⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ⚙️ ซีรีส์ชุด อินทาเนีย [วิศวกรรมศาสตร์] メภาค MEメเสือนับแต้ม CH.08 (25-04-2018)  (อ่าน 46486 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ Thanaphon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering   วิศวกรรมอุตสาหการ ]                         
เขียนโดย  Boorina




10

สอย...

(จบ)


 

            “เรียบร้อยไหม”


            ผมถามไอ้เซียนที่เดินออกมาจากห้องพักครูของอาจารย์ประจำรายวิชาการวางผังโรงงาน หลังส่งรายชื่อโรงงานที่กลุ่มของพวกเราจะเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับ Circle time หรือเวลาที่ใช้ในแต่ละกระบวนการในไลน์การผลิต เพื่อคิดวิเคราะห์และปรับปรุงเวลาดังกล่าวให้น้อยลง


            “เรียบร้อยอยู่แล้ว เพราะรับคำบัญชาจากฟ้า”


            มันบอกหน้ามึนแล้วฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อนแต่ละตัวป้องปากโห่แซว ไอ้เซียนมันก็เขินจนตัวแดง หันมาเบียดกระเเซะฟ้องผมอย่างทุกที เป็นแบบนั้นแล้วยังชอบปากดีพูดเสี่ยวหน้าม่อ ช่างเป็นคนที่มีความพยายามป้อจีบผมซะเหลือเกิน ตรงจุดนี้ของมันช่างอ่อนกากจนน่าปวดหัว


            จากที่เคยสมเพชความป๊อดของตัวเอง เจอไอ้เซียนเข้าไปผมขอโยนผ้าขาว ยกตำแหน่งป๊อดแห่งปีเพ้อแห่งชาติให้มันไป


            เสียแรงที่ร่ำเรียนมหา’ลัย ไม่รู้จักนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิต Circle time ก็เรียนมาแล้ว ถ้าเอามาปรับใช้กับเรื่องความรัก เราคงไม่เสียเวลาเปล่าไปตั้งสามปีหรอก


            แต่คิดอีกทีก็เป็นสามปีที่คุ้มค่าในแง่ของความรู้สึก เราต่างมองกันและกันโดยไม่ละสายตาไปไหน แต่ละวันผ่านไปพร้อมกับความจมปรักเฝ้าเพ้อโดยไม่มีใครลุยจีบ...


            “พวกมึงรีบเดินดิวะ เดี๋ยวประธานรุ่นบ่นอีกว่าโดดกิจกรรมไม่ไปช่วยงานเพื่อน วันนี้มีแข่งกีฬาเฟรชชี่นะโว้ย ต้องไปช่วยคุมน้องๆ” ไอ้เอกส่งเสียงร้องเตือน แต่ไร้เสียงตอบรับจากเพื่อนๆ


            “มึงช่วยกูคิด เกรดวิชานี้จะสอยอะไร”


            ไอ้เซียนตั้งคำถามเสียงเครียด เป็นไอ้เพลงที่ถามขึ้นคนแรกว่าทำไม มันจึงเล่าเพิ่มอีกหน่อยว่า...


            “ก็อาจารย์โคตรรวยไง” อาจารย์แกไม่ได้ชื่อโคตรรวยหรอกครับ แต่ชื่อแกฟังดูรวย นักศึกษาเลยตั้งฉายาให้ “ตอนกูเข้าไปเห็นแกนั่งพับกระดาษอยู่ กูกะพูดหวานล่อเกรดสักหน่อย บอกไปว่า ‘อาจารย์พับเรือสวยจัง โคตรเท่เลยครับ’ แกตอบมาว่าไงรู้ไหม ‘ผมพับเครื่องบิน’ หน้ากูงี้เหวอแดก ลาก่อนเกรดเอของกู”


            “ก็มึงมันโง่ ไม่สังเกตบ้างว่าเดี๋ยวนี้โมเดล รถ เรือ ม้า วัว ควาย ในห้องทำงานอาจารย์แกหายหมด มีเเต่โมเดลเครื่องบินล้นโต๊ะ อย่าบื้อให้มากนัก ลำพังไอ้เทียนกูก็เป็นห่วงความโง่ของมันจะตายห่าแล้ว นี่ต้องมามีแฟนเป็นไอ้บื้ออย่างมึงอีก กูล่ะสงสารอนาคตพวกมึงสองตัวจริงๆ”


            ไอ้เพลงร่ายเป็นการเป็นงาน สีหน้าจริงจังด้วยความรักเพื่อนเหลือเกิน แล้วจึงเสริมอีกหน่อยว่า


            “ตอนแรกกูคิดว่ากว่าพวกมึงสองตัวจะรักกันได้อาจต้องรอถึงชาติหน้า แข่งกันป๊อดฉิบหาย กากแพ็คคู่ เพ้อแท็กทีม อนาถแท้เพื่อนกู”


            “ลด ละ เลิก เสือกเรื่องพวกกูสองคน มึงอาจหัวไม่แตก” ตอนที่ผมพูดจบ ไอ้เพลงไทยเดิมก็เดินชนโป๊กเข้ากับเสาไฟ เรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังระงม...


            ผมกับไอ้เซียนแยกเดินไปโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ ระหว่างทางมันก็บ่นพล่ามไปเรื่อย ถึงมันจะเป็นรุ่นพี่ปีแก่แต่ยังคงเป็นที่หมายตามองของบรรดารุ่นพี่รุ่นน้อง ด้วยเบ้าหน้าหล่อหุ่นเพอร์เฟกส์พ่วงตำแหน่งเดือนมหา’ลัย แม้เคยพลาดติดเอฟแต่ความป็อบของมันโดดเด่นเหนือทุกสรรพสิ่ง กระทั่งเดือนมหา’ลัยปีสองยังไม่อาจเทียบชั้น แถมดาวเดือนมหา’ลัยปีสี่ยังแย่งกันจีบ


            จนบางทียังนึกสังเวชแทนมัน... ของดีมีให้สอยไม่เอา ดันชอบสอยของดำ


 

            ‘ความขาวกูมีเยอะแล้ว เอามามันก็ถูกรัศมีกูกลบ เดี๋ยวได้ดราม่าน้ำตาเล็ดอีก ตรงจุดนี้ที่แม่ให้กูมา กูแก้ไขไม่ได้จริงๆ ว่ะ มึงเองก็อดทนไว้นะ อย่าน้อยเนื้อต่ำใจ ผิวแทนน้ำผึ้งเดือนห้าแบบมึงอ่ะดีที่สุดแล้ว... กูชอบ’


 

            นั่นคือสิ่งที่มันตอบตอนผมแกล้งถาม เหมือนจะกวนตีนแต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้... ยิ่งตอนมันเขินด้วยแล้ว ไม่ใช่แค่หน้าที่แดง แต่ลามไปทั้งตัวเหมือนกุ้งต้ม เห็นแล้วก็น่ารักน่าชัง จนชอบแกล้งให้มันเขินอยู่บ่อยๆ


            แต่มันก็ยังเลือกที่จะเดินข้างผมแบบนี้ ไม่รู้จะนิยามผู้ชายคนนี้ว่ารู้จักความพอเพียงหรือโง่ดี


            สำหรับไอ้เซียน... มีเเค่หน้าตาเท่านั้นที่สมชื่อ แต่หากจะให้ชมมันสักนิด ก็คงเป็นความเนียนขั้นเทพของมันที่นำโด่งผมจนไม่เห็นไรฝุ่น แบบนี้คงต้องเรียกว่า ‘เซียนเหนือฟ้า’ ผมแพ้ให้มันทุกทางจริงๆ


            “มาแล้วๆ โทษทีนะ” เสียงใสดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินดิ่งมาที่โต๊ะใต้ตึกคณะวิทยฯ ซึ่งเราสองคนนั่งกันอยู่ เธอยื่นชุดสูทซึ่งมีพลาสติกใสคลุมอยู่ให้ไอ้เซียน พูดต่อไปอีกว่า “แต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อยมาจากบ้านเลยนะเซียน ปล.ห้ามหล่อมาก กลัวเขี่ยพวกเดือนแต่ละคณะร่วงตกเวทีหมด"


            “น่าสงสารเนอะ งั้นจะหล่อให้น้อย จะพยายามไม่ทำร้ายจิตใจใคร”


            แหวะ!


            “ฉันล่ะเอือมระอาแกจริงๆ” ดาวมหา’ลัยปีสามส่ายหน้าพรืด


            เออ กูด้วย เบื่อความมั่นหน้ามึงมาก


            หลังผ่านพ้นกิจกรรรมการแข่งขันกีฬาในช่วงกลางวันแล้ว ผมถูกไอ้เซียนลากกลับไปบ้านมันด้วยข้ออ้างให้มาช่วยมันแต่งตัว แต่เอาเข้าจริงมันก็แต่งของมันเองเกือบหมด เพราะกระทั่งเนกไทผมก็ผูกไม่เป็น เป็นมันซะอีกที่ผมเคยเนียนขอให้ช่วยผูกให้เวลาที่ต้องแต่งชุดนักศึกษาเต็มยศ...


            “เทียน หยิบน้ำหอมให้หน่อย” มันส่งเสียงขอความช่วยเหลือในตอนที่มันกำลังติดกระดุมเสื้อที่ข้อมือ ผมที่นั่งสบายอยู่บนเตียงเลยต้องทำหน้าที่คนรักที่ดีสักหน่อย เดินหยิบน้ำหอมแล้วยื่นส่งให้พ่อรูปหล่อ


            “ตอนไปเรียนล่ะซกมก พอออกงานได้เจอคนเยอะๆ แล้วจัดเต็มตลอด"


            “หวง?” ผมยกไหล่เบ้ปาก มันยิ้มพลางรับขวดน้ำหอมไปฉีด เรียบร้อยแล้วก็ส่งคืนให้ผม “หอมไหม”


            “อื้อ หอม”


            “หอมก็ได้”


            ฟอดดดดดดดดดด...


            “เซียน! ในบ้านมึงนะ!”


            “หรือจะไปหอมึง?” ถามได้หน้าซื่อตาใสมาก แถมยังตีหน้าหงอยตอนพูดว่า “กูผิดเหรอ ที่ชอบหอมแก้มมึงอ่ะ ก็มันนุ่มนิ่มดี สองปีกว่าเลยนะที่กูได้แค่มอง อยากแตะก็แตะไม่ได้ ไม่คิดอยากชดเชยเวลาที่เสียไปให้กูบ้างเหรอ”


            ไอ้บ้าเซียน! เดี๋ยวนี้มันช่างกล้า ความขี้อายของมันไม่ได้หายไปไหน แต่ความหน้าด้านหน้าทนของมันต่างหากที่เพิ่มสูงขึ้น


            เป็นคนหล่อที่ไร้ยางอาย เป็นคนขี้อายที่มือปลาหมึก เป็นไอ้จอมฉวยโอกาสที่ชอบอายม้วนต้วนจนหน้าแดงซะยิ่งกว่าผม และยังเป็นเดือนที่เฉิดฉายได้น่าถีบให้พลัดตกจากเวทีเป็นที่สุด!


            ไม่อยากชมไอ้เซียนว่าหล่อนักหรอก แต่มันที่ยืนอยู่บนเวทีประกวดดาวเดือนในตอนนี้ช่างโดดเด่นในชุดสูทสีน้ำเงินกับเนกไทสีเข้ม ทรงผมเซตเปิดหน้าผากมนเผยความหล่อเต็มใบหน้า รอยยิ้มกว้างอวดลักยิ้มบุ๋มทรงเสน่ห์ เพียงเท่านี้ก็แผ่กว้างรัศมีไปกลบดาวเดือนจนหมอง นึกสงสารคนต้นคิดที่เชิญมันมาเป็นพิธีกรในค่ำคืนแห่งดาวเดือนนี้เหลือเกิน


            อาจดูเหมือนผมอวย แต่ฟังเอาเถอะ ขนาดเสียงกรี๊ดที่หนุ่มสาวแหกปากออกไปนั้นยังดังสนั่นลั่นฮอลยิ่งกว่าเฟรชชี่แต่ละคน ไม่คาดคิดว่าผ่านมาแล้วเกือบสามปี มันจะยังคงฮอตฮิตไม่เลิก


            หลังผ่านพ้นช่วงคอนเสิร์ตที่เชิญนักร้องชื่อดังซึ่งเรียนที่นี่มาร้องเพลงสร้างสีสันแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงประกาศรายชื่อดาวเดือนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพื่อตอบคำถามประชันกึ๋น ก่อนพิธีกรสาวที่ยืนคู่กับไอ้เซียนจะเกริ่นนำ


            “เห็นน้องๆ ในตอนนี้แล้วก็คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เนอะพี่เซียน”


            พี่เซียนที่ถูกเอ่ยถึงยังไม่เออออรับคำ แต่ใช้สายตากวาดมองน้องๆ บนเวทีด้วยสายตาปลาบปลื้มชื่นชม แล้วพูดออกมาว่า “ไม่มีใจคิดเลยครับพี่ใบหม่อน เห็นน้องๆ แล้วใจลุงไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”


            เสียงกรี๊ดดังระงมหลังจากนั้นจนแก้วหูผมแทบทะลุ อดไม่ได้ที่จะกัดปากพลางเขม่นมองอย่างหมั่นไส้ นี่น่ะเหรอไอ้ตัวที่ชอบเขินเวลาถูกผมลวมลาม ปากม่อล่อตูดขนาดนี้มึงบอกมาเถอะว่าไอ้อาการที่เป็นเวลาอยู่กับกูสองคนมันคือความตอแหลล้วนๆ


            “อื้อหือ พี่เซียนปากหวานแบบนี้น้องๆ จะมีสมาธิตอบคำถามกันไหมคะเนี่ย แต่ก็เป็นเรื่องจริงเนอะ ดาวเดือนปีนี้หล่อสวยกันทุกคน จะให้เลือกสอยใครสักคนคงยากที่จะตัดสินใจ”


            “ครับ เลือกยากมาก จนนึกอยากสอยดาวเดือนหมดทุกดวงเลย”


            ได้ยินแล้วก็อยากถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้าไอ้คนเจ้าชู้บนเวที แต่กลัวจะตกใส่หัวน้องๆ ที่กระโดดโหยงเหยงส่งเสียงร้องคลั่งชอบใจ ทั้งสาวทั้งหนุ่มต่างถูกใจกับคำพูดเปิดโอกาสหาคู่ไม่เลือก เห็นหน้ามีความสุขของมันแล้วหงุดหงิด แต่ทำยังไงได้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่หลงรักมันหัวปรักหัวปรำมาตลอดสามปี...


            ในตอนที่ผมด่ามันในใจเป็นวรรคเป็นเวร ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองประสานมา ไม่รู้ว่ามันที่ยืนอยู่บนนั้นจะมองเห็นผมชัดมากแค่ไหน แต่สำหรับผมมันยังคงชัดเจนในสายตาเสมอ ความรู้สึกระหว่างเราก็เช่นกัน เป็นสามปีที่เพ้อไปกับการแอบชอบ แต่ก็เป็นโมเมนท์ที่สวยงามและประทับแน่นในความทรงจำ


            ท่ามกลางความสุขจากหัวใจที่เกี่ยวโยงกัน... ผมยังคงหมั่นไส้มันอยู่ดี


            “เชื่อว่าทุกคนเห็นดาวเดือนบนเวทีแล้วก็คงใจละลาย อยากแย่งกันสอยเหมือนพี่เซียน”


            “เปล่าครับ...”


            สองคำสั้นๆ ที่ออกมาจากปากของไอ้เซียนนำพาบรรยากาศเงียบเชียบด้วยความลุ้นมากกว่าการประกาศผลดาวเดือนประจำปี สายตานับพันคู่มองประสานรวมไปยังมันที่มีแสงไฟนวลส่องกระทบตัวเป็นเดือนเด่นสง่างามกลางเวที


            เป็นหัวใจของผมที่ไหวหวาม อุ่นวาบด้วยความสุขที่เอ่อล้น ด้วยโมเมนท์ที่ 222 ท่านเทพเซียนช่างเนียนเหนือฟ้าเหลือเกิน


            “...ผมอยากสอยดาวเดือนให้ร่วงลงมา เพื่อครอบครองท้องฟ้าเพียงคนเดียว”


- จบ –

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ
เรื่องลำดับที่ ๑ ได้จบลงแล้วค่ะ กับ นิยายชุด อินทาเนีย ภาควิชา วิศวกรรมอุตสาหการ
อาจขัดใจเพื่อนนักอ่านหน่อย ว่าเอ๊ะ!!! จบแล้วเหรอ?
ค่ะ จบแล้วค่ะ เพียงแต่เรื่องลำดับถัดๆ ไปนั้น อาจมีตัวละครเก่าๆ โผล่แว้บไปวนเวียนบ้าง
อันนี้ลองสังเกตกันดูนะคะ
ขอโทษที่ไม่ทันได้แจ้งว่าแต่ละเรื่องมันมีราว 10-15 ตอนเท่านั้น
** รู้สึกชอบประโยคจบมากเลย (นอกเรื่องนิด) **
แต่ความรักของพวกเขาไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ
จะไปเต๊าะหวานปิดท้ายในตอนพิเศษท้ายเล่มค่ะ
ซึ่งเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ของแต่ละคู่ รวมทั้งคอนเซปท์ของเรื่องนี้ด้วย


ฝากติดตามนิยาย ลำดับที่ 2 ในซีรีส์ชุด Intania ภาค CE
เรื่อง Breaking Way
[ CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]                         
เขียนโดย  Blue-Legend




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หวาย พี่เซียน เซียนสมชื่อ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จ่ะ จีบต่อหน้าคนเกือบทั้ง ม.  :-[

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ประโยคสุดท้ายออลคิลมากเว่อ นี่เป็นเทียนนี่ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว 555555555555555555555555

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เอาจริงๆเซียนนี่ก็แอบเสี่ยวเนอะ 5555

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

Behind IE scenes, into CE story
           



            ท่ามกลางแสงไฟเจิดจ้าที่ส่องกระทบร่างชายหนุ่มผิวขาวผ่องเป็นประกายออร่าซึ่งตกเป็นจุดสนใจของงาน เนื่องจากวาจาคมคายที่เอ่ยออกมาทำเอาสาวๆแทบคลั่ง หากแต่ในมุมมืดหนึ่งกลับปรากฎหญิงสาวนาม ‘ฟ้าใส’ ยืนเหนียมอายอยู่ตรงนั้น



            หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นเดือนเปล่งแสงอยู่บนเวทีเธอ ‘เคย’ ขอเบอร์



            “เขาจีบเธอ เขาจีบเธอชัดๆ ดูประกายสายตาสิ หยาดเยิ้มขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นคงอ่อนระทวยไปทั้งร่าง”



            หญิงสาวอยากตะโกนบอกว่า ตั้งแต่ได้เบอร์ชายหนุ่มมา เธอโทรหานับร้อยครั้ง ทว่าไม่มีสักครั้งที่ได้รับการตอบรับ ทั้งที่หากชายหนุ่มสนใจเธอ ควรนั่งเฝ้าหน้าจอโทรศัพท์ทุกวันคืนแท้ๆ



            เธอแทบหมดหวังไปแล้ว ว่าชายหนุ่มคงมีตัวเลือกมากมาย และเธอคงไม่ใช่หนึ่งในนั้น ทว่าคำพูดนั้นที่เธอได้รับฟัง ได้จุดประกายความหวัง เพราะถ้อยคำหวานเลี่ยนนั้น หมายถึงเธอชัดๆ



            “ฉันชวนเค้าไปปั่นจักรยานผ่านทางในตำนานนั่นดีไหม”



“เธอหมายถึง loving way?”



หญิงสาวหยักหน้าน้อยๆ สายตาเคลิบเคลิ้มจับจ้องชายหนุ่มไม่วางตา เส้นทางนั้นเล่าขานกันว่าคู่รักใดที่ได้ไปปั่นจักรยานผ่านตอนเที่ยงคืน จะไม่มีวันแยกจากกัน



ในจังหวะนั้น ผู้คนเบียดเสียดจนเธอไม่ทันตั้งตัว ร่างน้อยๆของเธอถูกเบียดกระแทกจนเซ



ปึก



ร่างของเธอกระแทกกับใครบางคนเข้า เธอรีบกล่าวขอโทษขอโพย



“ขอโทษค่ะ”



หากในจังหวะที่ได้สบตากับชายหนุ่มที่เธอไปชน เธอกลับต้องแข็งทื่อเพราะสายตาเย็นเยียบที่มองมา ราวกับเธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ชายหนุ่มละสายตาจ้องมองไปบนเวที แล้วเอ่ยออกมาลอยๆ



“Loving way เหรอ”



หญิงสาวสะดุ้ง แม้แต่น้ำเสียงยังติดห้วนเย็นจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าไปเกลียดแค้นใครมา เธอคิดในใจว่าคนๆนั้นจะต้องดวงซวยสุดๆ



หากในคำพูดถัดมากลับทำเอาเธอเหมือนถูกตอกหน้าหงาย ที่ไปหลงงมงายกับความเชื่อเพ้อฝันราวเทพนิยาย



“เหอะ! ไร้สาระ!”

 
ที่สั้นเพราะเป็นเกริ่นนำเข้าสู่ อินทาเนีย ลำดับที่ 2
ชื่อเรื่อง Breaking Way ภาค CE
( CE : Civil Engineering วิศวกรรมโยธา)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีคร้าบบ อย่าเพิ่งงงว่าไอ้บ้าที่ไหนโผล่มาเจ๋อ เค้าเองงง
เค้าไหนวะ อ๋อ ก็เค้าพี่บลูไงจ๊ะ หลังจากฟินกับเรื่องของเซียนเทียนที่น้องบูเขียน
ต่อไปมาพบเรื่องลำดับต่อไปในชุดซีรีย์ อินทาเนีย ที่พี่บลูเป็นคนเขียนบ้างเนอะ
ใครยังค้างคากับความหวานของเซียนเทียน อยากติดตามต่อ
ขอกระซิบเลย คู่นี้เขายังไม่จบกันเน้อ ยังมีให้ได้ฟินได้อินกันต่อในตอนพิเศษแน่นวล

สำหรับเรื่องต่อไปอยากเตือนให้นักอ่านเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้เยอะๆ เพราะน้ำกระจาย
ไม่ใช่น้ำอะไรอย่างว่านะ อย่าคิดทะลึ่ง น้ำลายคนเขียนนี่แหละ พอดีเป็นคนช่างฝอย กร๊ากกกกก
ขอย้ำนะว่าซีรีย์ชุดนี้เขียนกันสองคน เรื่องต่อไปเป็นของพี่บลู ที่หมายถึงสีน้ำเงิน
แต่เรื่องที่เพิ่งจบไปเป็นน้อง บู-ด็อก กรุณาอย่าจำสับสน ไม่มี บลู-ด็อก โอเค๊ เข้าใจตรงกันเนอะ
สุดท้ายอยากจะฝากเรื่องของเค้าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเล็กๆ(ลิเกเกินนนน)
ฝีมือการเขียนอาจจะสู้น้อง บู-ด็อก ไม่ได้ เพราะกระโดดเข้ามาในวงการเขียนได้ไม่นาน
และอาจจะจมน้ำตายทันที อ่อกก ฝากเป็นกำลังใจด้วยน้า
อย่าด่าเค้าแรง อย่าว่าเค้าบ้า ถามเองตอบเองได้ คุยเองคนเดียวก็ได้

สุดท้าย แวะมาคุยกับเค้าบ้างหน้า เค้าเป็นเด็กขี้เหงา เข้าใจบ้างซิ มีใครบ้างเป็นห่วงเป็นใย...(เอ่อ เพลงบ่งบอกอายุไปไหม)

รักทุกโคนนน จุบุๆ
ปล.น้ำตาจิไหล วิวพุ่งทะลุสี่พัน จุดพลุฉลองเย้ๆๆๆๆๆๆ




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

รอออออออออออออ
อยากอ่านละ

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่เป็นใครคะ เปิดตัวได้ค่ตคูล 55555555 วงวานฟ้าใส แต่คำพูดของเซียนก็พูดถึงฟ้าจริงๆ 55555555555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ชื่อเรื่องมาซะน่ากลัวเชียว ฮา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอยๆ.......ประโยคเด็ดที่สุดของเซียน  ชอบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
 “...ผมอยากสอยดาวเดือนให้ร่วงลงมา เพื่อครอบครองท้องฟ้าเพียงคนเดียว” สุดยอดดดดดดดดด
เซียน เทียน  คนป๊อดสองคนแห่งชาติ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบเพลงเดียวกับไรท์เลย อายุเป็นเพียงตัวเลขเจงๆ
"กลางวัน...ฉันเหงา   กลางคืน....ฉันโหยหา....♬。 ♫♫~♬ ♫~
คิดถึงทุกเวลาห้านาที.....เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างสิ.....♬ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดูคู่ต่อไปจะแซ่บกว่าคู่แรกไหม  :mew4:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จะน้ำอะไรก็สาดมาเลยค่ะ เราพร้อมมมมมมมม


ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ขอบประโยคจบของเซียนอ่ะ ฟินๆๆๆๆ เขิน แอร๊ยยย

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ชอบบบ เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามแล้ว

รอๆ จะเป็นยังไงนะ :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
                                   
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE
เรื่อง Breaking way
                      [ CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]                         
เขียนโดย  Blue-Legend




CH 01
กินเด็ก




        ถ้านี่เป็นฉากหนึ่งในนิยาย ผมก็หวังให้ตัวเองเป็นตัวเอก เสียแต่ว่าตัวเอกอีกคนที่ผมหวังไว้มัน...


   ตูดแบน...


   อกแฟ่บ...


   และหัวเกรียน!!!


   ตูดแบนอกแฟ่บอาจเป็นเรื่องปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังซึ่งยังไม่ผ่านวัยเจริญพันธุ์ แต่เรื่องหัวเกรียนคงไม่มีนักเรียนหญิงคนใดกล้าไถสกินเฮดมาโรงเรียนแน่ ที่สำคัญกว่านั้นคือคนที่ผมแอบเฝ้ามองด้วยชมชอบไม่ใช่รุ่นเดียวกับผม


   แต่เป็นรุ่นพี่มอหก!


   เขาอยู่ในวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ร่างกายบึกบึนสูงใหญ่เฉียดร้อยแปดสิบเซนติเมตร ต่างจากผมเกือบหนึ่งไม้บรรทัดทั้งที่อายุเราห่างกันเพียงไม่กี่ปี เทียบในรุ่นเดียวกันคงมีน้อยคนจะสูงเท่า ควรต้องเอาไปเทียบกับเปรตวัดสุทัศน์น่าจะเหมาะกว่า ยิ่งเทียบกับตัวกระเปี๊ยกอย่างผมยิ่งไม่ต่างจากเสาไฟฟ้ากับตอม่อ


   ด้วยเหตุนี้ผมจึงพยายามอัดทั้งแคลเซียม โปรตีน วิตามิน กลูต้า แคโรธีน เฮโรอีน บอแร็กซ์ และเกือบคว้าน้ำยาล้างห้องน้ำมาแดก ถ้าไม่ติดว่ากลัวม่องเท่งซี้แหงแก๋ในสภาพเอน็จอนาถจนอาจพลาดโอกาสได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่คนนั้น


   ความแตกต่างห่างไกลไม่ได้หยุดเพียงส่วนสูง ผมเป็นไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ในขณะที่เขาเจิดจ้าฉายแสงอยู่กลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เพอร์เฟกต์ดีพร้อมทุกระเบียดนิ้ว ให้ความรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นเพียงตั๊กแตนตำข้าวที่เฝ้ามองนกฟลามิงโกโบยบินบนท้องฟ้า แต่ก็เคลิบเคลิ้มหลงใหล ขนาดลำไส้ยังบิดเป็นเกลียวระริกระรี้ด้วยความเขินขวย


   บ้านป้ามึงสิ! แค่เห็นเป็นไอดอลโว้ย!


   เด็กวัยเจริญพันธุ์แบบผมถึงแม้จะเฮี้ยว แสบ ทะโมน และแอบหื่นบ้างเป็นบางเวลา แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กที่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก วันๆ คิดถึงแต่หน้ากากไรเดอร์ เบนเทน ถ้าสมัยโบราณหน่อยก็คงเป็นขบวนการห้าสีหรืออุลตร้าแมน ชีวิตจมอยู่ในโลกแห่งความฝันและแฟนตาซี โดยเห็นผู้พิทักษ์ความรักและความยุติธรรมเป็นแบบอย่างแห่งความเท่ห์ หล่อสมบูรณ์แบบ


   และรุ่นพี่คนนั้นก็เข้าขั้นใกล้เคียงซุเปเปอร์ฮีโร่ที่ผมปลื้ม!


   ผมตั้งปณิธานไว้ ในวันหนึ่งผมจะเป็นอย่างเขาให้ได้ เพื่อให้เขาและผมเป็นสองตัวเอกในนิยาย ร่วมผจญภัยปราบเหล่าร้ายเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน...


   ทว่าสิ่งที่ผมเฝ้าหวังกลับสั่นคลอน เพราะการกระทำของคนที่ผมปลื้ม...


   “พี่เจี๋ย นัดออกมาทำไมวะ หรือจะพาไปจับแมงกุดจี่ในป่าไผ่ เจ๋งเป้ง!”


   “ไปปั่นจักรยานเล่นกัน” เป็นเสียงเปรยที่ทุ้มนวลอบอุ่น


   ปั่นจักรยานเล่นในมหาวิทยาลัยตอนเกือบเที่ยงคืน!


   ไอ้พี่เจี๋ยก็ตบเบาะเร่งยิกๆ ราวกับปวดขี้จนทนไม่ไหวต้องรีบไปถ่ายด่วนซะเดี๋ยวนั้น ผมจึงจำต้องลากขาอย่างงงงวยไปหย่อนก้นแหมะลงเบาะหลัง แม้ในใจจะนึกสงสัย แต่เพราะแอบปลื้มชื่นชมจึงคล้อยตามอย่างว่าง่าย ต่อให้พี่เจี๋ยจะลากไปไถนา ผมก็คงยอมเป็นควายเพื่อได้ใกล้ชิด


   เพื่อความปลอดภัยผมไม่ลืมที่กระหวัดมือรอบเอวพี่เขาไว้หลวมๆ เกิดผี สตีฟ จ็อบส์ ออกจากร่างกลายเป็นผีคนขับรถเมล์ ขสมก. เข้าสิงปั่นตีนนรกผมก็ตายโหงสิครับ


   “น้องป่าน รู้จักตำนานรัก Loving way ไหม”


   ป่าน... ป่านนี่ใช่ชื่อกูไหม?

 
   โอเค ตื่นเต้นจนเกือบลืมชื่อตัวเอง


   พี่เจี๋ยเอ่ยถามท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกบนเส้นทางที่ขนาบด้วยทิวสนสูงใหญ่เรียงรายเป็นระเบียบ โดยที่รถจักรยานคันเล็กที่มีผู้โดยสารตัวใหญ่หนึ่งตัวกระเปี๊ยกหนึ่งเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วรอบปั่นที่เชื่องช้า แม้จะเป็นยามดึกสงัด แต่เพราะมีพระจันทร์ดวงโตฉายแสงนำทาง ทำให้เรายังปลอดภัยจากการปั่นตกคลองข้างทาง


   ผมก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง... เที่ยงคืนพอดีเป๊ะ


   “ตำนานบอกว่าหากคู่รักที่มีใจตรงกัน ปั่นจักรยานผ่าน Loving way ในเวลาเที่ยงคืน จะได้เป็นแฟนกัน” ผมชะงัก ในขณะที่พี่เจี๋ยหยุดรถจักรยานกึก คล้ายได้ปั่นมาถึงปลายทางแล้ว “น้องป่าน คบกับพี่เจี๋ยนะ”


   อ้าว เดี๋ยวนะ... แล้วผมต้องตกใจไหมวะ กับการที่รุ่นพี่ที่แอบปลื้มมาสารภาพรัก!


   เป็นการสารภาพความรู้สึกด้วยเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้ม เหมือนอย่างนิสัยของพี่เจี๋ยที่ผมเห็นมาตลอด เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นเสมอ ไม่เฉพาะแค่ผม แต่ทุกคนรอบข้างมักถูกพี่เจี๋ยดูแล หากจะมีใครสักคนหลงใหลย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นที่ผ่านมาผมจึงมองไม่เห็นความพิเศษที่พี่เจี๋ยปฏิบัติต่อผมว่ามันเหนือกว่าคนอื่น  ความรู้สึกของผมจึงยังเป็นเพียงความปลาบปลื้ม


   จนกระทั่งพี่เจี๋ยจอดรถและหันกลับมา ใบหน้าคมโน้มเข้าใกล้ มีเพียงแสงจันทร์สาดกระทบให้เห็นเสี้ยวหน้าเลือนลาง ผมตาค้างจนแทบลืมหายใจ สังเกตได้ทุกรายละเอียดบนใบหน้าที่ค่อยๆ เลื่อนเข้ามา ดวงตาดำเข้ม ขนตายาว คิ้วโก่งหนา ริมฝีปากเป็นกระจับ ทุกสัดส่วนสอดรับกับโครงหน้าและประกอบกันอย่างสวยงาม กระทั่งลมหายใจอุ่นร้อนกระทบปลายจมูก ใจผมพลันเต้นเป็นจังหวะกลองโปงลาง เพียงชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เผลอเคลิ้ม จึงได้รับรสความอ่อนนุ่มบริเวณริมฝีปาก


   เป็นความพิเศษเดียวที่แตกต่าง และกระจ่างแจ้งแจ่มชัดยิ่งกว่ากล้องจุลทรรศน์กำลังขยายพันเท่า ใจดวงน้อยของผมเต้นระรัวแรง จนแทบทะลักล้นออกมาจากอก ผมใจง่ายไปไหมวะ เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่รู้สึกอะไรอยู่เลย


   สำส่อน!


   รู้สึกนิยายแฟนตาซีที่วาดฝันไว้กำลังกลายเป็นนิยายรัก... สายเหลือง!


   “พี่เจี๋ย คุกๆๆ”


   “คุกอะไรครับ”


   “ป่านเพิ่งอายุสิบสี่ ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ”


   “พี่ก็ยัง”


   เออว่ะ ลืมไป งั้นเอาใหม่


   “พี่เจี๋ยชอบป่านเหรอ”


   พี่เจี๋ยพนักหน้ารับ แม้ใบหน้าจะลางเลือนในความมืด แต่กลับรับรู้ได้ถึงความตระหนกปนหวาดหวั่น รังสีกดดันจากความกลัวแผ่ซ่านกระทบเปรี้ยงแทบหน้าหงาย คล้ายว่าถ้าผมปฏิเสธไปพี่มันจะกระโดดคลองน้ำเน่าข้างทางตายไปเดี๋ยวนั้น สถานภาพของเรากลับกัน ผมกลายเป็นนกฟลามิงโกบินสง่าเฉิดฉายบนฟ้า ในขณะที่พี่เจี๋ยกลายเป็นตั๊กแตนตำข้าว ดวงตาละห้อยรอคอยคำตอบอย่างน่าสงสาร


   แต่ผมไม่ง่าย!


   “ป่านรู้จักตำนานรัก Loving way” ผมเปรย


   อายุเพียงสิบสี่ ไม่เคยสนใจเรื่องความรัก ไม่รู้แม้กระทั่งความรักคืออะไร ความรู้สึกแบบไหนที่เรียกว่ารัก ใช่อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าวูบวาบร้อนฉ่า มีความสุขล้น ดีใจยิ้มแก้มแตกแบบนี้ไหม


   แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจ!


   “ทางที่พี่เจี๋ยพาผมผ่านมามันสวนทางกันนี่ ถ้าปั่นย้อนเขาเรียก Breaking way”


   ความฉิบหายเริ่มมาเยือน ผมรู้สึกได้อย่างนั้น สังเกตเห็นตาขาวๆเบิกโพลงในความมืด


   “ถ้าคู่รักที่ใจตรงกันปั่นผ่าน จะต้องเลิกกัน!”


   ง่าวเอ๊ย!!!


   ผมหัวเลาะลั่นขำน้ำตาเล็ด อุตส่าห์สร้างบรรยากาศมาซะดิบดี กลับล่มสลายลงในพริบตาเพราะความโง่เง่าของตัวเอง ยิ่งเห็นท่าทางซึมกระทือหางลู่หูตกหัวห้อยอย่างผิดหวังจนแทบอยากร้องไห้ ผมยิ่งฮาท้องคัดท้องแข็ง


   ไม่ใช่อะไร เพราะมันยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูมากในสายตาผม แม้แต่การสารภาพรักยังตระเตรียมการเสียโรแมนติก อ้างอิงตำนานรักและคาดหวังให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างเชื่องช้า ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งอบอุ่น นุ่มนวล พูดจาไพเราะ และโรแมนติก จะไปหาผู้ชายเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ได้จากไหน ตลาดนัดคลองถมก็ไม่มีขาย ยิ่งละลายทรัพย์ไม่ต้องพูดถึง


   “จบกันชีวิตไอ้เจี๋ย”


   เอ่ยเสียงนุ่มตัดพ้องึมงำเศร้าสร้อยอย่างน่ารันทด ราวกับทุกอย่างจบสิ้น แม้แต่นรกแตก แผ่นดินแยก ฟ้าถล่มก็อาจเทียบไม่ได้กับความรู้สึกพี่เจี๋ยตอนนี้ ผมพยายามกลั้นขำยกมือปาดน้ำตาที่มันเล็ดจากการทำงานหนักของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในใจอยากบอกว่า ผมยังไม่ได้ให้คำตอบพี่เลยนะ ฮ่าๆ


   “ใครบอกว่าจบ ป่านว่านี่เป็นการเริ่มต้นต่างหาก”


   พูดไปขำไป แต่กลับดูเรียกความสนใจของอีกฝ่ายได้ดี เพราะดวงตาขาวๆที่เหมือนจะจ้องมองมาด้วยความสงสัยจนผมแทบพรุนไปทั้งร่าง ก่อนจะเริ่มเบิกกว้างขึ้นคล้ายพี่เจี๋ยเข้าใจในความหมายแฝงของผม


   “ก็เรายังไม่ได้คบกัน แล้วจะเลิกได้ยังไง”


   แม้ผมจะอายุเพียงสิบสี่ ยังไม่รู้จักความรัก แต่คิดว่าผมพร้อมแล้วสำหรับการเรียนรู้และเริ่มต้น


   “ดูแลป่านให้ดีด้วยนะ”


   และนี่ก็เป็นตำนานรัก Breaking way บทใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งป่านและพี่เจี๋ยจะบรรจงสร้างขึ้นในแบบฉบับของเรา จนกลายเป็นตำนานเล่าขานประจำมหาวิทยาลัยจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นตำนานรักบทใหม่ที่ Loving way สู้ไม่ได้จนต้องล่าถอย


   แค่เริ่มต้นยังโรแมนติกขนาดนี้ หากนิยายเรื่องนี้ดำเนินต่อไป มันจะหวานชุ่มฉ่ำหัวใจขนาดไหน...


   แม้ความปรารถนาแรกเริ่มในตัวพี่เจี๋ยจะเหมือนนิยายผจญภัยแฟนตาซี หากสุดท้ายได้คลาดเคลื่อนกลายเป็นนิยายรัก แต่สิ่งที่คงเดิมคือตัวเอกทั้งสองเป็นผู้ชาย บทสรุปที่ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายถือเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ครบถ้วน แม้อาจยังไม่เห็นบทบาทรักกันหวานชื่น ทว่าเหลือพื้นที่ว่างให้นักอ่านได้จินตนาการต่อไปถึงเรื่องราวหลังจากนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ถูกปูทางให้เรื่องดำเนินไปด้วยความสุขความสมหวัง แม้จะถูกจำกัดความว่าเป็นนิยาย ‘ปลายเปิด’ ก็ตาม


   แม้การจบแบบนี้จะโดนครหานินทา


   บ้างว่า... จบเหี้ยไร! ไม่เข้าใจ! มีปัญญาจบได้แค่นี้เรอะ! กาก! ในฐานะของคนสร้างสรรค์นิยายบางครั้งอยากโต้เถียงกลับไปว่าอุตส่าห์ปูทางมาให้สวยงามขนาดนี้ ลองใช้สมองคิดเอาเองบ้าง แต่คงโดนรุมประณามโทษฐานด่าคนอ่านโง่จนอาจกลายเป็นดราม่าซับซ้อน


   บ้างว่า... กูคนอ่านไม่ใช่คนเขียน หน้าที่คือเสพงาน นักเขียนเองต่างหากที่ต้องใช้สมองสร้างสรรค์ผลงานให้ดีเป็นที่พอใจ กลายเป็นมหากาพย์ย้อนแย้งไม่จบไม่สิ้น


   ไม่ว่าความคิดเห็นจะเป็นไปในทิศทางใด แต่ฐานะของนักเขียนมันเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบในตัวมันแล้ว


   เพราะสุดท้าย... เจ้าชายและเจ้าหญิงก็ได้ครองรักคู่กันนิรันดร


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เป็นที่พอใจของนักอ่านส่วนใหญ่อยู่ดี เพราะมันไม่อิ่มเอม ยังรู้สึกค้างคา อยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องราวความรักระหว่างผมกับพี่เจี๋ย คล้ายว่าเรื่องราวยังดำเนินไปไม่สุดปลายทางอย่างที่หวัง แม้จะแอบตะหงิดใจว่าเห็นเขากำลังเริ่มต้นสานต่อถักทอความรักมันไม่เพียงพอเหรอ ในวาระพิเศษเนื่องด้วยนี่เป็นนิยายรัก Breaking way ฉบับใหม่ ผมจึงอยากแหกทุกกฎเกณฑ์ที่นิยายรักพึงมี เสิร์ฟความหวานสานต่อความฟินให้อ้วกแตกกันไปข้างจากตอนจบปลายเปิดอย่างสวยงามในภาคที่แล้ว คืนกำไรให้แก่ผู้ที่ติดตามเรื่องราวความรักระหว่างผมกับพี่เจี๋ย


   ขอเตือนให้เตรียมหมอนไว้หลายๆ ใบ!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   “ไอ้ป่าน ไปไกลๆ ส้นตีน อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ รำคาญเหี้ย!”




++++ตัดจบก่อนนะ++++

คุยกับ Blue-Legend

เย้ๆๆๆๆๆ จุดพลุฉลองเปิดเรื่องลำดับที่ 2 ของซีรีย์ชุดอินทาเนียร์ ไชโยโห่ฮิ้วววววว

ชื่อเรื่องน่ากลัวมาก ฮ่าๆ เขียนเองยังกลัวใจตัวเองเลยว่าจะลากไปจบท่าไหน แต่จบท่านี้แล้วดูหวานละมุนลิ้นไหมล่า กิ๊วๆ แอบแซะคนอ่านเล็กๆน้อยๆ ไม่โกรธกันน้า รักกันๆ อิอิ

น้องป่านดูซื่อใสไร้เดียงสา พี่เจี๋ยก็ดูเป็นสุภาพบุรุษ รักทั้งสองคนเลย จุ๊บๆ

เอ้ออออ สุดท้ายยยย นักอ่านที่น่ารักจ๋า อ่านแล้วชอบ เค้าฝากไลค์ฝากแชร์ ฝากบอกต่อด้วยน้า ใครทำตามนี้จะสุ่มผู้โชคดีแจกรถสปอร์ตหนึ่งคัน

และฝาก แฮชแท็ก #ชาเย็น #อินทาเนีย #ป่านเจี๋ย ด้วยเน้อ อยากเพ้ออยากบ้าไร ถ้าไรท์ไปส่องเห็นแล้วจะไปเสือก ฮ่าๆ

ปล ด้านล่างมีทอล์กกับนักอ่านอีกเน้อ จะแยกไว้อีกโพสต์นึง เพราะไรท์ฝอยเก่ง และขี้เหงามาก ใครอยากคุยกับไรท์เลื่อนลงไปเลย ใครมาเม้นให้ตอนที่แล้ว ไรท์ตอบหมด ไรท์หล่อ สปอร์ต ใจดี น่ารัก ไม่หยิ่ง ไม่ถือตัว มีเวลาให้ ใครรำคาญก็ข้ามๆไป อ่านแค่นิยายก็พอเนอะ

ส่วนใครอยากมาจ้อกับเค้านอกเวลา โปรดไถทวิตเอาเอง ฮาาาา ส่วนใครอยากคุยกับน้องบู ก็ไปตามเพจเฟซบุ๊คที่แปะไว้หน้าลิงค์เลยน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2018 23:34:00 โดย Boorina »

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
:L2: :pig4:

รอออออออออออออ
อยากอ่านละ

รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาเธอจะมาอ่านเมื่อไร ถ้าไม่มานะ จะจับล่ามโซ่แซ่กุญแจมือกลับมาเลย คอยดู๊

พี่เป็นใครคะ เปิดตัวได้ค่ตคูล 55555555 วงวานฟ้าใส แต่คำพูดของเซียนก็พูดถึงฟ้าจริงๆ 55555555555

โถวววววว สงสารทำไมฟ้าใส รู้นะ แอ๊บทำตัวเป็นนางเอกล่ะซี้ ไม่เนียนๆ สกิลตอแหลเธอสู้ไรท์ไม่ได้หรอก อย่ามาเทียบ ฮา ภาษาเม้นวัยรุ่นเปิ๊ดสะก๊าดขนาดนี้ ไหว้พี่ด้วยนะน้อง ให้รู้ซะมั่ง ไผเป็นไผ

ปล ไรท์ก็อยากเปิดตัวได้คูลแบบนี้บ้างอ่า ต้องทำยังไง บอกที กระซิกๆ กัดผ้า

ชื่อเรื่องมาซะน่ากลัวเชียว ฮา

หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ ชื่อเรื่องน่ากลัว แต่ไรท์น่ากลัวกว่า ชีวิตตัวละครอยู่ในมือเค้านะ ยกมือขึ้น ส่งอมยิ้มมาซะ นี่คือการปล้น แล้วเค้าจะเขียนดีๆ

โอยๆ.......ประโยคเด็ดที่สุดของเซียน  ชอบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
 “...ผมอยากสอยดาวเดือนให้ร่วงลงมา เพื่อครอบครองท้องฟ้าเพียงคนเดียว” สุดยอดดดดดดดดด
เซียน เทียน  คนป๊อดสองคนแห่งชาติ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบเพลงเดียวกับไรท์เลย อายุเป็นเพียงตัวเลขเจงๆ
"กลางวัน...ฉันเหงา   กลางคืน....ฉันโหยหา....♬。 ♫♫~♬ ♫~
คิดถึงทุกเวลาห้านาที.....เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างสิ.....♬ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

อุ่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปล่อยไก่ตัวบักเอ้บเลยนะตัวเธอวววววว แก่พอกันเลยอ่า ใครแก่กว่าน้า แต่รู้จักเพลงนี้อายุต้องไม่น้อย เค้าทำให้ระลึกถึงความหลังของวัยขบเผาะล่ะสิ นั่นแน่

ในฐานะที่เธอเปิดเผยช่วงอายุเรา เราจะสะกดจิตเธอ จงคลั่งไคล้พร่ำเพ้อ หลงละเมอเหมือนดมกาว แล้วบอกลาวันสาวที่ล่วงเลยไป อิอิ เค้าแซวเล่นนะตัวเอง รักดอกจึงหยอกเล่นนน

ปล ชื่อเหมือนไอติมแท่งนะตัว ทำเอาอยากดูดกันเลยทีเดียว ฮา

รอดูคู่ต่อไปจะแซ่บกว่าคู่แรกไหม  :mew4:

เตรียมครกกับสากไว้เลย จะตำส้มตำให้กิน พริกสิบเม็ดพอไหม เอาไปทั้งสวนเลยไรท์ใจดี สายเปย์ ลดแลกแจกกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์

จะน้ำอะไรก็สาดมาเลยค่ะ เราพร้อมมมมมมมม

น้ำอะไร พูด! ไม่เอาสิ ยังเด็กยังเล็กไม่ทำตัวแบบนี้ พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ อิอิ

ขอบประโยคจบของเซียนอ่ะ ฟินๆๆๆๆ เขิน แอร๊ยยย

น้อยใจอ่า พูดถึงเค้าบ้างสิ ใจร้าย ใจดำ อำมหิต หลงแต่เซียน บ้า ผช ขอแช่งให้ฟินตายคาเตียง

ชอบบบ เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามแล้ว

รอๆ จะเป็นยังไงนะ :hao7: :hao7: :hao7:

จงอย่าหยุดแค่ชอบ จงคลั่งไคล้ หลงไหลหัวปักหัวปำ หน้าทิ่มดิน อินชักดิ้นชักงอลงแดงตายไปเลยย ฮาาา 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2018 23:52:04 โดย Boorina »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คู่ป่านเจี๋ย เขาจีบกันมาแต่ละอ่อนเลยหรอเนี่ย แก่แดดนะเรา  :hao3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ก็รออ่านนะ เรื่องแรกเขียนสนุกมากเราก็คาดหวังกับเรื่องที่สองนะคะ ^^



เรื่องที่แซะคนอ่านน่ะเราไม่เคืองหรอกเพราะมันก็เรื่องจริง555 เหรียญมีสองด้านแล้วแต่เราจะยึดเอาส่วนไหนมาดำเนินไป ก่อนที่ทุกคนจะมาเป็นคนเขียนก็ล้วนเป็นคนที่เป็นนักอ่านมาก่อนทั้งนั้น  โดยส่วนตัวแล้วเราโอเคกับงานทุกแบบทุกสไตล์ของคนเขียนนะมันอยู่ที่คนอ่านจะเลือกเสพมากกว่า เพราะเราคิดว่านี่มันก็เป็นงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง  ^^


ปล. รู้ได้ไงว่าเราเด็ก? เกิด 90 คงไม่เด็กมั๊ง

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend
 

CH 02

รักของเรามันเก่า

 

 

            “ไอ้ป่าน ไปไกลๆ ส้นตีน อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้ รำคาญเหี้ย!”

            “ไอ้เจี๋ย ไอ้เฮงซวย ทำไมพูดจาหยาบคายกับน้องจังวะ”

            “มึงน่ารักน่าพูดจาดีด้วยนักนี่ อ้าว... เฮ้ย!  นั่น ระวัง! ไอ้สัดเอ้ย โมเดลกู!”

            “มึงเห็นโมเดลสำคัญกว่ากูเหรอไอ้เจี๋ย”

            “เออสิ งานกู คะแนนกู เกรดกู ส่วนมึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!!!”

            นี่แหละชีวิตรักอันหวานชื่นในปัจจุบัน คำว่าพี่น้องถูกกลืนหายไปภายในสองปีหลังคบกัน และเมื่อห้าปีผ่านไปก็ได้พลิกผันจากหน้ามือกลายเป็นเศษขี้ตีน

            เราทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ดูขัดหู ขัดตา ขัดใจ ไอ้เหี้ยเจี๋ย ไอ้เฮงซวยเจี๋ย ไอ้เวรมหาประลัยเจี๋ยไปหมด ความดีงามในชีวิตแทบมลายหายสิ้นกลายเป็นอากาศธาตุ ทุกวันนี้ที่คบเหมือนทนๆ กันไป ไม่รู้เป็นผมคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึก ความรักที่เคยมีให้กันหวานชื่นกลายเป็นเพียงอดีต ต่างคนต่างรอวันที่จะมีใครพูดคำนั้น

            คำว่า ‘เลิกกัน’

            สำหรับผมที่ทนอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ไม่เจ็บ แม้จะไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่มียังคงเหมือนเดิม แต่เพียงคิดถึงวันที่จะไม่มีไอ้เฮงซวยเจี๋ยข้างๆ ในใจมันก็รู้สึกวูบโหวง ถึงหลายครั้งเคยคิดอยากให้จบ ใจกลับไม่เคยกล้าพอ ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่หลงเหลือที่ทำให้ผมกลัวที่จะเดินจากมา มันเป็น ความรัก หรือเพียง ความผูกพันของคนที่อยู่ด้วยกันมานาน

            “ถ้ากูตาย มึงคงสบายใจสินะ ไม่ต้องมีคนมาตามตูดให้รำคาญ”

            “เออ!!”

            มันกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด

            ...เจ็บเหมือนเข็มเล็กๆ จิ้มลงตรงกลางใจทว่าความเจ็บกลับลามเลียมากมายแผ่ขยายทั่วกว่าล้านเท่า ขอโทษที่เปรียบเบาไป ไม่อยากเปรียบโดยใช้มีดกรีดลงกลางใจจนเลือดไหลล้นทะลักเป็นแกลลอน เพราะนอกจากเกร่อแล้ว เหตุผลสำคัญคือ...กูกลัวเลือด

            ถึงอย่างนั้นความเจ็บยังเป็นของจริง ผมทนได้หากมันพูดหยาบคายด่าผมเสียๆหายๆ หรือแม้กระทั่งมองเมินไม่สนใจ แต่วันนี้มันกลับไล่ผมไปตาย... ผมแทบอยากวิ่งไปคว้ามีดปอกผลไม้แล้วกรีดแขนต่อหน้าต่อตาจมกองเลือดตายไปตรงนั้น

            เสียแต่...กูกลัวเลือด...มันเลยเป็นได้แค่ความคิด

            ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบทุกวันนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยจนเมื่อรู้ตัวความรู้สึกรักที่เคยสัมผัสได้จากไอ้เจี๋ยกลับน้อยลงจนแทบไม่มีเหลือ อาจเพราะผมไม่น่ารักเหมือนเคย เหมือนช่วงสมัยมอสอง ผมไม่ได้ตัวเล็กกระจ้อยร่อยน่ารักน่าพกพาอีกต่อไป ลำตัวกลับสูงใหญ่ทะเล่อทะล่ากลายเป็นเด็กยักษ์ที่สูงทะลุร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร ซึ่งเป็นผลสัมฤทธิ์จากสารพัดอาหารเสริมที่ตะกละแดกเข้าไปเพื่อหวังว่าสักวันจะเป็นอย่างไอ้เจี๋ย

            แล้วไงล่ะ กลับกลายเป็นว่าผมดันสูงแซงล้ำหน้า ในขณะที่ไอ้เจี๋ยหยุดสตาฟความสูงไว้เพียงร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรถ้วน

            นิสัยที่เคยเฮี้ยวทะโมน ทำอะไรไปตามประสาเด็กวัยแสบ พลอยได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ไม่เคยสนใจไยดีจากไอ้เจี๋ย มันค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาเพียงเพราะอยากเรียกร้องความสนใจ ถึงบางครั้งจะงี่เง่าเอาแต่ใจ แต่ที่ทำไปอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนไอ้เจี๋ยก็ยังคงเป็นรักแรกและรักเดียว พอนานวันยิ่งเรียกร้องกลับกลายเป็นยิ่งเฉยชา และเริ่มไต่ระดับเข้าสู่การไปกระตุ้นต่อมรำคาญจนไร้ความเกรงใจต่อกัน

            ผิดเหรอที่ผมจะติดแฟน

            หรือความจริงแล้วอาจเป็นเพราะผมสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาซึ่งเป็นปฏิปักษ์โดยตรงกับคณะที่มันสังกัด และลือกันว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ชาติไทยโยกย้ายถิ่นฐานมาจากเทือกเขาอัลไต

            แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ล้วนทำให้ผมเจ็บหน่วงในอกด้านซ้ายทั้งสิ้น

            “โธ่... โมเดลลูกพ่อ ดูสิ เพราะความสิ้นคิดของมึงแท้ๆ เลยไอ้ป่าน กูถึงต้องมานั่งซ่อมงานแบบนี้”

            ใช่! กูสิ้นคิดที่แค่อยากเรียกร้องความสนใจที่มึงไม่เคยมีให้!

            ตัดพ้อเข้าไป คิดเหรอว่ามันจะสนใจ โน่นนน หันกลับไปประคบประหงมโมเดลลูกรักเหมือนเป็นสายเลือดเดียวกัน ถ้ามันคลอดโมเดลออกมาจากน้ำมือผม ผมจะไม่ว่าอะไรสักคำ

            เห็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้ผมน้อยใจได้ยังไง จากความรู้สึกผิดที่เผลอก้าวเหยียบโมเดลที่วางกองระเกะระกะเกลื่อนพื้น ตอนนี้กลับอยากอาละวาดพังกองโมเดลที่ไอ้เจี๋ยภาคภูมิใจนักหนาให้ราบเป็นหน้ากลอง

            “หยุด! กูรู้มึงคิดจะทำอะไรไอ้ป่าน สันดานมึงแค่จ้องตาก็เห็นถึงลิ้นไก่ ถ้ามึงกล้าแตะต้องผลงานกูแม้เพียงเศษขี้เล็บ กูเอาไม้ทีฟาดหน้ามึงแน่!”

            เจ็บตรงนี้ที่หัวใจ แม้แต่การมีตัวตนของผมยังเทียบเศษซากชานอ้อย ไม้ โฟม พลาสติกห่วยๆ พวกนี้ไม่ได้ กลายเป็นเศษขยะไร้ค่าที่รอวันเขาเขี่ยทิ้งและเน่าสลายไปตามกาลเวลา เจ็บกว่าคำพูดที่ไร้เยื่อใยคงเป็นการกระทำ มันกล้าขู่จะเอาไม้ทีฟาดหน้า ถ้าทำจริงแล้วผมจะอยู่ไปเพื่ออะไร

            ผมก้าวไปยืนค้ำหัวไอ้เจี๋ยที่นั่งหันหลังให้ ขะมักเขม้นแก้ไขงานอย่างประณีตบรรจง มือไม้ลากผ่านทากาวแปะอย่างเบามือ ทะนุถนอมยิ่งกว่าลูกในไส้ ทั้งที่แฟนยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ทำเอานัยน์ตาผมสั่นไหวระริกแกมตัดพ้อ

            สนใจกูบ้าง กูอยู่ตรงนี้...น้องป่านของพี่เจี๋ยคนเดิมไง ถึงจะไม่น่ารักเหมือนเคย แต่ก็มีเพียงความรู้สึกที่ดีส่งให้ แม้จะบอกไม่ได้ว่ามันคือรักและรักมากขึ้นทุกวัน แค่อยากขอให้สนใจกันบ้าง ผมช้ำในจนจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว

            “เจี๋ย...พี่เจี๋ย”

            ผมเอ่ยเสียงอ่อน แม้ในใจจะจมดิ่งลึกหน่วงหนักเหมือนถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก กลับตัดใจเดินจากไปไม่ได้ อยากที่จะหวังอีกสักนิด

            “อะไร! ยังไม่ไปอีกเรอะ”

            ความหวังพลันพังทลายลงไปในพริบตา คำพูดแต่ละคำที่หลุดจากปากกลับทำให้ผมยิ่งช้ำเลือดกลัดหนอง กระนั้นก็ยังอยากทำตามใจตัวเอง เดินหน้าต่อเพราะความรักที่เราเคยมีให้กัน เพียงหวังว่าจะยังคงเหลืออยู่สักนิด

            “อาทิตย์หน้าออกไปกินข้าวของนอกกันนะ... นะ... นะครับ”

            “ไม่ว่างโว้ย!”

            เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางใจและแตกสลายเป็นเสี่ยงในพริบตา ทุกอย่างค่อยๆ ลดความสำคัญและจางหายไปตามกาลเวลา แม้แต่ที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายอย่างวันครบรอบการเปิดตำนานรัก Breaking way ระหว่างผมกับพี่เจี๋ย ยังกลายเป็นเพียงเศษซากอารยธรรม

            หรือความจริงแล้วตำนานรัก Breaking way มันไม่เคยมีอยู่ เป็นเพียงภาพวาดเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ของเด็กที่ไม่รู้ประสาคิดการณ์ใหญ่ว่ามันจะกลายเป็นตำนานรักบทใหม่ ตอนนี้มันคงกำลังดำเนินไปตามครรลองและกำลังเข้าสู่ฉากสุดท้ายอย่างที่ตำนานควรเป็นสินะ

            ไม่ใช่ตำนานรัก...

            จริงๆ แล้วมันคือตำนานร้าง Breaking way มันเป็นอย่างนั้นมาตลอดและคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าคู่รักคู่ไหนที่ปั่นจักรยานผ่านเส้นทางนั้น ต่างต้องจบลงด้วยการเลิกราทั้งสิ้น

            แม้แขนขาจะไร้เรี่ยวแรง แต่การยืนอยู่ในห้องไอ้เจี๋ยร้างรักอย่างไร้ตัวตนคงไม่มีค่าแล้ว เราย้ายมาอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่สี่ อาจถึงเวลาที่ผมต้องเดินจากไป

            ผมกวาดตามองห้องที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมา โต๊ะทำงานเล็กๆมีอุปกรณ์เครื่องเขียนและตัดทำโมเดลเกลื่อนกลาด ด้านหน้าเป็นรูปอาคารสถาปัตยกรรมแปะอยู่เรียงราย ข้างซ้ายมีปฏิทินเล็กๆ แขวนอยู่ หมึกสีแดงๆ วงไว้ชัดเจนโดยฝีมือผมตรงวันที่สิบห้าแต่กลับไม่เคยได้รับความสนใจจากเจ้าของแผ่นหลังที่นั่งหันหน้าเข้าโต๊ะ

            สภาพภายในห้องมักจะรกอย่างนี้เสมอ เพราะเด็กสถาปัตย์โดยเฉพาะปีห้ามีงานล้นมือ จนแม้แต่การเก็บกวาดห้องยังถือเป็นเรื่องจิ๊บจ้อย ความใส่ใจในชีวิตประจำวันของไอ้เจี๋ยมีเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับปริมาณงานล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก มันจึงกลายเป็นหน้าที่ผมไปโดยปริยาย

            แต่ต่อจากนี้มันอาจไม่มีอีกแล้วก็ได้ ผมตัดสินใจก้าวเท้าไปที่ประตูห้อง มือเอื้อมคว้าลูกบิดแต่กลับเหมือนลูกตุ้มเหล็กถ่วงรั้งจนยากที่จะเปิดออก

            “เดี๋ยว!”

            เสียงเรียกรั้งจุดประกายความหวังให้ลุกโชน เพราะเชื้อเพลิงมันเต็มเปี่ยมขาดก็เพียงประกายเล็กน้อย แม้จะน้อยมากก็ตามผมก็พร้อมจะกลับไป ผมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ ถึงใครจะมองว่างี่เง่าหรือวาดฝันลมๆแล้งๆ แต่มันกลับเหมือนน้ำหล่อเลี้ยง ให้ผมได้พยายามใหม่อีกครั้ง

            “แชมพูหมด อย่าลืมซื้อมาเพิ่มด้วย คันหัวฉิบหาย”

            แม้แต่แชมพูหมดไปเป็นอาทิตย์ มันยังเพิ่งมีเวลามาสนใจ แล้วต่างอะไรจากผม ที่ตอนนี้เป็นเพียงคนคอยใส่ใจดูแล แต่กลับไม่เคยได้รับความสนใจ

            คนใช้...เป็นคำจำกัดความที่วิ่งผ่านหัว ความหวังที่ถูกจุดเพียงริบหรี่พลันดับวูบมืดมิด สิ้นซึ่งแสงใดๆ จะส่องผ่านลงมาถึง สุดท้ายก็เป็นเพียงการตอกน้ำว่าผมไร้ค่า

            ไร้เรี่ยวแรงจะตอบกลับ ผมกระชากประตูเปิดผางออก เท้าเตรียมจะก้าวผ่านและไม่คิดจะหันหลังกลับ

            “อย่าไปนานนะ รีบกลับมาล่ะ”

            ใจผมอ่อนยวบ

            แพ้... แพ้อีกแล้ว... แพ้ทุกที....

            แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ ไม่รู้ด้วยว่าคนพูดต้องการสื่อความหมายแบบไหน หรือใครจะหาว่าผมโง่เง่าดักดานจมปลักอยู่ในโคลนตมเหมือนควายก็ช่าง

            แต่ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าอย่างน้อย...

            พี่เจี๋ยก็อยากให้น้องป่านคนนี้กลับมา...อยู่ด้วยกัน






คุยกับ  Blue-Legend

โอ้ยยย ปวดใจจจจจ ความรักไม่คืนกลับมา อยู่ไปก็เสียน้ำตา(เพลงบ่งบอกอายุอีกละ)
น้ำตาไหลพรากๆ สงสารน้องป่าน ไอ้เจี๋ย ไอ้หน้าส้นตีน ไปไกลๆน้องป่านเลยนะ ฮืออออ เขียนเองทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้

ก่อนอื่นขอบคุณทุกเสียงตอบรับและคอมเม้น มันเลอค่ามากสำหรับผม อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมเขียนได้บรรลุเป้าประสงค์ของตัวเองที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า นักอ่านรู้สึกอย่างที่ผมเขียนหรือเปล่า ความจริงมีคนอ่านก็ดีใจแล้วอ่ะเนอะ
วันนี้จะมาโหมดจริงจังนิดนึง เพราะดราม่าตามเนื้อเรื่อง กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องนี้ผมสอดแทรกอะไรไว้หลายอย่าง อย่าคาดหวังกับตอนจบ เมื่ออ่านจบให้ถามตัวเองว่าได้อะไรจากเรื่องที่ผมเขียนหรือเปล่า ผมเห็นงานเขียนที่เอาแต่ฟินมาเยอะ เลยอยากลองเขียนงานที่แตกต่าง จริงๆซีรีย์ชุดนี้ก็วางคอนเซ็ปไว้เช่นนั้น เมื่อคุณอ่านจบ คุณจะไม่ใช่แค่รู้ว่าตัวเอกเรียนวิศวะ แต่คุณจะได้รู้ว่าวิศวะแต่ละสาขามันแตกต่างกันอย่างไร
เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ครั้นเนิ่นนานน้ำอ้อยก็กร่อยขม
ขอฝากไว้เท่านี้
.
.
.
เชสสสสสสสสสสสส มาเป็นสุนทรภู่เลยเฟ้ยวันนี้ จบๆๆ จบโหมดจริงจังไว้เท่านั้น กลับเข้าสู่โหมดบ้าบ้อ กร๊ากกกกกกก
ขอโทษนักอ่านด้วยที่คุมคาแรคเตอร์ตัวเองไว้ได้ไม่ค่อยนาน ผลตอบรับจากการลงตอนแรกของเรื่อง เรียกได้ว่าถล่มทลายยย โฮฮฮฮฮฮ น้ำตาจิไหลลลลลล ผู้คนกรีดร้องกันอย่างบ้าคลั่งจริงๆ ปลื้มใจ กระซิกๆ
การลงตอนแรกไปทำให้ผมได้รู้ว่า กูโรคจิต กูบ้าคุยอยู่คนเดียวจริงด้วยยยย เย้ วัยรุ่น ฮาาาาา
แต่เราจะยังคงคุยต่อไป นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ใกล้ชิดและตีสนิท นักเขียนที่คุณรัก คุณต้องเป็นนักอ่านกลุ่มแรกที่เข้ามาคุยกับเรา เพราะถ้าเราดัง เราจะไม่สามารถคุยกับคุณทุกคนได้ เฮฮฮฮฮฮ (ทำอย่างกะจะดัง)
เอาเป็นว่าใครใคร่คุยคุย ใครใครอ่านอ่าน ยังคงขอบคุณทุกวิวและคอมเม้นเช่นเดิม


ทอล์กอยู่ด้านล่างจ้า สำหรับคนที่เม้นให้ตอนก่อนเน้ออออ จุ๊บๆ รักเหมือนเดิม

ปล ปากผมก็หมาเหมือนปากเจี๋ยแหละ ถ้าผมแซวแรง โปรดอย่าถือสา
กลัวคนอ่านหายเพราะความปากหมาตัวเอง ฮาาาา

\/
\/
\/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2018 20:51:24 โดย Boorina »

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คุยกับ. Blue-Legend

คู่ป่านเจี๋ย เขาจีบกันมาแต่ละอ่อนเลยหรอเนี่ย แก่แดดนะเรา  :hao3:

 เธอก็แก่แดด เรารู้ความคิดเธอ มโนไกลไปถึงดาวอังคารที่ ฟหด่ฟสห่ดสาฟดสฟาห้ กันแล้วใช่ไหม อย่าว่าป่านกับเจี๋ยนะ เดี๋ยวเจอต่อย คู่นี้เขาใสๆวัยรุ่นชอบ ฮาาาา :hao3: :hao3:

:pig4:

ในภาพหนึ่งภาพจะเก็บอะไรได้บ้าง เอ้ย ไม่ใช่โฆษณา เรารู้เบื้องหลังอีโมจิขอบคุณ บรรจุความรู้สึกไว้อัดแน่นท่วมท้น ปลื้มปริ่ม น้ำตาจิไหล กระซิกๆ  :m15: :m15:

ก็รออ่านนะ เรื่องแรกเขียนสนุกมากเราก็คาดหวังกับเรื่องที่สองนะคะ ^^



เรื่องที่แซะคนอ่านน่ะเราไม่เคืองหรอกเพราะมันก็เรื่องจริง555 เหรียญมีสองด้านแล้วแต่เราจะยึดเอาส่วนไหนมาดำเนินไป ก่อนที่ทุกคนจะมาเป็นคนเขียนก็ล้วนเป็นคนที่เป็นนักอ่านมาก่อนทั้งนั้น  โดยส่วนตัวแล้วเราโอเคกับงานทุกแบบทุกสไตล์ของคนเขียนนะมันอยู่ที่คนอ่านจะเลือกเสพมากกว่า เพราะเราคิดว่านี่มันก็เป็นงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง  ^^


ปล. รู้ได้ไงว่าเราเด็ก? เกิด 90 คงไม่เด็กมั๊ง

อุ่ยยยย หวัดดีค้าบเจ๊ แอ่แฮ่! ไม่สงวนวาจาท่าทีบอกปีเกิดเลยเหรอ เป็นสาวเป็นแส้เขาบอกกันง่ายๆงี้เลย เอาเป็นว่าเด็กกว่าผมแล้วกัน ฮ่าาาาา อย่าแก่แดดกับผู้อาวุโสสิ แต่ถ้ามีเรียกลุงมา เจอกระทืบ! รังแกเด็ก สตรีและคนชราคืองานของเรา  :m16: :m16:
ขอบคุณแทนน้องคนเขียนอีกคนด้วยสำหรับเรื่องแรก น้องคงปลื้มปริ่มได้รับคำชม  ส่วนเรื่องที่สองโปรดอย่าคาดหวังกับผม เผื่อใจไว้หน่อย เรามันมือใหม่ เห็นคนมาอ่านมาเม้นน้ำตาก็จิไหลเป็นสายเลือดแล้ว ขอบคุณๆ
ปล ชอบความคิดแฮะ เป็นคนเปิดรับอะไรได้ง่าย ใจกว้างเป็นแม่น้ำแยงซีเกียงเลย ความคิดโตกว่าเราอีก ฮ่าาาาาา

:L2: :pig4:

ไม่เอาสิ ไม่ลอกสิ โตๆกันแล้ว เม้นบนเขาทำแบบนี้ไปแล้ว เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างไม่ดีกับอนาคตของชาติ

พี่เจี๋ยคนเอ๋อ 5555

อย่านะ อย่ามาว่าพี่เจี๋ยของน้องป่านนะ เคยเจอกระโดดถีบขาคู่ไหม  :z6: :z6: เดี๋ยวเล่นบทตบจูบๆให้ดูเลยนี่ พี่เจี๋ยไม่เอ๋อนะ แต่ปากหมามาก ใจดำด้วย มาร่วมมือกันฆาตกรรมหั่นศพยัดส้วมเลยดีไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2018 20:50:41 โดย Boorina »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7


คู่ป่านเจี๋ย เขาจีบกันมาแต่ละอ่อนเลยหรอเนี่ย แก่แดดนะเรา  :hao3:

 เธอก็แก่แดด เรารู้ความคิดเธอ มโนไกลไปถึงดาวอังคารที่ ฟหด่ฟสห่ดสาฟดสฟาห้ กันแล้วใช่ไหม อย่าว่าป่านกับเจี๋ยนะ เดี๋ยวเจอต่อย คู่นี้เขาใสๆวัยรุ่นชอบ ฮาาาา :hao3: :hao3:

^
อ่านจดหมายรักจากหลานคนแต่ง ทำเอาปวดท้อง ปวดตับ กรามค้าง  :m20:
เลยจำไม่ได้ว่าเคยเมนต์แล้วใช้คำแทนตัวเราเองว่า "คนแก่" หรือเปล่านะในเรื่องก่อนหน้านี้ นึกๆ ก็นึกไม่ออก  :confuse:
โดนเรียกว่า "เธอ" อ่านแล้วรู้สึกกระชุ่มกระช่วยหัวใจดี้ดี  :o8:
เลยหาสาเหตุที่มา นี่เลย เลข 4 ตัวหลัง areenart1984  ปกติจะคิดว่ามันคือปี ค.ศ.ที่เกิดใช่ปะ แต่สำหรับคนแก่มันมิใช่
เพราะมันคือ  "เลขที่สำนักงานที่คนแก่ทำงานอยู่จ้า"  :hao3:
ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงแทนตัวเองว่า คนแก่ เพราะคิดว่าเรามันแก่จริง ๆ นิ  :teach:


ปล.  อายุเราหรอ ถ้าอยากรู้จริง ก็เอาเลข 4 ตัว ลบ 15 ออกซิ   :laugh3:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เด็กสมัยนี้โตเร็ว คงจริง  :katai5: :katai5: :katai5:

ป่านตัวใหญ่แต่รักเหมือนเดิมนะ สนใจหน่อยโว้ยยย

ออฟไลน์ Boorina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ซีรีส์ชุด Intania ภาค CE

เรื่อง  Breaking Way
[CE : Civil Engineering   วิศวกรรมโยธา ]
เขียนโดย  Blue-Legend
 

CH 03

เหมือนไม่สนใจ




 

            “ไอ้ป่าน ญาติเสียเหรอ”

            “ใครวะใคร เมียมึงป่ะไอ้ป่าน”

            เปรี้ยง!

            “ตาย มึงตาย ไอ้สัดพี! อย่าแช่งแฟนกู!”

            ผมถีบมันหน้าหงายร่วงจากเก้าอี้ไม้หินอ่อนตัวเดี่ยวซึ่งตั้งอยู่ในกรงบอลข้างสนามในเวลาเที่ยงวัน แม้รอบกรงจะมีคนพลุกพล่านเนื่องจากเป็นเวลาอาหารและกรงบอลตั้งติดอยู่กับโรงอาหารวิศวะ แต่กลับไม่มีใครสนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายปึงปังภายในกรง เป็นปกติที่เด็กวิศวะมักเตะบอลลอยละลิ่วกระทบกรงเหล็กปึงปังหนวกหู จึงกลายเป็นความซวยของไอ้พีปากเปราะ

            “สมน้ำหน้า ไอ้พีพีเอพี!”

            “ดิสอิสอะเพน ดิสอิสแอนแอพเพิ่ลลล จึกกก ฮ้า พายแอพเพิ่ลเพ๋นนนน”

            แล้วดูมันโดนยันหน้าทิ่มดินก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ยังมีหน้ามาฮาแดก

            “ตลก”

            ผมตอบหน้าตาย ไม่มีกระจิตกระใจจะมีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งสิ้น ไอ้พียันตูดลุกปัดเปาะแปะก่อนส่ายก้นมานั่งเบียดบนเก้าอี้ตัวเล็กที่มีผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนนั่งอยู่ก่อน

            “ก็มึงไอ้เต็น บอกว่าญาติมันเสีย” ไอ้พีโบ้ย

            “แล้วใครให้มึงปากเปราะลามปาม ก็รู้ว่าไอ้นี่มันหวงยิ่งกว่าหมาแม่ลูกอ่อน สมองมีแต่ขี้เลื่อยรึไงฮะ!”

            “แล้วจะเถียงกันทำซากอ้อยเหรอ รำคาญ รำคาญโว้ย!” ผมตวาดจนมันสองตัวเงียบกริบ

            “หงุดหงิดไรมาวะ”

            “น้องสาวของพี่สะใภ้ลูกยายข้างบ้านที่เป็นพี่สาวแม่กูเสียมั้ง... ไม่ได้หงุดหงิดโว้ย!” ผมตอบปัดไปอย่างหัวเสีย แค่อยู่เงียบๆ คนเดียวก็ประสาทแดกจะตายห่าแล้ว ไอ้สองตัวดันมาเจ๊าะแจ๊ะข้างหู คนกำลังกลุ้มใจโว้ย!

            “มึงช่วยส่องกระจกด้วยไอ้ห่าป่าน หงอยกว่าหมาก็หนังหน้ามึงนี่แหละ”

            แล้วใครใช้ให้มึงเสือก!

            “แฟนไม่สนใจ” ผมเอ่ยตัดรำคาญ

            “อ๋ออออออออ” พวกมันสองตัวลากเสียงยาวราวกับเป็นเรื่องเคยชิน “โถวววว ไอ้ลูกหมาโดนเจ้าของเมิน”

            เป็นความจริงที่เจ็บปวด แสลงหูจนไม่อยากยอมรับ เรื่องระหว่างผมกับไอ้เจี๋ยเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อน และเรื่องราวแบบนี้ก็มักเกิดขึ้นเป็นปกติ ผมโดนเมิน โดนด่า โดนไล่ โดนรำคาญ มานั่งเศร้าสร้อยเหงาหงอยที่คณะเป็นประจำ เสียแต่คราวนี้เรื่องราวมันใหญ่โตมากกว่าเคย เครียดหนักจนแดกข้าวไม่ลง ต้องหันมาสั่งก๋วยเตี๋ยวแดกแทน

            เฮ้อ... กลุ้มใจแฟนไม่แล

            “รายงานภาษาไทยเดี๋ยวกูกับไอ้พีจะไปเบียดเบียนห้องโครงงานรุ่นพี่สิง ส่วนมึงไอ้ป่าน กลับไปหาสุภาษิตคำพังเพย แล้วยกตัวอย่าง แต่งนิทานเสริมลงไปด้วยรับรองได้คะแนนเต็ม พรุ่งนี้เช้าเอามารวมกัน”

            แหม... พอรู้สาเหตุก็เลิกสนใจกูเลยนะ มันคงรู้ว่าเดี๋ยวสักพักผมก็หายเป็นปกติ

            “กูไปด้วย” ผมเอ่ยขัด

            “เฮ้ย มึงไม่รีบกลับไปง้องแง้งใส่แฟนหรือไง”

            “ไม่... ไม่อยากกลับ”

            ไอ้เต็นไอ้พีมองหน้ากันล่อกแล่ก คงประหลาดใจเพราะปกติเรียนเสร็จผมจะรีบลิ่วกลับหอ ถึงแม้จะมีปัญหารายวันผมยังเลือกจะกลับไปเผชิญหน้าเพราะเชื่อว่าหากได้อยู่ใกล้ปรับความเข้าใจหลายๆ อย่างจะดีขึ้น ส่วนเรื่องงานกลุ่มเพื่อนจะรู้ดีว่าแบ่งงานกันเสร็จผมจะรับผิดชอบกลับไปทำแยกแล้วเอามารวมกันภายหลัง ไม่เคยสิงสถิตทำงานร่วมกันสักครั้ง

            วันนี้กลับต่างไปคงเพราะจิตใจห่อเหี่ยว ไร้เรี่ยวแรงจะสู้และเดินต่อ ยิ่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่าน ความน้อยใจยิ่งเพิ่มเท่าทวีคูณ ทำไปเท่าไหร่กลับได้รับเพียงความเฉยชากับความเจ็บปวดล้านเท่า เหนื่อยจนอยากหยุดทุกอย่าง เหมือนผมพยายามยื้อไว้เพียงฝ่ายเดียว

            ผมคว้าชีทเรียนเดินออกจากกรงกลับภาควิชาวิศวกรรมโยธา โดยมีพวกมันวิ่งไล่หลัง

            วิศวกรรมโยธาเป็นหนึ่งในภาควิชาที่เก่าแก่ที่สุดของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงเมื่อกล่าวถึงคณะนี้คือนายช่างคุมการก่อสร้างหน้าไซด์งาน และนั่นคืองานหลักของวิศวกรรมโยธา ไม่เฉพาะแค่ตึก การก่อสร้างทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ถนน เขื่อน โรงงาน ตึก อนุสาวรีย์ เสาธง ยันปราสาททรายริมชายทะเล ล้วนครอบคลุมอยู่ในภาควิชานี้ทั้งนั้น

            แม้จะเป็นภาควิชาที่เก่าแก่ที่สุด ตึกกลับใหม่เอี่ยมอ่อง เพราะความจริงแล้วตึกภาคถูกสร้างขึ้นเมื่อสามปีก่อนหลังจากทนใช้ตึกเก่าซอมซ่อมาร่วมแปดสิบปี เป็นตึกรูปทรงโมเดิร์นโทนน้ำตาลครีมทันสมัยความสูงแปดชั้นสมกับเป็นตึกของช่างก่อสร้างอย่างแท้จริง กระนั้นตัวช็อปก็ยังถูกแยกออกมาเป็นโรงเล็กๆ ต่างหากอยู่ข้างกัน และที่สำคัญตัวตึกอยู่ติดกับโรงอาหารและกรงบอลที่พวกผมไปนั่งแกร่ว เพียงเดินผ่านลอดใต้ตึกภาคก็จะพบซุ้มของกินเล็กๆ แออัดยัดเยียดด้วยผู้คนจากทั้งคณะกว่าหลายพันคน เรียกว่าแทบแย่งกันแดกจนต้องลามไปเบียดเบียนโรงอาหารคณะข้างๆ

            ตัวอักษรสีเงินนูนสูงสามมิติถูกตีตราเด่นเป็นสง่าเห็นแต่ไกล ตัดกับตัวตึกพื้นสีครีมไว้ว่า ภาควิชาวิศวกรรมโยธา (Department of Civil Engineering)

            “ก็ดี มีปัญหาอะไรจะได้คุยกัน งานจะได้ออกมาแหล่มๆ กลับตึกบุญชูเว้ยย” ไอ้เต็นถลามาคว้าตะกองกอดคอผม

            “กูสงสัย ทำไมต้องชื่อตึกบุญชูวะแม่ง แถมสลักตัวอักษรซะใหญ่บักเอ้บกลบชื่อภาควิชาตัวกระจึ๋งนึงด้วยวะ ไม่เข้าใจ พีไม่เข้าจายยยย”

            “เพื่อให้ควายสงสัย” ผมตอบ

            “ไอ้สัดป่าน! ขอให้แฟนไม่เหลียวแล ขอให้แฟนไม่เห็นหัว ขอให้แฟนทิ้ง!”

            โอ๊ย... แม่ง! เจ็บจี๊ดเลย

            “สงสัยคนออกทุนสร้างเป็นคนสุพรรณ”

            แล้วทำไมต้องทำเสียงเหน่อด้วยวะ คนละบุญชูแล้วมั้ง!

            แม้ผมจะแสดงออกเป็นปกติ แต่ในสมองกลับคิดวนไปเวียนมาอยู่เพียงเรื่องเดียว ที่ตัดสินใจอยู่โยงทำงานเหตุผลหนึ่งคือจะได้ไม่เป็นภาระเพื่อน แม้ไม่เคยพูดแต่เราก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจ ทำงานร่วมกันยังไงก็ดีกว่าทำงานแยกอยู่แล้ว ทิศทางจะได้ไปในทางเดียวกัน แต่เหตุผลสำคัญคือไม่อยากกลับไปให้ไอ้เจี๋ยรำคาญ ทั้งที่ใจอยากกลับไปอยู่ด้วยแทบชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปาก ถึงแม้กลับไปแล้วจะต้องทะเลาะกันก็ตามที

            บางทีผมก็คิดว่าการไม่มีผมอยู่ มันคงเป็นผลดีกับไอ้เจี๋ยมากกว่า

            “ท่าทางมึงเหนื่อยนะไอ้ป่าน เมื่อคืนได้นอนหรือเปล่าวะ หรือว่าจุ้กกรู้ววววกับแฟนทั้งคืน”

            “จุ้กกรู้? จุ้กกรู้กับผีสิ โดนไล่เข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม”

            “มึงจุ้กกรู้กับผีได้ด้วย”

            ป้าบบบบบ

            ผมเปล่าตบมันนะ แต่เป็นไอ้เต็นที่ลงไม้ลงมือแทน บางทีก็เบื่อความไร้สาระของไอ้พี ถึงแม้ผมจะเคยเป็นอย่างนั้นก็ตาม

ถ้าได้จุกกรู้ก็ดีสิ เราร้างเรื่องอย่างงี้มานานเท่าไหร่แล้ว ถึงครึ่งปียังวะ เฮ้ออ แค่ผมเข้าใกล้ยังรำคาญ เรื่องหวังจะจุ้กกรู้เหรอ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ

อย่างเมื่อคืนหลังจากทะเลาะกันแล้วสุดท้ายผมยอมแพ้ ทั้งที่พยายามดื้อดึงยื้อเวลาเพื่ออยากอยู่กับมัน เสนอตัวจะช่วยงาน มันกลับไล่อย่างรำคาญให้ผมไปนอน คงกลัวจะไปทำงานมันเจ๊ง แล้วที่นอนข้างผมก็เย็นชืดทั้งคืน ส่วนผมก็ไม่เคยนอนหลับสบายตัวหรอก เหมือนโดนผีอำทั้งคืน ตื่นมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวมันแล้ว

            น้อยใจ น้อยใจโว้ย!

            ตึ๊งตึ่ง

            เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทยอดฮิต ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดอ่าน

 

            เฮ่งเจี๋ย : อยู่ไหน?

 

            ทันทีใจที่ดิ่งฮวบเหมือนถูกกระชาก แม่งดีใจยิ่งกว่าถูกหวยร้อยล้าน ร้อยวันพันปีมันไม่เคยจะทักแชทมาหาหรอก เวลามามหา'ลัยก็ต่างคนต่างเรียน กลับห้องถึงได้เจอกัน ผมควรตอบกลับไปว่าไง

            อยู่ตึกคร้าบบบ คิดถึงเหรอ จะรีบกลับห้องอย่างเร็วเลย

            ไม่ๆ เสียเชิงหมด กูงอนมันอยู่นะ ผมพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์

 

            สุดสายป่านคือลิง : ทำไม? สนด้วยเหรอ?

 

            เป็นประโยคตอบกลับที่สั้นที่สุดที่เคยตอบ และเป็นประโยคตัดพ้อน้อยใจชัดเจนที่ผมเอ่ยบ่อยครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ไม่คาดหวังอะไร ให้คนอย่างไอ้เจี๋ยมาง้ออ่ะเหรอ กูเกิดเป็นหมาคงง่ายกว่า

            ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจ ตัวอักษรขึ้นคำว่า Read ค้างอยู่นาน ผมจ้องหน้าจอจนตาเกร็งค้าง ไม่เคยลุ้นอะไรขนาดนี้มาก่อน แต่เมื่อไร้คำตอบกลับ ผมจึงยอมแพ้พรมนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์อีกครั้ง

            ตึ๊ง

            ก่อนจะกดส่ง ข้อความจากมันเด้งขึ้นมาเสียก่อน

 

            เฮ่งเจี๋ย : กูอยู่สนามบาสข้างตึก IE มึงจะมาไหม อีกห้านาทีกลับ

 



++++++++++++++++++

คุยกับ  Blue-Legend

สันดานชอบให้ความหวัง อย่าทำแบบนี้กับใคร เข้าใจไหม... :เฮ้อ:

เอ่อ มีแขกรับเชิญพิเศษนิดนึงอ่ะเนอะ ให้ทายว่าสองคนนั้นคือใคร ฮาาาาา

วันนี้พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ทอล์กน้อยเพราะไม่ว่าง ขอให้อ่านให้สนุกเช่นเดิมครับ ขอบคุณและรักทุกคน จุ๊บๆ :กอด1:

 ด้านล่างมีทอล์กนักอ่านเหมือนเดิม
\/
\/
\/

 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2018 17:33:47 โดย Boorina »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด