▲▼Return To Love ▲▼#Re2love [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love [END]  (อ่าน 175691 ครั้ง)

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •6 ll 18.12.60 ll P.4 [UP]
«ตอบ #120 เมื่อ19-12-2017 15:28:38 »

น่ารักกกกกกก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •6 ll 18.12.60 ll P.4 [UP]
«ตอบ #121 เมื่อ21-12-2017 06:46:35 »

พุฒิเอ้ยย ไม่อ่อยใครไปเรื่อยน่ะ 55555

กายเป็นญาติเพื่อนพุฒิก็เข้าใจ แต่มาจากไหน แล้วรู้จักฝุ่นได้ยังไง

พุฒิก็เหมือนเด็กไปอีก สงสัยอยํ่กับลูกมากไป
โฬมเอ้ยยย ระวังนะ มีคนข้างบ้านส่องอยู่

เจ้าหมู ขนาดนอนยังละเมอถึงของกิน

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •6 ll 18.12.60 ll P.4 [UP]
«ตอบ #122 เมื่อ23-12-2017 17:44:26 »

แอบเห็นคอมเม้นที่คาดเดาเรื่อง ฮือออ เก่งจังเลยค่ะ นี่นึกแค่ว่าไตตั้นอาจจะเป็นลูกโฬมเอง ล้ำลึกมากเลยอะ
หมูน้อยน่ารักมากกกก อยากบีบแกมน้องงง ชอบความบลัฟกันของแต่ละคน 5555555
พี่พุฒิสเน่ห์แรงมากเรยยยยย ติดตามนะค้า

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #123 เมื่อ08-01-2018 21:41:28 »

#Re2love •7



“ฮึบ”

“...”

“ฮึบ”

พุฒิยิ้มเอ็นดูลูกชายตัวป่วนซึ่งพยายามหมุนห่วงฮูลาฮูปอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีอะไรจะฉุดรั้งไว้ได้ เขาเลยต้องหาทั้งวิธีการออกกำลังกายที่ดูสนุกและลดน้ำหนักไปในตัว ชายหนุ่มเท้าคางมองเจ้าหมูน้อยในชุดออกกำลังกายที่คุณพรรณีอุตส่าห์ลงทุนซื้อให้ใหม่กำลังเหวี่ยงเอวไปมาแต่จนแล้วจนรอดไอ้ห่วงที่ว่าก็ไม่หมุนสักที พิกเล็ตพยายามอยู่หลายครั้งจนแก้มกลมขึ้นสีแดงเรื่อยและเหนื่อยผุดขึ้นเต็มใบหน้า ซ้ำเหงื่อยังไหลออกมาจากผ้าโพกศีรษะที่มีวิธีมัดแบบหัวแกะคล้ายๆ กับหูฟังอันใหญ่ครอบหูทั้งสองข้างดูแล้วน่าเอ็นดูไม่หยอก

ก่อนหน้านี้พุฒิพยายามลดปริมาณพวกขนมขบเคี้ยวตามใจปากและชักชวนลูกน้อยออกกำลังกายแต่ไม่ได้ผลมากนัก จนกระทั่งเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนพิกเล็ตมาตื้อบอกว่าอยากลดน้ำหนักเพราะเกิดไปต้องใจน้องเมญ่าเพื่อนคนใหม่ที่เพิ่งย้ายโรงเรียน เจ้าเด็กแก่แดดบอกว่าเดี๋ยวสาวจะไม่รัก ความนี้รู้ถึงหูมารดาเขาซึ่งรักหลานมากจนลูกแท้ๆ อย่างเขากลายเป็นชนชั้นล่างของครอบครัว ย่าหลานเลยพากันไปซื้อชุดออกกำลังกายแล้วพากันออกกำลังกายทุกวันหลังร้านปิด

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจแก่แดดแก่ลมของเจ้าหมูดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้ามู่ทู่ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่นไม่สบอารมณ์ นิ้วมือซึ่งเบียดกันตามปริมาณไขมันส่วนเกินจับห่วงฮูลาฮูปเสียแน่นก่อนจะเริ่มเหวี่ยงใหม่และพยายามหมุนควงสะโพกตามแรงเหวี่ยงนั่น ท่าทางชวนทุลักทุเลนั่นชวนหัวจริงๆ เล่นเอาคุณพรรณีซึ่งเล่นแอโรบิคอยู่ข้างๆ กันกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ไหว

“หนูไม่เล่นแล้ว”

เจ้าหมูทำปากคว่ำก่อนจะทรุดตัวนั่งจุ้มปุ๊ก ใบหน้านั้นไม่สบอารมณ์เพราะไม่สามารถเหวี่ยงฮูลาฮูปได้สักที

“เหนื่อยแล้วเหรอเรา?”

“พ่อจ๋า”

พิกเล็ตช้อนสายตามองเขาแล้วทำตาปริบๆ

“หนูหิวบัวลอยเผือกจังเลยฮะพ่อจ๋า”

โธ่ลูก!

พุมิกุมขมับสีหน้าทั้งขำทั้งเอ็นดูลูกชาย ไม่ต่างจากส้มและป้องที่กำลังทำความสะอาดร้านอยู่ ต่างพากันยิ้มขำเจ้าตัวแสบ ท่าทางว่าชุดออกกำลังนี่จะเป็นหมันในไม่ช้าที่ซะแล้วมั้ง มีที่ไหนซื้อมาไม่ถึงสัปดาห์เจ้าตัวดูจะเบื่อหน่ายการออกกำลังกายซะแล้ว

“ผัวลอยเผือก”

พิกเล็ตทำตาลอยๆ แล้วพูดซ้ำๆ ท่าทางละเมอหาของกินนั่นดูขบขัน ให้ตายเถอะ ออกกำลังกายยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ร้องหาของกินซะแล้วลูกเอ๊ย!

“ใส่ไข่ด้วยนะพ่อจ๋า”

สุดท้ายคนที่ทนลูกอ้อนเจ้าหมูไม่ไหวก็คือคุณพรรณีเองที่รีบกุลีกุจอไปหลังร้านและไม่นานบัวลอยเผือกกลิ่นหอมกรุ่นก็ลอยมาแต่ไกล พิกเล็ตที่ทำตัวอ่อนเปลี้ยเหมือนไร้เรี่ยวแรงตอนที่เขาขยับไปอุ้มเจ้าหมูให้นั่งดีๆ บัดนี้กลับกระฉับกระเฉงจนน่าตี

“อ่าส์ บัวลอยของหนู”

พิกเล็ตตบมือแปะๆ

“ระวังพุงยื่นแล้วน้องเมญ่าไม่รักนะลูก”

พิกเล็ตชะงักกึกมองบัวลอยตรงหน้าตาละห้อย แต่ไม่นานหรอกใบหน้าสลดนั่นก็กลับทะเล้นขึ้นมา

“พรุ่งนี้ค่อยลดน้ำหนักแล้วกันใหม่เนอะพ่อเนอะ”

หนูพูดแบบนี้มาสามวันแล้วลูก!

พุฒิส่ายหัวไปมาแล้วค่อยหยิบทิชชูเข็ดขอบปากให้เจ้าหมูที่กำลังกินของหวานตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย  พิกเล็ตยิ้มตาหยีเห็นพวงแก้มทั้งสองข้างกลมเป็นซาลาเปา ใบหน้าน้อยๆ เงยให้เขาเช็ดปากอย่างไม่อิดออด

เจ้าเด็กร้ายกาจเอ้ย!


.

.


เวลาหกโมงกว่าหลังจากร้านขนมหวานบ้านคุณพรรณีปิดให้บริการแล้ว  ช่วงนี้พุฒจะเข้ามานั่งทำบัญชีที่ร้านให้มารดาและรอรับคุณพรรณีกับส้มกลับบ้านพร้อมกันด้วย ตั้งแต่คุณปู่เข้าศูนย์เมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้การเดินทางฉุกละหุกไปสักหน่อยเพราะต้องใช้บริการแท็กซี่บ่อยๆ จริงๆ ก็ไม่บ่อยนักหรอกเพราะดูเหมือนว่ามารดาจะได้สารถีคนใหม่เป็นชายหนุ่มเพื่อนบ้านที่พักนี้แวะเวียนมาที่ร้านบ่อยๆ

มาบ่อยจนเผลอมองไปที่ประตูร้านบ่อยๆ เหมือนรอคอยใครสักคน

พุฒิกวาดตามองภายในร้านเพื่อเช็คความเรียบร้อย แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมารดาผุดลุกผุดนั่งและชะเง้อชะแง้มองออกไปนอกร้านหลายต่อหลายครั้ง สงสัยว่าคนๆ กันซะล่ะมั้ง

“แม่เป็นอะไรครับ?”

ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย ขณะที่กำลังกดเรียกแท็กซี่เจ้าประจำ

“วันนี้ไม่ต้องเรียกแท็กซี่นะพุฒิ”

“ครับ?”

ชายหนุ่มเงยหน้าจากโทรศัพท์ด้วยความสงสัย มารดาผู้ทันสมัยไม่ตอบแต่ขยิบตาให้เขาทีหนึ่งและดูเหมือนว่าพุฒิไม่ต้องสงสัยอยู่นานเมื่อเห็นเสียงไฟจากรถคันคุ้นตามาจอดอยู่หน้าร้าน

“มาแล้ว”

คุณพรรณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจูงมือพิกเล็ตไปเก็บของหลังร้าน

“ผมกลับก่อนนะพี่พุฒิ”

ยังไม่ทันที่พุฒิจะได้เอ่ยถามมารดา ป้องก็เดินมาไหว้ลาขอตัวกลับ

“ขับรถดีๆ ล่ะเรา”

“ครับพี่”

เจ้าป้องกำลังจะเดินสวนกับแขกที่มาเยือนตอนร้านปิดพอดี

“พี่โฬม?”

เจ้าป้องรู้จักกับโฬมอย่างนั้นเหรอ?

พุฒิทำหน้างงเมื่อเห็นป้องดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เจอกับโฬมอีกครั้ง จำได้ว่าวันที่อดีตคนรักเก่าเข้ามาขอยางมัดผมในร้าน เห็นเหมือนกันว่าป้องจ้องเอาๆ ท่าทางตื่นเต้นไม่ต่างจากตอนนี้ที่เจ้าเด็กตัวขาวรีบปลดกระเป๋าเป้แล้วคุ้ยหาอะไรสักอย่างก่อนจะยื่นให้โฬม

“ผมขอลายเซ็นหน่อยครับพี่”

ขอลายเซ็น?

นี่อย่าบอกนะว่าอดีตคนรักเป็นคนมีชื่อเสียง พุฒิทำหน้างงมืดแปดหน้า

“ผมไม่มีปากกา”

ป้องทำตาโตอย่างลืมตัวเพราะยื่นให้แต่กระดาษ คนตัวขาวเลยหันมาขอยืมปากกาจากเขา ระหว่างนั้นพุฒิเลยกระซิบถามเด็กในร้านเสียงแผ่ว

“รู้จักโฬมด้วยเหรอ?”

“รู้จักสิครับพี่พุฒ ก็พี่โฬมเขาดังจะตาย ผมนี่แฟนคลับผลงานพี่เขาเลย ตอนเจอกันครั้งแรกที่ร้านคราวก่อนมัวแต่ตะลึงจนลืมขอลายเซ็นเลย ตอนนั้นผมยังนึกเสียดายอยู่เลย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“แล้วพี่คิดว่าไงล่ะ”

พุฒิสะดุ้งโหยงเพราะเจ้าของคำถามก่อนหน้านี้ขยับมาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พุฒิหลุบตามองพื้นอย่างรู้สึกเก้อๆ เพราะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่สัมผัสบางเบาที่ข้างหู เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีอาการประหลาดจึงก้าวถอยหลังมายืนมองแฟนคลับและคนดัง? ที่กำลังโอภาปราศรัยกัน

“ขอบคุณครับพี่โฬม ผมชอบผลงานพี่ทุกเล่มเลยครับ พี่ถ่ายรูปโคตรสวย”

ป้องดีใจเหมือนเด็กตอนที่ฝ่ายนั้นตวัดปากกาลายฉวัดเฉวียนใส่กระดาษแล้วยื่นกลับคืนให้

“ขอบใจนะ”

“ผมซื้องานพี่เก็บทุกเล่มเลยครับ เสียดายปกก่อนหมดแผงอย่างไว ผมเลยไม่ได้เก็บเลย”

โฬมทำหน้านึกๆ

“เหมือนว่าที่บ้านมีเหลืออยู่เล่มหนึ่ง ถ้าแวะมาร้านครั้งหน้าผมจะเอามาให้นะ”

“ขอบคุณครับพี่”

ป้องตาเป็นประกายท่าทางเหมือนเด็กน้อยนั่นทำให้เขาเผลอยิ้มตาม ก่อนจะชะงักกึกเมื่อสบตากับอีกคนที่มองมาทางนี้พอดี พุฒิเลยเกาหัวแก้เก้อพอดีกับที่ป้องขอตัวกลับ

“เอ่อ”

เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคนแล้วพ่อลูกหนึ่งก็รู้สึกมือไม้เกะกะยังไงก็ไม่รู้ พาลให้นึกถึงเหตุการณ์ที่โฬมอุ้มเขาข้ามรั้วเมื่อหลายวันก่อน และบทสนทนาระหว่างกันในค่ำคืนนั้น พุฒิยอมรับว่าตัวเองยังฝังใจกับเรื่องราวในอดีต เขาไม่ปฏิเสธว่าในส่วนลึกไม่เคยลืมคนตรงหน้า ถึงแม้เวลาจะเปลี่ยนไป ความรับผิดชอบหลายอย่างเกิดขึ้นและทำให้เขาอาจลืมเลือนมันไปบ้าง แต่เมื่อได้กลับมาสู่ความรู้สึกเดิมๆ มันก็อดหวนนึกถึงเรื่องวันวานไม่ได้ นั่นแหละจึงเป็นบ่อเกิดของอาการประหลาดที่เขาเป็นอยู่ขณะนี้ พุฒิยอมรับว่าตัวเองแปลกไป ตั้งแต่อดีตคนรักกลายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่

“ถ้าไม่รู้จะชวนคุยอะไร ชวนผมนั่งก่อนก็ยังดี”

“อะ อื้ม”

“แล้วคุณป้ากับพิกเล็ตล่ะครับ”

“ไปเก็บของหลังร้านน่ะ”

โฬมพยักหน้ารับรู้

“พี่ไม่สบายรึเปล่า”

“หา?”

“ท่าทางพี่ดูแปลกๆ หน้าก็แดง”

“เอ่อ”

พุฒิทำตาหลุกหลิก


“พี่ร้อนน่ะ”

ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าที่รู้สึกว่าดวงตาคมคายคู่นั่นกำลังขบขันเขา พุฒินึกเก้อกระดากก้มมองตัวเองที่ใส่คาดิแกนสวมทับเสื้อยืดด้านใน อุณหภูมิในร้านเย็นฉ่ำเพราะแอร์คอนดิชั่น ก่อนหน้าเขาเพิ่งควานหาเสื้อคลุมมาใส่ แล้วนี่อะไรกันตอนนี้ดันพูดว่าตัวเองร้อนทั้งที่หนาวจนขนลุกขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่คนตรงหน้าจะยกยิ้มมุมปากราวกับรู้ทันว่ามันคือคำพูดแก้เก้อ

พุฒิทำหน้าไม่ถูกเลยเลื่อนจานขนมหวานเมนูเด็ดประจำร้านเลื่อนไปตรงอีกฝ่าย

“ลองทานสิ เมนูเด็ดเลยนะ คุณพรรณีเขาลงมือทำเองเลย”

“ผมไม่ชอบของหวาน”

พุฒิทำหน้ายู่

“พี่รู้”

โฬมไม่ชอบของหวานและโฬมชอบอากาศเย็น

พุฒิจำได้!

“งั้นลองอันนี้” พุฒิคะยั้นคะยอต่อ “น้ำสมุนไพรหอมชื่นใจ”

“ของเหลือจะทิ้งแล้วรึเปล่าเนี่ยถึงคะยั้นคะยอให้ผมกินนัก”

พุฒิแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย

“เห็นมาเหนื่อยๆ หรอก เลยอยากให้กินอะไรชื่นใจสักหน่อย”

“รถติด”

โฬมพูดเสียงเรียบมือก็ยื่นมายกแก้วน้ำสมุนไพรขึ้นดื่ม

“ทำไมวันนี้ถึงแวะมาที่ร้านได้ล่ะ”

“เมื่อเช้าเจอคุณป้า เห็นท่านบ่นๆ เรื่องรถผมว่างพอดีเลยอาสามารับ”

“ไม่มีนโยบายคุยกับแฟนเก่าไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงคุยกับแม่แฟนเก่าได้ล่ะ”

โฬมไม่ตอบแต่สบตากับเขาตรงๆ นั่นแหละพุฒิถึงรู้ตัวว่าไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวด้วยการพูดแบบนั้นออกไป จังหวะที่เราสบตากันเหมือนทุกอย่างรอบกายหยุดไปชั่วขณะ


*Another day has gone
I’m still all alone
ในความเงียบเพลงสากลคุ้นหูจากนักร้องยุคเก้าศูนย์ก็ดังขึ้นมาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เขาเปิดทิ้งไว้ พุฒิใจกระตุกวาบเพียงแค่ได้ยินเนื้อเพลงท่อนแรก ‘You Are Not Alone’ เพราะมันเป็นเพลงแรกที่โฬมใช้หัดเล่นกีต้าร์เพื่อร้องให้เขาฟังเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

*Someone tell me why
Did you have to go
And leave my world so cold


คิดถึง!

ทำไมไม่รู้ ทั้งๆ ที่โฬมอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ยังถึงคิดถึงคนตรงหน้าได้ขนาดนี้ ช่างน่าไม่อายที่ตัวเองเป็นคนเอ่ยคำลา แต่กลับเป็นเขาที่เฝ้าวนเวียนคิดถึงอดีตคนรัก พุฒิเผลอเอื้อมมือไปลูบใบหน้าอีกฝ่าย พอได้สัมผัสใบหน้าคิ้วคางในวันวาน ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ยิ่งแจ่มชัดจนเกือบลืมหายใจ
 
ใบหน้านี้ไงที่คิดถึงแทบตาย ใบหน้านี้ไงล่ะ โฬมชะงักไปเล็กน้อยแต่ยังยอมนิ่งให้เขาลูบปลายคางอย่างแผ่วเบา

*Everyday I sit and ask myself
How did love slip away
Something whispers in my ear and says
That you are not alone
I am here with you
Though you’re far away
I am here to stay

โฬมคว้าข้อมือผู้บุกรุกใบหน้าตัวเองไว้แล้วกุมเอาไว้เบาๆ พุฒิมองใบหน้าโฬมอยู่อย่างนั้น เราสบตากันนิ่งโดยไม่เอ่ยคำพูดใดๆ แค่มองตา แค่มองกันอยู่อย่างนั้น พุฒิยิ้มอ่อนๆ เมื่อโฬมเปล่งเสียงทุ้มร้องคลอไปกับเนื้อเพลงนั้น

*Though we’re far apart
You’re always in my heart

พุฒิน้ำตาร่วงเมื่อหูได้ยินเนื้อเพลงท่อนนั้นที่ว่า ‘แม้เราจะอยู่ห่างไกลกัน แต่เธออยู่ในใจฉันเสมอ’ เขากระพริบตาปริบๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองชักจะอินกับเนื้อเพลงมากเกินไป ชายหนุ่มรีบผละถอยห่างแต่ปลายนิ้วเรียวของโฬมกลับเกลี่ยน้ำตาจากขอบตาให้เขาอย่างแผ่วเบา

“ขอโทษ”

*Though you’re far away
I am here to stay

“พี่ขอโทษ”

โฬมไม่พูดอะไร ใบหน้าคมคายดูจะเฉยชากับคำพูดของเขาแต่ปลายนิ้วนั่นยังคงบรรจงปาดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา

“เมื่อก่อนเพลงนี้ดังมาก”

“อืม”

“ผมหัดเล่นกีต้าร์ก็เพราะเพลงนี้”

“ก็โฬมชอบไมเคิล แจ็คสัน”

“คงงั้นมั้งครับ แต่จริงๆ แล้วผมชอบเนื้อเพลงมันต่างหาก”

“เพลงมันเศร้า”

พุฒแก้ตัวเพราะได้ทำเรื่องน่าอายอย่างการร้องไห้อินไปกับเนื้อเพลง

“มันอยู่ที่คนฟังมากกว่าครับ”

โฬมยื่นทิชชู่มาให้ พุฒิเลยแอบทำหน้ายู่ใส่

“วันหลังโฬมเล่นกีต้าร์เพลงนี้ให้พี่ฟังบ้างสิ”

“ยังอยากฟังผมเล่นอีกเหรอ?”

“อยากฟัง”

“....”

“อยากฟังมาก..อยากได้ยินอีกสักครั้ง”

โฬมไม่ได้ตอบรับแต่ใบหน้าคมคายกลับขยับรอยยิ้ม

“พ่อจ๋า”

เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าลูกหมูดังมาแต่ไกล พุฒิเลยรีบเช็ดหน้าเช็ดตา แต่ท่าทางประหลาดนั้นไม่ได้หลุดรอดไปจากการสังเกตของคุณพรรณีที่เดินตามหลังหลานชายตัวน้อยมาติดๆ อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่ช่างสังเกตเลยขนาดเจ้าหมูยังทำสงสัยที่เห็นบิดาเช็ดน้ำตาป้อยๆ

“พ่อจ๋าเป็นอะไรฮะ”

พุฒิจ้องดวงตาใสแจ๋วนั่นแล้วรวบเอาเจ้าหมูมากอด แม้พิกเล็ตจะงงไม่น้อยกับอาการประหลาดของพ่อแต่มืออวบอ้วนนั่นก็กอดตอบซ้ำยังลูบแผ่นหลังพุฒิและทำท่าทำทางราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กำลังปลอบเด็กน้อย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะฮะพ่อจ๋า”

โฬมเผลอยิ้มออกมา

“พ่อแค่ฟังเพลงอินครับ ไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย”

“โอ๋เอ๋ พ่อจ๋าขี้แง”

พิกเล็ตทำไม้ทำมือล้อเลียนบิดา เท่านั้นไม่พอยังเลิกชายเสื้อขึ้นจนเห็นพุงน้อยๆ แล้วหมายจะเอาชายเสื้อนั้นมาเช็ดน้ำตาให้เขาอีกต่างหาก คุณพรรณีที่ยืนค้ำศีรษะอยู่ถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ เพราะเมื่อกี้เจ้าหลานชายเพิ่งล้างมือแล้วขยำชายเสื้อเช็ดมือเรียบร้อย

พ่อลูกหนึ่งหรี่ตามองชายเสื้อลูกชายที่มีคราบน้ำอยู่ก็พอจะดูออก

“เจ้าหมู”

พิกเล็ตร้องวี๊ดขยับตัวหนีไปหลบหลังโฬมเพื่อหนีอ้อมแขนบิดาที่หมายจะรวบตัวไปกอด

“อาโฬมช่วยหนูด้วย”

โฬมหันสบตากับพุฒิอีกครั้งก่อนจะเปิดรอยยิ้ม

รอยยิ้มที่นานมากแล้วที่เขาไม่เคยยิ้มออกมาแบบนี้



★ ☆★ ☆★ ☆



“ทำไมขี้ลืมแบบนี้วะ”

ป้องส่ายหน้าตอนที่วนรถกลับมาที่ร้านขนมหวานซึ่งตัวเองทำงานพิเศษอยู่อีกครั้ง เพราะนึกขึ้นว่าลืมชีทที่จะใช้ทบทวนสำหรับการสอบเก็บคะแนนในวันพรุ่งนี้ ระหว่างที่กำลังไขกุญแจเพื่อประตูร้าน แสงไฟสว่างจากหน้ารถคันหนึ่งก็ส่องเข้ามากระทบนัยน์ตา ร่างโปร่งบางชะงักกึกเพราะนี่เป็นเวลามืดค่ำที่ร้านปิดหมดแล้ว หากจะมีใครสักคนมาปรากฏตัวอยู่แถวนี้ในตอนที่ไม่มีคนอยู่ก็แสดงว่าคงมีเจตนาไม่ดีสักเท่าไหร่

ป้องมองซ้ายมองขวาก่อนจะเหลือบไปเห็นก้อนหินใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าร้าน ชายหนุ่มยกยิ้มก่อนจะคว้ามันมาถือไว้แล้วค่อยย่องไปยังต้นกำเนิดเสียงกุกกักหน้าสตูดิโอซึ่งเพื่อนของพุฒิเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มเงี่ยหูฟังเสียงไขกุญแจและเสียงสบถนั่นอยู่พักหนึ่ง

แม้จะนึกประหลาดกับเสียงอันคุ้นเคยจากร่างตะคุ่มๆ ในความมืดนั่นแต่เขาก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นเพราะเกิดไอ้หมอนั่นเป็นขโมยขึ้นมา ข้าวของด้านในคงสูญหายอย่างไม่ต้องสงสัย จังหวะที่มันไขประตูได้แล้วกำลังจะก้าวเข้าไปในสตูดิโอนั่นป้องจึงพุ่งเข้าไปชาร์ตทันที

“ไอ้หัวขโมย”

แสงไฟจากโทรศัพท์ที่หมอนั่นถืออยู่ส่องกระทบใบหน้านั่นเลยทำให้ป้องเห็นใบหน้านั้นชัดเจน แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาปล่อยก้อนหินนั่นใส่ศีรษะด้านข้างของผู้บุกรุกเต็มๆ

“เฮ้ย”

“โอ๊ย”

“ฉิบหาย!”


.

.

“มือยังหนักเหมือนเดิมเลยนะ”

เสียงยียวนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวรอบกาย ป้องถอนหายใจแรงๆ ไม่ตอบโต้ใดๆ มือทั้งสองข้างกำลังสาละวันทำแผลให้ ‘ใครบางคน’ อย่างเบามือ เขาพยายามจดจ้องอยู่ที่แผลยาวประมาณสองเซนติเมตรที่หางคิ้วด้านซ้าย

ถึงจะไม่พยายามมองเลยไปยังใบหน้าคมคายนั่น แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าดวงตาสีแข็งกร้าวนั่นจ้องมองกันอยู่

“มองอะไรนักหนา”

ป้องพึมพำ

“มึงทำกูเจ็บ”

ฝ่ายนั้นพูดเสียงเรียบ ป้องได้แต่ฮึดฮัดเพราะสิ่งที่ฝ่ายนั้นพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง เพราะเขาดันมือลั่นฟาดก้อนหินโดนคิ้วอีกฝ่ายจังๆ ถึงต้องมารับผิดชอบด้วยการทำแผลให้มันอยู่แบบนี้

“เสร็จแล้ว”

หลังแปะเทปใสทับผ้าก๊อชแล้วเขาก็ผละถอยออกมา

“มือหนักฉิบหาย”

“จากคิ้วแตกที่เดียวเดี๋ยวก็ได้ปากแตกอีกที่หรอก”

ป้องพูดเสียงห้วน ฝ่ายนั้นหรี่ตามองเขานิ่งท่าทางแบบนั้นทำเอาคนมีชนักติดหลังร้อนๆ หนาวๆ รีบหลุบตามองต่ำ

“ขอโทษกูรึยัง?”

“...”

“มึงเอาก้อนหินเท่ากำปั้นฟาดใส่หน้ากู มึงขอโทษกูรึยัง”

ป้องเม้มปากแน่น

“หรือมึงเก่งแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหมือนที่แล้วๆ มา”

ป้องนิ่งอึ้งยิ่งสบตากันแล้วเห็นแววตาชังชิงแม้เพียงครู่จะหายวับ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วว่าคนตรงหน้ายังคงแค้นเคืองเขาไม่หาย

“ขะ โทษ”

“ช่างเถอะ”

ฝ่ายนั้นโบกมือปฏิเสธ ท่าทางมันไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองเรียกร้องในตอนแรกนัก มันขยับลุกแล้วเดินไปหยิบอะไรสักอย่างน่าจะเป็นเฟรมวาดภาพในห้องสตูดิโอนั่นแล้วเดินออกมาล็อกประตู ป้องที่ได้ในสิ่งที่ลืมไว้แล้วก็เดินออกมาพอดี

พวกเขาสบกันแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหนีไปคนละทาง

“ขอโทษ”

แม้จะเป็นเสียงแผ่วเบาที่เปล่งออกมา แต่เขาเชื่อว่ามันได้ยิน

“กูขอโทษกาย”

“เรื่องอะไรล่ะ?”

“....”

“เรื่องที่มึงทิ้งกู หรือเรื่องที่มึงปาหินใส่หน้ากู”

ป้องยืนกำหมัดแน่น เขาสบตามันนิ่ง ดีว่าตรงนี้ค่อนข้างมืดมันถึงไม่เห็นว่าขอบตาเขากำลังแดงก่ำ ไม่ต่างจากริมฝีปากที่อดกลั้นเสียงที่ไม่ควรมีใครได้ยิน ป้องกัดริมฝีปากตัวเองแม้จะรู้สึกเจ็บไม่น้อยแต่ก็ยังเจ็บกว่าใจเขาตอนนี้

“แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนกูก็เจ็บอยู่ดี”

น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวจนนึกสะท้านใจ

“แต่มันเจ็บไม่เหมือนกันหรอกนะ เจ็บที่ตัวยังมีวันหาย แต่เจ็บที่ใจคงต้องรอให้กูหมดลมหายใจก่อนมั้ง ถึงจะหายเจ็บ”

ป้องทรุดตัวนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้นตอนที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สองล้อหายลับไปในความมืด

“กูขอโทษ”

เด็กหนุ่มฟุบหน้าแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้

★ ☆★ ☆★ ☆




“น้าวาดไม่สบาย”

โฬมคลึงขมับแล้วถอนหายใจหลังจากได้รับสาสน์สำคัญจากปลายสายที่เพิ่งวางไปก่อนหน้านี้ ปลายสายที่ว่าคือ “ลุงจักร” ทนายความของบิดาที่โทรตามจิกเขามาตลอดตั้งแต่รู้ว่าโฬมตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย หลังจากหลบเลี่ยงการพูดคุยกันมาตลอดแต่สุดท้ายเหมือนลุงจักรจะรู้ว่าเรื่องเดียวที่ทำให้โฬมเป็นเดือดเป็นร้อนได้คงไม่พ้นเรื่องของน้าวาดน้องสาวของมารดาที่เขาเคารพรักเหมือนแม่คนที่สอง

ให้ตายเถอะ!

คนของบิดาคนนี้ช่างรู้ทันเขาไปซะหมดทุกอย่าง โฬมนึกอยากจะเฉยชาแต่เขารู้ดีว่าเขาทำเช่นนั้นไม่ได้ ดังนั้นน้าวาดจึงเป็นข้อต่อรองชั้นดี จริงๆ แล้วลุงจักรไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอก ออกจะเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพด้วยซ้ำ เสียแต่ว่าคนๆ นั้นทำงานให้บิดาจอมเจ้าเล่ห์ของเขานี่สิ

“มีอะไรรึเปล่า?”

พุฒิเลียบๆ เคียงๆ ถาม หลังจากที่เสียมารยาทยืนแอบฟังอีกฝ่ายเพราะจะมาตามให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากโฬมเป็นสารถีมาส่งถึงบ้าน คุณพรรณีเลยอยากตอบแทนน้ำใจด้วยการชักชวนให้โฬมฝากท้องมือเย็นที่บ้านซะเลย

“วันนี้ผมคงอยู่กินข้าวที่บ้านพี่ไม่ได้แล้วนะ”

“เอ่อ อ๋อ”

สีหน้ายุ่งยากใจของคนตรงหน้านั่นเดาได้ไม่ยากคงมีธุระสำคัญ

“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่บอกแม่ให้ว่าโฬมมีธุระสำคัญ”

“ฝากขอโทษคุณป้าและฝากบอกพิกเล็ตด้วยว่าผมขอผิดสัญญาที่จะพาไปดูวีนัสวันนี้ แต่สัญญาว่าว่างวันไหนผมจะพาไป”

“อื้อ”

โฬมมองหน้าเขานิ่งก่อนจะผละออกไป

“โฬมเป็นคนรักษาสัญญา”

ฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวหันกลับมามองอย่างสงสัยที่อยู่ๆ พุฒิพูดจาแบบนั้นออกไป

“โฬมไม่ชอบโกหก”

“พี่ก็ไม่ชอบคนโกหก”

ร่างสูงกอดอกพูดกับเขายิ้มๆ

“โฬมชอบแสดงออกมากกว่าคำพูด”

“พี่ก็ชอบพูดมากกว่าแสดงออก”

ฝ่ายนั้นทวนประโยคเป็นเชิงล้อเลียน

“ใครว่า?” พุฒิเลิกคิ้วพูดเชิงขบขัน “พี่ชอบคนไม่ค่อยพูดมากกว่า”

โฬมชะงักไปนิดหนึ่งแววตาคมคายที่สบกันตรงๆ เหมือนเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด นั่นทำเอารู้สึกเก้อบอกไม่ถูก

“เอ่อ”

“ผมนึกว่าพี่จะพูดว่าตัวเองชอบคนอ่อนกว่าซะอีก”

โฬมพูดเสียงเรียบแต่ดวงตาวาวระยับ

“พี่ก็นึกว่า..”

“ว่า?”

โฬมเลิกคิ้วกดยิ้มมุมปากแค่นั้นพุฒิก็หัวสมองมึนเบลอแล้ว

“ไม่มีอะไร”

“แน่ใจเหรอครับ”

“อื้อ”

พุฒิหน้าร้อนเห่อเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอตอนที่อีกฝ่ายผละออกไป หึ้ย ใครจะกล้าพูดไปเล่าว่าประโยคเมื่อกี้เขาจะพูดว่า

‘พี่ก็นึกว่า..โฬมจะชอบคนอายุสามสิบเก้าซะอีก’

ใครจะกล้าพูดเล่า อายจะตายห่า!



บทที่ 6-7 มีการแก้ไขเนื้อหา โดยเพิ่มเติมเนื้อหานะคะ แต่ไม่สามารถลงเพิ่มได้เนื้อจากกระทู้ติดลิมิตตัวอักษร
ยังไงติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมนี่ได้ที่แฟนเพจหรือในเด็กดีนะคะ (8/8/61)
หวีดในโซเชียลติด #Re2love ให้ด้วยนะคะ
_______________________________________________________________________________
เครดิตเพลง
*Michael Jackson - You Are Not Alone
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2018 20:59:10 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #124 เมื่อ08-01-2018 22:25:50 »

เขาจีบกันอีกแล้ววววว~~~ :mew3:

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #125 เมื่อ08-01-2018 22:39:03 »

โอยสนุก พิกเลตนาารักที่สุดใน 3 โลกเลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #126 เมื่อ08-01-2018 22:47:13 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ JellyKei

  • ✧٩(の❛ᴗ❛ の)۶
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #127 เมื่อ08-01-2018 22:54:12 »

แหนะ​ โฬมลืมนโยบายของตัวเองไปแล้วหรอแหม :katai3:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #128 เมื่อ08-01-2018 23:55:19 »

คุณพ่อหนูพิกเล็ตก็อ่อยเก่งไม่เบาเด้ออออ

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #129 เมื่อ09-01-2018 00:11:24 »

โห อีกคู่ก็มีอดีตเหมือนกันหรอเนี่ย...

เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคู่ล้มเลิกนโยบาย แล้วโยนทุกอย่างทิ้งมาคบกันอีก เย่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
« ตอบ #129 เมื่อ: 09-01-2018 00:11:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #130 เมื่อ09-01-2018 00:35:16 »

เรื่องผู้ใหญ่คนแก่ไม่สน คนแก่สนเด็กลดความอ้วนโดยการเล่นฮูลาเสริมด้วยบัวลอยถ้วยใหญ่ ๆ มากกว่า  :m3:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #131 เมื่อ09-01-2018 00:42:50 »

เจ้าลูกหมูน่ารัก  :กอด1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #132 เมื่อ09-01-2018 03:19:54 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #133 เมื่อ09-01-2018 07:13:41 »

ทำไมเรารู้สึกว่าบรรยากาศมันหวานๆหรือจะเป็นจากบัวลอยเผือกของพิกเล็ต

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #134 เมื่อ09-01-2018 07:46:50 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #135 เมื่อ09-01-2018 09:50:11 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #136 เมื่อ09-01-2018 18:29:47 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #137 เมื่อ09-01-2018 19:14:24 »

ขยับๆ.....เข้ามาไวๆ
โฬมรักพี่พุฒิ ก็ขยับๆ.....เข้าหาไวๆ
พุฒิรักโฬม ก็ขยับๆ.....เข้าหาไวๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
           

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #138 เมื่อ09-01-2018 21:15:58 »

ตอนนี้เริ่มหวานแล้ว

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #139 เมื่อ09-01-2018 22:11:36 »

น่ารักกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
« ตอบ #139 เมื่อ: 09-01-2018 22:11:36 »





ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #140 เมื่อ09-01-2018 23:25:01 »

กลับมาคุยกันแล้ววว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #141 เมื่อ11-01-2018 18:29:54 »

น่ารัก หวังว่าจะดีขึ้นไปอีก

เจ้าลูกหมูทำไมร้าย ลดรายวันหรอลูก 5555

โฬมทำพุฒิอินไปแล้วนะ แล้วอย่ามาทำให้เก้อล่ะ
กายป้องคือยังไง ป้องน่าจะมีเหตุไหม ถึงเลือกที่จะทิ้งไป

ออฟไลน์ taku_kimu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #142 เมื่อ13-01-2018 12:51:49 »

นายเอก อ่อยเบอร์แรงมาก

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #143 เมื่อ13-01-2018 14:28:04 »

       ตอนนี้อ่านไปเขินไปทำไมถึงได้อ่อยกันไปมาแบบนี้ค่ะ ปมที่ว่านี้ รอคนแต่งมาเฉลยนะค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #144 เมื่อ14-01-2018 13:47:13 »

เชียร์ทั้งสองฝั่งแล้วกัน เลือกไม่ได้ 5555

อยากฟัดพุงน้องพิกเล็ตอ่า   :pigha2:

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #145 เมื่อ18-01-2018 13:53:56 »

นโยบายที่ไม่คุยกับแฟนเก่าไม่มีอยู่จริงค่า :-[ กลับมาคบกันนะ ๆๆๆ แค่เค้าคุยกันเยอะขึ้นชั้นก็ฟินแล้ว

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #146 เมื่อ18-01-2018 19:14:03 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •7 ll 8.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #147 เมื่อ21-01-2018 06:58:19 »

เรื่องนี้สนุกค่ะ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •8 ll 22.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #148 เมื่อ22-01-2018 20:59:51 »




#Re2love •8



“น้าวาดไม่สบาย”

เสียงของทนายความประจำตัวของบิดายังดังวนเวียนอยู่ในศีรษะ โฬมพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะค่อยเตะเบรกเมื่อเห็นไฟแดงตรงสี่แยกกลางถนน ชายหนุ่มเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะระหว่างเฝ้ารอให้ตัวเลขบอกเวลานับถอยหลังที่ปรากฏอยู่ใกล้ๆ กับสัญญาณรถหยุด สายตาคู่คมจ้องมองเวลาที่นับถอยหลังอย่างช้าด้วยใจกระวนกระวาย นั่นเพราะตอนนี้จิตใจเขาไม่ปกตินัก เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวโฬมรอให้รถที่เคลื่อนตัวจากอีกเลนเคลื่อนไปจนหมดก่อน เขาจึงเตะคันเร่งออกตัว ถึงแม้จะใจร้อนมากแค่ไหนความปลอดภัยก็ย่อมสำคัญที่สุด

ไม่นานโฬมพาฟอร์จูนเนอร์คันทีขาวมาถึงประรั้วบ้านหลังหนึ่งที่เขาคุ้นเคย ชายหนุ่มไม่ต้องรอนานเพราะเพียงแค่บีบแตรเรียกประตูรั้วอัตโนมัติก็ค่อยๆ เคลื่อนเปิดออก ร่างสูงเลยหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดในที่หน้าบ้าน ขณะที่สับเท้าอย่างว่องไวเข้าไปในตัวบ้านนั้น เสียงพูดคุยกันระหว่างคนสองคนที่เขาคุ้นเคยก็ดังขึ้น

โฬมมุ่นหัวคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อก้าวมาถึงโถงกลางแล้วคนที่เขาห่วงจนแทบจะขับรถเหาะมาหา กำลังนั่งยิ้มเจื่อนท่าทางมีเรื่องให้ครุ่นคิด ถึงอย่างนั้นก็มองออกว่าไม่ได้เจ็บป่วยแต่อย่างใด ซ้ำในมือของเธอยังมีเข็มถักเสียบคาอยู่ในไหมขนแกะ เดาไม่ยากว่าก่อนหน้านี้คงกำลังขะมักเขม้นกับการถักไหมนี่อยู่แน่ๆ แล้วคนป่วยที่ไหนจะสามารถนั่งหลังขดหลังแข็งถักไหมพรมได้

“น้าวาด”

“คุณโฬม”

วาสนารีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มละไมอ้าแขนรอท่าหลานรักที่พุ่งเข้าไปสวมกอดทันที มือบอบบางนั่นลูบบ่าลูบไหล่หลานและพึมพำด้วยความยินดีอยู่นานสองนาน แต่ถึงอย่างนั้นโฬมก็ยอมให้กอดอย่างไม่อิดออด ชายหนุ่มถอนหายใจแรงๆ เมื่อมองเลยบ่าเล็กๆ ของน้าสาวไปเห็นทนายประจำตระกูลนั่งยิ้มเผล่อยู่เบื้องหลัง แค่นี้โฬมก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงถูกตาแก่นี่ต้มจนเปื่อย

“เป็นไง มาไงล่ะลูกวันนี้ถ้ามาหาน้าได้ เห็นคุณโฬมบอกช่วงนี้งานยุ่ง ให้ตรีโทรไปชวนมาทานข้าวที่บ้าน เราก็ไม่มาสักที”

คุณวาสนาบ่นเสียยืดยาวถึงอย่างนั้นแววตาก็ยังเต็มไปความเอื้ออาทรเวลาที่ทอดมองชายหนุ่ม

“ผมก็มาแล้วนี่ไงครับ”

“โฬมผอมไปรึเปล่าลูก ได้ยินข้าวบ้างรึเปล่า แก้มตอบลงไปเยอะเลยนะ”

คุณวาสนาลูบใบหน้าซูบซีดของหลานชายนึกกังวล “เรายิ่งทำกับข้าวกับปลาไม่เป็นด้วย นี่คงกินข้าวไม่ตรงเวลาเลยสินะ”

โฬมยิ้มอ่อนคว้ามือเหี่ยวย่นที่ลูบแก้มเขาอยู่มากุมไว้

“บ่นเหมือนผมยังเด็กเลยนะครับ”

..เพี๊ยะ..

วาสนาตีบ่าโฬมเบาๆ อย่างมันเขี้ยว

“ก็คุณโฬมน่ะดื้อเหมือนเด็กไม่มีผิด น้ายังจำได้ดีตอนส่งไปเรียนต่างประเทศใหม่ๆ”

โฬมกดยิ้มมุมปากกับความหลัง เขาจำได้ว่าคนที่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลไม่ขาดสายคือคนตรงหน้าและเป็นคนเดียวที่ค้านหัวชนฝาจะไม่ยอมให้บิดาเตะโด่งเขาไปเมืองนอก น้าวาดเป็นผู้หญิงคนเดียวนอกจากแม่ที่กล้าลุกขึ้นมาปกป้องเขาทั้งๆ ที่เกรงอำนาจของบิดา

โฬมแนบแก้มลงไปสัมผัสกับมือคุณวาสนาที่เขากุมอยู่ กิริยาเหมือนเด็กๆ นั่นทำเอาหญิงชราแอบน้ำตา เพราะเห็นใบหน้าหลานรักทีไร ก็ให้นึกถึงพี่สาวที่มาด่วนจากไปตั้งแต่ยังสาว คุณวาสนาลูบศีรษะหลานอย่างแผ่วเบาแววตาเต็มไปด้วยความรัก

“มีคนบอกผมว่าน้าวาดไม่สบาย”

“เปล่านี่”

โฬมเหลือบตาไปมองทนายความวัยใกล้เกษียณโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ คุณวาสนาเห็นแบบนั้นเลยลอบถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “คุณจักรเขาคงมีเรื่องอยากคุยกับเรา”

“คงงั้นล่ะครับ”

“ลุงต้องขอโทษด้วยที่พูดไปแบบนั้นแล้วทำให้คุณโฬมเข้าใจผิด”

ทนายอาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ท่าทางแบบนั้นทำให้อารมณ์กรุ่นๆ ในอกพาลชะงักไปทันที

“แต่ลุงจำเป็นที่จะต้องคุยกับคุณโฬมให้เร็วที่สุด เรื่องนี้รอเวลาไม่ได้แล้ว”

โฬมถอนหายใจแรงๆ วาสนาเลยตบบ่าหลานเบาๆ ก่อนเอ่ยขอตัว

“คุณโฬมมาเหนื่อยๆ เดี๋ยววันนี้น้าจะเข้าครัวทำปลาหมึกผัดไข่เค็มของโปรดเราให้นะลูก”

“ขอบคุณครับ”

“อ๋อต้องไม่ใส่ต้นหอมแบบที่โฬมชอบด้วย”

น้าวาดรู้ใจเข้าเสมอ!

ชายหนุ่มทอดสายตาอ่อนโยนมองตามร่างสูงวัยของคุณวาสนาที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวด้วยกิริยาอาการเนิบนาบตามแบบฉบับคนเรียบร้อยมาแต่ไหนแต่ไร

“ว่ามาสิครับ”

ทนายจักรยิ้มอ่อนๆ มองใบหน้าเฉยชาของคนรุ่นลูกแล้วนึกขัน ถึงภายนอกจะแสดงออกอย่างขึงขังและไม่เป็นมิตรมากนัก แต่อย่างน้อยก็มีสัมมาคารวะอย่างการลงหางเสียงทั้งที่อารมณ์ยังไม่เป็นปกติ

“คุณท่านกำลังจะแต่งงาน”

โฬมชะงักไปเล็กน้อยเขารีบเหลือบตามองไปยังหน้าประตู พอเห็นว่าไม่มีใครร่วมถึงวาสนาที่เดินลับเข้าห้องครัวไปแล้วก็พ่นลมหายใจออกมา

“ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ”

หัวแข็งทั้งพ่อทั้งลูก! ทนายจักรนึกในใจ

“จำเป็นมากครับ เพราะคุณโฬมคือทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวของคุณอดุลย์”

โฬมทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อได้ยินชื่อบิดาตัวเอง

“ผมว่าคุณลุงน่าจำผิด พ่อไม่ได้มีผมคนเดียว ตรีกับติณณ์ก็เป็นลูกพ่อเหมือนกัน”

โฬมเอ่ยถึงน้องชายต่างมารดาอีกสองคนที่เกิดกับคุณวาสนา เอาจริงๆ โฬมก็ไม่ได้ชอบใจนักหรอกที่พี่น้องร่วมอุทรอย่างมารดาเขาและน้าวาดใช้สามีคนเดียวกัน แต่ก็นั่นแหละคนหัวอ่อนอย่างน้าวาดจะรอดพ้นจากพญาเทครัวอย่างบิดาจอมเจ้าเล่ห์คงเป็นเรื่องยาก ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ ตอนนั้นโฬมในวัยสิบห้าต้องมารับรู้ว่าตัวเองมีน้องชายต่างมารดาก็แทบช็อกเหมือนกัน แต่เขาพอจะรู้ว่ามารดาเจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอดถึงได้ให้น้องสาวตัวเองมาคอยดูเรื่องในบ้านให้ซ้ำยังยกฐานะน้องสาวให้เสมอตัวเอง

สรุปแล้วบิดาเขาได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง ความคิดซับซ้อนของผู้ใหญ่ในตอนนั้นเขาก็ไม่เข้าใจนักหรอก ถึงจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างแต่ก็ยอมรับได้ไม่ยากหรอก ความจริงใจของคุณวาสนาทำให้กำแพงในใจเขาทลายลงไม่ยาก ยิ่งหลังจากมารดาเสียไม่นานแล้วบิดาเนรเทศให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ช่วงเวลานั้นโคตรเคว้งคว้าง แต่ใครจะเชื่อว่าคนหัวอ่อนอย่างคุณวาสนาจะกล้าตีตั๋วนั่งเครื่องเพียงลำพังไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง

“ครับเป็นลูกเหมือนกัน”

ทนายจักรรับคำ

“แต่คุณแม่ของคุณโฬมเป็นภรรยาเพียงคนเดียวที่คุณท่านจดทะเบียนสมรสด้วย นั่นก็หมายความว่าคุณโฬมเป็นทายาทตามกฎหมายที่มีอำนาจรองมาจากคุณท่าน”

“แล้วไงครับ”

โฬมยักไหล่ “ยกแม่น้ำมาทั้งห้าผมก็ไม่ได้ยินดีกับความพิเศษนี้หรอกครับ ผมไม่เคยสนใจธุรกิจของพ่อ”

“แต่ว่า..”

“ผมรู้ว่าคุณลุงจะพูดอะไร” โฬมถอนหายใจ “แต่เสียใจครับ ผมไม่เคยชอบงานบริหารเลย”

ทนายจักรถอนหายใจเพราะรู้ดีว่าโฬมหัวแข็งเกินกว่าจะโน้มน้าวใจ

“คุณท่านกำลังจะแต่งงานกับสาวรุ่นลูก เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของนักธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง”

“เหอะ”

“ธุรกิจที่ท่านสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ผมอยากให้มันอยู่ในมือของคุณโฬม”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่พ่อจะแต่งงานใหม่”

ทนายจักรทำหน้าไม่สู้ดีนัก

“ผมว่าคุณโฬมน่าจะรู้เหตุผลดี”

โฬมส่ายหน้าไปมา

“ถามจริงเถอะครับ พ่อบอกให้ลุงมาพูดกับผมแบบนี้รึเปล่า”

“ท่านแค่อยากให้ผมมาตามคุณไปทำงาน แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ท่านจะแต่งงาน”

“เหอะเด็กรุ่นลูกกับตาแก่คราวพ่อ ท่าทางคงจะรักกันปานจะกลืนกิน แต่ผมไม่สนใจหรอกว่าพ่อจะแต่งงานเป็นรอบที่เท่าไหร่ ผมไม่อยากยุ่งกับธุรกิจของเขา เพราะผมไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ ยังไงลุงหาคนอื่นเถอะครับ”

“คุณตรียังเรียนไม่จบ คุณติณณ์เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉะนั้นคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิมีแค่คุณโฬมคนเดียว”

“ช่างภาพอย่างผมเนี่ยนะครับ”

“คุณโฬมจบปริญญโทด้านเศรษฐกิจที่อังกฤษ”

โฬมจนด้วยคำพูด

“คุณท่านเคยพูดว่าจะไม่จดทะเบียนกับใครอีกนอกจากคุณแม่ของคุณโฬม แต่มันไม่แน่เสมอไปนะครับ”

ทนายจักรพูดเสียงเรียบ โฬมได้แต่กำหมัดแน่นอย่างอึดอัดในสิ่งที่ได้ยิน เหอะ! ดูเหมือนนั่นจะเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวที่บิดาเขามี พ่อเคยพูดว่าจะจดทะเบียนกับแม่แค่คนเดียวและจะไม่ยกย่องใครให้เท่าเทียมกับแม่และน้าวาด แต่สุดท้ายก็ไม่ทิ้งลายเจ้าชู้

โฬมรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดงุ่นง่านใจกับเรื่องได้ยิน

“ผมมีความสุขกับงานที่ผมทำอยู่”

“คุณท่านแก่ลงทุกวัน ถึงได้อยากให้คุณโฬมรับช่วงต่อ”

“อยากจะวางมือแล้วอยู่กับเมียสาวมากกว่ามั้ง” โฬมแค่นยิ้ม “พ่อไม่เคยเปลี่ยนทั้งๆ ที่นิสัยกินไม่เลือกนั่นทำให้แม่ต้องตาย แต่พ่อก็ยังทำเหมือนเดิม”

“....”

“แล้วน้าวาดทราบเรื่องหรือยังครับว่าพ่อจะแต่งงานใหม่”

“ทราบแล้วครับ”

โฬมถอนหายใจแรงๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าซีดเซียวและรอยยิ้มฝืนๆ ของคุณวาสนาตอนที่เขามาถึง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าน้าวาดแยกตัวออกมาอยู่บ้านอีกหลังหลายสิบปีแล้วเพราะทนพฤติกรรมของบิดาเขาไม่ได้ ใครเล่าจะทนเป็นเมียที่อยู่จับไว้บนหิ้งในบ้าน แล้วปล่อยให้สามีไปหาความสำเริงสำราญนอกบ้าน แต่ถึงจะแยกกันอยู่ โฬมก็รู้ดีว่าคุณวาสนายังไม่เสื่อมรักที่มีต่อบิดาจอมเจ้าชู้ของเขา

ความเข้มแข็งของคุณวาสนามีไม่ถึงครึ่งของมารดาเขาหรอก หากมารดาเขายังอยู่รับรองว่าพ่อถูกแหกอกอย่างไม่ต้องสงสัย เสียแต่ท่านอายุสั้นไม่อย่างนั้นคงได้อยู่ปราบนิสัยเจ้าชู้ของบิดาจนเป็นเรื่องเป็นราวไม่เว้นแต่ละวันแน่

“ลุงอยากให้คุณโฬมลองกลับไปคิดดูก่อน”

“ถึงยังไงคำตอบผมก็เหมือนเดิมครับ”


.

.



ทนายจักรขอตัวกลับไปแล้ว ถึงแม้คุณวาสนาจะชักชวนให้ทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่ฝ่ายนั้นปฏิเสธพร้อมกับให้เหตุผลว่ามีงานด่วนต้องรีบไปจัดการดังนั้นสมาชิกร่วมโต๊ะมื้อเย็นจึงมีแค่สี่ชีวิตอันประกอบไปด้วยคุณวาสนา โฬมและน้องชายต่างมารดาอีกสองคนที่กลับมาจากเรียน

“ช่วงนี้พวกนายเป็นยังไงบ้าง”

โฬมถามขึ้นหลังจากอยู่ตามลำพังกับน้องชายทั้งสอง ขณะที่คุณวาสนาไปจัดเตรียมของหวาน

“กำลังทำธีสีสจบครับคุณโฬม”

โฬมทำหน้าไม่ชอบใจนักที่ได้ยินน้องชายต่างมารดาใช้คำเรียกเขาว่า ‘คุณ’ เหมือนคุณวาสนาไม่มีผิด ฟังแล้วมันดูเหมือนห่างเหินกัน โฬมรู้ดีว่ามันเป็นการจำกัดฐานะตัวเองของอีกฝ่ายให้ดูต้อยต่ำลง ท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ต่างจากคุณวาสนาทำให้เขาคิดไม่ตก เพราะไม่ว่าจะเอ็ดหรือขอร้องให้ตัดคำนำหน้าที่ฟังแล้วห่างเหินเหลือเกินทิ้งไป แต่ยังไงก็ดูไม่ได้ผลสักที

“อย่าเรียกพี่ว่าคุณ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

ตรีและติณณ์หน้าเสียไปเล็กน้อย เด็กหนุ่มทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เจ้าติณณ์ดีหน่อยเพราะเป็นคนขี้เล่นอยู่ทุนเดิมจึงปรับสีหน้าเป็นยิ้มทะเล้น ต่างจากคนพี่อย่างตรีที่นั่งอยู่เงียบๆ

“ถ้าแม่ได้ยินพวกผมเรียกแบบนั้น โดนบ่นแน่”

“เรื่องนั้นพี่จะคุยกับน้าวาดเอง”

“ครับพี่โฬม”

ติณณ์รับคำต่างจากตรีที่หันไปปรามน้อง

“พวกนายสองคนเป็นน้องพี่ ถึงจะคนละแม่ แต่แม่พวกเราเป็นพี่น้องกัน และพี่ก็รักน้าวาดเหมือนแม้แท้ๆ”

“ขอบคุณครับพี่”

ตรียิ้มน้อยๆ

“อืมว่าแต่ช่วงนี้น้าวาดเป็นยังไงบ้าง”

“แม่ก็สบายดีนี่ครับ”

“...”

“ผมหมายถึงสบายกายครับ ส่วนสบายใจ...”

สีหน้าไม่สู้ดีของน้องชายต่างมารดาบ่งบอกว่าทั้งคู่คงทราบเรื่องที่บิดาจะแต่งงานใหม่แล้ว

“เรื่องนั้น..”

โฬมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาอ่อนไหวของทั้งคู่ ตรีและติณณ์ไม่สนิทกับบิดาผู้ให้กำเนิดนักเพราะฝ่ายนั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน เลยอาจจะละเลยทั้งคู่ไปโดยปริยาย เอาจริงๆ จะเรียกว่าทิ้งๆ ขวางๆ ก็ดูจะเกินไปหน่อย เพราะตาลุงนั่นยังดูแลส่งเสียสองพี่น้องนี่ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวที่ทำให้ทั้งคู่ขาดไปคือความใกล้ชิดระหว่างพ่อลูก คงเหมือนกับที่โฬมเคยรู้สึกในอดีตแต่ดีว่าในตอนนั้นเขาโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองเลยเลิกโหยหาความรักจากบิดาได้ไม่ยาก

ตรีและติณณ์ยังโชคดีที่มีคุณวาสนา แน่นอนว่าเธอเป็นแม่ที่ดี ถึงสองพี่น้องนี่จะโหยหาความรักจากบิดาแต่คุณวาสนาก็เติมเต็มได้ ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์นัก แต่มันก็สมบูรณ์ในแบบของมันเพราะสองพี่น้องนี่เติบโตขึ้นมาอย่างดีสมความตั้งใจของคุณวาสนา

“อย่าไปคิดอะไรมากเลย พวกนายมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปให้จบ ส่วนเรื่องน้าวาดก็คอยดูแลกันให้ดีๆ ล่ะ นอกเหนือจากนั้นพี่จะจัดเอง”

“ครับ”

แม้จะสงสัยในคำพูดของเขาแต่ทั้งคู่ก็รับคำแทบจะทันที

“ตรี”

“ครับพี่โฬม”

“เรียนจบแล้วคิดไว้รึยังว่าอยากทำงานอะไร” ได้ยินมาว่าตรีเรียนบริหารปีสุดท้ายที่มหาลัยชื่อดังกลางกรุง

“คงสมัครงานตามบริษัทครับพี่”

“สนใจไปทำงานที่บริษัทของพ่อมั้ยล่ะ”

ฝ่ายนั้นส่ายหัวแทบปฏิเสธทันที “พ่อไม่ชอบให้พวกเราไปยุ่งย่ามกับท่านเท่าไหร่ครับ”

โฬมหัวร้อนขึ้นมาทันทีเพราะพอจะทราบความเป็นอยู่ของสามแม่ลูกบ้านนี้ว่านอกจากอยู่ใต้อาณัติของบิดาแล้วยังกริ่งเกรงกันจนไม่ตัวของตัวเอง อาจไม่ใช่ความกลัวแต่คงเป็นความห่างเหินที่ทำให้ลืมสิทธิที่ตัวเองควรมีกัน

“นายจบด้านนี้มาจะไปทำงานให้คนอื่นทำไม มาช่วยงานคุณพ่อเถอะ”

“แต่ว่า..”

“อย่าเพิ่งปฏิเสธ ลองเก็บไปคิดดูก่อน ถ้านายสนใจพี่ช่วยนายได้ แต่ถ้านายไม่อยากทำจริงๆ พี่ก็จะไม่บังคับใจ”



★ ☆★ ☆★ ☆






“โตขึ้นหนูอยากเป็นภารโรง”

พุฒิชะงักปลายนิ้วที่กำลังรัวนิ้วใส่แป้นพิมพ์อย่างเมามันแล้วเงยหน้ามองใบหน้ากลมแป้นแล้นที่กำลังพูดไปยิ้มไป

“หนูว่าไงนะลูก”

“โตขึ้นหนูอยากเป็นภารโรงฮะพ่อจ๋า”

หา!

พุฒิทำตาปริบๆ และละความสนใจจากงานตรงหน้าเดินไปดูเจ้าหมูกำลังขีดเขียนสมุดในมือ

“พ่อจ๋า”

“ครับ”

มือป้อมๆ กวักให้พุฒิขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเลื่อนสมุดมาตรงหน้าเขา

“ครูเคทให้การบ้านหนูมา”

“การบ้านอะไรครับ”

“ให้วาดภาพสิ่งที่หนูอยากเป็นตอนโต”

“อ๋อ”

พุฒิยิ้มขำเมื่อนึกถึงสิ่งที่เจ้าหมูพูดก่อนหน้านี้ พ่อลูกหนึ่งก้มลงดูสมุดตรงหน้าที่วาดภาพก้างปลาเสื่อใส่สีน้ำตาลนั่นคงเป็นภารโรงในจินตนาการของเจ้าหมูน้อย

“ทำไมหนูถึงอยากเป็นภารโรงล่ะครับ”

พุฒิเอ่ยถามเป็นการตะล่อมให้เจ้าตัวได้อธิบายถึงจินตนาการของตัวเองมากกว่าจะตัดสินใจใส่เหตุผลของตัวเองแล้วชี้นำว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ดี เด็กวัยนี้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการ ดังนั้พุฒิคิดว่าเขาไม่ควรไปปิดกั้นความคิดเจ้าลูกหมู

“ลุงภารโรงเป็นคนดี”

“หือ?” พุฒิทำหน้าสนใจ “เป็นคนดีนี่เป็นยังไงนะ พิกเล็ตลองเล่าให้พ่อจ๋าฟังหน่อยซิลูก”

“หนูเห็นลุงภารโรงทำความสะอาดห้องน้ำให้พวกหนูใช้ด้วยแหละ สะอาดหอมฟุ้งเลย บางทีหนูเห็นลุงภารโรงไปทำความสะอาดเครื่องเล่นให้พวกหนูด้วย เล่นแล้วลื่นปรื๊ดๆ เลยฮะพ่อจ๋า”

“โอ้โหลุงภารโรงนี่ใจดีจังเลยนะ”

“ช่ายยย”

“พ่อจ๋าบอกว่าเป็นคนดี ทำตัวดีๆ จะมีแต่คนรัก หนูเลยอยากเป็นแบบลุงภารโรง”

โธ่ลูก!

น้ำเสียงเจื้อยแจ้วและท่าทางไรเดียงสาที่เล่าเรื่องได้เป็นฉากๆ นั่นทำให้คนเป็นพ่อนึกปลื้มปริ่มอยู่ในอก

“เป็นคนดีจะได้ขนมกินเยอะๆ ด้วยแหละ”

เดี๋ยวนะ!

“ทำไมล่ะครับ”

“ลุงภารโรงได้ขนมถุงโตจากคุณครูทุกวันเลย” พิกเล็ตตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงของกิน “วันก่อนครูเคทให้โดนัทลุงภารโรงไปกินด้วยแหละ เพราะลุงภารโรงเป็นคนดีเลยได้กินขนมเยอะๆ หนูต้องเป็นคนดีถึงจะได้กินขนมเยอะๆ โตขึ้นหนูต้องเป็นภารโรง”

พิกเล็ตชูมือขึ้นสุดแขนท่าทางภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองบอกไม่น้อย แต่มันทำเอาพุฒิกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว โธ่เจ้าลูกหมูเอ้ย เหตุผลที่อยากเป็นภารโรงนี่ไม่พ้นเรื่องกินอยู่ดี

ตกลงหนูอยากเป็นคนดีหรือหนูอยากได้ขนมกันเนี่ยลูก!

“พ่อจ๋าหัวเราะทำไมอ่า”

“เปล่าครับ”

“โกหก” พิกเล็ตทำหน้าอูม “พ่อหัวเราะหนู พ่อไม่เข้าใจหัวอกเด็กอย่างหนูเลย”

แก่แดดไม่มีใครเกิน สงสัยว่าคงดูละครหลังข่าวกับส้มมากไปหน่อย

“พ่อไม่ได้หัวเราะหนูนะลูก พ่อแค่ชอบจินตนาการของหนู”

“จริงเหรอฮะ?”

ดวงตากลมโตมีแววชอบใจ

“แต่หนูเล่าให้อั๋นฟัง อั๋นบอกว่าหยี เป็นภารโรงสมปรกและจนด้วย หนูไม่ชอบที่อั๋นพูดเลย ไตตั้นเลยบอกว่าไม่ต้องสนใจ ไตตั้นบอกว่าหนูเป็นอะไรก็ได้ จริงมั้ยฮะพ่อจ๋า”

“จริงครับ”

พุฒิลูบกระหม่อมบางแล้วจูบที่ขมับอย่างเอ็นดู ได้ยินว่าช่วงนี้มีเรื่องกับเพื่อนต่างห้อง แต่เจ้าตัวบอกว่าชิวๆ เพราะมีไตตั้นคอยเป็นองครักษ์ให้ตลอด

“เป็นภารโรงไม่ดีเหรอฮะพ่อจ๋า”

พุฒิส่ายหน้าปฏิเสธ

“หนูเป็นทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ครับพิกเล็ต อาชีพหรือสิ่งที่หนูอยากเป็นไม่ได้ตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดี คนจนเยอะแยะที่เขาเป็นคนดี และมีคนรวยอีกมากมายที่เป็นคนไม่ดี ฉะนั้นอาชีพไม่ได้ติดสินว่าคนไหนดีเลว”

พิกเล็ตนิ่งฟังตาแป๋ว ถึงจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ แต่ก็ยังมีความสนใจ

“แล้วหนูอยากรู้มั้ยครับว่าสิ่งไหนที่ตัดสินว่าใครเป็นคนดีหรือคนไม่ดี”

“หนูอยากรู้”

“ถ้าพ่อจ๋าถามหนูว่าหนูอยากเป็นคนแบบไหนระหว่างเป็นแบบลุงภารโรงทำความสะอาด วันๆ อาจต้องจับของสกปรก แต่ทุกๆ วันคุณครูต่างให้ขนมเพราะคุณลุงเป็นคนดี กับคนที่แต่งตัวดีๆ มีรถหรูๆ ขับ และมีเงินเยอะๆ สามารถหาซื้ออะไรก็ได้ แต่เขาเป็นคนนิสัยไม่ดีชอบรังแกคนอื่น มีแต่คนรังเกียจในการกระทำของเขา”

“หนูไม่ชอบที่คนที่ชอบรังแกคนอื่น หนูไม่ชอบอั๋นเพราะอั๋นชอบแกล้งน้องเมญ่าให้ร้องไห้ ไม่เหมือนไตตั้นที่ใจดีชอบให้ขนมหนูและช่วยเมญ่าจากอั๋นได้ตลอดเลย”

พุฒิลูบศีรษะลูกน้อยที่เขาอุ้มมานอนบนตัก

“แล้วหนูอยากเป็นคนแบบไหนครับ”

“หนูอยากเป็นแบบลุงภารโรง เพราะหนูอยากเป็นคนดีฮะ”

ชื่นใจจังเลยลูกเอ๊ย!

พิกเล็ตรีบกระเด้งตัวจากตักเขาแล้วกลิ้งไปวาดรูปสิ่งที่อยากเป็นตอนโตท่าทางเจ้าตัวจะถูกใจกับงานตรงหน้าไม่น้อย

“หนูจะเอาไปอวดอาโฬม”

พุฒิยกนิ้วโป้งให้ ก่อนจะเผลอมองไปข้างบ้านที่ปิดเงียบมาสองวันก็ตั้งแต่วันที่โฬมมาส่งวันนั้นก็เหมือนว่าเพื่อนบ้านจะหายลับเข้ากลีบเมฆไปเลย ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า

พุฒิถอนหายใจพอดีกับที่ออดหน้าบ้านข้างๆ ดังขึ้น เขาจึงรีบไปดูด้วยความสนใจจึงเห็นว่าโฮมออฟฟิศข้างบ้านปิดสนิท แต่กลับมีชายวัยกลางคนผมสีดอกเลายืนกอดออดหน้าบ้านอยู่นานสองนาน

“เอ่อ..มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ”

พุฒิตะโกนข้ามรั้วถามเมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของแขกผู้มาเยือน

“พอดีผมมีธุระกับคุณโฬมเจ้าของบ้านหลังนี้ครับ ผมติดต่อคุณโฬมไม่ได้เลย”

ท่าทางคุณลุงตรงหน้าดูร้อนรนจนเขานึกร้อนใจไปด้วย

“ผมไม่เห็นโฬมมาวันสองวันแล้วครบคุณลุง ไม่ทราบมีธุระอะไรด่วนรึเปล่าครับ ฝากบอกผมไว้ก็ได้ เดี๋ยวผมเจอเขาแล้วจะบอกให้”

“ครับ” ผู้อาวุโสพยักหน้ารับ “ยังไงถ้าเจอคุณโฬมฝากบอกให้ติดต่อผมกลับด้วยนะครับ”

ฝ่ายนั้นยื่นนามบัตรให้ก่อนจะขับรถออกไป พุฒิก้มมองนามบัตรในมือแล้วได้แต่ถอนใจ เขาเก็บของดังกล่าวในกระเป๋าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นเงาคนที่ชั้นสองของโฮม ออฟฟิศ ซ้ำรถของเจ้าของยังจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน

โครม!

เสียงอะไรสักอย่างหล่นพื้นเสียงดังทำเอาพุฒิสะดุ้งโหยง ก่อนจะมาหาที่มาของเสียงที่ดังมาจากข้างบ้าน ชายหนุ่มหันรีหันขวางนึกกังวลว่าคนในบ้านที่ปิดเงียบอาจมีความผิดปกติอะไรบางอย่าง ขณะที่กำลังมองหาทางเข้าบ้านอีกฝ่ายพอดีเหลือบไปเห็นช่องทางเล็กๆ ตรงรั้วบ้านที่จำได้ว่าเจ้าหมูเคยมุดรั้วบ้านอีกฝ่าย

พุฒิมองไปยังในบ้านตัวเองเห็นส้มนั่งเล่นกับเจ้าหมูอยู่ เลยตัดสินใจมุดรั้วข้างบ้านทันที โชคดีว่าตัวเองเป็นคนตัวไม่ใหญ่มากทำให้มุดผ่านรั้วไปได้ไม่ยาก พ่อลูกหนึ่งรีบวิ่งไปหน้าประตูบ้านก่อนจะเขย่าประตูและตะโกนเรียก โชคดีว่าถึงแม้รั้วบ้านฝ่ายนั้นจะล็อกแต่ประตูรั้วกลับไม่ได้ล็อกเอาไว้ ทำให้เขาเปิดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

ชายหนุ่มรีบกระโจนขึ้นชั้นสองของโฮมออฟฟิศอย่างว่องไว ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาใจหายวาบ เพราะเห็นร่างสูงใหญ่ของโฬมนอนคว่ำอยู่กับพื้น

“โฬม”

พุฒิเขย่าตัวเรียก

“โฬมๆ ได้ยินพี่มั้ย โฬม นายเป็นอะไร”

คงเพราะเสียงดังใกล้ใบหูทำให้ร่างสูงรู้สึกตัว ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ภาพของอดีตคนรักที่กระทบเข้ามาในเลนส์ตาทำเอาคนเพิ่งรู้ตัวมึนงง

“พี่พุฒิ?”

“โฬมเป็นไข้รึเปล่า ทำไมตัวร้อนขนาดนี้”

เป็นไข้งั้นเหรอ?

คงงั้นมั้ง โฬมตอบในใจก่อนจะสะบัดหัวตัวเองแรงๆ จำได้ว่าสองวันที่ผ่านมาทำงานโต้รุ่งกับเจ้าพวกสามตัวนั้น เมื่อเช้านี้ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่หรอก แต่ก็กินยาแก้ไข้ก่อนที่พวกมันสามตัวจะออกไปแล้วนี่หว่า

“ผมกินยาแล้ว”

“กินแล้ว?”

พุฒิตวัดสายตาใส่

“กินกับอะไร”

พ่อลูกหนึ่งกวาดตมองไปรอบๆ เห็นแต่กระป๋องน้ำอัดลมและขนมขบเขี้ยวกระจายอยู่โดยรอบนั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้คงมีสงครามกันอยู่แถวนี้แน่นอน

“น้ำอัดลม”

“โฬม!”

พุฒิฟังแล้วอยากทุบคนตรงหน้าแรงๆ สักที มีอย่างที่ไหนกินยากับน้ำอัดลม ไม่รู้รึไงว่าแก๊สในน้ำอัดลมจะไปกัดกระเพาะและขัดขวางการดูดซึมของตัวยา ให้ตายเถอะไอ้เด็กโข่งนี่

“ลุกเลย”

“โอ๊ยพี่”

“ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองไม่สบายหนักขนาดนี้”

“ขี้บ่น”

คนป่วยทำหน้ายู่

“เดี๋ยวเถอะ”

“บ่น...ทำไมชอบบ่น”

“ก็ทำให้ห่วงทำไม”

พุฒิใส่อารมณ์ไปโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งสบตากับดวงตาพราวระยับนั่นแหละถึงรู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว

“เอ่อ..”

“พี่ห่วงผมเหรอ?”

“แล้วโฬมคิดว่าไงล่ะ”

“พี่ห่วงผมในฐานะอะไร? เพื่อนบ้านหรือคนรักเก่า”

“จะฐานะอะไรก็คือห่วงเหมือนกันนั่นแหละ”

โฬมกดยิ้มมุมปาก

“ไม่เหมือน”

“ลุกเลย นายตัวหนักมากพี่ประคองนายไม่ไหว”

พุฒิเปลี่ยนเรื่องคุย โฬมเลยยักไหล่ก่อนจะขยับลุกไปนอนแผ่ที่โซฟาใกล้ๆ ชายหนุ่มนอนประสานมือไปกับท้ายทอยมองไปยังร่างของอดีตนักที่วิ่งวุ่นไปหยิบผ้าเช็ดตัวและรองน้ำใส่กะละมัง

“จะทำอะไรครับ”

“เช็ดตัวไงเล่า”

“งั้นแก้ผ้าผมสิครับ”

พุฒิแยกเขี้ยวให้อีกใส่ที่นอนแอ่นตัวราวกับเสนอตัวให้จนน่าหมั่นไส้

“ถอดเสื้อออก”

“ถอดแต่เสื้อเหรอ?”

“ไอ้โฬม!”

พุฒิแทบอยากจะจิ้มตาอีกฝ่าย นี่เห็นว่าป่วยหรอกนะ ไม่งั้นคงไม่ยอมให้ขนาดนี้ พ่อลูกหนึ่งนึกปลงตอนที่บิดผ้าหมดๆ แล้วเช็ดตัวให้เด็กโข่งที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเสื้อกล้ามแขนกุดกับกางเกงบอกเซอร์ นึกแล้วก็ขำ ตัวโตซะเปล่าพอป่วยที่นอนแบ๊บตาปรือแล้วดูเด็กชะมัด

“ต้องกินข้าวก่อนกินยานะ”

“อืม”

“แล้วโฬมอยากกินอะไร”

“ปลาหมึกผัดไข่เค็ม”

พุฒิแยกเขี้ยวใส่

“นายป่วยอยู่ต้องกินอาหารอ่อนๆ”

โฬมเบ้ปาก

“ป่วยทีไรงอแงทุกที”

“งอแงแบบนี้แล้วพี่อยากดูแลมั้ยล่ะ”

พุฒิชะงักไปแป๊บนึง “ก็ดูแลมาตั้งแต่ป่วยครั้งแรกตอนเป็นแฟนกันแล้วนี่”

เขายังจำได้ดีถึงตอนที่โฬมป่วยตอนไปรับน้องและเป็นครั้งแรกที่เขาได้ดูแลอีกฝ่าย โฬมตอนป่วยเหมือนเป็นคนละคนทั้งขี้อ้อน ทั้งเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นพุฒก็เต็มใจที่จะดูแล

“ที่ผมถามว่า พี่เป็นห่วงผมในฐานะอะไร ผมไม่อยากเป็นแค่เพื่อนบ้านเพราะความหมายมันคือการเป็นคนอื่น และไม่อยากเป็นแค่แฟนเก่าเพราะมันเป็นแค่อดีต”

“โฬม”

“ผมอยากได้คำตอบปัจจุบัน”

“อะไรเล่า”

“พุฒิ..”

พ่อลูกหนึ่งหน้าร้อนวูบวาบไปหมดเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเขาเฉยๆ ไม่มีคำเรียกน้ำหน้า ไม่อยากคิดไปเองหรอกว่ามันมีสำเนียงอ้อนๆ ติดมาด้วย

“ปัจจุบัน”

“ปัจจุบันอะไรครับ”

ดวงตาคนป่วยพราวระยับ

“โฬมคือปัจจุบัน”

แม่งๆๆๆ

พูดออกไปแล้ว พุฒิเหมือนคนลิ้นพันเมื่อพูดจบเขารีบผละหนีออกมา ถึงอย่างนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาตามมาติด

“พุฒิ..”

หยุดเรียกเขาแบบนั้นเลยนะเว้ย

“พุฒิ..”

หยุดเรียกชื่อเฉยๆ เลย ไม่รู้หรือไงว่ามีคนเคยพูดว่า ‘ไม่มีใครเขาเรียกแฟนตัวเองว่า“พี่”กันหรอก’

บ้าจริง!



★ ☆★ ☆★ ☆






หายไปนานเราไม่สบายค่ะ เป็นหวัดไม่หายสักที ตอนนี้ไอจนหูอักเสบ ถถถ
หวีดในโซเชี่ยลติด #Re2love ให้ด้วยนะคะ

ปล.เม้นท์บอกหน่อยเนอะว่าสนุก ไม่สนุก เราไม่อยากรู้สึกเหมือนคุยอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ▲▼Return To Love ▲▼#Re2love •8 ll 22.1.61 ll P.5 [UP]
«ตอบ #149 เมื่อ22-01-2018 21:37:32 »

ตอนนี้หวาน :mew6: :mew6:
หลงรักพิกเล็ต

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด