**||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)  (อ่าน 170733 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
«ตอบ #360 เมื่อ24-04-2018 09:37:15 »

โอ้ เรื่องดาว่าหนักแล้ว มาเจอเรื่องดิมไม่ใช่ลูกแท้ๆนี่อีก...

งั้นดิมก็ไม่ปลอดภัยมากๆ แถมเพื่อนยังเข้าใจผิดไปหมด

ดีไม่ดีอาจมีเบบี๋ของลุงอีกก็ได้ นี่มันแบบ... o22

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #361 เมื่อ07-05-2018 18:08:12 »

Twenty-Forth Song









แตกสลาย...นั่นเป็นคำเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้...


เด็กหนุ่มนั่งมองป้ายสลักหินตรงหน้ามาหลายนาทีแล้ว แม้จะไม่มีรูปของคนที่คุ้นเคย แต่ชื่อที่เขียนอยู่บนนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง


พี่ดาตายแล้ว


พี่สาวของเขาตายแล้ว


ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขารักและรักเขาจากเขาไปยังสถานที่ที่ไกลแสนไกลเสียแล้ว


“ใจร้ายจังเลยนะครับพี่”


นิ้วเรียวสวยค่อยๆ คลี่รูปใบเล็กที่เขามักพกติดตัวอยู่ตลอดโดยที่ไม่ละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า


“ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวไปไม่บอกผมสักคำ”


เสียงหัวเราะฟังดูแปลกแปร่งเกินกว่าจะเป็นเสียงแห่งความสุข เขาหยุดสะอื้นไปนานแล้ว หากนัยน์ตากลมคู่นั้นยังปรากฏหลักฐานของความปวดร้าวให้เห็น


ไม่...ไม่ใช่แค่ปรากฏหลักฐาน...


หยาดน้ำใสกลิ้งผ่านขนตาสวยลงมาบนแก้มในวินาทีที่เขาหลุบตามองรูปในมือสลับกับป้ายหินตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดหนึบไปทั้งอก


มันยังคงอยู่ ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดยังลอยฟ่องอยู่ในใจราวกับกลุ่มควันที่ไม่ว่าจะเอามือปัดป้องเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจางหายไปโดยง่าย ยิ่งได้เห็นภาพตรงหน้า หัวใจของเขาก็ยิ่งร้าวราน


เขาเพิ่งจะได้ภาพๆ นี้มาก็จริง แต่นักสืบที่เขาว่าจ้างก็บอกแล้วว่าเป็นภาพเก่าที่เพิ่งค้นมาได้ ในตอนนั้นเขาคิดตื้นๆ แค่เพียงว่าคนเราคงไม่เปลี่ยนที่อยู่ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ยิ่งดูจากสภาพบ้านที่ไม่ได้มีลักษณะเหมือนบ้านแบ่งเช่าแล้วเขาก็ยิ่งมั่นใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะพังทลายลงมาภายในพริบตาแบบนี้


ขอเพียงแค่รู้จักไตร่ตรองให้มากกว่านี้ เขาจะไม่ต้องเสียเวลามาเหยียบที่นี่เลย


ขอเพียงแค่รู้จักคิดมากกว่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่เลวร้ายเหมือนอย่างที่เป็นอยู่เลย


‘คิดง่ายไปน่ะสิ’


เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยแว็บผ่านเข้ามาในหัวเหมือนเทปที่ถูกกรอซ้ำ


ท่าทางเขาจะเด็กเกินไปอย่างที่ตาลุงนั่นปรามาสเอาไว้จริงๆ


หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าตกกระทบผืนดิน


คิดง่ายเกินไป เด็กเกินไป


โง่...เกินไป...


ร่างผอมโปร่งชันเข่าขึ้นมาชิดอกก่อนจะวาดมือไปโอบกอดมันไว้


...กอดตัวเองเอาไว้...


“ไม่เป็นไร ดิมจะไม่เป็นไร”


เขาบอกตัวเอง


“เรื่องแค่นี้เอง ยังไงก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”


เรียวแขนบางกอดตัวเองแน่นขึ้นอีกหน่อย


“ไม่เป็นไร”


เขากระซิบแข่งกับสายลมที่พัดหวีดหวิวอยู่ข้างหู


“ไม่เป็นไรนะดิม”


“โถ ดูสิใครมานั่งกอดเข่าอยู่ตรงนี้กัน”


เสียงของบุคคลที่สองที่แทรกขึ้นมาอย่างไม่ได้รับเชิญทำให้เด็กหนุ่มต้องกุลีกุจอปาดน้ำตาแล้วยันตัวลุกขึ้นไปเผชิญหน้า


อันที่จริง ต่อให้ไม่หันไปก็พอจะรู้อยู่ว่าเป็นใคร


“ไม่เจอกันคืนเดียว ยับเยินเลยนะดิม”


อีกฝ่ายฉีกยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าครั้งไหน ดวงตาเรียวเล็กแนบชิดจนเกือบจะติดกันสนิท แก้มยุ้ยยกขึ้นดูสดใสร่าเริง แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าขาวเหลืองนั้นบิดเบี้ยวพิกล


...รอยยิ้มบนใบหน้าของแฟนเก่าเขาดูวิกลจริตเสียจนน่าหวั่นใจ...


“ทำไมวิทย์ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”


“แล้วทำไมดิมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”


คำถามที่ไม่ได้คำตอบถูกย้อนกลับมาให้เขาเป็นคนตอบ แต่น่าแปลกที่เขาคิดอยากจะตอบ


มีบางอย่างบอกเขาว่า เขาไม่จำเป็นต้องตอบ


“ก็แค่ผ่านมา”


“เหรอ” อีกฝ่ายรับคำแล้วสาวเท้าเข้ามาหาเขาเรื่อยๆ จนอยู่ในระยะที่ห่างกันเพียงหนึ่งช่วงแขน “แต่เราตั้งใจมานะ”


รอยยิ้มนั้นยังประดับอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย


เขาเห็นมัน เห็นมันจนกระทั่ง...


“อ๊า!”


ร่างของเขาถูกกระแทกอย่างแรงจนล้มลงกับพื้นดินขรุขระ ผิวหนังรับรู้ได้ถึงรอยบาดของกรวดหินที่ตำลึกเข้ามาในร่าง แต่ความเจ็บเหล่านั้นกลับเทียบไม่ได้เลยกับร่างสูงโปร่งของอีกคนที่กระโดดทับลงมาพร้อมกับเอามือสองข้างกดลำคอเขาไว้แน่น


นี่มันบ้าอะไรกัน


“ไอ้ดิม เพราะมึง ชีวิตกูถึงฉิบหายแบบนี้” มันกระซิบลอดไรฟันพลางเพิ่มแรงกดขึ้นจนเขาเริ่มหายใจไม่ออก


...ณ วินาทีนั้นไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในสมองมากไปกว่าการเอาชีวิตรอด...


เด็กหนุ่มบังคับให้รองเท้าหนังมันปลาบที่พ่อเขาสั่งตัดให้อย่างดีกระทบเข้าหากันอย่างแรงหนึ่งครั้งเพื่อเปิดกลไกมีดที่ซ่อนไว้ในหัวรองเท้า ในวินาทีที่มัจจุราชเบื้องบนพยายามจะช่วงชิงวิญญาณไปจากร่าง เรียวขาเล็กเคลื่อนไหวไปมาอย่างชำนาญ เขาอาศัยการงอเข่าเพื่อขยับใบมีดให้เข้าใกล้เหยื่อได้มากขึ้น ก่อนจะพุ่งเท้าเข้าหาส่วนบั้นท้ายของอีกฝ่ายจนสุดแรง


“อ๊า!” เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้ถูกทำลายมาพร้อมกับแรงบริเวณฝ่ามือของมันที่ลดหายไปชั่วขณะ


เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...เขาอาศัยเพียงชั่วเสี้ยววินาทีในการออกแรงล็อกคอของคนที่กำลังร้องโหยหวนให้พลิกกลับลงไปสยบใต้ร่างเขาแทน


“มึงเป็นเหี้ยอะไร! มึงทำเหี้ยอะไรของมึงฮะไอ้เหี้ยวิทย์!”


“ฮะ ฮะ ฮ่าๆ”


เสียงหัวเราะชวนขนลุกของคนที่เขานั่งคร่อมอยู่ยิ่งทำให้จิตใจที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วหวาดหวั่นยิ่งกว่าเก่า


นี่มันอะไรกัน


เกิดอะไรขึ้นกัน


“อยากรู้ว่ากุเป็นอะไร...”


เสียงที่มันเปล่งออกมานั้นกระท่อนกระท่อนเพราะแรงบีบจากมือของเขา แต่น้ำเสียงนั้นกลับเจือไปด้วยโทนสมเพช


“ก็ลองถามพี่มึงดูสิ”


“มึงรู้อะไรเกี่ยวกับพี่กู!”


แรงบีบที่เพิ่มขึ้นอย่างอัตโนมัติทำให้คนด้านล่างตาเหลือกราวกับกำลังจะสิ้นลมหายใจ โชคดีที่เขาควบคุมตัวเองได้ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง ฝ่ามือเรียวที่กุมอยู่รอบคอของคนด้านล่างจึงผ่อนแรงลงเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกบังคับให้ฮอร์โมนในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านเสียจนมือสองข้างสั่นระริก ตรงข้ามกับคนใต้ร่างโดยสิ้นเชิง


แทนที่คนเฉียดตายจะมีอาการเหมือนกับเขา มันกลับหัวเราะร่ายิ่งกว่าเก่า


“มึงหัวเราะอะไร!”


เขาตะคอกด้วยเสียงสั่นเทา ถ้าเป็นในยามปกติ สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แย่พอจะทำให้เขาหวั่นไหว แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่...


ตัวเขาในตอนนี้บาดเจ็บยับเยินแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เขาหวาดกลัว


ใช่...เขากลัว...กลัวทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังประดังประเดเข้ามาเสียจนต้องปกปิดมันเอาไว้ด้วยความฉุนเฉียวอย่างรุนแรง ซ้ำร้ายคือไม่ใช่แค่เขาที่รู้เรื่องนี้...


...มันก็รู้...


“อย่าเกรี้ยวกราดสิดิม”


ใบหน้าที่เขาเคยมองว่าหล่อเหลานั้นยิ้มร่าชวนขนลุก นัยน์ตาวิปลาสคู่นั้นสบลึกเข้ามาในตาของเขา


...ลึกราวกับจะตามจองล้างจองผลาญเขาจนถึงแก่นในสุดของดวงวิญญาณ...


“ทีตอนที่พี่มึงท้องลูกกูทั้งๆ ที่มึงยังคบกับกู แล้วกูบอกให้ไปทำแท้ง มันยังไม่เห็นจะเกรี้ยวกราดแบบนี้เลย”


เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างแตกสลายดังขึ้นในหัว มันดังก้องอยู่อย่างนั้น สะท้อนไปมาราวกับจะไม่มีวันหยุด


อะไร มันพูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย


ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ


“ทำไมเมียเก่าของผมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้กันนะ ดูสิ ขนาดคนที่ไว้ใจที่สุด ยังหักหลังเลย โถ น่าสงสาร”


มันพูดอะไร เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย


“มึงโกหก”


เสียงของเขาแหบพร่า


ใช่ มันโกหก ต้องโกหกแน่ๆ


“ก็แล้วแต่จะคิดนะ เอาเป็นว่ากูขอบอกมึงไว้อีกอย่างแล้วกันนะดิม”


เขาเห็นมันยิ้มเย้ยหยันผ่านม่านน้ำที่พร่ามัวในดวงตา


“มึงมันเป็นแค่เศษเดนที่ไม่มีใครต้องการ ขนาดพ่อแท้ๆ ของมึงยังไม่เคยมาดูดำดูดีมึงเลย”


ร่างของเขาสั่นระริกยิ่งกว่าเก่า


อะไร มันพูดถึงอะไร


“ถามจริงเถอะว่ามีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อดล”


ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว


“มึงมันก็แค่ลูกชู้ ทุกคนรู้แต่มึงไม่รู้ไงไอ้ควาย!”


สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย หมัดหนักๆ ก็พลันกระแทกเข้ากับใบหน้าเสียจนร่างโปร่งกระเด็นลงไปนอนกองอยู่กับพื้น


เขาควรจะลุก


ใช่ เขาควรลุก


“แล้วความเหี้ยมันก็คือการที่ลูกชู้อย่างมึงยังมีชีวิตอยู่ดีกินดีทั้งที่กูต้องกระเสือกกระสนไง!”


“อ๊าก!”


ของแข็งบางอย่างฟาดเข้าบริเวณแขนขวาของเขาอย่างแรงเสียจนเขาดิ้นพล่าน


เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน


“ของๆ มึงมันควรจะเป็นของกู”


“อ๊า!”


มันฟาดซ้ำลงมาที่รอยเดิม


“พ่อของมึงก็ควรได้มาแต่งงานกับแม่กู แล้วก็เลี้ยงดูกู ไม่ใช่ปล่อยให้กูอยู่กับไอ้แก่วิปริตนั่นจนเป็นแบบนี้!”


มันฟาดแรงกว่าเก่า ย้ำซ้ำๆ ลงมาที่รอยเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขารู้สึกถึงบางอย่างในร่างที่แตกหักออกจากกัน เขารับรู้ได้ถึงแขนที่เบ้ไปผิดรูปผิดร่างอย่างน่ากลัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงกัดฟันยอมรับความเจ็บปวดโดยไม่คิดจะลุกขึ้นสู้ให้เปลืองเวลา


เขาสู้ไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นด้วยตัวเองไม่ได้อีกแล้ว


เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน


“ไอ้จริงๆ กูก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรมึงสักเท่าไหร่หรอกนะ กะว่าจะเขี่ยทิ้งไปแบบนิ่มๆ ไม่ถึงกับฆ่าแกงกันให้เสียมือ แต่ช่วยไม่ได้ว่ะ...”


แม้ร่างกายและจิตใจจะเป็นแผลเหวอะหวะเสียจนขยับไม่ได้ แต่หูเขากลับได้ยินเสียงทุกอย่างอย่างชัดเจน


-กริ๊ก-


เสียงปลดสลักกลไกในจังหวะที่คุ้นเคยทำให้เขาหลับตาลงช้าๆ


จบแล้ว


ทุกอย่าง...กำลังจะจบแล้ว


“ถ้าผัวแก่ของมึงไม่มาเสือกเรื่องกูก่อน มึงคงไม่ต้องมาตายแบบนี้ น่าเสียดายนะ”


บุคคลที่ถูกกล่าวถึงทำให้มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย


ในช่วงเวลาใกล้ตายของคนโสมมอย่างเขายังอุตส่าห์มีโอกาสได้ยินเรื่องราวของผู้เป็นที่รัก เพียงเท่านี้ก็นับว่าเป็นพระกรุณาจากพระผู้เป็นเจ้ามากแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่ยังไม่ได้ทำในเรื่องที่อยากทำเลยสักอย่าง ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ล้วนไม่มีโอกาสได้บอกลาใครเลยสักคน


โอ้ พระบิดาบนสวรรค์ หากพระองค์จะทรงเมตตาลูกผู้นี้ ลูกอยากจะวอนขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์...


“ถ้าจะโทษใครสักคน ก็โทษตัวมึงที่เกิดมาผิดที่ผิดทางก็แล้วกัน”


ได้โปรด ฝากคำรักไปถึงคนๆ นั้นด้วย ได้โปรดบอกเขาว่า...


“คุณปราณครับ ผมรักคุณนะ”


-ปัง! ปัง!-


สิ้นเสียงนั้น ความเจ็บปวดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตแผ่นขยายกระจายซ่านไปทั่วร่าง


เจ็บ...เจ็บเสียจนลมหายใจกระตุกวูบไปพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่ตาย


...เขายังไม่ตาย...


“ไอ้เหี้ยแม่งเอ๊ย!”


เสียงคุ้นเคยที่สบถอย่างหยาบคายที่ดังมาจากที่ไกลๆ คือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ร่างบอบช้ำบนผืนดินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


เสียง...เสียงของใครบางคนที่เขาเฝ้าตามหามาพักใหญ่


“ไอ้ทีนมึงเรียกรถพยาบาลรึยังวะ”


“เขามาถึงแล้ว เดี๋ยวเราออกไปนำทางมาเอง”


เสียงของคนสองคนที่เขาคุ้นเคย


“เออ เร็วๆ เลย ไม่งั้นแม่งไอ้ดิมน็อกอยู่ตรงนี้แน่”


เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่จากไปอย่างรีบเร่งพร้อมๆ กับความอบอุ่นที่แตะลงบนแขนที่บอบช้ำอย่างแผ่วเบา


“โทษทีว่ะ กูเหนี่ยวไกช้าไปหน่อย ถ้าเร็วกว่านี้คงยั้งจังหวะที่มันจะเหนี่ยวไกได้”


ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายทำร้ายอีกคนก่อนแท้ๆ ยังอุตส่าห์มาขอโทษเขาอีก


...เป็นคนประหลาดจริงๆ ...


“ไอ้เหี้ยเอ๊ย เบี่ยงมาลงไหล่แบบนี้แสดงว่าตอนแรกไอ้เหี้ยนั่นแม่งเล็งหัวเลยนะนั่น ใจหมาจังวะ”


ถ้อยคำไม่สุภาพมากมายพรั่งพรูออกจากปากของอีกคนไม่รู้จบ มากเสียจนเขาอยากจะเอ่ยปากปรามว่ามันไม่ค่อยสุภาพสำหรับการพูดในสถานที่แห่งนี้นัก แต่น่าเสียดายที่เขาทำไม่ได้


เขาเจ็บเสียจนเปล่งเสียงไม่ออกแล้ว


“เจ้าหน้าที่พยาบาลมานู่นแล้ว ทนอีกหน่อยนะมึง”


สัมผัสอ่อนโยนแตะลงบนกลุ่มผมยุ่งเหยิงของเขาเบาๆ


“อีกเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะ”


น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากเพื่อนที่เขาทำร้ายไปอย่างแสนสาหัสทำให้ดวงตาของเขาร้อนผ่าวราวกับมีไฟสุม


ไม่ไหว ช่างเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยดิม ทั้งที่มีเรื่องอยากจะพูดด้วยอีกตั้งมากมาย แต่แค่เอ่ยปากออกไปก็แทบจะทำไม่ได้แล้ว แต่ยังไงก็มีคำนึงที่ต้องพูดให้ได้


ต้องพูดให้ได้...


“ขอโทษนะ”


สุดท้ายเขากระซิบออกไปได้เพียงแค่นั้น


“ขอโทษ”


แล้วทุกอย่างก็พลันร่วงหล่นสู่ความมืดในชั่วพริบตา








***********************************************************************


จะ จบ จริงๆ แล้ว น้าาาาาา


มาถึงจุดนี้ได้ยังไงกันนะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่จบแล้วซะอีก 555555


ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ เรื่องนี้ติดดองไปหน่อย ไม่ขอแก้ตัวใดๆ แต่เราเขียนเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ การเรียนหนักหน่วงขึ้นมากเหลือเกิน ขอโทษด้วยนะคะ TwT


ฝากติดตามอีก 1 (หรืออาจจะ 2) ตอนที่เหลือด้วยนะคะ ^w^




***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ




ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #362 เมื่อ07-05-2018 20:41:52 »

 :a5: ห๊ะ อมก เพิ่งนึกออกตอนอ่านเจอว่าวิทย์คือแฟนเก่าดิม

เดี๋ยวนะ  o22 ดิมดันไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่วิทย์ดันเป็นลูกแท้ๆ

แล้วดิมไม่เคยรู้เลย แถมทั้งคู่เคยเป็นแฟนกันอีก

อมก ช็อค :katai1: ดากับวิทย์พ่อเดียวกัน ตาย ช็อคมาก

โอยยย  :freeze:  ขอให้ดิมไม่เป็นอะไร  แง้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #363 เมื่อ07-05-2018 21:23:33 »

 :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #364 เมื่อ08-05-2018 22:09:50 »

โอ้โห!!! พีคในพีค :a5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #365 เมื่อ08-05-2018 22:37:17 »

สงสารดิมสุดๆ
ลุงมาโอ๋ดิมเร็วๆเลย

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #366 เมื่อ09-05-2018 10:11:41 »

อื้อหืออออพีคในพีค ว่าดิมไม่ใช่ลูกแท้ๆนี่สุดแล้วนะกลายเป็นว่าวิทย์กับดาที่เป็นลูกพ่อเดียวกันดันมามีอะไรกันจนท้องอีก ไม่แหลกสลายก็คงไม่ไหวแล้ว สงสารก็แต่ดิมอะจริงๆดิมไม่รู้อะไรเลยนะเพราะน่าจะโดนกันออกมามากที่สุดแต่สุดท้ายก็โดนลูกหลงจนได้ ลุงรีบมาหาน้องเลยเร็วๆน้องไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #367 เมื่อ09-05-2018 23:48:07 »

คดีพลิกอย่างแรง สงสารดิมเลย ถ้าลุงมาเห็นสภาพลูกแมวน้อยตอนนี้ จะปรี๊ดขนาดไหนกันน้า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #368 เมื่อ10-05-2018 22:31:02 »

โอ้ย สงสารดิมมากเลย :katai1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
«ตอบ #369 เมื่อ24-05-2018 13:50:52 »

 :hao3: เฝ้ารอลุงมาปลอบดิม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
« ตอบ #369 เมื่อ: 24-05-2018 13:50:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #370 เมื่อ26-05-2018 10:17:55 »

Twenty-Fifth Song









เขาไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลและไม่เคยคิดจะชอบ หลายๆ ครั้งที่ต้องมาอย่างช่วยไม่ได้ก็ทำได้แค่ปลอบใจตัวเองว่ามาเดี๋ยวเดียวแล้วก็ไป กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกพวกนั้นคงติดตัวเขาออกไปได้ไม่เท่าไหร่หรอก ยังไงเสียโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ที่ๆ ควรเอาตัวเองเข้าไปอยู่นานๆ อยู่แล้ว ความคิดแบบนั้น ต่อให้ผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนไป


มันไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งตอนนี้


“ไปพักก่อนไหมครับคุณปราณ เดี๋ยวถ้ามีอะไรผมจะโทรบอก”


คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไปไม่มากเสนอตัวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเขา แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าตัวก็ยังคงแสดงสีหน้ามุ่งมั่นเต็มใจรับผิดชอบให้เห็น


มันก็สมควรเต็มใจอยู่หรอก ที่ยังได้นั่งคุยกับเขาอยู่ตรงนี้โดยไม่โดนเขาซัดใส่สักหมัดก็บุญแค่ไหนแล้ว


อุตส่าห์เคลียร์ตารางงานของมันเพื่อให้มาช่วยดูแลเจ้าแมวน้อยของเขาแท้ๆ ที่ไหนได้กลับเป็นพวกไร้น้ำยากว่าที่คิด เห็นทีว่าเขาคงประเมินความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้มากเกินไปจริงๆ


นัยน์ตาคมเหลือบมองป้ายสีขาวที่ถูกแต่งแต้มด้วยตัวอักษรสีแดงเป็นคำว่า ‘แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน’ เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องการให้คนที่อยู่ข้างในนั้นปลอดภัย


ได้โปรดเถอะดิม อย่าจากกันไปแบบนี้


ด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คงที่นัก ชายสูงวัยเลือกที่จะปรายตามองคนถามเงียบๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก


เขาว่าเขาแสดงออกชัดพอแล้วว่าคำตอบคืออะไร


เคราะห์ยังดีที่เด็กหนุ่มคนนี้หัวไวพอที่จะไม่ซักไซ้ไล่เรียงให้เขาอารมณ์เสียขึ้นกว่าเก่า เจ้าตัวเลือกที่จะปิดปากแล้วนั่งเงียบๆ อย่างคนรู้งาน ผิดกับอีกคน...


“เอ่อ...”


เสียงทุ้มต่ำของคนที่นั่งอยู่บริเวณเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเรียกความสนใจของเขาและคนที่นั่งบนเก้าอี้ห่างออกไปสองตัวได้ดี


ถ้าจำไม่ผิด คนที่พูดขึ้นมาเหมือนจะชื่อทีน


ดวงตาของคนมากประสบการณ์ปราดสายตามองคนพูดเพียงแว็บเดียวก่อนจะเฉมองไปทางอื่น


ไม่ผิดจากที่ดิมเคยเล่าเอาไว้เลย


เด็กหนุ่มเคยเล่าเรื่องของชายคนนี้ให้เขาฟังในเช้าวันหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นวันที่เขาต้องให้คนไปเอารถของเจ้าตัวกลับมาจากร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันนั้นเขาจำอะไรได้ไม่มากนักเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับคนช่างพูดจนไม่ทันจับใจความอะไรให้ดี แต่เท่าที่จำได้ก็น่าจะมีหลักๆ อยู่ไม่กี่คำ


‘เขาเป็นคนดี พลังบวกล้นเหลือ ที่สำคัญ เขาเป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดเลยครับ’


ชายสูงวัยเหลือบมองเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปอีกครั้ง


ก็สดใสสมคำเล่าของเจ้าแมวน้อย แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เขากลับสัมผัสถึงความหวังในดวงตาของชายคนนี้ได้มากกว่าใครทั้งหมด แต่มีบางอย่างแปลกๆ


เขารู้สึกถึงบรรยากาศหม่นหมองบางอย่างที่รายล้อมอยู่รอบๆ ตัวของคนๆ นี้


ทำไมกันนะ


“ผมจะไปซื้อข้าว มีใครจะฝากซื้ออะไรไหมครับ”


 ไม่มีใครพูดอะไรออกไปในทีแรก จนคนถามต้องเอ่ยปากซ้ำ


“ผมจะไปเซเว่น มีใครจะฝากซื้ออะไรมะ...”


“กูไปด้วย”


เสียงพูดแทรกของเด็กหนุ่มอีกคนทำให้บรรยากาศรอบด้านกระอักกระอ่วนขึ้นอย่างฉับพลัน ทีนหันมามองหน้าเขาเหมือนตั้งใจจะขอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง


แต่มีหรือที่เขาจะสนใจ


“คุณเอาอะไรไหมครับ”


หลังจากรวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่ เด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งได้เจอก็ถามขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนจะเจาะจงถามเขาโดยเฉพาะเสียด้วย ท่าทางจะไม่อยากไปกับเดลจริงๆ ....


...แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเขาเสียหน่อย...


“ไม่ล่ะ ขอบคุณ”


คำปฏิเสธของเขาทำให้เดลได้โอกาสเดินไปกระตุกแขนให้เพื่อนของตนเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เห็นทีว่าคงมีอะไรที่เขาไม่รู้ แต่ไม่ควรจะรู้


เอาเถอะ ตราบใดที่มันยังไม่เกี่ยวกับดิม เขาไม่ใส่ใจนักหรอก


เมื่อถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังกับแสงไฟสลัวและกลิ่นยาฉุนจมูกที่เกลียดแสนเกลียด ใบหน้าคมเข้มก็ค่อยๆ ปรากฏความเหนื่อยล้าออกมาช้าๆ


ตลอดระยะเวลาสองสามวันมานี้เขาแทบไม่ได้พัก โชคดีที่ได้หลับบนเครื่องบินนิดหน่อย ตอนนี้ก็เลยพอทรงตัวอยู่ได้บ้าง เรื่องหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาใส่ราวกับจะทดสอบความแข็งแรงของตัวเขา...ของพวกเขา ว่าจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปได้หรือไม่
ถ้าให้พูดกันตามจริง เรื่องราวฝั่งธุรกิจของเขาก็ยังไม่เรียบร้อยนัก เลยจำเป็นที่จะต้องทิ้งเลขาคนสนิทให้จัดการเรื่องต่างๆ แล้วปลีกตัวออกมาเพียงลำพัง แม้จะได้รับการทัดทานว่าการเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวนั้นอันตราย แต่เขาก็ไม่อยากรอให้อะไรมันช้าไปกว่านี้อีกแล้ว


กลัวว่าทุกอย่างมันจะสายเกินไป


วินาทีแรกที่ได้รับโทรศัพท์จากเดลแจ้งว่าดิมถูกยิงและแขนหัก เลือดในร่างก็พลันเดือดพล่าน ตัวเขาเปลี่ยนจากคนสุขุมเป็นปีศาจภายในไม่กี่อึดใจ ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าเขาพร้อมทำลายทุกอย่าง พร้อมฆ่าทุกคนที่บังอาจมาแตะต้องคนที่เขารัก ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งคนที่อยู่ปลายสาย


มันทำให้ดิมเจ็บ พวกมันทำให้ดิมเจ็บ มันต้องตายเพื่อชดใช้


ในตอนนั้น หัวสมองของเขามีเสียงสะท้อนแห่งความเคียดแค้นดังก้องไปมาเสียจนเขาแทบสูญเสียการควบคุมตัวเอง


แต่เหมือนพระเจ้าจะยังเมตตาเขาอยู่หน่อย


เมื่อปลายสายแจ้งว่า คนที่ทำร้ายร่างกายดิมไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ประกอบกับคนเจ็บไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วง ปีศาจร้ายในตัวจึงสงบลงได้บ้าง


...บ้าง...


ใช่ แค่เล็กน้อยเท่านั้น


“ญาติคุณดนัย ติดต่อที่เคาน์เตอร์ห้องฉุกเฉินด้วยค่ะ”


ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางมั่นคง เก็บซ่อนความอ่อนล้าเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็น เขาเดินไปจัดการทุกอย่างตามขั้นตอนของโรงพยาบาล ไม่นานหลังจากนั้น ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมกับร่างของคนคุ้นเคยที่ห่างหายกันไปเพียงไม่กี่วัน
แค่ไม่กี่วัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้


แค่ไม่กี่วันที่ปล่อยมือคู่นี้ไป ทำไมถึง...


ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกจากจมูกเพื่อระบายอารมณ์ของปีศาจร้ายในตัวให้เย็นลง


โชคดีที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่ได้พลุกพล่านมากนัก ประกอบกับเด็กหนุ่มไม่ได้มีอาการหนักจนต้องอยู่ใกล้ชิดพยาบาลตลอดเวลา คนป่วยจึงมีได้รับอนุญาตให้อยู่ห้องพิเศษได้ตั้งแต่ออกจากห้องฉุกเฉิน


ชายสูงวัยเดินตามบุรุษพยาบาลไปเงียบๆ


ไม่มีคำถาม ไม่มีการชวนคุยอะไรทั้งนั้น เขาแค่ต้องการความสงบเพื่อกำราบความพลุ่งพล่านในตัว


เขาจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ไม่แม่นยำนัก รู้แต่เพียงว่าขั้นตอนในการดูแลผู้ป่วยนั้นมากมายเหลือเกิน กว่าจะเซ็ตอุปกรณ์ จัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้ก็กินเวลาไปอีกพักใหญ่กว่าที่ห้องจะกลับมาเงียบสงบ


กว่าจะได้อยู่กันตามลำพัง...


-ครืด ครืด-


อุปกรณ์สื่อสารในกระเป๋ากางเกงของเขาสั่นครืน ทีแรกที่รับรู้ได้ก็ตั้งใจไว้ว่าจะรับ แต่เมื่อเห็นชื่อคนโทร เขาก็เลือกที่จะปล่อยโยนมันลงบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยแทน


ให้สองคนนั้นรอสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร


รองเท้าหนังดังกระทบกับพื้นกระเบื้องในทุกก้าวที่เดิน แต่คนเดินก็ระมัดระวังที่สุดแล้วที่จะไม่ให้เสียงนั้นดังจนไปรบกวนการนอนของคนบนเตียง


แขนขวาที่หักได้รับการใส่เฝือกอย่างดี บริเวณหัวไหล่ข้างที่โดนยิงก็ดูเหมือนว่าจะได้รับการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกเรียบร้อยแล้ว ดูเผินๆ แล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง...


ไม่จริง ไม่จริงเลยสักนิด


ปกติดิมเป็นคนมีฝีมือพอตัว อาจจะไม่ได้เก่งมากแต่ก็ไม่น่าจะสะบักสะบอมขนาดนี้ ที่บาดเจ็บสาหัสได้ขนาดนี้ก็คงเพราะมีอะไรบางอย่างมารบกวนจิตใจด้วยแน่


ขออย่าให้ไอ้เศษเดนนั่นพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจของคนๆ นี้เลย แค่นี้...แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ดิมก็บาดเจ็บเกินพอแล้ว


-ครืด ครืด-


เสียงจากโทรศัพท์ที่ดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำให้เขาจำใจต้องผละออกจากข้างเตียงเพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

 
ร่างสูงเหลือบมองคนที่นอนพักผ่อนอยู่กลางห้องก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเดินออกไปด้านนอกบริเวณห้องพัก


เขาไม่อยากรบกวนคนป่วย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่อยาก


เรียวขายาวก้าวออกจากห้องพักแล้วเดินไปจนถึงบริเวณสวนใจกลางตึกที่พอจะใช้เสียงได้บ้างจึงได้กดปุ่มรับสาย


“ว่าไง”


เขากรอกเสียงทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ผิดกับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง


“คุณปราณ คุณหายไปไหนมา ผมตกใจแทบใจ แล้วนี่ดิม...”


“ตึกสี่ ขั้นหก ห้องสี่ศูนย์หกห้า”


เขาพูดตอบไปเพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายไป บอกตามตรงว่าเขายังไม่อยากเห็นหน้าหรือเสวนากับเด็กสองคนนั้นเท่าไหร่


กลัวตัวเองจะเผลอลั่นไกไปไม่รู้ตัว


ร่างกำยำระบายลมหายใจหนักๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ในสวน


หัวใจของเขาว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก


ไม่หรอก มันก็ไม่เชิงว่าจะไม่รู้สาเหตุเสียทีเดียว สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งวิตกกังวลอยู่ตอนนี้มันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าเพราะอะไร


มันชัดอยู่แล้วว่าเขากลัว...เขากลัวการสูญเสีย


ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาเผชิญหน้ากับความสูญเสียมามากมายหลายรูปแบบ ทั้งครอบครัว เพื่อน ลูกน้องหรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง เขาล้วนผ่านมันมาหมดแล้วทั้งนั้น เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวที่ไม่เคย


เขาไม่เคยสูญเสียคนรัก


เพราะชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายทำให้ไม่เคยรักใครจริงจัง เพราะแบบนั้น...


เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่หลับลง


แค่คิดว่าเจ้าแมวน้อยของเขาจะหายไปจากอ้อมอกของเขาตลอดกาลก็แทบทนไม่ได้แล้ว แม้เวลาของชีวิตเขาจะเหลือน้อย แต่ถ้าหากต้องอยู่โดยปราศจากอีกคนจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต...เขาจะอยู่ได้ยังไงกัน จะใช้ชีวิตโดยไม่มีเด็กคนนั้นให้กอดอีกแล้วได้ยังไงกัน


...คิดไม่ออกเลย...


ภาพของคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงฉายวาบขึ้นมาในความทรงจำจนทำให้มือใหญ่เผลอกำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว


ความรู้สึกผิดกำลังกัดกินจิตใจของเขาจนเหวอะหวะ ในตอนนี้เขาต้องการแค่จะหาใครสักคนมาเป็นแพะแบกรับความรู้สึกผิดนี้เอาไว้ แม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเป็นเด็ก แต่ก็ไม่อาจสลัดความคิดนั้นออกไปได้


พวกมันทุกคนนั่นแหละที่ผิด เดลผิดที่ดูแลดิมไม่ดีพอ ทีนก็ผิดที่ดูแลดิมไม่ดีพอ ไอ้ชาติชั่ววิทย์ก็เลวระยำที่มาทำร้ายดิมของเขา ที่เลวกว่านั้นคือไอ้ดลนธีและเมียของมันที่ทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงจนบาปกรรมต้องมาตกที่ดิม ไหนจะพี่สาวเจ้าปัญหาที่ตายอย่างไร้ประโยชน์นั่นอีก


พวกมันผิดกันทั้งหมด พวกมันทั้งนั้นที่ทำให้ดิมเป็นแบบนี้ พวกมันนั่นแหละ พวกมัน...


จู่ๆ ปลายจมูกของเขาก็เห่อร้อนขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป...ร้อนกว่าทุกครั้งในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา


หรือบางทีอาจจะเป็นเขาเองที่ผิดที่สุด


ขอแค่เพียงเขาไม่ปล่อยมือจาก ‘หัวใจ’ ในวันนั้น ขอแค่เพียงเขาจับมือคู่นั้นให้แน่นกว่านี้ ขอแค่เพียงเขากอดอีกคนให้แน่นกว่านี้
ขอแค่เพียงเขาทำให้ตัวเองน่าเชื่อถือและทำให้ดิมพึ่งพิงเขาให้มากกว่านี้ เรื่องทุกอย่างคงจบตั้งแต่แรก เขาและดิมคงช่วยกันไขปริศนาเรื่องดาและจบทุกอย่างอย่างรวดเร็ว


ขอแค่เพียงพวกเขาเชื่อใจกันให้มากกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น


ทั้งที่อยากปกป้อง อยากโอบกอด อยากบอกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง


สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่มองอีกคนโดนทำร้ายและต่อสู้อยู่เพียงลำพัง


ถ้าหากวันนึงดิมหมดแรงจะลุกแล้วเลือกที่จะจากไปล่ะ...


...ไม่ไหว แค่คิดว่าจะสูญเสียอีกคนไป จิตใจเขาก็เจ็บช้ำจนรับไม่ไหวแล้ว...


เสียงจ้อกแจ้กจอแจบริเวณสวนไม่ได้ทำให้คนสูงวัยหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ในหัวของเขามีภาพของ ‘หัวใจ’ ฉายซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาพร้อมกับคำถามมากมายในหัว ดังก้องไปมาอยู่อย่างนั้น


มันสะท้อนอยู่อย่างนั้น พร้อมกับหลุมในหัวใจที่แผ่กว้างขึ้นทุกขณะ


ถ้าใครมาเห็นเขาตอนนี้คงอดหัวเราะเยาะไม่ได้แน่ ใครจะคิดว่าปราณ บุญสรนพ ผู้สุขุมและเฉียบขาดกำลังเพลี่ยงพล้ำเพียงและเผยจุดอ่อนเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ทั้งที่ยิงลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานได้อย่างหน้าตาเฉย แต่พอเป็นเรื่องดิม เขากลับกลายเป็นแค่ไอ้งั่งคนนึงเท่านั้น


แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอ่อนแออย่างถึงที่สุด ร่างกายของเขาอ่อนล้า จิตใจเป็นแผลเหวอะหวะยากจะเยียวยา ตัวเขาเองบาดเจ็บไม่ต่างจากคนที่นอนรักษาตัวอยู่ในห้อง


พวกเขาบาดเจ็บ...ทั้งคู่...


ร่างสูงปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับตัวเองอยู่อย่างนั้นพักใหญ่


ปล่อยให้สายลมแผ่วๆ พัดผ่านร่างไปครั้งแล้วครั้งเล่า หวังเพียงแค่ให้สายลมเย็นนี้ช่วยเยียวยาเขาให้กลับมาพร้อมรับมือปัญหาต่างๆ ได้อีกครั้ง


ใช่ เขาควรจะเข้มแข็งกว่านี้


ในวันที่อีกคนกำลังอ่อนแอถึงขีดสุด เขาก็ควรที่จะมั่นคงและแข็งแรงเพื่อที่จะสามารถประคองอีกคนเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วพากันผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปได้


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดลึกเข้าไปในปอดเพื่อสร้างกำลังใจให้กับเจ้าของร่าง


จำได้ว่าเมื่อครู่พยาบาลบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมง หมอที่รับผิดชอบเคสของเด็กหนุ่มจะเข้ามาพบเพื่อแจ้งอาการของผู้ป่วย ซึ่งอาจจะรวมไปถึงค่าใช้จ่ายคร่าวๆ


เห็นทีว่าเขาควรจะต้องกลับไปเสียที


หวังด้วยว่าเขาจะไม่เผลอเหนี่ยวไกใส่เด็กสองคนนั้นด้วย












แม้จะไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาล แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าห้องทำงานของแพทย์ที่เขานั่งอยู่นี้ค่อนข้างกำจัดกลิ่นฉุนแสบจมูกของโรงพยาบาลไปได้มากโข


ห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างนักมีกลิ่นหอมของดอกไม้บางอย่างลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ถ้าให้เดาก็คงมีต้นกำเนิดมาจากอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับปลั๊กไฟที่อยู่ตรงมุมห้อง


กลิ่นหอมหนักๆ เย็นๆ คล้ายกล้วยหอมปนกับดอกไม้ก่อให้เกิดกลิ่นแปลกๆ ที่น่าหลงใหล แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มากพอที่จะดึงความสนใจของเขาออกจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม


“หมอ...ว่ายังไงนะครับ”


ดวงตาของคนตรงข้ามเปล่งประกายสดใสก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง


“คุณดนัยตั้งครรภ์ได้ประมาณสามสัปดาห์แล้วครับ แต่ยังไงหลังจากนี้ก็ต้องซักประวัติอีกทีเพื่อให้ได้ระยะเวลาที่แน่นอน จะได้ดูแลได้ถูกต้องนะครับ”


จริงเหรอ เขาไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม


“จากการตรวจร่างกายพบว่าคุณดนัยมีการผ่าตัดปลูกมดลูกและรังไข่ใช่ไหมครับ เท่าที่หมอเช็ค ไม่มีอะไรน่ากังวลนะครับ อาการบาดเจ็บไม่ได้ส่งผลต่อทารก เด็กยังสมบูรณ์ดีครับ”


น้ำเสียงสดใสนั้นยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญหรืออยากให้อีกฝ่ายหยุดพูดเลย


พูดออกมา พูดเรื่องของเด็กคนนั้นออกมาอีก


“อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำให้คนไข้กลับไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลที่คนไข้ทำการผ่าตัดปลูกมดลูกนะครับ เพราะว่าจะมีประวัติที่ละเอียดกว่าและสามารถดูแลได้เฉพาะเจาะจงกว่าครับ”


“หมอหมายความว่า...คือ...”


เขาระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี


เรื่องนี้มันเร็วเกินไปจนเขาตั้งตัวไม่ทัน หรือจะพูดให้ถูกคือเขาแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ


หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ประดังประเดเข้ามามากมายไม่จบไม่สิ้น เขาก็ลืมเรื่องการสร้างครอบครัวไปเสียสนิท สิ่งที่คิดในช่วงนี้มีเพียงเรื่องธุรกิจและการแก้ปัญหาต่างๆ เท่านั้น ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้


ไม่อยากเชื่อเลยว่าในความโชคร้ายอย่างถึงที่สุด จะมีความโชคดีแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย


“ครับ หมอก็หมายความตามที่บอกไป คุณดนัยตั้งครรภ์ สุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอะไรน่าห่วง คุณพ่ออย่าเป็นกังวลไปเลยครับ”


คุณพ่อ...แค่คำๆ เดียว ไม่รู้ทำไมหัวใจเขาถึงอุ่นวาบขึ้นอย่างน่าประหลาด


พ่อ...จะเป็นพ่อคนแล้วเหรอ...


เดี๋ยวสิ


“หมอรู้ได้ยังไงครับว่าผมเป็นพ่อเด็ก”


มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาคือพ่อของเด็กทั้งที่อายุของเขากับดิมก็ห่างกันถึงขนาดนี้


นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างหวาดระแวง


หรือจะเป็นพวกศัตรู...


“ก็ดูจากปฏิกริยายังไงล่ะครับ”


แต่เหมือนว่าวันนี้อะไรต่อมิอะไรก็ดูจะผิดคาดไปเสียหมด เพราะแทนที่คนถูกถามจะทำท่าทีเลิ่กลั่กลุกลนเหมือนอย่างที่เขาคาดการณ์ หมอหนุ่มกลับทำเพียงยิ้มกว้างแล้วตอบกลับด้วยท่าทีร่าเริงเหมือนอย่างเคย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คลายกังวล


“ยังไงเหรอครับ”


เขาพยายามไล่ต้อนเพื่อดูว่าคนๆ นี้ไม่ใช่คนประสงค์ร้าย


...และดูเหมือนเขาจะโชคดี...


นัยน์ตาสีดำสนิทของคนถูกถามเปล่งประกายสดใสกว่าครั้งไหน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันมีแววหม่นหมองบางอย่างซ่อนอยู่
เป็นแววตาที่ดูแปลกประหลาดจนเขาเองก็ไม่เข้าใจ


“เพราะหมอเห็นความรักในดวงตาของคุณมั้งครับ”


คนตรงข้ามเขาตอบด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้าเปิดแฟ้มนู้น แฟ้มนี้ไปมาไม่หยุด


“เวลาคนเรารักใครนะครับ มันจะออกทางตากันทั้งนั้นล่ะครับ”


เขาไม่ได้พูดตอบอะไรไปหลังจากนั้น และดูเหมือนคนพูดก็ไม่ได้คิดจะเสริมอะไรขึ้นมาอีก ก็เลยกลายเป็นว่าพวกเขาสองคนนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ ท่ามกลางเสียงปากกาลากไปมาบนแผ่นกระดาษและกลิ่นหอมแปลกๆ ที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง


แปลก แต่ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องของเขาเลย สิ่งสำคัญตอนนี้คืออีกคนที่กำลังนอนพักอยู่ในห้องผู้ป่วยต่างหาก


พ่อ...เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ เหรอ ความรู้สึกนี้เรียกว่าความดีใจใช่หรือเปล่า หัวใจของเขาเต้นแรง มือไม้สั่นอย่างไม่อาจควบคุม ควบคุมไม่ได้เลย


แม้กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าก็ควบคุมไม่ได้เลย


“เท่าที่ดูจากรายงานตอนนี้ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะครับ หลังจากนี้อีกประมาณ...”


คนพูดเงยหน้ามองนาฬิกาที่ฝาผนังเล็กน้อย


“อีกประมาณห้าชั่วโมงคนไข้ก็น่าจะฟื้นนะครับ หลังจากนี้ก็รอดูอาการอีกสักสามสี่วัน ถ้าแผลไม่ติดเชื้อ ไม่มีอะไรน่าห่วง ก็กลับบ้านได้ครับ”


เจ้าของคำอธิบายก้มหน้าลงเซ็นต์เอกสารตรงหน้าต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาคลี่ยิ้มให้


“เดี๋ยวยังไงหมอจะจัดการเรื่องการบำรุงครรภ์ไปให้ด้วยเลย ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”


ชายหนุ่มฉีกยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะเรียกพยาบาลให้เข้ามาจัดการเรื่องเอกสาร คนสองคนนั้นคุยกันด้วยศัพท์วิชาการบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็อดทนรอจนพยาบาลคนนั้นเดินจากไปแล้วจึงค่อยบอกลา


หมอหนุ่มคนนั้นรับไหว้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เจอหน้ากัน


“ยินดีด้วยนะครับว่าที่คุณพ่อ”


“ขอบคุณครับ”


ไม่รู้ทำไม จิตใจของเขาถึงได้รู้สึกฟูฟ่องกับคำนี้เหลือเกิน


พ่อ..ว่าที่คุณพ่อ...


...ครอบครัว...


ดี...ดีจริงๆ


เขาจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในวันนี้ได้เลย


นั่นสิ...


“หมอครับ”


เขาเกือบจะเดินออกจากห้องไปอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


“กลิ่นน้ำยาปรับอากาศนี้กลิ่นอะไรเหรอครับ”


เพราะอยากจะเก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความทรงจำ เขาจึงอยากเก็บทุกรายละเอียดของเหตุการณ์ในวันนี้เอาไว้ เผื่อว่าเด็กคนนั้นลืมตาดูโลกแล้ว เขาจะได้เก็บเอาไปเล่าให้ฟัง


พ่อเล่าเรื่องราวตอนลูกอยู่ในท้องให้เจ้าลูกแมวฟัง โดยมีแม่แมวนอนอิงอยู่ข้างๆ...


...คงสุขน่าดู...


“ชอบเหรอครับ”


ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความสุข น้ำเสียงแปลกๆ ของคนถามก็พลันฉุดเขาขึ้นมาจากห้วงความคิดแสนสุข


ทำไมจู่ๆ น้ำเสียงนั้นถึงฟังดูหม่นหมองพิกล ทั้งที่คนพูดก็กำลังยิ้มอยู่แท้ๆ


ไม่สิ...คนตรงหน้าเขาไม่ได้กำลังยิ้ม ริมฝีปากคลี่กว้างก็จริง แต่ในดวงตานั้นราวกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วปล่อยให้มันผ่านไป


“ครับ ผมชอบ เผื่อจะได้หาซื้อไปใช้บ้าง"


อีกคนฉีกยิ้ม แต่ไม่สดใสเหมือนอย่างเก่า


“กลิ่นการเวกน่ะครับ”


เสียงเอ่ยตอบนั้นแผ่วเบากว่าทุกประโยคที่ผ่านมา


“เป็นกลิ่นที่ผมผสมเอง ไม่มีขายหรอกครับ”


หากเป็นในยามปกติ เขาคงถามไปแล้วว่าจะให้อีกฝ่ายช่วยผสมแล้วส่งขายให้เขาได้ไหม แต่สถานการณ์แบบนี้...บรรยากาศแบบนี้ มันมีบางอย่างที่กำลังบอกเขาว่าให้เงียบไว้


“อ๋อ เหรอครับ ขอบคุณคะ...”


“ความรักมันเป็นอะไรที่ยุ่งยากนะครับ”


ไม่มีใครพูดอะไรอยู่อึดใจนึง จนกระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน


“ความรักที่คุณรักเขาและเขารักคุณตอบ พร้อมที่จะเดินเคียงข้างกัน พร้อมจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรักแบบนั้น...”


รอยยิ้มที่ส่งมานั้นเศร้าหมอง


“รักษาไว้ให้ดีนะครับ”


เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่มีอะไรนอกจาก...


“ขอบคุณครับ”


แล้วเขาก็เดินจากมาโดยทิ้งกลิ่นหอมคละคลุ้งและรอยยิ้มหมองๆ นั้นไว้เบื้องหลัง แต่คำๆ นั้นที่อีกฝ่ายพูดทิ้งท้ายไว้กลับติดอยู่ในใจอย่างไม่มีสาเหตุ


‘รักษาไว้ให้ดีนะครับ’


เพิ่งจะมารู้ตัวว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนก็ตอนนี้เอง


ช้าเหลือเกินนะปราณ







***********************************************************************




ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ แล้วก็มีบทส่งท้ายสั้นๆ อีกนิดหน่อย หลังจากนี้ก็จะจบจริงๆ แล้ว เย้!


ปล.คุณหมอคนนี้เป็นตัวละครรับเชิญจากอีกเรื่องนึงค่ะ(แว่วเสียงการเวก) คนที่อ่านมาแล้วพอเดาได้ไหมเอ่ยว่าเป็นหมอคนไหน >w<

ปล2. ฉากคุณหมอเป็นฉากเซอร์วิสค่ะ พูดกันตรงๆ 5555555 ถ้าเกิดมีการรวมเล่ม อาจจะมีการปรับเปลี่ยนฉากนี้เพื่อให้เนื้อเรื่องสมูธขึ้นนะคะ





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #371 เมื่อ26-05-2018 10:37:07 »

จะจบแล้วเหรอ เร็วจัง

น้องดิมเป็นคุณแม่แล้ว ดีใจกับกับลุงด้วย ได้อย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว ดูแลแม่แมวดีๆ นะ

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #372 เมื่อ26-05-2018 11:09:48 »

ใกล้จะจบแล้ว ในที่สุดลุงก็สมหวังสักที จะมีลูกแมวเพิ่มอีกแล้ว รอแม่แมวฟื้นไหวๆค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #373 เมื่อ26-05-2018 14:12:08 »

ดีใจกับลุงด้วยนะที่จะเป็นพ่อคนแล้ว แต่ก็เหลือเรื่องดิมนี่แหละไม่รู้ฟื้นมาแล้วจะเป็นยังไง ลุงต้องอยู่เคียงข้างดิมนะ

ปล. แงงง อ่านฉากคุณหมอแล้วหน่วงจริงๆ คิดแล้วก็สงสารคุณหมอนะคะ และเราก็ยังยืนยันว่าอยากให้ใครสักคนมาอยู่ข้างๆคุณหมอบ้าง เราไม่อยากให้คุณหมอก็จมกับอดีตชาติแบบนี้

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #374 เมื่อ26-05-2018 15:35:22 »

ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากเห็นลูกแมวน้อยวิ่งเล่นกับคุณพ่อ  :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #375 เมื่อ26-05-2018 20:48:19 »

แล้วว่าที่คุณพ่อก็ได้รู้ว่ามีลูกน้อยในท้องดิม   :z3: :z3: :z3:
ปราน ดิม มึความสุขได้ซะที   :mew1:
ปราน ดิม    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #376 เมื่อ26-05-2018 21:05:54 »

โชคดีที่ดิมกับลูกแมวน้อยปลอดภัย ลุงจะได้เป็นพ่อคนแล้วดีใจด้วยนะ
แต่ก็ยังห่วงดิมอยู่เพราะไม่รู้ว่าตื่นมาแล้วจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #377 เมื่อ27-05-2018 07:25:55 »

โอยยย ขนลุก ฮือออ ขนลุกตรงคุณหมอนี่แหละค่ะ ฮือ

สำหรับเราตอนนี้ดันเป็นคุณหมอแย่งซีนไปหมดเลย

น้ำตาไหลด้วย  :m15: คุณหมอคะมาค่ะ เรากอดดด

คุณหมอปีเตอร์ของอิชั้น ฮือ   

:3123: ยินดีด้วยนะลุง~ ได้เป็นคุณพ่อสมใจแล้ว

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #378 เมื่อ27-05-2018 11:01:16 »

ดีใจกับน้องดิมจะได้เป็นคุณแม่แล้ว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #379 เมื่อ27-05-2018 11:16:01 »

ดิมตั้งท้องแล้ว  แล้วพ่อจะว่าไงอ่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
« ตอบ #379 เมื่อ: 27-05-2018 11:16:01 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #380 เมื่อ27-05-2018 18:54:53 »

ตอนล้มตอนกระแทก กังวลเหลือเกินกลัวว่าจะแท้ง

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
«ตอบ #381 เมื่อ29-05-2018 01:22:37 »

ติดแล้ววว รอตอนต่อไปเลยยย

ต่อจากนี้หวังว่าทั้งคู่จะมีแต่ความสุข

 :o12:

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น
Twenty-Sixth Song [ตอนจบ]












ทุกครั้งที่ปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ห้วงนิทราสีดำสนิท เวลาในโลกภายนอกมักผ่านไปเร็วเสมอ อย่างเวลาที่หลับตาลงไปเพราะฝนตก พอลืมตาตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกก็กลายเป็นสีฟ้าสดเสียแล้ว เพราะแบบนั้นเลยเผลอคิดไปว่าครั้งนี้ก็คงจะเหมือนกัน
น่าแปลกที่คราวนี้เข็มนาฬิกาดันเดินช้ากว่าทุกที


แสงสีขาวที่ลอดผ่านเปลือกตาเข้ามาชวนให้รู้สึกระคายเคืองเสียจนต้องปิดมันไว้อย่างเดียวครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นใหม่


เปิดแล้วก็ปิด


เขาพยายามลืมตาอยู่หลายนาทีกว่าจะสำเร็จ พอลืมตาได้ ภาพที่มองเห็นก็กลับกลายเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ฝ้าเพดานสีขาวสะอาดตารับกับผนังห้องสีขาวหม่นคือสิ่งแรกที่เขามองเห็น พอตั้งสติได้จึงหันมองไปรอบๆ


ในห้องไม่มีใครเลยนอกจากตัวเขา...ตัวเขาที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มพร้อมกับมีสายอุปกรณ์หลายอย่างที่เชื่องโยงเข้าหาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย


ถุงน้ำเกลือแบบนี้ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วห้องแบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน


ตัวเขาในตอนนี้สภาพดูไม่จืดเอามากๆ แขนขวาใส่เฝือก หัวไหล่เจ็บร้าวจนน่ากลัวว่าตัวเขาเองจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วขาดใจตายไปก่อน


ตาย


คำที่แว็บขึ้นมาในหัวช่วยกรอภาพเหตุการณ์ทั้งหมดให้กลับคืนมา


หลุมศพ กลิ่นดิน ความโกรธเกรี้ยว ความจริง ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาเสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าอะไรจริงหรือปลอม


‘ตอนที่พี่มึงท้องลูกกูทั้งๆ ที่มึงยังคบกับกู แล้วกูบอกให้ไปทำแท้ง มันยังไม่เห็นจะเกรี้ยวกราดแบบนี้เลย’


ประโยคพวกนั้นมันยังก้องอยู่ในหัว


‘ถามจริงเถอะว่ามีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อดล’


ราวกับถูกสลักเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ


‘มึงมันก็แค่ลูกชู้ ทุกคนรู้แต่มึงไม่รู้ไงไอ้ควาย!’


ทำไมถึงไม่หายไปนะ


‘ถ้าจะโทษใครสักคน ก็โทษตัวมึงที่เกิดมาผิดที่ผิดทางก็แล้วกัน’


ทำไมถึงไม่ลืมทุกอย่างไปให้หมดเลยนะ


นัยน์ตากลมโตเบนออกไปมองท้องฟ้าสีเทาด้านนอกหน้าต่างอย่างเชื่องช้า ในหัวของเขามีความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ไม่จบไม่สิ้น เยอะแยะ มากมาย เหมือนกับเมฆสีเทาที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าก่อนเวลาฝนจะตก


เหมือนกับใจของเขา


จะร้องก็ร้องไม่ออก จะเศร้าก็เศร้าไม่สุด เขาบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังรู้สึกอะไร


ผิดหวังที่โดนทุกคนหักหลังเหรอ ดีใจที่เพื่อนไม่โกรธเหรอ ไม่รู้สิ ตัวเขาในตอนนี้ คิดอะไรไม่ออกเลย


ว่างเปล่า...เหลือเกิน


“ดิม”


เสียงนั้นเรียกชื่อเขา มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยและดังก้อง ราวกับมันมาจากสถานที่ที่ไม่ไกลนี้เอง


“ดิม ได้ยินฉันไหม”


สัมผัสอุ่นร้อนที่แตะลงที่มือพร้อมกับคำเรียกชื่อทำให้เขารู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่ความฝัน


ไม่ใช่ฝัน


เขาหันหน้ากลับไปมองคนเรียก


ใบหน้านั้นมีริ้วรอยยิ่งกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันอยู่มาก แต่ดวงตาที่แสนอ่อนโยนคู่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย


ได้กลับมาเจอกันแล้วสินะ


“กลับมาแล้วครับ”


เขาพูดออกไปแค่นั้น ไม่รู้ทำไมอีกคนถึงตาแดงรื้นขึ้นมาเสียได้


นิ้วมือเรียวแตะลงบนหลังมือของอีกฝ่ายที่กุมมือข้างนึงของเขาเอาไว้ไม่ห่าง


“เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง”


แล้วร่างกำยำนั้นก็สั่นเทาไปทั้งร่างก่อนจะผละออกไปอย่างรวดเร็ว


ทำไมกันนะ เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลย


ทำไมถึงต้องทำสีหน้าเจ็บปวดขนาดนั้นกันนะ เขาเองก็อุตส่าห์ปลอดภัยดีแล้วแท้ๆ ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วด้วย


หรือจะทำให้เป็นห่วงมากเกินไปนะ


“ดิม!”


ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดไตร่ตรองอะไรให้เสร็จสรรพ เสียงตะโกนเรียกด้วยความยินดีก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ชายหนุ่มสองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกันนั้นเป็นคนคุ้นตา คนหนึ่งคือเพื่อนรักที่เขาทำร้าย อีกคนก็คือเพื่อนรักที่ทำร้ายเขา แต่สุดท้าย ทั้งสองคนก็มาช่วยเขาอยู่ดี


น่าแปลกจริงๆ


“ไอ้เหี้ยเอ๊ย พวกกูนี่ใจหายใจคว่ำกันหมด นึกว่ามึงจะตายแล้ว ดีนะที่พวกกูไปทัน ไม่งั้นมึงได้คุยกับรากมะม่วงแล้ว ทำไมทำอะไรไม่รู้จักระวังเลยวะ มึงรู้ไหม...”


เขาไม่ได้ตั้งใจฟังอีกคนพูดสักเท่าไหร่ เดลนั้นเก่งเรื่องบ่นอยู่แล้ว ถ้าให้บ่นก็คงบ่นได้เป็นวัน แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเจ้าตัวถึงยังพูดจาได้เป็นธรรมชาติราวกับว่าไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแบบนี้กันล่ะ


หรือทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาพปกติแล้วกันนะ


“เดล”


คำเรียกชื่อของเขาทำให้คนที่พูดไม่หยุดเงียบลงไปได้ในที่สุด


อีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่ค่อยจะปรากฏออกมาบ่อยนัก นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจ


“ขอโทษนะ”


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เลือกที่จะถาม คำที่หลุดออกจากปากไปมีเพียงคำขอโทษที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องพูดให้ได้ ทั้งที่ฟังแล้วก็เป็นคำพูดพื้นฐานแท้ๆ ไม่รู้ทำไมคนฟังถึงได้ทำหน้าประหลาดนัก


ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพูดต่อ


“ทีนด้วย ขอโทษนะ แล้วผมก็ยกโทษให้ทีนด้วย”


คราวนี้ไม่ใช่แค่เดลที่ทำหน้าประหลาด แต่ทีนเองก็พลอยเป็นไปด้วย สีหน้า แววตาที่ส่งมามันให้ความรู้สึกชอบกล มันดูก่ำกึ่งระหว่างความกังวลกับความประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก


เป็นสายตาที่แปลกจริงๆ


“ดิม มึง...มึงพูดจาแปลกๆ นะ”


เขาฉีกยิ้มรับบางๆ แม้จะรู้ว่าไม่เข้ากับสถานการณ์ แต่เขาก็ยังอยากยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนของเขาอยู่ดี


ก็แค่อยาก...


“ยังไงเหรอเดล”


คนถูกถามทำหน้าปั้นยากก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นทำนองขอความช่วยเหลือ


ทีนสบตากับเดลเพียงอึดใจก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขานิ่ง


“ดิม มีอะไรเกิดขึ้น ระบายออกมาได้นะ”


ทำไมถึงถามแบบนั้นออกมาล่ะ


“เรากับเดลไม่รู้หรอกว่าไอ้วิทย์มันพูดอะไรกับดิมบ้างเพราะเราไปไม่ทัน แต่ถ้ามีอะไรที่มันแย่ เล่าออกมาได้นะ”


เหรอ


“ใช่มึง กูรู้มาว่าไอ้วิทย์เป็นคนป่วนธุรกิจของคุณปราณ มันทำธุรกิจมืด มันฆ่าไอ้ชาติด้วย ชาติ เอกชาติน่ะ มึงจำได้ไหม”


งั้นเหรอ


“เพราะฉะนั้น มันอาจจะมาโกหกมึงเพราะอยากจะหาประโยชน์จากมึงก็ได้ มันอาจจะรู้ว่ามึงกับคุณปราณรักกันอยู่ มันก็เลย...”


“ไม่ใช่หรอกเดล”


เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนออกไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน สิ่งที่รับรู้มีแต่เพียงเสียงหวีดหวิวในหัว


ดังขึ้น


“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างกูกับวิทย์”


ดังขึ้นเรื่อยๆ


“เรื่องระหว่างลูกจริงกับลูกชู้”


ดังเสียจนปวดหัว


“เรื่องที่กูโดนทุกคนหักหลังมาตั้งแต่ต้นไง!”


เขาได้ยินเสียงตะโกนของตัวเอง เขารู้ว่าเขาตะโกน แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกว่าเสียงตะโกนนั้นเบากว่าปกติ ไม่รู้ทำไมหูมันถึงได้อื้อไปหมด ไม่รู้ทำไมนัยน์ตามันถึงได้พร่าไปหมด


ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าพายุใหญ่ได้พัดเข้าถล่มในหัวใจของเขาเสียจนยับเยิน


ฝนตกลงมาแล้ว













ในช่วงเวลาของความสับสน คนหลายคนมักจะเลือกหลีกเร้นตัวเองจากโลกภายนอกแล้วเข้าไปซ่อนตัวภายในห้องน้ำที่เงียบสงัด เสียงน้ำไหลกระทบกับโถรองที่ทำจากเซรามิกมักให้ความรู้สึกสงบใจได้เสมอ สายน้ำเย็นที่ไหลชโลมผิวกายช่วยชะล้างอารมณ์ขุ่นมัวให้หลุดออกไปจากร่าง


ช่วยให้อารมณ์เย็นลงอย่างน่าอัศจรรย์


ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปมาระหว่างก๊อกสีเงินกับใบหน้าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ สิ่งเดียวที่เขาจดจ่อในตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้ความว้าวุ่นใจนี้หายไปสักที


‘กลับมาแล้วครับ’


คำพูดของอีกคนยังติดอยู่ข้างหู ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวราวกับเทปที่ถูกกรอซ้ำ


ทำไม ทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา


‘เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง’


ประโยคที่ย้อนกลับเข้ามาในความคิดทำให้คนตัวสูงต้องวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าอีกยกใหญ่


สิ่งแรกที่เขารู้สึกหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นคือความยินดี ยินดีว่าในที่สุดก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แม้จะเจือปนไปด้วยความหวาดกลัวต่อการสูญเสียอยู่บ้าง แต่ข่าวดีที่เขาได้รับมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนก็ช่วยทำให้ความกลัวนั้นเจือจางลง


ใช่ มันควรจะเจือจางไปแล้ว


นัยน์ตาคมมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกนิ่ง


เมื่อครู่นี้ ตัวเขาทำหน้ายังไงออกไปนะ


‘เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง’


เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายฉีกยิ้ม ยิ้มบางๆ ส่งมาให้เขาราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่นัยน์ตาคู่นั้น...


ตัวของเขาสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงความทรงจำเมื่อครู่


ดวงตาคู่กลมที่เคยปรากฏแววมั่นอกมั่นใจในตัวเองผสมปนเปไปกับความขี้เล่นและกล้าหาญ ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าราวกับภาชนะที่ไม่มีอะไรบรรจุอยู่ภายใน ในวินาทีที่พวกเขาสบตากัน เขามองไม่เห็นอะไรในดวงตาคู่นั้นเลย


ไม่มีความสุข ไม่มีความเศร้า


ไม่เหลืออะไรเลย


มือแกร่งจับอ่างล้างหน้าตรงหน้าแน่นราวกับจะใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยว สายน้ำเอื่อยๆ ที่ออกจากก๊อกยังคงไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
เขามาช้าเกินไป


‘เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง’


เด็กคนนั้น...ดิมของเขา...


ภาพรอยยิ้มที่แสนว่างเปล่านั้นปรากฏกลับขึ้นมาหัวอีกครั้ง


ทำไมถึงยิ้ม ทำไมถึงไม่โผเขากอดเขาแล้วบอกว่าทุกข์ใจ ทำไมถึงไม่รอกันก่อน


คนสูงวัยทรุดตัวลงนั่งย่อเข่าช้าๆ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนให้มั่นคง


ทำไมถึงไม่รอให้เขากลับมาปกป้องก่อน ทำไมถึงแตกสลายไปแบบนี้


ปกป้องเหรอ


ความคิดที่กรอกลับเข้ามาในหัวฉายภาพแววตาแสนว่างเปล่าของแมวน้อยของเขา


แววตาของคนที่แตกสลาย แววตาของคนที่เจ็บปวด


นั่นสิ ในเมื่ออีกคนบาดเจ็บ เขาก็ต้องปกป้อง


ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว แต่พอมาเผชิญสถานการณ์จริงกลับไขว้เขวไปเสียได้ เห็นทีว่าตอนนี้เขาควรที่จะเข้มแข็งจริงๆ เสียแล้ว
พอคิดได้แบบนั้น เรียวขาแกร่งจึงกลับมาเหยียดยืนตรงได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง


ใช่ ต้องปกป้อง เด็กน้อยที่บาดเจ็บคนนั้น...


...เขาจะปกป้องเอง...




ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น




ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากคนป่วยตะโกนออกมา ร่างสูงโปร่งที่เคยดูสง่างาม ในวันนี้กลับดูอ่อนแอราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
คนบนเตียงนั่งขดตัว หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาราวกับจะไม่มีวันหมด เสียงสะอื้นไห้ปะปนไปกับเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงบ่งบอกให้รู้ว่าคนบนเตียงไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติเหมือนอย่างทุกที


ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่พักใหญ่ บรรยากาศทึมทึมลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วทั้งห้องเสียจนหายใจลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครคิดจะทำอะไร จนกระทั่งชายหนุ่มผิวแทนเพียงคนเดียวในห้องเลือกจะเดินเข้าหาคนป่วยแล้ววาดมือโอบกอดร่างอ่อนแอนั้นเอาไว้ช้าๆ


“ร้องออกมาเลยนะดิม”


คนๆ นั้นพูดพลางลูบหัวคนในอ้อมกอดช้าๆ


“พวกเราอยู่ตรงนี้ จะไม่ทำร้ายดิมอีกแล้ว”


สิ้นสุดคำพูดนั้น คนป่วยก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่า หนักเสียจนชายหนุ่มที่มีนิสัยแข็งกระด้างกว่ายังทนไม่ไหว


คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มเดินออกไปยังอีกฝั่งของเตียงแล้วโอบกอดคนบนเตียงไว้ไม่ต่างจากอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


“ไม่ใช่แค่ไม่ทำร้าย แต่ให้อภัยและจะคอยปกป้องด้วย”


เสียงร้องไห้ดูจะดังขึ้นกว่าเก่า แต่บรรยากาศอึดอัดใจนั้นหายไปหมดแล้ว หลงเหลือแต่เพียงคราบน้ำตาบนเสื้อ ความเจ็บปวดในใจ และมิตรภาพที่ผลิบานขึ้นใหม่ภายหลังพายุฝนพัดผ่าน


ไม่เป็นไร อะไรที่พังแล้วก็ปล่อยมันไป มิตรภาพแตกสลายไปแล้วจะยังไง


“ไม่เป็นไรนะดิม”


“กูอยู่ข้างมึงนะ”


ของที่พังไป ถ้าซ่อมไม่ได้ก็สู้สร้างขึ้นมาใหม่เสียก็หมดเรื่อง ถ้ามันกลับมาซ่อมไม่ได้ก็แค่มาเริ่มต้นกันใหม่


ก็แค่เริ่มต้นใหม่


“มาเริ่มต้นกันใหม่นะ”


เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้เนื่องจากการร้องไห้อย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นคนสองคนที่อยู่ข้างกายเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน


“อืม เริ่มกันใหม่นะ”


“เออ ควรเริ่มใหม่ได้ตั้งนานแล้ว”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกันเบาๆ


แปลก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาช่างเป็นมิตรภาพที่แปลกประหลาดเหลือเกิน ต่อให้โกรธกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังกลับมาหากันอยู่ดี


แปลก แปลกจริงๆ


เด็กหนุ่มหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ผิวกายซึมซับความเข้มแข็งที่ถ่ายทอดมาจากเจ้าของอ้อมกอดอุ่นๆ ทั้งสองคน


ความอ่อนโยนและหวังดีจากเพื่อนที่โอบกอดเขาไว้ ช่วยให้ชิ้นส่วนที่แตกสลายของเขากลับเข้ามาหากันได้อย่างช้าๆ


“ไอ้วิทย์บอกกูว่าพี่ดาท้องกับมัน”


แทนที่คนฟังสองคนจะผงะตกใจแล้วคลายอ้อมกอดออกจากตัวเขา แขนแกร่งทั้งสองคู่กลับยิ่งรัดตัวเขาแน่นขึ้นกว่าเก่า


“มันบอกด้วยว่ากูไม่ใช่ลูกพ่อ แต่มันเป็นลูกพ่อกู”


ความอบอุ่นที่ลูบไล้อยู่บนศีรษะช่วยให้เสียงสะอื้นของเขาเบาลงหน่อย


“มันบอกว่าทุกคนรู้ยกเว้นกู ทุกคนรู้ว่ากูไม่ใช่ลูกพ่อ ทุกคนรู้ว่าวิทย์เป็นลูกพ่อ”


สิ้นคำนั้น คนป่วยก็ถือวิสาสะดันเพื่อนสองคนให้คลายอ้อมกอดเพื่อสบตา


นัยน์ตากลมรื้นไปด้วยหยาดน้ำใสสบเข้ากับดวงตาสองคู่ที่มองเขาด้วยแววตาหนักใจ


“แล้วพวกมึงรู้เรื่องนี้รึเปล่า”


เดลเป็นคนแรกที่ส่ายหัว ก่อนจะตามด้วยทีนที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด


“เรา...ตอนที่พี่ดามาหาเรา พี่เขาแค่บอกว่าท้องแล้วลุงดลรับไม่ได้ก็เลยไล่ออกจากบ้าน ไม่คิดเลยว่า...”


น้ำเสียงที่มักจะสดใสอยู่เสมอ มาวันนี้กลับฟังดูเหนื่อยล้าและผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด


เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาไม่โกหก แต่ต่อให้โกหกเขาก็พร้อมจะเชื่ออยู่ดี บนโลกนี้เหลือคนให้เขาไว้ใจได้กี่คนกัน


 ภาพของพี่สาวที่ผุดขึ้นมาในความทรงจำทำให้เขาต้องหลับตาลงช้าๆ


นั่นสิ ไม่เหลือแล้ว


“เดี๋ยวนะ”


เสียงเรียกของเดลทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง


“ถ้ามึงบอกว่าไอ้วิทย์เป็นลูกพ่อมึง แล้วพี่ดาท้องกับมัน ก็แสดงว่า...”


คนพูดมีสีหน้าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด


“พี่น้องได้กันเองเหรอ”


เขาไม่ได้ตอบ ไม่มีใครให้คำตอบกับคำถามนี้ มีเพียงทีนที่เอ่ยบางอย่างขึ้นมาแทน


“มิน่าล่ะ ลูกของพี่ดาถึงมีความผิดปกติทางพันธุกรรม คลอดมาได้ไม่กี่ชั่วโมงก็เสีย”


ชายหนุ่มผิวแทนมองหน้าเดลและเขาอยู่อึดใจก่อนจะเริ่มเล่า


“หลังจากที่พี่ดารู้ว่าลูกเสีย พี่ดาก็เสียสติไปเลย เราก็พยายามช่วยดูแลเท่าที่ไหว แต่วันออกจากโรงพยาบาล จู่ๆ พี่ดาก็หายไปเลย ทิ้งไว้แค่จดหมายว่าขอบคุณ เราก็พยายามตามหานะ แต่ก็หาไม่เจอ เลยไปแจ้งความคนหายไว้ รู้อีกทีก็ตอนตำรวจติดต่อมาว่าเสียชีวิตแล้วเพราะโดนรถชน”


ทีนหลุบตาลงต่ำก่อนจะพูดต่อ


“ตอนนั้นเราเองก็ติดต่อลุงดลไปนะ แต่เขาก็บอกว่าให้จัดการฝังที่นี่เลย แถมกำชับเราว่าอย่าบอกดิมด้วย ตอนดิมติดต่อมาเราเลยไม่รู้จะบอกยังไงดี เราก็เลยโทรบอกลุงดลไปว่าดิมมาถามหาพี่ดา คิดว่าไปเคลียร์กันในบ้านน่าจะดีกว่า แต่ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้...”


 “ฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะวุ่นวายแบบนี้เหมือนกัน”


น้ำเสียงทรงอำนาจที่เขาไม่ได้ยินมาพักใหญ่ทำให้ร่างกายของเขาเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ


ชายมีอายุรูปร่างเตี้ยหนาเดินทอดน่องเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ดวงตาคมดุจเสือคู่นั้นกวาดตามองพวกเขาสามคนด้วยแววตาลุ่มลึกยากจะอ่าน


“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ”


นี่คงเป็นอีกครั้งในชีวิตที่เขารู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองแผ่วราวกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ


“พวกเธอสองคนช่วยออกไปก่อนได้ไหม ฉันมีอะไรจะต้องคุยกับลูกชายเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย”


ลูกชาย...ลูกชายเหรอ ทำไมถึงยังพูดคำนั้นออกมาได้หน้าตาเฉยกันนะ


ทำไมถึง...


“เกรงว่าจะไม่ได้หรอกครับคุณลุง”


เป็นเดลที่ขยับตัวก่อน เพื่อนของเขาเดินอ้อมเตียงเพื่อไปเผชิญหน้ากับ ‘พ่อ’ ของเขา


ไม่ นั่นไม่ใช่การเผชิญหน้า...


“อย่าเข้ามาแส่เลยเดล ฉันเห็นแกมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่อยากทำร้ายให้โกรธเคืองกัน”


เพื่อนของเขาไม่ได้เดินไปคุย แต่นั่นมันเป็นการเอาตัวมาบังตัวเขาเอาไว้ต่างหาก


ไม่ ไม่ได้นะ


“พวกมึงออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกูคุยกับพ่อเสร็จแล้วค่อยเข้ามาก็ได้”


เขาพยายามที่จะปราม นี่เป็นเรื่องของเขา ถ้าต้องมีใครเจ็บ มันควรเป็นเขาแค่คนเดียว ไม่ใช่...


“คงไม่ได้หรอกครับดิม”


ทีนที่ยืนอยู่ข้างเตียงเงียบๆ มาตลอดพูดขึ้นพร้อมกับหันมายิ้มให้เขาก่อนจะเบนหน้าไปมองทางผู้มาเยือน


“ก็เขาไม่ใช่พ่อดิมสักหน่อย”


สิ้นคำพูดของทีน ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอย่างราดเร็ว


เดลที่อยู่ใกล้พ่อของเขามากที่สุดถูกต่อยจนลงไปกองกับพื้นโดยไม่รู้ตัว ทีนรีบพุ่งตัวเข้าไปหวังจะเสยพ่อได้สักหมัด แต่กลับโดนเตะจนกระเด็นเสียเอง พ่อของเขาเป็นคนมีอายุก็จริง แต่ร่างกายก็นับว่าแข็งแรงมาก คนอย่างทีนคงสู้ไม่ไหว แต่ถ้าเป็นเดล...


“อ๊าก!”


คนที่ถูกต่อยคนแรก ลุกขึ้นมาเตะตัดขาชายสูงวัยได้อย่างปราดเปรียว ร่างสูงโปร่งหลบหลีกหมัดที่พุ่งตรงเข้าใส่ได้แทบทั้งหมด หนำซ้ำยังสวนกลับไปได้ไม่น้อย ดูอย่างไรเสียฝั่งคนหนุ่มก็ดูมีสิทธิชนะมากกว่า


มันควรจะเป็นอย่างนั้นถ้าคนสูงอายุไม่หยิบปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อเสียก่อน


การเคลื่อนไหวในห้องหยุดชะงักลงราวกับกดสวิตซ์ ทีนที่ถูกเตะไปตั้งแต่แรกยังลุกไม่ขึ้น ในขณะที่เดลนั้นมีสภาพยับเยินพอตัวแถมยังถูกเอาปืนจ่ออยู่ด้วย


ไม่ดี ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเลย


“เสือกนักนะไอ้เดล”


“ก็พอดีว่าขี้เสือกน่ะครับ ยิ่งใครที่ใจหมากับเพื่อนผมนี่ ผมยิ่งขี้เสือกเป็นพิเศษ”


ด้ามปืนแข็งหนาถูกฟาดเข้าที่ปากคนพูดจนล้มลงไปกองกับพื้น


เขารู้ดีว่าเวลาพ่อของเขาเลือดขึ้นหน้าแล้วมันจะเลวร้ายได้แค่ไหน


ไม่ เขาไม่ยอม เขาต้องทำอะไรสักอย่าง


ก่อนที่ชายสูงวัยจะทันได้เหนี่ยวไกปืน คนป่วยที่อยู่บนเตียงก็ชิงโพล่งขัดขึ้นเสียก่อน


“พ่อครับ ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ”


เหมือนจะได้ผล เมื่อคนที่กำลังอารมณ์ร้อนหันมามองหน้าเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลดปืนลง


“ผมรู้แล้วว่าผมไม่ใช่ลูกพ่อ ผมรู้แล้วว่าวิทย์เป็นลูกพ่อ ผมรู้แล้วว่าพี่ดามีลูกกับวิทย์ ผมรู้แล้วว่าพี่ดาตายแล้ว”


แววตาของเขาสั่นไหว แต่ถึงอย่างนั้นเสียงที่เปล่งออกไปกลับมั่นคงอย่างที่ตัวเขาเองยังประหลาดใจ


“พ่อรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วใช่ไหมครับ”


คนถูกทำแค่นเสียงในคอราวกับเป็นการตอบรับก่อนจะลดปืนในมือลง ร่างล่ำสันค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเขา


“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่ง ให้อยู่เฉยๆ แล้วใช้ชีวิตของแกไปซะ”


ฝ่ามือที่คุ้นเคยตบลงบนใบหน้าของเขาด้วยแรงที่คุ้นชินเหมือนแต่ก่อน


ชิน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เจ็บ


“สาระแนนัก ถ้าอยู่เฉยๆ ฉันก็จะยกธุรกิจให้แกสืบทอดต่ออยู่แล้ว ทำไมถึงโง่แบบนี้วะ!”


“คุณไม่ได้ตั้งใจจะยกให้ผมหรอก เพราะผมไม่ใช่ลูกคุณไง!”


พายุอารมณ์โหมพัดในอกเขาราวกับทอร์นาโดลูกใหญ่


“ใจคุณคงอยากให้ไอ้วิทย์มันฆ่าผมให้ตายๆ ด้วยซ้ำ คุณจะได้ยกทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกคุณ...”


ยังไม่ทันจะพูดจบ ใบหน้าซีกเดิมก็พลันถูกตบอีกฉาดใหญ่จนแก้มเนียนขึ้นรอยแดงปื้นจนน่ากลัว


“ไม่รู้อะไรก็อย่าสะเออะพูด! แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น!”


ใบหน้าของเขาถูกตบจนหันไปอีกข้าง แต่ถึงอย่างนั้นหางตาของเขาก็ยังเห็นเดลที่พยายามจะเดินเข้ามาล็อคตัวพ่อของเขาจากทางด้านหลัง โชคร้ายที่ชายสูงวัยเห็นเสียก่อน เดลจึงโดนซ้อมจนยับไปกองกับพื้น


เขาได้ยินเสียงเนื้อที่กระทบกับรองเท้าหนัง เขาได้ยินเสียงการกระเสือกกระสนที่จะช่วยเพื่อนของทีน


เขาได้ยิน เขาได้ยินทุกอย่าง เขารู้ตัวว่าเขาควรจะช่วยเพื่อน แต่ตอนนี้หัวสมองของเขากลับว่างเปล่า สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวมันกลับมีเพียงแค่...


“พ่อเคยรักผมบ้างไหม”


คำถามที่หลุดออกไปมีเสียงที่เบากว่าปกติ แต่น่าแปลกที่มันกลับสามารถหยุดการต่อสู้ในห้องได้ชะงัด


ไม่มีเสียงของการต่อสู้ ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกมาแม้แต่ปลายเสียง มีเพียงเสียงหายใจของคนสี่คนที่ดังแข่งกับเสียงครืดคราดน่ารำคาญของเครื่องปรับอากาศ


ความเงียบ...ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ


“ถ้าตอบไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปได้แล้วมั้งดล”


เสียงของคนคุ้นเคยที่ออกจากห้องไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เรียกสติของเขาให้กลับคืนมาอีกครั้ง


ตรงนั้น...บริเวณตรงนั้น ทีนกำลังพยุงเดลที่โดนทำร้ายไปพอสมควรให้ลุกขึ้นยืน ส่วนพ่อของเขาก็กำลัง...


ก้อนเหนียวๆ ที่กลืนลงไปในคอช่วยให้สติกลับมาสมบูรณ์มากขึ้นอีกหน่อย


“มาถึงก็เอาปืนจ่อหลังหัวกันแบบนี้เลยเหรอปราณ ไม่ใจหมาไปหน่อยเหรอสำหรับลูกเขยน่ะ”


คนถูกถามกระตุกยิ้มเหี้ยมอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน


“ใครเป็นลูกเขยมึง”


ดวงตาคมที่แสนคุ้นเคยเหลือบมองทางเขาแว็บนึงก่อนจะเบนกลับไปมองปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่บริเวณท้ายทอยของพ่อเขา
แค่เว็บเดียว แต่เขากลับสัมพันธ์ถึงความอ่อนโยนที่ล้นทะลักออกมาได้อย่างชัดเจน


แล้วความอ่อนโยนนั้น ก็กำลังรินรดให้จิตใจที่บอบช้ำของเขากลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง


“ปล่อยดิมไป”


คนรักของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและมั่นคงยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยได้ยิน


“ในเมื่อมึงไม่มีปัญญาดูแลดิมให้มีความสุขได้ก็ปล่อยเขามาหากู”


“ฮึ เรื่องนี้ใช่กงการของมึงเหรอ กูจะให้มันอยู่ อย่ามาสะ...”


“แต่ผมไม่อยากอยู่แล้วครับ”


คำพูดของเขาเรียกให้คนสูงวัยสองคนต้องหันมามอง นัยน์ตากลมสบลึกเข้าไปในดวงตาของพ่อ...อาจจะไม่ใช่พ่อ แต่อย่างน้อยคนๆ นี้ก็เคยเลี้ยงเขามา


“พ่อปล่อยผมไปได้ไหมครับ ถือเสียว่าลูกพ่อคนนี้ตายไปแล้ว ถือเสียว่านายดนัย ไวยสมุทรตายไปแล้ว”


ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาขัด เขาจึงอาศัยจังหวะนี้พูดต่อ


“ขออย่าให้เรามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย แล้วเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ผมจะถือเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”


ให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน


“ส่วนเรื่องสืบทอดธุรกิจ ไว้พ่อหาคนไม่ได้จริงๆ ค่อยมาหาลูกนอกไส้อย่างผมก็ยังไม่สายหรอกครับ”


เขาอ่านแววตาของพ่อไม่ออก แววตาที่ปกติมักจะดุเข้มและน่ากลัว มาตอนนี้กลับดู...ประหลาด เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันแปลว่าอะไร รู้แต่เพียงว่ามันต่างจากทุกที


“ใฝ่ต่ำทั้งพี่ทั้งน้อง”


แล้วชายคนนั้นก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรทิ้งไว้อีกเลย


‘ใฝ่ต่ำทั้งพี่ทั้งน้อง’


คนๆ นั้นยังเห็นเขาเป็นน้องชายของลูกสาวตัวเองอีกเหรอ คนๆ นั้นเห็นเขาเป็นคนในครอบครัวด้วยเหรอ คนๆ นั้น...


...เคยรักเขาจริงๆ ไหมนะ...


ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรเลย


ในระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบให้ตัวเอง เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยขึ้นก็พลันดึงเขาให้หลุดจากภวังค์


“ทีน พาเดลไปทำแผลก่อนไป”


เขาเห็นเพื่อนสองคนที่บาดเจ็บไม่น้อยค่อยๆ พยุงกันและกันไปยังประตูทางออก แม้ว่าทั้งสองจะหันมาส่งยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง แต่มันก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี


“พวกมึง”


เสียงเรียกของเขาทำให้คนที่กำลังเดินกะเผลกๆ ต้องหันมามอง


“ขอโทษนะ”


แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของชายหนุ่มสองคนพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างกว่าครั้งไหน สองคนนั้นยกนิ้วโป้งให้เขาก่อนจะพากันเดินออกไปด้วยท่าทีสดใสกว่าเก่ามาก


สดใสงั้นเหรอ


ใบหน้าคมคายหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างที่ครึ้มเทายิ่งกว่าเก่า อีกไม่นานฝนก็คงจะตก แล้วหลังจากฝนตก ทุกอย่างก็คงจะกลับมาสดใสอีกครั้ง


นั่นสินะ ถ้าผ่านฝนตกไปได้...


“คิดอะไรอยู่หืม”


สัมผัสอุ่นนุ่มบางอย่างก็แตะลงมาที่หัวหยุดความคิดของเขาได้ชะงักนัก พอเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็นคนที่คิดถึงมาตลอด


ลุง...คุณลุงของเขา


“ขอโทษที่มาช้านะ”


ใบหน้านั้นเคลื่อนลงมาใกล้ขึ้น – ใกล้ขึ้น


“ฉันกลับมาแล้ว จากนี้จะปกป้องเธอเอง”


แล้วสันจมูกคมก็กดฝังลงมาบนแก้มของเขาที่แดงเป็นปื้น


มันเจ็บ แต่กลับสุขใจยิ่งกว่า


“แม่แมวน้อยของฉัน”


แล้วริมฝีปากของพวกเขาก็แตะกัน


แตะแล้วก็ผละออก


“ลูกแมวตัวนี้”


ฝ่ามือแกร่งแตะลงที่บริเวณหน้าท้องของเขา


อย่าบอกนะว่า...


“ฉันจะช่วยเลี้ยงเอง ไม่ต้องห่วงนะ”


ความอบอุ่นบางอย่างแผ่ซ่านจากฝ่ามือของอีกคนไปยังร่างทั้งร่างของเขา


ซึมลึก ซาบซ่านและอบอุ่น


ลูก...ลูกของพวกเรา


ดีใจ ดีใจเหลือเกิน


“คุณปราณครับ”


เขาเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่แผ่วเบายิ่งกว่าครั้งไหน แต่ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ยังได้ยิน


นัยน์ตาของพวกเขาจ้องมองตอบกัน


คนๆ นี้ คือคนที่เขาเลือกแล้ว


“ผมอยากจะขออะไรคุณอย่างนึงได้ไหมครับ”


ริมฝีปากสวยประทับลงบนปลายจมูกโด่งตรงหน้าอย่างรักใคร่


“ถ้าจะทิ้งผม ได้โปรดช่วยฆ่าผมด้วย”


เขาคงรับความผิดหวังมากมายขนาดนี้ไม่ไหวอีกแล้ว ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง สู้ขอตายไปเสียจะดีกว่า


คนฟังไม่ตอบเขาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนปลายจมูกของเขาเบาๆ


“ได้สิ ถ้าเวลานั้นมาถึง เราค่อยไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”


แล้วพวกเขาก็จูบกัน ปล่อยให้ความหวานล้ำปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำในตอนนี้


ไม่เป็นไร ในตอนนี้แม้เขาจะสูญเสียอะไรมามายมายแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังมีคนๆ นี้ ยังมีเพื่อนอยู่อีกตั้งสองคน ไหนจะยัง...


ฝ่ามือเรียวเลื่อนไปสัมผัสหน้าท้องของตัวเองเบาๆ โดยไม่ละริมฝีปากของจากคนตรงหน้า


หูของเขาได้ยินเสียงฝนตก สายฝนที่สาดเทลงมาอย่างบ้าคลั่งราวกับจะเป็นวันสิ้นโลก แต่เขารู้ดีว่ามันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกไม่นาน
ฝนจะตกแรงแค่ไหนก็ช่าง ตราบใดที่ยังมีคนตรงหน้า ยังมีเด็กคนนี้ ยังมีเพื่อนดีๆ ที่คอยประคอง สักวันหนึ่งฝนต้องหยุดตกแน่

แม้จะเหน็บหนาวและเปียกปอนแค่ไหน สักวันนึงจะต้องได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์แน่


ต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ


“ฉันรักเธอนะ แมวน้อยของฉัน”


ใบหน้าหล่อเหลาทอประกายห่วงหามาให้เขาอย่างปิดไม่มี หวาน แต่น่าแปลกที่ไม่รู้สึกเลี่ยนเลยสักนิด


“ผมเคยบอกใช่ไหมครับว่าคุณเหมือนเพลงแจ๊สในคืนวันศุกร์”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากอีกฝ่าย


เพลงแจ๊ส...นั่นสินะ


ดวงตาคม ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งเป็นสันชวนสัมผัส คนๆ นี้เปรียบเสมือนเพลงแจ๊สที่แสนสมบูรณ์แบบ


ถ้าได้ฟังเพลงแจ๊สนี้ เสียงสายฝนก็คงไม่ดังเท่าไหร่


เขาแตะริมฝีปากของตัวเองไปทั่วใบหน้าของอีกคน


“ผมชอบเพลงแจ๊สนะครับ”


เสียงของเขากระซิบข้างหูอีกคนหวังให้คำๆ นี้ซึมซ่าบเข้าไปในใจของคนฟัง


ทั้งเขาและคนที่อยู่ตรงหน้า


“ผมรักคุณนะครับ คุณลุงของผม”


ถ้ามีคนๆ นี้อยู่ด้วย เรื่องเลวร้ายทั้งหมดก็คงไม่ได้หนักหนาอะไร


ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ


‘จะดำ จะเทาก็ช่าง ถ้าเราอยู่ด้วยกันมันต้องดีแน่’


นั่นสินะ ครั้งนึง ตาลุงนี่ก็เคยพูดอะไรแบบนี้ใส่เขาเหมือนกัน


แล้วเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะโน้มคออีกคนให้ลงมารับจูบอีกครั้งหนึ่ง






***************************************************************************




จบแล้ว เย่! กว่าจะจบได้ เกือบเทกลางทางไปหลายครั้งเหมือนกันค่ะ 555555555


ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเพิ่งมาหรือตามอ่านมาตลอด ทุกคนน่ารักมากกกก มากอดดดดด ขอบคุณมากๆ เลยน้า


จากที่วงเล็บท้ายตอนว่า 'ตอนจบ' ทั้งที่ปกติเราจะใช้คำว่า 'บทส่งท้าย' ก็เพราะว่านี่ไม่ใช่บทส่งท้ายนั่นเองค่ะ  XD


หลังจากนี้จะเหลืออีกตอนนึง เป็นบทส่งท้ายสั้นๆ เอาไว้เฉลยคลายความคาใจทุกอย่าง แต่เรื่องราวหลักจะจบลงแค่ตอนนี้ค่ะ ส่วนเรื่องลูกแมวนั้น วางแพลนไว้ว่าจะให้อยู่ในตอนพิเศษ จะเอาลงเว็บไหม อะไรยังไงขอดูก่อนเนอะ >w<


สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเลย แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการนะคะ บ๊ายบ่าย ^^







***************************************************************************






พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขนาดจบแล้วยังปายใจไม่ทั่วท้องเลย

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
รอแมวน้อยนะคะ ต้องน่ารักมาก ๆแน่เลย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะรออ่านบทส่งท้ายและตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โอ้ย ตอนทีาดิมโดนพ่อตบนี่เราลุ้นมากเลยนะว่าลุงจะเข้ามาห้ามทันแต่ก็ไม่แอบเคืองลุงนิดๆ ฮ่าๆๆ แต่ไม่เป็นไรอภัยให้ตอนท้ายที่ลุงเข้ามาปลอบดิมแล้วกัน รอบทส่งท้ายและขอฉากหวานๆสักหน่อยเถอะค่ะ อึมครึมมาตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ อยากเห็ลุงหวานบ้าง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปมคุณพ่อดูยังไม่เคลียร์เนอะ ยังจะเอาลูกเป็นหุ่นเชิดอีก #ทีมคุณปราณ 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด