พิมพ์หน้านี้ - **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Marymo ที่ 26-11-2017 21:25:46

หัวข้อ: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 26-11-2017 21:25:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************************************************************************






ติดตามกันได้ที่
Facebook: ปิงปองโต้คลื่น (https://www.facebook.com/PingPongTor.wave/)
Twitter: ปิงปองโต้คลื่น/Marymo (https://twitter.com/MarymoYaoi?lang=en&lang=en)








เจ้าของเดียวกับ
ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63482.0)
แว่วเสียงการเวก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62857.0)
Symphony of Ives - เพลงรักสีขาว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68008.msg3883497#new)




**********************************************************************************





I don’t want a boy.
I need a man, dude.









#ปราณดิม หรือ #หลงลุง








นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวสมมติที่แต่งขึ้น บุคคลใดๆ ที่ปรากฏในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น เรื่องราวนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงแต่อย่างใด




สารบัญ


First Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3743770#msg3743770)
Second Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3744228#msg3744228)
Third Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3746750#msg3746750)
Fourth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3748130#msg3748130)
Fifth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3748681#msg3748681)
Sixth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3749680#msg3749680)
Seventh Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3750628#msg3750628)
Eighth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3751228#msg3751228)
Ninth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3751755#msg3751755)
Tenth Song [Part 1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3754598#msg3754598)                        Tenth Song [Part 2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3754935#msg3754935)
Eleventh Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3757700#msg3757700)
Twelfth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3761236#msg3761236)
Thirteenth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3765039#msg3765039)
Fourteenth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3766202#msg3766202)
Fifteenth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3769832#msg3769832)
Sixteenth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3774176#msg3774176)
Seventeenth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3781332#msg3781332)
Eighteenth Song (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3787184#msg3787184)
Nineteenth Song (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3802731#msg3802731)
Twentieth Song (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3809224#msg3809224)
Twenty-First Song (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3813421#msg3813421)
Twenty-Second Song (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3815123#msg3815123)
Twenty-Third Song  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3821049#msg3821049)
Twenty-Fourth Song (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3828112#msg3828112)
Twenty-Fifth Song (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3836582#msg3836582)
Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3840142#msg3840142)
Last Song [บทส่งท้าย] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3845997#msg3845997)






สารบัญตอนพิเศษ

คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3758892#msg3758892)
ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.msg3759305#msg3759305)









หัวข้อ: Re: I need a man || หลงลุง [mpreg] [บทนำ] (26/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 26-11-2017 21:27:36
First Song - รีไรท์แล้ว







วันนี้เป็นวันศุกร์


ศุกร์สิ้นเดือนนั้นขึ้นชื่อเรื่องความวุ่นวาย จำนวนเงินที่งอกเงยขึ้นมาในบัญชีหลังวันเงินเดือนออกประกอบกับการได้รู้ว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดพักผ่อนกระตุ้นให้ผู้คนมากมายต่างพากันหลั่งไหลออกมาจากที่พักอาศัยเพื่อเฉลิมฉลองให้กับความเหนื่อยยากตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ท้องฟ้าสีดำที่ควรมีหมู่ดาวส่องประกายกลับถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟสว่างจ้าจนตาพร่า ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ไปมาเสียจนไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร สถานที่ที่เคยเงียบสงบในวันวาน จู่ๆ ก็พลันวุ่นวายขึ้นมาอย่างน่าตกใจ


เสียงช้อนกระทบกับจาน เสียงปาก้อนหินลงในแม่น้ำกว้างที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เสียงหัวเราะของผู้คนมากมายประสานเคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีจากร้านอาหารริมแม่น้ำ สิ่งเหล่านั้นคือสัญญาณของความมีชีวิตชีวาของที่นี่ เสียงที่ได้ยินพวกนั้นคือสัญญาณของความร่าเริงที่ผ่านมาเยือนยังสถานที่ที่เคยเงียบเหงาแห่งนี้


ย่านการค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาคึกคักเสมอในคืนวันศุกร์สิ้นเดือน


คู่รัก แอลกอฮอล์และเพลงแจ๊สคือสัญลักษณ์แห่งการพักผ่อนใจ


เสียงเพลงทุ้มนุ่มเคล้าไปกับกลิ่นแอลกอฮอล์และควันบุหรี่ในร้านอาหารหรูสไตล์กึ่งบาร์ชวนให้คู่รักหลายคู่เผลอไผล ริมฝีปากที่แตะกันแผ่วเบาก่อนจะผละออกชวนให้ต่างฝ่ายต่างใจเต้น ระเบียงเปิดกว้างชวนให้เอนกายซบลงบนไหล่ของอีกฝ่ายแล้วทอดมองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาตรงหน้า ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเพลงแจ๊สคลาสสิคที่ขับกล่อมให้ห้วงความคิดจมดิ่งลงสู่ความเย้ายวน


แม้จะน่าหลงใหลสักแค่ไหน แต่เขาก็พูดได้เต็มปากว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความยั่วเย้าที่ไร้เดียงสา


บรรยากาศความรักที่อบอวลไปทั่วร้านด้านล่างไม่มีผลต่อ ‘แขกพิเศษ’ ในห้องรับรองด้านบนแต่อย่างใด เพลงแจ๊สรื่นหูที่ดึงคนให้เผยเสน่ห์น่ามองออกมานั้นเมื่อเอามาเทียบกับเสียงหอบหายใจข้างหูนี้แล้ว...


 “อา ดี ดีจริงๆ”


มันเทียบกันแทบไม่ติด


ท่ามกลางห้องที่มืดสนิท แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของชายสองคนบนเตียงนอนสีขาวยับย่นไม่น่าดู พวกเขาประทับรอยจูบเข้าหากันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างกายกำยำล่ำสันของชายอายุมากกว่าด้านบนโถมใส่คนด้านล่างเนิบช้าก่อนจะค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นตามลำดับ


เสียงครางหวานหูของคนรองรับดังประสานไปกับเสียงหอบหายใจหนักๆ ของคนควบคุมเกม ขับให้บรรยากาศในห้องที่เคยเย็นยะเยือกอุ่นร้อนขึ้นในชั่วภายในเวลาอันรวดเร็ว การเคลื่อนไหวที่รุนแรงและดุดันส่งผลให้เตียงนอนเขยื้อนกระทบผนังเกิดเป็นเสียงไม่เบานัก แต่เหมือนว่าจะไม่มีใครใส่ใจ


ความรักที่โอบล้อมร่างพวกเขาอยู่รุนแรงเสียจนประสาทรับรู้แทบจะหยุดทำงาน นอกจากเสียงกระเส่าตอบรับจากคนตรงหน้าแล้ว เสียงอื่นใดมันก็พาลไม่รับรู้ไปเสียหมด


ร่างเปรียวสมส่วนของคนที่นอนหอบหายใจหนักๆ เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าเสี้ยวหนึ่งที่โผล่พ้นความมืดออกมาดูคมคายเกินกว่าจะเรียกว่าน่ารักหรือสวย


ใช่ เขาไม่สวย ไม่สวยและไม่น่ารักด้วย


“อ๊า ช้าหน่อยลุง”


เสียงหัวเราะแกนๆ ดังขึ้นท่ามกลางความมืด


“ใครลุง หืม”


เหมือนจงใจลงโทษเด็กพูดไม่คิด สะโพกสอบกระโจนเข้าหาคนใต้ร่างอย่างเอาเป็นเอาตายจนอีกคนร้องเสียงหลง ไม่มีจังหวะพักให้เตรียมใจ ไม่มีแม้แต่จังหวะที่คิดจะผ่อนแรง ทุกการถาโถมเข้ามาใส่นั้นหนักหน่วง อัดแน่นและเน้นย้ำจนถึงปลายส่วนลึกสุดในร่าง


ไม่ไหว เขาจะไม่ไหวอยู่แล้ว


ยังไม่ทันจะสิ้นความคิด เสียงหอบหายใจเหมือนคนออกกำลังกายอย่างหนักของตัวเองก็พลันถูกหยุดลงด้วยริมฝีปากที่โจนจ้วงลงประทับ


ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ซ้ำไปซ้ำมาจนหายใจแทบไม่ทัน


แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอกนะ ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ด้วย


เด็กหนุ่มโน้มคอของอีกฝ่ายให้ลงมารับจูบ


จูบของพวกเขาก็คล้ายกับจังหวะเพลง บางครั้งก็เผ็ดร้อนเหมือนเพลงร็อค บางคราวก็นิ่มนวลอ่อนหวานเหมือนเพลงบอสซ่า แต่ถึงจะแตกต่างกันไปตามวาระโอกาส แต่โดยแก่นแท้แล้ว รสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์นั้นไม่เคยเปลี่ยน


เป็นเหมือนเดิมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง


“ผมว่าจูบคุณเหมือนเพลงแจ๊ส”


เสียงหัวเราะทุ้มต่ำมาพร้อมกับการกระแทกกระทั้นที่แรงขึ้น


“ผิดแล้วเด็กน้อย”


ร่างกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเร่งความเร็วขึ้นจนเขารับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


“ยะ อย่า ขะ ข้างในไม่ได้”


สิ้นคำพูดของเขา จังหวะรักรุนแรงนั่นก็พลันแผ่วลงเล็กน้อย


“ทำไม”


คำถามนี้อีกแล้วสินะ


เขาเสหลบตาอีกคนอย่างจงใจพลางหอบหายใจถี่รัว


“ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตใคร”


“ฉันรับผิดชอบเอง”


น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ตอบกลับมาทันทีโดยไม่เสียเวลาลังเลนั้นหนักแน่นเสียจนหัวใจของเขาเผลอสั่นไหวไปวูบหนึ่งจนเกือบพลั้งปากอนุญาตออกไป โชคดีที่สมองร้องเตือนขึ้นมาเสียก่อน


ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด


เด็กหนุ่มรวบรวมกำลังใจก่อนจะเบนสายตากลับมามองคนด้านบน ฝ่ามือเรียวผละจากผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่แล้วแตะลงบนสันกรามของอีกฝ่าย


“ไม่เอาน่าคุณปราณ”


ฝ่ามือหยาบไล้ไปตามโครงหน้าคมสันของคนเหนือร่าง รู้สึกได้ว่าใบหน้าคมคายของตัวเองกำลังฉีกยิ้มอ่อนใจ


“ผมยังไม่พร้อม”


ยังไม่ทันจะสิ้นคำพูดของเขาดี คิ้วคมของคนด้านบนก็พลันขมวดเข้าหากันและไม่มีทีท่าจะคลายลงง่ายๆ เหนื่อยเขาเสียอีกที่ต้องไปช่วยนวดให้มันคลายออก


“ไม่เอาสิครับ ผมเพิ่งอายุยี่สิบสามเอง ให้มาท้องตั้งแต่ตอนนี้น่ะไม่ไหวหรอกนะ”


คู่สนทนาของเขาดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ไม่สบอารมณ์มากเสียจนแขนเรียวของเขาต้องดึงร่างหนาลงมาจูบปลอบใจ


เสียงดูดดึงชื้นแฉะของริมฝีปากฟังแล้วหยาบโลนน่าเกลียด


ใจจริงก็ใช่ว่าอยากจะพูดอออกไปแบบนั้น แต่พอมาคิดตริตรองแล้ว อย่างไรเสียก็ยอมให้ไม่ได้


“ถ้าผมท้อง คุณก็จะกลายเป็นตาลุงวัยหกสิบที่ทำเด็กอายุยี่สิบสามท้องนะ”


เขาขยับเข้าไปใกล้หูของอีกคนมากขึ้นหน่อย


“เป็นคุณพ่อตอนนี้ ไม่แก่ไปหน่อยเหรอ”


สิ้นคำพูด ร่างทั้งร่างของคนช่างกวนอารมณ์ก็ถูกตรึงไว้กับเตียง ใบหน้าคมสันของคนด้านบนดูมึนตึงเหมือนปกติ


...เหมือนทุกครั้งเวลาที่เขาพูดว่ายังไม่พร้อมจะมีลูก...


“ฉันใส่ถุงยางมาแต่แรกอยู่แล้ว”


พอได้ยินคำพูดที่น่าพอใจ ริมฝีปากมันก็กระตุกไปเอง


“ก็แค่นั้นล่ะครับคุณลุงของผม”


แล้วค่ำคืนนั้นก็อบอวลไปด้วยความเร่าร้อนสีเทาของเพลงแจ๊สเหมือนอย่างเคย










***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ






หัวข้อ: Re: I need a man || หลงลุง [mpreg] [บทนำ] (26/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-11-2017 21:39:31
ชอบบบบบบบบบบ มาต่อไวๆน้าา   :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [บทนำ] (26/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 26-11-2017 22:34:52
คุณลุงแซ่บจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [บทนำ] (26/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: namtan15 ที่ 26-11-2017 22:40:55
 :haun4: :haun4: :pighaun: :pighaun:

ขอเลือดจากสภากาชาดด่วนๆค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [บทนำ] (26/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-11-2017 23:06:49
อู้ววววว น่าสนใจๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [บทนำ] (26/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 27-11-2017 20:26:12
Second Song










แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามากระทบเปลือกตาทำให้คนขี้เซาเผลออดขมวดคิ้วยุ่งไม่ได้ ร่างเพรียวปะป่ายมือไปมาหวังหาไออุ่นจากอีกคนก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์


หายไปไหน


“ลุง”


ไม่ว่าเปล่า ดวงตากลมยังสอดส่องหาอีกคนไปทั่วห้อง


ห้องน้ำก็ว่างเปล่า บนเตียงก็ว่างเปล่า


ว่างเปล่า


“ให้ตายสิ”


ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยความหงุดหงิดเหลือใจ


ตาลุงนั่นเป็นแบบนี้ทุกที ตอนกลางคืนก็บอกอยากเป็นพ่อคน พอตกเช้าก็หายหัว เจอกันแค่ตอนกลางคืนจะทำให้เขาแน่ใจได้ยังไงว่าตาแก่นั่นพร้อมจะรับผิดชอบเขาจริงๆ


หากเขาท้องขึ้นมาแล้วโดนทิ้ง คงรู้สึกไม่ต่างกับตายทั้งเป็น


เขายังจำได้ดี ภาพในวันที่พี่สาวของเขาถูกพ่อจิกหัวขึ้นมาจากพื้นแล้วตบจนเลือดกบปาก แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาร่วมห้าปีแล้วแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ลืมภาพนั้นไม่ลงสักที


ภาพที่พี่พนมมือร้องขอความเมตตาจากบุพการีทั้งสอง แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเย็นชาและโหดร้าย


หลังจากคืนนั้น พี่สาวของเขาก็หายไปจากบ้านและไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย


หลังจากคืนนั้น ความหวังทั้งหมดของตระกูลก็ตกมาที่เขาอย่างช่วยไม่ได้


เขารู้ตัวเองมานมนานแล้วว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่เพราะครอบครัวอยากให้เขาเป็นเสาหลักของบ้านที่สืบทอดนามสกุลต่อไป ชีวิตของเขาเลยเจออุปสรรคนิดหน่อย


แต่ก็แค่นิดหน่อย


เพราะเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่ทำให้ผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้ไม่ต่างกับผู้หญิงนั่นล่ะที่ช่วยชีวิตเขาไว้


จำได้ว่าตอนนั้นเขามีแฟนหนุ่มที่รักกันมากและวาดหวังจะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่สุดท้าย ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นก็ทิ้งเขาไปหลังจากที่เขาตัดสินใจผ่าตัดไปแล้ว


ใช่ ผ่าตัด เป็นการผ่าตัดที่เจ็บปวดและทรมานที่สุดในชีวิต


การผ่าตัดปลูกถ่ายรังไข่และมดลูกเริ่มขึ้นเมื่อเกือบหกปีก่อน และมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี มันผ่านไปด้วยดีจนกระทั่งไอ้เวรนั่นตัดสินใจทิ้งเขาไปแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีคนหนึ่ง


ตัดสินใจทิ้งเขาไว้กับมดลูกและรังไข่เฮงซวยนี่


ทุเรศสิ้นดี เป็นผู้ชายที่ท้องได้ไม่ต่างกับผู้หญิง ตัวเขาในตอนนั้นช่างโง่งม ไม่รู้ว่าตัดสินใจทำเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไง


ในขณะที่ชีวิตกำลังดิ่งลงเหวนั่นล่ะ ตาลุงบ้านั่นก็เข้ามา


ตอนนั้น ตาลุงนั่นเป็นหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบเจ็ดแต่กลับมีใบหน้าและเรือนร่างที่...


“เซ็กซี่”


“ใช่ ยั่วมาก ถ้าเธอรู้ตัว”


ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักให้กับเสียงเอ่ยแซ็วที่คุ้นหูที่ดังขึ้นมาไม่ให้สุ้มให้เสียง


เพราะคุ้นหูนั่นล่ะ เลยไม่คิดจะหันไปมอง


ร่างเปลือยเปล่าของเขากำลังแช่อยู่ในน้ำอุณหภูมิพอเหมาะ ฟองสบู่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำช่วยปกปิดเรือนร่างได้พอสมควร


ก็พอสมควรน่ะนะ


ฝ่ามือสวยแกล้งวาดมือแหวกฟองสบู่บริเวณขาอ่อนออกเล็กน้อย


“โอ๊ะโอ่ มือเผลอไปโดนซะได้”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ จากคนด้านหลังที่กำลังเดินเข้ามาใกล้


ร่างกำยำเปลือยท่อนบนให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวย


สวยจนอดเอามือไปลูบไม่ได้


“ลูบแบบนี้ระวังจะไม่ได้ออกจากห้องน้ำ”


“ไม่ใช่ว่านกเขาไม่ขันไปแล้วเหรอลุง”


ใบหน้าของคนอายุมากกว่ากระตุกยิ้ม


“ถ้าไม่ขัน ไอ้ที่ร้องเสียงหลงเมื่อคืนคืออะไร”


คนถูกถามหัวเราะเบาๆ พลางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้อ่างน้ำกว้างๆ มีพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นอีกหน่อย


ว่างพอให้ยัดร่างคนตัวโตลงมาได้อีกคน


เสียงผิวหนังกระทบกับน้ำดังขึ้นเมื่อร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายก้าวลงมาอยู่ร่วมอ่างเดียวกัน ท่อนแขนแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสวยนั้นยึดขอบอ่างเพื่อส่งตัวเองเข้าหาอีกคนที่เอนหลังมองอย่างสบายอารมณ์


ทันทีที่ร่างโดนเงาของอีกฝ่ายทาบทับ เด็กหนุ่มพลันกระตุกยิ้มมุมปากแล้วยกมือขึ้นมาระดับใบหน้า


นิ้วชี้เรียวสวยกระตุกเรียกให้อีกคนเข้ามาหา


ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยตามวัยยกยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้


ดูพ่อแมวน้อยของเขาสิ เข้าใจหากลวิธีใหม่ๆ มายั่วเขาไม่หยุดหย่อน ตัวเขาเองก็ใช่จะเป็นเด็กหนุ่มวัยขบเผาะเสียเมื่อไหร่ มารยาร้อยแปดพันเก้าของทั้งหญิงและชายก็เจอมาเยอะ แต่พอมาเจอเจ้าเด็กนี่ ไม่รู้ทำไมถึงห้ามใจตัวเองไม่ได้สักที


รู้ทั้งรู้ว่าเขายั่ว แต่ก็ชอบอยู่ดี


ริมฝีปากของคนสองคนประทับเข้าหากัน แรกเริ่มด้วยจังหวะแผ่วหวานชวนให้ใจเต้น ก่อนทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมือซุกซนของเด็กน้อยลากไล้ไปตามลำตัวของคนมีอายุกว่า


นิ้วเรียวสวยลูบไล้ส่วนสำคัญของอีกฝ่ายเพียงปลายนิ้วก็ทำให้เสียงครางต่ำอย่างสัตว์บาดเจ็บหลุดออกมาจากปากของอีกคนได้


เด็กหนุ่มหัวเราะ


“ร้ายนักนะเจ้าเหมียว”


ริมฝีปากที่ขบลงบนติ่งหูทำให้เด็กหนุ่มเสียวซ่านแต่สัมผัสแค่นั้นยังไม่พอหรอก


สัมผัสแค่นั้นไม่พอจะทำให้คนอย่าง ‘ดิม’ วาบหวามจนไร้สติได้หรอก


“พอก่อนเถอะลุง วันนี้ผมมีงานเช้า”


“แคนเซิลไปซะ ฉันจ่ายให้เอง”


เสียงอู้อี้ของอีกคนที่ซุกซอกคอเขาอย่างหลงใหลทำให้เด็กหนุ่มเผลอหัวเราะร่วน


“ไม่เอาน่ะลุง แก่ป่านนี้แล้ว ทำตัวเป็นพวกอารมณ์ทางเพศสูงเหมือนหนุ่มๆ ไปได้”


คนถูกเรียกว่า ‘ลุง’ ยันตัวเองขึ้นมาเพื่อมองหน้าทะเล้นของอีกคนให้ถนัดตา


ดูเจ้าแมวน้อยนี่สิ ปากร้ายนักเชียว คำก็ลุง สองคำก็ลุง แล้วใครที่ไหนล่ะที่เป็นสามีของมัน ก็ลุงคนนี้นี่ไง


“ฉันเป็นพวกมีอารมณ์ทางเพศสูง เผื่ออยากจะรู้”


ไม่ว่าเปล่า ริมฝีปากแกร่งยังจ้วงลงมาฉกชิงลมหายใจของอีกฝ่ายจนได้รับการประท้วงเป็นกำปั้นน้อยๆ ที่ทุบลงบนหน้าอก


“โอเค ผมยอมแล้วคุณปราณ”


ใบหน้าคมนั้นขึ้นสีแดงจัด


“แต่วันนี้ผมมีงานเช้าจริงๆ คิดดูนะว่าถ้าผมไม่ไปเข้าร้านวันนี้ จะมีลูกค้าอีกกี่คนที่โอดครวญแล้วชื่อเสียงของร้านผมจะป่นปี้แค่ไหนถามใจดูสิ”


ใช่ คงยับเยินไม่เหลือชิ้นดีเชียวล่ะ


ในตอนนี้มีใครบ้างที่ไม่อยากใช้บริการทำผมกับช่างตัดผมฝีมือเยี่ยมอย่าง ‘ดิม ดนัย ไวยสมุทร’ ช่างตัดผมดีกรีแชมป์จากการแข่งขันชื่อดังหลายรายการในต่างประเทศ


เพราะชื่อเสียงนั่นล่ะที่ทำให้ร้านของเขาจึงมีแต่คนมีหน้ามีตาในสังคมและคนกระเป๋าหนักมาใช้บริการทั้งนั้น ขืนผิดนัดขึ้นมา ไม่ใช่แค่จะชวดเงินอย่างเดียว แต่ชื่อเสียงร้านของเขาคงพลอยยับเยินไปด้วย


แล้วตาลุงตรงหน้านี่ก็ใช่ย่อยซะที่ไหน


‘ปราณ บุญสรนพ’ ลูกชายคนเดียวของตระกูลบุญสรนพ เจ้าของธุรกิจอสังหาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในกรุงเทพ


ตาลุงเคยแต่งงานมาหนึ่งครั้งแต่ก็มีอันต้องเลิกรากันไปกับภรรยาเก่าเนื่องจากสาเหตุว่าหล่อนแต่งงานกับเขาเพราะหวังฮุบเอาสมบัติ พอพ่อคุณรู้ความจริงเข้าเลยใจสลายจนต้องขอหย่า ชายหนุ่มในวันนั้นเลยครองตัวโสดมาจนเป็นชายสูงวัยเจ้าของร้านอาหารกึ่งบาร์สุดหรูบนที่ดินราคาหลายร้อยล้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาในวันนี้


นอกจากที่ดินที่แพงระยับที่มีอยู่ในครอบครองแล้วแล้ว สไตล์การใช้ชีวิต หน้าตาและความคิดของตาลุงนี่ก็ดูมีค่ามีราคาไปหมด


หน้าตาหล่อเหลาผิดที่ผิดเวลา ทั้งๆ ที่อายุอานามก็ปาไปหกสิบแล้ว ริ้วรอย ตีนกาก็ขึ้นเต็มหน้า แต่หน้าย่นๆ นี่ล่ะที่เร้าใจ ไรหนวดครึ้มๆ บริเวณคางชวนให้จั๊กจี้ทุกครั้งที่ถูกซุกไซ้เข้าหา ไหนจะร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสวยนั่นอีก


เป็นคนที่ทำตัวไม่เหมาะกับอายุเอาเสียเลย


“ไหนว่ารีบ แล้วจ้องอะไรอยู่หืม”


เด็กหนุ่มยักไหล่


“ไอ้รีบน่ะรีบ แต่มันดันติดปัญหาอยู่นิดหน่อย”


เด็กหนุ่มยันตัวเองขึ้นจากขอบอ่างแล้วเปลี่ยนไปนั่งคุกเข่าใกล้ๆ กับอีกคน


“ถ้าผมลุกออกจากอ่างตอนนี้ คุณจะทนไม่จับผมมากดไว้ใต้ร่างไหวเหรอครับ”


น้ำเสียงกระเส่ายั่วยวนที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้หนุ่มใหญ่ยิ้มเยาะตัวเอง


ไม่รู้วันนั้นหน้ามืดหรือยังไงถึงได้คว้าเจ้าแมวขี้ยั่วนี่มาซะได้


“ฉันให้เวลาแค่สามวิ”


นัยน์ตาคมกริบหันไปสบกับนัยน์ตากลมโตแฝงแววทะเล้นของอีกฝ่าย


“ถ้านับหนึ่งถึงสามแล้วยังไม่ไป”


ใบหน้าหล่อเหลาแนบแก้มของตัวเองเข้ากับแก้มนุ่มของอีกฝ่าย


“วันนี้จะไม่ได้ลุกจากเตียงอีกเลย”


สิ้นคำพูด เจ้าแมวตัวน้อยก็กระโดดแผล็วออกจากอ่างน้ำแล้ววิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว


ท่าทางนั้นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี


แมวน้อยของเขาเป็นแบบนี้เสมอ บางครั้งก็ยั่วยวน บางครั้งก็น่ารักน่าเอ็นดู เพราะแบบนั้นล่ะ เขาเลยตกเป็นทาสของดวงตากลมโตนั้นทุกที


เพราะแบบนั้น เขาจึงอยากให้อีกฝ่ายยอมตกลงปลงใจกับเขาสักที


ภาพครอบครัวแสนสุขที่มีเขา มีเจ้าแมวน้อย และลูกแมวตัวเล็กๆ ที่เป็นสมาชิกใหม่ของบ้านอยู่ร่วมเฟรมเดียวกัน


...จะมีความสุขขนาดไหนกันนะ...


เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน






***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 27-11-2017 20:43:33
57!!!! ลุง! ลุงจริงๆด้วยอะ 555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-11-2017 21:01:20
ทำไมมันแซ่บอย่างนี้ อยากอ่านพระเอกอายุเยอะมานานแหละ สมใจซะที   :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 27-11-2017 21:40:26
อยากเลี้ยงลูกแมวเหมียว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bearjunjun ที่ 27-11-2017 21:41:13
แซ่บบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 28-11-2017 02:09:54
แซ่บบบบ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-11-2017 03:47:14
หูยยยยย อายุห่างกันเป็นครึ่ง

แต่ก็ร้อนแรงน่าดูนะคะ ติดตามเลยค่ะ

แต่หวังว่าคงไม่มีม่ามาบีบใจเราเกินไปหรอกนะ

กลัวใจ :monkeysad: ถ้าม่ามาเราคงร้องไห้ตามแน่ๆ (อินจัด )

รออ่านฉากมีเบบี๋เลย อยากเห็นว่าอิลุงจะเห่อแค่ไหน

ติดตามนะคะ แต่งได้สนุกดี บวกกับเราชอบแนวนี้ด้วย (ท้องได้)


ป.ล. ทำไมคอมเม้นท์ขึ้นไม่ครบ :z3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 28-11-2017 08:07:51
แซ่บบบบบบบบบบบ
เริ่ดดดดดดดดดดดดดด
ปักหมุดดดดดดดดดดดดดด
ชอบบบบบบบบบบบบบบ
เอาอีกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-11-2017 09:00:07
อยากเลี้ยงลูกแมวเหรอคุณลุง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 29-11-2017 18:09:02
 :o8:  ลุงปราณ แซ่บเวอร์
น้องดิมก็ อ่อยเก่ง จริง :impress2:ๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 29-11-2017 19:49:32
น่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2017 22:36:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Second Song] (27/11/60)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-11-2017 22:52:07
หกสิบนี่เรียกปู่ดีไหม? :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 02-12-2017 18:40:52
Third Song








“สวัสดีค่ะคุณดิม วันนี้มาเร็วเชียวนะคะ”


“พี่มลพูดเหมือนผมชอบมาสายอย่างนั้นล่ะ”


“ไม่สายหรอกค่ะ แค่เฉียดฉิวตลอด ทำเอาใจหายใจคว่ำกันทั้งร้าน”


เด็กหนุ่มหัวเราะรับคำแซ็วกึ่งแซะของอีกฝ่ายแล้วเดินเอาของเข้าไปวางในห้องพักส่วนตัวด้านหลังร้าน


ร้าน ‘DimD’ เป็นร้านที่เรียบง่าย อย่างน้อยก็เรียบง่ายกว่าตอนที่แม่เขาออกแบบไว้ให้เยอะ


ตัวร้านที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำอย่างมีรสนิยมตั้งอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดีในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง ขนาดร้านไม่เล็กไม่ใหญ่เพราะเป้าหมายหลักของร้านไม่ใช่ปริมาณลูกค้า แต่เป็น...


“สวัสดีค่ะคุณหญิง เชิญพักผ่อนทางนี้ก่อนนะคะ”


เด็กหนุ่มยิ้มให้กับตัวเองในกระจกทันทีที่ได้ยินเสียงของพนักงานในร้าน


DimD ไม่ใช่ร้านทำผมที่ใครจะเข้ามาก็ได้ ตัวเขาเองก็อุตส่าห์ดั้นด้นไปร่ำไปเรียนการทำผมมาจากเมืองนอกเมืองนา แข่งขันประกวด ผ่านความกดดันมากมายมาก็หลายปีกว่าจะมีฝีมืออย่างในทุกวันนี้ ขืนต้องมาเหนื่อยกายเหนื่อยใจกับการทำงานอีกมันคงไม่คุ้มกัน เพราะฉะนั้นลูกค้าของเขาทุกคนต้องมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่จ่ายหนักหรือมีชื่อเสียง แต่ต้องเป็นพวกมีมารยาท อดทนรอได้ ใครมีแวววีนมาตั้งแต่โทรจองคิวอย่าหวังว่าจะได้เหยียบย่างเข้ามา



นโยบายหลักของ DimD คือการบริการระดับพรีเมี่ยมแลกกับค่าบริการที่สูงลิ่ว ทันทีที่ลูกค้าโทรมาจองคิว การบริการระดับพระเจ้าจะเริ่มต้นขึ้น พนักงานทุกคนในร้านต้องศึกษาประวัติลูกค้าอย่างคร่าวๆ ตั้งแต่สีที่ชอบไปจนถึงรสชาติอาหารที่โปรดปราน ของว่างระหว่างรอต้องคัดสรรมาโดยเฉพาะให้ถูกปากลูกค้าแต่ละคน ผ้าเช็ดผมจะต้องเป็นสีที่ลูกค้าชอบ หรือแม้กระทั่งดอกไม้และกลิ่นที่ลูกค้าโปรดปรานก็ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเพราะนั่นส่งผลต่อซิกเนเจอร์ของร้านเขาเป็นอย่างยิ่ง



ซิกเนเจอร์สำคัญที่สุดของร้านเขาคือช่อดอกไม้หลังการใช้บริการ ทุกครั้งที่ลูกค้าใช้บริการเสร็จ จะมีการให้ช่อดอกไม้แทนการขอบคุณจากทางร้าน เพราะฉะนั้นพนักงานทุกคนต้องทำการบ้านอย่างหนักในทุกๆ วัน อะไรที่ลูกค้าแต่ละคนไม่ชอบ อะไรที่ลูกค้าแต่ละคนชอบ การบริการต้องไม่ขาดตกบกพร่องและห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด ก่อนลูกค้าเข้าร้านจะต้องมีการเซ็ตกลิ่นและแสงไฟในร้านให้เข้ากับความชอบของลูกค้าแต่ละคน



โดยปกติแล้วเขาจะรับลูกค้าแค่วันละคน ลูกค้าจะใช้เวลาในร้านเขานานแค่ไหนก็ได้ อยากทำอะไรก็ได้ขอเพียงแค่เอ่ยปากสั่งออกมา ทางร้านมีบริการอาหารว่างสองครั้งคือก่อนและหลังทำผม แต่ถ้าลูกค้าอยู่นานมากจนหิวข้าวก็มีบริการอาหารจากภัตตาคารหรูให้ เพียงแต่ต้องจ่ายเพิ่มเท่านั้น แต่นั่นเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับกลุ่มลูกค้าของเขาสักเท่าไหร่ เพราะทุกคนที่เดินเข้ามาในร้านของเขาสามารถจ่ายเงินเป็นหมื่นๆ ได้โดยไม่สะกิดขนหน้าแข้งอยู่แล้ว



เพราะอย่างนั้นล่ะเขาเลยมีเวลาว่างในชีวิตถมเถพอๆ กับมีเงินในบัญชีมากพอที่จะเอาไปถมบึงเล็กๆ ได้


เขารวยเพราะบ้านรวย นั่นก็แค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็เพราะตัวเขาเอง


เด็กหนุ่มจัดชุดตัวเองอีกครั้งหน้ากระจกก่อนจะฉีกยิ้มกว้างแล้วเปิดประตูออกไป


“สวัสดีครับคุณป้าสมร ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”


วันนี้เขาโชคดีหน่อยที่ได้ลูกค้าเป็นคนคุ้นเคย การสานมิตรไมตรีสร้างบรรยากาศจึงไม่ใช่เรื่องยากนัก


หญิงสูงวัยตรงหน้าเป็นคนที่รู้จักมักจี่กับครอบครัวเขามาตั้งแต่เขาจำความได้ ใบหน้ายิ้มแย้มใจดีกับทรงผมตีกระบังทำให้เขาชอบท่านยิ่งกว่าพ่อแม่ของตัวเองเสียอีก


เขารักผู้หญิงตรงหน้านี้มากกว่าพ่อแม่ของเขาเสียอีก


“โอ๊ยตายแล้วเจ้าดิม ยิ่งโตยิ่งหล่อนะเราน่ะ”


คำทักทายพร้อมกับมือที่ยื่นมาโอบกอดทำให้เขาสบายใจเสมอ


อ้อมกอดนี้ทำให้เขาสบายใจเสมอ


เด็กหนุ่มผละออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายแล้วเอามือคนตรงหน้ามากุมไว้


“คุณป้าก็ยังสวยไม่สร่างเลยนะครับ”


“ปากหวานแต่เด็กจนโตเลยนะเราน่ะ”


เสียงหัวเราะเคล้าคลอกันของคนสองคนช่วยให้บรรยากาศเป็นทางการเมื่อครู่หายไปจนหมด


เด็กหนุ่มกุมมือหญิงตรงหน้าไว้หลวมๆ


“เชิญคุณป้ามานั่งที่โซฟาดีกว่าครับ ทานของว่างไป คุยกันไป คุณป้าอยากทำทรงผมแบบไหน อยากทำอะไรบอกผมได้เลยนะครับ วันนี้น้องดิมขอบริการคุณป้าเต็มที่เลย”


เสียงหัวเราะแหบๆ ของเธอช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงได้มากโข


บทสนทนาเรียบง่ายของคนคุ้นเคยทำให้เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างอยู่แทบจะตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยเป็นประกายสดใสเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน ทุกย่างก้าวของหญิงสูงวัยจะมีเด็กหนุ่มคอยประกบเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง เสียงหัวเราะของคนสองคนเคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีคลาสสิคของฮันเดลช่วยให้บรรยากาศร้านดูเป็นกันเองและอบอุ่นมากขึ้นกว่าเก่า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิคละคลุ้งไปทั่วร้านชวนให้รู้สึกสบายใจ


เด็กหนุ่มรักบรรยากาศแบบนี้


เขารักบรรยากาศรอบตัวป้าสมรมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ถ้าไม่คุณป้าคนนี้ชีวิตของเขาอาจจะมาไม่ถึงตรงนี้ ถ้าไม่มีคุณป้าคนนี้...


ความสุขของเขาก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน


“อร่อยมาก ชาของทไวนิงส์ (Twinings) นี่รสชาติดีไม่เปลี่ยนเลยนะ สิบปีที่แล้วรสดียังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม”


ท่าทางแช่มช้าละเลียดไปกับรสสัมผัสของชานั้นทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มพลอยสงบไปด้วย


เขามักใช้เวลาเงียบๆ ชื่นชมควันขาวๆ ที่ลอยคละคลุ้งอยู่เหนือถ้วยชาเสมอ เพราะมันมาเร็วก็ไปเร็วแต่ก็ทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้ที่ปลายจมูก


เขาอยากให้ทุกเหตุการณ์ในชีวิตเป็นเหมือนควันเหนือถ้วยชา


อยากให้ทุกอย่างผ่านเข้ามาเร็วๆ แล้วก็จางหายไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกในหัวใจ


เขาไม่ชอบให้เหตุการณ์ไหนคงอยู่กับเขานานเกินไป ต่อให้เป็นความสุขก็ไม่ชอบ ให้เป็นความทุกข์ยิ่งไม่เอา


อยากให้ทุกอย่างผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนควันที่ลอยเหนือถ้วยชา


“แล้วเราได้ข่าวคราวของยายดาบ้างไหม”


คำถามนั้นถูกถามออกมาทุกครั้งที่หญิงชรามาที่นี่ เธอเฝ้าถามเขาว่าได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่สาวของตัวเองบ้างไหม และคำตอบทุกครั้งที่หลุดออกไปก็มักจะเป็น...


“ผมไม่ทราบเลยจริงๆ ครับ”


เขาพูดด้วยความสัตย์จริง พี่สาวเขาอยู่ไหนไม่มีใครรู้ หลังจากเกิดเรื่องราวในวันนั้นครอบครัวของเขาก็พังพินาศ เขากลัวพ่อกลัวแม่ของตัวเองจับใจจนขออนุญาตหนีไปเรียนที่เมืองนอก ตอนแรกก็ตั้งใจจะตั้งรกรากอยู่กับเพื่อนที่ต่างประเทศ ถ้าไม่ติดว่าในคืนคริสมาสต์วันนั้นมีโทรศัพท์ทางไกลโทรเข้ามา


‘ดิม กลับมาไทยทีนะ ฝากดูแลลูกพี่ที’


นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินจากพี่ดา พี่สาวที่เขารักและบูชาสุดหัวใจ


ในคืนนั้น เป็นคืนที่พี่ดายอมรับสารภาพกับพ่อและแม่ว่าเธอท้อง สิ่งที่พ่อทำคือการตบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนสิ่งที่แม่ทำก็คือการยืนมองเฉยๆ ด้วยแววตาสมเพช ในตอนนั้นเขาเป็นคนเอาตัวเข้าไปขวางแต่ก็ถูกบอดี้การ์ดของพ่อลากตัวออกมา  พ่อตบพี่ดาซ้ำๆ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเธอท้อง


เขาพยายามแล้ว เขาพยายามจะช่วยเธอแล้ว แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย


พ่อสั่งให้คนเอาพี่ดาไปขังไว้ในห้องรอทำแท้ง แต่โชคดีที่วันนั้นเธอหนีออกไปได้


หนีออกไปและไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย


แค่ครั้งนั้นเท่านั้นที่เธอติดต่อกลับมา ขอให้เขากลับมาดูแลแก้วตาดวงใจของเธอ จากนั้นเธอก็หายเข้ากลีบเมฆไปอีกครั้งเหมือนบทสนทนาในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง


เรื่องนี้มีแค่เขาที่รู้ ไม่ว่าใครก็ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด


“เอาเถอะ”


หญิงชราตรงหน้าถอนหายใจ


“ยังไงเสียเด็กคนนั้นก็เป็นคนเก่ง คงไม่ลำบากนักหรอก”


ฝ่ามือนุ่มลูบหลังมือเขาไปมา


“ว่าแต่เราเถอะ เป็นยังไงบ้าง มีแฟนกับเขาบ้างรึยัง”


ภาพของใครบางคนแวบเข้ามาในหัวจนทำให้เขาเผลอยกยิ้มกว้าง


“ยิ้มแบบนี้แสดงว่ามีคนในใจแล้วใช่ไหม”


สมกับเป็นป้าสมร แม้เขาจะไม่ตอบอะไรออกไปเลยสักคำ แต่เธอก็ยังมีความสามารถในการเดาใจของเขาได้แม่นเสมอ


“ป้ารู้ว่าเราไม่ได้ชอบผู้หญิง และป้าเองก็รู้ว่าเราน่ะมีลูกได้ ป้าไม่ว่าหรอกนะถ้าหนูจะรักหรือชอบพอใคร แต่ถึงเราจะเป็นผู้ชาย ยังไงเสียการมีคู่สร้างครอบครัวก็เป็นเรื่องใหญ่ รักใครชอบใครก็บอกแม่บอกพ่อเขาเสียนะ จะได้ตกแต่งเป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล”


ถ้อยคำนั้นค่อยๆ บาดลึกลงในใจเขาทีละนิด


“ดิมรู้ใช่ไหมลูกว่าหนูเกิดมาสูงแค่ไหน”


หญิงชราเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน


“อย่าพาตัวเองลงไปตกต่ำแบบยายดานะ”


เขาฉีกยิ้มรับแล้วพยักหน้าลงเบาๆ เป็นการรับคำ หากภายในใจนั้นกลับตรงข้าม


เขารักป้าสมรที่สุดในบรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งหมดที่อยู่รอบตัว แต่ถึงเธอจะดีที่สุดก็ยังไปไม่ถึงคำว่า ‘ดี’ อยู่ดี


เขาเปิดใจให้ใครไม่ได้เลย


ไม่มีใครเลยสักคน













“เหมียวน้อย ดื่มหนักไปแล้วรึเปล่า”


ร่างโปร่งบางผงกหัวขึ้นมาดูหน้าคนพูดเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวกลับลงไปพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม


ห้องชั้นบนสุดของร้านวันนี้ไม่ได้ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา


โคมไฟสีส้มสลัวให้บรรยากาศโรแมนติกรับกับกลิ่นหอมฟุ้งของลาเวนเดอร์ที่คละคลุ้งไปทั่วห้องเหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมา


เจ้าแมวน้อยชอบไฟสีส้มและกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ เขารู้เรื่องนี้ดี


ในห้องที่ดูปกติกลับมีบางอย่างที่ขัดใจเขาที่สุด บนโต๊ะอาหารกลางห้องว่างเปล่าเป็นสัญญาณให้รู้ว่าคนที่เข้ามาก่อนหน้ายังไม่ได้ลิ้มรสอาหารอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่รอบๆ ตัวของเด็กหนุ่มกลับระเกะระกะไปด้วยขวดแอลกอฮอล์


นั่นคือเรื่องแรกที่ทำให้เขาไม่ชอบใจ


เรื่องต่อมาคือการที่เด็กหนุ่มเอาตัวเองไปนอนเอนหลังอยู่บนโซฟานอกระเบียงทั้งๆ ที่ใส่แค่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงขาสั้นโง่ๆ


เด็กหนุ่มคนนั้นป่วยง่าย เพราะเป็นภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังไม่ค่อยดูแลตัวเอง แค่โดนฝนนิดๆ หน่อยก็ป่วยเป็นหวัดไปหลายอาทิตย์ แล้วนี่ออกไปนั่งตากลมอยู่ข้างนอกแบบนั้น ไม่รู้ว่าจะป่วยเป็นอะไรขึ้นมาอีก


เขาไม่ชอบที่อีกคนไม่ค่อยรักตัวเอง


เด็กคนนั้นเป็นแบบนี้เสมอ นัยน์ตากลมโตมักสร้างความซุกซนสดใสมาปกปิดอะไรบางอย่างที่เขาเองก็เข้าไม่ถึง ทุกครั้งที่ได้อยู่คนเดียว เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นคนละคนกับดิมที่ทุกคนรู้จัก


แต่เขารู้จักดิมทั้งสองด้านดีกว่าใคร


ดิมที่ทุกคนรู้จักเป็นคนมารยาทดี สดใสและเย้ายวน แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาตรงนี้กลับตรงกันข้ามทั้งหมด ร่างบอบบางเอนตัวไปกับโซฟา นัยน์ตาคู่สวยดูเคร่งขรึมกว่าปกติ มันทอดมองออกไปไกลแสนไกล บางครั้งเขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าอีกคนไม่ได้อยู่กับเขาตรงนี้


นัยน์ตาคู่นั้นดูลุ่มลึกและเคร่งขรึม บางครั้งก็ว่างเปล่า


เขาอยากถามว่าเป็นอะไร อยากดึงอีกคนเข้ามากอดแล้วถามว่ามีอะไรไม่สบายใจบ้างไหม


แต่เพราะบรรยากาศอึมครึมรอบตัวของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่กล้าเข้าหา


กลัวว่าอีกฝ่ายจะรำคาญ กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบ


กลัวว่าอีกคนจะไม่รัก


แก่จนป่านนี้เพิ่งจะเคยกลัวเรื่องนี้เป็นครั้งแรก คิดแล้วก็น่าสมเพชตัวเองอยู่เหมือนกัน


“ลุง”


เสียงเรียกแผ่วๆ ของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่รู้สาเหตุ ท่าทางยื่นมือออกมาไขว้คว้าหาไออุ่นจากร่างของเขาทำให้ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ตัว


เขาดีใจที่อีกฝ่ายยังต้องการเขาอยู่


ร่างเล็กๆ ซุกเข้าหาไออุ่นจากตัวเขาแต่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น


อ้อมแขนเล็กโอบกอดเขาไว้ ยึดเขาเอาไว้เป็นหลักให้ตัวเอง ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำพูดออดอ้อนอะไรหลุดออกมาจากปาก เด็กหนุ่มทำเพียงแค่กอดเขาเอาไว้แล้วเหม่อมองออกไปยังที่ๆ ไกลแสนไกล


จะมีสักวันไหมที่เด็กคนนี้จะยอมพาเขาไปที่แห่งนั้นด้วยกัน


“ลุง”


“ว่าไง”


เขาพูดพลางก้มลงจูบศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ


อยากให้รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ ตรงนี้ไม่ไปไหน


“ผมจะออกไปแตะดวงดาวได้ไหม”


คนมีอายุเผลอขมวดคิ้วให้กับคำถามแปลกประหลาดที่เขาไม่เข้าใจ


ใช้สมองคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ เพราะแบบนั้นเลยลองยื่นมือออกไปจนสุดแขนเหมือนอย่างที่เด็กหนุ่มในอ้อมแขนกำลังทำ


มันเป็นความรู้สึกที่แสนว่างเปล่า รู้ว่ามีอยู่ แต่ก็อยู่ไกลแสนไกล คว้ายังไงก็คว้าไม่ถึง


“จะมีวันไหนที่ผมได้ดากลับมาไหม”


เขารู้สึกเหมือนจะได้ยินคำว่า ‘ดา’ มากกว่า ‘ดาว’ สำคัญที่สุดคือเขาได้ยินคำว่า ‘กลับมา’ ซึ่งฟังดูแล้วแปลกพิกล แต่เพราะอีกฝ่ายเมา เขาเลยไม่ถือสาอะไร


“ต้องมีแน่ ฉันจะพาเธอไปเอง”


เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาเขา นัยน์ตากลมโตฉ่ำปรือเหมือนอย่างคนเมาทั่วไป


“จะไปด้วยกันจริงๆเหรอ จะไม่ทิ้งผมไม่ไหนใช่ไหม”


เขาฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย


“ไม่ทิ้งแน่ เพราะฉันใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีหัวใจไม่ได้”


พูดไว้แค่นั้นก่อนจะก้มลงประกบจูบดูดดื่มที่ริมฝีปากบาง


ไม่มีแมวตัวไหนเหมาะกับบรรยากาศอึมครึมของวันฝนตก เด็กหนุ่มในอ้อมกอดเขาก็เช่นกัน









**********************************************************************




[เกร็ดความรู้]



จอร์จ เฟรดริก ฮันเดล (George Frideric Handel)


เป็นคีตกวีชาวอังกฤษเชื้อชาติเยอรมัน เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 ที่เมืองฮัลเลอ ประเทศเยอรมนี เพลงที่โด่งดังมีด้วยกันหลายเพลง อาทิเช่น The Arrival of the Queen of Sheba, Music for the Royal Fireworks


แต่เพลงที่คนเขียนชอบที่สุดคือ Water Music ท่อน Alla Hornpipe ใครสนใจก็ลองไปหาฟังได้น้า เชียร์ให้ฟังเพราะคนเขียนชอบเพลงของลุง Handel มากจริงๆ จนอาจจะโผล่มาอีกหลายๆ ฉากเลยค่ะ 5555555555




***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: tamji ที่ 02-12-2017 19:31:17
ชอบ!!! แต่สั้้นเหลือเกิน... :ling3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 02-12-2017 19:43:11
ติดตามค่ะ  :call: :call:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-12-2017 19:58:13
พ่อแม่ดิม ใจร้ายกับลูกมากกกกกกกกกกกก
ก็สมแล้วที่ดิมจะไม่ชอบพ่อแม่ตัวเอง
ว่าแต่หลานดิม อยู่ไหนกัน ชื่อไร อยู่กับใคร  :katai1: :katai1: :katai1:

แต่ตาลุง นี่อายุไม่มากไปหน่อยหรือ หกสิบแน่ะ
แต่หกสิบนี่ยังเร้าาใจ ยังหื่นเต็มเปี่ยม
ลุงปราน จะฝ่าฟันด่านพ่อแม่ดิม อยู่กับดิมได้แน่หรือ
รอตอนใหม่นะ อยากอ่านอีกแล้ว  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 02-12-2017 20:42:16
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 02-12-2017 21:08:00
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 02-12-2017 22:10:15
ชอบมากเลย ยิ่งรู้ว่าคุณปราณอายุ 57 แล้วยิ่งกร๊าวใจ เคยอ่านที่พระเอกอายุเยอะอย่างมากสุดก็แค่สี่ย
สิบกว่า นี่ล่อจะเข้าวัยเกษียณแล้วแง555แต่แก่แค่อายุ ภายนอกยังหนุ่มแน่นซินะ -..-  :hao6:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-12-2017 23:03:56
เรื่องนี้ดูท่ามันไม่ใช่นิยายสดใสแล้วนะคะ ทำไมมันอึมครึมๆแบบนี้ 5555555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 02-12-2017 23:28:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-12-2017 23:38:28
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-12-2017 18:06:22
พ่อกับแม่ดิมทำไมใจร้ายขนาดนี้ ฮืออ เอาใจช่วยดิมนะคะ ปล.ลุงแซ่บมาก ไม่เคยเจอสูงวัยเท่านี้มาก่อน แค่กก--กก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Third Song] (2/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 03-12-2017 22:47:17
สนุกมากเลยค่า เป็นกำลังให้น้องดิมและคนเขียนค่า
พ่อแม่น้องดิมไม่น่าใจร้ายกับพี่ดาเลยเนอะ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหนูดิมท้องจะเป็นยังไง
ส่วนลุงก็แซ่บมากเลยค่ะอิอิ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 04-12-2017 20:12:07
Fourth Song










โลกใบนี้ยังรักเขาอยู่บ้างไหมนะ


‘เดี๋ยวเรื่องร้ายๆ มันก็ผ่านไป เหมือนควันเหนือถ้วยชาไง’


ใช่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป


‘ผ่านคืนมืดนี้ไปได้ เดี๋ยวก็เช้าแล้วนะ’


เดี๋ยวก็เช้าแล้ว อีกนิดเดียวก็จะเช้าแล้ว อดทนไว้


อดทนไว้เหมือนกับที่พี่ดาอดทนมาตลอด


“ดิม”


ใครเรียกเขากันนะ


“ดิม”


ความอบอุ่นที่โอบล้อมรอบตัวนี้คืออะไรกันนะ


อุ่นจัง สบายใจจัง


“ไม่ร้องแล้วนะเด็กดี ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”


ใครร้องกัน ไม่ใช่เขาแน่ๆ


‘ดิมของพี่เป็นคนเก่ง เพราะฉะนั้นห้ามร้องนะครับ ฮึบไว้เร็ว’


ใช่ ต้องฮึบไว้ เขาเป็นน้องดิมคนเก่งของพี่ดาเชียวนะ


“ตื่นเถอะนะคนดี ตื่นจากฝันร้ายสักที”


ตื่นเหรอ...ฝันเหรอ...


มิน่าล่ะถึงได้เจอกับพี่


...เพราะเป็นฝันนี่เอง...


ภาพแรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาคือเพดานห้องสีขาวคุ้นตา


คุ้นตาแต่กลับพร่าเลือนกว่าทุกวัน


คงเพราะน้ำเหนอะหนะที่ดวงตานี่ล่ะมั้ง


น้ำที่อยู่ในตาเรียกเหนอะหนะ แต่ลุงที่กอดเขาแน่นนี่น่ะเรียกหนัก


“ลุง ถอยไปเร็ว หนักจะแย่”


อ้อมแขนแกร่งยอมปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระ แต่เจ้าของใบหน้าคมคายยังเคล้าคลออยู่ไม่ห่างจากปลายจมูกเขาเท่าไหร่


“ฝันอะไร บอกได้ไหม”


นัยน์ตาคู่คมสบเข้ากับดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มหวังถ่ายทอดความเป็นห่วงทั้งหมดให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่สิ่งที่คนอายุน้อยกว่าเลือกจะทำคือการแสร้งหัวเราะ


ใบหน้าและเสียงหัวเราะนั้นฟังดูปกติ แต่แววตาเจ็บปวดของคนหัวเราะนั่นล่ะที่ทำให้เขารู้ว่าอีกคนกำลัง ‘ไม่ปกติ’


“ฝันว่าผมลุงกลายเป็นสีขาวทั้งหัวไงล่ะ”


ตัวเขาเองก็อยู่มาจนป่านนี้มีหรือจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังมีเรื่องในใจ


ไม่ใช่แค่กำลัง แต่มีมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน


“ปากคอเราะร้ายนักนะ”


คนถูกเอ็ดฉีกยิ้มบาง


นิ้วมือเรียวสวยไล้ไปตามใบหน้าของสูงวัยกว่า


“ลุงจะอยู่กับผมไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ”


ผ่านดวงตาคมมีเสน่ห์


“โลกนี้ใจร้ายกับผมจะตาย”


ผ่านจมูกโด่งๆ ได้รูป


“มันจะเหวี่ยงลุงออกจากชีวิตผมตอนไหนก็ไม่รู้”


นิ้วสวยหยุดเอาไว้ที่ริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายแล้วหยุดพูดไปเสียเฉยๆ


“ฉันไม่ไปเสียอย่าง ใครก็เหวี่ยงฉันไปไม่ได้”


ใบหน้าคมคายกึ่งหวานของเด็กหนุ่มฉีกยิ้มร่า


“คนแก่หัวดื้อ”


“ไม่เท่าเด็กคนนี้หรอก”


ไม่พูดเปล่า ฝ่ามือใหญ่บีบปลายจมูกของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว


พวกเขาสบตากันเงียบๆ ก่อนที่คนด้านบนจะโน้มตัวลงมาประทับจูบที่หน้าผากของเด็กใต้ร่าง


“ต่อให้โลกไม่รักเธอ รู้ไว้ว่าฉันรัก”


หัวใจเผลอเต้นผิดจังหวะไปกับคำพูดหนักแน่นของอีกฝ่าย ก่อนมันจะกลับมาสงบนิ่งตามเดิม


‘เชื่อได้แค่ไหนกัน’ นั่นเป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวเขาทุกครั้งที่ได้ยินคำรักจากอีกฝ่าย


คุณปราณเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนรวย เป็นคนหล่อ เป็นคนที่ใครต่อใครก็ต้องการ


เป็นคนที่ดีกว่าเขาทุกอย่าง เป็นคนที่เขาไม่คู่ควรด้วยเลยสักทาง


ความรักของพวกเขาดูไปทางไหนก็มีแต่อุปสรรค นอกจากช่องว่างระหว่างวัยที่ห่างกันสุดๆ จนดูเหมือนพ่อลูกแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่แย่ยิ่งกว่า...


“วันนี้คุณจะไปงานเปิดตัวคอนโดของคุณธงชัยไหมครับ”


ใบหน้าสูงวัยเลิกคิ้วใส่เขา


“ถามทำไม”


“ก็พ่อบอกว่าวันนี้มีเลี้ยงรุ่นเพื่อนสมัยมัธยมนี่นา”


ใบหน้ามีเสน่ห์ยกยิ้มยั่วเย้า


“อยากรู้จังว่าระหว่างธุรกิจกับเพื่อน คุณปราณของผมจะเลือกอะไร”


ปราณ บุญสรนพ เป็นเพื่อนของพ่อ...เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของพ่อ นายดนัย ไวยสมุทร


มีสามีเป็นเพื่อนของพ่อ


ไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่าจะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน เอาแค่เรื่องที่ว่าพ่อจะรับได้ไหมก็จบแล้ว


ตาแก่นั่นเป็นคนห่วงหน้าตาและชื่อเสียงมากกว่าสิ่งใดในโลก ขนาดพี่ดาท้องกับคนไม่มีชาติตระกูลยังโกรธขนาดนั้น แล้วนี่เขา...ลูกชายคนเดียวของตระกูลมามีอะไรกับเพื่อนสมัยมัธยมของตัวเอง


...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสถานการณ์จะจบลงแบบไหน...


“ฉันไม่ไปงานเลี้ยงรุ่นมานานแล้ว”


เด็กหนุ่มยิ้มล้อเลียน


“ไม่ไปเพราะไม่ชอบงานเลี้ยงรุ่นหรือไม่ไปเพราะกลัวความแตกว่าแอบรักกับลูกชายเพื่อนตัวเองเหรอครับ”


“ดิม”


เสียงเรียกชื่อดุๆ ทำให้เด็กหนุ่มยอมจำนนในที่สุด


“โอเค ยอมแพ้ไม่ล้อแล้วก็ได้ ไปอาบน้ำดีกว่า”


พอพูดจบก็กลิ้งตัวหนีลงจากเตียงไปอย่างรวดเร็วราวกับแมวตัวน้อยๆ ทิ้งให้คนอายุมากหัวเราะร่วนอยู่บนเตียงตามลำพัง


ร่างกำยำของชายสูงวัยทิ้งตัวลงกับที่นอนแล้วปล่อยให้ความเงียบลากเขาด่ำดิ่งลงสู่ห้วงความคิดบางอย่าง


ภาพของเด็กหนุ่มที่เขาเจอเมื่อสามปีก่อนยังตรึงตา ยิ่งได้มาอยู่ด้วยกันยิ่งตรึงใจ


โลกส่วนตัวสูง สง่างาม และปราดเปรียว นั่นคือนิยามของเด็กคนนั้นทั้งหมด


ใบหน้ามีเสน่ห์คมคายไม่ได้เค้าของพ่อมาเลยสักนิด ถ้าให้เดาก็คงได้รูปหน้าแม่มา


ไม่รู้สิ เขาเองก็จำหน้าแม่ของเด็กคนนี้ไม่ได้แล้ว คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นลูกคุณหนูจากตระกูลอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่ใคร่ใส่ใจนัก


ดิมเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่หล่อ ไม่หวาน ไม่ได้โดดเด่นจนเกินหน้าเกินตาใครแต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ยากจะละสายตา กริยามารยาทสง่างามสมเป็นคนที่ถูกฝึกสอนมาตั้งแต่เด็ก ความรู้ มันสมองก็เป็นเลิศ เกิดมาบนกองเงินกองทองแถมยังหาเงินเก่งกว่าใคร


หล่อ รวย ฉลาด เป็นคุณสมบัติของผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ แต่เขาไม่ได้ต้องการเด็กคนนั้นเพราะเขามีลักษณะแบบนั้น


เขาต้องการแค่เด็กคนนั้น ต้องเป็นเด็กคนนั้นเท่านั้น


ต้องเป็นดิมเท่านั้นที่เขาจะรัก


ชายสูงวัยหลับตาลงช้าๆ


เขาไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของดิมเป็นมายังไง เพราะเจ้าตัวไม่เคยปริปากบอก ยิ่งเพื่อนของเขายิ่งแล้วใหญ่ ‘ดลนธี ไวยสมุทร’ เป็นผู้ชายที่เขาไม่ค่อยอยากจะสุงสิงด้วยสักเท่าไหร่ ไอ้เรื่องจะให้มานั่งคุยถึงชีวิตที่ผ่านมากันคงเป็นไปไม่ได้


“ทำไมต้องดลนธีนะ”


เจ้าของเสียงทุ้มต่ำพึมพำกับตัวเองไปพลางฟังเสียงน้ำจากฝักบัวที่ไหลกระทบร่างอีกคนในห้องน้ำไปพลาง


ดลนธี หัวโจกประจำรุ่น ก่อคดีทำร้ายร่างกายคนอื่นอยู่แทบตลอดเวลา แต่อาศัยความมีอิทธิพลของครอบครัวกลบข่าวฉาวมาได้ตลอด ตอนอยู่มศ.5 ก็ขับรถชนคนตายไปคนหนึ่ง แล้วก็ยัดเงินจนรอดคุกมาได้


ไม่อยากจะดองกับคนแบบนั้นเลยสักนิด


“ลุง ลุกจากเตียงแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว”


ทันทีที่เปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งแรกที่โฟกัสคือรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้เขา ส่วนสิ่งถัดมาก็...


“คิดดีแล้วใช่ไหมที่ออกจากห้องน้ำมาด้วยสภาพนี้”


เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย


เลิกคิ้วในสภาพเปลือยท่อนบนและมีหยาดน้ำเกาะพรางพราว


ผิวขาวๆ มีหยดน้ำเกาะเป็นหย่อมๆ เหมือนคนไม่ตั้งใจเช็ดตัว กล้ามเนื้อสวยสมส่วนรับกับกระดูกที่โผล่ขึ้นมาถูกที่ถูกตำแหน่ง


ไม่บางเกินไป ไม่หนาเกินไป


...เย้ายวนกำลังดี...


ขนาดเขาอายุปูนนี้ยังหายใจหายคอไม่คล่อง ถ้าคนอื่นมาเห็นจะรู้สึกยังไงกัน


แต่ถึงแม้จะมีความรู้สึกอยากจับเจ้าแมวน้อยขังไว้ในบ้านมากแค่ไหนก็คงทำไม่ได้


“ลุง เลิกทำหน้าหื่นแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว”


เพราะแมวน่ะ ทั้งเย่อหยิ่งและรักอิสระ


“ถ้าจะไม่อาบน้ำก็ลุกมาทำข้าวเช้าให้ผมสักทีสิ”


แถมยังเอาแต่ใจเป็นที่สุด


มนุษย์เราก็แปลก รู้ทั้งรู้ว่าแมวเป็นสิ่งมีชีวิตนิสัยเสีย แต่ไม่รู้ทำไมถึงยอมกลายเป็นทาสแมวอยู่ทุกที


เป็นคุณลุงที่มาชอบแมวเอาตอนนี้...ทำอะไรไม่เหมาะกับอายุเลยจริงๆ











ชั้นบนสุดของร้านอาหารกึ่งบาร์ที่คุณปราณเป็นเจ้าของ เดิมคือห้องรับรองสุดพรีเมี่ยมสำหรับแขกที่จ่ายหนักและสนิทสนมกับเจ้าของร้านเท่านั้น


ในห้องรับรองนี้แบ่งออกเป็นสองโซนหลักๆ หนึ่งคืนโซนห้องพักผ่อนซึ่งด้านในมีเตียงนอนและห้องน้ำครบครัน และสองคืนโซนด้านนอกซึ่งเป็นโซนสำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งจะมีส่วนครัวเล็กๆ ให้สำหรับทำอาหารง่ายๆ


ไอ้ตอนแรกก็ตั้งใจจะเอาไว้ให้ลูกค้าที่อยากได้ห้องสำหรับโอกาสพิเศษอะไรทำนองนั้น แต่ไปๆ มาๆ ห้องก็ต้องปิดการจองลงเพราะถูกเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเทคโอเวอร์ไป


“พักนี้ไม่กลับบ้านเลยเหรอ”


“อย่าทำให้ผมหงุดหงิดแต่เช้าสิลุง”


น้ำเสียงเซ็งๆ ของอีกฝ่ายทำให้คนที่ยืนหั่นผักต้องหัวเราะร่วน


“เบื่อบ้านอะไรขนาดนั้น”


“ไม่ได้เบื่อบ้านครับ”


มือเรียวสวยหยิบแครอทจากเขียงไปหนึ่งชิ้น


“ผมเบื่อคนในบ้านต่างหาก”


คำพูดนั้นทำให้คนกำลังหั่นผักเผลอชะงักไปอึดใจก่อนจะทำตัวเหมือนปกติ


น้อยครั้งที่เด็กคนนี้จะพูดถึงเรื่องตัวเอง ทุกครั้งที่เขาถาม เจ้าตัวกลับพยายามเบี่ยงประเด็นด้วยซ้ำไป แล้ววันนี้จู่ๆ ดัน...


“ที่ผมพูดเพราะผมเห็นว่าเราคบกันมานานแล้วนะคุณปราณ ถ้าผมไม่บอกอะไรคุณเลยมันก็ไม่แฟร์ใช่ไหมล่ะ”


เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าอีกคน แล้วก็ต้องพบกับความจริงว่าอีกคนไม่ได้สนใจจะมองหน้าเขาแม้แต่น้อย


นิ้วเรียวสวยปาดน้ำสลัดที่เลอะตรงปากขวดแล้วใช้ลิ้นละเลียดชิมช้าๆ


“สามปีแล้วนะคุณปราณ นานเอาเรื่องเลย ไม่คิดงั้นเหรอ”


พอจบประโยคสุดท้ายจึงยอมหันกลับมาสบตากัน


สามปีที่คบกัน...นานจริงๆ


“คบมาสามปีแล้ว อยากจะดองไหมล่ะ”


“ดองเหรอ”


เด็กหนุ่มหัวเราะร่วน


“ใช้ศัพท์สมวัยจังเลยนะครับ”


“ปากดี”


“จริงเหรอครับ”


ไม่ว่าเปล่ายังเขย่งเท้าป้อนจูบให้เขาด้วย


ปลายลิ้นของอีกฝ่ายที่ลากไล้ไปริมฝีปากของเขาทำเอาแทบคลั่ง แต่ก็ต้องพยายามสะกดตัวเองไว้ก่อน วันนี้พวกเขามีงานบ่ายทั้งคู่ ถ้าเริ่มตอนนี้น่ากลัวจะต้องเบี้ยวงาน ชีวิตคงพินาศกันไปหมด


“ไม่เห็นจะดีเลยเห็นไหม ถ้าดีจริงลุงต้องสติหลุดไปแล้ว”


รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ความอดทนขาดผึง


“วันนี้มีงานกี่โมง”


รอยยิ้มรู้ทันปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่าย


“อีกสามชั่วโมงครับ”


เจ้าแมวน้อยเลื่อนเครื่องครัวทั้งหมดไปไว้สุดปลายเคาน์เตอร์ก่อนจะดันตัวเองขึ้นไปนั่งไขว้ห้างด้วยท่าทางสง่างาม มือสองข้างค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้ออย่างเชื่องช้า


“แต่ผมว่ารีบหน่อยก็ดีนะ...”


ไหปลาร้าสวยที่ค่อยๆ ปรากฏสู่สายตาทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้อง


“เผื่อรถติด”


แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่โลกส่วนตัวสูง สง่างาม และปราดเปรียว


...แถมเย้ายวนยิ่งกว่าใคร...








***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-12-2017 20:40:35
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2017 21:01:58
แหมะ เรียกเลือดดีจริง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bearjunjun ที่ 04-12-2017 21:46:55
งื้อออ คุณลุงทาสแมวที่แทททท้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-12-2017 22:42:44
ลุงปราณทาสแมว  :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: -.NF.- ที่ 04-12-2017 23:19:14
โง้ยย อยากจับแมวฟัดแทนคุณลุงเลยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 05-12-2017 00:14:20
โอยยยยยย แซ่บทั้งคู่จริงๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 05-12-2017 09:21:49
แลดูชีวิตของสองคนนี้จะไม่ง่ายเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fourth Song] (4/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-12-2017 10:11:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 05-12-2017 19:49:20
Fifth Song









เขาไม่ชอบกรุงเทพ


ไม่ชอบอีกเลยหลังจากวันนั้น


-กริ้ง กริ้ง-


เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ ดวงตากลมเหลือบมองหน้าจอของอุปกรณ์เล็กจิ๋วที่อยู่ไม่ไกล


พอเห็นชื่อที่ขึ้นโชว์ หัวใจก็อึดอัดไปหมด


อยากหนี อยากหนีไปให้ไกลๆ


ทำได้ทีไหนกัน


มือบางกดปุ่มสมอลทอร์คที่หูเบาๆ


“สวัสดีครับพ่อ”


[แกไม่ได้ลืมงานของคุณธงชัยใช่ไหม]


เขาลอบถอนหายใจเบาๆ


น่ารำคาญ


“ไม่ลืมครับ ผมกำลังไป อีกสองแยกก็ถึงแล้ว”


[ดี]


เสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นจากปลายสายทำให้ตัวเขาสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ


[อย่าทำให้ฉันผิดหวัง แล้วแกจะได้ทุกอย่างที่สมควรได้]


นั่นหมายความว่า ‘ถ้าทำให้ฉันผิดหวัง แกจะต้องเสียใจ’


มือสั่นเทาสองข้างกำพวงมาลัยแน่นจนน่ากลัวจะหลุดติดมือมา แต่เสียงของเขากลับราบเรียบเหมือนปกติ


“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลให้เรียบร้อย”


เขาตอบไปแค่นั้น


แล้วปลายสายก็ตัดไป


ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกนี่คืออะไรกัน มันทั้งอึดอัด ทั้งพลุ่งพล่านจนแยกไม่ออกว่าเป็นความกลัวหรือความโกรธ แต่ที่เขารู้แน่ๆ คือเขาไม่ชอบ เขาเกลียดความรู้สึกนี้


เขาไม่ชอบพ่อ เพราะพ่อทำให้เขามีความรู้สึกแบบนี้


มันอึดอัด มันเจ็บปวด ร้อนผ่าวไปทั้งอก


ไม่ชอบ...ไม่ชอบเลย


-ปี้น -


เสียงบีบแตรสั้นๆ จากรถคันข้างหลังดึงเขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ไฟเขียวที่โชว์หราอยู่บนไฟจราจรทำให้เขาต้องรีบเข้าเกียร์แล้วแตะคันเร่ง


การจราจรในกรุงเทพนั้นน่าเบื่อ ไฟแดงใช้เวลาหนึ่งชาติ ไฟเขียวใช้เวลาหนึ่งวิ รถราพวกนี้ก็มาจากไหนกันนักกันหนาก็ไม่รู้ จะขับผ่านสักแยกไปได้ใช้เวลาร่วมสิบยี่สิบนาที ที่ร้ายที่สุดคือเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหน ช่วงไหน ถนนเส้นไหนจะติดหรือไม่ติด วันดีคืนดีพญาไทก็รถติดทั้งที่ปกติไม่ติด หรือวันดีคืนดีพระรามสี่ก็รถไม่ติดทั้งๆ ที่ปกติก็ติดอยู่ทุกวัน เสียอย่างนั้น


คนจะอยู่ในกรุงเทพให้มีความสุขได้ต้องเป็นคนมีดวง เพราะขืนเป็นคนดวงอับอย่างเขาก็ต้องมาผิดเวล่ำเวลาจนติดแหง็กอยู่บนถนนแบบนี้ล่ะ


โชคดีที่เขาเผื่อเวลามาดี ไม่งั้นคงต้องไปสายแน่


โชคดีที่ตาลุงนั่นทำเวลาดีเกินคาด


ดวงตากลมโตเหลือบมองรถสปอร์ตสีดำคันหรูที่จอดอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลังแล้วอมยิ้มบางๆ


ทั้งที่พวกเขาต้องไปงานเดียวกันแท้ๆ แต่กลับต้องขับรถแยกกันมาเพื่อไม่ให้น่าสงสัย


ลูกชายของดลนธี ไวยสมุทร ทายาทของตระกูลไวยสมุทร มางานกับ ปราณ บุญสรนพ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ยังดูเซ็กซี่แม้อายุจะปาเข้าเลขหกไปแล้ว


แค่เด็กอมมือยังรู้เลยว่าจะกลายเป็นข่าวใหญ่ขนาดไหน เพราะแบบนั้นเขาจึงขอแยกกันขับรถมาตั้งแต่ที่ร้าน


ถึงจะแยกกันมา แต่ตาลุงนั่นก็ขี้ห่วงเหลือเกิน ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่าให้ไปเจอกันในงานเลยก็ได้ ก็ยังยืนยันจะขับรถตามหลังเขาให้ได้ ตัวเขานี่ก็บ้า แค่เพราะอีกฝ่ายพูดออกมาประโยคเดียวก็ยอมเขาเสียแล้ว


‘เป็นห่วง’


บ้าชะมัด


เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วมองเงาสะท้อนของรถคุ้นตานั่นผ่านกระจกมองข้าง


ภายใต้ฟิล์มสีดำสนิทนั่น ตาลุงนั่นจะทำอะไรอยู่ก็ไม่มีใครรู้ ใบหน้ามีอายุแต่ยังหล่อเหลานั้นอาจจะหันไปหันมาเพื่อเช็คทรงผมเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลาที่เขาขับรถแล้วอีกฝ่ายเป็นผู้โดยสาร หรืออาจจะนั่งฟังเพลงเก่าๆ ของ The Beatles ไม่ก็ฮัมเพลง ทรายกับทะเล ที่ตาลุงนั่นชอบนักหนา


ก็คงเป็นอะไรทำนองนั้นล่ะนะ


ว่าแล้วก็ขอแกล้งอีกคนสักหน่อยแล้วกัน


นิ้วเรียวปัดหน้าจอขนาดเล็กตรงคอนโซลหน้ารถอย่างสองสามวิ


“Call คุณปราณ”


สิ้นเสียงพูด สัญญาณรอสายก็ดังขึ้นที่สมอลทอร์คของเขา


เทคโนโลยีสมัยนี้มันรวดเร็วทันใจดีเหมือนกัน


[ว่าไง]


น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูเหนื่อยล้ากว่าปกติจากปลายสายเผลอทำให้เขานึกถึงเรื่องเมื่อเช้าเสียได้


หื่นกามจริงๆ เลยดนัย


“ไม่มีอะไรครับ แค่จะโทรมาขอบคุณที่อุตส่าห์บีบแตรบอกผม”


[เหม่ออะไรล่ะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาขับรถต้องมีสติ]


“อย่าบ่นสิลุง พอดีพ่อโทรมาน่ะครับ”


ปลายสายเงียบไปเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรจะพูดอะไรดี เขาเลยอาสาต่อบทสนทนาเอง


“หลังจากงานคุณธงชัย คุณมีงานที่ไหนต่อรึเปล่า”


[ไม่มีแล้ว]


“เยี่ยม งั้นไปหาอะไรดื่มกันไหม”


เขาได้ยินเสียงถอนหายใจ


[ฉันแก่แล้วนะเหมียวน้อย เมื่อเช้าเสียพลังงานไปเยอะ ขอกลับไปพักได้ไหม]


พอได้ยินเสียงเหนื่อยๆ ของอีกฝ่ายหัวใจมันก็เต้นระส่ำอย่างไม่มีสาเหตุ


เมื่อเช้าก็...เสียพลังงานเยอะจริงๆ ล่ะนะ


“โอเค งั้นกลับไปเปิดไวน์ที่ห้อง”


[ที่บ้าน]


ฮะ?


“บ้าน?”


[ใช่ วันนี้จะพาไปบ้านฉัน]


เด็กหนุ่มนิ่งคิดอย่างชั่งใจ


[ไม่ได้ไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ทุกคนเขาคิดถึงคุณหนูกันหมดแล้ว]


“เพ้อเจ้อน่ะลุง”


ถึงจะตอบออกไปแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมใบหน้าถึงเห่อร้อนแปลกๆ


แม่บ้านของตาลุงเคยบอกว่า ‘คุณผู้ชาย’ ไม่เคยพาใครเข้าบ้านมาก่อน นอกจากภรรยาที่หย่ากันไป ก็มีแค่ ‘คุณหนู’ คนเดียว


มันเริ่มจากคุณป้าแม่บ้านนั่นล่ะ ทุกคนในบ้านหลังนั้นเลยเรียกเขาว่าคุณหนูกันหมด


...บ้าน...


แล้วหัวใจจะเต้นแรงทำไมกันนะ


[ไปนะ]


“อืม”


สุดท้ายก็จบลงแบบนี้จนได้
















เขาไม่ชอบงานเลี้ยง แต่มีคนเคยบอกว่าเขาเกิดมาเพื่อเข้าสังคม


...เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการสร้างคอนเนคชั่นทางธุรกิจ...


ทันทีที่เข้าเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง สายตาทุกคู่ก็ปรายมองมาด้วยความสนอกสนใจ หนึ่งคือพวกที่สงสัยว่าเขาหายไปไหนจึงไม่เข้างานสังคมเสียนาน สองคือพวกที่รู้ว่าเขาเป็นลูกของดลนธี ไวยสมุทร เจ้าของกิจการอาหารแช่แข็งผู้มีชื่อเสียง และสามคือพวกสอดรู้สอดเห็น


“อ้าวดิม ไม่ได้เจอกันนานเชียว เป็นยังไงบ้าง”


เสียงร้องทักของชายหนุ่มคนหนึ่งทำให้เขาต้องหันไปยิ้มให้


ทรงผมเรียบแปล้ ใบหน้ากลม ดวงตาเล็ก ผิวขาวเหลือง ใส่สูทสั่งตัดจากร้านทั่วไป ข้างในใส่เชิ้ตขาวธรรมดาผูกด้วยไทสีแดงที่ทำจากผ้าไหม


คนๆ นี้ต้องเป็นคนที่สนิทกับเขาในระดับหนึ่งจึงได้กล้าเรียกชื่อจริง สำคัญคือมีชื่อเสียงพอตัวและเป็นคนไทยเชื้อสายจีน


คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมีเพื่อนแบบนี้อยู่...


...อ๋อ...


“สบายดี แล้วยศล่ะ เป็นไงบ้าง”


ใบหน้ากลมนั้นประดับด้วยรอยยิ้มกว้างทำให้เขารู้ว่าเขาพูดชื่อออกไปถูกคน


“ไม่ได้เจอกันนานมาก นึกว่าจะจำกันไม่ได้แล้วนะเนี่ย”


เขาแสร้งหัวเราะขำขันเหมือนไม่ได้ลืม


“ใครจะจำไม่ได้ ยศทั้งคนเลยนะ ตอนมัธยมต้นยังให้เราลอกการบ้านคณิตอยู่เลย”


เขานี่ล่ะที่จำไม่ได้


เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ลืม อีกฝ่ายจึงมีท่าทีผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย


“เราแทบไม่ได้เจอเพื่อนเก่าๆ เลยล่ะ แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปหมด แถมกิจการช่วงนี้ลำบากเลย เศรษฐกิจไม่ค่อยดีน่ะ ส่งออกได้น้อยกว่าปีที่แล้วเยอะมากจนน่าห่วงเลยล่ะ เราเลยไม่ค่อยได้ออกไปพบใครเท่าไหร่”


“ไม่เป็นไรหรอก ยศซะอย่าง เดี๋ยวก็ประคองกลับมาได้อยู่แล้ว”


เขาหมายความตามที่พูด เท่าที่จำได้ เขาคนๆ นี้เห็นมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น รู้ดีว่าเป็นคนเก่งและซื่อสัตย์ ยังไงก็ต้องกลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคง


“อ้าวดนัย ไม่เจอกันนานเลยนะครับ พักหลังไม่ค่อยออกงานเลยนะ”


แต่คนที่เข้ามาใหม่นี่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าโครงฝรั่ง นัยน์ตาสีดำ ผมสีเข้มเซ็ตทรงเว็ทลุค เสื้อเชิ้ตติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ด สูทสีน้ำเงินดูกึ่งผ่อนคลายกึ่งเป็นทางการ


“พอดีที่ร้านยุ่งๆ น่ะครับคุณเอก ผมก็เลยไม่ได้มาร่วมงานสังคมเลย”


“คุณดนัยนี่ดีนะ ทำธุรกิจมีความเสี่ยงน้อย ต่อให้ล้มก็ไม่เจ็บ ว่าแต่เมื่อไหร่จะมารับช่วงต่อที่บริษัทคุณพ่อล่ะครับ”


เสือก


“คงอีกสักพักเลยล่ะครับ ผมเองก็ยังต้องเรียนรู้งานอีกมาก”


“เหรอครับ ผมก็นึกว่าคุณดนัยจะเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเสียอีก”


ใบหน้ามีเสน่ห์ฉีกยิ้มบาง


“คุณเอกก็ว่าไปนั่น อย่าเอาคนอื่นไปเทียบกับตัวเองสิครับ”


รอยยิ้มของอีกฝ่ายหุบลง เหลือไว้เพียงแววตาคมกริบดุร้าย


“ปากหมาเหมือนเดิมเลยนะดิม”


“ไม่เท่าคุณเอกหรอกครับ”


ฝ่ามือใหญ่รวบเอวเขาไปอยู่ในอ้อมกอด


“ฉันล่ะอยากขยี้นายลงใต้ร่างจะแย่”


เสียงกระซิบกระเส่าที่ข้างหูทำให้เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม


กักขฬะ ไม่เจียมตัว


แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังฉีกยิ้มพลางปรายตามองผ่านแผ่นหลังของคนที่โอบกอดเขาอยู่


นัยน์ตาดำสนิทของอีกคนกำลังมองมาด้วยแววตาไม่พอใจ


นัยน์ตาคมของตาลุงกำลังมองมาด้วยแววตาหงุดหงิดใจ


หึงแหง


...น่าสนุก...


มือเรียวแสร้งดันร่างใหญ่ของอีกคนเบาๆ


“ปล่อยผมนะครับ”


“แรงแค่นี้ คิดว่าจะผลักฉันออกไปได้เหรอ”


ไม่คิด เพราะไม่ได้ตั้งใจจะผลักออกไปแต่แรก เขาแค่แสร้งทำเป็นขัดขืนเพื่อส่งบทให้พระเอกขี่ม้าขาวเท่านั้นเอง


แต่โลกใบนี้มักไม่เห็นด้วยกับแผนของเขาอยู่เสมอ


“กรุณาปล่อยด้วยครับ”


น้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ยินมานานแสนนานทำให้เขาต้องหันขวับไปมองแล้วเผลออ้าปากค้างอย่างตกตะลึง


“ทีน/ไอ้ทีน”


เขากับไอ้เอกพูดชื่อของคนมาใหม่ออกมาแทบจะพร้อมกัน


ไม่ตกใจยังไงไหว ในเมื่อคนๆ นี้แทบจะหายไปจากแวดวงธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วจู่ๆ...


“แล้วตกลงเอกจะปล่อยดิมได้รึยัง หรือจะต้องให้เราไปพูดออกไมค์”


เสียงท้วงจากอีกฝ่ายทำให้ไอ้ฝรั่งขี้นกยอมปล่อยเด็กหนุ่มออกจากวงแขนก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดหายไป


โล่งใจก็ส่วนหนึ่ง หงุดหงิดที่ผิดแผนก็ส่วนหนึ่ง แต่ความรู้สึกพวกนั้นถูกความตกใจกลบไปจนหมด


“ทีน...มาได้ยังไง”


“นั่งรถมา”


“ทีน”


เสียงดุๆ ของเขาทำให้คู่สนทนาหัวเราะ


นัยน์ตาสีดำนั้นดูเป็นประกายยามจ้องมอง


“ไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีไหม”


เด็กหนุ่มเหลือบมองคนที่อยู่ไกลๆ พลางยกยิ้ม


“ไปสิ”


เขายิ้มเพราะดวงตาคมที่ทอดมองมาทางเขาตลอดเวลา


มีใครไม่ชอบเวลามีคนเป็นห่วงบ้างล่ะ


เขาคนนึงล่ะที่ชอบ













กรุงเทพเป็นเมืองที่สวยในยามค่ำคืน


ระเบียงกว้างบนยอดตึกสูงทำให้ทิวทัศน์ที่เห็นสวยกว่าปกติ แสงไฟหลากสียามค่ำคืนปรากฏเป็นดวงๆ ลมเย็นๆ พัดปะทะร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่าเคล้าคลอไปกับเสียงเพลงแจ๊สแผ่วๆ จากที่ไหนสักแห่ง


คงเป็นห้องจัดเลี้ยงสักที่ในโรงแรมนี้ล่ะมั้ง


“เราไม่ค่อยชอบเพลงแจ๊สเท่าไหร่”


คำพูดของคนข้างตัวทำให้เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก


“แต่ผมชอบนะ”


ภาพของใครบางคนปรากฏขึ้นในหัว


เสียงครางกระเส่า ลมหายใจหนักๆ มัดกล้ามเนื้อสวยลื่นมือ ผมสีควันบุหรี่คลอเคลียอยู่ที่คอให้ความรู้สึกจั๊กจี้


หื่นกามจริงๆ เลยดนัย


“ดิมเจอพี่ดารึยัง”


ประโยคที่คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องได้ยินจากอีกฝ่ายทำให้เขาอดถอนหายใจออกมายาวๆ ไม่ได้


ทีนเป็นเพื่อนสมัยมัธยมต้นของเขา เป็นคนที่เขาสนิทที่สุด ไว้ใจที่สุด รักที่สุด แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ย้ายบ้านไปต่างจังหวัดตอนมัธยมปลาย ก็เลยกลายเป็นว่าห่างหายกันไปตั้งแต่ช่วงนั้น


มาเจอกันอีกทีก็ตอนที่เขาออกตามหาพี่ดา


ตอนนั้นเขาอ่อนไหวเกินไป เสียใจมากเกินไป ทั้งเรื่องพี่ดา ทั้งเรื่องแฟนเก่า ทั้งเรื่องผ่าตัดมดลูกที่เจ็บแทบขาดใจ ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาจนเขาเสียหลักยึด


เพราะแบบนั้นเขาเลยเผลอเล่าเรื่องทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟังจนหมดเปลือก


“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็เจอ”


“เมื่อไหร่ล่ะ?”


คู่สนทนาของเขาหลบตาไปเงียบๆ


บทสนทนาเงียบลง ส่งให้ต่างฝ่ายต่างจมจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง


“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าทีนหรอกนะ”


“ขอโทษเหมือนกันที่พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง”


แล้วก็เงียบ


ความเงียบน่าอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนสองคนทำให้คนช่างพูดต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง


“แล้ว...ช่วงนี้ทีนทำอะไรอยู่ล่ะ”


คนถูกถามอมยิ้มบางๆ แล้วทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก


“ก็เรื่อยๆ ล่ะ ทำงานวิศวะในบริษัทบ้านจัดสรร ไม่มีอะไรหวือหวาหรอก”


ก็สมกับเป็นคนๆ นี้ดี


“แล้วกิจการฟาร์มไม้ดอก ไม้ประดับที่บ้านล่ะ”


“ให้พี่ธามดูแลน่ะ พี่เขาจบเกษตรมา น่าจะทำได้ดีกว่าเรา”


ธาม พี่ชายของทีนเป็นเพื่อนสนิทคนนึงของพี่ดา


หนึ่งในชนชั้นกลางไม่กี่คนที่เป็นเพื่อนของทายาทตระกูลไวยสมุทร


พ่อของเขาเคยบอกเป็นทำนองว่า ตระกูลของทีนและพี่ธาม เป็นตระกูลของข้าราชการยศธรรมดาตั้งแต่ยุคร.5 ร.6 ไม่ใช่คนร่ำคนรวยแต่ก็นับว่าเป็นพวกมีอันจะกินอยู่ประมาณนึง ในแวดวงธุรกิจก็ไม่ใช่คนสลักสำคัญอะไร สู้เอาเวลาไปสนิทกับตระกูลอื่นน่าจะดีเสียกว่า


แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เคยเลิกคบกัน


ทั้งทีนและพี่ธามเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่คบสองพี่น้องด้วยความจริงใจ น่าเสียดายที่หลังจากครอบครัวของทีนย้ายออกไปจากกรุงเทพ พวกเขาก็แทบไม่เคยเจอกันอีกเลย


พอมาเจอกันอีกทีก็ดันมีเรื่องขึ้นเสียได้


“แล้วดิมล่ะ ทำอะไรอยู่”


“เปิดร้านทำผมน่ะ”


เจ้าของร่างสูงโปร่งไม่ต่างจากเขาหัวเราะร่วน


“ก็เหมาะกับดิมดีนะ ทรงผมตอนมาเรียนสมัยก่อนโคตรเฟี้ยวเลย เราจำได้”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


นานแค่ไหนแล้วที่หัวใจของเขาไม่ได้พักผ่อนแบบนี้


“แล้วไปยังไงมายังไงถึงมางานคุณธงชัยได้ล่ะ”


ทีนหัวเราะเบาๆ


“ดิมคงลืมไปแล้วว่าลุงธงชัยเป็นลุงเขยของเรา”


...อ๋อ...จริงด้วย ลืมไปสนิทเลยสิ


เพราะแบบนั้นเลยหัวเราะแก้เก้อไปเบาๆ


คนข้างๆ หันมามองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือมาโยกหัวเขาไปมาอย่างที่ชอบทำ


เมื่อก่อนเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดเลยจริงๆ


“ดิม”


เสียงขรึมๆ ที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดชะงักแล้วหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน


ทีนมีท่าทีงุนงงเล็กน้อย ในขณะที่อีกคนกลับกระตุกยิ้มบาง


คนขี้หึงมานู่นแล้ว


“คุณจักรอยากคุยด้วย”


เด็กหนุ่มหัวเราะ ‘ฮึๆ’ ในคอแล้วหันไปบอกลาเพื่อนเก่า


“แล้วเจอกันนะทีน”


“โอเค”


เขาหยุดโบกมือให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในตัวอาคารโดยมีอีกคนเดินตามหลังมาเงียบๆ


ไม่มีคำพูดบอกว่าให้ไปที่ไหน ไม่มีคำพูดบอกว่าผิดทาง


ก็จะบอกได้ยังไง ในเมื่อคุณจักรอะไรนั่นไม่รู้จักเขาสักหน่อย


ประตูห้องน้ำชายถูกผลักเข้าไปอย่างเชื่องช้า นัยน์ตากลมกวาดมองไปรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วคว้าเอาป้าย ‘อยู่ระหว่างทำความสะอาด’ ไปตั้งหน้าห้องน้ำเสียเสร็จสรรพ


คนสูงวัยกอดอกพิงกำแพงมองร่างเล็กๆ เคลื่อนที่ไปทางนู้นทีทางนี้อย่างคล่องแคล่วแล้วอดกระตุกยิ้มไม่ได้


ดูเจ้าแมวนั่นสิ เข้าใจหาวิธีง้อเขานักเชียว


-กริ้ก-


เสียงล็อกประตูทำให้ร่างหนาฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ


เอาเข้าจริงอายุเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว จริงๆ ก็ถึงวัยที่จะเข้าวัดทำบุญได้แล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้จะพูดว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่สมัยหนุ่มๆ เขาเป็นพวกอารมณ์ทางเพศสูงจนน่าตกใจ พอแก่ตัวลงก็อารมณ์ทางเพศก็ลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังสูงมากเมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกัน


เพราะแบบนั้นเลยยังฟัดแมวน้อยได้อยู่ทุกวัน...วันละหลายๆ ครั้ง


“รู้ใช่ไหมว่าทำอะไรผิด”


ร่างสมส่วนตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รินรดลงที่ปลายคาง


“ผมก็มารอรับโทษแล้วนี่ไง”


นิ้วเรียวสวยกรีดเปิดให้เห็นของในอุ้งมือน้อยๆ


ซองโลหะเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสคุ้นตา


“เชิญลงโทษตามสบายเลยครับ”


“ถ้าฉันไม่อยากใช้ล่ะ”


คิ้วเรียวขมวดยุ่ง


“เราคุยกันจบไปแล้วนะคุณปราณ ผมยังไม่พร้อม”


“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม”


เด็กหนุ่มเม้มปากเงียบๆ แววตาปรากฏแววสับสนจนเขาสงสาร


เอาเถอะ พวกเขายังมีเวลาคุยเรื่องนี้กันอยู่ ตอนนี้ช่างมันก่อนแล้วกัน


ฝ่ามือใหญ่ทาบลงบนใบหน้าเล็กเบาๆ


“เมื่อเช้าเจ็บหลังไหม”


แววตาซุกซนนั่นทำให้หัวใจเขาเต้นรัว


“เจ็บครับ”


เรียวแขนเพรียวคล้องคอเขาไว้แล้วดึงเข้าไปหา


ปลายจมูกของพวกเขาสัมผัสกัน ริมฝีปากอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ


“แต่ผมชอบ”


 ริมฝีปากเล็กประทับรอยจูบลงที่ปลายคางของเขา


“ถามทำไมเหรอครับ”


เขายิ้ม


ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเขาทำหน้าแบบไหนออกไป สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้คือเขาต้องการ


เขาต้องการเจ้าแมวตรงหน้านี้ ตอนนี้


ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น


“ก็ถามไว้ เผื่อต้องเรียกคนมาเอารถเพราะขับกลับไม่ไหว”


ในเมื่อขังเอาไว้ในกรงไม่ได้ ก็ต้องใส่ปลอกคอไว้


ต้องเลี้ยงด้วยความรักให้เคยตัวจนหนีไปไหนไม่ได้อีกเลย





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 05-12-2017 20:14:25
เพิ่งเข้ามาอ่านก็รู้สึกได้ถึงความสนุก แม้จะดูดราม่าแต่ก็ยังจะอ่านต่อ :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2017 21:16:33
ใครกันนะ  :hao3:
ที่ทำให้ดิมเสียใจ
รักกันแล้วมาทิ้งกันไป
อย่าหวนกลับมาหาดิมอีกนะ

ดิม มีคนดูแลที่หวง ห่วง หึงแล้ว
แถมต้องการดูแลดิม อย่างจริงใจ
ปราณ ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-12-2017 22:49:43
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 05-12-2017 22:52:45
นึกภาพคนอายุ60เป็นพ่อคนแรกเกิดได้นะ แต่เวลาที่จะอยู่กับลูกกับเมียมันน้อยเนี้ยสิ ไม่ได้จะแช่งลุงนะ แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 05-12-2017 23:05:39
มีปมม  :ling3:

ลุงหกสิบแล้วต้องรีบมีลูกแล้วล่ะ
เห็นใจลุงแกหน่อยนะดิม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-12-2017 23:06:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 05-12-2017 23:38:26
มันแซ่บมาก ลุงดีมากกกกกก ชอบ เหมาะแก่สาวน้อยที่ชอบชายสูงวัยแซ่บๆอย่างนุ้ง
พ่อน้องดิมนี่ร้ายกาจมาก จะด่ามากกว่านี้ก็ไม่กล้า เฮ้อ เอาเป็นว่าไม่ดีอ่ะ หนีๆไปแล้วสร้างครอบครัวกับลุงเถ๊อะะะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 06-12-2017 00:25:36
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งปวดหน่วงๆ ที่หัวใจ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 06-12-2017 04:09:30
โหววว คุณปราณ กร๊าวใจมากค่าา
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 06-12-2017 11:59:47
ลุงรีบมีลูกนะ เดี่ยวจะแก่จนลูกเรียกปู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 06-12-2017 13:08:19
 :katai5:ลุงปราณแซ่บมาก ดิมก็ยั่ว เรื่องนี้แซ่บจริงๆ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-12-2017 16:55:57
ยกให้ลุงเป็นที่หนึ่ง ปาดหน้าเฮียอิ้วไปแล้วกันนะ โอ๊ย...รักลุงอ่ะ แซ่บมาก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-12-2017 22:22:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Fifth Song] (5/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-12-2017 22:38:52
ดูปมน้องน่าจะสาหัสมากเลยนะคะ เอาใจช่วย   :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-12-2017 18:49:39
Sixth Song










เมื่อตอนเด็กๆ เขาเคยเป็นคนหลับยาก แค่เสียงก๊อกแก๊กของถุงที่โดนลมพักก็ทำให้เขานอนไม่หลับไปทั้งคืน แต่หลังจากเขาออกจากบ้านมาใช้ชีวิตตามลำพัง ปัญหาพวกนั้นก็หมดไป


ชีวิตที่ต้องเรียนตอนกลางวัน ทำงานอย่างหนักในตอนกลางคืน ทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปรำคาญอะไรได้อีก แค่มีเวลาให้ร่างกายพักผ่อนก็ถมเถแล้ว


ขอแค่ผ้าห่มอุ่นๆ กับหมอนนุ่มๆ ก็พอแล้ว จะเป็นที่ไหนก็ไม่สนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบนโซฟาหรือบนรถเขาก็หลับได้ แต่เขาไม่ชอบนอนบนรถเท่าไหร่เพราะมันจะทำให้เขาเคยตัวและเผลอง่วงนอนเวลาขับรถ


ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...


แสงไฟถนนข้างทางดวงแล้วดวงเล่าที่วาบเข้ามาแล้วก็ผ่านไป...เข้ามาแล้วก็ผ่านไป ตัวรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว


เงียบเพราะคนขับก็ไม่พูดอะไร คนที่นั่งข้างๆ เขาก็ไม่พูดอะไรออกมา


ไอ้คนขับน่ะพอเข้าใจว่าลูกน้องที่ไหนจะกล้าชวนเจ้านายคุย แต่ตาลุงข้างๆ เขานี่สิ...


“ง่วง”


เป็นเขาเองที่ตัดสินใจพูดออกมาก่อน


เขาไม่ชอบความเงียบเท่าไหร่ เพราะความเงียบมักดึงเขาเข้าสู่ห้วงความคิดที่เขาไม่ชอบ


ความคิดถึง...ความกลัว...ความอึดอัด


ความเงียบทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องในวันวาน


ความเงียบทำให้เขาจมจ่ออยู่กับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว


น่ากลัวที่สุดคือความเงียบชอบทำให้เขารู้สึกคิดถึง


ความคิดถึงนั้นน่ากลัว เพราะเรารักคนที่อยู่ในห้วงของความคิด แต่เราไม่มีเขาอยู่ในสายตา ถ้าเขาอยู่กับเรา ความคิดของเราจะไปถึงเขา แต่พอเขาหายไป ความคิดของเราเลยไปไม่ถึง เขาไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไง เราก็ไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร เราเลยอยากจะคิดให้ถึงเขา อยากให้ความคิดของเราไปให้ถึงคนๆ นั้น


เราเลยคิดถึง...เผื่อว่าสักวันความคิดของเรามันจะไปถึงคนไกล 


คิดถึง...ดิมคิดถึงพี่ดา


“ก็สมควร”


เสียงทุ้มๆ นั้นตอบกลับมาช้าพอสมควร วงแขนแกร่งโอบตัวเขาเข้าไปใกล้ๆ


อุ่น...ไออุ่นทำให้ความคิดถึงนั้นจางลงไปบ้าง


“ตะกละตะกราม”


เสียงบ่นพึมพำของเขาได้รับการตอบรับเป็นรอยจูบที่ประทับลงบนศีรษะ


“โทษตัวเองเถอะ”


มันไม่ใช่คำกล่าวโทษ


เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำกล่าวโทษ น้ำเสียงพึงพอใจกับอ้อมกอดอุ่นๆ ของอีกฝ่ายเป็นสิ่งยืนยันที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้โดนดุ


เผลอๆ จะโดนชมเสียมากกว่า


“นอนไปซะ”


เจ้าของอ้อมแขนนั้นดันให้ร่างของเขานอนเหยียดไปตามความยาวของเบาะ แล้วช้อนหัวเขาวางลงบนตักของตัวเองเสียเสร็จสรรพ


ก็ดีแล้ว เขาเองก็ไม่อยากเห็นดวงไฟพวกนั้นอีกแล้ว


ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึง


‘เวลารถแล่นเร็วๆ เราจะมองเห็นว่าดวงไฟมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไปใช่ไหมล่ะ’


“เดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะทายาให้นะ”


‘แต่จริงๆ แล้วดวงไฟพวกนั้นมันไม่ได้วิ่งไปไหนเลย ตัวเราต่างหากที่วิ่งจากมา’


ฝ่ามือใหญ่ลูบผมเขาเบาๆ


“นอนเถอะ”


‘ดิมจะวิ่งไปไกลแค่ไหน จะวิ่งเร็วแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าเจอเสาไฟต้นที่ชอบแล้วต้องหยุดนะ’


“ฝันดีนะเจ้าแมวน้อยของฉัน”


‘ถ้าเจอเสาไฟต้นที่ชอบแล้ว กอดมันเอาไว้ให้แน่นๆ นะ’


ต้องกอดเอาไว้


กอดเอาไว้ให้แน่นๆ










เขาติดหมอนข้าง


ติดมาตั้งแต่เด็กจนโต ทุกวันจะต้องตื่นมาในสภาพที่มีหมอนข้างอยู่ในอ้อมกอด แต่ช่วงสามปีให้หลังมานี้หมอนข้างของเขาเปลี่ยนไป


“ดิมตื่น”


หมอนข้างของเขาพูดได้


“ต้องกินข้าวให้ตรงเวลารู้ไหม ตื่นได้แล้ว”


บางครั้งหมอนข้างของเขาก็จู้จี้ขี้บ่น


“ถ้าไม่ตื่นจะอุ้มไปอาบน้ำแล้วนะ”


หมอนข้างของเขาเป็นพวกชอบหาคำขู่เด็กๆ มาขู่เขาเสมอ


“หนึ่ง”


อยากทำอะไรก็ทำเถอะ


“สอง”


เขายังนอนไม่เต็มอิ่มเลยด้วยซ้ำ


“สาม”


“เหวอ!”


นัยน์ตาสองข้างเบิกโพล่งเมื่อร่างทั้งร่างถูกยกขึ้นอย่างกะทันหัน ด้วยความรักตัวกลัวตาย แขนสองข้างของเขาจึงเกี่ยวกระหวัดเข้ากับลำคอแกร่งตามสัญชาตญาณ


ไม่ดีเลย...ท่านี้ไม่ดีเลย


ตาลุงนั่นไม่ได้คิดจะอุ้มจริงๆ อยู่แล้ว เป็นตัวเขาเองที่บ้าจี้กลัวจนเกินเรื่อง พอโดนยกตัวขึ้นหน่อยก็เลยคว้าอีกคนเข้ามาใกล้ด้วยความตกใจ เพราะแบบนั้นพวกเขาเลยอยู่ในสภาพที่ค่อนข้าง...ล่อแหลม


ตัวเขานั่งคุกเข่าอยู่เหนือตัวของอีกฝ่าย มือสองข้างคล้องเข้าที่ลำคอหนาในขณะที่มือของอีกฝ่ายก็ยึดเอวเขาไว้แน่น ใบหน้าห่างกันแค่คืบ ลมหายใจของต่างฝ่ายต่างรินรดลงบนจมูกของกันและกัน


ล่อแหลมสุดๆ


นัยน์ตาคมเป็นประกายวิบวับ


“อรุณสวัสดิ์”


เขายู่หน้าใส่


“เล่นพิเรนทร์น่ะลุง เดี๋ยวกระดูกกระเดี้ยวหักขึ้นมาทำยังไง”


รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าสูงวัย


“เป็นห่วงเหรอ”


“เออ”


แม้จะห้วนสั้นและติดหยาบคายไปสักหน่อย แต่คนสูงวัยก็ไม่คิดจะถือสาอะไร ตรงกันข้ามเสียอีก...


ริมฝีปากนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดเพื่อดูว่าเขาเต็มใจหรือไม่ พอเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้มีท่าทีหลบหลีกจูบหอมหวานยามเช้าก็เริ่มต้นขึ้น


ฟันคมงับริมฝีปากบางเบาๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นละเลียดปลอบโยน ปลายลิ้นของคนสองคนหยอกเย้ากันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะโจนจ้วงเขาหากันเหมือนคนหิวโหย มือหนาลูบไปทั่วแผ่นหลังสมส่วนเรียกอุณหภูมิในร่างกายให้พุ่งเกินขีดจำกัด


แล้วทุกอย่างหลังจากนั้นมันก็เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ


เรียวแขนนุ่มค้ำยันตัวเองขึ้นจากเตียง


แผ่นหลังเนียนถูกทาบทับ


เสียงครางกระเส่าต่ำๆ ดังขึ้นข้างหู


ร่างทั้งร่างสั่นคลอน ลำคอแห้งผาก นัยน์ตาสวยคลอไปด้วยของเหลวใส


...แล้วสติก็ถูกฉุดรั้งไปจนถึงจุดสูงสุด...


แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาตามจังหวะพลิ้วไหวของผ้าม่านสีขาวสะอาดตาทำให้ดวงตาเขาพร่าเลือนจนจับโฟกัสอะไรไม่ได้


ไออุ่นจากร่างอีกคนทำให้ตัวเขาสั่นจนควบคุมไม่ได้


บ้าจริง


จังหวะถอดถอนตัวของอีกคนทำให้เขาเผลอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว


เขาไม่ชอบจังหวะนี้เลยจริงๆ มันกระสันแต่กลับไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้


มันดี แต่เขาก็ไม่ชอบ


“อาบน้ำไหม”


เรียวแขนกำยำดึงแผ่นหลังเขาที่นอนหมดแรงไปในอ้อมกอด


เสียงทุ้มนั้นยังติดหอบเล็กน้อย แต่ก็นับว่าเบาบางมากเมื่อเทียบกับเขา


น่าโมโหชะมัด


“ผมอยากแช่ตัว”


“ได้สิ”


“แต่ไม่อาบด้วยกันนะ”


อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ ถ้าให้เดาหน้าหล่อๆ นั่นคงขมวดคิ้วยุ่งด้วย


“ทำไม”


“ผมเหนื่อย”


“แค่อาบน้ำด้วยกันไม่ได้หมายความว่า...”


เด็กหนุ่มพลิกร่างตัวเองไปสบตากับอีกฝ่าย


“ไอ้ผมน่ะไม่ขัดข้องหรอกนะ แต่ตัวคุณนั่นล่ะที่เป็นปัญหา คุณห้ามตัวเองได้ไหมล่ะคุณปราณ”


ดวงตาคมกริบฉายแววยุ่งยากใจปนไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมแล้วเหมือนกัน


เมื่อวานก็แล้ว เมื่อคืนก็แล้ว แล้วไหนจะเมื่อกี้นี้อีก บางทีเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสมัยที่ตาลุงนี่ยังมีอารมณ์ทางเพศเต็มเปี่ยมจะเป็นขนาดไหนกัน นี่ขนาดเจ้าตัวบอกว่าลดลงไปเยอะแล้วยังทำเอาเขายอมแพ้ ถ้ายังเป็นสมัยที่ยังมีหนุ่มแน่น สงสัยคงต้องได้เลิกกันเพราะเรื่องที่เขาทนไม่ไหวแหงๆ


ตาเฒ่าหื่นกามเอ๊ย


“โอเค ฉันยอมแพ้”


ตาลุงนั่นถอนหายใจเบาๆ


“งั้นฉันอาบน้ำก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วจะมาเรียก”


“ดีล”


พอพูดจบ เขาก็ตวัดผ้าห่มผืนหน้ามาคลุมตัวแล้วหลับตาลงหวังนอนเอาแรงสักงีบ ไม่รู้ว่าวันนี้เขาต้องรับมือกับตาลุงยังไงบ้าง สู้เก็บพลังงานไว้ก่อนน่าจะดีกว่า


จู่ๆ ความอุ่นชื้นที่คุ้นเคยก็แนบลงบนแก้มแล้วผละออกไปเร็วๆ


ให้ตายสิตาลุงนั่น คนจะหลับจะนอน


ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยอมนอนอมยิ้มโดยไม่ปริปากบ่นจนหลับไปอีกรอบอยู่ดี











“คุณหนูไม่มาเสียนาน ป้าล่ะคิดถึ๊ง คิดถึง”


“ผมก็คิดถึงป้าติ่งเหมือนกันคร้าบ ไม่เจอกันตั้งนาน คุณป้ายังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”


“แหม ทำมาเป็นปากหวานกับคนแก่นะคะเนี่ย”


“แก่ที่ไหนกันครับ คุณป้ายังดูสาวอยู่เลย”


ดูเจ้าแมวน้อยนั่นสิ ฝีปากระดับเทพขนาดนั้น สมแล้วที่ใครๆ ในวงการธุรกิจก็ต่างพูดถึง


“ถ้าป้ายังสาว แสดงว่าคุณปราณก็ต้องยังหนุ่มสิคะ เพราะคุณปราณน่ะเด็กกว่าป้าตั้งสี่ห้าปีเลยนะ”


นัยน์ตาสวยที่ปรายมองมาฉายแววดื้อดึงก่อนจะหันกลับไปสบตาแม่บ้านของเขาด้วยแววตาสดใสเหมือนเดิม


“นี่คุณป้าแก่กว่าคุณปราณเหรอครับเนี่ย ถ้าไม่บอกเนี่ยไม่รู้เลยนะครับ”


“คุณดิมละก็”



เสียงหัวเราะของคนสองคนคลอกันเบาๆ ช่วยให้บรรยากาศห้องอาหารอบอุ่นสดใสจนเขาอดยิ้มตามไม่ได้


ก่อนจะมีเจ้าแมวน้อยชีวิตของเขามันว่างเปล่าจนน่าสมเพช บ้านหลังใหญ่บนเนื้อที่สองไร่แถบชานเมืองดูโดดเดี่ยวและว่างเปล่า ห้องอาหารที่มีโต๊ะยาวหรูหรารับกับเก้าอี้มีราคาครบชุดดูไร้ค่าเมื่อมีคนใช้งานแค่เขาคนเดียว


แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว...


“ดิม อ้าปาก”


เขาจ่อขนมปังทาเนยที่ถูกฉีกเป็นก้อนเล็กๆ พอดีคำเข้าที่ริมปากบาง


“ผมกินเองได้ครับ”


“ดิม”


ดวงตากลมหรี่ใส่อย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมอ้าปากกินขนมปังเข้าไปแต่โดยดี


เด็กคนนั้นชอบทำทีเป็นเก่งไปอย่างนั้นเอง พอโดนตื้อโดนอ้อนเข้าหน่อยก็ยอมโอนอ่อนอย่างง่ายดาย


วิธีเลี้ยงแมวข้อที่หนึ่ง จงจัดการแมวดื้อด้วยความอ่อนโยน







***********************************************************************



พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ



หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-12-2017 20:51:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-12-2017 21:06:06
ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มกัน  :mew1:

ปราณ เติมเต็มให้ดิม
ดิม ก็เติมเต็มให้ปราณ
ปราณ ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 07-12-2017 21:50:34
น่ารักอ่ะ เหมือนต่างฝ่ายต่างเติมเต็มกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 07-12-2017 23:45:14
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 08-12-2017 00:39:04
กลัวว่าใครสักคนจะเป็นคนทนไม่ไหว
ฮืออออออ

กลัวดราม่ามาก
เพราะเริ่มต้นมันฟีลกู้ดเหลือเกินนนน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: benceii ที่ 08-12-2017 00:57:39
สารภาพว่าอ่านไปก็ใจคอไม่ดีค่ะ ลุ้นปมดราม่ามาก ๆ เพราะน้องดิมดูมีเรื่องในใจเยอะเหลือเกิน อย่าม่ามากนะคะ สงสารคนอ่านหัวใจอ่อนแอคนนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 08-12-2017 14:39:25
รอติดตามค่ะ o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 08-12-2017 15:12:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-12-2017 15:26:23
 o13
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 08-12-2017 16:55:22
กลัวดราม่า ดิมมีปมทั้งคนรักเก่า ทั้งครอบครัว ชอบๆๆ ชอบตาลุงด้วย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-12-2017 23:11:18
ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้สักที ลุงแซ่บมากจะหลงลุงตามเมียเด็กอีกคนละเนี่ย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-12-2017 23:50:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-12-2017 01:19:10
ในความแก่นั่นมีเสน่ห์ซ้อนอยู่ อย่าดราม่าเยอะนะคะไรท์ กลัวหัวใจลุงรับไม่ไหวค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Sixth Song] (7/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 09-12-2017 11:31:51
Seventh Song









“คุณเคยเห็นปารีสตอนฝนตกไหม”


ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ไม่ได้ยินคำถาม


“คุณชอบเพลงคลาสสิคเพลงไหนเหรอ”


ร่างกำยำที่กำลังดำผุดดำว่ายในน้ำไม่ตอบ


“แล้วคุณว่า...ถ้าผมหายไป คุณจะอยู่ได้ไหม”


ไม่มีคำตอบ


เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะเขาไม่เคยถามออกไป แต่เขาก็คิดวิถีชีวิตตัวเองหลังคำตอบเอาไว้บ้างแล้ว


ถ้าคนๆ นั้นบอกว่าอยู่ได้ เขาจะออกเดินทาง แต่ถ้าไม่...


ถ้าไม่แล้วจะยังไงต่อ...


...


เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน


-กริ้ง กริ้ง-


เสียงเรียกเข้าคุ้นหูทำให้เขาต้องหันไปมองเจ้าอุปกรณ์เล็กจิ๋วที่กำลังแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง


ชื่อคนโทรเข้าทำให้เด็กหนุ่มรีบคว้ามันขึ้นมากดรับสาย


[มึง กูได้เรื่องแล้ว]


“ว่ามา”


หัวใจเขาเต้นถี่รัว แต่เสียงที่เปล่งออกไปยังคงราบเรียบเหมือนปกติ


ปลายสายเงียบไป ความเงียบถูกแทนที่ด้วยเสียงพลิกกระดาษที่ดังลอดผ่านเข้ามา


[กูสืบมาได้สามคน คนแรกที่หน้าคล้ายพี่มึง เข้าฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตช่วงพฤษภาคมเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งตรงกับช่วงที่พี่มึงหายออกไปจากบ้านพอดี แต่พี่มึงไม่ได้ท้องเพราะฉะนั้นตัดไป คนที่สอง ชาวบ้านบอกว่าเป็นเมียกำนัน กูว่าพี่ดาไม่ใช่คนตาต่ำ ตัดซะ ส่วนคนสุดท้ายนี่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เห็นว่าเปิดร้านขายอาหารอยู่แถวในเมือง สำคัญคือโสด กูว่าคนสุดท้ายนี่แหละ]


ริมฝีปากบางระบายลมหายใจออกมาเงียบๆ


เขาว่าเป็นคนแรก แต่ปลายสายต้องไม่รู้เรื่องนี้


“มึงส่งมาให้ทั้งสามคนเลยได้ไหม เดี๋ยวกูจะได้ไปหาเบาะแสเพิ่ม”


[เอาของสองคนแรกด้วยเหรอวะ]


นัยน์ตากลมจับจ้องไปที่ใครบางคนที่กำลังออกกำลังกายในสระน้ำอย่างมีสมาธิ


เขาอยากมั่นใจว่าอีกคนจะไม่รู้เรื่องนี้


จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้


“เออ ไหนๆ ก็หามาแล้ว เอามาให้หมดนั่นล่ะ ส่งมาทางเมล์เหมือนเดิม”


[เออ ได้]


เขาได้ยินเสียงนิ้วสัมผัสคีย์บอร์ด


ต๊อกแต๊ก...ต๊อกแต๊ก...ต๊อกแต๊ก


แล้วโทรศัพท์ของเขาก็สั่นแจ้งเตือนการมาถึงของข้อความ


นิ้วเรียวปัดหน้าจอไปมาอย่างคล่องแคล่วอยู่อึดใจ


“ได้แล้ว ขอบใจมาก”


[เออ พี่มึงก็เหมือนพี่กู ช่วยอะไรได้ก็อยากช่วยว่ะ]


เขาทอดสายตามผืนน้ำที่กระเพื่อมไหว


[ปกติพี่ดาเขาเป็นคนใจเย็นนะเว้ย แต่คราวนี้เขาหายไปไม่ติดต่อมึงมาห้าปีเลยนะเว้ย ห้าปีเลยนะมึง ทะเลาะกันแรงไปไหม กูว่ามึงไปคุยกับพ่อให้ช่วยพูดดีไหมวะ]


แสงแดดที่กระทบกับผืนน้ำทำให้เขาตาพร่า


ตาพร่าจนเห็นเหตุการณ์วันนั้นวาบกลับขึ้นมาในหัว


‘พ่อคะ หนูท้อง’


‘กับใคร’


‘...’


‘ฉันถามว่าท้องกับใคร!’


‘ฮึก หนู...หนูท้องกับคุณ...’



[เฮ้ย มึงยังฟังกูป่ะเนี่ย]


เสียงนั้นดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความจริง


โลกที่ร้อนอบอ้าวและสงบ


“เออ ฟังอยู่”


เขาโกหก


‘จำคำฉันไว้ อย่าเอาความจริงทั้งหมดไปฝากไว้กับใครทั้งหมด เลือกใช้คนให้เป็น บนโลกแห่งผลประโยชน์ไม่มีคำว่ามิตรภาพ’


ไม่มี...ไม่มีใครทั้งนั้น


[แล้วพักนี้มึงหายไปไหน ไม่เห็นมาหากูทุกอาทิตย์เหมือนเมื่อก่อนเลย]


“ยุ่งกับร้าน”


[โกหกพ่อตาย]


“อย่ายุ่งกับพ่อกู”


คำพูดราบเรียบถูกเปล่งออกจากปาก


ไม่ใช่เพราะอยากปกป้องคนถูกพูดถึง แต่เขาทำไปเพื่อปกป้องคนพูดต่างหาก


[แหม ลูกดีเด่นจังเลยมึงอะ เชี้ย!]


คำอุทานของอีกฝ่ายทำให้เขาขมวดคิ้วยุ่งขึ้นมาด้วยความสงสัย ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากถามอีกฝ่ายก็พูดใส่มารัวเร็ว


[มึง พ่อมึงมาที่สนามกูวะ ฉิบหายมากๆ กูลืมตารางเช่าสนามไปเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย กูขอตัวไปดูแลพ่อมึงก่อนนะ]


พอพูดจบก็วางสายใส่เขาทันที


ให้ตายสิ


“หัวเราะอะไร”


เสียงร้องทักจากคนที่เพิ่งขึ้นจากสระน้ำยิ่งทำให้เขาฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว้างเก่า


ไม่ได้ยิ้มเพราะคำถาม แต่ยิ้มเพราะเห็นร่างกายหนากำยำเปียกโชกราวกับลูกหมาตกน้ำ


ตอนเขาอายุหกสิบปีจะกลายเป็นคนแบบตาลุงนี่ไหมนะ


...เขาจะมีอายุอยู่ถึงหกสิบปีไหมนะ...


“ลุงมานี่มา”


แขนเรียวที่ยื่นมาจนสุดความยาวทำให้คนตัวสูงฉีกยิ้มกว้าง คนๆ นั้นเดินมาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ชายหาดตัวเดียวกับเขาพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูในมือมาให้


ผมสีควันบุหรี่ถูกเช็ดอย่างอ่อนโยน


กล้ามเนื้อสวยถูกสัมผัสด้วยผ้าเนื้อนุ่มทุกตารางนิ้ว


“ขอบคุณ”


คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาดเอ่ยเบาๆ พลางกระตุกข้อมือเขาเป็นสัญญาณว่าให้ขยับขึ้นไปนั่งบนตัก


เขาไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ


“ถ้ามีลูก ให้เขาชื่ออุ่นกับหนาวดีไหม”


สายลมร้อนเอื่อยๆ พัดผ่านร่างของเขาสองคน


“คนหนึ่งเกิดตอนหน้าร้อน อีกคนหนึ่งเกิดตอนหน้าหนาว”


เขาได้ยินเสียงตัวเองหัวเราะ แต่ภาพที่ปรากฏในหัวกลับเป็นกลุ่มหมอกควันที่เขาหาทางออกไม่เจอ


“ดิม”


ร่างแกร่งเอนตัวลงบนเก้าอี้ชายหาด ท่าทางนั้นเป็นการบังคับให้เขาต้องทิ้งตัวซบลงกับแผงอกของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้


มืออุ่นๆ เล่นหัวเขาอย่างที่ชอบทำ


“ฉันอยากมีลูก”


เขาก็อยากมี


อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์กับคนๆ นี้เหมือนกัน


“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ”


แต่นั่นคือคำตอบที่สมควร


“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”


เขาไม่รู้


เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่เขาจึงจะปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกหนักอึ้งนี่ได้สักที


“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ต้องบอกฉันนะ”


น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นฟังดูเหมือนกำลังอ้อนวอน


“ฉันจะรอวันที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน”


ความหยุ่นชื้นประทบลงบนหัว


“เป็นครอบครัว”


แดดวันนี้คงแรงเกินไป ภาพตรงหน้าของเขามันถึงได้เบลอไปหมด
















เสียงกระทบของส้นรองเท้าบนพื้นคอนกรีตดังก้องไปทั่วบริเวณ ขาเพรียวสวยก้าวไวๆ อย่างคนคุ้นชินเส้นทางก่อนจะถูกหยุดไว้ด้วยคำทักทายจากคนคุ้นเคย


“อ้าวดิม มึงมาได้ยังไงวะ”


“พ่อเรียกกูมา”


เขาตอบแค่นั้นแล้วออกเดินต่อ ทำให้อีกฝ่ายต้องเดินตามมาด้วย


“ก็สมควรเรียกอยู่หรอก วันนี้พ่อมึงเอาปืนมาลองหลายกระบอกเลย เขาคงอยากให้มึงดู”


เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบปรับสีหน้ากลับเป็นราบเรียบตามเดิม


ปืน...พ่อซื้อปืนอีกแล้วเหรอ


ทำตัวเหมือนพวกมาเฟียเข้าไปทุกที


“พ่อกูอยู่ไหน”


“ที่เดิม”


“ขอบใจ”


คำขอบคุณของเขาถูกตอบรับมาด้วยการใช้สองนิ้วแตะขมับแล้วตวัดออกก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินจากไปอย่างรู้งาน


สมแล้วที่คบกันมานาน


เขาหุบยิ้มลงเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่มีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง


“สวัสดีครับคุณชาย”


พวกเขาไม่ได้ยกมือไหว้ แต่กลับค้อมตัวลงคำนับ


นั่นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของบ้านมาตั้งแต่เขาจำความได้


“พ่ออยู่ไหน”


“ด้านในครับ”


เด็กหนุ่มกวาดตามองหน้าชายหนุ่มสองคนตรงหน้า


ไม่เคยเห็น


“วันนี้พ่อมีโปรแกรมไปไหนต่อไหม”


“มีไปคุยธุรกิจกับคุณฤกษ์ที่โรงแรมของคุณฤกษ์ตอนห้าโมงเย็นครับ”


เป็นคนทางด้านขวาที่ตอบกลับมาก่อน


เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่ยืนไม่พูดไม่จาอะไร


“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”


เหมือนจะรับรู้ถึงสายตากดดันได้ คนทางด้านซ้ายจึงยอมปริปากออกมา


“ไม่มีแล้วครับ เป็นเวลาพักผ่อน”


ใบหน้าน่ารักพยักรับหนึ่งทีก่อนจะส่งสัญญาณให้เปิดประตู


ห้องรับรองที่ปรากฏตรงหน้ายังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปจากครั้งล่าสุดที่เขามา ตัวห้องกว้างขวางมีบรรยากาศแข็งกระด้างจากผนังและพื้นที่เป็นปูนเปลือย เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเน้นโทนสีขาวดำวางไว้อย่างมีแบบแผน ส่วนในสุดของห้องคือสนามหญ้าเปิดโล่งที่มีเป้าสำหรับการซ้อมยิงหลายรูปแบบ ทั้งเป้านิ่ง เป้าเคลื่อนไหว บางครั้งก็มีเป้ามีชีวิตบ้างถ้าลูกค้าต้องการ


สนามยิงปืนแห่งนี้เป็นสถานที่แบบนั้น


สนามยิงปืนของ ‘เดล’ เป็นสถานที่ไร้จริยธรรมแบบนั้นล่ะ


สองข้างเรียวก้าวเข้าไปช้าๆ ด้วยจังหวะมั่นคง ทุกฝีเท้าย้ำชัดถึงตัวตนของเขา


ต้องหนักแน่น ไม่อย่างนั้นตัวตนจะถูกกลืนกิน


“มาช้ากว่าที่ฉันคิดไปสามนาที”


คำพูดนั้นดังมาจากชายสูงวัยที่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าเขา


ขนาดหันหลังยังรู้ว่าเป็นเขา


แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นเขา


...สมแล้วที่เป็นพ่อ...


“ผมคุยกับบอดี้การ์ดหน้าห้องอยู่น่ะครับ”


“เหรอ”


อีกฝ่ายไม่ได้หันมามองหน้าเขาเหมือนอย่างที่ควรทำ ตรงกันข้าม ฝ่ามือเหี่ยวย่นนั้นกลับปลดสไลด์ปืนแล้วยกขึ้นเล็งเป้าอย่างเป็นธรรมชาติ


เขาคุ้นชินกับท่าทางพวกนี้ของพ่อเสียแล้ว


เพราะแบบนั้นเขาจึงเลือกหันไปทางด้านขวาของห้อง ที่ตรงนั้นมักมีคนคุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่


วันนี้ก็เช่นกัน


“อานพครับ รบกวนจัดการบอดี้การ์ดสองคนที่เฝ้าหน้าห้องด้วย”


“มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณดิม”


เด็กหนุ่มปรายตามองไปที่ ‘พ่อ’ ก่อนจะหันกลับมาสบตากับคู่สนทนา


“มันรู้ตารางงานพ่อ”


แม้จะไม่มองหน้ากัน แต่เขารู้ดีว่าคนสูงวัยกำลังรอฟังคำพูดเขาอยู่


“ตามหลักของเรา นอกจากมือซ้ายกับมือขวาก็ไม่มีใครมีสิทธิ์รู้ตารางงานของเจ้านาย ไม่ว่ามันจะรู้มาเพราะความสู่รู้ส่วนตัวหรือเพราะเป็นสายของคู่แข่งก็ต้องจัดการ”


ชายวัยกลางคนในชุดสูทดำเผยยิ้มพึงพอใจเหมือนรู้ดีอยู่แล้วว่าจะถูกสั่งให้ไปทำอะไร แต่อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยังมีมารยาทพอจะรอฟัง ‘นายน้อย’ ของบ้านสั่งการ


“จัดการมันซะ”


แล้วคนอายุมากกว่าก็ก้มหัวให้กับเขา


“รับทราบครับ”


เสียงปิดประตูเงียบไปแล้ว อีกไม่นานมันคงจะถูกแทนที่ด้วยเสียงปืน


เสียงปืนนัด สองนัดในสนามยิงปืนไม่ใช่เรื่องแปลก หรือต่อให้มันแปลก เพื่อนเขาก็ใจหยาบพอที่จะปล่อยผ่าน


นี่คือความจริงของเขา...คือโลกแห่งความจริงของเขาที่ตาลุงนั่นไม่เคยสัมผัส


เขาเป็นคนแบบนี้ ไม่ใช่แมวน้อยไร้เดียงสา ไม่ใช่ดิมช่างตัดผมผู้มีชื่อเสียง แต่เขาคืออนาคตผู้กุมบังเหียนกิจการทั้งหมดภายใต้เครือไวยสมุทร แม้จะเป็นกิจการในโลกสว่างแต่บางครั้งก็มีคู่แข่งในโลกสีเทา


เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใคร เพื่อเงินมนุษย์ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว รวมไปถึงการหันกระบอกปืนใส่คนบริสุทธิ์ด้วย


ปากกระบอกปืนมันมีไว้สำหรับทุกคน ถ้าไม่พกปืนไว้กับตัวสักกระบอก สักวันก็คงโดนยิงตาย


เขาเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรของโลกสีเทาแห่งนี้ เป็นคนที่อาศัยอยู่ในโลกสีเทาๆ หม่นๆ นี่มาตั้งแต่เกิด แม้จะไม่เคยสบายใจที่ต้องตัดสินชีวิตใคร แต่เขาต้องทำ


ถ้าเขาไม่ชิงตัดสินมัน สักวันจะเป็นเขาเองที่ถูกตัดสิน


พ่อสอนเขามาแบบนี้ เลี้ยงดู ปลุกปั้นเขาให้เติบโตมาแบบนี้


ครอบครัวที่ ‘ปกติ’ มันดูเป็นอะไรที่ห่างไกลจากความจริงของเขาเหลือเกิน


“ทำได้ดี”


ในที่สุดชายคนนั้นก็ยอมหันมา


รูปร่างเตี้ยหนา ไหล่สองข้างผึ่งผาย ใบหน้าขึงขังเต็มไปด้วยริ้วรอยย่นแต่ก็ยังปรากฏเค้าของความหล่อเหลาในอดีต


คนๆ นี้คือพ่อของเขา


“ไอ้ฉันก็เผลอคิดไปว่าแกจะกลายเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไปแล้วจริงๆ”


เขาเงียบเพราะรู้ว่ายังไม่ใช่จังหวะที่เขาควรพูด


“แล้ววันนี้ไปไหนมาล่ะ”


ลมหายใจของเขากระตุกไปชั่ววูบ แต่เขามั่นใจว่าตัวเองกลบเกลื่อนมันได้อย่างแนบเนียน


“ไปบ้านเพื่อนครับ”


“เหรอ”


เสียงแหบต่ำของอีกคนเอ่ยรับแค่นั้น ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเสียเฉยๆ


เขาชินแล้ว ตาแก่นี่เอาแต่ใจจะตาย


“แล้วตกลงแกจะเอาผู้หญิงหรือผู้ชาย”


น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงไปในคอ


“ผมไม่ชอบผู้หญิงครับ”


นัยน์ตาคมดุปรายมองเขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจกับปืนในมือตามเดิม


“ก็แล้วแต่แก ยังไงก็ท้องได้แล้วนิ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ฉันขอเตือนไว้อย่าง...”


ใบหน้าดุดันเงยขึ้นมอง


“อย่าทำอะไรโง่ๆ อย่างพี่สาวแก”


ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังติดอยู่ในหัว


“พ่อหมายถึงอย่าท้องก่อนแต่งเหรอครับ”


นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา


คนอย่างพ่อ ไม่น่าจะโกรธแค่เพียงเพราะท้องก่อนแต่ง


เขาได้ยินเสียง ‘ฮึ’ ต่ำๆ จากคนที่อยู่ห่างไปหลายเมตร


“แม่แกก็ท้องก่อนแต่ง เผื่อไม่รู้”


เขารู้ เพราะรู้อยู่แล้วก็เลยสงสัยว่าทำไมเหตุการณ์วันนั้นจึงเลวร้ายได้ขนาดนั้น


“ถ้างั้น...”


“คิดสิ”


นัยน์ตาคมกริบสบกับเขาอย่างมีนัยยะ


“อย่าโง่”


เพียงเท่านั้นคำถามทั้งหมดก็ถูกกลืนหายลงไปในคอ


ความเงียบเข้ายึดพื้นที่ในห้องอยู่พักใหญ่จนกระทั่งปืนกระบอกหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเขา


ปืนพกแบบกึ่งอัตโนมัติสีดำสนิทถูกยื่นมาให้โดยพ่อบังเกิดเกล้าของเขาเอง


“ฉันได้ปืนมาใหม่ อันนี้ของแก”


“ผมยังมีกระบอกเก่าอยู่ และมันก็ยังใช้ได้...”


“ฉันให้”


เพียงแค่นั้นเขาก็ต้องยอมรับมันมา


หลังจากยื่นปืนให้เขา ร่างของชายสูงวัยก็เดินกลับไปตรงแท่นเตรียมยิง


“แกจะทำอะไร ที่ไหน กับใคร ฉันไม่เคยคิดจะก้าวก่าย”


เขาได้ยินเสียงปลดสไลด์ปืน


“แต่ฉันขอไว้สองอย่าง...”


-ปัง!-


ลูกปืนลูกแรกถูกยิงออกไป


“หนึ่ง สิ่งที่แกเลือกจะต้องเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อไวยสมุทร”


-ปัง!-


ลูกปืนลูกที่สองถูกยิงออกไป


“สอง”


ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นหันมามองเขา


“จะเอากับใครก็คิดให้ดีๆ”


พอพูดจบก็หันกลับไปง่วนอยู่กับการใส่กระสุนปืน ทิ้งเขาไว้กับหัวใจที่เต้นถี่รัวจนแทบทะลุอออกมาจากอก


หมายความว่ายังไง พ่อของเขาหมายความว่ายังไง


“ออกไปได้แล้ว จะไปไหนก็ไป”


ยังไม่ทันที่เขาจะหาความหมายของคำสั่งนั้นได้ คำไล่ราบเรียบก็ถูกเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน


แม้จะสงสัยแต่เขาก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้แล้วเดินออกมา


พ่อเขาหมายความว่ายังไง


ใช่ว่าตัวเขาจะไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา การที่พ่อจะรู้จะเห็นเรื่องคุณปราณบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขาทำใจเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกที่คบกับตาลุงนั่นแล้วว่าถ้าพ่อจะรู้ก็ปล่อยให้รู้ไป แต่ต้องไม่ใช่โดยการเดินเข้าไปบอกจากปากเขาโดยตรง


ถ้าพ่อจะรู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่พ่อไม่สั่งห้ามหรือพูดตรงๆ นั่นต่างหากที่แปลก


ถ้าคนๆ นั้นเป็นศัตรู พ่อจะสั่งไม่ให้เขายุ่ง


ถ้าคนๆ นั้นเป็นมิตร พ่อจะสั่งให้เขาสานสัมพันธ์


อย่างคราวแฟนเก่าของเขา พ่อก็สั่งให้เดินหน้าสานสัมพันธ์เต็มที่ ตอนเขาขอผ่าตัดมดลูกก็ไม่มีอิดออดแม้แต่คำเดียว แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม พ่อไม่พูดอะไรเลยสักอย่าง ไม่ห้าม ไม่สนับสนุน แต่กลับบอกให้เขาคิดดีๆ นั่นแสดงว่าพ่อรู้อะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้


พ่อรู้เบื้องหลังบางอย่างแต่เลือกจะไม่บอกเขา


...ทำไมล่ะ...


จู่ๆ ก็รู้สึกว่าปืนในมือหนักกว่าปกติ


ทั้งที่เขาเองก็คุ้นชินกับปืนมาตั้งแต่เด็กแท้ๆ แต่พอนึกถึงใบหน้าของอีกคนที่อยู่ในห้วงความคิด อาวุธในมือก็ดูเป็นภาระหนักอึ้งไปเสียอย่างนั้น


เขาเป็นคนในโลกสีเทา และเขาก็คิดว่าตาลุงนั่นคือคนที่อยู่ในโลกสีขาวมาตลอด


แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจ


คำพูดของพ่ออาจจะน่ากลัวและเย็นชา แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่มันจะถูกกล่าวขึ้นมาลอยๆ อย่างไร้ความหมาย


คุณปราณ คุณเป็นใครกันแน่






***********************************************************************


พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ




หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-12-2017 12:01:46
อย่างงี้ค่อยน่าลุ้นหน่อย ร้ายทั้งคู่
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 09-12-2017 12:28:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-12-2017 13:15:53
คุณปราณเลี้ยงแมวเก่งงง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-12-2017 14:57:16
นึกว่าน้องจะอยู่ในโลกสีเทาคนเดียว ลุงก็ไม่ธรรมดา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 09-12-2017 15:23:56
แก่แล้วมันก็ต้องมีของบ้าง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-12-2017 16:29:24
คุณลุงของเรามีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกันคะะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 09-12-2017 17:06:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-12-2017 17:30:12
ใครจะตายก่อน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2017 18:26:59
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 09-12-2017 19:46:48
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2017 21:33:11
พ่อดิม จะเก่งคนเดียวได้ยังไง
ลุงก็ต้องเก่ง ไม่งั้นจะอยู่มาถึงป่านนี้ได้ยังไง

แต่พ่อแม่ดิม ร้ายกาจกับลูกสาวเกินไปนะ  :fire: :fire: :fire:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 09-12-2017 21:41:46
เริ่มสงสัยในตัวลุง พ่อลุงนี่น่ากลัวอ่ะ เราอยู่ไม่ได้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-12-2017 23:17:09
อยากจะยกเพลงนี้ให้
ไม่ธรรมดา อะหื้อ ไม่ธรรมดาาาาาาา

เห็นไหมมม นางจะม่า
นางหลอกให้เราตายใจด้วยฟีลกู้ดดดด
เกร้ดดดดด
ถึงงคนเขียนหอกแต่เต็มใจให้หลอกกก
555555555

คนเขียนไม่ได้หลอกหรอก
แต่เราเข้ามาอ่านแล้วติดเอง
งือออออออ
หยุดไม่ได้แล่วววววว
ติดแล่ววววว
555555555555555555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Seventh Song] (9/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 10-12-2017 11:14:25
Eighth Song









เสียงดนตรีแจ๊สในห้วงทำนองแว่วหวานคุ้นหูที่ดังมาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงตรงมุมห้องทำให้เขานึกถึงใครบางคน


ป่านนี้เจ้าเหมียวจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้


หลังจากพวกเขาใช้เวลาช่วงเช้าอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เด็กคนนั้นก็ดันได้รับโทรศัพท์เรียกตัวให้ไปพบด่วนจนต้องกุลีกุจอออกไปตั้งแต่เที่ยงวัน ความจริงเขาก็ค่อนข้างชินกับการที่อีกฝ่ายโดนโทรตามแบบนี้ แต่วันนี้มีบางอย่างที่ชวนให้เขากังวลใจ


เหมือนเป็นลางสังหรณ์บางอย่างที่เตือนขึ้นมาว่าชีวิตคู่ของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนไป


ไม่สบายใจเลยจริงๆ


-ก๊อก ก๊อก ก๊อก-


“ขออนุญาตครับ”


เสียงพูดที่ดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูทำให้เขาต้องกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า


ไม่เป็นไร ยังไงเสียแมวน้อยก็หนีเขาไปไม่ได้อยู่แล้ว


ไม่เป็นไร มันต้องไม่เป็นไร


“เข้ามา”


สิ้นเสียงอนุญาต ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มในชุดสูทดำสนิท ร่างสมส่วนถือซองสีน้ำตาลมายื่นให้เขาด้วยสีหน้าราบเรียบ


“เอกสารหนี้ของเอกชาติ แอนเดอสันครับ”


เอกชาติ...อ๋อ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในงานเปิดตัวคอนโดที่กล้ามาแตะต้อง ‘ของๆ เขา’ นั่นเอง


“ว่ามา”


นัยน์ตาเรียวสีดำสนิทของคนถูกถามสบเข้ามาในตาของเขา


“ไม่มีอะไรมากนอกจากเขาไม่มีปัญญาเอาเงินมาจ่ายครับ”


“ดี”


เจ้าหนี้ที่ยินดีกับการที่ลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายคงฟังดูแปลกสำหรับคนอื่น จริงๆ มันก็แปลกสำหรับเขาอยู่เหมือนกัน แต่กรณีนี้ถือเป็นกรณียกเว้น


กรณีที่มีดิมเข้ามาเกี่ยวถือเป็นข้อยกเว้นทั้งหมด


“ให้มันติดหนี้เราเยอะๆ แล้วบีบมันให้หนีออกนอกประเทศไปซะ”


“ท่าทางจะยากนะครับ”


นัยน์ตาคมกริบตวัดมองคนพูดเงียบๆ


นี้เป็นวิธีกดดันในแบบของเขา ไม่มีการถาม ไม่มีการเค้นให้ตอบ เพียงแค่สายตาเท่านั้นที่สื่อทุกอย่างออกมา คนทั่วไปมักจะไม่เคยชินกับสายตาแบบนี้จนหลุดปากพูดออกมาจนหมด แต่ไม่ใช่กับคนๆ นี้


เลขาคู่กายของเขาเป็นคนเรียบนิ่งในทุกสถานการณ์ ใบหน้าสวยจัดของอีกฝ่ายไม่มีท่าทีตื่นตระหนก ตรงกันข้ามกลับเฉยชากว่าเดิมด้วยซ้ำ


“เอกชาติขายอสังหาฯที่ต่างประเทศไปหมดเพราะติดการพนัน ถ้าบีบจัดจริงน่ากลัวจะกลายเป็นหมาบ้าลอบกัดแทน”


“ใครสนล่ะ”


คนตรงหน้าเขาถอนหายใจ


“คุณไม่สนผมไม่ว่าหรอกครับ แต่ถ้ามันแว้งกัดลูกแมวของคุณขึ้นมา...”


รอยยิ้มน่ารังเกียจปรากฏบนใบหน้าสวย


“อย่าหาว่าผมไม่เตือนแล้วกัน”


น่ารังเกียจ...เลขาของเขาเป็นคนน่ารังเกียจจริงๆ


“นายนี่ชักจะลามปามฉันมากขึ้นทุกวัน”


“ทนเอาหน่อยเถอะครับ ไม่ใช่ผม ก็ไม่มีใครกล้า ‘ทำงาน’ ให้คุณแล้ว”


ช่างเป็นคำพูดที่ชวนหงุดหงิดใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเรื่องจริง


นอกจากคนๆ นี้ก็ไม่มีใครที่เขาไว้ใจให้ทำงานสกปรกให้อีกแล้ว


“ไปจัดการเรื่องปากของนายและการกู้ยืมหนี้สินให้เรียบร้อยซะ หลังจากนั้นจะขอลาหยุดก็ลาไป”


คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างฉงนใจ


“คนอย่างคุณปราณพูดเรื่องวันลาด้วย มหัศจรรย์ใจสุดๆ เลยครับ”


“ถ้ายังปากมาก ฉันจะปล่อยให้เมียแกคลอดลูกคนเดียว”


ดวงตาเรียวฉายแววตกใจเพียงแว็บเดียวก่อนจะกลับเป็นเรียบนิ่งตามเดิม


“คุณมันร้ายชะมัด”


“ฉันร้ายได้มากกว่านี้อีก”


“ทราบครับ แต่ผมอยากจะบอกอะไรเอาไว้อย่าง”


ฝ่ามือใหญ่ไม่สมกับหน้าเอื้อมมาหยิบแฟ้มตรงมุมโต๊ะเขาไปไว้ในมือ


“ตั้งแต่คุณคบกับคุณดิม คุณเปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ คุณใจดีขึ้น วัดจากการที่เราฆ่าคนน้อยลงทุกปี แถมคุณยังสูบบุหรี่น้อยลง กินเหล้าน้อยลง ซึ่งผมถือว่ามันเป็นเรื่องดี”


รอยยิ้มจริงใจที่หาดูได้ยากปรากฏบนใบหน้าของอีกคน


“ตอนแรกผมก็คิดนะว่าทายาทของบุญสรนพกับไวยสมุทรเป็นอะไรที่ไม่มีวันเป็นไปได้ โลกของเรามืดเกินกว่าที่คนในโลกสีเทาจะเข้าใจ แต่พอมาคิดอีกที...”


อีกฝ่ายก้มลงโค้งคำนับเขาช้าๆ


“ถ้าคุณดิมทำให้คุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้ ผมว่าเรื่องตระกูลอะไรนั่นมันก็ไม่สำคัญหรอกครับ เพราะฉะนั้นกรุณามีลูกเร็วๆ นะครับ ตระกูลบุญสรนพขาดเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กมานานมากแล้ว”


พอพูดจบร่างสูงก็ยืดตัวขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยเขาไว้กับความเงียบงันและหัวใจบ้าๆ ที่เต้นรัวอยู่ในอก


เขาไม่รู้ตัว...ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ พอมานั่งคิดดีๆ ถึงได้เข้าใจ


ตั้งแต่มีลูกแมวเข้ามาในชีวิต เขาเลิกสูบบุหรี่ที่ห้องเด็ดขาดเพราะอีกคนป่วยง่ายเกินกว่าที่เขาจะยอมเสี่ยง เรื่องเหล้ายาก็ลดลงไปมาก จากเดิมที่ต้องดื่มจนเมาหัวราน้ำทุกวันหยุดก็เปลี่ยนเป็นจิบเล็กน้อยอยู่ข้างๆ เด็กคนนั้นเพื่อจะได้ดูแลอีกคนในตอนเมา ส่วนเรื่องใจดีขึ้นนี่...


เขาเอื้อมมือไปหยิบสมุดหนังสีดำจากลินชักด้านล่างโต๊ะขึ้นมาเปิด


รายชื่อลูกหนี้ทั้งหมดของเขาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา มีแค่สิบคนที่ถูกกาหัวสั่งเก็บ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วต้องมีอย่างต่ำยี่สิบคน แต่เพราะปีนี้เขาผ่อนปรนลงไปมาก รายไหนที่ประเมินแล้วยังพอหามาจ่ายได้ เขาก็จะเก็บไว้ก่อน คนที่ถูกกาหัวสั่งตายมีแค่พวกเหลือขอจริงๆ เท่านั้น


นี่คือตัวตนของเขา...ตัวตนที่เด็กคนนั้นไม่เคยรู้ เบื้องหลังของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศคือเจ้าพ่อดีๆ นี่เอง
เขาปล่อยเงินกู้ เขาทำบ่อน เขาอาศัยช่องว่างกฎหมายในการทำอะไรหลายๆ อย่างที่สกปรก ที่ร้ายที่สุดคือการฆ่าคนคือส่วนหนึ่งของงานเขา


ตระกูลบุญสรนพเคยเป็นตระกูลนักธุรกิจธรรมดาๆ จนเกิดเหตุการณ์หนึ่งที่สอนให้คนในตระกูลรู้ว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต เงินไม่สามารถใช้ปกป้องชีวิตของใครได้


...ปู่ของเขาโดนลอบฆ่าจากคู่แข่งทางธุรกิจทั้งๆ ที่ปู่ทำทุกอย่างถูกต้องมาตลอด...


หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น พ่อเริ่มสะสมอาวุธ อาวุธของพ่อไม่ใช่ปืน แต่มันคือการรับคนเข้ามาอุปการะมากมายแล้วส่งเสียให้เรียน บ้างก็ส่งไปฝึกทักษะการป้องกันตัว ทุกช่วงจังหวะชีวิตของคนพวกนั้นถูกปลูกฝังให้เคารพและศรัทธาในตระกูลของเขา กระบวนการสะสมอาวุธของพ่อดำเนินอยู่หลายปีจนกระทั่งคนเหล่านั้นพร้อมใช้งาน หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มขยายอิทธิพลโดยการทำธุรกิจผิดกฎหมาย


มันไม่ใช่ธุรกิจที่จะให้ใครก็ได้เข้ามาดำเนินการ แต่มันเป็นธุรกิจที่ต้องขับเคลื่อนโดยคนที่ไว้ใจได้ และนั่นคือสาเหตุของการปลูกฝังความศรัทธาลงในหัวคนทุกคนที่พ่อรับมาดูแล


‘ความเชื่อเป็นสิ่งที่มีอานุภาพยิ่งกว่าอะไรในโลกนี้ ถ้าคนมันเชื่อ ถ้าคนมันศรัทธา มันจะยอมตายเพื่อปกป้องสิ่งที่มันเชื่อและศรัทธา’


พ่อบอกเขาว่าไม่ได้ทำไปเพื่อเงิน แต่ทำไปเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเราน่ากลัวเกินกว่าจะเข้ามาต่อกรด้วย


‘ต้องทำให้พวกมันรู้ว่าเรามีอิทธิพลทั้งสองโลก ต้องทำให้พวกมันรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นด้านมืดหรือสว่างมันก็สู้เราไม่ได้’


แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่พ่ออยากให้เป็น บุญสรนพกลายเป็นตระกูลที่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามด้วย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป สำคัญคือมีการวางตัวที่ดี


พ่อเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจ อะไรที่ยอมได้พ่อจะยอม อะไรที่ถอยไม่ได้ พ่อจะสู้หลังชนฝา เพราะแบบนั้นพวกนักธุรกิจมืดจึงยอมรับพ่อ


เพราะแบบนั้นตระกูลเขาจึงยิ่งใหญ่


แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อมีคนสนับสนุนก็ย่อมต้องมีคนเกลียดชัง


เพราะแบบนั้นเขาเลยต้องร้าย


ชีวิตของเขามันก็เหมือนการขึ้นหลังเสือ ขึ้นไปแล้วก็ลงไม่ได้ จะหยุดกลางทางก็ไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คงเป็นการเฝ้าภาวนาให้คนๆ นั้นไม่กลัวเขาแล้วยอมขึ้นมาอยู่บนนี้ด้วยกัน


เสือมันร้าย แต่มันไม่ทำร้ายคนที่รัก


เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก แต่เขามั่นใจว่าเขาคือหนึ่งในคนที่รักเจ้าแมวน้อยนั่นมากที่สุดในโลก


...ถ้าแมวยอมขึ้นมาบนหลังเสือก็คงดี...


-กริ้ง กริ้ง-


เสียงเรียกเข้าที่ดังแทรกความเงียบขึ้นมาให้เขาสะดุ้งหลุดจากห้วงภวังค์


ใครมันโทรมาป่านนี้กัน ช่างไม่มีมารยาทเอาซะ....ดิม


ทำไมกัน


เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แต่ลึกกว่านั้นคือความหวั่นใจ


ปกติแล้วเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ค่อยโทรหาเขา เพราะยังไงเสียเราก็เจอกันที่ห้องที่ร้านทุกคืนอยู่ดี แล้ววันนี้ทำไมถึง...


“ว่าไง”


[วันนี้ผมนอนคอนโดนะครับ]


ดวงตาคมปรากฏแววไม่ชอบใจเมื่อคำพูดของเด็กหนุ่มมีนัยยะว่า ‘ผมอยากอยู่คนเดียว’


ดิมไม่กลับไปค้างคอนโดตัวเองนานมากแล้ว จู่ๆ นึกอยากไปแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ


หวังว่าดลนธีคงไม่ได้ปากมากบอกอะไรไปก่อนเวลาอันควร


“ทำไมล่ะ”


[ผม...]


“หมอนข้างแบบฉันมีคนเดียวนะ”


ปลายสายนิ่งไป ถ้าให้เดาก็คงกำลังกัดปากอย่างคนใช้ความคิด


...กัดจนปากเล็กๆ นั้นบวมเจ่อ...


น่าเอ็นดู


“ฉันไปหาได้ไหม”


ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย แต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจฟัง


“ให้ฉันไปหานะ เพราะถ้าไม่ได้นอนกอดเธอ...”


นัยน์ตาคมของเสือร้ายทอดมองไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทด้านนอก


“ฉันคงนอนฝันร้ายแน่”


[แก่ป่านนี้แล้วลุง ฝันรงฝันร้ายอะไรกัน]


เขาได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย


เพราะแบบนั้นเขาจึงยิ้มตาม


“ฝันร้ายสิ ถ้าไม่มีเธออยู่ด้วย...”


เขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายโผล่มาในห้วงความคิด นัยน์ตากลมนั้นคงระยิบระยับเหมือนอย่างเคย


“ชีวิตฉันคงเหมือนฝันร้าย”


ชีวิตของคนในโลกมืดอย่างเขาจะมีความสุขโดยปราศจากเด็กคนนั้นได้ยังไง


ชีวิตของเสือร้ายจะขาดแมวน้อยไปได้ยังไงกัน






***********************************************************************


พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ



หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 10-12-2017 12:01:30
ยังรู้สึกถึงความดราม่าถึงจะดูเบาลง เหมือนคนทั้งคู่มีอะไรปิดบังกันอยู่ ถ้าบอกออกไปอาจจะจบดีก็ได้...ฮือออ ลุ้น
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 10-12-2017 15:25:42
ตามค่าา
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2017 15:39:29
ดิม สงสัยอะไรก็พูดคุยกับลุง
ที่ผ่านมา ลุงก็ทำให้ดิมเชิ่อใจนี่นะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: backforred ที่ 10-12-2017 17:25:57
 o13 ชอบนิยายแนวๆนี้ ติดตามจ้า มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-12-2017 18:18:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 10-12-2017 18:26:36
ต่อให้เบื้องหลังของลุงจะดำมากแค่ไหน แต่ลุงก็จะเป็นแสงสว่างอันอบอุ่นของแมวน้อยนะคะ // รักลุง  // พอจะมีเพื่อนสักคนไหมคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-12-2017 19:16:41
ยกโทษให้ด้านมืดของลุงนะ เพราะลุงน่ารักมากกก ฮือ จะดราม่าไหม ไม่นะะะ อ้อนวอนกอดเข่าจูบดิน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 10-12-2017 19:19:42
รอลุ้น เมื่อไหร่นางจะยอมท้องงง
 :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 10-12-2017 21:06:13
เสือกับแมวน้อยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 10-12-2017 21:30:50
ลุ้นนนนน :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2017 22:26:59
ต่างคนต่างก็มีมุมมืดเหมือนกัน แต่ชอบที่ลุงบอกว่ารักดิมที่สุด
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-12-2017 22:36:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 10-12-2017 23:34:52
พูดออกมาสิ!!!!!!!!!
ทั้งคู่เลย
งืออออ
อย่าม่าแรงนะ
เค้าตั้งรับไม่ทัน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: To_you ที่ 11-12-2017 01:02:32
ไม่รู้ว่าเวลาอันควรของลุงคืออีกนานแค่ไหน จะก่อนดิมรู้ความจริง หรือจะทัน
พื้นฐานความรักมาจากความเชื่อใจ ดิมต้องการสิ่งนี้
แต่ก็อย่างว่า ทั้งสองก็มีความลับเหมือนกัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-12-2017 01:11:31
ลุงไม่เทา แต่ลุงดำเลย เหมาะกันที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 11-12-2017 01:14:49
แซ่บมาก โอ้ย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 11-12-2017 10:28:50
Ninth Song










เขาเคยคิดว่าพ่อโกรธพี่ด้วยสองเหตุผลใหญ่ หนึ่งคือท้องก่อนแต่ง สองคือท้องกับคนไม่มีชาติตระกูล


เขาเคยคิดว่าพ่อห่วงชื่อเสียงและหน้าตาของตระกูลเลยทำร้ายพี่อย่างสาหัส


คิดเองเออเองแบบนั้นมาตลอด เพราะตั้งแต่พี่หนีออกจากบ้าน เขาเองก็ออกจากบ้านไปเหมือนกัน กว่าจะได้กลับมาเวลาก็ผ่านไปร่วมห้าปีแล้ว


...กว่าจะรู้ว่าไอ้สิ่งที่คิดมาตลอดมันผิดทั้งหมดก็ใช้เวลาไปตั้งห้าปี...


ถ้าให้พูด มันก็คงผิดที่เขาเองที่ไม่ยอมไปเจอหน้าพ่อแล้วคุยกันให้มันรู้เรื่องไปตั้งแต่แรก หลังจากพี่หนีไป เขาก็จบม.ปลายพอดีเพราะแบบนั้นเลยเลือกที่จะหนีปัญหาไปเรียนต่อสายอาชีพที่ออสเตรเลีย พอกลับมาก็คุยกับพ่อแม่นับคำได้ หลักๆ ก็มีแต่เรื่องงานและเรื่องทั่วๆ ไป จริงๆ ต้องโทษที่เขาเองนั่นล่ะที่ขี้ขลาด ครอบครัวของเขาเลือกที่จะไม่พูดถึงพี่อีกเลยหลังจากวันนั้น ทุกคนทำเหมือนไม่เคยมีคนชื่อดาในตระกูลไวยสมุทร เพราะแบบนั้นเขาเลยไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรออกมาเลยสักคำ


ถ้าวันนี้พ่อไม่เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เขาก็คงไม่กล้าถาม


ถ้าวันนี้พ่อไม่พูดถึงพี่ เขาก็คงยังเข้าใจเจตนาพ่อผิดไปอีกนาน


พ่อไม่ได้โกรธเพราะพี่ท้องก่อนแต่ง ตอนเขาถามขึ้นมา ปัญหานี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพ่อเขาด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องที่ว่าพ่อไม่ได้สนใจเรื่องชาติตระกูลของลูกเขยขนาดนั้น


นั่นค่อนข้างน่าแปลกใจ


จากคำพูดในวันนี้ทำให้เขาตระหนักถึงความจริงขึ้นมาได้ว่า พ่อของเขาไม่ได้สนเรื่องชาติตระกูลเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับสนอยู่แค่สองเรื่องหลักๆ


‘หนึ่ง สิ่งที่แกเลือกจะต้องเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อไวยสมุทร’


‘สอง จะเอากับใครก็คิดให้ดีๆ’



คำสั่งพวกนั้นแปลความได้อย่างง่ายว่า ‘จงเลือกมิตรมาเป็นคู่’ ตาแก่นั่นไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าคนๆ นั้นจะมาจากตระกูลสูงแค่ไหน สิ่งเดียวที่สนใจคือคนๆ นั้นมาอย่างมิตรหรือศัตรู


ถ้าอย่างนั้นสาเหตุที่ทำให้พ่อโกรธพี่ขนาดนั้นก็...


นัยน์ตากลมโตทอดมองทิวทัศน์ด้านนอกด้วยแววตาหวาดหวั่น


“พี่ท้องกับศัตรูของพ่อ...เหรอ”


น้ำเสียงของเขาสั่นน้อยๆ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว


ถึงจะยังไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่ดูแล้วก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด


แอลกอฮอล์ดีกรีสูงถูกยกกระดกเข้าไปในคอ


เขาเคยคิดว่าถ้าหาตัวพี่เจอ จะให้พี่พาหลานกลับมากราบขอขมาพ่อ ยังไงซะนั่นก็หลาน พ่อจะใจร้ายใจดำได้แค่ไหนกัน


แต่นั่นคือกรณีปกติ


ถ้าหาพี่ดาท้องกับศัตรูของพ่อจริง โอกาสที่พี่จะกลับบ้านคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว รวมถึงถ้าพ่อรู้ว่าหลานตัวเองเป็นใคร เผลอๆ จะสั่งฆ่าด้วยซ้ำ


แล้วเขาควรจะทำยังไงดี?


ให้ตายสิ ปวดหัวชะมัด


ไฟสีแดงค่อยๆ ลามเลียท่อนวัตถุขนาดเล็กในมือเขาทีละเล็กละน้อย ควันสีเทาทำให้เขารับรู้กลิ่นเลือดในโพรงจมูกมากขึ้นเรื่อยๆ จนหายใจลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะดับมันลง


ปล่อยให้ควันไหลเข้าจมูกไปน่ะดีแล้ว ชีวิตเขาหนักเกินไป...หนักเกินไปแล้ว


หนักไปด้วยความรู้สึกผิดที่ปกป้องพี่เอาไว้ไม่ได้


หนักเพราะความรู้สึกกดดันในฐานะว่าที่หัวเรือของตระกูล


หนักเพราะเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรกันแน่ หรือบางทีอาจจะรู้ แต่ไม่สามารถทำให้มันเป็นจริงได้


ชีวิตมันก็แค่นี้เอง


...ชีวิตของเขามันก็หนักประมาณนี้เอง...


แล้วจู่ๆ ในหัวก็ปรากฏภาพของชายสูงวัยคนนั้นขึ้นมา


เพราะแบบนั้นเขาเขาจึงต้องยกบุหรี่ขึ้นมาสูบอัดปอด


คำพูดของพ่อมันวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด ตั้งแต่เที่ยงวันจนตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถสลัดประโยคพวกนั้นออกไปได้เลย


‘จะเอากับใครก็คิดให้ดีๆ’


พ่อรู้เรื่องระหว่างเขากับคุณปราณแน่ๆ แต่ทำไมถึงไม่พูดอย่างทุกที จำได้ว่าตอนแฟนเก่าของเขาพ่อพูดประโยคทำนองว่า


‘จับมันไว้ให้อยู่หมัด บ้านของวิทย์มีอิทธิพลในสายการเมือง ถ้าได้มา ไวยสมุทรจะรุ่งเรือง’


แล้วทำไมตอนคุณปราณถึงบอกให้คิดดีๆ ทั้งๆ ที่บุญสรนพเป็นตระกูลนักธุรกิจที่ใหญ่กว่าตระกูลของวิทย์เสียอีก


ต้องมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ และเขาจะไม่ได้รู้ในเร็วๆ นี้แน่ เพราะพ่อยังไม่ยอมให้เขาเข้าไปแตะในส่วนธุรกิจครอบครัวจนกว่าเขาจะยอมเรียนต่อระดับปริญญาให้จบ


เขาอยากรู้ แต่เขายังไม่พร้อมจะเข้าไปรับไม้ผลัดจากพ่อในตอนนี้


ปวดหัวเป็นบ้าเลยให้ตายสิ


“ใครอนุญาตให้สูบบุหรี่”


เสียงคุ้นหูของคนที่รู้อยู่แล้วว่าใครทำให้เขาไม่ตกใจนัก


ไม่ตกใจและไม่คิดจะหันไปมอง


“ผมบรรลุนิติภาวะแล้วนะครับ จำเป็นต้องอนุญาตใครด้วยเหรอ”


เขาไม่ได้ตั้งใจยียวน แต่วันนี้หลายอย่างมันประดังประเดเข้ามาจนอารมณ์เขาไม่คงที่เหมือนอย่างทุกที


ไม่ชอบเวลาตัวเองเป็นแบบนี้เลย


โชคดีที่คนสูงวัยไม่พูดอะไรให้เขาหงุดหงิดใจเพิ่ม สิ่งที่อีกฝ่ายทำคือการเดินจากไปเงียบๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายทำแค่นั้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเก่า


มือขวายกแก้วบรรจุของเหลวสีใสจรดริมฝีปากแล้วปล่อยให้มันไหลผ่านลำคอเข้าไปในร่าง


ปกติแล้วเขาไม่ดื่มวอดก้า แต่ถ้าในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายไม่จบไม่สิ้น แอลกอฮอล์ชนิดนี้เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ โดนสักเจ็ดแปดช็อต เดี๋ยวก็น็อก


ดื่มให้เมา เอาให้หลับ ตื่นมาค่อยว่ากันใหม่


“เอาอีกไหม”


คำถามที่ไม่คาดคิดของคนที่เดิมกลับมาทำให้เขาต้องหันไปขมวดคิ้วใส่


ร่างสูงหนาถือแก้วช็อตไว้มือหนึ่ง ถือขวดวอดก้าไว้อีกมือหนึ่ง ดูรกรุงรังไปหมด


ไม่ นั่นไม่สำคัญเท่ากับ...


“มองหน้าฉันทำไมหืม?”


ไม่ถามเปล่ายังเบียดตัวเองมานั่งลงบนโซฟาเดียวกับเขาจนแน่นอึดอัดกันไปหมด


ช่วยไม่ได้ล่ะนะ


เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาแล้วขยี้ก้านมะเร็งในมือลงกับที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ จากนั้นก็ขึ้นไปคุกเข่าคร่อมร่างอีกคนเอาไว้


“จะได้มีที่เยอะๆ”


เขาพูดแค่นั้นก็จุดรอยยิ้มบนใบหน้าสูงวัยขึ้นมาได้


ท่อนแขนแกร่งโอบเอวเขาให้ชิดเข้าไปอีกหน่อย


“เดี๋ยวตก”


ร้ายมาร้ายกลับไม่โกงจริงๆ


ไอ้ตอนแรกเขาก็กะแค่ว่าจะเย้าอีกคนเล่นๆ แล้วผละออก แต่พอถูกกอดเอาไว้แบบนี้มันก็ไม่เลว


นัยน์ตากลมโตสำรวจคนตรงหน้าทุกตารางนิ้ว


ผมสีเทายุ่งเหยิง เสื้อเชิ้ตทำงานปลดกระดุมบนออกสามเม็ดพร้อมกับพับขึ้นขึ้นทั้งสองข้าง เนคไทหายไปไหนไม่รู้ สูทก็เหมือนกัน ตอนนี้ตาลุงอยู่ในลุคสบายๆ ที่ดู...


“เซ็กซี่สุดๆ”


นัยน์ตาคมปรากฏแววเจ้าเล่ห์


“ฉันเหรอ”


“เปล่า ผมหมายถึงตัวเอง”


“ก็ไม่เถียง”


เขายกยิ้มก่อนจะถูกทำให้หายไปด้วยจูบ


จูบที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้สมองของเขากลายเป็นสีขาวโพลน หูของเขาเหมือนจะได้ยินเพลงแจ๊สแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง


“อย่าสูบบุหรี่อีกได้ไหม”


ริมฝีปากของเขาถูกขบกัดเหมือนเป็นการทำโทษ


“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ”


‘เป็นห่วง’ หัวใจเขาเต้นถี่รัวเพียงเพราะวลีโง่ๆ แค่นี้เอง


มักน้อยจริงๆ


“ดิม”


เสียงแหบทุ้มเรียกชื่อเขา


“เป็นอะไร บอกได้ไหม”


นัยน์ตาสีรัตติกาลมักฉายแววเด็ดขาดขึงขัง แต่วันนี้เขากลับใช้มันอ้อนวอนเขา


“ไม่สบายใจอะไร เล่าให้ฉันฟังได้นะ”


อ้อมแขนแกร่งรั้งให้ร่างพวกเขาแนบชิดกันมากกว่าเดิม


“ฉันเป็นห่วง”


เป็นห่วง เป็นห่วงอีกแล้ว ถ้าห่วงกันจริงก็บอกมาสิ แสดงตัวตนของคุณมา ทำให้ผมเชื่อใจคุณทีสิ


ถึงอยากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่เขามีสิทธิอะไร


คนที่มีความลับอย่างเขามีสิทธิพูดอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ


“ผมไม่เป็นไรหรอก”


สุดท้ายก็ตอบออกไปอย่างทุกที


“คนอย่างผมน่ะ ไม่เป็นไรหรอก”


ไม่กล้า ยังไงก็ไม่กล้าบอก เขาเคยฆ่าคนนะ เขาเคยทำร้ายคนด้วย กลัวอีกฝ่ายจะรับไม่ได้ กลัวว่าจะทิ้งกันไป


กลัว กลัว กลัวไปหมด


สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะระงับความกลัวโดยการก้มลงจูบอีกฝ่าย


ปล่อยให้หัวใจได้เต้นถี่รัวเพราะเรื่องอื่นแทน


ฝ่ามือใหญ่ที่เค้นคลึงไปทั่วตัวทำให้ลมหายใจเขาผิดจังหวะ


มันร้อน มันปั่นป่วนไปหมด


“ใจเย็นสิ นี่เพิ่งจะเริ่มเอง”


หัวของเขาถูกจับเอียงตามองศาที่อีกฝ่ายต้องการ จูบของพวกเขามันมัวเมาเหมือนเพลงแจ๊สในค่ำคืนวันศุกร์


หอมหวาน เพลิดเพลิน หยุดไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวอีกที ตัวเขาก็เปลือยเปล่า อีกคนก็เปลือยเปล่า


ร่างเปลือยเปล่าของคนสองคนกับอากาศช่องค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ชวนให้ทั้งหนาวและอุ่นร้อนไปพร้อมๆ กัน


“ดิม ยกขา”


หูเขาอื้อ ตาเขาพร่า แต่ก็ยังมีสติเหลือมากพอจะทำตามคำสั่ง


“อ๊ะ”


“ชู่”


เสียงลมที่ลอดผ่านไรฟันนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นรัว


“นี่แค่เริ่มต้นเองเด็กดี”


ไม่ไหว แค่เริ่มต้นเขาก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ความรู้สึกวาบหวามนี้คืออะไร ความอุ่นร้อนที่ฝังแน่นเข้ามามันคืออะไร


ไม่ไหว ปั่นป่วนไปหมดจนคิดอะไรไม่ออกเลย


“ขอโทษนะแมวน้อย วันนี้ฉันไม่ได้พกถุงยางมา”


อะไรนะ เขาฟังไม่เข้าใจเลย


“เธอจะยอมให้ทำต่อให้สุดไหม”


ทำสิ ทำให้สุด พาเขาออกจากความทรมานนี้ที


“หรือจะเลิกดีนะ”


“มะ ไม่เอา ไม่เลิก”


เขาไม่รู้อะไรแล้ว รู้แค่ไม่เลิก ห้ามเลิก ห้ามหยุดเด็ดขาด


“แต่ถ้าทำต่ออาจจะท้องก็ได้นะ”


ท้องเหรอ...


“อ๊ะ”


แรงบดคลึงที่แก่นกลางตัวทำให้หัวสมองเขาขาวโพลนจนนึกอะไรต่อไม่ออกอีกแล้ว


“จะให้ทำต่อไหม”


“ทำ ทำต่อ”


เขานึกออกแค่นี้


หลังจากนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกเกาะเกี่ยวไปยังดินแดนที่เขาไม่รู้จัก สาดพร่างพราวไปด้วยแสงดาวระยิบระยับจนแสบตา


ความรู้สึกอุ่นวาบในตัวคือสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป






***********************************************************************



ตอนหน้ายัยแมวจะวีน แมวจะเหวี่ยง ส่วนลุงจะเอาตัวรอดยังไง ต้องติดตามค่า

 :hao7: :hao7:






พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 11-12-2017 10:49:43
ขอโทษนะคะนักเขียนแต่เราสงสัยมาสองสามตอนแล้ว ลุงปราณผมสีเทาจริงๆหรือเทาเพราะหงอกคะ.... แงง ลุงง 555555555 ตอนนี้ดิมเผลอใจจนไม่สนแล้วที่ลุงบอกไม่พกถุงมา  :katai3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 11-12-2017 11:37:45
มาคืนนี้เลยได้มั้ยยยรอไม่ไหวววว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 11-12-2017 11:47:01
ลุงจะรวบรัดยัยแมวป่ะเนี่ย :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-12-2017 12:25:45
อิลุงมันร้ายค่ะพี่ตา นี่ลุงคงหวั่นใจแน่ๆเลยใช่มะเลยเลือกที่จะใช้วิธีนี้กักตัวแมวเอาไว้ ตอนแรกๆที่อ่านเรื่องนี้ก็คิดว่าแนวลุงกินเด็กธรรมดาๆแต่พอมาสองตอนล่าสุดเริ่มเปิดอะไรมากขึ้นยิ่งเห็นเยื้องหลังแต่ละคนมากขึ้น เห้ยยย สนุกอะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Eighth Song] (10/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-12-2017 12:56:10
อร๊ายแอบอิจฉาในความรักของทั้งคู่อ่าาา
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 11-12-2017 17:17:17
จะมีน้องมาไหมมม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-12-2017 17:26:30
เดี๋ยวเด็กตื่นมาจะโดนเหวี่ยงนะลุง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 11-12-2017 17:44:32
ทำไมรู้สึกค้างคาแบบนี้กันล่ะคะ โอ้ยยย แซ่บมาก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-12-2017 18:56:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 11-12-2017 19:57:30
มันจึงเป็นความรัก ที่ไม่ถึงกับสุข
เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า
เป็นความรัก ที่ทั้งซึ้งทั้งเหงาอยู่ด้วยกัน...

หน่วงไปเลย1
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-12-2017 21:18:07
สนุกมากกกกกกกกก ชอบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปราณ ตั้งใจแน่แท้ ที่เซ็กส์สด
เพราะปราณอยากมีลูกอยู่แล้ว
โอกาสเหมาะล่อลวงโลมเล้า เร่าร้อน  :ling1: :ling1: :ling1:
จนดิมที่อารมณ์ขึ้น สติสัมปชัญญะไม่เต็มอย่างปกติ
ก็ทานอารมณ์ไม่อยู่ สดก็สด  ท้องแน่  o18

ปราณ ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ดิม อยากรู้ทำไมไม่ถาม ลุงเปิดโอกาสให้แท้ๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-12-2017 23:38:43
จะท้องไหมนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-12-2017 00:52:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 12-12-2017 13:06:12
หว่ายยย ลุง
ต่างคนต่างกลัว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 12-12-2017 22:11:15
ลืมถุงยางอะไร๊ มันเป็นแผนของลู๊งงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 13-12-2017 10:25:58
ลุงงงงงไมทำแบบเน้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 13-12-2017 12:34:09
ปัก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 13-12-2017 19:21:52
ลุงงงง หลอกเด็กอะ จงใจไม่พกถุงมาใช่ไหม555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] [Ninth Song] (11/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 15-12-2017 18:56:41
แงงง ชอบมากกกกกกกก
ชอบทั้งภาษา ทั้งตัวละคร ทั้งปมเรื่อง
ทำให้เราอยากติดตามต่อไปเรื่อยๆเลย ชอบบบ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 16-12-2017 10:11:25
Tenth Song [Part 1]









ปวดหัว


หัวของเขามันปวดตุบๆ จนแทบระเบิด


เปลือกตาบางเปิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบปิดลงด้วยทนไม่ไหวกับแสงสีขาวแยงตา


ไม่น่าดื่มหนักเลยให้ตายสิ


“ปวดหัวเหรอ”


เสียงนุ่มๆ คุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับความอบอุ่นที่นาบลงบนหน้าผากก่อนจะรับรู้ได้ถึงการนวดคลึงที่ขมับ นิ้วใหญ่ไล้ไปตามจุดผ่อนคลายแล้วบรรจงเค้นคลึงขมับเขาด้วยแรงกึ่งเบากึ่งหนักสลับกันไป พอทำไปได้สักพักหัวของเขาก็โล่งขึ้นนิดหน่อยจนสามารถเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้


ภาพแรกของวันที่เห็นคือใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยที่คลอเคลียด้วยผมสีเทารุงรังเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน พอมองเลยลงไปนิดหน่อยจึงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สวมเสื้อแต่สวมแค่กางเกงวอร์มขายาวสีเทา


ไม่น่าเชื่อแล้วว่าผมหงอกจะดูเหมาะกับตาลุงขนาดนี้ แต่ที่ไม่น่าเชื่อกว่านั้นก็...


“ซิกแพ็คแน่นจังเลยลุง”


ริมฝีปากได้รูประบายเสียงหัวเราะร่วนออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงมานอนข้างๆ แล้ว...


“อะไรเล่าลุง เฮ้ย ฮ่าๆ โอ๊ย ลุง อย่าดิ ฮ่าๆ”


ตาลุงนั่นแกล้งจี้เอวเขาไม่หยุด ไม่จี้เปล่ายังหอมแก้มไป หอมคอไป


หาเศษหาเลยเก่งชะมัด


เดี๋ยว มีบางอย่างไม่ปกติ


เด็กหนุ่มชะงักแล้วดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย เขาดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก้มมองไปยังท่อนล่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง


คราบสารคัดหลั่งสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนต้นขาทำให้เขาตัวชาวาบ


ไม่จริง...ไม่จริง


“มีอะไรเหรอ”


เขาขืนตัวออกจากอ้อมกอดที่เข้ามาด้านหลังโดยอัตโนมัติ


ไม่เอา...แบบนี้ไม่เอา


“ทำไม”


ปากเขาสั่น ลำคอเขาแห้งผาก


“ทำแบบนี้ทำไม!”


เสียงตะโกนของเขาไม่ดังนัก แต่มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้อีกคนชะงักค้าง นัยน์ตาดำขลับของอีกฝ่ายจ้องมาที่เขาด้วยแววตาบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ


ภาพตรงหน้ามันพร่าเกินไป


มือของเขาสั่นเกินไป


“ดิม เป็นอะไร บอกฉันมา”


แขนแกร่งพยายามจะดึงตัวเขาเข้าไปในอ้อมกอด แต่เด็กหนุ่มขยับตัวหนี


“คุณทำแบบนี้กับผมทำไม”


เขาได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง


ไม่จริงน่า...


นิ้วเรียวไล้ไปตามใบหน้าตัวเองจนมาหยุดที่แก้ม


....เขาร้องไห้เหรอ...ไม่จริงน่า...


“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันทำอะไร”


นัยน์ตาคมคู่นั้นสบลึกเข้ามาในตาของเขา


“ฉันไม่รู้ แต่ฉันขออย่างนึง...”


นิ้วโป้งใหญ่เกลี่ยหัวตาเขาอย่างอ่อนโยน


“อย่าร้องไห้”


ร่างใหญ่โตขยับเข้ามาหาเขาช้าๆ


“มีอะไรก็บอกฉันมา ฉันทำอะไรผิดก็มาคุยกัน อย่าใช้อารมณ์แบบนี้”


ในที่สุดเขาก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายอีกครั้ง


ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ


“ไหน ว่ามาสิ ลุงคนนี้ทำอะไรผิดหืม?”


ตัวเขาเครียดเกร็งขึ้นอีกครั้งจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยปลอบอยู่ข้างหู


“ใจเย็นๆ ที่รัก”


ไม่ว่าเปล่า ริมฝีปากอุ่นประทับจูบลงบนเปลือกตาน้อยๆ ของเขา


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยจูบที่เปลือกตานั้นทำให้เขาสงบลง


“ไหนว่ามาสิ”


นัยน์ตากลมฉายแววดุร้ายเมื่อสบเข้ากับดวงตาอีกคู่


“คุณไม่ป้องกัน”


ดวงตาสวยสั่นระริก


“ไหนเราคุยกันแล้วไงว่าคุณจะรอให้ผมพร้อม แล้วทำไม...”


จู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่อกจนเขาพูดต่อไม่ได้จนต้องหลบตาลง


...เป็นความรู้สึกก่ำกึ่งระหว่างผิดหวังกับเสียใจ...


ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้ทังๆ ที่...


“ฉันขอโทษ”


คำขอโทษจากอีกฝ่ายหลุดออกมาง่ายจนน่าแปลกใจ พอเงยหน้าขึ้นสบตาหัวใจเขาก็ยิ่งเต้นรัวขึ้นกว่าเก่า


มันไม่ได้เต้นรัวด้วยความโกรธและผิดหวังอย่างเมื่อครู่ แต่มันกำลัง...มีความหวัง


ดวงตาคมนั้นฉายแววรู้สึกผิดต่างจากทุกที เขารู้จักตาลุงนี่ดี ถ้าลุงนี่ตั้งใจทำ ดวงตาคมนี่จะฉายแววมั่นคง แม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองผิดแล้วยอมเอ่ยขอโทษ แต่ดวงตาคู่นั้นจะแข็งกร้าวไม่ยอมใคร แล้วทำไมวันนี้...


...จะเป็นไปได้ไหมที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขา จะเป็นไปได้ไหมที่มันเป็นเพียงความผิดพลาดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น...


ขอให้เป็นอย่างนั้น เขาอยากได้ยินคำตอบแบบนั้น


“ฉันผิดเองที่ปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนั้น”


เขาพูดไม่ออกเมื่อสิ่งที่อีกคนพูดมาตรงใจเขาอย่างน่าใจหาย


...เขาดีใจ...


เขาดีใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขา เขาดีใจที่พวกเขารักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่กัน


เขาดีใจ


จะว่าไป เขาเองก็จำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้เลยเหมือนกัน เท่าที่คลับคล้ายคลับคลาคือลุงนี่เข้ามาหาเขา จากนั้นก็...


นั่นสิ เขาเองก็จำอะไรต่อจากนั้นไม่ได้เลย


...บ้าชะมัด...


เขานี่มัน...บ้าชะมัด


ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา


“ผมเองก็ต้องขอโทษ”


เขาสบลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย


“ถ้าจะหาคนผิด ก็คงเป็นเราทั้งสองคน ทั้งผม ทั้งคุณ”


ฝ่ามือเรียวทาบลงบนใบหน้าคมสันที่ห่างออกไปไม่กี่คืบ


“มันเป็นความผิดของเราทั้งคู่ แต่ผมผิดมากกว่าเพราะผมเอาแต่โทษคุณ”


หัวทุยซุกเข้ากับหน้าอกแกร่งตรงหน้า


“ขอโทษนะครับ”


ความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ไล้ผ่านเส้นผมของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า


“ไม่เป็นไร ฉันเองก็ผิดจริงๆ”


สิ้นประโยคนั้น ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบไป


เขากลัว...เขายอมรับว่าเขากลัว


นายดนัย ไวยสมุทรกำลังกลัว


การท้องไม่พร้อมเป็นอะไรที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดในชีวิต ตัวอย่างของพี่ดาก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่ พ่อเขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องท้องก่อนแต่งก็จริง แต่นั่นคือกรณีที่พ่อของเขาโอเคกับพ่อของเด็กในท้อง ไม่อย่างนั้นเด็กคนนั้นก็ต้องตาย ในคราวพี่ดา พ่อเลือกให้เด็กคนนั้นตาย


แล้วคราวนี้ล่ะ?


ถ้าเขาท้องขึ้นมา พ่อจะเลือกชะตาชีวิตแบบไหนให้กับลูกของเขากัน...


“คุณปราณ”


น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงกว่าทุกที


“คุณเคยต่อยกับพ่อไหม”


“หมายความว่ายังไง”


เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความไม่มั่นใจ


“ถ้าคุณกับพ่อเคยมีปัญหากัน ลูกเราตายแน่”


แทนที่อีกฝ่ายจะวิตก ใบหน้าสูงวัยกลับคลี่ยิ้มบาง ท่อนแขนใหญ่กระชับเขาเข้าไปใกล้ขึ้นจนแทบนั่งตักอีกฝ่าย


“ฉันไม่เคยมีปัญหากับดลนธี แต่ถึงมี...”


ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของพวกเขาแตะกัน


“ฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกเมียฉันแน่”


น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียบๆ แต่หนักแน่น


แล้วริมฝีปากของพวกเขาก็แตะกัน


หากคำพูดคือการบอกกล่าว รอยจูบที่ประทับลงมาก็คงเป็นคำมั่นสัญญา









***********************************************************************



สั้นมากๆ เลย ฮือออออ


จริงๆ ตอนนี้ควรจะมีอีกฉากนึง แต่เนื่องจากเราได้ไปสัญยิงสัญญากับนักอ่านที่น่ารักในทวิตไว้ว่าจะอัพวันนี้ แต่ดันมีงานประชุมด่วนที่เราต้องไปจัดการ จะรอให้ถึงตอนเย็นก็ไม่รู้ว่าจะได้อัพรึเปล่า เราก็เลยมาอัพให้ก่อน แต่ขออัพเป็นตอนที่ 10 พาร์ท 1 นะคะ เดี๋ยวพาร์ท 2 จะตามมาพรุ่งนี้เด้อ(หรืออาจจะเป็นวันนี้เย็นๆ ถ้าประชุมเสร็จเร็ว)


พาร์ท 2 ไม่มีอะไรมากนอกจากฉากหวง ห่วงเมียของลุงค่ะ รับรองความขี้หึงขี้หวงของลุงไว้ ณ ที่นี้เลย


ขอโทษมากๆ ที่มาได้ไม่เต็มตอนเหมือนทุกที ไม่คิดว่าจะมีงานด่วนเข้ามาจริงๆ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับมาแต่งพาร์ท 2 ให้เด้อ


 :hao5: :hao5:





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ



หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 16-12-2017 10:55:58
ลุ๊งงงงงง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 16-12-2017 11:03:13
รอๆ รออิลุงหึงโหดหื่น 5555
เราชอบบรรยากาศแบบนี้จัง ตอนนี้ยกให้ลุงเป็นที่ 1 ในใจปาดหน้าเฮียอิ้วไปก่อนนะ เฮียรอไปก่อน ไปผัดข้าวขายไประหว่างนี้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 16-12-2017 11:24:18
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-12-2017 11:25:00
อยากให้มีน้องงง ชอบน้องงง อิอิ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-12-2017 11:27:47
ชอบลุง  พร้อมชนถ้าลูกกับเมียเจ็บ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-12-2017 11:46:58
งือออ ลุงแซ่บมากอะ นี่ว่าลุงเดาทางแมวน้อยออกแหละว่าคิดยังไงรู้สึกยังไงลุงถึงได้ตอบแบบนั้น เพื่อที่จะให้แมวน้อยได้สบายใจและเลิกต่อต้าน ลุงร้ายมากค่ะแต่ชอบเด้อ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2017 11:48:07
 :a5: ตกใจความสั้น
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2017 13:29:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 1] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 16-12-2017 14:08:55
มารอคนห่วงเมีย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 16-12-2017 20:16:36
Tenth Song [Part 2]










มีคนเคยบอกไว้ว่าจิตใจของคนเรานั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ งานวิจัยหลายงานบอกเอาไว้ว่าสภาพอากาศภายนอกก็มีผลต่อใจคน ถ้าสภาพอากาศด้านนอกสดใส คนเราก็จะมีจิตใจที่ร่าเริงกว่าปกติ แต่ถ้าท้องฟ้ามืดครึ้ม คนเราก็มีแนวโน้มจะมีภาวะซึมเศร้าได้ง่ายขึ้น


ไม่เห็นจะจริงเลย


ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าในวันนี้ดูปลอดโปร่งจนมองเห็นเมฆก้อนน้อยๆ ลอยไปตามลม แต่ใจของเขากลับว้าวุ่นจนอึดอัดไปหมด รู้ทั้งรู้ว่าคำสัญญาของอีกฝ่ายนั้นเชื่อถือได้ แต่ในใจกลับปวดร้าวเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจเอาไว้ตลอด


ถ้าบีบให้เจ็บแล้วปล่อยก็คงแล้วกันไป แล้วทำไมต้องบีบหัวใจเขาไว้ไม่ยอมปล่อยแบบนี้ด้วย


มันอึดอัด...อึดอัดเหลือเกิน


ความรู้สึกบางอย่างลอยคละคลุ้งไปทั้งใจเหมือนตะกอนที่ถูกกวนให้ผสมกับน้ำใส


ใจของเขามีตะกอน เป็นตะกอนที่เรียกว่าความกลัว เขากลัว กลัวทุกอย่างที่ยังไม่เกิดขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะ ทุกอย่างมันวนเวียนอยู่ในหัวจนหัวใจมันปวดชาไปหมด


ถ้าพี่ดายังอยู่ตรงนี้ก็คงดี ถ้าพี่ดายังอยู่ตรงนี้ เขาอาจจะไม่กลัวอะไรเลยก็ได้...


-กริ้ง กริ้ง-


เสียงเรียกเข้าคุ้นหูทำให้เขาเผลอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ


ขัดจังหวะจริงๆ เลยให้ตาย


ขาเรียวพาตัวเองผละออกจากบริเวณหน้าต่างแล้วเดินออกไปด้านนอกห้องนอน


คอนโดของเขามีแผนผังไม่ต่างจากคอนโดทั่วๆ ไป จะต่างกันก็ตรงใหญ่กว่าหน่อย ภายในคอนโดแบ่งเป็นหนึ่งห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น ในห้องนั่งเล่นจะมีโซนทำครัวเล็กๆ อยู่ติดกับระเบียง


เป็นคอนโดที่ธรรมดาและเรียบง่าย


ทันทีที่เปิดประตูห้องออกมา คนตัวโตที่ยังไม่อาบน้ำ แถมยังไม่ยอมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นจากเขียงมามองเขา ใบหน้าคมคลี่ยิ้มบางแล้วเอียงหัวไปทางระเบียง


“ฉันว่ามันอยู่ที่ระเบียงนะ”


รู้ใจไปหมดเลยสินะ


เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มตอบพร้อมกับเดินตามเสียงไปจนถึงตัวอุปกรณ์เจ้าปัญหา เขาปรายตามองชื่อคนโทรเข้าแล้วปัดสไลด์หน้าจอรับสายอย่างเป็นธรรมชาติ


“สวัสดีครับพี่มล”


[สวัสดีค่ะคุณดิม พี่โทรมาคอนเฟิร์มคิวนะคะ]


เสียงใสจากปลายสายพูดทำให้เขาขมวดคิ้ว


วันนี้มีงานด้วยเหรอ ไม่ยักจะจำได้


“ผมจำได้ว่าวันนี้ผมไม่มีงานนี่ครับ”


[มีสิคะคุณดิม แต่อันนี้เป็นงานจองเป็นรายชั่วโมงค่ะ ของคุณเอกชาติจองไว้สองชั่วโมง จำได้ไหมคะ]


“เอกชาติ?”


เขาเคยรับงานของคนๆ นี้ด้วยเหรอ ถ้าให้พูดตามตรง ปกติเขากับมันเกลียดขี้หน้ากันจะแย่ แล้วจู่ๆ อีกฝ่ายจะมาจองงานแบบนี้...


เขาว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ


“เหรอครับ”


ร่างสูงโปร่งหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกออกมาเล่มหนึ่ง มันเป็นสมุดปกหนังสีน้ำตาลเรียบหรูที่เขาใช้บันทึกทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เขาไม่เคยพลาดและไม่เคยลืม


[ใช่ค่ะคุณดิม]


นิ้วเรียวลากไล่ไปตามวันที่ในปฏิทินที่กินพื้นที่สองหน้ากระดาษ


“เขาจองไว้กี่โมงเหรอครับ”


[สี่โมงถึงหกโมงเย็นค่ะ]


ดวงตากลมโตหยุดจับจ้องที่ตารางงานของตัวเองแล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แค่เพียงอึดใจเดียว รอยยิ้มร้ายก็ปรากฏบนใบหน้ามีเสน่ห์


“โอเคครับ เดี๋ยวผมเข้าไป”


แล้วปลายสายก็ตัดไป...ตัดไปทั้งๆ ที่มันยังไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเอง


รอยยิ้มเย็นยังประทับอยู่บนใบหน้าในขณะที่มือก็สาละวนหาเบอร์ใครบางคน เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็เอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง


[ว่าไงมึง]


“ไอ้เอกเล่นกูแล้ว”


[ยังไง]


นัยน์ตากลมโตจับจ้องไปยังปฏิทินในสมุดบันทึก


ว่างเปล่า...สมุดบันทึกของเขาว่างเปล่า นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้รับงานนี้ไว้ ถึงแม้เขาจะดูเป็นเด็กหนุ่มเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่ความจริงเขารอบคอบและใส่ใจงานมากกว่าที่เห็น


แต่มันคงไม่รู้ถึงได้กล้าหลอกเขาแบบนี้


“มันคงติดสินบนพนักงานกูแล้วหลอกให้กูไปหา”


[อีกแล้วเหรอวะ]


ใช่ อีกแล้ว หล่อนเป็นพนักงานที่เพิ่งมาทำงานกับเขาได้แค่ห้าเดือนจะไปรู้อะไร


...หล่อนจะไปรู้ได้ยังไงว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหนหนึ่ง...


[เอาไงดีมึง เป่าแม่งเลยมะ]


“ใจเย็นสิเดล”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย


[เรียกชื่อกูแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีชัวร์]


นัยน์ตากลมปรากฏแววดุร้าย


“กูเบื่อเรื่องตลกไร้สาระนี่เต็มที มาจบมันกันดีไหม”


[หว้า พูดงี้เรียกกูไปตีกับมันแหง ไม่เอาด้วยล่ะ พรุ่งนี้กูมีเดินแบบ]


“แล้วมึงจะปล่อยมันไว้แบบนี้เหรอ”


[ปล่อยไว้แล้วยังไง ไม่ปล่อยไว้แล้วยังไง คนอย่างมันจะทำอะไรมึงได้]


“เดล เราไม่ควรประมาทศัตรู”


น้ำเสียงที่จริงจังขึ้นของเขาเรียกให้อีกฝ่ายหยุดหัวเราะ


[กูไม่ได้บอกให้ประมาท แต่ถ้ามึงยังมีสมองส่วนความทรงจำเหลืออยู่ กูอยากเตือนมึงว่า เราเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่มาเฟีย]


ลมหายใจของเขาขาดห้วงไปช่วงหนึ่ง


[กูรู้ว่าโลกของพวกเรามันก็ไม่ได้ขาวสะอาด แต่ตราบใดที่เขายังไม่ทำอะไรเรา เรามีสิทธิอะไรไปทำเขาวะดิม]


น้ำลายเหนียวๆ ไหลผ่านลำคอไปอย่างยากลำบาก


[ถ้ามึงรู้ว่ามันเป็นแผนมึงก็แค่ไล่อีพนักงานนั่นออก แล้วก็ไม่ต้องไปตามนัดก็จบ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะมึง อยากเข้าซังเตรึไง]


“กูไม่ได้จะให้มึงไปเป่าหัวมันซะ....”


[อย่าโกหกกูเลยดิม กูอยู่กับมึงมาตั้งแต่จำความได้ แม้จะเป็นเพื่อนบนพื้นฐานของธุรกิจ แต่กูว่ากูรู้นิสัยมึง]


เขาเผลอกำมือเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว


[แม้ว่าเราจะไม่ได้จริงใจต่อกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กูว่าเราให้ใจกันไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่คิดงั้นเหรอ]


คิด...คิดแบบนั้นมาตลอด


[กูน่ะนะ อาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนแบบ ‘เพื่อน’ หรอกนะ]


ถ้าให้เดา ตอนพูดคำว่าเพื่อนมันคงชูนิ้วเป็นเลขสองแล้วกระตุกขึ้นลงไปด้วย


[แต่กูก็ไม่อยากเห็นมึงฉิบหายเหมือนกัน]


ใจเขาอุ่นวาบขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล


เดลเป็นคนแบบนี้...เดชาธร สิริวัชรา เป็นคนแบบนี้ เป็นนายแบบ เป็นลูกเจ้าของสนามยิงปืน เป็นคนโผงผาง เป็นคนพูดทุกอย่างที่คิด


...เป็นเพื่อนที่ดี...


“เออ ขอบใจ”


แล้วปลายสายก็ตัดไป ทิ้งเขาไว้กับความเงียบที่ชวนให้หัวใจผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง


เขายอมรับว่าเขากลัว เขากลัวทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถ้ามีคนพวกนี้ล้อมหน้าล้อมหลัง...


นัยน์ตาสวยหันไปมองคนที่ง่วนอยู่กับการทำข้าวเช้าตรงโซนครัวแล้วหันกลับมามองโทรศัพท์ในมือ


...ถ้ามีคนพวกนี้อยู่ด้วย ก็คงผ่านเรื่องเลวร้ายพวกนั้นไปได้แน่...


“ดิม ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ”


เขาต้องผ่านมันไปได้แน่


“ดิม มากินข้าว”


ก่อนอื่นคงต้องเริ่มจากการเลิกหนีปัญหาแล้วจัดการเรื่องเอกชาติที่คอยเข้ามาวุ่นวายชีวิตเขาให้มันจบกันไปก่อน


“ดิม!”


“เชี้ย!”


เสียงกึ่งตะโกนพร้อมกับอ้อมกอดที่อุ้มตัวเขาขึ้นเล็กน้อยทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง ไม่สะดุ้งเปล่ายังอุทานคำหยาบออกมาด้วย แทนที่คนสูงวัยจะโกรธกับความไม่สุภาพของเขา ดวงตาคมกลับทอประกายวิบวับถูกอกถูกใจ


“ตลกจัง”


“ลุงเนี่ย เล่นอะไรก็ไม่รู้”


“ก็เหม่อเองนิ”


มือใหญ่เอื้อมมาบีบจมูกเขาแล้วโยกไปโยกมา


“ไปกินข้าวเร็วคนเก่ง เดี๋ยวตอนเย็นจะพาไปหาอะไรกินข้างนอก”


“ตอนเย็นวันนี้ผมมีงานน่ะครับ”


ใช่ เขามีงานที่ต้องไปสะสาง เขาไม่ได้จะไปตีรันฟันแทงกับใคร แค่จะไปพูดคุยให้ปัญหามันจบๆ เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ไปทำไม


หลอกเขาออกไปหาทำไม


“เหรอ น่าเสียดายจัง”


ท่อนแขนแข็งแรงโอบเอวเขาเข้าไปแนบชิด


“งั้นขอทำอะไรทดแทนดินเนอร์คืนนี้ได้ไหม”


“ลุง อย่าหื่น”


เขาปรามอีกคนพร้อมกับพยายามขืนตัวออกมา แต่เหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด...


“นะ”


“ลุงปล่อย”


“รอบเดียว”


“ลุง”


“รอบเดียว บนเตียง สัญญา”


เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วสบตาอีกคนด้วยแววตาเหนื่อยใจ


ดูเอาเถอะ คนอะไรตะกละตะกรามไม่พอ ยังมาทำหน้าอ้อนๆ กับส่งสายตาหงอยๆ นั่นมาให้เขาอีก


...แล้วจะให้เขาเอาอะไรไปใจแข็งล่ะ...


“บนเตียง รอบเดียว”


“รอบเดียว เกี่ยวก้อยสัญญาเลย”


“ไร้สาระน่ะลุง ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้”


พอพูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้นเพื่อป้อนจูบให้กับอีกฝ่าย จูบของพวกเขาทั้งหอมหวานและเนิบช้า ปลายลิ้นสอดประสานกันไปมาเหมือนเกลียวคลื่นเล็กๆ ในมหาสมุทร


มัวเมา หอมหวาน...หวานจนเบลอไปหมด


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถูกดันกลับเข้ามาในห้องนอน


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แขนสองข้างของเขาถูกรวบตรึงไว้เหนือหัว สิ่งเดียวที่แจ่มชัดในความรู้สึกตอนนี้คือเสียงหอบครางของใครบางคนที่ดังอยู่ข้างหู มันดังก้องประสานไปกับเสียงของเขา


“รักนะ”


เสียงกระเส่านั้นพร่ำบอกคำนี้ทุกครั้งที่โถมตัวลงมา


“ฉันรักเธอที่สุด แมวน้อยของฉัน”


ถ้อยคำนั้นดังก้องและวนเวียนไปไม่รู้จักจบสิ้น วนไปเรื่อยๆ จนแสงสีขาวพร่างพราว


...วนไปเรื่อยๆ จนหัวใจเราจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...







***********************************************************************




อันนี้คือลุงหึงเวอร์ชั่นมุมมองดิม ดูเหมือนไม่หึงเลยใช่ม๊า ดูเผินๆ ก็เหมือนปกติ แต่ถ้าอยากรู้ว่าในความคิดลุงเป็นแบบไหน ต้องติดตามตอนต่อไปค่า 55555555555555



ปล.ตอนนี้คือปั่นที่สุดในชีวิต เขียนเร็วที่สุดในชีวิตนะบอกเลย 5555555555555 เลิกประชุมปุ๊บก็มาเขียนปั๊บ ขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนเด้อ


 :hao7: :hao7: :hao7:




***********************************************************************



พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-12-2017 20:25:13
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2017 20:29:50
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-12-2017 20:30:17
คือลุงอายุ20รึไงย่ะ หื่นมากอ่า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 16-12-2017 20:40:35
ชอบความหื่นกาม ดิมระวังตัวหน่อยนะ ไม่รู้มันนัดไปเพื่ออะไร
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 16-12-2017 21:27:42
ร๊ากกกกก
คนเขียนสู้ๆ
อยากดูลุงตีหัวคนนนนน
เอกชาติ จะได้พบกับยมโลกหรือไม่
555555555555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-12-2017 21:55:25
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2017 22:01:09
เดล ห้ามดิมลงมือทำอะไรเอกชาติก่อน
แต่ถ้าเอกชาติ ลงมือกับดิม แล้วดิมสู้กลับทันหรือ
มันไม่น่าจะมาดีนะ
ดิมต้องเตรียมพร้อมคิดแผนเผื่อด้วย
แต่ดิม จะไม่เล่าเรื่องไม่ชอบมาพากลให้ลุงรู้บ้างหรอ
เอิมมมม....... ลุง หื่นมากกกกกกก อ่ะ  o18
อยากอ่านต่อออีกและ
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: momaynadsini ที่ 16-12-2017 23:20:48
รักลุง :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Tenth Song [Part 2] (16/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 17-12-2017 00:30:51
ลุงมันร้ายยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 21-12-2017 18:49:54
Eleventh Song







อากาศวันนี้สดใสกว่าทุกวัน...อย่างน้อยเขาก็คิดอย่างนั้น


ใบหน้าคมสันจุดยิ้มขึ้นอย่างสุขใจเมื่อเห็นอีกคนวิ่งไปวิ่งมาทั่วห้องทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านศึกหนักกับเขามาหมาดๆ


เด็กหนุ่มก็แรงดีแบบนี้ล่ะ


ดวงตากลมฉายแววรำคาญใส่เขาเล็กน้อย ถ้าให้เดา เจ้าตัวก็คงแอบค้อนความเอาแต่ใจของเขาอยู่ในใจเล็กๆ นั่นล่ะ


ก็ยอมรับว่าเมื่อครู่นี้หนักมือไปหน่อย แต่จะให้เขาทำยังไงในเมื่อเจ้าแมวน้อยดันน่ารักเสียขนาดนั้น น่ารักเสียจนเขาจดจำมันได้ทุกสัมผัส


เสียงกระเส่านั้นแว่วหวาน ผิวนุ่มขาวเรียบเนียนน่าจับ นัยน์ตาฉ่ำปรือไปด้วยหยาดน้ำใสชวนให้รักให้กอด


แล้วจะให้เขาห้ามตัวเองไม่ให้รักอีกคนหนักๆ ได้ยังไง


รอยยิ้มสุขใจเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก


...แล้วเขาจะปล่อยให้เจ้าเหมียวออกไปเจอเอกชาติง่ายๆ ได้ยังไงกัน...


“ลุง ทำไมเสื้อผมมันมีกลิ่นน้ำหอมลุงฟุ้งไปหมดเลยเนี่ย”


นัยน์ตาคมรีบปรับอารมณ์ของตัวเองกลับมาเป็นความอ่อนละมุนตามเดิมก่อนจะหันไปยิ้มบางให้กับคนที่ยืนหงุดหงิดอยู่หน้ากระจก


“จริงเหรอ สงสัยฉันคงเผลอฉีดไปโดนแน่ๆ ขอโทษทีนะ”


เขารู้ดีว่าดิมเป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิสอ่อนๆ ถ้าของมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้เจ้าตัวก็จะอารมณ์เสีย แต่ก็ไม่ได้มากเสียจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะแบบนั้นเขาเลยกล้าทำ


...กล้าที่จะฉีดน้ำหอมของตัวเองลงไปบนเสื้อผ้าของอีกคน...


เอกชาติเคยเจอเขามาสองสามครั้งแล้ว ถ้ามันได้กลิ่นมันต้องจำได้ น้ำหอมของเขาคือน้ำหอมสั่งผสม เป็นกลิ่นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เขาคิดสูตรน้ำหอมขึ้นมาเองโดยมีผู้เชี่ยวชาญช่วยปรับแต่งนิดหน่อย มันเป็นกลิ่นเฉพาะของเขาที่หาที่ไหนไม่ได้ เป็นกลิ่นของปราณ บุญสรนพ


กลิ่นของปราณ...กลิ่นของเขาต้องติดตัวเจ้าแมวน้อยไปทุกที ‘มัน’ ต้องสำเหนียกว่าตัวเองกำลังยุ่งอยู่กับใคร ‘มัน’ ต้องรู้ว่าคนที่มันคิดจะมายุ่งด้วยคือคนของใคร


แม้การกระทำของเขาจะดูละลาบละล้วงสิทธิส่วนบุคคลของอีกฝ่ายไปบ้าง แต่จะมาโทษเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อเจ้าตัวเลือกจะเก็บงำความลับจนเขาไม่สามารถออกหน้าปกป้องได้ เขาเลยต้องแกล้งไม่รู้อะไรแล้วปกป้องอีกคนลับหลังแทน ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่โทษหรอกว่าการเก็บงำความลับไว้คนเดียวคือความผิดของอีกฝ่าย


เขารู้จักเด็กคนนี้ดีกว่าใคร ดิมเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่ไม่ยอมพูดปัญหาของตัวเองให้ใครฟัง


เก็บเอาไว้แล้วก็พยายามแก้ทุกอย่างด้วยตัวเอง...คนเดียว


เป็นแบบนั้นมาตลอด


...เด็กคนนั้นมีกำแพงแก้วบางๆ กั้นอยู่รอบตัวมาตลอด...


แม้มันจะเป็นเพียงกำแพงแก้วที่บางและใส แต่เขาก็ไม่สามารถผ่านมันเข้าไปได้เลย ทำได้เพียงเฝ้ามองแล้วรอให้อีกคนทำลายมันออกมาเอง


“ลุงนะลุง ผมไม่ได้เตรียมเสื้อตัวอื่นไว้ด้วยเนี่ย”


เสียงบ่นอุบอิบจากหน้ากระจกดึงเขากลับมาจากภวังค์


ใบหน้ามีเสน่ห์นั้นหงิกงอไปหมด ปากก็บ่นงุบงิบพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว แม้ใครจะดูว่าเด็กหนุ่มเป็นพวกเรื่องมาก แต่เขากลับมองว่ามันน่ารัก


ชอบก็บอก ไม่ชอบก็บอก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีมารยาท สง่า สุภาพและรู้กาลเทศะ


...เป็นแมวที่น่ารักมากจริงๆ ...


“ก็ฉีดน้ำหอมฉันไปสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย”


แมวน่ะเอาแต่ใจ แต่เจ้าของแมวต้องรู้จักวิธีจัดการ


“นี่มันกลิ่นของลุง ใครดมก็รู้แล้ว”


สิ่งสำคัญคือต้องใจเย็น


“ฉันไม่ได้ออกงานสังคมบ่อยขนาดนั้น พวกเด็กรุ่นใหม่จะมีสักกี่คนที่เคยเจอตัวฉันจริงๆ หรือต่อให้เธอไปเจอคนที่เคยเจอฉัน เขาก็จำกลิ่นไม่ได้อยู่ดี”


เด็กหนุ่มมีสีหน้าลังเลอยู่หน่อยๆ เพราะแบบนั้นเขาเลยต้องช่วยย้ำความมั่นใจ


“ถ้าไม่แน่ใจก็ลองนึกดูว่าเธอจำกลิ่นของวิโรจน์เพื่อนสนิทของฉันได้ไหม เธอเจอเขาตั้งสองครั้ง แล้วเขาก็มีน้ำหอมเป็นของตัวเองเหมือนกับฉันไม่มีผิด”


เขาโกหก น้ำหอมของวิโรจน์เป็นเพียงน้ำหอมมียี่ห้อธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ถ้านั่นทำให้คิ้วที่ขมวดยุ่งค่อยๆ คลายลง มันก็คุ้มค่าที่จะโกหก


“ถ้าเธอจำไม่ได้ แสดงว่าคนอื่นก็จำไม่ได้เหมือนกันนั่นล่ะ”


คนสูงวัยลุกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำหอมของตัวเองมาไว้ในมือ


ดูเด็กน้อยตรงหน้าเขาสิ นัยน์ตากลมคู่นั้นดื้อดึงนักเชียว


“เอามือมาเร็ว”


คนตรงหน้ามีท่าทีอิดออด แต่เขาก็ไม่คิดจะเร่งรัดอะไร


แมวเป็นสัตว์ขี้ลังเล การทำให้เชื่อใจต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป


“อย่าฉีดเยอะล่ะ”


ในที่สุดข้อมือขาวก็เลื่อนมาอยู่ตรงหน้าเขา


ออกแรงกดนิ้วลงไปนิดหน่อย น้ำหอมก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว


ออกแรงกดนิ้วไปอีกนิดหน่อย กลิ่นของเขาก็อาบร่างของอีกคนไปทั่ว


ดี ให้กลิ่นของเขาซึมลึกเข้าไปในร่างของอีกคนได้ยิ่งดี


“ลุง”


อีกคนเรียกชื่อเขาขึ้นมาแล้วเงียบไปชั่วครู่


“ผมถูกพนักงานในร้านทำผิดสัญญา”


เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย


ไม่ได้ขมวดคิ้วเพราะอีกฝ่ายโดนพนักงานหลอก ไอ้เรื่องนั้นเขารู้ตั้งแต่แอบฟังอีกคนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนแล้ว แต่ที่เขาแปลกใจคือทำไม...ทำไมอีกฝ่ายถึงยอมบอกเขา


“พนักงานเขารับคิวลูกค้าโดยไม่ถามผม ทั้งๆ ที่ตอนจ้างก็คุยกันแล้วว่าผมต้องโอเคก่อน ไม่งั้นก็ไม่รับ ถ้าให้เดา เขาคงโดนติดสินบนเลยยอมรับคิวมาโดยไม่ถามผมก่อน คงได้เงินมามากด้วย ไม่งั้นไม่ยอมเสี่ยงให้ตัวเองถูกไล่ออกหรอก”


แปลก...แปลกมากๆ


นัยน์ตาของเขาคงเก็บความฉงนสงสัยเอาไว้ไม่มิด แต่โชคดีที่อีกฝ่ายง่วนอยู่กับการจัดการเสื้อผ้าตัวเองจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง


“คนที่ทำมันเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมเอง ชื่อเอกชาติ แต่ผมกับเดลเรียกมันว่าเอก ตอนเด็กๆ ก็โตมาพร้อมกับผมและเดลนั่นล่ะ แต่มันปากหมา นิสัยก็หมา พอโตขึ้นก็เลยเกลียดขี้หน้ากันไปเลย”


พอพูดจบอีกคนก็นิ่งไปเหมือนกำลังคิดใคร่ครวญบางอย่าง


“จริงๆ ผมโทรไปปรึกษาเดลแล้ว มันก็บอกว่าอย่าไป แต่ผมอยากรู้ว่าไอ้เอกมันเป็นบ้าอะไรถึงได้ทำแบบนี้ ลุงรู้ไหมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก มันเคยทำแบบนี้มาแล้ว แล้วผมก็ไล่พนักงานรันคิวคนเก่าออก พอจ้างคนใหม่มามันก็ยังทำอีก”


นัยน์ตากลมสบเข้ามาด้วยแววตากึ่งกล้ากึ่งกลัว


“ผมอยากรู้ว่าทำไมมันต้องอยากเจอหน้าผมนัก ผมเลยต้องไปดู ไปหามันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป มันนัดผมที่ร้านผมเอง ในห้างคนพลุกพล่านคงไม่เป็นไร”


เด็กหนุ่มพยายามปลอบใจตัวเองพร้อมๆ กับปลอบใจเขาไปด้วย


“มันคงไม่เป็นไร”


“เป็นสิ”


คำพูดของเขาที่สวนขึ้นมาทำให้คนที่พยายามเก็บความกังวลเผลอหลุดแสดงความวิตกออกมาผ่านแววตา


แมวเป็นสัตว์ขี้กังวล ถ้าผิดที่ ผิดกลิ่น มันจะเครียดและตื่นกลัว


เพราะแบบนั้นเขาเลยดึงอีกคนเข้ามากอดเบาๆ


“อยากให้ฉันไปด้วยไหม”


เขาโยนหินถามทาง


...หินก้อนที่สำคัญที่สุดที่จะใช้ตัดสินการกระทำของเขาหลังจากนี้ทั้งหมด...


“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”


คำตอบที่ออกมาหลังจากอีกฝ่ายนิ่งไปชั่วครู่ทำให้ใจของเขากระตุกไปเล็กน้อย


...อดยอมรับไม่ได้ว่ามันผิดหวังอยู่ลึกๆ ...


เมื่อไหร่จะไว้ใจกันเสียที เมื่อไหร่จะยอมรับสักทีว่ามันไม่มีคำว่าเรื่องของเธอหรือเรื่องของฉันอีกแล้ว ตอนนี้มันมีแต่คำว่าเรื่องของเรา


เอาเถอะ ไม่เป็นไร


กำแพงยังไม่ถล่มตอนนี้ก็ยังไม่เป็นไร เขารอได้


ถึงจะยังไม่ถล่มแต่อย่างน้อยมันก็ร้าว สามปีที่ผ่านมามันไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่มีวันได้ยินเรื่องราวพวกนี้ออกจากปากของอีกคนแน่ แม้จะช้า แต่อีกคนก็ยอมให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากขึ้นทุกที


ไม่เป็นไร ยังไม่ได้หัวใจทั้งหมดก็ไม่เป็นไร เขารอได้


...สำหรับแมวดื้อ แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว...


“โอเค ถ้าอย่างงั้นต้องดูแลตัวเองด้วยรู้ไหม”


“รู้น่า ผมพกสเปรย์พริกไทยไปแล้วเนี่ย”


ใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องยิ้มตาม


“งั้นไปกินข้าวกัน จะได้ออกไปทันนัด”


เขาก้มหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่


“จำไว้ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โทรหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”


“ครับ”


แค่คำรับปากนี้ก็พอแล้ว


แค่นี้เขาก็อุ่นใจแล้วว่าอีกคนจะนึกถึงเขาเป็นคนแรกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม



















“งั้นผมออกไปก่อนนะลุง ออกจากห้องแล้วอย่าลืมล็อกประตูด้วยนะ”


“แล้วคืนนี้จะค้างที่ไหน”


นัยน์ตากลมปรายมองมาที่เขาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปง่วนกับการเลือกรองเท้าต่อ


“ที่ร้านลุงสิ”


เขากระตุกยิ้มบางทันทีที่ได้ยิน


เจ้าเหมียวกลับเข้าสู่สภาวะอารมณ์ปกติแล้ว


“โอเค แล้วเจอกัน”


“แล้วเจอกันครับ”


คนตัวเตี้ยกว่าเขย่งเท้าขึ้นเพื่อประทับรอยจูบตรงแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไป


ดูไปชีวิตของพวกเขาก็เหมือนกับคู่แต่งงานอยู่เหมือนกัน


หลังจากอีกฝ่ายออกไป ตอนนี้ในห้องก็เหลือเพียงเขา แสงแดดอุ่นๆ ที่ส่องลอดประตูเลื่อนกระจกเข้ามาจากทางระเบียงกับกองจานที่กองระเกะระกะอยู่ในอ่างล้างจานรอให้เขาไปจัดการ


ไม่สิ ยังมีอีกเรื่องที่เขาต้องจัดการ


ใบหน้าคมสันประดับด้วยรอยยิ้มเย็นในขณะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู หลังจากรออยู่ไม่ถึงอึดใจ ปลายสายก็มีการตอบรับ


[ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับคุณปราณ ผมส่งคนไปเฝ้าทั้งที่ลานจอดรถ ที่ร้าน และจุดอื่นๆ ที่คาดว่าคุณดิมจะเดินผ่านเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดครับ]


“ดี”


นั่นคือสิ่งที่เขาอยากได้ยิน สมแล้วที่เป็นคนที่ทำงานด้วยกันมานาน


“แล้วไอ้เอกชาติมันมารึยัง”


[ยังครับ]


คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยิน


แปลก...ค่อนข้างน่าแปลกสำหรับพวกมีแผนในใจ มันไม่คิดจะไปเตรียมการก่อนรึยังไง


[แต่ที่น่าแปลกคือผมเห็นนายวิทย์ครับ วิทยา สินศรีจำรูญ แฟนเก่าของคุณดิมน่ะครับ]


เพียงแค่ได้ยินชื่ออีกฝ่ายมือใหญ่เผลอบีบอุปกรณ์เครื่องเล็กในมือโดยไม่รู้ตัว


“มันอยู่ไหน”


[ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านคุณดิมครับ]


ดวงตาคมฉายแววคุกรุ่น


เอกชาติไม่มาแต่ดันเจออีกคนแทน สำคัญคือดิมบอกว่าเอกชาติน่าจะติดสินบนพนักงาน...


...อ๋อ อย่างนี้นี่เอง...


“ก้องภพ”


หลังจากนิ่งคิดไปพักใหญ่ เขาก็เรียกชื่อเลขาตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบกว่าเคย


...โชคดีที่อีกฝ่ายหัวไวพอที่จะไม่ทำให้เขาหงุดหงิดเพิ่ม...


[ทราบแล้วครับ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมจะเผื่อแผนไว้ทั้งสองด้าน ถ้ามันเป็นแผนของเอกชาติจริงๆ คุณดิมจะได้ไม่เสี่ยง แต่ถ้านี่เป็นแผนของวิทยา ผมจะเป็นคนกันเขาออกจากคุณดิมเอง]


“ดี”


เขาพูดแค่นั้นก่อนจะกดตัดสายอย่างรวดเร็ว ที่ต้องรีบเพราะเขาไม่อยากให้ลูกน้องมารับรู้อารมณ์ของเขามากเกินควร


เขาหงุดหงิด หงุดหงิดจนแทบบ้า


มือหนาบีบอุปกรณ์สื่อสารในมือแน่นเสียจนแทบแหลก ในใจเขาร้อนรุ่มราวกับถูกเพลิงสุม


ทำไมต้องเป็นไอ้วิทย์ ทำไม ทำไมกัน


ในตอนแรกที่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะออกไปพบเอกชาติ เขาก็แอบเตรียมการอารักขาอีกคนอย่างลับๆ ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะแบบนั้นตอนที่อีกฝ่ายมาบอกความจริงมันเลยไม่น่าตื่นตระหนกอะไร


เขารู้ว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้


เขารู้ดีว่าเขาจะจัดการทุกอย่างได้ แค่เอกชาติ คนอย่างมันไม่คณามือเขาเลยสักนิด แต่ถ้าต้นเหตุของปัญหาเปลี่ยนจากเอกชาติเป็นวิทยา...เขาไม่แน่ใจ


ลำพังปกป้องทางกายมันง่ายแสนง่าย แต่จิตใจล่ะ...


ดิมยังรักวิทย์อยู่ไหม เขาเองก็ไม่กล้าฟันธงอะไร ในเมื่อตลอดสามปีที่ผ่านมาเด็กหนุ่มไม่เคยได้เจอแฟนเก่าของตัวเองเลย ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ไม่เคยโผล่มาให้ดิมได้เห็นเลยสักครั้งเดียว


แล้วเขาจะแน่ใจได้ยังไง เขาจะรู้ได้ยังไงว่าดิมจะไม่หวั่นไหว ในเมื่อเด็กหนุ่มเคยรักอีกฝ่ายมาก...มากเสียจนยอมผ่าตัดมดลูกเพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน 


...เขาจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะสู้มันได้...


นัยน์ตาคมปรายมองไปยังตู้เอกสารของอีกฝ่ายก่อนจะถือวิสาสะรื้อค้นโดยพลการ เพียงไม่นานสมุดเล่มบางสีสันสดใสก็มาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง


...อีกครั้ง...


เขาหยุดอ่านหน้าปกที่เขียนด้วยตัวอักษรสบายตาว่า ‘บันทึกสุขภาพสำหรับผู้ผ่าตัดปลูกถ่ายมดลูก’ อยู่อึดใจก่อนจะเปิดด้านในไปทีละหน้า


ทีละหน้า – ทีละหน้า จนกระทั่งถึงตรงกลางเล่ม


ใบหน้าคมสันก็พลันกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสิ่งที่เขียนว่า ‘ตารางบอกรอบเดือนและวันไข่ตกประจำเดือน’


วันไข่ตกของเจ้าของสมุดเล่มนี้คือเมื่อวาน...คือวันที่เขา ‘จงใจเมา’


ก็ยอมรับว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ใจจริงใช่ว่าอยากเร่งรัดอีกฝ่ายด้วยวิธีนี้นักหรอก แต่เขาเองก็รอไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไอ้เขามันก็อายุปูนนี้แล้ว แถมยังอยู่ในวงการที่แสนอันตรายนี้อีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ อย่างน้อยก่อนตายก็อยากมีโอกาสชีวิตอย่างที่หวังมาตลอดก่อน


...อยากมีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาก่อนจะตายจากกันไป...


อาจจะดูเห็นแก่ตัวและแย่จนน่าประณามแต่เขาก็ยอม ถ้าการกระทำแย่ๆ นี้มันจะทำให้เขาได้ดิมและลูกมาอยู่ด้วยกันได้ เขายอม


ถ้าวิธีนี้จะทำให้เด็กคนนั้นไม่หนีเขาไปไหน...เขายอม


มือใหญ่พับหนังสือเล่มน้อยเก็บเข้าที่ตามเดิมเพื่อไม่ให้อีกคนสงสัย ก่อนจะเปิดโทรศัพท์มือถือในมือเพื่อบันทึกสิ่งที่ต้องทำลงในปฏิทินในอีกสิบวันให้หลัง


ปกติแล้วการตรวจตั้งครรภ์จะสามารถตรวจได้หลังจากไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้วสิบสี่วัน ถ้าในกรณีผู้หญิงทั่วไปคงสามารถตรวจได้ด้วยที่ตรวจครรภ์ตามท้องตลาด แต่ในเพศชายทุกอย่างมันซับซ้อนกว่านั้น


ช่องทางมดลูกที่ปลูกถ่ายมาจะเชื่อมต่อกับทวารหนักต่างจากผู้หญิงที่เชื่อมต่อกับช่องคลอดโดยตรง รังไข่และการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงก็มีน้อยกว่าในผู้หญิงทั่วไป ในเมื่อระดับฮอร์โมนไม่เหมือนเพศหญิง จะให้เขาไปซื้อที่ตรวจครรภ์ของเพศหญิงมาตรวจก็น่ากลัวว่าจะได้ผลไม่แม่นยำ งั้นสิ่งที่เขาควรทำก็คงจะเป็น...


นัยน์ตาคมหรี่ลงด้วยแววตาเจ้าเล่ห์


...เขาต้องคิดวิธีหลอกล่อเจ้าแมวไปหาหมอ...


ต้องทำยังไงให้อีกฝ่ายยอมเจาะเลือดตรวจโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ


ต้องทำยังไงให้อีกฝ่ายไม่ตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คน


มีแต่เรื่องให้ต้องคิดต้องวางแผนมากมายเสียจนเขาอดคิดไม่ได้ว่า การเป็นเจ้าของแมวที่ต้องดูใจดีตลอดเวลานี่มันก็...เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน








***********************************************************************



ลุงมันร้ายยย อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนสูงอายุนะเออ


 :hao7: :hao7: :hao7:




***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 21-12-2017 19:17:15
ลุงจอมวางแผน เอาให้ดีนะลุงเดี๋ยวแมวหนี
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-12-2017 19:35:18
ลุงงงงง ระวัง​แมวมันตะปบนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 21-12-2017 19:37:18
แต่ทำไมเราชอบอะไรแบบนี้ยิ่งนัก มันช่างกร๊าวใจจจ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 21-12-2017 20:24:02
ลุงเขาร้ายจริงค่ะพ่ตา มีศึกษาตารงตาราง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-12-2017 20:37:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 21-12-2017 20:39:03
ลุ๊งงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2017 21:58:59
ชอบบบบบ ลุง  :mew1:
ลุง ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ลุง ทั้งหื่น ทั้งเจ้าเล่ห์ แต่ชอบบบบบ
ลุงจะได้ดูแล ปกป้องลูกแมวที่แสนน่ารักของลุงได้

นี่มันแผนซ้อนแผนป่ะ
เอกกับแฟนเก่าดิม รู้กันสินะ  :z3: :z3: :z3:
แต่ดีที่ลุงรอบคอบ ตามต่อ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-12-2017 22:32:06
ลุงวางแผนไว้แล้วนี่เอง ร้ายกาจจัง 5555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 21-12-2017 22:46:14
ร้ายสุดในเรื่องก็พระเอกของเริ่องเนี่ยแหละ ลุ้งงงง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2017 23:11:14
มากแผนเสียจริง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2017 23:13:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 22-12-2017 00:47:23
ลุงร้ายยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: momaynadsini ที่ 22-12-2017 11:42:42
หลงลุง :hao6: :hao6: :hao6: o13 :impress2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แพรพลอย ที่ 23-12-2017 13:19:01
คือมันดี คือชอบไปหมด สำนวนภาษา บรรยากาศหม่นๆ ครึ้มๆ แต่อบอุ่น
ลุงนี่ร้ายได้ใจจริงๆแต่ก็แซ่บมากกก
ดิมก็น่ารัก คนอะไรโคตรขี้ยั่ว อืออ มันดีต่อใจจ

ติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 23-12-2017 19:24:52
คำอวยพร









แสงไฟระยิบระยับ สีเขียวแดงและยอดต้นสน คือสัญลักษณ์ของความสุข


หิมะที่ร่วงหล่นจากฟ้าคือของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าแด่มวลมนุษย์


เขาคิดอย่างนั้น


“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”


ภาษาอังกฤษสุภาพนุ่มนวลถูกเปล่งออกมาจากปากพนักงานสาวคนหนึ่งหลังจากเห็นเขายืนงกๆ เงิ่นๆ เลือกของอยู่พักใหญ่


ปกติแล้วเขาจะปฏิเสธทุกการช่วยเหลือในร้านค้า แต่วันนี้เขาอับจนหนทางจริงๆ ประกอบกับดวงตาสีฟ้าสดใสของอีกฝ่ายที่ฉายแววเต็มอกเต็มใจจะช่วยทำให้เขายอมรับข้อเสนอ


“ครับ คือ ผมอยากได้ของฝากที่สื่อถึงคริสมาสต์น่ะครับ”


สำเนียงภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลียของเขาทำให้หญิงสาวมีท่าทางแปลกใจเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บอาการสงสัยใคร่รู้ไว้ได้อย่างมีมารยาท


“จะเอาไปให้ใครเหรอคะ”


“หลายคนเลยครับ ทั้งเพื่อนแล้วก็...”


เขาชะงักไปเมื่อนึกถึงความจริงข้อหนึ่งขึ้นมาได้


ปีนี้คงเป็นอีกปีที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงคริสมาสต์


พี่ดาจะคิดถึงดิมบ้างไหม


“แล้วก็?”


คำถามนั้นทำให้เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองยังพูดไม่จบ ใบหน้าคมคายจึงส่งยิ้มกลับไปบางๆ


“พี่สาวครับ”


พี่สาว...พี่ดาที่แสนดีของดิม


“โอ้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำว่า สำหรับเพื่อนๆ เลือกของแบบเป็นเซ็ตน่าจะเหมาะกว่า เพราะจะได้ไม่เกิดความรู้สึกน้อยอกน้อยใจเมื่อได้ของไม่เหมือนกัน ฉันแนะนำเป็นเซ็ตพวงกุญแจถุงเท้าที่ระลึกนี้เลยค่ะ”


เขาลืมคิดเรื่องพวกนี้ไปเลย


นัยน์ตากลมโตจ้องมองไปยังกล่องพวงกุญแจรูปถุงเท้าสีแดงขนาดจิ๋วในมือของพนักงานสาว


ถุงเท้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเทศกาลคริสมาสต์ สีแดงสดก็เช่นกัน


เขาหลงรักคริสมาสต์ อะไรที่ทำให้นึกถึงคริสมาสต์เขาก็เห็นดีเห็นงามด้วยทั้งนั้น


“งั้นผมเอาอันนี้กล่องนึงครับ ส่วนของพี่สาว...”


“ให้ฉันช่วยแนะนำไหมคะ”


“ไม่เป็นไรครับ”


เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ นัยน์ตาจับจ้องไปยังสินค้าที่ถูกใจ


“ผมเอาอันนั้นแล้วกัน”


พนักงานสาวขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ


“อันนี้เหรอครับ”


เธอชี้นิ้วไปยังสินค้านั้นเพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเข้าใจไม่ผิดพลาด


“ครับ อันนั้นล่ะ”


“โอเคค่ะ”


แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามและบริการเขาเป็นอย่างดี


...นั่นค่อนข้างน่าประทับใจ...


แล้วเสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่เดินจากมา


วันนี้หิมะตกอีกแล้ว


เกล็ดหิมะสีขาวร่วงโรยลงมาจากฟากฟ้าเหมือนฝนตก เขาชอบหิมะ แต่เขาไม่ค่อยชอบน้ำแข็งที่อัดแน่นกันใต้พื้นหิมะสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากมันจะลื่นแสนลื่นแล้วยังทำให้รองเท้าเฉอะแฉะจนน่ารำคาญ


ขาสองข้างก้าวไวๆ ไปยังจุดหมาย ไม่นานนักเขาก็ก้าวเข้าสู่บริเวณที่คุ้นเคย


รั้วเก่าๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนมองไม่เห็นเหล็กที่ขึ้นสนิม ตัวตึกสูงสง่าตั้งเด่นอยู่กลางผืนที่ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ตรงกลางนั้นเป็นที่ตั้งของน้ำพุที่แห้งเหือดและวงละเล่นของเด็กตัวน้อยๆ กลุ่มนึงที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา


“สุขสันต์วันคริสมาสต์!”


น้ำเสียงสดใสของเด็กๆ เอ่ยขึ้นทักทายเขาด้วยประโยคคลาสสิคในช่วงนี้ของปี


…Merry Christmas…


“สุขสันต์วันคริสมาสต์!”


เขาตอบกลับไปด้วยประโยคเดียวกันก่อนจะยื่นถุงช็อกโกแลตที่ซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานให้คนที่โตที่สุดในกลุ่ม


“แบ่งให้น้องๆ ด้วยนะจอร์จ อย่าให้ฉันเห็นว่านายมุบมิบ ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณพ่อให้ทำโทษเสียให้เข็ด”


“ร้ายกาจเหมือนเดิมเลยดี”


ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พวกเขากลับหัวเราะออกมาพร้อมกัน


เด็กหนุ่มโบกมือลาเด็กๆ แล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคารคุ้นตา


อากาศอุ่นๆ ด้านในทำให้เขาฉีกยิ้มกว้าง


ใครบ้างจะไม่ชอบอากาศอุ่นๆ หลังจากต้องเดินฝ่าหิมะมาหลายถนน


แสงไฟสีส้มสว่างไสวไปทั่วโบสถ์ ผู้คนมากมายมารวมตัวกันด้วยรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า บรรยากาศของความอบอุ่นและความสุขกำลังแผ่ขยายไปทั่วบริเวณจนเขาเผลอยกยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ


เขารักวันคริสมาสต์ก็เพราะแบบนี้ล่ะ


“เฮ้ดี มาเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย”


คำทักทายนั้นมาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ของเพื่อนสาวผมบลอนด์ทำให้เขายิ้มกว้างกว่าเก่า


นั่นเป็นลักษณะการทักทายที่เขาคุ้นชินเสียแล้ว


“ไหน พร้อมไม่พร้อม”


ใครบางคนเดินมากอดคอเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองจึงรู้ว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา


เพราะแบบนั้นเขาจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม


“พร้อมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”


“เยี่ยม งั้นไปกันเลย”


พอเพื่อนตัวโตพูดประโยคนั้นจบเขาก็โดนทั้งลากทั้งดันไปด้านหน้าสุดของโบสถ์


แล้วเขาก็ต้องยิ้มกว้างกว่าเก่าเมื่อชายชราในชุดสีขาวยาวตลอดตัวหันมาส่งยิ้มใจดีให้


“มากันแล้วๆ”


น้ำเสียงทุ้มแหบนั้นปรากฏแววยินดี


“เอาล่ะเชลซีไปตามเด็กๆ เข้ามา เราจะเริ่มพิธีกันสักที”


“ได้ค่ะคุณพ่อ”


หลังจากนั้นภาพในสมองของเขาก็พร่าเลือนไปหมด


ปากของเขาขยับไปเอง


หน้าของเขามันฉีกยิ้มไปเอง


สิ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำมีเพียงแสงไฟระยิบระยับตา บรรยากาศอบอุ่นที่ลอยอบอวลโอบล้อมร่างของทุกคนเอาไว้ และเสียงเพลงที่คุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้


“Joy to the world (พระทรงบังเกิดโลกจงยินดี)


ขอความสุขจงสถิตอยู่บนโลกนี้ตลอดไป


“And heaven and nature sing (เชิญเราร้องเพลงเปล่งเสียง)


ขอให้ความสุขนี้อยู่กับเขาตลอดไป


“And wonders of his love (อัศจรรย์ความรักพระเจ้า)


ขอความรักจงสถิตอยู่กับทุกคน


...ขอพระองค์ได้โปรดพาความรักกลับมาหาเขาที...พาพี่สาวกลับมาหาเขาเสียที...


ดวงดาวประดับต้นคริสมาสต์ในมือเขาส่องประกายยามต้องแสง


ดวงดาวคือตัวแทนของความดีงามและรุ่งโรจน์ เขาซื้อสิ่งนี้มาด้วยความตั้งใจ...ตั้งใจจะให้สิ่งนี้กับพี่สาวของเขาเมื่อเราได้เจอกันอีกครั้งเพื่อบอกอีกคนว่าตราบใดที่ยังศรัทธา เราจะไม่เป็นไร


...ถ้าเราได้กลับมาพบกัน ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี...


ห้วงคำนึงของเขาถูกขัดจังหวะด้วยเพื่อนสนิทตัวโตที่วิ่งเข้ามากอดคอจากด้านหลัง ตรงหางตาเขาเห็นเพื่อนสาวอีกคนกำลังเดินมาห่างๆ แต่ยังไม่ทันได้หันไปยิ้มให้ ก็ถูกคนที่กอดคอเขาเรียกความสนใจไว้เสียก่อน


“ดี นายโคตรเจ๋ง เสียงเทเนอร์ของนายมันจับใจเป็นบ้า”


“ขอบใจโยฮัน แต่จะดีมากถ้านายยอมเรียกฉันว่าดิมเสียที”


เด็กหนุ่มผมสีบรูเน็ตส่ายหัวไปมาพร้อมกับสีหน้าไม่เห็นด้วย


“ไม่เอาน้า ดิมเหรอ ดิมที่แปลว่าสลัวน่ะนะ เพื่อนยาก ชื่อนายมันหดหู่ต่อชีวิตชะมัด”


ก็จริง


พอเถียงไม่ได้เขาเลยเลือกที่จะยักไหล่แล้วยิ้มขำๆ แทน


จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ ไม่ว่าจะชื่ออะไรเขาก็ยังเป็นเขาอยู่ดี


...ไม่ว่าจะเรียกด้วยคำไหน ตัวตนของเราก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี...


“หนุ่มๆ พวกนายเยี่ยมมากเลยขอบอก”


เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาด้านหลังพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ดึงเขาเข้าไปกอดทำให้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ากว้างขึ้นไปอีก


“ไม่เท่าเธอหรอเชลซี เสียงโซปราโน่ของเธอนับว่าหาตัวจับยาก”


เขาชมเธอไปแบบนั้น


เจ้าหล่อนยู่หน้ายิ้มๆ เหมือนจะสื่อว่าเขาน่ะขี้ยอเกินไป


“ปากหวานขนาดนี้ เมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะ”


คำแซ็วนั้นทำให้รอยยิ้มเขาเจื่อนลงเล็กน้อย


แฟนเหรอ... ป่านนี้วิทย์จะเป็นยังไงบ้างนะ หลังจากเลิกกันไป อีกฝ่ายจะคิดถึงเขาบ้างไหม


“นั่นซี่ ไม่สนใจมีแฟนเป็นหนุ่มเอดินบะระสักคนเหรอ ไหนๆ นายก็กะตั้งรกรากที่นี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”


“ไร้สาระน่าโยฮัน’


ในตอนแรกที่พูดไป เขาก็แค่อยากสื่อว่าตัวเขายังไม่พร้อมมีใคร แต่เหมือนทุกคนจะตีความคำปฏิเสธของเขาไปคนละทาง


“อย่าบอกฉันนะว่านายกะจะตั้งรกรากที่ออสเตรเลียมากกว่าที่อังกฤษน่ะ”


เป็นเชลซี่ที่เริ่มตีความผิดเป็นคนแรก ต่อด้วยเสียงรับโน้มน้าวจากเพื่อนชายร่างสูงที่กอดคอเขาอยู่ไม่ห่าง


“ไม่เอาน้าดี พวกเราอยู่ที่นี่กันทั้งนั้น กลับไปออสเตรเลียนายจะมีใครน้องจากเจ้าพลูโตของนาย”


ไม่ว่าเปล่า โยฮันยังทำหน้าล้อเลียนเขาอีกต่างหาก


พลูโตเป็นชื่อจิงโจ้ที่เขามักเห็นตอนขับรถผ่านจากบ้านเข้าไปในเมืองอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นก็แค่นึกสนุกเลยถือโอกาสตั้งชื่อมันว่าเจ้าพลูโต เรื่องนี้เพื่อนๆ เขารู้ดี เขาเองก็ชอบเจ้าจิงโจ้น้อยอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากเขาย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมืองก็ไม่ได้ผ่านทางนั้นอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้เขาลืมเรื่องของเจ้าพลูโตไปเสียสนิท


ขนาดเขายังลืม ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยังจำได้แม่นขนาดนี้


พักเรื่องจิงโจ้ไว้ก่อน เขาต้องแก้ความเข้าใจผิดแปลกๆ ของเจ้าพวกนี้ก่อนที่จะพากันออกทะเลไปมากกว่านี้


“นี่พรรคพวก ฉันไม่เคยคิดที่จะตั้งรกรากอยู่ที่ออสเตรเลียโอเค๊ ฉันต้องมาอยู่กับพวกนายอยู่แล้ว ไม่หนีไปไหนหรอกน้า”


“มันต้องอย่างนี้สิพวก”


แล้วเขาก็ได้รับกอดที่อบอุ่นจากเพื่อนรักทั้งสองคน


“เฮ”


เสียงใสกังวานของหญิงสาวคนเดียวภายในกลุ่มทำให้เขาต้องหันไปมองหน้าคนพูด


นัยน์ตาสีเขียวทอระกายเจิดจรัสราวกับดวงดาวบนฟากฟ้า


“วันนี้วันดี ไปหาอะไรดื่มกันไหม”


“ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว”


เป็นโยฮันที่ตอบรับขึ้นมาก่อน ในขณะที่เขายังคงนิ่งคิด


คืนคริสมาสต์ ถ้าอยู่คนเดียว คงเหงาน่าดู


“เอาสิ ไปก็ไป”


แล้วพวกเขาทุกคนก็หันไปบอกลาเพื่อนผองด้านในก่อนจะเดินจากมา


เขารักบรรยากาศแบบนี้ หิมะร่วงโรย เสียงหัวเราะก้องกังวาน แสงไฟระยิบระยับเคล้าไปกับเสียงกระพรวนและระฆัง


เขารักวันคริสมาสต์เหลือเกิน


“เหวอ!”


ยังไม่ทันจะได้มีความสุขเต็มที่ หน้าของเขาก็ถูกก้อนหิมะที่มาจากไหนไม่รู้อัดเข้าเต็มๆ จนเสียหลักล้มลงกับพื้น


...แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะ...


“ได้เลยโยฮัน นายท้าฉันเองนะ”


ทันทีที่ตั้งหลักได้ เขาก็เอาคืนอีกฝ่ายด้วยการปั้นหิมะปากลับไปบ้าง แต่นั่นค่อนข้างยากเมื่อต้องเล็งให้โดนคนที่กำลังวิ่งไปวิ่งมาตามทางเท้า


ระวังไม่ให้โดนคนอื่นก็สำคัญ ต้องปาให้โดนเจ้าตัวก็สำคัญ


จังหวะนี่ล่ะ!


“เหี้ย!”


เด็กหนุ่มร้องล่ะเมื่อก้อนหิมะลูกโตไม่ได้วิ่งไปชนหัวเพื่อนเขาอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับกันมันดันปะทะเข้ากับหน้าของใครก็ไม่รู้เข้าเต็มๆ


ผู้โชคร้ายของเขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ โค้ทตัวยาวสีดำสนิทรับกับผิวกึ่งแทนกึ่งเหลือง ใบหน้ามีเค้าความเป็นเอเชียของอีกฝ่ายโผล่ออกมาจากฝ่ามือที่สาละวนอยู่กับการปัดหิมะ ทำให้เขารู้ว่าคนๆ นี้ไม่ใช่คนอังกฤษ แต่ก็ดูไม่เหมือนคนจีนเหมือนกัน


ดูๆ ไปก็เหมือน...


“เธอเป็นคนไทยเหรอ”


คำถามที่หลุดออกมาจากปากผู้เคราะห์ร้ายตรงกับใจเขาอย่างน่าใจหาย


แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ผู้ชายคนนี้เป็นคนหล่อ ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่เสียงก็หล่อมากๆ


ไม่ได้สิ มาอึ้งอะไรไร้สาระอยู่ได้


“ใช่ครับ ผมคงอุทานดังไปใช่ไหม”


“ก็พอสมควรล่ะนะ”


พวกเขาชะงักมองหน้ากันเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างประหลาดใจในการโต้ตอบกันอย่างเป็นธรรมชาติผิดวิสัยคนเพิ่งเจอกัน


...ชะงักอยู่อึดใจ แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน...


แปลก ช่างเป็นสถานการณ์ที่แปลกจริงๆ


ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดใคร่ครวญอะไรมากไปกว่านั้น ใบหน้าคมเข้มของคนตรงหน้าก็ผินไปมองด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสบตากับเขา


สวย...เป็นนัยน์ตาสีดำสนิทที่น่าหลงใหลเหลือเกิน


“ไปเถอะ เพื่อนเธอรอแย่แล้ว”


คำพูดนั้นทำให้เขาต้องชะโงกหน้ามองคนสองคนที่ยืนดูเขาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ


เจ้าพวกนั้นนะ ถ้าพ่อจับตัวได้จะกดให้จมกองหิมะเลยคอยดู


“ขอบคุณครับแล้วก็ขอโทษมากจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ”


“ไม่เป็นไร ตอนเด็กๆ ฉันก็ทำอะไรแบบนี้อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน”


เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจคิดอยากถามอีกคนว่า ‘คุณอยู่อังกฤษมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอครับ’ แต่ก็มีสติมากพอจะรู้ได้ว่าคำถามนั้นมันละลาบละล้วงเกินไป


เพราะแบบนั้นเขาเลยเลือกที่จะนิ่งแล้วก้มหัวรับคำให้อภัยเงียบๆ


“ถ้างั้น ผมขอตัวนะครับ”


อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มบาง


แล้วทันใดนั้นเอง ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินจากไป คำพูดบางอย่างก็ดังแว่วมา


“Merry Christmas”


คำอวยพรจากคนแปลกหน้าที่มีนัยน์ตาเป็นประกายทำให้หัวใจเขาอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ


“Merry Christmas ครับ”


แล้วพวกเขาก็แยกจากกัน


เขาไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เขาจำเป็นต้องสนใจด้วยเหรอ ในเมื่อวันนี้เป็นวันคริสมาสต์


วันคริสมาสต์คือวันที่เราสามารถเผื่อแผ่ความสุขให้กับทุกคนได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัวหรือคนแปลกหน้า เราก็สามารถอวยพรให้เขาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ทั้งนั้น


คริสมาสต์คือวันแห่งความสุข ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดไป


...Merry Christmas ...








***********************************************************************



อยากพูดคำว่า Merry Christmas ใจจะขาดแล้วค่ะ พอฟังเพลงไปฟังเพลงมา รู้ตัวอีกทีก็แต่งออกมาอีกตอนซะแล้ว แปลกใจตัวเองเหมือนกัน 555555555555 ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลนี้มากๆ นะคะ




ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็แวะมาอ่านนิยายเราได้น้า //ขายของงง 555555555






***********************************************************************



[เกร็ดความรู้]






Joy to the World หรือ พระทรงบังเกิด (คาทอลิก) หรือ ความสุขเปรมปรีดิ์มีแก่ชาวโลก (โปรเตสแตนต์)


เป็นเพลงเทศกาลที่ได้รับความนิยมที่สุดในช่วงวันคริสต์มาส เป็นเพลงนมัสการพระเกียรติและชัยชนะของพระคริสต์ และเพื่อการรับเสด็จการกลับมาอีกครั้งของพระคริสต์ในวันพิพากษาโลก ซึ่งเพลงจอยทูเดอะเวิลด์ได้รับการขนานนามจากชาวอิสราเอลว่าเป็นเพลงที่แสดงถึงความชื่นชมยินดี ที่พระคริสต์ได้นำหนทางที่จะได้คืนดีกับพระเป็นเจ้ามาให้



ที่มา: จอยทูเดอะเวิลด์ (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%8C)



เนื้อเพลงภาษาไทยของเพลง Joy to the World เราเอามาจากคำร้องที่ใช้กันในโบสถ์จริงๆ แต่ว่าเป็นคำร้องของคริสต์นิกายคาทอลิกนะคะ ถ้านิกายอื่นก็จะมีคำร้องแตกต่างกันไป ใครสนใจอยากลองฟัง เราแนะนำให้ฟังเวอร์ชั่นของ Pentatonix ค่ะ เพราะเรารู้สึกว่ามันเข้าถึงได้ง่ายมากๆ สำหรับคนทั่วไป



Joy To The World – Pentatonix (https://www.youtube.com/watch?v=-Xo64Q2ucQ8)







ดาวประดับต้นคริสมาสต์


เรามักเห็นดาวถูกประดับตกแต่งอยู่บนยอดของต้นคริสต์มาส โดยเชื่อกันว่าดาวเป็นสิ่งที่นำทางไปสู่ความประจักษ์แจ้งที่ วิเศษและดวงดาวเป็นสัญญาณของโชคลาภและการบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ “ดาว” ในความหมายของชาวคริสต์เตียน หมายถึง การแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์ ที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "The bright and morning star"



ที่มา: Christmas Tree & Christmas Time (http://www.bareo-isyss.com/living-young/207-christmas-tree.html)








โทนเสียงต่างๆ ของมนุษย์



1. โซปราโน (Soprano) เป็นระดับเสียงสูงสุดของนักร้องหญิง

2. เมซโซโซปราโน (Mezzo - Soprano) เป็นระดับเสียงกลางของนักร้องหญิง

3. คอนทรัลโต หรือ อัลโต (Contralto or Alto) เป็นเสียงระดับต่ำสุดของนักร้องหญิง

4. เทเนอร์ (Tenor) เป็นเสียงระดับสูงสุดของนักร้องชาย

5. บาริโทน (Baritone) เป็นเสียงระดับกลางของนักร้องชาย

6. เบส (Bass) เป็นเสียงระดับต่ำสุดของนักร้องชาย




ที่มา: สาระของโทนเสียงต่างๆ (http://westernsocial.blogspot.com/2011/07/blog-post_25.html)









เอดินบะระ (Edinburgh)


เอดินบะระ (Edinburgh) เป็นเมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสกอตแลนด์ เอดินบะระเป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร มีศูนย์กลางเมืองตั้งอยู่รอบ ๆ ปราสาทเอดินบะระ เมืองเอดินบะระนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทศกาลต่าง ๆ


ที่มา: เอดินบะระ (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B0)





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ






หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 23-12-2017 19:33:16
คนนั้นคือลุงใช่ไหม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-12-2017 19:45:54
ลุงแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 23-12-2017 20:52:17
ลุงงงงงงงงง ลุงปราณณณณณณณ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-12-2017 21:28:18
เป็นลุงใช่ไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eleventh Song (21/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-12-2017 21:41:08
เจ้าแผนการจริงๆเลยลุงนี่
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-12-2017 23:30:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 24-12-2017 01:32:51
อ่านเรื่องนี้ตอนอากาศหนาว ๆแล้วอุ่นขึ้นจริง ๆ
ดราม่าไม่กลัว กลัวไม่ Happy Ending ..
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] คำอวยพร [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (23/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-12-2017 03:31:02
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 24-12-2017 10:32:36
ของขวัญ











มีคนเคยกล่าวไว้ว่า วันคริสมาสต์คือวันแห่งครอบครัว สมัยก่อนตอนที่เขาเรียนอยู่ที่อังกฤษ วันคริสมาสต์จะเป็นวันที่ทุกคนในบ้านบินไปหาเขาโดยพร้อมหน้าพร้อมตา บ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ริมทะเลสาบจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข อากาศหนาวเย็นยะเยือกจะถูกทำให้อบอุ่นขึ้นมาได้ด้วยขนมปังร้อนๆ ที่เพิ่งออกมาจากเตา ไก่อบน้ำผึ้งตัวโตจะถูกวางไว้กลางโต๊ะ สลัดผักแสนอร่อยวางไว้ข้างๆ มันบดสไตล์โฮมเมด เปลวไฟในเตาผิงจะเต้นระบำล้อไปกับทำนองร่าเริงของเพลง Jingle Bell พ่อจะนั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนแม่จะนั่งอยู่ข้างๆ พ่อ โดยมีเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข



แต่นั่นมันคืออดีตไปแล้ว


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเหลือตัวคนเดียว รู้ตัวอีกทีครอบครัวของเขาก็จากโลกนี้กันไปหมดแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มาหกสิบปีเข้าไปแล้ว


กว่าจะมีครอบครัวเพิ่มขึ้นมา ก็เกือบจะไม่ทันกาลแล้ว


“ลุงว่าถ้าลูกเกิดมาแล้ว จะให้เขาชื่ออะไรดีนะ”


“พ่อชื่อปราณ แม่ชื่อดิม งั้นให้ชื่อดามดีไหม”


คนข้างๆ ส่งเสียง ‘เฮอะ’ พร้อมกับกลอกตาใส่เขายกใหญ่ ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าชื่อมันแย่ เขาก็แค่อยากแกล้งอีกคนเล่นๆ เท่านั้นล่ะ


“งั้นถ้าลูกเป็นผู้หญิงล่ะ”


เสียงเจื้อยแจ้วดังต่อไปเหมือนไม่ได้ยินคำตอบของเขา


จงใจเมินเหรอเหมียวน้อย ได้ เดี๋ยวเขาจะแกล้งซะให้เข็ด


“ดานเป็นไง”


“มาจากดักดานเหรอ”


คนสูงวัยหลุดหัวเราะให้กับประโยคที่ไม่คาดฝันว่าอีกคนจะพูดออกมา


แมวน้อยของเขาเมื่อก่อนฝีปากร้ายยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นยังงั้น


...น่ารักยังไง ก็ยังน่ารักอยู่อย่างนั้น...


“ถ้างั้นอยากให้ชื่ออะไรล่ะ”


นิ้วเรียวสวยขยุกขยิกไปมาบนอากาศ


“ปริมดีไหม”


นัยน์ตาของอีกคนเป็นประกายจริงจังจนเขาอดทวนชื่อนั้นอีกครั้งไม่ได้


“ปริม?”


“อ่าฮะ”


ปริมเหรอ...


“ถ้าลูกเป็นผู้ชายล่ะ”


“ทำไมลุง ปริมเป็นชื่อผู้ชายไม่ได้รึไง”


เขาดึงเจ้าแมวน้อยที่เริ่มยู่หน้าขึ้นมาบนตัก นัยน์ตากลมเริ่มมีน้ำใสมาคลอปริ่มๆ อีกแล้ว


ใช่ อีกแล้ว แต่เขาก็ไม่ถือโทษอะไรหรอกนะ ออกจะเอ็นดูอีกฝ่ายมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ


พักหลังมานี้คุณแม่มือใหม่อารมณ์รุนแรงเหลือเกิน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนเขาตามไม่ทัน หนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องร้องไห้
ปกติแล้วดิมไม่ค่อยร้องไห้ ยิ่งร้องไห้ให้คนอื่นเห็นยิ่งนับครั้งได้ แต่หลังจากตั้งครรภ์ เด็กหนุ่มก็บ่อน้ำตาตื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น


คราวนี้ก็เช่นกัน...


“ไม่ร้องนะเด็กดี โกรธเรื่องที่ฉันล้อเหรอ”


หัวของคนในอ้อมกอดส่ายไปมาเบาๆ


“ถ้าไม่ได้โกรธฉันแล้วเป็นอะไรหืม?”


ริมฝีปากประทับลงบนหัวทุยๆ ของเด็กหนุ่มที่เอนตัวซบลงบนอกเขาเงียบๆ เด็กคนนั้นไม่พูดไม่จา แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้เพราะความรู้สึกเปียกชื้นที่หน้าอกนั่นล่ะ


ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า เพราะแบบนั้นเขาจึงรับรู้ถึงน้ำตาของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว


“หิว”


เขาหัวเราะกับคำตอบที่ได้ยิน


กะไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้


วันนี้หลังจากตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าแมวน้อยก็อาเจียนไปแล้วสองรอบ กินข้าวเช้าไปได้แค่สองสามคำก็บ่นว่าเหม็นแล้วก็ทำท่าจะอาเจียนอีกรอบ ไม่ว่าจะบังคับ จะขู่ จะอ้อนยังไงอีกฝ่ายก็ยืนยันไม่ยอมกินข้าวอยู่ท่าเดียว ทีแรกเขาก็จะบังคับจับกรอกอยู่หรอก แต่พอเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่พยายามขอร้องก็ทำไม่ลง


เขาแพ้น้ำตาของเด็กคนนี้จริงๆ


ไอ้เขาก็อยู่ในวงการธุรกิจมาทั้งชีวิต พบเห็นน้ำตาของผู้คนมามากมายหลายรูปแบบ ทั้งขอร้อง เสียใจ หรือแม้กระทั่งเคียดแค้น แต่เขาก็ไม่เคยใส่ใจ


มีแค่เด็กคนนี้จริงๆ ที่มีอิทธิพลต่อหัวใจขนาดนี้


“อยากกินอะไรล่ะ”


ร่างบนตักเขาส่ายหน้าไปมา


“ไม่รู้ ผมไม่รู้”


เสียงนั้นสั่นเครือ


“แต่ผมหิว คุณปราณ ผมหิว”


ท่าทีสะกดกลั้นน้ำตานั้นทำให้เขากึ่งขำกึ่งเอ็นดู


เด็กหนอเด็ก


“แล้วปกติเหม็นกลิ่นอะไรล่ะ”


เจ้าเหมียวใช้เวลาคิดอยู่ครู่ใหญ่


“ตอนแรกผมคิดว่าผมเหม็นเนื้อสัตว์ แต่ตอนกินสเต๊กมันก็ไม่มีปัญหานะ ผมว่าผมมีปัญหากับข้าว”


“ข้าว?”


ใบหน้าสวยเงยขึ้นจากอกของเขา


“ใช่ ข้าว ผมอาเจียนทุกมื้อที่มีข้าว”


“โอเค งั้นกินสปาเก็ตตี้ดีไหม”


“ป้าติ่งไปจ่ายตลาดหนิ”


“ป้าติ่งไม่อยู่ แต่ฉันอยู่”


พอฟังจบ ใบหน้าสวยก็ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง


“ผมอยากกินสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าหมู”


“ปลา”


เขาแก้ให้


“หมูย่อยยากไปสำหรับตอนเช้า”


คิ้วเรียวขมวดยุ่งอย่างไม่พอใจ


“นี่สิบโมงแล้วนะลุง”


“ถ้าจะกินหมูต้องรอมื้อเย็น”


“แต่ผมอยากกินหมู”


“ไม่ได้”


ใบหน้าของคนบนตักเริ่มเง้าง้อขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาตั้งปณิธานไว้แล้วว่ามีแค่เรื่องอาหารเท่านั้นที่เขายอมไม่ได้ มันเป็นความจริงที่ว่าการปฏิบัติตัวของคุณแม่ขณะท้องเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการนอน การนั่ง การออกกำลังกาย ทั้งหมดล้วนส่งผลต่อทารกในครรภ์ทั้งนั้น แล้วกับเรื่องอาหารการกินที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแบบนี้จะให้เขาปล่อยปละละเลยตามใจอีกคนคงไม่ได้


แต่พอเห็นใบหน้าหงิกงอของคนในอ้อมแขนแล้วมันก็อดใจอ่อนไม่ได้เลยจริงๆ


“ดิม ไม่ดื้อสิ”


“ผมไม่ได้ดื้อ”


ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูด เขาก็สวนขึ้นมาเสียก่อน


“ผมไม่ได้ดื้อเพราะผมอยากดื้อเลยคุณปราณ ผมไม่เคยอยากเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ ผมไม่ชอบตัวเองในตอนนี้เลย แต่ผมน่ะ...ผม...”


“ชู่ ฉันรู้แล้วคนดี”


เขาโอบร่างสั่นเทาของอีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเก่า


ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงในเมื่อตัวเขาเองก็เฝ้าสังเกตเด็กคนนี้อยู่ตลอด เด็กหนุ่มดูหงุดหงิดกับความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของตัวเอง นอกจากจะต้องเขารับการดูแลจากแพทย์อย่างละเอียดทุกอาทิตย์ บางครั้งก็ต้องใช้ฮอร์โมนเพศหญิงในการดูแลการตั้งครรภ์ด้วย


เพราะฮอร์โมนที่ต้องใช้ อารมณ์ของเด็กหนุ่มจึงไม่เสถียรนัก


การท้องในผู้ชายไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวไกลไปกว่าเก่ามันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งเรื่องฮอร์โมน เรื่องร่างกาย จิตใจ การดูแลหลังคลอด การทำคลอด ไม่มีอะไรง่ายเลยสักอย่าง ทุกอย่างต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ทุกอย่างอันตรายเป็นพิเศษ แต่พวกเขาตัดสินใจแล้ว


ตัดสินใจแล้วว่าอยากให้เด็กตัวน้อยๆ ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก


ตัดสินใจแล้วว่าอยากให้เด็กคนนี้มาเติมเต็มคำว่าครอบครัวให้พวกเขาทั้งสองคน เพราะฉะนั้นต่อให้ต้องลำบากแค่ไหนพวกเขาก็ไม่กลัว


ไม่สิ ต้องพูดว่าเขาน่ะไม่กลัว แต่เด็กคนนี้...เด็กหนุ่มในอ้อมกอดคนนี้ล่ะ


...ดิมกลัวรึเปล่า...


“ลุง”


“หืม?”


“เป็นอะไร จู่ๆ ก็เงียบไปเลย”


นัยน์ตากลมโตสีดำขลับที่จ้องเข้ามาด้วยแววตาหงุดหงิดปนเป็นห่วงทำให้เขาแย้มยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ


ไม่เป็นไร ต่อให้ดิมกลัวก็ไม่เป็นไร เพราะเขาจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ กันไปอย่างนี้เอง


“ก็...กำลังคิดว่าจะทำปลาอะไรดี”


เป็นอย่างที่คิด เด็กน้อยบนตักเขากลอกตาขึ้นบนแทบจะทันทีที่เขาพูดจบ


“อะไร ไม่ชอบปลาขนาดนั้นเลยเหรอ”


“เมื่อก่อนก็ชอบ แต่ตอนนี้มันคาว”


“ฉันมีวิธีทำให้มันไม่คาวนะ”


“ลุงไม่ท้องเองก็พูดได้สิ รู้ไหมว่าตอนนี้จมูกผมมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกวันนี้เวลากินข้าว ผมได้กลิ่นน้ำยาล้างจานที่ติดอยู่บนจานด้วย ถึงจะไม่ได้รู้สึกว่าเหม็นแต่มันก็แขยงอยู่ดี”


เด็กคนนั้นร่ายคำบ่นออกมายาวเหยียดก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“แล้วเมื่อไหร่ลุงจะลุงไปทำข้าวให้ผมกินสักที หิว”


เขาหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่า ‘หิว’ จากปากของอีกฝ่าย


ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่ามันน่าเอ็นดูไปหมด


“โอเคๆ”


เขายกยิ้มกว้างอย่างสุขใจ แต่แทนที่อีกคนจะยินดีแล้วยอมลุกออกจากตักเขา นัยน์ตากลมกลับสบลึกเข้ามาอย่างมีความนัยน์บางอย่าง


เพราะแบบนั้นเขาจึงเลิกยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นเอื้อมมือไปลูบหัวทุยนั้นเบาๆ


“เป็นอะไรหืม?”


เด็กหนุ่มมีท่าทีครุ่นคิดอยู่อึดใจ


“ผม...ผมทำให้คุณเหนื่อยรึเปล่า”


คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ เขารู้ดีว่าอีกคนไม่ได้รู้สึกผิดหนักหนาหรอก แต่สิ่งที่เด็กคนนั้นต้องการพูดออกมาจริงๆ คงจะเป็นประโยคจำพวก...’คุณรำคาญผมไหม’ ไม่ก็ ‘คุณจะทิ้งผมไปรึเปล่า’ เสียมากกว่า


อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาหนีไปไหนไม่รอด ป่านนี้แล้วยังจะกังวลไม่เข้าเรื่องอีก แต่เอาเถอะ คุณแม่มือใหม่ก็เป็นแบบนี้ล่ะนะ


เพราะแบบนั้นเขาเลยต้องแสดงออกมากกว่าเดิมนิดหน่อย


“ดิม”


แขนหนาดึงอีกคนเข้ามาแนบอก


“ถ้าเพื่อลูกเพื่อเมีย ฉันไม่เคยเหนื่อย”


ริมฝีปากของเขาสัมผัสอีกฝ่ายเพียงแผ่วเบาแล้วผละออก


...ยังไม่ได้ เขาเสี่ยงให้เกิดอารมณ์ตอนนี้ไม่ได้ ดิมเพิ่งท้องได้แค่สามเดือน ยังเสี่ยงเกินไป...


“เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนะ”


เพียงเท่านั้นใบหน้าของอีกฝ่ายก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง


เขารู้เสมอว่าอีกคนต้องการอะไร แค่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ก็เท่านั้น แต่อีกฝ่ายนี่สิ...


...เด็กคนนี้เคยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาบ้างไหมนะ...


“ขอบคุณนะครับ”


คำขอบคุณมาพร้อมกับความนุ่มชื้นที่ประทับตรงปลายคาง


“ขอบคุณมากๆ ที่พยายามห้ามอารมณ์ตัวเองเพื่อผม”


นัยน์ตาคมเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถูกแทนที่ด้วยการหรี่ลงเพราะรอยยิ้มกว้าง


ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันเพียงชั่วครู่แล้วผละออก ด้วยต่างคนต่างรู้ว่าการเกิดอารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดี


ไม่เป็นไร...อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ถ้าผลการตรวจครั้งถัดไปออกมาว่าภาวะครรภ์อยู่ในสภาวะปลอดภัยเมื่อไหร่ เขาจะฟัดแมวน้อยให้หนำใจเลยทีเดียว


“อดทนหน่อยนะครับ อีกแค่อาทิตย์เดียวเอง”


เขาหัวเราะเบาๆ รับคำพูดยั่วเย้าของอีกฝ่าย


ใครบอกกันว่าแมวเป็นสัตว์ไม่สนใจใคร ดูอย่างเจ้าแมวน้อยของเขานี่สิ ไม่ใช่แค่ใส่ใจ แต่ยังรู้ใจกันไปหมด


...แล้วจะไม่ให้เขารักเจ้าแมวน้อยนี้ได้ยังไงกัน...


คริสมาสต์ปีนี้สำหรับเขาต่างจากทุกปี ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีทะเลสาบในอังกฤษเป็นวิวด้านหลัง ตอนนี้สิ่งที่เขามีเป็นเพียงแม่แมวแสนเอาแต่ใจ ลูกแมวตัวน้อยที่อยู่ในท้อง และตัวเขาที่กำลังจะเป็นพ่อคนตอนอายุหกสิบย่างหกสิบเอ็ดปี


โชคชะตาก็ชอบเล่นตลกกับเราแบบนี้เสมอ แต่สุดท้ายแล้วคนที่เลือกว่าจะเอายังไงกับมันต่อก็คือตัวเราเองอยู่ดีต่อให้ใครบอกว่าเขาบ้าที่มามีลูกเอาตอนนี้ ต่อให้ใครต่อว่าว่าเขาเห็นแก่ตัวที่เลือกจะมีลูกในตอนนี้ แล้วแก่ตายในไม่กี่ปีข้างหน้า ปล่อยให้ภรรยาเป็นทุกข์อยู่เพียงลำพังเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ


เขาจะใส่ใจไปทำไมในเมื่อเขาได้ปูทางทุกอย่างไว้หมดแล้ว ดิมและลูกจะไม่ลำบาก เมียและลูกเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุกต่อให้ตัวเขาต้องตายก่อนก็ตาม


เพราะทั้งสองคนคือของขวัญล้ำค่า...ของขวัญที่เขาจะโอบอุ้มและทะนุถนอมเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


ดิมคือของขวัญคริสมาสต์ที่เขาบังเอิญเจอบนถนนเส้นเล็กๆ ในเมืองเอดินบะระเมื่อสี่ปีก่อน ครั้งนั้นเขาจำได้ว่าอีกฝ่ายงดงามราวกับไฟประดับในวันคริสมาสต์


เขาจำครั้งแรกที่พวกเขาพบกันได้แม่นยิ่งกว่าความทรงจำไหนในชีวิต ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ดวงตากลมโตเป็นประกายชวนให้หลงใหล ทุกคราที่ริมฝีปากนั้นแย้มยิ้ม โลกทั้งใบก็เหมือนถูกหยุดไว้ในวันคริสมาสต์ตลอดกาล


เด็กคนนี้คือความอบอุ่นที่เหน็บหนาว แม้จะยิ้ม แต่ก็เหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา


แต่ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว...ต่อจากนี้จะเหลือเพียงความอบอุ่นเท่านั้น เพราะเขาจะเป็นคนเก็บความเหน็บหนาวนั้นเอาไว้เอง


อยากให้เติบโตอย่างมีความสุข...ทั้งคู่


นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่หน้าท้องที่เริ่มนูนออกมาน้อยๆ ของคนบนตัก


ทั้งแม่และลูก...เขาอยากให้สองคนนี้มีความสุข


ทั้งแม่แมวและลูกแมวควรจะมีความสุขเสียที


“Merry Christmas นะแมวน้อย”


เขาหอมหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือไปแตะที่หน้าท้องนูนของคนในอ้อมกอด


แตะเอาไว้อย่างนั้น หวังให้คำพูดและความรู้สึกของเขาสื่อถึงอีกคนที่กำลังเติบโตขึ้นช้าๆ


“Merry Christmas นะลูก”


มือเรียวทาบลงบนแก้มของเขาเป็นสัญญาณให้ต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกคนที่ฉีกยิ้มกว้างอยู่แล้ว


“บอกลูกคนเดียว ขี้โกงนะลุง”


แล้วมือเล็กๆ นั่นก็ค่อยๆ เลื่อนไปทาบทับลงบนหลังมือของเขา


“We wish you a Merry Christmas นะหนูน้อย โตมาเป็นเด็กแข็งแรงล่ะ”


ความรู้สึกบางอย่างฟูฟ่องขึ้นในใจจนเขากลั้นยิ้มไม่ได้อีกต่อไป


นี่คือสิ่งที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอดชีวิต


...ครอบครัว...ครอบครัวของเขา...ครอบครัวที่มีความสุข


…Merry Christmas…สุขสันต์วันคริสมาสต์ ครอบครัวที่รักของฉัน







***********************************************************************




ตอนพิเศษคริสมาสต์ตอนสุดท้ายแล้วค่ะ พรุ่งนี้ไม่ได้ลงตอนพิเศษ แต่อาจจะ(อาจจะนะคะ)ลงตอนที่ 12 เดี๋ยวมาดูกันว่าจะทำได้ไหม ทำได้รึเปล่า จะทำได้ไหม ทำได้รึเปล่า //เต้น 






***********************************************************************



[เกร็ดความรู้]





3 ช่วงเวลา ต้องห้ามในการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์



          3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ที่การปฏิสนธิเพิ่งจะเริ่มต้นก่อตัว เริ่มสร้างอวัยวะต่างๆ ร่างกายของลูกจึงบอบบางมาก หากได้รับการกระทบกระเทือนในช่วงนี้ อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้ ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ไว้ก่อน เพื่อป้องกันการแท้ง


           1 เดือนก่อนครบกำหนดคลอด เนื่องจากช่วงเวลานี้ปากมดลูกอ่อนตัวมาก การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลานี้อาจไปกระตุ้นให้มดลูกเกิดการหดตัว คุณแม่อาจมีอาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดคลอดจริงได้


           6 สัปดาห์หลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่มดลูกยังเข้าอู่ไม่หมด หากทำกิจกรรมในช่วงเวลานี้ออกจะดูใจร้ายไปหน่อย คุณแม่อาจอึดอัด ปวดหน่วงที่ท้องน้อย และเจ็บแผลที่เพิ่งคลอดได้ ขอให้คุณพ่อบ้านที่แสนดีอดใจรออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง


          อาจมีข้อยกเว้นในบางกรณีที่แพทย์แนะนำว่า ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ไว้ก่อน เช่น แม่ท้องที่มีรกเกาะต่ำมีเลือดออกมาตลอด เคยแท้งบุตร หรือเคยคลอดก่อนกำหนดมาก่อน เจ็บท้องก่อนกำหนด มดลูกมีการบีบตัวบ่อยๆ มีอาการครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง และเป็นโรคหัวใจ


ที่มา: บทความ sex เซ็กส์ ปลอดภัย ของแม่ท้อง (https://women.kapook.com/view807.html)





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 24-12-2017 14:24:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-12-2017 15:00:53
ก็บอกแล้วว่าลุงน่ะร้ายยย โอ้ยยย คนแก่จอมเจ้าเล่ห์ต้องยกให้ลุงเลยจริงๆ ถ้าเรื่องแกล้งเมา เรื่องแกล้งทำใจดี เรื่องวางแผนกันคนที่ไม่ประสงค์ดีออกจากดิม ถ้านี่เป็นดิมจะไม่โกรธเลยแต่จะหลงลุงตามชื่อเรื่องเลยนี่แหละ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 17:35:45
ชอบบบบบบบ ลุง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลุง ทั้งดี ทั้งอบอุ่น ตามใจ เอาใจ กับดิมขนาดนี้
เข้าใจดิม ยิ่งกว่าคนในครอบครัว
ดิม หลงลุง ก็ไม่แปลก หลงลุงถูกต้องที่สุด

มีตั้งชื่อลูกกันแล้ว ดาม / ปริม ชื่อดีด้วยมาจากทั้งลุงทั้งดิม
ลุง ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-12-2017 18:10:57
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-12-2017 18:42:44
ฟิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-12-2017 19:35:27
อย่าตายง่ายๆนะลุง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แพรพลอย ที่ 24-12-2017 20:06:02
ตอนนี้ทำให้อมยิ้มตลอดเลย มันละมุนนน
ตอนท้องยังน่ารักกันขนาดนี้ อยากมีปุ่ม skip ไปตอนคลอดจริงๆ
คงวุ่นกันทั้งบ้าน ต้องครึกครื้นมากแน่ๆ
เสียดายเป็นตอนพิเศษ ไม่ใช่เนื้อเรื่องหลัก แต่ก็ชอบอยู่ดี  :-[
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 24-12-2017 20:41:39
แรกๆ ก็ยิ้มมม
พออ่านตอนลุงเตรียมทุกอย่างเพื่อลูกเมียแล้วแอบเศร้า ถ้าลุงไม่อยู่ขึ้นมาจริงๆ ดิมต้องเข้มแข็งเพื่อลูกให้มากๆ เลยนะ

แต่ลุงร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 24-12-2017 21:27:57
โอ๊ย.... จะตายไปกับความอบอุ่น​ของ​ลุง
อ่าน​แล้ว​เขิน​ ยิ้ม​แก้ม​แตก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 25-12-2017 00:00:18
เขาว่ากันว่ากินเด็กทำให้เป็นอมตะนะคะ ลุงต้องมีอายุยืนยาวคอยเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียนะลุง ตอนรู้อายุลุงแอบตกใจนิดหน่อยค่ะ เพราะกลัวลุงจะไม่ได้อยู่กับน้องดิมนานๆ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่กังวลเลยค่ะ
 ลุงฟิตมาก นางคงอยากจะนอนฟัดแมวน้อยทั้งวันแต่ทำไม่ได้เพราะน้องไม่ยอม อยากรู้เลยว่าถ้าลุงตอนหนุ่มๆจะขนาดไหน น้องคงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่ๆ กลัวดราม่าที่จะมาหลังจากนี้จังเลยค่ะ คุณพ่ออย่ากีดกันเพื่อนกับลูกเลยนะคะ ถึงแม้เพื่อนคุณพ่อจะอยู่ในวงการมืดก็ตาม
 อยากให้น้องดิมหาดาให้เจอเร็วๆ ความสัมพันธ์พ่อลูกและพี่น้องจะได้กลับมาดีขึ้น อยากรู้ว่าทำไมคุณพ่อถึงไม่ยอมรับพ่อของพี่ดาขนาดจะพาไปทำแท้ง
 ชอบบรรยากาศเวลาลุงกับน้องดิมอยู่ด้วยกันจังเลยค่ะ มันดูฟุ้งๆอีโรติคอย่างบอกไม่ถูก น้องดิมมีความเป็นแมวสูงมาก เข้าใจทั้งน้องดิมที่ยังไม่พร้อมจะมีลูก ส่วนลุงพร้อมมีเต็มทีแล้ว ลุงร้ายกาจมากยอมเลยค่ะ
 ส่วนสเปอ่านแล้วยิ้มแก้มปริเลย น้องงอแงน่ารัก ก็ปลามันคาวอะเนอะ ใครจะไปอยากกิน อยากเห็นต้องลุงเลี้ยงลูกแล้ว ต้องน่ารักแน่ๆเลย
 ติดตามนะคะ ชอบมาก หลงลุงจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-12-2017 00:17:57
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 25-12-2017 01:07:44
สาหนุกทากกกกกก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2017 03:19:35
 :hao5: สนุกมากเลยค่ะ

หลงลุงไปด้วยอีกคน แต่..... ไม่อยากนึกถึงม่าเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2017 03:26:24
:hao5: สนุกมากเลยค่ะ

หลงลุงไปด้วยอีกคน แต่..... ไม่อยากนึกถึงม่าเลย


ทำไมคอมเม้นขึ้นไม่ครบ ฮือ  เอาใหม่ก็ได้


 :hao5:  สนุกมากเลยค่ะ

หลงลุงไปด้วยอีกคน แต่..... ไม่อยากนึกถึงม่าเลย

ม่ามาน้ำตาเราคงไหลเป็นโอ่ง คงกว่าจะจบกว่าจะผ่านไปได้

เราคงกระอักเลือดแทน เพราะดูแล้วพ่อดิมคงไม่ได้ผ่านง่ายๆ

แต่ยังไงลุงก็ห้ามตายนะ รอเลี้ยงลูกก่อนลุง

หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-12-2017 18:56:39
 :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] ของขวัญ [ตอนพิเศษคริสมาสต์] (24/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 14:09:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 27-12-2017 19:18:49
Twelfth Song











เขากำลังครุ่นคิด


อากาศร้อนระอุของเมืองไทยในช่วงบ่ายชวนให้ปวดหัวจนต้องเร่งแอร์ในรถให้แรงขึ้นอีกหน่อย รถยนต์ที่จอดนิ่งๆ ไม่มีโอกาสได้ขยับเขยื้อนมาร่วมสิบนาทีกำลังทำให้เขาหงุดหงิด น่าแปลกที่ถนนเส้นยาวขนาดกว้างถึงสี่เลนก็ยังประสบปัญหารถติดอยู่ได้ คงเพราะระบบขนส่งมวลชลมันเฮงซวยนั่นล่ะ คนถึงได้เลือกมาใช้รถยนต์ส่วนตัวกันหมด


เขาบ่นอะไรได้ล่ะ ในเมื่อตัวเขาเองยังเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวเลย


เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับเบาะหนังนุ่มก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


กว่าจะไปถึงก็คงจวนเจียนเวลาอีกตามเคย


ถ้าพูดกันตามตรง ปกติแล้วเขาควรจะอารมณ์เสียมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่น่าแปลกที่วันนี้เขาไม่ได้รู้สึกหัวร้อน ฉุนเฉียวสักเท่าไหร่


นัยน์ตากลมเสมองไปนอกหน้าต่าง พยายามปฏิเสธความจริงบางอย่างที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งรถ


...คละคลุ้งไปทั่วทั้งร่าง...


กลิ่นของลุง กลิ่นของคนรักของเขา กลิ่นของ...


นัยน์ตาคู่นั้นวูบไหว มือเรียวสองข้างทาบลงบนหน้าท้องอย่างเผลอไผล


กลิ่นของพ่อ...พ่อของลูกเขา


เขาจำวันไข่ตกของตัวเองได้แม่นเพราะต้องไปหาหมอทุกเดือน แล้วเมื่อวานที่พลาด...มันเป็นวันไข่ตกของเขา โอกาสที่จะไม่ท้องนั้นเหลือน้อยเหลือเกิน สิ่งที่พอจะเป็นไปได้คืออสุจิของลุงจะต้องไม่แข็งแรง ไม่ก็ไข่ของเขาต้องไม่แข็งแรง ซึ่งดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลยสักอย่างในเมื่อเขาเช็คสุขภาพทุกเดือน คุณภาพไข่ของเขาแข็งแรงยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนเมล็ดพันธุ์ของตาลุงนั่นน่ะ...


ลมหายใจอ่อนๆ ถูกพ่นออกมาจากจมูก


ดูยังไงก็ไม่น่าเข้าเกณฑ์ไม่แข็งแรงได้เลย


...ยังไงก็คงท้องแน่แล้ว...


พอคิดถึงตรงนี้ ร่างทั้งร่างมันก็สั่นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เขาเหมือนคนหลงทาง หลงอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จะออกไปได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วจู่ๆ ก็มีอีกชีวิตหนึ่งโผล่ขึ้นมาให้รับผิดชอบเสียอย่างนั้น


นอกจากหาพี่ดาให้เจอ เขาก็ไม่เคยคิดถึงชีวิตของตัวเองเลย เขาเอาชีวิตทั้งหมดของตัวเองผูกไว้กับพี่สาว ถ้าไม่มีพี่สาว...


ไฟจราจรที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวทำให้เขาต้องกลับมามีสติอีกครั้ง


ไม่มีพี่ดาแล้วยังไง ไม่มีพี่ดา ดิมก็ต้องอยู่ให้ได้


...ใช่ไหม...


ไม่รู้ เขาไม่รู้เลย


คันเร่งที่อยู่ใต้เท้ามันช่างฝืดเหลือเกิน


เขากำลังจะไปไหนนะ เขากำลังทำอะไรอยู่กันนะ ตัวเขาที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้...เพื่อใครกันนะ


สัญญาณไฟจราจรที่อยู่ไกลๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง รถราที่ติดอยู่ยาวเหยียดส่งไอร้อนขึ้นมารวมกันจนกลายเป็นคลื่นในอากาศ ถ้าให้เดา ทุกคนในรถนั้นคงกำลังอารมณ์เสียกับการรอคอยที่ไม่รู้จุดหมาย


รอ...โดยไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่


‘How close is the ending, well, nobody knows (จุดจบอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน ไม่มีใครรู้หรอกนะ)’


เสียงเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุผ่านเข้ามาในโสตประสาทช้าๆ


‘Love is confusing and life is hard (ความรักนั้นน่าสับสนและชีวิตนั้นก็ยากเหลือเกิน)’


เขาทอดมองออกไปยังที่ใดสักแห่ง...มองไปยังสถานที่ที่อยู่ไกลแสนไกล


‘You fight to survive 'cause you made it this far (คุณพยายามต่อสู้เพื่อมีชีวิตต่อ เพราะคุณมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว)’


หนาดน้ำใสไหลลงมาจากหางตาหนึ่งหยดก่อนจะโดนปาดออก


...หยดแรกและหยดเดียว...


นั่นสินะ เขามาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว...ตั้งยี่สิบสามปีที่ต่อสู้กับอะไรต่อมิอะไรมา อุตส่าห์มาไกลตั้งขนาดนี้แล้ว อยู่ดูต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก


...อยู่รอหาความหมายของชีวิตต่ออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร...


พอคิดได้แบบนั้น คันเร่งใต้เท้าก็ดูฝืดน้อยลงหน่อย


พอคิดได้แบบนั้น มือทั้งสองข้างก็มีแรงกลับมาจับพวงมาลัยได้อีกครั้ง


...แล้วไฟสีแดงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้ง...














ไม่ว่าวันไหนๆ ห้างสรรพสินค้าก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายๆ คน ช่องจอดรถที่แน่นขนัด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่รถยนต์จอดติดกันเป็นพืด ท่ามกลางสงครามการแย่งชิงที่จอดรถในอาคารสูงเจ็ดชั้น ก็ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะกันบ้าง บางคนเคยชนะ แต่วันนี้ก็แพ้ บางคนที่เคยแพ้ มาวันนี้กลับชนะ


น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยชินกับคำว่าแพ้สักเท่าไหร่


ฝ่ามือเรียวหมุนพวงมาลัยรถอย่างชำนาญ เพียงไม่นานรถออดี้คันโปรดของเขาก็เข้าไปอยู่ในช่องจอดรถอย่างเรียบร้อยพอดีที่พอดีทาง


“สวัสดีครับคุณดิม”


เสียงทักทายของยามในโซนจอดรถพิเศษสำหรับบุคคลพิเศษของทางห่างทำให้เขาต้องหันไปยิ้มให้ตามมารยาท


เด็กหนุ่มชอบให้ตัวเองดูเข้าถึงได้ ‘บ้าง’ จากคนทุกกลุ่ม เขาไม่ชอบทำตัวสูงส่งจนน่าหมั่นไส้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบการทำตัวติดดินสักเท่าไหร่ เขาก็แค่เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่ไม่ได้ทำตัวสูงจนน่าเด็ดปีก แต่ก็ไม่ได้ทำตัวเข้าถึงง่ายจนใครก็ได้มาแตะต้อง


เป็นคนที่เข้าถึงได้ แต่ ‘ยาก’ ก็เท่านั้นเอง


สองขาเรียวยาวก้าวไปตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะชะงักไปเมื่อเดินไปเกือบถึงลิฟต์เข้าห้าง


รถคันนี้...


เด็กหนุ่มหรี่ตามองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ สีดำคุ้นตา ไอ้ตัวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับยี่ห้อรถที่เห็นกันเกลื่อนชั้นนี้หรอก แต่ที่ติดใจคือป้ายทะเบียนกับตุ๊กตาแมวที่ตั้งอยู่ตรงคอนโซลหน้ารถต่างหาก


ตุ๊กตาแมวสีเขียวนีออนหน้าตาประหลาดที่เขาซื้อมาแกล้งอีกฝ่ายตอนวันเกิด แต่คนๆ นั้นกลับบ้าจี้เก็บเอาไว้จริงๆ แถมดันเอามาแต่งรถแบบไม่กลัวโดยล้ออีกต่างหาก


...ยังเก็บไว้อีกเหรอ...


จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหัวใจมันถูกบีบรัดอย่างน่าประหลาด


แปลกจริงๆ ทั้งที่หายจากกันไปนานมากแล้ว แต่พอได้กลับมาเห็นความทรงจำเก่าๆ ที่มีด้วยกันหัวใจมันก็ดัน...


...บ้าชะมัด...


เด็กหนุ่มหันหน้าหนีแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง


เอาเถอะ ห้างก็ตั้งใหญ่โต คงไม่บังเอิญมาเจอกันง่ายๆ หรอก หรือต่อให้เจอเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาอะไร


...อดีต ยังไงมันก็เป็นอดีตไปแล้ว...


ถึงจริงๆ แล้วจะอดยอมรับไม่ได้เลยว่าความทรงจำที่พวกเขามีด้วยกันนั้นมีหอมหวานจนยากจะลืม แต่สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านไปแล้ว...ไม่กลับมาอีกแล้ว


...ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...


ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงเด็กชายวัยรุ่นที่เพิ่งจะมีความรัก ถ้าจำไม่ผิดก็คงจะเป็นช่วงม.สี่ พวกเขาบังเอิญเจอกันเพราะทำค่ายอาสาปลูกป่าด้วยกัน เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนระดับชั้นเดียวกันแต่อยู่คนละห้อง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นจากเพื่อนก่อนจะพัฒนาเป็นคนรักกันตอนช่วงม.ห้า


สารภาพตามตรงว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรผู้ชายเป็นพิเศษ ตอนมัธยมต้นก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาแล้วเหมือนกัน ประเด็นสำคัญในการเลือกใครสักคนเข้ามาเป็นคนในชีวิตสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องเพศ เพศเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น สิ่งสำคัญคือตัวตนของคนๆ นั้นต่างหาก


ถ้าชอบเสียอย่าง จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น


น่าเสียดายที่ในชีวิตของเขาไม่ค่อยมีผู้หญิงผ่านเข้ามาให้รักมากนัก ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งคือแฟนตอนมัธยมต้นที่คบกันอยู่ประมาณหนึ่งปี สองคือแฟนสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย ที่คบกันได้แค่สองเดือนแล้วก็เลิกเพราะไปกันไม่รอด

 
นัยน์ตากลมจ้องมองหมายเลขชั้นในลิฟต์ที่กำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างว่างเปล่า


เขาคบผู้หญิงไม่ค่อยรอดนักหรอก พวกเธอมักบอกว่าเขาจู้จี้และจุกจิกเกินไป พอได้ลองคบทั้งสองเพศ เขาก็เลยรู้ว่านิสัยตัวเองเข้ากับผู้ชายด้วยกันได้ดีกว่า คนมักจะชอบถามว่าเป็นผู้ชายแต่ต้องเป็นฝ่ายรองรับมันไม่รู้สึกแย่เหรอ เอาเข้าจริง เขาไม่มีปัญหาเรื่องการเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับด้วยซ้ำ จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่สุขเหมือนกันก็โอเคแล้ว


แต่เพราะคนๆ นั้นนั่นล่ะที่ทำให้เขาเคยตัวกับการเป็นฝ่ายรับจนตัดสินใจปลูกถ่ายมดลูกกับรังไข่


บ้าชะมัด ถ้าตอนนั้นเขาฉุกคิดสักนิดว่าเด็กมัธยมมันจะจริงจังกับความรักได้แค่ไหนกัน เขาก็คงไม่พลาดทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นล่ะไป แต่ก็นะ ตัวเขาว่าบ้าแล้ว แฟนเก่าเขามันบ้ากว่าเสียอีก


-ติ๊ง-


เสียงบอกจุดหมายปลายทางของลิฟต์ทำให้เขาต้องเดินออกมาทั้งๆ ที่ในใจยังว้าวุ่นอยู่ไม่จบสิ้น


คนๆ นั้น...แฟนเก่าเขา นึกยังไงถึงเลือกที่จะไปแต่งงานตั้งแต่จบม.ปลายกันนะ ตัวเขาที่หลงเชื่อคำพูดของอีกคนว่าบ้าแล้ว ไอ้คนที่หลอกเขาน่ะบ้ากว่ากันเยอะ


แล้วภาพของคนในความทรงจำก็ถูกใครบางคนเข้ามาแทนที่


คนๆ นั้นน่ะ...บ้าชะมัด


เขายกยิ้ม...ยิ้มทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ายิ้มทำไม


ตาลุง ตาแก่ ตาเฒ่าหัวงูที่บังเอิญเจอบนถนนที่เมืองเอดินบะระในวันคริสมาสต์ที่พี่ดาโทรกลับมาหาเขาจนต้องกลับไทย ใครจะคิดว่าไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาจะได้มาเจอกันอีกครั้งที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ของตาลุงนั่น


จำได้ว่าวันนั้นเขาเมา แต่คนอายุรุ่นพ่อเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ตาลุงนั่นเพียงแค่พาเขาไปพักที่ห้องชั้นบนสุดของร้านแล้วก็ดูแลเขาอย่างดี


อ่อนโยนกับเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอจนกระทั่งถึงตอนนี้


เพราะความอ่อนโยนนั่นล่ะที่ทำให้เขาเผลอไผล รู้ตัวอีกทีก็ให้ใจไปแล้ว


รู้ตัวอีกที เราก็จูบกันและรักกันไปแล้ว


ความรักนี่มัน...บ้าชะมัด นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป บางครั้งก็เจ็บเจียนตาย บางครั้งก็สุขจนแทบกระอัก


...ตกลงแล้วความรักมันคืออะไรกันแน่นะ...


“คุณดิมคะ ผู้หญิงคนนี้เขาบอกว่าคุณดิมให้เขามาทำงานแทนพี่ มันหมายความว่ายังไงเหรอคะ”


คำถามดังขึ้นทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปในร้าน เด็กหนุ่มหยุดมองคนพูดเล็กน้อย


...มองด้วยแววตาเยียบเย็นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก...


“ก็หมายความตามที่เขาบอกนั่นล่ะครับ”


นัยน์ตาของหญิงวัยกลางคนสั่นระริก


“คุณดิม มะ หมายความว่า...”


“ก็บอกว่า หมายความตามที่เขาพูดไงครับ ผมไล่คุณออก”


พอพูดจบเขาก็ปรายตามองคนที่ช็อกจนล้มลงไปกองกับพื้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ชายในชุดสูทดำสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เพียงไม่นาน ร่างอวบท้วมของอีกคนก็ถูกพาออกไปพ้นจากบริเวณร้านของเขา เสียงร้องไห้คร่ำครวญหายไปแล้ว คงเหลือแต่เพียงเสียงหวี่ๆ ของเครื่องปรับอากาศและ...


เขาเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งกระดิกเท้าจนเกิดเสียงน่ารำคาญอยู่บนโซฟาตรงส่วนรับรองของร้าน


เพื่อนตัวดีของเขาหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ตามสไตล์ของเจ้าตัว


เขาเห็นอีกคนนั่งกระดิกเท้าอย่างมีความสุขผ่านกระจกใสรอบร้านตั้งแต่ก่อนที่จะเดินเข้าร้านเสียอีก แค่เห็นก็เดาได้แล้วว่าเพื่อนตัวดีของเขาคงแอบมาจัดการทุกอย่างให้เงียบๆ เหมือนเคย ที่ไอ้เอกชาติไม่โผล่หัวมาก็คงเป็นเพราะเพื่อนเขานี่ล่ะ


เฮอะ ไอ้ตอนเช้าที่เขาโทรไป มันก็เอาแต่ห้ามเขาอย่างนั้นห้ามเขาอย่างนี้ แต่สุดท้ายดันมาถึงที่ร้านก่อนเขาเสียอีก
ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ


“ขอบใจที่จัดการให้”


“เปลี่ยนคำขอบใจเป็นเลี้ยงข้าวกูดีกว่า”


ใบหน้าหล่อเหล่ายกยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้


แต่ก็นะ เพื่อนทำดี ยกยอดให้วันนึงแล้วกัน


“เออ อยากกินอะไรก็บอก”


รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นไปอีก


“น่ารักจริงๆ”


ไปว่าเปล่ามันยังกระโดดผลุงขึ้นมากอดเขาด้วยนี่สิ


“น่าฟัดจริงๆ เลยไอ้แมวอะ...”


จู่ๆ ใบหน้าที่ซุกไซ้ซอกคอของเขาก็ถอยห่างออกไปเล็กน้อยจนต้องหันไปมอง


ทำไม...อย่าบอกนะว่า


“กลิ่นน้ำหอมนี่มัน...”


เดลนิ่งมองหน้าเขาอยู่อึดใจก่อนจะกระชากแขนให้เดินตามเข้าไปในห้องทำงานด้านใน เจ้าตัวลากเขาเข้ามาในห้องทำงานของเขาเองแล้วปิดประตูลงกลอนเสียเสร็จสรรพ ดูเผินๆ เหมือนฉากข่มขืนในหนังเรทอาร์ราคาถูก แต่นี่เป็นชีวิตจริง


มีบางอย่างไม่ปกติ


เขารู้ว่าเพื่อนเขามีบางอย่างที่อยากพูดแต่ให้คนอื่นรับรู้ไม่ได้


“ดิม น้ำหอมนี่ของปราณ บุญสรนพไม่ใช่เหรอ มันมาอยู่บนตัวมึงได้ไง”


ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดฉาก ร่างของเขาเกร็งขึ้นเล็กหน่อย ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของเขาก็ยังราบเรียบเหมือนเดิม


“มั่วเถอะ นี่น้ำหอมใหม่ของกู...”


นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวที่จ้องมองมาทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกไปเสียอย่างนั้น


น่ากลัว...เขาไม่เคยเห็นเดลเป็นแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต


“ดิม”


แค่คำเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ น่าแปลกที่มันทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง


เขากลัว...เดลน่ากลัว


“เออ ใช่ ของเขานั่นล่ะ”


ในที่สุดก็ถึงคราวที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ เพื่อนตัวสูงของเขาน่ากลัวเกินไป คราวนี้เขาสู้ไม่ไหวจริงๆ


“มึงไปเอามาได้ยังไง เท่าที่กูจำได้ มึงไม่น่าจะรู้จักเขา”


ไม่ได้ เขายอมให้ความจริงเปิดเผยออกมาตอนนี้ไม่ได้


ถึงจะกลัว แต่เขาก็ต้องสู้เพื่อปกป้องตัวเอง


“แล้วมึงล่ะ รู้จักเขาได้ไง จำกลิ่นน้ำหอมเขาได้ยังไง”


นั่นเป็นการเบี่ยงประเด็นอย่างเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะฉุนเฉียวที่เขาพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพื่อนตัวดีของเขากลับถอนหายใจแล้วเบนสายตาหลบอย่างไม่เป็นธรรมชาติ


แปลก...มีบางอย่างแปลกๆ


“ดิม”


คำเรียกชื่อนั้นฟังดูจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยคุยกัน


“บ้านกูค้าปืน แม้จะถูกกฎหมาย แต่กูก็ขายปืน นำเข้าปืน เข้าใจไหม”


อะไร...หมายความว่ายังไง


เพื่อนตัวสูงของเขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย


“เอาเถอะ พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก ต้องรอให้มึงขึ้นมานั่งตำแหน่งบริหารงานแทนพ่อมึงนั่นล่ะถึงจะเข้าใจ”


ทำไม...อะไร...เกิดอะไรขึ้น


คำถามนับล้านวิ่งวนอยู่ในหัวจนเขาไม่รู้ว่าควรถามคำถามไหนออกมาก่อนกันดี


“ดิม กูขอถามตามตรงนะ”


กลับกลายเป็นอีกคนเสียอีกที่ชิงถามขึ้นมาเสียก่อน แถมแววตาเคร่งเครียดที่ฉายให้เห็นทำให้เขาหวั่นใจพิกล


“มึงเป็นอะไรกับคุณปราณ”


เขานิ่ง...นิ่งอยู่อย่างนั้น


“มึงอยากได้ยินคำตอบแบบไหนล่ะ”


เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นมากุมขมับ


“มึง...มึงล้อกูเล่นใช่ไหม”


เขาไม่ได้ตอบ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงการสบตากันเงียบๆ อยู่พักใหญ่ก่อนที่ร่างสูงกว่าจะส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ


“นั่นเพื่อนพ่อมึงเลยนะ แก่กว่าพ่อกูอีกนะดิม”


ไม่ว่าเปล่ายังเอื้อมมือมาเขย่าตัวเขาไปมาเบาๆ ด้วย


เหมือนอีกฝ่ายอยากจะเตือนสติเขา


...เหมือนเดลอยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่กลับลังเลที่จะพูด...


ทำไมกัน


“กูรู้”


เขาอยากถามมากกว่านี้ มีอีกหลายอย่างที่เขาอยากรู้ แต่เขาถามไม่ได้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเค้นความจริง


...คนที่มีชนักติดหลัง มันเป็นแบบนี้นี่เอง...


“มึงรู้แล้วมึงก็ยังจะเอากับเขาเนี่ยนะ”


“เดล”


เขาเรียกชื่อคนที่จับไหล่เขาเอาไว้แน่น นัยน์ตากลมสบลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย


“เวลาเราจะรักใครสักคน เราก็แค่รักเพราะเป็นเขาเปล่าวะ”


ความเงียบโอบล้อมพวกเขาอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ แต่ในที่สุดคนตัวสูงกว่าก็ยอมปล่อยมือ


“กู...กูไม่รู้จะพูดยังไงดี”


คิ้วที่ขมวดยุ่งของอีกฝ่ายทำให้เขากังวลใจ ปกติแล้วเดลไม่ใช่คนจริงจังกับอะไรมากนัก นานๆ ทีจะได้เห็นสีหน้าท่าทีแบบนี้


สีหน้าเคร่งเครียด...สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก


...สีหน้าของคนที่รู้อะไรบางอย่างได้พูดไม่ได้...


ทำไม


“ดิม กูขอพูดตามตรงเลยนะ”


แววตาที่ส่งมาหาเขาส่อไปทางอ้อนวอนมากกว่าสั่งการ


“ระวังตัวไว้”


ทำไม...ทำไมกันล่ะ


“ถ้ามึงคิดว่าพวกเราที่อยู่ในโลกสีเทามันแย่แล้ว บุญสรนพเป็นอะไรที่แย่กว่านั้นมาก”


ทำไม...ทำไมหัวใจของเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้


ความรู้สึกเหมือนกำลังสำลักน้ำนี้มันคืออะไรกัน


“โลกสีดำ...มันไม่สนุกหรอกนะดิม”


อะไร...อะไรกัน ไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย


หลุมสีดำที่เกิดขึ้นในอกนี้มันคืออะไรกัน ความรู้สึกวูบโหวงนี้มันคืออะไรกัน ความรู้สึกที่เหมือนจะหายใจได้บ้าง ไม่ได้บ้างนี่มันคืออะไรกัน


ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจอะไรเลย









***********************************************************************



เนื้อเพลงที่ปรากฏในเนื้อเรื่องคือเพลง It isn't the end ของ Owl City ค่ะ เพลงๆ นี้เล่าเรื่องเด็กผู้หญิงคนนึงที่สูญเสียพ่อไปตั้งแต่เด็ก เป็นเพลงที่เล่าการเติบโตของชีวิตผ่านความเจ็บปวดแสนสาหัสจนกระทั่งมันค่อยๆ เบาบางลงและให้อภัยพ่อที่เลือกหันหลังให้เธอและครอบครัวได้ในที่สุด





MV ที่แปะให้เป็น MV Fanmade นะคะ แต่เรารู้สึกว่ามันดูรู้เรื่องมากกว่าของ Official (ขอโทษ Owl City อยู่ในใจ 555555) ก็เลยเลือกแปะอันนี้เนอะ




https://www.youtube.com/watch?v=ALiqSY-8JQY (https://www.youtube.com/watch?v=ALiqSY-8JQY)





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ






หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-12-2017 19:38:44
เป่าหูแม่ลูกอ่อนใจบาง ๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-12-2017 19:45:19
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 27-12-2017 19:46:26
อ่านจบแล้วเครียด มัน​กดดัน​อึดอัด​
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 27-12-2017 20:25:07
น่าจะเป็น ''วันไข่ตก'' มากกว่าตกไข่นะคะ ไข่ที่ตกจากรังไข่มายังมดลูก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-12-2017 20:28:39
 :katai1: :katai1:
น้องดิมอย่าพึ่งคิดมากนะลูก
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 27-12-2017 20:38:24
น่าจะเป็น ''วันไข่ตก'' มากกว่าตกไข่นะคะ ไข่ที่ตกจากรังไข่มายังมดลูก



พิมพ์ผิดจริงๆ ด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ


 :hao5: :hao5: :hao5: :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2017 20:39:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 27-12-2017 23:19:36
กรี้ดกร้าดดดดดด
แมวเหมียวจะรู้อะไรเกี่ยวกับลุงมากขึ้นแล้ว
ง่อวววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 27-12-2017 23:35:49
แง่สั้นนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 29-12-2017 00:49:10
มาต่อเร็ววววว
ตามมาจากนกการะเวกจ้าา555555
รอเน้อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 29-12-2017 06:51:40
 :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 30-12-2017 14:44:35
ตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-12-2017 17:51:00
ลุงนี่ต้องระดับมาเฟียบิ๊กๆแน่เลย ส่วนดิมเราว่าดิมน่าจะพอเอะใจบ้างแหละแต่ด้วยความไม่อยากยอมรับรึเปล่าเลยต้องปิดกั้นความรู้สึกความคิดตัวเองไม่ให้คิดไปแง่ทางนั้น ที่เราคิดแบบนี้เพราะเราว่าดิมฉลาดนะอีกอย่างครอบครัวก็ทำธุรกิจสีเทาด้วยถึงจะไม่เข้าขั้นเป็นธุรกิจมืดแต่คนที่อยู่ในวงการแบบนี้ก็ต้องมีไหวพริบพอตัวแหละ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 02-01-2018 20:16:32
แวบมาสวัสดีปีใหม่แบบเลทๆนิดนึงค่าา
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twelfth Song (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 03-01-2018 17:57:42
คืออ่านช่วงตอนแรกๆนึกว่าเป็นนิยายเซ็กซี่ๆ หลงลุงหลงดิม หวานๆ เรื่อยๆธรรมดา พออ่านแต่ล่ะตอนเริ่มพีคเริ่มเพิ่มปมเริ่มลึกลับ คือบับตื่นเต้นมากเรยแกรรรร คือตอนแรกเดาว่าดราม่าเรื่องอายุ ต่อมาเริ่องพ่อดิมเป็นมาเฟีย พอตอนนี้คือแบบมันมีแต่ปมให้ดราม่าเลยค่ะ แต่คือลุงร้ายมาก เจ้าเล่ห์แถมยังขี้วางแผนอีก ต่อให้ดราม่ายังไงคิดว่า ลุงเอาอยู่ค่ะ!! 5555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 03-01-2018 17:58:05
Thirteenth Song











เคยมีคนกล่าวไว้ว่า บางครั้งคนเราก็สามารถรับรู้เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่าลางสังหรณ์


ลางสังหรณ์อย่างนั้นเหรอ...


ใบหน้าคมเข้มของคนในห้องกระจกผินออกไปมองท้องฟ้าอึมครึมด้านนอกด้วยความรู้สึกบางอย่าง มันเป็นความรู้สึกทึมเทาในใจเหมือนกับท้องฟ้าสีเทาด้านนอกไม่มีผิด ฝนจะตกก็ไม่ตก แดดจะส่องก็ไม่ส่อง


เป็นความรู้สึกอึดอัดไร้ที่ไปที่มา


จู่ๆ ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้


...


...ไม่รู้ที่ไหนกัน...


เขาก็แค่พยายามปฏิเสธความจริงที่ว่าตัวเขาไม่มีอะไรจะไปสู้กับชายหนุ่มอดีตคนรักของเจ้าแมวน้อยเขาได้เลยต่างหาก ผู้ชายคนนั้นเป็นคนหนุ่มที่จัดได้ว่าน่าจับตามอง สมัยเรียนก็เก่งไม่เป็นรองใคร พอโตขึ้นมาก็มีพรสวรรค์ในด้านการทำธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นคนในโลกสว่าง ดูยังไงก็น่าคบหามากกว่าเขา


สีขาวยังไงเสียก็ดีกว่าสีดำอยู่แล้ว


เสียงพนักเก้าอี้หนังชั้นดีดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกกดทับด้วยแผ่นหลังแกร่ง เขาถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ กองเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้าที่รอการอนุมัติ ไหนจะเรื่องคาสิโนที่เขาต้องไปจัดการอีก


ทั้งๆ ที่มีเรื่องให้ทำเยอะแยะขนาดนี้ ในใจของเขาก็ดันวกกลับไปหาอีกคนอยู่ไม่จบไม่สิ้น


ถ้าต้องเสียอีกคนไป เขาจะอยู่ยังไงกันนะ...


แย่จริงๆ อายุปูนนี้แล้วยังมากังวลเรื่องความรักอย่างกับเด็กหนุ่มวัยขบเผาะไปได้


ถ้อยคำในเอกสารขอผ่อนผันหนี้ของพวกผีพนันในคาสิโนไม่ได้เข้าไปในหัวเขาเลยสักนิด


ต้องตายแน่...


ถ้าเด็กคนนั้นทิ้งเขาไป...เขาคงตายแน่


ทำไมเขาถึงเป็นคนช่างยึดติดขนาดนี้กันนะ


-ก๊อก ก๊อก-


“ขออนุญาตครับนาย”


ถ้อยคำคุ้นเคยจากอีกฝากของบานประตูทำให้เขาต้องกลับมาอยู่ในสภาวะพร้อมทำงานอีกครั้ง


รอก่อนนะที่รัก เสร็จงานเมื่อไหร่ฉันจะไปหา


“เข้ามา”


สิ้นเสียงอนุญาต บานประตูไม้หนาหนักก็ถูกเปิดออกโดยชายวัยกลางคนรูปร่างสูงหนาคนหนึ่ง ชุดสูทสีดำสุภาพรับกับใบหน้าดุดันมีดวงตาข้างขวาเหลือกลืมอยู่เพียงข้างเดียว รอยแผลเป็นลึกที่พาดผ่านดวงตาข้างซ้ายของคนๆ นี้ทำให้เขารำลึกถึงความหลังแสนโหดร้ายได้ไม่รู้ลืม


“ว่าไงภพธร วันนี้ถ่อมาถึงสาขาใหญ่ มีอะไรรึเปล่า”


ทันทีที่ได้ยินคำเอ่ยทักจากเขา ใบหน้าแข็งกร้าวก็พลันมีสีหน้าอ่อนลง


“เปล่าครับนาย ผมแค่ว่างพอดีเลยเอาเอกสารของสาขาชายแดนมาให้นายเอง”


แฟ้มสีดำวางลงบนโต๊ะไม้เนื้อหนาประกอบคำพูด


“ภพธรสบายดีนะ ลูกล่ะเป็นยังไงกันบ้าง”


ดวงตาอ่อนแสงที่ส่งมาให้ทำเขานึกถึงวันวานเมื่อหลายสิบปีก่อน


เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน


“สบายดีครับนาย ลูกผมก็เรียนจบกันหมดแล้วครับ”


น้ำเสียงสั่นน้อยๆ ของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่คิดจะพูดแทรกอะไรออกไป นัยน์ตาข้างเดียวนั้นส่งแววตาเทิดทูนมาให้อย่างเหลือล้น


“ต้องขอบคุณนายมากนะครับ ถ้าไม่มีนายป่านนี้ลูกผมคง...”


“ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป อย่างไรเสียก็ครอบครัวเดียวกัน”


เขาสบลึกเข้าไปในดวงตาสีดำข้างนั้น


“พ่อฉันเก็บพวกนายมาเลี้ยงแล้วก็หมายความว่าเราเป็นตระกูลเดียวกันแล้ว เจือจุนกันได้ก็ต้องทำ”


แล้วเขาก็ได้รับแววตาเคารพสุดใจกลับมา


นี่คือสิ่งที่พ่อสอนเขามาตลอด ใจคนไม่ได้ซื้อได้ด้วยเงินหรือความสุขทางกาย ใจต้องแลกใจ นายที่ดีต้องรู้จักวิธีใช้ใจ ใช้คำพูดให้ลูกน้องมอบใจให้ ถ้าได้ใจมาแล้ว ที่เหลือก็สบาย


ถ้าคนมันศรัทธาแล้ว มันยอมตายได้เพื่อสิ่งที่มันศรัทธาและเทิดทูน


คิดจะใช้คน ต้องเลี้ยงคนให้เป็น


เขาเลี้ยงคนเป็น เขาใช้คนเป็น แต่เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองเลี้ยงแมวเป็นรึเปล่า


แย่จริงๆ เผลอคิดถึงอีกแล้ว


“เช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับนาย มีนัดกินข้าวกับลูกสาวน่ะครับ”


“ลูกสาว...เจ้ากิ่งน่ะเหรอ”


นัยน์ตาข้างนั้นเบิกกว้างด้วยความปีติ


“นายจำได้ด้วยเหรอครับ”


“ทำไมจะจำไม่ได้กัน”


เขาว่าพลางหยิบแบงค์สีเทาขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงหนึ่งใบ


“ฉันก็ไม่มีเงินสดติดตัวมากนักหรอก แต่เอาไปให้เจ้ากิ่งเสีย บอกว่าของขวัญจากฉัน บอกว่าให้เจริญรุ่งเรืองในชีวิต”


ร่างสูงใหญ่ค้อมตัวลงพร้อมกับพนมมือไหว้ปลกๆ


“ขอบคุณครับนาย ขอบคุณจริงๆ ครับ”


แล้วแขกผู้มีเยือนก็จากไป ทิ้งไว้เพียงตัวเขาที่ได้รับความเทิดทูนเสียจนล้นปรี่


นัยน์ตาสีดำเสมองไปทางกระจกใสตรงมุมห้อง ภาพที่สะท้อนออกมาคือชายสูงวัยผู้มีผมสีเทาแซมสลับไปกับผมสีดำเข้ม ใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยริ้วรอยนี้จะอยู่แย้มยิ้มให้เจ้าแมวน้อยได้อีกนานแค่ไหนกัน


เราควรรักกันจริงๆ ใช่ไหม


“แมวน้อยของฉัน”


เขาพึมพำกับตัวเอง...พึมพำถึงอีกคนในห้วงคำนึง


“รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน”


ตะกอนขุ่นคลั่กที่ฟุ้งกระจายอยู่ในใจของเขาจะเกิดจากอะไรก็ช่าง...ช่างมันสิ อย่างไรเสียเขาก็ขาดเด็กคนนั้นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้ไม่เหมาะไม่ควร เขาก็จะอยู่ตรงนี้อยู่ดี


จะไปหนีไปไหนทั้งนั้น


-กริ๊ง กริ๊ง-


เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้เขาสะดุ้งจนหงุดหงิดตัวเอง


โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ ไม่งั้นคงขายหน้าแย่


ใครกันนะช่างโทรมาไม่รู้เวล่ำเว...ดิม


อีกแล้ว...เขาไม่ชอบเวลาเด็กคนนี้โทรมาหาเลย มันไม่เคยเป็นเรื่องดีสักครั้ง


“ว่าไง”


[ลุง]


เขาได้ยินเสียงลม


[ลุงครับ]


เขาได้ยินเสียงน้ำ


[ผมที่มันแย่จริงๆ เลย]


ถ้อยคำนั้นแผ่วเบาราวกับจะขาดใจ


ทำไม...ใครทำอะไรแมวน้อยของเขากัน


“ทำไมหืม ไหนใครทำอะไรแมวน้อยของฉันกัน”


ปลายสายหัวเราะ


ทำไมถึงหัวเราะด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าขนาดนั้นกัน


[ผมมันโง่เป็นบ้า]


ทำไม เกิดอะไรขึ้นกัน


[คุณปราณครับ]


ปลายสายเงียบไปอึดใจ


[ผมน่ะชอบสีเหลืองนะครับ ผมชอบสีที่สดใส ไม่ชอบอะไรที่มันทึมทึบนักหรอก ยิ่งสีดำ สีเทา ยิ่งไม่ชอบ]


เขาก็ชอบ เขาชอบให้เด็กหนุ่มอยู่ท่ามกลางแสงสว่างเหมือนกัน ไม่อยากลากเข้ามาในวังวนมืดดำนี่เลยสักนิด


เจ็บ...แค่คิดว่าตัวเขาไม่คู่ควรกับเด็กคนนี้มากแค่ไหนก็เจ็บหัวใจเหลือเกิน


[แต่ถ้าคุณชอบสีดำ...]


เขาได้ยินเสียงลมพัดหวีดหวิวเคล้าคลอไปกับเสียงซ่าๆ ของน้ำ


[ผมก็จะชอบสีดำเหมือนกัน]


เพียงถ้อยคำสั้นๆ หัวใจของเขาก็เหมือนถูกปลดจากบ่วงพันธนาการทั้งปวง


อาการใจเต้นรัวจนแทบทะลุออกมาจากอกแบบนี้เรียกอะไรกันนะ


ดีใจ...ดีใจใช่ไหม


“อืม ขอบคุณนะ”


อีกฝ่ายเงียบไปพักใหญ่แต่ยังไม่กดตัดสาย เพราะแบบนั้นเขาจึงถือสายรอเช่นกัน


เขารอมาทั้งชีวิตแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป


[ถ้าเสร็จงานแล้ว มาหาผมที่ร้านเดิมด้วยนะครับ]


ในที่สุดปลายสายก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงขึ้นกว่าเก่า


...ดีแล้ว...


“ร้านเดิมเหรอ ที่อยู่ตรงริมเจ้าพระยารึเปล่า”


[ครับ]


มิน่าล่ะถึงได้ยินเสียงน้ำกับลมชัดนัก


“ได้ ฉันขอเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วจะรีบไปหา สั่งอาหารกินก่อนได้เลยนะ แล้วก็...”


เขาอยากพูด...อยากขออีกคนว่าอย่าสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ แล้วดื่มสุราเข้าไปก็คงจะแย่ แต่เขาไม่กล้าพูด ไม่รู้ป่านนี้เจ้าเหมียวยังโกรธเขาอยู่รึเปล่า แล้วถ้าอีกคนไม่อยากมีลูกก็คงจะไม่ใส่ใจเรื่องแบบนะ...


[ครับ ผมไม่สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรอก]


คำพูดที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจเขาเต้นรัวอีกครั้ง


[เห็นแบบนี้ผมก็ไม่อยากเสี่ยงเหมือนกันนะครับ]


รู้ใจ...เป็นแมวที่รู้ใจเหลือเกิน


[แต่ว่าแค่คืนเดียวคงไม่ท้องหรอกครับ]


คำพูดเปรยๆ ของอีกฝ่ายทำให้หัวใจที่พองโตเมื่อครู่เริ่มเหี่ยวแฟบลงอีกครั้ง


แมวน้อย...เธอไม่อยากมีลูกกับฉันจริงๆ เหรอ


[แต่ถ้ามาซ้ำอีกสักทีอาจจะติดก็ได้นะครับ]


แล้วปลายสายก็ตัดไป ทิ้งชายสูงวัยอย่างเขาให้นั่งค้างอยู่กับก้อนเนื้อในหน้าอกที่เต้นรัวจนแทบทะลุออกมา


เด็กสมัยนี้นี่มัน...ช่างยั่วจริงๆ






















มือเรียวปล่อยโทรศัพท์เครื่องเล็กลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วเอามือเท้าคางเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำกว้างใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงห้าเมตร


ทำตามใจตัวเองแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ ใช่ไหม


...ใครจะรู้ล่ะ...


สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้อนาคตเลยสักคน สิ่งที่เราทำได้ก็เพียงแค่เลือกทางเดินที่เราจะไม่ย้อนกลับมาเสียใจภายหลังเท่านั้น
แสงสีส้มพาดทับลงบนผืนน้ำกว้างใหญ่ เหนือแผ่นน้ำขึ้นไปคือสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่พาดผ่านเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำเข้าด้วยกัน อีกไม่นานแสงไฟมากมายก็คงฉายออกมาจากตึกสูงทุกหนทุกแห่ง ฉายออกมาจากเสาไฟทุกต้นเพื่อนำทางผู้คนให้สัญจรไปได้อย่างปลอดภัย


แล้วเสาไฟของเขาอยู่ไหนกันนะ...มีใครพอจะนำทางเขาบ้างไหม


“อ้าวดิม”


เสียงร้องทักจากใครบางคนทำให้เขาต้องหันไปมอง


“อ้าวทีน ไปยังไงมายังไงเนี่ย”


ในตอนแรกก็กะจะเมินเฉยอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นว่าคนเอ่ยปากทักเป็นใคร เขาก็กลับเป็นฝ่ายที่ต้องร้องทักกลับไปแทน


ไม่น่าเชื่อว่าจะได้พบกันอีก


“ร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนสมัยมหาลัยเราอะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้มาพบดิมแบบนี้”


“จริงเหรอ นี่ร้านโปรดผมตั้งแต่กลับไทยเลยนะ”


“จริงป่ะ”


“มาๆ มานั่งก่อน จะยืนคุยกันอยู่ทำไมเล่า”


เด็กหนุ่มคนนั้นหัวเราะ เพื่อนคนนี้ของเขาเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ


เป็นคนดี เป็นคนอารมณ์ดี เป็นเพื่อนที่ดี


“ได้มาเจอกันแบบนี้นี่โคตรพรหมลิขิตเลยอะ”


อีกคนว่าพลางหัวเราะร่วน ใบหน้าแย้มยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นสดใสเสียจนเขาต้องยิ้มตาม


ทำไมถึงสดใสได้ขนาดนี้กันนะ


“ผมก็ไม่คิดว่าจะได้เจอทีนที่นี่เหมือนกัน นึกว่ากลับภูเก็ตไปแล้วเสียอีก”


“โถ กลับอะไรล่ะ เรามีงานสัมมนาของบริษัทต่อเนี่ย เหนื่อยจะแย่แล้ว”


“นี่แอบโดดมากินข้าวรึเปล่าเนี่ย”


“น้อยๆ หน่อย นี่เวลาว่าง ประชุมเสร็จแล้วถึงได้มา ก็กะจะมาหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านนี่แหละ ใครจะเหมือนดิมล่ะ ชอบโดดรั้วโรงเรียนออกไปซื้อไอติมกะทิสดทุกวันเลย”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


ความสุขแบบนี้...ไม่ได้สัมผัสมานานแค่ไหนแล้วนะ


“แล้วนี่เดลเป็นไงบ้าง ยังคบเป็นเพื่อนกับมันอยู่ไหม”


เขาหัวเราะลั่นกับคำถามของอีกฝ่าย


“คบสิ จะให้ทิ้งมันไปไหนเล่า”


“อ้าว ก็ไม่รู้อะ เห็นมันบ้าๆ บอๆ ทิ้งๆ ไปบ้างก็ได้นะ”


ชอบ...เขาชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนๆ นี้เหลือเกิน


ดี...ดีจริงๆ ที่ได้เจอกันในช่วงเวลาแบบนี้


“ดิม เป็นอะไรรึเปล่า หน้าดูไม่ดีเลย”


“เปล่า ผมก็แค่...”


ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่ถูกนัยน์ตากลมโตเหมือนลูกหมาของอีกฝ่ายจ้องมองเขามาเขาก็พูดโกหกไม่ออกทุกที


ความเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริงที่ล้นทะลักออกมาจากดวงตาคู่นั้นทำให้เขาอับจนด้วยคำพูดอยู่เสมอ


สุดท้ายแล้วความจริงทุกอย่างก็จะทะลักทลายออกมาจากปากจนหมดสิ้น


“ผมแค่...มีปัญหานิดหน่อย”


อีกฝ่ายส่งยิ้มบางๆ มาให้


“ให้เราช่วยอะไรไหม”


ใจทั้งใจรู้สึกอุ่นวาบราวกับโดนโอบกอดไว้ด้วยอ้อมแขนที่มองไม่เห็น


ดี...ช่างเป็นคนที่แสนดีเหลือเกิน


“ผมก็แค่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเลือกไป มันดีจริงๆ รึเปล่า”


เขาสบตาเข้าไปในดวงตาห่วงใยของอีกฝ่าย


“ผมกลัวจะต้องมาเสียใจภายหลัง”


พอเขาพูดจบ ใบหน้าของอีกคนก็ฉีกยิ้มกว้าง...กว้างขนาดเขาที่อยู่ในอารมณ์ไม่มั่นคงนักยังเผลอยิ้มตาม


“ดิมเคยได้ยินคำพูดของลุงธีโอดอร์ โรสเวลต์ที่ว่า ในทุกๆ การตัดสินใจของคนเรานั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือการเลือกหนทางที่ถูกต้อง สิ่งที่ดีรองลงมาคือการเลือกหนทางที่ผิด ส่วนสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือการไม่เลือกอะไรเลย รึเปล่า”


เด็กหนุ่มไม่รอให้เขาตอบ คนตัวสูงโน้มตัวลงมาหาแล้วเอาฝ่ามือใหญ่ตบลงบนหัวเขาเบาๆ


“ถ้าเลือกไปแล้วก็ไม่ต้องเสียใจหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยเราก็ได้ทำดีที่สุดในส่วนของเราแล้วจริงไหม”


ทีนเป็นแบบนี้เสมอ


เป็นคนดี เป็นคนอารมณ์ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นสิ่งดีๆ เพียงไม่กี่สิ่งในชีวิตของเขาที่อยากให้อยู่ด้วยกันตลอดไป เหมือนกับคนๆ นั้น...


...ลุง...รีบมาหาผมสักทีสิ...




***********************************************************************



[เกร็ดความรู้]


คำพูดของทีนแปลมาจากคำพูดของ Theodore Roosevelt ประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐอเมริกาที่ว่า


"In any moment of decision, the best thing you can do is the right thing, the next best thing is the wrong thing, and the worst thing you can do is nothing."


นอกจากจะเป็นประธานาธิบดีแล้ว Theodore Roosevelt ยังเป็นต้นกำเนิดของเท็ดดี้แบร์ด้วยนะเออ





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ














หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 03-01-2018 18:27:00
ฮือออ น้องเลือกที่จะเดินข้างลุงแล้วใช่ไหม อยากให้ทั้งสองคนมีความสุขแล้วอ่ะ เชื่อว่าหลังจากนี้ลุงจะทำทุกอย่างเพื่อดิม แต่ก็ยังกลัวดราม่าอยู่ดี มันเหมือนจะพ้นมรสุมแต่ก็ยังไม่พ้นอ่ะ สงสัยต้องรอตอนหน้า อยากเห็นความขี้ยั่วของดิมและความน่ารักของลุงเหมือนเดิมแล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2018 18:46:10
 :mc4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-01-2018 19:42:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 03-01-2018 21:50:01
อ่า คุณลุงนี่น่าหลงจริงๆค่ะ
ยอมแมวน้อยขนาดนี้ เราก็เชียร์ให้ดิมฮึดไปต่อในสิ่งที่เลือกนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 03-01-2018 22:40:31
อย่าหวั่นไหว  o9

อย่ากลับไป :dont2:

มีลุงแล้ว..ท่องไว้ดิม..ฮึบ!!!  :amen:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-01-2018 23:03:07
ดิมไม่ต้องกลัวนะ ยังไงลุงก็รักดิมมากอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: farhhhh ที่ 04-01-2018 00:22:29
น้องเลือกถูกแล้วค่ะ ลุงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีงาม(ไม่นับงานที่ทำ55)
คนแก่นี่มันช่างน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ อยากกัดเล่น แต่กลัวโดนยิง555 ให้แมวกัดได้อย่างเดียวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-01-2018 00:41:15
หลงน่าหลงจริงๆด้วย 55555
 :mew1: :mew1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 04-01-2018 01:06:29
หลงทั้งคู่เลยยยยย.......
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 04-01-2018 03:15:31
ชอบเรื่องนี้มากเลยยย มีลูกด้วยกันเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-01-2018 05:14:05
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

ดิม เลือกลุงน่ะถูกต้องแล้ว
ลุง ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:     
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-01-2018 16:23:05
โอ้ยยลุงถึงกับหลุดมาด เจอน้องดิมบอกรักกลายๆนี่ถึงกับเซเลยเหรอคะ ฮ่าๆๆ ตอนนี้ก็เบาใจได้หน่อยนึงละนะว่าน้องคงไม่ทิ้งลุงแน่ๆ แต่หลังจากนี้นี่สิว่าจะมีอุปสรรคแบบไหนเข้ามา แต่เราเชื่อว่าลุงจะจัดการได้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 04-01-2018 17:19:22
งื้อออออ  หนูชอบพวกเค้า น่ารักอ่าาาา  :mew2:  :mew2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 05-01-2018 17:15:20
ชอบความแซ่บของลุง
ชอบความยั่วของนายเอก เหมาะสมกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Thirteenth Song (03/1/61)
เริ่มหัวข้อโดย: renardette ที่ 05-01-2018 19:14:15
หลงทั้งลุง ทั้งแมวเลย~ ลุงมีความแซ่บแม้จะไม่ทำอะไร
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 05-01-2018 20:14:37
Fourteenth Song














หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ผืนฟ้ากว้างใหญ่จะกลายเป็นสีดำ ถูกครอบครองโดยความมืดมิด ถูกลากดึงเข้าสู่ห้วงเวลาสีดำไร้ทางออก


แต่ภายใต้ความมืดมิดน่าหวาดกลัวนั้นก็ยังมีดวงดาว


ภายใต้ความมืดมิดที่ผมเลือกกระโจนเข้าไป คุณพอจะช่วยเป็นดวงดาวให้ผมได้ไหมครับ


“ดิม นี่ไม้ เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเราเอง เป็นเจ้าของร้านนี้ด้วย”


น้ำเสียงสดใสเอ่ยแนะนำชายผิวแทนกำยำอย่างนักกีฬาที่เพิ่งเดินเข้ามาให้เขารู้จัก เขาเลยต้องฉีกยิ้มส่งให้แล้วยื่นมือไปจับตามมารยาท


“ไม้ นี่ดิมเพื่อนเราสมัยมัธยมต้นน่ะ”


ชายคนนี้ร่าเริงเหมือนเพื่อนของเขาไม่มีผิด ใบหน้าแทนเข้มฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวยเป็นระเบียบ มือหนาสากที่ยื่นมาจับกับเขานั้นก็ดูกระตือรือร้นเหลือเกิน


 “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”


“เช่นกันครับ ผมเห็นคุณมาที่ร้านบ่อยมากแต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสคุยด้วยสักที ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนกับทีนด้วย”


เขายิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราขอไปคุยธุระกับไม้แป๊ปนึงนะ เดี๋ยวกลับมา ดิมนั่งคนเดียวได้รึเปล่า”


คำถามเป็นห่วงเป็นใยนั้นทำให้เขาอมยิ้ม


“สบายมาก ไปเถอะ”


“โอเค”


อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับเบาๆ ก่อนจะเดินตามเพื่อนของเขาไป


เพื่อนของทีน...เพื่อนของทีนที่อยู่ในโลกของทีน...


...โลกอีกด้านที่เขาไม่รู้จัก...


เพิ่งจะมาคิดได้ก็ตอนนี้เอง ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยคิดขึ้นมาก็ไม่รู้


ในโลกของเรา มีคนที่เรารู้จักอยู่มากมาย ทุกคนที่เรารู้จักก็ล้วนมีโลกของเขา และในโลกเหล่านั้นก็มีคนรู้จักของคนที่เรารู้จักอยู่มากมาย ความสัมพันธ์ของพวกเราทุกคนล้วนเป็นแบบนี้ เป็นรูปแบบซ้ำซากน่าเบื่อแบบนี้ เราคิดว่าเรารู้จักเขาทั้งหมด แต่เราไม่มีวันรู้จักใครได้ ‘ทั้งหมด’ คนรู้จักของเราทุกคนมีด้านที่เราไม่รู้จักซ่อนอยู่...มีโลกที่เราเข้าไม่ถึงซ่อนอยู่


นั่นสินะ...


‘โลกสีดำ...มันไม่สนุกหรอกนะดิม’


ตัวเขาในตอนนั้นรู้สึกเหมือนโดนถีบตกลงมาจากหน้าผา เป็นหน้าผาที่ถูกพุ่มไม้รกชัฏบังไว้...เป็นหน้าผาที่รู้มาตลอดว่ามีแต่เลือกที่จะมองข้ามไป


‘มึงหมายความว่ายังไง’


‘กูรู้ว่ามึงเข้าใจที่กูพูด’



เดลเป็นคนฉลาด ฉลาดมากๆ ตอนเรียนด้วยกันเขาก็ลอกการบ้านอีกฝ่ายบ่อยๆ เรื่องแค่นี้...เรื่องโกหกโง่ๆ แบบนี้ ทำไมอีกฝ่ายจะจับไม่ได้


‘ดิม มึงรู้ใช่ไหมว่าคุณปราณของมึงทำงานอะไร’


‘กูไม่รู้’



เขาไม่ได้โกหก เขาไม่รู้...ไม่เคยรู้อย่างแจ่มชัดว่าเป็นงานอะไรบ้าง สิ่งเดียวที่เขารู้คือมันไม่เหมือนกับคนทั่วไป...มันสกปรก


ตาลุงนั่นเป็นคนสกปรก


‘แต่มึงรู้ใช่ไหมว่าเขาไม่เหมือนเรา’


ตอนนั้นเขาไม่ได้ตอบออกไป แต่ในใจกลับยอมรับไปแล้ว อยู่ด้วยกันมาตั้งสามปี กินด้วยกัน นอนด้วยกัน กอดก่ายผิวกายกันมาตลอด มีเหรอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร


มีเหรอที่เขาจะไม่เคยคิดสงสัยว่าทำไมตาลุงนั่นต้องออกไปไหนมาไหนตอนกลางดึกอยู่บ่อยๆ


มีเหรอที่เขาจะไม่คิดสงสัยว่าเสียงดังลั่นที่ดังแทรกเข้ามาทางโทรศัพท์คืออะไร


คนที่จับปืนมาทั้งชีวิตอย่างเขาจะไม่รู้จักเสียงนั้นจริงๆ น่ะเหรอ


...ก็หลอกตัวเองไปเรื่อย...


‘มึงรู้ทั้งรู้แต่ก็ยังเอากับเขาเหรอดิม!’


‘กูไม่ได้แค่เอากับเขา กูรักเขา!’



แรงอารมณ์ของพวกเขาปะทะกัน สุดท้ายก็เป็นเพื่อนของเขาที่ยอมล่าถอยแล้วเดินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจากไป ทิ้งเขาเอาไว้ในห้องกระจกหรูหราที่ว่างเปล่าและเงียบงัน


รู้...เพราะรู้อยู่แล้วแต่ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น


รู้...รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว แต่เพราะรักก็เลยเลือกที่จะไม่รู้มากไปกว่านั้น


บ้า...เขานี่มันบ้าจริงๆ


พอลองย้อนกลับมาถามตัวเองว่า ‘รู้แล้วจะไปต่อไหม’ คำตอบที่ได้มันก็มีแค่คำตอบเดียวคือ ‘ใช่’ เขาทำใจกับเรื่องนี้มานานพอแล้ว นานจนไม่รู้จะนานยังไงแล้ว ต่อให้ลุงจะมืดจะดำยังไงก็ช่างมันเถอะ ตราบใดที่คนๆ นั้นยังเป็นลุง...ยังเป็นคุณปราณ เขาก็พร้อมจะกระโจนลงไปในความมืดมิดนั้น


ตราบใดที่ดวงดาวของเขายังอยู่ คืนเดือนมืดก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร


เพิ่งจะมาคิดเรื่องพวกนี้ได้ก็ตอนมีคนถามว่า ‘ทำไมไม่เลิกไปซะ’ นี่ล่ะ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็เอาแต่คิดเรื่องพี่สาว ผูกตัวเองไว้กับพี่สาวมาตลอด เพิ่งจะมารู้ว่าชีวิตของเขาถูกผูกไว้กับอีกคนหนึ่งเหมือนกันก็ตอนถูกสั่งให้ถอยห่างออกมา


คนเรานี่มันเหลือเกินจริงๆ ถ้าไม่ถูกเอาของที่คุ้นเคยไปจากอ้อมอกก็คงไม่มีวันรู้เลยว่ามันสำคัญ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ทำไมถึงไม่รู้จักหลาบจำเสียที


นัยน์ตาคู่สวยทอดมองผิวน้ำสั่นไหวที่อยู่ไม่ไกล ผืนน้ำสีดำสะท้อนแสงวาบวับของดวงไฟมากมาย สั่นไหวกระเพื่อมไปตามจังหวะลม


ในวันที่สูญเสียพี่ดาตัวเขาก็คงเป็นเหมือนแม่น้ำนี่ล่ะมั้ง


สั่นไหวและกระเพื่อมไปแล้วแต่สายลมจะพัดพา


ห้าปีผ่านมาแล้ว สายลมนั้นแผ่วลง แต่มันไม่เคยหยุดพัดเลย


ดิมยังคิดถึงพี่ดา ยังอยากเจอพี่ดา ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ยอมมีความสุขจนกว่าจะหาพี่เจอ สุดท้ายแล้วผมก็ผิดสัญญาเข้าจนได้
ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่มีลูก ไม่มีครอบครัวจนกว่าจะพาพี่กลับมาได้แท้ๆ แต่มันก็อดยอมรับไม่ได้ว่าตอนที่รู้ว่าเขาอาจจะท้อง ในใจมันก็พองโตขึ้นมาวูบนึง


เพียงวูบเดียวก่อนจะโดนความรู้สึกกลัวกดทับเอาไว้


ตอนแรกก็คิดเอาไว้อย่างดีว่าถ้าเจอพี่ดาก็จะให้พี่ดากลับมาขอขมาพ่อ ให้ลูกของพี่ดาดูแลบริษัท ส่วนเขาก็จะปลีกวิเวกทำร้านตัดผมและมีครอบครัวที่มีความสุขกับตาลุงนั่น แต่พอมาตอนนี้ ทุกอย่างมันก็ผิดแผนไปหมด


ถ้าเขาท้อง เขาจะบอกพ่อยังไง ถ้าพ่อรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องของเขาคือเพื่อนตัวเอง พ่อจะทำหน้ายังไงก็ไม่รู้ ไหนจะเรื่องพี่ดาอีก ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าการท้องในตอนนี้รังแต่จะสร้างปัญหา แต่ไม่รู้ทำไม...


...ไม่รู้ทำไมเขาถึงเกิดอยากท้องขึ้นมาจริงๆ ...


บ้า...บ้าชะมัด


“ดิม”


เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมโต๊ะที่เพิ่งกลับมาทำเอาเขาสะดุ้งโหยงจนอีกฝ่ายหัวเราะร่วน


“ตกใจอะไรขนาดนั้น”


ให้ตายเถอะ ขายหน้าชะมัด


“ผมคิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะสิ”


“ก็น่าอยู่ล่ะ นั่งหน้าดำคร่ำเครียดเชียว”


ร่างสูงโปร่งกว่าเขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตามเดิม


“แล้วนี่คิดเรื่องอะไร เรื่องพี่ดารึเปล่า”


คำถามของอีกฝ่ายทำให้เขาพูดไม่ออก ทำได้เพียงนั่งอยู่เฉยๆ แล้วแสร้งทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้าแทน


“นี่ดิม”


คำเรียกนั้นดังขึ้นมาในจังหวะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการตักห่อหมกสีเหลืองสวยมาใส่ในจาน


“ก็อย่างที่เราบอกแหละ สักวันดิมต้องได้เจอพี่ดาแน่”


“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”


บรรยากาศในโต๊ะเคร่งเครียดขึ้นทันตา เด็กหนุ่มผู้อารมณ์ดีอยู่เสมอเสหลบตาเขา ในขณะที่ตัวเขาเองก็ไม่มีอารมณ์จะสนใจอาหารในจานอีกต่อไป


สักวันหนึ่ง สักวันหนึ่ง แล้วเมื่อไหร่จะถึงวันนั้นสักที ต้องรอให้เขาตายไปก่อนรึงะ...


เดี๋ยวสิ คำพูดแบบนี้เขาเองก็เคยพูดนี่นา


‘ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตใคร’


‘ผม...ยังไม่พร้อม’


‘เราคุยกันจบไปแล้วนะคุณปราณ ผมยังไม่พร้อม’



นั่นสิ เขาเองก็เคยทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน


เพิ่งมารู้เอาตอนนี้เองว่าคนที่ถูกพูดใส่เขารู้สึกยังไง ตาลุงนั่น...คงเจ็บปวดเหมือนกับเขาตอนนี้แน่


ดิม...มึงมันโง่


“ผมขอโทษที ผม...อารมณ์ร้อนไปหน่อย”


“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ”


ความเงียบเข้าปกคลุมโต๊ะอาหารของพวกเขาอยู่อึดใจก่อนที่อีกคนจะใช้ความสดใสของตัวเองเรียกบรรยากาศอบอุ่นกลับคืนมาได้อีกครั้ง


“เออนี่ จำกุ้งที่อยู่ห้องห้าได้รึเปล่า เดี๋ยวนี้เป็นหมอแล้วนะ...”


ทีนเป็นคนที่วิเศษ...เป็นคนที่มีพลังพิเศษในแบบที่เขาไม่มี


“ตอนวันงานลุงธงชัยอะ เราเจอยศด้วยนะ โอ้โห เดี๋ยวนี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนมากเลย...”


ทีนเป็นคนที่ไม่คิดอะไรให้มากความ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เลือกที่จะจดจำแต่สิ่งดีๆ เท่านั้น


“ดิมเคยไปภูเก็ตป่ะ แหลมพรหมเทพสวยมาก มากแบบมากๆ ถ้ามีโอกาสต้องลองไปนะ...”


อยาก..ผมอยากเป็นคนที่สดใสแบบนี้บ้างจัง


“ดิมยิ้มอะไรขนาดนั้น อยากไปเที่ยวภูเก็ตเหรอ”


“เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมทีนถึงดูมีความสุขได้ขนาดนี้กันนะ”


พวกเขาสบตากัน เขาเห็นดวงตาสีดำคู่นั้นวูบไหว


“ทำไมทีนถึงดูสดใสได้ตลอดเวลาขนาดนี้กันนะ บางทีผมก็อยากเป็นคนแบบทีนบ้างเหมือนกัน”


หัวเราะ...เด็กหนุ่มคนนั้นหัวเราะ แต่มันไม่ใช่เสียงหัวเราะอย่างทุกที เสียงหัวเราะนั้นคล้ายคลึงกับ...


“สดใสอยู่ตลอดเหรอ เอาเข้าจริง ถ้าดิมรู้จักเราทั้งหมด ดิมอาจจะไม่พูดแบบนี้ก็ได้นะ”


ทีนกำลังเย้ยหยันบางอย่าง เสียงหัวเราะนั้นฟังดูแปลกแปร่งกว่าทุกที


“ดิม เราไม่ใช่คนดี”


พวกเขาสบตากันอีกครั้ง แต่คราวนี้เนิ่นนานกว่าครั้งไหนที่ผ่านมา


“เหรอ บังเอิญจังว่าเราก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน”


แล้วพวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบ ทิ้งไว้เพียงเสียงลมและคลื่นที่ดังชัดขึ้นมาในโสตประสาท


ทิ้งไว้เพียงคนสองคนที่จมจ่อมอยู่กับกระแสความคิดของตัวเอง


...จมลงไป...ลึกลงไป...ไปยังที่ๆ ไม่เคยไป ดำลงไปยังที่ๆ ไม่เคยไปถึง


...แหวกว่ายลงไปจนถึงส่วนที่ดำมืดที่สุดในหัวใจ...


















กว่าเขาจะเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว


ร้านอาหารสไตล์ครอบครัวริมแม่น้ำเจ้าพระยาตกแต่งด้วยธีมสวนหลังบ้านตรงหน้าเขาคือร้านโปรดของเด็กคนนั้น ตัวร้านเป็นอาคารไม้สีขาวชั้นเดียว แบ่งออกเป็นโซนในอาคารและโซนนอกอาคาร รอบๆ ร้านถูกจัดให้อยู่ในบรรยากาศของสวนขนาดย่อมที่มีโต๊ะอาหารเรียงรายกันไร้แบบแผนแต่ดูสบายตาอย่างบอกไม่ถูก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นโทนสีขาวไม่ก็ครีม แสงไฟที่ใช้เป็นแสงสีเหลืองนวล ให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่สวนหลังบ้านของตัวเอง


เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงชอบร้านนี้นัก


บ้าน คือสิ่งที่เด็กคนนั้นโหยหา


ครอบครัว คือสิ่งที่เด็กคนนั้นต้องการ


ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าเด็กคนนั้นจะมีพี่สาวอายุห่างกันหกปีอยู่คนหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายจึงไม่เคยพูดถึงเธอเลย


เขาอยากรู้ แต่ไม่อยากถาม


เอาเถอะ สักวันหนึ่งที่แมวน้อยต้องการ ปากบางสวยนั้นก็คงจะเอ่ยปากเขาขึ้นมาเอง...อย่างไรเสียก็เป็นครอบครัวเดียวกัน


แมว ต่อให้เป็นสัตว์ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่เมื่อถึงเวลามันก็ต้องการเพื่อนพ้องมาเติมเต็ม


...เหมือนเด็กคนนั้นไม่มีผิด...


เขาเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว


เด็กคนนั้นเป็นแมวขี้เหงา...เป็นแมวขี้อ้อนที่พยายามทำตัวเป็นเสือ แต่แมวก็คือแมว เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทะนุถนอมและเอาแต่ใจ


เพลงแจ๊สเบาๆ ดังเคล้าคลอไปกับเสียงลมและน้ำ


เด็กหนุ่มคนนั้นเปล่งประกายแข่งกับแสงดาวบนฟากฟ้า


...เจ้าแมวของเขา...


“งานเยอะเหรอครับ”


เสียงทุ้มต่ำไม่ต่างจากชายหนุ่มทั่วไปเอ่ยถามเขาขึ้นมาด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนอย่างเคย นิ้วเรียวกรีดไปตามขอบแก้วบรรจุน้ำผลไม้ตรงหน้าแล้วยกยิ้มให้เขา


“เมื่อครู่ผมเพิ่งสั่งแกงเหลืองกับห่อหมกให้นะครับ อาจจะต้องรอสักสิบนาที”


“ไม่เป็นไร”


เขาหมายความตามนั้น ขอแค่มีอีกคนนั่งอยู่ตรงหน้า จะให้รอนานแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น


“วันนี้เลิกงานช้ากว่าทุกวันนะครับ”


“มีเอกสารหลายอย่างต้องจัดการน่ะ”


“เหรอครับ”


อีกคนเอ่ยปากรับคำแผ่วเบาแล้วเบนหน้าออกไปมองแม่น้ำสายกว้างด้านข้าง


แปลก...เป็นความแปลกที่เขาพอจะรู้ว่ามันเกิดจากอะไร


...เป็นความแปลกที่ก้องภพรายงานเขาไว้แล้ว...


‘วันนี้ผมเห็นคุณเดลไปรอคุณดิมที่ร้าน คาดว่าคงจะมีการพูดคุยกันอะไรสักอย่าง แต่เพียงไม่นานคุณเดลก็เดินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมา ส่วนคุณดิมก็อยู่ที่ร้านจนถึงเย็นเลยครับ’


เดล...เพื่อนของดิม...คู่ค้าคนสำคัญของเขา


ปากมากไม่เข้าเรื่อง


“แล้วที่บอกฉันตอนเย็นนี่หมายความว่ายังไงเหรอ”


เขาโยนหินถามทางออกไปแล้ว ถ้าอีกคนถาม เขาจะบอก


...ขอเพียงเอ่ยปากออกมาเท่านั้น...


นัยน์ตากลมโตที่สบเข้ามาในตาเขาปรากฏแวววูบไหวอย่างหนัก ในที่สุดเด็กหนุ่มก็หลบตา


“เปล่านี่ครับ ไม่มีอะไร”


สุดท้ายอีกคนก็เลือกที่จะหนีเหมือนเดิม


นี่เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของดิมที่เขาค่อนข้างขัดใจ นอกจากขี้กังวล ชอบเก็บทุกอย่างไปคิดคนเดียวแล้วยังชอบหนีปัญหาอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ถ้าเปิดอกคุยกันก็จบไปแล้ว


...รึเปล่า...


ที่จะจบคือปัญหาหรือความสัมพันธ์ก็ไม่รู้...เขาเองก็ไม่รู้


...แย่จริงๆ เขาเองก็เป็นพวกชอบหนีปัญหาเหมือนกัน...


ถ้าอยากรู้ อยากทำให้กระจ่างก็แค่บังคับให้อีกคนรับฟังก็จบ แต่เพราะเขาเองก็มีความขี้ขลาดแฝงอยู่เหมือนกัน


...กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วทุกอย่างอาจต้องจบลงจริงๆ ...


“คุณปราณครับ”


เสียงเรียกนั้นทำให้เขาหลุดจากห้วงความคิด


...แล้วใบหน้ามีเสน่ห์ที่มองตรงมาทำให้เขาตกอยู่ในวังวนภวังค์อีกครั้ง...


“คุณ...คุณชอบสีดำรึเปล่าครับ”


คำถามนั้นอาจฟังดูแปลกสำหรับคนอื่น แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่คำถามธรรมดา


เด็กคนนั้นกำลังถามว่าโลกของเขาเป็นสีดำจริงๆ ใช่ไหม


“ไม่ ฉันไม่ชอบ”


นัยน์ตาที่เป็นประกายด้วยความหวังที่มองมามันทำให้เขาร้าวไปทั้งใจ


“แต่ฉันต้องอยู่กับสีดำ”


ตอบเพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มก็พลันหลบตา ในทีแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายจะตกใจจนรับไม่ได้แล้วเงียบไป แต่ที่ไหนได้...


“ผมก็ไม่ชอบสีเทาเหมือนกันครับ”


เสียงนั้นพึมพำอู้อี้ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ แต่เขาฟังเข้าใจ


สีเทางั้นเหรอ...นี่ดลนธีเลี้ยงลูกมันมาแบบไหนกัน


“แต่ผมก็ต้องอยู่ในโลกสีเทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน”


น้ำเสียงเหนื่อยล้านั้นทำให้ใจเขากระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง


น้ำเสียงแบบนี้ คำพูดแบบนี้...เหมือนกับตัวเขาสมัยก่อนไม่มีผิด


เหมือนกัน...เหมือนกันเหลือเกิน


“ลุง?”


เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองลุกขึ้นยืนตอนไหน สิ่งเดียวที่วนเวียนอยู่ในใจมีเพียงเรื่องที่ว่า ‘ต้องผูกมัดเด็กคนนี้เอาไว้ก่อนจะหายไป’


“กลับกันเถอะ”


เขาพูดแค่นั้นก่อนจะล้วงเงินสดออกมาจากกระเป๋ากางเกง ธนบัตรสีเทาสี่ใบถูกกระแทกลงบนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปคว้าแขนอีกคนแล้วจูงให้เดินตามมา


เด็กคนนั้นต่อต้านเล็กน้อยในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี


ดีแล้ว...ต้องตามมา...ต้องผูกมัดเอาไว้ก่อนจะหนีไป


ตัวเขาในตอนนั้นก็เกลียดโลกสีดำของครอบครัวตัวเองจนหนีไปเที่ยวรอบโลกอยู่หลายปี ตัดสินใจกลับมาก็ตอนที่รู้ว่าพ่อใกล้จะเสีย ในตอนนั้นไม่มีใครติดต่อเขาได้ ไม่มีใครตามหาเขาเจอ ไม่มีอะไรผูกรั้งเขาเอาไว้


ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ อีกไม่นานเด็กคนนี้ก็จะหนีไปเหมือนกับเขาในตอนนั้นแน่


ต้องผูกเอาไว้...ต้องรั้งเอาไว้


จะสีดำหรือสีเทาก็ช่าง จะเป็นโลกแบบไหนก็ช่าง ถ้ามีอีกคนอยู่ข้างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอยู่แล้ว


...ถ้ามีอีกคนอยู่ข้างๆ ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่...


“ลุงทำอะไรเนี่ย”


เขาดันร่างอีกคนเข้าไปทางเบาะหลังของรถเขาเอง ดันให้อีกคนนอนราบไปกับเบาะแล้วรีบกระโจนขึ้นไปตรึงอีกคนไว้ใต้ร่าง
ต้องรั้งเอาไว้


ต้องกอดเอาไว้


“ลุงจะทะ อื้อ”


รอยจูบคือโซ่ตรวน


“ยะ อื้อ ลุง!”


ส่วนสำคัญที่ถูกดูดรั้งคือปลอกคอ


“เจล ผมขอเจล ได้โปรด”


เสียงหอบกระเส่านั้นอ้อนวอนอย่างน่าสงสารเสียจนเขาต้องยอมอ่อนข้อให้


“อ๊ะ เย็น เย็นเป็นบ้าเลยลุง อื้อ”


คำพูดพวกนั้นอู้อี้เสียจนฟังแทบไม่เข้าใจ


แต่เขาเข้าใจ...เข้าใจทุกอย่าง


“ดิม”


เขาเงยหน้าขึ้นจากหน้าท้องขาวนวลที่บิดเร่าแล้วเอ่ยเรียก


“ฉันรู้ว่าเธอรู้อะไร”


ดอกไม้งามสีชมพูสดกลางทะเลสีขาวผืนนี้สมควรถูกกลั่นแกล้งเสียให้บวมช้ำ


“ฉันรู้ว่าว่าในหัวน้อยๆ นี่คิดอะไรอยู่เต็มไปหมด”


เขายืดตัวไปจูบขมับของคนใต้ร่าง


“แต่ฉันอยากให้เธอปล่อยวางมันซะ”


ริมฝีปากสีซีดก้มลงจูบปากอีกคนเสียจนบวมเจ่อ


“จะดำ จะเทาก็ช่าง ถ้าเราอยู่ด้วยกันมันต้องดีแน่”


เปลือกตานิ่มสวยถูกเขาประทับจูบ


“เพราะฉะนั้นอย่าหนีไปเลย”


คำอ้อนวอนจากเขาทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกโพล่ง


“อย่าทิ้งฉันไปเลย ฉันขอร้อง”


เขาจับฝ่ามือสวยให้ทาบลงบนหน้าอกของเขา


“มันจะอยู่ต่อได้ยังไงถ้าไม่มีเธอ”


ริมฝีปากบางนั้นเม้มเข้าหากันแน่นเสียจนเขากลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ


เพราะแบบนั้นเขาเลยก้มลงไปแยกริมฝีปากบนล่างของอีกฝ่ายออกจากกัน


“ขอโทษที่เอาแต่ใจ ขอฉันป้องกันก่อนนะ...”


มือขาวสะอาดที่เอื้อมมาจับแขนเขาไว้ทำให้การกระทำทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง


“ไม่ต้องหรอกครับ”


แม้จะมืด...แม้จะมีเพียงแสงจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาเขาก็เห็น...เห็นแววตาสั่นไหวที่มุ่งมั่นเหลือเกิน


“ถ้าเด็กคนนี้จะเกิดก็ให้เขาเกิด”


แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้


“ลุงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันมันต้องดีแน่”


ร่างของเขาค่อยๆ ถูกดันขึ้น เช่นเดียวกับที่อีกคนก็ค่อยๆ ยันตัวขึ้นจนพวกเขาทั้งคู่กลับมาอยู่ในท่านั่งธรรมดา


“ผมเคยบอกว่าไม่พร้อม แต่พอมานึกได้ว่า คำว่าพร้อมมันอยู่ที่ตรงไหน ผมเองก็ตอบไม่ได้”


ขาเพรียวกลมกลึงตวัดคร่อมร่างของเขาเอาไว้


นัยน์ตาของพวกเขาสบกัน...ถ่ายทอดความรู้สึกให้กันและกัน


“ในเมื่อไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วคำว่าพร้อมมันอยู่ตรงไหนก็สู้พร้อมมันเสียตอนนี้เลยน่าจะดีกว่า”


แรงบดเบียดจากเบื้องล่างทำเอาสมองเขาว่างโล่งไปหมด


“หลังจากนี้ก็อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะครับ”


แล้วเขาก็ถูกความอุ่นร้อนครอบครองเสียจนสมองกลายเป็นสีขาวโพลน












***********************************************************************




ประกาศสำคัญ





เนื่องจากตอนนี้เราเองกำลังจะเปิดเทอมแล้ว(เปิดเทอมอีกแล้ววว TwT) หลังจากนี้การอัพหลงลุงก็จะใช้เกณฑ์เดิมกับแว่วเสียงการเวกคืออัพสัปดาห์ละตอนเนอะ โดยจะอัพทุกวันศุกร์ หรือ เสาร์ หรือ อาทิตย์ แต่เราจะบอกก่อนอัพ 1 สัปดาห์เสมอ คืออัพตอนนี้แล้วก็จะบอกว่าตอนหน้าจะอัพวันไหน แต่ถ้ามีเหตุฉุกละหุกจริงๆ อาจจะต้องขออนุญาตแจ้งทางโซเชียลมีเดียแทนน้า





อนึ่ง ด้วยนิสัยของเรา ไม่เคยมีนิยายเรื่องไหนยาวเกิน 30 ตอนอยู่แล้วค่ะ 30 ตอนคือสุดๆ แล้ว คิดว่าเรื่องนี้เองก็น่าจะเคาะที่ 20 ตอนกว่าๆ เหมือนกัน ไม่น่าเกินกลางปีนี้ก็น่าจะจบเนอะ




ฝากติดตามกันไปจนจบเลยน้าาา







***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2018 20:36:37
ปราณ ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ปราณ ไม่ต้องผูกรั้งดิมแล้ว
เพราะดิม ก็พร้อมจะสู้ไปกับปราณแล้ว ดีจัง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2018 20:46:37
หายใจหายคอไม่โล่งสักที
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2018 21:08:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 05-01-2018 21:13:24
โอ่ยย มันหน่วงๆ อึนๆ ไปหมดเลยยย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันมันจะดีใช่มั้ย  :n1: จับมือกันวรั้ยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 05-01-2018 21:55:27
ยังไงก็สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 05-01-2018 22:38:40
เด็กๆจะได้มาเกิดแล้วว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-01-2018 22:40:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 05-01-2018 22:43:48
คนเขียนสู้ๆนะคะ
ดีใจที่ดิมยอมรับลุงได้มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 06-01-2018 01:40:49
ในที่สุดก็เริ่มเคลียร์กันแล้ว ถึงแม้ว่าเค้าความดราม่าจะยังมีอยู่แต่แค่ดิมกับลุงเข้าใจกันแค่นี้ ต่อให้ต่อไปจะดราม่าแค่ไหนเราก็สู้ค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 06-01-2018 03:11:34
ต้องได้มีน้องแน่ๆเลยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 06-01-2018 09:16:20
อยากให้มีน้อง แต่ถ้ามีน้องจะมีปัญหากับพ่อตัวเองไหมนี่ลุงเค้าคงจัดการได้ 555 เค้ารักเค้าหวงของเค้าแหละ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-01-2018 17:54:16
น้องกำละงจะมาา
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-01-2018 22:10:52
ซ้ำเยอะๆเลยค่ะลุง เอาให้แน่ใจว่าติด  :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 07-01-2018 01:39:55
เค้ากำลังจะย้ำกันอีกทีแหละ........
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 07-01-2018 02:31:11
คนเขียนสู้ๆ
นี่ก็กำลังจะเปิดเทอมเหมือนกันเลยค่ะ
ปีสี่สู้ว้อยยยย ฮึบบบ

งืออออ
อ่านทอล์กแล้วไม่อยากให้จบเลย
อยากอ่านลุงกับแมวเหมียวไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fourteenth Song (05/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 10-01-2018 09:48:06
อ๋อยย หลงลุงซะแล้ว :-[ :-[
ยิ่งแก่ยิ่งมีคุณภาพนะคะคนนี้ ไม่เชื่อไปถามดิมเอาก็ไ- แค่กๆๆ
ถ้ามีน้องขึ้นมาจริงๆ ซึ่งคงจะมีแน่ๆ ไม่รู้ว่าคุณพ่อของดิมจะทำอะไรดิมบ้าง ลุงงง ปกป้องด่วนนนน :sad4:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 11-01-2018 21:00:55
Fifteenth Song















เหนื่อย


นั่นเป็นอย่างแรกที่เขารู้สึกเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา


หัวทุยผงกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ยกหัวขึ้นผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงก็พลันทิ้งตัวระกับใบหน้าคมคายของเขาจนบดบังทรรศนะวิสัยเสียหมดสิ้น เด็กหนุ่มครางแผ่วๆ ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอามือปัดมันออกให้พ้นตา


เพลียแทบตายอยู่แล้ว ยังต้องมาหงุดหงิดแต่เช้าอีก


นัยน์ตาอ่อนล้าทอดมองไปทางผนังที่อยู่ไกลๆ เลขสิบสีเขียวเด่นหราบนหน้าจอนาฬิกาดิจิตอลเรือนใหญ่กับแสงแดดจ้าที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เขาต้องเบนสายตาหนีอย่างอ่อนล้า ในคราวแรกเขาตั้งใจจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แต่จากสภาพที่แค่ผงกหัวขึ้นก็ไม่ไหวแล้ว เขาก็ตัดสินใจหัวมาวางไว้ตำแหน่งเดิมดีกว่า


ดูเอาเถอะ เขาน่ะเหนื่อยแทบตาย แต่อีกคนกลับหลับพริ้มสบายใจเสียเหลือเกิน


สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเขาคือหน้าอกตึงแน่นของคนที่กกกอดเขาเอาไว้ทั้งคืนขยับขึ้นลงด้วยจังหวะสม่ำเสมอเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายยังไม่ตื่นจากห้วงนิทรา พอไล้สายตาขึ้นไปก็ได้พบกับใบหน้าคมคายอย่างคนมีอายุที่กำลังหลับพริ้มอย่างเป็นสุข


ทั้งที่ปกติแล้ว ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนตาลุงนี่ก็ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่แท้ๆ แล้วดูวันนี้สิ สิบโมงเข้าไปแล้วยังไม่ลุกจากเตียงเลย


ท่าทางเมื่อคืนจะหนักจริง


เท่าที่จำได้ เรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้นในรถ หลังจากพายุอารมณ์จบไปได้รอบนึง ตาลุงนั่นก็พาเขาบึ่งกลับมาที่ร้านแทบจะทันที หลังจากนั้นก็...


แค่คิดถึงตรงนี้ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าว


ลุงนะลุง อายุอานามก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วแท้ๆ...


ป่านนี้ที่ร้านของเพื่อนทีนคงวุ่นวายเพราะเห็นรถของเขาจอดค้างเติ่งอยู่ตลอดทั้งคืนแหง


“ตื่นแล้วเหรอ”


น้ำเสียงงัวเงียที่มาพร้อมกับมือไม้ปลาหมึกที่ป้วนเปี้ยนอยู่ที่เอวทำให้เขาต้องหันไปมองหน้าคนพูด ตาลุงนั่นยังนอนหลับตาอยู่เหมือนคนหลับสนิท แต่มือที่เกาะแกะไปตามตัวเขานี่ล่ะที่บอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับ


“อื้อ อย่าน่ะลุง ผมเพลียจะตายอยู่แล้ว”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่ยังนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข


“คิดว่าฉันเป็นยอดมนุษย์รึไง เมื่อคืนทำไปขนาดนั้นให้ต่อเช้านี้ไม่ไหวหรอก”


“เหอะ สาบานสิว่าไม่ไหว”


จู่ๆ นัยน์ตาคมคู่นั้นก็ลืมขึ้นมา


แววตาวิบวับเจ้าเล่ห์สบเข้ามาในดวงตาของเขา


“นั่นสิ ไม่กล้าสาบานเหมือนกัน”


“พอเลยลุง!”


เสียงแว้ดห้ามของเขาทำให้อีกฝ่ายหัวเราะร่วน แถมไม่วายไม่วายังดึงเขาเข้าไปกอดแน่นขึ้นอีกต่างหาก


ให้ตายสิ กอดแน่นไปแล้วนะ ขืนเป็นแบบนี้...


...เขาก็หนีไปไหนไม่ได้กันพอดี...


“อยากกินอะไรไหม”


ฝ่ามือใหญ่ที่บรรจงลูบหัวทำให้ตาเขาเริ่มปรืออีกครั้ง


ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย แต่นอนต่อได้ทีไหนกัน


“ลุงอย่าเล่นหัว เดี๋ยวหลับ”


หัวเราะ...เขาได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะอีกแล้ว


อารมณ์ดีจริงๆ น่าหมั่นไส้ชะมัด


“มีงานเหรอ”


“ครับ งานตอนเย็นนอกสถานที่ ออกไปทำผมให้คุณป้าสมรน่ะครับ”


“เธอเรียกสมรว่าป้าสมรทั้งๆ ที่เขาก็อายุเท่าฉันเนี่ยนะ”


“ผมก็เรียกคุณว่าลุงแล้วไงครับ แฟร์ดีออก”


พวกเขาสบตากัน เขามองคนสูงวัยด้วยแววตาล้อเลียน ในขณะที่อีกคนก็มองกลับมาด้วยแววตาไม่สบอารมณ์นัก


“เห็นฉันเป็นญาติผู้ใหญ่รึไง”


ให้ตายสิ ตลกชะมัด


“ครับ เห็นเป็นญาติผู้ใหญ่”


อีกคนขมวดคิ้วยุ่งเสียจนเขาอดขำออกมาไม่ได้


...ขมวดคิ้วยุ่งเสียจนเขาต้องช่วยเอานิ้วไปคลึงให้มันคลายออก...


“เป็นคุณพ่อน่ะครับ”


เขาดันตัวเองให้ขึ้นไปหนุนหมอนใบเดียวกับอีกคน ปลายจมูกของพวกเขาห่างกันไม่ถึงคืบ ลมหายใจเข้าออกอุ่นร้อนที่แลกเปลี่ยนให้กันและกันชวนให้อึดอัด


ถึงอย่างนั้นเขาก็ชอบอยู่ดี...


“เป็นคุณพ่อขี้งอนครับ”


ริมฝีปากสวยจรดลงบนปลายจมูกใหญ่รั้น


“เป็นคุณพ่อจอมพลังด้วย”


แล้วอีกฝ่ายก็แย้มยิ้มออกมาก่อนจะโจนจ้วงลงมาดื่มด่ำกับความอ่อนหวานของริมฝีปากยามเช้า


หวาน


อุ่น...อุ่นไปทั้งใจ


แม้ว่าความจริงที่เราปกปิดกันไว้จะคลุมเครือ เขาก็ไม่สน


ไม่มีความจริง


ไม่มีเรื่องโกหก


...ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง...


อยู่กันแบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ต้องรู้มากกว่านี้ ไม่ต้องรู้น้อยกว่านี้ ต่างคนต่างมีพื้นที่ของตัวเอง พวกเขาก็เหมือนวงกลมสองวงที่มีส่วนเล็กๆ ซ้อนทับกัน


เราจะวุ่นวายกันเฉพาะในพื้นที่ซ้อนทับนั้น นอกจากนั้นต่างคนก็ต่างไป


...แบบนี้ล่ะดีแล้ว...


“วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”


เขาถูกถามหลังจากริมฝีปากถูกปล่อยเป็นอิสระ


ริมฝีปากสวยที่ขยับถี่เพื่อกอบโกยอากาศเป็นเหมือนสัญญาณปลุกความหิวในตัวคนมอง ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ทำอะไรหุนหัน ฝ่ามือใหญ่ไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังของเขาเพียงแผ่วเบา


“แมวช่างยั่ว”


เขายิ้ม...ยกยิ้มให้ความภูมิใจที่ไม่มีที่มาที่ไป


ผู้ชายที่ไหนจะไปภูมิใจที่ถูกชมว่ายั่วยวนกัน ถ้าถูกคนอื่นพูดใส่เขาไม่มีทางชอบแน่ แต่พอเป็นตาลุงนี่...


“ก็เพราะเป็นแมวของคุณไงครับ”


เขาก็เป็นแบบนี้เสียทุกที


สนุกไปกับการได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวในอกของอีกฝ่าย


มีความสุขไปกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเหี่ยวย่น


...นิสัยเสียจริงๆ เลยดิม...


“เด็กไม่ดี”


ร่างกำยำยันตัวเองขึ้นจากเตียงแล้วก้มมองลงมา ฝ่ามือหยาบกร้านไล้ไปตามสันกรามของเขา


แผ่วเบา...เชื่องช้า


“ชอบเห็นคนแก่ความดันขึ้นรึไง”


“ออกกำลังกายมาทั้งคืนแล้วคงไม่ขึ้นแล้วล่ะครับ”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


เป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ในยามเช้าที่แสงแดดร้อนเสียจนแสบผิว

















เขาสงสัยเรื่องหนึ่งมานานแสนนานแล้ว


...ทำไมตาลุงชอบถอดเสื้อเดินไปเดินมาในบ้านนักนะ...


“ดิม ช่วยชิมซอสหน่อยสิ”


น้ำเสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังมาจากหน้าเตา เรียกให้เขาที่กำลังง่วนอยู่กับการหั่นผักต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วชะโงกหน้าดูของเหลวสีแดงข้นคลั่กที่นอนนิ่งสนิทอยู่ในหม้อโลหะทรงสูง


นี่มัน...ซอสนี่นา...


“ลุง สปาเก็ตตี้ตั้งแต่เช้ามันจะไม่หนักไปใช่ไหม”


เขาติงออกไปอย่างนั้นเอง ใจจริงแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องของกินนักหรอก เขาเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ขอแค่อิ่มท้อง จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ทุกวันนี้ไอ้คนที่เรื่องมากเรื่องของกินน่ะไม่ใช่เขาเลย...


“ให้กินตอนนี้ที่ไหนกัน เคี่ยวซอสไว้สำหรับมื้อเย็นต่างหาก”


เขาหัวเราะ


...บอกแล้วไงว่าคนเรื่องมากน่ะไม่ใช่เขาเลย...


ผู้ชายคนนี้...ตาลุงของเขาเป็นคนพิถีพิถันกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรืออะไรก็ใส่ใจไปหมด


ทั้งๆ ที่บุคลิกโดยรวมแล้วไม่ให้เลยแท้ๆ ...


“มาชิมเร็ว”


ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่ยังจัดการหยิบช้อนตักแบ่งซอสขึ้นมาจากหม้อแล้วเป่าให้เขาเสียเสร็จศัพท์


“ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเล็กๆ ไปได้”


เขาว่าขำๆ ก่อนจะแลบลิ้นเลียซอสตรงปลายช้อนเข้าไปเล็กน้อย


“ใช้ได้เลยครับ แต่ผมว่ามันยังขาดอะไรไปอีกหน่อย”


“เหรอ ฉันว่าฉันก็ใส่ไปครบแล้วนะ”


ท่าทางเป็นกังวลกับรสมือตัวเองนั้นทำให้เขานึกขำอีกคนอยู่ในใจ


...คนแก่น่ะกังวลเรื่องฝีมืออาหารของตัวเองเสมอล่ะ...


“ผมว่ายังไม่ครบนะครับ”


คำพูดของเขาเรียกให้อีกฝ่ายหันมาสนใจ


พอหันมา แผ่นอกแน่นตึงนั่นก็มาอยู่ตรงหน้าเขาพอดี


เด็กหนุ่มยกยิ้มมุมปากแล้วทาบมือลงไปบนกลางอกของคนตรงหน้า


“ผมว่ายังขาดตรงนี้”


กล้ามเนื้อใต้ฝ่ามือนี้แน่นตึงและลื่นมือชวนให้สัมผัส เพราะแบบนั้นเขาจึงนวดคลึงมันเบาๆ


“ใส่ความรักลงไปสิครับ”


ริมฝีปากชมพูระเรื่อประทับลงกลางหน้าอกกว้าง นัยน์ตากลมช้อนสบเข้าไปในตาของคนที่กำลังก้มมองลงมา


“จะได้อร่อยขึ้น”


แล้วอีกคนก็ยกยิ้ม...ยิ้มทั้งปากทั้งตา


“ถ้างั้นฉันคงต้องใส่เธอลงไป”


อ่า...แย่จริงๆ


...เขาต้านทานผู้ชายสูงวัยคนนี้ไม่ได้เลย...


“น้ำเน่า”


“ก็พอกันนี่”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะใส่กัน


“ผมไปหั่นผักต่อดีกว่า”


เขาเปรยออกไปทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำเลยด้วยซ้ำ แต่ที่พูดออกไปก็เพราะ...


สัมผัสหนุ่มหยุ่นจากอีกคนถูกประทับลงมาที่แก้มเหมือนเป็นรางวัลที่เขาทำตัวดี ความอุ่นชื้นนั้นกดลงมาแล้วก็ผละออก


ย้ำลงมา แล้วก็ถอยออก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแก้มเขาช้ำไปหมด


คนๆ นี้ชอบหอมแก้มเขาแรงๆ เสมอ ชอบกดลงมาสุดแรง บางครั้งก็ไซ้หน้าเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ยอมโกนหนวดให้เรียบร้อย


แต่ถึงจะเจ็บ เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสัมผัสจากไรหนวดที่คลอเคลียอยู่ตรงแก้มชวนให้รู้สึกดี


“พอแล้วลุง แก้มช้ำแล้ว”


“ก็วันนี้ไม่ดื้อ”


“ไม่เคยดื้อต่างหาก”


“เหรอ”


มือใหญ่บีบจมูกเขาแรงๆ เสียจนต้องร้องเสียงหลง


“จมูกรั้นเสียไม่มี”


เขาหัวเราะกับคำบ่นของอีกฝ่าย ยอมรับว่าบางคำก็แปลกหู แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบฟังนัก


ชอบ...ชอบจนรัก


เขารักคนๆ นี้ เขายอมหมดตัวแล้ว ยอมหมดใจแล้ว ขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว


...อยากอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปนานๆ เหลือเกิน...


ถ้าอยากอยู่ด้วยกัน เขาก็ควรจัดการเรื่องค้างคาใจของตัวเองให้เสร็จสิ้นเสียที


...เขาควรไปจัดการเรื่องตัวเองให้จบเสียที...


“ลุง”


เขาจับมืออีกคนขึ้นมากุมไว้หลวมๆ นัยน์ตาจับจ้องอยู่เพียงแผ่นอกหน้าตรงหน้า


“พอดี...ผมมีธุระที่ต้องลงไปจัดการที่ภูเก็ต อาจจะไม่อยู่สักอาทิตย์นึงนะครับ”


เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา ถ้ามองตากันตอนนี้ เขาคงเผลอหลุดแววตาเป็นกังวลออกไปแน่


...ไม่อยากให้อีกคนต้องมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย...


“ไปวันไหนล่ะ”


โทนเสียงราบเรียบที่มาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นทำให้ใจเขาสงบลงช้าๆ สัมผัสอุ่นวาบของฝ่ามือที่ไล้ไปตามแผ่นหลังชวนให้รู้สึกดี


ดี...ดีจริงๆ


“น่าจะอีกสามวันครับ รอเคลียร์งานฝั่งนี้ก่อนด้วย”


สิ่งที่ได้รับมาเป็นรางวัลของคำตอบคือแรงกดจูบบริเวณขมับ


“อยากให้ไปด้วยไหม”


เขาแพ้ทางคำถามนี้ของอีกฝ่ายเหลือเกิน


...เป็นคำถามที่ไม่ว่าฟังกี่ครั้งก็ใจเต้นแรงเสมอ...


“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ไปจัดการธุระนิดหน่อยเอง”


แค่รู้ว่าได้รับความเป็นห่วงเป็นใยมากมายขนาดนี้ก็มากเกินพอแล้ว เรื่องของเขา...พี่สาวของเขา เขาต้องจัดการมันด้วยตัวเอง


นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของเขา คนในครอบครัวต้องจัดการกันเอง


“แล้วจะไปยังไง”


“น่าจะเครื่องบินครับ”


“โอเค”


เจ้าของอ้อมกอดอุ่นผละตัวออกไปแล้วเชยคางเขาขึ้นให้สบตา


นัยน์ตาสีดำคู่นั้นทอแสงแรงกล้าอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูเหมือนคน...


“เป็นห่วงนะรู้ไหมแมวน้อย”


อุ่น...หัวใจมันอุ่นไปทั้งดวง


“เดี๋ยววันเดินทางฉันไปส่ง โอเคไหม”


สายตาเว้าวอนที่ส่งมาชวนให้ใจอ่อนยวบเหลือเกิน อีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นใครกัน คิดว่าเขาเป็นเทพเจ้าจากไหนรึไงกัน คิดว่าหัวใจของเขาแข็งแรงแค่ไหนกัน


...คิดว่าเขาจะต้านทานสายตาแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ...


“ครับ”


เขาจะต้านทานคนๆ นี้ได้ยังไงกัน...


...เป็นไปไม่ได้เลย...







*******************************************************************************************





ตอนนี้รีบมาอัพเพราะสุดสัปดาห์นี้เราไม่อยู่ค่ะ เลยมาอัพเร็วนิดนึงเนอะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า สัปดาห์หน้าน่าจะได้อัพสุดสัปดาห์ตามปกติน้า






***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 11-01-2018 21:10:22
พาร์ทนี้หวานจริงจัง
ชอบตอนทำกับข้าวด้วยกัน
และอะไรที่ยังไม่รู้ก็ปล่อยมันไปก่อนเนอะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 11-01-2018 21:19:40
หวานละมุนจนอดกังวลไม่ได้  เขาว่าพายุจะมาหลังจากทะเลสงบ แต่เราไม่กลัว เราเชื่อว่าลุงเคลียร์ได้!! เพื่อแมวและลูกแมว(ในอนาคต)  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 11-01-2018 22:24:40
มันอุ่นๆที่ใจยังไงไม่รู้สิ ฮือ :-[
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-01-2018 22:26:26
ไม่ใช่แค่ดิมที่หลงตาลุง
ชั้นก็หลงด้วยคน
หวานหยดละมุนละไม
จนกลัวพายุจะเข้าจริงๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 11-01-2018 23:56:30
ตอนนี้หวานๆน่ารักมากเว่อออ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 12-01-2018 00:40:13
ชอบแบบนี้ คือแบบลุงคือสเปคเรามาก เราชอบคนแก่ๆแต่ฟิต เขินอ่ะ55555555
ไรท์คงเหนื่อย เพราะแต่งนิยายมันก็ใช้เวลาและความคิด แต่นี่ชอบมากเลยนะ หมายถึงชอบคุณอ่ะ คุณมีภาษาที่สวยมาก นี่ก็ตามอ่านเรื่องนี้ตลอด อาจจะไม่ได้เม้นท์ทุกครั้ง แต่ก็เอาใจช่วยน้า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2018 00:58:54
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 12-01-2018 01:21:57
หว่าๆๆ  เมื่อดิมจะมีเจ้าตัวน้อยมาให้สามี(ลุง)ตื่นเต้นเล่นๆ งื้อออออ อยากเห็นไวๆอ่าาาา :mew3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-01-2018 01:27:13
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 12-01-2018 02:11:18
เป็นตอนที่อบอุ่นมากๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2018 04:20:31
ละมุนละมัย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-01-2018 17:03:01
ฮ่อลลลล ทำไมคุณลุงดีขนาดนี้คะทั้งรักทั้งหลงดิมจนคนอ่านอิจฉา ดิมยอมเปิดใจให้ลุงขนาดนี้ลุงต้องดีใจมากแน่ๆแต่ก็คงไม่ปล่อยให้ดิมต้องเจออะไรคนเดียวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 12-01-2018 23:34:44
หวานก่อนดราม่าสินะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 13-01-2018 01:22:05
กลัวใจคนเขียนอย่าดราม่ามากน้าาา ไปภูเก็ตจะเป็นไงนี่ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-01-2018 02:58:15
เหมือนจะดี แต่เราก็ไม่กล้าวางใจ

กลัวใจผู้แต่งว่าจะเสิร์ฟมาม่าตอนไหน

บรรยากาศยิ่งอึมครึม มีเมฆหมอกดำๆปกคลุมอยู่ตลอด
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Maainmint ที่ 15-01-2018 00:27:56
 :katai5: เพิ่งมาอ่านขอบคุณลุงมากกกก นุ้งแมวก็ชอบ มันเขี้ยวตามเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 17-01-2018 19:16:00
 :L1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 18-01-2018 00:12:38
อื้อหือออออ
พนมรับ porn :hao6: :hao6:
ทำไมลุงดีอย่างนี้คะ มีการช่วยกันทำกับข้าว เรียกแมวน้งแมวน้อย เหม็นฟามรักฟุดๆ :hao7: :hao6:
ดิมนี่ยอมรับแล้วสินะว่ารักไปแล้ว ออหออออ สัมผัสได้ถึงความดราม่าที่กำลังจะมาในอนาคตได้เลยค่ะ

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Fifteenth Song (11/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 18-01-2018 20:16:18
เป็นนิยายสีเทาๆ ทุกคนมีมิติ มีความซับซ้อน บรรยากาศเหมือนชวนหวาดระแวงกัน แต่ก็ยังไว้วางใจกันได้ สนุกดีจังงงง o13
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 19-01-2018 19:55:49
Sixteenth Song












เสียงหึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศดังแข่งกับเสียงไดร์เป่าผมในมือชวนให้เกิดความรู้สึกกึ่งรำคาญกึ่งสบายหู


เด็กหนุ่มสะบัดอุปกรณ์สร้างลมร้อนในมือด้วยความชำนาญเหนือหัวของหญิงชราที่นอนหลับตาเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ทำผม นิ้วเรียวสวยเกี่ยวกระหวัดผมอย่างชำนาญ ท่าทางการตวัดปลายหวีเรียวเล็กสอดคล้องกับการขยับอุปกรณ์ในมืออีกข้างจนน่าทึ่ง


นัยน์ตากลมโตจดจ่ออยู่กับการจัดแต่งทรงผมของคนบนเก้าอี้ แววตาจริงจังไล่สำรวจทุกตารางบนหนังศีรษะเพื่อให้แน่ใจว่าผมทุกเส้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อไล่ดูจนแน่ใจ สเปรย์จัดแต่งทรงผมจึงถูกหยิบมาใช้เพื่อให้ทุกอย่างที่ถูกจัดวางไว้อยู่ถูกที่ถูกทางไปอีกหลายชั่วโมง


นี่คือทั้งหมดของงานเขา 


"เสร็จแล้วครับคุณป้า"


เขาพูดบอกคนที่นั่งหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ทำผมบุนวมนุ่มพร้อมกับแตะไหล่แคบนั้นเบาๆ เพื่อปลุกอีกคนจากห้วงนิทรา


หญิงสูงวัยลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาดำขลับทอประกายง่วงงุน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังยิ้มให้เขา


"มือเบาจริงๆ เล่นเอาเสียป้าเคลิ้มหลับไปเลย"


ป้าสมรเป็นคนน่ารักเสมอ เธอมักจะแย้มยิ้มให้เขา กล่าวชมเขาอยู่เสมอ


"ฝีมือไม่มีตกเลยนะดิม เมื่อก่อนฝีมือดีอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็ยังดีอยู่อย่างนั้น"


เขาอมยิ้มบางเป็นการตอบรับคำพูดของคนที่กำลังหมุนตัวชื่นชมทรงผมของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานหรู...กระจกที่แค่ปรายตามองก็รู้ว่าแพงระยับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ดูหรูหราจนขัดกับบรรยากาศของห้องพัก


...ห้องพัก...


เขากวาดตามองรอบห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงสายตากลับมาจับจ้องที่อีกคนตรงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ...พิรุธที่ว่าเขาจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของโรงแรมนี้ได้ทั้งหมด


โรงแรมนี้เป็นโรงแรมของวิทย์


ผู้ชายคนนั้นมีรสนิยมแบบนี้ ทุกอย่างที่คนๆ นั้นเลือกสรรต้องหรูหรา มีระดับและมีเอกลักษณ์ ขนาดห้องพักธรรมดาๆ ห้องนี้ที่ป้าสมรเช่าไว้เพื่อเอาไส้แต่งหน้าทำผมยังมีการตกแต่งที่น่าประทับใจ


พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ทำได้เพียงฉีกยิ้ม...ทำเพียงแค่ยิ้มแล้วไม่พูดอะไรออกไป


เรื่องมันจบไปแล้ว ไม่ควรเก็บมาคิดให้รกสมองอีก


ใช่...เขากับคนๆ นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว


“ทรงผมถูกใจป้ามากเลย นี่ถ้าเรากลับไปรับช่วงต่อกิจการที่บ้านเมื่อไหร่ ป้าคงหาช่างที่ถูกใจยากแน่”


พอได้ยินประโยคนี้ สมองก็ถูกความคิดมากมายถาโถมเข้าใส่เสียจนลืมเรื่องก่อนหน้าไปจนหมด


รับช่วงต่อกิจการที่บ้าน...นั่นมันเป็นสิทธิของพี่ดา ไม่ใช่เขา


...เหรอ...ที่เขาพยายามทำทุกอย่างเพราะพี่ดาจริงๆ เหรอ


...ที่เขาพยายามทำทุกอย่างอยู่ทุกวันนี้เพราะพี่ดาหรือเพราะความเห็นแก่ตัวของเขากันแน่...


"แล้วนี่เมื่อไหร่เราจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยให้มันจบเสียทีล่ะ พ่อเขาจะได้วางใจ"


ก็เพราะแค่อยากมีชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากเป็น ก็แค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ก็เลยต้องดั้นด้นหาพี่สาวให้เจอไม่ใช่เหรอ


"ถ้าดิมมารับช่วงต่อเมื่อไหร่ ดลกับพิมพ์คงได้สบายใจสักที"


นั่นสิ...เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง


"ดิม"


...เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัว...


"ดิม!"


"คะ ครับ?"


"เหม่ออะไรน่ะเรา"


คำถามด้วยความเป็นห่วงนั้นทำให้เขาต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ


"เปล่าครับ ผมแค่...คิดอะไรนิดหน่อย"


"โถ คงกังวลใจเรื่องที่บ้านใช่ไหมลูก"


เธอเข้าใจว่าเขาคิดอย่างนั้น เพราะแบบนั้นฝ่ามือเหี่ยวย่นแต่อบอุ่นจึงทาบลงบนหัวเขาแล้วขยับไล้เส้นผมอย่างเชื่องช้า


"อย่ากังวลไปเลยลูก หนูทำได้อยู่แล้ว"


ไม่...มันไม่ใช่เรื่องทำได้หรือไม่ได้เลยสักนิด


“ระดับดิมแล้ว แค่รับช่วงต่อกิจการนี่สบายมากเลย เชื่อป้าสิ”


"แต่ของพวกนั้นไม่ใช่ของผมนะครับ"


เขาพูดออกไปแล้ว...เขาเริ่มพูดถึงหัวข้อต้องห้ามของครอบครัวออกไปแล้ว


เป็นอย่างที่คิด ป้าสมรชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขาตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยค ริมฝีปากที่แจกรอยยิ้มใจดีเริ่มคว่ำลง


"ถ้าไม่ใช่ของดิมแล้วจะเป็นของใคร ในเมื่อหนูเป็นทายาทคนเดียวของไวยสมุทร"


"ดิมไม่ใช่ลูกคนดะ..."


"ดิมเป็นลูกคนเดียว"


นัยน์ตาคู่นั้นวาบวับ


...ทั้งที่ปกติแล้วมันมักจะทอประกายอ่อนโยนอยู่เสมอแท้ๆ ...


"ป้าขอสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด"


เธอจ้องเข้ามาในตาของเขา...มองลึกลงมาในใจของเขา


"อย่านับเด็กคนนั้นเข้ามาในวงศ์ตระกูลของเรา"


เขาไม่ตอบ...ไม่พยักหน้า ไม่ส่ายหน้า ไม่พูด ไม่ตอบ นั่นก็ชัดพออยู่แล้ว


...การกระทำนั้นประกาศเจตนารมณ์ของเขาออกไปชัดมากพอแล้ว...


"พอกัน พอกันทั้งคู่"


เสียงแหบแห้งนั้นบ่นพึมพำ


"ดื้อเสียไม่มี ดื้อพอกันกับพ่อมันเลยจริงๆ"


หญิงชราส่ายหน้าเสียจนผมที่ถูกตีเป็นกระบังสั่นไหวไปมา


เขารับรู้ได้ว่าหญิงชรากำลังไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำตัวยังไงต่อ


สถานการณ์ตอนนี้เป็นสิ่งที่เขารับมือไม่ค่อยได้ เขาไม่เคยชินกับการโต้เถียงที่จบลงด้วยความรู้สึกขมุกขมัวเล็กๆ ในใจ ปกติแล้ว ‘การโต้เถียง’ ในความหมายของเขา...ในความหมายของครอบครัวเขา เป็นอะไรที่หนักหนากว่านั้นมาก ถ้าไม่จบลงด้วยการที่ใครสักคนโดนพ่อตบจนปากแตก ก็ต้องจบลงโดยการโดนจับไปขังในห้องเก็บของหนึ่งคืนเต็ม


แต่นี่คือพี่สาวฝาแฝดของพ่อไม่ใช่พ่อ


ป้าสมรเป็นพี่สาวฝาแฝดของพ่อเขา...เป็นกุลสตรีผู้มีความนุ่มนวลเป็นพื้นฐาน ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ป้าไม่เคยขึ้นเสียงใส่ใครทั้งนั้น สิ่งที่เธอทำมีเพียงการบ่นงึมงำและส่งสายตาตำหนิติเตียน ต่างจากพ่อของเขาที่เป็นคนอารมณ์ร้อน ดุดันและขึงขัง ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับกดลงใต้น้ำลึก


กดเอาไว้...บีบเอาไว้จนหายใจไม่ออก


เขาไม่ชอบอยู่ใต้น้ำ เพราะแบบนั้นเขาเลยชอบป้าสมรมากกว่า


"ดิมเอ๊ย ทำไมลูกถึงได้ยึดติดกับยายดาขนาดนั้นนะ ดลกับพิมพ์เลี้ยงพวกหนูมายังไงกันนะ"


คำบ่นนั้นทำให้เขาประหวัดคิดไปถึงอีกคนที่อยู่ในครอบครัว...คนที่ควรถูกคิดถึงเป็นคนแรกๆ เมื่อนึกถึงครอบครัวโดยทั่วไป


แต่ไม่ใช่ที่นี่...ไม่ใช่ในครอบครัวของเขา


“พูดถึงพิมพ์แล้วป้าก็หงุดหงิดทุกที มีอย่างที่ไหน เอาแต่ออกงานสังคมไปวันๆ ลูกเต้าไม่รู้จักใส่ใจ”


พิมพ์...แม่ของเขา เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยสง่าและมีชาติตระกูล เธอมักจะยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้อนจนแสบผิวที่สาดส่องเข้าหา ดวงตากลมโตรับกับแพขนตางอนยาวบนใบหน้าคมคายกว่าผู้หญิงทั่วไปทำให้แม่ของเขาเป็นคนสวยสะกดตา


แม่สวย แม่เก่ง แต่เขาไม่ชอบแม่เลยสักนิด


"พูดก็พูดเถอะนะ พิมพ์มันเคยเอาใจใส่หลานป้าบ้างไหมก็ไม่รู้ วันๆ เห็นเอาแต่ออกงานสังคม ผลาญสมบัติตระกูล เป็นแค่สะใภ้แท้ๆ"


จริงอย่างที่ป้าสมรพูด แม่ไม่เคยสนใจว่าในบ้านจะเป็นยังไง สิ่งที่แม่สนมีเพียงแค่ว่าสังคมจะมองพวกเรายังไง...จะมองเธอเป็นแบบไหน ชีวิตของแม่หมดไปกับการสร้างภาพลักษณ์และทำตัวจุกจิกน่ารำคาญ ไม่ใช่แค่แม่ แต่พ่อก็พอกัน พวกเขาสองคนเป็นคู่สวรรค์สร้างโดยแท้


เป็นคนที่เหมือนกันจนน่าแปลกใจ


เพราะแบบนั้น...เพราะมีพ่อแม่แบบนั้น พวกเขาสองพี่น้องเลยเติบโตมากับการเลี้ยงดูของแม่บ้านตั้งแต่จำความได้  เขาจำได้ดีว่าตอนเด็กๆ ตัวเองเห็นหน้าแม่บ้านบ่อยกว่าหน้าพ่อแม่ตัวเองเสียอีก พอโตขึ้นมาหน่อยนั่นล่ะพ่อถึงได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิต ตอนนั้นจำได้ว่าถูกสอนอะไรตั้งมากมาย ส่วนมากก็เป็นเรื่องที่ว่า 'ต้องแข็งแกร่งกว่าใคร'


พ่อสอนพวกเขาเหมือนหุ่นยนต์จนชีวิตของพวกเขามันแข็งกระด้าง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี โชคดีที่หนึ่งคือมีสังคมโรงเรียนที่ดี เพื่อนที่ดีทำให้เขารู้จักคิดอย่างมนุษย์ทั่วไป โชคดีที่สองคือป้าสมร พวกเขาถูกปลูกฝังความเป็นมนุษย์โดยป้าสมร ที่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นก็เพราะป้าสมร ที่รู้จักรักคนอื่นได้ก็เพราะป้าเช่นกัน


ส่วนแม่...ช่างเถอะ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ขนาดในตอนที่พ่อเข้ามาในชีวิต แม่ยังไม่ใส่ใจเลยสักนิด นานๆ ทีจะได้เห็นหน้า ปีนี้จำได้ว่าพูดกับแม่ไปไม่ถึงยี่สิบคำ กับพ่อก็น้อยพอกัน ถ้าจะหาใครสักคนในบ้านที่เขาพูดคุยด้วยมากที่สุดรองจากพี่ดาก็คงเป็นป้าสมรนี่ล่ะ


อ๋อ...พอมาลองย้อนคิดนี่ล่ะถึงได้เข้าใจ


...ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขามันพินาศมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...


"ดิม"


ชื่อที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้เด็กหนุ่มหลุดจากภวังค์ความคิดของตน ใบหน้าคมคายก้มลงมองหญิงชราที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ร่างบอบบางในชุดผ้าไหมสีชมพูราคาแพงระยับขยับเข้ามาใกล้แล้วดึงมือเขาเข้าไปกุมไว้หลวมๆ


"ทำไมหนูถึงอยากเจอดานักล่ะลูก"


ถ้อยคำถามที่เปล่งออกมานั้นมีโทนเสียงบางอย่างซ่อนอยู่


ทำไม...มีอะไรกัน


ในขณะที่กำลังสับสน มือสองข้างของเขาที่ถูกกอบกุมไว้ในอุ้งมืออุ่นนิ่มก็พลันถูกบีบแรงขึ้น


"หนูรู้เรื่องยายดาแค่ไหนกัน"


"ผม..."


ลำคอของเขาแห้งผากเกินกว่าจะเปล่งเสียงใดออกไปได้


ทำไม...ทำไมในอกมันถึงรู้สึกวูบโหวงขนาดนี้


"ถ้าหนูคิดว่าเรื่องที่ยายดาท้องก่อนแต่งกับคนที่พ่อแม่หนูไม่ชอบคือจุดเริ่มต้นของปัญหา ก็จงรู้ไว้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด"


หัวใจเขาเต้นแรง ไรผมของเขาชื้นเหงื่อจนเฉอะแฉะ


"แต่ป้าเล่าไม่ได้...พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไม่เล่า"


นัยน์ตาเห็นใจปนเศร้าที่เขาเห็นอยู่หมายความว่ายังไง


"บางทีป้าก็อยากรู้นะว่าถ้าหนูรู้ความจริงทั้งหมด หนูจะยังอยากเจอยายดาอยู่ไหม"


สุ้มเสียงแหบนั้นพึมพำเพียงแผ่วเบาก่อนจะผละออกไปทันที


...รวดเร็วเสียจนไม่เว้นจังหวะให้ฉุดรั้ง...


"งั้นป้าไปก่อนนะลูก เดินทางกลับบ้านดีๆ ล่ะ"


แล้วเธอก็จากไป


แล้วเธอก็จากไปพร้อมกับเสียงปิดประตูไม้บานหนาหนักของห้องพักโรงแรมหรู ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังในห้องกว้างใหญ่กับเสียงหวี่ๆ ของเครื่องปรับอากาศ


...ทิ้งเขาไว้กับหลุมลึกสีดำในใจที่ไม่ว่าจะหาทางออกเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ...

















เขาคิดไม่ออก คิดยังไงก็คิดไม่ออก


ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสามนั่งเอนหลังอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ ตรงข้ามโรงแรมหรูมาร่วมชั่วโมงเห็นจะได้แล้ว น้ำส้มปั่นตรงหน้าของเขาพร่องไปเพียงครึ่งแก้ว ในหัวมีเรื่องให้คิดเยอะแยะเสียจนเขาดื่มน้ำไม่ลง ใจจริงอยากดื่มกาแฟด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่า...


ดวงตากลมหลุบมองหน้าท้องเพียงเสี้ยววิก่อนจะทอดมองออกไปยังท้องถนนไกลๆ


อีกไม่กี่วันก็คงได้รู้ว่าจะท้องหรือไม่ท้อง คิดว่ากลับจากภูเก็ตแล้วก็คงต้องไปตรวจให้เรียบร้อยเสียที


ภูเก็ตเหรอ...


คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวเสียจนขมับสองข้างปวดตุบๆ เสียจนต้องหลับตาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ


ทำไมป้าสมรถึงเล่าไม่ได้ มีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้ พี่ดาของเขาตกลงแล้วทำอะไรลงไปกันแน่


ปวดหัว...ปวดหัวชะมัด


“ดิมไหวไหม”


น้ำเสียงคุ้นเคยที่ร้องทักจากด้านหลังทำให้เขาต้องหันขวับไปมอง


พอได้เห็นว่าใครคือคนพูด หัวใจมันก็เผลอกระตุกไปเสี้ยววินาที


ใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนไทยเชื้อสายจีนที่ ‘เคย’ คุ้นเคยกำลังส่งสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยมาให้เขาอย่างปิดไม่มิด


ดวงตาเรียวเล็ก ริมฝีปากบางนุ่ม รูปหน้ากลมมีแก้มยุ้ยๆ พอดีมือ


...คิดถึงจริงๆ ...


“ไงวิทย์ ไม่เจอกันนานเลยนะ”


เขาไม่ได้ตอบคำถามที่ควรตอบ แต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายอีกคนออกไปอย่างเป็นธรรมชาติแทน


อีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่านี่คือนิสัยของเขา...ถ้ายังจำได้น่ะนะ...


“ดิมนี่เหมือนเดิมเลยนะ”


ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเสียจนดวงตาเรียวเล็กปิดสนิท


“ชอบตอบคำถามเราแบบนี้ทุกทีเลย”


เพียงเท่านั้น หัวใจมันก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้พวกเขาจะจากกันไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่ารักมาก...เขาเคยรักอีกคนมากเสียจนยอมทำทุกอย่าง พอห่างกันไปความรักก็จางหายไปด้วย แต่คงเพราะรักมากล่ะมั้ง หัวใจเขาถึงเผลอกระตุกไปชั่วแว็บนึง


...เผลอคิดถึงช่วงเวลาที่เคยมีร่วมกันไปแว็บนึง...


“ดิมสบายดีไหม เห็นนอนฟุบกับโต๊ะ กลัวจะป่วย”


น้ำเสียงนุ่มทุ้มเป็นเอกลักษณ์นั้นฟังรื่นหูเหมือนอย่างเคย ถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยก็ชวนให้รู้สึกอบอุ่นในใจได้เหมือนอย่างเคย
คนๆ นี้แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวจะผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว


“เราสบายดี วิทย์ล่ะ”


“ก็ดี เข้ามารับช่วงต่อกิจการที่บ้านแล้วล่ะ”


ใบหน้าแป้นแล้นฉีกยิ้มกว้างใส่เขาเสียจนอดยิ้มตามไม่ได้


วิทย์เป็นคนที่สดใสและมีพลังบวกเหลือล้น ไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ก็ล้วนมีความสุขไปด้วยทั้งนั้น


ต่างกับตาลุงนั่นสุดๆ


เด็กหนุ่มยกยิ้มขึ้นช้าๆ


ตาลุงนั่นเป็นคนที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนจะอบอุ่น แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนที่...


“อืม ร้อน ร้อนมากทีเดียว”


คำถามของชายหนุ่มวิ่งเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสามารถพูดคุยตอบโต้กับคู่สนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้งที่ในหัวกลับมีแต่เรื่องของคนอีกคนลอยวนอยู่เต็มไปหมด


ร้อนเหรอ...ก็เป็นคำตอบที่พูดออกไปได้จังหวะดี


ลุงคนนั้นเป็นคนที่ร้อน...อุ่นจนร้อน บางครั้งก็เจ้าเล่ห์แสนกล ดูมีอะไรให้ค้นหาอยู่ตลอดเวลา ผิดกับคนตรงหน้าของเขาที่เป็นคนเปิดเผยและแจ่มใส


ทำไมอดีตคนรักกับคนรักปัจจุบันของเขาถึงต่างกันนักนะ สเป็คของเขาเป็นแบบไหนกันแน่ ตอนนี้ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว


“ดิม ขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหม”


จู่ๆ บทสนทนาก็เคร่งเครียดขึ้นมาจนเขาต้องละทิ้งความคิดในหัวแล้วหันมาตั้งใจฟังอย่างมีสติ


“ว่ามาสิ”


นัยน์ตารีเล็กหลุกหลิกไปมาอย่างน่าสงสัย


มีอะไร


“คือ...ดิมกำลังคบอยู่กับคุณปราณ บุญสรนพเหรอ”


เขาเลิกคิ้ว


ทำไมคนเราชอบสาระแนเรื่องชาวบ้านกันขนาดนี้นะ


“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”


เขาอยากรู้ว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายนึกสงสัยขึ้นมากัน


“ก็...”


ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างคนเป็นกังวล


“เราได้ยินข่าวลือมาว่าคุณปราณกำลังคบอยู่กับดิมน่ะ ก็เลยมาถามดู อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ...”


ใบหน้ากลมหันรีหันขวางอยู่สองสามทีก่อนจะโน้มเข้ามาใกล้เขา


“บุญสรนพไม่ใช่ตระกูลที่น่ายุ่งด้วยนะรู้ไหม”


เสียงกระซิบนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


ก็ดี...ใช้ความสู่รู้นี้ให้เป็นประโยชน์เสียเลยก็ดี


“หมายความว่ายังไงเหรอ”


เขาถามพาซื่อไปอย่างนั้นเอง ไอ้เรื่องที่ว่าคุณปราณอยู่ในโลกสีดำ ส่วนตัวเขาอยู่ในโลกสีเทาอะไรนั่นก็เป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว ยังไงเสียก็คงไม่มีอะไรที่เขาจะรับไม่ได้อีกแล้ว


“ดิมรู้ไหมว่าคุณปราณน่ะ มาเฟียดีๆ นี่เอง”


ก็พอรู้


“ว่าไงนะ”


ถ้อยคำที่ตอบออกไปพร้อมกับท่าทีตกอกตกใจของเขาหลอกอีกฝ่ายให้เชื่อได้สนิทใจ


“กะแล้วว่าดิมต้องไม่รู้”


มือใหญ่ถือวิสาสะกุมมือเขาเอาไว้พร้อมกับบีบเบาๆ ราวกับจะให้กำลังใจ


ฉวยโอกาสชะมัด


“คุณปราณเขาทำธุรกิจทั้งพนัน ค้าอาวุธแล้วก็ปล่อยเงินกู้เลยนะ เห็นว่าฆ่าคนด้วย เราว่าดิมอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่านะ”


เขาแสร้งทำเป็นสับสน


“วิทย์รู้เรื่องนี้มาจากไหนกัน มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้นะ”


“โถดิม ใครเขาก็รู้กัน”


ไม่ นั่นยังไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ


“ก็เพราะแบบนั้นมันอาจจะเป็นข่าวลือก็ได้ไง”


“แต่เอกชาติบอกเรามาเลยนะ”


ฮะ?


“ใครนะ”


เขาขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเก่า


“เอกชาติไง ที่เคยเรียนด้วยกันตอนมัธยมน่ะ จำได้ไหม”


ไอ้เอกชาติเหรอ...


เหตุการณ์เมื่อคราวที่คนรับคิวงานคนเก่าของเขาเอาชื่อเอกชาติแทรกเข้ามาในตารางงานผุดกลับขึ้นมาในหัว


ทำไมมันต้องวอแวกับเขานักล่ะ แล้วทำไมต้องเอาเรื่องคุณปราณมาบอกเขาด้วย แล้วมันรู้เรื่องเขากับคุณปราณได้ยังไง


เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแล้ว


“จำได้ๆ แต่ไม่คิดว่า...”


เขาหยุดพูดเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ในตอนนี้หัวสมองของเขาไม่ได้จดจ่อกับคนตรงหน้าอีกแล้ว สิ่งที่วิ่งเข้ามาคือความสงสัยใคร่รู้ในตัวเอกชาติที่พยายามจะเข้าหาเขาอย่างผิดสังเกต รวมไปถึงการมายุ่งเรื่องเขากับคุณปราณด้วยท่าทีน่าสงสัย


คงเพราะท่าทางสับสนนั้น คู่สนทนาจึงถือวิสาสะดึงเขาเข้าไปกอด


วิทย์ไม่ใช่ผู้ชายรูปร่างใหญ่แบบคุณปราณ ชายหนุ่มเป็นคนร่างเล็ก สูงโปร่งไม่ต่างจากเขา เวลาเดินด้วยกันก็ดูเหมือนเพื่อนมากกว่าที่จะเป็นคู่รัก พอโดนดึงเข้าไปกอดแบบนี้มันเลยอดเอาไปเปรียบเทียบกับอีกคนไม่ได้


ก็ต้องยอมรับตามตรงแล้วว่าหน้าอกกว้างแน่นตึงของอีกคนดีกว่าของวิทย์จริงๆ


“วิทย์ปล่อย”


เขาขืนตัวออกพร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อีกฝ่ายจึงได้ยอมปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน


เขาเกลียดคนฉวยโอกาส และตอนนี้เขากำลังโดนฉวยโอกาส พูดอย่างง่ายคือเขากำลังไม่พอใจวิทย์อยู่พอสมควร


ถึงตรงนี้ก็ต้องยอมรับความจริงแล้วว่า เขาไม่ใจเต้นกับคนๆ นี้อีกแล้ว อาการคิดถึงเมื่อครู่คงเป็นเพียงความผูกพันในอดีต แต่จากการกอดและสัมผัสตัวเมื่อครู่ทำให้รู้แล้วว่าความคิดถึงมันก็เป็นแค่ความคิดถึง


ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น


อาการใจเต้นยามปลายนิ้วสัมผัสกันมันไม่มีอีกแล้ว


ความรักของพวกเขาถูกฝังกลบลงไปยังที่ๆ ลึกที่สุดในโลกเสียแล้ว


ไม่น่าเชื่อเลยว่าจากที่เคยรักมากในวันนั้นจะกลายมาเป็นหมดรักในวันนี้ได้จริงๆ


“ดิม เราเป็นห่วงดิมจริงๆ นะ”


ร่างที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้เขาต้องขยับหนีอย่างอึดอัด


ไม่เอา อย่าเข้ามา


“นะดิม เลิกกับเขาเถอะนะ แล้วเราจะดูแลดิมเอง”


ฮะ?


“วิทย์ วิทย์แต่งงานแล้วนะ”


เขาเอ่ยเตือน หวังให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ผลที่ได้กลับมากลับเป็นการส่ายหน้ารัว


“เราหย่าแล้ว”


ฮะ? นี่มันบ้าอะไรกัน ไหนตอนนั้นยืนยันจะทิ้งเขาไปนักหนา แล้วทำไมถึงมาหย่ากันง่ายๆ แบบนี้กันล่ะ


แปลก...แปลกชะมัด แต่ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือแววตาของคนตรงหน้าเขานี่ล่ะ


ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาฉายแววตาประหลาดออกมาบนดวงตา มันดูน่ากลัว...น่ากลัวเสียจนเขาขยับเก้าอี้หนี แต่อีกคนก็ไม่วายไม่วางขยับตามมา


แย่ แย่แล้ว มุมที่เขานั่งคือมุมในสุดของร้าน ถ้าไม่ตะโกนออกไปคงไม่มีคนรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น


ทำไงดี ทำยังไงดี


“นะดิมนะ”


มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเขาอย่างคุกคาม


บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปแล้ว


“วิทย์ปล่อย”


“ดิม ดิมเป็นของเรานี่ ดิมเคยบอกว่าดิมเป็นของเราไม่ใช่เหรอ”


“วิทย์ปล่อย”


เขาพยายามสะบัดข้อมือแต่ไม่เป็นผล กลับกัน ข้อมือถูกบีบแรงขึ้นจนเขาเริ่มกลัว


“ดิมเป็นของเรา ดิมกับวิทย์ไง อนาคตของเรา ครอบครัวของเรา ดิมลืมไปแล้วเหรอ”


 “วิทย์ปล่อย”


“ไม่ เราไม่ปะ โอ๊ย!”


เขาอาศัยเวลาเพียงชั่วอึดใจล้วงมือข้างที่ยังไม่ถูกพันธนาการเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไฟฉายใส่ตาของอีกคน ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระ เขาก็ยันตัวเองขึ้นจากเก้าอี้แล้วขัดขาอีกคนอย่างแรงจนชายหนุ่มล้มลงไปกองกับพื้น แต่มันเป็นการล้มลงไปที่ไร้หลักฐานเอาผิดเขา


ไม่มีกล้องวงจรปิดตัวไหนเก็บภาพที่ถูกเก้าอี้บังเอาไว้ได้หรอก


ยอมรับว่าเขาก็เป็นพวกห่วงภาพลักษณ์อยู่เหมือนกัน


“จำไว้นะวิทย์”


ดวงตากลมโตของเขาสบลึกเข้าไปในดวงตาคลุ้มคลั่งของคนที่นั่งกองอยู่บนพื้น


“ผมไม่ใช่ดิมของคุณ ไม่ใช่อีกแล้ว”


พวกเขาสบตากัน


“ผมเป็นของคุณปราณ”


คนหนึ่งมุ่งมั่น อีกคนกำลังบ้าคลั่ง


“ดิมเป็นของปราณ”


แล้วนัยน์ตาของอีกฝ่ายก็กลายเป็นแววตาของสัตว์ร้ายโดยสมบูรณ์ เขารู้ว่าวิทย์เป็นคนช่างหึงช่างหวงอย่างร้ายกาจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ในเมื่อเรื่องของเรามันจบไปแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาทั้งนั้น


...พอคิดสรุปให้ตัวเองได้แบบนั้น เขาจึงเดินจากมา...


ตอนนี้เขาพอจะเดาได้แล้วว่าบางทีการที่เขาเจอรถยนต์ของวิทย์ที่ห้างสรรพสินค้าในวันนั้นอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


...การที่เอกชาติกับวิทย์โผล่มาพร้อมๆ กันมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...


เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าเขาจะจัดการมันได้คนเดียวแล้ว เขาต้องทำอะไรสักอย่าง


เขาต้องเลือกแล้วว่าระหว่างพ่อกับสามีเขาควรอยู่ในการดูแลของใคร


ให้ตายสิ...เลือกยากชะมัด












***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ









หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 19-01-2018 20:53:14
ทำไมรู้สึกว่าปมเยอะจัง นี่คลายไปหลายปมแล้วยังมีอีกนะ แต่ชอบค่ะ น่าติดตามดี ทั้งที่อ่านตอนแรกนึกว่านิยายตาลุงแก่ๆหลอกกินเด็กแล้วเด็กไม่พร้อมมีลูกเฉยๆ แต่บั่บ! ปมเยอะจนต่อมความเสือกกระตุกแรงมากเลย รอติดตามเอาใจช่วยลุงให้มีชีวิตรอดูลูกไปนานๆๆ//แซวเล่น55555555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 19-01-2018 21:12:05
กรี้ดดดดดด
นังวิททททททท
นังเอกกกกก

หึหึหึ
เดี๋ยวเจอลุงนะ
จะฟ้องลุง

ลุงๆ
เมียลุงโดนลวนลามอ่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-01-2018 21:26:19
ทั้งเอกชาติ ทั้งวิทย์ มีอะไรกับปราณ
แต่ทั้งคู่มีการร่วมมือวางแผนด้วยกันแน่ๆ
หรือต้องการผลประโยชน์จากฝ่ายพ่อดิม  :hao3: :hao3: :hao3:

วิทย์ ก็แปลกๆ รักกับดิมอยู่ๆขอเลิกไปแต่งงาน
ตอนนี้มาบอกหย่าแล้ว ลวนลามดิม ทำหึงหวงดิม แปลกจริงๆ
ดิม บอกลุงดีกว่า เรื่องเอก กับวิทย์ และเรื่องพี่ตาด้วย
ป้า ตกลงกับพ่อว่าไม่พูดไม่เล่าเรื่องพี่ตา งั้น ให้ลุงสืบซะเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-01-2018 21:28:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 19-01-2018 21:59:38
วิทย์กับเอกคือมีอะไร เราว่าเรื่องพี่ดาคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-01-2018 22:34:03
น้องดิมไปหาลุงให้ช่วยเลยลูกกก
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-01-2018 23:28:57
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 20-01-2018 08:05:05
ลุ้งงงง ตามมาเร็วค่ะ ก่อนจะโดนแย่งเมีย 55  5 วิทย์กับเอกชาตินี่รวมมือกันป่าว เอ้ะ ยังไงนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-01-2018 10:57:08
ก็คงต้องเลือกให้สามีช่วยอะนะ ไม่งั้นมีงอนชัวร์
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 20-01-2018 11:23:42
ลุงงงงงงงงง คัมเฮียยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-01-2018 12:42:19
ลุงส่งคนมาเก็บกวาดที พวกริ้นไรมันเยอะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 20-01-2018 13:23:00
ปมเยอะจังค่ะ ติดตามๆ

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 20-01-2018 13:38:56
น้องดิมเลือกลุงเถอะ เรื่องนี้ให้ลุงจัดการได้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 20-01-2018 14:23:56
เลือกสามีที่เป็นพ่อของลูกไงหนูดิมมมมมม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 20-01-2018 21:06:23
หืมมมม หนีออกมาก่อนนถดิม แล้วค่อยว่ากัน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: dreammed46 ที่ 20-01-2018 22:21:51
คิดถึงลุง ตอนนี้ลุงไม่ได้ออกเลย
ค่าตัวแพงมากกก ฮืออออออ
กลัวใจเอกกะวิทย์มาก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-01-2018 00:35:40
น่าจะต้องลุงแล้วละดิมเพราะขนาดพวกนี้รู้ว่าดิมเป็นลูกใครกฌยังกล้ามายุ่งวุ่นวายเพราะงั้นฟ้องลุงเลยสิรับรองว่าลุงจัดการได้เงียบเชียบแน่ๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 21-01-2018 01:14:23
อ่านแล้วแอบเครียดเลยค่ะ พี่ดาทำอะไรเอาไว้ทำไมถ้าดิมรู้ดิมจะไม่อยากเจอพี่ดา เรื่องมันซับซ้อนเหลือเกิน คุณพ่อคุณแม่ของดากับดิมมีหน้ามีตาในสังคมมีอะไรคบทุกอย่างแต่ขาดอย่างเดียวคือความรักความเอาใจใส่ให้กับลูก เรื่องพี่ดาลุงจะไม่เกี่ยวอะไรด้วยใช่มั้ยคะ กลัวใจมากๆ ;-;
ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 21-01-2018 01:38:01
เลือกคุณฝามีมาเฟียเลย รับรองว่าแมงวี่แมงวันพวกนี้ จะหายไปจากโลกทันที
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 21-01-2018 22:27:57
ลุงยอมหรอมม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 22-01-2018 00:37:48
เลือกสามีสิคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Sixteenth Song (19/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2018 23:10:02
อยากรู้เรื่องพี่ดามากๆ ว่าเหตุมันเกิดจากอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 31-01-2018 19:24:07
Seventeenth Song













เขาเลือกไม่ได้...จนถึงป่านนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้


ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปนอกรถมาพักใหญ่แล้ว หยาดฝนที่จู่ๆ ก็โปรยปรายลงมาจากฟ้าระลอกใหญ่ไม่เว้นจังหวะให้ผู้คนได้ทันตั้งตัว เพียงไม่นาน ท้องถนนที่เคยโล่งว่างก็พลันแน่นขนัด ทางเท้าที่คลาคล่ำไปด้วยรถเข็นขายอาหารหลากชนิดก็พลันถูกแทนที่ด้วยร่มหลากสีสัน จากเดิมที่คิดไว้ว่าจะขับไปหาที่สงบๆ นั่งคิดวิธีแก้ปัญหาเรื่องวุ่นวายในชีวิตก่อนกลับก็เป็นอันต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นขับกลับไปยังร้านของตาลุงนั่นแทน


ร้าน...หรือถ้าจะเรียกให้ชวนขนลุกก็คงเป็นรังรัก ห้องที่มีลักษณะคล้ายห้องสตูอิโอราคาถูกที่สุดในคอนมิเนียม ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับการอาศัยในระยะยาว แต่ไปๆ มาๆ เขากลับกลายมาเป็นผู้อาศัยถาวรไปเสียอย่างนั้น


ห้องๆ นั้นทั้งเล็กและจืดชืด แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบมันนัก


นั่นสิ...


หยดน้ำน้อยใหญ่หยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงมาจากฟ้า กระทบเขากับกระจกรถยนต์เย็นเฉียบจนเกิดเป็นไอฝ้าบางๆ ขึ้นชั่วครู่ก่อนจะหายไป ระบบกำจัดฝ้าในรถของเขาใช้ได้ดีเสมอ ดีเสียจนบางครั้งก็นึกเสียดาย


ตอนเด็กๆ เขาชอบให้กระจกขึ้นฝ้าหนาๆ จากนั้นเขาและพี่ดาจะชวนกันวาดรูปอะไรต่างๆ มากมาย นิ้วเล็กป้อมลากออกไปอย่างที่ใจนึก สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง แต่เขาก็ยังสนุกไปกับมัน เป็นความสุขเล็กๆ ที่พอกลับมาคิดแล้วก็คิดถึง


ยิ่งโตขึ้นมากเท่าไหร่ ความสุขก็ยิ่งได้มายากขึ้นเท่านั้น


ความสุขเหรอ...


เด็กหนุ่มเหลือบตามองไฟสีแดงบนยอดเสาไฟจราจรที่แตกพร่าไปตามรูปทรงของหยดน้ำเพียงอึดใจแล้วเบนหน้าหนี


เขากำลังจะมีความสุขแท้ๆ จู่ๆ กันดันมีตัวซวยเข้ามาในชีวิตจนได้


การตัดสินใจลงไปภูเก็ตของเขาไม่ได้มาเพราะสัญชาตญาณหรือความรู้สึกอะไรทั้งนั้น การสืบหาข้อมูลของพี่ดาถูกเตรียมการไว้อย่างรอบคอบ จากทั้งคนของเดลและนักสืบเอกชนที่เขาแอบว่าจ้างไว้ ข้อมูลทุกอย่างทำให้เขาได้ที่อยู่ของพี่ดาที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือมาพอสมควร และที่ดีที่สุดคือเขารู้จักหลานของตัวเองแล้ว


หลานของเขา...ลูกของพี่ดา แม้จะเป็นเพียงรูปถ่ายลางๆ จากที่ไกลๆ แต่แค่เห็น เขาก็ตกหลุมรักแล้ว


ขอแค่เป็นของสำคัญของพี่ เขาจะเป็นคนดูแลและปกป้องเอาไว้เอง


ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าจะลงใต้ไปคุยกับพี่ให้รู้เรื่อง จากนั้นก็จะกลับมาเคลียร์เรื่องคุณปราณกับพ่อและแม่ให้เรียบร้อย ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี...


ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากหน้าท้องสู่ฝ่ามือของเขาทำให้มุมปากมันยกยิ้มขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว


ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาบังเอิญท้องขึ้นมาจริงๆ ชีวิตของเขาต่อจากนี้ก็คงจะมีความสุขมากเหลือเกิน


ใช่แล้ว ทุกอย่างมันควรจะเป็นอย่างนั้น


พอคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาสวยก็ปรากฏแววหงุดหงิดขึ้นภายใน


เอกชาติกับวิทย์ต้องการอะไรจากเขากันแน่ ทำไมถึงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณปราณ ทำไมต้องมายุ่ง ทำไมต้องมาขู่ ไอ้เขามันก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าชีวิตกำลังไม่ปลอดภัย แต่ลำพังเขาจะทำอะไรได้ ไอ้เดลก็มีเรื่องมากพออยู่แล้ว จะให้ไปรบกวนก็ใช่ที่ ป้าสมรยิ่งแล้วใหญ่ บอกไปก็เท่านั้น คนที่พึ่งได้ก็เห็นจะมีแค่พ่อกับลุง


ถ้าเลือกพ่อ น่ากลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต หลังจากนั้นก็น่าจบที่เขาถูกจับขังไว้ในบ้านจนกว่าเรื่องราวทุกอย่างจะสงบสุข แต่ถ้าเลือกลุง...จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ


ทำไมถึงเพิ่งมาคิดได้ว่าตลอดเวลาสามปีที่คบกันมา เขาแทบไม่รู้จักชายคนนั้นเลย สิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับคนๆ นั้นมีเพียงด้านเดียวมาตลอด


แต่จะว่าไป คนๆ นั้นก็รับรู้เกี่ยวกับเขาแค่ด้านเดียวเหมือนกันนี่นา


...เหมือนกันเลย...


...พวกเขาสองคนแทบไม่รู้จักกันและกันเลย...


เป็นความสัมพันธ์ที่ประหลาดชะมัด


เรื่องราวในหัวที่ตีกันยุ่งเหยิงชวนสับสนทำให้ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาทางจมูก


บางที นี่อาจจะถึงเวลาที่พวกเขาควรเปิดใจคุยกันจริงๆ แล้วก็ได้...


















“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง”


“พอดีรถติดน่ะครับ ก็เลยไม่อยากไปไหน”


“งั้นขึ้นไปรอข้างบนก่อนนะ เดี๋ยวฉันจัดการข้างล่างเสร็จแล้วจะตามไป”


น้ำเสียงทุ้มต่ำมาพร้อมกับวงแขนอุ่นที่โอบเอวเขาไปส่งยังบันได การกระทำทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติเหมือนอย่างเคย แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันถึงได้หนักขนาดนี้


เขาตัดสินใจอะไรพลาดไปรึเปล่า ที่ปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดมาไกลขนาดนี้...ดีแล้วเหรอ


ขายาวก้าวขึ้นไปตามขั้นบันไดไม้ด้วยความชำนาญ เพียงไม่นานห้องคุ้นตาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า สภาพห้องกึ่งรกกึ่งสะอาด ไม่ได้สกปรกจนทนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้สะอาดเหมือนมีแม่บ้านมีจัดการเสียจนพื้นวาบวับ ห้องๆ นี้เหมือนบ้าน...เหมือนบ้านธรรมดาๆ


บ้าน...นี่เป็นบ้านของเขาจริงๆ ใช่ไหม


...นี่คือที่ๆ เขาควรอยู่จริงๆ ใช่ไหม...


“หิวไหม”


น้ำเสียงคุ้นเคยของคนที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นดึงเขาเข้าไปกอดรัดเอาไว้ แผ่นอกตึงแน่นทาบทับแนบสนิทเข้ากับแผ่นหลังเรียบเนียนของเขาจนไม่มีที่ว่าง ร่างกายของพวกเขาแนบชิดกันเสียจนเสื้อผ้าที่ขวางกั้นไม่อาจสกัดไออุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างของอีกคนได้


อุ่น...อุ่นจังเลย


“เป็นอะไรไปเหรอ”


รอยจูบตรงขมับทำให้ปลายจมูกของเขาเห่อร้อนขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล


เขาชอบที่นี่ เขาชอบคนๆ นี้ แต่ม่านหมอกสีดำที่ปกคลุมอยู่รอบความสัมพันธ์ของพวกเขามันหนาเกินไป


ทั้งที่คิดว่ารับได้แล้ว ทั้งที่คิดว่าเข้าใจแล้ว แต่พอถูกกระตุ้น...ถูกบอกข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อน ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเขาไม่เข้าใจอะไรเลย


“ดิม เป็นอะไร บอกฉันได้ไหม”


“ผมไม่เข้าใจ”


เขาสัมผัสได้ถึงลมร้อนที่เคล้าคลออยู่บริเวณหู


“ไม่เข้าใจอะไรหืม?”


ใบหน้าคมคายจ้องมองตรงไปเบื้องหน้า


ไม่หันไปสบตา ไม่เบนหน้ากลับไปมอง สิ่งที่ทำมีเพียงการจดจ้องไปยังจุดหมายไกลๆ ที่อยู่ในห้วงความคิด


“ไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเรามันเป็นยังไงกันแน่”


อีกฝ่ายนิ่งเงียบ เขาจึงพูดต่อ


“ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยสักอย่าง ในขณะเดียวกันผมก็ไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้คุณฟังเลยสักอย่าง”


แสงสีส้มของพระอาทิตย์นอกหน้าต่างกำลังจะลาลับขอบฟ้า


“จริงๆ แล้วเรารู้จักกันรึเปล่า ผมยังไม่รู้เลย”


เขาละสายตาจากแสงแดดนวลตาแล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย มือเรียวสวยประคองแก้มที่มีไรหนวดชวนจั๊กจี้ไว้ในอุ้งมือ นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ใบหน้านั้นอย่างปลอบประโลม


“ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ทำไมผมถึงรักคุณก็ไม่รู้”


นัยน์ตาของพวกเขาสบกัน


“ความรักนี่...เข้าใจยากจังเลยนะครับ”


สิ้นคำพูด ใบหน้านั้นก็เคลื่อนลงมา ทาบริมฝีปากนุ่มหยุ่นเข้าหาริมฝีปากของเขา


ดูดดึง


เคล้นคลึง


หยอกเย้า


ปลายลิ้นสัมผัสกันอยู่อย่างนั้น ราวกับจะขโมยเอาความหวานออกจากร่างของอีกฝ่ายเสียให้ได้


กว่าจะผละออก พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว ทิ้งไว้เพียงแสงสีส้มนวลบางเบาก่อนความมืดจะมาเยือน


“เธออยากให้ฉันเล่าทุกอย่างไหม”


เขาถูกถาม...ถูกถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานที่มาพร้อมกับความอบอุ่นจากฝ่ามือที่โลมเลียไปตามแนวกระดูกไขสันหลัง


“ฉันพร้อมเล่าทุกอย่าง แต่เธอพร้อมเล่าฉันแค่ไหน”


อ่า ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว


พวกเขารู้จักกัน...รู้จักกันดีกว่าแค่สิ่งผิวเผินอย่างครอบครัวแต่ละฝ่ายเป็นยังไงหรืออีกคนทำอาชีพอะไร พวกเขาเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายคิด เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกังวล รู้ว่าคนตรงหน้าชอบหรือไม่ชอบอะไร


เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ได้มานั่งตรึกตรองคิดก็คงไม่มีวันเข้าใจ


โง่จริงๆ เลยดิม


“ขอโทษนะครับ ที่บอกว่าเราไม่รู้จักกัน”


รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าสูงวัย


“ก็ไม่ได้โกรธอะไร คนหนุ่มก็ต้องมีช่วงเวลาสับสนกันบ้าง”


“พูดอย่างกับแก่มาก”


“ก็แก่พอจะเป็นพ่อเธอได้แล้วกัน”


เขายิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องบ้าๆ นั่น


“คร้าบคุณพ่อ”


“ขี้แซ็วซะไม่มี”


นิ้วใหญ่หนาแกล้งบีบจมูกเขาไม่เบานักจนต้องร้องโอดโอยปนหัวเราะร่วน แต่แล้วจู่ๆ มือนั้นก็ผละออกก่อนจะถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากแทน


หนึ่งรอยจูบถูกประทับลงบนจมูก


“ขอบคุณนะที่ไม่เก็บเรื่องพวกนี้ไปกลุ้มคนเดียว”


อีกหนึ่งรอยจูบถูกประทับที่เปลือกตา


“มีอะไรก็บอก เราเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว มีปัญหาอะไรก็ต้องช่วยกันแก้ไข”


สุดท้าย ความอุ่นร้อนก็เคลื่อนไปยังบริเวณหน้าผาก


“ถ้าอยากอะไร ขอแค่ถาม ฉันจะบอก”


เสียงนั้นกระซิบแผ่ว หากหนักแน่นกว่าเสียงไหนๆ


“กับเมีย ฉันไม่โกหก”


คนๆ นี้คือความสุขของเขาจริงๆ ด้วย













เด็กน้อยของเขาหลับไปแล้ว


ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนมองหนุนหมอนสีขาวสะอาดตาด้วยท่าทางน่ารักน่าชังเสียจนเขาเองยังอดใจทนมองเฉยๆ ไม่ไหว เสียงครางอืออาอย่างคนถูกขัดใจดังขึ้นทันทีที่เขาแอบก้มลงไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ คนขี้เซาพลิกตัวหนีไปอีกด้านด้วยท่าทางหงุดหงิดก่อนจะหลับพริ้มไปอีกครั้ง


เหมือนแมวจริงๆ ด้วย


คนมีอายุอมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า


เขารักช่วงเวลาสงบสุขแบบนี้ เขารักเด็กคนนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ


รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็อยากจะตักตวงเอาช่วงเวลาแห่งความสุขนี้เอาไว้ อยากเฝ้ามองอีกคนยิ้ม หัวเราะ ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ อยากฟูมฝักอีกหนึ่งชีวิตให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีความสุข


เพราะแบบนั้นเขาเลยต้องรีบเคลียร์ทางทุกอย่างให้เรียบร้อย


โทรศัพท์ในมือใหญ่มีโอกาสได้สั่นอยู่เพียงครึ่งวิก่อนจะโดนกดรับสาย ร่างกำยำอย่างคนออกกำลังกายพาตัวเองลงจากเตียงช้าๆ ด้วยกลัวว่าอีกคนจะตื่น ฝีเท้าที่ก้าวเร็วแต่เงียบกริบพาตัวเองออกมายังระเบียงได้รวดเร็วจนน่าทึ่ง เพียงไม่นาน ประตูเลื่อนกั้นระหว่างระเบียงกับห้องก็ถูกปิดลง


“ว่ามา”


ลมเย็นๆ ในยามค่ำคืนไม่อาจเทียบเคียงได้กับน้ำเสียงของคนริมระเบียง เสียงทุ้มทรงอำนาจแผ่รังสีบางอย่างออกมาเสียจนปลายสายหายใจติดขัด


[นายวิทย์กับเอกชาติร่วมมือกันจริงครับ เรื่องของเรื่องคือเอกชาติต้องการล้างหนี้ที่บ่อนของเราแต่ไม่มีปัญญา จัดการได้ตามกำหนดเลยไปขอยืมเงินนายวิทย์ ฝ่ายนั้นก็เลยเสนอให้เอกชาติเป็นนกต่อในการล่อคุณดิมออกมาที่ร้านตัดผมครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จเพราะทางเราและคุณเดลมาขวางไว้ก่อน คราวนี้เจ้าตัวเลยลงมือเอง โชคดีที่คุณดิมเอาตัวรอดมาได้โดยไม่ต้องให้คนของเราเข้าไปยุ่ง ไม่อย่างนั้นคงจะวุ่นวายกว่านี้ ส่วนเอกชาติ สถานะตอนนี้คือหายสาบสูญครับ ยังไม่มีใครพบเห็น ไม่กลับบ้าน ไม่กลับคอนโด ไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศ เหมือนหายไปเฉยๆ]


สมองของเขากำลังประมวลผลข้อมูล


“วิทย์รู้เรื่องฉันกับดิมใช่ไหม”


[จากการรายงานของคนของเราที่นั่งคุ้มครองคุณดิมอยู่ในร้านพบว่านายวิทย์รู้มากกว่าที่คิด มันรู้ว่าเราทำธุรกิจอะไรบ้างและพยายามโน้มน้าวให้คุณดิมกลับไปคบกับมันครับ]


ฝ่ามือใหญ่กำราวระเบียงเหล็กแน่นเสียจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดชัด


[แต่สาเหตุที่มันต้องการตัวคุณดิมกลับไป ผมเองก็จนปัญญาจะ...]


“มันไม่ได้ต้องการอะไรในตัวดิม ไวยสมุทรไม่ได้มีประโยชน์กับมันขนาดนั้น”


[หมายความว่า...]


“ใช่”


นัยน์ตาคมปรากฏแววตาของสัตว์ร้าย


“มันต้องการจะใช้ดิมมาเล่นงานฉัน”


รังสีอันตรายแผ่ออกจากร่างสูงหนาริมระเบียง


“ไปสืบเรื่องทรัพย์สินและการลงทุนของไอ้วิทย์มาซะ การที่มันคิดจะงัดข้อกับฉัน คงไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจอสังหาฯแน่”


[รับทราบครับ]


“เพิ่มกำลังคุ้มครองดิมด้วย ส่วนเรื่องเอกชาติ หามันให้พบ...”


เขาสัมผัสได้ถึงลมกายใจที่กระชั้นชิดจากปลายสาย


“ต่อให้เป็นศพก็ต้องหาให้เจอ”


แล้วสายก็ถูกตัดโดยการขยับเพียงเล็กน้อยของนิ้วหัวแม่มือ


คิดจะเล่นกับเขา มันยังเร็วไปอีกหลายปี


คิดจะเข้าวงการนี้ ถ้าไร้สติ จะตายไม่รู้ตัว


ตระกูลสินศรีจำรูญเป็นตระกูลนักธุรกิจมือสะอาดมาหลายชั่วอายุคน จนรุ่นนี้ก็ยังเป็นนักธุรกิจธรรมดา...เขาเองก็คิดอย่างนั้นมาตลอดจนกระทั่งได้อ่านเอกสารบางอย่างเมื่อตอนเย็น


เมื่อหลายวันก่อนมีการลักลอบขนยาและค้ามนุษย์เกิดขึ้นในถิ่นของพันธมิตรเขาอย่างไม่มีที่มาที่ไป


ไม่รู้ว่าใครคือตัวการ ไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่การกระทำแบบนั้น ในวงการนี้ มันคือการหักหน้ากันอย่างไม่มีชิ้นดี ซ้ำร้ายคือหลังจากนั้นไม่กี่วัน พันธมิตรรายอื่นๆ ก็พบเจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกันจนต้องวุ่นวายจัดการกันไปหมด


ถ้านับจากกลุ่มพันธมิตร ตอนนี้ก็โดนกันไปแล้วห้าราย ตัวเขาเองก็ไม่ได้โง่พอจะอยู่เฉยๆ ให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ การสืบค้นข้อมูลอย่างลับๆ ถูกจัดการก่อนที่เขาจะกลับมาที่ร้าน จากข้อมูลทั้งหมดที่ผ่านตา คนที่เข้าข่ายว่าจะเป็นตัวการมากที่สุดก็คือนายวิทยา สินศรีจำรูญ


ทั้งการเดินทางไปยังบริเวณใกล้ๆ ที่เกิดเหตุก่อนเกิดเรื่องเพียงไม่กี่วัน ทั้งตัวเลขของเงินในบัญชีที่เคลื่อนไหวอย่างประหลาด ไหนจะข่าวลือที่ว่ามันสนิทสนม ‘คนเก่าแก่’ ที่คนในวงการเอือมระอานั่นอีก


ไอ้เด็กนั่นคงคิดว่าคนๆ นั้นเป็นแบ็กที่ใหญ่คับฟ้าก็เลยทำอะไรไม่ไว้หน้าเพื่อนร่วมวงการแบบนี้


ดวงตาคมทอดมองแสงวิบวับจากอาคารน้อยใหญ่ที่อยู่ไกลๆ


ส่วนตัวแล้วเขาไม่ใช่คนเรื่องมาก ต่อให้เรื่องราวที่มันทำจะล้ำเส้นแค่ไหน เขาก็มีทางหาข้อยุติได้เสมอ แต่ขอไว้อย่างนึง...


...อย่ามายุ่งกับของสำคัญของเขา...


ใบหน้าคมสันแสยะยิ้มมาดร้ายให้กับท้องฟ้าสีดำตรงหน้า


เขาเป็นเสือใจเย็น แต่ถ้าร้ายแล้ว อย่าหวังว่าจะมีคำว่าปรานี












***********************************************************************




มาช้ามากๆ เลยเพราะป่วยแถมยุ่งมากๆ ขอโทษจริงๆ นะคะ  :hao5: :hao5:





***********************************************************************






พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ










หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-01-2018 19:44:12
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 31-01-2018 19:51:57
ลุงต้องปกป้องน้องดิมให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 31-01-2018 20:02:09
ลุงจะออกโรงจริงจังแล้ว
เพื่อนคนสำคัญ ลุงต้องทำงานหนักหน่อยนะ
และดีใจที่ดิมตัดสินใจมาคุยกับลุงแทนที่จะเก็บไว้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-01-2018 20:19:40
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: kudos tae ที่ 31-01-2018 20:23:16
งื้อ คือแบบว่า ลุ้นมาก เมื่อไหร่เค้าจะเปิดอกคุยกัน คนอ่านเครียดดดดด
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 31-01-2018 20:31:21
จัดการเลยลุง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 31-01-2018 20:49:08
หูยยย ชอบอ่ะ ความแบดความรวยและฉลาดนี้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2018 21:00:37
ไฟลุก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 31-01-2018 21:28:30
ไปค่ะ เอาให้เละ กล้าดียังไงมาแหย่มกะลุง ไม่รู้ซะแล้วว่าไผเป็นไผ หึหึ นี่คิดว่าดราม่าความสัมพันธ์ของลุงกับดิมไม่น่ามีแล้วน่าจะเป็นเกี่ยวกับคนรอบตัวมากกว่า ไหนจะพ่อ ไหนจะพี่ดาที่ปมยังไม่เคลียร์ ลุ้นต่อปายยยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2018 22:01:04
ไปค่ะ เอาให้เละ กล้าดียังไงมาแหยมกะลุง ไม่รู้ซะแล้วว่าไผเป็นไผ หึหึ นี่คิดว่าดราม่าความสัมพันธ์ของลุงกับดิมไม่น่ามีแล้วน่าจะเป็นเกี่ยวกับคนรอบตัวมากกว่า ไหนจะพ่อ ไหนจะพี่ดาที่ปมยังไม่เคลียร์ ลุ้นต่อปายยยยย

ลุง.........ลุย   :z6:
มายุ่งกับของรักของหวงของลุง เหอะๆ...  :m16: :m16: :m16:
จะหายไปแบบไม่รู้ตัวนะ
ปราณ ดิม :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-01-2018 22:50:16
  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 31-01-2018 22:55:53
นี่สิคุณปั๋วมาเฟีย
ไม่ต้องรอให้เมียบอก คุณปั๋วก็จัดการได้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-01-2018 23:44:19
เหอะๆวิทย์นี่เป็นพวกหลงในอำนาจสินะ คิดว่าพอมีอำนาจในด้านนี้แล้วจะทำอะไรยังไงก็ได้ ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรกลับหรอก นี่มันควาทคิดของมือสมัครเล่นเท่านั้นแหละ ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตารุ่นใหญ่คนที่เขาอยู่มาก่อนคงจบไม่สวยหรอกนะ ยิ่งมายุ่งกับดิมของลุงอีกเตรียมใจไว้ได้เลย จัดการมันเลยค่ะลุง  :angry2:

ปล. แรกๆก็ไม่เอะใจนะ แต่ทำไมอ่านๆไปบางประโยคของลุงมันตีความได้ว่าลุงกำลังจะตายละ? คือลุงป่วยเหรอ หรือยังไงหรือเราคิดมากไปเอง ขอเป็นอย่างหลังเถอะนะ ลุงอย่าตายเลย พลีสสส
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 01-02-2018 00:20:03
 :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ex-soulL ที่ 01-02-2018 05:29:20
มีแรงมาหวีดลุงแล้วค่ะะะะะ :mew1:

มีความหน่วงความหม่นแฝงอยู่ทุกตอนเลย แต่ความมั่นคงของลุงเป็นสิ่งที่ทำให้เราสบายใจอยู่อย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็รู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นลุงจะไม่มีวันปล่อยดิมไป อีกคนมีความไม่มั่นคง ไม่แน่ใจ แต่อีกคนยังคงหนักแน่น กรี๊ดคำว่า'กับเมีย ฉันไม่โกหก' หูย ตาลุง ขยันพูดให้เราเทใจไปหา

ลุ้นเรื่องพี่ดากับพ่อของดิมนะคะ ที่สำคัญคือลุ้นว่าน้องจะท้องเมื่อไหร่ ฮื่อ อยากเห็นคนแก่ขี้เห่อ :mew3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 01-02-2018 10:57:12
ลุงเป็นอะไร?
ทำไมถึงพูดทำนองว่าอยากอยู่ดูแลลูกที่กำลังจะเกิดให้นานที่สุดแต่ก็เป็นไปไม่ได้
เพราะลุงแก่หรอ? หรือลุงต้องไปเสี่ยงชีวิต?

ดิ่มดิ๊มก็ยังเป็นแมวขี้เซาเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 01-02-2018 20:04:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 01-02-2018 21:04:33
ติดตามค่า :katai5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-02-2018 21:34:58
แงงงง คุณลุงงงงงง ต้องอยู่กับน้องไปนานๆนะ สงสารความชราของคุณลุง :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Seventeenth Song (31/01/61)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 01-02-2018 23:52:58
รออ่านตอนลุงออกโรงเต็มที่.......
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 10-02-2018 15:34:32
Eighteenth Song











ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง กำหนดการเดินทางไปภูเก็ตของเขาก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด


อย่างน้อยก็ยังไม่ได้พูดกำหนดการออกไปล่ะนะ


เด็กหนุ่มที่ทอดกายเอนหลังอยู่บนโซฟาบุนวมนุ่มตรงหน้าทีวีแอบเหล่มองคนที่ยืนทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ครัว แผ่นหลังกำยำเปลือยเปล่านั้นหันมาทางเขา แนวกล้ามเนื้อชัดเจนบนผิวกึ่งแทนกึ่งเหลืองนั้นชวนให้ใจเต้นไม่น้อย


ก็ยอมรับว่าค่อนข้างแพ้ทางอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกัน


“มองอะไรหืม?”


หลังจากแอบมองอยู่ได้ไม่นานนัก คนที่หันหลังให้มาตลอดก็หันกลับมายิ้มตอบเหมือนกับรู้ตัวว่ามีคนจ้องอยู่


ก็สมแล้วที่อยู่ในแวดวงสกปรก


“เปล่าครับ ก็แค่คิดว่ากล้ามคุณแน่นดี”


พอพูดจบเขาก็หันกลับมาจดจ่ออยู่กับจอทีวีตรงหน้าโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจก็ยังลอยมาให้ได้ยินอยู่ดี


น่าแปลก เป็นแค่เสียงหัวเราะแท้ๆ ทำไมถึงทำให้เขาอารมณ์ดีนักก็ไม่รู้ หรือจะเป็นเพราะเรื่องคืนนั้น...


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็พลันประดับด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเก่า


หลังจากคืนนั้นที่พวกเขาได้เปิดใจคุยกัน...บ้าง อะไรหลายๆ อย่างระหว่างกันก็เริ่มดีขึ้นผิดหูผิดตา การพูดคุยดูเปิดเผยมากขึ้นกว่าเก่า จากเดิม เวลาจะออกจากร้าน ต่างคนก็ต่างบอกถึงภารกิจที่จะไปทำอย่างกว้าง เช่น ไปทำงาน ไปที่นู้น ไปที่นี่ แต่มักไม่มีการลงรายละเอียดให้ฟังอย่างเช่นตอนนี้...


“มะรืนนี้ฉันต้องไปตรวจงานแถวชายแดนหน่อย อาจจะต้องนอนค้าง อยากไปด้วยกันไหม”


คนถามเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินถือจานสลัดมาตั้งลงบนโต๊ะเตี้ยๆ ตรงหน้าเขา แล้วพาร่างตัวเองขึ้นมาอยู่บนโซฟาเดียวกันพร้อมกับดึงเขาเข้าไปกอด เขาหัวเราะแผ่วๆ ให้กับมือปลาหมึกของอีกฝ่ายแต่ก็ยอมซบลงบนอกอุ่นนั้นแต่โดยดี


ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจอยู่นิดหน่อยกับคำถามที่ได้ยิน ก็นะ...คำถามนี้เป็นคำถามที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยสักครั้งตลอดสามปีที่คบกันมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถูกถามออกมา


ประทับใจอยู่หรอก แต่ก็น่าเสียดายที่เขาตอบรับคำชวนนี้ไม่ได้


“ไม่ดีกว่าลุง พอดีว่าผมจะไปภูเก็ตน่ะครับ”


“ดิม เราคุยกันแล้วนะ”


อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงของอีกฝ่ายก็เข้มขึ้นจนเขาต้องรีบดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายเพื่อมาสบตา


 “ใช่ครับ แต่เรื่องมันก็ผ่านมาจะอาทิตย์นึงแล้วนะครับ เขาคงรามือไปสักพักล่ะ”


“คิดง่ายไปน่ะสิ”


เด็กหนุ่มยักไหล่ยียวน


“คิดยากแล้วแก่เร็วนะครับ”


เขาไม่ชอบ...ไม่เคยชอบให้ใครมองว่าความคิดของเขามันตื้นเขินเกินไป เขามั่นใจในความคิดตัวเองอยู่ไม่น้อย ใครก็มาดูถูกความคิดของเขาไม่ได้ทั้งนั้น


ปกติแล้วคนอื่นมักจะจับสังเกตความผิดปกติทางอารมณ์ของเขาได้ไม่มากนัก แม้แต่พ่อแม่หรือแม้แต่ป้าสมรก็ยังทำไม่ค่อยได้ คนที่เห็นจะทำได้ดีก็มีแค่เดลกับ...


“ดื้อ”


คำตำหนิกึ่งขอโทษอ้อมๆ ของอีกฝ่ายทำให้ริมฝีปากบางยกยิ้มพึงพอใจ ปลายจมูกรั้นที่ถูกมือใหญ่บีบเบาๆ เปลี่ยนความหงุดหงิดในใจให้กลายเป็นความสุข


ก็สมแล้วที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี รู้ทางกันไปเสียหมด


“ไม่เท่าคุณหรอก”


นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยคล้ายคาดคั้น หากริมฝีปากนั้นยกยิ้มเจ้าเล่ห์ต่างจากทุกที


“ยังไงหืม?”


ทั้งที่เป็นคำถามปกติแท้ๆ ทำไมเขาถึงรู้สึก...รู้สึกว่ามันยั่วนักก็ไม่รู้


นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ ริมฝีปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์


อ่า...ไม่ดีต่อใจเลยจริงๆ


“ก็...คุณเป็นห่วงผมอย่างกับผมเป็นเด็กมัธยมต้นอย่างนั้นล่ะ”


นิ้วเรียวถือวิสาสะลากไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่าอย่างเอาใจ


เขารู้ดีว่าตาลุงนี่ไม่ชอบให้เขาพูดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาเกินเหตุสักเท่าไหร่ แต่บางครั้งมันก็ต้องพูดบ้าง โจทย์สำคัญคือจะพูดยังไงให้ความสัมพันธ์ยังดีเหมือนเดิม ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยชอบแก้โจทย์ข้อนี้สักเท่าไหร่ ไม่รู้ด้วยว่าวิธีที่กำลังทำอยู่นี้จะได้ผลไหม แต่ลองทำสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย


เอาใจอีกฝ่ายขณะพูดเคลียร์ปัญหาเพื่อเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เขาว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ดี


“ผมอายุยี่สิบสามแล้วนะครับ”


เขาจงใจทอดเสียงมากกว่าปกติก่อนจะยืดตัวให้ปลายจมูกสัมผัสกับคางของอีกฝ่าย


“ปล่อยผมบ้างเถอะครับ”


แล้วเขาก็ถูกจูบ


รสชาติหวานล้ำแผ่ซ่านเข้ามาในโพรงปาก ริมฝีปากดูดเม้ม ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัด หัวสมองเขากลายเป็นสีขาวโพลน ในหัวมีเพียงภาพของสถานที่สีขาวกว้างกับรสชาติหวานที่ไม่มีที่มาที่ไป กว่าจะถูกฉุดรั้งกลับมายังโลกแห่งความจริงได้ ลมหายใจก็แทบหมดสิ้นไปจากปอด


แม้จะไม่ได้มองหน้าตรงๆ แต่เขาก็พอจะสัมผัสได้ว่าท่าทางหอบหายใจของตัวเขาเองกำลังทำให้คนข้างๆ อารมณ์ดี


อารมณ์ดีเพราะแค่ได้จูบแบบนี้นี่มัน...


...เด็กชะมัด...


ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เหมือนกัน


“ที่พูด ที่ห้ามก็เพราะห่วงนะรู้ไหม”


พอพูดจบ ร่างของเขาถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขนอุ่นกว้าง


“ที่ห่วงก็เพราะรัก เข้าใจบ้างได้ไหม”


ให้ตายสิ เล่นมาแบบนี้ เขาก็ไปไม่เป็นกันพอดี


“น้ำเน่าน่ะลุง”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ข้างหู


“แล้วชอบไหมล่ะ”


ชอบสิ แต่ไม่บอกหรอกนะ


“คิดเอาเองสิครับ”


แล้วแก้มของเขาก็โดนดงหนวดแหลมทิ่มแทงจนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้


“จั๊กจี้น่ะลุง”


อีกฝ่ายไม่หือไม่อือ ก้มหน้าก้มตาซุกไซ้แก้มของเขาจนต้องฟาดมือไปหนึ่งทีนั่นล่ะถึงยอมหยุด แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน


“ไม่ไปได้ไหม”


เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเว้าวอน


ผู้ชายคนนี้...ปราณ บุญสรนพ กำลังอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเด็กหนุ่มธรรมดาอย่างเขา


...ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ได้...


ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ยอมให้กันได้ง่ายๆ เหมือนกัน


“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมก็ต้องไป”


“ภูเก็ตมีอะไรเหรอ”


คำถามนั้นทำให้เขาชะงักไปชั่วครู่


เขา...ควรเล่าเรื่องพี่ดาให้อีกคนฟังดีไหมนะ


“เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”


ลมอุ่นร้อนที่เป่าใส่ติ่งหูทำให้ความคิดของเขากระเจิดกระเจิงไม่มีชิ้นดี


เอาเถอะ...ใช้หัวใจนำทางเอาก็แล้วกัน


“ผม...มีพี่สาวครับ”


อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยคำตอบรับ แต่เขารู้ดีว่าอีกคนกำลังตั้งใจฟัง


“เรา...มีปัญหากันนิดหน่อย พี่ก็เลยหนีออกจากบ้านไป...”


“ที่ภูเก็ต”


คำตอบที่ถูกเติมลงในช่องว่างทำให้เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ


“พี่สำคัญกับผมมากครับคุณปราณ”


เรียวแขนของเขาทาบลงบนแผ่นหลังกว้างพร้อมกับดึงอ้อมอกอุ่นเข้าหาตัว


“ผมมีพี่คนเดียวครับ...ครอบครัวของผมมีพี่คนเดียว”


นั่นคือนัยยะบางอย่างที่เขาอยากจะสื่อให้ผู้รับสารได้รับรู้ถึงความสำคัญของคนที่หายไป


“ให้ผมไปเถอะนะครับ”


ได้โปรด ให้เขาออกไปตามหาสิ่งสำคัญนั้นที


...ให้เขาได้ออกไปเติมเต็มจิตใจของตัวเองที...


หลังจากความเงียบที่แสนนาน ในที่สุดเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังขึ้นข้างหู


“พูดขนาดนี้แล้ว ฉันจะห้ามอะไรได้อีก”


พวกเขาผละตัวออกจากกันเล็กน้อยเพื่อจะได้มองหน้าของอีกคนได้ถนัดตา ดวงตาสองคู่สบกันโดยไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน


“พาเดลไปด้วย ฉันจะได้อุ่นใจ”


“ไม่เอาน่ะลุง รบกวนมัน”


“ถ้าห่วงเรื่องงานของเดลก็ไม่ต้องคิดมาก แค่ตารางงานของคนๆ เดียว ฉันจัดการให้ได้”


เขาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจวิธีแก้ปัญหาของอีกคนนัก


“อย่าใช้เงินแก้ปัญหาสิลุง”


ใบหน้ามีริ้วรอยยกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าน้อยๆ


“นี่ไม่ใช่การใช้เงินแก้ปัญหา...”


แล้วใบหน้านั้นก็โน้มลงมาที่ข้างหูของเขา


...มาพร้อมกับเสียงกระซิบแหบพร่า...


“แต่เป็นการใช้เงินปกป้องความรักต่างหาก”


ที่เขาว่ากันว่า หนุ่มสาวสมัยก่อนจีบกันได้หวานเลี่ยนมากๆ เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง













“สรุปคือมึงจะไม่เลิกใช่ไหม”


คำพูดที่แค่ฟังโดยไม่ต้องหันไปมองหน้าคนพูดก็รู้แล้วว่าหงุดหงิดแค่ไหนทำให้เขายักไหล่เป็นคำตอบ


คร้านจะเถียงกับคนหัวดื้อแบบมันแล้ว...


“นั่นเพื่อนพ่อเลยนะมึง ตอนเอากันไม่เผลอคิดว่าเอากับผู้พันแซนเดอส์หน้าห้างฯ บ้างเหรอวะ”


“สกปรก”


คำด่าของเขาทำให้อีกฝ่ายหัวเราะร่วน


“ก็ไม่เท่าคนที่เอากับเพื่อนพ่อไหมล่ะ”


“หุบปากสักที ไม่งั้นกูจะโทรหาคุณปราณให้ลากมึงกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้ล่ะ”


“แหม สรรพนามของเพื่อนกับผัวนี่ต่างกันจังเลยนะ”


“ยุ่ง”


สิ้นคำด่า อีกฝ่ายก็หัวเราะร่วนจนเขาต้องถอนหายใจใส่อย่างเหนื่อยหน่าย


ชายหนุ่มรูปร่างสูงกว่าเขาประมาณห้าเซนติเมตรในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงสแล็คยี่ห้อดังแนบเนื้อกำลังหัวเราะร่วนอยู่บนเก้าอี้บุนวมตรงข้ามเขา


นี่สาเหตุหนึ่งที่เขาไม่อยากให้เดลไปด้วย นอกจากเรื่องที่ไม่อยากไปรบกวนตารางงานของอีกฝ่ายก็เห็นจะเป็นเรื่องนิสัยของมันนี่ล่ะ


...เดลเป็นพวกน่ารำคาญ...


เป็นคนประเภทพูดจาไม่รู้เรื่อง คำห้ามสำหรับเดลก็เหมือนคำสั่งให้ทำ ไอ้นิสัยยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุนี่น่ารำคาญสุดๆ ไหนจะปากคอที่เราะร้ายมากกว่าเขานั่นอีก และที่แย่ที่สุดก็คือเรื่องขี้แกล้งกับเล่นไม่รู้จักหนักจักเบา ตอนเด็กๆ จำได้ว่ามันเคยแกล้งเพื่อนคนหนึ่งจนตกบันไดลงไปแขนหัก แถมยังมีหน้ามาบอกว่า ‘ใครจะคิดว่ามันจะลื่นไปจนถึงบันไดล่ะ’


เขาล่ะเกลียดพวกคนแบบนี้นักล่ะ...


“อะๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้ กูขอโทษ โอเค๊”


โชคดีหน่อยที่พออายุมากเข้าสมองส่วนประมวลผลของมันก็โตตาม ความมีกาลเทศะเลยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แม้จะยังต่ำเมื่อเทียบกับคนทั่วไป แต่ถ้ารู้จักมันมาแต่แรกก็นับว่ามาไกลมากแล้ว


แต่ไอ้ท่าทางขอโทษแบบขอไปทีแถมยักไหล่ให้แบบกวนๆ นี่มันน่ารำคาญจริงๆ


“แล้วตกลงเราจะไปพักที่ไหนนะ”


เขารำคาญเกินกว่าจะตอบคำถามของอีกฝ่ายเลยปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุดไป โชคดีที่ตาของมันก็ยังไม่บอดจนไม่รู้ว่าเขากำลังโกรธ อีกคนก็เลยพยายามเปลี่ยนหัวข้อคุยได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่สุด


วิธีง้อของมันล่ะ...


“หิวไหม เดี๋ยวกูไปหยิบขนมมาให้ มึงชอบแยมโรลไม่ใช่เหรอ”


ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ในเลาจ์รับรองของลูกค้าชั้นเฟิร์สคลาส อาหารมากหน้าหลายตาในห้องนี้ถูกคัดสรรมาอย่างดีเพื่อรับรองลูกค้าคนสำคัญของสายการบิน ตั้งแต่เข้ามา เขาเองก็กินอะไรเข้าไปหลายอย่างพอสมควรจนไม่นึกอยากกินอะไรอีกแล้ว แต่อีกคนก็ยังใช้มุกของกินเพื่อง้อเขาอยู่ได้


นอกจากปากพล่อยแล้วยังความจำสั้นอีกต่างหาก ถือว่าไม่ผ่าน


“ดิม”


อีกฝ่ายเริ่มลากเสียงยานเหมือนเวลาเด็กๆ พยายามง้อเพื่อนด้วยการขอเกี่ยวก้อย


“กูขอโทษ”


เขาแอบยกยิ้มมุมปากแล้วใช้มือบังไว้ นัยน์ตากลมแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมจนคนไม่รู้ความจริงเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข


“มึงอ่า กูขอโทษ กูขอโทษจริงๆ สัญญาว่าจะไม่พูดแล้วก็ได้”


“สัญญาแล้วนะ?”


เขาถามย้ำอีกฝ่ายเพื่อให้ได้รับการยืนยัน ถ้าคราวหน้ามันยังล้อเขาอีก รับรองว่าไม่หายโกรธง่ายๆ แน่


“เกี่ยวก้อยเลย”


ไม่ว่าเปล่า ยังชูนิ้วก้อยมาตรงหน้าเขาเสียจนอดหัวเราะไม่ได้


เอาเถอะ ยอมๆ มันหน่อยแล้วกัน


“เออ หายโกรธก็ได้”


“ไม่เกี่ยวก้อยเหรอ?”


คำถามของอีกคนทำให้เขาหลุดขำออกมาพรืดใหญ่


“ไร้สาระว่ะเดล โตเป็นควายแล้ว”


“มึงสิไร้สาระ โตแล้วจำเป็นต้องละทิ้งความเป็นเด็กไปรึไง”


เขาชะงัก อีกฝ่ายเลยถือโอกาสพูดต่อ


“กูชอบเป็นเด็ก เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วเหนื่อยฉิบหาย”


“ก็จริง...”


ยังไม่ทันที่เขาจะต่อประโยคให้จบ คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน


“แล้วตกลงมึงกับพี่ดานี่ยังไง”


เขาเลิกคิ้ว


“ก็...ทะเลาะกันไง”


“ดิม กูไม่ใช่ควาย ถ้าแค่พวกมึงทะเลาะกันป่านนี้ลุงดลไปลากพี่มึงกลับมาแล้ว”


นัยน์ตาคมกริบมองเขาอย่างคาดคั้น


“เรื่องนี้เรื่องใหญ่ใช่ไหม”


สิ้นคำถาม ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ


นัยน์ตาคมของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาอย่างกดดันทำให้เขาต้องหลบตาลง


จะตอบอะไรออกไปดีนะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยแม้แต่จะพูดความจริงให้เพื่อนฟัง เขาหลอกใช้ เขาโกหก...โกหกเพื่อนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา


แย่...แย่จริงๆ ...


เด็กหนุ่มคู้ตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าคมคายก้มมองต่ำพร้อมกับดวงตาที่หลุบลง มือเรียวสวยสองข้างจับประสานกันไว้หลวมระหว่างขาสองข้าง


“กูขอโทษที่กู...ไม่เคยเล่าเรื่องทั้งหมดให้มึงฟัง”


เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำให้เขายิ่งก้มหน้าต่ำลงกว่าเก่า แต่ก็ไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกไป


คนผิด พูดอะไรออกไปก็เป็นได้แค่คำแก้ตัว...


“ดิมบอกตามตรงนะ กูเสียใจนิดหน่อยที่มึงไม่ยอมบอกความจริงกับกู”


คำสารภาพนั้นทำให้หัวใจเขาเจ็บแปลบขึ้นมาวูบหนึ่ง


“แต่กูก็เข้าใจนะ เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันมานาน กูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง กูรู้ด้วยว่าพ่อแม่ของพวกเราสอนพวกเรามาแบบไหน เพราะฉะนั้น ต่อให้กูเสียใจ มันก็แค่นิดหน่อย เพราะถ้าเกิดปัญหาบ้างอย่างขึ้นในบ้านกู...”


คนตัวสูงกว่าเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายกว่าเก่า


“กูอาจจะไม่เล่าอะไรมึงเลยก็ได้ เผลอๆ กว่ามึงจะรู้ว่าบ้านกูมีปัญหาก็ตอนมีคนฆ่าตัวตายนู้นล่ะ ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า จริงไหมล่ะ พวกเราก็ถูกสอนมาแบบนี้กันทั้งนั้น”


เขาหัวเราะ หัวเราะทั้งๆ ที่ไม่ใช่สถานการณ์ที่สมควรหัวเราะเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากหัวเราะออกมา


ไม่มีเหตุผลเลย...


“ดิม”


คำเรียกชื่อนั้นบังคับให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นสบตาคนเรียก


ดวงตาเรียวคมโดดเด่นจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว...จ้องมองด้วยแววตาที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันหมายถึงอะไร รู้แค่ว่าเขาชอบ


เขาชอบให้เพื่อนมองเขาด้วยแววตาแบบนี้...


“กูเองก็ต้องขอโทษ เพราะกูก็ปิดบังอะไรต่อมิอะไรกับมึงตั้งหลายอย่าง ถ้าให้พูดกันจริงๆ เผลอๆ กูนี่ล่ะที่ผิดมากกว่าอีก”


รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า ริมฝีปากเรียวสวยนั้นยกขึ้นเป็นเส้นโค้งสมมาตร


“เอาอย่างนี้ไหม เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน หลังจากนี้ เราจะมีความลับต่อกันให้น้อยลง จริงใจต่อกันให้มากขึ้น ไม่ต้องทั้งหมดก็ได้ ด้วยฐานะของเราแล้ว การให้ไปเต็มร้อยไม่ใช่เรื่องดี เพราะถ้าพวกพ่อแม่รู้คงโดนด่าหูชาแน่”


แล้วพวกเขาหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่มีเหตุผล


“มามะ เกี่ยวก้อยสัญญากัน”


นิ้วก้อยอ้วนป้อมของอีกฝ่ายต่างจากนิ้วก้อยเรียวยาวของเขา แต่สุดท้ายแล้วมันก็คล้องกันไว้


“มึงขอเกี่ยวก้อยกูแล้วก็อย่าเลิกเป็นเพื่อนกับกูง่ายๆ แล้วกัน”


เขาเอ่ยแซ็วอีกไปนิดหน่อย ไม่มีคำตอบกลับมาให้เป็นคำพูด แต่แค่รอยยิ้มกว้างกับเสียงหัวเราะที่ดังคลอไปกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องจากสายการบินนั้นก็มากพอแล้ว


มากพอแล้วจริงๆ ...












*********************************************************************************




พักหลังๆ นี้มาช้ากว่าที่ควรจะเป็นมาก เพราะชีวิตที่ยุ่งสุดๆ แถมยังมีอีกเรื่องที่ต้องรีบเคลียร์ต้นฉบับให้เสร็จ ช่วงนี้เลยยุ่งมากๆ อาจจะมาช้ามาเลทหน่อยก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปเลยน้า


:hao5: :hao5: :hao5:







**********************************************************************************






พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 10-02-2018 16:21:36
ดีใจอ่ะน้องดิมเริ่มเปิดใจแล้วทั้งกับคุณปราณแล้วก็เพื่อนตัวเอง ต่อไปคงแก้ปมพี่ดาสินะ อันนี้ก็อยากรู้ ปมเยอะดี ชอบๆๆ บางทีก็คิดแบบเดียวกับเดลนะเรื่องคุณปราณ เอาจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนเขียนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอ่านเรื่องนี้ดีหรือเปล่า ด้วยความที่อายุต่างกันมากกกกก และพระเอกก็แก่มากกกก 55555 //ลุงอย่ายิงเรานะ อิอิ แต่พออ่านแล้วมันอบอุ่นและก็ดีใจที่ได้อ่านนะ เพราะ ตัวละครไม่ได้สมบูณร์แบบนั่นทำให้ตัวละครเติมเต็มกันและกัน เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-02-2018 17:10:50
เป็นกำลังใจให้นะคะ จะรออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 10-02-2018 17:34:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-02-2018 18:16:23
ชอบแบบลุงมากๆอ่ะ โอ้ยย ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-02-2018 18:57:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-02-2018 19:38:58
หวานขนาดนี้ แปล​ว่า​อนาคต​ข้างหน้า​จะขมปี้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2018 20:02:30
ดีใจอ่ะน้องดิมเริ่มเปิดใจแล้วทั้งกับคุณปราณแล้วก็เพื่อนตัวเอง ต่อไปคงแก้ปมพี่ดาสินะ อันนี้ก็อยากรู้ ปมเยอะดี ชอบๆๆ บางทีก็คิดแบบเดียวกับเดลนะเรื่องคุณปราณ เอาจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนเขียนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอ่านเรื่องนี้ดีหรือเปล่า ด้วยความที่อายุต่างกันมากกก และพระเอกก็แก่มากกกก 55555 //ลุงอย่ายิงเรานะ อิอิ แต่พออ่านแล้วมันอบอุ่นและก็ดีใจที่ได้อ่านนะ เพราะ ตัวละครไม่ได้สมบูณณ์แบบนั่นทำให้ตัวละครเติมเต็มกันและกัน เป็นกำลังใจให้นะคะ

คิดเหมือน
ดิม เปิดเผยกับลุง กับเดลมากขึ้นและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 10-02-2018 20:22:49
เปิดใจกับลุงแล้วเลยได้ลองเปิดใจกับเพือนบ้าง
ดิมดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-02-2018 21:00:22
เราว่าอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ดิมค่อยๆเปิดใจก็เป็นเพราะอยู่กับลุงนี่แหละ ทีนี้ก็ต้องรอดูว่าอะไรรออยู่ที่ภูเก็ตแต่ใจลึกๆอยากเห็นลุงโหดสักครั้งนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-02-2018 22:21:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 11-02-2018 00:34:13
มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน้ออ รอได้ ~
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 11-02-2018 01:11:49
ผ่านช่วงวิกฤตไปให้ได้นะดิม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 12-02-2018 20:12:27
ปกติไม่อ่าน m preg เลยค่ะ แต่มีคนรีวิวในทวิตเตอร์เลยมาอ่าน
แบบมาชอบมากกกกก มันไม่ใช่พลอตที่แบบจำเจ
แบบ ยังไงดีล่ะ เราหลงรักความ ลุง ของคุณปราณอะ
ลุงที่แซ่บอะ แบบ อายุไม่สำคัญเลยย  :ling1:
โอ้ยยยย แซ่บทั้งดิม ทั้งลุง แบบอยากอ่านต่อเรื่อยๆเลยค่ะ  :katai2-1:
เรื่องของพี่ดาเองก็น่ากังวลมาก กลัวจิตใจดิม
ดิมดูเหมือนเข้มแข็ง แต่จริงๆก็อ่อนแอนะ สร้างเกราะแข็งๆมาป้องกันตัวเฉยๆ
แต่ลุงนี่แหละ แข็งจริง คนมีอายุก็งี้ ชอบมากๆเลยค่ะ  :mew4:
จะติดตามเรื่องนี้ทุกวันนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 12-02-2018 22:56:42
รอปมของพี่สาวดิมคลายออก......
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 18-02-2018 20:36:03
ชอบบบบอ่านกี่ตอนยิ้มทุกตอนอ่ะ
ทำหนังสือก็จะเปย์
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 19-02-2018 01:20:43
ดิ่มดิ๊มเปิดใจกับทุกคนแล้ว
ดิ่มดิ๊มเลิกปิดกั้นตัวเองแล้ว
ดิ่มดิ๊มเริ่มมองความสำคัญของคนใกล้ตัวบ้างแล้ว
ไม่ได้มองเห็นความสำคัญแค่พี่สาวตนเองอีก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 06-03-2018 16:21:26
รอ รอต่อไป
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Eighteenth Song (10/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 06-03-2018 17:35:42
ตามลุงมาจากอีกเว็บค่ะ อ่านกี่ทีก็เขินลุงมาก มันเป็นความละมุนในแบบที่หวานๆ 60 ยังแจ๋วชิมิคะคุณลุง :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 11-03-2018 18:29:31
Nineteenth Song








เขาชอบแสงอาทิตย์


แสงอาทิตย์เป็นแสงสีขาวที่ร้อนระอุเสียจนน่ารำคาญ  ทุกครั้งที่มันสัมผัสโดนผิว หยาดเหงื่อเหนอะหนะก็จะไหลออกมาจากรู้ขุมขน เขาไม่ชอบคุณสมบัติแทบทั้งหมดของแสงแดด ยกเว้นอยู่ข้อเดียว...


แสงแดดทำให้เรามองเห็นสีสัน


...ทำให้เราได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น...


แค่ลองจินตนาการถึงจักรวาลที่ปราศจากดวงอาทิตย์แล้ว...


น่าเบื่อ โลกที่เป็นสีดำสนิทจะต้องน่าเบื่อมากแน่ๆ


ภาพก้อนเมฆน้อยใหญ่ที่ลอยอยู่ไม่ไกลด้านนอกหน้าต่างจับสายตาเขาไว้ได้อยู่หมัด ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา


ท้องฟ้าสีฟ้าสดเจือด้วยเมฆสีขาวเป็นปุยๆ


...เหมือนวันนั้นไม่มีผิด...


ภาพความทรงจำบางที่อย่างแล่นกลับเข้ามาในสมองพร้อมๆ กับเพลงที่ดังขึ้นในหูทำให้แววตาที่เรียบนิ่งมาตลอดหนึ่งชั่วโมงสั่นไหวไปวูบหนึ่ง แม้ดวงตากลมจะจับจ้องไปยังภาพท้องฟ้าตรงหน้าด้วยท่าทางนิ่งสงบไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ แต่สมองกลับมีภาพเหตุการณ์มากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด


ภาพของวันวานที่แสนคิดถึง...


เขาจำมันได้ดี จำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ในวันนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าสวยหวานที่ละม้ายคล้ายใบหน้าของเขาส่องประกายท้าแสงแดดร้อนที่กระทบลงบนหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า เพลงโปรดของพวกเขาดังลอดออกมาจากหูฟังสีขาวอันเก่าที่เหลืองเสียจนดูแทบไม่ออกว่ามันเคยเป็นสีขาวมาก่อน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดจะซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนแทน ตราบใดที่มันยังใช้ได้ พวกเขาจะใช้มันต่อไป


หูฟังสองข้างถูกแบ่งให้คนสองคน เสียงเพลงแผ่วๆ ที่ดังในรูหูเพียงข้างเดียวไม่ใช่อุปสรรคในการร้อง หากหัวใจจดจำเนื้อเพลงได้ ความดังเบาของเพลงในหูก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ พวกเขาร้องเพลงประสานเสียงกันท่ามกลางทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ทางทิศใต้ไม่ไกลจากที่นี่คือทะเลที่ไม่มีชายหาด ส่วนทางทิศเหนือที่พวกเขาเดินจากมาคือกระท่อมไม้หลังใหญ่ที่ครอบครัวเช่าไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับฤดูร้อน


สายลม แสงแดด ทะเล และทุ่งหญ้ากว้าง เขาบอกไม่ได้เลยว่าเขารักสิ่งไหนมากกว่ากัน


ตัวเขาในตอนนั้นเป็นแค่เด็กอายุสิบขวบที่ติดพี่สาวยิ่งกว่าใคร จำได้ว่าพ่อกับแม่ไม่ใช่พวกที่เอาใจใส่ลูกสักเท่าไหร่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในวันนี้ก็เหมือนกัน หลังจากมาถึงบ้านพัก ทั้งพ่อและแม่ก็ง่วนอยู่กับการจัดปาร์ตี้ ปล่อยให้เขากับพี่สาวอยู่ด้วยกันในห้องใหญ่ๆ โล่งๆ ที่แสนน่าเบื่อ สุดท้ายพี่ก็เลยแอบลากเขาออกมายังทุ่งหญ้ากว้างที่อยู่ด้านหลังบ้าน


ขาสองข้างของคนสองคนทิ้งน้ำหนักเหยียบยอดหญ้าเป็นจังหวะเดียวกัน เสียงเพลงที่ถูกร้องประสานดังลั่นทุ่งหญ้าจนฝูงแกะที่อยู่ไกลออกมาต้องเงยหน้ามามอง


‘We wrote a prelude to our own fairy tale (พวกเราเขียนส่วนนำให้กับเทพนิยายของพวกเราเอง)’


เสียงใสๆ ที่ดังแข่งกับเสียงคลื่นที่กระทบหน้าผาหินนั้น เขาจำมันได้ขึ้นใจ


‘And bought a parachute at a church rummage sale (และซื้อร่มชูชีพอันหนึ่งมาจากงานขายของกระจุกกระจิกที่โบสถ์)’


เสียงร้องผิดคีย์ของเขาที่พยายามจะร้องตามเสียงหวานใสนั้นนึกถึงเมื่อไหร่ก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที


‘So let's spend the afternoon in a cold hot air balloon (เพราะงั้นมาใช้เวลายามบ่ายบนบอลลูนหนาวๆ นี่กันเถอะ)’


เสียงประสานของพวกเขาดังก้องทุ่งหญ้ากว้างด้วยฝีมือของสายลมอุ่นที่พัดผ่าน


‘I can't wait to kiss the ground wherever we touch back down (ฉันอยากจูบพื้นดินบริเวณที่บอลลูนเราร่อนลงจะแย่อยู่แล้ว)’


พวกเขาวิ่ง พวกเขากระโดดท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี พี่สาวของเขาอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวสะอาด ส่วนตัวเขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีฟ้าสดกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล พวกเขาจับมือกัน ร้องเพลงด้วยกัน วิ่งเล่นกันจนเหนื่อยหอบ


‘สัญญาก่อนว่าห้ามบอกพ่อกับแม่นะว่าแอบหนีออกมา’


นิ้วก้อยป้อมๆ ของพี่สาวยื่นมาตรงหน้าเขา ตัวเขาในตอนนั้นพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ราวกับกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้ความลับจะรั่วไหล


‘สัญญาครับ’


‘เก่งมากเจ้าหนู’


แล้วพี่ก็ลูบหัวเขาเบาๆ จากนั้นพวกเขาก็จูงมือกันกลับบ้าน กลับไปกินข้าวเย็นตามปกติโดยไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเขาหายไปตลอดทั้งบ่ายเลยสักคน


บอกแล้วว่าไม่มีใครใส่ใจพวกเขานักหรอก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นข้อดี เพราะมันทำให้วันหยุดฤดูร้อนปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต


การแอบกระโดดออกทางหน้าต่างและกลับเข้าทางหน้าต่างเป็นเรื่องสนุกไม่แพ้การวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าและแช่เท้าในทะเลสาบกว้าง พี่สาวที่มีรอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์ เสียงประสานผิดคีย์ที่ร้องเพลงโปรดไปด้วยกัน ทุ่งหญ้ากว้างที่โอบล้อมด้วยแสงแดดอุ่นๆ


คิดถึง เขาคิดถึงสิ่งเหล่านั้นมากเหลือเกิน


‘ขณะนี้สายการบิน xxx ของเรากำลังจะพาทุกท่านลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ขอให้ท่านผู้โดยสาร....’


ขอให้ความคิดของเขาลอยไปถึงอีกคนทีเถอะ


ขอให้ความคิดถึงนี้นำพาเขากลับไปหาดวงอาทิตย์ของเขาสักที


พี่ครับ ผมอยากเจอพี่เหลือเกิน














ท้องฟ้าที่สดใสไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับเขา...


หลังจากแยกกับเด็กหนุ่มเมื่อตอนกลางวัน ร่างสูงใหญ่ก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการรอ...รอจนท้องฟ้าด้านนอกถูกรัตติกาลกลืนกินจนกลายเป็นสีดำสนิทจึงได้ออกเดินทาง


การเดินทางตอนกลางคืนนั้นมีข้อดี หนึ่งคือผู้คนทั่วไปจะไม่แตกตื่นเกินไปกับขบวนรถมากมายที่ขับมาพร้อมกัน สองคือถ้ามีศัตรูอยากทำร้ายเขาขึ้นมา มันจะได้ทำงานยากขึ้นอีกหน่อย


จากประสบการณ์คนจับปืนมาหลายสิบปีขอรับรองว่าการยิงปืนในความมืดไม่ใช่เรื่องสนุกนักหรอก และการคิดจะทำร้ายเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเหมือนกัน


แล้วแววตามาดร้ายก็พาดทับดวงตาคู่คมกล้า


รถยนต์ยุโรปสีดำขลับที่ถูกสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อปกป้องผู้โดยสารกำลังแล่นไปตามถนนสายหลักสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ห้องโดยสารเงียบสงัดเป็นปกติ


ทั้งที่ทุกอย่างดูปกติแท้ๆ ไม่รู้ทำไมผู้โดยสารอย่างเขาถึงกระวนกระวายนัก หรือจะเป็นเพราะเรื่องที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กันนะ...


เขารู้ดีว่ากำลังถูกท้าทายโดยใครสักคนที่ยังระบุตัวไม่ได้ และนั่นทำให้เขาหงุดหงิดเหลือใจ ที่แย่ที่สุดคือในความหงุดหงิดนั้นมีความกังวลเจืออยู่ด้วย


เขากำลังกลัวว่ามันจะลากเอาคนสำคัญของเขาเข้ามาเกี่ยว


เขากลัวว่ามันจะยุ่งกับดิม


ไม่ได้ จะยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด


“คุณปราณครับ วันนี้ไม่ทราบว่าจะรับอะไรเป็นอาหารว่างดีครับ”


คำถามประหลาดที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาทำเอาเขาที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดต้องหันขวับไปมอง


น่าแปลกที่คนถามไม่ได้มีท่าทีอะไรเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองหน้าเขา ไม่รู้ว่ามัน....


เดี๋ยวนะ...


นัยน์ตาคมเหลือบไปมองกระจกมองหลังแล้วเขาก็เห็นบางอย่าง...


ในนั้น...ในกระจกมองหลังบานเล็ก เขาเห็นดวงตาของคนขับที่จ้องตอบกลับมา


คนๆ นี้มองรอเขาอยู่ก่อนแล้ว


ไม่ผิดแน่ นี่คือการส่งสัญญาณ


“ไม่รู้สิ ไม่ค่อยอยากกินอะไรหนักท้อง นายว่าฉันควรกินอะไรดีล่ะ”


“ผมว่ากินอะไรเบาๆ ก็ดีนะครับ อะไรเย็นๆ อย่างพวกน้ำแช่เย็นสดชื่น น่าจะเหมาะนะครับ”


เย็น...


นัยน์ตาคมจ้องมองลึกเข้าไปยังช่องปรับอากาศบริเวณเหนือแผงวิทยุด้านหน้ารถ


ในนั้น...ในช่องแอร์ที่ควรจะโล่งว่างกลับปรากฏแสงวาบๆ สีแดงขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ


แล้วแววตาเรียบนิ่งเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นนัยน์ตาของสัตว์ร้าย


...ในกลุ่มของเขามีหนอนบ่อนไส้...


“ไม่ล่ะ ฉันไม่ค่อยชอบอะไรเย็นๆ เท่าไหร่ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”


น้ำเสียงเรียบที่ตอบกลับนิ่งราวกับมันเป็นบทสนทนาที่หมายความอย่างนั้นจริงๆ เรียกรอยยิ้มจากคนขับรถได้กว้างกว่าทุกวัน คนสูงวัยไม่ได้ยิ้มตอบ ดวงตาคมจับจ้องเข้าไปในช่องแอร์ในขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังลูบไล้ไปบนตัวเรือนนาฬิกาข้อมูลอย่างดีบนข้อมือข้างขวาของตัวเอง


นิ้วโป้งของเขาเลื่อนไปด้านล่างของตัวเรือนอย่างเป็นธรรมชาติอาศัยความมืดมิดยามค่ำคืนช่วยซ่อนก็ขยับของนิ้วมือ ทันทีที่ฟันเฟืองลับใต้เรือนนาฬิกาสั่งทำพิเศษถูกขยับ แสงสีแดงในช่องปรับอากาศก็ดับลง


ดับสนิทราวกับไม่เคยมีมาก่อน


“เรียบร้อยไหมครับ”


ชายหนุ่มผู้ควบคุมพวงมาลัยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความตื่นตระหนก หากแววตามาดมั่นที่เขาเห็นผ่านกระจกมองหลังนั้นไม่ธรรมดาทีเดียว


เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่หัวเสีย...


“อืม”


เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย


“อยากพูดอะไรไหมก้องภพ”


“ขอโทษครับ”


ไม่ทันขาดคำอนุญาต คำขอโทษก็ดังขึ้นมาแทบจะทันที เขาเองก็พอจะรู้อยู่ว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดไม่น้อยที่ปล่อยให้เขาโดนจับตามองโดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋วมาเกือบหนึ่งชั่วโมงโดยไม่คิดเอะใจอะไรเลย


ถือเป็นความผิดพลาดที่ค่อนข้างร้ายแรงทีเดียว


“ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นอุปกรณ์บันทึกเสียง บันทึกภาพหรือบันทึกทั้งภาพและเสียง แต่ผมรู้ตัวช้าเกินไปจริงๆ ได้โปรด ลงโทษผมเถอะครับ”


ฝ่ามือหนาที่กำพวงมาลัยรถแน่นเสียจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมาตรงหลังมือทำให้ชายสูงวัยยกยิ้มช้าๆ


ดี เขาต้องการคนซื่อสัตย์


“พร้อมเอาชีวิตไปทิ้งเพื่อฉันไหม”


“พร้อมครับ”


ไม่มีความลังเลในคำตอบ น้ำเสียงนั้นมั่นคง ความเร็วที่ตอบกลับมาก็น่าพึงพอใจ


ดี เขาจะได้ไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่จะส่งให้อีกคนไปทำมากนัก


แต่เอาไว้ก่อน...พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน


“นายคิดว่าใครเป็นคนเอากล้องมาติดตั้งในรถ”


ไม่มีคำตอบจากคนถูกถาม ภายในห้องโดยสารมีเพียงเสียงนิ้วเคาะพวงมาลัยรถยนต์เป็นจังหวะต่อเนื่องธรรมดาที่ฟังดูเผินๆ แล้วเหมือนคนเคาะกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์อะไรบางอย่าง


แต่ถ้าหากตั้งใจฟังจะรับรู้ถึงรูปแบบบางอย่างของเสียงเคาะที่แปลกประหลาด...


-ตึกตึก ตึกตึกตึกตึก ตึกตึกตึก ตึกตึก-


“สี่คืออะไร”


เขาเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ความคิดอ่านของอีกคน คำถามที่เอ่ยออกไปทำให้คนกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดชะงักเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นนิ้วมือของอีกฝ่ายกลับไม่ได้หยุดตาม


“คนที่เข้าถึงรถได้ครับ”


เขายกยิ้ม ยอมรับว่าพึงพอใจในมันสมองของเลขาคนนี้ไม่น้อย


“ว่ามาสิ”


อีกฝ่ายหยุดเคาะทันทีที่ได้รับคำอนุญาตให้พรั่งพรูสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวออกมา


“รถคันนี้เป็นคันที่จอดอยู่ที่บ้านใหญ่ เพราะฉะนั้นคนที่ทำแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ที่บ้านใหญ่ ไม่ก็เข้าออกบ้านใหญ่และใช้เวลากับโรงรถได้นานๆ เท่าที่ผมนึกออกตอนนี้ก็มีตัวผมเอง คุณ ตาเอี่ยม แล้วก็ป้าติ่ง ถ้าให้ผมพูด...”


“ผิดแล้วก้องภพ”


คำเอ่ยขัดของเขาทำให้อีกฝ่ายชะงักคำพูดค้างอยู่กลางอากาศ นัยน์ตาคมหันมาสบตากับเขาผ่านกระจกมองหลังด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้อยู่หลายวินาทีกว่าจะเปลี่ยนเป็นแววตาเหมือนคนกระจ่างชัดในข้อมูล


ลมหายใจหนักๆ ถูกระบายออกมาจากโพรงจมูกได้รูป


“รถคันนี้ถูกเอาไปจอดไว้ที่บริษัทอยู่สัปดาห์นึงสินะครับ”


“ใช่ สักเดือนที่แล้วได้”


ตอนนั้นเป็นช่วงซ่อมบำรุงรถประจำปี ด้วยกลัวจะลำบากในการขนย้ายจากบ้านใหญ่ที่อยู่ชานเมืองก็เลยถือโอกาสเอามาจอดทิ้งไว้ที่บริษัท หลังจากส่งซ่อมเสร็จ รถคันนี้ก็ถูกเก็บไว้ในโรงรถอยู่ร่วมสองสัปดาห์โดยไม่เคยถูกใช้งานระหว่างนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว


ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่


จะว่าโชคร้ายที่จับมือใครดมไม่ได้ก็ถูก จะว่าโชคดีที่คนใกล้ตัวยังไว้ใจได้ก็ถูกอีกอยู่ดี


ให้ตายสิ วุ่นวายจริงๆ ...


“ป่านนี้ไอ้คนทำมันคงรู้แล้วมั้งว่าเราจับได้”


“อาจจะรู้หรืออาจจะไม่รู้ก็ได้ครับ”


เขาเงียบเป็นสัญญาณให้อีกคนพูดต่อ


“ถ้ากล้องนี้ถูกซ่อนมาตลอดสองสัปดาห์โดยไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ยังไงพวกมันก็คงละเลยการเช็คสัญญาณไปบ้างอยู่แล้ว ให้มาตามดูกล้องที่มีแต่ความมืดตลอดเวลา ผมคิดว่านั่นไม่ใช่วิสัยของมนุษย์ธรรมดาสักเท่าไหร่”


ก็ถูก แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังไม่อยากตัดความเป็นไปได้ที่ว่าพวกมันอาจจะรู้ตัวแล้วออกไปอยู่ดี ยังไงเสีย เตรียมแผนรับมือไว้สำหรับสถานการณ์หลายๆ รูปแบบก็น่าจะดีกว่า


“แล้ว...จะเอาไงต่อดีครับคุณปราณ ผมว่าจุดหมายปลายทางของเราไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยแล้วแน่ๆ”


เขาหัวเราะในลำคอ


แผ่วเบา แต่ชวนให้อึดอัด


“ก็ไปให้มันรู้ไปเลยเป็นไง ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ลูกหมานั่นมันจะมาไม้ไหน และที่สำคัญ...”


นิ้วแกร่งเลื่อนมือไปบริเวณฟันเฟืองลับใต้เรือนนาฬิกาอีกครั้ง


“คนทรยศต้องโดนกำจัด”


แล้วไฟสีแดงในช่องแอร์ก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง...












***********************************************************************




กลับมาแล้วค่า ขอโทษมากๆ เลยที่หายไป 1 เดือนเต็มๆ กว่าจะเคลียร์ต้นฉบับเรื่องแรกเสร็จก็มาติดสอบ สรุปคือยาวเลย กลายเป็นหายไป 1 เดือนเต็มๆ ไม่รู้ว่าทุกคนจะลืมน้องดิมกับคุณปราณไปรึยัง ถ้าลืมแล้วก็กลับมาอ่านใหม่ได้นะคะ เรารออยู่ตรงนี้เสมอเลย //กวักมือ 555555



หลังจากนี้จะกลับมาอัพหลงลุงต่อแล้วนะคะ เรื่องนี้เดินทางมาใกล้จบแล้วค่ะ ดีใจจริงๆ ที่แต่งมาจนเกือบจบได้  :laugh: :laugh:



 :pig4:   ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ยังตามอ่านมาตลอดเลย   :pig4:




ปล.เพลงที่อยู่ในตอนคือเพลง Hot Air Balloon ของ Owl City นะคะ ตามไปฟังกันได้นะคะ เพลงโปรดเราเลย XD



***********************************************************************





พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ








หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-03-2018 20:15:02
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-03-2018 20:31:47
ตามลุ้นด้วยใจระทึก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 11-03-2018 20:33:26
อะไรคือจะจบแล้วล่ะคะ....  :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: チイ ที่ 14-03-2018 03:13:46
ทีแรกนึกว่าเป็นแนวลุงหื่นจ้องจะกินเด็กซะอีกทีไหนได้ปมเยอะแยะซับซ้อนเต็มไปหมดเลยคนเขียนผูกเรื่องให้เราสับสนหลงทางได้เก่งเกินไปแล้วยังไงก็จะรอติดตามนะคะก็หลงลุงไปแล้วนิ่ถอนตัวไม่อ่านต่อก็ไม่ทันแล้ว:)
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-03-2018 06:32:36
มันส์   ลุ้นนนนนนน   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Nineteenth Song (11/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-03-2018 10:30:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 25-03-2018 21:15:01
Twentieth Song









เขาไม่ชอบอากาศร้อน ไม่เคยชอบ แต่น่าแปลกที่เขาชอบพระอาทิตย์และแสงแดดอบอุ่น


คงเพราะมันทำให้โลกที่แสดงมืดมนของเขาสว่างขึ้นมาสักหน่อยล่ะมั้ง...


“สุดยอด รีสอร์ทนี่เจ๋งเป็นบ้า คุณปราณนี่ก็ตาถึงเอาเรื่องนะ”


เสียงทุ้มต่ำของเพื่อนร่วมทางดังขึ้นทันทีที่เข้ามาอยู่ตามลำพังในห้องพักส่วนตัว ร่างโปร่งที่สูงกว่าเขาเล็กน้อยปลดแจ็คเก็ตหนังสีดำออกจากตัวแล้วพาดไว้ตรงพนักโซฟาก่อนจะหันมายักคิ้วให้เขาเป็นการล้อเลียนอย่างทุกที


“รำคาญ”


คำตอบสั้นๆ พร้อมกับท่าทางก้มหน้าลงเล่นมือถือโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมห้องทำให้อีกฝ่ายงึมงำคำขอโทษขึ้นมาเบาๆ โชคดีที่คนปากมากหัวไวพอที่จะรู้ว่าอะไรควรพูดหรืออะไรไม่ควรพูด สถานการณ์เลยดำเนินไปอย่างปกติสุขได้อีกหน่อย แต่ก็นะ ถึงอยากจะด่าอีกคนมากแค่ไหนแต่ในใจมันก็อดเห็นด้วยไม่ได้จริงๆ ว่า...


สามีของเขาน่ะตาถึงจริงๆ


“แล้วนี่ใจคอมึงจะไม่โทรบอกคุณปราณหน่อยรึไงว่าถึงแล้ว”


“เสือก”


“อ้าว มึงนี่ เดี๋ยวกุโบก”


เขาเบ้ปากใส่อีกคนจนหวิดจะโดนตบหัวเข้าจริงๆ โชคดีที่กลับลำทัน


“ไลน์ไปบอกแล้ว”


“เออ ก็แค่นั้นแหละ”


แล้วบทสนทนาสั้นๆ ของพวกเขาก็จบลงด้วยการที่อีกคนเดินตรงดิ่งไปยังโซนตู้เย็นแล้วเริ่มค้นนู่นนี่จนได้ยินเสียงกุกกักไม่ขาดสาย


“โห ตู้เย็นแม่งเหล้าเยอะมาก ประทับใจ”


ไอ้คนขี้เหล้าเอ๊ย...


เด็กหนุ่มเลือกจะไม่สนใจคนน่ารำคาญแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คสิ่งที่ต้องทำ เขามาที่นี่เพราะมีเหตุให้มา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วรีบกลับ


บอกตามตรงว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีชอบกล ไม่สิ ไม่ใช่เพิ่งจะรู้สึก จริงๆ เขารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนแยกกับตาลุงนั่นที่สนามบินแล้ว พอเห็นอีกคนหายลับไปจากสายตา หัวใจมันก็กระวนกระวายแปลกๆ


...สงสัยจะเสพติดลุงมากไปหน่อยล่ะมั้ง...


“แล้ว...”


คำขึ้นต้นที่มาแบบไม่จบประโยคทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ต้องหันไปมอง


นัยน์ตาคมขลับเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเด็กที่กำลังจะได้ออกผจญภัยคู่นั้นจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าคมเข้มของคนพูดฉาบด้วยความรื่นเริง รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมๆ กับเสียงขวดน้ำที่ถูกเปิด


“เราจะเริ่มหาพี่ดาจากที่ไหนดีล่ะ”


แปลก...เขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ


“ไม่รู้สิ มึงว่าที่ไหนดีล่ะ”


เขาถามไม่ใช่เพราะอยากรู้คำตอบ แต่ถามเพราะอยากกำจัดความรู้สึกแปลกๆ ในใจออกไปให้พ้นๆ


ไม่มีใครอยากสงสัยเพื่อนของตัวเอง โดยเฉพาะเขา...คนที่เพิ่งเปิดใจยอมรับความสัมพันธ์มาได้หมาดๆ ถ้าหากต้องโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจ...


...เขาคงแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี...


“เอาเข้าจริงกูก็อยากพูดคำพูดประเภท ‘ไหนลองเอาหลักฐานมาวิเคราะห์แล้วไล่หาตามแต่ละสถานที่กันดีไหม’ อยู่หรอกนะ”
เดลพูดอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะ


ทั้งที่มันเป็นเสียงหัวเราะปกติของเจ้าตัวแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ดีเลย


ไม่ดีเลย...


“แหม อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิ”


ไม่ไหว เขาหยุดขมวดคิ้วไม่ได้เลย


“ไหนๆ ก็มาภูเก็ตทั้งที ไปเยี่ยมทีนหน่อยไหม ได้ข่าวว่าอยู่ภูเก็ตนิ”


“อยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”


ในที่สุดก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวกับความใจเย็นของคู่สนทนา ไม่สิ นั่นไม่ใช่ความใจเย็น ไม่ได้ใกล้เคียงเลยแม้แต่นิดเดียว
มันก็แค่ความร้ายกาจเท่านั้น...


คนๆ นี้ชอบจะตายที่ได้เห็นคนจะเป็นจะตายอยู่ในกำมือตัวเอง เป็นพวกขี้แกล้งมาแต่ไหนแต่ไร ความใจเย็นที่เห็น ที่แท้ก็แค่ความใจร้ายที่ถูกซ่อนไว้เท่านั้น


“ไม่เอาน้า อย่าใจร้อนสิ”


ดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มร้ายประดับบนใบหน้า


“เดล กูไม่ตลก”


แต่ถ้ายอมเดินตามแผนอีกคนไปง่ายๆ ก็คงไม่ใช่ตัวเขาแล้ว


ไม่ยอม...ไม่ยอมลงให้ใครทั้งนั้น อย่ายอมแพ้ใคร จงอยู่เหนือทุกคน นั่นคือสิ่งที่ถูกพร่ำสอนมา


แต่เดลไม่ใช่คู่แข่งธรรมดา คนตรงหน้าเขานี้ไม่ได้ต่างจากเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นแง่ของความหัวดื้อหรือร้ายกาจ คนๆ นี้มีครบทุกอย่าง


เผลอๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ...


“ไม่ตลกสักหน่อย กูก็แค่ชวนมึงไปผ่อนคลาย”


รอยยิ้มนั้นน่ากลัว ดูยังไงก็ไม่ใช่เรื่องดี


“ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันก่อนดีกว่า พอเยี่ยมเสร็จ ค่อยว่ากันต่อ”


“เดล กูต้องรีบไปหาพี่ดา ขอให้เจอพี่ก่อนแล้วไปหาทีนมันก็ยังไม่สาย...”


“ก็ถูกแล้วไง”


“ฮะ?”


“ก็กูกำลังจะพามึงไปหาพี่ดานี่ไง”


นัยน์ตาคู่นั้นวาบวับกว่าครั้งไหนที่เคยเห็น


“ไปหาทีนกันเถอะ”


ในอกกลับรู้สึกบีบรัดจนหายไม่ออกอย่างน่าประหลาด


ไม่มีอะไรหรอก เขารู้ว่ามันจะไม่มีอะไร


จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น















เขากำลังสงสัยว่าไอ้คนขับรถน่ารำคาญนี่มันฮัมเพลงเพราะมันอารมณ์ดีหรือเพราะมันตั้งใจจะยั่วโมโหเขากันแน่


นัยน์ตากลมเหลือบมองคนอารมณ์ดีเล็กน้อยก่อนจะเบนกลับไปมองวิวสองข้างทางเหมือนอย่างเคย เสียงดนตรีที่ดังในรถเป็นดนตรีแนวเมทัลที่คนคุมพวงมาลัยชื่นชอบเป็นพิเศษ


เพื่อนเขาชอบแต่เขาไม่ชอบ ยิ่งเห็นว่าเขาไม่ชอบมันก็ยิ่งเร่งเสียง


ไอ้เวรเอ๊ย


ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกมาจากจมูกอย่างหัวเสีย เด็กหนุ่มเลือกจะไม่สนใจคนช่างแกล้งแล้วตั้งสมาธิสนใจอยู่กับทิวทัศน์ข้างทางเพื่อลบความหงุดหงิดที่มีต่ออีกคนออกไป อย่างไรเสียตอนนี้พวกเขาก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว


ใช่ เรือลำเดียวกันแล้ว...


หลังจากบทสนทนาที่ชวนให้สงสัยในห้องพัก เดลก็คะยั้นคะยอให้เขาไปเยี่ยมทีนให้ได้ แม้ในใจจะปฏิเสธเป็นรอบที่ล้านแล้วว่าทีนไม่มีทางทรยศเขา แต่ส่วนเล็กๆ ในใจมันก็อดระแวงขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายเรื่องราวก็เลยจบลงที่เพื่อนร่วมทางของเขาจัดการโทรศัพท์เช่ารถก่อนจะลากออกมาข้างนอกอย่างที่เห็น


รถยนต์คันเล็กพาพวกเขามาสู่บริเวณย่านเมืองเก่า ตึกที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน-โปรตุเกสทอดตัวเรียงรายกันอยู่สองฝากถนน บรรยากาศในย่านเมืองเก่าให้ความรู้สึกแตกต่างจากถนนเส้นเมื่อครู่ลิบลับ จากตึกสูงดูทันสมัยกลับกลายเป็นบ้านเรือนแบบโบราณที่เคยเห็นเมื่อสมัยที่พ่อกับแม่พาเขาไปมะละกาด้วยบ่อยๆ


ตอนเด็กๆ จำได้ว่าตระกูลของเขาทำธุรกิจกับทางมาเลเซียค่อนข้างมาก ทุกๆ พักร้อนของครอบครัวจึงมักจะมีจุดหมายปลายทางเป็นประเทศมาเลเซียเสมอ เหตุผลที่ว่าไปพักผ่อนก็ส่วนนึง แต่เหตุผลใหญ่เป็นเรื่องของธุรกิจมากกว่า เพราะแบบนั้นก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจว่าเขากับพี่จะทำอะไรมากนัก ทุกคนเอาแต่ดื่มกินและพูดคุย เรื่องไร้สาระบ้าง ธุรกิจบ้างปะปนกันไป มันเป็นกลยุทธ์การทำธุรกิจที่ตระกูลเขาใช้มานานแสนนาน


เพราะความไม่สนใจนั้นเองที่ทำให้ช่วงเวลาพักร้อนของเขาเป็นช่วงเวลาที่แสนสุข นอกจากจะวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าและฟังเสียงเกลียวคลื่นที่สาดกระทบฝั่งแล้ว การได้ท่องเที่ยวไปในเมืองก็เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่พวกเขาชื่นชอบ มะละกาในวันนั้นมีบรรยากาศที่คล้ายกับย่านเมืองเก่าที่เขาเห็นในตอนนี้ไม่มีผิด


ความคิดของเขาชะงักลงเล็กน้อย


มะละกาเหรอ...


เด็กหนุ่มกวาดตามองทิวทัศน์สองข้างทางก่อนจะยกยิ้มขึ้นช้าๆ


พี่เขาก็ช่างเลือกเหมือนกัน...


สถานที่แห่งนี้...ที่ภูเก็ตนี้เป็นเมืองของชาวเปอรานากันเหมือนอย่างในมะละกา บ้านเรือน บรรยากาศ ทุกอย่างล้วนคล้ายคลึงกับสถานที่แห่งความทรงจำในวัยเด็ก ในตอนนั้นเรากุมมือกัน อยู่ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเกินจะบรรยาย เขาจดจำมะละกาไว้ในฐานะ ‘ความสุขฤดูร้อน’ และมั่นใจว่าพี่สาวของเขาก็ไม่ต่างกัน


เขามั่นใจว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้พี่เลือกที่จะมาอยู่ที่นี่


เพราะภูเก็ตคือสถานที่ที่คล้ายกับ ‘ความสุขฤดูร้อน’ ของพวกเขา


ดี...ดีใจจริงๆ ...


“มึง กูหิว หาอะไรกินก่อนได้ไหม”


ประโยคคำถามที่มาพร้อมกับการหยุดรถหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งพร้อมกับถอยเข้าจอดเสร็จสรรพทำให้เด็กหนุ่มเผลอถอนหายใจอย่างระอา


“ถอยขนาดนี้จะถามทำไม”


คนใส่เสื้อกล้ามสีดำตัวเดียวขยับไหล่เบาๆ


“ก็เป็นมารยาท”


“เอ้อ พ่อคนมารยาทงาม”


“บอกเลยว่าสมัยเรียนนี่ได้รางวัลเด็กน้อยมารยาทดี”


“ตลกเถอะ นั่นมันรางวัลทีนไหมล่ะ”


“เออ มึงนี่ก็จำแม่นดีเนอะ”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


เพื่อนเขานี่มัน...


“เอ้า ลงๆ หิวจะแย่แล้ว”


เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะเสียงดังให้มันได้ยิน แต่เหมือนไอ้คนฟังมันจะไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ เจ้าตัวกดล็อกรถอย่างชำนาญแล้วเดินนำลิ่วๆ เข้าไปในร้านโดยไม่คิดจะสนใจเขาเลยสักนิด


ไอ้เวร...ไอ้เพื่อนเวร ถ้าเป็นลุงป่านนี้อีกฝ่ายคงรอให้เขาลงจากรถให้เรียบร้อยแล้วก็เดินอ้อมมาหาจากนั้นก็...


...บ้าจริง เผลอคิดถึงจนได้...


“ดิม มึงยืนระลึกถึงบรรพบุรุษอยู่เหรอ”


ถ้อยคำกึ่งกวนกึ่งถามทำให้เขารู้สึกรำคาญเพื่อนของตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ ปกติก็อยู่กับมันนานๆ ไม่ได้เพราะรำคาญนิสัยมันอยู่แล้ว พอต้องมาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้เลยรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองมันเต้นตุ้บๆ เห็นทีว่าถ้ากลับไปแล้วตัวเขาเกรี้ยวกราดมากขึ้นก็น่าจะมีผลพวงมาจากมันนี่ล่ะ


“เออ ยืนระลึกถึงหน้าอากงมึงน่ะ”


“หู้ย บอกกงว่าขอสามตัวเด็ดๆ”


“เดล คนอย่างมึงนี่มัน...”


“อ้าวดิม!”


เสียงทักทายที่ดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้เริ่มด่าคนตรงหน้าทำให้ต้องหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้


หันกลับไปโดยลืมไปสนิทว่าเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน...


“วิทย์...”


มาได้ยังไง คนๆ นี้ตามมาได้ยังไง


“ดิมมากับเดลเหรอ”


คำถามนั้นเป็นธรรมชาติจนน่าเหลือเชื่อ เป็นธรรมชาติชนิดที่ว่าถ้าเขากับวิทย์ไม่ได้มีเรื่องกันมาก่อนที่กรุงเทพ เขาก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ


“ถามประหลาดจังนะครับคุณวิทย์ ถ้าดิมไม่มากับเพื่อน จะให้เขามากับใครล่ะครับ”


เขาสัมผัสได้...น้ำเสียงของเดลเปลี่ยนไป ขนาดไม่ใช่คนที่อีกฝ่ายพูดด้วย เขายังรู้สึกสะท้านไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจ


ไม่ธรรมดา เพื่อนของเขาไม่ธรรมดาเลย


“แหม ผมก็ถามไปแบบนั้นเองล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกะ...”


“แล้วคุณวิทย์มาที่นี่ทำไมเหรอครับ”


ถ้อยคำนั้นเรียบง่าย ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพผิดจากปกติ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเพื่อนของเขากำลังแผ่รังสีบางอย่างออกมา


น่ากลัว...เขารู้สึกว่าเดลนั้นน่ากลัว


“ผมก็มาเที่ยวพักผ่อนไงครับ มาภูเก็ตทั้งที ก็ต้องมาพักผ่อนใช่ไหมครับ”


พอพูดจบ คนๆ นั้นก็หัวเราะ หัวเราะด้วยน้ำเสียงจอมปลอมที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา


“นั่นสินะครับ แหม ผมนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ ไปได้”


เดลก็หัวเราะ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ต่างจากทุกที


“ไอ้ผมก็นึกว่าที่เห็นคุณวิทย์นั่งติดกับคุณเอกชาติบนเครื่องบินนั่นจะเป็นเพราะมาทำธุระเรื่องธุรกิจกันซะอีก ลืมคิดไปเลยว่าพวกคุณก็เป็นเพื่อนเก่ากัน จะมาเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่เห็นแปลก”


เดลโกหก


เพื่อนของเขาไม่ได้ลุกออกจากที่นั่งเลยสักครั้งตลอดระยะเวลาการบิน ไม่มีทางที่เดลจะเห็นอยู่แล้ว ที่สำคัญคือในชั้นเฟิร์สคลาสก็เห็นกันหมดว่าใครเป็นใคร ถ้ามันเห็น เขาก็ต้องเห็น


แล้วทำไมเพื่อนของเขาต้องโกหก นั่นต่างหากที่น่าสงสัย


เด็กหนุ่มจ้องใบหน้าของคนที่หน้าซีดเผือด ดวงตาของคนๆ นั้นหลุกหลิกไปมาอย่างมีพิรุธ แต่ก็ไม่วายพยายามฉีกยิ้มแปร่งๆ ส่งมาให้


“พูดอะไรกันครับ ผมมาคนเดียว อีกอย่างผมก็ไม่ได้เจอเอกชาติเลยตั้งแต่เรียนจบมัธยมมา จะมาอยู่ด้วยกันได้ไงล่ะครับ”


“โธ่ งั้นก็เป็นผมเองแล้วล่ะครับที่มองผิดไป คงจะสายตาฝ้าฟางเข้าแล้วจริงๆ”


คนข้างๆ เขาหัวเราะราวกับกำลังเย้ยหยันคนตรงหน้า


“คุณวิทย์ไม่ได้เจอคุณเอกชาติมาตั้งนานแล้ว แต่บังเอิญดีนะครับ คุณกับเขาใช้นาฬิการุ่นเดียวกันเป๊ะ”


ไม่ว่าเปล่า เดลยังชี้นิ้วไปยังนาฬิกาที่อยู่ตรงข้อมืออีกฝ่าย


เขามองตามนิ้วมือของเพื่อนพลางวิเคราะห์นาฬิกาเรือนนั้นอยู่เงียบๆ นาฬิกาเรือนนี้ ตัวเรือนทำจากเซรามิกสีน้ำเงินล้วน ขอบหน้าปัดนาฬิกาก็เป็นสีน้ำเงิน ในขณะที่ตัวสายนาฬิกานั้นเป็นสีดำ ประเมินด้วยสายตาจากระยะตรงนี้เป็นวัสดุประเภทผ้า แต่จะเป็นผ้าแบบไหนนั้นก็ไม่อาจบอกได้จนกว่าจะได้จับ


แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาจำได้...เขาจำได้ว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิการุ่นเดียวกับที่เขาเห็นเอกชาติใส่ที่งานเลี้ยงเปิดตัวคอนโดของคุณธงชัยเป๊ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นมันอยู่บนข้อมือของวิทย์ด้วย


แต่เดี๋ยวนะ...จำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เจอกันแฟนเก่าเขาไม่ได้ใส่นาฬิกาเรือนนี้ แล้วถ้าเขาจำไม่ผิด นาฬิกาเรือนนี้มัน...


“นาฬิกาของ Blancpain(บลองแปง) รุ่น Ocean Commitment Limited Edition ถ้าผมจำไม่ผิด อันนี้เป็นรุ่นที่สองใช่ไหมครับ เพราะรุ่นแรกเหมือนตัวเรือนจะเป็นเซรามิกสีเทา เปิดตัวปี อืม..รุ่นนี้น่าจะ 2016 ส่วนรุ่นแรกน่าจะปลายปี 2014 ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ”


เดลหัวเราะ...หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันกว่าครั้งไหนๆ


“รุ่นนี้ผลิตแค่สองร้อยห้าสิบเรือน ราคาหกแสนกว่าบาท ไม่ถูกไป ไม่แพงไป ราคากำลังดี น่าเสียดายที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นนาฬิกาดำน้ำ ไอ้ผมก็เลยไม่ค่อยถูกใจดีไซน์เท่าไหร่ก็เลยไม่ได้ซื้อ แต่ก็ถูกใจคนที่ชอบดำน้ำอย่างเอกชาติเขาน่ะครับ จำได้ว่ารายนั้นรักรุ่นนี้มากจนใส่ติดตัวไว้ตลอด เขาชอบอวดใครไปทั่วว่าเป็นนาฬิกาเรือนเก่ง ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณวิทย์จะใจตรงกับเขาขนาดนี้ อีกอย่าง...”


เพื่อนของเขาเว้นวรรคจังหวะพูดอย่างจงใจ


“ไม่ยักจะรู้เลยว่าคนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างคุณวิทย์จะหันมาชอบดำน้ำแล้ว น่าดีใจจริงๆ นะครับที่คุณก้าวผ่านกำแพงของตัวเองมาได้”


แล้วคู่สนทนาของพวกเขาก็หน้าซีดเผือดราวกับจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้น


ในที่สุดข้อสรุปที่เขาเฝ้าคิดมาตลอดเรื่องเอกชาติและวิทย์ก็ได้รับการยืนยัน


สองคนนั้นร่วมมือกัน ณ จุดๆ นึง แต่ตอนนี้ คงไม่เป็นอย่างนั้น


นัยน์ตากลมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่กำลังเป็นประเด็นเพียงอึดใจก่อนจะมองหน้าผู้สวมใส่


ถ้านั่นคือนาฬิกาเรือนเก่งของเอกชาติ เป็นตายร้ายดีอีกฝ่ายก็คงไม่ยอมยกมันให้วิทย์ง่ายๆ แน่ แต่ที่ยกให้แบบนี้คงมีแค่สองกรณี หนึ่งคือสิ้นเนื้อประดาตัวจนไร้ทางเลือก สองก็คือ...


“สำหรับ Limited Edition แล้วจะต้องมีหมายเลขสลักไว้ที่ตัวเรือนทุกเรือนว่าเป็นเรือนที่เท่าไหร่ จะเสียมารยาทไหมครับถ้าผมจะขอถามว่า เรือนของคุณวิทย์เป็นหมายเลขอะไร”


ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่หลังจากสิ้นสุดคำถาม ร่างทั้งร่างของวิทย์ก็สั่นเทิ้มอย่างหนักหากก็กลับเป็นเหมือนเดิมได้ในชั่วพริบตา


นัยน์ตาคู่นั้นเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง จากแววตาที่เป็นมิตรฉาบด้วยรอยยิ้มจอมปลอม ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสายตาของปีศาจร้ายโดยสมบูรณ์


“ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ มันนานมากแล้ว ผมเองก็จำไม่ได้ อยากจะแกะให้ดูก็ดันไม่มีเวลาเพราะต้องรีบไปธุระต่อ ขอตัวก่อนนะครับ”


น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่งผิดปกติจากเมื่อครู่ราวกับคนละคน ท่าทางลุกลี้ลุกลนเมื่อครู่หายไปโดยสิ้นเชิงราวกับไม่เคยเกิดขึ้น


แปลก...แปลกจริงๆ


แต่ถึงจะสงสัย พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้คน ๆ นี้จากไปพร้อมกับบรรยากาศรอบตัวที่ดูแปลกตา


สังหรณ์ใจไม่ดีเลยจริงๆ


“มึงคิดเหมือนกูไหมดิม”


คำถามดังขึ้นทันทีที่ร่างของคู่สนทนาหายลับไป


“แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะในคอ


“ไม่มีใครที่ซื้อนาฬิกา Limited Edition ราคาครึ่งล้านแล้วจำหมายเลขของตัวเองไม่ได้หรอก”


“อาจจะมีก็ได้ ใครจะรู้”


“ไม่เอาน่าดิม”


รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเด็กหนุ่มก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนตัวสูงที่ฉีกยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว


“มึงพูดอย่างกับไม่รู้จักวิทย์อย่างนั้นล่ะ คนเนี้ยบๆ แบบนั้น ไม่มีทางลืม...”


“ถ้าเป็นของตัวเองน่ะนะ”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยเสียงที่แปลกแปร่งพิกล


เอกชาติ อดีตเพื่อนในวัยเด็ก ป่านนี้คง...


นัยน์ตากลมเบนออกไปมองท้องฟ้าสีครามด้านนอกก่อนจะหันกลับมาตามเสียงเรียกของเพื่อนร่วมทางที่เดินนำเข้าไปในร้านก่อนแล้ว


ไม่ไหว เขารับมือกับวิทย์ไม่ได้ ยังไงก็ต้องรีบหาพี่ดาให้เจอแล้วก็รีบกลับ จากนั้นค่อยปรึกษาลุงอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ


ลุง...


ฝ่ามือเรียวทาบลงบนท้องเบาๆ ก่อนจะเดินตามเพื่อนเข้าไปด้านใน


ประจำเดือนเขาขาดมาห้าวันแล้ว ยังไงก็ต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนไปตรวจ จากนั้น...


ลมหายใจพรั่งพรูออกมาอย่างเชื่องช้า


ต้องรีบทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ไม่อย่างนั้น เด็กคนนี้จะไม่ปลอดภัย


“ดิม ดิมใช่ไหม”


ก่อนจะเดินไปถึงโต๊ะที่เพื่อนของเขาจับจองอยู่ก็พลันมีใครบางคนเรียกเขาเอาไว้ก่อน


ทำไมวันนี้ถึงมีคนขยันเรียกชื่อเขากันนักนะ


เด็กหนุ่มสูดหายใจเก็บสีหน้าเหนื่อยล้าเพื่อรักษาภาพลักษณ์ก่อนจะหันไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียง


แล้วสิ่งที่เขาพยายามทำทั้งหมดก็พังครืนลงมาไม่เป็นท่าเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนแรก


ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้สีเขียวสดรับกับกางเกงขาสั้นสีอ่อนกำลังฉีกยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับพระอาทิตย์ในฤดูร้อน


“ทีน...”


คนตรงหน้าของเขาคือคนที่พวกเขากำลังจะไปหา


เหลือเชื่อ นี่มัน...บังเอิญเกินไปแล้ว


“ดิมจริงๆ ด้วย มาได้ไงเนี่ย”


“โอ้โห บังเอิญจังเลยทีน เราก็มากับดิมด้วยนะ”


ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ เสียงร่าเริงเกินปกติของเดลก็ดังขึ้นพร้อมกับเรียวแขนแกร่งที่วาดมาคล้องคอเขาเอาไว้แน่น


“เฮ้ยเดล เป็นไงบ้าง ไม่เจอนานมาก แล้วนี่มาเที่ยวกันเหรอ โห คิดถึงอะ มาๆ นั่งก่อน”


ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงโปร่งนั้นยังกุลีกุจอหันไปสั่งพนักงานในร้านให้จัดโต๊ะให้พวกเขายกใหญ่


“เฮ้ย ไม่เป็นไรทีน เดี๋ยวเราไปนั่งโต๊ะอื่นกันก็ได้ เกรงใจร้านเขาเปล่าๆ”


คนถูกปรามหันมาส่งยิ้มกว้างราวกับพระอาทิตย์ในฤดูร้อน


“ร้านเขาที่ไหน ร้านเราเอง เพิ่งเปิดได้หลังจากกลับจากรุงเทพที่เจอกับดิมไง ตอนนั้นเจอก็ลืมบอกไปสนิทเลย”


ทีนหัวเราะ หัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างทุกทีก่อนจะหันไปสั่งงานต่อ ทิ้งเขากับเดลเอาไว้ด้านหลัง


แล้วจู่ๆ เสียงกระซิบของเพื่อนร่วมทางที่แสนร้ายกาจก็ดังขึ้นข้างหู


“เซอร์ไพรส์”


เพียงเท่านั้น เขาก็เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง


ไอ้เดล ไอ้เพื่อนเวร...








**********************************************************************************


[เกร็ดความรู้]



Bathyscaphe Flyback Chronograph Blancpain Ocean Commitment II


Blancpain ได้เปิดตัว Bathyscaphe Flyback Chronograph Blancpain Ocean Commitment II ซึ่งเป็นนาฬิกา Limited Edition รุ่นที่สองของโครงการ Blancpain Ocean Commitment เป็นนาฬิกาจับเวลาแบบ Flyback Chronograph ที่มาพร้อมกับตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงินล้วน ที่เป็นสิ่งสะท้อนให้รำลึกถึงท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ผลิตเพียง 250 เรือนเท่านั้น

ที่มา: LWQP Watch Blog/ (http://www.lwqponline.com/th/2016/10/blancpain-ocean-250/)



**********************************************************************************






พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ











หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 25-03-2018 22:27:34
อ่านไปก็ขมวดคิ้วไป จริงจัง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-03-2018 22:42:14
ขออีกตอน ยังงงๆ ขอความกระจ่างหน่อยค่ะ ไรท์  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-03-2018 22:50:12
อะไรกันนี่  :katai1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-03-2018 23:53:28
งงจังออเจ้า ความกระจ่างอยู่ที่ใด :katai1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-03-2018 23:55:06
ลึกลับ ซับซ้อน ได้ทุกตอน  :z3: :z3: :z3:

วิทย์ ?????

ทีน ?????

เดล ก็  :really2: :really2: :really2:
แต่ที่แน่ๆ ดิม คิดถึงลุงตลอดเลย   :ling1:
ลุง ดิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 26-03-2018 00:05:31
อยากรู้เลยค่ะ  :hao5: เกี่ยวข้องกันยังไง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 26-03-2018 01:09:07
ทุกคนดูน่าสงสัยไปหมด ชอบมากเลยค่ะที่โลเคชั่นเป็นภูเก็ตบ้านเรา ยิ่งอินเข้าไปอีก ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-03-2018 01:23:06
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 26-03-2018 02:03:33
ดิ่มดิ๊มว่าที่คุณแม่
กรี้ดดดดดดดดดดด
ซับซ้อนอีกล้าวววววว

อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
ดิ่มดิ๊มคนน่าสงสาร
โอ๋ๆ นะคะ
กำลจะเป็นคุณแม่แล้วด้วย
ฮอร์โมนพุ่งพล่านแน่ๆ เบย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twentieth Song (25/03/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 04-04-2018 18:57:00
Twenty-First Song









หลายๆ ครั้ง โชคชะตาก็มักจะกลั่นแกล้งมนุษย์อย่างไม่มีเหตุผลอยู่เสมอๆ แต่การกลั่นแกล้งกันเองในหมู่มวลมนุษย์นั้นร้ายกว่าโชคชะตามาก...


“ดิมกับเดลอยากกินอะไรกันเป็นพิเศษไหม”


ใบหน้าคมเข้มมองเขาที มองเพื่อนร่วมทางของเขาทีด้วยแววตาสดใสเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจอ


ปกติแล้ว เขามักจะหลงใหลดวงตาที่มีประกายเจิดจ้าของอีกฝ่ายอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้...


ไม่ใช่ในเวลาที่เขากำลังเคลือบแคลงสงสัยในตัวของอีกคนแบบนี้...


“อะไรก็ได้ ผมกินได้หมดแหละ”


“โอเค”


ทีนตอบรับด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกที


“แล้วเดลล่ะ อยากกินอะไรไหม สั่งเต็มที่นะไม่ต้องเกรงใจ เราเลี้ยงเอง”


“โห ป๋ามากเลยนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นพี่ทีนประธานนักเรียน”


“เดลก็ว่าไปนั่น เรื่องตั้งนานมาแล้วนะ ยังอุตส่าห์จำได้อีก”


สิ้นคำหยอกเย้าของทีน เพื่อนของเขาทั้งสองคนก็หัวเราะร่วนประสานกันอย่างร่าเริง ทิ้งเขาเอาไว้ข้างหลังกับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังกัดเซาะใจไปทีละเล็กทีละน้อย


ไม่ใช่...สถานการณ์ที่พวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้งมันไม่ควรเป็นแบบนี้


ทำไมเขาต้องกลับมาเจอ ‘เพื่อน’ ด้วยความรู้สึกแบบนี้ด้วย


ไม่ชอบ...ไม่ชอบเลย...


“แล้วนี่ทีนเป็นคนกรุงเทพไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ภูเก็ตได้ ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลย”


เป็นเพื่อนร่วมทางของเขาเองที่ช่างพูดช่างคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนปกติ ในขณะที่เขาทำได้แค่ยิ้มแกนๆ รับฟังทุกอย่างอยู่นิ่งๆ


เขาไม่รู้จะพูดอะไร เขาไม่รู้ว่าเขาควรพูดหรือทำอะไรเพื่อขจัดความรู้สึกหนักอึ้งในใจออกไปให้พ้น


ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาเชื่อใจทีนมาตลอด...เชื่ออย่างสุดใจมาตลอด ดังนั้นข้อมูลที่มาเดลทิ้งเป็นปริศนาเอาไว้จึงไม่มากพอที่จะสั่นคลอนความเชื่อใจนั้นแน่


ไม่มากพอที่จะทำให้เสียความเชื่อใจ แต่ก็ไม่น้อยเกินที่จะปล่อยผ่านเลย


ความรู้สึกหน่วงๆ ในใจของเขาตอนนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ตัวเขาไม่เชื่อใจทีน...


ไม่ใช่...ไม่ใช่เลย...


“เดลมั่วเถอะ เคยเล่าแล้ว แต่จำไม่ได้ล่ะสิ”


เขาเชื่อ...เชื่อเพื่อนคนนี้มากกว่าเพื่อนคนไหน มากกว่าเดล มากกว่าลุง มากกว่าทุกคน


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ แบกทุกอย่างไว้บนบ่าของตัวเองมาตลอด มีแค่คนที่นั่งตรงข้ามแค่คนเดียวที่เขายอมเปิดปากเล่าทุกอย่างให้ฟัง


เพราะเขาเชื่อ เขาเลยพยายามปฏิเสธทุกอย่างที่เข้ามาสั่นคลอนความเชื่อใจนั้น


เพราะเขาเชื่อ เขาเลยพยายามจะทำลายความเคลือบแคลงใจของตัวเองให้สิ้นซากไป


ตั้งแต่เกิดมาเขายอมเชื่อคนอยู่แค่สองคน หนึ่งคือพี่ สองคือทีน คนอื่นๆ ก็เพิ่งจะมาเปิดใจให้เมื่อไม่นานนี้เอง ถ้าโดนหักหลัง คราวนี้เขาคงพังหนัก...


...คงได้แหลกสลายเข้าจริงๆ ...


“จริงๆ ฝั่งบ้านพ่อเราเป็นคนกรุงเทพดั่งเดิมแหละ แต่ฝั่งแม่ไม่ใช่ คุณตาของเราเป็นคนกรุงเทพ แต่คุณยายเป็นคนภูเก็ต ท่านย้ายไปอยู่กรุงเทพก็ตอนแต่งงานกับคุณตานั่นล่ะ พอคุณตาเสีย คุณปู่ คุณย่าเสีย เหลือแต่คุณยาย แม่ก็เลยอยากพาย้ายกลับบ้านเกิด พ่อเห็นด้วย ก็เลยพากันย้ายมาหมด”


“เอ้อ จริงด้วย เหมือนเคยได้ยินเลย”


“ก็บอกแล้วไงว่าเคยเล่าแล้ว เดลน่ะจำไม่ได้เอง”


เพื่อนของเขาหัวเราะ...เดลหัวเราะได้สุขใจราวกับคนไม่รู้อะไรมาก่อน


นัยน์ตากลมเหลือบมองคนอารมณ์ดีข้างตัวแล้วครุ่นคิดบางอย่างอยู่เงียบๆ ในใจ


เดลพาเขามาที่นี่อย่างจงใจ จากคำว่า ‘เซอร์ไพรส์’ เมื่อครู่ก็มากพอแล้วที่ทำให้เขารู้ว่าเพื่อนของเขานั้นรู้อยู่แล้วว่าร้านนี้เป็นร้านของทีน ที่มาจอดที่นี่ แสร้งทำเป็นหิวข้าว ทั้งหมดก็เป็นแผนทั้งนั้น


คนๆ นี้ร้ายกาจและขี้แกล้งกว่าใคร แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพวกฉลาดในเรื่องผิดๆ ถ้าให้เดา เดลอาจจะรู้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับทีน เผลอๆ อาจจะรู้แล้วด้วยซ้ำว่าพี่ดาอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่ยอมบอกเพราะอยากแกล้งเขาไปอย่างนั้นเอง


นี่แหละคือความน่ารำคาญของคนที่ชื่อเดล


นี่แหละคือความน่ากลัวของเพื่อนที่ชื่อเดล...


เพื่อนคนนี้รู้ทุกอย่างแต่ไม่เคยพูด สิ่งที่มักจะทำมีเพียงการยืนมองทุกอย่างด้วยรอยยิ้ม


มอง...แล้วก็ยิ้มอย่างสมเพช


เพราะแบบนั้นเขาเลยอดคิดไม่ได้ว่าการเจอวิทย์เมื่อกี้นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...


...


ไม่ไหว...เขารับมือกับความผิดหวังขนาดนี้ไม่ไหว ขออย่าให้เพื่อนเขาทั้งสองคนทำร้ายเขาเลย


“ดิมเป็นอะไรไปน่ะ พูดน้อยจังเลย”


น้ำเสียงร่าเริงที่เอ่ยถามทำให้เขาต้องรีบนำรอยยิ้มมาประดับใบหน้าแล้วส่ายหัวพัลวัน


“เปล่า ก็แค่ตกใจนิดหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้”


เขาเหลือบมองหน้าเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์แว็บเดียวก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนถาม


ขนาดแค่เสี้ยววินาทีเดียว คนเจ้าแผนการยังมีเวลาขยิบตาให้เขาราวรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องหันไปมอง


ร้ายกาจจริงๆ ...


“นั่นสิ ขนาดเราเองยังตกใจเลย”


“เนอะ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ พรหมลิขิตสุดๆ เลย นี่ถ้าเดลไม่หิวข้าว ก็คงไม่ได้เจอกับทีน เนอะดิมเนอะ”


“อืม บังเอิญสุดๆ ไปเลย”


เด็กหนุ่มเน้นคำเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนถูกพาดพิงรู้สึกตัว


ที่แย่คือไอ้คนถูกพาดพิงมันหัวเราะจนไหล่ไหวนั่นล่ะ


“อุตส่าห์บังเอิญขนาดนี้ เราไปเที่ยวต่อกันหน่อยดีไหมทีน เดลกับดิมไม่ได้เจอทีนตั้งนาน คิดถึงจะแย่”


การเน้นเสียงคำเลียนแบบทำให้เขาหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เท่ากับคำชวนที่อีกคนเพิ่งเอ่ยปากออกมา


ไปเที่ยวเหรอ...มันคิดอะไรของมันอยู่นะ


“นั่นสิเนอะ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน งั้นเดี๋ยววันนี้เราอาสาพาเที่ยวเองดีไหม ทริปนี้เราจ่ายเองนะ”


“ตามนั้นเลยครับป๋าทีน”


“เดลนี่ขี้แซวเหมือนเดิมเลย”


แล้วเพื่อนสองคนของเขาก็หัวเราะ


หัวเราะโดยทิ้งเขาไว้กับความหนักอึ้งภายในใจเพียงลำพัง...

















หลังจากผ่านพ้นชีวิตวัยรุ่น เขาก็ไม่ได้สัมผัสกับคำว่าเหนื่อยมานานมากแล้ว...


“ดิม วิ่งหน่อย เดินช้าขนาดนี้เดี๋ยวหอยทากก็แซงหรอก”


“พูดมาก เดินไปเลยมึงอะ”


คนถูกบ่นหัวเราะร่าก่อนจะวิ่งนำไปไกลลิบโดยทิ้งเข้าไว้ตรงนี้


ไอ้เวร กูประชดโว้ย


ถึงอยากจะตะโกนด่าแค่ไหนก็ไม่มีแรง ทำได้เพียงก้าวเท้าต่อไปช้าๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างมีสติ เพราะถ้าเผลอหายใจแรงไปนิดเดียว อาการเจ็บหน้าอกก็จะกำเริบขึ้นมา


เขาเป็นคนสุขภาพไม่แข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร ผิดกับพี่ดาที่เติบโตสมวัย คงเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง พ่อ แม่และทุกคนเลยคาดหวังกับพี่ดามากกว่าที่จะมาคาดหวังกับเขา แล้วพอพี่ทำให้ผิดหวัง เขาก็เลยต้องแบกรับความหวังทั้งหมดนั้นไว้แทน


ไม่ยุติธรรมเลย


“ดิมไหวไหม”


เสียงเรียกทักที่ดังขึ้นข้างตัวของเพื่อนผู้สดใสทำให้เขาอดฉีกยิ้มให้ไม่ได้


ทีนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เป็นห่วงเพื่อนทุกคนเสมอ ถ้าเห็นใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เจ้าพระอาทิตย์คนนี้ก็จะรีบแจ้นเข้าไปสาดแสงส่องให้คนๆ นั้นอยู่เสมอ


เป็นคนดีและเจิดจ้าจนเขาเชื่อใจ...


“สบายมาก ทีนเถอะ เหงื่อไหล่เยอะเชียว ไหวไหม”


“สบายมาก นี่ไม่อยากจะโม้นะ แหลมพรหมเทพนี่เราวิ่งขึ้นวิ่งลงอย่างบ่อย”


“นี่แหละที่เรียกโม้”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


นี่เป็นครั้งแรกของวันที่เขาได้หัวเราะออกมาจากใจจริง วันนี้ของเขามันหนักหนาเหลือเกินจริงๆ ทันทีที่เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ก็ต้องพาตัวเองไปทำนู่นทำนี่ไม่ได้หยุด ไหนจะข้อมูลมากมายที่ได้รับมาเรื่อยๆ จนเริ่มระแวงไปหมด


ทั้งที่ตัวเขาเองก็กำลังระแวงคนตรงหน้าอยู่แท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมใจมันถึงเป็นสุขขึ้นมาได้เพียงเพราะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน


...เพื่อน...เป็นคำที่เข้าใจยากจริงๆ ...


“เอ้า สองคนนั้นจะรอให้พระอาทิตย์ตกก่อนค่อยขึ้นมาดูถูกมะ”


“บ่น บ่นเก่งเลยมึงอะ”


เสียงตะโกนบ่นกันของเขากับคนที่ยืนอยู่รออยู่บนจุดสูงสุดของเนินทำให้คนร่าเริงข้างตัวระเบิดหัวเราะเสียจนเขาเผลอหัวเราะตามไปด้วย


สดใส...สดใสเหลือเกิน


“ไปกันเถอะดิม ปล่อยให้เดลบ่นนานกว่านี้เดี๋ยวก็มีคนถ่ายวิดีโอไปลงโซเชียลพอดี”


ไม่ว่าเปล่ายังอุตส่าห์ยื่นมือมาหาเพื่อหวังพาเขาไปด้วยกันทั้งๆ ที่ตัวเองก็เหนื่อยมากแล้วแท้ๆ


แปลก...เป็นเพื่อนที่แปลกจริงๆ


แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายก่อนจะพากันวิ่งขึ้นเนินไปสุดแรง


ไม่ใช่เพื่อลบคำสบประมาทของคนที่ขึ้นมาถึงก่อนหน้า แต่เพื่อย้อนวันวานถึงอดีตที่ประทับอยู่ในใจ


...ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นเขาไม่เคยลืม...


“กว่าจะขึ้นกันมาได้เนอะ”


คำแซวขำๆ ของเดลทำให้เขาเผลอตัวฟาดไหล่ของอีกคนไปเบาๆ ในขณะที่พ่อคนดีก็เอาแต่ฉีกยิ้มร่า


“ดิมกับเดลยังสนิทกันเหมือนเดิมเลยนะ”


“ผมก็ยังเกลียดมันเหมือนเดิมอะ สันดานแม่ง ขี้แกล้งเหมือนเดิมอะ”


“จ้า พ่อคนดี น้องดิมคนดีของป้าสมร มึงอะดีจังเลย ไปคบกับผู้พันแซนเด...โอ๊ย นี่มือหรือตีนเนี่ย”


ไม่ทันที่ไอ้คนปากมากจะพูดจบ เขาก็ชิงฟาดแขนอีกคนไปก่อน ทำให้อีกฝ่ายชะงักแล้วยอมเปลี่ยนเรื่องพูดแต่โดยดี


เขายังไม่อยากให้ทีนรู้เรื่องเขากับลุงตอนนี้


...ยังไม่ใช่ตอนนี้...


โชคดีที่ทีนไม่ใช่คนคิดมากโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เจ้าตัวทำเพียงหัวเราะอย่างสนุกสนานไปกับท่าทางของพวกเขาก่อนจะชี้ชวนให้ดูสิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอ


“โห ดูนู่นสิ พระอาทิตย์สวยเนอะ”


ไม่มีเสียงตอบรับคำพูดนั้น สิ่งที่พวกเขาทำเป็นเพียงการหันไปมองและนิ่งตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น


ภาพของพระอาทิตย์สีเหลืองนวลทอแสงสีส้มไปทั่วผืนฟ้า ค่อยๆจรดเข้ากับแผ่นน้ำ วัตถุทรงกลมนั้นถูกผืนน้ำกลืนกินไปทีละเล็กทีละน้อยนั้นสวยงามเสียจนไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่พักใหญ่


“พวกเรา...ไม่ได้มาดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันนานแล้วเนอะ”


คำพูดของเดลทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์สมัยที่ยังเรียนอยู่มัธยมต้นขึ้นมาได้


เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว มีเด็กชายสามคนที่ชอบแอบจับกลุ่มขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงเรียนทุกเย็นเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินอยู่


ทีน เดล และดิม คือเด็กผู้ชายสามคนนั้น


ในตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ทำทั้งหมดก็กลับกลายมาเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าในวันที่เราโตขึ้น


มิตรภาพในวันวานคือสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับเขาเหลือเกิน


“นั่นสิเนอะ ตั้งแต่ย้ายมาภูเก็ต เราก็แทบไม่ได้เจอทั้งสองคนเลย ได้กลับมาดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันแบบนี้ เราดีใจจริงๆ นะ”


ใช่ ดีใจ...ดีใจจริงๆ


“แต่ถึงทีนจะไม่เจอเรา ทีนก็น่าจะได้เจอพี่ดานะ พี่ดาพี่ของดิมน่ะ ทีนจำได้ไหม”


ท่าทางพาซื่อที่ถามเหมือนคนไม่รู้ความทำให้คนถูกถามที่รู้เรื่องของพี่เขาออกท่าทางเลิ่กลั่กแล้วหันมาสบตากับเขาราวกับจะถามว่า ‘ควรตอบออกไปยังไงดี’


ท่าทางพวกนี้ สำหรับเขายังไงก็เป็นแค่พฤติกรรมธรรมดา ไม่มีอะไรน่าแปลกเลยสักนิด แต่สำหรับเดลที่ไม่รู้ว่าทีนรู้เรื่องพี่ดาคงไม่ใช่...


“ทีนจำพี่สาวของเพื่อนไม่ได้เหรอ พี่ดาไง”


ดวงตาคมของคนช่างยิ้มหันมาสบตาเขาแว็บนึง


“จำได้สิ แต่ว่าไม่ได้เจอนานแล้วนะ ตั้งแต่ย้ายลงมาก็ไม่เจอเลย มีอะไรเหรอ”


“อ๋อเหรอ”


จู่ๆ น้ำเสียงของเดลก็แข็งกร้าวขึ้น...ห้วนและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก


ไม่ดี...ไม่ใช่เรื่องดีแน่...


“โกหกเก่งผิดจากเมื่อก่อนเลยนะ”


นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนถูกกล่าวหาทำเพียงแค่ส่ายหน้าช้าๆ


“เดลพูดอะไร เราไม่เข้าใจ”


คนถูกถามหัวเราะในคออย่างเย้ยหยันก่อนจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาษขนาดเล็กขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ฝ่ามือหนาแกะซองอย่างไม่เร่งร้อนก่อนจะหยิบรูปภาพขนาดเล็กขึ้นมาโชว์ตรงหน้าของคนถาม


“นี่ไงล่ะที่เราพูดถึง”


ไม่จริง...นี่มัน...


ใบหน้าคมคายหันไปมองหน้าคนที่มักจะร่าเริงอยู่เป็นนิจ ตอนนี้ ใบหน้าสดใสนั้นหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาคมส่อแววสำนึกผิดในขณะที่หันมาสบตากับเขา


“ดิม...เรา เราขอทะ...”


“ทำไม”


เขาถามไม่ใช่เพราะอยากรู้คำตอบ แต่เขาถามพราะอยากได้ยินคำว่าไม่ใช่


เขาอยากได้ยินว่าเรื่องทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นมันเป็นเรื่องโกหก


เขาอยากได้ยินอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายว่าภาพที่เดลถือไว้ตรงหน้าไม่ใช่ของจริง


เขาอยากได้ยิน...อยากได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าภาพที่มีทีนยืนคุยกับพี่ดาอยู่นั้นไม่ใช่ของจริง


พูดสิ...พูดออกมาสิ


“ดิม เราไม่ได้ตั้งใจ เราขอโทษ ได้โปรดฟังเรานะ”


“ทำไม!”


เสียงตะโกนของเขาทำให้คนที่อยู่รอบข้างเริ่มหันมาสนใจ เขารู้ว่าเขาควรหยุด เขาไม่ควรระเบิดอารมณ์ออกมาแบบนี้ แต่เขาทำไม่ได้


ทั้งที่รู้ แต่ก็ควบคุมอะไรไม่ได้


“มึงหลอกกูทีน”


“ไม่ดิม เราไม่ได้...”


“มึงโกหกกูทำไมทีน!”


“มึงไม่ต้องไปว่าทีนเลยนะดิม!”


เสียงตะคอกแทรกขึ้นมาของคนที่อยู่วงนอกมาตลอดการโต้เถียงอย่างเดลทำให้เขาต้องหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ


ใบหน้าโกรธเกรี้ยวของเพื่อนอีกคนดูรุนแรงกว่าเขาเสียอีก แต่เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลย...


ทำไม เดลโกรธเขาทำไม


“มึงเอาแต่โทษมันว่ามันโกหกมึง แล้วทีมึงล่ะ มึงก็โกหกกูเหมือนกันรึเปล่า”


“กูโกหกอะไรมึง”


“มึงหลอกใช้กูไงดิม!”


เขาชะงัก


“มึงหลอกให้กูหาข้อมูลของพี่ดาให้มึงมากี่ปีโดยที่ไม่แม้จะบอกความจริงให้กูรู้เลย”


“เราเคลียร์เรื่องนี้จบไปแล้วนะเดล”


“เออ กูจบ แต่จบในกรณีที่กูนึกว่ามีแค่กูคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ไง!”


ดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายฉ่ำวาวกว่าทุกครั้งที่มอง


เขาไม่เคยเห็น...ไม่เคยเห็นเดลเป็นแบบนี้เลยสักครั้งเดียว


“กูคิด กูคิดมาตลอดว่ามันไม่เป็นไรหรอก แค่โดนหลอกใช้แค่นี้เรื่องเล็ก ยังไงมึงก็ไม่เคยเชื่อใจใครอยู่แล้ว แล้วนี่อะไรอะดิม มึงเล่าทุกอย่างให้ทีนฟังแล้วปล่อยให้กูเป็นหมาเหรอ!”


หัวใจเขาเจ็บปวดราวกับโดนมือล่องหนมาบีบไว้แน่น


“กูจะไม่โกรธที่มึงหลอกใช้กูเลยดิม ถ้ามึงทำกับทุกคนเหมือนกับที่ทำกับกู แต่นี่อะไรอะ นี่มันอะไรอะดิม กูเป็นเพื่อนมึงจริงๆ รึเปล่า หรือกูแค่คิดไปเองว่ากูเป็นเพื่อนกับมึงทั้งๆ ที่มึงไม่เคยมองกูเป็นเพื่อนเลย”


คำพูดของเดลเหมือนมีดที่แทงเข้ามาในใจเข้าซ้ำๆ


“ตอนแรกกูคิดว่ากูเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องพี่ดา มึงรู้ไหมดิม...”


ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“ตอนที่กูคิดว่ามึงไว้ใจกู กูดีใจมาก กูดีใจมาตลอดจนกระทั่งรู้ว่าเรื่องทุกอย่างกูคิดไปเองทั้งหมด กูดีใจมาตลอดจนกระทั่งถึงตอนที่ทีนหันไปสบตามึงเมื่อกี้เลยดิม”


หัวใจของเขาเป็นแผลเหวอะหวะ


“สายตาแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น ดูยังไงก็รู้ว่าทีนต้องรู้เรื่องพี่ดาอยู่แล้ว แล้วการโกหกของมันก็ยิ่งทำให้กูมั่นใจว่ามันรู้”


น้ำเสียงสั่นเครือนั้นไม่ต่างจากน้ำกรดที่กำลังกัดกร่อนหัวใจของเขาช้าๆ


“ตอนแรกที่กูจะพามึงไปเจอทีน เพราะกูกะจะเซอร์ไพรส์มึงว่ากูเจอพี่มึงแล้ว เพื่อนมึงคนนี้ทำทุกอย่างจนรู้ว่าพี่มึงอยู่กับทีน กูเลยอยากให้มึงมาเจอทีนเพื่อให้พวกเราไปเจอพี่ดาด้วยกัน แล้วนี่อะไร กูต้องมาเจอกับความจริงที่ว่ามีแค่กูคนเดียวที่เป็นควายเหรอดิม”


ไม่...ได้โปรด หยุด หยุดพูดเสียที


“กูยอมรับว่ากูขี้แกล้ง กูก็แค่อยากแกล้งมึงเหมือนอย่างที่กูชอบทำ อยากเห็นมึงมีความสุขเหมือนอย่างทุกที แล้วดูสิว่ามึงตอบแทนกูด้วยอะไร”


ใบหน้าเจ็บปวดของเพื่อนสนิทกำลังทำให้ตัวเขาแหลกสลายลงทีละเล็กทีละน้อย


“สุดท้าย มึงก็ไม่เคยมองกูเป็นเพื่อนเลย”


แล้วน้ำตาหยดแรกและหยดเดียวก็ไหลลงจากตาของคนพูด


แล้วเดลก็เดินจากไป ทิ้งพวกเขาสองคนไว้กับความเงียบงันและหัวใจที่เป็นแผลฉกรรจ์เกินเยียวยา


มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่ามิตรภาพนั้นเป็นความสัมพันธ์ชั่วชีวิตที่แสนล้ำค่า เขาเองก็เคยหวังว่ามิตรภาพของพวกเขาสามคนจะคงอยู่ตลอดไปจนวันสุดท้ายของชีวิต


แล้วก็เป็นเขาเองที่ทำทุกอย่างพังพินาศ


เป็นเขาเองที่ทำให้ดาวฤกษ์แห่งมิตรภาพต้องลาลับขอบฟ้าไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ


มิตรภาพก็เปรียบเสมือนกระจก ถ้าลองได้แตกแล้วสักครั้ง ต่อให้เอากลับมาต่อกันใหม่มันก็ไม่มีวันเหมือนเดิม


ความระแวง ความกังวล ความโศกเศร้าเสียใจในครั้งนี้จะประทับอยู่ในใจของพวกเขาไปชั่วชีวิต ต่อให้หลังจากนี้กลับมาเป็นเพื่อนกัน ก็คงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว


ไม่มีวันที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว


ดาวฤกษ์ของเขา...แตกสลายแล้ว...





***********************************************************************




จากที่วางแพลนไว้คืออีกไม่เกิน 5 ตอนน่าจะจบแล้วนะคะ ขอบคุณจริงๆ ที่ติดตามมาตลอด ฝากติดตามต่ออีกนิดนึงน้า >w<





***********************************************************************





พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ











หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-First Song (4/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-04-2018 00:29:56
เป็นตอนที่อึดอัดใจมากเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-First Song (4/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2018 01:14:43
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-First Song (4/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 05-04-2018 01:29:41
สงสารเดล
เราเข้าใจเดลเลยอ่ะ
เข้าใจแบบโคตรเข้าใจอ่ะ

ดิ่มดิ๊มต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย

ลุงอย่าเพิ่งมาปลอบนะ
ให้ดิ่มดิ๊มเรียนรู้การไว้วางใจ
การให้ความจริงใจกับเพื่อนก่อน
เพราะถ้าวันไหนลุงไม่อยู่
ดิ่มดิ๊มอ่อนแอมากแน่ๆ

ส่งใจให้เดล
รอดูว่าทีนจะทำยังไง
และทำไมถึงทำแบบนั้น
และทีนเป็นสามีพี่ดาหรือไม่
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-First Song (4/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2018 08:51:15
หน่วง    :mew2:
เข้าใจดิม 
เข้าใจเดล แต่ไม่มาก
ก็เดลเจ้าแผนการณ์ แกล้งดิมมาก
ดิม บอกเดล แต่บอกไม่เท่าทีนเท่านั้นใช่ไหม  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ทีน เพื่อนรักที่สุดทำไมอยู่กับพี่ดาแล้วไม่บอกดิม
อยู่แบบไหน เป็นแฟนกันไช่ไหม
ที่ไม่บอกดิม เพราะพี่ดาห้ามไว้หรอ
อย่างนี้เท่ากับว่า หักหลังกันเป็นทอดๆ หรือเปล่า
แล้วจะดีกันได้อย่างไร   :z3: :z3: :z3: 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 08-04-2018 10:10:21
Twenty-Second Song










ความเงียบนั้นน่ากลัว แต่เสียงอึกทึกที่ดังฝ่าความเงียบขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า...


รถยนต์สีดำคันใหญ่ค่อยๆ ผ่อนความเร็วเมื่อเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าที่เป็นสีดำสนิทตลอดการเดินทางเริ่มถูกแต่งแต้มด้วยสีทองจากพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า


คนสูงวัยเบือนหน้าไปมองท้องฟ้าด้านนอกพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้องทำ


หลังจากตอนนั้น...หลังจากที่เขาทำให้กล้องตัวจิ๋วที่ถูกติดไว้ในช่องแอร์กลับมาทำงานตามปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างในรถก็เหมือนถูกหยุดเอาไว้ตั้งแต่วินาทีนั้น ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็น สิ่งที่คนในห้องโดยสารทำมีเพียงการนั่งนิ่งๆ ให้มากที่สุดเพื่อตัดความเสี่ยงทั้งหมดออกไป


ความเสี่ยงแรกคือเรื่องของการลอบฆ่า


ถ้ามันคิดจะลอบยิงเขาจริง การที่เขานั่งอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการลอบสังหารแบบนี้แล้วมันยังไม่ลงมือ แสดงว่าการนั่งนิ่งในอิริยาบถนี้ต้องไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ขยับตัว เขาจะปลอดภัย


ความเสี่ยงที่สองคือเขากำลังถูกจับตามอง


การนั่งนิ่งของเขาคือการเล่นกับธรรมชาติของมนุษย์ โดยทั่วไปแล้ว การมองดูสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนานเกินไปจะทำให้คนเฝ้าดูหมดความสนใจ แม้จะเป็นภาระที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเข้มงวดแค่ไหน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่น่าสนใจ ความรอบคอบเอาใจใส่ก็จะถดถอยลง


สุดท้ายแล้วมันก็จะพ่ายแพ้ต่อธรรมชาติในตัวของมันอยู่ดี


เขาเองก็อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว จะให้ใครมาหยามหน้ากันง่ายๆ ก็คงไม่ได้


ถ้าคิดจะปราบเสือ ก็ต้องทำใจว่าอาจจะโดนเสือกัดตายก่อนได้ปราบ


ใบหน้ามีริ้วรอยยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองตรงเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดห้าชั่วโมงที่ผ่านมา


เสือธรรมดาที่ว่าดุเทียบไม่ได้เลยกับเสือที่มีสิ่งที่ต้องปกป้อง


แม่เสือสู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องลูกของมันแบบไหน เขาก็สู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญของตัวเองแบบนั้น


ใบหน้าของคนที่อยู่ห่างไกลผุดวาบขึ้นมาชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อสัญญาณไฟเลี้ยวกระพริบขึ้นที่หน้าปัดหลังพวงมาลัยรถ


นัยน์ตาสีเข้มฉายแววมาดร้ายอย่างไม่คิดปิดบัง


เขาต้องรีบเก็บกวาดให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นเด็กคนนั้นจะเป็นอันตราย


เด็กคนนั้น...


“ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ทำไมผมถึงรักคุณก็ไม่รู้”


แมวน้อยของเขา...


“ความรักนี่...เข้าใจยากจังเลยนะครับ”


ต้องปกป้อง ต้องโอบกอดไว้ให้แน่นที่สุด...


ยังไม่ทันสิ้นความคิดประตูรถก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก


“เชิญเลยครับนาย ผมเตรียมที่พักไว้ให้หมดแล้ว”


คนสูงวัยหันไปมองหน้าผู้มาใหม่อย่างเชื่องช้า


คนๆ นี้ยังเป็นเหมือนเดิมไม่มีผิด


ใบหน้าหยาบกร้านนั้นดูดุดัน ดวงตาข้างขวานั้นก็ฉายแววเทิดทูน ทั้งที่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายสูญเสียดวงตาข้างซ้ายไปแท้ๆ ไม่รู้ทำไมถึงยังเคารพเขามากมายขนาดนี้


“ทำงานได้ดีเหมือนเดิมเลยนะภพธร”


อีกฝ่ายก้มหัวให้เขาเล็กน้อยๆ ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้บอดีการ์ดที่เหลือเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้เป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง


ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เลยจริงๆ ...


“เชิญทางนี้เลยครับนาย”


คนพูดไม่ว่าเปล่า ร่างกำยำค้อมตัวลงแล้วผายมือเป็นทำนองให้เขาเดินนำไปด้วย


ไม่ชอบ...ไม่ชอบเลยจริงๆ


เขาไม่ชอบการกระทำทั้งหมดในตอนนี้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นเปรียบเสมือนเสาเข็มที่ตอกกระแทกลงมากลางใจเขาซ้ำๆ


สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการย้ำเตือนว่าเขาเป็นคนสกปรก


โลกของเขามันสกปรก...สกปรกเสียจนไม่อยากลากอีกฝ่ายลงมาเกลือกกลั้วด้วย เด็กคนนั้นควรเติบโตอย่างแข็งแรง เป็นคนในโลกสีเทาสว่างที่สดใสและร่าเริง


แต่เขาขาดอีกคนไม่ได้...


ขาดไม่ได้พอๆ กับที่เขาหันหลังให้กับทุกสิ่งที่พ่อสร้างมาไม่ได้ แม้จะอยากไปอยู่กับอีกคนในโลกสว่างมากแค่ไหน หรือแม้จะไม่อยากลากอีกคนเข้าสู่วังวนโสมมนี้แค่ไหน สุดท้ายแล้วมันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี


สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเดินไปตามการเชื้อเชิญนั้นอยู่ดี














เข็มนาฬิกาของเขาดูเหมือนจะหยุดเดินตั้งแต่วินาทีที่พระอาทิตย์ตกดิน


หลังจากเดลเดินจากไป อะไรต่อมิอะไรก็ดูเหมือนจะกระอักกระอ่วนขึ้นกว่าเก่าจนเขาไม่อาจนั่งฟังทีนสารภาพบาปได้ สิ่งเดียวที่เขานึกออกคือต้องรีบเดินทางกลับไปโรงแรมเพื่อสงบสติอารมณ์ให้เร็วที่สุด


แต่การเดินลงมาจากจุดชมวิวเพื่อหารถกลับโรงแรมแล้วพบว่าเดลได้ทิ้งรถเอาไว้ให้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องสนุก


ทุกครั้งเวลาที่เขาไปไหนมาไหนกับเพื่อนจอมแสบคนนั้นแล้วเจ้าตัวจำเป็นต้องกลับไปก่อน อีกฝ่ายมักจะทิ้งรถเอาไว้ให้เขาใช้เดินทางกลับโดยซ่อนกุญแจไว้บริเวณล้อรถเสมอ


ขนาดโกรธกันตั้งมากมายขนาดนี้ อีกคนก็ยังทำกับเขาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน


การได้เห็นรถคันนั้นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดในใจเขามากไปอีกหลายทบทวีคูณ


สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจขับรถคันนั้นกลับมา หวังเพียงว่าจะได้เจอคนที่หายไปที่ห้องพัก แต่เหมือนช่วงนี้โชคชะตาจะเกลียดเขาเข้าไส้...


ห้องพักหรูหรามืดสนิท


มืดและเงียบสงัด


คนๆ นั้นไม่แม้แต่จะกลับมาเก็บของที่โรงแรม ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนตอนกลางวันที่เขาเดินออกจากห้อง ไม่มีอะไรถูกขยับ ไม่มีอะไรเปลี่ยนตำแหน่ง กระเป๋า เสื้อผ้า ทุกอย่างของอีกคนก็ยังอยู่ครบ มีแค่อย่างเดียวที่หายไป...


[เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ The Number…]


เพื่อนของเขาหายไป


เสียงโอเปอเรเตอร์รื่นหูดังขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สิ่งเดียวที่รู้คือเพื่อนคนนั้นตัดเขาออกจากการติดต่อทุกช่อ
งทาง มือถือของเดลปิดสนิท ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้ฝากข้อความเสียง โซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหมดไร้การเคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่คำใบ้ว่าอีกคนหายไปไหน


ใจหนึ่งก็อยากจะโกรธที่ทิ้งกันไว้กลางทางแบบนี้ แต่จะโกรธได้ยังไงในเมื่อตัวเขาเองรู้อยู่เต็มอกว่าใครคือคนที่ทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น


เป็นเขาเอง...เป็นตัวเขาทั้งหมด


ความไม่เชื่อใจที่ถูกบ่มเพาะจากคำพร่ำสอนที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง


อย่าเชื่อใจใคร


อย่าไว้ใจใคร


ไม่มีใครเป็นมิตรที่แท้จริง


ไหนพ่อบอกว่าถ้าทำตามแล้วชีวิตเขาจะมีแต่ความปลอดภัยไง ไหนพ่อบอกว่าถ้าเชื่อฟังพ่อแล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีไง


ไม่เห็นจริง...ไม่เห็นจริงเลยสักนิด


“พี่ครับ ผมควรทำยังไงดี”


เสียงของเขาดังฝ่าความมืดออกไป หวังเพียงให้มีปาฏิหาริย์ให้คนที่เขาพยายามเรียกหาตอบกลับมา


หวังเพียงให้เขาได้เจอหน้าเพื่อนอีกครั้ง สิ่งที่เขาจะทำคือการขอโทษอย่างจริงใจ


น่าเสียดายที่พระเจ้าไม่ปราณีเขาสักเท่าไหร่...


[เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ The Number…]


ข้อความเดิมๆ ที่ได้ยินซ้ำๆ มาเป็นสิบๆ รอบกำลังทำให้กำแพงความอดทนของเขาพังทลายลงทีละเล็กทีละน้อย


[เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ The Number…]


ตอบสิ ตอบกลับมาสักทีสิ


[เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ The Number…]


ทำไมไม่รับสาย ทำไมถึงทิ้งเขาไว้แบบนี้


[เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกคะ...]


เพล้ง!


เสียงเครื่องมือสื่อสารที่กระทบเข้ากระกระจกบานสวยบนฝาผนังห้องแต่งแต้มบรรยากาศของค่ำคืนที่หม่นหมองและเงียบงันให้ปรากฏสีสันขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง


เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ที่เขาไม่ต้องอยู่ในรัตติกาลที่เงียบสงัดเพียงลำพัง


ร่างสูงโปร่งทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพรมหรูช้าๆ ใบหน้าของเขาเปียกชื้น แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นลอดออกมาจากริมฝีปากสวย ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเย็นแว็บกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง


‘ตอนที่กูคิดว่ามึงไว้ใจกู กูดีใจมาก กูดีใจมาตลอดจนกระทั่งรู้ว่าเรื่องทุกอย่างกูคิดไปเองทั้งหมด กูดีใจมาตลอดจนกระทั่งถึงตอนที่ทีนหันไปสบตามึงเมื่อกี้เลยดิม’


สายตาผิดหวังแบบนั้น...


‘กูยอมรับว่ากูขี้แกล้ง กูก็แค่อยากแกล้งมึงเหมือนอย่างที่กูชอบทำ อยากเห็นมึงมีความสุขเหมือนอย่างทุกที แล้วดูสิว่ามึงตอบแทนกูด้วยอะไร’


น้ำเสียงสั่นเครือแบบนั้น...


‘สุดท้าย มึงก็ไม่เคยมองกูเป็นเพื่อนเลย’


น้ำตาที่ไหลออกมาหยดนั้น...


คบกันมาเป็นสิบปีไม่ยักจะเคยเห็น แต่พอได้เห็นมันกลับ...


‘ดิม...เรา เราขอทะ...’


ไม่ใช่แค่เดล แต่เขาเองก็ไม่เคยเห็นคนที่มีรอยยิ้มสดใสตลอดเวลาอย่างทีนหน้าซีดขนาดนั้นเหมือนกัน


การได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นเหล่านี้ต้องแลกมีด้วยสิ่งที่มีราคาค่างวดมากมายเหลือเกิน...


“โอ้ พระบิดาบนสวรรค์...”


เสียงของเขาสั่นเครือกว่าครั้งไหน


“ลูกผิดเอง ลูกผิดเอง”


หยาดน้ำตาที่รินไหลคือชิ้นส่วนของตัวเขาที่กำลังแตกสลาย


เขาจ่ายราคาของการได้เห็นสีหน้าที่ไม่เคยเห็นจากเพื่อนด้วยสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพ เขาจ่ายมันไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว


...ไม่มีวัน...


ไม่รู้ว่าเขาใช้เวลานานแค่ไหนในการนั่งอยู่ในความมืดแล้วจ้องมองผนังที่ว่างเปล่า เศษกระจกมากมายกองอยู่ที่พื้นพรมเบื้องล่าง ผนังสีขาวที่เคยสวยปรากฏร่องรอยของสีผนังที่ไม่เท่ากันอย่างไม่น่าดู


ไม่น่าดู แต่เขาก็ดู ดูอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้สึกถึงแสงสีทองที่ค่อยๆ ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาในห้อง


ร่องรอยของความแตกสลายที่แสนปวดร้าวปรากฏอยู่ทั่วทุกแห่ง


กระจกที่แตก


โทรศัพท์มือถือที่พัง


มือของเขาที่โดนเศษกระจกบาด


...ยับเยินสิ้นดี...


ไม่ไหว ถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปเขาได้ตายแน่


พอคิดได้แบบนั้น มือมันก็ขยับไปคว้ากุญแจรถตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็ขับรถออกมาในเมืองเสียแล้ว


เพราะไม่มีจุดหมายที่จะไปตั้งแต่แรก ประกอบกับยังเช้าอยู่มาก ร้านค้าต่างๆ ก็ยังไม่เปิดให้บริการ เด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงขับรถวนไปวนมาในตัวเมืองเพื่อระงับความฟุ้งซ่านในจิตใจ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าการขับรถอย่างไร้ทิศทางกำลังทำให้เขาเผชิญหน้ากับความลำบาก เมื่อจู่ๆ รถยนต์คันเล็กก็ดับสนิทลงเสียดื้อๆ ตรงกลางทาง


รถยนต์คันเล็กของเขาดับลงอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งที่หน้าปัดน้ำมันก็ยังชี้อยู่เกิดครึ่งถัง แถมตอนขับมาก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาเสียเอากลางทางเสียได้นะ


อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้กัน


ร่างโปร่งก้าวลงจากรถด้วยความรู้สึกเคว้งคว้างยิ่งกว่าครั้งไหน โทรศัพท์มือถือของเขาพังไปแล้ว ยิ่งตู้โทรศัพท์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในยุคสมัยที่สมาร์ทโฟนเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองแบบนี้ ตู้โทรศัพท์ก็โดนยกเลิกไปแทบทั้งหมด


หลังจากหันรีหันขวางอยู่นานก็เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเขาบ้างเมื่อจู่ๆ ก็มีชายชราที่ขับรถผ่านมาเข้ามาถามไถ่และให้ความช่วยเหลือโดยการไปขอให้คนแถวนั้นช่วยกันดันรถเขาเข้าไปไว้ตรงไหล่ทาง หนำซ้ำยังใจดีมากพอที่จะให้เขายืมใช้โทรศัพท์ติดต่อหาทางโรงแรมอีกต่างหาก


เขาโทร.ไปบอกปัญหากับทางโรงแรมพร้อมกับฝากข้อความไว้ให้บอกเดลว่าเขาอยู่ที่ไหน


ในกรณีที่อีกฝ่ายกลับมาน่ะนะ...


“งั้นโก้ไปก่อนนะน้องบ่าว โย้ได้ใช่ไหม (งั้นพี่ไปก่อนนะน้อง อยู่ได้ใช่ไหม)


เขายอมรับว่าฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็พอจับใจความได้ว่าอีกคนคงขอตัวไปก่อน จึงทำได้เพียงพยักหน้าไปช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้ม


“ขอบคุณมากครับพี่”


หลังจากกล่าวขอบคุณกันเสร็จสรรพ ชายคนนั้นก็จากไปทิ้งเขาไว้กับรถยนต์ที่ไร้ประโยชน์และถนนที่ว่างเปล่า


เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ จึงได้รู้ว่าด้านหน้าของเขาเป็นโรงเรียน ส่วนที่อยู่ฝั่งถนนเดียวกับเขาคือสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีป้ายบอกอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หลังจากชั่งใจว่ายังไงทางโรงแรมก็คงไม่ส่งคนมาถึงภายในห้าหรือสิบนาทีนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินไปดู


ประตูเหล็กบานใหญ่ถูกแง้มออกเป็นช่องเล็กๆ พอให้คนเดินเข้าไปได้ เมื่อมองลอดรั้วเข้าไปจึงได้เห็นสถานที่ที่เขารู้จักเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก


สุสาน...แถมยังเป็นสุสานคริสต์เสียด้วย


บนป้ายที่อยู่ห่างไปไม่กี่เมตรมีคำสั้นๆ ขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า ‘สุสานคาทอลิก ภูเก็ต’ เขามองป้ายนั้นอยู่อึดใจก่อนจะหันหลังกลับ...


เขาเกือบจะหันหลังเดินกลับไปที่รถของตัวเองอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าเขาเห็นอะไรบางอย่าง...


รถยนต์ญี่ปุ่นสีแดงคันเล็กที่จอดอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งที่เขายืนเป๊ะๆ ทำให้ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปดูป้ายทะเบียนเพื่อเช็คความแน่ใจ


ทันทีที่เห็นได้เห็นเลขทะเบียนเต็มตา นัยน์ตากลมก็พลันเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะหันใบหน้ามองตรงเข้าไปยังสุสานที่ทอดตัวยาวอยู่ในบริเวณรั้ว


รถคันนี้เป็นรถของทีนไม่ผิดแน่ แต่ทำไมถึงมาที่นี่


ดวงตาสวยหรี่ลงอย่างครุ่นคิด


จะว่ามาโรงเรียนก็ไม่ใช่ เพราะถ้ามาโรงเรียนจริงก็ควรจะเข้าทางด้านหน้า ไม่ใช่ด้านหลังที่ประตูปิดสนิทแบบนี้ อีกอย่าง ทีนไม่มีความจำเป็นต้องมาโรงเรียนเลยสักนิด


แต่ทีนก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาสุสานคาทอลิกเหมือนกันไม่ใช่เหรอ


เขาหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเพื่อนของเขาไม่ได้มาจอดแวะเพื่อซื้อของที่ร้านไหน เช้าขนาดนี้นี้ ไม่มีร้านค้าสักร้านในละแวกที่เปิด


ถ้าอย่างนั้นก็คงเหลืออยู่ที่เดียว...


นัยน์ตาสีดำสนิทมองตรงไปข้างหน้า


...มองตรงไปยังถนนที่ทอดยาวเข้าไปในตัวสุสาน...


เพื่อนของเขาคนนี้เป็นพุทธทั้งตระกูล แม้แต่เดลเองก็เป็นพุทธ มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่เป็นชาวคริสต์ เท่าที่จำได้ สองคนนั้นไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งบทสวดสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยซ้ำ


จู่ๆ ก็มาสุสานคริสต์ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ...


เพราะทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้อีกต่อไป เรียวขายาวจึงพาเจ้าของก้าวจ้ำเข้าไปในสุสานด้วยความรวดเร็ว


สุสานแห่งนี้สงบร่มรื่นไม่ต่างจากสุสานอื่น ในยามเช้าแบบนี้ไม่ค่อยมีผู้คนในสุสานมากนัก เขามองเห็นหญิงชราคนหนึ่งอยู่ไกลไปลิบๆ กับชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าหลุมศพริมทางเดิน ท่าทางสงบนิ่งของอีกฝ่ายทำให้เขาเกรงใจเกินกว่าจะเดินเข้าไปสอบถามว่าเห็นเพื่อนเขาบ้างไหม สุดท้ายจึงทำได้แค่เดินลัดเลาะไปตามหลุมศพต่างๆ อย่างเงียบเชียบ


บรรยากาศของที่นี่เงียบสงัด เสียงนกร้องที่ดังอยู่ไกลๆ กับแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่องลงมาบนผืนหญ้าช่วยส่งให้สถานที่แห่งนี้สวยงามยิ่งขึ้นกว่าเก่า


เขายอมรับว่าสถานที่สุดท้ายบนโลกมนุษย์ของผู้พักอาศัยที่นี่ช่างงดงาม


เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ


บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเกิดจากการที่เขาคิดไปเองอีกแล้วก็ได้


...นิสัยขี้ระแวงนี่แก้ยากไม่เบาเลย...


เสียงหัวเราะหยอกล้อกับตัวเองดังขึ้นในคอ นัยน์ตาเขาเหม่อมองป้ายสลักหินใกล้ตัวด้วยดวงตาที่แสนอ่อนล้า


เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนเพราะจิตใจฟุ้งซ่านเสียจนนอนไปหลับ แต่พอได้มาอยู่ที่นี่ ใจมันก็สงบลงมากโข


สุดท้ายแล้วเราทุกคนก็ล้วนเกิดเพื่อตาย พบเพื่อจากด้วยกันทั้งนั้น ยังไงเสีย ปัญหาทุกอย่างก็ต้องค่อยๆ แก้กันไป ถ้าแก้ไม่ได้ สุดท้ายมันก็จะตายไปพร้อมเราก็แค่นั้น


...สุดท้ายปัญหาเหล่านั้นก็จะสูญสลายไปพร้อมกับจิตวิญญาณของเราอยู่ดี...


ความฟุ้งซ่านในใจที่เริ่มลดลงก่อให้เกิดความง่วงนอน มือเรียวยกขยี้ตาตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหาวออกมาหวอดใหญ่


เห็นทีเขาควรจะไปนอนรอโรงแรมอยู่ในรถน่าจะดีกะ...


เขาคิดยังไม่ทันจบด้วยซ้ำในตอนที่ตามองไปเห็นชื่อที่สลักอยู่บนแผ่นหินแผ่นหนึ่ง


ป้ายหลุมศพนั้นเป็นเพียงแผ่นหินที่เรียบง่าย ไม่ได้ตกแต่งสวยงาม ไม่ได้ดูมีราคาค่างวดอะไร แต่ชื่อที่สลักอยู่บนนั้นกลับเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเฝ้าตามหามานานแสนนาน


ชื่อบนนั้น...ชื่อของพี่สาวที่เขาเฝ้ารอคอยจะพบเจอมาตลอดห้าปี


นางสาวดารินทร์ ไวยสมุทร ชาตะ 21 มีนาคม พ.ศ.2535 มรณะ 2 มกราคม พ.ศ. 2561


พี่สาวที่เขาเฝ้าตามหามาตลอดสามปี...


จากไป...จากไปแล้ว...


เขาคิดได้แค่นั้นก็จะหมดแรงล้มลงกับพื้น


เขาคิดได้แค่นั้นก็จะร้องไห้ออกมาเสียจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม


เขาคิดแค่นั้นก่อนจะสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนในชีวิต


...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของเขาแตกสลายแล้ว...









***********************************************************************





พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 08-04-2018 11:01:37
ๆๆ :hao5: :hao5: :hao5: โลกของดิมสลายไปแล้ว ลุงมาช่วยน้องเร็วๆนะ ร้องเลย ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 08-04-2018 14:37:49
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านชอบมากๆเลยค่ะ และก็สงสารน้องมากๆด้วย ลุงอยู่ไหนนนมาปลอบน้องเร็ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-04-2018 15:44:05
 :hao5:เศร้าได้อีก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2018 15:44:36
 :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-04-2018 17:56:56
ดิม กำลังมีปัญหา  :z3:
ลุง กำลังจะถูกปองร้าย
จากลูกน้อง ภพธรแน่ๆเลย   o22 o22 o22

เดล ขี้แกล้งเกินไป จนไม่น่าไว้วางใจ
ก็ต้องโทษนิสัยตัวเองด้วยล่ะ
ถ้ามันออกมาในรูปนี้
แถมดิมยังมีคำสั่งสอนของพ่อติดตัวมาอีก
ว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

พี่ดา เสียแล้ว นี่คงเป็นเหตุให้ทีนพูดไม่ออกสินะ
เพื่อนตามหาพี่สาวมาตลอด
แล้วให้บอกว่าพี่เสีย มันดับความหวังของดิมซะจริงๆ
แล้วดิม ทำมือถือพัง ตัวเองมีแผลอีก
แล้วจะติดต่อใครๆได้ยังไง ทำเรื่องเสียเองนะดิม
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-04-2018 19:30:53
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-04-2018 21:00:36
โอ้ยยยยยดิมเอ้ยยยยอะไรจะประเดประดังเข้ามาขนาดนี้นี่มันเป็นเหมือนบททดสอบการใช้ชีวิตของดิมเลยนะ คือเหมือนที่ผ่านมาดิมอยู่ในเซฟโซนของตัวเองมาตลอดจนกระทั่งมีลุงเข้ามาทำให้ดิมเปิดใจดิมถึงได้กล้าก้าวออกมาเผชิญโลกภายนอกแบบนี้ แต่ออหมาไม่ทันไรก็เจอแต่อะไรพีคๆทั้งนั้น สู้ๆนะดิมเอ้ย กรณีของเดลนี่ก็เข้าใจว่าผิดหวังแหละแต่เอาจริงๆตั้งแต่มาภูเก็ตนี่เราระแวงพฤติกรรมเดลมากนะ ตอนแรกนึกว่าเดลคือคนทรยศซะอีก ส่วนลุงก็เหมือนงานจะเข้าเป็นห่วงลุงจังกลัวจะเกิดเรื่องร้ายแรงไม่อยากให้ลุงเจ็บตัวเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-04-2018 00:36:55
พานพบแต่ความเจ็บปวดมาตลอดเลยหรอดิ่มดิ๊ม? เราได้แต่มองการเล่าเรื่องทุกอย่างผ่านดิ่มดิ๊มกับลุง

แต่เราไม่เคยได้รับรู้การเล่าเรื่อง
จากมุมมองที่ต่างออกไปเลย

การที่เดลแกล้งดิ่มดิ๊มอาจจะมีหลายสาเหตุปัจจัย
ขนาดเรายังรู้เลย
ว่าที่ดิ่มดิ๊มไม่กล้าไว้ใจใคร
นั่นเพราะเป็นคำสอนจากครอบครัว

ประเดประดังมาให้หมดเถอะ
ดิ่มดิ๊มจะได้เรียนรู้บ้าง
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา
ดิ่มดิ๊มเหมือนถูกปิดตาไว้ข้างนึงตลอด
ตามคนอื่นก็ไม่ทัน

จะเป็นแม่คนแล้ว
ดิ่มดิ๊มทำได้นะ
คนเราต้องสู้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-04-2018 01:11:36
สงสารดิม อยากให้ลุงมาปลอบดิม แต่เหมือนว่าลุงก็กำลังตกอยู่ในอันตราย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 10-04-2018 06:08:46
เศร้ากว่าเดิมอีก น้องดิมเจอแบบนี้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Second Song (8/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Emmaline ที่ 15-04-2018 15:59:21
สงสารดิม คุณปราณมาหาน้องด่วนนนน

 :ling3:

เดลนิสัยแบบนั้น แล้วใครจะเชื่อใจเดลได้อะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 22-04-2018 12:15:20
Twenty-Third Song










ควันสีเทาที่ลอยคละคลุ้งในอากาศคือสิ่งที่เขาใช้ย้ำเตือนตัวเองไม่ให้ยอมแพ้


การฝืนตัวเองให้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมตลอดเวลามาตลอดเจ็ดชั่วโมงติดต่อกันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนวัยหกสิบย่างหกสิบเอ็ดปีอย่างเขาเลย อาการเหนื่อยล้าเริ่มปรากฏขึ้นในแววตาจนเลขาของเขาต้องอ้างเรื่องการเซ็นเอกสารสำคัญเพื่อให้เขาได้ปลีกตัวออกมาพักบ้าง


ชายสูงวัยเอื้อมมือไปขยี้ก้านบุหรี่ในมือลงกับที่เขี่ยบุหรี่ข้างตัวแล้วจึงเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดเกือบแปดชั่วโมงที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาการเดินทาง เขานั่งหลังตรง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถมองเห็นรอบตัวได้อย่างชัดเจนที่สุด กว่าจะรู้ตัวว่าแผ่นหลังของเขารวดร้าวเกินทนไหวก็ตอนที่ต้องลุกขึ้นจากเบาะรถนั่นล่ะ


แต่ทนไม่ไหวแล้วยังไง อย่างไรเสียก็ต้องทน


เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าเล็ดลอดออกมาจากร่างกำยำที่ทอดตัวนั่งเอนหลังอยู่ในห้องมืดสลัว


เขาเป็นเจ้านาย จะมาอ่อนแอให้ลูกน้องเห็นคงไม่ได้ ที่สำคัญ...


นัยน์ตาคู่คมวาบวับขึ้น


เขายังจับตัวคนทรยศไม่ได้ ยังไงเสียก็คงต้องระวังตัวไว้ก่อน


ใช่ ระวังไว้ก่อน...


ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปหยิบเอกสารบนโต๊ะมาดูด้วยท่าทางไม่รีบร้อน ผลสรุปบัญชีธุรกิจมืดของเขาดูเรียบร้อยเหมือนอย่างทุกที แต่เมื่อพลิกไปหน้ารายงานการเคลื่อนไหวของบัญชีลูกน้องใต้อาณัติที่เลขาของเขาเพิ่งหาให้มาหมาดๆ ใบหน้าคมก็พลันฉายแววเย็นชาขึ้นถนัดตา


ก็ใช่ว่าจะไม่รู้เสียทีเดียวหรอกนะ...


-ก๊อก ก๊อก ก๊อก-


เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องหย่อนเอกสารในมือทั้งหมดลงในลิ้นชักแล้วปิดล็อกกุญแจอีกชั้นก่อนจะขยับเปลี่ยนท่านั่งกลับมาเป็นท่าทางจริงจังดังเดิม


“เข้ามา”


สิ้นคำอนุญาต ประตูไม้บานหนาจึงถูกเปิดออก เผยให้เห็นคนที่เขาเพิ่งวิเคราะห์ประวัติบัญชีของอีกคนไปหมาดๆ


คนที่เขาเริ่มจะไม่ไว้ใจ


“มีอะไรเหรอภพธร”


อีกฝ่ายโค้งให้เขาเล็กน้อยก่อนที่จะส่งเอกสารในมือมาให้


“บัญชีสรุปรายได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงเมื่อวานนี้ครับ”


เขายิ้ม


ยิ้มอย่างเป็นมิตรเหมือนทุกทีที่เจอหน้ากัน


“ขอบใจมากนะ ฉันมากลางคันแบบนี้ คงทำงานกันหัวหมุนเลยสิ”


รอยยิ้มนอบน้อมปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี้ยมเกรียมของคู่สนทนา


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับนาย ปกติบ่อนชายแดนก็ครึกครื้นอยู่แทบจะทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว ผมเองก็แค่สรุปงานเพิ่มอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ”


ท่าทางพยักหน้าน้อยๆ ของเขายิ่งกระตุ้นให้คนตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างขึ้น


“ช่วงนี้รายได้ของบ่อนเราดีมากเลยครับนาย ได้ลูกค้ารายใหม่มาเยอะกว่าเก่ามากเลยครับ”


“เหรอ”


เขาทอดเสียงเนือยๆ ราวกับไม่ใส่ใจหัวข้อที่อีกคนยกขึ้นมาพูดนัก


“แล้วทำไมจู่ๆ คนถึงได้มาเข้ากันเยอแยะล่ะ”


ได้ผล


นัยน์ตาคมลอบมองใบหน้าที่ถอดสีจนซีดเผือดก่อนจะกลับมาเป็นเช่นเดิมภายในไม่กี่วินาทีอยู่เงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไร


เขายังไม่คิดจะพูดอะไร


“คงเพราะบ่อนเล็กๆ หลายบ่อนปิดตัวไป ประกอบกับการที่เราอนุมัติปล่อยกู้เงินได้ง่ายขึ้นล่ะมั้งครับ อันนี้ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ”


ใบหน้าสูงวัยกว่ากระตุกยิ้ม


“เหรอ ฉันนึกว่าเป็นเพราะยาเสพติดตัวใหม่ที่ระบาดอยู่ในแถบนี้เสียอีก”


น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดกลั้วหัวเราะพลางกวาดตามองเอกสารตรงหน้าราวกับคนไม่คิดอะไร


เสียงลอบถอนหายใจที่เบาแสนเบาจากคนตรงหน้ายิ่งขยายรอยยิ้มบนใบหน้าคมให้กว้างขึ้นกว่าเก่า


อย่างน้อยคนตรงหน้าก็คิดไปแล้วว่าเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร


ดี สบายใจให้มาก เวลาตกลงมามันจะได้เจ็บ


“ช่วงนี้ยาเสพติดตัวใหม่ระบาดหนักมาก ฉันอยากให้ช่วยกันสอดส่องดูแลหน่อย ถ้ามันมาระบาดในถิ่นเรา คงไม่ดีเท่าไหร่”


“ทำไมเหรอครับนาย”


ใบหน้าของคนถามปรากฏแววสงสัยชัดเจน แต่มันไม่ใช่ความสงสัยแต่เพียงอย่างเดียว


ในนั้น...ในแววตาคู่นั้น มีแววของความมุ่งมั่นบางอย่างผสมอยู่ด้วย


“ก่อนอื่นฉันคงต้องถามว่า นายรู้อะไรเกี่ยวกับยาเสพติดตัวนี้บ้าง”


อีกฝ่ายนิ่งคิดไปอึดใจ


“เป็นยาเสพติดที่มีลักษณะคล้ายยาบ้า แต่ออกฤทธิ์แรงกว่า ติดง่ายกว่า ที่น่าแปลกคือราคาถูกกว่า”


“ใช่ ราคาถูกกว่า ตัดราคาพ่อค้ายาเสพติดอย่างกอบกิจไปเยอะเหมือนกัน เยอะเสียจนฉันชักอยากรู้แล้วว่าใครเป็นต้นสายผลิต”


เขาลอบมองปฏิกิริยาของคู่สนทนาก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ


“อย่างที่นายรู้ ฉันไม่ชอบยาเสพติด วงการนี้ไม่น่าสนใจสำหรับฉัน แค่ปล่อยเงินกู้กับทำบ่อนก็เพียงพอที่จะเลี้ยงบุญสรนพได้ทั้งตระกูลแล้ว”


ฝ่ามือใหญ่หยิบบุหรี่ออกมาจากซองอย่างไม่เร่งร้อน


“เห็นอย่างนี้ฉันก็เป็นคนรู้จักพอนะภพธร”


ริมฝีปากได้รูปค่อยๆ เปิดทางให้ควันสีเทาลอยคั่นระหว่างตัวเขากับคนตรงหน้า


“อะไรที่เสี่ยงเกินไป ฉันไม่ยุ่ง”


ความเงียบลอยเคว้งคว้างอยู่รอบตัวพวกเขาอยู่นานแสนนานก่อนที่มันจะถูกทำลายลงจากชายวัยกลางคนที่อยู่อีกฝากของโต๊ะ


“แต่ผมกลับมองว่า อะไรที่ทำให้เรายิ่งใหญ่ได้ ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือนะครับ”


ดวงตาคู่นั้นวาบวับ ฉายแววมุ่งมั่นยิ่งกว่าครั้งไหน


“ถ้าสมมติว่าเราขายยาตัวนี้ เราก็จะมีรายได้มากขึ้นเป็นกอบเป็นกำ จากนั้นก็จะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในวงการมืดนี้ได้ สามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องเกรงใจใครอีกเลยนะครับ”


“ภพธร”


เขาเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงแหบต่ำ


“อย่ามักมาก ที่สำคัญ...”


นัยน์ตาคู่คมสบกลับเข้าไปหาดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของอีกคน


“อะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง อย่าทำ”


ไม่มีใครพูดอะไรออกมาต่อจากนั้น


เขาเงียบ อีกฝ่ายก็เงียบ แต่เหมือนมันจะเป็นความเงียบคนละแบบ...


-กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง-


เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องละสาตาจากคนที่อยู่อีกฝากของโต๊ะแล้วเอื้อมมือไปรับสาย


เขาไม่คิดจะพูดคำทักทายด้วยรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


จะพูดให้เหนื่อยทำไม ในเมื่อเขารอโทรศัพท์สายนี้มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว


[อย่างที่เราคิดเลยครับ]


“ดี จัดการด้วย”


เขากรอกเสียงลงไปแค่นั้นก่อนจะวางสายลงด้วยท่าทีสบายๆ


เป็นธรรมชาติเสียจนตัวเขาเองยังแปลกใจ


“ภพธร”


คนถูกเรียกชื่อเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเคารพเช่นเคย


ไม่น่าเลย...


“นำทางฉันเดินตรวจงานในบ่อนที”


“ได้เลยครับนาย”


ไม่เอะใจ ไม่แม้แต่จะสงสัย


คนๆ นี้เทิดทูนเขาเอาไว้เหนือหัว ทุกการกระทำที่ทำลงไปล้วนคิดถึงตัวเขาและตระกูลเป็นสำคัญ


แต่บางครั้ง คนขยันที่โง่ก็เป็นตัวอันตราย


“ถ้างั้นเริ่มจากชั้นล่างสุดแล้วกัน ฉันอยากรู้ว่าคุกใต้ดินของเรายังทำงานได้ดีรึเปล่า”


น่าเสียดาย...น่าเสียดายจริงๆ












เสียงก้องที่สะท้อนกันไปมาระหว่างพื้นและผนัง บางครั้งก็ชวนให้หนวกหู


เสียงพื้นรองเท้าหนังที่กระทบกับพื้นคอนกรีตดังก้องไปทั่วบริเวณเสียจนเจ้าของรองเท้าอย่างเขายังอดหนวกหูไม่ได้ น่าแปลกที่คนนำทางของเขายังทำสีหน้าเรียบเฉยได้ราวกับรูปสลักหินที่ไม่รู้จักความรำคาญ


“เสียงก้องพวกนี้น่าปวดหัวนะว่าไหม”


“แต่ผมว่าเสียงพวกนี้ก็ดีกว่าเสียงโหยหวนนะครับ ตอนที่ผมต้องลากลูกหนี้มาเก็บในนี้นี่สุดจะทนเลยครับนาย”


คำพูดติดตลกของอีกฝ่ายทำให้เขาหัวเราะออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก พอคนพูดได้เห็นแบบนั้นก็พลอยหัวเราะตามมาด้วย


“พักนี้ได้ใช้ที่นี่บ้างไหม”


คำถามธรรมดาถูกพูดออกมาได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติเสียจนคนฟังจับพิรุธไม่ได้


“ใช้บ้างครับ แต่พักหลังมานี้ก็ไม่ค่อยแล้ว”


“เพราะเปลี่ยนจากใช้ปืนเก็บเป็นปล่อยให้ขาดยาจนตายแทนสินะ”


สิ้นคำพูดของเขา คนตรงหน้าก็หันขวับมาด้วยใบหน้าตื่นตะลึงยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยเห็น


อาจจะเพราะมันตกใจ หรืออาจจะเพราะหันกลับมาแล้วเห็นปืนจ่อหัวอยู่


อีกฝ่ายตกใจเพราะอะไร เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน


“นะ นายครับ นายพูดเรื่องอะไรกัน”


ริมฝีปากนั้นสั่นระริก นัยน์ตาสั่นไหวส่อพิรุธชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังดึงดันที่จะปฏิเสธ


“ยาอะไรกันครับ ผมไม่เข้าใจ”


“ก็ยาเสพติดตัวใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ไงครับพี่ภพธร”


เสียงของบุคคลที่สามที่ดังแทรกมาจากทางด้านหลังของคนถูกเรียกทำให้ชายวัยกลางคนเกือบหันไปมอง ติดเสียแต่ว่าตรงหน้ามีปืนจ่ออยู่ ท่าทางของเจ้าตัวเลยดูเก้ๆ กังๆ พิกล


น่าสมเพชจริงๆ


“ก้องภพ แกพูดอะไรของแก ยาอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”


“ว้าว ไม่รู้เลยนะครับ คุณสายส่งยาหมายเลขเจ็ด เอ หรือต้องเรียกว่า มิสเตอร์พี เหมือนอย่างที่ใช้ในการติดต่อสายส่งดีครับ”


เสียงลมหายใจที่กระชั้นขึ้นของคนถูกกล่าวหายิ่งทำให้คนพูดได้ใจ


“อย่าให้ผมต้องแฉพี่ไปมากกว่านี้เลยครับ น่ากลัวคุณปราณจะระเบิดสมองคุณก่อนจะได้คุยกันเสียเปล่าๆ”


“มึงหุบปากไปเลยนะไอ้ก้อง!”


“ใจเย็นสิภพธร”


น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า


“หัวเสียจนสติหลุดแบบนี้ ไม่สมเป็นนายเลยนะ”


“ผมไม่ได้ทำนะครับนาย ผมถูกใส่ร้ายจริงๆ นะครับ ผม...”


“ฉันจะถามแค่คำถามเดียว และถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้นายตอบให้ตรงคำถามหน่อย”


นิ้วชี้ใหญ่เลื่อนไปตรงตำแหน่งไกปืน


“ทำแบบนี้ทำไม”


“นายครับ ผมไม่ดะ...”


“เป็นสายส่งยาให้ไอ้วิทยาทำไม!”


เสียงตะคอกทรงอำนาจของชายสูงวัยทำให้คนฟังทั้งสองคนหยุดหายใจไปชั่วขณะ


“นายครับ ผะ ผม...”


“ฉันจะนับแค่หนึ่งถึงสาม”


ปืนที่ถูกขยับให้ตรงกับตำแหน่งศีรษะของคนที่ยืนตัวสั่นเทิ้มทำให้เลขาหนุ่มถอยหลังออกมาเล็กน้อย


“นายครับ ผมไม่ได้ตั้งจะ...”


“หนึ่ง”


“นายครับ ได้โปรด...”


“สอง”


“คุณปราณครับ...”


“สาม”


“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทรยศคะ”


-ปัง!-


เสียงปืนเพียงนัดเดียวหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดภายในคุกใต้ดินได้ชะงัด


ร่างสูงใหญ่ของผู้ที่เคยมีชีวิตค่อยๆ ล้มลงบนพื้นคอนกรีตอย่างไร้การควบคุม บรรยากาศหนักอึ้งของความตายที่รายล้อมถูกทำลายลงด้วยคำพูดของคนที่ยืนพิงผนังอยู่ไม่ไกล


“กล็อกรุ่นสี่สิบสามใช่ไหมครับ ผมว่ามันใช้ง่ายดีนะ”


“แต่ส่วนตัวฉันชอบรุ่นสิบเก้ามากกว่า”


เขาพูดตอบคำหยอกเย้านั้นเรียบๆ พลางเก็บปืนกลับลงในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในตามเดิม


คนถูกตอบกลับหัวเราะเบาๆ


“คุณนี่มันเป็นคุณจริงๆ เลยให้ตายสิ ขอถอนคำพูดที่บอกว่าคุณอ่อนโยนลงได้รึเปล่า”


“หุบปากแล้วรีบไปทำงานต่อได้จะขอบคุณมาก”


“ไม่เอาสิครับ พักบ้างเถอะ เมื่อวานตอนเช้าเราก็ไปส่งคุณดิมกันที่สนามบิน พอคุณดิมไปปุ๊บ เราก็ทำงานต่อกันจนไม่ได้พัก จนตอนนี้หกโมงเช้าของอีกวันเข้าไปแล้วนะครับ น่ากลัวจะพักผ่อนน้อยจนตายเอาทั้งคู่”


“สรุปสถานการณ์ตอนนี้มา”


คนสูงวัยเมินคำพูดกึ่งห่วงใยกึ่งหยอกของเลขาตนอย่างจงใจ


คนหนุ่มกว่าส่ายหน้าใส่เขาเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนปกติ


“สถานการณ์ตอนนี้คือเรารู้ว่าไอ้นี่”


ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยังอุตส่าห์ชี้นิ้วลงไปหาร่างไร้ชีวิตที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล


“ทำงานเป็นสายส่งยาให้วิทยาอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนสาเหตุ...น่ากลัวว่าจะต้องส่งคนไปถามนะครับ”


“ถ้ายังยึกยักอีกนิด น่ากลัวว่าคนที่ต้องไปถามอาจจะเป็นนาย”


สิ้นคำพูด อีกฝ่ายก็กระแอมไอออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติก่อนจะปรับเป็นท่าทางจริงจังเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดหลายชั่วโมง


“จากหลักฐานทั้งหมดที่เรามี ภพธรเป็นสายส่งยาให้วิทยามาสักพักใหญ่ๆ แล้ว อาจจะเกินครึ่งปี แต่ก่อนหน้านี้กำไรไม่มาก ไม่ได้ไปขัดแข้งขัดขาใครจนตามสืบตัวได้แบบนี้”


ชายหนุ่มเอื้อมมือเข้าไปในชุดสูทก่อนจะดึงแท็บเล็ตออกมาเปิดข้อมูลให้เขาดู


“จากข้อมูลบัญชี ภพธรให้เงินที่ได้จากการค้ายาทั้งหมดโอนเข้าไปในบัญชีของลูกสาวเป็นจำนวนสามบัญชี ของภรรยาสามบัญชี และของตัวเขาเองอีกสามบัญชี กระจายกันไป ดูเผินๆ ไม่มีพิรุธเลย แต่พอมาตรวจสอบดีๆ ถึงพบว่าเงินทั้งหมดมาจากแหล่งเดียวกัน”


“คนโอนคนเดียวกันเหรอ”


คนถูกถามส่ายหน้า


“เปล่าครับ แต่มาจากสาขาเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะต่างสาขาไปก็ยังเป็นจังหวัดเดียวกันอยู่ดี ชื่อคนโอนก็จะวนเวียนอยู่สามสี่คน ตรวจสอบได้ง่ายมาก แสดงให้เห็นถึงความไก่อ่อนของพวกมือใหม่”


เขาหัวเราะร่วนกับคำปรามาสที่อีกฝ่ายหลุดออกมาจากปาก


“ก็เด็กมันอยากลอง ปล่อยมันหน่อยเป็นไร”


“น่ากลัวจะปล่อยไม่ได้ครับเพราะมันขัดแข้งขัดขาเราพอสมควร”


ฝ่ามือคร้ามแดดกดแสดงผลข้อมูลอย่างคล่องแคล่ว


“ยาเสพติดชนิดใหม่ค่อนข้างส่งผลร้ายแรงต่อผู้เสพ ร้ายที่สุดคือบำบัดยากมาก หากใช้วิธีหักดิบก็คงตายเพราะร่างกายจะเกิดอาการอยากยาอย่างรุนแรง ชนิดที่ยาเสพติดชนิดไหนก็ไม่เคยทำให้เกิดมาก่อน ที่แย่กว่านั้นคือมันราคาถูกมาก พันธมิตรเราขาดทุนกันไปเยอะทีเดียว ร้ายกว่านั้นมันทำธุรกิจค้ามนุษย์ด้วย เรียกว่าหยามหน้าคุณพิทักษ์แบบไม่มีชิ้นดี แต่ก็อย่างที่เราคุยกันล่ะครับ ไอ้เด็กนี่มันมือใหม่”


หน้าจอแสดงผลปรากฏกราฟซับซ้อนที่ยากจะเข้าใจ แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่อุปสรรคสำหรับชายสองคนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส


“วิธีการทำงานดูเหมือนจะรัดกุมแต่จริงๆ แล้วกระจอกมาก การโอนเงินเข้าบัญชีเดิม ในพื้นที่เดิม ใช้คนเดิมๆ ซ้ำๆ มันไม่ฉลาด แย่กว่านั้นคือการคิดจะงัดข้อกับรุ่นใหญ่โดยพยายามแทรกซึมเข้ามาในองค์กรโดยใช้ตรรกะที่ว่าให้เข้าหาคนที่ดูน่าไว้ใจนั้นมันกระจอก เพราะผมไม่คิดว่าข้อเสนอของมันจะดีพอที่ทำให้คนที่สำคัญต่อองค์กรจริงๆ เปลี่ยนใจ”


ชายหนุ่มเบนหน้ามาสบตาเขาแล้วฉีกยิ้มกว้าง


“เงินที่ภพธรได้ทั้งหมดรวมกันทุกบัญชีแล้วยังน้อยกว่าเงินเดือนที่คุณให้ผมอีกนะครับ”


แล้วพวกเขาก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน


“ผมถึงได้บอกไงว่าวิทยามันทำตัวเหมือนกำลังเล่นขายของ คิดจะเข้าวงการนี้ การทำแบบนี้บอกเลยว่าไม่ฉลาด อ๋อ แล้วก็เรื่องที่คุณสงสัยว่า ‘เพื่อนเก่าแก่’ ของคุณจะเป็นแบ็กให้เด็กนี่ไหม ผมขอตอบเลยว่าไม่ แต่เด็กนี่มีแบ็กแน่ แถมน่ากลัวว่าจะเป็นคนที่คุณไม่ค่อยอยากได้ยินชื่อเสียด้วย”


คิ้วเข้มขมวดยุ่งพลางสบตาคนพูดอย่างคาดหวังคำตอบ


“ดลนธีครับ ดลนธี ไวยสมุทร พ่อบังเกิดเกล้าของคุณดิมไงครับ”


“นายจะบอกว่าดิมทรยศฉัน...”


“เปล่าครับ ผมไม่ได้พูดถึงคุณดิม ผมพูดถึงพ่อของเขากับวิทยา”


เลขาของเขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“คือ...ผมกำลังพูดถึงพ่อเลี้ยงของคุณดิมกับลูกชายแท้ๆ ของเขา”


นัยน์ตาคมเบิกโพล่งอย่างตกตะลึง


“นายหมายความดิมไม่ใช่ลูกของดลนธีเหรอ...”


“ครับ คุณดาใช่ วิทยาใช่ แต่คุณดิมไม่ใช่”


ไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจ


“ตอนแรกที่สืบข้อมูลไปจนรู้ว่าแบ็กของวิทยาคือคุณดลนธี ผมก็เลยเอะใจนิดหน่อยว่าทำไมเขาถึงยอมมาเป็นแบ็กให้ มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นของผมเองครับ พอสืบไปสืบมาก็พบว่าดลนธีเคยคบกับแม่ของวิทยาก่อนจะแต่งงานกับแม่คุณดิมเพราะว่าแม่ของคุณดิมท้องคุณดา พอจะเข้าใจไหมครับ ผมพูดเร็วไปรึเปล่า”


ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาช้าๆ


“สิ่งที่ฉันเข้าใจตอนนี้คือดิมกับดามีแม่คนเดียวกัน ส่วนดากับวิทยามีพ่อคนเดียวกัน”


“ถูกต้องทุกประการเลยครับ”


ชายหนุ่มปัดหน้าจอแท็บเล็ตให้ปรากฏภาพแผนผังความสัมพันธ์ขึ้นบนหน้าจอ


“การแต่งงานของดลนธีกับแม่คุณดิมมันเป็นไปเพราะผลประโยชน์ ฝั่งแฟนเก่าของเขา...ผมหมายถึงแม่ของวิทยา ก็เช่นกัน สรุปก็เลยเป็นชู้กันแล้วก็ออกมาเป็นวิทยา ส่วนแม่คุณดิม ผมคาดว่าเขาก็คงไปมีชู้เหมือนกัน ก็เลยออกมาเป็นคุณดิม”


“นายรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง”


“คลิปเสียงครับ”


ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังเปิดเข้าหาไฟล์อย่างชำนาญก่อนจะกดให้คนถามฟัง


ทันทีที่ไฟล์เสียงจบลง คนช่างพูดก็เริ่มบทสนทนาต่อ


“ตอนที่สืบหาข้อมูลเรื่องคนที่ให้การสนับสนุนวิทยา แฮ็คไปเรื่อย ผมก็ไปเจอคลิปเสียงที่ดลนธีเรียกเขาว่าลูกเข้า ก็เลยใช้เส้นสายคนของเราในโรงพยาบาลประกอบกับแฮ็คข้อมูลระบบนิดหน่อยทำให้ได้ข้อมูลดีเอ็นเอของทุกคนมาแล้วผมก็นำมาเทียบกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอีกนิดก็เลยสรุปความสัมพันธ์ของพวกเขาออกมาได้ครับ”


ฝ่ามือใหญ่คลึงขมับของตัวเองเล็กน้อยพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“ดิมรู้เรื่องนี้รึเปล่า”


คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะหันมาสบตาเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


“คิดว่าไม่ครับ และผมมั่นใจว่าถ้าเขารู้...เขาคงรับไม่ได้หรอก”


“งั้นอย่าให้รู้น่าจะดีกว่า”


“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ”


ชายสูงวัยพยักหน้าน้อยๆ ในหัวของเขากำลังคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรกับข้อมูลที่ได้รับมาดี


ให้รู้ทีหลังคงไม่ดี แต่ถ้าจะให้บอกเลยก็กลัวว่าอีกคนจะแตกสลายเอา


ยาก...ยากจริงๆ


แต่ยังไงก็ต้องจัดการเรื่องตรงหน้าให้เสร็จเสียก่อน


“ไม่มีคนของเราทรยศอีกแล้วใช่ไหม”


“ถ้าจากหลักฐานที่เรามีตอนนี้ ยังไม่มีครับ”


“ดี”


เขาปรายตามองร่างไร้วิญญาณตรงพื้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากสั่งการต่อ


“เก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ต้องกระโตกกระตาก ใครถามว่าภพธรไปไหนก็บอกไปแค่ว่าย้ายไปที่อื่นแล้ว”


นัยน์ตาคมสบลึกเข้าไปในดวงตาที่ฉายแววฉงน


“ฉันมั่นใจว่ามันมีคนทรยศมากกว่านี้แน่ แค่ต้องรอเวลาให้เผยตัว ปล่อยให้มันตายใจเข้าไว้ จะได้เก็บกวาดทีเดียว”


ใบหน้าคร้ามแดดของชายหนุ่มกระตุกยิ้มพร้อมโค้งรับคำสั่งอย่างรื่นเริง


“รับทราบครับ”


ร่างกำยำซุกหมุนตัวเดินไปทางบันไดเพื่อกลับขึ้นไปด้านบน หากยังไม่วายพูดสั่งการต่อ


“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปพักผ่อนซะ ฉันจะเรียกตัววัฒนามาจากสาขาใหญ่ให้มาประจำที่สาขานี้ บ่ายๆ คงมาถึง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คืนนี้เราจะเดินทางกลับกรุงเทพเลย”


“แล้วจะให้ผมซื้อตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ตไว้เลยไหมครับ”


คำถามที่แสนรู้ใจทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสูงวัย แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากตอบ เสียงโทรศัพท์มือถือของอีกคนก็พลันดังขึ้นจนเขาต้องหยุดยืนรอ


เขาเห็นชายหนุ่มรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนอย่างเคยก่อนที่ใบหน้านั้นจะขมวดคิ้วยุ่งแล้วเอ่ยลาปลายสายไป


ทำไม เกิดอะไรขึ้นกัน


ชายหนุ่มมองตรงมายังเขาด้วยใบหน้าวิตกกังวลก่อนจะรีบหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาจัดการบางอย่างด้วยท่าทีเร่งร้อน


“สถานการณ์ฉุกเฉินแล้วครับคุณปราณ สายของเรารายงานว่าพบเอกชาติแล้ว...”


คนพูดหยุดมือเพื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย


“แต่พบในสภาพศพนะครับ”


ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้ความเย็นไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าและมือของเขาอย่างรวดเร็ว


“จากรายงานคือศพถูกพบที่ภูเก็ตโดยชาวประมงที่ไปออกเรือหาปลา จากนั้นก็เป็นข่าวใหญ่โต ตำรวจลงมาดูแลคดีแล้ว เราคงไปแตะต้องมากไม่ได้ แต่เท่าที่ออกข่าวคือมีรอยกระสุนบริเวณศีรษะ มาทำนองนี้คงไม่ต้องคาดหวังให้จมน้ำตายแล้ว น่าจะโดนระเบิดสมองตายมากกว่า แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือสายของเรารายงานว่า จากการสอบถามชาวบ้านมีคนเห็นเอกชาติกับชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเข้าพักที่โรงแรมห่างออกไปประมาณห้ากิโลเมตรจากบริเวณที่พบศพ ชาวบ้านบรรยายว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาออกจีนๆ หน่อย”


คนพูดพักหยุดหายใจเล็กน้อย


“คุณลองเดาสิครับว่าคนๆ นั้นน่าจะเป็นใคร”


เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ในอก ความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกกำลังจะฆ่าเขาทั้งเป็น


ได้โปรด อย่าเป็นอย่างที่คิดเลย...


“วิทยา...”


ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปากของอีกฝ่าย มีเพียงการโชว์หน้าจอแท็บเล็ตที่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดในโรงแรมที่พักแห่งหนึ่งให้เขาดูเท่านั้น


ภาพเคลื่อนไหวของคนคุ้นตาสองคนทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


เขาเข้าใจแล้วว่าอีกคนอยากจะพูดอะไร


ตอนนี้ศพที่พบคือศพเอกชาติ แต่ถ้าช้ากว่านี้ ศพต่อไปคงเป็น...


“จองตั๋วเครื่องบินไฟท์ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะไปถึงสนามบินได้ทัน เดี๋ยวนี้!”


ได้โปรดอย่าเป็นอะไร


...อย่าเป็นอะไรนะดิม...






***********************************************************************


[เกร็ดความรู้]



กล็อก (Glock GmbH) เป็นบริษัทผู้ผลิตอาวุธสัญชาติออสเตรีย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Deutsch-Wagram ทางตอนเหนือของออสเตรีย ก่อตั้งโดยนายแกสตัน กล็อก (Gaston Glock) เมื่อ ค.ศ. 1963 มีชื่อเสียงในฐานะเป็นผู้ผลิตปืนกล็อก ซึ่งเป็นปืนพกที่มีโครงสร้างเป็นโพลิเมอร์ มีน้ำหนักเบา บำรุงรักษาง่าย เพราะมีชิ้นส่วนที่เป็นสนิม น้อยกว่าปืนพกยุคก่อนที่ใช้โครงสร้างเหล็ก นอกจากนี้กล็อกยังเป็นผู้ผลิตมีดพก และพลั่วสนาม สำหรับใช้ในกองทัพ



ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%84





***********************************************************************



พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ







หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 22-04-2018 12:55:37
โอละพ่อไปกันใหญ่แล้ว
ดิ่มดิ๊ม...
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-04-2018 13:13:17
วิเคราะห์กันหนักเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 22-04-2018 13:17:15
ไปถึงด่วนๆเลยนะลุง  :katai1: ลุ้นตามไปด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-04-2018 13:56:50
ลุงมาดโหดนี่น่ากลัวจริงๆ หวังว่าลุงจะกลับไปรับน้องเหมียวทันเวลานะ.  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2018 14:14:58
รีบไปหาน้องดิมด่วนๆเลยลุง
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-04-2018 18:27:51
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-04-2018 21:48:13
ลุงไปช่วยน้องดิมเร็วเข้า :katai1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 22-04-2018 22:29:15
 :กอด1:รอตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 22-04-2018 22:46:31
เราชอบนะ แนวโอจิค่อนนนนนน น่ารัก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-04-2018 00:30:45
ปมเริ่มเยอะขึ้นเนอะ สงสารดิมอ่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-04-2018 11:09:49
โอ้ยยยยอะไรกันนักหนาเนี่ยดิมเอ้ยยหมดปมของพี่สาวแล้วก็มาปมของพ่อต่อ ถ้าจำไม่ผิดวิทยานี่คือแฟนเก่าของดิมใช่มะ ถ้าใช่งั้นนั่นก็เป็นเหตุผลที่พ่อดิมไม่กีดกันเรื่องวิทยาสินะเพราะรู้อยู่แล้วว่าวิทยาเป็นใครงั้นเหรอ โหหห แบบนี้จำทำร้ายจิตใจดิมมากไปมั้ยอะ ลุงรีบไปหาน้องที่ภูเก็ตเลยนะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 23-04-2018 23:46:34
ลุงรีบไปหาแมวน้อยเลยยย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Third Song (22/04/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-04-2018 09:37:15
โอ้ เรื่องดาว่าหนักแล้ว มาเจอเรื่องดิมไม่ใช่ลูกแท้ๆนี่อีก...

งั้นดิมก็ไม่ปลอดภัยมากๆ แถมเพื่อนยังเข้าใจผิดไปหมด

ดีไม่ดีอาจมีเบบี๋ของลุงอีกก็ได้ นี่มันแบบ... o22
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-05-2018 18:08:12
Twenty-Forth Song









แตกสลาย...นั่นเป็นคำเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้...


เด็กหนุ่มนั่งมองป้ายสลักหินตรงหน้ามาหลายนาทีแล้ว แม้จะไม่มีรูปของคนที่คุ้นเคย แต่ชื่อที่เขียนอยู่บนนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง


พี่ดาตายแล้ว


พี่สาวของเขาตายแล้ว


ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขารักและรักเขาจากเขาไปยังสถานที่ที่ไกลแสนไกลเสียแล้ว


“ใจร้ายจังเลยนะครับพี่”


นิ้วเรียวสวยค่อยๆ คลี่รูปใบเล็กที่เขามักพกติดตัวอยู่ตลอดโดยที่ไม่ละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า


“ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวไปไม่บอกผมสักคำ”


เสียงหัวเราะฟังดูแปลกแปร่งเกินกว่าจะเป็นเสียงแห่งความสุข เขาหยุดสะอื้นไปนานแล้ว หากนัยน์ตากลมคู่นั้นยังปรากฏหลักฐานของความปวดร้าวให้เห็น


ไม่...ไม่ใช่แค่ปรากฏหลักฐาน...


หยาดน้ำใสกลิ้งผ่านขนตาสวยลงมาบนแก้มในวินาทีที่เขาหลุบตามองรูปในมือสลับกับป้ายหินตรงหน้าด้วยความรู้สึกปวดหนึบไปทั้งอก


มันยังคงอยู่ ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดยังลอยฟ่องอยู่ในใจราวกับกลุ่มควันที่ไม่ว่าจะเอามือปัดป้องเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจางหายไปโดยง่าย ยิ่งได้เห็นภาพตรงหน้า หัวใจของเขาก็ยิ่งร้าวราน


เขาเพิ่งจะได้ภาพๆ นี้มาก็จริง แต่นักสืบที่เขาว่าจ้างก็บอกแล้วว่าเป็นภาพเก่าที่เพิ่งค้นมาได้ ในตอนนั้นเขาคิดตื้นๆ แค่เพียงว่าคนเราคงไม่เปลี่ยนที่อยู่ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ยิ่งดูจากสภาพบ้านที่ไม่ได้มีลักษณะเหมือนบ้านแบ่งเช่าแล้วเขาก็ยิ่งมั่นใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะพังทลายลงมาภายในพริบตาแบบนี้


ขอเพียงแค่รู้จักไตร่ตรองให้มากกว่านี้ เขาจะไม่ต้องเสียเวลามาเหยียบที่นี่เลย


ขอเพียงแค่รู้จักคิดมากกว่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่เลวร้ายเหมือนอย่างที่เป็นอยู่เลย


‘คิดง่ายไปน่ะสิ’


เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยแว็บผ่านเข้ามาในหัวเหมือนเทปที่ถูกกรอซ้ำ


ท่าทางเขาจะเด็กเกินไปอย่างที่ตาลุงนั่นปรามาสเอาไว้จริงๆ


หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าตกกระทบผืนดิน


คิดง่ายเกินไป เด็กเกินไป


โง่...เกินไป...


ร่างผอมโปร่งชันเข่าขึ้นมาชิดอกก่อนจะวาดมือไปโอบกอดมันไว้


...กอดตัวเองเอาไว้...


“ไม่เป็นไร ดิมจะไม่เป็นไร”


เขาบอกตัวเอง


“เรื่องแค่นี้เอง ยังไงก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”


เรียวแขนบางกอดตัวเองแน่นขึ้นอีกหน่อย


“ไม่เป็นไร”


เขากระซิบแข่งกับสายลมที่พัดหวีดหวิวอยู่ข้างหู


“ไม่เป็นไรนะดิม”


“โถ ดูสิใครมานั่งกอดเข่าอยู่ตรงนี้กัน”


เสียงของบุคคลที่สองที่แทรกขึ้นมาอย่างไม่ได้รับเชิญทำให้เด็กหนุ่มต้องกุลีกุจอปาดน้ำตาแล้วยันตัวลุกขึ้นไปเผชิญหน้า


อันที่จริง ต่อให้ไม่หันไปก็พอจะรู้อยู่ว่าเป็นใคร


“ไม่เจอกันคืนเดียว ยับเยินเลยนะดิม”


อีกฝ่ายฉีกยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าครั้งไหน ดวงตาเรียวเล็กแนบชิดจนเกือบจะติดกันสนิท แก้มยุ้ยยกขึ้นดูสดใสร่าเริง แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าขาวเหลืองนั้นบิดเบี้ยวพิกล


...รอยยิ้มบนใบหน้าของแฟนเก่าเขาดูวิกลจริตเสียจนน่าหวั่นใจ...


“ทำไมวิทย์ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”


“แล้วทำไมดิมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”


คำถามที่ไม่ได้คำตอบถูกย้อนกลับมาให้เขาเป็นคนตอบ แต่น่าแปลกที่เขาคิดอยากจะตอบ


มีบางอย่างบอกเขาว่า เขาไม่จำเป็นต้องตอบ


“ก็แค่ผ่านมา”


“เหรอ” อีกฝ่ายรับคำแล้วสาวเท้าเข้ามาหาเขาเรื่อยๆ จนอยู่ในระยะที่ห่างกันเพียงหนึ่งช่วงแขน “แต่เราตั้งใจมานะ”


รอยยิ้มนั้นยังประดับอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย


เขาเห็นมัน เห็นมันจนกระทั่ง...


“อ๊า!”


ร่างของเขาถูกกระแทกอย่างแรงจนล้มลงกับพื้นดินขรุขระ ผิวหนังรับรู้ได้ถึงรอยบาดของกรวดหินที่ตำลึกเข้ามาในร่าง แต่ความเจ็บเหล่านั้นกลับเทียบไม่ได้เลยกับร่างสูงโปร่งของอีกคนที่กระโดดทับลงมาพร้อมกับเอามือสองข้างกดลำคอเขาไว้แน่น


นี่มันบ้าอะไรกัน


“ไอ้ดิม เพราะมึง ชีวิตกูถึงฉิบหายแบบนี้” มันกระซิบลอดไรฟันพลางเพิ่มแรงกดขึ้นจนเขาเริ่มหายใจไม่ออก


...ณ วินาทีนั้นไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในสมองมากไปกว่าการเอาชีวิตรอด...


เด็กหนุ่มบังคับให้รองเท้าหนังมันปลาบที่พ่อเขาสั่งตัดให้อย่างดีกระทบเข้าหากันอย่างแรงหนึ่งครั้งเพื่อเปิดกลไกมีดที่ซ่อนไว้ในหัวรองเท้า ในวินาทีที่มัจจุราชเบื้องบนพยายามจะช่วงชิงวิญญาณไปจากร่าง เรียวขาเล็กเคลื่อนไหวไปมาอย่างชำนาญ เขาอาศัยการงอเข่าเพื่อขยับใบมีดให้เข้าใกล้เหยื่อได้มากขึ้น ก่อนจะพุ่งเท้าเข้าหาส่วนบั้นท้ายของอีกฝ่ายจนสุดแรง


“อ๊า!” เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้ถูกทำลายมาพร้อมกับแรงบริเวณฝ่ามือของมันที่ลดหายไปชั่วขณะ


เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...เขาอาศัยเพียงชั่วเสี้ยววินาทีในการออกแรงล็อกคอของคนที่กำลังร้องโหยหวนให้พลิกกลับลงไปสยบใต้ร่างเขาแทน


“มึงเป็นเหี้ยอะไร! มึงทำเหี้ยอะไรของมึงฮะไอ้เหี้ยวิทย์!”


“ฮะ ฮะ ฮ่าๆ”


เสียงหัวเราะชวนขนลุกของคนที่เขานั่งคร่อมอยู่ยิ่งทำให้จิตใจที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วหวาดหวั่นยิ่งกว่าเก่า


นี่มันอะไรกัน


เกิดอะไรขึ้นกัน


“อยากรู้ว่ากุเป็นอะไร...”


เสียงที่มันเปล่งออกมานั้นกระท่อนกระท่อนเพราะแรงบีบจากมือของเขา แต่น้ำเสียงนั้นกลับเจือไปด้วยโทนสมเพช


“ก็ลองถามพี่มึงดูสิ”


“มึงรู้อะไรเกี่ยวกับพี่กู!”


แรงบีบที่เพิ่มขึ้นอย่างอัตโนมัติทำให้คนด้านล่างตาเหลือกราวกับกำลังจะสิ้นลมหายใจ โชคดีที่เขาควบคุมตัวเองได้ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง ฝ่ามือเรียวที่กุมอยู่รอบคอของคนด้านล่างจึงผ่อนแรงลงเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกบังคับให้ฮอร์โมนในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านเสียจนมือสองข้างสั่นระริก ตรงข้ามกับคนใต้ร่างโดยสิ้นเชิง


แทนที่คนเฉียดตายจะมีอาการเหมือนกับเขา มันกลับหัวเราะร่ายิ่งกว่าเก่า


“มึงหัวเราะอะไร!”


เขาตะคอกด้วยเสียงสั่นเทา ถ้าเป็นในยามปกติ สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แย่พอจะทำให้เขาหวั่นไหว แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่...


ตัวเขาในตอนนี้บาดเจ็บยับเยินแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เขาหวาดกลัว


ใช่...เขากลัว...กลัวทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังประดังประเดเข้ามาเสียจนต้องปกปิดมันเอาไว้ด้วยความฉุนเฉียวอย่างรุนแรง ซ้ำร้ายคือไม่ใช่แค่เขาที่รู้เรื่องนี้...


...มันก็รู้...


“อย่าเกรี้ยวกราดสิดิม”


ใบหน้าที่เขาเคยมองว่าหล่อเหลานั้นยิ้มร่าชวนขนลุก นัยน์ตาวิปลาสคู่นั้นสบลึกเข้ามาในตาของเขา


...ลึกราวกับจะตามจองล้างจองผลาญเขาจนถึงแก่นในสุดของดวงวิญญาณ...


“ทีตอนที่พี่มึงท้องลูกกูทั้งๆ ที่มึงยังคบกับกู แล้วกูบอกให้ไปทำแท้ง มันยังไม่เห็นจะเกรี้ยวกราดแบบนี้เลย”


เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างแตกสลายดังขึ้นในหัว มันดังก้องอยู่อย่างนั้น สะท้อนไปมาราวกับจะไม่มีวันหยุด


อะไร มันพูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย


ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ


“ทำไมเมียเก่าของผมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้กันนะ ดูสิ ขนาดคนที่ไว้ใจที่สุด ยังหักหลังเลย โถ น่าสงสาร”


มันพูดอะไร เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย


“มึงโกหก”


เสียงของเขาแหบพร่า


ใช่ มันโกหก ต้องโกหกแน่ๆ


“ก็แล้วแต่จะคิดนะ เอาเป็นว่ากูขอบอกมึงไว้อีกอย่างแล้วกันนะดิม”


เขาเห็นมันยิ้มเย้ยหยันผ่านม่านน้ำที่พร่ามัวในดวงตา


“มึงมันเป็นแค่เศษเดนที่ไม่มีใครต้องการ ขนาดพ่อแท้ๆ ของมึงยังไม่เคยมาดูดำดูดีมึงเลย”


ร่างของเขาสั่นระริกยิ่งกว่าเก่า


อะไร มันพูดถึงอะไร


“ถามจริงเถอะว่ามีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อดล”


ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว


“มึงมันก็แค่ลูกชู้ ทุกคนรู้แต่มึงไม่รู้ไงไอ้ควาย!”


สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย หมัดหนักๆ ก็พลันกระแทกเข้ากับใบหน้าเสียจนร่างโปร่งกระเด็นลงไปนอนกองอยู่กับพื้น


เขาควรจะลุก


ใช่ เขาควรลุก


“แล้วความเหี้ยมันก็คือการที่ลูกชู้อย่างมึงยังมีชีวิตอยู่ดีกินดีทั้งที่กูต้องกระเสือกกระสนไง!”


“อ๊าก!”


ของแข็งบางอย่างฟาดเข้าบริเวณแขนขวาของเขาอย่างแรงเสียจนเขาดิ้นพล่าน


เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน


“ของๆ มึงมันควรจะเป็นของกู”


“อ๊า!”


มันฟาดซ้ำลงมาที่รอยเดิม


“พ่อของมึงก็ควรได้มาแต่งงานกับแม่กู แล้วก็เลี้ยงดูกู ไม่ใช่ปล่อยให้กูอยู่กับไอ้แก่วิปริตนั่นจนเป็นแบบนี้!”


มันฟาดแรงกว่าเก่า ย้ำซ้ำๆ ลงมาที่รอยเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขารู้สึกถึงบางอย่างในร่างที่แตกหักออกจากกัน เขารับรู้ได้ถึงแขนที่เบ้ไปผิดรูปผิดร่างอย่างน่ากลัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงกัดฟันยอมรับความเจ็บปวดโดยไม่คิดจะลุกขึ้นสู้ให้เปลืองเวลา


เขาสู้ไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นด้วยตัวเองไม่ได้อีกแล้ว


เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน


“ไอ้จริงๆ กูก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรมึงสักเท่าไหร่หรอกนะ กะว่าจะเขี่ยทิ้งไปแบบนิ่มๆ ไม่ถึงกับฆ่าแกงกันให้เสียมือ แต่ช่วยไม่ได้ว่ะ...”


แม้ร่างกายและจิตใจจะเป็นแผลเหวอะหวะเสียจนขยับไม่ได้ แต่หูเขากลับได้ยินเสียงทุกอย่างอย่างชัดเจน


-กริ๊ก-


เสียงปลดสลักกลไกในจังหวะที่คุ้นเคยทำให้เขาหลับตาลงช้าๆ


จบแล้ว


ทุกอย่าง...กำลังจะจบแล้ว


“ถ้าผัวแก่ของมึงไม่มาเสือกเรื่องกูก่อน มึงคงไม่ต้องมาตายแบบนี้ น่าเสียดายนะ”


บุคคลที่ถูกกล่าวถึงทำให้มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย


ในช่วงเวลาใกล้ตายของคนโสมมอย่างเขายังอุตส่าห์มีโอกาสได้ยินเรื่องราวของผู้เป็นที่รัก เพียงเท่านี้ก็นับว่าเป็นพระกรุณาจากพระผู้เป็นเจ้ามากแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่ยังไม่ได้ทำในเรื่องที่อยากทำเลยสักอย่าง ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ล้วนไม่มีโอกาสได้บอกลาใครเลยสักคน


โอ้ พระบิดาบนสวรรค์ หากพระองค์จะทรงเมตตาลูกผู้นี้ ลูกอยากจะวอนขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์...


“ถ้าจะโทษใครสักคน ก็โทษตัวมึงที่เกิดมาผิดที่ผิดทางก็แล้วกัน”


ได้โปรด ฝากคำรักไปถึงคนๆ นั้นด้วย ได้โปรดบอกเขาว่า...


“คุณปราณครับ ผมรักคุณนะ”


-ปัง! ปัง!-


สิ้นเสียงนั้น ความเจ็บปวดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตแผ่นขยายกระจายซ่านไปทั่วร่าง


เจ็บ...เจ็บเสียจนลมหายใจกระตุกวูบไปพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่ตาย


...เขายังไม่ตาย...


“ไอ้เหี้ยแม่งเอ๊ย!”


เสียงคุ้นเคยที่สบถอย่างหยาบคายที่ดังมาจากที่ไกลๆ คือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ร่างบอบช้ำบนผืนดินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


เสียง...เสียงของใครบางคนที่เขาเฝ้าตามหามาพักใหญ่


“ไอ้ทีนมึงเรียกรถพยาบาลรึยังวะ”


“เขามาถึงแล้ว เดี๋ยวเราออกไปนำทางมาเอง”


เสียงของคนสองคนที่เขาคุ้นเคย


“เออ เร็วๆ เลย ไม่งั้นแม่งไอ้ดิมน็อกอยู่ตรงนี้แน่”


เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่จากไปอย่างรีบเร่งพร้อมๆ กับความอบอุ่นที่แตะลงบนแขนที่บอบช้ำอย่างแผ่วเบา


“โทษทีว่ะ กูเหนี่ยวไกช้าไปหน่อย ถ้าเร็วกว่านี้คงยั้งจังหวะที่มันจะเหนี่ยวไกได้”


ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายทำร้ายอีกคนก่อนแท้ๆ ยังอุตส่าห์มาขอโทษเขาอีก


...เป็นคนประหลาดจริงๆ ...


“ไอ้เหี้ยเอ๊ย เบี่ยงมาลงไหล่แบบนี้แสดงว่าตอนแรกไอ้เหี้ยนั่นแม่งเล็งหัวเลยนะนั่น ใจหมาจังวะ”


ถ้อยคำไม่สุภาพมากมายพรั่งพรูออกจากปากของอีกคนไม่รู้จบ มากเสียจนเขาอยากจะเอ่ยปากปรามว่ามันไม่ค่อยสุภาพสำหรับการพูดในสถานที่แห่งนี้นัก แต่น่าเสียดายที่เขาทำไม่ได้


เขาเจ็บเสียจนเปล่งเสียงไม่ออกแล้ว


“เจ้าหน้าที่พยาบาลมานู่นแล้ว ทนอีกหน่อยนะมึง”


สัมผัสอ่อนโยนแตะลงบนกลุ่มผมยุ่งเหยิงของเขาเบาๆ


“อีกเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะ”


น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากเพื่อนที่เขาทำร้ายไปอย่างแสนสาหัสทำให้ดวงตาของเขาร้อนผ่าวราวกับมีไฟสุม


ไม่ไหว ช่างเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยดิม ทั้งที่มีเรื่องอยากจะพูดด้วยอีกตั้งมากมาย แต่แค่เอ่ยปากออกไปก็แทบจะทำไม่ได้แล้ว แต่ยังไงก็มีคำนึงที่ต้องพูดให้ได้


ต้องพูดให้ได้...


“ขอโทษนะ”


สุดท้ายเขากระซิบออกไปได้เพียงแค่นั้น


“ขอโทษ”


แล้วทุกอย่างก็พลันร่วงหล่นสู่ความมืดในชั่วพริบตา








***********************************************************************


จะ จบ จริงๆ แล้ว น้าาาาาา


มาถึงจุดนี้ได้ยังไงกันนะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่จบแล้วซะอีก 555555


ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ เรื่องนี้ติดดองไปหน่อย ไม่ขอแก้ตัวใดๆ แต่เราเขียนเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ การเรียนหนักหน่วงขึ้นมากเหลือเกิน ขอโทษด้วยนะคะ TwT


ฝากติดตามอีก 1 (หรืออาจจะ 2) ตอนที่เหลือด้วยนะคะ ^w^




***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ



หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 07-05-2018 20:41:52
 :a5: ห๊ะ อมก เพิ่งนึกออกตอนอ่านเจอว่าวิทย์คือแฟนเก่าดิม

เดี๋ยวนะ  o22 ดิมดันไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่วิทย์ดันเป็นลูกแท้ๆ

แล้วดิมไม่เคยรู้เลย แถมทั้งคู่เคยเป็นแฟนกันอีก

อมก ช็อค :katai1: ดากับวิทย์พ่อเดียวกัน ตาย ช็อคมาก

โอยยย  :freeze:  ขอให้ดิมไม่เป็นอะไร  แง้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-05-2018 21:23:33
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 22:09:50
โอ้โห!!! พีคในพีค :a5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-05-2018 22:37:17
สงสารดิมสุดๆ
ลุงมาโอ๋ดิมเร็วๆเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-05-2018 10:11:41
อื้อหืออออพีคในพีค ว่าดิมไม่ใช่ลูกแท้ๆนี่สุดแล้วนะกลายเป็นว่าวิทย์กับดาที่เป็นลูกพ่อเดียวกันดันมามีอะไรกันจนท้องอีก ไม่แหลกสลายก็คงไม่ไหวแล้ว สงสารก็แต่ดิมอะจริงๆดิมไม่รู้อะไรเลยนะเพราะน่าจะโดนกันออกมามากที่สุดแต่สุดท้ายก็โดนลูกหลงจนได้ ลุงรีบมาหาน้องเลยเร็วๆน้องไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-05-2018 23:48:07
คดีพลิกอย่างแรง สงสารดิมเลย ถ้าลุงมาเห็นสภาพลูกแมวน้อยตอนนี้ จะปรี๊ดขนาดไหนกันน้า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-05-2018 22:31:02
โอ้ย สงสารดิมมากเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fourth Song (7/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-05-2018 13:50:52
 :hao3: เฝ้ารอลุงมาปลอบดิม
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 26-05-2018 10:17:55
Twenty-Fifth Song









เขาไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลและไม่เคยคิดจะชอบ หลายๆ ครั้งที่ต้องมาอย่างช่วยไม่ได้ก็ทำได้แค่ปลอบใจตัวเองว่ามาเดี๋ยวเดียวแล้วก็ไป กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกพวกนั้นคงติดตัวเขาออกไปได้ไม่เท่าไหร่หรอก ยังไงเสียโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ที่ๆ ควรเอาตัวเองเข้าไปอยู่นานๆ อยู่แล้ว ความคิดแบบนั้น ต่อให้ผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนไป


มันไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งตอนนี้


“ไปพักก่อนไหมครับคุณปราณ เดี๋ยวถ้ามีอะไรผมจะโทรบอก”


คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไปไม่มากเสนอตัวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเขา แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าตัวก็ยังคงแสดงสีหน้ามุ่งมั่นเต็มใจรับผิดชอบให้เห็น


มันก็สมควรเต็มใจอยู่หรอก ที่ยังได้นั่งคุยกับเขาอยู่ตรงนี้โดยไม่โดนเขาซัดใส่สักหมัดก็บุญแค่ไหนแล้ว


อุตส่าห์เคลียร์ตารางงานของมันเพื่อให้มาช่วยดูแลเจ้าแมวน้อยของเขาแท้ๆ ที่ไหนได้กลับเป็นพวกไร้น้ำยากว่าที่คิด เห็นทีว่าเขาคงประเมินความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้มากเกินไปจริงๆ


นัยน์ตาคมเหลือบมองป้ายสีขาวที่ถูกแต่งแต้มด้วยตัวอักษรสีแดงเป็นคำว่า ‘แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน’ เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องการให้คนที่อยู่ข้างในนั้นปลอดภัย


ได้โปรดเถอะดิม อย่าจากกันไปแบบนี้


ด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คงที่นัก ชายสูงวัยเลือกที่จะปรายตามองคนถามเงียบๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก


เขาว่าเขาแสดงออกชัดพอแล้วว่าคำตอบคืออะไร


เคราะห์ยังดีที่เด็กหนุ่มคนนี้หัวไวพอที่จะไม่ซักไซ้ไล่เรียงให้เขาอารมณ์เสียขึ้นกว่าเก่า เจ้าตัวเลือกที่จะปิดปากแล้วนั่งเงียบๆ อย่างคนรู้งาน ผิดกับอีกคน...


“เอ่อ...”


เสียงทุ้มต่ำของคนที่นั่งอยู่บริเวณเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเรียกความสนใจของเขาและคนที่นั่งบนเก้าอี้ห่างออกไปสองตัวได้ดี


ถ้าจำไม่ผิด คนที่พูดขึ้นมาเหมือนจะชื่อทีน


ดวงตาของคนมากประสบการณ์ปราดสายตามองคนพูดเพียงแว็บเดียวก่อนจะเฉมองไปทางอื่น


ไม่ผิดจากที่ดิมเคยเล่าเอาไว้เลย


เด็กหนุ่มเคยเล่าเรื่องของชายคนนี้ให้เขาฟังในเช้าวันหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นวันที่เขาต้องให้คนไปเอารถของเจ้าตัวกลับมาจากร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันนั้นเขาจำอะไรได้ไม่มากนักเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับคนช่างพูดจนไม่ทันจับใจความอะไรให้ดี แต่เท่าที่จำได้ก็น่าจะมีหลักๆ อยู่ไม่กี่คำ


‘เขาเป็นคนดี พลังบวกล้นเหลือ ที่สำคัญ เขาเป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดเลยครับ’


ชายสูงวัยเหลือบมองเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปอีกครั้ง


ก็สดใสสมคำเล่าของเจ้าแมวน้อย แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เขากลับสัมผัสถึงความหวังในดวงตาของชายคนนี้ได้มากกว่าใครทั้งหมด แต่มีบางอย่างแปลกๆ


เขารู้สึกถึงบรรยากาศหม่นหมองบางอย่างที่รายล้อมอยู่รอบๆ ตัวของคนๆ นี้


ทำไมกันนะ


“ผมจะไปซื้อข้าว มีใครจะฝากซื้ออะไรไหมครับ”


 ไม่มีใครพูดอะไรออกไปในทีแรก จนคนถามต้องเอ่ยปากซ้ำ


“ผมจะไปเซเว่น มีใครจะฝากซื้ออะไรมะ...”


“กูไปด้วย”


เสียงพูดแทรกของเด็กหนุ่มอีกคนทำให้บรรยากาศรอบด้านกระอักกระอ่วนขึ้นอย่างฉับพลัน ทีนหันมามองหน้าเขาเหมือนตั้งใจจะขอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง


แต่มีหรือที่เขาจะสนใจ


“คุณเอาอะไรไหมครับ”


หลังจากรวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่ เด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งได้เจอก็ถามขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนจะเจาะจงถามเขาโดยเฉพาะเสียด้วย ท่าทางจะไม่อยากไปกับเดลจริงๆ ....


...แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเขาเสียหน่อย...


“ไม่ล่ะ ขอบคุณ”


คำปฏิเสธของเขาทำให้เดลได้โอกาสเดินไปกระตุกแขนให้เพื่อนของตนเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เห็นทีว่าคงมีอะไรที่เขาไม่รู้ แต่ไม่ควรจะรู้


เอาเถอะ ตราบใดที่มันยังไม่เกี่ยวกับดิม เขาไม่ใส่ใจนักหรอก


เมื่อถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังกับแสงไฟสลัวและกลิ่นยาฉุนจมูกที่เกลียดแสนเกลียด ใบหน้าคมเข้มก็ค่อยๆ ปรากฏความเหนื่อยล้าออกมาช้าๆ


ตลอดระยะเวลาสองสามวันมานี้เขาแทบไม่ได้พัก โชคดีที่ได้หลับบนเครื่องบินนิดหน่อย ตอนนี้ก็เลยพอทรงตัวอยู่ได้บ้าง เรื่องหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาใส่ราวกับจะทดสอบความแข็งแรงของตัวเขา...ของพวกเขา ว่าจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปได้หรือไม่
ถ้าให้พูดกันตามจริง เรื่องราวฝั่งธุรกิจของเขาก็ยังไม่เรียบร้อยนัก เลยจำเป็นที่จะต้องทิ้งเลขาคนสนิทให้จัดการเรื่องต่างๆ แล้วปลีกตัวออกมาเพียงลำพัง แม้จะได้รับการทัดทานว่าการเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวนั้นอันตราย แต่เขาก็ไม่อยากรอให้อะไรมันช้าไปกว่านี้อีกแล้ว


กลัวว่าทุกอย่างมันจะสายเกินไป


วินาทีแรกที่ได้รับโทรศัพท์จากเดลแจ้งว่าดิมถูกยิงและแขนหัก เลือดในร่างก็พลันเดือดพล่าน ตัวเขาเปลี่ยนจากคนสุขุมเป็นปีศาจภายในไม่กี่อึดใจ ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าเขาพร้อมทำลายทุกอย่าง พร้อมฆ่าทุกคนที่บังอาจมาแตะต้องคนที่เขารัก ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งคนที่อยู่ปลายสาย


มันทำให้ดิมเจ็บ พวกมันทำให้ดิมเจ็บ มันต้องตายเพื่อชดใช้


ในตอนนั้น หัวสมองของเขามีเสียงสะท้อนแห่งความเคียดแค้นดังก้องไปมาเสียจนเขาแทบสูญเสียการควบคุมตัวเอง


แต่เหมือนพระเจ้าจะยังเมตตาเขาอยู่หน่อย


เมื่อปลายสายแจ้งว่า คนที่ทำร้ายร่างกายดิมไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ประกอบกับคนเจ็บไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วง ปีศาจร้ายในตัวจึงสงบลงได้บ้าง


...บ้าง...


ใช่ แค่เล็กน้อยเท่านั้น


“ญาติคุณดนัย ติดต่อที่เคาน์เตอร์ห้องฉุกเฉินด้วยค่ะ”


ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางมั่นคง เก็บซ่อนความอ่อนล้าเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็น เขาเดินไปจัดการทุกอย่างตามขั้นตอนของโรงพยาบาล ไม่นานหลังจากนั้น ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมกับร่างของคนคุ้นเคยที่ห่างหายกันไปเพียงไม่กี่วัน
แค่ไม่กี่วัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้


แค่ไม่กี่วันที่ปล่อยมือคู่นี้ไป ทำไมถึง...


ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกจากจมูกเพื่อระบายอารมณ์ของปีศาจร้ายในตัวให้เย็นลง


โชคดีที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่ได้พลุกพล่านมากนัก ประกอบกับเด็กหนุ่มไม่ได้มีอาการหนักจนต้องอยู่ใกล้ชิดพยาบาลตลอดเวลา คนป่วยจึงมีได้รับอนุญาตให้อยู่ห้องพิเศษได้ตั้งแต่ออกจากห้องฉุกเฉิน


ชายสูงวัยเดินตามบุรุษพยาบาลไปเงียบๆ


ไม่มีคำถาม ไม่มีการชวนคุยอะไรทั้งนั้น เขาแค่ต้องการความสงบเพื่อกำราบความพลุ่งพล่านในตัว


เขาจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ไม่แม่นยำนัก รู้แต่เพียงว่าขั้นตอนในการดูแลผู้ป่วยนั้นมากมายเหลือเกิน กว่าจะเซ็ตอุปกรณ์ จัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้ก็กินเวลาไปอีกพักใหญ่กว่าที่ห้องจะกลับมาเงียบสงบ


กว่าจะได้อยู่กันตามลำพัง...


-ครืด ครืด-


อุปกรณ์สื่อสารในกระเป๋ากางเกงของเขาสั่นครืน ทีแรกที่รับรู้ได้ก็ตั้งใจไว้ว่าจะรับ แต่เมื่อเห็นชื่อคนโทร เขาก็เลือกที่จะปล่อยโยนมันลงบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยแทน


ให้สองคนนั้นรอสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร


รองเท้าหนังดังกระทบกับพื้นกระเบื้องในทุกก้าวที่เดิน แต่คนเดินก็ระมัดระวังที่สุดแล้วที่จะไม่ให้เสียงนั้นดังจนไปรบกวนการนอนของคนบนเตียง


แขนขวาที่หักได้รับการใส่เฝือกอย่างดี บริเวณหัวไหล่ข้างที่โดนยิงก็ดูเหมือนว่าจะได้รับการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกเรียบร้อยแล้ว ดูเผินๆ แล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง...


ไม่จริง ไม่จริงเลยสักนิด


ปกติดิมเป็นคนมีฝีมือพอตัว อาจจะไม่ได้เก่งมากแต่ก็ไม่น่าจะสะบักสะบอมขนาดนี้ ที่บาดเจ็บสาหัสได้ขนาดนี้ก็คงเพราะมีอะไรบางอย่างมารบกวนจิตใจด้วยแน่


ขออย่าให้ไอ้เศษเดนนั่นพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจของคนๆ นี้เลย แค่นี้...แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ดิมก็บาดเจ็บเกินพอแล้ว


-ครืด ครืด-


เสียงจากโทรศัพท์ที่ดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำให้เขาจำใจต้องผละออกจากข้างเตียงเพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

 
ร่างสูงเหลือบมองคนที่นอนพักผ่อนอยู่กลางห้องก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเดินออกไปด้านนอกบริเวณห้องพัก


เขาไม่อยากรบกวนคนป่วย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่อยาก


เรียวขายาวก้าวออกจากห้องพักแล้วเดินไปจนถึงบริเวณสวนใจกลางตึกที่พอจะใช้เสียงได้บ้างจึงได้กดปุ่มรับสาย


“ว่าไง”


เขากรอกเสียงทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ผิดกับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง


“คุณปราณ คุณหายไปไหนมา ผมตกใจแทบใจ แล้วนี่ดิม...”


“ตึกสี่ ขั้นหก ห้องสี่ศูนย์หกห้า”


เขาพูดตอบไปเพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายไป บอกตามตรงว่าเขายังไม่อยากเห็นหน้าหรือเสวนากับเด็กสองคนนั้นเท่าไหร่


กลัวตัวเองจะเผลอลั่นไกไปไม่รู้ตัว


ร่างกำยำระบายลมหายใจหนักๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ในสวน


หัวใจของเขาว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก


ไม่หรอก มันก็ไม่เชิงว่าจะไม่รู้สาเหตุเสียทีเดียว สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งวิตกกังวลอยู่ตอนนี้มันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าเพราะอะไร


มันชัดอยู่แล้วว่าเขากลัว...เขากลัวการสูญเสีย


ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาเผชิญหน้ากับความสูญเสียมามากมายหลายรูปแบบ ทั้งครอบครัว เพื่อน ลูกน้องหรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง เขาล้วนผ่านมันมาหมดแล้วทั้งนั้น เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวที่ไม่เคย


เขาไม่เคยสูญเสียคนรัก


เพราะชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายทำให้ไม่เคยรักใครจริงจัง เพราะแบบนั้น...


เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่หลับลง


แค่คิดว่าเจ้าแมวน้อยของเขาจะหายไปจากอ้อมอกของเขาตลอดกาลก็แทบทนไม่ได้แล้ว แม้เวลาของชีวิตเขาจะเหลือน้อย แต่ถ้าหากต้องอยู่โดยปราศจากอีกคนจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต...เขาจะอยู่ได้ยังไงกัน จะใช้ชีวิตโดยไม่มีเด็กคนนั้นให้กอดอีกแล้วได้ยังไงกัน


...คิดไม่ออกเลย...


ภาพของคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงฉายวาบขึ้นมาในความทรงจำจนทำให้มือใหญ่เผลอกำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว


ความรู้สึกผิดกำลังกัดกินจิตใจของเขาจนเหวอะหวะ ในตอนนี้เขาต้องการแค่จะหาใครสักคนมาเป็นแพะแบกรับความรู้สึกผิดนี้เอาไว้ แม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเป็นเด็ก แต่ก็ไม่อาจสลัดความคิดนั้นออกไปได้


พวกมันทุกคนนั่นแหละที่ผิด เดลผิดที่ดูแลดิมไม่ดีพอ ทีนก็ผิดที่ดูแลดิมไม่ดีพอ ไอ้ชาติชั่ววิทย์ก็เลวระยำที่มาทำร้ายดิมของเขา ที่เลวกว่านั้นคือไอ้ดลนธีและเมียของมันที่ทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงจนบาปกรรมต้องมาตกที่ดิม ไหนจะพี่สาวเจ้าปัญหาที่ตายอย่างไร้ประโยชน์นั่นอีก


พวกมันผิดกันทั้งหมด พวกมันทั้งนั้นที่ทำให้ดิมเป็นแบบนี้ พวกมันนั่นแหละ พวกมัน...


จู่ๆ ปลายจมูกของเขาก็เห่อร้อนขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป...ร้อนกว่าทุกครั้งในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา


หรือบางทีอาจจะเป็นเขาเองที่ผิดที่สุด


ขอแค่เพียงเขาไม่ปล่อยมือจาก ‘หัวใจ’ ในวันนั้น ขอแค่เพียงเขาจับมือคู่นั้นให้แน่นกว่านี้ ขอแค่เพียงเขากอดอีกคนให้แน่นกว่านี้
ขอแค่เพียงเขาทำให้ตัวเองน่าเชื่อถือและทำให้ดิมพึ่งพิงเขาให้มากกว่านี้ เรื่องทุกอย่างคงจบตั้งแต่แรก เขาและดิมคงช่วยกันไขปริศนาเรื่องดาและจบทุกอย่างอย่างรวดเร็ว


ขอแค่เพียงพวกเขาเชื่อใจกันให้มากกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น


ทั้งที่อยากปกป้อง อยากโอบกอด อยากบอกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง


สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่มองอีกคนโดนทำร้ายและต่อสู้อยู่เพียงลำพัง


ถ้าหากวันนึงดิมหมดแรงจะลุกแล้วเลือกที่จะจากไปล่ะ...


...ไม่ไหว แค่คิดว่าจะสูญเสียอีกคนไป จิตใจเขาก็เจ็บช้ำจนรับไม่ไหวแล้ว...


เสียงจ้อกแจ้กจอแจบริเวณสวนไม่ได้ทำให้คนสูงวัยหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ในหัวของเขามีภาพของ ‘หัวใจ’ ฉายซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาพร้อมกับคำถามมากมายในหัว ดังก้องไปมาอยู่อย่างนั้น


มันสะท้อนอยู่อย่างนั้น พร้อมกับหลุมในหัวใจที่แผ่กว้างขึ้นทุกขณะ


ถ้าใครมาเห็นเขาตอนนี้คงอดหัวเราะเยาะไม่ได้แน่ ใครจะคิดว่าปราณ บุญสรนพ ผู้สุขุมและเฉียบขาดกำลังเพลี่ยงพล้ำเพียงและเผยจุดอ่อนเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ทั้งที่ยิงลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานได้อย่างหน้าตาเฉย แต่พอเป็นเรื่องดิม เขากลับกลายเป็นแค่ไอ้งั่งคนนึงเท่านั้น


แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอ่อนแออย่างถึงที่สุด ร่างกายของเขาอ่อนล้า จิตใจเป็นแผลเหวอะหวะยากจะเยียวยา ตัวเขาเองบาดเจ็บไม่ต่างจากคนที่นอนรักษาตัวอยู่ในห้อง


พวกเขาบาดเจ็บ...ทั้งคู่...


ร่างสูงปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับตัวเองอยู่อย่างนั้นพักใหญ่


ปล่อยให้สายลมแผ่วๆ พัดผ่านร่างไปครั้งแล้วครั้งเล่า หวังเพียงแค่ให้สายลมเย็นนี้ช่วยเยียวยาเขาให้กลับมาพร้อมรับมือปัญหาต่างๆ ได้อีกครั้ง


ใช่ เขาควรจะเข้มแข็งกว่านี้


ในวันที่อีกคนกำลังอ่อนแอถึงขีดสุด เขาก็ควรที่จะมั่นคงและแข็งแรงเพื่อที่จะสามารถประคองอีกคนเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วพากันผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปได้


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดลึกเข้าไปในปอดเพื่อสร้างกำลังใจให้กับเจ้าของร่าง


จำได้ว่าเมื่อครู่พยาบาลบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมง หมอที่รับผิดชอบเคสของเด็กหนุ่มจะเข้ามาพบเพื่อแจ้งอาการของผู้ป่วย ซึ่งอาจจะรวมไปถึงค่าใช้จ่ายคร่าวๆ


เห็นทีว่าเขาควรจะต้องกลับไปเสียที


หวังด้วยว่าเขาจะไม่เผลอเหนี่ยวไกใส่เด็กสองคนนั้นด้วย












แม้จะไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาล แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าห้องทำงานของแพทย์ที่เขานั่งอยู่นี้ค่อนข้างกำจัดกลิ่นฉุนแสบจมูกของโรงพยาบาลไปได้มากโข


ห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างนักมีกลิ่นหอมของดอกไม้บางอย่างลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ถ้าให้เดาก็คงมีต้นกำเนิดมาจากอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับปลั๊กไฟที่อยู่ตรงมุมห้อง


กลิ่นหอมหนักๆ เย็นๆ คล้ายกล้วยหอมปนกับดอกไม้ก่อให้เกิดกลิ่นแปลกๆ ที่น่าหลงใหล แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มากพอที่จะดึงความสนใจของเขาออกจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม


“หมอ...ว่ายังไงนะครับ”


ดวงตาของคนตรงข้ามเปล่งประกายสดใสก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง


“คุณดนัยตั้งครรภ์ได้ประมาณสามสัปดาห์แล้วครับ แต่ยังไงหลังจากนี้ก็ต้องซักประวัติอีกทีเพื่อให้ได้ระยะเวลาที่แน่นอน จะได้ดูแลได้ถูกต้องนะครับ”


จริงเหรอ เขาไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม


“จากการตรวจร่างกายพบว่าคุณดนัยมีการผ่าตัดปลูกมดลูกและรังไข่ใช่ไหมครับ เท่าที่หมอเช็ค ไม่มีอะไรน่ากังวลนะครับ อาการบาดเจ็บไม่ได้ส่งผลต่อทารก เด็กยังสมบูรณ์ดีครับ”


น้ำเสียงสดใสนั้นยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญหรืออยากให้อีกฝ่ายหยุดพูดเลย


พูดออกมา พูดเรื่องของเด็กคนนั้นออกมาอีก


“อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำให้คนไข้กลับไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลที่คนไข้ทำการผ่าตัดปลูกมดลูกนะครับ เพราะว่าจะมีประวัติที่ละเอียดกว่าและสามารถดูแลได้เฉพาะเจาะจงกว่าครับ”


“หมอหมายความว่า...คือ...”


เขาระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี


เรื่องนี้มันเร็วเกินไปจนเขาตั้งตัวไม่ทัน หรือจะพูดให้ถูกคือเขาแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ


หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ประดังประเดเข้ามามากมายไม่จบไม่สิ้น เขาก็ลืมเรื่องการสร้างครอบครัวไปเสียสนิท สิ่งที่คิดในช่วงนี้มีเพียงเรื่องธุรกิจและการแก้ปัญหาต่างๆ เท่านั้น ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้


ไม่อยากเชื่อเลยว่าในความโชคร้ายอย่างถึงที่สุด จะมีความโชคดีแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย


“ครับ หมอก็หมายความตามที่บอกไป คุณดนัยตั้งครรภ์ สุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอะไรน่าห่วง คุณพ่ออย่าเป็นกังวลไปเลยครับ”


คุณพ่อ...แค่คำๆ เดียว ไม่รู้ทำไมหัวใจเขาถึงอุ่นวาบขึ้นอย่างน่าประหลาด


พ่อ...จะเป็นพ่อคนแล้วเหรอ...


เดี๋ยวสิ


“หมอรู้ได้ยังไงครับว่าผมเป็นพ่อเด็ก”


มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาคือพ่อของเด็กทั้งที่อายุของเขากับดิมก็ห่างกันถึงขนาดนี้


นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างหวาดระแวง


หรือจะเป็นพวกศัตรู...


“ก็ดูจากปฏิกริยายังไงล่ะครับ”


แต่เหมือนว่าวันนี้อะไรต่อมิอะไรก็ดูจะผิดคาดไปเสียหมด เพราะแทนที่คนถูกถามจะทำท่าทีเลิ่กลั่กลุกลนเหมือนอย่างที่เขาคาดการณ์ หมอหนุ่มกลับทำเพียงยิ้มกว้างแล้วตอบกลับด้วยท่าทีร่าเริงเหมือนอย่างเคย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คลายกังวล


“ยังไงเหรอครับ”


เขาพยายามไล่ต้อนเพื่อดูว่าคนๆ นี้ไม่ใช่คนประสงค์ร้าย


...และดูเหมือนเขาจะโชคดี...


นัยน์ตาสีดำสนิทของคนถูกถามเปล่งประกายสดใสกว่าครั้งไหน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันมีแววหม่นหมองบางอย่างซ่อนอยู่
เป็นแววตาที่ดูแปลกประหลาดจนเขาเองก็ไม่เข้าใจ


“เพราะหมอเห็นความรักในดวงตาของคุณมั้งครับ”


คนตรงข้ามเขาตอบด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้าเปิดแฟ้มนู้น แฟ้มนี้ไปมาไม่หยุด


“เวลาคนเรารักใครนะครับ มันจะออกทางตากันทั้งนั้นล่ะครับ”


เขาไม่ได้พูดตอบอะไรไปหลังจากนั้น และดูเหมือนคนพูดก็ไม่ได้คิดจะเสริมอะไรขึ้นมาอีก ก็เลยกลายเป็นว่าพวกเขาสองคนนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ ท่ามกลางเสียงปากกาลากไปมาบนแผ่นกระดาษและกลิ่นหอมแปลกๆ ที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง


แปลก แต่ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องของเขาเลย สิ่งสำคัญตอนนี้คืออีกคนที่กำลังนอนพักอยู่ในห้องผู้ป่วยต่างหาก


พ่อ...เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ เหรอ ความรู้สึกนี้เรียกว่าความดีใจใช่หรือเปล่า หัวใจของเขาเต้นแรง มือไม้สั่นอย่างไม่อาจควบคุม ควบคุมไม่ได้เลย


แม้กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าก็ควบคุมไม่ได้เลย


“เท่าที่ดูจากรายงานตอนนี้ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะครับ หลังจากนี้อีกประมาณ...”


คนพูดเงยหน้ามองนาฬิกาที่ฝาผนังเล็กน้อย


“อีกประมาณห้าชั่วโมงคนไข้ก็น่าจะฟื้นนะครับ หลังจากนี้ก็รอดูอาการอีกสักสามสี่วัน ถ้าแผลไม่ติดเชื้อ ไม่มีอะไรน่าห่วง ก็กลับบ้านได้ครับ”


เจ้าของคำอธิบายก้มหน้าลงเซ็นต์เอกสารตรงหน้าต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาคลี่ยิ้มให้


“เดี๋ยวยังไงหมอจะจัดการเรื่องการบำรุงครรภ์ไปให้ด้วยเลย ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”


ชายหนุ่มฉีกยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะเรียกพยาบาลให้เข้ามาจัดการเรื่องเอกสาร คนสองคนนั้นคุยกันด้วยศัพท์วิชาการบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็อดทนรอจนพยาบาลคนนั้นเดินจากไปแล้วจึงค่อยบอกลา


หมอหนุ่มคนนั้นรับไหว้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เจอหน้ากัน


“ยินดีด้วยนะครับว่าที่คุณพ่อ”


“ขอบคุณครับ”


ไม่รู้ทำไม จิตใจของเขาถึงได้รู้สึกฟูฟ่องกับคำนี้เหลือเกิน


พ่อ..ว่าที่คุณพ่อ...


...ครอบครัว...


ดี...ดีจริงๆ


เขาจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในวันนี้ได้เลย


นั่นสิ...


“หมอครับ”


เขาเกือบจะเดินออกจากห้องไปอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


“กลิ่นน้ำยาปรับอากาศนี้กลิ่นอะไรเหรอครับ”


เพราะอยากจะเก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความทรงจำ เขาจึงอยากเก็บทุกรายละเอียดของเหตุการณ์ในวันนี้เอาไว้ เผื่อว่าเด็กคนนั้นลืมตาดูโลกแล้ว เขาจะได้เก็บเอาไปเล่าให้ฟัง


พ่อเล่าเรื่องราวตอนลูกอยู่ในท้องให้เจ้าลูกแมวฟัง โดยมีแม่แมวนอนอิงอยู่ข้างๆ...


...คงสุขน่าดู...


“ชอบเหรอครับ”


ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความสุข น้ำเสียงแปลกๆ ของคนถามก็พลันฉุดเขาขึ้นมาจากห้วงความคิดแสนสุข


ทำไมจู่ๆ น้ำเสียงนั้นถึงฟังดูหม่นหมองพิกล ทั้งที่คนพูดก็กำลังยิ้มอยู่แท้ๆ


ไม่สิ...คนตรงหน้าเขาไม่ได้กำลังยิ้ม ริมฝีปากคลี่กว้างก็จริง แต่ในดวงตานั้นราวกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วปล่อยให้มันผ่านไป


“ครับ ผมชอบ เผื่อจะได้หาซื้อไปใช้บ้าง"


อีกคนฉีกยิ้ม แต่ไม่สดใสเหมือนอย่างเก่า


“กลิ่นการเวกน่ะครับ”


เสียงเอ่ยตอบนั้นแผ่วเบากว่าทุกประโยคที่ผ่านมา


“เป็นกลิ่นที่ผมผสมเอง ไม่มีขายหรอกครับ”


หากเป็นในยามปกติ เขาคงถามไปแล้วว่าจะให้อีกฝ่ายช่วยผสมแล้วส่งขายให้เขาได้ไหม แต่สถานการณ์แบบนี้...บรรยากาศแบบนี้ มันมีบางอย่างที่กำลังบอกเขาว่าให้เงียบไว้


“อ๋อ เหรอครับ ขอบคุณคะ...”


“ความรักมันเป็นอะไรที่ยุ่งยากนะครับ”


ไม่มีใครพูดอะไรอยู่อึดใจนึง จนกระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน


“ความรักที่คุณรักเขาและเขารักคุณตอบ พร้อมที่จะเดินเคียงข้างกัน พร้อมจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรักแบบนั้น...”


รอยยิ้มที่ส่งมานั้นเศร้าหมอง


“รักษาไว้ให้ดีนะครับ”


เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่มีอะไรนอกจาก...


“ขอบคุณครับ”


แล้วเขาก็เดินจากมาโดยทิ้งกลิ่นหอมคละคลุ้งและรอยยิ้มหมองๆ นั้นไว้เบื้องหลัง แต่คำๆ นั้นที่อีกฝ่ายพูดทิ้งท้ายไว้กลับติดอยู่ในใจอย่างไม่มีสาเหตุ


‘รักษาไว้ให้ดีนะครับ’


เพิ่งจะมารู้ตัวว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนก็ตอนนี้เอง


ช้าเหลือเกินนะปราณ







***********************************************************************




ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ แล้วก็มีบทส่งท้ายสั้นๆ อีกนิดหน่อย หลังจากนี้ก็จะจบจริงๆ แล้ว เย้!


ปล.คุณหมอคนนี้เป็นตัวละครรับเชิญจากอีกเรื่องนึงค่ะ(แว่วเสียงการเวก) คนที่อ่านมาแล้วพอเดาได้ไหมเอ่ยว่าเป็นหมอคนไหน >w<

ปล2. ฉากคุณหมอเป็นฉากเซอร์วิสค่ะ พูดกันตรงๆ 5555555 ถ้าเกิดมีการรวมเล่ม อาจจะมีการปรับเปลี่ยนฉากนี้เพื่อให้เนื้อเรื่องสมูธขึ้นนะคะ





***********************************************************************




พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ




หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-05-2018 10:37:07
จะจบแล้วเหรอ เร็วจัง

น้องดิมเป็นคุณแม่แล้ว ดีใจกับกับลุงด้วย ได้อย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว ดูแลแม่แมวดีๆ นะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 26-05-2018 11:09:48
ใกล้จะจบแล้ว ในที่สุดลุงก็สมหวังสักที จะมีลูกแมวเพิ่มอีกแล้ว รอแม่แมวฟื้นไหวๆค่ะ ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-05-2018 14:12:08
ดีใจกับลุงด้วยนะที่จะเป็นพ่อคนแล้ว แต่ก็เหลือเรื่องดิมนี่แหละไม่รู้ฟื้นมาแล้วจะเป็นยังไง ลุงต้องอยู่เคียงข้างดิมนะ

ปล. แงงง อ่านฉากคุณหมอแล้วหน่วงจริงๆ คิดแล้วก็สงสารคุณหมอนะคะ และเราก็ยังยืนยันว่าอยากให้ใครสักคนมาอยู่ข้างๆคุณหมอบ้าง เราไม่อยากให้คุณหมอก็จมกับอดีตชาติแบบนี้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 26-05-2018 15:35:22
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากเห็นลูกแมวน้อยวิ่งเล่นกับคุณพ่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-05-2018 20:48:19
แล้วว่าที่คุณพ่อก็ได้รู้ว่ามีลูกน้อยในท้องดิม   :z3: :z3: :z3:
ปราน ดิม มึความสุขได้ซะที   :mew1:
ปราน ดิม    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2018 21:05:54
โชคดีที่ดิมกับลูกแมวน้อยปลอดภัย ลุงจะได้เป็นพ่อคนแล้วดีใจด้วยนะ
แต่ก็ยังห่วงดิมอยู่เพราะไม่รู้ว่าตื่นมาแล้วจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-05-2018 07:25:55
โอยยย ขนลุก ฮือออ ขนลุกตรงคุณหมอนี่แหละค่ะ ฮือ

สำหรับเราตอนนี้ดันเป็นคุณหมอแย่งซีนไปหมดเลย

น้ำตาไหลด้วย  :m15: คุณหมอคะมาค่ะ เรากอดดด

คุณหมอปีเตอร์ของอิชั้น ฮือ   

:3123: ยินดีด้วยนะลุง~ ได้เป็นคุณพ่อสมใจแล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-05-2018 11:01:16
ดีใจกับน้องดิมจะได้เป็นคุณแม่แล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-05-2018 11:16:01
ดิมตั้งท้องแล้ว  แล้วพ่อจะว่าไงอ่าา
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2018 18:54:53
ตอนล้มตอนกระแทก กังวลเหลือเกินกลัวว่าจะแท้ง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Fifth Song (26/05/61)
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 29-05-2018 01:22:37
ติดแล้ววว รอตอนต่อไปเลยยย

ต่อจากนี้หวังว่าทั้งคู่จะมีแต่ความสุข

 :o12:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 02-06-2018 17:52:20
Twenty-Sixth Song [ตอนจบ]












ทุกครั้งที่ปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ห้วงนิทราสีดำสนิท เวลาในโลกภายนอกมักผ่านไปเร็วเสมอ อย่างเวลาที่หลับตาลงไปเพราะฝนตก พอลืมตาตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกก็กลายเป็นสีฟ้าสดเสียแล้ว เพราะแบบนั้นเลยเผลอคิดไปว่าครั้งนี้ก็คงจะเหมือนกัน
น่าแปลกที่คราวนี้เข็มนาฬิกาดันเดินช้ากว่าทุกที


แสงสีขาวที่ลอดผ่านเปลือกตาเข้ามาชวนให้รู้สึกระคายเคืองเสียจนต้องปิดมันไว้อย่างเดียวครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นใหม่


เปิดแล้วก็ปิด


เขาพยายามลืมตาอยู่หลายนาทีกว่าจะสำเร็จ พอลืมตาได้ ภาพที่มองเห็นก็กลับกลายเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ฝ้าเพดานสีขาวสะอาดตารับกับผนังห้องสีขาวหม่นคือสิ่งแรกที่เขามองเห็น พอตั้งสติได้จึงหันมองไปรอบๆ


ในห้องไม่มีใครเลยนอกจากตัวเขา...ตัวเขาที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มพร้อมกับมีสายอุปกรณ์หลายอย่างที่เชื่องโยงเข้าหาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย


ถุงน้ำเกลือแบบนี้ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วห้องแบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน


ตัวเขาในตอนนี้สภาพดูไม่จืดเอามากๆ แขนขวาใส่เฝือก หัวไหล่เจ็บร้าวจนน่ากลัวว่าตัวเขาเองจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วขาดใจตายไปก่อน


ตาย


คำที่แว็บขึ้นมาในหัวช่วยกรอภาพเหตุการณ์ทั้งหมดให้กลับคืนมา


หลุมศพ กลิ่นดิน ความโกรธเกรี้ยว ความจริง ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาเสียจนเขาแทบแยกไม่ออกว่าอะไรจริงหรือปลอม


‘ตอนที่พี่มึงท้องลูกกูทั้งๆ ที่มึงยังคบกับกู แล้วกูบอกให้ไปทำแท้ง มันยังไม่เห็นจะเกรี้ยวกราดแบบนี้เลย’


ประโยคพวกนั้นมันยังก้องอยู่ในหัว


‘ถามจริงเถอะว่ามีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อดล’


ราวกับถูกสลักเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ


‘มึงมันก็แค่ลูกชู้ ทุกคนรู้แต่มึงไม่รู้ไงไอ้ควาย!’


ทำไมถึงไม่หายไปนะ


‘ถ้าจะโทษใครสักคน ก็โทษตัวมึงที่เกิดมาผิดที่ผิดทางก็แล้วกัน’


ทำไมถึงไม่ลืมทุกอย่างไปให้หมดเลยนะ


นัยน์ตากลมโตเบนออกไปมองท้องฟ้าสีเทาด้านนอกหน้าต่างอย่างเชื่องช้า ในหัวของเขามีความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ไม่จบไม่สิ้น เยอะแยะ มากมาย เหมือนกับเมฆสีเทาที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าก่อนเวลาฝนจะตก


เหมือนกับใจของเขา


จะร้องก็ร้องไม่ออก จะเศร้าก็เศร้าไม่สุด เขาบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังรู้สึกอะไร


ผิดหวังที่โดนทุกคนหักหลังเหรอ ดีใจที่เพื่อนไม่โกรธเหรอ ไม่รู้สิ ตัวเขาในตอนนี้ คิดอะไรไม่ออกเลย


ว่างเปล่า...เหลือเกิน


“ดิม”


เสียงนั้นเรียกชื่อเขา มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยและดังก้อง ราวกับมันมาจากสถานที่ที่ไม่ไกลนี้เอง


“ดิม ได้ยินฉันไหม”


สัมผัสอุ่นร้อนที่แตะลงที่มือพร้อมกับคำเรียกชื่อทำให้เขารู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่ความฝัน


ไม่ใช่ฝัน


เขาหันหน้ากลับไปมองคนเรียก


ใบหน้านั้นมีริ้วรอยยิ่งกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันอยู่มาก แต่ดวงตาที่แสนอ่อนโยนคู่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย


ได้กลับมาเจอกันแล้วสินะ


“กลับมาแล้วครับ”


เขาพูดออกไปแค่นั้น ไม่รู้ทำไมอีกคนถึงตาแดงรื้นขึ้นมาเสียได้


นิ้วมือเรียวแตะลงบนหลังมือของอีกฝ่ายที่กุมมือข้างนึงของเขาเอาไว้ไม่ห่าง


“เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง”


แล้วร่างกำยำนั้นก็สั่นเทาไปทั้งร่างก่อนจะผละออกไปอย่างรวดเร็ว


ทำไมกันนะ เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลย


ทำไมถึงต้องทำสีหน้าเจ็บปวดขนาดนั้นกันนะ เขาเองก็อุตส่าห์ปลอดภัยดีแล้วแท้ๆ ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วด้วย


หรือจะทำให้เป็นห่วงมากเกินไปนะ


“ดิม!”


ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดไตร่ตรองอะไรให้เสร็จสรรพ เสียงตะโกนเรียกด้วยความยินดีก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ชายหนุ่มสองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกันนั้นเป็นคนคุ้นตา คนหนึ่งคือเพื่อนรักที่เขาทำร้าย อีกคนก็คือเพื่อนรักที่ทำร้ายเขา แต่สุดท้าย ทั้งสองคนก็มาช่วยเขาอยู่ดี


น่าแปลกจริงๆ


“ไอ้เหี้ยเอ๊ย พวกกูนี่ใจหายใจคว่ำกันหมด นึกว่ามึงจะตายแล้ว ดีนะที่พวกกูไปทัน ไม่งั้นมึงได้คุยกับรากมะม่วงแล้ว ทำไมทำอะไรไม่รู้จักระวังเลยวะ มึงรู้ไหม...”


เขาไม่ได้ตั้งใจฟังอีกคนพูดสักเท่าไหร่ เดลนั้นเก่งเรื่องบ่นอยู่แล้ว ถ้าให้บ่นก็คงบ่นได้เป็นวัน แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเจ้าตัวถึงยังพูดจาได้เป็นธรรมชาติราวกับว่าไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแบบนี้กันล่ะ


หรือทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาพปกติแล้วกันนะ


“เดล”


คำเรียกชื่อของเขาทำให้คนที่พูดไม่หยุดเงียบลงไปได้ในที่สุด


อีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่ค่อยจะปรากฏออกมาบ่อยนัก นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจ


“ขอโทษนะ”


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เลือกที่จะถาม คำที่หลุดออกจากปากไปมีเพียงคำขอโทษที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องพูดให้ได้ ทั้งที่ฟังแล้วก็เป็นคำพูดพื้นฐานแท้ๆ ไม่รู้ทำไมคนฟังถึงได้ทำหน้าประหลาดนัก


ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพูดต่อ


“ทีนด้วย ขอโทษนะ แล้วผมก็ยกโทษให้ทีนด้วย”


คราวนี้ไม่ใช่แค่เดลที่ทำหน้าประหลาด แต่ทีนเองก็พลอยเป็นไปด้วย สีหน้า แววตาที่ส่งมามันให้ความรู้สึกชอบกล มันดูก่ำกึ่งระหว่างความกังวลกับความประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก


เป็นสายตาที่แปลกจริงๆ


“ดิม มึง...มึงพูดจาแปลกๆ นะ”


เขาฉีกยิ้มรับบางๆ แม้จะรู้ว่าไม่เข้ากับสถานการณ์ แต่เขาก็ยังอยากยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนของเขาอยู่ดี


ก็แค่อยาก...


“ยังไงเหรอเดล”


คนถูกถามทำหน้าปั้นยากก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นทำนองขอความช่วยเหลือ


ทีนสบตากับเดลเพียงอึดใจก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขานิ่ง


“ดิม มีอะไรเกิดขึ้น ระบายออกมาได้นะ”


ทำไมถึงถามแบบนั้นออกมาล่ะ


“เรากับเดลไม่รู้หรอกว่าไอ้วิทย์มันพูดอะไรกับดิมบ้างเพราะเราไปไม่ทัน แต่ถ้ามีอะไรที่มันแย่ เล่าออกมาได้นะ”


เหรอ


“ใช่มึง กูรู้มาว่าไอ้วิทย์เป็นคนป่วนธุรกิจของคุณปราณ มันทำธุรกิจมืด มันฆ่าไอ้ชาติด้วย ชาติ เอกชาติน่ะ มึงจำได้ไหม”


งั้นเหรอ


“เพราะฉะนั้น มันอาจจะมาโกหกมึงเพราะอยากจะหาประโยชน์จากมึงก็ได้ มันอาจจะรู้ว่ามึงกับคุณปราณรักกันอยู่ มันก็เลย...”


“ไม่ใช่หรอกเดล”


เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนออกไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน สิ่งที่รับรู้มีแต่เพียงเสียงหวีดหวิวในหัว


ดังขึ้น


“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างกูกับวิทย์”


ดังขึ้นเรื่อยๆ


“เรื่องระหว่างลูกจริงกับลูกชู้”


ดังเสียจนปวดหัว


“เรื่องที่กูโดนทุกคนหักหลังมาตั้งแต่ต้นไง!”


เขาได้ยินเสียงตะโกนของตัวเอง เขารู้ว่าเขาตะโกน แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกว่าเสียงตะโกนนั้นเบากว่าปกติ ไม่รู้ทำไมหูมันถึงได้อื้อไปหมด ไม่รู้ทำไมนัยน์ตามันถึงได้พร่าไปหมด


ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าพายุใหญ่ได้พัดเข้าถล่มในหัวใจของเขาเสียจนยับเยิน


ฝนตกลงมาแล้ว













ในช่วงเวลาของความสับสน คนหลายคนมักจะเลือกหลีกเร้นตัวเองจากโลกภายนอกแล้วเข้าไปซ่อนตัวภายในห้องน้ำที่เงียบสงัด เสียงน้ำไหลกระทบกับโถรองที่ทำจากเซรามิกมักให้ความรู้สึกสงบใจได้เสมอ สายน้ำเย็นที่ไหลชโลมผิวกายช่วยชะล้างอารมณ์ขุ่นมัวให้หลุดออกไปจากร่าง


ช่วยให้อารมณ์เย็นลงอย่างน่าอัศจรรย์


ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปมาระหว่างก๊อกสีเงินกับใบหน้าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ สิ่งเดียวที่เขาจดจ่อในตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้ความว้าวุ่นใจนี้หายไปสักที


‘กลับมาแล้วครับ’


คำพูดของอีกคนยังติดอยู่ข้างหู ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวราวกับเทปที่ถูกกรอซ้ำ


ทำไม ทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา


‘เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง’


ประโยคที่ย้อนกลับเข้ามาในความคิดทำให้คนตัวสูงต้องวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าอีกยกใหญ่


สิ่งแรกที่เขารู้สึกหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นคือความยินดี ยินดีว่าในที่สุดก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แม้จะเจือปนไปด้วยความหวาดกลัวต่อการสูญเสียอยู่บ้าง แต่ข่าวดีที่เขาได้รับมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนก็ช่วยทำให้ความกลัวนั้นเจือจางลง


ใช่ มันควรจะเจือจางไปแล้ว


นัยน์ตาคมมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกนิ่ง


เมื่อครู่นี้ ตัวเขาทำหน้ายังไงออกไปนะ


‘เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง’


เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายฉีกยิ้ม ยิ้มบางๆ ส่งมาให้เขาราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่นัยน์ตาคู่นั้น...


ตัวของเขาสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงความทรงจำเมื่อครู่


ดวงตาคู่กลมที่เคยปรากฏแววมั่นอกมั่นใจในตัวเองผสมปนเปไปกับความขี้เล่นและกล้าหาญ ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าราวกับภาชนะที่ไม่มีอะไรบรรจุอยู่ภายใน ในวินาทีที่พวกเขาสบตากัน เขามองไม่เห็นอะไรในดวงตาคู่นั้นเลย


ไม่มีความสุข ไม่มีความเศร้า


ไม่เหลืออะไรเลย


มือแกร่งจับอ่างล้างหน้าตรงหน้าแน่นราวกับจะใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยว สายน้ำเอื่อยๆ ที่ออกจากก๊อกยังคงไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
เขามาช้าเกินไป


‘เหนื่อยไหมครับ ทานอะไรรึยัง’


เด็กคนนั้น...ดิมของเขา...


ภาพรอยยิ้มที่แสนว่างเปล่านั้นปรากฏกลับขึ้นมาหัวอีกครั้ง


ทำไมถึงยิ้ม ทำไมถึงไม่โผเขากอดเขาแล้วบอกว่าทุกข์ใจ ทำไมถึงไม่รอกันก่อน


คนสูงวัยทรุดตัวลงนั่งย่อเข่าช้าๆ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนให้มั่นคง


ทำไมถึงไม่รอให้เขากลับมาปกป้องก่อน ทำไมถึงแตกสลายไปแบบนี้


ปกป้องเหรอ


ความคิดที่กรอกลับเข้ามาในหัวฉายภาพแววตาแสนว่างเปล่าของแมวน้อยของเขา


แววตาของคนที่แตกสลาย แววตาของคนที่เจ็บปวด


นั่นสิ ในเมื่ออีกคนบาดเจ็บ เขาก็ต้องปกป้อง


ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว แต่พอมาเผชิญสถานการณ์จริงกลับไขว้เขวไปเสียได้ เห็นทีว่าตอนนี้เขาควรที่จะเข้มแข็งจริงๆ เสียแล้ว
พอคิดได้แบบนั้น เรียวขาแกร่งจึงกลับมาเหยียดยืนตรงได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง


ใช่ ต้องปกป้อง เด็กน้อยที่บาดเจ็บคนนั้น...


...เขาจะปกป้องเอง...



หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 02-06-2018 17:52:48




ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากคนป่วยตะโกนออกมา ร่างสูงโปร่งที่เคยดูสง่างาม ในวันนี้กลับดูอ่อนแอราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
คนบนเตียงนั่งขดตัว หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาราวกับจะไม่มีวันหมด เสียงสะอื้นไห้ปะปนไปกับเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงบ่งบอกให้รู้ว่าคนบนเตียงไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติเหมือนอย่างทุกที


ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่พักใหญ่ บรรยากาศทึมทึมลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วทั้งห้องเสียจนหายใจลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครคิดจะทำอะไร จนกระทั่งชายหนุ่มผิวแทนเพียงคนเดียวในห้องเลือกจะเดินเข้าหาคนป่วยแล้ววาดมือโอบกอดร่างอ่อนแอนั้นเอาไว้ช้าๆ


“ร้องออกมาเลยนะดิม”


คนๆ นั้นพูดพลางลูบหัวคนในอ้อมกอดช้าๆ


“พวกเราอยู่ตรงนี้ จะไม่ทำร้ายดิมอีกแล้ว”


สิ้นสุดคำพูดนั้น คนป่วยก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่า หนักเสียจนชายหนุ่มที่มีนิสัยแข็งกระด้างกว่ายังทนไม่ไหว


คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มเดินออกไปยังอีกฝั่งของเตียงแล้วโอบกอดคนบนเตียงไว้ไม่ต่างจากอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


“ไม่ใช่แค่ไม่ทำร้าย แต่ให้อภัยและจะคอยปกป้องด้วย”


เสียงร้องไห้ดูจะดังขึ้นกว่าเก่า แต่บรรยากาศอึดอัดใจนั้นหายไปหมดแล้ว หลงเหลือแต่เพียงคราบน้ำตาบนเสื้อ ความเจ็บปวดในใจ และมิตรภาพที่ผลิบานขึ้นใหม่ภายหลังพายุฝนพัดผ่าน


ไม่เป็นไร อะไรที่พังแล้วก็ปล่อยมันไป มิตรภาพแตกสลายไปแล้วจะยังไง


“ไม่เป็นไรนะดิม”


“กูอยู่ข้างมึงนะ”


ของที่พังไป ถ้าซ่อมไม่ได้ก็สู้สร้างขึ้นมาใหม่เสียก็หมดเรื่อง ถ้ามันกลับมาซ่อมไม่ได้ก็แค่มาเริ่มต้นกันใหม่


ก็แค่เริ่มต้นใหม่


“มาเริ่มต้นกันใหม่นะ”


เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้เนื่องจากการร้องไห้อย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นคนสองคนที่อยู่ข้างกายเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน


“อืม เริ่มกันใหม่นะ”


“เออ ควรเริ่มใหม่ได้ตั้งนานแล้ว”


แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกันเบาๆ


แปลก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาช่างเป็นมิตรภาพที่แปลกประหลาดเหลือเกิน ต่อให้โกรธกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังกลับมาหากันอยู่ดี


แปลก แปลกจริงๆ


เด็กหนุ่มหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ผิวกายซึมซับความเข้มแข็งที่ถ่ายทอดมาจากเจ้าของอ้อมกอดอุ่นๆ ทั้งสองคน


ความอ่อนโยนและหวังดีจากเพื่อนที่โอบกอดเขาไว้ ช่วยให้ชิ้นส่วนที่แตกสลายของเขากลับเข้ามาหากันได้อย่างช้าๆ


“ไอ้วิทย์บอกกูว่าพี่ดาท้องกับมัน”


แทนที่คนฟังสองคนจะผงะตกใจแล้วคลายอ้อมกอดออกจากตัวเขา แขนแกร่งทั้งสองคู่กลับยิ่งรัดตัวเขาแน่นขึ้นกว่าเก่า


“มันบอกด้วยว่ากูไม่ใช่ลูกพ่อ แต่มันเป็นลูกพ่อกู”


ความอบอุ่นที่ลูบไล้อยู่บนศีรษะช่วยให้เสียงสะอื้นของเขาเบาลงหน่อย


“มันบอกว่าทุกคนรู้ยกเว้นกู ทุกคนรู้ว่ากูไม่ใช่ลูกพ่อ ทุกคนรู้ว่าวิทย์เป็นลูกพ่อ”


สิ้นคำนั้น คนป่วยก็ถือวิสาสะดันเพื่อนสองคนให้คลายอ้อมกอดเพื่อสบตา


นัยน์ตากลมรื้นไปด้วยหยาดน้ำใสสบเข้ากับดวงตาสองคู่ที่มองเขาด้วยแววตาหนักใจ


“แล้วพวกมึงรู้เรื่องนี้รึเปล่า”


เดลเป็นคนแรกที่ส่ายหัว ก่อนจะตามด้วยทีนที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด


“เรา...ตอนที่พี่ดามาหาเรา พี่เขาแค่บอกว่าท้องแล้วลุงดลรับไม่ได้ก็เลยไล่ออกจากบ้าน ไม่คิดเลยว่า...”


น้ำเสียงที่มักจะสดใสอยู่เสมอ มาวันนี้กลับฟังดูเหนื่อยล้าและผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด


เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาไม่โกหก แต่ต่อให้โกหกเขาก็พร้อมจะเชื่ออยู่ดี บนโลกนี้เหลือคนให้เขาไว้ใจได้กี่คนกัน


 ภาพของพี่สาวที่ผุดขึ้นมาในความทรงจำทำให้เขาต้องหลับตาลงช้าๆ


นั่นสิ ไม่เหลือแล้ว


“เดี๋ยวนะ”


เสียงเรียกของเดลทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง


“ถ้ามึงบอกว่าไอ้วิทย์เป็นลูกพ่อมึง แล้วพี่ดาท้องกับมัน ก็แสดงว่า...”


คนพูดมีสีหน้าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด


“พี่น้องได้กันเองเหรอ”


เขาไม่ได้ตอบ ไม่มีใครให้คำตอบกับคำถามนี้ มีเพียงทีนที่เอ่ยบางอย่างขึ้นมาแทน


“มิน่าล่ะ ลูกของพี่ดาถึงมีความผิดปกติทางพันธุกรรม คลอดมาได้ไม่กี่ชั่วโมงก็เสีย”


ชายหนุ่มผิวแทนมองหน้าเดลและเขาอยู่อึดใจก่อนจะเริ่มเล่า


“หลังจากที่พี่ดารู้ว่าลูกเสีย พี่ดาก็เสียสติไปเลย เราก็พยายามช่วยดูแลเท่าที่ไหว แต่วันออกจากโรงพยาบาล จู่ๆ พี่ดาก็หายไปเลย ทิ้งไว้แค่จดหมายว่าขอบคุณ เราก็พยายามตามหานะ แต่ก็หาไม่เจอ เลยไปแจ้งความคนหายไว้ รู้อีกทีก็ตอนตำรวจติดต่อมาว่าเสียชีวิตแล้วเพราะโดนรถชน”


ทีนหลุบตาลงต่ำก่อนจะพูดต่อ


“ตอนนั้นเราเองก็ติดต่อลุงดลไปนะ แต่เขาก็บอกว่าให้จัดการฝังที่นี่เลย แถมกำชับเราว่าอย่าบอกดิมด้วย ตอนดิมติดต่อมาเราเลยไม่รู้จะบอกยังไงดี เราก็เลยโทรบอกลุงดลไปว่าดิมมาถามหาพี่ดา คิดว่าไปเคลียร์กันในบ้านน่าจะดีกว่า แต่ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้...”


 “ฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะวุ่นวายแบบนี้เหมือนกัน”


น้ำเสียงทรงอำนาจที่เขาไม่ได้ยินมาพักใหญ่ทำให้ร่างกายของเขาเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ


ชายมีอายุรูปร่างเตี้ยหนาเดินทอดน่องเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ดวงตาคมดุจเสือคู่นั้นกวาดตามองพวกเขาสามคนด้วยแววตาลุ่มลึกยากจะอ่าน


“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ”


นี่คงเป็นอีกครั้งในชีวิตที่เขารู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองแผ่วราวกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ


“พวกเธอสองคนช่วยออกไปก่อนได้ไหม ฉันมีอะไรจะต้องคุยกับลูกชายเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย”


ลูกชาย...ลูกชายเหรอ ทำไมถึงยังพูดคำนั้นออกมาได้หน้าตาเฉยกันนะ


ทำไมถึง...


“เกรงว่าจะไม่ได้หรอกครับคุณลุง”


เป็นเดลที่ขยับตัวก่อน เพื่อนของเขาเดินอ้อมเตียงเพื่อไปเผชิญหน้ากับ ‘พ่อ’ ของเขา


ไม่ นั่นไม่ใช่การเผชิญหน้า...


“อย่าเข้ามาแส่เลยเดล ฉันเห็นแกมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่อยากทำร้ายให้โกรธเคืองกัน”


เพื่อนของเขาไม่ได้เดินไปคุย แต่นั่นมันเป็นการเอาตัวมาบังตัวเขาเอาไว้ต่างหาก


ไม่ ไม่ได้นะ


“พวกมึงออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกูคุยกับพ่อเสร็จแล้วค่อยเข้ามาก็ได้”


เขาพยายามที่จะปราม นี่เป็นเรื่องของเขา ถ้าต้องมีใครเจ็บ มันควรเป็นเขาแค่คนเดียว ไม่ใช่...


“คงไม่ได้หรอกครับดิม”


ทีนที่ยืนอยู่ข้างเตียงเงียบๆ มาตลอดพูดขึ้นพร้อมกับหันมายิ้มให้เขาก่อนจะเบนหน้าไปมองทางผู้มาเยือน


“ก็เขาไม่ใช่พ่อดิมสักหน่อย”


สิ้นคำพูดของทีน ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอย่างราดเร็ว


เดลที่อยู่ใกล้พ่อของเขามากที่สุดถูกต่อยจนลงไปกองกับพื้นโดยไม่รู้ตัว ทีนรีบพุ่งตัวเข้าไปหวังจะเสยพ่อได้สักหมัด แต่กลับโดนเตะจนกระเด็นเสียเอง พ่อของเขาเป็นคนมีอายุก็จริง แต่ร่างกายก็นับว่าแข็งแรงมาก คนอย่างทีนคงสู้ไม่ไหว แต่ถ้าเป็นเดล...


“อ๊าก!”


คนที่ถูกต่อยคนแรก ลุกขึ้นมาเตะตัดขาชายสูงวัยได้อย่างปราดเปรียว ร่างสูงโปร่งหลบหลีกหมัดที่พุ่งตรงเข้าใส่ได้แทบทั้งหมด หนำซ้ำยังสวนกลับไปได้ไม่น้อย ดูอย่างไรเสียฝั่งคนหนุ่มก็ดูมีสิทธิชนะมากกว่า


มันควรจะเป็นอย่างนั้นถ้าคนสูงอายุไม่หยิบปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อเสียก่อน


การเคลื่อนไหวในห้องหยุดชะงักลงราวกับกดสวิตซ์ ทีนที่ถูกเตะไปตั้งแต่แรกยังลุกไม่ขึ้น ในขณะที่เดลนั้นมีสภาพยับเยินพอตัวแถมยังถูกเอาปืนจ่ออยู่ด้วย


ไม่ดี ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเลย


“เสือกนักนะไอ้เดล”


“ก็พอดีว่าขี้เสือกน่ะครับ ยิ่งใครที่ใจหมากับเพื่อนผมนี่ ผมยิ่งขี้เสือกเป็นพิเศษ”


ด้ามปืนแข็งหนาถูกฟาดเข้าที่ปากคนพูดจนล้มลงไปกองกับพื้น


เขารู้ดีว่าเวลาพ่อของเขาเลือดขึ้นหน้าแล้วมันจะเลวร้ายได้แค่ไหน


ไม่ เขาไม่ยอม เขาต้องทำอะไรสักอย่าง


ก่อนที่ชายสูงวัยจะทันได้เหนี่ยวไกปืน คนป่วยที่อยู่บนเตียงก็ชิงโพล่งขัดขึ้นเสียก่อน


“พ่อครับ ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ”


เหมือนจะได้ผล เมื่อคนที่กำลังอารมณ์ร้อนหันมามองหน้าเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลดปืนลง


“ผมรู้แล้วว่าผมไม่ใช่ลูกพ่อ ผมรู้แล้วว่าวิทย์เป็นลูกพ่อ ผมรู้แล้วว่าพี่ดามีลูกกับวิทย์ ผมรู้แล้วว่าพี่ดาตายแล้ว”


แววตาของเขาสั่นไหว แต่ถึงอย่างนั้นเสียงที่เปล่งออกไปกลับมั่นคงอย่างที่ตัวเขาเองยังประหลาดใจ


“พ่อรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วใช่ไหมครับ”


คนถูกทำแค่นเสียงในคอราวกับเป็นการตอบรับก่อนจะลดปืนในมือลง ร่างล่ำสันค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเขา


“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่ง ให้อยู่เฉยๆ แล้วใช้ชีวิตของแกไปซะ”


ฝ่ามือที่คุ้นเคยตบลงบนใบหน้าของเขาด้วยแรงที่คุ้นชินเหมือนแต่ก่อน


ชิน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เจ็บ


“สาระแนนัก ถ้าอยู่เฉยๆ ฉันก็จะยกธุรกิจให้แกสืบทอดต่ออยู่แล้ว ทำไมถึงโง่แบบนี้วะ!”


“คุณไม่ได้ตั้งใจจะยกให้ผมหรอก เพราะผมไม่ใช่ลูกคุณไง!”


พายุอารมณ์โหมพัดในอกเขาราวกับทอร์นาโดลูกใหญ่


“ใจคุณคงอยากให้ไอ้วิทย์มันฆ่าผมให้ตายๆ ด้วยซ้ำ คุณจะได้ยกทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกคุณ...”


ยังไม่ทันจะพูดจบ ใบหน้าซีกเดิมก็พลันถูกตบอีกฉาดใหญ่จนแก้มเนียนขึ้นรอยแดงปื้นจนน่ากลัว


“ไม่รู้อะไรก็อย่าสะเออะพูด! แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น!”


ใบหน้าของเขาถูกตบจนหันไปอีกข้าง แต่ถึงอย่างนั้นหางตาของเขาก็ยังเห็นเดลที่พยายามจะเดินเข้ามาล็อคตัวพ่อของเขาจากทางด้านหลัง โชคร้ายที่ชายสูงวัยเห็นเสียก่อน เดลจึงโดนซ้อมจนยับไปกองกับพื้น


เขาได้ยินเสียงเนื้อที่กระทบกับรองเท้าหนัง เขาได้ยินเสียงการกระเสือกกระสนที่จะช่วยเพื่อนของทีน


เขาได้ยิน เขาได้ยินทุกอย่าง เขารู้ตัวว่าเขาควรจะช่วยเพื่อน แต่ตอนนี้หัวสมองของเขากลับว่างเปล่า สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวมันกลับมีเพียงแค่...


“พ่อเคยรักผมบ้างไหม”


คำถามที่หลุดออกไปมีเสียงที่เบากว่าปกติ แต่น่าแปลกที่มันกลับสามารถหยุดการต่อสู้ในห้องได้ชะงัด


ไม่มีเสียงของการต่อสู้ ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกมาแม้แต่ปลายเสียง มีเพียงเสียงหายใจของคนสี่คนที่ดังแข่งกับเสียงครืดคราดน่ารำคาญของเครื่องปรับอากาศ


ความเงียบ...ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ


“ถ้าตอบไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปได้แล้วมั้งดล”


เสียงของคนคุ้นเคยที่ออกจากห้องไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้เรียกสติของเขาให้กลับคืนมาอีกครั้ง


ตรงนั้น...บริเวณตรงนั้น ทีนกำลังพยุงเดลที่โดนทำร้ายไปพอสมควรให้ลุกขึ้นยืน ส่วนพ่อของเขาก็กำลัง...


ก้อนเหนียวๆ ที่กลืนลงไปในคอช่วยให้สติกลับมาสมบูรณ์มากขึ้นอีกหน่อย


“มาถึงก็เอาปืนจ่อหลังหัวกันแบบนี้เลยเหรอปราณ ไม่ใจหมาไปหน่อยเหรอสำหรับลูกเขยน่ะ”


คนถูกถามกระตุกยิ้มเหี้ยมอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน


“ใครเป็นลูกเขยมึง”


ดวงตาคมที่แสนคุ้นเคยเหลือบมองทางเขาแว็บนึงก่อนจะเบนกลับไปมองปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่บริเวณท้ายทอยของพ่อเขา
แค่เว็บเดียว แต่เขากลับสัมพันธ์ถึงความอ่อนโยนที่ล้นทะลักออกมาได้อย่างชัดเจน


แล้วความอ่อนโยนนั้น ก็กำลังรินรดให้จิตใจที่บอบช้ำของเขากลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง


“ปล่อยดิมไป”


คนรักของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและมั่นคงยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยได้ยิน


“ในเมื่อมึงไม่มีปัญญาดูแลดิมให้มีความสุขได้ก็ปล่อยเขามาหากู”


“ฮึ เรื่องนี้ใช่กงการของมึงเหรอ กูจะให้มันอยู่ อย่ามาสะ...”


“แต่ผมไม่อยากอยู่แล้วครับ”


คำพูดของเขาเรียกให้คนสูงวัยสองคนต้องหันมามอง นัยน์ตากลมสบลึกเข้าไปในดวงตาของพ่อ...อาจจะไม่ใช่พ่อ แต่อย่างน้อยคนๆ นี้ก็เคยเลี้ยงเขามา


“พ่อปล่อยผมไปได้ไหมครับ ถือเสียว่าลูกพ่อคนนี้ตายไปแล้ว ถือเสียว่านายดนัย ไวยสมุทรตายไปแล้ว”


ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาขัด เขาจึงอาศัยจังหวะนี้พูดต่อ


“ขออย่าให้เรามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย แล้วเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ผมจะถือเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”


ให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน


“ส่วนเรื่องสืบทอดธุรกิจ ไว้พ่อหาคนไม่ได้จริงๆ ค่อยมาหาลูกนอกไส้อย่างผมก็ยังไม่สายหรอกครับ”


เขาอ่านแววตาของพ่อไม่ออก แววตาที่ปกติมักจะดุเข้มและน่ากลัว มาตอนนี้กลับดู...ประหลาด เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันแปลว่าอะไร รู้แต่เพียงว่ามันต่างจากทุกที


“ใฝ่ต่ำทั้งพี่ทั้งน้อง”


แล้วชายคนนั้นก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรทิ้งไว้อีกเลย


‘ใฝ่ต่ำทั้งพี่ทั้งน้อง’


คนๆ นั้นยังเห็นเขาเป็นน้องชายของลูกสาวตัวเองอีกเหรอ คนๆ นั้นเห็นเขาเป็นคนในครอบครัวด้วยเหรอ คนๆ นั้น...


...เคยรักเขาจริงๆ ไหมนะ...


ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรเลย


ในระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบให้ตัวเอง เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยขึ้นก็พลันดึงเขาให้หลุดจากภวังค์


“ทีน พาเดลไปทำแผลก่อนไป”


เขาเห็นเพื่อนสองคนที่บาดเจ็บไม่น้อยค่อยๆ พยุงกันและกันไปยังประตูทางออก แม้ว่าทั้งสองจะหันมาส่งยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง แต่มันก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี


“พวกมึง”


เสียงเรียกของเขาทำให้คนที่กำลังเดินกะเผลกๆ ต้องหันมามอง


“ขอโทษนะ”


แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของชายหนุ่มสองคนพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างกว่าครั้งไหน สองคนนั้นยกนิ้วโป้งให้เขาก่อนจะพากันเดินออกไปด้วยท่าทีสดใสกว่าเก่ามาก


สดใสงั้นเหรอ


ใบหน้าคมคายหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างที่ครึ้มเทายิ่งกว่าเก่า อีกไม่นานฝนก็คงจะตก แล้วหลังจากฝนตก ทุกอย่างก็คงจะกลับมาสดใสอีกครั้ง


นั่นสินะ ถ้าผ่านฝนตกไปได้...


“คิดอะไรอยู่หืม”


สัมผัสอุ่นนุ่มบางอย่างก็แตะลงมาที่หัวหยุดความคิดของเขาได้ชะงักนัก พอเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็นคนที่คิดถึงมาตลอด


ลุง...คุณลุงของเขา


“ขอโทษที่มาช้านะ”


ใบหน้านั้นเคลื่อนลงมาใกล้ขึ้น – ใกล้ขึ้น


“ฉันกลับมาแล้ว จากนี้จะปกป้องเธอเอง”


แล้วสันจมูกคมก็กดฝังลงมาบนแก้มของเขาที่แดงเป็นปื้น


มันเจ็บ แต่กลับสุขใจยิ่งกว่า


“แม่แมวน้อยของฉัน”


แล้วริมฝีปากของพวกเขาก็แตะกัน


แตะแล้วก็ผละออก


“ลูกแมวตัวนี้”


ฝ่ามือแกร่งแตะลงที่บริเวณหน้าท้องของเขา


อย่าบอกนะว่า...


“ฉันจะช่วยเลี้ยงเอง ไม่ต้องห่วงนะ”


ความอบอุ่นบางอย่างแผ่ซ่านจากฝ่ามือของอีกคนไปยังร่างทั้งร่างของเขา


ซึมลึก ซาบซ่านและอบอุ่น


ลูก...ลูกของพวกเรา


ดีใจ ดีใจเหลือเกิน


“คุณปราณครับ”


เขาเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่แผ่วเบายิ่งกว่าครั้งไหน แต่ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ยังได้ยิน


นัยน์ตาของพวกเขาจ้องมองตอบกัน


คนๆ นี้ คือคนที่เขาเลือกแล้ว


“ผมอยากจะขออะไรคุณอย่างนึงได้ไหมครับ”


ริมฝีปากสวยประทับลงบนปลายจมูกโด่งตรงหน้าอย่างรักใคร่


“ถ้าจะทิ้งผม ได้โปรดช่วยฆ่าผมด้วย”


เขาคงรับความผิดหวังมากมายขนาดนี้ไม่ไหวอีกแล้ว ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง สู้ขอตายไปเสียจะดีกว่า


คนฟังไม่ตอบเขาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนปลายจมูกของเขาเบาๆ


“ได้สิ ถ้าเวลานั้นมาถึง เราค่อยไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”


แล้วพวกเขาก็จูบกัน ปล่อยให้ความหวานล้ำปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำในตอนนี้


ไม่เป็นไร ในตอนนี้แม้เขาจะสูญเสียอะไรมามายมายแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังมีคนๆ นี้ ยังมีเพื่อนอยู่อีกตั้งสองคน ไหนจะยัง...


ฝ่ามือเรียวเลื่อนไปสัมผัสหน้าท้องของตัวเองเบาๆ โดยไม่ละริมฝีปากของจากคนตรงหน้า


หูของเขาได้ยินเสียงฝนตก สายฝนที่สาดเทลงมาอย่างบ้าคลั่งราวกับจะเป็นวันสิ้นโลก แต่เขารู้ดีว่ามันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกไม่นาน
ฝนจะตกแรงแค่ไหนก็ช่าง ตราบใดที่ยังมีคนตรงหน้า ยังมีเด็กคนนี้ ยังมีเพื่อนดีๆ ที่คอยประคอง สักวันหนึ่งฝนต้องหยุดตกแน่

แม้จะเหน็บหนาวและเปียกปอนแค่ไหน สักวันนึงจะต้องได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์แน่


ต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ


“ฉันรักเธอนะ แมวน้อยของฉัน”


ใบหน้าหล่อเหลาทอประกายห่วงหามาให้เขาอย่างปิดไม่มี หวาน แต่น่าแปลกที่ไม่รู้สึกเลี่ยนเลยสักนิด


“ผมเคยบอกใช่ไหมครับว่าคุณเหมือนเพลงแจ๊สในคืนวันศุกร์”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากอีกฝ่าย


เพลงแจ๊ส...นั่นสินะ


ดวงตาคม ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งเป็นสันชวนสัมผัส คนๆ นี้เปรียบเสมือนเพลงแจ๊สที่แสนสมบูรณ์แบบ


ถ้าได้ฟังเพลงแจ๊สนี้ เสียงสายฝนก็คงไม่ดังเท่าไหร่


เขาแตะริมฝีปากของตัวเองไปทั่วใบหน้าของอีกคน


“ผมชอบเพลงแจ๊สนะครับ”


เสียงของเขากระซิบข้างหูอีกคนหวังให้คำๆ นี้ซึมซ่าบเข้าไปในใจของคนฟัง


ทั้งเขาและคนที่อยู่ตรงหน้า


“ผมรักคุณนะครับ คุณลุงของผม”


ถ้ามีคนๆ นี้อยู่ด้วย เรื่องเลวร้ายทั้งหมดก็คงไม่ได้หนักหนาอะไร


ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ


‘จะดำ จะเทาก็ช่าง ถ้าเราอยู่ด้วยกันมันต้องดีแน่’


นั่นสินะ ครั้งนึง ตาลุงนี่ก็เคยพูดอะไรแบบนี้ใส่เขาเหมือนกัน


แล้วเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะโน้มคออีกคนให้ลงมารับจูบอีกครั้งหนึ่ง






***************************************************************************




จบแล้ว เย่! กว่าจะจบได้ เกือบเทกลางทางไปหลายครั้งเหมือนกันค่ะ 555555555


ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเพิ่งมาหรือตามอ่านมาตลอด ทุกคนน่ารักมากกกก มากอดดดดด ขอบคุณมากๆ เลยน้า


จากที่วงเล็บท้ายตอนว่า 'ตอนจบ' ทั้งที่ปกติเราจะใช้คำว่า 'บทส่งท้าย' ก็เพราะว่านี่ไม่ใช่บทส่งท้ายนั่นเองค่ะ  XD


หลังจากนี้จะเหลืออีกตอนนึง เป็นบทส่งท้ายสั้นๆ เอาไว้เฉลยคลายความคาใจทุกอย่าง แต่เรื่องราวหลักจะจบลงแค่ตอนนี้ค่ะ ส่วนเรื่องลูกแมวนั้น วางแพลนไว้ว่าจะให้อยู่ในตอนพิเศษ จะเอาลงเว็บไหม อะไรยังไงขอดูก่อนเนอะ >w<


สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเลย แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการนะคะ บ๊ายบ่าย ^^







***************************************************************************






พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ




หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2018 18:59:45
ขนาดจบแล้วยังปายใจไม่ทั่วท้องเลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 02-06-2018 19:57:57
รอแมวน้อยนะคะ ต้องน่ารักมาก ๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-06-2018 22:37:04
จะรออ่านบทส่งท้ายและตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-06-2018 23:31:39
โอ้ย ตอนทีาดิมโดนพ่อตบนี่เราลุ้นมากเลยนะว่าลุงจะเข้ามาห้ามทันแต่ก็ไม่แอบเคืองลุงนิดๆ ฮ่าๆๆ แต่ไม่เป็นไรอภัยให้ตอนท้ายที่ลุงเข้ามาปลอบดิมแล้วกัน รอบทส่งท้ายและขอฉากหวานๆสักหน่อยเถอะค่ะ อึมครึมมาตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ อยากเห็ลุงหวานบ้าง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2018 01:17:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2018 05:24:19
ปมคุณพ่อดูยังไม่เคลียร์เนอะ ยังจะเอาลูกเป็นหุ่นเชิดอีก #ทีมคุณปราณ 555
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 03-06-2018 15:26:41
ยังไม่อยากให้จบเลย เนื้อเรื่องสนุก
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2018 21:40:30
จบแล้ว.............. :ling1: :ling1: :ling1:

ยังอยากรู้เรื่องดิมอีก   :z3:
พ่อดิมเผด็จการมาก ยังมาว่าดากับดิมว่าใฝ่ต่ำ
แล้ววิทย์ลูกแท้ๆของตัวเองไม่ใฝ่ต่ำเล้ย  ทำดาท้องทั้งที่สายเลือดเดียวกัน   :fire: :fire: :fire:
น่าแปลกมีลูกชายจริง ยังมาหวังให้ดิมสืบทอดธุรกิจ  :really2:
พ่อที่เป็นแบบนี้  ใครจะอยากเป็นลูก  :laugh:

ปราณ ดิม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-06-2018 04:35:00
 :serius2: ลุ้นมากเด้อ กลัวลุงมาช่วยดิมไม่ทันอีก แง้

ในที่สุดก็มีความสุขสักทีนะดิมนะ อยากอ่านตอนพิเศษที่

ลุงกับดิมช่วยกันเลี้ยงลูกแมวจังเลยค่ะ


       ขอบคุณที่แต่งมาได้จนจบนะคะ ขอบคุณที่สู้แต่งมาให้

อ่านจนจบ  ขอบคุณมากๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-06-2018 06:27:43
เจ็บปวดแทนดิม สุดท้ายพ่อก็ยังทำร้ายดิมอีก   :m15:

แต่ลุงก็อุตส่าห์มาช่วยทันเนอะ  อยากเห็นดิมมีความสุขบ้าง อยากเห็นลูกแมวน้อย
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 04-06-2018 13:48:12
สนุกกกกกกกกก ตาลุงทำไมถึงโซแดมฮอทแบบนี้
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-06-2018 23:36:36
ค้างแรงมาก
อยากอ่านบทส่งท้าย
กับตอนของลูกแมวแล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 05-06-2018 07:13:22
อ่านรวดเดียวจบ ... หยุดไม่ได้เลย
ดีใจที่เลือกคลิกอ่านตอนจบแล้ว
ไม่งั้นลงแดงแน่ ...  o13

รออ่านบทส่งท้ายนะคะ please please please :t3:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 05-06-2018 13:35:41
 :hao7: อร๊ายยยยไม่ใช่แค่ดิมนะที่หลง...คนอ่านกะหลงลุงด้วย....โอ๊ยมันดีต่อใจ :ling1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 05-06-2018 15:51:56
เฮ้ออออออ ลุ้นจนมือเกร็งตัวเกร็งไปหมดแล้วคุณ
สนุกมากกกกกกกกกกกกกก
พล็อตเรื่องซับซ้อนสุดๆความสัมพันธ์ของตัวละครก็พันกันยุ่งเหยิง
ดำเนินเรื่องได้ชวนติดตามสุดๆไปเลยแบบว่าลืมกินข้าวไปเลยอ่ะ
ชอบสำนวนการใช้ภาษาของคุณมากเลยลื่นไหลดีแล้วก็ชอบตัวพระเอกนายเอกมากๆ
คุณปราณเป็นคุณลุงที่โซแดมฮ็อตสุดๆชอบมากๆ
น้องดิมเป็นแมวน้อยสุดเซ็กซี่แถมมีความแมนแฝงอยู่ในตัวด้วยแซ่บมาก
ส่วนเดลกับทีนก็ชัดเจนดีแล้วสองคนนี้จะมีเรื่องราวเป็นของตัวเองไหม?ถ้ามีก็ดีนะน่าสนใจน่าอ่านนะ
แล้วเราจะรอบทส่งท้ายของเรื่องนี้นะอย่างใจจดจ่อเลยล่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 05-06-2018 18:35:17
 ไม่ชอบพ่อดิม เลว
:pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 05-06-2018 21:05:52
 o13
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 05-06-2018 23:08:18
สงสารดิมมาก ขอให้มีความสุขสักทีนะ
ลุงน่ารักมากจะได้เป็นคุณพ่อแล้ว
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 06-06-2018 21:50:12
สงสารดิม โดนหักหลังจากครอบครัว
ยังดีที่ลุงยังอยู่ข้างๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-06-2018 20:21:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-06-2018 23:23:04
ลุงนี่เป็นสีสันของเรื่องเลยทีเดียว ไม่งั้นหม่นทั้งเรื่องแน่ สนุกมากค่า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 09-06-2018 16:18:42
สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 09-06-2018 22:32:53
ตอนเเรกที่เห็นชื่อเรื่อง..เราก็คิดว่าต้องเป็นเรื่องราวใสๆ ลุงวันทำงานกีบนักศึกษาอะไรแบบนี้..เเต่พออ่านไปๆ มีมาเฟีย มีฆ่ากัน มีเสียงปืน..ดาร์กสุดๆ...ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆคะ..สนุก ครบรส
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-06-2018 13:21:09
 :pig4: :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-06-2018 19:37:05
อยากเห็นเด็กๆจังเลย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: BBBOOM ที่ 12-06-2018 13:33:23
สมชื่อเรื่องจริงๆค่ะ หลงลุงจริงๆ 555555
ไม่ทราบจะมีเรื่องเดลไหมคะ แอบจิ้นคู่เพื่อนสนิท  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 12-06-2018 20:30:38

ตอนจบเป็นอะไรที่เราชอบแต่ก็ยังค้าง ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากกกกเพราะหาอ่านแนวนี้ค่อนข้างยาก(สำหรับเรา)พอเจอเรื่องนี้เข้าก็ตกหลุมรักทันที :hao6:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 13-06-2018 10:52:18
ดลนทีต้องรักดิมนั่นแหละแต่ก็เลี้ยงดูมาแบบผิดๆไม่บอกอะไรลูกเลย ถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆเราว่าก็คงรักส่วนแม่นี่ไม่ขอพูดถึงนะสัมผัสอะไรจากชีไม่ได้เลย แต่พ่อแท้ของดิมคือใครนี่สิ ลุงต้องปกป้องลูกเมียให้ดีนะ ดูแลให้ดีตามที่ตั้งใจไว้ ขอบคุณคนเขียนมาก เป็นเรื่องที่ดี
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Twenty-Sixth Song [ตอนจบ] (2/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 13-06-2018 10:56:57
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 13-06-2018 17:50:24
Last Song [บทส่งท้าย]









ไออุ่นจากแสงแดดที่กระทบลงบนผิวกายบังคับให้คนที่นอนซุกตัวใต้ผ้าห่มต้องฝืนตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน นัยน์ตากลมสวยขยับสอดส่ายมองไปทั่วบริเวณห้องก่อนจะไปหยุดที่ตัวเลขบนนาฬิกาดิจิตอลเรือนใหญ่บนผนัง


เลขสิบที่โชว์เด่นหราบอกให้เขารู้ว่าถึงเวลาที่ควรลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะกลิ้งตัวกลับลงไปบนเตียงอยู่ดี


ไม่อยากลุกขึ้นเลยจริงๆ


เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือน เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ – เรื่อยๆ จนหยุดลงที่ข้างเตียงนี้เอง


“ดิม ตื่นเร็ว วันนี้มีนัดไปหาหมอตอนบ่ายนะ”


“ขออีกห้านาทีได้ไหมครับ”


เขาได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้จะไม่เปิดตามอง แต่เขาก็พอเดาได้ว่าอีกคนจะทำหน้าแบบไหน


ป่านนี้คงยิ้มกว้างเสียจนตีนกาขึ้นหมดแล้วแน่ๆ


“ที่นอนไปยังไม่พออีกเหรอ”


ไม่ว่าเปล่า คนพูดยังทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกด้วย ฟูกนอนที่ยวบยาบลงไปตามการลงน้ำหนักของผู้ใช้งานทำให้เขาสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของอีกคนได้แม่นยำราวกับตาเห็น


ร่างกำยำนั้นกำลังเขยิบเข้ามา


แขนแกร่งข้างนึงวางลงข้างๆ ศีรษะของเขา จากนั้นก็...


...ความอุ่นนุ่มหยุ่นบางอย่างก็ประทับลงบนแก้มของเขา...


อา ให้ตายเถอะ ตาลุงคนนี้นี่


ในที่สุดคนที่ถูกรบกวนการนอนก็ต้องยอมลืมตาแต่โดยดี นัยน์ตคู่สวยสบเข้ากับนัยน์ตาคมสีดำสนิทของคนที่คร่อมร่างทาบทับอยู่เบื้องบน


“ขี้แกล้ง”


เขาว่าไปแค่นั้นก่อนจะเผยอหน้าจัดองศาให้เหมาะต่อการรับจูบแต่โดยดี


ฝ่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายเลื่อนมาเกลี่ยปอยที่ปรกบริเวณหน้าผากของเขาออกเบาๆ


“ไปอาบน้ำได้แล้ว เด็กดื้อ”


พอพูดจบก็ยังไม่วายไม่วางก้มลงมาจูบขมับเขาไปทีนึง จากนั้นจึงยอมถอยร่างไป


คนตัวสูงกว่าพาตัวเองลงจากเตียงแล้วหันมาหาเขาอย่างรวดเร็ว เรียวแขนกำยำทอดส่งมาหาเขาเป็นสัญญาณให้ใช้ในการยึดตัวเองขึ้นจากที่นอน


ตาลุงนี่ คงกลัวเขาจะไม่ยอมลุกจากเตียงล่ะสิ


ชายหนุ่มแอบขำอยู่ในใจ แม้ไม่มีเสียงหัวเราะหลุดออกมา แต่ใบหน้าคมคายนั้นก็เบิกบานยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเห็น


...เบิกบานยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช่วงเดือนนี้...


คนสูงโปร่งลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเลื่อนหน้าไปจูบปลายคางของคนสูงวัยกว่าเบาๆ


“ผมอยากกินซูชิจังเลยครับ”


ริมฝีปากบางไล่จูบตามแนวสันกรามของคนคนไปจนถึงบริเวณติ่งหู ซี่ฟันหน้าสวยขบกันลงบนเนื้อติ่งนุ่มหยุ่นด้วยความมันเขี้ยวราว


“ถ้าได้เป็นโอมากาเสะคงเยี่ยมไปเลยล่ะครับ”


แล้วเด็กขี้แกล้งก็กระโดดแผล็วเข้าห้องน้ำไปโดยไม่เว้นจังหวะให้อีกคนได้มีเวลาตั้งตัว


...ปล่อยให้อีกคนได้แต่ยิ้มขำอย่างเอ็นดูอยู่ข้างเตียงเพียงลำพัง...











เขาเคยไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาล


สีขาวสว่างตารับเข้ากับกลิ่นของพวกสารเคมีที่ใช้ในทางการแพทย์เป็นกลิ่นที่เขาไม่ค่อยจะถูกใจสักเท่าไหร่ เพราะแบบนั้น หากเป็นไปได้ เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงการมาโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ


แต่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปอีกสักพักใหญ่ๆ ...


“สภาพครรภ์ไม่มีอะไรน่าห่วงนะคะ เพียงแต่ว่าการตั้งครรภ์ในผู้ผ่าตัดปลูกถ่ายรังไข่และมดลูกนั้นมีความเสี่ยงกว่าการตั้งครรภ์ในเพศหญิงเป็นปกติอยู่แล้ว ความจริงแล้วการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์สามารถมีได้นะคะ แต่ในกรณีนี้ หมออยากจะขอให้ผ่านช่วงสามเดือนแรกไปก่อนนะคะ หลังจากตรวจแล้ว ถ้าพบว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติเลยค่ะ”


แพทย์สาวตรงหน้าก้มลงอ่านเอกสารบางอย่างในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้พวกเขาเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจอ


“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ หลังจากนี้ก็ให้มาตามหมอนัดทุกครั้งด้วยนะคะ”


เขายกมือไหว้แพทย์หญิงตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องตรวจโดยมีอีกคนเดินตามหลังมาอยู่ไม่ห่าง


ทันทีที่เดินออกมาอยู่ในระยะห่างจากคนอื่นพอสมควร เด็กหนุ่มยกมือขึ้นตีไหล่อีกคนเบาๆ


“ตอนหมอพูดทำไมต้องทำหน้ากรุ่มกริ่มขนาดนั้นด้วยครับ ด้วยหมอเขาก็คิดลึกพอดี”


คนถูกตีหัวเราะร่วนก่อนจะถือวิสาสะคว้ามือชายหนุ่มข้างกายมากุมไว้แน่น


“อย่าพูดเหมือนการตั้งครรภ์มันเกิดขึ้นได้เพราะโดนลมพัดเข้าปากสิ”


“ลุง!”


“ชู่ เดี๋ยวคนก็มองหรอก”


ไม่ว่าเปล่า ยังเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เสียจนเขาต้องรีบถอยหนี


ให้ตายสิ ตาลุงนี่นี่มัน....


เจ้าของร่างสูงโปร่งเบือนหน้าหนีอีกคนพลางทำสีหน้าเอือมระอา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดจะสะบัดมือที่กุมกันไว้ออก หนำซ้ำยังยอมให้อีกคนลากไปตรงนู้นตรงนี้ตามใจชอบ รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่บนรถพร้อมกับขนมเค้กออร์แกนิกเจ้าโปรดบนตักเสียแล้ว


“นี่อะไรกันครับ ไหนว่าไม่อยากให้ผมกินของหวานไง”


“ก็ถ้านิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”


ใบหน้ามีอายุหันมายิ้มกว้างให้เขา


“เป็นรางวัลที่เป็นคุณแม่ที่ดีมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ด้วย”


แล้วริมฝีปากของอีกคนก็ประทับลงบนริมฝีปากของเขา


...แค่เพียงแผ่วเบาแล้วก็ผละออกไป...


อา ทำไมเขาถึงอยากได้มากกว่านี้กันนะ


เด็กหนุ่มเสหน้าออกไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อสงบอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นภายใน ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากจูบเมื่อครู่ทำให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง แต่พอจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แบตเตอรี่ก็ดันดับไปต่อหน้าต่อตา ทำให้เด็กหนุ่มต้องเปลี่ยนแผนเป็นหยิบนู่นหยิบนี่ในรถมาดูแทน


เขาหยิบตั้งแต่แว่นกันแดดในที่เก็บของด้านหน้ารถลามไปจนถึงกล่องกระดาษทิชชู่ จนเมื่อไม่มีอะไรจะดูอีก เขาจึงต้องหยิบยาบำรุงครรภ์จากในถุงขึ้นมาดูทั้งที่เห็นบ่อยเสียจนชินตาแล้ว พฤติกรรมของเขาทำให้คนขับรถหัวเราะขึ้นมาเบาๆ แต่ก็โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ซักไซ้อะไร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้จะเอาอะไรไปตอบ จะให้ตอบไปว่ากำลังมีอารมณ์ก็คงไม่ได้


...ให้ตายสิ...


นัยน์ตากลมจดจ่ออยู่กับเม็ดยาในถุงราวกับจะมองให้ทะลุถึงส่วนประกอบภายใน ในทีแรกเด็กหนุ่มไม่ได้มีสมาธิอยู่กับสิ่งในมือนักจนกระทั่งความคิดบางอย่างแล่นกลับเข้ามาในหัว...กลับเข้ามาหลังจากหายไปพักใหญ่


ตอนพี่ดาท้อง พี่จะต้องกินอะไรแบบนี้ไหมนะ


สายตาของเขาทอดยาวออกไปยังสถานที่ที่ไกลแสนไกล


ต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้น....คงลำบากแย่เลย...


“คิดอะไรอยู่เหรอ”


เขาไม่ได้หันไปมองคนพูด นัยน์ตาคู่สวยมองเหม่อออกไปยังท้องฟ้าเวิ้งว้างที่ไกลแสนไกล


“ผมคิดถึงพี่ครับ”


มันคงฟังดูประหลาดน่าดูกับการที่คนถูกกระทำอย่างเขาจะยังพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นความจริง


“ผมไม่รู้หรอกว่าก่อนพี่จากไป ความรู้สึกที่พี่มีให้ผมกับผมมีให้พี่เท่ากันไหม”


น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเรียบนิ่งและแผ่วเบา


“แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้คือพี่ในความทรงจำของผมนั้นเป็นเรื่องจริง ความรักที่ผมได้จากพี่ในตอนเด็กๆ นั้นเป็นเรื่องจริง”


ดวงตาคู่นั้นทอดมองไปยังผืนฟ้าเบื้องบนราวกับกำลังมองไปยังคนที่จากไป


“ต่อให้ตอนนี้พี่ไม่รักผมแล้ว ไม่อยากได้ผมเป็นน้องแล้ว ผมก็ไม่สน”


รอยยิ้มจางถูกประดับลงบนใบหน้าคมคาย แม้มุมปากจะกระตุกขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่รอยยิ้มนั้นกลับดูสดใสยิ่งกว่าทุกครั้ง


“ผมยังเป็นน้องของพี่ เป็นมาตลอดและจะเป็นตลอดไป”


ในที่สุดคนที่เอาแต่มองวิวด้านนอกมาตลอดก็ยอมหันกลับไปมองหน้าคนข้างกาย


แม้ดวงตาของอีกฝ่ายจะมองถนนเบื้องหน้า แต่เขารู้ดีว่าหัวใจของอีกคนกำลังจดจ่ออยู่กับตัวเขา


ทุกสิ่งทุกอย่างของหนุ่มใหญ่คนนี้อยู่กับเขา


“ขอบคุณนะครับคุณปราณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด แม้ในวันที่ผมไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย”


แม้จะเป็นเพียงภาพใบหน้าด้านข้าง แต่รอยยิ้มที่อีกฝ่ายคลี่ประดับบนใบหน้านั้นช่างชัดเจนเสียจนไม่จำเป็นต้องมองด้านหน้าตรงก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยิ้มกว้างขนาดไหน


น่ารัก...คุณลุงของเขาน่ารักเหลือเกิน


“คุณปราณครับ คุณจำเรื่องที่พ่อโทรมาหาผมได้ไหมครับ”


“เรื่องสองวันก่อนน่ะเหรอ”


“ครับ”


“จำได้สิ ทำไมเหรอ”


ชายหนุ่มทิ้งตัวเอนหลังลงไปบนเบาะมากขึ้นอีกหน่อย


“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่หลังจากนั้นอีกวันแม่โทรมา แม่ก็เลยเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง”


ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกจากจมูกเพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นภายใน


“สรุปคือทุกอย่างก็เป็นตามที่วิทย์เล่าทั้งหมด แม่บอกว่าจริงๆ แล้วบ้านผมก็ไม่ได้ดีนักหนา พ่อทำทั้งธุรกิจมืดและธุรกิจปกติ ตอนแรกพ่อตั้งใจจะให้พี่ดารับช่วงต่อในธุรกิจธรรมดา ส่วนผมกับวิทย์ที่คบกันในตอนนั้นก็ตั้งใจจะให้รับช่วงในธุรกิจสกปรก แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องเสียก่อน”


เสียงแค่นหัวเราะดังออกมาจากคอของคนเล่าเรื่องเบาๆ


“แม่บอกว่า ตอนแรกที่พ่อยินดีให้ผมกับวิทย์ก็เพราะคิดว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหนน่ะครับ ถ้าผมแต่งงานกับเขา ยังไงก็มีแต่ได้กับได้ พ่อก็จะได้ขจัดความตะขิดตะขวงใจว่าผมไม่ใช่ลูกออกไปได้ด้วย แต่พอเกิดเรื่องทุกอย่างก็เลยพังไปหมด เหตุที่จะพาพี่ดาไปทำแท้งตอนแรกก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าลูกคงเกิดมาพิการนั่นล่ะครับ แต่สุดท้ายพี่ดาก็หนีไปก่อน”


นัยน์ตาของชายหนุ่มไม่ได้เบือนออกไปมองนอกหน้าต่าง ดวงตาคู่นั้นทำเพียงจับจ้องอยู่ที่ฝ่ามือบนตักของตัวเองเท่านั้น


“ส่วนเรื่องของวิทย์ ที่จู่ๆ ก็กลายเป็นหมาบ้าไปแบบนั้น คาดว่าคงโดนบ้านนู้นทำอะไรมาไม่น้อยล่ะครับ เพราะเท่าที่แม่เล่าให้ฟัง เหมือนฝั่งนู้นเขาจะไม่รู้เลยว่าวิทย์เป็นลูกชู้ จนกระทั่งเกิดเรื่องพี่ดา จำได้ไหมครับว่าผมเคยเล่าว่าหลังจากพี่ดาหนีไป วิทย์ก็เลิกกับผมแล้วก็ไปแต่งงานกับเศรษฐีนีรุ่นใหญ่อย่างไม่มีเหตุผลเลย”


“อืม พอจำได้อยู่”


ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะเล่าต่อ


“นั่นล่ะครับ พอเรื่องพี่ดาแดง วิทย์กับพี่ดาก็รู้ว่าตัวเองเป็นพี่น้องกัน ก่อนหน้านั้นก็ไม่มีใครรู้อะไรเพราะพ่อไม่เคยพูด วิทย์ก็คงไปเผลอหลุดปากพูดกับบ้านตัวเองเข้า จากตอนแรกที่ไม่มีใครรู้เรื่อง ก็เลยกลายเป็นรู้กันหมดทั้งฝั่งนู้นและฝั่งบ้านผม ตอนนั้นมีผมแค่คนเดียวที่ไม่รู้”


นิ้วเรียวยกขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ


“พอความจริงมันถูกเปิดเผย ทุกอย่างก็เลยยิ่งยุ่งเหยิงกว่าเก่า ทางฝั่งนู้นก็พาลเกลียดวิทย์กับแม่ไปเลย โชคร้ายไปอีกที่แม่วิทย์เสียไปแล้ว เหลือแต่พ่อซึ่งก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเขา คนๆ นั้นก็เลยส่งวิทย์ไปแต่งงานเพื่อผลประโยชน์โดยไม่สนใจความรู้สึกของวิทย์อีกต่อไป ใช้วิทย์เป็นเครื่องมือหาประโยชน์เข้าตระกูลจนวิทย์เครียดแล้วกลายเป็นคนวิกลจริตไปเลย”


คนเล่าชะงักไปอึดใจเมื่อทิวทัศน์รอบด้านเริ่มเปลี่ยนเป็นภาพบนถนนสายที่ไม่คุ้นตาจนอดเอ่ยปากไม่ได้


“เราไม่ได้จะกลับบ้านกันเหรอครับ”


เขาได้ยินอีกคนหัวเราะเบาๆ


“เดี๋ยวก็รู้ เล่าต่อเถอะ”


ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนสูงอายุที่ยังชื่นชอบการเซอร์ไพรส์เขายิ่งกว่าอะไร ก่อนจะเล่าต่อ


“ก็ไม่มีไรแล้วล่ะครับ ทุกอย่างฝั่งไทยก็ยุ่งเหยิงไปหมด พ่อต้องพาวิทย์ไปบำบัดจนกระทั่งหาย พอออกมาก็ตั้งใจว่าวิทย์นั้นสืบทอดธุรกิจมืด ส่วนผมก็จะให้ผมสืบทอดต่อทางธุรกิจปกติ แต่ก็นั่นล่ะครับ อะไรที่พ่อวางแผนไว้ก็ไม่เป็นไปตามแผนสักอย่าง จนสุดท้ายก็เกิดเรื่องอย่างที่เห็น สุดท้ายพ่อก็ไม่เหลือใครสักคน”


ประโยคสุดท้ายของเขาแผ่วลงกว่าปกติ แต่อีกคนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา


เขารู้ว่านั่นคือความใส่ใจ


คุณลุงของเขาไม่ใช่คนช่างพูดช่างให้กำลังใจ คนๆ นี้มีวิธีการให้กำลังใจในแบบของตัวเอง ในตอนแรกก็คงจะปล่อยให้เขาได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองก่อน จากนั้นจึงเข้ามาปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนด้วยการดึงเขาเขาไปซุกในอ้อมกอดแล้วลูบหัวเบาๆ


ไม่มีคำให้กำลังใจ ไม่มีคำพูดสวยหรูอะไรมากมาย แต่สำหรับเขามันพอแล้ว


...พอแล้วจริงๆ ...


ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น รถยนต์คันหรูที่เขานั่งมาก็หยุดลงบริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง


บรรยากาศเงียบๆ ของลานจอดรถทำให้เขาต้องหันขวับไปมองหน้าคนขับ


“หลอกผมมาฆ่ารึเปล่าลุง”


คนถูกถามหัวเราะร่วนทันทีที่ฟังจบ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมือขยี้ลงบนหัวของเขาเบาๆ


“เพ้อเจ้อน่า”


เสียงหัวเราะของคนสองคนดังประสานกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหยุดลงเมื่อนิ้วโป้งของคนสูงวัยเลื่อนตำแหน่งจากเส้นผมมาที่ริมฝีปาก


นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างมีความหมายก่อนที่ริมฝีปากจะประทับแน่นเข้าหากันอย่างลึกล้ำ


...หวาน...


รสหวานของจูบถ่ายทอดให้กันและกันด้วยปลายลิ้น เกี่ยวกระหวัดเข้าหากันอย่างโหยหา ท้ายทอยของเขาถูกฝ่ามือใหญ่ดันขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ได้มุมที่พอเหมาะ รู้ตัวอีกที อีกฝ่ายก็สูบทุกสิ่งทุกอย่างจากตัวเขาไปหมดแล้ว


แพ้...เขาแพ้คนๆ นี้ทุกทางเลยจริงๆ


จมูกโด่งของอีกคนคลอเคลียอยู่บริเวณแก้มของเขาไม่ยอมห่าง


“อาหารตรงหน้าอร่อยขนาดนี้ ไม่ต้องเข้าไปกินในร้านแล้วมั้ง”


“เสี่ยวน่ะลุง”


 เขาปรามอีกคนไปอย่างนั้นเอง ใช่ว่าจะไม่ชอบเสียเมื่อไหร่


ปลายจมูกของพวกเขาสัมผัสกันอยู่อีกอึดใจก่อนจะผละออกแล้วต่างฝ่ายต่างเปิดประตูลงจากรถ


เด็กหนุ่มหรี่ตามองป้ายชื่อร้านก่อนจะหันกลับไปมองหน้าคนที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยแววตาเป็นประกาย


“โอมากาเสะเหรอครับ”


แต่พอได้เห็นอีกคนส่ายหน้า ความหวังของเขาก็ดับลงต่อหน้าต่อตา


ไม่ให้กินแล้วจะพามาที่ร้านทำไมกันล่ะ


ใจร้าย ลุงของเขาใจร้ายเป็นบ้าเลย


ใบหน้าหมองๆ ของเขาทำให้อีกคนอดพูดแหย่ขึ้นมาไม่ได้


“ทำหน้าเศร้าอะไรขนาดนั้นหืม”


มือใหญ่ข้างนึงเอื้อมมาคว้ามือเขาไปกุมไว้


“ตอนนี้ยังท้อง ฉันไม่อยากเสี่ยงให้กินของดิบ เข้าใจไหม”


ฝ่ามือใหญ่อีกข้างยกขึ้นลูบไล้ไปตามไรผมของเขาเบาๆ


“วันนี้ก็เลยพามากินแค่อาหารญี่ปุ่นธรรมดาก่อน ไว้คลอดเมื่อไหร่ จะพามากินโอมากาเสะนะ”


“สัญญาแล้วนะลุง”


“ให้เกี่ยวก้อยสัญญายังทำได้เลย”


แล้วเสียงหัวเราะของคนสองคนก็ดังขึ้นพร้อมกัน


...ดังแทรกผ่านความเงียบสงัดในยามค่ำคืน...







[จบ]





***********************************************************************



[เกร็ดความรู้]




Omakase


โอมากาเสะแปลตรงตัวว่า ‘เชฟจัดให้’ ซึ่งจัดให้ในที่นี้หมายถึงการที่เชฟจะเป็นคนเลือกให้ว่า วันนี้คนที่มาทานจะได้ทานเมนูใดบ้าง จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการทานอาหารแบบ a la carte ที่คนทานสามารถเลือกเมนูเองได้ดังใจ

แม้ว่าการที่ไม่สามารถเลือกเมนูได้เองนี้อาจสร้างความกังวลให้กับคนทานอยู่บ้าง แต่การทานแบบโอมากาเสะก็เป็นการเปิดโอกาสให้เชฟมีอิสระในการรังสรรค์เมนูอย่างเต็มที่ ซึ่งอิสระนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งในการดึงเอาปฏิภาณไหวพริบของเชฟออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน โอมากาเสะมื้อนี้ก็จะเป็นมื้อที่เหนือความคาดหมายไปกับความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบไปจนเสร็จถึงมือคนทาน


ีที่มา: https://adaybulletin.com/life-ichika-omakase/12381 (https://adaybulletin.com/life-ichika-omakase/12381)




***********************************************************************




จบอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ เย่! ในที่สุดก็พากันมาจนถึงตอนจบจนได้ ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเลยนะคะ บ๊ายบ่ายย ^^



พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ





หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 13-06-2018 20:51:06
อยาก​เห็น​ตาลุงเลี้ยงลูก ถ้าเป็น​ลูก​สาว​คงหวงน่าดู​
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 13-06-2018 22:46:37
ทำไมน่ารักขนาดนี้ดิม ทำไมค้องใจร้ายกับดิมกันขนาดนั้นด้วย เสียใจ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-06-2018 00:13:51
ลุงดูกรุ้มกริ่มจนไม่คิดว่าจะอยู่ในวัย สว แล้ว 5555

อยากเห็นตอนลุงช่วยดิมเลี้ยงลูกอ่า
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2018 01:15:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 14-06-2018 07:29:47
เอาจิงๆตอนแรกจะเลิกอ่านเรื่องนี้แล้ว 55555 เพราะดูตอนแรกเนื้อหาไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมาก่อน
อ่านไปๆมาๆ เอ้ออออ มันมีความแฝงนะ ลุงมีความเป็นมาเฟียในตัวเองส่วนดิมก็มีรังษีความเป็นเมียมาเฟียเช่นกัน  :hao6: :hao6:
นายเอกค่อนข้างเป็นคนที่คิดเยอะไปหน่อยนะ คิดนู้นคิดนี้คิดไปเอง บางทีอ่านก็หน่วงๆอยู่ ในขณะที่ลุงดูแลอย่างดี แต่สุดท้ายเรื่องไปด้วยดี ดีใจด้วยยย  :katai2-1: :katai2-1:
มีลุ้นเป็นเดล&ทีนมั้งมั้ย 555555 รู้สึกอยากให้มีบ้าง คู่นี่ต้องสดใสและน่ารำคาญ(เดล)แน่นวล  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 14-06-2018 15:15:21
THANK YOU :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2018 16:59:14
 o13
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-06-2018 20:07:30
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 14-06-2018 22:55:42
สนุกมากๆ ขอบคุณนะคะ
รอตอนพิเศษเลย อยากเห็นลุงเห่อลูกค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kyubright ที่ 16-06-2018 07:26:07
อยากมีลุงเป็นของตัวเองเลยค่ะ ฮื่อออ  :-[
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 16-06-2018 17:32:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 15-07-2018 19:39:24
ชอบมากๆ ภาษาดีมากเลยค่ะ :hao5:
อ่านแต่ละตอน เนื้อเรื่องและปม ชวนติดตามทั้งนั้นเลย
รอติดตามผลงานต่อๆไป
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 16-07-2018 21:46:12
จบแล้วฮืออ ชอบซีนอารมณ์จังเลยค่ะอ่านแล้วอินมากๆ ที่ชอบมากคือตอนคุณลุงตอนรู้ว่าตัวเองกำลังกับว่าที่คุณพ่อมาก เราตื้นตันแทนคุณลุงเลย5555 ขอบคุณคนเขียนมากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 23-07-2018 23:17:44
ชอบภาษา ชอบเนื้อเรื่อง
เป็นเรื่องมี่อายุพระนายห่างกันเยอะมาก
เป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าอบอุ่นมาก คือลุงอ่อนโยนกับดิมมาก
สัมผัสได้ถึงความรักของพวกทั้งคู่
และอยากอ่านตอนลุงช่วยดิมเลี้ยงลูก 555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 26-07-2018 00:23:07
เรื่องพ่อแม่ดิมมันดูไม่เคลียร์ไงก็ไม่รู้นะตัว แต่ก็น้อมรับจ้า สงสารดิมนะไปทำเวรทำกรรมอะไรมาทำไมเจอเรื่องหนักขนาดนี้  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 01-08-2018 01:05:02
 :sad4: :z3:หน่องรู้สึกเหมือนมองฝนตกร่วมไปกับแมวน้อยมากๆๆเลย ทุกอย่างดูผันกันอย่างกับแห คนเขียนดีมากค่ะดึงอารมณ์ออกมาจากคนดูอย่างหน่องเยอะมากกก ปรบมือให้ค่ะชื่นชมการเขียนจริงๆเลย นักทุกตัวละครดีใจที่มีคุณหมอมาโผล่เบาๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-08-2018 20:44:11
ลุงน่ารักตลอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 01-08-2018 20:54:13
อยากเห็นน้องน้อย ๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 02-08-2018 23:20:08
เรื่องนี้ดีมากกกกกกก
ดีทุกอย่างเลย  ตัวละครดี ภาษาดี เนื้อเรื่องดี
อ่านไปแต่ละตอนคิดตามตลอดเลย
โอ้ยยยยยดีมากกกก พลาดอ่านมานานขนาดนี้ได้ไง :katai1: :katai1:   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-08-2018 22:43:22
ให้ดิมได้มีความสุขจริงๆสักทีนะคะ ดีใจ ขอให้ลุงอายุมั่นขวัญยืนนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆและเกร็ดความรู้นะคะคุณปิงปอง ถ้ามีโอกาสก็อยากอ่านงานเขียนวายของคุณปิงปองอีกค่ะ รักกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 07-08-2018 20:28:56
รักลุง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 09-08-2018 10:14:24
สนุกมากๆค่ะ ขอบคุรนิยายดีๆนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-08-2018 18:50:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-08-2018 14:30:09
นี่เราพลาดบทส่งท้สยของเรื่องนี้ไปได้ยังไง ดีนะที่เข้ามาในหมวดนิยายจบแล้วเลยเจอ เป็นตอนส่งท้ายที่ไขความข้องใจในครอบครัวดิมได้หลายอย่างเลยนะสำหรับเรา ต่อจากนี้ดิมกับลุงก็จะมีครอบครัวที่มีความสุขสักที อยากเห็นตอนพิเศษวันที่ลุงได้เป็นพ่อจัง อยากรู้ว่าลุงจะละมุนขนาดไหน
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 13-08-2018 01:01:12
รักคุณลุงจัง :mew1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-08-2018 14:34:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 04-09-2018 07:01:12
สนุกมากค่ะ ลุ้นและหวีดคุณลุงมาก
เสียอยากเดียว...มันจบเร็ว
เร็วจนแบบ เฮ้ย!จบแล้วเรอะ!เสียดายอ่ะ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 04-12-2018 14:32:46
 :L2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sarita ที่ 08-01-2019 21:58:29
 :jul1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 22-01-2019 08:34:55
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ชอบบบบบบบบบบบ มันดีมากกก  อยากได้แบบลุง ชอบบบบบบ รวดเดียวจบ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 30-08-2019 11:59:33
สนุก ชอบลุงกับดิม ❤
เดลกับทีนเป็นเพื่อนที่ดีมากไๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 08:36:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 07-06-2020 17:29:55
อยากอ่านต่อพาร์ทหลังคลอดเลย แงงงงงง
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 12-06-2020 01:35:23
 :mew2:
ขอขอบคุณนักเขียน เรื่องราวกึ่งดาร์คนิดๆ
ชอบลุง...นะ แต่ ไม่อยากให้แก่รุ่นพ่อเลย ลดอายุมาเป็น อาก็พอ.. :laugh:
แต่น่ารัก ในความเป็นผู้ใหญ่ที่รักเด็ก  กินเด็ก  :-[ :impress2:
จะเป็นกำลังใจให้ ในเรื่องต่อๆไป  :pig4: :pig4: :pig4:
 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 14-06-2020 00:01:50
น่ารักมากค่ะ  ลุงก้อน่ารัก แมวน้อยก้อช่างยั่ว น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 18-07-2020 15:52:59
สนุกกก กกก อยากให้มีภาคต่อเลย
เวอร์ชั่นดูแลเจ้าตัวเล็ก
 :-[
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 24-07-2020 21:50:49
อ่านอีกรอบก็ชอบทุกรอบ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] Last Song [บทส่งท้าย] (13/06/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmiku ที่ 11-07-2021 12:57:47
รักลุงรักน้องดิม สนุกมากค่ะ