ตอนพิเศษ
It's All Lies - The past of team’ s friend
ผมไม่เคยมีความมั่นใจ แต่ก็ลบคุณออกจากใจไม่ได้
บอกสิว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหก บอกสิ
ที่รัก คุณไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังร้องไห้
“จดหมายของลูกแน่ะ”
“ขอบคุณฮะแม่” ผมเดินเข้ามากอดแม่จากด้านหลังก่อนจะฉวยเอาจดหมายไปพร้อมๆ กับหอมแก้มผู้เป็นแม่หนึ่งทีแล้วเดินหนีไปนั่งอยู่บนโซฟา พลางมองจดหมายในมือนิ่ง
กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยมาเตะจมูกทำเอาผมขมวดคิ้วก่อนจะเปิดซองจดหมายออกมา ทันทีที่เห็นตัวอักษรสวยงามและดีไซน์ประณีตผมก็ปิดมันลงพร้อมกับแหงนหน้าพิงพนักโซฟาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
...แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ขมขื่นซะเหลือเกิน
การ์ดแต่งงาน
เพื่อนรักของผมทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกันแล้ว...
ผมควรจะยินดีใช่มั้ย? ผมควรจะโทรไปแสดงความยินดีใช่มั้ย? แต่ผมทำไม่ได้...ทำไม่ได้
จะให้ผมทำได้ยังไง ในเมื่อผมยังรักแฟนเก่าที่กำลังจะแต่งงานอยู่รอมร่อ...ยังรักคุณหมดหัวใจ
จริงๆแล้ว ผมมันก็คนเลวคนหนึ่ง
ผมเป็นผู้ชายที่ดีไม่ได้ ตอนนี้ผมก็ยังเป็นอย่างนั้น
ผมโง่และขี้ขลาดที่ไม่บอกรักคุณซักที
ผมกับคุณเคยเป็นแฟนกันมาก่อนในสมันเรียนมัธยม เริ่มจากความเป็นเพื่อน แน่นอนอีกคนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากเขา เพื่อนที่ผมสนิทที่สุด พวกเราในตอนนั้นสนิทกันมากทั้งยังสนิทกับเหล่าครอบครัวของทั้งสามด้วย
และทั้งผมกับเขามีจุดร่วมที่เหมือนกันคือพวกเราแอบรักคุณเหมือนกัน ต่างกันที่เขาเลือกที่จะยอมถอยเพราะรู้ดีว่าคุณรักผม
จากความเป็นเพื่อนแปรเปลี่ยนเป็นคนรัก ทว่าพวกเราก็ยังสนิทกัน ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน ยังคงยิ้มและหัวเราะให้กันได้แม้เพื่อนอีกสองคนจะกลายเป็นแฟนกันไปแล้วก็ตาม
...แล้วตรงไหนคือข้อผิดพลาด? ตรงไหนคือจุดแตกหักงั้นเหรอ? ทำให้ผมกับคุณกลายเป็นแค่ ‘แฟนเก่า’
ผมเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมกับนั่งลงรื้อข้าวของสมัยเรียนออกมาบางชิ้นเห็นแล้วก็ทำให้หัวเราะ นึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองและเพื่อนอีกสองคนพากันทำอะไรแปลกๆ บางชิ้นก็ทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่ประทับใจ และบางชิ้นก็ทำให้นึกถึงคนบางคน...
มือจับเข้าที่สมุดเล่มบางที่ผมได้บันทึกเรื่องราวผ่านรูปภาพขึ้นมามอง ก่อนจะเปิดมันขึ้น...สิ่งที่เห็นทำให้ผมรู้สึกราวกับตัวเองได้หมุนย้อนคืนไปยังวันเวลาที่ผมยังมีคุณอยู่ข้างกาย และมีเขาคนนั้นคอยให้กำลังใจ...
เวลาที่ผมมีความสุขที่สุด
รูปภาพวันที่พวกเราใส่ชุดนักเรียนแล้วยืนข้างๆ กันสามคน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มรวมไปถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น วันนั้นกลับเป็นวันที่พวกเราทำเรื่องขายหน้ามากที่สุดก็ว่าได้
ผมยังได้ดีถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่พวกเราก่อ ไม่ว่าจะเรื่องที่คุณซุ่มซ่ามจนทำกระถางต้นไม้สุดหวงของผู้อำนวยการตกลงมาแตก เพราะความพิเรณฑ์ที่รั้นอยากจะเตะฟุตบอลให้เข้าโกลด์ให้ได้ หรือเขาที่ทำท่อน้ำแตกเพราะออกแรงบิดผิดพลาดจนวันนั้นเกิดมีผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์นั้นนับไม่ถ้วน และตัวผมเองก็เกือบทำไฟไหม้โรงเรียนในคาบวิทยาศาสตร์ เรียกได้ว่าพวกเราสามคนคือจุดศูนย์รวมของพวกเด็กสร้างปัญหาเลยทีเดียว
นึกแล้วมุมปากของผมก็ยกยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้ากับความที่ยังเด็กของตัวเองในอดีต พร้อมกับพลิกหน้าถัดไปเจอกับรูปถ่ายรูปแล้วรูปเล่า ก่อนจะไปสะดุดกับรูปถ่ายใบหนึ่งที่มีผมและคุณเพียงสองคน
นั่นคือวันวาเลนไทน์ปีที่ผมอยู่ม.ปลายปีสอง ตอนสารภาพรักกับคุณ ผมจำได้ว่าคนที่ถ่ายรูปนี้คือเพื่อนรักของผมเอง...
ใบหน้าของพวกเราสองคนดูสดใสและเต็มไปด้วยความสุข ทว่าผมกลับรู้ดีถึงในช่วงเวลานั้นของเพื่อนตัวเอง ที่ถึงแม้จะยอมถอยให้ผมได้ทำตามใจตัวเอง...แต่ก็คงเจ็บไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เพราะเขารักคุณมาเนิ่นนาน และคอยเคียงข้างคุณมาตั้งแต่เด็กๆ
ทว่าคุณกลับไม่เคยรับรู้ถึงจิตใจของเขา เพื่อนรักตัวสูงของผมจึงต้องเก็บงำความลับนั้นไว้ภายใต้รอยยิ้มเสมอ
ในวันก่อนที่ผมจะสารภาพ เพื่อนรักของผมเคยให้ผมสาบานว่าจะดูแลคุณให้ดีที่สุด...
“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิอะไรที่จะสั่งนาย แต่ฉันแค่อยากให้นายดูแลกันและกันให้ดีที่สุดได้มั้ย อย่าให้ยัยนั่นร้องไห้ได้ไหม...แค่นี้เท่านั้นที่ฉันขอ”
ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ถึงอนาคตที่ตัวเองต้องเจอ ผมยังคงมั่นใจว่าจะสามารถดูแลอีกคนอย่างที่เพื่อนขอร้อง จึงตอบไปด้วยความมั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน
ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้เป็นอันขาด...
กว่าจะรู้ว่าตัวเองทำลายสัญญานั้นไป...ผมก็ต้องสูญเสียคุณพร้อมกับมิตรภาพที่รักษาไว้มานาหลายปีไปแล้ว
ทั้งที่ได้รับความรักของคุณมาทั้งใจ กลับมาหาผมเถอะนะ ผมขอร้อง
ที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ผมลืมคุณไม่ได้หรอก ผมรู้ดี รู้ว่าคุณดีที่สุด ผมรู้จักคุณดีกว่าใครๆ
วันนั้นผมได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ผู้น่ารัก เธอนั้นแสดงออกมาตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากเป็นเพื่อนกับพวกผม จึงไม่ยากเลยที่จะทำความสนิทสนมกับคุณ จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นสมาชิกคนที่สี่ของกลุ่ม คุณสนิทและไว้ใจเธอมากๆ กับที่ไว้ใจพวกผมสามคน...ไว้ใจโดยที่ไม่เคยจะรู้ว่าตัวเองจะโดนทำร้าย
ใช่...เพราะความพลั้งเผลอหรือเพราะความตั้งใจของเธอ พวกผมทั้งสองได้แอบคบกันลับหลังคุณ
ทั้งที่เธอเพิ่งตกลงคบกับเพื่อนรักของผมไปแล้ว แม้ว่าจะทำแบบนั้นไปเพราะต้องการให้คุณและผมสบายใจก็เถอะ
ต่อหน้าผมกับเธอก็ยังเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา แต่ในช่วงเวลาลับหลังคุณ ผมกับเธอเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ผมพยายาม...ไม่สิ ผมไม่ได้พยายามจะหักห้ามสักนิด ผมคิดถึงแต่ตัวเอง...คิดแค่ว่าแค่แป๊บเดียว
แค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วผมจะเลิกยุ่งกับเธอ
ใช่นิดเดียว...ความสัมพันธ์ที่ผมบอกว่านิดเดียวนั้น กลับเป็นเหมือนยาพิษที่ร้ายที่ทำลายทุกอย่าง
คุณได้พบผมในวันหนึ่ง...ภาพที่ผมกับเธอกอดกันในวันนั้นคงประทับอยู่ในความทรงจำของคุณ แต่มันคงเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุด ที่เพื่อนสนิทของตัวเองกับคนรักของตนเองร่วมกันหักหลังได้อย่างหน้าตาเฉย
คุณร้องไห้...ตัดพ้อพร้อมกับวิ่งออกไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจไม่มีวันหาย รวมไปถึงเพื่อนรักของผมที่ตรงดิ่งมาจัดการผมถึงที่ ผมเกือบจะโดนต่อยแล้ว ถ้าหากอีกคนไม่เห็นหญิงสาวที่ยืนข้างผมวันนั้น...
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมอของเพื่อนรัก มีแต่ร่องรอยของความไม่เข้าใจทั้งเต็มไปด้วยความโกรธ มือที่กำหมัดแน่นค่อยๆ คลายและลดลงต่ำลงข้างลำตัว...ขาก้าวถอยออกจากพวกผมสองคนพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเต็มไปด้วยความเสียใจ ผิดหวัง...
“ถ้ามึงรู้ว่าทำไม่ได้ ทำไมวันนั้นมึงต้องสัญญากับกูวะ”
“กู...ขอโทษ”
“เธอก็เหมือนกัน พวกเราไว้ใจเธอแค่ไหน ทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้กับเพื่อนที่รักเธอกับฉัน...ที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเธอ” เขาชี้หน้าไปถึงคนที่ยืนร้องไห้เงียบๆ ข้างผม ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับเขา แม้จะเพียงชั่วพริบตาก็ยังไม่กล้า
“เชิญรักกันให้ตายบนความเจ็บปวดของคนอื่นแล้วกัน”
“...”
“ต่อไปนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
วันนั้นเขาจากไปพร้อมกับเหลือทิ้งไว้เพียงความเสียใจและรู้สึกผิดในใจของผม...ไม่เหลือทั้งความรักและมิตรภาพอีกต่อไป
ผม...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ผมไม่นึกฝันถึงคำว่ารัก จนกระทั่งถึงวันที่เราต้องแยกทาง
และเรารู้ดีว่าทุกอย่าง กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
เธอหายไปจากชีวิตของผมอีกคน...ได้ยินว่าเธอพบใครอีกคนที่เธออยากจะเริ่มต้นใหม่ ถึงแม้ว่าเรื่องของผมและเธอจะจบไปไม่นาน ซึ่งผมเองก็เข้าใจดี มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ...ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
แต่ทำไมกับคุณทำไมความรู้สึกนั้นติดในใจไม่หายสักที
ผมยังคงรัก...ยังคงแอบมองคุณจากมุมหนึ่งของโรงเรียน มองดูใบหน้าเศร้าสร้อยที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขึ้นเพราะใครอีกคน...
ทั้งๆ ที่อยากจะกลับไป แต่ขี้ขลาดเกินไป...สุดท้ายก็ได้แต่มองพวกคุณสองคนจากที่ไกลๆ เท่านั้น...
ผม...เอื้อมมือไปไม่ถึงอีกแล้ว
“แม่...ผมไปงานแต่งเพื่อนนะ”
และสุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริงที่ไม่ว่าจะพยายามปฏิเสธยังไงก็ไม่พ้น
ผมยังรักคุณไม่เปลี่ยนไป
โกหก คือเรื่องโกหก โกหกทั้งเพ
หากคุณยื่นมือมาให้ผมอีกซักครั้ง ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ผมจะขอรับความปวดร้าวทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่แผลลึกในใจของคุณมาไว้กับตัว
ผมทำใจไม่ได้จริงๆ ทั้งที่ปล่อยคุณไปง่ายๆ
แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคุณ
“ไม่ได้เจอตั้งนาน หายหน้าไปเลยนะมึงอ่ะ”
“ตั้งแต่เรียนจบทั้งมึงทั้งไอ้บ่าวสาวก็จรลีหนีหาย หน้าเหนอไม่โพล่มาให้เห็นเลยนะ”
ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยอมให้เพื่อนๆ ยีหัวและคุยเล่นหัวอย่างไม่ถือสา ด้วยทั้งคิดถึงสมัยเรียนและส่วนหนึ่งคือไม่รู้จะพูดยังไงดี...ผมยังไม่ได้อยากไปเจอสองคนนั้น
กลัวที่ทั้งสองอาจจะยังโกรธ ส่วนที่กลัวอีกอย่างหนึ่งกลัวทำใจไม่ได้
“ตั้งแต่นายเลิกกัน นี่เหมือนนายเรียบร้อยขึ้นนะ” เพื่อนสาวในชุดหรูหราพูดขึ้นพร้อมกับแววตายิ้มๆ
“ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ”
“คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง” ...แต่ก็ต้องมีบ้างอย่างที่ไม่เปลี่ยนไป
“จ้าๆ แล้วเจอสองคนนั้นแล้วหรือยังล่ะ?” ผมส่ายหัวพร้อมกับเสมองไปทางอื่นและก็ต้องเผลอยิ้มออกมาเมื่อหันไปเจอใบหน้าน่ารักที่คุ้นตาข้างๆ ร่างสูงในชุดสูท เธอเหมือนจะสังเกตเห็นว่าผมมองอยู่จึงทักทายด้วยการโบกมือ แต่ไม่ได้เข้ามา...ผมรู้ว่าเพราะอะไร อาจเพราะเจ้าของสายตาเย็นชานั่นก็เป็นได้
“บ่าวสาวมาแล้วโว้ย หล่อจังคร้าบ”
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินเข้าไปทักทาย ผมก็ต้องตกใจกับเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ ...ผมไม่กล้าหันกลับไปยิ่งได้ยินเสียง ยิ่งได้ยินคำอวยพรจากเพื่อนๆ ผมก็ยิ่งกลัว...
“จะไม่หันมาหน่อยเหรอ?”
“ฉันมากกว่าที่ต้องถามเธอว่ายังอยากเห็นหน้าฉันอยู่หรือเปล่า”
เจ้าสาวคนสวยหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับเดินเข้าไปกอดเอวคนตัวสูงที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเธอ กอดแน่นๆ ซึมซับกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมๆ ที่อีกคนชอบใช้...กลิ่นที่เธอเป็นคนเลือกให้
นับจากวันนั้นก็ราวๆ สิบปีแล้ว...เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ต่อให้ทำร้ายแค่ไหน...แต่การกระทำก็ยังอ่อนโยนกับเธอเหมือนเดิม
“เราไม่โกรธเแล้วนะ...”
“...”
“เลิกหลบหน้าเราได้แล้ว”
“...อืม”
ที่บอกว่าเราจบกัน มันก็แค่เรื่องเหลวไหล
คุณอาจพูดได้ว่า ที่ไม่อยากพบผมอีกเพราะโกรธเคืองผม
ผมไม่มีความมั่นใจอะไรซักอย่าง แต่ก็ยังลบคุณออกจากใจไม่ได้
ที่รัก อย่าไปเลยนะ เรารักกันไม่ใช่เหรอ อย่าไปเลยนะ
คุณคลายอ้อมแขนของตัวเองก่อนจะถอยหลังไปยืนข้างๆ คนตัวสูงที่คอยดูแลตัวเองมาตลอดหลายปีนี้...ผู้ชายที่ใช้ความรักที่มั่นคงคอยประคองจิตใจที่บอบช้ำของคุณเอาไว้ คอยโอบกอด...อดทนจนกระทั่งคุณสามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่ารักเขา ...รักเหลือเกิน
มือของทั้งคู่จับกันเอาไว้แน่น ต่างคนต่างยิ้มและสบตากัน ก่อนจะหันมามองผม ‘เพื่อนรัก’ ที่ยังยืนนิ่งไม่ยอมหันกลับมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้เรียก...เพราะรู้
ผมกำลังร้องไห้
ไม่ได้ร้องเพราะต้องสูญเสียคุณ แต่ร้องไห้เพราะสุดท้ายก็ได้สิ่งสำคัญกลับคืนมา...แม้ไม่ใช่ความรักที่เฝ้าคิดถึง แต่คือมิตรภาพที่ยังคงอยู่จากวันนั้น...จนวันนี้
“โอ๋เอ๋ ขี้แยจังเลย เลิกร้องไห้แล้วมาแสดงความยินดีให้พวกเราสองคนได้แล้ว”
“ถ้านายยังไม่หันมาฉันจะใช้กำลังบังคับนะ” เขาพูดเจือแววขันๆ ก่อนที่ผมจะหลุดหัวเราะพร้อมกับหันกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม...
สิ่งที่ผมเห็นก็คือเพื่อนรักของผมทั้งสองคน...กำลังยิ้มให้ผม ยิ้มเหมือนเดิมวันวานที่พวกผมยังเป็นเพื่อนกัน รวมไปถึงมือที่ทั้งคู่มอบให้ราวกับคำให้อภัยที่ไร้เสียงจากทั้งสองคน
แค่นี้...ก็พอแล้วจริงๆ กับคนที่ทำผิดพลาด
ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...
“ไอ้บ้าเอ๊ย แต่งงานทั้งทีทำไม่เรียกฉันมาใช้งานวะ”
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยี้หัวคนตัวเล็กข้างตัว “บอกอยากจะเซอร์ไพรส์นายน่ะสิ เลยไม่ให้ติดต่ออะไรไป”
“แสบนักนะ”
คนน่ารักแลบลิ้นกวนประสาทก่อนจะเปลี่ยนกลับมายิ้ม “ก็...เชิญมาแล้วไง อวยพรสิ ฉันอุตส่าห์รอทั้งวันให้นายอวยพรเราสองคนนะ!”
...
“ขอให้...” ผมหยุดพูดไปก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าของคุณ ...ใบหน้าที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังรัก “...มีความสุข ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิอะไรที่จะสั่งนาย แต่ฉันแค่อยากให้นายดูแลกันและกันให้ดีที่สุดได้มั้ย อย่าให้ยัยนั่นร้องไห้ได้ไหม...แค่นี้เท่านั้นที่ฉันขอ ทำได้ไหม ทีม”
ร่างสูงเจ้าของชื่อได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจก่อนจะเข้าไปกอดผมเหมือนแต่ก่อน
“รู้แล้วเว้ย ฉันทำได้แน่นอน ไม่ต้องให้นายสั่งฉันก็พร้อมจะทำเสมอ”
“...ดีแล้ว อย่าทำผิดพลาดแบบฉันอีก”
“เออน่า อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็แล้วไปสิวะ มีความสุขได้แล้ว”
ผมยิ้ม...และคิดในใจ
...ถ้าวันนั้นย้อนกลับมาได้ คนที่ยืนอยู่ข้างคุณตอนนี้จะเป็นผมใช่มั้ยนะ?
...ผมจะทำแบบเขาตอนนี้ กอดเพื่อนที่ยังรักแฟนตัวเองแบบนี้มั้ยนะ?
...แต่มันก็แค่ถ้าหาก ผมย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
และต่อให้ย้อนเวลาผมก็คงทำแบบเดิม...รอยยิ้มของคนที่ผมรักทั้งสองคนมันทำให้ผมรู้สึกดี...ตอนนั้นที่ผมยังคบคุณ เขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
ขอบคุณ...ทุกอย่างที่ผ่านมาที่สอนให้ผมรู้ว่าบางทีความผิดพลาดก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
“อื้ม ฉันจะมีความสุข”
โกหก คือเรื่องโกหก โกหกทั้งเพ“...ฉันจะพยายาม”
อย่าทิ้งผมไปเลยนะ“ยินดีกับพวกนายทั้งสองคนเลยนะ”
ผมทำใจไม่ได้จริงๆ ทั้งที่ปล่อยคุณไปง่ายๆผมยังรักคุณ
จริงๆ แล้วเป็นตอนพิเศษที่อยากเพิ่มตั้งแต่เรื่องก่อนแล้วค่ะ
ถ้ายังมีคนจำได้เราเคยแทรกเรื่องความรักของทีมแบบเร่งรีบ 55555 เอาไว้ตอนพิเศษช่วงงานแต่งด้วย
สบโอกาสเลยเอาเรื่องราวตรงนั้นมาเขียนเพิ่ม ประจวบเหมาะกับธีมเข้ากับเรื่องพี่สิงห์พอดี คนแห้ว 5555555
คิดถึงทุกคนมากๆ เลย ขอให้มีความสุขกับปีใหม่ไทยที่จะถึงแล้วก็วันสงกรานต์นะคะ
NAVY