Calorie ที่ 45 รักแรก รักสุดท้าย และรักตลอดไป ผมนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนสีเขียวเล็กๆ ของผม สิ่งต่างๆ มากมายหลายอย่างในชีวิตนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปดั่งเช่นทุกวัน
ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นถึงแม้จะมีทั้งความสุขและความทุกข์ ปนเปกันไป แต่มันก็ทำให้ผมนั้นเรียนรู้และเติบโตขึ้น และที่แน่นอนที่สุดก็คือ ตอนนี้ผมมีความสุข ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี
" อาเฮีย รีบลงมาเร็ว จะเริ่มแล้วนะ! " ผมหันมองตามเสียงเรียกของน้องสาวจากด้านล่าง
ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปอุ้มมาร์ชแมลโลว์ขึ้นมาจากพื้น ตอนนี้มาร์ชมาอยู่ที่บ้านของผมได้สักระยะหนึ่งแล้ว ผมรู้สึกว่าเราทั้งสองนั้นช่างคล้ายกันเหลือเกิน กินๆ นอนๆ และน่ารัก หึหึ
" เมี๊ยวววว " แกก็คิดถึงพี่โรลเหมือนกันใช่ไหมนะ ผมเกาคางย้อยๆ และพุงย้วยๆ ของมันเล่น
" อาเฮีย!! "
" รู้แล้วๆ " ขืนปล่อยให้เรียกมากกว่านี้จากเฮียคงกลายร่างเป็นสัตว์ที่ชอบกินไก่ดิบเป็นแน่
ผมวางมาร์ชลงกับพื้นและเดินลงบันไดไปที่ชั้นล่าง และเมื่อลงมาถึงก็พบกับเพื่อนซี้ที่กำลังจกขนมบ้านผมอยู่เช่นเคย
" ไง หล่อว่ะ "
" แน่นอน " ผมยักไหล่ชิลๆ ให้ไอ้เมี่ยงที่เบะปากมองผมอย่างหมั่นไส้ มันเดินมากอดคอผมและพวกเราก็กำลังยืนมองจอทีวีในโถงรับแขกของบ้านผมด้วยกัน
ผมมองละครในทีวีที่กำลังฉายและยิ้มกว้างทันทีที่บุคคลคนหนึ่งปรากฎขึ้นมา
พี่โรลนั้นเป็นคนเก่ง และมีความสามารถรอบด้าน ถ้าลองนึกย้อนกลับไป ถ้าผมไม่ได้ถูกตาต้องใจพี่โรลแล้วละก็ จะมีทางไหนกันนะ ที่ผมจะสามารถคว้าหัวใจของคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแบบนั้น คนที่ต่อให้ผมหลงรักแค่ไหนก็คงได้แต่ยืนมองเท่านั้น
" พี่โรลแม่งหล่อชิบหาย ไอดอลกู "
" แต่น้อยกว่าผัวมึงใช่ไหม " ผมพูดและหัวเราะเบาๆ ไม่รู้วันนี้พี่นายหายไปไหน ปกติจะเห็นมาหาไอ้เมี่ยงบ่อยๆ
" ผัวอะไรล่ะ นอนแก้ผ้ากูยังปลอดภัยเลย " โถ เพื่อนผู้อาภัพของผม ฮ่าๆ
" อ่อยอ่ะเป็นไหม " ผมพูดแหย่มัน
" กูแมนๆ อ่อยเอ่ยอะไร ไม่มี๊ ว่าแต่มึงเถอะ พี่โรลไม่ค่อยกลับเชียงใหม่เลยนี่หว่า รูแห้งหมดแล้วมั้ง โอ้ยย " ผมเขกกบาลมันไปหนึ่งที ปากดีจริงๆ
พี่โรลนั้นพอเริ่มเข้าวงการก็รับงานจนแทบจะไม่มีเวลากลับมาที่บ้าน ผมรออยู่ที่นี่โทรหาและคุยโทรศัพท์กันทุกวัน ทุกเวลาที่พี่โรลว่าง หลายๆ คนก็เป็นห่วงผม เพราะว่าตอนนี้รอบๆ ตัวพี่โรลนั้นมีแต่คนหน้าตาดีๆ แสงสีและสตรีอาจทำให้ผู้คนหลงผิดไปได้ แต่ไม่ใช่กับแฟนของผม ผมพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า พี่โรลนั้นไม่มีทางนอกใจผมได้
Rrrr Rrrr
ว่าแล้วก็โทรมาทันที นี่เราเพิ่งคุยกันเมื่อ 20 นาทีก่อนเองนะเพ่
' ดูอยู่หรือเปล่า ผัวหล่อไหมเมีย ' ผมรีบตะครุบปิดลำโพงมือถือทันที โอ้ยย จะตะโกนทำไมเนี่ย
' เปิดกล้องหน่อยยย คิดถึงงง ' ผมเดินหลบมุมมาตรงที่ไม่มีคนและเปิดกล้องขึ้น
' งือออออ น่าร้ากกก '
' ไอ้บ้า ' ผมเขินและทำแก้มป่องใส่ไอ้คนชอบโอเวอร์
' ของขึ้นเลยนะเนี่ย คืนนี้เซ็กส์โฟนไหมที่รัก '
' พูดอะไรเนี่ย เดี๋ยวม๊าก็ได้ยินพอดี ' ผมหันมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
' โอ้ย อยากกลับ อยากกอด อยากน้วย ' ผมหัวเราะมองพี่โรลที่กำลังพยายามจะเลียหน้าจอ
' ก็กลับมาสิ ผมคิดถึง ' ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ปิดบังความเหงา
' จูบบบหน่อยย ' พี่โรลพูดและทำปากจู๋ ผมหน้าแดงน้อยๆ และประทับริมฝีปากลงบนกล้อง
" เหม็นฟามรัก " ผมสะดุ้งทันทีที่เห็นไอ้หอกเมี่ยงยืนพิงผนังมองผม
" ยุ่งไม่เข้าเรื่องนะมึง " ผมยิ้มและมองหน้าจอโบกมือบ๊ายบายพี่โรลในกล้องและวางสายไป
" มึงว่าพี่นายเขา ชอบกูจริงๆ หรือเปล่าวะ " ผมมองไอ้เมี่ยงที่ยิ้มเศร้าๆ
" คนเราจะแสดงความรักเหมือนกันได้ยังไง พี่เขาก็เป็นตัวเขานั่นแหละ " แต่ผมก็ว่าพี่นายทำเกินไปแล้วนะ แบบนี้เพื่อนผมหงอยแย่ ถ้าเจอจะต้องว่ากล่าวกันหน่อยแล้ว
" ก็ดูดิ วันนี้หายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ " ผมเดินไปกอดคอเพื่อน
" แต่เมื่อคืนพี่เขาก็ไปนอนบ้านมึงนี่ "
" นอนพื้น ตื่นเช้ามาก็หายไป กูจะไม่ทนแล้วนะ "
" มึงจะเลิกเหรอ " ผมพูดด้วยความตกใจ
" ปล้ำ "
" ถรุ๊ยย "
" พูดอย่างเดียวก็ได้ เอฟเฟคมึงแน่นมาก " ไอ้เมี่ยงพูดพลางลูบหน้าตัวเอง
พี่โรลนั้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ เกือบเดือนแล้ว ถึงผมจะยินดีกับสิ่งที่พี่โรลทำแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกเรานั้นมักมีเรื่องให้ไกลห่างกันอยู่เสมอ เหมือนกับครั้งนั้นที่พี่โรลป่วยและรักษาตัวอยู่ที่รัสเซีย มันเป็นอะไรที่ทรมานมาก
แต่จะให้ผมห้ามไม่ให้พี่โรลไป ให้ผมเห็นแก่ตัว ผมก็ทำไม่ได้ อะไรที่ทำให้พี่มีความสุข ผมก็มีความสุข
ผมเดินไปเรื่อยๆ ผ่านผู้คนหลากหลายในยามค่ำคืน ผมมองเพื่อนรักที่เดินข้างๆ ผม มันก็ไม่ต่างอะไรจากผมเท่าไหร่ ความเหงาความเศร้าที่อยู่ในหัวใจ แต่ของมันหนักกว่าที่มีความไม่เข้าใจเพิ่มขึ้นไปด้วย
' ข่าวบันเทิงรอบค่ำวันนี้ สัมภาษณ์พระเอกน้องใหม่คนดังของเรา ' ผมที่เดินผ่านร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าก็บังเอิญได้เห็นพี่โรลบนจอภาพพอดี
' อันนี้แฟนๆ ถามกันเข้ามาเยอะมาก ตอนนี้โรลมีคนที่คบหาดูใจอยู่หรือเปล่าคะ '
ผมค่อยๆ เดินเข้าไปดูจอทีวีนั้นใกล้ๆ จ้องมองดูคนที่ผมรัก กำลังพูดคุยกับผู้หญิงที่เป็นพิธีกรสวย พี่โรลนั้นดูหล่อขึ้นมาก ออร่าที่แผ่ออกมานั้น ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างก็ต้องหลงไหล
' เรื่องความรัก คือ... ' ผมมองพี่โรลที่ทำท่าทางลังเล ดูฝืนใจกล้ำกลืนคำพูดเอาไว้ ผมยิ้มน้อยๆ พี่ทำได้ครับ ถ้าพี่อยากไปได้ไกลกว่านี้ ก็จงทิ้งผมเอาไว้ข้างหลังซะ บอกเขาไปสิว่าพี่ไม่มีใคร ผมไม่เป็นไร นี่เป็นคำขอของผม ก่อนที่พี่จะไปทำงานในแวดวงนี้
' ไม่มีแฟนครับ ' ผมหัวใจสั่นไหวอยู่ภายใน พี่ทำดีแล้ว ผมจะฉุดรั้งพี่ไว้ไม่ได้ ผมค่อยๆ หันหลังจากจอภาพนั้น โดยมีเพื่อนอยู่ข้างๆ
' หล่อขนาดนี้แต่ไม่มีแฟน เป็นไปได้เหรอคะ ' ผมยังคงได้ยินบทสัมภาษณ์นั้น ผู้คนรอบๆ ตัวผมต่างกำลังสนใจจอทีวีตรงหน้า เรียกได้ว่า พี่โรลนั้นประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นดารานายแบบที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ
' มีแต่คู่หมั้นครับ ' ผมที่กำลังหันหลังก็รีบหันหน้ากลับไปที่จอทีวีทันที นี่พี่พูดบ้าอะไรเนี่ย
' ที่รัก ดูอยู่หรือเปล่า ' ผู้คนต่างมึนงงกับพระเอกสุดหล่อในจอที่อยู่ดีๆ ก็เดินไปที่หน้ากล้องและโบกมือไปมา
ผมรู้สึกว่า แย่แล้ว ไอ้พี่โรลกำลังจะทำอะไรกันแน่ แล้วคู่หมั้นนั่นมันอะไร พี่หมายถึงใคร
ผมมองพี่โรลในจอที่จ้องมองกล้องด้วยรอยยิ้มกว้าง
' ทุกๆ อย่างที่พี่ทำก็เพื่อลี่เท่านั้น อย่าบอกให้พี่โกหกแบบนั้นเลยนะ ' พี่โรลนั้นอยู่ดีๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และคุกเข่าลงไปกับพื้นหน้ากล้อง
' อยากพูดว่าแต่งงานกันนะก็คงจะเร็วเกินไป ฮ่ะๆ เอาเป็นว่า อยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะนะ ' ผมชะงักค้าง แล้วมันต่างกันตรงไหละนั่น
ผมมองพี่โรลในจอที่ชูแหวนขึ้นมาและยิ้มหน้าบานสุดๆ ผมปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยความเขินอาย แต่จริงๆ ผมแค่ซ่อนน้ำตาเท่านั้น ผมดีใจมาก พี่โรลนั้นให้ความสำคัญกับผมเสมอมา ไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้เลยสักครั้ง ผมผิดเองที่ขออะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้น พี่คงเจ็บปวดใจใช่ไหม
" แล้วคำตอบล่ะ " ผมสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือและหันหลังไปตามเสียงที่ได้ยิน
ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมยิ้มทั้งน้ำตา พี่โรลยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยช่อ เอ่อ ช่อขนมที่จัดเหมือนดอกไม้ช่อใหญ่ มันดูน่ารักและน่ากินมาก
พี่โรลอยู่ในชุดลำลองสบายๆ อย่างที่ชอบใส่ หนีบแตะแดงแสนรัก แต่ก็ยังดูหล่อออร่าล้นทะลักเหมือนเคย ผมมองด้านหลังพี่โรลที่มีมาสคอตน่ารักตัวใหญ่เป็นน้องแมวที่ถือป้ายเอาไว้ในมือ เขียนว่า
' หมั้นกับพี่นะ มาร์ชแมลโลว์ยอดรัก '
ผมรับช่อขนมนั้นและยิ้มจนปวดแก้มไปหมด ผู้คนรอบด้านนั้นต่างมุงดูพวกเราและถ่ายรูปกันรัวๆ ผมที่ตอนแรกคิดว่าพวกเราอาจจะถูกแอนตี้ หรือถูกต่อว่า แต่ที่จริงแล้วรอบๆ ตัวนั้นผู้คนต่างยินดีกับเรา โดยเฉพาะสาวๆ ที่จับกลุ่มกรี๊ดกร๊าดกันปานจะขาดใจ
ผมมองพี่โรลที่ซ่อนของอีกอย่างไว้ด้านหลัง และผมรู้ว่ามันคืออะไร
" ยังไม่ตอบเลยอ่ะ พี่รออยู่นะ " พี่โรลเริ่มทำคิ้วย่นด้วยความงอน
" เลือกสถานที่ดีจริงๆ " ผมส่ายหัวน้อยๆ และหัวเราะขำ พี่โรลนั้นเริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซะแล้ว ไอ้คนเอาแต่ใจ
" ครับ ช่วยดูแลผม ตลอดไปด้วยนะ " เสียงกรี๊ดและร้องตะโกนเชียร์โหวกเหวกจากรอบข้างนั้นยิ่งทำให้ผมเขินไปใหญ่
ผมยิ้มจนตาหยีมองพี่โรลที่จับมือผมและกำลังสวมแหวนที่นิ้วนางให้ผม แหวนที่เอ่อ
ผมที่ยิ้มก็หุบยิ้มลงทันทีด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น ดูเหมือนทุกคนก็คิดเหมือนกัน นี่มันแหวนบ้าอะไรเนี่ย มันขนมชัดๆ ไอ้อมยิ้มรูปแหวนนี่ยังมีขายอยู่อีกเหรอห๊าา ช่างไปสรรหามาจริงๆ
แต่ผมที่เพ่งมองแหวนอมยิ้มนี่ดีๆแล้ว ก็พบว่าข้างในอมยิ้มที่เป็นสีเขียวใส มันมีแหวนวงเล็กๆ ถูกซ่อนอยู่ตรงกลาง
" กว่าจะได้ใส่ก็ฟันผุพอดี " ผมพูดและฟาดพี่โรลไปหนึ่งที
" เรื่องดูดๆ เลียๆ ที่รักพี่ถนัดอยู่แล้ว โอ้ยย " ผมหยิกพี่โรลแถมไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้
" ขอบคุณครับ " ผมพูดและกอดคนตรงหน้าไว้
ผมยิ้มและมองเพื่อนรักของผมที่กำลังถูกมาสคอตแมวเหมียวไล่กอดอยู่ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น แบบนี้นี่เอง พี่นายนะพี่นาย ก็ว่าอยู่ว่าหายไปไหน
" แอบขโมยแฟนเพื่อนผมไปนี่ต้องเครียกันนะ "
" ง่า ปล่อยเขาเครียกันเองเถอะ เราไปฉลองกันต่อ ที่ห้อง " ผมมองพี่โรลที่กำลังทำตาวิบวับ หนอยย
ผมใช้ทีเผลอมุดออกจากอ้อมแขนของพี่โรลและใส่เกียร์หมาทันที พลางดึงแขนเพื่อนรักมาด้วย กลายเป็นผม และไอ้เมี่ยง กำลังวิ่งหนีพี่โรล และพี่นายที่อยู่ในชุดมาสคอตวิ่งตามมาอย่างทุลักทุเล
พวกเราหัวเราะและเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนที่ผ่านๆ มา มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่า เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด
คืนนี้ผมนั้นมาค้างที่คอนโดของพี่โรล และจัดปาร์ตี้เล็กๆ เฉพาะพวกเรา 4 คน พี่โรลนั้นไม่ทำอะไรเลยนอกจากจ้องมองผมและซุกไซร้ตัวผม ยังคงเป็นคนที่ทำตัวเหมือนเด็กเช่นเคย
" พี่เหนื่อยหรือเปล่า ทำแต่งาน แต่ว่าทำไมต้องทำงานหนักด้วยละครับ " ผมถามด้วยความสงสัย จริงๆ พี่โรลนั้นไม่ได้ลำบากเรื่องเงินเลย แต่กลับทำงานอยู่ตลอดเวลา
" ยังมีอะไรที่พี่อยากทำให้ลี่อีกเยอะ พี่อยากให้มันมาจากความพยายามของพี่เอง "
" ผมดีใจนะที่พี่คิดแบบนั้น แต่ผมที่อยู่เฉยๆ ก็เหมือนเอาเปรียบน่ะสิ "
" อย่าคิดแบบนั้นเลย พี่มีความสุขที่ได้ทำ " พี่โรลพูดและยิ้มให้ผม
" แล้วเรื่องหมั้นนี่ เอาจริงเหรอครับ คือว่า คุณแม่ของพี่... " ผมรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้เลย
" ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี เชื่อพี่สิ "
" แล้วเรื่อง หนิง " ผมรู้สึกว่าบางทีคนคนนี้อาจจะกำลังวางแผนร้ายทำลายงานของพวกเราอยู่ก็ได้
" พี่ยังไม่ได้บอกเหรอ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ถูกจับแล้วล่ะ "
" เอ๊ะ เรื่องอะไรเหรอครับ " ผมตกใจมาก ถูกจับนี่หมายความว่ายังไงกัน
" ผู้หญิงคนนั้นให้ยาแม่พี่มาเป็นปี เป็นยาอันตรายที่จะออกฤทธิ์เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ คุณพ่อให้คนคอยตามสืบและก็ตรวจสอบยาที่คุณแม่กิน พี่ก็ว่าอยู่ว่าทำไมคุณแม่ถึงอาการแย่ลงเรื่อยๆ " ผมไม่เคยคิดเลยว่า ความคิดของหนิงจะเลวร้ายขนาดนี้ ทำไมกันนะ แปลว่าตลอดมาก็คิดจะฆ่าคุณแม่พี่โรลอยู่แล้วงั้นเหรอ
" ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก พี่ไม่อยากให้ลี่ไม่สบายใจ " พี่โรลพูดพลางกุมมือผมเอาไว้
" ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตกใจ " ลึกๆ ในหัวใจของผมนั้นยังคงคิดว่า สักวันพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนกันอีก แต่มันคงไม่มีวันนั้นแล้วสินะ
" เมี่ยงเคยชอบผู้หญิงคนนั้น " ผมมองไอ้เมี่ยงที่อยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมา แต่พี่นายก็ดูไม่ได้ตกใจอะไร
" ต้องบอกว่าพวกเราทุกคนเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหนิง เพิ่งมาพูดตอนนี้คงเหมือนแก้ตัว แต่พี่ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับหนิงก่อนนะ " ผมกับไอ้เมี่ยงหรี่ตามองพี่นายที่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
" เหรอ แล้วไปนั่งเดทกันทำไมมิทราบครับ " ไอ้เมี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
" ผิดไปแล้วครับ " พี่นายพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ ผมมองไอ้เมี่ยงที่ทำท่าทางฟึดฟัด นี่พี่เขานอกใจกูหรือมึงกันแน่กูเริ่มสับสน
" แล้วเมื่อไหร่มึงจะจัด โอ้ยย ตีพี่ทำไมเนี่ย " ผมฟาดพี่โรลเข้ากลางหลังทันที ผมรู้ว่าพี่โรลจะถามพี่นายว่าอะไร
" กูไม่ใช่มึง " พี่นายพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" ทีน้องดรีมมึงจัดซะ โอ้ยๆๆ " ผมกระทืบทีนไอ้แฟนปากดีของผม และมองเพื่อนผมที่ถือแก้วน้ำในมือด้วยมืออันสั่นเทา
" แบบนี้แหละดี ยิ่งทะเลาะยิ่งได้เสีย " พี่โรลกระซิบข้างหูผม หนอยย ก็ผมไม่ชอบเห็นเพื่อนเศร้านี่ครับ
" เดี๋ยวขอตัวแปบนะ " ว่าแล้วไง ไอ้เมี่ยงพูดเบาๆ และลุกขึ้นจากโต๊ะ ผมฟาดไอ้พี่โรลรัวๆ และทำท่าจะลุกขึ้นตามเพื่อน
" ไม่ต้องหรอก พี่ไปเอง ขอบใจนะ ไอ้... " พี่นายพูดและชูนิ้วกลางให้พี่โรลที่ยืนขึ้นก้มโค้งเหมือนกำลังบอกพี่นายว่า ' เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ' เป็นไงล่ะไอ้แฟนเกรียนของผม
ด้วยความเป็นห่วง ผมก็สลัดหนีจากไอ้พี่โรลและย่องเดินไปที่ระเบียงด้านหลัง เพื่อแอบดูพี่นายกับไอ้เมี่ยง ทั้งสองคนเป็นคนที่ผมรัก ผมอยากให้ทั้งสองคนมีความสุข
' ทำอะไร ' ผมมองพี่นายที่พูดและเดินไปยืนข้างๆ ไอ้เมี่ยง
ไอ้เมี่ยงนั้นกำลังยืนเกาะราวระเบียงและมองออกไปบนท้องฟ้ายามดึก
' อย่ายุ่ง ' ผมได้ยินเสียงไอ้เมี่ยงนั้นพูดเบาๆ และผมได้กลิ่นบุหรี่ นี่มึงทำอะไรของมึงเนี่ย กูจะฟ้องน้าจันทร์
ผมมองพี่นายที่ยื่นมือไปแย่งบุหรี่ออกจากปากไอ้เมี่ยงและเหยียบดับไฟที่พื้น
' พี่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ '
' แล้วยังไง นี่มันเรื่องของผม ผมจะทำอะไรแล้วมันเกี่ยวกับพี่ตรงไหน ทำไม... '
ผมตาโตมองภาพตรงหน้า พี่นายนั้นไม่ฟังที่เพื่อนผมกำลังพูด แต่จับล็อคแก้มคนตรงหน้าและกดจูบลงที่ริมฝีปากนั้นอย่างรวดเร็ว
ผมหน้าแดงและรีบหันหลังให้ภาพตรงหน้าทันที โอ้ยยย เพื่อนกู แววเสียตัวมาแรง
" เด็กไม่ดีแอบดูคนอื่น " ผมที่หันหน้ามาก็เจอพี่โรลที่ยืนอยู่ด้านหลังพอดี พี่โรลเท้าแขนกับผนังและก้มตัวจ้องมองหน้าผมใกล้ๆ
ผมหลบตาพี่โรลที่กำลังยิ้มน้อยๆ อย่างเจ้าเล่ห์มองผม
" เพื่อนกันก็เหมือนกันสินะ " ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ช้อนตามองคนตรงหน้า
" ไม่เหมือนหรอก พี่ร้ายกว่าเยอะ " พี่โรลพูดและก้มลงเลื่อนหน้าเข้ามาให้ริมฝีปากของเราประสานกัน
งานหมั้นของพวกเรานั้นถูกจัดขึ้นแบบเรียบง่ายที่บ้านของพี่โรล ที่มีแต่ญาติของฝ่ายผมและพี่โรล ผมนั้นมีความกลัวตั้งแต่ถูกขอหมั้นแล้ว เพราะว่าคุณแม่ของพี่โรลนั้น ผมไม่รู้ว่าท่านจะยอมรับพวกเราหรือเปล่า แต่พี่โรลก็บอกผมเสมอว่า ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
ผมแต่งตัวด้วยชุดสูทสีขาว มืิอสั่นน้อยๆ ด้วยความประหม่า ยืนอยู่ในห้องแต่งตัวไม่กล้าออกไปด้านนอก
" ได้เวลาแล้วนะ ทำอะไรอยู่ " เพื่อนรักของผมเดินเข้ามาจัดคอเสื้ิอให้ผม
" แขกเป็นยังไงบ้าง แล้วมีใครบ้าง " ผมลองถามหยั่งเชิงดู
" ก็เกือบครบแล้ว ขาดแต่คุณแม่ของพี่โรล " ผมจิตใจห่อเหี่ยวลงทันที ยังไงก็เป็นไปไม่ได้สินะ ที่ท่านจะเห็นดีเห็นงามด้วย ยังไงผมก็ไม่ใช่คนที่ท่านยอมรับ ผมเป็นผู้ชาย ผมไม่สามารถมีลูกหลานให้ท่านได้
พิธีการเริ่มขึ้นแล้ว แต่โซฟาตรงหน้าพวกเราก็ยังคงมีแต่ ป๊าม๊าของผม และคุณพ่อของพี่โรล
" จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยนะครับ " ผมมองพี่โรลที่จ้องมองผมด้วยแววตาหวานเยิ้ม สวมแหวนที่นิ้วนางให้ผมด้วยความอ่อนโยน
ผมยิ้มให้พี่โรล สุภาพแบบนี้ผมรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ วันนี้พี่โรลหล่อมาก ชุดสูททางการสีดำ ถ้าไม่ห้ามไว้พี่แกก็คงจะจัดสีแดงซะแล้ว ผมสีน้ำตาลที่เซ็ตเป็นทรงเรียบร้อย ดวงตาสีน้ำตาลอมเทาและใบหน้าหล่อเหลาที่ดูมีความสุข มันทำให้หัวใจของผมพองโต
มันอาจจะดูเร็วเกินไปที่พวกเราจะทำอะไรแบบนี้ แต่ไม่ว่าพวกเราจะหมั้นกันหรือแต่งงานกันหรือไม่ สิ่งที่มั่นคงและแน่นอนที่สุดก็คือ พวกเราจะไม่มีวันปล่อยมือจากกัน พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปอยู่ดี
" ฝากตัวด้วยเช่นกันครับ " ผมพูดและสวมแหวนให้คนที่ผมรักที่สุด ผมยังคงกุมมือพี่โรลไว้แน่น ให้รู้ว่าเรื่องนี้ในนี้ผมไม่ได้กำลังฝันไป พี่เป็นของผม พวกเราเป็นของกันและกัน
แต่มือของพวกเราสองคนนั้นก็ถูกกุมไว้อีกทีด้วยมือของผู้ที่เพิ่งมาใหม่ ผมมองตามมือนั้น และก็พบว่ามันคือมือของคุณแม่พี่โรล ท่านมองผมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าที่ดูอิดโรยแต่ก็ยังคงดูสวยงาม
" แม่ฝากโรลด้วยนะ " ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ คุณแม่ของพี่โรลนั้นติดภารกิจและมาช้าเท่านั้นเอง ท่านอวยพรพวกเรา และกลับขึ้นไปนั่งข้างๆ คุณพ่อของพี่โรล ผมสังเกตุว่าท่านดูแข็งแรงขึ้น และสามารถเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว
" ขอบคุณครับ " ผมกับพี่โรลพูดพร้อมกัน และกราบลงแทบเท้าผู้มีพระคุณของเราทุกคน วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขจริงๆ จากหัวใจ
ผมนั่งอยู่บนรถยนต์คันใหม่ของพี่โรลที่เหมือนเดิมก็คือสีแดงที่เจ็บจี๊ดเช่นเคย สายลมอ่อนๆ ที่พัดโชยมาทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมป้องสายตาสู้แดดจ้าในยามบ่ายและมองวิวเทือกเขาสวยที่ติดริมชายทะเลสีฟ้า พี่โรลหยิบแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่มาใส่ให้ผม และหอมแก้มผมเบาๆ
" เราจะไปไหนกันดีที่รัก "
" ที่ไหนก็ได้ครับ ขอแค่มีพี่อยู่ข้างๆ " ผมยิ้มให้กับคนรักของผม พวกเรายิ้มให้กันในช่วงเวลาที่แสนวิเศษนี้
เส้นทางบนถนนที่ดูคดเคี้ยวนี้ถึงแม้ว่าจะยาวไกลสักแค่ไหน ถึงอย่างไร เส้นทางนั้นก็ยังมีจุดสิ้นสุดของมัน แต่สำหรับความรักของพวกเราแล้ว มันจะไม่มีจุดวันสิ้นสุด หากแม้ว่าในสักวันหนึ่ง หากคนบนท้องฟ้าต้องการจะแยกพวกเราทั้งสองคนออกจากกัน แต่ผมก็เชื่อว่าความรักนี้ จะยังคงอยู่เสมอ เป็นรักแรก รักเดียว และรักสุดท้ายของพวกเราตลอดไป
THE END
********************************************************************************************
จบลงไปแล้วกับ Calorie ผมแค่มารอลี่~ ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามเสมอมา ทั้งผู้ที่คอมเม้นเป็นกำลังใจอยู่เสมอและนักอ่านเงาทั้งหลาย สำหรับเรื่องนี้จะมีรวมเล่มแน่นอนค่ะ ใครที่สนใจก็คอยติดตามได้จาก Fanpage : Gloomy Sunday Tk. นะคะ สามารถกดไลด์เฟจและติดต่อสอบถามเข้ามาทางอินบล็อคได้ตลอด 24 ชม. ค่ะ