ลูกแมวจนตรอก 3
เรา.. อยู่ด้วยกันแล้ว ผมนอนกอดร่างที่เล็กกว่าของน้ำไว้หลวม ๆ ทอดสายตามองศีรษะกลมซุกบนอกอย่างลูกแมวใฝ่หาความอบอุ่นอยู่ก่อนจะมอบจูบบนหน้าผากเบา ๆ อีกหน
ผมกับน้ำอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีแล้ว พวกเราย้ายกันมาอยู่ในคอนโดของน้ำโดยมีผมคอยทำงานพิเศษออกค่าน้ำค่าไฟสม่ำเสมอ..
ส่วน.. เรื่องขโมยนั่น ผมคิดว่าจะเก็บเป็นความลับไว้ตลอดชีวิต มันคือตราบาปสมัยเด็กที่ติดตัวมานานเพราะขาดแคลนอาหารและต้องการประทังชีวิตตัวเองไปวัน ๆ
ถ้าหาก.. คนเป็นแม่ของผมใส่ใจมากกว่านี้ คงไม่เกิดเรื่องแย่ ๆ ที่ผมต้องเผชิญแน่
“น้ำ..” ผมกระซิบเรียก น้ำยังดูน่ารักเสมอไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ บางครั้งเขาขี้อายกว่าที่ผมคิดอย่างเช่นครั้งแรกที่เสียงน้ำเริ่มแตก เขาไม่ยอมพูดอะไรกับผมเกือบสามวัน
แต่สำหรับผม พอฟัง ๆ ดู ก็น่ารักดีนี่นา
“อือ..” คนตัวเล็กครางแผ่วเบาในลำคอเมื่อถูกรบกวน ผมอมยิ้ม น้ำพลิกตัวหันหลังให้ผมยิ่งทำให้ง่ายต่อการ.. ลวนลาม
ผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง ฝ่ามือสากลูบไล้วนเวียนบริเวณหน้าท้องแบนราบอย่างชอบใจ เห็นคิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันแล้วก็ยิ่งอยากแกล้ง ไล้มือไปตามผิวขาวเนียน ปลายนิ้วหยอกล้อบนยอดอกสีอมชมพูเด่นหราเล่นต่อเบา ๆ จนน้ำสะดุ้งโหยง
“ฮื่อ.. สุ อย่าแกล้ง” เขางึมงำ พยายามปัดมือออกแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก “อย่าหื่นด้วย”
ผมหอมแก้มนิ่ม ๆ ไปฟอดหนึ่ง “น้ำ ถ้าสายกว่านี้จะอดไปตักบาตรนะ”
“เหะ ?” เพียงเท่านั้น.. เขาก็ลืมตาโพลง รีบลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที “หกโมงครึ่งแล้ว ! เดี๋ยวน้ำไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ สุก็ด้วย อย่าลืม ๆ”
“ครับ”
ผมอมยิ้ม เห็นคนรักลุกลี้ลุกลนไปใส่เสื้อผ้าลวก ๆ ก็เดินไปแต่งตัวบ้าง น้ำเป็นคนที่อยู่ในศีลในธรรมพอสมควร ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเขาก็มักตื่นเช้าไปตักบาตรเสมอจนกลายเป็นเรื่องเคยชิน ส่วนผมเองก็แค่ติดสอยห้อยตามน้ำไปด้วยเท่านั้นเอง
“พรุ่งนี้น้ำกลับบ้านนะ พ่อกับแม่ถามหาแล้ว” เป็นประโยคของน้ำหลังจากที่พวกเราใส่บาตรเรียบร้อย ผมเลิกคิ้ว มองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วไม่ตอบอะไรแทน “เฮ้ย.. สุ งอนเหรอ”
“เปล่า.. สุเข้าใจ” ผมเอ่ย เหลือบมองโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะในห้องครัว “น้ำ มีคนไลน์มาน่ะ”
“เอ๋ ?” เขาหันไปมองมือถือ ที่ขึ้นว่า P A N G’ อยู่..
ว่าแต่ อะไรวะ.. แล้วมันอ่านว่าอะไร แปงเหรอ ? ใครชื่อแปง
“ใครน่ะ”
“เพื่อน เขาไลน์มาสวัสดีปีใหม่” น้ำยิ้ม หยิบมือถือมาแล้วสไลด์ให้ดูข้อความที่ขึ้นเป็นป๊อบอัพ “อย่าเพิ่งกดเข้าไปอ่านนะ น้ำขี้เกียจตอบ”
“พออ่านแล้วต้องตอบทันทีเหรอ”
“ตามมารยาทน่ะ”
ผมร้องอ๋อ แล้วเดินไปห้องครัวแทน เริ่มทำข้าวเช้าง่าย ๆ อย่างทุกที ปกติผมไม่พกโทรศัพท์ หรือจะว่าอีกอย่างคือ.. ผมไม่เล่นโทรศัพท์ก็ได้ ส่วนน้ำมีมือถือตั้งแต่ม.ต้นอยู่แล้ว รายนั้นจึงติดงอมแงม
แต่เวลาอยู่กับผม เขาก็ไม่ค่อยหยิบขึ้นมาเล่นหรอก
“จริงสิ เมื่อเดือนก่อนน้ำเอาแบบทดสอบมาให้สุทำทำไมเหรอ” ผมพูดขึ้นเมื่อนึกออกว่าอีกฝ่ายเคยเอาแบบทดสอบอะไรสักอย่างมาให้ด้วย “ผลล่ะ สุอยากรู้ผล”
น้ำเงยหน้ามามองผมยิ้ม ๆ
“มันเป็นเกมต่างหาก แค่เล่นหนุก ๆ ว่าเป็นคนอารมณ์ยังไง”
“แล้วสุได้อารมณ์อะไร ?”
“อารมณ์.. รักน้ำที่สุดไง”
ดูสิ.. เล่นแบบนี้ตลอด ผมหัวเราะระหว่างที่ทอดไข่ดาวเป็นข้าวเช้าให้และนำหมูหมักกับนมสดในครัวมาย่าง
“แล้วจะกลับบ้านตอนไหน ?”
“กลางวันนี้เลย ต้องไปสวัสดีปีใหม่ เดี๋ยวน้ำเตรียมชุดไป สุก็กลับไปหาแม่ด้วยรึเปล่า ป่านนี้ท่านคงคิดถึงแย่เลย”
คำพูดของน้ำทำให้ผมผงะ..
แม่..
น้ำยังไม่รู้เรื่องนี้
หากพูดถึงแม่ของผม.. พอผมเริ่มทำงานได้แล้วก็ส่งเงินไปให้เป็นครั้งคราว ถือว่าเป็นค่าเทอมที่เขาเคยออกให้ตอนสมัยเรียน ส่วนการบริหารเงินยังไง ผมให้แม่จัดการเอง
ตั้งแต่วันที่เข้ามหาลัยและได้ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับน้ำ ผมลืมแม่ตัวเองไปเสียสนิท ทุกปีเวลาน้ำไปหาแม่ ผมก็จะนั่งรอที่ห้องเฉย ๆ เว้นแต่เมื่อสามปีก่อนผมก็แวะไปหาแม่ตัวเองอยู่เหมือนกัน
แล้วสิ่งที่ได้.. ก็ไม่ต่างจากที่คิด
แม่ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม
มีเซ็กส์กับผู้ชายไม่เลือกเพื่อแลกเงินไม่ถึงห้าร้อย..
ซ้ำค่าตัวยังต่ำลงเรื่อย ๆ อีก
“สุไม่อยากไป” ผมพูดเสียงเบา วางไข่ดาวหน้าตาดูดีบนจานแล้วหันไปย่างหมูต่อ “สุอยากอยู่กับน้ำมากกว่า”
“ดื้อจัง” ได้ยินเสียงหัวเราะของคนรักดังแว่วมา ผมจึงคีบหมูที่ส่งกลิ่นหอมฉุยลงจานเป็นอันดับต่อไป “สุยังมีบ้านให้กลับนะ ยังมีแม่รออยู่ สุควรกลับไปหาน่า”
..ผมเผลอกลั้นหายใจตอนได้ยิน..
พอนางฟ้าคนเดียวของผมพูดแบบนี้ก็ไม่ค่อยอยากขัดเท่าไหร่
น้ำนั่งกดโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น เขาเป็นผู้ชายที่ผมรัก.. รักมาก เป็นเพียงหนึ่งเดียวของผมที่จะยอมทุกอย่างเลย..
แต่กับเรื่องครอบครัวแล้ว..
“แล้วถ้าจู่ ๆ สุไม่มีบ้านให้กลับล่ะ”
“..อะไรนะ ?”
ผมนิ่งไป หยิบจานสองจานมาวางไว้บนโต๊ะด้วยรอยยิ้มบาง
“ถ้าจู่ ๆ สุไม่มีบ้านให้กลับ..” เสียงของตัวเองดังขึ้นเชื่องช้า “ถึงตอนนั้น สุจะอยู่กับน้ำตลอดไปได้ไหม”
ผมถาม ไม่รู้น้ำเสียงตัวเองเป็นยังไง
แต่แว๊บแรกที่เห็นคือใบหน้าของน้ำซีดเผือก สองเท้าถอยออกเล็กน้อย ทำให้ผมต้องสาวเท้าเข้าหา
“ถอยทำไม ?” ผมจ้องตาน้ำ
“สุ..”
“ตอบสุสิ”
อีกฝ่ายดูตกใจ แล้วอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แล้วเก็บประโยคตัวเองลง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้
เป็นรอยยิ้ม.. ที่คล้ายสงบคลื่นพายุในใจ..
“น้ำรักสุ”
เขาตอบผมเพียงเท่านี้ แล้วกระโจนมากอดเอาไว้แน่น ซ้ำยังส่งเสียงงุ้งงิ้ง ๆ ตามประสาคนชอบงอแงอีกด้วย
ผมหัวเราะออก มอบจูบบนหน้าผากน้ำอย่างทะนุถนอม
น้ำน่ารัก
และจะเป็นของผมแบบนี้เสมอไป
...................................................................................................
ผมไปส่งน้ำที่บ้าน
ร่างบางที่ยืนอยู่อีกด้านของรั้วดูกังวลเมื่อผมปฏิเสธการเข้าบ้านของเจ้าตัว ดวงตากลมโตมองใบหน้าของผม เขาดูลังเล แล้วถามย้ำอีกทีด้วยเสียงปนขอร้องเหมือนลูกแมวอ้อน
“สุจะไม่เข้ามาสวัสดีคุณแม่เหรอ”
“ไม่ดีกว่า” ผมปฏิเสธ เห็นน้ำหงอยลงจึงยื่นมือเข้าไปขยี้หัวกลม ๆ แทน “เดี๋ยวพอสุมีเงินนะ ค่อยสู่ขอทีเดียว”
พ่อแม่น้ำรู้เรื่องระหว่างพวกเราสองคน แล้วเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะเป็นเด็กที่เห็นมาตั้งบ่อย ที่จริงเขาเดาไว้แล้วมากกว่าว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ พอผมสารภาพกับพ่อแม่เขา สิ่งเดียวที่ท่านพูดคือ ‘หาเงินมาสู่ขอน้ำ’ เท่านั้น..
หนึ่งในสาเหตุ.. ที่ผมเลิกการขโมยถาวร และพยายามทำงานพิเศษหาเลี้ยงตัวเอง
ส่วนอีกใจหนึ่งได้แต่บอก.. ว่าทำไมพ่อแม่ตัวเองถึงไม่เป็นแบบนี้บ้างกันนะ
“บ้า” อีกฝ่ายต่อว่าอย่างไม่จริงจัง แก้มใส ๆ ขึ้นสีเลือดฝาดอีก “งั้นน้ำเข้าบ้านก่อนนะ สุก็อย่าลืมกินข้าวนะ”
“ได้สิ”
“อย่ากินข้าวคลุกน้ำปลาด้วย ไม่เอาแบบตอนเด็กแล้ว ไปซื้ออะไรกินเลย”
“โห ยังจำได้อีกเนอะ”
“แน่นอน แล้วก็..” เขานิ่งไป “สุ.. จะแวะไปหาแม่ของสุไหม”
ผมเงียบ
เมื่อเห็นสายตาของแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของผม.. จึงตัดสินใจพยักหน้าลงแทน
“น้ำอยากให้ไปหาเหรอ”
“อือ”
“งั้นสุไป”แค่ทำเพื่อน้ำ ผมทำได้อยู่แล้ว “เดี๋ยวจะกลับมารายงานนะว่าเป็นไง”
“ได้เลย ฝากสวัสดีท่านด้วยนะ เดี๋ยวน้ำเอาขนมมาให้ รอแป๊บนึง” อีกฝ่ายวิ่งกลับเข้าบ้าน ไม่นานนักก็วิ่ง ๆ มาพร้อมกับขนมห่อใหญ่ รวมถึงกระเช้าสก็อตรังนกแท้อีกต่างหาก “อ่ะนี่”
“เยอะขนาดนี้สงสัยสุต้องช่วยแม่กินด้วย” ผมพูด รับมาแล้วยิ้ม “จะเดินไปไหวไหมเนี่ย”
“ขับรถน้ำไปก็ได้นะ อ้อ ๆ เอานี่ไปด้วย” พูดจบ น้ำจึงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งให้ผม มันดูไม่แพงมาก ดูเก่า แต่ก็น่าจะใช้โทรเข้าโทรออกได้ “เนี่ย เครื่องเก่าน้ำสมัยม.ต้น สุเอาไปใช้ก่อนนะ ในนี้มีซิมส์ด้วย น่าจะโทรออกได้อยู่”
“น้ำให้สุเหรอ” ผมอึ้ง
“อือ แต่ไม่โกรธกันได้ไหม มันเป็น.. ที่น้ำเคยใช้แล้ว” เขากระแอม “ก็เห็นสุไม่ใช้มือถือสักที.. ตอนแรกว่าจะซื้อเครื่องใหม่ให้เลย แต่สุคงไม่ชอบใจใช่ไหมล่ะ..”
ถูกของน้ำ ผมไม่ชอบโทรศัพท์เท่าไหร่ ถึงใช้ก็ไม่ค่อยได้พกหรอก
“ขอบใจนะ..” รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าตัวเองแล้วเก็บมือถือลงกระเป๋า “น้ำน่ารัก”
คนถูกชมหน้าร้อนวูบอีกรอบ
“งั้น.. งั้นเจอกัน มีอะไรก็โทรมานะ”
ผมมองจนแผ่นหลังเล็ก ๆ ผลุบหายเข้าไปในบ้าน หมุนตัวแบกของที่น้ำสั่งให้ไปเยี่ยมแม่ตัวเองแทนทันที..
ใจจริงผมไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่หรอก แค่ในเมื่อมันคือน้ำใจของน้ำ ผมก็ต้องขอรับไว้และจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง..
น้ำคือทุกอย่างของผมจริง ๆ ..
ผมขับรถของน้ำมาจอดที่หน้าบ้านตัวเองซึ่งไม่ไกลมากนัก บ้านหลังใหญ่ ซ่อมซ่อ ทั้งเก่าและดูเหมือนใกล้ผุพังเต็มทนแล้ว
แต่.. ก็ยังมีคนอยู่ตรงนั้น..
ผมมองเห็นร่างของหญิงชราคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซมาเกาะที่ประตูด้านในเมื่อมีรถมาจอด ผมถอนหายใจ เดินลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบขนมและกระเช้าสก็อตเข้าบ้าน
รั้วหน้าบ้านผมไม่เคยลงล็อคกุญแจไว้ ส่วนในบ้าน.. ก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ได้ล็อคกุญแจ
ครั้งแรกที่ผมเปิดประตู กลิ่นอับชื้นและสกปรกตีเหี้ยนเข้ามาแตะจมูกพาลให้คลื่นไส้ ผู้หญิงคนนั้น.. หรือแม่ของผม เธอมีผิวหนังเหี่ยวย่นผิดกับเมื่อสามปีก่อนที่ได้เจอ ใบหน้าทรุดโทรม ฉีกยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“กลับมาแล้วเหรอสุ .. ไม่ได้เจอตั้งนานแน่ะ เงินที่ให้มาเมื่อเดือนที่แล้วไม่พอเลยสุ”
ผมนิ่งงัน ไม่พูดอะไรตอบนอกซะจากแบกกระเช้าที่น้ำฝากมาวางไว้บนพื้น เห็นเธอย่างเยื้องกายเข้ามาก็ถอยห่าง
“สุหลบแม่ทำไม.. เงินล่ะสุ เอาเงินมาหรือเปล่า...”
เขาไม่ถามถึงความเป็นอยู่ผมหรอก..
มีแค่เรื่องเงินเท่านั้นแหละ..
เพราะแม่แก่ตัวแล้ว จึงไม่สามารถทำอาชีพอื่นได้อีก
ผมเหลือบมองร่างกายของหญิงวัยราว ๆ ห้าสิบกว่า ๆ ที่ถลาเข้ามามองกระเช้าและขนมต่าง ๆ
“คนรักของผมเขาฝากมาให้” ผมพูดเสียงเรียบ เผลอเม้มปากเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงร้องต่อ
“ไหนล่ะ.. ไหน ไหนล่ะเงิน เงินล่ะ เงินอยู่ไหน !!!” เธอเริ่มตะคอกกว่าเดิมราวกับคนเสียสติก็ไม่ปาน “ฉันจะเอาเงิน !!! แกไม่ได้ยินฉันเหรอ !!”
ผมเบือนหน้าหนี..
ตั้งแต่แม่ทำงานไม่ได้ เขาก็กลายเป็นแบบนี้
เรียกร้องหาเงินไปทั่ว ตอนที่ร่างกายของแม่เสื่อมจนคนไม่มีใครมาซื้อถึงบ้านเหมือนเดิม เธอเดินไปขายที่ตลาด แต่สิ่งที่ได้รับคือการถูกทำร้ายร่างกายกลับมาแทน โดนข่มขืนต่อโดยไม่ได้เงินตามที่ต้องการ
ค่าตัวที่เคยอยู่ประมาณห้าร้อย.. ลดเหลือสี่ร้อย สามร้อย สองร้อย หนึ่งร้อยตามลำดับ.. จนตอนนี้ มันมีค่าไม่ถึงห้าสิบบาท..
และบางที มันก็ฟรี
“ไม่ ไม่ ไม่ .. นี่ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่” ผมกำหมัดตัวเองแน่น เห็นมือเหี่ยวย่นฉีกพลาสติกที่ห่อกระเช้าอยู่แล้วรื้อขวดลงมา “เอาเงินซ่อนไว้ในนี้เหรอลูก ใช่ไหม” เธอพูดเองเออเอง แหวกกระดาษฟอย ๆ จนกระทั่งลงไปลึกถึงสุด.. แล้วก็จบแค่นั้น
ไม่มีอะไรเลย..
ไม่มีเงินอย่างที่ต้องการ
“แกเอาไอ้ขยะพวกนี้มาให้แม่ทำไม !!!!!!!!” ผมสะดุ้งเมื่อไหล่ถูกมือผอมแห้งคว้าหมับเข้าที่หัวไหล่ เธอเขย่าตัวผมรุนแรง “แกเอามันมาทำไม !!! ฉันอยากได้เงิน !! เงินน่ะ !!! เงิน !!!!”
ใบหน้าผมซีดเผือก พยายามดันตัวอีกคนออก
“แม่อย่ามาเขย่าผม !!!”
“แก.. แก ฉันจะเอาเงิน เงินไงวะ เงิน !!!! มึงเป็นลูกกูไม่ใช่เหรอ !!!! มีรถขับไม่ใช่เหรอ !!!! มีตังซื้อของกินโง่ ๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่เอาเงินมาให้ฉัน !!!”
ดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง เขย่าหัวไหล่ผมจนเจ็บไปหมด
“มันไม่ใช่ของผม !!!” และของจากน้ำก็ไม่ใช่ของโง่ ๆ ด้วย !!!
ผมไม่ตอบโต้แม่ ก่อนจะโดนเหวี่ยงไปอีกทาง โทรศัพท์ที่น้ำเพิ่งให้ผมร่วงจากกระเป๋า
“น.. นี่ไง แกมีเงินซื้อโทรศัพท์ !!! แล้วทำไมไม่เอาเงินมาให้ฉัน !! ดูซิ ..แกดูซิ !!!! สภาพฉันน่ะ !!!”
ผมหอบหายใจรัวด้วยความกลัว อีกฝ่ายเหมือนไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมที่รู้จัก เธอคลุ้มคลั่ง ม่านตาขยายกว้าง จ้องผมอย่างคนอยากกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน
“เอาเงินมา.. แก.. แกเอาเงินมา แกเอาของพวกนี้มาจากไหน !!!”
“ก็บอกแล้วไงว่ามาจากคนรักของผม !!” ผมตะคอกเสียงลั่น ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นอีกฝ่ายผงะไปเหมือนถูกแช่ค้าง “ม.. แม่”
“คนรัก.. คนรักของแกรวยหรือ.. ใช่เด็กหน้าหวาน ๆ คนนั้นรึเปล่า” ผมเดาว่าแม่พูดถึงน้ำอย่างแน่นอน.. คนที่เคยมาบ้านผม แล้วผ่านไปมาก็.. มีแค่น้ำ “ดี.. ดีเลย ..ดีเลย”
“อ..อะไร”
“มันรวยใช่ไหม เด็กนั่นรวยใช่ไหม ดีเลย ฉันจะจับเด็ก.. จับเด็กนั่น”
ไม่..
ทำไมแม่ผมเป็นแบบนี้..
“แม่.. แม่จะทำอะไรน้ำ”
“มันรวย ฉันจะจับมันมาไถ่เงิน ไม่ ไม่สิ แบบนั้นจะเสี่ยงเกินไป..แกฟังฉัน นี่คือแผน แผนการของเราสองแม่ลูก” อีกคนพูดเสียงรัวขณะที่ผมถอยกรู่ “ฉันจับเด็กนั่นมาแล้วจะทำแบบที่ฉันทำ ทำแบบที่ฉันเคยโดนทำ จับเด็กนั่นมา ใส่ยา ติดเซ็กส์ ขาย แล้วฉันก็ให้เด็กนั่น เอางี้ไหม แกไปล่อมาให้ฉัน ฉันจะให้ส่วนแบ่งแกถ้าแกทำได้..”
หัวใจของผมหล่นวูบ..
เขา.. จะจับน้ำ..ขาย ?
ทั้งกายของตัวเองเหมือนสั่นริก ผมเห็นแม่ถอยออก หันกลับไปคุ้ยของอะไรสักอย่างที่กองไว้บนพื้น เดาว่ากำลังหาสมุดและปากกาอยู่ พึมพำไม่ได้ศัพท์อยู่คนเดียวขณะที่ร่างกายผมสั่นเทา
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่.. ที่มือของผมเอื้อมไปหยิบคัตเตอร์ที่วางทิ้งเอาไว้อยู่ได้...
มันจับฝุ่น มีสนิท แต่ก็ยังคงใช้งานได้ดีเมื่อผมลองรูดใบมีดออก
“ฉัน..ฉันรู้จักเจ้าของซ่อง ถ้าเอาเด็กนั่นไปต้องได้ราคาดีแน่ ..แกเชื่อฉัน แล้วเราจะรวย เราจะมีเงิน เงิน เงิน”
ดวงตาของผมเหมือนไร้ซึ่งแสงใด ๆ
ไม่ต่างจากถูกอารมณ์เบื้องลึกในจิตใจกลืนกิน..
มันร้องบอกผม หากใครคิดจะทำร้ายแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของผม.. ไม่ว่าจะเป็นใคร ..
ผมจะเอาคืนให้สาสมกับที่มันคิดร้าย หรือทำไว้..
ครืด
เสียงคัตเตอร์ดังขึ้นอีกครั้งกับเงียบงัน
สองเท้าของผมก้าวเข้าไปหามารดาตัวเองช้า ๆ
ผมง้างคัตเตอร์ในมือขึ้น
..
ไม่ว่าจะเป็นใคร
หากคิดจะทำอะไรน้ำ.. ต้องได้รับผลของความคิดนั่น
...................................................................................................
ผมเดินออกมาจากร่างกายของมารดาตัวเองที่จมอยู่ในกองเลือด การจ้วงแทงซ้ำ ๆ เป็นการระบายอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่าที่คิด เมื่อใบมีดของคัตเตอร์หักสะบั้น ผมเปลี่ยนเป็นใช้สองมือของตัวเองบีบลำคอจนเกร็ง เหยื่อดิ้นทุรนทุราย จบท้ายด้วยหมดลม
วูบหนึ่งความกลัวแล่นเข้ามาในหัวกับการทำร้ายคนอื่น..
แล้วมันก็ลบหายไป.. เมื่อผมเห็นโทรศัพท์จากน้ำ
รอยยิ้มของตัวเองปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าที่รู้จัก ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ไม่นานนักน้ำก็รับสาย
‘สุเหรอ ?’
“น้ำ สุฆ่าแล้วนะ”
‘...’
ผมยิ้ม บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร เพราะน้ำรักผม
ดังนั้น น้ำคงจะไม่ว่าผมหรอก
ผมทำเพื่อน้ำนี่
ปกป้องน้ำเอาไว้เหมือนเมื่อก่อนที่ผ่าน ๆ มา แค่คราวนี้ผมบอกน้ำให้ชัดเท่านั้นแหละ
“สุไม่มีแม่แล้วนะน้ำ” ผมพูดเสียงสดใส ระหว่างที่ก้าวตรงไปห้องครัวตัวเองแล้วหยิบขวดน้ำมันมาราดทั่วพื้น “รู้สึกปลอดโปร่งจัง ฮะ ฮะ แบบนี้น้ำก็ไม่ต้องบอกให้สุไปหาแม่แล้วนะ เพราะสุฆ่าแล้ว”
‘อ..อะไรนะ หมายความว่ายังไง’
เสียงเขาสั่น
แต่ผมก็ยังยิ้มต่อ
“เนี่ยน้ำ สุอดทนมาตลอดเลย ที่โดนว่าตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนสุลำบากมากเลย ต้องขอบคุณน้ำนะที่เหมือนเป็นแสงในชีวิตสุเลย”
‘ลำบากเหรอ..’
เขายังดูไม่เข้าใจ ผมก็ต้องอธิบายต่อ
“ก็สุน่ะ ต้องขโมยเอาตัวรอดตลอดเลยไง เหมือนที่น้ำเห็นสุล้อตั้งแต่เด็ก ๆ นั่นแหละ เพราะแม่สุแท้ ๆ เลยนะ” ผมพูดสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอด
ใช่ มันเพราะแม่ผม
ถ้าแม่ผมเหมือนแม่ของน้ำ หรือเหมือนกับแม่ของคนอื่น ๆ ผมคงไม่มีหนทางแบบนี้
ชีวิตของผมคงดีกว่านี้ รักกับน้ำ แล้วก็ไม่ต้องลงมือทำอะไรแบบนี้
“แต่ตอนนี้สุไม่ต้องขโมยแล้วไง ดูสิ ถ้าทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กซะก็ดี” ผมหัวเราะต่อ บีบน้ำมันที่อยู่ในมือไล่ตามพื้นบ้าน โชคดีที่บ้านเป็นแค่ชั้นเดียวเลยไม่เปลืองให้มากเลย “แล้วตอนนี้สุก็จะอยู่กับน้ำตลอดไปแล้วนะ”
‘หมายความว่ายังไง..’ เสียงของน้ำดูอ่อนแรง เขาคงตกใจเพราะปลาบปลื้มเป็นแน่ ‘สุ สุจะทำอะไร ? สุทำอะไรอยู่ บอกน้ำมาซิ’
ผมยังคงยิ้ม
น่าจะเป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดในชีวิต
“สุจะทำให้ตัวเองไม่มีบ้านให้กลับ” ผมพูด เขย่าขวดน้ำมันที่หมดขวดในมือเล่น “แล้วสุก็จะได้อยู่กับน้ำ..ตลอดไป”
‘สุ..’ ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปลายสายตัวเอง ‘สุ.. จะทำอะไรบ้านตัวเองเหรอ.. บอกน้ำนะ’
เขาถามเสียงนุ่ม
ทำให้ผมหัวเราะ
“เผา” แล้วพูดเสียงราบเรียบ ชัดถ้อยชัดคำ “สุจะเผา.. แต่น้ำมันหมดแล้วล่ะน้ำ น้ำมาช่วยสุไหม ?”
ปลายสายเงียบลงไปไม่นาน แล้วเสียงตอบรับก็ทำให้ผมโล่ง
‘อืม ได้สิ จะเอาน้ำมันกี่ขวด’
เขาเป็นคนรักที่มีน้ำใจเสมอ
น้ำใจ..
เหมือนครั้งแรกที่ผมเจอเขา
เหมือนครั้งแรกกับข้าวแกงเขียวหวาน
“สองไม่ก็สาม ฝากซื้อไฟแช็กด้วยสิ สุไม่รู้เลยว่ามันอยู่ไหน” ผมพูด เสียงเป็นกันเอง “ขอบใจมากนะน้ำ..”
‘ไม่เป็นไร น้ำจำบ้านสุได้.. เดี๋ยวน้ำจะเอาไปให้นะ’
“สุรักน้ำ..” ผมพูดอีกครั้ง
อีกฝ่ายเงียบไป แล้วตอบกลับมา ดังจนชัด
‘น้ำ.. ก็รักสุเหมือนกัน.. รักมากเลย’
...................................................................................................
(มีต่อ)