เรื่อง ของ .... เรา .... (เรื่องราวของเอกับป่าน) At Last P.467/ ส่งข่าวค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง ของ .... เรา .... (เรื่องราวของเอกับป่าน) At Last P.467/ ส่งข่าวค่ะ  (อ่าน 2241080 ครั้ง)

zilveria

  • บุคคลทั่วไป

dragonfly08

  • บุคคลทั่วไป
ศาลเล้าเป็ดขอตัดสินยกฟ้อง ในข้อหาที่จำเลยพี่เอที่ได้กระทำการก่อกวนสร้างความเหนื่อยล้าให้กับโจทย์พี่ป่านนั้นถือเป็นการยกประโยชน์ให้จำเลยพี่เอ

การที่ศาลยกฟ้องนั้นเนื่องโจทก์พี่ป่านได้สร้างความน่ารักกกกกกกกจนจำเลยพี่เออดใจไม่ไหว ดังนั้นศาลขอตัดสินให้โจทก์พี่ป่านจงสร้างความน่าร้ากกกก

ต่อไป ขอให้รับทราบโดยทั่วกัน

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
รอบเช้าค่า

******************************

สวัสดีครับ


เมื่อคืน มีคนบ่นอีกแล้วครับ ว่ามีแต่คนตัดสินให้มันขาดทุน ไหนจะบ่นผมอีกว่ามาเล่าอะไรก็ไม่รู้อีกแล้ว มันไม่ได้ทำยังงั้นเีสียหน่อย

ผมเลยแหย่ไปว่า เดี๋ยววันหลังอัดคลิปให้ดูเลยไหม

เลยโดนทุบไปอีกตามระเบียบครับ

แต่ต่อยมา ก็จูบคืนล่ะครับ

โดนจูบแล้วก็บ่นอีก ขาดทุนอีกแล้วๆ (แต่บ่นแล้วก็แอบอมยิ้มเนี่ย ก็ไม่รู้จะบ่นไปทำไมนะครับ ฮ่าๆๆ)

แต่ช่วงนี้จะเข้าช่วงงานยุ่งของป่านอีกแล้วครับ เพราะเพิ่งมีลูกค้าติดต่อโปรเจคค์ใหม่เข้ามา เห็นว่าวันนี้ต้องประชุมทีมงานเตรียมงานอะไรของเขาอีก

เมื่อเช้าก็ให้ผมปลุกแต่เช้า เพราะว่าจะเข้าบริษัทเีร็ว แต่ไอ้เช้าของผมมันเช้ามากน่ะสิ ผมก็เลยถามมันว่าจะตื่นเหรอ หกโมงเนี่ย (ปกติป่านตื่นแปดโมงครับ เก้าโมงครึ่งถึงบริษัท) มันก็ว่าตื่น เพราะจะเข้าบริษัทไปเตรียมเอกสาร กับสั่งงานลูกน้อง

จำที่ผมเคยบอกได้ไหมครับ ที่ว่าเมื่อก่อน เวลาป่านทำงานมันก็จะลำบากหน่อยกับพวก พนักงานหรือผู้ถือหุ้นที่อยู่มาตั้งแต่สมัยพ่อเขายังอยู่ เพราะป่านจะเหมือนเป็นเด็ก ที่อยู่ๆ เข้ามาทำงานแทนพ่อ ความเกรงใจ ความเคารพอะัไำรเนี่ยก็จะไม่ได้มีถึงขนาดที่ควรจะเป็น แล้วไหนจะเรื่องที่แม่มันก็ยังเข้ามาสั่งโน่นนี่อะไรที่ขัดกับความคิดมันอีก

แต่เดี๋ยวนี้ ป่านมันเป็นท่านประธานเต็มตัวแล้วครับ มันสั่งงาน ดูแลงาน รับผิดชอบและควบคุมงานได้ดี แม่มันก็ไม่ึค่อยมาอะไรเท่าไร (แต่ก็ยังมีบ้าง ยิ่งไอ้เรื่องคิดโบนัสพนักงานเนี่ย แม่ป่านเถียงกับมันทุกที เพราะป่านมันใจดีกว่า)

ผมก็ภูมิใจในตัวมันนะครับ บางทีมันก็เอาเรื่องอะไรมาปรึกษาผมบ้าง ผมก็ช่วยมันคิดเท่าที่ทำได้

ป่านมันเคยถามนะครับว่า ผมอยากไปช่วยงานมันจริงๆ หรือเปล่า แบบตำแหน่งที่ปรึกษาอะไรแบบนี้ ผมก็บอกมันไปว่า จะให้ไปกินตำแหน่ง รับเงินเดือนคงไม่เอาหรอก เพราะผมเองก็ไม่ได้ถนัดงานแบบที่บริษัทมันทำอยู่สักเท่าไร ก็พอช่วยได้บางเรื่องเท่านั้นเอง ถ้าอยากปรึกษาอะไร ก็มาปรึกษากันนอกรอบดีกว่า

อีกอย่าง ผมก็ไม่อยากให้ตัวเองไปมีอิทธิพลอะไรกับเรื่องงานของป่านมัน ไม่อยากก้าวก่ายไปจนทำให้แม่มันมาสงสัยอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่

ผมก็คิดนะครับ ว่าแม่มันก็คงพอรู้หรือสงสัยอยู่บ้าง อย่างที่หลายๆ คนคิดนั่นแหล่ะ แต่เขาเลือกที่จะไม่พูด หรือไม่ถาม นั่นก็คือ บางทีเขาอาจจะกลัวว่าถ้าถามแล้ว เป็นจริงอย่างที่คิด มันอาจะมีปัญหาตามมา

ป่านเองมันก็บอกว่า ถ้าจะให้แม่ยอมรับ คงยาก (ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะอคติกับแม่มันนะครับ แต่จากหลายๆ เรื่อง หรือความเห็นของแม่ป่านเวลาเจอข่าวเกย์ หรือใครที่เป็น มันค่อนข้างจะออกไปในทางลบเสียมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าเขารู้่เรื่องผมกับป่าน เขาจะอคติตามไปด้วยหรือเปล่า)

คงต้องทำดีไว้เรื่อยๆ ให้เขาเห็นไปเรื่อยๆ น่ะแหล่ะครับ

ตอนนี้ผมมีโครงการหลายอย่างอยู่ในหัวเหมือนกันนะครับ เกี่ยวกับเรื่องตัวผมเองกับป่าน ก็อย่างที่รู้ๆ ผมกับมันอยู่ด้วยกัน แต่งงานกัน แต่มันก็เป็นแค่พิธีเล็กๆ อย่างอื่นมันไม่มีหลักประกันอะไร

ไม่มีทะเบียนสมรส ที่มีผลบังคับทางกฏหมาย

ผมก็มาคิดๆ ดูว่า หากเราแก่ตัวกันไป อยู่กันสองคนแบบนี้ เกิดผมเป็นอะไรไปก่อน ป่านมันจะมีใครดูแล

ผมกำลังสงสัยว่า ถ้าสมมติผมจะทำประกันชีวิืตอะไรสักอย่างไว้ แล้วให้ป่านเป็นคนได้รับเงินประกันหลังผมไม่อยู่แล้วเนี่ย มันทำได้ไหมครับ แบบไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ได้นามสกุลเดียวกันเนี่ย มีใครบอกผมได้บ้างไหม

(แต่ไม่เอาแบบมาขายประกันนะครับ ถ้าจะทำ ผมก็คงติดต่อหาเอง ตอนนี้แค่อยากรู้เฉยๆ)

อีกเรื่องนึงคือ คอนโดที่ผมกับป่านอยู่กันตอนนี้เนี่ย คือเราเช่าสัญญาไว้หลายปี (ก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ป่านเริ่มทำงาน) ผมกำลังคิดจะซื้อคอนโดใหม่ เป็นชื่อผมกับป่าน จะดีไหมครับ มันจะได้เป็นของเราด้วย หรือผมจะไปซื้อบ้านเลยดี

แต่ผมกับป่านเนี่ย อยากได้แบบที่มีพวกบริการทำความสะอาด ซักรีด อะไรด้วย แบบนี้คอนโดน่าจะดีกว่าใช่ไหมครับ

เรื่องพวกนี้ผมก็คุยกับป่าน ป่านก็สองจิตสองใจระหว่างคอนโดกับบ้าน เพราะมันก็อยากได้ที่มีบริเวณจะได้เลี้ยงหมาอะไรกันไป แต่พอผมบอกว่า แ้ล้วก็ต้องช่วยกันดูแล ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ตัดหญ้า ไอ้ป่านก็เริ่ม คิดใหม่ เป็น คอนโดก็ได้

ึคือไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมีบ้านนะครับ แต่มันดูเหมือนเราต้องรับผิดชอบมากกว่า แล้วมันดูจริงจัง คือกับทางบ้านผมคงไม่เป็นไรแล้วถ้าผมจะบอกพ่อกับแม่ว่า เออ ผมจะซื้อบ้านนะ บ้านของผมกับป่าน

แต่ป่านมันคงบอกแม่มันไม่ได้อย่างนั้น

แค่คอนโดวิวสวยๆ การเดินทางสะดวก ราคาพอสมเหตุสมผล สักห้องชุดนึงก็พอแล้ว (แค่ที่อยู่ทุกวันนี้ มันก็เกี่ยงผมทำงานบ้านจะแย่ ถึงมีแม่บ้านมาทำให้ทุกอาทิตย์ แต่มันก็ต้องทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ เองบ้างน่ะครับ)


ก็คงจะค่อยๆ ดูๆ ไปล่ะครับ แต่ตอนนี้ต้องไปทำงานก่อนแล้วครับ

เอ (ถึงขี้เก๊ก แต่ก็หล่อ) กับ ป่าน (วันนี้โหมดท่านประธาน แต่ก็แอบน่ารักครับ)

*****************************************

หมดแล้วค่า



ออฟไลน์ broncho

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-1
เรื่องประกันไม่แน่ใจค่ะ  แต่เคยอ่านการ์ตูนวายอยู่เรื่องหนึ่ง
คู่รักในเรื่องใช้วิธีการผูกพันอีกฝ่ายทางกฏหมายด้วยวิธีจดเป็น "ลูกบุญธรรม"
(มีการเปลี่ยนนามสกุลมาใช้นามสกุลเดียวกันได้เหมือนแต่งงานกัน)

แต่ในไทยไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนนามสกุลตามไหม  จำได้แต่ว่า (สมัยเรียน)
ถ้าพ่อแม่บุญธรรมตาย --> ลูกบุญธรรมได้มรดกจากพ่อแม่บุญธรรม (โดยไม่ต้องเขียนพินัยกรรม)
ถ้าลูกบุญธรรมตาย --> พ่อแม่บุญธรรมไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในมรดกของลูกบุญธรรม (น่าจะยกเว้นกรณีเขียนพินัยกรรม)


rannie

  • บุคคลทั่วไป
ดีค่ะ  คุณเอกะน้องป่าน  :really2:

เป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วว่า ถึงที่ทำงานเคลียร์งานบางส่วนที่ต้องทำช่วงเช้า พอเสร็จแล้วจะรีบเข้าเล้าเป็ดและต้องหาเรื่องของคุณเอกะน้องป่าน อ่านก่อน มันเหมือนเป็นกำลังใจให้ในช่วงทำงานของแต่ละวันได้เลยน่ะค่ะ  :pig4:

ส่วนเรื่องประกันน่ะ สามารถทำได้ถ้าผู้รับผลประโยชน์ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องของเรา อย่างเช่นคุณเอจะทำให้น้องป่านได้รับผลประโยชน์เรื่องนี้ไม่มีปัญหาค่ะ (หาตัวแทนประกันได้แล้วจ๊ะ)  :laugh:

ส่วนเรื่องการซื้อบ้านหรือคอนโด จริงๆๆแล้ว ก็คิดเหมือนคุณเอน่ะ สมัยนี้ ถ้าจะสะดวก น่าจะซื้อคอนโดน่ะ และเอาแบบใกล้คมนาคมสะดวกอย่างเช่นรถไฟฟ้า ถึง รถไฟใต้ดินถึง นี่ใกล้ๆๆที่ทำงานแถวๆๆ เซ็นทรัลเวิลด์ ขึ้นเป็นดอกเห็ดเลย น่าสนใจน่ะ เผื่อวันไหนคุณเอกะน้องป่านไม่อยากขับรถไปทำงานหรือน้องป่านตื่นสาย แต่ก็ต้องซื้อใกล้ๆหรือเดินทางไปที่ทำงานสะดวกด้วยน่ะค่ะ  (เอาใจช่วยค่ะ )

วันนี้ฝากคุณเอกอดน้องป่านด้วยน่ะ  :กอด1:

ขอบคุณ คุณนาเมฮ์น่ะค่ะ  :pig4:

ammpy

  • บุคคลทั่วไป
การทำประกัน ยกผลประโยชน์ให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว
ได้นะคะ เพราะว่าเห็นน้องที่ ทำงานทำ ประกันชีวิต ยกให้คนอืนเลย

ส่วนกาชื้อ บ้านกับ คอนโด  น่าจะชื้อ คอนโดนะคะ เพราะว่า วิถีชีวิต ของเราอยู่ในเมืองมากกว่าถ้าชื้อบ้านต้องอยู่ชานเมือง ไม่สะดอกในหลายอย่าง แต่ว่าอันนี้แล้วแต่คนชอบด้วยคะ

MaryGoesRound

  • บุคคลทั่วไป


การที่คนๆ นึงจะทำอะไรเพื่อคนๆ นึงนี่...ดีจังค่ะ :L2:

ยิ่งคนสองคนจะทำอะไรดีๆ ร่วมกันและเพื่อกัน...ยิ่งดีมากๆ  :monkeysad:



ชอบประโยคนี้...ผมก็มาคิดๆ ดูว่า หากเราแก่ตัวกันไป อยู่กันสองคนแบบนี้ เกิดผมเป็นอะไรไปก่อน ป่านมันจะมีใครดูแล...

:กอด1: มันบอกชัดเจนว่า...คุณป่านเป็นคนสำคัญของคุณเอเสมอ  :กอด1:



C2U

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องทำประกัน  น่าจะทำได้นะคะ  ใส่ชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเนี่ย  เพราะ กำลังคิดจะทำอยู่เหมือนกัน  (ให้แฟนทำ  แล้วใส่ชื่อเรานะ  555   :-[ )

ส่วนเรื่องบ้าน กับคอนโด  อยากเชียร์ให้มีบ้านด้วยกัน  ส่วนตัว หลังจากพี่มีบ้านแล้ว  รู้สึกมันเป็นครอบครัวขึ้นน่ะ รักกันๆ  :กอด1:
แต่ก็คิดเหมือนกัน  ว่าคงติดเรื่อง แม่ป่านว่าจะยอมมั๊ย  จะว่ายังไง รึเปล่า
เดี๋ยวนี้ เค้ามีการจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด ดูแลบ้าน แบบ ไปขกลับ  ไม่ต้องมาพักกับเราก็ได้แล้วค่ะ   พี่ก็ใช้แบบนั้น  


ฝากกอดป่าน ด้วยนะ เอ   :กอด1:   :กอด1:  

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13

ดีคราบพี่เอที่คิดหาหลักประกันให้กับพี่ป่าน

จะได้เผื่อเอาไว้เวลาจำเป็นต้องใช้ ทั้งเรื่องบ้าน คอนโด และรวมถึง ประกันชีวิต

ส่วนเรื่องแม่บ้านนั่นคงต้องดูตามแต่คอนโดแต่ละแห่งแล้วละ

 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
 o13

พี่ป่านรักคนไม่ผิดจริงๆ ว้อยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คอนโด ดูจะหาคำอธิบายได้ง่ายกว่าเวลาที่ใครถามนะคะ โดยเฉพาะคุณแม่คุงป่าน

bixzz

  • บุคคลทั่วไป
สนับสนุนคุณเอเรื่องคอนโดนะครับ...เลือกทำเลดีๆ หน่อยก็สบายมากเลยทีเดียว
ทั้งเรื่องระบบความปลอดภัยและเรื่องแม่บ้านดูแลด้วย

ส่วนเรื่องงานก็เห็นด้วยอีก...ผมก็ว่าคุณเอเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวแบบนี้คงจะดีกว่าไปทำงานที่ออฟฟิศคุณป่านแบบเต็มตัวนะครับ ไหนจะต้องเจอแม่คุณป่านเต็มๆ อีก

รออ่านรอบเย็นนะครับ

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6

ถ้ากังวลเรื่องงานบ้านหรืออะไรเนี่ย คอนโดดีที่สุดอ่ะค่ะพี่เอ
บริการรักษาความปลอดภัยเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาขึ้น ไว้ใจได้เย๊อะ ~




ไม่ต้องมากังวลอะไรมากมายเหมือนกับอยู่บ้านด้วย   :t2:




อ่านตอนนี้ที่พี่เอเล่ามาแล้วรู้สึกเลยว่า
ดีจริงๆที่ทั้งสองคนรักกันมากขนาดนี้เนอะ  :m1: :m3:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
ไม่มีไรมากค่ะพี่เอ

แค่..
















เข้ามา   :กอด1:  พี่ป่านเฉย ๆ


 :o8:




ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

 . . .  .  o22 เจ๊ยย ย ยย  ถ้าแม่พี่ป่านรู้ทำไงเนี้ย  . . .  เป็นไรที่ลุ้นน่าดูเลยค่า  . . .ที่อ่านมายังไม่เคย

 แบบว่าผู้ปกครองรู้กลางเรื่องมาก่อนเลยมั้งเนี้ย  . . . . แต่พี่เอกะพี่ป่านก็ทำตัวดีมาตลอดเลยเน้อคงไม่ต้อง

ห่วง . . ..  เรื่องประกันไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยค่ะ แต่เคยได้ยินข่าวว่าถ้าเป็นผุ้ใกล้ชิดดูแลยามเจ็บป่วยได้นะ  . ..

. . แต่อย่างพี่เอก็มีพ่อแม่พี่น้องไม่ได้เป็นคนไร้ญาติจะได้รึเปล่า  . . . พี่เอคิดไว้ไกลเกิ๊น น นน น ตามไม่ทันค่ะ

ไม่อยากคิดถึงตอนนั้นด้วยอ่ะ  .. . เรื่องที่อยู่เป็นคอนโดก็ดีแล้วนี่คะ จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากๆ ถ้าเป็นบ้าน

ก็ต้องแบ่งเวลาดูแลบ้านกันอีก  .. . . ถึงจะจ้างแม่บ้านก็ยังคงวุ่นวายเกินไปอยู่ดี  .. .  แล้วไหนจะแบ่ง

เวลาให้มิตรรักแฟนเพลงอีกล่ะ  . . เน้อ

uuro

  • บุคคลทั่วไป
          พี่เอคะ หนูว่าใจเย็นๆอีกนิดดีมั้ยคะทั้งเรื่องประกัน และเรื่องบ้าน นี่ถ้าพี่ป่านเข้ามาอ่านคงแอบน้ำตาซึมด้วยความปลื้มใจในความจริงจังจริงใจของพี่เออีกแน่ๆ      แต่ว่าถ้ามีการซื้อคอนโด หรือบ้านโดยทั้งสองคนหุ้นกันซื้อ หนูว่าแม่พี่ป่านต้องถาม และอาจจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก แต่ก็คงจะมี เพราะฉนั้นหนูเลยอยากให้พี่เอระวังจุดนี้ด้วยนะคะ

            ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่เอเป็นคนซื้อบ้านหรือคอนโดเอาให้ใกล้ที่ทำงานพี่ป่าน และพี่เอมากเข้าไปอีก แล้วแบบชวนพี่ป่านมาอยู่ด้วยเพื่อความสะดวก หนูว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ส่วนเรื่องประกันที่พี่เอคิดไว้มันเป็นไปได้ยากน่ะค่ะ ถ้าเปลี่ยนเป็นรูปแบบพินัยกรรมจะเป็นไปได้มากกว่า พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็เหมือนพี่เอซื้อบ้านเป็นของขวัญ และหลักประกันไว้ให้พี่ป่านนั้นเอง

           ป.ล. อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของหนูส่วนการตัดสินใจเป็นตามแต่พี่ทั้งสองจะเห็นสมควรนะคะ ขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้หากแสดงความคิดเห็นมากไปหน่อย
แต่ขอให้พี่ทั้งสองรู้ไว้ว่า หนูเป็นคนนึงที่รู้สึกว่าความรักของพี่ๆ มีค่าและน่าปกป้อง

poom

  • บุคคลทั่วไป
 :impress3:...เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านเดียวชั้นเดียวเหมือนกันคับ..มีทั้งข้อที่ดีและไม่ดีเหมือนกัน... :impress3:


***อิจฉา...น้องป่านทุกวันเลยยยยยย***


poom_โอ๋ :monkeysad:

unnoname

  • บุคคลทั่วไป
     ^
     ^
     ^
     ^
     :-[

                        โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าพี่เอน่าจะซื้อเป้นคอนโดนะค่ะ  จริงๆบ้านก็ดีค่ะเป็นส่วนตัวกว่า

พื้นที่กว้างขวางกว่า แต่บีกล้วว่าแม่พี่ป่านอาจจะถามได้นะค่ะ   บีว่าถ้าซื้อบ้านอาจจะโดนซักถามอะไรหลาย

อย่างก็ได้  ^^   

                                         :กอด1:
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2009 12:01:41 โดย ~bluebee~ »

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
เรื่องทำประกันชีวิตแล้วให้ผู้รับประโยชน์เป็นใครก็ได้ตามที่ผู้เอาประกันประสงค์อันนี้คอนเฟริม์  อันนี้ทำไปเถอะไม่ซีเรียส  ทำไว้อะดีแล้ว  แต่น่าจะคิดเร็วกว่านี้หน่อยอ่ะเพราะถ้าทำประกันชีวิต+เพิ่ม optionประเภทค่ารักษาพยาบาลหรืออุบติเหตุ(ซึ่งเป็นส่วนเสริมและเป็นเบี้ยสูญเปล่า) ก่อนปี2552 จะสามารถนำมาทั้งหมดมารวมหักลดหย่อนภาษีบุคคลได้ด้วยการทำประกันชีวิตหลังปี 2552 จะนำมาหักลดหย่อนได้เฉพาะเบี้ยประกันหลักที่มีอายุมากกว่า10 ปีเท่านั้น อันนี้ไม่ถามแต่อยากตอบอ่ะ 5555    ดังนั้นการซื้อประกันชีวิตไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็พี่ก็สนับสนุน  ไม่ว่าจะเป็นการประกันความเสี่ยงอันไม่แน่นอนในอนาคต หรือเพื่อสะสมทรัพย์หรือเพื่ออะไรก็ตาม และควรซื้อในขณะที่อายุไม่มาก จะได้ไม่ยุ่งมาก เบี้ยก็ไม่สูงมาด้วย  ซึ่งเดี๋ยวนี้มีมากมายหลายแบบให้เลือกอ่ะนะ

ส่วนเรื่องที่พักน้องคงต้องพิจารณาจากรูปแบบการใช้ชีวิตอ่ะ 
- ถ้ากังวลเรื่องการทำความสะอาดหรือแม่บ้านเดี๋ยวนี้มีบริษัทที่รับบริการดูแลเรื่องแบบนี้แล้วละ
- สำหรับเรื่องการดูแลความปลอดภัย  ทั้งแบบบ้านและคอนโดถ้าเป็นโครงการดีๆ หน่อยก็โอเคทั้สองนะ
- สำหรับเรื่องความสะดวกในการเดินทาง ก็อยู่ที่ทำเลแต่ละที่
- ตามความเห็นพี่บ้านจะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดนะ  มีบริเวณให้พักผ่อนหายใจและมีโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติได้มากกว่า มีสังคมมากกว่า  ไม่รู้ซิแอบเชียร์บ้านมากกว่า 55555  เพียงแต่น้องคงต้องบ้านที่พิเศษกว่าเพราะถ้าแม่น้องป่านถามว่าจะซื้อบ้านอีกทำไมในเมื่อบ้านก็มีอยู่แล้ว....ถ้าจะใช้เหตุผลว่าโตแล้วอยากได้ความสะดวก สังสรรค์ในหมู่เพื่อนจะได้ไม่รบกวนแม่กับน้องหรืออื่นๆอีกมากมายจะพอไหมหว่า
- เรื่องการใช้ชื่อซื้อหรือกู้ร่วมสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวดองอะไรกันก็ทำได้นะ  เพียงแต่ชื่อเจ้าของหรือผู้รับโอนคนแรกเท่านั้นที่สามารถนำดอกเบี้ยไปหักลดหย่อนภาษีได้  และพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านใหม่หรือบ้านสร้างใหม่โดยจะต้องกู้หรือโอนกันภายใน 2552 จะได้รับการลดหย่อนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท และดอกเบี้ยไม่เกิน 100,000 บาทเฉพาะยอดเงินที่เกิดขึ้นในปี 2552 และยื่นแบบช่วงมีนาคม 2553 ( อันนี้ต้องเช็คกับบทมติของรัฐบาลอีกทีนะ )

ด้วยความสามารถและความรู้อันน้อยนิด  เลยพอจะแสดงความคิดเห็นได้ประมาณนี้อ่ะนะ

รักกันนานนนนนนนะ

TAMAKUNG

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:


oรักได้อีก





ยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกส่ารัก   เอ กะ  ป่าน มากๆๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

ขออนุญาต  :3123:

การนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับที่อยู่อาศัย มาลดหย่อนภาษีนั้น สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ผู้ที่จะนำมาลดหย่อนภาษีก้อไม่จำเป็นต้องเป็นแต่เจ้าของหรือผู้รับโอนคนแรกแต่อย่างใด ขอเพียงเป็นผู้ที่มีชื่อกู้ร่วม ก้อสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ กี่คนก้อได้ค่ะ


(ปจบ ตัวเองลดหย่อนภาษีประเภทนี้อยู่ เป็นการกู้ร่วมกันหลายคน ลดหย่อนได้ทุกคน รวมแล้วไม่เกินแสน เช่น กู้ 4 คน ลดหย่อนได้คนละสองหมื่นห้า)
:L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2009 12:28:12 โดย arjinn »

ออฟไลน์ white coat

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
อืม ถ้สเป็นผม จะซื้อ กองทุนรวมดีกว่า พวก RMF LTF ครับ

เป็น พันธบัตรก็ได้ มั่นคงดี แถมลดภาษีได้อีกต่างหากครับ

อาจได้ผลตอบแทนดีกว่าประกัน ชีวิตครับ คือ ยิงนัดเดียวได้ นก หลาย ตัว

ครอบครัวผมซื้อ กัน ทุกคนเลยครับ วางแผน เพื่ออนาคตอะครับ

ไม่งั้น ก็ ซื้ออสังหา ให้คนเช่า กินได้ไป ตลอด ชาติ

แต่ เป็นความคิดของผมนะ แล้วแต่พี่ เอ ครับ

รัก ทั้ง สองคนครับ ช่วงนี้ไม่ได้มาเม้ม ไม่ว่ากันนะครับ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
เรื่องผู้รับผลประโยชน์เป็นใคร
ก้อได้ค่ะไม่จำเป็นต้องนามสกุล
เดียวกัน ส่วนที่อยู่คอนโด
น่าจะเหมาะกับพี่เอพี่ป่านมากกว่านะ เพราะนู๋ติดตรงคุณแม่พี่ป่าน
เนี่ยะแหล่ะ กลัวว่าถ้าซื้อบ้านจะโจ่งแจ้งเกินไปอ่ะค่ะ ไม่อยากให้
แบบชี้โพรงให้กระรอกอ่ะ ใส่2ชื่อ
ไปเลยพี่เอกู้แบงค์เอา
รอแบงค์ประเมินไม่ถึงเดือนแบงค์
ก้ออนุมัติแล้ว แบงค์จะปล่อย
ประมาณ70%ของราคาซื้อ แล้วตอนนี้ภาษีโอนลดด้วยค่ะเหลือแค่ 0.01% เอง
ป่ะพี่เอพรุ่งนี้พาพี่ป่านไป
ดูเลย แต่จริงๆนู๋อยากจะเชียร์ให้ซื้อบ้านมากกว่านะ คอนโดข้อดีคือสะดวก แต่ข้อจำกัดเยอะ
ห้ามทำนู่นห้ามทำนี่เพราะเป็น
ส่วนกลางไม่เหมือนบ้านเราจะทำไร
ก้อได้

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อืมๆๆ ทำประกันเนี่ย ถ้าชื่อผู้รับผลประโยชน์ไม่ใช่พ่อแม่ สามีภรรยา หรือลูก แล้วละก็ค่อนข้างถามบ้างเหมือนกัน
เพราะผม(บ้า)ทำตั้ง 5 กรมธรรม์  เพราะใจอ่อน+รำคาญ (ตัวแทนประกัน,เพื่อนฯลฯ) มาตื้อ+ขอร้อง ให้ช่วยทำ
แต่ถ้าเรายืนยันชื่อนั้น ก็ไม่มีปัญหาไร ยกเว้นบางที่จะขอสำเนาบัตร ปชช ทะเบียนบ้าน ของผู้รับผลประโยชน์ด้วย
ส่วนผมเชียร์คอนโด ครับ เพราะอยู่คอนโดเหมือนกัน ก็เป็นส่วนตัวดี อยู่มา 3 ปี ไม่รู้จักห้องข้างๆเล้ย 5555 ชั้นนึงมี 4 ห้องเอ๊ง ไพร้เวทลี่มั่กๆๆ สนใจติดต่อได้ค้าบบ

zene

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มีความรู้...

แต่เข้ามาเป็นกำลังใจ... :L2:

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
น่าอิจฉาคุณป่านนะนี่
คุณเอคิดการณ์ไกลวางแผนชีวิตเผื่อคุณป่าน  น่ารักจริงๆ  :man1:

เรื่องเรื่องประกันสามารถใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์ที่ไม่ใช่ญาติหรือคนนามสกุลเดียวกันได้ค่ะ
ทำไว้ก็ดีนะ

แต่ตัวเองทำประเภทประกันสุขภาพค่ะ เบิกค่ารักษาพยาบาลได้เวลาเจ็บป่วย

ส่วนบ้านหรือคอนโด
ตัวเองชอบบ้านนะเพราะมีprivacyกว่า
และมีบริเวณที่ปลูกต้นไม้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้บ้าง

แต่ดูจากที่คุณเอเล่า
ชีวิตคุณเอกับคุณป่านน่าจะเหมาะกับคอนโดนะ
คอนโดที่ดีๆ ใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัยสูงๆ
เพราะคงไม่มีเวลาดูแลบริเวณบ้าน


ท่าทางคุณป่านน่าจะชอบบ้านนะ

 :L1: :L1:

mango

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Cloud~

  • True love never run smooth....
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
ไม่มีความรู้เหมือนกันค่ะ

แต่เข้ามาฝาก  :กอด1: พี่ป่าน แน่นๆเลยะคะ


 o18

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
รอบเย็นค่ะ


************************************

ตกลงทำประกันได้นะครับ ผมก็ว่าจะไปทำทั้งอุบัติเหตุแล้วก็ประกันสุขภาพ ส่วนเรื่องรับลูกบุญธรรมเนี่ย คงไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ เพราะว่าอาจจะมีผลอื่นๆ ตามมาอีก อีกอย่าง แค่มันเป็นผู้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ของผมก็พอแล้วล่ะ

ส่วนเรื่องบ้านกับคอนโดเนี่ย มาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าเอาให้เหมาะกับการใช้ชีวิตและอะไรหลายๆ อย่าง คงจะเป็นคอนโดแหล่ะครับ บ้านจะดูใหญ่เกินไปสำหรับสองคน แล้วก็เรื่องเหตุผลเรื่องอะไรอีก เพราะแค่ออกมาอยู่คอนโดกัน กลับบ้านแค่เสาร์อาทิตย์ แม่ป่านก็บ่นไปหลายที เพราะบางทีเขาจะคุยเรื่องงาน ก็ต้องโทรมาไงครับ เลยว่าเป็นคอนโดดีกว่าก็กำลังดูๆ กันอยู่เหมือนกัน

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและคำแนะนำนะครับ

อืม พูดถึงเรื่องที่แม่ป่านโทรมาคุยเรื่องงานแล้วก็นึกออกเรื่องนึงครับ ก็นานแล้วล่ะ ตั้งแต่ป่านมันทำงานใหม่ๆ คือมันกับผมเนี่ยก็มาอยู่คอนโดด้วยกันตั้งแต่มันเรียน พอมันทำงานก็ย้ายที่มา แล้วบางทีเวลากลางคืน หลังจากมันทำงานหรือศึกษางานอะไรเรียบร้อยแล้ว

มันก็เป็นเวลาของผมกับมันใช่ไหมครับ

แล้วส่วนมากเนี่ย ถ้าแม่ป่านเขาจะโทรมาคุยเรื่องงานก็จะโทรมาตอนสัก สองสามทุ่ม มันก็ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ แต่วันนั้นมันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิครับ

เรียกว่ากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยทีเดียวล่ะครับ

เสียงมือถือมันดัง ตอนแรกป่านมันก็ไม่รับหรอกครับ เพราะมันไม่ว่างจะรับสายอยู่ แต่เหมือนปลายสายไม่ยอมวางไงครับ

เอ เดี๋ยว ใครโทรมาไม่รู้  มันดันไหล่ผม

ไอ้ผมก็กำลังซุกซอกคอหอมๆ นุ่มๆ อยู่

อื้อ ช่างดิ เดี๋ยวก็วางไปเอง

แล้วก็เงียบไป ไอ้ผมกับป่านก็เลยต่อเรื่องของเรา แต่ไม่ทันไรก็ปรากฏว่าโทรกลับมาอีกครับ

เอ ป่านรับโทรศัพท์ก่อน หยุดก่อน มันดันไหล่ผมอยู่ แต่ผมก็กอดไว้ทั้งตัวแหล่ะครับ

แต่โทรศัพท์ก็ดังไม่เลิก ผมก็ต้องปล่อยให้มันรับ

แล้วพอมันเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงมา ดูที่หน้าจอ มันก็ตกใจครับ

แม่โทรมา

แล้วถ้าให้บอกตรงๆ คือ position ของผมกับมันเนี่ย มันไม่ได้อยู่ในการที่จะรับโทรศัพท์ใครได้ แต่มันก็ต้องรับเข้าใจไหมครับ เพราะอาจจะมีเรื่องงานหรืออะไร เดี๋ยวแม่มันจะสงสัยอีก

จะทำไงได้ครับ

แค่หยุดให้อยู่นิ่งๆ ก็ลำบากแล้ว แล้วผมก็ต้องเงียบ แล้วคือจะบอกว่า ไอ้ป่านมันยังหายใจไม่เป็นจังหวะอยู่เลย มันก็พยายามรวบรวมสติให้มากที่สุดล่ะครับ

ครับ แม่

(.......................)


ป่านอาบน้ำอยู่ครับ แม่มีอะไรครับ

(............. บลาๆๆๆๆ แม่มันพูดมายาวเหยียดล่ะครับ)


แล้วคือจะไงดี พูดตรงๆ มันก็ขาดช่วงใช่ไหมครับ ไอ้อารมณ์ตึ่งตึ๊งเนี่ย มันก็ลดลง ผมก็ค่อยๆ ดึงออกมาก่อนล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่า เพราะไอ้ป่านมันก็เผลอซี๊ดออกมา

(...........................................)  แม่มันคงถามว่าเป็นอะไร

ป่านมันก็อ้อมแอ้มไปว่า เผลอไปกัดปากตัวเองเข้า แม่มันก็เลยคุยต่อ

แต่ผมโดนมันหยิกแขน (ทุบไม่ได้ครับ เดี๋ยวเสียงเข้าโทรศัพท์) ไอ้ผมก็ได้แต่ปิดปากหน้าเบี้ยวไป ร้องก็ไม่ได้

แม่มันคุยนานด้วยครับ ไอ้ป่านก็นอนคุยอยู่แบบนั้นแหล่ะ เรื่องงานมัน ไอ้ผมก็กอดมันไว้ครึ่งๆ ตัว นอนฟัง พยายามทำตัวให้เงียบที่สุด

อยู่ๆ แม่ไอ้ป่านก็คงถามถึงผม เพราะไอ้ป่านมันหันมามองหน้าผม แล้วก็ตอบแม่มันไปว่า

เอ ยังไม่กลับเลยครับ

ผมก็อมยิ้มเอามือเขี่ยแก้มมัน มันก็ขมวดคิ้วมาประมาณว่าอย่างเพิ่งเล่น แล้วก็คุยงานกับแม่มันต่อ

ตอนนั้นไอ้อารมณ์ ตึ่งตึ๊ง มันก็ลดลงนะครับ เพราะโดนขัดจังหวะ แล้วผมก็ต้องระวังไม่ให้ไปทำอะไรให้แม่มันสงสัยด้วย

ก็เลยได้แต่กอดมันนิ่งๆ อยู่แบบนั้น ฟังมันนอนคุยเรื่องงานไป ก็เพลินไปอีกแบบนะครับ เวลาฟังมันคุยเรื่องงาน หน้าตามันจริงจังมากๆ เลย ผมก็แอบคิดขำๆ นะครับ คือหน้ามันเป็นหน้าท่านประธานน่ะครับ ที่จะแบบเคร่งๆ จริงจังๆ

แต่มันนอนอยู่ในอ้อมกอดผม มือมันเองก็คุยไปลูบแขนผมไป

มันก็ดูขัดๆ กันนะครับ ผมก็แอบขำ แต่หัวเราะไม่ได้ เดี๋ยวโดนมันด่าเอาทีหลัง

แต่ผมคงกลั้นยิ้มมากไป ไอ้ป่านมันมองมาแล้วก็ขมวดคิ้ว กับทำปากมุบมิบด่าว่าไอ้บ้า มาด้วยครับ

ก็พักใหญ่ล่ะครับ กว่าแม่มันจะวางไป พอแม่มันวางไป ไอ้ป่านก็ถอนหายใจเฮ้อออกมาเลยครับ

เป็นอะไร กลุ้มเรื่องงานเหรอ ผมถามแล้วก็เขยิบไปจุ๊บหน้าผากมันด้วย

เรื่องงานน่ะไม่เท่าไรหรอก ป่านกลัวว่าแม่จะผิดสังเกตมากกว่า เออ่ะ อยู่ๆ จะทำอะไรก็ไม่บอก ป่านไม่ได้ตั้งตัวรู้หรือเปล่า

ขอโทษคร้าบ ก็ไม่รู้นี่ ทิ้งคาไว้มันก็นะ เดี๋ยวเผลอตัวไปอีก จะยิ่งกว่านี้น่ะสิ ว่าแต่ตอนนี้จะเอาไงต่อที่ค้างไว้เลยไหม

ไอ้ป่านขมวดคิ้วแล้วดีดจมูกผมอีก

ไม่มีอารมณ์แล้ว ต่อเต่ออะไรกัน  มันพูดแบบนี้ แต่ยิ้มครับ

ผมก็เลยจัดการเรียกอารมณ์มันกลับมาใหม่ หนนี้ก็ตลอดรอดฝั่งล่ะครับ ไม่มีใครขัดจังหวะแล้ว


แต่ก็โชคดีนะครับ ที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดไม่ค่อยบ่อยเท่าไร นานๆ ทีเวลาแม่ป่านมีเรื่องด่วนน่ะแหล่ะครับ (ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเรื่องงานน่ะแหล่ะครับ)

แต่นอกจากแม่ป่าน ก็เคยมีไอ้บีบ้าง (ก่อนที่มันจะแต่งงานไปอยู่เมืองนอก) ที่โทรมาได้จังหวะพอดี แต่ถ้าเป็นกรณีไอ้บี ผมกับป่านไม่รับสายหรอกครับ เคยมีเหมือนกันที่มันมีเรื่องด่วน (ที่ไม่พ้นยืมตังผมน่ะแหล่ะ) แล้วโทรมาแล้วโทรมาอีก

ก็เคยรับหนนึงครับ แต่ผมไม่ต้องหยุดอะไร แค่ถามมันไปเสียงเข้มๆ (แกมหอบๆ ก็อย่างที่บอกแหล่ะครับ ว่าไม่ได้หยุด) ว่า โทรมาทำไม ไม่รู้หรือไงว่า กำลังทำอะไรกันอยู่ ขัดจังหวะจริง ไอ้บีก็กรี๊ดแตกวางไปเองล่ะครับ

แล้วผมก็โดนไอ้ป่านทุบ ว่าไปรับทำไม แต่ก็ทุบได้ไม่กี่ที ก็เข้าเรื่องต่อล่ะครับ

ส่วนตอนนี้ ป่านยังไม่กลับเลยครับ วันนี้มีไปกินข้าวกับลูกค้า ผมก็รอมันอยู่ที่คอนโดนี่แหล่ะ มันโทรมาเมื่อเย็นบอกว่า ไม่ต้องทำอะไรเพื่อ แต่ผมก็บอกไปว่า มีสตอเบอรี่ ซื้อมา (ป่านมันชอบกินมากครับ) มันก็เลยว่าเดี๋ยวกลับมากิน ให้หั่นแช่เย็นไว้ให้ด้วย

ท่านประธานสั่ง ไอ้เบ๊อย่างผมก็ต้องทำตามล่ะครับ

งั้นเย็นนี้ เล่าไว้แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะคุยกับป่านเรื่องทำประกัน กับเรื่องคอนโดครับ


ขอบคุณทุกๆ คำแนะนำอีกทีนะครับ


เอกับป่านครับ

*********************************

โฮ่ะๆๆๆๆๆ โฮกเล็กๆ





MaryGoesRound

  • บุคคลทั่วไป



โฮกด้วย โฮกเล็กๆ ถึงเล็กๆ แต่ก็โฮก   :jul3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด