-interested me please - พี่ครับอย่าใจร้าย...(ตอนพิเศษ P.2 ) --- 17/3/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -interested me please - พี่ครับอย่าใจร้าย...(ตอนพิเศษ P.2 ) --- 17/3/2561  (อ่าน 17838 ครั้ง)

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





 
บทนำ

ผมไม่ชอบคนเด็กกว่าเพราะมันงี่เง่า เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล
ผมง้อใครไม่เป็น
ผมระวังคำพูดเสมอไม่ให้คนฟังเสียความรู้สึก
ผมไม่ค่อยพูดมาก
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดไปมันคือความจริงเกี่ยวกับตัวผม 
ผมคือ พจณิชา มันแปลว่า ผู้มีคำพูดบริสุทธิ์ และผมก็เป็นอย่างนั้นเสมอมา
แต่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ทำให้สิ่งที่ทำให้ผมยอมบิดพลิ้วในคำนิยามตัวเองไปสักข้อสองข้อ...




(พี่พร้อม อยู่ไหนอ่ะผมถึงร้านแล้วครับ)

“พึ่งเรียนเสร็จรอ 10 นาที”

(ครับ ให้ผมสั่งอะไรเผื่อไว้ไหม)

“เอาน้ำเปล่ากับเครปเค้ก”

(ครับผม)

“ไอ้พร้อมวันนี้สอนพิเศษเปล่าวะ” ผมหันไปหาไอ้กรที่เดินลงบันไดตามกันมา

“สอน มีไร” ผมก้มลงเก็บโทรศัพท์หลังจากที่พึ่งคุยกับน้องไอซ์เด็กที่สอนพิเศษฟิสิกส์ให้ก่อนตอบไอ้กร

“ว่าจะชวนไปดริ๊ง”

“ไม่รับปากวะ มะรืนไอซ์ไปสอบตรงวันนี้ว่าจะติวให้หนักหน่อย”

“ซะอย่างนั้น นี่มึงก็อย่าเคร่งจนน้องเครียดละ”

“ไอซ์หัวไวจะตายกูอัดให้แป็ปเดียวก็เกทละ แต่เดี๋ยวยังไงกูบอกอีกที”

“โอเค”
ผมโบกมือลาให้เพื่อนสนิทแล้วขับรถไปยังห้างใกล้ๆมหาลัยซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายสอนพิเศษ
เริ่มต้นรับสอนพิเศษ คือ ไอซ์เป็นลูกของเพื่อนแม่ผมเห็นว่าน้องอยากเรียนวิศวะมอ c แต่เรื่องวิทย์โดยเฉพาะฟิสิกส์ไม่แข็งแม่เลยมาขอร้องให้ผมไปติวให้น้องหน่อยเพราะผมเรียนวิศวะอยู่พอดี นี่ก็สอนน้องมาได้สองอาทิตย์แล้ว ยอมรับว่าน้องเรียนรู้เร็วแล้วก็ความจำดีมาก มันติดอยู่อย่างเดียวคือขี้เกียจพอเรียนเสร็จก็ทิ้งไม่ค่อยทบทวนแต่พอใกล้จะสอบตรงก็ดูเหมือนจะเริ่มกับไปทบทวนบ้างแต่ก็ขี้เกียจเหมือนเดิม

“การบ้านเมื่อวานว่าไง” ทันที่นั่งลงบนเก้าอี้ผมก็ถามถึงการบ้านที่ให้ไปทำเมื่อวานทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลานี่ก็ 5 โมงเย็นแล้วไม่อยากให้น้องกลับบ้านดึก เราตกลงกันจะติวจันทร์ถึงศุกร์แค่วันละ 2 ชั่วโมง วันเสาร์ก็ติวทั้งวันแต่ไม่หนักมากเล่นบ้างติวบ้างเข้าใจอารมณ์เด็กมัธยมที่เล่นกับเรียนจะไปพร้อมกันและจะหยุดติวทุกวันอาทิตย์

“เรียบร้อย นี่ครับ” ไอซ์หยิบกระดาษคำตอบที่ทำเสร็จแล้วส่งให้ผมดู ผมรับมากวาดสายตาเพื่อหาจุดผิด
ขณะที่ผมกำลังพลิกหน้ากระดาษเพื่อตรวจคำตอบก็เลือบมองไอซ์ที่ทำหน้าลุ้นอยู่ตรงหน้า เห็นทำหน้าอย่างนั้นแล้วขำชะมัด

“อยากกินเค้กอะไร”

“มะ หมายความว่าไงครับ” เด็กแว่นตรงหน้าผมเอียงคอถามอย่างสงสัย

“ผิดแค่ 2 จุด คือไม่ใส่หน่วยตรงวิธีทำ แต่รวมๆคือถูกหมด”

“จริงหรอครับ” ไอซ์ยิ้มกว้างตาหยีอย่างไม่เชื่อหูตัวเองตั้งแต่ที่ผมสอนน้องมาก็จะมีครั้งนี้แหละที่น้องทำพลาดน้อยสุด

“อืม ว่าไงอยากกินอะไรเดินไปสั่งเลย” เห็นน้องมีความตั้งใจและทำผิดพลาดน้อยก็ต้องให้รางวัลปลอบใจหน่อย

“ขอบคุณครับ” ขอบคุณจบไอซ์ก็ลุกขึ้นไปสั่งเค้กแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ

“มะรืนก็ไปสอบแล้วใช่ไหม”

ไอซ์พยักหน้า

“งั้นวันนี้พี่จะอัดแบบประยุกต์และซับซ้อนให้” ผมพูดพร้อมหยิบชีทของสอบที่เตรียมมาออกมาให้ไอซ์ดู เห็นน้องทำตาโตก็อดขำไม่ได้อีก

“พี่บอกว่าไงโจทย์ยาวง่ายกว่าโจทย์สั้นดูทำหน้าเข้า”

“ก็มันตื่นเต้นนี่ครับ”

“นี่เป็นข้อสอบสอบตรงเก่าของมอที่เราอยากเข้าเลยนะแต่ย้อนหลังไป 5 ปี  ลองเลยพี่จะไม่สอนมันเป็นประยุกต์พี่เลือกที่มันสอดคล้องกับที่พี่สอนเราไปทั้งหมด มีอยู่ 6 ข้อ อ่อ วันนี้พี่อาจจะสอนเลย 2 ชั่วโมงนะ แล้วพรุ่งนี้พี่จะหยุดติวให้เราจะได้มีเวลาทบทวน”

“โอเคครับ ผมเริ่มแล้วนะ”
ไอซ์จ้องอ่านโจทย์ที่ผมให้อย่างตั้งใจแล้วหยิบดินสอขึ้นมาเขียนสัญลักษณ์ตามที่โจทย์ให้มาแบบที่ผมสอนว่าโจทย์ให้อะไรมาก็เขียนไว้ก่อน
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกับการนั่งดูเด็กลองทำโจทย์ ผมเห็นน้องขมวดคิ้วจนหน้าผากจะย่นไปหมดแต่น้องก็ทำเสร็จไปแล้ว 3 ข้อ โดยที่ถามผมเป็นระยะถ้าตัวเองคิดไม่ออกจริงๆ ผมจะไม่ขัดน้องถ้าเกิดว่าเขียนผิดแปลความหมายผิดมันจะทำให้เสียเวลาและน้องจะเกิดความไม่มั่นใจ

“เดี๋ยวพี่ออกไปคุยโทรศัพท์แป็ปนึงนะ” ผมบอกไอซ์เพราะคนที่โทรเข้ามาหาจะไม่รับก็ไม่ได้

“ครับคุณหญิง”

(ว่าไงลูกชายแม่ สอนน้องหรือเปล่าวันนี้)

“สอบครับ กำลังเครียดเลย”

(อย่าหักโหมน้องมากนะ ไอซ์ตัวเล็กนิดเดียว)

“นี่ห่วงน้องไม่ห่วงผมหรอครับ”

(ห่วงจ๊ะ อาทิตย์นี้กลับบ้านหรือเปล่าย่าถามหานะคนแก่คิดถึงหลาน)

“กลับครับวันเกิดย่าทั้งทีผมจะพลาดได้ยังไง”

(โอเค เจอกันนะแล้วของขวัญย่าบอกว่าไม่ต้องนะพอแล้วเปลืองตัง)

“ครับผม รักแม่และย่านะครับ”

(จ้า)

แค่นี่แหละครับครอบครัวผมไม่มีอะไรมาก แต่อบอุ่นที่สุด

ปึก

“ขอโทษครับ”

“ไม่แหกตาดูหรือยังไง”
ในจังหวะที่ผมกำลังหมุนตัวกลับดันไปชนกับผู้ชายสักคนจนผมแทบเซ
แต่ให้ตายเถอะขอโทษไปแล้วไง

ทำไมพูดจาไม่เพราะวะขอดูหน้าหน่อยเถอะ

“ขอโทษครับ” ผมพูดอีกรอบไม่อยากมีปัญหา และทันทีที่เงยไปมอง ก็เป็นเด็กนักเรียนมอปลายตัวสูงกว่าผมเล็กน้อยหัวสกินเฮดแถมยังกันคิ้วเป็นขีดๆแบบที่วัยรุ่นชอบทำกัน 3 ขีดยืนเตะท่าจนหน้าเตะให้ล้มพับจริงๆ รวมๆหน้าก็ดีแต่ดูทรงอีกทีกวนตีนชะมัด

สังเกตคนตรงหน้าเสร็จผมก็เบี่ยงตัวเพื่อจะหลบเดินไปหาไอซ์

“ไม่มีมารยาทวะ เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า” เสียงไอ้เด็กหัวสกินเฮดนั่นดังขึ้น

“ขอโทษไปแล้วไง หูหนวกหรอ” อยากจะกวนตีนกันใช่ไหม จะได้รู้ว่าใครกวนตีนกว่ากัน

“พูดไม่เพราะ” ไอ้เด็กนี่ เหมือนตัวเองพูดเพราะนักละ

“ขอโทษครับ”

“กวนตีนหรอ”

“ใส่ชุดนักเรียนอยู่ไม่กลัวทำให้สถาบันเสียชื่อหรือไง พูดจาอะไรไม่มีมารยาทกับคนที่รู้อยู่แล้วว่าอายุมากกว่า” พูดไปพลางสำรวจชุดนักเรียนเด็กตรงหน้า

อ่อ โรงเรียนเดียวกับไอซ์

“ฮึ ทำเป็นพูดมีหลักการจริงๆแล้วตั้งใจจะหาเรื่องกันแต่แรก?”
ผมมั่นใจนะว่าไม่เคยรู้จักไอ้เด็กนี่มาก่อนไม่เคยหน้าหรือทำอะไรให้ไม่พอใจเลย แล้วทำไมไอ้เด็กนี้มันพูดไม่รู้เรื่องหรือกัดไม่ปล่อยแบบนี้ละ

“เป็นเด็กมีปัญหา?”

“เสือก”

อ้าว ไอ้เด็กนี้

“ไปไกลๆตีนเลยไอ้เด็กเวร” ไม่ต้องสุภาพกันแล้วไอ้เด็กแบบนี้พูดด้วยก็ปวดหัวเปล่าๆ

“อ้าว ไอ้หน้าสวย”

“เห้ย ไอ้ภาพทำเหี้ยไรมึงเนี่ยหนังฉายแล้ว” ไม่รู้ว่าเด็กอีกคนเดินมาจากไหน เดินถึงก็ดึงคอเสื้อไอ้เด็กเวรที่ยืนเถียงผมอยู่ตรงหน้า

แต่ก็ขอบใจมากที่มายุติสงครามระหว่างผมกับเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้

“ผมขอโทษนะครับพี่ที่เพื่อนผมปากหมา” เด็กคนนั้นพูดกับผมก่อนจะลากคอไอ้เด็กเวรออกไป แต่สายตาของไอ้เด็กเวรนั่นสิมองกลับมาที่ผมจนสุดทางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สุดๆ

ผมไม่ชอบเด็กก็เพราะแบบนี้ ไม่รู้จักโตแต่พอมีคนพูดว่าก็ไม่ทุกคนเสมอไปหรอกแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ชอบเด็กอยู่ดี



เป็นเรื่องแรกเลย ฝากด้วยนะค่ะ
 :hao5:


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2018 13:27:10 โดย somane »

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
1

วันนี้คณะผมมีจัดบูธตามโรงเรียนเพื่อแนะแนวการเรียนเกี่ยวกับคณะผมให้น้องๆที่สนใจว่ามันเป็นยังไงและวันนี้เป็นวันแรกโรงเรียนแรกก็โรงเรียนไอซ์นั่นแหละเป็นโรงเรียนสหชายหญิงเดินกันให้ควักโดยเฉพาะน้องผู้หญิงผมแทบจะจำหน้าได้อยู่แล้ว เข้าบูธผมคนละสองสามรอบน่าจะได้ แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะคณะผมมีแต่คนหน้าตาดีแต่ที่วุ่นวายสุดๆก็เห็นจะเป็นไอ้เด็กที่ผมเดินชนเมื่อวันก่อนนั่นแหละ

“ชื่อไรอ่ะ” เห็นหน้ากันปุ๊ป ก็ถามชื่อกันแบบไม่ต้องมีอะไรเกริ่นนำ

เด็กไม่มีมารยาท

“…”

“พี่คนสวยชื่ออะไรหรอครับ”

มันไม่พูดเปล่าเอามือมาสะกิดไหล่ผมด้วย นั่นไม่เท่าไหร่หรอกครับแต่ที่เรียกว่าคนสวยเนี่ย หัวคิ้วผมขมวดทันที

“แหนะ ทำไมไม่บอกชื่อผมละพูดเพราะสุดๆแล้วนะ”

“ไอ้กราฟ มาดูตรงนี้หน่อยเดี๋ยวกูไปช่วยจิ๊บเอง”

ผมพูดแทรกขึ้นมาไม่สนใจเด็กคำถามตรงหน้า แต่ถึงจะไม่ตอบไม่สนใจมันยังไง มันก็ยังไม่เลิกยุ่งกับผม

“พี่ครับ พี่คนนั้นชื่ออะไรหรอ”

“ไหน”

“ที่พึ่งเดินไปเมื่อกี้”

“พร้อม”

“ชื่อน่ารักจัง”

น่ารักพ่อง!

“มันมีแฟนแล้ว อยู่โรงเรียนนี้แหละรู้สึกจะชื่อไอซ์” หูของผมยังทำหน้าที่รับฟังได้ดี ผมได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มมุมปาก ผมก็โกหกคนอื่นไปเรื่อยว่ามีแฟนแล้วและก็เอาชื่อไอซ์มาช่วยแต่เรื่องนี้ผมขอร้องน้องแล้ว และน้องก็ไม่ว่าอะไร

ที่ทำแบบนี้ตั้งแต่เกิดมามีแต่ผู้ชายเข้ามาขอเบอร์ทักมาคุยด้วย ผมไม่เข้าใจผมหล่อนะ หล่อมากด้วยแล้วทำไมมีแต่ผู้ชายเข้ามาหาผมวะ

“หรอครับไม่เป็นไร มีแฟนแล้วนี่แหละน่าตื่นเต้นดีนะครับพี่พร้อม” เหมือนมันจงใจตะโกนให้ผมได้ยินก่อนจะยิ้มมุมปากยกมือไหว้ไอ้กราฟแล้วเดินจากไป แต่เออก็ได้ยินนั่นแหละ

มันเป็นเด็กประเภทไหนกันวะ กวนประสาทชะมัดขนาดบอกว่ามีแฟนอยู่แล้วก็ยังจะมึน

เดี๋ยว เมื่อกี้ที่มันพูดหมายถึงจะจีบผมหรอ

“ไอ้พร้อม มึงนี่กับเด็กผู้ชายก็ไม่เว้นนะ” ไอ้กรเดินมาโอบไหล่ผมแล้วถามขึ้น

“อะไรของมึง”

“แม่งเด็กนั่นโคตรวุ่นวาย เห็นตั้งแต่เช้าแล้วมาเสนอหน้าแถวบูธเรา ที่แท้ก็มาหามึงนี่เอง”

“วันก่อนกูเดินชนมันสงสัยจะแค้นเลยมาก่อกวน”

“หืม มันจะรู้ได้ยังไงว่ามึงเรียนที่นี่คณะนี้ถ้าไม่สนใจมันจะมาหามึงแต่เช้าทำไม”

“…”

หมดคำจะพูดเลยทีเดียว

“แหนะไปไม่เป็นเลยสิ ไปๆประจำที่มึงโน้นไปเรียกสาวๆเข้าบูธหน่อย ให้ไอ้กราฟไปยืนเขากลัวกันหมดแล้ว” ผมหันไปมองตามนิ้วที่ไอ้กรชี้ เห็นแล้วก็ขำจริงๆไอ้กราฟหน้าตาดีนะผิวแทนแต่มันเล่นกล้ามตัวเลยใหญ่สาวๆเลยพากันกลัว

ผมเลยต้องไปยืนหน้าบูธเรียกคนเข้ามาแทนกราฟ แล้วยิ่งช่วงเด็กพักกลางคนยิ่งเยอะ ผมนี่ฉีกยิ้มจนปากจะแหกถึงหู

“พี่ค่ะๆ หนูขอถ่ายรูปกับพี่ได้ไหม”

เพราะเนี่ยปฏิเสธก็ไม่ได้ ทำได้แค่ตอบตกลงแล้วยืนเฉยๆให้น้องเดินมาหาใกล้ๆแล้วเซลฟี่กัน

“ขอบคุณค่ะ”

มันเป็นแบบนี้ทั้งวันเหนื่อยจริงๆข้าวยังไม่ได้กินเลย

“ไม่เหนื่อยหรอครับ”

ผมเงยหน้ามองคนพูดจากจอโทรศัพท์ที่กำลังไถเล่นโซเชียลไปเรื่อยระหว่างรอคนเข้าบูธ

ไอ้เด็กเวรสกินเฮด

“…”

“พี่พร้อมเย็นชาจัง ถ้าพี่ไม่พูดกับผมเพราะเรื่องวันก่อน ผมขอโทษครับ” ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อได้ยินคำขอโทษแถมด้วยกิริยามารยาทงามที่ยกมือขึ้นไหว้ประกอบด้วยสายตาสำนึกผิด

“พี่พร้อมโกรธผมหรอ” ทำเสียงอ้อนๆนี่คืออะไร

“ไม่ได้โกรธ ไม่ชอบเด็กไม่มีมารยาท”

“เย้ พูดได้แล้ว”

เอ๊ะ มันกวนตีนผมหรอ

“ก็พี่น่าแกล้งอะ แต่วันนั้นผมผิดเองแหละที่เดินชนพี่ แต่พอเห็นหน้าพี่แล้วมันน่าแกล้งจริงๆนะเลยหาเรื่องใส่จริงๆผมเป็นเด็กมีมารยาทนะ” ได้ทีก็พูดยาว

“อืม”

“กินข้าวหรือยังครับผมซื้อผัดซีอิ๊วมาฝาก” ไอ้เด็กตรงหน้ายื่นถุงที่ในนั้นเป็นห่อกระดาษมีผัดซีอิ๊วอยู่ข้างในตามที่บอกมาตรงหน้าผม

“ขอบใจ” ผมก็รับมา เด็กมีน้ำใจก็ไม่ควรปฏิเสธ

“กินสิครับ”

“ใส่ยาพิษหรอถึงเร่งให้กิน”

“ถ้าผมจะใส่ยาพิษ ก็เอาเป็นพิษที่ทำให้พี่ชอบผม”

เอาละเว้ย เด็กมันหยอด แต่ผมไม่ชอบหรอกครับ

ไม่ชอบเด็ก

“เดี๋ยวกินแต่รอเพื่อนมาเปลี่ยนก่อน” มันพยักหน้าแล้วขยับตัวมายืนข้างผม

“งั้นเดี๋ยวผมยืนเป็นเพื่อน”

ก็ตามใจมันเถอะครับ อยากจะทำอะไรก็ทำเด็กวัยรุ่นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

“พี่ไม่คิดจะถามชื่อผมหน่อยหรอ”

“ไม่อยากรู้จัก”

“ก็จริงอย่างที่เขาว่า คนน่ารักมักใจร้าย”

ไม่พูดเปล่า แจกรอยยิ้มที่กว้างเท่าแม่น้ำไนล์มาให้ด้วย

ไม่หลงกลหรอกนะ

“ฉันนี่นะน่ารัก”

ข้องใจมานานเลยถามสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่เขาก็พูดกันแบบนี้

“มองผ่านๆโคตรหล่อ แต่จ้องดีๆน่ารักชิบหายมันผสมสวยด้วย พี่ไม่สังเกตหรอผมชอบจ้องหน้าเพราะพี่น่ารัก”

“ขอบใจ งั้นมองฉันผ่านๆก็พอ”

“เฮ้ย ไม่ได้หรอกพี่น่ารักจะตาย”

“ฉันมีแฟนแล้ว”

“ไอซ์ยังไม่มีแฟน แล้วมันก็แอบชอบเพื่อนผมอยู่”

เอาละ ยอมมันจริงๆ ที่เด็กนี่พูดก็ถูกเพราะไอซ์เคยบอกว่าแอบชอบใครสักคนอยู่

“อืม”

“พี่โกหกทำไม”

“ไม่ชอบเด็ก”

“ไม่ชอบก็ระวังจะชอบนะครับ”

เกลียดความมั่นหน้าของมัน

“ไม่กินข้าวหรือไง”

“กินแล้ว สรุปพี่จะไม่ถามชื่อผมจริงดิ”

“บอกเหตุผลไปแล้ว”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมพรีเซ็นต์ตัวเองให้ฟังเอง ผมชื่อ ภาพตะวัน ชื่อเล่นชื่อภาพ อยู่ชั้นเดียวกับไอซ์และที่สำคัญโสดครับ”

“ชื่อผู้หญิงดี ภาพตะวัน” เด็กตรงหน้า หน้าหงิกเล็กน้อยตอนบอกว่าชื่อเหมือนผู้หญิง “แต่ชื่อเพราะ ฉันชอบ” และยิ้มกว้างเลยครับหลังจากจบประโยคนั้นของผม

“ชอบผมหรอ”

“ชอบชื่อของนาย” กวนประสาทไม่เลิก

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจอกันบ่อยๆก็จะชอบเอง เห็นนี่ไหม” เด็กตรงหน้าจิ้มที่รอบบุ๋มข้างแก้มฝั่งซ้ายของตัวเองแล้วยิ้ม

อืม เห็นแล้วลักยิ้มข้างเดียว

“ใครๆก็ว่ามันเป็นเสน่ห์ของผมและเดี๋ยวพี่ก็จะหลงรักมันแล้วก็หลงรักผม” พูดจบก็ยิ้มกว้างจนตาหยีเห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงไปชัดเจน

“ไร้สาระ” ผมว่าแล้วส่ายหัว

ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนวะ เยอะแยะขนาดนี้ขยันหยอดอีกต่างหาก

“เดี๋ยวผมก็จะเป็นสาระของพี่อีกไม่นาน”

ปวดหัวแล้วครับ

“ไม่มีเรียนหรือไง”เปลี่ยนเรื่องแม่ง

“มี แต่บ่ายสองนี่พึ่งบ่ายโมงพอมีเวลา” พูดแล้วยักคิ้วให้ผมหนึ่งที

เออ กวนตีนดี

“ไปบูธอื่นมาหรือยัง”

“ไปมาแล้วแต่ที่นี่น่าสนใจกว่า”

“อยากเรียนอะไร”

“เรียนอะไรก็ได้ ขอให้เป็นมอเดียวกับพี่”

บ้านมันขายทองหยิบทองหยอดหรอครับ หยอดดีชิบหาย

“เข้ายากนะ”

“ผมเรียนเก่ง”

“แล้วแต่เถอะ” ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยแล้ว

“พี่พร้อมอยู่ปีไหน”

“สอง”

“ห่างกันสองปี กำลังดีเลยครับ”

“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”

“ผมชอบพี่จริงๆนะ งั้นผมขออนุญาตจีบเลยแล้วกัน”

เบื่อความมโนไปเรื่อยของมันจริงๆครับ ใครก็ได้เอานายภาพตะวันไปเก็บให้ที

“แหนะ จีบเพื่อนพี่อยู่หรอไอ้น้อง”

โอเคซึ้งมาก ไอ้กรคือคำขอที่พระเจ้าส่งมาให้ผม

“ครับ”

“เฮ้ย ตรงเว้ยกูชอบ แต่บอกไว้ก่อนไอ้พร้อมไม่ชอบเด็กถ้าจะจีบต้องผู้ใหญ่กว่ามัน”

“ถ้าอย่างอื่นใหญ่แทนละครับ”

“มันน่าจะชอบนะ ฮ่าๆๆ”

แต่บางทีผมก็ไม่ต้องการมันนะ

ไอ้เพื่อนเวร

“พอเลยทั้งสองคน มึงมาก็ดีแล้วกูจะไปกินข้าว” ผมต้องรีบตัดบทก่อนจะลามปามไปมากกว่านี้

“ผัดซีอิ๊วผมละ” ไอ้เด็กนั่นตะโกนตามหลัง ทำให้ผมต้องเดินกลับไปหยิบมา

“ชื่นใจจัง ผมไปแล้วครับมาดูว่าคนแถวนี้กินข้าวหรือยังแค่นั้นแต่เห็นแบบนี้ก็ไม่กวนแล้ว แต่เดี๋ยวเจอกันใหม่นะครับพี่พร้อม” ไอ้เด็กภาพตะวันยิ้มแล้วโบกมือบายให้ผมกับไอ้กรแล้วเดินออกไปจากบูธ

“มึงไม่รอดแน่ ไอ้พร้อม”

“อะไรของมึง”

“เจอเด็กจีบนี่ไง”

“เฮ้ย กูไม่ชอบเด็ก”

“ไม่ชอบอะไรก็ได้แบบนั้น”

ผมโบกมือไล่ความคิดฟุ้งซ่านของมันแล้วเดินมานั่งพักหลังบูธหยิบข้าวกล่องที่ทางคณะเตรียมมาให้แล้วแกะผัดซีอิ๊วของเด็กนั่น กินแม่งสองอย่างเดี๋ยวน้อยใจกัน




TBC.







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2018 14:13:18 โดย somane »

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
2


“สอบเมื่อวานนี้ผมตื่นเต้นมากๆเลย สารภาพเลยทำไม่ได้หลายข้อแต่ก็ทำทุกข้อแบบไม่สุดอะ” เสียงของไอซ์ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ผมไปรับน้องมาเลี้ยงชาบูปลอบขวัญที่ไอซ์ไปสอบมาเมื่อวาน

“ก็เก่งแล้วแหละ แล้วที่ทำไปแบบไม่สุดมั่นใจไหมว่าจะถูก”

“แน่นอนครับ ผมมั่นใจแล้วถึงทำลงไป”

“พี่ว่ามีโอกาสลุ้นนะ ประกาศผลวันไหน”

“อีก 2 อาทิตย์ผมนี่โคตรตื่นเต้น”

“งั้นก็กินชาบูลดความตื่นเต้นไปก่อนแล้วกันแล้วเดี๋ยวผลออกมาเป็นยังไง พี่จะพาไปเลี้ยงอีก กินให้ตัวแตกไปเลย”

“เพราะพี่พร้อมใจดีแบบนี้ไงถึงมีคนอยากเรียนพิเศษด้วย”

ได้ยินแบบนั้นผมเลยเลิกคิ้วสงสัย

“ใคร แล้วเขารู้ได้ไงว่าพี่ใจดี”

“ก็เขาเคยเห็นผมนั่งติวกับพี่แล้วเห็นพี่สอนผมแบบใจดีอย่างนี้ละมั้ง” ผมหรี่ตามองน้องอย่างจับผิด ทำไมคำพูดมันไม่เข้ากันเลย

“หรอ”

“ครับ พี่พร้อมถ้าเพื่อนผมอยากเรียนด้วยพี่จะโอเคไหม”

“พี่...”

“แค่คนเดียวครับ!” ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดไอศ์ก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง

มีพิรุธมากๆ

“เขาอยากเรียนทางด้านนี้หรอ”

“เปล่าหรอกครับ มันก็ไม่ค่อยเก่งพวกวิทย์เหมือนเกรดมันแย่มากมันเลยอยากจะลองดู เรื่องเงินค่าสอนมันไม่เกี่ยงเลยพี่พร้อมว่ายังไงอะ”

“ก็ได้ ก็ลองดูแค่คนเดียวนะส่วนเรื่องเงินพี่ไม่เอาหรอกถือว่าสอนให้น้องตัวเอง”

“เย้ พี่พร้อมใจดีที่สุด” เด็กแว่นตรงหน้าผมยิ้มตาหยีแล้วก้มลงกดยิกๆที่โทรศัพท์ตัวเอง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมากินชาบูต่อ

จริงๆก็ไม่อยากรับสอนหรอกนะไม่ใช่ทางแต่ว่าสอนเพิ่มแค่คนเดียวคงไม่วุ่นวายหรอกมั้ง


============


ผมไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ดูเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นก้อนแห่งความวุ่นวาย

“คิดถึงพี่พร้อมจังเลยครับ”

ความวุ่นวายของผมที่เจอในชีวิตมีไม่กี่อย่างและความวุ่นวายเรื่องล่าสุดของผมก็คือไอ้เด็กเวรสกินเฮดนั่นแหละและตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าผม

“เอ่อ คือนี่ภาพเพื่อนผมที่จะให้พี่พร้อมสอนพิเศษให้” ไอซ์ส่งยิ้มแห้งๆให้เมื่อผมหันหน้าไปมองหน้าประมาณว่าไอ้หมอนี่มาด้วยทำไม

เห้ย อยากจะถอนหายใจดังๆผมเลยทำได้แค่หลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

“งั้นก็เชิญ” ไม่อยากพูดอะไรมากเปิดประตูรถให้ไอซ์และเด็กสกินเฮดได้เข้าไปนั่ง

วันนี้ผมต้องมารับไอซ์เพราะว่าน้องเลิกเย็น ไม่อยากให้นั่งรถไปสถานที่นัดติวมันเสียเวลา

ถึงแม้ว่าไอซ์จะสอบตรงไปแล้วการที่ผมจะติวให้น้องก็ยังมีอยู่ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าไอซ์ไม่ค่อยเก่งเรื่องวิทย์แล้วเกรดแย่ทำให้ยังคงติวต่อไป

“รถพี่พร้อมเท่มาก สะอาดด้วย” เสียงจากเด็กภาพตะวัน

“ใช่ แล้วรถพี่พร้อมนะหอมมากด้วย” ไอซ์เสริมอีกที

“หอมจริงๆด้วย แล้วกลิ่นพี่พร้อมจะหอมแบบนี้หรือเปล่า”

นั่นไงละ ความกะล่อนเริ่มมาแล้ว

“กลิ่นนี้เลย แต่นี่ไม่ใช่น้ำหอมนะเพราะพี่พร้อมแพ้ กลิ่นในรถเหมือนพวกตละกูลเบอรี่” จริงๆถ้าไอซ์นั่งเงียบๆจะดีมากๆ

“ผมอยากดมจังเลยครับ” พูดจบไอ้เด็กนั่งเบาะหลังก็พุ่งมาตรงกลางระหว่างที่นั่งด้านหน้าแล้วทำท่าสูดกลิ่นเข้าเต็มปอด

มันน่ากลัวจังวะ

“พี่พร้อมไม่คุยอะไรกับผมหน่อยหรอ”

โหมดงอแง เริ่มอ้อนก็มา

“ไม่รู้จะคุยอะไร”

“ก็ถามผมสิ ว่าเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวพี่ต้องสอนผมนะ เรื่องแบบนี้ทำไมต้องให้บอกไม่ใส่ใจกันเลยหรือไง”

“คงจะเป็นแบบนั้น”

“ไอซ์ทำยังไงให้คนเย็นชาใจแข็งที่ขับรถให้เรานั่งเขาใจอ่อนบ้างละ”

“เอ่อ เลี้ยงขนม”

พี่โตแล้วไหมครับไอซ์ ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ

“ไม่น่าจะดี หอมแก้มดีไหม”

“หุบปากเลยภาพตะวัน”

เด็กอะไรวะ รุกได้น่ากลัวมาก

“โอ้โห เสียงดังเชียวผมหยอกเล่นนะครับ ผมไม่อยากให้พี่ตีหน้าดุทำเงียบขรึมนี่”

“ใช่แล้ว ปกติพี่พร้อมไม่ใช่จะเงียบแบบนี้”

เป็นเพราะไม่อยากคุยกับเด็กนี่มากกว่าเลยไม่พูด

“อยากจะให้พูดให้ถามหรอ งั้นเกรดนายแย่มากเลยหรอ” ผมถามไอ้เด็กภาพตะวัน ผมเห็นนะว่ามันกลั้นยิ้มก่อนจะตอบ

“แย่มากเลยครับ”

“หมวดวิทย์ทุกวิชา?”

“ยกเว้นชีวะ”

“อืม ฉันไม่ถนัดเคมีนะ”

“อะไรกันพี่พร้อม ทำไมไม่แทนตัวเองว่าพี่กับภาพเหมือนที่พี่พูดกับผมอะแบบนี้มันไม่สนิทเลย” ไอซ์นั่งนิ่งๆเงียบๆก็น่าจะดีนะผมว่า

“ไม่เป็นไรครับ เคมีผมพอถูไถได้แต่ฟิสิกส์เนี่ยเลิกกัน”

“แล้วพวกคำนวณละ”

“สบายมาก”

“ถ้าชีวะได้ก็แสดงว่าความจำดีคำนวณก็ได้อีกงั้นก็สบายเลย ฟิสิกส์แค่เข้าใจจำสูตรได้ ก็โอเคแล้ว”

“ผมขี้เกียจ”

“งั้นก็ไปอยู่กับไอซ์”

“ทำไมโยนมันมาให้ผมละ”

“พวกขี้เกียจเหมือนกันไง”

“โธ่พี่พร้อม ใจร้าย” เด็กแว่นที่นั่งข้างๆผมทำหน้างอแล้วสบัดหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง

ผมทำได้แค่ส่ายหัว ไม่ต้องง้อหรอกครับไอซ์ไม่ได้งอนผมจริงสักหน่อยทำท่าไปอย่างนั้น


=============


“ดูเหมือนว่าภาพจะหัวไวจนตามไอซ์ทันแล้ว งั้นวันนี้พอแค่นี้ ” ผมบอกเด็กๆที่นั่งติวกันมานานเกือบ 2 ชั่วโมง

“แล้วพรุ่งนี้เจอกัน ไอซ์แม่มารับใช่ไหม”

“ครับ แม่มาแล้วด้วยผมไปแล้วนะ สวัสดีครับ” ไอซ์เก็บของเสร็จแล้วลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป ตอนนี้เหลือแค่ผมกับเด็กภาพตะวัน

“ภาพกลับยังไง”

ผมหันไปมองหน้าเด็กที่นั่งตรงข้ามแล้วก็ต้องขวมดคิ้วอีกแล้วเมื่อมันอมยิ้ม

“ยิ้มอะไร”

“พี่เรียกผมว่าภาพ”

“ไม่ดีหรือไง”

“ดีครับ”

“อืม ทักแบบนี้อยากให้เรียกว่าเด็กเวรหรอ”

“โห พี่ใจร้าย”

“สรุปกลับยังไง”

“กลับเองครับ”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“จริงดิ”

“กลับเองแล้วกัน”

หมั่นไส้อุตส่าห์อยากให้กลับบ้านไปพักผ่อนเร็วๆ

“อะไรอ่ะ พี่พูดแล้วว่าจะไปส่งห้ามคืนคำสิเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”

“เออ งั้นก็ลุก”

“อะไร” ผมหันไปถามภาพตะวันเมื่อเห็นยังนั่งอยู่

“หิว”

“แถวบ้านนายมีอะไรกิน”

“หลายอย่าง จะไปกินแถวบ้านผมหรอ”

“มันง่ายดี ถ้าเกิดว่าระหว่างกินนายพูดไม่เข้าหูจะได้ทิ้งให้เดินกลับบ้าน”

“ทำไมคนน่ารักมักใจร้ายอย่างนี้วะ”

“จะพูดอีกนานไหมครับน้องภาพ ถ้าจะพูดต่อก็เชิญพี่จะไปแล้ว”พูดจบผมก็เดินออกมาจากร้านทันทีทิ้งให้เด็กสกินเฮดนั่งเอ๋อต่อไปอยู่คนเดียว แต่เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตามมาข้างหลัง แล้วมุมปากของผมมันก็ยกยิ้มขึ้นเองซะอย่างนั้น


จริงๆแกล้งเด็กก็สนุกเหมือนนะ เช่นไอซ์และก็เด็กสกินเฮดนี่




ํTBC.












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2018 14:15:23 โดย somane »

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
3

วันนี้วันเสาร์ที่จริงก็ต้องสอนไอซ์และภาพตะวัน แต่วันนี้ต้องหยุดเพราะเป็นวันครอบครัว วันเกิดย่าผม

“คิดถึงจังเลยหลานย่า”

ฟอด

ทันทีที่ลงจากรถหญิงสูงวันที่กำลังยังดีอยู่เดินมากอดต้อนรับผมแล้วกดจมูกลงที่แก้มผมอย่างแรงให้สมกับคำความคิดถึง

“คิดถึงเหมือนกันครับ”

ผมหอมแก้มย่าคืน

“ขับรถเหนื่อยไหมลูก ออกมาตั้งแต่กี่โมง”

“ไม่เหนื่อยเลยครับ ผมออกมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า”

“ย่าก็ลืมบอกว่าให้กลับเครื่องจะง่ายกว่า”

บ้านเกิดผมอยู่แม่ฮ่องสอน ออกจากกรุงเทพก็ 6 โมงเช้า มาถึงนี้ก็เกือบเย็นแล้ว

“ขับรถสนุกดี อีกอย่างลูกรักของผมก็ไม่ค่อยได้ขับไกลด้วย แล้วคุณหญิงไปไหนครับ” ผมถามถึงแม่ระหว่างเดินเข้าบ้านกับย่า

“เตรียมของโปรดให้เราอยู่ แม่เราน่ะมีความสุขที่สุดเลยนะเวลาเรากลับบ้าน”

“ผมก็มีความสุขครับ”

“สวัสดีครับน้าไหม” เดินยังไม่ทันถึงประตูบ้านก็เห็นหญิงวัยเดียวกับแม่เดินยิ้มออกมาต้อนรับ ผมเลยทักทายสักหน่อย

“ช่วยถือค่ะคุณพร้อม”

“ขอบคุณครับ”ผมบอกพร้อมกับส่งกระเป๋าเป้ที่ถืออยู่ให้

น้าไหมเป็นคนดูแลบ้านที่นี่ช่วยแม่และย่า ถ้าจำไม่ผิดที่แม่เล่าให้ฟังน้าไหมเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่ยังเป็นสาวๆอยู่เลย น่าจะ 16-17 ได้

“คิดถึงคุณพร้อมจังเลยค่ะ ดูสิโตเป็นหนุ่มแล้วมีแฟนหรือยังค่ะ” น้าไหมถามพร้อมรอยยิ้ม

“ยังหรอกครับ”

“ทำไมละลูก หล่อขนาดนี้ไม่มีคนมีชอบเลยหรือไง” ย่าพูดขึ้น

“มันก็มีแหละครับ” แต่กับไอ้เด็กนั่น…

“ดีแล้วลูก ไม่ว่าหลานย่าจะรักใครย่าก็รักด้วยขอแค่หลานย่ามีความสุขก็พอ”

“ครับ” ผมทำได้แค่ยิ้มรับ

ความรัก ความใส่ใจ สำหรับบ้านผมเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าสิ่งไหนที่คนในครอบครัวทำแล้วมีความสุขจะไม่ห้ามแต่ความสุขนั้นถ้าทำให้คนอื่นแล้งก็ตัวเองเอาเดือดร้อน รับรองว่าบ้านผมตัดหางทิ้งแน่นอน

“งั้นผมขอไปหาแม่ก่อนนะครับ” ผมผลพอแกมาจากย่าแล้วเดินไปทางห้องครัวได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกำลังติติงเรื่องรสชาติอาหารกับผู้ช่วยครัวอยู่

“มันหวานไปนะแกงเลียงเนี่ย เธอทำยังไงกันจี๊ด”

พี่จี๊ดที่ยืนอยู่ข้างๆตักน้ำแกงในหม้อขึ้นชิมก่อนจะพูด

“ไม่หวานเลยค่ะ คุณสร้อยนี่มันเริ่มเค็มแล้ว”

“ไหน มาชิมใหม่อีกทีสิ”

แม่ผมแย่งช้อนในมือพี่จี๊ดมาตักน้ำแกงในหม้อชิม

“ตายแล้วมันเริ่มเค็มจริงๆด้วย ยกลงเลยๆ เดี๋ยวลูกชายฉันเป็นไตพอดี”

แม่ผมกุลีกุจอวางช้อนแล้วกวักมือเร็วๆให้พี่จี๊ดยกลง

“นี่กี่โมงแล้ว”

“จะ 5 โมงเย็นแล้วค่ะ”

“ตาพร้อมจะถึงหรือยังนะ”

“ถึงแล้วครับ”

ผมพูดแทรกเมื่อเห็นคนเป็นแม่ทำหน้ากังวล

“ตายแล้ว ลูกชายแม่มาถึงเมื่อไหร่”

“เมื่อกี้เลยครับ ทันได้ยินแม่เถียงพี่จี๊ดพอดี”

“จี๊ดน่ะสิ ใส่เกลือไปเยอะมาก”

“ไม่จริงเลยค่ะคุณพร้อม คุณสร้อยต่างหากที่ชิมแล้วหวานก็เลยใส่น้ำเปลาลงไปอีก”

“เอ๊ะ จี๊ดฉันเป็นคนให้เงินเดือนเธอนะ”

“เอาละครับ จะรสชาติเป็นยังไงก็อร่อยหมดแหละครับถ้าแม่ทำ”

ผมต้องรีบห้ามศึก แม่ผมไม่เคยยอมใครยิ่งมากล่าวหาว่าตัวเองผิดนี่ยิ่งยอมไม่ได้

เป็นประเภทไม่ยอมรับผิด ถ้าตัวเองนึกไม่ออก

“เอ๋ คุณพร้อมหล่อขึ้นนะค่ะเนี่ยไม่เจอกันแค่เดือนเดียวเอง”

“ขอบคุณครับ”

“แถมน่ารักขึ้นด้วย มีแฟนยังค่ะ” พี่จี๊ดขยับมากระซิบจนแม่ผมมั่นไส้เลยลงไม้ลงมือกับพี่จี๊ดนิดหน่อย

แปะ

“โอ๊ย คุณสร้อย”

“กล้าดียังไงมาถามเรื่องส่วนตัวลูกชายฉันห๊ะ ไปเลยไปตั้งโต๊ะ”

“คุณพร้อม ช่วยพี่จี๊ดด้วยสิค่ะ” พี่จี๊ดเอามือมาเกาะแขนผมแล้วทำหน้าอ้อน

จนแม่ผมมั่นไส้อีกรอบแล้วจะตรงเข้ามาหยิกแต่พี่จี๊ดปล่อยแขนผมรวดเร็วแล้ววิ่งหนีหายไปซะก่อน

“จริงๆเลย ไม่รู้ว่ารับเข้ามาทำงานได้ยังไง”

“เป็นสีสันน่ะแม่ พี่จี๊ดอยู่ด้วยแม่จะได้ไม่เหงาไง”

“ปวดหัวมากกว่าน่ะสิ ว่าแต่มีแฟนหรือยัง”

“ยังเลยครับ อะไรกันกลับบ้านมามีแต่คนถามว่าทีแฟนหรือยังไง หน้าผมเหมือนคนมีความรักหรอครับ”

“พจณิชา หน้าเราน่ะไม่เหมือนหรอกแต่ตั้งแต่เกิดมาไม่เห็นเราจะมีใครคุยด้วยเลยสักคนเรียนจบจะไปบวชหรอลูก”

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่รีบ”

“จ๊ะๆ ไม่รีบก็ไม่รีบ ไปกินข้าวกันเถอะจะได้พักผ่อนเดินทางมาเหนื่อยๆ”

พูดแม่ดันหลังผมให้หันหลังกลับเดินไปห้องทานข้าว


=============

บรรยากาศในการทานอาหารเย็นก็ไม่มีอะไรมากแต่ติดจะมีความสุขเมื่อได้อยู่พร้อมหน้ากันในครอบครัว ยกเว้นพ่อที่อยู่บนสวรรค์ตั้งแต่ตอนผมยังเด็กๆ ย่ากับแม่ก็ผลัดกันถามผมไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็วนมาที่เรื่องความรักอีกแล้ว

อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมก็รออยู่เหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นภาพไอ้เด็กหัสสกินเฮดก็ฉายเข้ามาในหัว จะไปคิดถึงมันทำไมกันไอ้เด็กกะล่อนนั่น

ครืด

หลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้วผมก็เลยขอตัวขึ้นมาพักผ่อนแต่ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำโทรศัพท์ที่นิ่งอยู่หน้าจอก็สว่างขึ้นพร้อมกับความสั่นแจ้งเตือน ผมเลยหยิบขึ้นมาดูว่าแจ้งเตือนอะไรบ้างขับรถมาตั้งแตาเช้ายังไม่ได้จับโทรศัพท์เลย

เลื่อนๆดูก็เหมือนจะมีแจ้งเตือนเฟสบุ๊ค ไลน์จากเพื่อน แต่อันสุดท้ายจากไลน์เหมือนกันแต่ไม่ได้มาจากเพื่อนของผม

Sunrise_img : พี่พร้อมถึงบ้านหรือยังครับ

ไอ้เด็กภาพตะวัน เอาไลน์ผมมาได้ยังไง

จากไอซ์ก็ไม่ใช่เพราะผมไม่เคยให้ไลน์น้อง

Promm : เอาไลน์ฉันมาได้ยังไง

Sunrise_img : พี่กร

ไปสนิทกันตอนไหนวะ แล้วไอ้เพื่อนนี่ก็ใจง่ายแจกไลน์เพื่อนให้คนอื่นไปทั่ว

Sunrise_img : พี่ถึงบ้านแล้วใช่ไหม

Promm :  ถึงแล้ว

ครืด ครืด

จู่ๆหน้าจอโทรศัพท์ของผมก็เปลี่ยนจากแยทไลน์กลายเป็นวิดิโอคอลในไลน์แทน

เอากับมันสิครับ ไอ้เด็กที่กำลังคุยด้วยอยู่มันวิดิโอคอลมา

กดรับก็คงไม่เป็นไรมั้ง

“พี่พร้อมคิดถึงจังเลยครับ”ไม่ต้องให้ตอบรับไอ้คนที่คอลมาก็ทักทันที สภาพเหมือนนอนอยู่บนเตียงแล้วก็ไม่ใส่เสื้อ

ดี ไอ้เด็กเวร

“วิดิโอคอลทำไม”

“แล้วพี่รับทำไม”

“งั้นจะวาง”

“เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งโธ่ แหย่เล่นนิดหน่อยก็ขี้งอนไปได้”

ไม่ได้งอนเว้ย

“สรุปมีอะไร ทำไมต้องวิดิโอคอล”

“ก็อยากเห็นหน้าอ่ะ จะไม่ได้เห็นหน้าพี่ตั้งสองวันเลยนะ แค่วันเดียวก็เหมือนตะขาดใจแล้ว”

เด็กเว่อร์

“ก็ตายไปสิ”

“เย็นช้าเหมือนเดิม เดี๋ยวผมไม่อยู่แล้วจะคิดถึง”

“สรุปแค่อยากเห็นหน้าใช่ไหม งั้นจะวางแล้ว”

“เดี๋ยวสิ ขี้เกรียจพิมพ์อะ พี่กินข้าวยัง”

“กินแล้ว” ผมตอบไปด้วยพลางเดินไปนั่งปลายเตียง

“ถึงบ้านกี่โมงอะ”

“4 โมง”

“เหนื่ยไหมอ่ะขับรถ ผมบอกแล้วไงว่าให้นั่งเครื่องไปง่ายกว่า”

“ก็บอกแล้วไงว่าแม่ฮ่องสอนไม่มีสนามบิน ไม่อยากให้ที่บ้านไปรับ”

ก่อนจะมานี่ก็คือเมื่อวานหลังจากที่สอนเด็กสองคนเสร็จผมก็บอกไปว่าเสาร์อาทิตย์ไม่สอนเพราะจะกลับบ้าน แต่ไอ้เด็กที่วิดิโอคอลหาผมอยู่เนี่ย เล่นใหญ่ เอาแต่ถามว่าบ้านอยู่ไหนกลับยังไง พอบอกว่าขับกลับเองก็โวยวายใหญ่ว่าให้นั่งเครื่องไปหรือไม่ก็หาคนไปเป็นเพื่อนเดี๋ยวเกิดอันตราย  เถียงกันนานมากจนไอซ์ต้องเป็นคนห้าม ทั้งที่ผมก็บอกไปแล้วว่าขับกลับเองบ่อย ไม่ต้องห่วงแต่ก็เหมือนเดิมดูเหมือนจะงอนผมด้วยที่ไม่ฟังเด็กอย่างภาพตะวัน

“ก็ไม่ต้องนั้งรถนานๆไง เป็นห่วงนะขับกลับคนเดียว”

พูดแล้วก็ทำหน้าเหมือนงอนๆ

“ขอบใจ”

“พี่ไม่หวั่นไหวบ้างหรอ ผมหยอดขนาดนี้”

“ไม่”

“แต่ผมหยอดเองก็เขินเอง ดูดิหน้าแดงแล้วเนี่ย” ภาพตะวันเอากล้องโทรศัพท์เอาไปใกล้ๆแก้มตัวเองเป็นหลักฐานประกอบ

ไม่เห็นจะแดง ไอ้เด็กขี้มโน

“ก็ไม่ต้องหยอด”

“เย็นชาอีกแล้ว ผมอยากดูห้องพี่น่ะ”

“สนิทกันหรอ”

“เดี๋ยวอีกหน่อยก็สนิทแบบแนบเนื้อ”

“ภาพ”

“ครับ เขินแล้วหรอ”

“เป็นเกย์หรอ”

ผมถามออกไปแล้วเด็กในจอก็ทำสีหน้าคิดเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกที่ผู้ชายสมัยนี่จะชอบผู้ชายด้วยกันเองแต่ที่ถามเพราะความอยากรู้เท่านั้น

“ที่ผ่านมาผมมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด แต่สำหรับผู้ชายพอเห็นพี่ครั้งแรกมันก็ห้ามตัวเองไม่ให้ไปยุ่งกับพี่ไม่ได้อ่ะ ใจเต้นแรกกับพี่เท่านั้น”

“ฉันไม่ชอบเด็ก”

“เด็กแล้วยังไง พี่ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก” ภาพตะวันขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นมานั่งตัวตรงจ้องมาที่หน้าจอเขม็ง

“ไม่อยากลอง ไม่อยากให้เราเสียเวลาด้วย”

บางทีให้เด็กมันล้มเลิกตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะไม่ต้องมาเจ็บมาเสียใจไปกว่านี้ก็ได้

“เฮ้ย ดูเหมือนว่าพี่จะยังไม่โตไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจะเป็นผู้ใหญ่ของพี่เอง”

ภาพตะวันถอนหายใจก่อนจะพูดแล้วล้มตัวลงนอน

“พูดไม่รู้เรื่อง”

“รู้เรื่อง แต่ผมยังห้ามตัวเองไม่ได้เลยแล้วพี่เป็นใครอะ เป็นคนที่ผมชอบมีสิทธิ์อะไรมาห้าม พี่จะปฏิเสธจนผมจะเจ็บช้ำยังไง ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ปล่อยผมไปเถอะให้มันเป็นหน้าที่ผมที่จะทำให้พี่ยิ้ม หัวเสีย แล้วก็มีความสุขส่วนผมจะเป็นยังไงก็ปล่อยผมไป”

ทำไมดื้ออย่างนี้นะ ถ้ายังยืนยันที่จะทำผมก็ไม่คิดจะห้ามถ้าเจ็บขึ้นมาผมช่วยอะไรไม่ได้เพราะเตือนไปแล้ว

“ตามใจ”

“เนี่ย ผมมีหวังแล้ว”

ทำไมตีความเป็นแบบนั้นไปได้

“ไปนอนได้แล้ว”

“พึ่งจะสองทุ่มเอง”ทำเสียงงอแงสุดๆ

“ฉันจะพักผ่อนแล้ว”

“โอเค ฝันดีนะครับ จุ๊บๆ” ไม่พูดเปล่าทำปากจู๋แล้วจูบลงบนหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองจนผมเห็นแล้วได้แต่หลับตาถอนหายใจ

“ฝันดี”

อวยพรกันจบก็กดวางสายไป ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆก่อนจะหงายหลังลงนอนหลับตาเพื่อที่จะทำใจกับเรื่องที่เด็กนั้นพูด

‘พี่ไม่ลองไม่รู้หรอก’

ลองหรอจะลองให้ตัวเองเสียความรู้สึกทำไมกับเรื่องแบบนี้

แต่ถ้าจะปล่อยให้มันเป็นไปโดยที่ไม่ฝืนจนถึงตอนสุดท้ายบางทีอาจจะไม่เจ็บจนเกิดบาดแผลก็ได้มั้ง



หายไปหายวันเลย
มาต่อแล้วค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2018 14:46:50 โดย somane »

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
4

 

“ไงครับคุณชาย หายหน้าหายตาไปเลย” เสียงไอ้กรทักผมขณะที่มันกำลังจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้างผมที่โต๊ะหน้าตึกเรียนรวมตอนบ่าย

“กลับบ้านไปวันเกิดย่า”

“หรอ ขับรถไปเอง?”

“อืม”

“ไม่น่าหละ ไอ้เด็กนั่นถึงมาดักรอกูที่หน้ามอ”

พูดถึงเด็กภาพตะวันก็ดี

“ภาพตะวันเอาอะไรมาเซ่นถึงได้ให้ไลน์กูไป”

“เชรด แม่งรถเร็วชิบหายมันทักมึงไปวันไหน”

“ใช่เรื่องไหม ตอบกูมาเลย”

“ก็กูเห็นในแววตาว่าน้องมันมีความมุ่งมั่นที่จะจีบมึง กูก็ส่งเสริมสิอยากให้เพื่อนมีผัว”

“เดี๋ยวตบปาก ผัวเผออะไร”

“เรื่องจริง หน้าอย่างมึงกดเด็กนั่นไม่ได้หรอก”

“พอแล้วไอ้กร คุยกับมึงไม่เคยจะได้สาระพาออกนอกเรื่องตลอด”

“เอาเถอะน่า กูว่าเด็กนี่ตัวจริงของมึง”

“มั่ว”

“เขาว่าเนื้อคู่กันจะหน้าเหมือนกัน”

“เพ้อเจ้อ”

“แหนะๆ แก้มแดง”

“จะลอกงานกันไหมครับถ้าจะลอกก็หุบปาก”

“ทำเป็นขู่ในใจก็เห็นด้วยใช่ไหมละ”

ไม่รู้ว่าผมหน้ามืดไปคบมันเป็นเพื่อนได้ยังไง

ปวดหัวชะมัด

“ไม่ลอก งั้นเอาไปส่งแล้ว”

“เดี๋ยว ขอโทษครับคุณชายผมจะไม่พูดแล้วได้โปรดส่งใบงานนั้นให้ผมดูด้วยเถอะครับ” ไอ้กรรีบตะครุบมือผมที่ถือกระดาษงานที่ทำเสร็จแล้วไว้ในมือแล้วดึงไปกอดไว้กลัวว่าผมจะแย่งคืนอย่างกับเด็กหวงของ

สาบานว่ามันอายุ 21 แล้ว

ตึ้ง

ยังไม่ทันจะได้อ้าปากด่าเพื่อนบ้าตรงหน้าเสียงแจ้งเตือนแอพไลน์ก็ดังขึ้นผมเลยชะงักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าเป็นเด็กที่กำลังพูดถึงส่งข้อความมา

Sunrise_img : ไอซ์บอกว่าวันนี้พี่ไม่สอน
Promm : มีเลี้ยงสายรหัส


เป็นการเลี้ยงสายรหัสส่งท้ายพี่ปี 4 จะไม่ไปก็ไม่ได้ จะไปช้าก็ไม่ได้อีกเพราะผมต้องไปรับพี่หวานพี่ปีรหัสผมแต่อยู่ปี 4 ส่วนพี่รหัสปี 3 ของผมไม่มีเขาย้ายออกไปก่อน

Sunrise_img : กินเหล้าด้วยใช่ไหม

Promm : ปกติ

Sunrise_img : แล้วไหนของฝาก

Promm : มี เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปให้

Sunrise_img : คร้าบบ ผมสอบก่อน คิดถึงจังเลยครับ

Promm : อืม


ตอบเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ตั้งแต่วันที่ได้ไลน์ผมไปเด็กนั้นก็ทักหาทุกวันทุกเวลาแถมก่อนนอนยังวิดิโอคอลมาหา พึ่งผ่านไป 3 วันแต่ผมชินไปแล้วไม่รู้สึกไม่อยากตอบ มันเฉยๆ ทักมาก็ตอบ วิดิโอคอลหาก็รับ ปกติถ้าไม่สนิทผมจะไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้

“แหนะ มีรายงานกันด้วยเว้ย”

“ไปเรียนมารยาทกับแม่ผมไหมครับคุณ ภาสกร”

แม่ผมเป็นครูสอนภาษาไทย

“หูย คุณนายสร้อยหรอไม่เอาอ่ะโหด”

เด็กๆที่โรงเรียนก็ว่ากันแบบนั้น

“หรือจะเป็นย่าผมดี”

ย่าผมเป็นที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรมไทย

“พอเลย คุณหญิงฤดีนี่ภาสกรจะไม่ทน”

ไอ้กรมันเคยไปบ้านผมแล้วแม่กับย่ากำลังอบรมสั่งสอนคนงานที่บ้านแบบเด็ดๆ จนคนหยาบคายแบบไอ้กรแทบไปนั่งพับเพียบฟังอบรมด้วย

“ก็ดี”

“เหอะ บอกไม่ชอบๆ ก็ตอบเขาไปทุกครั้งหวั่นไหวแล้วอะดิ”

“ไม่นิก็คุยกันธรรมดา พี่น้องกัน”

“ตอบซะดารา เดี๋ยวกูจะคอยดูพี่น้องท้องชนกันหรือเปล่า”

“หุบปากแล้วทำงานได้แล้ว”

ไอ้กรไม่ตอบอะไรพลางยักไหล่ประมาณว่าไม่เชื่อ ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ


=============


“ครับพี่หวาน 1 ทุ่มนะครับ” หลังจากเลิกเรียนเสร็จ ผมก็โทรหาพี่รหัสเรื่องเลี้ยงสายเย็นนี้นี่แหละ

“ไอ้พร้อม ไหนบอกพี่น้องกันไงวะ” ไอ้กรเดินมาตบบ่าผมแล้วพยักหน้าให้มองด้านหน้าตรงโต๊ะใต้ถุนอาคารเรียน

เห็นผู้ชายหัวเกรียนใส่ชุดนักเรียนก้มหน้านั่งเล่นโทรศัพท์อยู่

จะใครซะอีกละ

พอรู้ว่าเป็นใครก็เลยจะเดินไปอีกทางแต่ดูเหมือนว่าไอ้เพื่อนตัวดีจะไม่ให้ความร่วมมือด้วย

“ไอ้น้อง” ไอ้กรกอดคอผมแน่นไม่ให้เดินไปไหนก่อนจะเรียกภาพตะวันที่ก้มหน้าอยู่ให้เงยขึ้น

“พี่กรสวัสดีครับ” ภาพตะวันรีบยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงแล้วก้าวเท้าเร็วๆมาทางที่ผมยืนอยู่ สายตานี่จ้องมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มกว้างทั้งที่บอกสวัสดีเพื่อนชั่วของผม

“แหม่ บอกสวัสดีกูแต่ไม่มองหน้ากูเลยนะ”

ภาพตะวันไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแล้วยิ้มเขินๆให้

“เลิกเรียนแล้วหรอครับ”

“เลิกแล้ว นี่พึ่งบ่ายสามเอง ไม่เรียนหรือไง”

“วันนี้สอบครับเลยเลิกเร็ว”

“แล้วไม่กลับบ้าน”

นั่นสิทำไมไม่กลับบ้าน

“มาหาคุณครูผมครับ” ไอ้กรเลิกคิ้วแล้วหันมามองหน้าผม

“โอเค งั้นกูไปละ” ไอ้กรตบบ่าเด็กภาพตะวันและก้มลงไปกระซิบ “อย่าลืมที่กูบอก”

“ครับพี่” ไอ้เด็กภาพตะวันพูดออกมาแล้วยิ้มอีกครั้งเมื่อไอ้กรลงไปกระซิบ

พวกมันไปคุยอะไรกันตอนไหน แล้วไอ้กรไปบอกอะไรเด็กนี่

“ทำไมยังไม่กลับบ้าน ไม่เหนื่อยหรือไง” ไอ้กรเดินออกไปแล้วทิ้งให้เหลือแต่ผมกับเด็กหัวเกรียนอยู่ 2 คน

“เหนื่อย แต่มาหากำลังใจก่อน”

“ถ้าเกิดว่ามาแล้วไม่อยู่จะทำยังไง”

“ผมถามพี่กรไม่ต้องห่วง”

ผมส่ายหัวกับคำตอบองภาพตะวัน “อย่าไปเชื่อมันมาก”

ไอ้เพื่อนตัวดีนี่มันจะทำตัวยุ่งเกินไปแล้ว

“ถ้าถามพี่แล้วจะตอบไหมละ”

“ก็ไม่เคยเห็นถามสักที”

“งั้นวันหลังผมจะถาม จะกลับแล้วหรอ”

“อืม” ผมตอบแล้วก้าวเท้าเดินตั้งใจจะเดินไปโรงรถ โดยมีเด็กหัวเกรียนเดินตามมา

“เย็นนี่ไปกี่โมงอะ”

“1 ทุ่ม”

“ไปร้านไหน”

“ไม่รู้”

“ไม่รู้หรือไม่อยากบอก”

“ไม่รู้จริงๆ” ผมหยุดเดินแล้วหันไปสบตาเด็กที่ตัวกว่าแล้วเดินต่อ

“โอเคครับ ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้โกหก”

ก็ไม่ได้โกหก เรื่องนี้ทำไมต้องโกหก แล้วที่สำคัญไม่ได้เป็นอะไรกัน

“สรุปมานี่เพราะอยากเจอฉัน” ผมเลิกคิ้วถามอีกรอบเมื่อเดินมาถึงประตูรถฝั่งคนขับแล้ว แต่เด็กนี่ยังยืนทำหน้าตาเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“ครับ”

“งั้นก็กลับบ้านดีๆแล้วกัน” เด็กตรงหน้าทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างก่อนจะหลบสายกันยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองแล้วพูดออกมา

“ไปส่งผมที่บ้านด้วยได้ไหมอ่ะ” พูดเสียงอ่อยๆ

ว่าแล้วเห็นทำเนียนเดินตามมา

“ถ้าบอกว่าไม่ได้”

“พี่อย่าใจร้ายสิ” ทำหน้ายู่เหมือนเด็กโดนดุ

ผมยิ้มมุมปาก “ขึ้นรถสิ”

พอบอกแบบนั้นเด็กตรงหน้าก็ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงไปข้างซ้ายนั้นเป็นหลุมชัดมาก

ก็น่ามองดีนะ




TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2018 16:27:59 โดย somane »

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ติดตามน้า

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
5


 -- Sunrise_img --


ไม่เคยรู้สึกชอบผู้ชายแบบชู้สาว

ไม่เคยเก็บหน้าผู้ชายที่เจอกันไม่กี่ครั้งไปคิดเป็นตุเป็นตะ

ไม่เคยคิดว่าจะอยากแกล้งผู้ชายที่ไม่รู้จักไม่สนิทเลยสักคน

จนมาเจอคนเนี้ย มันทำให้ผมแทบบ้าทุกครั้งที่ไม่ได้เจอหน้าไม่ได้คุยด้วย

พี่พร้อม…

เริ่มต้นมาจาก เดือนที่แล้ว

ตอนนั้นผมได้ข่าวมาว่ามีคนมาชอบเพื่อนสนิทผม นั่นก็คือไอซ์ แถมเป็นผู้ชายซะด้วย แบบนี้ก็หล่อเลยสิครับ ผมเลยตามดูไอซ์อยู่ห่างๆว่ามันจริงจังแค่ไหน มันมาหลอกเพื่อนผมหรือเปล่า จนในเย็นวันหนึ่งผมเห็นไอซ์ยืนคุยอยู่กับผู้ชายหน้าหล่อแต่งชุดนักศึกษาดูดีแต่สูงน้อยกว่าผมอย่างออกรสออกชาติ ทำให้ผมขมวดคิ้วสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน

และก็เย็นวันถัดมาผมเห็นไอซ์นั่งอยู่ในร้านขนมที่ห้างกับผู้ชายหน้าหล่อคนเดิม เหมือนจะติวหนังสือกันอยู่ มันทำให้ผมสงสัยขึ้นไปอีก ด้วยความอยากรู้หรือง่ายๆว่าเสือก เลยไปถามไอซ์ซึ่งไม่เคยคุยกันเลยในวันต่อมา

“ได้ข่าวว่าชอบเพื่อนกู แต่กูเห็นมึงไปนั่งแรดกับผู้ชายคนอื่น” คำพูดอาจจะดูเถื่อนไปหน่อยแต่จริงๆไม่มีอะไรนะ

“ตอนไหน” เด็กแว่นตรงหน้าถามพลางขมวดคิ้วสงสัย

“ตอนเย็นที่สตาร์บั๊ค”

“อ๋อ พี่พร้อมเขาเป็นติวเตอร์ให้เรา”

“แค่ติวเตอร์หรอทำไมวันก่อนเห็นมารับแถมยังเล่นหัวกันอีก”

“แม่เรากับแม่พี่พร้อมเป็นเพื่อนกันแม่พี่พร้อมเลยฝากให้พี่เขาสอนเราน่ะ เพราะเราอยากเรียนวิศวะ”

“จริงหรอ”

“จริงสิ ไม่เชื่อถามพี่เขาได้เลยเย็นนี้พี่พร้อมก็จะมารับเรา”

“เออ ถ้ากูรู้ว่ามึงมีแฟนอยู่แล้วและมาหลอกเพื่อนกู เจ็บตัวแน่” ผมทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินหนีออกมา

 
แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมีอีกครั้งที่ทำให้ผมเจอพี่เขาใกล้ๆ

แม่ง คนอะไรวะเวลาโกรธโคตรน่ารักจนอยากแกล้ง

ผมที่กำลังเดินก้มหน้าคุยแชทกับเพื่อนอยู่เดินไม่ได้ดูทางหรอกเพราะรีบเนื่องจากหนังมันฉายแล้วกลัวไม่ทันเลยเดินไปชนกับใครสักคนเข้า แต่พอรู้ว่าเดินชนกับใครผมก็ยังหาเรื่องทั้งๆที่ผมเองก็ผิด

 “ไม่แหกตาดูหรือไง” พูดไปแบบนั้นแต่ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะชักสีหน้าชัดเจนขนาดนี้

 “ขอโทษครับ” ถึงจะดึงหน้าแต่พี่เขาก็ยังจะขอโทษ ตาคู่สวยมองผมนิ่ง

ผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไม่รู้อะเวลาที่โดนสายตาคู่นี้มอง

“ไม่มีมารยาท เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า” ผมยังคงกวนตีนพี่เขาอีก

“ขอโทษไปแล้วหูหนวกหรอ” ใบหน้าหล่อที่มองผ่านๆแต่สวยถ้าจ้องนานๆ หงิกเล็กน้อยและยังขมวดคิ้วอีกด้วย

จะแกล้งอะไรต่อดีว่ะ

“พูดไม่เพราะ”

“ขอโทษครับ”

“กวนตีนหรอ” ตอนพูดขอโทษทำหน้ากวนตีนจริงๆนะ

“ใส่ชุดนักเรียนอยู่ไม่กลัวทำให้สถาบันเสียชื่อหรือไง พูดจาอะไรไม่มีมารยาทกับคนที่รู้อยู่แล้วว่าอายุมากกว่า” ไม่กลัวหรอกครับเพราะพ่อผมเป็นเจ้าของโรงเรียนและที่สำคัญพี่น่าแกล้งมากๆอะ

“ฮึ ทำเป็นพูดมีหลักการจริงๆแล้วตั้งใจจะหาเรื่องกันแต่แรก?”

ผมนี่แหละตั้งใจจะหาเรื่อง

“เป็นเด็กมีปัญหา?”

“เสือก”

ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแรงนะแต่มันพลั้งปากพูดไปแล้วอะ อย่าเกลียดผม

“ไปไกลๆตีนเลยไอ้เด็กเวร”

พี่แกถ้าจะโกรธจริงๆแล้วอ่ะแต่ความกวนตีนที่อยู่ในตัวผมไม่ลดลงเลยจริงๆ

“อ้าว ไอ้หน้าหวาน…”

“เห้ย ไอ้ภาพทำเหี้ยไรมึงเนี่ยหนังฉายแล้ว” ผมกำลังจะพูดต่อแต่ไอ้แม็กเพื่อนผมดันโผล่มาจากไหนไม่รู้มาขัดจังหวะการทำให้พี่พร้อมจดจำผมซะก่อน

อยากจะตบกะโหลกมันสุดท้ายก็กลายเป็นไอ้แม็กที่ขอโทษพี่พร้อมแทนผม ลากให้ผมเดินตามเพราะหนังมันฉายไปนานแล้วแต่สายตาผมก็ยังมองไปที่พี่เขาไม่หยุด เพราะนอกจากพี่เขาจะน่าแกล้งแล้วผมยังรู้สึกว่าเขาเป็นบุคคลที่น่าอยู่ใกล้ๆอีกด้วย
เย็นวันนั้นก็เลยทักไปหาไอซ์ถามข้อมูลประวัติของพี่พร้อมจนละเอียดยิบ

 
และมันก็จริงเมื่อได้พิสูจน์กับความรู้สึกตัวเองว่าพี่พร้อมน่าอยู่ใกล้ๆจริงๆในวันต่อมาที่โรงเรียนเขาให้มหาวิทยาลัยต่างๆมาตั้งบูธแนะนำคณะสาขาให้เด็กมัธยมได้รู้จักเพิ่มขึ้นไปอีก วันนั้นพอผมรู้ว่าคณะพี่พร้อมจะมาตั้งบูธก็ตื่นเต้นมาก มันใจเต้นแรงๆด้วยเลยมาดักรอตั้งแต่ตั้งบูธเสร็จแต่ไม่เห็นพี่เขาเลยจะมาสายๆหรือว่าจะไม่มาวะ ผมเลยเดินไปดูบูธอื่นไปก่อนแล้วแวะกลับมาที่เดิม

เชี่ย วันนี้พี่พร้อมแม่งโคตรหล่อผสมน่ารักผสมสวย ผสมเหี้ยไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดจนออกมาทำให้ผมไม่สามารถอนสายตาไปไหนไม่ได้วันนั้นก็เลยเป็นวันที่ผมสารภาพบาปเรื่องที่แกล้งพูดไม่ดีใส่ไปและทำให้ได้รู้อีกอย่างเกี่วกับพี่พร้อมด้วย

แม่งเป็นคนปากร้ายใจดีสุดๆ รักษาน้ำใจกันมากทั้งๆที่ไม่ชอบขี้หน้ากันและใจอ่อนสุดๆกับคนที่สำนึกผิด

น่ารักโว้ย วันนั้นทั้งวันจนถึงหลับตานอนผมเอาแต่ยิ้มหลับตาหน้าพี่เขาก็ลอยมาแล้ว และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็รู้ว่าไม่ควรอยู่เฉยๆอะ ทำยังไงก็ได้ให้ได้คุบกับพี่เขามากขึ้นไม่ว่าขอให้ไอซ์พูดกับพี่พร้อมยอมติวให้ผมหรือจะหน้าด้านไปดักรอพี่กรเพื่อนสนิทพี่พร้อมเพื่อขอไอดีไลน์พี่พร้อมที่หน้าตึกเรียน

และในที่สุดผมก็ได้ใกล้ชิดกับพี่เขาเกือบทุกวัน

และวันนี้ที่ผมรู้พี่เขาจะไปเลี้ยงสายทำให้ไม่ได้ติวหนังสือกัน

ผมเลยทักไปขอความช่วยเหลือจากพี่กรเรื่องที่อยากจะอยู่กับพี่พร้อมนานๆอยากจะเห็นหน้าสุดๆ วันนี้ทำได้แค่คุยไลน์กันเอง จนพี่เขาบอกว่า

“อย่าลืมที่กูบอก”

 ขอให้มันไปส่งที่บ้านเชื่อกู


ตอนแรกผมโคตรกลัวอะ ว่าพี่เขาจะไม่ไปส่งแต่พอบอกให้ขึ้นรถเท่านั้นแหละผมเปิดประตูรถออดี้สีขาวไข่มุกทะเบียนแม่ฮ่องสอนเข้าไปนั่งรัดเข็มขัดทันที

กลิ่นในรถยังหอมเหมือนเดิม เหมือนกลิ่นพวกเบอรี่ต่างๆ มันหอมอ่อนๆที่ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆถึงจะสดชื่น

“กินอะไรไหม” พี่พร้อมมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองแล้วหันมาถามผม

ถามแบบนี้ก็เข้าทางสิยิ่งอยากอยู่ด้วยนานๆอยู่

นี่ก็พึ่งจะสี่โมงเองผมยังไม่หิวอะ เอาไงดีวะ

คิดไปคิดมาก้มลงกดยิกๆที่โทรศัพท์ตัวเองแล้วมุมปากผมก็ยกขึ้นเองเฉย

ตอนแรกผมก็งงนะว่าทำไมพี่กรถึงแนะนำให้ผมไปขอให้พี่พร้อมพาไปส่งที่บ้าน พอถามไปพี่แกก็ตอบมาว่าเดี๋ยวผมก็จะรู้เองว่าจะทำยังไงต่อและตอนนี้ผมก็รู้แล้ว

“ไม่ครับ”

“แล้วแต่” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ

ไม่รู้จะเอาคำหยาบที่ไหนมาสบถพี่พร้อมแม่งเป็นเหมือนของสารพัดดีที่สุดมาผสมกัน คิ้วหนาเรียงสวยพอเหมาะ หนังตาสองชั้นเข้ากับตากลมๆนั่น สันจมูกสวยมากเหมือนที่ผู้หญิงหลายคนฝันหา ริมฝีปากอิ่มเป็นกระจับแถมยังสีแดงสดน่าจุ๊บ เครื่องหน้าแม่งเข้ากับหน้าเรียวๆพี่เขามาก บอกแล้วว่ามองผ่านๆโคตรหล่อ มองดูดีๆสวยสุดๆ ยิ่งเวลาโกรธโมโหแม่งน่ารัก

สรุปพี่เขาเป็นผู้ชายจริงป่ะ

“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว” ปากสวยๆนั่นขยับถาม

“มีความสุข”

“ประสาท”

“เพราะพี่นั่นแหละ”

ทำให้ผมคลั่งขนาดนี้

“ถึงบ้านแล้ว”

พี่พร้อมบอกทันทีที่รถจอดสนิทแล้ว

“แม่หรอ” พี่พร้อมถามพลางมองไปยังหญิงกลางวัยกำลังเดินออกมาเปิดประตูรั่วเพราะมาส่งครั้งที่แล้วแม่ผมไม่อยู่

“ครับ” พอผมพูดจบพี่พร้อมก็ดับเครื่องเปิดประตูลดลงไปเลย ทำให้ผมรีบเปิดประตูรถลงตามไป

“สวัสดีครับคุณแม่ภาพตะวัน”

เชี่ย น่ารักสุดๆ (ว่าที่) แฟนสวัสดีแม่แฟนเองแบบไม่ต้องบอก

“สวัสดีจ๊ะ นี่ใช่คนที่ติวหนังสือให้เจ้าภาพหรือเปล่า” แม่รับไหว้พี่พร้อมแล้วหันมาถามผม

“ใช่ครับ”

“เข้าบ้านก่อนสิลูก มากินน้ำก่อนวันนี้แม่ทำฟักทองสังขยาพอดี” ตอบรับแม่ปุ๊บแม่ก็ไม่รอช้าชวนพี่พร้อมเข้าบ้านปั๊บ

พี่พร้อมทำหน้าคิดสักพักก่อนจะตอบตกลงทำให้แม่ผมเดินเข้ามาโอบเอวพี่พร้อมพาเข้าบ้าน ผมอมยิ้มแล้วรีบปิดประตูรั่วบ้านก่อนจะรีบเดินตามเข้าไป
แม่ของผมทำงานดีมากๆ ตอนที่ผมปฏิเสธพี่พร้อมเรื่องหาอะไรกินก็เพราะผมทักบอกแม่ไปว่าจะพาคนติวหนังสือไปบ้าน เท่านั้นแหละ ที่เหลือแม่ก็จัดการเองหมดเลย

สรุปวันนี้พี่พร้อมกลับออกจากบ้านผมประมาณหกโมงเย็นเพราะแม่ผมชวนคุยไปเรื่อยชวนชิมอาหารและขนมที่ทำไว้ ตอนแรกแม่ผมชวนกินข้าวเย็นด้วยแล้วแต่ว่าวันนี้พี่เขาเลี้ยงสายทำให้อดกินข้าวเย็นด้วยกันเลย

“ขับรถดีๆนะครับ” ผมเดินมาส่งพี่พร้อมโบกมือให้ พี่แกพยักหน้าแล้วขับรถออกไป

“มีมารยาท น่ารัก แม่ชอบนะ” แม่ผมที่เดินตามออกมาตอนไหนไม่รู้พูดขึ้นจนสะดุ้ง

“ผมก็ชอบครับ” ชอบมากๆด้วย

อีกอย่างที่ทำให้ผมรู้เกี่ยวกับตัวพี่เขาคือ เกรงใจผู้ใหญ่ ปฏิเสธไม่ค่อยได้ นี่แหละ เข้าทางผมเลย





เด็กหัวสกินเฮดนี่มันร้ายจริงๆ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ


 :hao3: :hao3: :hao3:



ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
 :katai3:แหมฝากตัวกับแม่เลยเหรอจ๊ะ555

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
6


ปวดหัวชะมัดเลย

เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยจนไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาได้ยังไงเห็นภาพตัดหลายรอบมาก

เมื่อรู้สึกตัวผมก็ค่อยๆลุกไปอาบน้ำ เหม็นสาบเหล้าที่สุด โชคดีวันนี้ไม่มีเรียนตื่นมาก็สี่โมงเย็นกว่าแล้ว

หลับหรือซ้อมตายวะ

ได้แต่ส่ายหัวกับสภาพตัวเอง ตอนนี้หิวมากๆอาบน้ำเสร็จก็เดินไปเปิดตู้เย็นดูเผื่อจะมีวัตถุดิบพอทำอาหารกินเองได้ แต่ในตู้เย็นมันแห้งแล้งมาก เลยเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจห้องเพื่อไปห้างใกล้ๆคอนโดซื้อของมาติดห้องไว้เผื่อฉุกเฉินแบบนี้อีกกระเพาะจะได้ไม่ประท้วงหนักขนาดนี้

ผมใช้เวลาในการเดินลงไปหยิบๆเลือกๆของที่จะทำกินเองอย่างรวดเร็วและอาหารมือเย็นที่ทำกินรองท้องก็คือมาม่าง่ายๆไปก่อนแล้วกันถ้าจะให้หุงข้าวทำกับข้าวคงปาไปหกโมงเย็นกว่าจะได้กินไส้ขาดพอดี

ครืด

ล้างจานเสร็จพอดีเสียงสั่นแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเลยเดินไปเลื่อนดูว่าใครส่งข้อความอะไรมากบ้าง

Korn_ni : ตายหรือยังวะ

สายมันไม่มึนเมาตลอด (wntt) : พร้อมฟื้นยัง

สายมันไม่มึนเมาตลอด (jubjb) : พี่พร้อมตอบด้วยคร้าาาา

สายมันไม่มึนเมาตลอด (คุณกั้ง) : พี่ไหวป่ะ ผมไม่ไหว

Korn_ni : ตอบกูครับคุณชาย

Korn_ni : ไอ้พร้อมถ้ามึงไม่ตอบกูจะฟ้องคุณสร้อยกับคุณฤดี


ส่วนใหญ่ก็เป็นไอ้กรกับกลุ่มสายรหัส ดูท่าเมื่อคืนผมจะหนักมากจริงๆอะ เลยเข้าไปตอบในกลุ่มสายรหัสไล่อ่านดูข้อความอีกรอบมีแต่คนถามว่าเป็นยังไงบ้าง ตื่นหรือยัง แล้วก็กดเข้าไปตอบไอ้กรก็โดนตอบกลับมาว่ายังไม่ตายก็ดี

ผมกดออกมาหน้าหลักของไลน์เพื่อจะทักไปบอกไอซ์ว่าวันนี้ของดอีกวัน ไม่ไหวปวดหัวไม่หยุด แต่ก็เห็นแชทที่ยังไม่ได้อ่านอยู่หนึ่งแชทที่มีข้อความเตือนสีแดงแจ้งเตือนอยู่ 5 ข้อความ

เป็นของเด็กสกินเฮด เลยกดเข้าไปดู

Sunrise_img : สรุปพี่อยู่ไหน

Sunrise_img : เมาแล้วกลับไปนอนดิ หงุดหงิดแล้วนะ

Sunrise_img : พี่พร้อมตอบผมอย่าทำให้เป็นห่วงดิ กลับไปนอนเลยนะ

Sunrise_img : เชี่ย ร้านอยู่ไหนวะ พี่พร้อมอย่าไปใกล้ผู้ชายอื่นดิ

Sunrise_img : ทำไมไม่ตอบวะ พี่พร้อมมมมมม


เห็นแบบนั้นเลยเลื่อนขึ้นไปข้อความก่อนหน้านี้

ชัดละทำไมเด็กนั่นถึงได้รัวข้อความเหมือนคนบ้าขนาดนั้น เริ่มต้นจากที่ผมส่งรูปตัวเองกับน้องสายไปให้ภาพตะวันดูแล้วฝ่ายนั้นก็รัวข้อความมา ผมก็ตอบไปบ้างจนไม่ตอบแล้วเด็กสกินเฮดก็ทิ้ง5ข้อความที่ผมไม่ได้อ่านไว้ ดูเวลาที่เด็กนั่นส่งมาก็ เกือบตีสอง

เอาละเพราะความเมาเลยแท้ๆ ตอบกลับไปบอกสักหน่อยแล้วกันว่าไม่เป็นไรแล้ว

กริ๊งง

เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นพอดีทำให้หยุดพิมพ์ส่งข้อความไปหาเด็กนั่นแล้วสาวเท้าไปเปิดประตู

และเด็กที่ผมกำลังจะส่งข้อความไปหาตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้ากันแล้ว

“รู้จักห้อง…”

“ทำไมไม่ตอบแชทผม เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยรู้ไหม”

“ก็…”

“ทำไมต้องส่งรูปนั่นมาด้วย ยั่วให้โมโหหรอ”

“…” จะเปิดโอกาสให้พูดไหม

“ทำไมต้องทำให้เป็นห่วงด้วยวะ โตแล้วแท้ๆ” ประโยคนี้ของเด็กตรงหน้าทำผมขมวดคิ้วนิดๆ

“พี่แม่ง โว้ย”

“นี่…”

ยังไม่ทันได้พูดก็แทรกขึ้นอีกแล้ว “วันนี้พี่ต้องอธิบายให้หมดไม่งั้นผมจะไม่ไปไหน” ว่าแล้วก็แทรกตัวเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ขออนุญาต

ผมถอนหายใจ ปิดประตูห้องแล้วเดินตามเด็กขี้โวยวายที่ตอนนี้เดินไปนั่งบนโซฟาแล้ว

และไอ้สายตาแข็งๆนี่อะไร เห็นแล้วตลก

“นั่งลง” ภาพตะวันเอื้อมมือมาจับมือผมดึงให้นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วจ้องหน้าเขม็ง

“พูดมาเลย”

ผมอมยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้สึกโกรธหรอกนะที่จู่ๆก็มาโวยวายแบบนี้ มันน่าตลกมากกว่า เหมือนเด็กโดนขัดใจที่ทำอะไรไม่ได้แล้วเอาแต่งอแงโวยวาย

“ไม่ต้องอมยิ้มเลย พี่พร้อมผมจริงจังนะ”

พอเห็นสายตาจริงจังเลยสูดหายใจลึกๆเพื่อกลืนความตลกของเด็กตรงหน้าก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่สร้างปัญหา

“เมื่อคืนเมา”

“รู้แล้วแต่ที่อยากรู้คือเรื่องรูป ส่งมายั่วโมโหหรือไง”

“ก็บอกแล้วว่าเมา และอีกอย่างนั่นกั้งน้องรหัส”

“จริงหรอ”

“อืม”

“หลักฐานอะ เป็นน้องรหัสจริงเปล่า” พูดแล้วแบมือมาตรงหน้า

ผมส่ายหัวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปสายรหัสที่ถ่ายไว้ตอนวันเปิดสายให้เด็กขี้โวยวายดู

ภาพตะวันรับโทรศัพท์ผมไปดูรูปแล้วก็ส่งคืนก่อนโถมตัวมากอดผมแน่น

หมับ

กอดแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ทำเอาผมนิ่งไปเลย

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้อยู่ว่าผมชอบพี่ขนาดไหนก็ยังจะมายั่วกัน”

“ก็เมา”

“ทีหลังจะไปด้วย เดี๋ยวเมาแล้วทำอะไรแบบนี้อีกดีไม่ดีก็เดี๋ยวโดนใครเขาหิ้วไป” ภาพตะวันพูดแล้วกระชับกอดผมอีก

“ไม่ได้ไปคนเดียวสักหน่อย”

“ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”

“เด็ก”

“ไม่ได้เด็ก เขาเรียกเป็นห่วงคนที่เด็กเป็นพี่ต่างหากทำให้คนอื่นเป็นห่วง” พูดไม่พอยังก้มหน้าซุกบ่าผมอีกต่างหาก

“ปล่อยได้แล้ว” มันก็จะเกินไปหน่อยแล้วมาหลอกกอดกันแบบนี้

ภาพตะวันอิดออดหน่อยๆก่อนจะยอมปล่อยผมแล้วเกาท้ายทอยหลบสายตาจากผม

เออดี ทำเองเขินเอง

“ต่อไปจะระวังแล้วกัน”

ที่พูดให้วางใจไม่ใช่เพราะเด็กตรงหน้าที่ดูจะเป็นห่วงผมหนักหนานะแต่เป็นการเตือนตัวเองต่างหาก ที่ภาพตะวันพูดก็ถูก เมาไม่ได้สติขนาดนั้นเกิดใครลากไปทำอะไรก็แย่กันพอดี

“ครับ มาอยู่ไกลบ้านยิ่งต้องดูแลตัวเอง”

จ๊ะ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

“แล้วรู้จักห้องฉันได้ยังไง”

“แฮะ ถามพี่กรมาอะครับ”

ไอ้กรอีกแล้วหรอ สนิทกันมากๆเลยสินะ

“อืม สบายใจหรือยัง”

“สบายใจแล้ว”

“กลับได้ยัง”

“โห ใจร้ายเหมือนเดิม เนี่ยเย็นแล้วหิวก็หิวรถก็ติดออกจากบ้านมาตั้งแต่ 5 โมงเย็น”

“แล้วยังไง”

“ก็…ไปหาอะไรกินกัน” พูดแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างเดียวอีกแล้ว

“กินข้าวแล้ว”

“กินอะไรไป”

“มาม่า”

“ไม่อิ่มหรอก ไปนะๆเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือมาเขย่าแขนกันอีกต่างหาก

ก็ไม่อิ่มจริงๆนั่นแหละ สุดท้ายก็ไปจบกันที่ร้านอาหารตามสั่งตรงทางกลับบ้านของเด็กสกินเฮดหลังจากที่ตกลงกันไม่ได้สักทีว่าจะกินอะไรตอนอยู่บนรถ ผมเลยตัดสินใจพามากินแถวบ้านของเด็กเรื่องมากซะเลยและดูเหมือนจะชอบด้วยนะ

คิดอะไรแอบแฝงเปล่าวะ เมื่อวานยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะที่เอาแม่มาหลอกให้ผมอยู่ที่บ้านจนเกือบไปไม่ทันรับพี่หวาน

“เข้าบ้านป่ะ แม่ไม่อยู่”

ผมหรี่ตามองเด็กเจ้าเล่ห์ตรงหน้าจนเจ้าตัวต้องรีบอ้าปากพูด

“ไม่ทำอะไรหรอกน่า”

“ไม่ละ จะกลับไปนอน”

“โอเคครับ ถึงห้องแล้วไลน์มาบอกด้วยให้เวลาไม่เกิน 3 ทุ่มถ้ายังไม่ไลน์มาจะบุกไปหาที่ห้อง”

“อืม”

“อย่าลืมกินยานะครับ ดื่มไปหนักขนาดนั้นคงจะแฮงค์น่าดู”

“รู้แล้ว ไปนะ”

“ครับ ขับรถดีๆ”

เด็กหัวสกินเฮดโบกมือลาแถมส่งยิ้มให้ด้วย ผมจึงขับรถกลับห้องกินยา ไลน์ไปบอกเด็กที่จะทำตัวเหมือนพ่อของผมว่าถึงห้องแล้ว

ก่อนจะอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย

ไม่ไหวจริงๆครับแอลกอฮอล์เนี่ยผมไม่ใช่พวกแอลกอฮอล์ลิซึมซะด้วยกินเป็นบางครั้งเวลาไปงาน ปวดหัวไม่หยุดเลยแถมยังสร้างเรื่องได้อีกต่างหากพอไม่มีสติ

จากนี้คงต้องห่างกันยาว

พอหลับตาเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้คิดว่า

มีคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเป็นห่วงมันก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยก็ใส่ใจกันเสมอ

 


TBC.
 o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2018 11:41:27 โดย somane »

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
แหมพ่อหัวสกินรักพี่เขาขนาดนั้นเลยหราจ๊ะ55 หวานกันละเกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
7



“ไปค่ายเปล่าวะ” เพื่อนกรคนเดิมถามผมอีกครั้งหลังจากที่เราพึ่งจะประชุมเสร็จเกี่ยวกับค่ายอาสาบนดอยที่จะจัดขึ้นในวันหยุดอาทิตย์หน้า

“ไป เสร็จค่ายแล้วว่าจะกลับบ้าน”

“งั้นก็เอารถไปเองดิ”

“ไม่อะ เดี๋ยวไปกับชมรมนี่แหละ แล้วจะให้ที่บ้านไปรับ” เพราะค่ายที่จะไปออกอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดผมพอดี

“อิจฉาคุณชายวะ”

“ไปค้างบ้านกูไหมละ แม่กับย่าบ่นคิดถึงอยู่นะ”

“น่าสน งั้นกูไปบ้านมึงด้วยดีกว่าจะไปเที่ยวซูตองเป้”

“จัดไปครับ”

“เออ วันนี้สอนน้องไหม ว่าจะชวนไปสยามซื้อเสื้อหน่อยมะรืนวันเกิดพ่อละ”

ได้ยินแบบนั้นเลยก้มมองนาฬิกาตัวเองก่อนจะตอบ

“สอน แต่เดี๋ยวช้าหน่อยก็ได้น้องมันเลยสอบกลางภาคมากันละ”

“โอเค ไปกันเลย”

ไอ้กรว่าแล้วเดินนำไปที่รถของมันเอง วันนี้ผมไม่ได้เอารถมาเรียนเพราะว่ามันครบกำหนดเข้าเช็คสภาพแล้วเลยเอาไปจอดทิ้งไว้ที่ศูนย์รถ และโทรให้เพื่อนรักมารับ

 

“อยู่สยาม มาช่วยกรเลือกเสื้อให้วันเกิดพ่อมัน…โอเคตามนั้น”

“อะไรวะ จากน้องจะกลายเป็นพ่อแล้วหรอ”

ไอ้กรเอ่ยปากแซวผมในขณะที่กำลังเดินดูเสื้อไปด้วย เพราะเมื่อกี้ภาพตะวันโทรมาหาผมบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไปติวด้วยต้องไปธุระกับที่บ้านและก็ถามว่าอยู่ที่ไหนผมก็เลยตอบไป

 “น้องครับคุณภาสกร”

“คุยโคตรนาน ตั้งแต่จอดรถยันเข้าร้านเสื้อไปแล้ว 3 ร้านก็ยังไม่วาง”

“มึงก็รู้ว่าภาพตะวันพูดมากขนาดไหน” ผมไม่เคยที่จะตัดบทเด็กนั่นได้จริงๆนะ

“รู้ว่าพูดมาก แต่มึงก็ตอบน้องทุกคำ”

“ก็มันถาม”

“ปกติถ้ามึงไม่ชอบมึงจะไม่คุยไม่ยุ่ง ไม่ใช่หรือไง”

ก็จริงนั่นแหละ ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้วที่เด็กนั่นมักจะทักแชทไลน์หรือไม่ก็โทรศัพท์มาหาไม่ว่าจะเรื่องมีสาระหรือไม่ก็ตาม อาจเป็นเพราะเวลาอยู่กับภาพตะวันผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดหรือน่ารำคาญเลย ถึงจะมีมุกหยอดบ้างกวนประสาทบ้าง แต่ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก และสบายใจเสมอเวลาคุยด้วย แบบนี้ละมั้งถึงทำให้ผมไม่เคยปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเด็กนั่น

“ก็ใช่ แต่ภาพตะวันไม่ได้ทำให้กูรำคาญนี่”

“โอ๊ย เลิกแถเลยครับคุณพจณิชาผมไม่ฟังแล้ว ดูก็รู้ว่าคุณเริ่มมีใจ”

ไอ้กรโบกมือปัดไปมาอย่างรำคาญ

มีใจอะไรกันวะ บ้าบอ

“เพ้อเจ้อแล้ว มีใจที่ไหนกัน”

“แล้วหน้าแดงทำไม”

พอเพื่อนรักพูดแบบนั้นผมเองก็รู้สึกตัวว่าที่แก้มมันร้อนๆ

“มั่วจะมีใจได้ยังไง ที่คุยกับภาพตะวันแบบไม่ปฏิเสธเพราะรู้สึกดีต่างหากไม่อึดอัด ไม่น่ารำคาญไงต้องให้ย้ำหรอ” ช่วยเข้าใจเพื่อนคนนี้ทีเถอะครับ คุณภาสกร

“โห รู้สึกดี ไม่อึดอัด ไม่น่ารำคาญ นั่นแหละเหตุผมของคนเริ่มมีใจครับคุณชาย” ไอ้กรทำตาโตเอามือทาบอกแล้วพูด

เห้ย ตุ๊ดชะมัด

“เอ้า แล้วแต่มึงจะคิดเลย”

เบื่อจะคุยกับมันแล้ว

“แหนะ ที่เลี่ยงกันนี่เพราะว่าเริ่มคิดใช่ไหมละ”

“ไอ้กร!”

เรียกมันเสียงดัง จนไอ้กรหัวเราะชอบใจก่อนจะหยิบเสื้อที่เลือกได้แล้วส่งให้พนักงานเพื่อคิดเงิน

ไม่ไหวแล้ว แซวกันอยู่ได้ และผมก็ไม่เคยเถียงมันได้เลยดูเหมือนว่ามันพูดอะไรก็เหมือนจะถูกไปหมดทั้งๆที่ผมเองก็รู้ตัวเองดีว่ามันมีความรู้สึกยังไง

ไอ้เพื่อนไม่น่ารัก อยากจะถามตัวเองอีกรอบว่าละเมอครบกันไปได้ยังไง หึ่ย



=============



หลังจากที่พาเพื่อนรักไปเลือกซื้อเสื้อเสร็จก็เกือบถึงเวลานัดติวกับไอซ์พอดีเลยแยกตัวกับไอ้กรมานั่งรอไอซ์ที่ร้านกาแฟน่ารักๆแถวสยามแล้วโทรบอกน้องว่ามาถึงแล้ว รอประมาณครึ่งชั่วโมงเด็กแว่นตัวสูงผิวสีน้ำผึ้งก็โผล่มา

“โทษทีครับ รอติดอะ”

พอเดินมาถึงโต๊ะเด็กแว่นก็รีบยกมือขึ้นไหว้ขอโทษทันที

“ไม่เป็นไร สั่งขนมไหม”

 “ไม่ล่ะครับ แต่ผมมีเรื่องจะบอกพี่พร้อม” ไอซ์ทำสีหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

“คือ…”

“ว่าไง พูดมาได้เลย” ผมก็พลอยจะลุ้นกับคำพูดของเด็กแว่นตรงหน้าไปด้วย

“เอ่อ ผม... ผมสอบติดแล้วครับ!” ไอซ์พูดเสียงดังจนคนในร้านหันมามอง “ขอบคุณพี่พร้อมมากๆเลยครับ”

ไอซ์พูดแล้วยิ้มกว้างซะตาหยี

จนผมยิ้มตามไปด้วย “ดีใจด้วยนะ”

“ตื่นเต้นสุดๆเลยอ่ะ ตอนประกาศผล”

“บอกแม่ยัง”

“เรียบร้อย แม่กรี๊ดลั่นบ้านเลยแม่เว่อร์มากๆ” ไอซ์หัวเราะ

“อืม ถ้าสอบติดแบบนี้พรุ่งนี้เลี้ยงชาบูอีกโอเคไหมหรือว่าอยากกินอะไร”

“ไม่เอาอะ พรุ่งนี้พี่พร้อมไปบ้านผมเลยตอนเย็นแม่จะทำอาหารเลี้ยง”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถึงยังไงพี่ก็จะพาไปเลี้ยง งั้นเดี๋ยววันรายงานตัวเสร็จพี่พาไปเลี้ยงอีกทีดีกว่า”

“อย่างนั้นก็ได้ครับ ผมขอบคุณพี่พร้อมจริงๆ”

“ไม่เป็นไร พี่ติวแล้วทำให้คนสอบติดถือว่าพี่ประสบความสำเร็จละ พูดให้คนอื่นเข้าใจเนี่ย”

“ก็พี่พร้อมเก่งจริงๆนี่นา”

“ไม่ต้องชมขนาดนั้นพี่จะลอยละ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่พร้อมกันยิ้มให้ไอซ์ ดีใจกับน้องมันจริงๆ ถ้าพยายามยังไงก็ต้องมีสมหวังบ้างละ “สอบกลางภาคก็เลยมาแล้วเนอะไม่รู้จะสอนอะไรให้เลย  งั้นวันนี้มีการบ้านไหม”

“ครับ นี่เลยการบ้าน” พูดจบไอซ์ก็ยื่นสมุดการบ้านมาให้ผมดูอ่านผ่านๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนเดิมลองทำดูก่อนติดขัดตรงไหนก็บอก”

“โอเคครับ” ไอซ์รับสมุดการบ้านคืนไปแล้วลงมือก้มหน้าก้มตาทำการบ้านโดยที่ผมก็มองดูน้องทำไปด้วย



“กลับยังไง” ผมถามหลังจากที่สอนการบ้านไอซ์เสร็จแล้ว
“วันนี้พี่ชิตมารับครับ”

ผมขมวดคิ้ว “มีพี่ชายด้วยหรอ”

“เป็นลูกของลุงผมน่ะครับ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อน”

“ขอบคุณครับ แต่ว่าไม่ต้องรอแล้วล่ะครับมาพอดีเลย” ไอซ์ชี้ไปด้านหน้าให้ดูผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงขายาวสีน้ำตาลพอดีตัวที่เดินยิ้มมาทางผมกับไอซ์ยืนรออยู่

“สวัสดีครับพี่ชิต” ไอซ์ยกมือไหว้คนที่เดินมาถึง

“ครับ มาทันพอดีเลยนะเนี่ย” คนที่ไอซ์ทักทายยื่นมือมาขยี้หัวของไอซ์แล้วเอ่ยทักตอบ

“สวัสดีครับ คุณชิต” เมื่อไอซ์ทักทายแล้วผมก็เลยทักทายบ้าง

“เห้ย ไม่ต้องเรียกว่าคุณหรอก เราอายุเท่ากัน”

ผมมองหน้าคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

หน้าเด็กแหะ แถมหล่อออกไปทางน่ารักด้วย

“โอเค ฉันชื่อพร้อม”

“อืม ไอซ์บอกแล้วล่ะ งั้นฉันขอพาไอซ์กลับเลยนะ พอดีมีธุระต่อ” ชิตบอกพร้อมกับมองผมเป็นการขออนุญาต

ผมพยักหน้าแทนคำตอบแล้วยกมือโบกมือลาไอซ์กับชิต

“ไปแล้วนะครับพี่พร้อม” ไอซ์ว่าแล้วเดินจากไปกับลูกพี่ลูกน้องตัวเอง

ผมมองสองคนที่เดินจากไปจนสุดสายตาแล้วก้มมองนาฬิกา นี่ก็ทุ่มกว่าๆแล้วยังไม่อยากจะกลับคอนโดเลย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ไปที่ที่หนึ่งมานานแล้ว พอนึกได้ก็พาตัวเองเดินไปยังโซนของเล่นและอาหารสดได้ของมาเต็มไม้เต็มมือ ผมยิ้มกับตัวเองขณะขับรถไปยังสถานที่ที่เมื่อก่อนผมไปเป็นประจำ



ตอนนี้ก็เรื่อยๆไปค่ะ

 :katai5:

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
8

 

“พี่มาแล้ว! เย้พี่เขากลับมาแล้ว”

“แม่จ๋า พี่พร้อมมาแล้ว”

“แม่น้อม พี่พร้อมมม”

ทันทีที่ผมลงจากรถตรงสถานที่ที่ตัวเองไม่ได้มานานแล้วก็ได้ยินเสียงเด็กๆสิบกว่าคนต่างเอ่ยเรียกชื่อผมและวิ่งตะโกนเข้าออกบ้านกันเป็นว่าเล่น

ที่ที่ไม่ได้มานานแล้วก็คือสถานเลี้ยงเด็กแต่ไม่ใช่ที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ไม่ว่างไม่สะดวกดูแลในระยะตามที่ทางบ้านกำหนดเท่านั้นด้วยหากพ่อแม่เด็กไม่มารับตามกำหนดที่นี่จะแจ้งความทันที

แม้แต่ผมเองก็ยังเคยอยู่ที่นี่เหมือนกันแต่เหตุผลของผมมันต่างออกไปเพราะเจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนแม่ผม ช่วงที่ตัวเองตัดสินใจมาเรียนมัธยมในกรุงเทพทั้งๆที่ไม่ญาติอยู่ที่นี่เลย ทำให้แม่ต้องมาฝากผมกับเจ้าของที่นี่ให้ช่วยดูแล

“สวัสดีครับแม่น้อม” ผมยกมือไหว้ผู้หญิงรุ่นเดียวกับแม่ตัวเองที่กำลังเดินออกมาจากบ้าน

นี่แหละแม่คนที่สองของผม แม่น้อมเป็นเพื่อนของแม่ผมเองและก็เป็นเจ้าของที่นี่

“สวัสดีจ๊ะ ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“ไม่ว่างเลยครับ มีสอนพิเศษและก็กิจกรรมนิดหน่อย”

“จ๊ะ สร้อยก็โทรมาบ่นให้ฟังเหมือนกันว่าเราก็พึ่งจะได้กลับบ้านช่วงวันเกิดย่าที่ผ่านมา”

“ครับ นี่ผมซื้อของเล่นมาฝากเด็กๆกับของสดมาด้วยและยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”

ผมชูของที่หิ้วอยู่ในมือประกอบและท้ายประโยคก็พูดเสียงอ้อนหน่อยๆอย่างมีความนัย

“จะให้ทำกับข้าวให้กินละสิ”

ผมยิ้มกว้าง “คิดถึงกับข้าวแม่น้อมที่สุดเลยครับ”

“ปากหวานจริงๆ มาๆเอารถเข้ามาจอดข้างในบ้าน เด็กๆมาช่วยพี่เขาถือหน่อยลูก” แม่น้อมเปิดประตูรั่วแล้วหันไปเรียกเด็กมาช่วยผมถือของที่ซื้อมา ไม่นานก็มีเด็กสิบกว่าคนพากันวิ่งออกมาจากในบ้านแล้วรุมกันแย่งของไปถือคนละถุงสองถุง ผมมองภาพนั้นแล้วยิ้มตาม

น่ารักดีนะเด็กๆเนี่ย แต่ยกเว้นเด็กคนนั้นไว้คนหนึ่งแล้วกันที่ทำตัวไม่น่ารัก กวนประสาท

เอะ แล้วทำไมผมต้องคิดถึงเด็กหัวสกินเฮดด้วยเนี่ย

“เรียนหนักไหมลูก” แม่น้อมถามระหว่างกำลังทอดน่องไก่อยู่

“เริ่มหนักอยู่ครับปี 2 แล้ว”

“แสดงว่าวันนี้ว่าง”

“เปล่าครับ ผมขี้เกรียจกลับห้องและเบื่อที่จะซื้อกับข้าวสำเร็จรูปกินเลยซื้อของสดมาให้แม้น้อมทำให้กิน”

“จ้า เด็กๆบ่นคิดถึงเราทุกวันเลยนะ ว่าพี่คนที่มาบ่อยๆเขาไม่มาแล้วหรอประมาณนี้แล้วตอนถามแม่นะทำหน้าเหมือนลูกหมาขี้เหงาเลย”

“หรอครับ งั้นเดี๋ยวผมจะมาบ่อยๆไม่รู้นะเนี่ยว่าเด็กๆจะคิดถึงผมด้วย”

“มาทีไรก็มีแต่ของฝากตลอดจะไม่ให้คิดถึงได้ยังไงทีหลังไม่ต้องซื้อมาเลยเดี๋ยวเด็กเสียนิสัยกันหมดแล้วก็ถ้าเราไม่ว่างก็ไม่ต้องมาก็ได้นะเดี๋ยวเสียการเรียน”

แม่น้อมนี่เหมือนแม่ผมชะมัดดุในเรื่องที่ไม่ควรในขณะเดียวกันก็เป็นห่วงมากๆ

“แวะเล่นสองสามชั่วโมงไม่เสียการเรียนหรอกครับ”

“อย่าให้รู้แล้วกันว่าเกเร ไม่อย่างนั้นแม่จะฟ้องสร้อยกับคุณย่านะ”

“รับทราบครับ” ผมยิ้มตอบ

มีความสุขจังได้มาที่นี่เหมือนได้กลับบ้านได้คุยกับแม่น้อมก็เหมือนคุยกับแม่กับย่าผสมกันไป

ถึงที่นี่จะรับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ไม่ว่างดูแลไม่ต้องกลัวเลยว่าเด็กจะขาดความอบอุ่นเพราะมีพี่เลี้ยงทั้งชายและหญิงที่คัดแล้วคัดอีกจนได้คนที่ใส่ใจเด็กจริงๆและการอบรมการสอนของแม่น้อมและพี่เลี้ยงทุกคนสอนเด็กที่นี่ให้รู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านจริงๆ ไม่ขาดความอบอุ่นเลยและเด็กๆก็มีวินัยมีมารยาทมากๆ จนทำให้พ่อแม่เด็กไม่มีความกังวลเลยเกี่ยวกับการมารับลูกกลับไปอยู่ด้วยแล้วจะก้าวร้าวหรือทำท่าทีเหินห่างกันไหม ที่นี่ดูแลเด็กๆดีมากจริงๆ ผมชอบที่นี่เวลามีเรื่องไม่สบายใจหรือมีความสุขแต่ไม่มีเวลากลับบ้านก็จะมาที่นี่แหละมาระบายมาเล่าให้แม่น้อมฟัง

ตึง

เสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้นผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

เป็นข้อความจากนายภาพตะวัน

Sunrise_img : กลับห้องยังครับ


ผมอ่านแค่ข้อความที่แสดงบนหน้าจอโดยที่ไม่ได้กดเข้าไปตอบแล้วกดปิดโทรศัพท์

เดี๋ยวไว้ค่อยตอบก็ได้

พอผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อเสร็จเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแม่น้อมยืนอมยิ้มอยู่

“อะไรครับ”

“แฟนหรอ”

ทำไมแม่น้อมถึงคิดแบบนั้น

“เปล่านะครับ เด็กที่สอนพิเศษทักมาเฉยๆ”

“เด็กที่เราสอนพิเศษให้หรอ แล้วทำไมอ่านแล้วต้องอมยิ้มด้วยล่ะ”

“ผมอมยิ้มหรอ” ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ไม่ใช่แล้วครับ แม่น้อมตาฝาดแล้ว”

“ผู้ใหญ่ไม่โกหกเด็กหรอกนะ”

“นั่นเด็กผู้ชายครับที่ทักผมมา”

“สมัยนี้ชายชายเป็นคบกับมีเยอะไป ไม่ต้องอายหรอก”

“ไปกันใหญ่แล้วครับ ผมไม่คิดอะไรด้วยสักหน่อย”

ทำไมช่วงนี้มีถึงได้มีแต่เรื่องเกี่ยวกับรักๆใคร่ๆ วนเวียนรอบตัวเต็มไปหมด

“โอเค ไม่คิดก็ไม่คิดถ้ามีแฟนแล้วอย่าลืมพามาแนะนำนะ”

“แน่นอนครับ”


ต่อล่างนะจ้ะ
v
v
v


ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

=============

กว่าจะออกจากบ้านแม่น้อมมาถึงห้องก็สี่ทุ่มพอดี หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จผมก็นั่งเล่นกับเด็กๆ สอนการบ้าน และเล่นเกมกันอย่างสนุกสนามจนแม่น้อมคิดว่าดึกแล้วนั่นแหละเลยไล่ผมกลับห้อง

พอกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำใส่ชุดนอนพร้อมจะพักผ่อนแต่เสียงโทรศัพท์ก็สั่นทันทีเลยเอื้อมมือไปหยิบมาดู เป็นเบอร์ของภาพตะวัน

แปลกนะนี่ไม่ใช่เวลาที่เด็กนั่นจะโทรหาผม

“ว่าไง”

(พี่พร้อมอยู่ห้องไหม ฮึก) น้ำเสียงที่ถามผมนั้นทำเอาขมวดคิ้ว

เสียงเหมือนกำลังร้องไห้

“อยู่ เป็นอะไรหรือเปล่า”

(ฮึก ผมไปหาพี่ได้ไหม) เสียงยังสั่นไม่เลิก

“มีอะไรหรือเปล่า เสียงเหมือนร้องไห้เลย”

ผมถามด้วยความเป็นห่วง

ไม่ชอบจริงๆเลยว่าใครโทรมาหาแล้วทำเสียงเศร้าหรือร้องไห้มันทำให้รู้สึกหดหู่ใจไปด้วยยังไงไม่รู้

(ผมไปหาพี่นะ) เหมือนจะพูดไม่รู้เรื่องไปซะแล้ว

“ตอนนี้อยู่ไหน”

(แถวโรงเรียนครับ)

“เดี๋ยวไปรับ อย่าไปไหน” พูดจบผมก็วางสายไปเลย

ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์แล้วขับรถไปหาภาพตะวันทันที


ดีว่าดึกแล้วรถไม่ติดเลยใช่เวลาไม่นานในการขับรถมาถึงสถานที่นัด ทันทีที่จอดรถภาพที่เห็นคือเด็กใส่ชุดนักเรียนหัวสกินเฮดกำลังยืนขยี้ตาตัวเองจนแดงไปหมดแล้วยังมีเสียงสะอึกสะอื้นอีก

“ขึ้นรถ”

ผมเดินไปใกล้ๆภาพตะวันแล้วพูดขึ้น

เด็กตรงหน้าเงยหน้ามองผมก่อนจะสูดน้ำมูกเข้าไปเต็มแรง ผมส่ายหน้ากับภาพที่เห็นก่อนเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋านักเรียนมาถือให้แล้วเดินนำไปขึ้นรถ

ดูไม่ได้เลยจริงๆ

“หิวหรือเปล่า” ผมถามระหว่างติดไฟแดง

ตั้งแต่ขึ้นรถมาภาพตะวันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาขยี้ตากับพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองและหันหน้าไปมองข้างนอกหน้าต่างข้างๆตัวเองตลอดทาง

“ภาพได้ยินที่พูดไหม” ผมเรียกอีกรอบเมื่อเด็กขี้แง เอาแต่นิ่ง

“…”สงสัยจะเป็นเรื่องหนักใจหน้าดู

“งั้นเดี๋ยวแวะเซเว่นแล้วกัน” ผมสรุปเอาเองและจะจอดรถที่เซเว่นลงไปซื้อของกินมาให้ภาพตะวัน

ร้องไห้ตาบวมขนาดนั้นคงต้องเสียพลังงานไปบ้างละ

 

“อาบน้ำไหม”พอขึ้นมาถึงห้องก็เห็นเด็กหัวสกินเฮดยืนเคว้งอยู่กลางห้องผมก็เลยถาม

ดูท่าจะไม่ยอมกลับบ้านแน่ๆ

ผมก็อยากจะถามนะว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สถานการณ์แบบนี้ให้พูดเองน่าจะดีกว่า เวลาแบบนี่ควรอยู่เป็นเพื่อนเขาน่าจะดีที่สุด

“ครับ” เสียงแหบๆ ตอบกลับมา

ผมพยักหน้าเดินไปหยิบผ้าขนหนูและชุดสำหรับใส่นอนมาให้ภาพตะวันรับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด

ภาพตะวันอาบน้ำแค่แป็ปเดียวก็เดินออกมาพร้อมกับชุดที่ออกจะเล็กกว่าตัวนิดนึง เพราะนั่นมันเป็นชุดนอนของผม

นี่ว่าเลือกชุดที่ใหญ่ให้แล้วนะ

“เดี๋ยวนอนห้องนั้นนะ” ผมชี้ไปห้องข้างๆ

ภาพตะวันพยักหน้าแล้วตั้งท่าจะเดินไปห้องที่ผมชี้

เห้ย แย่มากๆเลยสภาพแบบนี้เอาแต่ทำตามเหมือนคนไร้วิญญาณ จะปล่อยไว้คนเดียวจะแอบร้องไห้หรือเปล่าวะ

“ภาพ ไม่ต้องแล้วไปนอนด้วยกันนี่มา” ผมเดินเข้าไปจับแขนของภาพตะวันแล้วดึงให้เดินตามเข้ามาในห้องนอนของผมเอง

ภาพตะวันทำหน้างงๆ เมื่อมายืนอยู่กลางห้องนอนของผมก่อนจะยกยิ้มกวนๆพร้อมสายตาแปลกๆมันดูไม่น่าไว้ใจแต่แป็ปเดียวสายตานั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเศร้าเหมือนเดิม

“ให้นอนด้วยเพราะเดี๋ยวตอนกลางคืนจะแอบร้องไห้ตาบวมหรอกนะ เอ้าไปนอนได้แล้ว”

ผมพยักเพยิดหน้าไปทางเตียงให้ภาพตะวันไปนอนตัวเองจะได้ปิดไฟ

เมื่อเด็กหัวสกินเฮดล้มตัวลงนอนแล้วผมก็เดินไปปิดไฟ

“ผมทะเลาะกับที่บ้าน” ทันทีที่ผมเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงเดีบงเดียวกับเด็กหัวสกินเฮดก็พูดขึ้น

ผมเลยเงียบฟัง

“พ่อจะให้ไปเรียนต่างประเทศ แต่ผมไม่อยากไป” เสียงนั่นแหบหน่อยๆแต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้า

“ไปเรียนต่างประเทศไม่ดีตรงไหน” ผมถาม

“ไม่ได้เจอพี่”

เดี๋ยวนะ เหตุผลมันไม่ใช่แล้ว

“ไม่ใช่แล้วเหตุผลน่ะ”

“ผมไม่อยากไปจริงๆ ผมคิดถึงพี่”

“ภาพนั่นมันอนาคตของนายนะ”

“อันที่จริงผมกับพ่อมีปัญหากันเขาชอบบังคับผมให้ตามแบบแผนที่ตัวเองวางไว้”

“ก็เพราะพ่อหวังดี”

“หวังดีตรงไหน พอผมไม่ฟังก็ว่ากันเสียงดังดีไม่ดีก็มีตีด้วย ผมโตแล้วทำไมต้องใช้ความรุนแรง”

“เลยหนีออกจากบ้านมาอย่างนั้นหรอ”

“ผมไม่อยากอยู่บ้าน”

“ที่บ้านจะเป็นห่วงนะทำแบบนี้”

“ไม่เห็นเขาจะโทรตามผมเลย คงไม่เป็นห่วงหรอก”

“ภาพตะวันนายอายุเท่าไหร่แล้ว เรื่องนี้ฉันจะไม่เข้าข้างหรือปลอบใจหรอกนะ การถูกบังคับไม่มีใครชอบอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่นายไม่ทำตามมันคืออคติ แล้วนายพูดกับที่บ้านด้วยเหตุผลมากพอไหม มันเหมือนนายไม่พอใจไม่ชอบถูกบังคับที่พ่อมาทำแบบนี้นายเลยต่อต้าน รู้ไหมว่าแบบนี้มันไม่ดี นายเป็นลูกคนเดียวที่บ้านเขาก็ต้องหวังเป็นธรรมดา ทำไมไม่ใจเขาใจเราบ้างเลยละ” ผมร่ายซะยาว

ผมไม่ชอบความไม่มีเหตุผล ที่ต่อต้านเพราะว่าความอคติอย่างนั้นหรอ

“พี่พร้อม”

“ถึงนายจะบอกว่าพ่อชอบบังคับ ไม่รักนาย แล้วรู้ได้ยังว่าพ่อไม่รัก ลองคิดดูนะพ่อส่งนายไปเรียนต่างประเทศไม่ใช่ไล่ออกจากบ้านถ้าคิดถึงนายก็ยังสามารถกลับมาหาหรือโทรคุยกันได้แต่ถ้าโดนไล่ออกจากบ้านนายจะไม่เหลือใครไม่มีใครที่พึ่งได้”

“ผม…”

“ถึงตอนนี้ที่บ้านจะไม่โทรมาก็ใช่ว่าเขาจะไม่เป็นห่วงกันนะ เชื่อฉันสิว่าเขาก็กำลังหาทางติดต่อนายอยู่ ฉันรู้นะว่านายไม่คิดจะสนใจมันมากกว่านายทำใจแข็งปิดทุกอย่างไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งนั้น”

“คือ…”

“ยอมรับหรือเปล่าว่าตัวเองอคติกับพ่อ”

“ครับ” ตอบกลับมาไม่เต็มเสียง

“โทรไปบอกที่บ้านซะว่าอยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่เขาจะได้ไม่เป็นห่วง คุยกับผู้ใหญ่เราก็ต้องเป็นผู้ใหญ่กว่าจำไว้”

“ผมเข้าใจแล้ว” นิ่งไม่ยอมขยับ

“ภาพตะวัน”

"..." ผมเรียกอีกครั้งเมื่อยังนิ่งไม่ยอมขยับ บอกว่าเข้าใจแต่คงเข้าใจไม่หมดสินะ

"โทรไปบอกที่บ้าน"

“ครับ” ตอบรับเสร็จภาพตะวันก็ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋านักเรียนแล้วกดโทรออกไปหาที่บ้าน

“ครับแม่… ผมอยู่กับพี่พร้อม… ไม่ต้องห่วงครับ …ครับ ผมขอโทษนะ… พ่อเป็นยังไงบ้าง… โอเคครับ… รักเหมือนกันครับ”

“นอนได้แล้ว” พอภาพตะวันวางโทรศัพท์ผมก็พูดขึ้น

เด็กหัวสกินเฮดที่ตอนนี้สภาพจิตใจอ่อนแอก็ทำตามอย่างว่าง่ายก็หลับไปแล้ว เมื่อเห็นว่าภาพตะวันหลับหายใจสม่ำเสมอแล้วผมก็หลับตาพักผ่อนบ้าง

เห้ย ถึงจะเกิดเหตุการณ์แค่ชั่วโมงเดียวก็ทำเอาผมปวดหัวเลยจริงๆ

ทำไมผมจะไม่เข้าใจละว่าการถูกบังคับ ถูกห้ามความคิดตัวเองมันรู้สึกยังไง ตอนที่บอกที่บ้านคนั้งแรกว่าจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ แม่กับย่าของผมนี่พากันส่ายหน้าอย่างเดียว เหตุผลของพวกผู้ใหญ่สารพัดห้าม จนทุดท้ายผมก็ใช้เหตุผลของตัวเองพูดกับที่บ้านอย่างใจเย็นว่าที่อยากจะมาเรียนต่างบ้านตัวเองเพราะอะไร จนทำให้แม่กับย่าใจอ่อนยอมปล่อยผมมา

ภาพตะวันน่ะหัวแข็ง ถ้าทำตัวแข็งใส่รับรองว่าโดนต่อต้านกลับทันที…

ผมลืมตาขึ้นมามองหน้าเด็กที่หลับไปแล้วอีกครั้งก่อนที่ตัวเองจะจมดิ่งกับการพักผ่อนไปเลยทำให้ไม่ได้ยินเสียงของเด็กข้างๆที่พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา

“เพราะพี่เป็นแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากไปไหน ขอบคุณนะครับ”


งืออออออออออออ  หัวเกรียน
 :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่เป็นไรนะเด็กน้อย เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2018 14:47:13 โดย mmello07 »

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
9


“ไอ้กรกิจกรรมบนค่ายทำอะไรบ้างนะ” ผมที่กำลังก้มคีบเส้นมาม่าเข้าปากถามเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งพิมพ์แบบร่างขอทำกิจกรรมนอกสถานที่

ที่จริงหน้าที่พวกนี้ไม่ใช่ของพวกผมเลยมันเป็นของพี่ปีสามแต่ไม่รู้ว่าไอ้กรไปพูดจากวนบาทาพี่เขายังไงถึงได้งานมาทำแบบนี้

“เห็นพี่ๆว่าจะสร้างโรงอาหาร โต๊ะ เก้าอี้ประมาณนี้ แล้วก็จะมีนันทนาการตอนกลางคืนอันนี้ยังไม่ได้คิดว่ะ กูไม่น่าไปกวนส้นพี่ขิมเลย

ดูดิได้ใช้สมองเลยเนี่ย”

“สม”

“อ้าว นี่เพื่อนคุณนะครับทำไมไม่รักกันบ้างเลย”

“ไม่”

“นิสัยๆ”

ไอ้กรตอบผมแต่ตาก็ยังจ้องที่จอคอมพิวเตอร์

ผมวางถ้วยมาม่าแล้วถามเพื่อนต่อ “แล้วได้งานไรมาทำอีกไหม”

“ก็มีเขียนร่างของทำกิจกรรมนอกสถานที่ จัดหาวัสดุเพิ่มเติมนิดหน่อยแต่จำไม่ได้ละ ค่อยถามพี่ขิมอีกรอบและก็หาสปอนเซอร์ด้วย”

“อืม มีงบเท่าไหร่แล้วอะ”

“ตอนนี้มีอยู่ ประมาณสามหมื่น พวกวัสดุหลักๆเห็นพี่ขิมว่าทางนั้นหาให้แล้วแต่ก็คงไม่พอมั้งเลยให้เราช่วยหาอีกแรง”

“สปอนเซอร์นี่ทำยังไง”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ ยังพอมีเวลานี่ว่าจะทำเหมือนเดิม”

“เดินกล่องหรอ”

“ประมาณนั้น แต่มีน้องปีหนึ่งว่าจะเปิดหมวกช่วยด้วยอีกแรง”

“โอเค ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะเราก็ไปกันตั้งสามสิบกว่าคนแล้วยังเก็บค่าครองชีพอีกน่าจะพอมีพอกิน”

ที่ผมถามก็เพราะว่านอกจากของจำเป็นๆที่ใช้ทำกิจกรรมแล้วเรื่องกินสำหรับพวกผมนี่ก็สำคัญเหมือนกัน ผมค่อยข้างจะเป็นห่วง

“แหม่นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ห่วงกิน”

“หรือมึงไปอยู่นั่นจะไม่กิน”

“กินครับ ว่าแต่บ้านคุณชายสนใจเป็นสปอนเซอร์ไหมครับ”

ถ้ามาถามเรื่องบริจาคกับบ้านบอกได้คำเดียวเลยว่า

“สน”

“มีแต่ไหม”

ผมยกยิ้ม “แต่จะทนได้หรอครับถ้าเกิดว่าคุณนายสร้อยกับคุณฤดีอยากจะไปดูงานบนค่ายด้วย” บ้านผมสายบุญสายบริจาค แต่ถ้าเกิดว่าจะให้ที่บ้านเป็นสปอนเซอร์ก็เหมือนคนมีอำนาจคนหนึ่งที่บริจาคเงินแล้วไม่สามารถอยู่นิ่งได้ แม่กับย่าจะต้องตามไปดูอย่างแน่นอนยิ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของท่านทั้งสองจะมีใครไม่รู้จักบ้าง บ้านผมน่ะเอาตรงๆ ก็มีฐานะมีชื่อเสียงพอสมควรใครๆก็เกรงใจทั้งนั้น

“คุณชายก็เป็นสปอนเซอร์คนเดียวสิ”

“ช่วยออกได้อยู่หรอกนะแต่ถ้าจะให้ถึงครึ่งหมื่นคงไม่ได้อย่าลืมว่าบัตรเอทีเอ็มกูน่ะเวลาถอนไปใช้มันก็จะส่งข้อความไปบอกคนที่บ้านเสมอและนั่นจะก็มีสายตรงมาที่กูทันที”

ถึงบ้านผมจะรวยขนาดไหนแต่เรื่องเงินๆทองๆบ้านผมเข้มมาก ถือคติที่ว่าตัวเองยังหาเงินไม่ได้ห้ามใช่ฟุ่มเฟือยเด็ดขาด อยากได้อะไรที่เกินงบต้องบอกพร้อมเหตุผลเสมอที่ดีเท่านั้นถึงจะอนุมัติ แล้วถ้าเกิดว่าผมถอนไปเพื่อเป็นสปอนเซอร์สร้างโรงอาหารโรงเรียนบนดอยมีหรอที่แม่กับย่าจะไม่รู้เพราะผมไม่เคยโกหกเรื่องเงินที่เอาไปใช้

“โห เข้มชะมัดอายุเท่าไหร่แล้ววะ”

“หรือจะอยากให้เป็นเอาไหมเดี๋ยวโทรบอกให้” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมไว้รอ

“ไม่เอา กูไม่อยากเรียนมารยาทตอนทำงานกูจำเป็นต้องหยาบคายถ้าจะให้เรียบร้อยนั่นไม่ใช่กู ถ้ากูจะไม่เป็นตัวของตัวเองก็ต่อหน้าสาวๆเท่านั้น”

“มึงนี่มันเกินไปจริงๆนะ เรื่องสปอนเซอร์น่ะที่จริงก็พอคุยกับที่บ้านได้อยู่แหละ เดี๋ยวถามให้อีกที”

“โอ้โห คุณชายใจดีที่สุดสปอร์ตกทม.ไปอีก”

“แต่ยังไม่แน่ใจนะเดี๋ยวบอกอีกที”

“ครับๆ เดี๋ยวผมขออนุญาตร่างจดหมายก่อนนะครับพี่ขิมทักมาทวงละ”

“เชิญ เดี๋ยวมา” ผมบอกแล้วลุกขึ้นเพื่อจะเอาขยะบนโต๊ะไปทิ้ง

 

“อ้าว พี่พร้อมไม่เจอหน้ากันเลยวันนั้นเป็นยังไงบ้างอ่ะ” ระหว่างเดินกลับไปที่โต๊ะหลังจากเอาขยะไปทิ้งแล้วก็เจอกั้งน้องรหัสทักขึ้นก่อน

“อ้าวกั้งนี่เอง นึกว่าใครเรียก วันนั้นน่ะตื่นมาก็เย็นเลยแถมยังปวดหัวด้วย”

“พี่ยังดีผมนี่ตื่นเช้าอีกวันเลย หลับเป็นตายคราวหน้ารับรองว่าไม่กินผสมกันมั่วอีกแล้ว”

ที่จำได้ลางๆวันนั้นก็มีผมกับกั้งนี้แหละที่รับแก้วคนอื่นมากินจนมั่วไปหมด

“ตลกชะมัดวันนั้น”

“อ่าครับ แล้วนี่พี่จะไปไหนอ่ะ”

“ไปหาไอ้กรทำหนังสือไปค่าย แล้วเราไปด้วยไหม”

“ไม่พลาดแน่นอน แต่ตอนนี้ผมต้องไปเรียนก่อน แล้วเจอกันนะครับ”

“โอเคแล้วเจอกัน”

ผมโบกมือลากั้งแล้วก็เดินมาหาไอ้กรที่โต๊ะปรากฏว่ามันไม่อยู่โต๊ะแล้ว ทิ้งไว้แค่สมุดสองสามเล่มกับกระเป๋าโน็ตบุ๊ค

เห้ย ไอ้นี่จะไปไหนมาไหนไม่เคยจะบอกแถมยังทิ้งของเรี่ยราด

วันนี้พวกผมไม่มีเรียนหรอกแต่เพื่อนรักได้งานมาทำและมันไม่อยากทำคนเดียวเลยโทรมาเรียกให้ผมมานั่งเป็นเพื่อน

แต่นี่มันกลับทิ้งผมไว้ ใช้ได้ที่ไหน ขอโทรหาก่อนแล้วกัน

“อยู่ไหน” รอไม่นานเพื่อนตัวดีก็รับ

(มาหาพี่ขิม)

“ทิ้งของ ไม่ดูแลเลยนะ” ขอบ่นหน่อยเถอะ มันชอบเป็นแบบนี้แล้วก็มาบ่นว่าของหาย

(ก็เดี๋ยวมึงกลับมา กูมาหาพี่ขิมแป็ปเดียวเนี่ย จะเดินกลับโต๊ะแล้วแค่นี้นะ)

มันพูดจบก็ตัดสายไปเองเลย

ผมส่ายหัวกับความไม่ดูแลของของเพื่อนรักอย่างระอา มันชินแล้วโทรไปว่าก็เท่านั้น ระหว่างรอไอ้กรผมก็ไถโทรศัพท์เล่นโซเชียลไป ก็เห็นไลน์ที่ผมส่งไปให้ภาพตะวันเมื่อเช้า ตอนผมออกมาภาพตะวันยังไม่ตื่นเลยแถมไอ้กรเอาแต่เร่งเลยไม่ทันได้เขียนโน็ตไว้ทำได้แค่ทักไลน์ไปบอกทิ้งไว้ว่า ออกไปข้างนอกอยากจะกินอะไรในตู้เย็นมีอาหารแช่แข็งที่ซื้อจากเซเว่นมาเมื่อคืนกินได้

ส่งไปตอนแปดโมงเช้าตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้วทำไมไม่เห็นตอบกลับมา ผมขมวดคิ้วเพราะเป็นห่วง จากเหตุการณ์เมื่อคืนคงสาหัสน่าดู

พอคิดว่าทำไมไม่ตอบไลน์รู้ตัวอีกทีหน้าจอโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นโทรออกไปหาภาพตะวันซะแล้ว

รอไม่นานปลายสายก็รับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

(ครับ)

“พึ่งตื่นหรือไง”

(อืม เที่ยงแล้วนี่หว่า นี่พี่อยู่ไหนอ่ะ)

“มหาลัย”

(ไปตอนไหนทำไมไม่ปลุกผม)

“แต่เช้าแล้ว เห็นหลับอยู่เลยไม่ปลุกเมื่อคืนก็นอนดึกด้วย” แถมร้องไห้ตาบวมอีกต่างหาก

(แล้วพี่จะกลับห้องตอนไหน ปล่อยผมไว้นี่ไว้ใจผมหรอ)

“เดี๋ยวจะกลับแล้ว และก็ไม่ไว้ใจหรอกแต่ในห้องไม่มีของมีค่าอะไร”

(ก็จริงที่ห้องไม่ค่าอะไรให้ขโมย แต่ถ้าพี่กลับมามันก็น่าขโมย)

เดี๋ยวนะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แล้วน้ำเสียงที่กวนแปลกๆนั่นด้วย แสดงว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะถึงได้กวนประสาทกันได้

“งั้นไม่กลับแล้ว”

(ไม่ได้นะ ผมหิวข้าว)

“ไปอ่านในไลน์ แค่นี้นะโทรมาเช็คดูเผื่อขึ้นอืดตายไปแล้ว”

(ครับ รีบกลับนะคิดถึง) พอภาพตะวันพูดจบผมก็วางสายเลย

ถ้าคุยนานกว่านี้ผมว่ามันจะไม่หยุดหยอดหยุดกวนส้นแน่นอน

 

=============


“ช้าอ่ะ หิว” พอกลับมาถึงห้องตัวเองเปิดประตูเข้าก็ได้ยินเสียงงอแงดังขึ้นแถวโซฟาหน้าโทรทัศน์ดังขึ้นมาทันที

เลยก้มมองนาฬิกาตัวเองนี่ก็จะบ่ายสองแล้ว ตอนแรกก็นึกว่าจะได้กลับหลังจากที่ไอ้กรกลับมาถึงโต๊ะแต่ไม่ใช่

มันโดนพี่ขิมไล่ให้มาแก้จดหมายใหม่ มันหงุดหงิดบ่นโวยวายเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าจะลงมือทำ

มันเสียเวลาผมนั่งเป็นเพื่อนมันเนี่ย

“ไม่ได้อ่านไลน์หรือไง”

“อ่าน แต่อยากกินกับพี่ไงเหงาอะ อยู่คนเดียว”

“มาแล้วก็ไปกิน” ผมบอกแล้วเดินเอากระเป๋าไปเก็บในห้องแต่ก็มีเสียงดังตามมาข้างหลัง

“กินด้วยกัน” พูดพร้อมทำหน้าอ้อนๆประกอบ

“ก็ได้ ไปเวฟข้าวสิ”

“เย้” ไอ้เด็กหัวสกินเฮดยิ้มกว้างแล้วรีบเดินไปที่เคาร์เตอร์ครัวทันที

ปกติผมก็ตามใจคนอื่นตลอดนะใครอยากให้ทำอะไรก็ทำถ้าเกิดว่าไม่ลำบากตัวเองเกินไป และอย่ามาหาว่าผมมีใจให้เด็กอีนี่อีกละ

ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้กับเด็กที่กำลังวุ่นกับการเวฟข้าวละก็บอกได้เลย ว่ารู้สึกเหมือนพี่น้องจริงๆ มีห่วงบ้างเล็กน้อยเล่นด้วยได้ปกติ แต่จะให้รู้สึกพิเศษกว่านั้นผมว่ามันยากเพราะบอกแล้วว่าตัวเองไม่ชอบเด็กและถึงจะเป็นคนที่โตกว่าหรืออายุเท่ากันผมก็ยังไม่มั่นใจว่าจะชอบผู้ชายด้วยกันจริงๆ

“เสร็จแล้วครับ”

ภาพตะวันโผล่หน้าเข้ามาในห้องพอดีที่ผมพึ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินตามออกไป

เมื่อเช้าตอนเพื่อนรักมารับยังไม่มีโอกาสได้อาบน้ำเลยโชคดีที่มันปราณีให้แปรงฟัน

“อิ่มหรือเปล่าเนี่ย” ผมพึ่งรู้ว่าเมื่อคืนซื้อข้าวมาแค่ 2 กล่อง

“ลองกินดูก่อนถ้าไม่อิ่มจะบอก” เด็กตรงหน้าว่าแล้วตักข้าวเข้าปาก

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วตักข้าวเข้าปากเหมือนกัน เรากินกันเงียบๆ จนภาพตะวันกินเสร็จแล้วนั่นแหละถึงจะมีเสียง

“พี่พร้อม”

เรียกแล้วเงียบทำตาปริบๆ นี่อย่าบอกนะว่า

“ไม่อิ่มอ่ะ”

ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น

“อ่า เดี๋ยวก่อนกลับค่อยไปหาอะไรกิน”

ได้ยินแบบนั้นเด็กหัวเกรียนก็นิ่ง ผมเลยเงยหน้ามองเพราะไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย

“ผมยังไม่อยากกลับบ้าน”

“นึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก” ผมว่าแล้วลุกขึ้นไปเก็บกล่องอาหารใส่ถุงทิ้งและเด็กหัวเกรียนก็ลุกขึ้นไปเทน้ำใส่แก้วดื่มและไม่ลืมเทเผื่อผมแล้วยื่นให้

“ขอบใจ” ผมรับแก้วน้ำมาดื่มหลังจากที่เก็บขยะลงถุงแล้ว

“ผมยังไม่อยากกลับ”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“พี่พร้อมไม่ได้ยินที่ผมพูดหรอ” เด็กหัวเกรียนทำหน้าเศร้าแล้วเดินมาใกล้ๆผม

“ได้ยิน แต่เดี๋ยวไปส่ง”

“ทำไมใจร้ายอย่างนี้วะ”

“นายนั่นแหละใจร้าย เมื่อคืนถ้าไม่บอกให้โทรไปหาที่บ้านก็คงไม่ทำใจร้ายมากปล่อยให้ที่บ้านเป็นห่วง”

“ไม่อยากกลับ” พูดแล้วก็เดินไปนั่งหน้าหงิกที่โซฟาหน้าโทรทัศน์

“ให้เวลาเตรียมตัวอีกครึ่งชั่วโมง” ผมส่ายหน้าแล้วพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจคำพูดที่ตามหลังมา

“เมื่อไหร่คนน่ารักจะเลิกใจร้าย”

 

“ถึงแล้ว” ผมบอกหลังจากรถจอดนิ่งอยู่หน้าบ้านเด็กหัวเกรียน กว่าจะออกมาจากห้องได้ทำเอาเสียประสาทกันไปเลยทีเดียวเพราะไอ้เด็กหัวเกรียนมันแกล้งหลับ พอผมออกมาปลุกก็ไม่ยอมตื่นกว่าจะลุกได้ก็กินเวลาไปหลายนาที ตื่นขึ้นมาแล้วยังลีลาขอไปอาบน้ำเป็นชั่วโมง ไม่พอยังแวะกินข้าวก่อนก็เกือบสองชั่วโมงผมนี่แทบปรี๊ดเลย

พูดยากชะมัด มาถึงบ้านของเด็กแผนสูงก็เกือบทุ่ม

“ไปเป็นเพื่อนผมนะ”

“เดี๋ยวจะรอตรงนี้ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง” ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นแต่ถ้าจนปัญญาจริงๆก็คงต้องทำ

“ใจร้ายที่สุด”

“ไปได้แล้ว แม่นายเดินมาโน้นแล้ว” ผมบุ้ยหน้าไปทางประตูรั่วที่ถูกเปิดโดยหญิงวัยกลางคน

“ห้ามไปไหนนะ อยู่กับผม”

“โอเค จะรออยู่ในนี่ถ้าไม่ไหวก็เดินออกมาแต่อย่าลืมว่าคุยกับผู้ใหญ่ต้องเป็นผู้ใหญ่กว่า”

“โอเคครับ” ภาพตะวันหันมายิ้มเจื่อนให้แล้วก็ลงจากรถไป

ผมมองตามเด็กหัวเกรียนที่ลงจากรถไป แม่ของภาพตะวันที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วพอเห็นหน้าลูกตัวเองที่หายไปเกือบหนึ่งวันก็ดึงเจ้าตัวเข้าไปกอดแน่นและเหมือนจะร้องไห้ด้วย กอดกันเสร็จก็พากันเดินเข้าบ้านไป

ผมไม่ชอบจริงๆเลยสถานการณ์แบบนี้


:hao4:
พี่พร้อมไม่ได้ใจร้ายนะ
หัวเกรียน


ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นที่พึ่งที่ปรึกษาช่วยน้อง กินเด็กมันก็จะประมาณนี้แหละนะพี่พร้อม /เดี๋ยว5555555

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
10

 

เรื่องเมื่อวานมันทำให้ผมคิดไม่ตกและไอ้ตัวต้นเหตุที่ตอนนี้ก็เอาแต่ทำตัวติดกับผมยิ่งกว่าตังเม

เรื่องของเรื่องคือหลังจากที่ส่งภาพตะวันกลับบ้านไปปรับความเข้าใจกับคนที่บ้าน ผมก็อยู่รอตามที่ขอรอจนเกือบจะครบหนึ่งชั่วโมงเด็กหัวเกรียนก็เดินยิ้มออกมาจากประตูรั่วบ้าน แสดงว่าคงเข้าใจกันแล้วเด็กนั่นเดินมาเปิดประตูรถแล้วเข้ามานั่งในรถผมพร้อมกับปิดประตู ยังไม่ทันที่ผมอ้าปากถาม ไอ้เด็กหัวเกรียนก็โน้นหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วกดจมูกตัวเองลงมาที่แก้มผมเต็มๆจนได้ยินเสียงสูดเข้าปอด นี่เบิกตากว้างตกใจมาก พอได้สติก็ตั้งใจจะหันไปด่าไอ้เด็กฉวยโอกาส ปรากฏว่ามันเดินเข้าบ้านไปแล้ว นี่ตัวเองนิ่งไปนานแค่ไหนอึ้งไปกี่นาทีพอจะทำให้เด็กนั่นลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย

ไอ้เด็กเวรมันหอมแก้มผม!

แล้วตอนนี้มันก็ยังมีหน้ามาเดินใกล้ๆผมอีก

“พี่พร้อมเสื้อตัวนี้สวยดี” ภาพตะวันพูดขึ้นเมื่อเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าในตลาดนัดวันเสาร์อาทิตย์

วันนี้ชมรมอาสาบนดอยมาเดินกล่องเพื่อเอาเงินที่หย่อนลงกล่องไปเป็นทุนในการซื้อของทำค่าย ที่ไอ้เด็กนิสัยเสียนั่นรู้คงเพราะไอ้กรบอกอีกนั่นแหละ หลังจากทำเรื่องเมื่อวานวันนี้ยังมีการมาทำหน้าเหมือนเด็กใสๆซื่อๆคนหนึ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทักไลน์มา

ถามผมว่าทำอะไรอยู่แต่ไม่ตอบเพราะโกรธมัน ไม่สิหงุดหงิดมากกว่า

หึ้ย ทำไมไอ้เด็กหัวเกรียนนี่ชอบทำให้ผมมีอารมณ์อย่างจะบีบคอให้ตายไปซะทุกเรื่อง

“อ๊ะ ขอบคุณครับพี่คนสวย” ภาพตะวันพูดขึ้นพลางยกยิ้มพร้อมก้มหัวให้คนที่เอาเงินมาหย่อนลงกล่อง

นี่ก็อีกอย่าง พอมันมาถึงมหาลัยผมก็ทำเป็นตีสนิทกับพี่ๆทุกคนในชมรมประหนึ่งว่ารู้จักกันมานานจนเขาปลื้มชอบไปหมด น้องภาพอย่างนั้นน้องภาพอย่างนี้ดีไม่ดีมาพาลมาหาผมด้วย ไม่พอไอ้เด็กสร้างภาพยังเสนอหน้าไปขอช่วยถือกล่องบริจาคอีก

ก้อนความวุ่นวายของแท้

“ไอ้กรเดี๋ยวกูมา” หยุดเดินเมื่อเห็นว่าไอ้เด็กสร้างภาพกำลังถูกกลุ่มเด็กผู้หญิงขอถ่ายรูปอยู่ เลยหันไปบอกเพื่อนรักก่อนจะหันหลังเดินออกจากกลุ่มไป ไม่ทันได้ตอบคำถามของไอ้กรด้วย

“ไปไหนวะ” ไอ้กรตะโกนตามหลัง

ผมไม่ตอบเอาแต่เดินจ้ำออกมาให้พ้นๆเห็นหน้าไอ้เด็กหน้ามึนแล้วเหม็นชะมัด

ตั้งแต่เกิดมามีแค่ย่าแม่และแม่น้อมเท่านั้นที่หอมแก้มผมไอซ์ที่ว่าสนิทกันมาก่อนหรือไอ้กรก็ยังไม่เคยแล้วเด็กนั่นมันเป็นใครกันใจกล้าขนาดไหนถึงได้มาหอมแก้ม

ปึก

ตุบ

“โอะ ขอโทษครับ” เพราะเอาแต่ก้มหน้าตาเดินเครียดแค้นในใจเลยทำให้ผมเดินชนเข้ากับใครเข้าจนของในมืออีกฝ่ายหล่นลงพื้น

“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายรีบบอก

“ขอโทษจริงๆครับไม่ทันได้ดู” ผมรีบนั่งลงช่วยอีกฝ่ายเก็บของที่ตก

“ไม่เป็นไรครับคนมันเยอะเลยเบียดกันเป็นธรรมดา” คนตรงหน้าผมว่า

เก็บของที่ตกลงพื้นเสร็จผมเลยมีโอกาสได้มองหน้าคนที่เดินชน เป็นผู้ชายสูงพอๆกับผมผิวแทนหน้าคมหุ่นกำลังดีพอๆกับผม รวมๆแล้วดูดีชะมัด

“อ่า ครับ” ผมก้มหัวให้เขาอีกทีอย่างสำนึกผิด

“พร้อมหรือเปล่า” จู่ๆคนที่ผมเดินชนกูพูดขึ้น ไม่รู้ว่าพร้อมที่ว่าคือชื่อผมหรือว่าอะไร ผมเลยเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ใช่นายจริงๆด้วย” เมื่อเห็นคนตรงหน้ายิ้มกว้างจนเห็นรีเทนเนอร์สีน้ำเงินพร้อมสายตามองมาที่ตัวเอง ทำให้ผมยังคงขมวดคิ้วงุนงง เรารู้จักกันหรอ

“คือ…” พยายามจะนึกนะ แต่นึกไม่ออก

“เรายูไง จำไม่ได้หรอ... แต่จะไปจำได้ยังไงล่ะเคยเจอกันเมื่อสองปีที่แล้ว” ยูบอกและชูสองนิ้วประกอบ

“ขอโทษนะจำไม่ได้” ผมบอกแล้วส่งยิ้มแห้งๆไปให้

“อืม งั้นเราไปทางโน้นดีกว่า ตรงนี้คนเดินผ่านไปมาเกะกะ” ยูว่าแล้วเดินนำออกไปตรงทางโล่งๆที่คนไม่ค่อยเดิน

“เอาละมาฟื้นความจำกันหน่อย” คนตรงผมถอนหายใจก่อนจะเริ่มทวนความจำให้ “ที่งานติวตอนจะสอบเข้ามหาลัยนายจำไม่ได้หรอว่าเรานั่งข้างกัน”

โอ้โห 2ปีก่อนโน้นผมไม่มีทางจำได้เพราะเจอกันอาทิตย์ละสามวันเองแล้วใช้เวลาติวแค่เดือนเดียว

“ขอโทษจริงๆจำไม่ได้” แต่ก็พยายามนึกภาพในอดีตก็เกิดขึ้นมาลางๆ

พอผมบอกอย่างนั้นยูก็ทำหน้ายู่นิดหน่อย

“ใช้คนที่เอาแซนวิชมาฝากทุกเช้าไหม”

“ใช่นั่นแหละเราเอง”

“อ่อ ตอนนั้นนายใส่แว่นนี่ดัดฟันแถมผมยังยาวอีกด้วย”

“นั่นสินะ ตัดผมใหม่ ไม่ได้ใส่แว่นและใส่รีเทนเนอร์แทนเหล็กดัดฟันใครจะไปจำได้” ยูตอบและยังคงยิ้มกว้าง

คนอะไรยิ้มเก่งชะมัด

“แล้วนายมาทำอะไรแถมนี้” ยูถามต่อ

“เดี๋ยวจะไปค่ายอาสาบนดอยเลยมาเดินกล่อง นายละ”

“หรอ น่าสนุกแหะฉันมาซื้อของแล้วลืมเลยเดินกลับมาเอา แล้วนี่เรียนที่ไหน”

“ม. K”

“จริงดิ เราก็เรียนที่นั่นนายเรียนคณะอะไร”

“วิศวะ นายละ” ผมถามกลับอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะเรียนที่เดียวกัน

“หมอฟัน แต่ก็ไม่แปลกที่ไม่เจอกันคณะอยู่ห่างกันเป็นโยชน์”

“นั่นสิ”

“อย่างนี้คงต้องไปหาข้าวกินแถววิศวะซะแล้ว”

“โอเค หวังว่าจะได้เจอกัน” ผมยิ้มตอบ

อ่า เหมือนจะได้เพื่อนเพิ่มอีกแล้วสินะ

“ขอไลน์หน่อยสิ เผื่อไปกินข้าวแถวนั้นจะได้เจอกัน”

“ได้ๆ” พูดจบผมก็ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมากดเข้าไลน์แล้วเปิดคิวอาร์โค้ดของตัวเองให้ยูสแกน

“เรียบร้อย” ยูพูดแล้วก้มมองนาฬิกา “ต้องไปแล้วอ่ะ แล้วเจอกันนะ” ยูส่งยิ้มกว้างจนเห็นลีเทนเนอร์สีน้ำเงินอีกครั้งก่อนจะโบกมือลาให้ผมแล้วเดินจากกันไป

 

ครืด

โทรศัพท์ผมสั่นเลยก้มมองเป็นไลน์ของคนที่พึ่งแอดเพื่อนเข้ามาใหม่เมื่อกี้ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมานั่งสองขาลิ้นห้อยมาให้

ผมอมยิ้มก่อนจะกดเพิ่มเพื่อนและเลือกสติ๊กเกอร์รูปหมีขั่วโลกนอนลอยน้ำแข็งละลายส่งกลับไปแล้วกดล็อคหน้าจอก่อนจะเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

“นอกใจผมหรอครับ” อารมณ์ที่กำลังดีของผมหยุดชะงักทันทีที่เสียงของเด็กลามปามดังขึ้น ผมหันกลับไปมองหน้าภาพตะวันนิดหน่อยแล้วหันหน้ากลับไปทางเดินก่อนจะสาวเท้าเดินหนี

“พี่พร้อม วันนี้ไม่คุยกับผมเลยนะโกรธอะไรหรือเปล่า” ภาพตะวันวิ่งมาดักหน้าผมไว้ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนและสำนึกผิด

ยังมีหน้ามาถามว่าโกรธอะไร สมองเสื่อมหรือไง

“ไม่ให้ไปอะ อย่าเดินหนีกันสิ” ภาพตะวันยึดแขนผมไว้ไม่ให้เดินหนี

“เมื่อวานหอมแก้มฉันทำไม” โว้ยยย ในที่สุดก็ทนไม่ไหวก็พูดออกมาอย่างรวดเร็ว เคลียร์ให้มันจบๆไปเลยแล้วกัน

“อ่าาา เขินสินะครับ” ลากเสียงยาวกวนตีนไม่พอยังจะมาพูดยั่วให้โมโหกันอีก

“ภาพตะวัน!” ตอนนี้ร่างกายผมมันร้อนมากๆและถ้าไอ้เด็กประสาทนี่ยังไงเลิกพูดจากวนละก็ได้ระเบิดกันแน่

“ขอโทษครับ เมื่อวานผมดีใจมากๆ พ่อเข้าใจผมแล้วและที่มันเป็นแบบนี้เพราะพี่สอนผม” ภาพตะวันหยุดเล่าแล้วมองมาที่หน้าผมเพื่อสังเกตสีหน้า

“…” ก็ตั้งใจฟังแต่ความหงุดหงิดยังไม่หายเลยไม่ตอบกลับ

“ออกมาพี่ก็ยังรออยู่ ผมดีใจสติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยากตอบแทนพี่แต่ไม่รู้ทำไมถึงไปหอมแก้มได้”

“อ๋อ ทำไปเพราะไม่มีสติสินะ”

“อย่าโกรธผมเลยนะ ไม่อยากให้โกรธสัญญาจะไม่ทำแล้ว”

ผมตวัดสายตามองเด็กสำนึกผิดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกและปล่อยออกจนสุดปอด

“พี่พร้อมอย่าเงียบสิ ที่ผมไม่กล้าพูดตรงๆตั้งแต่เจอหน้ากันวันนี้เพราะเขินอะ”

ไอ้เด็กหัวเกรียนไม่พูดเปล่ายังยื่นมือมาจิ้มไหล่ผมด้วย เหมือนจิ้มดูประมาณว่ายังโกรธอยู่หรือเปล่า

“ทีหลังอย่าทำอีก”

“ครับจะไม่ทำอีกถ้าได้รับอนุญาต”

“ไอ้เด็กหัวเกรียน!” จริงๆเลยมันนี่นะ พอเถอะครั้งนี้จะยกโทษให้ถ้ามีครั้งต่อไปหัวมันที่จากเกรียนเป็นโล้นแน่

“ไม่โกรธนะครับไม่โกรธ” ภาพตะวันตรงเข้ามาเขย่าแขนผมเป็นการอ้อน

“กลับไปช่วยเขาทำงานเลยไป”

“ครับๆ ไปกัน” ดูเหมือนว่าที่พูดกันไปเมื่อกี้หมอนี่จะไม่เข้าใจเพราะยังเอื้อมมือมาจับผมออกแรงกระตุกให้เดินตามด้วย

ที่พูดเมื่อไม่ได้หมายถึงห้ามหอมแก้มอย่างเดียวเว้ย อย่างอื่นก็ห้ามล่วงเกิน ไอ้เด็กเวร

ผมเลยสะบัดมือออก ไอ้เด็กหัวเกรียนมันมามองแล้วยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงไป

ก่อนจะยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้เพราะเห็นสายตาผมไม่สบอารมณ์อยู่

“แล้วเมื่อกี้ใครหรอครับ”

“ใคร”

“ที่คุยกับพี่ก่อนที่ผมจะเดินมา”

“เพื่อน”

“เพื่อนที่ไหน”

“ยุ่ง” ยุ่งมากๆจะอยากรู้ทำไม

“ไม่เอาดิ ผมจีบพี่อยู่นะผมก็ต้องรู้ว่าใครมาทำคะแนนกับพี่บ้างแล้วเขาเป็นยังไงผมจะได้เร่งตัวเองให้ยิ่งกว่าพี่จะได้มองแค่ผม”

“นายไปเรียนต่อเอกมโนเถอะ ไปเลยนะวันนี้ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

ผมว่าแล้วเดินนำหน้ากลับเข้าไปหากลุ่มชมรมตัวเอง โดยที่มีเด็กหน้ามึนพูดไม่รู้เรื่องเดินตามหลังมา

บางทีนะไอ้เด็กนี่ให้มันเศร้าทุกวันก็คงดีสงบเสงี่ยม ไม่วุ่นวายไม่พูดมากไม่ไฮเปอร์ ขนาดนี้

ผมควรจะหาเรื่องให้มันเศร้าดีไหม ปวดหัวมากๆ และดูเหมือนว่าวันต่อๆไปผมก็ต้องปวดหัวเพิ่มขึ้นไปอีก



อยากจะบอกว่าเนื้อหามันเรื่อยๆอยู่นะคะ
คงอีกสักพัก พี่พร้อมจะรู้ใจตัวเอง



 

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
11

--Korn_ni--

 

สวัสดีครับทุกคนผมชื่อกร ภาสกร เป็ลูกเต้าเหล่าใครไม่ต้องรู้หรอกครับ

ผมคิดว่าหลายคนคงสงสัยว่าผมไปสนิทกับไอ้เด็กหัวเกรียนของไอ้พร้อมได้ยังไง

ผมก็งงมากๆ เกิดมา 21 ปี ไม่เคยมีแฟนแต่ทำไมผมถึงได้กลายเป็นพ่อสื่อไปได้ล่ะ

“พี่เป็นเพื่อนสนิทพี่พร้อมใช่ไหมครับ” ระหว่างที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถก็มีเสียงผู้ชายที่ไหนไม่รู้ดังขึ้น

ก็เลยหันไปมองเห็นเด็กหัวเกรียนใส่ชุดนักเรียนยืนถือกระเป๋านักเรียนมองหน้าผมอยู่

จำได้แล้วนี่มันไอ้เด็กที่ไปหาไอ้พร้อมที่บูธเมื่อวาน

“ใช่ มีอะไรมาหาไอ้พร้อมหรอ”

“เปล่า ผมมาหาพี่” ได้ยินแบบนั้นผมเลยเลิกคิ้วสงสัย

“มาหาทำไมวะ”

“คือ พี่ไปนั่งคุยตงนั้นกับผมได้ปะ” ไอ้เด็กตรงหน้าชี้ไปใต้อาคารเรียนใกล้ๆ

ผมเลยพยักหน้า เห็นว่าไอ้เด็กนี่มายุ่งวุ่นวายกับเพื่อนรักเลยยอมตอบตกลงง่ายๆ

“คือผมอยากได้ไลน์พี่พร้อมอ่ะ”

พอเดินมานั่งลงที่โต๊ะไอ้เด็กมัธยมก็พูดขึ้น

“ไปขอมันเอง”

ไอ้พร้อมน่ะ ไม่ชอบให้ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันแถมผมไม่ชอบให้อะไรที่เป็นส่วนตัวของเพื่อนกับคนแปลกหน้าด้วย

“พี่พร้อมไม่ชอบหน้าผม” มันทำเสียงเศร้า

“มึงไปกวนตีนมันไง มันเลยไม่ชอบเจอหน้าก็ทำมันไม่ประทับใจแล้ว”

“ที่ผมแกล้งเพราะว่าชอบ” ตอบเสียงอ่อย

“แล้วยังไง”

“ผมอยากได้ไลน์”

“กูก็บอกว่าให้ไปขอเอง”

“พี่กร อย่าใจร้ายแบบพี่พร้อมดิ ผมอยากได้ไลน์พี่เขาจริงๆนะ”

“ก็ได้”

“เย้” ดีใจจนจะลุกขึ้นเต้น

“แต่…” พอพูดจบไอ้เด็กหัวเกรียนก็ทำหน้าเจือน

ไลน์ไอ้พร้อมเนี่ยของแพงหายาก มีหลายคนแล้วเข้ามาขอไลน์ไอ้พร้อมกับผม แต่ก็ปฏิเสธไปก็อย่างที่บอกมันเรื่องส่วนตัวของเพื่อนรักผมจะไม่ยุ่ง แต่สำหรับเด็กหัวเกรียนนี่รู้ได้ถึงพลังงานบางอย่าง

“มึงต้องตอบคำถามกูมา 3 ข้อเบสิกๆ”

“โอเคครับ”

“และทำให้กูเห็นอีก 1 อย่าง”

“จัดไป”

“ขอกระดาษกับปากกาหน่อย”

ไอ้เด็กตรงหน้าทำหน้างงก่อนจะเปิดกระเป๋าหาของที่ผมต้องการให้

ผมรับกระดาษกับปากกามาแล้วเขียนคำถามลงไป 3 ข้อ

ก่อนจะยื่นกระดาษกับปากกาคืนให้เด็กหัวเกรียน

“ตอบกูพรุ่งนี้ ในกระดาษมีไอดีไลน์กูก็แอดมาส่วนเรื่องที่ขอ จะบอกหลังจากที่มึงตอบคำถามกูแล้วและจะให้ไอดีไลน์ไอ้พร้อม” ผมอธิบายพร้อมกับยกยิ้ม

“เอ่อ ครับพรุ่งนี้ผมต้องมาหาพี่หรอ”

“อ่า มึงนี่โง่ กูไม่บอก ไปแล้วไว้เจอกัน” ผมบอกแล้วโบกมือลาไอ้เด็กหัวเกรียน

ปล่อยให้มันยืนงงอยู่ที่เดิม

ผมยิ้มให้กับตัวเองที่คิดแผนการการให้ไอดีไลน์ไอ้พร้อมกับเด็กนั่นมันดีที่สุดกลั่นออกมาจากสมองอันน้อยนิดอย่างดีเยี่ยม เพื่อนผมทั้งคนทำไมผมจะไม่รัก

คำถามที่เขียนลงไปในกระดาษนั่นน่ะหรอ

1.       ว/ด/ป

2.       ชื่อจริง

3.       ฐานะ

คำถามแค่นี้แหละครับง่ายๆ เปิดกว้างอยากจะตอบอะไรก็ตอบถ้ามันจริงจังกับเพื่อนผมจริงคำตอบของมันก็เป็นตัวชี้วัดว่ามันสมควรได้ใกล้ชิดกับเพื่อนผมขึ้นอีกไหม…

 


สั้นๆ ได้ใจความจากพี่กร
จุดเริ่มต้นของการทำให้พี่พร้อมมั่นไส้เพื่อนรักกับเด็กหัวเกรียน
ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ถามเป็นใบสมัครงานเลยแม่เจ้า

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
12

“ไม่ลืมใครลืมของอะไรกันนะ”

เสียงพี่ขิมหัวหน้าชมรมอาสาถามก่อนจะขึ้นรถ

วันนี้เป็นวันที่ต้องไปทำค่าย ผมได้ยินพี่ขิมถามเลยนึกทวนอีกทีว่าตัวเองลืมอะไรไหม ถ้าเป็นสิ่งของ ไม่ลืมเอาครบหมดแล้วจะลืมก็แต่คนนี่แหละ

ไอ้กรเพื่อนรักผมยังไม่มาเลย

“พี่พร้อมพี่กรทำไมยังไม่มาอะ” กั้งน้องรหัสผมที่ยืนอยู่ด้วยกันถามขึ้น

“นั่นสิปกติมันมาเช้าจะตาย เดี๋ยวโทรหามันก่อน”

คิดได้อย่างนั้นเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกดโทรตามมัน แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆดังเข้ามาใกล้ๆ

ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง

เห็นไอ้กรกับไอ้เด็กหัวสกินเฮดวิ่งมาหยุดยืนหอบก่อนจะรีบส่งของให้พี่คนขับรถเอาไปเก็บใต้ท้องรถ

เดี๋ยวนะ

ไอ้เด็กข้างๆเพื่อนรักผมมันมาทำไม

“สวัสดีครับ” ผมเดินไปหาสองคนนั้นไกลๆ ภาพตะวันเห็นเลยโบกมือทักพร้อมยิ้มกว้าง

“นี่อย่าบอกนะว่าจะไปพาไปด้วย” ผมไม่สนใจเด็กหัวเกรียนแต่หันไปถามเพื่อนที่ยืนเช็ดเหงื่ออยู่

“เออ”

“บอกพี่ขิมแล้วหรอ”

“ผมบอกแล้วครับ พี่เขาให้ไปแล้วผมก็จ่ายเท่าพวกพี่ด้วย” ภาพตะวันรีบบอก

“ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

อย่างน้อยถ้ารู้ว่ามันจะไปจะได้ขัดขวาง เดี๋ยวถ้าได้ไปด้วยกันแบบนี้มีหวังผมทำงานไม่เป็นสุขแน่ นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะแต่รู้สึกได้ว่าไอ้เด็กหัวเกรียนมันไม่ได้มาเพื่อน้ำใจอาสาจริงๆแต่มันมาเพื่อกวนผมนี่แหละ

“ถ้าบอก มึงก็ไม่ให้มันมาดิวะ”

“แล้วมาทำไม ไม่มีเรียนหรอ”

“โรงเรียนผมหยุดพอดี แล้วนี่ใครหรอครับ” พูดพร้อมแถมรอยยิ้มให้แต่ถ้าท้ายประโยคก็หุบยิ้มแล้วถามเสียงเรียบพร้อมจ้องน้องรหัสผมเขม็ง

“กูชื่อกั้ง” ไอ้กั้งแนะนำตัวเอง

“สวัสดีครับผมชื่อภาพตะวัน กำลังจีบพี่พร้อมอยู่”

ผมนี่อยากตบหน้าผากตัวเองไอ้เด็กหัวเกรียนมันพูดออกตัวแรงเกินไปแล้ว

ผมเลยขมวดคิ้วทำสายตาไม่พอใจออกมาแต่ไอ้เด็กหัวเกรียนก็ไม่สนใจ

“ฮ่าๆ ออกตัวแรงโคตรไอ้น้อง นี่พี่รหัสกูเผื่อมึงไม่รู้”

“พี่รหัสแล้วยังไง ถ้ามีความรู้สึกมันห้ามกันได้ที่ไหน”

“เชี่ย พี่พร้อมไปเจอมันที่ไหนเนี่ยวลีโคตรเด็ด”

ผมถอนหายใจแล้วส่ายหน้า แม่งทำหน้าทำตาบ่งบอกว่าไม่ชอบใจที่มันพูดแค่ไหนแต่ไอ้เด็กหัวสกินเฮดก็ไม่คิดจะสนใจ

“เออ ไอ้ภาพมึงก็จะหวงไอ้พร้อมเกินไปแล้ว” ไอ้กรพูดขึ้น

หวงอะไรกันวะไม่ต้องมาหวงไม่ได้เป็นอะไรกัน

“ไม่รู้ผมไม่ชอบ” พูดเสียงแข็งใส่อีกต่างหาก

“เชี่ยพร้อม ถ้ามึงตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อไหร่เตรียมตัวได้เลย”

“พูดอะไรกันวะ ไปขึ้นรถได้แล้วพี่ขิมเดินมาตามแล้วนั่น” ในที่สุดผมก็ยุติเรื่องไร้สาระนี่ได้

“อ้าว น้องภาพมาแล้วหรอพี่นึกว่าจะไม่มาซะอีก”

พี่ขิมเดินลงมาจากรถหลังจากที่น่าจะขึ้นเช็คความเรียบร้อยบนรถเสร็จ

“พอดีรถพี่กรเสียกลางทางเลยเสียเวลาน่ะครับ”

“กรนี่มันตัวซวยจริงๆเลยเนอะ ไปเถอะใกล้เวลารถจะออกแล้ว”

“อ้าวพี่ขิม ทำไมว่าผมแบบนี้อ่ะ ผมน้องพี่นะ” ไอ้กรทำเสียงงอนๆ

“ไม่ต้องมาทำเสียงงอน ไม่ง้อมึงหรอก ไปๆเด็กๆขึ้นรถกันดีกว่า”

พี่ขิมว่าแล้วเดินมาดันหลังผม ไอ้เด็กหัวเกรียนและกั้งให้ขึ้นรถโดยไม่สนใจคู่กรณีเมื่อกี้ หันกลับมาดูไอ้กรเห็นมันยืนขยี้หัวตัวเองแล้วบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะก้าวขึ้นรถตามมา

ทุกครั้งเวลาไปทำค่ายผมต้องนั่งกับเพื่อนสนิทแต่กลายเป็นว่าครั้งนี้ผมต้องนั่งกับไอ้เด็กหัวเกรียนส่วนไอ้กรมันไปนั่งกับไอ้กั้ง

“กินไหมครับ” ไอ้เด็กข้างๆยื่นเบนโตะมาให้

ผมมองแล้วส่ายหัวเพราะไม่ชอบกินมันเผ็ด

“ทำไมอะ”

“เผ็ด”

“พี่ไม่กินเผ็ดหรอ”

“กินแต่ไม่ชอบ” จะอธิบายยังไงดี กินเผ็ดได้แต่ว่านี้มันเผ็ดเกินไปแถมเหม็นด้วยผมไม่ค่อยชอบ

“อ่า งั้นกินทาโร่ไหม” พูดพร้อมฉีกซองแล้วยื่นมาให้

“ไม่กิน”

พอได้ยินว่าผมปฏิเสธไอ้เด็กข้างๆก็เก็บทาโร่ใส่ถุงก่อนจะยื่นสิ่งใหม่มาให้แทน

“ลูกอมก็ได้ กินเถอะนะ” พูดยื่นลูกอมโอเล่กลิ่นสตอเบอร์รี่มาให้พร้อมสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์

ผมละไม่อยากได้ยินคำขอร้อง คำอ้อนวอนจากเด็กนี่จริงๆ มันเหมือนผมทำผิดทั้งๆที่ไม่ผิดจนต้องยอมให้ทุกครั้งและอ่อนให้ทุกที

“ขอบใจ” ผมถอนหายใจแล้วหยิบลูกอมบนฝ่ามือของภาพตะวันมา

แต่ยังไม่แกะกิน

พอเห็นผมหยิบลูกอมไปเด็กหัวเกรียนมันก็ยิ้มจนเห็นลักยิ้ม

ผมเห็นแล้วเลยหลบสายตาไม่มอง

ยอมรับเลยว่าเวลามันยิ้มนี่หล่อชิบหายแล้วไอ้ลักยิ้มนั่นของมันโคตรมีเสน่ห์

ผมหลบสายแล้วแล้วหลุบมองลูกอมในมือพลิกไปอ่านด้านหลังว่ามีข้อความอะไรเขียนไว้ไหมเพราะยี่ห้อนี้เห็นในโฆษณามันมีเขียนข้อความเสี่ยวๆไว้ด้านหลัง

...คนสวยพี่จีบได้ไหม...

อ่านแล้วผมต้องเงยขึ้นไปมองวิวด้านนอกรถทันที ผมร้อนๆที่หน้ายังไงไม่รู้ทั้งๆที่มันเป็นข้อความเพ้อไปเรื่อยและหางตาเมื่อกี้ผมเห็นไอ้เด็กหัวเกรียนมันอมยิ้มด้วย

ข้อความแม่งเสี่ยวสัส

“เฮ้ยๆ ไอ้สองคนข้างหลังน่ะ ทำอะไรเกรงใจกันบ้างนะเว้ย” เสียงไอ้กรดังขึ้นพร้อมกับชี้มาที่เก้าที่ผมนั่งทำให้คนบนรถหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว

ไอ้เพื่อนเวร

“กูเห็นนะ ว่าหยอกกันเกรงใจคนโสดบ้าง” มันยังไม่หยุดพูด

“นี่ไอ้น้อง ทำอะไรก็แอบๆหน่อยเดี๋ยวคนแก่จะความดันขึ้น” ผมมั่นใจว่าไอ้กั้งพูดขึ้นมาน่าจะหลอกด่าไอ้กรอยู่

ผลัวะ

ไอ้กรตบตัวน้องรหัสผมไปหนึ่งที

“ไอ้น้องเวร กูพี่มึงจำไว้”

“พี่กรแม่งใจร้ายวะ ทำร้ายเยาวชน” กั้งพูดแล้วเอามือขึ้นลูบหัวตัวเอง

“ไอ้กร เสียงดังทำไมไร้สาระนะมึง” พี่ขิมที่นั่งอยู่เบาะข้างหน้าพูดแล้วเอื้อมมาโบกหัวเพื่อนรักผมไปหนึ่งที ไอ้กรร้องโอยก่อนจะเอามือลูบหัวตัวเอง

“พี่ไม่อิจฉาหรอ ไอ้พร้อมแม่งพาเด็กมาเที่ยวด้วย”

“ไม่ ถ้ามึงอิจฉาก็หาเมียสิจะไม่ได้ต้องมาโวยวายลำบากหูคนอื่นแบบนี้”

ดีมากครับพี่ขิม ผมทีมพี่ด่ามันเข้าไปไอ้เพื่อนไม่น่าครบ

“ทำไมพี่ขิมพูดจาทำร้ายผมแบบนี้อ่ะ” ไอ้กรมุ้ยหน้าแล้วหันหน้ากลับไปนั่งเหมือนเดิม แต่ก็ไม่วายพี่ขิมไอ้โบกหัวเพื่อนผมไปอีกหนึ่งรอบแล้วพูดขึ้นมาก่อนจะหันหน้ากลับไปนั่งตามเดิม

“อย่ามางอแงโตเป็นควาย”

ผมนี่กั้นหัวเราะตัวสั่นเลย ไอ้กรกับพี่ขิมนี่แม่งเหมือนแม่กับลูกอะ

พี่ขิมเรียนรัฐศาสตร์ที่จริงๆต้องเรียบร้อยอ่อนหวานหรูไฮโซ แต่เปล่าเลยแม่งโคตรสายลุยทำเองหมดทุกอย่างพูดกูมึงจนเขาคิดว่าพี่ขิมเป็นทอมกัน แต่พี่แกมีแฟนเป็นผู้ชาย

วันแรกที่เข้าชมรมไอ้กรแม่งเด็ดจนพี่ขิมจำขึ้นใจและชอบว่าให้มันเสมอแต่ถึงอย่างนั้นพี่ขิมก็ไม่ถือสา คิดซะว่าเวลาคุยกับไอ้กรก็เหมือนลับคมคำพูดไปขำๆ แต่เพื่อนผมมันชอบน้อยใจหาว่าพี่ขิมลำเอียงไม่รักมัน

 

รถออกจากมหาลัยตั้งแต่หกโมงเช้ากว่าจะเข้าตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็เกือบบ่ายสามแถมยังต้องเปลี่ยนรถขึ้นดอยจากรถบัสเป็นสองแถวทำให้เสียเวลาไปพอสมควรกว่าขึ้นถึงบนดอยก็เกือบหกโมงเย็น

พอถึงที่พักพี่ขิมก็จัดแจงแย่งฝั่งนอนออกเป็นชายหญิงในในโรงประชุมโรงเรียน ซึ่งต้องนอนรวมที่นี่ด้วยกันทุกคน

เพื่อนรักกับน้องรหัสผมนอนข้างกันส่วนผมกำลังจะวางกระเป๋าลงข้างไอ้กรแต่ดันมีเด็กหัวเกรียนหนึ่งอัตราเดินมาคั่นกลางระหว่างผมกับกรแถมยังทำหน้าวอนบาทายักคิ้วให้หนึ่งทีแล้ววางกระเป๋ามันลงแทนที่

“จะนอนตรงนี้” ผมพูดขึ้น

“ไม่เอา ผมจะนอนนี่”

“ภาพตะวัน!”

“พี่กรครับ พี่พร้อมเสียงดังใส่ผม” ไอ้เด็กแผนสูงหันไปโวยวายกับเพื่อนรักผม

นี่สนิทกันถึงขั้นเรียกให้ช่วยได้เลยหรอวะ

“มึงจะเรื่องมากทำไมวะ นอนๆไปเถอะ” ไอ้กรตะโกนกลับมาในขณะที่ช่วยคนอื่นยกของไปด้วย

แล้วสรุปมันไม่ใช่เพื่อนผมแล้วใช่ไหม ถึงไม่เข้าข้างกัน

น้อยใจเว้ย

ผมเองก็ไม่อยากเถียงทำฮึดฮัดอยู่ในใจแล้วย้ายกระเป๋าตัวเองมาไว้อีกฝั่งที่ชิดติดกำแพงอีกฝั่งหรือง่ายๆ ผมนอนในสุดต่อด้วยไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ไอ้กรและกั้งน้องรหัสผม

เซ็งโว้ยยยยย อย่าให้รู้นะว่าไอ้เด็กนี่ไปเซ่นอะไรเพื่อนผมไว้

ไม่อย่างนั้นพ่อจะจับโกนหัวให้โล้นเลย

 

หลังจากได้ที่นอนเก็บของและขนของที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้เสร็จก็พากันกินข้าวเย็นกันโดยชาวบ้านบนดอยทำอาหารเลี้ยงต้อนรับ เป็นอาหารพื้นบ้านที่ผมกินแล้วนึกถึงที่บ้านเลยอร่อยมากๆ โดยเฉพาะแกงเลียงรสชาติเหมือนแม่ทำจนต้องนั่งซดน้ำแกงอยู่เป็นคนสุดท้าย คนอื่นกินอิ่มกันหมดแล้วแต่ก็นั่นแหละถึงคนอื่นจะลุกหนีกันไปก็ยังเหลือไอ้เด็กหัวเกรียนนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนผมกินเสร็จและพี่ขิมก็เรียกทุกคนมาประชุมเรื่องกิจกรรมวันพรุ่งนี้ แบ่งฝ่ายรับผิดชอบว่าต้องทำอะไรบ้าง

“พี่พร้อมอาบน้ำเลยไหม” ภาพตะวันถามผมหลังจากที่ประชุมเสร็จและกลับมาถึงหอประชุมแล้ว

“ยัง เดี๋ยวโทรหาที่บ้านก่อน”

“งั้นเดี๋ยวผมไปอาบก่อน”

ไม่ได้อยากรู้เลยไปไหนก็ไปเถอะ

พูดจบเด็กหัวเกรียนก็เดินไปลื้อกระเป๋าตัวเองหยิบเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินออกไป

ส่วนผมก็เดินแยกออกมาแล้วโทรหาที่บ้าน

(ว่าไงลูกชาย)

“ทำอะไรอยู่ครับ”

(ตรวจการบ้านเด็ก นี่เราทำอะไรอยู่ทำไมเสียงดังจัง)

“พึ่งกินข้าวอิ่มเลยโทรหาน่ะครับ ระหว่างรออาบน้ำ”

(เราอยู่ไหน)

“บนดอยแล้วครับ ย่าละ”

(ไปดูงานที่ญี่ปุ่นจ้ะ แล้วนี่ขาดเหลืออะไรไหมลูก เอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า)

“ไม่แล้วครับ ได้ของครบหมดแล้ว”

เรื่องที่ขอให้ทางบ้านเป็นสปอนเซอร์ให้ ที่บ้านตอบตกลงและผมทำสนธิสัญญากับที่บ้านว่าไม่ต้องมาบนดอยเพราะกลัวลำบากและคนในชมรมจะไม่เป็นอันทำงานเพราะมีผู้ใหญ่มาดูด้วยพอดีกับที่แม่และย่ายุ่งจนไม่สามารถมาดูการทำกิจกรรมได้เลยโชคดีที่ท่านทั้งสองไม่ได้มาดูการทำกิจกรรมด้วย

(จ้ะ แล้วถึงกี่โมงละ)

“หกโมงครับ”

(กลับบ้านหรือเปล่า แม่จะได้ให้คนไปรับและจะได้ทำกับข้าวไว้รอ)

พูดถึงเรื่องกลับบ้านก็ลืมไปเลย ว่าจะกลับแถมไอ้กรก็อยากไปเที่ยวแต่ว่าไอ้กรมันมีกุมารหัวเกรียนติดมาด้วยนี่สิ

“เดี๋ยวผมบอกแม่อีกทีนะครับ”

“พี่พร้อมอาบน้ำได้แล้วครับ” เสียงของเด็กหัวเกรียนแทรกเข้ามาทำให้ผมหันกลับไปและชี้ที่โทรศัพท์ตัวเองว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่

เหมือนเด็กนั่นจะไม่เห็นว่าผมไม่ว่างเลยยกมือขึ้นขอโทษ ผมเลยหันกลับมาสนใจคนในสายต่อ

(เอะ มีคนดูแลดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ยเรียกไปอาบน้ำด้วย ใครหรอจ้ะ)

แม่ผมนี่ก็หูดีจริงๆเลย

“น้องที่ค่ายแหละครับ ผมต่อห้องอาบน้ำมัน”

(โอเคๆ งั้นเราไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะแม่จะตรวจการบ้านต่อแล้ว)

“งั้นฝันดีนะครับ”

(ฝันดีเหมือนกันจ้ะ)

บอกฝันดีกันเสร็จผมก็กดวางสายแล้วไปหาเสื้อผ้ากับอุปกรณ์อาบน้ำในกระเป๋าเพื่อไปอาบน้ำ

นั่งรถทั้งวันก็ทำเอาเหม็นได้เหมือนกันแหะ

ระหว่างผมกำลังหาของในกระเป๋าอยู่ภาพตะวันที่นั่งอยู่ข้างๆเช็ดหัวไปด้วยและจ้องหน้าผมไปด้วยเหมือนอยากจะพูดอะไร

ผมเลยเลิกคิ้วถาม เด็กตรงหน้ายกยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

“พี่กรบอกว่าพี่พร้อมจะกลับบ้านหลังค่ายเสร็จ”

ไอ้กรอีกแล้ว สงสัยเหลือเกินว่ามันสองคนเป็นพี่น้องที่ผลัดพรากแล้วพึ่งหากันเจอหรือเปล่าทำไมสนิทกันจังวะ

“ตั้งใจไว้อย่านั้น”

“ไปด้วยได้เปล่าครับผมอยากไปเที่ยว นี่เตรียมกล้องมาด้วยนะ” ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปหยิบกล้องในกระเป๋าออกมาโชว์

ว่าละมันแปลกๆตั้งแต่ถามละว่ากลับบ้านไหม

เอาเถอะ ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว

“อืม ได้”

“โห น่ารักที่สุด”

แชะ

ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงชัตเตอร์ที่ได้ยินทันที

ไอ้เด็กตรงหน้ามันถ่ายรูปผมแล้วหัวเราะชอบใจ

“เอามาดู” ผมพูดแล้วแบมือขอ

ไม่ได้ๆ ถึงผมจะหล่อแค่ไหนแต่ถ่ายออกมาแล้วหน้าเหวอก็แย่พอดีสิ

“พี่น่ารักที่สุดไม่ต้องดูหรอกครับ”

“เขาเรียกหล่อไม่ได้น่ารัก ประสาท” ผมชักมือกลับแล้วมุ้ยหน้า

มันนี่ก็ขยันชมผมว่าน่ารักอยู่นั่นแหละทั้งๆที่หล่อจะตาย

“ไม่งอนนะครับ พี่น่ารักจริงๆ” พูดแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มอีกแล้ว

“เหอะ โน่นไปอยู่กับพี่ชายที่ผลัดพลาดกันของนายโน่น” ผมพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังของเด็กหัวเกรียน เป็นไอ้กรเดินมากับไอ้กั้งพอดี

“แหม่ นั่นพี่ชายแต่พี่เป็นว่าที่แฟนผมก็ต้องอยู่กับว่าที่แฟนสิครับอย่าไล่กันเลย”

ไอ้เด็กนี่มันพูดได้ไม่อายจริงๆอะ ผมไม่อยู่ตรงนี้แล้วเพราะแก้มมันร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือว่ามันร้อนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำกันแน่



หัวเกรียนป่วนพี่พร้อมมาแล้ววววว
ติดเรียนหนักมาก ขอบคุณที่ติดตามคร้าาา

  :-[ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
พี่เราใจแข็งมากกกก หัวเกรียนต้องพยายามนะ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รุกเร็วมากอ่ะภาพ สงสารพี่พร้อม 55555555

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
13



อากาศบนดอยตอนเช้าๆนี่สดชื่นที่สุด ยิ่งช่วงนี้ที่เป็นหน้าหนาวหมอกยามเช้ากับกาแฟร้อนๆนี่เข้ากันดี

ผมไม่ดื่มกาแฟเลยชงไมโลออกมานั่งดื่มตรงจุดชมวิวที่ชาวบ้านเขาทำไว้ มองเห็นหมอกปกคลุมภูเขาถ้านั่งจนถึงพระอาทิตย์ขึ้นก็คงได้เห็นทะเลหมอกขนาดย่อมๆแน่นอนแต่ตอนนี้เสียดายมากๆ เพราะผมอยู่ฝ่ายทำอาหารเลยนั่งชมวิวกินไมโลจนหมดแล้วต้องออกไปซื้อของสดที่ตลาดตอนเช้าโดยหัวหน้าหมู่บ้านพาขับรถพาไป

ผมกับกั้งได้รับหน้าที่นี้ เพราะจับฉลากได้เหตุผลมันง่ายมากๆ ไอ้กรได้เป็นควบคุมงานกับพี่ขิมสบายมันล่ะ ส่วนเด็กอีกคนก็เป็นแรงงานจะว่าไปก็สงสารนะคุณหนูขนาดนั้นกลัวทำงานเขาพังจริงๆ

“ได้ของครบหรือยังฝ้าย” ผมถามเพื่อนผู้หญิงที่ก้มหน้ามองรายการซื้อของอยู่ ฝ่ายผมมีทั้งหมดสิบคนแบ่งภายในอีกเป็น 2 กลุ่มคือซื้อของ 2 คนมีผมกับฝ้าย เตรียมวัตถุดิบและทำอาหาร 3 คน ไอ้กั้งอยู่ฝ่ายนี้

นี่ก็พึ่งรู้ว่าที่บ้านมันเปิดร้านอาหารเลยพลอยทำให้มันทำอาหารได้

“เดี๋ยวไปซื้อพริกกับผักบุ้งก็ครบแล้ว”

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามฝ้ายไป

พวกผมจะทำอาหารกินเองแค่มื้อเช้ากับกลางวันส่วนตอนเย็นชาวบ้านเขาเลี้ยงเพราะเห็นว่าทำงานเหนื่อยและกลัวไม่มีแรงทำอาหารกินกันเอง

เมนูเช้านี้ ก็ข้าวต้ม ผัดผักบุ้งใส่หมูสับและก็ไข่ต้ม หรือถ้าใครไม่อยากกินข้าวต้มกับไข่ต้มก็มีข้าวสวยกับไข่เจียวสำรองไว้ให้ ส่วนตอนบ่ายตั้งใจจะทำผัดกระเพรา ไก่กับหมูทอด และก็มีของหวานนิดหน่อยถ้าจำไม่ผิดน่าจะกล้วยบวชชี

“พร้อม เราซื้อน้ำเต้าหู้ไปด้วยดีไหมงบตอนเช้าเหลือ กลัวพวกนั้นไม่อิ่มกันด้วย” ฝ้ายหันมาถามความคิดผม

“ก็ดีนะ เหลือเท่าไหร่”

“สามร้อย”

“จัดไปเลย พวกนั้นต้องพลังงานเยอะถ้าเหลือพอก็เอาปาท่องโก๋ไปด้วย”

“งั้นไปซื้อกัน” ตกลงกันเสร็จก็พากันเดินไปซื้อโชคดีที่เจ้าของร้านใจดีลดค่าน้ำเต้าหู้ให้เพราะรู้ว่าพวกผมทำค่ายบนดอยเลยมีเงินพอจะซื้อปาท่องโก๋พอจำนวนคนทำค่าย

ได้ของเสร็จก็เช็คของอีกรอบก่อนขึ้นรถกลับ

มาถึงค่ายก็ประมาณ 7 โมงเช้าทำอาหารเสร็จก็ 8 โมงครึ่งพอดี ช่วงที่ทำอาหารใกล้เสร็จก็เข้าไปปลุกคนที่นอนอยู่ให้เตรียมตัวมากินข้าวจะได้เริ่มทำงานกันตอน 9 โมง

“เหี้ย ใครทำกับข้าววะ” ระหว่างที่ต่างคนต่างกินข้าวไอ้กรก็ร้องซะดังจนคนที่กินกันอยู่ด้วยกันพากันเงยหน้าขึ้นมอง

“ไอ้กั้งพี่” เสียงเด็กผู้ชายตะโกนตอบกลับมา

“แม่งอร่อยสัส ใครได้เป็นผัวโคตรโชคดีสบายมือไม่ต้องเข้าครัวเอง”

แหม่ แค่เรื่องไอ้กั้งทำกับข้าวอร่อยมึงถึงกับต้องโวยวายหรือยังไง

ผมส่ายหัวกับความเว่อร์ของเพื่อนแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ แต่กับข้าวมันอร่อยจริงๆอ่ะ ผมนี่หมดข้าวไป 2 จานแล้ว

ขณะตักข้าวเข้าปากก็หันไปมองไอ้เด็กที่นั่งอยู่ข้างๆที่เอาแต่จ้องหน้าผมตั้งแต่มันกินและเอาจานไปล้างคว่ำเสร็จแล้ว

ทำไมมันชอบจ้องผมจังวะ ตอนนี้กินข้าวอยู่ด้วยไม่ชอบให้จ้องตอนกินข้าวเข้าใจป่ะ

“จ้องอะไรไอ้พร้อมนักหนาวะ กูเหม็น” ไม่ต้องให้ผมอ้าปาก ไอ้เพื่อนรักก็พูดขึ้นมาก่อน

“พี่พร้อมกินข้างเยอะชิบหาย ทำไมไม่อ้วนวะกีฬาก็ไม่เห็นเล่น”

อ้าวไอ้นี่ มาจับผิดกันเฉย

“พยาธิมันเยอะกินไปก็เจอแย่งสารอาหาร”

ไอ้กร!

“ถ่ายพยาธิบ้างนะครับ เป็นห่วงพี่โคตรผอมเลย”

นี่ก็อินไปกับเขาไม่รู้ไงว่าพี่ทูนหัวของตัวเองน่ะตอแหล

“พอเลย กินข้าวอยู่มาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ เสียมารยาท ไอ้กรถ้ามึงยังพูดไม่เข้าหูกูนะตอนไปบ้านกูจะฟ้องย่าให้อบรมมึง”

“คำขู่มึงน่ากลัว โอเค กูยอมเรื่องเมื่อคืนมึงนอนกอดกันกูจะไม่พูด” ถึงจะพูดว่ายอมแต่สายตามันก็ยังเจือไปด้วยอารมณ์ขัน

แต่เดี๋ยวนะ นอนกอดกันใครวะ

“น่ะ ทำหน้างง เมื่อคืนกูเห็นนะว่ามึงกับเด็กมึงนอนกอดกัน”

“มึงว่าอะไรนะ!” ได้ยินแบบนั้นเลยสบถออกมาพร้อมกับหันไปถามเด็กที่นั่งข้างๆด้วยสายตางุนงง

ไอ้เด็กหัวเกรียนทำหน้าตกใจที่ไอ้กรพูดแล้วหลบสายตา แบบนี้หมายความว่าที่ไอ้กรพูดเป็นเรื่องจริงหรอ

จำได้ว่าเมื่อคืนพอผมแห้งก็ทิ้งตัวลงนอนหลับสนิทไปโดยไม่สนใจคนที่นอนข้างๆที่ยังไม่กลับมาจากไปตั้งวงกับพี่ทูนหัวของมัน

“ภาพตะวัน?” ผมหันมาถามเด็กข้างๆ

ครั้งที่แล้วหอมแก้มผมเพราะว่าไม่มีสติแล้วครั้งนี้ล่ะ

“ผมไม่รู้จริงๆว่ากอดพี่อ่ะ หึ้ยพี่กรนิสัยไม่ดียุให้เขาแตกกันอย่าอิจฉาดิพี่”

“เอ้า พูดเรื่องจริง เอาน่าไอ้พร้อมน้องมันอาจจะคิดว่าเป็นหมอนข้างก็ได้”

“โอเค งั้นวันนี้สลับที่ เดี๋ยวกูไปนอนที่ไอ้กั้งแล้วมึงมานอนที่กูตามนี้”

ผมกับไอ้กรจบก็ลุกขึ้นเก็บจานไปล้างเลย

ไม่ได้โกรธนะแต่ความโมโหก็มีอยู่ ผมต้องป้องกันตัวเองแถมไอ้เด็กหัวเกรียนมันประกาศลั่นว่าจีบผมอยู่มันก็เลี่ยงที่เกิดอะไรแปลกๆขึ้น

 

“พี่กรพูดอะไรเนี่ย พี่พร้อมหนีผมเลยเห็นไหม”

“เอ้า กูช่วยมึงนะ”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็อยู่เงียบๆไปเลย”

“นี่กูพี่มึงนะ พี่ที่มึงขอให้ช่วยไงน้องเวร”

“ไม่รู้ ไปง้อพี่พร้อมก่อน”

“อะไรวะ คนหวังดี”

 

ก็ถึงว่าทำไมนอนแล้วมันอึดอัด เมื่อวานพลังงานลดต่ำมากนั่งรถทั้งวันหลับไม่รู้เรื่องจริงๆ ว่าใครทำอะไรบ้าง ปกติถ้านอนกับคนเยอะๆหลับไม่ค่อยสนิทหรอกรู้สึกตัวอยู่ตลอด

นี่ถ้าไอ้กรไม่พูดผมก็ไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น

“พี่พร้อม โกรธจริงหรือเปล่าเนี่ย”

ภาพตะวันเดินตามผมมาแล้วพูดขึ้น

“ไม่ได้โกรธ”

“แล้วสลับที่นอนทำไมอ่ะ”

“เพื่อความสบายใจ”

“แต่ผมไม่สบายใจ”

“ทำตามนั้นนั่นแหละ”

ผมหันมาล้างจานต่อหลังจากที่พูดจบ ปกติแล้วเด็กนั่นต้องเถียงแต่ทำไมเงียบวะจนล้างจานเสร็จแล้วหันกลับมาดูก็เห็นยืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่ข้างหลัง

“เมื่อไหร่ พี่จะเปิดใจ”

พูดขึ้นเสียงเครียด

แล้วจะวนเข้ามาเรื่องนี้ทำไม

“ผมต้องทำยังไง ผมชอบพี่จริงๆ แต่ดูเหมือนว่าพี่จะไม่เปิดช่องว่างให้เลย ความห่วงใยที่พี่มีให้ก็เหมือนคนอื่นๆทั่วไปที่ได้จากพี่ ผมอยากเป็นคนพิเศษบ้าง ต้องทำยังไง” ภาพตะวันพูดเสียงเครียดแถมแววตายังจริงจัง

ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลย ตอนนี้มันไม่รู้สึกอะไรกับเด็กตรงหน้าจริงๆนะ อย่าหาว่าผมใจร้ายเถอะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเด็กตรงหน้าผมก็แสดงออกว่าเป็นห่วงผมมากกว่าคนอื่นแสดงเจตนาของตัวเองออกมาชัดเจน แต่ดูเหมือนผมเองที่คงจะยังไม่เปิดช่องว่างอย่างที่บอก

ผมต้องทำยังไงให้เด็กนี่เสียใจน้อยที่สุด

“ฉันเคยบอกนายไปแล้ว ว่าอย่าเสียเวลา”

“พี่ก็เหมือนจะเปิดให้ผมเข้าหาแต่ก็ยังคงรักษาระยะไว้ ผมก้าวพี่ถอย แต่ผมไม่เหนื่อยหรอกนะ เสียเวลามันก็เรื่องของผมของไม่เกี่ยวกับพี่ ผมไม่ยอมแพ้หรอก”

ผมกรอกตาไปมาอย่างใช่ความคิด “เลิกเถอะ”

“ไม่ พี่ค่อยๆรับผมเข้าไปในใจเถอะนะอย่าปิดกั้นอย่าใจร้ายกับผมอีกผมชอบพี่จริงๆนะครับ” พูดจบภาพตะวันก็หันหลังเดินจากไปเลย

ผมต้องทำยังไงวะ ในเมื่อมันไม่มีความรู้สึกให้แบบที่เด็กหัวเสียคนเมื่อกี้ต้องการ

บอกไปแล้วว่ามันเสียดายเวลาและจะเจ็บช้ำใจกันเปล่าๆ

ผมหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติก่อนจะก้าวขาตามเด็กหัวเกรียนไป

“เดี๋ยว” ผมเร่งเดินตามให้ทันแล้วเรียกภาพตะวัน “อยากจะทำอะไรก็ทำแต่ถ้ามาเสียใจทีหลังจะไม่มีคำปลอบโยนอะไรทั้งนั้น”

พูดจบผมก็เดินผ่านไปเลย ทิ้งให้ภาพตะวันยืนฟังคำพูดของผมเมื่อกี้อยู่อย่างนั้น

มันก็จะมีความงงกันหน่อยที่จู่ๆก็พูดไปแบบนั้นทั้งๆที่ตัวเองก็ต่อต้าน  อาจจะเพราะสงสาร ความอยากลองแบบที่เด็กนี่เคยพูดเมื่อครั้งก่อนๆ หรือเพราะว่าความรู้สึกลึกสุดที่มันมีอยู่ใต้จิตใจ

จะยอมผิดคำนิยามของตัวเองสักข้อสองข้อคงไม่เป็นไรถ้าหากท้ายสุดแล้วผลลัพธ์มันจะสวยหรือไม่ก็ตามก็ต้องยอมรับถ้าเลือกแล้ว

 


จะเอายังพี่พร้อม เด็กมันเอาจริงแล้วนะ
แน่ใจยังไม่ลังเลแล้วใช่ไหม
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ...


 :katai3: :katai3:

 

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
น้องรุกหนักมากกก ไม่รอดแล้วแน่พี่จ๋า

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
14

 

“กั้งส่งกล่องตะปูให้หน่อย” ผมบอกน้องรหัสตัวเองที่นั่งทาสีเก้าอี้อยู่ข้างๆ

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยพี่ขิมก็เรียกรวมอีกรอบแจกแจงงานให้แต่ละฝ่ายที่แบ่งไว้มาช่วยกันทำงานแต่จะเน้นฝ่ายที่ทำการก่อสร้างมากกว่า พวกผมก็แค่มาช่วยนิดๆหน่อยๆ

“นี่ครับ ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่ตอกตะปูเป็นด้วย”

“ทำไมจะทำไมเป็น” ไม่เห็นจะยากแค่วางดอกตะปูให้ตรงตำแหน่งที่ต้องการแล้วเอาค้อนตอกลงไป

“แหม่ คุณหนูจะตาย”

“เผื่อจะไม่รู้นะน้องชายว่าที่บ้านพี่เนี่ยเขาเลี้ยงมาแบบคนยากคนจน” เลี้ยงให้รู้จักวางตัวกับทุกชนชั้น ต้องทำด้วยตัวเองเป็นทุกอย่างเผื่อตกระกำลำบากจะได้ไม่แย่ไปกว่านี้

“แต่ดูยังไง ลุคพี่ก็ไม่เหมือนคนอยากคนจนอ่ะ ขับออดี้ เรียนเก่ง แถมที่บ้านมีหน้ามีตาทางสังคม ถึงจะพยายามทำตัวสถุนก็เถอะไม่เข้าวะ” เอ้า นั่นปากหรอเนี่ย เหมือนจะชมถ้าฟังดีๆหลอกด่ากันซะอย่างนั้น

“พอเลยๆ ไปทำงานได้แล้ว” ผมส่ายหัวโบกมือไล่ ก่อนจะก้มหน้าต่อขาเก้าอี้

โครม

“กรี๊ดด น้องภาพ!”

เสียงเหมือนของหนักล้มลงพร้อมกับเสียงกรีดร้องโวยวายดังขึ้น

แต่ว่าเสียงโวยวายที่ดังขึ้นมา เป็นชื่อของภาพตะวัน ผมเลยหันไปดูต้นเหตุเห็นคนมุงเต็มไปหมดบริเวณหน้าโรงทานเมื่อเช้าที่นั่งกินข้าวกัน

ผมวางอุปกรณ์ต่อเก้าอี้ในมือลงแล้วก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปตรงเกิดเหตุ

ผมเขย่งเท้าขึ้นมองหาต้นเหตุภายในวงล้อมนั่นเห็น ภาพตะวันกำลังนั่งจับบริเวณข้อเท้าตัวเอง พี่ขิมกับไอ้กรก็ดูแขนดูที่เป็นรอยแดงชัดเจนและที่หัวให้เจ้าตัวอยู่

ผมกระพริบตาไล่ความมึนงงสถานการณ์ กว่าจะอ้าปากถามได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้กรก็พูดขึ้นก่อน

“พร้อม มึงไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านว่าให้พาไปโรงพยาบาลหน่อยไอ้ภาพมันตกลงมาจากบันได”

ผมพยักหน้ารับแบบงง สบตาไอ้เด็กหัวเกรียนนิ่งก่อนจะไปรีบวิ่งออกไปทำตามที่ไอ้กรบอก

อึ้งไปเลย ภาพตะวันตกลงจากบันไดยาว 8 เมตรได้ยังไง ไม่มีใครจับบันไดให้หรอ ทำไมไม่ดูแลกันวะ

ผมหงุดหงิดใจขึ้นมาทันทีที่คิดว่าไม่มีใครดูแลคนที่ไม่ใช่เด็กในชมรม

ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปบ้านลุงหัวหน้าหมู่บ้านพูดกับแกตามที่ไอ้กรบอก ลุงพยักหน้าแล้วรีบเดินไปหยิบกุญแจรถภายในบ้านออกมาสตาร์ทรถแล้วผมก็ขึ้นไปนั่งข้างลุงทันที

ผมไม่ได้ไปโรงพยาบาลด้วย มีแค่ไอ้กรและพี่ขิมกับลุงผู้ใหญ่บ้านที่พาคนเจ็บไป ที่จริงผมก็อยากตามไปแต่พี่ขิมหันมาสั่งเด็ดขาดว่าให้อยู่ที่นี่ ผมก็ต้องทำตาม

จนผ่านไปสองชั่วโมงรถคุ้นตาก็เคลื่อนมาจอดตรงที่เกิดเหตุเมื่อเช้าผมละมือจากการต่อขาเก้าอี้แล้วเดินมารับคนที่กำลังลงจากรถ

“งอแงสัส เชิญอ้อนกันตามสบาย” ไอ้กรลงจากรถแล้วส่ายหน้าเอือมกับบางสิ่งก่อนจะเดินลิ่วหายเข้าไปในโรงทานโดยไม่สนใจสองชีวิตที่กำลังลงจากรถ

ผมก็พอจะเดาได้แหละว่าไอ้กรมันหมายถึงเรื่องอะไร

ภาพตะวันยิ้มแฉ่งทันทีที่เห็นหน้าผมแล้วเหมือนจะรีบเดินมาหาด้วยมั้งจนพี่ขิมร้องห้ามแทบไม่ทัน

“นี่ถามจริงน้องภาพนี่เป็นลูกนายหรือเปล่า ทำไมติดจังเลย” พี่ขิมก็พูดอะไรแปลกๆกับผมอีกคนแล้วเดินผ่านไปปล่อยให้ผมกับเด็กหัวเกรียนยืนมองหน้ากันอยู่

“เป็นยังไงบ้าง” ผมถาม

“ช้ำนิดหน่อยข้อเท้าพลิกด้วยครับ” พูดไปพร้อมชี้ไปตามส่วนที่ตัวเองเจ็บให้ดู

“ แล้วทำไมไม่เรียกให้คนไปช่วยจับบันได”

“ก็คิดว่าฐานมันมั่นคงแล้วเลยปีนขึ้นไป”

“ทีหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน” ผมบอกแล้วมองตามรอยช้ำแดงกับข้อเท้าที่พันผ้าไว้ก่อนจะมองหน้าเด็กขาเจ็บและก็ต้องขมวดคิ้วเพราะมันกำลังอมยิ้ม “ยิ้มอะไร”

“ดีใจที่พี่เป็นห่วงผม”

“ถึงไม่ใช่นายฉันก็เป็นห่วง”

“ปากแข็งจัง ผมดีใจที่เห็นพี่ตกใจแล้วก็สายตาที่เป็นห่วงผมมากๆตอนที่วิ่งมาดูผมตกลงมานั่งเล่นกับพื้นแล้ว”

ไม่ได้ปากแข็งโว้ย

“ก็คนรู้จักกันก็ต้องเป็นห่วงธรรมดาไหม”

“แหนะ ยังปากแข็งอยู่อีก เอาเถอะครับการกระทำของพี่มันบอกผมหมดนั่นแหละถึงพี่จะซึนก็ไม่เป็นไร หายซึนเมื่อไหร่ปากก็คงได้ชนกัน”

“อยากได้อีกแผลหรือไงถึงได้คิดแบบนั้น” ปากชนกันอะไรวะ

“เขินละสิหน้าแดงๆนะ”

อ่า ก็ร้อนๆที่หน้าอีกแล้ว

“ไปพักเลย เดี๋ยวพักเที่ยงแล้วจะให้กั้งเอาข้าวไปให้”

“เปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว โอเคครับไปพักก็ได้ อย่าลืมมากินข้าวกับผมนะ”

เดี๋ยวนะเมื่อกี้ผมบอกว่าจะให้น้องรหัสเอาข้าวมาให้ไม่ใช่หรอ ทำไมมันตอบรับเป็นอีกอย่างละ

ภาพตะวันยิ้มกว้างแล้วเดินเขย่งเท้าไป ผมเห็นแบบนั้นแล้วมันหงุดหงิดเลยเดินเข้าไปช่วยพยุงพาเดินไปส่งที่หอประชุม

ตลอดทาง มันยิ้ม อมยิ้มคนเดียวตลอดทางเลย แล้วผมก็ร้อนที่หน้าตลอดทางเลยด้วย

ไอ้ลักยิ้มข้างซ้ายนี่แม่งก็เห็นชัดจัง

อยากมีลักยิ้มบ้าง

เท่ห์ชะมัด ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ อย่าคิดแบบนั้นเด็ดขาด

พี่น้องกัน!!!

============

 

“มึงรู้ไหม ว่าตอนที่กูบอกให้มึงอยู่ที่นี่ไอ้เด็กเกรียนนั่นหน้างอยิ่งกว่าปลาทูแม่กลองซะอีก” ไอ้กรพูดขึ้นขณะพักเที่ยง

“หรอ”

“แล้วแม่งก็ดื้อไม่ยอมให้หมอดูอาการถ้ามึงไม่มา ดูโตเท่าควายแล้วยังมีข้อแม้ไร้สาระแสนแปดตัวเองจะช้ำในตายอยู่แล้ว”

“อืม”

“ไอ้พร้อมมึงแสดงความคิดเห็นหน่อยสิวะ”

“จะให้แสดงความคิดเห็นอะไรล่ะ” เท่าที่ฟังเหมือนประโยคบอกเล่านะ

“มันแม่งโคตรติดมึง ถ้าเป็นแฟนกันขึ้นมาจริงๆกูว่ายิ่งกว่าเงา”

“ไม่หรอก”

“ กูวางสองพันถ้ามันไม่จริงกูจ่ายแต่ถ้ามันจริงมึงจ่ายสองเท่า”

“อะไรวะเล่นอยู่คนเดียวยังเอากูไปเกี่ยวอีก”

“ตามนั้นแหละ” พูดจบไอ้กรก็ตักข้าวเข้าปาก

ส่วนผมก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวเหมือนกัน

“พี่พร้อมไอ้เด็กหัวเกรียนมันไม่ยอมกินข้าววะ”

ไอ้กั้งพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลังจากที่ผมให้มันเอากับข้าวไปให้ภาพตะวัน

นี่มันอะไรอีกละ

“ทำไม”

“มันบอกให้พี่ไปกินกับมัน”

“ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวก็กินเอง”

“ผมก็ว่างั้นแหละ อย่าไปตามใจมันมากเดี๋ยวเสียคน” ไอ้กั้งมาบ่นๆแล้วเดินไปตักข้าวให้ตัวเองบ้าง

ตามใจจนเสียคนหรอ

 

============

 

ก็คงจะอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ

“ทำไมไม่มากินด้วยกัน”

ผมนั่งอยู่ข้างๆเด็กหัวเกรียนที่บอกไอ้กั้งว่าจะไม่กินข้าวถ้ามาไม่มาหามัน

แล้วทำไมผมต้องใจอ่อนด้วยเนี่ย

“ลืม”

“โคตรเจ็บเลย ลืมกันได้ยังไงเสียใจชะมัด” พูดไปแต่ก็ตักข้าวเข้าปาก

“ก็มาแล้วนี่ไง” ทั้งๆที่บอกว่าชั่งมันแต่พอล้างจานเสร็จก็เดินตรงมาที่นี่เลย

“รีบๆกินข้าวจะได้กินยา”

ผมบอก เด็กตรงหน้าก็ก้มหน้าตัดข้าวเข้าปากต่อไปจนกินอิ่มนั่นแหละผมเลยหยิบขวดน้ำส่งให้

“เดี๋ยวรออีกครึ่งชั่วโมงค่อยกินยา” ผมบอกแล้วหยิบจานข้าวที่ภาพตะวันกินหมดแล้วลุกขึ้นจะเอาไปล้างให้

“ไปไหน”

“เอาจานไปล้าง”

“ไม่ต้องหรอกครับ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”

“เดี๋ยวต้องไปช่วยเขาทำงานอีก 10 นาทีก็ได้เวลาแล้ว”

“อยู่เป็นเพื่อนผมก็ไม่มีใครว่าพี่อู้งานหรอก”

“งั้น ก็ออกไปนั่งด้วยกันข้างนอก”

เถียงไปก็เท่านั้น หาทางออกให้สบายใจทั้งสองฝ่ายเลยง่ายกว่า

“พี่ต้องพยุงผมนะ”

“ฉันเชื่อว่านายเดินไหวอย่ามาโกหก”

ตอนพากลับมาพักหลังจากกลับจากโรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะทิ้งน้ำหนักตัวมาทางผมเท่าไหร่แถมยังทรงตัวได้ดีอีกต่างหาก

“ไม่ อยากให้ช่วย” พูดแล้วทำหน้ามุ้ย

“งั้นก็อยู่นี่”

“พี่พร้อมมมม” เรียกชื่อผมลากเสียงยาวเหมือนเด็กโดนขัดใจ

“สรุป?”

“ครับเดินไปเองก็ได้ แต่ไปพร้อมกันนะ”

“โอเค”

พยักหน้าตกลงก็นั่งเรื่อยเปื่อยรอให้ครบสามสิบนาทีก็ส่งยาให้เด็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กิน แล้วพากันลุกออกมาตรงที่เขาทำงานกันอยู่ระหว่างมานี่ก็พากันเดินทุลักทุเล เด็กขาเจ็บก็เดินได้แหละแต่ไม่คล่องสุดท้ายขัดหูขัดตาผมเลยช่วยพยุง

“แหม่ๆ กลัวหายหรือไงวะ” ปากยื่นปากยาวแบบนี้มีคนเดียว

“เพราะพี่นั่นแหละใจร้าย ไม่ยอมให้พี่พร้อมไปโรงพยาบาลด้วย” ไอ้เด็กขาเจ็บที่ได้ที่นั่งแล้วก็ตอบกลับไอ้กรกลับไป

“อะไรวะ กูผิดตลอด” พูดจบก็สบัดก้นหนีไป

เออดีเนอะ เหมือนเดินมาเสนอหน้าพอเขาด่าก็หายไป

แต่มันไม่หมดหรอกครับไอ้พวกปากยื่นปากยาว

“พี่พร้อมไหนว่าชั่งมันไง แล้วไหงมันมานั่งอยู่ตรงนี้อ่ะ” น้องรหัสผมเอง

“เพราะพี่พร้อมเป็นคนซึนไง” เด็กขาเจ็บนี่สงสัยอยากเจ็บเพิ่ม

“เออ พี่กูนี่ซึนของจริง”

“หุบปากเลยไอ้กั้ง” อันนี้ผมเอง พูดพร้อมชี้หน้ามันด้วย

“โหย เดี๋ยวนี้ขึ้นไอ้อีกับน้องนุ้ง เสียใจวะ” พูดจบแทนที่จะสลดตามคำพูดกลับทำตามกรุ้มกริ่มแล้วเดินหนีหายไปอีกคน

ถ้าไม่กวนตีนจะไม่หยาบเลยจริงๆนะ ยกเว้นไอ้กร

“ไปไหนอ่ะ” ภาพตะวันถามขึ้นเพราะผมกำลังจะเดินตามน้องรหัสไปทำงานที่ค้างไว้

“ทำงาน”

“ไปเอามาทำตรงนี้”

“จะมากเกินไปแล้ว นั่งอยู่ตรงนี้แหละตรงที่ฉันทำงานนายก็มองเห็นอย่ามาเอาแต่ใจ” ผมล่ะอยากแจกมะเหงกให้จริงๆ มาออกคำสั่งกันได้ไง ไอ้เด็กหัวเกรียนมันเป็นใคร

“ยิ้มอะไรนักหนา” ยิ้มอยู่ได้ แถมสายตายังกรุ้มกริ่มอีก

“เปล่าครับ โอเคผมจะนั่งตกนี้แหละและผมต้องมองเห็นพี่นะ”

จะมาเปล่าอะไรวะก็เห็นว่าสายตามันมีเลศนัยแต่ชั่งเถอะ เถียงไปก็มีแต่หัวจะร้อนขึ้น

ผมพยักหน้าแล้วเดินกลับช่วยงานต่อโดยมีสายตาของเด็กเอาแต่ใจมองตลอด

 



มาแล้วคร้าาาา คิดถึงนะจุ๊บๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

   :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
น้องอ้ออนมากเลย พี่ควรใจอ่อนสิคะอิอิ

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
15


“เซ็งอากาศประเทศไทยชิบหายหน้าหนาวแท้ๆแต่เสือกฝนตก” บ่นแบบนี้ไม่ใช่ใครอื่นหรอกครับนายภาสกรคนเดียวเท่านั้นแหละ

“อืม กำลังทำงานเพลินๆเลย” ทำงานใกล้จะเสร็จแล้วแต่ฝนดันเทลงมาซะก่อนแถมยังตกนานจนสมาชิกต้องถอดใจแล้วพากันนั่งหลบฝนอยู่ที่โรงทานจนฝนซาแล้วนั่นแหละถึงจะพากันวิ่งกลับหอประชุมและก็กลายเป็นว่าต้องกินข้าวเย็นที่หอประชุมเนี่ยแหละ

ผมอาบน้ำเสร็จก็ทุ่มกว่าๆแล้วฝนยังไม่หยุดตกเลย

“แล้วนี่ไอ้ภาพมันไม่ลื่นหัวแตกในห้องน้ำแล้วหรอ อาบน้ำนานชิบ”

พูดถึงบุคคลที่สามก็นึกขึ้นได้ว่าไปอาบน้ำได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“ไปดูมันหน่อยดิ” ไอ้กรหันหน้ามาพูดกับผม

“กู” ผมเลยชี้ที่ตัวเองเป็นการย้ำ

“มึงนั่นแหละครับ”

“ทำไมวะ โตแล้วดูแลตัวเองได้”

“มึงนี่นะ มันใจแข็งใจหินจริงๆจะมีผัวทั้งทีทำเล่นตัวไปได้”

“ไอ้กร หุบปากไปเลยกูมีเมียเท่านั้นเว้ย”

เดี๋ยวตบปากฉีก

“เป็นเมียเขาซะมากกว่าสิ ไปดูมันได้แล้วมึงก็รู้ว่าที่มันทำทุกอย่างเพราะใคร”

“ไม่ได้ขอให้มันทำ”

“โธ่ไอ้นี่ ไปดูมันนี่คือคำสั่ง”

ทำไมผมต้องทำตามไอ้กรด้วยวะ มันเป็นแค่เพื่อนนะเว้ยสั่งดีชิบหาย

“ภาพตะวัน” ผมส่งเสียงเรียกเด็กหัวเกรียนในห้องน้ำ

“…”

“ภาพตะวันนายได้ยินฉันไหม”

มันเงียบเลยอ่ะ แต่มันมีอยู่หนึ่งห้องที่ประตูปิดอยู่ผมเลยเดินไปเคาะเรียก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ภาพตะวัน”

“…” ผมขมวดคิ้วลองผลักประตูแต่มันล็อคจากข้างในเลยตัดสินใจก้มมองใต้ประตู

“ภาพตะวัน!” ผมเบิกตากว้าง

เห็นเด็กหัวเกรียนนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น พอได้สติผมเลยรีบวิ่งไปหาไอ้กรให้ไปช่วยกันงัดประตูพาเด็กหัวเกรียนออกมาและพาไปโรงพยาบาล ผมสรุปว่าเป็นไข้อ่อนๆสาเหตุน่าจะมาจากการตากฝนนี่แหละ เพราะตอนที่ฝนตกกะทันหันโนฝนเทใส่หัวเต็มๆแถมยังเคลื่อนย้ายลำบากเพราะเจ็บขาแถมปอยฝนยังโดนหัวตอนนั่งหลบฝนด้วย


============


“พี่พร้อม” ผมนั่งขัดสมาธิเฝ้าเด็กหัวเกรียนอยู่ข้างๆอ่านหนังสือการ์ตูนที่มีอยู่ในหอประชุมเฝ้าอาการไปด้วยเงยมองตามเสียงเรียก

“ปวดหัวไหมหรือจะกินน้ำ”

เด็กหัวเกรียนส่ายหน้า “ปวดหัว”

“พาไปให้หมอฉีดยาแล้ว ดื่นน้ำสักหน่อยสิ”

ผมหันไปรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้เด็กที่นอนอยู่

ภาพตะวันค่อยๆพยุงตัวขึ้นโดยที่ผมก็คอยช่วยอีกแรงให้นั่งรับน้ำไปดื่ม

“ปวดหัวครับ”

“รู้แล้ว” ผมรับแก้วน้ำที่เด็กหัวเกรียนส่งให้ไปวางไว้ข้างๆตัวเองก่อนจะหันมาตอบ

“กี่โมงแล้ว”

“จะสามทุ่มแล้ว”

 “คนอื่นไปไหนกันหมด”

 “เขาไปประชุมกัน”

ตอนแรกผมจะตามไปด้วยแต่ไอ้เพื่อนรักรีบเบรกไล่ให้ผมมาเฝ้าเด็กป่วย ด้วยเหตุผมที่ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะงอแง ผมก็เห็นด้วยนะที่ตื่นมาแล้วจะตกใจไม่เห็นใครแต่ไอ้งอแงนี่มันสำหรับเด็กอนุบาลนะ

“แล้วทำไมพี่ไม่ไป”

“เด็กป่วย”

คำพูดเหมือนจะสำนึกผิดแต่ว่าก็อมยิ้มนี่คือยังไง

“ขอโทษครับ”

“เรื่อง”

“ทำให้พี่ไม่ได้ไปประชุม”

“ไม่ต้องหรอกไอ้กรมันสั่ง”

“จริงหรอ” ยิ้มกริ่มอีกแล้ว

“อืม ”

“เปลี่ยนที่นอนนี่” คงหมายถึงสลับตำแหน่งนอนนั่นแหละ ตอนนี้เด็กป่วย นอนด้านสุดชิดผนังเลย ตามด้วยผมที่ถูกไอ้กรบังคับ แล้วก็ต่อด้วยไอ้กรไอ้กั้งเหมือนเดิม

ดูดิคนพามาไม่สนใจมาโยนให้ผมเฉย

“กลัวนายจะเอาไปแพร่คนอื่น”

“พี่ไม่กลัวหรอ”

“ฉันแข็งแรง”

“ครับ ผมไม่อยากนอนแล้วปวดหัว”

“แล้วจะเอายังไง”

“เล่าเรื่องของพี่ให้ผมฟังหน่อยสิ”

ผมเลิกคิ้วประมาณว่าให้เล่าจริงดิ

“จะอยากรู้ไปทำไม”

“หรือพี่จะเล่านินาทให้ผมฟัง”

“เอาเรื่องอะไรละ”

“ตลกแล้ว ไม่เอาๆเล่าเรื่องของพี่ ผมอยากฟัง”

เขาว่าคนป่วยจะงอแง จะขัดใจก็เดี๋ยวจะทำให้หงุดหงิด

เล่าก็ได้วะ เรื่องของผมมันมีอะไรน่าสนใจนักหนา

“บ้านฉันอยู่แม่ฮ่องสอน…”

“ผมรู้แล้วอันนั้นน่ะ แต่อยากรู้ว่าพี่ทำไมถึงมาเรียนที่นี่ได้ ได้ข่าวว่าที่บ้านพี่ไม่ธรรมดา”

ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเด็กรู้ได้ยังไง ถ้าไม่ใช่ไอ้กรบอก

“ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ม.4 มาคนเดียว ที่บ้านไม่ให้มาหรอกเพราะไม่มีญาติอยู่ที่นี่เลยแต่ว่าคุยกับแม่และย่าจนท่านยอม ละก็ได้เรียนต่อมหาลัยที่นี่แหละ”

“แล้วพี่อยู่ที่นี่กับใคร ไหนบอกว่ามีญาติ”

“เพื่อนของแม่ เขาเปิดบ้านรับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาว่างดูแลแต่ไม่ได้ถูกทิ้งนะแค่ฝากเลี้ยง”

“อ่า พึ่งเคยได้ยิน”

“เดี๋ยวว่างๆจะพาไปเด็กๆน่ารักมาก”

“โอเคครับ ผมถามได้ไหมว่าที่บ้านที่ทำธุรกิจอะไรกัน”

ผมพยักหน้า  “ย่าเป็นที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรมแม่เป็นครูสอนภาษาไทยชั้นประถม ส่วนพ่อเสียตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้ว”

“เสียใจด้วยครับเรื่องพ่อ”

ผมยักไหล่เชิงไม่เป็นไร ผมไม่ได้เสียใจแล้วแต่ก็คิกถึงอยู่ตลอดเวลา

“งั้นก็แสดงว่าที่บ้านพี่ก็รวยสิ แต่ก็ไม่หน้าถามมีออดี้ขับ”

“จะบอกว่ายังไงดีบ้านฉันไม่รวยเป็นทุนเดิม แค่ประหยัดเท่านั้นแหละแล้วก็สะสมมา รถที่ใช้อยู่ก็เป็นเงินฉันส่วนหนึ่ง”

“เก่ง” ชมแล้วก็ยิ้มให้

“แล้วที่บ้านน่ะ สอนให้ประหยัดอยากได้อะไรก็เก็บเงินเอาเอง”

“แสดงว่าคันนี้พี่อยากได้”

“ที่จริงอยากได้บีเอ็มแต่เผอิญย่าจัดการให้ผลสุดท้ายก็ได้คันนี้มา ย่าบอกว่าเป็นขวัญสอบเข้ามหาลัยได้”

“ที่บ้านพี่นี่คนน้อยแต่อบอุ่นแหะ ฟังจากที่พี่คุยกับแม่หรือจากที่พี่เล่า อิจฉา”

พูดพร้อมสายตาเศร้าลง

“นี่ ไม่ต้องเอาเรื่องของฉันไปเปรียบเทียบเรื่องของนายเลยนะ ฉันเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนรักเรานั่นแหละถ้าไม่รักเขาทิ้งเราไปตั้งแต่เด็กแล้วเลิกน้อยใจสักที” พูดจบผมก็เอื้อมมือไปขยี้ผมเด็กป่วยอย่างเผลอตัว พอจะชักมือกลับไอ้เด็กป่วยมันกลับคว้ามือผมไว้แน่น

“ปล่อยเลย”

“ไม่เอา มือพี่นิ่ม”

“เด็กลามปาม” พูดไปแบบนั้นพร้อมกับสบสายตาของเด็กตรงหน้าที่กำลังยิ้มกว้างจนเห็นรอบบุ๋มข้างแก้ม ก็พาหน้าผมร้อนวูบไปด้วย

“ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้พี่วันนั้นผมต้องแย่เอามากๆ ตอนนี้พ่อก็พูดกับผมดีแล้วด้วย”

“อืม ก็จำไว้แล้วกัน”

“แล้วก็ขอบคุณที่มีพี่บนโลกใบนี้”

พูดแล้วกระชับมือผมแน่น ไม่อยากจะสบสายตาที่สื่อว่าขอบคุณทุกอย่างจากใจนั่นเลยหลุบตามองมือของตัวเองข้างที่โดนจับอยู่

ไม่ได้เขินนะ อย่าเข้าใจผิด ไม่ได้เขิน

 “ง่วงแล้ว นอนๆ” พูดจบผมก็ชักมือตัวเองกลับมาแล้วกุมมือตัวเองทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกันตรงตัก

งือ ทำไงดีผมร้อนที่แก้ม แล้วปากมันจะยกยิ้มเองอีกแล้ว

“ก็ได้ครับ พี่เขินแล้วน่ารัก ขอกอดทีดิ” ไม่พูดเปล่าทำท่าจะโน้มตัวมากอดผมอีกต่างหาก

“พอเลยไอ้เด็กลามปาม เดี๋ยวก็ซ้ำที่แผลให้”

“โห เขินแล้วรุนแรงอ่ะ”

ตัวมันสั่นๆนะครับ สั่นเพราะหัวเราะผมไอ้เด็กเวรเอ้ย

ผมทนไม่ไหวผลักหัวมันไปหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นยืน

“อะไรอ่ะ ทำร้ายร่างกายกันแล้วจะหนี”

“จะไปเข้าห้องน้ำ เตรียมตัวนอนแล้ว”

“อ๋อ ครับๆรีบมานะ” ผมไม่หันไปตอบแต่เดินหนีออกมาเลย

ให้ตายแก้มจะแตกแล้วและมันหุบยิ้มไม่ได้

 



พี่พร้อม เริ่มแง้มๆประตูแล้ว

สงสารหัวเกรียน ขาก็พลิกแถมยังป่วยอีก

เนี่ยๆๆๆ เรียกร้องความสนใจชัดๆ 555555

ให้กำลังใจกันด้วยน๊า ขอบคุณที่ติดตามคร้าาา ....


 :man1: :man1: :man1:

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
16

 

วันนี้เป็นวันเดินทางกลับแล้วใช้เวลาทำค่ายไป 3 คืน 4 วัน วันทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตามกำหนดจะมีก็แต่เด็กหัวเกรียนที่ดูจะมีปัญหามากกว่าเพื่อนจะว่าไปผมก็สงสารอยู่เหมือนกันนะ

“ผมอยากไปด้วยอ่ะ” เสียงอแงของน้องรหัสผมที่ทำหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้า

“ไม่ต้อง มึงอยู่ช่วยพี่ขิม” ไอ้กรพูด

“ทีพี่ยังไม่อยู่ช่วยเลยเป็นตั้งรองประทาน”

“เรื่องนี้กูบอกพี่ขิมแล้วเว้ย”

“พี่พร้อม”

“ไม่ต้องไปอ้อนไอ้พร้อมมันเลย ไปได้แล้วรถจะออกแล้ว”

น้องรหัสผมหน้างอ ก่อนจะเดินคอตกกลับไปขึ้นรถบัส

ก็อย่างที่บอกไว้ว่าหลังจากค่ายเสร็จผมจะกลับบ้าน พอกั้งมันรู้ก็ร้องอยากจะไปด้วยแต่โดนไอ้กรเบรกไว้อย่างที่เห็น

“ที่จริงกั้งไปด้วยก็ได้นะ มึงนี่ไปขัดน้อง”

“ไม่ต้องมาใจดี ไปดูเด็กมึงดิเหมาหมดเซเว่นแล้วมั้ง”

ผมอีกแล้วหรอ

แล้วผมก็ทำตามที่ไอ้กรบอกทุกทีด้วยสินะ

“พี่เอาไอติมไหม” ผมเดินเข้าเซเว่นไปหาเด็กหัวเกรียนที่ยืนจ้องไอศกรีมในตู้แช่

“ไม่ล่ะ ซื้อไปให้ไอ้กรก็ได้มันยิ่งหัวร้อนอยู่”

ภาพตะวันพยักหน้าเปิดตู้แช่ไอศกรีมแล้วหยิบออกมาหนึ่งแท่งลงตะกร้า

“พี่เอาไรเพิ่มอีกไหม”

“ไม่แล้ว เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านละ”

“หืม ที่จริงยอมให้ผมเข้าบ้านเพราะจะพาไปเปิดตัวหรือเปล่านะ”

นั่นไง กลับมาเป็นคนกวนบาทาปกติแล้ว

“มั้ง”

“จริงดิ ดีใจนะครับ”

หลอกเว้ย เป็นคนไม่ชอบต่อล้อต่อเถียง

“เอาของไปคิดเงิน รถมาแล้ว” ผมมองออกไปนอกเซเว่นเห็นทะเบียนรถของที่บ้านมาจอดพอดี

คิดเงินเสร็จก็พากันขึ้นรถกลับบ้านทันที ตลอดทางกลับบ้านเด็กหัวเกรียนเอาแต่ถามนั่นถามนี่ไปเรื่อยเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นว่าจะได้ไปเที่ยว

“คิดถึงจังเลยหลานย่า” ย่าเดินออกมาต้อนรับเมื่อพวกผมไปถึงบ้าน ตามด้วยน้าไหมกับพี่จี๊ดผมเลยยกมือไหว้ ส่วนแม่คาดว่าน่าจะไปทำงาน

“สวัสดีครับ คิดถึงเหมือนกัน”

“สวัสดีครับย่า” ไอ้กรยกมือไหว้ทักทายย่าของผม

“สวัสดีจ้ะ ไม่เจอกันนานเลยนะเรียบร้อยขึ้นหรือยัง”

ย่าผมถามมันยิ้มๆส่วนมันก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งไป

“ผมเป็นคนเรียบร้อยครับแต่ชอบพูดจาหยาบคาย”

“ฮ่าๆ ไม่ต้องเกร็งฉันล้อเล่นน่ะ ว่าแต่นี่ลูกหลานใครละ” ย่ากำลังจะดันหลังผมกับไอ้กรเข้าบ้านแต่มองเห็นเด็กหัวเกรียนที่ยืนอยู่ข้างผม

นี่ลืมแนะนำเลย

“นี่ชื่อภาพตะวันครับ เป็นเด็กที่ผมสอนพิเศษคู่กับไอซ์”

“สวัสดีครับ”

“จ้ะ มาเที่ยวไกลนะเรา”

ย่าก็แซวไปแบบนั้นแต่เด็กหัวเกรียนก็ส่งยิ้มแห้งๆมาให้ย่าเหมือนไอ้กร

“ไปๆเข้าบ้านเถอะจะได้พักผ่อน วันนี้ย่าไม่ได้อยู่ด้วยหรอกนะเพราะว่าต้องไปกรุงเทพมีประชุมด่วน นี่เดี๋ยวย่าจะเดินทางแล้ว”

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

“จ้า เดี๋ยวสร้อยก็กลับแล้ววันนี้มีสอน”

“ครับ” พูดจบย่าก็หอมแก้มผมผมหอมแก้มย่าคืนและพวกเราสามคนก็เดินไปส่งย่าที่รถ

“เชี่ย โคตรเกร็งเมื่อไหร่กูจะหาย” ไอ้กรพูดเอามือทายอกแล้วผ่อนลมหายใจ

“มึงก็น่าจะรู้”

“โว้ะ นั่นมันเป็นสันดารกูไปแล้วครับ”

“เข้าบ้านกัน” ผมพูดแล้วเดินนำหน้าแขกของบ้านเข้าบ้านโดยมีน้าไหมและพี่จิ๊บคอยช่วยถือของ

 

 

“คุณพร้อมคะ คือว่าห้องที่คุณกรเคยพักแอร์กับไฟเสียค่ะ ตอนนี้เลยเหลือแค่ห้องเดียว”

น้าไหมพูดขึ้นขณะกำลังเดินเข้าบ้าน

ผมพยักหน้า สงสัยน้าไหมคงจะตั้งใจจัดห้องไว้ให้สองคนนี้นอนคนละห้อง

“งั้นมึงกับภาพนอนด้วยกันนะ” ผมหันไปบอก

“กูนอนดิ้น” ไอ้กรรีบบอก

“ห้องนั้นเป็นเตียงคู่ค่ะ” น้าไหมบอก

ไอ้กรทำหน้าผิดหวังนิดหน่อย

มันจะทำหน้าผิดหวังทำไมวะ

“อ่า งั้นหรอครับ”

พอตกลงกันได้น้าไหมก็พาแขกของบ้านไปห้องพักส่วนผมก็เอาของไปเก็บ แล้วค่อยเดินไปหาสองพี่น้องนั่น

“โอเคป่ะ” ผมถามไอ้กร

“โอเค วันนี้มีโปรแกรมอะไรบ้าง”

“วันนี้ยัง พรุ่งนี้ถึงจะพาไปซูตองเป้แล้วถ้าอยากไปไหนเพิ่มเติมก็บอกแล้วกัน”

“ผมอยากไปทุ่งบัวตองกับถนนคนเดิน” เด็กหัวเกรียนเสนอ

“ได้ งั้นไปเย็นนี้เลย”

“จัดไปครับ” ภาพตะวันยิ้ม

“เผื่อมึงจะลืมนะ ไอ้ภาพว่ากูก็อยู่ในห้องตานี่เยิ้มเชียว”

“อะไรของพี่วะ”

เออ อะไรของมัน

 

=============


แชะ

เสียงลั่นชัตเตอร์กับแสงแฟลชทำให้ผมหันไปมองตาม

เห็นไอ้เด็กหัวเกรียนกดยิ้มลงจนเห็นลักยิ้มมองดูภาพบนหน้าจอกล้องถ่ายรูปของตัวเอง

“ใครให้ถ่าย” ผมถาม

“ผมถ่ายคนอื่นต่างหาก”

“เชื่อตายละ”

“ไม่ยักรู้ว่าพี่ก็หลงตัวเอง”

“ก็คนมันมีดีให้หลง”

หล่อจะตายไป

“ครับมีให้หลงจริงๆ” พูดแล้วยิ้มกริ่มอีกแล้ว

“นี่ๆ ไอ้พร้อมกูอยากได้เสื้อพื้นเมืองไปฝากแม่วะ ร้านนั้น” ไอ้กรที่เดินไปไหนไม่รู้แล้วเดินกลับมาบอกผม

“เอาดิ เดี๋ยวช่วยดู”

ไอ้กรพยักหน้าแล้วเดินนำหน้าไปร้านเสื้อผ้าที่อยากเข้า ในขณะที่เลือกเสื้อผ้าก็มีไอ้เด็กหัวเกรียนคอยแสดงความคิดเห็นบ้างตอนไอ้กรถามและถ่ายรูปรอไปเรื่อยๆ

“กินร้านนี้กัน” ผมชี้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อแถวนี้หลังจากได้เสื้อพื้นเมืองแล้วก็เดินจนหมดพลังงาน ไอ้กรและภาพตะวันห่อปากทันทีที่มองเข้าไปในร้านเพราะคนเยอะมาก

คนเยอะมากก็จริงแต่ทำเร็วมาก รสชาติไม่ตกเลยและได้เยอะมากๆแถมถูกด้วย

ผมยักไหล่ก่อนจะเดินนำสองคนนั้นเข้าไปในร้านเพื่อหาที่นั่ง

“เอาอะไร” ผมหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาจดเมนูของตัวเองแล้วค่อยถามสองคนที่นั่งอยู่

“เล็กน้ำตกต้มยำพิเศษตับ ใส่แต่ผักบุ้ง” ไอ้กรสั่งหลังจากกวาดสายตาอ่านเมนูที่ติดอยู่ข้างผนังร้านแล้ว

ผมจดตามที่ไอ้กรบอกก่อนจะหันหน้าไปมองเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆผม

“พี่พร้อมกินอะไรอ่ะ” พูดจบก็ชะโงกหน้ามาดูกระดาษจดเมนู

“หมี่เหลืองน้ำใสหมูรวม”

“เอาเหมือนกัน แต่ไม่ใส่ผัก”

“จะมาเหมือนกันได้ไงในเมื่อนายไม่กินผักฉันกินผัก” ผมกวนตีนแล้วจดตามที่เด็กข้างๆบอกก่อนจะยื่นเมนูที่จดให้พนักงานในร้านไป

“แหนะ ทำมาหยอกผม”

แชะ

เอาอีกแล้ว มันถ่ายรูปผมทีเผลออีกแล้ว

ผมเลยทำตาดุใส่มันแต่เหมือนจะไม่สลดหรอกยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มชัดขนาดนั้นคงมีความสุขมากและมุมปากของผมก็ยกยิ้มตาม

“พวกมึงสองคนนี่ชอบทำอะไรไม่เห็นหัวกู เห็นกูไหมครับนั่งอยู่นี่เห็นไหม” เหมือนจะมีเด็กที่ไม่ใช่ภาพตะวันนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับผมนะครับ

“พี่ก็หาแฟนสิครับจะได้ไม่ต้องอิจฉา แต่ที่จริงผมว่าพี่กับพี่กั้งก็เข้ากันนะ”

ไอ้กรแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ส่วนผมก็ทำตาโต นึกว่าเด็กหัวเกรียนจะจับคู่ไอ้กรกับพี่ขิมซะอีก

“ไอ้ภาพเดี๋ยวตบคว่ำ ถึงกูไม่รังเกลียดพวกเกย์แต่กูก็ไม่ได้อยากเป็นเองนะเว้ย” ไอ้กรคิ้วขมวดหน้ายุ่ง

นี่มันจริงจังขนาดนั้นเลยหรอ

“อ่าๆ โกรธแล้วๆขอโทษครับ” ภาพตะวันเอื้อมมือมาเขย่าไหล่ไอ้กร

ไอ้การเบ้ปากแล้วทำท่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่วนไอ้เด็กที่แหย่ก็หัวเราะชอบใจผมก็พลอยหัวเราะกับท่าทางของไอ้กรไปด้วย


============

 

“อิ่ม ไม่คิดว่าจะได้เยอะขนาดนี้” ไอ้กรเอามือลูบท้องตัวเองแล้วพูดตอนที่มาถึงบ้าน

“กูบอกแล้ว”

“กูไปนอนละ เดินตลาดนี่โคตรเหนื่อย” ไอ้กรหิ้วของที่ตัวเองซื้อก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่มีใครสนใจมัน

ตรงนี้เลยเหลือแค่ผมกับเด็กหัวเกรียน

“ฝันดี” ผมหันมาบอกเด็กที่ยืนนิ่งอยู่

“ผมให้” จู่ๆก็ยื่นกำไลสแตนเลทสีเงินที่สายเป็นโซ่แล้วตรงกลางเป็นแผ่นสแตนเสทเรียบที่มีไว้ให้สลักชื่อแต่ของที่เด็กหัวเกรียนให้เป็นรูปพระอาทิตย์มีตัวอักษรภาษาอังกฤษทับ

“ผมใส่ให้”

ผมไม่รู้ว่าตัวเองยื่นมือออกไปรอให้เด็กหัวเกรียนใส่กำไลให้ได้ยังไง

กริ๊ก

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กำไลล็อกเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ห้ามถอดนะครับ ผมจองแล้ว”

ผมยังคงนิ่งคิด

“ฝันดีครับ” ภาพตะวันโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูผมด้วยเสียงนุ่มทุ้มชวนหลงและที่ตอนผละออกปลายจมูกของมันเฉียดแก้มผมไปนิดเดียว

ภาพตะวันเดินขึ้นบันไดไปตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าเลือดภายในร่างกายสูบฉีดแรงมากจนทำให้ร้อน แถมหัวใจของผมยังเต้นแรงตอนที่เด็กนั่นบอกฝันดีอีกต่างหาก ที่สำคัญผมหุบยิ้มไม่ได้

I’m your

ไอ้เด็กบ้าเอ้ย เปิดทางให้หน่อยชักเอาใหญ่




TBC.
อิอิ   :-[
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ....

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
17

 

“บรรยากาศโคตรดีเลยเว้ย ถ่ายรูปหน่อยไอ้น้อง”  ไอ้กรบอกเด็กหัวเกรียนแล้วรีบเดินไปตรงทางเดินสะพานสานไม้ไผ่สาน

พร้อมกับเก๊กท่ารอถ่ายรูป

วันนี้พามาสะพานซูตองเป้ตามที่เพื่อนรักขอ พาออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 มาถึงนี่จะได้ทันใส่บาตรตอนเช้า

หลังจากนั้นก็พากันถ่ายรูป โดยนายแบบส่วนใหญ่ก็เป็นไอ้คนอยากมานั่นแหละ ส่วนผมเองก็โดนแอบถ่ายบ้างโดนบังคับบ้างก็ว่ากันไป

“มาๆ มึงสองคนเดี๋ยวกูถ่ายรูปให้”  ไอ้กรกวักมือเรียกผมและเด็กหัวเกรียนให้ไปถ่ายรูปด้วยกันและแบมือขอกล้องจากเจ้าของ

ไอ้เด็กหัวเกรียนมันก็ยิ้มร่าแล้วตรงเข้ามากอดคอผมถ่ายรูป

เดี๋ยวนะ

“แหม่ๆ สร้อยข้อมือไม่พอยังจะมาแสดงความเป็นเจ้าของอีกนะ ไอ้เด็กแก่แดด”

“ก็พี่พร้อมน่ารัก”

ผมว่าไม่ควรเปิดใจเรื่องแบบนี้อ่ะ มันทำให้เลือดในร่างกายและหัวใจผมทำงานหนักเกินไป

“เนี่ยแก้มแดง น่ารักอีกแล้ว”

“จะถ่ายไหมรูป” ผมไม่รู้จะหาคำแก้ตัวอะไรหาเรื่องกลบเกลื่อนเลยแล้วกัน

“หูย แง้วๆ” แง้วๆเชี่ยไรวะไอ้หัวเกรียน แล้วไม่ต้องเอามือมาเขี่ยแก้มด้วย

“เอาละๆ เลิกหยอกกันได้แล้วไอ้สัสถ่ายๆ”

ไอ้กรขัด

ผมถอนหายใจเบาๆแล้วยิ้มชูสองนิ้วท่าเบสิกถ่ายรูปกับเด็กหัวเกรียน โดยที่มือของมันยังคงกอดไหล่ผมอยู่ นี่พึ่งรู้นะว่าเวลาอยู่ใกล้ๆมันตัวผมเล็กไปเลย แม่งจะตัวโตไปไหนวะ

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จและสูดบรรยากาศดีๆตอนเช้าเข้าปอดแล้ว ผมก็พาคนต่างถิ่นไปทุ่งบัวตองต่อตามโปรแกรมที่วางไว้

ก็ถ่ายรูปกันตามประสานั่นแหละไม่มีอะไรมาก คนก็เยอะเป็นธรรมดาเพราะเป็นถานที่ท่องเที่ยว

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” เพราะมัวแต่ก้มหน้ามองเชือกรองเท้าที่หลุดตอนลุกขึ้นเลยโดนชนกับใครเข้า

“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นผู้หญิงครับน่ารักเชียว “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมค่ะ”

“ไม่ครับ” ผมยิ้มตอบ

“เป็นคนแถวนี้หรอค่ะ”

“อ่า ครับ”

“บ้านน้ำก็อยู่แถวนี้”

ชื่อน้ำหรอ

“ที่จริงบ้านผมไม่ได้อยู่แถวนี้แต่ว่าอยู่ในจังหวัดนี้”

“หรอคะ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมจังหวัดค่ะ” น้ำยื่นมือออกมาจะจับ ผมก็ต้องยื่นมือออกไปเหมือนกันใช่ไหม

“พี่พร้อม” น้ำเสียงเย็นๆแบบนี้มันหมายถึงความไม่พอใจ “ทำอะไรอยู่” ทำไมต้องมายืนเบียดกันด้วย

“ฉันชนคน”

“หรอครับ” พูดแล้วเปรยตาไปมองน้ำนิดหน่อย “ขอโทษด้วยนะครับ ไปกันเถอะ” ประโยคแรกน่าจะหมายถึงน้ำ ส่วนประโยคหลังหมายถึงผม

“เดี๋ยวค่ะ คุณชื่ออะไรหรอคะ”

“ภาพตะวัน”

“ไม่ใช่น้อง”

“เปล่าครับ แฟนของพี่เขาชื่อภาพตะวันก็คือผมเอง เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ขอตัว” ภาพตะวันพูดจบก็จับมือผมและบังคับให้เดินตาม

เกิดอาการตายกลางอากาศ พูดอะไรไม่ออกยืนทำตาโตจ้องไปที่น้ำ

ไอ้เด็กหัวเกรียนอำแรงเกินไปแล้วดูหน้าน้ำสิ ช็อคไปแล้ว

“ภาพตะวัน”

“เขามองตาเป็นมันยังไม่รู้ตัวอีก”

“อะไรของนายเนี่ยไปบอกเขาแบบนั้นได้ยังไง”

“ไม่รู้ ผมไม่ชอบระหว่างผมจีบห้ามพี่ไปให้ความหวังใคร ห้ามมอง ห้ามเต๊าะ ห้ามๆๆๆ” พูดไปก็ส่ายหัวไปทำหน้าบึ้งอีกต่างหาก

“…”

“ทำไมพี่ต้องหล่อ ต้องน่ารัก ต้องสวยด้วยวะ เนี่ยถ้าเกิดว่าเปิดตัว พี่ตกลงคบกันแล้วผมต้องบ้าแน่ๆเลย”

“ไม่ใช่แล้ว”

“ไม่สังเกตเลยสินะ เวลาไปไหนมาไหนมีแต่คนมองแถมสายตายังสื่อว่าจะเข้าหาอีก หวงวะ”

ทำไมคำพูดของเด็กนี่ไม่ทำให้ผมโกรธวะทั้งๆที่ทำตัวเหมือนเจ้าโดยที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน มันกลับทำให้รู้สึกอยากยิ้ม

“ยิ้มอะไรของพี่เล่า”

อ้าว หน้าบึ้งไปแล้ว

“ยิ้มให้เด็กไง”

“อะไรวะ” ขมวดคิ้วถาม

“ก็ยิ้มให้ ไม่ชอบหรอ”

“ชอบ แต่ห้ามไปยิ้มให้ใคร”

หน๊อย ยังมีหน้ามาชี้นิ้วสั่งอีกนะ

“พอแล้วๆ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“ถ้าเป็นแล้วรับรองใครมองผมจะจูบพี่โชว์” ผมตาโตกับคำพูดของมัน

ไอ้เด็กนี่หื่นชิบหายแถมขี้หึงด้วย

“ไอ้เด็กหื่น เอ้ย” ถึงจะว่าแต่ผมก็ยิ้ม

เหมือนเป็นคนบ้าช่วงนี้ยิ้มบ่อยเกินไปแล้ว

“ก็รักอะ” ภาพตะวันพูดแล้วก็ยิ้มกว้างจนเห็นรอยบุ๋มอีกแล้ว

“รู้แล้ว”

“แล้วเมื่อไหร่ พี่จะรักผมบ้าง”

“ไม่รู้”

แต่อาจจะเร็วๆนี้ละมั้ง

 


“หายหัวไปทั้งสองคนถ้ากูไม่โทรตามนี่นึกว่าทิ้งกันแล้ว”

เพื่อนรักคนเดิมแต่ความขี้น้อยใจเพิ่มขึ้น

มันบ่นระหว่างที่กำลังนั่งรถกลับบ้าน

“ก็พี่พร้อมโดนจีบ”

“หรอวะ กูพึ่งเห็นใครใจกล้าเข้ามาจีบยกเว้นมึง ปกติแม่งเห็นเอาแต่มองมันแล้วยิ้ม”

หรอวะทำไมรู้ตัว ไม่อย่างนั้นผมคงมีแฟนไปแล้ว ไม่ต้องมาเจอกับเด็กนี่ให้ปวดหัว

“จริงหรอพี่กร ถ้าอย่างนั้นต้องระวังเป็นสิบเท่า”

“ไอ้นี่ มันขี้หึงวะซวยละไอ้พร้อม”

“ซวยอะไร ไม่ได้เป็นไรอะไรกัน”

“ปากแข็งชิบหาย เดี๋ยวกูรอดู”

ไม่ต้องมารอดู ไอ้เพื่อนเวร

“รอดูเลยพี่อีกไม่กี่วันพี่ได้เห็นหน้าผมทุกวันแน่”

“บ๊ะ มั่นหน้าเว้ย”

“เงียบได้แล้ว!” ผมพูดเสียงดัง จนคนที่โดยสารมองหน้ากันแล้วขำ

ขำอะไร มันเป็นสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองจากการถูกแซวไหมละ

 


“พี่พร้อมจะขับรถไหวไหม” ภาพตะวันทำสีหน้ากังวล

เพราะหลังจากกลับมาถึงบ้านเพื่อนในสาขาโทรมาบอกว่ามะรืนอาจารย์ที่ปรึกษาจะคุยด้วยเรื่องทำเล่มจบ

มันไม่ต้องรีบก็ได้แต่ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาไอ้กรเขาเข้มเล่มต้องถูกต้องและข้อมูลแน่น ทำให้ต้องเดินทางกลับกันทันทีที่ถึงบ้านผมได้ไม่นาน

“เดี๋ยวสลับกับกร”

“ผมขับได้นะแต่ไม่มีใบขับขี่”

“ไม่เป็นไร ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพักรถ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้”

ผมพยักหน้าแล้วหันไปไหว้ลาน้าไหมกับพี่จิ๊บ ก่อนจะก้าวขึ้นรถประจำที่คนขับโดยมีภาพตะวันขึ้นมานั่งข้างหน้าข้างผมส่วนไอ้กรก็โดดไปนั่งหลัง เมื่อประจำที่กันเรียบร้อยแล้วก็ออกรถทันที

นี่ถ้ากลับไปถึงกทม. ผมก็จะมีรถใช้สองคันที่จริงไม่อยากขับกลับเองแต่ผมโทรบอกแม่ว่าต้องกลับมหาลัยด่วนเลยโดนบังคับให้เอารถกลับเอง เพราะไม่อยากให้นั่งรถหลายต่อและจะได้ถึงเร็วๆ แต่ไม่ลืมกำชับว่าถ้าไม่ไหวให้พักหรือเปลี่ยนขับกับไอ้กร


=============


กว่าจะมาถึงกรุงเทพก็เกือบสามทุ่มรถติดอีกยาวแวะกินข้าวเย็นและส่งไอ้กรที่ห้องก็สี่ทุ่มกว่าๆกลับมาที่ห้องตัวเองก็ห้าทุ่มเข้าให้ ที่จริงจะไม่เสียเวลาเลยถ้าไอ้เด็กหัวเกรียนไม่หัวหมอมาขอนอนกับผม

“อย่าโกรธสิ บอกไปแล้วไงว่ามันดึกแล้วผมไม่อยากให้คนที่บ้านมาเปิดประตูให้”

เห็นผมทำหน้าเจื่อนเข้าหน่อยไอ้เด็กหัวเกรียนก็เดินเข้ามาเกาะแขนแล้วพูดเสียงอ้อน จ้องหน้าผมด้วยความใสซื่อที่สุด

หมั่นไส้วะ

“ไปอาบน้ำได้แล้ว”  ผมบอกแล้วไอ้เด็กหัวหมอก็ยิ้มกว้างจนเกิดรอยบุ๋มที่แก้มซ้าย

เห็นไหมบอกแล้วมันแอ๊บใส

“เดี๋ยว” ผมรีบบอกเพราะไอ้เด็กหน้ามึนมันตั้งท่าจะเดินเข้าห้องผม “ห้องนั้น” ผมชี้ไปห้องข้างๆห้องตัวเอง

“ตอนนั้นยังนอนได้เลย” พูดแล้วทำแบบยู่

น่ารักตายแหละ

“ตอนนั้นฉันกลัวนายคิดสั้นต่างหาก”

“ใจร้ายวะ”

“ไปได้แล้ว เหนื่อย”

เหนื่อยจริงๆ ขับรถทั้งวันถึงจะมีไอ้กรสลับขับรถ ไม่เหนื่อยขับก็เมื่อยนั่งรถ

ภาพตะวันยักไหล่แล้วเปลี่ยนทิศทางจากห้องผมไปยังห้องข้างๆ

เมื่อเด็กหัวเกรียนเข้าห้องไปแล้วผมก็เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำแล้วเดินเข้าห้องตัวเองเอาของไปเก็บและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงเลย

แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก

ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง

ผมจะหงุดหงิดง่ายถ้าเหนื่อยมากๆและโดนรบกวน ดังนั้นถ้าไอ้เด็กตรงหน้ามันกวนประสาทละก็รับรองมีเจ็บตัว

“นอนไม่หลับ”

นั่นไง ผมรู้ว่ามันคือข้ออ้างถึงแม้ว่าเด็กตรงหน้าจะทำสายตามาหลอกแค่ไหน

รู้ว่าในใจมันแอบยิ้ม

“กลับไปนอน”

“ผมนอนไม่หลับ ขอนอนด้วยนะครับ”

“ไม่เอา ฉันนอนดิ้นไป ถ้านอนไม่หลับอนุญาตให้เปิดไฟนอนได้”

“ผมก็นอนไม่หลับไฟมันแยงตา”

เรื่องเยอะจังวะ สารพัดข้ออ้างเลยวุ้ย

“จะเอาไง” เริ่มมีมู้ดละ

“นอนด้วย…น๊า” สงสายตาอ้อนวอนสุดๆ

เห้ย “ก็ได้” เที่ยงคืนแล้วทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อยมัวแต่เถียงกันอยู่อย่างนี้แถมดูเหมือนว่าไอ้เด็กหัวเกรียนจะไม่เลิกง่ายๆซะด้วย “แต่นอนกับพื้นนะ เพราะฉันกลัวถีบนายกลางดึก” ผมนอนดิ้นจริงๆไม่ใช่ข้ออ้าง ยิ่งเหนื่อยๆแบบนี้

“ได้ครับ” มันยิ้มกว้างแล้วเดินกลับไปขนผ้าห่มกับหมอนที่วางไว้โซฟาหน้าโทรทัศน์ตอนไหนไม่รู้เข้าห้องผม

ผมปิดประตูห้องและรอให้เด็กจุ้นจ้านจัดที่นอนของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยปิดไฟก้าวผ่านความมืดขึ้นเตียงตัวเองแล้วทิ้งหัวลงหมอนทันที

กำลังจะเคลิ้มๆแล้ว แต่เสียงนั้นมันทำให้ผมใจเต้นยุบยิบๆ

“ฝันดีครับ พี่พร้อมของผม”

ผมได้ยินแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ภาพตะวันก่อนจะหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มที่มุมมันยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ถ้าไม่บอกฝันดีกลับมันจะเสียมารยาทไหมนะ

แต่วันนี้มันกวนประสาทผม…

“ฝันดี…ภาพตะวัน”

ผมพึมพำเบาๆไม่รู้ว่าคนที่นอนกับพื้นจะได้ยินไหม

 


มาแล้วค่ะ ใกล้จะเข้าช่วงสุดท้ายแล้ว
งือ พี่พร้อมใจอ่อนแล้วมากๆเน้อ
เจอความรุกของหัวเกรียนเข้าไปนิดหน่อย
ถึงกับหลงยิ้มออกมาเลย

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ จุ๊บๆ

 :-[ :-[


 

ออฟไลน์ somane

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
18


Sunrise_img


แน่จริงก็บอกฝันดีกันดังๆสิ

พี่พร้อมน่ารัก นับวันยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นทุกวัน

พี่พร้อมเป็นคนซึน ไม่ชอบพูด ชอบปากแข็ง ทั้งๆที่สายตามันฟ้องทุกอย่างว่ารับผมเข้าไปในใจแล้ว

ไม่รู้ว่าเช้านี้พี่เขาจะลืมตาขึ้นมาแล้วเตะผมลงจากเตียงไหม

ผมแอบขึ้นมานอนเตียงเดียวกับพี่เขาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตอนนี้ก็เก้าโมงกว่าแล้วนอนหลับไม่รู้เรื่องเลยสงสัยจะเหนื่อยจริงๆเมื่อวาน ไม่รู้ว่าว่าแปลกที่หรือตื่นเต้นที่ได้นอนที่นี่อีกครั้งเลยทำให้นอนไม่ค่อยหลับ พลิกตัวไปมาจนตัดสินใจตื่นเมื่อตะวันโผล่ แอบขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกับพี่พร้อมโดยที่เจ้าตัวไม่รู้หรอก

พี่พร้อมนอนดิ้นจริงๆอย่างที่บอก เมื่อคืนถีบหมอนข้างตกลงมาโดนตัวผมจนสะดุ้ง

ตอนหลับพี่พร้อมโคตรหล่อ ผิวโคตรดีมองเพลินมากๆ เครื่องหน้าลงตัวสุดๆ ผมว่าสาวๆหลายๆคนต้องผิดหวังแน่ๆถ้าพี่เขายอมรับตัวเองว่าชอบผม

แค่คิดผมก็อดยิ้มไม่ได้

อยากให้พี่เขาพูดว่ารักผมจัง

“อือ”

หรือผมจะคิดดังเกินไปจนพี่เขารู้สึกตัว เปลือกตาเริ่มขยับ

ผมเลยแกล้งหลับตาและนอนตะแคงหันหน้าเข้าหานิ่งๆ

“อ้าว ขึ้นมานอนตอนไหน” เจ้าตัวบ่นเบาๆ

เดาว่าคงทำหน้างงแน่ๆ จะโดนถีบตกเตียงไหมวะ

“เก้าโมงแล้วนี่หว่า”

“เห้ย เดี๋ยวค่อยปลุกแล้วกัน”

พรึบ

จู่ๆเสียงบ่นคนเดียวก็เงียบไปแต่มีความอบอุ่นมาคุมร่างกายผมแทน

พี่พร้อมเอาผ้าห่มมาห่มให้ ก่อนจะลงจากเตียงไปตามด้วยเสียงประตูห้องน้ำปิดลงเบาๆ

ผมยิ้มมุมปากอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ว่าพี่เขาจะรู้ตัวไหมทำแบบนี้ทั้งๆที่ปากบอกไม่คิดอะไรกับคนที่ตามจีบอยู่มันเป็นอะไรที่ตรงข้ามมากๆ


================

 

“ยิ้มหน้าระรื่นเลยนะมึง”  ไอ้แม็ค เพื่อนผมแซว

“มีความสุข”

สามวันก่อนที่ไปเที่ยวกันมาแล้วใช้ข้ออ้างทุกอย่างเพื่อให้ได้นอนห้องพี่พร้อม เมื่อคืนนี้ผมก็มีโอกาสได้ไปนอนห้องพี่เขาอีก โดยใช้ข้ออ้างที่ว่าครูสั่งการบ้านฟิสิกส์แล้วทำไม่ได้สักที สามทุ่มเลยบุกไปหาแบบไม่ให้ทันตั้งตัวอยู่ให้สอนจนดึก สอนเสร็จพี่พร้อมว่าจะไปส่งแต่ผมรีบเบรกว่าอยากให้ขับรถดึกๆมันไม่ดีและอีกล้านข้ออ้างสารพัดจนพี่พร้อมใจอ่อนยอมให้นอนด้วยแต่ครั้งนี้ผมไม่ดื้อละ ยอมนอนห้องข้างๆนั่นแหละ แค่ได้ใช้เวลาด้วยก็มีความสุขแล้ว แถมเมื่อเช้าพี่พร้อมขับรถมาส่งผมที่โรงเรียนอีก ตอนลงจากรถนี่มีแต่คนมอง  รถเท่ขนาดนั้น ใครจะไม่สนละ

“ที่นั่งออดี้มาเรียนอะนะ”

“ก็ใช่”

“เปิดตัวบ้างดิ”

“เอาไว้ก่อน แต่กูว่าอีกไม่นาน”

ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

================


เย็นนี้ผมโทรไปอ้อนให้พี่พร้อมมารับ

 “ไหนบอกว่าไม่มาไง” ผมวิ่งหอบมาที่หน้าประตูโรงเรียนเสื้อหลุดออกจากกางเกง เหงื่อซก ถามคนที่นั่งที่ประจำคนขับอยู่

ดูไว้นะครับคนบอกว่าไม่มารับเสียงแข็งและใช้ข้ออ้างว่าติดส่งงานอาจารย์ ผมเลยยอม เลิกเรียนยังไม่อยากกลับบ้านเลยไปเล่นบาสกับเพื่อนแล้วจู่ๆไอ้แม็คก็วิ่งหน้าตื่นมาบอกผมว่ารถออดี้ที่มาส่งเมื่อวานจอดอยู่หน้าประตูโรงเรียน ผมนี่รีบคว้ากระเป๋าใส่ตีนหมามาเลย เจอออดี้ทะเบียนแม่ฮ่องสอนจอดอยู่จริงๆด้วย

“เลิกเร็ว”

“ก็น่าจะบอกกันก่อนดูดิ เหม็นเลยเนี่ย”

“มีเสื้อสำรองจะเปลี่ยนไหม”

“ไม่ล่ะ นั่งเหม็นๆนี่แหละจะได้ไม่กล้าหลอกกันอีก”

พี่พร้อมยิ้มกว้างจนผมยิ้มตามแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง

“กินอะไรไหม”

“ไปดูหนังกันวันเสาร์นี้” ผมไม่สนใจคำถามของคนข้างๆแต่แสดงความต้องการของตัวเองแทน

พี่พร้อมหันมามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้ว

น่ารักวะ ทำหน้างง

“ไม่กินข้าวหรอ” และก็อย่างนี้ทุกครั้ง พี่แกใส่ใจกับคำถามของตัวเสมอ

“ไปห้องพี่”

“เจ้าเล่ห์”

ไม่ตอบคำถามไม่เป็นไร รุกให้หนักไปเลยแล้วกัน

“ผมอยากกินข้าวผัด” อร่อยชิบหายได้กินเมื่อวันก่อน อยากกินอีก

“ของในตู้หมดแล้ว”

แหนะ พูดแบบนี้คิดว่าจะรอดหรอ

“ไปบ้านผม แม่อยากเลี้ยงพี่พอดีเลย”

อันนี้ไม่ได้โกหก แม่ผมบ่นหาพี่พร้อมทุกวันเลยว่าเรียนพิเศษเป็นยังไงบ้างทำไมไม่ชวนพี่เขามากินข้าวที่บ้าน

“นะครับ” ทำไมคิดนานจังอ่ะ

“ก็ได้”

อยากหอมแก้มพี่เขาสักทีวะ เป็นการให้รางวัลที่ตามใจ

“พี่พร้อม”

“ว่าไง”

“หอมแก้มได้ไหม”

เชี่ย พูดออกไปแล้ว

ผมเลยหันไปดูสีหน้าคนข้างๆเหวอไปแล้ว น่ารักสุดๆ

“ได้ไหมครับ” เสียงอ้อนสุดๆ

ก็รู้อยู่หรอกว่านะไม่ได้ พี่พร้อมถือตัวจะตาย

“ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

เห็นไหมละเดาผิดที่ไหน แต่ผมไม่เสียใจหรอกแค่ได้อยู่ด้วยก็ดีใจแล้ว

“ครับ” แต่ก็ตอบรับไม่ค่อยเต็มเสียง

“แต่จับมือได้” ผมหันขวับไปมองคนที่พูดเมื่อกี้

ว่าไงนะ จับมือหรอ โหย โคตรดีใจบอกเลย ได้จับมือก็ยังดีวะ

ผมเลยแบมือไปหาพี่เขา พี่พร้อมส่ายหน้าก่อนจะพูด

“ขับรถอยู่”

อ่าจริงๆด้วย ดีใจจนหน้ามืด ฮ่าๆ

“จับได้ แต่ต้องบอกก่อนทุกครั้ง” พี่พร้อมบอกแล้วยิ้มมุมปาก หน้าแดงๆด้วยนะ

เดี๋ยวๆ นั่นเขินหรือเปล่า

“ครับ” ผมยิ้มกว้างแล้วถอนหายใจพรูดเพราะเขินอยู่เหมือนกัน แค่ได้จับมือก็ถือว่าสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว

เมื่อไหร่จะได้เป็นแฟนกันสักทีนะ

ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

 



พักให้พี่พร้อมได้หายใจบ้าง
เบรกเอาหัวเกรียนมาเสิร์ฟแทน
อีก 3 ตอนก็จะจบแล้วนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามคร้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด