บทที่ 19เราจะวิ่งไปเจอกัน “พร้อมนะ” ไอ้อู๋พูดกับผมที่กำลังยืนสั่นอยู่ข้างสนาม แม่งพาไอ้ไย่กับมุนินมาช่วยกดดันผมอีกต่างหาก ไม่เอาเวล่ำเวลาไปซ้อมลีดกันรึง้ายยยย ไม่ต้องมาดูกูก็ด้ายยย มายืนล้อมเป็นโต๊ะจีนแบบนี้กูจะสติแตกแล้วเนี่ยยยย ต้องการพี่เลี้ยงแค่คนเดียวโว้ย
“ทำอะไรอะ” ผมตาโตเมื่อไอ้อู๋อมน้ำไว้ในปาก เย้ยยย มีการกลั้วซ้ายขวาอี้กกก “อย่าพ่นนะสัด กูไม่ใช่นักมวยยย”
ฮืออ มาช่วยหรือมาทรมานกัน บอกที
“ไหนดูชุดซิ” ไอ้ไย่จับผมหมุนตัวเป็นลูกข่าง “โอเค เหลืองแสบตาได้ใจ”
แน่นอนอยู่แล้วครับ สีเหลืองคือสีนำโชคสำหรับผม วันนี้ผมใส่เสื้อแจ็คเก็ตของไนกี้ กางเกงขาสั้นสีขาวของออดิดาส รวมถึงรองเท้าพูม่าที่พี่เทคซื้อให้ แต่ก็ยังเพิ่มกิมมิคเพื่อไม่ให้ตัวเองลืมว่าตัวเองมาจากคณะไหน ด้วยการผูกผ้าคาดหัวสีน้ำตาลซึ่งเป็นสีประจำคณะ ไม่ว่าจะทำอะไร ผมก็จะไม่ทิ้งสไตล์เด็ดขาด!
มุนินหยิบไม้เทนนิสของผมขึ้นมาสำรวจ “ทำไมไม่ซื้อไม้ที่มีด้ามจับสีเหลือง จะได้เหลืองให้ครบเซ็ตเป็นขี้ไปเลย”
“ไอ้สัด” ฮือออออ ใครก็ได้ไล่พวกมันออกไปที ผมไม่มีสมาธิ
[ขอเชิญนักกีฬาเตรียมตัวได้ที่สนามครับ]
โอ๊ยยยย ถึงเวลาเดินเข้าสนามแล้ววววว
RRRRRR ไอ้อู๋หยิบโทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับ
“ครับ… ถึงแล้วใช่มั้ยครับ ได้ครับเดี๋ยวผมให้ไย่ไปรับ” พอมันกดวางสายก็หันไปทางดาวมหาลัยทันที “มึง มากันแล้ว”
“ใครมาเหรอออออ”
พวกมันไม่ตอบคำถามผม ได้แต่ยิ้มให้กันไปมาอยู่นั่นแหละ เอ๊า ทำไมไม่บอกหน่อยเล่า! อยากรู้ด้วยโว้ยยยยย
“งั้นกูไปก่อน โชคดีนะมึง” ไอ้ไย่จับแก้มผมเล่น “จำไว้ว่าต้องชนะ เพราะเหรียญเงินไม่เข้ากับชุด!”
โอ้โห คำพูดปลุกใจชั้นดี งั้นผมต้องทำเต็มที่เพื่อเหรียญทอง เวลาถ่ายรูปจะได้ออกมาดูดีที่สุด!!
“เดี๋ยวกรี๊ดให้ข้างสนามค่ะ” มุนินโบกมือให้ผมแล้วเดินตามดาวออกไป
“อู๋” ฮืออออ ผมเขย่าแขนไอ้เพื่อนรักยกใหญ่เลยครับ “กูตื่นเต้น…”
“มาถึงขนาดนี้แล้วไอ้ห่า ทำให้เต็มที่” มันล็อคคอผมไว้ “มึงต้องทำได้ เชื่อกูดิ”
“แล้วถ้ากูทำไม่ได้อะ”
“ก็แพ้”
เออ ไม่อยากเชื่อเลยว่าการถามเพื่อต้องการคำตอบกลายเป็นทำให้ตัวเองดูโง่ขึ้นขนาดนี้ แง๊
“แต่ถ้าแพ้ ถามหน่อยมึงจะตายเลยหรือไง” มันเอนตัวมาขยี้หัว “ถึงบอกไงว่าทำให้เต็มที่ อย่างน้อยมึงก็จะไม่เสียใจเพราะพยายามที่สุดแล้ว”
ฮือออออออออออออ
ไอ้อู๋ที่เห็นผมซุกเข้าไปกอดถึงกับหัวเราะ “กูจะบอกให้นะ กูน่ะเป็นประธานรุ่นที่ใจดีสุดแล้วสัด ไม่เคยบังคับอะไรพวกมึงทำอะไรสักอย่าง”
“…”
“เพราะงั้นกูเลยจะขอถือโอกาสนี้ขอบคุณมึงมาก ที่ทำเพื่อคณะขนาดนี้”
“แงงงงงงง” น้ำตาไหลรินเหมือนแม่น้ำสาละวินเลยครับ
“ไป! สู้!!” มันเขย่าตัวผมทิ้งท้ายก่อนจะผลักหลังให้เดินออกไปยืนประจำที่
[เดี๋ยวนะครับ!] ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหลุยส์เจ้าเดิมดังออกจากไมค์ [เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ยยยย]
อยู่ๆ ก็มีกองทัพประชาชนเสื้อสีเขียวบุกเข้ามาในสนาม ชนิดที่เยอะมากจนยึดพื้นที่เกือบครึ่งนึงของคนดูทั้งหมด
เฮ้ย พวกเด็กพละนี่หว่า!
“เจี๊ยบ!!!” ผมหันขวับอย่างไวตามเสียงเรียก แงงงงงง ก็ว่าแล้วเสียงคุ้นๆ ไอ้ทักจริงๆ ด้วย
“มึงงงงง” ผมพุ่งปรู๊ดเข้าไปหา
ไอ้ทักโน้มตัวมาจากฝั่งที่นั่งซึ่งมีกำแพงเล็กๆ กั้นเราไว้อยู่ “มาดูแล้วนะ”
“แล้วมาได้ยังไง ไม่ซ้อมกันเรอะ!”
“กูให้เวลาพวกมันพัก บอกว่ากูจะมาเชียร์มึง ใครจะตามมาก็เชิญ”
ก็เลยมาทั้งคณะแบบเนี้ยอะนะ โว้ยยยยย
“ทัก…” ฮือออ น้ำตาจะไหล
“จำที่กูเคยสอนได้หมดใช่มั้ย”
“อื่อ” ผมพยักหน้า “ทัก กูตื่นเต้นมาก”
“อย่าสติแตกดิห่า” แล้วอยู่ๆ มันก็คว้าตัวผมเข้าไปกอด ท่ามกลางสายตาประชาชนคนดูที่มาจากหลายคณะ โว้ยยยย มึงนี่มัน…
ไงก็เหอะ ผมรู้สึกดีชะมัดเลย
“ชนะอยู่แล้ว เชื่อกู” ไอ้ไดโนเสาร์มอบรอยยิ้มมาให้
“ขอบคุณนะ” บ้าเอ๊ย อย่าเพิ่งมีน้ำตาตอนนี้กุ้ง อย่าเพิ่งมีน้ำตา เดี๋ยวคู่แข่งมันจะได้ใจ ฮึ่บบบบ
“เอาไม้มา”
“หะ…หา?” ยังไม่ทันจะอ้าปากสงสัยได้นาน จู่ๆ แม่งก็แย่งไม้ผมไปอย่างดื้อๆ มีการขยุกขยิกหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงซะด้วย เฮ้ย! นั่นมันผ้าผูกข้อมือสีเขียวแบบเดียวกับของโมทย์ที่ผมขโมยมาคาดหัวตอนงานเปิดหอนี่หว่า
“ทำอะไรวะ”
ไอ้เดือนพละเหลือบตาขึ้นมามอง “หลับตา”
“หลับทำไม?”
“กูบอกให้หลับก็หลับเหอะน่า”
ถึงผมจะขมวดคิ้วงงๆ แต่สุดท้ายก็ทำตามอย่างที่มันว่า
ผมรู้สึกได้ว่าไอ้คนข้างหน้ามันจับมือผมไว้ “มีสติ มึงจะชนะเอง”
“กูไม่ค่อยมีด้วยสิ แฮะๆ”
“กุ้ง ไม่ตลก”
“…” แง๊ จริงจังทีไรเรียกชื่อจริงตลอด
“อะ จับไว้” มันยัดไม้ของผมกลับมาให้ในมือ “แล้วถ้าลืมตา ไม่ต้องมองหาใคร มีสมาธิกับคู่แข่งและลูกสักหลาดเท่านั้น”
“แต่กู…”
อยากเห็นมึงอยู่ใกล้ๆนี่นา…
“ไม่ต้องมีคำถาม” เสียงนั้นออกจะดุๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเท่าไหร่
“กูไม่ทิ้งมึงอยู่แล้ว” “ทัก…”
“…”
อ้าวเฮ้ย ทำไมเงียบ “ทัก!”
“…”
หายไปไหนของมันวะ!!
[นักกีฬาประจำที่ได้เลยนะครับ]
“ฮืออออ ทัก”
ผมแทบจะเบะปากเมื่อลืมตามาแล้วไม่เห็นคนเสื้อเขียวอยู่ตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว แถมบนที่นั่งก็มีผู้ชมมากมายเข้ามาดูเกมครั้งนี้จนผมแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครเหมือนกับตอนแรก
ผมก้มมองของในมือตัวเอง
“เอ๋?...”
ด้ามจับสีดำ ตอนนี้มันถูกพันทับด้วยผ้าผูกข้อมือสีเขียวจากไอ้ทัก แม้จะดูไม่ได้ประณีตสวยงาม แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ตื้นตันใจเมื่อแตะมัน
บ้าเอ๊ย ผมยิ้มออกมาเลยอะ
มึงอยู่กับกูจริงๆ ด้วย…
“ไอ้กุ้ง!” อู๋เดินเข้ามาสะกิด “ทำอะไรอยู่วะ เขาเรียกแล้วเนี่ย”
ผมได้แต่ยิ้มให้กับเพื่อนรัก “เปล่า”
“พร้อมแล้วนะ!?”
“พร้อม!” ผมพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นก้าวขาฉับๆ ไปประจำที่อย่างเต็มที่ “เฮ้ยเดี๋ยว!”
“อะไรอีกล่ะ…” ไอ้อู๋หยุดเดินตามผม
“ไปฉี่ตอนนี้ทันมั้ย…”
“ไม่ทันแล้วครับ ไอ้สัด!”
ผัวะ!! โว้ยยยยยยยย วิ่งจนจะหอบแดกแล้วเนี่ยยยย ทำไมชอบตีลูกให้กูวิ่งตามจัง เดี๋ยวเหอะ เห็นขาผมสั้นใช่ม้ายยยย ใจร้ายชิบเป๋ง
นั่นไง รับไม่ทัน โธ่เว้ยยยย แทนที่จะได้ชนะ!!
[เรียบร้อยครับ! ฝ่ายเภสัชฯ ทำคะแนนได้ในเซ็ตนี้ไปได้ เสมอกัน 6-6 เกม เอาล่ะสิครับ ได้เวลาตัดสินกันที่ไทเบรก (Tie Break) สนุกแน่ครับงานนี้!]
[คุณมีความรู้เรื่องกีฬาทุกประเภทเลยนะครับคุณหลุยส์ ทำไมไม่ลงแข่งเองบ้างสักอย่างล่ะครับ]
[เงียบปากครับ]
“โอเคนะมึง” ไอ้อู๋วิ่งมาหาผมทันที
กูหอบจนไส้จะออกมาทางปากขนาดนี้ ยังมีหน้ามาถามอีก!!
ผมทำท่าจะเดินไปคว้าขวดน้ำ ทว่าไอ้เพื่อนรักแย่งออกไปซะก่อน
ไอ้อู๋ส่ายหน้าให้ยุ่ง “เดี๋ยวจุก อดทนหน่อย”
“แงงง กูหิวน้ำ”
“เดี๋ยวท้องก็แตกตายหรอกสัด อดทน!”
โว้ยยยยย ไม่ให้กูกินน้ำ จำไว้เลยนะ เดี๋ยวจบเกมกูจะไปหาเหล้าเพียวกิน จะกรอกเข้าปากแม่งทั้งขวดเลย ฮืออออ
[ตอนนี้ทางเภสัชฯ พร้อมแล้ว สินกำว่าไงคร้าบ]
หา!? ทำไมไวงี้วะ ไปหาข้าวกินก่อนก็ได้ กูไม่รีบบบบบ
“กุ้ง” ไอ้อู๋เขย่าตัวผม “จำไว้ เอาให้ได้เจ็ดแต้ม เจ็ดแต้มสุดท้ายแล้วจบเลย”
“อู๋ พูดน่ะมันง่าย”
“มึงทำได้กุ้ง มึงห้ามแพ้เด็ดขาด”
“อ๊าววว” เสียงหลงเลยกู “ไหนมึงบอกว่าแพ้ก็ไม่เป็นไรไง!!”
“กูเปลี่ยนใจแล้ว”
“ฮืออออออ”
ไอ้ทักมันนั่งอยู่ตรงไหนวะ มองไม่เห็นเลย ส่งสายตาให้กำลังใจหน่อยเซ่
“กูไม่ค่อยได้ดูเทนนิส” ไอ้เพื่อนรักพูดต่อ “แต่กูรู้สึกว่ามึงเกร็งๆ เรื่องวิธีการเล่นใช่ปะ”
“อือ” กลัวเสียแต้มนี่ครับ ไอ้เราก็มือใหม่ในวงการนี้เหมือนกัน
“งั้นเกมสุดท้าย มึงลองเล่นแบบเป็นตัวเองมั้ย”
“ยังไงวะ”
“เล่นแบบคนไม่ได้รู้เทคนิคเหมือนที่กูเป็น คิดมุ่งมันไปที่ตีลูกให้มันตกพื้นฝั่งนู่น เอาแค่ได้แต้มก็พอแล้ว”
“อ่า…”
น่าสนใจดีแฮะ เกมก่อนหน้านี้แม่งเกร็งเชียว
“เอาจากที่ไอ้ทักสอนมาใช้ แต่วิธีการเล่น เป็นตัวมึงเต็มที่เลย”
“โอเค”
หึ เอาล่ะ ได้เวลาสู้อีกครั้ง จำไว้นะกุ้ง ลุคในวันนี้จะคอมพลีทถ้าได้เหรียญทอง สีเงินไม่เข้ากับชุด! แม่ไย่สอนมา!!
[สินกำกลับเข้ามาในสนามแล้วเรียบร้อย เราจะเริ่มเกมตัดสินทันทีหลังจากทั้งคู่เข้าที่นะครับ]
“กุ้งสู้ๆ”
“อีกุ้งงงงงง”
“สินกำ สินกำ สินกำ สินกำ สินกำ” เสียงเชียร์ที่นำทีมโดยหยากไย่และมุนินเรียกความหึกเหิมในใจได้โดยไม่ต้องหันไปมอง ตอนนี้ตาผมอยู่ที่คู่แข่งและไม้ในมือเท่านั้น
อาจจะมีหน้าตาของคนเล่นฝั่งนู่นบ้าง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ได้ทำให้วอกแวกแต่อย่างใด หึๆ
ไหนๆ น้องผ้าเขียว ขอจุ๊บหน่อยซิ
จุ๊บ อ๊า ชื่นใจ
ฝ่ายโน้นจะเสิร์ฟก่อนสินะ เอาละ เชื่อได้ว่าต้องเล็งไปทางขวาแน่นอน เพราะตลอดทั้งเกมแม่งคงรู้แล้วล่ะว่าผมถนัดซ้าย
ผัวะ!! เห็นม้ายยยย บอกแล้วไงว่าซื้อหวยป่านนี้เป็นเศรษฐีไปแล้วววว
ผัวะ!!
ฮ่าๆๆๆ โนจ้า the old baby shrimp can’t come to the phone right now, Cause he deaddddd
“สวย!!”
เสียงใครวะ ใช่ไอ้ทักรึเปล่า แง๊ ห้ามวอกแวก ห้ามวอกแวก! มองแต่ลูกเท่านั้น!!
ผัวะ!
ผัวะ! เอาเด้ วิ่งทันจ้า
ผัวะ!
ผัวะ! เดอะแฟลชมาเองครับน้องงงงง
ผัวะ!
ผัวะ! แหมมม แขนอ่อนแรงแล้วหยอออ
เกมนี้มันส์มากครับ ชนิดที่ถ้ามีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกแล้วโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ดูอยู่ เขาต้องชวนผมไปกินผัดไทที่ถนนข้าวสาร แฮงเอ้าท์พูดคุยกันเรื่องวงการเทนนิสโลกแน่นอน โว้ยยย ฟอร์มดีชิบเป๋ง
เราผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างบ้าคลั่ง ผมนำไปก่อนที่สามคะแนน ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามมาได้หนึ่งคะแนน พอผมฮึดสู้ได้คะแนนที่สี่-ที่ห้า อีกฝ่ายก็ได้โอกาสเมื่อผมเริ่มล้าตีตื้นมาที่ 4-5 คะแนนจนได้ ฮึ่ยยยย
เอาใหม่! ตั้งสมาธิ มองลูกมาอย่างตั้งใจแล้วมึงจะทำได้กุ้ง!!
ผัวะ!
ผัวะ! ตบมาตบกลับไม่โกงจ้า
ผัวะ…
ตีเบางี้กะจะให้วิ่งตามไม่ทันสิน้า… แหนะๆ ร้ายนะเนี้ย งั้นของัดหน่อยเนอะ
ผัวะ!! เย่สสสสส แดกแต้มไปตามระเบียบบบบบบ
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ” [สินกำนำไปแล้วที่ 6-4 โอ๊ยยย ผมใจเต้นมาก อีกคะแนนเดียว เหรียญทองแรกของประวัติศาสตร์สินกำจะไปไหนเสียยย!!]
โว้ยยยย ใกล้แล้วกุ้ง ใกล้แล้ว… อีกนิดเดียวเท่านั้น มา! เอาต่อ อย่ามัวแต่ชักช้า!
[สินกำจะกลับมาเสิร์ฟในลูกนี้นะครับ] เสียงหลุยส์ทะลุความเงียบ [ซึ่งจากการสังเกตมาในเกมก่อนหน้านี้ ต้องบอกตรงๆ ว่าสินกำอาจจะค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะเซ็ตที่กุ้งเสิร์ฟเองมักจะมีอาการประหม่า และก็พลาดวืดไปหลายครั้งเชียว]
ฮือออ ขอบคุณนะไอ้สัดหลุยส์ที่แจกแจงข้อเสียให้ ฮึ่ยยยย
ถ้างั้น ผมต้องพยายามมากกว่าเดิม!!
ผมสูดหายใจก่อนจะหลับตาทำสมาธิ เอาละจะโยนแล้วนะ
สายตาผมมองตามลูกสักหลาดที่ลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นก็…
ผัวะ!! “สวย!!” โว้ยยย เสียงใครมาอีกแล้ว รู้แล้วว่าตีได้ แต่มันจะทำให้ผมเสียสมาธิเอาน้า
ผัวะ!!
ผัวะ!!!!! จัดไปแบ็คแฮนด์ ฮึ่มมม ปลดปล่อยเชี่ยๆ เหมือนได้ใช้พลังคลื่นเต่า
ผัวะ!! ตีลูกตบมันเอ๊าท์ไปแล้วที่รัก
ผัวะ!!
ผัวะ!! ตีจากทางซ้ายเหรอ… งั้นไปรับทางขวา!!
ผัวะ!! เฮ้ยยย นั่น อีกฝั่งทำท่าจะตีมาทางด้านซ้ายของผมเหมือนกัน
ผัวะ!!
โอ้โห…แม่งต่ำเรี่ยพื้นอย่างกับลูกหยอด แบบนี้ต้อง…
ผัวะ!! [เฮ้ย] เสียงในไมค์กระซิบกระซาบเหมือนคุยกันเอง [มีกลิ้งด้วยว่ะ…]
เออดิ ไม่กลิ้งก็ไม่ได้แต้มไง!!
ผัวะ!! กระโดดตบหน่อย มุนินสอนท่านี้มาเมื่อวานตอนแข่งวอลเล่
ผัวะ!! โอ๊ยยย สนุกว่ะ สนุกจนอยากเล่นเป็นอาชีพ ฮืออออ
ผัวะ!! ดูท่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยแล้วสินะ สงสารอะ แต่ไม่ไหวอย่าฝืนเซ่ อิๆ เอาคะแนนมาให้เราน่า
ผัวะ!
ผัวะ!!!!!! อ๋ออออ จะงัดแรงขึ้นมาสู้เหรอ ใช้ไม่ได้ผลแล้ว ผมเดาทางคุณออก!
ผมจับไม้ให้มั่นมือ รู้สึกได้เลยว่ากำลังหมุนตัวอย่างสวยงามและโหมแรงเฮือกสุดท้ายใส่ไปยังลูกสักหลาดที่พุ่งมาทางนี้
ผัวะ!! ปั่ก! ฮะ…เฮ้ยยย ไม่ได้ดิ…
ติดเน็ทครับ!!
อยู่ๆ ทุกอย่างก็ได้กลายเป็นภาพช้าเหมือนเวลาที่คุณลุงวิศนุ นิมกลัดกรอเทปให้ดูตอนมีถ่ายทอดสดบอลสักแมทช์
ผมใจหายวาบเมื่อลูกสีเขียวๆ ค้างเติ่งอยู่บนเน็ท มันนิ่งอยู่เป็นเสี้ยววินาทีเหมือนกำลังส่งเสียงกวนตีนผมว่า
‘กูจะตกไปฝั่งไหนดีน้า’ เหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะมันหงายหลังเตรียมจะตกไปอีกฝั่ง โอ๊ยยย รีบตกไปเลยลูก อย่าให้เขารับได้นะ!!
ตึง! ตกครั้งที่หนึ่ง…
คู่แข่งคนเก่งของผมวิ่งเข้าไปหวังจะรับลูกไว้ให้ทันก่อนมันจะตกพื้นครั้งที่สอง แต่ดูเหมือนการกะระยะจะผิดพลาด ลูกเทนนิสสีเขียวลอยแฉลบไม้ไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด…
ตึง! แล้วมันก็ตกลงพื้นเป็นครั้งที่สอง…
ผมอ้าปากค้าง ทุกอย่างมันอื้ออึงไปหมด ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไม้ที่ถืออยู่ตกไปนอนกับพื้นตั้งแต่ตอนไหน
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดด
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงนกหวีดที่เคล้าไปกับเสียงกรีดร้องจนจับทิศทางไม่ถูกว่ามาจากไหน
[สะ…สินกำ! สินกำชนะ!!] ความตื่นเต้นออกมาจากเสียงของหลุยส์ที่อยู่หลังไมค์
[ผู้คว้าเหรียญทองกีฬาเทนนิสประจำเฟรชชี่เกมปี 2018 ได้แก่คณะ… ศิลปกรรมศาสตร์คร้าบบบบบ] “ชนะเหรอ…” ผมยังคงตามไม่ทัน
[กุ้ง! ไม่ต้องเอ๋อ กุ้งชนะ!!] เสียงในไมค์นั้นเตือนสติผมอีกรอบ
โอ๊ยยยยยยยยยยยย ผมนี่กระโดดขึ้นฟ้าเลยครับ ฮืออออ เบะปากต้อนรับน้ำตาเหมือนกับเพื่อนเก่า
ผมรีบมองซ้ายมองขวา มองไปยังคนดูที่ยืนโห่ร้องอย่างชุลมุน
“ทัก! ทักกกกกกก มึงอยู่ไหน!” ดูเหมือนเสียงผมจะส่งไปไม่ถึงใครเลย ฮืออออ จะมองหาก็วุ่นวายไปหมด
“กูมาแล้ว!!!” เสียงหนึ่งตะโกนลั่นท่ามกลางความโกลาหล
ไอ้เดือนพละที่มีตำแหน่งเป็นเดือนมหาลัยควบวิ่งวุ่นลงมาจากที่นั่ง แม่งสติแตกกว่าผมอีกมั้ง ดูหน้าตาแม่งดิ ตื่นอย่างกับบอลทีมที่เชียร์เป็นแชมป์ประจำฤดูกาล
“กูอยู่นี่เจี๊ยบ กูอยู่นี่!!” มันทึ้งหัวตัวเองอย่างเสียงสติแล้วกระโดดข้ามกำแพงเตี้ยๆ ที่กั้นไว้เข้ามาในสนาม ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามากอดผมอย่างเต็มกำลัง
“เหวออออ” ผมร้องลั่นเมื่อโดนมันยกตัวขึ้นไปพาดบนบ่า ตอนแรกผมว่าผมตื่นเต้นแล้วนะ แต่ดูตัวไอ้ทักดิ สั่นแบบ โอย….
นี่มึงคงเชียร์กูเต็มที่สุดๆ เลยสินะ
มันแบกผมไปใกล้ที่นั่งฝั่งพละ มีการเขย่าตัวไปมาด้วย
“เอ๊า! เฮให้เขาหน่อย!!” ไอ้ทักชี้ผมพร้อมทั้งตะโกนไปทางเพื่อน
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
[เออว่ะ เด็กเขาปั้นมากับมื้ออะเนอะ] หลุยส์ที่อยู่หลังไมค์ก็แซวกับเขาเหมือนกัน
“ปล่อยกูได้แล้ววววว”
“ไม่ปล่อยยย” มันเปลี่ยนท่าเป็นอุ้มผมเฉยๆ “กูดีใจมาก มึงรู้มั้ย! กูดีใจมากกก”
ผมถึงกับยิ้มเลยครับ ไม่วายที่จะตบหัวมันไปทีนึง ก่อนจะยอมจมไปกับอ้อมกอดด้วยการอ้าแขนรัดคอมันไว้แน่น “กูรู้ทัก”
ไอ้ไดโนเสาร์หอมคอผมทีนึง แต่ครั้งนี้แปลกมากที่ผมไม่จั๊กจี้ เพราะแม่งไม่ได้มีความอีโรติกเลย
แต่กลับอบอุ่นโคตรดีต่อใจ
“ขอบใจนะ ฮรึก”
“อย่าร้องไห้ทำไมวะ ก็ชนะแล้วไง”
“กูไม่ได้ร้องไห้เพราะเศร้า” ผมสะอื้น “แต่กูดีใจ”
“…”
ผมเอนตัวออกมามองหน้ามัน
“กูรักมึงทัก” “…”
“จริงๆ นะ
ฮรึกกก” ผมสะอื้นเป็นบ้าเป็นหลัง “ความรู้สึกแม่งพุ่งพล่านจนกูต้องระเบิดพูดออกมาตอนนี้”
“กุ้ง…”
“กูรักมึงจริงๆ” ผมจมลงกับไหล่กว้างนั้นอีกรอบ บ้าเอ๊ย ฟอร์มแหลกไม่มีเหลือ “คนที่ทำให้กูทุกอย่างจนกูพูดได้แค่ ‘ขอบใจ’ อย่างมึงอะ…”
“…”
“ต้องตอบแทนด้วยความรัก แม่งถูกแล้วเว้ย”
“โอเค… โอเค…” ไอ้คนตัวโตประคองหัวผมไว้ มันคงจะรู้ว่าผมกำลังเซ้นสิทีฟ “มึงทำให้กูไม่มีใจให้เกมพรุ่งนี้เลย แม่งอยู่กับมึงหมด”
“ขอโทษน้า แม่ง…” ผมเงยหน้ามาเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ
“ทุกอย่างว่ากันพรุ่งนี้…” มันช่วยเช็ดแก้มให้ “โอเค้?”
ผมยิ้มหวาน “ได้เลย”
ถึงเวลามอบเหรียญแล้ว และแน่นอนผมได้อยู่แท่นที่สูงที่สุดอย่างใจหวัง พอจังหวะที่ผมโน้มตัวไปรับเหรียญจากอธิการ เสียงเฮก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งสินกำและพละรวมใจส่งเสียงเป็นหนึ่งเดียว เอาล่ะ สาวๆ สินกำ ใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ครับ เด็กพละนอกจากไอ้ทักผมไม่เคยแตะต้องใครเลย เลือกใครรีบพุ่ง! คิกๆๆๆ
“ถ่ายรูปหน่อยน้องกุ้ง!”
“เก่งมากกก”
“กล้องนี้ด้วยน้า!” โอ้โห อย่างกับไอดอลเลยอะ แสงแฟลชกระแทกหน้าจนตาดำจะกลืนเป็นสีขาวอยู่แล้ว แงงง
“ถ่ายกับพวกกูได้ยังอะ” ไอ้ไย่เดินหน้าเหวี่ยงๆ มาทางผม “รอนานแล้วเนี่ยพ่อคนดัง”
“คิกๆ” ผมทำเป็นเหยอๆ “มาเลยครับแม่”
ไอ้อู๋ หยากไย่ และมุนินเข้ามาถ่ายกับผมก่อน จากนั้นไอ้ประธานรุ่นก็กวักมือเรียกเพื่อนๆ ในคณะจนเฮละโลเข้ามาในสนาม โว้ยยย ใจเย็นๆ เดี๋ยวทำของพังแล้วเค้าริบเหรียญทองคืน ขี้เกียจแข่งใหม่นะโว้ยยยยย
“ไอ้พวกพละ!!” ไอ้อู๋ตะโกนไปทางพวกเสื้อเขียวที่ยังยืนมองอยู่ไม่ไปไหน
“ลงมาถ่ายด้วยกันมั้ยล่ะ!!” “ถ่ายคร้าบบบบบ” เก๋าขานรับเป็นคนแรก แม่งวิ่งดุ๊กๆ ลงมาจากที่นั่งก่อนใครเลย ฮ่าๆ ดูเพื่อนๆ แม่งดิส่ายหัวกันเป็นแถว แต่สุดท้ายก็ยอมลงมาจนได้แหละน่า โด่ววว
“เดือนไปอยู่ตรงกลางเลยจ้า” หยากไย่ผลักหลังกว้างๆ ของทักให้มาอยู่ข้างๆ ผม โอ๊ยยย แล้วทำไมบ้านี่ทำหน้าแบบนั้นเล่า
“นี่มึงเขินเหรอ” ผมหันไปกระซิบ
“เออ”
โอ๊ยยย “บ้าหรือเปล่า ตั้งนมตั้งนานเพิ่งมาเขิน”
“กูเขินคนบอกรัก กูผิดเหรอ”
“บ้า…”
ฮึ่ยยยย ทำไมตรงนี้ไม่ใช่ห้องผมนะ อยากจะกระโดนฟัดกับมันบนเตียงจังเลย
[ขอขอบคุณเพื่อนๆ พละและสินกำทุกคน ที่มาร่วมเป็นพยานรักของพวกเขาทั้งสองในวันนี้นะครับ]
“ไอ้สัดหลุยส์!!” ไอ้ทักตะโกนด่าคนที่ถือไมค์ลั่นเลย แงงง แต่ไม่ทันแล้ว เขาขำครืนกันทั้งสนามเลย ฮือออ
“เอารูปเดี่ยวมั้ย” หยากไย่ขยิบตาคุยกับคนข้างๆ ผม
ไอ้ทักหันมาเลิกคิ้ว “ได้มั้ยครับ”
“สองพัน” ผมทำเป็นแบมือ ฮ่าๆ บ้าเอ๊ย อยู่ดีๆ มาเขิน งงกับมัน
“น้องกุ้ง!!” เสียงแหลมๆ อันคุ้นเคยเสียงหนึ่งเรียกพวกเราทุกคนให้หันไปพร้อมกัน
“เฮ้ย O_O” ผมถึงตาค้าง “คะ…คุณแม่!!”
คุณแม่จัดเต็มด้วยเดรสลายดอกสีแดง ใส่หมวกปีกว้างใบเบ้อเร่อบังคนข้างหลังมิดเลย
โอ๊ยยย มาได้ยังไงเนี่ยยย
“ฝีมือใคร” ผมหันไปคาดโทษสมาชิคแก๊งไม่มีใครครบทั้งสามตัว
“กูเอง” ไอ้อู๋ยกมือ “กูโทรบอกแม่งมึงเอง ฮ่าๆ”
“โอ๊ยยยย ลำบากแม่กูมั้ยเนี่ยยย” ผมวิ่งออกจากกลุ่มไปหาคุณแม่ทันที “มาได้ยังไง ให้เด็กที่บ้านขับรถมาเหรอ”
แม่ผมขับรถไม่เป็นอะครับ
“ไม่ใช่จ้า” แหงะ ทำไมคุณแม่ยิ้มแบบเนี้ย มีการชี้ไปข้างหลังด้วย… “แม่มากับเจ้าของรถเลยตะหาก”
ผมมองตามนิ้วที่คุณแม่ชี้
เฮ้ย… เดี๋ยวนะ
“คุณพ่อเหรอ…” ผมหรี่ตาสู้แสงแดดยามเย็น
แล้วคนที่แม่ชี้ก็เดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม ผมจึงเห็นรูปร่างเขาได้ชัดเจน ร่างตุ้ยนุ้ยน่ากอดเหมือนเท็ดดี้แบร์แบบนั้น… หนวดจิ๋มที่กระตุกขึ้นเวลายิ้ม… ไหนจะใส่แจ็คเก็ตยีนตัวโปรดที่ผมเคยซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว…
ชัดเลย!!
“คุณพ่อ!!” ผมรีบพุ่งตัวเข้าไปกอดทันที บ้าเอ๊ยยย วันนี้มีแต่เรื่องเจ๋งๆ ทั้งนั้นนน “ฮือออออออ ใครพาพ่อออกมาจากห้องทำงานได้ครับ”
[อ่านต่อด้านล่าง]