี้ยงไอติมอะไรอะ"

"ก็ไปเลือกเอาดิ"

"แล้วเอาสองอันได้ไหม"

พี่ซีหันขวับมองตาขวาง ผมจึงยิ้มแห้งๆ กลับไป ก่อนจะยอมออกไปเดินเล่นกับเขา อากาศดีอย่างที่เขาบอกเราจึงเดินเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย แวะซื้อไอติมในมินิมาร์ทใกล้หอ ผมเอามาสองโคนเพราะคิดจะโลภมากแต่กินไม่ทันมันละลายก่อน พี่ซีเลยเอาอันที่เหลือไปกินต่อ เราเดินผ่านสวนสาธารณะ แวะเล่นของเล่นเด็กอยู่พักหนึ่ง เรื่องที่อยากจะพูดคุยก็ผุดขึ้นมาผลัดกันชวนคุยจนบทสนทนาระหว่างเราไม่ได้เงียบเลย ผมก็ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ ผมกำลังสบายใจ...สบายใจมากจริงๆ

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"พี่ชอบแคทเหรอ"

"ตลก"

"ไม่ชอบเหรอ"

"รักมันนะ แต่ไม่ใช่แบบนั้น"

"รักแบบน้องสาว"
           
"อือ แบบน้องสาว"

"พี่นี่มีคนในครอบครัวเยอะเนอะ" ผมพูดแซวๆ ก็เขารักทุกคนเหมือนเป็นเป็นพี่น้อง ดังนั้นคนในครอบครัวเขาจึงเยอะเป็นพิเศษ

"พี่ก็รักน่านแบบคนในครอบครัวนะ"
           
"แบบพี่น้องอะเหรอ"

"แบบผัวเมียอะ"

"เพี๊ยะ!"

ผมยกมือตบปากเขาเข้าไปทีหนึ่ง

"ตบทำไมเนี่ย!"

"ก็บอกว่าพูดหยาบจะโดนตีปากไง" พี่ซีขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหันไปบ่นพึมพำ

"เป็นผัวเมียกันมันหยาบคายตรงไหนวะ"

ผมยกมือชกไหล่พี่ซีแรงๆ ซ้ำไปอีกทีหนึ่งเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ เขาหัวเราะแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ

"พี่เคยบอกแคทเรื่องคิทป่ะ"

"ก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นน้องไอ้คิทวันนี้แหละ"

"อ้าวเหรอ"

"แคทมันก็ไม่เคยพูดถึงพี่มันเลยนะ"

"คิทตายไปนานแล้ว คงมีแต่ผมที่ยังไม่ปล่อย"

"ชอบมันมากเหรอ"

"ครับ?"

"น่านอะ ชอบไอ้คิทมากเหรอ"

"..."

"ยังรักมันอยู่เหรอ"

"..."

"ปัง!"

เสียงดังลั่นขัดบทสนทนาของเราเป็นเหตุให้ผมทั้งเขาและหันไปมอง พลุที่แตกประกายอยู่บนท้องฟ้าคือต้นเหตุของเสียงเมื่อครู่ มีลูกทีสอง สาม สี่และตามติดๆ กันจึงดึงความสนใจของอีกฝ่ายไป จนลืมคำถามเมื่อครู่

"สวยว่ะ" พี่ซีว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมเผลอมองหน้าเขา แสงไฟจากพลุส่องประกายอยู่ในดวงตาของเขา คำถามของเขาก็วิ่งวนอยู่ในหัว และก็เป็นอีกครั้งที่ผมยังไม่ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไป

 

To be continued.

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่13] 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-03-2018 00:25:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่13] 10/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-03-2018 01:26:57
คิทนี่สมเป็นผีแท้ๆ ของเรืีองนี้จริง แวบไปแวบมาตลอด  o13
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่14] 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 15-03-2018 13:54:06
ตอนที่ 14
เพราะความตาย


สามปีก่อน


 

วันนี้ผมกับเพื่อนมาอยู่ที่บ้านไอ้กอล์ฟ ที่วันนี้มีปาร์ตี้ฉลองกันหลังเรียนจบม.หก บวกกับวันเกิดย้อนหลังของผมด้วย เพราะตอนวันเกิดดันตรงกับวันสอบปลายภาควิชาสุดท้ายจึงไม่มีใครมีอารมณ์มาฉลอง รวบรัดเอามาเป็นวันเดียวกันไปเลยหมดเรื่อง แต่เอาจริงๆ ก็แค่คิดข้ออ้างหาเรื่องมากินเหล้ามากกว่า ผมเองก็ใช้โอกาสนี้ฉลองโอกาสได้ที่เรียนต่อด้วย ผม ทิม และคิทสอบติดที่เดียวกัน ไม่รู้ว่าใครตามใครแต่รู้ตัวอีกทีก็พากันไปสอบจนติดที่เดียวกันหมด

"น่าน กูมีของขวัญให้มึงด้วย"

"ของขวัญไรวะ" ผมหันถามไอ้คิทที่สะกิดบอก

"วันเกิดมึง เรียนจบม.หก สอบติดมหาลัย กูให้อันเดียวเลย"

"ไรอะ รวยจะตาย"

"เออน่า นี่ก็แพงนะโว้ย" มันว่าแล้วส่งกล่องของขวัญที่เตรียมมาส่งให้ เสียงเพื่อนคนอื่นก็เชียร์ให้ผมแกะตรงนั้นเลย ผมก็อยากแกะแต่ต้องหันไปถามคนให้ก่อน

"แกะได้ใช่ไหม"

"แกะดิ"

พอมันอนุญาตจึงลงมือแกะกล่องของขวัญนั่น เปิดเข้าไปเจอเสื้อกันหนาวสีขาวสลับดำยี่ห้ออดิดาส พอผมหยิบเอาออกมากางดูเพื่อนข้างๆ ก็โห่แซวเป็นเสียงเดียว เพราะเสื้อตัวในมือผมมันเหมือนกับตัวที่มันใส่อยู่เป๊ะ

"เสื้อคู่โว้ย!"

ผมหันมองหน้าไอ้คิทแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย

"ทำไมอะ ไม่ชอบเหรอ"

"แต่มันเหมือนของมึงเลย"

"ก็เสื้อคู่ไงมึง!"

ผมหันมองเพื่อนที่แซวอีกที ผมกับคิทสนิทกันมากกว่าคนอื่น เพื่อนๆ ก็รู้ดี แต่ผมไม่รู้ว่าระหว่างเราสองคนมันคืออะไร ในความสัมพันธ์อันซับซ้อนและน่าสับสน เราก็เรียกกันและกันว่าเพื่อน แม้การกระทำจะสวนทางคำว่าเพื่อน แต่เราก็ไม่เคยขยับสถานะไปเป็นอื่น ผมไม่รู้ใจคิทพอๆ กับที่ผมไม่รู้ใจตัวเอง

"ไม่เอาเหรอ"

"ฮะ?" ผมหันมองคิทที่ดึงเสื้อตัวนั้นไปจากมือผม ไม่ทันได้ฟังคำถามของมัน

"ถ้ามึงไม่ใส่ก็ทิ้งไป"

"เฮ้ย ใส่ดิ!" ผมแย่งเสื้อตัวนั้นกลับมาแล้วรีบสวมมันทั้งที่ยังไม่ทันแกะป้าย หันมองคิทที่ยิ้มออกมาเบาๆ ขยับมานั่งข้างๆ ผม แล้วควักมือถือส่งให้เพื่อนอีกคน

"ถ่ายรูปให้หน่อยดิ"

ผมยังไม่ทันได้ทำหน้าดีๆ เพื่อนมันก็กดชัตเตอร์ไปก่อน แล้วภาพหน้าเหวอๆ ของผมก็ถูกโพสท์ลงเฟสบุ๊กในทันทีอย่างห้ามไม่ทัน

"ไอ้คิท มึงอะ!"

"ทำไมเล่า"

"หน้ากูเหวอ"

"เออ น่ารักแล้ว"

มันพูดขณะจิ้มๆ อยู่ที่หน้าจอมือถือ ผมไม่มีรู้จะเถียงอะไรกับมันแล้วก็เลยเลิกโวยวาย เรากินดื่มกันอยู่อีกพักใหญ่ๆ กระทั่งพ่อผมโทรมาตามในตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ก็เลยขอออกมารับโทรศัพท์ด้านนอก คุยกับพ่อเสร็จแล้วก็นั่งลงที่ขั้นบันไดหน้าบ้านไอ้กอล์ฟ เพราะแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปนิดหน่อยเป็นเหตุให้รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย กลับเข้าไปคงโดนบังคับเอาเหล้ากรอกปากอีกแน่นอน ผมทอดสายตามองยอดต้นไม้ที่ขยับโยกเพราะแรงลมจากข้างนอกที่ดูเหมือนฝนจะตกลงมา ขณะกำลังนั่งเหม่อมองอยู่ตรงนั้น มือหนึ่งก็สัมผัสเข้ามาที่หัวจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง

"คิท"

"มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ" มันว่าแล้วนั่งลงข้างๆ

"ก็นั่งเฉยๆ"

"เมาป่ะเนี่ย"

"นิดหนึ่ง"

"กลับก่อนเปล่า กูไปส่งไหม"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอกลับพร้อมทิมก็ได้ บอกพ่อแล้ว"

คิทพยักหน้ารับแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ผมไม่ได้รังเกียจกลิ่นบุหรี่ แต่เป็นห่วงพวกมันมากกว่ากลัวจะตายเร็ว แต่จะให้บ่นด่าอะไรมากก็ไม่ได้ เกิดมันรำคาญโดดเตะผมขึ้นมาก็ไม่คุ้มกัน

"เอาป่ะ" คิทยื่นบุหรี่ให้หลังจากที่เขาสูบมันเข้าไปทีหนึ่ง

"ไม่เอาอะ กูเก็บปอดไว้ฟอกอากาศดีๆ ดีกว่า"

"ลองไว้จะได้รู้"

"ไม่ต้องลองก็รู้ว่าไม่ดี"

"ถ้าไม่ดีแล้วเขาจะมีขายทำไมอะ" มันว่าแล้วอัดควันบุหรี่เข้าไปอีกที ก่อนจะใช้มือหนึ่งรวบหน้าผมเข้าไปใกล้ เอาปากมาประกบผมแล้วพ่นควันใส่เข้ามา จังหวะที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเผลอสูดควันนั่นเข้ามาในปากจนสำลัก

"แค่กๆ! ไอ้คิท แค่กๆ"

ผมสำลักจนน้ำตาไหล แต่คิทหัวเราะอย่างชอบใจ

"มึงทำอะไรวะ!"

"สโมกกิ้งคีสไง อีกทีไหม"

"เหี้ย ไม่ชอบ"

"ไม่ชอบสโมกกิ้ง หรือไม่ชอบคีส"

ผมเงียบ ส่วนคิทยกมุมปากขึ้นแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ ก็มันเป็นแบบนี้ไง มันชอบทำแบบนี้กับผมเสมอ แต่ไม่ชัดเจนมาซะที   

"น่าน"

"อะไร"

"กูจูบมึงได้ไหม"

"..."

คิทไม่รอให้ผมพูดอะไร ทิ้งบุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนลงบนพื้นก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างรวบหน้าผมเข้าไปใกล้แล้วบรรจงจูบอีกครั้ง คราวนี้ผมตั้งตัวได้แล้ว และผมไม่ปฏิเสธ ยอมให้คิทบดขยี้ริมฝีปากอุ่นๆ ของมันเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดลิ้นยังทำให้ผมรู้สึกขมอยู่ในปาก จูบจนมันพอใจจึงขยับริมฝีปากของตัวเองออกไป ก่อนความเงียบระหว่างเราจะทำงานอยู่ครู่หนึ่งผมจึงพูดขึ้นมาก่อน

"คิท"

"อือ"

"ระหว่างกูกับมึง มันคืออะไรวะ"

"ก็เพื่อนกันไง" มันพูดยิ้มๆ

"เพื่อนกันเขาทำแบบนี้เหรอวะ"

"แล้วทำไม่ได้เหรอ"

"มึงชอบกูไหม"

"แล้วมึงอะ ชอบกูเปล่า"

"คิท! มึงอย่าทำเป็นเล่นได้ป่ะ"

"รักกูไหม พูดก่อน"

"ไม่บอกเว้ย!"

"ตามใจ"

"มึงอะชอบทำให้กูอึดอัด"

"เออ แล้วมึงอยากเป็นอะไรกับกูล่ะ"

"กูไม่รู้ แต่มึงควรชัดเจนกับกูหรือเปล่า"

"น่าน เราเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เหรอวะ ไม่ต้องไปนิยามได้ไหม เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้วไง"

"เป็นเพื่อนกันอะนะ"

"ใช่"

"แล้วถ้าเป็นเพื่อนกัน กูไปชอบคนอื่นได้ไหม"

"..."

"กูไปรักคนอื่นได้ไหม"

"ไม่ได้"

"..."

"กูไม่ยอม"

 

 

หลังเลิกดื่มกันแล้ว ผมแยกกับคิททั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว ผมบอกพ่อว่าจะให้ทิมไปส่งบ้าน แต่ตัวมันดันเมาปลิ้น เลยกลายเป็นผมที่ต้องไปส่งมันแทน

"ไอ้น่าน"

"อะไร"

"มึงกับไอ้คิทเป็นอะไรกันวะ"

ผมเหลือบตามองไอ้ทิมที่อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมา

"ถาม...ถามทำไมวะ"

"มึงจูบกับมันอะ กูเห็นนะโว้ย!"

"มึงเมาละ"

"เมาเหี้ยไร เห็นชัดๆ เลย ปากก็บอกว่าเพื่อนกัน ชิ!"

"มึงนอนไปเลยไป" ผมผลักหัวทิมไปอีกทาง มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหลับตาลงไป ก่อนลืมขึ้นมาอีกทีตอนที่มือถือมันดัง

"กรี๊ง...กรี๊ง.."

"รับดิ ไอ้น่าน รำคาญ"

"ของมึงเหอะ"

"อ้าว ของกูเหรอ" มันหัวเราะหน่อยๆ แล้วหยิบมือถือขึ้นมารับ ก่อนจะนิ่งไป ผมหันไปมองอาการแปลกๆ ของมัน ทิมกระพริบตาถี่เหมือนตกใจอะไรบางอย่างแล้วลดมือถือลง

"มีอะไรวะทิม"

"น่าน"

"อะไร"

"มึงจอดรถที"

"ทำไมวะ"

"กูบอกให้จอด!" ทิมตะโกนลั่นจนผมต้องยอมจอดรถริมทาง ทิมเปิดประตูลงไปแล้วอ้วกออกมา ผมเห็นอาการของมันเลยเปิดประตูรถตามลงไปด้วย

"ไหวไหมเนี่ย" ผมเดินไปตบหลังมันเบาๆ ทิมยันตัวขึ้นมากับกระโปรงรถ

"กูขับเอง" ทิมว่าแล้วเดินไปฝั่งคนขับ

"ไอ้ห่า เมาขนาดนี้มึงจะขับได้ไง เดี๋ยวเจอด่านพ่อมึงก็จับเข้าตะรางหรอก"

"มึงขึ้นรถ"

"ไม่เอา มึงนั่นแหละออกมา"

"กูบอกให้มึงขึ้นรถ!" ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจอาการที่กำลังแสดงออกของไอ้ทิม จังหวะนั้นฝนก็ตกลงมาจนผมต้องเปิดประตูรถเข้าไป ทิมก้มหน้าลงก่อนจะเงยขึ้นมาพร้อมน้ำตาไหลพราก

"เฮ้ยทิม มึงเป็นอะไรวะ" ผมจับไหล่มันขณะที่ทิมกัดฟันแน่นแล้วยกมือเช็ดน้ำตาที่นองหน้า

"น่าน"

"อะไร มึงเป็นอะไร"

"ไอ้คิทรถคว่ำ"

"..."

"ไอ้คิทตายแล้ว"

"มึงเมาเหี้ยอะไรเนี่ย"

"ไอ้บอลโทรบอกกูเมื่อกี้ว่าไอ้คิทตายแล้ว"

ผมไม่คิดว่ามันพูดเล่นเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น กลายเป็นผมที่นิ่งไปจนพูดอะไรไม่ออก ไอ้ทิมกลั้นน้ำตาแล้วตั้งสติ ก่อนขับรถออกไปจากตรงนี้เพื่อไปหาคิท ไม่เกินห้านาทีเราก็มาถึงที่เกิดเหตุ ผมเปิดประตูรถออกไปอย่างเร่งรีบ แต่ขาก็หยุดกึกกะทันหันตอนที่หันมองไปเห็นรถยนต์คันนั้น รถของคิทที่ผมจำได้ดี

ตัวผมช้าลงขณะที่ทุกอย่างรอบตัววุ่นวายไปหมด ฝนตกกระหน่ำลงมาไม่หยุด ทั้งฝนและน้ำตาไหลปะปนกันจนผมมองไม่เห็นภาพข้างหน้า ผมจ้องมองรถของคิทที่อัดเข้ากับขอบสะพานจนสภาพพังยับ และร่างที่นอนอยู่ตรงนั้น กองเลือดที่ถูกน้ำฝนซัดไหลนองอยู่ที่พื้น เข่าผมทรุดฮวบลง ความเจ็บจากแรงกระแทกตอกย้ำว่านี่ไม่ใช่ฝัน ร่างไร้วิญญาณของเขาอยู่ตรงหน้า และวิญญาณของผมที่ดูเหมือนจะหลุดลอยไปด้วย

"ไอ้คิท แบบนี้ไม่เอานะเว้ย"

ผมเดินฝ่าผู้คนตรงนั้นเพื่อตรงเข้าไปหาคิท แต่ก็ถูกคนตรงนั้นกันเอาไว้

"ไอ้คิท!"

"ไอ้น่าน" ทิมเข้ามาดึงผมออกไปจากตรงนั้น แต่ผมสะบัดมือมันออกแล้วตรงเข้าไปหาคิท

"ไอ้คิท ลุกขึ้นมา"

"น่าน ออกมาเถอะ"

"คิท ลุกดิ"

"..."

"คิทตื่น!"

"..."

"ไอ้คิท มึงทำแบบนี้กับกูไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้เว้ย! กูชอบมึงนะคิท กูพูดแล้วได้ยินไหมคิท ลุกขึ้นมา! กูบอกให้ลุกขึ้นมาไอ้เหี้ยคิท!"

 

 

ผมไม่มีวันได้ยินคำว่ารักจากมัน และคำว่ารักของผมก็ไม่เคยไปถึงมัน และนั่นคือความค้างคาใจที่ตามหลอกหลอนผมอยู่ตลอด ผมจึงอยากถามมันให้แน่ใจ ว่าถ้าเราเป็นเพื่อนกันจริงๆ ผมจะรักคนอื่นได้ไหม

 

มันจะยอมให้ผมรักใครได้หรือยัง...

 

 

...

 

 

ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่ฝนไม่หยุดตก ผมไม่รู้ว่าฤดูฝนมันมีกี่เดือน แต่ภาวนาให้มันผ่านไปไวๆ เสียที วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฝนกระหน่ำลงมาไม่หยุดตั้งแต่เช้าจึงออกไปไหนไม่ได้เลย แต่โชคดีที่เป็นวันหยุดผมจึงหมกตัวนอนอยู่แต่ในห้องทั้งวัน กระทั่งรู้สึกเบื่อจึงเดินมาหาเพื่อนคุยข้างล่าง แต่ไม่เจอใครนอกจากหนูแฮมเตอร์สัตว์เลี้ยงแสนรักของพี่ซรที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก และไอรอนแมนของเท็นก็นอนอยู่ใกล้ๆ กันอย่างสมานฉันท์

ผมนั่งลงที่โซฟา มองดูหนูตัวเล็กที่อยู่ในกรง ตาโตของมันกำลังมองลอดกรงออกมาจ้องผมกลับ ผมเห็นพี่ซีโพสท์รูปมันลงเฟสบุ๊กแทบทุกวันจนอยากจะให้รางวัลคนอวดหนูดีเด่นไปเลย เอาจริงหนูมันก็น่ารักดี แต่สาบานด้วยเกียรติแห่งมนุษย์ ผมไม่เคยหน้าคล้ายมัน มันไม่เคยหน้าคล้ายผม ไม่มีส่วนไหนที่เราคล้ายกันเหมือนที่พี่ซีมโนไปเอง

"อ้าว หนูใหญ่"

ผมหันมองพ่อมันที่เดินออกมาจากห้องพอดี แยกเขี้ยวใส่ไปทีหนึ่งตอนเขาเรียกผมแบบนั้น

"สมาชิกหอหายไปไหนกันหมดอะครับ"

"ฝนตกหนักป้าทิพย์เลยไม่เข้ามา ไอ้เท็นไปมหาลัยตั้งแต่เช้า ไอ้ไคกลับบ้าน"

ผมพยักหน้าตามหลังจากพี่ซีสาธยายถึงบรรดาสมาชิก

"แล้วนี่พี่จะออกไปไหนอะ?" ผมถามขณะที่เขากำลังหยิบร่มขึ้นมา

"ไปมินิมาร์ทแป๊บนึง ไปป่ะ"

"ฝนตกๆ เนี่ยนะ"

"อือ ไปไหม"

ผมลังเลนิดหน่อย ใจก็อยากไปหาอะไรกินแต่อีกใจก็เบื่อฝน

"ไม่เปียกหรอก"

ผมพยักหน้ารับพี่ซีที่บอกให้ผมมั่นใจ แล้วลุกออกไปมินิมาร์ทด้วย ดีที่ฝนซาลงไปนิดหน่อยผมจึงไม่เปียก หรือต่อให้มันตกหนัก ผมก็รู้ว่าผมจะไม่เปียก เพราะมีพี่ซีอยู่ตรงนี้ อย่างตอนนี้พี่ซียื่นร่มแทบจะทั้งหมดมากางให้ผม ส่วนเขาไม่ได้สนว่าตัวเองจะโดนฝนหรือเปล่า

"เดี๋ยวก็เปียกหรอก" ผมว่าแล้วขยับตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ เขากว่าเดิม เพื่อให้ร่มบังเราทั้งคู่จากเม็ดฝนได้พอดี 

"ทำไมน่านไม่ชอบฝนอะ"

"เปียกไง"

"เย็นดีจะตาย"

"ผมไม่ได้โลกสวยเหมือนพี่นี่"

เขายกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะกุมมือผมแล้วยื่นออกไปให้โดนฝน

"เฮ้ย"

"ลองดูดิ" เขาพูดเสียงนิ่มแล้วจับมือผมแบออก เม็ดฝนตกลงมากระทบมือจนรู้สึกเย็นวาบ พี่ซียิ้มกว้างขณะที่หน้าเราอยู่ใกล้กันนิดเดียว ฝนเย็นฉ่ำอย่างที่เขาบอก และตัวเขาเองเย็นเหมือนฝน อยู่กับเขาแล้วผมรู้สึกแบบนั้น

"ที่จริงแล้วผมไม่ได้เกลียดที่ตัวเองต้องตัวเปียกหรอกครับ"

"แล้วทำไมอะ"

"ทุกครั้งที่ฝนตก ผมจะนึกถึงคิท"

พี่ซีพยักหน้ารับแล้วดึงมือผมกลับเข้ามา ก่อนเขาจะหยุดเดิน ผมก็ต้องหยุดไปด้วยแล้วหันไปมองหน้าเขา

"น่านยังไม่ได้ตอบคำถามพี่เลยนะ ที่เคยถามว่ายังรักคิทอยู่หรือเปล่า"

ผมไม่ได้ตอบคำถามของเขาแต่ก็ไม่ได้ลืม

"ไม่อยากตอบเหรอ"

"ตอบไม่ได้ต่างหาก"

"งั้นถามใหม่ก็ได้"

"ครับ?"

"น่านชอบพี่ไหม"

"..."

"ชอบพี่หรือเปล่า"

"พี่ซี ผมไม่รู้ว่าผมจะรักใครได้ไหม"

"..."

"ผมต้องถามให้แน่ใจก่อน"

"ถามตัวเองเหรอ"

"เปล่า ถามคิท"

หัวคิ้วของพี่ซีขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ผมรู้พี่ซีเหนื่อยกับความคิดของผม ผมเองก็ไม่ต่างเหมือนกัน ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ผมเองก็หนักหัวใจจนเหนื่อยล้าไปหมดแล้วเหมือนกัน

"ถ้าน่านจะรักใคร ต้องถามคิทก่อนใช่ไหม"

ผมเงียบ ก่อนจะฝืนใจพยักหน้าออกมาเบาๆ ขณะที่พี่ซีปล่อยร่มลงสู่พื้นจนฝนนั่นทำให้ผมเปียก

"พี่ซี"

"งั้นน่านถามเลย"

"ครับ?"

"คิทอยู่ที่นี่แล้ว"

 

To be continued.

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่14] 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-03-2018 16:34:36
 :ling2: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่14] 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2018 02:32:22
ที่ตามหาคิท เพราะคำสัญญานั้นใช่ไหม เศร้าน่าดูเนอะ  :m15:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่14] 15/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-03-2018 20:31:29
ความสัมพันธ์ของน่านกับคิทถึงจะบอกว่าเพื่อนแต่มันก็คลุมเครือเหมือนคนรักกันนั่นแหละแต่แค่ไม่ได้เอ่ยปากบอกกันออกมา อาจจะเพราะกลัวว่าพูดไปแล้วจะเสียเพื่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ แอบสงสารน่านกับคิทเหมือนกันนะแต่ก็นะในเมื่อตอนนี้มีพี่ซีเข้ามาแล้วน่านก็ต้องตัดสินใจว่าจะยังไงต่อดี แล้วที่พี่ซีบอกคิทอยู่ด้วยนี่พี่แกพูดจริงหรือต้องการให้น่านหายข้องใจกันแน่
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 20-03-2018 11:35:28
ตอนที่ 15
เท่านี้ที่อยากได้ยิน


"คิทอยู่ที่นี่แล้ว"

"พี่ว่าอะไรนะ"

"คิทอยู่ที่นี่แล้ว ยืนอยู่ตรงนี้ ข้างๆ น่านเลย"

ผมนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะคำพูดของพี่ซี หันมองไปรอบๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางมองเห็น ผมเลื่อนสายตาเงยขึ้นมองหน้าพี่ซีที่พยักหน้าเบาๆ ให้ผมเชื่อว่าคิทอยู่ตรงนี้จริงๆ

"สิ่งที่อยู่ในใจน่าน พูดมันออกมาสิ"

ผมยังคงเงียบอย่างคนไม่มีสติ ผมเกลียดฝนยิ่งกว่าอะไรแต่วันนี้ไม่แม้แต่จะก้าวเท้าเขาไปหลบ พี่ซีที่ไม่เคยยอมให้ผมเปียกแม้แต่ละอองฝน แต่วันนี้เขากลับปล่อยให้ผมเปียกปอนอยู่อย่างนั้น เม็ดฝนที่หนาเม็ดขึ้นกระทบใบหน้าและร่างกายจนรู้สึกเจ็บผมจึงได้สติกลับมาในตอนนั้น 

"พี่ซี พี่ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม" ผมถามออกไปโง่ๆ ทั้งๆ ที่ใจผมมันเชื่ออย่างสนิทใจอยู่แล้ว เพราะคนๆ นี้คือพี่ซี เขาไม่มีทางโกหกผมอยู่แล้ว

"คิทอยู่ตรงไหนครับ"

            พี่ซีเลื่อนสายตาไปทางซ้ายของผม ผมเองขยับตัวเองหันตามไปทางนั้นด้วย ผมมองไม่เห็นอะไรนอกจากสายฝนที่กระหน่ำตกลงมา คิทอยู่ตรงนี้แล้ว ข้างๆ ผมเลย ผมมีเรื่องอยากพูดตั้งมากมาย แต่ความรู้สึกในใจมันก็ติดขัดซะจนพูดไม่ออกขึ้นมาซะอย่างนั้น สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ได้

"น่าน"

ผมพยักหน้ารับพี่ซี แล้วถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง พร้อมจะพูดเรื่องที่อยากพูดออกไป

"คิท กูคิดถึงมึงนะ"

"..."

"คิดถึงมึงจริงๆ"

"..."

"มึงทิ้งกูไปแบบนี้ได้ไงวะ"

"..."

"กูไม่รู้ว่ากูกำลังทำอะไรอยู่ กูบ้าหรือเปล่าที่เชื่อว่ามึงยังอยู่ กูแค่มีความเชื่อโง่ๆ เชื่อว่ามึงจะกลับมา"

"..."

"กูรักมึง"

ผมพูดคำนั้นออกไป ขณะที่พี่ซีหันมองไปอีกทาง ก้าวหนึ่งที่พี่ซีถอยออกไปจากผม หากแต่คำพูดอีกคำของผมหยุดเขาเอาไว้

"แต่ตอนนี้รักคนอื่นไปแล้ว"

"..."

"ยกโทษให้กูนะคิท"

"..."

"แต่กูรักเขาได้ใช่ไหม"

พี่ซีไม่ได้พูดอะไรกระทั่งตอนที่ผมก้าวเท้าเขาไปหาเขา

"พี่ซี คิทมันได้ยินผมไหม"

พี่ซีไม่ตอบ ยังคงเงียบจนผมต้องถามซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม

"พี่ซี คิทได้ยินไหม"

"ได้ยิน มันได้ยินทุกอย่าง"

"คิทตอบผมไหม"

"..."

"พี่ซี คิทตอบว่าไง"

"..."

"พี่ซี ถามคิทสิว่าผมรักพี่ได้ไหม!"

"ได้"

ผมพยักหน้ารับก่อนก้มหน้าลงช้าๆ ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่พยายามกลั้น

"แค่นี้ใช่ไหมที่อยากได้ยิน"

พี่ซีพูดเสียงเรียบก่อนขยับเข้ามาดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมพูดเรื่องที่อยากพูด ผมถามเรื่องที่อยากถาม แม้เป็นเรื่องโง่เง่าไร้สาระแต่นั่นทำให้เรื่องค้างคาที่เกาะกุมอยู่ในใจของผมถูกคลายออก กำแพงสูงที่เคยขวางกั้นพังทลายลงตรงนั้น ผมต้องรู้ตัวและยอมรับ คิทตายจากผมไปแล้ว ผมจะเก็บคิทไว้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุด และชีวิตผมต้องเดินต่อไป

 

...

 

            วันต่อมาผมไปเรียนไม่ทันเพราะลืมตั้งนาฬิกาปลุก แถมฝนยังตกหนักมากเลยเป็นเรื่องยากที่จะลุกขึ้นมาจากเตียง ผมทิ้งตัวนอนกลิ้งอยู่บนเตียงในตอนบ่ายๆ ของวัน หิวก็หิวแต่ขี้เกียจฝ่าฝนออกไปหาอะไรกินเลยนอนหิวมันอยู่อย่างนั้น

"ก็อกๆๆ"

"พี่น่านครับ!"

ผมเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงหลังจากได้ยินเสียงเรียกของไคโร เดาว่าวันนี้ไคโรก็โดดเรียนเหมือนผม มันยังคงเรียกซ้ำเสียงดังอยู่ที่หน้าประตู ผมจึงไหลลงมาจากเตียงแล้วลากเท้าออกไปเปิดประตูให้

"มีไร"

"เฮียให้มาเรียกลงไปกินข้าว"

"ขี้เกียจอะ"

"ไม่ต้องขี้เกียจเลย เฮียสั่งพิซซ่ามาให้ ไปเร็ว"

"ยังไม่ได้อาบน้ำเลย"

"ไม่ต้องอาบหรอก หอมแล้ว"

ผมตัวแข็งทื่อเมื่อโคโรยื่นหน้าเข้ามากดปลายจมูกเข้าที่ข้างลำคอของผม

"เฮ้ย ทำอะไร!"

"ก็ดมไง"

"โรคจิตป่ะเนี่ย!"

"อะไรอ่า"

ผมรีบก้าวเท้าหนีไคโรลงไปข้างล่าง ขณะที่มันก็เดินตามมาด้วยพร้อมกับพล่ามถามไม่หยุด

"พี่น่านว่าใครโรคจิต ฮะ!"

"ก็มึงไง"

"โรคจิตยังไง! โรคจิตตรงไหน!"

"อย่ามานั่งข้างกูนะเว้ย!" ผมผลักไคโรออกไปตอนที่มันกำลังจะตามมานั่งข้างๆ บนโซฟา มันจึงถอยไปนั่งกับเท็นแทน

"เป็นอะไรกันวะ"

"พี่น่านว่าผมเป็นโรคจิตอะ"

"แล้วมึงไปทำอะไรเขาล่ะ"

"ก็แค่ดมเอง"

"แต่มึงดมซอกคอกูเลยนะเว้ย!"

"มึงว่าไงนะ" เสียงของพี่ซีที่โผล่มาจากด้านหลังถามขึ้น

"ไม่มีไรเฮีย"

"มึงทำอะไรน่าน"

"ดมเฉยๆ"

ผมชี้นิ้วจิ้มเข้าที่ลำคอตัวเองเพื่อฟ้องพี่ซีว่าไคโรกดจมูกลงมาตรงนี้เลย ผ่านใบหน้าบูดๆ ของตัวเองพี่ซีเลยรู้ว่าผมไม่พอใจไคโร เขาจึงจัดการเด็กนั่นด้วยการหยิบหมอนขึ้นฟาดในทันที

"โอ๊ย! เจ็บนะเฮีย!"

"ไอ้โรคจิต!"

"เฮียพอแล้ว ขอโทษๆ!"

ไคโรกลิ้งตัวหนีลงไปนั่งกับพื้นแล้วยกสองมือขึ้นพนมเพื่อขอร้องให้พี่ซีหยุด ผมหลุดขำกับท่าทางของมันจึงโบกมือปัดๆ เป็นเชิงให้พี่ซีหยุด เขาจึงโยนหมอนใส่หน้าไคโรไปอีกที ชี้นิ้วคาดโทษแล้วก้าวเท้ามานั่งข้างๆ ผม

"ทำเป็นว่าผม จริงๆ เฮียก็อยากทำใช่ป่ะล่ะ"

"อะไรมึง"

"ตอนเมายังบอกว่าอยากได้พี่น่านอยู่เลย"

"ไอ้ไคโร"

"จริงๆ นะพี่น่าน วันนั้นเฮียบอกว่าพี่น่านโคตรน่าปล้ำเลย"

"หนูอย่าไปฟังมัน" พี่ซีว่าพลางยกมือขึ้นปิดหูผม

"เฮียอะโรคจิตกว่าผมอีก นี่อย่าให้ผมเล่านะว่าเฮียเคยพาใครมานอนที่ห้องอะ"

"ไอ้ไคโร!"

พี่ซีปล่อยมือจากหูผมแล้วกระโดดเข้าไปตีกับไคโร เท็นส่ายหน้าหน่อยๆ แล้วขยับมานั่งข้างๆ ผม แล้วชวนกันกินพิซซ่าที่วางอยู่บนโต๊ะ

"น่านเอาอันไหน"

"เอาอันนี้"

ผมชี้ไปที่พิซซ่าหน้าที่ชอบ ก่อนเท็นจะหยิบมันออกมาให้ ผมกัดพิซซ่านั่นเข้าไปคำโต ความหิวผสมโรงกับความอร่อยผมจึงซัดพิซซ่าชิ้นนั้นเรียบในเวลาอันรวดเร็ว พี่ซีที่เลิกตีกับไคโรแล้วกลับมานั่งข้างๆ ผม

"อร่อยเหรอมากครับ"

"อร่อย"

"เอาอีกไหม"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนพี่ซีจะหยิบมาให้อีกชิ้น แต่คราวนี้เป็นขอบชีสที่ผมไม่ชอบจึงพลิกด้านขอบนั่นส่งให้คนข้างๆ

"ไม่กินขอบ กินให้หน่อย"

"เฮียไม่กินพิซซ่า เอามาให้ผมก็ได้"

ไคโรพูดขึ้นแล้วอ้าปากรอ ผมกำลังจะเลื่อนมือไปป้อนใส่ปากไคโรแต่ถูกพี่ซีดึงกลับแล้วก้มลงงับไปก่อน

"ใครบอกกูไม่กิน"

"เอ้า! ปกติไม่เห็นกิน"

"น่านป้อน กูเลยกิน" พี่ซียิ้มหน่อยๆ ขณะเคี้ยวพิซซ่าเต็มปาก ผมก็หลุดยิ้มตามออกมาแล้วกัดพิซซ่าในมือตัวเองบ้าง มื้อกลางวันตอนบ่ายๆ ของพวกเราดำเนินไปพร้อมเสียงพูดคุยกระทั่งจบลงด้วยความอิ่มจนตัวแน่น

พี่ซีบอกว่าป้าทิพย์ลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดอาทิตย์หนึ่ง ช่วงนี้เราจึงต้องทำความสะอาดกันเอง ใช้คำว่าเราไม่ถูกนักเพราะเห็นมีพี่ซีคนเดียวที่กำลังเก็บกวาดเช็ดถูห้องนั่งเล่นตรงนี้ ผมอิ่มแล้วกลายเป็นก้อนๆ จึงขยับไม่ได้ ไคโรนั่งเล่นเกมในมือถือ เท็นนั่งเกาพุงไอรอนแมนพร้อมกับดูซีรีส์ในทีวีไปด้วย 

"ไอ้ไค ไปหยิบถุงขยะให้หน่อยดิ"

"ทำไมต้องมาใช้อะ"

น้องเล็กของหอบ่นอุบเพราะถูกเรียกใช้ แต่เท่าที่ผมเห็นพี่ซีก็เรียกใช้มันบ่อยที่สุดในบรรดาพวกเราแล้ว

"ใช้อยู่ได้ เฮียไม่มีมือมีตีนหรือไง"

"กูมีมือมีตีน แต่ก็มีมึงไว้ใช้งานด้วยไง ไปหยิบมา!"

"ค้าบ!" ไคโรโยนมือถือทิ้งก่อนวิ่งไปหยิบถุงขยะมาส่งให้พี่ซี เจ้าของหอที่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งแม่บ้านไปด้วย คุกเข่าลงข้างโต๊ะแล้วเก็บเศษซากที่เหลือจากการกินเมื่อครู่ลงถุงขยะ หยิบผ้าที่เหน็บอยู่กับกระเป๋าหลังกางเกงขึ้นมาเช็ดโต๊ะจนเงาวับ ผมหลุดขำออกมาต่อหน้าเขา

"ขำไรหนู"

"พี่เป็นเจ้าของหอจริงใช่ป่ะ"

"เออดิ ชีวิตกูต้องมาลำบากอะไรเนี่ย"

"ช่วยไหมครับ"

"นั่งเฉยๆ เหอะเราอะ"

เขาพูดแค่นั้นก่อนจะยกขาผมขึ้นเพื่อเช็ดเศษอาหารที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนรวบถุงขยะไปพิงไว้ข้างโซฟาแล้วหันไปสั่งไคโรอีกที

"เอาขยะไปทิ้งด้วยมึงอะ"

"ผมอีกละ!"

"มึงจะลุกไปทิ้งดีๆ ไหม"

"โอเคๆ เดี๋ยวทิ้ง"

"ทิ้งให้คนอื่นทำอะดิ ลุกเลย!"

"พี่ซี เดี๋ยวผมเอาออกไปทิ้งเอง" ผมเสนอตัว

"ไม่ต้อง ให้ไอ้ไคมันทำ เดือนนี้มันยังไม่จ่ายค่าหอพี่ ให้มันทำงานใช้หนี้"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะออกไปซื้อของข้างนอกพอดี"

"ข้างนอกฝนตกอยู่นะ"

"ไปได้"

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วย"

ผมไม่ได้ปฏิเสธตอนที่พี่ซีบอกจะมาด้วย ถึงห้ามเขาก็ต้องมาอยู่ดี และร่มคันใหญ่ในมือคนตัวสูงก็ช่วยให้ผมไม่เปียกอย่างทุกครั้ง กระทั่งเราเดินมาถึงมินิมาร์ท ผมตั้งใจมาซื้อครีมอาบน้ำแต่ดูท่าจะต้องเสียเงินไปกับช็อกโกแลตลดราคาอีกจำนวนหนึ่ง ผมหันมองพี่ซีที่ยืนอยู่หน้าชั้นเครื่องดื่ม ขณะที่พี่ซีกำลังยื่นมือทำท่าจะหยิบขวดเบียร์ ผมก็ยื่นมือตัวเองไปจับมือเขาเอาไว้ก่อน

"พี่ไม่กินเบียร์ได้ไหม"

"ห้ามเหรอ"

"ไม่ได้ห้าม ขอร้อง"

"ไม่ต้องกินหรอกนะ"

"..."

"นะครับ"

"..."

"ไม่ต้องกินได้ไหม ฮึ?"

"อย่ามาทำตัวน่ารักนะไอ้เด็กคนนี้"

"ก็ผมเป็นห่วงพี่ไง"

พี่ซีนิ่งไปครู่หนึ่งตอนผมพูดแบบนั้น เขาเงียบจนผมต้องสะกิดถามว่าผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

"ดีใจว่ะ เหมือนไม่มีคนเป็นห่วงมานานแล้วอะ"

ผมหลุดยิ้มออกมาในตอนนั้น แล้วหยิบน้ำผลไม้สองกล่องขึ้นมาตรงหน้าแทน

"กินอันนี้แทนนะ"

"ได้ครับ"

เขายอมรับอย่างว่าง่าย ผมก็ดีใจที่เขาเชื่อผม ไม่งั้นพี่ซีต้องเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มแน่นอน เสร็จจากซื้อของเราก็กลับมาที่หอ ไคโรกับเท็นไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว พี่ซีก็หายเงียบเข้าไปในห้อง ผมเป็นคนเดียวที่ไม่มีอะไรทำ ทิ้งตัวเองลงบนโซฟาอย่างเบื่อๆ หยิบรีโมทขึ้นจิ้มไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่เจอช่องที่ถูกใจจึงกดปิดไป หันไปเล่นกับแมวแมวยังเดินหนีเลยคิดดู ผมเลยคิดจะกลับไปนอนต่อบนห้องดีกว่า แต่แค่จะเดินขึ้นบันไดชั้นสามก็ยังขี้เกียจจึงยืนมองขั้นบันไดอยู่อย่างนั้นเพื่อทำใจก่อน

"เป็นอะไรอะ"

ผมหันมองพี่ซีที่เปิดประตูห้องออกมา

"ขี้เกียจขึ้นบันไดอะ พี่ทำลิฟต์ได้ไหม"

"ชั้นสามเอง"

"แค่คิดก็หนื่อยแล้วอะ"

"งั้นมาห้องพี่ก่อน" พี่ซีพูดพลางเปิดประตูห้องให้ ผมไม่ปฏิเสธแล้วเดินเข้าไปในห้องเขาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆ ทันที พี่ซีที่เดินตามเข้ามายืนขำผมอยู่ข้างๆ เตียง

"หัวเราะไร"

"พุงออก" เขาว่าแล้วดึงเสื้อผมที่เปิดขึ้นตอนนอนลงมาปิดพุง

"ก็พี่แหละ เลี้ยงพิซซ่าทำไม"

"แล้วหนูกินเยอะทำไม"

"อร่อยไง" ผมตอบเสียงเบา ก่อนพี่ซีจะนั่งลงบนเตียงด้วยกัน ผมหันไปสนใจโมเดลการ์ตูนใกล้ๆ หัวเตียง มือซนหยิบมันมาตัวหนึ่งแต่เจ้าของก็ดูไม่ได้หวง

"พี่ชอบเหรอ"

"เปล่า ของพ่อ"

ผมพยักหน้ารับแล้ววางมันลงที่เดิม ผมรู้มาจากเท็นว่าพ่อของพี่ซีเสียไปเมื่อสามปีก่อน แต่ตัวพี่ซีเองไม่เคยพูดถึง เอาจริงๆ ก็ไม่เคยพูดเรื่องตัวเองให้ผมฟังเลย 

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"พี่เป็นลูกครึ่งอะไร"

"แม่เป็นฝรั่งเศส"

"แล้วพี่พูดภาษาฝรั่งเศสได้ไหม"

"ฟังออกแต่พูดไม่ได้"

"อ้าว ทำไมอะ"

"พี่เกิดที่นี่ โตนี่ที่ มีแววจะตายที่นี่ด้วยจะไปพูดกับใครล่ะครับ"

"แม่ไม่สอนเหรอ"

"แม่พูดไทยใส่ตลอดอะ"

"นี่มันฝรั่งปลอมชัดๆ"

พี่ซีส่ายหน้าขำๆ ผมชวนเขาคุยเรื่องที่อยากรู้ กระทั่งรู้สึกหนักที่ตาเพราะง่วงนอนจึงมุดหน้าลงไปบนหมอน

"จะนอนเหรอ"

"นอนได้ไหม"

"ได้ดิ"

"พี่นอนไหม"

"ไม่ดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปทำงานส่งอาจารย์ก่อน"

ผมพยักหน้ารับ ตอนที่เขากำลังลุกออกไปก็ดึงมือเขาเอาไว้ก่อน

"พี่ซี"

"หืม?"

"คิทมันไม่ได้โกรธผมใช่ไหม"

"ไม่โกรธหรอก"

"ค่อยสบายใจหน่อย"

"..."

"เพราะผมชอบพี่มากเลยนะ"

 

...

To be continued.

 
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-03-2018 13:07:12
คิทปล่อยจริงๆอ่ะ หวั่นใจยังไงไม่รู้ซิ :hao4: :hao4: :hao4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-03-2018 00:38:20
ไม่อยากจะดราม่านะแต่ทำไมถึงคิดว่าพี่ซีโกหกเรื่องคิทอะ เราคิดว่าคิทไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะพี่ซีน่าจะหลอกเพื่อให้น่านเปิดใจอะ แต่อีกใจก็ว่าพี่ซีแกไม่น่าจะร้ายขนาดนั้นแต่ถ้าเป็นคิทจริงคิทจะรับฟังอย่างเดียวโดยไม่โต้อะไรเลยเหรอ มันดูง่ายไป ปมมันดูจบง่ายไปอะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-03-2018 01:33:53
น่านน่าจะบอกให้คิทไปสู่สุขคตินะ ถ้าไม่เอยออกมา กลัวคิทจะติดอยู่กับน่านตลอดไป น่าสงสารคิท  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 21-03-2018 05:16:44
น่านน่ารักอ้ะ ไม่ไปนอนในห้องพี่เค้าอย่างนี้สิ :hao7:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 21-03-2018 06:37:25
ซีนน่านถาม...คิท ผ่านพี่ซี
มันง๊ายง่าย จนเหมือนมีอะไรแอบแฝงเนอะ
แต่อ่านตอนนี้จบ ก็ปลอบใจตัวเองว่า
อ๊ะ นี่ ... ไม่ใช่เงินปากผีนะเฟร้ยเฮ้ย ผีทำอะไรไม่ได้หรอก
ดังนั้น ... คงไม่มีอะไรต้องห่วงแหละ (น่าาาาา นะ)

อนึ่ง .. ฝากบอกพี่ซีว่า ชอบเวลาพี่ซีเรียกน่านว่า "หนู"
อบอุ่นจริงจังจริง ๆ นะเฮีย


หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่15] 20/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 21-03-2018 07:57:00
คิดเหมือนกันครับว่ามันดูง่ายไป คือมันมองได้สองอย่าง หนึ่ง ไม่อยู่ แต่ซีโกหกเพื่อทำให้น่านรับรักตัวเอง กับสอง คิทคอยตามดูน่านมาตลอด แต่มาๆแล้วก็ไป เหมือนคอยดูอยู่เสมอเพราะยังห่วงแล้วก็รักอยู่ ทีนี้ซีเห็นบ่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ความเป็นไปได้นี้คือซีพูดจริง คิทอยู่จริง แต่คิทคงพูดอะไรมากกว่านั้น อาจจะไม่ได้ตอบว่า 'ได้' เหมือนกับที่ซีบอกน่านไป แต่ซีไม่ได้สนใจ

แต่ไม่ว่าจะทางไหน ผมว่ามันก็ไม่ดีต่อน่านทั้งนั้นน่ะนะครับ ผมชอบโมเมนต์ของคิทกับน่านนะ เอาจริงๆคือสงสารมากเลย เด็กคงกำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัย คงกลัวที่จะเริ่มเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง เพราะสถานะของการคบกัน ในมุมมองของเด็กเพิ่งจบมอหก
 มันอาจจะไม่เหมือนเพื่อน มันอาจจะต้องการความรับผิดชอบที่มากกว่านั้น ซึ่งคิทอาจจะยังไม่พร้อม ด้วยวัยวุฒิ แต่น่านเนื่องจากคงชอบคิทมากๆ ถึงขั้นรัก เลยอยากทำให้สถานะมันชัดเจนไวๆ ผมคิดว่าถ้าคิทไม่ตาย ยังไงพอผ่านปีหนึ่งหรือปีสอง สองคนนี้คงพร้อมเลื่อนสถานะจริงๆแหละครับ เพราะว่าการเจอคนมากขึ้น เจออาจารย์ เจอหลายๆสังคมในมหาวิทยาลัย มันจะทำให้เด็กเริ่มเข้าใจถึงความสุขของตัวเองมากกว่ากรอบมายาคติที่สังคมยัดเยียดให้
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 25-03-2018 01:06:17
ตอนที่ 16
หลอกหลอน

 

วันนี้ทั้งวันผมมีเรียนแค่วิชาเดียว เพราะคาบตอนเช้าถูกยกเลิกหมดจึงออกมาเรียนในตอนบ่ายๆ กับวิชาม.ที่มีแค่ผมกับทิม เพื่อนคนอื่นเก็บตัวนี้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนผมกับทิมลงไม่ทันเลยต้องมาลงเรียนเทอมนี้ ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนเพราะทิมมันไลน์มาบอกว่าจะมาสาย ไม่ทันจะนั่งถึงเก้าอี้ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นคนที่โผล่มาจากข้างหลัง

 "พี่ซี"

"พี่อะดิ คิดว่าผีหรือไง" เขาพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ

"ไม่รู้สิ มีพี่ตรงไหนก็เหมือนมีผีตรงนั้นแหละ"

พี่ซียกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งแล้วเลื่อนสายตามองผ่านหน้าผมไป ผมหันมองตามไปด้วยแต่ไม่เห็นอะไร

"มีผีเหรอ"

เขาพยักหน้ารับ

"จริงเหรอ!"

"อือ จำเด็กคณะวิทย์ที่ถูกรถชนตายปีที่แล้วได้ป่ะ มันนั่งอยู่แถวหน้าอะ"

"จริงปะเนี่ย!"

ผมขยับเข้าใกล้เขาแล้วเริ่มหวาดระแวงเล็กน้อย

"มันไม่ทำอะไรหรอก มันนั่งเรียนของมันเฉยๆ"

ผมพยักหน้าพลางส่งยิ้มแห้งๆ

"แล้วนี่พี่ลงเรียนวิชานี้ด้วยเหรอ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"

"เปล่า แวะมาหาน่านเฉยๆ อะ"

"หาทำไม"

"ตอนเย็นไปดูหนังกัน"

"พี่ไม่กลัวหรือไง โรงหนังมืดนะ"

"ยิ่งมืดยิ่งดี จะได้จับมือน่านตลอดเรื่องไง"

"พี่ซี!"

"ไปเปล่า อยากดูอะ นะๆ" พี่ซีทำหน้าย่นกับน้ำเสียงอ้อนๆ ยังคงไม่มีใครบอกว่าเขาไม่เหมาะกับการอ้อน แต่ก็น่าแปลกที่ผมยอมกับท่าทีแบบนั้นของเขาจึงตอบตกลงไป

"ไปก็ได้ครับ เลิกห้าโมงนะ"

"พี่รอหน้าตึกนะครับ"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนพี่ซีจะลุกออกไป ผมมองตามกระทั่งเขาออกจากห้องไป แล้วเลื่อนสายตาตัวเองไปยังเก้าอี้แถวหน้าที่ว่างเปล่าเพราะไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนั้นเลย โต๊ะเลกเชอร์ชนิดที่พับได้ตัวหนึ่งถูกเปิดค้างเอาไว้ อาจเพราะคนก่อนหน้าลุกออกไปแล้วไม่ได้พับลง ผมจ้องอยู่ที่โต๊ะตัวนั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อโต๊ะมันพับลงไปเองจนเสียงดังลั่น

"โครม!"

ดวงตาเบิกขึ้นนิดหนึ่งอย่างตกใจ ก่อนก้มหน้าลงอย่างอัตโนมัติ แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็พาให้ตัวเองเหลือบตาขึ้นมองช้าๆ มีผีตรงนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย...

"ไอ้น่าน!"

"เชี่ย!"

ผมร้องลั่นจนทุกคนหันมามอง ไอ้ทิมที่เป็นเจ้าของเสียงทักยกมือค้างตกใจไปด้วย ก่อนมันจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ขณะที่ผมยกมือทาบอกตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำ

"ตกใจเหรอ ขอโทษ"

"กูนึกว่าผี"

"กลัวผีตั้งแต่เมื่อไร"

ผมส่ายหน้าหน่อยๆ ผมเคยใจกล้าปากเก่งไม่กลัวผี แต่ตอนนี้กลายเป็นคนขี้หวาดระแวง เริ่มกลัวตั้งแต่รู้ว่ามันมีอยู่จริงนี่แหละ

ผมลืมเรื่องผีนักศึกษาแถวหน้าตรงนั้นไปเพราะตั้งใจอยู่กับบทเรียน จดงานที่อาจารย์สั่งเป็นอย่างสุดท้ายก่อนหมดคาบ ไอ้ทิมเก็บของอย่างไวพร้อมที่จะออกจากห้อง เห็นว่าผมช้ามันเลยเร่งยิกๆ

"เร็วๆ ดิมึง"

"รีบมากก็ไปก่อนเลยไป"

"วันนี้กูไปส่งที่หอไหม"

"ไม่ต้อง วันนี้จะไปดูหนังกับพี่ซี"

"กับใครนะ"

"พี่ซี"

"เจ้าของหอมึงอะนะ"

ผมได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ เก็บของเสร็จก็ลุกขึ้นบ้างแต่ถูกไอ้ทิมกดลงไปนั่งที่เดิม

"มึงกับเขานี่ยังไง"

"กูขออนุญาตคิทแล้ว"

"..."

"แล้วคิทก็อนุญาตแล้วด้วย"

"ฮะ!"

"ไปนะ"

ผมทิ้งให้ทิมงงอยู่ตรงนั้นแล้วก้าวเท้าเดินออกไปนอกห้อง โบกมือทักทายอากาศที่เก้าอี้แถวหน้าครั้งหนึ่งก่อนตรงไปหน้าตึก พี่ซีก็ยืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว

เรามาถึงโรงหนัง แล้วพี่ซีก็จัดการซื้อตั๋วเรื่องที่เขาอยากดูให้ผมเรียบร้อย ผมรู้เขารวยแล้วก็จ่ายค่านั่นค่านี่ให้ตลอด แต่นานๆ เข้าก็เริ่มเกรงใจ ผมจึงชิงวิ่งไปซื้อชุดป็อบคอร์นแล้วจ่ายเงินเองก่อน พี่ซีหันมาเห็นก็ขมวดคิ้วถามหน้ายุ่งๆ

"เดี๋ยวพี่ซื้อให้ก็ได้"

"รวยมากเหรอ"

"โคตรป๋า พูดเลย"

ผมเบ้ปากใส่หน่อยๆ อย่างหมั่นไส้ แต่ช่วงนี้พี่ซีบอกว่าเงินเหลือใช้จริงๆ เพราะไม่ได้กินเหล้า เลิกเหล้าเลิกจนจริงด้วย ผมเข้ามาในโรงหนังพร้อมกับพี่ซี ในตอนที่ไฟถูกปิดมืด ผมหันมองพี่ซีที่หลับตาลงไปครู่หนึ่ง คนกลัวความมืดที่อยากดูหนังคงกำลังฝืนตัวเองอยู่ ผมแอบอมยิ้มหน่อยๆ แล้วยื่นมือขึ้นวางบนเก้าอี้ คนข้างๆ หันมองแล้วกระซิบถาม

"อ่อยเหรอ"

"อือ จะจับไหม"

"จับครับ"

เขาตอบรับแล้วยกมือกุมมือผมเอาไว้ ภายใต้ความมืดผมจะเป็นเครื่องรางขจัดความกลัวให้เขา และขณะเดียวกันเขาก็ช่วยขจัดความกลัวของผมให้หมดสิ้นไปเช่นกัน

 

หลังจากดูหนังจบ พี่ซีชวนผมกินข้าวต่อ ผมถูกล่อลวงด้วยชาบูบุฟเฟ่ต์เลยปฏิเสธไม่ได้ เขาเป็นผู้ใหญ่หลอกเด็กตัวจริง เลี้ยงชาบูแล้วยังเปย์ผมต่อด้วยไอติมอีกอันหนึ่ง ผมรู้สึกเสียนิสัยไปเลยที่พี่ซีเอาแต่จ่ายเงินให้ แต่ถ้าถามว่ากินไหม ตอบว่ากินเลยโดยไม่ลังเล   

"ผมไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ"

"พี่ไปเป็นเพื่อนเปล่า"

"โตแล้ว" ผมพูดแค่นั้นแล้วแยกตัวไปห้องน้ำ ตอนที่เปิดประตูเข้าไปก็สะดุ้งสันหลังวาบเหมือนมีคนตามมา ครู่หนึ่งในสายตาผมเห็นเหมือนคนอยู่ในเงากระจกนั่น แต่เงยหน้ามองอีกทีก็ไม่มีใคร ขนลุกขึ้นมาไม่มีสาเหตุ ผมอาจรู้สึกไปเอง แต่กลับคิดว่ามีอีกคนยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ถึงกับกลัวแต่ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแต่อีกใจก็คิดไปถึงอีกคน

 

ใช่มึงหรือเปล่าคิท...

 

ผมกวาดสายตามองหาพี่ซีหลังจากออกมาจากห้องน้ำ ก่อนเห็นเขายืนอยู่ที่หน้าร้านนาฬิกา สนใจนาฬิกาอยู่จนไม่ได้สนใจผม แม้แต่ตอนที่เดินเข้าไปข้างหลังแล้วยังไม่รู้ตัวเลย

"พี่ซี"

คนถูกเรียกสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วหันมาหา

"ตกใจเลย"

"ไม่ตกใจน้า" ผมแกล้งยกมือลูบหัวพี่ซีแต่ถูกมองตาขวางเลยรีบลดมือลงแล้วเปลี่ยนเรื่องไปที่นาฬิกาตรงหน้า

"จะซื้อเหรอครับ"

"แพง"

"พี่รวยจะตาย"

"แพงไปอะ ไปเหอะ"

พี่ซีว่าแล้วจับมือผมเดินออกมานอกห้าง ออกมาเจอฝนที่กำลังตกผมก็หงอยเลย โดนพี่ซีลากเข้ามาหลบฝนที่หน้าห้าง ขณะเขาเองก็บ่นออกมาเบาๆ

"ตกหนักขนาดนี้จะหยุดเมื่อไรเนี่ย ไม่มีร่มด้วยอะ"

ผมไม่ได้สนใจฟังเขาพูด ก้มมองมือที่จับกันอยู่แล้วกระตุกเบาๆ ให้เขารู้ตัว อีกคนหันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

"มืออะ"

"ทำไมอะ"

"จับนานแล้วนะ เนียนเลย"

พี่ซียักไหล่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยออก ฝนไม่มีทีท่าจะหยุดผมจึงชวนเขากลับแท็กซี่ดีกว่า ผมรู้มาจากเท็นว่าพี่ซีไม่ชอบรถยนต์ ไม่ซื้อรถ ไม่ขับรถ เลี่ยงได้ก็จะไม่นั่งรถด้วย อยู่ๆ ผมก็อยากรู้เหตุผลจึงสะกิดถาม

"พี่ซี ทำไมพี่ไม่ชอบนั่งรถยนต์เหรอ"

"เกลียด"

"ทำไมถึงเกลียดอะ"

"พ่อถูกรถชนตายอะ ก็เลยเกลียด"

ผมนิ่งไปตอนเขาตอบกลับมาแบบนั้น อยากตบปากตัวเองที่ถามออกไปเลย แต่เดาเอาจากใบหน้าเรียบเฉยเขาคงไม่ได้คิดอะไร ผมก้มมองมือที่เขายังไม่ยอมปล่อย แล้วกระชับมันให้แน่นขึ้น พี่ซีไม่ได้หันมามองแต่ผมเห็นว่ามุมปากเขาขยับเป็นรอยยิ้ม

ฝนตกกับรถติดเป็นของคู่กัน เรานั่งอยู่บนแท็กซี่มานานแต่ยังไปไม่ถึงไหนเลย รถเคลื่อนที่ไปได้ช้าๆ ผมหันมองข้างทางผ่านเม็ดฝนที่เริ่มซาออกไปนอกกระจก กระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่ตำแหน่งหนึ่งไกลๆ นั่น ผมขยับตัวหันมองถนนตรงนั้นแล้วก็นึกถึงคิทขึ้นมา

"มีอะไรเปล่าน่าน"

"ตรงนั้น"

"ตรงนั้นทำไม"

"คิทตายตรงนั้น"

พี่ซีเงียบไปตอนได้ยินคำตอบของผม

"รถเขาชนเข้ากับสะพานตรงนั้น ผ่านไปสามปีแล้วยังลืมไม่ได้เลย"

"ชนสะพาน สามปีที่แล้ว" พี่ซีทวนคำพูดของผม แต่คล้ายว่าเขาจะพูดคนเดียวมากกว่า ผ่านใบหน้าที่ดูตกใจนั่นผมรู้สึกว่าพี่ซีแปลกๆ ไป

"พี่ซี"

"..."

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า"

"เปล่า ไม่เป็นไร"

พี่ซีตอบปัดๆ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง มือที่จับกันอยู่ก็ถูกดึงออกไป และระหว่างทางกลับบ้านนั่น พี่ซีไม่พูดอะไรกับผมเลย

 

...

 

เที่ยงคืนของวันถัดมา ผมยังไม่ได้นอนเพราะพี่ซียังไม่กลับ เขาไม่ออกไปกินเหล้าหลายวันแล้วแต่วันนี้หายเงียบไปตั้งแต่ตอนเย็น โทรไปก็ตัดสายทิ้งเฉยเลย ผมนั่งคุยอยู่กับเท็นและไคโรกระทั่งสองคนนั้นขอตัวขึ้นไปนอนก่อน ก็เลยเหลือแต่หนูกับไอรอนแมนที่นั่งเป็นเพื่อนกัน เลยเวลากลับของพี่ซีไปเยอะจนผมรู้สึกว่ามันผิดเวลา ผมสะกิดไอรอนแมนที่นอนหลับอยู่บนตักให้ลุกออกไป ก่อนเดินไปเปิดประตู แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นพี่ซีนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าหอ

"พี่ซี กลับมาตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะครับ"

"คีย์การ์ดหาย" เขาตอบโดยไม่หันมองหน้าผม ผมถอนหายใจเบาๆ ตอนที่ก้มลงมองคีย์การ์ดที่เขากำแน่นอยู่ในมือ

"พี่เมาอีกแล้ว..." ผมหยุดคำพูดตอนที่พี่ซีซบหน้าเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา สองมือยกขึ้นกอดร่างผมเอาไว้แต่ไม่พูดอะไร ผมยกมือแตะไหล่เขาเบาๆ 

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า"

เขาไม่พูดแต่ร้องไห้ ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก จะก้มลงไปมองเขาก็กอดผมแน่นแล้วซุกหน้าหลบผม

"พี่ซี พี่ร้องไห้ทำไม"

"ขอโทษ"

"ขอโทษอะไร"

"ขอโทษ"

พี่ซีพูดแต่คำนั้นอยู่ซ้ำๆ ผมถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่รู้จะทำยังไงเลยปล่อยให้เขาร้องไห้อยู่อย่างนั้น เนิ่นนานจนสติเขากลับมาครบ พี่ซีจึงขยับหน้าออกมาให้ผมเห็น น้ำตาไหลนองหน้ากับใบหน้าแดงๆ น่าสงสารอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ผมคุกเข่าลงตรงหน้าเขาแล้วค่อยๆ ถามเบาๆ

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า เป็นอะไรบอกผมได้นะ"

"พี่ทำคีย์การ์ดหาย เข้าหอไม่ได้"

"..."

"พี่เข้าไปไม่ได้"

"งั้นเดี๋ยวผมพาเข้าไปนะ" ผมเปิดประตูหอแล้วพาพี่ซีเข้ามา เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหลับตาลงช้าๆ ผมหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ เขาด้วย

"พี่เป็นอะไรไหม"

"โคตรเมาเลย"

"แล้วไปกินเหล้าทำไม"

"เครียด"

"เครียดเรื่องอะไร"

"..."

"เครียดเรื่องอะไรบอกผมได้ไหม ฮึ?"

"..."

"พี่ซี"

"น่านยังอยากเจอคิทอยู่ไหม"

ผมนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อคิดหาคำตอบ แล้วก็ส่ายหน้าออกมาเบาๆ

"ไม่เหรอ"

"ไม่ครับ คิทตายไปแล้ว ผมต้องยอมรับแล้ว"

"..."

"ผมได้พูดเรื่องที่อยากพูดกับคิทไปแล้ว ได้คำตอบจากคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจจากคิทแล้ว ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว ไม่อยากรั้งให้คิทมีห่วงอะไร ผมต้องปล่อยแล้ว"

"น่านเชื่อพี่ใช่ไหมว่าพี่มองเห็นมันจริงๆ"

"ครับ ผมเชื่อพี่"

"..."

"เชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไขเลย"

"พี่โกหกว่ะ"

ผมหันขวับมองพี่ซีที่พูดออกมาอย่างนั้น แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มก่อนเค้นหัวเราะในลำคอเบาๆ

"พี่โกหกน่าน วันนั้นคิทมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น"

"พี่พูดอะไรอะ"

"คิทมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย พี่โกหกน่าน โกหกจริงๆ"

ผมเงียบเพราะตกใจกับสิ่งที่พี่ซีพูด ส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่เข้าใจในตัวเขา

"ทำไมพี่โกหกผม"

"พี่แค่อยากรู้ว่าน่านคิดอะไรอยู่ อยากรู้ว่าน่านจะบอกอะไรกับมันเลยหลอกให้น่านพูดออกมา"

"พี่ซี พี่ทำแบบนี้ทำไม!"

"ก็รู้สึกผิดอยู่นี่ไง!"

"พี่ซี!"

"ขอโทษ"

"พี่ซี พี่สนุกเหรอ พี่ปล่อยให้ผมเป็นไอ้โง่ที่ยืนพูดคนเดียวเพราะเชื่อว่าคิทมันอยู่ตรงนั้น ผมเชื่อและงมงายอยู่คนเดียวว่ามันยังอยู่ และพี่เป็นคนแรกที่ทำให้ผมแน่ใจว่ามันยังอยู่เพราะพี่มองเห็นมันได้ ผมเชื่อทุกคำที่พี่พูด เชื่อทุกอย่างที่พี่บอกแล้วพี่มาทำแบบนี้กับผมเหรอ"

"ขอโทษ"

"พี่ซี ทำไมทำแบบนี้กับผม"

"ขอโทษ"

ความโกรธปนเปกับความเสียใจกลายเป็นน้ำตาแทนคำพูด ผมผิดหวังกับพี่ซีมากจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเลย

"แต่คิทมันได้ยินนะ สิ่งที่น่านพูด มันได้ยินทุกอย่างแหละ"

"แต่มันไม่ได้อยู่ตรงนั้น"

"..."

"และมันก็ไม่ได้อนุญาตให้ผมรักพี่ด้วย"

"น่าน ถ้าน่าจะรักใครสักคนน่านต้องถามตัวเองเว้ย มันขึ้นอยู่กับน่านไม่ได้ขึ้นอยู่กับมัน ไอ้คิทมันตายไปแล้ว มันไม่เกี่ยวอะไร มันตายไปแล้ว เข้าใจไหม!"

"พี่ซี! พี่ไม่เข้าใจผม คิทมันสำคัญกับผมมากนะ"

"ถ้าคิทมันสำคัญขนาดนั้น ชีวิตนี้น่านก็คงรักใครไม่ได้แล้ว"

"..."

"น่านจะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน คิดแบบนี้น่านจะรักคนอื่นได้ยังไง"

"..."

"น่านจะรักพี่ได้ยังไง"

ผมเงียบก่อนพยักหน้าให้กับพี่ซีเบาๆ

"นั่นสิครับ"

"..."

"ผมรักพี่ไปได้ยังไง"

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-03-2018 01:19:18
นี่อย่าบอกนะว่า พี่ซีเป็นต้นเหตุในการตายของคิท  :a6:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 25-03-2018 01:54:14
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 25-03-2018 10:13:08
เฮียสู้ ๆ อย่ายอมแพ้
อย่าให้อดีต (ที่ไม่รู้ว่าเกี่ยวกะเฮียยังไง) มาทำลายความมุ่งมั่นในการจีบ "หนู" นะเฮียนะ

สู้ ๆ เฮีย
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-03-2018 12:45:26
ฝีมือจริงๆ เขียนเรื่องผียังละมุนขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 02-04-2018 02:40:44
ลุ้นๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่16] 25/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 02-04-2018 23:55:35
ตอนที่ 17
ตายแล้วแต่ยังอยู่

 

ซี  solo :

 

ผมโกหกน่าน เพราะคิดว่ามีผมเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง ผมอยากปล่อยให้น่านเชื่อแบบนั้นแล้วก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทุกอย่างมันดีอยู่แล้วผมไม่ควรทำมันพัง แต่ความรู้สึกผิดตามติดตัวผมเป็นเงา น่านเชื่อในตัวผม และยิ่งเขาเชื่อมากเท่าไร ความผิดของผมก็กัดกินใจไปมากเท่านั้น จริงอยู่ที่ความจริงเรื่องนี้มันไม่มีคนรู้ แต่ผีรู้

มีผีตัวหนึ่งที่รู้

"พี่หลอกน่านทำไม"

ผมหันไปมองเสียงที่ดังก้องขึ้นข้างหู แต่ไม่มีใคร มือกำขวดเบียร์แน่นตอนที่เสียงหลอนนั่นดังขึ้นอีกที

"พี่หลอกน่านทำไม!"

สิ้นเสียงที่ตะโกนอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น เจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เพราะผมมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ผมจึงมองเห็นมัน...ไอ้คิท

มันมาในรูปแบบการตายที่สยดสยอง ผมกลัวแต่ต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ผมยกเบียร์ขึ้นกรอกปากหมดขวดในทีเดียว แล้วเดินขึ้นห้องโดยไม่พูดอะไร ไอ้ผีตัวนั้นยังคงตามมากรอกหูด้วยคำถามเดิม

"พี่หลอกน่านทำไม!"

"..."

"ผมรู้ว่าพี่เห็นผม"

ผมเกลียดการที่ตัวเองมองเห็นผีได้ แล้วยังต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ไม่รู้ว่าอะไรก็ตามที่บงการให้ผมเป็นแบบนี้ ผมอยากบอกว่ามันหนักเกินไปสำหรับผม ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วหันมองสิ่งที่น่าสยดสยองตรงหน้า

"ทำหน้าดีๆ แบบนี้กูกลัว"

วิญญาณสยองหน้าค่อยๆ แปรสภาพกลับมาเป็นวิญญาณในรูปแบบปกติ ผมจึงได้เห็นหน้าชัดๆ ของคนที่ชื่อคิท คนที่เป็นพี่ชายของแคท คนที่น่านเคยรัก

"มึงไม่หนีกูแล้วเหรอ" ผมถามเสียงเรียบ เพราะทุกครั้งที่ไอ้คิทต้องการจะปรากฏตัว เมื่อมองมาเห็นผมมันก็จะรีบหนีไปราวกับไม่กล้าสู้หน้า แต่คราวนี้มันยอมโผล่มาให้เห็นกันซึ่งๆ หน้า สาเหตุเพราะผมไปโกหกน่านว่าคิทมันอยู่ด้วย ก่อนน่านจะยอมพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาจนหมด ผีที่ถูกพาดพิงคงไม่พอใจจึงตามมาโวยวายกับผมถึงที่

"ผมถามว่าพี่โกหกน่านทำไม!"

"กูแค่อยากรู้ว่าน่านคิดอะไร"

"แค่นั้นถึงกับต้องโกหกมันเรื่องผมเลยเหรอ น่านมันอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากพี่ก็รู้แล้วยังไปหลอกมันอีก"

"แต่มึงก็ได้ยินทุกคำที่น่านพูดนี่"

มันเงียบขณะที่ผมก็มองมันไม่ละสายตา 

เหี้ยอะไรวะชีวิตกู ต้องมายืนจ้องหน้าเป็นเดือดเป็นแค้นอยู่กับผี กูหึงน่าน โคตรหึงเลย หึงกับคนยังมีสิทธิ์เอาชนะได้ นี่หึงกับผีกูจะเอาอะไรไปสู้มันวะ แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ผมไม่มีทางยอมแพ้ ต่อให้มันมาหักคอผมตรงนี้ผมก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

"น่านควรลืมมึง แล้วให้กูแทนที่มึงได้แล้ว"

"แต่ผมไม่ยอม"

"ไม่ยอมแล้วมึงทำอะไรได้"

"..."

"บอกกูสิว่ามึงจะทำอะไรได้ มึงตายไปแล้ว ตรงนี้ไม่มีที่ของมึงแล้ว"

"แต่น่านรักผม"

"มันรักกู"

"ไม่! น่านรักผม!"

"ผีเหี้ย! ตายแล้วก็ไปเกิดดิวะ"

"ผมจะไปได้ยังไง ผมต่างหากที่ยังค้างคาใจ..."

ไอ้ผีนั่นพูดแค่นั้นก่อนหายวับไปอย่างทุกครั้ง ผมทิ้งตัวเองลงบนที่นอน ลืมตามองเพดานด้วยความว่างเปล่า นี่มันเรื่องอะไรกันวะ แบบนี้ใจร้ายกับกูไปหน่อยไหม

 

...

 

แม้ผมจะรู้แล้วว่าน่านคิดยังไงกับผม แต่ผมมันเห็นแก่ตัว และใจกว้างไม่พอที่จะยอมให้น่านคิดถึงคนเก่า คนที่ตายไปแล้วไม่ควรมีบทบาทอะไรในชีวิตน่านเลย แต่หลายครั้งน่านก็คิดถึงมันแล้วพูดออกมาให้ผมฟัง

"คิทตายตรงนั้น"

ผมเงียบไปตอนที่น่านบอกกับผม พลางชี้ไปยังถนนเส้นหนึ่งที่ผมสะดุดกึกตอนหันมอง

"รถเขาชนเข้ากับสะพานตรงนั้น ผ่านไปสามปีแล้วยังลืมไม่ได้เลย"

"ชนสะพาน สามปีที่แล้ว" ผมทวนคำพูดของน่านแล้วหันมองตำแหน่งนั้นอีกครั้ง ภาพอุบัติเหตุของผมเมื่อสามปีก่อนพุ่งเข้ามาในหัวจังหวะที่ความรู้สึกเจ็บแปลบแทรกเข้ามาจนพูดอะไรไม่ออก

"พี่ซี"

"..."

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า"

"เปล่า ไม่เป็นไร"

ผมพูดปัดๆ แต่ความทรงจำในหัวที่เคยแตกเป็นเสี่ยงประกอบเข้ากันจนทุกอย่างชัดเจนขึ้นมาในตอนนั้น ผมถูกรถชนที่นี่ พ่อตายที่นี่ และไอ้คิทตายที่นี่...

 

...

 

 

ท่ามกลางความมืดและบรรยากาศชวนขนลุก ผมฝ่าความกลัวเข้ามาในสุสานหลังวัดคนเดียว เพื่อมายืนอยู่ที่หน้าโกศเก็บกระดูกของไอ้คิท ผมโกรธจนอยากถีบรูปหน้าศพนั่นให้แตกคาตีนแต่ห้ามใจตัวเองไว้แล้วเรียกมันออกมา

"มึงออกมาเลย"

"..."

"กูบอกให้มึงออกมา!"

มันปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้นด้วยสภาพปกติที่ทำให้ผมกล้าพอที่จะยืนจ้องหน้ามันท่ามกลางบรรยากาศมืดครึ้ม

"ผมคิดอยู่แล้วว่าวันหนึ่งพี่ต้องรู้"

"มึงก็เลยหนีกูตลอด ทุกครั้งที่กูมองเห็นมึงใช่ไหม"

"วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่..."

"กูไม่ต้องการคำอธิบายของมึง"

"แล้วพี่มาที่นี่ทำไม"

"มึงทำให้กูต้องเป็นแบบนี้"

"..."

"มึงขับรถชนกู"

"..."

"ชนพ่อกู"

"..."

"มึงทำให้พ่อกูตาย"

"เปรี้ยง!" เสียงฟ้าผ่าลงมาหลังจากผมพูดประโยคนั้นจบ เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนโผล่เข้ามาในหัวเหมือนหนังฉายซ้ำ ผมกับพ่อไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พ่อต้องมาตายเพราะไอ้วัยรุ่นที่ไม่มีกระทั่งใบขับขี่แถมยังเมาแล้วขับ แม้มันจะตายไปด้วย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันยุติธรรม มันไม่สมควรตาย แบบนั้นมันง่ายเกินไป

"ผมขอโทษ"

"คำขอโทษของมึงไม่มีประโยชน์เลย พ่อกูไม่มีวันได้ยิน"

"ผมขอโทษจริงๆ"

ผมคลายหมัดที่กำแน่น จริงอยู่ที่อยากจะกระโดดชกหน้ามันสักทีแต่ก็รู้ว่าไม่มีทางทำได้เพราะมันเป็นวิญญาณ จึงสงบใจตัวเองแล้วถอนหายใจเรียกสติอีกครั้ง

"ที่มึงยังไม่ไปไหน ไม่ใช่เพราะน่าน แต่เป็นเพราะกูกับพ่อใช่ไหม"

"ผมรักน่าน แล้วน่านก็รักผม"

"ตอบคำถามกูไอ้ผีเหี้ย"

"..."

"ที่มึงยังอยู่เพราะกูหรือเพราะน่าน"

มันก้มหน้าหลบตา ก่อนยอมจำนนด้วยการพยักหน้ารับเบาๆ   

"น่านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมยังไปไหนไม่ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด"

"..."

"สาเหตุจริงๆ คือพี่"

"..."

"มันเป็นเพราะผมยังไม่เคยขอโทษพี่เลย ผมไม่เคยกล้าพูดว่าขอโทษ แถมยังต้องหนีทุกครั้งที่พี่มองเห็น เพราะผมไม่กล้า"

"..."

"ผมอยากไปให้พ้นจากสภาพนี้แต่ทำไม่ได้ ความรู้สึกผิดมันมีมากเกินไป มากเกินกว่าที่ผมจะปล่อยให้มันนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้นแล้วไปในที่ที่ควรไป"

"แล้วการที่มึงเร่ร่อนอยู่แบบนี้มันจะช่วยอะไร"

"ผมอยู่อย่างสำนึกผิด"

"..."

"อยู่เพื่อรอวันที่พี่จะยอมให้อภัย"

ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง ผมคิดโกรธเคืองคนที่ทำให้พ่อต้องตายมาตลอดชีวิต ถ้าพ่อยังอยู่ผมคงจะถามพ่อว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ผมอยากฆ่ามันให้ตายอีกครั้งแต่พ่อคงไม่อยากให้ผมคิดแบบนั้น พ่อไม่ได้สอนให้เป็นคนแบบนั้น และชีวิตก็สอนผมว่าเราไม่มีเวลามากพอที่จะโกรธแค้นใครได้นานไปทั้งชีวิต

"มึงไปเถอะคิท"

"..."

"กูให้อภัย"

 

หากเป็นพ่อก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน...

 

...

 

 

ผมเดินกลับมาจากสุสานก่อนมาหยุดที่ริมแม่น้ำกว้าง ทอดสายตาไปยังแผ่นน้ำที่กระทบแสงไฟระยิบระยับ

"เฮียขา!"

"ไปไกลๆ เลย อารมณ์ไม่ดี" ผมพูดเบาๆ กับผีที่ปรากฏตัวข้างๆ

"เป็นอะไรอะ"

ผมหันไปหามินท์ เอาหลังพิงราวสะพาน มองดูผีผู้หญิงที่สวมชุดนักศึกษา มันเป็นผีตัวเดียวที่ผมไม่กลัวและไม่เคยมาอย่างสยดสยอง ผมมองเห็นมินท์ครั้งแรกหลังจากมันฆ่าตัวตายได้ไม่นาน ผีที่เอาแต่ร้องไห้อย่างน่ารำคาญ เมื่อก่อนมันไม่เคยพูดอะไรได้แต่คร่ำครวญ หลังๆ มานี้พูดไม่หยุดปาก รำคาญกว่าตอนมันเอาแต่ร้องไห้อีก

"มินท์ ทำไมมึงไม่ไปเกิดวะ"

"ไปไม่ได้ เขาไม่ให้ไป"

"ใครวะ"

"เฮียไม่เข้าใจหรอก ต้องลองตายดูถึงจะรู้"

อีนี่ ถ้ากูเตะผีได้รับรองว่ามึงปลิวไปนู่น

"ได้ยินนะเฮีย"

ผมหันมองตาขวางที่มันถือวิสาสะมาล่วงรู้กระทั่งเรื่องที่คิดในใจ

"แล้วมึงจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานไหม"

"หนูก็ไม่รู้ ก็ไม่อยากติดอยู่แบบนี้หรอกแต่ไปไหนไม่ได้ หนูทำบาป ทำร้ายตัวเอง"

"แล้วไอ้ผีที่เลือกที่จะไม่ไปเกิดเองล่ะ มันทำได้ไงวะ"

"ยังห่วงอะไรล่ะมั้ง ก็เลยไม่ยอมไป"

ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนหันมองเด็กสองคนที่ปั่นจักรยานผ่านไป เด็กนั่นหันมองผมแล้วหันไปคุยกัน

"พี่เขาคุยคนเดียวเว้ย"

"เออ สงสัยจะคนบ้า รีบไปเร็ว"

ไอ้เด็กเปรต เดี๋ยวโดนเตะ

"เฮียคิดมากเรื่องคิทกับน่านเหรอ"

"มึงรู้ได้ไงเนี่ย"

"หนูรู้ทุกเรื่องแหละ"

"ผีขี้เสือก"

"เฮีย ปากงี้อยากโดนบีบคอตายป่ะ"

"เดี๋ยวนี้มึงกล้ากับกูเหรอ" 

"เหอะ! ไม่ทำให้เสียแรงหรอก เดี๋ยวเฮียก็ตับแข็งไม่ก็มะเร็งปอดตายเองแหละ"

"ถ้ากูตายจะตามไปกระทืบมึงคนแรกเลยอีผี"

"คนร้าย!"

"ไปไกลๆ เลยไป กูจะกลับละ"

มินท์ยักไหล่หน่อยๆ ก่อนหายวับไป เป็นวิญญาณแม่งคงจะดีตรงไม่ต้องเดินนี่แหละ ป่านนี้มินท์มันถึงหอไปแล้วแต่ผมยังเดินลากเท้าไปเรื่อยๆ ตอนแรกจะกลับหอแต่เปลี่ยนใจเลี้ยวเข้าร้านเหล้าแทน

เมื่อผมรู้ตัวว่าความเมาช่วยไม่ให้มองเห็นผีได้ ผมก็ใช้เหล้าเป็นทางออกหลีกหลีความกลัวพวกนั้นมาตลอด วันไหนที่สติสัมปชัญญะของตัวเองเหนือการควบคุมผมก็จะกลายเป็นคนปกติ ไม่มองเห็นผี ไม่สัมผัสถึงวิญญาณ แต่ก็อย่างที่ใครๆ บอก ผมคงต้องตับแข็งตายในไม่ช้านี้แน่นอน ชีวิตนี้คงอยู่ได้ไม่นานก็รีบๆ แดกเข้าไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวตายไม่ได้แดกอีก 

ผมรินเหล้าใส่แก้วก่อนจะเทน้ำเปล่าตามลงไป จังหวะที่กำลังจะยกขึ้นดื่มก็มีมือหนึ่งดึงแก้วนั่นไปก่อน ผมมองเด็กผู้หญิงที่ยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวเกลี้ยง เห็นว่าเป็นแคทเลยยกมือทุบหัวมันไปทีหนึ่ง

"เดี๋ยวก็เมาตายห่าหรอก"

"ทำไมมานั่งกินเหล้าคนเดียวเนี่ย พี่ขอแก้วใบ" ประโยคหลังมันหันไปพูดกับเด็กในร้านเหล้าที่เดินผ่านมาพอดี

"ใครบอกให้มึงกิน"

"เดี๋ยวกินเป็นเพื่อน"

"เป็นอะไร ทะเลาะกับผัว?"

"ปากหมางี้ไงเลยไม่มีใครคบ" แคทยื่นมือมาหยิกแขนผมผม แรงจนต้องโยกตัวหลบ

"เออๆ ทะเลาะกับแฟนอีกแล้วหรือไง"

"อือ เรื่องเดิมๆ" แคทรับแก้วมาจากเด็กเสิร์ฟ แล้วจัดการชงเหล้าก่อนจะยกแก้วมาชนกับแก้วผม

"แล้วมาประชดรักด้วยการกินเหล้าเนี่ยนะ เท่ตายล่ะ"

"ว่าแต่หนู พี่เนี่ยเป็นอะไร เมาจนคอจะไม่อยู่บนบ่าอยู่แล้ว"

ผมยกคอตัวเองขึ้นมาวางบนขวดเหล้าเพื่อค้ำไม่ให้มันลงไปกองกับโต๊ะ

"ว่าไง เป็นอะไร"

"กูก็มีเรื่องเครียดของกูบ้าง"

"พี่ซี"

"อือ"

"พี่ชอบพี่น่านเหรอ"

"อือ"

"จริงป่ะเนี่ย แล้วพี่น่านชอบพี่ป่ะ"

"ชอบดิ"

"จริงเหรอ ดีใจว่ะ"

"ดีใจอะไร"

"พี่น่านจะได้ลืมพี่คิทสักที"

ผมเงยหน้ามองแคทที่พูดมันออกมาด้วยรอยยิ้ม

"พี่คิทไม่ได้จริงจังอะไรกับพี่น่านเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยชัดเจนกับพี่น่านแล้วก็มาตายไปก่อน กลายเป็นพี่น่านที่ไม่กล้ารักใครไปเลยเพราะเขา หนูสงสารพี่น่านจริงๆ นะ"

"ใช่ คนผิดคือพี่มึง"

"ก็คงงั้นอะ แต่พี่คิทตายไปแล้วนะ ป่านนี้ไปเกิดใหม่เป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้"

"เกิดใหม่ห่าอะไร วนเวียนอยู่แถวนี้แหละ"

"พี่ซี พูดอะไรอะ"

"ไอ้คิทไง มันยังไม่ไปไหนเลย วันก่อนยังมาเถียงกับกูอยู่เลยว่าน่านรักมันอย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้ผีหวงก้าง"

"พี่เมามากเลยนะ"

"กูก็คิดงั้นแหละ"

ผมพยายามตั้งหัวให้ตรงแต่ก็พบว่าคอมันทรยศไม่เป็นอย่างที่คิด โลกก็หมุนไปหมุนมาเหมือนต้องการจะแกล้งอะไรกัน ความคิดในหัวก็วิ่งวนตีกันจนสับสน ผมรู้สึกผิดกับน่านที่โกหกเขา และกับไอ้คิทเอง ผมสับสน เหมือนกับว่าผมยังไม่คิดที่จะให้อภัยมันจริงๆ อย่างที่พูดออกไป มันเร็วเกินกว่าที่ผมจะทำใจยอมรับได้

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่17] 3/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 03-04-2018 00:25:54
 :hao5: กลายเป็นสงสารพี่ซีสุดตอนนี้
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่17] 3/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-04-2018 01:03:07
เดาผิดอีกแล้ว คิดว่าซีทำให้คิทตาย กลายเป็นคิททำให้พ่อซีตาย แต่เพราะอะไรคิทถึงขับรถทั้ง ๆ ที่เมา มันมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาหรอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่17] 3/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-04-2018 11:02:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่17] 3/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: tegomass ที่ 03-04-2018 12:33:56
โมเม้นท์ :ling1: :ling1: ของพี่ซีทำไมถึงเป็นมาม่าชามโตเยี่ยงนี้ละ สงสารพี่ซีจัง ถ้าน่านคิดได้เร็วกว่านี้น่านจะจำได้ว่า พ่อพี่ซีตามเมื่อสามปีที้แล้ว และพี่ซีโดนรถชนเมื่อ3ปีที่แล้ว โอ้ย!! :ling1:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่18] 7/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 07-04-2018 23:35:01
ตอนที่ 18
ตายดีกว่า

 

"พี่ซี กลับมาตั้งแต่เมื่อไร"

ผมหันมองน่านที่เปิดประตูหอออกมา ผมกลับมาถึงหอได้สักพักแต่เมามากจนอยากนอนมันตรงนี้เลย อีกอย่างผมรู้ว่าเข้าไปก็เจอน่านรออยู่ และผมไม่พร้อมเจอหน้าเขาเลย

"แล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะครับ"

"คีย์การ์ดหาย" ผมตอบสั้นๆ แต่จริงๆ ผมก็รู้ตัวว่าคีย์การ์ดนั่นอยู่ในมือ

"พี่เมาอีกแล้ว..."

ยิ่งมองหน้าน่านผมยิ่งรู้สึกผิดจนอยากจะร้องไห้ จึงปล่อยน้ำตาตัวเองให้ไหลอยู่กับเขาอย่างนั้น ผมตกหลุมรักน่านเร็วจนตัวเองยังแปลกใจ แต่ความน่ารักของเขาเอาหัวใจผมไปได้ง่ายๆ ผมเคยคิดว่าน่านมีกำแพงในใจสูงจนผมไม่สามารถปีนป่ายข้ามไปหา แต่กำแพงนั่นพังลงเพราะคำโกหกที่เห็นแก่ตัวของผม น่านก็รักผมแต่เขาแค่อยากได้ยินคำอนุญาตจากไอ้คิท ผมโกหกคำนั้นให้น่านฟังเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ความรู้สึกผิดกลับมาทำร้ายผม ยิ่งน่านพูดออกมาว่าเขาเชื่อผมสนิทใจ เชื่อโดยไม่มีเงื่อนไข ผมจึงไม่อาจปล่อยให้น่านเชื่อแบบนั้น แล้วพูดความจริงทั้งหมดออกไป แล้วความจริงนั่นก็ทำทุกอย่างพัง คำขอโทษแม้เป็นร้อยครั้งก็ไม่มีความหมาย น่านโกรธผม และผมก็รู้สึกผิดจนอยากตายไปตรงนั้น

 

"ผมรักพี่ไปได้ยังไง"

 

น่านจะโกรธจนเลิกรักผมไปเลยหรือเปล่า น่านจะให้อภัยผมได้ไหม ผมคิดอยู่เป็นพันครั้ง แต่ทำอะไรไม่ได้

นอกจากมองเขาที่เดินออกไปโดยไม่กล้าที่จะรั้งเอาไว้ ชีวิตกู ต้องมาเจออะไรดราม่าแบบนี้เหรอวะ

"ให้ผมคุยกับน่านได้ไหม"

ผมหันขวับไปมองเสียงที่ดังข้างๆ หู ก่อนเห็นว่าเป็นไอ้คิท ยืนอยู่ข้างๆ มินท์ ผมคงเริ่มสร่างเมาแล้วจึงมองเห็นพวกมันชัดเจนดี 

"มึงยังอยู่อีกเหรอ"

ไอ้คิทพยักหน้าหงอยๆ

"ก็พี่ยังไม่ได้ให้อภัยผมจริงๆ เลย และน่านก็ยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมไปไหนไม่ได้ ผมขอคุยกับน่านได้ไหมพี่"

"มึงจะคุยยังไง"

"ให้ผมยืมร่างนะ"

"ยังไงวะ"

"ไอ้นี่มันจะสิงเฮียไง"

"เหี้ย! บาป!" ผมตะโกนด่า

"บอกแล้วไม่ได้หรอก แล้วเฮียก็มีพระด้วย ร้อนโคตร" มินท์ว่าแล้วชี้มาที่สร้อยพระที่พ่อให้เอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ ผมคล้องคอเอาไว้ตลอด ผมยกมือจับสร้อยนั่น ผีสองตัวเขยิบหนีอย่างหวั่นๆ

"มึงรู้ได้ไงว่าร้อน เคยคิดจะสิงร่างกูใช่ไหม"

"ก็ลองๆ ดู"

"ผีชั่ว!"

"พี่ถอดออกแล้วให้ผมยืมร่างเถอะนะ เดี๋ยวผมไปอธิบายให้น่านฟังเอง"

"ไม่เอา"

"พี่แม่ง!"

"แม่งเหี้ยอะไรล่ะ ใครจะไปยอมให้ผีสิงตัวเองวะ"

"พี่ซี.."

"พวกมึงจะไปไหนก็ไปก่อนเหอะ กูขอนอนก่อนได้ไหม"

"..."

"กูเหนื่อยมากแล้ว"

 

 ...

 

 

วันนี้ผมอยู่ที่วัดเพราะวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อ ครบสามปีพอดีที่พ่อไม่อยู่ แม่โทรมาแต่เช้าเพราะกลัวว่าผมจะลืม ป้าทิพย์กับเท็นก็มาทำบุญให้พ่อด้วยอย่างทุกปี  ไคโรที่ไม่รู้จักพ่อผมเพราะมันเพิ่งย้ายเข้าอยู่ก็ตามมาด้วยเพราะมันบอกว่าไม่มีอะไรทำ ส่วนน่าน ไม่กลับหอเลยตั้งแต่วันนั้น

"เห็นพี่เท็นบอกว่าพ่อพี่ซีใจดีมากเลย"

"ป๋าโคตรใจดีเลยแหละ ทำข้าวเย็นให้กินทุกวันด้วย อยู่หอนี้โคตรสบายอะ"

"แถมยังมีปาร์ตี้ทุกเดือนด้วยนะคะ"

"ใช่ครับ ป๋าจัดงานวันเกิดให้ผมด้วย จำได้ว่าวันนั้นเมากันยันเช้า ผมเลยไปสอบไม่ทันเลย"

"ป้าก็จำได้ค่ะ เมื่อก่อนสนุกมากนะคะ"

ผมปล่อยป้าทิพย์และเท็นรำลึกความหลังของพ่อให้ไคโรฟังแล้วออกมายืนสูบบุหรี่ข้างนอก ที่จริง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อตายวันไหน ผมไม่ได้ไปงานศพของพ่อด้วย ผมออกจากโรงพยาบาลในวันที่พ่อเหลือแต่กระดูกและรูปหน้าศพ ผมไม่รู้ว่ารอยยิ้มสุดท้ายของพ่อที่ส่งมาให้จะมาจากรูปหน้าศพนั่น เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแต่มันแทนทุกคำบอกลา ยิ้มนั่นมันบอกกับผมว่าพ่อไม่อยู่แล้ว

"ในวัดห้ามสูบบุหรี่นะโยม"

ผมหันขวับไปมองเสียงนั่น ไม่ใช่พระแต่เป็นไอ้แคท

"ล้อเลียนพระ บาปไหม"

"พี่มาทำอะไรที่นี่เนี่ย เข้าวัดได้ด้วยเหรอ" แคทพูดพลางดึงบุหรี่จากมือผมไปโยนลงพื้นแล้วใช้เท้าดับมัน

"แล้วมึงมาทำอะไร"

"วันนี้ครบรอบวันตายพี่คิท มากับพ่อแม่"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ พ่อผมกับไอ้คิทตายวันเดียวกัน แต่วัดมีเป็นร้อยก็ต้องมาที่เดียวกันด้วยเหรอ ตอนที่ผมหันกลับมาที่แคทก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นไอ้คิทยืนอยู่ข้างๆ แคทด้วย

"มีอะไรเหรอพี่"

"ไม่มีอะไร"

"เดี๋ยวพี่น่านกำลังตามมานะ"

"อ๋อ" ผมพูดได้แค่นั้น ก่อนแคทจะขอตัวออกไปก่อน ส่วนไอ้คิทยังอยู่ตรงนี้ ผมมองให้แน่ใจว่าแคทเดินไปพ้นแล้ว หยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุดสูบแล้วหันไปหาไอ้คิท

"ในวัดมึงก็โผล่มาได้เหรอ"

"ได้ทุกที่นั่นแหละ"

"น้องมึงไปนู่นแล้ว ไปหาน้องมึงดิ"

"ผมมาหาพี่ต่างหาก มาขอร้องพี่อีกครั้ง"

คิทยังคงต้องการคุยกับน่านผ่านทางผม เลยมาตามตอแยขอสิงร่างอยู่เรื่อยๆ

"ไม่เอาเว้ย ไปเกิดได้แล้วไป กูให้อภัยจากใจเลยเนี่ย"

"ยังห่วงน่านอยู่"

"งั้นก็ไปรักกันไกลๆ ไป กูอิจฉา"

"พี่ คุยกันดีๆ ดิวะ"

"ผีก็อยู่ส่วนผีไป อย่ามายุ่งกับกูอีก รำคาญ กูเตือนมึงอีกครั้งเดียวนะไอ้คิท ไปให้ไกลๆ ตีนกูเลย"

"พี่ซี..."

"ขวับ!" ทั้งผมและผีหันไปมองเสียงนั่น แคทที่เดินกลับมาขมวดคิ้วแน่นมองผม

"พี่พูดกับใครอะ"

"พูดคนเดียว"

"หนูได้ยินพี่พูดถึงพี่คิท"

"..."

"พี่พูดว่าผีอะไร"

"กูเมาอะแคท ไปเหอะ ไม่มีอะไรหรอก" ผมพูดปัดๆ ทำท่าจะเดินหนีไปแต่แคทดึงเสื้อผมเอาไว้ 

"หนูสงสัยตั้งแต่วันที่พูดที่ร้านเหล้านั่นแล้วนะ พี่พูดเหมือนพี่คิทยังอยู่"

"แล้วถ้ากูบอกว่ามันยังอยู่ มึงจะเชื่อกูไหมล่ะ"

แคทส่ายหน้าด้วยสีหน้าสุดจะเชื่อ กะแล้วไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นหรอก มันเลยดีกว่าถ้าไม่พูดออกไป

"พี่จะเล่นตลกอะไรก็ได้นะ แต่ไม่ใช่เรื่องนี้"

"กูไม่มีอะไรจะอธิบาย"   

"พี่เป็นบ้าเหรอพี่ซี"

"..."

"พี่เล่นบ้าอะไรอะ!"

"มีอะไรกันเหรอ"

ทั้งผมและแคทหันไปมองน่านที่เดินเข้ามา ผมยิ้มให้คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันด้วยความคิดถึง แต่อีกคนยังคงโกรธจึงมีเพียงใบหน้านิ่งๆ ตอบกลับมา

"พี่ซีบอกว่าพี่คิทยังอยู่"

"ก็เออ อยู่ตรงเนี้ย" ผมกระแทกเสียงประชด สะบัดหน้าไปทางไอ้คิทที่ยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ

"พี่ซี เลิกเล่นได้แล้ว!"

"ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง"

"หนูไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อ!"

น่านเข้ามาดึงมือแคทไปตอนที่มันกำลังโวยวายใส่ผม น้ำเสียงเรียบแต่ชัดไปด้วยความโกรธพูดออกกับแคท แต่หันมองหน้าผม

"ไม่ต้องไปเชื่อหรอกแคท เขาโกหกเก่ง"

อือ เอาให้พอ ผมมองสองคนนั้นเดินออกไปแล้วเหลือบตามองไอ้ตัวปัญหาที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ

"เพราะมึงเลยไอ้เหี้ยคิท"

"ขอโทษ..."

 

...

 

 

คืนนั้น ผมออกมาปั่นจักรยานเล่นไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดอะไรให้วุ่นไปหมด อยากให้แม่น้ำนั่นกลายเป็นมหาสมุทรเหล้า ผมจะวิ่งเข้าใส่แล้วแดกให้เมาไม่ตื่นไปสามวันเลย ขณะกำลังว้าวุ่นอยู่ในใจ เสียงดังจากที่ไกลๆ ก็ดึงความสนใจของผมไป

"ปัง! ปัง!"

ผมจอดจักรยานกะทันหันเพื่อหยุดมองพลุที่ประกายอยู่บนท้องฟ้านั่น  นอกจากเหล้าแล้ว ผมก็ชอบสิ่งนี้แหละ ชอบแสงระยิบระยับจากพลุนั่นที่ลอยอยู่บนฟ้า แต่เสียดาย มันอยู่ได้ไม่นานก็ดับไป เมื่อทั้งเสียงและแสงบนฟ้านั่นเงียบไปผมจึงปั่นจักรยานไปต่อตั้งใจจะกลับบ้าน เลื่อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้าไร้ดาวนั่น ฟ้าวันนี้มืดกว่าทุกวันหรือเปล่า

"ปิ๊นๆ!"

ผมเบิกตากว้างเมื่อมองไปเห็นรถที่สวนทางมา เพราะเป็นทางโค้งและถนนคับแคบ ผมหลบไปไหนไม่ได้หรือต่อให้ได้ก็หลบไม่ทัน ผมนิ่งอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะรู้ตัวว่ากระเด็นออกมาจากแรงกระแทกเข้าเต็มๆ

"โครม!"

ขณะที่ตัวเองกำลังลอยเคว้ง ตอนนั้นหัวผมว่างเปล่า คิดอย่างเดียวว่า ตายได้ก็ดีเหมือนกัน ผมไม่อยากเป็นตับแข็ง ไม่เอามะเร็งปอดหรือป่วยระยะสุดท้าย ไม่อยากเป็นคนมองเห็นผีที่ทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นบ้า ไม่รู้ว่าชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้ บางทีตายก็น่าจะดีกว่า ตายไปเลยดีกว่า

.

.

.

แต่แม่ง ไม่ตายว่ะ

 

"เฮีย"

"เฮีย ได้ยินผมไหม"

"คุณซี เห็นป้าไหมคะ!"

"เฮียขา"

"พี่ซี"

อะไรกันวะเนี่ยทั้งคนทั้งผี ผมกระพริบตาถี่เพื่อปรับสายตารับแสงจ้าจากหลอดไฟสีขาวบนเพดาน ก้มมองดูตัวเองที่อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล

"เฮียเป็นไงมั่ง เจ็บตรงไหนไหม"

"จักรยานกูพังป่ะวะ" นั่นคือคำแรกที่ผมพูดออกไป

"โว๊ะ! ห่วงตัวเองก่อนดีป่ะ"

คันนั้นเกือบแสนเลยวะโว้ย! กูรักมันมากกว่าตัวเองอีก ผมคิดแต่ไม่ได้พูดออกไปไม่งั้นโดนด่าซ้ำแน่ ผมหันมองแขนตัวเองที่ชาจนไม่รู้สึก ขาก็เจ็บด้วย หักไหมวะเนี่ย แต่ถ้าเทียบกับความเจ็บปวดเมื่อสามปีก่อนครั้งนี้ดูเล็กน้อยไปเลย ผมเจ็บแต่ไม่อยากให้สมาชิกหอเป็นห่วงเลยบอกไปว่าไม่เป็นไร ถึงจะยอมกลับไป ส่วนเท็นบอกว่าจะกลับมานอนกับผมที่นี่ ส่วนผีสองตัวยังยืนหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ 

"ไม่ต้องห่วงนะเฮีย หนูจะอารักขาเฮียเอง ไม่ให้ผีตัวไหนเข้ามาได้เลย"

ผมยกนิ้วโป้งให้มินท์ ก่อนมันจะหายแวบไปเป็นยามหน้าห้อง ผมเกลียดโรงพยาบาลเพราะที่นี่ผีเยอะเกินไป และอีกเหตุผลคือ เมื่อสามปีก่อนผมอยู่ที่นี่นานเกินไป นานจนผมไม่คิดว่าจะกลับมาที่นี่อีก

"เจ็บมากไหม" ไอ้คิทที่ยังไม่ไปไหนถามผมขึ้นมา

"ดูสภาพกูสิ ควรถามไหม"

"ผมไม่รู้นี่ว่าโดนแบบนี้มันจะเจ็บมากไหม ผมตายคาที่เลยนี่หว่า"

ดราม่ากว่ากูไปอีก

"แล้วมึงมาที่นี่ทำไม"

"น่านกับแคทกำลังมาที่นี่"

"แล้ว?"

"ก็ผมอยากคุยกับสองคนนั้น"

ผมขมวดคิ้วมองสิ่งที่มันพูดอย่างไม่เข้าใจ

"มีคนเอาสร้อยพี่ออกตอนพี่มาที่โรงพยาบาล"

ผมยกมือข้างที่ไม่เจ็บจับสร้อยตัวเองแต่ไม่เจอ

"ไม่มีพระแล้ว ผมเข้าไปได้แล้วนะ"

"ไรนะ! เดี๋ยว!"

ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อประตูห้องก็ถูกเปิดออก น่านเดินเข้ามากับแคทอย่างที่คิทบอกจริงๆ

"ยืมร่างแป๊บนะ เดี๋ยวเคลียร์ให้ทุกอย่างเลย"

"ไม่เอา ไอ้เหี้ยคิท ไอ้...!"

"..."

เหี้ยคิท!

 

 

To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่18] 7/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-04-2018 00:47:45
โอ้ยยยยดราม่าไปอี๊กกกก เดาถูกจริงด้วยเรื่องพี่ซีเห็นคิทตอนนั้นว่าโกหก แต่ก็ไม่คิดจริงๆว่าคิทคือคนที่ทำให้พี่ซีเจ็บและพ่อพี่ซีตาย สงสารพี่ซีเหมือนกันนะตอนนี้น่านก็ไม่เชื่อพี่ซีแล้วก็หวังว่าคิทจะช่วยอะไรๆให้ดีขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่18] 7/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-04-2018 04:35:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่18] 7/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 08-04-2018 21:23:48
เพิ่งมาอ่านแบบจริงจัง สนุกค่ะ  สงสารพี่ซีที่สุด
 
รอๆตอนต่อไปนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่19] 12/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 12-04-2018 18:07:36
ตอนที่ 19
ไว้ชาติหน้ามาพบกันใหม่

 

น่าน :

 

"น่าน"

"..."

"ไอ้น่าน"

ผมหันมองไอ้ทิมที่เรียกเสียงดัง แต่ไม่ได้ฟังว่าก่อนหน้านั้นมันพูดอะไรก็เลยถามซ้ำไป

"พูดกับกูป่ะ"

"ทั้งห้องก็มีมึงกับกูเนี่ย พูดกับผีมั้ง"

"พูดว่าไงเหรอ"

"สติอะมีไหม"

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะเมื่อครู่มัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่

"มึงพูดไรเหรอ ขออีกที"

"กูบอกให้มึงไปอาบน้ำได้แล้ว"

"อ๋อ โอเค"

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำ ช่วงนี้ผมมานอนที่บ้านไอ้ทิมเพราะไม่ยังอยากกลับหอ พูดตรงๆ คือผมไม่อยากเจอพี่ซี ผมถอนหายใจหลายครั้งต่อวัน ครั้งนี้ก็อีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แวบหนึ่งที่ผมต้องหันขวับมองกระจกเพราะเห็นเงาของอะไรสักอย่างวูบผ่านหน้าผมไป แต่ก็เห็นแค่ตัวเองในกระจกนั้น ผมเลื่อนสายตามองซ้ายมองขวาอย่างช้าๆ ผมรู้สึกหนาวเย็นทั้งที่เหงื่อออก ผมระแวงจนคิดไปเองหรือว่ามีบางอย่างตามผมอยู่จริงๆ ก็ไม่แน่ใจ แต่หลายครั้งที่ผมเห็นเงาของบางคนในกระจก หลายครั้งที่ต้องเหลียวมองข้างหลังเพราะรู้สึกว่ามีคนตามมา

 ผมสงสัยว่าใช่คิทหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นมันก็ช่วยออกมาให้เห็นตรงๆ เลยเถอะ

ผมออกมาจากห้องน้ำ ทิมก็นอนอยู่บนเตียงรออยู่แล้ว มันเอาผ้าห่มผืนนิ่มที่ผมชอบไปใช้อีกแล้ว รู้ว่ามันเป็นของมันแหละแต่ผมชอบผืนนั้นมันอุ่นดีเลยดึงๆ อยู่สองสามทีให้มันปล่อย

"อะไร"

"ขอผืนนี้"

"มึงนี่!"

"กูชอบอะ"

"รำคาญ เมื่อไรมึงจะกลับหอมึงไปสักที"

"มึงอย่ามาบ่นเลย กูไม่ได้อยู่เฉยๆ กูกวาดห้องให้มึงด้วยนะ"

"กูไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก แต่มึงมานอนกับกูทุกวันแบบนี้ กูกลัวอดใจไม่ไหว อยากปล้ำมึงใจจะขาด"

ไอ้เหี้ย

ผมด่ามันโดยไม่มีเสียง ทิมทำหน้าสะดีดสะดิ้ง ก่อนจะดึงผ้าห่มอีกผืนขึ้นมาห่ม ผมเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วก็พร้อมจะนอน ช่วงนี้ผมเหนื่อยล้ากับความคิดตัวเองมากจนนอนไม่ค่อยหลับ ไอ้ทิมหัวถึงหมอนก็ลาหลับไปก่อนแล้วอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมให้พลิกตัวไปๆ มาๆ กลัวทิมมันจะรำคาญผมเลยพยายามนอนอยู่นิ่งๆ แล้วข่มตาให้หลับ เกือบชั่วโมงก่อนความง่วงจะทำงาน ผมจึงหลับตาลงไป ครู่เดียวก็ลืมขึ้นมาอีก ลืมขึ้นมองที่ปลายเตียง เห็นคนยืนอยู่ตรงนั้นจึงสะดุ้งเฮือกจนดีดตัวเองขึ้นมามอง ผมคิดว่าเป็นไอ้ทิมแต่หันไปมองตัวมันก็นอนอยู่ข้างๆ ใจผมเต้นรัวระทึก ลมหายใจติดขัดตอนหันมองไปรอบๆ แต่ไม่เจอกับอะไรแล้ว

 

"ติ๊ง!"

 

ผมสะดุ้งอีกครั้งพลางหันขวับไปมองหน้าจอมือถือที่สว่างวาบขึ้นมาเพราะมีไลน์เข้า พ่นลมหายใจเบาๆ แล้วหยิบมือถือนั่นมาเปิดดู พบว่าเป็นไลน์จากกรุ๊ปที่หอ ผมเกือบจะไม่สนใจแต่ข้อความแจ้งเตือนที่หน้าจอนั่นทำให้ต้องหยุดมอง

 

น้ำขิง  : เฮียถูกรถชน มาที่โรงบาลเร็ว

 

พี่ซี…

 

ผมเลื่อนอ่านข้อความของคนอื่นที่ส่งมาติดๆ กัน อีกมือก็สะกิดเรียกให้ทิมตื่น

"มีไร"

"กูไปข้างนอกนะ"

"ไปไหน"

"พี่ซีถูกรถชน กูจะไปหาเขา"

 

ผมโกรธพี่ซีอยู่ แต่ผมเป็นห่วงเขามากกว่าจึงต้องไปหาเขา ผมยืมรถทิมแล้วรีบตรงมาที่โรงพยาบาล ก่อนมายืนเคว้งอยู่ที่แผนกฉุกเฉิน ไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ ขณะกำลังสับสนว่าจะโทรหาใครดีในตอนนี้ ผมก็หันไปเห็นแคทที่ยืนลนลานอยู่ตรงนั้นเหมือนกันจึงรีบวิ่งเข้าไปหา

"แคท"

"พี่น่าน มาหาพี่ซีใช่ป่ะ หนูรู้จากพวกพี่ที่คณะก็เลยรีบมา ไปกัน" แคทดึงมือผมไปอีกทาง ก่อนมาถึงห้องที่พี่ซีอยู่แคทเลื่อนประตูของโรงพยาบาล ส่วนผมสูดลมหายใจเรียกสติแล้วเดินตามเข้าไป พี่ซีนั่งอยู่บนเตียงหันมามองผมกับแคท ถ้าได้ยินไม่ผิด ผมว่าเมื่อกี้เขากำลังคุยกับใครอยู่ โรงพยาบาลเต็มไปด้วยสิ่งไม่มีชีวิตและเขาก็คงคุยกับผีบางตัวอยู่แน่นอน 

ผมโล่งอกเมื่อเห็นสภาพของเขาที่ดูไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรและเขาก็ดูมีสติดี พี่ซียิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง คราวนี้ผมยิ้มตอบ เพราะอยากให้เขารู้ว่าผมดีใจที่เขาไม่เป็นอะไร 

"พี่ เป็นไงมั่ง" แคทถามขณะไล่สายตาสำรวจร่างกายคนบนเตียง

"ก็ดี"

"หนูโกรธพี่อยู่ แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ พี่ไม่เป็นไรมากใช่ไหม"

"อือ"

เขาตอบสั้นๆ แล้วก็จ้องมองมาที่ผม ผมก็มองไปที่เขาแต่เราทั้งคู่ไม่พูดอะไร แคทใช้ศอกกระแทกผมเพื่อให้ผมพูดอะไรบางอย่าง

"แล้ว...แล้วไปทำยังไงถึงถูกรถชน" ผมถามอึกอัก

"ไม่รู้ดิ"

"เฮ้ย นี่หัวกระแทกเหรอ จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ สมองเสื่อมเลยป่ะ หนูชื่อไรจำได้ป่ะ" แคทนั่งลงขนเตียงกับพี่ซีแล้วถามหน้าตาตื่น พี่ซีหัวเราะเบาๆ แล้วดึงแคทเข้าไปกอด แม้แต่แคทเองก็ตกใจที่อยู่ๆ เขาทำแบบนั้น

"น้องแคทไง"

"ไรนะ"

"ใครจะไปลืมน้อง"

"พี่ซี พี่เรียกหนูว่าไงนะ"

"น้องแคทไง"

"พี่ซี สมองกระแทกหรือเมาเนี่ย ให้เรียกหมอไหม"

"อะไร เมื่อก่อนก็เรียกงี้ตลอด"

แคทเงียบไป ผมเองก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน มีคนเดียวที่เรียกแคทแบบนั้น มีแค่คิทที่เรียกแคทแบบนั้น

"พี่ซี หนูว่าพี่ผิดปกติมาก หนูตามหมอให้นะ" แคทพูดรัวแล้วลุกออกนอกห้องไป

"ไม่เคยเปลี่ยนเลยน้องแคท" พี่ซีหัวเราะเบาๆ แล้วเลื่อนสายตามาที่ผม 

"น่าน กูรู้มึงคิดอะไรอยู่"

"ผมไม่ได้คิดอะไร"

"กูไม่ใช่พี่ซี กูคือคิท"

"พี่ซี ผมมาหาพี่เพราะเป็นห่วงทั้งๆ ที่ยังโกรธอยู่ แล้วพี่จะยังเล่นไม่เลิกเหรอ"

"น่าน กูเอง"

"ไม่ตลกโว้ย พี่เล่นอะไรของพี่วะ"

"นี่กูเอง"

"..."

"คิทไง"

มันมีเรื่องที่คนอื่นไม่เชื่อแต่ผมก็เชื่อ มีเรื่องที่คนบอกว่าไร้สาระแต่ผมคิดสวนทาง แต่ครั้งนี้มันเกินไป พี่ซีเล่นแรงเกินไป

"เป็นไปไม่ได้" ผมพูดเบาๆ แล้วก้าวเท้าถอยออกมา

"น่าน อย่าเพิ่งไป"

"..."

"เข้ามาใกล้ๆ กูหน่อยได้ไหม กูลุกไปหามึงไม่ได้"

ผมพยักหน้าเบาๆ กับตัวเอง มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเชื่ออะไรไร้สาระแบบนี้ ผมกลั้นใจหมุนตัวกลับไปหาเขาแล้วจ้องหน้าอยู่อย่างนั้น คนตรงหน้าผมคือพี่ซีแต่คำที่พูดออกมาไม่อาจชัดเจนได้ว่าเขาคือพี่ซี

"กูแค่อยากคุยกับมึงอีกครั้ง มึงกำลังเข้าใจอะไรผิดในหลายๆ เรื่อง"

ผมยกมือเบรกสิ่งที่เขากำลังจะพูด

"กูจะเชื่อได้ไงว่ามึงคือคิท"

"กูรู้มันยาก แต่กูอยู่ตรงนี้จริงๆ"

ผมเดินเข้าไปใกล้เขากว่าเดิม มองหน้าเขา ที่ยังไงก็คือพี่ซี เพราะในสายตาผมนี่มันคือพี่ซี เขาดึงมือผมให้ลงไปนั่งข้างๆ ใช้มือข้างหนึ่งแตะเข้าที่ข้างแก้มของผม

"ไม่ได้มองหน้ามึงชัดๆ นานแล้ว"

"..."

"ตั้งแต่ที่ร้านเหล้าวันนั้น"

ใจผมกระตุกวูบเมื่อเขาพูดแบบนั้น พี่ซีไม่มีทางรู้เรื่องวันนั้น

"น่าน กูได้ยินทุกคำที่มึงพูดแล้วนะ คำบอกรักของมึงก็ได้ยินตั้งแต่สามปีที่แล้วแล้วเว้ย"

พี่ซีคงไม่รู้ว่าผมพูดอะไรเมื่อสามปีก่อน

"สามปีแล้วนะ ที่ไม่ได้คุยกับมึงแบบนี้"

"คิท..."

"กูเอง กูทำให้มึงมองเห็นไม่ได้ แต่สามปีมานี้กูอยู่ข้างๆ มึงตลอดเลยนะ"

"เป็นมึงจริงๆ ด้วย"

"ขอโทษที่ทำให้กลัว แต่กูเองที่ตามมึงไปทุกที่เลย"

"ไอ้เหี้ย"

"ด่ากูทำไมเนี่ย" เขาใช้มือดึงผมเข้าไปแล้วกอดด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บ ผมไม่ลังเลที่จะเชื่อว่านี่คือคิทจริงๆ มันเหลือเชื่อแต่เป็นไปแล้ว ผมมองเข้าไปในตาของพี่ซี แต่กลับเป็นคิทที่อยู่ตรงนี้ ผมปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลออกมาแล้วเอยคำพูดปนความโกรธเคืองออกไปเบาๆ

"มึงทิ้งกู"

"มันเป็นอุบัติเหตุ กูก็เสียใจ"

"กูคิดถึงมึงมากจริงๆ"

"คิดถึงมึงเหมือนกัน"

ผมซบหน้าตัวเองลงไปบนไหล่ของร่างพี่ซีแล้วร้องไห้ออกมาโดยไม่อาจกลั้น

"น่าน อย่าโกรธพี่ซีที่เขาโกหกมึงเลย กูไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ได้ยินที่มึงพูดนะ"

"..."

"มันมีเรื่องราวเยอะแยะเลยที่มึงยังไม่รู้ แต่พี่ซีไม่อยากให้มึงรู้ กูเลยพูดไม่ได้ แต่ขอให้มึงจำเอาไว้ ถ้ามึงจะโกรธ โกรธกูคนเดียว"

"..."

"กูรักมึงนะน่าน จะตอนอยู่หรือตายกูก็รักมึงแค่คนเดียว กูเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับมึงแล้ว"

"..."

"เสียใจมากจริงๆ"

"..."

"น่าน มึงรักคนอื่นได้นะ กูยอมแล้ว"

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า

"กูขอโทษคิท"

"มึงไม่ผิดเลยน่าน ผิดที่กูคนเดียวเลยที่ทำให้มึงต้องติดอยู่กับคำพูดของกูจนไม่กล้ารักใคร"

"มึงไม่โกรธกูใช่ไหม"

"ตอนแรกก็ไม่พอใจ แต่กูมาคิดใหม่ก็ยอมแล้ว กูตายไปแล้ว ทำอะไรเพื่อมึงไม่ได้แล้ว อยู่ข้างๆ มึงยังไม่ได้เลย กูจะไปหวงมึงไว้ทำไม"

"..."

"ไม่อยากเห็นมึงเสียใจแล้ว ต่อไปนี้มึงรักเขาเท่าที่มึงอยากรักได้เลย ละทิ้งกูออกไปจากใจมึงได้แล้ว"

"..."

"มึงมีคนดีๆ ที่อยู่ข้างๆ กูก็สบายใจแล้ว"

"..."

"กูดีใจที่ได้คุยกับมึงอีกครั้งนะ คราวที่แล้วไม่ทันได้บอกลา โชคดีที่มีโอกาสนี้อีกครั้ง"

"มึงพูดแบบนี้ แปลว่าจะไปแล้วใช่ไหม"

อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

"กูอยู่นานเกินไปแล้ว ตอนนี้หมดห่วง ทั้งเรื่องมึงและเรื่องอื่น ก็คงต้องไป"

"มึงจะไปไหนเหรอ ต่อจากนี้"

"ไม่รู้ว่ะ กูคนบาปคงไม่ใช่สวรรค์แน่ๆ" เขาหัวเราะ แต่ผมไม่ น้ำตาไหลออกมาอีกระลอก

"คิท มึงควรจะบอกลาทุกคน พ่อแม่มึง แคท หรือไอ้ทิม ให้กูเรียกพวกเขามา..."

"ไม่ๆ น่าน ไม่" เขาดึงมือผมที่กำลังจะลุกออกไป 

"พวกเขาทำใจได้แล้ว อยู่ในจุดที่เสียใจกับกูมามากพอ พวกเขาไม่เป็นไร ห่วงก็แต่มึง"

"กูขอโทษที่รั้งมึงเอาไว้"

"บอกแล้วไม่ใช่ความผิดมึง หยุดขอโทษ หยุดรู้สึกผิดได้แล้ว เข้าใจไหม"

ผมพยักหน้าแต่ก็หยุดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ได้

"น่าน"

"..."

"กูจูบมึงได้ไหม"

ครั้งนี้ก็ไม่รอให้ผมตอบอะไร ดึงหน้าเข้าไปทำเหมือนครั้งสุดท้ายที่มันทำ น้ำตาผมหยุดไหลไม่ได้ จูบไม่ได้เกิดจากความรักหรือปรารถนา มันกลับเป็นจูบลา จูบสุดท้ายเพื่อแทนทุกคำบอกลาไปตลอดกาล

"กูไปนะ"

ผมพยักหน้าเบาๆ ในใจไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแต่ไม่มีสิทธิ์อะไรไปรั้งมันไว้ ได้แต่พูดเบาๆ ด้วยคำที่สุดฝืน คำบอกลาที่เจ็บปวดหัวใจที่สุด

"โชคดีนะคิท ไว้ชาติหน้ามาเจอกันใหม่"

ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่เก็บเอาไว้ ปล่อยให้มันฟูมฟายออกมาตรงนี้อย่างไม่อาย ก่อนเสียงหนึ่งของคนบนเตียงจะพูดขึ้นเบาๆ

"ร้องไห้ทำไม พี่ยังไม่ตาย"

ผมพยายามหยุดร้องไห้แล้วยันกายขึ้นไปหาพี่ซี โผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่น พี่ซีกดหน้าผมลงบนไหล่ของเขา ใช้มันเป็นที่รองรับน้ำตาของผมที่ไหลออกมาไม่หยุด

"ไม่ร้องนะ"

"..."

"อย่าร้องเลยนะ"

ผมกอดพี่ซีเอาไว้แน่น ผ่านอ้อมกอดนั่นมีคำขอโทษของผม และมากกว่านั้นคือคำว่าขอบคุณที่อยากบอกกับเขาเป็นพันๆ ครั้ง

 

To be continued.

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่19] 12/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 12-04-2018 18:34:34
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่19] 12/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 13-04-2018 01:28:34
 :เฮ้อ: ในที่สุดเรื่องคิทก็เคลียร์
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่19] 12/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-04-2018 02:08:20
คิทใจร้ายฟ่ะ ไม่คิดจะลาน้องแคทบ้างเลยนะ น้องเขาก็รักคิทเหมือนกันนะ  :heaven
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่19] 12/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-04-2018 22:57:18
ขอบคุณคิทที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย ก็ไม่รู้ว่าพี่ซีจะเล่าอะไรๆให้น่านฟังมั้ยนะ แต่นี่คิดว่าคงไม่พี่แกเห็นว่าผ่านไปแล้วก็น่าจะปล่อยผ่านไปมากกว่า
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่20] 17/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 17-04-2018 21:07:17
ตอนที่ 20
คำขอบคุณ

 

 

พี่ซียังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล และหลายวันมานี้ผมก็เข้าๆ ออกๆ ที่นี่บ่อยกว่ากลับหอเสียอีก ผมเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่พี่ซีย้ายมา การเจ็บป่วยของพี่ซีทำให้ผมรู้ว่าเขามีเพื่อนเยอะมาก ผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมไม่ซ้ำหน้าเลย ทั้งคนทั้งผี แต่วันนี้ทุกคนสามัคคีกันมีเรียนมีงาน ผมที่ว่างอยู่ก็เลยมาอยู่กับเขาได้ทั้งวัน

"พรุ่งนี้ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะคะ" พยาบาลสาวพูดหลังจากเข้ามาเปลี่ยนน้ำเกลือให้เขาเสร็จ แล้วเดินออกไป

"ออกวันนี้เลยไม่ได้ไงวะ"

"หายดีแล้วหรือไง"

"อยู่ที่นี่เบื่อจะตาย ไม่มีเหล้าให้กินด้วย"

"เดี๋ยวแผลหายแล้วไปรักษาโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มต่อเลยนะ จะบอกหมอให้"

"เหอะ!"

"พี่นี่ระยะสุดท้ายแล้วนะ ไม่ได้กินแล้วจะลงแดงไรงี้ไหม"

"มากไปน่าน มากไป" เขามองแรง ผมหัวเราะเบาๆ แล้วลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ เตียง มองดูหน้าเขาใกล้ๆ รอยถลอกเริ่มเปลี่ยนสี รอยช้ำเบาลง แต่รอยแตกที่หน้าผากที่ถูกเย็บยังบวมเป่ง หมดหล่อไปพักหนึ่งเลย

"อยู่นี่เจอผีบ้างป่ะ"

"มินท์มันคอยไล่ให้อยู่หน้าห้องโน่น"

"โคตรเจ๋ง มีเพื่อนเป็นผี"

"อันนี้ชมหรืออะไร"

"ชมสิ แล้วพี่ยังเห็นคิทบ้างไหม"

เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ

"แล้ววันนั้นคุยกันดีแล้วใช่ไหม"

"ครับ คุยกันแล้ว แล้วก็บอกลากันแล้ว"

"ไม่เป็นไรนะ"

"ไม่เป็นไรครับ เออ แต่คิทบอกผมว่ามีเรื่องที่พี่ไม่ให้บอกผม เรื่องอะไรเหรอครับ"

พี่ซีกลอกตาหนีการสบตาของผมไปอีกทาง

"มีเรื่องอะไรที่ผมรู้ไม่ได้หรือเปล่า"

"ไม่ใช่ว่ารู้ไม่ได้ แต่ไม่รู้ดีกว่า"

"ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้ไหมล่ะ"

"ไม่ต้องรู้หรอก เชื่อพี่นะ เชื่อพี่อีกครั้ง"

พี่ซียื่นมือมาจับมือผม แล้วดึงให้ผมลุกขึ้น ผมยอมลุกไปนั่งบนเตียงกับเขาอย่างว่าง่าย เขาอบอุ่นเสมอและผมก็รู้ว่าเขากำลังปลอบใจด้วยการยกมือเคาะหัวผมเบาๆ

"พี่ขอโทษนะที่หลอกน่านเรื่องคิท"

"ไม่เป็นไร หายโกรธแล้ว"

"แต่ว่าต่อไปนี้เชื่อพี่นะ"

"ครับ"

ผมพยักหน้ารับ เงยหน้ามองพี่ซีขณะหน้าเราอยู่ใกล้จนแทบจะติดกัน พี่ซีก็ยังเป็นผู้ใหญ่หลอกเด็กในสายตาผมอยู่ดีอะ หมายถึงเขากำลังล่อลวงผมด้วยสายตาคู่นั่นจนผมไม่กล้าขยับหนี แม้ใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้อีก ผมก็ไปไหนไม่ได้

"พี่จูบเราได้ไหม"         

ถามทำไมถ้าไม่รอคำตอบ ผมยังไม่ทันพูดอะไร พี่ซีก็ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บโน้มหัวผมเข้าไปใกล้แล้วแตะปากเข้ามาเบาๆ ผมเคยสัมผัสกับปากเขาแล้วแต่คราวนั้นไม่ใช่เขา ส่วนครั้งนี้เป็นพี่ซี จูบของเขาเบาบางอย่างทะนุถนอม เขาทำตัวหยาบกระด้างแต่จิตใจอ่อนโยน จูบของเขาก็นิ่มนวลจนผมหัวใจพอง

"เฮียซี!"

"พลั่ก!"

"โครม!"

ผมผลักพี่ซีออกแล้วดีดตัวเองออกมาจนสะดุดกับขาเก้าอี้แล้วมานั่งกองกับพื้น เสียงเท้าที่เดินเข้ามาทำให้ผมทำได้แค่ก้มหน้างุดอยู่ริมเตียง

"พวกเรามาเยี่ยมครับเฮีย!"

"มาทำเหี้ยอะไรตอนนี้"

"อ้าว! คนมาเยี่ยมทำไมปากหมางี้อะ"

"ผิดเวลาไอ้สัด!"

"อ้าว แล้วนั่นทำอะไรอะ หาเหรียญเหรอ"

เสียงของเพื่อนพี่ซีหันมาทักผมที่กำลังมุดอยู่ใต้เตียง เลี่ยงไม่ได้แล้วเลยต้องโผล่หน้าออกมายิ้มแห้งๆ ส่งไปแล้วลุกขึ้นยืน

"ใครวะเฮีย น่ารัก" หนึ่งในนั้นกระซิบถามพี่ซี

"มึงไม่ต้องเสือกเลย"

"งั้นผมไปก่อนนะครับ" ผมว่าแล้วก้าวเท้าออกมาจากตรงนั้นก่อนเสียงพี่ซีเบรกผมเอาไว้

"น่าน"

"ครับ"

"ไว้มาต่อเรื่องเมื่อกี้กันนะ ค้างอะ"

กวนตีน

ผมด่าแบบไม่มีเสียงก่อนจะเดินออกมาแล้วหยุดอยู่หน้าห้อง คำว่าเขินปรากฏขึ้นผ่านรอยยิ้มกว้างสุดริมฝีปาก ผมยกสองมือตบหน้าตัวเองแล้วรีบออกไปจากตรงนี้ก่อน เขินอะ เขิน!

 

...

 

 

พี่ซีออกจากโรงพยาบาลแล้วตอนที่อาการดีขึ้น แต่เพราะแขนหักและขาที่ยังเจ็บอยู่จนเดินไม่สะดวกเลยเป็นเหตุให้หลายวันมานี้พี่ซีเลยไม่ได้ไปมหาลัยเลย ข้อดีอีกอย่างคือไม่ได้ออกไปเมาด้วย แต่เพราะเจ็บอยู่ก็อ้อนหนักมาก ทำตัวเป็นชายน้อยง่อยแดก กินข้าวเองไม่ได้ เข้านอนเองไม่ได้ ผมก็อยากจะรำคาญแต่ก็งงตัวเองที่เผลอไปตามใจเขาทุกเรื่อง วันนี้ก็ชวนผมออกมาห้างเพราะเบื่อที่จะอุดอู้อยู่แต่ในหอ 

พี่ซีตรงเข้าไปที่ร้านขายจักรยานเป็นที่แรก จักรยานแสนรักของเขาพังยับหลังจากอุบัติเหตุวันนั้น ผมปล่อยให้เขาเดินดูจักรยาน ส่วนตัวเองก็เดินดูอะไรไปเพลินๆ ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อมองไปเห็นล้อจักรยานราคาห้าหลัก

"โห!"

"อะไรหนู"

"นี่มันล้อจักรยานหรืออะไหล่ยานอวกาศวะเนี่ย ทำไมแพงขนาดนี้อะ"

"มันเป็นศิลปะไง ศิลปะประเมินค่าไม่ได้นะ"

ผมยังคงตะลึงตอนหันมองชิ้นอื่นๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน ไม่กล้าแตะเลยกลัวไปทำของเขาเป็นรอย เลยได้แต่ยืนงงในดงจักรยาน ความสนใจทั้งหมดของพี่ซีจดจ่ออยู่กับของตรงหน้าดูอย่างดูตั้งใจ ผมจึงปล่อยให้เขาเดินดูสิ่งที่เขาชอบได้นานเท่าที่ต้องการโดยไม่เร่งอะไร ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก็ชวนผมเดินออกจากร้านด้วยมือเปล่า

"ไม่ถูกใจเหรอครับ"

"ไม่มีตังค์"

"อย่างพี่เนี่ยนะไม่มีเงิน"

"แกลบแล้วเนี่ย"

"อาทิตย์ก่อนผมเพิ่งจ่ายค่าหอไปนะ"

"ค่าหอหนูยังได้ไม่ถึงครึ่งล้อเลย"

ผมหลุดหัวเราะหน่อยๆ แต่ก็จริงอย่างที่เขาบอก ผมว่าจะไปชวนเพื่อนมาอยู่หอพี่ซีเพิ่ม ไม่งั้นเจ๊งแน่ๆ พี่ซีเดินออกมาจากร้านจักรยานแต่ยังหันมองอย่างดูเสียดาย ผมจึงเปลี่ยนเรื่องให้เขาลืมๆ จักรยานไปก่อน

"พี่หิวไหม"

"หิวแล้วเนี่ย"

"กินไก่ไหม" ผมถามเพราะหันไปเห็นว่าเรายืนอยู่หน้าเคเอฟซีพอดี พี่ซีไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้วจึงตอบตกลงในทันที ผมนี่พุ่งเข้าร้านไปก่อนเลยเพราะจริงๆ แล้วตัวเองนี่แหละอยากกิน

"ซื้อไปกินที่หอไหมครับ"

"ได้ดิ ซื้อเผื่อไอ้พวกนั้นด้วย"

ผมพยักหน้ารับแล้วจัดการสั่งไก่ชุดใหญ่ที่มากพอสำหรับเราทั้งหมด ในตอนนั้นเสียงมือถือของพี่ซีก็ดังขึ้น ผมเผลอมองไปด้วยจริงๆ ไม่ได้อยากรู้ว่าใครโทรมา แต่อีกคนพลิกหน้าจอมาให้ดูว่าเป็นแม่ของเขา ก่อนเดินออกไปรับโทรศัพท์เขาหันมายื่นกระเป๋าสตางค์ให้ ผมรับมางงๆ ก่อนเขาชี้ไปที่เคาน์เตอร์เป็นเชิงให้ผมใช้เงินของเขาจ่ายค่าไก่ ปากบอกไม่มีเงินแต่เปย์กันตลอดจนผมเกรงใจแล้ว ผมหันมองพี่ซีที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์จนไม่ได้สนใจผม แล้วรีบควักเงินตัวเองจ่ายค่าไก่ไปก่อนที่เขาจะหันมา

ระหว่างที่ยืนรอไก่ทอดผมก็แอบแง้มดูกระเป๋าสตางค์อ้วนๆ ของเขา ไม่ได้อ้วนเพราะเงิน แต่เป็นสิทธิ์แลกซื้อเซเว่น จึงหลุดขำออกมาหน่อยๆ ผมพลิกดูบัตรประชาชนของพี่ซีที่ยังดูใหม่อยู่ เดาว่านี่ใบที่สองแล้วด้วยอายุที่ปรากฏบนบัตรนั่น เลื่อนสายตามองวันเดือนปีเกิดของเขาก็สะดุดไปนิดหนึ่ง วันเกิดพี่ซีผ่านมาแล้วเมื่อสามวันก่อน แต่ไม่เห็นมีใครบอกผมเลย เขาเองก็ไม่ได้พูดถึงด้วย ผมหันมองพี่ซีที่เดินกลับมาจึงรีบพับกระเป๋าสตางค์แล้วหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์เพื่อรอไก่ ไม่นานก็ได้ของที่สั่ง พี่ซีกำลังยื่นมือมาหยิบของแต่ผมแย่งมาก่อน   

"ถือเอง"

"ถือให้"

"ไม่ต้องเลย แขนก็พิการ"
            เพราะพูดไปอย่างนั้นเลยโดนกำปั้นของแขนอีกข้างที่ไม่เจ็บทุบเข้ามากลางกบาลเบาๆ ผมได้แต่หันมองตาขวางแต่ก็รวบถุงไก่ทอดมาถือเอาไว้เอง

"พี่ซี"

"ครับ"

"รอนี่แป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวมา"

"ไปไหน"

"ไปห้องน้ำ" ผมพูดไปมั่วๆ แต่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าห้องน้ำมันอยู่ซ้ายมือผมเอง พี่ซีหันมองห้องน้ำแล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงให้ผมเข้าไป

"อ๋อ ต้องแวะไปจ่ายค่าโทรศัพท์ด้วยอะ ลืมเลย!"

"งั้นพี่ไปด้วย"

"พี่รอนี่แหละ มันอยู่ชั้นสามนู่น ขาพี่ยังไม่หายดีเลย"

"พี่ไม่เป็นไร"

"ไม่เป็นไรได้ไง เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก พี่นั่งรอนี่เลย นั่งนี่" ผมว่าแล้วลากพี่ซีมานั่งรอที่เก้าอี้ วางถุงไก่แล้วสั่งให้เขาเฝ้าเอาไว้ ก่อนตัวเองจะรีบตรงดิ่งไปยังร้านนาฬิกาคราวก่อน มองหาเรือนที่พี่ซีเคยดูเอาไว้ สะดุ้งกับราคาไปหนึ่งวินาทีแต่ก็ยอมซื้อโดยไม่ลังเล ได้ของที่ตั้งใจมาซื้อก็รีบกลับไปหาพี่ซี

 

...

 

เรากลับมาที่หอ ก่อนมื้อเย็นที่พร้อมหน้าพร้อมตาของสมาชิกหอจะเริ่มขึ้น เป็นอีกครั้งที่รู้สึกเหมือนได้กินข้าวเย็นกับคนในครอบครัว เสียงพูดคุยดังปนเปกับเสียงละครในทีวีช่วยให้เย็นวันนี้หอของพี่ซีไม่เงียบเหงา ตอนนี้พี่ซีอยู่ในตำแหน่งเจ้าของหอที่มีอำนาจสูงสุด เพราะอาการบาดเจ็บของเขาทำให้ทุกคนรุมโอ๋เอาใจ แม้แต่ไคโรที่เคยตีกันทุกวัน ก็ยอมทำทุกอย่างตามที่พี่ซีชี้นิ้วสั่งเลย

"ไอ้ไค เอาน้ำให้หน่อย"

"ครับ" ไคโรตอบรับแล้วหยิบน้ำเปล่าส่งให้

"เอาโค้ก"

"ได้ครับ"

"เอาน้ำแข็งด้วยดิ"

"ได้ๆ"

"มันเย็นไปอะ เอาน้ำแข็งน้อยกว่านี้"

"เฮีย! กวนตีนปะเนี่ย!"

"เจ็บแขน..."

"โอเคๆ ได้ๆ"

ผมหลุดยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าพี่ซีแกล้ง แต่ไอ้น้องที่โดนแกล้งมันไม่รู้ตัวจึงกลายเป็นทาสเด็กของเขาไปแล้ว ผมก้มมองตัวเองแล้วฉุกคิดขึ้นมา ตัวเองที่นั่งแกะไก่ป้อนใส่ปากให้เขาอยู่เนี่ย ก็มีความทาสไม่ต่างอะไรกับไคโรเลยป่ะวะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมเต็มใจทำให้เขาจริงๆ

"พี่กินอีกไหม"

"ไม่เอาแล้วครับ"

นายท่านอิ่มแล้วก็ได้เวลาของผม ไหลลงไปนั่งกับพื้นแล้วจัดการซัดไก่นั่นด้วยมือเปล่า สนิทกับคนในหอแล้วก็หมดความเหนียมอาย นั่งแทะไก่อย่างเอร็ดอร่อย รู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกพี่ซีมองอยู่ หันไปกี่ทีเขาก็ยังมองอยู่ จนผมต้องหันไปถาม

"มองไรอะ"

"เป็นหนูทำไมกินไก่เก่งอะ"

"ไม่ใช่หนูซะหน่อย"

"แฮมสเตอร์" พี่ซีว่าแล้วยื่นมือมาเขี่ยมุมปากผมเพื่อเช็ดเศษไก่ที่ติดอยู่ตรงนั้น สายตาของพี่ซียังเหลือบต่ำมองอยู่ที่ริมฝีปากของผม

"คิดจะจูบหรือไง"

"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"

"ไม่ได้" ผมปฏิเสธแต่คนอย่างพี่ซีก็เอาแต่ใจพอตัว ก้มหน้าลงจุ๊บปากผมด้วยความไว ไวเกินกว่าเท็นกับไคโรจะหันมองด้วยซ้ำ ผมหันมองเขาตาโตๆ เพราะดุอยู่ในใจ แต่หน้าตาตัวเองคงไม่โหดพอให้เขาคิดอย่างนั้นพี่ซีจึงยื่นมือมาเขี่ยแก้มผมอย่างล้อๆ

"หน้าเหมือนแฮมสเตอร์ตอนเห็นเมล็ดทานตะวันอะ"

"พี่ซี!"

ผมยกมือทำท่าจะทุบแต่อีกคนก็แสดงละครออดอ้อนอ้างความเจ็บขึ้นมาอีกที หมั่นไส้แต่ทำอะไรไม่ได้เลยเนี่ย หงุดหงิดพี่ซีขึ้นมานิดๆ แล้ว

 

หลังจบมื้อเย็นผมอาสาเป็นคนเก็บขยะเองเพราะสงสารไคโรที่โดนใช้เยอะแล้ว แต่พี่ซีไม่ยอมให้ผมทำคนเดียว เลยตรงเข้ามาช่วยทั้งๆ ที่ไล่ไปแล้วสามรอบ

"พี่ ไม่ต้องช่วย ไปนั่งเลย"

"พี่ไม่เป็นไรซะหน่อย"

"เออ ไปนั่งเหอะ"

"ก็เดี๋ยวช่วย"

"ไม่ต้องไง"

"เดี๋ยวเก็บอันนี้ก็ได้ อุย!" พี่ซีสะดุดกึกเพราะความวุ่นวายที่พยายามจะช่วยกลับทำให้มันเละเทะกว่าเดิมเพราะมือเขาไปทิ่มเข้ากับถาดซอสจนเลอะทั้งมือทั้งโต๊ะ

"บอกแล้วไงไม่ต้องช่วย ไปนั่งเลย!" ผมดุเพราะโมโหแล้ว พี่ซีจึงยอมไปนั่งที่โซฟา ผมดึงทิชชูไปเช็ดมือข้างที่เลอะให้ แล้วอดจะบ่นไม่ได้

"พี่เห็นผมเป็นเด็กเหรอ"

"เห็นเป็นหนู"

"พี่ซี!"

"ก็ไม่อยากให้ลำบากไง"

"มันลำบากตรงไหนเล่า พี่อะ ชอบทำเหมือนผมทำอะไรไม่เป็น"

พี่ซีก้มหน้าหงอยๆ ลงไป

"พี่ควรห่วงตัวเองก่อน ทำไมพี่ชอบดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง"

"รักไง"

ผมเงยหน้าขึ้นมองคำพูดตรงๆ ของเขา ปากกับใจไม่เคยสวนทางกันเลย แล้วเพราะว่าเป็นคำนั้นจากที่หงุดหงิดก็หายไปซะเฉยๆ ผมจึงหลุดยิ้มออกมาในตอนนั้น เขินทำอะไรไม่ได้เลยดึงทิชชูถูมือเขาแรงๆ แก้เขิน

"พอละๆ หนังจะหลุดละ"

"เล็บพี่ยาวแล้วนะ ตัดให้ไหม"

"อันนี้ก็ทำเหมือนพี่เป็นง่อยอะ"

"ก็ตามใจ งั้นก็ไปตัดเองเลย"

"อะ ตัดๆ ตัดให้หน่อยครับ"

ผมไม่เคยตัดเล็บให้ใครมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็เสนอตัวไปแล้วก่อนจะพบว่าการตัดเล็บให้คนอื่นก็ลำบากอยู่เหมือนกัน ผมที่นั่งอยู่ที่พื้นกำลังพยายามตัดเล็บของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ท่าทางไม่ถนัดที่เก้ๆ กังๆ ทำให้พี่ซีลั่นหัวเราะอยู่ในลำคอเบาๆ

"มันไม่ถนัดอะ"

"นั่งแบบนั้นมันก็ไม่ถนัดดิ ขึ้นมานี่" พี่ซีว่าแล้วดึงผมให้ลุกขึ้นก่อนจะรวบเอวเข้าไปนั่งข้างๆ ผมนิ่งไปนิดหนึ่งด้วยตำแหน่งของผมและเขาที่แนบชิดกันจนไม่มีช่องว่าง พี่ซียื่นมือข้างที่โอบเอวผมอยู่มาข้างหน้าเพื่อให้ตัดเล็บต่อ ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็เป็นท่าที่ทำให้ตัดเล็บได้ถนัดดี ผมบรรจงตัดเล็บพี่ซีทั้งสองข้างจนเสร็จเรียบร้อย แต่คนที่โอบร่างผมอยู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออก เนียนนั่งกอดเอวไปงั้นอะ

มือหนึ่งของเขาก็ลูบๆ คลำๆ ฝ่ามือของผมที่จับกันอยู่ ผมก้มมองข้อมือใหญ่ของเขาจึงนึกขึ้นมาได้ว่าซื้ออะไรมาให้เขา เลยขยับไปหยิบนาฬิกาให้กระเป๋ามา

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"หันหน้าไปหน่อย"

"ทำไม"

"น่า!"

เขายอมทำตามอย่างว่าง่าย ในตอนที่เขาหันหน้าไปอีกทาง ผมก็สวมนาฬิกาที่ซื้อมาให้ นาฬิกาเรือนสีดำตัดกับผิวขาวของเขา และพอดีกับข้อมือ ตอนที่สวมเสร็จพี่ซีก็หันมามองแล้วยกคิ้วขึ้นงงๆ

"ของขวัญวันเกิดย้อนหลังครับ"

สายตาเขายังจ้องอยู่ที่นาฬิกาแต่ไม่พูดอะไร เงียบจนใจไม่ดีแล้ว

"พี่ซี"

"..."

"ไม่ชอบเหรอ"

"..."

"ก็พี่ยืนมองอยู่ตั้งนานนึกว่าชอบ"

พี่ซีเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าผม แล้วคลี่ยิ้มออกมา

"ทำไมจำได้อะ"

"ก็จำได้ ตกลงชอบเปล่า"

"ชอบครับ แต่มันแพงไม่ใช่เหรอ"

"ไม่ต้องพูดถึงราคาแล้วก็รับไว้เฉยๆ ได้ไหม เพราะผมเต็มใจให้ไง"

รอยยิ้มของพี่ซีกว้างกว่าเดิมก่อนพยักหน้ารับเบาๆ

"ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี งั้นไม่ขอบคุณดีกว่า"

"หื้อ?"

พี่ซียกมุมปากขึ้นอีกที แล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงหน้าผมเข้าไปประกบริมฝีปากเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวอีกครั้ง ผมไม่ทันตั้งตัวเลยตอบรับจูบนั้นได้ช้าไปวินาทีหนึ่ง สัมผัสผ่านริมฝีปากมอบความอบอุ่นไปทั่วร่างกายรวมถึงหัวใจด้วย ผมจูบไม่เก่งหรอก แต่รู้ว่าจูบแปลว่ารัก ก็เลยบอกรักผ่านริมฝีปากนั่นไปซะนานเลย

 



To be continued.

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่20] 17/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-04-2018 21:21:48
พี่ชายซี กับ น้องพจน่าน   :laugh:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่20] 17/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 17-04-2018 22:11:15
เฮ้อ เหมือนส่งลูกขึ้นฝั่ง

ดีใจกะพี่ซีด้วยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่20] 17/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 18-04-2018 03:39:28
ชอบตอนหวานๆกัน น่ารักกกมากกก จูบรสไก่เคเอฟซีก็มา/แซว
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่20] 17/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-04-2018 05:57:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่20] 17/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-04-2018 23:07:55
พึ่งได้อ่าน ชอบ ๆ
สงสารคิท
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 22-04-2018 00:10:27
ตอนที่ 21
ที่เจ็บก็หายดี

 

วันนี้ผมมีเรียนเช้า แต่ตื่นเร็วเลยมีเวลากินข้าวเช้าที่ป้าทิพย์เตรียมเอาไว้ให้ วันนี้มีแซนด์วิชใส้โบโลน่าไข่ดาว ผมยืนกินข้าวเช้าพลางคุยกับป้าทิพย์ไปพลางๆ เจ้าของหออย่างพี่ซีก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนในสภาพหัวยุ่งๆ เพิ่งตื่น ไม่ได้ใส่เสื้อ สวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมหลุดขำจนแซนด์วิชแทบพุ่งจากปากเมื่อหันไปเห็นนาฬิกาที่ข้อมือ ความขี้เห่อของคนนี่ถึงกับใส่นอนเลยเหรอวะ

พี่ซีหันมาเห็นผมก็ยิ้มกว้างแล้วตรงเข้ามาในครัว ยกมือเสยผมสองสามทีโชว์นาฬิกา เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นกระดกโชว์นาฬิกา ปิดฝาขวดน้ำแล้วก็สะบัดมือสองสามทีโชว์นาฬิกา

"เป็นอะไรกับข้อมือเหรอคะคุณซี"

พี่ซีหันมองป้าทิพย์แล้วกลอกตามองบนหน่อยๆ ก่อนยื่นนาฬิกาที่ข้อมือไปตรงหน้าป้าทิพย์

"เป็นอะไรอะคะ"

"โห่ป้า! อวดนาฬิกา"

"อ๋อ สวยนะคะ" พี่ซียิ้มหน้าบานตอนที่ป้าทิพย์ชมแล้วหันมาหาผม

"น่านยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ กี่โมงแล้วเนี่ย" ว่าแล้วก็ชูมือขึ้นดูนาฬิกา ผมส่ายหน้าหน่อยๆ กับความเห่อเกินเบอร์ของเขา

"วันนี้พี่จะไปเรียนใช่ไหม"

"อือ หยุดหลายวันแล้วอะ"

"ไปได้นะ"

"ได้ดิ หายแล้ว"

"ระวังๆ ด้วยล่ะ"

"ครับ แล้วเจอกันตอนเย็น" เขาว่าแล้วโบกมือให้ เป็นการโบกมือที่พิสดารเพราะหันหลังมือมาโบก เกลียดความโชว์นาฬิกาของเขาขึ้นมานิดๆ แล้วอะ

 

...

 

 

 

 

ผมนั่งดูละครอยู่กับเท็นที่โซฟาห้องโถง เพื่อรอพี่ซีที่ออกไปเรียนตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ถึงยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเลิกเรียนแล้วไปจบที่ร้านเหล้าหรือเปล่า จะโทรตามก็กลัวจะหาว่าจุกจิกเลยรอไปก่อน

"พี่เท็น สอนการบ้านเลขหน่อย" ผมหันมองไคโรที่หอบสมุดการบ้านมาให้เท็นสอน ก่อนหน้านี้มันมาขอให้ผมสอน แต่ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่วิชาเลขม.ปลายเกินความสามารถของผมไปก็เลยโยนให้เท็นสอนแทน

"นี่เฮียยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ"

"ยังอะ"

"เฮียหายดีแล้วเหรอ ถึงไปเรียนอะ"

"เห็นบอกว่าไม่อยากขาดเรียน"

"หรือไม่อยากขาดเหล้า ป่านนี้เมาปลิ้นไปแล้วมั้ง"

ผมก็แอบคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงของคนที่กำลังพูดถึงก็โพล่งขึ้นมา

"สวัสดีทุกคน!"

พี่ซีไม่เมาและสติครบถ้วนดี ยกมือข้างที่ใส่เฝือกทักทายพวกเรา ส่วนมืออีกข้างแบกจักรยานคันใหม่เอี่ยม ตามประสาคนขี้เห่อเขาจึงแบกมันมาวางตรงหน้าพวกเรา สะบัดมือรัวพรีเซนท์จักรยานคันใหม่ของตัวเอง

"ซื้อมาใหม่เหรอเฮีย"

"ของใครไม่รู้เห็นวางอยู่เลยหยิบมา"

"ถุ๊ย!"

"มึงก็รู้ว่ากูต้องซื้อมาอยู่แล้วจะถามทำไมเนี่ย สวยป่ะๆๆ"

"พี่มีตังค์แล้วเหรอ" ผมหันถาม

"อ้อนแม่เป็นอาทิตย์กว่าจะได้มา" เขาตอบคำถามผมแต่สายตายังจดจ้อง ลูบๆ คลำๆ จักรยานนั่นดูคลั่งไคล้ ชอบขนาดนั้นก็เอาเป็นเมียเลยไหม และนี่กูเป็นอะไร หึงกับจักรยาน   

"ต้องพาไปสูดอากาศสักหน่อย" พี่ซีโยนกระเป๋าเป้ลงบนโซฟา หมุนตัวเองพร้อมจักรยานทำท่าจะก้าวเท้าเดินออกไปแล้วหันกลับมา

"หนูไปกับพี่ป่ะ"

"ไม่อะ ให้เดินตามหรือไง"

"งั้นเดี๋ยวพี่กลับมานะ"

"ขี่ดีๆ นะพี่ แขนยังไม่หายด้วยซ้ำ"

"ครับๆ ไปใกล้ๆ เดี๋ยวกลับมา ไอ้ไคไปเปิดประตูดิ"

"เฮียก็เปิดเองดิ"

"มึงจะไปเปิดดีๆ ไหม"

ไคโรส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจก่อนลุกไปเปิดประตูหอ พี่ซีก็โดดขึ้นจักรยานแล้วปั่นวนรอบห้องโถงก่อนออกประตูไป ความเห่อมันทำให้คนเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย

"ปิดประตูด้วย เดี๋ยวยุงเข้า!"

ไคโรส่ายหัวหน่อยๆ แล้วปิดประตูนั่น

"นอกจากเหล้ากับน่านก็มีจักรยานนี่แหละที่เฮียชอบจริงจัง"  เท็นพูดขำๆ ผมคิดสงสัยอะไรบางอย่างจึงเขยิบเข้าไปใกล้เท็น

"เท็น มึงอยู่หอนี้มานานยัง"

"ก็ตั้งแต่ปีหนึ่งอะ"

"อยู่ทันตอนพี่ซีเกิดอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อนใช่ไหม"

"อือ ก็อยู่ด้วย"

ผมมองหน้าเท็นเพื่อให้เขาเล่าถึงเหตุการณ์นั้น เท็นคงเดาได้จากสายตาของผมโดยไม่ต้องพูด เจ้าตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมเล่า

"เฮียไม่ชอบให้พูดถึงหรอกนะ แต่จะเล่าให้ฟังก็ได้ สามปีที่แล้วเฮียถูกวัยรุ่นเมาแล้วขับรถชนอะ พิการจริงจังไปเป็นปีเลยต้องดรอปเรียนไปนาน ก็เพิ่งจะกลับมาเรียนนี่แหละ"

"อ๋อ"

"พ่อของเฮียก็เสียไปตอนนั้นด้วย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อตาย ไม่ได้ไปงานศพพ่อด้วยซ้ำ เฮียเจ็บปวดมากนะกับเรื่องนี้ กว่าจะหายดีทั้งร่างกายทั้งจิตใจก็ใช้เวลานานอยู่ ถึงได้ไม่อยากให้พูดถึงไง"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ

"เมื่อก่อนเฮียก็ไม่ได้เพี้ยนแบบนี้นะ หลังจากถูกรถชนก็บ้าๆ บอๆ ชอบพูดคนเดียวแถมติดเหล้าอีก"

"แถมมองเห็นผีได้อีกต่างหาก" ไคโรพูดขึ้นมา

"มึงเชื่อ?"

"ก็ไม่รู้ดิ เฮียชอบบอกว่ากลัวผี มองเห็นผีด้วย ตอนเมาก็พูดบ่อยๆ และพี่จำวันที่พี่ขิงจะฆ่าตัวตายได้ป่ะ เฮียก็บอกว่าผีบอกมาอะ"

"มึงจะบ้าเหรอวะ"

"เด็กๆ" เสียงป้าทิพย์ดังขึ้นขัดบทสนทนาของพวกเรา ป้าทิพย์ที่เดินเข้ามาพร้อมกับถุงอะไรในมือพะรุงพะรัง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ

"อยู่กันพร้อมหน้าเลย แล้วนี่คุณซีไปไหนล่ะคะ"

"ไปปั่นจักรยานครับ"

"อ๋อ เดี๋ยวป้าโทรตามละกัน เอ้านี่ อาหารจากบ้านคุณพล เดี๋ยวทานด้วยกันนะคะ"

"ผมไปเอาจานให้ครับ" ไคโรพูดแล้วลุกไปในครัว

"คุณพลคือใครอะ" ผมสะกิดถามเท็น

"พ่อของคนที่ขับรถชนเฮียกับป๋าอะ ทุกๆ วันครบรอบวันตายของป๋า เขาจะทำอาหารมาให้ตลอด แต่ปีนี้มาช้าไปหน่อยนะ"

"เห็นแกว่ายุ่งๆ น่ะค่ะ"

ผมพยักหน้ารับอีกที

"จริงๆ กูก็อยากจะโกรธเขาเหมือนกันนะ แต่ก็โกรธไม่ลงว่ะ ลุงเขาโคตรใจดีเลยอะ แล้วอีกอย่างลูกเขาก็ตายไปวันเดียวกันเหมือนกัน"

"แกะเลยค่ะ เดี๋ยวจะได้ทานกันเลย"  ป้าทิพย์หยิบอาหารที่แพ็คอยู่ออกมา ผมขมวดคิ้วเมื่อมองไปเห็นป้ายเล็กๆ ที่เป็นชื่อร้านอาหาร 

 

KK’s Kitchen

 

"เท็น เจ้าของร้านนี้เขาชื่ออะไรนะ"

"ลุงพล ชื่อลุงพล"

 

ลุงพล...และชื่อร้านอาหารนั่น คือร้านของพ่อคิท ผมกระพริบตาถี่เรียกสติแล้วหันไปหาเท็นอีกที

"มึงบอกว่าเขาเป็นพ่อของคนที่ขับรถชนพี่ซี"

"ใช่"

"แล้วก็ขับรถชนพ่อพี่ซีตาย"

"อืม"

คำตอบชัดๆ จากเท็นทำให้ผมจุกจนพูดอะไรไม่ออก

"เฮ้ยน่าน ไปไหนวะ!"

ผมลุกพรวดออกมาจากตรงนั้นแล้ววิ่งขึ้นห้องตัวเอง ความคิดในหัวประติดประต่อกันจนกระจ่างชัด เรื่องนี้เองที่พี่ซีไม่อยากให้ผมรู้ เรื่องที่คิทเป็นคนทำให้พ่อเขาตาย คิทเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุของเขาเมื่อสามปีก่อน คราวนี้ผมอยากให้มันเป็นเรื่องโกหกอะ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น มือสั่นๆ ของผมคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทรหาแคท

(ว่าไงพี่น่าน มีอะไรเปล่า)

"แคท พี่ถามอะไรหน่อยดิ"

(ว่า?)

"เรื่องเมื่อสามปีก่อนอะ"

(ฮึ? ทำไมอะ)

"สามปีที่แล้วคิทมันขับรถชนคนตายเหรอ"

แคทไม่ตอบผมก่อนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับกลับมา

"ใช่พี่"

"ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องนี้อะ ไม่เห็นมีใครบอกพี่เลย"

(พ่อไม่อยากบอกเรื่องนี้กับพี่ พ่อกลัวพี่โกรธพี่คิท)

"..."

(พี่คิทไม่ได้ตั้งใจนะพี่น่าน)

"..."

(เขาไม่ได้ตั้งใจ)

ผมตอบรับแล้วกดวางโทรศัพท์จากแคท โทษว่าไม่มีใครบอกก็ไม่ถูกนัก เพราะผมเองไม่เคยถาม ตั้งแต่ตอนนั้นผมเอาแต่เสียใจกับการตายของคิทโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้นด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่านอกจากเขายังมีคนอื่นตายในเหตุการณ์นั้นด้วย แล้วคนนั้นก็คือพ่อของพี่ซี และตัวเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องเจ็บตัวจากเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยแต่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผม

ผมนั่งอยู่บนห้องพร้อมความเงียบและความคิดในหัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งใจลงไปข้างล่างเพื่อไปรอพี่ซี แต่เดินลงมายังไม่ทันถึงขั้นสุดท้ายก็ได้ยินเสียงดังโวยวายจากข้างล่าง

"โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย!"

"สมน้ำหน้าแล้วไง"

"เบาๆ ดิวะ!"

ผมก้าวเท้าเร็วๆ ลงไปยังห้องโถง ก่อนเบิกตาขึ้นเมื่อเห็นสภาพของพี่ซี เสื้อนักศึกษาของเขาเลอะมอมแมม เลือดไหลออกมาจากข้อศอก และรอยถลอกที่แขนนั่นอีก

"พี่ซีเป็นอะไร"

"จักรยานล้ม แขนขายังพิการแต่เปรี้ยวออกไปปั่นจักรยานไง" เท็นหันมาบอกผม คนเจ็บหันมองตาขวาง ผมก้าวเท้าเข้าไปหาสำรวจร่างกายของเขา แผลเก่ายังไม่ทันหาย หาเรื่องมีแผลใหม่อีก

"พี่น่านเตือนแล้วก็ไม่ฟังอะ สมน้ำหน้าแล้ว"

"ถ้าจะมายืนตอกย้ำกูอย่างนี้ก็ไปไกลๆ ตีนเลยไป"

 "ไปกันเหอะ" เท็นว่าแล้วคล้องคอไคโรเดินขึ้นบันไดไป ไม่ลืมที่จะหยิบอาหารบนโต๊ะติดมือไปด้วย ผมนั่งลงกับพื้นตรงหน้าพี่ซี แล้วเลื่อนสายตามองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

"ผมบอกพี่แล้ว ให้ห่วงตัวเองบ้าง" 

"ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย"

"ทำไมปล่อยให้ตัวเองเจ็บขนาดนี้"

พี่ซีไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าลงหงอยๆ

"ทำไมปล่อยให้ตัวเองเจ็บขนาดนี้!"

พี่ซีสะดุ้งเมื่อผมถามคำถามเดิมด้วยเสียงที่ดังขึ้น 

"น่าน"

"เจ็บทำไมไม่บอก"

"พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ดูดิ ไม่เจ็บตรงไหนเลย"

ผมกัดฟันแล้วยกมือชกเข้าไปที่อกของเขาเบาๆ 

"ผมหมายถึงตรงนี้ หมายถึงใจพี่"

"..."

"พี่ต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ทำไมไม่บอกผมสักคำ"

"น่าน"

"ผมรู้เรื่องที่พี่ไม่อยากให้ผมรู้แล้ว เรื่องที่คิททำให้พ่อพี่ต้องตาย คิททำให้พี่ต้องเจ็บ เรื่องนั้นโหดร้ายกับผมอยู่เหมือนกัน"

"ถึงได้ไม่อยากให้น่านรู้ไง พี่กลัวน่านรับไม่ได้"

พี่ซีก็คือพี่ซี เขาคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง เขาปกป้องความรู้สึกของผมมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง และเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่เสมอ

"พี่กลัวว่าถ้าน่านรู้แล้ว น่านจะไปจากพี่"

"..."

"พี่กลัวจริงๆ นะเว้ย มันไม่ใช่ความผิดของน่าน ไม่ใช่ความผิดไอ้คิทหรือใครทั้งนั้น และมันไม่ใช่เหตุผลที่น่านจะไม่รักพี่ อย่าเอามาเกี่ยวกันนะเว้ย"

"..."

"น่าน อย่าไปนะ"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ผมยอมรับไม่ได้ในทันที ทฤษฏีโลกกลมน่ากลัวจนผมเผลอตกใจกับมันไป แต่ผมก็ยังรักพี่ซีอยู่ดี จริงอย่างเขาว่า มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะต้องไปจากครับ

"น่าน"

"ครับ ผมจะไม่ไปไหน"

"..."

"จะไม่ไปจากพี่เลย"

พี่ซีใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวผมให้ลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ เขา ยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างคนอ่อนแอ ผมเคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็งแล้ว แต่อยู่กับพี่ซีผมก็กลายเป็นเด็กขี้แง หาเรื่องร้องไห้ให้เขาปลอบอยู่เรื่องเลย และพี่ซีก็รู้วิธีที่จะทำให้ผมยิ้มออกมาได้ในสถานการณ์แบบนี้เสมอ

"ไม่ร้องนะ เดี๋ยวแกะเมล็ดทานตะวันให้"

"พี่ อย่ากวนตีนดิ"

พี่ซียกมือวางบนหัวผมแล้วจับโยกไปเบาๆ ผมจึงเห็นแผลที่ข้อศอกเขาได้ชัด จึงยกมือจิ้มเข้าไปทีหนึ่ง

"โอ๊ย! เจ็บ!"

"ไหนบอกไม่เจ็บตรงไหนไง"

"ขอเจ็บนิดหนึ่งได้ไหมอะ"

"เดี๋ยวผมทำแผลให้"

ผมเดินไปหยิบกล่องยา ตอนนั้นก็เดินผ่านจักรยานคันใหม่ของเขาด้วย จึงหันมองมันตาขวาง

"ไม่ต้องปั่นแล้วไหมจักรยานเนี่ย"

"เฮ้ย น่าน"

"ปั่นแล้วเจ็บตัวแบบนี้ก็ไม่ต้องปั่น" ผมพูดเคืองๆ แล้วยกมือผลักจักรยานที่พิงพนังอยู่ล้มโครมไปกับพื้น

"น่าน! ใจร้าย!"

"สมควรแล้ว"

"จักรยานมันทำอะไรผิดอะ ถ้าจะทำมันทำพี่ดีกว่า โอ๊ย!!" พี่ซีร้องลั่นบ้านตอนผมเทแอลกอฮอล์ราดใส่แผลโดยไม่ใช้สำลี สีหน้าเจ็บปวดคลอด้วยน้ำตานั่นไม่น่าสงสารสักนิด ผมดึงลำสีแล้วเช็ดแผลนั่นอีกครั้ง อีกคนก็พยายามจะดึงศอกหนี แต่ถูกผมเงยหน้ามองตาขวางจึงหยุดอยู่กับที่ 

"น่าน พี่เจ็บ"

"เฉยๆ ดิ"

"ไม่เอาแล้วเจ็บ"

"พี่ซี"

"ก็เจ็บอะ!" พี่ซีโวยแล้วใช้แขนข้างนั้นรวบคอผมเข้าไปนั่งข้างๆ ล็อกอยู่อย่างนั้นไม่ให้ผมขยับ

"พี่ ปล่อยเลย ยังทำแผลไม่เสร็จ"

"ไม่เอา ไม่ต้องทำแล้ว เจ็บโว้ย"

"พี่ซี!"

"แค่กอดน่านอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวพี่ก็หายแล้ว"

ผมไม่อยากขัดใจเขาแล้ว เลยปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น ขยับตัวเองเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วพิงหัวตัวเองลงไปบนไหล่ของเขา ยกมือลูบแขนข้างที่ใส่เฝือกของเขาเบาๆ

"หายไวๆ นะครับ"

 

...

 

 

วันนี้ผมย้ายโลเคชั่นของผมกับพี่ซีมาอยู่ในร้านของหวาน ผมนั่งมองพี่ซีที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาใช้มือจับหลอดวนอยู่ในแก้วโกโก้ปั่น ขณะมองฮันนี่โทสที่ผมสั่งมาให้อยู่เป็นพักจนไอติมเกือบจะละลาย

"มองอะไรวะพี่ กินดิ"

"กินไม่เป็นว่ะ"

"ก็แค่ยัดใส่ปากเข้าไป"

"พี่ไม่ชอบของหวานเว้ย เราเปลี่ยนไปร้านเหล้าข้างๆ ป่ะ พี่มีบัตรลดมิกเซอร์สิบเปอร์เซ็นด้วย"

"ไม่"

"นะ"

ต่อให้เขางัดเอาหน้าตาอันหล่อเหลาและความขี้อ้อนระดับไหนมาวอนขอผมก็ไม่ให้

"พี่ไม่ได้แตะเหล้ามาจะเป็นเดือนแล้วนะหนู"

อันที่จริงก็ไม่ได้อยากบังคับอะไรเยอะแยะ แต่มันก็ดีกับตัวเขาไม่ใช่เหรอ ผมกำลังปรับนิสัยและการใช้ชีวิตของพี่ซีเพื่อให้เขามีอายุที่ยืนยาวขึ้นอยู่ เขาไม่ได้กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม ถ้าไปสังสรรค์กับเพื่อนแบบนี้ผมไม่ว่าเลย แต่เขากำลังเข้าข่ายผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังแล้วผมเลยต้องปรับพฤติกรรมของเขาใหม่ด้วยการพาเข้าร้านของหวานแทน พอรู้ตัวว่าผมไม่มีทางอนุญาตเขาก็ดึงแก้วโกโก้ไปดูดด้วยหน้าหงอยๆ

"งั้นพี่ขอเดือนละสี่ครั้ง"

"ผมให้ได้แค่สองครั้ง"

"เฮ้ย มันไม่พอ พี่มีเพื่อนเยอะนะ เพื่อนมัธยมต้น เพื่อนมัธยมปลาย เพื่อนมหาลัย เพื่อนนอกมหาลัย วนๆ กันไปทุกวันศุกร์เดือนหนึ่งก็ต้องสี่ครั้งแล้ว"

"งั้นต่อไปนี้ผมจะเดทกับพี่ทุกวันศุกร์"

"โห่ หนู"

"ไม่อยากเดทกับผมเหรอ"

"อยากสิวะ อยากได้หนูใจจะขาดแล้วเนี่ย คบกับมาตั้งนานได้แค่จูบเอง กูจะอกแตกตายอยู่แล้ว"

"เฮ้ย!" ผมยื่นมือไปปิดปากพี่ซีที่กำลังพูดเสียงดังออกมากลางร้าน ผู้หญิงสองคนที่นั่งโต๊ะติดกับเราหันมามองแล้วยกเมนูขึ้นปิดหน้า เดาได้ไม่ยากว่ากำลังนินทาอะไรพวกเราอยู่แน่ๆ พี่ซีดึงมือผมที่ปิดปากอยู่ออกแล้วหัวเราะเบาๆ

"ตกลงจะกินไหมเนี่ย"

"ป้อนดิป้อน"

"แขนก็หายแล้วยังจะงอแง"

เขาอ้าปากรอ แล้วยักคิ้วสองสามที ผมเก็บคำที่จะบ่นเอาไว้แล้วใช้ส้อมจิ้มลงไปบนขนมปังก่อนจะยัดใส่ปากเขา คนตรงข้ามเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ขณะเคี้ยวก็พยักหน้าอย่างดูพอใจไปด้วย

"อร่อยใช่ไหม"

"เออ อร่อย"

"กินเยอะๆ" เขาไม่รอให้ผมป้อน ใช้ส้อมอีกคันตักกินเอง น่าจะอร่อยอย่างที่บอกจริงๆ ผมเลยเอาชิ้นที่จิ้มขึ้นมาแล้วใส่ปากตัวเองบ้าง พี่ซียังไม่จบเรื่องกินเหล้าเลยพูดขึ้นมาอีก

"ตกลงเดือนละสี่ครั้งนะ"

"สอง"

"น่าน! ทำไมใจร้ายกับพี่จังเลยเนี่ย"

"ก็พี่จะขี้เมาทำไมวะ"

"ทำไมเป็นเด็กแบบนี้เนี่ย พี่เป็นพี่น่านนะ!"

"แต่ผมเป็นแฟนพี่นะ!"

"..."

ทั้งผมและเขาเงียบไปตอนผมลั่นเสียงดังออกไปแบบนั้น เมื่อผมรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็อายจนต้องก้มหน้างุดแทบจมไปกับจานฮันนี่โทส

"เป็นแฟนเลยเหรอ หืม?"

"พี่ซี ไม่แซว"

"เป็นแฟนกันเนอะ"

"เออ!" ผมตะโกนตอบกลับไป เอาจริงพี่ซีไม่เคยขอผมเป็นแฟนเลย ยืนงงๆ ในดงหอพักแล้วก็หลงรักเขาเฉยเลย แต่ในความชัดเจนของการกระทำจากพี่ซีมันก็ระบุสถานะเราอยู่แล้ว บทเรียนจากเรื่องคิทสอนให้ผมเป็นคนจริงจังกับความชัดเจน ผมจึงต้องตอกย้ำให้ความสัมพันธ์ของเรามันหนักแน่นโดยสมบูรณ์แบบ และในเมื่อพี่ซีไม่ขอเป็นแฟน ผมก็จะขอเองซะเลย ผมยื่นสองมือไปจับมือพี่ซี มองหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดคำนั้นออกไปด้วยเสียงจริงจังเจือความเคอะเขิน   

"พี่ซี"

"..."

"เป็นแฟนกันนะครับ"

 

To be continued.

หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 22-04-2018 00:34:52
 :hao5: ทำไมน่ารักทั้งคู่เลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-04-2018 01:37:35
อ่านครึ่งแรก  :sad4:
อ่านครึ่งหลัง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-04-2018 03:41:00
ชอบจริงจริ๊งงงงงงงงง เวลาพี่ซีเรียกน่านว่า "หนู"
มันมีความรัก ความเอ็นดู ความใส่ใจ และสารพัดความที่ดี ๆ
อยู่ใน 3 ตัวนั้นจริง ๆ นะ

เชื่อเรา, เราอ่านด้วยใจ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 22-04-2018 06:44:57
 :katai2-1:  เป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-04-2018 10:28:39
น่ารักจังเลยยยย ฮือออ ทีมน้องน่าน ช่วยขจัดความกากออกไปจากพี่ซีสักนิดนะคะ 55555555556
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-04-2018 14:17:35
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: tegomass ที่ 22-04-2018 14:53:20
เป็นแฟนกันนะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่21] 22/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-04-2018 19:45:56
พี่ซีมีทั้งความอบอุ่นและงอแง น่านจะได้ไม่เบื่อเนาะ
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่22] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 25-04-2018 20:22:58
ตอนที่ 22
ทั้งหมดที่มี



ซี :

 

 

 

ร้านของหวานใกล้มหาลัยกลายเป็นร้านประจำของผมกับน่านในทุกวันศุกร์ วันนี้ก็เช่นกัน ผมมานั่งรอน่านในร้านก่อนเพราะเลิกเรียนเร็ว ใครจะไปเชื่อว่าชีวิตของซีสายแข็งคนนี้จะเดินเข้าร้านของหวานทุกอาทิตย์จนกลายเป็นลูกค้าประจำ แดกจนจะเป็นเบาหวานอยู่แล้วเนี่ย แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าของหวานทุกชนิดนี่มันอร่อยจนหยุดกินไม่ได้ โกโก้ปั่นก็ดี ไอติมก็ฉ่ำ ฮันนี่โทสนี่ยิ่งดีกับลิ้น บิงซูเมล่อนก็ละมุน

ผมเปลี่ยนจากสายแข็งมาเป็นสายหวาน ถ้าโลกนี้มันมีโรคพิษโกโก้เรื้อรัง ผมต้องเป็นผู้ป่วยคนแรกของโรคนั้นแน่นอน เพราะผมเป็นโกโกลิซึ่ม ต้องดื่มให้ได้วันละแก้วสองแก้ว บางวันล่อไปสามแก้ว ทั้งหมดเป็นเพราะน่านคนเดียวที่ห้ามผมกินเหล้า คบกับน่านมาสองเดือน น้ำหนักขึ้นห้ากิโล ซิกแพคกูหายเรียบ เหลือแต่พุงนิ่มๆ เอาไว้ให้ไอรอนแมนซุกตอนเอามันมานอนด้วย ใหญ่กว่านี้ก็หมีแล้วโว้ย แต่ไม่เป็นไร ฮันนี่โทสแม่งโคตรอร่อย ผิดที่เราเจอกันช้าไป

ระหว่างที่รอน่าน ผมเข้าไปในเพจของแล้วนั่งอ่านรีวิวเมนูอาหารเพื่อประกอบการตัดสินใจ เรื่องเมนูนี่น่านไม่ต้องเลือก ผมเลือกเอง นี่กูกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร


"เฮ้ย พวกมึงเจอน้ำขิงบ้างป่ะวะ?"

"ไม่รู้ดิ มันไม่ติดต่อมาเลยนะ ปิดเฟสไปแล้วด้วย"

ผมเงยหน้าจากมือถือแล้วหันไปมองกลุ่มนักศึกษาโต๊ะข้างหลังที่กำลังคุยกัน ไม่ได้อยากเสือกเรื่องของคนอื่น แต่ชื่อที่ได้ยินมันดันสะดุดหู ยิ่งบทสนทนาต่อจากนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงนั่นคือน้ำขิงที่ผมรู้จัก

"ตกลงน้ำขิงมันท้องกับไอ้เต้จริงป่ะวะ?"

"กูก็ไม่รู้ว่ะ ไม่กล้าถามด้วย"

"แต่มันนอนด้วยกันจริงๆ นะเว้ย"

"แต่มันแค่ครั้งเดียวเองนะเว้ย"

"ครั้งเดียวก็ท้องได้ป่ะวะ"

"แต่ไอ้เต้แม่งไม่ยอมรับ หน้าตัวเมียสัดๆ ถ้ากูเป็นน้ำขิงนะ กูจะเอาให้แม่งตาย"

"เฮ้ยๆ ไอ้เต้มา"

ผมหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามา ไอ้เต้ที่ถูกพูดถึงในบทสนทนาก่อนหน้า ไม่รู้จักมันมาก่อนเลย แต่เห็นหน้าก็ตีนกระตุกแล้ว

"ไงมึง สายตลอดนะ"

"กูก็มาแล้วนี่ไง นี่คุยอะไรกันอยู่"

"ก็เรื่องเรียนแหละ"

"อ่ะๆ มึงจะกินอะไรสั่งเลย"

ผมหันไปมองหน้าไอ้คนที่มาทีหลังชัดๆ มองจนมันรู้ตัวแต่ก็ไม่ได้ละสายตาออกจากมัน อีกฝ่ายขมวดคิ้วมองกลับมา ก่อนก้มลงไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง
 
"เดี๋ยวกูไปรับโทรศัพท์แป๊บ" มันว่าแล้วลุกออกไปจากโต๊ะแล้วเดินไปทางห้องน้ำ ผมจึงลุกตามไปด้วย ยืนรอกระทั่งมันคุยโทรศัพท์เสร็จ แล้วตรงเข้าไปหา
           
"มีอะไรป่ะ เห็นมองตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"
 
"รู้จักน้ำขิงป่ะ"
 
มันเงียบไปตอนถูกตาม สีหน้าเปลี่ยนจนดูออก ผมไม่รอให้มันตอบแล้วก็ทำในสิ่งที่ใจสั่งให้ทำ รู้ว่าผิดแต่จิตสำนึกก็ไม่ได้ห้าม คิดอย่างเดียวว่าคนอย่างมันควรโดนแล้ว
           
"เฮ้ย!"
             
"พลั่ก!"
             
"ตุ้บ!"

...

ผมกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วเปิดดูเมนูเพลินๆ อย่างสบายๆ


"ไอ้เต้มันหายไปนานจังวะ"

"สงสัยไปหาเมียแล้วมั้ง ช่างมันเหอะ"


กินอะไรดีน้า...

 

"ปึง!"

ผมเงยหน้าจากมือถือเมื่อน่านตรงเข้ามานั่ง ดูเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ไม่ดี กระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าเดือดๆ ผมกำลังจะเอ่ยทักแต่อีกคนไวกว่า

"พี่ซี เสื้อเลอะเลือดอะไรอะ" ว่าแล้วชี้เข้ามาที่คราบเลอะที่แขนเสื้อผม

"ซอสมะเขือเทศมั้ง"

"กินอะไรเลอะเป็นเด็ก"

"เหอะน่า แล้วนี่เป็นอะไร เมื่อกี้เห็นหน้าบูด"

"เออ ลืมไปว่าอารมณ์เสียอยู่"

"เป็นอะไรครับ"

"พี่! แดกเหล้ากัน!"

"ฮะ?"

"ไปป่ะ"

"เป็นอะไรวะ"

"หงุดหงิด!"

"ใจเย็น" ผมยื่นแก้วโกโก้ที่แอบสั่งมากินระหว่างรอก่อนส่งให้เขา เผื่อมันจะทำให้เย็นลงได้บ้าง น่านดูดน้ำในแก้วนั่นแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร ยังคงโมโหฟึดฟัดเป็นหนูแฮมเตอร์เมายาเส้น

"เป็นอะไร"

"สอบตก"

"ฮะ"

"ตกยกห้องเลย ก็อาจารย์แม่งกวนตีน"

"ใจเย็น นั่นอาจารย์"

"ก็มันจริงอะพี่ แล้วอะไรๆ ก็มาโทษประธานเอก เพื่อนลอกข้อสอบกันก็มาโทษประธานเอก ผมเป็นประธานเอกไม่ได้เป็นคนควบคุมจริยธรรมของคนทั้งเอกปะ แล้วคนลอกข้อสอบกันแค่สองคน พาลให้ตกทั้งห้องใช่เรื่องปะ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ผมจะฟ้องคณะบดี ฟ้องไปให้ถึงอธิการบดี ฟ้องแม่งถึงหัวหน้าคสช.เลย"

ผมนั่งเท้าคางมองน่านที่นั่งบ่น เล่าให้ผมฟังเป็นฉากๆ ปกติน่านเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ ถนัดทำหน้าเด๋อใส่มากกว่า แต่ถ้ามีเรื่องให้พูดรัวเหมือนหายใจทางผิวหนังได้เลยเนี่ย 

"งั้นไปเมากันปะ เอาให้ลืมทางกลับบ้านไปเลย"

"เอาดิ วันนี้ผมอนุญาต"

 

กูก็ชอบของหวานนะ แต่เหล้าคือนิพพานว่ะ!

 

ผมพาน่านย้ายมาที่ร้านเหล้าร้านประจำ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อนรำลึกถึง แก้วเหล้าที่เคยจับผับที่เคยเข้า ก่อนเลื่อนสายตามามองคนตรงข้ามที่มาด้วย เคยฝันอยู่เหมือนกันว่าอยากมีแฟนที่มานั่งร้านเหล้าด้วยกันได้ พูดคุย กินเหล้า แล้วก็เมาไปด้วยกันได้ แต่พอเห็นน่านดื่มเอาๆ แบบนี้ก็รู้ไม่พอใจขึ้นมาเฉยเลย

"พอแล้ว ไม่ให้กินแล้ว"

"ทำไมอะ"

"เดี๋ยวก็เมาหรอก"

"มาร้านเหล้ามันก็ต้องเมาป่ะวะ ไม่งั้นจะมาทำไมอะ เอาคืนมา"

"นี่อารมณ์ไม่ดีจริงๆ ใช่ปะเนี่ย"

"ก็เปล่า แต่วันนี้ตามใจพี่วันหนึ่ง"

"จริงอะ ตามใจทุกเรื่องเลยป่ะ"

"อย่าคิดอกุศลดิวะ แค่ยอมให้กินเหล้า"

"ก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลย หนูแหละคิดเยอะ" ผมพูดขำๆ ขณะที่น่านก็กระดกเหล้าเข้าปากไปอีกแก้ว นั่งกันอยู่เพลินๆ งงๆ รู้ตัวอีกทีก็กลายร่างเป็นแฮมสเตอร์สติหลุดไปละ

"ทำไมคนอื่นต้องเรียกพี่ซีว่าเฮียด้วยอะ"

"จะไปรู้เหรอ มันเรียกกันเอง"

"เรียกเฮียก็น่ารักดีนะ เรียกบ้างได้ป่ะ"

"ก็ตามใจสิครับ"

"เฮีย"

"อือ"

"เฮีย!"

"เออ"

"เฮียค้าบ!"

"อะไร!"

"เฮียอะ! เฮียเดินตรงๆ ได้ป่ะ!"

"หนูนั่นแหละ จะล้มอยู่แล้ว! ปัดโธ่!" ผมที่กำลังเดินโซซัดโซเซเพราะน่านที่เมาอยู่ข้างๆ สาบานเลยว่าผมชงเหล้าให้น่านบางมาก แต่คนข้างๆ เมาปลิ้นไม่เป็นท่า เขาที่เดินเกาะเอวผมเอาไว้เพื่อยันไม่ให้ตัวเองล้ม พาให้ผมเซไปเซมาด้วย อยากจะด่าที่กินจนเมาเละเทะ แต่ตอนเมาเสือกน่ารักมากไง ผิวขาวๆ เลยทำให้มองเห็นหน้าแดงๆ ของเขาได้ชัด มือที่โอบเอวผมอยู่ทำให้เราใกล้กันมาก หน้าเขาพักอยู่บนไหล่ของผมจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวน่าน 

ลากเข้าห้องเลยดีไหม

"เหี้ย!"

ผมหันขวับไปมองผีมินท์ที่โผล่มาข้างๆ

"มึงว่าอะไรนะ"

"มินท์เรียกเฮีย"

"กูไม่ได้ยินแบบนั้นนะ"

"ก็มินท์ได้ยินจิตอกุศลของเฮียอะ จะลากน่านเข้าห้อง"

"อีผี เดี๋ยวนี้มึงแอดวานซ์ขนาดอ่านความคิดในจิตใต้สำนึกกูได้เลยเหรอ"

"อ่าหะ! คิดไม่ดีเลยนะเราอะ"

"เฮียพูดกับใครอะ" เสียงงู่งี่ของน่านเงยขึ้นมาถามผม

"พูดกับผีครับ"

"เออๆ เฮียเห็นผีได้นี่นา เฮียเก่งจังเลย" น่านหัวเราะแล้วปล่อยมือจากเอวผมไปปรบมือสองสามที

"ปรบมือให้ตัวเองสิเฮีย"

"ครับๆ"

ผมยกมือตบกับแขนเขาเบาๆ เพราะมือยังต้องประคองเขาอยู่ไม่งั้นล้มไปทั้งคู่แน่ๆ ลำบากที่จะพากันประคองไปอย่างนี้ ผมเลยแบกน่านขึ้นหลังแล้วพากลับมาที่หอ ตัวก็เล็กทำไมหนักจังวะ ทันทีที่ถึงหอผมก็ปล่อยน่านลงที่หน้าบันได จะพาเดินขึ้นห้องแต่เจ้าตัวไม่เดินตามแล้วหันมาทำหน้ามุ่ย

"เมื่อไรจะทำลิฟต์อะ"

"สามชั้นเอง"

"ตั้งสามชั้นเหอะ"

"แต่มันเหนื่อยไง"

"งั้นขี่หลังพี่ไหม"

"นอนห้องเฮียได้ป่ะ"

"ได้ดิ!"

"ตอบรับไวป๊าย!" มินท์ที่ยังตามมาด้วยยืนกอดอกพูดจิกผม  ผมยักไหล่ให้มันหน่อยๆ แล้วพาน่านวนกลับมาที่ห้องตัวเอง มันเองก็ยังตามมาด้วย

"จะตามมาทำไมเนี่ย"

"ตามมาดูคนชั่ว"

"น่านเสนอเองนะเว้ย กูไม่ได้บังคับ"

"อะเหรอๆ"

"ผีส่วนผีไป เดี๋ยวกูสวดมนต์ไล่เลย"

"จ้ะๆ" มินท์ว่าหายวับไปจากตรงนี้ ผมดูให้มั่นใจก่อนว่ามันหายไปแล้ว หันมองน่านที่แปรสภาพเป็นของเหลวไหลอยู่บนเตียง ก่อนก้มลงถอดรองเท้าให้เขา

"งื้อ จะเอารองเท้าผมไปไหน!"

"หนูจะใส่รองเท้านอนหรือไง"

"อ๋อ ใส่รองเท้านอนไม่ได้เนอะ" ว่าแล้วก็ดีดรองเท้าออกจากเท้าตัวเอง แล้วก็ขยับมือไปปลดกางเกงตัวเอง ผมจึงรีบคว้ามือนั่นเอาไว้ก่อน

"เฮ้ยๆ เดี๋ยว!"

"ทำไมอะ เฮียจะให้ผมใส่กางเกงยีนส์นอนเหรอ ต้องถอดดิ" น่านจัดการถอดกางเกงยีนส์ออกเรียบร้อย

"ใส่เสื้อนอนก็ไม่ได้ ต้องถอด"

เชี่ย!

น่านว่าแล้วปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดกระทั่งถอดออกเผยให้ตัวขาวๆ เล็กๆ น่าอุ้ม ขณะที่ผมยังยืนงงๆ ว่าต้องเอาไงดี แค่หน้าแดงๆ นั่นกูก็ใจสั่นล่ะนะ เล่นอย่างนี้พี่ไม่ทนนะหนู ถ้ารู้ว่าเมาแล้วน่ารักแบบนี้ กูจะเอาเหล้ากรอกปากแม่งทุกวัน ถุ๊ย! ไม่ได้โว้ย! ผมรีบหันไปคว้าเสื้อยืดตัวหนึ่งแล้วรีบยัดให้คนบนเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนน่านหันมายิ้มกว้างให้ผม

"ยิ้มอะไร นอนเลย"

"เฮียนอนไหม"

"พี่จะอาบน้ำก่อน"

"เฮียนอนเถอะ"

สองมือเล็กๆ นั่นยื่นมาดึงเสื้อผมให้ลงไปนั่งบนเตียงด้วย ใจผมก็อ่อนยวบตอนเด็กมันอ้อน เลยลงไปนอนด้วยทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำ อีกคนข้างๆ ก็ยังเอาแต่ยิ้มให้ ทั้งที่จังหวะมันส่งมาขนาดนี้แล้วควรทำอะไรสักอย่างแล้วอะ แต่กูจะทำได้แค่นอนมองหน้ามันเหรอ ถามแค่นี้

"เฮีย"

"อือ"

"พี่ซี"

"อือ ว่าไง"

"ผมจูบพี่ได้ไหม"

"ฮะ?"

น่านไม่รอให้ผมตอบอะไร แล้วขยับตัวเองเข้ามาใกล้ จู่โจมด้วยริมฝีปากจนผมไม่ทันตั้งตัว จูบของน่านร้อนกว่าจูบของผมเป็นไหนๆ ผมรักน่านและอยากจะทะนุถนอม ตอนผมจูบผมแสดงออกด้วยความรักและความจริงใจจริงๆ จึงไม่กล้ารุนแรงกับเขา แต่น่านไม่ทำอย่างนั้นกับผม ริมฝีปากที่บดขยี้เข้ามาทำเอาผมร้อนระอุไปทั้งร่าง กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ และรสที่ยังขมจากลิ้นที่กำลังซุกซนอยู่ในปากอย่างไม่อาจต้านทาน ผมเผลอตามน้ำอยู่นานก่อนจะตั้งสติได้จึงเป็นฝ่ายถอนจูบออกมา

"ถ้าหนูรุนแรงกับพี่มากกว่านี้ พี่ไม่จบแค่จูบนะ"

เขาไม่ฟังคำพูดของผม หรือสติสัมปชัญญะที่เตลิดหายไปก็ไม่รู้ ยังคงมอบจูบให้ผมไม่หยุด

"นี่คือยั่ว?"

"อือ"

"งั้นพี่ไม่ขัดใจหนูนะ"

 

มีแววกลัวเมียตั้งแต่เริ่มเลยกูอะ แต่ทำไงได้คนมันรักก็ไม่อยากขัดใจ ผมจึงปล่อยให้น่านเริ่ม ก่อนผมเป็นคนจบเรื่อง และคืนนั้นผมก็กล่อมน่านให้นอนหลับฝันดีไปทั้งคืน

 

 

...

 

 

 

วันนี้ผมไม่มีเรียนก็เลยนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในหอ ชีวิตประจำวันของผมก่อนหน้านี้ก็แค่ไปเรียน แล้วก็เมา แล้วก็กลับหอนอนแล้วก็ออกไปเรียนแล้วก็เมากลับมา มันวนอยู่แค่นั้นแต่ตอนนี้เปลี่ยนไป มีทั้งหนูทั้งแมวที่ต้องรับผิดชอบ ช่วงนี้ไอ้เท็นมันเรียนหนักก็เลยไม่มีเวลาดูไอรอนแมน ผมเลยรับมาเป็นลูกบุญธรรมอีกตัว วันว่างๆ ของผมหมดไปกับการเล่นกับพวกมัน สนุกยังไงไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกทีหมดวันไปกับพวกมันนี่แหละ

เมื่อทำงานส่งอาจารย์ ทำโปรเจกต์ห่าเหวอะไรเสร็จก็มานั่งอ่านรีวิวร้านขนมอร่อย น้ำขิงก็ทักมาคุยบ้าง เล่าเรื่องลูกในท้องของมันให้ฟัง บางครั้งก็คุยกับผีสางนางไม้ที่ผลัดกันแวะเวียนมาหา ชีวิตผมเปลี่ยนไปตั้งแต่มีน่านเข้ามา น่านเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตให้มันดี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเอง ผมก็ยังเป็นผมที่ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น

และการมีน่านอยู่ด้วยผมไม่เคยกลัวอะไร ผมเคยมีแค่ตัวเอง จะไปเมาหัวทิ่มหรือนอนข้างถนนที่ไหนก็ได้ ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า แต่ต่อไปนี้ไม่ใช่แล้ว ผมเรียนรู้ว่าความแน่นอนนั่นไม่มีอยู่จริง ผมจะตายตอนไหนก็ไม่รู้ จึงต้องใช้มันอย่างคุ้มค่า ทำสิ่งที่อยากทำ รักใครบางคนเท่าที่อยากรัก 

 

"ตึ้ด"

 

ผมหันไปมองเสียงคีย์การ์ดและประตูที่ถูกเปิดเข้ามา คนที่ผมกำลังคิดถึงเดินทำหน้าเพลียๆ เข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วล้มลงมานอนตักผม

"เป็นอะไรเปล่า"

"เปล่า ก็อ้อนไปงั้น"

"หืม?"

น่านอมยิ้มหน่อยๆ แล้วไถหัวงื้ดๆ อยู่บนตักผม ท่าทางเหมือนไอรอนแมนตอนร้องหาอาหาร แค่นั้นใจกูก็สั่นเฉ๊ย ชีวิตเถื่อนๆ ของไอ้ซี จะต้องมาตายเพราะการกระทำตะงุตะงิแค่นี้จริงๆ เหรอวะ

"พี่ซี เย็นนี้กินอะไรดี"

"กินหนู"

"อะไร!"

"กินหมู พูดผิด!"

"หมูอะไร"

"ก็หมูไง หมูกระทะอะไรก็ว่าไป"

น่านคว่ำปากใส่แล้วเบ้ปากหน่อยๆ เห็นปากเชิดๆ แล้วหมั่นเขี้ยวเลยก้มลงไปจุ๊บสักที

"จุ๊บ!"

"พี่ซี!"

"จุ๊บ"

            ผมไม่รอให้น่านด่าแล้วทำแบบเดิมซ้ำอีกที อีกทีๆ ไปเรื่อยๆ จนน่านยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แก้มขาวๆ ของเขาเปลี่ยนสีเป็นสีแดงจางๆ นั่นทำให้เขาโคตรน่ารัก

"อีกทีไหม"

"พอแล้ว!"

"แหม่ ก็ทำเหมือนกูไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยเนอะ"

ทั้งผมและน่านหันมองไอ้เท็นที่นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วแต่ไม่มีแอร์ไทม์ให้

"อิจฉากูอะดิ"

"เหอะ! ไปดีกว่า" มันพูดงอนๆ แล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ไอ้บ้านี่ก็ไม่มีเสื้อใส่หรือไงก็ไม่รู้ เดินตัวล่อนจ้อนอยู่ได้ และแม่งเสือกหุ่นดีมีซิกแพคด้วยไง เหอะ! ที่มึงหุ่นแบบนั้นเพราะมึงไม่รู้จักความอร่อยของฮันนี่โทสไง อ้วนแล้วก็พาลอีกกู

"พี่ ผมหิวแล้วอะ ออกไปซื้อข้าวกัน"

"ไปดิ"

ผมกับน่านพากันออกมานอกหอเพื่อหาอะไรกิน เดินมาได้ไม่ถึงสิบเมตรคนข้างๆ ก็หันมาบ่น

"ขี่คอได้ป่ะ ขี้เกียจเดิน"

"โห่ น่านหนักเท่าไร แล้วพี่อายุเท่าไร บอกให้ขี่จักรยานก็ไม่เชื่อ ได้ออกกำลังกายด้วย"

"จักรยานก็เหนื่อยอยู่ดีอะ แถมแพงขนาดนั้นต้องขายไตซื้อมั้ง"

"เวอร์ มันก็ไม่ได้แพงขนาดนั้น" ผมพูดปัดๆ นี่ต้องเข้าสู่สมาคมพ่อบ้านโกหกเมีย ลดราคาของที่ซื้อไปครึ่งหนึ่งเพราะกลัวโดนด่าอะ นี่ยังไม่ได้บอกว่าพาลูกไปเปลี่ยนล้อใหม่มาอาทิตย์ก่อน

"อยากขี่มอไซค์อะ"

"หือ?"

"พี่ไม่ชอบรถยนต์ ผมขี้เกียจปั่นจักรยาน มอไซค์อะตอบโจทย์สุดละ"

ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ สายตาผมก็หันไปเห็นไอ้ไคโรที่ขี่มอเตอร์ไซค์สวนมาพอดี มันหันมาเห็นเราก็พยักหน้าให้เป็นเชิงทัก แต่ผมกระโดดไปขวางหน้ารถมันไว้ก่อน

"เฮ้ย! เฮีย อยากตายหรือไง!"

"ไอ้ไค ยืมมอไซค์หน่อยดิ"

"ฮะ?"

"มอไซค์มึงเนี่ย ยืมหน่อย"

"แต่ผมจะไปบ้านเพื่อนนะ"

"ก็เอาจักรยานกูไป"

"โห่ เป็นการแลกที่คุ้มค่ามาก"

"อย่ามาลีลาน่า จักรยานกูซื้อมอไซค์มึงได้สามคันเลยนะ"

"แพงแต่ช้าอะ"

"ช้าแต่ปลอดภัยโว้ย!"

ไคโรอิดออดแต่ก็ยอมลงจากมอไซค์ ผมตบไหล่มันสองทีอย่างขอบคุณ

"ไปหนู พี่หามอไซค์ให้ได้แล้ว"

"ขู่กรรโชกน้องมาเนี่ยนะ"

ไคโรโบกมือปัดๆ เป็นเชิงอนุญาตก่อนจะเดินเข้าหอไป ผมพาน่านขี่มอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ หาข้าวกินเสร็จแล้วก็ชวนกันขี่มอเตอร์ไซค์เล่น แล้วมาจอดอยู่ที่ริมแม่น้ำที่ผมชอบมา ผมยืนพิงราวสะพานมองน่านที่เล่นอยู่กับลูกหมาของคนที่เดินผ่าน เมื่อเจ้าของพาหมาออกไปแล้วน่านจึงลุกมาหาผม เกาะราวสะพานแล้วมองไปยังบนฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"ยังโกรธคิทไหม"

ผมเงียบที่อยู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเคยคิดว่าตัวเองยังไม่คิดที่จะให้อภัยมันจริงๆ เหมือนที่เคยพูดออกไป แต่ไม่ใช่แบบนั้น ผมเพิ่งบอกลากับไอ้คิทเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่มันเคลียร์ความค้างคาในใจกับน่านเรียบร้อย ไอ้คิทมาหาผมอีกครั้ง และการให้อภัยจากใจก็เกิดขึ้นตอนนั้น เพื่อปลดปล่อยวิญญาณที่เต็มไปด้วยความห่วงใยให้เป็นอิสระ ผมก็พร้อมที่จะให้อภัยมันได้ทันที ตอนนี้มันก็คงกำลังเดินทางไปที่ไหนสักที่ ที่ไกลๆ โดยไม่มีโอกาสได้กลับมา

ผมก็ไม่แน่ใจว่าวันหนึ่งไอ้คิทจะจางหายไปจากความทรงจำของผมหรือใครๆ ไหม แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งน่านจะคิดถึงมัน หรือพูดถึงมันบ้างเป็นครั้งคราว นั่นก็ไม่เป็นอะไร

"พี่ยังโกรธคิทอยู่ไหม" 

"ไม่โกรธแล้ว"

"..."

"จากใจจริงเลย"

น่านพยักหน้ายิ้มๆ แล้วหันไปมองฟ้า ไม่รู้มันจะอยู่บนนั้นหรือเปล่า อาจจะกำลังมองเราอยู่ตรงนั้น แต่ผมก็อยากย้ำให้มันแน่ใจได้เลยว่าตรงนี้ไม่มีอะไรที่มันต้องห่วง ยิ่งถ้าเป็นน่านด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องกังวลเลย เพราะผมจะดูแลน่านอย่างดีเท่าที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำได้เลย 

 



To be continued.
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่22] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-04-2018 20:46:34
คิดถึงน้ำขิง.  :hao5:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่22] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 26-04-2018 00:40:02
ขอน่านได้มั้ย อยากมีน่านสักคนนน แย่งพี่ซี :hao7:
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่22] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-04-2018 08:47:22
เกิดเป็นไคโรต้องยอมพี่ซีอยู่ร่ำไป
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่22] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-04-2018 10:04:07
เกลียดความอ้อนของอิพี่ซี น่าหมั่นไส้จริงๆเลยเว้ย
หัวข้อ: Re: ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [ตอนที่22] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-04-2018 21:12:27
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re:►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 1/5/18
เริ่มหัวข้อโดย: เต้าหู้ไข่ ที่ 01-05-2018 23:37:52
บทส่งท้าย

 

น่าน :

 

ปีกว่าๆ แล้วที่ย้ายมาอยู่ที่หอของพี่ซี เป็นปีที่ผ่านอะไรมาเยอะมากจริงๆ ชีวิตผมเปลี่ยนไปในทุกๆ การเติบโต และยังไม่รู้ว่าปีหน้าจะเป็นยังไง ก็ขอใช้ชีวิตของปีนี้ให้คุ้มค่าก่อน

 

"แน่ใจนะว่าไม่ไปเที่ยวกับกูอะ" ผมหันมองทิมที่ถามอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เราคุยกันมาตลอดทางเรื่องที่มันชวนผมไปเที่ยวทะเลในวันหยุดที่จะมาถึง 

"มึงไปเหอะ"

"แหม พอมีแฟนก็ไม่ค่อยสนใจกูเลยนะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันเด็ดมากเลยดิถึงทิ้งกูไปหามันอะ"

"มึงเงียบไปเลย มึงจะไปกับเมียมึงก็ไป ไม่ต้องมาชวนกูไปเป็นก้าง"

ทิมหัวเราะเบาๆ แก้เขิน ตอนนี้มันเป็นฝั่งเป็นฝาจากการตามจีบน้องที่คณะมานานเกือบครึ่งปี สุดท้ายไม่รู้ไปเล่นของหรือทำเสน่ห์อะไรจนน้องเขายอมตกลงเป็นแฟนด้วย ว่าแต่ผมหลงแฟน ตัวมันเองนี่หาเวลาให้เพื่อนแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ

"ก็มึงเป็นเพื่อนกูนี่ กูก็ต้องชวนตามมารยาท"

"เออขอบคุณมากที่ชวน แต่กูไม่ไปกวนมึงหรอก"

"งั้นไว้วันหลังไปด้วยกันนะ"

ผมตอบรับ ก่อนทิมจะโบกมือให้นิดๆ แล้วขับรถออกไป ถึงมันจะกวนตีน พูดจาปากหมาแค่ไหนแต่ลองนับดู ผมก็คบกับมันมาเกือบสิบปีแล้ว มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ใจผมมากที่สุด ถึงตอนนี้ผมจะไปไหนมาไหนกับพี่ซีบ่อยขึ้น มันเองก็ติดแฟน แต่เราไม่ได้ห่างกันเลย นั่งเรียนด้วยกัน แถมยังยื่นเรื่องไปฝึกงานเทอมหน้าที่เดียวกันอีก บอกเลยว่าจะตามเกาะกันไปจนแก่ตายไปข้างเลย

ผมเดินเข้ามาในหอ มองหาพี่ซีเพราะซื้อขนมปังปิ้งหน้าม.มาฝากเขาด้วย กำลังเพิ่มปริมาณไขมันให้เขาเรื่อยๆ แต่เขาไม่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น

"โป๊ก! โป๊ก!"

ผมกำลังเดินหาพี่ซี ก่อนจะได้ยินเสียงทุบอะไรสักอย่างมาจากห้องพักชั้นสอง ก่อนจะเดินเข้าไป ประตูห้องถูกเปิดอยู่นิดๆ ผมค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป เห็นพี่ซีกำลังจัดการประกอบตู้ เตียง โต๊ะต่างๆ นาๆ  เพราะเขาเพิ่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เพื่อต้อนรับผู้เช่ารายใหม่ที่จะย้ายเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่พี่ซีลงทุนเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ยกชุด เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกผมมองอยู่ พี่ซีเป็นเจ้าของหอที่ทำได้ทุกอย่างเหมือนพ่อเรา อะไรเสีย อะไรขาดก็เรียกหาเขาก่อนเพราะพี่ซีช่วยได้ทุกเรื่องจริงๆ

"ก๊อกๆๆ" ผมเคาะประตูที่เปิดอยู่แล้วสองสามที เขาเงยหน้าขึ้นมามอง

"อ้าว กลับมาแล้วเหรอ

"ให้ช่วยเปล่า" ผมเข้าไปนั่งข้างๆ เขาแล้วหยิบจับอุปกรณ์ขึ้นมา

"ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเจ็บตัว"

"ก็ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก"

"แล้วเด็กป่ะล่ะ"

ผมขี้เกียจเถียงแล้วก็เลยไม่ทำอะไรอย่างเขาบอก

"นี่อะไรอะพี่" ผมหันไปเห็นชุดเฟอร์นิเจอร์อีกอย่างที่ยังไม่ได้ประกอบ

"เปลเด็ก"

"ทำไมถึงมีแปลเด็กอยู่..." ผมสะดุดกึกเพราะความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว คนที่ย้ายเข้ามานั้นคือ

"อือ ไอ้ขิงไง"

"จริงดิ!"

"ใช่ มันกลับมาเรียนแล้ว บอกจะเอาลูกมาอยู่ด้วย ก็เลยจัดห้องให้ใหม่เลย เลือกเองด้วย น่ารักป่ะ" ผมหันไปมองเปลเด็กนั่นแล้วพยักหน้าหงึกๆ

"พี่ซีโคตรใจดีเลยอะ"

"เกิดมาเป็นพระเอกก็แบบนี้แหละ" เขาพูดขำๆ แล้วลุกขึ้น จัดโต๊ะที่เพิ่งประกอบเสร็จให้เข้าที่เข้าทาง

"เฮียของเด็กๆ หล่อมาก"

"แน่นอน"

"ใจดีมาก"

"สุดๆ"

"เท่มาก"

"ชัวร์อยู่แล้ว"

"แล้วก็..." ผมหยุดพูดเมื่อหันไปเห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ตู้

"อะไรวะ"

"แมงมุม"

"เฮ้ย!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่พี่ซีร้องลั่นแล้วกระโดดมาหลบหลังผม

"ไหนๆๆ มันอยู่ไหน!"

"ก็แค่แมงมุม ตัวเล็กนิดเดียวเองพี่"

"พี่ไม่ชอบมัน!"

"เดี๋ยวผมไล่ให้" ผมหยิบเศษลังกระดาษขึ้นมาเคาะๆ ไล่เจ้าแมงมุมตัวนั้นก็เดินหนี ผมค่อยๆ ไล่จนมันออกไปทางหน้าต่าง พี่ซีที่ยังเกาะอยู่ที่หลังของผมทำเสียงหวั่นๆ

"มันไปยัง"

"ไปแล้วครับ โห่ กลัวอะไรกับอีแค่สัตว์ตัวเล็กๆ วะพี่"

"ก็มันน่าเกลียดอะ ไม่ชอบ" เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อสำรวจถึงสัตว์ชนิดนั้น

"เฮียของเด็กๆ หมดความเท่เลย"

"มันไปแล้วจริงๆ นะ"

"ออกหน้าต่างไปนู่นแล้ว" เขาเดินไปหยิบลังกระดาษอย่างกล้าๆ กลัวๆ 

"เฮ้ยนั่น!"

"ไหนๆ เดี๋ยวผมกระทืบให้เลย"

"ไม่ใช่ นั่นจิ้งจกอ่ะ"

"จิ้งจก! เย้ย!" คราวนี้เป็นผมที่กระโดดไปเกาะหลังพี่ซี

"ทำไมๆ มีอะไร"

"ผมเกลียดมัน! เอามันไปไกลๆ เลย!" ผมหลับหูหลับตาไล่ไอ้สัตว์ชนิดนั่น พี่ซีใช้เท้ากระทืบๆ จนไอ้จิ้งจกตัวนั้นวิ่งหายวับไป ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ตัวบ้าอะไรขาวๆ นิ่มๆ แม่ง แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว! ขณะที่ขนลุกขนพองพี่ซีก็หัวเราะขึ้นมา

"ขำอะไร"

"กลัวอะไรกับอีแค่สัตว์ตัวเล็กๆ วะน่าน"

"ไม่ชอบ" ผมทำท่าแขยง พี่ซียิ่งหัวเราะหนัก

"เป็นหนูกลัวจิ้งจกด้วยเหรอวะ"

"อย่ามาพูดดีนะ พี่ตัวอย่างควายยังกลัวแมงมุมเลย"

"ออกไปข้างนอกกันเหอะ ก่อนจะเจอตัวอะไรประหลาดกว่านี้" พี่ซีจับไหล่ผมหมุนออกไปนอกประตู ก่อนเราจะเดินออกมาจากห้องนั้น

"ผมซื้อขนมปังปิ้งหน้าม.มาด้วย"

"โห่ จะขุนให้อ้วนเป็นหมูเลยป่ะ อ้วนกว่านี้จะทำไง"

"นุ่มนิ่มดีออก กอดอุ่น"

"หนาวขึ้นมาเลยเนี่ย กอดกันนะๆ" พี่ซีว่าแล้วกอดผมจากด้านหลังขณะก้าวเท้าเดินไปที่บันได

"มากอดอะไรตรงนี้เล่า ปล่อย!"

ผมกับพี่ซียังลงไปไม่ถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดกึกไปทั้งคู่ เพราะมองไปเห็นผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูหอ

"ซี!"

"แม่!" พี่ซีร้องลั่นก่อนจะวิ่งไปรับผู้หญิงคนนั้น

ผมเดินตามไปด้วยแล้วมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังกอดกับพี่ซีอยู่ หอมแก้มซ้ายทีขวาที สลับไปมาจนพี่ซีต้องบอกให้หยุด แม่พี่ซีโคตรสวย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงหล่อขนาดนี้ แม่พี่ซีพูดภาษาฝรั่งเศส แต่เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยผมไม่เข้าใจบทสนทนานั่น แต่ก็อดยิ้มตามไม่ได้กับท่าทางของพี่ซี เขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ พออยู่กับแม่ตัวเอง

"แม่นี่แฟน"

เฮ้ย ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่พี่ซีหันมาแนะนำผมแบบไม่บอกกันก่อน แม่พี่ซีหันมายิ้มกว้างให้

"น่ารักเนาะ" ภาษาไทยสำเนียงฝรั่งออกมาจากปากของแม่พี่ซี ผมจึงได้แต่ยกมือขึ้นไหว้เกร็งๆ เปิดตัวกับแม่แฟนแบบงงๆ ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะปล่อยให้พี่ซีคุยกับแม่ต่ออย่างคนไม่ได้เจอกันมานาน

 

ผมได้คุยกับแม่พี่ซีในตอนหลัง แม่บอกว่าที่กลับมาไทยเพราะจะมาร่วมงานวันเกิด ไม่ใช่วันเกิดใครแต่เป็นวันเกิดของหอพัก วันที่เปิดหอพักเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันนี้ที่หอจึงครึกครื้นกว่าปกติ เสียงเพลงจากชุดโฮมเธียเตอร์ที่ไม่ได้ดังจนน่ารำคาญ หอที่ถูกตกแต่ง ประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง และของจุกจิกน่ารักๆ ฝีมือไคโร เท็นและแคทที่มาร่วมงานด้วย ผมยิ่งรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน เพราะที่นี่มีครอบครัว

ผมกำลังช่วยแม่พี่ซีทำอาหารในครัว ไม่นานพี่ซีที่เพิ่งออกไปซื้อของก็เดินกลับเข้ามาแล้ววางถุงลงบนโต๊ะ

"ได้มาครบไหม" แม่เขาหันไปถาม พี่ซีบอกว่าก่อนหน้านี้แม่เขาอยู่ที่ไทยมากกว่ายี่สิบปี พูดภาษาไทยเก่งเท่าคนไทยเลย ผมเลยไม่ลำบากที่จะสื่อสารด้วย

"ครบสิ"

"เกินด้วยมั้ง" ผมมองไปยังขวดเบียร์อีกถุงที่เขาถือมาด้วย

"สังสรรค์ๆ" พี่ซีให้เหตุผลที่ผมเถียงไม่ได้ ผมจึงได้แค่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วหันไปช่วยแม่ทำอาหารต่อ

"หยิบกระเทียมให้หน่อยลูก"

ผมพยักหน้า กระเทียมที่เพิ่งสั่งให้พี่ซีไปซื้อมาเมื่อกี้ หยิบหากระเทียมในถุงนั่นแต่ไม่เจอ มีแค่หัวหอม

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"เมาหรืออะไรเนี่ย บอกให้ไปซื้อกระเทียมพี่ซื้ออะไรมา"

"ก็กระเทียมไง นี่อะ"

"นี่มันหัวหอมเว้ย"

"อ้าว มันไม่เหมือนกันเหรอวะ"

"เวรกรรม"

"กระเทียมมันก็ขาวๆ ไงพี่ นี่มันหัวหอมเว้ย"

"เหรอ เพิ่งรู้วันแรกเลยนะเนี่ย"

"มานี่เลย มานี่"

พี่ซีทำหน้างงๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมยัดแพ็คหัวหอมเข้าไปในมือของเขา

"ถือเอาไว้ แล้วท่องคำว่า หัวหอม ไปร้อยครั้ง"

"แม่ น่านแกล้ง!"

"ท่องไป" แม่เขาหันมาพูด ผมหัวเราะเบาๆ พี่ซีมองเคืองๆ แล้วยอมท่องตามที่ผมบอก

"หัวหอม หัวหอม หัวหอม"

"ฟึ่บ!"

ผมสะดุ้งเฮือกที่อยู่ๆ ที่ซีก็เอาจมูกมาชนแก้มผม หอมซะฟอดใหญ่ แล้วหันไปทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ท่องต่อ

"หอมหนู เอ๊ย! หัวหอม หัวหอม..."

ผมหันกลับมากลั้นยิ้มเอาไว้

"แน่ะ เขิน" แม่ของเขาพูดพลางใช้ศอกกระแทกผมแซวๆ

"แม่อย่าแซวดิครับ"

หลังจากทำอาหารเสร็จ พี่ซีตักอาหารใส่จานใบเล็กๆ แยกไปสามสี่จาน เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมไปช่วย ผมถือจานตามพี่เขามาอีกฝั่ง พี่ซีจัดการจุดธูปปักลงบนอาหาร ปักหลอดลงในขวดน้ำอัดลม แม้แต่มีปาร์ตี้เขาก็ไม่ลืมที่จะชวนพันธมิตรผีของเขามาด้วย

"เอ้า แดก" เขาพูดกับสิ่งไม่มีชีวิตที่ยืนอยู่อีกฝั่ง กับคนกับผีแม่งก็ฮาร์ดคอร์ไม่เคยเปลี่ยน ผมกำลังจะเดินกลับเข้าไปในปาร์ตี้ก่อนผมจะตาเบิกกว้างเมื่อมองไปเห็นน้ำอัดลมไหลขึ้นมาบนหลอดราวกับถูกดูดจริงๆ

"พี่ซี"

"กินเสร็จก็เข้าไปข้างในนะ"

พี่ซีพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับเข้าไป ผมยังมองหลอดนั่นอย่างพิจารณาอีกครั้งว่ามันบังเอิญตามหลักวิทยาศาสตร์หรือมันถูกดูดจริงๆ กันแน่ กระพริบตารัวตอนหลอดนั่นสั่นเหมือนเป็นคำตอบให้ผมเลิกสงสัย เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดกับสรรพสิ่งเหล่านั้นเบาๆ   

"กินให้อร่อยนะ อันนี้เราทำเอง" ผมชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่ ก่อนจะเดินตามพี่ซี เข้าไปนั่งที่โซฟากับไคโร พี่ซีเทน้ำอัดลมให้ผมแล้วยื่นให้

"อย่าคิดที่จะแตะแอลกอฮอล์"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ประตูหน้าหอก็ถูกเปิดเข้ามา คนที่เดินเข้ามาทำให้เราทั้งหมดร้องเรียกออกมาเสียงดัง

"น้ำขิง!"

น้ำขิงเดินเข้ามาโบกมือทักทายหน้าบ้าน ผมมองไปยังมนุษย์อีกคนที่มันเกาะอยู่บนอกด้วยกระเป๋าหน้าท้องเหมือนจิงโจ้

"น้ำค้าง!" พวกเรากระโดดเข้าไปหาลูกของน้ำขิง พวกเราไปเยี่ยมขิงตอนที่คลอดลูก จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลย แต่ผมเห็นความน่ารักของน้ำค้างผ่านทางเฟสบุ๊กอยู่ตลอดๆ พวกเราเข้าไปรุมอุ้มเด็กหญิงตัวกลมที่อายุยังไม่กี่เดือน เสียงที่เปล่งได้เบาๆ ของเธอกับน้ำลายที่ไหลย้อย แม่งโคตรน่ารัก หลงรักกันหัวปักหัวปำ ขนาดเท็นมันแทบจะโยนแมวทิ้งแล้วไปเอาเด็กมาเลี้ยงเลยอะ แต่พี่ซียังทำตัวห่างๆ เพราะเขาไม่ชอบเด็ก ผมอุ้มน้ำค้างอย่างระวังมือแล้วเดินไปหาเขาที่กำลังยืนดื่มเบียร์อยู่

"น้ำค้าง สวัสดีลุงซีสิครับ ลุงคะ ทักทายหนูหน่อยสิคะ" ผมจับแขนนุ่มๆ ของน้ำค้างไปแตะๆ ที่หน้าของพี่ซี 

"เรียกว่าไงนะ ลุงเลยเหรอ มากไปๆ"

"งั้นก็เรียกพ่อเลยลูก เรียกพ่อๆ"

"เรียกแม่ด้วยดิ เรียกแม่ๆ" พี่ซีพูดแล้วใช้นิ้วจิ้มๆ น้ำค้าง ก่อนขยับห่างไปอีก 

"เฮียลองอุ้มสิ" น้ำขิงว่า ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วยกน้ำค้างให้เขา

"ไม่เอา กูไม่ชอบเด็ก"

"..."

"แต่ถ้าเด็กแบบนี้โอเค" พี่ซีว่าแล้วยกมือลูบหัวผม ผมโยกหัวหลบความทำตัวเสี่ยหื่นของเขา แล้วยื่นน้ำค้างให้อีกที

"ลองอุ้มดู"

"เฮ้ย! อุ้มไม่เป็น!" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เขายอมวางขวดเบียร์แล้วรับน้ำค้างไปจากผมแล้วอุ้มแบบเก้ๆ กังๆ เขาค่อยๆ จับน้ำค้างให้อยู่ในท่าที่เหมาะสมอย่างระวัง น้ำค้างไม่ดื้อชนิดที่ว่าใครจับอุ้มก็ได้ แล้วตอนนี้ก็ดูจะชอบลุงซีถึงได้ยิ้มกว้างจนตาหยี

"ทำไมมันหอมวะ" พี่ซีถามแล้วยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาดมๆ

"กลิ่นเด็กอะเฮีย"

"มันก็เหมือนอุ้มหมาอุ้มแมวแหละเนอะ"

"เฮีย นั่นลูกหนู!" น้ำขิงหันไปโวยใส่

"เลี้ยงยากไหม" แม่พี่ซีถาม

"ไม่เลยค่ะ ไม่งอแงเลย" ก่อนบนสนทนาจะยืดยาวตามประสาแม่มือใหม่และแม่ดีเด่นอย่างแม่พี่ซี เพราะแม่เลี้ยงพี่ซีโตมาเป็นพี่ซีที่แสนดีของผมแบบนี้ก็เลยมอบตำแหน่งแม่ตัวอย่างให้ซะเลย ผมมองดูบรรยากาศรอบๆ แล้วยิ้มออกมา ปาร์ตี้ขนาดย่อมๆ ในหอพักเล็กๆ ที่ทำให้อบอุ่นในใจ ผมโชคดีจังที่ได้อยู่ที่นี่ ได้รู้จักกับคนที่นี่

ป้าทิพย์แม่บ้านที่โคตรใจดี  ไคโรเด็กที่โดนยกพวกตีเมื่อวาน ที่วันนี้กลายเป็นเฟรชชี่คณะวิศวกรรมมหาลัยเดียวกับเรา เท็น ผู้ชายรักสัตว์ที่คุณสมบัติดีพร้อมเว้นแต่ไม่มีเสื้อใส่ น้ำขิงอดีตนักศึกษาแพทย์ปัจจุบันกำลังจะเข้าเรียนจิตวิทยา ผู้หญิงที่สวมแว่นหนาไม่เข้าสังคมวันๆ เอาแต่อ่านหนังสือ ปัจจุบันเป็นแม่ของลูกที่น่ารักน่าฟัด เข้มแข็งและยิ้มเก่งกว่าเดิม ผมมองเห็นหลายอย่างที่เปลี่ยนไป และทุกๆ การเปลี่ยนแปลงมันมีเหตุผลเสมอ  พวกเราต่างโตขึ้น การผ่านอะไรมามากมายกลายเป็นบทเรียน ผมเองก็เหมือนกัน เคยเป็นเด็กบ้าที่ร้องอยากเจอผี จมดิ่งอยู่กับอดีต แต่ตอนนี้อยู่กับความเป็นจริง อยู่กับคนที่มีอยู่จริง รับและให้ความรักที่มีอยู่จริง 

ผมเลื่อนสายตาไปที่พี่ซี เขาเป็นคนตกหลุมรักกับอะไรง่ายมากนะ และดูเหมือนตอนนี้ก็จะตกหลุมรักเจ้าตัวเล็กไปแล้วถึงได้อุ้มไม่ยอมวาง ไม่ให้คนอื่นแตะหลานด้วย

"ขิง มึงขายไหม"

"ขายอะไรเฮีย"

"ลูกมึงเนี่ย เท่าไรกูก็ซื้อ"

"เฮียนั่นลูก!"

"ไหนบอกไม่ชอบเด็ก"

"ก็ดูดิมันน่ารัก กลมๆ นิ่มๆ ดุ๊กดิ๊กได้ด้วย หอมด้วย" ว่าแล้วก็กดจมูกลงไปบนแก้มนิ่มของน้ำค้าง ผมเดาว่าพอน้ำค้างย้ายมาอยู่ที่หอนี้จะต้องกลายเป็นลูกของพี่ซีจนไม่ยอมให้แม่มันอุ้มแน่ๆ 

"น้ำแข็งหมดอะ"

"เดี๋ยวป้าไปเอาให้ค่ะ"

"เดี๋ยวหนูไปเอาเองค่ะป้า" แคทเสนอตัวก่อนจะเดินถือกระติกเข้าไปในครัว จังหวะนั้นพี่ซีก็ดึงหัวเท็นเข้ามาใกล้

"อะไรเฮีย"

"กูบอกให้มึงจีบเลย นั่งทำเหี้ยอะไรอยู่" แคทมันเลิกกับแฟนไปเมื่อไม่นาน พี่ซีกำลังสนับสนุนให้เท็นจีบน้องอยู่ ผมเองก็อยากสนับสนุน แต่ก่อนอื่นต้องไล่ไอ้เท็นไปซื้อเสื้อมาใส่ก่อน ไม่อยากให้น้องมันคบกับชีเปลือยอะ

"โห่ เฮีย ไม่กล้า"

"แล้วน่ารักไหมกูถามตรงๆ"

"น่ารัก"

"จะจีบไหม"

"เออ จีบ!"

"ลุยเลยมึง" พี่ซีตบไหล่เท็นเบาๆ ตอนที่แคทเดินกลับมาพอดี แคทวางกระติกน้ำแข็งลงบนโต๊ะแล้วหันไปจับไอรอนแมนขึ้นมา

"พี่เท็น นี่แมวพี่เท็นเหรอ"

"อ๋อ ใช่"

"พี่เท็นชอบแมวด้วยเหรอ"

"ใช่ครับ พี่ชอบแคท เอ๊ย! ชอบแมว พี่หมายถึงแคทที่แปลว่าแมว คือ....แมวครับ" พี่ซีกลอกตามองบนกับความเงอะงะของเท็น แต่ผมกลับยิ้มออกมาพอๆ กับที่แคทยิ้ม ผมรู้จักแคทมานานพอควร ก็พอจะรู้ว่ามันเองก็สนใจตาชีเปลือยนี่เข้าแล้ว

"ชื่อแคทนี่มาจากแมวหรือเปล่า"

"เปล่า มาจากช็อกโกแลตคิทแคท พี่ชื่อคิท หนูชื่อแคทไง"

"อ๋อ ถ้าเป็นคิทแคท"

"..."

"พี่ก็ชอบนะ"

"วิ้วๆ" ไคโรทำเสียงล้อๆ จนเท็นหันมาตบกบาลทีหนึ่ง

"รักวัยรุ่นน่ะค่ะ" ป้าทิพย์หันไปพูดแซวๆ กับแม่พี่ซี ก่อนเราจะหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน  เพราะเป็นวัยรุ่น เพราะมีความรัก ชีวิตเลยมีสีสัน ผมคนเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้อีกแล้ว ลืมแม้กระทั่งวิธีที่จะตกหลุมรักใครสักคนไปแล้ว แต่ที่สุดของความโชคดี คือการได้รู้จักกับเขา

พี่ซี อดีตขี้เมาเจ้าของหอ คนที่ผมเคยคิดว่าเป็นพวกจรจัด ปากหมา เถื่อนแล้วก็สกปรก แต่จิตใจดีเกินกว่าที่คิด ผมไม่คิดว่าเราจะเดินกันมาถึงจุดนี้ ความรักมักไร้เหตุผล รู้ตัวอีกทีมันก็รักไปแล้ว

คิดย้อนไปมันก็ขำ ถ้าผมไม่อยากเจอผี ถ้าเขาไม่มองเห็นผี ถ้าเรื่องเหลือเชื่อนี้ไม่เกิดกับผมและเขา ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แม้บ้าบอเกินกว่าจะมีจริง แต่ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นแล้ว และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ

ชีวิตของเราทั้งหมดผ่านอะไรมามากมาย ผ่านเความสุข ผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ผ่านการต่อสู้ ผ่านการยอมแพ้ ผ่านการเริ่มต้นใหม่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าการที่ผ่านอะไรมามากมายนั้นจะทำให้บทเรียนในชีวิตมันมากพอแล้ว  ผมยังโตได้อีก ยังพร้อมที่จะรู้เรื่องที่ยังไม่รู้ หรือเผชิญกับเรื่องเหลือเชื่ออะไรในโลกนี้ได้อีก ยังพร้อมที่จะทิ้งเหตุผล ทิ้งข้อเท็จจริงในการใช้ชีวิตต่อไปของตัวเอง ความเชื่อเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยังคงยืนหยัดต่อไป และความรักเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย เหนือสิ่งอื่นใดคนรักคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีพลังในการเดินทางต่อไป

"หนู มาถ่ายรูปกัน"

ผมพยักหน้าแล้วเขยิบหน้าเข้าไปใกล้เขา พี่ซีอุ้มน้ำค้างขึ้นมาด้วย ก่อนกดชัตเตอร์ไปสองสามครั้งจนพอใจ  เริ่มดึกแล้ว พี่ซียอมเอาน้ำค้างคืนให้น้ำขิงเพราะตัวเล็กเริ่มงอแง แม่ของพี่ซีเลยพาเข้าไปนอน ส่วนป้าทิพย์ก็ขอตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกเรายังอยู่คุยกันต่อ เรื่องที่พูดคุยก็มีมากเรื่อยๆ จนคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้นอน ผมหันมองพี่ซีที่หยิบเบียร์มาขวดหนึ่งแล้วกระดกขึ้นดื่ม 

"เบาๆ หน่อย" ผมปรามเขาขณะที่กำลังดื่มไม่หยุด

"ไม่เมาหรอกน่า"

"เมาไม่กลัว กลัวตายเร็ว"

"คนอย่างพี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก อยู่กับหนูได้อีกนานไม่ต้องห่วง" พี่ซีว่าแล้วใช้มือหนึ่งสอดเข้ามาประสานกับมือผม 

"สัญญา?"

"ด้วยเกียรติของพี่ซี ผู้ชายที่หล่อที่สุดในที่นี้"

"อยู่กันไปนานๆ นะ"

"ครับผม"

"ฮัลโหลๆ"

ผมกับพี่ซีหันไปมองเสียงของแคทที่ดังขัดขึ้นมา

"หวานไม่เกรงใจเลยนะคะ"

"เออ นั่งดูอยู่นานละ ทำเหมือนพวกผมไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยเนอะ" เท็นก็เสริมขึ้นมาอย่างเข้ากันได้ดี

"มึงก็คุยกันไปสิ จะเสือกทำไมเนี่ย"

"ไม่ต้องไปว่าเขาหรอก นี่ก็จีบกันอยู่เหมือนกันนี่แหละ" ไคโรพูดเดือดๆ แล้วมองตาขวางใส่เราทั้งหมด

"คนไม่มีคู่ถอยมานี่มา" น้ำขิงว่าแล้วดึงเสื้อไคโรให้ถอยไป

"เล่นเกมกันดีกว่า" แคทเสนอขึ้นมา ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย เกมที่ว่าคือเกมวงเหล้าที่เป็นแอพพลิเคชั่นหนึ่งในมือถือ มันจะให้เรากดแล้วแรนดอมไปตกในคำสั่งต่างๆ ก็ต้องทำตาม แอลกอฮอล์นิดหน่อยผสมกับความสนุกสนาน ปาร์ตี้คืนนี้เลยดูว่าจะอีกยาวไกล

"ดื่มหมดแก้ว!"

ขิงทำตาโตเมื่อกดไปโดนคำสั่งนั้น

"เดี๋ยวต้องดูลูกอะ ให้เฮียดื่มแทนนะ" น้ำขิงยกแก้วนั่นส่งให้พี่ซี

"อะไรวะ กูอีกแล้ว" เจ้าตัวไม่ทันจะได้ขัดขืน ขิงก็จัดการกรอกเหล้าใส่ปากเขาทันที นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พี่ซีดื่มแทนน้ำขิง

"ตาน่านแล้ว"

ผมพยักหน้ารับแล้วกดปุ่มนั่น ก่อนจะไปตกคำสั่งเดียวกับน้ำขิง

"ดื่มหมดแก้ว!"

ผมไม่ทันจะได้พูดอะไร พี่ซีก็หยิบแก้วตรงหน้าไปยกดื่มแทนทันที ตัวเองอะเมาได้หัวราน้ำ แต่กับผมนี่ไม่ยอมให้แตะแม้แต่ฟองเบียร์เลย แต่ผมเองก็ไม่อยากเมา เมาแล้วก็น่าตีตัวเองอยู่เหมือนกันแหละ เลยยอมให้เขาดื่มแทนทุกรอบไปเลย

"อะๆ ตาเฮีย"

"ถ้าได้หมดแก้วอีกรอบกูจะตายแล้วนะ" เขาบ่นๆ แล้วกดปุ่มนั่น ก่อนจะปรากฏคำสั่งขึ้นมาที่หน้าจอนั่น

"จูบกับคนข้างซ้าย"

พี่ซีหันขวับไปหาเท็น

"ไอ้เท็นเหรอ!"

"ทางซ้าย!" ทุกคนประสานเสียงกันพูด เหมือนเขาจะเมานิดหน่อยแล้วที่แยกแยะไม่ออกอันไหนซ้ายอันไหนขวา แต่ว่าคนทางซ้ายของเขาก็คือผมไง

"จูบเลย! จูบเลย!"

ไอ้พวกนี้ก็ส่งเสียงเชียร์หนักอย่างกับเชียร์มวย กดดันผมอะ พี่ซียกมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วโน้มหน้าลงมาถามก่อน

"พี่จูบหนูได้ไหม"

ผมตอบคำถามนั่นผ่านริมฝีปากตัวเองที่ขยับไปชนปากเขาก่อน เอาจริงเราก็ร้ายเหมือนกัน แต่พี่ซีร้ายกว่าเพราะไม่ยอมปล่อยผมออก  ท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนในหอ ผมเห็นว่านานเกินไปจึงผละตัวเองออกมาจากเขา แล้วก็ได้แต่ก้มหน้าบดบังความเคอะเขินของตัวเอง

"เกมนี้สนุกดีว่ะ"

พี่ซีฉุดผมขึ้นมาจากพื้นแล้วใช้มือหนึ่งโอบเอวผม ให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น มืออีกข้างของเขาที่ถือขวดเบียร์ติดมาด้วยยกกระดกจนหมดขวดแล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนหันไปพูดกับคนในหอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความร้ายกาจ

 

"กูกับน่านไปเล่นเกมต่อในห้องนะ"

 

 

 

END



จบจนได้ ฮึก ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่เรื่องหน้าค่า เลิฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 02-05-2018 02:11:54
น่ารักจนหมดเบียร์หยดสุดท้ายเลยค่ะพี่ซี

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องน่ารัก ๆ
เป็นเรื่องที่กลมกล่อมกำลังดี
ไม่ยืดเยื้อย้วยยาด ... ดราม่ากำลังดี ฟินแบบไม่เลี่ยน
ดีค่ะดี

จะรอเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-05-2018 02:19:57
ตามไปดู เขาเล่นเกมในห้องด้วยคนดีกว่า  :m7: :m22:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-05-2018 02:23:57
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:

 :L2: :3123: :L1: :pig4: :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-05-2018 03:55:03
 :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-05-2018 05:28:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-05-2018 08:05:52
จบซะแล้วพี่ซีคนเห็นผี ชอบพระเอกแนวๆนี้ของคุณรชาจริงๆเลยตั้งแต่พี่อิสแล้ว แต่บูรพาเราก็ชอบนะ รอตอนพิเศษค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ กอด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-05-2018 19:39:04
สนุกสนานอบอุ่นมากหอพักแห่งนี้
ขอบคุณคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 05-05-2018 19:41:05
อยากย้ายไปอยู่หอพักนี้บ้างจัง  ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 09-05-2018 11:49:26
ขอวาร์ปหอแบบนี้สักที่5555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 12-05-2018 07:59:06
น่ารักมากเรื่องนี้
เป็นหอพักที่อบอุ่นมาก
อยากตามไปดูพี่ซีกับน่านเล่นเกมต่อในห้อง  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 12-05-2018 12:20:02
 :mew1:  ขอบคุณค่ะ

สนุกมาก
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 12-05-2018 14:21:22
 :-[ :-[
ซันนี่ ซี ผู้ชายแห่งปีไปเลยคร้าาาาาาา

แอบเชียร์ให้หาคู่ให้น้อง ไคโร นะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: lnwgreankak ที่ 14-05-2018 02:40:29
น่ารัก  :mew3:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 14-05-2018 12:34:20
เรื่องนี้น่ารักมากกกกกก
เห็นได้ถึงการเติบโตของทุกคนเลย
การบรรยายก็ดี รู้สึกเหมือนเราเข้าไปอยู่ในหอด้วยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: nizzarinz ที่ 18-05-2018 01:28:11
สนุกมากงับบ ชอบนิสัยพี่ซีสุด เกรียนกากๆ55555555 จะว่าไปแอบคล้ายพี่อิสเลย กากเหมือนกัน5555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 19-05-2018 19:46:57
พี่ซีเป็นเจ้าของหอที่น่ารักมากจริงๆ ทุกคนดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน
หนูน่านก็น่ารักมากกกก ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-07-2018 12:44:23
สนกมาก..กกกกกก  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-09-2018 14:56:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: PoppeizZ ที่ 27-12-2018 22:42:09
งื้อออออ
ชอบเรื่องนี้ สนุก น่ารัก ตลก
ขอบคุณคนเขียนน๊า
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: nanaexo ที่ 28-12-2018 20:05:56
จุดๆๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 31-12-2018 18:15:41
น่ารักมาก พี่ซีคนกากแต่อบอุ่น น้องน่านคนแมนแต่น่ารัก5555 ขอบคุณคนเขียนมาก
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 23-01-2019 10:53:55
เรื่องนี้น่ารักมากค่ะ ไม่น่ากลัวเลย
แต่อบอุ่นแล้วก็ตลกด้วยค่ะ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 01-02-2019 09:29:59
เป็นหอพักที่โคตรอบอุ่น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 02-02-2019 21:02:50
อ่านเพลินรวดเดียวจบ เป็นนิยายที่ผีดูน่ารักมีมารยาทไม่หลอกหลอนสยองขวัญ555
น่ารักทั้งเฮียกับน่านเลย  จริงๆตัวละครน่ารักทุกคน เป็นหอที่อบอุ่นจริงๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 19-12-2019 20:05:28
สนุกมากคับบบบบบบ นิยายผีแบบน่าร๊ากกกกกกกก. หวานมากกกก ไม่เลี่ยนเกินจริง  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:08:41
 :pig4: