ตอนพิเศษ
Before the begin.31 ธันวาคมกิจกรรมคืนวันเคาท์ดาวน์ของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามความชอบและไลฟ์สไตล์ชีวิต บ้างก็ไปต่างประเทศ สวดมนต์ข้ามปี กินหมูกระทะ นอนเฉยๆ เหมือนวันปกติ หรืออาจจะตั้งใจเมาจนลืมโลก
นับว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เมืองหลวงของประเทศไทยเงียบเหงาที่สุด การจราจรที่เคยแน่นขนัดพาให้หงุดหงิดใจทุกครั้งยามออกจากบ้านกลับไม่เป็นเช่นนั้น ถนนหนทางโล่งโปร่ง ผู้คนบางตาราวกับเมืองร้าง อาจมีเพียงคนบางกลุ่มที่รวมตัวกันตามสถานที่เพียงไม่กี่จุด
หนึ่งในนั้นคือผับสุดหรูสำหรับเหล่านักท่องราตรีทั้งหลาย
“อูย เผ็ดเหมือนเดิมนาจา”
ประโยคทักทายของเพื่อนไม่ได้ทำให้คนถูกทักสะทกสะท้าน ร่างบางทำเพียงยักไหล่พลางหันไปหาเพื่อนสนิทที่เพิ่งลงจากรถอีกคัน
“เซ็ง กูหากระเป๋าใบโปรดไม่เจอ” นัทบ่นทันทีที่เจอหน้าเพื่อนอีกสองคน ใบหน้าซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงบูดบึ้ง
“ใบนี้ก็เข้ากับชุดมึงแล้วน่า สวยแล้ว”
“แหม แต่คงไม่เท่าเพื่อนแฟนหรอกนะคะ” ประโยคแซะเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อเห็นชุดของแฟนเต็มตา
“นี่แค่นิดหน่อยเองนะ”
ปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสองที่กลอกสายตาและมองบนใส่ทำให้คนพูดหลุดหัวเราะ ก่อนจะยืนคุยกันอยู่ลานจอดรถนานไปกว่านี้แฟนจึงชวนบีและนัทเข้าไปข้างในซึ่งมีเพื่อนคนอื่นๆ รออยู่ก่อนแล้ว
โดยปกติแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปฉลองคนละซีกโลก ปีนี้อยู่ดีๆ หลายคนก็มีความรู้สึกอยากอยู่ฉลองที่ประเทศไทยบ้าง แฟนจึงปฏิเสธทริปต่างประเทศกับครอบครัวเพื่อมาที่นี่
เสียงเพลงจังหวะหนักๆ ดังอยู่รอบตัวเมื่อผ่านด่านของทางเข้ามาได้ คนทั้งสามเดินตรงไปยังมุมที่เพื่อนรออยู่ท่ามกลางสายตาของใครหลายคน ทว่าคนถูกจับจ้องกลับไม่ได้สนใจ กระทั่งมาถึงโซนของตัวเองเสียงทักทายโหวกเหวกก็ดังขึ้น
“โอ๊ย พวกมึงสามคนมาเพื่อฆ่าชะนีอย่างพวกกูเหรอคะ”
“ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ ของแบบนี้มันอยู่ที่เบ้าหน้า”
เสียงโห่ร้องของเพื่อนผู้หญิงหลายคนดังขึ้นพอๆ กับเสียงของดนตรี ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะและการชนแก้วสนั่นหวั่นไหว โดยภาพทั้งหมดตั้งแต่ร่างบางเดินเข้ามาตกอยู่ในสายตาของใครบางคนตลอดเวลา
“เห้ยไอ้เสือ มองขนาดนั้นระวังเหยื่อตื่น”
แรงกระแทกตรงไหล่จากคนที่นั่งอยู่ข้างตัวพลันทำให้คนที่เผลอจับจ้องใครคนหนึ่งรู้สึกตัว
“กูก็มองไปเรื่อย” คนถูกจับได้แสร้งทำเฉไฉ
“อย่ามาเก๊ก แต่ว่าสวยขนาดนั้น ท่าทางแบบนั้นคงจะดื้อน่าดูว่ะ”
แม้คนทั้งสามที่เดินเข้ามาพร้อมกันจะหน้าตาดีทั้งหมดแต่สายตาของหินก็หยุดนิ่งที่หนึ่งในสามคนนั้นโดยไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพื่อนกำลังสนใจใคร
คนซึ่งสวยจนผู้หญิงบางคนยังอาย ดูมีเสน่ห์ดึงดูดจนเขาเองยังมองไม่วางตา...แต่เห็นหินมองอย่างนี้แล้วขอถอยดีกว่า
ประโยคที่หินทำเพียงแค่ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นมาดื่ม ปกปิดรอยยิ้มมุมปากของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ว่ามันเจ้าเล่ห์แค่ไหน
จะดื้อแค่ไหน...ก็อยากลองเหมือนกัน
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงหลายคนก็เริ่มออกอาการ บทสนทนาครื้นเครงกว่าเคยเนื่องด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ บางคนก็ออกสเต็ปวาดลวดลายอย่างเมามัน โซนซึ่งถูกหลายคนจับตามองสนุกสนานกันเต็มที่โดยไม่สนใจใคร
“เยสสสส คราวนี้โดนไอ้หินแล้วโว้ย”
“ไอ้เหี้ย กูหมุนขวดจนแทบบิ่นกว่าจะโดนมัน”
“กูโดนไปสามตาแล้วแม่งเอ้ย”
เสียงของเพื่อนในโต๊ะตัวเองไม่ได้ทำให้ใบหน้าเรียบนิ่งของคนกำลังจะถูกเล่นงานเปลี่ยนไป หินทำเพียงแค่มองหน้าทุกคน วางแก้วเหล้าในมือตัวเองลงก่อนจะเปิดปากถาม
“ว่ามา”
“แดกเหล้าเพียวให้หมดครึ่งกลม”
“ไอ้ห่า กระจอกเกินสำหรับคนอย่างมัน กูขอๆ...ให้มึงเดินไปชวนคนที่มึงถูกใจกลับห้อง!” สิ้นประโยคคำสั่งนั้นเสียงเซ็งแซ่คละเคล้าด้วยเสียงแซวก็ดังขึ้น
“เอ้า แล้วถ้าเขาไปล่ะวะ มันก็ไม่ได้อยู่ฉลองปีใหม่กับเราเลยสิ”
“เออน่า เพื่อนมึงจะได้ล่อเหยื่อสักคนก็ปล่อยมันไปเถอะ”
“เอางี้ ให้มันเลือกระหว่างกินเหล้าเพียวกับเดินไปหิ้วเหยื่อ”
ข้อโต้เถียงเป็นอันต้องสิ้นสุดลงก่อนเพื่อนนับสิบคนร่วมโต๊ะจะนิ่งฟัง ลุ้นคำตอบที่จะออกจากปากของเจ้าตัว
แต่แล้วหินก็เอื้อมมือไปหยิบขวดเหล้ากลางโต๊ะขึ้นมากระดกก่อนเสียงบ่นและเสียงโห่ร้องจะตามมา ความร้อนจากสิ่งมึนเมาแผดเผาไปทั่วลำคอแต่คนที่ชินแล้วเหมือนจะไม่รู้สึกถึงมันได้มากนัก เมื่อครบปริมาณตามที่เพื่อนกำหนดขวดที่เหลือเหล้าเพียงนิดก็ถูกวางลง จากนั้นร่างสูงจึงหยัดกายขึ้น
“กูตกลงทั้งสองคำสั่ง”“วู้ววววววววววววว”
เสียงที่ไล่มาตามหลังดังจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง หินก้าวไปทางโซนที่มีใครบางคนอยู่ในโต๊ะด้วยจังหวะมั่นคง ไม่มีความตื่นเต้นหรือกระดากอายในความรู้สึก มีเพียงการหมุนข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนจังหวะการก้าวเดินจะหยุดนิ่งยามถึงหน้าโต๊ะเป้าหมาย
ตอนนี้เป็นเวลา 23.03 น.ร่างสูงใหญ่ที่เดินตรงมาหาทำให้คนสิบกว่าคนหยุดชะงักกับกิจกรรมของตัวเอง หลายคนคงอยากคาดหวังว่าผู้ชายที่หุ่นแสนล่อตาล่อใจแม้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาจะสนใจตัวเอง ทว่าสายตาคมกริบที่จับจ้องอยู่ที่คนคนหนึ่งในโต๊ะมันชัดเจนจนคนอื่นลอบถอนหายใจ
ขณะที่คนถูกมองกำลังยกยิ้มกับตัวเองในใจ แฟนแสร้งหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบราวกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นที่สนใจ
“อุ๊ย สุดหล่อมาหาเราถึงที่ ไม่ทราบว่ามาหาใครเหรอคะ”
หญิงสาวท่าทางแก่นเซี้ยวเอ่ยทักขึ้นเป็นคนแรกจากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงแซวและเสียงซุบซิบของใครหลายคน
ยกเว้นเพียงคนที่ถูกมอง
หินยังคงยืนนิ่ง กระทั่งสายตาของคนซึ่งกำลังจิบน้ำค็อกเทลในแก้วเลื่อนมาสบ คล้ายจะมีกระแสไฟฟ้าส่งหากัน เมื่อมั่นใจว่าสังเกตเห็นประกายบางอย่างในดวงตาคู่นั้นคนที่ยังไม่ตอบคำถามจึงเอ่ยปาก
“มาหาคนเสื้อขาว”
คำตอบนั้นล็อกเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวได้ทันทีเนื่องจากแฟนเป็นคนเดียวที่ใส่เสื้อสีขาวมาในวันนี้
เสียงร้องด้วยความเสียดายดังตามมาจากหลายคน ก่อนหินจะถูกต้อนรับจากคนในโต๊ะเป็นอย่างดีกระทั่งได้มาทรุดตัวนั่งลงข้างคนบางคนในที่สุด
อืม ไม่ชินกับการเข้าหาใครแบบนี้เหมือนกัน
“จะดื่มอะไรหรือเปล่าคะ”
บีหันมาถามแขกคนใหม่ของโต๊ะด้วยรอยยิ้มหวานหยดทั้งที่ในใจกำลังอยากกรี๊ดร้องใส่หน้าเพื่อนตัวเอง
งานดีขนาดนี้ใครก็อยากได้ทั้งนั้น!
“ไม่เป็นไรครับ”
ประโยคสนทนาสั้นๆ ดังเข้าหูคนที่ทำราวกับไม่สนใจทุกคำพูด เพียงแค่นั่งใกล้กันความรู้สึกวูบวาบก็แล่นไปตามตัวจนมือที่ถือแก้วสั่นไหว ทว่านอกเหนือจากนั้นแฟนยังคงรักษาท่าทีเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
“ไม่ต้องพยายามทำเป็นไม่สนใจถ้าสนใจ”
แต่แล้วความสั่นไหวเล็กๆ จากคนข้างตัวก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาอันคมกริบ มือหนาเอื้อมไปจับแก้วของแฟนพร้อมทั้งถือวิสาสะวางมันลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยพูดด้วยดวงตาวาววับ
หินอยากยกยิ้มแต่กลัวอีกฝ่ายจะหาว่าเสียมารยาท
การถูกจับได้ทำให้แฟนถึงกลับกลืนน้ำลายผิดจังหวะ ดวงตาคู่สวยมองสบอีกฝ่ายอย่างค้นหาอะไรบางอย่าง
ผู้ชายคนนี้ฉลาด เหมือนจะนิ่งแต่กลับแพรวพราวไม่น้อย
“...”
“อยากไปฉลองปีใหม่ที่อื่นหรือเปล่า”
อาจด้วยฤทธิ์ของเหล้าเพียวครึ่งกลมที่ดื่มเข้าไปคำพูดจึงออกจากไปได้รื่นไหลขึ้น ทางด้านคนถูกถามที่ตั้งสติได้ก็ดึงรอยยิ้มยั่วเย้ากลับมาโต้ตอบ
“คิดว่าง่ายขนาดนั้นเลย” แฟนถามกลับ
“ก็ไม่น่ายาก”
อีกคนไม่เพียงแต่ตอบด้วยคำพูดหากแต่แก้วที่เพิ่งถูกวางลงเมื่อครู่ก็ถูกยกขึ้นมาจิบโดยที่สายตาชวนวูบไหวนั่นไม่ละไหนเลยสักวินาที ท่าทางละเลียดจิบพร้อมทั้งไล้ปลายลิ้นไปตรงขอบแก้วเบาๆ ส่งผลให้เจ้าของแก้วก่อนหน้าร้อนวูบขึ้นมาทั้งตัว
“ว่าไง...อยากไปหรือเปล่า” แก้วในมือถูกวางลงยามรอคำตอบด้วยท่าทางสบายๆ
“คอนโด AAA”
“...”
“ไม่ไปไกลกว่านั้น...เสียเวลา”
“หึ ตกลง”
--
1 year later.“น้องแฟนเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู พี่ล่ะอยากมีลูกแบบนี้บ้าง”
“เหมือนกันเลยค่ะ หินเป็นคนเก่งแล้วก็ขยันมาก ทางนี้ก็อยากมีลูกแบบนี้”
บทสนทนาจากแม่ของทั้งสองฝั่งดังคละเคล้ากับเสียงหัวเราะ ขณะที่ทางฝั่งพ่อก็แยกตัวไปคุยกันอย่างถูกคอ ปล่อยให้คนกลางซึ่งคือลูกของแต่ละบ้านนั่งมองตาปริบ
“บ้านเราจะเข้ากันได้ดีเกินไปหรือเปล่า ดีจนลืมลูกตัวเองไปสนิทเลย”
แฟนเอ่ยพูดกับคนข้างตัว ดวงตาคู่สวยมองสลับระหว่างพ่อและแม่ก่อนจะส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ
การเจอกันครั้งแรกของทั้งสองครอบครัวเป็นไปได้ดีกว่าที่คาดคิด เมื่อแม่เจอแม่ พ่อเจอพ่อ ต่างฝ่ายก็ต่างเข้ากันได้จนกลายเป็นว่าคนเป็นลูกถูกลืมเลือน
“หึ ก็ดีแล้วนี่”
“อย่างกับรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ”
สีหน้าและเสียงหัวเราะบ่งบอกอรรถรสในการพูดคุยจนไม่จำเป็นต้องถามว่าเป็นอย่างไรหรือเข้ากันได้ดีหรือไม่
“นี่พ่อกับแม่ยังคุยกับพ่อแม่พี่หินไม่เสร็จอีกเหรอ” ฟาร์มเอ่ยถามขึ้นหลังจากกลับมาจากเข้าห้องน้ำกับผู้เป็นน้อง
“ยังไม่เสร็จและดูท่าว่าจะอีกนานด้วย” แฟนหันไปตอบน้องตัวเอง
“สงสัยจะคุยกันถูกคอเนอะพี่แฟน” ฟองพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขัน
กลายเป็นว่าลูกทั้งสี่ต้องแยกตัวออกมาคุยกันอีกกลุ่มโดยหัวข้อการสนทนาก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใด เป็นเรื่องของพ่อและแม่ที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ตรงหน้า
ก่อนบทสนทนาที่ดำเนินไปอย่างรื่นไหลจะถูกพักด้วยอาหารเที่ยง พี่สาวของหินซึ่งกลับมาจากการแวะไปดูแลความเรียบร้อยของกิจการได้ทำความรู้จักกับครอบครัวของแฟนเพิ่มอีกคน วงสนทนานี้จึงใหญ่ขึ้นไปอีก
ภาพสองครอบครัวในห้องอาหารกว้าง บนโต๊ะเต็มไปด้วยการพูดคุยและรอยยิ้มก่อให้เกิดความอบอุ่นจนแฟนรู้สึกอิ่มเอมใจ มีความสุขจนต้องหันไปมองคนข้างตัวบ่อยครั้ง
แม้หินจะไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่ความสุขก็ฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“คราวนี้คงต้องนอนที่บ้านใหญ่เพราะทุกคนอยู่นี่กันหมด” ใบหน้าสวยกดลงรับยามเดินสำรวจห้องที่ตัวเองต้องนอนคืนนี้
ห้องนอนของหินที่บ้านใหญ่ แฟนเคยเข้ามาแล้วแต่ไม่ได้สำรวจอย่างละเอียดนักเนื่องจากมาแต่ละครั้งก็ใช้เวลาอยู่บ้านไม้เสียมากกว่า
ร่างเล็กเดินดูนั่นดูนี่จนพอใจจากนั้นจึงเดินกลับไปหาคนที่กำลังกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีอยู่บนเตียง แฟนนั่งลงบนหน้าขาแกร่ง ยกมือขึ้นคล้องลำคอของอีกคนพลางโน้มหน้าเข้าไปหา
“มึงมีความสุขไหม” แม้ไม่บ่งบอกว่าถามถึงความสุขในเรื่องใดแต่คนฟังก็เข้าใจได้ในทันที
หินวางรีโมทในมือลงข้างตัวก่อนจะกระชับเอวบางให้ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
“แน่นอนว่ากูมีความสุข”
“จะปีนึงแล้วนะ”
การฉลองปีใหม่ในปีนี้แตกต่างไปจากทุกปี ทริปต่างประเทศของครอบครัวถูกเปลี่ยนเป็นต่างจังหวัด แม้บรรยากาศจะแปลกไปมากแต่กลับมีความสุขกว่าทุกครั้ง อีกทั้งยังเป็นการฉลอง Anniversary ปีแรกไปในตัว
เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน ราวกับเพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น
“รีวิวหนึ่งปีที่ผ่านมาหน่อยซิ” หินพูดด้วยรอยยิ้มบาง การพูดคุยกันด้วยความรู้สึกเป็นสิ่งที่พยายามทำเสมอ
แฟนนิ่งคิดไปชั่วครู่ ภาพต่างๆ วนเวียนเข้ามาในหัวโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้างแค่ไหน
“ดีมาก กูมีความสุขมาก ถึงเราจะไม่เข้าใจกันบ้าง กูงอแงไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็ดีมากเลย” ร่างเล็กเอนตัวซบคนตรงหน้า ฟังเสียงหัวใจของหินเต้นอยู่ข้างหูด้วยความเป็นสุข
“เหมือนกัน ถึงคนบางคนจะดื้อไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี”
“ฮื่อ กูดื้อนิดเดียวเอง”
“แน่ใจ” หินถามย้ำ
“แน่...ขอบคุณพี่หินที่เข้ามาทำให้ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีมาก” แขนเรียววาดไปโอบรอบคนตัวโตเอาไว้พร้อมทั้งกระชับแน่น
“จะทำให้เป็นปีที่ดีในทุกๆ ปี” แผ่นหลังบางถูกลูบไล้ไปมาแผ่วเบา ก่อนจะสัมผัสหนักๆ จะกดลงบนหัวให้แฟนหลับตาลงแล้วยิ้มรับ
--
“ไม่เคยได้เคาท์ดาวน์แบบนี้เลยค่ะ อากาศและบรรยากาศดีมากเลย”
“บ้านนอกก็อย่างนี้แหละค่ะ นี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ปีที่ได้รวมตัวกันแบบนี้ ส่วนมากลูกๆ เขาก็ไปฉลองกับเพื่อนแล้วค่อยมาหากันหลังจากนั้น”
“แม่ก็หนีไปหาเพื่อนเหมือนกัน” วารินเอ่ยแทรกขึ้นจนทุกคนต่างหลุดหัวเราะออกมา
สวนข้างบ้านกว้างมีการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ เพื่อนับถอยหลังเข้าสู่วันปีใหม่ด้วยกัน เนื่องจากอากาศที่เย็นชืดบวกกับท้องฟ้าโล่งโปร่งจึงทำให้บรรยากาศดีเสียจนคนเมืองกรุงชื่นชมไม่หยุด
ไม่เพียงแค่คนในครอบครัว แต่ยังมีเหล่าแม่บ้านและคนในบ้านคนอื่นที่มีมุมปาร์ตี้ของตัวเองอยู่ไม่ห่าง
“หนาว~” ร่างเล็กขยับเบียดคนที่กำลังยืนย่างบาร์บีคิวให้พ่อแม่พลางถูมือไปมาเบาๆ
อากาศทางภาคอีสานยามกำลังจะล่วงเข้าสู่ปีใหม่เย็นลงจนต้องสวมเสื้อผ้าให้แน่นหนา กลางวงมีกองไฟกองใหญ่ให้ความอบอุ่นแก่ทุกคน ไม่อย่างนั้นคงนั่งสั่นงกๆ
“หนาวแล้วลุกมาหากูทำไม” หินเอ่ยพูดพร้อมทั้งเอื้อมไปจับมือแฟนให้อังกับหน้าเตาเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
“อยากมาหามึง ป้อนหน่อย”
มือหนาซึ่งวางบาร์บีคิวแต่ละไม้ที่สุกได้ที่แล้วลงบนจานหยิบไม้สุดท้ายจากเตาขึ้นมาเป่าก่อนจะส่งให้คนที่ร้องขอจนถึงปาก แฟนจึงอ้ารับพลางเคี้ยวจนแก้มตุ่ย
“ย่างไส้กรอกให้ด้วย เมื่อกี้โดนฟองกับฟาร์มแย่งกินหมดเลย”
ใบหน้าคมกดลงรับจากนั้นจึงเอื้อมไปหยิบไส้กรอกที่ถูกเสียบใส่ไม้ไว้เรียบร้อยวางลงบนเตา
“เดี๋ยวกูเอาบาร์บีคิวไปให้ตรงนู้นก่อน”
“อืม” แฟนรับคำแล้วรับหน้าที่ย่างต่อ ไม่นานนักหินก็กลับมาประจำตำแหน่งอีกครั้ง
“คิดถึงปีที่แล้วตอนอยู่ในผับ คิดยังไงถึงได้เดินมาหากูกลางโต๊ะขนาดนั้น”
คนถามเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อภาพเหตุการณ์ในวันนี้เมื่อปีก่อนย้อนกลับมาในหัวอีกครั้ง
อืม ภาพร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะแล้วบอกว่ามาหาคนเสื้อขาวยังติดตรึง
“คงเพราะกูเมา”
“เอาดีๆ”
“คืนนั้นก็เอาดีนะ มึงร้องไม่หยุด”
“ไอ้พี่หิน เดี๋ยวได้ย่างมึงแทนไส้กรอกพวกนี้”
เสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นด้วยความขบขันยามได้แกล้งอีกคน เมื่อหยุดหัวเราะได้จึงใช้เวลาคิดเล็กน้อย
“ความจริงกูโดนเพื่อนสั่งเพราะเล่นเกมหมุนขวด แต่ถึงไม่โดนสั่งก็คงเข้าไปหามึงอยู่ดี”
“จริงอะ แล้วทำไมเพื่อนมึงถึงสั่งแบบนั้น” แฟนซึ่งเพิ่งรู้เรื่องนี้ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เพราะมันรู้ว่ากูสนใจมึงตั้งแต่ที่มึงเดินเข้าร้านมา”
“หืม สนใจกูตั้งแต่วินาทีแรกเลย?” คิ้วได้รูปเลิกขึ้นพร้อมทั้งระบายยิ้มเย้าแหย่
“ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเฉยๆ”
“แน่ใจ อย่าปากแข็งดิ”
ร่างเล็กเขย่งเท้าขึ้นเพื่อมองใบหน้าของหินให้ใกล้ชิด จนคนถูกมองต้องแกล้งพ้นลมหายใจใส่ แต่ถึงอย่างนั้นแฟนก็ทำเพียงหลับตาลงแล้วลืมขึ้นมามองใหม่
จุ๊บ
“ไม่ว่ามึงจะสนใจกูตอนไหนก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น”
ปลายคางแกร่งถูกจูบเบาๆ เมื่อแฟนลอบมองแล้วว่าไม่มีใครให้ความสนใจตรงนี้ ตามมาด้วยประโยคน่ารักพร้อมรอยยิ้มหวาน การกระทำและคำพูดที่ทำให้หินสั่นไหวทั้งยังเกิดความรู้สึกอยากจับคนตรงหน้ามาฟัดแรงๆ
“เซี้ยวนักนะ”
“เซี้ยวแล้วรักไหม”
หินทำเพียงเคาะนิ้วลงบนหน้าผากของคนที่หลอกล่อให้พูดคำนั้น ก่อนจะเลี่ยงคำตอบด้วยการหันไปสนใจไส้กรอกบนเตาต่อ ขณะที่คนข้างตัวยู่ปากแล้วบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความขัดใจ
“หูย บ้านอื่นเขาเริ่มจุดพลุกันแล้วอะพี่แฟน”
เสียงของน้องชายดังขึ้นยามกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพบนท้องฟ้าที่พรั่งพราวไปด้วยประกายไฟ อีกไม่กี่นาทีปีเก่าจะหมดไปแล้วก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ เสียงพลุจากบางที่เริ่มดังขึ้นให้ได้ยินต่อๆ กัน
“เขาก็จุดพลุกันใหญ่โตเหมือนกันนะ” แฟนเอ่ยขึ้นเนื่องจากเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ในจังหวัดอื่น
“ก็ขอนแก่น ไม่ต่างจากกรุงเทพหรอก”
“นั่นสิ ขนาดบ้านมึงยังเตรียมจุดตั้งเยอะแยะ”
หันไปมองคนในบ้านที่กำลังเตรียมตัวจุดพลุอยู่อีกฝากด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย หินบอกว่าเป็นประเพณีของที่บ้านทุกปีกับการจุดพลุในวินาทีที่ล่วงเข้าสู่วันปีใหม่
“ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย”
“อีกไม่กี่นาทีแล้ว”
มือเล็กกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบขึ้นมาเนื่องจากการแจ้งเตือนจากแทบทุกแอปพลิเคชั่น เวลาที่ปรากฏบนหน้าจอก่อนมันดับไปบ่งบอกว่าเหลือเวลาอีกเพียงสองนาทีเท่านั้น
“ตื่นเต้นหรือไง”
หินหันมาถามเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างตัวเริ่มอยู่ไม่สุข ทางด้านพ่อและแม่ก็ชวนกันดูพลุอย่างครื้นเครง
“อืม ก็ไม่เคยมาเคาท์ดาวน์ที่ขอนแก่นนี่นา ยิ่งได้อยู่กันพร้อมหน้านี้แล้วด้วย”
“ปีหน้าก็เลิกตื่นเต้นแล้ว”
คนพูดเอื้อมมือมาจับมือเล็กอีกข้างที่วางอยู่บนตักด้วยสีหน้าเหมือนยามปกติ ทว่าความหมายที่แฝงมากับประโยคนั้นส่งผลให้คนฟังอมยิ้ม
แฟนเหลือบมองแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าสลับกับมองคนรอบตัวด้วยความสุข ก่อนแรงกระชับบนฝ่ามือจะยิ่งย้ำเตือนความสุขให้มากขึ้น
“5”
“4”
“3”
“2”
“1”
ปัง ปัง ปัง ปัง!
“สุขสันต์วันปีใหม่”
“แฮปปี้นิวเยียร์”
สองประโยคดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน จากนั้นจึงตามมาด้วยสัมผัสบนหน้าผากเล็ก หินรั้งอีกคนเข้ามากอดเบาๆ บรรยากาศและคนรอบข้างที่แตกต่างจากทุกปีทำให้เป็นสุขกว่าปีไหน
“เซี้ยวแค่ไหนก็รัก” คำถามก่อนหน้าถูกตอบในวินาทีนี้
“รักเหมือนกัน”
แฟนยกแขนขึ้นกอดหินตอบก่อนจะผละออกจากกันแล้วต่างฝ่ายต่างลุกขึ้นไปกอดคนในครอบครัวของตัวเอง
เพียงเท่านี้ก็เป็นช่วงเวลาของการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ที่แสนวิเศษแล้ว
--
“หัวกับตัวมีแต่กลิ่นควัน”
ร่างเล็กบ่นออกมาเล็กน้อยยามกำลังถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออกจากตัว ปาร์ตี้เล็กๆ จบสิ้นลงหลังจากผ่านพ้นเวลาเที่ยงคืนมาประมาณหนึ่งชั่วโมง
“รีบไปอาบน้ำจะได้รีบนอน ตอนเช้าต้องไปวัดอีก” แฟนเดินย้อนกลับมาหาคนที่กำลังถอดเสื้อของตัวเองออกเช่นกัน
“รีบแน่เหรอ”
“หึ ก็ไม่อยากรีบ แต่พรุ่งนี้ตื่นเช้า ยกยอดไปวันอื่นแล้วกัน”
“อย่างมึงรู้จักยกยอดด้วย”
“หรือมึงอยากไปวัดแบบไม่ค่อยสบายตัว?”
คนถูกถามส่ายหน้าตอบทันใดพร้อมทั้งขยับเข้าไปหาหินมากขึ้นแล้วยกแขนขึ้นคล้องลำคอ
“Happy first anniversary”
“Uhm…Happy first anniversary,Babe”
“อาจจะไม่หนึ่งปีดี เพราะกูตกลงคบกับมึงสักตีหนึ่งกว่าได้”
“จำได้ขนาดนั้นเลย” ท่อนแขนใหญ่โอบรอบเอวเล็กพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มมุมปาก
“แน่สิ ใครจะลืมความหื่นเจ็ดรอบนั้นได้ลง”
วันนั้นหินแทบไม่ปล่อยให้ได้พักหายใจ ทุกจังหวะเน้นหนักรุนแรงจนอารมณ์และความต้องการตื่นเพริด เสร็จสมไปหลายครั้งภายในไม่กี่ชั่วโมง
“แถมยังยาวไปจนถึงเช้า” คนหื่นเกินมนุษย์เอ่ยพูดราวกับภูมิใจนักหนา
“หื่นยังไงก็ยังหื่นอย่างนั้น” ทุกวันนี้ใช่ว่าหินจะมีความต้องการลดลง เป็นหนึ่งสิ่งที่มีความสม่ำเสมอมากที่สุด
“ก็เหมือนที่มึงยังชอบและยังฟินเหมือนเดิม”
“พอเลย เลิกพูดเรื่องทะลึ่ง”
“ปีใหม่แล้ว ดื้อให้น้อยลงบ้าง” เมื่ออีกคนบอกให้เลิกพูดเรื่องนั้นหินจึงยอมเปลี่ยนไปเรื่องอื่นโดยง่าย
“รักน้อยลงด้วยได้ป้ะ” แฟนแกล้งทำหน้าทำตากวนอีกคน ก่อนจะได้รับแรงรัดบนเอวเป็นคำตอบ
“แบบนั้นใครจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง คิดดีๆ”
“ไม่ร้องหรอก...เพราะจะไม่รักน้อยลง”
เด็กขี้ยั่วแปลงร่างเป็นเด็กขี้อ้อนที่ทิ้งหัวลงซบกับซอกคอหลังจากพูดจบ หินโคลงหัวเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็คลายแรงรัดลงแล้วเปลี่ยนเป็นกระชับร่างของแฟนให้แนบชิดกันขึ้น
“มีปีแรกแล้วก็ต้องมีปีต่อไป อะไรไม่เข้าใจไม่มั่นใจก็ให้ถาม ให้คุยกัน เข้าใจไหม”
“อื้อ ห้ามทิ้งกูนะ ห้ามนอกใจ ห้ามมองคนอื่นด้วย ทะเลาะกันเรื่องอื่นกูรับได้ แต่เรื่องนี้รับไม่ได้”
“หนึ่งปีที่ผ่านมากูเคยทำให้มึงไม่ไว้ใจเหรอ”
“ไม่เคยแล้วก็อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด”
“You can always trust me.”
“I know,I’m just talk about it.” ใบหน้าที่อิงแอบผละออกห่าง แฟนเอ่ยพูดด้วยดวงตาที่สื่อชัดว่ามั่นใจในตัวของหิน
แต่ถึงจะมั่นใจในวินาทีนี้ แต่ใช่ว่าวันเวลาข้างหน้าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น มันอาจมีบางอย่างมากระทบความสัมพันธ์ จึงพูดเผื่อเอาไว้
“เราจะมีปัญหากันเรื่องอะไรก็ตามแต่จะไม่มีปัญหาเรื่องนี้ กูไม่มีวันทำมึงเสียใจด้วยการมีคนอื่น เพราะกูก็รับไม่ได้เหมือนกันถ้ามึงมี”
แค่เพียงคิดว่าหากมันเกิดขึ้นก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกขึ้นมาในอก ไม่มีทางที่จะทนได้เลยถ้าแฟนไปอ้อนคนอื่น คลอเคลียคนอื่น หรือทำตัวน่ารักกับคนอื่นอย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
ประโยคที่ทำให้คนฟังยกยิ้ม ปลายเท้าเล็กเขย่งขึ้นเพื่อจูบคนตรงหน้าแผ่วเบา ทำเพียงบดคลึงดูดดึงโดยไม่สอดลิ้นเข้าหาก่อนผละออกห่าง
“ต้องมี ten anniversary twenty anniversary กันเลยนะ”
“แน่นอน” หินให้คำสัญญาด้วยการจูบกลับแบบลึกซึ้ง
จบ
แว๊บมาแปะตอนพิเศษให้แล้วน้า~ ตอนนี้เป็นตอนพิเศษในเล่มค่ะ หวังว่าทุกคนจะยังไม่ลืมพี่หินน้องแฟนกัน><
เอาฉากเริ่มต้นจริงๆ มาให้อ่าน อิพี่น่ะนิ่งแต่ภายนอก ความจริงแล้วร้ายยยย
เจ้าเล่ห์สุดๆ เลย แต่ก็ฮอตสุดเหมือนกัน ฮือ อ่านแล้วชอบไม่ชอบคอมเมนต์มาบอกกันบ้างนะคะ
อย่าลืมโซแอลน้าาาา แล้วเจอกันต่อในเล่มนะคะะะ~ ตอนนี้กำลังปั่นตอนพิเศษอีกหลายตอนเลย
รอก่อนน้า หยอดปุกหมูไปก่อน แอบกระซิบว่าปกที่บรีฟไปมีความแซ่บบบบบบ อิอิ
แล้วเจอกันค่ะ^^
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ