ตอนที่ 11 รอน้องโตก่อนร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กตรงหน้าทำให้ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้โอมจะปล่อยเนื้อสวยๆ หวานๆ นี้หลุดรอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่คืนนี้แหละ ไม่พลาดแน่
ผมช้อนมือเข้าไปใต้รักแร้แล้วยกเด็กน้อยขึ้นนั่งบนซิงค์ล้างจาน
แนบหน้าผากกับหน้าผากน้องแล้วยิ้มใส่ดวงตาเขา เกลี่ยปลายจมูกที่แก้มใส ไล้ลงมาตามสันกราม เลียที่ปลายคางอย่างที่เจ้าตัวเล็กก็เงยหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้
ปิ๊กวางมือเล็กๆ ลงบนไหล่ของผม ลูบขึ้นมาที่ท้ายทอย กดใบหน้าผมลงบนลำคอของเขา
“อื้อ” เขาร้องเมื่อผมฝังเขี้ยวลงบนลำคอระหง
“เจ็บเหรอครับ” ปิ๊กส่ายหน้าเมื่อผมเงยหน้าขึ้นถาม
“งั้นพี่ทำต่อนะ”
เด็กในอ้อมกอดกดหน้าลงผมจึงตามไปจูบที่ลำคอหอมๆ อีกรอบให้ปิ๊กส่งเสียงครวญครางเร้าอารมณ์ออกมาเป็นระรอก
ผมผละออกเขาก็กดท้ายทอยผมลง ผมรุกเขารับ ผมรับเขารุก ทำซ้ำๆ จนผิวสีน้ำนมถูกแต่งแต้มด้วยร่องรอยสีกุหลาบไปทั่วบริเวณ
ในตอนนี้ร่างกายของปิ๊กก็ไม่ต่างกับผลงานศิลปะชิ้นเอกของผม
ผมผละออก กวาดสายตามองร่างเกือบเปลือยตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการกลืนกินเขาไปทั้งตัว
เรือนร่างของปิ๊กที่กำลังสะท้านไหวด้วยแรงหอบช่างยั่วยวน
ผมช้อนตัวน้องขึ้นมาในอ้อมกอด
ก้าวขายาวๆ ไปที่กลางห้อง วางน้องลงแล้วดึงเอาที่นอนมาปูลวกๆ ด้วยความร้อนรนที่กำลังลุกไหม้ในหัวใจและร่างกาย
ผมลูบไล้ที่ปลีน่องขาว กดจูบแล้วแลบลิ้นเลียอย่างละเมียดละไม เงยหน้าขึ้นสบตากับปิ๊กบ้างในบางครั้ง
ผมค่อยๆ ชิมน้องอย่างใจเย็นทั้งที่ความเป็นชายร้อนผ่าวจนแทบปริแตก ปิ๊กเองก็มีอาการไม่ต่างกัน
กลางกายเล็กชูชัน ส่วนปลายฉ่ำวาวด้วยน้ำอยากที่เปรอะเปื้อน เห็นอย่างนั้นผมที่แทบจะไม่อยากรอคอยอะไรอีกแล้วจึงใช้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่นิ้วหัวแม่เท้า หน้าแข้ง ดูดเม้มที่หัวเข่า ขาอ่อน ลูกบอลที่แสนจะน่ารักน่าชังให้เจ้าของมันส่งเสียงครวญครางแทบขาดใจ
“พี่ขอกินนะครับ” เงยหน้าขึ้นสบตาเด็กน้อย เราจ้องกันขณะที่ผมแลบลิ้นเลียที่ส่วนหัวแดงก่ำ ดูดแรงๆ จนเกิดเสียง
ปิ๊กแหงนเงยใบหน้าร้องคราง แผ่นอกแอ่นขึ้น มือเล็กกำผ้าปูที่นอนจนยับย่น
ผมลูบไล้ที่เรียวขาน้อง พามันขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่ ขณะดูดรีดน้ำหวานรสเด็ดให้หลั่งไหลออกมาให้ดื่มกลิ่น
เสียงผิวเนื้อที่เสียดสีกันในปากยิ่งทำให้ผมตบะแตก
“พี่โอม ปิ๊กไม่ไหว อื้อ ไม่ไหวแล้ว แรงอีก อ๊ะ แรงครับ”
เด็กน้อยครวญครางพลางกดหัวผมให้จมอยู่ที่กลางกายของเขา แต่ผมก็ต้องขัดใจเขาด้วยการถอนปากออก
“พี่โอม ฮือ ใจร้าย” เด็กน้อยตัดพ้อ
“ใจร้ายอะไรกันครับ พี่กำลังจะทำให้ปิ๊กมีความสุขมากกว่าเดิมต่างหาก”
ผมลูบไล้ที่ปลีน้อง แยกหัวเข่าน้องออก แลบลิ้นเลียที่โคนขา สัมผัสช่องทางรักที่ปิดสนิทด้วยนิ้วให้ปิ๊กส่งเสียงครางอู้อี้ในยามที่เจ้าตัวเล็กเอาหลังมือปิดปากไว้
ภาพตรงหน้าทำให้ผมอยากส่งตัวตนเข้าไปภายในช่องทางคับแคบเดี๋ยวนี้ แต่ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น
“เลียครับปิ๊ก” ผมส่งนิ้วชี้กับกลางของมือข้างที่ว่างไปจ่อที่ปากเล็ก ปิ๊กมองมันตาแป๋วแต่ก็ยอมอ้าปาก แลบลิ้นเล็กออกมาเลียนิ้วอย่างที่ผมบอก
น่ารักฉิบหาย
น้องร้องอู้อี้ เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดมากกว่ารัญจวน ในตอนที่ผมส่งนิ้วกลางฉ่ำน้ำลายเข้าไปก่อน
รัดแน่นมากให้ตายเถอะ
ผมพยายามสร้างความคุ้นเคย เบิกทางด้วยความนุ่นนวลที่สุด ปิ๊กละมือออกจากปากเปร่งเสียงครางออกมา เด็กน้อยจิกผ้าปูที่นอนแน่นในยามที่ผมพยายามส่งนิ้วที่สอง เท้าที่ยันอยู่บนที่นอนจิกเกร็งตอนที่ผมเพิ่มนิ้วไปสาม
น้องร้องอู้วอย่างรัญจวนเมื่อผมเริ่มความนิ้วหาจุดกระสัน
ร่างกายของปิ๊กกระตุกเกร็ง น้ำตาไหลเป็นสาย น้ำลายไหลเลอะขอบปากเมื่อผมเจอจุดกระสันที่เป็นดั่งขุมทรัพย์ของการมีเซ็กส์
ยิ่งผมขยับเข้าออกรัวเร็วน้องก็ยิ่งแสดงสีหน้ารัญจวนจนผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ปิ๊กครับชอบมั้ย” ผมถอนมันออกเกือบสุดหากน้องก็คว้ามือผมเอาไว้ซะก่อน
“พี่โอมอย่าไป ทำปิ๊ก อ๊า” น้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางร้องขอ
ได้ครับ เดี๋ยวพี่ให้ ให้อะไรที่ใหญ่กว่า
“เอาของพี่ดีกว่าเนอะ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ใบหูเล็กแล้วเลียก่อนจะสบตากันอย่างสื่อความหมาย
น้องมองตามสายตาผมลงมาที่ท่อนเนื้อที่แข็งตั้งอยู่ระหว่างกาย ผมชักรูดมันขณะสบสายตากับเด็กน้อย ยิ่งมองยิ่งรูดยิ่งกระสัน
“เป็นของพี่นะเด็กดี”
ผมขยับเข้าไปหา ใช้ส่วนหัวลูบไล้ที่ช่องทางซึ่งถูกเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว
“อื้อ เจ็บ พี่โอม มันใหญ่” กดเข้าไปเพียงนิดเด็กน้องใต้ร่างก็ร้องออกมาพลางจิกเล็บที่หัวไหล่
“ทนนะครับ พี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ผมบอกชิดเรียวปากเล็กฉ่ำชื้นก่อนแลบลิ้นออกมาให้น้องทำตาม
เราหยอกล้อกันด้วยลิ้นชื้น ปิ๊กดูดลิ้นผมอย่างหิวกระหาย ส่วนผมก็ส่งมือไปลูบไล้ผิวเนียนที่เอวคอด แยกบั้นท้ายกลมกลึงออกก่อนจะกัดฟันกลั้นใจสอดร่างกายอันใหญ่โตเข้าไปทีเดียวจนมิด
ปิ๊กร้องเสียงหลง ผมเองก็เผลอครางออกมาเช่นกัน
น้องกอดผมแน่นขณะที่ผมลูบไล้แผ่นหลังเปลือยอย่างอ่อนโยนในตอนที่ยกร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมานั่งบนตัก จูบซับที่หน้าผากมน เลียคราบน้ำตาบนแก้ม จูบที่ปลายจมูกแล้วจบที่ริมฝีปาก
ปลอบโยนกันอยู่สักพักทีเดียวกว่าน้องจะผ่อนคลาย
“พี่ขยับนะ” ช่องทางคับแคบที่ผมได้ครอบครองเป็นคนแรกบีบรัดเสียจนกลัวว่าของๆ ผมจะขาดเป็นเสี่ยงๆ
ปิ๊กไม่ได้พยักหน้า ไม่ได้ตอบคำถามผมเป็นคำพูด แต่น้องแทนคำตอบด้วยการโยกร่างบนตัวผม
ให้ตายเถอะ จะยั่วกันไปถึงไหน
ผมผ่อนร่างน้องลงบนฟูกอีกครั้ง ร่างกายของเราประสานกัน ผมเริ่มขยับน้องก็ครางออกมาเสียงเครือ ยิ่งขยับแรงน้องก็ยิ่งร้องดัง ตอนขยับถี่ๆ ในยามกำลังจะถึงฝั่งฝันเสียงน้องก็ทำให้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“อ๊ะๆๆๆๆๆๆ” น้องร้องเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกระแทกสะโพกลงไป ปิ๊กเองก็ดูเหมือนจะรู้งานดันสะโพกขึ้นมารับแรงกระทั้นของผมด้วยเช่นกัน
อู้ว โคตรเสียวเลย นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกถึงเซ็กส์ที่ดีเยี่ยมแบบนี้
ผมดึงตัวตนออกมาในตอนที่กำลังจะถึงจุดสุดยอด ขยับตัวขึ้นไปให้ตัวตนจดจ่อที่ใบหน้าน่ารัก ไม่รู้ว่าปิ๊กเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหน ตอนที่ผมชักรูดตัวตนตรงหน้าเขา อยู่ๆ เด็กน้อยก็แลบลิ้นออกมาเลียที่ส่วนหัวจนผมแตกคาปากของเขา
ให้ตายเถอะว่ะ โคตรอีโรติกเลย
“ปิ๊ก มานี่สิ”
ผมนอนลงบนฟูกข้างกันแล้วเรียกให้ปิ๊กขึ้นมาคร่อมที่หน้า ให้ตัวตนเล็กๆ ที่ปลดปล่อยน้ำรักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจดจ่อที่เรียวปาก
เจ้าตัวเล็กซี้ดปาก ยกมือขึ้นมาบีบบี้หน้าอกตัวเองขณะที่ผมรูดรั้งและดูดเลียตัวตนตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่นานเลย น้ำรักก็ถูกปลดปล่อย
ไม่พอ แค่นี้ไม่พอหรอก
“ปิ๊กครับ ขออีกนะ ให้พี่เอาปิ๊กอีกนะครับ” ผมแม่งเหมือนตาแก่ตัณหากลับเลยว่ะ ยังไม่ทันที่น้องจะตอบตกลงผมก็จับร่างเล็กให้คลานสี่ขา
ท่านี้แม่งโคตรเอ็กซ์เลย
“อมให้พี่หน่อยสิ” เด็กน้องแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารักในตอนที่ผมชักรูดแก่นกายให้แข็งขึ้นมาอีก
ปิ๊กบรรจงเลียให้ผมตั้งแต่ส่วนยอดจรดโคน แถมยังหยอกเย้าที่ลูกบอลของผมอีก
แม่งเอ้ย ไม่ไหวแล้วว่ะ
“อ้าปากครับ” ผมส่งมือไปบีบกรามน้องจนปากเล็กอ้าออกให้ผมส่งตัวตนเข้าไปได้ถนัด “ขอแตกในปากอีกนะ”
ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอนุญาตเลย ผมก็โยกเอวรัวสะโพกใส่ปากน้องแล้ว ลิ้นเล็กก็แสนจะซุกซน ลูบไล้แก่นกายของผมในปากจนแตก
“อ๊า” ผมครางเสียงพร่าเมื่อถอนตัวตนออก มองภาพเด็กน้อยที่น้ำสีขุ่นไหลย้อยออกจากปากแล้วก็ก้มลงไปจูบแลกลิ้น
“พี่โอมปิ๊กเหนื่อย”
“พี่ยังอยากกอดปิ๊กอยู่เลยครับ” ผมดันร่างน้องไปข้างหน้าให้ยันมือที่ผนัง “ขอพี่อีกนะครับคนเก่ง ตรงนี้” ช่องทางรักของปิ๊กติอดรัดนิ้วของผมตุบๆ
และเมื่อส่งของที่ใหญ่กว่าเข้าไปคนที่ร้องบอกว่าเหนื่อยเมื่อครู่ก็รับมันไปจนหมด
ผมวางมือทาบมือปิ๊กไว้ที่ผนัง ส่วนอีกข้างลูบไล้ที่แผ่นอกน้อง หยอกเย้ายอดอกที่แข็งตึงน่าดูด ขยับสะโพกส่งตัวตนเข้าไปในตัวน้องอย่างกับอดอยากปากแห้ง ปิ๊กเองก็รองรับทุกอารมณ์ของผมได้เป็นอย่างดี
แม้ปากจะบอกว่าเหนื่อยๆ แต่พอผมขอต่อน้องก็ไม่เคยปฏิเสธเลย
กระทั่งน้องหลับตัวตนของผมก็ยังคงขยับขยายอยู่ภายใน
ให้ตายเถอะ น้องแม่งโคตรน่ารักเลย
ค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าเราจะตื่นขึ้นมาก็สายเกินกว่าจะกินข้าวเช้าแล้ว ผมมองเด็กที่นอนหลับไหลอยู่ข้างกาย พลันภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ
นานแล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสความบริสุทธิ์ ความอ่อนหวาน ความยั่วเย้า ความน่ารักแบบนี้
นานเหลือเกินที่ไม่ได้รักใครจนหมดแรงแบบนี้
ถ้าปิ๊กอยู่กับผมตลอดไปได้ก็คงดี
ผมเอื้อมมือไปลูบเส้นผมของเด็กน้อยอย่างนึกเอ็นดู ก้มลงประทับจูบที่แก้มใสแล้วจึงลุกเข้าห้องน้ำทั้งร่างกายเปลือยเปล่า
เมื่อคืนผมเอาแต่ใจตัวเองและรังแกปิ๊กจนเจ้าตัวหมดแรง ปล่อยให้นอนเยอะๆ หน่อยคงไม่เป็นไรหรอก
✧✧✧
ทั้งวันผมยุ่งอยู่กับการเตรียมของอร่อยและยาต่างๆ ไว้ให้ปิ๊กเผื่อเจ้าตัวอาจจะเจ็บป่วยจากการถูกผมรัก จนบ่ายคล้อยเจ้าตัวเล็กจึงงัวเงียตื่นขึ้นมา
“พี่โอม” เมื่อตื่นก็เรียกหาผมเลย โคตรอยากจะจับปู้ยี่ปู้ยำอีกหลายๆ ครั้ง
“ครับ” ผมขานรับพลางขยับเข้าไปใกล้ “ปิ๊กเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เจ็บไปทั้งตัวเลย” เด็กน้อยยู่หน้าน่าสงสาร แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะตอนอยู่บนเตียงเจ้าตัวอยากทำตัวให้น่าเอ็นดูทำไมเล่า
“ลุกไหวมั้ย”
เด็กน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ “ปิ๊กหิวน้ำอะ”
“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวพี่ไปรินน้ำมาให้”
แก้วน้ำถูกส่งถึงปาก เจ้าตัวดื่มมันเร็วๆ อย่างคนกระหาย ปล่อยให้หยอดน้ำไหลเลอะขอบปากลงมาที่คอ ช่วงอก ระเรื่อยลงมาในจุดที่ต่ำกว่านั้น ผมมองตาม ลอบกลืนน้ำลายให้กับความไร้เดียงสาที่ยั่วยวนเกินจะห้ามใจไหว
“ปิ๊กครับ” ผมยื่นมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแก้วไปลูบที่ไหล่เล็กอย่าเผลอไผล เด็กน้อยสะดุ้งกระนั้นก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
ถ้าไม่เห็นว่าน้องยังเจ็บตัวด้วยเรื่องเมื่อคืนอยู่ล่ะก็ผมไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปแน่
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำไหวมั้ย”
“ขยับตัวยังไม่ได้เลย” น่าสงสารจริงๆ ถามว่ารู้สึกผิดมั้ย ก็ไม่นะ เพราะอย่างไรเสียเมื่อคืนเราก็มีความสุขกันทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว
“งั้นเดี๋ยวพี่โอมเช็ดตัวให้นะ”
“ครับ” เด็กน้อยตอบรับอย่างน่ารักให้ผมผละออกไปหาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้
บางทีผมก็รู้สึกว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทุกครั้งที่ผ้าชื้นๆ ลูบไล้ไปตามผิวเนียนเด็กน้อยตรงหน้าผมก็จะส่งเสียงออกมาเพราะความเย็นที่สัมผัสผิวกาย โดยไม่รู้เลยว่าเสียงนั้นมันกระตุ้นของที่หลับใหลอยู่ระหว่างกายของผม ทั้งความเย็นก็ทำให้ขนอ่อนของน้องลุกขึ้นมาไม่เว้นแม้กระทั่งยอดอกเล็กๆ นั่น
ผมมองมัน เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความกระหายอยากอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทนความต้องการเบื้องล่างไหว
แผล้บ!
อ๊ะ!
ปิ๊กร้องออกมาเมื่อผมก้มหน้าลงไปใกล้อกเขาแล้วเลียยอดอกเล็กๆ นั่นแผ่วเบา
“พี่โอม ไม่เอา ปิ๊กเจ็บ” เด็กน้อยร้องประท้วง มือเล็กสอดเข้าไปในเส้นผม พยายามดึงรั้งให้ผมผละออก และถึงแม้จะเสียดายมากแต่ผมก็ยอมถอย เพราะไม่อยากขืนใจ
“พี่แค่แกล้งเล่นหรอก”
“ตรงนี้มันเจ็บ” ผมหลุบตามองตามก็พบว่าส่วนที่ถูกปดปิดด้วยผ้าชิ้นเล็กขยับขยายขึ้นมาเล็กน้อย
“ให้พี่ช่วยมัน” ผมวนผ้าชื้นๆ บริเวณขาอ่อน ดวงตายังคงจับจ้องส่วนที่กำลังขยับขยายขึ้นอีก “พี่ไม่เข้าไปหรอกครับ นะ ให้พี่ช่วยนะ”
เมื่อถูกผมออดอ้อนเด็กน้อยไร้เดียงสาก็พยักหน้ารับ เพียงเท่านั้นผ้าชื้นๆ กับกะละมังใบเล็กก็ถูกดันออกไปไกล
ผมก้มลงจูบที่ท่อนขาเรียว ระเรื่อยมาตามปลีน่อง ขบเม้มที่ต้นขา และกดจูบลงบนกลางกายเล็กผ่านเนื้อผ้า เงยหน้ามองปิ๊กก็พบว่าเด็กน้อยของผมใช้หลังมือปิดปากตัวเองไว้ซะอย่างนั้น
ไม่น่ารักเลยอะแบบนี้ ผมอยากได้ยินเสียงน้องมากกว่าอีก
ดังนั้นผมจึงถอนปากออก ยืดตัวขึ้นให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกันแล้วประทับจูบลงบนมือน้อยๆ นั่น เลียที่ปลายนิ้ว ดูดเบาๆ ให้เกิดเสียงจุ๊บ เพราะเราทำกันตอนสว่างจึงเห็นสีหน้าทรมานของน้องได้ชัดเจนขึ้น
ให้ตายเถอะ ผมจะห้ามใจตัวเองไหวแน่เหรอวะ
✧✧✧
การมีปิ๊กอยู่ข้างๆ เป็นความสุขของผม แต่ไม่รู้เลยว่าความสุขนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
หลังจากความสัมพันธ์ของผมกับน้องเลยเถิดไปไกล สมุดวาดภาพของปิ๊กก็ไม่มีรูปภาพเพิ่มขึ้นอีก ราวกับน้องจงใจปล่อยมันทิ้งเอาไว้ เพื่อยืดเวลาของเราออกไปอีกหน่อย
แต่สุดท้ายการจากลาก็มาถึง
ในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังสวมรองเท้าเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงาน เสียงพูดคุยที่หน้าห้องก็ดังเข้ามาให้หยุดมือที่กำลังบบิดลูกบิดประตู
ก๊อกๆๆ
ผมถอยออกมาจากประตู ช่างใจอยู่ว่าควรเปิดประตูดีหรือไม่
“คุณโอมครับ” เสียงผู้หมวดก้องดังขึ้นให้ผมไม่มีทางออกนอกจากเปิดประตู
และเมื่อประตูเปิดออกก็พบกับนายตำรวจเจ้าของเสียงและใครอีกมากมายซึ่งยืนกันอยู่ด้านหลังเขา และหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น ผมสบตาเข้ากับผู้หญิงที่เคยเจอกันในซุปเปอร์มาเก็ต
ผมสูดลมหายใจเข้าก่อนจะยิ้มให้ผู้หมวดแล้วเอ่ยถามเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
“มีอะไรเหรอครับหมวด มาแต่เช้าเลย”
“น้องปิ๊กอยู่มั้ยครับ” ผู้หมวดมองตามผมเข้าไปในห้องแคบๆ ซึ่งปิ๊กยังคงหลับอยู่ในนั้น
“ยังไม่ตื่นเลยครับ ว่าแต่... ใครเหรอครับ” ผมมองไปยังด้านหลังผู้หมวดพลางถาม เขามองตามแล้วค่อยไขข้อข้องใจของผม
“คุณแม่น้องปิ๊กครับ” คนถูกเอ่ยถึงก้าวเข้ามาหาเรา เธอเป็นหญิงต่างชาติวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานมาก ปิ๊กคงได้ดวงตาสวยๆ และสีผมมาจากคุณแม่แน่ๆ
“คุณโอมใช่มั้ยคะ” ภาษาไทยสำเนียกแปลกๆ ทำให้ผมนิ่งไป ไม่รู้ว่าเธอรู้จักผมได้อย่างไร ผู้หมวดจึงเอ่ย
“ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณแม่น้องปิ๊กฟังหมดแล้วนะครับ”
“ขอบคุณคุณโอมมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้น้องจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ผมไม่กล้ารับคำขอบคุณ เพราะผมเองก็ไม่ได้ทำดีกับปิ๊กมากนัก ซ้ำยังหาความสุขจากร่างกายของน้องอีกต่างหาก
ผมยิ้ม อย่างไม่รู้ว่าต้องตอบรับเธออย่างไร ด้วยสังคมและสภาพแวดล้อมที่ผมเกิดมาทำให้ทำตัวไม่ค่อยถูกนัก
“ขอฉันเข้าไปหาน้องได้มั้ยคะ” อยากปฏิเสธแต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีสิทธิ์ ผมจึงเบี่ยงตัวหลบให้เธอก้าวเข้าไปในห้องอันแสนจะคับแคบนั้น
ผมมองตาม เห็นเธอนั่งลงข้างฟูกนอนที่ปิ๊กยังคงนอนหลับอยู่ ไม่นานหลังจากมือเรียวข้างหนึ่งลูบไล้ที่แก้มปิ๊กก็ลืมตาขึ้นมา มองจากตรงนี้ผมไม่รู้ว่าน้องทำหน้าแบบไหน แต่ผมกำลังทำหน้าเศร้าแน่นอน เพราะการปรากฏตัวของครอบครัวปิ๊กหมายความว่าถึงเวลาที่เราต้องบอกลาแล้ว
“คุณแม่จะรับน้องกลับไปเลย” ขณะที่ผมกำลังอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้า ผู้หมวดก็ว่าอย่างนั้นให้ต้องหันไปมองหน้าเขา
ก็ไม่แปลกหรอก เจอกันแล้วก็ต้องพากลับไปน่ะถูกแล้ว
“ช่วงแรกก็คงเหงาหน่อยนะครับคุณโอม”
“ดีแล้วล่ะครับที่ปิ๊กเจอครอบครัวซักที ผู้หมวดมั่นใจแล้วใช่มั้ยครับว่าใช่ครอบครัวปิ๊กจริงๆ”
“เราตรวจสอบกันมาระยะนึงแล้ว”
“งั้นเหรอ ก็ดีครับ ดีแล้ว” ผมบอกตัวเองซ้ำๆ อย่างนั้น หากหัวใจกลับไม่รู้สึกดีด้วยเลยซักนิด
ผมขอตัวออกไปทำงานเพราะทำตัวไม่ค่อยถูกและรู้สึกอึดอัดมาก ผู้หมวดก็ไม่ขัดอะไรเพราะเห็นว่ารบกวนผมมามากแล้ว
ทั้งวันผมทำงานด้วยสติที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจนหัวหน้าคิดว่าไม่สบายและไล่ให้กลับบ้านมาพักผ่อน ผมพยายามค้านแต่เขาก็ไม่ฟังกันสักนิด
ผมน่ะ ไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้นเลย ไม่อยากกลับไปพบกับความว่างเปล่ายามที่ไม่มีปิ๊กอยู่ด้วยกัน แค่คิดก็เหงามากแล้ว
และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อประตูห้องเปิดออก ผมก็พบกับความว่างเปล่า ในห้องนี้ไม่มีปิ๊กอีกต่อไป ห้องแคบๆ นี้เหลือเพียงกลิ่นของความทรงจำและเสื้อผ้าราคาถูกที่ผมเคยซื้อให้เขาเท่านั้น
มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากที่ผมได้เจอกับน้อง เด็กผู้ชายที่อยู่ในอีกสังคมหนึ่งซึ่งห่างกับผมเหลือเกิน
การได้เจอปิ๊กทำให้ผมได้รับความสุขมากมาย อย่างน้อยเราก็ควรได้บอกลากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ตอนนี้ ในขณะที่ปิ๊กจากผมไปแล้ว ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกลาเขาด้วยซ้ำ
✧✧✧
ยามที่เรารู้สึกเหงา เวลามักผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้าน ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือผู้หมวดตั้งใจแวะมาเจอกัน แต่ตอนนี้เราก็มานั่งกันอยู่ในร้านกาแฟแล้ว
“น้องปิ๊ก อ่า ไม่สิ ที่จริงปิ๊กชื่อดีนนะครับ ตอนนี้คุณแม่พาน้องกลับแคนาดาไปแล้ว ผมมาอกเผื่อคุณโอมอยากรู้ เผื่อคุณโอมเป็นห่วง”
“ก็ดีแล้วครับ”
“คุณโอเคใช่มั้ย หมายถึงว่า คุณไม่ได้บอกลาน้อง”
“เสียดายครับ แต่ว่า ถ้าบอกก็กลัวจะร้องไห้”
“ผมเข้าใจคุณโอมนะ ช่วงแรกๆ ก็คงเหงาหน่อยครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับปิ๊กจะทำให้คุณยิ้มได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งทางเราและครอบครัวของปิ๊กต่างก็รู้สึกขอบคุณคุณโอมนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมเองก็ไม่ได้ดูแลปิ๊กดีขนาดนั้น”
“อย่างน้อยน้องก็ไม่ต้องนอนข้างถนน ปิ๊กน่ะที่จริงเป็นเด็กดื้อมากนะครับ...”
ผู้หมวดก้องเล่าว่า ระหว่างช่วงปิดเทอม ช่วงที่ครอบครัวบินไปทำงานต่างประเทศ ปิ๊กแอบซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อบินมาเยี่ยมคุณย่าที่ไทยโดยไม่บอกกล่าวใคร ที่จริงการเดินทางลำพังก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่คงเป็นความซวยของน้องเองที่ระหว่างลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากสนามบิน เกิดอยากเดินทางด้วยรถอย่างอื่นที่ไม่ใช่แท็กซี่ จนเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง คนขับรถชนแล้วหนี สถานที่เกิดอุบัติเหตุเป็นที่เปลี่ยวจึงไม่มีใครเห็น และปิ๊กก็ฟื้นขึ้นมาเอง หลังจากนั้นเขาก็คงเดินมาเรื่อยๆ จนเจอผม
ผู้หมวดบอกว่าปิ๊กโชคดีที่เจอผม แต่สำหรับผม ผมไม่แน่ใจเลยว่าการเจอกันของเราเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายของน้องกันแน่
ก่อนไป ผู้หมวดทิ้งนามบัตรใบนึงไว้ให้ผม บอกว่าคุณย่าของปิ๊กอยากเจอ พร้อมบอกสถานที่นัดหมาย
สถานที่นัดหมายเป็นโรงแรมหรู ผมทำตัวไม่ค่อยถูกนัก แถมยังสวมชุดวอร์มซึ่งไม่เข้ากับสถานที่ซักนิด
เมื่อมาถึงและบอกชื่อของคุณย่าปิ๊ก พนักงานในชุดที่ดูดีกว่าผมมากก็พาขึ้นลิฟต์มา เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ก็พบกับหญิงสูงอายุซึ่งท่าทางดูใจดีมาก และนั่นทำให้อาการเกร็งสถานที่ของผมทุเลาลง
ผมยกมือไหว้ท่าน และท่านก็ยิ้มรับพลางบอกให้ผมนั่งลง
“คุณโอมใช่มั้ย ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“เอ่อ...” ผมไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร แต่คำทักทายแรกมันดูแปลกๆ นะว่ามั้ย
“เห็นเจ้าตัวแสบบอกว่าคุณอยู่ห้องเช่าทั้งเล็กและแคบ เคยเป็นครูแต่ตอนนี้เป็นเทรนเนอร์อยู่ที่ฟิตเนส ใช่รึเปล่า” ยามที่คนใจดีถามด้วยน้ำเสียงจริงจังมันน่ากลัวมากครับ
เพราะพูดไม่ออกผมจึงพยักหน้ารับแทน
“อยากมาทำงานที่โรงเรียนของฉันมั้ย ตอนนี้ขาดครูพละอยู่ ฉันจะจ้างเธอ ตอบแทนที่ดูแลเจ้าตัวแสบของฉัน” ข้อเสนอทำให้หัวใจของผมเต้นแรง อยากตอบตกลงเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำแต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทัน
“ผมไม่ได้เดือนร้อนขนาดนั้นครับ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเธอเดือดร้อน ฉันแค่อยากตอบแทน และถ้าไม่ได้ตอบแทน ฉันคงตายตาไม่หลับ รับไว้เถอะคุณโอม เห็นแก่ผู้หญิงแก่ๆ อย่างฉันก็แล้วกัน”
“แต่มันมากไปนะครับ”
“ไม่มากหรอก ฉันจ้างเธอทำงานนะ ไม่ได้ให้เงินฟรีๆ ฉันมีห้องพักให้ด้วย” คีย์การ์ดและกุญแจถูกคุณเลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งมาวางไว้ตรงหน้าผม
“ผม...” ผมอึกอักมองหน้าท่านกับกุญแจห้องสลับกันไปมาอย่างชั่งใจ
“ห้องที่คอนโดนี้ฉันประกาศขายไปตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครซื้อซักที ทิ้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เธอรับไว้ซะ ย้ายเข้าอยู่ได้ตลอดเวลา แล้วพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ก็แจ้งเลขาฉันมา”
“คุณนายครับ สิ่งที่คุณนายตอบแทนผมมันมากเกินไปเมื่อเทียบกับความช่วยเหลืออันน้อยนิดที่ผมทำให้น้อง ที่จริงผมก็อยากรับไว้ทั้งหมดนะครับ แต่ก็กระดากอายเหลือเกิน”
“มันไม่น้อยเลยคุณโอม สิ่งที่คุณทำคือการช่วยชีวิต ถ้าเจ้าตัวแสบไม่เจอคุณ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง ความช่วยเหลือที่คุณมองว่ามันเล็กน้อยแต่สำหรับพวกเรามันยิ่งใหญ่มาก สิ่งที่ฉันให้คุณมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ อย่าคิดมากเลย รับไปเถอะ ฉันขอร้อง”
ผมถูกทิ้งเอาไว้ในห้องนั้นกับคีย์การ์ดคอนโด และหลังจากนั่งงงอยู่พักนึง ชื่อคอนโดและหมายเลขห้อง พร้อมด้วยแผนที่ก็ถูกส่งเข้ามา รวมทั้งรายละเอียดเรื่องเข้าไปรายงานตัวที่โรงเรียนในฐานะครูพละคนใหม่ด้วย
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาจนผมตั้งตัวไม่ทันเลย
ประมาณ 1 เดือนหลังจากตัดสินใจรับน้ำใจของคุณย่าปิ๊กไว้ ผมก็ย้ายเข้าคอนโดด้วยสัมภาระที่มีไม่มากนัก
ผมมีบ้านแล้ว มีการงานที่มั่นคง มีทั้งหมดนี้ก็เพราะปิ๊ก สิ่งต่อไปที่อยากมีก็คือมีเขาอยู่ข้างๆ
✧✧✧
วันเวลาผ่านไป
ก็จริงอย่างที่ผู้หมวดเคยบอกว่า ‘เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับปิ๊กจะทำให้คุณยิ้มได้’
ทุกครั้งที่กลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้าจากการสู้รบปรบมือกับนักเรียนตัวแสบ แค่ผมนึกถึงปิ๊ก นึกถึงรอยยิ้ม ดูรูปคู่ของเรา ถึงแม้ทั้งหมดนี้จะไม่ทำให้หายเหนื่อยแต่ก็ทำให้ยิ้มได้
“ครูเตะบอลกัน” บอลลูกเล็กๆ กลิ้งมาหยุดที่เท้าในตอนที่ผมเดินผ่านสนามเพื่อกลับบ้านหลังเลิกเรียน
เสียงเจ้านักเรียนตัวแสบทำให้ต้องหันไปมอง
“ไม่ล่ะ ครูจะกลับบ้านแล้ว พวกเธอล่ะไม่กลับบ้านรึไง”
“ต้องไปเรียนพิเศษต่อครับ” เป็นแค่เด็กประถมแท้ๆ จำเป็นต้องเรียนหนักขนาดนี้เชียวหรือ
ผมเตะบอลกลับไปให้ลูกศิษย์ก่อนบอกลา
คอนโดที่ได้รับมาจากคุณย่าของปิ๊กตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากๆ นั่นทำให้ผมเดินทางมาทำงานอย่างสะดวกสบาย น่าแปลกใจที่คอนโดหรูขนาดนี้จะขายไม่ออก จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เชื่อนะ ตอนนั้นท่านก็คงแค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อให้ผมยอมรับน้ำใจเท่านั้นเอง
ปี๊นๆๆ
ขณะที่สองเท้ากำลังย่ำไปตามฟุตบาธเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า เสียงแตรรถก็ดังขึ้นด้านหลังให้ผมหยุดเดินแล้วหันไปมา จังหวะเดียวกับที่เจ้าของรถคันสวยจอดลงข้างๆ พร้อมกับกระจกฝั่งตรงข้ามคนขับที่ถูกลดลง
เมื่อสบสายตากับเข้าดวงตาคู่สวยที่คุ้นเคยผมจึงยิ้มให้เขา
ไอซ์
“ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“ขึ้นรถสิ” ผมลังเลแต่ก็ยอมขึ้นรถมากับเขาง่ายๆ ไอซ์ไม่พูดไม่จาไม่พูดพร่ำทำเพลง หากเขาเลือกที่จะออกรถไปอย่างเร็วแต่เพราะการจราจรในกรุงเทพทำให้เราไปได้ไม่ไกลจากจุดเมื่อกี้มากนัก
“เซ็งเลย ถนนในกรุงเทพแม่งน่าเบื่อเนอะ”
“อือ แล้วนี่แค่บังเอิญมาเจอโอมเหรอ”
“เมื่อวานไอซ์เข้าไปที่ฟิตเนสมา”
“อ๋อ แล้วมาหาโอมมีอะไรรึเปล่า”
“เหงา” ตั้งแต่เลิกทำงานที่ฟิตเนสผมก็ไม่ได้ติดต่อกับไอซ์อีก ไม่ได้ข่าวคราวกันและกันเลยด้วยซ้ำ การเจอกันอีกครั้งของเราจึงทำให้ผมค่อนข้างตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย
ที่จริง หลังจากแยกกับปิ๊กผมก็ไม่ได้มีเซ็กส์กับใครเลยด้วยซ้ำ
“ไปห้องไอซ์มั้ย”
“แฟนล่ะ”
“เลิกแล้ว”
“จริงดิ ทำไมล่ะ”
“หลายเรื่อง ก็ไม่รู้จะทนทำไมก็เลยเลิก”
“เพิ่งเลิกล่ะสิ ถึงมาหาโอม”
“แสนรู้นะครับ” ไอซ์หันมายิ้มก่อนจะกลับไปมองสัญญาณไฟจราจรที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “แล้วยังไงอะ ไปห้องไอซ์ได้มั้ย”
“ได้สิ”
“แล้วน้องชายล่ะ”
“ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
“ใจเย็นนะ รอน้องโตก่อน” ไอซ์พูดเหมือนรู้อะไร แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะถามต่อ
สำหรับผมกับปิ๊กไม่รู้อนาคตในตอนที่น้องโตแล้ว พวกเราจะยังมีโอกาสได้เจอกันอีกมั้ย ถึงแม้จะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากเจอเขาซักครั้ง
[TBC]หายไปนานมาก ลืมกันไปแล้วรึยัง
อย่าเพิ่งลืมกันได้มั้ย
กลับมาคราวนี้ มาพร้อมดราม่า แต่นิดเดียวแหละ ฝากติดตามความบาปของพี่โอมต่อไปด้วยนะคะ
