-interested me please - พี่ครับอย่าใจร้าย...(ตอนพิเศษ P.2 ) --- 17/3/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -interested me please - พี่ครับอย่าใจร้าย...(ตอนพิเศษ P.2 ) --- 17/3/2561  (อ่าน 17834 ครั้ง)

ออฟไลน์ shilyf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
19



หลังจากที่ไมได้สอนพิเศษนาน วันนี้เลยนัดสอนไอซ์เป็นวันสุดท้ายเพราะอีกไม่กี่วันก็จะสอบปิดเทอมแล้ว

ส่วนเด็กอีกคนรายนั้นบอกว่าไม่ต้องสอนแล้วเพราะเลือกได้แล้วว่าจะเรียนอะไร ผมก็เลยตามใจแต่แทนที่จะไม่เรียนพิเศษแล้วจะกลับบ้านหรือหาเวลาว่างทำอะไรก็ได้กลับมานั่งจ้องหน้าผมขณะกำลังสอนไอซ์

“จะจ้องอีกนานไหม”

“นานครับ”

เอากับมันสิ ไม่มีหรอกที่จะปฏิเสธ

“คบกันแล้วหรอครับ” อันนี้ไอซ์ถาม

ได้ยินแบบนั้นผมชะงักและสบตากับภาพตะวันโดยอัตโนมัติ

“ไม่ / กำลัง” คำแรกผม คำที่สองไอ้เด็กหัวเกรียน

ผมรู้ตอนนี้ตัวเองกำลังแก้มแดงที่เจอคำถามของไอซ์

เหตุการณ์หลายๆอย่างทุกสถานการณ์ทุกเวลาที่อยู่กับภาพตะวันผมยอมรับว่ามีความสุขและเด็กนี่ก็ไม่เคยทำให้ผมทุกข์ร้อนใจเลยผมบอกอะไรก็ฟังไปซะหมดหรือเวลาที่โดนหยอดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ยิ้มและเขิน

ผมเลิกสับสนนานแล้วละและตัดสินใจได้ง่ายๆแล้วว่า

ผมเองก็ชอบเด็กหัวเกรียนนี่เหมือนกัน มันอาจจะง่ายแต่อยู่ด้วยแล้วใจสั่นทุกทีควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้วตั้งแต่เปิดใจ อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครมาก่อนเพราะงั้นถ้าหลังจากนี้ผลสุดท้ายมันจะจบสวยหรือไม่ก็ถือเป็นเรื่องราวและความทรงจำตลอดไปแล้วกัน

“ยังไงๆ”

“ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“แต่เดี๋ยวก็เป็นอีกไม่นาน” ภาพตะวันยิ้มแล้วยักคิ้วกวนบาทาให้หนึ่งที

“อ่า พี่พร้อมใจแข็งชะมัด แต่แก้มแดงๆนะครับ”

ทำไมไอซ์ยังไม่หยุดถาม หยุดแซว

“น่ารักไหม” ไอ้หัวเกรียนนี่ก็อีกคน

“หล่อ พี่พร้อมหล่อ”

ผมยิ้มกว้าง อย่างน้อยก็ได้ยินคนขมว่าหล่อวะ

“ห้ามชม กูหวง”

ผมนั่งนิ่งไม่แสดงความคิดเห็น แต่ใจมันเต้นแรงไม่สบตาใครทั้งนั้น

“โอเคๆ”

“พอได้แล้ว เลิกเพ้อเจ้อ” ผมตัดบท

 ไม่ไหวๆ หัวใจทำงานหนักช่วงนี้

 

“พรุ่งนี้ว่างไหมครับ ว่าจะชวนไปดูหนังรอบดึก” ภาพตะวันถามระหว่างนั่งอยู่ในรถที่จอดนิ่งอยู่หน้าบ้านของตัวเองและมือของเรากำลังประสานกันอยู่

ที่ยอมให้จับมือเพราะผมมีความมั่นใจเกี่ยวกับภาพตะวันในหลายๆเรื่องก็แค่นั้น

พรุ่งนี้วันเสาร์

 “เอาสิ” ผมก็อยากจะผ่อนคลายด้วยแหละช่วงนี้เร่งทำงานส่งอาจารย์ ไม่ค่อยได้พักผ่อน

ถ้านัดช่วงดึกพรุ่งนี้จะได้นอนตื่นสายได้

“งั้น ผมเข้าบ้านแล้ว ขับรถดีๆนะ” ภาพตะวันกระชับมือผมก่อนจะค่อยๆคลายมืออกแล้วโบกมือลาให้ลงจากรถไป

ผมมองตามจะเด็กนั่นหายเข้าบ้านไปแล้วถึงจะขับรถกลับห้องตัวเอง

 

==============

 

“ทำไมแต่งตัวหล่ออย่างนี้อ่ะ” เสียงโวยวายของเด็กหัวเกรียน

ตอนนี้ สองทุ่มเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังเพื่อที่จะเลือกหนังและทันทีที่ภาพตะวันเจอหน้าผมก็เอาแต่อ้าปากค้าง

แค่เสื้อยืดสีน้ำเงินกับกางเกงวอร์มสีน้ำตาลรองเท้าสวมธรรมดาแค่นี้ทำไมต้องโวยวาย

แต่ก็ยังดีที่มันชมว่าหล่อ ค่อยรู้สึกว่าเป็นผู้ชายหน่อย

“ดูผมดิ ใครจะกล้าเดินด้วยวะ”

เอ้า ยังไม่เลิกโวยวาย

“หน้าม้าเนี่ยเอาลงมาทำไม”

หน้าม้านี่เอาลงปกติอยู่แล้วไหม

“พอแล้วๆ เพ้อเจ้อฉันแต่งตัวปกติเถอะ”

“ก็หวงไง”

โว้ย ไอ้เด็กบ้าจะไม่ทำให้ใจเต้นสักวันจะตายไหม

“ไปเลือกหนังกันเถอะ” ผมเบี่ยงประเด็น

“นั่น เขินแล้ว” ไอ้เด็กหัวเกรียนพูดแล้วก็อมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผม

“ผมเลี้ยงเอง”

ผมก้มหน้างุดมองมือตัวเองที่โดนจับอยู่

เขินวะ

หนังที่เลือกเป็นแนวแอดเวนเจอร์ต่อสู้กันดุเดือดคนเลือกก็คือผมเอง หลังจากที่ตกลงกันนานมากจนจะไม่ทันรอบฉายเพราะคนที่จะเลี้ยงหนังอยากจะดูหนังโรแมนติก

ผมรู้นะว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ได้หรอกผมไม่ยอมซะอย่างสุดกท้ายก็เป็นหนังที่ผมเลือกออกจากโรงหนังก็เกือบเที่ยงคืน เด็กหัวเกรียนยังไม่อยากกลับบ้านเลยชวนผมไปนั่งที่สวนพักผ่อนแถวบ้านของตัวเอง

“เมื่อไหร่จะเลิกเป็นเด็กมีปัญหาสักที” ผมแกล้งแซว

ตอนนี้ผมกับภาพตะวันนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระน้ำที่ตรงกลางเป็นน้ำพุประดับด้วยไฟหลากสี

“แค่ยังไม่อยากเข้าบ้านนี่ถือเป็นเด็กมีปัญหาเลยหรอ”

“แซวเล่นน่า…บรรยากาศโคตรดี”

“ใช่” ภาพตะวันพูดแล้วยิ้ม

“ตกลงจะเรียนอะไรต่อ”

“ไม่บอกเซอร์ไพส์”

“ที่บ้านเห็นด้วยแล้วหรือไง เดี๋ยวก็โดนขัดใจอีกหรอก”

นึกถึงวันนั้นแล้วตลกชะมัดเลย เด็กขี้แย

“ผมบอกไปแล้ว พ่อไม่ว่าแถมยังสนับสนุน”

“ดีแล้ว”

“พี่พร้อมใส่สร้อยข้อมือไม่ถอดเลยนะครับ”

ได้ยินแบบนั้นเลยมองที่ข้อมือตัวเอง ก็ใครมันบอกไม่ให้ถอดวะ

“ลืม”

“ผมไม่สนข้ออ้างพี่หรอก เพราะสังเกตทุกครั้งว่าพี่ไม่เคยถอดหรือลืมเลยตั้งใจละสิ”

“....”

“รู้สึกอะไรกับผมบ้างหรือยัง ผมรู้สึกกับพี่มาตั้งนานแล้วมันก็เพิ่มมมากขึ้นทุกวันเลยด้วย มันอาจจะดูพูดง่ายเกินไป คำแค่พยางค์เดียว แต่สำหรับผมมีความหมายมากนะ” ภาพตะวันหยุดพูดแล้วหันหน้ามาจ้องตาผม “ผมรักพี่นะครับ”

พูดจบภาพตะวันก็ยิ้มกว้างจนเห็นรอยบุ๋มข้างซ้ายจนชัดเจน

คงจะมีความสุขมากเลยสินะ

“แล้วพี่ละ หลงรักลักยิ้มผมบ้างหรือยังไง”

ผมนิ่งมองเด็กตรงหน้ามองแววตาที่ภาพตะวันสื่อว่ารักผมจริงๆอาจจะฉายภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้รักผมด้วยก็ได้ ส่วนผมเองยอมรับความรู้สึกตัวเองไปนานแล้วแค่ยังปากแข็งไม่พูดอะไรออกไปก็เท่านั้นแต่ตอนนี้เด็กตรงหน้าใจกล้าที่จะบอกผมก่อนฉะนั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องลังเล

“รัก”

พูดออกไปแล้ว ผมหลบสายตาคนตรงหน้ากั้นยิ้มจนแทบห้ามไม่อยู่

“รักอะไร”

โว๊ะ ทำไมชอบให้พูดซ้ำวะ

“ลักยิ้มนายไง”

“ผมว่าละพี่ต้องกวน ไม่เข้าใจจริงๆใช่ไหมเนี่ย” ภาพตะวันเกาหัวตัวเองอย่างขัดใจ

“ไม่เข้าใจอะไร ก็นายถามหลงรักลักยิ้มของนายหรือยัง”

“ทำไมใจร้ายทำลายบรรยากาศโรแมนติกอย่างนี้เนี่ย”

“ฮ่าๆ”

“ไม่ต้องมาขำเลย งั้นถามใหม่พี่ชอบผมบ้างหรือยัง”

ผมอมยิ้มแล้วจ้องหน้าเด็กที่รอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ

“ชอบ”

“ชอบอะไร”

ได้คืบจะเอาศอก

“เอ้า ก็ถามว่าชอบอะไรละ”

“ไม่โรแมนติกจริงๆ เอาเถอะผมจะถือว่าพี่บอกชอบผมแล้ว ห้ามคืนคำนะส่วนผมนะไม่คืนคำตัวเองแน่นอน แต่ผมจะบอกอีกรอบว่าผมรักพี่นะครับและจะไม่สัญญาว่าอนาคตจะเป็นยังไงผมจะพยายามทำปัจจุบันให้มันดี”

“ขอบคุณที่รักกัน” ภาพตะวันยิ้มกว้างหลังจากที่ผมพูดส่วนผมก็ยิ้มตอบกลับไป

ใจเต้นแรงมากๆเลยละ

“กอดได้ไหม”

ยังไม่ทันได้ตอบเลยเด็กหัวเกรียนก็ขยับตัวโถมเข้ามากอดกันแน่นซะแล้ว

ผมยิ้มก่อนยกมือขึ้นกอดตอบ เอาละหลังจากนี้คือการเริ่มต้นใหม่ของการเปลี่ยนแปลงนิยามของตัวเอง

ผมอาจจะไม่ชอบเด็กจริงๆ ผมไม่ค่อยพูดมาก ผมง้อใครไม่เป็น แต่ภาพตะวันคือเงื่อนไขที่ทำให้นิยายเหล่านี้หายไป

“ฉันก็ไม่สัญญาว่าอนาคตจะเป็นยังไงแต่จะทำปัจจุบันให้ดีแล้วกัน”

“เรามาทำทุกวันให้เป็นความทรงจำที่ดีกันเถอะครับ”

อืม...

 



เขาสารภาพความรู้สึกกันแล้ว อิอิ
พี่พร้อมไม่โรแมนติกเลยเนอะหัวเกรียน

ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยนะคะว่าตั้งใจว่าจะแต่งเป็น
แนว feel good ด้วยความที่แต่งเป็นเรื่องแรกเลยขาดๆเกินๆบ้าง
เขียนบรรยายความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นคำพูดมากกว่า
ให้คำแนะนำกันได้เด้อ เพื่อเอาไปใช้เขียนในเรื่องต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามมากๆค่ะ

ปล. อีก 2 ตอนที่เหลือจะยกให้พี่กรเขานะคะ


 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
20


--Korn_ni--

เวลาที่คนโสดเห็นคนมีคู่เขาจู๋จี๋กันมันน่าอิจฉานะครับแต่สำหรับผมมันไม่ใช่ รำคาญมากๆ เวลาจะกินข้าวก็ต้องป้อน ต้องนั่งฝั่งเดียวกัน เดินจับมือกัน เห็นแล้วรำคาญลูกตา ไม่ได้อิจฉาจริงๆนะ

“พี่พร้อมเอาแซลมอนอีกไหม”

อย่างคู่ที่นั่งตรงหน้าผม ดูแลกันดีจนมดจะกัดคนมองอยู่แล้ว

“ไม่ละ พอแล้ว”

เหมือนโลกนี้มีแค่สองคนจนลืมไปแล้วว่าผมก็นั่งอยู่ด้วย

ฮัลโหลล

“เป็นไรวะ ทำหน้าเบื่อ” ไอ้พร้อมคงจะรู้ว่าผมกำลังหมั่นไส้เลยถามขึ้น

“เบื่อมึงสองคนไง ที่นั่งเยอะแยะไปนั่งเบียดกันอยู่ฝั่งเดียว”

มันเป็นโต๊ะญี่ปุ่นแบบสำหรับนั่งได้ 4 ด้าน ด้านละคน แต่ไอ้สองคนข้างหน้าผมมันดันนั่งฝั่งเดียวกันซะอย่างนั้น

นั่งเบียดกันเข้าไปได้

“แอร์มันเย็นพี่กร”

“พอเลย คำแก้ตัวบ้าบอ” ผมต้องรีบเบรกไม่อยากฟังคำตอบของคนมีความรักมาดๆ

เห็นไอ้พร้อมมันยอมรับความรู้ตัวเองได้ผมก็ดีใจ ช่วยไอ้เด็กหัวเกรียนทุกอย่างเพราะคำถามที่ผมเคยถามมันไปนั่นแหละ

ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าเจอหน้ากันครั้งแรกแล้วจะชอบจนถึงขั้นอยากจะจริงจังด้วย เลยลองช่วยมัน

คำตอบของมันทำเอาตัดสินใจได้ง่ายๆเลยว่ามันจริงจังกับเพื่อนรักผมจริงๆ

1.ชื่อจริง

พจนิชา กิจณโรจน์

2. ว/ด/ป

เจอพี่พร้อมครั้งแรก 16 มิถุนายน ที่โรงเรียนตัวเอง

3.  ฐานะ

ชอบ

คำตอบของมันก็ตรงกับคำตอบที่ผมอยากได้ ชื่อจริง วันเดือนปีที่เจอไอ้พร้อมครั้งแรก กับฐานะที่ผมหมายถึงสถานะ มันตอบตรงหมด จะจีบใครสักคนก็ต้องใส่ใจในข้อมูลเขาเยอะๆ

ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นการจะมีความรักที่จริงจังก็ต้องใส่ใจอีกฝ่ายให้มากๆ รู้จุดยืนของตัวว่าอยู่ตรงไหนของสถานการณ์ตอนนั้น

ผมอ่านคำตอบของมันแล้วยิ้มและยอมให้ไอดีไลน์ไอ้พร้อมไป

จากนั้นเหตุการณ์ต่างๆก็ตามมาให้ผมได้ช่วยมันไม่ว่าจะไปค่าย หรือไปบ้านไอ้พร้อม และยังไม่รวมเหตุการณ์ยิบย่อยที่ต้องคอยรายงานว่าตอนนี้ไอ้พร้อมทำอะไรอยู่ที่ไหนเวลามันทักมาถาม แม้กระทั่งตอนที่มันตกลงคบกันแล้ว ผมก็ยังทำหน้าที่นั้นอยู่เพราะเพื่อนรักผมไม่ค่อยตอบไลน์ ไม่ค่อยเล่นโซเชียล โทรศัพท์ก็รับบ้างไม่รับบ้างไอ้เด็กเห่อแฟนก็เลยอดเป็นห่วงไมได้

“เออ กูคงไปดูหนังด้วยไม่ได้แล้ว เดี๋ยวต้องไปธุระต่ออะ”

ไม่ได้รู้ตัวว่าเป็นก้างขวางคอหรอกนะ เพราะไอ้เรื่องดูหนังเนี่ยไอ้พร้อมเป็นคนชวนผมเองแต่ว่าไอ้เด็กหัวเกรียนมันห่างจากพี่ต่างสายเลือดของมันไม่ได้ ไอ้พร้อมเลยต้องหิ้วมาด้วย

“อ้าว เรื่องนี้มึงอยากดูเลยนะ”

“ที่ปรึกษาเรียกอีกแล้วต้องรีบเข้าไป”

อาจารย์ที่ปรึกษาผมโคตรรีบเอาตรงๆผมแค่ปี 2 เองแต่เร่งให้ทำเล่มส่งแล้ว

“โอเคๆ ไว้ไปดูวันหลัง”

“ดูกับผมก็ได้” ภาพตะวันรีบหันขวับไปบอกเพื่อนรักผม

“ไม่ เรื่องนี้ฉันตั้งใจมาดูกับไอ้กร”

“อะไรอะ ไปดูเรื่องอื่นก็ได้นะเรื่องนี้พี่ค่อยมาดูใหม่กับพี่กร”

“ไม่ เหนื่อย”

“อะไรวะ เหนื่อยอะไรไปทำอะไรมา”

เห้ย ดูท่าจะเถียงกันอีกยาวจนหาข้อตกลงกันไม่ได้ แล้วไอ้เด็กติดแฟนนี่ก็ใช่จะยอมที่ไหนเดี๋ยวนี้เริ่มมี วะ เว้ย กับไอ้พร้อมบ้างละ แถมยังชอบเถียงอีกต่างหากส่วนไอ้พร้อมนี่อย่างกับพ่อดุลูก

“เอ้าๆ มึงสองคนอย่าตีกันกูต้องไปแล้ว อะนี่” ผมบอกแล้วยื่นเงินค่าอาหารให้ไอ้พร้อมที่พยักหน้ารับรู้ ก่อนผมจะเดินออกมาตามด้วยเสียงของคู่เหม็นความรักเถียงกันดังตามหลังมา

“อ่านหนังสือ”

“ไม่เชื่ออะ เมื่อวานพี่กลับห้องช้า”

“ภาพตะวัน!”

เอาเถอะคนรักกันก็ต้องมีขัดใจกันบ้างพูดไม่เข้าหูกันบ้างละ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใจเย็นหรือยังงี่เง่ารับรองว่าอีกไม่นานได้แตก นี่ไม่ได้แช่งเพื่อนผมนะแค่ยกตัวอย่างเหตุการณ์เฉยๆ


 
============



หลังจากที่ผมไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาและได้งานมาแล้วก็เตรียมตัวจะห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้าจะกลับบ้าน พรุ่งนี้วันสำคัญของครอบครัวผมครบรอบวันจากไปของแม่ ที่จริงก็จะได้กลับไปเตรียมสัมภาระตั้งนานแล้วแหละถ้าเกิดว่าไม่มีคนจัญไรมาจอดรถปิดท้ายรถผมไว้

แหม่ ยังรู้ดีดึงเบรกมือไว้อีกนะ

ไหน ขอดูหน้าหน่อยเถอะ

ผมกำลังจะเดินรอที่โต๊ะม้าหินอ่อนแถวโรงรถเพื่อรอดูเจ้ารถหรูทะเบียนสวยแต่นิสัยแย่

“อ่า ขอโทษครับ”

แต่โชคดี ขายังไม่ทันได้เดินไปถึงที่หมายเสียงพูดป่นหอบกับเสียงฝึเท้าหนักๆก็ดังขึ้นอยู่ข้างหลัง

ผมเลยหันหลังกลับไปมองตามเสียง เป็นผู้ชายผิวแทนสูงพอๆกับผมหรืออาจจะเตี้ยกว่านิดหน่อย หน้าตาคมเข้มแต่ดวงตากลับกลมโตใสอย่างกับลูกกวาง มาแนวเดียวกับไอ้พร้อมเลยมองผ่านๆหล่อแต่มองดีๆสวยต่างกันที่สีผิวเท่านั้นและเสื้อนักศึกษาสีขาวนั้นมีรอยเลือดเปื้อนอยู่

ผมเลิกคิ้วสงสัย ตอนแรกว่าจะโวยใส่เรื่องจอกรถแต่พอเห็นสภาพกลายเป็นสงสัยซะอย่างนั้น

ไปฟัดกับใครมาวะหน้าตาออกจะเรียบร้อย

“ขอโทษครับ ผมรีบเอาน้องมาส่งโรงพยาบาลไม่อย่างนั้นพิการแน่เลย”

หยุดวิ่งแต่ยังไม่หยุดหอบ ตอนบอกเหตุผลให้ฟังเหมือนจะหายใจไม่ทัน

ไม่ต้องรีบก็ได้กูไม่ได้หายไปไหนเว้ย รอเอาเรื่องอยู่

แต่เหตุผล ที่บอกมาทำให้คลายความสงสัยได้บ้างและใจเย็นลงนิดนึง

น้อง เด็กหรอ?

“ขอโทษจริงๆครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะจอดปิดท้ายแต่มันไม่มีที่จอดแล้วและมันจำเป็น ผมชนน้องชนที่ขาแล้วโดนลากเป็นแผลใหญ่”

อ่า อธิบายซะทำเอาหน้าผมเปลี่ยนสีเลย แล้วชนจนลากนี่มันต้องขนาดไหนวะ แสดงว่าต้องมาเร็วมากๆแน่เลย

ขับรถไม่ระวังเลย

“แล้วน้องเป็นอะไรหรือเปล่า”

เอ้า กลายเป็นผมลืมจะเอาเรื่องคนตรงหน้าที่จอดรถไม่รู้เรื่องไปเลย

“ให้พี่ๆดูอาการอยู่ เพราะจะรีบออกมาขยับรถให้”

อย่างน้อยก็สำนึกได้วะ ผมเลยพยักหน้าเข้าใจ

“แล้ว พ่อแม่เด็กทำไมปล่อยให้มาวิ่งข้ามถนนเล่นวะ”

ผมสงสัยอะ แต่กลายเป็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสงสัยที่ผมถามแทน

“เด็กที่ไหนครับ”

กวนตีนกันเปล่าเนี่ย

“ก็เมื่อกี้ที่มึงบอกว่า ขับรถชนน้อง” ไอ้คนที่ถามกลับเมื่อกี้ ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่ผมเรียกมันว่ามึง

ขอโทษครับ ดูหน้าตาแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน กูมึงแล้วกัน แถมหมอนี่ยังสุภาพจนหน้ามั่นไส้ ไม่รู้อะเห็นคนสุภาพใส่ด้วยแล้วมันทำตัวไม่ถูก

“อ๋อ น้องที่ผมหมายถึงคือ สุนัขครับ” มันยิ้มหลังจากที่ตอบจนเห็นที่คาดฟันสีน้ำเงินเข้ม

เขาเรียกว่าอะไรนะ รีเทนเดอร์ อะไรนั่นป่ะ ชั่งมันเถอะแต่ เชี่ย หมา คนบ้าอะไรเรียกหมาว่าน้องวะครับ

“...” นี่ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรเลย มันเอ๋อเพียวๆหรือหน้าตาดีด้วยจนเอ๋อ

“นั่นโรงพยาบาลสัตว์ เราเรียนสัตว์แพทย์ปี 2 ที่นี่” นั่นเดาผิดที่ไหน รุ่นเดียวกัน

“อ๋อ หมอหมานี่เอง” ไม่น่าถึงเรียกแทนชื่อชนิดสัตว์ซะเอ็นดู “กู ก็เรียนที่นี่ วิศวะ ปี 2” เป็นการแนะนำตัวที่ดูเปลือยๆนะว่าไหม ไม่มีการบอกชื่อบอกแค่สาขากับสถานที่เรียนแค่นั้น

“อ่า โอเค เดี๋ยวผมขอไปขยับรถก่อนนะจะไปดูน้องแล้ว”

ยังไม่เลิกเรียกว่าน้องอีกหรอวะ

ผมพยักหน้าให้มันงงๆ เออ อยากจะไปก็ไป

“เดี๋ยว” พึ่งนึกขึ้นได้ “ทีหลังก็พยายามอย่า มาจอดขวางท้ายรถเขาแบบนี้อีกละ โชคดีที่เป็นกูไม่อย่างนั้นมึงโดนสวดยับ” บอกให้จำแล้วนำไปใช้ด้วยนะครับ ถ้าเกิดว่าเหตุผลไร้สาระกวนบาทาละก็ ยาวแน่

“ครับ” หันมายิ้มโชว์ที่คาดฟันสีน้ำเงินเข้มอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถมันเองแล้วก้าวขึ้นไปนั่งขับออกไปเลย

เออ มาสุภาพใส่กันแบบนี้ไม่ชินนะเอาจริง หรือว่ามันกวนตีนผมวะที่ทำเป็นสุภาพแล้วให้ผมหยาบคายคนเดียวเหมือนเป็นการตอกย้ำสันดารหยาบของตัวเอง มันต้องใช่แน่ๆ มันกวนตีนผมแน่นอน

ไม่น่าปล่อยมันไปเลย

 



พาพี่กรมาเสิร์ฟแล้ว พี่แกไม่อิจฉาคนมีคู่เลยเนอะ
แล้วนี่อะไร เจอคนสุภาพพูดด้วยก็ไม่ได้
และไอ้คนจอดรถปิดท้ายนี่ลักษณะคุ้นๆนะว่าไหม
เดี๋ยวตอนสุดท้าย มาเฉลยกันค่ะ

หายไปหลายวันอยู่ในช่วงสอบพอดีเลย
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
21

ผมว่าผมลืมอะไรไปสักอย่าง

ลืมทวงเงินไอ้พร้อม

“คุณชายครับ 2000”  ไอ้พร้อมขมวดคิ้วทำหน้างง

“ค่าอะไร”

“มึงมีผัวไง แถมยังเป็นไอ้เด็กหัวเกรียนที่ปฏิเสธหนักหนาว่าไม่ใช่อีก”

มันกระพริบตาปริบๆ ทำหน้าแบ๊วเลยนะมึง

“กูไม่ได้ตกลง มึงเล่นอยู่คนเดียว”

เอ้า ไม่เถียงแต่ก็เรื่องจริงของมัน ฮ่าๆ ผมเล่นอยู่คนเดียว

“ก็เพื่อนมีผัวกูก็ดีใจไง รอยที่คอนี่อะไร ได้กันแล้วหรอ”

ไอ้พร้อมทำตาโต รีบเอามือตะปบคอตัวเองช็อคไปแล้วมั้งเจอคำถาม

“ถามอะไรของมึงวะ” ยังจะมาถามหน้าซื่อ

“โว๊ะ หลักฐานก็ตาตาขนาดนี้ ยอมรับมาเถอะ อีกอย่างถึงกูจะไม่เคยมีแฟนแต่กูก็รู้จักหรอกน่าอย่ามาปิด”

“เรื่องแบบใช่เอาพูดเล่นกันที่ไหนเล่า”

ผมเลิกคิ้วอย่างหมั่นไส้

“สรุปได้กันแล้ว” ผมยังไม่หยุดจี้มัน

“ยังโว้ยยย กูไปซื้อน้ำแล้ว” พูดจบมันก็เดินปึงปังออกไปเลย

เขินทำไมอะ ได้ก็บอกว่าได้กันสินี่เพื่อนไง เพื่อนไม่ขายเพื่อนหรอก


Korn_ni : เมื่อคืนได้กันแล้วหรอวะ รอยมาเป็นจ้ำๆเลย

Sunrise_img : กำลังจะได้ พี่พร้อมอะดิไม่เคลิ้มตามเลยอด ได้แค่ฝากรอยอะ



ผมยกมือขึ้นมาปิดปากยิ้ม

หึ อยากรู้ก็ต้องได้รู้ ลูกน้องผมมันไม่โกหกหรอก

“ยิ้มเหี้ยไร” มันกลับมาพร้อมน้ำเปล่าในมือ

“เปล่าๆ สาวทักมา”

“หรอ” มันเบะปากใส่ผมแล้วเปิดขวดน้ำก่อนจะยกขึ้นกระดกดื่ม

ผมไม่สนใจจะต่อปากต่อคำมันต่อ

“ว่าแต่มึงชวนกูมาตึกสัตว์ทำไม” เมื่อเช้าไอ้พร้อมมันโทรมาปลุกผมแต่เช้าให้มาตึกสัตวแพทย์เป็นเพื่อน ขอย้ำว่าแต่เช้า 7 โมงเช้า

“มาหาเพื่อน”

“มึงมีเพื่อนที่นี่ด้วยหรอวะ”

“พึ่งรู้ว่ามี เรียนอยู่คณะนี้แหละเดี๋ยวก็คงมาแล้ว” มันยกนาฬิกาขึ้นดูประกอบ

พึ่งรู้ว่ามีนี่คือยังไงวะ ต้องเป็นเพื่อนไม่ค่อยสนิทกันใช่ไหม

“โทษทีๆ รอนานไหมพร้อม” เสียงเรียกชื่อไอ้พร้อมดังขึ้นอยู่ข้างหลังผม

เสียงทุ้มนี้มันคุ้นๆนะ

“อ้าว ยู ไม่นานเลยพึ่งมาถึง”

ไม่นานหรอ นี่แปดโมงกว่าแล้วครับมาถึงนี่ตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง จิตใจดีงามจริงๆ

ผมสงสัยว่าเพื่อนไอ้พร้อมหน้าตาเป็นยังไงเลยหันไปมอง

ไอ้เหี้ย นี่มันหมอหมาที่เรียกหมาว่าน้อง

“อ้าว นายวิศวะ” ไอ้หมอหมามันทักใครวะ

แต่สายตามันมองมาที่หน้าผม

ใครวิศวะ

“ยู นี่กรเพื่อนเรา” ไอ้พร้อมแนะนำผมให้มันรู้จัก

ส่วนผมก็กระพริบตามองมัน

วันนี้มันใส่เสื้อเชิ้ตสียาวกับกางเกงยีนส์เดฟสีดำรองเท้าผ้าใบของไนท์กี้สีขาว

หู้ว ลุคโคตรแฟน บอกเลยสาวๆเก็นต้องกรีดร้องแน่นอน มันดูตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อยแต่ดูมีเนื้อหนังกว่าไอ้พร้อมเมื่อวันก่อนตอนที่เห็นนึกว่าหุ่นพอๆกันกับผม

“อ๋อ นึกว่าชื่อวิศวะ วันก่อนเห็นแนะนำตัวเอง”

อะไรนะ มันเข้าใจว่าผมชื่อวิศวะหรอ โว้ยย คิดไปได้ยังไง

มันเอ๋อ จริงๆใช่ไหมสรุป

“เคยเจอกันแล้วหรอ”

“เออ จอดรถปิดท้ายรถกูวันก่อน” ผมบอก

“อืม กรตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วนะ ผ่าตัดแล้วเรียบร้อยไม่พิการละ เราโคตรห่วง”

โห เรียกซะสนิทด้วยแถมยังสุภาพใส่อีก แล้วจะมาบอกทำไมไม่อยากรู้โว้ยยย

“เดี๋ยว น้องอะไรกัน” ไอ้พร้อมถาม

งงเหมือนกูใช่ไหมละ

“อ๋อ น้องหมาน่ะ”

“อ่อๆ” ไอ้พร้อมเกาหัวแกรกๆ

“ไปกันเถอะ โทษทีมาช้าแวะไปดูน้องมานี่แหละ”

ไอ้พร้อมพยักหน้าแล้วลุกออกจากโต๊ะนั่งไปส่วนผมก็ลุกตาม

กำลังสงสัยอยู่ว่าจะไปไหนกัน ถึงได้นัดกันแต่เช้าขนาดนี้ ยังไม่ทันได้จะอ้าปากถามไอ้หมอหมาก็พูดขึ้นก่อน

“อยากได้พันธุ์ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”

ไอ้ยูมันถามไอ้พร้อม

“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะซื้อให้แฟน…” ตอนพูดว่าแฟน ไอ้พร้อมดูเขินนิดๆนะแถมยังพูดเสียงเบา

ฮ่าๆ ตลกมันวะ

“อ่อ แน่ใจหรอจะเอาสุนัข”

เดี๋ยวนะ ไอ้พร้อมจะซื้อหมาให้ไอ้ภาพหรอ เอาจริงดิ

“ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เห็นบ่นว่าอยากได้”

เชี้ย ไอ้พร้อมโคตรใจปล้ำ

“ถ้าเลี้ยงที่ห้องเราแนะนำเป็นพันธุ์เล็กๆแล้วกัน แล้วแฟนพร้อมได้พูดถึงพันธุ์ไหนบ่อยๆไหม”

“พิตบลู”

คำตอบของไอ้พร้อมทำเอาผมและไอ้หมอหน้าเหวอ

พิตบลู ไอ้หัวเกรียนมันจะเลี้ยงไว้กัดไอ้พร้อมหรอวะ โคตรโหด

มันก็มีอยู่หรอกนะที่เลี้ยงแล้วไม่ให้โหด แต่ก็มีข่าวที่มันก็กัดเจ้าของได้เหมือนกัน

“แล้วพร้อมรู้หรือเปล่าว่านิสัยมันเป็นยังไง”

ถึงตอนนี้พวกเรามาหยุดอยู่ที่รถของไอ้หมอหมา สงสัยจะไปรถมันนี่แหละ

ปลดล็อคเรียบร้อย ผมเลยขึ้นไปนั่งเบาะหลังโดยไอ้พร้อมนั่งคู่กับเจ้าของรถ

“น่าจะดุ”

“ใช่ดุมากโดยพื้นฐานนะ แล้วถ้าจะเลี้ยงก็ต้องใส่ใจมันนี่เรื่องสำคัญเลย พื้นที่ต้องกว้างมากด้วยและต้องไม่ทำให้มันเครียด อาการร้อนไปก็ไม่ดี”

แนะนำสมที่เป็นหมอหมา

“เอาอะไรดีอะ” ไอ้พร้อมคิดหนัก

“เอาอย่างนี้ นายลองคิดดูอีกรอบก็ได้ว่าแฟนนายอยากเลี้ยงจริงๆหรือว่าแค่พูดบ่อยๆ มันมีความแตกต่างกันไม่มากหรอกนะ”

“ยังไง” อันนี้ผมถามขึ้น

ไอ้หมอหมามองผมผ่านกระจกรถหลัง

อะไรก็อยากจะรู้อะเลยพลั้งปากไป ไม่ได้จะเสือกนะ

“ถ้าอยากได้จริงๆ ต้องหาข้อมูลวิธีการเลี้ยงและถ้าพูดบ่อยๆเวลาเล่นโซเชียลหรือเวลาเจออย่างนี้ก็จะมีความสุขประมาณนั้น อีกอย่างก็คือจริงจังมากไหม”

หรอวะ ผมว่ามันก็เหมือนกันอ่ะ

“น่าจะเป็นอย่างหลังนะ เวลาเห็นก็จะยิ้มตามแล้วก็เรียกให้ดูด้วย”

หมอหมายิ้ม “แค่ชอบนั่นแหละ”

“อ่า นี่ไม่ซื้อแล้วดีกว่า ฟังจากที่ยูเล่าก็น่าคิด”

“ใช่ จะเอาเขามาเลี้ยงก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนนะ แต่ละชนิดสายพันธุ์การดูแลต่างกัน เริ่มแรกก็นิสัยของคนเลี้ยงและสัตว์ว่ามันเข้ากันได้ไหม ถ้าพันธุ์ดุอย่างพิตบูลต้องคิดให้ดีเลยว่าเลี้ยงเพราะอะไร"

“ให้คำแนะนำดีมากเลย ขอบใจนะ วันนี้ก็เสียเวลายูแย่”

ใช่เสียเวลา เพื่อนรักอย่างกระผมด้วยครับคุณชาย

“งั้นเดี๋ยวพาไปดูฟาร์มมันก็ได้แล้วเดี๋ยวจะพาไปทำบุญด้วย รีบไหม”

“ไม่รีบ เอาสิ” ไอ้พร้อมตอบตกลงแล้ว ไอ้หมอหมาเลยมองผมผ่านกระจกรถหลงอีกรอบเป็นเชิงถาม

“ไอ้กรว่าไง” ไอ้พร้อมถามขึ้นอีก

“เอาไงก็ได้” ผมตอบไป จะให้มันวนรถกลับไปส่งก็เกรงใจกลับไปห้องก็นอนไม่หลับแล้ว

“จัดไปครับ” ไอ้หมอหมายิ้มโชว์ที่คาดฟัน

ผมเห็นแล้วมั่นไส้ อดยอมรับไมได้เลยเวลามันยิ้มโคตรมีเสน่ห์


============


หมอหมายูมันพาไปฟาร์มพิตบลูแล้วบอกได้เลยครับว่า หน้าตลกแต่ร้าย ตอนเด็กๆมันโคตรน่ารักพอโตขึ้นมาความน่ารักมันหายไปไหน แต่หน้ามันก็แปลกนะครับน่ารักดีตลกชิบหายเหมือนหมาเอ๋อ ไม่เห็นจะดุอย่างที่ไอ้หมอว่า แต่พอผมหันไปเจอพิตบลูตัวที่ถูกขังอยู่ในกรงแค่เสียงเห่าก็โคตรน่ากลัวแล้วครับแถมยังน้ำลายไหลย่อยอีกมัดกล้ามนี่ชัดมาก ถ้าเกิดว่าแหย่นิ้วเข้าไปในกรงมีหวังนิ้วหายแน่นอน

หลังจากนั้นก็พามาทำบุญ แต่เดี๋ยว ทำบุญที่ว่ามันไม่ได้หมายถึงทำบุญที่วัดอย่างนี้หรอ ไอ้หมอหมามันพาพวกผมมาสถานสงเคราะห์สัตว์พิการครับ โอ้โห ผมเป็นพวกจิตใจอ่อนไหวง่ายเรื่องแบบนี้อยู่

น้ำตาจะไหลอะ สงสาร

“กรเป็นอะไร” ไอ้หมอหมาถาม

“สงสารพวกนี้ ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมาที่นี่”

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ซึมอยู่หางตา บางตัวก็ไม่มีขา บางตัวก็นั่งขยับไปไหนไม่ได้ สงสารวะ ไอ้หมอใจบาปพาผมมาทรมานความรู้สึก

“โอ๋ๆ”

ผมชะงักกึก ไอ้หมอมันเอามือมาลูกหัวผม

เดี๋ยวนะ สนิทกันหรือยังไงวะ

“ไอ้กรเป็นไร” ไอ้พร้อมเดินมาสมทบ หลังจากที่เดินไปเซ็นชื้อบริจาคค่าอาหารมา

“ทำเหี้ยไรเนี้ย” ผมยกมือขึ้นปัดมือมันออกจากหัว

“ปลอบไง จิตใจนายอ่อนไหวมากเลยนะ”

“นี่มึงร้องไห้หรอ” ไอ้พร้อมทำหน้าตกใจแต่เห็นนะว่ามันกลั้นขำ

จะขำก็ขำมาดิ เอามือปิดปากทำไมเพื่อนเวร

“กรสงสารน้องๆ” นี่ก็ยังไม่เลิกเรียกแบบนั้นอีกโว้ยยย แบ๊วสาสสส

“กูพึ่งรู้ว่ามึงจิตใจอ่อนไหวขนาดนี้ เห็นทำตัวมารยาทเสื่อม”

“กูคนดีครับเพื่อนแค่ พูดจาหยาบคายเท่านั้น”

“ครับๆ ผมจะเชื่อ”

“เรากลับกันดีกว่า มีใครจะไปไหนอีกไหม” ไอ้หมอหมายูตัดบท

“เราไม่แล้ว เมื่อกี้แฟนโทรตาม” ไอ้พร้อมบอก

เบื่อโว้ย มีโทรตามกันด้วย

“แหม่ แฟนโทรตาม กลัวหรอ” ผมล้อเลียน

“ไม่ได้กลัว แต่กูต้องไปรับวันนี้ภาพซ้อมปัจฉิม”

“อ่อๆ” ผมทำหน้าว่าเข้าใจแบบกวนๆ

“งั้นกลับกันเลย” ไอ้หมอหมาสรุป ผมกับไอ้พร้อมพยักหน้าก่อนจะเดินตามกันไป


============


“ขอบใจนะยู ขับรถดีๆ” ไอ้พร้อมพูดกับหมอมายูหลังจากที่มาส่งผมสองคนที่จอดรถของไอ้พร้อมแล้ว

“แล้วเจอกันใหม่ครับ” ไอ้หมอหมายิ้มโชว์ที่คาดฟันอีกรอบก่อนที่จะขับรถออกไป

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ไอ้หมอหมามันยิ้มให้ผมแต่ปากมันพูดโดยรวม รอยยิ้มของมันเหมือนมีบางอย่างซ้อนอยู่ ผมสลัดความคิดบ้าบอนั่นก่อนจะเดินตามไอ้พร้อมไปรถมัน

“ยูน่ารักเนอะ” จู่ๆ ไอ้พร้อมก็พูดขึ้นพร้อมกับสายตามมีเลิศนัย หลังจากที่คาดสายเบลล์แล้ว

เดี๋ยวนะมึง

“พูดแบบนี้จะนอกใจ ไอ้หัวเกรียนหรอ”

“ไม่ใช่เว้ย เลิกเรียกภาพตะวันว่าหัวเกรียนได้แล้ว ตอนนี้ผมหนาละ”

“มีปกป้องกันด้วย นี่ถ้าไอ้ภาพได้ยินคงยิ้มแก้มปริ”

“เออ ไม่ต้องมานอกเรื่อง ยูน่ารักจริงๆว่าไหม”

“คนที่มึงบอกว่าน่ารักเป็นผู้ชายนะครับ”

“เอ้า กูว่าน่ารักยิ่งกว่าเวลายูอยู่กับมึง”

ป้าป นั่นไงเหมือนโดนตบหัวอ่ะ เอาจริง คราวที่แล้วแฟนมันก็จับคู่ผมกับไอ้กั้ง คราวนี้มันเองจะมาจับคู่ผมกับไอ้หมอหมายู

ดูปากภาสกร

กู ชอบ ผู้ หญิง โว้ยยยยยย

“หุบปากไปเลยมึง”

“ฮั่นแน่ เขินละสิ” ไอ้พร้อมมันไปเอานิสัยขี้หยอกขี้แหย่มาจากไหน

“ตั้งแต่มีผัวนี่มึงชักจำนำพาคนรอบกายให้เป็นตามึงไปหมดนะ”

“ไม่หรอก กูรู้ว่ายูมันสนใจมึง”

“ห๊ะ เพื่อนมึงเป็นเกย์หรอ”

“ไม่ใช่ สนใจที่กูหมายถึงชอบมึงอ่ะ แบบไม่รังเกียจขนาดมึงพูดกูมึงใส่ยังไม่ว่าอะไรเลยดูไม่อึดอัดใจ”

“แน่นอนกูวางตัวดี”

“เอาที่มึงสบายใจเถอะ แต่ถ้าเกิดว่ายูคิดกับมึงมากกว่านั่นละ”

“ไม่รู้เว้ยยย”

“หึ” ไอ้พร้อมมันยิ้มมุมปาก

มึงไม่ต้องมาทำหน้าล้อเลียนกูเลย

หน้าอย่างผมยังไงก็ได้เมียเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ไม่มีทางจะเกิดเรื่องแบบนั้นแน่นอน

แต่ทำไมวะ พอนึกถึงตอนที่มันยิ้มให้ผมส่งท้ายแล้วรู้สึกแปลกๆ

ฮึ่ยหยุด ไปนึกถึงทำไม แล้วถ้าเกิดว่าไอ้หมอหมายูมันคิดเกินเลยกับผมมากกว่าเพื่อนอะ ผมจะเปิดใจไหมวะ ผมจะรังเกียจไหมขนาดไอ้พร้อมยังมีผัวผมยังไม่อะไรเลย เห้ย ไม่ได้หมายถึงผมจะยอมเป็นเมียไอ้หมอหมานั่นนะ

เดี๋ยว แล้วกูคิดอะไรวะ ไม่ๆๆ ยังไงก็ไม่มีทางเกิดขึ้น

ม่ายยยย ไอ้พร้อมมึงเอาอะไรมาใส่หัวกู

หรือว่าจริงๆแล้วผมก็ชอบมันวะ

ฮือ ไอ้กรมึงหยุดคิดดดดดดด

 

-END-



จบแล้วเด้อคร้าาาาาาาา
เรื่องนี้แต่งสนองนีดตัวเอง อ่านของคนอื่นมาหลายเรื่องอยากจะได้ตัวละครที่ตรงกับใจเรา
แล้วกว่าจะแต่งนิยายได้แต่ละเรื่องนี่เข้าใจเลยค่ะ ว่านิ้วแทบลุกเป็นไฟ
เขียนไปบางทีก็ไม่โดนใจฉากนี้ก็ลบทิ้งกว่าจะคิดได้ใหม่สมองก็โล่งไปแล้วหรือบางที
ก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะใส่ฉากนี้เข้าไปก็ลืมไปแล้วตอนอยู่หน้าคอม
สำหรับเรื่องนี้ให้พี่กรปิดท้าย เพราะพี่เขาก็เป็นตัวเอกอีกคนที่ขาดไมไ่ด้เลย
พี่พร้อมจะไม่มีผัวถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ เพราะพี่พร้อมแกแน่วแน่ในนิยามของตัวเองมาก
เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษแถมให้ อีก 2 ตอนนะคะ เป็น วันปัจฉิมนิเทศของภาพตะวัน
และวันกลับบ้านของทั้งสองคนค่ะ
ส่วนความรักของพี่กรกับหมอหมายู อาจจะมีเร็วๆ นี้หรือเปล่า 555 แต่ในรูปแบบไหน
ขออุบไว้ก่อน

ฝากติดตามเรื่องที่ 2 ของเราด้วยนะ 'เพื่อนครับอย่าเล่น'
เป็นแนวเพื่อนชอบเพื่อน ไม่ดราม่าหนักแน่นอน
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดและเผลอกดเข้ามาจริงๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2018 01:03:25 โดย somane »

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปค่ะ

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

Special past : ปัจฉิมนิเทศ

 

“ภาพๆ ถ่ายรูปด้วยกันหน่อยสิ” ผู้หญิงถักผมเปียสองข้างกวักมือเรียกผมที่กำลังถ่ายรูปรวมห้องอยู่

ผมไม่เห็นจะรู้จักเขาเลย ไม่ไปถ่ายด้วยได้ไหมวะ

แล้วนี่เมื่อไหร่พี่พร้อมจะมาอะ เมื่อเช้าบอกให้มาพร้อมกันก็ไม่มา บอกว่าช่วงที่ผมรับใบจบก็ต้องนั่งรอเสียเวลาดูคนเรานะ รักกันจริงเปล่าเนี่ย

น้อยใจวะครับ

แชะ

ผมเดินมาหากลุ่มผู้หญิงที่เรียกเมื่อกี้แล้วยิ้มกว้างถ่ายรูปที่ไม่รู้ว่าไอ้มงกุฎดอกไม้มาอยู่บนหัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่

“นี่ ภาพผมยาวแล้วหล่อมากๆเลย” ผู้หญิงในกลุ่มคนที่กวักมือเรียกถ่ายรูปด้วยเมื่อกี้หันมาคุยกับผม

หรอ พี่พร้อมไม่เห็นจะชมสักคำ

“อ่า ขอบใจ”

“เราชื่อน้ำตาลนะ เสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ไปกินข้าวกันไหม คือ คือว่า…”

ผมเลิกคิ้วรอ “เราชอบภาพมานานแล้วและ…”

“กรี๊ด แกออดี้ใครอะอยากเห็นหน้าคนขับ”

“หุ้ย หล่อมากเลยอ่ะ เรียนมหาลัยด้วยพี่เขามาหาใคร”

“กรี๊ดดดด ใครได้เป็นผัวต้องโชคดีอะรถหรูคนขับหน้าก็หล่อ”
จู่ๆเสียงของนักเรียนที่กำลังถ่ายรูปและแสดงความยินดีด้วยกันอยู่ก็ดังขึ้นเหตุมาจากรถออดี้สีขาวคุ้นตาขับมาจอดอยู่ตรงหน้าหอประชุมสถานที่ปัจฉิมนิเทศพร้อมกับเจ้าของรถที่ใส่เสื้อนักศึกษากับกางเกงสแลกทรงเดฟและรองเท้าที่หนังสีดำปลายแหลมเซตผมเปิดหน้าผากทำให้ดูหล่อและโดดเด่นลงมาจากรถและเจ้าของรถออดี้คันนั้นยิ้มมาให้ผมเมื่อเราสบตากันพอดี

โห เกิดว่ามาช้ากว่านี้ผมจะงอนจริงๆด้วย แต่ว่าแค่มางานผมแค่นี้มันต้องจัดเต็มเลยหรือไงวะ

เห็นไหมเนี่ย คนเขามองกันหมดแล้วพี่พร้อมม

คนอะไรวะ ทำให้น้อยใจแต่ก็ทำให้หวงได้

“พี่เขาหล่อมากเลย” เดี๋ยวนะเมื่อกี้ยังชมกันอยู่เลยและดูสายตาดิเป็นประกายเชียว

อย่าๆ คนนั้นเจ้าของเขายืนอยู่ตรงนี้

“อืม หล่อมาก”

“ใช่ ถ้าไปเป็นแฟนก็คงดี หล่อรวย”

รู้ละ จริงๆก็คงไม่ได้ชอบผมแค่เห็นว่าผมหน้าตาดีเท่านั้นแต่พอเจอคนที่ดีว่าก็จากไป

“ใช่ดี แต่พี่เขามีแฟนแล้ว”

“ว่าไงนะ” เพื่อนผู้หญิงตกใจตาค้าง

“แฟนพี่เขาก็เราไง”

“มะ ไม่จริง พูดเล่นละสิ ภาพน้อยใจใช่ไหมละที่เราชมพี่เขาด้วยแต่ยังไง…”

“พี่เขาเดินมาทางเราหรือเปล่าละ” ผมพูดขัด เพื่อนผู้หญิงก็หันหน้าไปมอง

“อะ อือเดินมา”

ผมยิ้มให้เธอก่อนจะหันหลังกลับไปมองพี่พร้อมที่กำลังเดินผ่าวงล้อมกล้องโทรศัพท์นับสิบที่กำลังถูกยกขึ้นถ่ายรูป

เห็นแล้วขัดจิตจริงๆนะทำไมต้องแต่ตัวดีขนาดนี้วะ

“ไปส่งงานอาจารย์มาน่ะเลยช้า” พี่พร้อมหยุดเดินมาอยู่ตรงหน้าผมแล้วพูดขึ้นแถมด้วยรอยยิ้มที่คนได้รับแล้วต้องยอม

“ครับ แล้วทำไมพี่ต้องแต่งตัวเต็มขนาดนี้ด้วย”

“ไปหาอาจารย์มาไง”

“เซทผมทำไม”

“มางานนายไง”

“ไม่ต้องแต่งหล่อก็ได้ครับ ผมหวง”

พี่พร้อมขมวดคิ้วทำหน้างง คิดทำแล้วมันน่ารักก็ทำบ่อยเลยสินะ

“ดะ เดี๋ยว” เสียงที่พูดกับผมก่อนหน้าพี่พร้อมจะมาดังขึ้น

 เอ้า ยังไม่ไปอีกหรอวะ

“พี่เป็น เอ่อ แฟนของภาพตะวันหรอคะ”

“อ่า ครับ” พี่พร้อมพูดแล้วยิ้มเขิน

หุ้ย น่ารักวะ นี่ตอนตกลงคบกันแรกๆไม่ใช่จะยอมรับหรอกนะว่าเป็นแฟนกัน ดีใจวะ

“โอเค เข้าใจแล้ว เราขอตัวก่อนโชคดีนะภาพ”

น้ำตาลโบกมือลาผมแล้ววิ่งหนี ย้ำว่าวิ่งหนีไปรวมกับกลุ่มเพื่อนและคงพูดกันแล้วแหละว่าผมกับพี่พร้อมนั้นไม่ใช่แค่พี่น้องกัน

หึ ดีครับไปพูดให้รู้กันหมดทุกคนเลยนะว่าผมกับพี่พร้อมเป็นแฟนกัน

“ทำหน้าอะไรอย่างนั้น” พี่พร้อมชะโงกหน้ามามองผมที่กำลังมองตามน้ำตาลเมื่อกี้

“ตลกเพื่อน” ผมแก้ตัวไป

“ไอซ์อยู่ไหนละ อยากถ่ายรูปด้วย”

“อะไรครับอยู่กับผมแต่ถามหาไอซ์ ใช่ได้ที่ไหน”

น่ะดู หาเรื่องให้น้อยใจได้ตลอดสิน่า นี่แฟนนะครับ

“นายก็อยู่กับฉันตลอดเวลา ยังจะมาน้อยใจอีก” ไม่พูดเปล่ายังเอามือมาขยี้และโยกหัวผมเล่นอีก

ดู้ แก่กว่าแล้วจะทำอะไรก็ได้หรอ

“ไม่รู้”

“ไปหาไอซ์กัน”

เหมือนจะไม่สนใจอารมณ์ของผมเลยจริงๆ เอาเถอะ ผมก็อยู่กับพี่พร้อมตลอดเวลาจริงๆนั่นแหละบ้านช่องนานๆทีจะกลับไปขลุกอยู่ที่ห้องพี่พร้อมเกือบทุกวันจนที่บ้านผมต้องโทรตามและถามทุกครั้งว่าแน่ใจนะว่าคนที่ไปอยู่ด้วยคือรุ่นพี่ สุดท้ายผมก็ยอมรับกับพี่บ้านว่ามีแฟนและแฟนเป็นผู้ชายซะด้วย ตอนแรกที่บ้านก็ตกใจแต่พอรู้ว่าเป็นพี่พร้อมแม่ก็คุยกับพ่อจนใจอ่อนนั่นแหละ ถึงจะรักผิดเพศตามธรรมชาติแต่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ที่บ้านเสียใจ นี่พ่อกับแม่ของผมยังอยากจะให้พาพี่พร้อมไปที่บ้านเลย

พาไปเปิดตัววันนี้เลยดีไหมเผื่อจะสนใจผมมากขึ้น เฮ้ยยย

“พี่พร้อมสวัสดีครับ” ไม่รู้ว่าพี่พร้อมหาไอซ์เจอได้ยังไง ผมอยู่มาตั้งแต่เช้ายังไม่เจอหน้ามันเลย “ถ่ายรูปกันครับ”

 ไอซ์ชวนพี่พร้อม แล้วก็พากันเดินไปถ่ายรูปที่ซุ้มต่างๆ โดยที่ทิ้งผมไว้ให้เดินตามอยู่ข้างหลัง

นี่ชวนมางานของภาพตะวันนะครับไม่ใช่ไอซ์

เดี๋ยวต้องทำท่างอนหน่อยละผมไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้นนะ

 

============

 

“เป็นอะไรน่ะ” พี่พร้อมเอานิ้วมาสกิดไหล่ผมหลังจากที่ถึงห้องพี่พร้อมแล้ว

ผมไม่สนใจเดินเอาของขวัญที่ได้จากเพื่อนไปไว้ห้องข้างๆห้องพี่พร้อมที่ตอนตอนนี้โดนผมยึดไปแล้วยกเว้นแต่เตียงนอนที่ใช่เตียงเดียวกับเจ้าของห้อง

หึ กำลังงอนอยู่ครับวันนี้ถ่ายรูปกับผมแค่ไม่กี่รูปเองแต่ถ่ายกับไอซ์เยอะกว่าอีก

“งอนหรอ”

ครับงอนรู้แล้วง้อด้วย

“เงียบทำไมอะ พูดสิ”

งอนอยู่จะให้พูดอะไรละ

“ภาพตะวันจะไม่พูดใช่ไหม” ถามผมเสียงเรียบแถมยังเรียกชื่อจริงอีกบวกกับสีหน้าที่บ่งบอกว่าจะไม่ง้อถ้าไม่รู้สาเหตุ

 “ว่ายังไง” เห็นผมเงียบก็เร่งเอาๆ

“วันนี้ผมชวนพี่ไปงานผมแต่พี่ถ่ายรูปกับไอซ์เยอะกว่าผมอีก”

“นายอายุเท่าไหร่แล้ว”

แหนะ มาคำพูดเดิมอีกแล้วชอบถามเรื่องอายุแล้วเดี๋ยวก็จะลามไปถึงความคิดไม่สมกับอายุแล้วไงวะ คนเป็นแฟนกันก็ต้องใส่ใจให้มากกว่าคนอื่นดิ

“ไอซ์สนิทกับนายไหม นายรู้นิสัยไอซ์ไหม”

“…”

“ตอบสิ” พี่พร้อมถามเสียงเรียบก่อนเดินไปเทน้ำใส่แก้วสองใบก่อนยกขึ้นดื่มหนึ่งแก้วด้วยท่าทางสบายๆและยกอีกแก้วน้ำมาส่งให้ผม

ขอบคุณครับ แต่จะไม่พูดออกไปตอนนี้หรอกนะ

“รู้ แต่ว่าผมน้อยใจไง”

“ตอนถ่ายรูปคนชวนก็ไอซ์เป็นคนเริ่มก่อนแล้วนี่ก็สนิทกันจะปฏิเสธได้ไง ไอซ์ก็เหมือนน้องแท้ๆของฉันนะ”

“รู้แล้ว”

“รู้ว่า…”

“ผมผิดเองแหละ ที่งี่เง่า”

“บอกว่าไม่ให้โทษตัวเองไงการน้อยใจคนเป็นแฟนถือว่าไม่ผิดหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ชอบให้นายโทษตัวเองในเรื่องที่ควรจะเป็นด้วย”

เนี่ย จะงอนทีไรก็เป็นแบบเนี้ยไม่เคยที่พี่พร้อมจะง้อเหมือนคนอื่นสอนผมด้วยตลอด แต่มาคิดดูอีกทีก่อนที่พี่พร้อมจะยอมตกลงคบกับผมช่วงที่ผมตามตื้อพี่แกก็ตั้งมั่นไว้ว่าจะไม่คบเด็กเพราะมันงี่เง่า ไร้เหตุผลแล้วเพราะอะไรพี่พร้อมถึงตกลงคบกับผมทั้งๆที่ผมก็เหมือนจะมีสิ่งที่พี่พร้อมไม่ชอบอยู่แสดงว่าพี่แกต้องมั่นใจในตัวผมแค่ไหนอะว่าจะไม่ทำให้เสียใจ

โอ้ย ไอ้ภาพต้องรีบปรับปรุงนิสัยโดยด่วนจะทำให้คนที่มึงรักลดความเชื่อมั่นไม่ได้นะเว้ย

“ครับ ผมจะไม่ทำอีก”

“ไหนดูดิหงอยเลย เดี๋ยวเย็นนี้พาไปเลี้ยง”

พี่พร้อมไม่เคยโกรธผมเลยสักครั้งที่ผมเป็นแบบนี้ แถมยังใจดีอีกต่างหาก

“กอดหน่อยดิ” ผมอ้อน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่พร้อมจะอิดออดแต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้วกอดผมก่อนเลย

พี่พร้อมขยับเข้าใกล้ๆแล้ววาดวงแขมมากอดผม

อุ่นชิบหาย พี่พร้อมแม่งน่ารักได้ตลอด ผมโกรธไม่เคยลงงอนไม่เคยสุดเพราะอย่างที่เห็นเมื่อกี้

“ผมมีเรื่องจะบอก”

พูดทั้งๆที่ยังกอดกันอยู่

“ว่า”

“ผมรักพี่นะ”

“รักเหมือนกัน”

“ขอโทษที่ทำให้พี่เหนื่อยใจ”

“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าสอนเด็ก”

“หุ้” ต่อไปจะไม่ทำนิสัยเด็กแล้ว

“ฮ่าๆ” พี่พร้อมหัวเราะแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม

ดูดิ ทำแบบนี้อ่อนโยนเกินไปแล้ว

“พี่พร้อม”

“อือ”

“ผมสอบติดสถาปัตย์ม.เดียวกับพี่อะ”

นี่คือสิ่งที่พี่เขาไอยากรู้มาตลอดแต่ผมไม่เคยบอกเพราะเซอร์ไพสกำลังคิดอยู่จะเอาหรือไม่เอาดีแต่ยิ่งได้อยู่กับพี่พร้อมก็รู้ว่าห่างไม่ได้แล้ว พี่พร้อมกลายเป็นสารเสพติดสำหรับไปแล้ว

“จริงดิ”

“ดีใจไหม”

“ดีใจ”

“โกหก” ผมผละออกจากอ้อมกอดพี่พร้อมเปลี่ยนมาจับมือไว้แทนเพื่อจะมองหน้าคนบอกว่าดีใจ

“จริงๆ”

“ไม่เหมือนคนดีใจ”

“แล้วคนดีใจมันต้องเป็นยังไง”

“รางวัล”

พี่พร้อมขมวดคิ้วงง “จะเอาอะไรละ”

ผมยิ้มมีเลศนัย ถามแบบนี้ก็เข้าล็อก

“นี่กับนี่ เลือก” ผมชี้ที่แก้มกับปากตัวเอง

หลังจากนั้นพี่พร้อมแก้มก็ขึ้นสีเลย เขินอีกแล้วหรอเมื่อไหร่จะชินหอมแก้มก็หลายรอบจูบไปแล้วก็หลายที

“ไอ้เด็กแก่แดด”

“เอ้าๆ ห้ามด่าตัวเองเป็นคนถามนะว่าอยากได้อะไร”

“หมายถึงสิ่งของโว้ย” มีวะโว้ยนะเดี๋ยวนี้

“งั้นผมเลือกให้ เอาทั้งสองอย่างนี้แหละ” พูดจบผมก็กดปากตัวเองลงไปหอมแก้มพี่พร้อมซ้ายขวาแล้วก็เอามือทั้งข้างของตัวเองประคองหน้าพี่พร้อมก่อนจะกดจูบลงไปที่ปากสวยๆนั่น พี่พร้อมจูบตอบเหมือนทุกครั้งและทุกครั้งก็เป็นแค่ปากแตะกันกดจูบย้ำธรรมดาแต่วันนี้มันไม่ธรรมดาเพราะฉะนั้นผมอยากดิฟคิสกับพี่พร้อม

ผมค่อยๆใช้ลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากของพี่พร้อมดูเหมือนพี่แกจะตกลงใจพยายามดันตัวผมออกแต่ผมล็อคหน้าไว้แน่นทำให้ไม่สามารถขยับหนีได้ ผมยังดำเนินการต่อไปเรื่อยๆกวาดความหวานในปากของพี่พร้อมจะเกือบหมด ผมถอนจูบให้พี่พร้อมได้หายใจ คนโดนจูบก็รีบโกยอากาศเข้าปอดแต่ผมนี่สิพึ่งรู้ว่าดิฟคิสมันทำให้เกิดอารมณ์อย่างห้ามไม่อยู่

“อื้อ” ผมไม่ปล่อยให้พี่พร้อมหายใจนานก้มไปจูบอีกรอบและมือไม้ผมก็เริ่มไม่อยู่สุขแล้วเลื้อยไล้ไปตามผิวนุ่มไม่หยุด แล้วกดจมูกลงไปสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆก่อนจะทิ้งรอยแสดงความเป็นเข้าของที่ซอกคอสวย จูบไล้ไปตามไหลปลาร้าแล้วกลับมาจูบที่แก้มกับปากสวยใหม่

“ภาพพอก่อน” คนที่โดนรุกตาช้ำปรือเหมือนพยายามความคุมสติตัวเองอยู่รีบบอกหลังจากปากเป็นอิสระ

“ขอได้ไหมครับ” เครื่องมันติดแล้วอ่ะ น้องผมมันรู้สึกแล้วด้วย

“คือ...” พี่พร้อมหลบสายตาเม้มปาก

“นะ” ผมพูดเสียงอ้อนนิ้วมือยังคงไล้ไปตามสีข้าง

ดูพี่พร้อมตอนนี้ดิโคตรยั่วอ่ะ เสื้อนักศึกษาถูกเลิกขึ้นไปนิดหน่อยจนเห็นช่วงเอวบางกับปากที่บวมเจ่อหลังจากโดนจูบ ใครทนได้ก็เป็นรูปปั้นแล้ว

“เอาจริงหรอ” สายตาพี่พร้อมดูกลัวมากเลยอะครับ

ผมก็เห็นใจนะแต่น้องของผมก็เจ็บเหมือนกัน

“แค่ข้างนอกก็ได้นะ ผมทรมาน”

“อะ อือ” พี่พร้อมครางตอบ

ดูสิครับตอบแค่นี้ก็ต้องครางรับด้วย เรียกอารมณ์กันเกินไปแล้ว

แต่ถึงอยากทำมากกว่านี้แค่ไหนก็ตามสัญญาครับว่าแค่ข้างนอก ผมรูดซิปกางเกงตัวเองลงในขณะที่สายตายังคงจ้องไปที่พี่พร้อมที่แก้มแดงแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าผมมองพี่เขาแบบนี้ไหนแต่หน้าพี่เขาตอนนี้น่ารักมาก

“ช่วยผมหน่อย” ผมจับมือพี่พร้อมให้มาสัมผัสกับตัวตนของผมพร้อมกับนำพาให้

พี่พร้อมทำหน้าเหมือนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมทำตามที่ผมต้องการ ผมปล่อยมือที่จับมือพี่พร้อมอยู่แล้วเอื้อมไปรูดซิปกางเกงของพี่พร้อมและสัมผัสตัวตนของพี่เขาแบบที่พี่พร้อมทำให้ผมอยู่

พี่พร้อมก็เกร็งตัวเลยเหมือนจะตกใจด้วย หน้าพี่พร้อมตอนนี้ตลกชะมัดเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก โคตรเอ็นดูอะ ผมเลยก้มไปกดจูบแล้วดิฟคิสกับพี่เขาอีกรอบในขณะที่มือของแต่ละคนยังทำหน้าที่ได้ดี

“อื้อ พะ พอแล้ว” พี่พร้อมบอกเสียงหอบเมื่อต่างคนต่างถึงจุดที่มีความสุขด้วยกันก่อนจะปล่อยมือจากการกอบกุมตัวตนของผมอยู่ หันไปหยิบทิชชู่มาเช็คคราบที่เลอะออกจากมือของผมและตัวเองแล้วก็ก้มหน้างุด จะมาเขินอะไรเล่ามันก็เหมือนช่วยตัวเองนั่นแหละต่างแค่ไม่ใช่มือตัวเองแค่นั้น

“รักนะครับ” ผมขยับตัวไปใกล้ๆแล้วก็ยกมือขึ้นกอดคนขี้เขิน

ผมโคตรมีความสุขเลยไม่คิดว่าจะยอมขนาดนี้

 “รู้แล้ว”

“เขินหรอ” ผมชะโงกดูคนที่หันหน้าหนี “ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”

“ไอ้เด็กทะลึ่ง”

“เอ้า พี่ยังเคลิ้มเลย”

“หยุดพูดเลยนะ” อ่า หน้าแดงใหญ่แล้วครับมันน่ารักมากๆเลย

พอแล้วๆไอ้ภาพอย่าไปแหย่ เห็นเขินแบบนี้ยิ่งจะห้ามใจไม่อยู่

“รักผมไหม” ผมกอดด้านข้างแล้วเอาหัวพิงไหล่ของพี่พร้อมและถามขึ้นอีกทั้งๆที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“รักสิ ถามหลายรอบแล้วนะวันนี้”

“อยากฟังพี่พูดว่ารักผมหลายๆรอบไง”

“พูดว่ารักหลายๆรอบกับพูดทุกวันนี่เอาอะไร”

“เอาพี่ได้ไหมครับ โอ้ย” พูดยังไม่ทันจบดีพี่พร้อมก็เอื้อมมือมาหยิกผมจนร้องเสียงหลง

ทำไมทำร้ายกันแบบนี้อ่ะ

“เจ็บอะ เป็นแฟนกันแล้วยังใจร้ายอีกหรอ” เจ็บจริงๆไม่ใช่ตอแหลใดๆ มือพี่พร้อมหนักจะตาย

“ทะลึ่งไง”

“อยู่กันสองคนไม่มีใครรู้หรอกครับ”

“พอได้แล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยจะพาไปเลี้ยงข้าว” ไม่พูดเปล่าพร้อมกับขยับตัวเป็นการบอกให้ปล่อย

“ก็ได้”

ฟอด

ผมอดไม่ได้ที่จะกดจมูกสูดเอาความหอมจากแก้มนิ่มๆนั่น

น่ารัก อยากขย้ำโว้ย

“ไอ้เด็กหื่น” พี่พร้อมผลักผมออกแล้วจัดกางเกงตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ผมนั่งยิ้มนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว

เพราะพี่พร้อม ใจดี อ่อนโยน ไม่เคยโกรธเวลาผมงี่เง่ามีเหตุผลเสมอแบบนี้ผมจะไปไหนรอดอยู่ที่เดิมนี่แหละครับเพิ่มเติมแค่ข้างๆมีพี่พร้อมตลอดไป

รักนะครับ...

 

 

งือออ มันบรรยายากจริงๆนะ ฉากเรียกเลือดเนี่ย
ขอแบบอนุบาลๆไปก่อน แต่งไปก็เขินไป
ไม่ไหวๆๆ

 :hao7:
 

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นิยายfeelgood ชอบๆ ตัวละครน่ารัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Special past : กลับบ้าน


 
“ภาพเก็บของครบหมดยัง”

ผมตะโกนถามเด็กที่เคยหัวเกรียนแล้วเปลี่ยนมาเป็นทรงอันเดอร์คัทที่นั่งดูหนังอยู่บนโซฟา

“ครบแล้วครับ” ตอบแบบไม่หันมามองหน้า

ขอให้ของมันครบจริงๆเถอะ ไม่ใช่ไปครึ่งทางแล้วบอกว่าลืมนะ จะสมน้ำหน้าให้

 พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านแล้วก็ถือโอกาสพาภาพตะวันไปเปิดตัวกับที่บ้านอย่างเป็นทางการ

ที่จริงผมบอกกับที่บ้านแล้วแหละว่ามีแฟนแล้วแถมยังเป็นผู้ชายอีกและก็เป็นเด็กที่เคยไปบ้านครั้งที่แล้ว แม่กับย่านี่นิ่งอึ้งไปเลยแต่พอตั้งสติกันได้ก็พากันบอกว่าให้พามาที่บ้านอีกจะทำกับข้าวต้อนรับและสอบปากคำอย่างละเอียด

พอเลยครับได้ยินคำว่าจะสอบปากคำอย่างละเอียด สองอาทิตย์ก่อนภาพตะวันพาไปที่บ้านของเจ้าตัวมาผมนี่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยตอนอยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ของภาพตะวัน ที่ตอนแรกก็เป็นคนติวให้แต่สุดท้ายก็มาเป็นแฟนกันซะอย่างนั้น

ตอนแรกผมก็กลัวนะว่าพ่อกับแม่ภาพตะวันจะรับไม่ได้แต่กลายเป็นว่าต้อนรับซะอบอุ่นแถมยังมีโอกาสได้คุยกับพ่อของภาพตะวันเป็นการส่วนตัวให้ความรู้สึกว่าที่จริงแล้วพ่อของภาพตะวันรักเจ้าตัวมากยอมรับว่าตอนแรกก็ตกใจแต่ก็ไม่อยากจะทำให้ลูกเสียใจอีกไม่ว่าภาพตะวันจะเป็นยังไงหรือชอบอะไรเขาก็รักและยอมรับขอแค่เป็นคนดีก็พอ ส่วนแม่ของเด็กหัวเกรียนดูเหมือนว่าจะชอบผมอยู่ก่อนแล้วมั้งทุกวันนี้ที่ไปบ้านก็เอาแต่เรียกหาผมมากกว่าลูกของตัวเองจนภาพตะวันจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้ว

“พี่พร้อมทำอะไรน่ะ” คนที่กำลังดูหนังต่อสู้อย่างดุเดือดหันมาเรียกผมที่กำลังเช็คของอีกรอบว่าเก็บครบหมดหรือยัง

“เช็คของอยู่”

“พี่เช็คตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ภาพตะวันหันไปกดหยุดหนังที่เล่นไว้ก่อนจะลุกเดินมาหาผม

“ก็ไม่แน่ใจไง เย็นนี้ซื้อของไปฝากที่บ้านกัน” ผมหันมาบอกคนเด็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆหลังจากที่เช็คของเสร็จและรูดซิปกระเป๋าแล้ว

“โอเค งั้นเย็นนี้ไปซื้อของมาทำกินที่ห้องกันอยากกินข้าวผัด”

ผมเลิกคิ้ว “ไม่เบื่อหรือไง” เมื่อเช้าก็กิน

“พี่ทำอร่อย”พูดแล้วยิ้มกว้าง

“งั้นเดี๋ยวทำอย่างอื่นเพิ่มด้วย” กินแต่ข้าวผัดอย่างเดียวฝืดคอตาย

“ครับ”

ฟอด

พูดเสร็จก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเต็มๆก็จะรีบวิ่งออกไปนั่งดูหนังเหมือนเดิม

ดูมันครับ เข้าใจนะว่ารักมากแต่ทำแบบนี้มันก็ไม่หายเขินหรอกนะเว้ย

“เอ้าๆ หน้าแดงจนจะระเบิดอยู่แล้วมาดูหนังกันครับ” ภาพตะวันกวักมือเรียกและตบโซฟาข้างๆตัวเองเรียกผม

ยังจะมีหน้ามาพูดแหย่อีกนะ เด็กบ้าเอ้ย

 

 
============




“พี่พร้อมขับไหวไหมเนี่ย” ภาพตะวันถามขึ้น

ตอนนี้เราแวะพักรถกัน ได้ครึ่งทางแล้วคาดว่าน่าจะถึงบ้านผมช่วงเย็น

“ไหวสิ ขับกลับเองออกบ่อย” ผมบอกด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“กลับจากบ้านพี่ผมจะไปเรียนเพิ่มแล้วทำใบขับขี่”

เด็กน้อยมุ้ยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ที่ตัวเองที่ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้

ผมเลยยกมือขึ้นไปบีบท้ายทอยของของเด็กขี้น้อยใจตัวเองเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า หน้าเครียดเกินไปละ”

“ก็อยากช่วยอะ ไปไหนมาไหนพี่ก็ขับเองตลอด”

“โทษตัวเองหรือเปล่า” ผมไม่ค่อยชอบคนโทษตัวเองในเรื่องที่ไม่สมควรนะโดยเฉพาะไอ้เด็กตรงหน้ามันชอบโทษตัวเองเกือบทุกเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้

“เปล่าครับ” แหนะ หลบสายตา

ดูหน้าก็รู้แล้วเหอะ

“ฉันไม่ชอบคนที่โทษตัวเองนะ” ผมย้ำอีกรอบแต่ไม่ขยายความนั้น

“ครับไม่ได้โทษตัวเอง”

“น้อยใจตัวเองก็ไม่ชอบ”

“รู้แล้วๆ” ภาพตะวันหันมายิ้มให้หน่อยๆก่อนเอื้อมมือไปจับมือผมที่ยังบีบท้ายทอยของเจ้าตัวอยู่

“รักชิบหายคนเนี่ย”

เออ แล้วแต่เถอะจะทำให้เขินให้อายที่ไหนก็เอา

“อืม รักแล้วก็ฟังที่พูดด้วย ไปกันเดี๋ยวถึงบ้านค่ำ”

ภาพตะวันพยักหน้าแล้วเราก็พากันเดินขึ้นรถขับออกไปยังบ้านผม

 


=============

 


“คุณสร้อยคะ คุณพร้อมถึงบ้านแล้วคร้าาา” เสียงพี่จี๊ดดังลั่นบ้านหลังจากที่ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่โรงรถของบ้านตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีครับ” ผมลงจากรถแล้วยกมือไหว้น้าไหมที่ยืนรอรับอยู่กับพี่จี๊ดที่พึ่งออกมาจากตัวบ้านหลังจากที่น่าจะวิ่งไปบอกแม่ผม

“สวัสดีครับ” ภาพตะวันที่พึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมก็ยกมือไหว้ทั้งสองคนเหมือนกัน

“หืม น้องหน้าคุ้นๆนะคะ” พี่จี๊ดทัก

“ผมเคยมาแล้วครับ”

“แฟนคุณพร้อมใช่ไหมคะ โอ้ยยน้าไหมๆ” พี่จี๊ดถามไม่ทันจบน้าไหมก็ยกมือขึ้นมาหยิกสีข้างซะก่อน

“เสียมารยาท นะจี๊ด”

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับถามได้ ผมเป็นแฟนพี่พร้อมครับ” ภาพตะวันหัวเราะอย่างปิดไม่อยู่ก่อนจะบอกในสิ่งที่พี่จี๊ดอยากรู้

ส่วนผมหรอ ก็เฉยๆน่ะครับแต่ใจเร้นแรงมาก

ทำไมไม่ชินก็ไม่รู้

“หล่อนะคะเนี่ย ยิ่งทำผมทรงนี้ยิ่งหล่อ” พี่จี๊ดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ไอ้เด็กที่โดนชมก็ยิ้มเขินไม่ต่างกัน

“มาค่ะ เดี๋ยวน้าช่วยยกของ” น้าไหมบอกผมกับภาพตะวันเลยเดินไปเปิดกระโปรงหลังรถเพื่อหยิบกระเป๋าและของฝากออกมาโดยมีน้าไหมและพี่จี๊ดช่วย

“ขอบคุณครับ”ผมบอก “ย่ากับแม่ละครับ”

“คุณหญิงอยู่มีแขกค่ะส่วนคุณสร้อยเข้าครัวอยู่พี่ไปเรียนให้แล้วว่าคุณพร้อมมากถึง” พี่จี๊ดบอก

“ครับ”

“ลูกชายแม่ ไหนหอมหน่อยสิ” ทันทีที่ขาแตะพื้นในตัวบ้านเสียงของแม่ก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินออกมาจากห้องครัวในชุดที่ยังไม่ถอดผ้ากันเปื้อน

ผมยิ้มเมื่อเห็นแม่แล้วยื่นแก้มซ้ายขวาให้แม่หอมตามที่ต้องการ

“สวัสดีครับ”ภาพตะวันยกมือไหว้แม่ผม

“สวัสดีจ้ะ แหม่หล่อมากเลย หล่อกว่าลูกชายแม่อีกนะเนี่ย”

แม่ครับ เรื่องนี้ผมจะไม่ยอม

“ใครก็ว่าแบบนั้นครับ” ไอ้เด็กโดนชมยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม มีความสุขมากเลยสินะ

“น่ารักที่สุด ไปพักผ่อนก่อนนะแม่ไปทำกับข้าวก่อนแล้วลงมาทานเย็นนี้ข้าวกัน” แม่ไม่ได้พูดกับผมครับแต่พูดกับภาพตะวันแถมยังเอามือไปโอบเอวเอ็นดูอีกนะ

เอาละผมเริ่มรู้ถึงความเป็นหมาหัวเน่าละ

เหมือนโดนเอาคืนทางอ้อม

“แม่ครับ ไม่กอดผมแล้วหรอ” ไม่ใช่เรื่องเลยนะเนี่ยที่จะมาน้อยใจอะไรแบบนี้

“เราน่ะกอดบ่อยแล้ว นี่ลูกชายคนใหม่แม่ต้องเอาใจซักหน่อยสิ”

“แม่ครับ” ผมเรียกด้วยเสียงอ่อนใจ

นี่ผมแม่ผมจะไม่สนใจกันจริงๆใช่ไหมเนี่ย

ผมแกล้งทำหน้าบึ้งจนแม่ต้องเดินมาลูบหัวแล้วก็ไล่ให้ไปพักพอถึงเวลาอาหารเย็นแม่จะให้พี่จี๊ดไปตาม

ผมยิ้มให้แม่ก่อนจะเดินขึ้นห้องพร้อมกับลูกชายคนใหม่บ้านนี้

“แม่พี่พร้อมน่ารักมาก” ภาพตะวันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของผมแล้วพูดขึ้น

“แน่นอน”

“แต่พี่กำลังจะโดนทิ้งนะ เพราะผมจะกลายเป็นลูกรักของที่นี่แล้ว”

ผมยิ้มกับความคิดนั้น “สลับกันละมั้ง บ้านนายแม่นายก็รักฉันมากกว่า”

“ก็เท่ากันดีนะ ไม่มีใครเสียเปรียบไง”

“เด็กบ้าเอ้ย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป”

“ครับ”

ฟอด

มันเอาอีกแล้วครับ หอมแก้มทีกันทีเผลออีกแล้ว

เขินโว้ยยย

 


 หลังจากที่ทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้วย่าแม่ผมและภาพตะวันก็พากันนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นเพื่อทำการสัมภาษณ์เรื่องที่ผมมีแฟนอย่างจริงจัง

“เรียนชั้นไหนแล้วเรา” ย่าถามภาพตะวันที่นั่งอยู่ข้างๆผม

“ขึ้นปี 1 ครับ”

“หรอ อ่อนกว่าพร้อม 2 ปีหรือเนี่ย”

“ครับ”

“แล้วเรียนที่ไหนคณะอะไรละ”

“เรียนสถาปัตย์ครับ มหาลัยเดียวกับพี่พร้อมนี่แหละ”

“เจ้าพร้อมนี่มีอะไรดี”

อ้าว ย่าครับถามแบบนี้หมายความว่ายังไง

“ฮ่าๆ น่ารักดีใจ นิสัยดี ใจดีด้วย” ภาพตะวันตอบแล้วเอามือตัวเองมากุมมือผมอยู่ใต้โต๊ะ

ส่วนผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าอมยิ้ม

“เฮ้ย ย่าก็ไม่คิดว่าพร้อมจะมีแฟนเป็นผู้ชายเลยนะ แต่ก็ทำใจไว้นานแล้วแหละเพราะหลานย่าไม่เคยมีแฟนเลยผู้หญิงสักคนก็ไม่เคยเห็นคุย” ย่าพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“ภาพไม่ต้องตกใจที่ย่าพูดเมื่อกี้นะลูก ถึงลูกชายแม่จะมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ก็ดีใจมากๆเลยละที่พร้อมจะไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว” แม่ผมพูดบ้างเพราะหลังจากที่ย่าพูดเมื่อกี้เหมือนสีหน้าของภาพตะวันจะหดลงไปนิดหน่อย

“ใช่ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมรับนะแค่ตกใจน่ะ มันก็ทันหัน มานี่มาย่ากอดหน่อย”

ย่าผมพูดพร้อมกวักมือเรียก ส่วนไอ้เด็กที่กำลังจะเป็นลูกรักบ้านนี้ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วเดินไปนั่งให้ย่าผมกอดจนชื่นใจ

“ดูสิย่าพูดแค่นี้หน้าเสียเลย ย่ากับแม่สร้อยรับเราเป็นลูกบ้านนี้แล้วนะถ้าตาพร้อมเกเรก็ฟ้องได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” ย่าผมบอกแล้วลูบหัวภาพตะวัน

ผมนั่งยิ้มอย่างมีความสุข บอกแล้วครับว่าบ้านผมน่ะอบอุ่นไม่ว่าใครจะเป็นยังไงขอแค่นิสัยดีไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนที่บ้านผมก็รับได้หมด

 


“พี่พร้อม” ภาพตะวันเรียกผมหลังจากที่ปล่อยให้แม่กับย่าสัมภาษณ์กันจนเสร็จแล้วก็พากันแยกย้ายไปพักผ่อน

“ว่าไง” ผมไม่ได้หันไปมองหน้าเด็กที่ถามเพราะกำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำอยู่

“พี่พร้อม”

“พูดสิ”

กำลังหาของอยู่ครับ จะพูดก็พูดมาเลย

หมับ

“ทำอะ...อื้อ” เห็นว่าเงียบไม่ยอมพูดผมเลยจะหันหน้าไปมองว่าเป็นอะไรทำไมไม่พูด แต่พอหันหน้ามาและยังพูดไม่จบประโยคดีไอ้เด็กที่เงียบไม่พูดต่อก็ก้มหน้าลงมาจูบผมซะอย่างนั้น

“เป็นอะไร” ผมถามหลังจากที่มันปล่อยแล้วแต่ว่ามือยังโอบเอวอยู่

“รัก”

“รู้แล้ว”

“ไม่ใช่”

ผมขมวดคิ้วไม่ใช่อะไรวะ

ไอ้เด็กที่พูดไม่รู้เรื่องหลบสายตาแล้วเม้มปากก่อนจะพูด “ผมอยากรักพี่”

คำพูดของมันแปลได้สองทางนะ ไม่สิบแปดบวกก็ขอรักผมแบบจริงจัง

“ใครห้ามกันเล่า” หวังว่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน

“พี่พูดแล้วนะ” สายตามันดูเป็นประกายแปลกนะ มีความเจ้าเล่ห์ซ้อนอยู่ด้วย

“ก็รักมาตั้งนานแล้วนี่”

“อยากรักเพิ่มขึ้น”

“เอาสิ”

คงพูดเรื่องเดียวกันนั่นแหละ

เด็กตรงหน้ายิ้มร้ายก็จะก้มลงมาจูบปากผมแล้วสอดลิ้นเข้ามาในปากหยอกล้อกับลิ้นของผม เล่นเอานี่งงไปเลยอยากจะจูบก็ทำแบบไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้หรอ แต่ที่งงกว่าคือมือไม้มันอยู่ไม่สุขเลยครับ ไล้ไปทั่วตัวผมแล้วเนี่ยและ หลังจากนั้นมือของไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ก็เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆแล้วไปหยุดที่ก้นผมบีบเบาๆเป็นการหยอกล้อก่อนจะลูบวนอยู่แบบนั้น ผมรู้แล้วว่าอยากรักของมันคืออะไร แผนสูงเอ้ย

“ดะ เดี๋ยว” ผมรีบห้ามช่วงที่ภาพตะวันปล่อยให้หายใจ ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์เลิกคิ้วทำหน้าใสซื่อก่อนจะยกยิ้มร้ายแล้วก้มหน้าลงมาจูบผมใหม่อย่าอ่อนโยน

“พี่อนุญาตแล้วนะ” กระซิบซะเสียงอ้อนเลยนะ

“แต่..”

“ไม่ต้องกลัวครับ ผมทำไม่แรงแต่ถ้าเกิดว่าพี่ต้องการแรงๆก็บอกกันได้”

“ไอ้เด็กบ้า จะทำแล้วมีอุปกรณ์หรือไง” ถามไปก็เขินไปครับ ยอมรับว่าตั้งแต่ครบกันมามากสุดแค่ให้ช่วยกันเท่านั้นแต่นี่มันมากเกินไป มันต้องเตรียมพร้อมหลายอย่างอยู่นะ ตอนที่ภาพตะวันขอครั้งที่แล้วไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้นะแต่ว่ามันเขินจริงๆแล้วทุกครั้งเด็กนี่ก็ชอบสงสารผมยอมไม่ทำแล้วตัวเองก็ทรมาน

สงสัยครั้งนี้คงทนไม่ไหวแล้วมั้ง ผู้ชายบางที่ก็ต้องการมากกว่าภายนอกอะครับนี่เข้าใจ

บอกคำได้เลยว่า เขินครับ

“เรียบร้อยครับ” ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ผละออกจากผมแล้วเดินไปเปิดกระเป้ของตัวเองแล้วล้วงของในกระเป๋าออกมาโชว์ให้ผมดู

เจลหล่อลื่น กล่องถุงยางหลายกลิ่น และยาแก้อักเสบ

อ่า สงสัยจะเตรียมพร้อมมานานแล้วแหละ

เห้ยยย ตอนนี้แก้มผมจะระเบิดอยู่แล้วละ

“ได้ไหมครับ”

“อือ...” ตอบไม่เต็มปากหายใจไม่ทั่วท้อง

“อะไรนะ” ไม่ได้ยินใช่ไหม

“ไม่ได้ จะไปอาบน้ำแล้ว” ผมผลักอกของเด็กเจ้าเล่ห์เบาๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำไป

แต่ผมว่าผมคิดผิดนะที่เดินเข้ามาในห้องน้ำเพราะมันเป็นที่ครับแคบและ “ในนี่เก็บเสียงดีนะครับ” ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์เดินตามผมเข้ามาพร้อมอุปกรณ์ในมือครบ

ภาพตะวันยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มชัดเจนแล้วเดินเข้ามาหาผมที่ทำหน้าเอ๋อช้าๆแล้วก้มหน้าลงมาจูบปากผมอีกครั้งอย่างดูดดื่มหลอกให้เคลิ้มแล้วหลังจากนั้นก็นั่นแหละครับผมหนีมันไม่ได้ ที่แคบและถูกตัวใหญ่ๆของมันเบียดจนขยับไม่ได้หมดหนทางแบบนี้ผมคงต้องยอมอย่างเดียวแหละครับ

“รักนะครับ”

ผมเริ่มจะเกลียดคำนี้ของภาพตะวันซะแล้ว...

 

 
นานวันเข้าภาพตะวันก็จะยิ่งหื่น
ยิ่งอยู่ใกล้ๆพี่พร้อม ภาพตะวันก็จะยิ่งทนไม่ไหว
ปิดเรื่องแล้วนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามมาตลอดค่ะ
รักที่สุด จุ๊บๆๆๆๆ

:-[ :-[

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โงยยยยยน่ารักกก ตอนแรกคิดว่าพี่พร้อมจะโหดกับน้องเสียแล้ว55555 ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
น่ารักไปหมด ฮื่อออ  :-[ ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ นี้นะคะ

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ shilyf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ mamamamuay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เด็กภาพร้ายนัก  ขอบคุณนะคะ อ่ารทีเดียวเลย สนุกสุดๆ

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เด็กมันร้ายยย  :hao3:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
12



 

รถออกจากมหาลัยตั้งแต่หกโมงเช้ากว่าจะเข้าตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็เกือบบ่ายสามแถมยังต้องเปลี่ยนรถขึ้นดอยจากรถบัสเป็นสองแถวทำให้เสียเวลาไปพอสมควรกว่าขึ้นถึงบนดอยก็เกือบหกโมงเย็น
ไม่ใช่แล้ว กทม.-ชม.ใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมงจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนไปได้สองทางคือทางแม่แจ่ม-แม่สะเรียง กับทางปาย ซึ่งทั้งสองทางใช้เวลาอย่างต่ำ5ชั่วโมง
ถ้าออกจากกทม.6โมงเช้า เดินทางโดยไม่หยุดเลยจะถึงแม่ฮ่องสอนประมาณ2ทุ่ม
แม่ฮ่องสอนมีสนามบิน ที่พิเศษคือมีถนน(ที่รถยนต์วิ่ง)ผ่ากลางรันเวย์เลย


12
ชาวบ้านบนดอยทำอาหารเลี้ยงต้อนรับ เป็นอาหารพื้นบ้านที่ผมกินแล้วนึกถึงที่บ้านเลยอร่อยมากๆ โดยเฉพาะแกงเลียงรสชาติเหมือนแม่ทำจนต้องนั่งซดน้ำแกงอยู่เป็นคนสุดท้าย
แกงเลียงเป็นอาหารของภาคกลาง ทางภาคเหนือจะมีแกงแค แกงอ่อม เป็นอาหารพื้นบ้าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2020 17:53:10 โดย Musashi »

ออฟไลน์ phai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อยากอ่านตอนพิเศษอีกจังค่ะะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด