My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา ( Chapter - 54 / บทส่งท้าย )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา ( Chapter - 54 / บทส่งท้าย )  (อ่าน 147115 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



-----------------------------------------------------------------------------------------



My Gear  รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา



Intro.



“ ไม่มีทาง!!!  เรื่องอะไรแม่ต้องให้เขามาพักกับกิจที่คอนโดด้วยอะ “

เสียงของกิจ  ลูกชายคนโตของบ้านดังขึ้น  หลังจากที่ผู้เป็นแม่บอกข่าวที่ทำให้เขาไม่ชอบใจขึ้นมาในระหว่างมื้อเช้า

“ ถือว่าแม่ขอก็แล้วกันนะตากิจ  เพราะเพื่อนแม่คนนี้เขามีบุญคุณกับแม่มากนะ  สมัยที่แม่ยังเรียนมหาลัยฯ น่ะ  อีกอย่างคอนโดเราก็มีห้องว่างอยู่  แค่ให้คนมาอยู่เพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป “

“ ยังไงก็ไม่...  โธ่แม่  กิจไม่ชินกับการมีเด็กมาอยู่ด้วยหรอกนะ “  กิจยังคงค้านกับสิ่งที่แม่เขาขอมา

“ เว้นแต่จะเป็นสาวๆ “  อีกเสียงหนึ่งที่นั่งยังฝั่งตรงข้ามเขาดังขึ้น  กิจเงยหน้าจากจานอาหารเช้าขึ้นมามองอย่างหาเรื่อง 

“ เงียบไปเลยไอ้กานต์ “  กิจว่ามา  ในขณะที่น้องชายวัยมัธยมปลายก็หาได้รู้สึกกลัวไม่  ก่อนจะเทซอสมะเขือเทศเพิ่มลงไปยังไส้กรอกตรงหน้าอีกนิด

“ ไม่รู้ล่ะ  แม่ตัดสินใจแล้ว  ยังไงแม่ก็จะให้ลูกชายของเพื่อนแม่ไปพักอยู่กับเราที่คอนโด  และคราวนี้แม่ก็จะไม่ให้เราขัดคำสั่งเด็ดขาด “ 

ผู้เป็นแม่ยังคงยืนกรานถึงความตั้งใจเดิม  แม้ที่ผ่านมาเธอจะค่อนข้างตามใจและปล่อยให้ลูกๆ  มีอิสระ  ไม่บังคับอะไรมากมายจนเกินไปก็ตาม 

กิจรวบมีดและซ้อมไว้ที่จาน  ก่อนจะซดกาแฟอีกครึ่งถ้วยที่เหลืออยู่จนหมด  แล้วหันไปมองทางขวามือที่หัวโต๊ะอาหารพร้อมทั้งยิ้มให้ผู้เป็นแม่  และพูดอย่างนุ่มนวลด้วยรอยยิ้ม

“ ไม่มีทางคร้าบโผม..... “  ว่าจบเขาก็ลุกออกจากที่นั่ง  พร้อมทั้งหยิบเป้สะพายขึ้นมาสะพายที่ไหล่ขวา

“ นี่ตากิจ!!! “

“ กิจไปแล้วนะแม่ “  เขาบอกไปในขณะที่กำลังหันหลังเดินออกไปจากห้องอาหาร  พร้อมทั้งยกมือโบกลาเล็กๆ

“ แล้วนี่เราจะไปไหนอีกละเนี่ย “  แม่เขาถามขึ้น  กิจจึงหยุดหันหลังกลับมามองอย่างแปลกใจเล็กน้อย

“ ก็ไปนอนที่มหาลัยฯ  เตรียมกิจกรรมรับน้องไงแม่  กิจบอกแม่ไปแล้วนะเมื่อวันก่อน  นั้นกิจไปแล้วนะ  หวัดดีครับแม่ “  สิ้นเสียงเขาก็รีบเดินออกไปจากห้องอาหารทันที  ในขณะที่ผู้เป็นแม่พยายามจะพูดทักท้วงแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

....................................

ที่โรงจอดรถ

กิจเดินเร่งๆ พลางสวมถุงมือหนังสีดำสำหรับขับมอเตอร์ไซต์  ก่อนจะเดินผ่านรถยนต์ยี่ห้อหรูหลายคันมายังบิ๊กไบต์คู่ใจสีขาวดำที่ตอนนี้คนรถกำลังเช็ดถูให้อยู่

“ อ้าวคุณกิจ  ผมทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วนะครับ “ 

“ ขอบคุณครับลุงสมาน  เดี๋ยวกิจออกไปแล้วนะครับ “  เขายิ้มขอบคุณให้เหมือนเช่นทุกที  ก่อนจะขึ้นควบบิ๊กไบต์คู่ใจและขับออกไปจากบ้าน



.................................................



คุยกันก่อนอ่านนิยายครับ

เมื่อต้นปี2017 ผมเคยเขียนนิยายลง  แต่ไม่ทันจบก็มีเรื่องต้องเข้าโรงพยาบาล  ช่วงนั้นสุขภาพผมแย่มากเลยครับ  กว่าจะดูแลตัวเองจนดีขึ้นกลับมาอีกทีนิยายก็ถูกลบไปแล้ว  เลยต้องขอโทษคนที่เคยอ่านและติดตามมาบ้างครับ

เพราะการป่วยครั้งนี้ทำให้มุมมองชีวิตของผมเปลี่ยนไปมาก  ตอนนั้นความตายอยู่ตรงหน้าแค่เอื้อมจริงๆครับ  หมอบอกถ้าไม่รักษาตอนนั้นก็คงอยู่ได้ไม่เกิน 2 เดือนหรอก...  ถึงทุกวันนี้ผมจะดีขึ้นจนกลับมาเป็นเหมือนปกติแล้ว  แต่โรคนี้มันก็รักษาไม่ได้อยู่ดี  ซึ่งเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้เหมือนคนปกติ  โดยแลกกับการกินยาตลอดชีวิต

ผมพยายามคิดบวก  ไม่โทษอะไรเลย  เพราะมันคือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบกับการผิดพลาดที่ผ่านมา  อดีตก็ปล่อยมันผ่านไป...  ที่สำคัญคือ  จากนี้ไปต่างหาก

ผมเรียนรู้ว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืนยาวมากนัก  ดังนั้นถ้าเรายังมีเวลาที่เหลืออยู่่อยากทำอะไรก็รีบทำ  และใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและดีที่สุด เพราะเราจะไม่รู้เลยว่าวันตายจะมาเมื่อไหร่  แต่ถ้าเราทำมันดีที่สุดแล้ว  เมื่อวันนั้นมาถึงเราก็จะไม่เสียใจเลย

นิยายก็เป็นอีกสิ่งที่ผมอยากทำ  ผมมีความสุขกับการอ่านนิยาย  และก็อยากทำนิยายให้คนอ่านมีความสุขเหมือนกัน ^ ^

เรื่องนี้ผมเขียนใหม่หลังจากที่ร่างกายเริ่มฟื้นตัว  ตอนนี้เขียนไปได้ 32 chapters แล้ว จะทยอยลงแบบวันเว้นวันนะครับ  ส่วนวันแรกประเดิมปีใหม่ให้ 2 chapters เลยครับโผมมมม

หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนะครับ  สามารถแนะนำหรือติชมได้เสมอนะครับ  น้อมรับเสมอเพื่อเอามาเป็นกำลังใจหรือพัฒนาปรับปรุงแก้ไขต่อไป

ขอบคุณครับ  :mew5: ^ __________________________________ ^
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2018 23:31:14 โดย หมีขาว »

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #1 เมื่อ02-01-2018 10:11:13 »

Chapter  1



กันต์’s  Part



สวัสดีครับ  ผมชื่อกันต์นะครับ  อายุ 18 ปี กำลังจะเป็นเฟรชชี่ในอีกไม่กี่วันนี้ในคณะวิศวกรรมศาสตร์  ภาควิชาอุตสาหการ 
วันนี้ผมมาที่บ้านเพื่อนของแม่ครับ  ซึ่งจะเรียกว่าบ้านก็คงจะไม่ถูก  น่าจะเรียกว่าคฤหาสน์เลยมากกว่า  ตอนนี้ผมกับแม่กำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก  ซึ่งผมได้แต่นั่งเงียบๆแหละครับ  ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน  ก็เรื่องเดิมๆ ของวัยนี้แหละครับ  ความหลังเก่าๆ  ความเป็นอยู่ปัจจุบันและจบด้วยเรื่องของผม.....

“ ฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ  เพราะถ้าฉันกลับไปอังกฤษแล้วตากันต์ก็ต้องอยู่คนเดียวในเมืองไทยแบบนี้  ฉันก็ไม่สบายใจ  จะให้ไปเรียนที่นั่นด้วยเจ้าตัวดีนี่ก็ไม่ยอมไป “ 

แม่ผมเองครับ  แกกลับมาเมืองไทยหลังจากที่พ่อผมเสียไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้วด้วยโรคมะเร็ง  พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่ผมอายุยังไม่ถึง 10 ขวบเลยครับ  ผมต้องไปอยู่กับพ่อที่เป็นสถาปนิก  ในขณะที่แม่ก็แต่งงานใหม่ก็ชาวอังกฤษในอีกไม่กี่ปีต่อมา  แต่ท่านก็แวะเวียนมาเยี่ยมผมที่ย้ายไปอยู่ที่กระบี่บ้างนะครับ  แต่ตอนนี้พ่อผมเสียไปแล้ว  แม่เลยบินกลับมาดูแลเรื่องงานศพและตัวผม  ท่านอยากให้ผมไปอยู่ด้วย  แต่...  ผมทำตัวไม่ถูกหรอกครับ  แม่เขาก็มีครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นอยู่แล้ว  ผมไม่อยากไปเป็นส่วนเกิน  และอีกอย่าง  ผมคงจะไม่ชินที่จะอยู่ที่นั่นและผมรักที่จะอยู่เมืองไทยมากกว่า  แต่เพราะคุณปู่ คุณย่า  รวมทั้งคุณตา คุณยาย  พวกท่านก็แก่มากแล้วและอยู่กันต่างจังหวัด  ในขณะที่ผมสอบติดและต้องมาเรียนในกรุงเทพฯแบบนี้  ผมก็เลยไม่สามารถไปอยู่ด้วยได้  ส่วนญาติคนอื่นๆก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะรับตัวภาระอย่างผมสักเท่าไหร่หรอกครับ  เมื่อหมดหนทางแม่เขาเลยต้องมาพึ่งเพื่อนเก่าแบบนี้

“ ไม่ต้องห่วง  กันต์ก็เหมือนหลานฉันคนหนึ่งนั่นแหละ  ให้มาอยู่กับฉันที่นี่แหละดีแล้ว  ส่วนตอนเปิดเทอมก็ให้ไปพักอยู่กับลูกชายฉัน  ‘ตากิจ’ ที่คอนโดก็แล้วกัน  เพราะใกล้มหาลัยฯแถมเรียนที่เดียวกันด้วย  จะได้ให้ตากิจช่วยดูแลน้อง “  คุณป้าพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้กับผมอย่างเมตตา  ผมเลยยิ้มเจื่อนๆอย่างเกรงใจส่งให้ไปด้วยเช่นกันครับ

ผมลาแม่ในตอนเย็น  เพราะท่านต้องบินกลับไปวันนี้เลย  ส่วนผมที่หอบกระเป๋ามาแล้ว  ก็ต้องพักอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนี้  คุณป้าแกใจดีมากครับ  แกเตรียมห้องไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว  และบอกให้ผมคิดซะว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านของตัวเอง 

เมื่อมาถึงมื้อเย็น  ผมก็ได้รู้จักกับสมาชิกของครอบครัวบ้านนี้เกือบทั้งหมดครับ  ทั้งคุณลุง  คุณป้า  รวมถึงน้องกานต์  ขาดก็แต่พี่ชายคนโตของบ้าน  เห็นว่าอายุมากกว่าผม 2 ปีและเรียนคณะเดียวกันกับผมด้วย  คุณลุงคุณป้าแกใจดีมากครับ  ส่วนน้องกานต์เองก็เป็นเด็กน่ารักและค่อนข้างจะเป็นกันเองกับผมดี

คืนนี้ผมหลับตาลงในบ้านหลังใหญ่  แต่กระนั้นผมกลับรู้สึกเหงาในหัวใจยังไงก็ไม่รู้  คิดถึงพ่อ  คิดถึงแม่  และคิดถึงบ้านหลังเก่าเล็กๆของผม  แต่ผมจะไม่ร้องไห้แล้วนะครับ  ผมต้องเข้มแข็งตามที่ให้สัญญาไว้กับพ่อก่อนที่ท่านจะเสีย  ไม่ว่าจะเจอกับอะไร  สุขทุกข์แค่ไหน  ผมก็ต้องเข้มแข็งและยืนหยัดต่อไปให้ได้  แม้ว่าจะรู้สึกโดดเดี่ยวมากแค่ไหนก็ตาม


...................................


วันรุ่งขึ้น

เช้านี้คุณป้าให้ผมเตรียมเก็บข้าวของและเสื้อผ้าที่จำเป็นสำหรับการเรียนในมหาลัยฯ  เพราะบ่ายนี้คุณป้าจะพาผมไปที่คอนโดพี่กิจ  คอนโดที่ผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในช่วงที่เรียนอยู่นี้

หลังมื้อเที่ยงคุณป้าขับรถพาผมเข้ามายังบริเวณใกล้ๆมหาลัยฯ ที่ซึ่งผมจะได้เป็นนักศึกษาและกำลังจะเปิดภาคเรียนแรกในวันพรุ่งนี้แล้ว  ไม่นานคุณป้าก็ขับรถเข้ามายังคอนโดหรูในย่านนั้น  คือมันผิดจากที่ผมคิดไว้เยอะมาก  ผมว่ามันหรูเกินกว่าที่ระดับนักศึกษาทั่วไปอย่างผมจะสามารถอยู่ได้ 

คุณป้าพาผมที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเพียงใบเดียวเดินผ่านประตูคีย์การ์ดและขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 10 และเดินไปยังห้อง 108 ซึ่งเป็นห้องบริเวณมุมตึก  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นทำเลที่แพงกว่าห้องอื่นในชั้น  ก่อนจะใช้คีย์การ์ดใบเดิมปลดล็อคประตูห้องเข้ามาอีกครั้ง

ว้าว!!!....  ห้องนี้กว้างและหรูดูดีมากครับ  ซ้ายมือเป็นโซนห้องครัวใกล้กับประตูทางเข้า  มองตรงเข้าไปสุดทางเดินจะเป็นห้องนั่งเล่นกว้างขวาง  ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกระจกใสตลอดแนว ทำให้มองเห็นวิวได้อย่างเต็มตา  มีม่านขาวรวบไว้อย่างเป็นระเบียบและบริเวณทางเดินซ้ายขวาก่อนถึงก็คงจะเป็นห้องนอน 2 ห้องซึ่งหันประตูชนกัน  คุณป้าเดินนำผมเข้าไปยังห้องนั่งเล่น  ซึ่งมีเซตโซฟาหนังสีดำ  เข้าเซตกับทีวี เครื่องเสียง ชั้นหนังสือ ชั้นวางของที่ออกแบบมาแบบบิ้วอิน  หันหลังกลับจากห้องรับแขกไปก็มีพื้นที่ซึ่งถูกจัดเป็นโซนออกกำลังกาย  มีเครื่องเล่นอยู่3-4 ชนิด  ซึ่งบ่งบอกถึงว่าเจ้าของห้องคงเป็นคนรักสุขภาพน่าดู

“ เอ้านี่จ๊ะ  คีย์การ์ดของห้องนี้นะกันต์  ป้าให้เราเลย “ คุณป้าส่งคีย์การ์ดมาให้  ผมเลยยกมือไหว้พร้อมกับรับมา

“ นี่ตากิจไม่รู้หรอกนะว่าป้ามีคีย์การ์ดห้องนี้อีกใบ  ฮะๆๆ “ คุณป้าพูดติดตลก  ในขณะที่ผมก็ได้แต่ยิ้มรับแหยๆไปเท่านั้น

คุณป้าพาผมไปดูยังห้องว่างห้องหนึ่ง  ซึ่งข้างในตกแต่งไว้แล้วจนผมแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย  แค่เอาเสื้อผ้ามาก็เข้าอยู่ได้ทันที  จากนั้นคุณป้าก็แนะนำอะไรผมต่ออีกเล็กน้อย  และไม่ลืมที่จะกำชับว่า  ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้โทรหาหรือไปที่บ้านคุณป้าได้เลย  ให้คิดซะว่าผมเป็นหลานของท่าน  จากนั้นท่านก็กลับไป  เหลือเพียงแค่ผมอยู่ในคอนโดหรูห้องนี้เท่านั้น

ผมจัดแจงกับของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินออกมาสำรวจห้องอีกครั้ง  แต่ไม่ระราบละล้วงเข้าไปยังห้องนอนอีกห้องนะครับ  ก่อนจะมานั่งดูทีวีที่โซฟา  พอตกเย็นก็เริ่มหิวครับ  จะออกไปหาอะไรกินตอนนี้ก็ยังไม่คุ้นชินกับสถานที่  เลยเดินไปที่ตู้เย็นเผื่อจะมีอะไรให้กินได้บ้าง  เดี๋ยวไว้ค่อยซื้อมาคืนพี่เขาทีหลังก็แล้วกัน  แต่พอเปิดตู้เย็นมานะครับ...  สิ่งแรกที่สายตาเห็นก็คือเครื่องดื่มต่างๆ  ทั้งแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม น้ำเปล่า  ผมต้องก้มลงไปยังชั้นล่างๆ ถึงจะเจออาหารสำเร็จรูปจำพวกไส้กรอก  ปีกไก่รมควัน  แฮมและเบค่อน  ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไปจากร้านสะดวกซื้อ  และผมก็ต้องเลือกมาดีๆ ด้วยนะครับ  เพราะบางอันมันก็หมดอายุไปแล้ว  ท่าทางพี่เขาคงจะเป็นพวกต้องการความสะดวกรวดเร็วและไม่ทำอาหารเองแน่ๆ  เพราะไม่มีของสดอะไรเลยในตู้เย็น  ผักหรือผลไม้อะไรก็ไม่มีครับ  เป็นผมนี่ไม่ได้  ชอบทำอาหารครับ  เพราะเมื่อก่อนตอนที่อยู่กับพ่อกันสองคน  ก็มีผมเนี่ยแหละครับที่เป็นพ่อครัว...

ผมเอาไส้กรอกออกมา 2 ถุงและนำไปเวฟ  ก่อนจะมาคัดเอาของที่หมดอายุออกจากตู้เย็นให้พี่เขา 
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ  ผมก็ทิ้งตัวลงไปยังโซฟายาวอีกครั้ง  มองไปไกลๆผ่านกระจกด้านนอกก็เห็นตึกมากมายที่เริ่มเปิดไฟกันบ้างแล้ว  เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีครามไปเป็นสีน้ำเงินดำ 
เหงาจังเลยครับ....

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #2 เมื่อ02-01-2018 10:16:22 »

จิ้มๆๆๆๆ
รออ่านจ้า

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #3 เมื่อ02-01-2018 10:17:53 »

ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้  มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา  ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วยขณะที่ปิดประตูลงและเปิดไฟสลัวจากดาวไลท์  ทำให้ห้องยังคงไม่สว่างมาก  ผมยังไม่กล้าขยับตัวครับ  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้บุกรุกยังไงไม่รู้  เพราะผมเดาว่าคนที่เข้ามาก็คงจะเป็นพี่กิจเจ้าของห้องแน่ๆ  และพี่เขาก็คงจะไม่เห็นผมเพราะความมืดที่สลัวและขอบโซฟาที่บังผมอยู่  รู้สึกใจเต้นตึกตักๆ  ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิครับ

ผมได้ยินเสียงพี่เขาเปิดประตูห้องนอนเข้าไป  บางทีผมควรจะลุกขึ้นและเดินเข้าไปแนะนำตัวกับพี่เขาตอนนี้เลยดีกว่า  ผมลุกขึ้นนั่งบนโซฟาและหันไปมองยังประตูห้องของพี่เขาก็เห็นว่ามันเปิดอยู่และมีแสงไฟสว่างจ้าสาดออกมาจากภายใน  และไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้นจากที่  พี่เขาก็เดินออกมาจากห้องในสภาพที่ถอดเสื้อออก  ใส่เพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียว  เผยให้เห็นหุ่นสมบูรณ์แบบที่ผมเชื่อว่าละลายใจสาวๆได้แทบจะทุกคน  ไม่แปลกเลยที่มีเครื่องออกกำลังกายไว้ในห้องแบบนี้

“ เดี๋ยวนะมึง... “

พี่เขามองมาทางผม  ก่อนจะวางสายโทรศัพท์และเก็บมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกง  ใบหน้าหล่อๆมองผมด้วยความแปลกใจจนผมทำตัวไม่ถูก  หวังว่าพี่เขาคงจะไม่คิดว่าผมเป็นขโมยหรอกนะครับ...

“ เห้ย!!! “

พี่เขาตวาดเสียงดัง  พลางถลาตัวเข้ามาหาผมด้วยความรวดเร็ว  ผมตกใจมาก  ผงะตัวไปเล็กน้อยจนทำอะไรไม่ถูก  ก่อนจะถูกแขนแข็งแรงคว้าข้อมือ  ล็อค  และกดผมหน้าติดเบาะโซฟาจากทางด้านหลัง  มันไวและแข็งแรงมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน  และผมในตอนนี้ก็แทบจะขยับตัวอะไรไม่ได้เลย...

“ มึงเป็นใครวะ!!! “  เสียงตวาดดังขึ้นอย่างดุดันจากทางด้านหลัง  จนผมรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที

“ คือ..  คือ... “  ความกลัวทำให้ผมเริ่มคิดอะไรไม่ออก  ได้แต่พูดซ้ำๆไม่รู้เรื่องอยู่อย่างนั้น

“ ขโมย!!! “

“ ปะเปล่าพี่!!!  คือ..  คือ...  ผมเป็นลูกของเพื่อนแม่พี่  ที่บอกว่าจะขอมาอยู่ด้วยกับพี่อะครับ “  ในที่สุดผมก็พูดออกมาได้สักที  พี่เขาเงียบเล็กน้อยแต่ก็ยังคงรวบแขนและกดหลังผมติดโซฟาแน่นอยู่เหมือนเดิม

“ หมายความว่าไง ?  แม่กูเนี่ยนะที่ให้มึงมาอยู่ด้วย “  พี่เขาถามขึ้น

“ ก็ใช่น่ะสิครับ  ไม่เชื่อพี่ก็ลองโทรไปถามคุณป้าดูสิ “  ผมพูดจบ  พี่เขาก็เอามือล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง  โดยที่อีกมือยังคงจับข้อมือผมและกดผมติดโซฟาอยู่เหมือนเดิม

“ ฮัลโหลแม่....  นี่แม่ให้เด็กนี่มาพักกับกิจจริงเหรอ ?  อะไรนะ...  แม่....กิจก็บอกแม่ไปแล้วไงว่าไม่...  ไม่รู้ล่ะไว้ค่อยคุยต่อนะ  กิจจัดการเรื่องตรงนี้ก่อน “  ว่าจบพี่เขาก็วางสายไป  ก่อนจะคลายมือพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนจากที่คร่อมร่างผมอยู่  แต่จากที่ได้ยินเสียงที่พี่เขาสนทนาผ่านสายเมื่อสักครู่  ก็พอทำให้รู้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ได้ยินดีและเต็มใจที่จะให้ผมมาพักด้วยกับเขาสักเท่าไหร่  ดังนั้นแล้วผมก็เลยได้แต่ทำหน้าสลดไม่กล้ามองหน้าพี่เขาตรงๆ  หรือบางทีผมควรจะรีบเก็บของออกไปจากห้องนี้เสียเลยด้วยซ้ำ

ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนตรงหน้าก่อนที่พี่เขาจะเริ่มพูดขึ้น

“ คือกูไม่รู้นะว่าแม่กูบอกกับมึงว่ายังไง  เรื่องที่จะให้มาพักอยู่กับกู  แต่...  ขอโทษนะคือกูไม่สะดวกที่จะให้มึงมาพักด้วย  ขอพูดตรงๆ ละกัน “

พี่เขาพูดจบผมก็เลยเงยหน้ามองพี่เขาตรงๆ  รู้สึกใจแป้วยังไงก็ไม่รู้สิครับที่ได้ยินแบบนี้  คือมันทำตัวไม่ถูกเลยครับที่ได้ยินเจ้าของห้องพูดให้ผมออกไปจากห้องเขาตอนนี้  แล้วผมจะไปอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ยคืนนี้  แถมพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วด้วย...

“ นั้นก็...  รบกวนเก็บของออกไปเลยนะ  ถ้าไม่รู้จะไปไหนคืนนี้ก็กลับไปหาแม่กูที่บ้านก็ได้ “  พี่เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและหน้านิ่ง  ก่อนจะเดินผ่านผมกลับไปยังห้องนอน

“ อ้อ...  หวังว่าถ้ากูออกมาจากห้องอีกครั้งคงจะไม่เจอมึงแล้วนะ “  สิ้นเสียงพี่เขาไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังปั้ง  ผมที่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก  รู้สึกเหมือนกำลังอยากจะร้องไห้ให้ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น  ท่าทางฉุนเฉียวและน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อสักครู่  มันทำให้ผมรู้สึกกลัวและคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนกาฝากที่ไม่มีใครต้องการเลย  แบบนี้แล้วผมจะกล้ากลับไปหาคุณป้าได้อีกเหรอ...

ถึงจุดนี้...  ผมรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยว  อ้างว้าง...  แล้วน้ำตามันก็เหมือนจะเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา...

แต่....  ผมจะร้องไห้ไม่ได้...  ก็ผมสัญญากับพ่อไว้แล้วนี่ว่าผมจะต้องเข้มแข็งและไม่ร้องไห้

ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำตาที่เอ่อออกมาไม่ไหลลงมา  ก่อนจะกระพริบตาเล็กน้อย 

ผมจะต้องเข้มแข็งและอยู่ต่อไปให้ได้ด้วยตัวเอง...

เมื่อทุกอย่างดีขึ้น  ผมรีบเดินกลับเข้าไปภายในห้องเพื่อเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว  ในเมื่อเจ้าของห้องไม่ได้อยากให้เราอยู่  ผมก็ไม่หน้าด้านพอที่จะอยู่หรอกครับ  คืนนี้ก็ไปหาอพาร์ทเม้นหรือโรงแรมนอนไปก่อน  พรุ่งนี้เรียนเสร็จค่อยหาหอพักแถวมหาลัยอยู่ก็ได้

ผมรูดซิบปิดกระเป๋าเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง  ประจวบกับที่พี่เขาเปิดห้องออกมาพอดี  ผมว่าผมเก็บของไวแล้วนะ  เพื่อที่จะได้ออกไปก่อนที่พี่เขาจะออกห้องมา 

เราเผชิญหน้ากันนิ่ง  ผมที่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่เพียงมองสายตาเย็นชาของคนตรงหน้าเท่านั้น

“ แล้วนี่จะไปนอนไหน “  พี่เขาถามน้ำเสียงเรียบ  ผมอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากตอบออกไปตามที่ตัวเองคิดและตัดสินใจไปเมื่อสักครู่

“ ก็คงหาโรงแรมหรือไม่ก็ห้องพักรายวันนอนไปก่อนอะครับ  แล้วพรุ่งนี้เรียนเสร็จก็ค่อยไปหาหอพักอยู่ใกล้ๆมหาลัย...  เอ่อ...  มันก็สะดวกดีครับแบบนั้น “  ผมบอกไปก่อนจะยิ้มเจื่อนๆให้  ทว่าคนตรงหน้าก็ยังคงมีใบหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม

“ เอ้อ...  เกือบลืม  นี่ครับพี่  คีย์การ์ด “  ผมล้วงเอาคีย์การ์ดที่คุณป้าทิ้งไว้ให้  ก่อนจะส่งไปให้พี่เขา  พี่เขารับมันไว้ในมือก่อนจะเหลือบตาขึ้นมามองผม  สายตายังคงเย็นชาเหมือนเดิม  และก็ไม่มีคำพูดอะไรตอบกลับมาทั้งนั้น

“ เอ่อ..  นั้นผมไปก่อนนะครับ...  แล้ว...  ขอโทษที่เข้ามารบกวนพี่แบบนี้... “  เมื่อไม่รู้จะทำอะไรผมก็เลยกล่าวลาพี่เขาไปพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้  ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังประตูห้อง

“ เดี๋ยว!!! ...”

เสียงพี่กิจดังขึ้นทำให้ผมชะงักเท้าลงและหันหลังกลับไปมองยังพี่เขาอีกครั้ง

“ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ “

พี่เขาพูดมาอย่างนี้  ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจมองตอบกลับไป

“ หมายความว่า... “

ผมกำลังจะเอ่ยถามขึ้น  แต่ยังไม่ทันจะจบประโยค  พี่เขาก็พูดสวนขึ้นมาทันที

“ กูให้มึงอยู่ที่นี่ก็ได้  แต่ว่ามันก็ต้องมีข้อแม้อยู่นะ....? “





TBC.     

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #4 เมื่อ02-01-2018 10:50:05 »

Chapter 2



กันต์ 's  Part




ที่ห้องรับแขก

ผมวางกระเป๋าไว้ข้างๆ โซฟาเดี่ยวก่อนจะร่นตัวนั่งลงไป  ส่วนพี่กิจนั่งอยู่ที่โซฟายาวตัวที่ผมนอนไปเมื่อตอนเย็น  สีหน้าพี่เขายังนิ่งเฉย  สายตาเย็นชายังคงจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่วางตา

“ เข้าเรื่องเลยนะ  อันที่จริงกูก็ไม่เห็นด้วยกับแม่หรอกที่จะให้มึงมาพักที่นี่  เพราะกูไม่ค่อยชอบให้ใครมาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของกู “  พี่กิจเริ่มว่ามาครับ  ถึงพี่ไม่บอกผมก็พอรู้  เล่นเอาซะผมน้ำตาแทบเล็ดไปแบบนั้น

“ แต่เมื่อกี้แม่กูโทรมา  บอกว่ายังไงก็จะให้มึงอยู่ที่นี่ให้ได้  กูก็เลยไม่อยากขัดใจ  แต่ว่า...  “ พี่กิจหยุดพูดเล็กน้อย  ให้ผมตื่นเต้นตามไปด้วยกับสิ่งที่พี่เขาจะบอกต่อมา

“ ในฐานะที่มึงเป็นผู้ขออาศัย  มึงก็ต้องทำตามกฎที่กูจะบอกต่อไปนี้ “

ผมพยักหน้าเล็กๆ รับไปอย่างว่าง่าย  เพราะมันก็ถูกของพี่เขาที่ผมเป็นเพียงแค่ผู้มาขออาศัย
 
“ ข้อแรก....  มึงต้องไม่บอกใครว่าพักอยู่กับกู  และห้ามพาใครมาห้องนี้โดยเด็ดขาด “

ผมพยักหน้ารับไปอย่างว่าง่ายครับ 

“ ข้อสอง...  ห้องนี้ต้องทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง  และมึงต้องเป็นคนทำหน้าที่นี้ “

อันนี้ผมก็รับได้ครับ  สบายมาก  ว่าแล้วผมก็พยักหน้ารับต่อ

“ ข้อสาม...  ถ้าไม่ทำความสะอาดห้ามเข้าห้องกูเป็นอันขาด “

ผมก็ยังคงพยักหน้ารับเหมือนเดิมครับ  เพราะใครจะอยากเข้าไปยุ่งกับห้องของคนดุๆ และเย็นชาแบบนี้กันละครับ

“ ดีมาก  เท่าที่คิดได้ตอนนี้ก็มีเท่านี้ “

เอ๋ ?  นี่แปลว่าถ้าคิดอะไรเพิ่มได้ก็จะออกกฎออกมาอีกเหรอ  แย่แล้วล่ะไอ้กันต์  คราวนี้มึงไม่ได้อยู่สบายๆแน่

“ ถ้างั้นก็เอาข้าวของเข้าไปเก็บในห้องซะ “

“ ครับผม “  ผมเริ่มขานรับอย่างเป็นทางการแล้ว  ราวกับถูกสั่งจากเจ้านายเสียอย่างนั้นเลย

“ ว่าแต่มึงชื่อไรนะ “

“ กันต์ครับ “

“ เห็นแม่บอกว่ามึงอยู่คณะวิศวะใช่มั้ย “

“ ครับ “

ผมตอบไป  พี่เขาก็พยักหน้าเข้าใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ พรุ่งนี้เข้าเชียร์ด้วย...  และห้ามโดดเชียร์เด็ดขาด “

และนี่ก็คือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากของพี่เขาในคืนนี้  คนอะไรดุเป็นบ้าเลย  เย็นชาก็ที่หนึ่ง  บ้าอำนาจก็ที่หนึ่ง  ถึงหน้าตาจะหล่อมากก็เหอะแต่ถ้านิสัยแบบนี้นะ  เชื่อผมเหอะ  ไม่มีสาวคนไหนอยากเป็นแฟนด้วยหรอก
สาธุ  ขอให้โสดไปตลอดชีวิตเลย  เพี้ยง.....



..................................



เช้าวันต่อมา

เสียงมือถือปลุกผมให้ลุกจากเตียงตอน 7 โมงเช้า  ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกสำหรับชีวิตเฟรชชี่ในรั้วมหาลัยฯ ของผม 

ผมเปิดประตูห้องออกมาอย่างงัวเงีย  ก่อนจะได้ยินเสียงทีวีซึ่งเป็นการรายงานข่าวของเช้าวันนี้  พร้อมด้วยเสียงเหมือนคนกำลังวิ่งอยู่...

โห...  ผมว่าผมตื่นเช้าแล้วนะครับ  แต่คุณชายเย็นชากลับตื่นก่อนผมมาออกกำลังกายแถมฟังข่าวได้แบบนี้  บ่งบอกได้ชัดเลยครับว่าเป็นคนเจ้าระเบียบแค่ไหน

ผมยืนมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีคราบเหงื่อสะท้อนเป็นเงาจากแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามากระทบ  หุ่นแบบนี้คนอย่างผมไม่มีทางมีได้แน่  แค่จะออกกำลังกายยังขี้เกียจเลยครับ  แถมเรื่องกินนี่ก็เก่งใช่ย่อย  จะให้มาดูแลตัวเองแบบนี้ไม่มีทางหรอก

ผมมองพี่เขาวิ่งอยู่บนลู่วิ่งนานเท่าไหร่ไม่รู้  แต่มันก็เพลินตาดีนะครับ  มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงพี่เขาดังขึ้น

“ มองอะไร “  ทำอย่างกับมีตาหลังเสียอย่างนั้น  รู้ด้วยเหรอว่าผมกำลังมองอยู่

“ เปล่าครับ  กำลังจะไปกินน้ำ “  ผมตอบไป

“ อาหารเช้าก็หาดูเอาในตู้เย็นละกันนะ  แล้วเวฟเผื่อกูด้วย “  ปากสั่งงานแต่ไม่หันมามองผมเลยสักนิดครับ  เอาแต่วิ่งๆ แล้วก็วิ่ง  ผมเลยทำหน้าล้อเลียนส่งให้ไปเล็กๆ  ก่อนจะเดินไปทำตามคำบัญชาของคุณชายท่าน

ผมหยิบไส้กรอกค๊อกเทล 2 ถุงเข้าเวฟ  ก่อนจะใส่จานของผมและของคุณชาย  แล้วหยิบเอาซอสมะเขือเทศมาเทไว้ที่ขอบจาน  และนมอีก 2 แก้ว  เป็นอันเสร็จพิธีสำหรับมื้อเช้าอันเร่งด่วนแบบนี้

“ กูไม่กินนมตอนเช้า “ 

น้ำเสียงเรียบเฉยมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่  เปลือยให้เห็นแผ่นอกหนากว้าง  โดยมีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่ที่ไหล่ข้างซ้าย  พี่เขาเดินเลยผมไปยังเคาท์เตอร์ครัวและชงกาแฟกลิ่นหอม  ก่อนจะมานั่งยังฝั่งตรงข้ามกับผมบนโต๊ะกินข้าวกลมเล็กๆ

เมื่อต้องนั่งเผชิญหน้ากันห่างไม่ถึงเมตรแบบนี้  ทำเอาผมกลืนไส้กรอกแสนอร่อยแทบไม่ลงคอเลยทีเดียว

“ เป็นอะไร  ทำไมไม่กินล่ะ  เรียนวันแรกไม่รีบกินเดี่ยวก็ไปสายหรอก “

“ คะครับ “  ว่าแล้วก็รีบกิน  รีบไปอาบน้ำดีกว่า  ไม่ได้กลัวไปสายหรอกนะครับ  แต่กลัวคนตรงหน้านี่ต่างหาก


.....................................................


ที่หน้าคอนโด

ผมออกห้องมาช้ากว่าพี่เขา  ทั้งๆที่ผมอาบน้ำก่อนแท้ๆ  คนอะไรเร็วเป็นบ้าเลยครับ  ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ  ยังเหลืออีก 20 นาที  ทันสบายอยู่แล้วจากที่นี่ไปมหาลัยฯ

“ เชี่ย!!!! “

ผมสบถขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกรถบิ๊กไบต์สีขาวคันหนึ่งขี่ปาดหน้าผมไปอย่างไว  เฉียดไปนิดเดียวเอง  ถึงผมจะไม่ทันดูก็เหอะ  แต่เขาก็ควรจะขับระวังคนหน่อยนะครับ

ผมกำลังจะเดินเข้าไปหารถบิ๊กไบต์กวนบาทาคันดังกล่าวที่หยุดจอดห่างผมออกไปไม่ถึง 20 เมตร  งานนี้ขอด่าสักหน่อยเหอะ 
 
“ เดินไม่ระวังแบบนี้ระวังจะโดนชนเข้าสักวันเหอะ !!! “

จากที่คิดจะเข้าไปต่อว่า  กลับต้องหยุดเท้าลงเมื่อเจ้าของบิ๊กไบต์หันมาและเปิดกระจกดำที่หมวกกันน๊อคหนาขึ้นออกให้เห็นใบหน้าเพียงบางส่วน  แต่ผมจำได้แม่นครับ  ใบหน้าแบบนี้  น้ำเสียงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณชายเย็นชานั่นเอง

“ แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว  วันแรกก็จะไปสายแล้วเหรอ “  ว่าจบพี่เขาก็เลื่อนหน้ากากหมวกลงก่อนจะขับรถออกไป  ผมได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น

ก็ถ้าคิดว่าผมจะสายพี่ก็ให้ผมติดรถไปด้วยสิครับ...  เอาแต่ว่าๆๆ  แล้วก็ว่า  คนอะไรวะแม่งดุชิบหาย

แต่ว่า...  เดี๋ยวผมก็จะสายจริงๆหรอกมัวแต่มายืนคิดอยู่แบบนี้  ว่าแล้วผมก็รีบออกไปหาวินมอเตอร์ไซร์แถวปากทางเข้าไปยังมหาลัยฯ  ดีกว่า




ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #5 เมื่อ02-01-2018 10:56:50 »

ที่มหาลัยฯ

ผมลงจากมอเตอร์ไซร์รับจ้าง  พร้อมกับดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ  เห็นว่ายังเหลืออีก 10 นาทีก่อนจะถึงเวลาเรียน  แต่ว่า...  ผมยังไม่รู้เลยครับว่าห้องเรียนผมมันอยู่ตรงไหน  คณะก็กว้างตึกก็เยอะ  วันแรกก็ซวยแล้วไอ้กันต์เอ้ย...

“ ไอ้กันต์!!! “ 

เหมือนได้ยินเสียงใครบางคนเรียกผมเลยครับ  พอหันไปมองรอบๆ ผมก็ยิ้มออกเมื่อเห็นไอ้เรย์เพื่อนจากโรงเรียนเก่านั่งโบกมือป้อยๆอยู่ที่บันไดหน้าตึกๆหนึ่ง

นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกที่จะอยู่ที่เมืองไทย  เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมต้น  และการเจอมันที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ  เมื่อผมกับมันตั้งใจจะมาเรียนด้วยกันที่นี่อยู่แล้ว  และก็ทำสำเร็จ  แต่กว่าจะได้นี่ก็อ่านหนังสือกันแทบบ้าเลยละครับ

“ นี่กูรอตั้งนานแล้วนะเว้ย  นึกว่ามึงเปลี่ยนใจไปอังกฤษกับแม่มึงซะแล้ว “  มาถึงมันก็พูดเหน็บเบาๆ เลยครับ  แหม..  รอนิดรอหน่อยทำเป็นบ่นไปได้

“ ก็กูบอกแล้วว่าจะมาเรียนกับมึง  แล้วกูจะไปได้ไงวะ “

“ ดีมาก...  ต้องให้ได้อย่างนี้สิวะ “

“ ว่าแต่เรียนที่ไหนวะ  มึงรู้ปะ...  นี่จะสายแล้วเนี่ย “  ผมบอกไป  เพราะนี่คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะแก่การทักทายสักเท่าไหร่

“ เออ...  กูไปสำรวจมาหมดละ  มึงตามกูมาก็พอ “

สุดท้ายทั้งผมและไอ้เรย์ก็เข้าเรียนกันโดยไม่สาย  แม้เวลาจะเฉียดฉิวก็ตามที

ส่วนเช้านี้ก็ยังไม่มีการเรียนการสอนอะไร  นอกจากการแนะนำเนื้อหาที่จะเรียน  จากนั้น  พวกรุ่นพี่ปี 2 ก็เข้ามาบอกให้พวกเราเข้ารับน้องกันในตอนเย็นหลังเลิกเรียนด้วย


.................................


ที่โรงอาหารคณะ

“ แล้วมึงพักที่ไหนวะ “  ไอ้เรย์ถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ครับ  ได้ยินมันถามมาอย่างนี้ผมก็นึกไปถึงข้อห้ามของคุณชายท่านทันทีว่าห้ามบอกใครเรื่องที่ผมพักอยู่กับท่าน

“ เอ่อ...  ก็พักอยู่กับลูกพี่ลูกน้องกูน่ะ  ไม่ไกลจากมอเท่าไหร่หรอก “  ผมโกหกมันไปครับ  ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่มีหรอกลูกพี่ลูกน้องอะไรเนี่ย  มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามผมต่อ

“ แต่มึงมาอยู่กับกูได้นะเว้ย  หอกูแถวๆนี้เอง “  ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมก็คงจะตอบตกลงไปแล้ว  แต่นี่เพราะความเกรงใจคุณป้าที่อุตส่าห์พูดให้ผมได้อยู่ที่นั่นได้และไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วงมาก  ก็เลยต้องจำใจอยู่กับคนใจดำและเย็นชาแบบนั้น

“ ขอบใจเว้ย  แต่ไม่ได้หรอก  แม่กูฝากฝังไว้  เดี๋ยวแกโทรมาเช็คแล้วกูจะงานเข้าเอา “

“ อืมๆ  เอาที่มึงสะดวกก็แล้วกัน “

ผมกินข้าวไปได้อีกแปบ  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาข้างๆครับ

“ นายๆ  ตรงนี้ว่างอยู่ป่าววะ “  เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น  ซึ่งผมจำหน้าได้ว่าเขาเรียนอยู่ sec เดียวกับผม

“ ว่างๆ นั่งได้เลย “  ผมบอกไป  ซึ่งเขากับเพื่อนอีกคนก็วางจานข้าวและแก้วน้ำลงข้างๆ ผมกับไอ้เรย์  จากนั้นผมก็ได้เพื่อนใหม่ในคณะเพิ่มขึ้นอีก 2 คนคือไอ้แน๊ค  ซึ้งก็คือคนที่ถามผม  และอีกคนที่มาด้วยกันก็คือไอ้เจมส์


..................................................


5 โมงเย็น ณ หอประชุมคณะ

พวกผมมากิจกรรมรับน้องตามที่พวกพี่ปี 2 บอก  ซึ่งบริเวณหน้าหอประชุมคณะตอนนี้ก็มีบรรดาเหล่าเฟรชชี่ทยอยมากันเรื่อยๆ  พวกผมเดินไปเซ็นชื่อเพื่อรับป้ายชื่อไว้คล้องคอที่บริเวณหน้าทางเข้าหอประชุมกันครับ

“ 0014  น้องกันต์ “  เสียงพี่ผู้หญิงพูดขึ้นเมื่ออ่านชื่อผมจากใบเซ็นชื่อตามรหัสนักศึกษา  จากนั้นพี่เขาก็นำป้ายที่ทำจากกระดาษแข็งสีขาวคล้องด้วยเชือกมาเขียนชื่อผมและรหัสนักศึกษาสี่ตัวท้ายลงไป  แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินออกไปจากบริเวณนี้เหมือนคนอื่นๆ  พี่เขาก็ตระโกนเหมือนเรียกเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา

“ ซีๆ!! “

จากนั้นผมก็เห็นพี่ผู้ชายน่ารักๆคนหนึ่งหันมาตามเสียงเรียก  พร้อมทั้งทำหน้าเหมือนจะถามว่าอะไรตอบกลับมา

“ น้องรหัสแกอะ “

พี่ผู้หญิงพูดจบ  พี่ผู้ชายคนดังกล่าวก็เดินเข้ามาหาผมทันที  นี่น่ะเหรอพี่รหัสปี 2 ของผม  น่ารักใสๆ สไตล์เกาหลีเลยครับ

“ หวัดดี  พี่ชื่อพี่ซีนะ  เป็นพี่รหัสปี 2 “  พี่เขาแนะนำตัวพร้อมทั้งส่งยิ้มมาให้ครับ  ผมเลยยิ้มตอบกลับไปให้ด้วยเช่นกัน

“ ผมกันต์ครับ “

“ อื้ม..  นั้นเดี่ยวพี่ขอเบอร์น้องไว้หน่อยนะ  เดี๋ยวพี่จะได้โทรหาเวลามีอะไร  หรือถ้าน้องมีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ “  พี่เขาบอกมาครับ  ผมเลยส่งโทรศัพท์ให้พี่เขาไปเมมเบอร์

“ ได้ทุกเรื่องน้อง  แต่ห้ามไปจีบพี่เขานะ  เพราะแฟนพี่เขาดุ “  แล้วพี่ผู้หญิงก็เริ่มแซวกันเองกับเพื่อน  ส่วนพี่รหัสผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบไปเล็กๆ ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนมาให้ผม

จากนั้นพวกผมทั้งสี่คนก็พากันเข้าไปยังภายในหอประชุม  ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่ปีสองต่างก็กำลังเอนเตอร์เทรนพวกเรากันอย่างสนุกสนาน  แต่สักพักทุกอย่างก็เงียบลง  และพี่ปีสองที่เคยอยู่หน้าเวทีก็ทยอยพากันเดินออกไป  ท่ามกลางความสงสัยและเสียงฮือฮาของบรรดาเหล่าปีหนึ่งที่เกิดขึ้น

“ เงียบ!!! “

เสียงตวาดดังก้องไปทั่วทั้งหอประชุม  ทุกคนเงียบลงพร้อมกับจ้องไปยังต้นเสียงที่อยู่ด้านหน้าอย่างตกใจ  หลายคนคาดไม่ถึงว่าจะเจออะไรแบบนี้  มันไวมากจากเสียงหัวเราะเมื่อสักครู่กลายมาเป็นความกดดันในตอนนี้

“ เชี่ย  พวกพี่ว๊ากเถื่อนชิบหาย “  ไอ้เรย์มันกระซิบกระซาบเบาๆข้างผม  เมื่อเห็นกลุ่มพี่วากด้านหน้าที่หน้าตาดุดัน  หนวดเครารุงรังราวกับนักเลงหน้าปากซอยยังไงอย่างนั้น

“ เออว่ะ  แม่งถูกปล่อยออกมาจากคุกเปล่าวะเนี่ย “  ไอ้แน็คที่อยู่หลังผมเสริมขึ้นเบาๆ  ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มพยักหน้าเล็กๆ เห็นด้วยกับความคิดมันครับ

“ ผมบอกให้เงียบไง!!!! “ 

ก็เงียบกันแล้วนี่ไง  ไม่ต้องตวาดกันก็ได้คร้าบพี่

“ ปี 1 ฟัง!!! “

……

“ ผมต้องขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วยที่สอบติดเข้ามาเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้!!!  แต่ว่า..!!.  ถึงพวกคุณจะเข้ามาแล้ว!!!  พวกผม...!!!  ก็ยังไม่ได้รับคุณเข้ามาเป็นรุ่นน้องหรอกนะ!!! “

“ จนกว่าพวกคุณจะแสดงให้พวกผมเห็น!!!  ว่าพวกคุณเหมาะสม!!!  ที่จะมาเป็นรุ่นน้องของพวกผม!!! “

“ ดังนั้น!!!  พวกคุณต้องเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์!!!  และร่วมในทุกๆกิจกรรม!!!!  เพื่อแสดงให้พวกผมได้เห็นว่า!!!  พวกคุณ!!!  เหมาะสมหรือไม่!!!  ที่จะมาเป็นรุ่นน้องของพวกผม!!!! “

“ และทีนี้!!!   ผมจะแนะนำ!!!  ประธานเชียร์ปี 3!!!  ให้พวกคุณได้รู้จัก !!!! “

หลังจากที่กลุ่มพี่ว๊าก  ผลัดกันพูดเสียงดังให้พวกเราได้รับรู้จนเสร็จสิ้นแล้ว  คราวนี้ก็ถึงคิวของพี่เป้งหัวหน้ากลุ่มแล้วละครับ  ไหนขอดูหน้าหน่อยซิว่าจะนักเลงและป่าเถื่อนแค่ไหน...

“ แก๊!!!  ดูดิแก๊!! “

“ โครตหล่อเลยอะ “

เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น  โดยเฉพาะสาวๆ  เมื่อสายตาเริ่มมองเห็นชายร่างสูงสวมชุดนักศึกษาผูกไทร์ตามแบบฟอร์มที่ถูกต้องของนักศึกษา  ต่างจากพวกพี่ๆปี 3 ที่สวมเสื้อช๊อปกางเกงยีนต์เหมือนเด็กช่างทั่วๆไป  กำลังเดินตรงเข้ามาอยู่บริเวณกลางเวที

ว่าแต่... 

มัน... 

คุ้นๆนะ... 

หรือว่า..   

แต่.. ไม่ใช่หรอกมั้ง…

ผมถึงสายตาจะสั้นไม่มากก็ตาม  แต่เมื่อนั่งอยู่เกือบท้ายแถวแบบนี้  มันก็มองไม่ค่อยจะชัดสักเท่าไหร่  แต่เมื่อเพ่งมองดูดีๆแล้ว...

บอกได้คำเดียวว่า...

เชี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



TBC.

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #6 เมื่อ02-01-2018 14:58:13 »

Chapter  3



กันต์ 's  Part




“ ดังนั้น!!  พวกคุณทุกคน!!  ต้องปฏิบัติตามที่พวกผมและรุ่นพี่ทุกคนบอก!!!  เข้าใจมั้ย!! “

“ เข้าใจครับ!!!! / ค่ะ!!!!!! “

ผมละไม่แปลกใจเลยว่าความบ้าอำนาจมาจากไหน 

“ ดี!!  นั้นก่อนจะจบการเชียร์ในวันนี้  ผมจะให้การบ้านพวกคุณ!!!  ให้พวกคุณไปจำชื่อเพื่อนมาให้ได้อย่างน้อยคนละ 300 ชื่อ !!!  แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาทดสอบ!!!  ว่าพวกคุณสนใจที่จะอยากรู้จักเพื่อนของพวกคุณแค่ไหน!!! “

บ้ารึป่าวพี่คุณชาย  ให้จำชื่อเพื่อนให้ได้ 300 ชื่อในวันเดียว  จะมีใครที่ไหนทำได้กัน  โธ่ไอ้คนบ้าอำนาจ!!!

หลังจากที่ประธานเชียร์สุดหล่อของพวกสาวๆเดินออกไป พวกพี่ว๊ากหน้าเถื่อนก็เดินตามหลังออกไปติดๆ  จากนั้นพี่ๆปี 2 ก็กลับเข้ามาเอนเตอร์เทรนพวกเราต่อ  แต่ตอนนี้ดูท่าทางหลายๆคนจะไม่มีอารมณ์ร่วมแล้วละครับ  บ้างก็บอกว่าจะไม่เข้าเชียร์บ้าง  บางส่วนก็เริ่มต้นทำความรู้จักและจำชื่อเพื่อนกันทันที

จบการเชียร์พวกผม 4 คนออกมาหาข้าวกินกันที่หน้ามอก่อนจะแยกย้ายกันกลับหอ  ส่วนผมแวะซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนจะค่อยๆเดินกลับคอนโดครับ  ไม่ค่อยอยากรีบกลับสักเท่าไหร่  เดินชิลๆไปดีกว่า  ซึ่งไม่เกิน 20 นาทีก็คงถึงครับ


......................


ที่คอนโด

ผมเปิดประตูเข้าห้องมา  ซึ่งทั่วทั้งห้องยังคงมืดสนิท  สงสัยท่านประธานเชียร์คงยังไม่กลับ  ผมเปิดไฟที่ห้องครัวก่อนจะจัดแจงข้าวของต่างๆที่ซื้อมาเก็บไว้ให้เป็นระเบียบ  ไม่ค่อยอยากรบกวนท่านประธานสักเท่าไหร่  กินของเขาทุกวันแบบนี้  เดี๋ยวจะดูไม่ดีครับ

ผมเข้าไปอาบน้ำในห้องก่อนจะออกมานั่งดูทีวีที่โซฟาและเผลอหลับไปจากความเพลียตลอดทั้งวัน  สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่พี่เขาเปิดประตูเข้ามา  ดูท่าทางพี่เขาจะเพลียอยู่เหมือนกัน  ผมมองดูนาฬิกาที่ผนังซึ่งบอกเวลากว่า 5 ทุ่มแล้ว  พี่เขามองผมอยู่เล็กๆ  ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป  ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายฝากผมเวฟไส้กรอกทิ้งไว้ให้ด้วย  ดูท่าแล้วคงยังไม่ได้กินข้าวมาแน่ๆ ครับ  เห็นสภาพนี้แล้วมันก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้

ผมเวฟข้าวกล่องให้ตามคำสั่ง  ก่อนจะเวฟข้าวกระเพราไก่  อาหารกล่องในเวลาเร่งด่วนของผม  และน้ำส้มทิ้งไว้ให้บนโต๊ะกลมที่ห้องครัว  อย่างน้อยกินอะไรที่ให้สารอาหารมากกว่าโปรตีนจากไส้กรอกเสียหน่อยก็ยังดี  แถมเครื่องดื่มคุณชายท่านก็มีแค่น้ำเปล่า แอลกอฮอล์  น้ำอัดลม  และนมจืดแค่นั้น  ผลไม้หรือน้ำผลไม้ก็ไม่มีเลยสักนิดครับ

ผมกลับเข้าไปในห้องก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงและหลับเป็นตาย  รู้สึกเพลียจังครับ  คงเพราะกิจกรรมเชียร์ละมั้งครับที่ทำให้ผมหมดแรงได้ขนาดนี้  เอาเป็นว่าวันนี้คงต้องชัตดาวน์ตัวเองแล้วละครับ  พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่


.........................


วันรุ่งขึ้น

โทรศัพท์มือถือผมยังคงปลุกผมตอน 7 โมงเช้าเหมือนเดิม  และก็เหมือนเมื่อวานครับที่ทีวีถูกเปิดไว้เพื่อฟังข่าว  ในขณะที่เจ้าของห้องยังคงทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเช่นเคย

“ เหมือนเมื่อวานแต่ไม่เอานมนะ “ 

“ คร้าบ.... “  ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ตื่นดีสักเท่าไหร่ 

ว่าแต่...  ผมคิดอะไรสนุกๆได้อย่างละครับ

“ พี่กิจ...  ผมชงกาแฟไว้ให้เลยนะครับ  พี่กาแฟกี่ช้อน  ครีมเท่าไหร่  น้ำตาลเท่าไหร่ครับ “

“ กาแฟช้อนครึ่ง  ครีม 1 น้ำตาล 2 “ 

ได้เลยเดี๋ยวจัดให้ครับคุณชาย

“ ครับพี่ “

ผมล่อกาแฟไป 4 ช้อน ครีม 1 น้ำตาล 0 ครับ  ขอผมเอาคืนบ้างเถอะ  สั่งดีนัก  หึๆๆ

แต่ก่อนที่ผมจะไม่ปลอดภัย  ผมต้องรีบกินและรีบเข้าห้องก่อนที่พี่เขาจะออกกำลังกายเสร็จครับ  ว่าแล้วผมก็รีบสวาปรามทันที  ก่อนจะรีบเผ่นเข้าห้องไปและไม่ลืมที่จะล็อคห้องไว้ด้วย

...................................

ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  ทุกอย่างดูเงียบผิดปกติไป  ผมคิดว่าพี่เขาจะมาทุบประตูหรือตระโกนว่าผมซะอีก  แต่เงียบไปเลย  มันน่าแปลกมากครับ

ผมค่อยๆ เปิดประตูห้องออก  มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง  เผื่อพี่เขาอาจจะซุ่มอยู่รอผมออกมาก็เป็นได้  แต่ก็ไม่มีครับ  แถมดูท่าแล้วน่าจะออกห้องไปก่อนผมเหมือนเดิมอีกแล้ว 

น่าแปลกมาก...?  แต่ช่างมันเถอะ...  รีบไปเรียนดีกว่าเดี๋ยวจะสายเอา


..................................


5 โมงเย็น ณ หอประชุมคณะ

พวกผมทั้งสี่คนยังคงมาประชุมเชียร์เหมือนเดิม  แม้เพื่อนบางส่วนจะโดดเชียร์กันบ้างก็ตามที  แต่นั่นก็แค่ส่วนน้อยครับ ที่สำคัญ  ผมคงจะทำแบนั้นเหมือนคนอื่นไม่ได้หรอก  ไม่งั้นท่านประธานเชียร์เอาผมตายแน่

เมื่อการประชุมเชียร์เริ่มขึ้น  สิ่งแรกที่ท่านประธานเชียร์สุดหล่อต้องการก็คือการบ้านเมื่อวานนี้ครับ

“ 0014 คุณกันต์  ยืนขึ้น!!!  ผมจะทดสอบคุณนะว่า!!!  คุณสนใจที่จะอยากรู้จักเพื่อนๆของคุณแค่ไหน !!! “

เอาแล้วไง...  ทำไมต้องเริ่มที่ผมด้วยเนี่ย  แถมเอาจริงๆ  แค่ใน sec เดียวกันผมยังจำได้ไม่หมดเลยครับ

“ ทุกคนกลับป้ายชื่อ!!!  ทีนี้ผมจะชี้เพื่อนของคุณ!!!  แล้วจะให้คุณ!!  บอกว่าเขาชื่ออะไร!!! “

จากนั้นท่านประธานเชียร์สุดหล่อก็เริ่มชี้คนนั้นที  คนนี้ที  ส่วนผมน่ะเหรอ....

“ตอบไม่ได้!!! “ 

เอ่อ....

“ ทำไมถึงไม่รู้จัก!!! ”

อ่า...

“ นี่คุณไม่อยากรู้จักเพื่อนของคุณอย่างนั้นเหรอ!!! “ 

อยากรู้สิ  แต่...  เห้ยใจเย็นๆ!!!

ชี้มา 10 กว่าคนผมตอบได้แค่ 2 คนเองครับ  ก็รวมทุกภาควิชาแล้ว ปี1 รุ่นผมนี่มีนักศึกษารวมกันเกือบ 900 คนเลยนะครับ  วันเดียวจะให้จำได้ขนาดนั้นได้ยังไง

แต่ว่า...  เหมือนผมจะเห็นสีหน้าชอบใจของท่านประธานเชียร์ที่ทำกับผมแบบนี้เลยนะครับ

สุดท้าย  ปีหนึ่งก็ถูกเรียกให้ทดสอบอีก 4 – 5 คน  ซึ่งก็ไม่มีใครทำได้เลยสักคน แล้วบทลงโทษพวกเราก็คือการลุกนั่ง 46 ครั้งตามรุ่นที่ 46 ของพวกผม  แต่ไม่ได้จบแค่นี้นะครับ  เรายังต้องฝึกปรบมือและร้องเพลงจนคอแทบแตกอีกกว่าชั่วโมง  และจบด้วย….

“ พวกคุณ!!!  มองไปรอบๆซิ!!!  เห็นรุ่นน้องของพวกผมมั้ย!!  พี่ปี 2 ที่บอกว่าจะรับคุณเป็นรุ่นน้องน่ะ!!! “

“ เห็นครับ!!! / ค่ะ!!! “

“ งั้นคุณไม่อยากรู้จักพวกเขาอย่างนั้นเหรอ!!! “ 

นั่นไง...  งานเข้าอีกแล้วครับ...

“ อยากรู้จักครับ!!! / ค่ะ!!! “

“ ถ้าอย่างนั้น!!  ผมจะให้เวลาคุณ 2 วัน!!!  ทำความรู้จักชื่อและขอลายเซ็นพี่ๆ ของพวกคุณ!!!  อย่างน้อย 100 คน!!!  ทำได้มั้ย!!! “

“ ทำได้ครับ!!! / ค่ะ!!! “

“ ดี!!!  แต่สำหรับรุ่นผมขึ้นไป!!!  พวกคุณไม่ต้องเข้ามา !!!  เพราะพวกผมยังไม่รับพวกคุณเป็นรุ่นน้อง!!! “


……………………..


จากวันนั้น  ความสนุกและความวุ่นวายก็เริ่มต้นขึ้นในคณะ  เพราะการจะได้มาซึ่งลายเซ็นของพี่ปี 2 นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ  เพราะต้องแลกกับการทำอะไรให้พี่เขาสักอย่าง  บางคนก็โดนใช้ไปซื้อน้ำ  บางคนก็ให้ตระโกนอะไรแปลกๆ  บ้างก็เต้นอะไรตลกๆ  มันก็ดูครึกครื้นดีนะครับ  ยิ่งช่วงเที่ยงๆที่โรงอาหารคณะด้วยแล้ว  มันทำให้พวกผมกินข้าวกันแทบไม่ได้เลย  นั่งขำกันทั้งกลุ่มกับการมองเพื่อนๆปี 1 ทำอะไรแปลกๆ  ล่าสุดนี่ไอ้แน็คไปขอลายเซ็นพี่รหัสตัวเอง  มันโดนบอกให้ตะโกนบอกชอบไอ้เจมส์ที่มาด้วยกันกลางโรงอาหารเลยครับ  ผมกับไอ้เรย์นี่หัวเราะกันแทบกลิ้งเลย

จนมาถึงเดทไลน์วันสุดท้ายวันศุกร์สุดสัปดาห์  วันนี้ลายเซ็นรุ่นพี่ของผมยังมีแค่ 90 กว่าคนเองครับ ส่วนไอ้เพื่อนทั้ง 3 นี่ครบกันหมดแล้ว  ไม่รู้มันแอบไปขอพี่ๆเขาตอนไหนไม่ชวนผมเลย  แม่ง…

“ ทันอยู่แล้วมึง “  ไอ้เรย์บอกผมขณะกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารคณะครับ

“ อืม..  แต่เดี๋ยวต้องให้เสร็จเที่ยงนี้นี่แหละ “  ผมบอกไปพลางมองไปรอบๆ โรงอาหารหาพี่ๆปี 2  ไม่นานผมก็เจอคนที่ผมคิดว่าจะขอลายเซ็นง่ายๆละครับ  ว่าแล้วก็เดินเข้าไปหาเลยดีกว่า

“ เฮ้ย! ไอ้เรย์  กูฝากเก็บจานด้วยนะ  เดี๋ยวกูไปล่าลายเซ็นแปบ “

“ เอ๊าเชี่ยนี่  ใช้กูอีก “  ผมได้ยินเสียงมันบ่นตามหลังมา  แต่ผมก็ได้แค่ทำหูทวนลมก่อนจะเดินเข้าไปหาเป้าหมายของผมที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะตรงสุดโรงอาหาร

“ พี่ซีหวัดดีครับ “  ผมกล่าวทักทายพี่รหัสพร้อมรอยยิ้ม  ซึ่งพี่เขาก็ยิ้มน่ารักตอบกลับมาให้ด้วยเช่นกัน  ผมมองไปรอบๆโต๊ะที่พี่เขานั่งก็เห็นว่ามีเพื่อนๆพี่เขาอีก 3 คน รวมพี่เขาก็เป็น 4 คนครบตามจำนวนที่ผมขาดพอดี

“ เป็นไงบ้างเรา “  พี่เขาถามขึ้น  ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆครับ  การเรียนไม่เท่าไหร่หรอก  แต่เรื่องเข้าเชียร์กับคุณชายที่คอนโดนี่สิทำผมเหนื่อยเลยครับ

“ ก็เรื่อยๆครับพี่  เอ่อพี่ซี...  คือพี่ช่วยเซ็นลายเซ็นให้หน่อยได้มั้ยครับ  ตอนนี้ผมขาดอีก 4 ลายเซ็นอะครับ  จะไม่ทันแล้วด้วย “  ผมอ้อมแอ้มพูดขอไป  พี่เขาก็ยิ้มๆก่อนจะขอสมุดรายเซ็นจากผมไปและเซ็นให้โดยไม่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรเลย

“ อะนี่...  พวกมึงเซ็นก็ให้น้องรหัสกูด้วย “  พี่ซีพูดจบก็ส่งสมุดเชียร์และปากกาไปให้รุ่นพี่อีก 2 คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที

“ ได้เลย  นั้นก่อนพี่จะเซ็นพี่หิวน้ำมาก... “

“ พอเลยพวกมึง  นี่น้องกูเซ็นฟรีเว้ย “  ผมที่ได้แต่ยืนยิ้มแหยๆ  มองพี่สองคนตรงข้ามพี่ซีทำท่าอิดออดเล็กน้อย  แต่ก็ยอมเซ็นให้ผมแต่โดยดีครับ  ทีนี้ก็เหลืออีกแค่ลายเซ็นเดียวแล้ว

ผมมองไปยังรุ่นพี่ที่นั่งข้างๆพี่ซี  รุ่นพี่คนนี้ค่อนข้างจะหล่อเท่ห์เลยทีเดียวครับ  ผมเห็นพี่ซีหยิบสมุดจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะก่อนจะส่งไปให้ยังคนข้างๆ

“ อะเอ็กซ์  เซ็นให้น้องซีด้วยนะ  คนสุดท้ายแล้ว “

“ ซี...  เอ็กซ์ก็อยากเซ็นให้น้องซีง่ายๆ อยู่หรอกนะ  แต่..  พี่รหัสเอ็กซ์อะดิ..  สั่งมาแถมกำชับด้วยว่าถ้าเป็นน้องกันต์นี่ต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น “

“ พี่กิจอะนะสั่ง “  พี่ซีถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อ  ในขณะที่พี่เอ็กซ์ก็ได้แต่พยักหน้าป้อยๆ เหมือนจะรู้สึกผิด  แต่ผมนี่ไม่แปลกใจเลยครับ  คิดจะแกล้งกันใช่มั้ย  ไม่เป็นไรผมไม่ยอมแพ้หรอก  ยังไงผมจะเอาลายเซ็นนี้มาให้ได้เลยคอยดู

ถ้าได้แล้วเย็นนี้กลับคอนโดไป  ผมจะเอาไปโชว์ให้บางคนเห็นสักหน่อย หึๆๆๆ 

ดูซิจะทำหน้ายังไงถ้าเห็นผมได้ลายเซ็นน้องรหัสตัวเองมาแบบนี้

“ ไม่เป็นไรครับพี่  ผมทำได้ทุกอย่างเลยครับ “  ผมยิ้มรับท่าทางมั่นใจให้ไป  พร้อมทั้งรู้สึกฮึกเหิมกับลายเซ็นสุดท้ายนี้ขึ้นมาแล้วด้วย

“ เอางั้นเหรอน้อง...  คือถ้าน้องจะเอาลายเซ็นนี้อะ  น้องต้องวิ่งรอบสนามบาสตามจำนวนรุ่นของน้องนะ “  แย่แล้วไงไอ้กันต์  วิ่งรอบสนามบาสตามจำนวนรุ่น  อย่างนั้นก็ 46 รอบอะดิ  แถมแดดจัดขนาดนี้ด้วยนะ

ไม่ไหวแน่เลยผม.....

“ เอ็กซ์.... “

“ อะๆ  เพื่อตัวเองเลยนะเนี่ย...  เดี่ยวเอ็กซ์ลดให้น้องเขาก็ได้  เอาแค่ครึ่งเดียวก็พอ “  พี่เอ็กซ์บอกพี่ซีเหมือนกลัวๆยังไงก็ไม่รู้  ทำอย่างกับเป็นแฟนกันเสียอย่างนั้น

“ มันก็ยังเยอะอยู่ดีอะ “  พี่ซียังคงพยายามช่วยผมต่อ

“ ลดกว่านี้ไม่ได้แล้วอะ...  เพราะ... “  พี่เอ็กซ์ไม่พูดออกมาแต่กระซิบที่ข้างหูพี่ซีแทน  ซึ่งพี่ซีเองก็ดูจะเข้าใจมากขึ้น  เลยไม่ได้ทักท้วงอะไรต่อ

“ นั้นพี่ว่ากันต์ไปขอคนอื่นดีกว่ามั้ย  น่าจะง่ายกว่านี้ “  พี่ซีบอกมา  ส่วนพี่เอ็กซ์ก็รีบพยักหน้าป้อยๆ เห็นด้วยกับพี่ซี

“ อืม...  ไม่ดีกว่าครับ  ท้าทายดีพี่  ยิ่งประธานรุ่นอย่างพี่กิจตั้งใจไม่ให้ลายเซ็นนี้กับผม  ผมยิ่งต้องเอามาให้ได้ “  ผมทำเก่งบอกไปครับ  ส่วนจะทำได้รึเปล่านั้นก็ต้องว่ากันอีกที 

เห้อ...  ปากเก่งจังเลยผม...


.........................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา
«ตอบ #7 เมื่อ02-01-2018 15:03:08 »

ที่สนามบาส

แดดวันนี้แรงมากครับ  จนไม่มีใครมาเล่นบาสกันเหมือนทุกวันเลย  ผมมองไปรอบๆ เมื่อเดินมาถึงพร้อมกับพวกพี่ๆ กลุ่มพี่ซี  รู้สึกเหมือนคิดผิดที่ทำเก่งไปแบบนั้นซะแล้วครับ

“ เปลี่ยนใจยังทันนะกันต์ “  พี่ซีถามย้ำอีกครั้ง  แต่ถ้าผมยอมถอยตอนนี้ก็อายกันพอดีสิครับ  ปากเก่งไปซะขนาดนั้น

“ ไม่เป็นไรพี่  สบายมาก  นั้นผมเริ่มเลยนะครับ “  ว่าแล้วผมก็เริ่มสตาร์ทออกตัววิ่งทันทีครับ 

รอบ 1 รอบ 2 ผ่านไปได้แบบชิลๆครับ  มันก็ไม่ยากเกินไปนี่น่า  ถึงแดดจะร้อนมากก็เหอะ  แต่ผมยังสบายๆอยู่เลย

รอบที่ 6  ตอนนี้เหงื่อผมเต็มเสื้อไปหมดแล้วครับ  แถมเริ่มหายใจถี่มากขึ้นด้วย  แต่พอมองกลับไปทางกลุ่มพี่ๆเขา ก็ดูเหมือนจะมีคนออกมามุงดูว่าไอ้บ้านี่มันมาวิ่งบ้าอะไรรอบสนามบาสตอนแดดเปรี้ยงๆแบบนี้  มันยิ่งกดดันให้ผมยอมแพ้ไม่ได้ไปในตัว

รอบที่ 10 คราวนี้ผมมองไปยังบริเวณที่พวกพี่ซียืนกันอยู่  ก็พบใครบางคนกำลังยืนยิ้มชอบใจมองผมอยู่ครับ  ซึ่งไม่ต้องถามผมก็คงรู้นะครับว่าใคร...

ใช่แล้วครับ  จะใครที่ไหนไม่ได้นอกจากท่านประธานเชียร์สุดหล่อของเราเนี่ยแหละ....

จากที่แทบจะหมดแรงแล้ว  เห็นสีหน้าและรอยยิ้มชอบใจแบบนั้น  แรงฮึดของผมก็กลับมาอีกครั้ง  แถมคราวนี้ผมวิ่งเร็วกว่าปกติด้วยครับ  จะได้รู้กันไปครับท่านประธาน

รอบที่ 16  ตอนนี้ผมเริ่มหายใจถี่มากขึ้นและความเร็วก็ตกลงไปมาก

รอบที่ 17  ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างเดินกับวิ่งอันไหนมันจะไวกว่ากัน  เพราะผมเริ่มวิ่งแบบลากขาแล้ว

รอบที่ 18  หัวใจผมเหมือนจะเต้นเร็วกว่าปกติแล้วละครับ  ผมเหมือนจะหายใจไม่ทันแล้วด้วย  แต่อีกนิดเดียว...  ผมต้องวิ่งให้ครบให้ได้

รอบที่ 19  หูผมเริ่มจะอื้อ  ผมเหมือนจะมองอะไรไม่ชัดแล้วละครับ  ทุกอย่างมันค่อยๆมืดลงไปเรื่อยๆ  และตอนนี้ผมก็.....

.....................................

“ เห้ยไอ้กันต์ “

ผมเหมือนจะได้ยินเสียงคุณชายเลย  แต่ผมมองอะไรไม่เห็นเลยครับตอนนี้

“ อย่ามุงครับ  ขออากาศให้น้องก่อนครับ “

อันนี้เสียงพี่ซีแน่นอน  แล้วใครกันที่อุ้มผมอยู่ตอนนี้นะ ?

“ มีใครมียาดมมั้ย “  เหมือนได้ยินเสียงคุณชายอีกรอบครับ  แถมมีคนกำลังปลดกระดุมเสื้อผมอยู่ด้วยตอนนี้

“ ขอบคุณครับน้อง “  ยาดมที่จ่อส่ายไปมาบริเวณจมูกทำให้ผมรู้สึกหายใจโล่งขึ้นครับ อีกทั้งยังรู้สึกเย็นๆ เหมือนมีลมพัดมาตลอดเลย 

จากทุกอย่างที่ดูมืดมนไปหมด  ตอนนี้มันเริ่มค่อยๆสว่างชัดเจนขึ้นมาทีละน้อยๆ แล้วครับ  และสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือใบหน้าหล่อๆ ที่ผมคุ้นเคย  แต่ตอนนี้มันต่างออกไปจากทุกทีที่ผมเคยเห็น  มันไม่ใช่ใบหน้านิ่งๆ เย็นชา  หรือดุร้ายเกรี้ยวกราด  แต่กลับเป็นสีหน้าที่มีความรู้สึกเหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วๆไป  ที่สำคัญ..ความรู้สึกเป็นห่วงที่ผมไม่คิดว่าเขาจะมีให้ผมแบบนี้

ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว  แต่ทำไมหัวใจกลับยังคงเต้นระส่ำแปลกๆ  สายตาผมตอนนี้ไม่ได้เบี่ยงเบนไปที่ไหนเลยนอกจากสีหน้าที่เป็นห่วงของพี่กิจ

รู้สึกดีแฮะ..  ถ้าทุกวันพี่เขาไม่เย็นชาและทำหน้าดุใส่ผมบ่อยๆก็คงจะดีนะครับ

“ เป็นไงบ้างกันต์  ดีขึ้นมั้ย “  พี่กิจที่กำลังเอาเอกสารการเรียนปึกบางๆพัดให้ผมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา  ผมรู้สึกได้ว่าพี่เขาเป็นห่วงผมจริงๆนะครับ

“ ดีขึ้นละครับ... “  ผมตอบไป  เมื่อสายตาผมตอนนี้มองภาพได้สดใสเหมือนปกติและรู้สึกดีขึ้นแล้ว  ขณะที่พี่ซียังคงให้ผมดมยาดมต่อและพี่กิจก็ยังคงพัดลมใส่หน้าอกผมที่ถูกปลดกระดุมออกมาในตอนนี้

ไม่นานสีหน้าพี่กิจก็เปลี่ยนไป  กลับมาทำหน้าดุใส่ผมเหมือนเดิม  ก่อนจะส่งเอกสารการเรียนไปให้พี่เอ็กซ์พัดต่ออย่างรู้หน้าที่

“ วันหลังอะ..  ถ้าไม่ไหวก็อย่าทำเป็นเก่ง  เดือดร้อนคนอื่นเขาหมด “

พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุๆเหมือนเดิม  ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากบริเวณนี้...

ก็จริงอย่างที่พี่เขาบอกนั่นแหละครับ  ผมเนี่ยแหละที่ผิด  เพราะถึงพี่เขาจะแกล้ง  แต่ผมก็ไม่ควรทำอะไรที่ฝืนตัวเองจนเป็นเหตุให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะผมแบบนี้

ผมนี่มัน...
 
แย่จริงๆนั่นแหละ...


.....................................


ที่คอนโด

กว่า 2 ทุ่มแล้วที่ผมกลับเข้ามาถึงคอนโด  และต้มมาม่ากิน  ด้วยอารมณ์หงอยๆ อย่างบอกไม่ถูก  เพราะตลอดเข้าเชียร์เย็นนี้  พี่กิจไม่มองไม่เรียกผมเลยแม้แต่น้อย  ท่าทางพี่เขาคงจะโกรธผมเรื่องเมื่อตอนบ่ายมากๆ เลยอะครับ  วันนี้ผมเลยไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรอร่อยๆกินเลย  นี่ถ้าวันนี้พี่เขาดันกลับห้องมาไวด้วยแล้ว  ผมคงสู้หน้าพี่เขาไม่ไหวหรอก  รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ครับ  ผมไม่น่าอวดดีทำปากกเก่งไปแบบนั้นเลย

“ แกร๊ก!! “

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก  ผมที่นั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวกลมตัวเล็กในห้องครัวหันมามองทางขวาทันที ก่อนจะเห็นร่างสูงใหญ่หิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามาในตอนนี้ 

ผมเหลือบตามองหน้าพี่กิจเล็กน้อย  หน้าพี่เขายังคงนิ่งเย็นชาไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม  แต่ไม่ทันที่ผมจะละสายตาออกมา  พี่เขาก็เหลือบตามามองผมพอดี  รู้สึกเหมือนจะโดนด่าเลยแฮะ  ว่าแล้วก็หลบสายตาพี่เขาก้มลงมายังชามมาม่าที่ผมยังไม่ได้กินเลยแม้แต่คำเดียวจะดีกว่า

“ อะนี่!!  แดกแบบนี้เมื่อไหร่ก็ไม่แข็งแรง “  ผมที่กำลังคาบเส้นบะหมี่สำเร็จรูปอยู่เงยหน้ามองร่างสูงที่มายืนอยู่ตรงหน้า  พร้อมทั้งวางถุงอาหารเยอะแยะลงบนโต๊ะ  แค่ได้กลิ่นก็ทำเอาผมท้องร้องอีกรอบแล้วละครับตอนนี้

“ ยังทำหน้างงอีก  กูซื้อมาให้กินแล้วยังต้องเตรียมใส่จานมาให้อีกเหรอ “
 
พี่เขาพูดต่อพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอีกฝั่งตรงข้าม  ส่วนผมนี่ยังคงงงอยู่ครับ  คืออาหารพวกนี้พี่เขาซื้อมาให้ผมด้วยเหรอ  ไม่ด่าผมหรอกเหรอ...  กับเรื่องเมื่อตอนกลางวันนี้น่ะ

ผมมองไปที่อาหารในถุง  มันเป็นเซตเบนโต๊ะเซตใหญ่ใส่มาในกล่องไม้ 2 กล่อง  ส่วนอีกถุงเป็นไก่ทอดยี่ห้อหนึ่งและน้ำอัดลมครับ

ผมเอาอาหารออกจากถุง  ไปหยิบจานมาใส่ไก่และแก้วมา 2 ใบ  เอาชุดเบนโต๊ะออกมา  เลื่อนไปให้คุณชายท่าน  และไม่ลืมที่จะรินน้ำอัดลมใส่แก้วให้ด้วย  จากนั้นผมจึงค่อยๆ เปิดดูเซตเบนโตะตรงหน้า  ตาผมลุกวาว  น่ากินมากครับ  คนละเรื่องกับมาม่าของผมเมื่อสักครู่นี้เลย

“ ไม  ไม่ชอบกินเหรอ “  พี่กิจถามขึ้น

“ ป่าวพี่  ก็แค่แปลกใจว่าทำไมจู่ๆ พี่ถึงซื้ออาหารมาเลี้ยงผมแบบนี้ “  ผมบอกไปตามจริงครับ

“ ทำไม!  ไม่ชอบนั้นก็ไม่ต้องกิน “  พี่เขายื่นมือมาจะดึงถาดไป  แต่ผมหวงเอาไว้ครับ

“ เปล่าพี่  กินสิคร้าบ  แหม...แซวหน่อยก็ไม่ได้ “

“ ก็...  เดี๋ยวแม่กูจะหาว่ากูดูแลมึงไม่ดี  นานๆให้แดกของดีๆบ้าง  จะได้ไม่ไปเป็นลมที่ไหนอีก “

“ เหรอ..  ก็นึกว่าอยากจะไถ่โทษที่แกล้งผมซะอีก “  ซวยละไงครับเหมือนว่าความคิดผมจะดังออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่ทันจะรู้ตัว  พี่เขามองผมเขม็งเลยครับตอนนี้

“ กูไม่ด่ามึงก็ดีถมแล้ว  ทำอะไรไม่รู้จักประมาณตัว  วันหลังอย่าให้กูเห็นว่ามึงทำอะไรแบบนี้อีกนะ..”

“ ครับ... “  ผมตอบรับเป็นหมาหงอยเลยตอนนี้  เมื่อเห็นสายตาดุๆของพี่เขามองมา

“ กินไปได้แล้ว  พูดมาก... “

นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากพี่เขาในวันนี้...  แต่อย่างน้อยผมก็ไม่โดนว่าเหมือนที่คิดเอาไว้เสียอีก  ดูๆไปแล้วพี่เขาก็ใจดีอยู่บ้างนี่นา
 
ว่ามั้ยครับ...




TBC.

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่กิจแอบใจดีน้า

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  4



กันต์'s  Part




“ ก๊อกๆๆๆ!!!! “

อะไรเนี่ย...  วันหยุดแท้ๆ ใครมาเคาะห้องกันแต่เช้านะ...

“ ก๊อกๆๆๆ!!!! “

………..

“ ก๊อกๆๆๆ!!!! “

อะไรวะ!!!

ผมเดินงัวเงียมาเปิดประตูออกทันทีอย่างขัดใจ  จนลืมไปว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวนี่หว่า...

นั่นไง  ไอ้คุณชาย  มาเคาะอะไรแต่เช้าเนี่ย  นี่มันวันเสาร์นะพี่

“ ขี้เซาจังวะ  กูเคาะตั้งนานแล้วนะ...  ปะเร็ว!  มาออกกำลังกายกับกู “

ออกกำลังกาย...  อะไร ? 

ผมเคยบอกตอนไหนว่าจะออกกำลังกายด้วย  ไม่อ้าวววว...  ว่าแล้วผมก็รีบดึงประตูจะปิดห้องทันที  แต่มือแข็งแรงดันมาผลักขวางเอาไว้เสียก่อน  ผมเลยได้แต่ทำหน้ายู่มองคนตรงหน้า

“ อะไรกันพี่  พี่ก็ไปออกกำลังกายของพี่ดิ  ผมจะนอนต่อแล้ว  นี่มันวันหยุดนะพี่ “

“ กูคิดแล้วว่ามึงน่ะอ่อนแอเกินไป  จากนี้...  มึงต้องมาเริ่มออกกำลังกายกับกูทุกวัน  อย่างน้อยก็วันละ 15 นาทีไปก่อน “ 
อ้าวเห้ย  ทำไมคิดเองเออเองแบบนี้ล่ะพี่

“ ไม่อาว.... “

“ มันเป็นกฎข้อที่ 4 ของการอยู่ที่นี่ “ 

ไอ้!!.... 

สุดท้ายผมก็ทำได้แค่จิ๊ปากอย่างขัดใจไปเท่านั้น  จะด่าก็ไม่กล้า...เพราะแม่งเวลาโหดแล้วน่ากลัวจะตาย 

อีกอย่าง...  ถ้ารักจะอยู่เป็นทาสคุณชายท่านที่นี่  ก็คงต้องทำตามกฎของท่านแต่โดยดี

“ ให้เวลา 5 นาทีล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาหากูด้านนอก “

ฮือๆๆๆ.......


…………………………


ผมเดินหน้าบูดมายังบริเวณออกกำลังกายริมกระจกใสกว้าง  นี่มันพึ่งกี่โมงกัน  มองออกไปด้านนอกกระจกไกลๆ  ฟ้ายังสลัวอยู่เลย...

คุณชายที่กำลังนั่งซิทอัพหันมามองผม ในขณะที่ผมเองก็มองตอบกลับไป  วันนี้คุณชายใส่เสื้อกล้ามสีดำขับผิวขาว  และยังเผยให้เห็นกล้ามแขนเป็นมัดๆเลยครับ  เห็นแล้วอยากได้หุ่นแบบนี้บ้างจัง

“ เริ่มจากวิ่งวันละ 15 นาทีก่อนละกันมึงอะ “  พี่เขาพูดจบ  ผมก็เดินไปที่ลู่วิ่ง  แล้วมันใช้ยังไงหว่า  ผมได้แต่มองสำรวจไปรอบๆ ก่อนครับ แค่เปิดยังไม่เป็นเลย  จากนั้นไม่นานเหมือนพี่เขาจะรู้  ก็เลยเดินเข้ามาหาผม

“ โง่จริง..  เปิดตรงนี้...  เวลาจะปรับความเร็วก็ตรงนี้  ส่วนนี่เวลา  ตรงนี้แคลลอรี่... “  ก็ฟังไปงั้นแหละครับจำได้ไม่หมดหรอก  เอาที่สำคัญๆก็พอ  เมื่อพี่เขาอธิบายเสร็จเขาก็กลับไปซิทอัพต่อ  ส่วนผมก็เริ่มกดเพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆ เตรียมจะวิ่งแล้วละครับ  แต่..

“ ปึก!!! // โอ้ย!!! “

คือผมปรับความเร็วมากไปจนเท้าเริ่มตามไม่ทันและถอยหลังเซถลาล้มลงไปชนกำแพงด้านหลังครับ  เจ็บไม่เท่าไหร่นะ...  แต่อายนี่สิครับที่แย่กว่า...

“ ฮะๆๆๆ .... เล่นตลกเหรอมึง ”  ยังมีหน้ามายิ้มขำผมอีก  แทนที่จะมาช่วยน้อง  แม่ง... 

แต่เอ๊ะ!... 

ยิ้มเหรอ ? 

จะว่าไปผมก็ยังไม่เคยเห็นพี่เขายิ้มเลยนะครับตั้งแต่เจอกันมา  ยิ่งเวลาสวมบทประธานเชียร์ด้วยยิ่งแล้ว  มีแต่สีหน้าเย็นชาเพียงอย่างเดียวเลย  จะได้มาเห็นพี่เขายิ้มก็วันนี้แหละครับ  เวลาเขายิ้มหัวเราะนี่ก็ดูสดใสดีนะครับ  มีเสน่ห์เอามากๆ  ถ้ายิ้มบ่อยๆ นี่สาวๆ ติดตรึมแน่เลย  เพราะขนาดไม่ยอมยิ้ม  คนยังกรี๊ดกันไม่หยุดขนาดนี้ 

โลกเรานี่ช่างลำเอียงจริงๆ  เอาสิ่งดีๆยัดไปในตัวคนๆนี้ซะหมด  จนไม่เหลือเผื่อมาไว้ให้ผมบ้างเลย  เห้อ...

ว่าแต่...  อย่างนี้ผมก็เป็นปีหนึ่งคนแรกสิครับที่ได้เห็นรอยยิ้มพี่เขา.... 

แล้ว...  นี่ผมจะดีใจทำไมเนี่ย...

“ มานี่...  มาถึงแรกๆมึงก็ปรับแค่นี้พอ  ค่อยๆเดินไปก่อนเป็นการวอร์มร่างกาย  แล้วก็ค่อยๆวิ่ง  ปรับระดับความเร็วไปทีละนิด  เข้าใจมั้ย...  “  พี่เขาเรียกผมไปสอนอีกครั้ง  ผมก็ได้แต่พยักหน้าตามป้อยๆ

“ แล้วอย่าเล่นตลกให้กูดูอีกล่ะ ฮะๆๆๆ “

“ ก็อย่าขำผมดิ  เดี๋ยวกลับไปนอนนะ “

“ ก็มันจริงนี่หว่า... “  ว่าจบพี่เขาก็กลับไปซิทอัพของเขาต่อครับ  แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่พี่เขายอมคุยกับผมด้วยรอยยิ้มเหมือนคนปกติสักที  สงสัยคงจะลืมตัว...  แต่ถ้านี่เป็นนิสัยจริงของพี่เขาก็คงดีสิครับ  ผมชอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแบบนี้จัง…


…………………………..


กว่าจจะครบ 15 นาทีเล่นเอาซะเหงื่อท่วมเลยครับ  แต่ผมก็ทำได้นะครับ  เห็นมั้ยล่ะ  ถ้าผมตั้งใจก็ทำได้...

ผมปิดเครื่องก่อนจะก้าวลงมาจากลู่วิ่ง  จากนั้นก็มีผ้าขนหนูสีขาวลอยมาติดหัวครับ

“ เอาไปเช็ดเหงื่อ... “ 

ผมรับมาแบบเขินๆครับ  รู้สึกทำตัวไม่ถูกเวลาที่เขาดีกับผมแบบนี้  เพราะปกติโมเมนต์แบบนี้ไม่มีทางมีได้หรอก  แต่จะว่าไปได้ออกกำลังกายแต่เช้าแบบนี้ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าดีนะครับ  ว่าแล้วก็ทำมื้อเช้ากินดีกว่า  เผื่อคุณชายท่านด้วย  ว่าแต่จะเป็นอะไรดี  ผมมองดูของในตู้เย็นที่ซื้อมาก็ตัดสินใจว่าจะทำซุปมักโรนีใส่ไก่กับแครอทดีกว่า  เช้าๆแบบนี้กินอะไรร้อนๆก็ดีนะครับ


……………………


ผ่านไปกว่า  20 นาที

“ ทำไรวะ “

เสียงพี่กิจดังมาจากทางด้านหลังผม  ขณะที่ผมกำลังชิมน้ำซุปอยู่  ก่อนจะได้กลิ่นไอเหงื่อและความร้อนจากร่างกายใกล้ๆไหล่ขวา  พี่เขาก้มตัวลงมาดูในหม้อ  แต่มันใกล้จนผมขยับตัวทำอะไรต่อไม่ได้เลย  พี่เขาพยักหน้าเล็กๆ ก็เดินออกไป  รู้สึกหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย  ไม่ได้รู้สึกกลัวนะครับ  แต่มันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้สิ  ผมหันไปมองพี่เขาที่กำลังก้มหาอะไรในตู้เย็นมากิน  ผมก็เลยพูดออกไป....

“ ผมทำเผื่อพี่ด้วยนะ... “  พี่เขาหันมามองผม  แต่ผมกลับไปกล้าสู้หน้าพี่เขาเสียอย่างนั้น  เลยหันกลับไปดูหม้อซุปที่กำลังจะได้ที่แล้วในตอนนี้แทน

“ พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงทำอาหารเป็นกับเขาด้วย “  พี่เขาปิดตู้เย็นเสร็จก็เดินมานั่งรอที่โต๊ะกลม  พอดีกับที่ซุปของผมเองก็เสร็จเรียบร้อย

“ ก็เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านกับพ่อสองคน  พ่อเองก็ไม่มีเวลามาทำอาหารให้กิน  ผมก็เลยหัดๆ ทำจาก you tube บ้าง หนังสือบ้าง  แล้วก็มาปรับๆเอาเองอะ “  ผมพูดไปพลางยกหม้อมาวางไว้ที่กลางโต๊ะ  ซุปมักโรนีน้ำใสมีแครอท   เนื้อไก่   แล้วก็ต้อนหอมอีกนิดหน่อย  ไม่ยากมากแต่ก็อร่อยนะครับ

ผมหยิบชามมา 2 ใบ ส่งให้พี่เขาพร้อมช้อนก่อนจะตักซุปแบ่งกัน  พี่เขาตักขึ้นมาดมๆเล็กน้อยอย่างไม่แน่ใจว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร  แต่ดูแล้วกลิ่นคงผ่าน  พี่เขาก็เลยลองชิมรสชาติต่อ  หน้าแกนิ่งอยู่เล็กน้อย  แต่แปบเดียวก็ยิ้มเล็กๆที่มุมปากขึ้นมาครับ

“ ทำอร่อยเหมือนกันนี่หว่า “  พี่เขาชมมา  ผมนี่หลุดยิ้มออกมาเลยครับ  ครั้งแรกนะเนี่ยที่เขาชมผม

“ ของมันแน่อยู่แล้ว “  ผมบอกไปแก้เก้อ

“ ชมหน่อยทำเป็นเหลิงนะมึงอะ “ 

“ ว่าแต่วันนี้พี่ไปไหนรึป่าวอะ “  กินไปได้สักแปบผมก็ถามพี่เขาครับ

“ อืม...  ไม่นะ  เสาร์อาทิตย์นี้กูว่าง  อยากพักว่ะ  คงไม่ได้ไปไหน  ทำไมวะ? “

“ เปล่าครับ  ก็ผมว่าจะทำความสะอาดห้องไง  เผื่อจะได้เข้าไปทำห้องพี่ได้ “  ผมบอกไปถึงหน้าที่ผู้อาศัยของผมครับ  เพราะช่วงวันธรรมดาผมมีเรียนเลยไม่มีเวลามากครับ  มาทำเต็มที่เอาวันหยุดดีกว่า  พี่เขาพยักหน้ารับเข้าใจเล็กๆ  ก่อนจะกลับไปสนใจที่อาหารตรงหน้าต่อ


....................................


กว่า 9 โมง เช้า.....

ผมเดินออกมาจากห้องหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  ก่อนจะเริ่มเตรียมตัวทำความสะอาดห้อง  ส่วนตอนนี้คุณชายนั่งเหยียดขาบนโซฟายาวเล่นไอแพดอยู่  จากนั้นผมก็เริ่มทำงาน  ซึ่งพอทำไปเรื่อยๆ แม่งเหนื่อยกว่าวิ่งเมื่อเช้านี้อีกครับ  ห้องก็กว้าง  ทั้งกวาด ทั้งถู ทั้งดูดฝุ่น จัดของให้เข้าที่  จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ห้องต้องห้าม...

“ พี่กิจ... “

ผมเรียกพี่เขา  ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาแล้ว  เขาหันมามองผมเหมือนจะถามว่าอะไร  ผมเลยบอกออกไป

“ ผมเข้าไปทำความสะอาดในห้องพี่นะ “ 

พี่กิจไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าเล็กๆ  จากนั้นผมก็เลยเดินไปเปิดประตูห้องพี่เขาเข้าไป  นี่เป็นครั้งแรกครับที่ผมเคยเข้ามาในห้องนี้  ภายในตกแต่งแบบเรียบๆแต่หรูดูดี  เป็นโทนสีขาว เทา ดำ  ที่ชั้นข้างเตียงมีโมเดลสวยๆเต็มเลยครับ  วันพีทการ์ตูนเรื่องโปรดของผมก็มีเกือบครบเลย  ผมถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงนุ่มที่คลุมด้วยผ้าห่มสีเทาเดามองไปยังรอบๆห้องอย่างสำรวจ  จนลืมไปเลยว่าที่เข้ามาที่นี่ก็เพื่อทำความสะอาด  รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงกระแอมของพี่กิจที่หน้าห้องนั่นแหละ  ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆส่งให้ไปครับ 

“ อย่ารื้อค้นอะไรล่ะ  กูขี้เกียจจัดของใหม่ “

“ รู้ล้วคร้าบ “  ผมตอบไป  จากนั้นพี่เขาก็เข้ามาหยิบหนังสือที่ชั้นแล้วเดินออกไปจากห้อง  ผมถอนหายใจโล่งอก  นึกว่าจะโดนด่าซะแล้ว


......................................


และแล้วภารกิจวันนี้ก็เสร็จลง  ล่อไปเที่ยงครึ่งเลยครับ  ว่าแล้วก็เริ่มหิว  แต่ขอมานอนพักสักแปบที่โซฟาดีกว่า  ว่าแต่พี่กิจออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย  แต่ช่างเหอะ...  ตอนนี้ห้องนี้เป็นของเรา ฮ่าๆๆๆๆ

“ แกร๊ก!!! “

กำลังตาปรือๆอยู่เลย  เสียงประตูห้องก็ถูกเปิดออก  ผมยันตัวลุกขึ้นมาดูอย่างช้าๆ เห็นพี่กิจเดินเข้าห้องมาพร้อมถุงข้าวกล่อง

“ มาแดกข้าวเร็ว  กูซื้อมาเผื่อ “

ผมเดินตาปรือเข้าไปหา  พอได้กลิ่นท้องมันก็เริ่มหิวขึ้นมาอีกรอบ  ทำเอาตาสว่างเลยครับตอนนี้ 

ผมจัดข้าวใส่จานให้ทั้งผมและของพี่เขา  มันเป็นผัดกระเพราะทะเลรวม  น่ากินมากครับ  มีทั้งกุ้ง ปลาหมึกและปูด้วย ละลานตาเลยทีเดียว  ยั่วน้ำลายสุดๆ  ว่าแต่พี่เขานี่ก็ใจดีเนอะ  มีกระจิตกระใจจะซื้อมาเผื่อผมด้วย

“ เออพี่กิจ  แถวนี้พอมีร้านที่ขายพวกอุปกรณ์วาด Drawing มั้ยพี่  ผมไม่ค่อยรู้จักที่อะ  เพราะอาทิตย์หน้าก็ต้องใช้แล้ว  วันพรุ่งนี้เลยว่าจะไปหาซื้อดู “  ผมถามไปถึงอุปกรณ์ที่จะใช้ในวิชาเรียนเขียนแบบของผม

“ จริงๆมึงไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้นะ  ใช้ของเก่ากูก็ได้  กูไม่ได้ใช้แล้ว  จะได้ไม่ต้องเปลืองตัง “

“ จริงเหรอพี่!!!  นั้นผมขอยืมใช้หน่อยนะครับ “  ผมโพล่งออกมาด้วยความดีใจ  เพราะอุปกรณ์แต่ละอย่างก็ใช่ว่าราคาจะถูก  รวมๆกันก็ประหยัดตังผมไปได้เยอะเลยทีเดียว

“ เออดิ  แต่มึงไปค้นๆเอาเองในห้องเก็บของนะ “

ผมยิ้มพยักหน้าดีใจให้ป้อยๆ ทันทีครับ


................................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
หลังทานข้าวเสร็จในช่วงบ่าย  ผมเดินไปที่ห้องเก็บของบริเวณใกล้ๆ ประตูห้อง  เพื่อค้นหาอุปกรณ์ drawing เก่าของพี่กิจ  พอเปิดประตูไปมันก็เป็นห้องเล็กๆ  มีชั้นวางของเต็มไปหมดเลย  แถมของข้างในก็ระเกะระกะอยู่ไม่ใช่น้อย  ผมมองไปรอบๆเห็นโต๊ะเขียนแบบด้วย  พอตระโกนถามพี่กิจที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา  ว่าผมจะเอาไปใช้ในห้องได้มั้ย  พี่เขาก็อนุญาต  งานนี้ลาภลอยเลยผม  อิอิ

ผมค่อยๆ ลากโต๊ะออกมาจากห้องเก็บของ  คงต้องทำความสะอาดเล็กน้อยก่อนจะเอาเข้าห้องไป  จากนั้นก็ไปหาของที่ตั้งใจไว้ต่อ  พี่กิจเดินมาดูผมอยู่ที่หน้าประตูห้องเก็บของ  ก่อนจะบอกว่ามันอยู่ในกล่องด้านบนสุดทางขวา  แต่ชั้นมันอยู่สูงเกินกว่ามือผมจะเอื้อมถึง  ผมพยายามยื่อตัวเพื่อเลื่อนกล่องใส่ของสีขาวนั้นลงมาอย่างทุลักทุเล  แต่แล้ว...

“ โครม!!!! “

ทั้งของที่อยู่ในกล่องและบนชั้นด้านบน  ต่างก็ตกลงมาข้างล่างใส่ผมอย่างระเนระนาดเลยครับ
 
แต่...  ผมไม่เจ็บเลยสักนิด ?

“ เป็นไรมั้ยวะ “
 
เสียงพี่กิจดังอยู่ใกล้หูผมมากเลยตอนนี้  สังเกตอีกที  พี่เขาเข้ามาบังผมเอาไว้นี่หว่า....  แถมยังถามผมอีกนะว่าเป็นอะไรมั้ย  ทั้งๆคนที่น่าจะเจ็บที่สุดน่าจะเป็นพี่เขาแท้ๆ... 

ผมหันหลังกลับไปมองก็เห็นใบหน้าพี่เขาที่ก้มลงมาป้องกันผมไว้จนเกือบจะชิดกับใบหน้าผมในตอนนี้  สายตาห่วงใยที่พี่เขาส่งผ่านมา  มันทำให้ผมรู้ว่า  พี่เขาไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่ผมเคยคิดไว้เลย  ก็แค่สร้างภาพเป็นคนดุและเจ้าระเบียบ  แต่เนื้อแท้กลับเป็นคนจิตใจดีอย่างที่ผมคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ผมเชื่อในความรู้สึกนี้ของผมจริงๆนะ  จากสายตาและน้ำเสียงที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้....

“ มะ..ไม่ครับ “  ผมตอบไปทั้งๆ ที่ยังอ้าปากค้างเล็กๆอย่างทำตัวไม่ถูก  พี่เขาค่อยๆยันตัวขึ้นก่อนจะชักหน้ากลับมาวางมาดนิ่งเหมือนเดิม

“ นั้นก็ดีแล้ว  ซุ่มซ่ามชะมัด  นี่ถ้ากูไม่เห็นว่ากล่องบนชั้นโยกเยกจะตกลงมา  ป่านนี้มึงได้เจ็บตัวกว่านี้แน่ “  พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและมองผมด้วยสายตาที่ตำหนิ  แต่ผมกลับไม่รู้สึกกลัวเหมือนแต่ก่อนเลย 

ว่าแต่.. ที่ปลายคิ้วซ้ายพี่เขามีแผลเลือดซึมออกมานิดหน่อยนี่หว่า

“ พี่กิจ..  พี่มีแผลที่ปลายคิ้วซ้ายอะพี่ “  ผมบอกไป  พี่เขาก็เอามือไปแตะๆ  ก่อนจะเห็นว่ามีเลือดติดมาเล็กน้อย

“ เดี๋ยวผมทำแผลให้พี่  ห้องผมมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาล “

“ ไม่ต้องอะ  แค่นี้เองเดี๋ยวก็หาย “  พี่เขาพูดจบก็เดินออกไป  พอผมลุกขึ้นจะเดินตามไป  พี่เขาก็เดินเข้าห้องไปเสียแล้ว  แต่ช่างมันเถอะ  ผมรีบกลับเข้าไปในห้องผม  หยิบเอาชุดอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องพี่เขาและถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเลย
 
พี่กิจที่นั่งอยู่ที่เตียงหันมามองผมอย่างแปลกใจ ขณะที่ผมเดินดุ่มๆเข้ามาหา

“ เห้ย...  เข้ามาทำไม  ใครบอกให้เข้ามา  จำกฎไม่ได้เหรอ “

“ จำได้ครับ  แต่บางอย่างมันก็ต้องมีข้อยกเว้นนะครับ  มาเดี่ยวผมทำแผลให้ “

“ บอกแล้วไงว่าไม่ทำ  เดี๋ยวมันก็หายไปเองแหละ “  พี่กิจยังคงยืนกรานปฏิเสธ  แต่ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ  ก็พี่เขาเจ็บเพราะช่วยผมไว้นี่นา  ผมเองก็อยากจะตอบแทนพี่เขาบ้างก็เท่านั้น

“ อย่าดื้อดิพี่  พี่เป็นประธานเชียร์นะ  เหตุผลง่ายๆแค่นี้พี่จะรั้นไปทำไม “  ผมเสียงแข็งบ้างครับคราวนี้

“ นี่มึงสอนกูเหรอ “

“ เปล่าครับ...  ผมก็แค่อยากทำแผลให้พี่ก็แค่นั้น  เสร็จแล้วเดี๋ยวผมก็จะไป “ 

ผมบอกไปพี่เขาก็เงียบมองผมอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะพยักพเยิดเล็กๆ และยอมให้ผมทำแผลให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่  ผมยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก  นานๆจะเอาชนะคนๆนี้ได้สักที 

บางทีพี่เขาก็ดูเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ เลยนะครับ....

“ เบาๆนะมึง “

“ คร้าบ..  มือผมอะเบาที่สุดในโลกละ “ 

ผมบอกไปก่อนจะเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ค่อยๆ เช็ดที่แผล  ถึงแม้แผลจะไม่ใหญ่แต่พี่เขาก็สะดุ้งเล็กๆ ร่นคิ้วหน่อยๆ  เห็นแบบนี้แล้วอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เลยครับ

พอผมทำแผลเสร็จก็ปิดพลาสเตอร์สีเหลืองลายหมีให้  ทำไงได้ละครับ  ก็ผมมีแต่แบบนี้นี่นา  ติดแล้วก็น่ารักจะตายไป  จากหน้าดุๆ ตอนนี้น่ารักขึ้นมาทันทีเลยครับ  อิอิ

“ เสร็จละ...  นั้นเดี๋ยวผมไปละครับ “  ผมมองพี่เขาเล็กน้อย  ช่างใจถึงบางอย่างที่อยากจะบอก  ก่อนจะตัดสินใจบอกออกไป

“ เอ่อ...  เมื่อกี้อะ  ขอบคุณนะครับ “

“ เรื่องไร “  พี่เขาทำหน้างงถามมาครับ

“ ก็เรื่องที่พี่ช่วยผมที่ห้องเก็บของไง “

“ เรื่องแค่นั้นเอง  ช่างมันเหอะ  ไปได้แล้วมึงอะ  กูจะนอน “ 

พี่กิจพูดจบ  ผมก็มองพี่เขาเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไป  แต่เดินไปไม่ถึง 2 ก้าว  จู่ๆ พี่เขาก็คว้าข้อมือผมรั้งเอาไว้ซะงั้น  ผมที่กำลังใจลอยกับท่าทีไม่แยแสของพี่เขาเมื่อกี้ถึงกับตกใจและผงะเซถลาล้มเข้าไปหาพี่เขาทันที

“ เห้ย!! // ตุบ!! “

ผมล้มลงไปทับบนตัวพี่เขาจนใบหน้าของเราเกือบจะชนกัน  พี่เขามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย  ผมเองก็เช่นกัน  รู้สึกหัวใจมันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ผมไม่เคยใกล้ชิดใครมากๆ แบบนี้มาก่อน  กลิ่นน้ำหอมจางๆผสมกลิ่นกายเฉพาะตัวของพี่เขามันให้ความรู้สึกดีจังครับ  ยิ่งแววตาและริมฝีปากตรงหน้ายิ่งทำให้ผมประหม่าจนไม่กล้าขยับตัวเลยในตอนนี้  แต่ไม่นานผมก็ต้องรีบดึงสติกลับมาและยันตัวขึ้น  ไม่กล้ามองหน้าพี่เขาเลยครับ

“ อะไรอะพี่..  จู่ๆมาดึงแขนผมทำไม...  “  ผมพูดไปอ้ำๆ อึ้งๆ

“ ก็...  มึงลืมลืมชุดทำแผลมึงอะ  กูเลยจะเรียกมึงไง “

“ อ่อ.. นะนั้นผมไปละนะ “  ว่าแล้วผมก็รีบคว้าชุดปฐมพยาบาลบนเตียงพี่เขาก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่มองพี่เขาอีกเลย

ไม่รู้จะกลัวอะไร  แต่มันประหม่ายังไงก็ไม่รู้สิครับ....

นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย....




TBC.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เฮียจะทำอะไร น้องก็ระทวยไปหมดแล้ว  :mew1:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
รอกันต์กิจ มาต่อเร็วๆเด้ออออ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 5



กันต์ 's  Part



เช้าวันอาทิตย์

เช้านี้เป็นวันที่ 2 ที่พี่กิจมาเคาะเรียกผมให้ไปออกกำลังกาย  เมื่อเห็นผมยังไม่ออกมาจากห้องสักที  คือผมลืมตั้งเวลาปลุกให้ไวขึ้นกว่าเดิมอะครับ  ลืมไปเลยว่าต้องมาออกกำลังกายกับพี่เขา

เช้านี้เราออกกำลังกายกัน  โดยไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย  ผมเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพี่เขาเลยด้วยซ้ำ  ไม่รู้จะกลัวอะไรจากเรื่องเมื่อวาน

แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงทำอาหารเช้าเผื่อพี่เขาเหมือนเดิมนะครับ....


..............


ตลอดช่วงเช้านี้ผมไม่ค่อยอยากออกจากห้องเลยครับ  นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องดีกว่า  คือรู้สึกแปลกๆถ้าต้องเจอหน้าพี่เขาอะครับ  แต่พอใกล้เที่ยงจู่ๆ พี่เขาก็เดินมาเคาะประตูห้อง  ผมเลยจำเป็นต้องออกมาเผชิญหน้ากับพี่เขาจังๆ

“ มีอะไรครับพี่ “

“ แม่โทรมาบอกให้กลับไปกินข้าวบ้านเย็นนี้  รวมทั้งมึงด้วย “  พี่กิจว่ามาครับ

“ อ่อครับ  นั้นเดี๋ยว.. “

“ ไม่ต้องเดี๋ยวเลย  ให้เวลา10นาทีนะ เดี๋ยวกูจะลงไปรอข้างล่าง “

“ พี่..  จะให้ผมไปกับพี่เหรอ.. “  ผมถามไปอย่างไม่แน่ใจ

“ ก็เออดิ  ขืนมึงไม่ไปกับกู  แม่กูก็จะหาว่ากูไม่ดูแลมึงอีก “  พี่เขายังคงพูดมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแสเหมือนเคย

“ อ่อครับ.. “

“ เร็วๆเลยมึง  กูลงไปรอข้างล่างละนะ “

พูดจบพี่เขาก็เดินออกประตูห้องไป  ส่วนผมก็รีบเปลี่ยนชุดให้มันดูดีหน่อยก่อนจะหยิบกระเป๋าตังและโทรศัพท์  แล้ววิ่งตามพี่เขาลงไป

พอลงมาถึงหน้าคอนโดก็เห็นพี่เขานั่งเท้ายันพื้นบนบิ๊กไบต์สีขาวคันสวยอยู่  วันนี้พี่เขาใส่เสื้อยืดสีขาวมีเชิร์ตสีฟ้าอ่อนบางๆ เป็นเสื้อนอก  สวมกางเกงสีน้ำตาลอ่อน  และถุงมือหนังขับรถสีดำ  แค่นี้ก็โครตเท่ห์ละลายใจคนที่ผ่านไปผ่านมาแล้วละครับ  ขนาดผมที่เป็นผู้ชายด้วยกันยังยอมรับเลยครับว่าพี่เขาแม่งทั้งหล่อทั้งเท่ห์มากอะ

“ ชักช้านะมึงอะ  เร็ว! กูหิวข้าว “ 

เมื่อพี่เขาเห็นผมเดินมา  เขาก็เรียกเอาซะผมอายคนเลย  พอเดินมาถึงพี่เขาก็ขึ้นคร่อมรถก่อนจะลิ่วตาให้ผมขึ้นซ้อนท้าย  ผมมองที่นั่งเล็กๆด้านท้ายสูงๆ  ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะนั่งได้มั้ย  เพราะผมไม่เคยซ้อนบิ๊กไบต์แบบนี้เลย  แต่ก็ลองขึ้นมานั่งดูครับ  มันก็แปลกๆดีนะครับ  มุมมองมันสูงกว่าคนขับเล็กน้อย  แถมรถก็สูงกว่ามอเตอร์ไซต์ปกติอีก  เท่ห์ดีเหมือนกันนะเนี่ย

“ กอดเอวกูไว้  ไม่งั้นมึงตกรถแน่ “
 
พี่เขาบอกเสียงเรียบ  ผมเลยค่อยๆเอามือมาจับเอวพี่เขาอย่างกล้าๆกลัวๆ  แต่พี่เขากลับถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าเล็กๆแล้วดึงมือผมเข้าไปโอบเอวเขาเลย  จนตัวผมเลื่อนเข้าไปแทบจะแนบแผ่นหลังของเขาแล้วในตอนนี้

“ จับแบบนั้นรับรองมึงหงายหลังตกรถแน่ “ 

พี่เขาว่ามาแบบนี้ผมก็เถียงอะไรไม่ออกเลยครับ...  ได้แต่เงียบ  และ..  สูดกลิ่นหอมๆจากตัวพี่เขา  ผมนี่ท่าทางจะโรคจิตแฮะ  รู้สึกชอบกลิ่นพี่เขาจัง  ไม่รู้ว่ามันมาจากกลิ่นน้ำหอม กลิ่นกาย หรือกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่อยู่กับเสื้อกันแน่  แต่รวมๆแล้วผมชอบมากอะ....


........................


ขับออกมาได้สักแปบพี่เขาก็แวะที่ร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อทานมื้อเที่ยง  พี่เขาให้ผมเลือกสั่งอาหาร  แต่พอผมสั่งไปได้ 2 อย่างซึ่งก็คือ  ไข่เจียวหมูสับ กับ ผัดผักรวม  พี่เขาก็ดึงเมนูออกไปจากมือผมแล้วบอกว่าสั่งอะไรจืดชืดมาก  จากนั้นพี่เขาก็สั่งมาเพิ่มอีก 2 อย่างครับ

ผมมองไปรอบๆร้าน  มีคนแอบมองมาที่โต๊ะเราเยอะมากเลยครับ  ท่าทางจะสนใจพี่กิจนั่นแหละ  ส่วนเจ้าตัวนี่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยครับ  สงสัยคงจะชินตามประสาของคนหล่อไปแล้วละมั้ง

“ เออพี่  พี่ไม่มีหมวกกันน๊อคอีกใบให้ผมใส่เหรอ “  ผมถามขึ้นมาขณะกำลังทานอาหารอยู่ครับ

“ ไม่อะ  ไม่จำเป็นต้องมี “

“ ทำไมอะพี่ แบบนี้คนซ้อนก็อันตรายอะดิ “  ผมถามต่ออย่างไม่เข้าใจ

“ ก็ปกติกูไม่เคยให้ใครซ้อนรถคันนี้เลย  มีมึงเนี่ยแหละคนแรก “  พี่เขาพูดจบ  จู่ๆผมก็รู้สึกตัวลอยขึ้นมาซะงั้น  อดยิ้มกริ่มขึ้นมาเล็กๆไม่ได้

“ เป็นไรมึง “

“ เปล่าพี่...  กินต่อเหอะ... “ 

นั่นสิครับ..  ผมเป็นอะไร?


..................................


กว่าจะมาถึงบ้านพี่กิจก็เกือบบ่าย 2 โมงแล้วละครับ  ตอนนี้คุณลุงยังไม่กลับบ้าน  มีแต่คุณป้ากับน้องกานต์เท่านั้น  พี่กิจพาผมไปพบคุณป้าที่ห้องนั่งเล่นก่อน  ซึ่งท่านก็ชวนคุยกันตามประสาและถามว่าอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง  ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ  บอกไปว่าโอเคครับ  ไม่งั้นไอ้คนที่นั่งข้างๆผมเอาผมตายแน่

จากนั้นน้องกานต์ก็มาชวนผมไปเล่นเกมเป็นเพื่อนที่ห้องครับ  ผมก็เลยตามขึ้นไป  แต่เล่นยังไงก็แพ้น้องเขาอยู่ดี  ไม่ว่าจะเกมอะไรก็เถอะ

“ ก๊อกๆๆ “  เสียงเคาะประตูดังขึ้น  และไม่ทันที่เจ้าของห้องจะอนุญาต  ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาอย่างถือวิสาสะราวกับทำจนเป็นเรื่องปกติ  และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  พี่กิจนั่นเองครับ

“ เฮ้ยกานต์  วันพีทเล่มล่าสุดมึงซื้อมาแล้วใช่มั้ย  กูยืมอ่านหน่อยนะ “

“ บนโต๊ะอะ  พึ่งอ่านจบมะคืนเอง “  น้องกานต์พูดไปแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับเกมในจอทีวีอย่างไม่วางตา  ไอ้เราก็อุตส่าห์นึกว่าจะฉวยโอกาสชนะได้ซะแล้ว  สุดท้ายก็ KO เหมือนเดิม  แพ้ราบคาบ

“ อ่อนว่ะมึงอะ  แค่ไอ้กานต์ยังแพ้อีก “  พี่กิจพูดเยาะเย้ยครับ 

แหม...  พ่อคนเก่งลองมาเล่นเองมั้ยล่ะ

“ ลองเล่นกับน้องกานต์มั้ยล่ะ  จะได้รู้ว่าเป็นไง “  ผมพูดท้าทายไปบ้าง  ขณะที่น้องกานต์เองก็เลิกคิ้วท้าทายพี่ชายเหมือนกัน  ว่าแล้วพี่กิจก็วางการ์ตูนลงบนเตียงก่อนจะลงมานั่งที่โซฟาเล็กปลายเตียงเพื่อรับคำท้า

เกมที่สองพี่น้องคู่นี้แข่งกันก็เป็นเกมฟุตบอลครับ  ดูไปจนจะหลับ  ผมเลยหยิบการ์ตูนที่ผมเองก็ยังไม่ได้อ่านมาอ่านรอ  แต่จนแล้วจนรอดผลก็ยังเสมอกันอยู่ดี  จนผมอ่านการ์ตูนจบและไม่รู้จะทำอะไร   เลยออกห้องลงไปเดินเล่นข้างล่างแทน
เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่ห้องครัว  คุณป้ากับป้าแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเย็นกันอยู่  ผมที่ไม่มีอะไรทำอยู่พอดี  เลยถือโอกาสเข้าไปช่วยท่านเลยละกัน  ก็อย่างที่เขาว่า  อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายไงครับ

“ คุณป้ามีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ “  เดินมาถึงผมก็ถามขึ้นทันที  คุณป้ายิ้มก่อนจะพูดขึ้น

“ กันต์ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอลูก “

“ ก็พอเป็นบ้างครับ  เมื่อก่อนตอนอยู่กับพ่อ  ผมก็เป็นคนทำกับข้าวอะครับ “

“ นั้นถ้ากันต์ว่างก็ช่วยป้าหั่นผักก็แล้วกัน  ว่าแต่...  ลองทำกับข้าวให้ป้าชิมสักจานก็ดีนะ  เห็นแม่เราเคยเล่าให้ป้าฟังเหมือนกันว่าเราชอบทำอาหารและฝีมือก็ดีด้วย “  คุณป้ายิ้มชมผมมาครับ

“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ  นั้นเดี๋ยวผมหั่นผักให้ก่อนละกันนะครับ  เดี๋ยวค่อยดูว่ามีอะไรที่ผมพอทำได้บ้างอะครับ “ ผมขันอาสาก่อนจะเริ่มสนุกกับงานครัวที่ผมชอบ  จะว่าไปการทำอาหารก็ถือว่าเป็นงานอดิเรกของผมก็ได้นะครับ


.................................................


ที่ห้องอาหาร

มื้อเย็นถูกจัดเรียงบนโต๊ะยาว  คุณลุงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนผมนั่งอยู่ข้างๆกับคุณป้า  และพี่กิจนั่งข้างกับน้องกานต์  อาหารมื้อนี้เยอะจนเต็มโต๊ะไปหมดเลยครับ  แถมยังน่าทานทั้งนั้นด้วย

“ นี่ตากิจลองกินนี่ดูสิ  ยำ 3 เห็ด “  ทานไปได้สักพักคุณป้าก็แนะนำเมนูใหม่ให้พี่กิจลองทานดูครับ  เป็นเห็ด 3 ชนิดเอาไปทอดก่อนแล้วราดด้วยน้ำยำ  ที่สำคัญเมนูนี้ผมเป็นคนทำเองครับ  พี่กิจทำหน้าแปลกๆ ก่อนจะลองชิม  ส่วนผมเองก็ได้แต่รอลุ้นผลว่าพี่เขาจะว่ายังไง

“ อืม..  อร่อยดีแม่  ไม่เคยเห็นทำมาก่อนเลย  วันหลังกิจกลับมาทำให้กินอีกนะ “  พี่เขาพูดมาพลางตักใส่จานอีกรอบ  ซึ่งนั่นทำเอาผมอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ครับ

“ อันนี้แม่กับป้านุ่มไม่ได้ทำนะ  ให้เดาว่าใครทำ “

“ ใครอะแม่ “  พี่กิจถามพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“ ก็น้องกันต์ไง  โชว์ฝีมือเองทั้งหมดเลยนะเนี่ย “  คุณป้าพูดจบพี่กิจก็แทบสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปเมื่อสักครู่  ก่อนจะเบิกตากว้างมองผมอย่างแปลกใจ

“ ไหนๆ  ผมลองบ้าง “  น้องกานต์พูดขึ้นพลางตักมาชิม

“ โหพี่กันต์  ฝีมือแบบนี้นะ  เปิดร้านได้สบาย “  เล่นชมกันทั้งโต๊ะแบบนี้ผมก็อดเขินไม่ได้สิครับ

“ แบบนี้อยู่ที่คอนโด  กันต์ก็ทำอาหารให้พี่กิจเค้ากินบ้างนะลูก  ลุงเคยไปคอนโดเห็นมีแต่อาหารแช่แข็งทั้งนั้น “  คุณลุงว่ามาครับ  ผมก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มรับไปเล็กๆ  ส่วนพี่กิจนี่เหลือบตามามองผมอยู่เล็กน้อย  พอเห็นผมมองสวนกลับไปก็เลี่ยงไปมองทางอื่นแทน

ทานกันไปคุยกันไปก็อิ่มครับ  แถมก็เริ่มมืดแล้วด้วย  พี่กิจเลยบอกให้ผมเตรียมตัวกลับได้แล้ว  ไม่งั้นจะกลับไปถึงคอนโดดึกเกิน  เพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย  ผมเลยลาคุณลุงและคุณป้า  ส่วนน้องกานต์ก็ชวนให้ผมมาเที่ยวหาทุกอาทิตย์เลย  ผมก็ได้แต่บอกไปว่าถ้าว่างพี่ก็จะมาหานะ...  จะว่าไปมาบ้านคุณป้าก็สนุกดีนะครับ  ครอบครัวแกอบอุ่นดี  แถมยังเห็นผมเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวอีก  มันเลยทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้างเล็กๆ  จากที่เคยคิดว่าต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้แล้วแท้ๆ

“ จะขึ้นรถได้ยัง.... “ 

น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามขึ้น  ขณะที่ผมกำลังลาคุณป้าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“ คร้าบ... “  ผมขานรับไปก่อนจะเดินไปหาพี่กิจที่ยืนรออยู่ที่รถแล้ว

“ ตากิจนี่ก็เร่งน้องจัง  ถ้าน้องมาฟ้องว่าเราแกล้งน้องให้แม่รู้นะ  น่าดู... “ 

ถึงจุดนี้ผมเลยอมยิ้มมีชัยพลางเลิกคิ้วให้คนตรงหน้า  เมื่อตอนนี้มีคนถือหางและปกป้องผมอยู่  ส่วนพี่กิจก็ได้แต่มองหน้าคาดโทษผมไว้  สงสัยว่ากลับคอนโดแล้วผมต้องรีบเข้าห้องทันทีเลยละครับ  เริ่มเห็นสัญญาณอันตรายแล้ว

กว่าจะออกจากบ้านพี่กิจก็ค่ำแล้วละครับ  อากาศก็เริ่มเย็นลง  มีแสงไฟจากบ้านเรือนและตึกสูงไกลๆ  กลิ่นหอมจากคนตรงหน้ายังคงทำให้ผมชอบเหมือนเคย  รู้สึกดีจังครับ  ทั้งกลิ่นและบรรยากาศในตอนนี้  มันทำให้ผมเริ่มเคลิ้มและง่วงนอนขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว

ถ้าผมจะขอพิงหลังพี่กิจ  พี่เขาจะว่าอะไรมั้ยนะ....

แต่มันง่วงนี่ครับ  ลองสักครั้งคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง...

ผมค่อยๆแนบแก้มลงไปบนแผ่นหลังกว้าง  พี่เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  ผมเลยทิ้งน้ำหนักลงไปมากกว่าเดิม  ตาผมค่อยๆปิดลงและเหมือนว่าความเร็วของรถจะลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย...

บางทีนี่อาจจะเป็นเพียงครั้งเดียวที่ผมได้ใกล้ชิดกับพี่เขามากขนาดนี้  พอถึงวันพรุ่งนี้เราก็คงกลับสู่สภาพเดิม  ประธานเชียร์กับปีหนึ่ง  เจ้าของห้องกับผู้อาศัย  พี่เขาคงจะเย็นชาหน้านิ่งเหมือนเดิม....

แต่ก็เอาเถอะ  วันหยุดของผม  ได้เท่านี้ก็ดีเกินไปแล้วละครับ...



TBC.


---------------------------------------------------------------------


ขอบคุณทุกคนนะครับที่ติดตาม ^ ^ :pig4: :pig4:

ตอนนี้สั้นจัง  พึ่งสังเกตเห็น...  เท่าที่เขียนไปหลายตอน(ตอนนี้กำลังเขียนตอนที่ 32 อยู่ครับ )  ตอนนี้ไหงมันสั้นจังหว่า ><

วันมะรืนจะมาต่อตอนต่อไปให้นะครับผม ( ลงวันเว้นวันครับ )

สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามกันนะครับ  ถ้ามีอะไรแนะนำหรือติชม  ก็น้อมรับเสมอครับผม  ขอบคุณคร้าบปม ^ ^  :mew5:


ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลานกันต์มีความสุขแล้ว ดีใจด้วย แต่หลับตอนขี่มอไซส์ มันอันตรายนะหลาน เป็นห่วงจ๊ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 6



กันต์'s  Part





ตลอดทั้งสัปดาห์นี้เป็นอะไรที่เหนื่อยมากครับ  ทั้งเรียน  ทั้งงานส่งอาจารย์  ทั้งเชียร์  จนพวกผมนี่แทบจะไม่มีเวลาทำอะไรกันเลยครับ

ครั้นจะโดดเชียร์ก็ใช่ที่  ยิ่งผมด้วยแล้ว  โดดมาโทษตายสถานเดียว  ก็ดันไปพักอยู่กับท่านประธานเชียร์แบบนี้นี่ครับ  แต่จะว่าไปช่วงนี้พี่กิจเองก็กลับดึกอยู่เหมือนกันนะครับ 4ทุ่ม 5ทุ่ม ตลอดเลยช่วงนี้



และแล้ววันศุกร์สุดสัปดาห์ก็มาถึง...

ผมนั่งทำงาน Drawing ที่ต้องส่งอาจารย์ในอาทิตย์หน้าอยู่ในห้อง  ส่วนพี่กิจก็เหมือนเดิมครับ  ยังไม่กลับห้องมาเลย  ผมมองดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาว่าตอนนี้กว่า 5 ทุ่มแล้ว  แถมฝนก็ตกด้วย  แบบนี้พี่เขาจะกลับมาได้มั้ยนะ...

ผมวางดินสอกดไว้ที่โต๊ะเขียนแบบก่อนจะเดินออกมานอกห้อง  อดห่วงพี่เขาไม่ได้อยู่เหมือนกันนะครับ  เมื่อเช้าก็เห็นเริ่มมีไอบ้างเล็กน้อย  ท่าทางงานกิจกรรมเชียร์คงหนักน่าดู  เห็นพี่เขาทุ่มเทแบบนี้แล้วผมก็รู้สึกว่ายิ่งไม่ควรจะโดดเชียร์เลยนะครับ  เพราะถ้ามันเป็นกิจกรรมที่ไม่มีความหมายอะไร  พี่เขาคงไม่ทุ่มเทกันมากขนาดนี้หรอก...

ผมนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกมองสายฝนภายนอกกระจกใสด้วยความรู้สึกเป็นห่วง  บรรยากาศภายในห้องเงียบและหดหู่เหมือนกับใจของผมตอนนี้เลย... 

เมื่อไหร่พี่เขาจะกลับนะ...

สักพักหนึ่งเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดออก  ผมหันขวับไปมองอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้ม  พี่กิจเดินเข้าห้องมาในสภาพชุดนักศึกษาที่เปียกปอน  และเหมือนพี่เขาจะเดินโซเซจนผมสังเกตได้  แต่เขาก็ยังคงพยายามรักษาภาพลักษณ์เอาไว้  พร้อมทั้งมองมายังผมก่อนจะพูดขึ้น

“ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก “

“ เอ่อ...  ก็  ทำงาน Drawing อยู่อะพี่  แล้ว..นี่พี่กินไรมายัง “

“ กินมานิดหน่อยตอนเย็นละ “  พูดจบพี่เขาก็เดินเข้าห้องไป  แต่ดูจากสภาพพี่เขาแล้วยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก
ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าครัวไปหาอะไรร้อนๆให้พี่เขาทานหน่อย  ยิ่งขับรถเปียกฝนกลับมาหนาวๆแบบนี้ด้วยแล้ว  เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี

กว่า 20 นาทีผมก็ทำโจ๊กสำเร็จรูปใส่หมูสับและผักชีนิดหน่อยเสร็จเรียบร้อย  ผมเดินมาเคาะประตูห้องพี่เขา  แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ กลับมา  ผมเคาะอีกครั้งพร้อมเรียกพี่เขา  แต่ก็เหมือนเดิมครับ  ชักเริ่มเป็นห่วงพี่เขาขึ้นมาซะแล้วสิ  นั้นผมขอถือวิสาสะเข้าไปในห้องเลยละกันครับ

ผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่เขากำลังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง  ท่าทางพี่เขาคงจะไม่ไหวจริงๆ  นั้นผมไม่รบกวนจะดีกว่า  เพื่อพี่เขาจะได้พักผ่อน  แต่ก็เลือกที่จะวางโจ๊กทิ้งไว้ให้บนโต๊ะเล็กข้างๆเตียง  เผื่อถ้าพี่เขาตื่นมาแล้วเกิดหิวก็จะได้มีอะไรกิน

“ มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย... “  เสียงพี่กิจพูดขึ้นมาเบาๆ  ในสภาพที่งัวเงียตาปรือๆ 

“ เอ่อ...  ผมเห็นพี่ยังไม่ได้กินอะไรมา  ผมเลยทำโจ๊กมาให้อะครับ  แต่...  ผมเคาะห้องแล้วนะครับ  แต่.. “

“ เออ  วางไว้ตรงนั้นแหละ  เดี๋ยวกูกินเอง  ขอบใจมาก  แล้วมึงก็ออกไปได้แล้ว “  พี่เขาพูดมาเสียงอ่อย  ซึ่งผมคิดว่าจะโดนด่าซะแล้วเสียอีก

“ ครับพี่กิจ  นั้นพี่กินเสร็จก็ทิ้งไว้นี่แหละครับ  เดี๋ยวผมเข้ามาเอาไปเก็บให้เอง “

ผมบอกไป  เห็นพี่กิจพยักหน้าพร้อมด้วยเสียงในลำคอ อือๆ  จากนั้นผมก็เดินออกจากห้องไป 

ผมกลับไปทำงาน Drawing ของผมต่อ  สักพักเมื่อเห็นว่านานพอสมควร  ป่านนี้พี่กิจก็คงกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ผมก็เลยวางดินสอเดินไปยังห้องพี่กิจอีกรอบ

ผมเดินเข้ามา  พี่กิจยังคงนอนหลับอยู่เหมือนเดิม  และโจ๊กที่ผมทำไว้มันก็ยังคงวางอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่ผมเอามาวางไว้  นี่พี่กิจยังไม่ได้ลุกมากินเลยเหรอเนี่ย

ผมเดินเข้าไปดูอาการพี่เขาใกล้ๆ  ก้มตัวลงเอามือไปแตะที่หน้าผาก 

เห้ย!!  ตัวพี่กิจร้อนอย่างกับไฟเลยครับ  ผมตกใจออกจะรนนิดหน่อย  แต่ก็ต้องพยายามตั้งสติเอาไว้

คิดสิๆ  ไอ้กันต์  ต้องทำยังไง....

ผมมองดูพี่กิจที่นอนด้วยท่าทางที่อึดอัดแต่ก็ไม่มีสติ  ก่อนจะนึกถึงตอนที่ตัวเองเคยป่วยและตัวร้อนมากๆ แบบนี้  เมื่อตอนเด็กๆ  ซึ่งตอนนั้นพ่อกับแม่จะมาคอยเช็ดตัวให้ผมอยู่ตลอดเวลาที่มีไข้  ผมเลยว่าจะลองทำแบบนั้นดู  เผื่ออาการพี่กิจอาจจะดีขึ้นบ้างก็ได้

ผมเตรียมน้ำใส่กะละมังและผ้าขนหนูผืนเล็กกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง  ชุบน้ำและบิดพอหมาดๆ  พลิกตัวพี่กิจให้นอนหงาย  ก่อนจะค่อยๆ เช็ดเบาๆ ตั้งแต่หน้าผากไล่ลงมายังคอ....  แต่เพียงเท่านี้  พี่กิจก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีที่ตกใจ  จนทำให้ผมชะงักมือลงทันที  พร้อมกับสีหน้าเจื่อนๆ

“ ทำอะไรของมึงวะ!! “  พี่กิจถามขึ้นมาเสียงดัง

“ เอ่อ..  คือผมเห็นพี่ตัวร้อนมากอะครับ  เลยจะมาเช็ดตัวให้  เพราะทำแบบนี้แล้วไข้พี่จะได้ลดลง “  ผมบอกไปเสียงอ่อย  พลางมองหน้าพี่เขาอย่างกล้าๆกลัวๆ  ส่วนพี่กิจจากสายตาดุๆ เมื่อกี้ก็ดูจะมีท่าทีที่อ่อนลง

“ แล้วทำไมไม่ปลุกกูก่อนวะ “

“ ก็พี่ไม่ตื่นนี่...  เอ่อ...  ผมเช็ดต่อนะ  พี่จะได้สบายขึ้น “  พี่กิจมองผมด้วยสายตาเหมือนจะระแวงและลังเลอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะพูดขึ้น

“ กูเช็ดเองได้ “

“ ไหวเหรอพี่  ผมว่าอย่าฝืนเลย  แค่ลุกพี่ยังจะไม่ไหวเลยตอนนี้  ให้ผมทำให้เถอะครับ  แค่นี้เอง “  ผมพูดจบพี่กิจก็มองหน้าผมด้วยสายตาแปลกๆ  ก่อนจะขานรับในลำคอเบาๆ

“ นั้น...  พี่ช่วยผมถอดเสื้อให้ผมหน่อยนะ “  ผมพูดขึ้น  ส่วนพี่กิจก็มองผมเหมือนจะระแวงเล็กๆ  แต่ก็ยอมถอดเสื้อยืดที่ใส่นอนให้แต่โดยดี

ผมค่อยๆเช็ดไปตามแผ่นอก  ข้อพับ  และเรียวแขน  พลางกลืนน้ำลายเล็กๆอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ  ในขณะที่หัวใจกลับเต้นรัวอยู่ตลอดเวลา  รู้สึกเกร็งๆ ยังไงก็ไม่รู้สิครับ

“ อือ.. “

ผมชะงักมือที่กำลังลูบเบาๆบริเวณหน้าท้องพี่กิจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังพี่กิจที่กำลังนั่งพิงหมอนอยู่ที่หัวเตียง  พี่เขาทำหน้าเหรอหรา  ก่อนจะกระแอมเบาๆแก้เก้อขึ้นมา

“ มะ  มองเชี่ยไรมึง...  ไม่ทำต่อล่ะ “

ผมหลุดอมยิ้มเล็กๆ ออกมาอย่างห้ามตัวไม่ได้  ก่อนจะหันกลับไปเช็ดตัวให้พี่เขาต่อ

“ นี่กูคงไม่ต้องถึงกับถอดบ๊อกเซอร์ออกใช่มั้ย “

“ บ้าเหรอพี่...  ใครจะไปเช็ดลึกอะไรขนาดนั้นกันละ “  บ้าป่าวทะลึ่งชิบ  แต่พูดไปก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้อีกละครับ  รู้สึกเหมือนหูมันจะแดงเพราะรู้สึกร้อนๆที่หูยังไงก็ไม่รู้สิครับตอนนี้  รีบทำให้เสร็จๆไปดีกว่า  ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอึดอัดแฮะ...

พอเช็ดตัวเสร็จ  ผมก็เอาของไปเก็บ  ก่อนจะเอายาลดไข้  และเค้กกล้วยหอมที่พึ่งซื้อมาเมื่อวันก่อนให้พี่เขารองท้อง  เพราะดูท่าแล้วพี่เขาคงอยากจะนอนและโจ๊กของผมก็คงจะเป็นหมันไปซะแล้ว

“ ขอบใจนะ “

พี่กิจพูดขึ้นมาพลางมองหน้าผมด้วยสายตาคมๆเหมือนเดิม  ดูท่าไข้คงจะลดลงบ้างแล้วละครับตอนนี้ 

กินยาเสร็จพี่เขาก็ร่นตัวลงไปนอนใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม  และไม่พูดอะไรกับผมอีก  ผมเลยเดินกลับห้องตัวเองไป

รู้สึกอดห่วงพี่เขาไม่ได้แฮะ  ท่าทางผมคงจะหลับไม่ลงซะแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็นั่งทำงาน Drawing ต่ออีกหน่อยดีกว่า  เผื่อจะรู้สึกง่วงขึ้นมาบ้าง

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะข้างๆ ขึ้นมาดูเวลา  นี่มันก็เกือบจะตี 2 แล้วนี่หว่า  ผมทำงานเพลินจนเลยเวลามาถึงขนาดนี้แล้วเหรอ  แต่จะว่าไป  อาจารย์แม่งก็สั่งงานมาซะเยอะจนพวกผมเริ่มบ่นกันทั้งชั้นปีไปแล้วเนี่ย

ผมวางดินสอลง  วันนี้คงพอแค่นี้  และกำลังว่าจะนอนแล้ว  แต่อีกใจก็คิดว่าน่าจะเดินเข้าไปดูพี่กิจอีกสักหน่อยนะ 
ผมช่างใจอยู่เล็กน้อย  เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย  แต่ไม่รู้ทำไม่มันถึงอดเป็นห่วงพี่เขาไม่ได้จริงๆ  ว่าแล้วก็ลองเข้าไปดูพี่เขาสักหน่อยดีกว่า

ผมเข้าไปภายในห้องพี่กิจอีกรั้ง  ภายในมืดและเงียบมาก  จะมีก็เพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ส่งเสียงการทำงานของมันอยู่  พี่กิจนอนตะแคงห่มผ้าหนาอยู่  ผมเดินเข้ามาร่นตัวลงข้างๆเตียง  เห็นท่าทางพี่เขาเหมือนจะหนาวสั่น  ผมเลยรีบเอามือไปแตะที่หน้าผากพี่เขาทันที 

“ เชี่ย! “  ผมอุทานขึ้นมาในความมืด  ตัวพี่เขาร้อนขึ้นมาอีกแล้วครับ

ผมรีบออกห้องไปเอาผ้าขนหนูและน้ำเตรียมมาเช็ดตัวให้พี่เขาอีกรั้ง  เพื่อที่จะทำให้ไข้มันลดลง  คราวนี้เหมือนพี่เขาไม่ค่อยจะรู้สึกตัวเลยครับ  ขนาดผมถอดเสื้อออกพี่เขาก็ยังไม่ตื่นเลย  ผมเช็ดตัวให้พี่เขาเสร็จก็ใส่เสื้อให้พี่เขาอีกครั้ง  ก่อนจะห่มผ้าให้เหมือนเดิมพร้อมทั้งเบาแอร์ลงอีกหน่อย

อาการสั่นเทาของพี่เขาดูจะลดลง  แต่ก็คงจะยังวางใจอาการไม่ได้  สงสัยพรุ่งนี้ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องพาไปหาหมอแล้วละมั้งครับ
ผมนั่งลงบนพื้นข้างๆเตียง  มองหน้าพี่กิจที่ตอนนี้นอนพลิกตัวหันหน้ามาเผชิญหน้ากับผมอยู่  ใบหน้าพี่เขาตอนนี้โครตเท่ห์เลยครับ  ใบหน้าเรียวได้รูป  จมูกโด่งเป็นสัน  ริมฝีปากบางรูปกระจับ  คิ้วหนาคมๆที่ชอบขมวดเวลาทำหน้าดุใส่ผม  แต่ดูตอนนี้สิครับ  ไร้พิษสงสุดๆ  นอกจากผมคงไม่มีใครได้เห็นประธานเชียร์สุดโหดในมุมนี้หรอกมั้ง

คิดได้อย่างนี้  จู่ๆ  ผมก็ยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น  แถมยังท้าวคางลงบนเตียงมองพี่เขาไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

แม่ง....  ผู้ชายอะไรวะหล่อดึงดูดสายตาคนได้ขนาดนี้ 

ว่าแต่..  แล้วนี่ผมจะมาเคลิ้มอะไรกับพี่เขาเนี่ย  บ้าไปแล้ว....

ผมลุกไปปิดไฟ  แล้วว่าจะกลับไปห้องผม  แต่ขณะที่มือกำลังกำลูกบิดประตูอยู่นั้น  ในหัวก็คิดขึ้นมาทันทีว่า   ถ้าพี่ตัวร้อนขึ้นมาอีกจะทำยังไงล่ะ

ผมคลายมือออกจากลูกบิด  ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างเตียงในความมืด  เท้าคาง  มองดูพี่กิจที่กำลังหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมออยู่ในตอนนี้

อีก 15 นาทีละกัน  ดูพี่เขาอีกสักหน่อย  แล้วค่อยกลับไปนอนที่ห้อง.....



.......................................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
กิจ’s  Part




เช้านี้แม่งปวดหัวชิบหาย  แถมยังตัวรุมๆด้วยครับ  ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาจากแสงสว่างที่รอดผ่านม่านสีขาวบางที่ผมเปิดทิ้งไว้  ดูจากแสงสว่างจ้าแบบนี้แล้ว  มันคงจะสายมากเลยละครับ  คงเพราะอาการไข้เลยทำให้ผมนอนยาวกว่าปกติ

ผมที่กำลังนอนหงายขยับตัวเล็กน้อยตะแคงมาทางด้านขวา  ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าที่ขอบเตียงมีใครบางคนกำลังฟุบหลับอยู่ 
ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ  ไอ้กันต์รุ่นน้องและรูมเมทของผมเอง  ว่าแต่ทำไมมันถึงมานอนในสภาพนี้ได้ล่ะ  ก็เท่าที่ผมจำได้คือเมื่อคืนหลังจากที่มันเช็ดตัวให้ผมเสร็จมันก็ออกจากห้องผมไปแล้วนี่นา  แล้วทำไม...

ผมเหลือบไปมองยังโต๊ะเล็กใกล้ๆเตียง  ก็เห็นกะละมังที่มีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่  แถมยังมีโจ๊กถ้วยเที่มันทำมาไว้ให้ผมกิน แต่ผมก็ไม่ได้กินเพราะว่าร่างกายมันไม่ไหวจริงๆ ครับ 

ผมดูจากสภาพแล้ว  บางทีมันอาจจะเข้ามาเช็ดตัวให้ผมอีกรอบก็ได้  โดยที่ผมไม่รู้ตัว และคงเผลอนอนหลับตรงนี้แหละครับ
นี่มัน...  เป็นห่วงและทำให้ผมถึงขนาดนี้เชียวเหรอ....  ทั้งๆที่...  ผมโครตจะใจร้ายและแกล้งมันมาตลอดเนี่ยนะ....

มันยังคงหลับสนิท  ท่าทางคงจะนอนดึกพอสมควร  หลับลึกซะขนาดนี้  ผมมองหน้ามันได้ชัดๆจริงๆก็วันนี้แหละครับ  เมื่อมันนอนตะแคงหันหน้ามาทางผม

เชี่ยนี่แม่ง...  ผิวขาวเนียนชิบหาย  จะว่าไปผิวดีกว่าผู้หญิงหลายๆ คนด้วยซ้ำไป  ไม่รู้เป็นผู้ชายประสาอะไรถึงได้มีผิวดีขนาดนี้  แต่ก็อย่างว่าแหละครับ  สงสัยคงไม่ค่อยได้เล่นกีฬาถึงได้ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรง  เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้บังคับให้มันมาออกกำลังกายกับผมทุกเช้า

ไม่รู้ว่าเพราะแสงที่ส่องเข้ามาหรืออะไร  มันเลยทำไมผมมองหน้าไอ้นี่แล้วแม่ง...  น่ารักเกินผู้ชายไปปะเนี่ย  ผิวก็ขาวใส  ปากก็เล็กเรียวสีชมพูจางๆ  จมูกไม่โด่งมากเป็นสันกำลังดี  ขนตาก็แม่งยาวอย่างกับผู้หญิง  แถมตอนมันนอนหลับตาพริ้มแบบนี้นะ  เห้อ....  ผู้หญิงยังอายเลยเหอะ..

ว่าแต่นี่ผมคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นวะเนี่ย....

ว่าแล้วผมก็ละสายตาออกจากมัน  แต่ก็ไม่วายเหลือบมามองมันอีกครั้งอยู่ดี  นี่มันทำให้ผมมองมันอย่างกับเวลาที่เราเห็นผู้หญิงสวยๆเดินผ่านมาเลยอะครับ

ท่าทางจะเลอะเลือนเพราะพิษไข้ซะแล้วผม 

ผมสะบัดหัวไปมาเล็กๆ  เพื่อให้ตื่นและมีสติมากขึ้น  แต่แม่งลืมไปว่าปวดหัวอยู่..  มึนหนักเข้าไปอีกละครับ  ดีนะที่วันนี้เป็นวันเสาร์  ถ้าเป็นวันธรรมดานี่ผมคงแย่  ยิ่งช่วงนี้มีงานเชียร์เข้ามาด้วยแล้ว  ถ้าประธานเชียร์อย่างผมมีสภาพแบบนี้คงได้อายปี 1 ทั้งคณะแน่ๆ

ผมขยับตัวพยายามจะลุกขึ้น  ฝืนตัวเองให้ร่างกายมันสู้กับพิษไข้สักหน่อย  เผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น

“ อะ อือ... “ 

เสียงไอ้คนข้างเตียงมันสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาครับ  นี่ผมกวนมันหลับใช่มั้ยเนี่ย  แอบรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้  ทั้งๆที่มันนอนดึกก็เพราะผมแท้ๆ  ใจจริงก็อยากให้มันนอนต่อดีๆแหละครับ  แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี  ยิ่งเป็นมันด้วยแล้วยิ่งพูดยาก  เพราะผมกับมันก็ไม่ค่อยจะคุยกันดีสักเท่าไหร่ 

ไม่ใช่ว่าผมเกลียดมันหรอกนะครับ  แต่อาจเป็นเพราะครั้งแรกที่เจอกัน  มันเป็นต้นเหตุของความน่ารำคาญใจสำหรับผมที่ต้องมาถูกแม่บังคับอย่างนี้  ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ...  ผมคงจะชินแล้วละมั้งครับกับการที่อยู่ด้วยกันกับมันแบบนี้  และถ้าเจอกันในแบบอื่นที่ไม่ใช่การเจอกันเหมือนครั้งนั้น  ผมก็คงจะไม่ใจร้ายกับมันแบบนี้หรอก 

“ อ้าว  ผมเผลอหลับไปเหรอเนี่ย...  พี่กิจตื่นละเหรอ “  มันงัวเงียว่ามาครับ  ตาแม่งก็ยังลืมขึ้นมาได้แค่ครึ่งเดียวเอง  จะน่ารักไปไหนมึง..

เห้ย...  นี่ผมคิดบ้าอะไรไปอีกแล้วเนี่ย..

“ เออ “  ผมทำหน้านิ่งและตอบไปแค่นั้นครับ

“ โทษนะพี่ “  แล้วจู่ๆมันก็เลื่อนตัวเข้ามาใกล้  ก่อนจะเอามือมาแตะหน้าผากผมโดยที่ผมไม่ทันจะตั้งตัว   รู้ตัวอีกทีผมก็ปัดมือมันออกไปแล้วละครับ

เชี่ยเอ้ย... น้องมันอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ  แต่มันไม่ชินอะครับที่มีผู้ชายมาสัมผัสตัวใกล้ๆแบบนี้  เพราะมือนุ่มๆของมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเวลาเล่นหัวกับเพื่อนๆในคณะ  เลยทำให้รู้สึกแปลกๆจนต้องปัดมือมันออกไปแบบนั้น

“ ทำเชี่ยอะไรมึงอีกเนี่ย “

ไวเท่าความคิด  ผมก็ดันปากหมาดุมันไปแล้วละครับ 

ทำเชี่ยอะไรวะกู  รู้ทั้งรู้นะว่าน้องมันเป็นห่วง... 

แม่งเอ้ย....  หน้าเจื่อนเลยมันตอนนี้

“ จะดูว่าพี่ตัวร้อนรึเปล่าอะตอนนี้  แต่ก็ดูไข้จะลดลงกว่าเมื่อคืนเยอะแล้วนะ “  มันว่ามาเสียงอ่อยครับ  ก่อนจะลุกเดินไปยังโต๊ะเล็กที่วางกะละมังน้ำ  และยกมันพร้อมกับโจ๊กที่มันทำให้แต่ผมก็เสือกไม่กินขึ้น  ก่อนจะเดินไปยังประตูห้อง

ผมมองมันตาละห้อยอย่างรู้สึกผิดในการกระทำ  แต่ก็ปากแข็งไม่กล้าขอโทษหรือแม้แต่จะทำอะไรทั้งนั้น  เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ครับผม  รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยตอนนี้

“ เช้านี้ก็กินโจ๊กละกันนะพี่  เดี๋ยวจะได้กินยาด้วย “  มันหันมาบอกผม  ซึ่งยังคงทำหน้านิ่งมองตอบมันไป  ก่อนที่มันจะเปิดประตูห้องและเดินออกจากห้องไป

“ เชี่ยเอ้ย.... “  ผมสบถขึ้นมาเบาๆ  ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความงี่เง่าของตัวเอง 

นอนเซ็งกับตัวอยู่ได้ไม่นาน  ผมก็ค่อยๆลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ  ทำธุระส่วนตัว  แต่ไม่อาบน้ำนะครับ  แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอแล้ว  รู้สึกว่าร่างกายมันยังไม่ค่อยไหวสักเท่าไหร่  ก็ตั้งแต่เปิดเทอมมาผมแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย  ไหนจะเรียน  ไหนจะเรื่องเชียร์อีก  แถมเมื่อวานยังมาตากฝนอีก  ร่างกายมันก็เลยทรุดเป็นธรรมดาครับ

ผมเข้ามานอนต่อในลักษณะเดิม  แต่ไม่วายหยิบไอแพดมาเปิดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย  สักแปบเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น  และเหมือนว่ามันจะไม่รอให้ผมอนุญาต  แม่งก็ถือวิสาสะเปิดเข้ามาแล้ว

ผมเกือบจะออกปากด่ามันไปอยู่แล้วเชียว  แต่ก็ชะงักลงเมื่อเห็นมันถือถาดข้าวเข้ามาให้ผม  เอาเป็นว่าปล่อยผ่านไปวันนึงก็แล้วกันครับ

มันวางลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียงก่อนจะเลื่อนมาใกล้ๆ  ผมหันไปมองในถาดก็เห็นมีชามโจ๊กกลิ่นหอมน่ากินอยู่  ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นโจ๊กสำเร็จรูปนะ  เพราะมันมีหมู มีตับ และรูปลักษณ์น่าทานกว่ามาก  นอกจากนี้ก็มีนม  น้ำเปล่าและก็ยาอยู่ในนั้นด้วย

“ ผมลงไปซื้อที่ร้านหน้าคอนโดมาให้อะครับ “  มันบอกมา  ร้านนี้อร่อยครับ  ผมเองก็ชอบไปกินอยู่บ่อยๆ  แต่ผมจะบอกป้าคนขายเขาเสมอว่าไม่ใส่ขิง  เพราะผมไม่ชอบ  แล้วดูมันซื้อมาสิครับ  ใส่มาครบเลย....

“ จะลงไปซื้อทำไมไม่บอกกูวะ  กูไม่กินขิงแม่งเสือกใส่มาเต็ม “

“ อ้าวเหรอพี่!  ผมไม่รู้  แต่ไม่เป็นไรผมจัดการให้ “

ว่าจบมันก็ดึงเอากระดาษทิชชูที่โต๊ะมาวางข้างๆชาม  ก่อนจะบรรจงตักขิงออกให้ผมไปจนหมด  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณชายที่เอาแต่ใจเลย  ทั้งๆที่ปกติผมค่อนข้างจะติดดินเสียด้วยซ้ำไป  แม้นามสกุลและฐานะทางบ้านจะทำให้ผมมีชีวิตอยู่ในฐานะอย่างนั้นก็ตาม 

แต่กับไอ้รุ่นน้องคนนี้  ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบหาเรื่องมันจังครับ  แต่แม่งก็ยังเสือกมาดีกับผมแบบนี้อีก 

ดูกลายเป็นคนเลวขึ้นมาทันทีเลยครับตอนนี้....

“ เสร็จละพี่  กินได้ “ 

มันว่ามาหลังจากที่เอาขิงออกให้ผมไปจนหมดแล้ว  ผมวางไอแพดลงข้างตัว  ก่อนจะขยับตัวจากกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหมอนอยู่ที่ขอบเตียงมานั่งยังข้างเตียง  ซึ่งมันขยับโต๊ะตัวเล็กที่วางของมาใกล้ๆให้ผมเรียบร้อยแล้ว  เพื่อที่ผมจะได้กินได้สะดวก

“ แล้วมึงไม่กินเหรอวะ “

“ กินดิพี่  แต่เดี๋ยวค่อยไปกิน “ 

“ อ้าว...  ทำไมวะ “

“ ก็ผมกลัวพี่แม่งดื้อ  ไม่ยอมกินเหมือนเมื่อวาน  แล้วก็จะไม่กินยาอีกอะ “ 

มันว่ามา  ผมถึงกับชะงักช้อนที่กำลังจะตักโจกเข้าปากไปเลยครับ  หันไปมองมัน  แม่งก็นั่งอมยิ้มส่งมาให้ผมเสียงั้น 
นี่มึงรู้มั้ย...  เป็นผู้ชายเขาไม่ทำตัวหน้ารักกันแบบนี้หรอกนะเว้ย!

“ กูก็กำลังจะกินอยู่นี่ไง  มึงก็ออกไปกินได้แล้ว  จะมานั่งมองกูทำเชี่ยไร “  ผมบอกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  ก็แค่อยากให้มันหัดดูแลตัวเองบ้าง  ไม่ใช่มัวแต่มาห่วงคนอื่นอยู่แบบนี้

“ ไม่อะ  เพื่อความแน่ใจ  รอดูพี่ดีกว่า  พี่ยิ่งดื้อๆอยู่ “

“ ไอ้!!!.. “

กำลังจะด่ามัน  แต่นึกไม่ออกว่าจะด่ามันว่าอะไรดี

“ เออ!  อยากดูนัก  นั้นมึงก็เอาของมึงเข้ามานั่งกินกับกูในนี้เลยละกัน “

มันมองผมงงๆ คือมึงจะงงอะไรนักหนากับคำพูดง่ายๆ แค่นี้วะ

“ ให้ผมเข้ามากินในนี้กับพี่เหรอ “

“ ก็เออดิวะ  มึงนี่แม่งเข้าใจอะไรยากจังวะ “

น้องมันมองผมแปลกๆ  แต่ไม่นานก็ลุกขึ้นจากพื้นที่มันนั่งเดินออกไปนอกห้อง  สักแปบก็กลับเข้ามาพร้อมกับชามโจ๊กร้อนๆอีกชาม  มันวางไว้ที่โต๊ะเล็กอีกฝั่ง  ก่อนจะเลื่อนเอาเก้าอี้จากโต๊ะทำงานผมมานั่ง

จากนั้นเราก็กินข้าวเช้ากันตามปกติเหมือนเช่นทุกที  ต่างกันก็ตรงที่เปลี่ยนบรรยากาศมากินในห้องผมและนั่งใกล้กันมากขึ้นกว่าปกติ

ผมมองดูมันกินโจ๊กก็อดนึกขำขึ้นมาไม่ได้  ก็ดูสิครับกินอย่างกับเด็กแน่ะ  แถมยังทำเลอะติดริมฝีปากบนและมุมปากอีก  ซึ่งมันเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยนะ  ไอ้เด็กน้อยเอ้ย...

“ ขำอะไร “  มันเงยหน้าจากชามโจ๊กขึ้นมามองผมครับ

“ ป๊าว... “  ผมได้แต่ยิ้มที่มุมปาก  ไม่บอกมันหรอกครับ  ปล่อยมันไปแบบนี้แหละ...  ก็..  น่ารักแบบเด็กๆดีว่ะ

หลังจากที่กินอะไรตามที่มันหามาให้แล้ว  ผมก็กินยาและทำท่าว่าจะนอนพักต่อครับ  แต่เพียงแค่หัวถึงหมอนมันก็ถามผมขึ้นมาอีกครั้ง

“ พี่กิจ... จะเช็ดตัวมั้ยครับ “

ผมมองมันนิ่ง  ซึ่งมันเองก็ดูกล้าๆกลัวๆที่ถามผมขึ้นมาแบบนี้  แต่ที่ผมนิ่งไปก็คือ  ผมยังจำความรู้สึกตื่นเต้นนิดๆที่มันมาเช็ดตัวให้ผมเมื่อคืนนี้ได้แม่น 

นึกแล้วก็...  น่าสนุกดีนะ  ให้มันเช็ดอีกรอบก็ดีเหมือนกัน

“ คือ..  ก็เห็นพี่ไม่ได้อาบน้ำเช้า  เผื่อจะได้สบายตัวก่อนนอนพักไง “

มันว่ามาก็ดูมีเหตุมีผลเหมือนกันนะ  ว่าแล้วก็ตามนั้นละกันครับ  แต่...

“ มึงจะเช็ดให้กูใช่มั้ย “

จู่ๆมันก็งุดหน้าลงไม่กล้าสบตาผมเสียอย่างนั้น  แปลกคน....

“ ก็..  ได้นะ “

มันว่ามาแค่นั้นก็เดินออกไปจากห้องผมพร้อมกับถาดอาหารมื้อเช้า  จากนั้นไม่ถึง 10 นาทีมันก็กลับเข้ามาในห้องผมอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์สำหรับเช็ดตัว

ผมถอดเสื้อให้มันอย่างรู้หน้าที่  มันบิดผ้าขนหนูสีขาวพอหมาดๆ  ก่อนจะมาเช็ดซอกคอผมอย่างเบามือ  หน้ามันเข้ามาใกล้ผมมาก  ผมเหลือบตาขึ้นมามองมัน  แต่มันก็เลี่ยงสายตาผมไปทันที 

ผมรู้สึกแปลกๆแฮะคราวนี้  มันไม่เหมือนเมื่อคืนที่ผมสะลึมสะลือ  มีสติไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่เช้านี้ผมมีสติแล้ว...  พอไอ้เด็กนี่เข้ามาใกล้  จู่ๆมันก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาซะงั้น  ไม่ชินมั้งครับที่ผู้ชายเข้ามาใกล้และสัมผัสตัวผมลักษณะนี้  แถมแม่งยังขาวใส แบ๋วซะขนาดนั้น  นี่ถ้าเป็นผู้หญิงเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้นะ  เสร็จไปไหนต่อไหนแล้ว  ถึงผมจะป่วยอยู่ก็เหอะ...

ผมปล่อยให้มันค่อยๆ เช็ดไล่ลงมาตามตัวเรื่อยๆจนถึงบริเวณหน้าท้อง  เหมือนน้องมันจะชะงักมือเล็กน้อยในขณะที่ผมเองก็รู้สึกเหมือนจะเริ่มเคลิ้มและมีอารมณ์ตามสัญชาตญาณของผู้ชาย..

“ เชี่ย! พี่กิจ “

อะไรวะ  จู่ๆแม่งก็ด่าผม  ผมซึ่งกำลังจะหลับตาเคลิ้มอย่างไม่รู้ตัวเป็นอันต้องเบิกตาขึ้นมาดูมันทันที

เชี่ยจริงด้วย!!!

เมื่อกิจน้อยของผมเสือกผงาดขึ้นมาตอนนี้  แถมผมใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวซะด้วย  มันเลยนูนเห็นได้ชัดซะขนาดนั้น

“ ไมวะ  ผู้ชายด้วยกัน  ทำอย่างกับไม่เคยเห็นไปได้ “

ผมแค่นบอกไป  ทั้งๆที่ความจริงแล้วแม่งโครตอายเลยครับ

“ ไม่เอาแล้ว  ทะลึ่งว่ะพี่  ทำต่อเองเลยละกัน “

อ้าว...  แล้วมันก็ทิ้งผ้าไว้บนตัวผม  เดินหน้างุดออกจากห้องผมไปเสียอย่างนั้น

กูค้างนะเว้ยเห้ย...  เอ้ยไม่ใช่...  มึงมาทำต่อให้เสร็จสิวะ....





TBC.


-----------------------------------------------------------------------------

ขอโทษครับมาช้าไปนิด  มะคืนกินยาแล้วมึนหัวเลยหลับไปเลย  ไม่ทันได้ลงอะครับ  :mew2:

ช่วงนี้ก็กิจกับกันต์เริ่มๆ มีโมเม้นต์น่ารักๆกันบ้างแล้ว  แต่ยังมีเรื่องราวอีกเยอะเลยครับ  ซึ่งล่าสุดที่ผมเขียนอยู่ตอนนี้ chapter 33 กำลังจะดราม่าด้วย  แต่ว่า... นิยายที่ผมเขียนก็ขอบอกก่อนเลยนะครับว่ายังไงก็จบไม่่เศร้าครับ  เพราะชีวิตจริงมันก็เศร้าพอแล้วเลยอยากให้หลายๆคนมีวามสุขกับการอ่านนิยายแฮปปี้ๆมากกว่าอะครับผม (มันคือความตั้งใจแง่มๆ)

สุดท้ายก็ขอขอบคุณมากๆนะครับที่ติดตาม  มีอะไรจะแนะนำหรือติชมสำหรับมือใหม่อย่างผม  ก็พร้อมรับไว้เสมอนะครับ ขอบคุงคร้าบบบบ

^________________________________________^


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
พยายามเข้านะครับ คุณหมีขาว ถ้าได้ทำอะไรในสิ่งที่ชอบ มันจะทำให้ชีวิตคิดบวกมากขึ้น แล้วก็จะทำให้ทัศนคติในการใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆครับ ซึ่งพวกนี้มันจะส่งผลมาที่นิยายที่คุณหมีขาวเขียน และทำให้คนอ่านรับรู้ได้ว่าแนวคิดของคนเขียนนั้นเป็นยังไง

นิยายที่ให้ความรู้สึกด้านบวกต่อชีวิต มักจะทำให้คนอ่านรู้สึกดีที่ได้อ่านเสมอครับ เพียงแค่ว่า องค์ประกอบหลายๆส่วนมันอาจจะต้องครบครันหน่อย เรื่องพล็อตหรือความแน่นของตัวละคร มันไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์มากก็ได้สำหรับการเขียนสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะเราไม่ได้ต้องการให้มันเป็น masterpiece สำหรับวงการวรรณกรรม แต่สิ่งที่ควรต้องคิดคือจำเป็นต้องมีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง และเลือกสาส์นหรือแก่นเรื่องที่คนเขียนมั่นใจว่าจะถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ไขว้เขว สองสิ่งนี้จำเป็นครับที่จะทำให้วรรณกรรมสมบูรณ์ในระดับเบื้องต้นน่ะนะ

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หวังว่าหวัดของอีพี่จะไม่ไปติดอีน้องนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 7



กันต์'s  Part




ต้นสัปดาห์เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากครับ  งาน Drawing ก็ยังทำไม่เสร็จ  ก็เสาร์อาทิตย์มัวแต่ดูแลคนป่วยอยู่อะครับ 
ส่วนตอนนี้พี่กิจเองก็ดีขึ้นมากแล้ว  เช้านี้ยังปลุกผมมาออกกำลังกายอยู่เลย  คนอะไรแม่งฟิตเป็นบ้า


.......


ผมเดินเข้าห้องเรียนคาบเช้ามาท่าทางเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี  ทั้งๆที่โดนบังคับให้วิ่งออกกำลังกายตอนเช้าไปแล้วนะครับ  แต่ทำไงได้ล่ะ  เมื่อคืนนั่งทำ Drawing ต่อจนเกือบตี 2 เลยครับ  อาจารย์ก็สั่งมาซะอย่างกับให้การบ้านเด็กประถม  เขียนแบบนะครับอาจารย์ไม่ใช่การบ้านเลขที่ให้มาทีเกือบ 30 รูปแบบนี้  แถมแต่ละรูปนี่กว่าจะเขียนเสร็จล่อไปเกือบชั่วโมงเลย

“ ไอ้กันต์ทางนี้ !! “  ผมเห็นไอ้เรย์มันโบกมือไหวๆ เรียกผมอยู่ด้านบนสุดของห้องสโลป

ผมเดินขึ้นไปหามัน  แล้ววางกระเป๋าลงข้างๆ  ก่อนจะฟุบลงนอน  เผื่อจะได้อีกสักงีบก่อนอาจารย์เข้ามาครับ

“ มึงทำสรุปแลปฟิสิกส์เสร็จยังวะ “  ชิบหายละ!  เสียงไอ้เรย์ทำเอาผมเบิกตาโพรงเลยครับ  มัวแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับงาน Drawing จนลืมไปว่าพรุ่งนี้มีเรียนแลปฟิสิกส์ตอนบ่าย  แต่ต้องส่งรีพอร์ตก่อนตอนเช้า  แถมยังมีควิชแลปแต่ละการทดลองด้วยนี่หว่า  ลืมซะสนิทเลยครับ

“ เชี่ยเรย์...  กูลืมเลยว่ะ  มึงทำยังวะ  กูยืมมาลอกทีดิ “  ผมทำหน้าตาตื่นถามคนข้างๆ ทันทีครับ  แต่แม่งเอาหนังสือการ์ตูนที่มันกำลังอ่านอยู่มาตีหัวผมซะงั้น

“ ลอกได้พ่องมึงดิ  อาจารย์จับได้พอดี  แล้วมึงว่าหน้าอย่างกูเนี่ยนจะทำเสร็จ “

เออว่ะ...  ไม่น่าถามเลย  หน้าตาโง่ๆอย่างมันก็คงจะมาขอลอกผมเนี่ยแหละ ( ซึ่งผมก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่ามันสักเท่าไหร่เลยครับ)

“ เชี่ยแล้วไง  ส่งพรุ่งนี้นะเว้ย  แถมวันนี้มีเรียนทั้งวันด้วย  ตอนเย็นก็ต้องเข้าเชียร์อีก  เอาเวลาไหนไปทำวะ “  ผมพูดไปก็เครียดไปครับ

“ โดดเชียร์แล้วไปทำหอกูมั้ยวะ “

ความคิดดีนะครับ  แต่มันไม่ดีสำหรับผมน่ะสิ  คือถ้าผมโดดนะ...กลับห้องไปไอ้ประธานเชียร์มันเอาผมตายแน่  ถึงจะพึ่งหายไข้  แต่เชื่อเหอะ  ผมสู้ไรพี่เขาไม่ไหวหรอก  ตัวก็สูงกว่า  น่าจะสัก 185ได้มั้ง  ขนาดผม 177 ยังดูเตี้ยไปเลย

“ เดี๋ยวก็โดนซ่อมอะมึง  ไม่เอา.. “ 

“ นั้นซ้อมเชียร์เสร็จค่อยไปทำที่หอกูก็ละกัน “

ไอ้เรย์ว่ามาอย่างไม่มีทางเลือกครับ  มันเองก็คงไม่อยากโดนซ่อมเพราะขาดเชียร์ด้วยเหมือนกัน..

คือตอนเข้าเชียร์อะครับ  มันจะมีการเช็คชื่อ  แล้วใครที่ขาดในวันก่อนหน้านั้นก็จะถูกแยกออกไปอีกกลุ่ม  คงไม่ต้องถามนะครับว่าไปทำไม  เพราะเท่าที่ผมเห็นคือ  พวกที่ซ่อมเสร็จกลับเข้ามาในแถว  เหงื่อแม่งท่วมตัวกันทุกคนเลย

เช้านี้แคลคูลัสไม่ได้เข้าหัวอะไรผมเลยครับ  มองไปทางขวาไอ้เรย์แม่งก็กำลังอ่านการ์ตูน  ทางซ้ายไอ้แน็คก็กำลังเล่นเกมในมือถือ  มีแต่ไอ้เจมส์ที่นั่งข้างไอ้แน็คเท่านั้นแหละครับที่เป็นความหวังของกลุ่มเรา

ส่วนผมน่ะเหรอ  สะลึมสะลือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่แล้วละครับ


..........................................


เชียร์วันนี้พี่กิจยังคงมาดนิ่ง  และโหดเหมือนเดิม  ทั้งๆที่พึ่งหายไข้มาแท้ๆ  ไอ้เราก็นึกว่าจะซอร์ฟลงสักหน่อย  แต่ไม่เลยครับ  โหดเหมือนเดิม

แต่ถึงกระนั้น  พวกสาวๆก็ยังคงกรี๊ดกร๊าด  และไม่ถือสาพี่เขาอยู่ดี  ส่วนเราพวกผู้ชายหน้าตาบ้านๆก็ได้แต่มองด้วยความอิจฉาก็เท่านั้นแหละครับ

เมื่อพี่ว๊ากเดินเรียงแถวกันออกไปจากห้องเชียร์เรียบร้อย  จู่ๆ วันนี้พี่ปี 2 ก็เดินเข้ามาคุยกับพวกเราต่ออีกหน่อยครับ  ก่อนที่จะปล่อยให้พวกเรากลับบ้านกันตามปกติ

ซึ่งเรื่องที่พี่ปี 2 มาแจ้งก็คือวันเสาร์ที่จะมาถึงนี้จะมีงาน First Gear ซึ่งจะเป็นงานที่เหมือนจะจัดต้อนรับปี 1 ของคณะผม  แต่ประเด็นสำคัญหลักๆก็คือ จะมีการประกวดดาวเดือนของคณะเราด้วยอะครับ  ซึ่งพี่เขาจะให้แต่ละ Sec ส่งตัวแทนชาย หญิงมา Sec ละคน  ภายในเย็นวันพรุ่งนี้  เพื่อแจ้งชื่อให้กับพี่เขาตอนเข้าเชียร์ครับ

ผมเดินบิดขี้เกียจออกมากับพวกเพื่อนๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยล้า  พึ่งเปิดเทอมแท้ๆ  ทำไมกิจกรรมมันเยอะขนาดนี้นะ  ไหนจะเรื่องเรียนอีก  ตายๆกันพอดี

ผมโบกมือลาไอ้แน็คกับไอ้เจมส์ที่อยู่ในรถกำลังจะกลับหอครับ  ไอ้สองตัวนี้มันทำแลปเสร็จแล้ว  เลยว่าจะกลับไปพัก  ซึ่งผมแม่งโครตเข้าใจเลยครับว่ามันคงจะเหนื่อยกันมากๆ  เพราะผมเองก็อยากจะนอนเต็มแก่แล้วตอนนี้  แต่พอนึกถึงงานที่ต้องส่งวันพรุ่งนี้แล้วละก็...  ฮือๆๆๆ

“ เฮ้ยมึง  กินข้าวก่อนหรือจะซื้อไปกินที่หอกูดีวะ “  ไอ้เรย์มันหันมาถามความเห็นผมครับ

“ แล้วแต่มึงเลย  กูยังไงก็ได้ “

“ นั้นกินหลังมอกันก่อนกลับละกัน “

ก็โอเคตามนั้นครับ  จากนั้นไอ้เพื่อนตัวสูงของผมมันก็เดินนำผมลิ้วๆไปที่รถมัน  ก่อนจะขับไปยังหลังมอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคณะผมมากสักเท่าไหร่


ที่ร้านข้าวหลังมหาลัยฯ

ผมกำลังนั่งกินข้าวไก่กระเทียมไข่เจียว  ส่วนไอ้เรย์นี่เข้ากระเพราหมู  แต่ว่าเป็นจานที่ 2 ของมันแล้วนะครับ  มันตัวโตกินเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ  สูงกว่าผมไม่มาก  แต่หนากว่า  ผิวสีแทน  ห้าวๆกวนๆ  นิสัยต่างกับผมโดยสิ้นเชิง  ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเป็นเพื่อนสนิทกันไปได้

“ นี่แกๆ  พี่กิจเว้ย! “

เสียงพี่ปี 2 คณะอะไรสักอย่างที่อยู่โต๊ะข้างๆผม  เรียกบอกให้เพื่อนในโต๊ะให้หันไปมอง  ผมเองก็เสือกหันตามไปด้วยเช่นกัน (ไม่รู้จะเสือกเรื่องชาวบ้านเขาไปทำไม)

ภาพที่เห็นคือคุณชายกิจครับ  ขี่บิ๊กไบต์หรูสีขาวมาจอดไม่ไกลจากร้านที่ผมนั่งอยู่  คนอะไรโครตหล่อเลย  ดูสิครับทั้งชายจริงหญิงแท้มองกันให้เพียบ 

“ เชี่ย...  เท่ห์ชิบหายว่ะพี่กิจอะ  ขี่บิ๊กไบต์ด้วยเท่ห์สัด “  ไอ้เรย์ที่พึ่งเห็นพูดขึ้นมาครับ

พี่กิจเดินไปสั่งข้าวร้านข้างๆ  เขาคงไม่เห็นผมอะครับ  แถมยังทำหน้ามึนไม่สนใจสายตาประชาชีโดยเฉพาะสาวๆที่พากันมองและซุบซิบกันอย่างเห็นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น

นี่เหรอวะวิถีชีวิตเทพบุตร...

ผมหันมาสนใจข้าวตรงหน้าต่อดีกว่าครับ  ทำเป็นตื่นเต้นตามสาวๆแถวนี้ไปได้  เห็นกันแม่งทุกวัน  เข้าเชียร์ก็เจอ  กลับห้องก็เจอ  น่าเบื่อจะตายไป 

รึเปล่านะ...


………………….


มาถึงห้องไอ้เรย์  สิ่งแรกที่ผมทำคือ  กระโดดลงไปนอนแผ่หลาบนเตียงมันทันทีเลยครับ  ไอ้เรย์วางกระเป๋าเสร็จมันก็หยิบเอาหนังสือแลปฟิสิกส์  พร้อมทั้งสมุดรายงานที่พึ่งซื้อมาใหม่โยนมาข้างผม

นี่มึงอย่าพึ่งให้กูรับรู้ความเป็นจริงไวขนาดนี้สิวะ  กูยังไม่หายเหนื่อยเลยนะเว้ย

“ เร็วมึง!  จะ 3 ทุ่มแล้วเนี่ย “  เออว่ะ  ไม่รีบทำมีหวังผมกลับดึกแน่  แถมยังต้องอ่านทวนเนื้อหาแลปไว้ทำควิซวันพรุ่งนี้ด้วย
ผมกับไอ้เรย์ขะมักเขม้น  ทำรายงานกันบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่พื้นจนในที่สุดก็เสร็จเรียบร้อย  มันก็แค่ 5 – 6 หน้าเองครับ  แต่มันช้าตรงที่ต้องเอาผลการทดลองมาคำนวณเนี่ยแหละ  ยิ่งผมนะไม่ได้เอาหนังสือแลปติดมา  เลยต้องเมคข้อมูลโดยดูจากผลการทดลองของไอ้เรย์มันนิดหน่อย  แถมยังต้องให้เปอร์เซ็นความคาดเคลื่อนมันมีน้อยอีก  เลยทำให้ผมช้า...

มองดูเวลาอีกทีนี่ก็เกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว  จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาครับ  ผมหยิบขึ้นมาดู  เป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก  ก่อนจะกดรับสายไป

-- อยู่ไหนวะ --

“ เอ่อ..นั่นใครครับ... “

-- กูเองไง -- 

กูไหนกันวะ  แต่พอฟังจากน้ำเสียงเรียบๆเย็นชาๆ แบบนี้แล้วก็รู้ได้ทันทีเลยครับว่าเป็นพี่กิจ

“ เอ่อ..  อยู่หอเพื่อนอะครับ  มาทำรายงาน “

-- กลับกี่โมง --

“ เดี๋ยวก็จะกลับแล้วครับ  เสร็จพอดี “

-- ที่ไหน...  เดี๋ยวกูไปรับ --

 เห้ย!  นี่ผมฟังผิดไปรึป่าวนี่ย  พี่กิจเนี่ยนะจะมารับผม โอ้มายก๊อด

“ หอxxxx  ที่หลังมออะครับ “

-- อ่อ..  ให้เวลา 15นาที  มารอกูที่หน้าหอ --

และไม่ทันที่ผมจะได้ตอบรับอะไร  แม่งก็วางสายไปเสียอย่างนั้น  เอาแต่ใจชิบ  ไอ้คุณชายนี่

“ ใครวะ “

ไอ้เรย์ถามอย่างสงสัย  เพราะนอกจากมันและเพื่อนอีก 2 คน  ก็ไม่น่าจะมีใครที่โทรหาผมแล้ว...

เมื่อมันคิดว่าตอนนี้ผม..  เหมือนอยู่ตัวคนเดียว

ซึ่งก็จริงของมัน....

“ ญาติน่ะ  คนที่กูพักด้วย “  มันมองผมอย่างสงสัยเล็กๆ  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อครับ

“ นั้นกูกลับก่อนนะเว้ย “  ผมรีบร้อนขึ้นมาหน่อยๆ  กลัวคุณชายแม่งจะมาถึงก่อนผมลงไปหน้าหอ

“ เออปะ  เดี่ยวกูไปส่ง “  ไอ้เรย์ขันอาสาครับ

“ เห้ย!  ไม่เป็นไรมึง  เดี๋ยวพี่เขามารับ “

“ น่าสงสัยสัยนะมึงเนี่ย  หออยู่ไหนแม่งก็ไม่ยอมบอกกู  นี่กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะเว้ย... “

มันทำหน้าสงสัยก่อนจะพูดตัดพ้อมา  ผมชะงักไปเล็กน้อย  เพราะผมกับมันปกติมีอะไรก็จะรู้กันทุกเรื่อง  และครั้งนี้ผมเองก็ไม่อยากจะปิดมันหรอกครับ  แต่เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ

“ คือ....  เอ่อ..  ไว้คราวหลังนะ วันนี้กูรีบว่ะ “  ว่าแล้วผมก็ปิดกระเป๋าเป้ก่อนจะลุกและเตรียมออกไปจากห้องครับ
ทั้งรีบทั้งไม่รู้จะตอบมันยังไงดี  หนีไปก่อนดีกว่า  ขอเวลาผมหาทางออกที่ดีกว่านี้  แล้วค่อยมาบอกมันทีหลังละกัน

“ ไปแล้วนะเว้ย “  ผมหันมาบอกมันขณะที่มือกำลังกำลูกบิดประตูพร้อมจะเปิดออก  มันยกมือลาพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นการตอบมาให้ด้วยเช่นกัน

ผมเร่งฝีเท้าลงมาจากชั้น 4 โครตเหนื่อยเลย  หวังว่าจะมาถึงก่อนพี่กิจนะครับ

แต่....

เชี่ย...  ไหงมาไวจังวะ  ก็ 15 นาทีไง  นี่ยังไม่ถึงเวลาเลย  แล้วจะรีบมายืนหล่อล่อสายตาใครต่อใครทำไมวะเนี่ย  ( แม้ตอนนี้จะไม่ค่อยมีคนแล้วก็ตาม ) 

พี่กิจมองผมสีหน้าเรียบเฉยไม่สบอารมณ์  นั่งพิงบิ๊กไบต์อยู่  บางคนเดินผ่านไปอาจจะมองดูว่าเท่ห์นะ แต่ผมมองดูเหมือนตัวเองกำลังจะมีงานเข้ายังไงก็ไม่รู้สิครับ

“ ยังไม่ 15 นาทีเลยพี่ “  ผมรีบอ้าง  ซึ่งมันก็จริงนะครับ

“ แล้วมึงต้องรอให้มันพอดี  หรือเกินเวลารึไงถึงจะลงมาได้ “

เงียบกริบเลยครับผม  ถ้าพูดซะขนาดนี้ผมบอกอะไรไปก็ผิดหมดอยู่ดี  จะบ้าตายไอ้กันต์

“ ขึ้นรถ “

พี่เขาพูดจบก็ขึ้นไปคร่อมบิ๊กไบต์  แต่แกไม่สวมหมวกกันน๊อคนะครับวันนี้  ผมเองก็ขึ้นซ้อนท้ายเหมือนที่เคยทำ  ก่อนจะลังเลว่าจะจับพี่เขายังไงดี

“ ไม่จำอีกนะมึง “  พี่เขาว่ามาครับ  ก่อนจะดึงมือผมไปกอดเอวพี่เขาไว้เหมือนเช่นทุกที 

ผมรู้สึกเขินขึ้นมาทันทีครับ  แถมดูรอบๆ บริเวณสิครับ  มองมาทางเรากันหมด  บ้างก็ซุบซิบอะไรกันไปด้วย 

แม่งเอ้ย!!!  อายเป็นบ้าเลยครับ

พี่กิจขับรถกลับมาที่คอนโด  แกไม่พูดอะไรเลยสักคำจนกระทั่งมาถึงห้อง

รู้สึกเหมือนผมทำอะไรผิดไปรึป่าว  แต่ก็ไม่นะ...  ผมจำไม่ได้ว่าทำอะไรให้แกน่าจะโกรธเลยนี่หว่า

“ ทีหลังถ้าจะกลับดึกอะ...  ให้โทรมาบอกกูด้วย “

อึ้งครับ....  อะไรวะ  หมายความว่าไงเนี่ย...  ผมงงกับการกระทำและคำพูดพี่เขา  นี่พี่เขาจะตำหนิผม  หรือว่า..  พี่เขาห่วงผมกันเนี่ย...

ผมเหลือบมองพี่เขาที่หันมาชำเลืองมองหน้าผมเล็กน้อยด้วยแววตาไร้อารมณ์เหมือนเคย  ก่อนจะเดินเข้าห้องส่วนตัวของเขาไป  ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่ที่หน้าห้อง


ติ๊ง!! 

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  เมื่อแอพพริเคชั่นไลน์เตือนมาว่ามีคนไลน์หา

Ray :  ไอ้เชี่ยกันต์  มึงเล่ามาเลยนะ  ว่ามึงพักอยู่กับใครอะไรยังไง

…….

Ray :  สัด...อ่านแล้วไม่ตอบ  กูเห็นนะเว้ยว่าใครมารับมึงเมื่อกี้อะ

ซวยละไง  แล้วนี่ไอ้เรย์มันเห็นได้ไงวะเนี่ย

GunT :  เห็นไรมึง

Ray :  ก็กูแอบตามมึงลงมาไง  เสือกไม่บอกกู  กูก็ต้องสืบเอาเอง

ถึงว่า...แม่งเงียบไม่เซ้าซี้เหมือนทุกทีที่ผมมีเรื่อง  ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง

Ray :  เร็วมึง...

GunT :  เออๆ  เดี๋ยวกูโทรหา

พิมพ์จบผมก็เดินเข้าห้องไปครับ  สงสัยผมคงได้แหกกฎไอ้คุณชายแล้วล่ะครับงานนี้  แต่กับไอ้เรย์นี่ผมไม่ห่วงเลยนะ  เพราะรู้จักนิสัยมันดี  มันไม่ปากโป้งหรอก  ว่าแต่  ผมจะเริ่มเล่าจากตรงไหนก่อนดีล่ะครับเนี่ย...


……………………………..

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
เช้าวันต่อมา

“ กูว่าละ  ทำไมเวลากูชวนมึงโดดเชียร์ถึงไม่กล้าโดดสักครั้ง “

ผมที่กำลังเดินไปตึกฟิสิกส์ของคณะวิทยาศาสตร์  เพื่อเรียนฟิสิกส์ในช่วงเช้า (เพราะวิชาพื้นฐานนี่เราต้องตัดเกรดร่วมกับคณะอื่นด้วย)  จู่ๆไอ้เรย์มันก็เข้ามากอดคอผมและพูดขึ้นครับ

“ สัด!!!  เสียงดังไปมึง “  ผมหันไปทำหน้าดุใส่  มันก็ได้แต่ทำหน้าตากวนตีนผมส่งมาครับ  แม่งไม่น่าเล่าให้มันฟังเลย...

“ เออนี่มึง  แล้วพี่กิจอะ  ตอนปกติกับตอนเชียร์นี่เหมือนกันป่าววะ “  มันถามต่ออย่างอยากรู้ครับ 

“ ก็... “ 

ผมเริ่มนึกไปถึงช่วงแรกๆที่ไปอยู่กับพี่เขา  อยากบอกมันมากว่าเชี่ยกว่าในห้องเชียร์มาก  ทั้งเอาแต่ใจเป็นคุณชายและบ้าอำนาจสุดๆ  แต่พอมาช่วงหลังๆนี่...  ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นไปซะทีเดียว  ผมก็เลย...

“ อือ... “

ตอบไปแค่นั้น....

“ โห..  อย่างเท่ห์ว่ะ  ไอดอลกูเลยนะเนี่ย “

อ้าวไอ้เพื่อนตัวดี  นี่มึงไม่คิดสงสารกูบ้างเลยรึไงวะ


....................................


เช้านี้อาจารย์ปล่อยเร็วกว่าปกติเกือบครึ่งชั่วโมงครับ  เลยมีเวลาให้เพื่อนๆใน Sec ผมคุยกันเรื่องว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนไปประกวดดาวเดือนคณะในงานวันเสาร์นี้

“ ไอ้กันต์ๆ !! “ 

ผมที่จากเคลิ้มๆเพราะนอนฟุบอยู่บนโต๊ะอย่างสะลึมสะลือ  ตาสว่างขึ้นมาทันทีเลยครับ  เมื่อจู่ๆไอ้เรย์แม่งก็ยกมือตะโกนเสนอชื่อผมเสียงดังตามประสามันไป

“ สาด!!!  กูไม่ไป  เล่นไรมึงเนี่ย “ 

ผมตบหัวมันไปทีนึงครับ  เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง  ยิ่งไม่ค่อยอยากวุ่นวายอะไรแบบนี้อยู่แล้ว  เพราะแค่ทุกวันนี้ผมก็แทบจะไม่มีเวลาทำอะไรแล้วเนี่ย  ที่สำคัญ  เรื่องประกวดอะไรเนี่ย  ผมไม่ชอบเอาเสียเลย

บนไวท์บอร์ด มีชื่อผู้ชาย 4 ชื่อและผู้หญิง 5ชื่อครับ  เพื่อที่จะให้พวกเราใน Sec ยกมือนับคะแนนกันว่าใครจะได้เป็นตัวแทนของ Sec เราไปประกวด

สาธุ...  อย่าให้เป็นผมเลย  ขอให้เป็นไอ้เจมส์  เพื่อนในกลุ่มผมละกัน  ไอ้นี่แม่งขาว ตี๋ ใส่แว่น ตามสไตล์ลูกคนจีนแต่ก็หล่อนะครับ

“ ถ้ากูได้มานะมึง...  ตาย!!! “ 

ผมหันไปขู่ไอ้เรย์ที่กำลังยิ้มแหยๆ ส่งมาให้ข้างๆ ผมครับ

“ ก็กูเห็นมึงน่ารักไง  กูก็เลยอยากสนับสนุนเพื่อน “  ดูเหตุผลมันสิครับ  แต่สีหน้าและแววตาเล่นๆ ของมันนี่เหมือนจะแกล้งผมชัดๆเลย

“ สนับสนุนพ่องมึงสิ  และอีกอย่างนะเว้ย..  กูหล่อไม่ใช่น่ารัก สัด!! “

“ เหรอ.... “ 

มันทำเสียงเหมือนไม่เห็นด้วย  ก่อนจะพยักเพยิกกับไอ้แน็คสองคน  ซึ่งไอ้เชี่ยนี่ก็มีท่าทีเห็นด้วยไปกับมัน

โอ้ย...  ไม่รู้แล้วเว้ย  ช่างแม่ง..  ใครจะอะไรก็เชิญ  ผมของีบดีกว่า  ว่าแล้วผมก็ฟุบลงบนโต๊ะไปเลย

ผมไม่รู้หรอกว่าใครยกมือให้ใครแค่ไหน  ได้ยินแต่เสียงฮือฮาในห้องเพราะกำลังฟุบอยู่ที่โต๊ะ

“ นั้นสรุปตามนี้นะ  ตัวแทนชายเราก็...  กันต์ ส่วนตัวแทนหญิงเราก็ เมย์นะ “

อ่อไอ้กันต์ได้....
 
หือ...

เสคผมมีคนชื่อกันต์กี่คนวะ...

ผมคนเดียวนี่หว่า  คิดได้อย่างนี้ผมเลยสะดุ้งตัวขึ้นมาทันที

“ เห้ย!!! “ 

พอมองไปรอบๆ  คนก็เริ่มทยอยออกห้องไปกันบ้างแล้ว  ที่สำคัญ  ไอ้เชี่ยเรย์ตัวการใหญ่หายไปจากข้างตัวผมอย่างไว  มันคงจะรู้ตัวว่าถ้ายังอยู่คงต้องโดนตีนผมแน่ๆ

เห้อ....  ซวยอะไรแบบนี้วะเนี่ย  โผมมมมม!!!!




TBC.



-----------------------------------------------------

Chapter ที่แล้วลง late ตามกำหนดการวันนี้ก็เลยต้องลง Chapter 7 ต่อครับ

- คุณ Grey Twilight  ขอบคุณครับที่แนะนำแนวทาง  ผมจะพยายามทำให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้นะครับ  และจะพยายามปรับปรุงมันไปเรื่อยๆครับผม  ขอบคุณครับ
- คุณ Areenart1984 น้องยังไม่ติดหวัดครับ  แต่ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะเลยครับ  ยังไงก็ฝากดูน้องเขาต่อไปด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ ^ ^

ขอบคุณทุกๆคนมากนะครับที่เขามาอ่าน  วันมะรืนจะลง Chapter ต่อไปนะครับผม

^______________________________________________^

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
รอตอนต่อไปปปป :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น้องกันต์เราหล่อไม่เบา ได้เป็นเดือนแล้วววว  :hao3:

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 8



กันต์'s  Part




“ อ้าว!  กันต์เป็นตัวแทน Sec 1 เหรอ “

เสียงพี่ซีพี่รหัสผมดังขึ้น  เมื่อผมต้องแยกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆในห้องเชียร์ที่กำลังนั่งมาคุกันอยู่

คือเขาให้พวกที่เป็นตัวแทนแต่ละ Sec แยกตัวออกไปเพื่อแจ้งชื่อ  และพี่เขาก็จะอธิบายถึงสิ่งที่พวกเราจะต้องทำในการประกวดให้ฟังอะครับ

“ โดนบังคับอะดิพี่  ผมอยากมาที่ไหนล่ะ “ 

ผมทำหน้ามู่บอกไป  พี่ซีเห็นเข้าก็ได้แต่ยิ้มขำ  ก่อนจะให้ผมเขียนชื่อ  ภาควิชา  และรหัสนักศึกษาลงบนกระดาษที่พี่เขาเตรียมไว้ให้ครับ

“ เอาน่า  ก็เรามันน่ารักออกจะตาย  ไม่แปลกหรอกที่จะถูกเพื่อนๆเขาส่งมา “ 

เอ๊า..  พี่ซีนี่ก็อีกคนละ  ผมหล่อนะครับพี่  ไม่ใช่น่าร้ากกกกก

“ เออซี...  เดี๋ยววันพรุ่งนี้หลังเลิกเชียร์ว่างมั้ย “  พี่ซีถามขึ้นครับ  ผมทำท่าคิดเล็กน้อยว่าติดอะไรมั้ย  ก่อนจะตอบออกไป

“ ว่างนะพี่ “ 

“ นั้นดีเลย  เดี๋ยวพี่จะพาไปเลี้ยงสายรหัส  ถ้าไงเลิกเชียร์แล้วเดี๋ยวพี่โทรหานะ “

พี่ซียิ้มบอกมาครับ  ซึ่งผมอยากบอกว่า  ไอ้ที่น่ารักเนี่ยน่าจะเป็นพี่ซีมากกว่า  ยิ้มมาทีนี่ผู้ชายยังเคลิ้มได้เลยนะครับ

จากนั้นพี่ๆ ปี 2 ก็เข้ามาชี้แจงเรื่องการประกวดให้พวกเรากว่า 20 ชีวิตทราบถึงลำดับงาน  การซ้อมในช่วงระยะเวลาอันสั้น  เพราะนี่เป็นแค่การประกวดภายในคณะ  เลยไม่มีอะไรเป็นทางการเหมือนการประกวดดาวเดือนมหาลัยครับ  ซึ่งผู้ตัดสินก็จะเป็นคณะกรรมการจากพวกรุ่นพี่เรานี่แหละครับ

แต่สำคัญสุดที่ทำให้ผมยิ้มได้และรู้สึกดีกับการประกวดครั้งนี้ก็คือ  ตลอดช่วงสัปดาห์นี้จนกว่าจะถึงวันประกวด  พวกผมได้รับข้อยกเว้นให้ไม่ต้องเข้าเชียร์  แต่ต้องมาซ้อมและฝึกบล็อกกลิ้งกับพวกพี่ๆ เขาสำหรับการประกวดแค่นั้น

“ เอาล่ะค่ะน้องๆ  อีกเรื่องที่พี่จะบอกก่อนที่พี่จะปล่อยพวกน้องๆ กลับบ้านกันก็คือ  น้องๆอย่าลืมเตรียมการแสดงความสามารถพิเศษมาคนละ 1 อย่างด้วยนะคะ  ซึ่งพี่มีเวลาให้แค่คนละไม่เกิน 5 นาทีนะจ้ะ “

เอาล่ะสิ  เครียดเลยผม..  แล้วผมจะเอาอะไรมาแสดงล่ะทีนี้  ไม่เก่งอะไรสักอย่าง  ดนตรีก็เล่นไม่เป็น  ร้องเพลงก็โครตห่วย  ชนิดที่เรียกว่าไอออกมายังผิดคีย์เลย  แล้วผมจะเอาอะไรไปแสดงละครับงานนี้

พวกผมถูกปล่อยตัวออกมาพร้อมๆกับที่ห้องเชียร์กำลังเลิกพอดี  ไอ้เรย์กับไอ้แน็ควิ่งเข้ามากอดคอผมคนละข้างจากทางด้านหลังครับ  ผมตกใจอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะหันกลับมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับเรื่องการแสดงความสามารถพิเศษที่กำลังครุ่นคิดอยู่ 

“ เป็นอะไรวะมึง “  ไอ้แน็คถามขึ้นเมื่อมันเห็นท่าทางเครียดๆ ของผม

“ เครียดดิวะ  แม่งไม่น่าได้ไปประกวดเลย  ไอ้เรย์..มึง!! “  ว่าแล้วผมก็หันไปมองยังคนข้างๆ ที่ได้แต่ยิ้มทะเล้นกึ่งสำนึกผิดมาให้ครับ

“ เอาน่า  อย่าคิดมาก  ปะๆไปกินข้าวหลังมอกัน  เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง “

เออ...  อันนี้ค่อยน่าฟังขึ้นหน่อย

“ รวมกูกับไอ้เจมส์ด้วยใช่ปะ “  ไอ้แน็ครีบถามขึ้นต่อทันที

“ พ่องมึงสิ  มีตังค์ก็จ่ายเองสิคร้าบ “  ไอ้เรย์รีบปฏิเสธทันทีอย่างไร้เยื่อใย


...................................


ที่ร้านอาหารตามสั่งหลังมหาลัยฯ

ระหว่างรออาหารที่สั่ง  ผมมองไปยังรอบๆร้าน  คนค่อนข้างเยอะมากครับร้านนี้  เห็นไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คการันตีว่าแจ่ม  ซึ่งไอ้เจมส์มันหมายถึงรสชาติอาหารนะครับ  ส่วนไอ้แน๊คนี่มันหมายถึงสาวๆ

แต่ก็คงจริงอย่างที่มันว่ามานั่นแหละครับ  มีทุกคณะ ทุกชั้นปีเลยครับที่มานั่งกินกันร้านนี้  แถมพอผมมองไปเหมือนจะมีบางโต๊ะกำลังมองมาทางโต๊ะพวกผมด้วย  โดยเฉพาะสาวๆ  คงจะเพราะหน้าหล่อๆ ตี๋ๆ อย่างไอ้เจมส์ หรือ ไม่ก็ไอ้ควายเรย์  เพราะมันตัวสูงหุ่นดี  เด่นซะขนาดนี้

แต่แล้ว..  ทุกสายตาก็ถูกดึงดูดไปยังแขกผู้มาเยือนกลุ่มใหม่ครับ

“ แก๊!!!  แก๊งจตุรเทพนี่หว่า “ 

เสียงแอบกรี๊ดกร๊าดเล็กๆดังขึ้นมาพอให้ได้ยิน  ก่อนที่ผมจะหันไปมองตามสายตาของคนอื่นๆ

เชี่ย!!!

พี่กิจกับเพื่อนๆ ของแกครับ....

คือพี่ๆ จะเลือกคบกันเฉพาะคนหน้าตาดีหรือไงเนี่ย.....

ผมมองไปยังกลุ่มรุ่นพี่ 4 คนที่เดินเข้ามาในร้านก่อนจะไปนั่งยังโต๊ะตัวมุมสุดที่ยังว่างอยู่ของร้าน

คนแรกที่หล่อขั้นทำลายล้างก็อย่างที่รู้ๆกันใช่มั้ยครับว่าคือ  ไอ้พี่กิจนั่นเอง

คนที่สองนี่นั่งข้างๆพี่กิจ  ดูเรียบร้อยหน่อย  ผมยาวระดับต้นคอ  ผิวขาว สวมแว่น  แถมยังดูขรึมๆ กว่าพี่กิจ  หล่อใสๆ สไตล์เกาหลีเลยครับ

คนที่สามนี่นั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่กิจ  ดูท่าทางจะเฮฮาที่สุดในกลุ่มละ  ผมสั้น จมูกโด่ง  หน้าคม  และมีคิ้วเข้มพอๆกับพี่กิจเลย

ส่วนคนสุดท้ายสูงโครต  ว่าพี่กิจสูงแล้วนี่ยังจะสูงกว่าพี่กิจอีก  น่าจะถึง190ได้มั้ง  หุ่นดี หล่อสไตล์ไทยๆอะครับ

“ คืออะไรวะมึง  แก๊งจตุรเทพ “  คราวนี้ไอ้เจมส์ที่ได้ยิน  พี่ผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ถามขึ้นมาบ้างอย่างอยากรู้

“ ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเอง  เดี๋ยวกูไปสืบให้  ได้เรื่องยังไงแล้วเดี๋ยวกูจะมาบอก “
 
ไอ้แน๊คพูดขึ้น  จากนั้นผมก็หันกลับไปมองยังกลุ่มพวกพี่เขาอีกครั้ง 

เชี่ย!!! 

พี่กิจมองมา...  สายตาไม่สบอารมณ์เหมือนเคย  นี่ผมทำอะไรผิดไปรึป่าวเนี่ย  จากนั้นพี่เขาก็เมินหน้าหนีหันไปสนใจคนในกลุ่มต่อ

“ เท่ห์ชิบหายเลยว่ะพี่กิจ  ไอดอลกูเลยนะเนี่ย “  ไอ้เรย์มันยังคงชื่นชมไอดอลของมันอยู่เหมือนเดิมครับ

“ มึงว่าอย่างกูจะเป็นได้แบบพี่เขาได้มั้ยวะ “

มันพูดจบ  พวกผม 3 คนเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมระอาให้มันไปเป็นคำตอบ

“ แดกข้าวกันเหอะมึง “ 

ผมพูดไปแค่นั้น 


.........................................


ที่คอนโด

เมื่อผมกลับมาถึงห้อง  หลังจากที่ปิดประตูลงและมองเข้าไปเห็นพี่กิจนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตรงห้องรับแขก  พร้อมทั้งหันมามองผมด้วยสายตาคาดโทษเหมือนตอนกินข้าวเด๊ะเลยครับ

นี่ต้องแปลว่าผมไปทำอะไรผิดจริงๆ แน่  แต่ถึงกระนั้นก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีครับ 

กลับก็ไม่ดึกนี่หว่า...  แล้วอะไรอีกละครับคุณชาย

“ ทำไมวันนี้ไม่เข้าเชียร์ “

เอ๋...  ผมเนี่ยนะไม่เข้าเชียร์  เห้ยไม่ใช่แล้ว

“ เข้าดิพี่  ผมไม่เคยโดดเชียร์เลยนะ “

“ แต่กูมองหาแล้วไม่เห็น... “

นี่แปลว่าตอนเชียร์พี่เขามองหาผมด้วยเหรอเนี่ย...

แล้วทำไมผมต้องรู้สึกดีใจด้วยว้า!!!

“ ว่าไง  มึงโดดเชียร์ไปไหน “

เสียงดุมาแล้วครับ  ใจเย็นๆดิพี่

“ อ๋อ..  คือพี่เขาให้ผมแยกออกไปอะครับ “

พี่กิจทำหน้างงๆ ถึงสิ่งที่ผมบอกมา  ผมเลยอธิบายต่อ

“ พวกที่จะประกวด ดาว – เดือนคณะอะ “

“ มึงเนี่ยนะเป็นตัวแทน Sec เข้าประกวด “

แล้วพี่เขาก็หลุดขำออกมาเล็กๆ 

ว่าแต่...มันน่าขำตรงไหนอะ 

เห้ย...  เห็นอย่างนี้ก็ใช่ว่าผมจะไม่หล่อนะพี่  ถึงผมจะสู้พี่ไม่ได้ก็เถอะ  แต่ถ้าเป็นสามัญชนคนธรรมดา  ผมก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกันนะ

“ ขำไร... “ 

ผมทำหน้ายู่ถามไป  เมื่อเห็นท่าทีหยามกันขนาดนี้ของพี่กิจ

“ ป๊าว.... “ 

แม่งใช้เสียงสูง...  เห็นละหมันไส้โว้ยไอ้พี่กิจ

“ คอยดูเหอะพี่  ว่าแต่...  ถ้าผมได้เดือนคณะขึ้นมาพี่จะให้อะไรผม “

“ อยากได้อะไรว่ามาเลยมึง “  พี่กิจมองผมอย่างท้าทายพลางเลิกคิ้วมีความสุขส่งมาให้

“ ถ้าผมชนะ  พี่เลี้ยงข้าวผมมื้อนึง “

“ กูจัดชุดใหญ่ให้เลย “

ดูท่าทางไอ้พี่กิจมันดิครับ  โครตมั่นใจเลยอะ  ว่าผมจะไม่มีทางชนะ

“ แล้วคอยดูละกัน “

พูดจบผมก็เดินเข้าห้องไปเลยครับ  ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจตามหลังเข้ามาด้วย

ชักรู้สึกอยากจะชนะขึ้นมาซะแล้วละครับตอนนี้  แม่งเอ้ย!!!



.....................................



วันต่อมา

ระหว่างที่นั่งรอให้ถึงเวลาเรียนในคาบเช้าบริเวณชั้นบนสุดของห้องสโลป  จู่ๆไอ้แน๊คก็เร่งฝีเท้าเข้ามาหาพวกผมสามคน  ก่อนจะวางกระเป๋าและเลื่อนเก้าอี้ขยับเข้ามาใกล้ๆ เพื่อแจ้งข่าวสาร

“ กูไปสืบมาแล้วเว้ยจากพวกรุ่นพี่และพี่รหัสกู “

“ เรื่องไรวะ “  ไอ้เรย์ถามอย่างสงสัย

“ ก็เรื่องจตุรเทพนั่นไง “

มันพูดจบ  จู่ๆความอยากรู้ของพวกเราก็เพิ่มขึ้นมาทันที

“ คืองี้..  จตุรเทพมันเป็นชื่อที่คนเขาตั้งให้กลุ่มพวกพี่เขาน่ะ  เพราะอย่างที่พวกมึงเห็น  แต่ละคนแม่งไม่หล่อก็เท่ห์เวอร์ “

“ สงสัยกลุ่มนี้เลือกคบจากหน้าตาละมั้ง “  ผมแอบแขวะไปครับ

“ ป่าวๆ  คือมันเป็นความบังเอิญเว้ย  คือว่าตอนปี 1 พวกพี่เขา 4 คนได้เป็นตัวแทน Sec เข้าประกวดดาวเดือนเหมือนอย่างกับมึงอะไอ้กันต์  ก็เลยได้สนิทกัน  แถมยังเสือกอยู่ภาควิชาเดียวกันอีก  ก็เลยจับกลุ่มสนิทกันไปโดยปริยาย “

“ ว่าแต่พวกพี่เขาอยู่ภาควิชาอะไรวะ “  อันนี้ไอ้เจมส์ถามขึ้นมาบ้างครับ  ซึ่งจะว่าไปพวกผม 4 คนนี่ก็ดันอยู่ภาควิชาเดียวกันด้วยนะครับ  โครตบังเอิญอะ

“ IE เหมือนพวกเราแหละ “

เชี่ย...  ไหงเป็นงั้นเนี่ย  แปลว่าพอแยกเข้าภาควิชาตอนปี 2 ผมก็ต้องเจอกับพี่กิจบ่อยๆ สิครับแบบนี้

“ จริงเหรอว้า  สาดไอดอลกู “  ไอ้เรย์ดูจะตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่าไอดอลมันอยู่ภาควิชาเดียวกัน

“ แต่ไม่จบแค่นั้นนะเว้ย  ที่เรียกว่าเทพได้นั่นก็ไม่ใช่ไม่มีที่มานะ “

พวกผมพากันทำหน้างงกับข้อมูลต่อไปที่ไอ้แน๊คนักข่าวหัวเห็ดประจำกลุ่มเราจะนำเสนอต่อครับ

“ คนแรกเลย  พี่บิว  พี่คนที่ใส่แว่นนั่นน่ะ  ข่าวมานะเว้ยว่าเรียนไม่เคยต่ำกว่า 3.8  แถมพี่แกเคยสอบตรงติดแพทย์แต่ก็สละสิทธ์ไปเพราะไม่ชอบ  ทั้งๆที่พ่อกับแม่ก็เป็นหมอใหญ่ในโรงพยาบาลดังด้วยกันทั้งคู่  ตอนประกวดดาวเดือนคณะปีนั้นแกได้รองอันดับหนึ่งด้วยนะเว้ย “

โห...  โปรไฟล์ดีสุดๆอะ  ทั้งหล่อทั้งฉลาด  ถ้าขนาดนี้ยังไม่ได้เดือนคณะแล้วอย่างผมละครับ  ตายๆๆไอ้กัน  ดีนะไม่เกิดเร็วไป 2 ปี  แล้วต้องไปแข่งกับพวกเทพๆ แบบนี้

“ ส่วนคนที่สอง  ชื่อพี่คิม  พี่คนผมสั้นๆ ที่ท่าทางเฮฮาๆหน่อยอะ  ได้ข่าวว่าพี่เขาเป็นคนที่ปากหมาและกวนตีนที่สุดในกลุ่มเลยนะ  แต่เห็นแบบนี้นี่  ลูกท่านทูตนะคร้าบ “

“ คนที่สามนี่  ชื่อพี่พี  คนที่สูงๆอะ  คนนี้คือว่าที่กัปตันชมรมรักบี้คณะเราเลยนะ  เพราะตั้งแต่ปี1 ที่พี่เขาเข้าทีมก็นำทีมได้แชมป์ตลอดทั้งในและนอกมหาลัยฯ เราเลย  เป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ  แต่เป็นลูกนายหัวใหญ่อยู่ทางใต้  ที่บ้านมีกิจการโรงแรมและรีสอร์ทหรู “

“ เชร็ดดดดด  แต่ละคนแม่ง “  ไอ้เรย์ส่งเสียงบ้างครับคราวนี้

“ ส่วนคนสุดท้ายหัวหน้าแก๊ง  พี่กิจ.. “

ไอ้แน๊คพูดมาถึงตรงนี้  จู่ๆ ผมก็แอบกลืนน้ำลายขึ้นมาเล็กๆ  เหมือนกับอยากรู้ข้อมูลมากกว่าคนอื่นๆ อย่างนั้นแหละ  ทั้งๆ ที่ผมเองก็อยู่ใกล้พี่เขาขนาดนี้แท้ๆ

“ แค่นามสกุล พานิชยไพศาล  พวกมึงก็คงพอรู้มาบ้างแล้วใช่มั้ย “

หา...  ผมไม่รู้นะเว้ย  แต่ดูท่าทางไอ้เจมส์และไอ้เรย์มันจะรู้จักเป็นอย่างดี

“ มันทำไมเหรอวะ “  ผมถามไปซื่อๆครับ

“ เอ๊าไอ้นี่...  มึงไม่รู้เหรอ  นี่น่ะเจ้าของเครือ PPกรุ๊ป ทั้งผลิต นำเข้า ส่งออก  ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ  แถมยังไม่รวม  กิจการพวกอสังหาริมทรัพย์อีกนะ  เรียกว่าโครตพ่อโครตแม่รวยเลยมึง “  ไอ้เรย์มันขยายความให้ฟังครับ  ผมนี่ถึงกับงงเลย  ไม่คิดว่าคุณลุงคุณป้าเขาจะรวยขนาดนี้  เพราะดูท่านใช้ชีวิตในบ้านค่อนข้างติดดินและไม่ถือตัวเอามากๆ  ผิดกับลูกชายคนโตที่แม่ง  คุณชายชัดๆ

“ ยังไม่จบนะพวกมึง...  ปีนั้นพี่เขาได้ตำแหน่งเดือนคณะ  และยังได้เดือนมหาลัยอีก “

อันนี้ผมไม่แปลกใจนะ  หล่อปานเทพซะขนาดนั้น

“ เป็นนักกีฬาบาสคณะเรา  แถมเรื่องเรียนนี่พี่แกก็ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรีญทองเลยนะเว้ย “

บ้าไปแล้ว...  ไม่จริงน่า  ไอ้พี่กิจเนี่ยนะ  วันๆผมไม่เคยเห็นพี่เขาจะเอาหนังสือเรียนมาอ่านเลย  กิจกรรมก็ทำเยอะซะขนาดนั้น  เป็นไปไม่ได้  ข้อมูลมึงต้องผิดแล้วไอ้แน๊ค!!!!

“ สาดดดด  ไอดอลกู  แม่งอย่างนี้กูก็เทียบไม่ติดเลยดิว่ะ “  ไอ้เรย์รำพึงกับตัวเองขึ้นมาครับ

“ แต่อีกเรื่องที่รู้มาคือ  พี่กิจแกเป็นเสือผู้หญิง  เจ้าชู้ตัวพ่อเลยมึง  ได้ข่าวว่า ปี1 ปี2 ที่ผ่านมา  ดาวและสาวหน้าตาดีหลายคณะผ่านมือพี่แกมาเพียบ  แถมไม่เคยคบใครนานเกิน 1 เดือนเลยด้วยซ้ำ “

ฟังมาถึงตรงนี้  จู่ๆผมก็รู้สึกใจแป้วขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ กูว่าบางคนแม่งคงมาเสนอตัวให้พี่เขาถึงที่เลยเหอะ “  ไอ้เรย์ออกความเห็น

“ กูก็ว่างั้นแหละ  แม่งเพอร์เฟคซะขนาดนี้  เป็นใคร ใครก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ “  ไอ้แน๊คสมทบต่อ

นั่นสิครับ...  ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าชู้นี่เอง...  ถึงว่าทำไมไม่อยากให้ผมมาพักด้วยตอนแรก  คงคิดจะพาสาวๆ มาค้างบ่อยๆ แน่

ชิส์!!! 

แล้วนี่ผมจะอารมณ์ขึ้นทำบ้าอะไรวะเนี่ย


..............................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
เย็นวันเดียวกัน

จบจากเชียร์  ซึ่งสำหรับผมมันช่างสุขกาย  แต่ไม่สบายใจเลยครับ  คือมันยังคิดไม่ออกเลยครับว่าจะแสดงอะไร  แถมพรุ่งนี้ต้องแจ้งพี่ๆเขาแล้วด้วยสิ  เครียดเลยงานนี้....

แต่ช่างเหอะไว้ค่อยคิด  วันนี้พี่ซีจะพาไปเลี้ยงสายรหัส  กินให้อิ่มก่อนเผื่อหัวจะแล่น 

ว่าแต่...  ผมควรจะโทรไปรายงานคุณชายท่านก่อนดีกว่า  เดี๋ยวงานจะเข้าผมอีก

ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์กดโทรออกไปยังเบอร์พี่กิจที่ผมเมมไว้ตอนที่พี่เขาโทรมาเมื่อคราวก่อน

“ ว่าไงมึง “

“ วันนี้ผมกลับดึกหน่อยนะพี่  พอดีมีเลี้ยงสายรหัสอะครับ “

“ แล้วเลี้ยงที่ไหน  ไปกับใคร “

นั่นสินะ...  ยังไม่ได้ถามพี่ซีเลย  ก็เห็นว่าพี่เขาจะโทรมาหา  ผมเลยยังไม่โทรไป

“ ยังไม่รู้เลยครับว่าที่ไหน  แต่ไปกับพี่ซีครับ “

“ อืม.. “

แค่นั้นแล้วคุณชายท่านก็วางสายไปเลยครับ 

นี่ไอ้พี่กิจ  คุณมึงจะเอาแต่ใจไปถึงไหนว้า  มารยาทอะมีมั้ยมารยาท

ผมทำปาก ชิส์ ให้กับหน้าจอโทรศัพท์ที่ว่างเปล่า

ไม่นานพี่ซีก็โทรมา  บอกให้ผมมารอที่หน้าหอประชุมจุดที่ผมยืนอยู่ตอนนี้เนี่ยแหละครับ  เดี่ยวพี่เขาจะมารับ

ยืนรอไปได้ไม่นานพี่เขาก็มาครับ  วันนี้พี่ซีมากับพี่เอ็กซ์  ผมจำได้  พี่หล่อๆแก๊งพี่ซี  น้องรหัสพี่กิจนั่นเอง

พี่เอ็กซ์เป็นคนขับ  ส่วนพี่ซีนั่งข้างๆครับ  ผมขึ้นไปนั่งยังเบาะหลังก่อนจะกล่าวทักทายพี่ๆ ทั้งสอง  จากนั้นพี่เขาก็ขับพาไปยังร้านหมูกระทะห่างออกไปจากมหาลัยฯไม่ไกลมาก

พอมาถึงพี่เขาก็เดินนำผมเข้าไปในร้านยังโต๊ะยาวซึ่งมีคนมานั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว  ซึ่งส่วนใหญ่จะใส่เสื้อธรรมดาและคลุมด้วยเสื้อช็อปสีน้ำเงินกันทั้งนั้น  แต่ก็ยังมีอีกคนที่ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกันกับผมครับ  ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ  ไอ้เจมส์นั่นเอง...
ว่าแต่มันมาด้วยเหรอ...  ไม่เห็นมันบอกผมเลย

พอเดินเข้ามาใกล้จนมันเห็นผม  มันก็ยกมือทัก  ผมก็พยักหน้าตอบมันไปครับ  ดีเลยมีเพื่อนในกลุ่มมาด้วยแบบนี้

“ นี่พี่เปิ้ลพี่ปี 3 แล้วนี่พี่แทน พี่ปี 4 สายเรานะกันต์ “

ผมยกมือสวัสดีพี่ๆเขา  ซึ่งพี่เขาก็ยิ้มตอบกลับมาให้ครับ

“ แล้วนี่พี่โอ  พี่ปี4 สายรหัสเอ็กซ์มัน “

พี่ซีแนะนำต่อ  ก่อนจะหันมาบอกว่าสายรหัสเรามีโครหัสกับสายพี่เอ็กซ์  ผมก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจครับ  ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆไอ้เจมส์มัน

“ น้องๆสายเรามีแต่คนหน้าตาดีเนอะ “  พี่เปิ้ลหันมาชมผมกับไอ้เจมส์มันครับ  ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ เกาหัวไม่รู้จะตอบยังไงดี

“ น้องกันต์ลงประกวดเดือนคณะด้วยนะพี่ “  พี่ซีเสริมครับ  นั่นยิ่งทำให้ผมอายหนักเข้าไปใหญ่  ขณะที่พี่ๆดูจะให้ความสนใจกับพวกผมมากขึ้นไปอีก

“ ปีที่แล้วพี่ก็ประกวดนะกันต์ “  พี่เอ็กซ์บอกมา

“ จริงอะพี่  แต่ก็ไม่แปลกหรอก  หล่อๆแบบพี่ไม่ประกวดน่ะสิแปลก “  ผมว่าไปตามจริงครับ

“ แต่ไม่ได้นะ ฮ่าๆๆ  โดนไอ้เอสเบียดตกเวทีไป “  พี่ซีแซวขึ้นพลางหัวเราะคนข้างๆ  ที่หันมามองคาดโทษเล็กๆ

“ แล้วไง...  แต่อย่างน้อยเอ็กซ์ก็ชนะมันเรื่องความรักนะซี “  แล้วเสียงวี๊ดวิ้วก็ดังขึ้นมาจากพวกพี่ๆปีสูงครับ  ในขณะที่พี่ซีหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเหมือนจะไม่สนใจ 

“ ว่าแต่ทำไมสายเราถึงเป็นสายโคกับสายพี่เอ็กซ์อะครับ “ 

ผมถามต่ออย่างอยากรู้  แต่พี่ซีไม่ตอบอะไร  ได้แต่ยิ้มเขินๆขึ้นมาซะงั้น

“ อ้าว..  ซียังไม่ได้บอกเหรอ “  พี่เปิ้ลพูดขึ้นมาบ้างครับคราวนี้  ผมเลยได้แต่ส่ายหัวส่งให้ไป

“ ก็...  สายเรา0014 กับ 0013 พี่รหัสเราดันได้กัน  ก็เลยถือโอกาสนับญาติกันไปเลย “  พี่เปิ้ลอธิบายต่อยิ้มๆ 

“ พี่เปิ้ลก็ใช้คำผิดแล้ว  ได้กงได้กันอะไรพี่ “  พี่ซีแย้งขึ้นมาทันทีครับ

“ ชั้นใช้คำผิดที่ไหน  ใช่มั้ยเอ็กซ์ “ 

“ ถูกทุกคำ  ไม่ผิดเลยพี่ “  พี่เอ็กซ์พูดจบ  พี่ๆปีสูงก็พากันหัวเราะกันทั้งโต๊ะเลยครับ  มีแต่ผมกับไอ้เจมส์เท่านั้นที่มองหน้ากันอย่างงงๆ  แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายแล้วละครับ

“ เดี๋ยวไปตักของละ “ 

พี่ซีพูดจบก็รีบเดินหน้างุดไปเลยครับ  คงจะอายน่าดู  เป็นผมๆก็อายครับ  ไม่เหมือนพี่เอ็กซ์ที่ดูจะหน้าชื่นตาบานเอาสุดๆ  ก่อนจะรีบลุกเดินตามพี่ซีไป  ได้ยินเสียงมาไกลๆ ว่า  “ มาๆเดี๋ยวเอ็กซ์ช่วยถือให้นะ “

แต่จะว่าไปพี่สองคนนี้ก็น่ารักดีนะครับ....

ว่าแต่... 

ถ้าเราโคกับสายพี่เอ็กซ์  อย่างนั้นก็หมายความว่า...

“ อ้าว!  กิจทางนี้!! “ 

พี่โอ  พี่ปี 4 สายรหัสพี่เอ็กซ์โบกมือไหวๆ เรียกคนที่กำลังเดินเข้าร้านมาใหม่  ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่กำลังจับจ้องในออร่าความหล่อนั้นอยู่

ว่าละทำไมไม่ถามอะไรมาก  แล้วก็วางสายไปเลย  ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง...

“ พี่โอหวัดดีครับ  พี่แทนหวัดดีครับ “

นอบน้อมเชียวนะครับคุณชาย....

พี่กิจมองซ้ายมองขวาหาที่ว่าง  ก่อนจะมานั่งยังฝั่งตรงข้ามกับผมข้างๆ พี่ซี  ซึ่งตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย

“ ตรงนี้ 2 คนนั้นนั่งเหรอเปิ้ล “  พี่กิจถามเมื่อมองดูถ้วยชามบนโต๊ะ 2 ชุดข้างๆ

“ อื้อ  ตอนนี้ไปจู๋จี๋กันอยู่โน่น “  พี่เปิ้ลชี้ไปยังโซนตักอาหาร  ซึ่งพี่กิจก็มองตามไป  ก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กๆ ให้ไป  จากนั้นก็หันกลับมายังโต๊ะตามเดิม

ผมนี่พูดอะไรไม่ออกเลยครับ  ใครจะไปคิดละครับว่าพี่เขาจะมานั่งกินด้วยแบบนี้ 

“ ประชุมสต๊าฟเสร็จแล้วเหรอกิจ “  พี่โอถามต่อ

“ เสร็จละพี่  อาทิตย์นี้ไม่มีไรมากครับ  ประชุมเสร็จก็รีบมาเลย “

พี่เขาพูดจบก็หันหน้ากลับมามองที่ผม  สบตาพี่เขาได้ไม่นาน  ผมก็หันมาชวนไอ้เจมส์ที่กำลังกลับหมูอยู่ไปตักอาหาร  แต่แม่งบอกว่าขี้เกียจซะงั้น  แถมหมู  ไก่  และตับก็ยังเต็มจานมันอยู่เลย  สุดท้ายผมเลยต้องลุกออกไปคนเดียว

ก็พี่กิจเล่นจ้องหน้าผมดุแบบนี้  อึดอัดสิครับ  แอบปลีกตัวออกมาก่อนดีกว่า

ผมเดินออกมาก็พอดีสวนกับพี่เอ็กซ์และพี่ซี  เห็นพี่เอ็กซ์ช่วยถือแทนให้พี่ซีเกือบซะทุกอย่างแบบนี้  โครตน่ารักเลยอะ

เดินมาถึงผมก็หยิบจานเพื่อมาเลือกของสดที่มีมากมายจนไม่รู้จะเอาอะไรดี  แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้...

“ เอาเบคอนไปเยอะๆ  กูชอบกิน “

ผมหันขวับไปด้านหลัง  ร่างสูงกำลังยืนคร่อมผมอยู่พร้อมกับออกคำสั่ง 

นี่พี่กิจตามมาด้วยเหรอวะเนี่ย.....  คนอุตส่าห์หลบมาแล้วแท้ๆยังจะตามมาอีก

แม่ง…. เอ้ย!!!





TBC.



ขอโทษครับที่มาช้า  วันนี้ขอรีบไปทำงานก่อนนะครับ  เหนื่อยจังเลย   
ขอบคุณนะครับที่ติดตามกัน ^ ^        ชะแว๊บ!!!   :mew5:

^_____________________________________________^

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลานกันต์ เอาชนะการประกวดให้ได้นะ หมั่นไส้คนหล่อร่วมห้อง  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด