V
v
v
“อ๊า อะ อะ อื้อ อื้อ…” เสียงร้องครางของร่างเล็กดังสลับกับเสียงหอบหายใจของร่างใหญ่ที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านหลัง สองมือกดข้อมือบางของร่างด้านล่างไว้บนแผ่นหลังเจ้าตัว เนื้อก้นสองข้างของร่างผอมบางเด้งตามแรงกระแทกของร่างสูง แก่นกายอันเขื่องเคลื่อนตัวอยู่ด้านในโพรงเนื้อนิ่มที่รัดแน่น แน่นจนเจ้าของแก่นกายต้องกัดฟันสู้กับความเสียวและเจ็บในคราวเดียวกัน ยิ่งเวลาอีกฝ่ายตอดรัดตามธรรมชาติของร่างกาย ก็ยิ่งทรมานจนรู้สึกว่าเอ็นอุ่นแทบจะขาดคาจีบเนื้อแสนฟิตของเจ้าเด็กบริสุทธิ์
ไอติมนอนคว่ำหน้าแบบตะแคงข้าง แก้มขวาแนบลงกับพื้นผ้านวมบนพื้นที่ใช้ปูเป็นที่นอนกับแซ็คเมื่อคืน คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน แขนสองข้างไพล่หลังและถูกแซ็คจับกดเอาไว้แบบนี้เพราะเขาพยายามดิ้นหนีและผลักแซ็คออกไปตอนที่กำลังดันแก่นกายเข้ามา ความเจ็บทำไอติมดิ้นสู้ แต่แซ็คเองก็ไม่ยอมปล่อยให้จังหวะนี้หลุดหายไปอีก เขาเลยกดแขนไอติมไว้ และกระแทกเอ็นอุ่นเข้าไปในโพรงเนื้อร้อน ๆ เรื่อย ๆ จนกระทั่งเขากับไอติมไปด้วยกันได้มาจนถึงครึ่งทาง แต่ลำนั้นเข้าไปด้านในเต็มลำ ไม่มีครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทาง
“อึ แซ็ค เจ็บ อือ…” ไอติมครางหน้าตาเจ็บปวด น้ำตาปริ่มตรงขอบตา เขาพยายามเบี่ยงก้นหนีแซ็คแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะแซ็คตรึงแขนเขาไว้แน่น และเอ็นอุ่น ๆ อันนั้นก็ตรึงพื้นที่ในรูก้นเอาไว้แน่นเช่นกัน เบี่ยงทางไหนมันก็ตามไปด้วยอยู่ดี
“เจ็บ… อึก…” ไอติมกลืนน้ำลายลงคอ เปลือกตาปิดแน่น หน้าท้องหดเกร็งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาคิด เขาฝันอยากทำแบบนี้กับแซ็คมานาน แต่คิดแบบโดยรวมว่าอยากเอากัน อยากโดนเขาเอา ไม่รู้ว่าความรู้สึกมันจะเป็นยังไง แต่คิดแค่ว่าอยากเอากับผู้ชายคนนี้ อยากโดนผู้ชายคนนี้เอา คิดว่ามันต้องฟินเหมือนที่จินตนาการทุกครั้งเวลาช่วยตัวเองกับหนังของแซ็ค ในภาพจินตนาการนั้นแสนวาบหวิวและเสียวซ่านจนแตกระทวยด้วยค.. ของเขา
แต่สิ่งที่ฟินไว้ในจินตนาการกับสิ่งที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ มันช่างแตกต่างกัน
ครั้งแรกคือเมื่อคืน เป็นครั้งแรกที่ไอติมได้ลองกับความเป็นชายของแซ็คตามที่อยากมานาน และมันเจ็บมาก เจ็บจนไม่คิดจะเอาอีกแล้ว แต่พอตื่นมา เห็นผู้ชายคนนั้นตรงหน้า ก็ได้รู้ว่า มันคือความจริงที่ตัวเองกำลังอยู่กับขวัญใจตัวเองสองต่อสอง และเป็นโอกาสของตัวเองที่จะได้อย่างที่อยากได้ อยากจะทำมันให้ได้ แต่ความกลัวกับความเจ็บก็ทำให้ไม่กล้าไปต่อ แม้จะดีใจมากที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเทพบุตรหนังโป๊ของตัวเองก็ตาม
“ฮึก…” ไอติมสะอื้นไห้ สองมือกำแน่น ลำตัวเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกของอีกคน ไอติมไม่ได้ทนให้เขาทำ ไอติมก็อยากทำด้วย ยังคงอยากโดนเอาอย่างที่บอกไว้ มันเจ็บ มันเสียว เป็นความเสียว แต่ไม่ซ่าน…
แซ็คขมวดคิ้ว กัดฟันแน่นจนกรามสองข้างขึ้นลายชัดเจน หน้าท้องหดเกร็งจนกล้ามท้องขึ้นเป็นลูก ๆ กล้ามอกกับกล้ามแขนเกร็งจนเนื้อปูด มีเหงื่อผุดขึ้นตรงแผงอก เขาแหงนหน้าขึ้น เปลือกตาปิดแน่น คิ้วขมวดมุ่น อ้าปากส่งเสียงอื้ออ้าเพราะความรัดแน่นจนเสียวไส้
ปับๆๆๆ
“โอะ... โอะ… โอ๊ย…” ไอติมครางแผ่วเบา ยังคงหลับตาสนิท ไม่ได้ลืมตื่นขึ้นมามองอะไร ปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปตามที่แซ็คเป็นคนควบคุม สองแขนปวดหนึบเพราะโดนไพล่หลังไว้นาน สองขาเริ่มอ่อนแรง ทั้งเพราะอยู่ท่านี้ตั้งแต่เริ่ม และทั้งเพราะความปวดร้าวจากกลีบเนื้อที่แผ่ไปโดยรอบ และแผ่ไปยังก้นถึงต้นขา เลยทำให้แทบจะหมดแรงยันตัวไว้ สุดท้ายช่วงล่างของไอติมก็ฟุบลงกับพื้นผ้านวม แซ็คหยุดกระแทก ปล่อยมือออกจากข้อมือของร่างผอม ไอติมยกแขนขึ้นไปวางด้านบนอย่างอ่อนแรง แซ็คช่วยไอติมจัดระเบียบร่างกายทั้งที่แก่นกายยังคาอยู่ในนั้นครึ่งหนึ่ง เขาจับขาขวากับขาซ้ายแยกออก ก่อนใช้สองมือดันตัวลุกขึ้นแล้วเริ่มกระแทกต่อ
ตับ ตับ ตับ ตับ
เสียงเนื้อกระทบกันดังชัดขึ้นกว่าเดิม ไอติมลืมตาขึ้นโดยที่ยังนอนคว่ำอยู่ในท่าเดิม เขาค่อย ๆ ใช้สองแขนดันตัวท่อนบนลุกขึ้น ท่อนล่างนอนแหวกขาอยู่แบบนั้น ปล่อยให้แซ็คดันสะโพกเข้าหาเรื่อย ๆ ใบหน้าเรียวที่มีน้ำตาเปื้อนแก้มบิดไปมองใบหน้ากรามชัดที่กำลังกำหนัดได้ที่กับความตอดรัดจนเสียวซี๊ดไปตามเส้นเอ็น
ไอติมไม่อยากเอาแต่นอนครางด้วยความเจ็บและนอนร้องไห้ เขามาถึงนี่แล้ว เขาโดนแซ็คเอาแล้ว เขาอยากจดจำความรู้สึกที่ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการมานานแล้วไว้ในความทรงจำ
แม้ว่ามันจะไม่ได้เหมือนที่ต้องการก็ตาม
“Ah! Fuck!” แซ็คกัดฟันแน่นแล้วคำราม ใบหน้าเหี้ยมหื่น หัวใจไอติมเต้นตึกตัก มันคือสีหน้าและใบหน้าใกล้จะแตกที่ไอติมเห็นผ่านวิดีโอ เห็นผ่านหนังของแซ็คที่ดูมาตลอด แต่ตอนนี้ไอติมกำลังเห็นมันผ่านม่านตาของตัวเอง
“Oh! / อ๊า!” แซ็คคำรามอีกทีพร้อมกับที่กระแทกใส่ไอติมเฮือกสุดท้ายด้วยความแรงอันหนักหน่วงจนเจ้าตัวจ้อยร่อยร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ
ไอติมได้ยินเสียงหอบหายใจของแซ็คชัดเจนที่ข้างหูซ้าย ได้ยินเสียงครางอันทุ้มห้าวจากลำคอของแซ็คไม่ผิดเพี้ยน และรู้สึกถึงความอุ่นร้อนของน้ำที่แตกอยู่ด้านในก้น มือเล็กข้างซ้ายยกลูบมัดกล้ามแขนซ้ายของฝรั่งตัวโต แซ็คบิดหน้ามองไอติมหน้านิ่ง มีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของแซ็ค ไอติมยื่นหน้าไปหอมแก้มขวาของแซ็คหนึ่งที แซ็คหลับตา รับสัมผัสอบอุ่นบนแก้มแล้วทิ้งตัวลงนอนทับไอติม คางเกยไหล่ซ้ายร่างผอม ไอติมหอมแก้มแซ็คอีกที และมองใบหน้าหล่อที่กำลังหลับตาพริ้มแล้วยิ้มบาง
แซ็คลืมตาขึ้นมองก็เห็นรอยยิ้มและแววตาสุกใสของอีกคน เขามองร่างเล็กนิ่ง ถอนแก่นกายที่อ่อนตัวลงแล้วออกจากรูของไอติม น้ำสีขาวข้นไหลเยิ้มตามออกมา แซ็คนอนหงายข้างร่างผอม บิดหน้าไปมองเจ้าเด็กน้อยที่นอนตะแคงยิ้มส่งมาให้เขา ตอนที่กำลังจะบิดหน้ากลับไปนอนตรง ๆ แซ็คก็เพิ่งสังเกตเห็นคราบน้ำตาบนแก้มใส เขาชะงักกึก แต่พอเห็นว่าไอติมคลี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดเขาเลยบิดหน้ากลับไปนอนตรง ๆ ไอติมขยับตัวเข้าไปนอนใกล้แซ็ค ทิ้งหัวนอนลงบนไหล่กว้างข้างซ้ายของฝรั่งตัวโต ทั้งสองนอนหลับตานิ่ง ลมหายใจของแซ็คยังคงดังฟึดฟัดเบาๆ
ฟึ่บๆๆ แซ็คสะบัดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวของตัวเองก่อนจะสอดแขนเข้าไปในแขนเสื้อทั้งสองข้าง สายตามองไอติมที่แต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนโดยผ่านหูฟังด้วยสีหน้าปกติอยู่บนโซฟา สองมือกำลังจะติดกระดุมเสื้อแต่ก็ชะงักเมื่อไอติมลุกเดินมาตรงหน้าเขาและติดกระดุมให้ แซ็คปล่อยสองมือลงข้างตัว มองไอติมที่ปากก็ขยับพูดไป แต่ตากับมืออยู่ที่กระดุมเสื้อของเขา
“อื้อ แค่นี้นะ เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟัง ส่งชื่อที่ที่เราอยู่มาให้ด้วย” ไอติมถอดหูฟัง ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนกับโทรศัพท์ ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายให้แซ็คเสร็จก็แหงนหน้ามองหนุ่มหัวทองและส่งยิ้มให้ แซ็คมองอย่างสงสัยใคร่รู้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“Breakfast มั้ย eat break fast” แซ็คส่ายหัว
“I can’t. I have to do some errand. (ไม่ได้ ฉันมีธุระต้องไปทำ)” แซ็คกระตุกยิ้มเพียงนิด ไอติมทำหน้านึกตามที่คนตัวสูงพูด แปลได้ไม่หมด แต่พอจะเข้าใจว่าเขาไม่ไป ไอติมยิ้มบางและพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“Ready to go? (พร้อมรึยัง)” แทนคำตอบแบบพูด ไอติมหมุนตัวเดินกลับไปหยิบกระเป๋าเป้สีเขียวของตัวเองขึ้นมาเปิดซิป ดึงโทรศัพท์กับหูฟังออกจากกระเป๋ากางเกงมาใส่กระเป๋าเป้แล้วรูดซิปปิด แซ็คเดินไปปิดแอร์ ปิดไฟ ยกผ้านวมกับหมอนไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินตามหลังไอติมไปติด ๆ แซ็คย่นคิ้ว มองอีกฝ่ายที่เดินขาถ่างแปลกๆ
“Hurt? (เจ็บเหรอ)” ไอติมหันกลับมามองเขาแล้วยิ้มแห้ง ๆ ก่อนหันกลับไปเลื่อนเปิดบานประตูกระจก แซ็คเดินเข้าไปจับบานประตูเลื่อนไว้ให้ ไอติมก้าวออกไปที่รถ แซ็คปิดประตูตามหลังและล็อคเรียบร้อย เดินเลยไอติมที่ยืนเกาะกระโปรงรถไปดันประตูโรงรถขึ้น
“Give me your destination. Your home. (เอาที่ที่นายจะไปมา บ้านนายน่ะ)” ไอติมเปิดประเป๋าเป้อีกที ดึงหูฟังออกจากโทรศัพท์แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู เห็นข้อความของเดนนี่ที่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้หนึ่งนาที เขากดเปิดแล้วยื่นให้แซ็ครับไปอ่าน แซ็ครับโทรศัพท์ไปอ่านแปบเดียวก็พยักหน้าหนึ่งครั้ง
“It’s on my way. (ทางผ่านพอดี)” ไอติมรู้ว่าแซ็คจะไปส่งอย่างที่บอกตอนกำลังแต่งตัวเพราะเขาพยักหน้าพร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนให้ แซ็คกดรีโมตเปิดรถ ไอติมเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วขึ้นไปนั่ง แซ็คขึ้นประจำที่ ถอยรถออกจากโรงรถก่อนจะเบรกเมื่อพ้นเขตประตู เขาเดินลงไปปิดประตูโรงรถ ล็อคเรียบร้อยก็กลับมาขึ้นรถแล้วถอยรถออกไปบนถนน ก่อนจะขับออกไปจากบริเวณบ้าน
“Thank you to send me home.” ไอติมกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มที่แซ็คจะไปส่งถึงที่พักของตัวเอง แซ็คบิดหน้าไปมองเจ้าเด็กชอบลวนลามแล้วยักคิ้วทั้งสองข้างหนึ่งที
“Do you play facebook? (คุณเล่นเฟซบุ๊กมั้ย)” ไอติมมีเพจของแซ็คแล้วก็จริง แต่ก็อยากลองถามดู เผื่อแซ็คจะมีเฟซบุ๊กที่เป็นส่วนตัวของตัวเองอีกที
“No. Anthony run my page. Not me. So I don’t have my own account. (ไม่มี แอนโทนี่เป็นคนดูแลเพจฉัน ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่มีแอคเค้าท์ส่วนตัวหรอก)” ไอติมพยักหน้าลงแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ คิดว่าตัวเองน่าจะเข้าใจถูกว่าแซ็คบอกว่าไม่มีเฟซบุ๊กส่วนตัว
ไอติมนั่งมองทางข้างหน้านิ่ง แซ็คหันไปมองแบบเรียบเฉยแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปมองถนนตามเดิม แต่พักเดียวเขาก็เห็นทางหางตาว่าเด็กมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเกม เขาเลยปล่อยให้เด็กมันเล่นเกมและขับรถต่อไปเงียบๆ
หลังจากที่ไอติมเข้าสู่โหมดเกมของตัวเอง บรรยากาศในรถก็เงียบ มีเพียงเสียงแอร์ในรถที่ดังเบา ๆ ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่จริงไอติมอยากจะถาม อยากจะพูดอะไรกับแซ็คอีกมากมาย แต่พอจะเปิดปากจริง ๆ ก็เก็บเงียบ และปล่อยให้มันตกหล่นไป
สมหวังแล้วไอติม และหมดโควต้าตามที่คุยกันไว้แล้วด้วย แต่ไอติมแค่คิดว่า เราก็ยังเป็นเพื่อน หรือเป็นพี่น้องต่อกันได้ ก็คุยกันต่อไปแบบที่ฝรั่งชอบพูดว่าคีพอินทัชอะไรสักอย่าง “Phone number, okay? (เบอร์โทรศัพท์ล่ะได้มั้ย)” ไอติมละสายตาจากหน้าจอมือถือหันไปถามคนข้างๆ
“Not okay. We don’t need to keep in touch. But if we see each other next time we could say hello. (ไม่โอเค เราไม่จำเป็นต้องติดต่อกัน แต่ถ้าเราเจอกันครั้งต่อไป เราก็ทักทายกันได้)” แซ็คหันไปมองหน้ามึนงงของไอติมครู่สั้น ๆ ก่อนหันกลับไปมองถนน คิดในใจว่าเด็กมันจะรู้เรื่องมั้ย แต่สุดท้ายก็ได้ยินเสียงใส ๆ พูดขึ้น
“Okay, say hello next time.” แซ็คหันไปมองเจ้าตัวจ้อย มันยกนิ้วโป้งสองมือขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เขายิ้มบางตอบและกลับไปสนใจถนนตามเดิม
ขับมาอีกสิบนาทีก็ถึงที่พักของไอติม แซ็คเห็นผู้ชายตัวสูงผิวเข้มคนหนึ่งยืนรออยู่ที่ลานจอดรถ เขาเขม้นมองสักแปบก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะคุ้นหน้าอีกฝ่าย แต่ก็นึกไม่ออกในทันที เขาไม่ได้สนใจใคร่รู้ถึงขนาดต้องเค้นความจำตัวเอง ทำเพียงตีไฟเลี้ยวขวาเข้าไปในลานจอดรถที่อยู่ตรงข้ามกับหอพักแห่งหนึ่งก่อนจะจอดรถนิ่ง
“Thank you. (ขอบคุณฮะ)” ไอติมว่าพลางปลดเข็มขัดนิรภัยและส่งยิ้มอ่อนให้แซ็ค
“Fine. (ไม่เป็นไร)” ไอติมยังคงยิ้มและยิ้มกริ่มขึ้นกว่าเดิมอีกนิด ก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มขวาของแซ็คหนึ่งฟอดแล้วก็ดึงตัวกลับไปนั่งที่เดิม
“I’m happy. (ผมมีความสุข)” แซ็คมองรอยยิ้มและดวงตาที่จริงใจด้วยความรู้สึกอึกอัก
“See you next time and say hello.” จนกระทั่งร่างเล็กโบกมือให้ แล้วเปิดประตูลงรถไปนั่นแหละเขาถึงหายรู้สึกอึ้งและอึกอัก ๆ พอได้สติกลับมา แซ็คก็เลื่อนสายตาไปมองเจ้าเด็กเสียบริสุทธิ์ให้กับเขาแล้ว เดินเข้าไปกอดผู้ชายคนที่เขาเห็นตอนขับรถเข้ามาในลานจอดรถ ทั้งคู่ยืนกอดและยืนคุยกันอยู่พักนึง ก่อนจะพากันเดินข้ามถนนไปยังหอพักฝั่งตรงข้าม โดยที่ผู้ชายคนนั้นช่วยประคองเจ้าเด็กขี้ลวนลามเดินไปตลอดทางจนหายเข้าไปในตึก
แซ็คนั่งนิ่งคิดอะไรสักพักก่อนที่จะขับรถออกไปจากลานจอดรถ เขายกมือขวาขึ้นจับแก้มที่ไอติมหอมไว้ก่อนจากกันเมื่อกี้นี้
I’m happy…แซ็คปล่อยมือออกจากแก้มพร้อมกับผ่อนลมหายใจยาว ๆ เขาตั้งสติขับรถต่อไป มุ่งหน้าสู่ปลายทางของตัวเองบ้าง
ใช้เวลาเหยียบไม่เกินยี่สิบนาที รถของแซ็คก็ขึ้นมาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงลานกว้างข้างรั้วบ้านหลังหนึ่งบนเนินเขาสูงอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองลอสแองเจลิส แซ็คบิดกุญแจดับรถ ใส่เบรกมือ เปิดประตูลงไปข้างล่างแล้วกดล็อครถ เขาเดินจากลานกว้างไปที่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่สองชั้น กดกริ่งหน้าบ้านหนึ่งครั้ง ยืนรอไม่ถึงนาทีประตูบานไม้ก็เลื่อนออกช้า ๆ ราวกับว่าคนในบ้านรอเสียงกริ่งนี้อยู่แล้ว
แซ็คก้าวเท้าเดินเข้าไปในบริเวณบ้านตอนที่ประตูเลื่อนเปิดไปได้ครึ่งหนึ่ง เบื้องหน้าของเขาเป็นบ้านปูนสีครีมสองชั้น หลังคาปูกระเบื้องแผ่นเล็กสีน้ำตาล และความใหญ่ของที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ่แค่ตัวบ้าน แต่พื้นที่รอบข้างของบ้านลากยาวไปจนถึงหลังบ้านมีพื้นที่ใช้สอยอย่างกว้างขวาง แซ็คเดินขึ้นบันไดไม้สามขั้นตรงหน้าบ้านพลางผิวปาก เอื้อมมือขวาไปบิดลูกบิดสีดำเพื่อเปิดประตูกระจกขอบไม้สีน้ำตาลเข้ม ตอนที่เขาดันประตูเข้าไปด้านใน ประตูรั้วบ้านก็ค่อย ๆ เลื่อนปิดตามหลัง และยังไม่ทันจะได้ปิดประตูบ้านที่เพิ่งเปิดเข้ามา แซ็คก็ชะงักกึกอยู่กับที่เพราะร่างสูงขาวในชุดเสื้อคลุมยาวระพื้นสีแดงมันเลื่อมกำลังยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่
“Where have you been? (หายไปไหนมาเนี่ย)”