รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ทีมใครกันเอ่ย

ฟรองค์
9 (36%)
โชน
16 (64%)
ราม
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 25

ปิดการโหวต: 09-11-2018 11:45:21

ผู้เขียน หัวข้อ: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]  (อ่าน 26987 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปล.นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อเล่าถึงมุมมองความรักของคนในอีกอาชีพหนึ่งไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลใดหรืออาชีพใด และทุกเหตุการณ์ในนิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศที่ถูกสมมติขึ้นและไม่มีอยู่จริง


สารบัญ
ตอนที่ 1 ครอบครัว
ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
ตอนที่ 5 ความเข้าใจ
ตอนที่ 6 สร้อยทอง
ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย
ตอนที่ 8 รักปักใจ
ตอนที่ 9 ปั่นหัว
ตอนที่ 10 ผลงานใหม่
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2018 05:17:58 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป



ตอนที่ 1 ครอบครัว​



*****ณ ประเทศ เชนท์คัลเจอร์ประเทศเล็ก ๆ ที่อนุญาตให้สื่อลามกอนาจารเป็นสิ่งถูกกฎหมาย*****









     แน่นอนว่าความจำเป็นและช่วงจังหวะในชีวิตของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน และความจำเป็นในช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิตผมก็ได้นำพาให้ผมเข้าสู่อาชีพนี้ อาชีพที่หลาย ๆ คนอาจจะมองว่ามันเป็นอาชีพที่เป็นสีเทาและเป็นอาชีพที่ไม่ได้น่าภูมิใจนัก

     ผมเป็นนักแสดงครับ แต่ว่าภาพยนตร์ที่ผมแสดงนั้นไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะสามารถฉายได้ตามโรงภาพยนตร์ทั่ว ๆ ไป เป็นภาพยนตร์ที่กฎหมายของประเทศผมสั่งห้ามจำหน่ายให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีโดยเด็ดขาด เป็นภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ หรือจะให้พูดกันง่าย ๆ ก็คือหนังโป๊นั่นแหละครับ และก็เป็นหนังโป๊แนวที่ต้องแสดงบทร่วมรักกันอย่างไม่มีปิดบังระหว่างผู้ชายและผู้ชาย

     ถึงแม้ว่าจะมีการควบคุมช่วงอายุของผู้ซื้ออย่างเคร่งครัด แต่ในประเทศของผมภาพยนตร์จำพวกนี้ก็มีลิขสิทธิ์คุ้มครองอย่างถูกต้องและสามารถวางขายได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไปให้เหล่าคนที่มีอายุถึงเกณฑ์สามารถเลือกซื้อได้อย่างอิสระและถูกกฎหมาย สำหรับแฟน ๆ ภาพยนตร์แนวนี้ในประเทศนี้ก็อาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาหรือคุ้นชื่อของผมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะผลงานของผมแทบจะทุกเรื่องนั้นก็ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทางค่ายหนังในทุกครั้งที่วางจำหน่าย ผม “หนึ่ง รวิกานต์” นักแสดงบทนายเอกจากค่ายฮอตจีวีสตูดิโอ

     ถึงแม้ว่าสื่อประเภทนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศของผม แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนในประเทศจะยอมรับได้ สังเกตง่าย ๆ ก็จากสายตาแปลก ๆ ที่แอบมองมาที่ผมอยู่ตอนนี้รวมไปถึงเสียงซุบซิบนินทาที่ดังแว่วมาไล่หลัง ราวกับว่าเราเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด หรือเป็นตัวประหลาดในสายตาของพวกเขา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คนที่ทำอาชีพอย่างผมจะต้องพยายามทำตัวให้ชินและอยู่กับมันให้ได้เพราะเราจะต้องเจอกับมันอยู่เรื่อย ๆ

     วันนี้ผมกลับมาที่บ้านของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือน บ้านที่ผมซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองแต่ก็เป็นบ้านผมไม่ค่อยจะได้มาเหยียบมันบ่อยนัก ก็เพื่อความสบายใจของสมาชิกคนอื่นในบ้าน สำหรับแม่ของผมท่านเข้าใจถึงความจำเป็นที่ผมจะต้องมาทำอาชีพนี้ แต่สำหรับเจ้าสองน้องชายของผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ก่อนผมกับน้องชายเราเคยสนิทกันมาก แต่ตั้งแต่ผมเข้าสู่วงการหนังจีวีสองก็แทบจะไม่พูดกับผมอีกเลย...





☼​☼​☼​☼​☼​☼






     “อ้าว หนึ่งจะมาทำไมไม่โทรบอกแม่ก่อนล่ะลูก แม่จะได้ทำอาหารที่ลูกชอบไว้รอ” แม่ผมยิ้มร่าหลังจากที่ถูกผมโผเข้าไปทั้งกอดและหอมด้วยความคิดถึง ในการมาเยือนโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า

     “ก็ทนคิดถึงแม่ไม่ไหวก็เลยต้องแวะมาหา หนึ่งซื้อกับข้าวมาด้วยนะแม่ ของที่แม่กับเจ้าสองชอบทั้งนั้นเลย”





☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     “สองมันยังไม่กลับเหรอครับแม่” ผมเอ่ยถามแม่ในตอนที่กำลังช่วยแม่แกะอาหารใส่จาน เย็นป่านนี้แล้วเจ้าสองน่าจะเลิกเรียนตั้งนานแล้วนี่นา แต่ทำไมบ้านยังเงียบราวกับว่ามีแค่ผมกับแม่อยู่กันแค่สองคน

     “น้องมันไปทำงานพิเศษน่ะลูก อีกสักพักก็คงจะกลับแล้ว” สองแอบไปทำงานพิเศษอีกแล้วหรือ...

     ตอนแรกผมก็แค่คิดว่าอยากจะมาเยี่ยมแม่และขอเจอหน้าน้องสักนิดก็ยังดี แม้ว่าเขาจะไม่ยอมพูดกับผมก็ตาม เพราะทุกครั้งที่ผมบอกแม่ล่วงหน้าว่าจะมาหา สองก็มักจะจงใจหลบหน้าผมอยู่ทุกครั้งไป วันนี้ผมก็เลยเลือกที่จะมาโดยไม่บอกก่อน แต่พอลองคิดดูดี ๆ แล้ว ถ้าผมกลับไปก่อนที่สองจะกลับมามันอาจจะเป็นการดีกว่าก็ได้ สองคงจะไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากแม้แต่จะยุ่งเกี่ยวอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ

     “เอ่อ แม่ครับ พอดีหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ หนึ่งขอตัวกลับก่อนนะครับ”

     “หนึ่ง แม่รู้นะว่าหนึ่งกลัวว่าสองมันจะไม่พอใจ แต่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันมานานแล้วนะลูก อยู่กินข้าวกับแม่กับน้องก่อนเถอะนะ” แม่ว่าพลางวางมือของท่านลงกุมบนมือผม แววตาของแม่ที่มองผมดูเศร้า ผมก็เข้าใจว่าแม่เองก็คงจะทุกข์ใจไม่น้อยที่ลูกทั้งสองคนไม่เข้าใจกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็เจ้าสองมันเกลียดผมไปแล้วนี่ แต่ผมเข้าใจเจ้าสองมันนะ มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ กับการที่จะให้ทำใจยอมรับได้ง่าย ๆ กับการที่พี่ชายของตัวเองมาทำงานแบบนี้

     ในเมื่อแม่พูดมาถึงขนาดนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร ผมเลยต้องอยู่ทานข้าวกับแม่เพื่อรอการกลับมาของเจ้าสองด้วยใจที่เป็นกังวล




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     เมื่อถึงเวลาที่เจ้าสองกลับมาถึงบ้าน ตอนแรกมันก็ดูอารมณ์ดีอยู่หรอกนะ แต่เมื่อน้องมันเห็นหน้าผมที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่กับแม่เท่านั้น สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปในทันที สองเดินผ่านผมไปโดยไม่มองแม้แต่หางตา ราวกับว่าผมเป็นเพียงแค่อากาศที่ไร้ตัวตนในสายตาของมัน

     “สอง มากินข้าวกับแม่กับพี่ก่อนสิลูก” แม่ท้วงขึ้นในตอนที่เจ้าสองกำลังจะเดินขึ้นบันได

     “กินมาแล้วอ่ะแม่” สองตอบกลับเสียงห้วน ดูเหมือนว่าจะกำลังอารมณ์ไม่ดี คงจะเป็นเพราะผมสินะ

     “แม่บอกว่าให้มากินข้าวกับแม่กับพี่เดี๋ยวนี้” ครั้งนี้แม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แกลมดุเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้สองหยุดชะงักลงได้


     สองถอนหายใจด้วยท่าทีที่ดูจะไม่ค่อยจะพอใจนัก ก่อนจะเดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ สองวางกระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะเสียงดังจนผมถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าน้องมันไม่ได้เต็มใจจะร่วมโต๊ะอาหารกับผมเลยแม้แต่น้อย แต่ต้องจำใจเพราะว่าขัดแม่ไม่ได้ต่างหาก

     ผมไม่รู้เลยว่าเวลานี้ผมควรจะทำหน้าหรือทำตัวอย่างไรดี ผมรู้สึกเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวในตอนนี้มันดูกระอักกระอ่วนไปหมด อยากจะพูดคุยหรือไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกับเจ้าสองตามประสาพี่น้อง ผมก็ยังไม่กล้าเพราะกลัวจะทำให้สองไม่พอใจ ผมดีใจที่ได้เจอหน้าน้อง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปฏิกิริยาของสองที่ดูอึดอัดอย่างมากเวลาที่ต้องจำใจทานอาหารร่วมโต๊ะกับผมนั้น มันก็ให้ผมรู้สึกเสียใจไม่น้อย



     “เอ่อ สองยังทำงานพิเศษอยู่เหรอ พี่เคยบอกแล้วไงให้สองเรียนอย่างเดียวก็พอ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเดี๋ยวพี่ดูแลเอง” ผมเริ่มเอ่ยบทสนทนากับน้องชายที่นั่งก้มหน้าก้มตาทานอาหารอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่มีแม้แต่สักวินาทีที่เจ้าสองจะเหลือบมามองผมบ้างเลย หลังจากที่ผมต้องคิดช่างใจอยู่นานกว่าจะกล้าเอ่ยบทสนทนานั้นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและบรรยากาศขมุกขมัวที่ปกคลุมล้อมรอบตัวพวกเราอยู่ในเวลานี้

     แต่ดูเหมือนว่าบทสนทนาของผมคงจะไม่ค่อยถูกใจหรือถูกอารมณ์ของสองสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่สองได้ยินบทสนทนานั้นสองก็โยนช้อนและซ้อมในมือลงบนโต๊ะแล้วหันมามองผมตาขวาง

     “กูก็เคยบอกมึงแล้วไง ว่าเงินสกปรกที่มึงได้มาจากการขายตัว ขายศักดิ์ศรี กูจะไม่แตะ”

     “สอง” แม่พยายามจะปรามสองที่กำลังตวาดกร้าว แต่ดูท่าทางแล้วตอนนี้อารมณ์ของสองคงจะครุกรุ่นจนเกินกว่าที่แม่จะห้ามปรามได้แล้ว

     “แล้วไอ้บ้านของมึงหลังนี้ถ้าแม่ไม่ขอให้กูอยู่ กูก็ไม่อยู่หรอกนะ มึงอย่าสำคัญตัวผิดไปว่ากูต้องอาศัยมึง ลำพังต้องอยู่ในบ้านที่ซื้อมาจากเงินอุบาทว์ทุกวันกูก็แทบจะอ้วกอยู่แล้ว แล้ววันนี้ยังมีตัวอุบาทว์อย่างมึงนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะให้เป็นเสนียดลูกตากูอีก” คำพูดของน้องมันทำเอาผมถึงกับหน้าชา ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นแต่ผมก็ต้องฝืนเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะถ้าผมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาแม่คงจะต้องไม่สบายใจมากไปกว่านี้

     เจ้าสองคงจะเกลียดผมมากจริง ๆ อาชีพของผมนอกจากมันจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวไม่ได้แล้ว มันคงจะยังทำให้น้องต้องอับอายคนอื่นอีกด้วยด้วย

     “เราจะคุยกันดี ๆ บ้างไม่ได้เลยเหรอ” ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจากความรู้สึกตัดพ้อ ทั้งพยายามที่จะเก็บกลั้นอารมณ์ไม่ให้น้ำเสียงสั่นเครือ เพราะผมไม่อยากให้แม่และน้องรู้ว่าผมกำลังจะร้องไห้

     “มึงไม่มีสิทธิ์จะได้ยินคำพูดดี ๆ จากปากกูตั้งแต่วันที่มึงเข้าสู่วงจรอุบาทว์นั่นแล้ว”

     สองปัดจานข้าวตรงหน้ากระเด็นตกลงพื้นจนแตกกระจายก่อนที่น้องมันจะเดินกระทืบเท้าปึงปังขึ้นชั้นสองไปโดยไม่สนใจเสียงต่อว่าจากแม่ที่พูดเสียงดังไล่หลังไป เสียงปิดประตูดังสนั่นจากชั้นบนจนทำเอาผมถึงกับสะดุ้งเฮือก ทั้งที่เราสองคนเคยเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากแท้ ๆ แต่วันนี้ทุกอย่างมันกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อให้ผมอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับน้องสักเพียงใด มันคงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าสองมันเกลียดผมฝังใจไปแล้ว

     “อย่าไปถือสาน้องเลยนะลูก” แม่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมเห็นแม่น้ำตารื้นขอบตา แม้ว่าในใจผมมันก็กำลังร่ำไห้อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็เลือกที่จะฝืนยิ้มให้แม่เพื่อแทนคำที่บอกว่าผมไม่เป็นไรเพราะผมไม่อยากจะให้แม่ทุกข์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วหัวผมมันเจ็บปวดเหลือเกินกับท่าทีที่เจ้าสองมีต่อผม





☼​☼​☼​☼​☼​☼
​​





     ผมจำไม่ได้ว่าผมกระดกเครื่องดื่มมึนเมาเข้าปากไปเป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เพราะผมรู้แต่เพียงว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่จะระบายความอัดอั้นของผมได้ดีที่สุด แม้ว่าเพลงที่เปิดในร้านนี้จะเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน แต่ความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ว่าเพลงอะไรที่เข้ามาประทบเข้าหูมันก็กลายเป็นเพลงเศร้าไปเสียหมด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะต้องทำอย่างไรที่จะทำให้น้องมันยอมเข้าใจในตัวผมบ้าง แม้สักนิดก็ยังดี





☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     เรื่องราวในคืนนั้นผมกลับจากการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มแล้ว เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากทางบ้านของผมทำเอาผมที่กำลังเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ต้องรีบวิ่งจ้ำอ้าวอย่างตื่นตระหนกเพื่อไปให้ถึงบ้านของตัวเองให้เร็วที่สุด ด้วยดวามเป็นห่วงแม่ที่ตอนนี้น่าจะอยู่บ้านคนเดียว

     เมื่อกลับมาถึงบ้านสิ่งที่ผมเจอคือแผงรถเข็นขายข้างแกงของแม่ผมกำลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รื้อทำลายอย่างไม่ใยดี และแม่ที่พยายามจะร้องห้ามและหยุดการกระทำของคนกลุ่มนั้นก็พลอยถูกทำร้ายไปด้วย

     “แม่!” ผมรีบวิ่งเข้าประครองร่างแม่ที่กำลังล้มทรุดอยู่กับพื้น

     “นี่มันเรื่องอะไรกันพวกแกเป็นใครแล้วมาทำแบบนี้กับแม่ฉันทำไม”

     “ติดหนี้ไว้แล้วคิดจะเบี้ยวมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตะคอกใส่หน้าผม ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ไม่เคยรู้ว่าบ้านเรามีหนี้ ผมไม่คิดว่าแม่จะไปรู้จักมักจีกับคนพวกนี้จนถึงขั้นหยิบยืมเงินกันได้เลยด้วยซ้ำ

     “จริงเหรอแม่” ผมหันมาถามแม่ที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเพื่อความแน่ใจ ถึงจะไม่มีคำพูดใด ๆ ตอบกลับมาจากปากแม่ แต่ท่าทางก้มหน้าก้มตาแล้วร้องไห้อย่างหนักนั้นก็พอจะตอบผมจะแทนคำพูดได้

     ผมจำใจต้องปล่อยให้คนพวกนั้นทำลายข้าวของที่ใช้ทำมาหากินของแม่จนหนำใจ ผมทำได้เพียงแค่รั้งตัวแม่เอาไว้ไม่ให้เข้าไปให้ถูกคนพวกนั้นทำร้ายอีก ก่อนจะกลับไปคนพวกนั้นกำชับกับผมว่ามีเวลาให้ผมแค่เจ็ดวันเพื่อหาเงิน ถ้าภายในเจ็ดวันพวกนั้นยังไม่ได้เงินตามที่ต้องการ พวกนั้นจะกลับมาเล่นงานแม่หนักกว่านี้ และพวกมันยังขู่ผมอีกว่าถ้าหากว่าผมคิดแจ้งตำรวจหรือคิดจะแข็งข้อพวกมันจะตามไปเล่นงานเจ้าสองด้วย ซึ่งผมจะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

     จำนวนหนี้นั้นทบต้นทบดอกแล้วรวมเป็นเงินเกือบห้าแสน มันเกิดจากตอนที่พ่อผมยังมีชีวิตอยู่ท่านติดสุราและการพนันอย่างหนักซ้ำยังไปกู้ยืมเงินจากผู้มีอิทธิพลเพื่อมาเล่นการพนัน แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าจำนวนหนี้ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ จากการเสียพนัน หลังจากที่พ่อเสียไปภาระในการรับผิดชอบหนี้ก้อนโตนั้นเลยมาตกอยู่กับแม่ผม หลังจากที่ได้รู้ความจริงจากปากของแม่แล้วผมก็ไม่คิดที่จะโกรธและโทษพ่อหรอกนะ เพราะอย่างไรท่านก็เสียไปแล้ว แต่เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นกับเวลาอันน้อยนิดผมจะไปหามาจากไหน ตอนนั้นผมเครียดเหลือเกินกับปัญหาที่แทบจะมองไม่เห็นทางออก

     “ฮัลโหล พี่แองจี้ครับช่วงนี้พี่พอจะมีงานให้ผมทำบ้างไหมครับ ผมจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ” ผมตัดสินที่จะต่อสายโทรศัพท์ถึงพี่แองจี้เจ้าของโมเดลลิ่งที่ผมสังกัดอยู่ที่ไม่ได้หยิบยื่นงานให้ผมมานานแสนนานจนผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าผมยังมีสัญญาอยู่ในสังกัดของเขา

     “เฮ้อ หนึ่งเข้าใจพี่หน่อยนะ ถึงหนึ่งจะหน้าหล่อ แต่หนึ่งก็ตัวเล็กนี่ หนึ่งก็รู้วงการบ้านเรานิยมแต่นายแบบสูง ๆ ล่ำ ๆ พี่เลยหางานให้หนึ่งไม่ค่อยจะได้ พี่ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ” คำตอบที่พี่แองจี้ตอบกลับมาเป็นสิ่งที่ผมพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าคงจะต้องได้ยินไม่ต่างจากนี้สักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะโทรหาพี่เขาด้วยความหวังที่คิดว่าน่าจะยังพอมี ถึงแม้จะริบหรี่มากก็ตาม

     “แต่ถ้าหนึ่งเดือดร้อนเรื่องเงินและอยากจะทำงานจริง ๆ พี่พอจะมีคอนเนคชั่นกับค่ายหนังค่ายหนึ่ง เขาต้องการแสดงที่ตัวเล็กรูปร่างบอบบางแบบหนึ่งนะ เงินดีมาก และหน้าตาผิวพรรณดีแบบหนึ่งคงคงแคสผ่านได้สบาย ๆ แน่นอน แต่ต้องเปลืองตัวสักหน่อยนะ หนึ่งสนใจไหมล่ะ”

     “สนใจครับพี่ ตอนนี้งานอะไรผมรับหมดเลย” ผมรีบตอบกลับอย่างทันควันโดยไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรอง เมื่อพี่แองจี้มีข้อเสนอเรื่องงานขึ้นมา เวลานี้ไม่ว่างานอะไรที่พอจะช่วยครอบครัวของผมได้ ต่อให้จะยากลำบากแค่ไหนผมก็ยินดีที่จะทำทั้งนั้น

     “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะส่งรายละเอียดให้ทางอีเมลก็แล้วกัน หนึ่งอ่านแล้วก็ลองทบทวนดูดี ๆ นะ คิดดี ๆ คิดถี่ถ้วนแล้วค่อยให้คำตอบพี่ว่าอยากจะทำหรือเปล่า”

     หลังจากสิ้นสุดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างกับผมกับพี่แองจี้ไม่นาน ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือของผมว่ามีอีเมลฉบับใหม่เข้ามา ผมรีบเปิดอ่านในทันทีด้วยความหวัง และผมก็ได้พบกับ...



     ใบสมัครนักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่แนวชายรักชาย.....



     ในคราวแรกผมนึกโกรธพี่แองจี้มากที่คิดจะให้ผมไปทำงานแบบนั้น และยังย้ำชัดกับตัวเองว่าจะไม่มีทางที่จะยอมทำงานนี้โดยเด็ดขาด แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปสี่วัน... แม้ว่าผมจะทำงานอย่างหนัก แต่ค่าแรงจากงานเสิร์ฟอาหารที่ผมทำมันก็ไม่ได้มากมายอะไร คิดจะไปขอหยิบยืมใครก็ไม่มีใครที่จะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ลำพังเงินเก็บที่ผมมีก็ยังไม่ได้สักเสี้ยวหนึ่งของเงินที่คนพวกนั้นต้องการเลยด้วยซ้ำ เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นผมจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน



     หรือว่าผมจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ ....



     ผมกดต่อสายโทรศัพท์หาพี่แองจี้ด้วยมือที่สั่นไหว ผมไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว ในเวลานี้ความปลอดภัยของแม่และน้องของผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด


     “พี่แองจี้ครับเรื่องงานที่พี่แนะนำผมมา.......” การที่จะกลั้นใจพูดประโยคสุดท้ายออกไปนั้นทำไมมันถึงได้ยากเย็นเหลือเกินนะ

     “..........ผมอยากทำครับ” เมื่อสิ้นคำพูดในประโยคนั้นน้ำตาของผมก็ไหลรินออกมาโดยอัตโนมัติ และนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการหนังจีวีของผม





☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     หลังจากที่ได้เข้ามาทำอาชีพนี้ ผมใช้เวลาไม่นานก็สามารถปลดหนี้ให้ครอบครัวได้สำเร็จ และได้เรตค่าตัวที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามชื่อเสียงที่ผมได้กลับมาและความต้องการของลูกค้า เมื่อปีก่อนผมก็เพิ่งจะซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่โตกว้างขว้างและน่าจะอยู่สบายกว่าบ้านหลังเดิมให้แม่กับน้อง ตอนนี้ผมเก็บเงินได้จนถึงจุดที่คิดว่าพอจะสามารถเลี้ยงตัวเองและดูแลแม่กับน้องให้สุขสบายได้แล้ว

     แม้ว่าอยากจะเลิกทำอาชีพนี้เต็มทีแล้ว แต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะเลิกตอนนี้ได้ เพราะสัญญาที่ผมเซ็นไว้กับทางค่ายตั้งแต่แรกเริ่มเป็นเวลานานถึงห้าปี และตอนนี้ก็ยังเหลือระยะเวลาอีกเกือบสองปีที่ผมจะต้องทำงานให้กับค่าย ซึ่งผมก็ตั้งใจไว้แน่วแน่แล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่ครบกำหนดตามสัญญาเมื่อไหร่ผมจะเลิกอาชีพนี้ทันที และก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าสองจะยอมให้อภัยผม





     แต่ว่าตอนนี้ผมดื่มมากเกินไปแล้วหรือนี่ อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังอยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนักขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่เมื่อสักครู่นี้ผมก็ยังประครองสติได้เป็นปกติอยู่แท้ ๆ แต่ทำไมหลังจากที่ผมดื่มแก้มเมื่อครู่นี้เข้าไปผมถึงได้รู้สึกเวียนหัวหนักขนาดนี้นะ ทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวในเวลานี้ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนมันก็ดูพร่ามัวไปหมด อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าหนังตามันหนักอึ้งจนแทบจะแบกเอาไว้ไม่ไหว ทำไมผมถึงเป็นได้ขนาดนี้นะ



     ความทรงจำสุดท้ายของผมในตอนที่สติการรับรู้ของผมกำลังจะขาดช่วง คือมีผู้ชายตัวใหญ่สองคนที่ผมคิดว่าไม่น่าจะเคยรู้จักมาก่อนมานั่งประกบข้างผม ก่อนที่ผมจะสิ้นสติไปในที่สุด...









     TBC







**ในพาร์ทที่เล่าย้อนอดีตจะทำตัวอักษรเป็นตัวเอียง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2018 19:41:53 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หนึ่ง น่าสงสาร  :hao5: :hao5: :hao5:
ทั้งที่ทำงานนี้เพื่อปลดหนี้สินให้ครอบครัวจากหนี้นอกระบบ
จนทางบ้านมีฐานะที่ดีขึ้น ไม่ต้องถูกทวงหนี้
แบบแม่ต้องถูกทำร้ายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายและจิตใจ
ที่ผ่านมา สองไม่เคยรับรู้เลยหรือว่าแม่ถูกทำร้าย ครอบครัวมีหนี้สิน
แล้วบ้านที่ไม่อยากอยู่ ข้าวที่กิน ค่าเรียน ค่ากินของตัวเองมาจากใคร
ก็มาจากเงินอุบาทว์ของพี่ ที่ตัวเองรังเกียจทั้งสิ้น เชอะส์......เกลียดตัวกินไข่

หนึ่ง มาระบายความทุกข์ ความเครียดออก ด้วยการกินเหล้า
จะหาเรื่องใส่ตัวเองขนาดไหนกันนะ ผู้ชายร่างใหญ่สองคนเลยนะ 3p ป่ะเนี่ย
น่าจะจำหนึ่งได้ด้วย ว่าเนี่ยนายเอกหนังจีวี มาดื่มเหล้า คนเดียว หวานคอแร้งและ  :hao6: :hao6: :hao6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ผช สองคน?!
ใคร!?
....
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ทางเลิกมีไม่มาก คนในครอบครัวก็ไม่เข้าใจอีก ดีที่แม่ยังเข้าใจ

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน




     แสงตะวันที่สาดกระทบหน้าเป็นสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องตื่นนอนแล้ว เฮ้อ ทำไมถึงได้เช้าเร็วอย่างนี้นะร่างกายของผมมันยังไม่พร้อมที่จะพรากจากที่นอนนุ่ม ๆ สุดที่รักเลย

     ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเยือนผมในเช้าวันนี้ตั้งแต่เริ่มรู้สึกตัวนั่นคืออาการปวดหัวอย่างรุนแรง คงจะเป็นผลมาจากการที่เมื่อคืนผมดื่มเข้าไปอย่างหนักแน่เลย แต่เอ๊ะ ว่าแต่ผมกลับมาถึงห้องได้อย่างไรและกลับมาตั้งแต่ตอนไหนกัน ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย เท่าที่พอจะนึกออกก็มีแค่ตอนที่ผมกำลังดื่มอยู่แล้วภาพทุกอย่างตัดไปเลย นี่ผมเมาหนักจนเบลอไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือนี่

     ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงียและผมก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไปจากที่เคยเป็น ปกติแล้วเตียงนอนของผมชุดเครื่องนอนมันเป็นสีขาวล้วนเลยนี่นา แต่ทำไมผ้าห่มที่คลุมตัวผมอยู่ตอนนี้มันถึงได้กลายเป็นผ้านวมสีน้ำเงินไปได้ ผมว่าผมก็ไม่ได้เมาค้างจนเบลอถึงขั้นที่จะตาฝาดเห็นสีขาวเป็นสีน้ำเงินหรอกนะ

     ตาผมเบิกโพลงเพราะความประหลาดใจ ก่อนที่จะรีบดีดตัวลุกขึ้นและมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของผมนี่! ทั้งหลอดไฟ โทรทัศน์ โซฟา หรือแม้แต่ชุดนอนหลวมโพรกที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ของผมเลยสักอย่าง แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และที่นี่มันคือที่ไหน แล้วใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม! ให้ตายเถอะนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่

     ผมไม่มีเวลาที่จะคิดหาคำตอบให้กับสารพัดคำถามที่ประดังเข้ามาในหัวพร้อม ๆ กันในเวลานี้ ผมรีบกระโจนลงจากเตียงด้วยความร้อนใจ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าจังหวะที่ผมกระโดดลงมานั้นเท้าของผมมันไปสัมผัสเข้ากับวัตถุปริศนาบางอย่าง เป็นวัตถุที่จะว่านิ่มก็ไม่ใช่จะว่าแข็งก็ไม่เชิง ก่อนที่มันจะตามมาด้วยเสียง...

     “โอ๊ย!!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากใครบางคน ทำให้ผมต้องเหลียวหลังกลับไปมองยังจุดเกิดเหตุ

     ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ข้างเตียง มือทั้งสองข้างของเขากุมประสานกันอยู่ที่เป้ากางเกงซึ่งคาดว่าน่าจะจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าไอ้ที่ผมเหยียบเข้าไปเต็มเท้าเมื่อสักครู่นี้มันก็คือ....




☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     “คุณเป็นใคร แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเสื้อผ้าผมหายไปไหน” ผมยิงคำถามรัวอย่างกับปืนกลในทันทีเมื่อเห็นว่าอาการชายคนนั้นดูน่าจะค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เขาดันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลสีหน้าของเขายังคงเหยเกโดยที่มือข้างหนึ่งยังกุมไว้อยู่ตรงส่วนที่เพิ่งจะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงไปเมื่อครู่ ผมเว้นระยะห่างจากเขาประมาณสามถึงสี่ช่วงตัวได้ เผื่อเอาไว้ว่าถ้าเกิดนายคนนั้นเป็นคนร้ายขึ้นมาผมจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน

     “ที่นี่ห้องผมเอง เมื่อคืนคุณถูกไอ้พวกหื่นกามมันมอมยาแต่คุณไม่ต้องกลัวนะพวกมันยังไม่ได้ทำอะไรคุณ ผมช่วยคุณไว้ได้ทัน แต่ผมไม่รู้จะไปส่งคุณที่ไหนเพราะตอนนั้นคุณไม่ได้สติเลย ก็เลยจำเป็นต้องพาคุณกลับมาด้วย แล้วคุณก็อ้วกรดตัวเอง ผมก็เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ” ชายคนนั้นให้คำตอบผมเคล้าไปกับเสียงสูดลมหายใจเข้าออกอย่างโรยรินราวกับว่ากำลังหายใจไม่ทั่วท้องคาดว่าคงยังเป็นผลพวงมาจากการเพิ่งถูกกระทบกระเทือนในส่วนนั้น

     แต่ผมถูกมอมยาอย่างนั้นหรือ? แล้วเขาเป็นคนช่วยผมเอาไว้จริง ๆ หรือ ว่าแต่นายคนนี้จะเชื่อถือได้หรือเปล่า แต่ว่าที่ใบหน้าของเขามีรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำประทับอยู่เสียหลายรอย หรือว่านั่นจะเป็นผลมาจากการที่เขาเข้ามาช่วยผมไว้จริง ๆ

     “เรื่องที่ผมถอดเสื้อผ้าคุณผมขอโทษจริง ๆ แต่ว่าผมไม่ได้ล่วงเกินหรือฉวยโอกาสกับคุณเลยนะ เมื่อคืนผมนอนที่พื้นทั้งคืนเลย” เขารีบแก้ต่างให้ตัวเองหน้าตาตื่นราวกับว่าได้ลืมความเจ็บปวดเบื้องล่างไปแล้ว ผมเอียงหน้ามองเขาพลางพินิจถึงเหตุผลที่เขาอธิบายมา คิด ๆ ดูแล้วเรื่องที่เขาว่ามันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง

     จริง ๆ แล้วผมก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าร่างกายของผมไม่ได้มีส่วนใดสึกหรอ หรือถูกล่วงเกินเพราะผมก็ไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาจนถึงขั้นที่จะไม่รู้ตัวว่าอาการหลังจากมีอะไรกับใครมันเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าเขานอนที่พื้นฝ่าเท้าของผมมันก็น่าจะพอเป็นพยานได้ และเรื่องที่เขาถอดเสื้อผ้าผมออกนั้นก็ช่างมันเถอะผมก็ไม่ได้อายอะไร เพราะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายผมคนคงเห็นกันมาเกือบค่อนประเทศกันแล้วล่ะมั้ง

     เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนกลัวจะถูกผมเข้าใจผิดของเขาแล้วนี่ผมก็อดที่จะขำไม่ได้จริง ๆ





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ทรัพย์สินทุกอย่างที่ติดตัวผมมาไม่มีสิ่งใดเสียหาย ทั้งกระเป๋าเงินรวมถึงเงินในกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และนาฬิกาข้อมือทุกอย่างยังอยู่ครบในสภาพสมบูรณ์ไม่มีสิ่งใดสูญหายหรือชำรุด เขาเก็บของทุกอย่างไว้ให้ผมเป็นอย่างดี รวมถึงเสื้อผ้าที่ผมทำเลอะเทอะเอาไว้เมื่อคืนเขาก็ยังจัดการทั้งซักและรีดให้ผมอย่างดีด้วย ดู ๆ แล้วเขาก็ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แถมเขาก็ยัง....

     ผมนั่งมองแผ่นหลังของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ดู ๆ แล้วเขาน่าจะสูงกว่าผมราว ๆ สักคืบหนึ่งเห็นจะได้ เขาเป็นคนรูปร่างดีเลยล่ะบ่งบอกถึงวินัยในการออกกำลังกาย แถมหน้าตาก็ยังจัดว่าดูดีใช้ได้ตามสไตล์คนเอเชีย หรือจะเรียกว่าหล่อก็คงได้ เฮ้ย! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย ประเด็นก็คือเขามีน้ำใจกับผมต่างหาก เพราะถ้าหากเมื่อคืนไม่ได้เขาช่วยไว้ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ผมจะเป็นอย่างไรบ้าง

     ในบางครั้งผมก็มักจะถูกคนบางคนมองว่าเป็นของสาธารณะ หลาย ๆ ครั้งที่ผมถูกติดต่อเพื่อขอซื้อบริการทางเพศแต่ผมไม่เคยรับและไม่คิดจะรับ เฉพาะหนังที่ผมเล่นผมก็คิดว่ามันเป็นการบริการทางเพศให้พวกเขามากพอแล้ว ลำพังแค่เป็นนักแสดงอย่างเดียวเจ้าสองมันก็เกลียดผมเข้าไส้แล้ว ถ้าขืนผมทำมากไปกว่านี้ล่ะก็ เห็นทีว่าชาตินี้คงจะได้หมดหนทางที่น้องมันจะยอมกลับมาญาติดีกับผมเป็นแน่

     แต่ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าผมจะโดนหนักถึงขั้นโดนมอมยาขนาดนี้ เมื่อคืนผมคงจะประมาทมากเกินไป จากที่นายคนนั้นเล่าโชคดีที่เมื่อคืนมีตำรวจเข้าไปตรวจสถานบันเทิงพอดีเขาเลยมีโอกาสพาผมหนีจากพวกนั้นมาได้ ต่อไปนี้ผมคงจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม

     “ข้าวต้มกุ้งฝีมือผมเองครับ คุณลองชิมดูก่อนนะ ถ้าไม่ถูกปากเดี๋ยวทำอย่างอื่นให้ทาน” เขาวางชามข้าวต้มหน้าตาน่ารับประทานลงตรงหน้าผมพลางนำเสนอเมนูอย่างดูไม่ค่อยจะมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่นี่ผมมีอภิสิทธิ์ถึงขั้นที่จะสั่งให้เขาไปทำอาหารมาอย่างอื่นมาให้ผมทานถ้าหากข้าวต้มชามนี้ไม่ถูกปากเลยหรือนี่

     “ถ้าคุณกลัวว่าผมจะผสมอะไรไม่ดีลงไป ให้ผมทานให้ดูก่อนก็ได้นะ” ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเลยว่าเมื่อสักครู่เขาพูดว่าอะไร รู้สึกตัวอีกทีก็ตักข้าวต้มในชามเข้าปากไปแล้วหลายคำ อื้ม รสชาติก็อร่อยจะตายไม่เห็นจะต้องทำท่าทางไม่มั่นใจขนาดนั้นเลย

     ข้าวต้มชามนั้นมันอร่อยถูกปากผมมากเสียจนเผลอแป๊บเดียว ผมก็ตักเข้าปากจนถึงคำสุดท้ายแล้ว ผมเพลินกับการกินจนผมเกือบจะลืมอะไรบางอย่างไปเสียแล้วสิ

     “เอ่อ แผลที่หน้าคุณ ให้ผมช่วยทายาให้ไหม” มากินข้าวบ้านเขาจนอิ่ม แต่ดันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าที่หน้าเขายังมีรอยแผลฟกซ้ำที่คาดว่าน่าจะได้มาจากการที่ให้ความช่วยเหลือผมเมื่อคืนอยู่เลย

     “จะดีเหรอครับ” เขาตอบผมด้วยท่าทีที่ดูเหมือนเกรงใจ แต่จริง ๆ แล้วผมหรือเปล่าที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเกรงใจเขา ทั้งเป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัว แถมมาแย่งที่นอนเขาและยังต้องให้เขาทำอาหารให้ทานอีก แค่ทำแผลให้เพื่อตอบแทนน้ำใจของเขา เล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะไปหนักหนาอะไร

     “เอ่อ  กล่องยาอยู่ในตู้ข้างทีวีครับ” เขาบอกพิกัดที่เก็บกล่องยาหลังจากที่ผมพยักหน้ายืนยันในข้อเสนอของตัวเอง ผมเดินตรงไปยังตู้ที่เขาบอกในทันที

     “เอ่อ คุณ!” เสียงที่เขาเรียกผมราวกับว่าเขากำลังจะทักท้วงอะไรบางอย่าง บางทีเขาอาจจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านอกจากกล่องยาแล้วยังมีบางสิ่งที่เขาอาจจะไม่อยากให้ผมเห็นถูกเก็บอยู่ในตู้นั้นด้วย


     แต่คงไม่ทันเสียแล้วล่ะ เพราะตอนที่เขาท้วงขึ้นมานั้นผมได้เปิดประตูตู้ใบนั้นออกมาแล้ว และผมก็ได้พบกับสิ่งหนึ่งที่มันสะดุดตาผมมากจนผมต้องหยิบมันขึ้นมาดูให้แน่ใจ มันสะดุดตาผมเสียยิ่งกว่ากล่องยาสามัญประจำบ้านที่ผมตั้งใจจะมาหยิบมันตั้งแต่แรกเสียอีก เพราะสิ่งนั้นมันคือกล่องเก็บสะสมดีวีดีภาพยนตร์ที่ผมแสดงนับสิบเรื่องตั้งแต่สมัยที่เข้าวงการใหม่ ๆ จนถึงเรื่องล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่มีหนังที่ผมไม่ได้แสดงแทรกมาแม้แต่แผ่นเดียว รวมไปถึงโฟโต้บุ๊คอัลบั้มภาพแนววาบหวิวที่ผมเคยถ่ายไว้ก็น่าจะมีอยู่ครบทุกเล่ม เอ่อ แบบนี้เขาเรียกว่าแฟนพันธุ์แท้ได้หรือเปล่า

     ถึงผลงานพวกนี้จะเป็นสิ่งที่ถ่ายเพื่อตั้งใจให้คนดูอยู่แล้วแต่พอมาเห็นคนที่สะสมทุกผลงานของตัวเองไว้มากมายขนาดนี้ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อายหรอกนะ แต่มันก็อดรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอยู่เล็ก ๆ ไม่ได้จริง ๆ

     ผมเก็บของพวกนั้นกับเข้าที่เดิมก่อนจะคว้าเอากล่องยาและหันกลับไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเขา เขาเองก็อยู่ในอาการไม่ต่างจากผมนัก ผมก็ไม่รู้ว่าในเวลาแบบนี้ผมหรือเขากันแน่ที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเขิน





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ผมทิ้งสำลีชุบยาสนามแผลชิ้นสุดท้ายลงถังขยะหลังจากที่ทำแผลให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย ตลอดเวลาที่ผมนั่งทำแผลให้เขานั้น เขาดูเกร็งมากและดูไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าผม ไม่รู้เพราะว่ายังเขินหรืออายเรื่องที่ผมไปเจอของที่อยู่ในตู้นั้นเข้าหรือเปล่า

     “เอ่อคุณโกรธผมหรือเปล่าครับ” เขาถามคำถามนั้นขึ้นมาหลังทำแผลเสร็จ โกรธหรือ? ทำไมเขาถึงคิดว่าผมจะต้องโกรธเขาด้วย

     “ผมจะไปโกรธคุณเรื่องอะไร”

     “ก็เรื่องของที่อยู่ในตู้นั้น......” ท่าทางที่ดูวิตกกังวลจนเกือบจะถึงขั้นวิตกจริตของเขานั้น ทำเอาผมกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จริง ๆ ตอนที่ผมเผลอหลุดขำออกไปเขาก็ยิ่งก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนสำนึกผิด นี่เขาคิดมากขนาดนั้นเลยหรือ

     “ผมจะไปโกรธคุณทำไม ในเมื่อหนังพวกนั้นผมก็ถ่ายเพื่อให้คนดูอยู่แล้ว ผมต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ติดตามผลงานของผมและซื้อของถูกลิขสิทธิ์”

     “แล้วก็ต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะครับคุณ...... เอ่อ........” ตายละ นี่ผมนอนบนเตียงห้องเขามาทั้งคืนรวมถึงกินข้าวต้มของเขาจนอิ่ม แต่ผมยังไม่รู้จักชื่อเขาเลยนี่นา

     “ผมโชนครับ”

     “อื้ม ขอบคุณมากนะครับคุณโชน ส่วนชื่อผมคุณคงรู้จักอยู่แล้วเนอะ” เขายิ้มเขินแล้วยกมือขึ้นเกาหัวเหมือนแก้เก้อหลังจากที่ผมพูดออกไปอย่างนั้น ก็จริงนี่นาสะสมผลงานของผมไว้เยอะขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่รู้จักชื่อผมนี่ก็เกินไปแล้ว

     “ผมขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม” แม้จะดูงุนงงแต่เขาก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองและยื่นมาให้ผมอย่างว่าง่าย ผมรับมันมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์สิบตัวลงไปก่อนจะกดโทรออก  ผมแอบเห็นเขาหน้าแดงระเรื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์มือถือของผม เขานิ่งแต่ดูเหมือนจะพยายามนิ่งเพื่อเก็บซ่อนอาการบางอย่างมากกว่า เมื่อผมหันมองหน้าเขา เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาหนีสายตาผมอย่างพัลวันอย่างกับว่าเขาไม่กล้าที่จะสบตาผมอย่างนั้นแหละ ผู้ชายกล้ามโต ๆ อย่างเขาเวลาเขินนี่ก็น่ารักดีชอบกล

     ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้กับเขา ในจังหวะที่เขารับโทรศัพท์คืนไปนั้นมือของผมได้สัมผัสกับมือของเขา ตอนนั้นมือเขาเย็นมากแค่ผมให้เบอร์แค่นี้จะต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรือ

     “นี่เบอร์โทรผมนะ ถ้ามีอะไรอยากให้ผมช่วย ติดต่อมาได้ตลอดนะ แล้วเจอกันนะครับคุณโชน”





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     การทำงานตรงนี้ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ นักแสดงหนังโป๊ทุกคนจะต้องตรวจเลือดและตรวจร่างกายกันอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีที่ละเอียดแม่นยำที่สุดโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ในองค์กรของพวกเราไม่ว่าจะค่ายต้นสังกัดของผมหรือค่ายไหน ๆ มีกฎว่าหากนักแสดงคนใดมีเชื้อหรือโรคติดต่อที่เป็นอันตรายต่อคู่แสดงจะต้องถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายชนิดที่เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลย ทุกคนจึงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการมีอะไรกับนักแสดงด้วยกันจึงถือว่าค่อนข้างปลอดภัยมาก และในประเทศของผมก็ไม่เคยมีนักแสดงหนังโป๊คนไหนได้รับเชื้อหรือโรคติดต่อที่เป็นอันตราย จากการมีเพศสัมพันธ์กับนักแสดงด้วยกัน



     วันนี้ผมเข้าบริษัทเพราะมีถ่ายงาน ตอนที่เข้ามาก็มีกลุ่มแฟนคลับมารอขอถ่ายรูปที่หน้าบริษัทด้วย ก็อย่างที่บอกครับเพราะมันเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศของผม ถึงจะมีคนบางส่วนที่รับไม่ได้ แต่คนที่รับได้และให้การสนับสนุนติดตามผลงานของพวกเราก็มีไม่น้อยเช่นกัน กลุ่มแฟนคลับเหล่านี้พวกเขาให้เกียรติผมและนักแสดงทุกคน ไม่เคยฉวยโอกาสหรือล่วงเกินใด ๆ และยังคอยให้กำลังใจและสนับสนุนผลงานเรื่อยมา

     ผมตรงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อในห้องแต่งตัวนักแสดง เสื้อยืดคอกว้างที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้มันช่างดูเปราะบางและขาดง่ายเสียเหลือเกิน แต่จริง ๆ แล้วมันก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกฉีกขาดได้ง่าย ๆ นั่นแหละ  หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็เข้าสู่กันตอนของการแต่งหน้าทำผม ก่อนจะมาคุยเรื่องบทกับผู้กำกับและนักแสดงร่วม จริง ๆ แล้วบทมันก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก ก็แค่เกริ่นหัวนิดหน่อยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงที่ต้องมีอะไรกันเท่านั้นเอง 

     คู่แสดงของผมในวันนี้คือฟรองค์เพื่อนของผมเอง ถ้าจะบอกว่าฟรองค์เป็นพระเอกคู่ขวัญของผมก็คงจะไม่ผิดอะไร เพราะฟรองค์ก็เป็นพระเอกในค่ายที่ผมร่วมงานด้วยบ่อยที่สุด เพราะหนังทุกเรื่องที่เราเล่นคู่กันมักจะเป็นที่นิยมและทำรายได้ให้กับบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำในทุกครั้งที่วางจำหน่าย สปอนเซอร์ก็เลยเรียกใช้งานพวกเราคู่กันอยู่บ่อยครั้ง

     ฟรองค์เองก็จัดได้ว่าเป็นพระเอกลำดับต้น ๆ ของค่าย ด้วยหุ่นที่ล่ำสันและหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับดาราแถวโซนยุโรป และอาจจะเพราะด้วยความที่ฟรองค์เป็นลูกครึ่งขนาดตรงนั้นก็เลยดูมหึมาเหมือนไซด์เดียวกับที่เราเห็นได้บ่อยในหนังโป๊ของฝรั่ง รวมไปถึงท่วงท่าในการแสดงที่แสนเร้าร้อน แล้วไหนจะน้ำเสียงนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ของเขาที่เวลาส่งเสียงครวญครางแต่ละทีมันช่างฟังดูเซ็กซี่ขยี้ใจ ฟรองค์ก็เลยยิ่งเป็นที่ถูกตาถูกใจของแฟน ๆ มาก เพราะเขามีครบทุกอย่างที่แฟน ๆ ต้องการรับชม

     ด้วยรอยสักที่ถูกวาดทับบนแขนซ้ายของเขาซึ่งกล้ามแขนของเขานั้นก็ยิ่งส่งเสริมให้รอยสักนั้นดูสวยและมีมิติมากบวกกับคาแรคเตอร์ที่ได้รับอยู่บ่อยครั้งในการแสดง หลายคนเลยอาจจะติดภาพไปว่าฟรองค์เป็นผู้ชายที่ดิบ ๆ เถื่อน ๆ แรง ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยตัวจริงของฟรองค์เป็นคนที่สุภาพและอ่อนโยนมาก และเขาก็ให้เกียรติผมเสมอ


      เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริง ๆ ทีมงานคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในบริเวณนั้น จะเหลือแค่เพียงนักแสดง ผู้กำกับ ตากล้องสองคน และคุณรามเจ้าของค่ายเท่านั้น เมื่อสิ้นเสียงสิ้นสั่งเริ่มการแสดงจากผู้กำกับ ฟรองค์ในสภาพที่เปลือยท่อนบนโชว์รอยสักและมัดกล้ามสวย ๆ กระชากผมที่ถูกจับมัดมือไพล่หลังเข้าไปจูบปากบดขยี้อย่างดุเดือด ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแฟนหนังของผมหลาย ๆ คนถึงชอบให้ผมเล่นบทแนวถูกรังแกกันนัก หรือว่ามันอาจจะทำให้ผมดูไร้เดียงสาในสายตาพวกเขาอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน

     ฟรองค์กลายร่างจากผู้ชายที่แสนอ่อนโยนเป็นผู้ชายหื่นกามในชั่วพริบตา เขาซุกไซร้ไปตามร่างกายของผมอย่างหื่นกระหายอย่างสมบทบาทที่ได้รับ เสื้อผ้าของผมที่มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกฉีกขาดง่ายอยู่แล้วมันขาดจนหวิ่นตามแรงกระชากของฟรองค์ไวกว่าที่ผมคิดเสียอีก

     ผมสวมบทบาทเป็นหนุ่มน้อยผู้แสนบอบบางและถูกรังแกต้องขัดขืนการกระทำของฟรองค์อย่างเต็มแรง แต่จริง ๆ แล้วก็ได้ขัดขืนแค่เพียงช่วงแรกเท่านั้นแหละ เพราะตามบทแล้วอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ผมจะต้องถูกฟรองค์เล้าโลมจนเคลิบเคลิ้มและสมยอมเขาด้วยความเต็มใจไปเองในที่สุด

     ในส่วนของฉากที่จะต้องมีอะไรกันนั้นผู้กำกับและคุณรามวางโครงและกำหนดท่าทางและเวลาที่ต้องการมาคร่าว ๆ ที่เหลือให้ผมและฟรองค์ไปด้นสดกันเอง ฟรองค์จับผมโยนลงบนที่นอนหนานุ่มขนาดห้าฟุตก่อนที่เขาจะทำการปลดเปลื้องเจ้ากางเกงยีนส์ขาด ๆ ที่เป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดเรือนร่างของเขาอยู่ออก และตามลงมาทาบทับบนตัวผมสวมบทชายหื่นซุกไซร้ตามร่างกายผมต่อไปอย่างสมบทบาท คงจะเป็นเพราะความชำนาญของเขา ฟรองค์เลยรู้วิธีที่จะทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาในฉากร่วมรักและการสอดใส่ได้แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การทำงาน หางตาผมปลายมองไปทางคุณรามที่กำลังมองดูพวกเราอย่างพึงพอใจ ในการดำดิ่งถึงบทบาทที่ได้รับอย่างถึงพริกถึงขิงของผมและหรองค์





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     สิ้นเสียงสั่งยุติการแสดงและคำชื่นชมในผลงานของพวกเราจากผู้กำกับ ฟรองค์ผละออกจากตัวผมทันทีและเขายังรีบจัดแจงเอาผ้าห่มมาห่อคลุมร่างเปลือยเปล่าของผมที่กำลังอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบ แววตาของฟรองค์ที่มองผมในเวลานี้ดูเป็นแววตาที่แสนอ่อนโยน จนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเลยว่าเขาคือคนเดียวกันกับผู้ที่สวมบทบาทชายหื่นเมื่อสักครู่นี้

     “หนึ่งโอเคนะ” ฟรองค์ว่าพลางช่วยเช็ดคราบน้ำขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของผม ที่ตัวเขาเพิ่งปลดปล่อยมันออกมาจนเลอะทั้งหน้าและตัวผมเมื่อครู่

     ผมพยักหน้าแทบคำตอบเพราะในเวลานี้ผมอยู่ในสภาพที่แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง แม้แต่แรงที่จะออกเสียงยังแทบจะไม่เหลือ การแสดงคู่กับฟรองค์นั้นทำให้ผมสูญเสียพลังงานในร่างกายไปไม่น้อยได้ทุกครั้งจริง ๆ





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     จนถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกเพลียและยังติดอาการหอบเล็ก ๆ อยู่เลย หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวจะกลับ แต่ดูท่าว่าผมคงจะไม่ได้กลับง่าย ๆ เสียแล้ว เมื่อผมถูกใครบางคนจู่โจมเข้ามาทางด้านหลังในระหว่างที่ผมกำลังเก็บของใส่ล็อคเกอร์ส่วนตัว สองแขนที่เต็มด้วยมัดกล้ามกอดรัดผมแน่น มือหนาของคน ๆ นั้นลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้องของผม ชายร่างสูงด้านหลังนั้นยังคงซุกไซร้ พรมจูบและใช้ตอหนวดแข็ง ๆ เสียดสีไปตามต้นคอและหัวไหล่ของผมอย่างอยู่ไม่สุข 

     “ห้องแต่งตัวนักแสดงห้ามคนที่ไม่ใช่แสดงเข้ามา กฎนี้คุณเป็นคนตั้งเองจำไม่ได้เหรอครับ คุณราม” แม้จะยังไม่ได้เห็นหน้าแต่ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนที่จะกล้ามาทำรุ่มร่ามกับผมถึงขนาดนี้ในห้องแต่งตัวจะเป็นใครไปได้ ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

     ผมคลายอ้อมกอดของเขาและหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ผมคาดเดาไว้ไม่ผิด ผมดันตัวเขาให้ออกห่างจากผมเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่าง

     “แต่ที่นี่มันบริษัทของผม ผมจะไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจผมอยู่แล้วไม่เห็นใจจะต้องสนใจกฎอะไรเลย”

     “ผมต้องการคุณมากนะหนึ่ง เห็นใจผมเถอะ อย่าทรมานผมอีกเลย” น้ำเสียงและแววตาที่วิงวอนแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาเคยใช้กับใครแล้วได้ผลหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้ผลกับผมแน่นอน

     “ผมเคยบอกคุณแล้วไงตราบที่ยังไม่มีใบหย่ามาวางตรงหน้าผม ความสัมพันธ์ของเราก็ไปได้ไกลสุดแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นแหละครับ” ผมกล้าพูดแบบนั้นเพราะผมรู้ว่าคนอย่างเขาไม่มีวันกล้าหย่ากับภรรยาอย่างแน่นอน

     ใช่ คุณรามเขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว และยังมีลูกชายวัยขวบเศษเป็นพยานรัก แต่เขาก็ยังมาพยายามที่จะเอาผมไปเป็นบ้านเล็กของเขา แม้ผมจะไม่เคยเล่นด้วยแต่เขายังตามตื้อผมมาตลอด คนแบบนี้ผมว่ามันน่ารังเกียจสิ้นดี

     “โธ่ หนึ่ง ผมก็เคยบอกคุณหลายครั้งแล้วไงว่าผมไม่ได้รักเขา อีกไม่นานผมก็กำลังจะหย่ากับเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ผมต้องการแค่คุณคนเดียวเท่านั้น ขอผมชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

     “กำลังจะหย่า ก็แปลว่ายังไม่ได้หย่า ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักตอนนี้คุณก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา และผมก็เป็นพวกไม่ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของ”

     “คุณจะให้ความสำคัญอะไรกับกระดาษแค่แผ่นเดียว พวกพระเอกที่แสดงกับคุณบางคนมันก็มีแฟนแล้ว คุณยังยอมมีอะไรกับพวกมันได้เลย ทำไมกับผมคุณถึงดื้อนัก ถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมสัญญาว่าผมจะตามใจคุณทุกอย่างและผมจะดูแลคุณและครอบครัวของคุณอย่างดี ผมรู้นะว่าคุณไม่อยากเล่นหนังแล้วถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมจะยกเลิกสัญญาให้คุณทันที ผมรักคุณนะหนึ่ง” คำว่ารักของเขาผมฟังแล้วแสลงหูชอบกล ผมก็ยอมรับว่าข้อเสนอของเขามันน่าสนใจมาก เพราะผมก็อยากจะลาวงการนี้เต็มแก่แล้ว แต่ถ้าจะต้องแลกกับการที่ผมจะต้องไปทำลายครอบครัวของใครผมยอมทนเล่นหนังต่อไปจนสัญญาหมดไปเองดีกว่า

     ผมรู้ดีว่าถ้าผมยอมเขาชีวิตผมคงจะไม่มีวันได้พบกับความสุขอีกเลย น้ำคำจากคนอย่างเขาที่ว่ารักผมและจะดูแลผมอย่างดีมันเชื่อถือได้ด้วยหรือ ขนาดคู่ชีวิตที่แต่งงานกันมาหลายปีเขายังคิดที่จะทรยศได้ นับประสาอะไรกับผม หากวันหน้าเขาเจอคนอื่นที่ถูกใจมากกว่าผม ผมก็คงต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกับภรรยาของเขาในตอนนี้ เพราะฉะนั้นอย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขานอกเหนือจากเรื่องงานเป็นการดีที่สุด

     “พระเอกพวกนั้นที่คุณพูดถึงการที่ผมมีอะไรกับพวกเขามันคือการทำงานครับ นั่นเป็นสปิริตของนักแสดง ถ้าไม่ได้อยู่ในงานก็หมดสิทธิ์และคุณก็ไม่ใช่คู่แสดงของผม เพราะฉะนั้นขอตัวนะครับ” ก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละ การที่ผมมีอะไรกับคู่แสดงของผมนั่นคือการทำงานและทุกอย่างจบแค่ในฉาก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยต่อกันนอกจอ แฟนของพวกเขาก็รับรู้และเข้าใจ แต่สำหรับภรรยาของคุณรามเธอคงจะไม่แฮปปี้แน่ ๆ ถ้ารู้ว่าสามีของตัวเองมาตามก้อร่อก้อติกกับนักแสดงในสังกัดแบบนี้

     ผมปิดล็อคเกอร์ ก่อนจะเดินเลี่ยงผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี ถึงอาชีพที่ผมทำบางคนอาจจะมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ในใจของผมมันยังมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ยอมเป็นเมียน้อยของใคร

     “คุณจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ผมส่งเสียงออกมาด้วยดวามตกใจ มันไม่ง่ายอย่างที่ผมคิด เมื่อผมเดินจากมาเพียงไม่กี่ก้าวคุณรามก็พุ่งเข้ามาจู่โจมผมอย่างไม่ทันที่ผมจะมีโอกาสได้ตั้งตัว เขาจับผมกดตรึงกับตู้ล็อคเกอร์และพุ่งเข้ามาพยายามที่จะปลุกปล้ำผมอย่างไม่สนใจในศีลธรรม

     สองแขนของผมถูกเขาจับตรึงไว้กับผนังตู้ ผมพยายามที่จะดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่การที่จะหลุดพ้นจากการพันธนาการของคนที่ตัวโตกว่าเรามากโขนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย เมื่อยิ่งขัดขืนคุณรามก็ยิ่งจู่โจมผมหนักขึ้นเรื่อย ๆ



     “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของใครบางคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องนี้ ทำให้การกระทำของคุณรามต้องหยุดชะงักลง เขาผละออกจากตัวผมไปด้วยสีหน้าที่ดูสุดแสนจะเสียดาย และก็เป็นฟรองค์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัวนักแสดงในตอนนี้ นับว่ายังเป็นโชคดีของผมที่ฟรองค์เข้ามาได้ทันเวลาก่อนที่อะไร ๆ มันจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้

     “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ พอดีผมจะมารับหนึ่งไปส่งที่บ้าน”

     “ไม่มีอะไรฟรองค์เราแต่งตัวเสร็จพอดี ไปกันเถอะ” 

     ผมรีบจัดระเบียบเครื่องแต่งกายที่หลุดลุ่ยจากการที่คุณรามพยายามจะถอดมันเมื่อครู่ ก่อนจะรีบดึงแขนฟรองค์ออกไปโดยไม่หันมองหรือให้ความสนใจคนน่ารังเกียจที่ยังยืนอยู่ในห้องนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะฝังใจอะไรกับผมหนักหนา เขาทั้งรวยแถมยังหน้าตาดูดีคมเข้มมีนักแสดงในค่ายอีกมากมายที่พร้อมจะถวายตัวให้กับเขาโดยไม่สนเรื่องที่เขามีลูกเมียอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ผม






     TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2018 10:56:42 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แปลกแวกแนวน่าติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ฟรองค์รักหนึ่ง
จะใช่คนที่วางยาปะ
แรกๆร่วมมือกับรามปะ
แต่ว่า หนึ่งบอกไม่รู้จักสองคนนั้น
ไม่เดาดีก่า รออ่านละกัน

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มาต่อบ่อย ๆ นะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :3123:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจอเจ้านายชีกอ จะกินลูกน้อง แย่เลย  จะเอาหนึ่งท่าเดียว
ทั้งที่ตัวเองแต่งงานมีลูกแล้ว พูดแต่จะหย่า เหอะ....   :angry2:

คราวนี้ฟรองค์ช่วย แล้วคราวหน้าล่ะ
ไม่ยอมหยุดหรอก ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้
เชียร์โชน หนึ่ง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
หนึ่งรอดไปได้คราวนี้

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
โชน หรือ ฟรองค์  ดี นะ โชนเถอะ 555

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
เจ้านายแม่มเชี่ยมาก

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา






     “หนึ่งลองชิมดูสิ นี่เป็นเค้กสูตรใหม่ของร้านฟรองค์ ให้หนึ่งชิมเป็นคนแรกเลยนะ” ฟรองค์ว่าพลางวางจานเค้กหน้าตาน่าอร่อยลงตรงหน้าผม

     ผมยังไม่ได้กลับคอนโดแต่แวะมานั่งเล่นที่ร้านของฟรองค์ตามคำชักชวนของเขาก่อน นอกจากการเป็นพระเอกจีวีแล้วอีกอาชีพหนึ่งของฟรองค์ก็คือเป็นหุ้นส่วนร้านกาแฟที่ร่วมกันเปิดเพื่อนสนิทของเขา

     “ครีมนี่หวานละมุนลิ้นมากเลยนะ หนึ่งต้องชอบแน่ ๆ” ว่าแล้วฟรองค์ก็ใช้นิ้วก้อยขวาปาดครีมจากหน้าเค้กขึ้นมาแล้วยื่นมาจ่อตรงปากผม พร้อมทั้งส่งสายตาออกแนวเชิญชวนแกมคะยั้นคะยอให้ผมลองชิมครีมสูตรพิเศษของเขา

     ผมตอบรับฟรองค์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะใช้ช้อนตักเค้กในจานเข้าปากเพื่อลิ้มรสชาติตามคำเชิญชวนของเจ้าของเค้ก ช้อนก็มีไม่รู้ว่าจะทำให้มันเลอะมือไปทำไม อื้ม แต่มันก็อร่อยมากอย่างที่เจ้าตัวเขาภูมิใจนำเสนอจริง ๆ

     “อื้ม อร่อย เราชอบ”

     “โห หนึ่งอะ ไม่รับมุกกันบ้างเลย” ฟรองค์ว่าพลางดูดนิ้วเปื้อนครีมของตัวเองด้วยท่าทางที่ดูเซ็ง ๆ จนผมเกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่กับท่าทางเง้างอนเหมือนเด็กน้อยของฟรองค์ที่ดูไม่ได้สมตัวเอาเสียเลย

     จริง ๆ แล้วฟรองค์อายุมากกว่าผมถึงสามปีเลยนะ แต่เขาบอกว่าเขาไม่อยากแก่แล้วก็เป็นเพื่อนกันน่าจะสนิทกันได้ไวกว่า เขาเลยไม่ยอมให้ผมเรียกว่าพี่

     “ทำร้านกาแฟนี่มันเหนื่อยมากเลยนะ ถ้าเกิดว่ามีแฟนน่ารัก ๆ สักคนมาคอยเป็นกำลังใจให้ ฟรองค์คงจะหายเหนื่อยเนอะ หนึ่งว่าไหม” ผมหรี่ตามองอย่างรู้เท่าทันในน้ำเสียงออดอ้อนนั้น

     “เมื่อไหร่คนแถวนี้เขาจะใจอ่อนสักทีนะ” นั่นไงคิดไว้ไม่ผิดว่าต้องเข้าอีหรอบนี้ ฟรองค์วางแขนบนโต๊ะก่อนจะฟุบหน้าลงหนุนบนแขนตัวเองและหันมองผมด้วยแววตาที่สุดแสนจะหยาดเยิ้มและเว้าวอน

     “ทำไม ในฉากวันนี้ยังไม่ถึงใจอีกเหรอ” ผมพูดเย้าฟรองค์อย่างทีเล่นทีจริง

     “โห หนึ่งอะ มีอะไรกันแค่ในงานมันจะไปสำคัญอะไร ไม่เมื่อหนึ่งไม่ได้ชอบฟรองค์จริง ๆ สักหน่อย ฟรองค์อยากกอดหนึ่งหอมหนึ่งได้โดยที่ไม่ต้องรอเวลางานบ้างนี่นา นี่ฟรองค์ก็อ่อยมาตั้งเป็นปีแล้วนะหนึ่งไม่คิดจะหวั่นไหวบ้างเลยเหรอ”

     ที่จริงผมก็รู้มาตลอดนั่นแหละว่าฟรองค์เขาคิดอย่างไรกับผม และเจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรซ้ำยังตั้งใจแสดงออกให้ผมรับรู้อย่างเปิดเผยมาโดยตลอด ผมยอมรับฟรองค์เขาก็เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าผมคบกับเขาผมเชื่อว่าเขาจะสามารถทำให้ผมมีความสุขได้ แต่มันติดตรงที่หัวใจของผมมันไม่เคยคิดอะไรกับฟรองค์มากไปเกินกว่าคำว่าเพื่อนน่ะสิ และตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใครด้วย

     

     จริง ๆ แล้วตอนนี้ฟรองค์หมดสัญญากับค่ายของคุณรามสักพักหนึ่งแล้ว เพราะอยากจะหันมาดูแลกิจการร้านกาแฟอย่างเต็มตัว แต่ยังรับงานแสดงในฐานะนักแสดงอิสระอยู่บ้างประปราย แต่ฟรองค์ก็เลือกรับงานเฉพาะงานจากค่ายคุณรามเท่านั้นไม่ได้รับงานจากค่ายอื่นเลย แม้จะมีค่ายอื่น ๆ เสนอผลตอบแทนที่สูงมาก ๆ เพื่อให้ฟรองค์ไปร่วมงานแต่ฟรองค์ก็เลือกที่จะปฏิเสธทั้งหมด หลาย ๆ คนเลยยังเข้าใจว่าฟรองค์ยังเป็นนักแสดงในสังกัดของคุณรามอยู่ แต่ทว่าผลงานในช่วงหลังจากหมดสัญญาของฟรองค์นั้นก็มีแต่ผลงานที่ผมเป็นคู่นักแสดงทั้งสิ้น จนแฟน ๆ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นแฟนกันจริง ๆ ไปแล้ว

     โดยปกติแล้วคุณรามมักจะไม่ค่อยเรียกใช้งานนักแสดงที่ไม่ได้มีสัญญากับบริษัท แต่กับฟรองค์นั้นคุณรามไม่สามารถที่จะต้านกระแสความนิยมจากแฟนคลับของเขาและความต้องการของสปอนเซอร์ได้ ก็อย่างที่ผมบอกว่าฟรองค์จัดได้ว่าเป็นพระเอกลำดับต้น ๆ ของค่าย แม้ว่าจะไม่มีสัญญาแล้วแต่ผลงานของฟรองค์ก็ยังสร้างผลกำไรให้กับทางค่ายได้เป็นกอบเป็นกำอยู่เสมอ

     ในเรื่องของสัญญานั้นนักแสดงที่อยู่ในสัญญาจะได้รับเงินเดือนเป็นที่แน่นอนในทุก ๆ เดือน และทุกครั้งที่มีผลงานไม่ว่าจะเป็นการถ่ายหนังหรือถ่ายโฟโต้บุ๊คก็จะมีเงินค่าตัวจ่ายให้อีกต่างหาก สำหรับนักแสดงที่เป็นตัวท็อป ๆ ของค่ายนั้นจะได้ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูงทั้งเงินเดือนและค่าตัวจากการถ่ายงาน ตัวผมก็คงจะจัดอยู่ในหมวดนั้น เพราะตอนนี้ก็ถือได้ว่าผมเป็นนายเอกที่ค่าตัวสูงที่สุดในค่าย

     โดยปกติแล้วผมจะรับงานแสดงไม่เกินสองเรื่องต่อเดือน ถึงไม่ค่อยอยากจะรับสักเท่าไหร่แต่เพราะผมยังอยู่ในสัญญาจึงปฏิเสธอะไรไม่ค่อยจะได้มาก เพราะตามข้อตกลงในสัญญาแล้วผมจะต้องรับงานแสดงขั้นต่ำคือเดือนละสองเรื่องหากว่าทางค่ายป้อนงานให้ ซึ่งผมก็เลือกรับเพียงเท่านั้นแม้ว่าในแต่ละเดือนคุณรามและสปอนเซอร์จะเสนองานแสดงให้ผมมาไม่น้อยเลย แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้ผมไม่ได้มีความเดือดร้อนในเรื่องการเงินแบบเมื่อก่อนแล้ว เฉพาะเงินเดือนอย่างเดียวผมก็เลี้ยงแม้เลี้ยงน้องได้สบาย ๆ แล้ว

     การที่ผมเลือกไม่รับงานหลาย ๆ งานนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการช่วยกระจายงานและรายได้ให้กับนักแสดงคนอื่น ๆ ที่เต็มใจและพร้อมที่จะรับงาน เพราะกับหลาย ๆ คนนั้นทางค่ายแทบจะไม่มีงานป้อนให้เลย และสำหรับคนที่ค่ายไม่ค่อยป้อนงานให้นั้นเงินเดือนก็จะได้น้อยตามไปด้วย เพราะว่านักแสดงในค่ายมีมาก แต่คนที่เป็นที่ต้องการของตลาดจริง ๆ กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คน




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     ในช่วงบ่ายของวันพักผ่อน วันนี้ผมออกมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ คอนโดตั้งใจว่าจะมาหาซื้อหนังสือนิยายไปอ่านแก้เบื่อที่ห้อง ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในร้านหนังสือสิ่งแรกที่ผมพบก็คือ โฟโต้บุ๊คแนวเซ็กซี่ชนิดที่เปลือยหมดเปลือกที่ผมถ่ายไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วโฟโต้บุ๊คชุดนี้แล้วมันถูกวางขายตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งจะถูกตีพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่สองและกลับมาวางขายอีกครั้งได้ไม่นานเพราะที่ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรกนั้นมันเกิดขายดีจนขาดตลาด จนตอนนี้โฟโต้บุ๊คชุดนั้นยังคงขึ้นแท่นหนังสือแนะนำที่ยอดขายสูงเป็นอันดับหนึ่งของร้าน เรียกได้ว่าชนะแบบทิ้งห่างหนังสือในแนวเดียวกันที่ถ่ายโดยคุณผู้หญิงคนสวยที่ยอดขายตามมาเป็นอันดับที่สอง เอ่อ ว่าแต่นี่ผมควรจะต้องภูมิใจใช่ไหม

     ผมเดินเลือกหาหนังสือที่ชอบโดยไม่ได้สนใจสายตาจากคนในร้านที่มองผม อาจจะมีหันไปยิ้มให้กับบางคนบ้างเล็กน้อย แต่ เอ ทำไมร้านนี้ถึงได้จัดวางหนังสือนิยายจากสำนักพิมพ์ที่ผมชอบอ่านไว้บนชั้นที่สูงขนาดนั้นนะ บันไดสำหรับปีนหยิบหนังสือก็ไม่มีอยู่แถวนี้เสียด้วยสิ ผมก็เลยจำเป็นต้องเขย่ง และเอื้อมมือออกไปให้ไกลที่สุด

     แม้ว่าพยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ผมก็ทำได้แค่แตะ ๆ ที่ขอบชั้นหนังสือเท่านั้นเอง ทำไมพ่อแม่ถึงไม่ประดิษฐ์ผมออกมาให้ตัวสูง ๆ แบบเจ้าสองนะ ไม่ว่าจะเขย่งและพยายามยืดตัวอย่างไรผมก็หยิบหนังสือที่อยากได้ลงไม่ได้สักที โอย เหนื่อยแล้วนะ

     ในนาทีที่ผมได้แต่ยืนมองหนังสือที่อยากได้ตาปริบ ๆ ราวกับสุนัขที่กำลังมองปลากระป๋อง เห็นอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ แต่เอามาไม่ได้ ในตอนนั้นอยู่ ๆ ก็มีมือของใครคนหนึ่งเอื้อมขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มที่ผมกำลังต้องการลงมาได้อย่างง่ายดายต่อหน้าต่อตาผม ทำให้ที่คนเอื้อมไม่ถึงอย่างผมต้องอิจฉาเล่น ๆ แต่เอ ถ้าจะขอให้เขาช่วยหยิบให้ผมด้วยสักเล่มเขาคงจะไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง

     ในตอนที่ผมกำลังหันไปเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากคน ๆ นั้น กลับกลายเป็นว่าเขาก็กำลังยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้กับผมเช่นกัน

     อ้าว นี่มัน...

     “คุณโชน” คุณโชนคนที่ให้ความช่วยเหลือผมจากการถูกมอมยาในผับเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่ผมให้เบอร์ติดต่อเขาไว้ด้วยเผื่อว่ามีอะไรที่เขาอยากจะให้ผมช่วยเพื่อเป็นการตอบแทนเขาบ้าง แต่เขาก็หายเงียบไปเลย

     คุณโชนยิ้มให้ผมเกร็ง ๆ คล้ายกับว่ากำลังแทนคำทักทายพร้อมทั้งยื่นหนังสือที่เขาเพิ่งจะหยิบมันลงมาจากชั้นหนังสือที่ผมเอื้อมไม่ถึงส่งให้กับผม

     “นี่ครับหนังสือของคุณ ว่าแต่คุณชอบอ่านนิยายสยองขวัญแบบนี้ด้วยเหรอครับ”

     “ใช่ครับผมเป็นแฟนนิยายของสำนักพิมพ์นี้เลย มันน่ากลัวแต่ก็สนุกและตื่นเต้นมาก ว่าแต่คุณโชนก็.... เอ่อ....” ผมว่าพลางแอบชำเลืองมองหนังสืออีกเล่มที่ยังอยู่ในมือของคุณโชน เอ่อ นั่นมัน โฟโต้บุ๊คของผมนี่นา

     ดูเหมือนว่าคุณโชนจะรู้ตัวแล้วว่าผมมองเห็นหนังสืออีกเล่มในมือของเขาที่เขาอาจจะไม่ค่อยอยากให้ผมเห็นสักเท่าไหร่เข้าให้แล้ว เขาหน้าตาเลิ่กลั่กและรีบเอามันซ่อนไว้ข้างหลัง แต่ว่าซ่อนตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะมั้ง คุณโชนหัวเราะแห้ง ๆ เหมือนว่าจะกำลังกลบเกลื่อน และยกมือข้างขึ้นเกาหัวด้วยท่าทีขัดเขิน และผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ผมหรือเขากันแน่ที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเขิน





☼​☼​☼​☼​☼​☼​​




     “มานั่งทานข้าวกับผม คุณไม่อายเหรอ”

     “อาย อายเรื่องอะไรเหรอครับ” คุณโชนถามผมกลับอย่างพาซื่อ นี่เขาไม่รู้จริง ๆ หรือว่าผมหมายถึงอะไร

     “คุณไม่สังเกตเหรอ ว่าโต๊ะอื่นเขาแอบมองพวกเราด้วยสายตาแปลก ๆ มานั่งทานข้าวกับดาราหนังโป๊คุณไม่กลัวถูกมองไม่ดีเหรอ”

     “ทำไมเราต้องใส่ใจคนอื่นด้วยล่ะครับ เราแค่มาทานข้าวกันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย หรือแม้แต่งานที่คุณทำ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ใครเดือดร้อนและก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปแคร์สายตาใครเลย” ผมยิ้มและพยักหน้ารับในคำตอบของเขา มันก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละ สายตาของคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรา ไม่ได้ประโชน์อะไรที่เราจะต้องสนใจผมเองก็ไม่เคยสนใจหรอก ที่จะสนใจและอยากให้เข้าใจก็มีแต่เจ้าสองคนเดียวนั่นแหละ

     “ผมเซ็นให้ไหม” ผมว่าพลางหันมองไปทางถุงพลาสติกที่มีโลโก้ของร้านหนังสือที่ผมเพิ่งไปมา ซึ่งด้านในบรรจุหนังสือที่คุณโชนเพิ่งจะซื้อมันมา ก็เล่มที่ผมเห็นนั่นแหละ

     “จะดีเหรอครับ”

     ผมพยักยืนยันในคำพูดของตัวเอง ก่อนที่เขายื่นหนังสือเล่มนั้นและปากกาที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของเขาให้ผมด้วยท่าทีขัดเขิน ซื้อมาต่อหน้าต่อตากันขนาดนี้แล้วยังจะมีอะไรให้เขินกันอีกหรือ

      ผมจรดปากกาเซ็นชื่อลงบนหน้าปกหนังสือพลางพินิจมองรูปหน้าปกที่เป็นรูปตัวผมเองในสภาพที่กำลังนั่งทำหน้าตาบ้องแบ๊วและสวมใส่เพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นเต่อ ช่องใส่ขาก็แสนจะกว้างขวาง ซ้ำยังนั่งแหกแข้งแหกขาชนิดที่ไม่กลัวอะไร ๆ มันจะโผล่ออกมา แต่จะกลัวไปทำไมเพราะหลาย ๆ รูปในเล่มนั้นผมไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอมามองรูปตัวเองแบบนี้ก็แอบรู้สึกเขินอยู่เหมือนกันนะ งานถ่ายโฟโต้บุ๊คนี่ก็ใช่ว่าผมจะรับบ่อย ๆ หรอกนะ จะรับก็ต่อเมื่อเป็นงานที่ถ่ายโดยช่างภาพที่สนิทกันเท่านั้น

     “แต่เอ ผมว่าเล่มนี้ที่ห้องคุณมีอยู่แล้วนี่นา ทำไมต้องซื้อเล่มใหม่ล่ะ” ผมก็ว่าผมพอจะจำได้นะ คลับคล้ายว่าเคยเห็นโฟโต้บุ๊คเล่มนี้รวมอยู่กับผลงานอื่น ๆ ของผมที่คุณโชนเขาสะสมอยู่ในตู้นั้นด้วย

     “ตีพิมพ์ใหม่เห็นว่าเปลี่ยนรูปปกหลังด้วยผมก็อยากจะเก็บสะสมไว้น่ะครับ” คุณโชนว่าพลางยิ้มแห้ง ๆ และทำก้มหน้าก้มตา นิ้วชี้ทั้งสองของเขาถูกยกขึ้นมาถูกันไปมาราวกับว่าเขากำลังหาอะไรทำเพื่อบรรเทาเขินอาย รูปปกหลังที่เปลี่ยนใหม่ที่เขาว่านั้น มันก็เป็นรูปที่มีในเล่มอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าเดิม ผมล่ะยอมในความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขาเลยจริง ๆ

     “นี่ผมถามจริง ๆ เวลาคุณดูงานผมนี่ คุณช่วยตัวเองไปด้วยไหม” ผมทำหน้าเจ้าเล่ห์และถามเขาอย่างติดตลก ตั้งใจว่าอยากจะให้เขาขำและอยากจะละลายพฤติกรรมของเขา เขาจะได้เลิกเกร็งและเลิกทำท่าทางขัดเขินแบบนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าผมสักที

     แต่ดูท่าคำถามของผมมันคงจะผิดประเด็นหน่อยไปสักหน่อย ทั้งที่ตั้งใจจะละลายพฤติกรรมของเขาแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าดันทำเอาคุณโชนที่กำลังกระดกแก้วน้ำดื่มเข้าปากถึงกับต้องสำลักมันออกมาในทันใด เขาหันมามองหน้าผมเพียงครู่เดียว แต่ก็ทันที่พอจะให้ผมได้เห็นว่าตอนนี้แก้มของเขาแดงอย่างกับผลแอปเปิ้ล ก่อนที่เขาจะก้มหน้าก้มตารัวตักอาหารเข้าปากอย่างไม่กลัวติดคอ เอ่อ ผมคงจะแซวพลาดไปสินะ




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     ผมติดรถคุณโชนมาเพื่อกลับคอนโดด้วย เพราะเขาอาสาว่าอยากมาส่งผมเพราะคอนโดผมเป็นทางผ่านของเขาอยู่แล้ว จริง ๆ แล้วคอนโดที่ผมเช่าอยู่กับบ้านที่ผมซื้อให้แม่กับน้องไม่ได้อยู่ไกลกันสักเท่าไหร่เลยนะ แต่ผมกลับไม่ได้แวะเวียนไปที่บ้านหลังนั้นบ่อย ๆ ทั้งที่อยากจะเจออยากจะกอดแม่กับน้องใจจะขาด แต่ผมกลัว กลัวว่าถ้าเจ้าสองมันรู้ว่าผมไปที่นั่นบ่อย ๆ มันจะไม่พอใจเอาน่ะสิ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มีโอกาสจะทำให้เจ้าสองมันเกลียดผมมากกว่าเดิมผมก็กลัวไปหมดนั่นแหละ จะเรียกว่าวิตกจริตก็คงได้ แต่หลาย ๆ ครั้งมันก็อดไม่ได้จริง ๆ จนเป็นเหตุให้มีเรื่องกันแบบคราวก่อน ผมเลยได้แต่ส่งความคิดถึงไปหาแม่ผ่านสายโทรศัพท์พร้อมทั้งฝากความห่วงใยผ่านไปแม่ไปหาน้อง

     แม้แต่ตลาดที่แม่มักจะมาจับจ่ายซื้อของอยู่เป็นประจำยังเป็นทางผ่านในการไปคอนโดผมเลย ใช่ตลาดนี้มันเป็นทางผ่าน และตอนนี้รถของคุณโชนก็กำลังจอดติดไฟแดงอยู่ตรงหน้าตลาดนี้พอดี แล้วก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุบังเอิญหรือโชคละตาลิขิตเมื่อผมหันมองเข้าไปในตลาดสองตาของผมมันก็ไปสะดุดเข้ากับหลังไว ๆ ของแม่กับเจ้าสองที่กำลังเดินเข้าไปตลาดอยู่พอดิบพอดีนี่สิ

     “เอ่อ คุณโชนครับผมขอลงตรงนี้นะ” ก็ในเมื่อมันได้เจอแล้วมันก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะผ่านไปเฉย ๆ

     “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

     “พอดีผมมีธุระด่วนน่ะครับ แว่นตากับหมวกของคุณผมขอยืมก่อนนะ เดี๋ยวผมเอาไปคืนให้ที่ห้องคุณ” ว่าแล้วผมก็คว้าแว่นตาดำกับหมวกแก๊ปของคุณโชนที่วางอยู่บนคอนโซนหน้ารถอย่างถือวิสาสะ แล้วรีบกระโดดลงจากรถกลางถนนที่รถกำลังจอดติดไฟแดงโดยไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงว่าให้ระวังอันตรายจากคุณโชนเลยสักนิด




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     หวังว่าแว่นตากับหมวกนี่คงจะช่วยให้ผมอำพรางตัวได้บ้างนะ ผมไม่อยากให้มีคนจำผมได้ในตอนนี้ ไม่อยากให้แม่กับเจ้าสองรู้ว่าผมแอบตามมาเพราะเกรงว่าพวกเขาจะอาย ผมได้แต่แอบตามดูเขาทั้งสองคนอยู่ห่าง ๆ แค่ได้เห็นหน้าจากมุมไกล ๆ เพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้ว แม้ว่าอยากจะกระโดดเข้าไปกอดแต่ก็รู้ตัวดีว่าเจ้าสองมันคงไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้นแน่นอน

     ผมมองภาพเจ้าสองในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนช่างกลที่เจ้าตัวศึกษาอยู่ในปัจจุบัน เจ้าสองกำลังช่วยแม่ถือของทุกอย่างโดยไม่มีบ่นอิดออด เวลาอยู่กับแม่สองก็ยังคงเป็นเด็กดีคนเดิม ไม่ได้ดูมีพฤติกรรมก้าวร้าวดั่งเช่นตอนที่อยู่กับผมเลยแม้แต่น้อย ผมคงจะเป็นตัวปัญหาในชีวิตของน้องมันจริง ๆ สินะ




     “กรี๊ด! ช่วยด้วยค่า โจรกระชากกระเป๋า” เสียงกรีดร้องโวยวายของแม่ดังลั่นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปอีกทีก็พบว่ากระเป๋าเงินที่แม่เคยถือมันอยู่ในมือบัดนี้มันไม่ได้อยู่ในมือของแม่อีกแล้ว แต่กลับไปอยู่ในมือของชายฉกรรจ์แปลกหน้าที่กำลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเจ้าสองวิ่งไล่กวดตามหลังไปติด ๆ

     ได้เห็นภาพดังนั้นผมไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะฉุกคิด ผมรีบวิ่งตามเจ้าสองไปทันที ก็ผมเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นมันนี่ วิ่งตามโจรไปคนเดียวแบบนั้นมันอันตรายมากนะรู้ไหม ถ้าเกิดเจ้าสองถูกโจรนั่นทำร้ายจนเป็นอะไรขึ้นมาผมจะอยู่ยังไง ถึงน้องมันจะเกลียดผมแต่ผมรักมันมาก มากเสียยิ่งกว่าชีวิตของผมเอง ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายน้องผมเด็ดขาด

     เจ้าสองวิ่งไล่กวดไอ้โจรนั่นไปจนถึงทางตัน เมื่อหมดหนทางจะหนีโจรนั่นหันกลับมาประจันหน้ากับเจ้าสอง และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดมันก็กำลังจะเกิดขึ้นจริง เมื่อไอ้โจรมันชักมีดที่ซุกซ่อนไว้ออกมาและเงื้อมือไปจนสุดวงแขนหมายจะจ้วงแทงเจ้าสองที่กำลังพุ่งเข้าไปเพื่อยื้อแย่งกระเป๋าคืนให้แม่

     ไม่ ผมจะยอมให้เจ้าสองเป็นอันตรายไม่ได้เด็ดขาด

     ฉึก

    “พี่หนึ่ง!!!”

     นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้ยินเจ้าสองมันเรียกผมว่าพี่อีกเลย แต่วันนี้น้องมันยอมเรียกผมว่าพี่แล้ว เจ้าสองตะโกนเรียกชื่อผมอย่างสุดเสียง หลังจากที่ผมเพิ่งจะปกป้องเจ้าเด็กนั่นได้สำเร็จ มันน่าชื่นใจที่สุดก็ตรงที่มีคำว่าพี่นำหน้านี่แหละ

     ผมก้มมองหน้าท้องตัวเองที่เพิ่งจะเกิดรอยแผลสดและเลือดกำลังไหลอาบเพราะเพิ่งถูกเสียบแทงด้วยของมีคม แต่ผมถือว่าเป็นโชคดีที่ผมกระโดดเข้ามาขวางและรับคมแหลมของมีดเล่มนั้นได้ทันก่อนที่มันจะไปถึงตัวเจ้าสอง เพราะถ้าหากผมจะต้องเห็นเจ้าสองถูกแทงต่อหน้าต่อตาผมคงทนไม่ได้

     “พี่หนึ่ง! พี่หนึ่งอย่าเป็นอะไรนะ” เจ้าสองมันกอดผมด้วยล่ะ น้ำตาผมแทบจะไหลเมื่อได้เห็นว่าเจ้าสองมันมีท่าทีเป็นห่วงผมมากขนาดนั้น จนผมเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าน้องมันไม่ได้เกลียดผมแล้วใช่ไหม







     TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2018 13:12:13 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สอง จะเข้าใจความรักของพี่หนึ่งที่มีต่อสองรึยัง  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ตามและรอต่อไป

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
อย่าเปนไรน้าหนึ่ง  :hao5:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
คุณโชนนี้น่าติดตาม

ออฟไลน์ backforred

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากเลย มาต่อเร็วๆนะ ติดตามจ้า

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นายเอกเจนโลก พระเอกขี้อาย มันเป็นอะไรที่ใช่มากๆ ตามเชียร์ด้วยคนนะ

ออฟไลน์ lady_panko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบจัง มีความฮาเร็ม

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
คิดถึง หนึ่งงงงงงง :z3:
อย่าเป็นรัยน้าาาาาา :sad4:

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เฮ้ยยย หนึ่งง อย่าเป็นไรนะเว้ยยน

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
อยากรู้ว่า อัป วันไหน บ้างจะได้ ส่อง ถูกวัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด