ตอนที่ 25 : วันที่ผิดพลาดและวันที่แก้ไข
เห้ออออออออ
วันนี้เหนื่อยจังเลย แทนที่จะได้มาดูลาดเลาน้องๆปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ เผื่อจะได้ปั๊มตราลีดให้ใครบ้าง กลับต้องไปนั่งคุยกับเอเจนซี่ที่เดินทางมาหาจากเกาหลี กว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าต้องการอะไร
ดูดิ ตอนนี้ก็บ่ายซะแล้ว น้องๆพากันแยกไปตามคณะแล้ว ก็เลยไม่ได้ประทับตราอะไรให้ใครสักคนเลย
เอาเหอะ สงสัยเราจะไม่ได้เกิดมาเพื่อมอบโอกาสให้ใครมั้ง ยืนมอบดอกไม้ให้น้องตรงทางออกนี่ก็แล้วกัน
นั่นใครนั่งอยู่ตรงนั้น
ผมมองเห็นเด็กหนุ่มคนนึงนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่เก้าอี้แถวๆหน้าเวที ไม่ยอมลุกไปไหน จนคนจะออกไปหมดโดมรวมใจอยู่แล้ว น้องเค้าไม่สบายหรือเปล่า?
"น้องครับ" ผมตัดสินใจเดินเข้าไป พยายามเรียกแล้วแต่น้องกลับเอาแต่กำมือแน่นแล้วก็ก้มมองพื้น "น้องเป็นอะไรไหมครับ" ผมเอามือไปเขย่าตัวน้อง
หึ่ย
ตัวสั่นแบบนี้ น้องกำลังร้องไห้อยู่แหงเลย
ผมรีบคุกเข่าลงต่อหน้าน้องเพื่อดูสิ่งที่ตัวเองสงสัยให้ถนัดตา
นั่นไง ร้องไห้จริงด้วย ร้องจนฝ้าขึ้นเต็มแว่นไปหมด
"น้องเป็นอะไรครับ น้อง... บุ๋น" ป้ายสีชมพู แปลว่าอยู่คณะวิทยาศาสตร์อะดิ แล้วแถวนี้คนมันหายไปไหนหมด มีใครพอจะมาช่วยผมได้บ้างเนีย "ไอ้น้อง เป็นผู้ชายอย่ามาร้องไห้แบบนี้ดิ"
"พี่จะไปรู้อะไร!" น้องตะหวาดผมกลับ แต่ก็ยังก้มหน้านิ่งตัวสั่นหนักกว่าเดิมอีก "พ... พี่ไม่ได้เป็นลีดมหาลัยซะหน่อย"
หึ เดี๋ยวๆๆๆ เงยหน้ามองพี่หน่อยไหมไอ้น้อง "พี่ชื่อพี่ท๊อปครับ หัตถ์ดนัย ควรคะนึง รู้จักพี่ไหมพี่เป็นลีดมอ"
ทีอย่างงี้ละรีบหันขึ้นมาดูเชียวนะ
"พี่ท๊อป พี่ท๊อปจริงๆด้วย" น้องมองเห็นพี่จริงเหรอ แว่นยังเป็นฝ้าอยู่เลย "พี่ท๊อปครับ ปั๊มตราลีดมหาลัยให้ผมที นะครับ ผมขอร้องหละ นะพี่ ผมจะตอบแทนพี่ทุกอย่างเลย"
เห้ย อะไรกัน มาเป็นชุดเลย
"เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ นี่มันหมดเวลาปั๊มแล้วนะน้อง จนเค้าจะกลับคณะกันหมดอยู่แล้ว" ผมลุกไปนั่งที่เกาอี้ข้างๆเค้า
"ยังไม่หมดหรอกพี่ นะครับ ผมจะไปลืมบุญคุณเลย"
"คือ... จะให้พี่ประทับตราให้คนที่มาขอร้องได้ยังไง เราไม่มีกติกาแบบนั้นนะครับ รุ่นพี่ต้องเป็นคนเลือกเอง" แล้วน้องก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์นั้นเลย ผมยาวรุงรัง แถมยังใส่แว่นหน้าเตอะอีกต่างหาก ขืนปั๊มให้ไปโดนพวกลีดมหาลัยด่าแน่ๆ
"ผม... ผม" น้องคงไม่รู้จะเถียงอะไร แล้วก็กลับไปนั่งเศร้าอีกครั้ง
ซะงั้น ทำไมอยากเป็นลีดจัง ท่าทางไม่น่าจะใช่คนชอบอะไรแบบนี้นี่นา
"ล.. แล้ว ทำไม ถึงอยากได้ตราประทับนักละครับ พอจะบอกเหตุผลพี่ได้ไหม"
"ผมจำเป็นต้องเป็นลีดมหาลัยให้ได้" น้องพูดเสียงอ่อยๆ เหมือนเล่าเรื่องออกมาแบบลอยๆด้วยซ้ำ ใบหน้าไม่มีชีวิตชีวาเลย "ผมไม่มีทางเลือก ผมทะเลาะกับพ่อ"
"มันไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหนเลย"
"พ่อมีธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางที่กำลังเติบโต พ่ออยากให้ผมเป็นลีดมหาลัยนี้ให้ได้ จะได้ใช้เป็นหน้าเป็นตาให้บริษัท ก็.. เลยบังคับให้ผมมาเรียนที่นี่ บังคับให้สอบเข้าคณะใหญ่ของที่นี่ บังคับให้ผมซ้อมเต้นตั้งแต่อยู่มอหก แต่ผมไม่ได้อยากเป็นลีดซะหน่อย ผมกับพ่อก็เลยทะเลาะกันมาเกือบทั้งปี ถ้าพ่อรู้ว่าผมไม่ได้รับคัดเลือกก็คง... ผมแค่... อยากทำให้พ่อภูมิใจแค่นั้นเอง"
เหตุผลมันฟังดูยิ่งใหญ่จังแฮะ แล้วก็คำพูดสุดท้ายนี้อีก ผมแพ้ทางเด็กกตัญญูซะด้วยซิ
"แล้ว... สรุปว่าบุ๋นอยากเป็นลีดหรือไม่อยากเป็นกันแน่ครับ"
"ถ้ามันทำเพื่อที่บ้านได้ ผมก็อยากจะทำ แต่ผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเรียกร้องได้ เพราะผมไม่หล่อ ไม่เท่ เหมือนคนอื่น ยิ่งเห็นหน้าพี่ ผมยิ่งเข้าใจว่าตัวเองหมดสิทธิ์ตั้งแต่คิดแล้ว"
คิดไรอย่างนั้น ต้องปลอบใจซินะ "ไม่จริงหรอก พี่เองก็ไม่ได้เกิดมาหน้าตาดี นี่ความลับนะ พี่โดนสาวทิ้ง ก็เลยหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไหนหันหน้ามานี่ดิ"
ผมจับหน้าของน้องให้หันมาหาผม กระชับใบหน้าน้องมันไว้ให้แน่น เพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาพร้อมกับปาดน้ำตาออก
"อย่าเอาผมมาปิดหน้าปิดตาแบบนี้ดิ" ผมพูดไปด้วยมือก็ทำไปด้วย "แว่นตาเนียก็เลือกให้มันเค้ากับหน้าหน่อย เดี๋ยวนี้เค้ามีเลนซ์แบบบางแล้วนะ หรือไม่ก็ใช้คอนแทคเลนซ์ก็ได้... ลองเอาออกมาดูดิ"
หึ!!!
ใช่ได้นี่หว่า
ท่าทางพ่อของไอ้น้องนี่จะคิดไม่ผิด ภายใต้ผมรกรุงรังกับแว่นหนาๆนี่ ถ้าดูแลตัวเองหน่อยก็หล่อเลย เป็นสไตล์ลูกครึ่งระหว่างความหล่อแล้วก็ความน่ารักซะด้วย
"ผ... ผมมองไม่เห็น พี่" น้องบุ๋นพยายามคว้าแว่นตาคืน แต่ผมห้ามน้องไว้ก่อน แล้วหยิบบางอย่างออกมาจากในกระเป๋า
"เอางี้ ถ้าน้องสัญญาว่าจะเลิกร้องไห้แล้วก็หันมาสนใจใส่ใจดูแลตัวเอง พี่จะให้ในสิ่งที่น้องต้องการ"
"ค.. ห๊ะ อะไรนะพี่ พี่จะให้ตราประทับผมเหรอ"
"เออ แต่เอ็งต้องสัญญาก่อน ตามที่พี่บอก"
"ได้ๆ ได้เลยพี่ ผมจะเลี้ยงซูชิพี่เป็นการตอบแทนด้วยเลย"
ไอ้น้องมันรู้ได้ไงวะว่าเราชอบกินซูชิ เรื่องที่บอกว่าเรียนรู้ก่อนจะมาเรียนที่นี่คงไม่ได้โกหกซินะ
"เออ แบบนี้แหละ พูดจาฉะฉาน มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ เอ็งอะมีดีกว่าที่เอ็งรู้เยอะ เชื่อพี่เหอะ"
"ครับพี่ ผมขอแว่นตาคืนได้ไหม"
ผมก็คืนให้ แต่ก่อนที่แว่นจะกลับถึงดวงตาของน้องมัน
แกร๊ก
ตราประทับของผมก็ถูกปั๊มลงบนป้ายชื่อแล้วเรียบร้อย
"ท๊อป ท๊อป ท๊อป!"
หึ อะไร ใครเรียกเรา
อ้าว นี่ผมหลับอยู่เหรอ มาเผลอหลับในห้อง ก.น.ช. ตั้งแต่เมื่อไหร่
นึกว่ายังซ้อมเต้นอยู่ที่เกาหลีซะอีก เหนื่อยชะมัดยาดเลย เดินทางไปกลับแบบนี้ทุกอาทิตย์ แถมซ้อมหนักตลอด ความเพลียเรื่องสะสมแฮะ
แล้วเมื่อกี้นี้มัน ฝันเหรอวะ แต่... มันไม่ใช่ฝันซะหน่อย เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ยังอยู่ในความทรงจำเราอีกเหรอ สงสัยช่วงนี้ทะเลาะกับไอ้น้องบุ๋นบ่อย ก็เลยเก็บกลับมาฝันเลย
คงจะเพราะความรู้สึกผิด นึกว่าจะลืมมันไปแล้วซะอีก
"ไหวไหมท๊อป" เพื่อนผู้หญิงคนที่ปลุกผมถาม "พักงานก่อนไหม วันนี้ไม่ต้องทำงานของ ก.น.ช.ก็ได้ เราเข้าใจว่าท๊อปต้องเดินทางไปมาเกาหลี คงจะเหนื่อย กลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ไหวๆ" ไหวดิ จะไม่ให้ไหวได้ไง ตั้งแต่โดนไอ้บุ๋นด่าว่าผมไม่เคยใส่ใจทำงานช่วยมหาลัย ก็รู้เลยว่าน้องมันยังจำเรื่องที่เราไปผิดสัญญากับน้องเมื่อปีที่แล้วได้ เพราะงี้ไง ผมถึงอยากจะกลับมาแก้ตัว "เดี๋ยวเราไปเอง ขอปรับตัวแป๊บนึงนะ,,, ขอบใจที่ปลุกนะ"
"แน่นะ... เอางี้แล้วกันเดี๋ยววันนี้ให้กั้งไปเป็นเพื่อน จะได้ช่วยกันทำงาน เนีย รู้ว่าตัวเองทำงานหนักแล้วทำไมถึงยังจะรับสังเกตุการณ์ที่คณะวิทย์อีก คณะเล็กๆมีให้เลือกตั้งเยอะแยะ เราเปลี่ยนให้ได้นะ เอาไหม"
"ไม่เป็นไรๆ ขอบใจมาก เราไหวจริงๆ"
"โอเค ไหวก็ไหว.... กั้งๆ มานี่หน่อยซิ" เธอเรียก กั้งเพื่อนคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปีที่แล้วมันเป็นพี่วินัยให้คณะ ปีนี้ก็เลยต้องมาทำหน้าที่กรรมการ ก.น.ช.ด้วยกันกับผม แต่จำได้ว่าน้องๆในคณะมันจะชอบโดนพี่วินัยคนนี้ว๊ากเป็นพิเศษ ก็มันพวงตำแหน่งรองเดือนมหาลัยไว้ด้วยนี่นา ไม่แปลกที่สาวๆจะกรี๊ด "กั้ง วันนี้ช่วยไปคณะวิทย์กับท๊อปหน่อยนะ ท๊อปอยู่สังเกตุการณ์คนเดียวมาหลายวันแล้ว พอจะช่วยได้ไหม"
"ได้ เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว" ไอ้กั้งตอบ "เห้ยไงไอ้ท๊อป ไหวเปล่าวะ"
"เออ ไหวๆ" ผมตอบ
"งั้นสองคนนี้ก็รับงานที่คณะวิทย์ยาวไปเลยก็แล้วกันนะ" เธอว่าต่อ "เดี๋ยวเราจะไปคณะเกษตรแล้ว พร้อมแล้วก็ไปกันเลยนะ... เอาหละเพื่อนๆทุกคนค่ะ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้วหนะ ห้องเชียร์จะเริ่มแล้ว"
"พร้อมยังวะ" ไอ้กั้งถามผม
"โอเค พร้อมแล้ว ไปกันเถอะ" ไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไปแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาดไปในอดีต เผื่อว่ามันจะยังไม่สายเกินไป
ในมุมของน้ำชา
ซวยแล้วไงกู สายจนได้ จะเข้าห้องซ้อมทันไหมเนี่ย
เพราะเมื่อกี๊อาจารย์หัวหน้าภาควิชาวานให้ไปช่วยตรวจข้อสอบเด็กที่จะมาเข้าค่ายโอลิมปิกคณิตศาสตร์ที่มหาลัยช่วงเดือนหน้า อุตส่าเร่งตรวจแล้วเชียว แต่สุดท้ายก็จะไปไม่ทันเวลาอยู่ดี
ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ก็เลยต้องรีบไปซื้อขนมปังใส้สังขยากับชาเขียวมากินระหว่างที่วิ่งไปห้องซ้อมแทน
ซวยแน่เลยกู พี่บุ๋นยิ่งโหดๆอยู่ด้วยช่วงนี้ โดยด่ายับแหงเลย
"อุ!!!!"
เชี่ยยยยยยยย
อะไรกันอีกเนี่ย ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อน
จู่ๆก็มีพี่คนนึงเปิดประตูออกมาจากห้องซ้อมในขณะที่ผมกำลังวิ่งหน้าตั้งเข้าไป แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ ครีมสังขยาเลอะเต็มเสื้อพี่เค้าเลย ไหนจะน้ำชาเขียวอีก
กูเอ๊ยยยยยยยยยยย
"พี่ พี่ ขอโทษครับ ขอโทษครับพี่ ผ... ผมขอโทษจริงๆนะ เลอะหมดเลย ผมเช็คให้ครับ" ผมรีบแสดงความรับผิดชอบทันที รีบใช้แขนเสื้อนิสิตของตัวเองเสร็จคราบที่เลอะเป็นการใหญ่
"เห้ยไอ้น้อง ไม่ต้องๆ เอ็งจะเอาเสื้อนิสิตมาเช็คได้ไง" พี่เขารีบคว้ามือผมไว้ แล้วพยายามอยู่ห่างจากความหวังดีของผมให้มากที่สุด
"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมต้องเช็คให้นะ"
"พอๆๆ ไม่ต้องๆ เช็คแล้วอย่างกับมันจะสะอาด แล้วนี่ก็แค่เสื้อคลุม พี่ถอดออกไปซักก็สิ้นเรื่องแล้ว"
เสื้อคลุม? หึ คุ้นๆแฮะ อ้าวนี่มันชื่อคลุมของพวกพี่ ก.น.ช.นี่นา
งานเข้ารอบสองแล้วกู ดันซุ่มซ่ามกับคณะกรรมการของมหาลัย
"พ... พี่ เป็น ก.น.ช.เหรอครับ เห้ยๆๆ พี่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ อย่าหักคะแนนผมนะพี่ มาๆ ถอดเสื้อออกมาเลยครับเดี๋ยวผมเอาไปซักให้"
"ไอ้น้อง! ใจเย็น พี่เป็น ก.น.ช.มีหน้าที่ในการดูแลไม่ให้เอ็งโดนรับน้องหนักเกินไป ไม่ใช่จะมาซ้ำเติมเด็กปีหนึ่งซุ่มซ่าม... เอ๊ะ นี่ น้องน้ำชา ใช่ป่ะ"
"ค... ครับ" รู้จักเราด้วยเหรอวะ ไม่เห็นคุ้นหน้าเลย คนหน้าตาดีขนาดนี้เราจะไปลืมได้ไง แต่อันนี้ไม่รู้จักแน่ๆอ่ะ
"อ๋อ ตัวจริงก็... น่ารักดีนี่หว่า เห็นว่าเต้นเพลงมิ่งขวัญได้นิ ใช่ไหม"
อ่อ รู้จักเราจากเรื่องนี้นี่เอง ลืมไปเลยว่ามหาลัยนี้ถ่ายทำกิจกรรมห้องเชียร์ตลอดเวลา
"มีไรเกิดขึ้นอ่ะ... เห้ย ไอ้กั้ง ทำไมเสื้อเป็นสีเขียวอย่างงั้นวะ" พี่ท๊อปก็ออกมาจากในห้องซ้อม อ๋อ นี่รู้จักกันเหรอ "อ้าวชา มาช้านะเนี่ย ข้างในเค้าซ้อมกันแล้ว เข้าไปได้แล้ว"
"แต่ผมทำเสื้อพี่เค้าเลอะ..."
"เออ เอ็งไปเหอะ แค่เสื้อเปื้อน รีบไปซ้อมไป" พี่คนที่ชื่อกั้งไล่ให้ผมเข้าห้อง
"มาทำอะไรกันหน้าประตูห้องซ้อมครับ คุณ ก.น.ช."
ชิบหาย พี่บุ๋นออกมาเห็นเหตุการณ์อีกคนแล้ว
"ก็น้องคณะของน้องแว่นทำเสื้อคลุม ก.น.ช.ของเพื่อนพี่เลอะไงครับ" พี่ท๊อปปปปป เห็นใจน้องบ้างก็ได้ แค่นี้ก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว
"แว่นไหนวะ" พี่กั้งถาม
"อ๋อ พี่กั้ง ขอโทษแทนน้องผมด้วยนะครับ"
"ไม่เป็นไร ๆ แค่นี้เอง"
"แต่เปื้อนบ้างก็ดีนะพี่ อย่าให้เสื้อพี่สะอาดเหมือนคนที่เค้าไม่รู้จักทำงานทำการเลย..." นี่กำลังแขวะพี่ท๊อปอยู่ใช่ไหม "เข้าไปข้างในไอ้ชา มาสายนะมึงอ่ะ ถึงเป็นน้องที่เอกก็ไม่มีข้อยกเว้นนะเว้ย ต้องโดนลงโทษตามกฎ"
ผมถูกพาเข้ามาในห้องซ้อมในที่สุด แล้วก็โดนสั่งให้ยืนการ์ดนับห้าสิบเป็นการลงโทษที่มาช้า
อาจารย์นะอาจารย์ ไม่ได้รู้เลยว่ากิจกรรมห้องเชียร์ที่นี่เขาจริงจังกันขนาดไหน
หลังจากการมาช้าของผม เราก็เข้าสู่การซ้อมหนักเช่นเคย
นี่เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ไม่เห็นพี่แอมกลับเข้ามาทำงานอีกเลย สงสัยคงรู้สึกเสียหน้ากับเรื่องที่ทำกับผมแล้วก็พี่ตองไว้
พอซ้อมไปสักพัก พี่ท๊อปกับพี่กั้ง(ซึ่งไม่มีเสื้อคลุม)ก็กลับเข้ามาสังเกตุการณ์ในห้องซ้อมเช่นเคย
"บุ๋นๆ" หลังจากการซ้อมกว่าสองชั่วโมงก็มีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องซ้อม
เอ? คนนี้คือพี่ประธานสโสรนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หรอ
"ขอคุยด้วยหน่อย มีเรื่องด่วน"
"เอ่อ.... แป๊บนะ" พี่บุ๋นตอบ แล้วก็หันมาคุยกับพวกผม "เดี๋ยวให้พี่... พลอย มาช่วยดูต่อให้นะ พี่ไปคุยธุระแป๊บนึง"
แล้วพี่บุ๋นกับพี่ประธานก็เดินออกไปนอกห้องด้วยกัน
"น้องๆค่ะ มาซ้อมต่อเร็ว" พี่พลอยทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทันที "เดี๋ยวเก็บท่าต่อจากเมื่อกี๊นี่นะ ข้อศอกสองข้างต้องชิดกันนะ ทำเป็นรูปตัววีแบบนี้ อะไหน ลองทำท่านี้ค้างไว้ซิ ให้ดูแข็งแรงด้วย สุ่ย! ทำให้ดูเท่กว่านี้หน่อย เดี๋ยวก็ให้มาเต้นแทนลีดผู้หญิงหรอก..." เห็นแบบนี้ พี่พลอยถือว่าเป็นระดับคนสอนที่เบามากถ้าเทียบกับพี่บุ๋น
พวกเราถูกสอนให้เพิ่มรายละเอียดในท่าเต้นแบบท่าต่อท่า ทำแต่ละท่าค้างไว้นานๆ ตามด้วยการเต้นทุกๆท่าเหล่านั้นตามจังหวะที่ช้ากว่าปกติมากๆ เพื่อให้มีเวลาในการคิดที่จะใส่รายละเอียดลงไปในทุกๆการเคลื่อนไหว
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง แล้วพี่บุ๋นก็กลับเข้ามาในห้องซ้อม พวกลีดปีหนึ่งถูกสั่งให้พักแล้วเพื่อรอการสอนคลาสนอกในชั่วโมงสุดท้าย
แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งปกติแน่ๆ พี่บุ๋นเดินเข้ามาแล้วตรงดิ่งไปหาพี่ท๊อปที่นั่งอยู่หลังห้อง แถมยังพูดคุยอะไรเหมือนว่ากำลังขอร้องพี่ท๊อปอยู่
ไม่จริง นั่นต้องเป็นพี่บุ๋นตัวปลอม
สักพักพี่อีกคนก็เดินเข้ามาอีก เหมือนจะถูกพี่ท๊อปโทรตามมา
มีเรื่องอะไรกันหว่า?
"น้องครับ ช่วยมารวมกันหน่อยนะ" พี่บุ๋นเเรียกรวม "พี่มีกิจกรรมพิเศษมาแจ้งให้ทราบนะครับ คือ... วันศุกร์นี้ มหาวิทยาลัยของเราจะจัดการแสดงความสัมพันธ์ไทยเกาหลีขึ้น งานคณะมนุษยศาสตร์ และมันมีเรื่องนิดหน่อยตรงที่ คณะเราได้รับคัดเลือกให้ส่งตัวแทนผู้นำเชียร์ชายสองหญิงสอง โดยมีรุ่นพี่ปีสองหนึ่งคู่กับน้องปีหนึ่งอีกหนึ่งคู่ ไปรวมแสดงโชว์แลกเปลี่ยนการเป็นผู้นำเชียร์ของสองประเทศ จะมีนักศึกษาเกาหลีมาโชว์ด้วย ทางโน้นจะเต้นในแบบของเรา ก็เลยทำให้เราต้องโชว์เต้นในแบบ.. เกาหลี"
แบบไหนวะ ผมว่าไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ไม่รู้ แต่ในห้องนี้ทั้งหมดก็ไม่รู้เหมือนกัน
"สำหรับปีสองก็คงเป็นหน้าที่ของประธานอย่างพี่ แล้วก็... พี่พลอย" ดูเหมือนว่าพี่บุ๋นจะยังไม่ได้ปรึกษาพี่พลอย จึงหันไปถามความคิดเห็น "ได้ไหมพลอย"
"ได้" พี่พลอยตอบทันที
"งั้นก็เหลือแค่ปีหนึ่ง... เอาเป็นว่าพี่จะให้น้องๆโหวตก็แล้วกันนะ เลือกเพื่อนออกมาเลย"
เสียงจอแจของลีดปีหนึ่งดังขึ้นทันที
"แต่พี่บอกไรไว้อย่างนะ" พี่บุ๋นแทรกขึ้นมา "เราไม่มีความรู้เรื่องการเต้นสไตล์เกาหลีเลย เพราะงั้น... พี่ก็เลยไม่ขอร้องพี่ท๊อป ให้เป็นคนช่วยสอนให้"
พี่ท๊อปเดินมาข้างหน้าเพื่อแสดงตัว
กรรมละ ถ้าเป็นพี่ท๊อปต้องเลี่ยงให้มากที่สุด เดี๋ยวไอ้พี่ตองจะคิดมากอีก
"ชาๆ มึงไปดิ" "เออๆให้ชาดีกว่า ไปคู่กับเกตุ เหมาะสุดแล้ว" "กูก็โหวตเกตุกับชา"
"ไม่เอา!" ไอ้พวกนี้นิ กูยิ่งเลี่ยงๆอยู่
"เออ มึงเหมาะสุดแล้ว" ไอ้สุ่ยยัดเยียด "ได้แล้วครับพี่ ชากับเกตุครับ" เห้ยเดี๋ยว! "ใครเห็นด้วยบ้าง"
พวกมึงก็สามัคคีกันเหลือเกินนะ ยกมือกันหมดเลย
กูเอ๊ยยยยย
ดีนะนี่เป็นวันจันทร์ ไอ้พี่ตองไม่ได้มาเฝ้า ไม่งั้นเกิดเรื่องแบบทันควันแน่ๆ
"โอเค งั้นตามนี้นะ" ไม่ต้องรีบยืนยันขนาดนั้นก็ได้นะพี่บุ๋น ถามผมนิดนึงไหม "เลิกคลาสแล้ว ชากับเกตุอยู่แป๊บนึงนะ คุยกันก่อนแล้วก็เอาเสื้อที่ต้องใช้ใส่ในงานไปด้วย พี่วางไว้หลังห้องแล้ว"
วันนี้พวกเรามีเรียนการแต่งหน้าและทำผม ถึงผมจะไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ แต่ก็เคยเรียนรู้มาบ้างแล้ว พอได้ลงรายละเอียดจริงๆแล้วก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น
พี่คนที่ถูกพี่ท๊อปโทรตามให้มารู้สึกว่าจะเป็นสาวประเภทสองนะ แต่ค่อยข้างเหมือนผู้หญิงมากเลย ผมไม่ได้จะตั้งใจจับผิดอะไรพี่เค้านะ แต่เพราะพวกพี่เค้าดูกำลังวุ่นวายกันอยู่หลังห้อง มันทำให้เป็นเป้าสังเกตุ
ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังจากล้างเครื่องสำอางที่ได้รับการเรียนในวันนี้
"ชา มานี่เร็ว" ผมถูกพี่บุ๋นเรียกทันทีที่จบกิจกรรมห้องเชียร์วันนี้
ตอนนี้ในห้องแทบจะไม่เหลือใครแล้ว มีแค่พี่ท๊อป พี่บุ๋น พี่พลอย พี่กั้ง พี่สาวสอง แล้วก็ผมกับเกตุ
"คืองี้นะคะ" พี่สองสาวเริ่มเปิดประเด็น เธอเปิดสมุดจดงานบางอย่างออกมากางดู "ท๊อปมีว่างแค่เย็นวันพฤหัสฯวันเดียว เพราะว่าวันนี้กับพรุ่งนี้มีถ่ายงาน ส่วนทุกวันพุธก็อัดเสียงให้เพลงเปิดกิจกรรมวันโชว์สปีริดสิ้นเดือนหน้า" อ๋อ ที่แท้ก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวนี่เอง
"งานหนักเลยนะมึง" พี่กั้งแซว "แล้วจะมาซ้อมให้พวกน้องมันไหวเหรอ"
"ใช่ จะรับช่วยจริงเหรอ ชั้นเตือนแล้วก็ไม่เชื่อ บอกว่าให้เพลาๆงาน ก.น.ช.บ้าง นี่ก็ไม่รู้ไม่โดนใครว่ามา เข้างานทุกวันเลย"
เอิ่มมมม ผมเห็นนะว่าพี่บุ๋นแอบสะดุ้งนิดนึง
"เออน่า ไหวๆ เราช่วยได้ ไม่งั้นใครจะช่วยหละ" ที่ท๊อปตอบปัด
"ไหวมากกกก เมื่อกี๊ประธาน ก.น.ช.โทรมาบอกชั้นว่าเธอไปหลับหมดแรงอยู่ในห้องกรรมการ นี่ถ้าโทรมขึ้นมาแล้วโดนเอเจนซี่ที่เกาหลีต่อว่า ชั้นไม่รู้ด้วยนะ" ผู้จัดการของพี่ท๊อปโหดน่าดูเลย
"น้ำชา"
หึ
อ้าว พี่ตองมารับแล้ว
เอ่อออออออ ยังคุยธุระไม่เสร็จ ยังไงดีหละ
"โอเค ก็ตามนี้แหละนะ เจอกันที่ตึกลีดมหาลัยแล้วกันนะ วันพฤหัสฯ" พี่ท๊อปสรุปให้ ทุกคนจึงได้แยกย้ายไปกลับ
"เดี๋ยวน้อง" พี่กั้งเรียกผมไว้ก่อนที่จะออกจากห้อง
"ครับพี่"
จู่ๆพี่เค้าก็โยนเสื้อคลุมมาให้ผม "บอกจะซักให้พี่ไม่ใช่เหรอ"
"อ... อ่อ ได้ครับ" ไหนบอกไม่เป็นไรวะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก กูทำเลอะนี่หว่า ก็ต้องรับผิดชอบ ถูกแล้ว
"พรุ่งนี้เอามาคืนก็แล้วกัน"
"ได้ครับพี่ ผมไปนะ พี่..." เกือบหลุดปากบอกไปว่าพี่ตองรอยู่ "หวัดดีครับ"
พี่ตองถามผมทันทีเลยว่าคุยอะไรกัน ผมก็เล่าเรื่องที่ผมโดนคัดเลือกไปโชว์ในงานให้ฟัง แต่ไอ้พี่ตองไม่ยักกะทำท่าหึงหวงอะไรแฮะ แปลกๆ
"ไม่ว่าเหรอ พี่ท๊อปต้องมาสอนชานะ" ผมสงสัย
"พี่ท๊อปเค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่น่าห่วงหรอก ว่าแต่ นี่ไปเอาเสื้อใครมา"
"ของพี่กั้งครับ"
"ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เปล่า ไม่ได้รู้จัก ชาเผลอไปทำเสื้อพี่เค้าเปื้อน ก็เลยเอามาซักให้"
"เหรอ" ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยเลย
#เสียงโทรศัพท์
สายเข้าเครื่องพี่ตอง
"ฮัลโหลบุ๋น"
ห๊ะ พี่บุ๋นโทรหาพี่ตองทำไม ก็เพิ่งจะจากกันเมื่อกี๊นี้เอง
"ห๊ะ ทำไมวะ.... อะๆๆ เดี๋ยวกูให้น้ำชาเอาไปให้ละกัน กูไม่เอาไปให้เองหรอกนะ" เห้ย เอาอะไรไปให้ใครวะ แล้วทำไมต้องเป็นกู "เออๆ ไม่เป็นไร... เออๆ"
"อะไรอ่ะ" ผมถามทันทีที่พี่ตองวางสาย
"ไอ้บุ๋นใช้ให้พี่ซื้อมาส์คหน้าไปให้พี่ท๊อป"
"หือ? ทำไมอ่ะ"
"ไม่รู้มัน อยู่ดีๆทำไมถึงจะซื้อของให้พี่ท๊อปก็ไม่รู้ แต่... ชาช่วยเอาไปให้แทนหน่อยนะ แล้วก็อย่าบอกหละว่าไอ้บุ๋นฝากมา"
นี่เล่นอะไรกัน แต่ถ้าคิดตามเหตุผลง่ายๆ มาส์คหน้านี้เพื่อขอบคุณที่ท๊อปหรือเปล่า หรือกลัวพี่เค้าหน้าโทรม
"เดี๋ยวๆ" ผมนึกบางอย่างขึ้นได้ "ผมลืมเสื้อที่ต้องใส่ในงานไว้ที่ห้องซ้อม"
"เดี๋ยวพี่ไปเอาให้"
"ไม่ต้องๆ ชาไปเอง พี่ตองรอแป๊บนึงนะ" ผมรีบวิ่งกลับไปที่ห้องซ้อมเพราะตอนนี้ยังออกมาไม่ไกล
"ขอบคุณนะ พ....พี่ท๊อป ที่มาช่วยเป็นธุระให้" หึ เสียงพี่บุ๋นนี่นา ยังมีคนเหลือในห้องซ้อมอีกเหรอ "ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากรบกวนหรอก"
"สรุปว่าไม่อยากรบกวนใช่ไหม" เสียงพี่ท๊อปตอบกลับ ผมก็ยืนแอบฟังหน้าห้องต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็ย
"ใครจะกล้าไปบังคับหละ"
"ไม่กล้าบังคับหรือกลัวพี่จะผิดสัญญาอีก"
".....แล้วจะผิดอีกไหมละ"
"....." สงสัยพี่ท๊อปจะอึ้งที่โดนถามตรงๆ รู้จักพี่บุ๋นน้อยไปซะแล้ว "ทำไมไม่ใส่แว่นแล้วหละ" เปลี่ยนเรื่องซะงั้น
"ก็เป็นคนบอกให้เลิกใส่เองไม่ใช่เหรอ"
"เชื่อคนง่ายเนอะ"
"ไม่ได้เชื่อคนง่าย แค่ไม่ชอบผิดสัญญากับใคร"
"โดนหลอกด่าซะงั้น โอเคๆ พี่จะ... ไม่ผิดสัญญาอีกก็แล้วกัน สัญญา"
"จะคอยดู"
"ยังไงก็ขอบใจนะ"
"ขอบใจเรื่องอะไร นี่ต่างหากต้องขอบใจ นี่เป็นคนไปขอร้องนะ"
"ก็ขอบใจที่ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวไง"
"......"
อือหือออออ ไม่ทิ้งลายโอ้ปป้าเลยนะพี่ท๊อป
แต่มันได้กลิ่นอะไรแปลกๆแฮะ รู้สึกว่าสองคนนี้จะมีอะไรไม่ธรรมดาซะแล้ว
คิดไรดีๆออกแล้ว
ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องซ้อม ทำทีว่าไม่ได้ยินใครกำลังคุยกันมาก่อนหน้านี้ พร้อมกับประโยคเด็ด รับรองว่างานนี้ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่ๆ
"พี่บุ๋นครับ มาส์คที่ฝากให้ผมแอบเอาไปให้พี่ท๊อป จะเอาสูตรไหนครับ"