12
“ไม่ลืมใครลืมของอะไรกันนะ”
เสียงพี่ขิมหัวหน้าชมรมอาสาถามก่อนจะขึ้นรถ
วันนี้เป็นวันที่ต้องไปทำค่าย ผมได้ยินพี่ขิมถามเลยนึกทวนอีกทีว่าตัวเองลืมอะไรไหม ถ้าเป็นสิ่งของ ไม่ลืมเอาครบหมดแล้วจะลืมก็แต่คนนี่แหละ
ไอ้กรเพื่อนรักผมยังไม่มาเลย
“พี่พร้อมพี่กรทำไมยังไม่มาอะ” กั้งน้องรหัสผมที่ยืนอยู่ด้วยกันถามขึ้น
“นั่นสิปกติมันมาเช้าจะตาย เดี๋ยวโทรหามันก่อน”
คิดได้อย่างนั้นเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกดโทรตามมัน แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆดังเข้ามาใกล้ๆ
ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นไอ้กรกับไอ้เด็กหัวสกินเฮดวิ่งมาหยุดยืนหอบก่อนจะรีบส่งของให้พี่คนขับรถเอาไปเก็บใต้ท้องรถ
เดี๋ยวนะ
ไอ้เด็กข้างๆเพื่อนรักผมมันมาทำไม
“สวัสดีครับ” ผมเดินไปหาสองคนนั้นไกลๆ ภาพตะวันเห็นเลยโบกมือทักพร้อมยิ้มกว้าง
“นี่อย่าบอกนะว่าจะไปพาไปด้วย” ผมไม่สนใจเด็กหัวเกรียนแต่หันไปถามเพื่อนที่ยืนเช็ดเหงื่ออยู่
“เออ”
“บอกพี่ขิมแล้วหรอ”
“ผมบอกแล้วครับ พี่เขาให้ไปแล้วผมก็จ่ายเท่าพวกพี่ด้วย” ภาพตะวันรีบบอก
“ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
อย่างน้อยถ้ารู้ว่ามันจะไปจะได้ขัดขวาง เดี๋ยวถ้าได้ไปด้วยกันแบบนี้มีหวังผมทำงานไม่เป็นสุขแน่ นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะแต่รู้สึกได้ว่าไอ้เด็กหัวเกรียนมันไม่ได้มาเพื่อน้ำใจอาสาจริงๆแต่มันมาเพื่อกวนผมนี่แหละ
“ถ้าบอก มึงก็ไม่ให้มันมาดิวะ”
“แล้วมาทำไม ไม่มีเรียนหรอ”
“โรงเรียนผมหยุดพอดี แล้วนี่ใครหรอครับ” พูดพร้อมแถมรอยยิ้มให้แต่ถ้าท้ายประโยคก็หุบยิ้มแล้วถามเสียงเรียบพร้อมจ้องน้องรหัสผมเขม็ง
“กูชื่อกั้ง” ไอ้กั้งแนะนำตัวเอง
“สวัสดีครับผมชื่อภาพตะวัน กำลังจีบพี่พร้อมอยู่”
ผมนี่อยากตบหน้าผากตัวเองไอ้เด็กหัวเกรียนมันพูดออกตัวแรงเกินไปแล้ว
ผมเลยขมวดคิ้วทำสายตาไม่พอใจออกมาแต่ไอ้เด็กหัวเกรียนก็ไม่สนใจ
“ฮ่าๆ ออกตัวแรงโคตรไอ้น้อง นี่พี่รหัสกูเผื่อมึงไม่รู้”
“พี่รหัสแล้วยังไง ถ้ามีความรู้สึกมันห้ามกันได้ที่ไหน”
“เชี่ย พี่พร้อมไปเจอมันที่ไหนเนี่ยวลีโคตรเด็ด”
ผมถอนหายใจแล้วส่ายหน้า แม่งทำหน้าทำตาบ่งบอกว่าไม่ชอบใจที่มันพูดแค่ไหนแต่ไอ้เด็กหัวสกินเฮดก็ไม่คิดจะสนใจ
“เออ ไอ้ภาพมึงก็จะหวงไอ้พร้อมเกินไปแล้ว” ไอ้กรพูดขึ้น
หวงอะไรกันวะไม่ต้องมาหวงไม่ได้เป็นอะไรกัน
“ไม่รู้ผมไม่ชอบ” พูดเสียงแข็งใส่อีกต่างหาก
“เชี่ยพร้อม ถ้ามึงตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อไหร่เตรียมตัวได้เลย”
“พูดอะไรกันวะ ไปขึ้นรถได้แล้วพี่ขิมเดินมาตามแล้วนั่น” ในที่สุดผมก็ยุติเรื่องไร้สาระนี่ได้
“อ้าว น้องภาพมาแล้วหรอพี่นึกว่าจะไม่มาซะอีก”
พี่ขิมเดินลงมาจากรถหลังจากที่น่าจะขึ้นเช็คความเรียบร้อยบนรถเสร็จ
“พอดีรถพี่กรเสียกลางทางเลยเสียเวลาน่ะครับ”
“กรนี่มันตัวซวยจริงๆเลยเนอะ ไปเถอะใกล้เวลารถจะออกแล้ว”
“อ้าวพี่ขิม ทำไมว่าผมแบบนี้อ่ะ ผมน้องพี่นะ” ไอ้กรทำเสียงงอนๆ
“ไม่ต้องมาทำเสียงงอน ไม่ง้อมึงหรอก ไปๆเด็กๆขึ้นรถกันดีกว่า”
พี่ขิมว่าแล้วเดินมาดันหลังผม ไอ้เด็กหัวเกรียนและกั้งให้ขึ้นรถโดยไม่สนใจคู่กรณีเมื่อกี้ หันกลับมาดูไอ้กรเห็นมันยืนขยี้หัวตัวเองแล้วบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะก้าวขึ้นรถตามมา
ทุกครั้งเวลาไปทำค่ายผมต้องนั่งกับเพื่อนสนิทแต่กลายเป็นว่าครั้งนี้ผมต้องนั่งกับไอ้เด็กหัวเกรียนส่วนไอ้กรมันไปนั่งกับไอ้กั้ง
“กินไหมครับ” ไอ้เด็กข้างๆยื่นเบนโตะมาให้
ผมมองแล้วส่ายหัวเพราะไม่ชอบกินมันเผ็ด
“ทำไมอะ”
“เผ็ด”
“พี่ไม่กินเผ็ดหรอ”
“กินแต่ไม่ชอบ” จะอธิบายยังไงดี กินเผ็ดได้แต่ว่านี้มันเผ็ดเกินไปแถมเหม็นด้วยผมไม่ค่อยชอบ
“อ่า งั้นกินทาโร่ไหม” พูดพร้อมฉีกซองแล้วยื่นมาให้
“ไม่กิน”
พอได้ยินว่าผมปฏิเสธไอ้เด็กข้างๆก็เก็บทาโร่ใส่ถุงก่อนจะยื่นสิ่งใหม่มาให้แทน
“ลูกอมก็ได้ กินเถอะนะ” พูดยื่นลูกอมโอเล่กลิ่นสตอเบอร์รี่มาให้พร้อมสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์
ผมละไม่อยากได้ยินคำขอร้อง คำอ้อนวอนจากเด็กนี่จริงๆ มันเหมือนผมทำผิดทั้งๆที่ไม่ผิดจนต้องยอมให้ทุกครั้งและอ่อนให้ทุกที
“ขอบใจ” ผมถอนหายใจแล้วหยิบลูกอมบนฝ่ามือของภาพตะวันมา
แต่ยังไม่แกะกิน
พอเห็นผมหยิบลูกอมไปเด็กหัวเกรียนมันก็ยิ้มจนเห็นลักยิ้ม
ผมเห็นแล้วเลยหลบสายตาไม่มอง
ยอมรับเลยว่าเวลามันยิ้มนี่หล่อชิบหายแล้วไอ้ลักยิ้มนั่นของมันโคตรมีเสน่ห์
ผมหลบสายแล้วแล้วหลุบมองลูกอมในมือพลิกไปอ่านด้านหลังว่ามีข้อความอะไรเขียนไว้ไหมเพราะยี่ห้อนี้เห็นในโฆษณามันมีเขียนข้อความเสี่ยวๆไว้ด้านหลัง
...คนสวยพี่จีบได้ไหม...
อ่านแล้วผมต้องเงยขึ้นไปมองวิวด้านนอกรถทันที ผมร้อนๆที่หน้ายังไงไม่รู้ทั้งๆที่มันเป็นข้อความเพ้อไปเรื่อยและหางตาเมื่อกี้ผมเห็นไอ้เด็กหัวเกรียนมันอมยิ้มด้วย
ข้อความแม่งเสี่ยวสัส
“เฮ้ยๆ ไอ้สองคนข้างหลังน่ะ ทำอะไรเกรงใจกันบ้างนะเว้ย” เสียงไอ้กรดังขึ้นพร้อมกับชี้มาที่เก้าที่ผมนั่งทำให้คนบนรถหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว
ไอ้เพื่อนเวร
“กูเห็นนะ ว่าหยอกกันเกรงใจคนโสดบ้าง” มันยังไม่หยุดพูด
“นี่ไอ้น้อง ทำอะไรก็แอบๆหน่อยเดี๋ยวคนแก่จะความดันขึ้น” ผมมั่นใจว่าไอ้กั้งพูดขึ้นมาน่าจะหลอกด่าไอ้กรอยู่
ผลัวะ
ไอ้กรตบตัวน้องรหัสผมไปหนึ่งที
“ไอ้น้องเวร กูพี่มึงจำไว้”
“พี่กรแม่งใจร้ายวะ ทำร้ายเยาวชน” กั้งพูดแล้วเอามือขึ้นลูบหัวตัวเอง
“ไอ้กร เสียงดังทำไมไร้สาระนะมึง” พี่ขิมที่นั่งอยู่เบาะข้างหน้าพูดแล้วเอื้อมมาโบกหัวเพื่อนรักผมไปหนึ่งที ไอ้กรร้องโอยก่อนจะเอามือลูบหัวตัวเอง
“พี่ไม่อิจฉาหรอ ไอ้พร้อมแม่งพาเด็กมาเที่ยวด้วย”
“ไม่ ถ้ามึงอิจฉาก็หาเมียสิจะไม่ได้ต้องมาโวยวายลำบากหูคนอื่นแบบนี้”
ดีมากครับพี่ขิม ผมทีมพี่ด่ามันเข้าไปไอ้เพื่อนไม่น่าครบ
“ทำไมพี่ขิมพูดจาทำร้ายผมแบบนี้อ่ะ” ไอ้กรมุ้ยหน้าแล้วหันหน้ากลับไปนั่งเหมือนเดิม แต่ก็ไม่วายพี่ขิมไอ้โบกหัวเพื่อนผมไปอีกหนึ่งรอบแล้วพูดขึ้นมาก่อนจะหันหน้ากลับไปนั่งตามเดิม
“อย่ามางอแงโตเป็นควาย”
ผมนี่กั้นหัวเราะตัวสั่นเลย ไอ้กรกับพี่ขิมนี่แม่งเหมือนแม่กับลูกอะ
พี่ขิมเรียนรัฐศาสตร์ที่จริงๆต้องเรียบร้อยอ่อนหวานหรูไฮโซ แต่เปล่าเลยแม่งโคตรสายลุยทำเองหมดทุกอย่างพูดกูมึงจนเขาคิดว่าพี่ขิมเป็นทอมกัน แต่พี่แกมีแฟนเป็นผู้ชาย
วันแรกที่เข้าชมรมไอ้กรแม่งเด็ดจนพี่ขิมจำขึ้นใจและชอบว่าให้มันเสมอแต่ถึงอย่างนั้นพี่ขิมก็ไม่ถือสา คิดซะว่าเวลาคุยกับไอ้กรก็เหมือนลับคมคำพูดไปขำๆ แต่เพื่อนผมมันชอบน้อยใจหาว่าพี่ขิมลำเอียงไม่รักมัน
รถออกจากมหาลัยตั้งแต่หกโมงเช้ากว่าจะเข้าตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็เกือบบ่ายสามแถมยังต้องเปลี่ยนรถขึ้นดอยจากรถบัสเป็นสองแถวทำให้เสียเวลาไปพอสมควรกว่าขึ้นถึงบนดอยก็เกือบหกโมงเย็น
พอถึงที่พักพี่ขิมก็จัดแจงแย่งฝั่งนอนออกเป็นชายหญิงในในโรงประชุมโรงเรียน ซึ่งต้องนอนรวมที่นี่ด้วยกันทุกคน
เพื่อนรักกับน้องรหัสผมนอนข้างกันส่วนผมกำลังจะวางกระเป๋าลงข้างไอ้กรแต่ดันมีเด็กหัวเกรียนหนึ่งอัตราเดินมาคั่นกลางระหว่างผมกับกรแถมยังทำหน้าวอนบาทายักคิ้วให้หนึ่งทีแล้ววางกระเป๋ามันลงแทนที่
“จะนอนตรงนี้” ผมพูดขึ้น
“ไม่เอา ผมจะนอนนี่”
“ภาพตะวัน!”
“พี่กรครับ พี่พร้อมเสียงดังใส่ผม” ไอ้เด็กแผนสูงหันไปโวยวายกับเพื่อนรักผม
นี่สนิทกันถึงขั้นเรียกให้ช่วยได้เลยหรอวะ
“มึงจะเรื่องมากทำไมวะ นอนๆไปเถอะ” ไอ้กรตะโกนกลับมาในขณะที่ช่วยคนอื่นยกของไปด้วย
แล้วสรุปมันไม่ใช่เพื่อนผมแล้วใช่ไหม ถึงไม่เข้าข้างกัน
น้อยใจเว้ย
ผมเองก็ไม่อยากเถียงทำฮึดฮัดอยู่ในใจแล้วย้ายกระเป๋าตัวเองมาไว้อีกฝั่งที่ชิดติดกำแพงอีกฝั่งหรือง่ายๆ ผมนอนในสุดต่อด้วยไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ไอ้กรและกั้งน้องรหัสผม
เซ็งโว้ยยยยย อย่าให้รู้นะว่าไอ้เด็กนี่ไปเซ่นอะไรเพื่อนผมไว้
ไม่อย่างนั้นพ่อจะจับโกนหัวให้โล้นเลย
หลังจากได้ที่นอนเก็บของและขนของที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้เสร็จก็พากันกินข้าวเย็นกันโดยชาวบ้านบนดอยทำอาหารเลี้ยงต้อนรับ เป็นอาหารพื้นบ้านที่ผมกินแล้วนึกถึงที่บ้านเลยอร่อยมากๆ โดยเฉพาะแกงเลียงรสชาติเหมือนแม่ทำจนต้องนั่งซดน้ำแกงอยู่เป็นคนสุดท้าย คนอื่นกินอิ่มกันหมดแล้วแต่ก็นั่นแหละถึงคนอื่นจะลุกหนีกันไปก็ยังเหลือไอ้เด็กหัวเกรียนนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนผมกินเสร็จและพี่ขิมก็เรียกทุกคนมาประชุมเรื่องกิจกรรมวันพรุ่งนี้ แบ่งฝ่ายรับผิดชอบว่าต้องทำอะไรบ้าง
“พี่พร้อมอาบน้ำเลยไหม” ภาพตะวันถามผมหลังจากที่ประชุมเสร็จและกลับมาถึงหอประชุมแล้ว
“ยัง เดี๋ยวโทรหาที่บ้านก่อน”
“งั้นเดี๋ยวผมไปอาบก่อน”
ไม่ได้อยากรู้เลยไปไหนก็ไปเถอะ
พูดจบเด็กหัวเกรียนก็เดินไปลื้อกระเป๋าตัวเองหยิบเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินออกไป
ส่วนผมก็เดินแยกออกมาแล้วโทรหาที่บ้าน
(ว่าไงลูกชาย)
“ทำอะไรอยู่ครับ”
(ตรวจการบ้านเด็ก นี่เราทำอะไรอยู่ทำไมเสียงดังจัง)
“พึ่งกินข้าวอิ่มเลยโทรหาน่ะครับ ระหว่างรออาบน้ำ”
(เราอยู่ไหน)
“บนดอยแล้วครับ ย่าละ”
(ไปดูงานที่ญี่ปุ่นจ้ะ แล้วนี่ขาดเหลืออะไรไหมลูก เอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า)
“ไม่แล้วครับ ได้ของครบหมดแล้ว”
เรื่องที่ขอให้ทางบ้านเป็นสปอนเซอร์ให้ ที่บ้านตอบตกลงและผมทำสนธิสัญญากับที่บ้านว่าไม่ต้องมาบนดอยเพราะกลัวลำบากและคนในชมรมจะไม่เป็นอันทำงานเพราะมีผู้ใหญ่มาดูด้วยพอดีกับที่แม่และย่ายุ่งจนไม่สามารถมาดูการทำกิจกรรมได้เลยโชคดีที่ท่านทั้งสองไม่ได้มาดูการทำกิจกรรมด้วย
(จ้ะ แล้วถึงกี่โมงละ)
“หกโมงครับ”
(กลับบ้านหรือเปล่า แม่จะได้ให้คนไปรับและจะได้ทำกับข้าวไว้รอ)
พูดถึงเรื่องกลับบ้านก็ลืมไปเลย ว่าจะกลับแถมไอ้กรก็อยากไปเที่ยวแต่ว่าไอ้กรมันมีกุมารหัวเกรียนติดมาด้วยนี่สิ
“เดี๋ยวผมบอกแม่อีกทีนะครับ”
“พี่พร้อมอาบน้ำได้แล้วครับ” เสียงของเด็กหัวเกรียนแทรกเข้ามาทำให้ผมหันกลับไปและชี้ที่โทรศัพท์ตัวเองว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เหมือนเด็กนั่นจะไม่เห็นว่าผมไม่ว่างเลยยกมือขึ้นขอโทษ ผมเลยหันกลับมาสนใจคนในสายต่อ
(เอะ มีคนดูแลดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ยเรียกไปอาบน้ำด้วย ใครหรอจ้ะ)
แม่ผมนี่ก็หูดีจริงๆเลย
“น้องที่ค่ายแหละครับ ผมต่อห้องอาบน้ำมัน”
(โอเคๆ งั้นเราไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะแม่จะตรวจการบ้านต่อแล้ว)
“งั้นฝันดีนะครับ”
(ฝันดีเหมือนกันจ้ะ)
บอกฝันดีกันเสร็จผมก็กดวางสายแล้วไปหาเสื้อผ้ากับอุปกรณ์อาบน้ำในกระเป๋าเพื่อไปอาบน้ำ
นั่งรถทั้งวันก็ทำเอาเหม็นได้เหมือนกันแหะ
ระหว่างผมกำลังหาของในกระเป๋าอยู่ภาพตะวันที่นั่งอยู่ข้างๆเช็ดหัวไปด้วยและจ้องหน้าผมไปด้วยเหมือนอยากจะพูดอะไร
ผมเลยเลิกคิ้วถาม เด็กตรงหน้ายกยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
“พี่กรบอกว่าพี่พร้อมจะกลับบ้านหลังค่ายเสร็จ”
ไอ้กรอีกแล้ว สงสัยเหลือเกินว่ามันสองคนเป็นพี่น้องที่ผลัดพรากแล้วพึ่งหากันเจอหรือเปล่าทำไมสนิทกันจังวะ
“ตั้งใจไว้อย่านั้น”
“ไปด้วยได้เปล่าครับผมอยากไปเที่ยว นี่เตรียมกล้องมาด้วยนะ” ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปหยิบกล้องในกระเป๋าออกมาโชว์
ว่าละมันแปลกๆตั้งแต่ถามละว่ากลับบ้านไหม
เอาเถอะ ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว
“อืม ได้”
“โห น่ารักที่สุด”
แชะ
ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงชัตเตอร์ที่ได้ยินทันที
ไอ้เด็กตรงหน้ามันถ่ายรูปผมแล้วหัวเราะชอบใจ
“เอามาดู” ผมพูดแล้วแบมือขอ
ไม่ได้ๆ ถึงผมจะหล่อแค่ไหนแต่ถ่ายออกมาแล้วหน้าเหวอก็แย่พอดีสิ
“พี่น่ารักที่สุดไม่ต้องดูหรอกครับ”
“เขาเรียกหล่อไม่ได้น่ารัก ประสาท” ผมชักมือกลับแล้วมุ้ยหน้า
มันนี่ก็ขยันชมผมว่าน่ารักอยู่นั่นแหละทั้งๆที่หล่อจะตาย
“ไม่งอนนะครับ พี่น่ารักจริงๆ” พูดแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มอีกแล้ว
“เหอะ โน่นไปอยู่กับพี่ชายที่ผลัดพลาดกันของนายโน่น” ผมพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังของเด็กหัวเกรียน เป็นไอ้กรเดินมากับไอ้กั้งพอดี
“แหม่ นั่นพี่ชายแต่พี่เป็นว่าที่แฟนผมก็ต้องอยู่กับว่าที่แฟนสิครับอย่าไล่กันเลย”
ไอ้เด็กนี่มันพูดได้ไม่อายจริงๆอะ ผมไม่อยู่ตรงนี้แล้วเพราะแก้มมันร้อนขึ้นมาอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือว่ามันร้อนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำกันแน่
หัวเกรียนป่วนพี่พร้อมมาแล้ววววว
ติดเรียนหนักมาก ขอบคุณที่ติดตามคร้าาา