Gray Diary 6 : สิ่งสำคัญ (ธนาคิมxรอยด์)
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ยังคงปกติ เสียงกรีนที่ยังเอ่ยบ่นเรื่องที่ต้องไปอิตาลีล่วงหน้ากับกับโปรดิวเซอร์อย่างชยางกูร ก็ยังคงเอ่ยขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทุกคนก็ยังคงพากันหัวเราะกันเรื่อยๆ ยกเว้นแต่รอยด์ที่นั่งยิ้มเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ปกติของรอยด์อยู่แล้ว จึงดูไม่ผิดสังเกตอะไร แต่ธนาคิมจับผิดสังเกตได้
“เป็นอะไรไป”ธนาคิมเอ่ยขึ้นถาม
“เปล่าครับ”รอยด์เอ่ยขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนที่ประจำตัวเอง โดยมีธนาคิมนอนพิงอยู่ที่อีกด้าน
“เปล่าหรอ ธรรมดานายไม่เงียบแบบนี้นะอย่างน้อยนายก็จะบ่นฉัน หรือน้อยใจที่วันนี้ฉันไม่ได้ไปรับที่โรงเรียน”ธนาคิมเอ่ยขึ้น วันนี้เขามีนัดลูกค้า ต้องเคลียธุระให้เรียบร้อยเพื่อจะไปอิตาลีอาทิตย์หน้า
“เปล่าครับ ผมยังไงก็ได้ คุณจะไปรับไม่ไปรับมันก็ไม่มีผลอะไรกับผมอยู่แล้ว”รอบด์เอ่ยออกมาน้ำเสียงเหมือนน้อยใจ
“พูดแบบนี้ต้องน้อยใจฉันแน่ๆเลย”ธนาคิมเอ่ยขึ้นก่อนจะกดจมูกที่แก้มของรอยด์ฟอดใหญ่
ฟอดดดดด
“นอนเถอะครับ ผมง่วงแล้ว”รอยด์เอ่ยขึ้น ธนาคิมที่กำลังคลอดเคลียที่แก้มและซอกคอของรรอยด์ก็หยุดทันทีคิดในใจว่ารอยด์คงงอนมากจริงๆ
“การที่ฉันไม่ไปรับนายวันนี้ ฉันผิดมาขนาดนั้นเลยหรอ นายถึงโกรธฉันมากขนาดนี้”ธนาคิมเอ่ยขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนมองไปยังเพดานห้อง รอยด์ได้ยินน้ำเสียงของธนาคิมแล้วก็รู้สึกไม่ดีนัก กลัวว่าธนาคิมจะโกรธตัวเองที่ตัวเองงี่เง่าไม่เข้าเรื่อง ทั้งๆที่รู้ว่าที่จริงไม่ใช่เรื่องไม่ไปรับแต่เป็นเรื่องของคนชื่อไหมมากกว่า
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมไม่ได้โกรธหรืองอนคุณเลย การที่คถณไม่มารับที่โรงเรียนก็ไม่ได้คิดมากอะไร ผมไม่ได้กังวลอะไรและผมก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เข้าใจนะครับ”รอยโมโหกับความเซ้าซี้ของธนาคิม จึงหันไปทำหน้าไม่พอใจ แต่ธนาคิมกลับล๊อคใบหน้าน่ารักนั้นไว้อยด์เองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะไม่อยากจะให้ธนาคิมเซ้าซี้จนเขาต้องเอ่ยความจริงออกมา
“แล้วนายเป็นอะไรหล่ะ บอกฉันได้ไหม”ธนาคิมเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนลงและสวมกอดรอยด์ไว้
สายตาของธนาคิม สายตาที่แสนจะอ่อนโยน อบอุ่นของธนาคิมที่มองไปยังใบหน้าของรอยด์ มือหนาลูบใบหน้าเล็กใบมา ความอ่อนโยนที่ธนาคิมกำลังทำอยู่นี้มันช่างน่าหวงแหนนักถ้าวันนึ่งรอยด์ไม่ได้เป็นเจ้าของสัมผัสนี้ แค่คิดรอยด์ก็รู้สึกใจหายแล้ว
“ผมอยากเห็นแก่ตัวจัง ผมอยากเห็นแก่ตัวว่าผมต้องการคุณมากแค่ไหน”รอยด์เอ่ยขึ้นในใจ มือบางลูบที่ใบหน้าของธนาคิม หนวดเคราที่กำลังขึ้นดูเซ็กซี่นัก ใบหน้านิ่งแต่มีเสน่ห์นัก มือเล็กกำลังลูบไล้แก้มและคางหนาก่อนจะหลับตาลงและเอ่ยขึ้น
“คุณเกรย์ จูบผมหน่อยนะครับ”รอยด์เอ่ยขึ้น ท่าทางของรอยด์ทำเอาธนาคิมเองก็งง ไม่เข้าใจว่าวันนี้เด็กน้อยของเขาเป็นอะไรไปนะ
“ถ้านายไม่บอก ฉันก็จะไม่รู้ว่านายเป็นอะไร แต่ฉันไม่ชอบให้นายเป็นแบบนี้เลย”ธนาคิมเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกห้องไปโดยไม่ได้กดจูบตามที่รอยด์ขอไว้
“ฉันจะกลับไปนอนที่ห้อง เลิกสงครามประสาทเมื่อไหร่ก็บอกฉัน”ธนาคิมทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้รอยด์นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นคนเดียว น้ำตามที่เหมือนอัดอั้นอยู่นาน สองแขนกอดรอบตัวอย่างคนขาดความอบอุ่น
“ไม่มีใครรักเราจริงหรอก ขนาดพ่อแม่ผมเขายังทิ้งผมไปอยู่ด้วยกันบนสวรรค์เลย อานิลก็ทิ้งผมไปอยู่กับคุณแบล็ค พี่พิ้งค์ก็ทิ้งผมไปอยู่กับพี่เลิฟ แล้วคุณก็ทิ้งผม ทิ้งผมไปแล้ว ฮึกๆๆๆ”รอยด์เอ่ยขึ้นพร้อมปล่อยน้ำตาออกมาอย่างเดี่ยวดาย
ทางด้านธนาคิมไม่รู้ว่ารอยด์เป็นอะไร เขาเดินออกมาเดินเล่นที่ริมสระน้ำ สายตามองไปยังน้ำไสในสระที่กระทบกับแสงไฟ จนหมอไวท์ที่มักจะนอนดึกเดินลงมาคลายเครียดเดินมาเจอกับพี่ชายตัวเองที่นั่งคีบบุหรี่อยู่
“บุหรี่มันอันตรายนะเฮีย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมนั่งลงข้างๆพี่ชาย
“รู้ครับหมอ แต่ว่ามันเครียดนี่หน่า”ธนาคิมเอ่ยบอกน้องชาย
“เครียดเรื่องอะไรครับ”หมอไวท์ถามขึ้น ธนาคิมกดก้นบุหรี่ทิ้งก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าสีดำและเอ่ยขึ้น
“หมอว่าเฮียมีเมียเด็ก ต้องเข้าใจเด็กด้วยไหมว่ะ”ธนาคิมเอ่ยขึ้น หมอไวท์หัวเราออกมาเบาๆกับพี่ชายตัวเองที่กำลังกุ้มใจเรื่องเมียเด็กหรอกหรอ
“ฮ่าๆ อะไรของเฮียเนี้ย”หมอไวท์เอ่ยพร้อมหัวเราะ ธนาคิมหันมองน้องด้วยสายตาดุๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่ขำนะเว้ย อย่ามีแฟนเด็กบ้างแล้วกัน”ธนคิมเอ่ยคาดโทษน้องชาย
“โอ๋ๆ ผมล้อเล่นครับเฮีย ว่าแต่แล้วมีปัญหาอะไรกับรอยด์หรอครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ธนาคิมจึงเล่าให้ฟังว่ารอยด์ดูเปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงเย็น
สองพี่น้องนั่งคุยกันสักพัก หมอไวท์ก็ขอตัวขึ้นข้างบน ธนาคิมเองก็เดินขึ้นห้องใจก็อยากไปนอนกอดรอยด์เพราะตลอดเวลามานี้ ธนาคิมเสพติดการนอนกอดคนตัวเล็กในอ้อมกอดเสมอ
“นี่ฉันหลงรักนายไปแล้วหรอรอยด์ ฉันถึงได้แคร์นายขนาดนนี้”ธนาคิมเอ่ยขึ้นก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องตัวเอง อยากจะลองใจตัวเองอีกครั้งว่าที่จริงแล้วแค่หลงเด็กหรือหลงรักเด็กน้อยคนนี้ไปแล้ว
....
..
เช้าวันใหม่ วันนี้เป็นวันเสาร์หลายคนอาจจะออกไปทำกิจกรรมที่เป็นวันหยุด หรือไปพบปะเพื่อนฝูง แต่รอยด์เองไม่ชอบที่จะออกไปไหนมากนัก เขาไม่ชอบความวุ่นวายเลยสักนิด ระหว่างที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นั้น เสียงมือถือของรอยด์ก็ดังขึ้น
“หวัดดีวาย”รอยด์เอ่ยทักคนปลายสาย
(“รอยด์ วันนี้ไปดูหนังกันไหม เดี๋ยวเราไปรับพอดีพี่ซีแกจะเลี้ยงหนัง”)
“เราไม่อยากไปไหนเลยอ่ะ วายไปกับพี่ซีเถอะ ฝากบอกพี่ซีด้วยว่าเอาไว้วันหน้านะ”
(“ทำไมอ่ะ พี่ซีแกนานๆจะมีเวลานะ เดี๋ยวเราไปรับนะแต่งตัวรอเลย”)
“วายไม่ต้องเสียเวลามารับหรอก เดี๋ยวเอาไว้เจอกันก็ได้ เกรงใจพี่ซีต้องขับรถอ่ะ”
(“ไม่ทันแล้วหล่ะรอยด์ ตอนนี้เรากับพี่ซีอยู่หน้าบ้านรอยด์แล้ว”)
รอยด์หันมองไปยังนอกบ้านเห็นรถคันสวยจอดอยู่หน้าบ้าน ยังไม่ทันที่จะเอ่ยบอกให้เพื่อนรักรอแปบแต่ไม่ทันแล้วเพราะคนในบ้านกำลังกดประตูรั่วให้รถเข้ามาเรียบร้อย
(“รอยด์ คนที่บ้านรอยด์บอกว่าคุณเกรย์ให้เปิดประตูให้”)
“วายกับพี่ซีรอแปบนะเดี๋ยวเราลงไปหา”รอยด์เอ่ยขึ้นก่อนจะรีบวิ่งออกไป แต่เมื่อเปิดประตูห้องได้ก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงของธนาคิมยืนอยู่หน้าห้อง
“อ๊ะ...! คุณเกรย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”รอยด์เอ่ยอย่างตกใจ
“จะรีบไปหาเพื่อนหรอ ดูท่าทางดีใจนะ นัดกันไว้หรอ แล้วจะไปไหนกันหล่ะ”เสียงธนาคิมเอ่ยนิ่งๆ
หมอไวท์ที่อยู่ในชุดรำลองปกติวันนี้ไม่มีเวรที่โรงพยาบาลกำลังเดินออกจาห้องมา เห็นพี่ชายตัวเองและพี่สะใภ้ที่ท่าทางจะอายุน้อยของตัวเองยืนคุณกันอยู่ตรงหน้าห้องจึงเอ่ยทัก
“มีอะไรกันหรอครับ”หมอไวท์เอ่ยถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร...”ยังไม่ทันที่ธนาคิมจะเอ่ยถามน้องชายต่อเสียงมือถือของธนาคิมก็ดังขึ้น
Truuuuuu
ธนาคิมยกมือถือขึ้นกดรับทันที ชื่อปลายสายที่ถูกเรียกขึ้นทำให้คนที่ยืนอยู่ในห้องหน้าเสียทันที
“ว่าไงคะไหม”รอยด์หลบสายตาหมอไวท์ทันที ทำท่าจะเดินออกห้องแต่ถูกธนาคิมขว้างเอาไว้ หมอไวท์เองก็ไม่รู้จะทำยังไง ตั้งใจว่าจะบอกพี่ชายให้รู้ว่ารอยด์รู้เรื่องของไหมแล้ว
“อ่า...แล้วนี่หมอไม่มีเวรหรอ ธรรมดาก็แทบจะไม่เห็นหน้าอยู่แล้ว”ธนาคิมถามน้องชายหลังวางสายเสร็จ สายตาแอบมองไปยังคนตัวเล็ก
“ไม่มีครับ ว่าแต่ได้ยินเสียงรถใครมาหรอครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“รถเพื่อนของผมเองครับหมอ งั้นผมขอตัวไปหาเพื่อนนะครับ”รอยด์เอ่ยขึ้นเมื่อได้โอกาสเลี่ยงธนาคิม ใบบหน้าดูไม่พอใจอะไรบ้างอย่าง มันรู้สึกหน่วงที่ใจนัก
รอยด์เดินลงมาและตรงดิ่งไปยังห้องรับแขกที่ตอนนี้ทั้งซีและวายกำลังนั่งมองบ้านหลังใหญ่อย่างชื่นชม รอยด์ยิ้มให้กับทั้งคู่ก่อนจะยกมือไหว้ซีและทักทายวาย
“สวัสดีครับพี่ซี หวัดดีวาย รอนานไหม”รอยด์เอ่ยขึ้น
“ไม่นานเลย”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้ม
“รอยด์บ้านรอยด์ใหญ่จังเลยอ่ะ”วายเอ่ยขึ้นถาม
“เปล่าเลย นี่บ้านสามีอานิล เราแค่คนอาศัยเอง”
“หรอ ใหญ่มากจริงๆ”วายท่าทางจะตื่นตาตื่นใจนักกับบ้านหลังโตนี้
“รอยด์ว่าเราไปนั่งข้างนอกกันเถอะครับ พอดีวันนี้เจ้าของบ้านอยู่หลายคน รอยด์เกรงใจพวกเขาครับ”รอยด์เอ่ยขึ้น ทั้งซีและวายจึงเห็นด้วย แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะเดินออกไป เสียงของเจ้าของบ้านคนรองก็ดังขึ้น
“จะไปไหนกัน”ธนาคิมเอ่ยด้วยใบหน้านิ่ง ดูท่าทางดุและสายตาก็จับจ้องไปยังใบหน้าของรอยด์ที่มองมาอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“เราจะออกไปข้างนอกกันครับ ขอตัวนะครับ”รอยด์เอ่ยขึ้นก่อนจะชวนซีและวายออกไปข้างนอก แต่ท่าทีของซีเปลี่ยนไป ร่างแข็งทื่อมองไปยังคนข้างหลังธนาคิมนิ่ง สายตาบอกว่ารู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูกหรือจะดีใจกันแน่
“พี่ซีครับ เราไปกันเถอะครับ”เสียงรอยด์เอ่ยขึ้นบอกซี และควงแขนซีเดินออกไป ทำให้ธนาคิมยิ่งโมโหกว่าเดิมเพราะรอยด์ที่เดินควงแขนผู้ชายคนนั้นเดินออกไป
เมื่อเดินออกมาข้างนอกรอยด์และวายนั่งคุยกันเรื่องหนังไปเรื่อยๆแต่ซีกลับเงียบลงไปถนัดตา และกลับนิ่งไปจนวายเอ่ยถามพี่ชายตัวเอง
“พี่ซีเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”วายเอ่ยขึ้น
“ใช่ พี่ซีหน้าซีดมากเลย เหงื่อเต็มไปหมดเลย ให้คุณหมอดูให้หน่อยนะครับพอดีว่าเจ้าของบ้านคนที่สามเป็นหมออ่ะ”รอยด์เอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับคุณรอยด์ พี่ว่าพี่ชวนวายกลับดีกว่า”ซีเอ่ยขึ้น
“วายว่าพี่ซีพักก่อนดีกว่า อะไรกันไม่สบายแล้วยังจะชวนไปนั้นไปนี่อีก”วายเอ่ยโวยพี่ชายอย่างเป็นห่วง
“พี่ซีท่าทางไม่ไหว เดี๋ยวรอยด์ไปตามพี่หมอดีกว่า”รอยด์ไม่รอให้ซีเอ่ยอะไรรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ตอนนี้หมอและธนาคิมกำลังเหมือนแอบมองคนข้างนอกอยู่และเมื่อเห็นรอยด์วิ่งเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีโดยไม่รอให้รอยด์เอ่ยอะไร
“จะวิ่งทำไม เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ธนาคิมเอ่ยดุรอยด์ด้วยความเป็นห่วงกลัววีรอยด์จะล้มและเจ็บตัว
“ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องทำเป็นห่วงผมหรอกครับ”รอยด์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนจะหันไปทางหมอไวท์
“พี่หมอครับไปดูพี่ชายเพื่อนรอยด์หน่อยครับ ไม่รู้เป็นอะไรหน้าซีดไป...”ยังไม่ทันที่รอยด์จะเอ่ยจบร่างสูงของหมอไวท์ก็เดินหายลิบออกไปแล้ว ทิ้งให้ทั้งรอยด์และธนาคิมยืนอยู่ตรงนั้นเพียงสองคน
หมับ!
“จะไปไหน”เสียงธนาคิมเอ่ยพร้อมกับคว้าต้นแขนของรอยด์เพื่อรั้งไว้เมื่อคนตัวเล็กท่าทางจะเดินออกไป
“ผมจะไปดูพี่ซี ปล่อยผมครับ”รอยด์เอ่ยนิ่งๆ
“เป็นอะไรอ่ะรอยด์ โกรธกันมากขนาดนั้นเลยหรอ นี่มันก็ข้ามคืนข้ามวันแล้วนะ มีอะไรไม่ยอมพูดกันตรงๆหล่ะ โตๆกันแล้วนะ”ธนาคิมเอ่ยขึ้นถาม
“ผมไม่ได้เป็นอะไรเลยครับ และช่วยปล่อยผมด้วยผมจะไปดูพี่ซี”ยังไม่ทันที่ธนาคิมจะปล่อยรอยด์ เสียงรถก็แล่นออกจากบ้านไป พร้อมๆกับมือถือของรอยด์ที่ดังขึ้น
Truuuuuu
“กำลังจะออกไปหา”
(“ไม่ต้องแล้ว พอดีพี่ซีบอกว่าหายดีแล้วตอนนี้กำลังจะกลับบ้าน”)
“อ้าว ทำไมรีบกลับหล่ะ”
(“เอาไว้จะเล่าให้ฟังนะ เอาไว้เจอกันที่โรงเรียน”)
“อื้มๆ ยังไงก็ฝากบอกพี่ซีด้วยว่าหายไวๆนะ”
(“อื้ม เดี๋ยวบอกให้ //พี่ซีพี่หมอตามมาแล้ว//”)
สิ้นเสียงของวายพร้อมปลายสายที่กดตัดสายไปแล้ว รอยด์ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินหนีร่างสูงตอนนี้ แต่ธนาคิมก็ยังคงเดินตามขึ้นไปข้างบนอยู่ดี และก็ตาขึ้นถึงห้องนอนจนได้
ปึง!
แกร็ก!
“อ๊ะ...คุณเกรย์ เข้ามาทำไมครับ”รอยด์เอ่ยขึ้น พยายามเดินถอยหลังหนีแต่ธนาคิมก็เดินตามจนตอนนี้จนมุมแล้ว เพราะด้านหลังของรอยด์คือกำแพงเรียบ เมื่อหลังของเขาแนบกับกำแพงมือสองมือถูกมือใหญ่จับแนบเข้าที่กำแพงแน่น ทำได้เพียงเบี่ยงใบหน้าออกเท่านั้น
“ทำไมหรอ ฉันจะเข้าห้องเมียไม่ได้หรอไง มีกฎข้อไหนห้ามว่าผัวจะเข้าห้องเมียไม่ได้ บอกฉันหน่อยสิ”ธนาคิมเอ่ยขึ้นถาม รอยด์ช้อนตาหวานมองไปยังดวงตาของธนาคิมก่อนจะเอ่ยขึ้น
“หรอครับ ผัวเมีย ที่หมายถึงคนรักกันหน่ะหรอครับ ถ้าคุณเกรย์หมายถึงแบบนั้นก็ไม่น่าจะใช่แล้วหล่ะ ถ้าคิดว่าผมคือเมียของคุณ เพราะคุณเองก็ไม่ได้รักผมเลยสักนิด”รอยด์เอ่ยขึ้น
“นายรู้ได้ไงว่าฉันไม่ได้รักนาย”รอยด์นิ่งไปเล็กน้อยกับประโยคของธนาคิม ถ้าความหมายของธนาคิมคือที่จริงธนาคิมรักรอยด์หล่ะ และแฟนเก่าที่ชื่อไหม คนที่เขากำลังกลับไปคบตอนนี้เป็นอะไร
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”รอยด์ถามขึ้น ธนาคิมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก็หมายความตามที่พูดนั้นหล่ะ ว่าแต่นายเถอะดูท่าทางจะห่วงพี่ชายเพื่อนที่ชื่อซีมากเลยนะ”ธนาคิมเอ่ยขึ้นถามก่อนจะจับมือของรอยด์มาโอบที่ลำคอของตน และเบียดกายเข้าหารอยด์ใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อธนาคิมเอ่ยกระซิบที่หูของรอยด์เบาๆ
“รู้ไหม ว่าฉันหึงมาก”หัวใจเด็กน้อยที่เต้นแรงระรัวอย่างบอกไม่ถูก อยากจะเข้าข้างตัวเองว่าธนาคิมหึงหวงตัวเอง เพราะรักตัวเอง แม้ไม่บอกว่ารักก็ตาม
“คุณเกรย์ ผมไม่เคยเข้าใจอะไรคุณเลยสักครั้ง ไม่เคยเลยสักครั้งจริงๆว่าคุณคิดอะไรอยู่”รอยด์เอ่ยขึ้น ธนาคิมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะกดริมฝีปากอุ่นแนบริมฝีปากหวานนั้น ลิ้นหนาที่สอดเข้าไปในโพรงปากของเด็กน้อยอย่างง่ายดาย ทั้งสองจูบกอดกันราวกับว่าเรื่องที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดขึ้นเลยมาก่อน ไม่ว่าจะเรื่องของไหมหรือซี
ธนาคิมพาร่างบางของรอยด์มาที่เตียงกว้างก่อนจะวางอย่างถนอมมือ โดยริมฝีปากของทั้งสองยังคงประกบกันอยู่ ลิ้นร้อนของธนาคิมสอดลิ้นหนาเข้าไปคว้านหาความหวานในปากของรอยด์ โดยที่รอยด์เองไม่ได้โวยวายหรือขัดขืนอะไร สองมือของธนาคิมที่ประคองหน้าเรียวก่อนจะเลื่อนมาที่อกแบนราบที่มันยั่วยวน ยอดอกสีสวยของเด็กวัยแรกรุ่นกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า กี่ครั้งต่อกี่ก็ไม่เคยเบื่อสำหรับธนาคิม
“อื้มมม....” เสียงครางในลำคอที่แสนจะมีเสน่ห์ช่างดึงดูดความต้องการของธนาคิมเหลือเกิน
“รอยด์ อ่าห์...” เสียงกระซิบแผ่วเบาของธนาคิมที่ข้างหูก่อนจะกัดเข้าที่ใบหูของรอยด์เบาๆจนรอยด์รู้สึกเสียวซ่านไปหมด
“อ่าาาาห์ อื่ออออ คะ...คุณเกรย์ อ่าห์...” เสียงเสียวซ่านของรอยด์ที่เอ่ยขึ้น พร้อมแอ่นกายให้กับให้กับคนบนร่างเมื่อถูกกัดยอดอกสีทับทิมนั้น
“ อ่าห์ ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันขอเข้าไปนะ” ธนากรเอ่ยอ้อนแต่ปาก เพราะจมูกกำลังซุกไซร้ซอกคอขาวที่แสนจะคิดถึง เมื่อคืนธนาคิมคิดถึงคนในอ้อมกอดแทบขาดใจ
“อื่ออออ อ่าาาา”ไม่มีเสียงเอ่ยใดๆ มีเพียงเสียงครางเท่านั้นที่ถูกเปล่งออกมา
“ฉันเข้าไปหล่ะนะ รู้ไหมว่าฉันคิดถึงนายมากแค่ไหน นายหล่ะนายคิดถึงฉันไหม...อ่าห์” ธนาคิมเอ่ยขึ้นเพื่อให้เด็กน้อยผ่อนคลายและเขาเองก็อยากได้ยินรอยด์เอ่ยว่าที่จริงคนตัวเล็กก็คิดถึงเขาเช่นกัน
“ผมคิดถึงคุณเกรย์ครับ อ่าห์...ผมคิดถึงคุณ อ๊ะ อ๊ะ”รอยด์เอ่ยขึ้นอย่างลืมตัว เพราะหัวใจของเขาคิดถึงเกรย์จริงๆ
“รอยด์ อ่าห์...ฉันหวง ฉันหึงรอยด์นะ”ธนาคิมเอ่ยขึ้นก่อนจะสอบสะโพหนั้นเข้าออกอย่างความรู้สึกที่เรียกว่าต้องการและความสุข
“คุณเกรย์...อ่าห์ ผมอยากเป็นของคุณ และผมอยากเป็นเจ้าของคุณคนเดียว ไม่ใช่พี่ไหมได้ไหมครับ”รอยด์เอ่ยขึ้นเมื่อตอนนี้เขาและธนาคิมกำลังขึ้นสู่สวรรค์
“อ่าห์ แล้วพี่จะเล่าให้รอยด์ฟัง นะครับที่รัก...”ธนาคิมเอ่ยขึ้นพร้อมปลดปล่อยออกมมาพร้อมกับคนร่างเล็กตอนนี้ ทั้งสองหายใจหอบเมื่อปลดปล่อยออกมาก่อนจะสวมกออดอ้อมกอดของกันและกัน
........................
"การหันหน้าคุยกันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"
[/size]