พิมพ์หน้านี้ - รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 10-01-2018 10:55:26

หัวข้อ: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 10-01-2018 10:55:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปล.นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อเล่าถึงมุมมองความรักของคนในอีกอาชีพหนึ่งไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลใดหรืออาชีพใด และทุกเหตุการณ์ในนิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศที่ถูกสมมติขึ้นและไม่มีอยู่จริง


สารบัญ
 ตอนที่ 1 ครอบครัว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3769048#msg3769048)
 ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3772612#msg3772612)
 ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3773566#msg3773566)
 ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3835632#msg3835632)
 ตอนที่ 5 ความเข้าใจ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3868216#msg3868216)
 ตอนที่ 6 สร้อยทอง  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3869424#msg3869424)
 ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3871712#msg3871712)
 ตอนที่ 8 รักปักใจ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3875649#msg3875649)
 ตอนที่ 9 ปั่นหัว  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3878213#msg3878213)
 ตอนที่ 10 ผลงานใหม่  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3889521#msg3889521)
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 1 ครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 10-01-2018 10:59:58
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป



ตอนที่ 1 ครอบครัว​



*****ณ ประเทศ เชนท์คัลเจอร์ประเทศเล็ก ๆ ที่อนุญาตให้สื่อลามกอนาจารเป็นสิ่งถูกกฎหมาย*****









     แน่นอนว่าความจำเป็นและช่วงจังหวะในชีวิตของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน และความจำเป็นในช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิตผมก็ได้นำพาให้ผมเข้าสู่อาชีพนี้ อาชีพที่หลาย ๆ คนอาจจะมองว่ามันเป็นอาชีพที่เป็นสีเทาและเป็นอาชีพที่ไม่ได้น่าภูมิใจนัก

     ผมเป็นนักแสดงครับ แต่ว่าภาพยนตร์ที่ผมแสดงนั้นไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะสามารถฉายได้ตามโรงภาพยนตร์ทั่ว ๆ ไป เป็นภาพยนตร์ที่กฎหมายของประเทศผมสั่งห้ามจำหน่ายให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีโดยเด็ดขาด เป็นภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ หรือจะให้พูดกันง่าย ๆ ก็คือหนังโป๊นั่นแหละครับ และก็เป็นหนังโป๊แนวที่ต้องแสดงบทร่วมรักกันอย่างไม่มีปิดบังระหว่างผู้ชายและผู้ชาย

     ถึงแม้ว่าจะมีการควบคุมช่วงอายุของผู้ซื้ออย่างเคร่งครัด แต่ในประเทศของผมภาพยนตร์จำพวกนี้ก็มีลิขสิทธิ์คุ้มครองอย่างถูกต้องและสามารถวางขายได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไปให้เหล่าคนที่มีอายุถึงเกณฑ์สามารถเลือกซื้อได้อย่างอิสระและถูกกฎหมาย สำหรับแฟน ๆ ภาพยนตร์แนวนี้ในประเทศนี้ก็อาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาหรือคุ้นชื่อของผมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะผลงานของผมแทบจะทุกเรื่องนั้นก็ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทางค่ายหนังในทุกครั้งที่วางจำหน่าย ผม “หนึ่ง รวิกานต์” นักแสดงบทนายเอกจากค่ายฮอตจีวีสตูดิโอ

     ถึงแม้ว่าสื่อประเภทนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศของผม แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนในประเทศจะยอมรับได้ สังเกตง่าย ๆ ก็จากสายตาแปลก ๆ ที่แอบมองมาที่ผมอยู่ตอนนี้รวมไปถึงเสียงซุบซิบนินทาที่ดังแว่วมาไล่หลัง ราวกับว่าเราเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด หรือเป็นตัวประหลาดในสายตาของพวกเขา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คนที่ทำอาชีพอย่างผมจะต้องพยายามทำตัวให้ชินและอยู่กับมันให้ได้เพราะเราจะต้องเจอกับมันอยู่เรื่อย ๆ

     วันนี้ผมกลับมาที่บ้านของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือน บ้านที่ผมซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองแต่ก็เป็นบ้านผมไม่ค่อยจะได้มาเหยียบมันบ่อยนัก ก็เพื่อความสบายใจของสมาชิกคนอื่นในบ้าน สำหรับแม่ของผมท่านเข้าใจถึงความจำเป็นที่ผมจะต้องมาทำอาชีพนี้ แต่สำหรับเจ้าสองน้องชายของผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ก่อนผมกับน้องชายเราเคยสนิทกันมาก แต่ตั้งแต่ผมเข้าสู่วงการหนังจีวีสองก็แทบจะไม่พูดกับผมอีกเลย...





☼​☼​☼​☼​☼​☼






     “อ้าว หนึ่งจะมาทำไมไม่โทรบอกแม่ก่อนล่ะลูก แม่จะได้ทำอาหารที่ลูกชอบไว้รอ” แม่ผมยิ้มร่าหลังจากที่ถูกผมโผเข้าไปทั้งกอดและหอมด้วยความคิดถึง ในการมาเยือนโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า

     “ก็ทนคิดถึงแม่ไม่ไหวก็เลยต้องแวะมาหา หนึ่งซื้อกับข้าวมาด้วยนะแม่ ของที่แม่กับเจ้าสองชอบทั้งนั้นเลย”





☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     “สองมันยังไม่กลับเหรอครับแม่” ผมเอ่ยถามแม่ในตอนที่กำลังช่วยแม่แกะอาหารใส่จาน เย็นป่านนี้แล้วเจ้าสองน่าจะเลิกเรียนตั้งนานแล้วนี่นา แต่ทำไมบ้านยังเงียบราวกับว่ามีแค่ผมกับแม่อยู่กันแค่สองคน

     “น้องมันไปทำงานพิเศษน่ะลูก อีกสักพักก็คงจะกลับแล้ว” สองแอบไปทำงานพิเศษอีกแล้วหรือ...

     ตอนแรกผมก็แค่คิดว่าอยากจะมาเยี่ยมแม่และขอเจอหน้าน้องสักนิดก็ยังดี แม้ว่าเขาจะไม่ยอมพูดกับผมก็ตาม เพราะทุกครั้งที่ผมบอกแม่ล่วงหน้าว่าจะมาหา สองก็มักจะจงใจหลบหน้าผมอยู่ทุกครั้งไป วันนี้ผมก็เลยเลือกที่จะมาโดยไม่บอกก่อน แต่พอลองคิดดูดี ๆ แล้ว ถ้าผมกลับไปก่อนที่สองจะกลับมามันอาจจะเป็นการดีกว่าก็ได้ สองคงจะไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากแม้แต่จะยุ่งเกี่ยวอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ

     “เอ่อ แม่ครับ พอดีหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ หนึ่งขอตัวกลับก่อนนะครับ”

     “หนึ่ง แม่รู้นะว่าหนึ่งกลัวว่าสองมันจะไม่พอใจ แต่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันมานานแล้วนะลูก อยู่กินข้าวกับแม่กับน้องก่อนเถอะนะ” แม่ว่าพลางวางมือของท่านลงกุมบนมือผม แววตาของแม่ที่มองผมดูเศร้า ผมก็เข้าใจว่าแม่เองก็คงจะทุกข์ใจไม่น้อยที่ลูกทั้งสองคนไม่เข้าใจกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็เจ้าสองมันเกลียดผมไปแล้วนี่ แต่ผมเข้าใจเจ้าสองมันนะ มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ กับการที่จะให้ทำใจยอมรับได้ง่าย ๆ กับการที่พี่ชายของตัวเองมาทำงานแบบนี้

     ในเมื่อแม่พูดมาถึงขนาดนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร ผมเลยต้องอยู่ทานข้าวกับแม่เพื่อรอการกลับมาของเจ้าสองด้วยใจที่เป็นกังวล




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     เมื่อถึงเวลาที่เจ้าสองกลับมาถึงบ้าน ตอนแรกมันก็ดูอารมณ์ดีอยู่หรอกนะ แต่เมื่อน้องมันเห็นหน้าผมที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่กับแม่เท่านั้น สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปในทันที สองเดินผ่านผมไปโดยไม่มองแม้แต่หางตา ราวกับว่าผมเป็นเพียงแค่อากาศที่ไร้ตัวตนในสายตาของมัน

     “สอง มากินข้าวกับแม่กับพี่ก่อนสิลูก” แม่ท้วงขึ้นในตอนที่เจ้าสองกำลังจะเดินขึ้นบันได

     “กินมาแล้วอ่ะแม่” สองตอบกลับเสียงห้วน ดูเหมือนว่าจะกำลังอารมณ์ไม่ดี คงจะเป็นเพราะผมสินะ

     “แม่บอกว่าให้มากินข้าวกับแม่กับพี่เดี๋ยวนี้” ครั้งนี้แม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แกลมดุเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้สองหยุดชะงักลงได้


     สองถอนหายใจด้วยท่าทีที่ดูจะไม่ค่อยจะพอใจนัก ก่อนจะเดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ สองวางกระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะเสียงดังจนผมถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าน้องมันไม่ได้เต็มใจจะร่วมโต๊ะอาหารกับผมเลยแม้แต่น้อย แต่ต้องจำใจเพราะว่าขัดแม่ไม่ได้ต่างหาก

     ผมไม่รู้เลยว่าเวลานี้ผมควรจะทำหน้าหรือทำตัวอย่างไรดี ผมรู้สึกเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวในตอนนี้มันดูกระอักกระอ่วนไปหมด อยากจะพูดคุยหรือไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกับเจ้าสองตามประสาพี่น้อง ผมก็ยังไม่กล้าเพราะกลัวจะทำให้สองไม่พอใจ ผมดีใจที่ได้เจอหน้าน้อง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปฏิกิริยาของสองที่ดูอึดอัดอย่างมากเวลาที่ต้องจำใจทานอาหารร่วมโต๊ะกับผมนั้น มันก็ให้ผมรู้สึกเสียใจไม่น้อย



     “เอ่อ สองยังทำงานพิเศษอยู่เหรอ พี่เคยบอกแล้วไงให้สองเรียนอย่างเดียวก็พอ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเดี๋ยวพี่ดูแลเอง” ผมเริ่มเอ่ยบทสนทนากับน้องชายที่นั่งก้มหน้าก้มตาทานอาหารอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่มีแม้แต่สักวินาทีที่เจ้าสองจะเหลือบมามองผมบ้างเลย หลังจากที่ผมต้องคิดช่างใจอยู่นานกว่าจะกล้าเอ่ยบทสนทนานั้นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและบรรยากาศขมุกขมัวที่ปกคลุมล้อมรอบตัวพวกเราอยู่ในเวลานี้

     แต่ดูเหมือนว่าบทสนทนาของผมคงจะไม่ค่อยถูกใจหรือถูกอารมณ์ของสองสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่สองได้ยินบทสนทนานั้นสองก็โยนช้อนและซ้อมในมือลงบนโต๊ะแล้วหันมามองผมตาขวาง

     “กูก็เคยบอกมึงแล้วไง ว่าเงินสกปรกที่มึงได้มาจากการขายตัว ขายศักดิ์ศรี กูจะไม่แตะ”

     “สอง” แม่พยายามจะปรามสองที่กำลังตวาดกร้าว แต่ดูท่าทางแล้วตอนนี้อารมณ์ของสองคงจะครุกรุ่นจนเกินกว่าที่แม่จะห้ามปรามได้แล้ว

     “แล้วไอ้บ้านของมึงหลังนี้ถ้าแม่ไม่ขอให้กูอยู่ กูก็ไม่อยู่หรอกนะ มึงอย่าสำคัญตัวผิดไปว่ากูต้องอาศัยมึง ลำพังต้องอยู่ในบ้านที่ซื้อมาจากเงินอุบาทว์ทุกวันกูก็แทบจะอ้วกอยู่แล้ว แล้ววันนี้ยังมีตัวอุบาทว์อย่างมึงนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะให้เป็นเสนียดลูกตากูอีก” คำพูดของน้องมันทำเอาผมถึงกับหน้าชา ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นแต่ผมก็ต้องฝืนเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะถ้าผมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาแม่คงจะต้องไม่สบายใจมากไปกว่านี้

     เจ้าสองคงจะเกลียดผมมากจริง ๆ อาชีพของผมนอกจากมันจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวไม่ได้แล้ว มันคงจะยังทำให้น้องต้องอับอายคนอื่นอีกด้วยด้วย

     “เราจะคุยกันดี ๆ บ้างไม่ได้เลยเหรอ” ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจากความรู้สึกตัดพ้อ ทั้งพยายามที่จะเก็บกลั้นอารมณ์ไม่ให้น้ำเสียงสั่นเครือ เพราะผมไม่อยากให้แม่และน้องรู้ว่าผมกำลังจะร้องไห้

     “มึงไม่มีสิทธิ์จะได้ยินคำพูดดี ๆ จากปากกูตั้งแต่วันที่มึงเข้าสู่วงจรอุบาทว์นั่นแล้ว”

     สองปัดจานข้าวตรงหน้ากระเด็นตกลงพื้นจนแตกกระจายก่อนที่น้องมันจะเดินกระทืบเท้าปึงปังขึ้นชั้นสองไปโดยไม่สนใจเสียงต่อว่าจากแม่ที่พูดเสียงดังไล่หลังไป เสียงปิดประตูดังสนั่นจากชั้นบนจนทำเอาผมถึงกับสะดุ้งเฮือก ทั้งที่เราสองคนเคยเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากแท้ ๆ แต่วันนี้ทุกอย่างมันกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อให้ผมอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับน้องสักเพียงใด มันคงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าสองมันเกลียดผมฝังใจไปแล้ว

     “อย่าไปถือสาน้องเลยนะลูก” แม่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมเห็นแม่น้ำตารื้นขอบตา แม้ว่าในใจผมมันก็กำลังร่ำไห้อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็เลือกที่จะฝืนยิ้มให้แม่เพื่อแทนคำที่บอกว่าผมไม่เป็นไรเพราะผมไม่อยากจะให้แม่ทุกข์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วหัวผมมันเจ็บปวดเหลือเกินกับท่าทีที่เจ้าสองมีต่อผม





☼​☼​☼​☼​☼​☼
​​





     ผมจำไม่ได้ว่าผมกระดกเครื่องดื่มมึนเมาเข้าปากไปเป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เพราะผมรู้แต่เพียงว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่จะระบายความอัดอั้นของผมได้ดีที่สุด แม้ว่าเพลงที่เปิดในร้านนี้จะเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน แต่ความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ว่าเพลงอะไรที่เข้ามาประทบเข้าหูมันก็กลายเป็นเพลงเศร้าไปเสียหมด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะต้องทำอย่างไรที่จะทำให้น้องมันยอมเข้าใจในตัวผมบ้าง แม้สักนิดก็ยังดี





☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     เรื่องราวในคืนนั้นผมกลับจากการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มแล้ว เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากทางบ้านของผมทำเอาผมที่กำลังเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ต้องรีบวิ่งจ้ำอ้าวอย่างตื่นตระหนกเพื่อไปให้ถึงบ้านของตัวเองให้เร็วที่สุด ด้วยดวามเป็นห่วงแม่ที่ตอนนี้น่าจะอยู่บ้านคนเดียว

     เมื่อกลับมาถึงบ้านสิ่งที่ผมเจอคือแผงรถเข็นขายข้างแกงของแม่ผมกำลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รื้อทำลายอย่างไม่ใยดี และแม่ที่พยายามจะร้องห้ามและหยุดการกระทำของคนกลุ่มนั้นก็พลอยถูกทำร้ายไปด้วย

     “แม่!” ผมรีบวิ่งเข้าประครองร่างแม่ที่กำลังล้มทรุดอยู่กับพื้น

     “นี่มันเรื่องอะไรกันพวกแกเป็นใครแล้วมาทำแบบนี้กับแม่ฉันทำไม”

     “ติดหนี้ไว้แล้วคิดจะเบี้ยวมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตะคอกใส่หน้าผม ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ไม่เคยรู้ว่าบ้านเรามีหนี้ ผมไม่คิดว่าแม่จะไปรู้จักมักจีกับคนพวกนี้จนถึงขั้นหยิบยืมเงินกันได้เลยด้วยซ้ำ

     “จริงเหรอแม่” ผมหันมาถามแม่ที่อยู่ในอ้อมแขนของผมเพื่อความแน่ใจ ถึงจะไม่มีคำพูดใด ๆ ตอบกลับมาจากปากแม่ แต่ท่าทางก้มหน้าก้มตาแล้วร้องไห้อย่างหนักนั้นก็พอจะตอบผมจะแทนคำพูดได้

     ผมจำใจต้องปล่อยให้คนพวกนั้นทำลายข้าวของที่ใช้ทำมาหากินของแม่จนหนำใจ ผมทำได้เพียงแค่รั้งตัวแม่เอาไว้ไม่ให้เข้าไปให้ถูกคนพวกนั้นทำร้ายอีก ก่อนจะกลับไปคนพวกนั้นกำชับกับผมว่ามีเวลาให้ผมแค่เจ็ดวันเพื่อหาเงิน ถ้าภายในเจ็ดวันพวกนั้นยังไม่ได้เงินตามที่ต้องการ พวกนั้นจะกลับมาเล่นงานแม่หนักกว่านี้ และพวกมันยังขู่ผมอีกว่าถ้าหากว่าผมคิดแจ้งตำรวจหรือคิดจะแข็งข้อพวกมันจะตามไปเล่นงานเจ้าสองด้วย ซึ่งผมจะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

     จำนวนหนี้นั้นทบต้นทบดอกแล้วรวมเป็นเงินเกือบห้าแสน มันเกิดจากตอนที่พ่อผมยังมีชีวิตอยู่ท่านติดสุราและการพนันอย่างหนักซ้ำยังไปกู้ยืมเงินจากผู้มีอิทธิพลเพื่อมาเล่นการพนัน แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าจำนวนหนี้ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ จากการเสียพนัน หลังจากที่พ่อเสียไปภาระในการรับผิดชอบหนี้ก้อนโตนั้นเลยมาตกอยู่กับแม่ผม หลังจากที่ได้รู้ความจริงจากปากของแม่แล้วผมก็ไม่คิดที่จะโกรธและโทษพ่อหรอกนะ เพราะอย่างไรท่านก็เสียไปแล้ว แต่เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นกับเวลาอันน้อยนิดผมจะไปหามาจากไหน ตอนนั้นผมเครียดเหลือเกินกับปัญหาที่แทบจะมองไม่เห็นทางออก

     “ฮัลโหล พี่แองจี้ครับช่วงนี้พี่พอจะมีงานให้ผมทำบ้างไหมครับ ผมจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ” ผมตัดสินที่จะต่อสายโทรศัพท์ถึงพี่แองจี้เจ้าของโมเดลลิ่งที่ผมสังกัดอยู่ที่ไม่ได้หยิบยื่นงานให้ผมมานานแสนนานจนผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าผมยังมีสัญญาอยู่ในสังกัดของเขา

     “เฮ้อ หนึ่งเข้าใจพี่หน่อยนะ ถึงหนึ่งจะหน้าหล่อ แต่หนึ่งก็ตัวเล็กนี่ หนึ่งก็รู้วงการบ้านเรานิยมแต่นายแบบสูง ๆ ล่ำ ๆ พี่เลยหางานให้หนึ่งไม่ค่อยจะได้ พี่ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ” คำตอบที่พี่แองจี้ตอบกลับมาเป็นสิ่งที่ผมพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าคงจะต้องได้ยินไม่ต่างจากนี้สักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะโทรหาพี่เขาด้วยความหวังที่คิดว่าน่าจะยังพอมี ถึงแม้จะริบหรี่มากก็ตาม

     “แต่ถ้าหนึ่งเดือดร้อนเรื่องเงินและอยากจะทำงานจริง ๆ พี่พอจะมีคอนเนคชั่นกับค่ายหนังค่ายหนึ่ง เขาต้องการแสดงที่ตัวเล็กรูปร่างบอบบางแบบหนึ่งนะ เงินดีมาก และหน้าตาผิวพรรณดีแบบหนึ่งคงคงแคสผ่านได้สบาย ๆ แน่นอน แต่ต้องเปลืองตัวสักหน่อยนะ หนึ่งสนใจไหมล่ะ”

     “สนใจครับพี่ ตอนนี้งานอะไรผมรับหมดเลย” ผมรีบตอบกลับอย่างทันควันโดยไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรอง เมื่อพี่แองจี้มีข้อเสนอเรื่องงานขึ้นมา เวลานี้ไม่ว่างานอะไรที่พอจะช่วยครอบครัวของผมได้ ต่อให้จะยากลำบากแค่ไหนผมก็ยินดีที่จะทำทั้งนั้น

     “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะส่งรายละเอียดให้ทางอีเมลก็แล้วกัน หนึ่งอ่านแล้วก็ลองทบทวนดูดี ๆ นะ คิดดี ๆ คิดถี่ถ้วนแล้วค่อยให้คำตอบพี่ว่าอยากจะทำหรือเปล่า”

     หลังจากสิ้นสุดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างกับผมกับพี่แองจี้ไม่นาน ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือของผมว่ามีอีเมลฉบับใหม่เข้ามา ผมรีบเปิดอ่านในทันทีด้วยความหวัง และผมก็ได้พบกับ...



     ใบสมัครนักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่แนวชายรักชาย.....



     ในคราวแรกผมนึกโกรธพี่แองจี้มากที่คิดจะให้ผมไปทำงานแบบนั้น และยังย้ำชัดกับตัวเองว่าจะไม่มีทางที่จะยอมทำงานนี้โดยเด็ดขาด แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปสี่วัน... แม้ว่าผมจะทำงานอย่างหนัก แต่ค่าแรงจากงานเสิร์ฟอาหารที่ผมทำมันก็ไม่ได้มากมายอะไร คิดจะไปขอหยิบยืมใครก็ไม่มีใครที่จะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ลำพังเงินเก็บที่ผมมีก็ยังไม่ได้สักเสี้ยวหนึ่งของเงินที่คนพวกนั้นต้องการเลยด้วยซ้ำ เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นผมจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน



     หรือว่าผมจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ ....



     ผมกดต่อสายโทรศัพท์หาพี่แองจี้ด้วยมือที่สั่นไหว ผมไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว ในเวลานี้ความปลอดภัยของแม่และน้องของผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด


     “พี่แองจี้ครับเรื่องงานที่พี่แนะนำผมมา.......” การที่จะกลั้นใจพูดประโยคสุดท้ายออกไปนั้นทำไมมันถึงได้ยากเย็นเหลือเกินนะ

     “..........ผมอยากทำครับ” เมื่อสิ้นคำพูดในประโยคนั้นน้ำตาของผมก็ไหลรินออกมาโดยอัตโนมัติ และนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการหนังจีวีของผม





☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     หลังจากที่ได้เข้ามาทำอาชีพนี้ ผมใช้เวลาไม่นานก็สามารถปลดหนี้ให้ครอบครัวได้สำเร็จ และได้เรตค่าตัวที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามชื่อเสียงที่ผมได้กลับมาและความต้องการของลูกค้า เมื่อปีก่อนผมก็เพิ่งจะซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่โตกว้างขว้างและน่าจะอยู่สบายกว่าบ้านหลังเดิมให้แม่กับน้อง ตอนนี้ผมเก็บเงินได้จนถึงจุดที่คิดว่าพอจะสามารถเลี้ยงตัวเองและดูแลแม่กับน้องให้สุขสบายได้แล้ว

     แม้ว่าอยากจะเลิกทำอาชีพนี้เต็มทีแล้ว แต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะเลิกตอนนี้ได้ เพราะสัญญาที่ผมเซ็นไว้กับทางค่ายตั้งแต่แรกเริ่มเป็นเวลานานถึงห้าปี และตอนนี้ก็ยังเหลือระยะเวลาอีกเกือบสองปีที่ผมจะต้องทำงานให้กับค่าย ซึ่งผมก็ตั้งใจไว้แน่วแน่แล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่ครบกำหนดตามสัญญาเมื่อไหร่ผมจะเลิกอาชีพนี้ทันที และก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าสองจะยอมให้อภัยผม





     แต่ว่าตอนนี้ผมดื่มมากเกินไปแล้วหรือนี่ อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังอยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนักขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่เมื่อสักครู่นี้ผมก็ยังประครองสติได้เป็นปกติอยู่แท้ ๆ แต่ทำไมหลังจากที่ผมดื่มแก้มเมื่อครู่นี้เข้าไปผมถึงได้รู้สึกเวียนหัวหนักขนาดนี้นะ ทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวในเวลานี้ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนมันก็ดูพร่ามัวไปหมด อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าหนังตามันหนักอึ้งจนแทบจะแบกเอาไว้ไม่ไหว ทำไมผมถึงเป็นได้ขนาดนี้นะ



     ความทรงจำสุดท้ายของผมในตอนที่สติการรับรู้ของผมกำลังจะขาดช่วง คือมีผู้ชายตัวใหญ่สองคนที่ผมคิดว่าไม่น่าจะเคยรู้จักมาก่อนมานั่งประกบข้างผม ก่อนที่ผมจะสิ้นสติไปในที่สุด...









     TBC







**ในพาร์ทที่เล่าย้อนอดีตจะทำตัวอักษรเป็นตัวเอียง
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 1 ครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-01-2018 13:20:39
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 1 ครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2018 15:25:42
หนึ่ง น่าสงสาร  :hao5: :hao5: :hao5:
ทั้งที่ทำงานนี้เพื่อปลดหนี้สินให้ครอบครัวจากหนี้นอกระบบ
จนทางบ้านมีฐานะที่ดีขึ้น ไม่ต้องถูกทวงหนี้
แบบแม่ต้องถูกทำร้ายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายและจิตใจ
ที่ผ่านมา สองไม่เคยรับรู้เลยหรือว่าแม่ถูกทำร้าย ครอบครัวมีหนี้สิน
แล้วบ้านที่ไม่อยากอยู่ ข้าวที่กิน ค่าเรียน ค่ากินของตัวเองมาจากใคร
ก็มาจากเงินอุบาทว์ของพี่ ที่ตัวเองรังเกียจทั้งสิ้น เชอะส์......เกลียดตัวกินไข่

หนึ่ง มาระบายความทุกข์ ความเครียดออก ด้วยการกินเหล้า
จะหาเรื่องใส่ตัวเองขนาดไหนกันนะ ผู้ชายร่างใหญ่สองคนเลยนะ 3p ป่ะเนี่ย
น่าจะจำหนึ่งได้ด้วย ว่าเนี่ยนายเอกหนังจีวี มาดื่มเหล้า คนเดียว หวานคอแร้งและ  :hao6: :hao6: :hao6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 1 ครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 10-01-2018 15:35:35
ผช สองคน?!
ใคร!?
....
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 1 ครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 10-01-2018 16:38:42
ทางเลิกมีไม่มาก คนในครอบครัวก็ไม่เข้าใจอีก ดีที่แม่ยังเข้าใจ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 16-01-2018 11:22:24
ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน




     แสงตะวันที่สาดกระทบหน้าเป็นสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องตื่นนอนแล้ว เฮ้อ ทำไมถึงได้เช้าเร็วอย่างนี้นะร่างกายของผมมันยังไม่พร้อมที่จะพรากจากที่นอนนุ่ม ๆ สุดที่รักเลย

     ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเยือนผมในเช้าวันนี้ตั้งแต่เริ่มรู้สึกตัวนั่นคืออาการปวดหัวอย่างรุนแรง คงจะเป็นผลมาจากการที่เมื่อคืนผมดื่มเข้าไปอย่างหนักแน่เลย แต่เอ๊ะ ว่าแต่ผมกลับมาถึงห้องได้อย่างไรและกลับมาตั้งแต่ตอนไหนกัน ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย เท่าที่พอจะนึกออกก็มีแค่ตอนที่ผมกำลังดื่มอยู่แล้วภาพทุกอย่างตัดไปเลย นี่ผมเมาหนักจนเบลอไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือนี่

     ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงียและผมก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไปจากที่เคยเป็น ปกติแล้วเตียงนอนของผมชุดเครื่องนอนมันเป็นสีขาวล้วนเลยนี่นา แต่ทำไมผ้าห่มที่คลุมตัวผมอยู่ตอนนี้มันถึงได้กลายเป็นผ้านวมสีน้ำเงินไปได้ ผมว่าผมก็ไม่ได้เมาค้างจนเบลอถึงขั้นที่จะตาฝาดเห็นสีขาวเป็นสีน้ำเงินหรอกนะ

     ตาผมเบิกโพลงเพราะความประหลาดใจ ก่อนที่จะรีบดีดตัวลุกขึ้นและมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของผมนี่! ทั้งหลอดไฟ โทรทัศน์ โซฟา หรือแม้แต่ชุดนอนหลวมโพรกที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ของผมเลยสักอย่าง แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และที่นี่มันคือที่ไหน แล้วใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม! ให้ตายเถอะนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่

     ผมไม่มีเวลาที่จะคิดหาคำตอบให้กับสารพัดคำถามที่ประดังเข้ามาในหัวพร้อม ๆ กันในเวลานี้ ผมรีบกระโจนลงจากเตียงด้วยความร้อนใจ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าจังหวะที่ผมกระโดดลงมานั้นเท้าของผมมันไปสัมผัสเข้ากับวัตถุปริศนาบางอย่าง เป็นวัตถุที่จะว่านิ่มก็ไม่ใช่จะว่าแข็งก็ไม่เชิง ก่อนที่มันจะตามมาด้วยเสียง...

     “โอ๊ย!!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากใครบางคน ทำให้ผมต้องเหลียวหลังกลับไปมองยังจุดเกิดเหตุ

     ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ข้างเตียง มือทั้งสองข้างของเขากุมประสานกันอยู่ที่เป้ากางเกงซึ่งคาดว่าน่าจะจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าไอ้ที่ผมเหยียบเข้าไปเต็มเท้าเมื่อสักครู่นี้มันก็คือ....




☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     “คุณเป็นใคร แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเสื้อผ้าผมหายไปไหน” ผมยิงคำถามรัวอย่างกับปืนกลในทันทีเมื่อเห็นว่าอาการชายคนนั้นดูน่าจะค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เขาดันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลสีหน้าของเขายังคงเหยเกโดยที่มือข้างหนึ่งยังกุมไว้อยู่ตรงส่วนที่เพิ่งจะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงไปเมื่อครู่ ผมเว้นระยะห่างจากเขาประมาณสามถึงสี่ช่วงตัวได้ เผื่อเอาไว้ว่าถ้าเกิดนายคนนั้นเป็นคนร้ายขึ้นมาผมจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน

     “ที่นี่ห้องผมเอง เมื่อคืนคุณถูกไอ้พวกหื่นกามมันมอมยาแต่คุณไม่ต้องกลัวนะพวกมันยังไม่ได้ทำอะไรคุณ ผมช่วยคุณไว้ได้ทัน แต่ผมไม่รู้จะไปส่งคุณที่ไหนเพราะตอนนั้นคุณไม่ได้สติเลย ก็เลยจำเป็นต้องพาคุณกลับมาด้วย แล้วคุณก็อ้วกรดตัวเอง ผมก็เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ” ชายคนนั้นให้คำตอบผมเคล้าไปกับเสียงสูดลมหายใจเข้าออกอย่างโรยรินราวกับว่ากำลังหายใจไม่ทั่วท้องคาดว่าคงยังเป็นผลพวงมาจากการเพิ่งถูกกระทบกระเทือนในส่วนนั้น

     แต่ผมถูกมอมยาอย่างนั้นหรือ? แล้วเขาเป็นคนช่วยผมเอาไว้จริง ๆ หรือ ว่าแต่นายคนนี้จะเชื่อถือได้หรือเปล่า แต่ว่าที่ใบหน้าของเขามีรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำประทับอยู่เสียหลายรอย หรือว่านั่นจะเป็นผลมาจากการที่เขาเข้ามาช่วยผมไว้จริง ๆ

     “เรื่องที่ผมถอดเสื้อผ้าคุณผมขอโทษจริง ๆ แต่ว่าผมไม่ได้ล่วงเกินหรือฉวยโอกาสกับคุณเลยนะ เมื่อคืนผมนอนที่พื้นทั้งคืนเลย” เขารีบแก้ต่างให้ตัวเองหน้าตาตื่นราวกับว่าได้ลืมความเจ็บปวดเบื้องล่างไปแล้ว ผมเอียงหน้ามองเขาพลางพินิจถึงเหตุผลที่เขาอธิบายมา คิด ๆ ดูแล้วเรื่องที่เขาว่ามันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง

     จริง ๆ แล้วผมก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าร่างกายของผมไม่ได้มีส่วนใดสึกหรอ หรือถูกล่วงเกินเพราะผมก็ไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาจนถึงขั้นที่จะไม่รู้ตัวว่าอาการหลังจากมีอะไรกับใครมันเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าเขานอนที่พื้นฝ่าเท้าของผมมันก็น่าจะพอเป็นพยานได้ และเรื่องที่เขาถอดเสื้อผ้าผมออกนั้นก็ช่างมันเถอะผมก็ไม่ได้อายอะไร เพราะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายผมคนคงเห็นกันมาเกือบค่อนประเทศกันแล้วล่ะมั้ง

     เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนกลัวจะถูกผมเข้าใจผิดของเขาแล้วนี่ผมก็อดที่จะขำไม่ได้จริง ๆ





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ทรัพย์สินทุกอย่างที่ติดตัวผมมาไม่มีสิ่งใดเสียหาย ทั้งกระเป๋าเงินรวมถึงเงินในกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และนาฬิกาข้อมือทุกอย่างยังอยู่ครบในสภาพสมบูรณ์ไม่มีสิ่งใดสูญหายหรือชำรุด เขาเก็บของทุกอย่างไว้ให้ผมเป็นอย่างดี รวมถึงเสื้อผ้าที่ผมทำเลอะเทอะเอาไว้เมื่อคืนเขาก็ยังจัดการทั้งซักและรีดให้ผมอย่างดีด้วย ดู ๆ แล้วเขาก็ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แถมเขาก็ยัง....

     ผมนั่งมองแผ่นหลังของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ดู ๆ แล้วเขาน่าจะสูงกว่าผมราว ๆ สักคืบหนึ่งเห็นจะได้ เขาเป็นคนรูปร่างดีเลยล่ะบ่งบอกถึงวินัยในการออกกำลังกาย แถมหน้าตาก็ยังจัดว่าดูดีใช้ได้ตามสไตล์คนเอเชีย หรือจะเรียกว่าหล่อก็คงได้ เฮ้ย! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย ประเด็นก็คือเขามีน้ำใจกับผมต่างหาก เพราะถ้าหากเมื่อคืนไม่ได้เขาช่วยไว้ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ผมจะเป็นอย่างไรบ้าง

     ในบางครั้งผมก็มักจะถูกคนบางคนมองว่าเป็นของสาธารณะ หลาย ๆ ครั้งที่ผมถูกติดต่อเพื่อขอซื้อบริการทางเพศแต่ผมไม่เคยรับและไม่คิดจะรับ เฉพาะหนังที่ผมเล่นผมก็คิดว่ามันเป็นการบริการทางเพศให้พวกเขามากพอแล้ว ลำพังแค่เป็นนักแสดงอย่างเดียวเจ้าสองมันก็เกลียดผมเข้าไส้แล้ว ถ้าขืนผมทำมากไปกว่านี้ล่ะก็ เห็นทีว่าชาตินี้คงจะได้หมดหนทางที่น้องมันจะยอมกลับมาญาติดีกับผมเป็นแน่

     แต่ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าผมจะโดนหนักถึงขั้นโดนมอมยาขนาดนี้ เมื่อคืนผมคงจะประมาทมากเกินไป จากที่นายคนนั้นเล่าโชคดีที่เมื่อคืนมีตำรวจเข้าไปตรวจสถานบันเทิงพอดีเขาเลยมีโอกาสพาผมหนีจากพวกนั้นมาได้ ต่อไปนี้ผมคงจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม

     “ข้าวต้มกุ้งฝีมือผมเองครับ คุณลองชิมดูก่อนนะ ถ้าไม่ถูกปากเดี๋ยวทำอย่างอื่นให้ทาน” เขาวางชามข้าวต้มหน้าตาน่ารับประทานลงตรงหน้าผมพลางนำเสนอเมนูอย่างดูไม่ค่อยจะมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่นี่ผมมีอภิสิทธิ์ถึงขั้นที่จะสั่งให้เขาไปทำอาหารมาอย่างอื่นมาให้ผมทานถ้าหากข้าวต้มชามนี้ไม่ถูกปากเลยหรือนี่

     “ถ้าคุณกลัวว่าผมจะผสมอะไรไม่ดีลงไป ให้ผมทานให้ดูก่อนก็ได้นะ” ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเลยว่าเมื่อสักครู่เขาพูดว่าอะไร รู้สึกตัวอีกทีก็ตักข้าวต้มในชามเข้าปากไปแล้วหลายคำ อื้ม รสชาติก็อร่อยจะตายไม่เห็นจะต้องทำท่าทางไม่มั่นใจขนาดนั้นเลย

     ข้าวต้มชามนั้นมันอร่อยถูกปากผมมากเสียจนเผลอแป๊บเดียว ผมก็ตักเข้าปากจนถึงคำสุดท้ายแล้ว ผมเพลินกับการกินจนผมเกือบจะลืมอะไรบางอย่างไปเสียแล้วสิ

     “เอ่อ แผลที่หน้าคุณ ให้ผมช่วยทายาให้ไหม” มากินข้าวบ้านเขาจนอิ่ม แต่ดันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าที่หน้าเขายังมีรอยแผลฟกซ้ำที่คาดว่าน่าจะได้มาจากการที่ให้ความช่วยเหลือผมเมื่อคืนอยู่เลย

     “จะดีเหรอครับ” เขาตอบผมด้วยท่าทีที่ดูเหมือนเกรงใจ แต่จริง ๆ แล้วผมหรือเปล่าที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเกรงใจเขา ทั้งเป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัว แถมมาแย่งที่นอนเขาและยังต้องให้เขาทำอาหารให้ทานอีก แค่ทำแผลให้เพื่อตอบแทนน้ำใจของเขา เล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะไปหนักหนาอะไร

     “เอ่อ  กล่องยาอยู่ในตู้ข้างทีวีครับ” เขาบอกพิกัดที่เก็บกล่องยาหลังจากที่ผมพยักหน้ายืนยันในข้อเสนอของตัวเอง ผมเดินตรงไปยังตู้ที่เขาบอกในทันที

     “เอ่อ คุณ!” เสียงที่เขาเรียกผมราวกับว่าเขากำลังจะทักท้วงอะไรบางอย่าง บางทีเขาอาจจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านอกจากกล่องยาแล้วยังมีบางสิ่งที่เขาอาจจะไม่อยากให้ผมเห็นถูกเก็บอยู่ในตู้นั้นด้วย


     แต่คงไม่ทันเสียแล้วล่ะ เพราะตอนที่เขาท้วงขึ้นมานั้นผมได้เปิดประตูตู้ใบนั้นออกมาแล้ว และผมก็ได้พบกับสิ่งหนึ่งที่มันสะดุดตาผมมากจนผมต้องหยิบมันขึ้นมาดูให้แน่ใจ มันสะดุดตาผมเสียยิ่งกว่ากล่องยาสามัญประจำบ้านที่ผมตั้งใจจะมาหยิบมันตั้งแต่แรกเสียอีก เพราะสิ่งนั้นมันคือกล่องเก็บสะสมดีวีดีภาพยนตร์ที่ผมแสดงนับสิบเรื่องตั้งแต่สมัยที่เข้าวงการใหม่ ๆ จนถึงเรื่องล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่มีหนังที่ผมไม่ได้แสดงแทรกมาแม้แต่แผ่นเดียว รวมไปถึงโฟโต้บุ๊คอัลบั้มภาพแนววาบหวิวที่ผมเคยถ่ายไว้ก็น่าจะมีอยู่ครบทุกเล่ม เอ่อ แบบนี้เขาเรียกว่าแฟนพันธุ์แท้ได้หรือเปล่า

     ถึงผลงานพวกนี้จะเป็นสิ่งที่ถ่ายเพื่อตั้งใจให้คนดูอยู่แล้วแต่พอมาเห็นคนที่สะสมทุกผลงานของตัวเองไว้มากมายขนาดนี้ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อายหรอกนะ แต่มันก็อดรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอยู่เล็ก ๆ ไม่ได้จริง ๆ

     ผมเก็บของพวกนั้นกับเข้าที่เดิมก่อนจะคว้าเอากล่องยาและหันกลับไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเขา เขาเองก็อยู่ในอาการไม่ต่างจากผมนัก ผมก็ไม่รู้ว่าในเวลาแบบนี้ผมหรือเขากันแน่ที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเขิน





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ผมทิ้งสำลีชุบยาสนามแผลชิ้นสุดท้ายลงถังขยะหลังจากที่ทำแผลให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย ตลอดเวลาที่ผมนั่งทำแผลให้เขานั้น เขาดูเกร็งมากและดูไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าผม ไม่รู้เพราะว่ายังเขินหรืออายเรื่องที่ผมไปเจอของที่อยู่ในตู้นั้นเข้าหรือเปล่า

     “เอ่อคุณโกรธผมหรือเปล่าครับ” เขาถามคำถามนั้นขึ้นมาหลังทำแผลเสร็จ โกรธหรือ? ทำไมเขาถึงคิดว่าผมจะต้องโกรธเขาด้วย

     “ผมจะไปโกรธคุณเรื่องอะไร”

     “ก็เรื่องของที่อยู่ในตู้นั้น......” ท่าทางที่ดูวิตกกังวลจนเกือบจะถึงขั้นวิตกจริตของเขานั้น ทำเอาผมกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จริง ๆ ตอนที่ผมเผลอหลุดขำออกไปเขาก็ยิ่งก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนสำนึกผิด นี่เขาคิดมากขนาดนั้นเลยหรือ

     “ผมจะไปโกรธคุณทำไม ในเมื่อหนังพวกนั้นผมก็ถ่ายเพื่อให้คนดูอยู่แล้ว ผมต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ติดตามผลงานของผมและซื้อของถูกลิขสิทธิ์”

     “แล้วก็ต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะครับคุณ...... เอ่อ........” ตายละ นี่ผมนอนบนเตียงห้องเขามาทั้งคืนรวมถึงกินข้าวต้มของเขาจนอิ่ม แต่ผมยังไม่รู้จักชื่อเขาเลยนี่นา

     “ผมโชนครับ”

     “อื้ม ขอบคุณมากนะครับคุณโชน ส่วนชื่อผมคุณคงรู้จักอยู่แล้วเนอะ” เขายิ้มเขินแล้วยกมือขึ้นเกาหัวเหมือนแก้เก้อหลังจากที่ผมพูดออกไปอย่างนั้น ก็จริงนี่นาสะสมผลงานของผมไว้เยอะขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่รู้จักชื่อผมนี่ก็เกินไปแล้ว

     “ผมขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม” แม้จะดูงุนงงแต่เขาก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองและยื่นมาให้ผมอย่างว่าง่าย ผมรับมันมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์สิบตัวลงไปก่อนจะกดโทรออก  ผมแอบเห็นเขาหน้าแดงระเรื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์มือถือของผม เขานิ่งแต่ดูเหมือนจะพยายามนิ่งเพื่อเก็บซ่อนอาการบางอย่างมากกว่า เมื่อผมหันมองหน้าเขา เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาหนีสายตาผมอย่างพัลวันอย่างกับว่าเขาไม่กล้าที่จะสบตาผมอย่างนั้นแหละ ผู้ชายกล้ามโต ๆ อย่างเขาเวลาเขินนี่ก็น่ารักดีชอบกล

     ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้กับเขา ในจังหวะที่เขารับโทรศัพท์คืนไปนั้นมือของผมได้สัมผัสกับมือของเขา ตอนนั้นมือเขาเย็นมากแค่ผมให้เบอร์แค่นี้จะต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรือ

     “นี่เบอร์โทรผมนะ ถ้ามีอะไรอยากให้ผมช่วย ติดต่อมาได้ตลอดนะ แล้วเจอกันนะครับคุณโชน”





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     การทำงานตรงนี้ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ นักแสดงหนังโป๊ทุกคนจะต้องตรวจเลือดและตรวจร่างกายกันอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีที่ละเอียดแม่นยำที่สุดโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ในองค์กรของพวกเราไม่ว่าจะค่ายต้นสังกัดของผมหรือค่ายไหน ๆ มีกฎว่าหากนักแสดงคนใดมีเชื้อหรือโรคติดต่อที่เป็นอันตรายต่อคู่แสดงจะต้องถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายชนิดที่เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลย ทุกคนจึงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการมีอะไรกับนักแสดงด้วยกันจึงถือว่าค่อนข้างปลอดภัยมาก และในประเทศของผมก็ไม่เคยมีนักแสดงหนังโป๊คนไหนได้รับเชื้อหรือโรคติดต่อที่เป็นอันตราย จากการมีเพศสัมพันธ์กับนักแสดงด้วยกัน



     วันนี้ผมเข้าบริษัทเพราะมีถ่ายงาน ตอนที่เข้ามาก็มีกลุ่มแฟนคลับมารอขอถ่ายรูปที่หน้าบริษัทด้วย ก็อย่างที่บอกครับเพราะมันเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศของผม ถึงจะมีคนบางส่วนที่รับไม่ได้ แต่คนที่รับได้และให้การสนับสนุนติดตามผลงานของพวกเราก็มีไม่น้อยเช่นกัน กลุ่มแฟนคลับเหล่านี้พวกเขาให้เกียรติผมและนักแสดงทุกคน ไม่เคยฉวยโอกาสหรือล่วงเกินใด ๆ และยังคอยให้กำลังใจและสนับสนุนผลงานเรื่อยมา

     ผมตรงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อในห้องแต่งตัวนักแสดง เสื้อยืดคอกว้างที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้มันช่างดูเปราะบางและขาดง่ายเสียเหลือเกิน แต่จริง ๆ แล้วมันก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกฉีกขาดได้ง่าย ๆ นั่นแหละ  หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็เข้าสู่กันตอนของการแต่งหน้าทำผม ก่อนจะมาคุยเรื่องบทกับผู้กำกับและนักแสดงร่วม จริง ๆ แล้วบทมันก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก ก็แค่เกริ่นหัวนิดหน่อยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงที่ต้องมีอะไรกันเท่านั้นเอง 

     คู่แสดงของผมในวันนี้คือฟรองค์เพื่อนของผมเอง ถ้าจะบอกว่าฟรองค์เป็นพระเอกคู่ขวัญของผมก็คงจะไม่ผิดอะไร เพราะฟรองค์ก็เป็นพระเอกในค่ายที่ผมร่วมงานด้วยบ่อยที่สุด เพราะหนังทุกเรื่องที่เราเล่นคู่กันมักจะเป็นที่นิยมและทำรายได้ให้กับบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำในทุกครั้งที่วางจำหน่าย สปอนเซอร์ก็เลยเรียกใช้งานพวกเราคู่กันอยู่บ่อยครั้ง

     ฟรองค์เองก็จัดได้ว่าเป็นพระเอกลำดับต้น ๆ ของค่าย ด้วยหุ่นที่ล่ำสันและหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับดาราแถวโซนยุโรป และอาจจะเพราะด้วยความที่ฟรองค์เป็นลูกครึ่งขนาดตรงนั้นก็เลยดูมหึมาเหมือนไซด์เดียวกับที่เราเห็นได้บ่อยในหนังโป๊ของฝรั่ง รวมไปถึงท่วงท่าในการแสดงที่แสนเร้าร้อน แล้วไหนจะน้ำเสียงนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ของเขาที่เวลาส่งเสียงครวญครางแต่ละทีมันช่างฟังดูเซ็กซี่ขยี้ใจ ฟรองค์ก็เลยยิ่งเป็นที่ถูกตาถูกใจของแฟน ๆ มาก เพราะเขามีครบทุกอย่างที่แฟน ๆ ต้องการรับชม

     ด้วยรอยสักที่ถูกวาดทับบนแขนซ้ายของเขาซึ่งกล้ามแขนของเขานั้นก็ยิ่งส่งเสริมให้รอยสักนั้นดูสวยและมีมิติมากบวกกับคาแรคเตอร์ที่ได้รับอยู่บ่อยครั้งในการแสดง หลายคนเลยอาจจะติดภาพไปว่าฟรองค์เป็นผู้ชายที่ดิบ ๆ เถื่อน ๆ แรง ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยตัวจริงของฟรองค์เป็นคนที่สุภาพและอ่อนโยนมาก และเขาก็ให้เกียรติผมเสมอ


      เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริง ๆ ทีมงานคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในบริเวณนั้น จะเหลือแค่เพียงนักแสดง ผู้กำกับ ตากล้องสองคน และคุณรามเจ้าของค่ายเท่านั้น เมื่อสิ้นเสียงสิ้นสั่งเริ่มการแสดงจากผู้กำกับ ฟรองค์ในสภาพที่เปลือยท่อนบนโชว์รอยสักและมัดกล้ามสวย ๆ กระชากผมที่ถูกจับมัดมือไพล่หลังเข้าไปจูบปากบดขยี้อย่างดุเดือด ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแฟนหนังของผมหลาย ๆ คนถึงชอบให้ผมเล่นบทแนวถูกรังแกกันนัก หรือว่ามันอาจจะทำให้ผมดูไร้เดียงสาในสายตาพวกเขาอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน

     ฟรองค์กลายร่างจากผู้ชายที่แสนอ่อนโยนเป็นผู้ชายหื่นกามในชั่วพริบตา เขาซุกไซร้ไปตามร่างกายของผมอย่างหื่นกระหายอย่างสมบทบาทที่ได้รับ เสื้อผ้าของผมที่มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกฉีกขาดง่ายอยู่แล้วมันขาดจนหวิ่นตามแรงกระชากของฟรองค์ไวกว่าที่ผมคิดเสียอีก

     ผมสวมบทบาทเป็นหนุ่มน้อยผู้แสนบอบบางและถูกรังแกต้องขัดขืนการกระทำของฟรองค์อย่างเต็มแรง แต่จริง ๆ แล้วก็ได้ขัดขืนแค่เพียงช่วงแรกเท่านั้นแหละ เพราะตามบทแล้วอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ผมจะต้องถูกฟรองค์เล้าโลมจนเคลิบเคลิ้มและสมยอมเขาด้วยความเต็มใจไปเองในที่สุด

     ในส่วนของฉากที่จะต้องมีอะไรกันนั้นผู้กำกับและคุณรามวางโครงและกำหนดท่าทางและเวลาที่ต้องการมาคร่าว ๆ ที่เหลือให้ผมและฟรองค์ไปด้นสดกันเอง ฟรองค์จับผมโยนลงบนที่นอนหนานุ่มขนาดห้าฟุตก่อนที่เขาจะทำการปลดเปลื้องเจ้ากางเกงยีนส์ขาด ๆ ที่เป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดเรือนร่างของเขาอยู่ออก และตามลงมาทาบทับบนตัวผมสวมบทชายหื่นซุกไซร้ตามร่างกายผมต่อไปอย่างสมบทบาท คงจะเป็นเพราะความชำนาญของเขา ฟรองค์เลยรู้วิธีที่จะทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาในฉากร่วมรักและการสอดใส่ได้แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การทำงาน หางตาผมปลายมองไปทางคุณรามที่กำลังมองดูพวกเราอย่างพึงพอใจ ในการดำดิ่งถึงบทบาทที่ได้รับอย่างถึงพริกถึงขิงของผมและหรองค์





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     สิ้นเสียงสั่งยุติการแสดงและคำชื่นชมในผลงานของพวกเราจากผู้กำกับ ฟรองค์ผละออกจากตัวผมทันทีและเขายังรีบจัดแจงเอาผ้าห่มมาห่อคลุมร่างเปลือยเปล่าของผมที่กำลังอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบ แววตาของฟรองค์ที่มองผมในเวลานี้ดูเป็นแววตาที่แสนอ่อนโยน จนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเลยว่าเขาคือคนเดียวกันกับผู้ที่สวมบทบาทชายหื่นเมื่อสักครู่นี้

     “หนึ่งโอเคนะ” ฟรองค์ว่าพลางช่วยเช็ดคราบน้ำขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของผม ที่ตัวเขาเพิ่งปลดปล่อยมันออกมาจนเลอะทั้งหน้าและตัวผมเมื่อครู่

     ผมพยักหน้าแทบคำตอบเพราะในเวลานี้ผมอยู่ในสภาพที่แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง แม้แต่แรงที่จะออกเสียงยังแทบจะไม่เหลือ การแสดงคู่กับฟรองค์นั้นทำให้ผมสูญเสียพลังงานในร่างกายไปไม่น้อยได้ทุกครั้งจริง ๆ





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     จนถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกเพลียและยังติดอาการหอบเล็ก ๆ อยู่เลย หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวจะกลับ แต่ดูท่าว่าผมคงจะไม่ได้กลับง่าย ๆ เสียแล้ว เมื่อผมถูกใครบางคนจู่โจมเข้ามาทางด้านหลังในระหว่างที่ผมกำลังเก็บของใส่ล็อคเกอร์ส่วนตัว สองแขนที่เต็มด้วยมัดกล้ามกอดรัดผมแน่น มือหนาของคน ๆ นั้นลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้องของผม ชายร่างสูงด้านหลังนั้นยังคงซุกไซร้ พรมจูบและใช้ตอหนวดแข็ง ๆ เสียดสีไปตามต้นคอและหัวไหล่ของผมอย่างอยู่ไม่สุข 

     “ห้องแต่งตัวนักแสดงห้ามคนที่ไม่ใช่แสดงเข้ามา กฎนี้คุณเป็นคนตั้งเองจำไม่ได้เหรอครับ คุณราม” แม้จะยังไม่ได้เห็นหน้าแต่ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนที่จะกล้ามาทำรุ่มร่ามกับผมถึงขนาดนี้ในห้องแต่งตัวจะเป็นใครไปได้ ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

     ผมคลายอ้อมกอดของเขาและหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ผมคาดเดาไว้ไม่ผิด ผมดันตัวเขาให้ออกห่างจากผมเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่าง

     “แต่ที่นี่มันบริษัทของผม ผมจะไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจผมอยู่แล้วไม่เห็นใจจะต้องสนใจกฎอะไรเลย”

     “ผมต้องการคุณมากนะหนึ่ง เห็นใจผมเถอะ อย่าทรมานผมอีกเลย” น้ำเสียงและแววตาที่วิงวอนแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาเคยใช้กับใครแล้วได้ผลหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้ผลกับผมแน่นอน

     “ผมเคยบอกคุณแล้วไงตราบที่ยังไม่มีใบหย่ามาวางตรงหน้าผม ความสัมพันธ์ของเราก็ไปได้ไกลสุดแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นแหละครับ” ผมกล้าพูดแบบนั้นเพราะผมรู้ว่าคนอย่างเขาไม่มีวันกล้าหย่ากับภรรยาอย่างแน่นอน

     ใช่ คุณรามเขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว และยังมีลูกชายวัยขวบเศษเป็นพยานรัก แต่เขาก็ยังมาพยายามที่จะเอาผมไปเป็นบ้านเล็กของเขา แม้ผมจะไม่เคยเล่นด้วยแต่เขายังตามตื้อผมมาตลอด คนแบบนี้ผมว่ามันน่ารังเกียจสิ้นดี

     “โธ่ หนึ่ง ผมก็เคยบอกคุณหลายครั้งแล้วไงว่าผมไม่ได้รักเขา อีกไม่นานผมก็กำลังจะหย่ากับเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ผมต้องการแค่คุณคนเดียวเท่านั้น ขอผมชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

     “กำลังจะหย่า ก็แปลว่ายังไม่ได้หย่า ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักตอนนี้คุณก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา และผมก็เป็นพวกไม่ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของ”

     “คุณจะให้ความสำคัญอะไรกับกระดาษแค่แผ่นเดียว พวกพระเอกที่แสดงกับคุณบางคนมันก็มีแฟนแล้ว คุณยังยอมมีอะไรกับพวกมันได้เลย ทำไมกับผมคุณถึงดื้อนัก ถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมสัญญาว่าผมจะตามใจคุณทุกอย่างและผมจะดูแลคุณและครอบครัวของคุณอย่างดี ผมรู้นะว่าคุณไม่อยากเล่นหนังแล้วถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมจะยกเลิกสัญญาให้คุณทันที ผมรักคุณนะหนึ่ง” คำว่ารักของเขาผมฟังแล้วแสลงหูชอบกล ผมก็ยอมรับว่าข้อเสนอของเขามันน่าสนใจมาก เพราะผมก็อยากจะลาวงการนี้เต็มแก่แล้ว แต่ถ้าจะต้องแลกกับการที่ผมจะต้องไปทำลายครอบครัวของใครผมยอมทนเล่นหนังต่อไปจนสัญญาหมดไปเองดีกว่า

     ผมรู้ดีว่าถ้าผมยอมเขาชีวิตผมคงจะไม่มีวันได้พบกับความสุขอีกเลย น้ำคำจากคนอย่างเขาที่ว่ารักผมและจะดูแลผมอย่างดีมันเชื่อถือได้ด้วยหรือ ขนาดคู่ชีวิตที่แต่งงานกันมาหลายปีเขายังคิดที่จะทรยศได้ นับประสาอะไรกับผม หากวันหน้าเขาเจอคนอื่นที่ถูกใจมากกว่าผม ผมก็คงต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกับภรรยาของเขาในตอนนี้ เพราะฉะนั้นอย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขานอกเหนือจากเรื่องงานเป็นการดีที่สุด

     “พระเอกพวกนั้นที่คุณพูดถึงการที่ผมมีอะไรกับพวกเขามันคือการทำงานครับ นั่นเป็นสปิริตของนักแสดง ถ้าไม่ได้อยู่ในงานก็หมดสิทธิ์และคุณก็ไม่ใช่คู่แสดงของผม เพราะฉะนั้นขอตัวนะครับ” ก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละ การที่ผมมีอะไรกับคู่แสดงของผมนั่นคือการทำงานและทุกอย่างจบแค่ในฉาก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยต่อกันนอกจอ แฟนของพวกเขาก็รับรู้และเข้าใจ แต่สำหรับภรรยาของคุณรามเธอคงจะไม่แฮปปี้แน่ ๆ ถ้ารู้ว่าสามีของตัวเองมาตามก้อร่อก้อติกกับนักแสดงในสังกัดแบบนี้

     ผมปิดล็อคเกอร์ ก่อนจะเดินเลี่ยงผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี ถึงอาชีพที่ผมทำบางคนอาจจะมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ในใจของผมมันยังมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ยอมเป็นเมียน้อยของใคร

     “คุณจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ผมส่งเสียงออกมาด้วยดวามตกใจ มันไม่ง่ายอย่างที่ผมคิด เมื่อผมเดินจากมาเพียงไม่กี่ก้าวคุณรามก็พุ่งเข้ามาจู่โจมผมอย่างไม่ทันที่ผมจะมีโอกาสได้ตั้งตัว เขาจับผมกดตรึงกับตู้ล็อคเกอร์และพุ่งเข้ามาพยายามที่จะปลุกปล้ำผมอย่างไม่สนใจในศีลธรรม

     สองแขนของผมถูกเขาจับตรึงไว้กับผนังตู้ ผมพยายามที่จะดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่การที่จะหลุดพ้นจากการพันธนาการของคนที่ตัวโตกว่าเรามากโขนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย เมื่อยิ่งขัดขืนคุณรามก็ยิ่งจู่โจมผมหนักขึ้นเรื่อย ๆ



     “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของใครบางคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องนี้ ทำให้การกระทำของคุณรามต้องหยุดชะงักลง เขาผละออกจากตัวผมไปด้วยสีหน้าที่ดูสุดแสนจะเสียดาย และก็เป็นฟรองค์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัวนักแสดงในตอนนี้ นับว่ายังเป็นโชคดีของผมที่ฟรองค์เข้ามาได้ทันเวลาก่อนที่อะไร ๆ มันจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้

     “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ พอดีผมจะมารับหนึ่งไปส่งที่บ้าน”

     “ไม่มีอะไรฟรองค์เราแต่งตัวเสร็จพอดี ไปกันเถอะ” 

     ผมรีบจัดระเบียบเครื่องแต่งกายที่หลุดลุ่ยจากการที่คุณรามพยายามจะถอดมันเมื่อครู่ ก่อนจะรีบดึงแขนฟรองค์ออกไปโดยไม่หันมองหรือให้ความสนใจคนน่ารังเกียจที่ยังยืนอยู่ในห้องนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะฝังใจอะไรกับผมหนักหนา เขาทั้งรวยแถมยังหน้าตาดูดีคมเข้มมีนักแสดงในค่ายอีกมากมายที่พร้อมจะถวายตัวให้กับเขาโดยไม่สนเรื่องที่เขามีลูกเมียอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ผม






     TBC
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-01-2018 12:42:18
 :3125:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 16-01-2018 17:02:58
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 16-01-2018 18:50:16
แปลกแวกแนวน่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-01-2018 18:58:50
ฟรองค์รักหนึ่ง
จะใช่คนที่วางยาปะ
แรกๆร่วมมือกับรามปะ
แต่ว่า หนึ่งบอกไม่รู้จักสองคนนั้น
ไม่เดาดีก่า รออ่านละกัน
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 16-01-2018 19:05:43
มาต่อบ่อย ๆ นะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2018 20:40:54
เจอเจ้านายชีกอ จะกินลูกน้อง แย่เลย  จะเอาหนึ่งท่าเดียว
ทั้งที่ตัวเองแต่งงานมีลูกแล้ว พูดแต่จะหย่า เหอะ....   :angry2:

คราวนี้ฟรองค์ช่วย แล้วคราวหน้าล่ะ
ไม่ยอมหยุดหรอก ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้
เชียร์โชน หนึ่ง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 17-01-2018 02:38:46
หนึ่งรอดไปได้คราวนี้
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-01-2018 07:18:35
โชน หรือ ฟรองค์  ดี นะ โชนเถอะ 555
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-01-2018 07:25:12
เจ้านายแม่มเชี่ยมาก
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 17-01-2018 12:29:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 18-01-2018 12:15:33
ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา






     “หนึ่งลองชิมดูสิ นี่เป็นเค้กสูตรใหม่ของร้านฟรองค์ ให้หนึ่งชิมเป็นคนแรกเลยนะ” ฟรองค์ว่าพลางวางจานเค้กหน้าตาน่าอร่อยลงตรงหน้าผม

     ผมยังไม่ได้กลับคอนโดแต่แวะมานั่งเล่นที่ร้านของฟรองค์ตามคำชักชวนของเขาก่อน นอกจากการเป็นพระเอกจีวีแล้วอีกอาชีพหนึ่งของฟรองค์ก็คือเป็นหุ้นส่วนร้านกาแฟที่ร่วมกันเปิดเพื่อนสนิทของเขา

     “ครีมนี่หวานละมุนลิ้นมากเลยนะ หนึ่งต้องชอบแน่ ๆ” ว่าแล้วฟรองค์ก็ใช้นิ้วก้อยขวาปาดครีมจากหน้าเค้กขึ้นมาแล้วยื่นมาจ่อตรงปากผม พร้อมทั้งส่งสายตาออกแนวเชิญชวนแกมคะยั้นคะยอให้ผมลองชิมครีมสูตรพิเศษของเขา

     ผมตอบรับฟรองค์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะใช้ช้อนตักเค้กในจานเข้าปากเพื่อลิ้มรสชาติตามคำเชิญชวนของเจ้าของเค้ก ช้อนก็มีไม่รู้ว่าจะทำให้มันเลอะมือไปทำไม อื้ม แต่มันก็อร่อยมากอย่างที่เจ้าตัวเขาภูมิใจนำเสนอจริง ๆ

     “อื้ม อร่อย เราชอบ”

     “โห หนึ่งอะ ไม่รับมุกกันบ้างเลย” ฟรองค์ว่าพลางดูดนิ้วเปื้อนครีมของตัวเองด้วยท่าทางที่ดูเซ็ง ๆ จนผมเกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่กับท่าทางเง้างอนเหมือนเด็กน้อยของฟรองค์ที่ดูไม่ได้สมตัวเอาเสียเลย

     จริง ๆ แล้วฟรองค์อายุมากกว่าผมถึงสามปีเลยนะ แต่เขาบอกว่าเขาไม่อยากแก่แล้วก็เป็นเพื่อนกันน่าจะสนิทกันได้ไวกว่า เขาเลยไม่ยอมให้ผมเรียกว่าพี่

     “ทำร้านกาแฟนี่มันเหนื่อยมากเลยนะ ถ้าเกิดว่ามีแฟนน่ารัก ๆ สักคนมาคอยเป็นกำลังใจให้ ฟรองค์คงจะหายเหนื่อยเนอะ หนึ่งว่าไหม” ผมหรี่ตามองอย่างรู้เท่าทันในน้ำเสียงออดอ้อนนั้น

     “เมื่อไหร่คนแถวนี้เขาจะใจอ่อนสักทีนะ” นั่นไงคิดไว้ไม่ผิดว่าต้องเข้าอีหรอบนี้ ฟรองค์วางแขนบนโต๊ะก่อนจะฟุบหน้าลงหนุนบนแขนตัวเองและหันมองผมด้วยแววตาที่สุดแสนจะหยาดเยิ้มและเว้าวอน

     “ทำไม ในฉากวันนี้ยังไม่ถึงใจอีกเหรอ” ผมพูดเย้าฟรองค์อย่างทีเล่นทีจริง

     “โห หนึ่งอะ มีอะไรกันแค่ในงานมันจะไปสำคัญอะไร ไม่เมื่อหนึ่งไม่ได้ชอบฟรองค์จริง ๆ สักหน่อย ฟรองค์อยากกอดหนึ่งหอมหนึ่งได้โดยที่ไม่ต้องรอเวลางานบ้างนี่นา นี่ฟรองค์ก็อ่อยมาตั้งเป็นปีแล้วนะหนึ่งไม่คิดจะหวั่นไหวบ้างเลยเหรอ”

     ที่จริงผมก็รู้มาตลอดนั่นแหละว่าฟรองค์เขาคิดอย่างไรกับผม และเจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรซ้ำยังตั้งใจแสดงออกให้ผมรับรู้อย่างเปิดเผยมาโดยตลอด ผมยอมรับฟรองค์เขาก็เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าผมคบกับเขาผมเชื่อว่าเขาจะสามารถทำให้ผมมีความสุขได้ แต่มันติดตรงที่หัวใจของผมมันไม่เคยคิดอะไรกับฟรองค์มากไปเกินกว่าคำว่าเพื่อนน่ะสิ และตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใครด้วย

     

     จริง ๆ แล้วตอนนี้ฟรองค์หมดสัญญากับค่ายของคุณรามสักพักหนึ่งแล้ว เพราะอยากจะหันมาดูแลกิจการร้านกาแฟอย่างเต็มตัว แต่ยังรับงานแสดงในฐานะนักแสดงอิสระอยู่บ้างประปราย แต่ฟรองค์ก็เลือกรับงานเฉพาะงานจากค่ายคุณรามเท่านั้นไม่ได้รับงานจากค่ายอื่นเลย แม้จะมีค่ายอื่น ๆ เสนอผลตอบแทนที่สูงมาก ๆ เพื่อให้ฟรองค์ไปร่วมงานแต่ฟรองค์ก็เลือกที่จะปฏิเสธทั้งหมด หลาย ๆ คนเลยยังเข้าใจว่าฟรองค์ยังเป็นนักแสดงในสังกัดของคุณรามอยู่ แต่ทว่าผลงานในช่วงหลังจากหมดสัญญาของฟรองค์นั้นก็มีแต่ผลงานที่ผมเป็นคู่นักแสดงทั้งสิ้น จนแฟน ๆ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นแฟนกันจริง ๆ ไปแล้ว

     โดยปกติแล้วคุณรามมักจะไม่ค่อยเรียกใช้งานนักแสดงที่ไม่ได้มีสัญญากับบริษัท แต่กับฟรองค์นั้นคุณรามไม่สามารถที่จะต้านกระแสความนิยมจากแฟนคลับของเขาและความต้องการของสปอนเซอร์ได้ ก็อย่างที่ผมบอกว่าฟรองค์จัดได้ว่าเป็นพระเอกลำดับต้น ๆ ของค่าย แม้ว่าจะไม่มีสัญญาแล้วแต่ผลงานของฟรองค์ก็ยังสร้างผลกำไรให้กับทางค่ายได้เป็นกอบเป็นกำอยู่เสมอ

     ในเรื่องของสัญญานั้นนักแสดงที่อยู่ในสัญญาจะได้รับเงินเดือนเป็นที่แน่นอนในทุก ๆ เดือน และทุกครั้งที่มีผลงานไม่ว่าจะเป็นการถ่ายหนังหรือถ่ายโฟโต้บุ๊คก็จะมีเงินค่าตัวจ่ายให้อีกต่างหาก สำหรับนักแสดงที่เป็นตัวท็อป ๆ ของค่ายนั้นจะได้ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูงทั้งเงินเดือนและค่าตัวจากการถ่ายงาน ตัวผมก็คงจะจัดอยู่ในหมวดนั้น เพราะตอนนี้ก็ถือได้ว่าผมเป็นนายเอกที่ค่าตัวสูงที่สุดในค่าย

     โดยปกติแล้วผมจะรับงานแสดงไม่เกินสองเรื่องต่อเดือน ถึงไม่ค่อยอยากจะรับสักเท่าไหร่แต่เพราะผมยังอยู่ในสัญญาจึงปฏิเสธอะไรไม่ค่อยจะได้มาก เพราะตามข้อตกลงในสัญญาแล้วผมจะต้องรับงานแสดงขั้นต่ำคือเดือนละสองเรื่องหากว่าทางค่ายป้อนงานให้ ซึ่งผมก็เลือกรับเพียงเท่านั้นแม้ว่าในแต่ละเดือนคุณรามและสปอนเซอร์จะเสนองานแสดงให้ผมมาไม่น้อยเลย แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้ผมไม่ได้มีความเดือดร้อนในเรื่องการเงินแบบเมื่อก่อนแล้ว เฉพาะเงินเดือนอย่างเดียวผมก็เลี้ยงแม้เลี้ยงน้องได้สบาย ๆ แล้ว

     การที่ผมเลือกไม่รับงานหลาย ๆ งานนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการช่วยกระจายงานและรายได้ให้กับนักแสดงคนอื่น ๆ ที่เต็มใจและพร้อมที่จะรับงาน เพราะกับหลาย ๆ คนนั้นทางค่ายแทบจะไม่มีงานป้อนให้เลย และสำหรับคนที่ค่ายไม่ค่อยป้อนงานให้นั้นเงินเดือนก็จะได้น้อยตามไปด้วย เพราะว่านักแสดงในค่ายมีมาก แต่คนที่เป็นที่ต้องการของตลาดจริง ๆ กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คน




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     ในช่วงบ่ายของวันพักผ่อน วันนี้ผมออกมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ คอนโดตั้งใจว่าจะมาหาซื้อหนังสือนิยายไปอ่านแก้เบื่อที่ห้อง ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในร้านหนังสือสิ่งแรกที่ผมพบก็คือ โฟโต้บุ๊คแนวเซ็กซี่ชนิดที่เปลือยหมดเปลือกที่ผมถ่ายไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วโฟโต้บุ๊คชุดนี้แล้วมันถูกวางขายตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งจะถูกตีพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่สองและกลับมาวางขายอีกครั้งได้ไม่นานเพราะที่ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรกนั้นมันเกิดขายดีจนขาดตลาด จนตอนนี้โฟโต้บุ๊คชุดนั้นยังคงขึ้นแท่นหนังสือแนะนำที่ยอดขายสูงเป็นอันดับหนึ่งของร้าน เรียกได้ว่าชนะแบบทิ้งห่างหนังสือในแนวเดียวกันที่ถ่ายโดยคุณผู้หญิงคนสวยที่ยอดขายตามมาเป็นอันดับที่สอง เอ่อ ว่าแต่นี่ผมควรจะต้องภูมิใจใช่ไหม

     ผมเดินเลือกหาหนังสือที่ชอบโดยไม่ได้สนใจสายตาจากคนในร้านที่มองผม อาจจะมีหันไปยิ้มให้กับบางคนบ้างเล็กน้อย แต่ เอ ทำไมร้านนี้ถึงได้จัดวางหนังสือนิยายจากสำนักพิมพ์ที่ผมชอบอ่านไว้บนชั้นที่สูงขนาดนั้นนะ บันไดสำหรับปีนหยิบหนังสือก็ไม่มีอยู่แถวนี้เสียด้วยสิ ผมก็เลยจำเป็นต้องเขย่ง และเอื้อมมือออกไปให้ไกลที่สุด

     แม้ว่าพยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ผมก็ทำได้แค่แตะ ๆ ที่ขอบชั้นหนังสือเท่านั้นเอง ทำไมพ่อแม่ถึงไม่ประดิษฐ์ผมออกมาให้ตัวสูง ๆ แบบเจ้าสองนะ ไม่ว่าจะเขย่งและพยายามยืดตัวอย่างไรผมก็หยิบหนังสือที่อยากได้ลงไม่ได้สักที โอย เหนื่อยแล้วนะ

     ในนาทีที่ผมได้แต่ยืนมองหนังสือที่อยากได้ตาปริบ ๆ ราวกับสุนัขที่กำลังมองปลากระป๋อง เห็นอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ แต่เอามาไม่ได้ ในตอนนั้นอยู่ ๆ ก็มีมือของใครคนหนึ่งเอื้อมขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มที่ผมกำลังต้องการลงมาได้อย่างง่ายดายต่อหน้าต่อตาผม ทำให้ที่คนเอื้อมไม่ถึงอย่างผมต้องอิจฉาเล่น ๆ แต่เอ ถ้าจะขอให้เขาช่วยหยิบให้ผมด้วยสักเล่มเขาคงจะไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง

     ในตอนที่ผมกำลังหันไปเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากคน ๆ นั้น กลับกลายเป็นว่าเขาก็กำลังยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้กับผมเช่นกัน

     อ้าว นี่มัน...

     “คุณโชน” คุณโชนคนที่ให้ความช่วยเหลือผมจากการถูกมอมยาในผับเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่ผมให้เบอร์ติดต่อเขาไว้ด้วยเผื่อว่ามีอะไรที่เขาอยากจะให้ผมช่วยเพื่อเป็นการตอบแทนเขาบ้าง แต่เขาก็หายเงียบไปเลย

     คุณโชนยิ้มให้ผมเกร็ง ๆ คล้ายกับว่ากำลังแทนคำทักทายพร้อมทั้งยื่นหนังสือที่เขาเพิ่งจะหยิบมันลงมาจากชั้นหนังสือที่ผมเอื้อมไม่ถึงส่งให้กับผม

     “นี่ครับหนังสือของคุณ ว่าแต่คุณชอบอ่านนิยายสยองขวัญแบบนี้ด้วยเหรอครับ”

     “ใช่ครับผมเป็นแฟนนิยายของสำนักพิมพ์นี้เลย มันน่ากลัวแต่ก็สนุกและตื่นเต้นมาก ว่าแต่คุณโชนก็.... เอ่อ....” ผมว่าพลางแอบชำเลืองมองหนังสืออีกเล่มที่ยังอยู่ในมือของคุณโชน เอ่อ นั่นมัน โฟโต้บุ๊คของผมนี่นา

     ดูเหมือนว่าคุณโชนจะรู้ตัวแล้วว่าผมมองเห็นหนังสืออีกเล่มในมือของเขาที่เขาอาจจะไม่ค่อยอยากให้ผมเห็นสักเท่าไหร่เข้าให้แล้ว เขาหน้าตาเลิ่กลั่กและรีบเอามันซ่อนไว้ข้างหลัง แต่ว่าซ่อนตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะมั้ง คุณโชนหัวเราะแห้ง ๆ เหมือนว่าจะกำลังกลบเกลื่อน และยกมือข้างขึ้นเกาหัวด้วยท่าทีขัดเขิน และผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ผมหรือเขากันแน่ที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเขิน





☼​☼​☼​☼​☼​☼​​




     “มานั่งทานข้าวกับผม คุณไม่อายเหรอ”

     “อาย อายเรื่องอะไรเหรอครับ” คุณโชนถามผมกลับอย่างพาซื่อ นี่เขาไม่รู้จริง ๆ หรือว่าผมหมายถึงอะไร

     “คุณไม่สังเกตเหรอ ว่าโต๊ะอื่นเขาแอบมองพวกเราด้วยสายตาแปลก ๆ มานั่งทานข้าวกับดาราหนังโป๊คุณไม่กลัวถูกมองไม่ดีเหรอ”

     “ทำไมเราต้องใส่ใจคนอื่นด้วยล่ะครับ เราแค่มาทานข้าวกันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย หรือแม้แต่งานที่คุณทำ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ใครเดือดร้อนและก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปแคร์สายตาใครเลย” ผมยิ้มและพยักหน้ารับในคำตอบของเขา มันก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละ สายตาของคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรา ไม่ได้ประโชน์อะไรที่เราจะต้องสนใจผมเองก็ไม่เคยสนใจหรอก ที่จะสนใจและอยากให้เข้าใจก็มีแต่เจ้าสองคนเดียวนั่นแหละ

     “ผมเซ็นให้ไหม” ผมว่าพลางหันมองไปทางถุงพลาสติกที่มีโลโก้ของร้านหนังสือที่ผมเพิ่งไปมา ซึ่งด้านในบรรจุหนังสือที่คุณโชนเพิ่งจะซื้อมันมา ก็เล่มที่ผมเห็นนั่นแหละ

     “จะดีเหรอครับ”

     ผมพยักยืนยันในคำพูดของตัวเอง ก่อนที่เขายื่นหนังสือเล่มนั้นและปากกาที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของเขาให้ผมด้วยท่าทีขัดเขิน ซื้อมาต่อหน้าต่อตากันขนาดนี้แล้วยังจะมีอะไรให้เขินกันอีกหรือ

      ผมจรดปากกาเซ็นชื่อลงบนหน้าปกหนังสือพลางพินิจมองรูปหน้าปกที่เป็นรูปตัวผมเองในสภาพที่กำลังนั่งทำหน้าตาบ้องแบ๊วและสวมใส่เพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นเต่อ ช่องใส่ขาก็แสนจะกว้างขวาง ซ้ำยังนั่งแหกแข้งแหกขาชนิดที่ไม่กลัวอะไร ๆ มันจะโผล่ออกมา แต่จะกลัวไปทำไมเพราะหลาย ๆ รูปในเล่มนั้นผมไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอมามองรูปตัวเองแบบนี้ก็แอบรู้สึกเขินอยู่เหมือนกันนะ งานถ่ายโฟโต้บุ๊คนี่ก็ใช่ว่าผมจะรับบ่อย ๆ หรอกนะ จะรับก็ต่อเมื่อเป็นงานที่ถ่ายโดยช่างภาพที่สนิทกันเท่านั้น

     “แต่เอ ผมว่าเล่มนี้ที่ห้องคุณมีอยู่แล้วนี่นา ทำไมต้องซื้อเล่มใหม่ล่ะ” ผมก็ว่าผมพอจะจำได้นะ คลับคล้ายว่าเคยเห็นโฟโต้บุ๊คเล่มนี้รวมอยู่กับผลงานอื่น ๆ ของผมที่คุณโชนเขาสะสมอยู่ในตู้นั้นด้วย

     “ตีพิมพ์ใหม่เห็นว่าเปลี่ยนรูปปกหลังด้วยผมก็อยากจะเก็บสะสมไว้น่ะครับ” คุณโชนว่าพลางยิ้มแห้ง ๆ และทำก้มหน้าก้มตา นิ้วชี้ทั้งสองของเขาถูกยกขึ้นมาถูกันไปมาราวกับว่าเขากำลังหาอะไรทำเพื่อบรรเทาเขินอาย รูปปกหลังที่เปลี่ยนใหม่ที่เขาว่านั้น มันก็เป็นรูปที่มีในเล่มอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าเดิม ผมล่ะยอมในความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขาเลยจริง ๆ

     “นี่ผมถามจริง ๆ เวลาคุณดูงานผมนี่ คุณช่วยตัวเองไปด้วยไหม” ผมทำหน้าเจ้าเล่ห์และถามเขาอย่างติดตลก ตั้งใจว่าอยากจะให้เขาขำและอยากจะละลายพฤติกรรมของเขา เขาจะได้เลิกเกร็งและเลิกทำท่าทางขัดเขินแบบนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าผมสักที

     แต่ดูท่าคำถามของผมมันคงจะผิดประเด็นหน่อยไปสักหน่อย ทั้งที่ตั้งใจจะละลายพฤติกรรมของเขาแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าดันทำเอาคุณโชนที่กำลังกระดกแก้วน้ำดื่มเข้าปากถึงกับต้องสำลักมันออกมาในทันใด เขาหันมามองหน้าผมเพียงครู่เดียว แต่ก็ทันที่พอจะให้ผมได้เห็นว่าตอนนี้แก้มของเขาแดงอย่างกับผลแอปเปิ้ล ก่อนที่เขาจะก้มหน้าก้มตารัวตักอาหารเข้าปากอย่างไม่กลัวติดคอ เอ่อ ผมคงจะแซวพลาดไปสินะ




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     ผมติดรถคุณโชนมาเพื่อกลับคอนโดด้วย เพราะเขาอาสาว่าอยากมาส่งผมเพราะคอนโดผมเป็นทางผ่านของเขาอยู่แล้ว จริง ๆ แล้วคอนโดที่ผมเช่าอยู่กับบ้านที่ผมซื้อให้แม่กับน้องไม่ได้อยู่ไกลกันสักเท่าไหร่เลยนะ แต่ผมกลับไม่ได้แวะเวียนไปที่บ้านหลังนั้นบ่อย ๆ ทั้งที่อยากจะเจออยากจะกอดแม่กับน้องใจจะขาด แต่ผมกลัว กลัวว่าถ้าเจ้าสองมันรู้ว่าผมไปที่นั่นบ่อย ๆ มันจะไม่พอใจเอาน่ะสิ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มีโอกาสจะทำให้เจ้าสองมันเกลียดผมมากกว่าเดิมผมก็กลัวไปหมดนั่นแหละ จะเรียกว่าวิตกจริตก็คงได้ แต่หลาย ๆ ครั้งมันก็อดไม่ได้จริง ๆ จนเป็นเหตุให้มีเรื่องกันแบบคราวก่อน ผมเลยได้แต่ส่งความคิดถึงไปหาแม่ผ่านสายโทรศัพท์พร้อมทั้งฝากความห่วงใยผ่านไปแม่ไปหาน้อง

     แม้แต่ตลาดที่แม่มักจะมาจับจ่ายซื้อของอยู่เป็นประจำยังเป็นทางผ่านในการไปคอนโดผมเลย ใช่ตลาดนี้มันเป็นทางผ่าน และตอนนี้รถของคุณโชนก็กำลังจอดติดไฟแดงอยู่ตรงหน้าตลาดนี้พอดี แล้วก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุบังเอิญหรือโชคละตาลิขิตเมื่อผมหันมองเข้าไปในตลาดสองตาของผมมันก็ไปสะดุดเข้ากับหลังไว ๆ ของแม่กับเจ้าสองที่กำลังเดินเข้าไปตลาดอยู่พอดิบพอดีนี่สิ

     “เอ่อ คุณโชนครับผมขอลงตรงนี้นะ” ก็ในเมื่อมันได้เจอแล้วมันก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะผ่านไปเฉย ๆ

     “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

     “พอดีผมมีธุระด่วนน่ะครับ แว่นตากับหมวกของคุณผมขอยืมก่อนนะ เดี๋ยวผมเอาไปคืนให้ที่ห้องคุณ” ว่าแล้วผมก็คว้าแว่นตาดำกับหมวกแก๊ปของคุณโชนที่วางอยู่บนคอนโซนหน้ารถอย่างถือวิสาสะ แล้วรีบกระโดดลงจากรถกลางถนนที่รถกำลังจอดติดไฟแดงโดยไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงว่าให้ระวังอันตรายจากคุณโชนเลยสักนิด




☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     หวังว่าแว่นตากับหมวกนี่คงจะช่วยให้ผมอำพรางตัวได้บ้างนะ ผมไม่อยากให้มีคนจำผมได้ในตอนนี้ ไม่อยากให้แม่กับเจ้าสองรู้ว่าผมแอบตามมาเพราะเกรงว่าพวกเขาจะอาย ผมได้แต่แอบตามดูเขาทั้งสองคนอยู่ห่าง ๆ แค่ได้เห็นหน้าจากมุมไกล ๆ เพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้ว แม้ว่าอยากจะกระโดดเข้าไปกอดแต่ก็รู้ตัวดีว่าเจ้าสองมันคงไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้นแน่นอน

     ผมมองภาพเจ้าสองในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนช่างกลที่เจ้าตัวศึกษาอยู่ในปัจจุบัน เจ้าสองกำลังช่วยแม่ถือของทุกอย่างโดยไม่มีบ่นอิดออด เวลาอยู่กับแม่สองก็ยังคงเป็นเด็กดีคนเดิม ไม่ได้ดูมีพฤติกรรมก้าวร้าวดั่งเช่นตอนที่อยู่กับผมเลยแม้แต่น้อย ผมคงจะเป็นตัวปัญหาในชีวิตของน้องมันจริง ๆ สินะ




     “กรี๊ด! ช่วยด้วยค่า โจรกระชากกระเป๋า” เสียงกรีดร้องโวยวายของแม่ดังลั่นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปอีกทีก็พบว่ากระเป๋าเงินที่แม่เคยถือมันอยู่ในมือบัดนี้มันไม่ได้อยู่ในมือของแม่อีกแล้ว แต่กลับไปอยู่ในมือของชายฉกรรจ์แปลกหน้าที่กำลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเจ้าสองวิ่งไล่กวดตามหลังไปติด ๆ

     ได้เห็นภาพดังนั้นผมไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะฉุกคิด ผมรีบวิ่งตามเจ้าสองไปทันที ก็ผมเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นมันนี่ วิ่งตามโจรไปคนเดียวแบบนั้นมันอันตรายมากนะรู้ไหม ถ้าเกิดเจ้าสองถูกโจรนั่นทำร้ายจนเป็นอะไรขึ้นมาผมจะอยู่ยังไง ถึงน้องมันจะเกลียดผมแต่ผมรักมันมาก มากเสียยิ่งกว่าชีวิตของผมเอง ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายน้องผมเด็ดขาด

     เจ้าสองวิ่งไล่กวดไอ้โจรนั่นไปจนถึงทางตัน เมื่อหมดหนทางจะหนีโจรนั่นหันกลับมาประจันหน้ากับเจ้าสอง และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดมันก็กำลังจะเกิดขึ้นจริง เมื่อไอ้โจรมันชักมีดที่ซุกซ่อนไว้ออกมาและเงื้อมือไปจนสุดวงแขนหมายจะจ้วงแทงเจ้าสองที่กำลังพุ่งเข้าไปเพื่อยื้อแย่งกระเป๋าคืนให้แม่

     ไม่ ผมจะยอมให้เจ้าสองเป็นอันตรายไม่ได้เด็ดขาด

     ฉึก

    “พี่หนึ่ง!!!”

     นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้ยินเจ้าสองมันเรียกผมว่าพี่อีกเลย แต่วันนี้น้องมันยอมเรียกผมว่าพี่แล้ว เจ้าสองตะโกนเรียกชื่อผมอย่างสุดเสียง หลังจากที่ผมเพิ่งจะปกป้องเจ้าเด็กนั่นได้สำเร็จ มันน่าชื่นใจที่สุดก็ตรงที่มีคำว่าพี่นำหน้านี่แหละ

     ผมก้มมองหน้าท้องตัวเองที่เพิ่งจะเกิดรอยแผลสดและเลือดกำลังไหลอาบเพราะเพิ่งถูกเสียบแทงด้วยของมีคม แต่ผมถือว่าเป็นโชคดีที่ผมกระโดดเข้ามาขวางและรับคมแหลมของมีดเล่มนั้นได้ทันก่อนที่มันจะไปถึงตัวเจ้าสอง เพราะถ้าหากผมจะต้องเห็นเจ้าสองถูกแทงต่อหน้าต่อตาผมคงทนไม่ได้

     “พี่หนึ่ง! พี่หนึ่งอย่าเป็นอะไรนะ” เจ้าสองมันกอดผมด้วยล่ะ น้ำตาผมแทบจะไหลเมื่อได้เห็นว่าเจ้าสองมันมีท่าทีเป็นห่วงผมมากขนาดนั้น จนผมเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าน้องมันไม่ได้เกลียดผมแล้วใช่ไหม







     TBC
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2018 12:27:51
 :a5:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 18-01-2018 12:55:41
โถ่คุณพี่
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2018 13:28:40
สอง จะเข้าใจความรักของพี่หนึ่งที่มีต่อสองรึยัง  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 19-01-2018 07:20:05
ตามและรอต่อไป
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 27-01-2018 09:31:26
อย่าเปนไรน้าหนึ่ง  :hao5:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 27-01-2018 10:57:33
คุณโชนนี้น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: backforred ที่ 27-01-2018 13:53:17
สนุกมากเลย มาต่อเร็วๆนะ ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 28-01-2018 16:11:32
นายเอกเจนโลก พระเอกขี้อาย มันเป็นอะไรที่ใช่มากๆ ตามเชียร์ด้วยคนนะ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_panko ที่ 04-02-2018 15:33:56
ชอบจัง มีความฮาเร็ม
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 09-02-2018 06:13:54
คิดถึง หนึ่งงงงงงง :z3:
อย่าเป็นรัยน้าาาาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 09-02-2018 08:53:35
เฮ้ยยย หนึ่งง อย่าเป็นไรนะเว้ยยน
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 10-02-2018 22:41:25
อยากรู้ว่า อัป วันไหน บ้างจะได้ ส่อง ถูกวัน
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 01-03-2018 23:18:17
โดนเทแล้วอออออออออ   :sad4: :sad4:
กลับมาน่าาาาาาาาาา    งือออออออ  :ling3:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 01-03-2018 23:38:58
ต้องเสียสละขนาดนี้เลยรึ น้องหนึ่ง
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-03-2018 09:04:55
หนึ่งคนดี!!!!
หวังว่าสองจะรับได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 06-03-2018 13:18:26
รีบมาต่อน่าาาาาาาา  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: I.skyt ที่ 07-03-2018 01:01:02
งืออ อยากให้เป็น3p เหมือนกันน้าาา ฟรองใจดีมากเลยยน>\\<
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 07-03-2018 01:23:38
แง้ สงสารพี่หนึ่ง อยากให้น้องสองเข้าใจพี่อ่ะ แค่ทุกวันนี้พี่เขาก็ไม่มีความสุขอยู่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 08-03-2018 15:46:28
 o13 o13 สนุกอ่า รอๆๆๆ เป็นกำลังใจให้ไรท์จร้าาา
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 13-03-2018 00:37:07
เป็นกำลังใจให้น่าาาาาาาาาา   มาต่อเร็วๆน่าาาาาาาา :katai5:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-03-2018 01:52:52
 :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 19-03-2018 16:18:06
อย่าาาาาหายไปนาน น่าาาาาาา :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 20-03-2018 01:54:42
ไม่มีใครคิดเหมือนเราว่ามันน้อยไปเลยหรอ  :pigha2:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 20-03-2018 04:38:13
สงสารหนึ่ง สองรังเกียจพี่แกก็ออกจากบ้านนี้ไปเลย (รุนแรงไปไหม แต่เราว่าสองไม่เข้าใจอะไรเลย) เรียกร้องความสนใจงี้อ๋อ เด็กขี้อิจฉางี้อ่อ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 20-03-2018 12:09:37
ดันๆๆ จ้า
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 07-04-2018 02:43:04
 :ling3:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 07-04-2018 04:19:25
ทำไมเรามีความรู้สึก เหมือนกับว่าโชนเป็นสต๊อคเกอร์ แล้วก็แอบจิตๆ หรือเรารู้สึกไปเองหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 12-04-2018 01:59:28
คือ.......... รออ่านนนนนนนน๊าาาาาาาา~~~~~ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 18-05-2018 23:30:45
เราโดนเทใช่ไหม  :o12:

รอน๊าาาาาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 18-05-2018 23:53:17
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: LAFIA ที่ 19-05-2018 05:55:09
ช่วยดันนน งื้ออออ  :hao5: อย่าเทกันสิ
นี่เดาแหวกแนวมากตั้งแต่อ่านตอนแรกจบคือสองเป็นพระเอก 555555555  :hao3:
แต่ถ้าจะเอาแบบตามเรื่องใน3คนนั้น (ราม ฟร้อง โชน) นี่เดาไม่ถูกเลย
เรื่องยังไม่ถึงไหนเลย กลับมาเถอะ  :heaven
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 20-05-2018 14:59:00
เข้าควครับเข้าคิว อย่าดันกันแรง  :z3:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 23-05-2018 00:15:18
กลับมาแล้ว ไม่เทๆ ขอเวลาเขียนตอนใหม่คืนนึงน๊า ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอนานกันนะครับ  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 3 เค้กวานิลลา
เริ่มหัวข้อโดย: LAFIA ที่ 23-05-2018 03:37:22
รอน้าาาา สู้ๆ  :mc4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 24-05-2018 08:26:42
ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล



     “ขนาดพี่ยังไม่หายดีเขายังจะให้พี่มาทำงานอีกเหรอ” เจ้าสองว่าพลางช่วยผมถอดหมวกกันน็อค ภาพเหตุการณ์ตอนนี้มันช่างทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ เมื่อครั้งวันวาน สมัยก่อนสองก็เคยขับมอเตอร์ไซด์ไปรับไปส่งผมแบบนี้อยู่บ่อย ๆ แล้วก็เป็นคนสวมและถอดหมวกกันน็อคให้ผมอย่างนี้เสมอ นานแค่ไหนแล้วนะที่ช่วงเวลาแบบนี้มันหายไปจากชีวิตผม ที่ผ่านมาผมไม่กล้าคิดเลยว่าผมจะโอกาสได้พบกับช่วงเวลานี้อีกครั้ง จนกระทั่งตอนนี้ ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอก วันนี้เจ้าสองเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์มาส่งผมถึงที่บริษัท ก็ตั้งแต่วันนั้น....



☼​☼​☼​☼​☼​☼​



    ในวันนั้น ผมรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บแปลบบริเวณหน้าท้องจากแผลที่ถูกทำร้าย หันมองรอบตัวก็เห็นสายน้ำเกลือต่ออยู่ที่หลังมือของผม และเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่อยู่ก็ทำให้พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ผมคงนอนอยู่บนเตียงคนป่วยในโรงพยาบาลไหนสักแห่ง และเมื่อผมหันมองไปที่ปลายเตียงผมก็ได้เจอกับ...

     เจ้าสองที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาสีหน้าดูเคร่งเครียดและเหมือนว่าจะกำลังมีน้ำใส ๆ ไหลเอ่อจากสองตา นี่สองกำลังร้องไห้อยู่อย่างนั้นหรือ การตื่นมาแล้วพบเจ้าสองเป็นคนแรกอย่างนี้ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย

     “โอ๊ย” แค่ตั้งท่าจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ผมก็แทบจะหงายเก๋งไปในทันทีเพราะความเจ็บร้าวมันจู่โจมผมอย่างหนักตรงบริเวณแผลที่หน้าท้อง

     “อย่าเพิ่งลุก!” เสี้ยววินาทีแรกที่เจ้าสองหันมาเห็นผมตอนที่ผมรู้สึกตัวแล้ว ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ ว่าผมเห็นเจ้าสองมีสีหน้าที่ดูดีใจก่อนจะรีบตีสีหน้าให้ดูนิ่งเฉยพร้อมกับรีบปาดน้ำตา และวิ่งเข้ามาประครองตัวผมที่กำลังจะประครองตัวเองไว้ไม่อยู่เพราะมือข้างหนึ่งพุ่งมากอบกุมแผลที่ความเจ็บทรมานมาเยือนโดยอัตโนมัติ หลังจากล้มเหลวกับการพยายามจะลุกนั่ง เพราะผมไม่สามารถที่จะประครองตัวเองอยู่ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวในสภาพร่างกายเช่นนี้

     สองค่อย ๆ ประครองวางตัวผมนอนลงบนที่นอน ก่อนจะปรับระดับเตียงให้ตัวผมอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ถึงสีหน้าของสองในตอนนี้จะคาดเดาอารมณ์ได้ยาก แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าสองอ่อนโยนกับผม แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่กล้าคาดเดาเลยว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายวันนี้ความรู้สึกของสองที่มีต่อผมมันจะเป็นอย่างไร ผมจะดูดีขึ้นบ้างไหมในสายตาของน้อง เป็นสิ่งที่ผมยังกังวลและไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง

     “เอ่อ พี่หิวน้ำ” ผมเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ผมยอมรับว่าทำตัวไม่ถูกเลยจริง ๆ ในสถานการณ์นี้ ที่มีผมและสองอยู่กันแค่สองคน

     แต่ดูเหมือนกับว่าผมจะกังวลมากไปเอง เพราะหลังจากที่ผมเอ่ยปาก เจ้าสองก็เดินไปรินหน้าจากเหยือกที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงใส่แก้ว และจัดแจงใส่หลอดก่อนจะยื่นมาที่ปากผม สองทำตามที่ผมร้องขออย่างว่าง่าย โดยไม่ได้มีปฏิกิริยาขุ่นเคืองหรือไม่พอใจแต่อย่างใด ผมดูดน้ำจากหลอดนั้นพลางแอบเหลือบตามองเจ้าสองพยายามที่จะอ่านความรู้สึกของเจ้าสองในตอนนี้แต่ผมก็เข้าไม่ถึงความรู้สึกของน้องมันเลยจริง ๆ

     “ฉันให้แม่กลับไปพักที่บ้าน คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้านายเอง” สองว่าด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ในขณะที่กำลังวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างเตียงผม หลังจากที่ผมดื่มน้ำไปจนเกือบหมดแก้ว

     “อะ อืม”

     “ทำไมต้องทำขนาดนี้ ไม่กลัวตายหรือไง” ผมแทบจะตั้งตัวไม่ทัน เมื่อเจ้าสองยิงคำถามมาตรง ๆ แบบนั้น แววตาของสองที่จับจ้องมาที่ผมในตอนนั้นมันทั้งดูจริงจังและเคร่งเครียดจนผมกลัวที่จะต้องสบตากับน้อง และต้องพยายามที่จะหลบเลี่ยงสายตาของเจ้าสองในตอนนั้น

     “กลัวสิ”  ผมตอบไปตามตรง ความตายนะใครล่ะจะไม่กลัว

     “แต่พี่กลัวสองเป็นอันตรายมากกว่า” ผมค่อย ๆ หันไปสบตากับเจ้าสองทั้งที่ยังหวั่น ๆ หลังจากที่ได้พูดประโยคนั้นออกไป เพียงแค่นึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่เจ้าสองกำลังจะถูกทำร้ายผมก็แทบใจจะขาด น้ำตาของผมมันเอ่อจนเกือบจะล้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถ้าสองเป็นอะไรไปผมคงใจสลาย ถึงสองจะโกรธจะเกลียดผมมากเพียงใด แต่สำหรับผม สองยังเป็นน้องชายคนดีคนเดิมของผมเสมอ น้องชายที่ผมรักมากกว่าชีวิตของตัวเอง

     สองเองในตอนนั้นก็คงดูไม่ต่างจากผม แววตาของสองดูอ่อนลง ดวงตาทั้งสองเริ่มแดงก่ำพร้อมกับน้ำใส ๆ ที่รื้นขึ้นตรงขอบตาและเริ่มไหลรินออกมาเป็นสาย

     “พี่หนึ่ง” รู้สึกตัวเองอีกทีผมก็ถูกเจ้าสองดึงตัวเข้าไปกอดไว้แนบอกเสียแล้ว นี่ผมไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม น้องชายของผมกำลังกอดผมและเรียกผมว่าพี่อีกครั้ง มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษเหลือเกิน อ้อมกอดที่ผมโหยหามานาน จนผมต้องภาวนาขอให้นี่ไม่ได้เป็นเพียงความฝัน

     “สองขอโทษนะพี่หนึ่ง สองขอโทษ” สองซบหน้าลงบนไหล่ผม น้ำตาที่เปียกปอนบนไหล่ผมกับเสียงสะอื้นที่ปนมากับเสียงพูดของสอง มันเป็นสิ่งที่บอกให้ผมรับรู้ว่าสองกำลังร้องไห้ ผมค่อย ๆ เลื่อนมือขึ้นกอดตอบสองและลูบหลังเขาอย่างปลอบประโลม ถึงตอนนั้นผมก็ห้ามน้ำตาของตัวเองไว้ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน น้ำตาแห่งความปีติ

     “พี่ไม่เคยโกรธสองเลยนะ ไม่เคยแม้แต่จะคิด”

     สองกระชับกอดผมให้แน่นขึ้น แม้ในตอนนั้นความเจ็บทรมานที่บาดแผลมันจะเล่นงานผมหนักแค่ไหนแต่ผมก็ยินดีที่จะทนรับมัน เพราะการได้เลยอยู่ในอ้อมกอดของน้องชายนั้นมันทำให้ผมสุขใจเสียจนไม่อยากจะรับรู้หรือสนใจสิ่งใดอีกแล้ว


     อ้อมกอดและความรักจากน้องชายที่ผมสูญเสียไปเป็นเวลานาน ในที่สุดผมก็ได้มันกลับคืนมาแล้ว





☼​☼​☼​☼​☼​☼​



     ตอนนี้ผมย้ายออกจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านกับแม่และน้อง ผมยังจำวันที่ผมออกจากโรงพยาบาลได้อยู่เลย เจ้าสองคะยั้นคะยอรบเร้าให้ผมไปอยู่บ้านด้วยกัน พร้อมทั้งสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะเป็นเด็กดีของผม  การเสี่ยงชีวิตในวันนั้นสำหรับผมแล้วผลตอบแทนที่ผมได้รับนั้นมันคุ้มค่าเสียยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกนี้ เพราะผมได้ครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา ต่อให้ใครจะมองผมยังไง เพียงแค่มีแม่และน้องที่รักผม ผมก็ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดแล้ว

     “เขาไม่ได้ให้พี่มาถ่ายหนังหรอก เห็นว่ามีธุระสำคัญที่จะต้องคุยกับพี่ โดยที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้” คุณรามอนุญาตให้ผมพักงาน ในช่วงที่แผลยังไม่หายดี แต่อยู่ ๆ เมื่อวานเขาก็โทรศัพท์มาหาผมบอกว่ามีเรื่องด่วนและสำคัญมากอยากจะคุยกับผม และย้ำว่าต้องคุยแบบเจอหน้าเท่านั้น

     ในคราวแรกเขาก็คะยั้นคะยออยากจะไปหาผมที่บ้าน แต่เพราะผมไม่อยากจะให้เขารู้ว่าบ้านผมอยู่ไหนเพื่อตัดปัญหาความวุ่นวายที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมเลยยอมเป็นฝ่ายแบกสังขารที่ยังไม่แข็งแรงดีออกมาพบเขาเอง




☼​☼​☼​☼​☼​☼​



     “คุณราม อนุญาตให้เข้าพบได้เฉพาะคุณหนึ่งครับ” รปภ. ที่คุณรามให้ขึ้นมาดูแลความเรียบร้อยหน้าห้องทำงานยกแขนขึ้นกันเจ้าสองไม่ให้เดินตามผมเข้าไปด้านใน

     “แต่ว่าพี่หนึ่ง” เจ้าสองมองหน้ารปภ.คนนั้นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันมามองผมด้วยความห่วงใยในแววตา

     “ไม่เป็นไรสอง สองรอพี่อยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่คุยธุระเสร็จแล้วจะรีบออกมา”

     ผมรู้ว่าการที่ผมจะเข้าไปพบคุณรามในห้องทำงานของเขาตามลำพังนั้นมันอาจจะไม่เป็นการดีสำหรับผมสักเท่าไหร่ แต่เพราะรปภ.คนนั้นเขาก็ต้องทำตามหน้าที่ของเขา ถ้าหากเขาปล่อยให้เจ้าสองตามผมเข้าไปได้คนอย่างคุณรามคงต้องทำให้เขาเดือดร้อนแน่ ๆ




☼​☼​☼​☼​☼​☼​



     “มาแล้วเหรอครับ นั่งก่อนสิ” คุณรามละความสนใจจากเอกสารที่กำลังอ่านทวนก่อนจะเซ็นอนุมัติ และหันมองมาที่ผมด้วยแววตาที่ดูมีนัยยะแปลก ๆ และรอยยิ้มมุมปากที่ดูยังไงก็ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย

     ผมเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคุณรามออกแล้วค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งอย่างระมัดระวัง แม้จะผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วแต่แผลที่หน้าท้องผมก็ยังไม่หายดีเสียทีเดียว หากถูกกระทบกระเทือนก็ยังมีอาการเจ็บแปลบเข้าจู่โจมได้อยู่

     “ผมต้องขอโทษด้วยนะ งานผมหนักจริง ๆ เลยไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลเลย คุณโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม ผมเป็นห่วงคุณมากนะหนึ่ง” ผมน่ะอยากจะอาเจียนกับการหยอดคำหวานของเขาเสียเหลือเกิน ถึงแม้เขาจะพยายามพูดกับผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่มันก็ไม่ได้ช่วยปิดบังความบ้ากามที่ซ่อนเร้นอยู่ในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

     ตอนที่ผมนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลคุณรามไปเยี่ยมผมอยู่สองถึงสามครั้งได้ ไม่ได้ไปแทบจะทุกวันเหมือนฟรองค์กับ เอ่อ.. คุณโชน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะไม่ว่าเขาไปหรือไม่ไป ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสำหรับผม จะเป็นการดีเสียด้วยซ้ำหากว่าเขาจะไม่ไปให้ผมต้องรกหูรกตาเลยในขณะที่ยังนอนเจ็บอยู่

     “อย่ามัวนอกเรื่องเลย คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมก็พูดมาเถอะ และหวังว่าจะเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ นะครับ”

     “เฮ้อ” คุณรามถอนหายใจพร้อมกับเอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้ดูราวกับกำลังรู้สึกหน่ายใจ เมื่อผมรีบตัดบทพูดเข้าเรื่องงานเพื่อตัดสัมพันธ์บ้าบออะไรก็ตามแต่ที่เขากำลังพยายามจะสร้าง

     “ก็เรื่องที่คุณต้องพักรักษาตัวจนมาถ่ายงานที่รับล่วงหน้าคู่กับนายฟรองค์ไว้ไม่ได้น่ะสิ ทางสปอนเซอร์เขาก็เข้าใจว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะต้องเปลี่ยนตัวนายเอก แต่นายฟรองค์นี่สิ พอคุณไม่ได้แสดงนายนั่นมันก็จะไม่ยอมแสดงกับคนอื่น ทางสปอนเซอร์เขาไม่พอใจกันมาก โดยเฉพาะคุณเอก คุณช่วยไปพูดกับมันให้ยอมกลับมาแสดงหน่อยได้ไหม ถ้าเป็นคุณพูดผมเชื่อว่าต้องยอม ผมไม่อยากให้บริษัทมีเรื่องหมางใจกับคุณเอก ถ้าคุณเอกเขาถอนสปอนเซอร์ไปบริษัทเรามีปัญหาแน่ ๆ”

     คุณรามร่ายยาวถึงปัญหาหนักที่เขากำลังเผชิญอยู่ ฟังดูแล้วผมก็รู้สึกเห็นใจนะ คุณเอกคือเจ้าของกิจการใหญ่ผู้เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับค่ายหนังของคุณรามและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด  หากคุณเอกถอนสปอนเซอร์ไปบริษัทของคุณรามคงได้รับผลกระทบไม่น้อย และผมก็คิดว่าฟรองค์เองก็ควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้

     “ได้ครับเดี๋ยวผมจะพูดกับฟรองค์ให้ เรื่องสำคัญที่คุณพูดถึงมีแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมจะได้ขอตัวกลับ” ผมรับปากที่จะช่วย แต่นึก ๆ ดูแล้วถ้ามีแค่เรื่องนี้เขาก็สามารถที่จะบอกกับผมทางโทรศัพท์ได้นี่ ทำไมถึงจะต้องอยากเจอผมมากขนาดนั้น

     “เดี๋ยวสิ ผมยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่ต้องบอกคุณ” นั่นไงผมว่าแล้วว่าต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องฟรองค์

     คุณรามเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะเพื่อหยิบเอาของบางสิ่งที่อยู่ในนั้นทั้งที่สายตาเลศนัยน์ของเขายังจ้องมองผมอยู่อย่างไม่ลดละ

     “นี่ของขวัญสำหรับคุณ ถือว่าเป็นของรับขวัญจากผม เรื่องที่คุณต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วกันนะ” คุณรามแสยะยิ้มอย่างชวนขนลุก พร้อมยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลที่เพิ่งหยิบขึ้นมาจากลิ้นชักให้กับผม

     ปากเขาบอกว่าเป็นของขวัญ แต่ผมกลับรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่อยู่ในซองนี้เอาเสียเลย แม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ขอคาดเดาไปก่อนว่าของที่อยู่ด้านในไม่น่าจะเป็นอะไรที่ดีสำหรับผมแน่ ๆ

     ผมครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเปิดซองนั้นออกดู และผมก็ได้พบกับ...


     เอกสารสำคัญการหย่า!!!!


     “นี่คุณ!” ผมหันมองหน้าคุณรามด้วยความตกใจกับสิ่งที่อยู่ในซองนั้น สิ่งที่ผมท้าทายเชิงเหยียดหยันในทุกครั้งเขามาพยายามมาทำก้อร่อก้อติกกับผมมาโดยตลอด ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำมันจริง ๆ

     “ผมหย่ากับเขาแล้วนะ คราวนี้คุณก็หมดข้ออ้างที่จะไม่ยอมเป็นของผมแล้วนะหนึ่ง” คุณรามเหยียดยิ้มราวกับว่าตัวเองกำลังเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า ผู้ชายคนนี้มันน่ารังเกียจสิ้นดีจริง ๆ !

     “คุณจะหย่าจะแต่งกับใครมันก็เรื่องของคุณแต่อย่ามากับยุ่งกับผม” ผมตะโกนใส่หน้าคุณรามด้วยความโมโหในหัวเขามันมีแต่เรื่องนั้นหรืออย่างไรกัน

     “โอ๊ย!” ทำไมร่างกายของผมมันถึงได้ทรยศต่อความคิดอย่างนี้นะ ในตอนที่ผมกระชากตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้หมายจะรีบเดินหนีไปให้ไกล เพราะคนตรงหน้านี้มันช่างน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าขยะทั้งหลายทั้งปวง ขืนผมอยู่ตรงนี้ต่อไปผมคงได้อาเจียนออกมาเป็นแน่ แต่ทว่าทันทีที่ผมลุกขึ้นความเจ็บปวดมันก็พุ่งเข้ามาเล่นงานที่แผลบนหน้าท้องของผมอย่างรุนแรงจนทำเอาผมก้าวเดินไม่ออก

     คุณรามฉวยโอกาสนั้นวิ่งตรงเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง และยังพยายามที่จะใช้ปลายจมูกซุกไซร้ตั้งแต่แก้มไล่ลงไปจนถึงต้นคอของผม ผมพยายามที่ขยับตัวหนีการกระทำของเขา แต่ผมก็ทำได้ไม่มากนักเพราะผมติดอยู่ในพันธนาการที่แน่นหนาของเขาแล้วไหนจะยังเจ็บแผลอีก

     “คุณจะเอายังไงอีกหนึ่ง ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะพอใจ คุณบอกให้หย่าผมก็หย่าแล้ว แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงอีก คุณรู้ไหมว่าผมต้องการคุณมากแค่ไหน”

     “แค่ต้องการเอาชนะผมคุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ผมพยายามที่จะดิ้นรนด้วยแรงที่พอจะมีเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธการของเขา แต่ทว่าดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย เมื่อผมยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่เขาก็ตอบรับด้วยกอดรัดผมแน่นขึ้นเท่านั้น

     “ผมไม่ได้ต้องการเอาชนะคุณนะหนึ่ง ผมรักคุณผมต้องการคุณ” รักอย่างนั้นหรือ เขากล้าบอกว่ารักผมอย่างนั้นหรือ มันช่างเป็นคำรักที่ฟังดูน่าสมเพชที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินเลย

     “เก็บคำว่ารักของคุณไปบอกลูกบอกเมียคุณเถอะ เพราะผมฟังแล้วมันขยะแขยงหู”

     ขนาดลูกกับเมียของเขา เขายังทรยศได้ลงคอ ถ้าขืนผมหลวมตัวไปกับคำรักพล่อย ๆ ของเขา สักวันเขาก็คงจะต้องทำแบบนี้กับผมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมไม่มีวันหลงผิดคิดสั้นเด็ดขาด

     ในเวลานั้นความรู้สึกผิดมันถาโถมประดังประเดเข้ามาที่ผมอย่างเต็มเปี่ยมจนผมรู้สึกโกรธตัวเอง ผมทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องถูกสามีทอดทิ้ง และทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ อีกคนต้องครอบครัวมีปัญหา ต้นเหตุมันมาจากผมทั้งนั้น ผมไม่น่าไปท้าทายอะไรบ้า ๆ อย่างนั้นเลย

     “ปัดโธ่โว้ย! คุณจะให้ผมรักมันได้ยังไงก็ในเมื่อ ไอ้เด็กนั่นไม่ใช่ลูกผม”









     TBC



**ในพาร์ทที่เล่าย้อนอดีตจะทำตัวอักษรเป็นตัวเอียง
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2018 09:47:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีผู้ที่อยากจะสานสัมพันธ์ด้วยถึง 3 นาย

ใครหนอจะได้เป็นพระเอกคนนั้น
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 24-05-2018 12:30:03
เดาไม่ถูกเลยว่าใครจะเป็นพระเอก แต่ถ้าไม่ใช่ฟรองค์นี่น่าเสียดายความดี ความชัดเจน ความให้เกียรติของนาง
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 24-05-2018 20:02:55
รอจร้าาาาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-05-2018 20:23:52
มีแต่คนมารุมรัก  หนึ่ง เสน่ห์แรงจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอแก้ที่ผิดนะ
เยือก ------ เหยือก
สังขาล ------ สังขาร
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 24-05-2018 20:50:18
มีแต่คนมารุมรัก  หนึ่ง เสน่ห์แรงจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอแก้ที่ผิดนะ
เยือก ------ เหยือก
สังขาล ------ สังขาร


ขอบคุณค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-05-2018 23:24:25
น้องหนึ่งจะรอดมืออิตารามนี่ได้หรือเปล่านะ
เราเชียร์ฟร้องค์นะ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 25-05-2018 15:19:56
อุต๊ะะ ยังไงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-05-2018 23:12:45
เชียร์โชนค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-05-2018 21:10:17
รอตอนต่อไปฮับ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 02-06-2018 06:16:58
สู้ๆๆ คนเขียน   รอต่อไปคร้าาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 10-06-2018 09:50:44
เซงเป็ดรอบหน้าจะช่วยเสนอดองเค็ม 555555 รีบมาน้าาาา คถ <3
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 26-07-2018 07:29:53
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
คนเขียนเขาจะคิดถึงเราไหมน๊าาาาาาา

รอจร้าาาาาาาาา :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 4 ซองสีน้ำตาล
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-07-2018 10:27:03
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: <<< รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 31-07-2018 14:36:15
ตอนที่ 5 ความเข้าใจ




     “ปัดโธ่โว้ย! คุณจะให้ผมรักมันได้ยังไงก็ในเมื่อ ไอ้เด็กนั่นไม่ใช่ลูกผม”

     ประโยคที่คุณรามลั่นออกมาเมื่อครู่นี้ทำเอาผมต้องชะงัก นี่เขาอยากได้ผมมากถึงขนาดเล่นไม้นี้เลยหรือ

     “คุณรู้ไหมหนึ่งว่าผู้หญิงแพศยาคนนั้นทำอะไรกับผมบ้าง วันที่เธอรู้ตัวว่าท้องเธอลอยหน้าลอยตาบอกทุกคนว่าเรากำลังจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และมีความสุข เธอกำลังจะมีลูกให้ผม จะเป็นครอบครัวที่ผมสมบูรณ์บ้าอะไร ก็ในเมื่อผมเป็นหมัน” ผมอึ้งไปกับประโยคสุดท้ายที่คุณรามลั่นออกมาด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นราวกับว่ากลั่นออกมาจากความเจ็บแค้นในจิตใจ และประโยคนั้นก็ทำเอาผมรู้สึกสับสนไปไม่น้อยเหมือนกัน น้ำเสียงที่สั่นเครือและกรุ่นไปด้วยอารมณ์แบบนั้น ถ้าหากว่านี่เป็นเพียงการแสดงเพื่อตบตาผม ผมก็คงจะต้องขอส่งชื่อเขาเข้าชิงออสการ์

     “ที่ผ่านมาผมต้องทนอยู่กับเขาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าโดนสวมเขาก็เพราะบุญคุณของพ่อเขาที่ค้ำคอผมอยู่ คุณรู้ไหมหนึ่งว่าที่ผ่านมาผมทรมานแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วเพราะผมต้องการคุณ หนึ่ง” ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง ผมว่าผมรู้สึกได้ถึงหยดน้ำที่หยดลงเปียกบนบ่าผม ผมไม่อยากจะเชื่อว่านั้นคือน้ำตาของคุณราม คนอย่างเขาจะร้องไห้เป็นด้วยหรือ

     “ผมอยากกลับบ้าน” ผมพูดเพื่อตัดบท เพราะผมไม่อยากจะรับรู้อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องที่เขาพูดมันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม เพราะอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่ดี

     “แต่ว่า.. หนึ่ง..”

     “แค่ตอนนี้ผมเจ็บที่ตัวมันก็หนักพอแล้วนะคุณราม คุณอย่าเพิ่งเอาเรื่องอะไรมาให้ผมหนักสมองอีกเลยนะ ให้ผมกลับเถอะ” ผมยังย้ำชัดในความต้องการ โดยไม่สนว่าคุณรามอยากจะพูดอะไรเพื่อโน้มน้าวใจผมอีก

     ครั้งนี้คุณรามยอมลดมือลงและปล่อยผมออกจากอ้อมแขนของเขาแต่โดยดี ผมเลือกที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองเขา และไม่สนใจว่าเขาจะพยายามทำตัวน่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผมสักเพียงใด ส่วนประโยคที่เขาพูดตามหลังผมออกมานั้น ผมก็จะถือว่าผมไม่ได้ยินก็แล้วกัน

     “ผมจะรอคำตอบจากคุณนะหนึ่ง”




☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่หนึ่ง” เจ้าสองที่ยังคงนั่งรออยู่หน้าห้องทำงานของคุณรามรีบตรงเข้ามาไถ่ถามทันทีเมื่อเห็นผมเปิดประตูออกมาจากด้านใน

     “ไม่มีอะไรหรอกกลับบ้านกันเถอะ” ผมเลือกจะตอบคำตอบที่คิดว่าจะทำให้น้องสบายใจและไม่ต้องเป็นห่วงผม แต่ผมคิดว่าเจ้าสองก็คงจะพอดูออกว่าผมกำลังรู้สึกไม่สบายใจ แต่คงจะเพราะไม่อยากทำให้ผมต้องลำบากใจเจ้าสองเลยไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อ

     เรื่องของคุณราม ถึงผมจะพยายามที่จะไม่ใส่ใจ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผมก็อดคิดมากไม่ได้จริง ๆ เพราะไม่ว่าเรื่องที่เขาเล่านั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่นิทานที่เขาแต่งขึ้นมาหลอกผม อย่างไรเสียผมว่าผมก็มีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้ครอบครัวเขาต้องพังเช่นนี้




☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     “หนึ่ง” ผมหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาต้นเสียงที่ร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้นหนึ่งของอาคาร และผมเพิ่งจะก้าวเท้าออกมา

     และเจ้าของเสียงที่เรียกผมนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ที่แท้ก็คือพี่แองจี้ สาวประเภทสองวัยกลางคน เจ้าของอดีตโมเดลลิ่งที่ผมเคยสังกัดอยู่ และเป็นผู้ที่ชักนำผมเข้าสู่วงการหนังผู้ใหญ่ พี่แองจี้กำลังยิ้มร่าโบกมือทักทายผมด้วยท่าทางดีอกดีใจอยู่ตรงหน้าห้องแคสติ้ง จะว่าไปแล้วผมกับพี่แองจี้ก็ไม่ได้เจอกันมาเป็นปีแล้วนี่นะ ผมโบกมือและยิ้มให้พี่แองจี้ตอบรับการทักทาย ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปหาเธอเพื่อพูดคุยกันตามประสาคนรู้จัก โดยที่เจ้าสองก็ยังเดินตามผมไม่ห่าง

     “เป็นยังไงบ้าง พี่เห็นข่าวที่หนึ่งโดนแทงแล้วตกใจแทบแย่ พี่ขอโทษจริง ๆ นะ พี่เพิ่งจะกลับจากต่างประเทศไม่ได้ไปเยี่ยมหนึ่งเลย”

     “ไม่เป็นไรเลยครับ ตอนนี้ผมก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ แล้วนี่.....” ผมหยุดพูดไปพลางหันมองเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่แองจี้ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะถามว่าพี่แองจี้มาทำอะไรที่นี่แต่พอหันไปเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว ผมก็พอจะนึกปะติดปะต่อได้กับที่ตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ตรงที่หน้าห้องแคสติ้ง ก็เป็นอันว่าผมเข้าใจโดยไม่ต้องซักถามใด ๆ แล้ว

     “นี่น้องป้อง พี่พามาออดิชั่นที่นี่น่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พี่อยากให้หนึ่งช่วยฝากฝังน้องมันกับคุณรามหน่อยนะ เห็นค่ายนี้ชอบแต่นายเอกขาว ๆ ใส ๆ พี่กลัวน้องมันไม่ได้งาน น้องมันกำลังเดือดร้อนจริง ๆ ไหว้พี่หนึ่งเขาสิป้อง”

     “แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะทำงานนี้ เพราะหลังจากนี้ชีวิตของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปนะ” ผมหันไปพูดกับน้องที่ชื่อป้องพลางพนมมือรับไหว้น้องมันที่กำลังพนมมือไหว้ผมตามคำที่พี่แองจี้บอก

     “เอ่อ น่ะ แน่ใจครับ”  เด็กนั่นตอบผมอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ และมีสีหน้าที่ดูเหมือนพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา

     ถึงอาชีพนี้มันจะได้เงินดี แต่ผมก็ไม่ได้อยากแนะนำให้ใครมาทำหรอกนะครับ ไม่ใช่เพราะว่ากลัวใครจะมาแย่งอาชีพ แต่เพราะสิ่งผมได้เจอมากับตัวหลังจากที่ก้าวขาเข้าสู่วงการนี้มันค่อนข้างโหดร้าย ผมต้องถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกวัน และต้องคอยรองรับคำด่าทอและคำดูถูกจากกลุ่มคนที่รับอาชีพนี้ไม่ได้ และที่เลวร้ายที่สุดคือผมเกือบจะต้องสูญเสียครอบครัวไป และกว่าที่ผมจะได้มันกลับคืนมาผมแทบจะต้องแลกมาด้วยชีวิต ผมถึงต้องถามเด็กนั่นให้ชัดเจนว่าเขาแน่ใจแล้วจริง ๆ ใช่ไหมที่จะก้าวเข้าสู่วงการนี้

     สำหรับป้องแล้ว ป้องเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารัก ตัวไม่สูงและดูรูปร่างบอบบางดู ๆ แล้วก็คงจะตัวเท่า ๆ กับผมนี่แหละมั้ง แต่ป้องไม่ใช่คนขาวอย่างที่พี่แองจี้ว่า ป้องเป็นคนผิวออกแทนแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นผิวเข้มอะไร แต่รสนิยมของคุณรามดันชอบแต่นายเอกผิวขาว ๆ นี่สิ และรูปร่างแบบป้องก็คงจะให้ไปเล่นเป็นพระเอกไม่ได้ด้วย

     ถ้าจะให้พูดถึงขั้นตอนการออดิชั่นน่ะหรือ สำหรับตอนที่ผมมาออดิชั่นนั้นในห้องจะมีทีมงานอยู่สองคน มีตากล้องและทีมงานอีกคนที่คอยเป็นคนกำกับว่าอยากให้เราทำอะไรบ้าง ตอนนั้นผมถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าจนหมดทุกชิ้น และถูกสั่งให้โพสต์ท่าหลาย ๆ ท่า รวมไปถึงต้องถ่างแข้งถ่างขาเพื่อโชว์ทุกส่วนในร่างกายไม่ว่าจะเป็นจุดที่ซ่อนเร้นสักเพียงใดให้กล้องบันทึกภาพไว้ และที่โหดร้ายที่สุดสำหรับผมคือการที่ผมถูกสั่งให้ช่วยตัวเองโชว์หน้ากล้อง ผมจำได้ดีเลยว่าตอนนั้นทำผมแทบจะต้องทำไปทั้งน้ำตา ผมอายมากและไม่อยากทำเลยสักนิด แต่ก็ต้องจำใจทำเพราะอยากได้งาน อยากได้เงินมาช่วยที่บ้าน

     หลังจากที่บันทึกภาพจนทีมงานพอใจ เทปบันทึกภาพของผู้มาออดิชั่นทั้งหมดจะถูกส่งไปให้คุณรามเป็นผู้คัดเลือกว่าใครบ้างที่จะได้เข้ามาทำงานกับค่าย พอลองนึกย้อนกลับไปแล้วผมประมาณไม่ได้เลยว่าตอนนั้นผมต้องใช้ความเข็มแข็งขนาดไหนถึงจะผ่านมันมาได้ มันโหดร้ายมากจริง ๆ สำหรับผม




☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ก่อนที่จะแยกตัวออกมาผมตอบพี่แองจี้ไปว่าผมจะช่วยเท่าที่ผมพอจะช่วยได้ แต่ทว่าเจ้าสองนี่สิตั้งแต่ที่ผมไปคุยกับพี่แองจี้มาเจ้าสองก็ดูมีอาการเหม่อ ๆ ลอย ๆ อย่างไรก็ไม่รู้

     “พี่หนึ่ง ๆ คนที่ชื่อป้องเขาจะเล่นหนังโป๊เหรอ” เจ้าสองว่าพลางช่วยประครองผมขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์คู่ใจของเจ้าตัวอย่างทุลักทุเล แค่ขยับตัวแรงนิดหน่อยแผลเจ้ากรรมนี่ก็เล่นประท้วงด้วยอาการเจ็บแปลบทันที

     “อืม ท่าออดิชั่นผ่านก็ได้เล่น” ผมตอบในสิ่งที่เจ้าสองถามไปตามตรง อย่าบอกนะว่าที่ดูเหม่อ ๆ ไปนั้นเป็นเพราะเด็กที่ชื่อป้องคนเมื่อครู่นี้

     “ทำไมแกชอบเขาหรือไง” ผมกระเซ้าน้องชาย เมื่อเห็นว่าเจ้าสองหน้าจ๋อยไปทันทีเมื่อผมย้ำในสิ่งที่เด็กที่ชื่อป้องกำลังจะทำ

     “เฮ้ย ปะ เปล่านะ ไม่ได้ชอบสักหน่อย” เจ้าสองรีบแก้ตัวอยากพัลวันด้วยท่าทางที่แสนจะเลิ่กลั่ก ผมถึงกับส่ายหัวและขำในท่าทางของน้องชาย โกหกไม่เนียนเอาเสียเลยนะไอ้น้อง

     แต่นึก ๆ แล้วผมเองก็เห็นใจป้องอยู่ไม่น้อยนะ ในฐานะคนที่เคยยืนอยู่จุดเดียวกัน ผมรู้ว่ามันทำใจไม่ง่ายเลย ใช่ว่าผมจะไม่อยากช่วยเหลือเด็กนั่นนะ แต่ทุกคนก็ต้องยืนให้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ผมเองก็ไม่ได้รวยล้นฟ้า และผมก็ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ แม้จะสามารถเลี้ยงดูแม่และน้องให้อยู่สุขสบายได้ แต่ที่ผ่านมาผมทั้งใช้หนี้ทั้งซื้อบ้าน และยังต้องเผื่อเงินเอาไว้สำหรับยามฉุกเฉินและสำหรับเป็นค่าเล่าเรียนของเจ้าสองอีก ตอนนี้ผมไม่ได้มีเงินเหลือมากมายขนาดนี้ที่จะช่วยเหลือใครก็ได้หรอกนะ





☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ผมยังไม่ได้กลับบ้านตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรกหรอกนะ เพราะคิดว่าไหน ๆ ก็ออกจากบ้านมาแล้ว ผมก็เลยอยากจะแวะเข้าคุยกับฟรองค์ให้เข้าใจด้วยเลยในคราวเดียว เพราะสภาพของผมในตอนนี้ก็ไม่ได้อยากจะออกจากบ้านบ่อย ๆ สักเท่าไหร่

     ผมแวะมาหาฟรองค์ที่ร้านกาแฟของเขา เวลานี้ฟรองค์ก็น่าจะอยู่ที่ร้านนี่แหละ ผมเดินตรงเข้าไปหาไปฟรองค์ถึงหลังร้านในส่วนที่เป็นห้องครัวตามคำที่พนักงานบอกว่าฟรองค์ที่อยู่นั่น เพราะฟรองค์พาผมมาที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง เลยไม่ได้มีใครหวงห้ามกับการที่ผมจะเดินเข้านอกออกในส่วนที่เป็นพื้นที่เฉพาะคนใน

     ผมยืนแอบมองฟรองค์ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำเค้กอยู่ครู่ใหญ่ เห็นเขากำลังขะมักเขม้นอยู่ผมก็เลยไม่อยากขัดจังหวะ แต่เวลาที่ฟรองค์อยู่ในโหมดพ่อครัวนี่เขาก็ดูเท่และมีเสน่ห์ดีเหมือนกันนะ และฟรองค์เองก็ดูมีความสุขเอามาก ๆ กับการทำขนมซึ่งเป็นสิ่งเขารัก จนผมที่ยืนมองอยู่ยังเผลอยิ้มตามไปด้วย จริง ๆ แล้วผมก็แอบรู้สึกอิจฉาฟรองค์เหมือนกันนะที่เขาสามารถค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบได้แล้ว แต่ผมนี่สิวัน ๆ เอาแต่นับวันรอว่าเมื่อไหร่จะหมดสัญญาจากบริษัทคุณราม ทั้งที่ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้คิดว่าเลยว่าถ้าถึงวันที่หมดสัญญาจริง ๆ แล้ว ผมจะไปทำอะไรต่อดี





-----------------------------------------------------

[มีต่อในรีพลายถัดไปครับ]
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 2 [01-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 31-07-2018 17:37:56
[ต่อ]



     “ฟรองค์” เสียงเรียกจากผมทำเอาคนที่กำลังดูมีความสุขกับการทำขนมอยู่ต้องหยุดชะงักลง

     “หนึ่ง” เมื่อหันมาเห็นหน้าผมฟรองค์ฉีกยิ้มกว้าง แววตาที่ฟรองค์มองมาที่ผมตอนนี้มันช่างดูเป็นประกายและดูมีทั้งความประหลาดใจและดีใจแฝงปะปนกันอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ทำอย่างกับว่าผมไม่เคยมาที่นี่อย่างนั้นแหละ

     แต่สีหน้าดีใจของฟรองค์ก็อยู่ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล ฟรองค์รีบละจากสิ่งที่กำลังทำอยู่และเดินจ้ำอ้าวตรงเข้ามาหาผม และจับตัวผมหันซ้ายขวาและมองสำรวจเสียทั่ว เขาทำราวกับว่ากำลังค้นหาร่องรอยสึกหรอบนตัวผมอย่างนั้นแหละ

     “หนึ่ง ออกจากบ้านได้ยังไงแผลยังไม่หายดีไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวมันก็กระเทือนแผลหรอก แค่ฟรองค์ไม่ได้ไปหาไม่กี่วันคิดถึงฟรองค์ขนาดต้องมาหาฟรองค์เองเลยเหรอ คราวหลังวีดีโอคอลเอาก็ได้นะ”

     “นี่หลงตัวเองมากไปแล้ว” ผมว่าอย่างติดตลก เมื่อประโยคที่ดูเป็นห่วงเป็นใยจากฟรองค์เมื่อครู่นั้นดันมีคำหวานที่ดูออกแนวจะหลงตัวเองไปสักหน่อยติดสอยห้อยท้ายมาด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ยังขำที่ได้ยินผมว่ากลับไปอย่างนั้น

     “แล้วแผลเป็นยังไงบ้าง ฟรองค์เป็นห่วงมากนะรู้ไหม” รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ก็ตอนช่วงที่ผมออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ ฟรองค์แทบจะไปขลุกตัวอยู่ที่บ้านผมทุกวัน จนตอนนี้ฟรองค์สนิทกับทั้งแม่และน้องของผมไปแล้ว ผมเองก็อดเกรงใจเขาไม่ได้ เพิ่งจะมีช่วงหลังมานี้ที่เจ้าตัวบอกว่างานที่ร้านยุ่งจริง ๆ เลยไม่มีเวลาได้เข้าไปเยี่ยมผมที่บ้านบ่อย ๆ แต่ก็ยังโทรหาเพื่อไถ่ถามอาการอยู่ทุกคืน

     “เราดีขึ้นมากแล้วล่ะ พอดีเรามีธุระอยากจะคุยกับฟรองค์น่ะ” ดีขึ้นมากอย่างนั้นหรือ ที่ออกมาข้างนอกวันนี้แค่มีอะไรกระทบกระเทือนนิดหน่อยก็เล่นเอาเจ็บแปลบจนผมแทบจะตัวงอ แต่ปากผมมันก็ยังจะเลือกที่จะอวดเก่งอยู่นั่น

     “หนึ่งมีเรื่องอะไรเหรอ” ฟรองค์เอียงหน้ามองผมด้วยแววตาช่างสงสัย

     “ทำไมฟรองค์ถึงเบี้ยวงาน รู้ไหมสปอร์นเซอร์โกรธมากเลยนะ” เมื่อเริ่มพูดเข้าเรื่องสำคัญผมปรับสีหน้าที่ยิ้มแย้มให้ดูจริงจังขึ้นในทันที แต่เมื่อได้ยินผมพูดอย่างนั้นฟรองค์ก็ถึงกับแสดงสีหน้าและท่าทางที่ดูออกไปทางเซ็ง ๆ หรือไม่ค่อยอยากจะรับรู้ พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาอย่างดูเหนื่อยหน่าย

     “คุณรามเขาสั่งให้หนึ่งมาพูดกับฟรองค์เหรอ”

     “มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเราจะมาพูดเพราะใครสั่งมา แต่ฟรองค์ควรจะมีความรับผิดชอบมากมากกว่านี้นะ รู้ไหมการที่ฟรองค์เบี้ยวงานไปดื้อ ๆ อย่างนี้ มันทำให้ทีมงานหลายคนต้องเดือดร้อนนะ ฟรองค์กลับไปแสดงเถอะนะ”

     “หนึ่งไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอกับการที่บอกให้ฟรองค์ไปมีอะไรกับคนอื่น แต่หนึ่งรู้ไหมว่าทุกครั้งที่ฟรองค์รู้ว่าหนึ่งจะต้องแสดงคู่กับคนอื่น ฟรองค์แทบจะเป็นบ้า” ผมถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินฟรองค์พูดออกมาอย่างนั้น

     “ฟรองค์....” ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับฟรองค์ไปว่าอย่างไรดี และผมก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องตัวอย่างไรให้ฟรองค์เลิกรู้สึกกับผมไปมากเกินกว่าความเป็นเพื่อนดีคนหนึ่งได้สักที ทั้ง ๆ ที่ผมก็คิดว่าที่ผ่านมาผมก็พยายามที่จะไม่ทำอะไรที่ดูเหมือนเป็นการให้ความหวังฟรองค์แล้วนะ แต่เพราะฟรองค์ดีกับผมมาก ผมเลยไม่กล้าที่จะตัดเหยื่อใยฟรองค์ขั้นเด็ดขาดเหมือนที่ทำกับคุณราม

     ฟรองค์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังให้กับผม ดูเหมือนว่าฟรองค์จะกำลังพยายามหลบซ่อนไม่ให้ผมเห็นสีหน้าและแววตาที่เขากำลังเป็นอยู่

     “หนึ่งก็รู้ว่าฟรองค์อยากจะรีไทร์จากวงการตั้งนานแล้ว แต่ที่ฟรองค์ยังรับงานอยู่ก็เป็นเพราะหนึ่ง มันอาจจะฟังดูไม่ดีนะ แต่ฟรองค์มีความสุขทุกครั้งที่ฟรองค์มีอะไรกับหนึ่งเพราะมันทำให้ฟรองค์รู้สึกว่าหนึ่งเป็นของฟรองค์ถึงมันจะเป็นแค่เพียงบทบาท เพราะในความเป็นจริงฟรองค์ก็รู้อยู่แก่ใจว่าหนึ่งไม่เคยสนใจฟรองค์เลย แต่ถ้าการจะให้ฟรองค์ไปแสดงคู่กับคนอื่นเป็นความต้องการของหนึ่งฟรองค์ก็จะทำให้”

     ฟรองค์พูดไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกำลังตัดพ้อ ผมก็เข้าใจว่าฟรองค์ก็คงจะรู้สึกลำบากใจ ผมก็ไม่ได้อยากจะบังคับจิตใจฟรองค์หรอกนะ แต่มันจำเป็นจริง ๆ นี่ เพราะฟรองค์เป็นคนรับงานไว้เองถึงตอนที่รับงานนั้นจะรับเพราะคิดว่าจะได้แสดงคู่กับผมก็เถอะ แต่เพราะผมมีเหตุสุดวิสัยจริง ๆ จึงจำเป็นต้องถอนตัวและทางสปอนเซอร์ก็เข้าใจดีแต่สำหรับฟรองค์นั้นไม่ใช่ หากว่าบริษัทของคุณรามมีปัญหากับสปอนเซอร์ขึ้นมาทีมงานอีกหลายชีวิตก็คงจะต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะอย่างนั้นผมจึงจะปล่อยให้ฟรองค์ทำตามใจตัวเองไม่ได้ อย่างไรงานก็ต้องเดินต่อ

     “ขอบคุณนะฟรองค์” ผมว่าพลางวางมือบนบ่าของฟรองค์ ผมคิดว่านี่คงจะเป็นการถนอมความรู้สึกของฟรองค์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ โดยที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ากำลังล้ำเส้นคำว่าเพื่อน

     “เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหมหนึ่ง หนึ่งถึงไม่เหลือที่ว่างในสายตาที่จะหันมามองฟรองค์”

     ผู้ชายคนนั้นที่ฟรองค์พูดถึงผมเข้าใจว่าฟรองค์คงจะหมายถึงคุณโชน ฟรองค์และคุณโชนเคยเจอกันอยู่สองถึงสามครั้งตอนที่ไปเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล ถึงแม้ทั้งสองคนแทบไม่ได้พูดคุยกันเลยแต่ผมก็พอจะรู้สึกได้ว่าเขาสองคนดูเขม่นกันอย่างไรก็ไม่รู้

     “ไม่ใช่นะฟรองค์ ตอนนี้ไม่ว่าจะฟรองค์หรือเขาไม่มีใครเป็นมากกว่าเพื่อนของเราทั้งนั้น ตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะมีใครทั้งนั้น” ผมยังคงย้ำชัดในคำ ๆ เดิมที่เคยพูดไปแล้วตอนที่แนะนำให้ฟรองค์และคุณโชนรู้จักกันที่โรงพยาบาล ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนของผม ไม่มีใครเป็นอะไรมากไปกว่านั้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกับผมที่สุดมีแค่แม่กับน้องเท่านั้น และตราบใดที่ผมยังต้องทำอาชีพนี้อยู่ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น และบางทีคุณโชนเขาก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมมากไปกว่าแฟนคลับที่ชื่นชอบในผลงานเลยด้วยซ้ำ

     “ฟรองค์ยังรอหนึ่งอยู่เสมอนะ” น้ำเสียงนุ่ม ๆ ของฟรองค์ในตอนนั้นมันช่างฟังดูเศร้าจับใจเหลือเกิน ฟรองค์ว่าพลางเลื่อนมือขึ้นมากุมมือของผมที่ยังวางอยู่บนบ่าของเขา

     “ถ้าวันไหนที่หนึ่งพร้อม ขอให้ฟรองค์เป็นคนแรกที่หนึ่งจะพิจารณาได้ไหม”

      “เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อนค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกันนะ” คำถามของฟรองค์นั้นช่างทำให้ผมลำบากใจเหลือเกิน ผมให้คำตอบเขาได้ดีที่สุดแค่เพียงบอกปัดไปเท่านั้น ผมทำใจไม่ลงจริง ๆ ที่จะปฏิเสธฟรองค์อย่างเด็ดขาด เพราะเขาคงจะต้องเสียใจมาก

      อย่างไรก็ตามฟรองค์ก็ยังคงเป็นเพื่อนคนสำคัญที่ผมรักมากที่สุด แต่รักในฐานะเพื่อนเท่านั้น

      ไม่ว่าอย่างไรผมเองก็ไม่รู้สึกอะไรกับฟรองค์มากไปกว่าการเป็นเพื่อนรักและเพื่อนที่ดีเท่านั้นจริง ๆ ทุกครั้งที่ผมกับฟรองค์มีอะไรกัน ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ตามแต่ แต่สำหรับผมมันไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการทำงาน จริงอยู่ว่าเขาสามารถทำให้มีอารมณ์ร่วมไปกับบทเพลงสวาทของเขาได้ แต่ผมว่ามันเป็นแค่เรื่องปกติของคนที่มีกำลังเซ็กส์กัน ผมก็แค่การอินกับบทบาทที่กำลังแสดงก็เท่านั้น

     ผมได้ยินเสียงฟรองค์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูฝืน ๆ หน้าอาจจะพอฝืนยิ้มได้นะ แต่ในแววตาของเขานั้นมันไม่สามารถซ่อนเร้นความเศร้าเอาไว้ได้เลย ยิ่งเห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

     “เอ่อ แม่เราเขาบ่นคิดถึงฟรองค์น่ะ ถ้ามีเวลาว่างก็อย่าลืมแวะไปทานข้าวที่บ้านเรานะ”

     “อืม ไปอยู่แล้ว จะไปจนกว่าจะได้เป็นลูกเขยแม่นั่นแหละ”

     เฮ้อ ผมล่ะยอมรับจริง ๆ ในเรื่องของความดี ความมุ่งมั่น และความเสมอต้นเสมอปลายที่ฟรองค์มีให้ผม ถ้าผมสามารถรู้สึกกับเขาเหมือนที่เขารู้สึกกับผมได้ก็คงจะดี ไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากรักคนดี ๆ แบบฟรองค์นะ แต่เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้จริง ๆ นี่นา

    สำหรับผมแล้วไม่ว่าอย่างไรเพื่อนก็คือเพื่อน เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก




☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     เสียงริงโทนโทรศัพท์ทำให้ผมละความสนใจจากหนังสือนิยายที่กำลังนอนอ่านอยู่เพลิน ๆ ผมเหลือบมองนาฬิกาบนพนังห้องตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่า ๆ คนที่น่าจะโทรมาในเวลานี้ก็คงจะอยู่คนเดียว ผมหันไปคว้าโทรศัพท์มือถือมากดรับสายโดยแทบจะไม่ต้องมองชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลปลายสาย

     “สวัสดีครับคุณโชน” ผมกล่าวทักทายบุคคลปลายสายพร้อมเอ่ยชื่อของคนที่มักจะโทรมาในเวลานี้เป็นประจำทุกวัน

     “เฮ้อ พี่ชายสองนี่เสน่ห์แรงจริง ๆ เลย” เจ้าสองที่นอนอยู่ข้าง ๆ หันมาทำแววตากระเซ้าใส่ผม ผมหันไปทำตาดุใส่เจ้าน้องตัวแสบที่พอเห็นผมทำอย่างนั้นแล้วยังจะมาขำอีก

     ทุกวันนี้ผมนอนห้องเดียวกับเจ้าสองครับ ถึงแม้บ้านหลังนี้จะใหญ่โต และยังมีห้องว่างเหลืออยู่อีกหลายห้อง แต่เจ้าสองเป็นคนออกปากเองว่าอยากให้ผมมานอนด้วยเพราะอยากจะดูแลผม ซึ่งผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะมันก็ได้ทำให้ผมหวนนึกถึงอดีตในวันคืนดี ๆ ตอนที่เราอยู่บ้านหลังเก่ากัน บ้านหลังเล็ก ๆ ที่อบอุ่นแม้ห้องนอนจะมีจำกัด ผมก็นอนห้องเดียวกันเตียงเดียวกันกับเจ้าสองตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ผมสูญเสียช่วงเวลาดี ๆ กับครอบครัวไปมากแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็ขอชดเชยให้ตัวเองอย่างเต็มที่เลยก็แล้วกัน

     “เอ่อ คุณหนึ่งอาการเป็นยังไงบ้างครับ” คุณโชนก็ยังเป็นคุณโชน ไม่ว่าจะคุยกับผมมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่เวลาคุยกับผมทุกครั้งเขาก็ยังคงมีอาการเกร็ง ๆ ดูไม่มั่นใจ ที่แสดงชัดผ่านทางน้ำเสียงอยู่ดี

     “ดีขึ้นมากแล้วครับ”

     “ถ้าอย่างนั้น ฝะ ฝันดี นะครับคุณหนึ่ง”

     “ครับ ฝันดีเช่นกันครับ”

     สิ้นสุดบทสนทนาสั้น ๆ นั้นคุณโชนก็วางสายไปอย่างง่ายดาย เขาก็มักจะโทรมาหาผมเพื่อไถ่ถามอาการ และจบด้วยการบอกฝันดีอย่างนี้เป็นประจำ คำถามเดิม ๆ ที่ผมก็ตอบกลับด้วยคำตอบเดิม ๆ มันเป็นบทสนทนาสั้น ๆ และฟังดูงง ๆ แต่มันก็ทำให้อมยิ้มได้ทุกครั้งเลยจริง ๆ


     ฝันดีนะครับคุณโชน







     TBC
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-07-2018 19:57:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

เห็นทิ้งท้ายว่าจะมาต่อ...

เมนท์นี้คงไม่ได้เป็นการปาดนะ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 31-07-2018 22:42:52
:pig4: :pig4: :pig4:

เห็นทิ้งท้ายว่าจะมาต่อ...

เมนท์นี้คงไม่ได้เป็นการปาดนะ

ไม่ปาดค๊าบบ เมนท์เถอะอยากให้เมนท์ 55
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-08-2018 00:02:56
รอๆ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 01-08-2018 09:15:56
ว๊ากกกกกกกกก คือ ไรท์ กลับ มาแล้วววววว ง่าาาาาา เขาคิดถึงตั้งนานนนนน :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 01-08-2018 09:36:05
รอติดตามนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 2 [01-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 01-08-2018 15:38:19
เพิ่มเนื้อหาในพาร์ทสองแล้วนะครับ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3868282#msg3868282
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 01-08-2018 15:40:04
ว๊ากกกกกกกกก คือ ไรท์ กลับ มาแล้วววววว ง่าาาาาา เขาคิดถึงตั้งนานนนนน :mew1: :mew1:


ขอบคุณมากจริงๆนะครับที่ยังไม่ลืมกัน หลังจากนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพยายามอัพนิยายให้ได้ทุกวัน แต่คงจะต้องมาทีละครึ่งตอนแบบตอนนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 5 ความเข้าใจ Part 2 [01-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-08-2018 18:00:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิตาโชนนี่  เหมือนเด็กน้อยวัยกะเตาะที่กำลังมีฟามรักแบบปั๊ปปี้เลิฟจริง ๆ

ส่วนฟร็องค์  สงสารนางมากอ่ะ  สุดท้ายนางก็เป็นได้แค่พระรองซีรีส์เกาหลี
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 1 [03-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 03-08-2018 08:38:38
ตอนที่ 6 สร้อยทอง




     ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้วที่ผมเข้าไปพบคุณรามวันนั้น ตอนนี้อาการที่แผลของผมก็ใกล้จะหายดีเกือบจะเป็นปกติแล้ว ก็ยังมีเจ็บอยู่บ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันอะไรมากมาย เดือนหน้านี้ผมคงจะต้องกลับไปรับงานตามปกติแล้ว เฮ้อ พอนึกได้อย่างนี้แล้วก็อยากจะป่วยนาน ๆ ขึ้นมาทันที

     หนังที่ฟรองค์ยอมกลับไปร่วมแสดงก็กำลังจะเปิดกล้องวันมะรืนนี้แล้ว แต่ฟรองค์ยังมีโทรมางอแงกับผมอยู่เลยว่าไม่อยากจะแสดง แต่ผมเชื่อว่าครั้งนี้เขาจะไม่เบี้ยวเหมือนคราวที่แล้ว เพราะเขารับปากกับผมไว้แล้ว ส่วนเรื่องเด็กที่ชื่อป้อง ผมก็ช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ตามที่รับปากกับพี่แองจี้ไว้ แต่ผมก็ทำได้แค่ต่อสายหาคุณรามเพื่อฝากฝังให้ช่วยพิจารณาเด็กนั่นสักหน่อย ส่วนเขาจะรับหรือไม่รับป้องเข้าทำงานก็คงต้องสุดแล้วแต่เขา





☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     เสียงออดที่หน้าบ้านทำเอาผมต้องดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างกะทันหัน เวลาลุกแบบพรวดพราดอย่างนี้ก็ยังรู้สึกเสียวแปลบตรงบริเวณที่ถูกแทงอยู่เหมือนกันนะ ตอนนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว เจ้าสองไปทำรายงานบ้านเพื่อน ส่วนแม่ออกไปตลาด ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะไปช่วยแม่ถือของที่ตลาดเพราะวันนี้เจ้าสองไม่ได้ด้วย แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าให้ผมพักอยู่ที่บ้านดีแล้วเพราะยังไม่หายดี

     ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือคนจะมาที่บ้านผมในเวลานี้ เพราะที่อยู่ของบ้านหลังนี้ผมก็ไม่ค่อยจะได้ให้ใครไว้สักเท่าไหร่ แม้แต่คุณรามที่เป็นเจ้านายของผมหรือแม้แต่เพื่อนนักแสดงนอกจากฟรองค์แล้วก็ยังไม่มีใครรู้ที่อยู่บ้านของผมเลย และผมว่าผมก็ไม่ได้สั่งซื้ออะไรไว้สักหน่อย ถ้าเป็นฟรองค์ปกติแล้วฟรองค์ก็ไม่เคยจะกดออดแต่จะโทรมาหาก่อนจะมาถึง หรือถ้าจะเป็นคุณโชน รายนั้นก็ยิ่งไม่น่าใช่เข้าไปใหญ่เพราะตั้งแต่ที่ผมออกจากโรงพยาบาลมาเขาก็ยังไม่เคยมาเยี่ยมผมที่บ้านเลยสักครั้ง ได้แต่โทรมาบอกห่วงใยเป็นประโยคสั้น ๆ อยู่ทุกวี่วัน

     ตั้งแต่เดินลงบันไดมานี้ผมก็ยังคิดไม่ตกว่าใครกันนะที่เป็นผู้มาเยือนคนนั้น หรือว่าจะโดนเด็กแถวนี้มาแกล้งกดออดเล่นกันแน่




☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     เมื่อผมเปิดประตูบ้านออกมา ผมก็ได้พบกับหญิงสาวรูปร่างดี เธอสวมแว่นตาสีดำและสวมชุดแซกสีดำที่ดูวาบหวิวพอสมควร และเธอยังทาปากด้วยสิปสติกสีแดงสดจนเหมือนสีเลือด เมื่อพินิจมองเธอแล้วผมก็รู้สึกว่าพอจะคลับคล้ายคลับคลาอยู่เหมือนกันนะ แม้จะยังนึกไม่ออกว่าเธอคือใครกันแน่แต่ผมก็ยังคงเดินไปเปิดประตูรั้วให้เธอในฐานะเจ้าของบ้านที่ดี

     “คุณสร้อย” ผมเพิ่งจะจำตัวตนของเธอผู้นี้ได้ เมื่อเธอถอดแว่นตาสีดำนั้นออก เพื่อโชว์แววตาที่กำลังมองเหยียดผมอยู่

     ผมเพิ่งจะเคยเจอตัวจริงของเธอเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นหน้าเธอแค่เพียงผ่านภาพถ่ายในสื่อเท่านั้น เธอชื่อสร้อยทอง เป็นภรรยาของคุณรามและยังเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่รวยติดเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศผมอีกด้วย แต่ตอนนี้ผมคงจะต้องเรียกเธอว่าเป็นอดีตภรรยาของคุณรามแล้วสินะ ก็คุณรามเล่นเอาใบหย่ามาวางโชว์ตรงหน้าผมเสียขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่รู้เธอรู้จักบ้านผมได้ยังไง และมีจุดประสงค์อะไรในการมาที่นี่

     เพี๊ยะ

     “โอ๊ย”  ไม่ทันที่จะพูดพร่ำทำเพลงคุณสร้อยเธอก็ตบหน้าผมอย่างแรงเข้าฉาดใหญ่

     “โสเภณีชั้นต่ำอย่างแกกล้ามากนะที่คิดจะมาแย่งผัวฉัน” คำด่าว่าโสเภณีจากคุณสร้อยทำเอาผมถึงกับจุกอก ผมเงยหน้ามองฟ้าเพื่อเก็บซ่อนน้ำตาที่รื้นขึ้นทันทีได้ถูกเรียกด้วยคำ ๆ นั้น ไม่ว่าจะโดนด่าโดนดูถูกมาเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยรู้สึกชินชากับคำ ๆ นั้นเลยสักที ผมไม่ได้ดูถูกคนที่ทำอาชีพนั้นเพราะงานที่ผมทำก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าพวกเขาเลย แต่ผมแค่ไม่รู้สึกคุ้นชินกับการถูกเรียกแบบนี้จริง ๆ

      ผมหันกลับมามองหน้าคุณสร้อยด้วยความพยายามเก็บซ่อนทุกความรู้สึก ไม่ให้มีอารมณ์ใด ๆ แสดงผ่านทางสีหน้า เธอเหยียดยิ้มดูจะกำลังสะใจกับการที่ได้ตบหน้าและด่าทอผมด้วยถ้อยคำที่เสียดแทงเมื่อครู่

     “ผมไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ ถ้าคุณจะเรียกผมว่าโสเภณี เพราะมันก็คืองานของผม และผมว่ามันก็คงจะดีกว่าผู้หญิงที่นอกใจสามี ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นจนไม่รู้ว่าตัวเองท้องกับใคร ผมว่าผู้หญิงแบบนั้นมันน่ารังเกียจและด้อยค่ายิ่งกว่าโสเภณีที่คุณดูถูกเสียอีกนะ” ผมยิ้มให้กับเธอและเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติให้เธอเข้าใจไปว่าผมไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ ต่อคำด่าทอของเธอ พลางใช้สายตามองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

     ดูท่าเรื่องที่คุณรามเล่าให้ผมฟังมันคงจะเรื่องจริงเสียแล้วสิ เพราะเธอแสดงอาการร้อนรนออกมาในทันทีเมื่อผมตอบกลับไปเช่นนั้น ซึ่งมันจริงก็อย่างที่ผมพูดนี่ คนที่ขายบริการทางเพศที่เขาต้องทำก็เพราะความจำเป็น เพราะมันคืออาชีพของเขา แต่สำหรับผู้หญิงที่มีเงินทองท่วมฟ้าอย่างคุณสร้อย เธอไม่จำเป็นต้องนอนกับใครเพื่อแลกเงิน และสำหรับผู้หญิงที่มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วอย่างเธอแต่ยังเที่ยวไปนอนกับชายอื่นฟรี ๆ เมื่อลองช่างน้ำหนักดูแล้วโสเภณีที่เธอดูถูกนั้นอาจจะดูมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากกว่าพฤติกรรมของผู้หญิงอย่างเธอเสียด้วยซ้ำ

     คุณสร้อยเธอตรงเข้ามาตบตีผมอย่างไม่ยั้งมือด้วยท่าทางที่ดูแสนจะเจ็บแค้นขั้นสุด ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่ว่ายังไงคนอย่างผมก็ไม่ทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว แต่สำหรับคนอื่นผมไม่รู้....



     รถสปอร์ตสีดำของคุณรามที่เคลื่อนที่มาด้วยเร็วสูงเบรคลงอย่างกะทันหันตรงหน้าบ้านผม จนยางรถเสียดสีกับพื้นถนนจนเกิดเสียงดังสนั่น คุณรามลงจากรถด้วยท่าทางร้อนใจในทันที เขาพุ่งตรงเข้ามากระชากตัวคุณสร้อยออกจากตัวผมไปอย่างแรง แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทำ จนผมเองถึงกับต้องอึ้งไป

     เพี๊ยะ

     คุณรามตบหน้าคุณสร้อยอย่างเต็มแรง จนตัวเธอล้มทรุดลงไปกองที่พื้น ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้ คุณสร้อยเธอถึงกับเลือดกลบปาก เธอหันกลับมามองหน้าอดีตสามีด้วยแววตาที่แสนจะน้อยเนื้อต่ำใจ

     “คุณตบสร้อย เพื่อปกป้องมันเลยเหรอคะราม”

     “ไสหัวไปให้พ้น แล้วอย่าให้ฉันรู้ว่าเธอมาระรานคนของฉันอีก ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าฉันใจร้าย” คุณรามชี้หน้าและตะคอกใส่คุณสร้อยอย่างไร้เยื้อใย สีหน้าและแววตาของเขาในตอนนั้นมันช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน

     “ก็ดีในเมื่อคุณกล้าทำแบบนี้กับสร้อย เราก็จะได้เห็นดีกัน สร้อยจะบอกให้คุณพ่อเล่นงานคุณ” คุณสร้อยพ่นคำขู่และดันตัวลุกขึ้นจากพื้นทั้งน้ำตา เธอจ้องหน้าคุณรามแบบท้าตีท้าต่อย แม้ในแววตาของเธอในตอนนั้นจะดูเกรงคุณรามอยู่ไม่น้อยก็ตาม

     “เฮอะ จะให้พ่อเธอเล่นงานฉันอย่างนั้นเหรอ” คุณรามเหยียดยิ้มและยักไหล่ดูไม่ได้เกรงกลัวต่อคำขู่ของคุณสร้อยเลยแม้แต่น้อย

     “เธอแน่ใจเหรอว่าพ่อเธอจะกล้าทำอะไรฉัน วันที่พ่อรู้ว่าถึงความชั่วช้าของเธอ พ่อเธอแทบจะกราบเท้าอ้อนวอนไม่ให้ฉันเลิกกับเธอกลัวจะเป็นข่าวและเขาจะเสียชื่อ นักธุรกิจใหญ่อย่างพ่อเธอมันห่วงหน้าตาของตัวเองในสังคมยิ่งกว่าห่วงลูกเลว ๆ อย่างเธอเสียอีก ถ้าฉันเอาผลตรวจดีเอ็นเอของฉันกับไอ้มารหัวขนลูกของเธอไปประจานล่ะก็คงได้ฉาวโฉ่กันไปทั่ว คิดว่าพ่อเธอจะกล้าเสี่ยงไหมล่ะ” คุณรามพูดอย่างทะนงตนว่าเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า เขาใช้นิ้วชี้ผลักที่หน้าผากของอดีตภรรยาอย่างแรงจนเธอหน้าหงาย ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอกลับมาด้วยการคว้าเข้าที่คอของเธออย่างไม่เบามือ จนเธอแสดงอาการคล้ายกับว่ากำลังหายใจไม่ออก

     “บุญคุณที่พ่อเธอเคยช่วยเหลือฉัน ฉันถือว่าฉันชดใช้ให้จนหมดไปแล้ว ด้วยการที่ฉันทนอยู่กับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอมานานเป็นปีทั้งที่รู้ว่าตัวเองโดยสวมเขาแล้ว การที่ฉันกับเธอเลิกกันไปแบบเงียบ ๆ ถือว่าฉันปรานีเธอที่สุดแล้วนะสร้อยทอง ตอนนี้ฉันเจอคนที่ฉันต้องการแล้ว เธอก็ควรไสหัวออกไปจากชีวิตฉันได้แล้ว” ว่าจบคุณรามสลัดคุณสร้อยจากมือของเขาอย่างแรง จนเธอล้มไปกองกับพื้นอีกรอบ ผมเห็นสภาพคุณสร้อยในตอนนั้นแล้วก็อดนึกเวทนาเธอไม่ได้จริง ๆ

     เหตุการณ์การที่วิวาทกันนั้นคงจะส่งเสียงดังอยู่ไม่น้อย จนเพื่อนบ้านในละแวกนั้นออกมายืนดูที่หน้าบ้านของตัวเองกันเป็นแถว ส่วนผมขอหันหลังเดินกลับเข้าบ้านก็แล้วกัน เพราะไม่อยากจะรับรู้เรื่องในครอบครัวระหว่างสองผัวเมียนี่อีกแล้ว คุณรามตามเข้ามาประครองผม ผมสลัดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาในทันที ยังไงผมก็ไม่รู้สึกสนิทใจกับการที่จะให้ผู้ชายที่น่ากลัวมากคนนี้มาแตะต้องตัวผม




     คุณรามยอมที่จะไม่สัมผัสตัวผมแต่เขาก็ยังคงเดินตามผมเข้ามาในบ้าน ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าบ้านผม คุณสร้อยเธอคงจะกลับไปแล้ว

     “คุณกับคุณสร้อยรู้จักบ้านผมได้ยังไง”

     “ผมให้คนตามสืบเรื่องที่อยู่ของคุณมาสักพักแล้วล่ะ ผมแค่ยังไม่อยากจะรีบร้อนบุกมาถึงบ้านคุณ กลัวคุณจะตกใจ แต่สร้อยผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามาบ้านคุณได้ยังไง” ผมถึงกับเหวอกับคำให้การของเขา นี่เขาถึงขั้นให้คนมาตามสืบหาที่อยู่ของผมเลยหรือนี่ คนอย่างเขานี่มันน่ากลัวกว่าที่ผมคิดไว้มากจริง ๆ

     “คุณเจ็บหรือเปล่าหนึ่ง” คุณรามยื่นมือเข้ามาจะสัมผัสตรงร่องรอยบนหน้าผมที่ถูกคุณสร้อยทำร้าย แต่ผมรีบปัดมือเขาออกในทันที ไม่ว่ายังไงคนอย่างเขามันก็น่ารังเกียจอยู่วันยันค่ำ

     “คนของผมบังเอิญเห็นรถของสร้อยขับมาทางบ้านคุณ ผมเป็นห่วงก็เลยรีบตามมาดู ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับคุณขนาดนี้ ผมขอโทษจริง ๆ เพราะผมใช้ผลตรวจดีเอ็นเอเป็นข้อต่อรองให้เขายอมเซ็นใบหย่าให้ผม แต่เขาก็ยังตามราวีผมไม่เลิก จนผมเผลอหลุดปากไปว่าผมต้องการคุณ แต่ผมรับปากนะว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เขามายุ่งกับคุณอีก” อย่าพยายามมาทำน้ำเสียงอ่อนโยนกับแววตารู้สึกผิดอย่างนั้นเลย อย่างไรผมก็ไม่มีทางใจอ่อนหลงผิดคิดจะยอมตกล่องไปปล่องชิ้นไปกับคนอย่างเขาหรอก

     “คุณรังเกียจคุณสร้อยเพราะเธอไปนอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วกับผมล่ะด้วยงานของผม ผมก็นอนกับผู้ชายมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่คน แล้วคุณจะมาบอกว่าต้องการผมเนี่ยนะ ย้อนแย้งสิ้นดี ถ้าผมยอมเป็นของคุณสักวันหนึ่งคุณก็อาจจะทำกับผมเหมือนที่คุณทำกับคุณสร้อยวันนี้”

     “นี่ปล่อยผมนะ” คุณรามฉวยโอกาสเข้ารวบกอดผมจากด้านหลัง ผมพยายามที่จะขยับตัวหลบหนีการจู่โจมจากปากและจมูกของเขาที่พยายามจะซุกไซร้และพรมจูบไปทั่วทั้งต้นคอและใบหน้าของผม การกระทำเช่นนี้ของเขามันทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงสิ้นดี

     “ก่อนที่คุณจะเป็นของผม คุณจะนอนกับผู้ชายกี่ร้อยกี่พันคน ผมก็ไม่สนใจหรอก แต่ถ้าหลังจากที่คุณเป็นของผมแล้ว คุณต้องเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น และคุณไม่ต้องกลัวหรอกนะ ที่สร้อยทองต้องเจอแบบนั้นเพราะเขาทรยศผม แต่ผมเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น”

     คุณรามเลื่อนมือลงมาลูบไล้ตรงรอยแผลที่ถูกแทงของผม ก่อนที่เขาจะกระซิบอย่างแผ่วเบาที่ข้างหูผมด้วยน้ำเสียงกระเซ่าจนผมอยากจะอาเจียนว่า

     “คุณยังไม่ต้องกลัวหรอกหนึ่ง ตอนนี้คุณยังเจ็บอยู่ผมยังไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้หรอก เอาไว้รอให้คุณหายดีก่อนก็ยังไม่สายเกินไป”




-----------------------------------------------------
[มีต่อในรีพลายถัดไปครับ]
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 03-08-2018 19:54:50
[ต่อ]

☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     ผมกดรับสายโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาในตอนบ่ายของวันที่แสนน่าเบื่อ ก็ยังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเมื่อเห็นว่าชื่อและเบอร์โทรของบุคคลปลายสายนั้นคือฟรองค์ ทั้งที่ตอนนี้ฟรองค์น่าจะกำลังอยู่ที่สตูดิโอนี่นา

     “ว่าไงฟรองค์”

     “เอ่อ หนึ่งรู้จักกับน้องที่ชื่อป้องหรือเปล่า” ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าฟรองค์น่าจะกำลังไม่สบายใจกับอะไรบางอย่าง มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่านะ อยู่ ๆ ฟรองค์ก็ถามผมถึงน้องที่ชื่อป้อง และน้องที่ชื่อป้องที่ผมพอจะรู้จักก็น่าจะมีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

     “เอ่อ ถ้าป้องที่ฟรองค์หมายถึงเป็นเด็กของแองจี้ที่เพิ่งจะมาออดิชั่นที่ค่าย เราก็เคยเจอนะ มีอะไรกันหรือเปล่า หรือว่า.....” อยู่ ๆ สมองผมมันก็นึกปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้เองโดยไม่ต้องรอคำตอบจากฟรองค์ ก็ในเมื่อตอนนี้ฟรองค์น่าจะกำลังอยู่ที่สตูดิโอเพื่อเตรียมถ่ายหนังเรื่องใหม่ แล้วอยู่ ๆ ฟรองค์ก็โทรมาถามผมถึงเรื่องเด็กคนนั้น พอลองปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้

     นี่คุณรามกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้จับเด็กนั่นเดบิวต์เร็วขนาดนี้เลย




☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     ผมรีบดิ่งตรงมาที่บริษัทของคุณรามทันทีที่ได้ความจากฟรองค์ เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ นายเอกคนใหม่ของฟรองค์คือเด็กป้องจริง ๆ ไม่รู้ว่าคุณรามเขากำลังคิดอะไรของเขาเด็กนั่นเพิ่งจะมาออดิชั่นไปแท้ ๆ กะจะไม่ให้เวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจกันเลยหรือไง

     เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกยังชั้นที่ใช้เพื่อเป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายทำหนังของค่าย ผมก็ได้ยินเสียงคุณรามที่น่าจะกำลังโมโหขั้นสุดตะคอกต่อว่าใครสักคนเสียงดังมาแต่ไกล ตามความที่ได้จากฟรองค์ก็คงจะเป็นเจ้าเด็กป้องนั่นแหละที่ทำให้คุณรามระเบิดอารมณ์ได้ขนาดนี้


     “หนึ่ง” ผมหันมองตามเสียงเรียก และก็เป็นฟรองค์ที่ตอนนี้ทั้งตัวเขามีเพียงชุดคลุมอาบน้ำที่ปกปิดร่างกาย กำลังยืนโบกมือให้ผมอยู่ตรงหน้าประตูสตูดิโอที่เป็นต้นทางที่เสียงคุณรามดังลอดออกมา ผมรีบตรงเข้าไปหาฟรองค์ในทันที

     “หนึ่งยังไม่หายดี ฟรองค์ไม่น่าเอาเรื่องร้อนใจมาให้หนึ่งเลยอ่ะ พอดีฟรองค์ได้ยินคุณรามพูดตอนที่ดุน้องเขาว่าให้โอกาสน้องเขามาทำงานในค่ายก็เพราะหนึ่ง ฟรองค์ก็เลยลองไปโทรปรึกษาหนึ่งดู” ฟรองค์ว่าด้วยสีหน้าที่ดูรู้สึกไม่สบายใจ ตอนแรกฟรองค์ก็ไม่อยากจะให้ผมมาถึงที่นี่ แต่จะทำอย่างไรได้ ก็ตอนนี้พี่แองจี้ก็ไปต่างประเทศอีกแล้ว และคนอื่น ๆ ที่รู้จักกับเด็กนั่นผมก็ไม่รู้จักเลย จากที่ได้ยินฟรองค์เล่าทางโทรศัพท์เด็กนั่นถึงขั้นสติแตกไปแล้ว และในค่ายนี้นอกจากผมแล้วเด็กนั่นก็ไม่น่าจะรู้จักคนอื่นเลย ในตอนนี้ผมเลยเป็นคนเดียวที่น่าจะพอเป็นที่พึ่งให้กับเด็กนั่นได้ ผมจึงจำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง

     “ฟรองค์ไม่ต้องคิดมากหรอกเราไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่เรื่องเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

     “ตอนแรก ๆ ซีนกอดจูบธรรมดาน้องเขาก็พอเล่นได้นะ แต่พอถึงตอนที่ฟรองค์ถอดเสื้อผ้าออก น้องเขาก็สติแตกไปเลย ยังร้องไห้ไม่หยุดจนถึงตอนนี้ เลยถ่ายต่อไม่ได้” ฟรองค์เล่าด้วยท่าทางที่ดูลำบากใจ ผมก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องตอนที่เขากำลังจะมีอะไรกับคนอื่นให้ผมฟัง แต่ผมฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกคิดมากหรือหึงหวงอะไรหรอกนะ


     ผมดันประตูเปิดเข้าไปด้านของสตูดิโอทันทีหลังจากที่ฟังฟรองค์เล่า ภาพที่เห็นก็ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้สักเท่าไหร่ เด็กป้องใช้ผ้าห่มคลุมตัวเองและนั่งตัวสั่นร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียง โดยมีคุณรามที่ดูกำลังอารมณ์เสียอย่างหนักยืนชี้หน้ากร่นด่าเด็กนั่นด้วยถ้อยคำที่ไม่รักษาน้ำใจกันเลยอยู่ตรงหน้า และทีมงานคนอื่นก็ดูท่าทางเซ็งไปตาม ๆ กัน

     แต่ดูเหมือนกับว่าถ้อยคำต่อว่าจากคุณรามอาจจะไม่ได้เข้าหัวเด็กนั่นสักเท่าไหร่เพราะดูท่าแล้วตอนนี้เด็กนั่นกำลังอยู่ในสภาพที่ใกล้จะที่สติแตกอย่างที่ฟรองค์ว่าจริง ๆ


     “หนึ่งมาได้ยังไง ทำไมไม่พักอยู่บ้าน” คุณรามท้วงขึ้นตอนที่เห็นผมเดินเข้าไปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แม้เขาจะพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้าตอนที่พูดกับผมให้ดูเสมือนว่าใจเย็นลงต่างจากตอนที่กำลังต่อว่าป้องเมื่อครู่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความขุ่นเคืองติดมาในน้ำเสียงของเขาอยู่ไม่น้อย คุณรามคงจะโกรธป้องมากจริง ๆ

     ผมนั่งลงตรงข้าง ๆ ป้องและจับหัวป้องเข้ามาซบที่ไหล่ผมเพื่อปลอบขวัญ เขากอดที่รอบเอวผมแน่น ตัวของป้องทั้งสั่นและเกร็งไปทั้งตัวดูท่าทางเหมือนจะกำลังขวัญเสียอย่างหนัก เด็กนี่ดูอาการหนักยิ่งกว่าตอนที่ผมเล่นหนังเรื่องแรกหลายเท่าตัวเลยนะ ผมได้แต่ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน ก็ได้แต่หวังว่าจะพอทำให้เขาใจเย็นลงได้

     “คุณคิดอะไรของคุณอยู่คุณราม ทำไมถึงต้องเร่งรัดเดบิวต์ป้องขนาดนี้ เห็นไหมว่าเด็กมันยังไม่พร้อม” ผมว่าพลางมองหน้าคุณรามอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก

     โดยปกติแล้วหนังเรื่องแรกสำหรับที่นักแสดงบทนายเอกหน้าใหม่ส่วนใหญ่จะได้แสดงจะไม่ใช่หนังที่มีสตอรี่แบบนี้ แต่จะเป็นการนั่งสัมภาษณ์และจบด้วยการให้พี่แว่นดำเอาของเล่นนานาชนิดมาให้นายเอกใหม่ได้ทดลองอย่างถึงพริกถึงขิงก่อนจะเริ่มมีอะไรกัน หนังสไตล์นี้หลายคนคงจะคุ้นเคยจากหนังจีวีของประเทศญี่ปุ่น สำหรับในประเทศของผมมักจะนิยมเอาหนังแนวนั้นมาใช้สำหรับเดบิวต์นายเอกหน้าใหม่ เพราะไม่ต้องจำบทจำท่าทางหรือมุมกล้องอะไรมากมาย แค่ทำไปตามที่แว่นดำเขาจะกำกับมาเท่านั้น แล้วก็ถือเป็นการได้แนะนำตัวกับแฟน ๆ ไปในตัวด้วย  เรื่องแรกของผมก็เป็นแบบนี้

     และนักแสดงหน้าใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกทุกคนหลังจากตรวจเลือดและเซ็นสัญญาแล้วทางค่ายจะให้เวลาเตรียมตัวและทำความคุ้นกับทีมงานรวมไปถึงเพื่อนนักแสดงจนกว่าเจ้าตัวจะรู้สึกพร้อมจริง ๆ ค่ายถึงจะเริ่มป้อนงานให้ แต่นี่อะไรทั้งแนวทางของหนังและความพร้อมของป้องที่เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าป้องยังไม่พร้อม ผมถึงไม่เข้าใจเลยว่าคุณรามเขาคิดอะไรอยู่

     “หนึ่งจะให้ผมทำยังไง พอสปอนเซอร์เขารู้ว่าผมรับเจ้าเด็กนี่เข้าสังกัด สปอนเซอร์เขาก็รีเควสมาว่าอยากให้นายฟรองค์เล่นคู่กับเจ้าเด็กนี่ เพื่อเรียกกระแส เพราะเขาเคยเห็นคลิปหลุดของเด็กนี่แล้วเขาถูกใจ และเด็กนี่ก็เป็นคนรับงานเองนะ”

     “คลิปหลุด คลิปหลุดอะไร” ผมเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย เพราะไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของคุณราม หน้าซื่อ ๆ อย่างเจ้าเด็กป้องน่ะหรือจะเคยมีคลิปหลุดมาก่อนหน้านี้

     “หนึ่งไม่เคยเห็นหรือไง แชร์กันให้ว่อนทวิตเตอร์เมื่อปีที่แล้ว คลิปที่เด็กนี่นอนกับพ่อเลี้ยงตัวเอง”  อะไรนะ!!

   ผมหันมองคนที่กำลังซบไหล่ผมอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง จากสิ่งที่คุณรามว่ามาเมื่อสักครู่นี้ เด็กป้องจะทำได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ มีอะไรสามีของแม่ตัวเองเนี่ยนะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย

     แต่พอลองนึก ๆ ดูแล้วผมก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมป้องถึงสติแตกไปได้ขนาดนี้ ก็หนังที่ป้องและฟรองค์กำลังจะแสดงกันอยู่นี้เป็นแนวที่พ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงแอบมีอะไรกันน่ะสิ เฮ้อ สปอนเซอร์นี่ก็นะคิดจะเอาแต่กระแสแต่ไม่สนใจเรื่องมนุษยธรรมบ้างเลยหรือไง คิดได้อย่างไรที่จะตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตเด็กนี่ด้วยการให้แสดงในหนังที่เรื่องราวใกล้เคียงกับความผิดพลาดของเขา คุณรามก็อีกคนคิดจะเอาใจสปอนเซอร์เสียจนละเลยทำเนียมที่ค่ายปฏิบัติกันมาไปแล้วหรืออย่างไร

     “เปลี่ยนคนได้ไหมครับ คุณก็เห็นว่าป้องไม่พร้อมจริง ๆ” ผมลองเสนอความคิดเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่สุด เพราะก็ยังมีนักแสดงที่โดนดองในค่ายอีกมากที่น่าจะพร้อมมาแสดงแทน

     “เราไม่มีเวลาแล้วหนึ่ง แค่ตอนที่นายฟรองค์งอแงสปอนเซอร์เขาก็โกรธมากแล้ว และสปอนเซอร์ก็เลือกมาแล้วว่าถ้าไม่ใช่นายเอกตัวท็อปก็ต้องเป็นเด็กนี่เท่านั้น และพวกตัวท็อปคนอื่นก็เรื่องมากจะตายไม่ยอมมาแสดงแทนหรอก” ฟังคุณรามว่าถึงความจำเป็นแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก แล้วผมจะช่วยเจ้าเด็กนี่อย่างไรดีล่ะคราวนี้

     “ถ้าอย่างนั้นผมเล่นเอง” จริง ๆ แล้วผมก็รู้ว่าร่างกายของตัวเองมันยังไม่ได้หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมเองก็หนักใจเหมือนกัน แต่ที่พูดออกไปอย่างนั้นก็เพราะมันคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในเวลานั้น เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วที่จะทำให้งานสามารถเดินต่อไปได้โดยที่ทีมงานคนอื่น ๆ ไม่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

     “ไม่ได้นะหนึ่ง หนึ่งยังไม่หายดี” ฟรองค์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รีบคัดค้านขึ้นมาอย่างทันควัน

     “นายฟรองค์พูดถูกยังไงผมก็ไม่ให้คุณเล่น เจ้าเด็กนี่นั่นแหละที่จะต้องถ่ายต่อให้จบ” คุณรามว่าสนับสนุนฟรองค์ และยังดึงดันที่จะให้ป้องถ่ายต่อ แต่ให้ทำอย่างไรล่ะในเมื่อเด็กนี่อยู่ในสภาพแบบนี้จะไปถ่ายต่อได้อย่างไร




     “คุณราม ของที่สั่งได้แล้วครับ” เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ ก็มีทีมงานอีกคนที่เพิ่งจะวิ่งมาจากข้างนอกพร้อมกับขวดน้ำเปล่าที่เขาถืออยู่ในมือ เขายื่นน้ำขวดนั้นให้กับคุณราม น้ำเปล่าธรรมดานั่นน่ะหรือคือสิ่งที่บอกว่าเป็นของที่คุณรามสั่งมา ผมชักจะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เสียแล้วสิ น้ำนั่นจะใช่น้ำเปล่าธรรมดาจริง ๆ หรือ

     “ดื่มซะ จะได้รีบ ๆ มาถ่ายต่อให้เสร็จ” คุณรามว่าพร้อมกับยัดน้ำขวดนั้นใส่มือป้อง

     “นั่นน้ำอะไร” ผมมองหน้าคุณรามอย่างจับผิด และถามเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ ขึ้นชื่อว่าของที่คุณรามสั่งมามันไม่น่าจะใช่ของดีแน่ ๆ

     “น้ำผสมยาปลุกเซ็กส์” คุณรามตอบผมตามตรง อย่างไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร แต่ผมนั้นถึงกับตาเบิกโพลงนี่เขาเล่นอย่างนี้เลยหรือ

     “คุณจะบ้าเหรอ น้องมันไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม จะเอายาปลุกเซ็กส์มาให้มันกินได้ยังไง” ผมโวยวายขึ้นมาในทันที จริงอยู่ว่าก็มีนักแสดงหลายคนที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ร่วมขณะแสดงจึงต้องใช้ยาช่วย แต่นั่นก็ไม่ใช่กับคนที่ยังไม่พร้อมที่จะแสดงหนังแบบเด็กนี่ อย่างไรเสียผมก็ว่ามันไม่สมควร

     “มะ ไม่เป็นไรครับพี่หนึ่ง ผมไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปมากกว่านี้แล้ว” น้ำเสียงที่ยังคงสะอื้นว่าท้วงผมขึ้น

     ผมหันมองป้องที่เพิ่งจะละออกจากไหล่ของผมนี้ ตอนนี้ป้องดูอารมณ์เริ่มเย็นลงแล้ว แต่ก็ยังคงมีคงมีอาการสะอื้นอยู่ ดวงตาแดงก่ำที่น้ำตายังไม่หยุดไหลในแววตายังคงเต็มไปด้วยความวิตก เด็กนั่นไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่เขาจัดการเปิดฝาขวดและกระดกน้ำในขวดนั้นเข้าปากไปเสียจนเกือบหมดในคราวเดียว จนผมเองก็ยังตกใจ

     “ป้อง”

     “ดี ทีมงานเตรียมพร้อมอีกสักพักเราจะเริ่มถ่ายกันต่อ” คุณรามแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ คนอย่างเขานี่ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์จริง ๆ

     ผมได้แต่มองป้องอย่างอดห่วงไม่ได้ เฮ้อ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วผมก็คงไม่คัดค้านอะไร ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ยังพอมีข้อดีอยู่เหมือนกันที่พระเอกคนแรกของป้องคือฟรองค์ เพราะเพื่อนนักแสดงและทีมงานทุกคนต่างรู้กันดีว่าฟรองค์เป็นพระเอกที่ไม่เคยฉวยโอกาสเล่นเกินบท และเขาก็ให้เกียรติเพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนเสมอ

     ยังไงก็ขอให้โชคดีก็แล้วกันนะป้อง





     TBC
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 1 [03-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-08-2018 20:02:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอพาร์ทสองอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 1 [03-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 03-08-2018 23:16:25
สงสารฟรองค์ ไม่อยากให้คนดีๆเป็นได้แค่พระรองไปอีกเรื่อง ฮืออ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 1 [03-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-08-2018 09:50:39
สงสารฟรองค์ ไม่อยากให้คนดีๆเป็นได้แค่พระรองไปอีกเรื่อง ฮืออ

เห็นด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 1 [03-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-08-2018 16:03:08
เชียร์ฟรองค์อีกคน
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-08-2018 22:04:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีคุณราม นี่มันเลวชั่วจริง ๆ

เห็นแก่ได้ ไร้มนุษยธรรม  ไม่สนหมีสนแดดอะไรเลย
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-08-2018 22:34:40
สงสารน้องป้อง หรือฟร้องค์จะคู่น้องป้อง
อีคุณรามเลวจริง
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 06-08-2018 22:45:21
รามทำไมทำแบบนี้ยยยยยย เขาสงสารน้องงงงงง  ง่าาาา
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-08-2018 09:22:32
0_0!
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 07-08-2018 15:51:57
ยกป้ายไฟทีมฟร้องงงงงงง
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 6 สร้อยทอง Part 2 [06-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-08-2018 15:59:12
คุณรามเลวได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 08-08-2018 20:10:38
ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย



     ตั้งแต่ที่บาดเจ็บมาผมก็ยังไม่ได้มีโอกาสออกมาหาอะไรทานนอกบ้านอย่างนี้เลย ตอนที่ยังไม่หายนั้นจะได้ออกจากบ้านแต่ละทีก็เพราะมีเรื่องตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมนั้นมันได้หายดีเป็นปกติแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสออกมาหาอะไรอร่อย ๆ ทานนอกบ้านในวันที่ผมสุดแสนจะว่างแสนว่างเช่นวันนี้

     ส่วนเรื่องเด็กป้องน่ะหรือ ตอนนี้ผมกับเด็กนั่นสนิทกันมากขึ้น เพราะหลังจากวันนั้นมาผมกับเด็กนั่นมีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น ป้องเองก็ถือว่าเป็นน้องที่นิสัยดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อได้ทำความรู้จักกันจริง ๆ จัง ๆ ทำให้ผมได้รู้ว่าป้องเป็นคนที่ชีวิตน่าสงสารมากเลยนะ  จากที่ป้องเล่าให้ผมฟัง ที่ป้องต้องยอมมีอะไรกับพ่อเลี้ยงจนกลายเป็นที่มาของคลิปหลุดนั้น  เพราะพี่สาวของป้องกับพ่อเลี้ยงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์ลับกันแล้วไอ้พ่อเลี้ยงสารเลวคนนั้นก็แอบถ่ายคลิปตอนที่กำลังมีอะไรกับพี่สาวของป้องเอาไว้

     และมันก็ใช้คลิปนั้นเพื่อข่มขู่ป้อง หากว่าป้องไม่ยอมมีอะไรกับมัน มันขู่ว่าจะเอาคลิปของพี่สาวป้องนั้นไปให้แม่ของป้องที่กำลังป่วยกระเสาะกระแสะได้ดู พร้อมทั้งจะเอาคลิปไปโพสลงโซเชียลเน็ตเวิร์คให้ทั่ว ป้องรักพี่สาวและแม่มากและด้วยวุฒิภาวะของป้องในตอนนั้นที่ยังไม่ได้เข็มแข็งและเด็ดเดียวมากพอ เด็กนั่นกลัวพี่สาวจะต้องอับอายผู้คน และกลัวอาการป่วยของแม่จะยิ่งทรุดหนักหากได้เห็นคลิปนั้น เขาจึงจำใจยอมให้ในสิ่งที่มันต้องการ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองก็ได้ถูกไอ้สารเลวคนนั้นแอบถ่ายคลิปเอาไว้เหมือนกัน

     และสุดท้ายในวันที่พ่อเลี้ยงสวะตัวนั้นทิ้งแม่ของป้องไปคลิปวีดีโอลับเหล่านั้นก็ถูกปล่อยออกมาทั้งของป้องและพี่สาว และสิ่งที่ป้องกลัวที่สุดมันก็ได้กลายเป็นจริง เมื่อแม่ของป้องได้เห็นคลิปที่ลูกทั้งสองมีอะไรกับอดีตสามีของตัวเองอาการป่วยของท่านก็ทรุดหนักลงไปจริง ๆ

     ป้องต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยหนักและพี่สาวที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย เงินที่ได้จากการทำงานพาร์ทไทม์แค่เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ละวันยังแทบจะไม่พอแล้วยังต้องปันไปเป็นค่ารักษาพยายบาลแม่อีก สุดท้ายป้องจึงตัดสินใจที่จะเข้าสู่วงการหนังผู้ใหญ่ เพราะเคยได้ยินมาว่าได้เงินดี และป้องก็คิดว่าตัวเองก็ไม่เหลืออะไรที่จะเสียหรือจะต้องอายอีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียคนก็ได้เห็นคลิปลับของเขาไปแล้ว

     ในวันนั้นผมยังคงนั่งรออยู่ที่หน้าสตูดิโอจนมีทีมงานออกมาบอกว่าถ่ายทำเสร็จแล้ว ตามกฎของค่ายในขณะที่กำลังถ่ายทำนั้นนอกจากนักแสดงก็จะมีแค่ทีมที่เกี่ยวข้องจริง ๆ ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ข้างในได้ แม้คุณรามจะไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากผมจะอยู่ข้างในด้วย แต่ผมขอเลือกที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบดีกว่า และทางฟรองค์เอง เขาก็ไม่อยากให้ผมเห็นตอนที่เขามีอะไรกับคนอื่นด้วย

     หลังจากที่ถ่ายทำจนเสร็จเด็กนั่นก็ดูมีอาการอิดโรยและซึมหนักจนน่าเวทนา ฟรองค์เองก็ดูลำบากใจ ผมก็เข้าใจเพราะที่ฟรองค์ทำก็เพราะเป็นงานและป้องก็ยินยอมที่จะแสดงเอง ป้องบอกผมว่าที่ยอมรับงานนั้นในตอนแรกเพราะคิดว่าตัวเองจะทำใจได้และอยากจะได้เงินไปจุนเจือครอบครัวเร็ว ๆ แต่พอเอาเข้าจริงเมื่อเริ่มถ่ายทำจริง ๆ ภาพบาดแผลในอดีตมันก็เข้ามาตอกย้ำจนเขาถึงกับสติแตกไปในคราวแรก ขนาดเด็กนั่นสภาพน่าสงสารออกขนาดนั้นคุณรามก็ยังจะกล้าหาว่าเด็กนั่นสำออยได้ลงคอ ผมล่ะเชื่อเขาเลยจริง ๆ อยากรู้นักว่าจิตใจเขานั้นมันทำด้วยอะไร




☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะไม่รู้ว่าหนังที่ฟรองค์และป้องแสดงนั้นได้วางขายไปหรือยัง เพราะผมเองก็ไม่ได้ตามข่าว วันนี้ผมออกมาทานผัดไทยกุ้งสดที่ร้านตรงหน้าปากซอยบ้าน เพราะเจ้าสองเคยซื้อไปให้ทานที่บ้านแล้วรสชาตินั้นอร่อยถูกปากผมมาก วันนี้ผมก็เลยออกมาทานเองถึงร้าน

     “ป้าครับ เอาผัดไทยสามที่นะครับ ทานที่นี่หนึ่งที่ อีกสองขอห่อกลับบ้านครับ อ่อ ห่อหนึ่งไม่ใส่ถั่วงอกนะครับ” ผมไม่ลืมที่จะสั่งกลับบ้านไปฝากแม่และเจ้าสอง ห่อที่ว่าไม่ใส่ถั่วงอกนั้นน่ะสำหรับเจ้าสองโดยเฉพาะ เพราะเจ้าเด็กนี่เกลียดถั่วงอกและผักอีกหลายชนิดมาแต่ไหนแต่ไร ต่างจากผมที่ชอบทานผักทุกชนิด

     ส่วนผมขอเลือกที่จะทานอยู่ที่ร้านเลย เพราะอยากจะลิ้มรสตอนที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆ จากเตา มันคงจะอร่อยกว่าใส่ห่อไปทานที่บ้านเป็นไหน ๆ เพราะกว่าผมจะเดินกลับไปถึงบ้านมันก็คงจะเย็นหมดแล้วและรสชาติก็คงจางลงพอดี และตอนนี้แม่กับเจ้าสองก็ออกไปตลาดกันถ้าให้ผมหิ้วกลับไปทานที่บ้านคนเดียวก็คงเหงาแย่

     “จ้า นั่งรอก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าทำให้” คุณป้าคนขายนั้นแม้จะยังง่วนอยู่กับการทำผัดไทยให้ลูกค้าคนก่อนหน้า แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะหันมายิ้มรับออเดอร์จากผม เพราะอาหารอร่อยและคนขายอัธยาศัยดีนี่เองถึงได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างนี้

     ผมกวาดสายตามองไปด้านในร้านที่ไม่ค่อยจะมีโต๊ะว่างเหลือสักเท่าไหร่ เพื่อหาที่นั่งในทำเลที่ถูกใจที่ยังพอจะเหลือว่างอยู่  จนสายตาของผมไปสะดุดที่โต๊ะ ๆ หนึ่ง มันไม่ใช่โต๊ะที่ว่างหรอกนะ มีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างใจจดใจจ่อนั่งจับจองอยู่ก่อนแล้ว ผู้ชายที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

     “ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ผมเดินตรงเข้าไปลากเก้าอี้และนั่งลงตรงหน้าผู้ชายคนนั้นที่โต๊ะเดียวกันนั่นแหละ

     “เชิญครับ” เขาตอบรับผมโดยที่สองตายังคงเอาแต่เพ่งมองหนังสือการ์ตูนในมือ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้นะว่าผมเป็นใคร

     “เอาแต่โทรมาบอกว่าเป็นห่วง แต่ไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมกันบ้างเลย  ใจร้ายจัง” ผมแกล้งทำพูดกระเซ้าอย่างทีเล่นทีจริงเพื่อให้คนตรงหน้านี้รู้ตัวสักที

     และก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวแล้วจริง ๆ เมื่อผมทักออกไปแบบนั้น ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมที่อยู่ตรงหน้าของเขา

     “คุณหนึ่ง!” ก็ไม่รู้ว่าเขาจะตกใจอะไรขนาดนั้น แค่เห็นว่าผมอยู่ตรงหน้าเขาก็ถึงกับหน้าเหวอและอุทานออกมาเป็นชื่อผมเสียงดังลั่น หนังสือการ์ตูนในมือนั้นก็เป็นอันหลุดร่วงลงพื้น คุณโชนก็ยังคงเป็นคุณโชนจริง ๆ เลย

     ผมได้แต่เอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ปากและส่งเสียงชู่วว์เพื่อเตือนให้เขาลดเสียงลงหน่อย เพราะเสียงที่ดังสนั่นของเขาเมื่อครู่นี้นั้นทำเอาคนอื่น ๆ ในร้านเป็นอันต้องหันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียว

     “ขะ คุณหนึ่ง หะ หายดีแล้วเหรอครับ” เขาถามผมอย่างตะกุกตะกัก เมื่อไหร่อาการตื่นเต้นของเขาเวลาคุยกับผมนี่จะหายสักทีนะ

     “หายดีแล้วครับ ผมก็เพิ่งจะบอกคุณไปทางโทรศัพท์เมื่อคืนเองนี่ ว่าแต่คุณเถอะผ่านมาแถวบ้านผมทั้งทีไม่คิดจะเข้าไปทักทายกันเลยหรือไง” ผมก็พูดเย้าเขาเล่นไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก เขาจะมาเยี่ยมผมหรือไม่มามันก็คือสิทธิ์ของเขา ผมก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขามากมายสักหน่อย

     “เอ่อ คือว่า.... เอ่อ ผะผัดไทยน่าทานจังเลยนะครับ” คุณโชนเขาทำเหมือนจะหลบสายตาผม ผมยังไม่ทันจะได้ฟังว่าเขาจะตอบผมว่าอะไร คุณป้าเจ้าของร้านก็ยกจานผัดไทยมาเสิร์ฟตรงหน้าพวกเราเสียก่อน เขาก็เลยได้โอกาสทำทีเบี่ยงเบนประเด็นและความสนใจของผมไปที่ผัดไทยในจานตรงหน้านั้นแทน อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันนะ

     “แหม พ่อหนุ่มมาทานทุกวันอยู่แล้วจะทำเป็นตื่นเต้นอะไรจ๊ะ” ผมถึงกับเลิกคิ้วไปกับคำที่คุณป้าเขาพูดกระเซ้าคุณโชน พลางมองเขาอย่างนึกสงสัยนี่เขามาแถวบ้านผมทุกวันเลยอย่างนั้นหรือ

     คุณป้ากลับไปประจำอยู่ที่เตาแล้วหลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จ ปล่อยให้คุณโชนนั่งหน้าเหวอและอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่อย่างนั้น

     “นี่คุณมาทำอะไรแถวบ้านผมทุกวัน”

     “เอ่อ คือว่า.....” เขาก้มหน้าก้มตาดูเหมือนกับว่าจะไม่กล้ามองหน้าผม สองมือของเขาถูกยกขึ้นมาถูกันไปมาเสมือนกับว่าทำเพื่อแก้เก้อไปอย่างนั้น อะไรของเขากันนะ ผ่านมาแถวบ้านผมทุกวันแต่ไม่คิดจะเข้าไปดูดำดูดีผมเลยหรือไง โกรธดีไหมนี่

     “คือว่า ผมอยากจะมาหาคุณหนึ่งที่บ้าน แต่ผมก็รวบรวมความกล้าได้ไม่ถึงสักที กลัวว่าจะทำให้คุณหนึ่งรำคาญหรือลำบากใจ เลยได้แค่มองหลังคาบ้านคุณหนึ่งแล้วก็กลับ”

     “คุณ.....” ผมรู้สึกหวิว ๆ ไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น นี่เขาแอบมามองหลังคาบ้านผมทุกวันเลยหรือนี่ โถ พ่อเด็กน้อย ตอนนี้เขาทำหน้าหงอเสียจนดูน่าสงสารเชียว

     “ถ้าครั้งต่อไปคุณอยากมาหาผม คุณก็มาได้เลยนะ ไม่ต้องใช้ความกล้าอะไรทั้งนั้น เพราะผมอยากให้คุณมา” ผมว่าพลางอมยิ้มให้กับคุณโชน ผมไม่ได้กำลังอ่อยเขาอยู่หรอกนะ ผมก็แค่พูดไปตามที่ใจคิด ก็เวลาที่มีคนเป็นห่วงเรา อยากจะมาเยี่ยมเรา เราก็ต้องดีใจและอยากให้เขามาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่

     คุณโชนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยท่าทีที่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่เขาจะอมยิ้มที่แฝงไปด้วยความเหนียมอายจนเห็นได้ชัดให้กับผม เฮ้อ ก็อย่างที่ผมว่า คุณโชนก็คือคุณโชน แต่ว่าคุณโชนที่เป็นคุณโชนแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ก็นี่แหละเสน่ห์ของเขาล่ะ

     “เอ่อ คุณหนึ่งครับ” ผมเหลือบตามองเขาแทนประโยคคำถาม เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ทักขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังจะตักผัดไทยใส่ปาก

     “พอดีผมมีตั๋วละครเวทีอยู่สองใบ มะรืนคุณหนึ่งพอจะว่างไปดูละครกับผมไหมครับ” เขาดูเหมือนจะต้องรวบรวมความกล้าอยู่มากกว่าจะกล้าเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมา แต่เอาอีกแล้ว เขาก้มหน้าหลบสายตาผมอีกแล้ว แล้วผมนี่ก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงยิ้มไปกับท่าทางแบบนั้นของเขาได้ทุกที

     “นี่คุณกำลังจะชวนผมไปเดทเหรอ” เห็นเขาดูเหมือนกำลังเขินมากผมก็เลยนึกอยากแกล้งเล่นสักหน่อย ผมก็พูดกระเซ้าเขาเล่นไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาก็คงแค่มีบัตรละครเวทีแต่ไม่มีเพื่อนไปดูก็เลยมาชวนผมเท่านั้นเอง

     “เอ่อ คือว่า............. ถ้าคุณหนึ่งไม่ว่าอะไร................. ปะไป.....เดทกับผมได้ไหมครับ” ประโยคที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้พูดแบบติด ๆ กันหรอกนะ เขาพูดไปพลางเว้นวรรคยาว ๆ เหมือนหยุดคิด พลางแอบชำเลืองตามองผมเหมือนหยั่งเชิง ราวกับว่าใจหนึ่งก็อยากจะชวน แต่อีกใจก็ยังไม่ค่อยกล้า แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะรับมุกผมอย่างนี้เลยนะ

     ยิ่งเห็นท่าทีของเขาเป็นแบบนั้นก็ผมยิ่งนึกสนุก ถ้าอย่างนั้นก็ขอแกล้งอีกสักหน่อยก็แล้วกันนะ

     “แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ไปล่ะ” ผมตอบเขาพลางแสร้งทำหน้าจริงจัง

     โถ แค่ผมตอบกลับไปแบบนั้นคุณโชนก็หน้าเศร้าไปในทันที แค่ผมไม่ไปดูละครด้วยมันทำให้เขาหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นเชียวหรือ เล่นเสียผมรู้สึกผิดไปเลย ไม่แกล้งแล้วก็ได้

     “เอาเป็นว่ามะรืนนี้คุณมารับผมที่บ้านก็แล้วกัน”

     “จริง ๆ นะครับ!!” คุณโชนเงยหน้าขวับขึ้นมาในทันที เมื่อผมพยักหน้ายืนยันในคำตอบตาของเขาก็ดูเป็นประกาย และฉีกยิ้มร่าอย่างมีความสุขมากมาย ผมว่าเขาชักจะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว ก็แค่ผมจะไปดูละครเวทีด้วยไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย

     “ขอบคุณนะครับคุณหนึ่ง!!”


__________________________________

[มีต่อในรีพลายถัดไปครับ]
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 2 [12-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 08-08-2018 21:43:12
[ต่อ]


☼​☼​☼​☼​☼​☼​​





     ผมยืนบิดไปบิดมาอยู่หน้ากระจกเช็คความเรียบร้อยบนร่างกายอยู่นานสองนาน หลังจากที่ลองเสื้อแล้วเปลี่ยนไปถึงหกตัวกว่าจะเลือกเสื้อที่ถูกใจได้ ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรเหมือนกัน แค่จะไปดูละครเวทีทำไมจะต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ด้วยนะ

     ผมละสายตาจากเงาของตัวเองในกระจกเพื่อหันมองตามเสียงแง้มประตูที่ใครบางคนแอบเปิดเข้ามาจากด้านนอก ที่แท้ก็เป็นเจ้าสองที่กำลังยืนพิงขอบประตูมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเหมือนกำลังแอบหัวเราะทำเอาผมถึงกับสูญเสียความมั่นใจไปมาก นี่ผมแต่งตัวดูตลกอย่างนั้นหรือ และจะว่าเจ้าน้องตัวแสบไม่มีมารยาทที่ไม่เคาะประตูก็ไม่ได้ด้วย เพราะนี่ก็เป็นห้องเจ้าสองเหมือนกัน

     “มีอะไร” ผมแสร้งทำหงุดหงิดกลบเกลื่อน และพยายามเบี่ยงตัวหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของเจ้าน้องตัวแสบ

     “พี่โชนเขามารออยู่ข้างล่างน่ะ” ผมพยักหน้ารับคำเจ้าสอง แต่ก็ยังแอบคิดในใจว่าทำไมคุณโชนถึงได้มาไวอย่างนี้นะ ผมยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับการแต่งตัวของตัวเองตอนนี้เลย ก็เป็นเพราะเจ้าสองนั่นแหละ

     “พี่ชายสองนี่เสน่ห์แรงจริงนะ ทั้งพี่ฟรองค์ พี่โชน ไหนจะไอ้คุณรามอีก คนมาจีบเยอะขนาดนี้เลือกได้หรือยัง ว่าจะรับรักจากใคร แต่บอกก่อนนะพี่ฟรองค์กับพี่โชนน่ะสองโอเค แต่ห้ามเลือกไอ้คุณรามเด็ดขาดสองเกลียดมัน” เจ้าสองดูท่าทางอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าตัวพูดถึงคุณราม เจ้าสองดูเกลียดคุณรามเข้าไส้แม้จะยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณรามจริง ๆ จัง ๆ เหมือนที่ได้ทำความรู้จักกับฟรองค์และคุณโชนเลยสักครั้ง

     สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็มาจากวันที่คุณสร้อยเธอมาอาละวาดที่หน้าบ้านผมนั่นแหละ ทีแรกผมก็ตั้งใจที่จะไม่บอกแม่และเจ้าสองเพราะไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วงและไม่อยากโกหกก็เลยเลือกที่จะไม่ให้พวกเขารู้เลยดีกว่า แต่คุณป้าข้างบ้านน่ะสิกลับเอาเรื่องนั้นมาเล่าให้แม่ผมฟัง เมื่อถูกแม่และน้องซักถามผมก็จำต้องเล่าความจริงทุกอย่างให้พวกเขาฟังอย่างละเอียดเพราะผมไม่อยากโกหกคนในครอบครัว ทั้งเรื่องคุณสร้อย และเรื่องที่คุณรามพยายามที่จะเอาผมไปเป็นของเขาให้ได้

     ตอนแรกที่รู้เรื่องเจ้าสองที่กำลังอารมณ์เดือดแทบจะบุกไปเอาเรื่องทั้งคุณสร้อยและคุณรามเสียเดี๋ยวนั้น ผมต้องพยายามปรามน้องชายสุดกำลังกว่าเจ้าสองจะอารมณ์เย็นลงได้ เพราะผมไม่อยากจะให้เป็นเรื่องใหญ่และอิทธิพลของคุณรามก็มีไม่ใช่น้อย ผมไม่อยากให้เจ้าสองไปมีเรื่องหรือไปยุ่งเกี่ยวกับคนพันธุ์นั้น



     เจ้าสองเริ่มมองผมด้วยแววตาแปลก ๆ ราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง ก่อนที่เจ้าน้องตัวแสบจะเดินตรงเข้ามาหาผม เจ้าสองยื่นจมูกเข้ามาใกล้ ๆ ตัวผมและทำท่าสูดดมอย่างกับสุนัขตำรวจ นี่เจ้าสองกำลังทำบ้าอะไรอยู่นะ

     “แค่มีนัดกับพี่โชนนี่ถึงกับต้องฉีดน้ำหอมฟุ้งขนาดนี้เลยเหรอ แล้วยังจะเซ็ตผมเสียหล่อเชียว”  เจ้าสองว่าพลางยื่นนิ้วมาจิ้มตรงกลุ่มเส้นผมแถวหน้าของผมที่ถูกเซ็ตให้เข้ารูปด้วยเจล ผมได้แต่เหลือบมองนิ้วมือของเจ้าน้องตัวแสบอย่างเคือง ๆ กว่าจะได้แบบนี้มันไม่ได้เซ็ตกันได้ง่าย ๆ นะ

     “สองว่า สองคงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะมั้งว่าใครจะมาเป็นพี่เขยสอง” เจ้าสองยิ้มทะเล้นเมื่อหันไปเห็นกองเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งจะลองและถอดทิ้งไปโยนกองไว้บนเตียง ก่อนที่เจ้าน้องตัวแสบจะว่าประโยคที่ทำเอาผมถึงกับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อครู่

     “พี่ขงพี่เขยบ้าบออะไรกัน เพื่อนกันทั้งนั้น” ผมรีบแก้ตัว เอ้ย ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าแก้ต่างถึงจะถูก ผมรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างทันควัน ก็จริงนี่ตอนนี้ไม่ว่าฟรองค์หรือคุณโชนก็เป็นแค่เพื่อนของผมทั้งนั้น ยิ่งคุณรามยิ่งห่างไกล เจ้าสองเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว

     “ถ้าแค่เพื่อนแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” เจ้าสองว่าทั้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จนผมเผลอยกมือขึ้นมาจับแก้มทั้งสองข้างตามคำที่เจ้าสองท้วงให้ ผมว่าผมก็ไม่ได้หน้าแดงสักหน่อย เจ้าสองแกล้งผมอีกแล้วแน่ ๆ เลย

     “เลิกแกล้งพี่ได้แล้วน่า ไป ๆ ลงไปบอกให้คุณโชนรออีกเดี๋ยว พี่กำลังจะรีบตามลงไป” ผมว่าพลางพยายามดันหลังเจ้าน้องร่างสูงใหญ่ให้ออกไปจนพ้นประตูห้อง ขนาดปิดประตูใส่แล้วก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่หน้าประตู ฮึ่ย เจ้าน้องบ้านี่ อยู่ ๆ ก็มาทำให้ผมหัวเสียได้




☼​☼​☼​☼​☼​☼​




     ฝากให้เจ้าสองไปบอกว่าให้รอแค่อีกเดี๋ยว แต่เอาเข้าใจจริงผมกลับปล่อยให้คุณโชนต้องรออยู่พักใหญ่ เพราะผมมัวแต่ใช้เวลาอยู่กับการจัดการสภาพตัวเองใหม่ทั้งหมด ทั้งอาบน้ำและสระผมใหม่เพื่อล้างคราบเจลปล่อยให้เส้นผมด้านหน้าลงมาปิดหน้าผากตามเดิมและเพื่อเจือจางกลิ่นน้ำหอมให้ได้มากที่สุด เสื้อเชิ้ตโก้ ๆ หรือเสือแจ็คเก็ตเท่ ๆ ก็เป็นอันต้องโละทิ้งทั้งหมดเปลี่ยนมาใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวสีเทาที่ไร้ลวดลายกับกางยีนส์ปอน ๆ ก็เพราะเจ้าสองนั่นแหละที่มาทำให้ผมเสียความมั่นใจกับลุคเมื่อสักครู่

     และอีกอย่างตอนที่ผมจะต้องไปไหนมาไหนกับฟรองค์ผมก็ไม่ได้แต่งตัวอะไรมากไปกว่านี้ ก็ผมเป็นคนพูดเองนี่ว่าทั้งฟรองค์และคุณโชนป็นแค่เพื่อนเหมือนกันไม่มีใครพิเศษไปกว่ากัน เพราะอย่างนั้นผมก็ไม่เห็นจะต้องปฏิบัติตัวกับคุณโชนพิเศษไปกว่าที่ปฏิบัติกับฟรองค์เลยนี่

     “คุณโชนครับ ขอโทษนะครับที่ปล่อยให้รอนาน” ผมทักทายคุณโชนที่กำลังคุยกับเจ้าสองอย่างดูสนุกสนานในห้องรับแขก พร้อมทั้งกล่าวขอโทษเขาไปด้วย ก็ผมเล่นปล่อยให้เขารออยู่ตั้งหลายนาที ว่าแต่เจ้าสองนี่ดูจะเข้าได้ดีกับทั้งฟรองค์และคุณโชนเลยนะ

     ทำเอาผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก เมื่อคุณโชนหันมาตามเสียงเรียกของผม แล้วเขาก็หยุดมองผมเสียตาเยิ้มอย่างกับในละครที่พระเอกมองนางเอกแล้วเคลิ้มอยู่ในภวังค์ อย่ามามองผมอย่างนั้นนะวันนี้ผมแต่งตัวปอน ๆ ไม่ได้มีอะไรน่ามองไปกว่าปกติสักหน่อย

    แต่ว่าการแต่งตัวของคุณโชนนี่สิ เขากลับแต่งมาเสียเท่เชียว ทั้งแจ็คเก็ตหนังที่ดูน่าจะราคาไม่น้อย ไหนจะเซ็ตผมเสริมความหล่อ แล้วยังฉีดน้ำหอมคลุ้งเสียจนกลิ่นหอม ๆ นั้นลอยมาเตะจมูกผมถึงตรงนี้ เห็นแล้วทำเอาผมแทบอยากจะกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดอีกรอบเสียเดี๋ยวนั้นเลย

     “อ้าว พี่หนึ่งทำไมถึงได้เปลี่ยนชะ…..” เป็นเจ้าสองที่กำลังจะท้วงผมเรื่องเปลี่ยนชุด แต่เพราะผมหันไปทำหน้าดุใส่เสียก่อน เจ้าน้องตัวแสบเลยชะงักไป แต่ก็ยังแอบเหล่มองผมด้วยแววตาที่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์

     แต่ก็เพราะเสียงของเจ้าสองที่ทำให้คุณโชนถึงกับสะดุ้ง และดูเหมือนเขากำลังพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ก่อนที่เขาลุกจะเดินตรงมาหาผม หลังจากที่เมื่อครู่นี้เขาเหม่ออะไรของเขาก็ไม่รู้

     “วันนี้คุณหนึ่ง น่ะ...น่ารักจังเลยนะครับ” มาถึงบ้านผมขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่าเขายังจะสั่นอะไรอีกนะ แล้วยังจะมายกยอผมแบบนั้นอีก ทั้งที่วันนี้ผมก็ไม่ได้ต่างไปจากวันอื่น ๆ สักหน่อย แต่ถ้าเปลี่ยนคำชมจากน่ารักเป็นหล่อได้ก็จะขอบคุณมาก

     “น่ารักอะไรกัน วันนี้ผมก็ไม่ได้ต่างไปจากวันอื่น”

     “ก็คุณหนึ่งน่ารักทุกวันไงครับ” คุณโชนหยอดคำหวานที่ทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าว คำหวานที่ตัวคนพูดเองยังดูขัดเขินและดูอายที่จะสบตาผม จนเผลอแป๊บเดียวเขาก็ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาผมไปอีกแล้ว แต่เอาเถอะเพราะอย่างไรเสียเขาก็ดูกล้าขึ้นมากแล้วที่พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้

     ผมหันไปทำหน้าดุใส่เจ้าน้องตัวแสบที่ส่งเสียงโห่ฮิ้วตามคำหวานของคุณโชนมาติด ๆ เจ้าสองชะงักและทำท่าเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ ถึงจะทำดุใส่แต่จริง ๆ แล้วผมก็แอบดีใจนะที่เจ้าสองเป็นแบบนี้ได้ เพราะเมื่อสมัยก่อนเจ้าสองก็ชอบแกล้งเย้าแหย่กวนประสาทผมอย่างนี้เป็นประจำ เจ้าสองกลับมาเป็นแบบนี้ได้มันก็เหมือนยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกชื่นใจว่าอะไร ๆ มันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจริง ๆ

     “เอ่อ เรารีบไปกันเถอะครับคุณโชนนี่ก็หกโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวจะดูละครไม่ทัน” ผมรีบตัดบทด้วยการรบเร้าให้คุณโชนพาผมออกไปเร็ว ๆ ก่อนที่เจ้าน้องตัวแสบจะกวนประสาทผมหนักไปกว่านี้

     คุณโชนและเจ้าสองโบกมือร่ำลากันอย่างดูสนิทสนม ทีกับผมนะมองหน้าทีก็หลบสายตาที ก่อนจะออกจากบ้านไปผมหันไปทำหน้าดุใส่เจ้าสองที่ยังไม่เลิกยิ้มกรุ้มกริ่มอีกรอบ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าน้องตัวแสบจะไม่ได้สลดเลยสักนิด มันจะรู้บ้างไหมว่ามันทำให้พี่มันเสียความมั่นใจขนาดไหน




☼​☼​☼​☼​☼​☼​





     ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันผมชวนคุณโชนพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนเขาดูผ่อนคลายลงมาก แต่เมื่อมาถึงโรงละครกับเป็นผมเองที่เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจและมีความกังวลเข้ามาเยือน ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่กับคุณโชนสองคนในที่สาธารณะ แต่ครั้งก่อน ๆ มันก็แค่บังเอิญเจอกัน แต่คราวนี้เรามาด้วยกันอย่างโจ้งแจ้ง ผมรู้สึกกังวลเพราะไม่รู้ว่าคุณโชนจะถูกคนอื่นมองอย่างไรกับการที่มาดูละครเวทีกับดาราหนังโป๊อย่างผม

     “ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ”  คุณโชนทักขึ้นเมื่อเห็นผมยื่นชะงักนิ่งอยู่ตรงประตูทางเข้าไม่ยอมก้าวเท้าเข้าไปด้านในสักที เห็นผู้คนมากมายขวักไขว่อยู่ด้านในผมก็ยิ่งรู้สึกประหม่า จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักผมหรือจำผมได้ แต่คนที่จำได้ก็มีไม่น้อยเหมือนกันนี่

     “คุณไม่อายเหรอที่จะเข้าไปพร้อมผม” ผมถามเขาตามตรงด้วยความรู้สึกที่ยังอดกังวลไม่ได้

     ไม่มีคำพูดใด ๆ เป็นประโยคคำตอบกลับมาจากปากคุณโชน เขาเพียงแค่ยิ้มให้ผมก่อนจะสอดมือของเขาเข้ามาสอดประสานจับกันกับมือของผม และจูงมือผมเข้าไปด้านในอย่างไม่แคร์สายตาใคร ในตอนนี้คุณโชนแทบจะไม่เหลือคราบหนุ่มน้อยขี้อายในแบบคุณโชนที่เป็นคุณโชนเลย ตอนนี้เขาดูเป็นคุณโชนที่เท่และอบอุ่นมาก ปกติแล้วในทุก ๆ ครั้งจะต้องเป็นเขาที่เป็นฝ่ายสั่นไปทั้งตัวเมื่อเราอยู่ใกล้กัน แต่คราวนี้กลับเป็นผมเองที่มือไม้สั่นไปหมดแล้ว

     ผมเผลออมยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อก้มมองมือของเราสองคนที่จับกันอยู่ การกระทำของเขามันให้คำตอบผมได้ดีกว่าคำพูดใด ๆ เสียอีก


     ขอบคุณนะครับคุณโชนที่ไม่รังเกียจคนอย่างผม









     TBC
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-08-2018 05:42:48
หายไปนานนะไรท์  ดีใจที่ไรท์กลับมา   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ราม สมกับทำอาชีพนี้  :fire:
ทำตัวชอบหนึ่ง แต่เวลางานมันแสดงถึงตัวตนที่โหดร้ายมาก  :z6:
ไม่คำนึงถึงจิตใจนักแสดงอย่างป้อง ที่เพิ่งเดบิ้วเลย
แล้วบทบาทมันทำร้าย กระทบกระเทือนจิตใจป้อง   :angry2:

โชน ดูใสซื่อซะหนึ่งชอบแกล้งไปแล้ว
ท่าทางโชน ดูจะเข้าตาหนึ่งที่สุดนะ
แบบหนึ่งสบายใจที่จะคุยด้วยมากกว่ารามกับโชน  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-08-2018 07:19:20
เชียร์โชนให้หนึ่ง ดีกว่าอิคุณรามผู้เห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 09-08-2018 09:40:39
  :L1:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-08-2018 09:45:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ หนุ่มน้อยขี้อายจะได้ออกเดทแล้ว  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 09-08-2018 11:37:37
มาแล้วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-08-2018 17:47:20
โชนดูใสซื่อดี แต่ใสซื่อจริงหรือเปล่าไม่แน่ใจกลัวจะเป็นการแสดงละครจัง
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-08-2018 13:49:12
หนึ่งอย่าแกล้งโชนสิ น่าตีจริง โชนเขาจริงจังนะ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part 1 [08-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 12-08-2018 11:13:38
อัพเดทพาร์ท 2 แล้วครับ  :hao7: :hao7:

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3871787#msg3871787
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part2 [12-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-08-2018 12:24:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

โชนมาวินสินะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part2 [12-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-08-2018 15:03:32
ใครเป็นพระเอกกันนะ?
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part2 [12-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-08-2018 17:47:46
คุณโชนอบอุ่นอ่อนโยนจริงๆ ดีต่อใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย Part2 [12-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-08-2018 06:50:47
โชนดูดีจัง
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 18-08-2018 14:34:54
ตอนที่ 8 รักปักใจ



     ผมยืนมองสายฝนที่หล่นร่วงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายอยู่นอกหน้าต่าง ตอนที่ออกจากบ้านก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกเลยสักนิด แต่พอดูละครเวทีจนจบและกำลังจะกลับบ้านเท่านั้นล่ะฝนเจ้ากรรมกลับตกลงมาห่าใหญ่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ราวกับว่าท่านเทพแห่งสายฝนเป็นใจให้ผมกับคุณโชนได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างไรอย่างนั้น

     ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องของคุณโชนครับ ผมเป็นคนขอเขามาพักหลบฝนที่นี่เองแหละ ก็ห้องของคุณโชนอยู่ไม่ไกลจากโรงละครเท่าไหร่ เพราะมันดูน่าจะอันตรายหากจะให้คุณโชนขับรถฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำจนน่ากลัวนั้นไปส่งผมที่บ้าน มาพักที่ห้องเขารอให้ฝนซาก่อนแล้วค่อยกลับมันน่าจะปลอดภัยกว่า

     แล้วก็อย่าถามผมนะว่าละครที่ดูวันนี้สนุกไหม เพราะผมแทบจะจำเนื้อเรื่องไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่แอบก้มมองมือของคุณโชนที่ยังคงจับมือผมเอาไว้มั่น ตั้งแต่ตอนที่เดินเข้าโรงละครจนถึงเวลาที่ละครจบเราสองคนแทบจะไม่ได้ปล่อยมือจากกันเลย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมรู้สึกดีมาก มากเสียจนผมแทบจะไม่ได้สนใจในเนื้อหาของละครที่กำลังดูอยู่เลย ผมได้แต่เออออตามคุณโชนเขาไปว่าสนุกมากอย่างนั้นอย่างนี้แม้ว่าจริง ๆ แล้วแม้แต่ชื่อพระเอกผมยังจำไม่ได้เลย

     นี่ผมเริ่มจะชอบคุณโชนขึ้นมาจริง ๆ แล้วหรือนี่ ทั้ง ๆ ที่ตั้งมั่นเอาไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่มีใครจนกว่าจะพ้นวาระการเป็นนักแสดงหนังจีวี และผมก็ทำได้ตามนั้นมาโดยตลอดผมไม่เคยจะโอนอ่อนไปกับใครที่ผ่านเข้ามาและหมายจะสานต่อความสัมพันธ์กับผม แม้แต่ฟรองค์ที่ไม่เคยลดละความพยายามที่จะพิชิตใจผมให้ได้ แต่อยู่ ๆ คุณโชนกลับเข้ามาทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างง่ายดาย จากคนที่คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใครกลับปล่อยให้เขาแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่หัวใจได้อย่างง่ายดาย

     ผมหันมองด้านหลังเมื่อรู้สึกได้ถึงเนื้อผ้าหนา ๆ ที่เข้ามาห่อคลุมตัวผม เป็นคุณโชนที่ใบหน้าของยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและโอบโยน เขากำลังเอาเสื้อคลุมตัวใหญ่ห่มทับตัวผม แววตาละมุนของเขาที่สบกับแววตาของผมมันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เขาส่งผ่านมาทางแววตา เขาทำให้ผมรู้สึกใจสั่นไปใหญ่แล้ว

     “ใส่ไว้นะครับ ฝนตกอย่างนี้อากาศเย็น เสื้อคุณหนึ่งดูบางมากเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

     “คุณโชน” ผมเรียกเขาพร้อมจับมือของเขาที่กำลังจัดระเบียบผ้าคลุมผืนใหญ่บนตัวผมให้เข้าที่เข้าทาง คุณโชนชะงักและมองผมอย่างตั้งคำถาม

     “คุณรู้สึกยังไงกับผมเหรอ” ผมถามเขาตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อม โต ๆ กันแล้วอย่ามัวมาลีลาอะไรกันอีกเลย
ใช่ว่าผมจะไม่รับไม่รู้ถึงการกระทำของเขาที่มีต่อผมนั้นมันเป็นการกระทำของคนที่รู้สึกอย่างไรต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังอยากจะได้ยินจากปากเขาเพื่อความแน่ใจและชัดเจน ส่วนจะเอาอย่างไรต่อไปนั้นก็เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที เพราะเขาทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นกับเขาไปแล้ว และผมก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป

     คุณโชนนิ่งไปหลังจากที่ถูกผมถามไปอย่างไปนั้น ผมขอร้องล่ะอย่ามัวนิ่งงันหรืออายที่จะพูดอะไรอีกเลย ถ้าผมแค่เข้าใจผิดไปเองก็รีบบอกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะมันคงจะไม่เจ็บเท่าไหร่ อย่ารอให้ความรู้สึกของผมถลำลึกไปมากกว่านี้เลย

     “เอ่อ ผม.....” คุณโชนเอ่ยเริ่มต้นประโยคขึ้นมาแล้วเขาก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดทบทวนอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกได้ถึงความกังวลในแววตาของเขาที่กำลังมองผม ผมแทบจะเกร็งไปทั้งตัวเพราะลุ้นในคำตอบของเขา จะว่าอย่างไรก็รีบ ๆ พูดมาสักทีเถอะนะ
คุณโชนหลับตาและสูดลมหายใจเข้าไปเสียเต็มปอด ก่อนที่เขาจะกลั้นใจและให้คำตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้

     “....ผมรักคุณ”

     “รักเหรอ...” ผมว่าพลางเลิกคิ้วอย่างนึกไม่แน่ใจ แม้ในคราวแรกคำตอบของเขาจะทำให้ผมยิ้มได้เสียเต็มหน้า แต่มันยังไวเกินไปหรือเปล่าที่จะใช้คำว่ารัก เขาแน่ใจแล้วหรือถึงได้พูดคำนั้นออกมา หากคำตอบของเขาเป็นคำว่าชอบหรือรู้สึกดีกับผม ผมคงจะรู้สึกยินดีได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ เพราะคำ ๆ นั้น

     “คุณแน่ใจแล้วเหรอที่พูดแบบนั้น”

     เขาลืมตาขึ้นสบตากับผม แววตาของเขามันดูจริงจังจนน่าขนลุก แม้ท่าทางของเขาจะยังดูกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาผมกลับสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญอย่างประหลาดใจที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก

     “ผมแน่ใจ ผมรักคุณ รักมานานแล้ว และไม่เคยรักใครนอกจากคุณ” แม้สีหน้าและแววตาของเขาจะดูจริงจังและจริงใจแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกมีความมั่นใจในสิ่งที่เขาพูดเลย เพราะคำ ๆ นั้นผมได้ยินคุณรามพร่ำเพ้อให้ฟังเสียจนแขยงหู

     เขาบอกว่ารักผมมานานแล้วมันจะนานสักแค่ไหนกันเชียว ผมกับเขาเพิ่งจะได้ทำความรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง หรือจะบอกรักผมเพราะเห็นผมในหนังโป๊น่ะหรือมันเป็นไม่ได้หรอก จริง ๆ แล้วเขาก็คงจะแค่พูดให้ผมรู้สึกดีเพราะหวังเพียงแค่ตัวผมเหมือนคุณรามสินะ สำหรับผมนั้นคำว่ารักมันมีความหมายและยิ่งใหญ่มากนะ ผมไม่มีทางที่จะพูดคำ ๆ นั้นกับใครง่าย ๆ ถ้าหากเขาต้องการแค่หลับนอนกับผมก็บอกกันตรง ๆ เลยดีกว่า อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกผมอย่างนี้เลย

     “คุณหนึ่งอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมจริงใจกับคุณหนึ่งจริง ๆ” ความกังวลของผมมันคงจะแสดงออกทางสีหน้าจนเข้าสังเกตเห็นได้  คุณโชนใช้สองมือจับประครองที่แก้มผมทั้งสองข้าง ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่มีแต่ความทะนุถนอมจากเขา แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในคำว่ารักของเขาอยู่ดี

     “ผมไม่ได้รักคุณเพียงเพราะชื่นชอบผลงานที่คุณแสดงหรอกนะครับ ผมรักมานานมากแล้ว นานกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถึงคุณหนึ่งจะจำผมไม่ได้.............” จะพูดก็รีบ ๆ พูดสักทีเถอะ ยังจะมัวลังเลอยู่ได้ เขารู้บ้างยิ่งเขาเว้นจังหวะคิดนานเท่าไหร่หัวใจผมมันก็ยิ่งแป้วขึ้นเท่านั้น

     “...........แต่พี่ไม่เคยลืมน้องหนึ่งของพี่เลยนะครับ”

     ผมเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัยกับคำสรรพนามที่เปลี่ยนไปของเขา ผมกับเขาเคยรู้จักกันมาก่อนด้วยหรือ ที่ว่ารักผมนานมากนั้นมันนานแค่ไหน มันนานจนถึงขั้นจะทำให้ผมลืมหน้าเขาได้เลยหรือ ผมไม่แม้แต่จะรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับเขาเลย

     “นี่เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ”

     “น้องหนึ่งอาจจะไม่คุ้นกับชื่อเล่นของพี่ แล้วถ้าพี่บอกว่าชื่อจริงพี่ชื่อภูเบศล่ะครับ”  ภูเบศ?

     ภูเบศอย่างนั้นหรือ พอพูดถึงชื่อนั้นผมเองก็พอจะรู้สึกคุ้น ๆ อยู่เหมือนกันนะ ผมพยายามที่จะคิดทบทวนถึงชื่อที่เขาว่า ที่ผ่านมาในชีวิตผมพอจะรู้จักคนที่ชื่อภูเบศสักกี่คนกันนะ  หรือว่า!!!!

     ผมตาเบิกโพลงเพราะความตกตะลึงเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจบได้คำตอบแล้วว่าคนที่ชื่อภูเบศที่ผมพอจะรู้จักก็มีอยู่แค่คนเดียว

     “อย่าบอกนะว่า!!!!”



[มีต่อในรีพลายถัดไปครับ]
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 2 [22-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 18-08-2018 14:37:11
[ต่อ]     


     ถ้าพูดถึงคนชื่อภูเบศที่ผมพอจะรู้จัก ผมก็นึกถึงใครไม่ออกนอกไปจากพี่ภูเบศคนนั้น แต่มันจะเป็นไปได้หรือก็พี่ภูเบศคนนั้นกับคุณโชนไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกันเลยสักอย่างคุณโชนคนนี้ทั้งหล่อและรูปร่างสมาร์ทแต่กับพี่ภูเบศที่ผมเคยรู้จักล่ะก็......

     คงจะต้องเล่าย้อนไปถึงตอนที่ผมยังเรียนอยู่มัธยม ที่ประเทศของผมก็ใช้หลักการนับปีการศึกษาเหมือนที่ประเทศไทยนั่นแหละ ตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้นม.4 ส่วนพี่ภูเบศคนนั้นเขาอยู่ม.6 คนทั้งโรงเรียนก็น่าจะรู้จักพี่เขานั่นแหละเพราะพี่เขาเป็นถึงประธานนักเรียน แต่ยิ่งนึกถึงพี่เขาแล้วนอกจากความสูงแล้วก็ดูไม่มีดีสิ่งใดที่ดูใกล้เคียงจะเป็นคุณโชนในปัจจุบันไปได้

     เท่าที่ผมพอจะจำได้พี่ภูเบศเขาเป็นคนที่ดูเนิร์ด ๆ ใส่แว่นตาหนาเตอะ รูปร่างอวบอั๋นระดับเอ็กซ์เอ็กซ์แอล ไหนจะผิวหน้าที่มีรอยฝ่ากระอยู่เต็มไปหมดพี่ภูเบศคนนั้นไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่ดูสมบูรณ์แบบเหมือนคุณโชนเลยสักนิด แต่ว่าพี่ภูเบศเขาเรียนเก่งมากเลยนะ เท่าที่ผมจำได้คะแนนสอบของพี่เขาเป็นอันดับหนึ่งของระดับชั้นในทุก ๆ เทอมและผมได้ยินว่าพี่เขาสอบชิงทุนได้สำเร็จจนได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษอีกด้วย

     ผมกับพี่เขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกันหรอกเท่าที่จำได้ก็เคยคุยกันอยู่แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง ตั้งแต่ที่พี่เขาเรียนจบม.6ไปผมก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของพี่เขาอีกเลยส่วนเรื่องที่ทำให้ผมและพี่เขาได้คุยกันน่ะหรือ ก็......



☼​☼​☼​☼​☼​☼



     ผมหันมองตามเสียงแตรรถที่ถูกบีบลากยาวดังสนั่นมาจากรถเก๋งที่ขับมาด้วยความเร็วสูงชนิดที่น่าจะเกินที่กฎหมายกำหนดอย่างไม่สนใจว่าบริเวณนี้จะเป็นเขตโรงเรียน ยิ่งช่วงเลิกเรียนอย่างนี้เด็กยิ่งพลุกพล่านก็ยังกล้าที่จะขับรถแบบไร้สามัญสำนึก

     แล้วในขณะนั้นก็มีนายอวบอั๋นที่ไหนก็ไม่รู้เดินทะเล่อทะล่าข้ามถนมออกไปจนเป็นที่มาของเสียงบีบแตรสะเทือนจักรวาลนั้น ผมรีบพุ่งเข้าไปกระชากตัวนายคนนั้นกลับมาตามสัญชาตญาณ เรียกได้ว่านายนั่นรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ไอ้รถเก๋งคันนั้นก็ขับต่อไปอย่างหน้าตาเฉย ไหนจะป้ายเตือนให้ลดความเร็ว ไหนจะทางม้าลายและสัญญาณไฟคนข้ามถนน มันไม่ได้ไปสะกิดจิตสำนึกของเจ้าของรถสักนิดเลยหรือไง แล้วโรงเรียนผมนี่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีสะพานลอยหน้าโรงเรียนสักที ถ้าหากมีคนขับรถแบบนั้นบ่อย ๆ เด็ก ๆ อันตรายแย่

     ผมและนายอวบอั๋นที่ผมเพิ่งจะช่วยชีวิตมาหมาด ๆ ต่างพากันทรงตัวไม่อยู่และเซถลาล้มลงไปตาม ๆ กันก็เพราะนายนั่นตัวใหญ่และหนักมากเทียบกับผมแล้วผมดูเป็นมดไปเลย แล้วเมื่อครู่นี้ผมกระชากเขามาสุดแรงเกิดสภาพก็เลยเป็นอย่างนี้

     ผมและนายคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้นพร้อม ๆ กัน แต่เป็นโชคดีของผมที่ตัวนายนั่นถึงพื้นก่อนผมเลยล้มไปทับพุงนิ่ม ๆ ของเขาก็เลยไม่ได้เจ็บตัวสักเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายที่ล้มลงพื้นตรง ๆ นั้นคงจะเจ็บไม่น้อย แต่ เอ๊ะ นี่มันพี่ภูเบศประธานนักเรียนนี่

     “พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปล่า!” เสียงคุณครูที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนตะโกนพลางรีบวิ่งมาหาพวกเราอย่างร้อนใจ
ผมดันตัวเองขึ้นพลางค่อย ๆ คลานออกจากพุงนิ่ม ๆ ของพี่ภูเบศ ถึงพุ่งพี่แกดูน่าจะหนุนสบายแต่ถ้าขืนผมทับอยู่นาน ๆ พี่แกจะยิ่งแย่เสียเปล่า

     “ผมไม่เป็นอะไรครับแต่พี่ภูเบศน่าจะหนัก” ผมว่าพลางปัดฝุ่นตามร่างกาย จริง ๆ แล้วตามตัวผมก็มีรอยถลอกบ้างนิดหน่อยจะมีก็ตรงที่เข่าซ้ายที่แตกจนเป็นแผลเลือดไหล แต่แค่นี้ไกลหัวใจน่า

     เพื่อนนักเรียนที่อยู่ในบริเวณนั้นพากันมาช่วยประครองพี่ภูเบศลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล พร้อมทั้งก่นด่ารถเก๋งสายซิ่งที่เพิ่งขับผ่านไปเมื่อครู่เป็นเสียงเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วก็อาจจะโทษรถอย่างเดียวไม่ได้ เพราะอีตาพี่ภูเบศนี่ก็ประมาทเหมือนกัน เกือบจะทิ้งชีวิตไว้หน้าโรงเรียนแล้วไหมล่ะ

     “เอ่อ ขะขอบคุณมากนะครับน้อง.... เอ่อ....” พี่ภูเบศหันมองผมและกล่าวขอบคุณอย่างตะกุกตะกักคงจะยังเสียขวัญจากเหตุการณ์เมื่อครู่

     “ผมชื่อหนึ่งครับพี่ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยพี่” ผมยิ้มให้พี่แก พี่แกก็ยิ้มตอบเหมือนดูเขิน ๆ

     “พวกเธอช่วยพาภูเบศไปห้องพยาบาลหน่อยเร็ว เธอก็ควรไปทำแผลด้วยเหมือนกันนะ” คุณครูบอกกับกลุ่มนักเรียนที่ยังช่วยกันประครองพี่ภูเบศไว้อยู่ ก่อนจะหันมาบอกกับผมด้วย

     “ไม่ดีกว่าครับครูพอดีผมต้องรีบไปรับน้องน่ะครับ” ผมตอบปฏิเสธคุณครูไปเพราะแผลที่เข่าผมมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรแค่แปะพลาสเตอร์ก็คงพอ ร้านชำแถวนี้ก็น่าจะมีพลาสเตอร์ขายอยู่นะอีกอย่างผมต้องรีบไปรับเจ้าสองที่โรงเรียนประถมเพื่อกลับบ้านพร้อมกันด้วย ถ้าปล่อยให้รอนาน ๆ มีหวังเจ้าน้องตัวแสบคงร้องไห้ขี้มูกโป่งเสีย

     ผมพนมมือไหว้คุณครูและพี่ภูเบศ ก่อนจะโบกไม้โบกมือลาเพื่อนนักเรียนที่อยู่ตรงนั้น และขอแยกตัวออกมา



☼​☼​☼​☼​☼​☼



     “พี่ให้ผมช่วยนะ” ผมว่าพร้อมกับเข้าไปแบ่งหนังสือที่เรียงกันเกือบจะท่วมหัวจากมือพี่ภูเบศมาถือไว้เองครึ่งหนึ่งอย่างถือวิสาสะ พอดีผมบังเอิญผ่านมาเจอพี่แกกำลังถือหนังสือพวกนี้ออกมาจากห้องคุณครูสมใจพอดี

     “ขะ ขอบคุณครับ น่ะ น้องหนึ่ง แต่ว่ามันหนักพี่ถือเองดีกว่า” เอ นี่มันก็ผ่านเหตุการณ์ที่พี่แกเกือบโดนรถชนมาหลายวันแล้วนะ ยังไม่หายจากอาการเสียขวัญอีกหรือทำไมถึงยังพูดตะกุกตะกักอย่างนั้น เมื่อเช้าตอนที่พี่แกพูดหน้าเสาธงแทนคุณครูก็เห็นพูดปกติดีนี่นา

     “ก็เพราะมันหนักอ่ะดิพี่ผมถึงต้องช่วย หนักขนาดนี้ปล่อยให้พี่ยกคนเดียวก็ตายพอดี พี่ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกเห็นผมตัวแค่นี้แต่ผมแรงเยอะนะพี่” ผมยิ้มทำเก่ง แต่หนังสือพวกนี้เล่มหนา ๆ หนัก ๆ ทั้งนั้นขนาดผมแบ่งมาแค่มาครึ่งเดียวยังรู้สึกว่ามันหนักมากเลย

     แต่ทำไมพี่ภูเบศถึงดูเกร็งขนาดนี้นะ แค่ผมยิ้มให้พี่แกก็ทำเลิ่กลั่กหันมองทางอื่นอย่างกับกำลังหลบสายตาผม หรือพี่แกจะโกรธเรื่องที่ผมทำให้พี่แกล้มกระแทกพื้นวันนั้นนะ

     “เออ แล้วพี่เป็นยังไงบ้างยังตกใจอยู่ไหม”

     “พี่ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” พี่ภูเบศว่าอย่างไม่ยอมสบตาผม

     “แล้วว่าแต่หนังสือพวกนี้พี่จะเอาไปไว้ที่ไหนเหรอ”

     “เอ่อ เอาไปไว้ที่ห้องคุณครูสมปองครับ เอ่อ น้องหนึ่งไหวไหมครับ” หา! พี่ภูเบศว่าพลางแอบเหลือบมองผมเหมือนหยั่งเชิง ผมนี้แทบจะช็อคเมื่อพี่ภูเบศบอกถึงจุดหมายที่จะต้องหนังสือกองโตหนักอย่างกับภูเขาพวกนี้ไปส่ง จากห้องครูสมใจที่พี่แกเอาหนังสือออกมานั้นไปถึงห้องครูสมปองไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ มันอยู่คนละตึกกันเลยนะนั่น กว่าจะไปถึงแขนผมต้องล้าแน่ ๆ คุณครูใช้แรงงานเด็กหนักเกินไปหรือเปล่านี่

     แค่นึกถึงระยะทางผมก็ท้อแล้วแต่จะทำอย่างไรได้ก็ผมเป็นคนอาสาจะช่วยเองนี่ ผมก็เลยได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วตอบพี่แกไปว่าสบายมาก ทั้งที่ในใจไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย




☼​☼​☼​☼​☼​☼



     “ช่วยด้วยค่า! ลูกหมาตกน้ำ”  ผมรีบวิ่งตามเสียงร้องขอความช่วยจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังแว่วมาแต่ไกล
วันนี้เป็นวันหยุดผมเลยแวะมาติวหนังสือที่บ้านเพื่อนที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน ผมขอตัวกลับในยามบ่ายคล้อย ตอนที่เดินมาจนใกล้จะถึงบ่อน้ำหลังโรงเรียนผมก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นเข้า ผมรีบวิ่งตามเสียงนั้นไปในทันทีเพราะจากเสียงที่ได้ยินเด็กผู้หญิงคนนั้นคงกำลังเดือดร้อนมากแน่ ๆ

     เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุผมก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนร้องไห้โฮมองเจ้าหมาน้อยที่กำลังลอยคอป๋อมแป๋มจะจมแหล่มิจมแหล่อยู่ในบ่อน้ำหลังโรงเรียน โดยที่ด้านข้างเด็กผู้หญิงคนนั้นก็มีอีตาพี่ภูเบศที่อยู่ในชุดนักเรียนพยายามที่จะยื่นไม้ยาว ๆ ไปหาเจ้าหมาน้อยที่กลางบ่อ แล้วเจ้าหมาน้อยมันจะเกาะขึ้นมาได้อย่างไรล่ะนั่น

     วันนี้ที่โรงเรียนคุณครูมีประชุมกันครั้งใหญ่โรงเรียนจึงหยุดทำการสอน แต่พี่ภูเบศเจ้าของตำแหน่งประธานนักเรียนยังคงต้องมาทำหน้าที่ นี่แหละนะเป็นประธานนักเรียนใครว่าสบายคนอื่นเขาได้หยุดกันแต่ตัวเองไม่ได้หยุดด้วย

     “มันเกาะขึ้นมาไม่ได้หรอก ต้องลงไปช่วยมันแล้วล่ะพี่” ผมวิ่งตรงเข้าไปตบบ่าของพี่ภูเบศพร้อมกับแนะหนทางที่จะช่วยเจ้าหมาน้อยตัวนั้นได้

     “เอ่อ... พ่ะพี่ว่ายน้ำไม่ได้เป็นครับ” ตอนที่หันมาเห็นหน้าผมพี่ภูเบศดูหน้าเหวอไปชั่วขณะ และเกิดอาการพูดตะกุกตะกักเหมือนลนลานอีกแล้ว พี่แกเป็นอะไรไปอีกแล้วนี่ ปกติตอนพูดหน้าเสาธงก็ไม่เห็นว่าจะติดอ่างสักหน่อย

     ผมถึงกับทุบหน้าผากตัวเองตอนที่พี่ภูเบศบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น อย่างนั้นก็คงต้องเป็นผมสินะ เอาก็เอาวะ ผมรีบกระโดดลงน้ำไปอย่างไม่มีเวลาฉุกคิด ขืนช้าไปกว่านี้มีหวังเจ้าหมาน้อยคงได้จมน้ำตายกันเสียก่อน


     ผมพาเจ้าหมาน้อยกลับขึ้นฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย ผมส่งมันคืนให้กับสาวน้อยผู้เป็นเจ้าของมันและบอกกับเธอว่าให้ดูแลมันให้ดี ๆ เด็กผู้หญิงคนนั้นดูดีใจมากขอบคุณเสียยกใหญ่ ก่อนที่เธอจะอุ้มเจ้าหมาน้อยและขอแยกตัวออกไป พอได้ช่วยเหลือคนอื่นผมก็พลอยมีความสุขจนยิ้มตามได้ไปด้วย

     ผมรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเพราะความเปียกปอน แล้วก็เสื้อยืดสีขาวบาง ๆ ของผมนี่สิพอโดนน้ำแล้วมันเห็นทะลุไปถึงข้างในหมดเลย นี่ผมต้องกลับบ้านสภาพนี้จริง ๆ หรือนี่

     “เออนี่พี่ภูเบศคือว่า... เฮ้ย พี่! เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมหันไปหาพี่ภูเบศตั้งใจจะขอความช่วยเหลือเผื่อพี่แกพอจะมีเสื้อผ้าให้ผมเปลี่ยน แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของพี่แกในตอนนั้น

     พี่ภูเบศมองมาทางผมตาค้างและอ้าปากค้างเหมือนกำลังช็อคกับอะไรบางอย่าง นี่พี่แกมีโรคประจำด้วยหรือนี่ ผมยิ่งต้องตกใจหนักเมื่อเห็นว่าพี่แกเริ่มมีเลือดกำเดาไหลจากจมูกก่อนที่จะแกจะหงายท้องตึงไปเลย เฮ้ย!!

     “พี่ภูเบศ!!!!”



☼​☼​☼​☼​☼​☼



     ก็นั่นแหละครับพี่ภูเบศที่ผมเคยรู้จัก เหตุการณ์หลัก ๆ ที่ได้พูดคุยกันเท่าที่ผมพอจะจำได้ก็มีเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นก็มีทักทายกันบ้างครับตอนเจอกันที่โรงเรียน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมอะไรกันมากมาย และพี่เขาก็ดูเหมือนไม่ค่อยกล้าจะมองหน้าผมเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เวลาผมยิ้มให้พี่แกก็ดูเลิ่กลั่กทุกที

     จากนั้นไม่นานพี่ภูเบศก็จบม.6 และไปเรียนต่อต่างประเทศตามที่สอบชิงทุนได้ หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ข่าวคราวของพี่ภูเบศอีกเลย ก็อย่างที่ผมบอกครับเราไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมกัน ช่องทางการติดต่อของพี่เขาไม่ว่าจะเบอร์โทรหรืออีเมลผมก็ไม่มีเลยสักอย่าง ผมกับพี่เขาก็เลยขาดการติดต่อและห่างหายกันไป

     เป็นเวลาเจ็ดปีที่ไม่ได้เจอหน้าและไม่ได้รู้ข่าวคราวกันเลย เรื่องราวของพี่ภูเบศก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากห้วงความทรงจำขอมผมเรื่อย ๆ จนผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าในชีวิตของผมเคยรู้จักคนที่ชื่อนี้ด้วย


     แต่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือที่พี่ภูเบศคนนั้นกับคุณโชนนี้จะเป็นคน ๆ คนเดียวกัน




     TBC
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-08-2018 16:12:11
ใครล่ะ ภูเบศที่เคยรู้จัก
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-08-2018 16:43:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใคร?  ใครคือภูเบศ?  แต่ที่แน่ ๆ ภูเบศคือโชน  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-08-2018 20:59:54
ภูเบศคือใคร   :hao4:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-08-2018 00:28:08
รอ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Saiias0005 ที่ 19-08-2018 16:49:37
รออค่าา :hao7:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-08-2018 15:35:46
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 1 [18-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 20-08-2018 15:48:21
แงงงงงงงง^~^ ภูเบศศศศศ มาอธิบายเดี๋ยวนี้ว่านายเป็นใคร????? ฉันรอฟังอยู่
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 2 [22-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 22-08-2018 15:13:29
อัพเดทพาร์ทสองแล้วนะครับ  :mew1: :mew1:
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3875651#msg3875651
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 2 [22-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-08-2018 17:17:57
ทำไมพี่ภูเบศถึงเปลี่ยนไปขนาดนั้นล่ะ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 2 [22-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-08-2018 23:07:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็ไม่แปลกหรอก  คนเราพอผอมลงแบบคนสุขภาพดีมีกล้ามเนื้อก็ดูดีทั้งนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 2 [22-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2018 00:01:11
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 8 รักปักใจ Part 2 [22-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 25-08-2018 00:20:22
ตอนที่ 9 ปั่นหัว


     “ตอนนี้พี่ว่ายน้ำเป็นแล้วนะครับ แล้วก็ดูแลน้องหนึ่งได้แล้วด้วย” คุณโชนชิงพูดเรื่องที่น่าจะมีผมกับพี่ภูเบศเท่านั้นที่รู้กันขึ้นมาและตบท้ายด้วยคำหวานโดยไม่รอไม่ผมได้ถามคำถามใด ๆ

     แม้ท่าทีของเขาจะยังขัดเขินแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านทางคำพูดและแววตาของเขา แต่ผมได้แต่มองตาด้วยความรู้สึกสับสน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะต้องรู้สึกอย่างไรในเวลาแบบนี้ เมื่ออยู่ ๆ ผู้ชายที่มาให้ผมรู้สึกหวั่นไหวก็มาบอกว่าตัวเองคือรุ่นพี่สมัยเรียนที่ผมไม่ได้พบหน้ามานานแสนนาน

     “พี่ไม่กล้าบอกน้องหนึ่งตั้งแต่แรกว่าพี่คือใคร เพราะพี่กลัวน้องหนึ่งจะรังเกียจพี่” คุณโชนว่าพลางลดมือทั้งสองข้างที่กำลังจับประครองแก้มผมลง เขาจะกลัวถูกผมรังเกียจไปทำไมกัน ต่อให้เขาจะเป็นคนเดียวกันกับพี่ภูเบศคนนั้นจริง ๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่ารังเกียจ มิหนำซ้ำทุกวันนี้เขายังกลายเป็นหนุ่มหล่อที่แสนเพอร์เฟค ผมต่างหากล่ะที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายกลัวว่าเขาจะรังเกียจผม

     “น้องหนึ่งรู้ไหมพี่ชอบน้องหนึ่งมาตั้งแต่ตอนที่น้องหนึ่งช่วยชีวิตพี่ไว้ที่หน้าโรงเรียนวันนั้น  แต่พี่ก็ได้แต่แอบมองหนึ่งอยู่ห่าง ๆ น้องหนึ่งน่ารักอย่างกับนักร้องเกาหลีและยังนิสัยดีมีน้ำใจกับทุกคน มีคนอยากเข้าหาน้องหนึ่งเต็มไปหมดไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายแต่น้องหนึ่งก็ไม่เคยสนใจใคร จนพี่รู้สึกเจียมตัวว่าตอนนั้นพี่ก็ยังไม่ดีพอพี่ก็เลยไม่กล้าที่จะสารภาพความในใจ แถมเจอหน้าน้องหนึ่งทีไรพี่ก็เขินจนพูดอะไรไม่ออกทุกที”

     พอได้พูดออกแล้ว คุณโชนก็ถือโอกาสพรั่งพรูความในใจที่น่าจะเก็บเอาไว้มานานแสนนานออกมาอย่างหมดเปลือก ส่วนเรื่องที่ว่าเขาคือพี่ภูเบศจริงหรือเปล่า โอเคผมเชื่อก็ได้ถ้าเขาจะรู้เรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะผมกับพี่ภูเบศขนาดนี้

     คุณโชนว่าทั้งน้ำเสียงและแววตาที่วิงวอนแกมตัดพ้อเสียจนดูน่าสงสาร แต่ความรู้สึกของผมนั้น ผมยังรู้สึกสับสนมากจริง ๆ หลาย ๆ คำถามที่พุ่งเข้ามาจู่โจมในหัว ผมก็ยังไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนี้ผมควรจะต้องเรียกเขาว่าอย่างไร จะเรียกเขาว่าคุณโชนอย่างเดิมที่เคยเรียก หรือจะต้องเรียกเขาว่าพี่ภูเบศอย่างที่เคยเรียกมาก่อนหน้า ทำไมเรื่องมันถึงกลับตาลปัตรไปได้ขนาดนี้นะ

     “ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครอีกเลย น้องหนึ่งคือแรงบันดาลใจที่ทำให้พี่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง และได้แต่หวังว่าสักวันพี่จะมีโอกาสได้เจอน้องหนึ่งอีกครั้งและพี่ก็จะกล้าพอที่จะไม่ปล่อยให้น้องหนึ่งหลุดมือไปอีกครั้ง จนกระทั่ง....”

     “ได้เห็นผมในหนังโป๊” ผมชิงพูดในส่วนที่เขาเว้นว่างไว้ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่กล้าที่จะพูดขึ้นมาเอง

     “เอ่อ ครับ” เขาตอบผมอย่างเกรง ๆ พลางมองผมอย่างหวั่น ๆ หรือเขากลัวว่าผมจะโกรธเขา แล้วผมจะไปโกรธเขาได้อย่างไรก็ในเมื่อผมเล่นหนังโป๊จริง ๆ นี่

     “ต่ะ แต่ว่า ไม่ว่ายังไงน้องหนึ่งก็ยังมีค่าและน่าทะนุถนอมที่สุดในสายตาของพี่เสมอนะครับ ห่ะ ให้โอกาสพี่ ด่ะ ได้ไหมครับ อุ๊บ!!!” ไม่ต้องมาพูดคำหวานหรือคำแก้ตัวอะไรอีกทั้งนั้นผมไม่อยากจะฟัง เพราะอย่างไรเสียเขาก็มีความผิดเรื่องที่ปิดบังผมมาตลอดอยู่ดีนั่นล่ะ

     ก็เพราะไม่อยากจะฟังเขาพูดอะไรอีกแล้วน่ะสิผมก็เลยจำเป็นต้องปิดปากเขา ผมกระชากคอเสื้อเขาเข้าหาตัวให้หน้าเขาโน้มลงมาใกล้หน้าผม ก่อนที่จะจัดการปิดปากของเขา...


     ....ด้วยปากของผมเอง


     คุณโชนตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ผมหลับตาพริ้มลงอย่างไม่อยากจะรับรู้อะไร แค่นี้เขาก็ตกใจแล้วหรือ เรื่องที่เขากับอีตาพี่ภูเบศคือคนเดียวกันมันน่าตกใจกว่านี้เยอะ เขาปั่นหัวผมมาตั้งนาน ในเมื่อเขาทำผิดผมก็ต้องทำโทษเขา

     ผมสอดแทรกลิ้นผ่านริมฝีปากของเขาเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ผมรู้สึกได้ถึงมือสั่น ๆ เย็น ๆ ของเขาที่จับที่เอวผม ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะเขากำลังตกใจหรือเขาแค่ยังอ่อนหัดกันแน่ ลิ้นนุ่ม ๆ ของเขาเลยตอบสนองผมได้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ จนเป็นผมเองที่ต้องเป็นผู้นำในการบรรเลงเพลงจูบอันซาบซ่านและรุนแรงจนผมได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ จากปากเขามาลอยมาเตะจมูก

     ผมบดขยี้ริมฝีปากของเขาอยู่พักใหญ่จนร่างกายมันเริ่มโหยหาอากาศหายใจ นักดนตรีผู้ชำนาญการอย่างผมจึงจำต้องหยุดการบรรเลงเพลงจูบไว้เพียงเท่านั้นก่อน ผมถอนปากและลิ้นออกมาอย่างเชื่องช้า แววตาละห้อยของเขามองตามริมฝีปากผมอย่างอาลัยอาวรณ์ เพลงจูบของผมนั้นมันคงจะถึงใจมากจนเขาลืมเจ็บตรงลอยแผลเลือดซิบ ๆ ที่ริมฝีปากล่างซึ่งเป็นผลงานที่ผมฝากเอาไว้

     แต่ยังหรอกผมยังทำโทษเขาไม่พอ แค่นี้มันยังไม่สาสมกับความผิดของเขาหรอกนะ ผมทั้งลากทั้งกระชากคอเสื้ออย่างไม่สนใจต่อแผลที่ริมฝีปากและเสียงหอบหายใจแรงของเขาแต่อย่างใด ผมลากเขามาจนเตียงนอนที่ผ้าปูยังคงเป็นสีน้ำเงินเช่นเดิมกับที่ผมเคยมานอนในคราวก่อน ซึ่งเขาก็เดินตามมาอย่างว่าง่าย

     แล้วก็ไม่รู้ว่าวันนี้สองขาของเขาเกิดอ่อนเปลี้ยอะไรขึ้นมาถึงได้ไหวเอนไปตามแรงผลักเบา ๆ ของผมและล้มตัวลงบนที่นอนได้อย่างง่ายดาย เขายังคงมองผมตาละห้อยยังติดเพลงจูบเมื่อสักครู่นี้อยู่ล่ะสิท่า จับตาดูให้ดีก็แล้วกันว่าผมจะทำอะไรต่อจากนี้แต่รับรองว่าเขาจะต้องจำไม่มีวันลืมเสียยิ่งกว่าเพลงจูบเมื่อครู่นี้แน่นอน

     ผมยิ้มร้ายให้กับเขาก่อนจะคลานตามขึ้นไปทาบทับบนตัวเขา ผมสบตากับเขาในแววตาละห้อยของเขานั้นดูเหมือนกับมันกำลังมีคำถามว่าผมกำลังจะทำอะไรต่อไป ผมจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเขาอย่างไม่มัวพูดพร่ำก่อนจะเขยิบตัวลงมากระชากที่เสื้อของเขาจนกระดุมมันขาดหลุดกระเด็นทีละเม็ด เสื้อที่เขาใส่นั้นก็ดูราคาไม่น้อยแต่แล้วไงผมไม่ได้ใส่ใจสักหน่อย และเจ้าของเสื้อเขาก็ดูยินยอมให้ผมทำลายเสื้อราคาแพงของเขาอย่างไม่ปริปากสักคำ

     ผมทำแววตาเจ้าเล่ห์มองเขาก่อนจะจัดการแหวกเสื้อเชิ้ตที่ไร้กระดุมออกจนแผงกล้ามอกและลอนซิกแพคสวย ๆ ของเขาได้ออกมาโชว์ประจักษ์แก่สายตาผม จากคนที่เคยอ้วนมาก ๆ แต่มีวินัยในการออกกำลังจนรูปร่างดีได้ขนาดนี้ผมขอนับถือในความพยามยามเปลี่ยนแปลงตัวเองของเขาจริง ๆ มันยากลำบากสักแค่ไหนกันนะกว่าที่เขาจะได้ขนาดนี้

     ผมไม่รอช้าใช้ปลายลิ้นสัมผัสที่กล้ามท้องของเขาในทันทีโดยที่แววตาเจ้าเล่ห์ของผมยังคงจับจ้องมองใบหน้าที่แทบจะซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่มิดของเขาตลอดเวลา ผมลากลิ้นไล่ผ่านลอนกล้ามท้องของเขาจนมาหยุดตรงแผงอก ตลอดเวลาที่ลิ้นร้อนของผมเดินทางมาผมได้ยินเสียงครางเบา ๆ อื้ออึงในลำคอของเขาอย่างไม่ขาดสาย แต่นี่มันเพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองนะ

     ผมจุมพิตที่หัวนมสีน้ำตาลคล้ำทั้งสองข้างของเขาก่อนจะเริ่มโจมตีด้วยลิ้นจากตรงฝั่งซ้ายก่อน หัวนมของเขาแข็งตัวสู้ปากสู้ลิ้นของผมได้เป็นอย่างดีหลังจากที่ผมเริ่มใช้ลิ้นสัมผัสเลียวนสลับกันทั้งสองข้างก่อนที่ผมจะทั้งขบทั้งเม้ม เสียงครางที่อื้ออึงในลำคอของเขาก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูเหยเก เขาหลับตาสนิทไม่รู้ว่าไม่กล้ามองสิ่งที่ผมกำลังทำหรืออย่างไร แต่มันยังมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกเยอะนะพ่อหนุ่มน้อย

     ผมขยับตัวลงต่ำไปกว่าเดิมหลังจากที่โจมตีท่อนบนของเขาจนสาแก่ใจ

     “น่ะ น้องหนึ่ง!” เขาผงกหัวขึ้นมาหน้าตาตื่นเมื่อผมวางมือสัมผัสลงตรงเป้ากางเกงของเขา ตอนนี้สิ่งที่อยู่ด้านในมันคงตื่นตัวเต็มที่แล้วถึงได้นูนตุงกางเกงเสียขนาดนี้

     ผมแสยะยิ้มให้เขาอย่างไม่สนใจต่อเสียงทักท้วง ก่อนที่ผมจะจัดการปลดตะขอและรูดซิบกางเกงของเขาลง แม้จะยังดูตกใจแต่คุณโชนก็ยอมยกตัวให้ผมดึงกางเกงของเขาลงไปไว้ที่บริเวณเข่าอย่างว่าง่าย ตอนนี้เขาคงจะตื่นตัวเต็มที่แล้วจริง ๆ เพราะบ็อกเซอร์ตัวเล็กแนบเนื้อของเขานั้นนู่นขึ้นเป็นรูปร่างตามท่อนลำที่แข็งขันวางพาดซ้ายอยู่ด้านใน จนผมสามารถมองเห็นรอยยักจากเส้นเลือดได้ชัดเจน ขนาดไอ้ตรงนั้นของเขามันก็ไม่ใช่เล่นเลยนะนี่

     ผมลูบไล้ท่อนเอ็นใต้เนื้อผ้านั้นเบา ๆ และจุมพิตตรงกลางลำเพื่อเป็นการทักทาย ผมตีสีหน้าเย้ายวนในแบบที่คุณโชนคงจะเคยเห็นบ่อย ๆ ในหนังที่ผมแสดง ก่อนจะล้วงมือผ่านยางยืดเข้าไปคว้าท่อนเอ็นด้านในบ็อกเซอร์นั้นให้ออกมากระจักษ์แก่สายตา

     แก่นกายขนาดใหญ่ที่กำลังแข็งตัวขั้นสุดจนผมจับได้อย่างเต็มไม้เต็มมือเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม เขาหน้าแดงระเรื่ออาจจะเพราะอายที่ผมได้เห็นและได้สัมผัสส่วนที่ซ่อนเร้นของเขา ผมรูดแก่นกายไซส์บิ๊กลงจนสุดโคนก่อนจะใช้ปากครอบและดูดชิมน้ำหวานที่เยิ้มออกมาตรงส่วนหัวที่น่าจะมาจากการเล้าโลมของผมเมื่อครู่ คุณโชนถึงกับอยู่ไม่สุขตัวเขาเอี้ยวไปมาตามจังหวะการดูดดุนของผม คิ้วทั้งสองของเขาขมวดเข้าหากันสีหน้าของเขาตอนนี้มันดูเหยเกกว่าเมื่อครู่เสียอีก

     "อ่ะ...อื้อ...น้องหนึ่ง" เสียงครางกระเส่าของเขาดังเคล้าไปกับเสียงหอบหายใจที่โรยรินอย่างไม่พยายามเก็บกลั้นไว้ในลำคอแบบเมื่อครู่ มันใกล้จะถึงจุดที่ผมต้องการแล้วสินะ

     ผมถอนปากออกจากส่วนหัวแก่นกายของเขา ถึงตอนนี้คุณโชนหอบหายใจหนักราวกับคนกำลังจะขาดอากาศ ผมใช้ปลายลิ้นแตะลงตรงโคนของพวงสองลูกใต้แก่นกายของเขาและค่อย ๆ ลากลิ้นขึ้นมาอย่างเชื่องช้าจนถึงโคนของของท่อนลำนั้น ตอนที่ปลายลิ้นของผมลากผ่านหนังหุ้มสองลูกนั้นตัวของเขาเกร็งมาก เกร็งจนพูดได้ยินเสียงนิ้วเท้าของเขาที่เสียดสีกันได้อย่างชัดเจน

     ผมยังคงลากลิ้นต่อไปตามท่อนลำนั้นโดยสองตาที่พยายามเย้ายวนของผมยังคงไม่ละจากการจ้องมองใบหน้าของเขาแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อสังเกตปฏิกิริยาตอบสนอง ซึ่งมันก็เป็นไปที่ผมต้องการทุกอย่าง ก็ผมทำอาชีพทางด้านนี้อยู่แล้วนี่เพราะฉะนั้นเรื่องความชำนาญนั้นคงไม่ต้องบอก

     หลังจากที่ลากลิ้นผ่านไปจนสุดส่วนปลายผมผละออกจากตัวของเขาทันที ผมลุกมายืนอยู่ตรงปลายเตียง แววตาละห้อยของเขายังคงมองผมอย่างมีคำถามว่าผมกำลังจะทำอะไร ถึงขั้นนี้แล้วยังมีอะไรต้องสงสัยอีกหรือพ่อเด็กน้อย ผมหันหลังให้กับเขา ก่อนจะทำการปลดเปลื้องทุกสิ่งที่ปกปิดร่างกายผมอยู่ออก


     คนที่เคยตอนอยู่บนเตียงด้านหลังผมบัดนี้เขาพุ่งขึ้นมาคว้าตัวผมเข้าไปกอด หลังจากที่ผมจัดการถอดกางเกงในตัวจิ๋วซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปกปิดร่างกายผมและโยนมันทิ้งไป

     “น่ะ..น้องหนึ่งครับ พ่ะ..พี่ไม่ไหวแล้ว เป็นของพี่นะครับ” ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะรู้ว่าเขาคงเกินจะอัดอั้นไว้แล้วจริง ๆ หัวใจของเขาเต้นแรงมากจนผมรู้สึกได้ผ่านแผ่นอกแน่น ๆ ของเขาที่กำลังแนบหลังผม  นี่ผมทำให้พ่อเด็กน้อยขี้อายตบะแตกแล้วหรือนี่

     ผมแกะมือของเขาที่กำลังโอบกอดผมออก และแอบชำเลืองมองเขาอย่างมีเลศนัยน์ก่อนจะทิ้งร่างอันเปลือยเปล่าลงนอนบนที่นอนสีน้ำเงินของเขา ผมส่งสายตาที่สุดแสนจะเชื้อเชิญให้กับเขาพร้อมทั้งกระดิกนิ้วเชิงเรียกให้เขาเข้ามาหา ผมนอนถ่างแข้งถ่างขาอย่างไม่เกรงใจต่อสายตาของเขาที่ยังคงจับจ้อง ก่อนที่ผมจะใช้มือข้างหนึ่งชักรอกที่แก่นกายไซส์มาตฐานของตัวเองส่วนมืออีกข้างนั้นผมก็เลื่อนลงไปใช้นิ้วเขี่ยเล่นแถว ๆ รูก้น พูดง่าย ๆ ก็คือผมกำลังช่วยตัวเองให้เขาดูนั่นแหละ และยังส่งครางที่แสนออดอ้อนให้เขาฟัง เรียกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังยั่วยวนเขาแบบขั้นสุดอยู่ก็ว่าได้

     "ม่ะมันจะเกินไปแล้วนะครับน้องหนึ่ง" คุณโชนแทบจะกระโจนขึ้นมาคร่อมบนตัวผมหลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวออกอย่างร้อนรน นี่ผมปลุกสัญชาตญาณดิบที่หลับใหลมานานของเขาให้ตื่นขึ้นได้แล้วสินะ เขาโน้มตัวลงจูบปากผมพร้อมกับที่ผมใช้สองแขนโอบคล้องที่คอของเขา เราสองคนร่วมกันบรรเลงเพลงจูบอันแสนดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเราทั้งคู่เกี่ยวพันหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน

     หลังจากที่หนำใจกับเพลงจูบ คุณโชนถอนปากและลิ้นออกไปจากปากผมอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนที่เขาจะขยับตัวให้เขาล็อกกับสองขาของผมที่ยังคงถ่างกว้าง และเขาก็ขยับเอาท่อนเอ็นที่พร้อมใช้งานเต็มที่เข้ามาจ่อตรงปากทางประตูหลังของผม

     “น้องหนึ่ง!” คุณโชนถึงกับหันมองผมหน้าเหวอ เมื่อผมเอื้อมมือลงไปปิดตรงปากทางประตูหลังที่เขาหมายจะส่งเจ้าท่อนเอ็นแข็ง ๆ นั้นเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน แต่ฝันไปก่อนก็แล้วกันนะ ผมยังไม่ยอมให้มันผ่านเข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก
 
     “โนคอนดอมโนเซ็กส์ครับ”

     “เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อข้างล่างนะครับ” คุณโชนรีบบอกอย่างร้อนอกร้อนใจอะไรจะกระหายขนาดนั้น ผมคิดไว้ไม่ผิดจริง ๆ ผู้ชายติ๋ม ๆ แบบเขาไม่มีถุงยางเก็บไว้ที่ห้องจริง ๆ ด้วย แต่ว่าอย่าเสียเวลาเลย

     “ไม่ต้องหรอกกว่าคุณจะกลับขึ้นมา ผมก็คงหมดอารมณ์แล้วล่ะ วันนี้พอเท่านี้ก็แล้วกัน” ผมว่าพลางยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัยพร้อมกับขยับตัวลุกออกจากเขาอย่างไร้เยื้อใย ก็นี่แหละสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ คุณโชนถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่สองตาของเขาดูช็อกหนักในทันทีเมื่อผมพูดออกมาอย่างนั้น

     “ตะ แต่ว่า” คุณโชนที่ยังอารมณ์ค้างมองผมตาละห้อย แววตาของเขามันช่างอ้อนวอนเสียจนดูน่าสงสารแต่อีกใจหนึ่งผมก็อดขำไม่ได้ อยากจะทำต่อขนาดนั้นเชียวหรือ แก่นกายของเขาที่ตื่นตัวพร้อมใช้งานเต็มที่แต่พอมันไม่ได้ใช้มันคงปวดทรมานน่าดู ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมกำลังทำโทษเขาอยู่ถ้าผมยอมให้เขาสุขสมง่าย ๆ มันจะเรียกว่าทำโทษได้อย่างไร

     “หิวจังเลยในตู้เย็นมีอะไรทานบ้างอ่ะ” ผมทำทีไม่สนใจหน้าจ๋อย ๆ จากความผิดหวังของคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียง พร้อมทั้งลุกไปเปิดตู้เย็นในห้องเขาหาของกินอย่างถือวิสาสะทั้งสภาพเปลือยกายยังนั่นแหละ ผมคงไม่เหลืออะไรให้อายเขาแล้วล่ะมั้งเล่นมีหนังที่ผมเล่นเก็บสะสมไว้ขนาดนั้นไหนจะเรื่องวันนี้และตอนที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในคราวนั้นอีก ผมมีปานมีไฝตรงไหนบ้างเขาก็คงเห็นจนชินตาแล้วล่ะ

     “น้องหนึ่ง กะแกล้งพี่เหรอครับ” น้ำเสียงที่เหมือนคนกำลังเง้างอนว่าขึ้นตอนที่ผมกำลังจะเปิดกระป๋องน้ำอัดลมที่เพิ่งจะหยิบออกมาจากตู้เย็นของเขา อ้าว เพิ่งจะรู้ตัวหรือ

     ผมยักไหล่พร้อมกับทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้พลางกระดกน้ำอัดลมเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ สีหน้าท่าทางของคนอารมณ์ค้างนี่มันช่างน่าขำจริง ๆ เอาน่า ๆ ผมได้ปั่นหัวเขาคืนแล้วก็ถือว่าหายกันแล้ว ผมก็ไม่ได้คิดจะใจร้ายกับเขาไปตลอดเสียหน่อยโอกาสหน้าก็ยังมี แต่วันนี้ผมขอใช้แฮชแท็ก #รวิกานต์คนใจร้าย ไปก่อนก็แล้วกัน



[มีต่อในรีพลายถัดไปครับ]
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 1 [24-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 25-08-2018 00:21:05
[ต่อ]



     ผมจำใจต้องลืมตาตื่นขึ้นมาแม้จะยังไม่สร่างจากอาการหาวนอน ก็เพราะแสงตะวันยามเช้าที่สาดแยงตา ผมดันตัวลุกขึ้นทั้งสภาพที่ยังงัวเงียก่อนจะบิดขี้เกียจพลางหันซ้ายหันขวามองหาคนที่น่าจะนอนอยู่ข้างผมในเวลานี้ แต่แล้วผมก็พบว่าบนที่นอนสีน้ำเงินผืนกว้างนั้นมีผมอยู่เพียงลำพังไม่มีใครนอนอยู่ข้างกายผม ทำไมคุณโชนเขาถึงได้ตื่นเช้าอย่างนี้

     คือว่าเมื่อคืนผมนอนค้างที่ห้องคุณโชนน่ะครับ เพราะฝนมันตกหนักมากตลอดทั้งคืนเลยจะให้เขาขับรถฝ่าฝนไปส่งผมก็อันตรายแย่ ผมก็เลยถือวิสาสะขอนอนค้างที่ห้องเขาเสียเลย ส่วนเรื่องระหว่างผมกับเขามันก็ไม่มีอะไรเลยเถิดไปกว่าที่ผมแกล้งปลุกอารมณ์และทิ้งให้เขาอารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้น ผมรู้ว่าเขาเองก็คงอยากจะสานต่อสิ่งที่มันค้างคาไว้ให้จบเต็มที แต่เมื่อผมบอกว่าไม่ก็คือไม่ และคุณโชนก็ดูเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามเพื่อหักห้ามใจแค่ไหนก็ผมเล่นอ่อยไว้เสียขนาดนั้น แต่หลังจากที่ผมบอกว่าไม่ต้องการแล้วเขาก็ไม่ล่วงเกินผมเลยแม้แต่น้อย จะน่ารักก็ตรงนี้แหละ เอาน่า ๆ ผมเชื่อว่านิ้วทั้งห้าของเขาก็คงทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้ผมหรอก

     เมื่อเอาความดีของเขากับความผิดของเขามาหักลบกันแล้ว ผมหายโกรธก็ได้เรื่องที่เขาปิดบังตัวตนที่แท้จริงมาโดยตลอด

     ผมลุกจากที่นอนพร้อมกับความรู้สึกงุ่นง่านที่ขาก็เพราะกางกางแพรตัวใหญ่และหลวมโพรกมากเมื่ออยู่บนตัวผมของคุณโชนนี่สิมันพันแข้งพันขาผมไปหมด คราวที่แล้วที่มานอนห้องเขาคงเพราะผมกำลังตกใจมั้งเลยลืมรำคาญเจ้ากางเกงแสนวุ่นวายนี่ไปเลย ครั้นผมจะขอใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเล็ก ๆ นอนเจ้าของห้องเขาก็ไม่ยินยอม ทั้ง ๆ ที่เห็นผมในหนังโป๊มาตั้งไม่รู้กี่เรื่องแล้วจะมากลัวอดใจไม่ไหวอะไรกันตอนนี้

     ผมเปิดประตูออกจากห้องนอนของคุณโชนและเดิมตามกลิ่นหอม ๆ มาจนถึงส่วนที่เป็นห้องครัว จนได้พบกับเจ้าของห้องที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า จะว่าไปแล้วคุณโชนเวลาอยู่ในมาดพ่อครัวนี่ก็เท่ไม่แพ้ฟรองค์เลยนะ หรือผมจะถูกโฉลกกับผู้ชายทำอาหารเสียแล้ว แต่เอ ผมก็ไม่ได้ชอบฟรองค์สักหน่อย

      คุณพ่อครัวคนเท่คงมัวแต่สนใจอาหารในกระทะเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นผมที่แอบเข้ามาเงียบ ๆ ผมก็เลยได้ทีแอบย่องไปข้างหลังเขาโดยไม่ให้เขารู้ตัวเสียเลย

     “หอมจัง” ผมว่าพลางเขย่งเท้าขึ้นเอาคางไปวางเกยบนไหล่ของเขา พร้อม ๆ กับทำสายตาออดอ้อนรอให้คนที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารหันมามอง

     ชั่ววินาทีแรกที่เขาหันมาผมทันเห็นนะว่าเขาเกือบจะเผลอหลุดยิ้มแต่ดูเหมือนจะนึกได้เสียก่อนก็เลยรีบชักสีหน้าเย็นชาใส่ผม เขาเบือนหน้าหนีผมไปอีกทางทำท่าทางเหมือนจะเมินจะผม สงสัยจะยังงอนจากเรื่องเมื่อคืน จริง ๆ แล้วเขาก็ดูมีท่าทีตึง ๆ ใส่ผมมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ว่าเมื่อคืนนั้นผมยังอยากแกล้งเขาอยู่เลยได้ง้ออะไรไม่คิดว่าเขาจะยังงอนมาจนถึงตอนนี้ แถมยังเล่นใหญ่จริงนะ

     “คุณโชน” ผมเรียกเขาพลางผละออกจากไหล่ของเขา แต่คนที่ถูกเรียกนั้นยังทำเมินตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อไปราวกับว่าผมไม่มีตัวมีตนอยู่ตรงนั้น ทั้งที่เมื่อคืนก็ยังพูดกับผมอยู่เลย เพิ่งจะมาทำเป็นไม่พูดด้วยตอนเช้าอย่างนี้ไม่เนียนเอาเสียเลย

     ถึงเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้วว่าเขาคือที่พี่ภูเบศรุ่นพี่ที่โรงเรียนสมัยมัธยมของผม แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังสนิทใจที่จะเรียกเขาว่าคุณโชนแบบที่เรียกจนติดปากมาเป็นเดือน ๆ แล้วมากกว่า

     “คุณโชนผมหิวจัง” ผมว่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมใส่ลีลาท่าทางเอามือลูบท้องเสมือนว่ากำลังหิวมาก ๆ ให้อีกฝ่ายเห็น ทั้งที่ผมอ้อนขนาดนี้แต่เจ้าตัวก็ยังเลือกที่จะทำเมิน ถ้าเขาจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ อะ ๆ ง้อเขาหน่อยก็ได้

     “คุณโชนหายโกรธผมได้แล้ว” ผมไม่ว่าเปล่าแต่ยังเข้าไปสวมกวดที่เอวของเขาจากทางด้านหลังก่อนจะเขย่งเท้าและฝังหน้าซุกที่ต้นคอของเขา ผมส่ายหัวถูไถปากและจมูกฟัดไปตามหลังคอของเขา ผมอ้อนถึงขนาดนี้แล้วถ้ายังทนได้ก็ทนไป

     ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงพลางย่นจมูกใส่คนที่ยังคงหันหลังให้ผมอย่างไม่ได้ดั่งใจ หลังจากที่ผมกระทำชำเราหลังคอเขาอยู่ตั้งครู่ใหญ่จนหลังคอเขาเปรอะคราบน้ำลายผมเยิ้มเต็มไปหมด แต่เขากลับยังทำเฉย พอได้ทีแล้วเล่นใหญ่เชียวนะ ผมละอยากจะกระโดดงับคอคนเล่นตัวเก่งให้ทะลุเสียให้รู้เลยรู้ แต่คิดว่าผมจะยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือไม่มีทางเสียหรอก

     “พี่โชนครับ....” ผมช่างใจอยู่นานกว่าจะกล้าเอ่ยชื่อเขาด้วยสรรพนามที่ผมไม่ได้คิดจะเรียกเขาแบบนี้มาก่อน แต่นี่มันเป็นไม้ตายของผมแล้วนี่ ถ้าไม่อ้อนแบบนี้ผมก็คงต้องแพ้เขาน่ะสิ ไม่มีทางเสียหรอกไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องทำให้เขายอมพูดกับผมให้ได้ ถ้าหากยอมแพ้ง่าย ๆ เขาก็จะได้ใจเอาน่ะสิ

     และก็ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อผมเปลี่ยนสรรพนามจากคุณเป็นพี่คนถูกเรียกนั้นก็ถึงกับชะงักลง ผมอยู่ใกล้เขามากจนพอที่จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าที่หูเขาเริ่มแดงขึ้น ดูจากรูปการณ์แล้วผมคงใกล้จะเอาชนะคนเล่นตัวเก่งได้เต็มทีแล้วล่ะ เพราะอย่างนั้นผมก็ต้องรีบฉวยโอกาสจัดการให้อยู่หมัด ผมเขยิบตัวมาอยู่ข้าง ๆ เขาชนิดที่แนบสนิทจนเกือบจะเข้าสิงเขาได้อยู่แล้ว ถึงเขาจะไม่ได้หันมามองตรง ๆ แต่ผมก็แอบเห็นนะว่าเขาแอบปรายตามามองผมอยู่ตลอด พร้อมจะถูกผมปิดเกมแล้วหรือยังคุณรุ่นพี่ตัวดี

     “หายโกรธหนึ่งเถอะนะครับ นะนะ พี่โชนคนดี” ผมทำตาแป๋วและน้ำเสียงอ้อนวอนเสียยิ่งกว่าทุกครั้งที่ทำไปก่อนหน้านี้ ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นจุมพิตที่แก้มของเขาเบา ๆ หนึ่งที เขาถึงกับตัวสั่นเมื่อริมฝีปากของผมสัมผัสกับแก้มของเขา ผมเปิดเกมบุกถึงขนาดนี้แล้วถ้ายังทนไหวก็ให้มันรู้ไป

     “เอ่อ น้องหนึ่งเรียกพี่แบบนี้ตลอดไปเลยได้ไหมครับ” เกมโอเวอร์! ผมแอบยิ้มร้ายเมื่อคนที่ฝืนทำตัวนิ่งอยู่นานพ่ายแพ้ให้กับเกมบุกของผมด้วยการยอมปริปากพูดประโยคเมื่อครู่นี้ขึ้นมาจนได้ แม้ว่าเขาจะก้มหน้างุดยังไม่ยอมหันสบตากับผม แต่แค่ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าเขากำลังเขินมากขนาดไหน

     “ยอมคุยกับผมได้แล้วเหรอ” ผมว่าอย่างผู้มีชัยหลังจากต้อนคู่ต่อสู้ให้จนมุมและยอมยกธงขาวได้สำเร็จ

     “ยอมตั้งนานแล้วครับ แต่เห็นน้องหนึ่งอ้อนพี่น่ารักดีเลยอยากให้อ้อนนาน ๆ” หน้าที่ยังก้มงุดของเขาก็ไม่อาจจะหลบซ่อนรอยยิ้มแห้ง ๆ ของเขาได้ เห็นอย่างนี้นี่ก็ร้ายใช่เล่นเหมือนกันนะ แต่เสียใจด้วยนะเพราะผมร้ายกว่าเยอะ

     “ว่ะ ว่ายังไงครับ เรียกพี่ว่าพี่ตลอดไปเลยได้ไหม” แน่ะ เขาหันหน้ามาทวงถามผมทั้งที่แววตาทั้งสองยังคงเต็มไปด้วยความประหม่า เอ ว่าแต่ผมจะยอมเรียกเขาแบบที่อยากให้เรียกดีไหมนะ

     “อยากให้ผมเรียกพี่จริง ๆ เหรอ” คุณโชนพยักหน้าหงึก ๆ เป็นคำตอบให้กับผม ผมยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่างก่อนจะว่าประโยคต่อไป

     “ผมเรียกว่าพี่ก็ได้นะ ถ้าอยากเป็นแค่พี่ แต่ถ้าเป็นพี่แล้วก็เป็นอย่างอื่นอย่างเช่นแฟนไม่ได้แล้วนะ” ผมว่าพร้อมกับส่งสายตายียวนให้กับเขา จริง ๆ แล้วผมก็พูดเหมือนทีเล่นทีจริงไปอย่างนั้นเอง แต่ดูฝ่ายนั้นท่าจะเป็นเอาหนักเขาถึงกับหน้าเหวอไปทันทีเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น

     “ม่ะ ไม่ ไม่เป็นพี่ครับ ไม่เป็นต้องเรียกพี่แล้วครับ น้องหนึ่ง เอ่อ คุณหนึ่ง” คุณโชนรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างเลิ่กลั่กจนดูลนลานไปหมด ผมยิ้มอย่างเอ็นดูในความที่เขาเป็นเขา แต่ก็เพราะว่าเขาที่เป็นเขาแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ผมชอบเขา

     “รอผมก่อนได้ไหมครับ” ผมพูดตัดอารมณ์ขึ้นมาโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ ผมปรับอารมณ์และสีหน้าเข้าสู่โหมดจริงจังอย่างกะทันหัน จนคุณโชนเองก็ดูแทบจะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เขาเอียงหน้ามองผมเหมือนตั้งคำถาม ถึงผมจะได้รู้แล้วว่าเขาแอบมีใจให้ผมนานแค่ไหนและผมก็ยอมรับว่าผมชอบเขามากแต่ผมเองก็มีเหตุผลเช่นกันที่จะต้องบอกให้เขารอไปก่อน

     “อีกแค่ปีกว่า ๆ รอให้ผมหมดพันธะจากอาชีพนี้ก่อนได้ไหมครับ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ ที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใคร ตราบใดที่ผมยังต้องมีอะไรกับคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ แต่ผมรู้สึกดีกับคุณนะ รู้สึกดีมากจริง ๆ” ผมร่ายถึงเหตุผลที่ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับเขาเพราะผมยังคงชัดเจนไม่เจตนาเดิมที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น ตราบใดที่ผมยังต้องนอนกับผู้ชายคนอื่นผมก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะมีใครสักคนอย่างจริงจัง ถึงคุณโชนจะบอกว่าเขารับได้แต่ผมรับไม่ได้จริง ๆ ถ้าหากว่ามีแฟนแล้วยังจะต้องมีอะไรคนอื่นไปด้วย

     “ก็รอมาตั้งนานแล้วนี่ครับ จะรออีกสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แค่น้องหนึ่งมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับพี่ เท่านี้พี่ก็ดีใจมากแล้วครับ” ผมแทบจะน้ำตาปริ่มเมื่อเห็นรอยยิ้มที่แสนละมุนและอ่อนโยนที่เขาโอบมอบให้ผม

     มือหนาของเขาลูบเบา ๆ บนหัวของผม ผมชอบความรู้สึกแบบนี้ที่สุดเลยเวลาที่เขาสัมผัสตัวผม ผมรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก แววตาจริงใจจากผู้ชายที่แสนดีที่มองลึกเข้ามาในตาของผมนั้นมันทำให้รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน ผมคงจะเป็นคนที่โชคดีมากจริง ๆ ที่อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งพร้อมจะรอผมไม่ว่านานแค่ไหนและรับได้ในทุกสิ่งที่ผมเป็นไม่ว่าผมจะผ่านอะไรมา แต่ผมกลัวเหลือเกินกลัวว่าตัวเองจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันไป ถ้าหากว่าความรักที่เขามีให้ผมเป็นเพียงแค่ความฝันผมก็ขอไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยดีกว่า ขอให้ความสุขนี้อยู่กับผมไปนาน ๆ ด้วยเถิด


     ขอบคุณนะครับพี่ภูเบศ






     TBC
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 1 [24-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-08-2018 10:33:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอพาร์ทสอง  อิอิ

หนึ่ง  แกมันร้ายใช่เล่น
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 1 [24-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-08-2018 16:32:31
น้องหนึ่งโชว์สกิลนายเอกหนังโป้ได้ถึงใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 1 [24-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2018 19:49:20
ค้างงงงงงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 1 [24-Aug-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 06-09-2018 21:44:01
อัพเดทครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3878214#msg3878214
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 2 [06-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-09-2018 02:30:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 2 [06-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-09-2018 10:05:23
เชื่อว่าพี่โชนต้องรอได้
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 2 [06-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 14-09-2018 23:27:59
รอจร้าาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 9 ปั่นหัว Part 2 [06-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: cxerxx ที่ 14-09-2018 23:56:16
อ่านรวดเดียวแล้วติดเยยยย
ชอบมากค่ะ

 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 20-09-2018 10:21:38
ตอนที่ 10 ผลงานใหม่



     ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์หลังจากที่ผมไปค้างที่ห้องคุณโชนในคืนนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับเขาในตอนนี้เราคบกันในแบบที่ไม่มีสถานะ และผมก็ยังไม่อยากจะหาถ้อยคำใด ๆ มาจำกัดความให้กับความสัมพันธ์ของเรา รู้แค่ว่าตอนนี้เราต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ห่วงใยกัน คิดถึงกัน และอยากเจอหน้ากันบ่อย ๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเขาได้เจอคนที่ถูกใจกว่าผมและพร้อมที่จะให้สถานะที่ชัดเจนกับเขาได้มากกว่าผม ผมก็ยินดีที่จะปล่อยให้เขาไป ใช่ว่าผมจะไม่ได้เผื่อใจเอาไว้ เพราะในเมื่อผมไม่พร้อมที่จะให้สถานะที่ชัดเจนกับเขามันก็คงจะไม่ยุติธรรมหากผมมีข้อผูกมัดเพื่อรั้งตัวเขาไว้ แต่อนาคตมันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมมีความสุขและพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่เท่านั้นก็พอแล้ว

     แม้ว่าผมจะไม่ยอมกลับไปเรียกเขาว่าพี่ภูเบศหรือพี่โชนแบบที่เคยเรียกเมื่อนานมาแล้ว แต่ผมกลับชอบให้เขาเรียกผมว่าน้องหนึ่งและแทนตัวเองพี่ เพราะเวลาที่เขาใช้คำพูดแบบนั้นมันทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นเอามาก ๆ

     ในช่วงนี้เขาอาจจะไม่ค่อยมีเวลาว่างมาเจอผมแต่เราก็ยังคุยกันอยู่ตลอดแทบจะทุกชั่วโมงจะต้องมีข้อความจากไลน์แจ้งเตือนที่โทรศัพท์ของผม มันก็เป็นคำหวานที่แฝงความเขินอายตามสไตล์ของเขานั่นแหละ แต่ตัวหนังสือพวกนั้นมันก็ทำให้ผมยิ้มได้จนแก้มแทบจะปริอยู่เสมอ ส่วนตอนกลางคืนเราจะคุยกันผ่านวีดีโอคอลอยู่เป็นชั่วโมงจนผมหลับคาโทรศัพท์แทบจะทุกครั้งไป จนบางทีผมก็ได้ยินเจ้าสองบ่นว่าเลี่ยนในความหวานของผมกับคุณโชนเหลือเกิน แต่ผมว่าเจ้าสองนั่นก็พูดเกินจริงไปนะผมว่าผมกับคุณโชนก็ปกตินะไม่ได้หวานอะไรออกนอกหน้าแบบที่เจ้าสองกล่าวหาสักหน่อย

     ผมได้ยินคุณโชนเขาเล่าว่าเขามีโปรเจคใหญ่เข้ามาเลยอาจจะทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้กับผมในช่วงนี้ ผมเองก็เพิ่งรู้ได้ไม่นานว่าคุณโชนนั้นทำอาชีพเป็นถึงผู้กำกับฟรีแลนด์ฝีมือดี โฆษณาและมิวสิควีดีโอหลาย ๆ ตัวที่ผมเคยเห็นผ่านตานั้นก็เป็นผลงานการกำกับของเขา สงสัยผมจะคุ้นชินอยู่แต่กับวงการหนังผู้ใหญ่ เลยไม่ค่อยรู้จักคนเบื้องหลังในวงการบันเทิงทั่ว ๆ ไปกับเขาเลย



☼​☼​☼​☼​☼​☼



     “ไปไหนมาเหรอสอง” ผมทักขึ้นเมื่อในตอนที่ผมกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกก็เห็นเจ้าสองที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้าบ้านมา ผมแค่ถามเฉย ๆ นะไม่ได้จะว่าอะไร เพราะวันนี้เจ้าสองนั้นมีตารางเรียนแค่ช่วงเช้า ซึ่งโดยปกติแล้วตอนเที่ยง ๆ เจ้าสองก็มักจะกลับถึงบ้านแล้ว แต่วันนี้เจ้าสองเพิ่งจะกลับมาตอนบ่ายสามโมงกว่า ๆ ผมก็เลยถามดูเผื่อว่ามีอะไรน่าเป็นห่วง

     “ปะ เปล่า มะ ไม่มีอะไรครับ” อะไรของเจ้าเด็กนั่นกันนะ ผมก็แค่ถามเฉย ๆ ทำไมจะต้องตกใจจนเลิ่กลั่กขนาดนั้น ซ้ำยังรีบกอดกุมกระเป๋าย่ามที่เจ้าตัวชอบสะพายไปเรียนไว้แน่น อย่างนี้มันดูมีพิรุธนะเนี่ย

     “พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น ว่าแต่ไม่มีอะไรแน่นะ” ผมว่าพลางหรี่ตามองเจ้าน้องชายอย่างจับผิด พิรุธขนาดนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ

     “ไม่อะไรจริง ๆ สองก็แค่ไปกินข้าวกับเพื่อน” แม้จะพยายามควบคุมท่าทางให้ดูสงบขึ้นได้ แต่พิรุธในแววตานั้นเจ้าสองก็ยังปิดไม่มิดอยู่ดี

     “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไป หิวไหม ถ้าหิวในครัวมีกับข้าวนะ” ผมทำทีปล่อยผ่านทั้งที่ในใจยังอดสงสัยไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมอยากจะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนของตัวน้องมันหรอกนะ แต่ผมเป็นห่วงว่าเจ้าสองจะเผลอไปทำเรื่องไม่ดีเข้าน่ะสิ

     แล้วในย่ามนั้นมีอะไรทำไมถึงได้ดูหวงขนาดนั้น

     “หิวครับ เดี๋ยวสองลงมากินนะ” เจ้าสองว่าพลางพยักหน้าตอบคำถามผม ไหนเมื่อครู่นี้บอกว่าเพิ่งไปกินข้าวกับเพื่อนมาไม่ใช่หรือ ทำไมถึงหิวเร็วนักล่ะปกติก็ไม่ใช่คนกินเก่งอะไรสักหน่อย แค่ลูกไม้ลวงตื้น ๆ ของผมเจ้าน้องตัวแสบก็โป๊ะแตกเอาง่าย ๆ เสียแล้ว มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ

     “สอง ๆ ที่ขอยืมปากกาหน่อยนะสิ พอดีพี่เพิ่งคุยธุระสำคัญกลัวลืมว่าจะจดไว้สักหน่อย” ผมว่าเพื่อรั้งเจ้าสองที่กำลังตั้งท่าจะเดินขึ้นบันได ก่อนที่ผมจะลุกเดินไปหาเจ้าน้องตัวแสบถึงที่

     “ปะแป๊บนึงนะ” เจ้าสองว่าพลางล้วงมือควานหาปากกาในประเป๋าย่ามและดูพยายามจะเอี้ยวตัวหลบสายตาผม ราวกับว่ากลัวผมจะเห็นของในย่ามอย่างนั้นแหละ มันน่าสงสัยจริง ๆ มันเรื่องอะไรกันนะที่จะทำให้เจ้าสองเป็นได้ถึงขนาดนี้

     “มาพี่ช่วยหา” ผมว่าพร้อมกับจับที่อีกมุมของย่ามหลังจากที่เจ้าสองทำท่าควานหาอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่เจอปากกาที่ผมขอยืมสักที

     “ไม่เป็นไรพี่หนึ่ง” เจ้าสองยื้อแย่งย่ามสุดหวงนั้นจากมือผมในทันที แต่สงสัยเจ้าสองจะผิดจังหวะไปสักหน่อย สายสะพายของย่ามก็เลยหลุดจากบ่าและย่ามเจ้ากรรมนั้นมันก็เกิดคว่ำหน้าลงเสียดื้อ ๆ กระเป๋าย่ามที่ไม่มีซิบปิดอะไร ๆ ที่อยู่ด้านในมันเลยหล่นร่วงออกมาหมด

     ลำพังหนังสือเรียนของเจ้าสองนั้นผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอก แต่ที่ผมสะดุดตานั้นคือกล่องบรรจุดีวีดีกล่องนั้นต่างหากและที่สำคัญหน้าปกของมันเป็นรูปป้องและฟรองค์ที่กำลังจูบปากกัน นี่มันหนังที่ป้องกับฟรองค์ถ่ายกันวันนั้นนี่ อย่าบอกนะว่านี่คือเรื่องที่เจ้าสองพยายามปิดบังผม

     เจ้าสองถึงกับแก้มแดงและรีบก้มลงเก็บของที่ตกพื้นกลับคืนใส่ย่ามในทันทีรวมไปถึงเจ้ากล่องดีวีดีกล่องนั้นด้วย เสร็จแล้วเจ้าน้องตัวแสบก็กอดย่ามเอาไว้แน่นและยืนก้มหน้าก้มตาอย่างกับไม่กล้าสู้หน้าผม เอาน่า ๆ เจ้าสองก็โตแล้วเรื่องแบบนี้ผมไม่ว่าอะไรหรอก

     “นี่แกชอบป้องจริง ๆ เหรอเนี่ย” ผมว่าอย่างติดตลก

     “ปะเปล่านะ เปล่าเลย ไม่ได้ชอบสักหน่อย ก็เห็นพี่ฟรองค์กับป้องเล่นนี่ คนรู้จักกันก็แค่อยากอุดหนุนผลงานเฉย ๆ” เจ้าสองรีบแก้ตัวอย่างพัลวัน ท่าทางแบบนั้นจะเชื่อดีไหมนะว่าไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ

     “อย่าบอกนะว่าที่กลับบ้านช้าเพราะไปหาซื้อไอ้นั่นอยู่ ร้านซีดีแถวบ้านเราก็น่าจะมีขายนะ”

     “ก็ถ้าซื้อใกล้บ้านก็กลัวเจอคนรู้จักแล้วเอามาฟ้องแม่นี่ เลยไปซื้อไกล ๆ พี่หนึ่งอย่าฟ้องแม่นะ” เจ้าสองตอบผมเสียงง๋อยหน้าจ๋อย ผมถึงกับส่ายหัวในความใสซื่อของเจ้าน้องตัวแสบ

     “คราวหลังถ้าไม่อยากให้ใครเห็น สั่งซื้อในเว็บก็ได้นะ” ผมบอกอีกวิธีที่เจ้าน้องตัวแสบจะสามารถเลือกซื้อหนังที่ถูกใจแบบไม่ต้องกลัวใครเห็น แต่ดูท่าผมคงจะทำให้เจ้าสองเขินอายยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก

     เจ้าสองในตอนนี้แทบจะไม่เหลือเคล้าของเจ้าสองที่เคยก้าวร้าวกับผมแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องนั้นมันก็ผ่านไปแล้วผมไม่รื้อฟื้นหรอก ผมเอื้อมมือไปจับหัวเจ้าน้องตัวแสบคอนไปมาอย่างนึกเอ็นดู ไม่คิดเลยว่าคนแบบเจ้าสองจะมีความขี้อายในเรื่องแบบนี้ ตรงกันข้ามกับอีตาคุณโชนที่รายนั้นชีวิตปกติดูเป็นคนที่ขี้อายเอามาก ๆ แต่กลับมีความช่ำชองเหลือเกินในการซื้อหนังโป๊

     แต่นึกแล้วผมก็แอบเซ็งเพราะวันมะรืนนี้ผมจะต้องเข้าไปคุยรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจคหนังเรื่องใหม่ที่ผมจะต้องแสดงหลังจากที่หยุดพักไปนาน รู้อย่างนี้แล้วหาเรื่องเจ็บตัวอีกดีไหมนี่เผื่อจะได้พักงานยาว ๆ

     ได้ยินว่าวันมะรืนนี้ป้องก็จะต้องเข้าไปคุยรายละเอียดหนังเรื่องใหม่เหมือนกัน เห็นว่าหนังที่แสดงคู่กับฟรองค์กระแสตอบรับค่อนข้างดี คุณรามเลยกะจะตีเหล็กตอนกำลังร้อน ๆ จัดผลงานใหม่ให้ป้องอย่างเร่งด่วน ซึ่งแน่นอนว่าคู่แสดงไม่ใช่ฟรองค์แม้ว่าทีแรกคุณรามจะพยายามติดต่อให้มาแสดงคู่กับป้องอีกครั้ง แต่เจ้าตัวเขายืนยันว่าจะไม่แสดงกับคนอื่นแล้ว ส่วนหนังเรื่องที่จะแสดงคู่กับผมนั้นฟรองค์ไม่ได้ปฏิเสธ

     ได้ยินพี่ ๆ ทีมงานเขาเปรย ๆ ว่าโปรเจคใหม่ของผมกับฟรองค์นั้นเกี่ยวกับเรียลลิตี้อะไรสักอย่าง ผมก็ไม่แน่ใจ แต่เอาเถอะมันก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากผลงานอื่น ๆ ที่ผมเคยแสดงมานักหรอก



☼​☼​☼​☼​☼​☼


[มีต่อรีพลายถัดไปครับ]
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [ครึ่งแรก] [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 20-09-2018 10:22:41
[ต่อ]




     “เฮ้ หวัดดีป้อง” ผมโบกมือทักทายป้อง ในตอนที่บังเอิญเดินสวนกันตรงล็อบบี้ของบริษัทคุณราม ผมเพิ่งมาถึงส่วนป้องน่าจะเพิ่งคุยงานเสร็จและกำลังจะกลับ

     “สวัสดีครับพี่หนึ่ง เอ่อ พี่ฟรองค์ สบายดีนะครับ” ป้องยิ้มแย้มยกมือไหว้ผมและฟรองค์ที่อยู่ด้านหลังผม แต่ดูเหมือนว่าป้องจะไม่ค่อยกล้ามองหน้าฟรองค์สักเท่าไหร่ ผมก็เข้าใจแหละตอนที่ผมเล่นหนังเรื่องแรก ๆ ผมก็รู้สึกเขินเวลาเจอพระเอกที่เพิ่งแสดงด้วยไปเหมือนกัน

     วันนี้ฟรองค์ไปรับผมที่บ้านซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเวลาที่เรามีงานด้วยกันเขาก็จะทำหน้าที่ไปรับไปส่งผมเสมอ

     “พี่สบายดีแล้วป้องล่ะ โอเคหรือเปล่า” ผมถามป้องเพราะความเป็นห่วง ก็หนังเรื่องแรกที่ป้องแสดงเพิ่งจะวางจำหน่ายไป ไม่รู้ว่าสภาพจิตใจของป้องตอนนี้จะเป็นอย่างไร จะปรับตัวได้หรือยังกับสายตาที่ถูกคนอื่นมองมา

     “ผมไม่เป็นไรครับ ก็ไม่ได้ต่างจากตอนคลิปหลุดเท่าไหร่” ป้องยิ้มแต่ดูเหมือนฝืนยิ้มเสียมากกว่า สีหน้าป้องเศร้าไปเมื่อพูดถึงเรื่องคลิป เอาเสียผมรู้สึกผิดเลยที่ถาม

     “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

     “พี่ด้วย ถือว่าพี่เป็นพี่ป้องอีกคนก็แล้วกันนะ” ฟรองค์ว่าสนับสนุนผม

     “เอ่อ ครับ ขอบคุณครับ” ป้องหันมองฟรองค์ได้เพียงครู่เดียวก็ต้องรีบหลบสายตา แก้มเนียน ๆ ของเด็กนั่นเริ่มแดงระเรื่อ ผมละอดนึกขำไม่ได้ในท่าทางแบบนั้นของป้อง เพราะมันทำให้ผมนึกถึงอีตาคุณโชนขึ้นมาทันที อีกสักพักป้องก็คงจะเริ่มปรับตัวได้และชินไปเอง อาการแบบนี้ผมผ่านมาหมดแล้ว

     “หวัดดีหนึ่ง หวัดดีฟรองค์” ผมหันมองตามเสียงทักทายจากใครบางคน ที่กำลังเดินมาจากทางด้านหลังป้อง

     เมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นแล้วผมถึงกับเผลอเหลือบตาขึ้นมองด้านบน นายคนนั้นชื่อเอ็มเป็นพระเอกอีกคนหนึ่งในสังกัดเดียวกับผม

     หากจะบอกว่าฟรองค์เป็นพระเอกที่ทีมงานและเพื่อนนักแสดงรักเพราะฟรองค์นิสัยดีและให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่นายคนที่กำลังเดินมานั้นก็คงเรียกได้ตรงกันข้ามกับฟรองค์ทุกอย่างเพราะนายนั่นเป็นพระเอกที่เพื่อนนักแสดงและทีมงานสุดแสนจะเอือมระอาในนิสัย นายนั่นทั้งชอบเล่นนอกบท ชอบทำตัวลุ่มล่ามกับนายเอกคนอื่นนอกเวลางาน ซ้ำยังชอบทำตัวเรื่องเยอะกับทีมงาน คุณรามก็ได้แค่บ่นปาว ๆ เป็นลมที่ทวนหูนายนั่นไปอย่างนั้น เพราะสุดท้ายคุณรามก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ เพราะนายเอ็มยังเป็นตัวทำเงินให้กับค่ายอย่างงาม คุณรามก็เลยยังเลี้ยงเอาไว้

     จริง ๆ แล้วคนที่เข้ามาทำงานในวงการนี้ อาจไม่ได้เป็นคนที่กำลังเดือดร้อนทางด้านการเงินเหมือนผมกับป้องไปเสียทุกคนหรอกนะ อย่างฟรองค์เองก่อนหน้าที่จะเข้าวงการเขาก็มีงานประจำที่ค่อนข้างมั่นคงทำอยู่แล้ว แต่คนรักอิสระแบบฟรองค์คงจะไม่ชอบการนั่งทำงานในออฟฟิศวันละชั่วโมง การมาเป็นพระเอกหนังผู้ใหญ่นี้นอกจากจะได้เงินดีกว่าที่ทำงานเก่าแล้ว ฟรองค์ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำในทุกสิ่งที่อยากทำ อย่างเช่นการทำขนมที่เจ้าตัวชอบ เพราะฟรองค์ก็ไม่ได้มองว่าการเล่นหนังแบบนี้เป็นเรื่องเสียหายอะไร ฟรองค์เองยังเคยยอมรับกับผมเลยว่าช่วงแรก ๆ นั้นเขารู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากกับการได้มีอะไรกับนายเอกหน้าตาน่ารักแบบไม่ซ้ำหน้าก่อนจะมาเจอผม

     และนายเอ็มนั่นก็เป็นอีกคนที่เข้าวงการนี้เพราะใจรักล้วน ๆ

     “หนึ่งกลับมารับงานได้แล้วเหรอ คิดถึงจัง” นายเอ็มไม่ว่าเปล่าเดินมาถึงนายนั่นก็ถือวิสาสะโอบไหล่ป้องในทันที คนโดนโอบนั้นแสดงอาการอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด

     “อยากถ่ายหนังกับหนึ่งอีกจัง เราไม่ได้เอากันมาเป็นปีแล้วนะ คิดถึงบั้นท้ายอวบ ๆ ขาวเนียนของหนึ่งมากเลย เอาตูดใครก็ไม่ฟินเท่าเอาตูดหนึ่ง เอ็มยังจินตาการถึงหนึ่งตอนช่วยตัวเองบ่อย ๆ แค่นึกภาพของเอ็มก็แข็งแล้ว”

     “นี่ไอ้เอ็ม แกพูดกับหนึ่งให้มันดี ๆ หน่อยนะ” ฟรองค์ว่าขึ้นเพื่อปกป้องผม หลังจากที่นายเอ็มมันพูดจาทุเรศทุรังและมองผมด้วยสีหน้าที่โคตรหื่น

     “อะไรวะฟรองค์ แกจะหวงอะไรนักหนา นายเอกตัวท็อปของค่ายแกกะจะครองคนเดียวเลยหรือไง แบ่งมาให้คนอื่นเอาบ้างสิวะ” นายเอ็มว่าตอบกลับฟรองค์อย่างหน้าตาเฉย

     “ไอ้เอ็ม!”

     “ไม่เอาฟรองค์อย่ามีเรื่องกันเลย” ผมยกแขนขึ้นกันฟรองค์ที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่นายเอ็มเพราะไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกัน ถึงผมจะไม่ชอบสิ่งที่นายเอ็มมันพูดแต่ผมก็ชินเสียแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่ผมเข้าวงการผมก็ถูกพูดถึงในทำนองนั้นบนโลกออนไลน์มานับครั้งไม่ถ้วน ผมชินชาเกินกว่าจะมาหัวร้อนกับคำพูดนายเอ็มแล้ว

     “ดุจริงโว้ย ถ้าแกหวงหนึ่งนักฉันไม่ยุ่งกับหนึ่งก็ได้ ฉันกินเดนแกคนนี้ดีกว่า” นายเอ็มว่าพร้อมกับหันไปใช้ปลายจมูกซุกไซร้แถว ๆ ต้นคอป้องที่นายนั่นยังโอบไว้ในอ้อมแขน เด็กป้องพยายามขยับตัวหนีและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะหันมองมาทางผมและฟรองค์เพื่อส่งสายตาเหมือนขอความช่วยเหลือ

     “ป้องมานี่” ฟรองค์เข้าไปดึงตัวป้องออกจากนายเอ็ม นายนั่นทำหน้าเสียอารมณ์คงจะไม่พอใจในสิ่งที่ฟรองค์ทำสักเท่าไหร่ ผมเขยิบเอาตัวมาบังป้องเอาไว้ไม่ให้นายเอ็มเข้ามายุ่งได้อีก

     “นี่ไม่ใช่เวลางาน แกไม่มีสิทธิ์มาทำลุ่มล่ามกับนักแสดงคนอื่นที่เขาไม่ได้เต็มใจ” ฟรองค์ว่าพร้อมชี้หน้านายเอ็ม

     “แกจะหวงก้างฉันทุกคนเลยหรือไงวะไอ้ฟรองค์ มันก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ยังไงอาทิตย์หน้าฉันก็ได้ถ่ายหนังกับเด็กนั่นอยู่ดี”

     “งานก็ส่วนงานแต่นี่ไม่ใช่เวลางาน แกจะไปไหนก็ไปเลยนะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วซัดหน้าแก” ฟรองค์ในมาดขึงขังเวลาที่ปกป้องคนที่อ่อนแอกว่านั้นเขาช่างดูเท่เอามาก ๆ

     นายเอ็มจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันมองหน้าฟรองค์อย่างคาดโทษแล้วเดินจากไป ดูจากแววตานายนั่นคงจะกำลังนึกในใจว่าฝากไว้ก่อน แต่ฝากแล้วจะกล้ามาเอาหรือเปล่า คนอย่างนายนั่นไม่น่าจะกล้ามีเรื่องกับฟรองค์หรอก จริง ๆ ต้องบอกว่านายนั่นคงไม่กล้ามีเรื่องกับใครทั้งนั้นแหละ วัน ๆ ก็ดีแต่ทำตัวกร่างเอาเปรียบคนที่ดูอ่อนแอกว่าเท่านั้นแหละ

     “จำไว้นะป้อง นอกเวลางานถ้าไม่โอเคก็อย่าไปยอมให้มันทำแบบนั้นอีก” ฟรองค์หันมาพูดกับป้องหลังจากที่นายเอ็มเดินออกไปแล้ว

     “เอ่อ ครับ ขอบคุณนะครับ” ป้องเงยหน้าขึ้นมองฟรองค์อย่างดูไม่ค่อยกล้าสักเท่าไหร่ ความประหม่าของเด็กนั่นแสดงออกชัดทางสองตา

     “ถ้าเรายิ่งทำเหมือนเราอ่อนแอมันจะยิ่งได้ใจ ไม่ต้องกลัวมันหรอกนายนั่นน่ะตัวใหญ่แต่ขี้ขลาด” ผมว่าสนับสนุนคำของฟรองค์

     แต่นึกถึงคำที่นายเอ็มพูดนั้น อาทิตย์หน้านี้ป้องจะต้องถ่ายหนังกับนายนั่นอย่างนั้นหรือ คิดแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งวันนี้เพิ่งจะมีปัญหากันไม่รู้ว่าวันถ่ายนายนั่นจะทำอะไรกับป้องบ้าง แน่นอนว่าป้องคงจะไม่รู้ถึงนิสัยส่วนตัวของนายนั่นถึงได้ตบปากรับงานไป และคุณรามก็คงไม่ได้บอกอะไรเพราะผลประโยชน์ของตัวเองสำคัญที่สุดสำหรับคน ๆ นั้น



☼​☼​☼​☼​☼​☼



     “รายละเอียดของงานกับตามที่สรุปไว้ในเอกสารนั่นแหละพวกคุณโอเคหรือเปล่า” คุณรามถามย้ำถึงเรื่องงานพลางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์หลังจากที่ยื่นเอกสารรายละเอียดต่าง ๆ ร่วมไปถึงสัญญาการทำงานให้ผมและฟรองค์อ่านได้ครู่ใหญ่ ๆ

     ครั้งนี้คุณรามจับให้ผมและฟรองค์ต้องเซ็นสัญญาเพื่อรับงานด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกแล้วฟรองค์จะเบี้ยวงานเหมือนคราวก่อนหากตกลงกันแค่ปากเปล่า จากที่ผมได้อ่านรายละเอียดคร่าว ๆ ก็ประมาณว่า ผมกับฟรองค์จะต้องไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศบนเกาะของคุณรามเป็นเวลาเจ็ดวันกับกล้องวีดีโอหนึ่งตัว พวกเราต้องตั้งกล้องถ่ายกันเองทั้งเรื่องราวในชีวิตประจำวันรวมไปถึงตอนที่มีอะไรกันซึ่งผมก็แอบตกใจกับจำนวนครั้งที่ระบุในสัญญา ให้ไปทะเลทั้งทีกะจะไม่ให้พักผ่อนสบาย ๆ กันเลยหรือไง

     แต่เอาเถอะก็ผมห่างหายจากการรับงานไปเป็นเดือน ๆ ในเว็บของบริษัทก็มีแฟน ๆ ถามถึงและรอคอยผลงานของผมกันมากมาย ถือเสียว่าตอบแทนแฟนคลับที่สนับสนุนผลงานของผมมาโดยตลอดก็แล้วกัน และอีกอย่างคนที่ไปด้วยกันคือฟรองค์นั่นก็ยิ่งไม่มีอะไรน่าหนักใจ

     “หนึ่งโอเคหรือเปล่า” ฟรองค์หันมาถามผม

     “เราโอเคแล้วฟรองค์ล่ะ”

     ฟรองค์ยิ้มพยักหน้าตอบผมก่อนจะจรดปลายปากเซ็นรับงานในสัญญา ผมก็เซ็นตามไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ผมเพิ่งมานึกได้หลังจากที่เซ็นสัญญาไปแล้ว ว่าคนที่ผมกำลังคบแบบไม่มีสถานะอยู่นั้นเขาจะโอเคหรือเปล่านะ ถึงเราจะคุยกันเข้าใจแล้วว่าเขาเข้าใจและจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของผม แต่ถึงกระนั้นผมก็อดเป็นห่วงความรู้สึกเขาไม่ได้อยู่ดี
แต่มันก็คืองานนี่นะ เขาก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอก




     TBC
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [ครึ่งแรก] [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2018 11:00:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

นึกว่าเจ้าสองจะซื้อแบบชายหญิง  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [ครึ่งแรก] [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2018 11:01:25
มันไม่ใช่ถ่ายจบแล้วจบเลยนะหนึ่ง..........  :z3: :z3:
นี่มันถ่ายแบบตามติดชีวิตจริงเลยนะ.... OMG  o22 o22 o22
อย่างนี้ต้องมีแฟนคลับตามติดชีวิตหนึ่งมากขึ้น
มีตัวแถมพวกโรคจิตสโตกเกอร์ด้วยน่ะสิ  :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [ครึ่งแรก] [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-09-2018 14:25:42
น้องสองชอบป้องหรอ

ชอบก็จีบเลย รอไร
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [ครึ่งแรก] [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-09-2018 00:12:25
รอๆ
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [ครึ่งแรก] [20-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด ที่ 26-09-2018 14:24:36
อัพเดทเนื้อหาแล้วครับผม

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65228.msg3889522#msg3889522
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Full] [26-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 26-09-2018 14:32:02
 o13
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 27-09-2018 14:36:23
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-09-2018 23:13:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 18-01-2019 23:55:51
หายนานจัง
หัวข้อ: Re: รักของนายเอกหนังโป๊ [20+] >>> ตอนที่ 10 ผลงานใหม่ [Part 2] [26-Sep-18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-10-2019 23:48:24
 :call: :call: :call: