ตอนต่อมาแล้วค่า
***************************
สวัสดีครับ เมื่อวานเห็นมีคนขอตอนสวีทๆ มาอ่านแก้เซ็งบรรยากาศบ้านเมืองที่กำลังอึมครึม มาคุ (มันแปลว่าอะไร?) กันตอนนี้ ก็เลยจัดให้ครับ เพราะผมก็อยากเล่าเรื่องน่ารักๆ ของไอ้ป่านมันเหมือนกัน
อ่านกันเลยครับ
********************************
วันนีงไอ้ป่านมันคุยกับผมตอนที่เรานั่งกินข้าวกันอยู่ (ส่วนมากถ้าเป็นในแต่ละวัน ผมกับมันจะได้นั่งคุย นั่งเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้กันตอนกินมื้อเย็น (ค่ำ) ด้วยกันครับ)
เอๆ เคยได้ยินชื่อบ้านพิพิธภัณฑ์ไหม
หึ่ ผมส่ายหน้า
เนี่ยเขาบอกว่าเป็นบ้านที่จัดแสดงของเก่าๆ แบบพวกร้านขายของเก่าๆ ร้านตัดผมเก่าๆ อะไรเงี้ยอ่ะ
เหรอ แล้วป่านถามเอทำไม เอไม่รู้จักหรอก
ป่านอยากไปเที่ยว
แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ
ไม่รู้ ก็จะให้เอไปหามาให้ป่าน แล้วก็พาป่านไปเที่ยวไง มันว่า
อ๋อ คือป่านอยากไปเที่ยว แต่ให้เอหาข้อมูลและพาไปเที่ยวด้วยงั้นดิ
ช่าย
พาไปดีไหมน้าาาาา ผมแกล้งมัน
อะไร จะไม่พาไปเหรอ โหย ไรวะ แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้ ไหนบอกว่าจะทำให้ป่านทุกอย่างไง มันบ่นเป็นชุด
โอ่ยย คุณป่านครับ กระผมล้อเล่น ยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะไม่พาไป ผมก็ขำมันนะครับ
แล้วก็ใช่ครับ ผมก็ต้องไปหาข้อมูลว่าไอ้บ้านพิพิธภัณฑ์ที่มันอยากไปเนี่ย มันอยู่ตรงไหน ไปยังไง มีอะไรบ้าง จนได้สถานที่มาน่ะแหล่ะครับ (อยู่ไกลมาก ออกไปทางพุทธมณฑลสายสองเลยทีเดียว)
เราไปกันวันเสาร์ กางแผนที่กันเลยล่ะครับเพราะผมไม่ค่อยได้ไปแถวนั้นเท่าไร ก็มีไปผิดต้องไปยูเทิรฺ์นกลับมาใหม่อยู่ทีหรือสองทีนี่แหล่ะ
แต่ก็ไปถึงจนได้ครับ
บ้านพิพิธภัณฑ์ ดำเนินการโดยคุณเอนก นาวิกมูล และสมาคมกิจวัฒนธรรม ตอนที่ผมไปกับไอ้ป่านนั้น เป็นบ้านไม้หนึ่งหลังที่แบ่งพื้นที่ในบ้านเป็นที่จัดแสดงของเก่าๆ หลายอย่าง (เดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่าขยายออกไปและมีห้องใหม่ๆ จำลองร้านมาเพิ่มเติม กว้างขวางกว่าเดิมเยอะ ผมก็ว่าจะไปเที่ยวกันอีกทีเหมือนกันครับ)
ไอ้ป่านมันลัลล้าตั้งแต่เริ่มเข้าไปในบ้านแล้วครับ ตอนนั้นชั้นล่างตรงทางเข้า นอกจากโต๊ะขายบัตรเข้าชมแล้ว (บัตรเป็นการ์ดเล็กๆ ที่มีรูปของเล่นต่างๆ จากตัวบ้านพิพิิธภัณฑ์น่ะแหล่ะครับ) ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก (พวกโปสการ์ด หนังสือของคุณเอนก) บวกกับแผงขายของเล่นสมัยก่อน กับขนมที่เราเคยเห็นตอนเด็กๆ แล้วไม่ได้เห็นนานแล้ว จำพวก หมากฝรั่งบุหรี่ตราแมว (แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำเป็นรูปบุหรี่แล้วนะครับ แต่เป็นแท่งห่อกระดาษสีๆ แทน) ลูฏโป่งวิทยาศาสตร์ที่มันหมายมั้นปั้นมือว่าเดี๋ยวลงมาจากดูทั่วๆ แล้วจะมาซื้อ แล้วก็พวกของเล่นหลอกเด็กสมัยก่อนอีกเยอะแยะ
ชั้นล่างของบ้านพิพิธภัณฑ์ในตอนที่ผมไปกับไอ้ป่าน เท่าที่จำได้นะครับ จะมีีร้านกาแฟ ร้านตัดผม ร้านขายของเล่นแล้วก็ ร้านขายยา ไอ้ป่านเดินเข้าออกร้านโน้นร้่านนี้่สนุกมันไปเลย
อย่างร้านกาแฟก็จะมีพวก หม้อกาเฟ แล้วก็ถุงชงกาแฟ (มันให้ผมไปทำท่าเป็นอาแปะขายกาแฟด้่วย ผมบอกมันว่า หน้าคงไม่ให้เท่าไร) กระป๋องโอวัลตินแบบเก่าๆ กระป๋องกาแฟ กระป๋องชา แล้วก็จะมีพวกขวดน้ำอัดลมแบบเก่าๆ พวกซาสี่อะไรทำนองนี้
ร้่านตัดผมก็จะมีกระจก มีเก้าอี้ตัดผมแบบเก่าที่เป็นไม้ๆ ยังไม่ใช่บุนวมแบบสมัยนี้นะครับ มีปัตตาเลี่ยนรุ่นเก่าๆ เห็นแล้วนึกถึงตอนเด็กๆที่โดนจัดไปตัดผมทรงนักเรียนที่ต้องไถข้างหลังจนเขียวๆ (แต่พอโตมาก็ไม่ยอมโดนแบบนั้นอีกครับ ยิ่งตอน ม.ปลาย การแว้บหนีครูปกครองเพราะไว้ผมยาวกว่าที่โรงเรียนกำหนด ก็เป็นเทคนิคเฉพาะตัวอย่างนึง ฮ่าๆๆ)
ร้านขายของเล่นตอนนั้นยังเป็นร้านเล็กๆ ที่เราได้แต่มองเข้าไป แต่ก็มีแผงขายของเล่นอยู่ด้านหน้าพอให้เราหยิบดูได้บ้าง ก็จะเป็นพวกเรือป๊อกแป๊ก เคยเล่นกันไหมครับ ไอ้ป่านมันถามผมใหญ่ว่าเล่นยังไง มันจะเป็นเรือสังกะสีที่เราต้องใส่น้ำเข้าไปในตัวเรือ แล้วก็จุัดเทียนไข ตรงที่ๆ เขามีให้เอาเทียนปัก แล้วทีนี้ความร้อนจากเปลวไฟเทียนไขจะไปทำให้น้ำที่เราใส่ไว้ร้อน แล้วก็ดันออกมาเรือก็จะวิ่งไปประมาณนี้แหล่ะครับ
มีตุ๊กตาเด็กไขลานแล้วว่ายน้ำไปมาได้ (หน้าตาเหมือนตุ๊กตาคิวพี) ลูกแก้ว แล้วก็ไอ้โซ่พลาสติกสีๆ ที่เด็กผู้หญิงชอบเอามาร้อยเป็นพวงๆ เล็กๆ แล้วเล่นหมากเก็บ
ส่วนร้่านขายยา ไอ้ป่านมันก็ซนครับไปเปิดดูตามลิ้นชักที่ใส่เครื่องยา บางลิ้นชักก็ยังมีพวกสมุนไพรอยู่นะครับ มีที่บดยาด้วย แล้วบนตู้ก็จะมีกระป๋องลูกอมแฮคค์ ฮอลล์ แบบเก่าๆ ที่เป็นกระป๋องสังกะสี สมัยลูกอมห้าเม็ดบาท มีถังน้ำที่ผมเดาว่าน่าจะใส่พวกน้ำเก๊กฮวย น้ำจับเลี้ยงขายสมัยก่อนน่ะครับ จะคล้่ายคูลเลอร์สมัยนี้ มีก๊อกให้เปิดน้ำออกมาขายเป็นแก้วๆ น่าจะประมาณนั้นนะ
แล้วก็มีร้่านให้เช่าหนังสือในตู้ก็จะมีหนังสือนิยายเก่าๆ พวกสมัยปกเป็นรูปวาดน่ะครับไอ้ป่านไปส่องๆ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ก็พวกคู่กรรม แผลเก่า สามก๊ก โน่นนี่นั่น
แล้วพอขึ้นไปชั้นสองที่เด่นสุดก็จะเป็นร้านถ่ายรูปครับ ที่จะมีกล้องแบบสมัยเก่าที่ต้องเอาผ้าดำๆ คลุมตัวช่างถ่ายรูปไว้เวลาจะถ่าย แล้วก็ตัวกล้องเป็นบานพับยืดๆ เขาให้ลองไปส่องด้วยนะครับ ไอ้ป่านมันก็ลองไปส่องแล้วให้ผมไปทำท่านั่งเป็นคุณหลวงสมัยก่อนที่เวลาถ่ายรูปต้องไปตามร้านแล้วก็จะมีเก้าอี้กับของประกอบฉากเก่าๆ หรือฉากหลังแบบเก่าๆ อะไรแบบนี้
มีห้องครัวแบบครัวบ้านไทยโบราณที่กระชอนยังเป็นไม้ไผ่นะครับ มีที่โม่แป้ง ครกแบบเก่าๆ เตาแบบเก่า กระทะ หม้อ ไห เตาขนมครก ตะหลิว กระจ่า ทัพพี
มีส่วนที่เป็นเหมือนตู้ไว้ใส่ของอีกมากมาย ผมก็จำได้ไม่หมด อ้อ มีโต๊ะโกลรุ่นเก่าอยู่โต๊ะนึงครับ ผมกับไอ้ป่านไปเล่นอยู่พักใหญ่
จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ ชั้นสามครับ ก็จะมีโรงเรียนที่ตั้งโต๊ะเก้าอี้และกระดานดำแบบเก่า ไอ้ป่านมันไปเขียน ก ไก่ ข ไข่ไว้เต็มกระดานแล้วถ่ายรูปไว้ แถมให้ผมไปนั่งทำท่าเป็นนักเรียน แล้วมันบอกให้ท่องอาขยานสมัยเด็กๆ เสียอีก ไอ้จำพวก ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคออะไรแบบนี้ล่ะครับ (คนอื่นเขาเดินไปเดินมาคงขำว่าไอ้สองคนนี้มันเล่นอะไรกัน) ในตู้ในห้องเรียนก็จะมีหนังสือแบบเรียนเก่าๆ พวกปฐม ก กา (ผมเคยได้ยินแต่ชื่อมาเห็นก็ที่นี่แหล่ะ) และรู้สึกว่าจะมีหนังสือชุดมานะ มานี ปิติ ชูใจ อะไรด้วยนะครับ
แล้วก็จะมีห้องทำงานเสมียน (แต่รู้สึกว่าปัีจจุบันจะกลายเป็นห้องนายอำเภอไปแล้ว) จะมีพิมพฺ์ดีดแบบเก่า (ผมเคยเห็นคล้ายๆ กันแต่เป็นแบบเครื่องเล็กๆ ของปู่ด้วย) ไอ้ป่านไปลองจิ้มๆ แล้วปัดแคร่ (คือพิมพ์ไปหมดบรรทัดเครื่องจะดังติ๊ง แล้วเราต้องปัดไอ้คันโยกๆ เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่น่ะครับ เขาเรียกว่าปัดแคร่) สมุดจดบัญชีแบบเก่า ถัดไปก็จะเป็นร้านแผ่นเสียงที่จะมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบเก่า ที่เป็นลำโพงปากแตรน่ะครับ แล้วก็มีเปิดเพลงเก่าๆ คลอให้ได้บรรยากาศด้วยนะ
เดินจนทั่วก็กลับลงมาชั้นล่างครับ ไอ้ป่านมันพุ่งไปหาร้านของเล่นกับขนมแบบเดิมๆ ทันที ผมเห็นมันซื้อหลายอย่าง (ทางบ้านพิพิธภัณฑ์เขาขายจริงๆ ด้วยนะครับพวกขนมของเล่นพวกนี้) เห็นมันหยิบๆ พวกตุ๊กตุ่นยาง (เคยเล่นไหมครับ ที่เด็กๆ เอามาโยนๆ แล้วถ้าโยนทับอีกตัวหรือได้ไกลกว่า เราก็จะได้ตุ๊กตุ่นของเพื่อนมาด้วย) ขนมเก่าๆ (หมากฝรั่งบุหรี่ กับไอ้ท๊อฟฟี่ที่ห่อกระดาษย่นสีๆ ที่สมัยเด็กๆ กินแล้วจะเอากระดาษมาแช่น้ำแล้วมันจะเป็นสีๆ น่ะครับ) แล้วก็มาเขียนโปสการ์ด เขามีตู้ไปรษณีย์เล็กๆ ให้เราส่งจากที่นั่นได้เลย จะประทับตราให้ด้วย ก็เขียนส่งหากันที่คอนโดแหล่ะครับ ผมเขียนให้มัน มันเขียนให้ผม
ไอ้ป่านนี่เดินเป่าลูกโป่งวิทยาศาสตร์ออกมาเลย มันท้าผมด้วยให้เป่าให้ได้ลูกใหญ่กว่ามัน ไปยืนเป่าแข่งกันอยู่นั่นแหล่ะครับ แถมโดนมันเอาลูกโป่งที่เป่าแล้วมาไล่แป่ะหน้าผากผมให้แตกอีก
เหมือนได้กลับเป็นเด็กๆ อีกครั้งครับ ผมชอบนะเวลาพามันไปเที่ยวแล้วมันได้เป็นตัวของตัวเองแบบนี้น่ะ มันน่ารักกว่าเวลาขรึมๆ ทำงานเครียดๆ เยอะ
ผมถึงไม่ค่อยขัดมันเวลามันอยากจะไปไหน ถ้าพาไปได้ก็จะพาไป เรื่องเล่าของผมกับมันก็อาจจะมีเรื่องที่เราไปเที่ยวโน่นนี่เยอะหน่อย เพราะเวลาไปเที่ยวกับมันแต่ละหนก็จะมีความทรงจำดีๆ ให้เก็บไว้ทุกที
ก็เวลาเราไปไหนกับคนที่เรารัก มันก็แฮปปี้อย่างนี้ล่ะครับ
***************************
ส่วนเรื่องไอ้คุณเชษฐ์ ยังครับ มันยังไม่หมดเท่านั้นหรอก ไว้จะมาเล่าต่อครับ
*************************
จบพาเที่ยวตอนเช้าแล้วค่ะ